ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2  (อ่าน 11066 ครั้ง)

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ)

ชื่อแปลว่าเทวดา แต่ชีวิตไม่ต่างจากขี้ข้า คือสุรเอง


นิยายตลกเรื่องแรกในชีวิต

คำเตือนนิยายเรื่องนี้อาจไม่ตลก ถ้าคุณไม่ขำ

คำแนะนำ ช่วยขำกันด้วยขอร้องละ ถือว่าช่วยกันทำมาหากิน

คำขอร้อง อย่าบอกว่าไม่ฮา คนเขียนใจบาง





By Symbol A

เปิดเรื่อง 17/1/19
[/color]

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-02-2019 15:29:25 โดย antivirus »

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2

ตอน 1

สุรมานี่หน่อย



ผมชื่อสุร แปลว่า เทวดา ผู้มีอำนาจอยู่บนชั้นฟ้า อยากได้อะไรก็เสกมา ข้าวปลาไม่ต้องอิ่มทิพย์ มีนางฟ้าคอยปรนนิบัติพัดวีไม่ขาด แต่คนชื่อรวยก็ใช่ว่าจะรวยทุกคน เช่นกัน ผมก็ใช่จะมีชีวิตเหมือนเทวดา

“คุณสุรมานี่หน่อย คุณใช่ไหมที่ส่งใบเสนอราคาของรอบที่แล้ว ไม่ได้เรื่องเลย ทำงานมาเป็นปีผิดที่เดิมตลอด #%& () &&^$#%&**%$@” คำที่เหลืออย่าไปฟังเลยครับ รู้ไปก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ

“อะไรวะ แม่งใครจะไปตรัสรู้ แน่จริงมึงมาทำเองเด้” ด่าหัวหน้าชิปปิ้งไปชุดใหญ่ เหลืออดจริงๆ ยืนให้แม่งโยนความผิดใส่ผมมาหลายครั้งแล้ว นี่ก็กว่าจะไปได้พอไปปุ๊บผมนี่ลุกขึ้นด่าเลย อ้าวงงอะไรกัน ผมด่าแต่มีแค่ผมได้ยินไงครับ หายงงกันแล้วเนอะ จบแยก!!



“สุรมานี่หน่อย” ใครเรียกอีกล้า หันไปก็เจอพี่เทพ นี่ก็แปลกคนเวลาผมโดนด่าแม่งไม่เค้ยไม่เคยโผล่หัวมา พอจะถึงเวลาพักเที่ยงเท่านั้นแหละเรียกหาเชียว

“ครับพี่เทพ” ผมเลื่อนประตูกระจกเข้าไปหาหัวหน้า นั่งหน้าเข้มคิ้วชนกันไม่ได้ทำงานนะครับ เล่นเน็ตไร้สาระทั้งน้าน

“พี่เอาก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ เอหรือจะเอาคะน้าหมูนุ่มดีนะ” เรื่องงานพี่คิดมากแบบนี้ไหมครับพี่เทพ

“เส้นเล็กต้มยำก็อร่อยพี่ วันนี้ผมก็ว่าจะกิน” คือร้านอาหารตามสั่งคนมันเยอะไง ผมขี้เกียจรอ ใครอยากแดรกก็ไปรอเองสิ ระหว่างที่รอพี่เทพตัดสินใจ ผมก็ยิ้มไปด้วย อารมณ์ดีเหรอ ฮึ แสดง!!

“คะน้าหมูนุ่มดีกว่า” ครับเอาพี่มึงว่าเลย

สะบัดตูดออกเดินทางประตูหลัง ผมว่าคำมันแปลกๆ งืมม ผมคงคิดไปเองหนะอย่าใส่ใจ เดินพ้นตัวตึกไม่เท่าไหร่

“ไอ่สุรมานี่” นั่นไอ่แมน เพื่อนร่วมชะตากรรมของผมเอง ก้าวยาวๆ ไปหามันที่กำลังยืนหลบแดดอยู่ข้างเสาไฟ

“แมนวันนี้พี่เทพอยากแดกข้าวตามสั่งว่ะ” ผมบอกมันพยักหน้าขึ้นลง ตอนนี้เราเดินเคียงกันไป มีฝ่ามือยกบังแดด ไม่รู้จะยกบังทำไม ผมผู้ชายมือใหญ่ก็จริงแต่มันก็บังไม่ได้อยู่ดีรึเปล่า

“คนเยอะมาก เหมือนป้าอ้วนเปิดโรงทาน” แมนหรี่ตาหลบแสงแดดพูดขึ้นมา หันไปมองก็จริงของมัน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงเชียร์พี่เทพให้กินก๋วยเตี๋ยว แต่ก็นั่นแหละผมไม่ใช่เทวดาจะได้ดลใจให้พี่แกกินอะไรตามใจผมต้องการ



แล้วเทวดาสององค์ (แมนก็แปลว่าเทวดา) ก็พากันฝ่าฝูงมนุษย์เงินเดือนไปเขียนเมนูและเสียบเหล็กไว้ ตอนนี้ก็แค่รอ เดี๋ยวสักพักป้าอีกคนจะมาเรียก แมนผัดพริกแกง!! อะไรแบบนี้ ถ้าชื่อซ้ำกันสั่งเหมือนกันก็ต้องมีจิตสำนึก ว่าอันตัวกูมาก่อนหรือมาทีหลังเอาเองนะครับ

“เมื่อวานพี่ธาดาชิปปิ้งมาว่ามึงที่แผนกกู” กะแล้วเชียว

“เมื่อเช้ามาเห่าใส่กูแต่เช้า” แมนมันทำหน้าเห็นใจ

“กูว่าไม่ใช่ความผิดมึงหรอก อย่าคิดมากเลย” ขอบใจนะ อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนร่วมงานคอยแบ่งเบาความรู้สึก คงดีกว่านี้ถ้าหัวหน้าอย่างพี่เทพปกป้องผมบ้าง เขาก็รู้ว่าผมไม่ผิดแต่ก็ปิดปากเงียบ คิดแล้วผมไม่พอใจพี่เทพมากกว่าไอ้พี่ธาดานั่นอีก

“มึงยังคิดจะย้ายแผนกอยู่มะ” กล้าถามนะแมน

“ไม่มีวินาทีไหนที่กูไม่คิด” ผมพูดเสียงเบาแต่เน้นย้ำทุกคำ เผลอกำหมัดแน่นด้วย พนักงานสาวที่ยืนใกล้ๆ หันมามอง ถ้าจำไม่ผิดชื่อต่ายหรือตูนนี่แหละ เธอทำท่าไม่สนใจแต่รู้ว่าหูตั้งรอฟังผมอยู่เอาการ

“เอาน่า ปีหน้าคงมีข่าวดี การตลาดน่าจะว่าง เห็นพี่ดิวว่าพี่โอ้จะออก” เหมือนเห็นแสงแห่งความหวังอยู่รำไร

“จริงเหรอวะ” ผมถามย้ำตาเป็นประกายความสุขวิบวับ

คุยเรื่องความหวังการย้ายแผนกของผมไปสักพักก็ได้กับข้าวที่เราสั่งไป บอกลาเพื่อนแมนแบกถุงข้าวสองกล่องไปหาพี่เทพ ผมต้องกลับไปกินข้าวกับพี่แก เพราะในบริษัทไม่มีใครคบ แต่พี่เทพก็อยากได้เพื่อนกินข้าว ผมเลยต้องไปทำตัวเป็นลูกน้องคนเดียวให้ดีที่สุด



“สุรมานี่หน่อย” เสียงผู้หญิงคนที่ยืนรอข้าวเมื่อกี๊นี่นา ผมเดินไปหาเธอด้วยสายตาฉงน

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ต่ายหรือตูนทำท่าไม่อยากพูด เอ้าเสียเวลาไหมเนี่ย จะสารภาพรักหรืออะไรก็รีบๆ คนยิ่งร้อนๆ อยู่

“พี่ชื่อตู่เพิ่งย้ายมาฝ่ายบุคคล” เอิ่ม ผมจำผิดคนเหรอวะ รีบยิ้มให้

“อ้อ..ครับ..พี่ตู่..มีอะไรครับ” เสียงเปลี่ยนเลยกู



“พี่ได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อกี๊ อยากย้ายแผนก มีปัญหากับพี่เทพเหรอ พี่ถามตรงๆ ได้ใช่ไหม” ถ้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ทันแล้วแหละครับ พี่ถามมาแล้วนะได้ข่าว

“ครับ” ผมตอบตามตรง ดีเหมือนกันจะได้ทำเรื่องย้ายตามที่ผมขอสักที

“พี่เข้าใจ” เข้าใจอะไรยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ

“ก่อนหน้าเราก็เด็กออกมาเยอะแล้ว” อ๋อ..เรื่องนี้เอง ใช่สิใครจะทนพี่เทพได้แบบผมอี๊ก

“.........” ผมเงียบ

“ทนเอาหน่อยนะ ถือว่าช่วยๆ กัน มีอะไรเกินไปก็มาคุยกับพี่ที่ฝ่ายบุคคลได้เลย”

“ครับ ขอบคุณครับพี่ตู่” ผมยกมือไหว้ เราแค่เด็กจบใหม่อ่อนน้อมไว้ ไหว้ฟรีได้ไหว้ไปเถอะ



ท่าทางกับสายตาพี่ตู่จะเดือดร้อนและเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย เธอว่าคงต้องรอให้การตลาดขาดคนผมถึงจะย้ายได้ แต่เรื่องพี่เทพเธอจะหาทางช่วย



ระหว่างเดินกลับแผนกทำไมตาขวาผมกระตุกตลอดทางวะ สงสัยตากแดดเยอะเกินไป หน้ามืดนิดหน่อยแล้วด้วย



ผมไปถึงพี่เทพก็นั่งไขว่ห้างเล่นมือถือรออยู่ที่ห้องกินข้าวแล้ว เราอยู่แผนกจัดซื้อต่างประเทศมีกันสองคน เพราะไม่ได้มีลูกค้าต่างชาติเยอะ งานก็ไม่ยาก แต่ที่สาหัสก็อย่างที่เห็นคนที่ต้องอยู่ด้วยทั้งพี่เทพและพี่ธาดา พี่สองคนนี้เก่งครับโยนความผิดเก่ง ถ้าย้ายได้ผมก็ไม่ต้องมาโคจรเจอสองคนนี้อีก



“พี่หิวไหมครับ คนเยอะไปหน่อย” ความจริงแวะคุยพี่ตู่นานไปนิด

“ก็นิดๆ ไหนก๋วยเตี๋ยวพี่ล่ะ” เช้ดดดด พี่มึงจะเอาไงกับกู

ผมไม่รู้ว่าหลุดทำหน้าแบบไหน แต่คือไม่ไหวอ่ะ ตอแหลยิ้มไม่ออกจริงๆ นาทีนี้



“พี่สั่งข้าวนะ” ผมบอกพร้อมวางข้าวที่เทใส่จานประเคนให้พี่เขา อีกนิดก็จะยกช้อนป้อนให้แล้วจะเรื่องมากอะไรอีก



“อ้าวเหรอ เออๆ พี่คงลืมเอง นั่งๆ โทษที” คือผมแม่งหงุดหงิดมากครับ หัวร้อนชนิดใกล้ระเบิด มันสุมมาตั้งแต่เรื่องพี่ธาดาด้วย แล้วเป็นกันไหมเวลาเรามีเรื่องโมโหแต่แสดงออกไม่ได้ มันเก็บกดและจะพาลใส่เรื่องอื่น



ผมก้มหน้ากินข้าวไม่พูดไม่จา กินเสร็จเวลาพักยังพอมี ก็เลยเดินไปหาที่เงียบๆ โทรหาน้ำปั่น แฟนผมเองคบกันตั้งแต่สมัยเรียน รอสายไม่นานเธอก็รับเสียงรีบมาเชียว



“ตัวเองมีอะไรรึเปล่า คุยได้ไม่นานนะ” ปั่นไม่พักเที่ยงรึไง ผมได้แต่คิด

“เขาเบื่ออ่ะ ปัญหาเดิมๆ ตลอดเลย” ผมเกริ่นจะว่าอ้อนแฟนก็ได้ แต่ทุกครั้งแค่ได้ยินเสียงใสๆ ของน้ำปั่นผมก็ดีขึ้น

“ทำงานก็ต้องมีปัญหา โตแล้วต้องอดทน อย่าเอาแต่ใจเราเป็นใหญ่แล้ว..........” ปั่นสั่งสอนผมจบก็ขอวางสายบอกลูกค้าเข้า เธอเป็นเซลล์ขายรถครับ เราสองคนจบบริหารอินเตอร์ มอไม่ดังเกรดก็ไม่เด่น แต่ภาษาดีทั้งคู่



กลับมาที่ห้องทำงาน รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ เห็นเงาบางคนนั่งอยู่ในห้องพี่เทพ



“สุรมานี่หน่อย” ยังไม่ทันได้นั่งพี่เทพก็ตะโกนออกมาเรียก เสียงไม่ค่อยปรกติผมก็คิดในใจว่ามันอะไรอีกล่ะ



เปิดประตูเข้าไปโอ้โห พี่ตู่!! คืออะไรมาทำไมครับ



“มีอะไรคุยกันเปิดใจเลยดิวะ” พี่เทพเปิดเกม ผมก็นั่งข้างพี่ตู่ คือยังมึนอยู่

“ใจเย็นพี่เทพ น้องมันยังเด็กก็แบบนี้” หือออ มาอีหรอบนี้

“มีอะไรครับพี่ๆ” ผมก็ไม่รู้จะต่อบทยังไง เพิ่งมาไม่ทันบรีฟ อารมณ์เพื่อนมันเม้นท์กันออกรสแล้วเราเพิ่งมาสมทบ มาถึงพวกมันก็เงียบแล้วบอกว่าตามึงพูด ใครมันจะไปนึกออกว่าควรพูดอะไร

“ก็อย่างที่เรามาปรึกษาพี่ไง ว่าอยากย้ายแผนก เพราะไม่ชอบการทำงานของพี่เทพ”

เดี๋ยวนะ ผมพูด...เหรอวะ? พี่เรียกกูไปแล้วก็บอกเข้าใจไม่ใช่รึ?



