☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ศึกรักวังสวรรค์ Yaoi [BL..จีนโบราณ]★☆♥ตอน58 ➧ ➧ ➧ Up 06-06-63]  (อ่าน 27177 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน38 สตรีชุดเขียว

"พวกเจ้าบุกรุกแดนมายา มีจุดประสงค์ใดบอกมา"

เสียงของสตรีที่เปล่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณที่แข็งกร้าวจนเสี่ยวเมารู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งกาย ไอเย็นของพลังหยินที่แผ่ครอบคลุมบริเวณนี้ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นพลังปราณของสตรีนางนี้ที่ผสานกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี

"พวกเราแค่ผ่านทางมาเพียงเท่านั้น ขอท่านอย่าได้ถือสา ได้โปรดให้พวกข้าผ่านป่าไผ่ของท่านไปจะได้หรือไม่"

เสี่ยวเมาเอ่ยคำกล่าวขึ้นอย่างสุภาพต่ออีกฝ่ายทำให้อาชงติงปิงและเจิ้งเทียนฉีแปลกใจ เมื่อเห็นท่าทีของเสี่ยวเมาที่นอบน้อมถ่อมตนเช่นนี้ แต่พวกเขาเองก็คงทำได้เพียงรอดูสถานการณ์และเตรียมรับการจู่โจมของอีกฝ่ายโดยที่ไม่คิดประมาทแม้แต่น้อย โดยหมุนกายกวาดสายตาไปโดยรอบแม้ไม่เห็นร่างของสตรีที่ส่งเสียงมาก็ตาม

"เหอะ! ทางเดินในโลกนี้มีมากมาย เหตุใดจึงเลือกที่จะเดินเข้ามาที่นี่ พวกเจ้าแอบเข้าแดนมายามีจุดประสงค์ใดจงบอกข้ามา ,มิเช่นนั้นพวกเจ้าก็จงเป็นวิญญาณเฝ้าป่าไผ่นี้เสียเถอะ"

เสียงที่กล่าวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยพลังปราณอันกล้าแข็ง "พวกกบฏแดนสวรรค์!" ติงปิงขบกรามคำรามเบาๆกับตัวเอง มินานนักก็มีพลังปราณกดทับแผ่ไอสังหารเย็นยะเยือกจนเสี่ยวเมารับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ โดยรอบกลับมีหมอกที่หนาทึบยิ่งกว่าเดิม ไอหยินที่ปกคลุมมาพร้อมกับหมอกหนานี้ ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่รู้สึกสะท้านไปทั่วกาย

"พวกเจ้าจงระวังหมอกนี้ให้ดี"

เสียงของอาชงร้องเตือนขึ้น หลังจากที่เขาเงียบงันมาเป็นเวลานาน อาชงคว้าร่างที่ผอมบางของเสี่ยวเมามากอดไว้แนบลำตัวฝ่ายติงปิงและเทียนฉียิ่งระวังภัยมากขึ้น ความรู้สึกกดดันเช่นนี้พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เหตุการณ์นี้แสดงให้รับรู้ได้ว่าผู้ที่มามีฝีมือที่ดูแคลนไม่ได้

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!!

พริบตาใบที่ร่วงหล่นจากต้นไผ่กลับขยับเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศก่อนพุ่งตรงเข้าหาพวกเขาทั้งสี่อย่างว่องไว เสียงของใบไผ่แหวกตัดอากาศเป็นระยะประดุจใบมีดนับหมื่นนับพันเล่มพุ่งถาโถมเข้าใส่พวกเขาอย่างไร้ความปรานี ใบไผ่นี้รวดเร็วยิ่งนักการตวัดกระบี่ของเทียนฉีและติงปิงเกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานใบไผ่ที่มีมากมายมหาศาลนี้ได้ ติงปิงจำต้องกางข่ายอาคมขึ้นป้องกันโดยอาศัยพลังปราณของเขากับกระบี่มังกรเย็น เพื่อสกัดกั้นการจู่โจมนี้

ตู้ม ตู้ม!!

เสียงใบไผ่ที่ปะทะกับข่ายอาคมจนกระเด็นสะท้อนลงสู่พื้นดิน จนทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณป่า

"ฆ่า!! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว"

เสียงสั่งการด้วยน้ำเสียงของสตรีคนเดิมดังขึ้น ครั้งนี้น้ำเสียงของนางแผ่รังสีการเข่นฆ่าออกมาอย่างชัดเจน บ่งบอกว่าหลังจากนี้ไปความเป็นความตายตรงหน้าล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เสี่ยวเมาเองกลับวิตกกังวลยิ่งนัก เขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาอยากจะมาเยือนแดนมายาแผ่นดินเกิดสักครั้ง กลับต้องมาเข่นฆ่าพี่น้องในดินแดนของตนแบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยหากย้อนเวลากลับได้เขาไม่มาคงดีกว่าแต่เหตุการณ์ตรงหน้ากำลังเกิดขึ้น มันสายไปเสียแล้วที่จะมัวทำให้เขารู้สึกผิด

"เจ้ามัวยืนนิ่งทำอะไรอยู่ ท่านดูแลเขาด้วย" ติงปิงดุเสี่ยวเมาก่อนหันไปบอกกับศิษย์พี่ใหญ่ของตน

"อืม"
"พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง เสี่ยวเมาเดี๋ยวข้าดูแลเขาเอง"

อาชงกดร่างของเสี่ยวเมาไว้แนบกับลำตัวของเขาจนแทบจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน ติงปิงเห็นแบบนั้นแม้จะดีแต่ในใจคิดต่อต้านก็ไม่อาจจะต่อว่าได้ จึงจำต้องปล่อยไป เพราะภัยตรงหน้ามันอาจจะนำพาให้พวกเขาพบกับเรื่องเลวร้ายเกินกว่าที่จะคิดได้

"เดี๋ยว!!"

เสี่ยวเมาสลัดออกจากอ้อมกอดของอาชงไปยืนอยู่ตรงหน้าของเทียนฉีและติงปิง จนทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาสงสัย
"พวกท่านรับปากข้าได้ไหม อย่าฆ่าพวกเขา"

พอเสี่ยวเมาพูดจบประโยค ยิ่งทำให้ติงปิงและเทียนฉีงุนงงมากขึ้นไปอีก ความเป็นความตายอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเมายังห่วงกลัวว่าพวกเขาจะเข่นฆ่าผู้ที่กำลังคิดฆ่าพวกเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของเสี่ยวเมา เพราะสีหน้าและแววตาของเสี่ยวเมาที่แสดงออกมาด้วยทีท่าแน่วแน่และอ้อนวอนเขาทั้งสอง ทำให้ศิษย์พี่ทั้งสองมิอาจปฏิเสธได้จงเอ่ยตอบตกลง

"อืม จะพยายาม อาชงท่านดูแลเขาด้วย"
"ไม่ต้องห่วง ท่านวางใจได้"

"เดี๋ยวข้าจะต้านพวกมันไว้เพื่อเปิดทาง พอสบโอกาสท่านรีบหนีไปแล้วข้ากับศิษย์พี่จะตามไป"
"ได้สิ!" อาชงพยักหน้ารับคำ

เหตุการณ์ตรงหน้าเสียงของคมอาวุธปะทะกัน เสียงระเบิดตูมตาม เสี่ยวเมาเห็นคนในแดนมายาร้องโอดโอยบนพื้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก

"อย่าฆ่าพวกเขา!!"

