รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รับขนุนสักลูกไหมครับ ll ขนุนลูกที่ 27 (END) 16/07/2562  (อ่าน 39982 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 18





   “ตกลงเมื่อกี้ไข่ดาวเห่าอะไรครับ”

   “อ้อ เห่ากะละมังน่ะ”

   “ห๊ะ!”

   “อืม พอดีพี่เอาไปวางไว้บนพุ่มไม้ สงสัยหันไปเจอแล้วตกใจ”

   “ฮ่าๆ ผมว่าพี่พาไข่ดาวไปพบหมอบ้างนะครับ”ขนุนหัวเราะหันไปมองเจ้าหมาขี้ตกใจกับสิ่งแปลกตา ขณะที่เดินออกมากำลังจะกลับหอ

   “นี่แน่ใจนะว่าไม่ให้พี่ขับรถไปส่ง”

   “ไม่ต้องหรอกครับ ผมเรียกแกร็บแล้ว เดี๋ยวคงมา”คณินยืนส่งขนุนอยู่หน้าประตูบ้าน เหมือนรอส่งเด็กน้อยขึ้นรถบัสประจำทางไปโรงเรียน

   “ขอบคุณมากนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ทั้งวัน”

   “ผมมาสนองneedตัวเองมากกว่าครับ”ขนุนพึมพำ

   “หืม? ”

   “เปล่าครับผมแค่....ฮัชชิ่ว! ”พูดไม่ทันจบประโยคขนุนก็จามออกมาจนหัวสั่นไปหมด เจ้าตัวยกหลังมือมาขยี้ปลายจมูกจนแดง คณินก้มหน้าลงไปมองเอามือจับหัวทุยๆ บนกลุ่มผมนุ่มแล้วจับให้ขนุนเงยหน้าขึ้นมา แล้วยื่นหน้าสังเกตมองซะจนใกล้

   “นี่เราจะไม่สบายรึเปล่า วันนี้ก็ตัวเปียกไปครึ่งวันด้วย”

   “อาจมีใครบ่นถึงก็ได้มั้งครับ”

   “ยังจะมายิ้มอีก รอพี่แป็บนึงเดี๋ยวพี่มา”แล้วจู่ๆ คณินก็เดินเข้าบ้านท่าทางรีบร้อน ก่อนจะกลับออกมาไม่ถึง 3 นาที

   “สวมไว้จะได้ไม่หนาว เผื่อไม่สบายขึ้นมาจะแย่ อย่าลืมกลับไปกินยาด้วยนะเข้าใจมั้ย? ”เสื้อแจ็กเกตตัวใหญ่ที่คลุมทับมาให้ทำเอาขนุนนิ่ง มองคนตรงหน้าที่ใส่ใจซะจน...

   กลัว…

   กลัวใจตัวเองว่าจะไม่อาจตัดคนคนนี้ไปได้ ถ้าหากทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด

   “จ้องพี่ตาแป๋วแบบนั้นมีอะไรรึเปล่า”

   “ไม่มีครับ   ”ขนุนส่ายหน้า “อ่า แกร็บมาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ”

   คณินเดินมาส่งขนุนขึ้นรถ แล้วปิดประตูให้ ขนุนลดกระจกรถแล้วโบกมือลา

   “ไว้เจอกันครับ”

   คณินส่งยิ้มโบกมือลาเช่นกัน และมองรถที่วิ่งไกลออกไปจนรถเลี้ยวสุดทางกระทั่งหายไปจากสายตา แต่ร่างสูงกลับยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอยู่นานเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

   คณินเงยหน้ามองท้องฟ้าที่คืนนี้มีดาวให้เห็นเป็นบางส่วน มีเมฆบดบังเงาจันทร์อยู่บ้างเล็กน้อยผิดกับบรรยากาศฟ้าโปร่งในตอนกลางวัน ก่อนจะตัดสินใจปิดประตูเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับไข่ดาวที่มาส่งขนุนหน้าบ้านเช่นกัน

   ร่างสูงเดินก้าวเร็วทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะอ่านหนังสือ มีชีทอีกหลายชุดกับเปเปอร์อีกหลายฉบับที่เขาต้องอ่านในคืนนี้ แต่เพราะหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างขึ้นคณินจึงคว้าขึ้นมาดู มีสายเรียกเข้าที่คณินไม่ได้รับถึงยี่สิบสาย และเขาจงใจจะทำเป็นไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ สายที่ยี่สิบเอ็ดก็โทรเข้ามา เจ้าของโทรศัพท์มองหน้าจอที่สว่างขึ้น ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในหัวแต่ท้ายที่สุดแล้วคณินก็ตัดสินใจกดรับสายในที่สุด

   “ฮัลโหล”

   [คณิน...]เสียงสั่นเครือจากอีกปลายสายช่างแผ่วเบา

   “ตาลมีอะไรรึเปล่า”คณินกลอกเสียงถามออกไป ดีดตัวนั่งหลังตรงเมื่อรู้สึกถึงความไม่ปกติของอีกฝ่าย ลูกตาลไม่ใช่คนที่อ่อนแอกับอะไรง่ายๆ แต่ถึงกับเสียงสั่นจนชัดเจนแบบนี้มันไม่เหมือนที่คุ้นเคย

   [ยังโกรธเราเหรอ คณินไม่รับสายเราเลย]

   “สถานะตอนนี้...ผมไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเคืองตาลแล้วนะ”คณินพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ เขาไม่อยากแสดงท่าทีก้าวร้าวออกไปเหมือนยังมีความรู้สึกให้กับเธอ
 
   [แต่ตอนนี้เราเหงามากเลยนะ เราไม่มีใครแล้วอ่ะคณิน ฮึก] เสียงเล็กนั้นสั่นเครือไปหมด เหมือนอีกฝ่ายกำลังร้องไห้

   “ผมว่าตาลอย่าเสียเวลาเลย คงมีใครอีกหลายคนพร้อมที่จะดูแลตาล คนดีๆ อีกเยอะที่เข้าใจตาล ถึงยังไงเราก็คงกลับไปเป็นแบบเก่าไม่ได้แล้ว”

   [คณิน....ฮือๆ เราขอโทษนะ]

   “อย่าร้องไห้เลยและไม่ต้องขอโทษอะไรทั้งนั้นเรื่องมันผ่านมานานแล้ว ตาลควรจะได้เริ่มรักใหม่ กับคนที่เข้าใจตาล มีเวลาให้ตาล ทำทุกอย่างให้ตาลมีความสุข อย่าคิดวกวนแต่เรื่องเดิมๆ เลย”

   [ฮึกๆ เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมไม่ได้แล้วจริงๆ เหรอคณิน ใจของคณินไม่มีตาลอยู่ในนั้นแล้วจริงๆ เหรอ]

   สายตาของคณินจ้องมองไปยังขวดนาฬิกาทรายบนโต๊ะ ฟังน้ำเสียงที่เขาอยากจะปลอบให้อีกฝ่ายเลิกเสียใจเลิกร้องไห้ แต่ไม่ใช่ในฐานะแฟน มันก็แค่ความรู้สึกหวังดีที่อยากให้กัน

   “อือ.....เวลาของเรามันหยุดไปตั้งนานแล้วตาล ตอนนี้เราก็แค่ต่างคนต่างเดินในทางของตัวเอง”

   [ถ้าคณินยืนยันแบบนั้น.....] น้ำเสียงที่ขาดห้วงของอีกปลายสายกลับมาตั้งสติใหม่อีกครั้ง [เราขออะไรเป็นครั้งสุดท้ายสิ จากนี้เราจะไม่วุ่นวายกับคณินอีก ได้ไหม? ]

   “…..”

   คณินฟังสิ่งที่ลูกตาลร้องขอ หลังจากวางสายไปแล้วสายตาของคณินก็ยังคงจ้องมองโทรศัพท์ที่กำแน่นอยู่ในมือ กระทั่งเวลาผ่านไปถึงครึ่งชั่วโมง จึงจะลุกขึ้นเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำและจมอยู่กับหนังสือ และเปเปอร์ต่างๆ จนกระทั่งผ่านไปถึงสองชั่วโมง ก่อนที่เจ้าของร่างสูงจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง และกดส่งข้อความไปหาใครบางคน จากนั้นจึงปิดไฟและล้มตัวลงนอนในเวลา 02.35 น.

   ตกลง พรุ่งนี้ตอนเย็น ผมจะไปรอที่ร้าน





มอM

   เสียงกีตาร์โปร่งที่ถูกจับคอร์ดดีดเพลงดังมาจากใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ กลุ่มนักศึกษาชาย 5 คนที่หลังเลิกเรียนยังไม่กลับบ้านก็เอาเวลาว่างเล็กๆ น้อยๆ มาสังสรรค์ กลุ่มแก๊งเล็กๆ ที่มักจะเห็นอยู่ด้วยกันจนชินตาไปแล้วก็มีนิว ต้า ขนุน ช้างและแจ็กที่เป็นคนเล่นกี่ต้าโปร่งเสียงเพราะและร้องเพลงให้เพื่อนฟัง

   จนกระทั่งนักร้องอย่างช้างร้องเพลงประกอบอีกแรง

   “โหช้าง มีใครเคยบอกมั้ยว่ามึงร้องเพลงเพราะ”ต้าถาม ยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติให้แจ็กหยุดดีดกีตาร์

   “เพราะ? ”นิวเลิกคิ้วสูงปากที่คาบหลอดอยู่อ้าขึ้น

   “ก็เพราะอะไรมึงถึงร้องเพลง แม่ง เสียงโคตรเหี้ยเลยอ่ะ ไปอยู่เซตเดียวกับไอ้ขนุนเลย”

   “สัด! กูขาดpassionในการร้องหมด”ช้างคำราม กระโดดลงมาจากโต๊ะที่นั่งแทนเก้าอี้

   “แล้วนี้ไอ้ขนุนไปไหนวะ เลิกคลาสแล้วกูเห็นมันแยกตัวออกไปยังไม่กลับมาเลย”ช้างถาม

   “ไปหาจ๊ะเอ๋ที่ตึกอักษร เห็นบอกว่าจะให้ช่วยห่อของขวัญ”ต้าบอกโยนตัวลิลงเข้าปากเคียว

   “ของขวัญ ให้ใคร? ”แจ๊กวางกีตาร์ตัวโปรดหันไปหยิบห่อขนมมาแกะ

   “กูให้ทาย”นิวพูด

   “เดือนนี้ไม่มีใครเกิดนี่หว่า อ้อ! วันเกิดแม่มันเหรอ”

   “แม่บ้านพ่องมึงสิไอ้ช้าง”แจ็กม้วนกระดาษฟาดไปที่หัวของช้าง “คนสำคัญของมันต่างหาก”

   “สำคัญมากไหม? ”

   “ไม่มาก มีไหมอยู่ไม่กี่ตัวที่เหลือแม่งแดกกัญชาแทนใบหม่อนเลยตายเกลี้ยง ผ่ามผ้ามมมม!”

   เพี๊ยะ!!!

   “เล่นมุขเหี้ยไรของมึงเนี่ย” ช้างโดนไปอีกหนึ่งดอก

   “สมองกูสะเทือนหมด”

   “กูไม่เคยเห็นมึงมีสมองนะไอ้ช้าง”แจ็กเคี้ยวขนมกรุบกรับแล้วด่าเพื่อนไปด้วย

   “เพราะมึงกูเลยไม่จำเป็นต้องใช้สมอง”

   “ทำไมวะ”แจ็กงง

   “...หากฉันใช้สมองจดจำเรื่องราว ก็ยังพอจะลืมเธอได้แต่ฉันใช้หัวใจ เก็บความทรงจำเรื่องของเรา.....ไม่ขำ?”

   “มึงพอยัง ถ้าไม่พอกูทุบแม่งด้วยกีตาร์! ”

   “หยาบคายว่ะแจ็ก”ช้างยกมือประสานอกปกป้องตัวเอง ที่บึกบึนยิ่งกว่าแจ็กซะอีก

   “มุกมึงแถมฟรีกูก็ไม่เอาจริงๆ กากสัด”ต้าส่ายหน้า หันไปสนใจกับถั่วต่อ

   “ไอ้ขนุนมาโน่นแล้ว”

   ทั้งกลุ่มหันไปมองผู้ชายตัวไม่สูงไม่เตี้ยกึ่งวิ่งกึ่งเดินหิ้วถุงกระดาษโบกมือมาให้ ทั้งฉีกยิ้มเห็นฟันซี่ขาวมาแต่ไกล

   “ได้ข่าวว่าไปห่อของขวัญ ให้ใครวะ? ”ช้างถาม

   “อ๋อ วันนี้วันเกิดพี่คณิน เลยอยากให้อะไรบ้างน่ะพี่โจมบอกว่าพี่คณินไม่จัดปาร์ตี้ เลยอยากจะให้เป็นของแทน”

   “รักกันดีว่างั้น”แจ็กแซว

   ขนุนหัวเราะแต่ไม่ได้ตอบอะไร

   “ฮันแน่! เร็วๆ นี้จะมีข่าวดีใช่ป่ะ”ช้างแซวแอบใช้แขนกอดคอขนุนไว้ใต้รักแร้ แต่พอสัมผัสเข้ากับผิวของขนุน คนหยอกล้อก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที “เดี๋ยว! ขนุนตัวมันรุมๆ ป่ะวะ” ช้างเปิดประเด็นคนอื่นๆ ก็กรูกันมาอังหน้าผาก บ้างก็จับต้นคอง้างปากดูเพื่อพิสูจน์

   “ขนุน มึงไม่สบายรึเปล่าวะตัวมึงอุ่นๆ ”นิวจับไหล่สองข้างของขนุนประจันหน้า ก้มหน้าถามไถ่คิ้วขมวดด้วยความเป็นห่วง

   “ไม่สบายอะไรกัน อาการร้อนขนาดนี้ เราเดินตากแดดมาผิวมันเลยร้อนมากกว่า”

   “แน่ใจนะ”นิ้วคาดคั้น

   “ถ้าเราไม่สบายเรานอนหลับอยู่หอไม่มาเรียนแล้ว”

   “อือ”นิวพยักหน้ายืนล้วงกระเป๋าจ้องขนุนตาเขม้น

   “แล้วมึงจะเอาของขวัญไปให้พี่คณินตอนไหนยังไง เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน”ต้าถาม

   “เอารถกูไปป่ะล่ะ”แจ็กเสนอ

   “ไม่ดีกว่า ขนส่งมวลชนง่ายกว่า”

   “ตามใจ”

   “งั้นก่อนไปมึงไปกินข้าวกับพวกกูก่อน ไม่รีบใช่มั้ยล่ะ”นิวชวน คนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยเก็บของบนโต๊ะใส่กระเป๋า

   “ได้ กินเสร็จเราค่อยไป”ขนุนก้มดูนาฬิกาตอบรับเพื่อนไป แล้วทุกคนก็เฮโลพากันเดินห้อมล้อม ถึงกลุ่มนี้จะไม่ได้มีดีตรงหน้าตา แต่คงบอกได้ว่ามีดีที่เสียงดัง




   “คณิน มึงแน่ใจแล้วเหรอวะ”

   “อืม ถ้าไม่ทำแบบนี้ ตาลคงจะไม่หยุดและทุกอย่างมันก็จะกลับมายุ่งเหยิง และมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะเจอกับเค้า”

   “กูก็หวังว่ามึงจะเคลียร์ให้อีกฝ่ายเข้าใจได้จริงๆ ”

   “อย่าเรียกว่าเคลียร์เลย เพราะกูกับลูกตาลมันจบไปแล้ว แต่ครั้งนี้ที่ยอมมาเพราะอยากไปบอกบางอย่างกับตาลมากกว่า”

   “บอกอะไรวะ? ”

   “ไว้กูจะบอกทีหลัง ขอบใจที่มาส่ง”คณินเปิดประตูรถของโจมออกไปอย่างไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนที่ต้องเจอลูกตาล แต่คนที่ดูเป็นห่วงเป็นใยที่รีบวิ่งลงมาจากรถเข้ามาขวางคณินมากกว่าที่ดูร้อนรน

   “เดี๋ยวไอ้คณิน”

   “อะไรอีกไอ้วิน? ”

   “ถ้ามึงจะใจอ่อน.....”

   “ไม่มีทาง”คณินตอบออกไปอย่างมั่นใจไม่ต้องรอให้อนาวินพูดจบประโยค เพราะอย่างไร ใจของคณินมันไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจริงๆ

   “ถ้ามึงมั่นใจขนาดนั้น...โชคดีว่ะเพื่อน”

   “อือ”คณินหยักยิ้ม ยกมือลาก่อนจะก้าวเท้าไปยังร้านอาหารอิตาเลียนที่นัดกับลูกตาลไว้ วันนี้รถของคณินงอแง เหมือนมันไม่อยากให้เขาออกไปไหน คณินเลยจำต้องให้โจมเป็นธุระมาส่งหลังจากออกไปทำงานกลุ่มเสร็จที่บ้านของโจมแล้ว

   ทันทีที่คณินก้าวเท้าเข้าไปยังภายในร้าน บรรยากาศกลิ่นหอมของชีส และขนมปังก็อบอวลไปทั่ว สายตาของคณินมองหาลูกตาล ก็เจอกับเธอที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เธอลุกขึ้นยกมือให้เขาเห็น สีหน้ายิ้มบางท่าทางไม่สดชื่น แม้เครื่องสำอางที่บรรจงแต่งแต้มมาจะทำให้ใบหน้าของเธอดูสวยจนชวนเหลียวมอง แต่ก็ปกปิดนัยน์ตาหม่นหมองไว้ไม่ได้

   เมื่อร่างสูงที่ดูโดดเด่นในชุดธรรมดาเดินมาถึงโต๊ะ เธอเองที่เป็นคนเริ่มทักทายเขาก่อน

   “ดีใจที่ได้เจอ นั่งก่อนสิ คณินจะสั่งอะไรทานหน่อยมั้ย”ใบหน้าเล็กชะเง้อมองหาพนักงาน

   “ไม่ต้องหรอก มาคุยเรื่องผมกับตาลกันเลยดีกว่า”ประโยคที่หลีกเลี่ยงคำว่า ‘เรา’ มันแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าคณินรู้สึกอย่างไร

   “ดื่มน้ำก็ยังดี เดี๋ยวเราสั่งให้”เธอยิ้มกวักมือเรียกพนักงานแล้วสั่งน้ำเปล่ามาให้กับอีกฝ่าย ที่รู้ว่าแม้แต่น้ำอึกเดียวคณินก็อาจจะไม่แตะต้องเลย

   “.....”

   “ก็ได้ มาพูดเรื่องที่ควรจะพูดกันดีกว่า”มันเหมือนการเดินเข้าหาหน้าผาสูง แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคณินกลับยังเชื่ออยู่ว่า อีกฝ่ายจะห้ามไม่ให้เธอกระโดดลงไป

   “ผมชัดเจนแล้ว ตาลพูดเรื่องของตาลมาเถอะ”

   “เรา.....เราคิดว่าคณินคงรู้แล้วว่าเราต้องการอะไร วันก่อนเราบอกเรื่องนี้ให้กับเพื่อนของคณินให้ช่วยเรา คณินคงรู้แล้ว”

   “ผมรู้แล้ว”คณินเน้นย้ำ และยิ้มให้เธออย่างไม่คิดอะไร

   “ตาลคงเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายในสายตาคณินไปแล้วแน่ๆ เลยว่ามั้ย” น้ำเสียงที่พยายามพูดให้มันเป็นเรื่องตลกแต่เธอกลับทำมันไม่ได้ ดวงตาใสๆ เริ่มสั่นเครือไม่แพ้กับน้ำเสียง ทั้งที่บางทีก็อยากตัดใจแต่กลับรู้สึกโหยหาคนที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดในช่วงหนึ่ง เธอรู้ว่ามันเห็นแก่ตัว แต่หากไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงรู้สึกเสียดายโอกาส แม้จะริบหรี่ก็เถอะ

   “ตาล อย่าทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บไปมากกว่านี้เลย เราเลิกกันไปนานแล้วและผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับตาลอีก มันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้.....ตาลเข้าใจใช่มั้ย”

   “แต่ตอนเราเลิกกัน คณินก็ไม่มีใครตลอดมา นั่นไม่ได้หมายถึงคณินยังมีตาลในใจอยู่เหรอ”
   
   “ตอนนั้นใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”คณินส่ายหน้า ส่งยิ้มบางให้เธอมีความหมายว่าเค้ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ที่ไม่มีเธอ

   คณินไม่ได้ทุกข์ แต่เขากลับมีความสุขในแบบที่เป็นอยู่ ตั้งแต่เจอกับคนคนหนึ่ง คณินก็รู้ว่าเขาโง่มากที่ปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเจ็บบ้าๆ พวกนั้นซะนาน

   “งั้นเหรอ หรือว่าเพราะคณินมีใครในใจแล้ว”น้ำเสียงแผ่วเอ่ยถามคณิน ที่เพียงขยับตัวเลื่อนแก้วน้ำออกจากตรงหน้า เจ้าของดวงตาคมมองลูกตาลปราศจากความรู้สึกอื่นใดและพร้อมจะลุกเดินออกไปทุกเมื่อ

   “ถ้าผมตอบทุกความสงสัยแล้ว จากนี้ผมกับตาลไม่ควรจะมาคุยเรื่องนี้เป็นครั้งที่สองอีก”

   เธอหลับตาลงเพียงครู่ไม่กล้าสู้แววตาที่แน่วแน่ เธอสูดหายใจเหมือนเติมอากาศที่ขาดหายไปให้ตัวเองมั่นคงอีกครั้ง และผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ

   “ได้สิ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตาลสัญญา”

   เธอยิ้มให้กับความสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันเดินหน้า และยอมรับกับความผิดหวังในครั้งนี้




   
   “ทำไมพี่คณินถึงยังไม่กลับอ่ะไข่ดาว เรารอนานแล้ว”ขนุนนอนยืดตัวยาวบิดตัวไปมาบนโซฟาถอนหายใจถี่ มีไข่ดาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟังเขาบ่นมาร่วมชั่วโมงจนต้องลงไปนอนแบะขาหงายท้องโชว์พุง
 
   โชคดีที่วันนี้ขนุนไม่ลืมกุญแจบ้านสำรองของคณินเลยได้เข้ามารอด้านใน เพราะโทรไปคณินก็ไม่ได้รับสาย

   “.....”

   “รถก็อยู่ แต่คนหายไปไหนนะ”ขนุนผุดลุกขึ้นกะทันหันแอบปวดหัวจี๊ดๆ แต่ก็ทำเมินอาการของตัวเอง เอื้อมมือไปหยิบกล่องของขวัญที่ตัวเองตั้งใจจะเอามาเซอร์ไพรส์คณิน บวกกับนาฬิกาที่คณินลืมเอาไว้มาคืน

   “ไข่ดาวคิดพี่คณินจะชอบของขวัญที่เราซื้อให้มั้ยอ่ะ”ขนุนเหลือบตาไปมองไข่ดาวที่สะบัดหน้าไปมา “เห้ย! ต้องชอบดิ ตัดกำลังใจกันเห็นๆ ”

   “โฮ่ง!”

   จู่ๆ ตัวแสบของบ้านลุกขึ้นเห่า ทำท่าทางแปลกๆ โดยการกระโดดอยู่กับที่แล้ววิ่งไปในครัว กลับออกมา พร้อมกับเอาขาหน้ามาตะกุยที่ขาของขนุน

   “เป็นอะไรไข่ดาว”

   ขนุนไม่เข้าใจ และไม่ยอมลุกออกจากโซฟาคอยแต่ชะเง้อมองประตูทางเข้าบ้านกับนาฬิกาบนผนังตาละห้อย จนไข่ดาวหงุดหงิดกระโดดขึ้นไปบนโซฟาแล้ววิ่งลงสลับอยู่แบบนั้นสองสามรอบอย่างกับหมาคลั่ง

   “โฮ่ง! โฮ่ง!”

   “ไข่ดาวอย่าเห่า เราปวดหัวกับท่าทางของนายมาก พูดภาษาคนเป็นป่ะ”ขนุนยกมือขึ้นอุดหู

   เหมือนเจ้าหมาแสบจะทำทุกอย่างให้ขนุนเข้าใจว่ามันต้องการอะไร อีกครั้งที่เจ้าไข่ดาววิ่งอุตลุดเข้าไปในครัว แล้ววิ่งกลับออกมาพร้อมกับถ้วยอาหาร จนขนุนเข้าใจแล้วว่ามันคงหิว

   “คาบถ้วยมาตั้งแต่แรกก็เข้าใจแล้ว”ขนุนหัวเราะให้กับเจ้าสี่ขาที่จมหน้าลงไปในถ้วยอาหาร ในขณะที่ขนุนเอาแต่นั่งกอดเข่ามองไข่ดาวแล้วเอามือลูบขนหนาๆ อย่างเอ็นดู

   พอกินเสร็จเจ้าไข่ดาวก็ยังไม่หยุดใช้งานเขา วิ่งปรู๊ดไปคาบบอลของเล่นมาโยนลงตรงหน้าขนุน จนบอลลูกกลมๆ กลิ้งไปไกล ขนุนต้องเดินไปเก็บด้วยตัวเอง พอโยนให้ไข่ดาวเจ้าหมาแสบก็คาบรับกลางอากาศจนขนุนทึ่ง แล้วเป็นอีกครั้งที่ไข่ดาวไม่เคยส่งบอลให้เขาดีๆ มักจะคาบมาแล้วโยนเหวี่ยงไปให้บอลมันกลิ้งแล้วขนุนก็วิ่งเหยาะๆ ไปรับ จนเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ร่างกายของขนุนชักไม่ไหว เดิมทีเขารู้สึกมึนศีรษะอยู่แล้ว

   “เดี๋ยวนะไข่ดาว! หลอกเราวิ่งไปเก็บบอลป่ะเนี้ย เราคนนะไม่ใช่หมาอ่ะ”ขนุนตัดสินทิ้งก้นลงนั่งกับพื้นเย็นๆ เมื่อรู้ว่าเสียท่าไข่ดาวเข้าให้ เพราะความเหนื่อยขนุนจึงล้มตัวลงนอนแผ่บนพื้นซะงั้น

   “.....”