“พี่ก็ไม่รู้ว่าแนวการทำงานพี่ไม่ถูกใจสุรตรงไหน ความจริงมีอะไรก็บอกพี่ตามตรงดิ เรื่องอยากย้ายพี่ไม่รู้สักคำ ยังเห็นพี่เป็นหัวหน้าอยู่รึเปล่า” มาเต็ม เอาจริงนะพี่เทพไม่รู้เหรอเรื่องผมจะย้ายพี่เป็นคนเซ็นต์คำขอย้ายให้ผมเองนะ ความจำเสื่อม?



“ผม..ไม่ได้ไม่ชอบการทำงานของพี่แค่...” จะพูดว่าไง ให้พี่รับทั้งผิดและชอบ แล้วก็ปกป้องผมบ้าง เล่นเน็ตให้มันน้อยลง ทำงานเยอะไม่ใช่โยนมาให้ผมหมด แล้วก็อยากกินอะไรลงไปซื้อเอง อ้ออีกอย่างผมเป็นลูกน้องไม่ใช่คนใช้ส่วนตัวพี่ เรื่องส่วนตัวเอารถไปล้าง ไปซื้อของเข้าบ้านไม่ต้องมาใช้ผมได้ไหม วันหยุดของผมพี่ไม่มีสิทธิ์เรียกไปช่วยงานที่บ้าน



“ผมคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับแผนกนี้ มีปัญหากับชิปปิ้งบ่อย แล้วพี่เทพก็..ไม่ค่อยพอใจผลงานของผม” ย่อมาแล้วเหลือแค่สั้นๆ กรุณาเข้าใจผมด้วย

“เห้ย พี่ไม่ได้ไม่พอใจเรา สุรทำงานดีพี่ยังเคยชมกับนายเลย” พี่เทพพูดงี๊ผมกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโตงอแงใส่เขาไปเลย

“เอาน่า ทำงานด้วยกันก็ต้องปรับจูนกันไป เนอะพี่เทพ” พี่ตู่หันไปขอความเห็นหน้าตาเข้าอกเข้าใจ ผมแม่งไม่น่าไปเผลอพูดเลย ช่วยไม่ได้ยังจะมาเพิ่มปัญหา

“อืม..ไม่ชอบอะไรก็บอกพี่ได้นะสุร เด็กจบใหม่ก็แบบนี้พี่เข้าใจ” เหมือนพี่เอาตรีนมาเขี่ยหน้า มันไม่เกี่ยวกับเด็กหรือแก่ มันอยู่ที่จิตสำนึกล้วนๆ ครับพี่เทพ



บ่ายนั้นแทบไม่ได้ทำงาน พี่ตู่ออกไปพี่เทพก็ขอคุยต่อ เราคุยกันก็จริงแต่เหมือนพี่เทพจะพูดมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมก็แค่ครับ ครับ เดินออกมาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพี่เขาพล่ามอะไรบ้าง พี่เขาบอกเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่าเพิ่งย้ายไปไหนอยู่กับเขาก่อน ผมจะพูดอะไรได้นอกจาก

“ครับพี่เทพ”



สามวันต่อมาทั้งบริษัทคงเว้นแต่ไอ่ด่างที่เฝ้าป้อมยามกับพี่ รปภ. ที่ไม่รู้เรื่องของผมกับพี่เทพ รู้เลยว่าใครเป็นโทรโข่ง ถ้าไม่ใช่พี่ตู่บุคคลผู้หวังดีและเข้าใจทุกคน พี่เทพผมมั่นใจว่าเขาไม่พูดเพราะไม่สุงสิงใคร และไม่มีใครอยากคุยกับแก

“คุณสุรมานี่หน่อย” เสียงนั่น...พี่ธาดา ผมตาฝาดรึเปล่าเขายิ้มให้ผม หันมองรอบตัวเผื่อเขาเรียกคนอื่น ก็ไม่มีใคร

“คุณสรุนั่นแหละมานี่” ผมเดินหน้านิ่งไปหา พี่ธาดาเป็นผู้ชายตัวสูงขาวเพราะมีเชื้อจีน แต่เป็นอาตี๋ตาโต คือถ้าผู้หญิงก็คงกรี๊ดแต่ผมไม่ไง โคตรเกลียดขี้หน้า



“มีอะไรครับ” จะว่าอะไรกูอีกละ แต่เช้าเชียวนะวันนี้

“ไปกินกาแฟกัน ยังไม่เข้างานเลย รีบไปไหน” หา...ฝันไปไหม

“อ่ะ..เออะ” ไก่ตาแตกเป็นไงมาดูหน้าสุรตอนนี้ได้เลย

“ดูทำหน้าเข้าปะ” แล้วพี่เขาก็โอบไหล่ผมเดินไปร้านกาแฟข้างบริษัท ที่เด็ดกว่านั้นผมเจอใครที่นั่น ทายสิ ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก



พี่เทพ!!



วันนี้ฟ้าถล่มแน่ๆ เพราะร้อยวันพันปีพี่เทพไม่เคยมาแต่เช้าแบบนี้ ให้เดาไม่เกินนาทีหลังเห็นผม เขาต้องสั่งให้ผมรอกาแฟแล้วเอาไปให้ที่ห้องทำงานแน่ๆ ทุกวันเข้างานแล้วเขาจะใช้ผมไปชงมาให้ จนไม่ต้องใช้ผมรู้งานเอง

“สุรมานี่หน่อย” นั่นไง ผมถอนหายใจเบาๆ กำลังจะเดินไปแต่เดี๋ยวนะ ไอ่พี่ธาดาเดินตามผมทำไม

“คุณเทพมาทำงานแต่เช้าเลยวันนี้ ปรกติไม่เห็นคุณหรอกเวลานี้” เขาทักหรือด่าวะนั่น

“.............” พี่เทพเงียบครับแต่ตาจ้องผมกับพี่ธาดาแบบเหมือนเอ่อ..ผมจะบอกว่าไงดีมัน..เอาเป็นว่าเหมือนผมไปเจอปั่นอยู่กับผู้ชายคนอื่นอ่ะ..ผมไม่ได้คิดไปเองนะ เขาทำสายตาแบบนั้นจริงๆ นี่ผมไม่ใช่เมียมึงนะพี่เทพ



“ลูกค้าจีนเมื่อวานมีปัญหานะ ได้กาแฟแล้วก็รีบมาหาพี่” แล้วพี่เขาก็เดินไป อ้าวเขาไม่ได้มาซื้อกาแฟเหรอ หรือว่าไง



พี่ธาดามองตามหลังหัวหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก ว้อททททท



“ย้ายมาชิปปิ้งก็ได้นะ เห็นว่าอยากเปลี่ยนแผนก” ผมทำหน้าไม่ถูกเลย

“ไม่ดีกว่าครับ พี่จะปวดหัวเอา” ปรกติด่ากูยังกะอะไรดี แม่งตบตัวแล้วลูบหลังชัดๆ



“นี่ครับ” พี่ธาดายื่นแบงค์สีม่วงให้ค่ากาแฟ หันมาบอกผมว่าเขาเลี้ยง มีเพลงบางเพลงดังขึ้นในหัว เพลงที่มีความหมายมึนงงที่สุดในโลก

“พี่ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอกครับ” อย่าคิดว่าแกล้งมาเป็นปี กาแฟแก้วเดียวจะชดใช้ได้หรอกนะ

“เอาน่าวันหลังพี่ให้เลี้ยงคืน” เอาน่าอะไรเล่า ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินคำนี้เป็นไง อ่วม!!



แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไป เช้ามาพี่ธาดามาดักรอลากคอไปร้านกาแฟทู๊กวัน ไม่ด่าไม่ว่า แถมเวลามาหาเรื่องงานคุยดีมีครับมีผม ส่วนพี่เทพก็ไม่ได้ใช้ผมไปซื้อข้าวแล้วนะ เหมือนจะดีใช่ไหมครับ หึหึ....สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งถามชื่อทหาร









นิยายโดย Symbol A



นิยายตลกเรื่องแรกในชีวิต ฝากช่วยกันฮาหน่อยนะคะ

เรื่องนี้อาจไม่ได้อัพบ่อยไม่ถนัดแต่จะพยายาม

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ชอบบบบบบ นะ..........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แบบ เฮ้ยย........มันจะอะไรขนาดนี้วะ
จริงๆ  เข้าใจชีวิตเทวดาสุระ
มีจริงๆ คนแบบพี่เทพ คุณตู่ ..... ชีวิตบัดซบ เอ้ย.......คนบัดซบ
แบบฝนตก ขี้หมูไหล คนจัญไร มาวุ่นวาย  :m31: :fire: :angry2:

แล้วคุณธาดา ก็เปลี่ยนไป  :katai1:
แบบหน้ามือเป็นหลังเท้า มันยังไงๆกันเนี่ย  o22 :really2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ชอบๆ

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามจ้า :mew1: :mew1:
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว มาอัปบ่อยๆนะจ้ะ :mew2:

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 2
สุรงงไปหมดแล้ว






“พี่ต้องเข้าใจหนูด้วย เขาเป็นคนแรกของหนู แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย”



ถามว่ารู้สึกยังไงหลังจากได้ยินประโยคนั้น ต้องบอกว่ากูมึน ร่างกายมันชาเหมือนตอนกินเผ็ดแล้วหาน้ำดื่มตามไม่ได้ คิดอะไรไม่ออกสมองอื้ออึง ถ่อมาจากประเวศถึงสุขุมวิทตอนเกือบสี่ทุ่ม เพื่อสิ่งนี้



น้ำปั่นคือแฟนคนแรก เริ่มสนิทตอนได้ถือพานไหว้ครูคู่กันสมัยมอสี่ เป็นแฟนกันตอนมอหก และขึ้นครูหลังคบกันได้ห้าเดือน ได้ต่อคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน เราดีใจกันแค่ไหนยังจำได้ คิดถึงตอนนั้นปล่อยโฮที่ป้ายรถเมล์ไม่แคร์สื่อ



“ฮือออออออออออออออออ” ใครมองมาบ้างไม่รู้ เพราะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากฝ่ามือตัวเองเลย วันนี้วันศุกร์ เลิกงานดั้นด้นมาหา เพราะไม่เจอกันมาครึ่งเดือนแล้ว กะมาเซอร์ไพรส์เป็นไงเจอเซอร์ไพรส์กว่า



“ฮือออออออออออออออออออ” น้ำปั่นไม่มีวันละลายของผม นอนซบทำหน้าละลายกับชายอื่น อยากจะเข้าไปต่อยชู้ แต่ไม่กล้า จะหายใจเสียงดังยังไม่กล้าเลย





“น้องโอเคป่ะ” ใครมาสะกิด กูโอเคที่ร้องไห้คือแค่ซ้อมละคร ถุ้ย!! ก็เห็นอยู่ว่านร้องไห้ถ้าโอเคจะร้องแบบนี้ไหม



“มีอะไรเล่าได้นะ พี่ว่างแล้วก็อยากเสือก” เป็นคนแบบไหนวะอยากเสือกเบอร์นี้ เงยหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆ ให้พอเห็นคนขี้เสือกชัดๆ หน้าคุ้นว่ะ!! ว่าแต่ใคร?



“มาเรียกคนอื่นว่าน้อง คิดว่าแก่มากเหรอ” เสียงไม่ค่อยชัดอู้อี้ เพราะตะกี้แหกปากร้องหนักเกินไป



“ดุด้วยเว้ย” คนแปลกหน้าที่แต่งชุดเหมือนไปวิ่งจงใจกวนผมอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังซวยไม่พออีกหรือไง ขอร้องบ้าก็อยู่ส่วนบ้าอย่ามายุ่งกับคนอกหัก



“กินข้าวกันหิว” เนียนจับมือถือแขนด้วย

“.......” ผมสะบัดแขนเต็มแรง จนเจ็บแขนมือแม่งก็ไม่หลุด ก็รู้ว่าผมตัวเล็กกว่า แล้วใจผมก็อ่อนแอ เลยทำให้ร่างกายผมมันไร้เรี่ยวแรง ในเมื่อดิ้นไม่หลุดก็ยกขาลากเท้าตามคนแปลกหน้าไป คงพาไปหาไรกินมั้ง



ถามว่าหิวไหม ตอบเลยว่า มากกกกกกกกก



“เล็กน้ำตกลูกชิ้นรวมครับ น้องเอาไร” คนที่พามาสั่งโดยไม่ต้องคิดแล้วก็โยนอำนาจตัดสินใจมาให้ผม กวาดตามองเมนูแล้วเลือก

“ใหญ่ต้มยำพิเศษลูกชิ้นสองป้า”



อีกคนดูอึ้งๆ แต่ไม่พูดอะไร ผมเดินหาที่นั่ง สักพักน้ำดื่มบริการตัวเองก็วางตรงหน้า ไม่ได้ขอบคุณใช่ว่าเสียใจแล้วลืมมารยาท แต่มันลากผมมาไม่ได้สมยอม เดี๋ยวนะ ‘สมยอม’ คำมันแปลกๆ อีกแล้วไหมอ่ะ





“ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอ” อีกฝั่งใช้เท้าสะกิดขาเรียกร้องความสนใจ ผมส่งตาขวางไปให้ ไม่อยากคุย หิวด้วยเสียพลังงานร้องไห้เยอะ



“ตอนแรกเห็นร้องไห้หนัก นึกว่าจะกินอะไรไม่ลงซะอีก” ท่าทีน้ำเสียงฝั่งนั้นเหมือนเราสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาล



“ไม่คุยก็ไม่คุย” คนแบบนี้ก็มี เริ่มระแวง นึกถึงตัวเองทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้ ไอโฟนตกรุ่น กับนาฬิกาเรือนละห้าพัน แล้วก็กระเป๋าตังค์มีอยู่สองพันห้า แหวนทองสองสลึง รวมๆ ก็เยอะอยู่นะ ตั้งสติกินอิ่มเอาตังค์ค่าก๋วยเตี๋ยววางไว้ บอกมันไปเข้าห้องน้ำ แล้วชิ่งหนีหลังร้าน โอเคตามนี้.....





มันไปเอาน้ำมาให้ ถ้ามียานอนหลับล่ะ



“ตัวอะไรเนี่ย!! ” ผมทำทีบ่นลุกเอาน้ำในแก้วไปเท ตักใหม่เปลี่ยนกระทั่งแก้วอ่ะคิดดู



คนแปลกหน้านั่งกระดิกเท้าเล่นมือถือสบายใจ คงหลอกให้ผมตายใจแล้วหาวิธีตกของในตัวผมแน่ๆ มึงมันโจรหน้าด้านที่สุดเท่าที่กูเคยเจอ โจรบ้าอะไรชวนเหยื่อกินก๋วยเตี๋ยว เออนั่นสิ



แต่กันไว้ดีกว่าแก้ แก้แล้วจะมีแต่เสียกับเสีย เดี๋ยวๆ อีกแล้วนะพอเถอะ



ก๋วยเตี๋ยวมาพอดี ผมรีบกินจนเกือบจะติดคอ โจรมันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกให้ค่อยๆ กินมันไม่แย่งหรอก แน่ละสิมึงตั้งใจจะเอาอย่างอื่นนี่



กินอิ่มผมรีบลุกบอกมันไปห้องน้ำ มันพยักหน้ารับ





มองซ้ายขวาหาทางออกมีด้วยครับ เสร็จผมสิ วิ่งหน้าตั้งไม่คิดชีวิต ออกจากซอยเล็กลัดเลาะมาโผล่ที่ตลาด โจรตามมาไม่ทันแน่นอน ส่วนผมตอนนี้เหนื่อยและจุก จะอ้วกเพิ่งอิ่มแล้วมาวิ่ง ไม่น่าเสียดายกินจนหมดเลย ว่าแต่อร่อยดีนะร้านก๋วยเตี๋ยวนั่น



เมื่อหายจุกลุกเดินไปโบกแท็กกลับประเวศเขตของสุร ลืมเรื่องปั่นไปชั่วขณะเพราะต้องหนีโจรนี่แหละ แถมตอนนี้ต้องนั่งแท็กซี่เพราะขึ้นรถเมล์จากตรงนี้ไม่ถูก



เอาวะอย่างน้อยสมบัติติดตัวอันน้อยนิดก็ยังอยู่ครบ ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้นตอนเห็นมิเตอร์พุ่งไปเกือบสามร้อย และวิวข้างทางยังไม่มีจุดไหนที่ผมคุ้นเลย



ในที่สุดก็กลับถึงห้อง เสียให้พี่แท็กไปสามร้อยห้าสิบ ผมลงตรงจุดที่รู้จัก แล้วต่อรถเมล์มา เกือบไม่มีรถเพราะดึกมากแล้ว ตอนแรกจะไปนอนกอดแฟนแต่แฟนดันนอนให้คนอื่นกอด เมื่อทุกอย่างสงบผมก็พร้อมเศร้าอีกครั้ง



ไฟไม่ต้องขออยู่กับความมืดสักพัก



เดินไปแบกความผิดหวังสักพักผมก็ชนกับบางอย่าง เสียงเพล้งตามมาด้วยเสียงร้องโอ๊ยของผม เจ็บที่ฝ่าเท้ารู้สึกอุ่นและแสบตามมาทันที ก้าวอีกข้างก็ร้องอีกโอ๊ย ผมคงชนอะไรที่มันตกแตก และตอนนี้เดินไปเหยียบเข้าเต็มๆ ทั้งเท้าซ้ายเท้าขวา



“ฮืออออออออออออออออ” ไม่คิดจะเดินหนีไปไหน ผมนั่งลงตรงนั้น ร้องไห้โฮ ไม่รู้ว่าเจ็บแผล เจ็บใจ หรือเครียดเรื่องที่ทำงาน หมดแรงแล้วจะไปต่อ ไม่ได้ขนาดอยากตายนะ แค่ล้มแล้วขอนั่งตรงนี้สักพัก มีแรงเมื่อไหร่ผมจะไปต่อเอง



อย่างน้อยร้องในห้องมืดๆ ก็ดีกว่าไปร้องที่สาธารณะ มือถือสั่นไม่ต้องบอกว่าใคร เวลานี้มีแต่ปั่นเท่านั้นแหละ



ไม่รับ ปล่อยไป ไม่รู้จะพูดอะไรแม้แต่คำด่าหรือลาก่อน ก็ไม่อยากจะพูด



นั่งตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แค่แผลที่เท้าเริ่มชา คงประมาณตีสี่หรือห้า เพราะได้ยินเสียงรถราเริ่มเสียงดัง เคยคิดว่าตัวเองคือสุรเทวดาตกสวรรค์ลงมาเดินดินบนโลก แต่ตอนนี้ผมว่าไม่น่าใช่ สุรน่าจะอยู่ในนรกมากกว่า



ในที่สุดก็แสบตาเหมื่อยล้าและหมดแรง ลุกเดินโซเซไปเปิดไฟ เลือดที่ฝ่าเท้าแห้งกรัง ที่เปื้อนพื้นมีบ้างแต่ไม่เยอะขนาดมีใครมาแทงกันตาย แต่ก็เยอะพอให้หลอนได้เหมือนกัน ที่สำคัญผมกลัวเลือด



ตุบ!!!





“สุร มึงฟื้นแล้ว” เสียงอมร รูมเมตผมเอง

“มึงมาเมื่อไหร่ไหนว่ามาวันอาทิตย์ไง” ผมจำได้คือวันนี้ต้องวันเสาร์

“นี่ก็อาทิตย์ มึงสมองกระทบกระเทือนไหมเนี่ยสุ” สรุปว่าผมหลับข้ามวัน กินน้ำแล้วก็รู้สึกดีขึ้น อย่าหวังว่าผมจะอยู่โรงพยาบาล ผมอยู่ห้องตัวเองนี่แหละ อมรมันว่าผมคงเห็นเลือดแล้วเป็นลม ก็เลยแบกมานอนที่เตียง ทำแผลเก็บล้างพื้นให้ รอผมตื่น



ซึ้งใจน้ำตาจะไหล มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นอะไรมากกว่านั้นเลยเหรอ



“นี่มึงไม่คิดว่ากูต้องการหมอบ้างไง” พูดไปงั้นใจจริงก็ไม่อยากไปหรอก



“มึงไม่เป็นอะไรหรอกน่า แล้วทำไมไปเหยียบแก้วแล่นแบบนั้น”

ผมไม่ได้เล่าอะไร ไม่รู้จะเริ่มจากเรื่องไหนดี



“มึงก็แบบนี้มีเรื่องไม่เคยเล่าให้ใครฟังหรอก” ไม่ถนัดเล่านี่หว่า

“กูโทรบอกปั่นแล้วนะเดี๋ยวคงมา”



“มะ มึงว่าไงนะ” มันคงเห็นอาการผมแล้วเดาเอา

“มึงทะเลาะกันเหรอ เรื่อง? ” แต่มันบังเอิญเดาถูก



“กูไปหาเขาที่ห้องวันศุกร์ เจอเขานอนกับคนอื่นอยู่”



เงียบทั้งคนเล่าและคนฟัง อมรอ้าปากแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา จนกระทั่งประตูเปิดอดีตแฟนสาวที่น่ารักของผมเดินเข้ามา ผมก้มหน้าไม่สบตาเธอ ล้มหัวนอนและแสดงว่าหลับเหมือนสลบไปเฉยๆ



“อ้าวตัวเองหลับเหรอ” เธอคงไม่เข้าใจ

“ปั่นเราขอคุยด้วยหน่อย” อมรมันเป็นพ่อสื่อให้ผมกับปั่นคบกัน ความจริงมันสนิทกับปั่นมากกว่าผมเพราะอยู่บ้านใกล้กัน



ไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรบ้าง แต่นานมากประมาณสองชั่วโมง มันก็ยังไม่กลับมา ผมก็ไม่ได้รอแค่มองนาฬิกาทุกสิบนาทีเท่านั้นเอง



หิวนิดๆ ลุกจากเตียงเจ็บฝ่าเท้าตึงๆ ลงน้ำหนักไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้ผมจะเดินไปทำงานไงอ่ะ ทำงานมาเป็นปีสุรไม่เคยขาดลามาสาย เบี้ยขยันไม่เคยขาดกระเป๋า จะมาเสียประวัติเพราะอกหักแล้วเสือกอยากเล่นเอ็มวีในความมืด



ที่เขาว่าบางคนอินดี้จนตัวตาย มันเป็นแบบนี้เอง



ค่อยๆ เกาะผนังห้องออกไปที่ครัว ต้มมาม่าเย็นตาโฟสองห่อนั่งกินเงียบๆ อิ่มก็ยังไม่อยากลุก ไม่ได้อินดี้อะไร เจ็บตรีนเดินเยอะไม่ได้ก็นั่งมันตรงนี้



เซ็ง!!



เกือบสองทุ่มอมรก็เดินเข้าห้องมา หน้ายุ่งเหมือนเปียแชร์ไม่ได้ มันคงคิดมากแทนผมยิ่งสนิทกับปั่นด้วยเลยเครียดสองเด้ง



“มึงโอเคไหมสุร” มาถึงก็ชวนดราม่าเลย คือผมว่าสภาพมันไม่โอเคกว่าผมอีกนะ

“นอกจากตรีนกับใจส่วนอื่นกูก็ไหวอยู่” สายตามันหลบมองแผลผม

“พวกมึงคบกันมานานมาก บางทีอาจจะมาถึงทางตัน” มันว่าแล้วก็มองผมเหมือนสงสารลูกหมาถูกทิ้ง



“กูไม่คิดมากแล้วล่ะ ความจริงก็คิดอยู่บ้างแต่ยังไงก็คงไม่เหมือนเดิม ปั่นไม่รักกูแล้วกูเข้าใจ” ไม่ได้เป็นพระเอกเข้าใจโลก แต่ผมเสียใจในคืนนั้นพร้อมกับเจ็บแผลแก้วบาด ถึงไม่ลึกมาแต่ก็เจ็บ มันเกินพอแล้ว ผมเป็นคนยอมรับความจริง พ่อแม่สอนมาความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่ถ้าเรารับไม่ได้เราจะตายเอง



“มึงดูอาการดีกว่าปั่นอีกว่ะ” มึงจะพูดทำเพื่อออออ

“เอ่อ..กูปากไม่ดี อย่าสนใจคำพูดกู มึงไม่คิดอะไรก็ดีล่ะ แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานไหวป่ะเนี่ย”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว พรุ่งนี้สิ้นเดือน เบี้ยขยันกูจะพลาดไม่ได้” ไม่ว่าดราม่ายังไงแต่กูต้องได้เบี้ยขยัน



“เห็นมึงงกแบบนี้กูก็เบาใจ” บ่าผมถูกตบเบาๆ



งกใช่ผมงก ตอนทำงานใหม่ๆ กับปั่นเราคุยกันไว้ทำงานสองปีเก็บเงินซื้อบ้าน แล้วก็จดทะเบียน ผมไม่อยากจัดงานแต่งเรื่องนี้เราเห็นตรงกันจะไม่เอาเงินไปเลี้ยงคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด งานแต่งสิ้นเปลือง เก็บไปฮันนีมูนเมืองนอกยังดีซะกว่า



“เอ่อมึงสองเดือนหน้ากูไปดูงานเกาหลีนะ แล้วจะมีญาติกูมาขอพักด้วยคงมาเร็วๆ นี้ พี่เขามาหางานที่กรุงเทพเป็นครั้งแรก เห็นว่าสมัครที่โรงบาลสัตว์แถวๆ ซีคอนอ่ะ คงพักไม่นานได้งานแล้วเขาก็หาหอเอง” อมรเหมือนขออนุญาตผมแต่เปล่า มันคือการแจ้งเพื่อทราบ



“อือ” ไม่ซีเรียสผู้ชายอยู่ง่ายกินง่ายไม่วุ่นวายหรอก



กับอมรไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน งานมันต้องบินไปไกลๆ ไม่ต่างจังหวัดก็ต่างประเทศ ผมเหมือนอยู่คนเดียวมากกว่า ทั้งที่มันก็จ่ายหารครึ่งทุกเดือน มีญาติมันมาขออยู่ก็ไม่ลำบากหรอกครับ



ตอนนี้ผมโสดแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปั่นไม่โทรมาผมก็ไม่โทรไป เราต่างรู้กันว่ามันจบแล้ว โดยไม่ต้องบอกลาเพราะยังไงก็ไม่มีค่าเหมือนเดิม



วันจันทร์สุดท้ายของเดือน นอกจากจะเงินเดือนเข้าแล้ว อย่างอื่นคาดว่าจะบัดซบ



“สุรเป็นอะไร” เสียงแรกที่ทักทายเป็นใครไม่ได้พี่ชิปปิ้งธาดา วันนี้ผมเดินช้ากว่าจะมาก็เกือบเข้างาน ข่าวดีคือทันเบี้ยขยัน แต่ข่าวร้ายคือพี่เทพไลน์มาบอกว่าลาป่วย ก่อนจะฝากงานเหมือนลาตาย



“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” ผมตอบน้ำเสียงกลางๆ ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง นี่เขามายืนตรงนี้ทำไม รอผม?





“ขอตัวนะครับ” เลิกใส่ใจพี่ธาดาคนแปลก แล้วเดินไม่ปรกติกะเผลกลำบากจนถึงห้องทำงาน ระหว่างทางมีแต่คนถามสุรเป็นอะไร ตอบจนเบื่อ เจอไอ่แมนหน้าห้อง มันว่าตอนเที่ยงจะไปซื้อข้าวมาให้ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนแมน มันเป็นเทวดามาโปรดผมก็วันนี้แหละ



นั่งดูรายละเอียดส่งของล็อตใหม่ ในเมล์ที่ชิปปิ้งคุยกันแล้วแนบสำเนาส่งถึงผมด้วย ความจริงไม่มีหน้าที่กับเขาแต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ชิปปิ้งดำเนินการฝ่ายเดียว เพราะถ้าผิดพลาดเรื่องศุลกากร อาจมีภาษีย้อนหลังหลักล้าน ผมรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ต่อให้ทำงานได้เบี้ยขยันไปจนตายก็เถอะ





ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตู



พี่ธาดา!!





“ไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ผมเลยซื้อผัดไทยมาให้” เกาหัวคันรังแคแป๊บ หันไปดูนาฬิกาอ้าวเที่ยวแล้วนี่



“ไอ่สุรกูได้ก๋วยเตี๋ยวมะ.....พี่ธาดา” ตอนนี้ผมกับไอ่แมนสีหน้าเดียวกันเป๊ะ คำถามคืออะไรเอ่ยไม่เข้าพวก?



“คุณแมนซื้อข้าวมาส่งคุณสุรเหรอ นี่ผมซื้อมาเหมือนกันปะไปกินกันเถอะ” พี่ธาดาเดินนำไปห้องกินข้าวแผนกผม แมนเข้ามาช่วยพยุงผมกระซิบถาม “อะไรยังไง” อย่าถามกู “กูก็งงเหมือนมึง”







ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยมาตีสนิทขนาดร่วมวงกินข้าว หรือที่เขาไม่มาเพราะพี่เทพงั้นเหรอ อ่า..คิดเป็นอื่นได้ยากจริงๆ





ห้องกินข้าวปรกติมีแต่ผมกับพี่เทพก็ว่าแคบแล้ว นี่มีสามคน หัวเข่าจะชนกันแล้วครับ ไอ่แมนกินไปมองผมสลับกับพี่ชิปปิ้งไป ส่วนพี่เขาก็ชิลมากประหนึ่งว่าเพื่อนสนิทแก๊งเดียวกัน หันมายิ้มให้ผมบ้าง หันไปยักคิ้วใส่แมนบ้าง



ส่วนผมเหรอ ไม่รู้เหมือนกันไม่มีกระจกตอนนี้ แล้วก็อธิบายความรู้สึกอะไรไม่ได้นักหรอก ปวดตรีน เดินรับโทรศัพท์เยอะ



“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาหรอกคุณ” พี่ธาดาว่างั้นแล้วก้มกินข้าว แมนถลึงตาโตมาก เหมือนกลัวพี่เขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังนินทาเขาอยู่ในใจ







กินข้าวเสร็จพี่ตี๋ตาโตก็กลับแผนก ส่วนไอ่แมนยังอยู่ ท่าทางคันปากรู้เลยจะพูดเรื่องอะไร



“พี่เขาแปลกๆ ถ้ามึงไม่มีเมียกูจะเดาว่าเขาจีบมึง” เอิ่มมม ไม่น่าใช่นะแมน

“อะไร กูพูดตามที่เห็น เขาดูห่วงมึงยังกะอะไร” ตรงไหน แค่ซื้อข้าวมาให้ แค่รอเลี้ยงกาแฟทุกวัน เออ...จริงๆ ก็แปลกอย่างที่มันว่า



“นั่นไงมึงเถียงไม่ออก”

“แล้วไง กูผู้ชายไม่ใช่เกย์ ชอบผู้หญิงน่ารักแอ๊บแบ๊ว” แบบน้ำปั่น คิดแล้วก็เศร้าขึ้นมาอีกล่ะ



“กูรู้ ถึงอยากเตือน มึงต้องระวังตัว ผู้ชายเนี่ยเสร็จเกย์มานักต่อนักแล้ว ติดใจทุกราย” ผมผงะจากตัวมัน

“มึงพูดเหมือนมีประสบการณ์นะแมน”

“บ้าอะไร กูแค่เตือนไปแล้วแม่ง” หนีกันนี่หว่า จะว่าไป ผมไม่เคยเห็นแมนมีแฟนเลยนะ รู้จักกันมาเป็นปีตั้งแต่ทำงานที่นี่ ก็ไม่เห็นมันพูดถึงแฟน หรี่ตามองตามหลังมันจนลับตา แต่ความอยากเผือกมันน้อยไป ก็เลยหยุดไว้แค่นั้น





เลิกงานก็กลับบ้าน ขามาว่าทุลักทุเลแล้ว ขากลับนี่ต้องคูณสิบ เพราะทุกคนแย่งกันกลับ ใครก็อยากพักผ่อน ระหว่างผมเดินลากสังขารเดินไปป้ายรถเมล์มีเพื่อนเทวดาพยุงอยู่ข้างๆ รถของใครบางคนก็ชะลอแล้วบีบแตรใส่เราสองคน



พี่ธาดา!!!





“ขึ้นมาทั้งคู่เลย” แมนมันกระซิบว่าขึ้นไปเถอะสภาพผมเดินไปแบบนี้กว่าจะถึงห้องไม่รู้กี่โมง ผมก็ว่างั้น



“อยู่ไหนกันบ้างพี่ไปส่ง” เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมและแมนหันมามองหน้ากัน ตอนนี้ผมกับมันนั่งข้างหลัง เพราะเบาะข้างหน้าพี่เขามีตุ๊กตาหมีตัวโตนั่งอยู่ เขาว่าของขวัญหลาน



“เกรงใจครับผมลงป้ายรถเมล์ก็พอ พี่จะไปทางไหนถ้าไปทาง...ฝากส่งไอ่สุรด้วย” มันฝากผมเสร็จสรรพถามกูสักคำหน่อยไหม



“ตามนั้น” คนขับว่าง่าย แต่ทำไมต้องมองกระจกหลังตลอดเลย คิดถึงคำที่แมนมันว่าพี่เขาเป็นเกย์หวังอะไรในตัวผม ก็ขนลุกขึ้นมา กลัว!!





“ขอบคุณที่มาส่งครับคุณธาดา” ผมยกมือไหว้

“เดี๋ยว” เขารั้งผมด้วยเสียง

“ครับ” รอฟังลุ้นว่าอย่ามาสารภาพความในใจกูนะ

“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ” ผมมองเขา ที่ขอมาคงทำให้ไม่ได้

“ผมมีงานค้างอยู่ครับ” อีกอย่างพี่เทพจะลากี่วันก็ยังไม่รู้เลย



“งั้นพรุ่งนี้มารับ”

“ไม่เป็นไรครับรบกวนเปล่าๆ”

“ถือว่าตอบแทนที่ผมมาส่งคุณวันนี้ไง โอเคไหม”

“ก็ได้ครับ” เขายิ้มแล้วเร่งเครื่องออกไป





กะบะฟอร์ดเรนเจอร์ดับเบิ้ลแค็บสีเทาจากไป ทิ้งไว้แต่เครื่องหมายคำถาม ตอบแทนที่เขามาส่งคือผมต้องยอมให้เขามารับพรุ่งนี้ แมนมันอาจคิดถูก..พี่เขาจีบกูรึเปล่าวะเนี่ย?





เชี่ยยยยย!!!!!













ปั่นตอนใหม่มาลง ดีใจที่มีคนชอบ มันจะเริ่มไม่ฮาและพาเครียดหน่อยๆ

บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาหาเราแบบไม่ทันตั้งตัว

เอาใจช่วยสุรกันด้วยนะครับ
#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง



By Symbol A

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สนุกนะอยากรู้พระเอกตัวจริงคือไคร :pig2:  +1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
หลังจากนี้ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามานะสุร


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สนุกนะอยากรู้พระเอกตัวจริงคือไคร :pig2:  +1

อือ........ใครกัน...เป็นพระเอก  นักวิ่ง หรือคุณธาดา  :really2:
คือ มัน ฮา.........นะ ชอบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
:really2:  สุระ ร้องไห้.....อย่างเดียวเลยหรอ........  o22  :serius2:
ตอนที่เห็นแฟนนอกใจนอนกับชู้แบบจะๆ
ไม่ถาม...... ไม่โวยวาย...... ไม่ร้องเพลง ........
♬。 ♫♫~♬  ทำไม -- ถึง -- ทำ -- กับ -- ฉัน -- ได้ ♪ ♩  ♪

คนที่แต่งตัวแบบนักวิ่ง ลากจูง สุระ
พาไปกินก๋วยเตี๋ยว ใครกันละเนี่ย  :katai1: :really2:
เริ่มสงสัยแมนแล้ว  อยากเผือกชีวิตแมน  :z3:
ว่าแตชายจริงติดใจเกย์นี่ พูดถึงตัวเองหรือเปล่า แมน  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 3

สุรชอบแก้ผ้า



‘ใต้โต๊ะ’ ไม่ต้องก้มดูว่าใต้โต๊ะมีอะไร มันแค่คำฮิตในส่วนประกอบของประโยคที่ใครต่อใครถามผมช่วงนี้

“สุรมานี่หน่อย” พี่ตู่ฝ่ายบุคคลครับ ไม่พ้นจะถามเรื่องใต้โต๊ะเชื่อมะ

“เรื่องนั้นน่ะ พี่เทพทำจริงไหม” อ่ะว่าแระ

“เรื่องไหนครับ” กวนครับ และผมตั้งใจ จำได้นะเรื่องครั้งก่อน แค้นฝั่งหุ่นพูดเลย

“ก็...เรื่อง..ใต้โต๊ะกับนอฟเทค” มีใครบอกพี่ไหมว่า พี่เป็นบุคคลที่อยากทราบเรื่องทุกคนเกินหน้าที่ หรือเรียกสั้นๆ ว่า.....นั่นแหละ

“ไม่ทราบครับ พี่เทพไม่มาทำงานหลายวันแล้ว” เห็นหัวผมไหม เวลาจะหวียังไม่มีเลย ไหนจะงานตัวเอง ไหนจะปัญหาที่หัวหน้าก่อไว้ สุรจะตายวันละสิบรอบครับ



“สุรคุณโต้งเรียก” ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คุณโต้งเรียกหา ฝ่ายของผมอันเดอร์เขาอยู่ ว่าง่ายคือเขาชี้เป็นชี้ตายฝ่ายจัดซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรกติหน้าที่เข้าหานายพี่เทพจอง ผมเลยไม่รู้ว่าคุณเขาเป็นยังไง



เสียงทุ้มมีอำนาจบอกว่าเชิญ ผมนี่รู้สึกตัวเองเป็นน้ำแข็งหลอดกลิ้งตกลงน้ำ คุณโต้งเขามีออร่าของลูกชายเจ้าของจริงๆ หล่อเข้มเหมือนคุณพ่อ แต่ก็ผิวดีแบบคุณแม่ แถมรูปร่างสูงใหญ่สมกับตระกูลทหารเก่า ใช่ครับคุณโต้งเป็นน้ำที่จะละลายตัวผม ละล้ายลาลายเพราะสายตาเขาตอนนี้มองผมเหมือนจะทรมานให้ผมยอมสารภาพ แต่ผมไม่ผิดนะเห้ย

“คุณสุรทราบ ปัญหาของแผนกคุณตอนนี้ใช่ไหมครับ” ตรงๆ ไม่มีอ้อม

“พอทราบครับ” ผมรู้หัวเรื่อง รู้รายละเอียด แต่ไม่รู้ความจริง ผมบอกเขา

“ความจริงขึ้นอยู่กับหลักฐาน แต่ถ้ามีอยู่แค่ตอนนี้ แผนกคุณทำผิดกฎร้ายแรง” ผมก้มหน้า ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกนอกเสื้อ “ผมไม่เกี่ยวนะครับ”

“ก็ยังไม่ทันได้พูดว่าคุณเกี่ยว” เหมือนผมร้อนตัว เหี้ยแล้ว เหี้ยล้วนๆ ไม่มีจระเข้มาปน

“คุณรู้ไหม...” คุณโต้งพูดแล้วหยุด แปลว่าเรียกผมเงยหน้ามองเขา ผมเห็นแต่สายตาที่ไม่กล้าโกหก น่ากลัวชิป..

“แผนกคุณมีสองคน มันยากที่ผมจะเชื่อว่า มีคนทำผิดโดยที่อีกคนไม่รู้เห็นหรือเป็นใจ”

ได้ยินเพลงแห่ศพดังเข้ามา ตายกูตาย สุรตายแน่ๆ

“แต่..ผมไม่รู้เห็นด้วยจริงๆ นะครับ สาบานได้” ก้อนน้ำแข็งสุรกำลังลอยเท้งเต้งไปมา ความเย็นของน้ำรอบตัวไม่ช่วยคงสถานะ สายตาคุณโต้งยังเฉียบคมกัดกร่อน ผู้บริหารว่าที่ประธานใหญ่ เคาะนิ้วบนโต๊ะ มองผมอยู่อย่างนั้น

ไม่ให้ผมสาบานก็ไม่ว่า แต่คุณโต้งอย่าเอาสายตามาฆ่ากันได้ไหม ในที่สุดผมก็ทนแรงกดดันไม่ไหว

“ผมขอเวลาพิสูจน์ตัวเองครับ ผมจะหาหลักฐานมาให้คุณโต้งดูว่าผมไม่รู้เห็นกับพี่เทพ” กล้าต่อรองแต่ดันลืมส่วนสำคัญ คุณโต้งเลยรีบชิงบอกว่าให้เวลาเดือนหนึ่ง แต่ผมต้องย้ายมาทำงานในห้องเขา

เนื้อน้ำเย็นที่คงรูปเป็นของแข็งละลายหาย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผืนน้ำกว้างใหญ่รอบตัวเรียบร้อย

ใครก็ได้ช่วยสุรด้วยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



เย็นวันนั้นผมกลับบ้านเอง อ้อเท้าผมหายดีแล้วครับ แต่ตอนนี้มีปัญหาใหญ่กว่าอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ เพิ่งรู้ว่าเซลล์ของนอฟเทค บริษัทขายกระดาษของจีนที่พี่เทพอวยนักหนาว่าของดีของถูก ใต้โต๊ะกับพี่เขามาตลอดหลายปี เรื่องแดงตอนที่พี่เขาลาป่วยและผมไม่อยู่โต๊ะ คนรับสายคือฝ่ายจัดซื้อในประเทศ ทำงานสายเดียวกันแค่รับสายคุยนิดหน่อยก็เข้าใจ ทางนั้นบอกพี่เทพไม่ตอบเมล ทั้งที่จ่ายงวดแรกแล้ว

งวดแรกอะไร งบสั่งของไตรมาสนี้ยังไม่ออกเลย สเปกกระดาษยังไม่เข้าที่ประชุมเลยมั้ง หวยออกสิครับ ออกเป็นชื่อสุร หวยที่ไม่ได้เป็นเงิน ได้เป็นแพะแทน



ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย แหล่มองห้องตรงข้าม มึงเปิดเพลงไม่เกรงใจคนอื่นเลย กลัวไม่รู้รึไงว่ามีลำโพงน่ะ ด่าแค่ในใจ ตอนนี้ไขกุญแจห้องยังเหนื่อยเลย

“แกร็กก...” ประตูไม่ได้ล็อก สงสัยญาติอมรมาแล้ว

“ไง กลับมาแล้วเหรอ” เสียงมันคุ้นๆ

ไอ้โจรก๋วยเตี๋ยว!!!

“..........” ขนาดไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไร ยังตกใจขนาดนี้ โจรเดินมาโบกมือตรงหน้าผม เหมือนเขาจะจำผมไม่ได้ คืนนั้นผมร้องไห้หนักและหน้าตาคงดูไม่ได้เลย เดาเอาเพราะโจรไม่ตกใจอะไรสักนิด

“น้องสุรใช่ไหม” จำไม่ได้จริงด้วย

“ครับ” เป็นรุ่นพี่ก็ต้องสุภาพ ยิ่งเป็นญาติเพื่อนด้วยแล้ว ผมเลยก้มหัวแต่ไม่ไหว้

“พี่ทำอะไรอยู่” เห็นหม้อตั้งไฟ ทำอาหารเป็นด๊วะ หิวขึ้นมาทันที หอมม

“ต้มยำกุ้ง ไปอาบน้ำดิ เดี๋ยวมากินข้าวกัน” ดีแฮะ

ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ขอโทษที่ผมว่าพี่เป็นโจรนะ



สิบห้านาทีผ่านไปผมออกมาพร้อมหัวที่ยังเปียก ใส่แต่กางเกงนอน เช็ดผมไปถามเขาไป

“พี่ชื่ออะไรครับ” เขาเงยหน้าจากเตา มองผมนิ่ง มีอะไรรึเปล่าผมก็พลอยนิ่งค้างไปด้วย

“เออ เอ่อ..พี่ชื่อปราชญ์” พี่ปราชญ์ก้มหน้าก้มตาต่อหน้าแดงหูแดง สงสัยอยู่หน้าเตานาน

“ไม่ต้องทำกับข้าวก็ได้นะพี่ ซื้อเอาง่ายดี” ผมซื้อประจำ

“พี่ชอบทำ ช่วงนี้ยังไม่ได้งานทำได้ก็จะทำให้นะ” ผมพยักหน้าแล้วแต่เขา

เราสองคนสนิทกันไวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่เหมือนคนที่ผมเจอตรงป้ายรถเมล์เลย เราไม่ควรตัดสินใครแค่เห็นครั้งแรกจริงๆ

“กินได้ช่ะ” คนทำถามแบบนี้ ไม่อร่อยผมก็ต้องตอบว่า

“อร่อยครับ” แต่ผมตอบตามจริงไม่ได้ฝืนใจ

“งั้นกินเยอะๆ” พี่ปราชญ์ผลักหัวผมแล้วอมยิ้ม น่าจะแก่กว่าผมไม่มากหรอก หน้าเด็กกว่าอมรอีก

“สุรไม่มีชื่อเล่นเหรอ” ชื่อผมก็ไม่ได้ยาวนะ

“ไม่มีครับ”

“คุยกับพี่ไม่ต้องครับก็ได้ เราห่างกันไม่กี่ปีเอง งั้นพี่เรียกสุได้ไหมสั้นดี”

“งั้นพี่ควรเลิกเรียกตัวเองว่าพี่”

“ก็จริง งั้นเรียกชื่อแทนดีกว่าเนอะ สุไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอ” ยังจะกล้าถาม ร้อนขนาดนี้ ผมเห็นเขาก็เหงื่อซึมเถอะ

“มันร้อนนะ หรือปราชญ์ไม่ร้อน?” อย่ามาตอแหลว่าหนาวนะ ว่าแต่เรียกชื่อกันแบบนี้ไม่ชินเลยอ่ะ มุ้งมิ้งเกินไป ถ้าไม่ติดรุ่นพี่จะเสนอคำสั้นๆ กู-มึง แทนแล้ว

“ร้อนกาย ไม่เท่าร้อนใจ” เราคุยเรื่องเดียวกันอยู่ไหมเนี่ย

“................” ใครไม่ร้อนสุรร้อนครับ ไม่ชอบใส่เสื้อ นี่เกรงใจแล้วนะ ไม่งั้นใส่แต่กางเกงในไปแล้ว กินกุ้งดีกว่าไม่สนใจ

“พี่..เอะ..ปราชญ์นอนเตียงด้วยกันได้นะ มันกว้างอยู่”

“ได้เหรอ..ไม่ดีมั้ง” ผมส่งสายตาสงสัยทำไมไม่ดี อีกฝ่ายก็รีบบอก

“กลัวนอนดิ้นเผลอถีบสุตกเตียง” งั้นก็เชิญโซฟา ผมไหวไหล่ตามใจเขา

“ปรกติอยู่กับอมรก็ถอดเสื้อเหรอ” พี่เขาเป็นอะไรกับเสื้อผมมากไหมเนี่ย

“ไม่..ปรกติใส่แต่เกงในนอน”

แคร๊งงง!!! ช้อนในมือเขาร่วงลงในถ้วยต้มยำ น้ำแกงกระเด็นใส่ตัวผมเต็มๆ ไม่พอเข้าตาแสบไปอีก

“โอ๊ย” ผมยกมือปิดตา เห็นเขาแค่ข้างเดียว คนอ้าปากค้างเหมือนจะได้สติ รีบลุกดึงผมไปล้างหน้าที่อ่างทันที

“ขะ..ขอโทษนะ กล้ามเนื้อหมดแรงกะทันหันอ่ะ” มันต้องอ่อนแรงไม่ใช่เหรอพี่
“ไม่เป็นไร ปราชญ์ๆ”

“อือๆ ว่าไง”

“ไม่ได้อ้วกไม่ต้องลูบหลัง” แม่งเอาซะผมจะอ้วกจริงแล้วเนี่ย ยิ่งกินมาเยอะด้วย

“อุ๊ย!! แหะๆ” เขาเดินออกไปนั่งที่เดิม ผมก็ล้างตาล้างตัว เสร็จจะไปนั่งกินกับเขาต่อ ก่อนนั่งก้มเห็นกางเกงขายาวเปื้อนต้มยำ เลยเดินไปเปลี่ยนเป็นเกงเกงบอล ผู้ชายเหมือนกันผมไม่ถือถอดมันตรงนั้นเลย

“เห้ยย” เสียงคนที่นั่งมองอยู่ดังขึ้น หรือว่าผมสบายไป พี่เขาอาจจะถือ

“เห้ยยปลาหมึกนี่มันสดจริงๆ” ที่แท้เขาตกใจปลาหมึก ไอ่ผมก็นึกว่าเขาไม่พอใจที่ผมทำตัวไม่มีมารยาท

ลืมเรื่องปัญหาไปชั่วขณะ ต้มยำได้เยียวยาทุกสิ่งในใจของผม อา..อิ่มพุงกางอาสาล้างจานและกลับมานอนพึ่งพุงหน้าทีวี พี่เชฟไปอาบน้ำ ด้วยความเพลียและเหนื่อยอ่อน ผมก็เลย...เผลอหลับ



ตื่นมาทำไมนอนสบายจังวะ เดี๋ยวนะนอนห่มผ้าได้ไง ผมควรนอนโซฟาหน้าทีวี ไม่ใช่บนเตียงเหมือนตอนนี้

“ปราชญ์อุ้มไปเองแหละ นอนเถอะดึกแล้ว” อะ..อุ้มงั้นเหรอ..รู้สึกเหมือนอยู่กับพี่ชายที่บ้านเลย คิดถึงมันเหมือนกันไม่เจอกันมาหลายเดือนแล้ว ล้มหัวลงนอนหลับไปอีกรอบ

ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันของผมบ้างนะ ขอร้องล่ะ............













ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ มีคนฮากับสุรคนเขียนก็ดีใจมากแล้ว พระเอกคือใครดีนะ หรือสุรจะเป็นพระเอกเสียเอง งืมมม น่าคิด....

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

By Symbol A
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-01-2019 10:41:15 โดย antivirus »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีแต่ผู้วนเวียนอยู่รอบกาย

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
อิจฉาสุรมีแต่ผู้รุมรอบตัว

 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
ถามจริงมีผชมาตอมกี่คนเนี่ย คนฮอตเนอะสุร :ling2:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
หืมมม.... หรือสุร เป็นพระเอกเอง  :m20: :laugh:
ไม่หวาด ไม่ไหว กี่ผู้นี่ ที่รายล้อมรอบตัวสุระ  :เฮ้อ:
คุณธาดา คุณโต้ง ปราชญ์ ที่เป็นนักวิ่งเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว เน่าะๆ นี่ก็ สามผู้ละนะ  :really2:
อ่านไป...ขำไป  :m20: :laugh: :pigha2:
โดยเฉพาะตอนปราชญ์ ทำต้มยำทะเล
ที่หน้าแดง ตัวแดง เพราะอยู่หน้าเตา จริงเร้อ  :z3:
ไม่ใช่เพราะสุร ไม่สวมเสื้อเนาะ  :o8:
ที่บอกปลาหมึกซ้ด สด เพราะสุร ถอดกางเกงต่อหน้า ใช่แมะๆ  :ling1:
ที่ทำช้อนตก ก็เป็นเพราะสุร บอกใส่แต่เกงในนอนสินะ  :-[
ปราชญ์นี่ จินตนาการลึกล้ำเอาเรื่อง  o22 แต่ชอบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ทำไมรู้สึกผู้ชายดูหลงสเน่ห์สุรกันหมด แต่งงกับธาดามากสุดที่ตอนแรกด่าๆ แต่ตอนหลังมาเอาใจ ลูกชายเจ้าของก็แปลกๆต้องให้เข้าไปนั่งทำงานด้วย ตลกที่สุรกับปราชญ์ เรียกชื่อกันแทน น่ารักดีค่ะ เดาไม่ออกเลยว่าใครจะเป็นพระเอก ตัวเลือกของสุรดูเยอะ และน่าสงสัยไปหมด

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ลุ้นเหมือนกันว่าใครจะเป็นพระเอก ตอนนี้ปราชญ์คะแนนนำอยู่เพราะอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนพี่ธาดานี่ สุรดูงงๆ แบบอะไรวะ ส่วนคุณโต้งนี้ต้องรอดูตอนสุรย้ายไปทำงานห้องเดียวกันก่อน โอ้ยยยยยยยยยยยยย ดีต่อใจ

คนเขียนก็สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ สนุกมากกก :3123:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สงสัยปราชณ์จะชอบผู้ชายแบบน้องสุร  :z2:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ papapoope

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 291
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 4

สุรง่วงนอน



“คุณสุร!!” เสียงพี่ธาดาดังมาทันทีที่ผมสแกนบัตรเข้างานเสร็จ ช่วงที่พี่เทพหายไป ได้ยินว่าพี่ธาดาก็ยุ่งอยู่ข้างนอกตลอด ผมไม่อะไรหรอก แต่พี่ชิปปิ้งทำหน้าดีใจมากที่เห็นผม

“ไม่เจอตั้งหลายวันเป็นไงบ้าง ผมรู้เรื่องนั้นแล้วนะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย”

“ขอบคุณครับ ไว้มีอะไรรบกวนผมจะไม่เกรงใจก็แล้วกัน แต่ผมขอตัวก่อนวันนี้รีบ” ต้องขนของไปห้องคุณโต้งอีกเยอะเลย ผมกำลังจะเดินไป แต่มือคนเดิมคว้าแขนผมไว้

“ไม่กินกาแฟเหรอ ผมเลี้ยงนะ” หน้าผมเห็นแก่กินนักรึไงครับพี่

“ไม่ทันจริงๆ ครับ ขอโทษนะครับ” พูดจบคนจะเลี้ยงหน้าหง๋อยจนผมสงสาร พี่อยากเลี้ยงผมขนาดนั้นเชียวเรอะ

“ไอ่สุรคุณโต้งเรียกหามึงอ่ะ อ้าวพี่ธาดา” แมนมึงมาได้จังหวะมาก

“แมนมึงรีบไปไหนป่ะ”

“ไม่นะ กูจะไปร้านกาแฟ” เอ้า..พอดีเลยครับ ผมหันไปมองพี่ธาดาที่ปล่อยแขนผมแล้ว

“คุณธาดาไปกับแมนมันแทนนะครับ ผมขอตัว ไปนะมึง” เพื่อนเทวดาหน้าเอ๋อใส่ ผมรีบเดินเร็วๆ หลบพวกเขาออกมา เฮ้อออ ทำไมชีวิตสุรมันยุ่งวุ่นวายแต่เช้าแบบนี้เนี่ย





ตัดสินใจไปที่ห้องคุณโต้งก่อน ข้าวของเดี๋ยวค่อยเก็บ

“อ้าวไหนของคุณล่ะ ไม่เก็บมาเหรอ” อ่ะ ตัดสินใจผิดใช่ไหม

“ผมรีบมาหาคุณโต้งก่อนครับ คิดว่ามีงานด่วนจะใช้” เพราะผมรีบมาเลยเหนื่อยจนหอบ เสียงอาจจะแข็งไปหน่อย

“ใครจะกล้าใช้งานคุณล่ะ” คุณโต้งเลยเข้าใจผิด ว่าผมไม่พอใจ

“งั้นผมไปเก็บของนะครับ”

“................” เวร!! เงียบใส่อีก

“คุณโต้งครับ” จะเอาไงกับกูครับ

“ก็ไปสิใครรั้ง” หน้าผมยิ้มน้อยๆ แต่ใจผมเดือดพล่านเป็นแกงใกล้สุกเลยแหละ อยู่กับพี่เทพว่างงกับชีวิตแล้ว อยู่กับคุณโต้งผมประสาทจะกิน แวะห้องพยาบาลขอพารามาสแตนด์บายไว้สักกระปุกท่าจะดี





ห้องคุณโต้งต้องขึ้นลิฟต์ไปอีกสี่ชั้น ระหว่างขนของสามรอบก็เจอแต่คำถาม สุรไปไหน ขนอะไรเยอะแยะ ตอบจนขี้เกียจตอบ

รอบสุดท้ายเจอแมนเพื่อนเทวดา มันเล่าว่าพี่ธาดาถามมันแต่เรื่องของผม

“กูฟันธงว่าเขาจออีบอจีบมึง..มึงๆ พักก่อนกูเหนื่อย” ก็เล่นพูดไม่หยุดตั้งแต่ออกจากห้องผมยันชั้นสี่ จะไม่ให้เหนื่อยไงไหว ผมพยักหน้าวางกล่องที่แบกกับมันคนละข้างลง ถ้าไม่มีมันผมคงต้องแบกอีกหลายรอบ เห็นแก่มันช่วยผมจะไม่ขัดก็แล้วกัน

“แล้วไงกูไม่ชอบผู้ชาย” ผมยืนยันจุดยืนสาวน่ารักแอ๊บแบ๊วเท่านั้นที่ทำใจผมสั่นไหว

“ไม่เคยลองอย่ามั่นให้มาก” อีกแล้วนะแมน ผมหรี่ตาใส่มัน มันหลบตาผมใหญ่ ไอ่แมนต้องมีความลับแน่ๆ ผมฟันธง ขว้างธง เผาธงเลยอ่ะ

“แมนมึงดูมั่นใจจังนะ ว่าผู้ชายจะทำให้กูติดใจ” มันอึกอัก

“คุณสุรคะ คุณโต้งบอกว่าถ้าเสร็จแล้ว รีบกลับห้อง” ฮึ่มมม ตามจิกยิ่งกว่าเมียก็คุณโต้งนี่แหละ แมนมันได้ทีบอกรีบไปเถอะเดี๋ยวพ่อมึงโกรธ มันก็ช่างพูดนะ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

เคาะประตูแล้วใช้หลังดันประตูเข้าไป คุณโต้งคงไม่ทันเห็นว่ารอบนี้มีคนมาช่วย

“ของคุณเยอะมากเลยเหรอ หื้มม ผมไป..”

เงียบ!!!

ไอ่แมนยกมือไหว้เขา เขาก็ดูอึ้งๆ เหมือนเพิ่งหลุดปากความลับสำคัญ รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกเป็นบ้า จับต้นชนปลายไม่ถูก คุณโต้งใช้น้ำเสียงโทนเดียวกับเวลาผมคุยกับปั่นแต่ปั่นเป็นเมียผมไง คุณโต้งเป็นเจ้านายนั่นแหละที่แปลก

“กูไปนะเที่ยงเจอกันร้านข้าว” แมนกระซิบบอก พยักหน้าขอบคุณมันที่มาช่วย หันไปหาคุณโต้งก้มหน้าอ่านเอกสารของเขา หรือผมคิดเรื่องพี่ธาดาเยอะไป ช่างเถอะ!! ตอนนี้เอาเรื่องทุจริตให้พ้นตัวก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง

ตอนนี้ใครโทรมาหาแผนกผมต้องผ่านจัดซื้อในประเทศก่อน แล้วค่อยโอนให้ผม ห้องทำงานเดิมผมถูกล็อกใครก็ห้ามเข้า เหมือนสถานที่เกิดเหตุอาชญากรรมไม่ผิด เรื่องนี้คงเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปอีกพักใหญ่ ผมกลายเป็นคนดังไปแล้วตอนนี้ ใครก็รู้จักน้องสุรจัดซื้อต่างประเทศที่ต้องหาว่ารู้เห็นกับพี่เทพโกงบริษัท ความยุติธรรมมีขายที่ไหนผมจะไปเหมา

“คุณสุร” ผมเงยหน้าจากจอคอม มองคุณโต้งที่ยังก้มหน้าอยู่กับเอกสาร เขาพูดต่อโดยไม่มองหน้าผม

“บ่ายนี้คุณมีงานด่วนอะไรไหม”

“มีส่งเมลให้ซัพพลายเออร์สามสี่เจ้าครับ” แค่ส่งเมลไม่ยากแต่ปัญหาคือผมยังไม่ได้รายละเอียดจากฝ่ายสต๊อกนะสิ ต้องตามข้อมูล ร่างจดหมายอีก แล้วซัพพลายเออร์เจ้าหนึ่งเขาไม่ยอมลดราคา แต่ผมหาเจ้าอื่นไม่ได้ คุณโต้งก็เดดไลน์ว่าต้องได้ก่อนวันศุกร์ นั่นแหละที่ผมต้องทำให้ได้ในบ่ายนี้ หวังว่าเจ้านายจะเข้าใจสุร

“แค่ส่งเมลเอาไว้ก่อน” ผมยกมือกัดเล็บ ถอนหายใจกับคอม ‘แค่’ ใช่สิ งานผมคงแค่นั้นแหละครับคุณโต้ง

“เก็บของไปข้างนอกกับผม” ถ้าตอนนี้เราเป็นฉากในการ์ตูนคงมีเอฟเฟคเสียง ชิ้งง!!! ภาพซูมมาที่สายตาระแวงสงสัยของผม คุณโต้งจะไปไหนเหรอ จะพักเที่ยงแล้วด้วยนะ

แต่สุรจะทำอะไรได้ นอกจากครับ ครับ รีบไปครับ ปิดจอคอม หยิบมือถือเดินตามคุณโต้งไปติดๆ เดินลงมามีแต่คนมองตาม คงอยากถามผมใจจะขาดว่าไปไหน หึ..อย่าว่าแต่คนอื่นเลย สุรก็อยากรู้ ใจจะขาดเหมือนกันแหละ





“เอ่อ..คุณโต้งครับ เราจะไปไหนกัน” ผมทนไม่ไหว ถามตอนรถออกจากบริษัท คุณโต้งหักพวงมาลัยขึ้นถนนใหญ่

“ไปธุระเป็นเพื่อนผมหน่อยไม่ได้รึไง” แล้วที่นั่งหัวโด่นี่วิญญาณผมรึไง

“ครับ ไปได้ครับ” แล้วผมเลือกไม่ไปได้ด้วยเหรอ

“อย่าทำหน้างั้นสิ” หือ ทำหน้าแบบไหนอ่ะ ทำพยายามทำหน้าปรกติแล้วนะ

“คุณนี่ตลกดี” ผมคงหน้าตาเหลอหลามาก ก็มันงงเป็นคุณไม่งงรึไง เจ้านายมาทำเหมือนสนิทกันแบบนี้

“คุณโต้งครับ คือผม...” ทำตัวไม่ถูก

“ว่าไง ไม่ใช่เวลางานตามสบายเถอะ” เอางั้นเหรอครับ

“ไม่ต้องเกร็งไงตามสบาย”

“ครับ” ผมจะพยายาม แต่ถึงยังไงก็เกร็งอยู่ดี

“ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้หลานผม แล้วก็แวะกินข้าว กลับมาไม่เกินบ่ายโมงหรอก” คุณเขาว่าอย่างนั้น ผมก็เบาใจ เมลที่ต้องส่งจะได้ไม่ล่าช้า

แล้วผมก็ติดสอยห้อยตามคุณโต้งไปถึงห้างใกล้ที่ทำงาน เดินตามบ้างเดินคู่บ้าง บางครั้งก็เผลอเดินนำ ที่บอกว่าไม่เกร็งพูดง่ายแต่ทำยาก ผมไม่กล้าพูดอะไรเขาก็ไม่พูดอะไร จนกระทั่ง





“เอาสีไหนดีคุณ” ชุดกระโปรงเด็กผู้หญิงวัยสามสี่ขวบสีชมพูกับสีฟ้า อยู่ในมือซ้ายขวาให้ผมตัดสินใจ

“ว่าไง”

“เอ่อออ ชมพูครับ” ผมตอบส่งๆ ไป

“เค งั้นเอาสีนี้” แล้วเขาก็ยื่นสีฟ้าให้พนักงานไปห่อ ว้อททท แล้วจะถามทำไมไม่ทราบ

“งอนเหรอ” อะ...อะไรนะครับ ผมค่อนข้างตกใจที่ได้ยินคำถามแบบนั้น

“ครับ!!”

“คุณไง งอนผมเหรอ ที่ไม่เอาสีที่คุณเลือก”

“ไม่ครับ” ทำไมต้องงอน แค่ไม่เข้าใจว่าไม่เชื่อแล้วจะให้ช่วยเลือกทำไม

“ผมมีเหตุผลน่า อย่างอน ไปผมเลี้ยงข้าว”





มื้อนี้อิ่มจังตังค์อยู่ครบ คุณโต้งก็เป็นเจ้านายที่ดีอยู่นะครับ อะไรเหรออย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะ





“คุณชอบเส้นใหญ่เหรอ” เจ้านายถาม

“ครับ” มันอร่อย แต่ผมควรถามเขากลับใช่ไหมเป็นมารยาท

“แล้วคุณโต้งชอบเส้นหมี่เหรอครับ”

“ไม่เท่าไหร่”

“.............” อ้าวแล้วสั่งไม

“ก็สุรบอกอยากกินก๋วยเตี๋ยว”

“.............” ความผิดผมเหรอ

“อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมล้อเล่น” เจ้านายกวนตีนผมนะครับ ระหว่างที่ผมกิน กิน และกิน ไม่พูดไม่จา ลูกชิ้นแชมป์ก็หล่นลงถ้วยผม

“รังเกียจไหม ผมกินไม่หมด ช่วยกินหน่อย”

“คุณโต้งอิ่มแล้วเหรอครับ” ตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะกินแค่นั้น จะไปอิ่มอะไร ดูผมสิแทบจะสั่งพิเศษสองชาม นี่เกรงใจเลยสั่งแค่พิเศษชามเดียว

“กินไปเถอะ ดูคุณหิว” หิวเซ่นี่มันบ่ายโมงครึ่งแล้ว ดะ..เดี๋ยวนะใครบอกผมว่ากลับไม่เกินบ่ายไม่ทราบ รีบกินเถอะจะได้รีบกลับ





เราเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยจนหยดสุดท้ายได้สักพักแล้ว ผมเดินตามเจ้านายไปเรื่อยๆ ไม่รู้จุดหมาย

“สุระ”

“ครับ”

“อยู่กับผมไม่ต้องเกร็งนะ” กล่องของขวัญในมือถูกคุณโต้งแย่งไปถือเอง แบบนี้จะไม่ให้ผมเกร็งยังไง

“ผมถือให้ครับ” ผมเป็นลูกน้องต้องถือของให้เจ้านาย

“เอามาน่า” เฮ้ออ ตามใจ ผมยกถุงให้เขาไป เกิดคำถามใหม่แล้วเขาชวนผมมาทำไม หรือเป็นคนไม่มีใครคบเหมือนพี่เทพ เป็นไปได้สูง แล้วคุณโต้งจบเมืองนอก เพื่อนคงไม่ค่อยมีมั้ง อีกอย่างคงเขินจะเดินคนเดียว แต่เลขาเขาก็มีนะทำไมไม่ใช้





มีใครโทรมาคุณโต้งคุยประมาณว่า “มึงอยู่แถวนี้เหรอ ตรงไหน กูก็อยู่ชั้นสาม เดี๋ยวเจอกัน” เขาหันมาว่าไปหาเพื่อนเขาหน่อย เพื่อน..อืมมมมมม





เพื่อนเจ้านายก็เหมือนเจ้านายครับ ผู้ชายดูดีสองคนนั่งตรงข้ามผม เราอยู่กันที่ร้านกาแฟชื่อเป็นป่าในแถบแอฟริกา ผมสั่งดาร์คช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตไม่ค่อยเข้มข้นตามที่คาดหวัง ถ้าให้จ่ายเองห้าสิบกว่าบาทอย่าคิดจะได้กินเงินผม

“มึงไปล่อลวงน้องเขามาละสิ ดูเขานั่งตัวหดเชียว” เพื่อนเจ้านายชื่อคุณธันย์ว่าผมตัวหด จะให้ผมทำท่ายังไงล่ะครับ เจ้านายก็ใจดีช่วยออกตัวแทน

“สุรตลกแบบนี้แหละ” มันใช่หราคุณโต้ง

“.........” ผมทำตาโต ก่อนจะก้มดูดดาร์คช็อกในมือต่อแก้เก้อ

หือออออ อยากกลับแล้วครับเจ้านาย

“มึงอู้งานคนเดียวไม่พอ ยังจะลากน้องเขาออกมาด้วยเหรอโต้ง” คุณอีกคนผมฟังชื่อไม่ทันออกความเห็น ก็คุณๆ เล่นมึงกูกันเป็นส่วนใหญ่ผมก็ไม่กล้าคุย มันเหมือนเราจะสุภาพกว่าเขา มันดูไม่สมควร นี่ผมคิดมากไปไหม

“น้องสุร ไม่ได้เอาปากมาเหรอครับ” นั่นไงเล่นกูแล้ว

“คือ..ผม..ไม่มีอะไรจะพูดครับ”

“ฮ่าๆ ฮาจริงว่ะมึง”

“บอกแล้ว..” อะไรคือคุณโต้งยักคิ้วให้เพื่อนอารมณ์ดี เขาแกล้งผมเหรอ

“@! #%^^&*&**) )”

“$%#$^&^$^&”

“^*%$#@%^”

พวกเขาคุยกันเรื่องหุ้น ศัพท์เฉพาะอะไรไม่รู้เยอะแยะ ผมนั่งฟังเพลินหนังท้องก็ตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เสียงคุณๆ เบาลงเรื่อยๆ สุดท้าย

สัปหงก และวูบบบ!!! พยายามฝืนเปลือกตาขึ้น แต่ยาก คิดถึงแต่เตียงนอนที่ห้อง ง่วงมากเลยครับ ณ จุดนี้อยากหลับ





“สุระ!!” เคี้ยวปากแจ๊บๆ ลืมตาตามเสียงเรียก เห็นคุณโต้งยิ้มให้จากมุมใต้คาง เอ้ย!! ผมนอนตักคุณเขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เชี่ยยยย!!!!! ไอ่สุรมึงทำอาร้ายยย

“ตื่นแล้วเหรอ หลับสบายเลยนะผมละ เชื่อเลย คุณหลับไปได้ไง”

ผมหลับง่ายครับ แต่ไม่คิดว่าจะปิดสวิตช์ตอนอยู่กับเจ้านายแบบนี้ เดี๋ยวๆ ขากางเกงเจ้านายเปื้อนน้ำลายผมเป็นดวง ไอ่เชี่ยยย สวดมนต์ให้ผมด้วย ทั้งอายทั้งกลัวเจ้านายว่า อยากมุดแผ่นดินหนีไปให้ไกลจากเธอ

“ตื่นยัง” คุณโต้งไม่รู้ตัวว่าใกล้เป้าเขาเปียก ผมควรบอกเขาดีไหม ผมต้องรับผิดชอบยังไง

“คะ ครับ” ยกหลังมือเช็ดปาก คุณโต้งขำใส่ บอกว่าผมหลับเป็นเด็กเลย อยากจะขำแต่ทำไม่ได้ ก็เลยได้แต่ยิ้มแหยให้เขาไป เป้าเจ้านายละเอาไงดี

“เพื่อนคุณโต้ง” ผมมองหาตัวช่วย เพื่อนกันคงจะกล้าบอกกว่า

“กลับหมดแล้ว เราก็ไปกันเถอะ”

“ครับ” ผมพยายามเดินนำคุณโต้ง เดินบังเขาไว้ไม่ให้ใครเห็นเป้าเจ้านาย ผมต้องปกป้องเป้าน่าอายไว้ เพราะมันเป็นความผิดของผม

“เป็นอะไรเนี่ยเดินบังผมทำไม” ในที่สุดคุณโต้งก็จับสังเกตุได้

“เอ่อ...คือ..ผม..น้ำลายย้อยใส่เป้าคุณครับ”

“เห้ย!!” คุณโต้งอุทานเสียงดังจนคนมอง ถุงของขวัญถูกดึงมาบังจุดเกิดเหตุ

ผมกับเจ้านายต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไร คุณโต้งยังเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ด่าไม่ว่าผมด้วย และเขาไม่เปลี่ยนตำแหน่งของที่ถือกระทั่งถึงรถ





บ่ายสามสิบห้านาที คุณพระ!!! งานตูล่ะ

“เดี๋ยวไปบ้านผมก่อนนะ” ผมหันขวับอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ก็คุณทำเป้าผมเลอะ แบบนี้จะไปที่ทำงานยังไง” เอิ่ม.. พูดว่าทำกางเกงเลอะดีกว่าไหมครับ ใครมาได้ยินจะเข้าใจผมผิดไปไกลนะ

“ครับ” ตั้งแต่ห้างไปบ้านคุณโต้ง ผมตาสว่างเหมือนนอนเต็มที่มาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เข็ดจนตายไม่ปล่อยตัวเองง่วงแบบนั้นอีกแล้ว

บ้านคุณโต้งเป็นบ้านไม้สองชั้น เขาอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ของพ่อแม่ บอกผมว่าคนเรามีชีวิตของตัวเอง เพิ่งรู้ว่าเจ้านายเคยเป็นเด็กปั้ม เห็นจากรูปที่ติดฝาบ้าน

“งานพิเศษตอนเรียนมัธยม” น่าชื่นชมมากเลย ผมอึ้งมากถึงมากที่สุด

“ไปยัง หรือจะสำรวจบ้านผมก่อน” นี่ว่าประชดผมใช่ไหมครับ

“ไปครับ เมลผมยังไม่ได้ส่งเลย” พลั้งปากบ่น คุณโต้งที่เดินนำหยุดกึก ผมชนหลังเขาจังๆ หยุดก็ไม่บอก หลังหรือเหล็กแข็งเป็นบ้า หน้าผากผมโนไหมเนี่ย





“ใครทำให้เราเสียเวลา” ทีเรื่องนี้มาจริงจัง

“ผมครับ ขอโทษครับ” ยอมรับเสียงเบา ลูบหน้าผากตัวเองไปด้วย

“ก็ใช่ไง รีบๆ เดินเลย” หึ ก็คนมันหลับไม่รู้ตัว ผิดนักเหรอ

“บ่นอะไรในใจ” แม่งเจ้านายรู้ได้ไง

“เปล่าครับ”

“เปล่าก็รีบเดินสิ อ้อ..วันนี้..ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนนะ”





ผมเดินตามคุณโต้งไปด้วยจิตใจสับสน ผมยังเด็กเลยดูคนไม่เป็น หรือคนอื่นซับซ้อนเกินไป จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง รู้หน้า รู้ตา ก็ใช่ว่าจะรู้ใจ สุรต้องทำยังไงใครก็ได้ตอบผมที











>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ซีนนี้ให้เจ้านายเด่นไปเลย ผู้เยอะสุระต้องทำใจ เลือกใครสักคน ไม่งั้นก็ปวดหัวแบบนี้แหละ ขอบคุณที่เอ็นดูและมาฮากับสุรนะคะ มีคนอ่านก็เลยอยากเขียนต่อ ว่าแต่คนอ่านอยากให้ใครเป็นพระเอกคะ





By Symbol A

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อยากให้คุณโต้งเป็นพระเอก
คุณแมนเหมาะจะเป็นเพื่อนที่สุดจิ้นคู่ธาดา
คุณธาดาเราไม่ชอบแรกๆด่าตอนหลังมาเนียนจีบตบหัวแล้วลูบหลังแบบที่สุรกล่าวไว้
คุณปราชณ์เรารู้ว่านางแอบๆเหมาะเป็นพี่เป็นเพื่อน
คุณเทพจงสถิตย์จัดซื้อเล่นโชเชียลต่อไปเถอะชอบโยนผิดให้สุรเวลาทำงานพลาด




ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็ งงๆ........ตามสุรเลย  :really2: :really2: :really2:
คุณโต้งนี่ ก่อนหน้านี้ไปไหนมา  o18
อยู่ๆโผล่พรวดพราดมาตอนพี่เทพหายตัวไป  :mew5:

สุร ยอดมากหลับจนน้ำลายย้อยใส่ไข่...เอ้ย....ใส่เป้าคุณโต้ง   :z3:
แน่ะ...คุณโต้งเนียน จับสุรให้นอนตักตัวเองเฉยเลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ใจเชียร์คุณโต้ง รู้สึกว่ามีเคมีกับสุรมากสุด แต่ก็ต้องรอดูไปยาวๆ ชอบสุรมากเลย เป็นตัวละครที่เรียลจริง แบบความคิดในใจงี้ เพราะคนเราบางทีเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เราก็คิดอะไรคล้ายๆกับสุรก็มี 5555

ขอให้นักเขียนฮึดอย่างนี้ทุกๆวันนะจ้ะ ชอบเนื้อเรื่องน่าติดตาม สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :mew1: o13 :3123:

ออฟไลน์ antivirus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ตอน 5

สุรขอเปิดอก



‘กีฬาสี’ หนึ่งในกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคีในบริษัท พี่ตู่ถึงกับเมลแจ้งทุกคนว่า ‘ฝ่ายบุคคลหวังเป็นอย่างยิ่ง จะได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกท่าน เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเราชาวอินสตูเม้นท์’

“สุรมึงลงเล่นบอลกับกูนะ ออฟพิศจะแพ้พวกโกดังไม่ได้นะเว่ย พวกแม่งจ้องหัวเราะเยาะพวกเราอยู่” ผมว่าฝ่ายบุคลคงเข้าใจอะไรผิด กีฬาสีไม่ได้เสริมสร้างความสามัคคีหรอกเชื่อสุรเถอะ

“กูไม่ชอบวิ่ง ร้อนด้วย โอ๊ยยมึงตบหัวกูไมเนี่ย” มือหรือขาหน้า ตบมาหัวจะหลุด เจ้าของผลงานตาเขียวใส่ผม

“แข่งสนามในร่มมึงจะกระแดะกลัวแดดทำพระแสงอะไร ถ้ามึงขี้เกียจวิ่งก็เป็นโกลไปดิ ดีซะอีก ออฟฟิศนอกจากพี่ธาดา คุณโต้ง ก็ไม่มีใครสูงเท่ามึงแล้ว”

“กู..คือ” ผมไม่ชอบเล่นบอลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความหลังฝังใจ

“มึงจะให้พวกไอ่ฟาย มาดูถูกพวกเราเหรอวะ” เขาชื่อไฟ ตัวอย่างสูงบึกบึนจบวิศวะเครื่องกล แบบเรียนเทคนิคแล้วมาต่อเนื่องภาคปรกติจนจบตรี แมนมันไปมีเรื่องอะไรกับเขาไม่รู้ครับ เจอกันทีไรเขม่นกันยังกะหมาหวงที่

“ทำงานทำการแล้ว แบ่งแยกสถาบันอะไรอีกวะ” ผมว่าไร้สาระ จบมาก็ต้องกินเงินเดือนเหมือนกัน จะแบ่งแยกภาคปรกติหรือสายอาชีพเพิ่มปัญหาชีวิตทำไม มันอยู่ที่คน ไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียว

“มึงไม่เข้าใจหรอกสุร คนอย่างกู ฆ่าได้แต่ห้ามมาหยาม”

“มึงยอมให้มันฆ่าจริงดิ” อดกวนมันไม่ได้ พวกคุณต้องเห็นหน้ามันตอนนี้ มุ่งมั่นเหมือนจะไปคัดตัวทีมชาติ

“สุรกูยอมให้มึงกวนตีน เห็นแก่มึงเป็นโกลให้ทีมนะ แต่มึงจำเอาไว้มึงเพื่อนกู ทีมแมนห้ามไปสุงสิงกับไอ่ฟายนั่น”

“เห้ย..กูยังไม่ได้รับปากจะเป็นให้เลยนะ” มันหุนหันไปแล้ว สงสัยไปหาสมาชิกร่วมทีม ผมถึงบอกไง กีฬาสีทำให้คนจะฆ่ากันตาย

นั่งกินข้าวต่อแบบไม่ค่อยอร่อย เล่นบอลงั้นเหรอ แค่นึกก็ขยาดแล้ว



“คุณสุร” พี่ตี๋ชิปปิ้งวางมือลงโอบไหล่ผม ปานว่าเป็นน้องรักของเขา

“คุณธาดา” พยายามเบี่ยงตัวออกแต่ไม่หลุด มือหรือหนวดปลาหมึกวะ

“ได้ยินแมนว่าคุณจะลงเป็นโกล” ไอ่แมน!! ผมตักข้าวเคี้ยวโคตรหงุดหงิด

“คุณธาดามีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” พี่เขาค่อยๆ ยกแขนออกจากตัวผม
เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเสียงแข็งใส่เขาไป แต่ไม่ทันล่ะ ช่างแม่งเมื่อก่อนเห่ากูทุกวัน ตอนนี้เสือกมาอ่อนโยน สุรเจ็บแล้วจำนะ

“ไม่มีอะไรหรอก ผมรู้นะ เมื่อก่อนผมคงเข้มงวดกับคุณมากไป แค่อยากสอนคุณเด็กจบใหม่ ทำงานไม่ละเอียดมันจะส่งผลเสียต่ออนาคต ถ้าทำคุณไม่พอใจ ผมขอโทษก็แล้วกัน”

ผมมองตามหลังพี่ตี๋ตาโตไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย พี่เขาก็ไม่ได้หวังร้ายแค่ปากร้ายไปหน่อยก็เท่านั้น นี่ผมเป็นเด็กอีโก้สูงรึเปล่า เป็นน้ำเต็มแก้วใช่ไหม อ่า...รู้สึกแย่อ่ะ ทำไงดี ถ้าพี่เขาไม่ยุ่งกับผมอีก นั่นไม่ดีเท่าไหร่เลย

เดินเข้าห้องทำงาน คุณโต้งไม่อยู่ไปข้างนอก ค่อยหายใจโล่งหน่อย เรื่องหาหลักฐานก็ไม่คืบหน้า เรื่องพี่ธาดาก็มาให้คิดมากอีก ทำไมเป็นมนุษย์ทำงานมันยากอยากนี้ จะโทรไประบายกับปั่นก็ไม่ได้อีกแล้ว แย่ว่ะ....ผมรู้สึกแย่จริงนะ แต่แย่แค่ไหนก็ต้องทำงานต่อ

ร่างจดหมาย เปิดเทียบราคา ทำงานไปตามที่ต้องทำ แต่ใจคิดสับสนไปถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด กระทั่งลืมเวลา

หกโมงเย็น!!!

คงเหลือผมแค่คนเดียวแล้วมั้งเนี่ย บริษัทผมฝั่งออฟฟิศจะเลิกงานสี่โมงครึ่ง สบายไหมล่ะครับแต่ฝั่งโกดังเลิกสี่ทุ่มนะ คนก็จะเยอะกว่า ส่วนใหญ่ผู้ชาย มีไอ่ไฟคนที่เพื่อนผมเกลียดขี้หน้าเป็นหัวหน้า



เอ๊ะ..นั่นมันไอ่หัวหน้าโกดังคนที่ว่านี่นา แล้วผมจะหลบมันทำไม เอ่อ...ช่างก่อน ชู่ว!!!

“พี่ไฟ ผมว่าบัญชีแกล้งเราแน่ๆ” นี่มันเสี้ยมชัดๆ บัญชีก็เพื่อนผมไงครับ ไอ่แมนมันอยู่บัญชี

“กูรู้ สงสัยร่างกายอยากปะทะ” ไอ่ไฟหน้าตาก็ดีดูเป็นคุณชาย แต่ท่าทางนักเลงสมแล้วที่เพื่อนเทวดาของผมไม่ชอบ

“วันกีฬาสีจัดเลยไหมพี่” เชดดด ไอ่พวกสารเลว!!!

“คิดว่ากูจะปล่อยแม่งเหรอ”

“ดีพี่ เอาให้หลาบจำ” นายว่าขี้ข้าพลอยชัดๆ



ผมหลบพวกโกดังออกมาได้โดยไม่มีใครเห็น แต่เดี๋ยวนะ..กะบะฟอร์ดเรนเจอร์ดับเบิ้ลแค็บสีเทา เคลียร์ไปให้จบดีไหมนะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก แค่นี้หัวผมก็ไม่มีที่ว่างจะคิดอะไรแล้ว

ตัดสินใจนั่งเล่นมือถือรอเจ้าของรถ เพิ่งรู้ว่าชิปปิ้งเขาอยู่เย็นขนาดนี้นะเนี่ย จนจะทุ่มครึ่งแล้วยังไม่กลับอีก เริ่มโดนยุงเล่นงานแล้วนะ อีกสิบนาทีไม่มาก็โกก่อนละกัน



ห้านาทีต่อมา เสียงฝีของใครสักคนตรงมาทางที่ผมนั่ง เพราะมันมืดแล้ว ถ้าผมไม่เผยตัวไม่มีทางที่จะมีใครเห็น ผมกำลังจะออกไปหา แต่ได้ยินอีกเสียงย่ำเท้าตามมา

“พี่ธาดาคะ” นั่นต่าย คนที่ผมจำผิดว่าเป็นพี่ตู่

“ต่ายว่าไง” เสียงพี่ตี๋ดูหมดแรง

“ขอโทษนะคะเรื่องวันก่อน พี่ลืมมันไปไม่ได้เหรอ หนูไม่ชอบเลยที่พี่ทำบึ้งตึงแบบนี้”

ดราม่าเฉยเลย

“เรานั่นแหละอย่าคิดมาก ที่พี่..บอกว่าคบกับต่ายไม่ได้ ไม่ใช่ว่าต่ายไม่ดีไม่สวย แต่คือ..พี่มีคนที่ชอบแล้ว” คนที่ชอบ พี่ธาดาบอกปัดไปให้พ้นตัว หรือมีจริงๆ กูรึเปล่า ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้ ขนลุกตั้งแต่เล็บเท้ายังปลายเส้นผม ที่ว่าจะมาเคลียร์พับเก็บอย่างรวดเร็ว

เสียงรองเท้าส้นสูงก๊อกแก๊กไกลออกไป เสียงถอนหายใจของพี่ธาดาดังเฮือกใหญ่ ผมนั่งหลบหลังเสา พยายามหายใจให้เบาที่สุด แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อแก้มของผมถูกมือเย็นแตะจากด้านหลัง

เชี่ย!! พี่เขารู้ได้ไงว่าผมแอบฟังอยู่

“ผะ..ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะครับ” ใครจะไปรู้ ว่าจะมีดราม่า

“ผมรู้..คุณมานั่งรอผมตั้งนานแล้วนี่ โทษนะรีบปิดประชุมแล้ว แต่ก็ยังช้าอยู่ดี” ผมเงยหน้าขึ้นไป ลืมคิดว่าจากห้องประชุมเขา มองลงมาก็จะเห็นผมตรงนี้ทำไมเพิ่งรู้ตัวล่ะสุร

“คุณธาดาคงเหนื่อย งั้นผมไม่รบกวนดีกว่าครับ” จะก้าวแต่เขาจับแขนผมดึงให้เดินตาม แบบไม่มีแรงจะพูด ผมเลยเดินตามสงสารเขา อีกอย่างเผลอทำตัวไม่ดีใส่เขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าไปด้วย

“ขึ้นรถเถอะ มืดแล้วเดินออกไปตอนนี้อันตราย” ก็จริงงั้นผมไม่เกรงใจนะ กระโดดขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกะบะอย่างไว ก่อนปิดประตูได้ยินเขาหัวเราะในลำคอ อารมณ์ดีขนาดนั้นเชียวแค่ผมยอมไปด้วยเนี่ย

“คุณสรุมีอะไรกับผมเหรอ”

“เออ..ผมมาขอโทษ ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ชอบคุณเท่าไหร่ แต่ตอนนี้รู้แล้ว ว่าคุณทำไปเพราะหวังดี”

“พูดมาตรงๆ ได้เลยนะ จะได้ไม่ค้างคากัน” ตรงได้จริงอ่ะ

“เอาเลยพูดอย่างที่คุณคิด ผมรับได้หมด ดีซะอีกผมจะได้รู้ว่าควรสอนรุ่นน้องยังไง” โอเคจัดไป....

“คือผมเคยสงสัยว่าคุณแม่งเป็นอะไรนักหนา ชอบด่าผมอยู่นั่นแหละ แล้วงานบางอย่างผมก็ไม่ผิด พี่เทพต่างหากที่ผิด เขาสั่งผมก็ทำตาม แล้วพี่ก็ชอบจิดหัวด่าเหมือนผมโง๊โง่ ถ้าแน่จริงทำไมไม่ไปด่าพี่เทพ ทีกับผมเก่งจัง อีกอย่างเวลาหาซัพผมก็หาได้ตามอำนาจของผม ระดับบริษัทใหญ่กว่านั้นผมก็ติดต่อไม่ได้ ขั้นตอนการทำงานไม่อำนวย แล้วพี่ก็มาว่าผมดูไม่ดี ผมดูดีโว้ยแต่คือกูทำอะไรไม่ได้ บอกพี่เทพไปก็เหมือนบอกตอไม้ เอาแต่เล่นเน็ต.....”

“ผมว่าผมพอดีกว่าครับ” บ้าไปแล้วฟิวส์ขาดขนาดนั้นได้ไง กูใส่เขาอีก ตอนนี้ผมก้มหน้าไม่กล้ามอง รถยังไม่ออกตัว เราอยู่ในรถมืดๆ มีแค่แสงไฟทางเดินนิดเดียว แต่ผมก็เห็นว่าเขาหน้าเครียดไม่น้อยเลย พี่ตี๋หันไปเปิดประตูรถให้เราสองคนมีอากาศหายใจ เหงื่อท่วมทั้งคู่แต่ร้อนใจมากกว่า เรื่องยุงกับร้อนกายเลยไม่มีผลต่อเรา

“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว อย่างแรกนี่เป็นที่ทำงาน เราคุยกันตรงๆ ไม่โอ๋ ไม่มีคำปลอบใจผิดพลาดก็ว่าไปตามนั้น ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าสุรทำตามคำสั่ง แค่จะด่าคุณกระทบพี่เทพ อย่างที่คุณรู้เจ้านายคุณเป็นคนยังไง ผมว่าเขาก็มีแต่แตกหัก เขาก็ไม่ยอมรับ คุณเองจะทำงานยากกว่าเดิม แล้วก็อยากให้คุณฮึดสู้เอง เรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเองให้เป็น ที่ทำงานไม่มีใครมาเอ็นดูเราหรอก ทุกคนทำงานเพื่อให้งานตัวเองลุล่วงก่อนทั้งนั้น......”

พี่ชิปปิ้งกับผมเปิดใจกันหลายเรื่อง จนไม่มีอะไรคาใจ สุดท้ายเขาก็ไปส่งผม



“แน่ใจนะว่าไม่แวะกินข้าวก่อน” เขาถามผมอีกรอบ

“ไม่ดีกว่าครับ” กลัวพี่ปราชญ์เขารอ

“มีคนรอเหรอ”

“ครับ”



แล้วพี่ธาดาก็ไม่ถามผมอีกเลย กระทั่งถึงหอผม

“ขอบคุณนะครับที่มาส่งผม”

“สุรขออะไรอย่างสิ”

“ครับ?”

“เรียกผมว่าพี่แบบนั้นก็ดีนะ เรียกอีกได้ไหม” พี่ธาดาพูดกับผมแต่สายตาจ้องไปอีกทาง

“ก็..ได้ครับ”

แค่เรียกพี่ไม่หนักหนาอะไร ไม่ได้เรียกที่รักซะหน่อยผมไม่คิดมากหรอก เดินขึ้นห้องแบบโล่งใจ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว หิวขึ้นมาทันทีที่รู้เวลา


เปิดประตูเข้าห้องไปก็ได้ยินคำถาม

“งานเยอะเหรอ” ตั้งแต่พี่ปราชญ์มาอยู่ด้วย เรากินข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อ เขาต้องรอผมแน่ๆ

“ปราชญ์รอผมกินข้าวป่ะ โทษทีงานไม่เสร็จ”

“ไม่เป็นไรไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ จะกินก่อนหรืออาบน้ำก่อน” หลังพูดจบเสียงท้องคนพูดร้องดังมาก ผมอมยิ้มส่ายหัว เขาหันหน้าหนีทันที อยากแซวแหละแต่ไม่กล้า

“กินก่อนก็ได้ หิวก็บอกสิ มารยาททำไมเราคนกันเอง” ผมบอกขณะถอดไทกับสแลค เหลือแค่บ๊อกเซอร์กับเชิ้ตสีขาว ไม่ลืมปลดกระดุมสองเม็ดร้อนมาก

“อ้าว..ไม่กินเหรอปราชญ์” นั่งหน้าแดงอยู่นั่นแหละ

“กิน กินน้ำสุ ไม่ใช่ๆ จะบอกว่าสุรินน้ำให้หน่อย” ผมรินน้ำให้ เขาซดเหมือนปลาขาดน้ำ สองแก้วไม่อิ่มแทนข้าวเลยเหรอวะ

“ผัดอะไรอร่อยดีนะ” พี่ปราชญ์ทำกับข้าวอร่อย ผมนี่กินข้าวสองจานทุกเย็นแลย ต้องพุงออกแน่ๆ ถ้าอยู่กับเขาไปนานกว่านี้

“ผัดผักรวมมิตรหนังปลาดอลลี่ทอด” ฟังชื่อเมนูเหมือนไปกินที่โรงแรม

“แค่ชื่อเมนูก็พิเศษแล้ว” ผมตั้งใจชม ก็มันพิเศษจริงไม่เคยกินมาก่อนเลย

“ก็ทำให้คนพิเศษจะธรรมดาได้ไง” เขาพึมพำว่าอะไรผมมัวแต่เคี้ยวได้ยินไม่ชัด เลยถลึงตาถามเขาว่าเมื่อกี๊พูดอะไรนะ

“ธรรมด๊า ผัดเนี่ยธรรมดาจะตาย” เขาแถเสียงสูง

“ไม่จริง ไม่ได้พูดแบบนี้ ได้ยินมีคำว่าพิเศษด้วย” ผมขอเถียง พี่ธาดาบอกให้ผมต่อสู้เพื่อตัวเอง อ่ะ..จะไปคิดถึงเขาทำไม

“พูดมากวันหลังจะไม่ทำให้กิน”

“ได้ไง!!” สุรมึงไม่น่าไปกวนพี่เขาเลย

พี่ปราชญ์ทำหน้านิ่งเก็บจานไปล้าง ผมยกถ้วยที่เหลือแต่ลายถ้วยตามเขาไป ตื๊อให้เขาหายงอน ถ้าไม่ทำจริงผมอดแดกเลยอ่ะ ไม่นะ...

เขาล้างจานผมก็ทิ้งสะโพกกับโต๊ะหันหน้าหาเขา ชันเข่าขึ้นวางเท้าบนเก้าอี้เพราะที่มันแคบ ถ้าเป็นผู้หญิงท่านั่งนี้คงไม่สุภาพ เพราะเขามองต่ำนิดเดียวก็เห็นกางเกงในผมหมด แต่พี่เขาผู้ชายผมเลยไม่ต้องอะไร

“ปราชญ์...” ลากเสียงเรียก

“สุ..อย่ามา..กวน เดี๋ยวเปียก” ว่าแล้วเขาก็จงใจสะบัดน้ำในมือใส่ไล่ผม

“ไม่เอาบอกก่อนว่าจะทำอีก” ยื่นหน้าเข้าใกล้ไม่กลัวหรอก เดี๋ยวก็อาบน้ำแล้วมะ

“สุ...ขอเตือนว่าให้รีบออกไป ไม่อย่างนั้น..จะไม่ได้กินอะไรทั้งนั้น” พูดงี๊คงรำคาญมาก แต่แปลว่าจะทำอีกก็โอเค เด้งตัวลุกไปหน้าทีวีทันที ได้ยินเสียงพี่เขาถอนหายใจ

“นี่รำคาญผมขนาดนั้นเชียว” ตัดพ้อไปงั้น

“มาก” เสียงเขาขุ่นแต่ทำไมผมเห็นเขาอมยิ้มแปลกๆ



คืนนั้นก่อนนอนเราคุยกันนิดหน่อย...

“พรุ่งนี้หยุดใช่ไหม”

“อือ..ปราชญ์จะให้ไปส่งไหนก็บอกนะ”

“อยากไปไหว้พระพรหม” ของานละสิท่า

“ได้”

“สุ”

“อื้อ..ว่าไง”

“เปล่าไม่มีอะไร นอนเถอะ”

“ปราชญ์”

“อะ”

“มานอนเตียงด้วยกันเถอะ แบบนี้ผมไม่โอเคเท่าไหร่ ทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย ยังมาทนนอนหลังขดหลังแข็งอีก อมรรู้มันต้องด่าผมแน่” เขาเงียบไปสักพักก็ยอมหอบผ้าห่มมานอนข้างผม

“ถ้าได้งาน...” เขาว่าก่อนล้มหัวลงนอน ผมเงียบรอฟัง

“เรื่องหาห้องใหม่...” โธ่จะพูดอะไรก็พูดให้มันจบๆ จะเว้นให้ผมลุ้นทำไมไม่เข้าใจ

“ปราชญ์จะว่าอะไรก็ว่ามา ไม่ต้องเกรงใจผม”

“ถ้าปราชญ์ได้งาน ขออยู่แบบนี้ไปก่อนได้ไหม คือ..กลัวงานไม่โอเค เสียดายค่าประกันห้องน่ะ”

“นึกว่าเรื่องอะไร สบายมาก อยู่ไปตลอดยังได้เลย” ผมขยับหัวกับหมอนหามุมสบาย

“ได้จริงเหรอ” เสียงเขาดูตื่นเต้น

“อือ..ได้ดิ” ระหว่างนั้นก็เริ่มร้อน ถีบผ้าห่มออกจากตัว รวบมากอดแทน ระหว่างที่กำลังจะเข้าเฝ้าพระอินทร์รู้สึกเหมือนถูกจ้องจากปราชญ์ แต่ผมไม่มีแรงคุยแล้ว ขอสลบก่อนละกัน...



“ฝันดีนะสุ ฝันถึงกันบ้าง”











สุรได้ยินพี่ปราชญ์เขาบอกไหมนะ
มีคนเชียร์คุณโต้งเยอะกว่าคนอื่นเลย คุณเขาฝากมาขอบคุณค่ะ ส่วนไข่เอ้ย กุงเกงที่เปียกน้ำลายคุณเขาไม่ซี ยอมเปียกเขาว่าอย่างนั้น ขอบคุณที่มาคุยกับคนเขียนนะคะ รออ่านความคิดเห็นจากคนอ่านใจจดจ่อทีเดียว

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

นิยายโดย Symbol A


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2019 10:57:21 โดย antivirus »

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อยากเห็นหน้าสุรแล้ว คิดว่าต้องน่ารักแน่ แต่เห็นที่แมนบอกตอนให้เป็นเล่นเป็นโกล ท่าทางสุรจะไม่ใช่หนุ่มตัวเล็ก แต่น่าจะสูงเหมือนกัน งงว่าทำไมผู้ชายดูชอบเข้าหาสุรเหมือนเห็นหน้าก็ชอบเลย ถึงจะยังไม่รู้จะเชียร์ใคร แต่ปราชญ์เสียคะแนนไปนิดตรงที่ไม่ให้เรียกว่าพี่ แต่ให้เรียกชื่อแทนตัวนี่แหละ มันอ่านแล้วแปลกๆ แต่สู้ๆนะ ปราชญ์ดูมีอาการเยอะสุดในบรรดาคนอื่นๆ แถมได้ใกล้ชิดสุดด้วย

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เปลี่ยนใจตอนแรกจิ้นธาดาแมนตอนนี่ของเป็นไฟกับแมน ล่ะกัน
เรารู้สึกว่าปราชญ์มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากกว่าจะเป็นพ่อบ้าน
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2019 21:52:49 โดย Chompoo reangkarn »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด