ขนุนลูกที่ 13
ท่ามกลางความเงียบในหนึ่งอึดใจหญิงสาวตรงหน้าและผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหวานหุ่นเพรียวก็ขยับปากพูด
“ขนุน? ”หญิงสาวตรงหน้าตาเบิกโพลงไม่นึกว่าโลกจะกลมได้ถึงขนาดนี้ ตรงหน้าคือแฟนเก่า ส่วนอีกคนก็เป็นน้องที่รู้จักเมื่อไม่นาน ถึงจะไม่ได้สนิทกันแต่ก็เคยพูดคุยกัน
“สองคนรู้จักกัน? ”โจมถามขึ้นดูลุกลี้ลุกลนชี้นิ้วไปหาขนุนสลับกับลูกตาลแบบงงๆ
“จำพวกผมได้ไหมครับ”อีกสองหนุ่มที่ออกมาแสดงตัวเป็นต้ากับนิวที่ได้โอกาสเจอลูกตาลเป็นครั้งที่สอง
“จำได้ เพื่อนของขนุนสินะ”
“ครับ”
“แล้วพี่คณินกับพี่โจมรู้จักพี่ลูกตาลด้วยเหรอครับ”ขนุนหันไปมองคณินที่ยืนนิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นั่นเพราะตั้งแต่คณินเลิกกับลูกตาล ทั้งสองก็ไม่เคยเจอหน้ากันตรงๆ เลยสักครั้ง เพราะแค่พูดถึงเหตุการณ์เลิกราของทั้งสองคณินก็ไม่เป็นอันทำอะไร ความรู้สึก อารมณ์ดาวน์ลงเป็นดาวตกพุ่งชนโลก ฉะนั้นหลายเดือนที่ผ่านมาก็เห็นจะเป็นครั้งนี้ครั้งแรกที่เจอกันซึ่งหน้า
“อือ พวกพี่รู้จักกัน”ลูกตาลเป็นคนตอบ เธอยิ้มบางให้กับขนุนเหมือนกับการพูดคุยทั่วไป แต่สายตากลับไม่กล้ามองคณินตรงๆ อีกทั้งรอยยิ้มของลูกตาลก็ดูจางลงเมื่อคนตัวสูงมองเธอเหมือนต่อว่าอยู่ในใจ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของลูกตาลแทบจะกลายเป็นการฝืนยิ้ม
เธอเองก็รู้ตัวดีว่าสาเหตุที่ต้องเลิกกันเพราะใคร แน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกเดินทางของตัวเอง เธอไม่ต่อว่าที่คณินมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น เพราะคนที่ผลักไสคณินออกไปและเลือกที่จะคบอีกฝ่ายเป็นเธอเอง อาจจะดูโง่ที่เอาเรื่องเวลามาอ้าง แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกผิดน้อยลงที่บอกเลิกคณินก็เท่านั้น
“เหรอครับ ผมเพิ่งจะรู้ว่าโลกมันแคบขนาดนี้ พี่สองคนเป็นเพื่อนกันเหรอครับผมไม่ยักรู้”
“เปล่า ลูกตาลเป็นแฟนเก่าของพี่ แต่ตอนนี้แค่คนรู้จัก”คนที่ตอบไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ยืนเงียบอยู่นาน คำตอบนั้นราวกับหยุดทุกอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวของขนุนในทันที มันเหมือนกับมีใครเอาไม้มาเสียบกลางอกของขนุนจนรู้สึกเจ็บ ต้าและนิวที่ได้ยินก็ถึงกับเบิกตาโพลงเหลือบตามองขนุนที่หน้าสลดไปอย่างเห็นได้ชัด
“เหรอครับ? ”ปลายเสียงของขนุนแผ่วลง รอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าค่อยๆ หดหาย ใจของขนุนราวกับลูกโป่งที่ถูกเจาะรูจนแฟบในชั่วพริบตา ไม่คิดว่าจะมีเรื่องให้ประหลาดใจขนาดนี้
แม้จะทราบสถานะของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ขนุนกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาซะอย่างนั้น ทั้งที่ทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วแต่เพราะไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเตะออกมาจากวงโคจรของคนที่ชอบ
ระหว่างที่ขนุนนิ่งตกใจกับความสัมพันธ์ของคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปเพราะสิ้นคำพูดในหัว แต่จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนก็ยื่นเข้ามาจับมือที่เย็นเยียบเอาไว้กะทันหันจนแน่นอย่างไม่มีคำอธิบาย ขนุนตกใจเล็กน้อยและมองไปตามท่อนแขนยาวที่คว้ามือตัวเองไปอย่างประหลาดใจ ปากจึงได้แต่อ้าค้างหน้ามึน อึนในความคิดจนทำอะไรไม่ถูก
ขนุนได้แต่งับอากาศ มองคณินโดยที่อ่านความคิดคนตรงหน้าไม่ออก
“ผมต้องพาขนุนกับเพื่อนไปกินข้าวแล้ว ขอโทษที่อยู่คุยด้วยได้ไม่นาน ถ้าไม่รบกวน.....ช่วยหลีกทางให้หน่อยได้มั้ย? ”
“.....”
ลูกตาลมองคณินที่หยักยิ้มขึ้นมาตรงมุมปากบางๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแทบจะเป็นปกติกับเธอ ราวกับไม่เคยมีอดีตต่อกัน ไม่ใช่เพียงลูกตาลที่แปลกใจกับท่าทีเฉยเมยของคณินแบบนั้น แต่รวมถึงโจมผู้ซึ่งเห็นความรู้สึกของคณินมาตลอด ไม่คาดคิดว่าคณินจะสามารถยิ้มให้กับสิ่งที่เคยเสียใจที่สุดตรงหน้าได้โดยไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
ปกติต้องเดินหนี หรือตีหน้าบึ้งไม่พูดจากับใครไปแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้คณินกำลังคิดอะไร แต่ภายนอกนั้นมองเห็นได้ว่าคณินกำลังก้าวผ่านบางอย่างด้วยตัวเองโดยที่ไม่หันกลับไปเสียเวลากับความรู้สึกเดิมๆ อีกแล้ว ความรู้สึกโกรธ อยากต่อว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ทำแล้วได้อะไร? นั่นคือสิ่งที่คณินคิดมากกว่า
เขาไม่ควรย่ำอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ เพราะคนรอบตัวก็พร้อมที่จะทำให้เขามีความสุขตั้งมากมาย
การเดินออกมาจากจุดนั้นได้โดยไม่รู้สึกเจ็บอาจเป็นสิ่งที่น่ายินดี แต่การเทความรู้สึกกังวลไปแคร์หน้าหงอยๆ ของคนที่เดินอยู่ข้างๆ ก็น่าคิดคิดเหมือนกัน
“พะพี่คณินครับ”ขนุนเหมือนต้องการจะบอกบางอย่าง และมองไปยังมือของตัวเองที่ถูกอีกฝ่ายกุมไว้ไม่ปล่อยแถมยังลากเดินออกมาไม่รู้ว่าคิดอะไร
“ครับ? ”
“เอ่อ.....”เป็นครั้งแรกที่ขนุนกระอักกระอ่วนที่จะพูดกับคณิน เหมือนความมั่นใจลดไปเกินครึ่งทันทีหลังจากที่เจอแจ็กพ็อตแตกต่อหน้า
สะเทือนใจไม่น้อยที่รู้ว่าลูกตาลเป็นแฟนเก่าคณิน และดูเหมือนเรื่องที่โจมกับอนาวินเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้าจะย้อนกลับมาอยู่ในหัวอีกครั้ง คำถามจึงเกิดขึ้นมาในใจของขนุนให้ต้องกังวล
พี่คณินยังชอบพี่ลูกตาลอยู่อีกรึเปล่า?
แล้วมีโอกาสมั้ยที่ทั้งสองจะกลับมาคืนดีกัน?
ขนุนจะเป็นผลไม่หรือเป็นหมาก็คราวนี้แหละ!
“มีอะไรครับ?”
“คือมือ เดี๋ยวคนจะมองเอานะครับ”
“ไม่ชอบที่พี่จับมือเหรอ? ”
ขนุนส่ายหน้าจนคอแทบหลุด หัวใจที่ว่าลีบแบนมันกำลังถูกเติมให้พองโตทีละนิดด้วยคำพูดที่ทำเอาขนุนคาดไม่ถึง “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมชอบ! เอ่อ...ผมหมายถึงไม่ได้รังเกียจแต่กลัวคนจะมองพี่คณินแปลกๆ ”
“เราสนสายตาคนอื่นรึเปล่า? ”สีหน้าที่ดูจริงจังถึงกับสะกดสายตาของขนุนเอาไว้
“ปะเปล่าครับ”ขนุนไม่รู้ว่าคณินคิดอะไร แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมามันทำให้ขนุนมึนงงไปหมด
“งั้นพี่ก็ไม่”
“เอ่อพี่คณินครับ”ขนุนเรียกคณินเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ขนุนหยุดเดินกะทันหันจนทำให้คณินต้องหยุดเดินไปด้วย
“มีอะไรอีกครับ? ”
ขนุนอึกอักก่อนตอบ“ไม่รู้ว่าพี่คณินจะรู้ตัวไหม แต่ว่าตอนนี้.....เพื่อนผมและเพื่อนพี่ เอ่อ หายหัวกันไปหมดแล้วนะครับ”ขนุนชี้นิ้วไปด้านหลังที่มีเพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วครู่เหมือนถูกแช่แข็ง คิ้วสีอ่อนของขนุนขมวดย่นเพราะปั้นสีหน้าลำบาก ก่อนทุกอย่างจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อมีเสียงหลุดหัวเราะออกมาจากคนตัวสูง ใบหน้าที่ดูถมึงทึงค่อยๆ คลายออกเป็นใบหน้าที่ผ่อนคลายขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มองมายังขนุน
ตอนนี้ขนุนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคณินหัวเราะเรื่องอะไร ดีใจที่เมื่อกี้เจอพี่ลูกตาล? เพื่อนหาย? หรือหัวเราะหน้าตาประหลาดของเขากันแน่
ก็แน่ละขนุนไม่รู้ว่าตัวเองต้องยิ้ม ต้องหัวเราะ หรือต้องแสดงสีหน้าเศร้าสลดใจดี เหตุการณ์มันหลากหลายอารมณ์จนตัวเองก็ปรับสีหน้าไม่ถูก จะให้หัวเราะไปด้วยเศร้าไปด้วยก็ดูจะไม่ปกตินักคนเขาจะมองยังไง
“ให้ผมโทรหาดีมั้ยครับ บางทีเราอาจจะเดินเร็วเกินไป”ขนุนดึงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า แต่คณินกลับถือวิสาสะหยิบมันมาจากมือขนุน สั่นศีรษะก่อนกดปลายนิ้วไปยังปุ่มเล็กค้างไว้ทำการปิดเครื่อง แล้วส่งคืนขนุนทันที คนอึนมึนมองพฤติกรรมของคณินอย่างไม่เข้าใจนัก
“ขนุน พี่ขอช่วยอะไรเราอย่างหนึ่งได้มั้ย? ”
“ครับ? ”
“ช่วยอยู่กับพี่จนกว่าพวกเพื่อนๆ จะหาเราเจอได้รึเปล่า”
“เอ๊ะ? ”
“ไปกันเถอะ”
รู้ตัวอีกทีขนุนก็ถูกรอยยิ้มบางของคณินชักจูงไปซะแล้ว
ไปโดยไม่ต้องฝืนบังคับ
ไปโดยที่ไม่ต้องกลั่นกรองหรือชั่งใจคิด
เท้าของขนุนมันทำงานและก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวของมันเอง แค่เห็นรอยยิ้มที่เหมือนเดิม เหมือนทุกครั้งที่คณินมอบให้ และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ความรู้สึกหดหู่และขาดความมั่นใจกำลังถูกเติมเต็มให้เหมือนเดิมอีกครั้ง แม้จะเป็นรอยยิ้มที่ยังไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกไปจากเดิมของคนตรงหน้า แต่ขนุนก็รู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นมันอีกครั้ง
ใจที่ว่าหดเล็กเท่าเม็ดทราย ตอนนี้กำลังพองโตขึ้นมาอีกครั้งอย่างกับบอลลูน เรียกได้ว่าฟื้นตัวเร็วยิ่งกว่าใช้ยาผีบอก ขนุนมองดูคณินที่เดินนำไปหลายก้าว มองไปยังข้างกายของคนตัวสูงอีกครั้ง แล้วบอกกับตัวเองว่ามันยังว่างเปล่า หากอยากจะได้ทำเลที่ดีต่อใจตรงนั้น ก็เลิกคิดหยุมหยิมแล้วเดินหน้าต่อไปได้แล้ว
จะกลัวอะไรขนุน! ที่ยืนข้างพึ่คณินยังว่าง กะอีแค่เจอเจ้าของที่คนเก่าจะมาหวั่นทำไม!
มีอะไรต้องกลัว? ยังไม่ถูกเตะโด่งออกมาก็แสดงว่ายังมีสิทธิ์ไม่ใช่รึไง!
ขนุนปลุกระดมความคิดตัวเองให้ฮึดสู้ขึ้นมา เดินหน้าไม่สนว่าผลจะเป็นอย่างไร ไม่ไปให้สุดทางแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าทางตันหรือต้องไปต่อ จะมายอมแพ้หมดโอกาสเพราะความกลัวได้ยังไง
ขอโทษด้วยนะครับพี่ลูกตาล ผมชอบพี่คณินจริงๆ และหากจะให้ผมเป็นผู้ชายใจดีเหมือนหน้าตาผมยอมถูกด่าว่าผมมันตัวร้ายก็ยอม!
“พี่คณินครับ!”เสียงตะโกนเรียกรั้งคนตรงหน้าให้เอี้ยวตัวหันมา
“.....”
“พี่คณินแน่ใจรึเปล่าว่าต้องการให้ผมอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้จริงๆ ”ขนุนมองแววตาคณินที่มองมา เหมือนใช้ความคิด คณินเองก็มองเจ้าของผิวขาวที่ยืนห่างเป็นวา ไล่มองไปจนถึงมือเล็กที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว ไม่ยอมจะก้าวตามหากไม่ได้คำตอบ
แน่นอนคณินไม่มีอะไรจะตอบคนที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเขา ทว่าคณินก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนตรงหน้านัก
“ใกล้แค่นี้พอจะเป็นคำตอบของพี่ได้รึเปล่าครับ”
สิ่งที่คณินใช้แทนคำพูดคือการกระทำ การยอมเดินย้อนกลับมาและมายืนอยู่ใกล้คนตรงหน้า “แบบนี้พอจะมั่นใจได้รึยัง”
“ครับ”ขนุนครางรับเงยหน้าขึ้นสบตากับคณินที่อยู่ตรงหน้าห่างเพียงฝ่ามือลอด เล่นเอาขนุนไม่อยากได้คำตอบเป็นอย่างอื่นอีกเลย
มันดีต่อใจจนคนตัวเล็กกว่าแทบคลั่ง นั่นไม่ต่างจากการเปิดทางให้ขนุนวิ่งเข้าสู่ใจกลางความรู้สึกของคณินเลย
“ถ้าอย่างนั้น ก็เลิกทำหน้างุ้มหน้างอได้แล้วครับ”การเด็ดจมูกที่กร๊าวใจที่สุดคงต้องยกให้คณิน สัมผัสหยอกเย้าที่แสนอ่อนโยนมัดใจขนุนไปเต็มๆ จนแทบจะอดทนอดกลั้นไม่ไหว
อยาก...อยากจับคนตรงหน้าทุ่มลงบนพื้นแล้วจู่โจมซะตรงนี้เลย
“พี่คณิน.....”
“อะไรอีกครับ เรียกพี่อย่างกับคนละเมอ”
“ผม.....ผมขอ”
“หืม ขอ? ”
“ผมขอกอดพี่ตรงนี้ได้มั้ยครับ”
“กอด? ”
หมับ!
ขนุนไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าจะอนุญาตหรือเปล่า แต่ทันทีที่เอ่ยขอออกไปเจ้าตัวก็อ้าแขนกว้างกอดคณินเต็มกอด กอดแน่นซะจนใบหน้าที่แดงเรื่อลามไปจนถึงใบหูจมอยู่ระหว่างอกของคณินด้วยความดีใจ โดยไม่สนว่าคนที่เดินผ่านไปมาจะมองหรือคิดยังไงในตอนนั้น
“ดูสิๆ น่าอิจฉาจัง ฉันก็อยากมีพี่ชายให้อ้อนแบบนั้นบ้างเหมือนกัน”
“พี่ชายท่าทางใจดี น่าอิจมากอ่ะแก กี๊สสสส!”
สองสาวที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์ซุบซิบนินทาในระยะผ่านไหล่ ขนุนถึงกับกระอักเลือดในใจเหมือนมีลูกศรขนาดใหญ่พุ่งมาปักด้านหลังและกำกับตัวอักษรโตๆ ว่า ‘น้องชาย’
ขนุนแทบอยากจะปราดเข้าไปกระกาศกร้าวด้วยคำสบถด่าที่หยาบคายที่สุดในชีวิตกับพวกเธอ
‘ตาถั่วรึไง! ไม่มีน้องชายคนไหนอยากเอาพี่ตัวเองหรอกโว้ยยย! ’
บ้านขนุน
“อา.....ไม่มีคนอยู่บ้าน ขโมยขออนุญาตยกทีวีไปแล้วนะครับ!”
“หนุนลูก!”
“ผมกลับมาแล้วครับแม่”หญิงสาววัยกลางคนที่หน้าตาตื่นกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากห้องครัวถลาเข้ากอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างคิดถึงจนน้ำตาแทบปริ่ม ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่ซ้ายขวาอย่างคิดถึงนัก ใบหน้าที่ยังดูสวยสะพรั่งเป็นคุณแม่ยังสาวยิ้มกว้างสองมือเข้าโอบใบหน้าลูกชาย
“กลับมาทำไมไม่บอก ไหนหนุนบอกแม่ว่าจะมาช่วงเย็นๆ ตอนนี้เพิ่งเที่ยงเองนะ หากโทรมาแม่จะได้ขับรถไปรับที่ท่ารถตู้”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ”ไม่ต้องบอกว่าขนุนได้รอยยิ้มที่สดใสแบบนั้นมาจากใคร
“จะต้องเซอร์ไพรส์อะไรอีก แม้ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ มาไม่บอกเวลาเนี้ยแสบจริงๆ แบบนี้แม่ก็เป็นห่วงน่ะสิ”คนเป็นแม่ส่ายหน้าฟาดมือเบาๆ ไปที่แขนลูกชายที่ชอบทำให้เป็นห่วง
“โถ่แม่ครับ หนุนโตแล้วอย่าเป็นห่วงเลย แล้วนี่ทำอะไรอยู่ครับ? ”คนโดนบ่นหักเหประเด็นได้อย่างแนบเนียน
“เก็บของเข้าตู้เย็นครับ แม่เพิ่งกลับมาจากซื้อของข้างนอกน่ะ”
“ให้ผมช่วยนะครับ”ขนุนคล้องแขนแม่เอียงหัวเข้าซบไหล่อย่างออดอ้อน เธอมองลูกชายที่นับวันจะตัวโตกว่าเธอด้วยแววตาอ่อนโยน คนเป็นแม่ถึงกับยิ้มกว้าง ไม่มีความสุขไหนดีที่สุดเท่ากับลูกชายคนเดียวที่อยู่ตรงหน้าแล้ว
“ไม่ต้องหรอก จะเสร็จแล้ว หนุนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนดีกว่าแล้วลงมากินข้าวเที่ยงพร้อมกัน ยังไม่กินอะไรมาใช่มั้ย? ”
“ก็แน่สิครับ หิวมากเลย งั้นหนุนเอากระเป๋าไปเก็บแล้วจะรีบลงมานะครับ”ขนุนไม่ลืมที่จะกอดแม่แน่นๆ อีกครั้งให้หายคิดถึงโดยมีสองมือที่โอบตอบกลับมาเช่นกัน ขนุนจะผละออกจากออกแม่แล้วเข้าหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนเด็กไม่ยอมโต
นั่นล่ะชีวิตปกติของสองแม่ลูกที่มีให้ดูแลกันอยู่แค่สองคน
ขนุนไม่เคยเขินอายที่จะแสดงความรักต่อแม่โดยการกอดการหอม มันคือความอบอุ่นและความรักที่ไม่ต้องปกปิด เพราะไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายเราจะได้แสดงความรักต่อคนที่เรารักที่สุดครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ การพรากจากคือฝันร้ายที่เป็นจริงอย่างหลีกหนีไม่ได้
ขนุนเคยผ่านความเจ็บปวดมาแล้ว แม่ของขนุนก็เช่นกัน
ความเจ็บปวดในวันที่สูญเสียเสาหลักของครอบครัวไปก็มากพอที่จะย้ำเตือนให้แม่ลูกกอดกุมมือกันให้แน่นยิ่งกว่าวันไหนๆ มันนานมากแล้วตั้งแต่ขนุนยังเด็กแต่ก็จำเรื่องราวได้ทุกอย่าง เหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครลืมเลือน แต่ก็ไม่อยากนึกถึงมัน จดจำไว้เพียงความรู้สึกผูกพันที่ตราตรึงอยู่ในใจของกันและกันมากกว่า
“หนุนอย่าวิ่งขึ้นบันได!”
“คร้าบบบบ!”
“จริงๆ เลยลูกคนนี้”ผู้เป็นแม่มองแผ่นหลังที่เคยเล็กจ้อยแต่บัดนี้กลับกว้างขึ้นพร้อมกับส่วนสูงที่ไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปด้วยรอยยิ้ม ละสายตาจากขนุนที่วิ่งตึงตังหายขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านไปยังภาพถ่ายสีซีดจางแต่กรอบภาพยังคงเหมือนใหม่เพราะถูกดูแลทำความสะอาดทุกวัน รอยยิ้มหวานและดวงตาที่อ่อนแสงลงพึมพำกับรูปภาพที่วางอยู่ในตู้แก้วทรงสูงราวกับคนในภาพยังมีชีวิต
“ดูลูกเราสิคะ โตแต่ตัวจริงๆ เลย”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้ายิ้มและเข้าครัวไปจัดโต๊ะทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาสองคนแม่ลูก ซึ่งปกติที่บ้านจะมีป้าขิมผู้ที่แม่ของขนุนจ้างมาเป็นทั้งแม่บ้านและเพื่อนคุยด้วย แต่เพราะวันนี้เป็นวันพระเธอจึงให้ป้าขิมกลับไปกินข้าวกับลูกๆ ที่บ้าน หลังจากที่ตอนเช้ามาช่วยทำกับข้าวใส่บาตรพระแล้ว
“อดเจอป้าขิมเลย กะจะแซวสักหน่อยว่าสาวสวยขึ้นเยอะ”
“ก็เราไม่บอกล่วงหน้าว่าจะมาเร็ว แม่ก็บอกป้าแกไว้ว่าให้มาอีกทีตอนเย็น แล้วให้ชวนเจ้าโด่งมากินข้าวแล้วกินขนมด้วย”วันนี้เป็นวันดีอีกวัน เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของประภัสสรผู้เป็นแม่ของขนุน เธอเลยชักชวนคนใกล้ชิดมากินข้าวด้วยเป็นมื้อพิเศษๆ
“เจ้าโด่งตัวซนตัวแสบน่ะเหรอครับ”ขนุนนึกถึงเจ้าเด็กแสบที่แก่แดดเป็นที่หนึ่ง อายุคือเด็กประถมแต่ใจนี่ไปมหาลัยแล้วก็ว่าได้
“ใช่ ว่างๆ ก็มาเล่นที่บ้านบ่อย แล้วกลับพร้อมป้าขิมตอนเย็น”คนเป็นแม่พูดพร้อมกับตักของที่ขนุนชอบอย่างหมูทอดใส่จานให้ รู้ว่าขนุนไม่ชอบมะระยัดไส้แต่กินไก่สับข้างในได้ก็ตักเอาแต่ไส้แล้วใส่จานให้อย่างรู้ใจ
“ไม่ได้เจอตั้งหลายเดือน สงสัยจะแสบขึ้นกว่าเดิมน่าดู”ขนุนหัวเราะรินน้ำเย็นๆ ใส่แก้วแล้วเลื่อนให้แม่
“เสมอต้นเสมอปลายล่ะเจ้าโด่งน่ะ ว่าแต่หนุนเถอะ.....เป็นยังไงบ้างครับ แม่อยากคุยต่อจากโทรศัพท์เมื่อหลายวันก่อน”จู่ๆ คนเป็นแม่ก็วางช้อนประสานมือรองคางมองลูกชายตรงหน้าที่กลืนข้าวคำโตตามด้วยยกแก้วขึ้นดื่มน้ำอึกใหญ่ สายตาเลิ่กลั่กเขินอายผสมปนเปไปหมด
“เรื่องอะไรครับ”
“อย่าทำเป็นไม่รู้ คนที่หนุนชอบ ตอนนี้เรื่องเป็นยังไงบ้างแล้ว”
“แม่ก็ถามไม่อ้อม”
“อ้อมแล้วแม่จะรู้เรื่องเมื่อไหร่ล่ะ”ขนุนชั่งใจอยู่ว่าจะบอกเรื่องคณินให้แม่ฟังดีหรือเปล่า แต่ส่วนหนึ่งก็ยังไม่มั่นใจเพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยกธงเขียวให้เห็นกันซึ่งๆ หน้าว่าขนุนมีสิทธิ์เข้าไปครอบครองใจได้หรือไม่ ที่แล้วมามีแต่เรื่องกำกวมไม่ชัดเจน
แม้ขนุนพยายามจะทำให้มันชัดเจนแต่ก็ยังคงเลือนรางกับคนที่มองมาอยู่ดี แต่ถึงอย่างนั้นขนุนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องยอมแพ้ เข้าใจว่าคณินเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง ความใจดีที่คณินมอบให้ก็ใช่ว่าจะต้องมองว่าอีกฝ่ายมีใจต่อตัวเอง คณินปฏิบัติต่อขนุนเหมือนคนพิเศษแต่ความเป็นจริงแล้วก็อาจจะแค่เอ็นดู แต่แค่นี้ขนุนก็พอใจแล้ว
“ว่าไง เงียบคืออะไรครับ? ”
“โถ่แม่ครับ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้หรอก ขอหนุนคิดอีกสักหน่อย โม้ออกไปกลัวขายขี้หน้าเพราะเขาไม่รัก”
“ใครกันจะไม่ชอบลูกแม่ ออกจะน่ารักน่าตีขนาดนี้”คนเป็นแม่เอื้อมมือไปบีบแก้มลูกชายตัวเองเบาๆ ย้ายไปมาอย่างมันเขี้ยว
“แม่อ่า! ไม่เคลมว่าน่าตีได้มั้ย สรรพคุณไม่ชวนซื้อเลย”ขนุนทำปากแบนกะพริบตาใสเหมือนงอนคนตรงหน้า
“เอ้า ก็มันจริงนี่ จะให้แม่เคลมว่าหนุนลูกแม่เรียบร้อย พูดน้อย ขี้อายเหรอ”คนเป็นแม่เย้าหยอก
“โกหกสักนิดก็ได้ครับ”
“เจ้าลูกคนนี้!”
ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังพูดคุยกัน โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะของผู้เป็นแม่ก็สว่างขึ้น การแจ้งเตือนของไลน์เด้งขึ้นมา เจ้าของโทรศัพท์จึงคว้าเข้าเปิดอ่าน อมยิ้มให้กับข้อความที่พิมพ์มาค่อนข้างยาว ก่อนจะพิมพ์ตอบแล้ววางโทรศัพท์
“ใครเหรอครับ เอ๊ะ! หรือว่ากิ๊กกับใครอยู่เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่”
“พูดเพ้อเจ้อน่ะหนุน เพื่อนแม่ที่รู้จักต่างหาก หนุนคงจะจำไม่ได้เพราะตอนนั้นหนุนเด็กมากคุณรีเขาใจดีกับลูกมากๆ เลยด้วย เคยซื้อของเล่นให้ตั้งหลายอย่างตอนเด็กๆ แต่สุดท้ายก็ยอมทิ้งของเล่นไปเล่นกับคุณพี่เขาอยู่ดี วันนี้คุณรีส่งข้อความมาอวยพรวันเกิด และบอกว่าจะส่งของขวัญมาให้ เข้าใจรึยังครับ”
“หว้า อดแซวต่อเลย”ขนุนถอนหายใจแรง จนผู้เป็นแม่ต้องง้างมือขึ้นกลางอากาศอยากจะฟาดสักที แต่ก็นั่นแหละแค่คิด พออีกฝ่ายส่งสายตาอ้อนหวานๆ มาก็ลดมือลงแทบไม่ทัน
ประภัสสรรู้ว่าขนุนชอบพูดแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าการมีขนุนอยู่จะเป็นภาระชีวิตให้เธอไมมีความสุขในความรัก ประภัสสรรู้ว่าขนุนไม่ใช่เด็กใจแคบและหวังให้แม่ของตัวเองมีความสุข ไม่ต้องอยู่แบบเหงาๆ โดดเดี่ยวไปวันๆ แต่เธอเองกลับคิดว่าตัวเองพอแล้ว ในใจไม่มีอะไรต้องให้เติมอีก เธอได้รับความรักจนล้นแม้กระทั่งจากสามีที่จากไปแล้วและจากลูกของตัวเอง
มีแต่ขนุนมากกว่าที่เธออยากจะให้มีความสุขไม่แพ้ตัวเธอเอง ไม่อยากให้ต้องคิดว่าต้องคอยเติมให้คนอื่นมีความสุขจนลืมนึกถึงหัวใจตัวเอง ขนุนมักจะเป็นแบบนั้น ร่าเริง สดใส แต่ข้างในกลับมีรูเล็กๆ ที่มองไม่เห็น บางครั้งประภัสสรก็ไม่อาจเติมรูรั่วเหล่านั้นให้เต็มได้ เธอทำหน้าที่แม่และพ่อในคนคนเดียวกันย่อมรู้ว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่ใจคิด
“ว่าแต่.....คุณพี่ที่แม่หมายถึงนี่ใครเหรอครับ ไม่ยักรู้ว่าผมรู้จักคนชื่อแบบนั้นด้วย”
“อาจจะนานมาก หนุนคงจำไม่ได้.....ก็ตอนนั้น”
กิ๊งก่อง!
ไม่ทันที่ประภัสสรจะพูดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“สงสัยจะเป็นไปรษณีย์ หนุนเก็บโต๊ะด้วยนะครับ แม่อิ่มแล้ว เดี๋ยวแม่ออกไปเอาของแป๊บนึงล้างจานด้วยล่ะ”แม่ของขนุนเอื้อมมือมาแตะหลังมือลูกชายของตัวเองเบาๆ เป็นการบอก ก่อนจะรีบร้อนลุกออกไปในทันที
“อ่าครับ.....”ขนุนพยักหน้าลุกขึ้นเก็บถ้วยเก็บจานบนโต๊ะตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด จัดการกวาดเก็บกระทั่งล้างจานคว่ำไว้เรียบร้อย เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่ออกไปนานเลยเดินตามออกไป แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่จะเดินเข้าบ้านมาซะก่อนพร้อมกับหิ้วถุงกระดาษใบหน้าสีดำเข้ามาหน้าตายิ้มแย้ม
“ไม่ใช่พี่ไปรฯ หรอกเหรอครับ? ”ขนุนสงสัยเพราะดูยังไงของที่หิ้วมาก็ไม่น่าจะใช่พัสดุที่ทางไปรษณีย์นำมาส่ง
“อืม พอดีมีคนเอาของมาให้จากคุณรีที่แม่บอกเมื่อกี้จำได้ไหม”
“อ๋อครับ แล้วแม่คุยกับใครอยู่ตั้งนานจนผมจะออกมาตามแล้วเนี้ย”ขนุนยื่นมือเข้าไปช่วยถือถุงกระดาษจากมือแม่ทำท่าชะเง้อมองออกไปข้างนอกก็ไม่เห็นใคร
“จริงสิ คนที่แม่เจอเมื่อกี้คือคนที่หนุนถามถึงนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่แม่พยายามชวนเค้าเข้าบ้านเราแล้วแต่อีกฝ่ายดันมีธุระด่วนซะอย่างนั้น ตอนนี้ดูเหมือนจะโตขึ้นเยอะเลยจนแม่แทบจำไม่ได้ เค้าสูงกว่าลูกอีกนะรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเชียว”
“คุณพี่ที่แม่พูดถึงน่ะเหรอครับ? ”ขนุนขมวดคิ้วถามเอียงหน้าครุ่นคิด
“อื้ม”
“หนุนไปไหนลูก! ”จู่ๆ ขนุนก็วิ่งออกไปคล้ายอยากรู้อยากเห็นอย่างกะทันหัน วิ่งออกไปรองเท้าก็ไม่ใส่เพื่อที่จะดูหน้าว่าคุณพี่ที่ว่าเป็นใคร ขนุนออกไปก็เห็นแผ่นหลังที่สวมเสื้อเชิตสีขาวผ่านซี่ประตูรั้วแว็บๆ ซึ่งอีกฝ่ายกำลังเดินข้ามไปอีกฝั่งถนนแคบๆ ในซอยหมู่บ้านไปยังรถที่น่าจะจอดอยู่ ขนุนมองไม่ชัดเจนพยายามชะเง้อสุดความสูงแต่ดันมีรถดูดส้วมคันใหญ่ของเทศบาลผ่านมาบังซะก่อน จนคนที่ต้องการเห็นหน้าก็ดันขับรถสวนกลับออกไปพอดีจนไม่ได้เจอ
“ออกมาดูพี่เขาเหรอหนุน? ”
“ครับ”
“ทันเจอมั้ย? ”
ขนุนส่ายหน้าไหวไหล่“ไม่ครับ”
“ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าอีก เข้าบ้านเถอะ”
‘ตอนเด็กๆ มีคนที่เราจำไม่ได้ด้วยเหรอ แปลกจัง?’
ติดตามตอนต่อไป >>>
ขอบคุณนักอ่านที่แวะมาอีกครั้งค่า
โดย หลานฮวา