   “เหนื่อยอ่ะ”ขนุนพึมพำตามองเพดานและโคมไฟระย้ากลางบ้าน เอามือเกยหน้าผากที่อุณภูมิสูงผิดปกติอย่างไม่สนใจ จนไข่ดาวที่เห็นเพื่อนเล่นอย่างขนุนนอนนิ่งไปก็เดินเข้ามาล้มตัวลงนอนใกล้ๆ แล้วเอาปลายจมูกวางไว้บนหน้าขาของขนุนแต่ไม่พยายามเบียดชิดเพราะสัมผัสได้ถึงอุณภูมิร่างกายของขนุนที่ร้อนขึ้น

   เขาว่ากันว่าอุณหภูมิของสุนัขจะสูงกว่าร่างกายมนุษย์ นั่นคงเป็นสาเหตุที่ไข่ดาวไม่ขยับเข้าใกล้ขนุนมากกว่านั้น

   นอกจากนี้ ไข่ดาวยังนอนกลอกตามองดูความเคลื่อนไหวของขนุน และหูกระดิกฟังเสียงตลอดเวลา

   “วันนี้วันเกิดพี่คณิน พี่เค้าจะไปฉลองกับใครเป็นพิเศษรึเปล่าไข่ดาว เราโทรไปถามพี่วินก็ไม่เห็นจะบอกอะไรเราเลยนอกจากไม่รู้.....คงจะไม่รู้จริงๆ ล่ะมั้ง หรือพี่คณินกลับไปหาพ่อกับแม่อ่ะ เรามาเสียเที่ยวรึเปล่า? ”

   คนที่คุยกับหมาต้องเหงาเบอร์ไหนถึงจะพูดกันได้เป็นชั่วโมง ไข่ดาวก็ทำได้ดีเพียงเล่นเป็นเพื่อนขนุนซะมากกว่าให้ขนุนเป็นเพื่อนเล่น

   ไข่ดาวปล่อยให้ขนุนเพ้ออยู่ไม่นานก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากหน้าบ้าน เจ้าสี่ขาหน้าขนที่ดูกระตือรือร้นก็พลันดีดตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งไปทางประตูรั้วบ้าน ขนุนเห็นท่าทีของไข่ดาวแบบนั้นก็รีบลุกตามไปดูไข่ดาวในทันที

   “พี่คณินกลับมาแล้วเหรอครับ”

   ขนุนวิ่งตามออกมาเมื่อได้ยินเสียงคณินแว่วๆ และทันทีที่เปิดประตูรั้วออกไปต้อนรับเจ้าของบ้าน พร้อมไข่ดาวที่ตะกุยประตูจนจะพังเพราะรู้ว่าคณินกลับมาแล้ว

   ทว่าทันทีที่ขนุนโผล่หน้าออกไปด้วยท่าทางสดใสร่าเริงกลับเหือดหาย หยุดท่าทางกระตือรือร้นดีอกดีใจในฉับพลัน เมื่อสายตามองเห็นหญิงสาวคุ้นหน้าที่ยืนอยู่ข้างคณิน ด้านหลังเป็นรถเก๊งคันสีขาวที่ขนุนจำได้ดีตั้งแต่วันที่เกือบโดนรถคันนี้เฉี่ยวว่าเป็นของลูกตาล

   คณินหันไปมองขนุนที่เปิดประตูรั้วเล็กออกมา และไม่รู้ว่าขนุนมารออยู่ที่บ้าน

   “ขนุนอยู่นี่เหรอ”เสียงลูกตาลเอ่ยทักรุ่นน้อง ขนุนนิ่งไปครู่หนึ่งหันไปมองคณินด้วยความรู้สึกจุกแน่นในอกจนน้ำตาแทบร่วง แม้ยังไม่รู้เหตุผลว่าทั้งสองคนมาด้วยกันได้ยังไง แต่ขนุนรู้สึกเพียงว่า ตัวเองกำลังเป็นส่วนเกินหรือเปล่า

   เวลานี้ขนุนก้าวขาแทบไม่ออก แม้แต่จะยิ้มให้คนตรงหน้ายังยากลำบาก ความรู้สึกแปลกๆ ในใจขนุนมันตีรวนไปหมด

   เกิดคำถามขึ้นมาจนไม่รู้ว่าต้องถามกับใคร

   คนที่ไม่ควรมายืนตรงนี้วันนี้ เป็นเรารึเปล่า?











ติดตามตอนต่อไป >>>


-------------------------------------------

ตอนนี้อาจจะหน่วงใจนิดๆ คงไม่ถึงกับมาม่ามากไป  มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ :m17:

ยังไงก็มาเอาใจช่วยขนุนกันด้วยนะคะ  o7

ด้วยรักและปรารถนาดีต่อน้องหนุน โปรดฝากกำลังใจ  :impress:



แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ
อาจมาช้าสักหน่อยเพราะไปธุระต่างจังหวัดหลายวันเลย


ขอบคุณค่ะ
โดย หลานฮวา



ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องขนุน ... จะร้องตามน้องแล้วครับ T^T หน่วงใจไปอีกครับ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
โถ่เอ้ย ไม่สบายแล้วยังจะเจอเรื่องสะเทือนใจอีก
คณินพากลับบ้านมาทำม้ายยยยยยย

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
มารอขนุน พี่คณินปากหนักนักก็แกล้งซะให้เข็ดซะบ้าง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 19


      


   “สวัสดีครับพี่ลูกตาล”

   เมื่อไม่สามารถวิ่งหนี ขนุนก็ต้องเผชิญหน้าแม้ในใจจะรู้สึกอึดอัดเสียจนอยากหายไปจากตรงนี้ก็ตาม

   ลูกตาลเพียงมองขนุน เธอยิ้ม และขนุนก็รู้ว่าเป็นยิ้มเพียงมารยาท

   “นั่น.....ไข่ดาวป่ะ? ”ลูกตาลหลบสายตาจากขนุนหันไปมองเจ้าสี่ขาที่เข้ามาดมตัวเองอย่างอยากรู้ แต่พอเธอตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปสัมผัส เจ้าไข่ดาวก็ถอยหลังกรูดหลบหลีกแสดงท่าทีไม่คุ้นเคย ก่อนจะวิ่งไปแอบอยู่หลังขนุนส่งเสียงเห่าขึ้นมา

   แม้แต่ไข่ดาวตอนนี้กลับไม่สนใจลูกตาลเลยสักนิด เพราะสัตว์เลี้ยงมันสนแค่ว่า ใครคือคนที่รักมัน ให้อาหารมัน เป็นมิตรและจริงใจกับมันเท่านั้น

   “ไข่ดาวกลับเข้าบ้านไปก่อน”เป็นขนุนที่หันไปดุ ไข่ดาวกระดิกหูฟังแต่ไม่ได้ทำตามเช่นเคย

   “.....”

   “เอ่อ.....ผมเองแค่แวะเอาของมาให้พี่คณินน่ะครับ ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

   ขนุนมองคณินด้วยความรู้สึกเกรงใจ ตั้งท่าจะเดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบกระเป๋าใส่รองเท้ากลับหอ ทว่าคนที่ยืนเงียบมาตลอดก็กลับคว้าแขนขนุนไว้

   “พี่คณิน...”

   คณินรู้ว่าขนุนไม่ใช่แค่แวะมา และรู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจรอมากแค่ไหน เพราะอย่างนั้นคงไม่รีบร้อนวิ่งออกมาเท้าเปล่าแบบนี้

   และอีกอย่าง.....คณินก็ไม่อยากให้ขนุนเข้าใจผิดระหว่างเขากับลูกตาลด้วย

   “ขนุนอยู่ก่อนพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”ร่างสูงหันไปสบตากับขนุน มือจับแน่นไม่มีทีท่าจะปล่อย “ส่วนตาล...ขอบคุณที่มาส่ง เจอไข่ดาวคงเห็นแล้วสินะว่าตาลคงเอามันกลับไปเลี้ยงได้ยาก มันไม่ผูกพันกับตาลแล้วด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นตาลกลับไปเถอะ อย่างที่บอกไว้”

   ลูกตาลหน้าเสีย มองคณินที่พูดกับเธอตรงๆ ไข่ดาวก็แค่ข้ออ้างที่อยากจะยื้อเวลาอยู่กับคณินแค่นั้น

   “อืม งั้นเรากลับก่อนนะ”เธอพยักหน้ายิ้มฝืดไม้แม้แต่สบตาใคร ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับขึ้นรถและขับออกไป สายตาของขนุนยังจับจ้องไปที่รถเก๊งคันขาว แต่สายตาของคณินกลับมองไปที่ขนุน

   “เข้าข้างในเถอะ”

   ขนุนเดินตามเจ้าของบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้งไปหมด    

   ขนุนไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากที่เข้าบ้านมาแล้ว เพียงแต่มองแผ่นหลังกว้างที่เดินเข้าไปดื่มน้ำในครัวแล้วเดินกลับออกมาเพื่อหาจังหวะพูด

   “มองพี่แบบนั้น มีอะไรจะพูดก่อนรึเปล่า”

   “ผมว่าจะขอตัวกลับแล้วครับ ผมแวะเอาของขวัญมาให้ สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่คณิน”ขนุนหยิบถุงของขวัญของตัวเองยื่นให้สีหน้าที่ฝืนยิ้ม ทำไมคณินจะไม่รู้

   “ขอบคุณมากสำหรับของขวัญ คือพี่....”

   “ไว้เจอกันครับ”ขนุนหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายไม่พูดจาอีก ดวงตากลมใสพยายามจะซ่อนความรู้สึกหนักอึ้งบางอย่างไว้สุดความสามารถ ขนุนไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะกลัวว่าตัวเองจะแสดงด้านที่มันไม่น่าดูให้กับคนตรงหน้าเห็น

   ความน้อยเนื้อต่ำใจมันน่ากลัวกว่าที่คิด เพราะแค่รู้สึก ก็แย่เอามากๆ แล้ว

   บางที่การกลับไปตั้งหลักใหม่มันคงจะดีกว่าขนุนคิดแบบนั้น

   เพราะจะบอกว่าดีใจที่เห็นคณินกับลูกตาลอยู่ด้วยกันนั่นคงเป็นคำตอบที่ลวงโลกที่สุด

   ไม่มีใครหรอก ที่ทนเห็นคนที่ตัวเองชอบอยู่กับคนอื่น แม้จะเป็นแค่ความเสียใจที่ไม่ระบุสถานะก็ตาม แบบนี้มันยิ่งเจ็บเป็นสิบเท่ามากกว่า

   เสียใจซ้ำซ้อนจะเรียกแบบนั้นก็ได้

   “เดี๋ยวขนุน พี่กลับบ้านมากับลูกตาลเพราะพี่กับตาลมีเรื่องต้องคุยกัน เค้าแค่อาสามาส่งเพราะอยากมาดูไข่ดาว แต่พี่กับเค้าเราไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น และหลังจากนี้...”

   “พี่คณินไม่ต้องอธิบายให้ผมฟังหรอกครับ เพราะผมไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าพี่...ขอร้องล่ะครับ อย่าทำเหมือนแคร์ผมมากเพราะผมจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้”

   เสียงที่เปล่งออกมาสั่นเครือจนขาดห้วงไปบางตอน สิ่งที่ขนุนพูดออกมาเหมือนความในใจที่อัดอั้น ขนุนไม่รู้ว่าตัวเองควรยืนอยู่ตรงจุดไหนในตอนนี้ รู้ทั้งรู้ว่าควรจะให้เวลาคณิน แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันทำให้ขนุนรู้สึกเหมือนตัวเองงี่เง่าขึ้นมาได้อย่างไร้เหตุผล ความคิดเริ่มติดลบไปหมด เหมือนไม่ใช่ตัวเองที่ต้องมาโวยวายอะไรแบบนี้

   “พี่แค่ไม่อยากให้ขนุนเข้าใจผิดว่าพี่กับลูกตาลเรากลับไปคบกัน”

   “ทำไมพี่คณินต้องกลัวผมเข้าใจผิดล่ะครับ”ขนุนหันมาถามกับคณิน สีหน้าไม่สู้ดีนัก เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายขึ้นบนใบหน้าที่ซีดขาว “ผมอยู่ในสถานะไหนสำหรับพี่กันแน่”จากน้ำเสียงปกติขนุนเริ่มพูดเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว

   ฟังดูปวดใจไม่น้อยสำหรับคณิน แน่นอนว่าที่ขนุนพูดมันถูกต้องทั้งหมด เขากับขนุนไม่ได้อยู่ในสถานะที่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อย ไม่นึกโทษคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสักนิด

   เขายอมให้คนตรงหน้าโกรธและด่า และไม่คิดจะแก้ต่างใดๆ เพราะมันคือสิ่งที่คณินคิดว่าตัวเองควรได้รับ กับความสับสนที่เค้าไม่สามารถจัดการมันได้เด็ดขาดเสียที กระทั่งวันนี้คณินอยากจะให้คำตอบแก่ขนุน กับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจแล้ว


ร้านอาหารอิตาเลียน

   “ถ้าผมตอบทุกความสงสัยแล้ว จากนี้ผมกับตาลไม่ควรจะมาคุยเรื่องนี้เป็นครั้งที่สองอีก”

   “ได้สิ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ตาลสัญญา”

   “ตอนนี้ผมมีคนที่ชอบจริงๆ แล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้คนที่ผมชอบต้องมาเข้าใจผิดกับเรื่องนี้อีก”

   “คนนั้นเป็นใคร? ”

   “หากตาลต้องการความแน่ใจ ผมจะบอกอีกครั้งว่าผมชอบขนุน”

   ทั้งหมดคือสิ่งที่คณินพูดไว้กับอดีตคนรักอย่างลูกตาล



   “ขนุน พี่ไม่ได้อยากให้ขนุนรู้สึกแย่”คณินเดินเข้ามาใกล้เอามือสัมผัสส่วนไหล่คนตัวเล็กกว่าที่กำลังสั่นไหว ใบหน้าเล็กก้มหน้างุดแทบไม่อยากสบตา “พี่ขอโทษ.....”

   “ถ้าพี่รู้สึกผิด.....อย่าพูดคำว่าขอโทษเลยครับ”ดวงตาที่เคยสดใสตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาคณินทั้งน้ำตา ใบหน้าขาวแดงก่ำและดูร้อนผ่าว ทั้งหัวใจและร่างกายของขนุนมันอ่อนแอไปหมดในเวลานี้   

   “ผมขอแค่...พี่ชอบผมบ้างสักนิดก็ยังดี”

   คำพูดนั้น เหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบที่อกซ้ายของคณินอย่างจัง

   คณินมองดูขนุนที่เขยิบเข้ามาใกล้ในใจหน่วงหนัก น้ำตาของคนตรงหน้าหยดเผาะไปบนแก้มขาวสีหน้าอึดอัดใจเกินทน มันเป็นภาพที่เจ็บปวดในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ได้อยากจะเห็นน้ำตาของขนุนเลย

   “ขนุนฟังพี่ก่อน จริงๆ แล้วพี่ชอ....”

   “ผมมันเอาแต่ใจ นั่นแหละข้อเสียของผม!”คณินไม่ทันจะพูดจบประโยค คนตัวเล็กก็โพล่งขึ้นน้ำตากระเซ็น

   ผลัก!

   ก่อนจะรู้ตัว คณินกลับถูกขนุนดันตัวและผลักลงให้ล้มกับพื้นพร้อมกับพาร่างกายของตัวเองคร่อมไปบนตัวของคณินเร็วกว่าความคิดภายในพริบตา
 
   เรี่ยวแรงจากร่างเล็กและเทคนิคล้มคู่ต่อสู้ไม่ใช่เล่นๆ อีกทั้งแขนสองข้างยื่นเข้ากดไหล่หนาไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาจ้องมองคณินเหมือนจนหนทาง น้ำตาหยดเล็กหล่นเผาะลงบนใบหน้าของคนที่อยู่ใต้ร่าง

   มันช่างร้อนผ่าว...ไม่ต่างจากสัมผัสที่คณินรู้สึกเลย

   “เรามาคุยกัน พี่มีเรื่องจะบอกขนุน อย่าทำแบบนี้เลย...”

   “ผมไม่ชอบเลยที่เห็นพี่คณินอยู่กับพี่ลูกตาล มันเหมือนพี่กำลังจะไปจากผม ผมต้องการพี่จริงๆ นะ ไม่อยากเห็นพี่ไปอยู่กับคนอื่นด้วย! ”จู่ๆ ขนุนก็โพล่งขึ้นในขณะที่คณินพยายามกล่อมอีกฝ่าย

   ไม่รอรีใดๆ เพียงเสี้ยววินาทีใบหน้าขึงขังของคนที่จิตใจร้อนรุ่มได้โน้มใบหน้าลงมาแล้วกดริมฝีปากตนเองลงไปบนเรียวปากของคณินอย่างเปิดเผย เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกปวดร้าวหนักหน่วงในใจ อีกทั้งมือบางพยายามสอดเข้าใต้เสื้อเชิตสีครีม ไล่ลูบไปตามสัดส่วนอกกว้างอย่างไม่ยั้งคิด มือไม้สะเปะสะปะอย่างไร้ทิศทาง

   “ขะ...นุน....เดี๋ยว!”คนถูกกระทำพยายามหักห้ามริมฝีปากร้อนที่พยายามรุกล้ำและมือเล็กที่เข้าลอดสอดใต้เสื้อของเขา คณินรู้ว่าตอนนี้ขนุนกำลังทำไปด้วยอารมณ์ เขาไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้กับการกระทำที่หุนหันด้วยความโกรธ คณินจึงพยายามดันไหล่เล็กให้เลิกจู่โจมตัวเองโดยการจับข้อมือที่เทียบกับเขาแล้วมันบางเหลือเกิน

   ห้าม...ไม่ใช่เพราะรังเกียจ

   ห้ามเพราะอยากให้ขนุนได้สติมากกว่า ถึงอย่างไรคณินก็รู้ใจตัวเองแล้วว่า อะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคณินในตอนนี้ แต่ทว่าตอนนี้ขนุนไม่ให้ช่องว่างให้คนตัวโตกว่าได้พูดบ้างเลย

   “ผมชอบพี่ ชอบพี่จริงๆ นะ”

   “ขนุน!”

   “พี่ไม่ชอบผม รังเกียจผมสินะ!”

   “ไม่ใช่อย่างที่ขนุนคิด แต่ตอนนี้เรารู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ะ.....”คนตัวโตกว่าจับคว้าข้อมือของขนุนที่พยายามสะบัดให้หลุดจากมือของคณินทั้งน้ำตา ก่อนใช้สองมือคว้าจับคนที่โวยวายอยู่เหนือร่างรั้งเข้ามากอดแน่นจนชิดอกกว้างไม่ปล่อยไปง่ายๆ สัมผัสจากขนุนถึงกับทำให้คณินเลิกคิ้วสูงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

   “ตัวร้อน! ”

   อ้อมกอดที่รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของขนุนที่แตะถึง 39 องศามันไม่ใช่น้อยๆ แล้ว

   “ปะปล่อยผม...”

   “ไม่ใช่เวลามาทำตัวดื้อแล้วนะขนุน เรื่องนี้เอาไว้เราค่อยคุยทีหลังแต่ตอนนี้เราเป็นไข้ไม่รู้ตัวเองบ้างเลยรึไงกัน! ”คนตกใจเผลอดุหน้าถมึงทึง

   “ไม่เอาผมจะพูดตอนนี้ ผมรู้ว่าพี่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกผมจริงๆ”เสียงอู้อี้ดิ้นพรากพยายามให้ตัวเองเป็นอิสระ

   “ขนุนมีเหตุผลหน่อย! ”

   คนโวยวายไม่สนใจฟัง “ผมก็แค่อยากให้พี่สนใจ....ผมบ้าง” เสียงแผ่วเอ่ยขึ้นเหมือนไร้แรงต่อต้าน คนเลือดร้อนด้วยอารมณ์อย่างขนุนค่อยๆ สงบลงด้วยพิษไข้ เจ้าของผิวร้อนเริ่มเหนื่อยหอบ เริ่มอ่อนแรง ตอนนี้ร่างกายของคนตรงหน้าคณินกำลังไม่ไหวอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเลยขีดจำกัดของร่างกายไปแล้ว กระทั่งขนุนจู่ๆ ก็นิ่งไปโดนที่ยังทับร่างของคณินอยู่อย่างนั้น

   ร่างกายที่ไม่ขยับทำให้คนที่ตัวโตกว่าเขย่าร่างเล็กที่ร้อนผ่าวให้มีสติ ทั้งที่ก่อนหน้าคณินเพิ่งจะโดนคนป่วยที่น็อตหลุดกดจูบเอาจริงไปหมาดๆ แท้ๆ

   “ขนุน! ขนุน!”





   หลังจากที่เกิดเรื่องชวนตกใจเกิดขึ้นฉับพลัน คณินตัดสินใจช้อนอุ้มขนุนขึ้นไปด้านบนห้องนอน รีบหาผ้าชุบน้ำไล่เช็ดใบหน้าตลอดลำตัวเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายของขนุนให้เย็นลงโดยเร็ว หนึ่งชั่วโมงผ่านไปจากการวัดอุณหภูมิด้วยปรอทวัดไข้ ดูเหมือนอุณหภูมิของคนป่วยจะลดลงเป็นที่น่าพอใจ คณินพยายามปลุกให้ขนุนตื่นเพื่อกินยาลดไข้ถึงแม้อีกฝ่ายจะดูสะลึมสะลือก็ตาม

   เมื่อฤทธิ์ยาเริ่มออกเม็ดเหงื่อจำนวนไม่น้อยค่อยๆ ผุดขึ้นให้เห็น เสื้อที่สวมใส่ก็เริ่มเปียกชื้นจนคณินต้องจัดการเปลี่ยนเสื้อให้พร้อมกับเช็ดเหงื่อ ว่าที่คุณหมอฟันวันนี้ก็กลับกลายเป็นพยาบาลหนุ่มจำเป็นในชั่วข้ามคืน

   วิกฤติไข้ผ่านไปก็เล่นเอาคณินวุ่นวายไม่น้อย ร่วมสองชั่วโมงกว่าๆ เจ้าของบ้านจึงจะได้หย่อนตัวลงพักแต่ก็ไม่อยากห่างคนป่วยไปไหนเพียงย้ายตัวเองไปนั่งตรงขอบเตียงมองขนุนอย่างรู้สึกผิด

   ไม่ชอบเลยที่ต้องนั่งมองขนุนที่ป่วยซะดื้อๆ แบบนี้   

   คนใจฝ่อนั่งกุมขมับตัวเองมองใบหน้าขาวซีดเป็นกระดาษที่หลับสนิทเพราะพิษไข้ครุ่นคิด หลังจากนี้คงต้องจับเข่าคุยกันแล้ว

   “พี่ขอโทษ...”

   “.....”

   “พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้เรารู้สึกแย่แบบนี้เลย พี่รู้ว่าเราพยายามแค่ไหน มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอดทนทำอะไรหลายๆ อย่างให้ใครสักคนมีความสุข แต่ขนุนรู้มั้ย...พี่มีความสุขจริงๆ นะเวลาที่ขนุนอยู่ใกล้”น้ำเสียงทุ้มและแผ่วเบาเอ่ยขึ้นให้กับคนตรงหน้า ยื่นแขนเข้ากำฝ่ามือขนุนบีบเบาๆ แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยบนหลังมือขาวอย่างอ่อนโยน จ้องมองคนที่นอนซมเพราะพิษไข้ด้วยความเป็นห่วง

   “ถ้าขนุนอยากรู้คำตอบของพี่ไวๆ ก็รีบหายป่วยนะครับคนเก่ง”น้ำเสียงเบาแต่ชัดเจนก้มลงกระซิบใกล้ๆ กับใบหูเล็ก รอยยิ้มที่ไม่จางไปจากใบหน้าเลื่อนกรอบหน้ามาใกล้ปลายจมูกรั้นที่มักแดงเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าเขา คณินจ้องมองริมฝีปากที่เป็นนักฉกจูบจากเขาไปถึงสองครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

   “ครั้งหน้า พี่ไม่อนุญาตให้เราป่วยแบบนี้แล้วนะ รู้มั้ยพี่เป็นห่วงแทบแย่”

   เสียงแผ่วพร่ำบอกคนที่นอนหลับตาพริ้ม ใช้ก้านนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้า ไล่ปลายนิ้วไปตามโครงคิ้วหนาผ่านกรอบหน้าที่ดูเล็กแม้จะมองใกล้ๆ

   คณินเพิ่งจะรู้สึกจริงๆ ว่า คนตรงหน้าของเขา...น่ารักได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

   สายตาที่มุ่งมองคนตรงหน้าอยู่เนิ่นนานสิ้นสุดลง เมื่อคณินตัดสินใจจรดริมฝีปากของตัวเองลงบนเรียวปากที่อุ่นร้อน ประทับอยู่เนิ่นนานก่อนจะผละออกพร้อมคลี่ยิ้มบางนัยน์ตาละมุนแทบไม่อยากละสายตาไปจากคนตรงหน้าแม้แต่วินาทีเดียว

   “เราเจ๊ากันแล้วนะ”

   มันคงเป็นการเอาคืนที่เจ้าตัวแทบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริงๆ 



   
   “ร้อน...”

   คนที่ถูกผ้าห่มคลุมทับถึงอกกำลังขยับตัวอย่างหนืดหนาดด้วยร่างกายที่ชุ่มเหงื่ออยู่ไม่น้อยเพราะฤทธิ์ยาดี แต่ไม่ถึงกับหายเป็นปลิดทิ้งขนุนแค่รู้สึกร่างกายเบาขึ้น ไม่ปวดหัวตาพร่าเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

   และทันทีที่ขนุนขยับตัวลุกขึ้นนั่งแสงไฟที่สว่างเพียงจุดเดียวจากภายในห้องคือโคมไฟตรงโต๊ะอ่านหนังสือ แน่นอนว่าสติที่หล่นหายกลับคือสู่ร่างขนุนแทบไม่ทัน เหตุการณ์รีรันเหมือนละครฉายซ้ำเกิดขึ้นในหัว อายซะจนขนุนแทบไม่กล้าขยับตัว

   คนที่ขนุนเผลอทำเรื่องบ้าๆ ไปและคนที่นอนเฝ้าเพราะขนุนดันป่วยก็เป็นคณินอีก

   ขนุนแทบอยากจะตะโกนลั่นบ้าน นั่งทุบอกชกหัวตัวเองอย่างไม่อยากให้อภัย

   นี่เราหึงหน้ามืดขนาดนี้ได้ไงเนี้ยขนุน! พี่คณินจะมองเรายังไง ต้องถูกเกลียดแล้วแน่ๆ เลย
   
   พร่ำเพ้อในอกอย่างรู้สึกผิดขนุนก็แทบไม่กล้ามองหน้าคณินที่ฟุบหลับข้างเตียง ทำได้เพียงแอบย่องออกมาไม่กล้าทำให้คณินตื่นเพราะไม่อยากสู้หน้าตอนนี้

   สำรวจมองตัวเองอีกทีเสื้อก็ถูกเปลี่ยนให้ แต่เวลานี้ขนุนไม่สามารถงมหาเสื้อผ้าตัวเองได้ สิ่งสำคัญในหัวคือการพาตัวเองออกจากบ้านพี่คณินให้เร็วที่สุดเพื่อหนีความอับอาย สับเท้ารวดเร็วเสียจนขาพันกันแทบร่วงลงมาจากบันไดในเวลาตี 5 กว่าๆ เสียงกุกกักอีกทั้งเงามือที่ไหวๆ ก็ทำให้ไข่ดาวที่ถูกปล่อยให้นอนในบ้านขยับตัวลุกขึ้นและส่งเสียงเห่า

   “โฮ่ง!”

   “ชู้วววว! ไข่ดาวเราไหว้ล่ะ อย่าเสียงดังตอนนี้ได้ป่ะ” คนรีบร้อนตาลีตาเหลือกพยายามงมความมืดสลัวออกจากบ้านหน้าตาตระหนก ทำทุกอย่างเหมือนโจรขโมยที่เผลอฆ่าเจ้าของบ้าน ปล้นทรัพย์สินที่ติดมือมาได้เพียงเสื้อผ้า   

   เสียงหงิงๆ ของไข่ดาวดูกังวลเหมือนไม่เข้าใจพฤติกรรมของขนุนสักเท่าไหร่นัก ตาของมันจ้องมองขนุนเหมือนอยากจะรั้งตัวถามด้วยความเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็ยอมว่าง่ายไม่เห่าเรียกเจ้าของบ้านในเวลานี้

   “ขอบใจมากไข่ดาว”ขนุนยื่นมือไปขยี้หัวไข่ดาวบอกลาก่อนจะพาสารร่างของตัวเองออกมาจากที่นั่น กลับไปยังหอคอยงาช้างของตัวเองในที่สุด



   

วันต่อมา

   “เมื่อคืนมึงหายไม่หลับหอ โทรศัพท์ก็ไม่รับ วันนี้มึงไม่ไปเรียนอีก เป็นอะไรวะไอ้ขนุน”

   “.....”

   “เพื่อนๆ เค้าเป็นห่วงมึงนะเว้ย เย็นวานยังหน้าระรื่นอยู่เลย แล้วตอนนี้ดูมึงดิ ห่อตัวเป็นโรตีสายไหมเลยนะมึง ออกมาคุยกับพวกกูก่อน! ”นิวพยายามดึงผ้าห่มที่ขนุนคลุมตัวอยู่เป็นก้อนบนเตียง

   “.....”

   “มีอะไรบอกพวกกูดิวะ ไอ้ขนุน!”

   “หรือที่หายไปเมื่อคืน...แล้วกลับมาอาการแบบนี้ อย่าบอกนะว่ามึงเสร็จพี่คณินไปแล้ว!”ต้ากระโดดลงไปคลุกอยู่บนเตียงของขนุน ก่อนจะพยายามดึงผ้าห่มออก จนเผยร่างตัวอ่อนที่หน้าโทรมผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่ใต้ผ้าห่ม แถมตาคล้ำๆ นั่นอีก

   “ต้า นิวววว”เสียงเนือยๆ ครางชื่อเพื่อนทั้งสอง ปากบางแบะแบนส่งแววตาเหมือนหมาเศร้า

   “กะเกิดอะไรขึ้น เป็นอย่างที่ไอ้ต้าพูดเหรอวะ! ”

   “ฮืออออ...ไม่ใช่”ขนุนส่ายหน้าทำท่าอย่างกับคนจะร้องไห้โฮ

   “แล้วมันเกิดอะไร ทำไมมึงถึงอยู่ในสภาพนี้วะ”นิวเข้าจับหน้าขนุนสำรวจไปตลอดทั้งตัว

   “พี่คณินต้องเกลียดเราแล้วแน่ๆ เลยอ่ะ ฮือๆ ทำไงดี”คนตัวเล็กโผเข้าอกเพื่อนสูดน้ำมูกน้ำตาขยี้ใบหน้าลงกับเสื้อนักศึกษาของนิวจนยับยู่

   “เกลียด? เกลียดเรื่องอะไรของมึงวะ”ต้าเอื้อมมือไปถูแผ่นหลังของขนุนอย่างปลอบใจหน้างงๆ ไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรกันแน่

   “อ้อมือมานงืมงัมงือๆ เงาอูโงมอืองึม....”ขนุนว่า

   “เชี่ย!”ต้าอุทาน

   “มึงเข้าใจมันพูด? ”

   “ไม่เลยเพื่อน”ต้าส่ายหน้าตาเบิกโพลงก่อนจะดึงขนุนที่เอาแต่ซุกหน้ากับอกเพื่อนให้หันมาพูดให้รู้เรื่อง

   “มึงหันมาเล่าให้จริงจัง กูกับไอ้นิวฟังมึงพูดภาษางึมงำไม่รู้เรื่องเว้ย! เรื่องราวเป็นยังไงพวกกูจะได้ช่วย”ขนุนมองเพื่อนตาปริบๆ พยายามตั้งสติลูบหน้าตัวเองขึ้นลงในสภาพดูไม่จืด

   “ค่อยๆ เล่า”มือของนิวตบไหล่ขนุนเบาๆ

   ตอนนี้กลางเตียงของขนุนเสมือวงไฮโลเล็กๆ ที่มีสมาชิกสามคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน สายตาลุ้นระทึกของเพื่อนทั้งสองจ้องมองไปที่ขนุนเป็นตาเดียว รออีกฝ่ายเปิดปากเล่าความจริงให้รู้ดำรู้แดง

   “ก็เพราะเมื่อวานเป็นวันเกิดพี่คณินใช่ป่ะ....”

   “อือ”เพื่อนสองคนขานรับ

   ขนุนสูดน้ำมูกใส่ๆ ที่กำลังไหลออกมาเพราะมีไข้ก่อนจะเล่าต่อ “เราตั้งใจไปรอที่บ้านเพื่อเอาของขวัญไปให้ เรารออยู่นานเลยอ่ะ”

   “แล้วยังไง? ”

   ขนุนเหลือบมองหน้าเพื่อนเลียปากที่แห้งผากพร้อมกลืนน้ำลายลงคอ

   “จากนั้นพี่คณินก็กลับมา แต่...กลับมาพร้อมกับพี่ลูกตาล ไม่นานหลังจากนั้นพี่ลูกตาลก็กลับไป แต่เพราะตอนนั้นเรารู้สึกเฟลมากๆ หัวมันร้อนไปหมด เหมือนอารมณ์มันอยู่เหนือการควบคุม”

   “เกิดอะไรขึ้น? ”ต้าโน้มหน้าเข้ามาใกล้ราวกับฟังเรื่องระทึก สยองขวัญ

   “เราทะเลาะกับพี่คณินเพราะความงี่เง่าของตัวเอง แต่เพราะเรามันหวงจนหน้ามืดตาลายไปหมด สุดท้าย...”

   “.....”

   คนเล่าถึงกับต้องยกหมอนมาซุกหน้า ก่อนจะโผล่ตาออกมาแล้วบอกออกไป“สุดท้ายเราเลยจับพี่คณินกด”

   “เหี้ย!!!”ต้าถึงกับขยุ้มหัวตัวเองแสงสีหน้าสยอง ส่วนนิวถึงกับทาบมือทั้งสองข้างไปที่อกของตัวเองอย่างนิ่งงัน

   “มึง...มึงขืนใจพี่เค้าเหรอ? ”ต้าถามเสียงแผ่วเหมือนเพื่อนไปฆ่าใครมา

   “มันไม่ถึงที่สุด เราแค่จูบไปอ่ะ”ขนุนหน้าจ๋อยยกมือขึ้นไปสัมผัสริมฝีปากตัวเองดวงตาเหม่อลอย มันน่าเสียดายที่เค้าโกรธจนไม่รู้รส “แต่พอจูบไปได้ไม่นานมันเหมือนภาพทุกอย่างตัดไป”

   “หมายความว่าไง มึงเล่า!”คนอยากรู้เข้ามาเขย่าร่างกายขนุนอย่างบ้าคลั่ง

   “เราว่าตอนนั้นคงเพราะไข้ขึ้นแหละ ตอนแรกก็คิดว่าไหว พี่คณินต้องเสร็จเราแน่ แต่ไปๆ มาๆ หัวเรามันร้อนจนเบลอไปหมด สุดท้ายก็เลยวูบคาอกพี่คณินไปเลย”

   “ไม่ต้องมาทำตาเศร้า ที่กูฟังมามึงทำตัวเองชัดๆ ”

   “นิวอ่า ก็เราไม่รู้ว่าตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่าไม่อยากเสียพี่คณินให้ใคร มันมาเองตามสัญชาตญาณ”

   “แล้วจากนี้มึงจะเอาไง ทำงามหน้าไว้กับพี่เขาซะขนาดนั้น กูไม่โทษพี่เค้าถ้าจะเกลียดมึงขึ้นมาจริงๆ ”นิวขยุ้มเส้นผมสีบลอนด์ของขนุนให้หันมาประจันหน้า อีกฝ่ายได้แต่ขมวดคิ้วชนตาละห้อย

   “อย่าพูดให้เรากลัวดิ แค่นี้เราก็กลุ้มมากพอแล้ว”

   “งั้นตัดใจไปเลยมั้ยล่ะ ถ้าอะไรๆ ยิงเดินยิ่งแย่ กูว่ามึงก็พยายามพอแล้วนะ”คนพูดสีหน้าขึงขัง ไม่เจือความหยอกล้อไว้ในแววตาแม้แต่น้อย

   “นิวว่าไงนะ.....ให้เราตัดใจเหรอ”

   “เออ ถ้าพี่เขาไม่ได้สนใจมึง แล้วมึงก็มีแต่หวังลมๆ แล้งๆ อย่างไรจุดหมาย มันมีเรื่องดีสักอย่างมั้ยลองคิดดู”

   ขนุนถึงกับหน้าเหวอ มองต้าที่ไม่รู้ว่าต้องออกความคิดไปในทางไหน สลับกับมองนิวที่ยอมปล่อยมือแล้วนั่งกอดอกมองขนุนให้คิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง

   “ใช้สมองอ๊องๆ ของมึงตอนนี้ใคร่ครวญดูแล้วกัน”นิวส่ายหน้าถอนหายใจก่อนจะลุกเดินออกไปจากห้อง

   เรื่องนี้มีแต่ต้องให้ตัดสินใจเอง

   “ขนุน...มึงกำลังไม่สบาย กูว่าพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูออกไปซื้อข้าวกับยามาให้”มือหนาตบลงบ่นไหล่เล็กปับๆ ก่อนจะทิ้งให้เจ้าของห้องล้มตัวลงนอนอย่างกับหมาหงอย ปล่อยให้ห้องทั้งห้องมีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศปลอบใจ

   “ตัดใจเหรอ.....แต่เรายังชอบพี่คณินอยู่นะ”

   ขนุนพึมพำราวกับคนเสียสติ กลิ้งไปมาจนแทบตกเตียง









ติดตามตอนต่อไป >>>

-------------------------------

แวบมาอัปแล้วววว หายไปก็ราวๆ 10 วัน ฮ่าๆ

ขอบคุณนักอ่านที่ยังรอนะคะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไง :hao5:

อย่างไรก็ฝากน้อนหนุนมาเจอกันตอนหน้าอีกน๊าาาา



   

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
น้องหนุนเกือบแล้วอย่าเพิ่งตัดใจ

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
ความหนุนนี่มัน ความหนุนจริงๆ อ๊องยังไงก็เกรงใจกันบ้าง สงสารพี่คณิณ 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ไม่ทันได้อธิบาย ดันหนีออกมาอี๊ก กว่าจะได่เคลียร์กัน จะหมดน้ำตากี่ปี๊บฮะขนุน

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
โถ่ ... น้องขนุน ทนอีกนิดได้ไหมครับ ให้พี่คณิณได้บอกความในใจบ้างนะครับ T^T

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4

ขนุนลูกที่ 20




   ครืดดด! ครืดดด!

“…..”

   “ขนุนมึงจะนั่งมองโทรศัพท์ไถตัวเองบนโต๊ะอีกนานแค่ไหนวะ ไม่รับกูรับให้นะเว้ย! ”ช้างที่จ้องโทรศัพท์ของขนุนเขม้นพูดขึ้น

   “ไม่เอา ไม่ต้อง! ”ขนุนรีบคว้าโทรศัพท์ของตัวเองแล้วยัดใส่กระเป๋ากางเกงปล่อยให้มันสั่นอยู่ทั้งอย่างนั้นโดยไม่คิดจะกดรับสาย และตั้งใจกินข้าวในจานของตัวเองเป็นพิเศษ

   “อย่าบอกนะว่ามึงตั้งใจจะหลบหน้า หลบตัว หลบหัว หลบหางพี่คณินจริงๆ ”แจ็กวางช้อน ประสานมือรองคางมองเจ้าของเส้นผมสีบลอนด์สว่างก้มหน้าก้มตากินข้าว ซึ่งเรื่องระหว่างขนุนกับคณินเพื่อนที่สนิทก็รู้เรื่องราวกันหมดแล้ว เพราะขนุนปิดเรื่องไม่เก่ง จนเผลอพูดออกไปซื่อๆ ซะอย่างนั้น

   ตอนนี้ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่ขนุนแข็งใจไม่ยอมรับโทรศัพท์คณิน หรืออ่านไลน์ แม้กระทั่งข้อความใดๆ ทั้งสิ้น

   “ให้กูไปคุยให้มะว่ามึงขอไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับพี่เค้าแล้ว”นิวแสดงความเห็นจนขนุนเงยหน้าขึ้นมามองตาวาวฉับพลัน ทั้งๆ ที่ในปากแน่นไปด้วยข้าวคำโต นิวก็แค่อยากให้ขนุนเข้าใจตัวเองในตอนนี้ให้มากที่สุด บางทีก็หงุดหงิดกับความโลเลใจในบางครั้งของขนุน ความขี้ขลาดในเรื่องที่คนอื่นเขาไม่กลัวกัน แต่กลับกล้าในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำ

   “ไอ้เอา! ”

   “กลืนข้าวแล้วพูดให้รู้เรื่อง”ต้าดันแก้วน้ำให้ ขนุนดื่มน้ำล้างคอไปอึกใหญ่ยกหลังมือขึ้นเช็ดปาก

   “ข้อร้องนะนิว อย่าไปเจอพี่คณินหรือพูดอะไรตอนนี้ได้มั้ย เราขอทำใจก่อน”

   “ถุย! ทำใจอะไรของมึง”นิวผลักหัวขนุนอย่างหมั่นไส้ “ฝ่ายโน้นป่ะที่ต้องทำใจ”

   “พวกกูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงจริงๆ ว่ะ”ช้างกับแจ็กเกาหัวยิกๆ กับปัญญาโลกแตกของขนุน

   “เรากำลังทบทวนตัวเองอยู่ จริงๆ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าหากเราเลิกวุ่นวายกับพี่คณินแล้วเราจะอยู่ได้มั้ย เพราะถ้าวันนึงเรากับพี่คณินไปด้วยกันไม่ได้ เราก็อยากรู้ใจตัวเองเหมือนกัน”

   “โอ๋ๆ ขนุนคนดี อย่าทำหน้ามู่ทู่สิครับ”มือสากหนาของช้างยื่นมาบีบแก้มขาวของขนุนย้ายไปมาเป็นก้นเด็กแรกเกิด จนโต๊ะข้างๆ หันมามองแล้วอดขำไม่ได้กับท่าทางมุ้งมิ้งเกินหน้า “เอาอย่างนี้ไหม มึงก็ลองเปิดใจพบคนใหม่ดูสักครั้ง ดูสิว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วข้างในของมึงมันสามารถตัดพี่คณินไปจากชีวิตได้จริงๆ รึเปล่า”

   “โว้ววว! เป็นงานเป็นการว่ะคุณช้าง”

   “แฮ่มๆ ผมมันคมในฝักคร้าบ”คนถูกเยินยอยืดอกซะกว้างขวาง

   “ลองเปิดใจ”ขนุนได้แต่พึมพำสิ่งที่ช้างพูด ตากลมๆ เหม่อมองไปที่พัดลมของโรงอาหารครุ่นคิด

   “หน้าตาเอ๋อๆ มึงโอเคมั้ยเนี้ย”ต้ารวบหน้าบีบปากขนุนจนยู่ให้สบตา

   “เราคิดว่าพอจะมีทางออกแล้ว”

   “ปากมึงก็ดูยิ้ม แต่ตามึงแม่งสวนทางกับรอยยิ้มฉิบหายว่ะ อ่ะกินฮอลใจจะได้เย็นลง”ลูกอมรสมินต์คูลถูกแกะแล้วยัดใส่ปากขนุน “ถ้าอร่อยจับมือ” ขนุนหยักหน้ายื่นมือไปให้ต้าจับ “แสนรู้หูตูบบบบบ”

   “ไม่ใช่หมา! ”

   “หยอกๆ ”

   “ฮันแน่ ยิ้มออกแล้วจริงๆ ใช่ป่ะ”

   “ต้าอ่ะ”



   ตึง!

   หลังกลับจากมหาลัยขนุนก็รีบตรงกลับหอซะทันที ทิ้งสัมภาระทุกอย่างที่แบกจนหนักลงพื้นแล้วโยนตัวเองลงไปบนที่นอน สายตามองเพดานอย่างใช้ความคิด มือล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาดู แน่นอนสายที่ไม่ได้รับมีชื่อพี่คณินอยู่ด้วย จ้องมองไปสักพักสติของขนุนเหมือนคนเลื่อนลอย แต่จู่ๆ กลับมีสายเรียกเข้าทำเอาขนุนตกใจเผลอปล่อยโทรศัพท์จนมันร่วงกระแทกสันจมูก

   “โอ๊ยยยย! ”

   น้ำหูน้ำตาแทบไหลพราก แต่ก็หยิบหน้าจอมาดูถึงคนที่โทรเข้ามา ขนุนมองชื่อที่เมมไว้ขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์อย่างฉงนใจ ว่าคนที่โทรมามีเบอร์ตัวเองได้ยังไง แต่ก็ตัดสินใจกดรับ

   ปกติเมมชื่อเจ้าของเบอร์ไว้เพื่อกันตัวเอง หากโทรมาจะได้รู้ว่าเป็นใคร

   “สวัสดีครับ”

   [พี่คิดว่าขนุนจะไม่รับสายพี่อีกแล้วซะอีก] เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นระคนน้ำเสียงหัวเราะอารมณ์ดี

   “เอ่อ...พี่ไม้เอกได้เบอร์ผมมายังไงครับ”

   [ขอโทษที่พี่ละลาบละล้วง เราโกรธพี่รึเปล่า]

   “ไม่หรอกครับ แล้วพี่ไม้เอกมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ”

   [เสาร์นี้ขนุนว่างไหม พอดีเพื่อนพี่มันทำวงดนตรีแล้วมีแสดงในงานเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัทนึงน่ะ พี่มีตั๋วสองใบอยากชวนขนุนไปด้วย]

   “เหรอครับ”

   [ว่าไง...เราอยากไปรึเปล่า พี่คิดว่าเพื่อนพี่มันคงไม่เล่นห่วยแตกจนขนุนไม่อยากไปดูหรอกนะ] อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงสุภาพถามความเห็น แต่ฉลาดที่จะพูดไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้

   เอาไงดีวะขนุน!

   คนตัดสินใจกัดเล็บครุ่นคิด กลอกตาไปมาเหมือนหาคำตอบจากกำแพงตรงหน้า

   “เอาอย่างนี้ไหม มึงก็ลองเปิดใจพบคนใหม่ดูสักครั้ง ดูสิว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วข้างในของมึงมันสามารถตัดพี่คณินไปจากชีวิตได้จริงๆ รึเปล่า”

   จู่ๆ ในหัวของขนุนก็มีประโยคหนึ่งของช้างที่โผล่แว็บเข้ามาในหัว แน่นอนว่าตอนนี้ขนุนคิดได้แล้ว

   “ตกลงครับ กี่โมงว่ามาเลย”

   [ขอบคุณนะที่ยอมไปกับพี่น่ะ คิดว่าจะบ่ายเบี่ยงซะอีก]

   “ผมว่าง ก็เลยไปได้น่ะครับ”ขนุนยิ้มจืด

   [โอเค งั้น 10 โมงเช้าพี่จะไปรับหน้าหอ]

   “ครับ ตกลง”

   ขนุนวางสายจากไม้เอกไป โยนโทรศัพท์ให้ห่างตัวก่อนจะล้มตัวลงนอนกลิ้งไปมาอยู่หลายสิบตลก ฟัดหน้าลงกับหมอนไปหลายรอบ จนหน้าแดงก่ำเหมือนโดนป้ายสี ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งพึมพำกับตัวเอง

   “ลองไปเปิดหูเปิดตากับคนอื่นดูบ้างก็ดีเหมือนกัน บางทีเราอาจจะค้นพบตัวเองมากขึ้นกว่านี้ก็ได้”

   พูดไปปากเล็กก็เม้มแน่นแบะแบนแล้วฝังหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง ยอมรับการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนแปลงความรู้สึกบางอย่างในหัวใจตัวเองได้

   “เรา.....จะสามารถชอบคนอื่นที่ไม่ใช่พี่คณินได้มั้ยนะ? ”



   “ถ้ามึงเสือกลง skip นะกูทุบมึงแน่! ”

   “มึงจะแค้นอะไรกูนักหนา ในมือกูอย่างกะรำพัด จะรีบอูโน่ไปไหนวะ” ช้างแหล่ตามองการ์ดในมือของนิวที่กำไว้แน่น รู้อยู่แล้วว่าถ้าไม่ให้นิว skip งานนี้คนข้างๆ ชนะแน่”

   “รีบๆ ลงกูลุ้นจนหำหดหมดแล้วคร้าบบบบ”ต้าทุบตักตัวเองรัวๆ อย่างร้อนใจแนบการ์ดในมือแนบอกพึมพำภาวนาอย่างลุ้นระทึก มีจ๊ะเอ๋ให้กำลังใจอยู่ด้านหลัง ที่ลุ้นตัวโก่งด้วยทุกครั้งที่ฉิวเฉียดจะชนะ

   “ลงอะไรก็ลง กูรอแพ้อยู่เนี้ย”แจ็กที่อยู่ข้างต้านั่งหน้าเซ็งปลงไปแล้ว เพราะในมือไม่มีการ์ดแอคชั่นช่วยชีวิตสักใบ

   “หึ! แต่เสียใจด้วยนะครับเพื่อนๆ ผมของลงใบนี้”เสียงหล่อที่ถูกเค้นออกมาจากปากของช้างโยนการ์ดหนึ่งในการ์ดแอคชั่น คือ รีเวิร์ส ที่กลับทิศทางผู้เล่น งานนี้คนวางการ์ดจึงเป็นหน้าที่ของขนุนซึ่งเป็นผู้เล่นอยู่ก่อนช้าง

   คนมีโอกาสได้ลงการ์ดตาวาวหันไปมองช้างสายตาเป็นประกายวิบวับ

   “หะให้เราลงจริงอ่ะ ขอบคุณนะช้าง! ”ขนุนเอี้ยวตัวไปกอดคนข้างๆ แน่นก่อนจะฟาดการ์ดในมือใบสุดท้ายสีเหลืองเลข 1 ลงบนกองการ์ดทั้งหมดอย่างสวยงาม แล้วตะโกนขึ้นมาสุดเสียง “อูโน่!!!”

   “เวรเอ้ยยยย!”ต้ายีหัวตัวเองลงนอนดิ้นในตักแฟนสาว

   “คือกูแพ้? ”นิวนั่งนิ่งมองการ์ดสีเหลืองใบสุดท้ายในมือเช่นกัน ที่ไม่มีโอกาสได้ลง

   “อามิตตาพุทธ”ส่วนแจ็กพนมมือข้างเดียวเข้าทางธรรมไปแล้ว

   “นี่ขนุน กูเป็นคนเลือกให้มึงชนะ” ช้างหันไปเอาใจ “งั้นรอบนี้...กูไม่ต้องเดินลงไปซื้อเบียร์ที่หน้าปากซอยใช่มั้ยครับ”

   “คนสันดานหยาบพูดจาดี กูขนลุกว่ะ”นิวเหลือบตามองอย่างก้าวร้าว

   “งั้นรอบนี้เราให้.....นิวไปซื้อกับแจ็ก”

   “YaHoo!!! กูรอดว่ะ ฮ่าๆ ฮ่าๆ! ”เสียงหัวเราะลั่นมาจากต้าที่ลุกขึ้นกระโดดตัวปลิว

   สุดท้าย คนที่แพ้เกมก็ต้องไป จนตอนนี้ภายในห้องของขนุนจึงมีต้า จ๊ะเอ๋และช้างที่นั่งเก็บการ์ด สีหน้าสบายใจ พูดคุยกันสนุกสนาน มันทำให้บรรยากาศภายในห้องของขนุนดูครึกครื้นไปในทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเจ้าของห้องแทบจะขดตัวม้วนติดอยู่กับผ้าห่มผื่นใหญ่ไม่กระดิกตัวทำอะไรแล้วแท้ๆ
 
   เหมือนฟ้ารู้ ดินรู้ จึงส่งเพื่อนผู้ชอบโหวกแหวกเสียงดังมาเยือนขนุนถึงห้องจนห้องใกล้เรือนเคียงทุบประตูด่าเตือนไปหลายรอบ

   ทำไมขนุนจะไม่รู้ล่ะว่าพวกเพื่อนทั้งหลายคิดอะไรถึงมาห้องเขาโดยไม่บอกล่วงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วง

   “ขอบใจมากนะ”อยู่ดีๆ ขนุนก็พูดขึ้น

   “ขอบใจอะไรของมึง หรือเรื่องที่กูมาเสียงดังให้มึงถูกด่า? ”ต้าพูด พร้อมกับโยนแผ่นมันฝรั่งทอดใส่ขนุน ที่โยกตัวไปงับรับได้อีก

   “แสนรู้ว่ะ”ช้างหัวเราะลุกขึ้นไปทิ้งตัวลงนั่งแล้วล้มนอนบนเตียงซึ่งเจ้าของนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น

   “พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกับพี่ไม้เอกนะ”

   “เอ่อ เที่ยวซะบ้างจะได้ไม่หดหู่”เกือบจะเออออคล้อยตามไปแล้วถ้าคนฟังไม่เอะใจถึงชื่อๆ หนึ่ง “เดี๋ยว! มึงไปกับพี่ไม้เอก? ”ต้าตาแทบถลนออกนอกเบ้า

   “ไม่จริงอ่ะ นิวรู้มันต้องขึ้นแน่ๆ ”จ๊ะเอ๋ที่เดินไปรินน้ำหันมาให้ความสนใจ

   “แต่พี่เค้าโทรมาชวนเราเมื่อเย็นนี้”

   “แล้วพี่ไม้เอกรู้เบอร์มึงได้ไงวะ กูไม่เคยบอกนะเว้ย แล้วได้นิวก็ยิ่งไม่มีทางใหญ่ ห่วงมึงจะตายเยี่ยงลูกในไส้! ”

   “เออ...กูขัดนิดนึง”ช้างเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งยิ้ม แล้วยกมือขึ้นระดับข้างหู

   “อะไร? ”

   “กูเองแหละ”

   “ห๊ะ! มึงบอกเบอร์ไอ้ขนุนกับพี่ไม้เอกเหรอวะ ทรยศ!”

   “ก็ ก็กูคิดว่ามันไม่เสียหาย ให้ขนุนมันไปได้เปิดรับคนอื่นบ้าง ไอ้พี่ไม้เอกก็ไม่ได้แย่ไปหมดซะทุกเรื่องป่ะว่ะ ทั้งหล่อเท่ สูงยาว เข่าดี บ้านมีฐานะ ติดตรงด่าแรงเฉพาะคนเท่านั้นเอง”ช้างไหวไหล่ ขนุนมองตากลม

   “ช้างใจร้ายป่ะวะ ขายเพื่อนรึไง”จ๊ะเอ๋หันไปเหวใส่อีกคน

   “มึงไม่คิดจะโกรธหน่อยรึไง? นี่กูเกรี้ยวกราดแทนมึงไปหลายเว่ลแล้วนะเว้ย! ”ต้าหันไปมองเพื่อน

   “ก็ดี อย่างช้างว่า อะไรที่ควรเปลี่ยนแปลงถ้าไม่เริ่มต้นก็คงไม่รู้ บางทีเราอาจจะค้นพบว่าจริงๆ แล้วเราแค่ปลื้มพี่คณินมากๆ ก็เท่านั้น อาจไม่ใช่รักจริงๆ ก็ได้”

   “แล้วทำไมมึงต้องแบะปากเหมือนจะร้องไห้วะถ้าแน่จริง”

   “เราม่ายได้ล้องห้ายยยย”

   “กูว่าแล้ว”ช้างยกมือแปะหน้าผากมองขนุนที่เหมือนอยากจะปล่อยโฮแต่กลั้นสุดใจจนหน้าเบี้ยวไปหมด แก้มขาวๆ เกร็งจนเป็นก้อนแก้มกลมๆ “เอานา...ลองสักตั้งเพื่อตัวมึงก็ได้ มันก็คงไม่ได้แย่”

   “อือ”คนพยักหน้าหน้าสูดน้ำมูกจมูกบานคว้ากระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกยกใหญ่ฮึดสู้

   “เดี๋ยว! ”

   “ต้าอย่าห้าม เราขอเมาหลับอ่ะคืนนี้”

   “กูจะบอกว่านั่นมันกระป๋องกู ของมึงอยู่โน่น สัส! ”

   “ง่ะ! ขอโทษ”



มอP

   “ฮัลโหลวววว สติยังอยู่มั้ยครับคุณคณิน”

   “มึงจะดัดลวดออโธหรือประกวดตัดลวดต้นบอนไทรครับ แบบนั้นมันใส่ฟันคนได้ไงวะใหญ่บ๊ะเทิ่มขนาดนั้น กูว่าวันนี้พอก่อนเหอะมึงดูไม่ไหวละ”

   “อืม”คนตอบถามคำตอบคำวางเครื่องมือแล้วจัดการเก็บไม่พูดพร่ำทำเพลง อนาวินเดินเข้าไปประกบด้านหลังวางมือไปบนไหล่คนตัวสูงที่หน้าหุบเป็นบัวตูมมาสองวันแล้ว

   “เรื่องขนุนใช่มั้ย? ”อนาวินถอนหายใจมองเพื่อนที่แสดงอาการออกทางสีหน้า

   “มึงยังไม่ได้คุยกับน้องเค้า? ”

   “กูพยายามโทรไปแล้วแต่ขนุนไม่รับ”

   “ส่งข้อความล่ะ? ”

   “ส่งแล้วเหมือนไม่อ่าน”

   “พรุ่งนี้ไปหาเป็นไง วันหยุดพอดี เรื่องทำรีเสิร์ชเดี๋ยวกูกับไอ้โจมจะช่วยทำกันไปก่อน”

   “ขอบใจพวกมึงมาก”คณินหันไปขอบคุณเพื่อนจากใจจริง มองสภาพใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนทั้งสองที่มีขอบตาดำคล้ำ สิวผุดขึ้นประประปรายเพราะความเหนื่อยล้าและความเครียดไม่ได้ต่างไปจากคณินเอง งานที่กองท่วมหัวเป็นภูเขา ไหนจะงานแก้แลปที่ทำวนซ้ำเพราะสมาธิหดหาย

   เพราะแบบนี้จึงมีเวลาไม่มากที่จะแก้ปัญหาส่วนตัวให้ถึงที่สุด คณินทำดีที่สุดคือการพยายามติดต่อขนุน ไม่ได้อยากนิ่งเฉยเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องเข้าใจอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดไปอย่างแน่นอน และที่สำคัญเขายังไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองให้ขนุนเข้าใจเลยด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็เตลิดป่าราบไปเองแล้ว

   “พวกกูรอฟังข่าวดี”

   “อือ”

   คณินยิ้มรับคำอวยพรจากสองเพื่อนเกลอ แล้วย้ายสายตาไปมองสร้อยข้อมือที่ทำจากเงิน ของขวัญที่คณินได้รับจากขนุน เขายังไม่ได้อวดมันกับขนุนเลยว่าเขาชอบมันมาก แต่น้อยกว่าเจ้าของนิดหน่อย



   เช้าสายของวันเสาร์ตามเวลานัดพบขนุนยืนรอใครบางคนอยู่หน้าหอ ระหว่างนั้นขนุนก็คุยเล่นฆ่าเวลากับพี่สุภาพยามประจำหอ ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จู่ๆ ก็มีรถคันหรูสัญชาติอเมริกันสีแดงสะท้อนแสงแทบทะลุตาก็มาหยุดกึกอยู่ตรงหน้าขนุน ความไม่คุ้นตาจึงทำให้ขนุนได้เพียงแต่มองไม่กล้าขยับตัว ไล่มองความเท่ของรถตรงหน้าด้วยความสนใจเท่านั้น

   “ขนุนขึ้นมาครับ”

   กระจกไฟฟ้าด้านข้างคนขับลดลง เสียงเรียกทำให้ขนุนต้องก้มตัวมองลอดผ่านกระจกก็เจอกับเจ้าของรถคันโก้

   “พี่ไม้เอก? ”

   “เร็ว เดี๋ยวไม่ทัน”เจ้าของรถเอื้อมมาเปิดประตูและผลักออกให้ขนุนขึ้นมา

   “ผมคิดว่าเราจะไปกับมอเตอร์ไซต์ซะอีก”ขนุนจำได้ถึงวันที่เขาซ้อนท้ายไม้เอกกลับหอในคืนที่คณินมาหา

   “พี่อยากให้ขนุนนั่งสบายๆ มากกว่า”คนที่นั่งข้างๆ เอื้อมมือมาดึงเข็มขัดใส่ให้ขนุนก่อนจะแตะคันเร่งเบาๆ รถก็แทบบินได้ แถมตัวเครื่องยังเงียบความสั่นของเครื่องยนต์แทบเป็นศูนย์

   “ขอบคุณครับ งานคอนฯ เริ่มกี่โมงครับ”

   “บ่ายๆ น่ะ”ไม้เอกหันมายิ้มให้ขนุน วันนี้อีกฝ่ายแต่งตัวได้สะดุดตาแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจจะเพราะขนุนเคยชินที่จะเห็นรุ่นพี่อย่างไม้เอกในชุดนักศึกษาซะมากกว่า แต่วันนี้ดูพิเศษกว่าปกติ

   “วันนี้พี่ไม้เอกแต่งตัวหล่อมากเลยครับ ผมดูจืดไปเลย”คนมองคิดอย่างไหนพูดไปอย่างนั้นตามที่เห็น แต่คนฟังกลับรู้สึกแฮชแท็กใจอย่างแรง

   “ขนุนก็แต่งตัวน่ารักแล้ว”

   “ผมก็อยากหล่อบ้างนะครับ”ขนุนก้มมองตัวเองที่แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืดสีเท่าลายยอดมนุษย์สวมทัพด้วยเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีขาวกับกางยีนสีดำรองเท้ากีฬาสีขาวคู่โปรดที่ใส่ซ้ำทุกโอกาสก็เท่านั้น หากเทียบแล้วขนุนมองตัวเองเป็นเด็กน้อยในพริบตา

   ดูไม่เท่เอาซะเลย

   “อย่าทำหน้างอแบบนั้นสิ เดี๋ยวพี่พากินข้าวปลอบใจ”ขนุนหันไปมองไม้เอกที่ให้ความรู้สึกต่างไปจากเวลาเจอที่มหาลัย ดูเป็นกันเองและเอาใจใส่คนอื่นไม่น้อย

   “ปกติเป็นอย่างนี้เหรอครับ”

   “ขนุนหมายถึง? ”

   “อ้อ เปล่าครับ”ขนุนส่ายหน้ามองไปยังเส้นถนนที่ยังคงคับเคลื่อนไปได้อย่างไม่ติดขัด

   หรือบางทีเราไม่เคยมองพี่ไม้เอก ถึงได้ไม่รู้ว่าปกติของพี่เขาเป็นคนยังไง



   



(ต่อด้านล่าง)
   

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4


สถานที่ที่ไม้เอกพาขนุนมานั้นเป็นห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่ใครๆ ก็ต่างคุ้นเคยกันดี เพราะถึงก่อนเวลาไม้เอกจึงพาขนุนไปเลี้ยงข้าวเป็นมื้อเที่ยง ก็ดูรู้ว่าตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแต่ขนุนก็ไม่ได้ติดขัดอะไร สถานที่จัดงานเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นลานกิจกรรมหน้าห้างที่กั้นโซนเอาไว้สำหรับแขกที่มันบัตร VIP ซึ่งไม้เอกก็มีมันอยู่ในมือ

   ภายในงานมีบริการเครื่องดื่มโดยมีบริกรคอยดูแล แต่ขนุนก็ถูกดูแลอีกทีจากไม้เอกจนรู้สึกว่าตัวเองอย่างกับราชา หรือไม่ก็คุณหนูจากคฤหาสน์เศรษฐีที่มีพ่อบ้านคอยปรนนิบัติ

   แน่นอนว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง แต่ข้างในของขนุนกลับรู้สึกว่าอะไรที่มันมากเกินไปก็ทำให้ตัวเองรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน

   “อยากได้อะไรอีกมั้ยเดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”แน่นอนว่านอกจากเครื่องดื่มยังมีพวกอาหารจำพวกชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้แขกในงานได้ละเลียดชิม

   “พะพอแล้วครับ ผมอิ่มจนพุงยื่นแล้ว เอ่อพี่ไม้เอกครับ เพื่อนพี่ที่จะขึ้นเวทีเล่นดนตรีใครเหรอ? ”

   “ไอ้ยิปน่ะ”ไม้เอกไหวไหล่เหมือนเรื่องธรรมดา

   “พี่ยิปเหรอ ไม่ยักรู้นะครับว่าสายดนตรี เคยเห็นแต่ตอนตีกลองวันรับน้อง จากนั้นผมก็ไม่เห็นว่าพี่ยิปเคยขึ้นเวทีในมหาลัยเลย”

   “มันซุ่มน่ะ งานในไม่รับงานนอกเงินดีกว่า แถมไม่ถูกนินทาว่าห่วยจากพวกปากไม่สร้างสรรค์ที่ชอบอิจฉา”

   “มันก็จริงครับ”ขนุนพยักหน้าเห็นด้วย การคุยกันดำเนินไปเรื่อยๆ ระหว่างรองานเริ่มในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ผมเห็นพี่ยิปและเพื่อนพ้องในวงขึ้นมาเซตเครื่องดนตรีต่างๆ อยู่บนเวที ไม้เอกโบกมือให้คนที่อยู่บนเวทีเป็นอันรู้ว่ามาให้เห็นหัวแล้ว

   ขนุนที่นั่งมองบรรยากาศรอบงานก็เหมือนต้องสะดุ้ง กลายเป็นพวกตกใจง่ายกับสายเรียกเข้า อาการหลบหลีกการเผชิญหน้ากับใครบางคนยังฝังหัวอยู่ตอนนี้ แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ขนุนเลยโล่งใจ

   “พี่ไม้เอกครับ ขอผมไปคุยโทรศัพท์แป็บนึงนะครับเดี๋ยวมา”

   ไม้เอกเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงครุ่นคิด แต่ก็พยักหน้าตอบ

   “ว่าไงนิว มีอะไร? ”

   [พวกกูโทรมาเพราะเป็นห่วง นั่นมึงอยู่ไหนวะไอ้ขนุน! ]เสียงก้องจากอีกปลายสายแน่นอนว่าอีกฝ่ายคงกำลังเปิดลำโพง เดาได้ว่าไม่ได้มีนิวคนเดียวที่เอียงหูฟังเรื่องของเขาอยู่

   “อยู่ห้างที่ลานกิจกรรมเดี๋ยวงานกำลังจะเริ่มแล้ว”

   [แล้วพี่ไม้เอกเป็นไงบ้างวะ?....นิวกูขอพูดบ้าง.....ขนุนมึงโอเคใช่มั้ยวะ...ไอ้ช้างกระแทกกูทำเหี้ยอะไร ให้กูพูดจบก่อนดิวะสัด! มึงจะกลับกี่โมงฝากซื้อของหน่อยดิไหนๆ ก็ไปข้างนอกแล้ว….มันใช่เวลามั้ยไอ้แจ็ก!]

   เสียงตีกันนัวทำเอาขนุนถึงกับต้องยกหูให้ห่างจนต้องถอนหายใจ

   “เหอะนา เราออกมาเดี๋ยวก็กลับ งานน่าจะเลิกประมาณ 6 โมงตอนเย็น พี่ไม้เอกก็ดูโอเคกับเราดี เอาเป็นว่าจะกลับไปเล่าให้ฟัง” ขนุนหันไปมองคนที่เดินตามมา “แค่นี้ก่อนนะพี่ไม้เอกมาตามแล้ว สงสัยงานเริ่มแล้ว”

   [พี่ไม้เอกทำอะไรมึงกดฉุกเฉินมาเลยนะเว้ย! ]

   “เราอาจจะสมยอมก็ได้ใครจะไปรู้ พี่ไม้เอกก็ดูไม่เลว” ขนุนตอบเสียงเนือยๆ ไปอย่างนั้น ก่อนจะกดวางแล้วเดินตามคนที่มารอเข้างานไป จนเวลานี้เหล่าเพื่อนฝูงที่มารวมตัวกันที่ห้องของต้าราวกับคืนนี้มีแมตช์บอลคู่เดือดต่างนิ่งงันกันไปเป็นแถบๆ

   หลังจากจบงานคอนเสิร์ตแล้ว ขนุนแวะไปเจอพี่ยิปที่หลังเวทีกับไม้เอกก่อนจะทักทายและร่ำลากันหลังงาน ขนุนเพิ่งจะรู้ว่าออแกไนซ์รับจัดงานในครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไม้เอก นั่นคือเป็นธุรกิจของครอบครัว ถึงว่าบัตร VIP ที่มีแต่คนระดับหรูๆ มาอยู่ในมือไม้เอกได้

   หลังจากปลีกตัวออกมาจากการพูดคุยที่ทำให้ขนุนรู้สึกตัวลีบเล็กได้ บรรยากาศธรรมดาๆ ด้านนอกยังจะทำให้ขนุนรู้สึกสบายใจกว่าที่ต้องเจอกับคนอีกระดับหนึ่งพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องไกลตัวที่ขนุนไม่เข้าใจ ไม้เอกดูเป็นการเป็นงานนั่นคงเพราะหน้าตาของครอบครัว ขนุนก็พอรู้มาบ้างว่าไม้เอกบ้านรวยแต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะดูยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น

   คนตัวเล็กหย่อนตัวลงนั่งใกล้ๆ กับลานน้ำพุ แกว่งขาที่ลอยจากพื้นก้มหน้ามองรองเท้ารอไม้เอก

   ถึงจะมีผู้คนพลุกพล่านมากหน้าหลายตา ทว่าข้างในของขนุนกลับรู้สึกเหงาอยู่ดี ความสนุกของเสียงดนตรีมันไม่ได้คั่งค้างอยู่ในใจขนุนแม้แต่น้อย มันยิ่งกลับทำให้ขนุนคิดถึงบรรยากาศสงบๆ ที่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะมากกว่า ห้างตรงหน้าที่หรูหราก็เทียบไม่ได้กับการเดินตลาดยามค่ำคืนกับคนที่คุยด้วยถูกคอถูกใจ

   กลิ่นน้ำหอมยิ่งสู้ไม่ได้กับกลิ่นไหม้จากของปิ้งย่างและจากกลิ่นเหงื่อของผู้คนที่ปะปนเบียดไหล่เต็มไปด้วยคำวิจารณ์ร้านค้าตั้งพื้น

   แค่คิดก็ทำให้ขนุนเผลอยิ้มออกมาเมื่อย้อนถึงวันวานที่มีคณินอยู่ในนั้น

   ผมคิดถึงพี่จังเลย

   ตอนนี้พี่คณินกำลังทำอะไรอยู่?

   กินข้าวแล้วรึเปล่า หรืออ่านหนังสือจนลืมเวลา?

   ไข่ดาวจะถูกทิ้งให้เหงาไหม?

   ได้กินของอร่อยๆ นอกจากอาหารเม็ดหรือเปล่า?

   แล้ว.....พี่คณินจะยังนึกถึงผมที่ทำตัวงี่เง่าไม่รับสายไม่ติดต่อพี่มั้ย?

   ในความคิดวกวนที่ตัดขาดจากสิ่งรอบกายภายนอก ขนุนรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆ ที่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ขอบตาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อคิดเรื่องเหล่านั้น จมูกเริ่มรู้สึกหายใจไม่สะดวก ในใจยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันกำลังบีบรัดให้ขนุนรู้สึกเจ็บแค่ไหน

   มันยากจริงๆ ที่จะพยายามไม่คิดถึงใครอีกคน

   “ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว”

   ใบหน้าที่ก้มงุดกำลังเก็บกลั้นอารมณ์ พลันมีเสียงทุ้มนุ่มหูที่ขนุนชอบฟังดังขึ้นตรงหน้า สายตาที่ก้มมองลงต่ำย้ายไปมองปลายเท้าปริศนาที่มายืนอยู่ตรงหน้า เวลานั้นหัวใจของขนุนแทบหยุดเต้นเหมือนภาพทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งกะทันหัน ทันทีที่ขนุนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไล่สายตากลมใสที่เบิกโพลงไปตามขายาวย้อนขึ้นด้านบนกระทั่งหยุดและจ้องมองใบหน้าอบอุ่นที่คุ้นเคย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ขนุนเชื่อได้

   “พะพี่คณิน? ”

   “ทำไมมองพี่แบบนั้น ไม่เคยเห็นหมอที่ไหนหน้าตาดีตัวเป็นๆ เหรอครับ”น้ำเสียงนุ่มเอ่ยหยอกเย้าใบหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อยกำลังยิ้ม มองขนุนที่ชะงักค้างอ้าปากเล็กน้อยราวกับตกใจ

   “มา...มาได้ยังไง”คล้ายเสียงละเมอที่เอ่ยถาม

   “เพราะใครกันที่หนีพี่ แบบนี้จะไม่ให้ตามได้ยังไงล่ะครับ”

   รอยยิ้มที่ขนุนแสนคิดถึงราวกับกำลังเบ่งบานอยู่ตรงหน้า ขนุนรู้สึกเหมือนว่ามีเทวดามาโปรดอภัยบาปให้ทั้งชีวิต

   “ขนุน กลับกับพี่นะแล้วเราไปคุย...”

   “ขนุน! นั่นใครครับ”ทว่าระหว่างที่ขนุนกำลังฟังในสิ่งที่คนตรงหน้าพูด ไม้เอกที่เดินเข้ามารีบขัดจังหวะ พร้อมกับก้าวไปยืนอยู่ข้างๆ ขนุนชิดใกล้ อ้อมแขนจากทางด้านหลังไปกอดไหล่ขนุนแสดงความเป็นเจ้าของ

   คณินที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลื่อนสายตาไปมองมือที่วางอยู่บนไหล่เล็กนิ่งเรียบ รอยยิ้มเมื่อครู่เลือนหายไปพริบตานัยน์ตาที่อ่อนโยนครู่หนึ่งดูขึงขังแต่ก็มลายหายไปในพริบตาราวกับซ่อนไว้ พร้อมกับกลับมายิ้มให้กับคนที่เคยรู้จักแต่ชื่อ และพอจะบอกได้ว่าคนตรงหน้าคือใครจากคำบอกเล่าของเหล่าเพื่อนขนุนที่บอกพิกัดให้คณินมาตามขนุนในวันนี้

   “ผมชื่อคณิน เป็นรุ่นพี่มอP ที่รู้จักกับขนุนครับ ถ้าให้ผมเดาคุณคงชื่อไม้เอก เป็นรุ่นพี่ของขนุนในมหาลัย”ไม่ต้องรอให้ใครแนะนำตัวให้ คณินแนะนำตัวเองและกล่าวถึงคนตรงหน้าอย่างฉะฉานแววตาดูกร้าวขึ้นเล็กน้อยผิดกับเวลาปกติไปมาก

   “คุณดูเหมือนจะรู้จักผมดีทีเดียว”เจ้าของร่างสูงที่ไม่แพ้คณินเอ่ยขึ้นสีหน้ายิ้มรับแต่ดวงตาดูเอาเรื่อง แสดงท่าทีเหมือนไม่สนใจคณินนัก ทว่ามองจากสายตาก็คงจะอ่านได้ว่าไม่คิดอยากจะเจอหน้ากันเป็นครั้งที่สอง

   “ครับ ได้ยินมาจากเพื่อนของขนุนมาบ้าง”

   “ตอนนี้ผมคงต้องพาขนุนไปแล้ว ไว้คุยกันใหม่ครั้งหน้าจะดีกว่า” ไม้เอกหันไปสบตาขนุนที่จ้องมองคณินอย่างรู้สึกได้ “ไปกันเถอะขนุน” ละจากไหล่เล็ก มือของไม้เอกก็คว้าเข้าจับมือของขนุน ยิ้มทิ้งท้ายให้คนที่เพิ่งเจอก่อนจะดึงรังคนกลางให้เดินตามไป

   ขนุนมองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้แน่นจากไม้เอก ไม่ทันพูดอะไรก็จำต้องเดินตามไปทั้งอย่างนั้น

   มันก็ถูกแล้ว...วันนี้เรามากับพี่ไม้เอกก็ต้องไปกับพี่เขาสิ

   หมับ!

   เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับขนุน เมื่อมีอีกมือที่ยื่นมารั้งแขนไว้เป็นคณิน ผู้เป็นเจ้าของฝ่ามือที่ทั้งอุ่นและเย็นเยือกในความรู้สึกเดียว เพราะแรงรั้งจากคณินที่คว้าแขนขนุนไว้ฉับพลัน ทุกอย่างจึงชะงักลง ขนุนสบเข้ากับนัยน์ตาที่เคยอ่อนโยน ทว่าบัดนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่เคย ทั้งความกร้าวและดูดุดันแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังต้องการอะไรจากไม้เอกที่กำลังประจันหน้าอยู่ตรงนี้

   สถานการณ์ทุกอย่างราวกับแบ่งโลกออกเป็นสองใบ ในขณะที่ขนุนอยู่ตรงกลาง

   แน่นอนว่าเหตุเกิดท่ามกลางคนจำนวนมากที่เดินผ่านไปมา มันแน่อยู่แล้วที่จะมีสายตานับสิบๆ คู่มองมาด้วยความอยากรู้

   “คุณกำลังจะทำอะไรไม่ทราบ”

   “ผมต้องการพาขนุนกลับ โปรดปล่อยมือขนุนด้วย”

   “หึ! ” คนถูกสั่งหัวเราะไม่พอใจ “วันนี้ผมเป็นคนพาขนุนมาเพราะฉะนั้นผมจะพาขนุนกลับไปส่งเอง ปล่อยมือคุณได้แล้วมันน่ารำคาญนะถ้าจะทำอย่างนั้น มันดูเหมือนโจรขี้ขโมย! ”

   “ขอโทษนะ ผมจะกลับก็ต่อเมื่อขนุนกลับกับผม”

   ฝึบ!

   ใครจะไปคิดว่าจู่ๆ คณินจะเล่นไม้นี้ โดยการที่เข้าไปปลดมือขนุนจากอีกฝ่ายอย่างซึ่งๆ หน้า แล้วดึงเจ้าของใบหน้าเหลอหลากึ่งเดินกึ่งวิ่งให้ตามไป ท่าทีราวกับเด็กเอาแต่ใจดื้อดึงไม่มีผิด ขนุนได้แต่อ้าปากเหวอไม่คิดว่าคณินจะทำแบบนั้น

   ขโมยขนุนมาต่อหน้าพี่ไม้เอก จนอีกฝ่ายถึงกับนิ่งอึ้งให้กับการกระทำที่โผงผางแบบนั้น

   ขนุนได้แต่เดินตามคณินที่เอาแต่ลากขนุนไปจนไกลและลับสายตาของไม้เอกด้วยความเร็ว กระทั่งก้าวช้าลงเพราะขนุนพยายามรั้งไว้

   “ดะเดี๋ยวครับ พี่คณิน!”

   “.....”

   “พี่จะพาผมไปไหน”

   “กลับบ้าน”ร่างสูงที่เอาแต่เดินตอบมาสั่นๆ

   “บ้านใครครับ”

   “บ้านพี่”

   ได้ยินแค่นั้นขนุนถึงกับขนลุกซู่ แทบอยากสะบัดมือคณินทิ้งแล้ววิ่งหางจุกตูด ภาพคืนนั้นยังตามมาหลอกหลอน มันทั้งอายทั้งเจ็บใจที่ทำเรื่องเอาไว้เยอะจนไม่อยากเผชิญหน้า เขาไม่รักแล้วยังจะไปฝืนใจ แถมยังใส่อารมณ์ซะจนทะลุเพดานแตก

   “มะไม่เอาครับ ผมไม่อยากไป ให้ผมกลับหอเถอะครับ เราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้”ขนุนมองลานจอดรถที่เดินมาไกลอย่างกังวล

   คณินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่ดี คิดไปว่าขนุนคงจะหน่ายตัวเขา แต่ถึงยังไงมือของคณินก็ไม่อยากปล่อยขนุนไปตอนนี้แน่ๆ ร่างสูงชะงักเดินหันมาประจันหน้ากับขนุนที่ส่งสายตาลนลานไปหมด ร่างเล็กราวกับลูกนกผวาที่ตกจากรัง ความรู้สึกอยากเข้าไปกอดและพูดทุกอย่างในใจมันอัดแน่นไปหมดจนไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน

   “ไข่ดาวน่ะ.....”จู่ๆ คณินก็โพล่งออกไปสีหน้าตึงเครียด

   “เอ๊ะ? ไข่ดาวทำไมเหรอครับ? ”ดูเหมือนจะได้ผล ขนุนนิ่งขึ้นเมื่อคณินพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ไม่เกี่ยวโยงกับตัวเองสักนิดแต่กลับคิดและพูดมันออกไปซะอย่างนั้น

   คำว่าประหม่าไม่เข้าใครออกใครจริงๆ รวมถึงความกลัวก็ด้วย

   “ไม่กินอะไรมาสองวันแล้ว เหมือนจะป่วย มันไม่ยอมขยับตัวไปไหนเลยด้วยซ้ำ”น้ำเสียงที่อ่อนลงประกอบกับสายตาเศร้าและดูกังวลดึงความสนใจของขนุนเอามากๆ

   “ไข่ดาวไม่สบายมากเหรอครับ”ขนุนเบิกตาโพลงจ้องหน้าคณินที่หลบสายตาแล้วพูดออกไป

   “อือ....เพราะแบบนี้พี่เลยมาตามเรา มันคงคิดถึงใครสักคน”

   นั่นคงเป็นเจ้าของหมามากกว่าจะเป็นไข่ดาว

   “ไข่ดาว...”ขนุนครวญ “งั้นรีบไปเถอะครับ รถพี่คณินจอดตรงไหน”

   “ข้างหน้าซ้ายมือ”

   คนตัวเล็กกว่าชะเง้อมองหาและเหมือนจะเจอป้ายทะเบียนรถที่จำได้ จึงรีบก้าวเดินไปไม่รอรี คณินที่เดินตามอยู่ด้านหลังถึงกับยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ที่เผลอไปแช่งเจ้าหมาแสบที่วันๆ กินอย่างอิ่มหนำสำราญวันนึงไม่ต่ำกว่าสามมื้อ ไม่นับรวมขนมขบเคี้ยวอีก มีความสุขไม่ทุกข์ร้อนเสียยิ่งกว่าเขาของซะอีก

   คงบ้าไปแล้วที่พูดโกหกไปแบบนั้น!

   “พี่คณินเร็วครับ!”ขนุนตะโกนมาตรงข้างประตูรถ

   “อื้อ!”คนถูกเร่งวิ่งเหยาะๆ ไปที่รถ

   เอาวะ! แก้ปัญหาไปทีละเปราะก็แล้วกัน






ติดตามตอนต่อไป >>>


 -----------------------------


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ร่าสงสารไข่ดาวจะแกล้งป่วยเป็นมั้ยนะ :laugh:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ที่ป่วยน่ะ คณินหรอก ไม่ใช่ไข่ดาว

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
พี่คณินเตี้ยมกับไข่ดาวยัง

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มีน้องหมาช่วย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ขนุนโดนลักพาตัวไปไหน หายไปนานละนะ คิดถึงๆๆๆ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4


ขนุนลูกที่ 21




   ทันทีที่เปิดประตูบ้านเข้าไปเจ้าหมาหูตั้งอย่างไข่ดาวที่นอนแผ่พุงตากพัดล้มที่คณินเปิดทิ้งไว้ให้ก็รีบดีดตัวลุกขึ้นวิ่งไปตรงประตูทางเข้าบ้านท่าทางระริกระรี้ ขนุนที่โผล่หน้าเข้ามาแปลกใจไม่น้อยทิ้งกระเป๋าลงข้างตัวจับไข่ดาวที่พยายามจะกระโจนเลียหน้าตัวเองสำรวจดูแล้วขมวดคิ้วมุ่น

   คณินที่เดินตามเข้ามาเม้มปากแห้งเกาท้ายทอยตัวเองแทบถลอก

   “มันป่วยจริงเหรอครับ ผมว่าไข่ดาวดูอ้วนขึ้น”

   “ท้องมันอืด น่าจะเป็นอย่างนั้นพอดีพี่พามันไปหาหมอมาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะหายป่วยเร็วขนาดนี้ ใช่มั้ยไข่ดาว”

   “โฮ่ง!”การตอบรับที่เข้าขาอดทำให้คณินคิดว่าเจ้าหมาแสบรู้งานเสียจริง

   “ผมอุ้มมันไปข้างในนะครับ”

   “เอาสิ”คณินพยักหน้ามองดูคนตัวเท่าลูกหมาพยายามอุ้มไข่ดาวที่น้ำหนักขึ้นไปประมาณ 2 กิโลอย่างทุลักทุเล

   คนโกหกรู้สึกผิดในใจอย่างบอกไม่ถูก อนึ่งก็อยากถูกแคร์เหมือนไข่ดาวด้วย

   เจ้าของบ้านได้แต่เดินตามขนุนเข้าบ้านหน้าจ๋อง มองดูเจ้าของร่างเล็กกว่าทิ้งตัวลงนั่งด้านล่างโซฟาอย่างทุกที แล้วลูบหัวลูบหางไข่ดาวที่เป็นงานอ้อนขนุนซะจนคนมองอิจฉาอยากจะเข้าไปคลุกคลีในตักด้วย

   “เอ่อ เดี๋ยวพี่ไปหยิบน้ำมาให้ รอพี่ตรงนี้อย่าเพิ่งไปไหนนะ”มือหนาสัมผัสเบาๆ บนกลุ่มผมนุ่ม อยากจะแตะต้องมากกว่านั้นแต่คงไม่ใช่ตอนนี้

   “ครับ”ขนุนพยักหน้าตอบโดยไม่ได้มองหน้าคณิน เพราะยังง่วงอยู่กับไข่ดาวที่อยู่ในตัก สับสนอยู่ว่าการป่วยเป็นแค่เรื่องที่คณินเข้าใจผิดคิดไปเองหรือเปล่า

   เพียงไม่นานเจ้าของบ้านกลับมาพร้อมกับน้ำดื่มเย็นๆ 1 แก้วและคุกกี้เป็นของทานเล่น วางทั้งหมดลงบนโต๊ะตัวเตี้ยใกล้ๆ ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งมองขนุนจากทางด้านหลัง มองแผ่นหลังเล็กที่ขยับไปมาและอดทำให้คณินนึกไปถึงเรื่องวุ่นวายในคืนนั้นไปว่า ถ้าเป็นตอนนี้ใครกันแน่ที่จะยั้งตัวเองไม่ไหว

   นานพอตัวที่คณินไม่ได้พูดอะไรออกมาเอาแต่มองลำคอขาวที่ก้มงุดเล่นกับไข่ดาวท่าเดียว กระทั่งบางอย่างมันสะกิดให้คณินรู้ตัวว่าเขาควรจะพูดจริงจังกับขนุนได้แล้ว

   “ขนุน ขึ้นมานั่งข้างบนได้มั้ย พี่มีเรื่องจะพูดกับเรา”

   “ผมนั่งตรงนี้ได้ครับ พี่คณินพูดมาเถอะ”มันแปลกที่ขนุนไม่ยอมหันมาสบตากัน

   “พี่อยากมองหน้าเรา”คณินไม่พูดเปล่าแต่กลับผุดลุกขึ้นแล้วไปดึงขนุนให้มานั่งด้วยกัน กระทั่งเห็นสีหน้าของขนุนในตอนนี้ว่าอีกฝ่ายดูเกร็งๆ กับคณินไปหมด ไม่สดใสเหมือนเดิม

   “นั่งลงก่อน พี่อยากพูดหลายๆ เรื่องกับเรา รวมถึง...”คณินจับมือขนุนไว้แน่น เขากลัวว่าคนตรงหน้าจะลุกหนีออกไป เหมือนคืนนั้นที่ขนุนแอบกลับไปโดยที่ไม่บอกเขาสักคำ “รวมถึงเรื่องคืนนั้นด้วย”

   ขนุนถึงกับสะดุ้งที่คณินพูดสิ่งที่ตัวเองไม่อยากเผชิญหน้าออกมาตรงๆ แบบนั้น คนตัวเล็กห่อไหล่หายใจลุ่มๆ ดอนๆ เม้มปากเสียแน่นจนปากเล็กแทบเห่อช้ำ ความตึงเครียดเกาะกุมหัวใจไหลลงไปอยู่ที่ท้องจนรู้สึกปวดนัวอยู่เนืองๆ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะถูกเกลียดและต่อว่าที่ทำเรื่องบ้าบอแบบนั้น คงไม่มีใครมาขอบคุณทั้งที่ตัวเองหวิดจะถูกขืนใจหรอก

   แต่คงโชคดีที่คืนนั้นขนุนดันป่วยและไม่เชี่ยวพ่อที่จะทำอะไรแบบนั้นด้วยลำแข้งตัวเอง

   เอาวะ! ในเมื่อเป็นผู้กระทำ ยังไงก็ต้องรับกรรมไปตามระเบียบ ขนุนคิดเช่นนั้นในใจ

   คนตัวเล็กหายใจลึกสุดปอด“ครับ พูดมาเลย”

   “งั้นเงยหน้าครับ หรือต้องให้พี่ดุจริงๆ ”ขนุนถูกคณินจับช้อนหน้าล็อกเอาไว้ด้วยฝ่ามือที่ประกบอยู่ข้างแก้มขาว ขนุนเบิกตาโพลงกะพริบตาปริบๆ รู้ตัวเลยว่าคนตรงหน้าทำหัวใจดวงน้อยของขนุนสั่นไหวแค่ไหน แต่ขนุนสัญญากับตัวเองไว้ในใจแล้วว่าจะไม่บ้าบอ เอาแต่ใจตัวเองเหมือนคืนนั้นอีก จะพยายามมองความเป็นจริงให้มากที่สุด

   ใจเขาใจเรา มันบังคับกันไม่ได้หรอก

   “ครับ ผมจะฟังดีๆ ”เจ้าของดวงตากลมใสพยักหน้ารับจนเส้นผมกระเพื่อมตามแรง

   เมื่อเห็นว่าขนุนยอมคุยแต่โดยดีคณินจึงปล่อยมือออก ยิ้มบางพอใจให้คนตรงหน้าผ่อนคลาย

   “อยากแรกเลยที่พี่อยากจะบอกขนุนคือพี่ขอโทษ ขอโทษที่มองข้ามความรู้สึกขนุนไปหลายครั้งจนเผลอทำให้เรารู้สึกไม่ดี พี่ยอมรับว่าตั้งแต่เจอขนุนตอนแรก พี่ไม่เคยคิดอะไรไปมากกว่าความรู้สึกเอ็นดูเหมือนขนุนเป็นน้องชายคนนึง มันยากนะที่จะแยกความรู้สึกแบบนั้นออกจากความสัมพันธ์ทที่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกราวกับเป็นพี่น้อง”

   “ผมรู้ พี่คณินเป็นผู้ชายปกติจู่ๆ จะให้มาชอบผมมันก็...”

   “มันไม่เกี่ยวว่าปกติหรือไม่ปกติ แต่มันอยู่ที่ความรู้สึกของคนเรามากกว่า พี่ไม่อยากให้ขนุนคิดอะไรแบบนั้นที่เหมือนเป็นการต่อว่าตัวเองนะ”

   “แต่ผม...อยู่ดีๆ ก็ชอบผู้ชาย”มือขาวที่วางลงบนหน้าขากำกางเกงแน่นในมือ ย้ายสายตาไปมองแค่ปกเสื้อของคณิน

   “แล้วคนอื่นที่เป็นผู้ชายขนุนชอบใครอีก หรือผู้ชายที่พาขนุนเที่ยววันนี้? ”

   ขนุนหยุดพูด ครุ่นคิดถึงไม้เอกที่ถึงแม้อีกฝ่ายจะแสนดีต่อเขา แต่มันก็ยังไม่ใช่ความรู้สึกพิเศษ “ไม่รู้สิครับ” แต่กลับเลี่ยงที่จะบอกออกไป จึงทำให้คณินรู้สึกหงุดหงิดในใจขึ้นมาเมื่อนึกถึงหน้าไม้เอก

   “พี่อยากให้ขนุนอยู่ห่างผู้ชายคนนั้น”

   “ผมทำไม่ได้หรอกครับ เพราะเค้าเป็นรุ่นพี่ในคณะของผม เรายังมีงานมีกิจกรรมทำร่วมกันอีกเยอะ”

   “แต่พี่รู้สึกว่าเค้าอันตรายกับขนุน”

   “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถึงพี่ไม้เอกจะดูไม่น่าไว้ใจ แต่พี่เค้าก็ใจดีกับผมมาก”

   “แล้วพี่ไม่ใจดีกับขนุนเหรอ”

   “ครับ? ”

   “พี่ไม่ใจดีเหมือนไม้เอกเหรอครับ ขนุนถึงทำตัวเหมือนไม่อยากจะคุยกับพี่แล้ว”ขนุนนิ่งค้างไม่คิดว่าคณินจะต้องการคำตอบขนาดนั้น ประโยคสุภาพที่เขาฟังจนคุ้นหูบวกกับสีหน้าที่ดูตัดพ้อเขาแล้ว ขนุนถึงกับหน้าร้อนผ่าวใจสั่นไปหมด สายตาที่เหมือนแคร์กันแบบนั้นเอาเข้าจริงๆ ขนุนแทบสู้ไม่ไหว

   ใจมันสั่นไปหมด

   “เลิกพูดเรื่องพวกนี้เถอะครับ พูดเรื่องสำคัญของพี่คณินเถอะ”ขนุนแสร้งยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง เพราะตอนนี้ใจขนุนแทบพังเพราะมันเต้นเร็วจนจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าการที่สบตาคนที่ชอบ และอีกฝ่ายพยายามมองมาด้วยสายตาจริงจังราวกับอยากรู้ความคิด และสนใจเราไปหมดทุกการเคลื่อนไหวมันหวามหวั่นในใจของคนคาดหวังจนแทบบ้า

   เพราะอย่างนี้ขนุนเลยเลือกที่จะขยับถอยห่างออกไป แต่นั่นเหมือนไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเพราะคนตรงหน้าไม่ลดละขยับตามมาด้วย

   เหมือนกับว่า...มีบางอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

   “พี่คิดว่าสิ่งที่พี่พูดมาสำคัญทุกอย่าง รู้ใช่มั้ยว่าหากคนคนหนึ่งมองใครสำคัญแล้วนั่นหมายความว่ายังไง”

   “ผมรู้ครับ”

   มันก็คือความใจดีที่เจือไปด้วยความเอ็นดูอย่างที่เคยเป็นหรือเปล่า ขนุนกำลังชั่งใจคิด

   “พี่ชอบขนุน”

   “.....”

   “พี่ ชอบ เราน่ะ ได้ยินใช่มั้ยครับ”คนถูกสารภาพทำหน้าเหวอราวกับกลายเป็นพวกหูดับที่ไม่รู้เสียงใดๆ บนโลกนี้แล้ว

   สิ่งที่คณินพูดออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง อีกทั้งน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำมันย้ำอยู่ในหัวใจของขนุนจนจมอยู่ในนั้น หัวใจของเขาพองโต แต่กลับค่อยๆ แพบลงเพราะรูรั่วเล็กๆ ข้างใน

   ทว่า.....ขนุนก็ไม่อยากให้ตัวเองหลงระเริงกับความดีใจไปมากกว่านี้แล้ว ความดันทุรังก็ไม่ได้แปลว่าจะดี

   “ขอบคุณครับ ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้น” ขนุนยิ้มกำมือตัวเองเข้าด้วยกันจนแน่น “ผมรู้ว่าพี่กำลังทำดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกแย่สำหรับเรื่องในคืนนั้น พี่ไม่ดุไม่เกลียดผมเพราะเรื่องนั้นก็ดีมากแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่อยากให้พี่คณินฝืนความรู้สึกตัวเอง ผมไม่อยากให้พี่คิดมากเพราะการกระทำที่ไม่คิดของผม ผมผิดเอง”

   “เดี๋ยว เรากำลังพูดเรื่องอะไร”

   “ก็เรื่องของผมกับพี่คณินไงครับ ผมโคตรมีความสุขเลยเวลาอยู่กับพี่ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะครับที่จะต้องปฏิเสธผม ผมน่ะยังไงก็อยากอยู่กับพี่คณินด้วยความรู้สึกสบายใจมากกว่า ผมอยากให้พี่ลืมๆ เรื่องที่ผมคิดยังไงกับพี่ไป บางทีการเป็นน้องชายมันอาจไม่ได้แย่”

   “ขนุนกำลังเข้าใจพี่ผิดไปนะ”

   “อ่าจริงสิครับ พรุ่งนี้ผมมีนัดที่มหาลัยกับพี่คณินทำฟันครั้งที่ 2 ผมยังต้องอุดฟันใช่มั้ยครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ ผมจะยอมรับโทรศัพท์พี่ดีๆ แล้วก็ได้ ผมกลับก่อนนะครับ”

   “ขนุน เดี๋ยวสิ!”

   บทจะไปก็ไปเสียอย่างนั้น การพูดไฟแลบแล้วส่งตัวเองกลับบ้านมันทำให้คณินทึ่งในความคิดที่พูดเองเออเองของขนุนไม่หาย กลายเป็นว่าความรู้สึกจริงๆ ของคณิน ขนุนกลับมองว่ามันเป็นแค่ความสงสารไปซะได้

   ทำเอาคณินตั้งหลักแทบไม่ทันคว้างไปในอากาศทันที เหมือนโดนถีบทิ้งกลางทาง

   “พี่ไม่เคยคิดว่ามันคือความสงสารสักนิด”

   คณินได้แต่หลับตาปลงเอามือลูบหน้าให้กับปัญหาที่เขาต้องตามแก้ให้ถึงที่สุด

   มันคงเหมือนกรรมตามสนองตัวเองยังไงก็ไม่รู้ ปล่อยให้อีกฝ่ายมารักอยู่ตั้งนานไม่สนใจ แต่พอรู้ตัวและหัวใจขึ้นมาอีกฝ่ายก็เดินหนีไปซะแล้ว

   “จะทดสอบความอดทนพี่หรือยังไง”

   “โฮ่ง! โฮ่ง!”ระหว่างที่คณินพึมพำอยู่คนเดียวเจ้าหมาแสบก็เห่าขึ้นซะจนสั่นบ้าน

      “จะเย้ยกันรึไง ไม่ช่วยยื้อกันบ้างเลย หนุนตักขนุนจนหนำใจแล้วคือพอ? แกมันเห็นแก่ตัวนะไข่ดาวแล้วฉันล่ะ”

   คนอารมณ์หงุดหงิดจ้องไข่ดาวเขม้นอย่างหมั่นไส้ พิงหลังไปกับโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง

   ถ้าจะนอยด์กันขาดนี้ ยอมให้กินตั้งแต่แรกซะก็ดี

   “เห้อออ...”




มอM

   “ไอ้ขนุนมึงแน่ใจนะว่าไหว”สามชายชาตรีที่เดินอยู่ท่ามกลางนักศึกษามอP เดินกอดคอคุยกัน

   “ไม่ไหว”ขนุนที่ยืนอยู่ระหว่างกลางเพื่อนทั้งสองสอบหน้าตาย

   “อ้าว! งั้นมึงจะมาทำไมวะ ก็ยกเลิกนัดไปดิ”

   “ไม่ได้ เราอยากพิสูจน์ให้พี่คณินเห็นว่าเราทำใจได้ ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด อย่างน้อยก็ขอเป็นคนรักในฐานะน้องชายก็ได้”

   “โธ่ เพื่อนกู นี่เค้าไม่เรียกว่าตัดใจสักนิดเลยเว้ย! จะทำตัวใสเป็นสมองไอ้ช้างไปถึงไหน”ต้าส่ายหน้าให้กับตรรกะความคิดของขนุน

   “แล้วที่มึงไปขอโทษพี่ไม้เอกเค้าว่าไงวะ”นิวหันไปหาขนุนที่ขมวดคิ้วมุ่น เพราะได้ข่าวว่าพี่คณินตามไปฉกตัวเพื่อนรักจากมือไม้เอกถึงข้างนอก นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่ที่สำคัญคงจะเป็นความชอบใจของนิวลึกๆ มากกว่า

   “เราก็พูดขอโทษไป พี่ไม้เอกเข้าใจแต่แลกกับนัดครั้งหน้า เราก็เลยตอบตกลงไปน่ะ”

   “มึงชอบเหรอวะ กูหมายถึงไปกับพี่ไม้เอก”

   “ก็ไม่ได้แย่ พี่เค้าก็ดูแคร์เรามาก ดูแลเราทุกอย่าง”

   “มึงมีความสุข? ”

   “ก็ได้กินของอร่อยฟรีๆ มีความสุขจะตาย”

   “เขาขุนมึงหวังแดกมากกว่าไม่รู้รึไง นังโง่!”ต้าจรดนิ้วไปที่ขมับขนุนและไสเต็มแรงด้วยความหมั่นไส้ในจริตนางร้าย

   “เราไม่ได้โง่ แค่รู้จักวางตัว”

   “มึงจะวางตัวลงตรงนี้เลยไหม เดี๋ยวกูเหยียบย่ำมึงให้สาแก่ใจเอง ทำเป็นมาพูด โธ่! เจอหน้าพี่คณินเค้าอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งซบอกกูอีกล่ะ”นิวเด็ดจมูกคาดโทษเพื่อนตัวดีที่เดี๋ยวนี้อารมณ์เซนซิทีฟเป็นบ้าเป็นบอ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวก็สะอื้นเหมือนจะร้องไห้ อย่าให้นั่งดูละครดราม่าเชียว น้ำตามีไหลเป็นเขื่อนแตก

   หลังจากที่ต้าและนิวส่งขนุนขึ้นตึกไป สถานการณ์ที่ขนุนต้องเผชิญอย่างโดดเดี่ยวนั่นก็คือการเจอหน้าคณิน เนิ่นนานกว่าจะทำใจผลักประตูกระจกที่มีกลิ่นคุ้นเคยก็ทำเอากินเวลาไปเกือบนาที และทันทีที่ขนุนลักบานประตูเข้าไปอีกฝ่ายที่ง้างประตูกระจกสีขาวขุ่นให้เปิดออกกลับเป็นร่างสูงที่อยู่ในชุดปฏิบัติงานทันตะสีขาวที่ดูผึ่งผายจนขนุนเผลอจดจ้องจนลืมละสายตาไปในช่วงหนึ่ง

   “พี่กำลังจะออกไปโทร.ตามเราพอดี เข้ามาสิ”

   “พอดีรถติดนิดหน่อยครับ”

   “อืม”ขนุนเดินตามคณินเข้าไปด้านใน กระทั่งส่งถึงเก้าอี้ทำฟันอย่างกระอักกระอ่วนใจไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรดี ทำได้แค่ทักทายและเสียงก็หายไปเหมือนฟองคลื่น

   ปกติแล้วครั้งก่อนขนุนต้องรอคิวแต่ดูเหมือนตอนนี้เก้าอี้จะว่างแล้ว และเครื่องมือที่ตระเตรียมก็เช่นเดียวกัน คงร่นเวลาอยู่ด้วยกันได้มากขึ้นขนุนคิดอย่างนั้น

   “ผมขึ้นไปนั่งได้เลยใช่มั้ยครับ? ”

   “อื้ม”คณินมองขนุนที่ดูเกร็งกับเขาอีกครั้งอย่างหงุดหงิดในใจ ก่อนจะปรับเก้าอี้ทำฟันให้กับขนุน และขยับเก้าอี้ของตัวเองเข้าไปใกล้

   “ผมต้องทำยังไงต่อครับ”

   “ขอพี่ตรวจฟันเราก่อนก็แล้วกัน”

   “ครับ”

   “อ้าปากกว้างๆ ครับ”คณินคาดเมสปิดปากใส่ถุงมือไม่ได้พูดอะไรต่อ และจัดการกับเจ้าของฟันซี่เล็กที่ได้รับการดูแลถือว่าค่อนข้างดี แต่อาจจะมีบางจุดเล็กๆ ที่ต้องอุดไว้เพื่อรักษาไม่ให้ฟันผุลุกลาม

   “ถ้าเจ็บก็บอกพี่นะ”ขนุนผงกหัวน้อยๆ กะพริบตาปริบมองว่าที่คุณหมอหนุ่มตรงหน้า บ้างก็เผลอหลบสายตาไปมองเพดาน คณินก็พูดน้อยกว่าปกติแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากพูด แต่ด้วยหน้าที่ตอนนี้ก็ไม่สามารถพูดเรื่องส่วนตัวออกมาเสียมากมายได้

   “เดี๋ยวทำฟันเสร็จแล้วรอพี่ข้างนอก อย่าเพิ่งกลับเข้าใจมั้ย”ขนุนได้แต่กะพริบตาปริบๆ เขาจะพูดอะไรได้ในเมื่อเครื่องมือเต็มปากซะขนาดนั้น

   คนถูกสั่งให้รอนั่งเหม่อมองออกไปนอกตึก เหมือนทิ้งความคิดปล่อยให้สมองมันหลุดโล่ง วันนี้ก็เหมือนเป็นการซ้อมลองใจของขนุนเป็นครั้งแรก ว่าจะทนได้ไหมถ้าจะสนิทกันในฐานะพี่น้อง ผลปรากฏว่ามันก็ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ดี คงต้องพยายามอีกเยอะ

   “ขนุน...ขนุน”

   “ครับ! ”คนถูกเรียกหันมาสะดุ้งเพราะมัวเหม่อ คณินที่เดินมาก่อนหน้านี้ยืนมองดูท่าทีของขนุนอยู่ครู่ใหญ่ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั่งเหม่อจนต้องเข้ามาเรียก

   “เป็นไงบ้างเจ็บฟันมากไหม พี่พยายามเบามือแล้วจริงๆ ”คนตัวสูงเดินมานั่งข้างๆ ขนุนซึ่งเป็นที่นั่งตัวยาวติดทางเดิน มีท่าทีไม่ได้ต่างไปจากครั้งก่อนๆ

   “สบายมากครับ แค่นี้จิ๊บๆ โอ๊ย!”

   “ไหนบอกจิ๊บๆ อย่าลืมที่สั่ง ห้ามใช้ฟันซี่ที่อุดเคี้ยวอาหารภายใน 24 ชั่วโมงเด็ดขาด”   

      “โหดอ่ะ ไม่งั้นผมไม่หิวไส้ขาดเลยรึไง ตอนเที่ยงก็กินข้าวมาน้อยด้วย”

   “กินได้ ไม่ได้บอกว่าให้อด แค่เลือกกินหลีกเลี่ยงอะไรที่มันแข็งๆ หรือเหนี่ยวๆ ก็พอ”คณินส่ายหน้าให้กับท่าทีงอแงของขนุน

   “ครับ งั้นผมก็กิน.....”ขนุนตั้งใจจะพูดต่อ แต่สายตากลับสบเข้ากับเครื่องประดับบางชิ้นที่อยู่บนข้อมือของคณิน ขนุนจำได้แม่นว่ามันเป็นสร้อยข้อมือที่ตัวเองตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญแก่คนตรงหน้า
 
   คณินสังเกตเห็นว่าขนุนกำลังมอง และนั่นเขาก็จงใจให้ขนุนเห็น ถึงกับยอมเดินกลับไปที่ล็อกเกอร์เพื่อสวมมันอีกครั้งหลังจากต้องถอดออกระหว่างทำคลินิก

   “พี่ชอบมาก ขอบคุณนะ”

   “ผมก็ดีใจครับที่พี่คณินชอบ เอ่อ ผมว่าผมกลับเลยดีกว่าไม่อยู่รบกวนแล้ว”คณินมองขนุนที่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นเบี่ยงหน้าที่ยิ้มเจื่อนไปด้านอื่น ตั้งท่าจะกลับเสียทันที แบบนั้นดูก็รู้ว่ากำลังจะหลบหน้าอีกแล้ว

   “มากับพี่หน่อย”

   “ดะเดี๋ยวครับ พี่จะพาผมไปไหน”

   “ไปหาที่คุยเงียบๆ กว่านี้”

   คนตัวสูงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมเดินมาด้วยหรือไม่ แต่ก็ดึงมือให้เดินตามมาแล้ว กระทั่งสุดทางเดินตรงบันไดหนีไฟ ที่เงียบสงบจนแทบจะวังเวงเพราะไม่มีใครผ่านไปมา เบื้องหลังบานประตูหนาจึงเป็นที่ส่วนตัวลับตาผู้คน คณินไม่ได้ตั้งใจให้ขนุนรู้สึกอึดอัด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะมองจากสายตาก็รู้ว่าขนุนกำลังจะถอยห่างจากเขา และเริ่มปิดกั้นกันอย่างไม่ยุติธรรม

   คณินเพิ่งจะเริ่ม ขนุนจะจบเกมไปแบบนั้นใครมันจะยอม

   “พี่อาจมีเวลาไม่มากและอยากจะพูดกับขนุนตรงๆ อีกครั้ง ห้ามเถียง ห้ามดื้อ ห้ามไม่ตั้งใจฟัง เข้าใจรึเปล่า”คนถูกสั่งเม้มปากเสียแน่นสนิทจนแทบไม่กล้าหายใจ คณินวันนี้ดุจนออกทางสีหน้า ขนุนจะไปกล้าได้ยังไง ถึงจะเริ่มเห็นท่าทีนอกจากความสุภาพแล้ว ใครว่าคณินไม่มีมุมขึงขังก็ลองดู

   “อือ”

   “และที่สำคัญ.....”น้ำเสียงเน้นย้ำต้อนให้ขนุนผู้เคยใจกล้าจนมุม ดวงตากลมใสถึงกับเบิกโพลงถอยหลังกรูดจนชิดกำแพง

   “อะ อะไรครับ?”

   “ห้ามหนี เพราะพี่จะไม่ยอมเราอีก”จากนั้นก็ตามด้วยแขนแข็งแรงสองข้างที่กักตัวคนตรงหน้าไว้ เล่นเอาขนุนหัวใจเต้นโครมครามจนไขข้อเข่าแทบเหลวจนไม่อาจหยัดยืน

   กระทั่งตระหนักได้ว่าการถูกรุกรานมันน่ากลัวแค่ไหน ภัยต่อหัวใจเหมือนเอเลี่ยนบุกโลกชัดๆ

   “มะมีอะไรครับ พี่คณินดูแปลกๆ ”ขนุนเบี่ยงใบหน้าหนีสายตาที่จดจ้องเข้ามาใกล้  กระทั่งใบหน้าของคณินอยู่ใกล้แค่คืบ

   “พี่ไม่ได้แปลก แต่ที่แปลกน่ะตัวเรามากกว่า หลบหน้าพี่แบบนี้แสดงว่ายังไม่เข้าใจ”

   “เข้าใจ? เรื่องอะไรครับ”คนพูดแทบก้มหน้างุด ไม่รู้จะเรียกว่าเขินหรือประหม่า แต่ดูเหมือนว่าหน้าทั้งหน้าของขนุนแทบไม่ไหวแล้ว มันคงแดงจนแทบระเบิดไปตามหัวใจของเขาที่บีบรัดแทบคลั่ง

   “ถ้าอยากรู้ ก็ดูหลอดไฟด้านบนเป็นคำตอบ”

   “เอ๊ะ? ”

   เพราะความสงสัยไม่เก็ตหรือไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ขนุนเลยเงยหน้าขึ้นไปมองหลอดไฟด้านบนตามที่คณินบอก แต่ใครจะไปรู้ว่าความงงงวยในระดับสิบจะยิ่งเข้าควบคุมสมองของขนุนได้เกือบทั้งหมด ทันทีที่เงยหน้าใครจะไปรู้ว่าคณินจะใช้ไม้นี้หลอกคนอย่างขนุน

   เพราะทันทีที่ขนุนเปิดช่องโหว่   เงยหน้าขึ้นอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์คณินก็จัดการกดริมฝีปากของตัวลงบนเรียวปากของขนุนแทบจะทันทีโดยไม่มีการให้สัญญาณใดๆ ก่อนจะใช่มือสองข้างประคองต้นคอเล็กกดแน่นเข้าไปอีกจนขนุนแทบลืมหายใจ ดวงตาคู่กลมใสเบิกโพลงราวกับมองเห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

   กระทั่งคณินละริมฝีปากออกมา แล้วจัดการปาดเรียวนิ้วไปบนริมฝีปากของขนุนจนถึงมุมปาก สายตาไม่มีความลังเลใจใดๆ มีแต่ขนุนที่ยืนทื่อกลายเป็นต่อไม้ตายนิ่งงั้นอยู่ตรงหน้าคณินไปแล้ว

   แต่มีสิ่งเดียวที่ยังคงขยับ คงเป็นเปลือกตาที่กะพริบถี่ราวกับเมมโมรี่ในสมองเกิดการเออเร่อ มองริมฝีปากที่ยังฉ่ำและแดงเรื่องของคนตรงหน้าตอกย้ำความจริง

   “พี่ชอบเราแบบนี้ คราวนี้เข้าใจพี่รึยังครับ”














ติดตามตอนต่อไป >>>


ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
กว่าจะขยับตัวได้ ขนุนเกือบหรีไปไหนๆแล้วเนี่ยะพี่เอ้ยยยย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ขนุนลูกที่ 22





   “เกิดอะไรขึ้นวะขนุน ทำไมจู่ๆ มึงจะกลับบ้าน”

   “รีบร้อนอย่างกับไปทำอะไรผิดมา”

   “เห้ย! เราเปล่า”

   “ถ้าไม่บอก กู ไม่ ให้ ไป เว้ย!”ต้ากระโดดไปขวางประตูยืนกอดอกเอาจริงเอาจัง ขนุนที่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างหนัก หยิบโน่นยัดนี่ใส่กระเป๋าแบบลวกๆ ถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเป็นการพนมมืออ้อนวอน

   “พอมึงกลับมาจากไปเจอพี่คณินมึงก็เป็นงี้ จะให้พวกกูปล่อยมึงไปง่ายๆ ได้ไง บอกมาเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือพี่คณินทำอะไรมึงวะ ให้กูไปเคลียร์ให้มะ”นิวท่าทางของขึ้นอัดกำปั้นลงกับฝ่ามือตัวเองดวงตาคมกริบลองใจเพื่อน มองขนุนที่ยิ่งตาถลนเมื่อเพื่อนจอมหัวร้อนพูดออกไปแบบนั้น

   “ไม่ใช่อย่างที่นิวคิด มันไม่ได้มีอะไรแย่เลยสักนิด! ”

   “แล้วมันเกิดอะไร? ที่มึงกระวีกระวาดจะกลับบ้านเอาตอนนี้ รออีกหน่อยพรุ่งนี้ก็วันหยุดแล้วมะ? ”

   ขนุนกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องตัวเองเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ก้อนแก้มทั้งสองข้างแดงเรื่อขึ้นมาท่าทางราวกับเหนียมอาย

   มือขาวยกขึ้นปัดปลายจมูกรั้นไปมาก่อนจะพูดออกมาอึกอัก

   “คือว่าพี่คณิน....เค้าบอกว่า...”

   “ว่า? ”

   “พี่คณินชอบเรา”ความเงียบเกิดขึ้นภายในพริบตา ต้าที่ยืนกอดอกถึงกับทิ้งแขนลงแนบตัวแล้วเดินเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างมาหาขนุน

   “ที่มึงพูดจริงเหรอวะขนุน”ต้าอ้าปากเหวอตกใจไม่หาย นิวที่ได้ยินเพียงถอนหายใจแรงแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียง เอาจริงๆ ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายเอ็นดูขนุนเกินน้องนุ่งไปเบอร์ไหน เรื่องที่ควรตกใจคือคณินเพิ่งรู้ตัวมากกว่า

   คนนึงก็หัวช้า อีกคนก็เครื่องแรงจนเลยแยก มันมีอะไรที่พอดีกันบ้างวะ!

   “จริงดิ เราได้ยินกับหู รู้กับ....ปากเลย”

   สิ่งที่ขนุนเล่ามานั้นแค่ส่วนหนึ่ง


   
   “คราวนี้เข้าใจพี่รึยังครับ”

   “เข้า ใจ”น้ำเสียงยืดยานเหมือนสงสัยมองคณินนัยน์ตาเบิกโพลง สมองยังคงขาวโพลนเหมือนมีเพียงฟองสบู่ที่ลอยฟ่องอยู่ในนั้น

   “ให้พี่พูดอีกรอบมั้ย เผื่อเราลืม”

   “ผม ผมได้ยินแล้วครับ”

   “เห้อ”คณินถึงกับถอนหายใจออกมาซะหมดปอด ท่าทีราวกับหมดเรี่ยวแรงจึงซบหน้าลงกับไหล่เล็กที่ต่ำกว่าตัวเองอยู่หลายเซนติเมตร แล้วพูดขึ้น “การชอบใครสักคนโดยเฉพาะเราพี่ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ ถามจริง?” คนตัวสูงถึงกับบ่นพึมพำออกมา ขนุนยังคงยืนนิ่งเป็นที่พักหน้าของคณินต่อไป

   “.....”

   ในใจอย่าได้ถามว่าขนุนรู้สึกดีแค่ไหน มันมากเสียจนทุกอย่างที่คิดกลับตาลปัตรไปซะหมด วาดฝันไว้ว่าจะเข้าไปกระโดดกอด กอดรัดให้แน่นที่สุด แล้วอาจจะตามด้วยการส่งจูบที่นุ่มลึก แต่ความเป็นจริงน่ะเหรอ มันดีใจจนเหวอไปหมด

   ที่นิ่งไม่ใช่เพราะเฉยชา แต่เพราะว่าอีกฝ่ายแทบทำให้ขนุนเหลวเป็นเทียนลนไฟไปกองอยู่กับพื้นมากกว่า ยิ่งจูบเมื่อครู่ยังไงก็สลักใจเป็นที่สุด ปริ่มจนใบ้รับประทานก็ว่าได้

   ขนุนแทบไม่รู้ว่าตัวเองต้องระบายความสุขที่อัดแน่นอยู่ในอกนี้ยังไงดี มันแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

   “เป็นอะไรรึเปล่า พี่ทำให้ตกใจเหรอ”คนตัวสูงเงยหน้าขึ้นมาสบตา แอบเกลี่ยแก้มที่ค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้น ผิวใสๆ แทบจะกลายเป็นผลมะเขือเทศ ยิ่งสายตาดูเป็นกังวลต่อเขา ขนุนก็แทบไม่อยากเชื่อสายตา

   พี่คณินชอบเราแล้วจริงๆ!

   “ปะเปล่า ผมแค่รู้สึก...ไม่รู้สิ มันบอกไม่ถูก ดีใจสุดๆ คงเป็นอย่างนั้นครับ”

   คนมองถึงกับเผยยิ้มที่นุ่มนวลที่สุดเท่าที่ขนุนจะเคยเห็น เป็นยิ้มที่ระคนไปด้วยความขวยเขินเล็กๆ ผ่านดวงตา แต่ทว่าเหมือนเวลาความสุขถูกหยุดลง เสียงโทรศัพท์มือถือของคณินดังขึ้น และมันคงจำเป็นเขาถึงได้กดรับแทบจะทันที

   “เออว่าไงไอ้โจม.....มาแล้วเหรอ เออได้เดี๋ยวจะรีบไปเดี๋ยวนี้ เตรียมชาร์ตไว้เดี๋ยวไปจดให้.....”

   ขนุนเงยหน้ามองคณินที่คุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้า รู้สึกหัวใจสั่นไหวซะเหลือเกินกับแค่เห็นลูกกระเดือกที่ขยับขึ้นลงของคนตรงหน้า ตอนนี้จิตใจขนุนแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขนุนเลยถือโอกาสนั้นบอกใบ้ผ่านท่าทางว่าตัวเองขอกลับก่อน คณินไม่ทันจะพูดอะไรตอบกลับไป ขนุนก็แฉลบตัวเองออกมา

   แต่แล้วก็ต้องตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนตัวสูงกว่าที่กำลังคุยโทรศัพท์และดูเหมือนกำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับขนุนอีกรอบ ทว่าขนุนกลับตัดสินใจเขย่งปลายเท้าดันตัวเองขึ้นหอมแก้มฟอดใหญ่ทั้งสองข้างแก้มของคณินอย่างรวดเร็วแล้วรีบออกมาราวกับแมวขโมย



   !!!

   “เดี๋ยว! แต่กูไม่เข้าใจอย่างนึง พี่คณินก็บอกชอบมึงแล้ว ทำไมมึงถึงต้องรีบเก็บของกลับบ้านวะ ยังมีปัญหาอะไรอีก”ต้าถามขึ้นสีหน้าเหมือนคนยืนงงในดงกล้วย

“ก็มันดีใจ เราจะไปบอกแม่”

   “บอกแม่มึง! ”

   “อือ”คนตอบยกมือปิดหน้าพยักหน้าหงึกๆ แถมท้าย

   “โทรศัพท์ก็มีทำไมไม่โทรไปวะ กูงงตรรกะมึงมาก”นิวขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบ

   “ไม่อ่ะ จะบอกด้วยตัวเอง สัญญาไว้แล้วว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง อยากให้แม่รู้ด้วยปากของเราเองมากกว่าบางอย่างมันเป็นเรื่องอ่อนไหว คุยโทรศัพท์เดี๋ยวไม่รู้เรื่องและที่สำคัญ...เรามีกันอยู่สองคนแม่ลูกไม่บอกแม่แล้วจะให้เราไปบอกใครล่ะ”ดวงตาใสที่เปี่ยมไปด้วยความสุขพูดถึงคนที่บ้านอย่างเห็นคุณค่า “แล้วบ้านก็ไม่ได้ไกล 2 ถึง 3 ชั่วโมงนั่งรถตู้ก็ถึงแล้ว ไปกลับก็ยังไหว”

   “เออๆ ไปก็ไป เดี๋ยวกูยืมรถมอไซต์ไอ้แจ็กขับไปส่งที่ท่ารถตู้”ต้าเสนอขึ้นพยายามเข้าใจ

   “ขอบใจมาก เดี๋ยวเรารีบกลับ”

   ขนุนวิ่งไล่กอดเพื่อนทีละคนอย่างดีใจ ถึงจะเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจว่าทำไมมันต้องซับซ้อน แต่ขนุนก็คือขนุนอยู่วันยังค่ำ

   “อย่าลีลาเยอะ จะไปก็รีบไปเดี๋ยวจะมืดค่ำ”นิวดันหน้าขนุนออกส่งต่อให้กับต้าจัดการไปส่ง






   นิ้วเรียวพรมลงบนหน้าจอโทรศัพท์กำลังส่งข้อความบางอย่างผ่านแอปไลน์ ในขณะที่โทรไปอีกฝ่ายกลับไม่รับซะอย่างนั้น

   Kanin : เราอยู่ไหน พี่โทร.ไปไม่รับ? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า

   ...

   Kanin : อย่าหายไปแบบนี้ได้ไหมครับพี่เป็นห่วง แน่ใจนะว่าเราเข้าใจที่พี่พูดทุกอย่างแล้วจริงๆ ????

   ...

   หลายต่อหลายข้อความที่ถูกส่งไปแต่กลับไม่มีการเปิดอ่าน มันยิ่งทำให้คณินชักหวั่นใจ ว่าสิ่งที่เขาพยายามสื่อความรู้สึกไปขนุนเข้าใจดีแล้วหรือเปล่า เพราะจู่ๆ หลังจากช่วงบ่ายวานนี้ ที่คณินกับขนุนแยกกัน หลังจากที่คณินเสร็จจากเรียนแล้วก็เหมือนจะติดต่อขนุนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตกดึกเพราะความเหนื่อยล้าก็เลยเผลอหลับคาโทรศัพท์ไปถึงเช้า จนตื่นมากลุ้มอีกรอบ

   ร้อนใจจนคณินก็ต้องหาตัวช่วยอย่างเพื่อนของขนุนที่น่าจะรู้ดีที่สุดแล้ว เขาอยากรู้ว่าจู่ๆ ขนุนเงียบหายไปไหน ทำอะไรอยู่ ความกระวนกระวายใจมันเล่นงานคณินจนตั้งสติให้นิ่งไม่ได้เลย

   ไอ้ความรู้สึกทั้งหวงทั้งห่วง มันแย่กว่าตอนคบกับลูกตาลซะอีก ทั้งที่ก่อนหน้าเขาแทบจะไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่พอกับขนุนแล้ว มันทำให้คณินเสียอาการไปหลายขุมเลยทีเดียว จนโจมกับอนาวินออกปากแซวว่าทำตัวเป็นคนเสพติดขนุนไปได้

   “ฮัลโหลต้า พี่เอง”

   [ครับว่าไงพี่? ]

   “เอ่อ...ต้าอยู่กับขนุนรึเปล่า พี่โทรหาขนุนไม่ติด”

   [อ้าว ขนุนไม่ได้บอกเหรอครับว่ามันหนีกลับบ้านไปแล้วน่ะ]

   “บ้าน? ”คณินเสียงเบาไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ออกถึงเหตุผลที่ขนุนทำแบบนั้น

   [ครับพี่ แต่ว่าขนุนมันแค่...]

   “ต้าพอจะบอกที่อยู่บ้านของขนุนให้พี่หน่อยได้มั้ย”

   [ก็ได้นะครับ] ดูเหมือนอีกปลายสายจะแปลกใจกับน้ำเสียงร้อนรนของคณินเหลือเกิน แต่ก็ยอมบอกที่อยู่ของขนุนแต่โดยดี   

   “ขอบใจมากนะ”

   [คะครับ]

   สายถูกวางไปต้าถึงกับขมวดคิ้วใส่โทรศัพท์มือถือตัวเองยกใหญ่ งงใจว่าทำไมคณินต้องรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนกับแค่ขนุนกลับบ้านไปหาแม่ก็เท่านั้น และที่โทรไม่ติดอาจเพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่ว่าถูกลืมทิ้งไว้ที่หอซะมากกว่า เพราะหลังจากที่ต้ากลับมาจากส่งขนุนขึ้นรถ นิวก็บอกเรื่องที่ขนุนทิ้งโทรศัพท์ที่แบตใกล้หมดเอาไว้ในห้อง




   ใครจะคิดอย่างไรคณินไม่รู้ ทันทีที่ได้ที่อยู่บ้านของขนุนมา ความเอะใจบางอย่างมันเริ่มทำให้คณินฉงนใจ กระทั่งคณินตัดสินใจขับรถไปตามพิกัดที่อยู่ซึ่งได้มาจากรุ่นน้องอย่างต้า เส้นทางที่คุ้นตา ซอกซอยที่เหมือนเคยผ่าน และต้องมาชะงักนิ่งมองที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ที่ต้าส่งมาให้ สลับกับรั้วสีข้าวและเจ้าของบ้านที่คุ้นเคย

   คณินก้าวลงจากรถมากดกริ่ง เพียงไม่นานหญิงสาววัยทำงานคนหนึ่งก็เดินออกมาส่งยิ้มให้เขาท่าทางดีใจและเปิดประตูรับทักทาย
   
   “อ้าวคณิน! มาไงเนี้ยเข้าบ้านมาก่อนสิลูก”

   “สวัสดีครับคุณน้า”คณินพนมมือไหว้เจ้าของบ้านที่เข้ามาลูบแผ่นหลังของเขาอย่างยินดี

   “ครั้งนี้คุณอารีมาด้วยรึเปล่า”หญิงสาวที่ท่าทางสดใสดวงตาเป็นประกายมีเสน่ห์ไม่ต่างจากดวงตาของคนที่คณินรู้จักเลยแม้แต่นิด

   “เปล่าครับ ผมมาคนเดียว”เดินไปคุยไปกระทั่งถึงในตัวบ้านที่ดูสะอาดอบอุ่นน่าอยู่ ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่คณินได้เข้ามาถึงข้างในบ้าน เพราะปกติก็ส่งของให้ตามคำสั่งมารดาบังเกิดเกล้าเพียงหน้าประตูรั้ว ไม่กล้ารบกวนเจ้าของบ้าน เพราะมันคงไม่ดีถ้าเขาเข้ามานั่ง มาเที่ยวเล่นอยู่นานเกินไป

   “ป้าขิมขอน้ำให้แขกหน่อยจ้ะ”

   “ขอโทษที่มารบกวนนะครับคุณน้า”ผู้หญิงที่คณินเรียกขาน หากจะกล่าวชื่อเต็มๆ แล้วเธอคือประภัสสร อดีตนางเอกจอแก้วแม่หม้ายเลี้ยงเดี่ยวที่ยังสาวยังสวย

   “คณินมาทำไมไม่โทรบอกน้าก่อน ก่อนหน้านี้ลูกชายของน้าก็เพิ่งจะกลับไปเอง จะได้เจอหน้าเจอตากันสักที มันก็หลายปีแล้วตั้งแต่เจ้าขนุนอยู่ปอหนึ่งได้แล้วล่ะมั้ง”คนพูดยิ้มอบอุ่น

   “คุณน้าบอกว่าลูกของคุณน้าชื่ออะไรนะครับ? ”

   “ก็ขนุนไง คณินลืมน้องแล้วเหรอ แต่ก็ไม่แน่หรอกไม่เจอกันนานเป็นสิบปีได้แล้วเนอะ ตอนนั้นน้าก็ย้ายบ้านมาอยู่ที่นี่ แถมย้ายขนุนตามมาด้วยหลังจากพ่อขนุนเสีย คงจะลืมๆ กันไปบ้าง”ประภัสสรยิ้มไม่ถือสา ก่อนน้ำเย็นๆ ชื่นใจกับขนมไทยน่ากินอย่างลูกชุบจะมาเสิร์ฟ

   “หล่อจังเลยค่ะ ใครเหรอคะคุณสร”แม้บ้านอย่างป้าขิมถึงกับเอ่ยถามที่เห็นหนุ่มหล่อนั่งอยู่ในบ้าน

   “ลูกชายเพื่อนสรเองค่ะป้า หล่อใช่มั้ยล่ะคะ”รอยยิ้มสดใสม่าทางใจดีแนะนำ

   “ใช่คนที่คุณขนุนอยากรู้ว่าเป็นใครรึเปล่าคะ”

   “ก็คุณเขานั่นแหละ”ประภัสสรหัวเราะเมื่อนึกถึงบุตรชายตัวเองที่โผล่มาเซอร์ไพรส์เรื่องรักๆ ใครๆ แล้วก็หายไปในอีกวัน ตอนแรกเธอแทบจะหัวใจวายเพราะจู่ๆ เจ้าลูกชายก็โผล่มากลางดึก คิดไปว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรหรือเปล่า

   อะไรที่ไหนได้...ที่แท้ก็มาสารภาพเรื่องที่เจ้าลูกชายตัวดีมีแฟนแล้ว แน่นอนว่าเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่จู่ๆ คนที่ใช่ของขนุนเป็นผู้ชาย แต่จะทำอย่างไรได้เธอจะไปขวางความสุขของลูกอย่างนั้นเหรอ? ก็คงจะไม่มีทาง

   เธอหวังแต่เพียงว่า...คนคนนั้นจะรักขนุนให้เท่ากับที่เธอรักก็พอ นั่นคือความกังวลเพียงสิ่งเดียว
 
   “เสียดายจังเลยนะคะที่ไม่ทันจะเจอกัน”

   “นั่นสิคะป้า วัยไล่เลี่ยกันน่าจะคุยกันถูกคอ จะได้ช่วยดูๆ กันด้วย”

   “เป็นห่วงเรื่องนั้นเหรอคะคุณสร”

   “ก็แน่สิคะ สรชักจะเป็นห่วงขึ้นมาแล้วสิเนี่ย”

   คณินฟังบทสนทนาของเจ้าของบ้านกับป้าขิมดูเข้าขากันดี มีคณินเพียงคนเดียวที่นั่งคิ้วชนพยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มรับ แม้ทุกอย่างจะดูบังเอิญไปหมด

   เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเคยเจอขนุนมาก่อน นั่นแหละที่มันแดจาวูขั้นสุด ถ้าจะให้ระลึกไปถึงสมัยประถม คณินก็จำหน้าใครไม่ได้มากนักแม้กระทั่งเพื่อนในห้อง แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเจอขนุนตอนไหน

   “แล้วตกลงคณินมาหาน้าถึงนี่มีเรื่องอะไรให้น้าช่วยรึเปล่า”

   “คุณน้าครับพอจะมีรูปลูกชายของคุณน้ารึเปล่าครับ”

   “คณินอยากดูเหรอ ได้สิเดี๋ยวน้าหยิบมาให้”เจ้าของบ้านรีบลุกขึ้นไปหยิบของที่คณินอยากได้ในทันทีไม่ลังเล ก่อนจะคว้ากรอบรูปในชั้นที่ล้มหงายหลังอยู่ตอนไหนไม่รู้ออกมา แล้วส่งยื่นให้คณินไป

   “ขอบคุณครับ”คณินยิ้มรับก่อนจะใช้สายตามองภาพอย่างละเอียด และไม่ผิดแน่คนในภาพคือขนุนตัวจริง

   “เป็นไงน้องน่ารักไหม แต่น้าชอบตอนผมสีดำมากกว่าไม่น่าไปย้อมเลยเจ้าเด็กคนนี้”ประภัสสรส่ายหน้าให้กับคนในภาพที่ทำสีหน้าทะเล้น ก่อนจะหันไปสังเกตสีหน้าของคณินที่ตอนนี้กำลังคลี่ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ   

   “ถ้าหากคณินมาเร็วกว่านี้คงได้เจอกันแล้ว เสียดายจริงๆ ”เธอยังคงบ่นเรื่องเดิมอีกครั้ง

   “คงไม่ต้องหรอกครับ”

   “เอ๊ะ? ทำไมเหรอ”ประภัสสรดูตกใจที่คณินปฏิเสธเธอเสียอย่างนั้น

   “ก็เพราะผมรู้จักขนุนดีเลยล่ะครับ”






   ภายในรถที่เปิดเพลงคลอเบาๆ พร้อมกับคนขับที่ดูอารมณ์ดีขึ้นมาหลายส่วน อย่างน้อยคณินก็รู้ว่าขนุนกลับบ้านมาด้วยท่าทีสดใส ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร และที่ไม่รับสายก็ดูเหมือนว่าจะลืมโทรศัพท์ไว้ที่หอ ซึ่งประภัสสรเป็นคนบอกคณิน เพราะเธอก็งอนๆ ขนุนเรื่องที่รีบกลับเพราะห่างโทรศัพท์ไม่ได้นี่แหละ   

   ก่อนกลับคณินใช้เวลาพักใหญ่พูดคุยกับแม่ของขนุน ยิ่งคณินบอกว่าได้เจอขนุนที่เรียนอยู่ต่างมหาลัยโดยบังเอิญอีกฝ่ายก็ดีใจใหญ่ เพราะหวังฝากลูกชายไว้ให้ดูแลและยิ่งคณินเป็นลูกชายของเพื่อนรักอย่างอารีก็วางใจต่อคณินเป็นนักหนา ถึงขั้นถามไถ่ความเป็นอยู่ของขนุนในตอนที่ไม่มีตัวเองคอยดูแลจากคณิน

   และคณินก็เล่าเรื่องของขนุนให้ฟังพอสมควรถึงนิสัยที่เขาสัมผัสได้ จนคนเป็นแม่ฟังแล้วได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิด กระทั่งคณินเผลอถามถึงเรื่องนิสัยแปลกๆ ของขนุน อย่างเมาแล้วชอบหยิบจับสิ่งของหรืออะไรที่ใกล้ตัว นั่นเป็นนิสัยหรือเพราะอะไรกันแน่ แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คณินเองอยากรู้เพราะเป็นห่วงจึงได้ฟังเรื่องราวจากประภัสสรมามากพอสมควร

   “ตอนเด็กๆ หลังจากพ่อของขนุนเสียไป น้าจะนอนกอดเขาทุกคืน กอดจนหลับเลยล่ะ แต่พอขนุนโตขึ้นเป็นวัยรุ่น ก็แยกห้องนอนไป เขามีเอเรียส่วนตัวจนน้าไม่ได้สังเกตหรอกว่าขนุนแปลกไปหรือเปล่า เพราะทุกๆ วันที่เราอยู่ด้วยกันขนุนเป็นเด็กที่สดใส ทำให้น้าหัวเราะ มีความสุข”

   “ครับ ขนุนเป็นเด็กแบบนั้น”คณินเห็นด้วย

   “ใช่มั้ยล่ะ...เอาจริงๆ ขนุนไม่เคยร้องไห้ให้น้าเห็นอีกเลยนะตั้งแต่พ่อขนุนจากไป ครั้งสุดท้ายที่น้าเห็นน้ำตาของขนุนก็วันที่พ่อเขาเสีย”คนเล่ายิ้มบางมองคณินแววตาอ่อนโยน แม้จะเป็นความหลังที่ไม่น่าพูดถึงแต่กลับพูดออกมาด้วยแววตาคิดถึงมากกว่าเสียใจ

   “.....”

   “แต่คณินรู้มั้ย...วันนึงช่วงที่ขนุนจบมอปลายเขาขอไปฉลองกับเพื่อน และตอนนั้นน้าก็รู้ว่าขนุนดื่ม คนเป็นแม่จะทำไงล่ะ นอกจากโกรธขนุนซะยกใหญ่ เมาถึงขนาดเพื่อนต้องประคองกันมาส่งบ้านและยังต้องช่วยกันส่งให้ถึงห้องนอน”คนเล่ากุมขมับสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงเรื่องชวนหงุดหงิดในตอนนั้น

   “คุณน้าตีขนุนรึเปล่าครับ? ”

   “เปล่า ไม่ได้ตี แต่ก็ดุจนลั่นซอยเลยล่ะ”เธอส่ายหน้าแต่ก็ยิ้มบางออกมาแววตาเปลี่ยนไป

   “ทำไมไม่ตีล่ะครับ แม่ผมยังเคยตีผมเลย”

   “ก็เล่นทำหน้าเป็นลูกหมา โกรธยังไงก็ลงมือไม่ลง”

   “ครับ อย่างนี้เอง”

   “แต่วันนั้น น้ากลับขอบคุณตัวเองที่ไม่ได้ตีขนุน เพราะอะไรรู้ไหม? ”ประภัสสรมองคณินราวกับมีคำตอบในคำถามของคณินก่อนหน้า

   “ทำไมเหรอครับ? ”

   “เพราะเช้าอีกวัน น้าเดินลงมาข้างล่างและก็เห็นขนุนนอนอยู่ตรงนั้น”เธอชี้ไปที่มุมมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งตอนนี้เป็นที่วางตู้ไปแล้ว

   “นอนหลับเหรอครับ?”

   “ใช่จ้ะ นอนซุกอยู่ตรงมุมนั้น แล้วในแขนก็นอนกอดกรอบรูปถ่าย ซึ่งในภาพมีขนุนและพ่อของเขาถ่ายรูปด้วยกันเป็นรูปสุดท้าย เห็นแบบนั้นน้าแทบจะทรุดลงทั้งยืน ในตอนนั้นน้ากลับรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความรู้สึกขนุนเลย เพราะเขาเผลอทำเรื่องแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว น้าจึงได้รู้ว่าเขายังคิดถึงพ่อสุดหัวใจ”


   “ด้วยความกังวล น้าจึงแอบหยิบรูปนั้นไปเก็บไว้ หลังจากที่ขนุนตื่น เขาก็จำเรื่องที่ตัวเองมานอนอยู่ข้างล่างไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งนอนกอดกรอบรูปด้วยซ้ำ”

   “ขอโทษครับ ที่ผมทำให้นึกถึงเรื่องไม่สบายใจ...”

   “ไม่หรอก มันนานมากแล้วไม่มีอะไรต้องเศร้าเสียใจอีก น้าอยากเล่าให้คณินฟังเพราะอย่างน้อย คณินจะได้ช่วยดูแลน้องแทนน้าด้วย”

   นับเป็นเรื่องชวนตกใจและสะเทือนความรู้สึกอยู่ไม่น้อย เมื่อเหตุผลนั้นเกิดจากการที่ขนุนเสียพ่อไปอย่างกะทันหันในวัยเด็ก ลึกๆ แล้วคงมีความรู้สึกโดดเดี่ยว บางอย่างขาดหายไปในชีวิต สิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกจึงแสดงออกในเวลาที่ขนุนไม่สามารถควบคุมสติ หรือจิตใจตัวเองได้

   แต่เวลาปกติขนุนก็คือขนุน ที่สดใส แข็งแรง และเป็นเด็กร่าเริงอย่างที่คนเป็นแม่ภูมิใจ




   ในขณะที่คณินกำลังนึกถึงเรื่องราวของขนุนอยู่นั้น พลันเสียงเรียกสายจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น และชื่อเจ้าของหมายเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้คณินรีบกดรับสายแทบทันทีผ่านบลูธูทเพราะเขากำลังขับรถเพื่อเดินทางกลับบ้านซึ่งต้องใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงอย่างต่ำเพราะสภาพการจราจรไม่คล่องตัวในบางเส้นทาง

    แต่ก่อนที่คณินจะพูดตบกลับไป ปลายสายดันพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน

   [พี่คณินผมขอโทษ พอดีผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่หอก่อนกลับบ้านอ่ะ เห็นพี่ติดต่อมาหลายสายผมโคตรรู้สึกแย่เลย พี่ไม่โกรธผมใช่มั้ย] คนรู้สึกผิดออดอ้อนแฟนป้ายแดง

   “ให้พี่ตีสักทีดีมั้ย พี่เป็นห่วงเราแทบแย่เลยรู้บ้างรึเปล่า”คณินคุยไป แต่เลือกที่จะไม่พูดถึงการไปเจอแม่ของขนุน หากต้ายังไม่ได้บอกอะไร คณินอยากจะไปเล่าให้ขนุนประหลาดใจเองมากกว่า

   [ผมรู้ แต่ก็ชอบครับที่พี่เป็นห่วงผมขนาดนี้] ดูเหมือนขนุนเขินจนแทบจะแทะโทรศัพท์ตัวเอง

   “ตอนนี้เราอยู่ไหน? พี่ได้ยินเสียงดังลอดผ่านโทรศัพท์เข้ามา”คนห่วงขมวดคิ้ว เผลอกำพวงมาลัยรถซะแน่นขณะจอดรถติดไฟแดง

   [เอ่อ...ผมอยู่ร้านป๋าชุบครับ] ขนุนสารภาพ ไม่อยากโกหก

   “ทำไมไปอยู่ที่นั่น แล้วอยู่กับใคร? ”เสียงเรียบถามออกไป มองดูนาฬิกาเป็นเวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ แล้ว

   [ผมอยู่กับพวกนิวกับต้า แล้วก็...] ขนุนอึกอัก มองไปเบื้องหลังที่มีรุ่นพี่อย่างไม้เอกนั่งอยู่พร้อมพี่ยิปและเพื่อนอีกสองสามคน ขนุนไม่ได้อยากมาแต่เพราะเจอไม้เอกโดยบังเอิญด้านล่างหอขณะที่ขนุนกำลังจะไปหาคณินที่บ้าน อีกฝ่ายเอาแต่พูดถึงสัญญาแทนคำขอโทษครั้งก่อนที่ขนุนเคยให้ไว้ รุ่นน้องอย่างขนุนไม่อยากมีปัญหากับไม้เอกและไม่อยากให้ไม้เอกเพ่งเล็กไปที่คณิน อนึ่งก็เป็นห่วงสวัสดิภาพของคณินด้วย เลยปฏิเสธคำชวนไม่ได้ แต่ก็ลากสองเพื่อนซี้อย่างต้ากับนิวมาเป็นก้างแล้ว

   “อยู่กับใครอีกครับบอกพี่ได้มั้ย? ”

   [กับพวกรุ่นพี่ในคณะน่ะครับ] ขนุนพยายามพูดเสียงสดใส ให้อีกฝ่ายวางใจ เพราะไม่อยากให้คณินกังวล

   “.....”คณินเงียบไป

   [เอ่อ...พี่คณินครับ]

   “โอเคครับ ขนุนดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ พี่รู้ว่าเราจะดื่มแต่ก็อย่าเยอะเข้าใจรึเปล่า”

   [ไม่เยอะหรอกครับจริงๆ ก็ไม่อยากมา อีกเดี๋ยวผมจะกลับแล้วครับ]

   “ครับ แล้วพี่จะโทรหาเราอีกที”

   [หากไม่รบกวนอะไร พรุ่งนี้ผมกับพี่ เราไปเที่ยวด้วยกันได้มั้ยครับ]

   “เอาสิ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”

   น้ำเสียงที่นิ่มนวล ถ้อยคำสุภาพใจเย็น ตัดภาพไปยังเจ้าของเสียงบัดนี้ช่างย้อนแย้งนัก ดวงตาที่อ่อนโยนนั้นคล้ายปลิวหายไปกับความเร็วของรถที่เร็วขึ้นทุกๆ นาที แทนที่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่งทว่านัยน์ตาดูหงุดหงิดประหนึ่งใครมายั่วยุอารมณ์ให้ขุ่นมัว หลังวางสายจากขนุนคณินก็รีบต่อสายโทรหาใครคนนึงในทันที

   “ฮัลโหลไอ้วิน กูขอช่วยอะไรมึงหน่อย”

   [มาอารมณ์ไหนวะ เสียงมึงดูน่ากลัวว่ะกูบอกเลย มีเรื่องซีเหรอ? ]

   “...เออ กูซี! ”

   [มึงจะวานให้กูไปฆ่าใครป่ะไอ้คณิน? ยากนะที่กูจะได้ฟังน้ำเสียงเย็นบาดหูของมึงแบบนี้]

   “มึงไปที่ที่นึงตอนนี้และเดี๋ยวนี้ให้กูหน่อย”

   [ห๊ะ! ไปไหนวะ? ]

   “เดี๋ยวกูส่งพิกัดไปให้ แค่ไปและทำตามที่กูบอกก็พอ เดี๋ยวกูตอบแทนมึงถึงที่สุดแล้วกัน”

   [แน่นะเว้ย! จัดไปครับอย่าให้เสีย! ]











ติดตามตอนต่อไป >>>

 :กอด1:
   

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แหมพี่คณิน แอบร้ายนะคะ




ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



ขนุนลูกที่ 23





   “นี่มึงลากกูมาร้านเหล้าตั้งแต่หัววันเนี้ยนะไอ้วิน”

   “หัววันบ้านมึงสินี่เย็นแล้วโว้ย นอนขึ้นอืดอยู่ล่ะสิไม่ว่า”

   “เวลาพักผ่อนกูควรนอนมั้ย? แม่งกว่าจะเร่งทีเสิร์ซให้เสร็จก็จะเช้าอยู่แล้ว”คนเพิ่งตื่นขยี้ผมตัวเองยุ่ง มองอนาวินที่ยิ้มร่าเมื่อได้โลดแล่นอยู่ในชีวิตคนอื่น หรือง่ายๆ คือเสือก

   “เอานา เพื่อไอ้คณินมัน กูก็จำใจเนี้ย แต่ทำไงได้”อนาวินไหวไหล่

   “หน้ามึงไม่ได้เป็นอย่างที่ปากมึงพูด”ความหมั่นไส้ถึงกับต้องยื่นมือไปบีบปากของเพื่อนแสนรู้หูตูบอย่างอนาวิน

   “อูอับอ๊ดอู่ (กูขับรถอยู่)”

   “ก็ขับไปดิ”

   ภารกิจที่อนาวินได้รับจากคณินนั้นก็คือการแอบไปส่องคุณแฟนที่แสนน่ารัก ว่าทำตัวหน้ารักสมชื่อหรือเปล่า เอาจริงๆ มันคือการหวงที่เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ของคณิน ทั้งอนาวินและโจมต่างรู้ลาย เห็นนิ่งๆ สุภาพหล่อหัวจรดตีนแบบนั้น แต่พอรักอะไรก็แทบทุ่มไปทั้งใจไม่เผื่อความเจ็บ นั่นแหละคือคุณคณิน

   และสถานที่ที่อนาวินลากโจมมาส่องเป็นตาแมวให้กับคณินนั้นก็เป็นร้านเหล้าเล็กๆ ใกล้กับมหาลัยของขนุน มาดื่มมาเที่ยวกับเพื่อนจริงคณินมันคงไม่หวงขนาดทำให้เพื่อนสองคนอย่างอนาวินกับโจมเดือดร้อน และมันคงมีอะไรมากกว่านั้นแน่นอน

   ตอนนี้โจมกับอนาวินก็ก้าวเข้ามาในร้าน แอบเดินเข้ามาเหมือนไม้ต้องการให้ใครรู้ตัว แต่พอผ่านโต๊ะกลุ่มสาวๆ มหาลัยวัยดื่มพวกเขาก็ไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป เพราะดันมีเสียงกรีดร้องจิกเล็บซี๊ดปากให้กับหนุ่มหล่อหน้าแซะที่ไม่เคยมาแถวนี้มาก่อน

   และอนาวินกับโจมก็เพียงพยักหน้าขนับหมวดแคปปิดใบหน้าลงส่งยิ้มเขินๆ ไปให้ ก่อนจะเดินตรงรี่เข้าด้านในของร้าน แล้วเลือกมุมที่เป็นส่วนตัวแต่สามารถเสือกโต๊ะอื่นๆ ได้โดยรอบ

   “ใจกูเต้นแรงเลยว่ะ มึงเห็นรึเปล่าสาวๆ กลุ่มนั้นโคตรดีต่อใจ”

   “มึงอัดอั้น? กูถามจริง”

   “อนาโตมี่ของผูชายมึงก็รู้”

   “ตกลงมึงมาทำอะไร ส่องสาวหรือส่องน้องขนุน”

   “กูทำสองอย่างได้นา”อนาวินยักคิ้ว ก่อนจะมองซ้ายขวาสังเกตไปรอบๆ ร้าน ตั้งแต่เขาเดินเข้ามาก็ยังไม่เห็นขนุนเลยสักเส้นขน ก่อนจะก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเรือนเท่ที่บ่งบอกเวลาประมาณเกือบ 1 ทุ่ม ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดลงแต่ยังคงไม่สนิท แม้ดวงอาทิตย์จะตกดินไปแล้วก็ตาม

   ระหว่างกวาดตามองสำรวจรู้ตัวอีกทีโจมก็กวักมือสั่งเบียร์ไปกับพนักงานเพื่อมานั่งดื่มแล้ว

   “ไหนอาการเหมือนไม่อยากมา กูถาม!”อนาวินย้อนคืน

   “กู คอ แห้ง สั่งเผื่อมึงด้วย จะแดกไม่แดก?”

   “แดกดิ...”

   “ว่าแต่นี่มึงพามาถูกที่ใช่มั้ย กูยังไม่เห็นขนุนสักลูกเลย ไอ้คณินมันมั่วรึเปล่า มึงลองโทรไปเช็กดิ”โจมหันซ้ายมองขวา สำรวจสายตาที่ดีเยี่ยมไปรอบๆ ร้าน แม้แสงไฟจะเริ่มสลัวขึ้นแต่ภายในร้านโดยรอบก็ไม่มืดจนมองใครไม่เห็น

   “เฮ้ยๆ กูเจอนั่น”อนาวินดึงแก้วเบียร์ออกจากปากโจมที่กำลังจะกระดกเข้าปากให้วางลงแล้วตีโต๊ะชี้นิ้วไปที่ใครคนหนึ่งตื่นเต้น ซึ่งคนคนนั้นเดินออกมาจากอีกโซนของร้านที่พวกเขาไม่ทันสังเกต

   “นั่นมันน้องต้าเพื่อนขนุนไม่ใช่เหรอ แสดงว่าขนุนก็ต้องอยู่นี่จริงๆ ดิ”

   “กูว่างั้น”

   “กูรายงานไอ้คณินก่อน”อนาวินพิมพ์ข้อความยิกๆ ลงในโทรศัพท์มือถือส่งถึงคณินที่กำลังขับรถตรงมายังที่ร้านป๋าชุป

   “ไปทักน้องมันมั้ย?”

   “เออ ไปดิรออะไร”




   “พี่ไม้เอกมีเพื่อนเยอะแล้ว ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่านะครับ”

   “ขนุนสัญญากับพี่ไว้ ลืมแล้วหรือเปล่า”

   “ผมไม่ได้ลืมนะพี่ แต่ว่าผมมีนัด คงอยู่ดื่มเยอะๆ กับพวกพี่ไม่ได้ เอาไว้ครั้งหน้าอีกได้มั้ยอ่ะพี่”ขนุนเอานัดเข้าอ้างหวังว่าจะได้กลับเร็วไว

   “พี่จะให้กลับก็ได้ แต่ขนุนต้องดื่มกับพี่อีกนิดนะครับ”ขนุนหน้ายู่ มองไม้เอกที่ยื่นแก้วเหล้าให้พร้อมรอยยิ้ม นี่เป็นแก้วที่สองแล้วที่ขนุนดื่มไป มันไม่ได้มากมายขนาดที่จะทำให้ขนุนขาดสติ แต่ความเข้มต่อปริมาณโซดาต่างหากที่ชวนสะพรึง

   “ผมชงให้มันเองดีกว่า”

   “อย่ายุ่งได้ไหมครับ พี่ชงแล้วมันมีปัญหาเหรอ? ”นิวยื่นมือจะไปรับแก้วเหล้าแทนขนุน แต่กลับถูกไม้เอกปฏิเสธแล้วมองขวาง ขนุนที่เห็นสีหน้าของนิวที่เริ่มเดือด บวกกับไม้เอกที่หน้าตึงไปถึงคิวเริ่มรู้สึกถึงหายนะ

   “นิวๆ ไม่เป็นไร”ขนุนหันไปส่ายหน้า แล้วยื่นมือไปรับแก้ว ขนุนรู้ดีว่าไม้เอกกำลังคิดอะไร อนึ่งก็เคืองเรื่องที่ตนเองกลับกับพี่คณินครั้งก่อนทำไมจะไม่รู้

   “ขนุนน่ารัก...ไม่เห็นเหมือนเพื่อนของขนุนบางคนเลย”แม้มุมปากจะยิ้มแต่สายตากลับมองเหี้ยมไปนังนิวที่นั่งใกล้ขนุนไม่ห่าง

   “ไม่หรอกครับ เพื่อนผมดีกับผมทุกคน”

   “ดีเกินไปจนน่ารำคาญรึเปล่าครับ พี่ว่าถ้าขนุนรู้สึกแบบนั้นก็บอกเพื่อนบ้างก็ได้นะ เขาอาจไม่รู้ตัว”

   “พี่จะว่าผมก็พูดตรงๆ ก็ได้ อย่าอ้อมดิ”

   “เฮ้ย! ไอ้ไม้ มึงก็พูดปากหมาไป”พี่ยิปที่นั่งใกล้ๆ ไม้เอกกระทุ้งศอกเตือนสติ แม้จะพอรู้ว่าไม้เอกไม่ชอบให้ใครหักหน้าเหมือนท่าทีที่นิวกำลังทำ

   “เรามาดื่มกันดีกว่าครับ ใช่มั้ยพี่ยิป”ขนุนส่งสายตามองไปยังรุ่นพี่อีกคนที่พอจะพึ่งได้

   “เออๆ น้องกลัวแล้วเนี้ยไอ้ไม้ รึให้กูส่งน้องกลับถ้ามึงจะมาอารมณ์เสียเหมือนกินรังแตนอยู่แบบนี้ เรามาสนุกกันนะเว้ย”

   “กูก็ไม่ได้จะอะไร พี่ขอโทษนะขนุน”

   “อือ” ขนุนส่ายหน้าฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ”

   “ในแก้วหมดแล้ว พี่เติมให้นะ”

   “ห๊ะ? ”ขนุนหน้าเหวอ เหลือบตาลงไปมองแก้วในมือตัวเองที่เผลอกระดกจนหมดไปโดยไม่รู้ตัว
 
   ไอ้ขนุนเอ้ย! เอ็งจะมากระดกฮวบเหมือนดื่มปกติไม่ได้!

   “ส่งแก้วมาครับ”

   “อ่า...ครับ ขอเบาๆ นะพี่ ผมมีนัดต่อ”ขนุนย้ำนัดของตนเอง แต่ก็ยื่นแก้วไปให้ แอบผ่อนลมหายใจเหมือนอึดอัดน่าดู ทั้งแอบเหลือบไปมองนิวที่นั่งวนปลายนิ้วไปบนปากแก้วของตัวเอง ไม่มีแม้แต่จะมองหน้าใคร มันทำให้ขนุนรู้ว่าตอนนี้นิวกำลังข่มอารมณ์ตัวเองสุดๆ เพื่อเขา

   “แล้วตกลงเราไม่ได้บอกเลยว่านัดอะไรกับใคร”ไม้เอกมองคนตัวเล็กที่นั่งซุกมือไว้หว่างขายิ้มแห้งๆ ให้กับเขา ไหล่เล็กห่อจนแทบจะชิดกัน มันเป็นท่าทางธรรมชาติของคนที่กำลังประหม่าและหาคำตอบ แต่นั่นก็ทำให้ไม้เอกมองว่ามันดูน่ารักในสายตาเขา

   “เอ่อ...”ขนุนเม้มปากเล็กเบาๆ กลอกตาไปมาก่อนจะไปหยุดที่ผู้ชายตรงหน้าที่กำลังชงเหล้าให้

   “เพื่อนผมมีนัดกับ แฟน ของ มัน พี่ไม้เอกไม่รู้เหรอครับ”

   คนที่พูดขึ้นเงยหน้าสบตาไม้เอกนิ่ง ทว่ากลับปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันได้กวนตีนสุดๆ ก็เห็นจะเป็นของเพื่อนรักอย่างนิว

   “นิว ไปบอกพี่ไม้เอกทำไม”ขนุนหันขวับไปพูดลอดทางไรฟันตากลมถึงกับต้องถลึงตาใส่ แล้วกลับไปยิ้มหวานให้คนตรงหน้าแล้วรับแก้วเหล้าที่ส่งมาอย่างว่าง่าย ขนุนไม่ได้อยากจะปิดบังแต่ก็ไม่ต้องการจะบอกไม้เอกตอนนี้ สถานการณ์มันดูหน้าสิ่วหน้าขวานเกินไป

   อีกอย่างขนุนคิดว่ามันไม่ได้เป็นผลดีกับใครในที่นี้เลยที่จะบอกความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนตรงหน้า และแน่นอนว่าคนที่ได้ยินอย่างไม้เอกถึงนิ่งงัน สีหน้าที่เคยเปลี่ยนได้ตามอารมณ์เริ่มดูน่ากลัวขึ้น ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบขึ้นมาทันที มีเพียงเสียงอึกทึกของโต๊ะข้างเคียงเท่านั้นที่ดังไปทั่ว แม้แต่เสียงเพลงที่ฟังดูเบาสบายหูก็เริ่มไม่เข้ากับบรรยากาศ

   ขนุนกลอกตามองไปรอบๆ มองหาต้าที่ออกไปโทรหาไอ้แจ็กกับไอ้ช้างให้มาช่วยเป็นทัพหลัง อย่างน้อยมีอะไรพลั้งพลาดก็คงจะพอช่วยกันได้

   ผมสาบานว่านี้ไม่ใช่การนัดหมายรวมกลุ่มเพื่อมาต่อยตี ผมแค่อยากมีใครหลายคนไว้ให้อุ่นใจ

   “ที่เพื่อนพูด จริงเหรอขนุน”

   “เอ่อ...”อีกครั้งที่ริมฝีปากของขนุนมันแห้งจนต้องเลียและขบเบาๆ อย่างครุ่นคิด “ครับ...ผมมีแฟนแล้วจริงๆ ”

   “ใคร? ”

   “ครับ?”

   “พี่อยากรู้ว่าใคร? ”เสียงนิ่งถามออกมาเย็นเยือก พี่ยิปยื่นมือไปแตะแผ่นหลังของไม้เอกเบาๆ ให้ใจเย็นๆ เพื่อนอีกสองสามคนไม่สามารถพูดแทรกเข้ามาในบรรยากาศตอนนี้ได้

   “มันเป็นเรื่องธรรมดาใช่มั้ยล่ะครับที่ผมจะมีแฟน พี่ไม้เอกเองก็มีคนชอบตั้งเยอะนะครับ สาวๆ ในคณะยังพูดถึงพี่อยู่บ่อยๆ เลย”

   “ขนุน พี่ไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นครับ”

   ขนุนยกแก้วในมือขึ้นดื่ม ก่อนจะวางลงไปบนโต๊ะแล้วตัดสินใจพูดออกไป เพราะอย่างไรก็ปิดไม่ได้ “ผมกับพี่คณินเราเป็นแฟนกันครับ”

   ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ขนุนมองมือไม้เอกที่กำแน่นด้วยสีหน้าราวกับอยากจะต่อยหน้าใครสักคน อย่างแรกที่ขนุนทำก็คือวางมือไปที่ท่อนแขนของนิว ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะไม่รู้ว่าใครจะเป็นเครื่องรองรับอารมณ์พี่ไม้เอกรึเปล่า ยิ่งเพื่อนของเขาชอบแกว่งเท้าหาปากพี่ไม้เอกอยู่เรื่อย

   ตึกตัก ตึกตัก!

   ช่างเป็นสถานการณ์ที่บีบรัดจิตใจของขนุนอย่างมาก มากเสียจนแอลกอฮอล์และแก๊สในท้องมันตีรวนกันไปหมด

   “เอิ๊กกก! อุ๊บ!”

   ผะผม...ผมไม่ได้ตั้งใจจู่ๆ แก๊สมันก็ย้อนขึ้นมาแล้วอยากจะอ้วก

   ขวับ!

   คงไม่มีใครดุผมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารหรอกนะ เพราะนี่มันวงเหล้าที่โคตรน่าอึดอัดเลย

   “ขอโทษครับ กระเพาะผมมันบีบตัว”ขนุนตีท้องตัวเองปุ๊กๆ หัวเราะแห้งๆ หน้าจะร้องไห้ แถมยังอายจนแก้มขาวแดงก่ำ ลืมไปซะสนิทว่าเมื่อครู่บรรยากาศมาคุขนาดไหน แต่ก็ไม่พ้นความเงียบที่เอาแต่จับจ้องสายตามายังขนุนที่แทบอยากจะมุดตัวแทรกแผ่นดินหนีออกไป เจ้าตัวทำได้เพียงแก้เก้อโดยการคว้าแก้วของนิวที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นดื่มดับอาการไปไม่ถูกทางอึกใหญ่ จนไม่สนรสชาติของความขมติดลิ้น

   อึก อึก!

   “ไอ้ขนุน นั่นมันแก้วกู!”นิวหันไปเหวใส่คนตัวเล็กที่หน้าเหวอจนเสียอาการ เพราะแก้วของนิวไม้เอกก็เป็นคงชงให้ แน่นอนว่ามันเข้มจนแทบมองไม่เห็นเปอร์เซ็นต์ของโซดาเลยด้วยซ้ำ

   “พี่ยินดีด้วยนะขนุน ที่เรามีแฟน”ความกังวลความตึงเครียดใดๆ เป็นอันต้องชะงัก เมื่อจู่ๆ คนที่เงียบมาจนถึงเมื่อครู่อย่างไม้เอกดันพูดสิ่งนั้นออกมา

   “ยินดี?” ขนุนถึงกับตาวาวแต่แอบเก็บอาการตกใจ “...ขอบคุณครับพี่ไม้เอก”

   “งั้นแบบนี้ก็ต้องฉลองสินะ”

   “ไม่ครับ ไม่ต้องฉลอง”

   แบบนี้มันน่ากลัวกว่าอีก

   “ไอ้ยิปเอาแก้วมาเปลี่ยนใบนึงให้น้องนิว สั่งเหล้ามาเพิ่มด้วย กูอยากจะดื่มแบบเข้มๆ ว่ะ”

   “เอาแล้ววววว”ขนุนพึมพำนั่งตัวแข็งมองดูของที่มาเติมเหมือนมันจะไม่มีทางหมดไปจากแก้ว แม้ขนุนพยายามจะขอปลีกตัวออกมา แต่ไม้เอกกลับรั้งไว้ตั้งหลายครั้ง

   กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเกือบหนึ่งชั่วโมง ต้าเข้ามาตอนที่สถานการณ์ดูแปลกๆ ขนุนถูกประเคนแก้วให้แทบจะไม่ได้วางมือ แอบกระซิบถามนิวที่นั่งหน้าบึ้งเป็นมะกรูดก็ไม่ได้คำตอบรายละเอียดใดๆ มากนัก แล้วรายงานเรื่องที่ไปชวนแจ็กกับช้างว่าสองคนนั้นกลับบ้านต่างจังหวัดยังมาไม่ถึงหอ และแอบกระซิบนิวไปว่าเจอใครข้างนอกนั่น แต่ก็ไม่ได้บอกขนุนเพราะอนาวินกับโจมสั่งห้ามไว้

   “นี่มันเยอะไปแล้วรึเปล่าวะ”ต้าสะกิดนิวที่เริ่มมีแอลกอฮอล์ในเลือดไหวเวียนอยู่ไม่น้อย เพราะทุกครั้งที่นิวปฏิเสธอีกฝ่ายก็จะเอาเรื่องในคณะมาขู่อย่างพวกกิจกรรมสันที่จะไม่ให้พวกรุ่นพี่ให้ความร่วมมือด้วย ยิ่งนิวเป็นพวกไม่ยอมใคร ท้าทายนิดหน่อยก็กระดกไม่ยั้งเหมือนกัน

   “กูไหว”

   “พี่ไม้เอกครับ ผมว่าผมขอพาเพื่อนกลับก่อนดีกว่า พวกแม่งถ้าเมาสองคนแล้วผมจะเอากลับไงล่ะพี่”

   “เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”ไม้เอกยิ้มมุมปากเลื่อนสายตาไปมองขนุนที่นั่งสูดน้ำมูกกับขยี้ตาเป็นรอบที่ร้อย แก้มกลมขาวมันแดงเถือกด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เผาได้รวดเร็วปานจรวด จนต้าต้องกดเบอร์ฉุกเฉินอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะแบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ ไม้เอกเล่นมอมขนุนซึ่งๆ หน้าขนาดนี้

   “พี่ไม้เอกครับ”

   “ว่าไงขนุน เราโอเคใช่มั้ย?”

   “อือ ก็ไหวนะครับ แต่ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว อึก!”แม้จะโต้ตอบออกไปได้ แต่ประสิทธิภาพของการรับรู้นั้นเริ่มต่ำ ลิ้นก็เริ่มหนักจนพูดแพ้เด็กสามขวบ

   “มึงไม่ต้องแดกแล้วไอ้ขนุน กลับ! กูทนให้ไอ้บ้านี่เอาเปรียบต่อไปไม่ไหวแล้ว! ดูก็รู้ว่าตั้งใจยื้อเวลา”นิวที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นยืนแล้วปัดแก้วที่ไม้เอกขยันส่งให้ขนุนทิ้งอย่างเหลือทน

   กิจกรรมต่างๆ ไม่ร่วมไม่สนับสนุนก็ช่างแม่ง!

   เคร้ง!

   “ฉิบหายแล้ว!”

   ต้ามองแก้วเหล้าที่หล่นลงแตกอย่างตกใจเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่สติครบครั้นที่สุด

   “นิวววว...ใจเย็นดิ พี่ไม้เอกขอโทษนะครับ”ขนุนยืนโซเซเข้าเกาะเพื่อน ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะนั่งอีกต่อไปแล้วรวมถึงไม้เอกก็ด้วย ส่วนพี่ยิปก็รีบเข้าไปดึงแขนพี่ไม้เอกเอาไว้ส่ายหน้าห้ามไม่อยากให้เกิดเรื่อง

   “กูว่าวันนี้พอแค่นี้เหอะไอ้ไม้ ถ้าเริ่มเมาก็กลับไปนอนกูขับรถให้เอง”

   “ไอ้ยิปมึงปล่อย! กูไม่ทำอะไรเด็กหรอก มึงไม่ต้องกลัว”

   “ใครเด็กวะ!”

   “อย่านิว พี่ไม้เอก อย่ามีเรื่องเลยครับผมไหว...พี่ยิปผมพาเพื่อนกลับก่อนนะครับ ไปเหอะต้า นิว”ขนุนเข้าดึงแขนของนิวให้เดินออกไป ขืนยังอยู่ต่อไม่มีอะไรดีแน่ ทว่าระหว่างที่ขนุนกำลังจะเดินออกไปกับเพื่อน ไม้เอกก็ดันเดินดุ่มๆ เข้ามาทางด้านหลังแล้วคว้าแขนของขนุนเอาไว้สีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก

   “จะรีบอะไรนักหนา จะไปหาแฟนงั้นสิ”น้ำเสียงที่ค่อนไปทางไม่พอใจส่อออกมาทางสายตาดูน่ากลัว

   “ผมบอกพี่ไปแล้ว ว่ามีนัด ปล่อยนะครับ!”ขนุนสะบัดแขนตัวเอง เริ่มมีสีหน้าบึ้งตึงไปด้วย

   “พี่ไม่ให้ไป พี่รู้จักเราก่อน แคร์เราก่อนทำไมจะต้องเป็นคนอื่นวะ!”

   “เมาแล้วก็กลับไปนอนอย่างที่พี่ยิปว่าเหอะครับ”ขนุนอยากจะพูดดี หากแต่อารมณ์ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งคนตรงหน้าเริ่มคุกคาม ขนุนก็รู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องแคร์อีก

   “ขนุน!”

   “ผมถนอมน้ำใจพี่มาเยอะแล้วนะครับ อย่าให้เรื่องแบบนี้มาพังความสัมพันธ์ดีๆ จะดีกว่า ผมรู้...พี่ดีกับผมมาตลอด เลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้า เลี้ยงน้ำ ช่วยงานหลายๆ เรื่อง แต่ผมไม่คิดว่าต้องให้ทุกอย่างกับพี่หรอกนะครับ และที่สำคัญ...ผมไม่ได้ชอบพี่ไม้เอกแบบนั้น”

   “.....”

   “ผม....”ขนุนชี้นิ้วจิ้มไปที่อกตัวเองมองไม้เอกตาปลือ “ผมจะไม่ใจดีกับพี่อีกเหมือนกันถ้าพี่จะทำงี้กับผมอ่ะ! ไปเหอะต้า นิว”

   หมับ!

   “ก็บอกว่าไม่ให้ไปไง!”

   “ปล่อยมือพี่จากเพื่อนผม”มือของนิวจับไปที่แขนของไม้เอก

   “พี่ไม้เอก ไอ้นิว ใจเย็นๆ ”ต้าลนลานชะเง้อมองคนที่โทรเรียก และตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าเดินเข้ามา จึงกวักมือเรียกสุดกำลัง

   “พวกมึงไม่ต้องเสือก! กลับไปให้หมดเลยกูจะคุยกับขนุน!”ไม้เอกสะบัดมือนิวออกอย่างรำคาญแล้วจัดการดึงแขนขนุนให้เดินตามไปอย่างไม่แยแส จนทุกคนตกใจตามๆ กัน ไม่คิดว่าไม้เอกจะทำแบบนั้นได้

   “พี่…ปล่อยโผมมมม”ขนุนเองก็เบลอจนขัดขืนอะไรไม่มากนักนอกจากเกี่ยวแขนกับพนักเก้าอี้แล้วลากไปด้วย เล่นเอาคนมองไปเกือบครึ่งโซนร้าน

   และยิ่งมองกันไปใหญ่เมื่อจู่ๆ เจ้าของร่างสูงแปลกหน้าเดินมาขวางหน้าไม้เอกไว้แล้วจัดการดึงขนุนเข้าไปหลบด้านหลัง งานนี้เลยกลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั้งร้าน

   โดยเฉพาะขนุนที่เบิกตาโพลงมองคนตรงหน้าเจ้าของแผ่นหลังกว้างและกลิ่นหอมคุ้นจมูก

   “พี่คณิน! มะมาได้ไงครับ”

   “ไว้ค่อยคุยกัน”

   “อ๋อ แฟนตามมาหวงถึงนี่เชียว หึ!”

   “ถ้ารู้ว่าคนที่คุณยุ่มย่ามเป็นแฟนคนอื่น ก็ถอยไปให้ห่างเถอะครับ ผมเตือนคุณแล้วนะ”

   “แต่ขนุนเป็นรุ่นน้องผม ผมรู้จักก่อนคุณด้วยซ้ำ อย่ามาทำกร่างแถวนี้ที่ไม่ใช่ที่ของคุณ!”

   “ท่าทางเราจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ผมจะพาขนุน...แฟน ผม กลับ”น้ำเสียงที่พูดออกมาประกาศให้ไม้เอกรู้อย่างชัดเจน ก่อนจะจับมือขนุนเดินออกไปสีหน้าถมึงทึงไม่อยากต่อความ

   แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ๆ ขณะที่คณินกำลังหันหลังให้ เท่าหนักๆ ของใครบางคนก็ลอยมาปะทะเข้ากับแผ่นหลังอย่างจัง จนทำให้ร่างสูงแทบคะมำไปข้างหน้า

   “พี่คณิน เป็นอะไรมากมั้ยครับ!”

   คนถูกถีบเอื้อมมือไปปัดเสื้อสีขาวตัวโปรดด้านหลังส่ายหน้าให้ขนุนที่แทบเข่าทรุด คณินเอี้ยวหน้ามองคราบสกปรกแววตานิ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเจ้าของรอยยิ้มเหยียดและเจ้าของรอยรองเท้าอย่างคาดเดาความคิดไม่ออก แววตาที่นิ่งเรียบทว่าดูเดือดดาลขึ้นมาบ้างแล้ว

   “เหี้ย! แม่งเด็กสินกำเล่นแรงว่ะ!”อนาวินอุทานอ้าปากเหวอหน้าซีด

   “กูว่างานเข้าแล้วว่ะ ดูหน้าไอ้คณินดิ”

   “ซวยแล้วไอ้คณิน”

   “กูไม่รู้ว่าใครซวยงานนี้ แต่มึงลืมไปป่ะว่าไอ้คณินมันแชมป์เทควันโดสายดำมาก่อนนะเว้ย”

   “.....”

   “ผมไม่อยากใช่กำลังหรือมีเรื่อง แต่เมื่อคุณเริ่มผมก็ถือว่างานนี้คุณเป็นคนรนหาที่เอง”

   ผั๊วะ!

   “กรี๊ดดดด! เหี้ย!”

   เสียงกรีดร้องโวยวายก็พลันเกิดขึ้นทันทีที่คณินโถมตัวเข้าไปหาไม้เอกก่อนจะซัดหมัดกลับสวนไปอย่างเหลือทน  ขนุนถึงกับอ้าปากเหวอตัวแข็งทื่อมองเหตุการณ์ชุลมุนอีนุงตุงนังตรงหน้าอย่างช็อก

   คนอื่นๆ ที่มีสติก็รีบเข้าไปห้าม ทั้งอนาวินและโจมรวมถึงเพื่อนของไม้เอกก็เข้าช่วยจับสองคนแยกท่ามกลางความโกลาหล

   “พะพี่คณิน!”เหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัว ขนุนถึงได้เข้าไปช่วยแยกคนทั้งสองที่ต่อยกันนัว เล่นเอาข้าวของรวมถึงโต๊ะใกล้ๆ วงแตกแหกกระเจิงกันไปตามๆ กัน

   กว่าจะหยุดทุกอย่างได้ก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ เจ้าของร้านที่ลูกน้องเพิ่งโทรตามมาถึงในวินาที่ร้านเละเป็นข้าวต้มแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าแค่คนสองคนที่ต่อยกันในร้านจะนำความเสียหายได้ค่อนข้างเยอะขนาดนี้ แรงแต่ละคนเกินคาดหมายไปเยอะมาก โชคดีที่เจ้าของร้านอะลุ่มอล่วยไม่โทรแจ้งความ แต่ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแล้วแยกย้ายกลับ

   นับว่าค่ำคืนนี้มีสีสันยันใบหน้า โดยเฉพาะคนที่ขนุนไม่คาดคิดว่าจะบู๊แหลกได้ถึงขนาดนี้

   หากย้อนคิดกลับไปอีกทีเรื่องบ้าๆ เหล่านี้กลับทำให้หัวใจขนุนพองโตเป็นบ้า แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็ตาม





   ตึ้งตึง....

   เสียงบานประตูเลื่อนของร้านสะดวกซื้อดังขึ้นด้านหลังของร่างสูงที่นั่งรอใครบางคนอยู่ที่ตรงขั้นบันได เสียงก๊อปแก๊ปของถุงที่ใส่อุปกรณ์ทำแผลวางลงข้างๆ พร้อมกับขนุนที่หย่อยตัวลงนั่งผ่อนลมหายใจเบาๆ หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนๆ ขนุนจึงอาสาอยู่เป็นเพื่อนคณินหลังเกิดเกิดเรื่องวิวาทก่อนหน้านี้

   ขนุนมองใบหน้าของคณินที่ตรงริมฝีปากมีรอยแตกเลือกซึม มองรอยข่วนเล็กๆ ตรงโหนกแก้มด้านขวา มองใต้ขอบตาที่แดงช้ำ คาดการณ์ได้ว่าอีกวันสองวันคงจะเขียวอย่างแน่นอน
 
   “มองพี่แบบนั้นหมายความว่ายังไงครับ”

   “เปล่า แค่มองที่พี่เจ็บ ผมอ่ะเจ็บตามเลย เพราะผมแท้ๆ พี่คณินถึงได้มาเจ็บตัวแบบนี้”

   “โทษตัวเองทำไม มันเกิดขึ้นเพราะพี่ใจร้อนเองต่างหาก อย่าคิดมากนา”คนตัวสูงวางมือหนักๆ สอดปลายนิ้วเข้าใต้เส้นผมสีบลอนด์นุ่มมือแล้วโยกหัวทุยไปมา แอบบีบแก้มแดงๆ หนึ่งครั้งไม่อยากให้ขนุนคิดมาก แต่เป็นคณินเองมากกว่าที่คิดซะวุ่นวายไปหมดตอนนี้ เพราะนี่แค่เขาไม่อยู่ใกล้ๆ ยังมีคนมาวอแวขนาดนี้ ถ้าเขาไม่สอดส่องสายตาเลยจะขนาดไหน

   คิดแล้วก็หวงจนของขึ้นอยู่ในใจ

   “ผมทำแผลให้ดีกว่านะครับ เดี๋ยวมันจะอักเสบเอา”

   “อือ”คณินหันตัวมาหาขนุนยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ มองเข้าไปในดวงตากลมใสที่กำลังใช้เจลบางๆ แตะไปที่ริมฝีปากตัวเอง มือเล็กนั้นนุ่มกว่าที่คณินคิดเสียอีก มันทำให้คณินอดคิดไม่ได้ว่าคนตรงหน้าอยู่ใกล้แค่เอื้อมมาตลอด ทำไมเขาถึงเพิ่งจะรักคนตรงหน้าเอาตอนนี้ มันน่าขำตรงที่คณินกับขนุนเคยเจอกันมาก่อนเมื่อตอนเด็กนี่สิ

   ทำไมพี่รู้สึกเสียดายเวลาในช่วงที่ไม่มีขนุนอยู่กันนะ ถ้าตอนนั้นเราอยู่ใกล้กันกว่านี้ พี่อาจจะชอบเราเร็วขึ้นก็ได้

   “มองผมขนาดนี้มีอะไรรึเปล่าครับ จ้องกันนานๆ แบบนี้ผมเขิน”

   “ก็อยากให้เขิน จะได้แน่ใจว่าเราจะไม่ไปเขินกับคนอื่นมากกว่าพี่”คนพูดสีหน้าจริงจังและหึงจริง

   “ผมรักเดียวใจเดียวนะครับ”ขนุนพูดพร้อมกับแปะพลาสเตอร์ยาตรงรอยข่วนที่โหนกแก้มให้คณิน แอบอมยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย การได้มาอยู่ ณ จุดนี้ขนุนแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเอง

   เพราะการชอบใครสักคนแล้วคนคนนั้นชอบเราตอบ มันไม่มีอะไรสุขใจไปกว่านี้แล้ว

   “รักเดียวใจเดียวแล้วไง แต่พี่จะไว้ใจคนอื่นได้เหรอ ก็แฟนพี่น่ารักขนาดนี้ต้องหวงเป็นธรรมดา”คณินพยักหน้าให้กับความคิดตัวเอง

   “พูดแบบนี้ไม่จั๊กจี้รึไงครับ ผมขนลุกเลย”ขนุนหลุดขำ เขามีชีวิตในรั้วมหาลัยอยู่ได้ตั้งนานไม่เห็นจะเป็นอย่างคณินคิด

   “มันก็รู้สึกจั๊กจี้นะ มากด้วย”

   “ตรงไหนครับ ผมเกาให้มั้ยอ่ะ”ขนุนพูดหยอกล้อ มือก็หยิบเอาผ้าเย็นที่ซื้อมาประคบใต้ตาให้คณิน

   “ตรงนี้ครับ” นิ้วชี้จิ้มไปที่อกข้างซ้าย “เกาให้พี่หน่อย ไม่งั้นคงจั๊กจี้จนนอนไม่หลับ” คณินจับมือขนุนไว้ เลื่อนไปแตะตรงอกซ้ายตัวเองมองตาซะหวานเชื่อม

   อย่างอื่นขนุนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คำพูดและการกระทำของคณินมันแฮชแท็กใจขนุนซะจนแทบใจระเบิด อ้อนมาซะขนาดนี้ใครจะไปนิ่งไหว ขนุนอดทนมาตั้งเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายตรงหน้า ที่ทำใจของขนุนละลายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

   “พี่คณินครับ”

   “หืม? ”

   “ผมมีบางอย่างจะบอกพี่”

   “อะไร จริงจังหรือเปล่า?”

   “ครับ”คนพูดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ขยับเข้าไปใกล้จนชิด แล้วยื่นแขนไปกุมมือหนาบีบแน่นส่งสายตาปริบๆ ไปให้

   “ครับพูดมาได้เลย พี่ฟังเราอยู่”คณินดูตั้งใจถึงได้มองใบหน้ากรุ้มกริ่มนั้นไม่วางตา

   “คือว่า.....คืนนี้ไปดูหลอดไฟที่ห้องให้หน่อยได้มั้ยครับ”








ติดตามตอนต่อไป >>>




ขอบคุณค่ะ :impress:

หลานฮวา

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด