"ลูกค้าเริ่มเข้ามาแล้ว พี่กลับก่อนนะครับ ไว้ตอนเย็นเจอกันใหม่"ภูริเห็นท่าทางเนมินที่พยายามมองไปที่เคาน์เตอร์เหมือนอยากจะไปช่วยคนอื่นทำงานเลยต้องเอ่ยปากออกมา เนมินยิ้มรับเมื่อชายหนุ่มเดาท่าทางเขาออก ร่างบางลุกขึ้นและเดินนำไปจนเกือบถึงหน้าประตู แต่ลูกค้ารายใหม่ที่เข้ามาทำให้เขาต้องยืนนิ่งแล้วจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ด้วยความมึนงงปนตกใจ ภูริเห็นเนมินหยุดเดินเลยหันกลับมามองหน้าแล้วมองตามสายตาคู่สวยไปยังชายอีกคนที่ยืนยิ่งพร้อมกระถางดอกลิลลี่สีขาวที่พันรอบด้วยริบบิ้นสีชมพู
"เมธมาได้ยังไง"เนมินร้องถามพลางก้าวเข้าไปหาชายอีกคนที่ส่งยิ้มให้ ภูริยืนมองคนสองคนที่ก้าวเข้าหากันจนเหลือระยะห่างเพียงน้อยนิด หากแต่...ระยะห่างของเขากับเนมินกลับเพิ่มขึ้น เขามองกระถางดอกลิลลี่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าเขา...ความหมายของดอกลิลลี่ที่เขาให้เนมินไม่ได้
หาก...ช่อดอกทิวลิปสีขาวและแดง...คือ...ผมรักคุณ...และ...เสียสละทุกอย่างได้เพื่อคุณ
กระถางลิลลี่สีขาว...คือ...คุณเป็นรักแรกของผม...และ...มันจะมั่นคงตลอดไป
**************************
แขกพิเศษที่มาโดยไม่บอกกล่าวให้เจ้าของร้านรับรู้ล่วงหน้าคงมีความสำคัญ และสนิทสนมกันมา เพราะเขาเดินออกมาจากร้านจนถึงรถแล้วเจ้าของร้านร่างบางก็ยังไม่รู้ตัว หรือไม่ก็...ไม่สำคัญเท่าอีกฝ่าย ภูรินั่งมองบรรยากาศในร้านจากบนรถก่อนจะค่อยๆ ขับออกไปด้วยความสับสนปนหวาดหวั่น อีกฝ่ายเป็นใคร...สนิทสนมมากเพียงไหน...ความหมายของดอกไม้นั้นเป็นการจงใจหรือบังเอิญ....คนรักคนแรก...นั่นหมายถึงทั้งคู่เคยคบกันมาก่อน...หรือยังคบกันอยู่...หรือแค่...แอบรักข้างเดียว...เหมือนอย่างที่เขากำลังเป็น
"จอยน่ะไม่น่าบอกเมธเลย นี่ลางานมาใช่มั้ย เสียการเสียงานหมด"
"อย่าไปว่าจอยเลย ตัวเองนั่นล่ะที่ผิด รถชนจนต้องนอนโรงพยาบาลยังคิดจะปิดกันได้ลงคอ ใจร้ายเกินไปแล้วนะ"
"ก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยนี่ ห่วงกันมากเกินไปแล้วนะ ไม่ใช่เด็กนะ ดูแลตัวเองได้"
"ครับๆ รู้แล้วว่าเก่ง ที่มาเพราะมาดูงานที่นี่ต่างหาก อยากมาแสดงความยินดีนะ ไม่ใช่อยากมาเยี่ยม"เมธาไม่ได้โกหก เพราะเขามาดูงานที่นี่จริงๆ เพียงแต่เป็นคนขอร้องหัวหน้าว่าให้ส่งตนเองมาเท่านั้น
"เมธนี่ชอบซื้อมาเป็นต้นแบบนี้เสมอเลยนะ น่าเสียดายที่มินไม่เคยปลูกรอดเลย"
"ไม่เป็นไรหรอก ดอกไม้เมืองหนาวมันก็แบบนี้ล่ะ ต้องมืออาชีพจริงๆ ถึงรู้วิธีดูแล"ชายหนุ่มส่งยิ้มเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย และปลอบใจตนเอง รักแรกของเขา....ยังคงงดงามเสมอ
"เมธพักที่ไหนล่ะ ไปค้างกับมินก็ดีนะ จะได้นอนคุยกัน"
"เอาสิ วันนี้ว่างด้วย พรุ่งนี้ถึงต้องเริ่มทำงาน"
"มาอยู่กี่วัน"น้ำเสียงนุ่มเชิงอ้อนวอน ทั้งสีหน้าและแววตาคาดหวังจนคนฟังแอบลอบยิ้มในท่าทางใสซื่อที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"มาห้าวัน แต่ทำงานแค่สามวัน ถามทำไม อยากให้อยู่ด้วยนานๆ เหรอ"
"ใช่สิ ไม่เจอกันตั้งนาน คิดถึงนะ โทรไปหาก็ไม่ค่อยว่างทุกทีเลย เมธน่ะใจร้าย"
"งานเรายุ่ง มินก็รู้"ใจจริงเขาอยากจะบอกเหลือเกินว่าเขามีเวลาให้อีกฝ่ายเสมอ ต่อให้งานยุ่งแค่ไหนก็พร้อมจะพูดคุยด้วย เพียงแต่...การได้ยินแต่เสียง...มันทรมาน
"ยุ่งหรือไปติดสาวที่ไหน มีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนเหรอ ใจร้ายๆ"
"จะบ้าเหรอ ยุ่งจะตายจะเอาเวลาไหนไปจีบสาวล่ะ เมธก็ยังเป็นเหมือนเดิมน่ะแหล่ะ"เมธายังคงเหมือนเดิม...ยังรักเหมือนเดิม...และยังคงเจ็บอยู่เหมือนเดิม ระยะเวลาและความห่างไกลไม่ช่วยทำให้อาการทุเลาเลย แผลมันยังคงอักเสบ และทุกครั้งที่มีอะไรกระตุ้น....มันก็เจ็บเจียนตาย
"เมธอย่าทำงานหนักนักสิ เราเป็นห่วงนะ ตอนเรียนก็บ้ากิจกรรม ทำงานก็ยังบ้างานอีก มีเพื่อนสนิทอยู่กับเขาคนเดียว เกิดเป็นบ้าขึ้นมามินจะทำยังไง"
"ตัวเองนั่นล่ะที่ต้องดูแลสุขภาพ มัวแต่ทำงานจะทรุดแบบนี้ได้ไง ถ้าเป็นแบบนี้เมธคงต้องมาคุมเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะมั้ง"
"โอ๊ย! ไม่ต้องเลยนะ ที่รถชนครั้งนี้เพราะมินหลับในต่างหาก ไม่เกี่ยวกับสุขภาพเลย วันนั้นง่วงนอนมากไปหน่อยเฉยๆ"
"ถ้าพักผ่อนพอจะง่วงได้ไง"
"โอ๊ย เมธน่ะ ถ้าจะมาบ่นเรานะไม่ต้องมาเลย ดอกไม้ก็รับแล้วจะไปไหนก็ไปเลย"
"อ้าว มีงี้อีก ใจคอจะไม่บริการเครื่องดื่มสักแก้วบ้างเลยเหรอ"
"ตกลงไม่บ่นแล้วนะ ถ้าหยุดบ่นเดี๋ยวแถมขนมด้วย"
"อืม ไม่บ่นแล้ว หาอะไรมาให้กินหน่อย หิว"เมธาพูดพร้อมลูบหน้าท้องประกอบไปด้วย เนมินเดินหัวเราะหอบช่อดอกไม้และกระถางดอกไม้เข้าไปเก็บหลังร้าน และตอนนี้เองที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เดินออกไปส่งเจ้าของช่อดอกไม้ พอตั้งใจโทรไปเพื่อขอโทษก็ติดต่อไม่ได้ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแย่ที่เผลอลืมอีกคนไป
"เป็นอะไรนั่งเหม่อเชียว"เสียงของผู้ช่วยสาวส่งมาพร้อมกับฝ่ามือที่กระแทกหัวไหล่จนคนนั่งเหม่อสะดุ้งสุดตัว
"ตกใจหมดอร"ภูริพูดพลางลูบอก
"แค่นี้ก็ตกใจ เหม่อคิดใครอยู่คะ"อรจิราอ้อมมานั่งบนขอบโต๊ะทำงานชายหนุ่มอย่างหมิ่นเหม่
"อืม...คิดถึงอยู่จริงๆ ซะด้วย"เขาพูดลอยๆ เหมือนยังคงเหม่ออยู่ อรจิรามองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ อาจารย์หนุ่มหล่อที่มีหลายคนหมายปองทำท่าเหมือนไปแอบหลงรักใคร
"ตายแล้ว นี่ตกหลุมรักใครอยู่เนี่ย สงสัยคนนั้นคงสวยพอๆ กับนางฟ้าเลยล่ะมั้ง"
"พูดเป็นเล่นไปอร"
"เออ จริงด้วย พูดผิดไป คงหล่อเหมือนเทพบุตรมากกว่าสินะ"อรจิราพูดเย้าแหย่อย่างอารมณ์ดี เธอทำงานเป็นผู้ช่วยของเขา และความเป็นกันเองที่มีให้กันเสมอทำให้สนิทสนมจนรับรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยสนใจผู้หญิง และเพราะว่า...'ไม่ค่อย'...ไม่ใช่...'ไม่ชอบ' เลยทำให้ผู้หญิงหลายคนยังมีความหวังอยู่
"....อันนี้เห็นด้วย แต่ใช้คำว่าน่ารักคงเหมาะกว่า"
"รักจริงเหรอคะคนนี้เนี่ย ยังไงก็อย่าเพิ่งประกาศตัวนะคะ เดี๋ยวยอดนักเรียนในคลาสจะหายหมด"
"ก็ดีสิครับ ผมจะได้สอนสบายๆ"
"ทำเป็นพูดเล่นไป เกิดยอดนักเรียนตกระวังเงินเดือนลดโบนัสหายนะ เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดมากเลย คนอื่นๆ เขารอภูพาไปร้านกาแฟกันพร้อมแล้ว เหลือแต่คนชวนนี่ล่ะที่นั่งเหม่อถึงเจ้าของร้านอยู่ได้"
"อ้าว ทำไมอรรู้ว่าเป็นใครล่ะ ผมว่ายังไม่เคยบอกเลยนะ"
"โอ๊ย เดายากมาก เล่นไปนั่งร้านกาแฟทุกวัน ว่างแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ไป กาแฟออกจะขมแต่กลับเดินยิ้มหน้าบานกลับมาทุกที"เธอพูดความจริงกับสิ่งที่สังเกตุมาตลอด ภูริอมยิ้มแกมเขินก่อนจะเดินนำออกมาจากห้องแล้วไปสมทบกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเพื่อเดินไปที่ร้านของเนมิน
*************************************************************
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ ขอให้มีสมหวังในเรื่องดีๆ ที่ตั้งใจทุกอย่าง

คิดถึง...คนอ่าน

ปล1.ตอนนี้สั้นหน่อยนะ เดี๋ยวว่างๆ จะเอามาให้เพิ่มแล้วกัน
ปล2.ตอนที่แล้วมีเรื่องเกี่ยวกับดอกไม้และเห็นว่าหลายคนสนใจความหมายของมัน เลยอยากจะให้ข้อมูลเพิ่มเผื่อใครจะส่งดอกไม้ให้คนอื่นในโอกาสดีๆ
การให้ดอกไม้ในรูปของช่อ มีการห่อด้วยกระดาษต่าง ถ้าชอบรูปแบบนี้บางครั้งการใช้กระดาษห่อเป็นสีเขียวหรือฟ้า จะให้ความรู้สึกที่สดชื่นกว่า แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสีของดอกไม้ด้วย
การให้ดอกไม้ในลักษณะที่ยังเป็นต้น มีรากลงดิน จะเพิ่มความหมายให้หนักแน่นมั่นคงมากขึ้น เพราะการมีรากที่หยั่งลึกลงไปนั่นหมายถึง ต่อให้ดอกไม้แห้งเหี่ยว แต่มันจะสามารถผลิดอกใหม่ได้เสมอ