รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562  (อ่าน 39976 ครั้ง)

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอ็นดูขนุนไปอี๊กกกกกก ทำไมหนูน่ารักงี้ล่ะ 5555

ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4

ขนุนลูกที่ 12




มอP

   “เมื่อวานเจอขนุน เอาของมาให้ ไม่อยากจะถามแต่กูอยากรู้ว่าอะไรยังไง นี่ตกลงเปลี่ยนใจแล้ว? ”คนอยากรู้ใช้ตะเกียบคีบช้อนอีกฝ่ายที่กำลังจะซดน้ำก๋วยเตี๋ยวเข้าปากให้ชะงักไว้

   “เปลี่ยนใจอะไรของมึง พูดฟังไม่รู้เรื่องว่ะ”

   “ก็เปลี่ยนใจจากอกหักมารักน้องไง หรือจริงๆ ลับหลัง.....กินกลางตลอดตัวไปแล้ว”

   โป๊ก!

   “โอ๊ย!”

   คณินคว้าหนังสือที่วางอยู่ใกล้ๆ โขกเข้าไปกลางหัวอนาวินให้สติตื่น คณินรู้หรอกว่าเพื่อนปากเสียอย่างอยาวินกำลังคิดอะไร คณินไม่ได้โง่ถึงขนาดว่าไม่รู้ในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังสื่อความหมาย เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ ยิ่งอะไรที่มันไม่ชัดเจนก็รั้นแต่จะทำให้เรื่องราวมันยุ่งเหยิงซะเปล่า

   โดยเฉพาะเรื่องของขนุน ก็จริงที่คณินสนิทสนมกับขนุนในเวลาเพียงไม่นาน สนิทจนคณินยังแปลกใจว่าทำไม่เวลาที่อยู่กับขนุนนั้นมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน

   “ปากยังอยากจะกินก๋วยเตี๋ยวอีกมั้ยห๊ะ พูดแต่ละอย่างมึงนึกถึงใจน้องเค้าบ้าง ได้ยินมึงพูดแบบนี้น้องเค้าจะมองมึงยังไง”คณินพูดสีหน้าจริงจัง จนโจมที่เคี้ยวลูกชิ้นกับอนาวินที่เพิ่งโดนสันหนังสือกระแทกหัวยิ้มขำออกอาการ

   “ขำอะไร มีอะไรน่าขำ”เจ้าของกรอบหน้าที่มองทางไหนก็ดึงดูดใจกำลังเหลือบตามองความกวนบาทาของเพื่อนทั้งสองด้วยแววตาหงุดหงิด

   “ไม่มี๊ กูขำเส้นในถ้วย ดูดิอืดใหญ่เลย”อนาวินเลี่ยงประเด็นไม่ให้อีกฝ่ายซักมากไปกว่านี้ เพราะคณินยังไม่รู้ว่าเมื่อวานพวกเขาได้ยินอะไรจากปากของขนุนบ้าง อีกฝ่ายสารภาพซะจนหมดใส้ แถมพวกเขายังจงใจเชียร์ให้ขนุนคว้าใจคณินอีก เพื่อนที่นั่งปากดีอยู่ตรงหน้าถึงได้กล้าแหย่กล้าแซวให้คณินใจเขวไปหาขนุน

   “แล้วตกลงเมื่อวานเจอรึเปล่า กูห่วงว่าขนุนจะไปเสียเที่ยว อุตส่าห์มาหาถึงมหาลัยแต่ไม่เจอมึง ขากลับฝนดันตกซะด้วย”

   “ขนุนมาที่มหาลัยด้วย? ”คณินเงยหน้าจากถ้วยก๋วยเตี๋ยวหันไปสนใจโจมที่พูดขึ้นมาเหมือนล่อให้อีกฝ่ายอยากรู้ เพราะขนุนไม่ได้บอกว่ามาดักรอที่มหาลัยก่อนจะไปยืนตากฝนอยู่หน้าบ้าน

   “อือ มาตอนที่มึงออกไปแล้ว”

   “คณิน กูถามอะไรอย่างดิมึงไม่รู้สึกอะไรกับน้องขนุนเลย? สักนิดก็ไม่มี แบบว่าใจมันวูบวาบเต้นระรัวอะไรทำนองนั้น”อนาวินพูดขึ้นจ้องสีหน้าคณินเขม้น

   “ถามจะเอาคำตอบแบบไหน? ”

   “ก็ไม่ใช่คำตอบดาราปฏิเสธข่าวฉาวก็แล้วกัน กูไม่ได้จะชี้โพรงให้กระรอกนะเว้ย แค่ถามเพราะอยากรู้ ดูเหมือนช่วงนี้มึงสนิทกับน้องเขา บางที.....อาจจะคิดอะไรแบบที่มากกว่าคนปกติเขาคิดกันอะไรแบบนั้น”

   “ไอ้วิน มึงก็อย่าไปซักไซ้ คนเขาไม่ได้คิดแบบมึงไปซะทุกคนหรอกนะเว้ย ขนุนน้องมันก็ออกจะน่ารัก อาจมีคนต่อแถวจีบยาวเป็นขบวนใครจะไปรู้ เห็นได้ข่าวว่าเป็นที่นิยมของสายเอ็นดูน้องของมอM อยู่ คนตามig ก็เยอะ”

   “จริงเหรอวะ หรือกูจะเปลี่ยนใจไปชอบสายน้องดี ขนุนมันก็น่ารักจริงๆ ตัวนี่ขาวจั๊วะปากแดงสุขภาพดี ตาอย่างกลม แก้มอย่างใสจนน่าหยิก อยู่ด้วยสนุกดี มองตรงไหนก็น่ารักไปหมด”ปากพูดท่าทางเพ้อฝันแต่สายตาก็เหลือบไปมองคณินที่ชะงักมองถ้วยก๋วยเตี๋ยวของตัวเอง เหมือนจะไม่สนใจแต่หูกลับเก็บทุกรายละเอียดคำพูด

   “สีหน้ามึงหื่นไปมั้ยไอ้วิน เก็บอาการหน่อยเพื่อน”โจมสมรู้ร่วมคิดเร่งกันปั่นคณินให้ถ่านลุกเป็นไฟให้ได้

   “กูอิ่มแล้ว”

“เฮ้ย! เพิ่งกินไปได้สองสามคำ พูดถึงขนุนนี่อิ่มรอเลยเหรอวะ”

   “อิ่มเพราะใครบางคนพูดมาก รำคาญว่ะ”คณินเหลือบตามองอนาวินบอกทางสายตาว่าให้เลิกพูดมากได้แล้ว และดูเหมือนท่าทางหงุดหงิดนั่นจะถูกใจอนาวินไม่น้อย

   “โถ่คุณคณิน อย่าขู่ด้วยสายตาดิครับ ผมนี่ขนลุก”

   “มึงกลัว? ”โจมถาม

   “กูปวดขี้!”
   




ร้านป๋าชุบ

   เวลาประมาณ 4 ทุ่ม บรรยากาศกำลังครึกครื้นเสียงเพลงสนุกๆ ที่ดังขึ้นให้บรรยากาศครื้นเครงไปพร้อมกับกลุ่มคนที่โยกตัวไปตามจังหวะ ทำนองหนักเบาเร้าใจจนชวนให้ลุกขึ้นเต้น มีเพียงโต๊ะต่อสามตัวติดด้านในสุดที่บรรยากาศไม่ค่อยรื่นเริงสักเท่าไหร่นัก เอาแต่ดื่มหนักๆ เหมือนเจอมรสุมชีวิตถาโถม
   
   “เอ้าโช้นนนน!”

   กิ้ง กิ้ง!

   เสียงแก้วเหล้าที่ยกขึ้นชนกันเป็นรอบที่สิบ พอๆ กับจำนวนรอบที่ขนุนยกแก้วเข้าปากกระดกจนเหลือแต่น้ำแข็งแรกๆ ก็ถูกไม้และรุ่นพี่ในเอกคะยั้นคะยอ แต่พอหลังๆ ก็แทบห้ามกันไม่อยู่ซดลื่นคอเสมือนกรอกน้ำใส่ขวด ถึงจะกินแบบเกร็งๆ เพราะไม่มีอะไรจะพูดก็ยิ่งต้องดื่มหนักเป็นพิเศษให้เหมือนปากไม่ได้ว่างคุยตลอดเวลา

   อีกอย่างก็เกรงใจรุ่นพี่ที่เสือกเกิดปีชงกันทั้งโต๊ะ ขยันเติมให้รุ่นน้องอย่างขนุนไม่ขาด

   “น้องขนุน หมดแล้วพี่ชงให้ส่งแก้วมา”

   “อย่าขยันชงให้ผมนักเลยพี่ตั้ม โผมมมม....ท้องจะแตกอยู่แล้ว”ขนุนตีท้องตัวเองตุบๆ เบาๆ ตาปรือๆ แต่ยังพูดรู้เรื่อง

   “ก็เห็นเรากินเก่ง ครั้งที่แล้วได้ข่าวเมาจนได้เรื่อง”เพื่อนในกลุ่มของไม้เอกชวนคุยตามปกติ

   “ยังอุตส่าห์จำนะครับ ผมแกล้งลืมไปแล้วนะเนี้ย”ขนุนกุมขมับเหมือนอยากจะเอาหัววางไว้บนโต๊ะ

   “แฮชแท็กแสกหน้าทวิตขนาดนั้นพวกพี่ไม่เห็นก็ตาบอดแล้ว”

   “จุ๊ๆ ครับ”ขนุนยกนิ้วขึ้นแนบปากที่ยู่เป็นปากหมึกส่งเสียงเหมือนจิ้งจก บอกพวกพี่ๆ ให้เงียบเอาไว้ “แม่ผมยังไม่รู้เรื่องนี้ อย่าพูดไปนะครับ เดี๋ยวผมจะโดนแม่หยิกก้น”คนในกลุ่มถึงกับหัวเราะในคำขอที่กลัวอย่างกับเด็กประถม ก่อนจะยื่นแก้วให้ด้วยความถูกใจ ขนุนคงลืมไปแล้วว่าตัวเองเพิ่งจะปฏิเสธแต่ก็เผลอรับแก้มมาจนได้

   “ไอ้ขนุนมึงกินเบาๆ หน่อย เดี๋ยวก็เมาปลิ้น”คนที่เดินมานั่งจับแก้วของขนุนวางลงกับโต๊ะ แล้วบีบปากข่มขวัญด้วยสายตา

   “อือเอาอันอ๊กเอ้าปากเอง(มือเรามันยกเข้าปากเอง)”คนถูกบีบปากแก้ตัว

   “ตอนกูไปห้องน้ำมึงชนไปกี่แก้วแล้วห๊ะ! ”

   “ขอเรานับนิ้วก่อน”ขนุนยกมือตัวเองขึ้นมานับเลขขาดๆ เกินๆ อยู่หลายรอบและดูเหมือนนับไม่ถึงสิบซะด้วยซ้ำ

   “กูว่าพาขนุนกลับเหอะ แม่งไม่ไหวแล้ว”ต้าพูดขึ้นขณะที่ลุกไปคุยโทรศัพท์และเพิ่งกลับมา ก่อนจะยื่นมะนาวผ่าเป็นแว่นบางๆ ยัดใส่ปากขนุนให้ตาสว่าง อีกฝ่ายแลบลิ้นคายออกมาเพราะความเปรี้ยว
 
   “ขนุนกลับเหอะ เดี๋ยวกูไปบอกพี่ไม้เอกให้ เห็นเดินไปสั่งเหล้ามาเพิ่มอยู่ตรงโน้น”แจ็กอาสาออกหน้า

   “กูก็ว่าอย่างนั้น มึงเมามันคงไม่ดี วีรกรรมมึงก็เยอะอยู่แล้ว”ช้างเห็นด้วย

   “งั้น.....เดี๋ยวเราไปบอกเอง เดี๋ยวพี่ไม้จะหาว่าไปไม่ลา”ขนุนยืนขึ้นโงนเงนเล็กน้อย แต่ไม่ทันไรคนที่พูดถึงก็กลับมาที่โต๊ะ

   “ขนุนจะเอาอะไรเพิ่มไหม? ”

   “ป่าวครับ ไม่เอาอะไรแล้ว คือ....ผมจะเดินไปบอกพี่น่ะ”

   “บอก? ”คนถามเอื้อมมือมาจับไหล่ขนุน แล้วเลื่อนไปที่ต้นคอเกลี่ยนิ้วโป้งเบาๆ ข้างกรอบหน้า คลี่ยิ้มให้กับดวงตาปรือๆ ที่กำลังนึกคำพูด โดยไม่ได้สนว่าสิ่งที่ไม้เอกกำลังทำมันคือการเต๊ะอั๋ง

   “ขนุนจะกลับแล้ว มันไม่ไหว พวกเราก็จะกลับด้วย”คนที่พูดขึ้นเป็นนิว

   “พี่ถามขนุน ไม่ใช่น้องนะ”

   “มันก็จะตอบแบบนั้น ผมแค่พูดให้ฟังเข้าใจมากขึ้นแค่นั้นเอง”นิวเอาตัวไปแทรกจนมือของไม้เอกหลุดออกจากขนุน สบตากับไม้เอกที่เก็บมือเข้าล้วงกระเป๋าสีหน้าเริ่มตึงๆ

   “พี่ไม้เอกครับ อย่าดุนิวน๊า ผมจะกลับแล้วจริงๆ แต่ว่าตอนนี้.....ผมอยากเข้าห้องน้ำ”

   “เดี๋ยวกูพามันไปเอง”ต้าอาสาดึงขนุนออกมาทำงานกันอย่างเป็นทีม ส่วนแจ็กกับช้างก็กันตัวไม้เอกเอาไว้ ดึงให้เข้าวงเหล้าอีกรอบ เลยทำให้ไม้เอกไปตอแยอีกฝ่ายได้ยาก

   “กลับก็ไป ถ้ายืนอยู่ต่อพี่ไม่ให้กลับนะ”ไม้เอกที่ถูกลากกลับไปนั่งหันไปมองนิวที่ยืนจ้องตัวเองเขม้น แต่พอขู่ออกไปแบบนั้นอีกฝ่ายก็รีบเคลื่อนตัวออกไปแบบเนียนๆ ทันที

   กว่าจะดึงตัวขนุนกลับออกมาจากวงเหล้าของไม้เอกก็ว่ายากแล้ว แต่ที่ยากยิ่งกว่าคือการควบคุมขนุนตอนเมา อาการเดิมเริ่มออก ทั้งๆ ที่ห่างหายไปนาน ดูเหมือนต้าและนิ้วจะได้งานดูแลขนุนอีกครั้ง ไหนจะต้องคอยห้าม คอยมองไม่ให้ขนุนเผลอหยิบเอาของโน่นนี่ออกมาจากร้าน โชคดีที่ก่อนหน้าต้าเฝ้าขนุนอยู่หน้าห้องน้ำ เลยสามารถสกัดการเอาฝาชักโครกที่น็อตมันหลุดแบบชำรุดออกจากห้องน้ำได้ ภาพการยื้อแย่งฝาชักโครกเอาไปคืนห้องน้ำมันไม่เท่เอาซะเลย แถมยังชวนขายหน้าคนอื่นอีก เด็กมหาลัยเดียวกันทั้งนั้นที่เห็น

   แต่ก็โชคดีอยู่บ้างที่แม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำไม่มาเห็น ไม่อย่างนั้นโดนทุบด้วยฝาชักโครกไปแล้ว

   “สัดเอ๊ย! ไอ้ขนุน กูว่าว่างๆ มึงน่าจะไปหาหมอ แม่งพฤติกรรมตอนเมาพวกกูต้องปวดหัวกับมึงมาก ตั้งแต่คบกับมึงมาพวกกูก็ไม่เคยได้กินเหล้าจนเมาเท่าที่อยากเมาได้เลย เพราะห่วงมึงนี่แหละ”

   “อย่าพูดอย่างนั้นดิโกรธเราเหรอ เราไม่เมาก็ได้ จะเดินเองให้ดู”ขนุนสลัดมือของต้ากับนิวออกเดินเองอย่างที่ปากพูด ถึงจะเดินได้แต่ความโงนเงนเหมือนจะล้มก็ทำให้เพื่อนเป็นห่วงอยู่ดี

   “ทำปากดี เดี๋ยวปากก็ได้กินคอนกรีดหรอกมึงอ่ะ”นิวส่ายหน้าถอนหายใจซะเกลี้ยงปอด เท้าสะเอวมองดูขนุนที่เดินไปข้างหน้าไม่ค่อยจะตรงทางมากนักกระทุ้งศอกให้ต้าช่วยกันมองความมึนของขนุน คนข้างหลังก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างช่วยไม่ได้

   “ขอเราพักหน่อย 1 นาที”เดินได้ไม่ถึงสิบกก้าว ขนุนก็หย่อนก้นลงนั่งตรงขอบฟุตบาทซะอย่างนั้น ทั้งยังกวักมือเรียกเพื่อนให้มานั่งข้างๆ อีก

   “มีอะไรจะพูดก็พูด”ต้ามองขนุนที่นั่งเงยหน้ามองท้องฟ้า ซึ่งมืดมากพระจันทร์ก็ไม่มี ไม่รู้ว่ามองอะไร

   “ถ้าเราไม่มีต้ากับนิว เราไม่รู้เลยว่าเวลาเราเมาตื่นมาจะไปนอนอยู่ที่ไหน”

   “ถามแปลกๆ ไม่บ้านคนอื่นก็สถานีตำรวจดิ มีที่อื่นสำหรับมึงอีกรึไง ไอ้ขี้เมามือปลาหมึก!” คนพูดผลักหัวขนุนเบาๆ ส่ายหน้ายิ้มๆ อย่างทุกที ไม่หัวร้อนเหมือนที่เป็นก่อนหน้า

   “ทำมาเป็นพูดดี ตอนนี้พวกกูยังมีค่า แต่ต่อไปข้างหน้ามึงก็อาจจะไม่เห็นค่าพวกกูแล้วก็ได้ หายใจเข้าออกเป็นพี่คณินขนาดนั้น มึงยังมีที่ว่างคิดถึงพวกกูอีกเหรอ”

   “อย่างอนดิ ยังไงต้ากับนิวก็เพื่อนเรา ไม่เกี่ยวว่าเราจะชอบใครรักใคร แต่ยังไงเพื่อนก็คือเพื่อนเสมอ เรารักต้ากับนิวจะตายไม่รู้เหรอ ให้เราร้องเพลงสร้างบรรยากาศมั้ย?.....จากวันเน้ จะมีเรา เราแล้วนายยยย....”

   “หยุด! เสียงแม่งโคตรเพี้ยน พวกกูจะเลิกคบมึงเพราะแบบนี้นี่แหละ”

   “งั้นไม่ร้องเพลงแล้ว หึๆ”ขนุนยิ้มกว้างตาปรือหัวเราะหงึกๆ เอนตัวเอาหัวไปซบไหล่เพื่อนซ้ายขวา แต่กลับถูกดันหัวออก

   “อย่ามาอ้อน กูเบื่อลูกอ้อนมึงเต็มทน”

   “นิวใจร้ายอ่ะ ต้ากลับหอกันเหอะ”คนทำทีน้อยใจลุกขึ้นยืนปัดก้นจนฝุ่นฟุ้งกลบหน้าเพื่อนก็ไม่สน

   “เดี๋ยวขนุน อะไรตุงๆ ในกระเป๋ากางเกงมึงด้านหลัง”แสงจากเสาไฟข้างริมฟุตบาททำให้นิวเห็นบางอย่างผิดปกติเลยเอ่ยถาม ถ้าตุงข้างหน้าจะไม่สงสัย แต่นี่มันข้างหลัง

   “ให้กูดูหน่อย หันหลังดิ๊”ต้าจับขนุนหมุนตัวขมวดคิ้วสงสัย ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของขนุน จากนั้นก็ดึงของบางอย่างออกมาจนกระเป๋ากางเกงแฟบ

   “เหี้ย!”คนล้วงถึงกับปล่อยสิ่งที่หยิบได้จากกระเป๋ากางเกงของขนุนตกพื้นสีหน้าสะพรึง ถูเช็ดฝ่ามือของตัวเองไปมากับขากางเกงคล้ายขยะแขยงสิ่งที่จับ

   “ตกใจอะไรกันอ่ะ”

   “ไอ้ขนุน! ไอ้บ้าเอ๊ย! กูไม่รู้จะด่ามึงยังไงดี นี่มึงไปเอากางเกงในใครใส่กระเป๋ามา! ตอบ!”

   คนโดนดุก้มหน้าตาใสมองไปยังของที่ต้าทำตกพื้นแล้วก้มลงไปหยิบมาสะบัดปัดฝุ่น พร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

   “เราไม่ได้หยิบของใครมา สาบาน”ขนุนยกสี่นิ้วขึ้นฟ้า

   “สาบานมึงยังยกนิ้วผิด! สารภาพมาดีๆ ไอ้ขนุน! ”

   “ของเราเอง”

   “ห๊ะ? ”

   “กางเกงในตัวนี้ของเรา เราถอดตอนเข้าห้องน้ำแล้วลืมใส่ เลยเก็บใส่กระเป๋ามาแทน ของเราเราไม่ทิ้งหรอก แม่บอกต้องรักษาของ”ขนุนพูดพร้อมกับยัดกางเกงในตัวสีขาวใส่ไว้ในกระเป๋า จนกระเป๋าด้านหน้าโคตรตุงจนคนมองต้องเบือนหน้าหนีอาย กุมขมับเส้นประสาทเต้นตุบๆ

   “มึงอย่าบอกนะว่าตอนนี้มึง.....มึงไม่ได้ใส่”

   “อือ”ขนุนพยักหน้ายอมรับดูไม่เดือดร้อน “สบายใจได้ คืนนี้เราจะไม่หยิบของใครอีก”ขนุนยิ้มกว้างกอดอกเห็บมือเรียบ แล้วออกตัวเดินไปตามทางเท้าเพื่อกลับหอ ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองยืนกุมขมับหาเสาคนละต้นโขกหัวระบายความเครียด

   “เวรเอ๊ย! กูเจอเพื่อนดีๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ!”




   ตรงหน้าร้านชาไข่มุกในห้างสรรพสินค้า สามหนุ่มที่ยืนดูดน้ำจากแก้วให้หายชื่นใจด้วยอากาศจากข้างนอกที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทั้งสามพากันเดินไปยังเก้าอี้สาธารณะที่ตั้งไว้เป็นจุดภายในห้างให้ผู้คนได้นั่งพัก ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งยืดขาสูดอากาศเย็นจากแอร์ภายนห้างเข้าปอด ก็มีแต่ขนุนที่ยังคงยืนชะเง้อหน้าตั้งไม่ยอมนั่ง

   “นั่งลงขนุน บรรพบุรุษมึงเป็นเมียแคทรึไงชอบชะเง้อนัก พี่เขามาก็เห็นเองแหละ วุ้! ”ต้ากระตุกชายเสื้อแขนยาวสีชมพูอ่อนทรงโอเวอร์ไซซ์ที่ขนุนใส่อยู่ให้นั่งลง

   “เรากลัวพี่เค้าจะไม่เห็น”

   “มานั่งรอดักทางเข้าออกซะขนาดนี้ไม่เห็นก็ตาบอดแล้วมะ”

   “ก็เราตื่นเต้นอ่ะต้า”

   นิวดูดน้ำในแก้วเป็นอึกสุดท้าย แล้วหันไปแยกเขี้ยวใส่ขนุน “ทำเหมือนมึงไม่เคย ไปหาเค้ามากี่ครั้งแล้วทำเป็นตื่นเต้น! เดี๋ยวปั๊ดตบ”

   “แต่ครั้งนี้เป็นการนัดจริงจังไง ครั้งก่อนๆ เหมือนไม่ค่อยตั้งใจ”

   “เหรออออ! ครั้งนี้ตั้งใจสินะถึงกับกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ปกติก็ขี้เกียจอาบน้ำตัวเป็นขน และไอ้ที่ทำลืมของไว้บ้านเค้าให้เค้าเอามาให้อีกแล้วหาเรื่องนัดกินข้าวเนี้ย กูบอกเลยว่ามึงมันร้าย!”

   นิวใช้นิ้วหนีบไปบนแก้มขาวดึงไปมาอย่างเหลือทนนับวันขนุนชักเอาใหญ่เอาโต

   “โอ๊ย! เจ็บๆ ”คนถูกบีบแก้มเบี่ยงหน้าหนีเอามืออังแก้มตัวเองหน้ายู่ “ขี้บ่นนา ก็แค่ลืมนาฬิกาเอาไว้ ไหนๆ พี่คณินอาสาจะเอามาให้เราก็อยากจะนัดมากินข้าวด้วยเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว แถมพรุ่งนี้เราต้องกลับบ้านไปหาแม่คงไม่ได้เจอหน้าพี่คณินอีกหลายวัน”

   “สามวันมึงจะตายเชียว? ”

   “สามวันจากบุรุษ เป็นอื่น....ไม่เคยได้ยินเหรอ ถ้าเราไปนานใจพี่คณินอาจเขวไปหาคนอื่นทำไง ผูกใจไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ”

   “มีแต่สามวันจากนารีเป็นอื่น มึงเอาบุรุษเป็นอื่นมาจากไหนห๊ะ!”

   “โห่นิว อย่าขัดเราดิ”

   “เตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะขนุน เผื่อพี่เค้าไม่สนใจมึงจะได้ไม่เฟล”

   “ต้าอ่ะ”ขนุนไหล่ตกเมื่อถูกเพื่อนรุมจิก แทบจะลงไปดิ้นกลางพื้นประชด แต่เพราะสายตาดันเหลือบไปเห็นคณินกับโจมที่เดินมาด้วยกันเลยหันเหความสนใจไปอีกทางในทันที

   “ทางนี้ครับ”ขนุนยกมือขึ้นกลางอาการเป็นเชิงบอกตำแหน่งที่รออยู่ ยิ้มกว้างๆ ระบายบนใบหน้า ส่งสายตาเป็นประกายยิ่งกว่าหมาเจอเจ้าของ

   “โห่ นี่มึงดีดเป็นสปริงทันทีที่เห็นผู้ชาย”นิวส่ายหน้าแต่ก็ขยับตัวลุกเมื่ออีกฝ่ายมาถึง ก่อนจะยกมือไหว้ทักทายเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องตามมารยาท ส่วนขนุนก็ยิ้มแล้วยิ้มอีก แถมยังมองคนตรงหน้าเหมือนไม่เจอกันมาชาตินึง

   “อ่ะนี่ของเรา”มาถึงคณินก็ยื่นนาฬิกาให้ มองดูมือเล็กที่รับนาฬิกาไปพร้อมกับโยกหัวขนุนเบาๆ แอบสำรวจมองคนตรงหน้าที่แต่งตัวได้เข้ากับบุคลิกจนมองเพลิน

   “ขอบคุณครับ”ขนุนรับไปแล้วใส่ทันที แต่เพราะในมือดันถือแก้วน้ำชาไข่มุกเลยใส่ไม่ถนัดนัก คณินเลยอาสาช่วย

   “มาพี่ใส่ให้”คณินยื่นมือไปช่วยใส่นาฬิกาให้กับขนุนอย่างคล่องแคล่ว พูดคุยกันอยู่สองคนจนเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก จนโจมต้องกระแอมกระไอให้รู้ว่าเพื่อนและน้องๆ รออยู่ข้างหลัง

   “เอ่อ แล้วพี่วินไม่มาเหรอครับ”ขนุนชะเง้อมองด้านหลังของโจมแต่ก็ไม่มีใครจริงๆ

   “วันนี้รายนั้นติดธุระน่ะ เลยขอแยกตัวออกไปก่อน”คณินเป็นคนตอบก่อนจะยิ้มบางให้ แต่สายตากลับดูหม่นๆ จนขนุนสังเกตเห็น

   “วันนี้ดูพี่คณินไม่สดชื่นเลย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ”

   โจมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เอื้อมมือไปตบไหล่คณินเบาๆ แล้วตอบข้อสงสัยของขนุน

   “พอดีคนไข้หนีน่ะ ไม่มาตามนัด เทอมสองพวกพี่ต้องเรียนวิชาพรีคลินิกและต้องมีทำเคสบ้างพวกอุดฟัน ขูดหินปูนอะไรทำนองนั้น แต่โชคร้ายของคณินนิดหน่อยที่คนไข้ดันเบี้ยว”โจมไหวไหล่เพราะไม่เป็นไปตามแผนที่คณินวางไว้ ทุกอย่างเลยรวนเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับลำบาก ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือปัญหาจริงๆ ที่ต้องหาวิธีแก้กันไป

   “แย่เลยสินะครับ ผมเคยได้ยินมาบ้างว่ามีกรณีแบบนี้จนหลายๆ คนต้องลำบาก”ต้าพูดขึ้นอย่างเห็นใจ

   “ยังไงก็ต้องผ่านไปให้ได้ มันเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงแต่ก็เหมือนบททดสอบของเราล่ะมั้ง”คนตัวสูงเจ้าของหน้าไม่สดชื่นพูดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าชวนมองนั้นดร๊อปความหล่อลงไป ขนุนเห็นท่าทีแบบนั้นของคณินก็อดที่จะนิ่งเฉยไม่ได้

   “งั้นผมพอจะเป็นคนไข้ให้พี่คณินได้รึเปล่าครับ”

   “คนไข้? ”คณินถามย้ำเหมือนไม่เข้าใจ

   “เอาจริงเหรอขนุน? ”โจมหันไปยิ้มกับขนุนที่ดูกระตือรือร้น

   “เอาจริงครับ ผมไม่รู้ว่าพี่คณินต้องเก็บเคสอะไรบ้าง แต่ลองเอาผมไปตรวจดูก่อนไหมครับ อาจจะพอช่วยได้”

   “เอางั้นเหรอ? ”คณินเลิกคิ้วเหมือนใช้ความคิด

   “ครับ”

   “งั้นก็ได้ ไว้พี่จะติดต่อรายละเอียดเราไปอีกที”

   “ขอบคุณครับ”

   “มึงจะดีใจอะไรวะ ไม่เห็นมีเรื่องน่าดีใจเลย”นิวที่กลัวเรื่องการทำฟันที่สุดหน้าสยองแอบกระซิบขนุน เห็นเพื่อนรักดีอกดีใจที่จะได้ไปให้หมอแหกปาก แล้วยังต้องเจอเครื่องมือประหลาดอย่างกับเครื่องจักรเอเลี่ยนอีก แค่คิดนิวก็ขอยอมแพ้แล้ว

   “ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ฟัน มึงก็น่าจะรู้”ต้าแอบประกบด้านหลังนิวแล้วกระซิบบอก เห็นตาเป็นประกายของขนุนแล้วยังไงมันก็ต้องมีอะไรแอบแฝง

   “เอ้างี้ วันนี้พี่ขอเลี้ยงขอบคุณเราล่วงหน้าก่อนแล้วกัน ต้ากับนิวก็ไปด้วยกันนะไม่ต้องเกรงใจ”

   “พี่คณินหล่อแล้วยังใจดีอีกนะครับ ผมโคตรชอบเลย”คนตัวเล็กกว่าเงยหน้ามองคณินตาแบ๊ว

   “ชมตรงๆ แบบนี้ไม่คิดว่าพี่จะเขินบ้างเหรอฮะ”

   “ก็ผมพูดจริงนี่ครับ”

   “อย่ามัวแต่คุยเล่นเลย พี่ว่าตอนนี้ไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ”

   “ให้ผมเลือกร้านนะครับ”

   “ตามใจ”

   “พี่โจมรีเควสได้นะครับ อำนาจอยู่ในมือผมแล้ว”ขนุนหันไปยิ้มให้โจมที่ขมวดคิ้วเหมือนคิด

   “ตามใจขนุนดีกว่า พี่กินได้ทั้งนั้น ยกเว้นกินมังสวิรัติ”

   “พวกผมก็ด้วยครับ”แนวร่วมเข้าไปยืนในรัศมีของโจมราวกับเลือกแล้วว่าจะอยู่ข้างไหน แถมเพื่อนรักทั้งสองก็มองขนุนราวกับต่อต้านความอยุติธรรม

   “โห่ นี่กดดันกันชัดๆ เลยนะครับ”ขนุนขยี้ผมตัวเองอย่างคิดหนัก ก่อนจะหันไปเพื่อจะถามความเห็นของคณิน ทว่าขณะที่ก้าวเดินตามหลังคนตัวสูงกว่านั้น เพราะการหยุดเดินอย่างกะทันหันถึงกับทำให้ขนุนที่ไม่ทันตั้งตัว เดินชนเข้าให้กับคณิน หน้าแทบจะจมเข้าไปในแผ่นหลังคนตัวสูงที่ยืนไม่ขยับ

   เหมือนมีบางอย่างมาขวางหน้า คณินจึงหยุดเดินไม่เคลื่อนไหว เพราะความสงสัยขนุนเลยชะเง้อโผล่หน้าออกไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนนั้นเองขนุนถึงได้ยิ้มออกและรู้สึกแปลกใจจนต้องทักทายคนที่เจอกันโดยบังเอิญอีกครั้งอย่างตื่นเต้น

   “เอ๊ะ! พี่ลูกตาล เจอกันอีกแล้วนะครับ บังเอิญมากเลย”

   “ใช่บังเอิญ”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวสูงที่ยืนข้างขนุนพูดขึ้น พร้อมกับแววตาที่นิ่งเรียบเสียจนขนุนแปลกใจ รวมไปถึงบรรยากาศบางอย่างที่ไม่ปกติซะแล้ว






ติดตามตอนต่อไป >>>


ขอบคุณที่ติดตามค่ะ แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
จะดราม่าไหมๆ
ไม่อยากเห็นน้องขนุนหงอยเลย น้องหนุนสู้เขานะ!
 :pig4:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
บรรยากาศมาคุซะละ น้องขนุนจะหงอยรึจะหงายละนี่

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4


ขนุนลูกที่ 13



   ท่ามกลางความเงียบในหนึ่งอึดใจหญิงสาวตรงหน้าและผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหวานหุ่นเพรียวก็ขยับปากพูด

   “ขนุน? ”หญิงสาวตรงหน้าตาเบิกโพลงไม่นึกว่าโลกจะกลมได้ถึงขนาดนี้ ตรงหน้าคือแฟนเก่า ส่วนอีกคนก็เป็นน้องที่รู้จักเมื่อไม่นาน ถึงจะไม่ได้สนิทกันแต่ก็เคยพูดคุยกัน

   “สองคนรู้จักกัน? ”โจมถามขึ้นดูลุกลี้ลุกลนชี้นิ้วไปหาขนุนสลับกับลูกตาลแบบงงๆ

   “จำพวกผมได้ไหมครับ”อีกสองหนุ่มที่ออกมาแสดงตัวเป็นต้ากับนิวที่ได้โอกาสเจอลูกตาลเป็นครั้งที่สอง

   “จำได้ เพื่อนของขนุนสินะ”

   “ครับ”

   “แล้วพี่คณินกับพี่โจมรู้จักพี่ลูกตาลด้วยเหรอครับ”ขนุนหันไปมองคณินที่ยืนนิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

   นั่นเพราะตั้งแต่คณินเลิกกับลูกตาล ทั้งสองก็ไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆ เลยสักครั้ง เพราะแค่พูดถึงเหตุการณ์เลิกราของทั้งสองคณินก็ไม่เป็นอันทำอะไร ความรู้สึก อารมณ์ดาวน์ลงเป็นดาวตกพุ่งชนโลก ฉะนั้นหลายเดือนที่ผ่านมาก็เห็นจะเป็นครั้งนี้ครั้งแรกที่เจอกันซึ่งหน้า

   “อือ พวกพี่รู้จักกัน”ลูกตาลเป็นคนตอบ เธอยิ้มบางให้กับขนุนเหมือนกับการพูดคุยทั่วไป แต่สายตากลับไม่กล้ามองคณินตรงๆ อีกทั้งรอยยิ้มของลูกตาลก็ดูจางลงเมื่อคนตัวสูงมองเธอเหมือนต่อว่าอยู่ในใจ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของลูกตาลแทบจะกลายเป็นการฝืนยิ้ม

   เธอเองก็รู้ตัวดีว่าสาเหตุที่ต้องเลิกกันเพราะใคร แน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกเดินทางของตัวเอง เธอไม่ต่อว่าที่คณินมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น เพราะคนที่ผลักไสคณินออกไปและเลือกที่จะคบอีกฝ่ายเป็นเธอเอง อาจจะดูโง่ที่เอาเรื่องเวลามาอ้าง แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผิดน้อยลงที่บอกเลิกคณินก็เท่านั้น 

   “เหรอครับ ผมเพิ่งจะรู้ว่าโลกมันแคบขนาดนี้ พี่สองคนเป็นเพื่อนกันเหรอครับผมไม่ยักรู้”

   “เปล่า ลูกตาลเป็นแฟนเก่าของพี่ แต่ตอนนี้แค่คนรู้จัก”คนที่ตอบไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ยืนเงียบอยู่นาน คำตอบนั้นราวกับหยุดทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวของขนุนในทันที มันเหมือนกับมีใครเอาไม้มาเสียบกลางอกของขนุนจนรู้สึกเจ็บ ต้าและนิวที่ได้ยินก็ถึงกับเบิกตาโพลงเหลือบตามองขนุนที่หน้าสลดไปอย่างเห็นได้ชัด

   “เหรอครับ? ”ปลายเสียงของขนุนแผ่วลง รอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าค่อยๆ หดหาย ใจของขนุนราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะรูจนแฟบในชั่วพริบตา ไม่คิดว่าจะมีเรื่องให้ประหลาดใจขนาดนี้

   แม้จะทราบสถานะของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ขนุนกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วแต่เพราะไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเตะออกมาจากวงโคจรของคนที่ชอบ

   ระหว่างที่ขนุนนิ่งตกใจกับความสัมพันธ์ของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปเพราะสิ้นคำพูดในหัว แต่จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนก็ยื่นเข้ามาจับมือที่เย็นเยียบเอาไว้กะทันหันจนแน่นอย่างไม่มีคำอธิบาย ขนุนตกใจเล็กน้อยและมองไปตามท่อนแขนยาวที่คว้ามือตัวเองไปอย่างประหลาดใจ ปากจึงได้แต่อ้าค้างหน้ามึน อึนในความคิดจนทำอะไรไม่ถูก

   ขนุนได้แต่งับอากาศ มองคณินโดยที่อ่านความคิดคนตรงหน้าไม่ออก
 
   “ผมต้องพาขนุนกับเพื่อนไปกินข้าวแล้ว ขอโทษที่อยู่คุยด้วยได้ไม่นาน ถ้าไม่รบกวน.....ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้มั้ย? ”
   
   “.....”

   ลูกตาลมองคณินที่หยักยิ้มขึ้นมาตรงมุมปากบางๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแทบจะเป็นปกติกับเธอ ราวกับไม่เคยมีอดีตต่อกัน ไม่ใช่เพียงลูกตาลที่แปลกใจกับท่าทีเฉยเมยของคณินแบบนั้น แต่รวมถึงโจมผู้ซึ่งเห็นความรู้สึกของคณินมาตลอด ไม่คาดคิดว่าคณินจะสามารถยิ้มให้กับสิ่งที่เคยเสียใจที่สุดตรงหน้าได้โดยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย

   ปกติต้องเดินหนี หรือตีหน้าบึ้งไม่พูดจากับใครไปแล้ว

   ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้คณินกำลังคิดอะไร แต่ภายนอกนั้นมองเห็นได้ว่าคณินกำลังก้าวผ่านบางอย่างด้วยตัวเองโดยที่ไม่หันกลับไปเสียเวลากับความรู้สึกเดิมๆ อีกแล้ว ความรู้สึกโกรธ อยากต่อว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ทำแล้วได้อะไร? นั่นคือสิ่งที่คณินคิดมากกว่า
 
   เขาไม่ควรย่ำอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ เพราะคนรอบตัวก็พร้อมที่จะทำให้เขามีความสุขตั้งมากมาย

   การเดินออกมาจากจุดนั้นได้โดยไม่รู้สึกเจ็บอาจเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่การเทความรู้สึกกังวลไปแคร์หน้าหงอยๆ ของคนที่เดินอยู่ข้างๆ ก็น่าคิดคิดเหมือนกัน
 
   “พะพี่คณินครับ”ขนุนเหมือนต้องการจะบอกบางอย่าง และมองไปยังมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายกุมไว้ไม่ปล่อยแถมยังลากเดินออกมาไม่รู้ว่าคิดอะไร
 
   “ครับ? ”

   “เอ่อ.....”เป็นครั้งแรกที่ขนุนกระอักกระอ่วนที่จะพูดกับคณิน เหมือนความมั่นใจลดไปเกินครึ่งทันทีหลังจากที่เจอแจ็กพ็อตแตกต่อหน้า

   สะเทือนใจไม่น้อยที่รู้ว่าลูกตาลเป็นแฟนเก่าคณิน และดูเหมือนเรื่องที่โจมกับอนาวินเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้าจะย้อนกลับมาอยู่ในหัวอีกครั้ง คำถามจึงเกิดขึ้นมาในใจของขนุนให้ต้องกังวล

   พี่คณินยังชอบพี่ลูกตาลอยู่อีกรึเปล่า?

   แล้วมีโอกาสมั้ยที่ทั้งสองจะกลับมาคืนดีกัน?

   ขนุนจะเป็นผลไม่หรือเป็นหมาก็คราวนี้แหละ!

   “มีอะไรครับ?”

   “คือมือ เดี๋ยวคนจะมองเอานะครับ”

   “ไม่ชอบที่พี่จับมือเหรอ? ”

   ขนุนส่ายหน้าจนคอแทบหลุด หัวใจที่ว่าลีบแบนมันกำลังถูกเติมให้พองโตทีละนิดด้วยคำพูดที่ทำเอาขนุนคาดไม่ถึง “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมชอบ! เอ่อ...ผมหมายถึงไม่ได้รังเกียจแต่กลัวคนจะมองพี่คณินแปลกๆ ”

   “เราสนสายตาคนอื่นรึเปล่า? ”สีหน้าที่ดูจริงจังถึงกับสะกดสายตาของขนุนเอาไว้

   “ปะเปล่าครับ”ขนุนไม่รู้ว่าคณินคิดอะไร แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมามันทำให้ขนุนมึนงงไปหมด
 
   “งั้นพี่ก็ไม่”

   “เอ่อพี่คณินครับ”ขนุนเรียกคณินเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ขนุนหยุดเดินกะทันหันจนทำให้คณินต้องหยุดเดินไปด้วย

   “มีอะไรอีกครับ? ”

   ขนุนอึกอักก่อนตอบ“ไม่รู้ว่าพี่คณินจะรู้ตัวไหม แต่ว่าตอนนี้.....เพื่อนผมและเพื่อนพี่ เอ่อ หายหัวกันไปหมดแล้วนะครับ”ขนุนชี้นิ้วไปด้านหลังที่มีเพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่เหมือนถูกแช่แข็ง คิ้วสีอ่อนของขนุนขมวดย่นเพราะปั้นสีหน้าลำบาก ก่อนทุกอย่างจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อมีเสียงหลุดหัวเราะออกมาจากคนตัวสูง ใบหน้าที่ดูถมึงทึงค่อยๆ คลายออกเป็นใบหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มองมายังขนุน

   ตอนนี้ขนุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคณินหัวเราะเรื่องอะไร ดีใจที่เมื่อกี้เจอพี่ลูกตาล? เพื่อนหาย? หรือหัวเราะหน้าตาประหลาดของเขากันแน่

   ก็แน่ละขนุนไม่รู้ว่าตัวเองต้องยิ้ม ต้องหัวเราะ หรือต้องแสดงสีหน้าเศร้าสลดใจดี เหตุการณ์มันหลากหลายอารมณ์จนตัวเองก็ปรับสีหน้าไม่ถูก จะให้หัวเราะไปด้วยเศร้าไปด้วยก็ดูจะไม่ปกตินักคนเขาจะมองยังไง

   “ให้ผมโทรหาดีมั้ยครับ บางทีเราอาจจะเดินเร็วเกินไป”ขนุนดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แต่คณินกลับถือวิสาสะหยิบมันมาจากมือขนุน สั่นศีรษะก่อนกดปลายนิ้วไปยังปุ่มเล็กค้างไว้ทำการปิดเครื่อง แล้วส่งคืนขนุนทันที คนอึนมึนมองพฤติกรรมของคณินอย่างไม่เข้าใจนัก

   “ขนุน พี่ขอช่วยอะไรเราอย่างหนึ่งได้มั้ย? ”

   “ครับ? ”

   “ช่วยอยู่กับพี่จนกว่าพวกเพื่อนๆ จะหาเราเจอได้รึเปล่า”

   “เอ๊ะ? ”

   “ไปกันเถอะ”

   รู้ตัวอีกทีขนุนก็ถูกรอยยิ้มบางของคณินชักจูงไปซะแล้ว
 
   ไปโดยไม่ต้องฝืนบังคับ
 
   ไปโดยที่ไม่ต้องกลั่นกรองหรือชั่งใจคิด

   เท้าของขนุนมันทำงานและก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวของมันเอง แค่เห็นรอยยิ้มที่เหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่คณินมอบให้ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ความรู้สึกหดหู่และขาดความมั่นใจกำลังถูกเติมเต็มให้เหมือนเดิมอีกครั้ง แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ยังไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกไปจากเดิมของคนตรงหน้า แต่ขนุนก็รู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นมันอีกครั้ง

   ใจที่ว่าหดเล็กเท่าเม็ดทราย ตอนนี้กำลังพองโตขึ้นมาอีกครั้งอย่างกับบอลลูน เรียกได้ว่าฟื้นตัวเร็วยิ่งกว่าใช้ยาผีบอก ขนุนมองดูคณินที่เดินนำไปหลายก้าว มองไปยังข้างกายของคนตัวสูงอีกครั้ง แล้วบอกกับตัวเองว่ามันยังว่างเปล่า หากอยากจะได้ทำเลที่ดีต่อใจตรงนั้น ก็เลิกคิดหยุมหยิมแล้วเดินหน้าต่อไปได้แล้ว

   จะกลัวอะไรขนุน! ที่ยืนข้างพึ่คณินยังว่าง กะอีแค่เจอเจ้าของที่คนเก่าจะมาหวั่นทำไม!

   มีอะไรต้องกลัว? ยังไม่ถูกเตะโด่งออกมาก็แสดงว่ายังมีสิทธิ์ไม่ใช่รึไง!

   ขนุนปลุกระดมความคิดตัวเองให้ฮึดสู้ขึ้นมา เดินหน้าไม่สนว่าผลจะเป็นอย่างไร ไม่ไปให้สุดทางแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทางตันหรือต้องไปต่อ จะมายอมแพ้หมดโอกาสเพราะความกลัวได้ยังไง

   ขอโทษด้วยนะครับพี่ลูกตาล ผมชอบพี่คณินจริงๆ และหากจะให้ผมเป็นผู้ชายใจดีเหมือนหน้าตาผมยอมถูกด่าว่าผมมันตัวร้ายก็ยอม!

   “พี่คณินครับ!”เสียงตะโกนเรียกรั้งคนตรงหน้าให้เอี้ยวตัวหันมา

   “.....”

   “พี่คณินแน่ใจรึเปล่าว่าต้องการให้ผมอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้จริงๆ ”ขนุนมองแววตาคณินที่มองมา เหมือนใช้ความคิด คณินเองก็มองเจ้าของผิวขาวที่ยืนห่างเป็นวา ไล่มองไปจนถึงมือเล็กที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ไม่ยอมจะก้าวตามหากไม่ได้คำตอบ

   แน่นอนคณินไม่มีอะไรจะตอบคนที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเขา ทว่าคณินก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนตรงหน้านัก

   “ใกล้แค่นี้พอจะเป็นคำตอบของพี่ได้รึเปล่าครับ”

   สิ่งที่คณินใช้แทนคำพูดคือการกระทำ การยอมเดินย้อนกลับมาและมายืนอยู่ใกล้คนตรงหน้า “แบบนี้พอจะมั่นใจได้รึยัง”

   “ครับ”ขนุนครางรับเงยหน้าขึ้นสบตากับคณินที่อยู่ตรงหน้าห่างเพียงฝ่ามือลอด เล่นเอาขนุนไม่อยากได้คำตอบเป็นอย่างอื่นอีกเลย

   มันดีต่อใจจนคนตัวเล็กกว่าแทบคลั่ง นั่นไม่ต่างจากการเปิดทางให้ขนุนวิ่งเข้าสู่ใจกลางความรู้สึกของคณินเลย

   “ถ้าอย่างนั้น ก็เลิกทำหน้างุ้มหน้างอได้แล้วครับ”การเด็ดจมูกที่กร๊าวใจที่สุดคงต้องยกให้คณิน สัมผัสหยอกเย้าที่แสนอ่อนโยนมัดใจขนุนไปเต็มๆ จนแทบจะอดทนอดกลั้นไม่ไหว

   อยาก...อยากจับคนตรงหน้าทุ่มลงบนพื้นแล้วจู่โจมซะตรงนี้เลย

   “พี่คณิน.....”

   “อะไรอีกครับ เรียกพี่อย่างกับคนละเมอ”

   “ผม.....ผมขอ”

   “หืม ขอ? ”

   “ผมขอกอดพี่ตรงนี้ได้มั้ยครับ”

   “กอด? ”

   หมับ!

   ขนุนไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าจะอนุญาตหรือเปล่า แต่ทันทีที่เอ่ยขอออกไปเจ้าตัวก็อ้าแขนกว้างกอดคณินเต็มกอด กอดแน่นซะจนใบหน้าที่แดงเรื่อลามไปจนถึงใบหูจมอยู่ระหว่างอกของคณินด้วยความดีใจ โดยไม่สนว่าคนที่เดินผ่านไปมาจะมองหรือคิดยังไงในตอนนั้น

   “ดูสิๆ น่าอิจฉาจัง ฉันก็อยากมีพี่ชายให้อ้อนแบบนั้นบ้างเหมือนกัน”

   “พี่ชายท่าทางใจดี น่าอิจมากอ่ะแก กี๊สสสส!”

   สองสาวที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ซุบซิบนินทาในระยะผ่านไหล่ ขนุนถึงกับกระอักเลือดในใจเหมือนมีลูกศรขนาดใหญ่พุ่งมาปักด้านหลังและกำกับตัวอักษรโตๆ ว่า ‘น้องชาย’
 
   ขนุนแทบอยากจะปราดเข้าไปกระกาศกร้าวด้วยคำสบถด่าที่หยาบคายที่สุดในชีวิตกับพวกเธอ

   ‘ตาถั่วรึไง! ไม่มีน้องชายคนไหนอยากเอาพี่ตัวเองหรอกโว้ยยย! ’




บ้านขนุน

   “อา.....ไม่มีคนอยู่บ้าน ขโมยขออนุญาตยกทีวีไปแล้วนะครับ!”

   “หนุนลูก!”

   “ผมกลับมาแล้วครับแม่”หญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาตื่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องครัวถลาเข้ากอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างคิดถึงจนน้ำตาแทบปริ่ม ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ซ้ายขวาอย่างคิดถึงนัก ใบหน้าที่ยังดูสวยสะพรั่งเป็นคุณแม่ยังสาวยิ้มกว้างสองมือเข้าโอบใบหน้าลูกชาย
 
   “กลับมาทำไมไม่บอก ไหนหนุนบอกแม่ว่าจะมาช่วงเย็นๆ ตอนนี้เพิ่งเที่ยงเองนะ หากโทรมาแม่จะได้ขับรถไปรับที่ท่ารถตู้”

   “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ”ไม่ต้องบอกว่าขนุนได้รอยยิ้มที่สดใสแบบนั้นมาจากใคร

   “จะต้องเซอร์ไพรส์อะไรอีก แม้ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ มาไม่บอกเวลาเนี้ยแสบจริงๆ แบบนี้แม่ก็เป็นห่วงน่ะสิ”คนเป็นแม่ส่ายหน้าฟาดมือเบาๆ ไปที่แขนลูกชายที่ชอบทำให้เป็นห่วง

   “โถ่แม่ครับ หนุนโตแล้วอย่าเป็นห่วงเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่ครับ? ”คนโดนบ่นหักเหประเด็นได้อย่างแนบเนียน

   “เก็บของเข้าตู้เย็นครับ แม่เพิ่งกลับมาจากซื้อของข้างนอกน่ะ”

   “ให้ผมช่วยนะครับ”ขนุนคล้องแขนแม่เอียงหัวเข้าซบไหล่อย่างออดอ้อน เธอมองลูกชายที่นับวันจะตัวโตกว่าเธอด้วยแววตาอ่อนโยน คนเป็นแม่ถึงกับยิ้มกว้าง ไม่มีความสุขไหนดีที่สุดเท่ากับลูกชายคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
 
   “ไม่ต้องหรอก จะเสร็จแล้ว หนุนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนดีกว่าแล้วลงมากินข้าวเที่ยงพร้อมกัน ยังไม่กินอะไรมาใช่มั้ย? ”

   “ก็แน่สิครับ หิวมากเลย งั้นหนุนเอากระเป๋าไปเก็บแล้วจะรีบลงมานะครับ”ขนุนไม่ลืมที่จะกอดแม่แน่นๆ อีกครั้งให้หายคิดถึงโดยมีสองมือที่โอบตอบกลับมาเช่นกัน ขนุนจะผละออกจากออกแม่แล้วเข้าหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนเด็กไม่ยอมโต

   นั่นล่ะชีวิตปกติของสองแม่ลูกที่มีให้ดูแลกันอยู่แค่สองคน

   ขนุนไม่เคยเขินอายที่จะแสดงความรักต่อแม่โดยการกอดการหอม มันคือความอบอุ่นและความรักที่ไม่ต้องปกปิด เพราะไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายเราจะได้แสดงความรักต่อคนที่เรารักที่สุดครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ การพรากจากคือฝันร้ายที่เป็นจริงอย่างหลีกหนีไม่ได้

   ขนุนเคยผ่านความเจ็บปวดมาแล้ว แม่ของขนุนก็เช่นกัน

   ความเจ็บปวดในวันที่สูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปก็มากพอที่จะย้ำเตือนให้แม่ลูกกอดกุมมือกันให้แน่นยิ่งกว่าวันไหนๆ มันนานมากแล้วตั้งแต่ขนุนยังเด็กแต่ก็จำเรื่องราวได้ทุกอย่าง เหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครลืมเลือน แต่ก็ไม่อยากนึกถึงมัน จดจำไว้เพียงความรู้สึกผูกพันที่ตราตรึงอยู่ในใจของกันและกันมากกว่า

   “หนุนอย่าวิ่งขึ้นบันได!”

   “คร้าบบบบ!”

   “จริงๆ เลยลูกคนนี้”ผู้เป็นแม่มองแผ่นหลังที่เคยเล็กจ้อยแต่บัดนี้กลับกว้างขึ้นพร้อมกับส่วนสูงที่ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปด้วยรอยยิ้ม ละสายตาจากขนุนที่วิ่งตึงตังหายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไปยังภาพถ่ายสีซีดจางแต่กรอบภาพยังคงเหมือนใหม่เพราะถูกดูแลทำความสะอาดทุกวัน รอยยิ้มหวานและดวงตาที่อ่อนแสงลงพึมพำกับรูปภาพที่วางอยู่ในตู้แก้วทรงสูงราวกับคนในภาพยังมีชีวิต

   “ดูลูกเราสิคะ โตแต่ตัวจริงๆ เลย”

   เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มและเข้าครัวไปจัดโต๊ะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาสองคนแม่ลูก ซึ่งปกติที่บ้านจะมีป้าขิมผู้ที่แม่ของขนุนจ้างมาเป็นทั้งแม่บ้านและเพื่อนคุยด้วย แต่เพราะวันนี้เป็นวันพระเธอจึงให้ป้าขิมกลับไปกินข้าวกับลูกๆ ที่บ้าน หลังจากที่ตอนเช้ามาช่วยทำกับข้าวใส่บาตรพระแล้ว

   “อดเจอป้าขิมเลย กะจะแซวสักหน่อยว่าสาวสวยขึ้นเยอะ”

   “ก็เราไม่บอกล่วงหน้าว่าจะมาเร็ว แม่ก็บอกป้าแกไว้ว่าให้มาอีกทีตอนเย็น แล้วให้ชวนเจ้าโด่งมากินข้าวแล้วกินขนมด้วย”วันนี้เป็นวันดีอีกวัน เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของประภัสสรผู้เป็นแม่ของขนุน เธอเลยชักชวนคนใกล้ชิดมากินข้าวด้วยเป็นมื้อพิเศษๆ

   “เจ้าโด่งตัวซนตัวแสบน่ะเหรอครับ”ขนุนนึกถึงเจ้าเด็กแสบที่แก่แดดเป็นที่หนึ่ง อายุคือเด็กประถมแต่ใจนี่ไปมหาลัยแล้วก็ว่าได้

   “ใช่ ว่างๆ ก็มาเล่นที่บ้านบ่อย แล้วกลับพร้อมป้าขิมตอนเย็น”คนเป็นแม่พูดพร้อมกับตักของที่ขนุนชอบอย่างหมูทอดใส่จานให้ รู้ว่าขนุนไม่ชอบมะระยัดไส้แต่กินไก่สับข้างในได้ก็ตักเอาแต่ไส้แล้วใส่จานให้อย่างรู้ใจ

   “ไม่ได้เจอตั้งหลายเดือน สงสัยจะแสบขึ้นกว่าเดิมน่าดู”ขนุนหัวเราะรินน้ำเย็นๆ ใส่แก้วแล้วเลื่อนให้แม่

   “เสมอต้นเสมอปลายล่ะเจ้าโด่งน่ะ ว่าแต่หนุนเถอะ.....เป็นยังไงบ้างครับ แม่อยากคุยต่อจากโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อน”จู่ๆ คนเป็นแม่ก็วางช้อนประสานมือรองคางมองลูกชายตรงหน้าที่กลืนข้าวคำโตตามด้วยยกแก้วขึ้นดื่มน้ำอึกใหญ่ สายตาเลิ่กลั่กเขินอายผสมปนเปไปหมด

   “เรื่องอะไรครับ”

   “อย่าทำเป็นไม่รู้ คนที่หนุนชอบ ตอนนี้เรื่องเป็นยังไงบ้างแล้ว”

   “แม่ก็ถามไม่อ้อม”

   “อ้อมแล้วแม่จะรู้เรื่องเมื่อไหร่ล่ะ”ขนุนชั่งใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องคณินให้แม่ฟังดีหรือเปล่า แต่ส่วนหนึ่งก็ยังไม่มั่นใจเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยกธงเขียวให้เห็นกันซึ่งๆ หน้าว่าขนุนมีสิทธิ์เข้าไปครอบครองใจได้หรือไม่ ที่แล้วมามีแต่เรื่องกำกวมไม่ชัดเจน
 
   แม้ขนุนพยายามจะทำให้มันชัดเจนแต่ก็ยังคงเลือนรางกับคนที่มองมาอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นขนุนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องยอมแพ้ เข้าใจว่าคณินเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ความใจดีที่คณินมอบให้ก็ใช่ว่าจะต้องมองว่าอีกฝ่ายมีใจต่อตัวเอง คณินปฏิบัติต่อขนุนเหมือนคนพิเศษแต่ความเป็นจริงแล้วก็อาจจะแค่เอ็นดู แต่แค่นี้ขนุนก็พอใจแล้ว

   “ว่าไง เงียบคืออะไรครับ? ”

   “โถ่แม่ครับ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้หรอก ขอหนุนคิดอีกสักหน่อย โม้ออกไปกลัวขายขี้หน้าเพราะเขาไม่รัก”

   “ใครกันจะไม่ชอบลูกแม่ ออกจะน่ารักน่าตีขนาดนี้”คนเป็นแม่เอื้อมมือไปบีบแก้มลูกชายตัวเองเบาๆ ย้ายไปมาอย่างมันเขี้ยว

   “แม่อ่า! ไม่เคลมว่าน่าตีได้มั้ย สรรพคุณไม่ชวนซื้อเลย”ขนุนทำปากแบนกะพริบตาใสเหมือนงอนคนตรงหน้า

   “เอ้า ก็มันจริงนี่ จะให้แม่เคลมว่าหนุนลูกแม่เรียบร้อย พูดน้อย ขี้อายเหรอ”คนเป็นแม่เย้าหยอก

   “โกหกสักนิดก็ได้ครับ”

   “เจ้าลูกคนนี้!”

   ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของผู้เป็นแม่ก็สว่างขึ้น การแจ้งเตือนของไลน์เด้งขึ้นมา เจ้าของโทรศัพท์จึงคว้าเข้าเปิดอ่าน อมยิ้มให้กับข้อความที่พิมพ์มาค่อนข้างยาว ก่อนจะพิมพ์ตอบแล้ววางโทรศัพท์

   “ใครเหรอครับ เอ๊ะ! หรือว่ากิ๊กกับใครอยู่เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”

   “พูดเพ้อเจ้อน่ะหนุน เพื่อนแม่ที่รู้จักต่างหาก หนุนคงจะจำไม่ได้เพราะตอนนั้นหนุนเด็กมากคุณรีเขาใจดีกับลูกมากๆ เลยด้วย เคยซื้อของเล่นให้ตั้งหลายอย่างตอนเด็กๆ แต่สุดท้ายก็ยอมทิ้งของเล่นไปเล่นกับคุณพี่เขาอยู่ดี วันนี้คุณรีส่งข้อความมาอวยพรวันเกิด และบอกว่าจะส่งของขวัญมาให้ เข้าใจรึยังครับ”

   “หว้า อดแซวต่อเลย”ขนุนถอนหายใจแรง จนผู้เป็นแม่ต้องง้างมือขึ้นกลางอากาศอยากจะฟาดสักที แต่ก็นั่นแหละแค่คิด พออีกฝ่ายส่งสายตาอ้อนหวานๆ มาก็ลดมือลงแทบไม่ทัน

   ประภัสสรรู้ว่าขนุนชอบพูดแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าการมีขนุนอยู่จะเป็นภาระชีวิตให้เธอไมมีความสุขในความรัก ประภัสสรรู้ว่าขนุนไม่ใช่เด็กใจแคบและหวังให้แม่ของตัวเองมีความสุข ไม่ต้องอยู่แบบเหงาๆ โดดเดี่ยวไปวันๆ แต่เธอเองกลับคิดว่าตัวเองพอแล้ว ในใจไม่มีอะไรต้องให้เติมอีก เธอได้รับความรักจนล้นแม้กระทั่งจากสามีที่จากไปแล้วและจากลูกของตัวเอง
 
   มีแต่ขนุนมากกว่าที่เธออยากจะให้มีความสุขไม่แพ้ตัวเธอเอง ไม่อยากให้ต้องคิดว่าต้องคอยเติมให้คนอื่นมีความสุขจนลืมนึกถึงหัวใจตัวเอง ขนุนมักจะเป็นแบบนั้น ร่าเริง สดใส แต่ข้างในกลับมีรูเล็กๆ ที่มองไม่เห็น บางครั้งประภัสสรก็ไม่อาจเติมรูรั่วเหล่านั้นให้เต็มได้ เธอทำหน้าที่แม่และพ่อในคนคนเดียวกันย่อมรู้ว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่ใจคิด

   “ว่าแต่.....คุณพี่ที่แม่หมายถึงนี่ใครเหรอครับ ไม่ยักรู้ว่าผมรู้จักคนชื่อแบบนั้นด้วย”

   “อาจจะนานมาก หนุนคงจำไม่ได้.....ก็ตอนนั้น”

   กิ๊งก่อง!

   ไม่ทันที่ประภัสสรจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

   “สงสัยจะเป็นไปรษณีย์ หนุนเก็บโต๊ะด้วยนะครับ แม่อิ่มแล้ว เดี๋ยวแม่ออกไปเอาของแป๊บนึงล้างจานด้วยล่ะ”แม่ของขนุนเอื้อมมือมาแตะหลังมือลูกชายของตัวเองเบาๆ เป็นการบอก ก่อนจะรีบร้อนลุกออกไปในทันที

   “อ่าครับ.....”ขนุนพยักหน้าลุกขึ้นเก็บถ้วยเก็บจานบนโต๊ะตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด จัดการกวาดเก็บกระทั่งล้างจานคว่ำไว้เรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่ออกไปนานเลยเดินตามออกไป แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่จะเดินเข้าบ้านมาซะก่อนพร้อมกับหิ้วถุงกระดาษใบหน้าสีดำเข้ามาหน้าตายิ้มแย้ม

   “ไม่ใช่พี่ไปรฯ หรอกเหรอครับ? ”ขนุนสงสัยเพราะดูยังไงของที่หิ้วมาก็ไม่น่าจะใช่พัสดุที่ทางไปรษณีย์นำมาส่ง

   “อืม พอดีมีคนเอาของมาให้จากคุณรีที่แม่บอกเมื่อกี้จำได้ไหม”

   “อ๋อครับ แล้วแม่คุยกับใครอยู่ตั้งนานจนผมจะออกมาตามแล้วเนี้ย”ขนุนยื่นมือเข้าไปช่วยถือถุงกระดาษจากมือแม่ทำท่าชะเง้อมองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นใคร

   “จริงสิ คนที่แม่เจอเมื่อกี้คือคนที่หนุนถามถึงนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่แม่พยายามชวนเค้าเข้าบ้านเราแล้วแต่อีกฝ่ายดันมีธุระด่วนซะอย่างนั้น ตอนนี้ดูเหมือนจะโตขึ้นเยอะเลยจนแม่แทบจำไม่ได้ เค้าสูงกว่าลูกอีกนะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเชียว”

   “คุณพี่ที่แม่พูดถึงน่ะเหรอครับ? ”ขนุนขมวดคิ้วถามเอียงหน้าครุ่นคิด

   “อื้ม”

   “หนุนไปไหนลูก! ”จู่ๆ ขนุนก็วิ่งออกไปคล้ายอยากรู้อยากเห็นอย่างกะทันหัน วิ่งออกไปรองเท้าก็ไม่ใส่เพื่อที่จะดูหน้าว่าคุณพี่ที่ว่าเป็นใคร ขนุนออกไปก็เห็นแผ่นหลังที่สวมเสื้อเชิตสีขาวผ่านซี่ประตูรั้วแว็บๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังเดินข้ามไปอีกฝั่งถนนแคบๆ ในซอยหมู่บ้านไปยังรถที่น่าจะจอดอยู่ ขนุนมองไม่ชัดเจนพยายามชะเง้อสุดความสูงแต่ดันมีรถดูดส้วมคันใหญ่ของเทศบาลผ่านมาบังซะก่อน จนคนที่ต้องการเห็นหน้าก็ดันขับรถสวนกลับออกไปพอดีจนไม่ได้เจอ

   “ออกมาดูพี่เขาเหรอหนุน? ”

   “ครับ”

   “ทันเจอมั้ย? ”

   ขนุนส่ายหน้าไหวไหล่“ไม่ครับ”

   “ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าอีก เข้าบ้านเถอะ”

   ‘ตอนเด็กๆ มีคนที่เราจำไม่ได้ด้วยเหรอ แปลกจัง?’






ติดตามตอนต่อไป >>>



ขอบคุณนักอ่านที่แวะมาอีกครั้งค่า  :กอด1:

โดย หลานฮวา


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

หรือว่าโลกจะกลม

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสัยจะใช่แน่ๆ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ขอเชียร์ให้คุณพี่คนนั้นคือพี่ไม้เอกได้ไหม  :m23:
 :pig4:

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 14




   ขนุน : พี่คณินอยากได้ของฝากอะไรบ้างครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับแล้ว
   
   Kanin : ไม่ครับ ขนุนกลับมาปลอดภัยก็พอ

   ขนุน : ผมกลับมาบ้านนะครับ ไม่ได้ลาไปรบ 

   Kanin : พี่อวยพรเรื่องเดินทางครับ

   ขนุน : แหะๆ ชอบคุณครับ

   Kanin : ชอบ? จะอ้างว่านิ้วเบียดอีก?

   ขนุน : มุกเก่าเอามาเล่นใหม่ไม่ได้เหรอครับ

   ขนุน : (สติ๊กเกอร์ส่งสายตาอ้อนวอน)

   Kanin : มัน out แล้วคับ

   ขนุน : ก็.....ผมบอกหลายรอบแล้วว่าชอบพี่

   Kanin : ครับคุณน้องขนุน

   ขนุน : ฮือออออ

   Kanin : ฮือ? อะไรครับ

   ขนุน : เปล่าครับ ผมครางเฉยๆ

   Kanin : อย่าครางครับ พี่ไม่ถนัดคุย Dirty Talk

   ขนุน : (สติ๊กเกอร์เขิน)

   ขนุน : ผมไม่ได้สื่อแบบนั้น โถ่ พี่คณินทำผมเสียหาย รับผิดชอบเลย T^T

   Kanin : โอ๋ พี่ล้อเล่นครับ

   ขนุน : ล้อเล่นแต่ทำให้ผมคิดจริงนะครับ รับผิดชอบไหวมั้ยล่ะครับ

   Kanin : ได้ครับ

   ขนุน : Yessss

   Kanin : xx/xx/2019 13.00 น.

   ขนุน : คืออะไรครับ???

   Kanin : วันเวลานัด พี่จะรับผิดชอบดูแลช่องปากให้ฟรีไม่คิดเงินเลยก็แล้วกัน มาเป็นคนไข้ตามที่สัญญากับพี่ด้วยนะครับ

   ขนุน : พี่คณินครับ ผมดีใจจนน้ำตาจะไหลเลย

   ใครจะไปรู้ว่าขนุนแทบอยากจะวิ่งเอาหัวไปจุมชักโครกกับคำตอบที่ได้

   Kanin : รู้นะว่าประชดพี่น่ะ เอาเถอะดึกแล้วนอนได้แล้วนะครับ แล้วเจอกัน

   ขนุน : ครับ

   Kanin : (สติ๊กเกอร์จุ๊บหน้าผาก)

   “พี่ทำอย่างนี้ฆ่าผมเถอะ อยากกลับไปเจอหน้าไวๆ แล้ว”

   คนที่วางโทรศัพท์แนบอกแดดิ้นอยู่บนเตียงของตัวเองไปมา หัวใจเต้นระรัวกับสติ๊กเกอร์ตัวเดียวที่ทำเอาเจ้าของแก้มขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ บรรยากาศชวนฟินจนขนุนต้องควานหาหูฟังเพื่อใส่ดนตรีลงไปในหัวใจที่เต้นระรัวของตัวเอง แต่เพราะของที่อยากได้อย่างหูฟังขนุนดันไม่ได้หยิบมาด้วยจากหอ เลยต้องเปิดลิ้นชักใกล้เตียงใช้อันเก่าที่สำรองไว้ที่บ้าน นานครั้งถึงจะเปิดลิ้นชักดูสักที สายตาของขนุนก็สะดุดเข้ากับกล่องเหล็กที่อดีตเคยเป็นกล่องช็อกโกแลตใบเล็ก มันค่อนข้างเก่าแล้วแต่ยังมีสภาพดีอยู่

   บางอย่างทำให้ขนุนต้องเปิดมันดูอีกครั้งด้วยอารมณ์ระลึกความหลังที่จำได้รางๆ

   กึก!

   ฝากล่องถูกเปิดออกค่อนข้างยาก แต่ข้างในดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกอมลูกกวาด บ้างก็มีห่อลูกอมที่กินแล้วแต่ขนุนก็เลือกที่จะเก็บไว้ ความทรงจำบางๆ วัยเด็กจึงย้อนกลับมา

   ขนุนจำได้ว่ามีคนใจดีให้ ทุกครั้งที่เขาร้องไห้ก็ได้ค่าจ้างปิดปากเป็นลูกอมพวกนี้แหละ แต่เพราะช่วงนั้นขนุนฟันผุถูกแม่สั่งห้ามพวกของหวานน้ำตาล ขนุนเลยจำต้องแอบเอามาเก็บไว้และร้องไห้หนักเพราะแอบกินลูกอมที่เก็บไว้จนปวดฟัน กระทั่งเลือกที่จะเก็บไว้แทนที่จะกินให้หมด เก็บจนมันมีจำนวนเยอะเท่ากับจำนวนครั้งที่ขนุนได้รับจากพี่ชายใจดีในตอนนั้น

   แต่น่าเสียดายที่ขนุนจำหน้าคนคนนั้นไม่ได้ซะแล้ว นึกยังไงก็จำได้เพียงมือที่หยิบยื่นลูกอมพวกนี้ให้เขาก็เท่านั้น

   “กินสักเม็ดมันคงยังไม่หมดอายุหรอกมั้ง”

   ลูกอมรสหวานติดลิ้นถูกแกะออกจากห่อพลาสติกที่เหนียวหนืดก่อนโยนใส่ปาก ขนุนล้มตัวลงนอนจัดการเปิดเพลงที่ตัวเองชอบแล้วนอนแผ่หลาไปบนเตียงยิ้มให้กับเพดานห้อง ทำนองเพลง และรสชาติหวานปะแล่มๆ ในปาก

   สีหน้าพาฝันช่างมีความสุขจนดวงตาระยิบระยับไปหมด



   
   “ต้าฝากบอกนิวด้วยนะว่าวันนี้เลื่อนนัดกินข้าวกันไปก่อน เราจะเอาขนมไปฝากพี่คณิน”

   [ไม่คิดจะกลับหอก่อนรึไง มาถึงก็วิ่งปรู๊ดไปอีกบ้านทันที เดี๋ยวนี้เป็นผู้ชายหลายบ้านนะมึง ]

   “โถ่ต้าแค่แป๊บเดียวเอง แต่อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกนิวนะ เดี๋ยวก็บ่นเราอีก”

   [ก็สมควรมั้ย แล้วนี่จะกลับหอกี่โมง ไอ้ที่บอกแป็บนึงเนี้ยเช้าป่ะ? ]

   “ไม่เช้านาเดี๋ยวก็กลับ แต่อาจดึกหน่อย เอ๊ะ? ต้าเหงาเหรอ”

   [เออดิ]

   “ดูเสียงไม่ค่อยดี หรือทะเลาะกับจ๊ะเอ๋? ”

   [งอนๆ กันนิดหน่อย เอาเป็นว่ากลับเมื่อไหร่โทรมาละกัน]

   “อือ เดี๋ยวเราเอาขนมไปฝาก ให้ต้าเอาไปง้อจ๊ะเอ๋ อย่าเพิ่งทะเลาะกันหนักนะ”

   [เออ ไม่ต้องห่วง ห่วงตัวเองก่อนเหอะ]

   “หึ! งั้นแค่นี้นะต้า”

   ขนุนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ก่อนจะคว้ากุญแจสำรองในกระเป๋าที่คณินให้และไขเข้าบ้านไปพร้อมเสียงที่ตะโกนนำส่งสัญญาณให้เจ้าของบ้านลำดับที่ 2 รับรู้

   “ไข่ดาว! หนุนมาแล้วววว!”

   “โฮ่ง! โฮ่ง!”เสียงเห่าขานรับวิ่งไปมาภายในคอกกั้น ท่าทางดีอกดีใจเสียงรองหงิงๆ และหางที่กระดิกจนแทบจะหลุดเป็นอันรู้กัน

   “ฮันแน่! คิดถึงเราอ่ะดิ”ขนุนเข้าไปเปิดคอกกั้น ปล่อยไข่ดาวให้ได้วิ่งออกมา ขนุนเข้าใจดีว่าทำไมถึงไม่ยอมปล่อยให้ไข่ดาวได้วิ่งไปรอบๆ บ้านเวลาที่คณินไม่อยู่ เพราะจากที่คณินบอกเรื่องที่ไข่ดาวชอบแอบปีนรั้วหนีไปเที่ยวเลยต้องใส่คอกกั้นสูงๆ เอาไว้
 
   เจ้าหมาตัวแสบวิ่งกระโจนเข้าหาขนุนอย่างดีใจ จนคนร่างเล็กล้มลงนั่งจนถูกอีกฝ่ายเข้าเลียหน้าเลียตากว่าจะได้เข้าบ้านก็แทบหมดเรี่ยวแรง ทันทีที่เข้าไปบรรยากาศคุ้นเคยก็ทำเอาขนุนยิ้มแก้มปริ สูดหายใจเอากลิ่นบรรยากาศที่แสนคิดถึงและทิ้งตัวลงบนโซฟา ก่อนที่เจ้าไข่ดาวจะกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆ แล้วจ้องหน้าขนุนเอียงคอเหมือนมีคำถาม

   “เราไม่อยู่หลายวันมีใครมาบ้านพี่คณินนอกจากเราป่ะ....”

   “ชิ่ว!”

   “เฮ้ย! อย่ามาจามใส่เราดิ เราตัวเหม็นขนาดนั้นรึไง นี่อาบน้ำแล้วนะ”คนคุยเก่งหันไปดุไข่ดาวก่อนจะได้ยินเสียงรถที่ขับเข้ามาจอดในบ้าน ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร เล่นเอาทั้งคนทั้งหมาดีดตัวลุกและแข่งขันกันไปยืนรอรับเจ้าของบ้านหน้าสลอน ไข่ดาวเองก็คงไม่อยากน้อยหน้าเข้าไปรับคณินถึงประตูรถฝั่งคนขับที่หอบเอาของลงจากรถหลายอย่างจนขนุนต้องอาสาเข้าไปช่วยถือและช่วยนำของไปเก็บ คณินเข้าครัวไปเทอาหารเม็ดให้ไข่ดาวเต็มถ้วย และพากันออกมาพูดคุยกันที่ห้องรับแขกของบ้าน
 
   ตั้งแต่ลงรถมาขนุนก็สังเกตเห็นว่าคณินดูเหนื่อยๆ เลยเลือกที่จะเป็นเพื่อนคุยและเล่าถึงกิจกรรมที่บ้านของตัวเอง ก่อนจะหยิบเอาของฝากมาให้

   “บอกแล้วไงว่า คนกลับมาปลอดภัยไม่ต้องเอาอะไรมาฝาก”

   “มันเป็นธรรมเนียมครับ ไปไหนมาไหนก็ต้องมีของฝากถึงจะถูก”

   “เยอะขนาดนี้พี่ขอแบ่งไปให้เพื่อนช่วยกินนะ”

   “ตามสบายเลยครับ ผมก็เอามาเผื่อพี่วินพี่โจมนั่นแหละครับ เอ่อ.....พี่คณินครับ”

   “ครับ? ”คนถูกเรียกหันไปตามเสียง มองขนุนที่จู่ๆ ก็นิ่งลง คณินจับสายตาได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนมีบางอย่างในใจ เลยเลือกที่จะรอให้ขนุนพร้อมที่จะพูดออกมาเอง ตามความสบายใจ

   “หลังจากวันนั้นเหตุการณ์ที่ห้าง พี่คณินโอเคแล้วใช่มั้ยครับ ผมแค่ถามเพราะดูสีหน้าพี่คณินเหนื่อยๆ เหมือนมีเรื่องกลุ้มใจ”ขนุนก็ลังเลไม่น้อยว่าควรจะพูดเรื่องแบบนี้ออกไปหรือเปล่า แต่ถ้าไม่พูดก็คงไม่รู้

   “พี่ไม่เป็นไรแล้ว ก็เสียขวัญนิดหน่อยเหมือนกัน”คนตรงหน้ายิ้ม แอบถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดต่อ “หลังจากวันนั้นพี่รู้สึกโล่งขึ้น ต่อให้เจอลูกตาลพี่คงไม่รู้สึกอะไรแล้ว อาจจะแค่.....”คิ้วได้รูปขมวดเหมือนคิดบางอย่าง แต่สายตากลับมองไปที่ขนุนที่นั่งฟังคณินตาแบ๊ว เหมือนกำลังลุ้นตอนจบของละครสักเรื่อง

   “ยังไงต่อครับ”

   “ก็อาจจะแค่คิดว่า พี่เสียเวลาไปกับเรื่องแบบนั้นนานไปหน่อย เจ็บนานไปหน่อย คิดมากนานไปหน่อยเท่านั้นเอง”

   “นั่นเค้าไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้วนะครับ”เจ้าของแขนเล็กกอดหมอนอิงแน่น ท่าที่ฟึดฟัดเล็กน้อยเหมือนเคืองคนตรงหน้าอยู่ลึกๆ 

   “ก็ไม่รู้สิ แต่บางทีพี่อาจจะไม่ฉลาดในเรื่องพวกนี้ก็ได้”

   “พี่คณินครับ”สีหน้าหงอยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ เอื้อมมือเล็กมาแตะตรงลำแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อแล้วพูดขึ้น “ไม่มีใครฉลาดในเรื่องพวกนี้หรอกนะครับ ทั้งพี่ ทั้งผมต่างก็สามารถผิดพลาดกับเรื่องพวกนี้ได้ทั้งนั้น ความรักคือการกล้าได้กล้าเสียครับ ถ้าเราไม่ยอมทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกข้างใน ก็ไม่มีทางหรอกครับที่จะรู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง อย่าไปกังวลเรื่องที่แล้วๆ มาเลยนะครับ เริ่มต้นใหม่ได้เสมอถ้าพี่คณินพร้อม”

   “ถามจริง.....ใครสอนให้พูดอะไรแบบนี้”คนถูกปลอบขยับตัวมาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปมองตาใสๆ ที่กลอกกลิ้งไปมา

   “ก็....ได้ยินมาจากคนอื่นบ้างน่ะครับ แต่ที่บอกว่าให้พี่คณินเริ่มต้นใหม่ อันนี้ผมพูดจากใจนะครับ”

   “ใจเราน่ะเหรอ? ”สายตาของคณินที่จ้องมองขนุนผ่านแววตากลมใสเอ่ยถามขึ้น คล้ายอยากดูปฏิกิริยาของขนุนว่าจะตอบออกมาอย่างไร คณินเองก็ชักไม่แน่ใจว่าทุกครั้งที่เขาจงใจหลีกเลี่ยงและถอยห่างความรู้สึกของขนุนนั้นมันใจร้ายมากเกินไปไหม

   ตอนแรกก็แค่คิด.....คิดว่าขนุนเป็นคนนี่น่ารัก อยู่ด้วยแล้วสบายใจไม่ได้มีความรู้สึกแอบแฝงไปมากกว่าความเป็นพี่เป็นน้อง แต่ช่วงหลังๆ คณินกลับไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองคิดยังไงกับคนตรงหน้ากันแน่ ทุกครั้งที่ขนุนเข้าหาเขาด้วยความรู้สึกตรงๆ ก็ทำเอาคณินไขว้เขวไปเหมือนกัน

   บางทีอาจเป็นเพราะความรักที่จบไม่สวยจึงทำให้คณินรู้สึกว่าเขายังไม่พร้อมที่จะมองใครหรือชอบใครได้ในตอนนี้ก็เท่านั้น

   “ถ้าผมจะตอบตรงๆ ว่าใช่ล่ะครับ พี่คณินจะบ่ายเบี่ยงคำตอบผมไหม”สายตาจริงจังมองเข้าไปในแววตาของคนตรงหน้า ขนุนได้ต้องการบีบบังคับจิตใจคณินให้ยอมรับเขา แต่แค่อยากให้เอาความรู้สึกที่ให้ไปพิจารณาดูอย่างจริงจังบ้างก็เท่านั้น

   “พี่ขอโทษ”

   “ขอโทษเรื่องอะไรครับผมงงนะเนี้ย ผมว่าคุยเรื่องนี้มันดูเครียดๆ เลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่านะครับ ผมไม่ถนัดรับมือ เอิ่ม....เอาเป็นว่าผมกลับก่อนดีกว่าครับ พี่คณินจะได้พักผ่อน”ขนุนยิ้มฝืดดันตัวลุกขึ้นตั้งใจจะให้คนตรงหน้าใช้เวลาส่วนตัวคิดบางอย่าง แต่ทว่ากลับโดนดึงมือกลับมาให้นั่งลงที่เดิม จนขนุนต้องหันไปมองคณินตาเบิกโพลง

   “อย่าเพิ่งกลับสิ รอกินข้าวกับพี่ก่อน แต่ตอนนี้พี่ของีบ 10 นาที เหนื่อยมาก ตกลงนะครับ”

   ไม่ทันที่ขนุนจะได้พูดอะไรออกไปคนตัวสูงจู่ๆ ก็ล้มตัวลงนอนเอาตักขนุนแทนหมอนแล้วจัดการปิดสวิตช์ตัวเองในทันที

   พี่คณินขี้โกง!

   “คะคือ...ผม”

   “ถ้ารังเกียจขนุนจะลุกไปเลยก็ได้นะ พี่โอเค”เสียงพึมพำขยับปากพูดขึ้นในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างปิดอยู่ คนถูกใช้ตักเป็นหมอนแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเห็นคนที่ชอบหนุนตักอยู่ตรงหน้า ใครบ้างจะผลักไสได้ลง มีแต่จะทำให้ในใจมันล้นปรี่ไปด้วยความรู้สึกมีความสุขมากกว่า.....สุขแบบเจ็บๆ
 
   “ก็ได้ครับ”เสียงแผ่วงับคำรับอย่างสดุดี

   ขนุนไม่รู้หรอกว่าในความคิดของคณินมองเขาในสถานะไหน แต่สำหรับขนุนแล้ว ไม่เคยมองคณินเปลี่ยนไปจากวันแรกที่เจอ ชอบยังไงก็ยังชอบอยู่แบบนั้น แล้วอย่างนี้ขนุนจะปฏิเสธแล้วลุกไปได้ยังไง

   จนแล้วจนรอดขนุนก็ยอมให้คณินใช้ตักตัวเองต่างหมอนหนุนนอนยืดตัวเหยียดยาวอยู่บนโซฟา ไข่ดาวก็มานอนฟุบหลับอยู่ที่พื้นด้านล่างไม่ห่างเจ้าของเลย ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาจนครบ 10 นาทีแล้ว แต่ขนุนกลับยังไม่กล้าปลุกคณินให้ตื่นขึ้น ได้แต่จ้องมองใบหน้าที่หลับสนิทตลอดหลายนาทีที่ผ่านมาด้วยแววตานิ่งเรียบ ซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ในแววตาอ่อนแสงที่หรี่ลง

   “ถ้าผมบอกว่าชอบพี่อีกครั้ง.....พี่จะยังคิดว่ามันเป็นมุกอีกรึเปล่า”เสียงแผ่วพึมพำมองใบหน้าของคณินที่ยื้อขนุนไว้โดยไม่รู้สถานะ แต่สำหรับขนุนแล้วความรู้สึกของเขาชัดเจนเสมอ ตอนนี้ถึงได้รู้สึกเจ็บที่อกซ้ายแปลกๆ เวลาคิดไปว่าคนตรงหน้าไม่ได้ชอบตอบ

   เอาจริงๆ ก็เหมือนจะหมดแรงวิ่งตาม แต่เพราะคิดว่ายังมีความหวังอยู่บ้างเลยต้องวิ่งต่อไป

   “.....”

   “พี่รู้มั้ย ตั้งแต่ผมเจอพี่จนถึงตอนนี้ควมรู้สึกของผมมันไม่เคยเปลี่ยนเลย นิวก็มักจะเตือนผมอยู่บ่อยๆ ว่าให้ผมเตรียมใจไว้บ้าง แต่ผมคงดื้อแหละเพราะใจของผมมันรั้นกว่าที่ใครๆ คิดเยอะ แต่ไม่ว่ายังไง.....ผมอยากให้พี่รับรู้ไว้ด้วยว่าขนุนคนนี้ชอบพี่จริงๆ นะครับ และคำว่าชอบของผมไม่ใช่ในฐานะพี่ชายแม้แต่น้อย ผมเป็นน้องชายให้พี่ไม่ได้หรอกครับ”

   แววตาที่เคยกลมใสไม่ได้ดูน่ารักอย่างที่เคย แต่มันกลับกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเหมือนผู้ชายทั่วไป ความวูบไหวที่ซ่อนอยู่ในแววตาราวกับฉายชัดออกมาในเสี้ยวนาทีหนึ่ง

   และตอนนั้นขนุนเลือกที่จะทำบางอย่าง โดยโน้มใบหน้าของตัวเองลงและกดริมฝีปากของตัวเองทาบไปบนเรียวปากของคณินที่ยังคงหลับตานิ่งแล้วขยับเบาๆ ราวกับให้รู้สึกถึงลมหายใจแผ่วๆ จูบที่ไม่ได้เนิ่นนานแต่เขย่าหัวใจของขนุนให้เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

   ทันทีที่รู้ตัวว่าใจกล้าทำอะไรลงไป ขนุนก็แทบคำรามให้ลั่นบ้าน

   จูบ จูบพี่คณินไปแล้ว!!!

   มือใหม่ขโมยจูบอย่างขนุนถึงกับลนลาน แอบสับเปลี่ยนต้นขาตัวเองกับหมอนอิงให้คณินหนุนแทน และรีบย่องกลับออกไป

   “ชู้วววว….ห้ามบอกพี่คณินเข้าใจมั้ยไข่ดาว”คนหน้าแดงเป็นกุ้งต้มเก็บคว้าข้าวของสัมภาระของตัวเองได้แล้วก็รีบออกไปในทัน ไข่ดาวทำหน้าที่วิ่งตามไปส่งไม่เห่าใส่สักคำเดียว ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ กลับมาหาคณิน ไข่ดาวส่งสี่หน้าสงสัยกับท่าทีของคนทั้งสอง

   พลันเสียงประตูรั้วของบ้านปิดลง คนที่แสร้งนอนหลับก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ยกนิ้วขึ้นสัมผัสริมฝีปากตัวเองก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วหันหน้ามองไปยังด้านนอกของบ้านผ่านกระจกใสบานกว้าง จากมุมปากที่แทบไม่ขยับกลับคลี่ยิ้มขึ้นมา ย้ายสายตาไปมองยังปลายนิ้วที่เพิ่งแตะไปยังริมฝีปากตัวเอง

   “ชอบพี่ขนาดนั้นเชียว”





   ปัง!

   เสียงประตูที่ปิดลงพร้อมแผ่นหลังเล็กที่คล้ายหอบโยนดันชิดหลังประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อและแก้มขาวที่แดงเรื่อมองยังไงก็ปิดไม่มิดด้วยสีหน้าแววตาเป็นประกายขนาดนั้น ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายไปแอบจูบเขาก่อนแท้ๆ แต่กลับเขินเสียเองจนลนลานไปหมด

   ขนุนอยากจะถลาโยนตัวเองลงไปบนเตียงนุ่มๆ อยู่แล้วเชียวหากไม่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาซะก่อนชุดใหญ่ไฟกะพริบแทบไม่ทัน

   ก๊อก! ก๊อก!

   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   แค่จังหวะขนุนก็รู้แล้วว่าใคร

   “ปะเปิดแล้ว”

   “เคาะไม่เปิด กูเห็นนะเมื่อกี้มึงรีบวิ่งเข้าห้อง ดีนะกูตามมาทัน”คนที่แทบจะพังประตูเข้ามาเป็นนิว ที่มาพร้อมสายตาดุๆ เหมือนจับได้ว่าลูกหนีเที่ยว ส่วนต้าเจ้าของฐานลับห้องข้างๆ ก็ตบไหล่ให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ

   “นิว ต้า”

   “ตกใจอะไรขนาดนั้นไอ้ขนุน ดูเหงื่อ ดูหน้า แดงจนจะระเบิด นี่มึงเป็นไรวะ”ต้าชี้นิ้วนิ้ว

   “คือว่า.....”ขนุนไม่พูดต่อแต่เลือกที่จะเดินเข้าไปข้างในห้องโยนสัมพาระต่างๆ ลงบนเตียงนอนแล้วเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา โดยมีต้าและนิวเดินตามเป็นเงา

   “ถามไม่ตอบ กูมารอมึงตั้งแต่หกโมงเย็นแล้วนะเว้ย ผิดนัดไปหาคนอื่นคิดว่ากูยอมรึไงไอ้ขนุน”

   “ต้าบอกนิว? ”คนตาใสหันไปมองต้า ที่หลบสายตาอย่างไม่รู้ไม่ชี้

   “ก็ ก็มึงไม่หลับหอ...กูรอนานเลยบอกเรื่องมึงไปหาพี่คณินกับไอ้นิว”

   “ขี้ฟ้องอ่ะต้า”

   “ไม่ต้องทำตาค้อนใส่ไอ้ต้ามันเลย ตกลงนี่มึงเป็นอะไร หน้ายังแดงไม่หายเป็นเหี้ยไรเนี้ย ไหนกูดู? ”นิวยื่นมือไปเชยหน้าขนุนที่กะพริบตาปริบเหมือนมีลับลมคมใน

   “เรา ไม่มีอะไร”

   “ไม่มีทำไมต้องหลบตาวะ ท่าทางมีพิรุจ! แบบนี้มึงต้องมีอะไรแน่ๆ ”ต้าขมวดคิ้วจ้องเขม้นยื่นหน้ามาใกล้ขนุน สังเกตความผิดปกติของเพื่อนรักที่ลุกลี้ลุกลนเป็นพิเศษแบบใส่ไข่สองฟอง

   “เอ่อ”ขนุนลุกจากเก้าอี้ที่นั่งตรงโต๊ะอ่านหนังสือ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น

   “เอ่อ อ่า อะไรของมึง เดี๋ยวนี้มีอะไรไม่บอก ปิดบังพวกกูสินะ ใช่ซี่! พวกกูมันไม่มีค่ากับมึงแล้วสินะ หึ”

   “เห้ยต้า เราไม่ได้คิดแบบนั้น”

   “งั้นก็บอกมา! ”สองสายตาจ้องมองไปยังขนุนสูดหายใจเข้าลึกทะลุปอดก่อนจะพรูลมออกมาแทบตัวลีบ แล้วตัดสินใจพูด เพราะยังไงก็ไม่มีทางปิดเรื่องนี้กับสองเพื่อนเกลอเป็นแน่

   “เรา.....”คนตั้งใจแทบไม่ไหวติ่งขณะที่ขนุนพูด

   “ว่า? ”

   “เราเผลอไปจูบพี่คณินเข้าอ่ะ”

   “อ๋อ จูบ....”นิวต้าพยักหน้าเข้าใจเหมือนฟังเรื่องทั่วไป แต่ทันทีที่รู้สึกตัวก็แทบพุ่งถลาเข้าโถมใส่ขนุน

   “จูบ!!! ”

   “อือ จูบ ปากกับปาก”อธิบายไปขนุนก็เขินจนตัวแดงแทบเป็นกุ้งต้ม แต่คนฟังถึงกับเหงื่อแตกพลักๆ

   “ขนุน มึง.....”

   “ไม่ต้องห่วง เราทำอย่างละมุนละม่อม พี่คณินไม่รู้ด้วยซ้ำ”ขนุนกระแอมกระไอกำมือป้องปากอธิบาย

   “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเว้ย! ”นิวทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนหมดแรง ขยี้หัวตัวเองอย่างไม่ได้ดั่งใจ

   “แล้วต่อไปมึงจะทำยังไง.....”อีกคนที่ตกใจไม่แพ้กันเอามือลูบหน้าอย่างกลัดกลุ้ม กลุ้มแทนคณินที่ไม่รู้ชะตากรรม

   “เราควรจะไปให้ได้มากกว่าจูบสินะ”

   “โว้ยยยย! กูไม่ได้หมายถึงอะไรแบบนั้น”

   “อ้าว”

   “หึ! กูหมายถึงกับพี่คณินเว้ย มึงจูบเค้าโดยที่เค้าไม่รู้ มึงคิดว่าทุกอย่างคอมพลีสแล้วรึไง สติครับสติ! ถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมาแล้วพี่คณินเค้าไม่โอ มึง.....แน่ไอ้ขนุน”นิวปาดปลายนิ้วไปที่ลำคอแล้วจิ๊ปาก

   “ถ้าอย่างนั้น เราก็ต้องรีบทำให้พี่คณินเป็นของเราให้ไวกว่านี้ ขอบใจต้ากับนิวมากที่เป็นกำลังใจให้เรา คืนนี้เราคงฝันดีตลอดคืน ราตรีสวัสดิ์”ขนุนจัดการส่งทั้งสองคนออกจากห้องเสียทันที ก่อนจะมีเสียงตะโกนมาจากอีกฝั่งของประตูห้องเข้ามาอย่างเดือดดาล

   “อย่าให้กูรู้นะว่าตอนเช้ามึงลุกมาซักกางเกงในนะไอ้ขนุน! กูจะฟ้องแม่มึง! ”

   คนที่ทำหูทวนลมได้แต่ยิ้มร่าแล้วกระโดดขึ้นเตียง ไม่สนใจเพื่อนสองคน ที่กลัวว่าขนุนจะทำเรื่องไม่เข้าท่า




   “มึงอยู่ห้องใกล้มันที่สุดแล้วก็ดูมันหน่อยดิวะไอ้ต้า”

   “มึงก็รู้ไอ้ขนุนมันฟังกูซะที่ไหน ดื้อเงียบอ่ะมึงก็รู้สันดานมัน ทำตาใสๆ อ้อนๆ งี้ กูแพ้ว่ะ”

   “กูไม่ได้จะกีดกันหรือทำลายความสุขของมันหรอกนะ แต่เพราะกูไม่อยากให้มันทุ่มสุดตัวเกินไป พอเจ็บแล้วมันลุกยาก”

   “เออ จริงของมึง”

   “กูพยายามไม่หัวร้อนแล้วนะเว้ย แต่มันไม่ได้มึงเข้าใจป่ะ กูดูเป็นเพื่อนใจแคบป่ะวะ”

   “ไอ้นิว กูเข้าใจ กูก็ห่วงมัน แต่อันไหนเป็นความสุขของเพื่อนเราก็ต้องยินดีไม่ใช่เหรอวะ”

   “แต่กูกับมึงจะยินดีให้ขนุนไปทำอนาจารคนอื่นไม่ได้”นิวกัดฟันกรอดข่มใจสุดๆ

   “งั้นมีทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้อง”เสียงดีดนิ้วราวกับมีความคิดดีๆ ผุดออกมา

   “อะไร”

   “ก็รีบๆ ทำพี่คณินรู้ตัวเร็วๆ ยังไงล่ะ”

   “กูกับมึงจะไปทำงั้นได้ไง”

   “ลืมไปแล้วเหรอว่าเราขอใครให้ช่วยได้”

   “พี่โจมกับพี่วิน? ”

   “เออ จะได้ออกหัวออกก้อยกันซักที ส่วนมึงก็กันพี่ไม้เอกดีๆ วันนี้โทรมาหากูถามถึงขนุนเป็นสิบๆ สายจนกูต้องปิดเครื่องหนี”

   “มึงทำดีแล้ว”นิวตบไหล่เพื่อนเบาๆ หยักยิ้มตบท้าย

   “แต่.....”ต้าเม้มปากแห้งๆ แล้วเหลือบไปมองนิวที่ยืนเท้าสะเอวเสยผมอยู่หน้าประตูห้องของตัวเอง

   “แต่อะไรของมึง”

   “แต่กูให้เบอร์มึงไปแทน”

   “.....”ความเงียบครอบงำ สายตาของนิวตวัดไปหาเพื่อนสนิทนิ่งๆ ก่อนคิ้วได้รูปจะขมวดชนเข้าหาแล้วสายตาก็เปลี่ยนไป

   “ไอ้ต้ามึง!”

   “กูง่วงแล้ว ปะไปนอนก่อนนะ”

   “มึงตาย!!!” เสียงแหกปากร้องดังลั่นทันทีที่อีกฝ่ายเข้าจู่โจมล็อกคอแล้วหนีบไว้ใต้รักแร้ ต้าตะเกียกตะกายจนหลุดรอดไปได้ก่อนจะรีบเปิดประตูห้องแล้วหนีไปหลบภัย ทิ้งให้นิวโวยวายอยู่ด้านนอกจนเพื่อนร่วมหอเปิดประตูออกมาชะโงกหน้าด่ากราดถึงบรรพบุรุษเป็นแถบ

   “โถ่เว้ย!”

   “ถือว่าช่วยๆ กันดิวะเห็นมะพี่ไม้แม่งไม่โทรหามึงเลยเลยใช่ป่ะ กลับบ้านมึงไปได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้เว้ย! ”ต้าตะโกนผ่านประตูแล้วปล่อยให้เพื่อนรักหัวร้อนอยู่ข้างนอก

   “ไอ้! ไอ้เพื่อนทรยศ!”







ติดตามตอนต่อไป >>>>


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านช่นเคยค่ะ เอามาอัปแบบถี่ๆ แบบต่อเนื่อง :hao3:
ฝากน้องหนุนในตอนต่อไปด้วยน้าาาา  :กอด1:
 :bye2: :bye2:


โดย หลานฮวา



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขยับไปอีกก้าว
ขนุนสู้ๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขนุน เกือบจะเห็นใจอยุ่ละ แต่ความมั่นของหนูนี่ไม่มีใครเกินจริงๆ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4

ขนุนลูกที่ 15


   

   “อะไรนะไอ้ขนุน มึงบอกเรื่องนี้กับแม่มึงแล้ว? ”คนฟังถึงกับวางแก้วน้ำลงโต๊ะอย่างแรงจนกระฉ่อนออกมาเลอะเทอะ

   “เบาๆ ดิต้า รบกวนคนในร้านกาแฟหมดแล้ว”ขนุนเหลือบไปมองโต๊ะข้างๆ ที่หันมาให้ความสนใจด้วยสีหน้าตึงๆ กับโต๊ะผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่คุยกันเสมือนจองร้านทั้งร้านเอาไว้

   “อ้อ ที่ทำผมตั้งๆ แต่งหล่อตั้งแต่เช้าเนี้ย เพราะอารมณ์ดีเปิดตัวว่าที่ลูกเขยกับแม่แล้วว่างั้น”คนเขินจิ้มนิ้วไปบนหยดน้ำบนโต๊ะเผลอลากวนเป็นรูปหัวใจ จนช้างทนไม่ไหวกับอาการหวานเลี่ยนของขนุน

   “ช้าง! อย่าเอามือมาขยี้ผม เดี๋ยวเรามีนัดไปทำฟันอีก”ขนุนโยกหัวหลบมือหนาของช้างที่ ก่อนจะปัดเส้นผมให้เข้าทรงอีกรอบแต่ก็ทำไม่ได้แล้ว กลับไปเป็นทรงเดิมเหมือนไม่ได้รับการจัดแต่งใดๆ ทำเอาขนุนหน้างองุ้มแก้มป่องงอนคนทำ จนหลายๆ มือต้องผลัดกันมาบีบแก้มคนละทีสองทีในความสำออย

   “ไม่ต้องบอกก็รู้มึงจะไปหาใคร พี่คณินอ่ะดิ”แจ็กพูดไปก็เอาหลอดมาชี้หน้าหรี่ตามองยิ้มเล่ห์ใส่ขนุนอย่างรู้ทัน

   “อืม ก็นัดไว้แล้วสัญญากันไว้แล้วด้วย”

   “ถึงเจ็บมึงก็ยอมว่างั้น”ต้าเท้าคางมองขนุนแล้วทำใจ

   “เรายอมเจ็บเรื่องทำฟัน แต่เรื่องอื่น.....เราไม่ยอมหรอก”

   “เดี๋ยว! มึงกำลังสื่ออะไรไอ้ขนุน!”ขณะที่นิวพูดเสียงดังขึ้น อีกคนที่เบี่ยงหน้าหลบตากลับไม่ใช่ขนุนแต่เป็นแจ็ก “แล้วไอ้แจ็ก มึงจะหลบสายตากูทำเหี้ยอะไร หรือมึงกับไอ้ขนุนมีเรื่องอะไรกัน? ”

   “เปล่าเพื่อน”คนมีความลับเสียงสูง หัวเราะกลบเกลื่อนประหนึ่งมีเรื่องน่าขำ “ฮ่าๆ กูเหรอจะมีอะไร”

   แจ็กก็แค่เป็นแหล่งส่งข้อมูลอย่างว่าให้ใครบางคนที่มาทำเสียงเว้าวอนให้ก็เท่านั้น จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่...

   “อย่าดุแจ็กดินิว แจ็กแค่ส่งเว็ปที่เราขอให้เอง”คนบาปสารภาพ

   “เว็ปไรวะ!”ทั้งช้างและต้าประสานเสียงกันถามอยากรู้ขึ้นมา คนที่มือไว้อย่างต้ารีบคว้าโทรศัพท์ของขนุนที่วางอยู่บนโต๊ะไปหาคำตอบ

   “เหี้ย! ”

   “อะไร เอามาให้กูดูบ้าง”

   “เราแนะนำปิดเสียง.....”

   เจ้าของโทรศัพท์เกาแก้มขาวเอ่ยเตือน แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เพราะทันทีที่นิวคว้าแย่งโทรศัพท์ไปจากมือของต้าได้เสียงไม่พึงประสงค์ก็ดังขึ้นจนคนทั้งร้านหันมามองตาเดียว
 
   “อ้า....ซี๊ดดดด! ฮือ....”

   “ไอ้นิวมึงปิด! เร็วๆ คนหันมามองทั้งร้านแล้วเว้ย!”

   “ฉิบหาย! ปิดไงวะเนี้ย! ทำไมพวกมึงไม่บอกว่านี่มัน....!”นิวตาเท่าไข่ห่านหาปุ่มปิดมือลนลาน หันไปกราดด่าต้ากับนิวใบหน้าแดงก่ำด้วยความอาย ทำเอาเพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะขำกันจนท้องแข็ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงประตูร้านเปิดออกและลูกค้ารายใหม่มาเยือน
   
   ด้วยเหตุนี้ทุกคนเลยสะกิด กระทุ้งศอก และชะงักงันหยุดหัวเราะไปในบัดดล

   “ถ้าอยากขนาดนั้นไม่รอกลับบ้านก่อนล่ะครับ” เงาสูงที่ทอดทับลงมาจากเบื้องหลังของนิวทำเอาขนุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่

   “พี่ไม้เอกสวัสดีครับ”ทุกคนรีบยกมือไหว้ตามมารยาท อีกฝ่ายรับมือไหว้ ก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนที่เดินไปสั่งน้ำที่บาร์เครื่องดื่มของร้าน

   “มันไม่ใช่ของผม”

   “ยอมรับก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ แต่ช่วยมีมารยาทหน่อยนะครับน้องนิว”น้ำเสียงสุภาพฟังก็รู้ว่าอีกฝ่ายประชดใส่ ยิ้มร้ายๆ กับทรงผมตัดสั้นมันดูดุดันขึ้นมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แบบนี้คนอื่นๆ ถึงไม่กล้าต่อปากด้วย

   “ก็ผมบอกแล้วว่าไม่ใช่ของผม ของไอ้ขนุน!”คนถูกเข้าใจผิดยัดโทรศัพท์กลับให้เจ้าของที่ยิ้มแห้งๆ อีกสามคนก็นั่งมองตากันนิ่งๆ เหมือนเล่มเกมใครหายใจก่อนคนนั้นแพ้

   “โทรศัพท์ของผมเองครับพี่ไม้เอก พอดีนิวอยากดู แต่บังเอิญผมเปิดระดับเสียงดังค้างไว้ มันก็เลย....”

   “ไอ้ขนุน ถ้ามึงจะอธิบายแบบนั้นสู้มึงเงียบไปเลย คนอื่นมองกูผิดหมด”

   “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครถูกใครผิด แต่เอาเถอะ.....คนอยากดู พี่จะถือว่าไม่ได้ตั้งใจ”ไม้เอกไหวไหล่แอบเหลือบตามองนิว แล้วหันไปยิ้มให้กับขนุน “แล้วนี่ขนุนมานั่งนานรึยัง ถ้าพี่รู้คงได้เลี้ยงน้ำเราแล้ว”

   “ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนพี่อ่ะดีแล้ว ขอบคุณสำหรับครั้งก่อนด้วยนะครับ ที่เลี้ยงเหล้าพวกผม”

   “สบายมาก ว่างๆ ก็ไปกันอีกนะ แต่ขอเป็นพี่กับขนุนสองคนนะครับ”

   “เอาแล้วไง.....พี่ไม้เอกเริ่มเกมแล้ว มึงว่าจะจบยังไงวะ”ช้างกระซิบแจ็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

   “มึงจะไปเดาทำไม เดี๋ยวก็รู้”

   “เอ่อ....ครับ ไว้โอกาสหน้านะครับ พี่ไม้เอกเป็นรุ่นพี่ที่ดีนะครับ ดูแลรุ่นน้องดีขนาดนี้ ผมนับถือพี่จริงๆ ”ขนุนเน้นย้ำความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อไม้เอก จนอีกฝ่ายยิ้มเจื่อนไปเล็กน้อยและกลับมายิ้มทิ้งท้ายให้ขนุนอีกครั้ง ก่อนจะวางมือหนักๆ ลงบนกลุ่มผมสีบลอนด์สว่างแล้วโยกไปมา เมื่อมองเห็นว่าเพื่อนเดินกลับมาพร้อมกาแฟในมือแล้ว

   “ครับ พี่ต้องไปแล้ว ไว้เจอกันอีกนะครับ แล้วอย่าลืมดูแลเพื่อนน้องด้วย ดูเหมือนจะชอบทำอะไรแปลกๆ ในที่สาธารณะตลอด”

   “พี่หมายความว่าไง อะไรแปลก!”

   “ลดเสียงเบาๆ หน่อยสิครับ พี่เพิ่งจะเตือนเรื่องมารยาทไป ไม่เข้าใจ? ”ทุกคนมองกันตาเบิกกว้าง เมื่อไม้เอกเคลื่อนตัวไปทางนิวอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วใช้แขนค้ำพนักพิงเก้าอี้โน้มตัวลงมาพูดเสียงเบา แต่สีหน้าโคตรสยอง ทำเอาทุกคนนั่งตัวตรงเป็นเสาไฟฟ้ากันเลยทีเดียว

   “ไอ้ไม้ไปกันได้แล้ว มึงขู่จนน้องเขากลัวแล้วมั้งเนี้ย”คนที่ถือกาแฟมาสะกิดหลังพี่ไม้คือพี่ยิป

   “กูแค่พูดธรรมดา ไปก็ไป”พี่ไม้หันไปพยักหน้ากับเพื่อน ก่อนจะหันมาพยักหน้ารับไหว้อีกครั้งแล้วเดินออกไป เล่นเอาทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง ถึงใครๆ จะบอกว่าไม้เอกนิสัยไม่ได้ดุร้าย แต่ด้วยบุคลิกมันก็น่าหวั่นๆ ไม่ใช่น้อย ท่าทีถึงจะดูเป็นมิตรแทคแคร์รุ่นน้องดี ใส่ใจทุกคน แต่เวลาที่ดุใครก็น่ากลัวเหมือนกัน

   “เป็นเพราะพวกมึงนั่นแหละ กูซวยไปด้วยเลย!” คนหงุดหงิดลุกขึ้นพรวดแล้วเดินออกไป จนทำให้คนที่เหลือต้องทยอยกันวิ่งกรูออกไปจากร้านกาแฟด้วย





คณะทันตะ

   ใบหน้ายิ้มแย้มที่เดินเข้ามายังตึกคณะทันตะฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีในมือถือของฝากมาด้วย ก่อนจะเข้าไปด้านในตามห้องที่คณินได้บอกไว้ ขนุนกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น ก่อนมาก็แปรงฟันไปถึงสามรอบจนเหงือกแทบร่นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

   แต่ขณะที่ขนุนกำลังเดินไปตามทางเดินทอดยาวสู่สถานที่นัดหมายสายตาของคนช่างสังเกตอย่างขนุนก็พบกับใครบางคนที่คุ้นสายตา แผ่นหลังบางเล็กกำลังหันหลังให้ เบื้องหน้าคือคณินที่ยืนคุยอยู่ด้วยกับพี่ลูกตาล นั่นถึงกับทำให้ขนุนต้องเผลอหลบตัวไปอยู่หลังกล่องกระดาษที่วางซ้อนกันสูงหน้าห้องห้องหนึ่ง

   ไม่รู้ทำไมต้องหลบ แต่บางอย่างในใจมันร้องเตือนขนุนว่าไม่ควรเข้าไปตอนนี้

   แกร็บ...

   เสียงถุงพลาสติกที่อยู่ในมือถูกกำจนแน่น บ่งบอกได้ว่าเจ้าของใบหน้าร่าเริงกำลังกังวลใจบางอย่าง แต่อีกใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าทั้งพี่คณิน กับพี่ลูกตาลทั้งสองคนกำลังคุยอะไรกัน แต่สีหน้าของพี่คณินกำลังยิ้มบรรยากาศดูผ่อนคลาย เหมือนคนตรงหน้ายังสำคัญอยู่จนขนุนรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้

   “อ้าวขนุนมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปในห้อง หรือกำลังหลง? ”เสียงทักทายมาจากข้างหลังทำเอาขนุนสะดุ้ง เป็นอนาวินที่เดินมาหน้าตายิ้มแย้ม

   “ใช่ ใช่ครับผมหลง ไม่รู้ว่าจะต้องไปห้องไหน”

   “งั้นตามพี่มาครับ พี่พาไปเอง”

   “เอ่อ พี่วิน คือ.....”

   “มาเหอะ ไม่ต้องกลัว”อนาวินยักคิ้วให้ขนุนแล้วจัดการคว้ามือลากดึงไปด้วยกัน และรู้ทั้งรู้ว่าใครที่ขนุนกำลังหลบหรือชะงักไม่ยอมเดินไปทางนั้น

   “ไอ้คณิน คนไข้มาแล้วดูแลหน่อยดิ ปล่อยให้หลงอยู่ตรงโน้นได้ไงวะ”ขนุนหยุดอยู่ตรงด้านหลังของอนาวินที่พูดออกมาเสียงดัง คนที่หันมาให้ความสนใจไม่ใช่เพียงแค่คณินแต่รวมถึงลูกตาลด้วย

   “มาแล้วเหรอ ถ้าหลงทำไมเราไม่โทรหาพี่ครับ”คนตัวสูงที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาวก้าวมาหยุดตรงหน้าขนุน ทำเอาหัวใจของขนุนสั่นไหวไปหมด ยิ่งสายตาไปหยุดอยู่ตรงริมฝีปากที่เพิ่งชิมรสไปเมื่อคืนก็ยิ่งทำเอาในอกมันลนลานไปหมดเหมือนคนเพิ่งทำผิด

   ดูจากท่าทีปกติของพี่คณินแล้ว.....คงไม่รู้เรื่องจูบสินะ

   “ผมกลัวจะรบกวนน่ะครับ อยากเดินหาด้วยตัวเอง”ขนุนพูดขึ้น ฉีกยิ้มให้กับลูกตาลที่หันมามองขนุนส่งยิ้มบางๆ มาอย่างเป็นมิตร “พี่ลูกตาลมาเป็นคนไข้เหมือนกันเหรอครับ? ”

   “เปล่าหรอก พี่แค่มาคุยอะไรนิดหน่อยกับคณินก็เท่านั้นน่ะ”

   “เหรอครับ”ลูกตาลในชุดนักศึกษามหาลัยเดียวกับคณิน แต่อยู่กันคนละคณะ พอทำให้ขนุนคิดได้ว่า อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะแวะมาคุยกันบ้าง ในฐานะเพื่อน.....ล่ะมั้ง

   “กูเข้าห้องก่อนนะ บังเอิญต้องไปช่วยไอ้โจมเก็บเครื่องมือข้างใน”

   “อือ เดี๋ยวตามไป”คณินพยักหน้ารับ

   “เดี๋ยวเจอกันข้างในครับน้องขนุน”อนาวินตบบ่าเล็กของขนุนเบาๆ ก่อนจะผลักประตูเข้าไปด้านใน แอร์เย็นเล็ดลอดออกมาจนเหมือนด้านในกับข้างนอกเป็นคนละโลก

   “ขนุนรอพี่แป็บนึงนะพอดีพี่ต้องรอคิวเก้าอี้ทำฟัน ไปนั่งรอด้านในก่อนไหม”

   “คณิน เราอยากคุยกับน้องหน่อย ได้ใช่มั้ยขนุน? ”ลูกตาลหันมาสบตากับขนุนยิ้มๆ แต่คณินกลับแสดงสีหน้าแปลกใจ เหมือนลังเลที่จะตอบ คณินมองขนุนที่ยิ้มบางด้วยความรู้สึกไม่สบายใจและไม่มีความคิดที่จะให้ขนุนต้องมาคุยกับลูกตาลด้วยเหตุผลบางอย่าง

   “พอดีก่อนหน้านี้ผมกับพี่ลูกตาลเคยเจอกันมาก่อน เรื่องมันยาวน่ะครับ เอาเป็นว่าพี่คณินเข้าด้านในก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะตามไป”

   คณินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“อืม อย่านาน โอเคมั้ย? ”มือยาวเอื้อมผ่านหน้าของลูกตาลเข้าขยี้กลุ่มผมของขนุนอย่างเอ็นดูแววตากังวลเล็กน้อยโดยไม่สนสายตาว่าใครจะคิดยังไง ปลายนิ้วที่สัมผัสกับเส้นผมดูจะอบอุ่นไปทุกการเคลื่อนไหวจนขนุนเผลอยิ้มออกมาสบนัยน์ตาอ่อนโยนของคณินไม่หลบสายตา

   “ครับ”

   “พี่แปลกใจนะที่เรากับคณินรู้จักกัน”เสียงเล็กพูดขึ้นน้ำเสียงระดับปกติที่ดูสบายๆ เดินนำขนุนไปนั่งตรงเก้าอี้ การได้เจอขนุนในห้างพร้อมกับคณินยังคงเป็นภาพติดตาและคลางแคลงใจ

   “ครับ มันเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าครับ เหมือนผมกับพี่ลูกตาลเจอกัน”

   “ถ้าขนุนกับคณินสนิทกัน คงรู้สินะว่าพี่กับคณินเคยเป็นอะไรกัน”อีกฝ่ายถามขึ้น ขนุนหันไปมองแววตาหม่นๆ แต่บนใบหน้ามีกลับรอยยิ้มบางๆ มอบให้แก่คู่สนทนา

   “ครับ ผมรู้”

   “คณินเขาดูเอ็นดูขนุนนะ พี่เพิ่งจะเคยเห็นเขามองใครด้วยสายตาแบบนั้น.....นอกจากพี่เป็นครั้งแรก”

   คนฟังอย่างขนุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่คณินเป็นคนที่ใจดีครับ ไม่แปลกหรอกครับที่จะชอบแสดงออกแบบนั้น”

   “นั่นสินะ พี่คงมองผิด”ลูกตาลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ถอนหายใจแล้วหันมาสบตากับขนุน “เพราะคณินคงไม่มีทางมองใครด้วยสายตาแบบนั้นเหมือนที่พี่รู้สึก คิดแล้วพี่มันก็แย่เนอะ ทำเรื่องให้คณินต้องเสียใจแบบนั้น ทั้งๆ ที่คณินรักพี่มากแท้ๆ ”

   “.....”

   “เอ่อ พี่ขอโทษที่เผลอระบายเรื่องไม่สบายใจให้ขนุนฟัง คงไม่เป็นไรใช่มั้ย? ”

   “ไม่เป็นไรครับ”

   “จริงๆ พี่อยากขอโทษคณินเขา แต่หลายเดือนที่ผ่านมาคณินไม่เคยเปิดโอกาสให้พี่เลย แต่ครั้งล่าสุดที่เราเจอกันที่ห้าง การเผชิญหน้ามันทำให้พี่รู้ว่าคณินเองยังมีช่องว่างให้พี่ได้กลับมาพูดคุยกับเขาอีก จริงๆ ตอนนี้พี่รู้สึกตัวแล้วล่ะว่า ไม่มีใครดีกับพี่อย่างคณินจริงๆ ”

   “พี่ลูกตาลหมายความว่าไงครับ”มือที่เย็นเยียบไม่ได้เกิดจากอากาศ เหงื่อที่ซึมในมือจนชื้นก็เช่นกัน ขนุนแปลกใจอยู่ว่าลูกตาลเธอมาพูดเรื่องนี้กับเขาทำไม แต่ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจแล้ว

   “พี่เลิกกับแฟนพี่ไปเมื่อหลายวันก่อน เพราะพี่รู้สึกว่ามันไม่ใช่ และเข้าใจว่าอะไรที่เหมาะกับพี่”

   “.....”

   “ขนุน.....”

   “ครับ”

   “พี่อยากจะกลับมาคบกับคณิน ขนุนช่วยพี่หน่อยสิ พี่ไม่กล้าไปขอช่วยโจมกับวิน”

   ประโยคที่คนตรงหน้ากล่าวถึงกับทำขนุนสะอึก ดวงตากลมใสสั่นไหวเมื่อมองไปที่ใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้าที่ร้องขอความช่วยเหลือจากเขา และยื่นมาแตะตรงท่อนแขนเบาๆ เหมือนต้องการที่พึ่ง

   ตอนนี้ขนุนรู้สึกแน่นในอกไปหมด เหมือนใครกดมันเอาไว้ไม่ให้เขาพยายามหายใจได้สะดวก

   “พี่ลูกตาลครับ”ขนุนเรียกชื่อผู้หญิงตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วหยุดคำพูดไว้ ก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วพูดขึ้นอีกครั้งให้คนตรงหน้าเข้าใจ “ผมขอโทษนะครับ แต่ผมไม่สามารถเป็นสะพานให้พี่ข้ามไปหาพี่คณินได้”คนพูดจบลุกขึ้นยกข้อมือดูนาฬิกา

   “.....”

   “แต่ถ้าพี่ลูกตาลมั่นใจว่ารักพี่คณินจริงๆ ไม่ใช่แค่กลับมาเพราะไม่มีใคร ผมอยากให้พี่ลูกตาลนึกถึงความรู้สึกพี่คณินให้มากนะครับ เพราะผมเองก็แคร์ความรู้สึกของพี่คณินมากเหมือนกัน”

   “.....”

   “หากไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

   คนฟังถึงกับนั่งนิ่ง มองรุ่นน้องที่ผงกหัวให้ก่อนจะหมุนตัวจากไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทิ้งคำพูดเอาไว้ให้เธอกลับไปคิดเป็นการบ้านในคืนนี้



   
   “หิวน้ำขนาดนั้นเลย? ”

   “ครับ ขวดนั้นหากพี่คณินไม่ดื่มผมขอนะครับ”

   “อืม”มือหนายื่นขวดน้ำที่เปิดแล้วแต่ยังไม่ถูกดื่มส่งให้คนที่กระหายน้ำได้ดื่มเป็นขวดที่สอง คณินมองลำคอขาวที่กระดกน้ำหลายอึกอย่างไม่พักพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะยื่นมือไปจับขวดน้ำที่ขนุนกระดกยกขวดออกกลางคัน

   “ผมยังกินไม่หมด.....”

   “เยอะไปแล้ว เดี๋ยวท้องก็แตกหรอก”

   “ก็ผมเสียน้ำลายไปเยอะนี่ครับ”ขนุนยกหลังมือขาวปาดมุมปากตัวเองที่ก่อนหน้านี้นอนอ้าปากกว้างจนเมื่อยกรามไปหมด

   “ครั้งนี้แค่ขูดหินปูนนิดหน่อยเอง”คณินยิ้มขบขันก่อนจะกระดกน้ำขวดของตัวเองที่เพิ่งจะยื่นให้ขนุนกินต่ออย่างไม่ถือสา แต่ทว่าคนที่จ้องตาเป็นมันเห็นจะเป็นเจ้าของดวงตาใสที่ไม่กะพริบตามากกว่า

   จนอีกฝ่ายรู้สึกได้เพราะสายตาแรงกล้าของขนุน

   “จ้องพี่ขนาดนั้น กินเลยไหม? ”

   “กินครับ เอ่อ...ผมหมายถึงน้ำในขวดที่เหลือ ผมขอนะ”คำแก้ตัวก็พอถูไถ แต่อาการแก้มขาวที่แดงเรื่อดูเหมือนจะปิดไม่มิด “ว่าแต่พี่คณินไม่กลับขึ้นตึกไปเหรอครับ ผมว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน”

   “เดี๋ยว”ขนุนลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ตัวยาว ตั้งใจจะกลับไม่รบกวนเวลาของคณิน แต่อีกฝ่ายกลับยื่นแขนมาคว้ามือไว้ไม่ลังเล สีหน้าคล้ายมีบางอย่างต้องการพูด แล้วร่างสูงก็ดันตัวลุกขึ้นตาม ก่อนดึงมือขนุนให้ขยับเข้ามาใกล้ทั้งตัว ด้วยระยะประชิดเพียง 1 ก้าวสั้นๆ

   คนถูกรั้งกะพริบตาปริบๆ มองดวงตาที่จ้องมายังริมฝีปากไม่ละสายตา คนใจกล้าเมื่อคืนกระโดดหลบหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่า ร่างสูงตรงหน้ากำลังทำบางอย่างที่ขนุนแทบลืมหายใจ

   “กลับไป อย่าลืมดูแลฟันตามที่พี่บอกนะครับ”

   ไม่พูดเปล่าปลายนิ้วโป้งยกขึ้นเกลี่ยไล่หยดน้ำบนริมฝีปากของขนุนให้ เล่นเอาหัวใจดวงเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ

   “ค...ครับ”

   “กลับบ้านดีๆ นะ เดี๋ยวพี่โทรไปเช็ก”

   ขนุนพยักหน้าหงึก และหมุนตัวจากไป ทว่าก้าวไปได้ไม่ถึงสามก้าวก็รีบหันมาหาคณินอีกครั้ง แล้วยื่นของที่ตั้งใจจะซื้อมาฝากแต่ก็ไม่มีจังหวะจะให้ซะที พร้อมเสียงแผ่วที่ถามออกไปว่า

   “พี่คณินชอบกินขนุนไหม ผมซื้อมาฝากครับ”

   คณินมองดูถุงพลาสติกตรงหน้าที่มีขนุนสุกงอมสีเหลืองน่าอร่อยในแพ็ก ไล่สายตาไปจนกระทั่งใบหน้าของขนุนที่ไม่ใช่ผลไม้ แล้วตอบออกไป

   “ชอบครับ”











ติดตามตอนต่อไป >>>

ขอบคุณนักอ่านที่เข้ามา หรือแม้กระทั่งหลงทางมาก็ตาม ฮ่าๆๆ
อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าไม่ได้แต่งเองอ่านเองอยู่คนเดียว 5555+
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ




character Talk
me : ขนุนยังไหวอยู่ใช่ป่ะ
หนุน : ไหวดิ เราพลังงานเกินร้อย  :m19:
me : แล้วทำไมน้ำตาซึม :hao4: (ยื่นทิชชู่ให้)
หนุน : เปล่า(เสียงสูง) ไม่เห็นรึไง พี่คณินเพิ่งจะบอกชอบเราอยู่เลย :m3:
me : ไม่ใช่ว่าชอบขนุนที่เป็นของฝากเหรอ?
หนุน :  :m15:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชอบโหมดเป็นการเป็นงานของขนุนจริงๆ ทำมากกว่าจูบให้ได้นะลูก 55555

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4


ขนุนลูกที่ 16
   



   เพี๊ยะ

   “ไอ้งก! ขอกินนิดกินหน่อยไม่ได้รึไงวะ”คนถูกตีหลังมือชักมือกลับมองหน้าเจ้าของผลไม้สีเหลืองอร่ามที่ไม่ยอมให้ใครแตะ

   “ถ้ามึงอยากกินไปซื้อเอง”คณินบุ้ยหน้าออกไปทางด้านนอกร้านข้าวแกง อนาวินถึงกับแบะปากกอดอกมองเพื่อนตัวเองอย่างหมั่นไส้ แล้วเปลี่ยนเป็นหยักยิ้มเจ้าเล่ห์

   “กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่เว้ย!” แล้วอนาวินก็จัดการจกขนุนจากแพ็กของคณินที่วางไว้ไปหนึ่งชิ้นกัดเข้าปากหัวเราะชอบใจที่ได้ยียวนกวนประสาทเพื่อนสำเร็จ

   “งั้นกูกินมั่งดิ กินข้าวเสร็จพอดี”อีกมือของโจมเอื้อมมาหยิบขณะที่อนาวินหันไปคว้าของที่ถูกฉกคืน

   “พวกมึงมัน! กูยังไม่ทันจะกิน”

   “ก็เหลือให้ตั้งสามสี่ชิ้นอย่าบ่นดิ หรือมันพิเศษขนาดที่พวกกูแตะไม่ได้เลยจริงๆ ขนุนเนี้ย? ”อนาวินเลิกคิ้วถาม ดึงเก้าอี้มานั่งชิดกับคณินที่รวบช้อนกินข้าวคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดน้ำไปหลายอึกดับกระหายสีหน้าบึ้งตึง

   “กูเป็นเจ้าของ กูควรกินก่อนมั้ย”

   “ไม่อ่ะ เพราะมึงไม่เคยหวงของกินอะไรขนาดนั้น”โจมดันจานข้าวออกจากตรงหน้าตัวเองแล้วงับขนุนในมือเคี้ยวเล่นสบายใจ “แต่ถ้าเป็นไอ้วินก็ว่าไปอย่าง”

   “กูไม่ได้งกขนาดนั้นมะ มึงก็พูดเกินไป! ”คนโดนถากถางโยนเม็ดขนุนที่เหลือใส่โจม ก่อนจะหันไปพูดกับคณินต่อเพื่อไม่ให้ขาดตอน “เอ้อ.....เมื่อตอนบ่ายกูเห็นลูกตาลคุยกับขนุน ตกลงคุยอะไรกัน มึงรู้ป่ะ? ”

   “ไม่รู้ กูไม่ได้ถามใครทั้งนั้น”

   “แล้วขนุนไม่ได้เล่ามึงเหรอ”

   “เปล่า ไม่ได้เล่าอะไร แล้วทำไมมึงต้องซักกูซะขนาดนี้ห๊ะ”

   “เอ้า ก็มันน่าสงสัย แล้วมึงก็รู้ใช่มั้ยว่าลูกตาลเค้ามาคุยกับมึงเพราะอะไร กูได้ข่าวมาว่าลูกตาลเลิกกับแฟนแล้ว” มือที่คว้าแก้วน้ำตั้งใจจะยกขึ้นมาดื่มเป็นอันต้องวางลงบนโต๊ะ สีหน้าของคณินดูไม่ได้ตกใจเท่าไหร่นัก

   “แล้วเมื่อตอนเย็นก่อนกลับ กูเจอลูกตาลที่ลานจอดรถอีกรอบ”โจมหันไปมองคณินที่มองตอบ “มึงรู้มั้ยว่าลูกตาลมาขอร้องให้กูช่วยอะไร? ”

   คณินรู้ว่าลูกตาลเลิกกับแฟนเก่าแล้ว แต่ไม่ยักรู้ว่าลูกตาลไปคุยอะไรกับโจมไว้

   “ช่วยอะไร”

   “ช่วยให้มึงกับเค้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก”ทันทีที่โจมเอ่ยขึ้น คณินถึงกับนิ่งงันรวมถึงอนาวินด้วย

   คณินรู้ดีว่าหากเป็นช่วง 2 ถึง 3 เดือนก่อนหน้า สิ่งที่ได้ยินคงจะเป็นข่าวดีที่สุด แน่นอนว่าคณินคงจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะต้องรีบบึ่งรถไปหาเธอแน่ๆ ทว่าตอนนี้ทุกอย่างไม่เป็นเหมือนเก่าอีกแล้ว รวมถึงความรู้สึกด้วย

   “กูไม่ได้รับปากกับลูกตาลเรื่องนี้ และไม่ได้รับปากว่าจะไม่เล่าให้มึงฟัง เพราะกูไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับมึง กูไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มึงกำลังคิดอะไร ตัดสินใจยังไง ในฐานะเพื่อนกูทำได้ดีที่สุดแค่ยอมรับการตัดสินใจของมึง เพราะหากจะให้กูออกความเห็น.....แน่นอนว่ากูคงไม่ชี้ให้มึงเดินกลับไปจุดๆ นั้นแน่”ปลายนิ้วหนาจิ้มลงบนโต๊ะอย่างมีอุดมการณ์ชัดเจน

   ปับ!

   อนาวินยื่นมือไปตบไหล่โจมอย่างเห็นด้วย

   “ปกติกูก็ไม่ได้ชอบเสือกเป็นกิจวัตรหรอกนะ”

   “มึงอ่ะตัวพ่อ! ”ทั้งโจมและอนาวินพูดออกมาเสียงดังพร้อมกัน

   “ละไว้ในฐานที่เข้าใจได้มะ เอาเป็นว่าไอ้คณิน.....ความเห็นกูตรงกับไอ้โจม และอยากให้มึงคิดดีๆ หากจะกลับไป ตรงนั้นมันโอเคกับมึงแน่รึเปล่า หากอะไรที่มันดีๆ รอมึงอยู่กูแนะนำหยิบแล้วไปจ่ายตังค์รอฟินไม่ดีกว่ารึไง”

“อะไรของมึง”

   “อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย มึงก็รู้กูหมายถึงอะไร คนอย่างมึงไม่ได้โง่กูรู้ แค่ไม่ยอมรับความจริงว่ะ”อนาวินยื่นแขนออกไปพาดไหล่คนข้างๆ แล้วหยิบขนุนที่คณินเอาแต่มองแถมยังหวงนักหนา ซึ่งไม่แม้แต่จะหยิบมากัดสักคำจนน่าหงุดหงิดใจ

   “พวกมึงอิ่มแล้วใช่มั้ย กูจะได้เรียกให้เขามาเก็บตังค์”คนตัวสูงดันเก้าอี้ลุกขึ้น เตรียมจะกวักมือเรียกคนในร้านข้าว  แต่โจมที่นั่งมองสถานการณ์ก็เดินมาซ้อนด้านหลังจับเพื่อนตัวดีกดไหล่ลงนั่งแล้วคุมอยู่ใกล้ๆ

   ทั้งโจมและอนาวินไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้ ถึงแม้เพื่อนของขนุนอย่างนิวกับต้าจะกระซิบมาให้ทำอะไรสักอย่าง ถ้าหากไม่เห็นด้วยจริงๆ ก็คงไม่ต้องจับเข่าล็อกตัวคุยกันแบบนี้แน่

   “ถามจริงไอ้คณิน ที่มึงทำตัวสนิทมึงคิดซื่อกับน้องขนุนจริงป่ะว่ะ กูเทหมดหน้าตักอ่ะว่ามึงรู้ทุกอย่างแต่แค่แกล้งไม่รู้ แกล้งโง่ แกล้งมึน แกล้งบื้อ”สายตาของคณินสบกับดวงตานิ่งขรึมของอนาวินอย่างไม่หลบหลีก

   “มึงจะด่ากูก็เอาตรงๆ ”

   “เออ กูด่ามึง ด่าเพราะอยากให้มึงรู้ว่าคนอื่นเขามองและคิดยังไง ไหนปากมึงอมอะไรอยู่อ้าให้หมอดูสิครับ อ้า...”อนาวินหรี่ตายื่นมือไปง้างปากคณินที่เบี่ยงหน้าหลบแล้วสวนกลับด้วยการตบกบาลเพื่อนตัวดีอย่างหมั่นไส้

   “เจ็บเว้ย!”

   “พวกมึงจะอยากรู้เรื่องของกูกับขนุนไปทำไม”

   “เพราะพวกกูสงสารขนุน กูเห็นหน้าน้องเขาแล้วมันรู้สึกเศร้าว่ะ มึงไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอวะคณิน”โจมพูดขึ้นยกแขนขึ้นกอดอกมองเพื่อนตรงหน้าแววตาจริงจังสุดๆ

   ประโยคนั้นทำให้คณินพ่นพรูลมหายใจออกมาอย่างอึดอัดใจ ก้มหน้าลงมือของตัวเองที่ประสานอยู่ตรงหน้าตัก คิดทุกอย่างทุกรายละเอียด ก่อนจะขยับปากพูดเปิดใจต่อเพื่อน

   ไม่ใช่คณินไม่มีหัวใจ ไม่รู้สึกแต่เพราะกำแพงบางอย่างในใจของคณินมันยังไม่ทลายลง ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับรักใหม่เข้ามา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจ และอีกอย่างคณินก็ไม่ได้มั่นใจนักว่าความรู้สึกที่มีต่อขนุนมันเป็นความรักแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า คณินไม่ได้ต้องการความรู้สึกฉาบฉวยที่พิสูจน์ไม่ได้ เพราะหากวันหนึ่งทั้งสองคบกันและมันไม่ใช่ ใครกันที่ต้องเสียใจและเสียน้ำตา
   
   “อืม.....กูรู้ว่าใครคิดอะไรยังไง แต่เพราะความกลัวกูเลยไม่กล้าที่จะเปิดใจตัวเอง พวกมึงก็รู้ว่ากูเจ็บเรื่องความรักมาก่อน มันอาจจะดูงี่เง่าและอยากด่ากูว่าจะจำฝังใจอะไรนักหนากูก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ถ้าลองมาเป็นกูดูพวกมึงจะรู้ว่าอะไรที่รักมากพอมันผิดหวังล่ะก็ เจ็บจนแทบจะบ้าเลยว่ะ”คนพูดพยายามยิ้มฝืนนัยน์ตาสั่นเครือมองหน้าของโจมกับอนาวินสลับกัน

   “.....”

   “เพราะอย่างนี้ กูเลยไม่มั่นใจที่จะยอมให้ความรู้สึกตัวเองมันหลงใหลได้ปลื้มกับอะไรง่ายๆ อีกแล้ว และอีกอย่างถ้าหากกูเองยังไม่มั่นใจ กูก็ไม่อยากทำให้ใครต้องมาเจ็บแบบกู”

   “แต้น้องมันชอบมึง มึงจะไม่เปิดโอกาสเลยจริงๆ เหรอวะ”

   “ถ้ามึงจะปิดตัวเอง มึงสู้บอกน้องมันตรงๆ ไปเลยดิ เพราะหากนานไปมากกว่านี้ น้องมันก็จะเจ็บแบบที่ลูกตาลเคยทำมึงเจ็บนั่นแหละ เลิกคิดไปเลยว่ามึงจะถนอมความรู้สึกขนุนได้ มึงลองชั่งใจตัวเองดูแล้วกันว่าถ้าวันนึงขนุนหายไปมึงจะยังกลับมายิ้มหัวเราะได้อีกครั้งรึเปล่า”มือหนักๆ ของอนาวินบีบเบาๆ ไปที่ไหล่ของคณินอย่างให้กำลังใจ

   “ถ้ามึงยังลังเลเรื่องที่ขนุนเป็นผู้ชาย กูบอกเลยว่าเพศมันเอามาชี้วัดความสุขของคนเราไม่ได้หรอกว่ะ”

   “อย่างที่ไอ้โจมพูด มีโอกาสก็ไม่คว้า ระวังหมาจะคาบไปแดกแล้วมานั่งเสียใจทีหลังไม่รู้ด้วยนะ!”

   “ใครจะคาบอะไรไปแดกวะ”คนทำงานเป็นทีมถามตอบกันอย่างลงจังหวะ

   “ก็ไอ้นิวกับไอ้ต้าเพื่อนขนุนมันเล่าให้กูฟังว่า มีรุ่นพี่ที่คณะชื่อไม้ไม้อะไรสักอย่างเนี้ยแหละตามจีบขนุนอยู่ วันก่อนก็เห็นลงทุนปิดร้านเหล้าเลี้ยงโชว์ป๋า”คนเล่าใส่สีตีไข่ไปประมาณ 1 แผง

   “จริงดิ! ”โจมทำตาโตแอบเหลือบมองปฏิกิริยาของคณินที่ดูจะสนใจฟังแต่ไม่แสดงอาการทางสีหน้า

   “เออ แถมยังตามใจขนุนจะตายชัก อยากได้อะไรขอให้บอก เอาใจกันสุดๆ ถ้าเป็นกูแทคแคร์กันปานจะอุ้มส่งถึงเตียงขนาดนั้น ไม่หวั่นไหวก็ไม่ใช่คนแล้วมะ”

   “ฝากจ่ายตังค์ให้ด้วย กูกลับแล้ว! ”จู่ๆ คณินก็ลุกขึ้นพรึบ ทำเอาอนาวินกับโจมที่หันมาคุยกันข้ามหน้าคณินสะดุ้งโหยงมองดูคนตัวสูงที่ตีหน้าบึ้งตึง ปั้นปึ่งออกจากร้านไม่สนสายตาสาวๆ โต๊ะตรงข้างประตูที่ส่งให้ซะเลย

   “เฮ้ย! ไอ้คณินพวกกูยังพูดไม่จบเลยนะเว้ย กลับมาก่อน!!! ”อนาวินป้องปากเรียกแต่ดูเหมือนคณินจะโดนพายุหอบหายไปซะแล้ว

   “หึหึ! ”เสียงหัวเราะลับหลังดังขึ้นทันทีที่คณินลุกหนีไป

   “มึงก็พูดเกินจริงไปป่ะไอ้วิน”

   “เอ้า! ธรรมดามันไม่จำหรอกเว้ย กูต้องทำให้มันร้อนรุ่มกลุ้มใจเหมือนซ้อมไปอยู่นรก จะได้เอามันสมองที่เก่งแต่เรียนแบ่งไปคิดเรื่องอื่นบ้าง เทอมนี้เกรดกูจะได้งดงามดั่งดอกไม้บาน”

   “นี่มึงเลวแล้วมะไอ้วิน!”

   “โถ่ กูล้อเล่น”

   “สัด! ”

   “ไอ้โจม มึงว่าไอ้คณินจะเอาไงกับขนุนวะ เหมือนมันจะมีใจ แต่มันก็ไม่เปิดใจสักที ทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงไปได้”

   “มันคงรอให้คนมาปลิดมะม่วงก่อนมั้งถึงจะรู้สึก”

   “แถมยังเรื่องลูกตาลอีก กูกลัวถ่านไฟเก่ามันลุกพรึบขึ้นมาว่ะ กูว่าลูกตาลคงไม่หยุดแค่นี้หรอก”

   “กูกับมึงจะไปทำอะไรได้ อยู่ที่ตัวไอ้คณินล้วนๆ แต่ดูท่าทางแล้วตอนนี้ก็ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ หึงออกอาการซะขนาดนั้น หึ!”



   
   เสียงวิทยุคลื่นฮิตที่กำลังเล่นเพลงเร้าใจไม่ได้เข้าหูเจ้าของรถเลยสักนิด แต่กลับยื่นมือไปกดปิดด้วยความงุ่นง่านในใจ มือที่ประคองพวงมาลัยเผลอกำแน่นเป็นช่วงๆ ในหัวเผลอคิดเรื่องของใครบางคน คิวคมเข้มได้รูปเอาแต่ขมวดแล้วคลายสลับกับการดุนลิ้นชนกระพุ้งแก้มครุ่นคิด ช่วงจังหวะรถติดก็กลับเอาแต่ถอนหายใจ

   “ก็ไอ้นิวกับไอ้ต้าเพื่อนขนุนมันเล่าให้กูฟังว่า มีรุ่นพี่ที่คณะชื่อไม้ไม้อะไรสักอย่างเนี้ยแหละตามจีบขนุนอยู่ วันก่อนก็เห็นลงทุนปิดร้านเหล้าเลี้ยงโชว์ป๋า”

   “แถมยังตามใจขนุนจะตายชัก อยากได้อะไรขอให้บอก เอาใจกันสุดๆ ถ้าเป็นกูแทคแคร์กันปานจะอุ้มส่งถึงเตียงขนาดนั้น ไม่หวั่นไหวก็ไม่ใช่คนแล้วมะ”


   ประโยคที่สะท้อนก้องอยู่ในหัวซ้ำๆ ทำเอาคณินหงุดหงิดตัวเองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สายตาที่จ้องมองไปยังโทรศัพท์เหมือนชั่งใจก็ตัดสินใจโทรหาใครบางคนในเวลา 2 ทุ่มครึ่ง ต่อสายอยู่ประมาณ 2 ครั้งอีกฝ่ายถึงจะกดรับน้ำเสียงคุ้นเคย แถมยังสดใสจนทำให้คนฟังคลายอารมณ์เทาๆ ไปได้หลายระดับ

   [ฮัลโหลครับพี่คณิน]

   “ขนุน สะดวกคุยรึเปล่า” เหมือนมีเสียงดังเอะอะประกอบกับเสียงเพลงแทรกเข้ามาคณินจึงถามออกไป

   [ดะได้สิครับ พี่คณินมีอะไรรึเปล่าครับ] เหมือนเสียงรบกวนจะถูกตัดออกไปบ้างแล้ว

   “เปล่าหรอกพอดีพี่บังเอิญแวะซื้อขนม เลยอยากเอาไปฝากขนุนตอบแทนที่มาเป็นคนไข้ให้วันนี้น่ะ ขนุนอยู่หอรึเปล่าเดี๋ยวพี่จะแวะเอาไปให้”

   [เอ่อ.....]เสียงอึกอักเงียบไปครู่หนึ่งคนถือสายรอคำตอบเริ่มขมวดคิ้วมุ่น

   “ว่าไงครับ ถ้าขนุนไม่สะดวกงั้นพี่.....”

   [สะดวกสิครับ เดี๋ยวผมจะรอหน้าหอนะครับ ตอนนี้พี่คณินอยู่แถวไหนครับมาถูกใช่มั้ยครับ]

   “จากที่ขนุนเคยบอก พี่ว่าอีก 15 นาทีพี่น่าจะถึง”

   [งั้นเหรอครับ แล้วผมจะรอนะครับพี่คณิน]

   “ครับ แล้วเจอกัน”หลังวางสายเจ้าของใบหน้านิ่งขรึมก็กลับมาคลี่ยิ้มบางมองหน้าจอโทรศัพท์ที่กดวางไปเมื่อครู่อย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหักเลี้ยวรถแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อหาขนมติดไม้ติดมืออย่างที่ปากพูดออกไปก่อนหน้านี้

   หลังจากออกมาจากร้านสะดวกซื้อคณินก็กลับขึ้นรถและขับตรงไปยังย่านหอพักที่ขนุนอยู่อย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะหลงซอย สายตาที่กวาดมองไปโดยรอบมองหาป้ายหอที่ขนุนบอกก็พลันเจอกับคนที่คุ้นตา และแน่นอนว่าเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์สว่างกำลังสะบัดผมให้เข้าทรงหลังจากมีใครอีกคนที่คร่อมมอเตอร์ไซต์ช่วยถอดหมวกกันน๊อคให้รูปร่างไม่คุ้นตา ขนุนยกมือไหว้ก่อนจะโบกมือลาฉีกยิ้มกว้างให้กับเจ้าของมอเตอร์ไซต์คันโตที่ขับออกไป

   ไม่นานหน้าจอโทรศัพท์ของคณินก็สว่างวาบขึ้น เป็นขนุนที่ยืนอยู่หน้าหอโทรเข้ามา คณินกดรับสายและบอกขนุนว่ากำลังจะถึงอีก 3 นาที และตามนั้นเมื่อถึงเวลาคณินก็เคลื่อนรถจากซอยใกล้ๆ ไปจอดตรงหน้าขนุนที่ยืนคอยอยู่ในชุดนักศึกษา ชุดเดียวกับตอนที่เจอกันเมื่อตอนกลางวันไม่มีผิด

   “พี่คณิน!”

   “พอจะมีที่ให้พี่จอดรถหน่อยมั้ย”คณินโผล่หน้าจากกระจกรถออกมาถามเจ้าของยิ้มกว้างที่ตาหวานเป็นประกายซึ่งกำลังนิ่งค้างเหมือนตกใจบางอย่าง

   “ละเลี้ยวเข้าไปจอดด้านในเลยครับเดี๋ยวผมวิ่งไปบอกพี่สุภาพให้”ขนุนชี้ไปตรงทางเข้าสำหรับจอดรถและวิ่งไปหา รปภ.ที่ชื่อสุภาพ ก่อนจะวิ่งเข้าไปรับคณินถึงรถ

   มันคงไม่แปลกหากขนุนจะตกใจที่แค่เตรียมใจมาเพื่อยืนรอรับของหน้าหอ และลงทุนรีบกลับมาจากร้านเหล้าทิ้งเพื่อนฝูงไว้ยอมให้ไม้เอกที่เจอกันหน้าร้านเหล้ามาส่งเพราะรีบร้อน แต่นึกไม่ถึงว่าคณินจะขอแวะด้วย การถามหาที่จอดรถจึงเป็นเรื่องที่ทำให้ขนุนอึ้งไปเหมือนกัน

   สองมือที่ถือถุงขนมมาดูเหมือนว่าจะหนักเอาการ แต่เพราะเป็นของฝากขนุนเลยตั้งใจจะถือเองโดยไม่ต้องให้คณินช่วย ในเมื่ออีกฝ่ายมาถึงขนุนจึงจำต้อนรับแขก โดยเป็นครั้งแรกที่คณินบุกมาถึงห้องขนาดนี้ แต่มันก็คงแฟร์เพราะขนุนก็เข้าไปกินไปนอนถึงบ้านคณินมาก็หลายครั้งแล้วเหมือนกัน

   




50%
ต่อด้านล่าง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ต่อ 50%




“ขอโทษนะครับผมไม่รู้ว่าพี่คณินจะมาเลยไม่ได้เก็บกวาดห้อง มันเลยรกนิดหน่อย”

   “พี่มากะทันหันเอง ไม่เป็นไรหรอก”ขนุนเอาของไปวางไว้บนโต๊ะก่อนจะกางโต๊ะญี่ปุ่นเพื่อรับแขก และแอบเขี่ยกางเกงบ๊อกเซอร์ที่ไว้ผิดที่ผิดทางลงตะกร้า

   “นั่งก่อนสิครับ ห้องผมก็จะแคบนิดหน่อย”ขนุนย้ายถุงขนมมาวางไว้ตรงโต๊ะญี่ปุ่นที่เพิ่งกางออกแล้วแหวกดูของข้างในอย่างสนใจจนไม่รู้สึกตัวว่ามีสายตาของคณินจ้องมองอยู่ครู่ใหญ่ไม่วางตา

   จับจ้องท่าทางและการเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามธรรมชาติ รวมถึงสีหน้าและแววตาสดใสคู่นั้น มันเข้ากับรูปหน้าที่ชวนมองจนเพลิดเพลิน จมูกไม่เล็กไม่ใหญ่ที่โด่งรั้นกำลังดี มีริมฝีปากได้รูปสุขภาพดี คณินก็เพิ่งจะสำรวจและสัมผัสจนรู้วันนี้ว่ามันนุ่มแค่ไหน คิดไปภาพคืนนั้นก็โผล่เข้ามาในหัว แม้จะรู้สึกเพียงสัมผัสแต่มันก็น่าตกใจที่ขนุนจูบเขาตรงๆ แบบนั้น

   “มีเบียร์ด้วย นี่ตั้งใจหรือเผลอหยิบมาครับ”

   “เห็นอย่างนี้พี่ก็ดื่มนะ สักกระป๋องไหม? ”คณินเลิกคิ้วสูงเอื้อมมือเข้าไปเปิดกระป๋องเบียร์ที่ส่งเสียงซ่าวางให้ตรงหน้าของขนุน แต่เมื่ออีกฝ่ายจะหยิบคณินกลับจับมือที่ซ้อนอยู่บนกระป๋องเบียร์เย็นฉ่ำค้างไว้และยื่นหน้ามาใกล้ขยับปลายจมูกเล็กน้อย

   “ก่อนหน้านี้เราก็ดื่มมาใช่มั้ย? ”คณินโน้มหน้าไปด้านหน้าเล็กน้อยจับกลิ่น

   “แหะๆ ครับ ผมไปดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อย”

   “งั้นพี่ให้โควตาแค่ 1 กระป๋อง”

   “3 ได้ไหมครับ กระป๋องเล็กนิดเดียวเอง”คนอ้อนส่งสายตาเว้าวอน แน่นอนว่ากินติดลมแล้วหยุดที่ 1 กระป๋องมันก็คงจะโหดร้ายเกินไปจริงๆ

   “ให้สุดแค่ 2 ครับ”

   “โอเคครับ”คณินยิ้ม ยอมปล่อยมือจากกระป๋องเบียร์มองขนุนที่ยกขึ้นกระดกอย่างกับกระหายจนน่ากลัว

   “มองผมแบบนั้นผมก็เขินแย่สิครับ”ขนุนพูดทั้งๆ ที่กระป๋องเบียร์ยังจ่อปาก ส่วนคณินก็แกะถุงขนมที่ซื้อมาบริการให้เต็มที่

   “ไม่ให้พี่มองหน้าเราและจะให้พี่มองอะไรครับ หรือมองกองเสื้อผ้าที่เราถอดทิ้งไว้ตรงนั้น”คณินบุ้ยหน้าไปที่ด้านหลังของขนุนตรงทางเข้าห้องน้ำ แน่นอนว่ามันน่าอายจนขนุนต้องวิ่งไปโกยเก็บให้เรียบร้อยแล้วกลับมานั่งต่อ

   “ห้องผู้ชายก็แบบนี้แหละครับ ก็ต้องมีรกบ้างธรรมดา อย่างห้องต้าก็แบบนี้เลย”

   “เอาเพื่อนมาอ้างป่ะเรา”

   “เปล่านะครับ”ขนุนหลบตา

   “พี่เห็นเมื่อกี้....”คณินเอ่ยขึ้นและลอบมองสีหน้าขนุนถึงปฏิกิริยาของคนตรงหน้า “มีคนมาส่งขนุนหน้าหอรึเปล่า พอดีพี่ขับรถเข้ามาเจอตอนคนคนนั้นกำลังขี่รถออกไป”

   มือขาวก็ยกขึ้นเกาแก้มตัวเองที่เริ่มแดงเบาๆ ก่อนจะตอบออกไป“อ๋อ พี่ไม้เอกน่ะครับ อาสามาส่งผมจากร้านเหล้าใกล้ๆ ”

   แค่ได้ยินชื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในใจของคณินถึงได้ไม่พอใจเท่าไหร่นัก

   “เค้าเป็นใครเหรอพี่ไม่ยักเคยได้ยินชื่อ”

   “เป็นรุ่นพี่ในคณะน่ะครับ”ขนุนตอบสั้นๆ เหมือนหลีกเลี่ยงอะไรบางอย่าง คณินมองแววตาที่เลิกลักของขนุนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

   “อืม แล้วตอนนี้ฟันเป็นยังไงบ้าง กินของเย็นๆ แบบนี้ไม่มีอาการเสียวแล้ว? แบบนี้พี่ก็ไม่ต้องห่วงแล้วสินะ”

   “กะก็.....”ขนุนมองเบียร์กระป๋องที่เย็นฉ่ำจนหยดน้ำเกาะหัวเราะแห้งๆ ยื่นนิ้วทำท่ามินิฮาร์ทแล้งตอบออกไป “นิดหน่อยครับ”

   “งั้นพี่ว่ากระป๋องเดียวก็พอแล้ว”

   “โถ่พี่คณิน”

   “เด็กดื้อ กินเยอะก็ไม่ดีต่อสุขภาพเหอะ เพราะงั้นขอลด 1 กระป๋อง”คณินเก็บเบียร์ที่ตัวเองซื้อมากวาดลงวางด้านล่างตรงพื้นข้างโต๊ะ แอบขำสายตาละห้อยที่มองตามถุงอย่างน่าสงสาร

   “งั้นเสร็จจากนี่ผมไปต่อกับพวกเพื่อนก็ได้”

   หมับ!

   “ถ้าพี่ไม่ให้ไปล่ะครับ ยังจะดื้อไปรึเปล่า”มือหนาของคณินเข้ามาจับหลังมือของขนุนไว้แน่น มองด้วยสายตานิ่งเรียบจนขนุนเองก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้เหมือนกัน แค่คณินมาถึงหอก็นับว่าน่าตกใจแล้วและนี่ยังเรื่องที่ส่งสายตาดุๆ กับขนุนเป็นครั้งแรกอีก

   “เอ่อ.....ผมไม่ไปก็ได้ครับ ถ้าพี่คณินไม่เชื่อก็อยู่เฝ้าผมทั้งคืนก็ได้นะ”

   “พี่ก็ชักจะไม่ไว้ใจเราแล้วเหมือนกันนี่สิ”จากมือที่กุมไว้แน่นก็ปล่อยมายีหัวขนุนและค่อยๆ คลี่ยิ้มส่งเสียงหัวเราะหงึกในลำคอขึ้นมา

   “เสื้อผ้าพี่คณินที่ผมยืมมายังมีอยู่นะครับ ค้างเลยก็ได้ เตียงผมกว้าง”

   “เชิญชวนกันสุดฤทธิ์”คณินยกเบียร์ขึ้นกระดกจนขนุนมองตามอ้าปากเผยอ

   คนอะไรตอนกินเบียร์โคตรคูล!

   “ก็มันดึกแล้ว เดี๋ยวโดนด่าน ถูกเป่าแอลกอฮอล์ทำไงล่ะครับ พี่คณินก็ดื่มไปสองกระป๋องแล้วนะ”ขนุนเหลือบตามองกระป๋องที่สองที่อยู่ในมือคณิน

   “เป็นห่วง? ”

   “ก็แน่สิครับ”ขนุนถูแก้มแดงๆ ของตัวเองไปมาเม้มปากเสียแน่นราวกับพยายามเก็บอาการ

   “ขนุน”

   “พี่ขอถามอะไรขนุนหน่อยสิ”เบียร์สองกระป๋องก็เหมือนยาย้อมใจที่คณินตั้งใจให้มันไหลเข้าไปอยู่ในร่างกายเพื่อเรียกความกล้าก็เท่านั้น

   “อะไรครับ? ”

   “เมื่อตอนกลางวันลูกตาลคุยอะไรกับขนุนรึเปล่า”

   คำถามที่ทำเอาขนุนเงียบกริบ เอาแต่เงยหน้ามองคณินด้วยความรู้สึกที่ไม่มั่นคง และวันนี้ที่ยอมไปนั่งดื่มกับเพื่อนเพราะไม่สบายใจเรื่องของคณิน ขนุนเองแม้จะเต็มร้อยกับความรู้สึกของตนเอง แต่กลับรู้สึกไม่มั่นใจซะแล้วว่าการกลับมาของลูกตาลจะทำให้คณินหวั่นไหวหรือเปล่า แค่ความรู้สึกที่คณินมองตัวเองเป็นน้องชายมันก็หินมากพอที่จะพิสูจน์ความรู้สึกแล้ว แต่พอมีลูกตาลกลับมาขนุนกลับยิ่งรู้สึกว่าทุกอย่างค่อยๆ หนักขึ้น

“เปล่าครับไม่มีอะไร พูดคุยกันธรรมดา”

   “งั้นเหรอ”คณินได้แต่ยิ้มบางแล้วมองขนุนที่กำกระป๋องเบียร์แน่น ไม่คะยั้นคะยออีกฝ่ายให้พูดอะไรมากไปกว่านั้น การนั่งมองคนที่ฝืนยิ้มตรงหน้าไม่สนุกเลยสักนิด คณินรู้ว่าตัวเองควรจะทำอะไรสักอย่างกับใจตัวเองสักที

   “เอ่อ ผมว่าเดี๋ยวผมไปหยิบผลไม้ในตู้เย็นมาเพิ่มดีกว่าครับ”

   ทั้งที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ก็เปิดโล่งไว้ แต่ขนุนกลับรู้สึกว่าอากาศในห้องมันอึดอัดเป็นบ้า ทั้งสายตาของคณินที่จ้องมองตรงๆ มาแบบนั้นอีก ตอนนี้ขนุนยังไม่เมา แต่จะเมาเป็นสองเท่าเพราะวิธีการมองที่ผิดปกติของคณินนั่นแหละ

   ผมข่มใจอยู่นะพี่ อย่ามองผมแบบนั้นดิ!

   หมับ!

   “เดี๋ยวขนุน”คนลุกหนีกำลังเดินไปตรงโซนครัวเล็กๆ ภายในห้องที่ห่างจากเตียงไม่ถึงสองเมตร แต่จู่ๆ คณินที่ลุกตามไปก็เข้าดึงรั้งแขนคนที่ตัวเล็กกว่าราวกับมีเรื่องร้อนใจ ถึงกับทำให้กระป๋องเบียร์ที่อยู่ในมือของขนุนหล่นลงพื้นจนของเหลวสีเหลืองฟองฟอดในกระป๋องไหลออกมา

   แต่ใครมันจะไปสนใจเท่ากับร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าที่กระชากคนตัวเล็กกว่าจนกระแทกเข้าอกกว้าง ร่างกายเบียดชิด ชนิดที่ที่หน้าของขนุนเผลอจมติดเสื้อไปกับอกของคณิน แถมคนจมูกดีอย่างขนุนยังได้กลิ่นอ่อนๆ เหมือนยาฆ่าเชื้อ สูดเข้าปอดแทบจะล้างเผ่าพันธุ์เชื้อโรคในตัวได้

   “พะ พี่คณินมีอะไรเหรอครับ”ขนุนหน้าเหวอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ใบหน้าแดงก่ำ แดงไปจนถึงปลายจมูกที่ถูกบี้ไปกับตัวคนตรงหน้า ทั้งความตื่นเต้นและแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนในร่างกายทำงานกันอย่างหนัก

   “.....”คณินไม่พูด เอาแต่มองขนุนนัยน์ตาปลือ แถมยังมีเม็ดเหงื่อบางๆ ผุดขึ้นตรงหน้าผาก จนขนุนต้องเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยยกข้อมือขึ้นซับให้

   “พี่คณินคงร้อนใช่มั้ยครับ งั้นเดี๋ยวผมไปปิดหน้าต่างเปิดแอร์ให้ดีกว่านะครับ”

   “พี่มีเรื่องอยากจะพูด”คณินไม่ได้ปล่อยขนุนแต่กลับกำแขนแน่นขนัดขึ้นอีก

   “อะไรเหรอครับ”

   “ขนุนชอบพี่จริงๆ เหรอ? ”คำถามที่ทำเอาขนุนถึงกับนิ่ง ไม่ใช่เพราะตกใจที่คณินรู้ เพราะเรื่องนี้ขนุนไม่เคยปิด แต่ตกใจที่จู่ๆ คณินก็ถามด้วยท่าทีจริงจังแบบนั้น มันเหมือนไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นักในความรู้สึกของขนุน

   “.....ผม”

   “ขนุน”

   “ครับ ผมชอบพี่คณินจริงๆ ชอบมากๆ ด้วย”ดวงตากลมใสเงยหน้ายอมรับ “ชอบที่มากกว่าเป็นพี่เป็นน้อง” ทั้งที่พูดความรู้สึกจริงๆ ออกไปแต่ใบหน้าที่เคยสดใสกลับไม่ได้ปรากฏให้เห็นเลยสักนิด

   สิ้นคำพูดของขนุน คณินถึงกับนิ่งงั้น ความรู้สึกวูบไหวในอกมันตีรวนไปหมด เจ็บปวดที่เห็นสายตาของขนุนหม่นลงและพยายามเดินถอยห่างออกไป แม้แต่เพียงครึ่งก้าวคณินกลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังหายไปต่อหน้า

   ทุกอย่างมันสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง หรือทำอย่างไรดี นอกจากปล่อยมือที่กุมไว้

   ปล่อยให้แขนของขนุนเป็นอิสระ แล้วจับคว้าร่างเล็กที่ยิ้มเจื่อนจนริมฝีปากสั่นเหมือนพยายามเก็บกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้เข้ากอดจนจมอกกว้างของตัวเองอีกครั้ง

   ขนุนได้เพียงอ้าปากค้างงับอากาศกับการจู่โจมที่ไม่คาดคิด 

   “พะพี่คณิน ทำไม....”

   เสียงหัวใจของขนุนเต้นแรงไม่ต่างจากเสียงก้อนเนื้อในอกของคนตรงหน้าแม้แต่น้อย

   “ตอนนี้พี่ยังสับสน พี่ขอโทษที่ยังตอบความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ ขนุนเข้าใจพี่ใช่มั้ย”

   มือเล็กที่กำลังเย็นเยียบยกขึ้นโอบตอบและขยับไล่ตามแผ่นหลังกว้าง วางฝ่ามือลงกับแผ่นหลังที่นิ่งไปตบปลอบเบาๆ นิ่งจนขนุนรู้สึกถึงความหนักของร่างสูงที่โถมลงมาเหมือนคนไร้กระดูก กระทั่งว่าคณินไหลลงคุกเข่ากับพื้นโดยมีขนุนประคอง

   “เอ๊ะ! พะพี่คณิน พี่คณินครับ!”

   คนตกใจเขย่าร่างจนไม่มั่นใจ ยื่นนิ้วเข้าแตะตรงปลายจมูก

   “ยะยังหายใจ! ”

   ขณะที่ขนุนกำลังลนลานกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จนเสียงผ่อนลมหายใจเบาๆ กับลูกกระเดือกที่กลืนน้ำลายขอ

คณินจึงทำให้ขนุนได้สติ และรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และควรจัดการยังไง

   ปัง ปัง ปัง!

   “ไอ้ขนุน! ยังอยู่ดีมีสุขมั้ยวะ ปวดท้องหายยังมึงงงง! ”

   “ไม่ตอบกูเปิดเข้าไปนะเว้ย! ”เพราะออกจากร้านเหล้ามาขนุนดันโกหกไปว่าปวดท้องเลยขอกลับมาก่อน และเสียงที่เคาะประตูโครมครามจวนจะพังประตูอยู่ด้านนอกก็เป็นเสียงของต้ากับนิว

   เพราะขนุนไม่ได้ล๊อกประตู สองหนุ่มหน้ามึนเลยเปิดเข้ามาอย่างเป็นห่วงเพื่อน

   ผาง!

   ภาพที่เห็นคือขนุนกำลังแบกคณินให้นอนล้มลงกับเตียง เป็นภาพการขึ้นคร่อมที่เพื่อนทั้งสองจินตนาการพรั่งพรู

   “เหี้ย! แม่มึงหกตกร่องมะม่วง!”

   “ไม่ใช่นะต้า คือเรา.....”

   “มะมึง!”

   “ฟังก่อนนิว พี่คณินเค้าแค่”

   “มึงถึงขนาดรวบหัวรวบหางพี่เค้าแบบนี้เลยเหรอ มึงจะใจบาปเกินไปแล้วนะไอ้ขนุน! ”ต้าถึงกับยกมือสองข้างขยุ้มหัวตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา

   “กะกู จะบอกแม่มึง!”มือที่สั่นระริกของต้าล้วงลงไปในกระเป๋าควานหาโทรศัพท์

   “กูบอกให้ฟังเว้ยยยย! พูดอยู่ได้เมื่อไหร่จะได้อธิบาย! ”

   เป็นปรากฏการณ์ที่ขนุนถึงกับหัวร้อนแล้วโวยลั่นเพราะเพื่อนสองคนแทบไม่ฟังอะไรเลย
 
   ครั้งนี้คือเงียบ เงียบจนป่าช้าเรียกพี่ ไม่มีใครกล้ากระดิกตัว นอกจากคนใต้ร่างที่ขนุนพยายามลากให้มานอนเพราะเมาจนหลับและมีอาการนอนน้อยร่วมด้วย แต่คนตัวโตดันเป็นมือปลาหมึกคว้าต้นคอของขนุนแล้วดึงลงมากอดแนบอก จนคนตัวเล็กกว่าเผลอเคลิ้ม กระทั่งเสียงกระแอมกระไอของเพื่อนดังขึ้น ขนุนเลยจำใจดันตัวเองออก

   “พี่คณินเค้าเมาเฉยๆ เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

   “กูจะไปเชื่อได้ไง ลักหลับเค้ามึงยังทำเลย ล่อล่วงมาขื่นใจทำไมกูจะไม่เชื่อ”

   “จะคิดไงก็ช่าง” ขนุนหน้าตึง “ไหนๆ ก็มาแล้ว ฝากพี่คณินหน่อยแล้วกัน เราขอเวลาออกไปสูดอากาศข้างนอกเดี๋ยวกลับมา”

   “เดี๋ยวไอ้ขนุน”เจ้าของห้องเดินตัวปลิวออกไป รองเท้าก็ไม่ใส่ออกไปด้วย เหมือนมีอะไรให้คิดมากมายไปหมด

   “มันเป็นอะไรวะ ปกติมันไม่ได้ดูนอยด์ขนาดนี้นะ หรือมีอะไรเกิดขึ้น” ต้ามองรุ่นพี่ที่ขนาดหลับยังหล่อสลับกับมองกระป๋องเบียร์ที่วางกองอยู่กลางห้อง และส่วนที่ตกอยู่จนล้มเบียร์ไหลนองเป็นทุ่งผักบุ้ง

“.....”นิวได้แต่ส่ายหน้าถอนหายใจ

   “กลับมาแล้ว”

   “เชี่ย! กูตดไม่ทันหายเหม็นมึงกลับมาแล้ว ไวสัด! ”ต้าสะดุ้งที่จู่ๆ ขนุนก็โผล่เข้ามา ไวจนหายใจเข้าออกไม่ถึงสองรอบ

   “เราดูแลพี่คณินเอง ขอบใจที่เป็นห่วง กลับบ้านดีๆ นะนิว ส่วนต้าจ๊ะเอ๋มาหายืนรออยู่หน้าห้องน่ะ”

   ขนุนจัดการกวาดเพื่อนตัวเองออกจากห้องแล้วปิดประตูลงสูดหายใจเข้าปอดเต็มกำลัง เดินหน้าไปหาคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงตัวเอง แล้วกลื่นน้ำลายอึกใหญ่ไล่สายตามองใบหน้าได้รูปจรดปลายเท้าแล้วพึมพำออกมานัยน์ตามุ่งมั่น

   “อย่างน้อย พี่ก็ยังไม่ปฏิเสธผม แค่นี้ก็ดีมากแล้วครับ”

   ขนุนทรุดตัวลงนั่งขอบเตียง กุมมือหนาของคณินเอาไว้ขยับปลายนิ้วเกลี่ยบนหลังมือนุ่มนวลราวถนอม คลียิ้มบาง มองใบหน้าที่อยากจะครอบครองสุดหัวใจแต่ทำได้เพียงลูบไรผมที่ปรกลงมาตรงหน้าผากของคณินให้ แล้วค่อยๆ โน้มตัวลงมาอย่างระมัดระวังกดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ลงไปบนเนินหน้าผากขาวเป็นการส่งนอน

   “ฝันดีครับพี่คณิน”











ติดตามตอนต่อไป >>>


เนื่องจากตอนนี้มันยาวมากกกก เลยต้องตัดครึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน

ยังไงก็ฝากตอนต่อไปด้วยนะคะ :กอด1:

โดย  หลานฮวา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขยับตัวมานิดนึงนะพี่คนิน

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :katai2-1: รอพี่คณินมั่นใจจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องขนุนจะไหวไหมครับ? หน้ายิ้ม หรือ(อาจจะ)ดูมีความสุขก็จริง แต่ข้างในใจน้องล่ะครับ เข้มแข็งพอไหม? พี่คณิน รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วนะครับ ไม่อยากให้น้องเสียใจไปมากกว่านี้เลย T^T

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ขนุนลูกที่ 17



      
   การตื่นส่ายก็คงไม่แปลก หากจะแปลกคงเป็นการตื่นในห้องของคนอื่นซะมากกว่า

   คณินสะบัดหัวและยีผมตัวเองไปมาพยายามลืมตามองหาเจ้าของห้องบวกกับอาการเบลอตาพร่าเล็กน้อย เหตุการณ์เมื่อคืนคณินพอจะจำไม่ได้ เบียร์แค่สองกระป๋องปกติคงทำอะไรคนดื่มเป็นไม่ได้ แต่เพราะสองสามคืนมานี้คณินก็อดหลับอดนอนสะสมมาเยอะ เมื่อเจอเรื่องให้ต้องคิด บวกกับการดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปในช่วงร่างกายที่ใกล้ชัตดาวน์ อาการวูบหลับกลางอากาศจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มันเหนือการควบคุมจริงๆ

   ก่อนหลับก็ไม่มั่นใจซะด้วยว่าพูดอะไรเพ้อเจ้อไปกับขนุนบ้าง หรือทำให้ขนุนรู้สึกแย่รึเปล่า แต่เรื่องที่บอกขนุนถึงความสับสนในความรู้สึกคณินเชื่อว่า...ขนุนคงเข้าใจ

   พลันสายตาที่กวาดมองไปทั่วอย่างสำรวจก็เจอเข้ากับกระดาษโน้ตที่แปะไว้ตรงผนังข้างเตียง คณินจึงหยิบมาอ่านเพราะมันจั่วหัวถึงชื่อเขา

   ‘ถึงพี่คณิน. ผมมีนัดทำโปรเจคกับเพื่อนเลยต้องออกเช้ามากมากกก พี่คณินตื่นแล้วกินอะไรก่อนไปด้วยนะครับ ผมซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้มาฝาก มีโจ๊กอีก 1 ถุงเข้าเวฟทานร้อนๆ ได้เลยครับ ปล.ถ้าไม่ทานผมเสียใจนะ T^T ’

   คณินหัวเราะให้กับอีโมติคอนแสดงอารมณ์ก่อนจะเหวี่ยงเท้าลงจากเตียง และต้องแปลกใจเพราะถุงเท้าถูกถอดออกจากเท้าไปแล้ว ส่วนนาฬิกากับโทรศัพท์มือถือก็ถูกวางไว้ให้ตรงโต๊ะข้างเตียงไม่หล่นหาย

   คนตัวสูงคลี่ยิ้ม ขยับตัวลุกก้มลงหยิบกรอบรูปของเจ้าของห้องที่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาดูและวางกลับที่เดิมเบาใจ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจซ้ายขวา ความหนักอึ้งในอกมันเบาโหวงจนรู้สึกดี แล้วพาตัวเองไปทำภารกิจที่ขนุนวางไว้

   กลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียใจจริงๆ ถ้าคณินไม่เลือกกินอะไรสักอย่าง

   คณินดื่มน้ำเต้าหู้ไปแค่ 1 ถุงก่อนจะเตรียมตัวกลับ และแอบสำรวจรอบๆ ห้องมองข้าวของโดยทั่วไปกับความเป็นอยู่ของขนุน ความเรียบร้อยเนรมิตได้ในชั่วข้ามคืนจนคณินอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนออกจากห้องของขนุนไป คนตัวสูงชะงักไปเพียงครู่เหมือนครุ่นคิดบางอย่าง ชั่งใจอยู่นานก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปด้านในปลดนาฬิกาเรือนโปรดราคาแพงของตัวเองที่ใส่อยู่ออก วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงอย่างเปิดเผย และกลับออกไปในที่สุด

   คณินหวังแค่เพียงว่า หากมีใครเข้ามาหลังจากนี้ที่นอกเหนือจากเพื่อนของขนุน เขาก็อยากให้คนคนนั้นเห็นของสิ่งนี้



   
   คงเป็นเรื่องโชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด หลังจากกลับมาจากหอของขนุนคณินเลยถือโอกาสดึงสายยางเพื่อล้างรถเป็นงานแก้เครียด มีผู้ช่วยที่แสนยุ่งเป็นไข่ดาวที่อยู่ห่างเป็นวาไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเจ้าหมาแสบของเขานั้นขึ้นชื่อเรื่องขยาดน้ำ

   ไข่ดาวทำได้เพียงวิ่งงับสายน้ำที่คณินลากไปฉีดที่รถอย่างก่อกวน อนึ่งก็ทำให้คณินหัวเราะอารมณ์ดีได้

   “ไม่เลิกจะฉีดน้ำใสนะ”เจ้าของร่างสูงที่สวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นหันไปชี้นิ้วดุตัวยุ่ง ในขณะที่กำลังง่วนอยู่กับการล้างรถโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้ในบ้านก็สว่างวาบขึ้นปรากฏหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่ได้เมมชื่อเอาไว้ อดีตมันเคยมีทั้งชื่อและรูปที่ขึ้นโชว์เวลาที่เจ้าของเบอร์โทรเข้านั่นคือลูกตาล

   เธอพยายามโทรหาคณินมาทั้งคืน และอีกฝ่ายก็ไม่โทรกลับ เธอจึงโทรมาอีกครั้งแต่ก็ถูกเมินเฉย
   
   ฟองสีขาวจากน้ำยาล้างรถถูกถูขัดไปบนรถได้เกือบครึ่งคัน เพื่อนข้างบ้านที่เป็นสาวแก่ สาวม่าย หรือแม้กระทั่งสาวน้อยก็ชั่งบังเอิญแวะเวียนมาทักทายเจ้าของบ้านผ่านประตูรั้วที่เปิดทิ้งไว้ด้านเดียวอย่างขยันขันแข็ง บ้างก็ทำทีปั่นจักรยานกดกริ่งทักทายแล้วโฉบผ่านไป หากแต่สายตากลับมองไปบนหุ่นขาวน่าเจี๊ยะครบเครื่องจนน่าฝังเขียวไปที่แขนแข็งแรง

   โชคดีที่มีหมาแสบแกล้งดุเห่าขึ้นมาบ้างจนทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเหยียบเข้ามาในอาณาเขตบ้าน จะว่าทำให้คณินขาดมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านเพราะเจ้าไข่ดาวก็คงจะไม่แปลก เล่นหวงเจ้าของซะขนาดนั้น แทบจะแยกฟันฝังเขี้ยวใส่น่องของคนที่เดินผ่าน

   แต่เอาจริงๆ ไข่ดาวก็ไม่เคยกัดใครให้คณินต้องเสียค่าพยาบาล มีแต่เสียค่าน้ำมันรถตามหาเวลาหนีเที่ยวนี่แหละ

   “เจ้าแสบเอ้ย! ”ด้วยความหมั่นไส้คณินเลยแกล้งฉีดน้ำไปทางไข่ดาวจนเจ้าหมาแสบสะดุ้งวิ่งไปหลบหลังพุ่มไม้ เรื่องเอาตัวรอดนี่เก่งนักแล

   แต่ก็ไม่ทันไร จากที่หลบเก่งอยู่หลังพุ่มไม้จู่ๆ เจ้าไข่ดาวก็วิ่งออกมาหูลู่พุ่งไปที่ประตูรั้วหน้าบ้านที่เปิดไว้ เพราะกลัวว่าไข่ดาวจะฉวยโอกาสหนีเที่ยวหรือไปกัดใครเข้าคณินเลยวิ่งตามไปและหยุดตรงหน้าบ้าน ปรากฏว่าเจ้าหมาหน้าซื่อ แต่ไม่ใช่กับเขากำลังกระดิกหางอย่างศิโรราบเดินตามใครคนหนึ่งมาจนน่าจับตีก้น

   “พี่คณินล้างรถอยู่เหรอครับ”

   เสียงใสเดินเข้ามาพร้อมกับชุดไพรเวทด้วยเสื้อเทรนฮาวายสีเหลืองลายสัปปะรสสดใส กับกางเกงขาสั้นรองเท้ากีฬาสีขาวเข้ากับกระเป๋าสะพายหลังจนชวนมองสุดๆ อีกทั้งในมือยังมีถุงหิ้วใบใหญ่ติดไม้ติดมือมาอีกชุดใหญ่

   คณินมองคนมาเยือนเหมือนประหลาดใจยืนนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาจนได้ แค่มองคนตรงหน้าก็ทำให้คณินรู้สึกว่าอุ่นไปถึงข้างในแล้ว

   “มาไง ทำไมเราไม่บอกพี่ล่วงหน้า ไหนบอกไปทำโปรเจคกับเพื่อน เสร็จแล้วเหรอเรา? ”   

   “ครับ เรียบร้อยแล้ว หมูๆ ”พูดไปก็เดินตามหลังคณินต้อยๆ เข้ามา

   “โฮ่ง! ”เผลอคุยนานเจ้าไข่ดาวก็เรียกร้องความสนใจซะแล้ว

   “เอ่อพี่คณินครับ ผมขอเข้าบ้านเอาของไปเก็บก่อนนะครับ วันนี้วันหยุดผมกะมาทำสุกี้กับพี่คณิน ไม่ไปไหนใช่มั้ยครับ”

   “อืม”

   “Yes!”คนดีใจแสดงอาการจนคณินแอบขำ “อ้อ เดี๋ยวผมออกมาช่วยล้างรถนะครับ จะได้เสร็จไวๆ ป่ะไข่ดาว เราซื้อขนมมาฝากนายด้วยนะ”เสียงแจ้วๆ หายลับเข้าไปในบ้าน คณินมองตามแผ่นหลังเล็กที่ไม่ทันจะห้ามปรามเรื่องช่วยล้างรถ ขนุนก็รีบไปก่อนซะแล้ว

   ส่วนคนที่เสนอตัวและหัวใจให้เจ้าของรถ ก็ออกมาพร้อมกับกางเกงตัวเดิม แต่ถอดเสื้อเหลือเพียงเสื้อยืดสีขาวด้านในวิ่งหน้าตาสดใสออกมาออร่าเปล่งประกายเหลือเกิน

   “ผมพร้อมแล้วครับ มาผมช่วย”

   “ไม่ต้อง เดี๋ยวเสื้อผ้าก็เปียกหมด”

   “งั้นผมถอดออกก็ได้”ขนุนจับชายเสื้อดึงขึ้นจนแทบจะพ้นหัวจนคณินต้องยอมจนได้

   “โอเคๆ ไม่ต้องถอดแล้วครับ เดี๋ยวนี้เป็นเด็กดื้อนะเรา”

   “ก็ผมทำตามที่พี่คณินบอก ไม่ให้เสื้อผ้าเปียกไงครับ ตอนเด็กยังเคยแก้ผ้าเล่นน้ำฝนเลย”

   “แต่ตอนนี้...”คณินกอดอกมองขนุนเลิกคิ้วสูง “เราไม่เด็กแล้วนะ” แล้วตามด้วยขนุนที่ถูกดีดมะกอกที่หน้าผากเต็มๆ

   น่าแปลกที่อยู่ดีๆ ก็หวงพุงขาวๆ ของอีกฝ่ายจนงงใจตัวเอง ความหงุดหงิดก็เข้ามาสะกิดใจซะงั้น

   ขนุนได้แต่ยิ้มสบตาคณินที่มองมาแบบอ่อนใจ ในตอนนี้ถึงแม้คณินจะไม่มั่นใจในความรู้สึกที่มีให้ขนุนเต็มร้อย แต่ครึ่งหนึ่งก็คือความหวัง ขนุนเองก็เปิดเผยตรงๆ ไปแล้วไม่มีอะไรต้องเศร้าเสียใจ หัวใจของขนุนก็ไม่ได้เปราะบางขนาดกระดาษช้อนปลาในงานวัด สิ่งใดๆ ไม่น่าเสียใจเท่ากับเขาไม่พยายามทำอะไรให้คนตรงหน้าหันมาเลยต่างหาก นั่นถึงจะเรียกว่าน่าเศร้ามากกว่า

   “สุดท้ายก็เปียกจนได้”

   “แต่รถก็สะอาดเงางามนะครับ”ขนุนผายมือไปที่รถของคณินเสยผมที่เปียกชื้นขึ้นราวกับถ่ายแบบปกนิตยสาร พิงหลังไปกับด้านข้างของรถ แต่คณินกลับเดินผ่านไป ตามเสียงกระดิ่งไปที่หน้าบ้านเหมือนมีสิ่งอื่นน่าสนใจกว่า จนขนุนเข่าแทบทรุด

   “คนเขาอ่อยแล้วเมินอีก เห้อ”ขนุนพึมพำตามองบน

   คนเฟลจนไหล่ห่อก้มๆ เงยๆ เก็บถังอุปกรณ์ล้างรถอย่างหมดแรง กลับถูกสะกิดมาทางด้านหลังพร้อมกับไอศกรีมโคนอันละ 10 บาทยื่นมาให้

   “ร้อนๆ กินนี่หน่อยมั้ย อร่อยนะ ลุงแกปั่นสามล้อขายในหมู่บ้านมาหลายปีแล้ว”

   “.....”ขนุนถึงกับส่งสายตาวิบวับเป็นประกาย

   “ไม่กินพี่ให้ไข่ดาวนะ”

   “กินสิครับ! ”

   กลายเป็นว่าการพักเหนื่อยที่ชุ่มชื่นใจที่สุดเห็นจะเป็นการละเลียดชิมไอศกรีมรสกะทิเจ้าโปรดของคณินอยู่ตรงสวนหน้าบ้านในวันที่อากาศร้อน โดยมีสองคนกับหนึ่งตัวที่แทรกกลางเลียปากแผล็บๆ มองคณินกับขนุนซ้ายขวา

   “รสรวมมิตรอร่อยหวานมันชื่นใจมากครับ ของพี่คณินรสอะไร เหมือนของผมรึเปล่า”ขนุนเหล่ตามอง

   “ของพี่รสกะทิ จะชิมมั้ย”

   “ได้เหรอ”

   “ทำหน้าดีใจอะไรขนาดนั้น”คณินยิ้มขำ ยื่นไอศกรีมรถถั่วแดงให้ขนุนไปชิมรส ทว่าเจ้าหมาจอมแสบอย่างไข่ดาวก็ชั่งหิวโหยซะเหลือเกินดันฉกงับไปแล้ววิ่งแจ้นไปในทันที คณินหน้าเหวอมองเจ้าไข่ดาวจอมแสบอย่างอึ้งๆ

   “สงสัยไข่ดาวก็อยากกินด้วย อย่าไปโกรธเลยนะครับ กินของผมก็ได้”ขนุนยื่นไอศกรีมของตัวเองไปตรงหน้าคณินยอมเสียสละ นัยน์ตาเป็นประกายแอบขยับเข้าไปใกล้

   “เดี๋ยวเราไม่อิ่ม พี่ไม่แย่งหรอก”

   “ผมเต็มใจแบ่งครับ”คนให้จะไม่รับก็คงจะเสียน้ำใจ คนตัวโตกว่าจึงก้มหน้าลงไปใกล้ไอศกรีมตั้งใจจะงับคำเล็กๆ แต่ไหงดันโดนขนุนแกล้งขยับไอศกรีมเข้าหาหน้าจนจมูกคณินจุ่มลงไปในก้อนไอศกรีมรสกะทิหวานมันซะจนเปื้อน

   คนโดนแกล้งกลอกตานิ่งไปหาคนที่นั่งข้างๆ หรี่ตามองขนุนที่ฉีกยิ้มค้าง

   “แกล้งพี่รึไง”

   “เปล่านะครับ มือผมมันสั่น จมูกเลอะเลยแฮะ”

   อาการเม้มปากพยายามกลั้นขำขนาดนั้นหากเชื่อก็บ้าแล้ว

   “อยากโดนแกล้งกลับใช่มั้ยเรา หึ! ”คนรู้ตัวลุกขึ้นเตรียมวิ่ง แต่ถูกคณินล็อกตัวเอาไว้แล้วจัดการป้อนไอศกรีมคำโตให้จนหนำใจ เสียงโวยวายผสมเสียงหัวเราะดูสนุกเรียกเจ้าหมาแสบจอมขโมยที่เลียปากแผล็บๆ วิ่งออกมาผสมโรงด้วยจนชุลมุน แน่นอนว่าหมาแสบแล้วยังเป็นหมาทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างคณินโดยการงับกางเกงเจ้านายตัวเองจนเขี้ยวเจาะเป็นรู้อีกด้วย

   ความเพลียใจกับหมาที่แปรพรรคมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ

   “แฮ่กๆ พะพอแล้วครับ ผมยอมแพ้ เหนื่อยมาก” ขนุนก้มลงค้ำมือทั้งสองข้างกับเข่าตัวเองหอยหายใจถี่ เงยหน้าที่เปื้อนไปด้วยไอศกรีมที่กินไปได้ไม่ถึงสามคำ เพราะที่เหลือละเลงอยู่บนหน้าจนเหนียวเหนอะ

   “แกล้งผิดคนซะแล้วครับ”คนตัวสูงก้าวมายืนตรงหน้าขนุนไหวไหล่อย่างผู้ชนะ ก่อนจะดึงขอบเสื้อของตัวเองที่ยังเปียกชื้นขึ้นเช็ดหน้าให้กับขนุน คนถูกดูแลตาแทบถลนเพราะดันไปมองตรงหน้าท้องขาวมีกล้ามเนื้อนิดๆ จนกำเดาแทบไหลในยามบ่ายแก่ๆ ที่อากาศแสนอบอ้าว

   คนเช็ดไม่เท่าไหร่ แต่คนถูกเช็ดให้จะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อแล้ว

   “พี่ว่าเราเข้าบ้านกันเถอะ จะทำสุกี้เป็นมื้อเย็นไม่ใช่รึไง พี่หิวแล้ว”

   “ครับ”ขนุนกลืนน้ำลายมองไปที่หน้าท้องแน่นๆ แนบเนื้อผ้า ที่อีกฝ่ายเผลอเปิดให้มองก่อนตอบออกไป “ผมก็หิวเหมือนกัน”

   ขอโทษครับพี่คณิน ที่ผมเจตนาดีต่อพี่ไม่ได้เลย!

   อดทนไว้ขนุนเอ้ย!



   
   “กินแล้วนะครับ”

   โครงการสุกี้เราสอง แต่ตอนนี้กลับมี 4 คนคงไม่แปลก เพราะอนาวินกับโจมที่โผล่มาด้วยความบังเอิญก็ถูกเชิญมาร่วมมื้อเย็นด้วย คณินมองหน้าเพื่อนที่จ้วงเอาจ้วงเอาไม่ถงไม่ถามเจ้าของบ้านสักคำ ส่วนขนุนก็เหมือนจะลืมไปแล้วว่าตั้งใจจะมากินกัน 2 คน แต่กลับหัวเราะเฮฮาจนเหมือนว่าเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ไปแล้ว

   “กินได้เต็มที่เลยนะครับ ผมซื้อของมาเยอะ”

   “พี่รอดตายมื้อเย็นแล้วขอบคุณขนุนมาก”อนาวินคาบวุ้นเส้นดูดเข้าปากจนน้ำซุปกระเซ็นไปบนหน้าคณิน

   “อดอยากมาจากไหนกันวะ”คณินบ่น

   “ก็วันนี้วิ่งวุ่นทั้งวันเรื่องธุระที่บ้าน แถมยังนัดเจอกับไอ้โจมตอนบ่ายไปซื้อของแล้วเอาชีทมาให้มึง เลยไม่มีเวลากิน”

   “พวกพี่ขยันกันมากเลยนะครับ ส่วนใหญ่เวลาว่างของพวกผมคือนัดไปกินเหล้า แล้วมาปั่นงานกันตอนใกล้ส่ง”

   “พวกพี่ก็อยากทำแบบนั้นนะ อัดอั้นอยู่เหมือนกัน แต่เพราะพวกพี่มันไม่มีทางเลือกว่ะขนุน”

   “ขนุนก็กินบ้าง เดี๋ยวกินหมดไม่รู้ด้วยนะ”โจมคีบลูกชิ้นปลาใส่ถ้วยให้ขนุนอย่างเอ็นดู

   “ขอบคุณครับ พี่โจมก็กินเยอะๆ นะครับจะได้มีแรงกลับไปอ่านหนังสือ”คนตัวเล็กตักหมูนุ่มในหม้อให้บริการอย่างดี คนรับพยักหน้ากินต่อไม่รอให้หายร้อน

   ในขณะที่คนอื่นกิน คณินกลับนั่งมองรอยยิ้มของขนุนที่แจกไปทั่ว

   เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาหวงเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ดีที่ในถ้วยตัวเองว่างเปล่า

   “ตักให้พี่บ้าง”คนตัวโตยื่นถ้วยไปข้างหน้าท่าทีนิ่งๆ

   “ได้ครับ”

   “แฮ่มๆ มือเป็นง่อยไง ตักเองไม่เป็น”

   ปึก!

   “กินให้อิ่มแล้วกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวกูให้ไข่ดาวเดินไปส่ง”ศอกหนากระทุ้งเข้าสีข้างของอนาวินจนเจ้าตัวหน้าเบ้

   “โห่ เพื่อนกู! ”อนาวินไม่กล้าแซวหนักเพราะยังคาดเดาสถานการณ์ของทั้งสองไม่ออก ขนุนทำตัวเหมือนทุกวัน ยิ้มสดใส พูดเก่ง หัวเราะง่าย และเข้ากับพวกเขาได้ดีเหมือนเคย แถมยังปรนนิบัติพัดวีคุณคณิน ดิเรกราชรังสรรค์ ราวกับเทพเจ้าอวตาร

   จนตอนนี้ในหม้อบรรดาเนื้อโปรตีน และของอร่อยทั้งหมดทั้งมวลลงไปอยู่ในถ้วยคณินหมดแล้ว ทุกอย่างเหมือนแดจาวู ตอนที่ไปกินชาบูกันครั้งแรก มังสวิรัติคงเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะขนุนโกยหมูให้คณินซะหมดหม้อ

   “ขอบคุณขนุนนะ มื้อนี่พวกพี่โคตรอิ่ม”อนาวินลูบท้องตัวเอง ก่อนกระดกน้ำเข้าไปอึกใหญ่

   “ผมดีใจที่พวกพี่กินได้ ไว้วันหลังเป็นเมนูอื่นนะครับ แต่ขอแบบง่ายๆ ผมก็ไม่ใช่คนที่คุ้นครัว ทำเป็นแต่ของเอาตัวรอดแบบเบสิกๆ ”

   “เสียดายที่มึงไม่ชอบจัดงานวันเกิด ไม่งั้นพรุ่งนี้กูรีเควสให้ขนุนทำของอร่อยๆ ให้กินแล้ว”โจมว่าพลางยื่นถุงกระดาษสีขาวยัดใส่อกคณิน “ของขวัญวันเกิดล่วงหน้าของกูกับไอ้วิน”

   ขนุนมองแบบงงๆ ก่อนจะพูดแทรกขึ้น

   “ดะเดี๋ยวนะครับ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดพี่คณินเหรอครับ”

   “ใช่ แต่ต้องทำใจนะว่ามันไม่จัดงานปาร์ตี้ พวกพี่เลยได้แต่ซื้อของขวัญเฉยๆ ”

   “ผมไม่รู้เลย เป็นวันสำคัญแท้ๆ ”ขนุนหน้าเหวอออกอาการจนคณินต้องพูดบ้าง

   “ไม่เป็นไร พี่ไม่ซีเรียสวันพวกนี้อยู่แล้ว”

   “พวกกูจะกลับแล้วว่ะ เดี๋ยวต้องแวะส่งไอ้โจมอีก ไม่อยากถึงบ้านดึก”

   “อืม กลับดีๆ กูไม่เดินไปส่งนะ”

   “พวกพี่ไปก่อนนะขนุน ฝากล้างจานด้วยนะครับ”อนาวินขยิบตาให้ ก่อนจะพากันกลับ บ้านทั้งหลังเงียบลงมาระดับหนึ่ง เสียงเห่าของไข่ดาวและเสียงรถที่เคลื่อนออกไปก็พอจะรู้แล้วว่าโจมกับอนาวินกลับแล้ว

   ขนุนจัดการเก็บกวาดโดยมีคณินช่วย ขนุนล้างจาน ส่วนคณินก็เช็ดทำความสะอาดพวกเคาน์เตอร์เรียบร้อย เสร็จงานของตัวเองคณินก็ยืนมองขนุนจากทางด้านหลัง มองแผ่นหลังเล็กที่ขยับตัวไปมาวุ่นอยู่กับจานในอ่างและเครื่องครัวที่ต้องทำความสะอาด คณินเลยอาสาเป็นลูกมือหยิบจานสะเด็ดน้ำให้

   เพราะท่าทีแปลกๆ ที่ขนุนสะบัดหน้ายิกๆ คณินเลยถามขึ้น

   “เป็นอะไร”

   “เส้นผมมันทิ่มตาอ่ะ” ขนุนพยายามใช้ข้อมือที่มีฟองน้ำยาล้างจานปัดผม

   “หันมา พี่จัดการให้”คนตัวสูงหยักยิ้มจับไหล่เล็กให้ขนุนหันมาตรงหน้า เอื้อมมือข้างหนึ่งหยิบหนังยางมัดถุงแกงที่อยู่ใกล้ๆ แล้วจัดการรวบผมตรงส่วนหน้าของขนุนขึ้น แล้วมัดให้เก้ๆ กังๆ

   ขนุนทำได้เพียงเหลือบตามองคนตรงหน้าที่พยายามมัดผมให้อย่างนุ่มนวล พานเอาหัวใจของขนุนต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง จนแอบกลั้นหายใจเม้มปากบางเสียแน่น

   “เสร็จแล้วครับ”

   “ขอบคุณครับ สบายหน้าขึ้นเยอะเลย”

   “หึ หึ”

   “พี่คณินหัวเราะอะไรครับ”ขนุนถึงกับหน้าร้อนผ่าวที่เห็นปฏิกิริยาชวนเขินของคนตรงหน้า

   มองกันด้วยสายตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใครบ้างจะไม่เขิน โดยเฉพาะขนุนที่ยิ่งตกหลุมรักคนตรงหน้าซ้ำๆ จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

   “ก็มองเราไง มัดผมแล้วน่ารักดี”ปลายนิ้วของคณินแตะลงบนปลายผมของขนุนยิ้มให้ ก่อนซุกมือหนาลงกระเป๋ากางเกง เพราะกลัวจะเผลอไปจับแก้มขาวน่าบีบที่อยู่ตรงหน้าเวลาเผลอไผล

   “น่ารักแล้วรักรึเปล่าครับ”คนเถรตรงไม่ห่วงจังหวะหัวใจของคนตรงหน้าถามออกมาด้วยแววตากลมโต ถึงกับทำให้คณินต้องแก้เก้อยกมือขึ้นลูบต้นคอตัวเอง เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่รู้สึกว่า.....

   กำลังเขิน

   เขินให้กับคนตัวเล็กกว่าที่กล้าถามเขาแบบนั้น จริงๆ ขนุนไม่ได้เพิ่งจะมาแซวอะไรแบบนี้ แต่หลังๆ มาคณินกลับรู้สึกว่ามันเริ่มซึมเข้าไปในความรู้สึกของเขาทีละนิด

   “ชักจะเอาใหญ่นะเรา”

   “ไม่ตอบก็ตามใจครับ ผมแมนๆ อยู่แล้ว”ขนุนไหวไหล่ยิ้มเม้มปากจนแก้มกลม หันไปล้างถ้วยล้างจานต่อ แล้วหยิบถ้วยใบใหญ่ขึ้นวางบนชั้นลอยเหนือหัว แต่เพราะช่วงแขนมันสั้น เจ้าของบ้านจึงเข้าไปช่วย

   ร่างหนากว่าที่ซ้อนเข้ามาทางด้านหลัง สัมผัสอุ่นๆ จากอีกร่างกายหนึ่งเล่นเอาขนุนอยากจะยื้อเวลาช่วงนี้เอาไว้นานๆ ซะเหลือเกิน

   “โฮ่ง! โฮ่ง!”

   พอรู้ตัว คณินเลยรีบผละออกจากขนุนทันที 

   “พี่ไปดูไข่ดาวก่อนนะ ไม่รู้ว่าเห่าอะไร”

   “ครับ ที่เหลือผมจัดการเอง”

   “อืม”

   “เอ่อพี่คณินครับ! ”

   “หืม”

   ขนุนปาดนิ้วที่เปียกน้ำลงบนเสื้อตัวเองเพื่อเช็ดให้แห้ง แล้วก็ชี้ไปที่ใบหน้าตัวเองก่อนพูดขึ้น “หน้าพี่คณิน แดงหมดแล้วนะครับ”

   “อาการคงจะร้อน”

   คนแก้ตัวพูดจบก็เดินออกจากครัวไป ขนุนที่มองถ้วยจานในอ่าง อยากจะหยิบขึ้นมาแทะเล่นด้วยอาการเคอะเขินเสียแทน

   “พี่คณินน่ารักแบบนี้ผมจะไปไหนรอด บ้าจริง!”











ติดตามตอนต่อไป >>>

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้าาาา
 :กอด1: :-[ :bye2:

โดย หลานฮวา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 20:27:50 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่คนินจะทนไหวแค่ไหนกันนะขนุนน่ารักขนาดนี้

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เขินถึงขนาดจะแทะจานแล้วเหรอเนี่ย ดาเมจนี้รุนแรงยิ่งนัก 5555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
บ้าจริงงงงง เขินนนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด