ปกติแล้วการทำงานนอกสถานที่มักเป็นสิ่งที่ภูริชื่นชอบ ได้ผ่อนคลายในบรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม เขาไม่เคยรู้สึกว่าเวลาเดินช้า ไม่เคยรู้สึกอยากกลับ...มากเท่าครั้งนี้เลย
ทิฐิและความน้อยใจแต่เดิมเริ่มลดลงไป หากเนมินไม่เลือกเขาจริงๆ เขาก็อยากได้ยินจากปาก อยากฟังเหตุผล และพร้อมจะ....ยื้อยุดเอาไว้ เขาไม่สามารถปล่อยเนมินให้เป็นของคนอื่น....ปล่อยไม่ได้จริงๆ
ห้องนอนที่ไม่ได้ใช้เอนกายเย็นชืด ไร้ซึ่งบรรยากาศของการมีชีวิต ชายหนุ่มที่อยากจะมาใช้ชีวิตต่างเมืองเพื่อให้จังหวะชีวิตผ่อนคลาย ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่ต้องการ วิถีชีวิตสงบและผ่อนคลายจริง แต่บางครั้งมันก็เงียบเหงาเกินไป เขาเสียเวลาคิดว่าจะไปหาเนมินที่บ้านตอนนี้ดีหรือเปล่า ดึกขนาดนี้จะรบกวนไปไหม อีกฝ่ายจะอยู่บ้านมั้ย หรือควรโทรไปหาก่อน ทำไมการเข้าหาคนที่ยังได้ชื่อว่าแฟนมันต้องคิดหนักแบบนี้
“ว่าไงครับมิน”คนที่กำลังนึกถึงโทรมาพอดี อย่างน้อยใจก็ยังตรงกันอยู่
“.....ผมเองครับพี่ภู”
“........เมธเหรอ”
“ครับ ขอโทษที่เอาเบอร์มินโทรนะครับ แต่ผมไม่มีเบอร์พี่....ผมอยากคุยด้วย ตอนนี้พอจะมีเวลามั้ยครับ”
“เอาสิ จะให้พี่ไปหาที่ไหนล่ะ”
“มาที่บ้านมินก็ได้ครับ”
“อืม งั้นเดี๋ยวพี่ออกไป”หลังจากวางสายเขาก็ถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกมา จากที่คิดว่าอยากไปหา ก็กลับรู้สึกไม่อยากไป
.....ผมรักคุณ.....
........และทำทุกอย่างได้เพื่อคุณ.......
………แต่ถ้าคุณไม่ต้องการ........
..............ผมจะต้อง.......ปล่อยมือจากคุณหรือเปล่า..........
บ้านหลังเล็กของเจ้าของหน้าหวานยังเป็นจุดหมายเดียวที่เขารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้มองมา ผู้ชายร่างสูงโปร่งยืนรอเขาที่ประตูบ้านเมื่อรถจนสนิท ภูริพยักหน้าแทนคำทักทายก่อนจะเดินตามเมธาเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น คนที่คิดว่าจะได้เห็นหน้าเมื่อมาถึงกลับไม่เห็น
“มินนอนอยู่บนห้องครับ”
“....อืม...เมธจะคุยอะไรก็ว่ามาเลย”
“ผมต้องขอโทษพี่ด้วย ผมรักมิน ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าพี่มองออก แต่ผมบอกพี่ได้เลยว่าผมไม่เคยหวังอะไรจากมินนอกจากคำว่าเพื่อน.....ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าการมาครั้งนี้จะต้องมารับรู้เรื่องของพี่กับมิน ผมก็เลยยังตั้งตัวไม่ติด มินเองก็ไม่เคยคิดว่าผมจะรู้สึกกับเขามากกว่าเพื่อน.....มินไม่ได้รักผมหรอก....แต่มินคงเกรงใจและสงสารผม ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรต่อหน้าพี่วันนั้น มินน่ะเป็นคนจิตใจดี สะอาด เขาสดใสและบริสุทธิ์เสมอ คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง มินไม่เคยคบใคร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักพี่มาก......มากกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก”
“.......พี่ไม่ใช่คนใจกว้างนะเมธ บอกตรงๆ ว่าพี่ไม่ชอบที่เห็นเมธใกล้ชิดกับมิน ยิ่งตอนนี้มินรู้แล้ว ความสัมพันธ์ของมินกับเมธจะไม่มีวันเหมือนเดิม มันจะไม่สนิทใจได้เหมือนก่อนอีก พี่อยากให้เมธตัดใจจากมินซะ....เหลือแค่ความเป็นเพื่อนก็พอ....พี่ไม่อยากให้มินสับสนมากไปกว่านี้”ภูริยังคงไม่เชื่อว่า เพื่อนสนิทที่ดีด้วยเสมอมา ทุ่มเทรักให้เสมอมา จะไม่ทำให้อีกฝ่ายหวั่นไหวได้เลย ยังไงก็ต้องกันไว้ก่อน
“....บางทีคงต้องเป็นอย่างนั้น ผมคงต้องรักษาระยะห่างจากมินให้มากขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะพี่หรอก เพราะผมห่วงจิตใจของมินมากกว่า....ตอนนี้มินอาการกำเริบอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่ามินเล่าอะไรให้พี่ฟังบ้างมั้ย พี่เป็นผู้ใหญ่กว่า พี่ควรจะใจเย็นมากกว่านี้ พี่รู้ว่ามินไม่สบาย พี่ก็ควรจะใส่ใจสุขภาพเขามากๆ มินไม่ใช่คนช่างพูด พี่รู้มั้ยว่าตั้งแต่พี่ขับรถหนีมินวันนั้นมินก็อาการทรุดลง ผมต้องอุ้มไปโรงพยาบาลเพราะมินหมดสติจนเกือบตกบันได มินไม่ยอมออกจากห้อง เอาแต่นอน ข้าวก็ไม่ยอมกิน แต่อย่างเดียวที่มินทำคือกำโทรศัพท์เอาไว้ไม่ปล่อย......แต่พี่ก็ไม่คิดจะโทรหามินเลย”
“แล้วนี่มินดีขึ้นรึยัง หมอว่ายังไงบ้าง”หลังจากที่ได้ยินสิ่งแรกคือเป็นห่วง และตามมาด้วยความรู้สึกผิด เมื่อรู้ว่าเนมินเครียดและล้มป่วยเพราะตัวเอง
“ก็ดีแล้วครับ แต่เป็นไข้นิดหน่อย อีกสองวันค่อยไปตรวจร่างกายใหม่”
“ขอบใจนะที่คอยดูแลมินแทนพี่.....ถ้างั้นพี่ขอขึ้นไปดูมินก่อนแล้วกัน”
“......ฝากมินด้วยนะครับ”
“อืม ไม่ต้องเป็นห่วง”บางทีนี่อาจเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่พวกเขามีให้กันอย่างจริงใจ ไม่มีความสงสัย ขุ่นข้องหมองใจ เป็นรอยยิ้มที่เกิดจากมิตรภาพของผู้ชายสองคน....ที่มอบและรับมอบคนสำคัญของตัวเอง
ประตูไม้สีขาวสะอาดตาเหมือนเจ้าของห้องนอน เป็นครั้งแรกที่ภูริได้เข้ามาให้โลกของเนมินมากขึ้น ถึงเขาจะมาบ้านเนมินบ่อยๆ แต่ใช่ว่าจะเคยมาถึงห้องนอน สิ่งแรกที่สะท้อนเข้าสู่สายตาคือร่างบางที่นอนคู้ตัวอยู่บนเตียงหลังใหญ่ ผ้านวมผืนหนาสีฟ้าอ่อนช่วยให้ผู้ที่อาศัยความอุ่นดูบริสุทธิ์มากขึ้น ถึงไฟในห้องจะมืดสนิท หากแต่แสงไฟด้านนอกยังทำให้เห็นโครงหน้าที่ซูบผอมลงไป น้ำหนักตัวที่ทิ้งลงด้านหลังของคนหลับใหลทำให้คนหลับรู้สึกตัวเพียงเล็กน้อย หากแต่ไออุ่นจากฝ่ามือที่สัมผัสแนบแก้มเนียนต่างหากที่ปลุกอีกฝ่ายจากนิทรา
“...........พี่ภู”ไม่ว่าโครงหน้า สัมผัส หรือไออุ่น แต่เนมินก็มั่นใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือภูริแน่ๆ
“ครับ”
“.........พี่ภู......”
“พี่ภูเองครับ.....พี่คิดถึงมินนะ”
“......แล้วทำไมไม่โทรมา พี่จะทิ้งมินแล้วใช่มั้ย ทำไมพี่ภูใจร้ายกับมินแบบนี้ มินทำอะไรผิด ทำไมไม่ฟังมินบ้าง”ตัดพ้อที่พรั่งพรูจากอีกฝ่ายทำให้ต้องโน้มตัวลงไปกอดเอาไว้แทนคำปลอบโยน
“ขอโทษนะครับ พี่ก็เป็นแบบนี้ล่ะ ใจร้อนไปหน่อย แต่พี่ไม่ได้ทิ้งมินหรอกนะ มินอย่าคิดมากนะครับ เห็นมินป่วยเพราะพี่แล้ว พี่รู้สึกว่าตัวเองเลวจริงๆ”
“ไม่นะ พี่ภูไม่ใช่คนเลวนะ มินผิดเอง มินขอโทษนะ พี่ไม่โกรธมินแล้วใช่มั้ย”เนมินจับมือที่ลูบโครงหน้าไว้แนบแก้มของตัวเอง
“พี่ไม่ได้โกรธมินหรอก พี่แค่ไม่พอใจที่มินทำท่าเหมือนลังเล พี่รู้ว่าระหว่างเรามันเกิดขึ้นเร็ว บางครั้งอะไรนิดๆ หน่อยเราก็เลยยังไม่มั่นใจกันไปบ้าง อย่างห้องนอนมินพี่ก็เพิ่งเคยขึ้นมา ห้องพี่มินก็ยังไม่เคยไป ระหว่างเรามันยังมีอะไรให้ปรับเข้าหากันอีกเยอะเลย”
“ครับ มินไม่รู้ว่าพี่ภูจะคิดมากเรื่องเมธ เมธเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมิน มินไม่อยากทำร้ายจิตใจพื่อน พี่ภูเข้าใจมินนะ มินไม่ได้ลังเล มินรักพี่ภูคนเดียวจริงๆ นะ”
“ครับ พี่ก็รักมินนะ พี่อาจใจร้อน โมโหง่ายไปบ้าง พี่ก็ขอโทษมินด้วย พี่ไปทำงานที่ต่างจังหวัดมา แต่พี่ก็รอโทรศัพท์มินอยู่ตลอดนะครับ”
“มินก็รอพี่เหมือนกัน”
“อืม ต่างคนต่างรอ ถ้าคุยตั้งแต่แรกเราก็ไม่ต้องทนกลุ้มกันตั้งนาน มินก็ไม่ต้องป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบนี้ พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ดูแลมิน พี่รู้สึกไม่ดีเลย”
“มินไม่เป็นอะไรมากหรอก ตอนนี้พี่ก็มาดูแลมินแล้วนี่”
“มิน....ถ้าพี่จะย้ายเข้ามาอยู่กับมินล่ะ มินจะอึดอัดมั้ย”
“........มิน...เอ่อ....”
“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ พี่แค่เป็นห่วง เกิดมินเป็นลมหรือเป็นอะไรขึ้นมาอีกพี่จะทำยังไง คราวนี้โชคดีที่เมธอยู่ด้วย ไม่งั้นใครจะคอยช่วยมินล่ะ”ภูริยิ้มให้เนมินแทนคำปลอบโยน เขาไม่อยากเร่งรัดอะไรมาก หากได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น คงช่วยถมช่องว่างของกันและกันได้เร็วขึ้นก็เท่านั้น
“มิน....เอ่อ.....ถ้าพี่ภู...ไม่รังเกียจก็มาอยู่ก็ได้....แต่บ้านมินก็เล็กแค่นี้เองนะ”
“เล็กตรงไหน พี่เช่าคอนโดอยู่ เล็กกว่าบ้านมินตั้งเยอะ งั้นตกลงให้พี่มาอยู่ด้วยนะ”
“......ครับ”เนมินตอบพร้อมก้มหน้าหนีสายตาพราวที่จ้องรอคำตอบ เวลาร้ายก็ดูน่ากลัวจนเขาหวั่นใจ แต่เวลาดีก็ดูเจ้าเล่ห์และทำให้เขาหวั่นไหวเสมอ
“เฮ้ออออ....หมดเรื่องกันซะทีนะ พี่ขาดมินไม่ได้จริงๆ พี่รักมินมากเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งๆ ที่เราก็รู้จักกันไม่นานเอง มินเป็นเหมือนพี่มั้ย”
“......มินก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมมินถึงรักพี่ภูง่ายๆ แบบนี้ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่มินก็ไม่เคยคบใครเลยสักคน”
“นั่นสิ เรื่องระหว่างเรายังต้องทำความเข้าใจกันอีกเยอะเลย ต่อไปนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันนะ เรามาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ดีมั้ย”
“ดีครับ มินก็อยากให้พี่มาอยู่กับมินเหมือนกัน”
“ว่าแต่....ให้พี่นอนห้องเดียวกับมินด้วยได้มั้ย”ที่คิดไว้ว่าเจ้าเล่ห์ ก็เริ่มแสดงเล่ห์เหลี่ยมขึ้นมาทันที
“............”เนมินเลือกที่จะส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ทำไมล่ะ ห้องมินก็กว้าง เตียงก็ใหญ่ นอนสองคนกำลังพอเลย เผื่อคืนไหนมินหนาวพี่จะได้กอดไว้ไง แบบตอนนี้ไง”แรงกระชับรอบเอวทำให้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกกอดไว้ทั้งตัว
“พี่ภูมือไว มินจะไว้ใจได้มั้ยเนี่ย”ถึงปากจะบ่น แต่เนมินก็ไม่ได้ขยับหนีหรือผลักไส
“มือไวกับแฟนตัวเองไม่เห็นเป็นไรเลย ขนาดกอดไม่บ่อยยังรู้เลยว่ามินผอมลงไปมาก”
“ก็พี่ภูทิ้งมิน มินก็เลยกินอะไรไม่ลง”
“งั้นตอนนี้กินลงรึยัง เมธเขานั่งกลุ้มใจเรื่องเพื่อนรักไม่กินข้าว ป่านนี้คงโทษว่าฝีมือทำอาหารตัวเองไม่ได้เรื่องอยู่ล่ะมั้ง”
“เมธทำอาหารอร่อยนะ พี่ภูกินแล้วจะติดใจ”
“เหรอ งั้นลงไปหาอะไรกินดีกว่ามั้ย ไม่ไหวแล้ว ผอมจนเจอแต่กระดูก ต้องรีบขุนให้อ้วนๆ หน่อย”
“ไม่เอาหรอก มินไม่อยากอ้วน พี่ภูอ้วนไปคนเดียวเลย”เนมินแกล้งว่าแล้วพยายามลุกหนี อีกฝ่ายยอมให้ลุกแต่ไม่ยอมปล่อยมือ มือข้างที่ว่างก็ดึงชายเสื้อตัวเองขึ้นอวดกล้ามท้องให้อีกฝ่ายเห็น
“อะไร มาว่าพี่อ้วนได้ไง ตรงไหนอ้วน มีแต่กล้ามต่างหาก”
“พี่ภูทะลึ่ง มาเปิดเสื้อโชว์หุ่นตัวเองทำไม มินไม่อยากดูสักหน่อย”
“ไม่อยากจริงเหรอ ดูหน่อยสิ นะๆ หุ่นพี่ออกจะดี”
“ไม่ดู พี่ภู! หยุดเลยนะ ทะลึ่ง มินจะไปหาเมธแล้ว”นอกจากจะเปิดเสื้อให้ดูแล้วยังจับมือเนมินมาสัมผัสด้วย หน้าซีดซับสีเลือดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ คนขี้แกล้งก็ได้แต่อมยิ้มกับท่าทางไร้เดียงสา
“หนีไปไหนล่ะ มาว่าคนอื่นอ้วนได้ไง เดี๋ยวจะเจอดี”
เสียงหยอกล้อของคู่รักจากชั้นบนช่วยเรียกรอยยิ้มละไมบนใบหน้าจากคนที่เฝ้ารอด้านล่าง ถึงเสียงหัวเราะ ถ้อยคำหวาน คำรักที่เอ่ยจากปากจะไม่ได้ส่งถึงเขา.....แต่ตราบใดที่เนมินยังหัวเราะ.....ยังยิ้มได้.....เขาก็พอใจแล้ว
วันนี้ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยแสงสีทองอร่าม รุ่งอรุณมาเยือนผู้คนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เสียงนกร้องยังคงขับขานควบคู่กับเสียงเครื่องยนต์บนท้องถนน แต่ใช่ว่าจะไม่มีคนได้ยินเล็กๆ เหล่านั้น ร่างสองร่างที่นอนอิงแอบแนบกายแบ่งปันไออุ่นใต้ผ้านวมผืนหนายังคงได้ยินเสียงร้องประสานของเหล่าวิหค รอยยิ้มละไมบนใบหน้าของคนฝันหวานช่วยทำให้คนที่ลอบมองคนรักในอ้อมกอดยิ้มตามไปด้วย แก้มนวลใสที่สัมผัสมาหลายครั้งยังคงหอมและนุ่มน่าสัมผัสเหมือนเดิม เสียงหายใจเบาๆ และหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจคือสิ่งที่ชายหนุ่มต้องคอยเฝ้าสังเกตอยู่ทุกวัน หัวใจที่บอบบางยังคงเต้นอย่างสม่ำเสมอ ปากบางได้รูปอมยิ้มนิดๆ แม้จะอยู่ในห้วงหลับใหล หากใครได้เห็นก็คงต้องนึกอยากเฝ้ามองดูเงียบๆ เหมือนเขาตอนนี้ แต่การปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นจากฝันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าไม่แพ้กัน ดวงตากลมโตสดใสที่มองตรงมาที่เขา คำหวานที่มอบให้กันทุกเช้า......ตื่นมา.....อยู่ในความเป็นจริงที่มีกันและกัน...ตลอดไป
“มินครับ....ตื่นได้แล้ว ได้เวลาเปิดร้านแล้วนะ”
------------------------------------------End---------------------------------------