นับว่าเป็นโชคดีของภูริที่ไม่ต้องพบกับเจ้าของกระถางดอกไม้เหมือนเมื่อเช้า รอยยิ้มใสๆ ของเจ้าของร้านในยามนี้มอบให้เขาเพียงคนเดียว ถึงแม้จะมอบให้ในฐานะลูกค้า แต่เขาก็เชื่อว่าตัวเองเป็นลูกค้าที่พิเศษกว่าลูกค้าคนอื่น
"ขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อเช้ามินไม่ได้เดินไปส่งถึงรถ"เนมินฉวยโอกาสกล่าวคำขอโทษก่อนที่ตัวเองจะลืม
"ไม่เป็นไรครับ มินครับ นี่เพื่อนๆ ที่ทำงานพี่"ภูริแนะนำเพื่อนร่วมงานที่นั่งรอบๆ โต๊ะทีละคน บางคนก็เพิ่งเคยเข้ามานั่งในร้าน บางคนก็เพิ่งเคยมาลิ้มรสชาติเป็นครั้งแรก
"แต่งร้านน่ารักดีนะคะ เปิดวันแรกก็ยังแน่นขนาดนี้ รับรองต่อไปขายดีกว่านี้แน่ๆ"อรจิราตักเค้กช็อคโกแล็ตนุ่มๆ เข้าปากคำแล้วคำเล่าจนเจ้าของร้านอดยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่ได้
"ขอบคุณครับ ว่างๆ ก็แวะมาทานบ่อยๆ สิครับ เดี๋ยวมินให้ส่วนลดพิเศษ หรือถ้าอยากให้ไปส่งที่ทำงานก็ได้นะครับ ร้านเรามีบริการส่งถึงที่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม"เนมินพูดถึงบริการใหม่ที่ได้ความคิดมาจากพนักงานใหม่ทุกคน ใจจริงเขาก็เคยคิดอยากจะให้ร้านมีบริการแบบนี้ แต่ติดตรงที่จำนวนพนักงานอาจไม่พอ หากแต่ตอนนี้ที่ร้านมีพนักงานมากกว่าเมื่อก่อน พนักงานทุกคนก็สนับสนุนด้วย
"ก็ดีนะ ความจริงพวกพี่ก็เคยคิดอยากซื้อเหมือนกันนะ แต่ส่วนใหญ่จะขี้เกียจเดินออกมา อาศัยชงกาแฟดื่มเองไปวันๆ มีแต่ไอ้ภูนี่ล่ะที่ขยันเดินออกมา"เพื่อนร่วมงานอีกคนที่สนิทกับชายหนุ่มแกล้งพูดแซว เมื่อเขาได้เห็นหน้าเจ้าของร้านหน้าหวาน เขาก็รู้แล้วว่าอะไรที่ทำให้อาจารย์หนุ่มคนนี้ยอมเดินออกมานั่งที่ร้านกาแฟทุกวัน ถึงแม้จะมีเวลาพักแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเท่านั้น
"ก็พักตั้งนาน จะให้นั่งอยู่แต่ในห้องรึไงวะ"ภูริแก้เก้อเพราะกลัวว่าเพื่อนจะพูดมากแล้วทำให้ใครอีกคนเขินอาย
"ข้างนอกมีของน่าสนใจมากกว่าว่างั้น"เพื่อนเขายังคงไม่หยุดเย้าแหย่ แต่คนที่ถูกพูดถึงกลับไม่เข้าใจบทสนทนาที่ตัวเองถูกพาดพิงเลยแม้แต่น้อย
"อืม...เมื่อเช้าพี่เห็นมีคนเอาดอกไม้มาให้มินด้วย เพื่อนหรือครับ"ภูริแสร้งถามในขณะที่ตัวเองต้องระงับอาการใจเต้นระหว่างรอคำตอบ
"...อ๋อ เพื่อนสนิทครับ รู้จักกันสมัยเรียน พอดีมาทำธุระที่นี่ก็เลยแวะมาหา"
"งั้นเหรอครับ"คำตอบที่ได้นับว่าน่าพอใจ แต่แววตาที่บ่งบอกถึงความสนิทสนมกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเก่า ลึกๆ แล้วเขาอยากถามเหลือเกินว่าเพื่อนสนิทคนนั้นได้บอกความหมายของดอกไม้ให้คนรับรู้หรือไม่
"ท่าทางพี่อรจะชอบทานเค้กนะครับ พรุ่งนี้มินจะทำช็อคโกแล็ตมูส ถ้าว่างก็แวะมาชิมนะครับ"เนมินยิ้มกว้างให้สาวสวยที่นั่งทานขนมหวานอย่างเจริญอาหารตรงหน้า
"จริงเหรอจ๊ะ ของโปรดพี่เลย เอาไว้พรุ่งนี้จะอุดหนุนแน่ๆ สงสัยต่อไปนี้คงได้ติดสอยห้อยตามภูมาทุกวันแล้วแน่ๆ เลย"คำพูดของหญิงสาวทำให้เพื่อนต่างพากันแซวเรื่องความเจริญอาหารมากเกินไป เนมินฝืนยิ้มส่งให้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหัวใจตัวเองวูบไหวแปลกๆ เมื่อได้ยินคำพูดเรียกขานกันอย่างสนิทสนม ไม่เพียงแค่คำพูด ท่าทีหยอกล้อกับชายหนุ่มข้างกายนั่นก็ด้วย เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานจริงๆ น่ะเหรอ หรือว่าสนิทสนมกันมากกว่านั้น
"น้องมินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย"ภูริเห็นท่าทางอีกฝ่ายแปลกไปก็อดออกปากถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้
"อืม...อาจจะเหนื่อยมากไป ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็เรียกพนักงานได้นะครับ มินขอไปพักก่อน"เนมินยกมือลูบหน้าเบาๆ ก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าไปนั่งพักหลังร้าน
"ตัวจริงน่ารักกว่าที่พูดไว้อีกนะคะภู"อรจิรายังคงไม่เลิกแซวชายหนุ่ม
"ก็บอกแล้วว่าน่ารัก ถ้าได้รู้จักจะยิ่งชอบนิสัยเขา"
"น่ารักแบบนี้แน่ใจเหรอว่ายังโสด"
"แน่ใจสิ แต่ท่าทางจะมีคู่แข่งโผล่มาหนึ่ง"
"...บางทีอาจมากกว่าหนึ่งแล้วก็ได้"เพื่อนร่วมงานอีกคนของเราพูดต่อ ทั้งโต๊ะหันมามองหน้าคนพูดที่ยังคงยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มช้าๆ ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แต่ท่าทางแบบนี้ล่ะที่บอกว่าเอาจริง
"พูดจริงพูดเล่นวะไอ้ติ"ภูริถามนิตินัยเพื่อนร่วมงานอีกคนที่นั่งนิ่งตลอดเวลาที่เนมินยืนอยู่เมื่อครู่ เขาหลงคิดว่าเพื่อนคนนี้คงไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้าเสียอีก เพื่อนทุกคนเฝ้ารอคำตอบแต่ก็ยังได้รับเพียงรอยยิ้มเท่านั้น
ทุกคนที่ภูริมาพาอุดหนุนยังคงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่คนพามากลับปลีกตัวมาหาเจ้าของร้านร่างบางที่หลบมุมมานั่งพักผ่อนในห้องเก็บของเล็กๆ
"ถ้ารู้สึกไม่สบายพี่ขับไปส่งที่บ้านดีมั้ยครับ"ชายหนุ่มกลัวว่าอีกฝ่ายจะฝืนร่างกายจนเกิดอุบัติเหตุเหมือนคราวก่อน
"มินไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับพี่ภู น้องๆ ที่ร้านมีหลายคน มินแทบไม่ต้องทำอะไรเลย"
"จริงๆ นะครับ"
"จริงสิครับ แล้วนี่มานั่งคุยกับมินแบบนี้เพื่อนๆ ไม่ว่าเอาเหรอครับ"
"ปล่อยพวกนั้นไม่เถอะ เจอกันมาทั้งวันอยู่แล้ว คุยกับมินดีกว่าอีก"ภูริแสดงอาการดีใจเต็มที่ ตอนแรกที่เดินเข้ามาภายในร้านเขารู้สึกน้อยใจที่ไม่เห็นช่อดอกไม้ของตัวเอง แต่กลับมีกระถางดอกไม้ของอีกคนตั้งอวดอยู่บนเคาน์เตอร์ แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจหายไปเมื่อได้เข้ามาในห้องเก็บของเล็กๆ ช่อดอกไม้ยังคงดูสดชื่นเพราะคนรับนำไปแช่ในตู้เย็นรวมกับเค้กและขนมอื่นๆ ถึงไม่ได้นำออกไปอวดให้ใครต่อใครเห็น แต่คนรับได้เห็นเพียงคนเดียงก็พอแล้ว
"....พี่อร....สวยจังเลยนะครับ"เนมินก้มหน้าพูดออกมาเบาๆ
"อรน่ะเหรอ ก็สวยนะ เขาเป็นผู้ช่วยพี่ด้วยเลยสนิทกันมากกว่าคนอื่นหน่อย บ้านเขาอยู่ก่อนถึงที่พักพี่ด้วย ปกติก็กลับด้วยกันบ่อยๆ นะ แต่ระยะหลังไม่ค่อยแล้ว เจ้าตัวก็บ่นอุบว่าไม่มีรถฟรีให้นั่ง"ภูรินึกถึงสีหน้าหญิงสาวที่บ่นประจำเวลาเขาไม่ยอมให้นั่งรถกลับด้วย ก็ระยะหลังเขามักจะไปขลุกอยู่ที่บ้านของเนมินจนดึกนี่นา
".....เพราะต้องมาหามินน่ะเหรอครับ"
"อันนี้เหตุผลหลักเลยล่ะครับ"
"ถ้าอย่างนั้นต่อไปพี่ภูไม่ต้องไปหามินที่บ้านแล้วก็ได้ ปล่อยให้พี่อรกลับคนเดียวดึกๆ มันอันตรายนะครับ"เนมินนึกโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ทั้งคู่ต้องห่างกัน
"ทำไมล่ะครับ มิน...ไม่อยากให้พี่ไปหาแล้วเหรอ"ภูริเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่สะดวกจะต้อนรับเขาเพราะเพื่อนสนิทที่มาเมื่อเช้า
"ก็.....ตอนนี้เรื่องร้านก็เรียบร้อยแล้ว...ร่างกายมินก็ไม่เป็นอะไร....แล้วพี่ภู...จะไปทำไมอีกล่ะครับ"
"แล้วพี่ยังมาที่ร้านนี้ได้อีกมั้ย"ภูริกลั้นใจถาม เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโกรธอีกฝ่าย เหตุผลที่ให้มาเหมือนจะบอกว่าถ้าไม่มีธุระอะไรก็ไม่จำเป็นต้องไป ทั้งๆ ที่เขาแสดงออกชัดเจนมากขึ้น เนมินก็เหมือนจะรับรู้ แล้วทำไมถึงยังพูดเรื่องแบบนี้ออกมา เพียงแค่ใครอีกคนมาหา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
".....พี่ภูทำไมถามมินอย่างนี้ล่ะ"เนมินรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงและสีหน้าของอีกฝ่าย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโกรธ เขาสิควรเป็นฝ่ายน้อยใจ คำพูดที่พูดออกมาเหมือนว่าเขาเป็นตัวขัดขวางความสุขของคนสองคน จะให้เขาพูดอะไร ให้แย่งช่วงเวลาที่ทั้งสองคนเคยใช้ร่วมกันมางั้นเหรอ
"ไม่รู้สิมิน พี่ก็ไม่เข้าใจมินเหมือนกัน บางทีก่อนหน้านี้พี่อาจรบกวนมินมากเกินไปก็ได้ แต่บอกกันเนิ่นๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยพี่ยังพอทำใจได้ ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนดีกว่านะครับ มินจะได้พักผ่อนต่อ แค่พี่เข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของมินถึงในนี้พี่ก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว"ภูริพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเก็บของทันที คนฟังเพิ่งจะทบทวนคำพูดที่ได้ยินและเข้าใจความหมาย จะเรียกให้รั้งรอก็ไม่ทัน เดินตามออกมาข้างนอกอีกฝ่ายก็เดินออกไปนอกร้านเสียแล้ว
เนมินเดินกลับเข้ามานั่งในห้องด้วยความรู้สึกสับสน คำพูดประชดประชันทำให้คนฟังรู้สึกแย่ สีหน้าน้อยใจ แล้วยังคำที่ดูเจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งทำให้หดหู่ เขาก็แค่อยากให้ทั้งสองได้ใช้เวลาเลิกงานร่วมกันเหมือนเก่า ไม่มีเจตนาว่ากล่าวอื่นใด ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายรบกวนเสียสักครั้ง เป็นเขาเองต่างหากที่รบกวนภูริเสมอ ความเกรงใจในวันแรกๆ หายไปเมื่อเขามักนั่งเฝ้าคอยให้อีกฝ่ายไปหาที่บ้าน เตรียมอาหารและขนมต้อนรับอย่างใจจดใจจ่อ เหตุการณ์เมื่อครู่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ได้ทะเลาะกัน แต่กลับรู้สึกอยากปรับความเข้าใจ
ภูริเดินออกจากร้านโดยที่ไม่ได้ไปร่ำลาเพื่อนๆ ที่มาด้วยกัน อรจิราเห็นเพื่อนเดินออกไปนอกร้านจึงรีบโทรศัพท์มาสอบถามด้วยความเป็นห่วงอย่างที่เพื่อนสนิทมีให้กัน
"ไม่มีอะไรหรอกอร ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ ฝากขอโทษคนอื่นด้วยล่ะ บอกว่าผมมีธุระก็แล้วกัน"ภูริรีบพูดรีบวาง เขาไม่สามารถกดอารมณ์ตัวเองให้นิ่งสงบแล้วพูดคุยกับคนอื่นได้ ถ้าอยู่ในห้องนั้นกับเนมินนานอีกสักนิดก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เรื่องเมื่อเช้าเขาแค่ระแวงสงสัย แต่เมื่อครู่ต่างหากที่ทำให้เขาปวดใจ คำพูดตัดรอนกันอย่างคนรู้จัก ไม่ใช่คนสนิท ความพยายามของเขาอีกฝ่ายมองไม่เห็นหรืออย่างไร อะไรทำให้ร่างบางที่ใจดีคนนั้นถึงกับเอ่ยปากบอกให้เขาไม่ไปหาที่บ้านอีก มีใครห้ามหรือเปล่า หรือ...ต้องการอยู่กับใครตามลำพังที่นั่น
ชายหนุ่มสองคนไม่สามารถสงบจิตใจตัวเองได้
หนึ่งคน...หวาดระแหงและน้อยเนื้อต่ำใจกับคำพูดตัดรอน
อีกหนึ่ง...กระวนกระวายเพราะคำพูดตัดพ้อของใครอีกคน
ภูริขับรถออกจากผับเล็กๆ ที่เขาเคยดื่มประจำ จิตใจที่ไม่สงบทำอย่างไรก็ไม่สงบ เขาไม่สามารถขับรถกลับไปพักผ่อนได้เมื่อความคิดยังฟุ้งซ่าน รักครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วอย่างที่ไม่เคยคาดคิด และคิดไม่ถึงด้วยว่าความรู้สึกจะรุนแรงถึงเพียงนี้
หน้าทาวเฮาส์หลังเล็กที่คุ้นเคยมาตลอดระยะเวลาหลายวันกลับดูห่างไกลในยามนี้ ชายหนุ่มไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาแอบดูทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ นี่ล่ะ...ที่ทำให้เขาร้อนใจมากกว่าเดิม ร้านกาแฟปิดสนิท บ้านก็ยังไม่กลับ ตั้งแต่รู้จักกันเขารู้ดีว่าเนมินไม่ใช่คนชอบเที่ยว ส่วนใหญ่เจ้าตัวมักจะพักผ่อนอยู่ในบ้านเงียบๆ มากกว่าเดินตามห้างหรือนั่งดื่มตามร้าน
ใจที่คิดจะโทรหาก็ต้องกระตุกอีกครั้งเมื่อเห็นรถยนต์ไม่คุ้นตาจอดเทียบหน้าประตูบ้าน ร่างเล็กบางเดินลงจากประตูฝั่งข้างคนขับแล้วรีบเปิดประตูรั้วเพื่อให้อีกคนขับรถเข้าไปจอดได้ จอดข้างใน...หมายความว่าคนขับคงจะใช้เวลาอยู่ในบ้านนาน หรืออาจจะ...ค้างคืน
ภูริสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวผ่านหน้าบ้านช้าๆ รอยยิ้มสดใสมอบให้คนที่เดินลงจากรถ เจ้าของกระถางดอกไม้...เพื่อนสนิท...คนที่มีสิทธิ์มากกว่าเขา กระถางดอกไม้ที่เจ้าตัวช่วยเจ้าของบ้านถือไม่ความหมายเท่ากับกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กสะพายขึ้นบนบ่า...เพื่อนสนิทคนนี้ช่างมีอภิสิทธิ์เสียเหลือเกิน คืนนี้คงได้นอนร่วมชายคากับคนที่เขาฝันหา แล้วสักวัน...คงได้เข้าไปอยู่ในใจ
เสียงล้อบดถนนดังสนั่นจนคนที่เพิ่งเดินเข้าบ้านต้องเหลียวกลับมามอง ท้ายรถที่เห็นเพียงเสี้ยววินาทีทำให้ใจเขากระตุกจนต้องวิ่งออกมาดูเพื่อให้แน่ใจ น่าเสียดายที่รถคันนั้นขับเร็วเกินกว่าจะมองได้ทัน
"มีอะไรเหรอมิน"เมธามองคนที่เดินคอตกกลับเข้ามาในบ้านอย่างแปลกใจ ร้อยวันพันดีเขาถึงจะเห็นเพื่อนคนนี้ใจไม่อยู่กับตัว....อยากรู้เหลือเกิน...ว่าใจลอยไปถึงใคร
"ไม่มีอะไรหรอก เมธเอาของไปเก็บในห้องก่อนสิ เสื้อผ้าแขวนในตู้มินได้เลยนะ"เนมินถือช่อดอกไม้เข้าไปในห้องครัว เขาจัดแจงนำดอกไม้ในช่อออกมาแจกันใบสวย ท่าทางทะนุถนอมทำให้คนแอบมองสงสัย บางทีใจเจ้าของบ้านคงลอยไปอยู่กับเจ้าของดอกไม้เสียแล้วล่ะมั้ง
******************************************************
ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษคนที่รออ่านทุกคนด้วยที่ทำให้รอนาน จะหาว่าแก้ตัวก็ได้ แต่ตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนหลังปีใหม่ยุ่งมากจริงๆ(ชีพจรลงเท้าโคตรๆ) พอหยุดเดินทางคอมฯก็ดันเจ๊งอีก เพิ่งไปซื้อจอใหม่มาวันนี้ก็รีบมาโพสต์เลย ไม่ได้แก้คำผิดอะไรทั้งนั้น แต่ก็...อ่านๆ ไปเถอะนะ
ขอโทษ&คิดถึง
คนอ่าน