เสียงของเสี่ยวเมาเอ่ยขึ้น เมื่อสมุนที่เข้ามาล้วนแต่โดนเทียนฉีกับติงปิงจัดการจนเกือบหมด พริบตาเดียวก็ปรากฏผ้าแพรสีเขียวอ่อนพุ่งจู่โจมทำให้พวกเขาต้องหลบการจู่โจม อานุภาพของพลังปราณที่แข็งแกร่งทำให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ชายหนุ่มทั้งสี่ต้องจับจ้องที่มามองดูว่าผู้ที่ปรากฏกายตรงหน้าคือผู้ใด

"มีฝีมือไม่เลว สามารถจัดการศิษย์พรรคไผ่เขียวของข้าได้ในเวลาไม่นาน นับว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา"

เมื่อสิ้นเสียงก็มีคนทั้งสามเหาะลงมายังพื้นเบื้องล่าง ด้านหน้าปรากฏร่างของสตรีบอบบางเด่นชัดขึ้นในชุดเขียวอ่อนท่วงท่าและใบหน้านางงดงามอรชรดังสตรีบนภาพวาด พร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งหญิงหนึ่งชายเสี่ยวเมาเห็นดังนั้น ก็พลันรุดกายไปยืนด้านหน้าของติงปิงและเทียนฉีในทันที

"ข้าขออภัยแม่นาง พวกท่านอย่าได้เข่นฆ่ากันเลยถ้าไม่ให้เราผ่านเช่นนั้นพวกข้าจะกลับไปทางเดิมเองก็ได้ ขอแม่นางโปรดอภัยยกโทษให้พวกเราด้วย"

คำพูดละล่ำละลักของเสี่ยวเมาเอ่ยออกมา ด้วยทีท่านอบน้อมต่อสตรีชุดเขียวอ่อนตรงหน้า เพราะเขาไม่อยากเห็นการสูญเสียหรือเข่นฆ่ากัน

"เจ้ามาขอร้องข้าในเวลาเช่นนี้ ไม่คิดบ้างหรือว่ามันสายไปแล้ว!!" สตรีนางนี้พูดจบแต่แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ จึงคิดคว้าจับตัวเสี่ยวเมาทว่าติงปิงเห็นเสียก่อนจึงตวัดปลายกระบี่เขาขัดขวางได้ทันเวลา

"ว่องไวดีนี่ เมื่อเข้ามาแล้ว ก็จงทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เถอะ!"

การปะมือของติงปิงกับสตรีชุดเขียวก็เกิดขึ้น นางทะยานขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับปรากฏร่มในมือ ดุจวิหคกลางท้องนภา แต่การพุ่งลงมาโจมตีดุจพญาอินทรีร้ายทำให้ติงปิงต้องหลบหลีกการจู่โจมที่รวดเร็วนี้ เสียงปลายร่มที่แข็งดุจเหล็กกล้าและกระบี่ของติงปิงกระทบกันดังเช้ง แม้ได้ยินเสียงเพียงครั้งเดียวทว่ากระบวนท่าของพวกเขาได้ผ่านไป 10กระบวนแล้ว ติงปิงรู้ทันทีว่าสตรีนางนี้มีฝีมือไม่ธรรมดา การจู่โจมของนางล้วนพลิกแพลงร้ายกาจ ซ้ำยังมีอาวุธลับที่ลอบกัดออกมาจากปลายร่มเป็นระยะๆ ยิ่งต้องทำให้เขาตื่นตัวระวังมากขึ้น

เจิ้งเทียนฉีเองก็ทุ่มเทสมาธิในการระวังภัย ไม่นานผู้ติดตามทั้งสองก็โรมรันเข้าจู่โจมเทียนฉี การจู่โจมที่ต่อเนื่องเด็ดขาด ทำให้เทียนฉีต้องทุ่มเทพลังกายและปราณเซียนในการต่อสู้ ทว่าคู่ต่อสู้ทั้งสองนี้เหมือนไม่มีร่างจริงทิ่มแทงฟาดฟันไปก็เหมือนต่อสู้กับอากาศธาตุในจินตนาการเพียงเท่านั้น การคุกคามจู่โจมของทั้งสองเหมือนถูกฝึกฝนมาอย่างดี

"ศิษย์พี่ใหญ่ระวัง!" เจิ้งเทียนฉีได้ยินเสียงของเสี่ยวเมาจากทางด้านหลัง ก็พลันเอี้ยวตัวหลบวาดแขนถีบเท้ากระโดดถอยไปอีกด้าน แต่กลับมีอีกสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เป็นอาวุธลับที่ซัดแหวกตัดสวนมาอีกด้านใกล้ตัว เจิ้งเทียนฉีร่ำร้องในใจ จึงได้บิดกายหลบวิธีอาวุธซัด แม้ไม่โดนจุดตายแต่ก็ไม่อาจจะหลบพ้นได้ "โอ๊ะ!!" อาวุธซัดนั้นได้ปักโดนบริเวณไหล่ขวา จนทำให้เทียนฉีเซถลาไปด้านหลัง

"ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ไหนข้าขอดูหน่อย" เสี่ยวเมาเห็นเทียนฉีพลาดท่าโดนอาวุธซัดจึงเข้าไปหา เมื่อเพ่งดูก็พบว่าอาวุธนี้มีพิษ "ศิษย์พี่ อาวุธมีพิษ"

"ไม่ต้องห่วงข้า อาชงรีบพาเสี่ยวเมาหนีไป"
"ไม่ได้ ศิษย์พี่ท่านอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวในเวลานี้"
"เสี่ยวเมาเจ้าระวัง!!" ในพริบตาก็เกิดเหตุไม่คาดคิดเทียนฉีเห็นดังนั้นจึงโอบกอดเสี่ยวเมาหวังใช้ร่างตัวเองกำบังการจู่โจมของศัตรูให้เสี่ยวเมา

เช้ง!!

ยังไม่ทันที่คมอาวุธจะโดนร่างของเจิ้งเทียนฉีพลันมีวิถีกระบี่ของคนผู้หนึ่งมาขัดขวางเสียก่อน จึงทำให้เขาทั้งสองปลอดภัย
"ลี่หง!"

"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?"

"ศิษย์พี่ใหญ่ถูกพิษ ท่านช่วยต้านคนพวกนั้นไว้ก่อนได้ไหม ข้าขอรักษาศิษย์พี่ใหญ่ก่อน"

"อืม" ลี่หงพยักหน้า นางปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดีในเวลาคับขันเช่นนี่ การจู่โจมของศัตรูทั้งสองจึงต้องต่อสู้กับอาชงและลี่หงแทนจึงทำให้เสี่ยวเมามีเวลาในการรักษาให้กลับเทียนฉี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-06-2019 18:52:07 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
มาต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
39 เสี้ยวจันทรา การต่อสู้ที่ป่าไผ่เขียว

"ศิษย์พี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?"




     ลี่หง หลังจากนางสกัดการโจมตีของอาเสอปีศาจงูสมุนของสตรีชุดเขียวจน อาเสอเข้าไปต่อสู้พัวพันกับอาชง นางก็พลันละเข้ามาดูอาการของเจิ้งเทียนฉีอย่างเป็นห่วง




"เป็นพิษที่ไม่ร้ายแรงนัก ศิษย์พี่ช่วยสกัดพวกมันอย่าให้เข้ามาระหว่างที่ข้ากำลังรักษาศิษย์พี่ใหญ่ก็พอ"




     เสี่ยวเมาบอกกับลี่หง สีหน้าของนางจึงคลายอาการวิตกลงไปพร้อมกับพยักหน้าทำตามคำสั่งของเสี่ยวเมาอย่างว่าง่าย ซึ่งไม่บ่อยนักที่คนถือดีอย่างเซียวลี่หงจะฟังคำสั่งจากคนอย่างเสี่ยวเมาที่นางนั้นเกลียดเข้ากระดูกดำ




"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านกินยาเม็ดนี้ก่อน เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านเดินพลังขับพิษ"




"อื้อ"




     ยามนั้นสมุนของพรรคไผ่เขียวล้วนกรูกันเข้ามาโจมตีอาชงพร้อมกับเซียวลี่หง ส่วนติงปิงยังคงต่อสู้พัวพันกับสตรีชุดเขียวไม่มีทีท่าว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะจบลงโดยง่าย เสี่ยวเมาเหลือบมองเขาทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ มาดหมายต่างฝ่ายต่างคิดเข่นฆ่าล้างผลาญกันให้ตายตกไป ก็ยิ่งทำให้เสี่ยวเมารู้สึกหวั่นใจ




"ฝีมือไม่เลวนี่"




     สตรีชุดเขียวแค่นคำในลำคอ แล้วพลันซัดร่มแทงปราดเข้าหาติงปิง การต่อสู้ของพวกเขาล้วนอยู่ในสายตาของเสี่ยวเมาทำให้นึกห่วงติงปิงอยู่ไม่น้อย แต่ว่าติงปิงเบี่ยงตัวหลบหลีกจากปลายร่มอันแหลมคมได้อย่างฉิวเฉียด แทนที่จะล่าถอยกลับถลันกายเข้าหาสตรีชุดเขียวอีกครา วาดวิถีกระบี่ใส่ไหล่ขวาจุดหมายในสายตาของติงปิงคือจุดตายของนาง จนทำให้เสี่ยวเมาต้องทะยานกายออกไปหา พร้อมกับร้องตะโกน




"ระวัง!"




    สตรีชุดเขียวหักศอกกลับด้ามร่มแล้วพลันกางออกก็ปรากฏ มีดบินนับสิบพุ่งออกมาเป็นระยะ จนทำให้ติงปิงต้องเป็นฝ่ายล่าถอย




"หึ ข้าหลินเสี่ยวโหยวไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากใคร เจ้าไม่ต้องมาสอด" สตรีชุดเขียวกวาดสายตามาที่เสี่ยวเมา




"พวกกบฏแดนสวรรค์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะให้หมด" ติงปิงพูดขึ้นพร้อมขบกรามของตนเหมือนกับว่ามีความเคียดแค้นชิงชังอยู่เป็นทุนแล้ว




"เป็นคนแดนสวรรค์อย่างนั้นรึ? มีฝีมือก็เข้ามาเลย พวกแดนสวรรค์ที่ป่าเถื่อน 4000ปีก่อนพ่อฆ่าต้องตายก็เพราะคนแดนสวรรค์เช่นพวกเจ้า วันนี้ข้าจะขอเอาดวงจิตของพวกเจ้าเซ่นไหว้บิดาข้า ณ ป่าไผ่นี้"




     เหล่าสมุนบริวารของหลินเสี่ยวโหยวสตรีชุดเขียวก็กรูกันเข้ามาโดยมิรอช้าให้ผู้เป็นนายออกคำสั่ง ใบหน้าของเสี่ยวเมาปรากฏเม็ดเหงื่อโซมหน้า เพราะสิ่งที่สตรีชุดเขียวพูดออกมาเมื่อครู่ทำให้เขานึกถึงวันที่เขากับมารดาต้องจากกันในวันที่คนแดนสวรรค์ส่งทหารบุกเข้ามาเข่นฆ่าคนในแดนมายาล้มตาย เสี่ยวเมานึกขึ้นได้ว่าสตรีนางนี้ต้อง รู้จักมารดาของเขาแน่นอนจึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามออกไป




"แล้วตอนนี้พระชายาเฉิงผู้นำของท่าน ยังอยู่วังตะวันตกสุขสงบดีหรือไม่?"




     สตรีชุดเขียวได้ยินประโยคของเสี่ยวเมากล่าวดังนั้นก็พลันหยุดชะงักการจู่โจม พร้อมกับกางร่มพุ่งทะยานขึ้นสู่บนยอดไผ่ แล้วแค่นหัวร่อ จนทำให้ติงปิงเองก็รู้สึกงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเช่นกัน




"ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ เจ้ามันเด็กรุ่นหลังจะไปรู้อะไร เมื่อสี่พันปีก่อนพระชายาเฉิงอาละวาดวังสวรรค์แล้วถูกคนในแดนสวรรค์สังหารไปนานนมแล้ว เจ้าจะมาถามไถ่ถึงพระชายาเฉิงเพื่ออะไรอีก"




"มะ-ไม่ ไม่จริง!" เสี่ยวเมาได้ฟังดังนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางใจเหมือนร่างจะแหลกสูญสลายหายไปจากตรงนั้น ก่อนทะยานกายเข้าไปปะทะกับสตรีชุดเขียวแล้วตั้งสติย้อนถามหลินเสี่ยวโหยวกลับไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวกว่าเดิม




"เจ้าจงบะ-บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่ามัน มะ-ไม่ ใช่เรื่องจริง"




     ดวงตาสีแดงเพลิงแข็งกร้าวของเสี่ยวเมาทำให้ หลินเสี่ยวโหยวที่มองมารู้สึกตกใจ เพราะไอสังหารรุนแรงที่นางสัมผัสตอนนี้ได้แผ่ออกจากร่างของเด็กหนุ่มด้านหน้า แต่นางก็ดึงสติของตนกลับคืนได้ก่อนจะกล่าวบอกออกไป




"ข้ามีเหตุผลอันใดต้องกล่าวเท็จ พระชายาพร้อมกับพ่อของข้าได้จบชีวิตลงตั้งแต่เกิดศึกครั้งนั้นเมื่อสี่พันปีก่อน"




"มะ-ไม่จริง ย๊ากกกกกกกกกกก" เสี่ยวเมากรีดร้องออกมาเหมือนคนบ้าคนเสียสติ [สะ-เด็จแม่ อึก อึก ลูกอตัญญูคนนี้กลับมาแล้ว อึกอึก]




     ขณะนี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงว่าเกิดเหตุอันใดกับเสี่ยวเมากันแน่ ทำไมจึงกรีดร้องเหมือนดังคนเสียสติเช่นนั้น




"ย๊ากกกกกกกก"




     สิ่งที่ไม่คาดคิดนั่นคือเสี่ยวเมาปลดที่คาดเอวของตนออกมากลายเป็นแส้อ่อนก่อนตวัดมันลงบนพื้น




"มันไม่จริงไม่ใช่ไหม!!!ที่เจ้าพูดมาถ้าโกหกข้า ข้าจะฆ่าเจ้า!!"




     เสี่ยวเมาไม่พูดเพียงอย่างเดียวก่อนตวัดแส้โลหิตในมือพุ่งเข้าหาสตรีชุดเขียวในทันทีการจู่โจมในครั้งนี้ หลินเสี่ยวโหยวไม่ทันได้ตั้งรับจึงได้ใช้ร่มของตนกำบังอานุภาพของแส้อ่อน แต่ก็ถูกอานุภาพของแส้โลหิตกระแทกจนกระเด็นออกไป เสี่ยวเมาในตอนนี้เหมือนคนบ้าตวัดกวัดแกว่งแส้อ่อนไปมาไร้ทิศทาง




"ย้าาาาากกก"




     อานุภาพของแส้โลหิตสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแดนมายาและป่าไผ่หมอกหนาทึบที่มีบัดนี้ได้กระจัดกระจายไปคนละทิศทาง ติงปิงคิดเข้าหาเสี่ยวเมาก็ถูกแรงตวัดจากแส้อ่อนซัดจนถลาออกมาหลายวา เสี่ยวเมาในตอนนี้เหมือนคนบ้าไร้สติ มุ่งมั่นเข้าจู่โจมสตรีชุดเขียว หลินเสี่ยวโหยวประมุขป่าไผ่เห็นดังนั้นจึงพลันหลีกหนี เสี่ยวเมาทะยานกายตามติดไปติงปิงจึงรุดตามไปด้วยอีกคน เหลือไว้แต่อาชงลี่หงและเจิ้งเทียนฉี




ณ ผาราชันย์




     สีหน้าของเฉิงหลิงเซียวตื่นตระหนกลุกขึ้นจากเตียง แรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ที่เขารับรู้ได้นั่นคือพลังของแส้โลหิตหรือว่าขณะนี้เฟยหยีได้กลับมาแล้ว







"เกิดอะไรขึ้น?"




"ไม่ทราบขอรับท่านประมุข แต่ข้าน้อยเห็นพวกทหารคุยกันว่าธิดาไผ่เขียวนำกำลังคนไปต่อสู้กับผู้บุกรุกที่ป่าไผ่"




"เฟยหยี"




"เจ้ารีบส่งคนไปดู เร็วเข้า"




"ขอรับ"

 


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน40 การต่อสู้ในป่าไผ่2

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:46:59 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
41.ความแค้นก่อเกิดความรัก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:47:13 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:47:29 โดย PrayTime »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:47:42 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ LoveAlone

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน44 ตะปูเหมันต์ชำระกระดูก

ณ เมฆาล้ำหยุนไหล

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:47:58 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:48:10 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ finalfeeling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบเรื่องนี้มาก ขอบคุณผู้แต่งที่อัพเรื่อย ๆ นะครับ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
46.เสี้ยวจันทราฯ ฐานะที่แท้จริง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:48:27 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
47. เสี้ยวจันทราฯ ออกจากบ่อโอบมังกร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:48:41 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
48. เสี้ยวจันทราฯ เจ้าหุบเขาหยกมายา

     เมื่อชายชรานำเฟยหยีเข้ามายังด้านในของหุบเขาตรงใจกลางพบศาลาใหญ่หลังหนึ่งเด่นสะดุดตายิ่ง เมื่อเข้าในถ้ำหยกมายา เฟยหยีเห็นเข้าจนต้องตื่นตะลึงในความงาม ผนังถ้ำโดยรอบประกอบด้วยหยกขาวเขียวกระจ่างแจ้งแข่งรัศมีเป็นประกายงามยิ่ง

“เป็นเช่นไร ที่นี่เจ้าอยู่ได้ใช่หรือไม่?” เฟยหยีได้แต่ตะลึงกับความสวยงามภายในถ้ำ แม้จะเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง แต่กลับเย็นสบายชวนให้จิตใจสงบ ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความหงอยเหงา

“อาวุโสท่านอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียวหรือ?” ชายชราลูบเครายิ้มกรุ้มกริ่ม

“มีสิที่นี่ยังมีศิษย์ข้าอีกคนหนึ่ง เขาออกไปข้างนอกเดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ..ว่ายังไงเจ้ายังอยากเป็นศิษย์ของข้าอยู่หรือไม่?”

“ต่ะ-...แต่ข้า...”

“ช่างดื้อรั้นเสียจริง”

     ขณะที่เฟยหยีเหม่อมองดูรอบๆภายในถ้ำนี้ เห็นเงาสะท้อนของตนในผนักหยกก็ตกใจพอมองดูใกล้ๆจึงเข้าใจ พอหันไปหาอาวุโสเพื่อจะบอกว่าตนไม่ได้อยากเป็นศิษย์ของอาวุโสผู้นี้ ทว่าชายชราก็พลันหายตัวไปเสียแล้ว

‘แดนมายามีแต่สถานที่แปลกประหลาดลึกลับเช่นนี้เอง มิน่าล่ะเทพเซียนภายนอกถึงได้กล่าวขานกันนัก อาวุโสผู้นี้ก็เคลื่อนไหวว่องไวปรานเซียนของเขาก็ไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้แล้ว อาวุโสผู้นี้มีฐานะใดในแดนมายากันนะ’เฟยหยีใช้สัมผัสก็พบเพียงความว่างและเงียบสงบเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินเข้ามานึกว่าเป็นอาวุโสผู้นั้น เฟยหยีจึงเดินออกไป

“เจ้าคือใคร?”

     ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาสะอาดหมดจด สวมชุดแพรไหมสีอำพันอ่อน ที่คอพันด้วยขนจิ้งจอกสีขาวเงิน เข็มขัดรัดเอวถักจากไหมเงินประดับด้วยมุก มวยผมเสียบด้วยปิ่นหยกเขียวผมยาวเป็นมันเงา จัดได้ว่าชายผู้นี้เป็นชายหนุ่มที่งามสง่าผู้หนึ่ง ในมือถือพัดสั้นจื่อทำจากผ้าไหม เครื่องประดับและพัดที่ชายผู้นี้ถือเหมือนจงใจเน้นขับรูปลักษณ์ตน เหมือนดั่งบัณทิตที่สำอางคนหนึ่ง

“ข่ะ-ข้า...” ยังมิทันที่เฟยหยีจะได้พูดอธิบาย

“นี่เจ้าบุกรุกเข้ามาเช่นนั้นรึ?”

     บุรุษหนุ่มผู้นี้ก็กระทืบก้าวเท้าสาวเข้ามาลงมือจู่โจม เฟยหยีเห็นก็หลบหลีกด้วยทีท่าคล่องแคล่ว พัดสั้นจื่อในมือของบุรุษผู้นี้ก็ปัดป้ายส่งผ่านพลังเซียนออกมา เฟยหยีเอนกายหงายหลังหลบพลังโจมตีได้อย่างเฉียดฉิว ทำให้พลังเซียนที่ส่งมาจากพัดตัดผ่านร่างไป

“มีพลังฝีมือใช้ได้เหมือนกันนี่” บุรุษหนุ่มกล่าว ก่อนสาวเท้าเข้าหาเฟยหยีอีกรอบ เฟยหยีดีดเท้าถอยห่างการจู่โจม

“ท่านโปรดหยุดก่อน!”

“รับมือ!”

     คนผู้นี้มิได้ฟังคำกล่าวของเฟยหยีแม้แต่น้อย เขากระตุกยิ้มกรุ้มกริ่มเพียงเล็กน้อยก่อนโถมร่างเข้าจู่โจมอีกครา ทว่าครั้งนี้กลับลงมือรวดเร็วยิ่งกว่า เมื่อพัดสั้นจื่อพุ่งเป้ามาตรงหน้า เฟยหยีจึงเอียงตัวหลบราวกับคาดเดาได้ก่อน ผินมองคนผู้นี้ครู่หนึ่งในใจก็ครุ่นคิด ก่อนโต้ปะทะด้วยวิชาฝ่ามือหมอกมายา กระบวนท่าคืนฟ้าเปลี่ยนสภาพ ทำให้วิถีของพัดสั้นจื่อที่มุ่งโจมตีย้อนกลับเปลี่ยนทิศทาง แล้วรุกกลับด้วยกระบวนท่ามังกรทะยานโบยบิน จากบุรุษหนุ่มเป็นฝ่ายรุกบัดนี้กลายเป็นตั้งรับ จนทำให้เขาดีดเท้าถอยปราดห่างออกไปราวห้าวาเศษ ยืนมองมาทางเฟยหยีด้วยท่วงท่างามสง่า

“เจ้าคือใครกันแน่?”

“ข้าไม่ได้บุกรุกนะ.. แต่มี..อาวุโสผู้หนึ่งพาข้ามา”

“เรื่องนั้นข้าไม่สนใจ ...เจ้าจงบอกข้ามาว่าเจ้าคือใคร?”

“ข้า..อ่ะ-เอ่อ”

      เฟยหยีนิ่งงันมิรู้ว่าจะตอบคนผู้นี้ว่าอย่างไรแต่เฟยหยีลอบสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปรกติ “แต่ข้ารู้แล้ว...ว่าท่านคือใคร?” คนผู้นั้นชะงักครู่หนึ่ง เฟยหยีนึกถึงกลิ่นหอม เขาจำกลิ่นนี้ตอนประมือกับบุรุษหนุ่มผู้นี้ ลำคอของบุรุษผู้นั่นมีจุดดำแต้มอยู่จุดหนึ่งแม้มันไม่เด่นชัดแต่เขากลับจำได้ดี “ท่านคือผู้อาวุโสผู้นั้น...นี่ท่านกล้าหลอกข้าหรือนี่” บุรุษผู้นี้นิ่งงัน

“แหมๆ เจ้าเด็กคนนี้สายตาดีนักเชียว จับได้แม้กระทั่งวิชาไร้ลักษณ์ของข้า....ร้ายนักนะ” เฟยหยียิ้มอย่างดีใจ

“เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ...บ่าวต่ำต้อยภายในป่าไผ่เขียว แต่พลังเซียนกับฝีมือเจ้าเมื่อเทียบแล้วยังเหนือกว่าข้าด้วยซ้ำ ...เจ้าคือใครกันแน่? ใครเป็นคนสอนเจ้า?”

     เฟยหยีฟังดังนั้นจากที่ยิ้มอย่างใสกระจ่างก็พลันหุบยิ้มในทันที ทว่าบุรุษตรงหน้ากลับทำหน้าเคร่งขรึม

“แม่ข้าคือผู้สอนให้”

“หือ!! ฝ่ามือชุดนี้แม่เจ้าเป็นคนสอนให้เจ้าอย่างนั้นรึ?” บุรุษหนุ่มผู้นี้เงียบงันไปครู่หนึ่งเขาก็พลันนึกถึงสหายเก่า “นางมีบุตรด้วยหรือนี่ ซ้ำยังหล่อเหลาได้ขนาดนี้...ข้าออกหาข่าวให้แดนมายาอยู่หลายร้อยปี...มิเคยรู้มาก่อนเลยว่านางมีบุตร ...มารดาเจ้าคือเสวี่ยเอ๋อร์ใช่หรือไม่?..”

     เมื่อชายหนุ่มผู้นี้พูดถึงพี่เสวี่ยเอ๋อร์ก็พลันจุกในอก นางคือพี่เลี้ยงของเขาในวัยเยาว์นั่นเอง ดวงตาของเขาแดงก่ำ “อึก..อึก ท่ะ-ท่านรู้จักนางด้วยเหรอ?”

“เจ้าเด็กบ้านี่!! หึรู้จักสิ ข้ารู้จักนางดีกว่าใครในแดนมายาเลยด้วยซ้ำ ข้ามีชื่อว่า เซียนหยกพันหน้าโย่วหลิน วิชาไร้ลักษณ์เปลี่ยนโฉมซ่อนปราณเซียนของข้าเป็นหนึ่งไม่มีใครเทียบได้” เขาโอ้อวดตนเองยกใหญ่ จนเขานึกขึ้นได้

“นี่เจ้าเป็นบุตรชายของเสวี่ยเอ๋อร์จริงหรือนี่?”

[อึก...พี่เสวี่ยเอ๋อร์]

“มาๆ นั่งลงก่อน เจ้าหนู”

      ชายหนุ่มผู้นี้เปลี่ยนที่ท่ากลับมีท่าทียินดียิ่ง ก่อนจะเล่าเรื่องครั้งอดีตของตนให้เฟยหยีฟัง เพราะเขาได้รับคำสั่งจากพระชายาให้แฝงตัวสืบข่าวที่คฤหาสน์ตระกูลจางเผ่ากิเลน จนแดนมายาเกิดศึกใหญ่ทำให้กลับมาช่วยแดนมายาไม่ทัน เมื่อรู้ว่าแดนมายาวังตะวันตกถูกทำลาย ภูตจันทราหายตัว จึงได้ตัดสินใจแฝงตัวต่อไปที่เผ่ากิเลน

“หึ ข้าล่ะแค้นเจ้าจางหวนนัก” เขาตบฝ่ามือลงบนพื้นโต๊ะหินอ่อนก่อนกล่าวต่อไป “เมื่อข้าแฝงตัวที่นั่นต่อไป จึงรู้ว่าจางหวนบาดเจ็บจากพิษดับตะวันในเหตุการที่พระชายาอาละวาดวังสวรรค์จนมันต้องตัดแขนทิ้ง...ฟ้าดินยังถือว่ายุติธรรมอยู่บ้าง จางหวนถูกพิษกำเริบหนัก...หึ ข้าจึงส่งข่าวมาแดนมายาอีกครั้ง ทำให้ท่านอ๋องรองบุกไปสังหารจางหวน ฆ่าล้างเผ่ากิเลนจนหมดสิ้นทั้งบ้าน”

[เสด็จแม่...อึก...ส่ะ-เสด็จน้า]

      เฟยหยีในตาแดงก่ำเมื่อฟังเรื่องราวอันแสนเศร้าใจที่ตนเองประสบเมื่อวัยเยาว์ ความปวดหนึบก็พลันแล่นผ่านไปทั่วร่างจนสั่นเทิ้ม

 “เจ้าหนู แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาจึงได้รอดจากศึกในครั้งนั้น”

“อ่ะ-เอ่อท่านแม่ข้า ส่งข้าออกไปก่อนหน้าแล้ว ...ข้าเพิ่งกลับมาที่นี่ได้ไม่นาน”

“อย่างนั้นหรอกหรือ...หึ ตอนนี้ในแดนมายาเป็นดั่งเสือซุ่มมังกรหลับ ...”แววตาที่เหงาเศร้าของโย่วหลินฉายปรากฏก่อนกล่าว “ที่แห่งนี้เคยมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนในหุบเขา  เพราะศึกครั้งนั้นญาติและพี่น้องข้าต้องล้มตายจนหมดสิ้น เจ้าดูตอนนี้สิ มีแต่ความเงียบเหงาวังเวง..อึก” บุรุษหนุ่มเอ่ยขึ้นพลันก็แปรเปลี่ยนสีหน้าที่ดูหมองเศร้าลงไปอีก เฟยหยีมองเขาอย่างเข้าใจดี “ท่านอยู่ที่นี่ผู้เดียวหรือ?”

“อืม” เขากล่าว “เจ้ามาตอนนี้ช่างเหมาะนัก” แววตาเฉียบคมฉายมาที่เฟยหยี

“ทำไมหรือ?”

“ก็ท่านอ๋องรองจะนำคนในแดนมายา บุกไปทวงพิณล่องเมฆาของพระชายาที่ผนึกไว้ใต้เขาหยุนไหลกลับคืน”

“พ่ะ-พิณล่องเมฆา” [ท่านน้า..จะบุกเขาเมฆาล้ำ]

“ใช่แล้วพิณนั้นคือสมบัติของแดนมายาเรา... ท่านอ๋องรองจะถือโอกาสล้างแค้นคนแดนสวรรค์ในคราวเดียวกันเสียเลย”

“ม่ะ-เมื่อไหร่?”

“วันงานประลองยุทธของศิษย์หยุนไหล” เฟยหยีฟังดังนั้นเหมือนหัวใจหล่นวูบ

 “ว่ะ-วันประลองยุทธ....” [ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ...]

“ใช่ มันเป็นเวลาเหมาะสมที่จะกำจัดตระกูลต่างๆ แดนมายาเราจะต้องคิดบัญชีแค้นนี้คืน ให้แดนสวรรค์จำมันไม่มีทางลืม..”

     โย่วหลินกล่าวออกมาด้วยแววตาแข็งกร้าวไอสังหารคุกรุ่น เฟยหยีพลันกำมือทั้งสองแน่นหนักอย่างลืมตัว นัยน์ตาฉายแววปวดร้าวฉ่ำด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น

“ท่านเคยบอกว่าจะรับข้าเป็นศิษย์ใช่ไหม?”

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
49. เสี้ยวจันทราฯ ผู้ตื่นจากนิทรา

     โย่วหลินมองไปที่เฟยหยีแว่บหนึ่ง “ฝีมือเช่นเจ้าไยต้องมาเป็นศิษย์ข้าอีก” โย่วหลินกล่าว ทว่ากลับเป็นเฟยหยีเองต่างหากที่อยากเรียนเวทนี้จากโย่วหลินเพื่อหลีกหนีผู้คนในหกพิภพ

“เถอะนะท่านน้าโย่วหลิน ข้าอยากเรียนเวทย์ไร้ลักษณ์จริงๆ” โย่วหลินมองไปที่เฟยหยีเขาพิจารณาลักษณะเด็กหนุ่มครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา

“เจ้าอยากเรียนจริงๆนะหรือ? วิชานี้ไม่เกี่ยวกับการต่อสู้ ไม่ได้ทำให้เจ้าเหนือกว่าผู้ใด หรือว่าเจ้ามีเหตุผลอื่น.....”

“ที่ข้าเรียนก็...พ่ะ-เพื่อเอาไว้ใช้หลบหนียังไงล่ะ? แม้ข้าใช้วิชาแปลงร่างได้ แต่ไม่สามารถตบตาเทพเซียนชั้นสูงได้ เพราะไอเซียนในตัวข้าไม่สามารถกดมันได้หมด เพื่อป้องกันผู้อื่นสงสัยข้าจึงอยากเรียนเวทนี้กับท่าน นะท่านน้าสอนข้าเถอะ” เฟยหยีพยักหน้าสายตาที่มุ่งมั่นของเขาบอกมาเช่นนั้นจริงๆ

“หึ..ด้วยรูปลักษณ์เช่นเจ้า สำเร็จปราณเซียนในระดับหกถ้าจะเรียนวิชานี้ก็ไม่ยากนักหรอก ตอนข้าเห็นเจ้าครั้งแรกก็คิดรับเจ้าเป็นศิษย์อยู่แล้ว  เช่นนั้นข้าสอนเจ้าก็ได้” พอโย่วหลินรับปากนัยน์ตาของเฟยหยีก็เป็นประกาย ความคิดของเขาหากท่องเที่ยวโดยมิให้ใครพบเจอในหกพิภพ สี่สมุทร เขามีวิชาไร้ลักษณ์นี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเปิดเผยร่องรอยของตัวเองแล้ว

“ท่านจะสอนข้าจริงๆใช่ไหม?”

“อืม...ชื่อของเจ้า?”

“ฟ่ะ-ฟงหยี่ ขอรับ”

“อืม”

“ท่านน้า ปรกติท่านชื่นชอบการท่องเที่ยวใช่ไหม?”

“เจ้าเด็กคนนี้นอกจากจะสายตาดีแล้ว ยังช่างสังเกตอีก..”

“อิอิ เช่นนั้นก็แสดงว่าท่านท่องเที่ยวไปทุกภพภูมิเลยใช่ไหม?”

“หึ แน่ล่ะ มีที่ไหนบ้างที่ข้าไม่เคยไป” เฟยหยีดวงตาเป็นประกาย

“ดีจัง “

“เจ้าไม่ต้องถามมากถ้าอยากฝึกก็รีบตามข้ามา”

“ขอรับท่านน้า”

     เฟยหยีตามโย่วหลินไปอย่างว่าง่าย จนเข้าไปพบกับถ้ำผลึกกระจกด้านในที่ถูกปิดซ่อนไว้ด้วยอาคมแกร่งกล้า ภายในมีแต่ความเยือกเย็นของพลังหยินแรงสะท้อนกลับรุนแรงยิ่งเหมือนกับมีเกาทัณฑ์น้ำแข็งนับหมื่นนับพันถาโถมปะทะผิวกาย ผิดกับไอเย็นในบ่อโอบมังกรจนทำให้เฟยหยีเกิดแรงต้านจนพลังเซียนในร่างปั่นป่วน โย่วหลินเห็นถึงความผิดสังเกต

“เจ้าเป็นอะไร?”

“ท่านน้าข้ารู้สึกอึดอัด เหมือนโดนบีบรัดจากเชือกนับพันดุจถูกจู่โจมจากเกาทัณฑ์นับหมื่น มันปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างเลย” โย่วหลินได้ฟังก็รีบมาจับชีพจรของเฟยหยีดูแล้วส่ายศีรษะ

“เราออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ”

“อืม ข้าเป็นอะไรหรือท่านน้า”

“อาหยี่ เจ้าคงเรียนเวทไร้ลักษณ์กับข้าไม่ได้แล้วล่ะ” ประโยคนี้ที่โย่วหลินกล่าวมาทำให้เฟยหยีประหลาดใจนักเหตุใดกันเพราะอะไรทำไมเขาจึงเรียนอาคมนี้ไม่ได้

“ทำไมหรือท่านน้า?”

“พลังเซียนเจ้าก่อเกิดจากพลังหยางที่รุนแรง ถึงแม้เจ้าจะคุมพลังเซียนได้แต่มันอาจเกิดผลร้ายมากกว่าดี” เฟยหยีได้ฟังก็ทำให้เขารู้สึกเสียดายนัก

“แต่ก็ใช่ว่าจะเรียนไม่ได้เลย” เฟยหยีได้ฟังเหมือนเขาได้มีความหวังอีกครั้ง “ข้ายังเรียนได้...ยังพอมีทางใช่ไหมท่านน้า”

“อืม เจ้าเรียนแปลงโฉมแปลงกายกับวิธีการกดพลังเซียนมิให้ออกมาให้ผู้อื่นพบเห็น เท่านี้ก็น่าจะพอ”

“ล่ะ-แล้ว...จะโดนผู้อื่นจับได้หรือไม่?”

 “หากเจ้าฝึกจนคล่องแม้เทพเซียนชั้นสูงก็ยากจะรู้ได้”

“เช่นนั้นข้าฝึก”

..

ณ เมฆาล้ำหยุนไหล

     ศิษย์ระดับสูงของเมฆาล้ำหยุนไหลยังคงฝึกปรือฝีมือ เพื่อประลองยุทธที่จะมีขึ้นในไม่ช้า ศิษย์ในระดับล่างก็ต่างวุ่นวายอยู่กับการจัดสถานที่เตรียมงานต่างๆ โดยมีอาจารย์หญิงเจียฉีเป็นผู้ดูแล

“พวกเจ้าเตรียมการไปถึงไหนแล้ว” เสียงของเจียฉีถามบรรดาศิษย์ชายหญิงที่เตรียมสถานที่และเตรียมงานหน่วยต่างๆ “เรียบร้อยดีค่ะอาจารย์หญิง”

“อืม ..หากพวกเจ้ามีอะไรก็ให้ไปบอกกับลี่หงล่ะ ข้าจะเข้ากรรมฐาน”

“ค่ะ อาจารย์หญิง”

ณ หอตำราหยุนไหล

“อาจารย์ อาจารย์ขอรับ” เสียงของเด็กหนุ่มร้องโหวกเหวกดังแว่วมาจากด้านนอก

“ใครร้องโวยวายอะไรกัน” ซินเจินเบิกตาออกจากกรรมฐานถามศิษย์ที่รับใช้อยู่ข้างกายเขา

“ศิษย์พี่อี้ปินขอรับอาจารย์”

“เจ้าเด็กคนนี้ สอนไม่รู้จักจำลืมกฎหอนี้ไปเสียสิ้นแล้วกระมัง”

“อาจารย์ อาจารย์ขอรับ” อี้ปินกระหืดกระหอบลนลานเข้ามา

“เจ้าร้องโวยวายมีอะไรอี้ปิน นี่มันหอตำราไม่ใช่ลานฝึกยุทธ เจ้านี่นะ!” สายตาคมกริบของซินเจินกล่าวกับศิษย์ของตน อี้ปินรู้ตัวว่าผิดจึงหลุบตาลง ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น “แต่ว่าอาจารย์ขอรับ!”

“อืม มีอะไรว่ามา..”

“คนที่นอนอยู่ที่เรือนไม้ไผ่ขอรับ ศิษย์พี่หานอี้ เขา..เขาฟื้นแล้วขอรับอาจารย์” ซินเจินฟังดังนั้นก็เบิกตาโพลงในทันที

“เขาฟื้นแล้วหรือนี่” ซินเจินมองเห็นรุ่ยผิงผ่านมาพอดี

“รุ่ยผิงเจ้าไปรายงานเจ้าสำนักว่าหานอี้ฟื้นแล้ว”

“ขอรับอาจาย์”

“อี้ปิน เจ้าไปบอกกับอาจารย์รองกับอาจารย์สาม”

“ขอรับ”

     หากกล่าวถึงบัณฑิตสวรรค์หานอี้แห่งคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ อดีตเขาคือศิษย์หยุนไหลแห่งนี้และเป็นศิษย์เอกที่โดดเด่นของซินเจินที่เอ็นดูมากที่สุดคนหนึ่ง ครั้งที่ซินเจินทราบข่าวว่าคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ถูกเผาทำลาย โดนฆ่าล้างไม่เหลือผู้ใดรอดชีวิตก็ทำให้รันทดใจนัก ทว่าหานอี้เขากลับยังมีชีวิตอยู่นับเป็นเรื่องที่แสนยินดีสำหรับผู้เป็นอาจารย์เช่นเขา

 

     ในอดีตแดนเทพต่างกล่าวขานถึงความสัมพันธ์อันคลุมเครือระหว่างภูตจันทราแดนมายากับบัณทิตสวรรค์หานอี้ที่มีใจรักต่อกัน แต่ว่าหานอี้กลับไปแต่งงานกับธิดาเผ่าเงือกเซียวหลิงเอ๋อแทน ทำให้ภูตจันทราเฉิงหลิงเซียวผูกใจเจ็บ อันเป็นปมบ่มเพาะความแค้นเป็นเหตุให้คฤหาสน์หมื่นปราชญ์ต้องถูกฆ่าล้างจนหมดสิ้น

 

     ความรักในโลกนี้มิได้แบ่งเพศแยกระบุ ทั้งเทพสวรรค์มารปีศาจมิใช่เรื่องต้องห้าม หากมีใจปฏิพัทธ์ต่อกันเรื่องอื่นๆล้วนหาได้สำคัญ แต่ทว่ากับมนุษย์นั้นมิใช่ หยินหยางสมดุลความรักกับเพศชายหญิงล้วนเป็นของคู่กันจึงถูกต้องกับจารีตตามประเพณีกำหนด ผิดถูกจึงแบ่งแยกชัดเจน ด้วยเหตุนี้บิดาของหานอี้ซึ่งเป็นมนุษย์มาก่อน ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วยกับความรักของหานอี้และเฉิงหลิงเซียวจึงได้สั่งห้ามบุตรตนคบหากับภูตจันทรา เพราะตระกูลหานคือตัวแทนของมนุษย์ที่บำเพ็ญเพียรจนบรรลุมาเป็นเทพ แต่ไม่ได้ทิ้งจารีตเก่าประเพณีเดิม เป็นเหตุให้หานอี้มิอาจขัดคำสั่งของบิดาได้ จึงได้เกิดโศกนาฏกรรมกับคฤหาสน์หมื่นปราชญ์

 

     หวงหลงเดินทางผ่านไป พบว่าคฤหาสน์หมื่นปราชญ์ถูกทำลายและพบกับหานอี้จึงได้เข้าช่วยเหลือ นำพาเขามารักษายังหยุนไหลเป็นเวลานับพันปี จนบัดนี้เขาได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว เมื่อหวงหลงรู้ข่าวก็รีบมายังเรือนไม้ไผ่ในทันที

 

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก” ซินเจินใบหน้าที่มีรอยยิ้มบ่งบอกได้ถึงความดีใจกล่าวกับหวงหลง

 “เขาฟื้นแล้วศิษย์พี่” ตอนนี้หวงหลงและซินเจินอยู่ด้วยกัน “อืม เช่นนั้นเราไปดูเขากันเถอะ”

     หวงหลงเห็นหานอี้ลืมตาขึ้นมา ทว่าสติกลับไม่ได้ฟื้นมาพร้อมกับร่าง หวงหลงประหลาดใจจึงได้ตรวจชีพจรดู ท่าทางของหานอี้มีสายตาที่เหม่อลอยดุจคนหมดสิ้นซึ่งความหวัง

“ศิษย์พี่เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ” ซินเจินเห็นสีหน้าของหวงหลงก็วิตกอยู่ในใจจึงร้อนรนถามไป หวงหลงพอฟังก็โคลงศีรษะก่อนกล่าวกับศิษย์น้องตน

“คงมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจเขามากไป...ร่างกายภายนอกอาจจะพอรักษาได้ แต่โรคทางใจ..เห้อ! อาจารย์ก็ไม่รู้จะช่วยเจ้ายังไงแล้ว.. หานอี้เอ๋ยหานอี้คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว”

..

“เป็นเพราะเฉิงหลิงเซียวแท้ๆ” ผู้คุมกฎหยุนไหลเจียอินเข้ามาพอดีพอได้ฟังก็นึกรันทดคับแค้นใจแทนหานอี้ จึงกล่าวโทษเฉิงหลิงเซียว

“ไม่ใช่ฝีมือภูตจันทราหรอก” หวงหลงยกมือห้ามศิษย์น้องตนที่กำลังจะพูดต่อ

“หากมิใช่เขาจะเป็นใครไปได้! ทั้งหกพิภพล้วนรู้ดี ตระกูลหานมีจุดจบเช่นนี้เป็นเพราะเฉิงหลิงเซียวแท้ๆ”

“เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะศิษย์น้อง”

“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่เจียอินจะกล่าวต่อ หวงหลงจึงพาเจียอินและซินเจินออกไปด้านนอก

“เหตุใดศิษย์พี่เจ้าสำนักจึงคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับภูตจันทรา...” เจียอินประหลาดใจในประโยคเมื่อครู่

“จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว หากจะว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว” เจียอินและซินเจินทั้งสองยิ่งฟังยิ่งประหลาดใจมากกว่าเก่า

“ศิษย์พี่เจ้าสำนักท่านกำลังจะบอกว่า เรื่องนี้มีผู้คิดร้ายหวังกำจัดแดนมายาในคราเดียว โดยอาศัยเชื้อไฟชั้นดีอย่างตระกูลหานเช่นนั้นใช่หรือไม่?” เสียงของคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาพอดี นั่นคือซินฉีผู้อยู่ในหอยาแห่งอารามว่างเปล่า

“อืม..”หวงหลงพอฟังจึงยกมือลูบเคราขาวของตนก่อนกล่าวต่อ “ศิษย์น้องสามพูดถูกต้อง มีผู้คิดหาโอกาสสร้างความปั่นป่วนให้ทุกภพภูมิ เรื่องนี้อาจนำพาเภทภัยครั้งใหญ่..มาสู่หกพิภพสี่มหาสมุทรในไม่ช้า”

“มันผู้นั้นคือใคร?” ซินเจินกล่าวด้วยความสงสัยแคลงใจ หวงหลงได้แต่ส่ายศีรษะ

“เช่นนั้นก็มิใช่เรื่องเล็กน้อยแล้วนะศิษย์พี่เจ้าสำนัก เหตุใดท่านไม่กราบทูลเง็กเซียน” เจียอินกล่าวขึ้นเน้นเสียงหนัก

“เห้อ!กว่าข้าจะรู้เรื่องราวก็สายไปแล้ว” หวงหลงพูดพลางทำสีหน้าเศร้าใจ ก่อนกล่าวกับศิษย์น้องของตนต่อไป

“ที่สำคัญหลักฐานไม่มีและทุกอย่างมันชี้ไปที่แดนมายาว่าตระกูลหานถูกฆ่าล้างเพราะต้นสายปลายเหตุมันมาจากภูตจันทรา...พูดทัดทานพระองค์ไปก็เท่านั้น บัดนี้แดนมายาก็ถูกทำลายจนสิ้นไปหมดแล้ว”

“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก หรือว่าจะเป็นแผนการของแดนปีศาจ” เจียอินกล่าวขึ้น

“อืม ก็น่าคิดหากเป็นแดนปีศาจก็ดี แต่ที่อันตรายคือคนผู้นี้กำจัดแดนมายาได้ก็เท่ากับว่าทำลายแดนสวรรค์ไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว” ซินฉีกล่าวขึ้น

“ศิษย์น้องสามกล่าวได้ถูกต้อง เกรงว่าภัยใหญ่ในครั้งนี้พวกเราคงหลีกไม่ได้เสียแล้ว” หวงหลงลูบเคราขาวครุ่นคิดด้วยสีหน้าวิตก

 

     เมื่อหวงหลงเจียอินและซินเจินเดินออกจากกระท่อมไม้ไผ่ก็พบกับรุ่ยผิง อี้ปินและติงปิงพอดี“พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยอย่างงั้นรึ?...ไม่มีอะไรแล้วกลับกันไปเถอะ”

“ขอรับอาจารย์เจ้าสำนัก”

“ติงปิงอาการเจ้าหายดีแล้วใช่ไหม?” หวงหลงพูดกับติงปิงที่มีรุ่ยผิงยืนอยู่ใกล้ๆ “ขอรับ”

“อืม ดีแล้วเช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเถอะ”

“ศิษย์ขอตัว”

 

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
50. เสี้ยวจันทราฯ จางฉวนกับอดีตอันขมขื่น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2021 06:49:07 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด