พิมพ์หน้านี้ - ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: antivirus ที่ 17-01-2019 07:54:25

หัวข้อ: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 17-01-2019 07:54:25
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ)

ชื่อแปลว่าเทวดา แต่ชีวิตไม่ต่างจากขี้ข้า คือสุรเอง


นิยายตลกเรื่องแรกในชีวิต

คำเตือนนิยายเรื่องนี้อาจไม่ตลก ถ้าคุณไม่ขำ

คำแนะนำ ช่วยขำกันด้วยขอร้องละ ถือว่าช่วยกันทำมาหากิน

คำขอร้อง อย่าบอกว่าไม่ฮา คนเขียนใจบาง





By Symbol A

เปิดเรื่อง 17/1/19
[/color]

หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 1 สุรมานี่หน่อย
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 17-01-2019 07:56:04

ตอน 1

สุรมานี่หน่อย



ผมชื่อสุร แปลว่า เทวดา ผู้มีอำนาจอยู่บนชั้นฟ้า อยากได้อะไรก็เสกมา ข้าวปลาไม่ต้องอิ่มทิพย์ มีนางฟ้าคอยปรนนิบัติพัดวีไม่ขาด แต่คนชื่อรวยก็ใช่ว่าจะรวยทุกคน เช่นกัน ผมก็ใช่จะมีชีวิตเหมือนเทวดา

“คุณสุรมานี่หน่อย คุณใช่ไหมที่ส่งใบเสนอราคาของรอบที่แล้ว ไม่ได้เรื่องเลย ทำงานมาเป็นปีผิดที่เดิมตลอด #%& () &&^$#%&**%$@” คำที่เหลืออย่าไปฟังเลยครับ รู้ไปก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ

“อะไรวะ แม่งใครจะไปตรัสรู้ แน่จริงมึงมาทำเองเด้” ด่าหัวหน้าชิปปิ้งไปชุดใหญ่ เหลืออดจริงๆ ยืนให้แม่งโยนความผิดใส่ผมมาหลายครั้งแล้ว นี่ก็กว่าจะไปได้พอไปปุ๊บผมนี่ลุกขึ้นด่าเลย อ้าวงงอะไรกัน ผมด่าแต่มีแค่ผมได้ยินไงครับ หายงงกันแล้วเนอะ จบแยก!!



“สุรมานี่หน่อย” ใครเรียกอีกล้า หันไปก็เจอพี่เทพ นี่ก็แปลกคนเวลาผมโดนด่าแม่งไม่เค้ยไม่เคยโผล่หัวมา พอจะถึงเวลาพักเที่ยงเท่านั้นแหละเรียกหาเชียว

“ครับพี่เทพ” ผมเลื่อนประตูกระจกเข้าไปหาหัวหน้า นั่งหน้าเข้มคิ้วชนกันไม่ได้ทำงานนะครับ เล่นเน็ตไร้สาระทั้งน้าน

“พี่เอาก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กต้มยำ เอหรือจะเอาคะน้าหมูนุ่มดีนะ” เรื่องงานพี่คิดมากแบบนี้ไหมครับพี่เทพ

“เส้นเล็กต้มยำก็อร่อยพี่ วันนี้ผมก็ว่าจะกิน” คือร้านอาหารตามสั่งคนมันเยอะไง ผมขี้เกียจรอ ใครอยากแดรกก็ไปรอเองสิ ระหว่างที่รอพี่เทพตัดสินใจ ผมก็ยิ้มไปด้วย อารมณ์ดีเหรอ ฮึ แสดง!!

“คะน้าหมูนุ่มดีกว่า” ครับเอาพี่มึงว่าเลย

สะบัดตูดออกเดินทางประตูหลัง ผมว่าคำมันแปลกๆ งืมม ผมคงคิดไปเองหนะอย่าใส่ใจ เดินพ้นตัวตึกไม่เท่าไหร่

“ไอ่สุรมานี่” นั่นไอ่แมน เพื่อนร่วมชะตากรรมของผมเอง ก้าวยาวๆ ไปหามันที่กำลังยืนหลบแดดอยู่ข้างเสาไฟ

“แมนวันนี้พี่เทพอยากแดกข้าวตามสั่งว่ะ” ผมบอกมันพยักหน้าขึ้นลง ตอนนี้เราเดินเคียงกันไป มีฝ่ามือยกบังแดด ไม่รู้จะยกบังทำไม ผมผู้ชายมือใหญ่ก็จริงแต่มันก็บังไม่ได้อยู่ดีรึเปล่า

“คนเยอะมาก เหมือนป้าอ้วนเปิดโรงทาน” แมนหรี่ตาหลบแสงแดดพูดขึ้นมา หันไปมองก็จริงของมัน เพราะอย่างนี้ไงผมถึงเชียร์พี่เทพให้กินก๋วยเตี๋ยว แต่ก็นั่นแหละผมไม่ใช่เทวดาจะได้ดลใจให้พี่แกกินอะไรตามใจผมต้องการ



แล้วเทวดาสององค์ (แมนก็แปลว่าเทวดา) ก็พากันฝ่าฝูงมนุษย์เงินเดือนไปเขียนเมนูและเสียบเหล็กไว้ ตอนนี้ก็แค่รอ เดี๋ยวสักพักป้าอีกคนจะมาเรียก แมนผัดพริกแกง!! อะไรแบบนี้ ถ้าชื่อซ้ำกันสั่งเหมือนกันก็ต้องมีจิตสำนึก ว่าอันตัวกูมาก่อนหรือมาทีหลังเอาเองนะครับ

“เมื่อวานพี่ธาดาชิปปิ้งมาว่ามึงที่แผนกกู” กะแล้วเชียว

“เมื่อเช้ามาเห่าใส่กูแต่เช้า” แมนมันทำหน้าเห็นใจ

“กูว่าไม่ใช่ความผิดมึงหรอก อย่าคิดมากเลย” ขอบใจนะ อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนร่วมงานคอยแบ่งเบาความรู้สึก คงดีกว่านี้ถ้าหัวหน้าอย่างพี่เทพปกป้องผมบ้าง เขาก็รู้ว่าผมไม่ผิดแต่ก็ปิดปากเงียบ คิดแล้วผมไม่พอใจพี่เทพมากกว่าไอ้พี่ธาดานั่นอีก

“มึงยังคิดจะย้ายแผนกอยู่มะ” กล้าถามนะแมน

“ไม่มีวินาทีไหนที่กูไม่คิด” ผมพูดเสียงเบาแต่เน้นย้ำทุกคำ เผลอกำหมัดแน่นด้วย พนักงานสาวที่ยืนใกล้ๆ หันมามอง ถ้าจำไม่ผิดชื่อต่ายหรือตูนนี่แหละ เธอทำท่าไม่สนใจแต่รู้ว่าหูตั้งรอฟังผมอยู่เอาการ

“เอาน่า ปีหน้าคงมีข่าวดี การตลาดน่าจะว่าง เห็นพี่ดิวว่าพี่โอ้จะออก” เหมือนเห็นแสงแห่งความหวังอยู่รำไร

“จริงเหรอวะ” ผมถามย้ำตาเป็นประกายความสุขวิบวับ

คุยเรื่องความหวังการย้ายแผนกของผมไปสักพักก็ได้กับข้าวที่เราสั่งไป บอกลาเพื่อนแมนแบกถุงข้าวสองกล่องไปหาพี่เทพ ผมต้องกลับไปกินข้าวกับพี่แก เพราะในบริษัทไม่มีใครคบ แต่พี่เทพก็อยากได้เพื่อนกินข้าว ผมเลยต้องไปทำตัวเป็นลูกน้องคนเดียวให้ดีที่สุด



“สุรมานี่หน่อย” เสียงผู้หญิงคนที่ยืนรอข้าวเมื่อกี๊นี่นา ผมเดินไปหาเธอด้วยสายตาฉงน

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ต่ายหรือตูนทำท่าไม่อยากพูด เอ้าเสียเวลาไหมเนี่ย จะสารภาพรักหรืออะไรก็รีบๆ คนยิ่งร้อนๆ อยู่

“พี่ชื่อตู่เพิ่งย้ายมาฝ่ายบุคคล” เอิ่ม ผมจำผิดคนเหรอวะ รีบยิ้มให้

“อ้อ..ครับ..พี่ตู่..มีอะไรครับ” เสียงเปลี่ยนเลยกู



“พี่ได้ยินเรื่องที่คุยกันเมื่อกี๊ อยากย้ายแผนก มีปัญหากับพี่เทพเหรอ พี่ถามตรงๆ ได้ใช่ไหม” ถ้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ทันแล้วแหละครับ พี่ถามมาแล้วนะได้ข่าว

“ครับ” ผมตอบตามตรง ดีเหมือนกันจะได้ทำเรื่องย้ายตามที่ผมขอสักที

“พี่เข้าใจ” เข้าใจอะไรยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ

“ก่อนหน้าเราก็เด็กออกมาเยอะแล้ว” อ๋อ..เรื่องนี้เอง ใช่สิใครจะทนพี่เทพได้แบบผมอี๊ก

“.........” ผมเงียบ

“ทนเอาหน่อยนะ ถือว่าช่วยๆ กัน มีอะไรเกินไปก็มาคุยกับพี่ที่ฝ่ายบุคคลได้เลย”

“ครับ ขอบคุณครับพี่ตู่” ผมยกมือไหว้ เราแค่เด็กจบใหม่อ่อนน้อมไว้ ไหว้ฟรีได้ไหว้ไปเถอะ



ท่าทางกับสายตาพี่ตู่จะเดือดร้อนและเป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย เธอว่าคงต้องรอให้การตลาดขาดคนผมถึงจะย้ายได้ แต่เรื่องพี่เทพเธอจะหาทางช่วย



ระหว่างเดินกลับแผนกทำไมตาขวาผมกระตุกตลอดทางวะ สงสัยตากแดดเยอะเกินไป หน้ามืดนิดหน่อยแล้วด้วย



ผมไปถึงพี่เทพก็นั่งไขว่ห้างเล่นมือถือรออยู่ที่ห้องกินข้าวแล้ว เราอยู่แผนกจัดซื้อต่างประเทศมีกันสองคน เพราะไม่ได้มีลูกค้าต่างชาติเยอะ งานก็ไม่ยาก แต่ที่สาหัสก็อย่างที่เห็นคนที่ต้องอยู่ด้วยทั้งพี่เทพและพี่ธาดา พี่สองคนนี้เก่งครับโยนความผิดเก่ง ถ้าย้ายได้ผมก็ไม่ต้องมาโคจรเจอสองคนนี้อีก



“พี่หิวไหมครับ คนเยอะไปหน่อย” ความจริงแวะคุยพี่ตู่นานไปนิด

“ก็นิดๆ ไหนก๋วยเตี๋ยวพี่ล่ะ” เช้ดดดด พี่มึงจะเอาไงกับกู

ผมไม่รู้ว่าหลุดทำหน้าแบบไหน แต่คือไม่ไหวอ่ะ ตอแหลยิ้มไม่ออกจริงๆ นาทีนี้



“พี่สั่งข้าวนะ” ผมบอกพร้อมวางข้าวที่เทใส่จานประเคนให้พี่เขา อีกนิดก็จะยกช้อนป้อนให้แล้วจะเรื่องมากอะไรอีก



“อ้าวเหรอ เออๆ พี่คงลืมเอง นั่งๆ โทษที” คือผมแม่งหงุดหงิดมากครับ หัวร้อนชนิดใกล้ระเบิด มันสุมมาตั้งแต่เรื่องพี่ธาดาด้วย แล้วเป็นกันไหมเวลาเรามีเรื่องโมโหแต่แสดงออกไม่ได้ มันเก็บกดและจะพาลใส่เรื่องอื่น



ผมก้มหน้ากินข้าวไม่พูดไม่จา กินเสร็จเวลาพักยังพอมี ก็เลยเดินไปหาที่เงียบๆ โทรหาน้ำปั่น แฟนผมเองคบกันตั้งแต่สมัยเรียน รอสายไม่นานเธอก็รับเสียงรีบมาเชียว



“ตัวเองมีอะไรรึเปล่า คุยได้ไม่นานนะ” ปั่นไม่พักเที่ยงรึไง ผมได้แต่คิด

“เขาเบื่ออ่ะ ปัญหาเดิมๆ ตลอดเลย” ผมเกริ่นจะว่าอ้อนแฟนก็ได้ แต่ทุกครั้งแค่ได้ยินเสียงใสๆ ของน้ำปั่นผมก็ดีขึ้น

“ทำงานก็ต้องมีปัญหา โตแล้วต้องอดทน อย่าเอาแต่ใจเราเป็นใหญ่แล้ว..........” ปั่นสั่งสอนผมจบก็ขอวางสายบอกลูกค้าเข้า เธอเป็นเซลล์ขายรถครับ เราสองคนจบบริหารอินเตอร์ มอไม่ดังเกรดก็ไม่เด่น แต่ภาษาดีทั้งคู่



กลับมาที่ห้องทำงาน รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ เห็นเงาบางคนนั่งอยู่ในห้องพี่เทพ



“สุรมานี่หน่อย” ยังไม่ทันได้นั่งพี่เทพก็ตะโกนออกมาเรียก เสียงไม่ค่อยปรกติผมก็คิดในใจว่ามันอะไรอีกล่ะ



เปิดประตูเข้าไปโอ้โห พี่ตู่!! คืออะไรมาทำไมครับ



“มีอะไรคุยกันเปิดใจเลยดิวะ” พี่เทพเปิดเกม ผมก็นั่งข้างพี่ตู่ คือยังมึนอยู่

“ใจเย็นพี่เทพ น้องมันยังเด็กก็แบบนี้” หือออ มาอีหรอบนี้

“มีอะไรครับพี่ๆ” ผมก็ไม่รู้จะต่อบทยังไง เพิ่งมาไม่ทันบรีฟ อารมณ์เพื่อนมันเม้นท์กันออกรสแล้วเราเพิ่งมาสมทบ มาถึงพวกมันก็เงียบแล้วบอกว่าตามึงพูด ใครมันจะไปนึกออกว่าควรพูดอะไร

“ก็อย่างที่เรามาปรึกษาพี่ไง ว่าอยากย้ายแผนก เพราะไม่ชอบการทำงานของพี่เทพ”

เดี๋ยวนะ ผมพูด...เหรอวะ? พี่เรียกกูไปแล้วก็บอกเข้าใจไม่ใช่รึ?



“พี่ก็ไม่รู้ว่าแนวการทำงานพี่ไม่ถูกใจสุรตรงไหน ความจริงมีอะไรก็บอกพี่ตามตรงดิ เรื่องอยากย้ายพี่ไม่รู้สักคำ ยังเห็นพี่เป็นหัวหน้าอยู่รึเปล่า” มาเต็ม เอาจริงนะพี่เทพไม่รู้เหรอเรื่องผมจะย้ายพี่เป็นคนเซ็นต์คำขอย้ายให้ผมเองนะ ความจำเสื่อม?



“ผม..ไม่ได้ไม่ชอบการทำงานของพี่แค่...” จะพูดว่าไง ให้พี่รับทั้งผิดและชอบ แล้วก็ปกป้องผมบ้าง เล่นเน็ตให้มันน้อยลง ทำงานเยอะไม่ใช่โยนมาให้ผมหมด แล้วก็อยากกินอะไรลงไปซื้อเอง อ้ออีกอย่างผมเป็นลูกน้องไม่ใช่คนใช้ส่วนตัวพี่ เรื่องส่วนตัวเอารถไปล้าง ไปซื้อของเข้าบ้านไม่ต้องมาใช้ผมได้ไหม วันหยุดของผมพี่ไม่มีสิทธิ์เรียกไปช่วยงานที่บ้าน



“ผมคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับแผนกนี้ มีปัญหากับชิปปิ้งบ่อย แล้วพี่เทพก็..ไม่ค่อยพอใจผลงานของผม” ย่อมาแล้วเหลือแค่สั้นๆ กรุณาเข้าใจผมด้วย

“เห้ย พี่ไม่ได้ไม่พอใจเรา สุรทำงานดีพี่ยังเคยชมกับนายเลย” พี่เทพพูดงี๊ผมกลายเป็นเด็กไม่รู้จักโตงอแงใส่เขาไปเลย

“เอาน่า ทำงานด้วยกันก็ต้องปรับจูนกันไป เนอะพี่เทพ” พี่ตู่หันไปขอความเห็นหน้าตาเข้าอกเข้าใจ ผมแม่งไม่น่าไปเผลอพูดเลย ช่วยไม่ได้ยังจะมาเพิ่มปัญหา

“อืม..ไม่ชอบอะไรก็บอกพี่ได้นะสุร เด็กจบใหม่ก็แบบนี้พี่เข้าใจ” เหมือนพี่เอาตรีนมาเขี่ยหน้า มันไม่เกี่ยวกับเด็กหรือแก่ มันอยู่ที่จิตสำนึกล้วนๆ ครับพี่เทพ



บ่ายนั้นแทบไม่ได้ทำงาน พี่ตู่ออกไปพี่เทพก็ขอคุยต่อ เราคุยกันก็จริงแต่เหมือนพี่เทพจะพูดมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมก็แค่ครับ ครับ เดินออกมาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพี่เขาพล่ามอะไรบ้าง พี่เขาบอกเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ อย่าเพิ่งย้ายไปไหนอยู่กับเขาก่อน ผมจะพูดอะไรได้นอกจาก

“ครับพี่เทพ”



สามวันต่อมาทั้งบริษัทคงเว้นแต่ไอ่ด่างที่เฝ้าป้อมยามกับพี่ รปภ. ที่ไม่รู้เรื่องของผมกับพี่เทพ รู้เลยว่าใครเป็นโทรโข่ง ถ้าไม่ใช่พี่ตู่บุคคลผู้หวังดีและเข้าใจทุกคน พี่เทพผมมั่นใจว่าเขาไม่พูดเพราะไม่สุงสิงใคร และไม่มีใครอยากคุยกับแก

“คุณสุรมานี่หน่อย” เสียงนั่น...พี่ธาดา ผมตาฝาดรึเปล่าเขายิ้มให้ผม หันมองรอบตัวเผื่อเขาเรียกคนอื่น ก็ไม่มีใคร

“คุณสรุนั่นแหละมานี่” ผมเดินหน้านิ่งไปหา พี่ธาดาเป็นผู้ชายตัวสูงขาวเพราะมีเชื้อจีน แต่เป็นอาตี๋ตาโต คือถ้าผู้หญิงก็คงกรี๊ดแต่ผมไม่ไง โคตรเกลียดขี้หน้า



“มีอะไรครับ” จะว่าอะไรกูอีกละ แต่เช้าเชียวนะวันนี้

“ไปกินกาแฟกัน ยังไม่เข้างานเลย รีบไปไหน” หา...ฝันไปไหม

“อ่ะ..เออะ” ไก่ตาแตกเป็นไงมาดูหน้าสุรตอนนี้ได้เลย

“ดูทำหน้าเข้าปะ” แล้วพี่เขาก็โอบไหล่ผมเดินไปร้านกาแฟข้างบริษัท ที่เด็ดกว่านั้นผมเจอใครที่นั่น ทายสิ ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก



พี่เทพ!!



วันนี้ฟ้าถล่มแน่ๆ เพราะร้อยวันพันปีพี่เทพไม่เคยมาแต่เช้าแบบนี้ ให้เดาไม่เกินนาทีหลังเห็นผม เขาต้องสั่งให้ผมรอกาแฟแล้วเอาไปให้ที่ห้องทำงานแน่ๆ ทุกวันเข้างานแล้วเขาจะใช้ผมไปชงมาให้ จนไม่ต้องใช้ผมรู้งานเอง

“สุรมานี่หน่อย” นั่นไง ผมถอนหายใจเบาๆ กำลังจะเดินไปแต่เดี๋ยวนะ ไอ่พี่ธาดาเดินตามผมทำไม

“คุณเทพมาทำงานแต่เช้าเลยวันนี้ ปรกติไม่เห็นคุณหรอกเวลานี้” เขาทักหรือด่าวะนั่น

“.............” พี่เทพเงียบครับแต่ตาจ้องผมกับพี่ธาดาแบบเหมือนเอ่อ..ผมจะบอกว่าไงดีมัน..เอาเป็นว่าเหมือนผมไปเจอปั่นอยู่กับผู้ชายคนอื่นอ่ะ..ผมไม่ได้คิดไปเองนะ เขาทำสายตาแบบนั้นจริงๆ นี่ผมไม่ใช่เมียมึงนะพี่เทพ



“ลูกค้าจีนเมื่อวานมีปัญหานะ ได้กาแฟแล้วก็รีบมาหาพี่” แล้วพี่เขาก็เดินไป อ้าวเขาไม่ได้มาซื้อกาแฟเหรอ หรือว่าไง



พี่ธาดามองตามหลังหัวหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก ว้อททททท



“ย้ายมาชิปปิ้งก็ได้นะ เห็นว่าอยากเปลี่ยนแผนก” ผมทำหน้าไม่ถูกเลย

“ไม่ดีกว่าครับ พี่จะปวดหัวเอา” ปรกติด่ากูยังกะอะไรดี แม่งตบตัวแล้วลูบหลังชัดๆ



“นี่ครับ” พี่ธาดายื่นแบงค์สีม่วงให้ค่ากาแฟ หันมาบอกผมว่าเขาเลี้ยง มีเพลงบางเพลงดังขึ้นในหัว เพลงที่มีความหมายมึนงงที่สุดในโลก

“พี่ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอกครับ” อย่าคิดว่าแกล้งมาเป็นปี กาแฟแก้วเดียวจะชดใช้ได้หรอกนะ

“เอาน่าวันหลังพี่ให้เลี้ยงคืน” เอาน่าอะไรเล่า ครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินคำนี้เป็นไง อ่วม!!



แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไป เช้ามาพี่ธาดามาดักรอลากคอไปร้านกาแฟทู๊กวัน ไม่ด่าไม่ว่า แถมเวลามาหาเรื่องงานคุยดีมีครับมีผม ส่วนพี่เทพก็ไม่ได้ใช้ผมไปซื้อข้าวแล้วนะ เหมือนจะดีใช่ไหมครับ หึหึ....สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งถามชื่อทหาร









นิยายโดย Symbol A



นิยายตลกเรื่องแรกในชีวิต ฝากช่วยกันฮาหน่อยนะคะ

เรื่องนี้อาจไม่ได้อัพบ่อยไม่ถนัดแต่จะพยายาม

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-01-2019 08:26:54
ชอบบบบบบ นะ..........  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แบบ เฮ้ยย........มันจะอะไรขนาดนี้วะ
จริงๆ  เข้าใจชีวิตเทวดาสุระ
มีจริงๆ คนแบบพี่เทพ คุณตู่ ..... ชีวิตบัดซบ เอ้ย.......คนบัดซบ
แบบฝนตก ขี้หมูไหล คนจัญไร มาวุ่นวาย  :m31: :fire: :angry2:

แล้วคุณธาดา ก็เปลี่ยนไป  :katai1:
แบบหน้ามือเป็นหลังเท้า มันยังไงๆกันเนี่ย  o22 :really2: :serius2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-01-2019 14:06:22
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ)
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 17-01-2019 14:25:18
ติดตามจ้า :mew1: :mew1:
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว มาอัปบ่อยๆนะจ้ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 18-01-2019 06:07:21
ตอน 2
สุรงงไปหมดแล้ว






“พี่ต้องเข้าใจหนูด้วย เขาเป็นคนแรกของหนู แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย”



ถามว่ารู้สึกยังไงหลังจากได้ยินประโยคนั้น ต้องบอกว่ากูมึน ร่างกายมันชาเหมือนตอนกินเผ็ดแล้วหาน้ำดื่มตามไม่ได้ คิดอะไรไม่ออกสมองอื้ออึง ถ่อมาจากประเวศถึงสุขุมวิทตอนเกือบสี่ทุ่ม เพื่อสิ่งนี้



น้ำปั่นคือแฟนคนแรก เริ่มสนิทตอนได้ถือพานไหว้ครูคู่กันสมัยมอสี่ เป็นแฟนกันตอนมอหก และขึ้นครูหลังคบกันได้ห้าเดือน ได้ต่อคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน เราดีใจกันแค่ไหนยังจำได้ คิดถึงตอนนั้นปล่อยโฮที่ป้ายรถเมล์ไม่แคร์สื่อ



“ฮือออออออออออออออออ” ใครมองมาบ้างไม่รู้ เพราะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากฝ่ามือตัวเองเลย วันนี้วันศุกร์ เลิกงานดั้นด้นมาหา เพราะไม่เจอกันมาครึ่งเดือนแล้ว กะมาเซอร์ไพรส์เป็นไงเจอเซอร์ไพรส์กว่า



“ฮือออออออออออออออออออ” น้ำปั่นไม่มีวันละลายของผม นอนซบทำหน้าละลายกับชายอื่น อยากจะเข้าไปต่อยชู้ แต่ไม่กล้า จะหายใจเสียงดังยังไม่กล้าเลย





“น้องโอเคป่ะ” ใครมาสะกิด กูโอเคที่ร้องไห้คือแค่ซ้อมละคร ถุ้ย!! ก็เห็นอยู่ว่านร้องไห้ถ้าโอเคจะร้องแบบนี้ไหม



“มีอะไรเล่าได้นะ พี่ว่างแล้วก็อยากเสือก” เป็นคนแบบไหนวะอยากเสือกเบอร์นี้ เงยหน้าเช็ดน้ำตาลวกๆ ให้พอเห็นคนขี้เสือกชัดๆ หน้าคุ้นว่ะ!! ว่าแต่ใคร?



“มาเรียกคนอื่นว่าน้อง คิดว่าแก่มากเหรอ” เสียงไม่ค่อยชัดอู้อี้ เพราะตะกี้แหกปากร้องหนักเกินไป



“ดุด้วยเว้ย” คนแปลกหน้าที่แต่งชุดเหมือนไปวิ่งจงใจกวนผมอย่างเห็นได้ชัด นี่ยังซวยไม่พออีกหรือไง ขอร้องบ้าก็อยู่ส่วนบ้าอย่ามายุ่งกับคนอกหัก



“กินข้าวกันหิว” เนียนจับมือถือแขนด้วย

“.......” ผมสะบัดแขนเต็มแรง จนเจ็บแขนมือแม่งก็ไม่หลุด ก็รู้ว่าผมตัวเล็กกว่า แล้วใจผมก็อ่อนแอ เลยทำให้ร่างกายผมมันไร้เรี่ยวแรง ในเมื่อดิ้นไม่หลุดก็ยกขาลากเท้าตามคนแปลกหน้าไป คงพาไปหาไรกินมั้ง



ถามว่าหิวไหม ตอบเลยว่า มากกกกกกกกก



“เล็กน้ำตกลูกชิ้นรวมครับ น้องเอาไร” คนที่พามาสั่งโดยไม่ต้องคิดแล้วก็โยนอำนาจตัดสินใจมาให้ผม กวาดตามองเมนูแล้วเลือก

“ใหญ่ต้มยำพิเศษลูกชิ้นสองป้า”



อีกคนดูอึ้งๆ แต่ไม่พูดอะไร ผมเดินหาที่นั่ง สักพักน้ำดื่มบริการตัวเองก็วางตรงหน้า ไม่ได้ขอบคุณใช่ว่าเสียใจแล้วลืมมารยาท แต่มันลากผมมาไม่ได้สมยอม เดี๋ยวนะ ‘สมยอม’ คำมันแปลกๆ อีกแล้วไหมอ่ะ





“ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอ” อีกฝั่งใช้เท้าสะกิดขาเรียกร้องความสนใจ ผมส่งตาขวางไปให้ ไม่อยากคุย หิวด้วยเสียพลังงานร้องไห้เยอะ



“ตอนแรกเห็นร้องไห้หนัก นึกว่าจะกินอะไรไม่ลงซะอีก” ท่าทีน้ำเสียงฝั่งนั้นเหมือนเราสนิทกันมาตั้งแต่อนุบาล



“ไม่คุยก็ไม่คุย” คนแบบนี้ก็มี เริ่มระแวง นึกถึงตัวเองทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้ ไอโฟนตกรุ่น กับนาฬิกาเรือนละห้าพัน แล้วก็กระเป๋าตังค์มีอยู่สองพันห้า แหวนทองสองสลึง รวมๆ ก็เยอะอยู่นะ ตั้งสติกินอิ่มเอาตังค์ค่าก๋วยเตี๋ยววางไว้ บอกมันไปเข้าห้องน้ำ แล้วชิ่งหนีหลังร้าน โอเคตามนี้.....





มันไปเอาน้ำมาให้ ถ้ามียานอนหลับล่ะ



“ตัวอะไรเนี่ย!! ” ผมทำทีบ่นลุกเอาน้ำในแก้วไปเท ตักใหม่เปลี่ยนกระทั่งแก้วอ่ะคิดดู



คนแปลกหน้านั่งกระดิกเท้าเล่นมือถือสบายใจ คงหลอกให้ผมตายใจแล้วหาวิธีตกของในตัวผมแน่ๆ มึงมันโจรหน้าด้านที่สุดเท่าที่กูเคยเจอ โจรบ้าอะไรชวนเหยื่อกินก๋วยเตี๋ยว เออนั่นสิ



แต่กันไว้ดีกว่าแก้ แก้แล้วจะมีแต่เสียกับเสีย เดี๋ยวๆ อีกแล้วนะพอเถอะ



ก๋วยเตี๋ยวมาพอดี ผมรีบกินจนเกือบจะติดคอ โจรมันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกให้ค่อยๆ กินมันไม่แย่งหรอก แน่ละสิมึงตั้งใจจะเอาอย่างอื่นนี่



กินอิ่มผมรีบลุกบอกมันไปห้องน้ำ มันพยักหน้ารับ





มองซ้ายขวาหาทางออกมีด้วยครับ เสร็จผมสิ วิ่งหน้าตั้งไม่คิดชีวิต ออกจากซอยเล็กลัดเลาะมาโผล่ที่ตลาด โจรตามมาไม่ทันแน่นอน ส่วนผมตอนนี้เหนื่อยและจุก จะอ้วกเพิ่งอิ่มแล้วมาวิ่ง ไม่น่าเสียดายกินจนหมดเลย ว่าแต่อร่อยดีนะร้านก๋วยเตี๋ยวนั่น



เมื่อหายจุกลุกเดินไปโบกแท็กกลับประเวศเขตของสุร ลืมเรื่องปั่นไปชั่วขณะเพราะต้องหนีโจรนี่แหละ แถมตอนนี้ต้องนั่งแท็กซี่เพราะขึ้นรถเมล์จากตรงนี้ไม่ถูก



เอาวะอย่างน้อยสมบัติติดตัวอันน้อยนิดก็ยังอยู่ครบ ได้แต่บอกตัวเองอย่างนั้นตอนเห็นมิเตอร์พุ่งไปเกือบสามร้อย และวิวข้างทางยังไม่มีจุดไหนที่ผมคุ้นเลย



ในที่สุดก็กลับถึงห้อง เสียให้พี่แท็กไปสามร้อยห้าสิบ ผมลงตรงจุดที่รู้จัก แล้วต่อรถเมล์มา เกือบไม่มีรถเพราะดึกมากแล้ว ตอนแรกจะไปนอนกอดแฟนแต่แฟนดันนอนให้คนอื่นกอด เมื่อทุกอย่างสงบผมก็พร้อมเศร้าอีกครั้ง



ไฟไม่ต้องขออยู่กับความมืดสักพัก



เดินไปแบกความผิดหวังสักพักผมก็ชนกับบางอย่าง เสียงเพล้งตามมาด้วยเสียงร้องโอ๊ยของผม เจ็บที่ฝ่าเท้ารู้สึกอุ่นและแสบตามมาทันที ก้าวอีกข้างก็ร้องอีกโอ๊ย ผมคงชนอะไรที่มันตกแตก และตอนนี้เดินไปเหยียบเข้าเต็มๆ ทั้งเท้าซ้ายเท้าขวา



“ฮืออออออออออออออออ” ไม่คิดจะเดินหนีไปไหน ผมนั่งลงตรงนั้น ร้องไห้โฮ ไม่รู้ว่าเจ็บแผล เจ็บใจ หรือเครียดเรื่องที่ทำงาน หมดแรงแล้วจะไปต่อ ไม่ได้ขนาดอยากตายนะ แค่ล้มแล้วขอนั่งตรงนี้สักพัก มีแรงเมื่อไหร่ผมจะไปต่อเอง



อย่างน้อยร้องในห้องมืดๆ ก็ดีกว่าไปร้องที่สาธารณะ มือถือสั่นไม่ต้องบอกว่าใคร เวลานี้มีแต่ปั่นเท่านั้นแหละ



ไม่รับ ปล่อยไป ไม่รู้จะพูดอะไรแม้แต่คำด่าหรือลาก่อน ก็ไม่อยากจะพูด



นั่งตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แค่แผลที่เท้าเริ่มชา คงประมาณตีสี่หรือห้า เพราะได้ยินเสียงรถราเริ่มเสียงดัง เคยคิดว่าตัวเองคือสุรเทวดาตกสวรรค์ลงมาเดินดินบนโลก แต่ตอนนี้ผมว่าไม่น่าใช่ สุรน่าจะอยู่ในนรกมากกว่า



ในที่สุดก็แสบตาเหมื่อยล้าและหมดแรง ลุกเดินโซเซไปเปิดไฟ เลือดที่ฝ่าเท้าแห้งกรัง ที่เปื้อนพื้นมีบ้างแต่ไม่เยอะขนาดมีใครมาแทงกันตาย แต่ก็เยอะพอให้หลอนได้เหมือนกัน ที่สำคัญผมกลัวเลือด



ตุบ!!!





“สุร มึงฟื้นแล้ว” เสียงอมร รูมเมตผมเอง

“มึงมาเมื่อไหร่ไหนว่ามาวันอาทิตย์ไง” ผมจำได้คือวันนี้ต้องวันเสาร์

“นี่ก็อาทิตย์ มึงสมองกระทบกระเทือนไหมเนี่ยสุ” สรุปว่าผมหลับข้ามวัน กินน้ำแล้วก็รู้สึกดีขึ้น อย่าหวังว่าผมจะอยู่โรงพยาบาล ผมอยู่ห้องตัวเองนี่แหละ อมรมันว่าผมคงเห็นเลือดแล้วเป็นลม ก็เลยแบกมานอนที่เตียง ทำแผลเก็บล้างพื้นให้ รอผมตื่น



ซึ้งใจน้ำตาจะไหล มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นอะไรมากกว่านั้นเลยเหรอ



“นี่มึงไม่คิดว่ากูต้องการหมอบ้างไง” พูดไปงั้นใจจริงก็ไม่อยากไปหรอก



“มึงไม่เป็นอะไรหรอกน่า แล้วทำไมไปเหยียบแก้วแล่นแบบนั้น”

ผมไม่ได้เล่าอะไร ไม่รู้จะเริ่มจากเรื่องไหนดี



“มึงก็แบบนี้มีเรื่องไม่เคยเล่าให้ใครฟังหรอก” ไม่ถนัดเล่านี่หว่า

“กูโทรบอกปั่นแล้วนะเดี๋ยวคงมา”



“มะ มึงว่าไงนะ” มันคงเห็นอาการผมแล้วเดาเอา

“มึงทะเลาะกันเหรอ เรื่อง? ” แต่มันบังเอิญเดาถูก



“กูไปหาเขาที่ห้องวันศุกร์ เจอเขานอนกับคนอื่นอยู่”



เงียบทั้งคนเล่าและคนฟัง อมรอ้าปากแต่ไม่มีเสียงอะไรออกมา จนกระทั่งประตูเปิดอดีตแฟนสาวที่น่ารักของผมเดินเข้ามา ผมก้มหน้าไม่สบตาเธอ ล้มหัวนอนและแสดงว่าหลับเหมือนสลบไปเฉยๆ



“อ้าวตัวเองหลับเหรอ” เธอคงไม่เข้าใจ

“ปั่นเราขอคุยด้วยหน่อย” อมรมันเป็นพ่อสื่อให้ผมกับปั่นคบกัน ความจริงมันสนิทกับปั่นมากกว่าผมเพราะอยู่บ้านใกล้กัน



ไม่รู้ว่ามันจะพูดอะไรบ้าง แต่นานมากประมาณสองชั่วโมง มันก็ยังไม่กลับมา ผมก็ไม่ได้รอแค่มองนาฬิกาทุกสิบนาทีเท่านั้นเอง



หิวนิดๆ ลุกจากเตียงเจ็บฝ่าเท้าตึงๆ ลงน้ำหนักไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้ผมจะเดินไปทำงานไงอ่ะ ทำงานมาเป็นปีสุรไม่เคยขาดลามาสาย เบี้ยขยันไม่เคยขาดกระเป๋า จะมาเสียประวัติเพราะอกหักแล้วเสือกอยากเล่นเอ็มวีในความมืด



ที่เขาว่าบางคนอินดี้จนตัวตาย มันเป็นแบบนี้เอง



ค่อยๆ เกาะผนังห้องออกไปที่ครัว ต้มมาม่าเย็นตาโฟสองห่อนั่งกินเงียบๆ อิ่มก็ยังไม่อยากลุก ไม่ได้อินดี้อะไร เจ็บตรีนเดินเยอะไม่ได้ก็นั่งมันตรงนี้



เซ็ง!!



เกือบสองทุ่มอมรก็เดินเข้าห้องมา หน้ายุ่งเหมือนเปียแชร์ไม่ได้ มันคงคิดมากแทนผมยิ่งสนิทกับปั่นด้วยเลยเครียดสองเด้ง



“มึงโอเคไหมสุร” มาถึงก็ชวนดราม่าเลย คือผมว่าสภาพมันไม่โอเคกว่าผมอีกนะ

“นอกจากตรีนกับใจส่วนอื่นกูก็ไหวอยู่” สายตามันหลบมองแผลผม

“พวกมึงคบกันมานานมาก บางทีอาจจะมาถึงทางตัน” มันว่าแล้วก็มองผมเหมือนสงสารลูกหมาถูกทิ้ง



“กูไม่คิดมากแล้วล่ะ ความจริงก็คิดอยู่บ้างแต่ยังไงก็คงไม่เหมือนเดิม ปั่นไม่รักกูแล้วกูเข้าใจ” ไม่ได้เป็นพระเอกเข้าใจโลก แต่ผมเสียใจในคืนนั้นพร้อมกับเจ็บแผลแก้วบาด ถึงไม่ลึกมาแต่ก็เจ็บ มันเกินพอแล้ว ผมเป็นคนยอมรับความจริง พ่อแม่สอนมาความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่ถ้าเรารับไม่ได้เราจะตายเอง



“มึงดูอาการดีกว่าปั่นอีกว่ะ” มึงจะพูดทำเพื่อออออ

“เอ่อ..กูปากไม่ดี อย่าสนใจคำพูดกู มึงไม่คิดอะไรก็ดีล่ะ แล้วพรุ่งนี้ไปทำงานไหวป่ะเนี่ย”

“ไม่ไหวก็ต้องไหว พรุ่งนี้สิ้นเดือน เบี้ยขยันกูจะพลาดไม่ได้” ไม่ว่าดราม่ายังไงแต่กูต้องได้เบี้ยขยัน



“เห็นมึงงกแบบนี้กูก็เบาใจ” บ่าผมถูกตบเบาๆ



งกใช่ผมงก ตอนทำงานใหม่ๆ กับปั่นเราคุยกันไว้ทำงานสองปีเก็บเงินซื้อบ้าน แล้วก็จดทะเบียน ผมไม่อยากจัดงานแต่งเรื่องนี้เราเห็นตรงกันจะไม่เอาเงินไปเลี้ยงคนที่ไม่รู้จักเด็ดขาด งานแต่งสิ้นเปลือง เก็บไปฮันนีมูนเมืองนอกยังดีซะกว่า



“เอ่อมึงสองเดือนหน้ากูไปดูงานเกาหลีนะ แล้วจะมีญาติกูมาขอพักด้วยคงมาเร็วๆ นี้ พี่เขามาหางานที่กรุงเทพเป็นครั้งแรก เห็นว่าสมัครที่โรงบาลสัตว์แถวๆ ซีคอนอ่ะ คงพักไม่นานได้งานแล้วเขาก็หาหอเอง” อมรเหมือนขออนุญาตผมแต่เปล่า มันคือการแจ้งเพื่อทราบ



“อือ” ไม่ซีเรียสผู้ชายอยู่ง่ายกินง่ายไม่วุ่นวายหรอก



กับอมรไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน งานมันต้องบินไปไกลๆ ไม่ต่างจังหวัดก็ต่างประเทศ ผมเหมือนอยู่คนเดียวมากกว่า ทั้งที่มันก็จ่ายหารครึ่งทุกเดือน มีญาติมันมาขออยู่ก็ไม่ลำบากหรอกครับ



ตอนนี้ผมโสดแบบยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปั่นไม่โทรมาผมก็ไม่โทรไป เราต่างรู้กันว่ามันจบแล้ว โดยไม่ต้องบอกลาเพราะยังไงก็ไม่มีค่าเหมือนเดิม



วันจันทร์สุดท้ายของเดือน นอกจากจะเงินเดือนเข้าแล้ว อย่างอื่นคาดว่าจะบัดซบ



“สุรเป็นอะไร” เสียงแรกที่ทักทายเป็นใครไม่ได้พี่ชิปปิ้งธาดา วันนี้ผมเดินช้ากว่าจะมาก็เกือบเข้างาน ข่าวดีคือทันเบี้ยขยัน แต่ข่าวร้ายคือพี่เทพไลน์มาบอกว่าลาป่วย ก่อนจะฝากงานเหมือนลาตาย



“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ” ผมตอบน้ำเสียงกลางๆ ไม่ยิ้มแต่ก็ไม่แข็งกระด้าง นี่เขามายืนตรงนี้ทำไม รอผม?





“ขอตัวนะครับ” เลิกใส่ใจพี่ธาดาคนแปลก แล้วเดินไม่ปรกติกะเผลกลำบากจนถึงห้องทำงาน ระหว่างทางมีแต่คนถามสุรเป็นอะไร ตอบจนเบื่อ เจอไอ่แมนหน้าห้อง มันว่าตอนเที่ยงจะไปซื้อข้าวมาให้ อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนแมน มันเป็นเทวดามาโปรดผมก็วันนี้แหละ



นั่งดูรายละเอียดส่งของล็อตใหม่ ในเมล์ที่ชิปปิ้งคุยกันแล้วแนบสำเนาส่งถึงผมด้วย ความจริงไม่มีหน้าที่กับเขาแต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ชิปปิ้งดำเนินการฝ่ายเดียว เพราะถ้าผิดพลาดเรื่องศุลกากร อาจมีภาษีย้อนหลังหลักล้าน ผมรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ต่อให้ทำงานได้เบี้ยขยันไปจนตายก็เถอะ





ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะประตู



พี่ธาดา!!





“ไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ผมเลยซื้อผัดไทยมาให้” เกาหัวคันรังแคแป๊บ หันไปดูนาฬิกาอ้าวเที่ยวแล้วนี่



“ไอ่สุรกูได้ก๋วยเตี๋ยวมะ.....พี่ธาดา” ตอนนี้ผมกับไอ่แมนสีหน้าเดียวกันเป๊ะ คำถามคืออะไรเอ่ยไม่เข้าพวก?



“คุณแมนซื้อข้าวมาส่งคุณสุรเหรอ นี่ผมซื้อมาเหมือนกันปะไปกินกันเถอะ” พี่ธาดาเดินนำไปห้องกินข้าวแผนกผม แมนเข้ามาช่วยพยุงผมกระซิบถาม “อะไรยังไง” อย่าถามกู “กูก็งงเหมือนมึง”







ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยมาตีสนิทขนาดร่วมวงกินข้าว หรือที่เขาไม่มาเพราะพี่เทพงั้นเหรอ อ่า..คิดเป็นอื่นได้ยากจริงๆ





ห้องกินข้าวปรกติมีแต่ผมกับพี่เทพก็ว่าแคบแล้ว นี่มีสามคน หัวเข่าจะชนกันแล้วครับ ไอ่แมนกินไปมองผมสลับกับพี่ชิปปิ้งไป ส่วนพี่เขาก็ชิลมากประหนึ่งว่าเพื่อนสนิทแก๊งเดียวกัน หันมายิ้มให้ผมบ้าง หันไปยักคิ้วใส่แมนบ้าง



ส่วนผมเหรอ ไม่รู้เหมือนกันไม่มีกระจกตอนนี้ แล้วก็อธิบายความรู้สึกอะไรไม่ได้นักหรอก ปวดตรีน เดินรับโทรศัพท์เยอะ



“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาหรอกคุณ” พี่ธาดาว่างั้นแล้วก้มกินข้าว แมนถลึงตาโตมาก เหมือนกลัวพี่เขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังนินทาเขาอยู่ในใจ







กินข้าวเสร็จพี่ตี๋ตาโตก็กลับแผนก ส่วนไอ่แมนยังอยู่ ท่าทางคันปากรู้เลยจะพูดเรื่องอะไร



“พี่เขาแปลกๆ ถ้ามึงไม่มีเมียกูจะเดาว่าเขาจีบมึง” เอิ่มมม ไม่น่าใช่นะแมน

“อะไร กูพูดตามที่เห็น เขาดูห่วงมึงยังกะอะไร” ตรงไหน แค่ซื้อข้าวมาให้ แค่รอเลี้ยงกาแฟทุกวัน เออ...จริงๆ ก็แปลกอย่างที่มันว่า



“นั่นไงมึงเถียงไม่ออก”

“แล้วไง กูผู้ชายไม่ใช่เกย์ ชอบผู้หญิงน่ารักแอ๊บแบ๊ว” แบบน้ำปั่น คิดแล้วก็เศร้าขึ้นมาอีกล่ะ



“กูรู้ ถึงอยากเตือน มึงต้องระวังตัว ผู้ชายเนี่ยเสร็จเกย์มานักต่อนักแล้ว ติดใจทุกราย” ผมผงะจากตัวมัน

“มึงพูดเหมือนมีประสบการณ์นะแมน”

“บ้าอะไร กูแค่เตือนไปแล้วแม่ง” หนีกันนี่หว่า จะว่าไป ผมไม่เคยเห็นแมนมีแฟนเลยนะ รู้จักกันมาเป็นปีตั้งแต่ทำงานที่นี่ ก็ไม่เห็นมันพูดถึงแฟน หรี่ตามองตามหลังมันจนลับตา แต่ความอยากเผือกมันน้อยไป ก็เลยหยุดไว้แค่นั้น





เลิกงานก็กลับบ้าน ขามาว่าทุลักทุเลแล้ว ขากลับนี่ต้องคูณสิบ เพราะทุกคนแย่งกันกลับ ใครก็อยากพักผ่อน ระหว่างผมเดินลากสังขารเดินไปป้ายรถเมล์มีเพื่อนเทวดาพยุงอยู่ข้างๆ รถของใครบางคนก็ชะลอแล้วบีบแตรใส่เราสองคน



พี่ธาดา!!!





“ขึ้นมาทั้งคู่เลย” แมนมันกระซิบว่าขึ้นไปเถอะสภาพผมเดินไปแบบนี้กว่าจะถึงห้องไม่รู้กี่โมง ผมก็ว่างั้น



“อยู่ไหนกันบ้างพี่ไปส่ง” เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ผมและแมนหันมามองหน้ากัน ตอนนี้ผมกับมันนั่งข้างหลัง เพราะเบาะข้างหน้าพี่เขามีตุ๊กตาหมีตัวโตนั่งอยู่ เขาว่าของขวัญหลาน



“เกรงใจครับผมลงป้ายรถเมล์ก็พอ พี่จะไปทางไหนถ้าไปทาง...ฝากส่งไอ่สุรด้วย” มันฝากผมเสร็จสรรพถามกูสักคำหน่อยไหม



“ตามนั้น” คนขับว่าง่าย แต่ทำไมต้องมองกระจกหลังตลอดเลย คิดถึงคำที่แมนมันว่าพี่เขาเป็นเกย์หวังอะไรในตัวผม ก็ขนลุกขึ้นมา กลัว!!





“ขอบคุณที่มาส่งครับคุณธาดา” ผมยกมือไหว้

“เดี๋ยว” เขารั้งผมด้วยเสียง

“ครับ” รอฟังลุ้นว่าอย่ามาสารภาพความในใจกูนะ

“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ” ผมมองเขา ที่ขอมาคงทำให้ไม่ได้

“ผมมีงานค้างอยู่ครับ” อีกอย่างพี่เทพจะลากี่วันก็ยังไม่รู้เลย



“งั้นพรุ่งนี้มารับ”

“ไม่เป็นไรครับรบกวนเปล่าๆ”

“ถือว่าตอบแทนที่ผมมาส่งคุณวันนี้ไง โอเคไหม”

“ก็ได้ครับ” เขายิ้มแล้วเร่งเครื่องออกไป





กะบะฟอร์ดเรนเจอร์ดับเบิ้ลแค็บสีเทาจากไป ทิ้งไว้แต่เครื่องหมายคำถาม ตอบแทนที่เขามาส่งคือผมต้องยอมให้เขามารับพรุ่งนี้ แมนมันอาจคิดถูก..พี่เขาจีบกูรึเปล่าวะเนี่ย?





เชี่ยยยยย!!!!!













ปั่นตอนใหม่มาลง ดีใจที่มีคนชอบ มันจะเริ่มไม่ฮาและพาเครียดหน่อยๆ

บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็เข้ามาหาเราแบบไม่ทันตั้งตัว

เอาใจช่วยสุรกันด้วยนะครับ
#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง



By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-01-2019 13:50:37
สนุกนะอยากรู้พระเอกตัวจริงคือไคร :pig2:  +1
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2019 14:07:58
 :ruready
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-01-2019 14:09:15
หลังจากนี้ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามานะสุร


 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2019 21:29:00
สนุกนะอยากรู้พระเอกตัวจริงคือไคร :pig2:  +1

อือ........ใครกัน...เป็นพระเอก  นักวิ่ง หรือคุณธาดา  :really2:
คือ มัน ฮา.........นะ ชอบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
:really2:  สุระ ร้องไห้.....อย่างเดียวเลยหรอ........  o22  :serius2:
ตอนที่เห็นแฟนนอกใจนอนกับชู้แบบจะๆ
ไม่ถาม...... ไม่โวยวาย...... ไม่ร้องเพลง ........
♬。 ♫♫~♬  ทำไม -- ถึง -- ทำ -- กับ -- ฉัน -- ได้ ♪ ♩  ♪

คนที่แต่งตัวแบบนักวิ่ง ลากจูง สุระ
พาไปกินก๋วยเตี๋ยว ใครกันละเนี่ย  :katai1: :really2:
เริ่มสงสัยแมนแล้ว  อยากเผือกชีวิตแมน  :z3:
ว่าแตชายจริงติดใจเกย์นี่ พูดถึงตัวเองหรือเปล่า แมน  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 2 สุรงงไปหมดแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 19-01-2019 08:47:34
ติดตามเลยค่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 19-01-2019 10:19:30
ตอน 3

สุรชอบแก้ผ้า



‘ใต้โต๊ะ’ ไม่ต้องก้มดูว่าใต้โต๊ะมีอะไร มันแค่คำฮิตในส่วนประกอบของประโยคที่ใครต่อใครถามผมช่วงนี้

“สุรมานี่หน่อย” พี่ตู่ฝ่ายบุคคลครับ ไม่พ้นจะถามเรื่องใต้โต๊ะเชื่อมะ

“เรื่องนั้นน่ะ พี่เทพทำจริงไหม” อ่ะว่าแระ

“เรื่องไหนครับ” กวนครับ และผมตั้งใจ จำได้นะเรื่องครั้งก่อน แค้นฝั่งหุ่นพูดเลย

“ก็...เรื่อง..ใต้โต๊ะกับนอฟเทค” มีใครบอกพี่ไหมว่า พี่เป็นบุคคลที่อยากทราบเรื่องทุกคนเกินหน้าที่ หรือเรียกสั้นๆ ว่า.....นั่นแหละ

“ไม่ทราบครับ พี่เทพไม่มาทำงานหลายวันแล้ว” เห็นหัวผมไหม เวลาจะหวียังไม่มีเลย ไหนจะงานตัวเอง ไหนจะปัญหาที่หัวหน้าก่อไว้ สุรจะตายวันละสิบรอบครับ



“สุรคุณโต้งเรียก” ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว คุณโต้งเรียกหา ฝ่ายของผมอันเดอร์เขาอยู่ ว่าง่ายคือเขาชี้เป็นชี้ตายฝ่ายจัดซื้อทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปรกติหน้าที่เข้าหานายพี่เทพจอง ผมเลยไม่รู้ว่าคุณเขาเป็นยังไง



เสียงทุ้มมีอำนาจบอกว่าเชิญ ผมนี่รู้สึกตัวเองเป็นน้ำแข็งหลอดกลิ้งตกลงน้ำ คุณโต้งเขามีออร่าของลูกชายเจ้าของจริงๆ หล่อเข้มเหมือนคุณพ่อ แต่ก็ผิวดีแบบคุณแม่ แถมรูปร่างสูงใหญ่สมกับตระกูลทหารเก่า ใช่ครับคุณโต้งเป็นน้ำที่จะละลายตัวผม ละล้ายลาลายเพราะสายตาเขาตอนนี้มองผมเหมือนจะทรมานให้ผมยอมสารภาพ แต่ผมไม่ผิดนะเห้ย

“คุณสุรทราบ ปัญหาของแผนกคุณตอนนี้ใช่ไหมครับ” ตรงๆ ไม่มีอ้อม

“พอทราบครับ” ผมรู้หัวเรื่อง รู้รายละเอียด แต่ไม่รู้ความจริง ผมบอกเขา

“ความจริงขึ้นอยู่กับหลักฐาน แต่ถ้ามีอยู่แค่ตอนนี้ แผนกคุณทำผิดกฎร้ายแรง” ผมก้มหน้า ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกนอกเสื้อ “ผมไม่เกี่ยวนะครับ”

“ก็ยังไม่ทันได้พูดว่าคุณเกี่ยว” เหมือนผมร้อนตัว เหี้ยแล้ว เหี้ยล้วนๆ ไม่มีจระเข้มาปน

“คุณรู้ไหม...” คุณโต้งพูดแล้วหยุด แปลว่าเรียกผมเงยหน้ามองเขา ผมเห็นแต่สายตาที่ไม่กล้าโกหก น่ากลัวชิป..

“แผนกคุณมีสองคน มันยากที่ผมจะเชื่อว่า มีคนทำผิดโดยที่อีกคนไม่รู้เห็นหรือเป็นใจ”

ได้ยินเพลงแห่ศพดังเข้ามา ตายกูตาย สุรตายแน่ๆ

“แต่..ผมไม่รู้เห็นด้วยจริงๆ นะครับ สาบานได้” ก้อนน้ำแข็งสุรกำลังลอยเท้งเต้งไปมา ความเย็นของน้ำรอบตัวไม่ช่วยคงสถานะ สายตาคุณโต้งยังเฉียบคมกัดกร่อน ผู้บริหารว่าที่ประธานใหญ่ เคาะนิ้วบนโต๊ะ มองผมอยู่อย่างนั้น

ไม่ให้ผมสาบานก็ไม่ว่า แต่คุณโต้งอย่าเอาสายตามาฆ่ากันได้ไหม ในที่สุดผมก็ทนแรงกดดันไม่ไหว

“ผมขอเวลาพิสูจน์ตัวเองครับ ผมจะหาหลักฐานมาให้คุณโต้งดูว่าผมไม่รู้เห็นกับพี่เทพ” กล้าต่อรองแต่ดันลืมส่วนสำคัญ คุณโต้งเลยรีบชิงบอกว่าให้เวลาเดือนหนึ่ง แต่ผมต้องย้ายมาทำงานในห้องเขา

เนื้อน้ำเย็นที่คงรูปเป็นของแข็งละลายหาย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผืนน้ำกว้างใหญ่รอบตัวเรียบร้อย

ใครก็ได้ช่วยสุรด้วยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



เย็นวันนั้นผมกลับบ้านเอง อ้อเท้าผมหายดีแล้วครับ แต่ตอนนี้มีปัญหาใหญ่กว่าอย่างที่คุณรู้นั่นแหละ เพิ่งรู้ว่าเซลล์ของนอฟเทค บริษัทขายกระดาษของจีนที่พี่เทพอวยนักหนาว่าของดีของถูก ใต้โต๊ะกับพี่เขามาตลอดหลายปี เรื่องแดงตอนที่พี่เขาลาป่วยและผมไม่อยู่โต๊ะ คนรับสายคือฝ่ายจัดซื้อในประเทศ ทำงานสายเดียวกันแค่รับสายคุยนิดหน่อยก็เข้าใจ ทางนั้นบอกพี่เทพไม่ตอบเมล ทั้งที่จ่ายงวดแรกแล้ว

งวดแรกอะไร งบสั่งของไตรมาสนี้ยังไม่ออกเลย สเปกกระดาษยังไม่เข้าที่ประชุมเลยมั้ง หวยออกสิครับ ออกเป็นชื่อสุร หวยที่ไม่ได้เป็นเงิน ได้เป็นแพะแทน



ชีวิตแค่โดนทำร้าย แต่ที่สุดมันต้องไม่โดนทำลาย แหล่มองห้องตรงข้าม มึงเปิดเพลงไม่เกรงใจคนอื่นเลย กลัวไม่รู้รึไงว่ามีลำโพงน่ะ ด่าแค่ในใจ ตอนนี้ไขกุญแจห้องยังเหนื่อยเลย

“แกร็กก...” ประตูไม่ได้ล็อก สงสัยญาติอมรมาแล้ว

“ไง กลับมาแล้วเหรอ” เสียงมันคุ้นๆ

ไอ้โจรก๋วยเตี๋ยว!!!

“..........” ขนาดไม่มีอารมณ์จะสนใจอะไร ยังตกใจขนาดนี้ โจรเดินมาโบกมือตรงหน้าผม เหมือนเขาจะจำผมไม่ได้ คืนนั้นผมร้องไห้หนักและหน้าตาคงดูไม่ได้เลย เดาเอาเพราะโจรไม่ตกใจอะไรสักนิด

“น้องสุรใช่ไหม” จำไม่ได้จริงด้วย

“ครับ” เป็นรุ่นพี่ก็ต้องสุภาพ ยิ่งเป็นญาติเพื่อนด้วยแล้ว ผมเลยก้มหัวแต่ไม่ไหว้

“พี่ทำอะไรอยู่” เห็นหม้อตั้งไฟ ทำอาหารเป็นด๊วะ หิวขึ้นมาทันที หอมม

“ต้มยำกุ้ง ไปอาบน้ำดิ เดี๋ยวมากินข้าวกัน” ดีแฮะ

ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ขอโทษที่ผมว่าพี่เป็นโจรนะ



สิบห้านาทีผ่านไปผมออกมาพร้อมหัวที่ยังเปียก ใส่แต่กางเกงนอน เช็ดผมไปถามเขาไป

“พี่ชื่ออะไรครับ” เขาเงยหน้าจากเตา มองผมนิ่ง มีอะไรรึเปล่าผมก็พลอยนิ่งค้างไปด้วย

“เออ เอ่อ..พี่ชื่อปราชญ์” พี่ปราชญ์ก้มหน้าก้มตาต่อหน้าแดงหูแดง สงสัยอยู่หน้าเตานาน

“ไม่ต้องทำกับข้าวก็ได้นะพี่ ซื้อเอาง่ายดี” ผมซื้อประจำ

“พี่ชอบทำ ช่วงนี้ยังไม่ได้งานทำได้ก็จะทำให้นะ” ผมพยักหน้าแล้วแต่เขา

เราสองคนสนิทกันไวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่เหมือนคนที่ผมเจอตรงป้ายรถเมล์เลย เราไม่ควรตัดสินใครแค่เห็นครั้งแรกจริงๆ

“กินได้ช่ะ” คนทำถามแบบนี้ ไม่อร่อยผมก็ต้องตอบว่า

“อร่อยครับ” แต่ผมตอบตามจริงไม่ได้ฝืนใจ

“งั้นกินเยอะๆ” พี่ปราชญ์ผลักหัวผมแล้วอมยิ้ม น่าจะแก่กว่าผมไม่มากหรอก หน้าเด็กกว่าอมรอีก

“สุรไม่มีชื่อเล่นเหรอ” ชื่อผมก็ไม่ได้ยาวนะ

“ไม่มีครับ”

“คุยกับพี่ไม่ต้องครับก็ได้ เราห่างกันไม่กี่ปีเอง งั้นพี่เรียกสุได้ไหมสั้นดี”

“งั้นพี่ควรเลิกเรียกตัวเองว่าพี่”

“ก็จริง งั้นเรียกชื่อแทนดีกว่าเนอะ สุไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอ” ยังจะกล้าถาม ร้อนขนาดนี้ ผมเห็นเขาก็เหงื่อซึมเถอะ

“มันร้อนนะ หรือปราชญ์ไม่ร้อน?” อย่ามาตอแหลว่าหนาวนะ ว่าแต่เรียกชื่อกันแบบนี้ไม่ชินเลยอ่ะ มุ้งมิ้งเกินไป ถ้าไม่ติดรุ่นพี่จะเสนอคำสั้นๆ กู-มึง แทนแล้ว

“ร้อนกาย ไม่เท่าร้อนใจ” เราคุยเรื่องเดียวกันอยู่ไหมเนี่ย

“................” ใครไม่ร้อนสุรร้อนครับ ไม่ชอบใส่เสื้อ นี่เกรงใจแล้วนะ ไม่งั้นใส่แต่กางเกงในไปแล้ว กินกุ้งดีกว่าไม่สนใจ

“พี่..เอะ..ปราชญ์นอนเตียงด้วยกันได้นะ มันกว้างอยู่”

“ได้เหรอ..ไม่ดีมั้ง” ผมส่งสายตาสงสัยทำไมไม่ดี อีกฝ่ายก็รีบบอก

“กลัวนอนดิ้นเผลอถีบสุตกเตียง” งั้นก็เชิญโซฟา ผมไหวไหล่ตามใจเขา

“ปรกติอยู่กับอมรก็ถอดเสื้อเหรอ” พี่เขาเป็นอะไรกับเสื้อผมมากไหมเนี่ย

“ไม่..ปรกติใส่แต่เกงในนอน”

แคร๊งงง!!! ช้อนในมือเขาร่วงลงในถ้วยต้มยำ น้ำแกงกระเด็นใส่ตัวผมเต็มๆ ไม่พอเข้าตาแสบไปอีก

“โอ๊ย” ผมยกมือปิดตา เห็นเขาแค่ข้างเดียว คนอ้าปากค้างเหมือนจะได้สติ รีบลุกดึงผมไปล้างหน้าที่อ่างทันที

“ขะ..ขอโทษนะ กล้ามเนื้อหมดแรงกะทันหันอ่ะ” มันต้องอ่อนแรงไม่ใช่เหรอพี่
“ไม่เป็นไร ปราชญ์ๆ”

“อือๆ ว่าไง”

“ไม่ได้อ้วกไม่ต้องลูบหลัง” แม่งเอาซะผมจะอ้วกจริงแล้วเนี่ย ยิ่งกินมาเยอะด้วย

“อุ๊ย!! แหะๆ” เขาเดินออกไปนั่งที่เดิม ผมก็ล้างตาล้างตัว เสร็จจะไปนั่งกินกับเขาต่อ ก่อนนั่งก้มเห็นกางเกงขายาวเปื้อนต้มยำ เลยเดินไปเปลี่ยนเป็นเกงเกงบอล ผู้ชายเหมือนกันผมไม่ถือถอดมันตรงนั้นเลย

“เห้ยย” เสียงคนที่นั่งมองอยู่ดังขึ้น หรือว่าผมสบายไป พี่เขาอาจจะถือ

“เห้ยยปลาหมึกนี่มันสดจริงๆ” ที่แท้เขาตกใจปลาหมึก ไอ่ผมก็นึกว่าเขาไม่พอใจที่ผมทำตัวไม่มีมารยาท

ลืมเรื่องปัญหาไปชั่วขณะ ต้มยำได้เยียวยาทุกสิ่งในใจของผม อา..อิ่มพุงกางอาสาล้างจานและกลับมานอนพึ่งพุงหน้าทีวี พี่เชฟไปอาบน้ำ ด้วยความเพลียและเหนื่อยอ่อน ผมก็เลย...เผลอหลับ



ตื่นมาทำไมนอนสบายจังวะ เดี๋ยวนะนอนห่มผ้าได้ไง ผมควรนอนโซฟาหน้าทีวี ไม่ใช่บนเตียงเหมือนตอนนี้

“ปราชญ์อุ้มไปเองแหละ นอนเถอะดึกแล้ว” อะ..อุ้มงั้นเหรอ..รู้สึกเหมือนอยู่กับพี่ชายที่บ้านเลย คิดถึงมันเหมือนกันไม่เจอกันมาหลายเดือนแล้ว ล้มหัวลงนอนหลับไปอีกรอบ

ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันของผมบ้างนะ ขอร้องล่ะ............













ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ มีคนฮากับสุรคนเขียนก็ดีใจมากแล้ว พระเอกคือใครดีนะ หรือสุรจะเป็นพระเอกเสียเอง งืมมม น่าคิด....

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-01-2019 11:58:51
มีแต่ผู้วนเวียนอยู่รอบกาย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-01-2019 12:27:51
อิจฉาสุรมีแต่ผู้รุมรอบตัว

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-01-2019 14:34:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-01-2019 15:19:39
ถามจริงมีผชมาตอมกี่คนเนี่ย คนฮอตเนอะสุร :ling2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-01-2019 16:12:35
หืมมม.... หรือสุร เป็นพระเอกเอง  :m20: :laugh:
ไม่หวาด ไม่ไหว กี่ผู้นี่ ที่รายล้อมรอบตัวสุระ  :เฮ้อ:
คุณธาดา คุณโต้ง ปราชญ์ ที่เป็นนักวิ่งเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว เน่าะๆ นี่ก็ สามผู้ละนะ  :really2:
อ่านไป...ขำไป  :m20: :laugh: :pigha2:
โดยเฉพาะตอนปราชญ์ ทำต้มยำทะเล
ที่หน้าแดง ตัวแดง เพราะอยู่หน้าเตา จริงเร้อ  :z3:
ไม่ใช่เพราะสุร ไม่สวมเสื้อเนาะ  :o8:
ที่บอกปลาหมึกซ้ด สด เพราะสุร ถอดกางเกงต่อหน้า ใช่แมะๆ  :ling1:
ที่ทำช้อนตก ก็เป็นเพราะสุร บอกใส่แต่เกงในนอนสินะ  :-[
ปราชญ์นี่ จินตนาการลึกล้ำเอาเรื่อง  o22 แต่ชอบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 19-01-2019 17:31:12
ทำไมรู้สึกผู้ชายดูหลงสเน่ห์สุรกันหมด แต่งงกับธาดามากสุดที่ตอนแรกด่าๆ แต่ตอนหลังมาเอาใจ ลูกชายเจ้าของก็แปลกๆต้องให้เข้าไปนั่งทำงานด้วย ตลกที่สุรกับปราชญ์ เรียกชื่อกันแทน น่ารักดีค่ะ เดาไม่ออกเลยว่าใครจะเป็นพระเอก ตัวเลือกของสุรดูเยอะ และน่าสงสัยไปหมด
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 19-01-2019 18:21:22
ลุ้นเหมือนกันว่าใครจะเป็นพระเอก ตอนนี้ปราชญ์คะแนนนำอยู่เพราะอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนพี่ธาดานี่ สุรดูงงๆ แบบอะไรวะ ส่วนคุณโต้งนี้ต้องรอดูตอนสุรย้ายไปทำงานห้องเดียวกันก่อน โอ้ยยยยยยยยยยยยย ดีต่อใจ

คนเขียนก็สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ สนุกมากกก :3123:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-01-2019 21:21:29
สงสัยปราชณ์จะชอบผู้ชายแบบน้องสุร  :z2:

หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 3 สุรชอบแก้ผ้า
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 20-01-2019 11:28:46
  o18
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 20-01-2019 12:37:21
ตอน 4

สุรง่วงนอน



“คุณสุร!!” เสียงพี่ธาดาดังมาทันทีที่ผมสแกนบัตรเข้างานเสร็จ ช่วงที่พี่เทพหายไป ได้ยินว่าพี่ธาดาก็ยุ่งอยู่ข้างนอกตลอด ผมไม่อะไรหรอก แต่พี่ชิปปิ้งทำหน้าดีใจมากที่เห็นผม

“ไม่เจอตั้งหลายวันเป็นไงบ้าง ผมรู้เรื่องนั้นแล้วนะ มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลย”

“ขอบคุณครับ ไว้มีอะไรรบกวนผมจะไม่เกรงใจก็แล้วกัน แต่ผมขอตัวก่อนวันนี้รีบ” ต้องขนของไปห้องคุณโต้งอีกเยอะเลย ผมกำลังจะเดินไป แต่มือคนเดิมคว้าแขนผมไว้

“ไม่กินกาแฟเหรอ ผมเลี้ยงนะ” หน้าผมเห็นแก่กินนักรึไงครับพี่

“ไม่ทันจริงๆ ครับ ขอโทษนะครับ” พูดจบคนจะเลี้ยงหน้าหง๋อยจนผมสงสาร พี่อยากเลี้ยงผมขนาดนั้นเชียวเรอะ

“ไอ่สุรคุณโต้งเรียกหามึงอ่ะ อ้าวพี่ธาดา” แมนมึงมาได้จังหวะมาก

“แมนมึงรีบไปไหนป่ะ”

“ไม่นะ กูจะไปร้านกาแฟ” เอ้า..พอดีเลยครับ ผมหันไปมองพี่ธาดาที่ปล่อยแขนผมแล้ว

“คุณธาดาไปกับแมนมันแทนนะครับ ผมขอตัว ไปนะมึง” เพื่อนเทวดาหน้าเอ๋อใส่ ผมรีบเดินเร็วๆ หลบพวกเขาออกมา เฮ้อออ ทำไมชีวิตสุรมันยุ่งวุ่นวายแต่เช้าแบบนี้เนี่ย





ตัดสินใจไปที่ห้องคุณโต้งก่อน ข้าวของเดี๋ยวค่อยเก็บ

“อ้าวไหนของคุณล่ะ ไม่เก็บมาเหรอ” อ่ะ ตัดสินใจผิดใช่ไหม

“ผมรีบมาหาคุณโต้งก่อนครับ คิดว่ามีงานด่วนจะใช้” เพราะผมรีบมาเลยเหนื่อยจนหอบ เสียงอาจจะแข็งไปหน่อย

“ใครจะกล้าใช้งานคุณล่ะ” คุณโต้งเลยเข้าใจผิด ว่าผมไม่พอใจ

“งั้นผมไปเก็บของนะครับ”

“................” เวร!! เงียบใส่อีก

“คุณโต้งครับ” จะเอาไงกับกูครับ

“ก็ไปสิใครรั้ง” หน้าผมยิ้มน้อยๆ แต่ใจผมเดือดพล่านเป็นแกงใกล้สุกเลยแหละ อยู่กับพี่เทพว่างงกับชีวิตแล้ว อยู่กับคุณโต้งผมประสาทจะกิน แวะห้องพยาบาลขอพารามาสแตนด์บายไว้สักกระปุกท่าจะดี





ห้องคุณโต้งต้องขึ้นลิฟต์ไปอีกสี่ชั้น ระหว่างขนของสามรอบก็เจอแต่คำถาม สุรไปไหน ขนอะไรเยอะแยะ ตอบจนขี้เกียจตอบ

รอบสุดท้ายเจอแมนเพื่อนเทวดา มันเล่าว่าพี่ธาดาถามมันแต่เรื่องของผม

“กูฟันธงว่าเขาจออีบอจีบมึง..มึงๆ พักก่อนกูเหนื่อย” ก็เล่นพูดไม่หยุดตั้งแต่ออกจากห้องผมยันชั้นสี่ จะไม่ให้เหนื่อยไงไหว ผมพยักหน้าวางกล่องที่แบกกับมันคนละข้างลง ถ้าไม่มีมันผมคงต้องแบกอีกหลายรอบ เห็นแก่มันช่วยผมจะไม่ขัดก็แล้วกัน

“แล้วไงกูไม่ชอบผู้ชาย” ผมยืนยันจุดยืนสาวน่ารักแอ๊บแบ๊วเท่านั้นที่ทำใจผมสั่นไหว

“ไม่เคยลองอย่ามั่นให้มาก” อีกแล้วนะแมน ผมหรี่ตาใส่มัน มันหลบตาผมใหญ่ ไอ่แมนต้องมีความลับแน่ๆ ผมฟันธง ขว้างธง เผาธงเลยอ่ะ

“แมนมึงดูมั่นใจจังนะ ว่าผู้ชายจะทำให้กูติดใจ” มันอึกอัก

“คุณสุรคะ คุณโต้งบอกว่าถ้าเสร็จแล้ว รีบกลับห้อง” ฮึ่มมม ตามจิกยิ่งกว่าเมียก็คุณโต้งนี่แหละ แมนมันได้ทีบอกรีบไปเถอะเดี๋ยวพ่อมึงโกรธ มันก็ช่างพูดนะ แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

เคาะประตูแล้วใช้หลังดันประตูเข้าไป คุณโต้งคงไม่ทันเห็นว่ารอบนี้มีคนมาช่วย

“ของคุณเยอะมากเลยเหรอ หื้มม ผมไป..”

เงียบ!!!

ไอ่แมนยกมือไหว้เขา เขาก็ดูอึ้งๆ เหมือนเพิ่งหลุดปากความลับสำคัญ รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกเป็นบ้า จับต้นชนปลายไม่ถูก คุณโต้งใช้น้ำเสียงโทนเดียวกับเวลาผมคุยกับปั่นแต่ปั่นเป็นเมียผมไง คุณโต้งเป็นเจ้านายนั่นแหละที่แปลก

“กูไปนะเที่ยงเจอกันร้านข้าว” แมนกระซิบบอก พยักหน้าขอบคุณมันที่มาช่วย หันไปหาคุณโต้งก้มหน้าอ่านเอกสารของเขา หรือผมคิดเรื่องพี่ธาดาเยอะไป ช่างเถอะ!! ตอนนี้เอาเรื่องทุจริตให้พ้นตัวก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง

ตอนนี้ใครโทรมาหาแผนกผมต้องผ่านจัดซื้อในประเทศก่อน แล้วค่อยโอนให้ผม ห้องทำงานเดิมผมถูกล็อกใครก็ห้ามเข้า เหมือนสถานที่เกิดเหตุอาชญากรรมไม่ผิด เรื่องนี้คงเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปอีกพักใหญ่ ผมกลายเป็นคนดังไปแล้วตอนนี้ ใครก็รู้จักน้องสุรจัดซื้อต่างประเทศที่ต้องหาว่ารู้เห็นกับพี่เทพโกงบริษัท ความยุติธรรมมีขายที่ไหนผมจะไปเหมา

“คุณสุร” ผมเงยหน้าจากจอคอม มองคุณโต้งที่ยังก้มหน้าอยู่กับเอกสาร เขาพูดต่อโดยไม่มองหน้าผม

“บ่ายนี้คุณมีงานด่วนอะไรไหม”

“มีส่งเมลให้ซัพพลายเออร์สามสี่เจ้าครับ” แค่ส่งเมลไม่ยากแต่ปัญหาคือผมยังไม่ได้รายละเอียดจากฝ่ายสต๊อกนะสิ ต้องตามข้อมูล ร่างจดหมายอีก แล้วซัพพลายเออร์เจ้าหนึ่งเขาไม่ยอมลดราคา แต่ผมหาเจ้าอื่นไม่ได้ คุณโต้งก็เดดไลน์ว่าต้องได้ก่อนวันศุกร์ นั่นแหละที่ผมต้องทำให้ได้ในบ่ายนี้ หวังว่าเจ้านายจะเข้าใจสุร

“แค่ส่งเมลเอาไว้ก่อน” ผมยกมือกัดเล็บ ถอนหายใจกับคอม ‘แค่’ ใช่สิ งานผมคงแค่นั้นแหละครับคุณโต้ง

“เก็บของไปข้างนอกกับผม” ถ้าตอนนี้เราเป็นฉากในการ์ตูนคงมีเอฟเฟคเสียง ชิ้งง!!! ภาพซูมมาที่สายตาระแวงสงสัยของผม คุณโต้งจะไปไหนเหรอ จะพักเที่ยงแล้วด้วยนะ

แต่สุรจะทำอะไรได้ นอกจากครับ ครับ รีบไปครับ ปิดจอคอม หยิบมือถือเดินตามคุณโต้งไปติดๆ เดินลงมามีแต่คนมองตาม คงอยากถามผมใจจะขาดว่าไปไหน หึ..อย่าว่าแต่คนอื่นเลย สุรก็อยากรู้ ใจจะขาดเหมือนกันแหละ





“เอ่อ..คุณโต้งครับ เราจะไปไหนกัน” ผมทนไม่ไหว ถามตอนรถออกจากบริษัท คุณโต้งหักพวงมาลัยขึ้นถนนใหญ่

“ไปธุระเป็นเพื่อนผมหน่อยไม่ได้รึไง” แล้วที่นั่งหัวโด่นี่วิญญาณผมรึไง

“ครับ ไปได้ครับ” แล้วผมเลือกไม่ไปได้ด้วยเหรอ

“อย่าทำหน้างั้นสิ” หือ ทำหน้าแบบไหนอ่ะ ทำพยายามทำหน้าปรกติแล้วนะ

“คุณนี่ตลกดี” ผมคงหน้าตาเหลอหลามาก ก็มันงงเป็นคุณไม่งงรึไง เจ้านายมาทำเหมือนสนิทกันแบบนี้

“คุณโต้งครับ คือผม...” ทำตัวไม่ถูก

“ว่าไง ไม่ใช่เวลางานตามสบายเถอะ” เอางั้นเหรอครับ

“ไม่ต้องเกร็งไงตามสบาย”

“ครับ” ผมจะพยายาม แต่ถึงยังไงก็เกร็งอยู่ดี

“ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้หลานผม แล้วก็แวะกินข้าว กลับมาไม่เกินบ่ายโมงหรอก” คุณเขาว่าอย่างนั้น ผมก็เบาใจ เมลที่ต้องส่งจะได้ไม่ล่าช้า

แล้วผมก็ติดสอยห้อยตามคุณโต้งไปถึงห้างใกล้ที่ทำงาน เดินตามบ้างเดินคู่บ้าง บางครั้งก็เผลอเดินนำ ที่บอกว่าไม่เกร็งพูดง่ายแต่ทำยาก ผมไม่กล้าพูดอะไรเขาก็ไม่พูดอะไร จนกระทั่ง





“เอาสีไหนดีคุณ” ชุดกระโปรงเด็กผู้หญิงวัยสามสี่ขวบสีชมพูกับสีฟ้า อยู่ในมือซ้ายขวาให้ผมตัดสินใจ

“ว่าไง”

“เอ่อออ ชมพูครับ” ผมตอบส่งๆ ไป

“เค งั้นเอาสีนี้” แล้วเขาก็ยื่นสีฟ้าให้พนักงานไปห่อ ว้อททท แล้วจะถามทำไมไม่ทราบ

“งอนเหรอ” อะ...อะไรนะครับ ผมค่อนข้างตกใจที่ได้ยินคำถามแบบนั้น

“ครับ!!”

“คุณไง งอนผมเหรอ ที่ไม่เอาสีที่คุณเลือก”

“ไม่ครับ” ทำไมต้องงอน แค่ไม่เข้าใจว่าไม่เชื่อแล้วจะให้ช่วยเลือกทำไม

“ผมมีเหตุผลน่า อย่างอน ไปผมเลี้ยงข้าว”





มื้อนี้อิ่มจังตังค์อยู่ครบ คุณโต้งก็เป็นเจ้านายที่ดีอยู่นะครับ อะไรเหรออย่ามองผมแบบนั้น ผมไม่ได้เห็นแก่กินนะ





“คุณชอบเส้นใหญ่เหรอ” เจ้านายถาม

“ครับ” มันอร่อย แต่ผมควรถามเขากลับใช่ไหมเป็นมารยาท

“แล้วคุณโต้งชอบเส้นหมี่เหรอครับ”

“ไม่เท่าไหร่”

“.............” อ้าวแล้วสั่งไม

“ก็สุรบอกอยากกินก๋วยเตี๋ยว”

“.............” ความผิดผมเหรอ

“อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมล้อเล่น” เจ้านายกวนตีนผมนะครับ ระหว่างที่ผมกิน กิน และกิน ไม่พูดไม่จา ลูกชิ้นแชมป์ก็หล่นลงถ้วยผม

“รังเกียจไหม ผมกินไม่หมด ช่วยกินหน่อย”

“คุณโต้งอิ่มแล้วเหรอครับ” ตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะกินแค่นั้น จะไปอิ่มอะไร ดูผมสิแทบจะสั่งพิเศษสองชาม นี่เกรงใจเลยสั่งแค่พิเศษชามเดียว

“กินไปเถอะ ดูคุณหิว” หิวเซ่นี่มันบ่ายโมงครึ่งแล้ว ดะ..เดี๋ยวนะใครบอกผมว่ากลับไม่เกินบ่ายไม่ทราบ รีบกินเถอะจะได้รีบกลับ





เราเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยจนหยดสุดท้ายได้สักพักแล้ว ผมเดินตามเจ้านายไปเรื่อยๆ ไม่รู้จุดหมาย

“สุระ”

“ครับ”

“อยู่กับผมไม่ต้องเกร็งนะ” กล่องของขวัญในมือถูกคุณโต้งแย่งไปถือเอง แบบนี้จะไม่ให้ผมเกร็งยังไง

“ผมถือให้ครับ” ผมเป็นลูกน้องต้องถือของให้เจ้านาย

“เอามาน่า” เฮ้ออ ตามใจ ผมยกถุงให้เขาไป เกิดคำถามใหม่แล้วเขาชวนผมมาทำไม หรือเป็นคนไม่มีใครคบเหมือนพี่เทพ เป็นไปได้สูง แล้วคุณโต้งจบเมืองนอก เพื่อนคงไม่ค่อยมีมั้ง อีกอย่างคงเขินจะเดินคนเดียว แต่เลขาเขาก็มีนะทำไมไม่ใช้





มีใครโทรมาคุณโต้งคุยประมาณว่า “มึงอยู่แถวนี้เหรอ ตรงไหน กูก็อยู่ชั้นสาม เดี๋ยวเจอกัน” เขาหันมาว่าไปหาเพื่อนเขาหน่อย เพื่อน..อืมมมมมม





เพื่อนเจ้านายก็เหมือนเจ้านายครับ ผู้ชายดูดีสองคนนั่งตรงข้ามผม เราอยู่กันที่ร้านกาแฟชื่อเป็นป่าในแถบแอฟริกา ผมสั่งดาร์คช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตไม่ค่อยเข้มข้นตามที่คาดหวัง ถ้าให้จ่ายเองห้าสิบกว่าบาทอย่าคิดจะได้กินเงินผม

“มึงไปล่อลวงน้องเขามาละสิ ดูเขานั่งตัวหดเชียว” เพื่อนเจ้านายชื่อคุณธันย์ว่าผมตัวหด จะให้ผมทำท่ายังไงล่ะครับ เจ้านายก็ใจดีช่วยออกตัวแทน

“สุรตลกแบบนี้แหละ” มันใช่หราคุณโต้ง

“.........” ผมทำตาโต ก่อนจะก้มดูดดาร์คช็อกในมือต่อแก้เก้อ

หือออออ อยากกลับแล้วครับเจ้านาย

“มึงอู้งานคนเดียวไม่พอ ยังจะลากน้องเขาออกมาด้วยเหรอโต้ง” คุณอีกคนผมฟังชื่อไม่ทันออกความเห็น ก็คุณๆ เล่นมึงกูกันเป็นส่วนใหญ่ผมก็ไม่กล้าคุย มันเหมือนเราจะสุภาพกว่าเขา มันดูไม่สมควร นี่ผมคิดมากไปไหม

“น้องสุร ไม่ได้เอาปากมาเหรอครับ” นั่นไงเล่นกูแล้ว

“คือ..ผม..ไม่มีอะไรจะพูดครับ”

“ฮ่าๆ ฮาจริงว่ะมึง”

“บอกแล้ว..” อะไรคือคุณโต้งยักคิ้วให้เพื่อนอารมณ์ดี เขาแกล้งผมเหรอ

“@! #%^^&*&**) )”

“$%#$^&^$^&”

“^*%$#@%^”

พวกเขาคุยกันเรื่องหุ้น ศัพท์เฉพาะอะไรไม่รู้เยอะแยะ ผมนั่งฟังเพลินหนังท้องก็ตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เสียงคุณๆ เบาลงเรื่อยๆ สุดท้าย

สัปหงก และวูบบบ!!! พยายามฝืนเปลือกตาขึ้น แต่ยาก คิดถึงแต่เตียงนอนที่ห้อง ง่วงมากเลยครับ ณ จุดนี้อยากหลับ





“สุระ!!” เคี้ยวปากแจ๊บๆ ลืมตาตามเสียงเรียก เห็นคุณโต้งยิ้มให้จากมุมใต้คาง เอ้ย!! ผมนอนตักคุณเขาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เชี่ยยยย!!!!! ไอ่สุรมึงทำอาร้ายยย

“ตื่นแล้วเหรอ หลับสบายเลยนะผมละ เชื่อเลย คุณหลับไปได้ไง”

ผมหลับง่ายครับ แต่ไม่คิดว่าจะปิดสวิตช์ตอนอยู่กับเจ้านายแบบนี้ เดี๋ยวๆ ขากางเกงเจ้านายเปื้อนน้ำลายผมเป็นดวง ไอ่เชี่ยยย สวดมนต์ให้ผมด้วย ทั้งอายทั้งกลัวเจ้านายว่า อยากมุดแผ่นดินหนีไปให้ไกลจากเธอ

“ตื่นยัง” คุณโต้งไม่รู้ตัวว่าใกล้เป้าเขาเปียก ผมควรบอกเขาดีไหม ผมต้องรับผิดชอบยังไง

“คะ ครับ” ยกหลังมือเช็ดปาก คุณโต้งขำใส่ บอกว่าผมหลับเป็นเด็กเลย อยากจะขำแต่ทำไม่ได้ ก็เลยได้แต่ยิ้มแหยให้เขาไป เป้าเจ้านายละเอาไงดี

“เพื่อนคุณโต้ง” ผมมองหาตัวช่วย เพื่อนกันคงจะกล้าบอกกว่า

“กลับหมดแล้ว เราก็ไปกันเถอะ”

“ครับ” ผมพยายามเดินนำคุณโต้ง เดินบังเขาไว้ไม่ให้ใครเห็นเป้าเจ้านาย ผมต้องปกป้องเป้าน่าอายไว้ เพราะมันเป็นความผิดของผม

“เป็นอะไรเนี่ยเดินบังผมทำไม” ในที่สุดคุณโต้งก็จับสังเกตุได้

“เอ่อ...คือ..ผม..น้ำลายย้อยใส่เป้าคุณครับ”

“เห้ย!!” คุณโต้งอุทานเสียงดังจนคนมอง ถุงของขวัญถูกดึงมาบังจุดเกิดเหตุ

ผมกับเจ้านายต่างคนต่างไม่มีใครพูดอะไร คุณโต้งยังเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ด่าไม่ว่าผมด้วย และเขาไม่เปลี่ยนตำแหน่งของที่ถือกระทั่งถึงรถ





บ่ายสามสิบห้านาที คุณพระ!!! งานตูล่ะ

“เดี๋ยวไปบ้านผมก่อนนะ” ผมหันขวับอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“ก็คุณทำเป้าผมเลอะ แบบนี้จะไปที่ทำงานยังไง” เอิ่ม.. พูดว่าทำกางเกงเลอะดีกว่าไหมครับ ใครมาได้ยินจะเข้าใจผมผิดไปไกลนะ

“ครับ” ตั้งแต่ห้างไปบ้านคุณโต้ง ผมตาสว่างเหมือนนอนเต็มที่มาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เข็ดจนตายไม่ปล่อยตัวเองง่วงแบบนั้นอีกแล้ว

บ้านคุณโต้งเป็นบ้านไม้สองชั้น เขาอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่บ้านหลังใหญ่ของพ่อแม่ บอกผมว่าคนเรามีชีวิตของตัวเอง เพิ่งรู้ว่าเจ้านายเคยเป็นเด็กปั้ม เห็นจากรูปที่ติดฝาบ้าน

“งานพิเศษตอนเรียนมัธยม” น่าชื่นชมมากเลย ผมอึ้งมากถึงมากที่สุด

“ไปยัง หรือจะสำรวจบ้านผมก่อน” นี่ว่าประชดผมใช่ไหมครับ

“ไปครับ เมลผมยังไม่ได้ส่งเลย” พลั้งปากบ่น คุณโต้งที่เดินนำหยุดกึก ผมชนหลังเขาจังๆ หยุดก็ไม่บอก หลังหรือเหล็กแข็งเป็นบ้า หน้าผากผมโนไหมเนี่ย





“ใครทำให้เราเสียเวลา” ทีเรื่องนี้มาจริงจัง

“ผมครับ ขอโทษครับ” ยอมรับเสียงเบา ลูบหน้าผากตัวเองไปด้วย

“ก็ใช่ไง รีบๆ เดินเลย” หึ ก็คนมันหลับไม่รู้ตัว ผิดนักเหรอ

“บ่นอะไรในใจ” แม่งเจ้านายรู้ได้ไง

“เปล่าครับ”

“เปล่าก็รีบเดินสิ อ้อ..วันนี้..ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนนะ”





ผมเดินตามคุณโต้งไปด้วยจิตใจสับสน ผมยังเด็กเลยดูคนไม่เป็น หรือคนอื่นซับซ้อนเกินไป จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง รู้หน้า รู้ตา ก็ใช่ว่าจะรู้ใจ สุรต้องทำยังไงใครก็ได้ตอบผมที











>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

ซีนนี้ให้เจ้านายเด่นไปเลย ผู้เยอะสุระต้องทำใจ เลือกใครสักคน ไม่งั้นก็ปวดหัวแบบนี้แหละ ขอบคุณที่เอ็นดูและมาฮากับสุรนะคะ มีคนอ่านก็เลยอยากเขียนต่อ ว่าแต่คนอ่านอยากให้ใครเป็นพระเอกคะ





By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-01-2019 13:45:51
อยากให้คุณโต้งเป็นพระเอก
คุณแมนเหมาะจะเป็นเพื่อนที่สุดจิ้นคู่ธาดา
คุณธาดาเราไม่ชอบแรกๆด่าตอนหลังมาเนียนจีบตบหัวแล้วลูบหลังแบบที่สุรกล่าวไว้
คุณปราชณ์เรารู้ว่านางแอบๆเหมาะเป็นพี่เป็นเพื่อน
คุณเทพจงสถิตย์จัดซื้อเล่นโชเชียลต่อไปเถอะชอบโยนผิดให้สุรเวลาทำงานพลาด



หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-01-2019 17:47:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-01-2019 20:13:53
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-01-2019 22:19:29
ก็ งงๆ........ตามสุรเลย  :really2: :really2: :really2:
คุณโต้งนี่ ก่อนหน้านี้ไปไหนมา  o18
อยู่ๆโผล่พรวดพราดมาตอนพี่เทพหายตัวไป  :mew5:

สุร ยอดมากหลับจนน้ำลายย้อยใส่ไข่...เอ้ย....ใส่เป้าคุณโต้ง   :z3:
แน่ะ...คุณโต้งเนียน จับสุรให้นอนตักตัวเองเฉยเลย  :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 4 สุรง่วงนอน
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 20-01-2019 23:22:41
ใจเชียร์คุณโต้ง รู้สึกว่ามีเคมีกับสุรมากสุด แต่ก็ต้องรอดูไปยาวๆ ชอบสุรมากเลย เป็นตัวละครที่เรียลจริง แบบความคิดในใจงี้ เพราะคนเราบางทีเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เราก็คิดอะไรคล้ายๆกับสุรก็มี 5555

ขอให้นักเขียนฮึดอย่างนี้ทุกๆวันนะจ้ะ ชอบเนื้อเรื่องน่าติดตาม สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :mew1: o13 :3123:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 21-01-2019 10:26:32
ตอน 5

สุรขอเปิดอก



‘กีฬาสี’ หนึ่งในกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคีในบริษัท พี่ตู่ถึงกับเมลแจ้งทุกคนว่า ‘ฝ่ายบุคคลหวังเป็นอย่างยิ่ง จะได้รับความร่วมมือจากพนักงานทุกท่าน เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพวกเราชาวอินสตูเม้นท์’

“สุรมึงลงเล่นบอลกับกูนะ ออฟพิศจะแพ้พวกโกดังไม่ได้นะเว่ย พวกแม่งจ้องหัวเราะเยาะพวกเราอยู่” ผมว่าฝ่ายบุคลคงเข้าใจอะไรผิด กีฬาสีไม่ได้เสริมสร้างความสามัคคีหรอกเชื่อสุรเถอะ

“กูไม่ชอบวิ่ง ร้อนด้วย โอ๊ยยมึงตบหัวกูไมเนี่ย” มือหรือขาหน้า ตบมาหัวจะหลุด เจ้าของผลงานตาเขียวใส่ผม

“แข่งสนามในร่มมึงจะกระแดะกลัวแดดทำพระแสงอะไร ถ้ามึงขี้เกียจวิ่งก็เป็นโกลไปดิ ดีซะอีก ออฟฟิศนอกจากพี่ธาดา คุณโต้ง ก็ไม่มีใครสูงเท่ามึงแล้ว”

“กู..คือ” ผมไม่ชอบเล่นบอลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ความหลังฝังใจ

“มึงจะให้พวกไอ่ฟาย มาดูถูกพวกเราเหรอวะ” เขาชื่อไฟ ตัวอย่างสูงบึกบึนจบวิศวะเครื่องกล แบบเรียนเทคนิคแล้วมาต่อเนื่องภาคปรกติจนจบตรี แมนมันไปมีเรื่องอะไรกับเขาไม่รู้ครับ เจอกันทีไรเขม่นกันยังกะหมาหวงที่

“ทำงานทำการแล้ว แบ่งแยกสถาบันอะไรอีกวะ” ผมว่าไร้สาระ จบมาก็ต้องกินเงินเดือนเหมือนกัน จะแบ่งแยกภาคปรกติหรือสายอาชีพเพิ่มปัญหาชีวิตทำไม มันอยู่ที่คน ไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียว

“มึงไม่เข้าใจหรอกสุร คนอย่างกู ฆ่าได้แต่ห้ามมาหยาม”

“มึงยอมให้มันฆ่าจริงดิ” อดกวนมันไม่ได้ พวกคุณต้องเห็นหน้ามันตอนนี้ มุ่งมั่นเหมือนจะไปคัดตัวทีมชาติ

“สุรกูยอมให้มึงกวนตีน เห็นแก่มึงเป็นโกลให้ทีมนะ แต่มึงจำเอาไว้มึงเพื่อนกู ทีมแมนห้ามไปสุงสิงกับไอ่ฟายนั่น”

“เห้ย..กูยังไม่ได้รับปากจะเป็นให้เลยนะ” มันหุนหันไปแล้ว สงสัยไปหาสมาชิกร่วมทีม ผมถึงบอกไง กีฬาสีทำให้คนจะฆ่ากันตาย

นั่งกินข้าวต่อแบบไม่ค่อยอร่อย เล่นบอลงั้นเหรอ แค่นึกก็ขยาดแล้ว



“คุณสุร” พี่ตี๋ชิปปิ้งวางมือลงโอบไหล่ผม ปานว่าเป็นน้องรักของเขา

“คุณธาดา” พยายามเบี่ยงตัวออกแต่ไม่หลุด มือหรือหนวดปลาหมึกวะ

“ได้ยินแมนว่าคุณจะลงเป็นโกล” ไอ่แมน!! ผมตักข้าวเคี้ยวโคตรหงุดหงิด

“คุณธาดามีอะไรกับผมรึเปล่าครับ” พี่เขาค่อยๆ ยกแขนออกจากตัวผม
เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเสียงแข็งใส่เขาไป แต่ไม่ทันล่ะ ช่างแม่งเมื่อก่อนเห่ากูทุกวัน ตอนนี้เสือกมาอ่อนโยน สุรเจ็บแล้วจำนะ

“ไม่มีอะไรหรอก ผมรู้นะ เมื่อก่อนผมคงเข้มงวดกับคุณมากไป แค่อยากสอนคุณเด็กจบใหม่ ทำงานไม่ละเอียดมันจะส่งผลเสียต่ออนาคต ถ้าทำคุณไม่พอใจ ผมขอโทษก็แล้วกัน”

ผมมองตามหลังพี่ตี๋ตาโตไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย พี่เขาก็ไม่ได้หวังร้ายแค่ปากร้ายไปหน่อยก็เท่านั้น นี่ผมเป็นเด็กอีโก้สูงรึเปล่า เป็นน้ำเต็มแก้วใช่ไหม อ่า...รู้สึกแย่อ่ะ ทำไงดี ถ้าพี่เขาไม่ยุ่งกับผมอีก นั่นไม่ดีเท่าไหร่เลย

เดินเข้าห้องทำงาน คุณโต้งไม่อยู่ไปข้างนอก ค่อยหายใจโล่งหน่อย เรื่องหาหลักฐานก็ไม่คืบหน้า เรื่องพี่ธาดาก็มาให้คิดมากอีก ทำไมเป็นมนุษย์ทำงานมันยากอยากนี้ จะโทรไประบายกับปั่นก็ไม่ได้อีกแล้ว แย่ว่ะ....ผมรู้สึกแย่จริงนะ แต่แย่แค่ไหนก็ต้องทำงานต่อ

ร่างจดหมาย เปิดเทียบราคา ทำงานไปตามที่ต้องทำ แต่ใจคิดสับสนไปถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด กระทั่งลืมเวลา

หกโมงเย็น!!!

คงเหลือผมแค่คนเดียวแล้วมั้งเนี่ย บริษัทผมฝั่งออฟฟิศจะเลิกงานสี่โมงครึ่ง สบายไหมล่ะครับแต่ฝั่งโกดังเลิกสี่ทุ่มนะ คนก็จะเยอะกว่า ส่วนใหญ่ผู้ชาย มีไอ่ไฟคนที่เพื่อนผมเกลียดขี้หน้าเป็นหัวหน้า



เอ๊ะ..นั่นมันไอ่หัวหน้าโกดังคนที่ว่านี่นา แล้วผมจะหลบมันทำไม เอ่อ...ช่างก่อน ชู่ว!!!

“พี่ไฟ ผมว่าบัญชีแกล้งเราแน่ๆ” นี่มันเสี้ยมชัดๆ บัญชีก็เพื่อนผมไงครับ ไอ่แมนมันอยู่บัญชี

“กูรู้ สงสัยร่างกายอยากปะทะ” ไอ่ไฟหน้าตาก็ดีดูเป็นคุณชาย แต่ท่าทางนักเลงสมแล้วที่เพื่อนเทวดาของผมไม่ชอบ

“วันกีฬาสีจัดเลยไหมพี่” เชดดด ไอ่พวกสารเลว!!!

“คิดว่ากูจะปล่อยแม่งเหรอ”

“ดีพี่ เอาให้หลาบจำ” นายว่าขี้ข้าพลอยชัดๆ



ผมหลบพวกโกดังออกมาได้โดยไม่มีใครเห็น แต่เดี๋ยวนะ..กะบะฟอร์ดเรนเจอร์ดับเบิ้ลแค็บสีเทา เคลียร์ไปให้จบดีไหมนะ จะได้ไม่ต้องคิดมาก แค่นี้หัวผมก็ไม่มีที่ว่างจะคิดอะไรแล้ว

ตัดสินใจนั่งเล่นมือถือรอเจ้าของรถ เพิ่งรู้ว่าชิปปิ้งเขาอยู่เย็นขนาดนี้นะเนี่ย จนจะทุ่มครึ่งแล้วยังไม่กลับอีก เริ่มโดนยุงเล่นงานแล้วนะ อีกสิบนาทีไม่มาก็โกก่อนละกัน



ห้านาทีต่อมา เสียงฝีของใครสักคนตรงมาทางที่ผมนั่ง เพราะมันมืดแล้ว ถ้าผมไม่เผยตัวไม่มีทางที่จะมีใครเห็น ผมกำลังจะออกไปหา แต่ได้ยินอีกเสียงย่ำเท้าตามมา

“พี่ธาดาคะ” นั่นต่าย คนที่ผมจำผิดว่าเป็นพี่ตู่

“ต่ายว่าไง” เสียงพี่ตี๋ดูหมดแรง

“ขอโทษนะคะเรื่องวันก่อน พี่ลืมมันไปไม่ได้เหรอ หนูไม่ชอบเลยที่พี่ทำบึ้งตึงแบบนี้”

ดราม่าเฉยเลย

“เรานั่นแหละอย่าคิดมาก ที่พี่..บอกว่าคบกับต่ายไม่ได้ ไม่ใช่ว่าต่ายไม่ดีไม่สวย แต่คือ..พี่มีคนที่ชอบแล้ว” คนที่ชอบ พี่ธาดาบอกปัดไปให้พ้นตัว หรือมีจริงๆ กูรึเปล่า ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้ ขนลุกตั้งแต่เล็บเท้ายังปลายเส้นผม ที่ว่าจะมาเคลียร์พับเก็บอย่างรวดเร็ว

เสียงรองเท้าส้นสูงก๊อกแก๊กไกลออกไป เสียงถอนหายใจของพี่ธาดาดังเฮือกใหญ่ ผมนั่งหลบหลังเสา พยายามหายใจให้เบาที่สุด แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อแก้มของผมถูกมือเย็นแตะจากด้านหลัง

เชี่ย!! พี่เขารู้ได้ไงว่าผมแอบฟังอยู่

“ผะ..ผมไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะครับ” ใครจะไปรู้ ว่าจะมีดราม่า

“ผมรู้..คุณมานั่งรอผมตั้งนานแล้วนี่ โทษนะรีบปิดประชุมแล้ว แต่ก็ยังช้าอยู่ดี” ผมเงยหน้าขึ้นไป ลืมคิดว่าจากห้องประชุมเขา มองลงมาก็จะเห็นผมตรงนี้ทำไมเพิ่งรู้ตัวล่ะสุร

“คุณธาดาคงเหนื่อย งั้นผมไม่รบกวนดีกว่าครับ” จะก้าวแต่เขาจับแขนผมดึงให้เดินตาม แบบไม่มีแรงจะพูด ผมเลยเดินตามสงสารเขา อีกอย่างเผลอทำตัวไม่ดีใส่เขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าไปด้วย

“ขึ้นรถเถอะ มืดแล้วเดินออกไปตอนนี้อันตราย” ก็จริงงั้นผมไม่เกรงใจนะ กระโดดขึ้นไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถกะบะอย่างไว ก่อนปิดประตูได้ยินเขาหัวเราะในลำคอ อารมณ์ดีขนาดนั้นเชียวแค่ผมยอมไปด้วยเนี่ย

“คุณสรุมีอะไรกับผมเหรอ”

“เออ..ผมมาขอโทษ ผมยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ชอบคุณเท่าไหร่ แต่ตอนนี้รู้แล้ว ว่าคุณทำไปเพราะหวังดี”

“พูดมาตรงๆ ได้เลยนะ จะได้ไม่ค้างคากัน” ตรงได้จริงอ่ะ

“เอาเลยพูดอย่างที่คุณคิด ผมรับได้หมด ดีซะอีกผมจะได้รู้ว่าควรสอนรุ่นน้องยังไง” โอเคจัดไป....

“คือผมเคยสงสัยว่าคุณแม่งเป็นอะไรนักหนา ชอบด่าผมอยู่นั่นแหละ แล้วงานบางอย่างผมก็ไม่ผิด พี่เทพต่างหากที่ผิด เขาสั่งผมก็ทำตาม แล้วพี่ก็ชอบจิดหัวด่าเหมือนผมโง๊โง่ ถ้าแน่จริงทำไมไม่ไปด่าพี่เทพ ทีกับผมเก่งจัง อีกอย่างเวลาหาซัพผมก็หาได้ตามอำนาจของผม ระดับบริษัทใหญ่กว่านั้นผมก็ติดต่อไม่ได้ ขั้นตอนการทำงานไม่อำนวย แล้วพี่ก็มาว่าผมดูไม่ดี ผมดูดีโว้ยแต่คือกูทำอะไรไม่ได้ บอกพี่เทพไปก็เหมือนบอกตอไม้ เอาแต่เล่นเน็ต.....”

“ผมว่าผมพอดีกว่าครับ” บ้าไปแล้วฟิวส์ขาดขนาดนั้นได้ไง กูใส่เขาอีก ตอนนี้ผมก้มหน้าไม่กล้ามอง รถยังไม่ออกตัว เราอยู่ในรถมืดๆ มีแค่แสงไฟทางเดินนิดเดียว แต่ผมก็เห็นว่าเขาหน้าเครียดไม่น้อยเลย พี่ตี๋หันไปเปิดประตูรถให้เราสองคนมีอากาศหายใจ เหงื่อท่วมทั้งคู่แต่ร้อนใจมากกว่า เรื่องยุงกับร้อนกายเลยไม่มีผลต่อเรา

“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว อย่างแรกนี่เป็นที่ทำงาน เราคุยกันตรงๆ ไม่โอ๋ ไม่มีคำปลอบใจผิดพลาดก็ว่าไปตามนั้น ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าสุรทำตามคำสั่ง แค่จะด่าคุณกระทบพี่เทพ อย่างที่คุณรู้เจ้านายคุณเป็นคนยังไง ผมว่าเขาก็มีแต่แตกหัก เขาก็ไม่ยอมรับ คุณเองจะทำงานยากกว่าเดิม แล้วก็อยากให้คุณฮึดสู้เอง เรียกร้องความถูกต้องให้ตัวเองให้เป็น ที่ทำงานไม่มีใครมาเอ็นดูเราหรอก ทุกคนทำงานเพื่อให้งานตัวเองลุล่วงก่อนทั้งนั้น......”

พี่ชิปปิ้งกับผมเปิดใจกันหลายเรื่อง จนไม่มีอะไรคาใจ สุดท้ายเขาก็ไปส่งผม



“แน่ใจนะว่าไม่แวะกินข้าวก่อน” เขาถามผมอีกรอบ

“ไม่ดีกว่าครับ” กลัวพี่ปราชญ์เขารอ

“มีคนรอเหรอ”

“ครับ”



แล้วพี่ธาดาก็ไม่ถามผมอีกเลย กระทั่งถึงหอผม

“ขอบคุณนะครับที่มาส่งผม”

“สุรขออะไรอย่างสิ”

“ครับ?”

“เรียกผมว่าพี่แบบนั้นก็ดีนะ เรียกอีกได้ไหม” พี่ธาดาพูดกับผมแต่สายตาจ้องไปอีกทาง

“ก็..ได้ครับ”

แค่เรียกพี่ไม่หนักหนาอะไร ไม่ได้เรียกที่รักซะหน่อยผมไม่คิดมากหรอก เดินขึ้นห้องแบบโล่งใจ ตอนนี้จะสามทุ่มแล้ว หิวขึ้นมาทันทีที่รู้เวลา


เปิดประตูเข้าห้องไปก็ได้ยินคำถาม

“งานเยอะเหรอ” ตั้งแต่พี่ปราชญ์มาอยู่ด้วย เรากินข้าวเย็นด้วยกันทุกมื้อ เขาต้องรอผมแน่ๆ

“ปราชญ์รอผมกินข้าวป่ะ โทษทีงานไม่เสร็จ”

“ไม่เป็นไรไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ จะกินก่อนหรืออาบน้ำก่อน” หลังพูดจบเสียงท้องคนพูดร้องดังมาก ผมอมยิ้มส่ายหัว เขาหันหน้าหนีทันที อยากแซวแหละแต่ไม่กล้า

“กินก่อนก็ได้ หิวก็บอกสิ มารยาททำไมเราคนกันเอง” ผมบอกขณะถอดไทกับสแลค เหลือแค่บ๊อกเซอร์กับเชิ้ตสีขาว ไม่ลืมปลดกระดุมสองเม็ดร้อนมาก

“อ้าว..ไม่กินเหรอปราชญ์” นั่งหน้าแดงอยู่นั่นแหละ

“กิน กินน้ำสุ ไม่ใช่ๆ จะบอกว่าสุรินน้ำให้หน่อย” ผมรินน้ำให้ เขาซดเหมือนปลาขาดน้ำ สองแก้วไม่อิ่มแทนข้าวเลยเหรอวะ

“ผัดอะไรอร่อยดีนะ” พี่ปราชญ์ทำกับข้าวอร่อย ผมนี่กินข้าวสองจานทุกเย็นแลย ต้องพุงออกแน่ๆ ถ้าอยู่กับเขาไปนานกว่านี้

“ผัดผักรวมมิตรหนังปลาดอลลี่ทอด” ฟังชื่อเมนูเหมือนไปกินที่โรงแรม

“แค่ชื่อเมนูก็พิเศษแล้ว” ผมตั้งใจชม ก็มันพิเศษจริงไม่เคยกินมาก่อนเลย

“ก็ทำให้คนพิเศษจะธรรมดาได้ไง” เขาพึมพำว่าอะไรผมมัวแต่เคี้ยวได้ยินไม่ชัด เลยถลึงตาถามเขาว่าเมื่อกี๊พูดอะไรนะ

“ธรรมด๊า ผัดเนี่ยธรรมดาจะตาย” เขาแถเสียงสูง

“ไม่จริง ไม่ได้พูดแบบนี้ ได้ยินมีคำว่าพิเศษด้วย” ผมขอเถียง พี่ธาดาบอกให้ผมต่อสู้เพื่อตัวเอง อ่ะ..จะไปคิดถึงเขาทำไม

“พูดมากวันหลังจะไม่ทำให้กิน”

“ได้ไง!!” สุรมึงไม่น่าไปกวนพี่เขาเลย

พี่ปราชญ์ทำหน้านิ่งเก็บจานไปล้าง ผมยกถ้วยที่เหลือแต่ลายถ้วยตามเขาไป ตื๊อให้เขาหายงอน ถ้าไม่ทำจริงผมอดแดกเลยอ่ะ ไม่นะ...

เขาล้างจานผมก็ทิ้งสะโพกกับโต๊ะหันหน้าหาเขา ชันเข่าขึ้นวางเท้าบนเก้าอี้เพราะที่มันแคบ ถ้าเป็นผู้หญิงท่านั่งนี้คงไม่สุภาพ เพราะเขามองต่ำนิดเดียวก็เห็นกางเกงในผมหมด แต่พี่เขาผู้ชายผมเลยไม่ต้องอะไร

“ปราชญ์...” ลากเสียงเรียก

“สุ..อย่ามา..กวน เดี๋ยวเปียก” ว่าแล้วเขาก็จงใจสะบัดน้ำในมือใส่ไล่ผม

“ไม่เอาบอกก่อนว่าจะทำอีก” ยื่นหน้าเข้าใกล้ไม่กลัวหรอก เดี๋ยวก็อาบน้ำแล้วมะ

“สุ...ขอเตือนว่าให้รีบออกไป ไม่อย่างนั้น..จะไม่ได้กินอะไรทั้งนั้น” พูดงี๊คงรำคาญมาก แต่แปลว่าจะทำอีกก็โอเค เด้งตัวลุกไปหน้าทีวีทันที ได้ยินเสียงพี่เขาถอนหายใจ

“นี่รำคาญผมขนาดนั้นเชียว” ตัดพ้อไปงั้น

“มาก” เสียงเขาขุ่นแต่ทำไมผมเห็นเขาอมยิ้มแปลกๆ



คืนนั้นก่อนนอนเราคุยกันนิดหน่อย...

“พรุ่งนี้หยุดใช่ไหม”

“อือ..ปราชญ์จะให้ไปส่งไหนก็บอกนะ”

“อยากไปไหว้พระพรหม” ของานละสิท่า

“ได้”

“สุ”

“อื้อ..ว่าไง”

“เปล่าไม่มีอะไร นอนเถอะ”

“ปราชญ์”

“อะ”

“มานอนเตียงด้วยกันเถอะ แบบนี้ผมไม่โอเคเท่าไหร่ ทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย ยังมาทนนอนหลังขดหลังแข็งอีก อมรรู้มันต้องด่าผมแน่” เขาเงียบไปสักพักก็ยอมหอบผ้าห่มมานอนข้างผม

“ถ้าได้งาน...” เขาว่าก่อนล้มหัวลงนอน ผมเงียบรอฟัง

“เรื่องหาห้องใหม่...” โธ่จะพูดอะไรก็พูดให้มันจบๆ จะเว้นให้ผมลุ้นทำไมไม่เข้าใจ

“ปราชญ์จะว่าอะไรก็ว่ามา ไม่ต้องเกรงใจผม”

“ถ้าปราชญ์ได้งาน ขออยู่แบบนี้ไปก่อนได้ไหม คือ..กลัวงานไม่โอเค เสียดายค่าประกันห้องน่ะ”

“นึกว่าเรื่องอะไร สบายมาก อยู่ไปตลอดยังได้เลย” ผมขยับหัวกับหมอนหามุมสบาย

“ได้จริงเหรอ” เสียงเขาดูตื่นเต้น

“อือ..ได้ดิ” ระหว่างนั้นก็เริ่มร้อน ถีบผ้าห่มออกจากตัว รวบมากอดแทน ระหว่างที่กำลังจะเข้าเฝ้าพระอินทร์รู้สึกเหมือนถูกจ้องจากปราชญ์ แต่ผมไม่มีแรงคุยแล้ว ขอสลบก่อนละกัน...



“ฝันดีนะสุ ฝันถึงกันบ้าง”











สุรได้ยินพี่ปราชญ์เขาบอกไหมนะ
มีคนเชียร์คุณโต้งเยอะกว่าคนอื่นเลย คุณเขาฝากมาขอบคุณค่ะ ส่วนไข่เอ้ย กุงเกงที่เปียกน้ำลายคุณเขาไม่ซี ยอมเปียกเขาว่าอย่างนั้น ขอบคุณที่มาคุยกับคนเขียนนะคะ รออ่านความคิดเห็นจากคนอ่านใจจดจ่อทีเดียว

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

นิยายโดย Symbol A


หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 21-01-2019 12:52:36
อยากเห็นหน้าสุรแล้ว คิดว่าต้องน่ารักแน่ แต่เห็นที่แมนบอกตอนให้เป็นเล่นเป็นโกล ท่าทางสุรจะไม่ใช่หนุ่มตัวเล็ก แต่น่าจะสูงเหมือนกัน งงว่าทำไมผู้ชายดูชอบเข้าหาสุรเหมือนเห็นหน้าก็ชอบเลย ถึงจะยังไม่รู้จะเชียร์ใคร แต่ปราชญ์เสียคะแนนไปนิดตรงที่ไม่ให้เรียกว่าพี่ แต่ให้เรียกชื่อแทนตัวนี่แหละ มันอ่านแล้วแปลกๆ แต่สู้ๆนะ ปราชญ์ดูมีอาการเยอะสุดในบรรดาคนอื่นๆ แถมได้ใกล้ชิดสุดด้วย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-01-2019 13:39:47
เปลี่ยนใจตอนแรกจิ้นธาดาแมนตอนนี่ของเป็นไฟกับแมน ล่ะกัน
เรารู้สึกว่าปราชญ์มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากกว่าจะเป็นพ่อบ้าน
+1
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 21-01-2019 15:48:14
พอสุรกับธาดาคุยเปิดอกกัน ก็ดูว่าความสัมพันธ์อาจจะดีขึ้น แต่จะพัฒนาต่อไปได้หรือเปล่าก็ต้องรอดู ส่วนปราชญ์ก็ยังได้เปรียบกว่าคนอื่นอยู่ เพราะอยู่กับสุร แต่ไม่แน่ใจว่านางจะเป็นรุกหรือรับ สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ส่วนคุณโต้งตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม

ส่วนนักเขียน ดีต่อใจมากกก มาอัปทุกวัน เราปริ่มใจมากกกกกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-01-2019 17:14:30
จะเป็นใครกันหนอ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 5 สุรขอเปิดอก
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 22-01-2019 14:19:31
ตอน 6

ประตูของสุร



“สีแดงสู้ๆ สีแดงสู้ตาย น้องสุรกรี๊ดดดดดด” เสียงเชียร์ข้างสนาม ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่กีฬาสีอินสตูเม้นท์ หลังซุ่มซ้อมกันมาได้เกือบสองวันก็งานมันยุ่งนี้ครับ ได้ซ้อมบ้างก็ดีแค่ไหนแล้ว อีกอย่างผมไม่ชอบอยู่กับลูกบอลนานด้วย

“ไม่ว่าวันนี้เราแพ้หรือชนะ ขอให้เราทำให้ดีที่สุดครับ” แมนกัปตันทีมกำลังปลุกใจพวกเราสีแดงอยู่ ผมนะเหรอหาวครับ เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบเช้า ทำไมนะเหรอ ไว้ค่อยเล่าเถอะ ตอนนี้นกหวีดดังแล้ว พ่อแก้วแม่แก้วขอให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย สาาาธุ...



“สีแดงลงสนามแล้ว ไหนขอเสียงชาวออฟฟิศโหน้ยยยย” พี่โอ๋เอ๋พิธีกรสาวประเภทสองกำลังแหกปากผ่านโทรโข่ง มีเสียงหอนดังแสบแก้วหูเป็นพักๆ ตามมาด้วยเสียงสาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดนักบอลที่ตนเชียร์ ฟังจากเสียงตอนแรกเหมือนผมจะฮอตใช่ไหม



แต่สู้คุณโต้งกับพี่ธาดาไม่ได้เลย สองคนนั้นเปรียบเหมือนหนุ่มในฝันของสาวทั้งออฟฟิศ คนหนึ่งหล่อเข้ม อีกคนขาวตี๋ตาโต เหมือนดาราเกาหลีอะไรแบบนั้น ส่วนฝั่งสีดำพวกโกดัง ไอ่ไฟมันก็ดังพอตัว หล่อแบบคุณหนูผู้ดี แค่นี้สาวก็มองข้ามความสถุนถ่อยไปหมดแล้ว



“โกลสีแดงน้องสุร ถ้าร้อนถอดเสื้อได้นะฮ้า” เสียงยุ ถอดเสื้อๆ ๆ ๆ ดังเข้ามา สักพักไอ่แมนยกมือขอเวลานอก บอลยังกระดอนไม่ทั่วสนามมึงขอเวลานอกทำไม

“กลัวไม่ได้ขอเหรอมึง” ผมกระทุ้งศอกถามมัน

“เพราะมึงอ่ะ” เกี่ยวอะไรกับกูวะ

“ทุกคนครับ.....” ไอ่แมนมันเหล่มองคุณโต้งนิดหน่อยแล้วพูดต่อ

“ทีมเราห้ามถอดเสื้อนะครับ”

“โห่....อะไรของมึงน้องแมน” นั่นดิ อะไรของมึงเนี่ย

“ครับ..มะ..มีเท่านี้ครับ” สมาชิกส่วนใหญ่ก็ส่ายหัว ทำหน้าระอากับกัปตัน บางคนเช่นพี่วัฒน์ไอทีบ่นว่าจะโชว์ซิกแพคซะหน่อย แต่มีแค่สองคนคุณโต้งและพี่ธาดากลับยิ้ม ส่วนผมรีบๆ หมดเวลาเถอะ ไม่ถอดเสื้อถอดกางเกงอะไรทั้งนั้น กูกำลังถอดใจ

“ระวังบอลด้วยนะ ฝั่งนั้นมันแรงเยอะ” พี่ธาดาศูนย์หน้า แต่เดินมาบอกผมที่โกลก่อนแข่ง แล้วก็เดินกลับไปอีก

“หลบบอลดีๆ” คุณโต้งบอกผมแต่ตาจ้องพี่ตี๋ เหมือนไม่ใช่ทีมเดียวกัน พี่ออยการเงินว่าทุกปีคุณโต้งไม่เคยลงมาเล่นกับพนักงาน ผมว่าเขาก็ไม่ได้ถือตัวนะ



เอ้า..ต้องบอกว่ารับลูกให้ได้นะไม่ใช่เหรอ ระหว่างนั้นหันมาไอ่ไฟยืนจังก้าหน้าผมแล้ว



“น้องไฟลากบอลมาจ่อหน้าประตูน้องสุร จะตีไข่น้องสุรแตกหรือไม่ น้องสุรเบี่ยงตัวหลบลูกบอล หนึ่งศูนย์ค๊าาา” ใครก็ได้เอาพี่โอ๋เอ๋ไปเก็บที พากย์ซะผมเป็นไส้ศึกเลย เหมือนปล่อยบอลเข้าประตูตัวเอง ซึ่งความจริงก็แค่ ..ผมกลัวลูกบอล



“ไอ่สุรมึงเป็นโกลต้องรับลูก เราไม่ได้เล่นบอลหลบมึงเก็ทนะ” ไอ่แมนหัวร้อนพ่นไฟใส่ผมชุดใหญ่ หันไปเจอคุณโต้งยิ้มให้ ผมก็เลยยิ้มแบบครึ่งเดียวตอบเขาไป



หันมาอีกที “ปรี๊ดดดดดดด” เสียงนกหวีดเริ่มเกมอีกครั้ง ใจผมเต้นรัวยิ่งกว่ากลองข้างสนาม เหงื่อซึมทั้งที่ยังไม่ได้วิ่ง เสียงรอบข้างอื้ออึง มันเหมือนวันนั้นไม่มีผิด ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว

“น้องโอ๊ดส่งบอลให้น้องจี ลากผ่านกองกลางแต่หลบน้องแมนไม่พ้น กองหลังโกดังพุ่งมาแล้วครับ และน้องไฟสกัดจนน้องแมนเสียหลักแต่ยังทรงตัวได้ บอลอยู่กับน้องไฟอีกครั้งและกำลังมุ่งสู่ประตูของน้องสุร คราวนี้โกลที่หน้าตาดีที่สุดในอินสตูเม้นท์จะรักษาประตูตัวเองไว้ได้ไหม และ และ และ...”



“ตุบ!!!!” เต็มๆ ครับ บอลอัดเต็มจมูกผม รู้สึกมึนชาไปทั้งหน้า วินาทีต่อมาเจ็บจึกเหมือนน้ำมูกไหลย้อยต้องรีบเช็ด จำได้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นหวัดนะ เห้ยย เลือด!!!



พรึ่บบบ!!!



“น้องเป็นลม”

“คุณโต้งผมอุ้มเอง”

ได้ยินแค่นั้น ภาพตรงหน้าก็พร่าเบลอและทุกอย่างก็มืดดับไป





อะไรเย็นๆ ทับหน้าผมอยู่ ลืมตาขึ้นมาไม่ใช่ไอ่แมน แต่..

“คุณโต้ง!!” ผมนอนตักคุณโต้งที่กำลังใช้ถุงสีฟ้าเย็นๆ ประคบให้เลือดหยุดไหล ตอนแรกนึกว่าน้ำแข็งแต่ไม่ใช่ สวัสดิการพนักงานบริษัทผมไม่ใช่ไก่กานะครับ

“ขะ แข่งเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมไม่รู้จะถามอะไร แต่ลึกๆ ดีใจที่บอลจบแล้ว ผมเป็นลมเพราะกลัวเลือด อดคิดไม่ได้ว่า ไม่เหมาะจะมีแฟนจริงๆ กลับบอลกลัวเลือด ดีแล้วที่ปั่นทิ้งไปมีคนใหม่

“ทำหน้าเศร้าเลย ไม่ต้องคิดมากหรอก แค่แข่งสนุกๆ ไหนผมดูจมูกหน่อย ตกใจหมดอยู่ดีๆ ก็สลบ แมนบอกคุณกลัวเลือด ไม่งั้นผมเรียกรถพยาบาลแล้ว” คุณโต้งพูดไปก็ก้มมองจมูกผมจากทุกองศาที่เขาจะสามารถทำได้ เป็นเจ้านายที่รักลูกน้องจริงๆ อยู่กับพี่เทพมานานเหมือนผมขาดความอบอุ่น

“ดีขึ้นครับ ตอนเด็กผมเคยโดนบอลอัดหน้า เลย...ไม่ค่อยสนิทกับมันเท่าไหร่ ขอโทษที่ทำให้คุณโต้งพลอยหมดสนุกไปด้วยนะครับ”

“มิน่า คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” แปลกๆ เขาลูบหัวผมเหมือนพ่อปลอบลูก หรือไม่แปลกเขาอาจเอ็นดูผมแบบนั้น เพราะอายุเราห่างกันเกือบรอบครึ่ง



“น้องสุร” คุณโต้งชักมือกลับทันทีที่พี่ตี๋โผล่มา ตอนนี้เราสามคนอยู่ในห้อง เหมือนห้องเปลี่ยนชุดนักกีฬา เสียงกลองดังแว่วไกลๆ

“พี่ธาดา ไอ่แมนล่ะ” มันต้องงอนที่ผมเล่นไม่ได้เรื่องแน่ๆ แล้วผมก็นึกได้ พวกโกดังบอกจะจัดการมัน เพื่อนเทวดาของผมป่านนี้มันเป็นไงบ้างเนี่ย

“เห้ยยยย” หมับ!! รีบลุกยืนหน้ามึดเกือบล้ม ดีที่คุณโต้งรับไว้ทัน แล้วทำไมคุณโต้งมีสี่มือ เชี่ยยยยยยยยยยย ผมถูกคุณโต้งกับพี่ธาดากอดแบบแซนวิส อา...คำมันไม่ทำให้คุณคิดลึกใช่ไหม ก็ผมนึกคำอื่นอธิบายแทนไม่ออกจริงๆ

“คุณโต้งปล่อยเถอะครับ ผมดูน้องผมเอง” นี่ผมมีพี่ชายชื่อธาดาตั้งแต่เมื่อไหร่

“คุณนั่นแหละปล่อย นี่คนของผม ผมดูแลได้” จะแย่งกันประคองกูทำไมครับ ระ..หรือว่า...คุณโต้งก็คิดกับผมเหมือนที่ธาดา ฉิบหายอึ้งสัดๆ รัดแน่ๆ รัดเข็มขัดแน่นๆ กลัวเสียประตู แต่ผมใส่ชุดบอลไม่มีเข็มขัด มัดเชือกแบบเงื่อนตายไปเลยดีไหม



“ผม..โอเคแล้วครับ ขอบคุณครับ” ผมไม่ยอมเป็นไส้ในแซนวิสหรอกนะ เนียนออกมาได้ในที่สุด หันไปหันมาจนเจอกระเป๋า ล้วงหามือถือไลน์หาผู้ช่วยเทวดาด่วนๆ



Sura: สัดมึงอยู่ไหน

man: มึงฟื้นแล้ว? (ยังมั้งนี่วิญญาณกูพิมพ์อยู่)

Sura: มาช่วยกูเดี๋ยวนี้ ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

man: ใครจะปล้ำมึง



“หิวไหม” รีบซุกมือถือเข้ากระเป๋าเป้ เงยหน้ามองคนถามเสียงอ่อนโยน ใช่อ่อนโยนจนผมขนลุกซู่ไปหมดแล้ว

“คุณโต้งจะเลี้ยงเหรอครับ ผมไปด้วยนะ” ขนลุกคูณสองตอนเห็นสายตาของสองคนนั้นมองกัน ผมไม่อยากจะเปรียบนะแต่มันเหมือนจริงๆ ผมเป็นกระดูกแล้วพวกเขาเป็นหมาสองตัวขู่กันทางสายตาเพื่อแย่งผมไปแทะ



“ไอ่สุร” เพื่อนเทวดาของกู รักมึงมาก ก้าวขาหาแมนทันที

“ผมไปกินกับมันก็ได้ครับ ไม่..ไม่รบกวนคุณโต้งกับพี่ธาดาดีกว่า” แมนมันมองผมด้วยสายตาสู่รู้

“ไปกันหมดนี่แหละ ผมก็ยังไม่ได้กิน หิวเหมือนกัน” เจ้านายว่าอย่างนั้น ใครในนี้จะกล้าขัด พี่ธาดามองคุณโต้งเหมือนจะกัดกัน เอ่อ..ผมไม่ได้ลามปามผู้ใหญ่นะ ก็มันเห็นภาพชัดที่สุดผมก็เลยเอามาเปรียบ



ที่โต๊ะใกล้สนาม ตอนนี้มีแข่งปิงปอง บางส่วนก็เชียร์ บางคนก็นั่งยึดโต๊ะกินข้าว ขนม และน้ำอัดลม โนเหล้าเบียร์ครับ เพราะสนามเช่าเขาจะปรับยี่สิบเท่าของค่าเช่า ถ้าเอาของมึนเมาเข้ามา

“น้องสุรนั่งๆ พี่ไปตักมาให้ เอาอะไร”

“ผมเอาน้ำให้ คุณเอาอะไรสุร”

“กูว่ามันแปลกๆ” ไอ่แมนกระซิบ กูรู้ก่อนมึงอี๊ก

“ผมไปตักเองได้ครับ ขอบคุณครับ” แล้วก็ลากแขนเพื่อนไปที่โซนของกิน เลือกตักผัดเส้นใหญ่

“น้องสุรเป็นไงบ้าง คราบเลือดยังอยู่เลย เจ็บไหม” เจ็บสิครับถามได้ ลองเองไหมล่ะ

“ดีขึ้นแล้วครับ ขอบคุณครับ”



แล้วก็มีพี่น้องชาวอินสตูเม้นท์อีกหลายคนเวียนมาถาม ดูจมูกผมแล้วทำหน้าเหมือนผมต้องศัลยกรรมใหม่ที่เกาหลี

“มึงเล่นได้ห่วยบรม” ขอบคุณที่ชม

“กู..กลัวบอล เคยโดนอัดหน้า จมูกหัก” เรื่องจริงผ่านจอ เพื่อนมันอึ้งไป ก่อนจะตอบกลับเสียงเบา

“แล้วมึงมาเล่นให้กูทำไม”

“กลัวมึงหาใครไม่ได้ไง”

“” ไอ่สุร”

“เอออ ไม่ต้องมาทำตาซึ้ง” น้ำตาคลอเชียว

“เปล่ามึงเหยียบตีนกู สัดรองเท้าสตั๊ดเลยนะมึง อู๊ยย บอกกลัวบอลแต่มีรองเท้าเล่นบอลจัดเต็มกว่ากูอีก”

“อ่ะ โทษๆ รองเท้ากูยืมเมตมา” ผมยืมอมรมา ยืมเองอนุญาตเอง





หลังจากนั้นผมกับแมนก็ซัดเรียบ หิวมากตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร ระหว่างกินคุณโต้งกับพี่ธาดาก็จะตีกันอีกรอบ



“ลูกชิ้นหมูอร่อยนะ คุณชอบนี่” คุณโต้งว่าแล้วก็หย่อนลูกชิ้นหมูนายฮั่งเพ้งให้ผมสองสามลูก

“ลูกชิ้นเนื้อกินเข้าไปเลย ชอบไม่ใช่เหรอเรา” พี่ธาดาไม่น้อยหน้าคีบลูกชิ้นเนื้อไม่ทราบยี่ห้อใส่ชามผมบ้าง



“ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ” ผมหันไปหาไอ่แมน ขอความช่วยเหลือ แต่เห็นมันเอาแต่จ้องไปทางพวกโกดังด้วยสายตาเคียดแค้น ใช้เข่ากระทบขามันถึงรู้ตัว หันมาทำหน้าเอ๋อใส่กูอีก แม่งพึ่งพาไม่ได้

“ต่ายสวยจังเลยนะครับวันนี้” ผมแซวต่ายที่เดินผ่าน วันนี้เธอสวยจริงเกงยีนต์รัดรูปเสื้อแดงขับผิว ผมดัดลอน ขนตาน่าจะติดเพิ่มปรกติไม่เห็นยาวขนาดนี้

“สุรปากหวาน” เธอตอบผมแต่สายตาตัดพ้อพี่ชิปปิ้งอย่างไม่ปิดบัง แมนคงจะมีเรื่องถามผมเพิ่มแน่ๆ

“นึกได้ว่ามีธุระ ผมขอกลับก่อนนะครับคุณโต้ง” อ่ะ..พี่ธาดาลุกพรวดเดินไปแล้ว ต่ายวิ่งตามไปติดๆ คุณโต้งมองตามสองคนนั้นแล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มเหมือนผู้ร้ายในหนังไม่มีผิด เริ่มน่ากลัวแล้วนะผมว่า

“อิ่มแล้วกลับเลยไหม ผมไปส่ง” คุณโต้งคนเดิมแต่เปลี่ยนสีหน้าราวกับคนละคน

“ผมมีนัดกับไอ่แมน จะไปส่งมันดูมือถือใหม่นะครับ” ภาวนาในใจไอ่แมนอย่าโง่ อย่าโง่ อย่าซื่อตอนนี้ขอร้อง

“คะ ครับ” เฮ้อออ

“ดูก็ดูครับ” ไอ่แมนนนนนนน

“อ้อ..งั้นผมขอตัวนะ” เจ้านายลุกไปแล้ว



เฮ้ออออออออออออ



“อะไรจะขนาดนั้นมึง” แมนหันมาถามผม แต่ขอโทษมึงถอนเฮือกใหญ่กว่ากูอีก

“หรือมึงไม่อึดอัด” มันไม่ตอบแต่ทำหน้าอยากรู้ขั้นสุด

“มึงกับสองคนนั้นอะไรยังไง เขารุมมึงเหรอ”

“รุมผ่อง มึงพูดดีๆ นะ”

“หมายถึงรุมจีบไง กูมองจากโกลอีกฝั่งยังเห็นเลย พี่ธาดากับคุณโต้งมองมึงมากกว่ามองบอลอีก แล้วก็นะคุณโต้งเดินมาสั่งกูให้ขอเวลานอก บอกว่าห้ามทุกคนถอดเสื้อ หลังจากที่มีเสียงยุให้มึงถอดอ่ะ ธรรมดาไหมทีนี้” เรื่องบ้าบอที่สุด เท่าที่ผมเคยเครียดมาเลย

“กูก็สับสนอยู่”

“สับสนที่เขารุม ‘จีบ’ หรือสับสนทางเพศ” มึงพูดไม่เข้าหูกูนะ

“กูก็พูดไปตามที่เห็น อย่ามองกูแบบนั้นดิ”

“คุณโต้งอาจเห็นกูเป็นลูกน้องเขาก็ได้ แล้วกูก็บาดเจ็บเขาก็ต้องดูแล ส่วนพี่ธาดาเขาก็ห่วงกูแบบน้องชายอ่ะ” มันเบ้ปากใส่

“มึงมันเดียงสา เขาจีบมึงก็คิดว่าเขาเอ็นดู เขาอยากดูเอ็นมึงจำเอาไว้ แล้วมึงดูกู โดนไอ่ฟายสกัดขาเขียว คุณโต้งไม่แลหางตามามองสักนิด ส่วนพี่ธาดาเอาแต่เรียกมึง เคยได้ยินเขาเรียกกูว่าน้องแมนไหม ไม่เค้ยไม่เคย”

จนมุม..ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง

“สรุปเราแพ้ใช่มะ” พูดถึงแพ้ไอ่แมนหน้าจ๋อยเลย

“กูขอโทษนะ” เพราะผมรักษาประตูไม่ได้

“ช่างเถอะ เออมึงเรื่องต่ายกับพี่ธา..” ผมยกมืออุดปากของมันให้มืดหน่อย สว่างเกินไปแล้ว

“แต่เขาจีบมึง” ไอ่เชี่ยนี้

“แล้วมึงจะเสียงดังทำไม ไปกลับๆ” งานกีฬาไม่บังคับครับ ใครจะอยู่ก็ขอบใจ ใครจะไปก็ไม่แคร์ ผมกับแมนก็ว่าจะกลับแล้ว อยู่ไปก็อายเขาเปล่าๆ

ระหว่างเดินออกไปป้ายรถเมล์ ดีแค่ไหนที่ผมกับเพื่อนไม่ได้นินทาใคร

“น้องสุร” พี่มาพร้อมกะบะคู่ใจ ขับตามพวกผมตอนไหนอ่ะไม่เห็นรู้ตัว นึกว่าเสร็จน้องต่ายไปแล้วนะเนี่ย

“พี่ธาดาเดินมาสองคนแต่ไหงเรียกแต่มัน ผมชื่อแมนครับเรียกผมบ้างผมเหงา” มันกวนตีนเขา ผมดูออก

“หึหึ ขึ้นมาๆ” แต่พี่ตี๋ดูอารมณ์ดีเหมือนยังไม่รู้ตัว

แล้วเราสองเทวดาก็ขึ้นไปเป็นผู้โดยสารให้พี่เขาขับไปส่ง ห้างใกล้ๆ นี่แหละครับ ผมจะแวะซื้อยา ส่วนไอ่แมนอยากกินไอติม เดี๋ยวกินมาขนาดนั้นมึงยังกินได้อีกเหรอ

“พี่ธาดาส่งพวกผมป้ายหน้าห้างก็ได้ครับ” พี่เขาเหมือนไม่ได้ยิน เลี้ยวรถเข้าห้างหน้าตาเฉย

“พี่!!”

“ไปด้วยไม่ได้เหรอ พี่ก็อยากกินไอติม” เขาจอดรถแล้วหันมาบอก ตอนพูดว่าไอติมพี่มองต่ำที่ตักผม แมนช่วยกูด้วย



เดินสามคนเข้าห้าง แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเดินสองคน ไอ่แมน อ้าวไอ่เพื่อนเลวเทกูเหรอ ไลน์หามันว่าอยู่ไหน เดินๆ อยู่แม่งหายหัว มันบอกว่าท้องเสียเดินไปก่อนเลย

“ไปนั่งรอแมนที่ร้านไอติมไหม” พี่เขาชวน ก็ดีครับยืนรอก็เบื่อ ไม่มีอะไรจะคุยด้วย

ระหว่างที่ผมกับพี่ตี๋นั่งเลือกเมนูอยู่นั้น



“สุ!!” พี่ปราชญ์ พี่เขาคงไม่รู้หรอกว่าเป็นพระมาโปรดผมแค่ไหน

“ปราชญ์ มาไงนั่งๆ” ผมขยับเชื้อเชิญ ส่วนพี่ธาดามองตาขวางใส่

หึหึ ผมมีแผนครับ

“นี่พี่ที่ทำงานสุ แล้วก็นี่เมตผมครับ” ผมตั้งใจให้พี่ตี๋เข้าผิดครับ จะได้เลิกคิดอกุศลกับผมสักที แต่....



“หน้าคุ้นๆ นะ” อ่ะ..คือร่ะ

“ปราชญ์สัดแพด รุ่นห้าสามป่ะ”

“มึงธาดาบีเอโธ่กูก็ว่าคุ้นๆ” รู้จักกัน จบแยก อยากแดกยากันยุง

“พี่สองคนรู้จักกันเหรอ” คิดอะไรไม่ออกถามอะไรโง่ๆ ไปก่อนแล้วกัน

“สนิทกันตอนประกวนเดือน แล้วนี่น้องสุรเป็น” ดีใจที่พี่ธาดาเข้าใจแบบนั้น แต่พี่สองคนรู้จักกันแล้ว มันจะได้ผลอีกไหมเล่า

“ตามที่เห็น” ผมตาโตมองพี่ปราชญ์ พี่ธาดาทำหน้าอึ้งๆ หรือว่าพี่เขาจะเชื่อ ยังไงก็ตามผมจะเงียบไม่ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น



“สุจมูกแดงมากเลย แล้วนั่นคราบเลือดเหรอ ไหนดูหน่อย” มือเย็นของเขาจับแก้มผมให้หันไปหาตัวเอง สายตาเป็นห่วงที่ส่งมาจ้องที่แผลผม ไม่รู้สิหัวใจผมเต้นแรง เขายังจ้อง จ้อง และจ้อง จะหลบก็จะไม่สมจริง เดี๋ยวพี่ธาดารู้ ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เอาไงดี จ้องก็จ้องวะ

เหมือนดวงดาวลอยเคว้งไปในอากาศ หลุดวงโคจรของตัวเองไปชั่วขณะ ตาพี่ปราชญ์สีดำสนิท ดำชนิดที่ผมไม่เคยเห็นตาใครจะดำเท่านี้มาก่อน รู้สึกเสื้อบอลขยับตามอัตราการเต้นของหัวใจ ผมถูกสายตาของเขาตรึงไว้ไม่ให้หนีไปมองที่อื่น

“น้องสุรโดนบอลอัดหน้า” เสียงพี่ธาดา ทำให้ดวงตาสีดำคู่นั้นปล่อยผมให้เป็นอิสระ

“เจ็บไหม เดี๋ยวปราชญ์พาซื้อยาใส่นะ” จากน้ำเสียงและท่าทีนั้น พี่ธาดาคงเชื่อสนิทใจว่าเราเป็นอะไรกัน ว่าแต่ที่ผมรู้สึกมันคืออะไร กับปั่นยังไม่เคยเป็นเลย ปั่นตาสีอะไรกูยังนึกไม่ออกเลยครับ

“ไม่ ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”

พนักงานมารับเมนูพอดี ผมโดนพี่หมอ (หมา) สั่งว่าให้กินแค่ถ้วยเล็ก ของหวานจะทำให้ปวดแผลเขาว่า ผมก็เชื่อฟังนะ ไม่ใช่อะไรตอนนี้ในหัวเบลอไปหมด ส่วนพี่ธาดาเหมือนพร็อบไปแล้ว พูดอะไรไม่รู้ผมฟังแต่ไม่เข้าหัวเลย ปล่อยพวกคุยกันไป

ไลน์หาไอ่แมน เพิ่งนึกได้ว่าเพื่อนท้องเสีย ตกส้วมไปรึยังมึง มันตอบมาว่าเพลียขอกลับก่อน ไอ่นี่เทกู ดีนะเจอพี่ปราชญ์

“ปราชญ์เย็นนี้กินผัดหนังปลาอีกนะ” เผลออ้อนเขาไปไม่รู้ตัว มันเป็นไปเองตอนอยู่กับเขาผมคงชิน

“ปลาดอลลี่เหรอได้ๆ”

“กูว่ามีธุระว่ะ ขอตัวก่อนดีกว่า” พี่ตี๋ตีหน้าเศร้าเดินจากพวกเราไปแล้ว ผมทั้งโล่งใจและรู้สึกผิด ถ้าเขาคิดอะไรกับผมจริง ผมก็ใจร้ายพอสมควร แต่คนไม่คิดอะไร ดียังไงก็ไม่ใช่รึเปล่า

“เขาจีบอ่ะดิ” อ่ะพี่รู้

“แต่สุไม่ชอบ” ผมถลึงตาคาบช้อนไอติมค้าง

“ปราชญ์รู้น่า แค่อยากให้เขาเลิกยุ่ง แต่สุ..ขออะไรอย่างดิ” นาทีนี้ได้ทุกอย่างครับพี่

“ได้หมดครับขอมา”

“อย่าเล่นบอลอีกได้ป่ะ”

“ก็ไม่ได้อยากเล่นหรอก มันจำเป็น ว่าแต่ทำไมขอเรื่องนี้ ห่วงหรา” ผมกะจะพูดเล่นๆ



“สุไม่รู้หรอก ว่า..ประตูของสุ มันน่ายิงแค่ไหน”







;ทุกคนจะรุมยิงประตูของสุรไม่ได้นะ ตอนนี้ออกมาครบทุกคน แต่พี่ปราชญ์ยังเป็นแมนออฟเดอะแมตช์

By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 22-01-2019 15:02:48
สุรหวั่นไหวกับปราชญ์สุดดด ยังไม่อยากเชียร์ใครมากเกินไป ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาตินะสุร เพราะยังไงแต่ละคนนี่ก็โปรไฟล์ดีๆทั้งนั้น อิอิอิอิอิ

นักเขียนสู้ๆนะ สนุกมากจ้า  :katai4: o13
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-01-2019 15:52:34
 :m20:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-01-2019 15:53:43
คิดมาก 4p ไปเลย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 22-01-2019 15:56:12
สรุปปราญช์จะมาวินหรือนี่ อ่านแล้วหายเครียดดีค่ะเรื่องนี้ น้องสุรความคิดฮาๆตลอด อ่านไปหัวเราะน้องไป ที่จริงถ้าไม่มีหนุ่มๆมารุมจีบ สุรก็ดูจะเป็นหนุ่มฮอตประจำบริษัทคนนึงเลย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 22-01-2019 17:34:14
ถ้าไม่รู้จะตัดใครออก
ก็ 4p ไปเลยจ้าาาาาาาาาา

 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน6 ประตูของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-01-2019 23:04:37
ขำความคิดของสุก็นะหนุ่มฮอตใครๆก็อยากยิงประตูสุร
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 24-01-2019 10:28:29
ตอน 7

เพลงของสุร



พี่หนุ่มมันนี่โค้ชเคยสอนไว้ว่า รายได้เหมือนไข่ไก่อย่าเก็บไข่ทั้งหมดไว้ที่เดียว ถ้ามันแตกจะไม่เหลืออะไรเลย เราจะกลายเป็นบุคคลถังแตกโดยสมบูรณ์

ผมเป็นเทวดาที่ต้องอาศัยปัจจัยสี่ในการดำรงชีพ ดังนั้นเมื่อรายได้จากเงินเดือนประจำ ดูจะไม่มั่นคง ก็ปาเข้าไปจะค่อนเดือนแล้ว ผมยังหาหลักฐานอะไรมาแก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ไม่ต้องถามป้าหมอดูใต้สะพานลอย ก็พอจะรู้ตัวว่า สถานะคนตกงาน และอาจพ่วงด้วยประวัติทุจริต ผมอาจไม่มีที่ยืนในงานประจำอีกแล้ว

“ดูไรมึง” เพื่อนเทวดา วันนี้มาทักผมแต่เช้า ไม่บ่อยที่คนอย่างมันจะมาก่อนเวลาเข้างาน

“แมนอาทิตย์นี้มึงว่างไหมวะ” ผมกำลังมองหาลู่ทางหาไข่เพิ่ม อนาคตตกงานจะได้ไม่อดตาย

“โรงเกลือมึงจะไปเหรอ” มันชะโงกหน้ามาดูหน้าจอมือถือผม

“กูจะไปหาของมาขายที่ตลาดนัดหลังราม” และเพื่อป้องกันความเสี่ยง ผมต้องหาผู้ร่วมลงทุน ขาดทุนจะได้มีคนช่วยหารความเสียหาย

“ไอเดียดีนี่หว่า กูว่าเทรนออกกำลังกายยังแรงนะ แต่คนขายพวกรองเท้าชุดกีฬาเยอะแล้ว” มันเก๊กทำท่าเป็นกูรู

“ถึงต้องไปดูก่อนไง ว่ามีอะไรที่เราจะรับมาต่อยอดทำกำไรได้บ้าง” ตอนนี้สองตาที่เบิกกว้างของผมมีแต่เงิน เงิน และเงิน คิดไกลไปถึงว่าเป็นพ่อค้าขายของตลาดนัดเต็มตัวแล้ว ไฟแรงชนิดที่ว่าน้ำทั้งโลกก็มาดับฝันของฉันไม่ได้

“น้องสุรคุณโต้งเรียก” เก็บความฝันไว้ก่อน ตอนนี้ต้องตื่นไปเผชิญกับความจริง แมนมันพยักหน้าให้ ไม่ต้องโบกมือบ้ายบายเพราะยังไงเที่ยงก็หัวชนกันอีกรอบอยู่ดี



เดินขึ้นห้องทำงานใหม่ที่ตอนนี้เริ่มชินแล้ว เจอคุณโต้งที่โซนชงกาแฟ คุณโต้งเป็นเจ้านายตัวอย่างครับ ผมเคยชงกาแฟให้เขาแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาชงเผื่อผมตลอดเลย อิจฉาผมอ่ะเด้

“ผมช่วยครับ” หมายถึงช่วยยกน่ะ

“แก้วนี้ของคุณ” เขาชี้แก้วที่สีเข้มน้อยกว่า เจ้านายจำได้ว่าของผมกาแฟหนึ่ง น้ำตาลครึ่งช้อน ไมโลสอง ครีมเทียมไม่เอา เล่าไปน้ำตาจะไหลครับ อยากกอดคุณโต้งไว้นานๆ เขาเป็นเจ้านายที่ใจดีที่สุดในโลก ถ้าเทียบกับพี่เทพ

“ขอบคุณครับ คุณโต้งชงกาแฟอร๊อยอร่อย” คุณโต้งทำหน้านิ่งสักพักก็ยิ้มออกมา เดินตามเจ้านายเข้าห้องทำงาน ก่อนจะเริ่มท้อแท้อีกครั้ง อีกสี่วันจะสิ้นเดือนแล้วเหรอวะ

“สุรว่างไหม” ครับว่างครับอาจจะว่างตลอดไปเลย ถ้าคุณไล่ผมออก

“ถ้าไม่มีอะไรด่วน มานั่งคุยกับผมหน่อย” ผมรับคำ ก่อนลุกก็หันไปมองกาแฟที่คุณโต้งชงให้ นี่มันเป็นกาแฟสั่งลางั้นเหรอ เฮ้อออ



“นั่งสิ”

เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามคุณโต้งมีผมจับจองเต็มพื้นที่ ทนสบตาเจ้านายไม่ได้ ต้องก้มหน้ามองแฟ้มสีน้ำเงินบนโต๊ะแทน

“ทำไมคุณดูเครียดๆ” จะไม่ให้ผมเครียดหน่อยเหรอครับ คุณจะไล่ผมออกนะ

“ผม..ยังหาหลักฐานที่ว่า ไม่ได้เลยครับ” หมดปัญญา เคยดูซีรี่ย์แนวเฉือนคม ลบเหลี่ยมแต่ไม่ช่วยอะไรเลย

“อ๋อ..เรื่องนั้นเอง” ครับเรื่องนั่นแหละ ชีวิตผมจะมีอะไรเครียดกว่าจะโดนไล่ออกล่ะ ก็เรื่องพี่ธาดากับคุณโต้งรุมจีบผมไม่มีอะไรแล้วนี่นา



อา..ไหนใครตกข่าว มายืนตรงนี้ผมจะอัปเดตให้ฟังสั้นๆ หนึ่งพี่ธาดาพาแฟนสาวมาที่บริษัทวันก่อน อันนี้แมนมันเล่า สองคุณโต้งมีคู่หมั้นแล้ว พี่โอ๋เอ๋บอกว่า รู้แล้วเหยียบไว้เลย คุณก็อย่าไปเล่าต่อนะ เดี๋ยวผมซวย!!



“คุณโต้งจะไล่ผมออก สิ้นเดือนนี้เลยไหมครับ” ผมจะได้วางแผน เปลี่ยนแนวไปเป็นพ่อค้าอย่างที่ตั้งใจไว้

“ไล่ออก” สองคำนั้นไม่ควรตามมาด้วยเสียงหัวเราะนะครับ

“ครับ..ก็ผมหาอะไรมายืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้”

“ความบริสุทธิ์ของคุณ...ผมก็อยากได้นะ แต่....” จะเว้นให้ผมลุ้นทำไมเนี่ย เหมือนพี่ปราชญ์อีกแระ แล้วพี่เขาเกี่ยวอะไรด้วย

“ถ้าไม่มีหลักฐาน ผมก็มีวิธีพิสูจน์ของผม” อ้าว..แล้วทำไมไม่ใช้ตั้งแต่แรกล่ะครับ ไอ่วิธีของคุณเนี่ย

“ยังไงครับ ผมพร้อม” คนไม่ผิดจะให้ไปลุยไฟก็ไม่กลัวหรอก

“อาทิตย์นี้ไปกับผม” ไม่ว่างผมจะไปโรงเกลือ

“ไม่ว่างเหรอ”

“ว่างครับ” ถ้ามันจะจบปัญหานี้ผมก็ต้องว่าง

“สุร ผมเชื่อนะ ว่าคุณบริสุทธิ์ และก็ยังยืนยันว่า...อยากได้ความบริสุทธิ์ของคุณ”

“ขอบคุณครับ” ขอบคุณที่เชื่อผม แต่..ประโยคหลังมันทะแม่งๆ เนอะ



กลับมานั่งที่โต๊ะแล้วแต่ความงงยังตามไม่เลิก บางครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นมองอะไรเพลินๆ แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสายตาเจ้านายเข้า รีบเปลี่ยนโฟกัสทันที เมื่อไหร่จะพักเที่ยง....



วันนี้วันศุกร์ รออีกแค่วันเดียวผมก็จะไม่ต้องเครียดเรื่องทุจริตแล้ว รู้สึกแทบจะทนรอไม่ไหว เรื่องโรงเกลือแมนว่าค่อยไปก็ได้ เขายังไม่ย้ายหนีหรอก



เย็นวันนั้นให้ทายว่าผมเจอใครที่ป้ายรถเมล์ พี่ตี๋ชิปปิ้งครับ ดูท่าทางเขาเหนื่อยๆ แต่พอเห็นผมก็ยิ้มรอทันที

“รถพี่เสีย วันนี้กลับด้วยนะ” อ้ออย่างนี้เอง

“ครับพี่อยู่ไหน ผมจะช่วยดูสายให้”

“สายเดียวกับเราแหละ”

“งั้นก็ดีเลยครับ” เขาคงอยากได้เพื่อนร่วมทาง ขับรถส่วนตัวจนชินก็อย่างนี้แหละ

“พี่กลับพร้อมผมได้ทุกวันเลยนะครับ จนกว่ารถพี่จะซ่อมเสร็จ”

“จีบติดโน่นพี่จะเลิก”

“อะไรนะครับ” เสียงรถรามันดัง ผมได้ยินไม่ถนัด

“อ๋อ..พี่ว่า รอมันสตาร์ติดก่อนค่อยว่ากัน” ใครเคยส่งรถซ่อมบ้าง นานไหมครับ ผมก็ไม่รู้ไม่เคยมีรถส่วนตัว อาศัยรถสองประตูยี่สิบหน้าต่างตลอด ปัญหาคือเวลารอมันไม่มา เวลามันมา เราดันไม่ได้รอแค่นั้นแหละ



“รอแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ” ผมพยักหน้าตอบ “ครับ”

“เหนื่อยแย่เลย ยืนนานเมื่อยอีก” โธ่พี่ตี๋ แลดูพี่เขาเป็นคุณหนูตกยาก อะไรแบบนั้น

“ชินแล้วครับ พี่ไหวไหมอีกเดี๋ยวมันก็มา” ผมกะเอา เพราะรอแบบนี้มาปีกว่ารู้เวลาแล้ว

“นั่น ใช่ไหม” พี่ชี้ไม้ชี้มือให้ผม ใช่ที่ไหนล่ะ

“ไม่ใช่ครับ สายที่เราจะขึ้นมันมีแถบสีขาวข้างหน้า พี่ดูคันนี้มันมีแถบสีฟ้า” พี่ธาดาตั้งใจดูตามที่ผมสอน ดูไว้นะพี่ เผื่อมารอคนเดียวจะได้ไม่หลง

“แล้วคันนั้น ใช่ไหม” เพราะพี่ตัวสูงมองเห็นรถได้ก่อนคนอื่น ผมมองตามเออถูกจริงด้วย

“เก่งนะเนี่ย” คนโดนชมยักคิ้วข้างเดียวให้ หน้าตาดีทำอะไรก็ดูดี อยากเห็นแฟนพี่เขาแล้วสิ สู้ต่ายได้ไหมนะ

รถเมล์ชะลอเพื่อรับผู้โดยสาร เพราะบริษัทผมเลิกงานเร็วกว่าชาวบ้าน ก็ไม่ต้องไปเบียดมาก แต่ข้อเสียคือแดดยังจ้าอยู่เลย นั่งผิดฝั่งกว่าจะถึงห้องอาจจะเกรียมได้

“พี่นั่งฝั่งนี้” ผมดึงเสื้อพี่ตี๋เมื่อเขาทำท่าจะไปนั่งอีกฝั่ง งงใส่ผมแต่ก็ยอมมานั่งไม่ได้เถียงอะไร ฝั่งที่ถูกต้องตอนขึ้นจะร้อน คนจะไม่ค่อยมานั่งกัน

พี่ธาดาเดินเข้าไปนั่งติดหน้าต่าง “ฝั่งนี้ร้อนนะ” บ่นทันที ไม่รู้อะไรเงียบไปเลยน่า

“เดี๋ยวเลี้ยวหน้า แดดก็ไปฝั่งนั้นแล้วครับ” เขาพยักหน้าเข้าใจ นั่งไปสักพักก็เริ่มเห็นว่าพี่ตัวใหญ่บังแดดให้ผมหมด แต่วิวข้างทางผมมีแต่หน้าพี่ตี๋

ก๊อบแก๊บๆ ป้ากระเป๋าเดินมาเขย่ากระป๋องเหล็กที่ใส่เศษเหรียญ แบบว่ามึงจ่ายตังค์มาให้ไว

“น้องสุรเราลงไหน” พี่เขาคงไม่เคยขึ้นรถเมล์จริงๆ ผมยื่นแบงค์สีเขียวให้ป้าบอกว่าสองคนครับ ได้ตังค์ทอนแล้วก็สอนพี่ตี๋

“รถเมล์ไม่ต้องบอกหรอกครับว่าลงไหน เพราะเก้าบาทตลอดสาย พี่จะขึ้นแล้วลงเลยก็เก้าบาท แต่ถ้าพี่ขึ้น รถแอร์ค่อยบอกว่าลงไหนราคาจะไม่เท่ากัน”

“..........” เขาทำหน้าเข้าใจ ยื่นแบงค์ร้อยให้ผม



“เก้าบาทเองครับไม่เป็นไร”

“ไม่ได้ เอางี๊พรุ่งนี้พี่ออก”

“ไม่มีปัญหาครับ แต่พี่หาแบงค์ยี่สิบมาดีกว่านะ แบงค์ใหญ่เขาจะด่าเอา” ผมกระซิบเขายิ้มให้ คุณหนูจริงๆ เลยพี่ชิปปิ้ง



“เดี๋ยวไม่ร้อนแล้ว น้องสุรค่อยมานั่งข้างในนะ” แทคแคร์เหมือนผมเป็นสาวน้อย แต่พี่มีแฟนแล้ว ที่ผ่านมาผมคงมโนไปเอง

“พี่อย่าไปทำแบบนี้กับสาวที่ไหนนะ” สงสารแฟนพี่

“แบบไหน”

“แบบ..เอาอกเอาใจเขาไง”

“หมายความว่า?” ผมแม่งไม่น่าจุดประเด็นเลย จะอธิบายต่อยังไงล่ะทีนี้

“ก็..พี่ชอบทำใจดี ผมก็เลยเตือนว่า อย่าไปใจดีกับสาวคนอื่น เขาจะหลงเอา” หน้าตาก็ดี ดูแลดี ใครจะไม่ชอบ

“หื้มมม” ลากเสียงสูงหันมาจ้องผมไปด้วย

“ยังไงดีล่ะ....พี่เคยได้ยินเพลงนี้ไหม อย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม” ยิ่งอธิบายทำไมเหมือนผมหลงเขาเลยวะ

“น้องสุรจะบอกว่า พี่ให้ความหวังน้องเหรอ” สัด..อยากกระโดดหน้าต่างรถเมล์

“คิดซะว่าผมไม่ได้พูดเถอะพี่” จะบอกว่า พี่มีแฟนแล้ว จะไปให้ความหวังสาวมันไม่ดี ถึงไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่เดี๋ยวเขาก็ต้องถามต่อ รู้เรื่องแฟนพี่ได้ไง ไอ่แมนก็ซวยอีก ขายเพื่อนไม่ใช่นิสัยผม ดังนั้นผมจะยอมเป็นผู้ไม่น่าไว้ใจให้พี่เขาเอง

“น้องสุรแต่...”

“อ่ะ นั่นไงครับ เลี้ยวเสร็จฝั่งเราจะแดดร่มลมตกทันที” เปลี่ยนเรื่องไปดื้อๆ พี่ก็หันไปมองนอกหน้าต่าง ปิดประเด็นนายธาดาผู้ขายความหวังไปแบบเนียนๆ

รถเลี้ยวมาได้สักพักแล้ว ผมเสียบหูฟัง แบ่งให้พี่เขาไปคนละข้าง ดีกว่าชวนกันคุย ผมพูดไม่เก่ง หรือเขาไม่เข้าใจก็ไม่อาจรู้ได้ คุยกันแต่ละเรื่อง ผมไปต่อไม่ถูกตลอดเลย อย่างเช่น



“ก่อนหน้าที่พี่จะมาทำงานนี้ ทำอะไรมาก่อนเหรอครับ”

“ขายของ”

“จริงดิ ขายอะไร”

“พวกของเล่นโมเดล ขายตั้งแต่สมัยเรียน นำเข้าเอง เช่าตู้ที่สะพานเหล็ก เมื่อก่อนมันยังบูมมากแต่ตอนนี้ กลายเป็นแค่ตำนานไปแล้ว”

“สะพานเหล็ก ที่เขารื้อป่ะพี่”

“อือ”

“เก่งว่ะ” เป็นชิปปิ้งตั้งแต่สมัยเรียนสุดยอดมาก

“พี่ชอบขายของ”

“ผมก็ว่าจะขาย” มันหลุดปาก

“ขายอะไร ที่ไหน พี่ลงหุ้นด้วยดิ” ลงหุ้น ฟังดูเหมือนผมจะมีคนร่วมหารความเสี่ยงเพิ่มอีกคน

“ยังไม่รู้เลยครับ ว่าจะไปหาของที่โรงเกลือ แล้วก็ค่อยคิด ก็ว่าจะขายกับไอ่แมนที่ตลาดหลังราม”

“งั้นก็ต้องเป็นของวัยรุ่นๆ น่าสนใจนะ ไปอาทิตย์นี้เลยไหมเอารถพี่ไป” พี่ใจดีแต่พี่ลืมไปรึเปล่าว่า

“แต่รถพี่ส่งซ่อม” เขาเงียบไป คงเพิ่งจะนึกได้เหมือนกัน

“ยะ..ยืมเพื่อนไปก็ได้” พี่ตี๋มีวิญญาณพ่อค้าสูงจริงๆ

“แต่อาทิตย์นี้ผมไม่ว่าง งั้นอาทิตย์หน้ารถพี่จะซ่อมเสร็จทันไหมครับ”

“ทันๆ” พี่ตอบทันทีไม่มีลังเล



“เอี๊ยดดดดดดดดด!!!!!!!!!”

อยู่ๆ รถก็เบรกผู้โดยสารหัวทิ่มหัวตำกันหลายคน ส่วนผมพี่ธาดาจับล็อคไว้ในอ้อมแขนเชดดดดดดดดดดดดดดด

รู้สึกตัวเล็กตัวน้อย ต้องคอยหลบภัยในวงแขนใหญ่ของเขา ผมมีพี่ชาย พี่ชายผมรักผมมาก พ่อกับแม่ไม่ค่อยอยู่บ้านพี่ชายผมนี่แหละหอบหิ้วผมไปด้วยทุกที่ เพิ่งจะห่างกันตอนผมเรียนจบและทำงาน ส่วนพี่ก็แต่งงานมีลูกไปแล้ว

คือทั้งหมดทั้งมวลแค่จะบอกว่า พี่ชายผมก็เคยกอดผม แต่ทำไมมันรู้สึกไม่เหมือนตอนนี้เลย กลิ่นเหงื่อจากเสื้อทำงานผสมกลิ่นโคโลญจน์ของพี่ตี๋ อกแน่นที่ผมแนบชิด แขนใหญ่ที่ผมจะดันตัวออกก็ต้องใช้แรงเยอะสักหน่อย มัน...แปลก

“ขอบคุณครับ” แปลว่าปล่อยกูได้แล้ว

“แม่งขับรถยังไง ผู้โดยสารจะหน้าทิ่มกันหมดแล้ว” ผมรีบขยิกตาให้เขาเงียบ ถ้าป้ากระเป๋าได้ยินแล้วด่าสวนแบบNonstop ผมจะถือว่าเราไม่รู้จักกันทันที

“มาคนเดียวต้องระวังรู้ไหม”

“ครับ ผมนั่งมาเป็นปีแล้ว พี่เพิ่งจะมาห่วงเหรอ”

“ก็เมื่อก่อนพี่ไม่รู้ เลยไม่ได้ห่วง”

“เอ้อ..พี่เพลงนี้ๆ เพราะมากผมชอบ” พูดไปยังไม่ทันฟังเลยว่าเพลงอะไร



‘เธอจะมีใจหรือเปล่า เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า ที่เราเป็นอยู่นั้นคืออะไร เธอจะมีใจหรือเปล่า มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้ติดอยู่ในใจ แต่ไม่อยากถาม กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป’



เพลงมันเหมือน ผมสารภาพความในใจไหมอ่ะ โอ๊ยย ไม่กล้าหันไปมองเขาแล้วล่ะ ปล่อยเป็นอยากรู้แต่ไม่อยากถามต่อไปนั่นแหละ ผมจะเงียบผมสัญญา ยิ่งพูดมากยิ่งเรื่องเยอะ

นั่งให้ลมตีหน้าไปสักพัก เพลงดังในหูก็เปลี่ยนไปตามรสนิยมของผม ส่วนใหญ่เพลงรัก อกหัก เศร้า เหงา จำได้ไหมผมยังอยู่ในช่วง คนโดนทิ้ง เพลงมันก็จะไม่สมหวังเท่าไหร่ นั่งไปสักพัก รู้สึกว่าไหล่มันหนักๆ หันไป อ้าวพี่ตี๋ซบไหล่ผมหลับไปแล้ว

ตัวอย่างใหญ่ซบมาได้ไหล่กูจะทรุดไหมครับพี่ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าที่ใกล้จนชิด จมูกเขาโด่งเหมือนไปศัลยกรรมมาเลยอ่ะ ทรงสวยคิ้วก็เข้ม หน้าเนียนเหมือนพวกขายครีมในเน็ต พี่ธาดาเป็นผู้ชายที่ผิวดีมากคนหนึ่งเลย

แต่..เดี๋ยวๆ มือพี่มือ วางขาผมเต็มๆ ทิ้งทั้งตัวมาที่ผมเลยถึงจะถูก คนหลับไม่รู้ตัว คนหลับไม่ตั้งใจ ผมก็ท่องไว้แค่นี้ อยากปลุกแต่ไม่กล้า ที่ผ่านมาเขาก็มีน้ำใจกับผม จะด้วยหวังผลอะไรนั่นก็อีกเรื่อง แต่รวมๆ ก็พี่ชายที่ดีกับผมคนหนึ่ง แค่ไหล่แค่ขา ให้เขาซบให้เขาวางไปเถอะนะสุร นี่คือว่าที่หุ้นส่วนคนสำคัญของมึงนะโว้ย



‘ถ้ามีใครสักคนมองมา เขาคงนึกว่าเราเป็นคนรักกัน ด้วยวิธีที่เธอทำที่ให้ความสำคัญ จนฉันบางทีก็ยังเผลอ’



บนรถเมล์สายเดิมที่ผมนั่งกลับห้องทุกวัน มีบางอย่างเปลี่ยนไป พี่เบิร์ดมีเส้นเสียงที่บาดอารมณ์กว่าทุกครั้งที่ผมฟังเพลงนี้ ไม่ใช่ว่าผมหวั่นไหวนะ แต่ก็อธิบายไม่ได้ ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง

ตัวพี่ธาดาหนักก็จริงแต่ผมกลับรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย มันแปลก ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีก็ไม่รู้สึกแบบนี้ รถคงเบรกแรงไป ผมเลยไม่อยู่กับร่องกับรอย ความผิดพี่โซเฟอร์คนเดียวเลย

ตอนนี้สุรไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว นี่กูเป็นอะไร ใจเต้นทำไม ตัวแข็งทื่อทำไม ที่สำคัญไม่อยากจะบอกเลยว่า...

ผมอยากยิ้ม..แม่งยิ้มทำไมบ้ารึเปล่า

“เพลงนี้เหรอที่ว่าพี่เป็น” ผมถอดหูฟังออก ก้มหัวลงถามว่าพี่ตี๋พูดอะไร เขาตื่นแล้ว แต่ไม่ยอมยกหัวขึ้น มือก็วางขาผมอยู่อย่างนั้น

“พี่ว่าอะไรนะ”

“ที่เราว่าพี่ไง ว่าอย่าทำอย่างนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม” เอ่อมาเป็นเพลงเลย

“อ้อ..ใช่ครับ” กับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน พี่ไม่ควรทำแบบนี้

“แล้วถ้า..” เขายกตัวออกจากผมแล้ว แต่สายตาจ้องผมแปลกๆ

“ถ้าอะไรพี่”

“ถ้าพี่ทำแบบนี้แค่น้องคนเดียวล่ะ”

เงียบเหมือนเดิมก็ดีแล้ววววววว ผมแกล้งยกมือถือมากด

“พี่ว่าอะไรนะ เพลงมันดังผมไม่ได้ยิน” เขาเอื้อมมาหยิบหูฟังที่ผมถอดพาดไหล่ ชูให้ดูว่า มึงไม่ได้ฟังเพลง ตาย..กูตาย เอาตัวรอดยังไงดี

“ไม่ต้องตอบหรอก มันไม่ได้เป็นประโยคคำถาม” เขาจะบอกว่าเป็นประโยคบอกเล่างั้นสิ พี่แม่งคารมดีเหมือนหน้าตาจริงๆ

“แล้วก็ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าด้วย” อ้าวแล้วเป็นไรอ่ะ

“...............” ผมไม่ถามต่อ กลัวรับมือไม่ถูก



ตอนที่ผมจะลงรถ เขาจับแขนผมรั้งไปชิด กระซิบข้างหูเสียงชัดถ้อยชัดคำ

“มันเป็นประโยค.....บอกรัก”



เสียงประตูรถปิด เท้าผมเหยียบยืนบนฟุตบาท มือข้างหนึ่งจับสายกระเป๋าที่พาดบ่า รถเมล์คันเดิมกับพี่ธาดาลับตาไปแล้ว แต่ผมยังไม่ก้าวไปไหน เสียงรอบข้างดังผ่านไปมา แต่ประโยคที่ดังที่สุดกลับเป็น



‘มันเป็นประโยค.....บอกรัก’

















มาแรงแซงทางโค้งเกินไปแล้วพี่ตี๋ตาโต

คนอ่านเชียร์ให้ 4P คงไม่ไหว เพราะหัวใจมีดวงเดียวต้องเลือกใครไปสักคน สุรบอกเหรอ เปล่าคนเขียนนี่แหละบอก ความจริงคือ แต่งแนวหลายพีไม่เป็น ออกตัวเลยว่า เรายังอ่อนด้อยอยู่ แหะๆ



ปล. ถ้าช่วงไหนคนเขียนหายไปคือปั่นฟ่านฟงอยู่ค่ะ เรื่องนั้นลงทุกสามวัน



By Symbol A








หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 24-01-2019 12:33:03
โอยยยยยยยยยย พี่ตี๋ สุรใจบางหมดแล้ว คนอ่านก็เช่นกัน ตอนนี้หลายจิตหลายใจมาก ไม่รู้จะเชียร์ใครดี เดี๋ยวอาทิตย์นี้สุรมีนัดกับคุณโต้งอีก ไม่รู้คุณโต้งจะสามารถทำให้สุรใจบางได้อีกคนหรือเปล่า
เลือกไม่ถูกเลยจ้ะ

 :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 24-01-2019 13:10:18
อด 4P เลย ร่องห้าย #ผิดประเด็น
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-01-2019 14:06:10
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 24-01-2019 14:18:03
ไม่เอา4pใจดวงเดียวก็ควรมีแฟนคนเดียวซิ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-01-2019 14:44:14
อ่านไป......ฮาไป   เดี๋ยวๆ ก๊ากกกก   :laugh:
มีคนเชียร์ 4P ด้วย  :pighaun:
ลงเรือ  ไฟ แมน และ  :o8:
อยากเผือกแล้ว ยังไงๆ ทำไมโกดัง บัญชี ไฟท์ กันได้  :z3:
สุร หวั่นไหวกับปราชญ์ .........  :-[
แต่ก็หวั่นไหวกับคุณธาดา เหมือนกัน อะจ๊ากกกกก  :ling1:
คุณธาดา ลงทุนมากกกกกกกก
แบบอยากกินไอติมสุรมากเลย   :z10:
ขำ.....ตอนที่แมนว่าใครๆก็อยากทำประตูมึง (ยกเว้นไฟหรือเปล่า ที่อยากทำประตูแมน) แอร๊ยยยยยย  :z1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
นี่กูเป็นอะไร ใจเต้นทำไม ตัวแข็งถื่อทำไม ------ ทื่อ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 24-01-2019 15:23:54
อ่านไป......ฮาไป   เดี๋ยวๆ ก๊ากกกก   :laugh:
มีคนเชียร์ 4P ด้วย  :pighaun:
ลงเรือ  ไฟ แมน และ  :o8:
อยากเผือกแล้ว ยังไงๆ ทำไมโกดัง บัญชี ไฟท์ กันได้  :z3:
สุร หวั่นไหวกับปราชญ์ .........  :-[
แต่ก็หวั่นไหวกับคุณธาดา เหมือนกัน อะจ๊ากกกกก  :ling1:
คุณธาดา ลงทุนมากกกกกกกก
แบบอยากกินไอติมสุรมากเลย   :z10:
ขำ.....ตอนที่แมนว่าใครๆก็อยากทำประตูมึง (ยกเว้นไฟหรือเปล่า ที่อยากทำประตูแมน) แอร๊ยยยยยย  :z1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอแก้ที่ผิดนะ
นี่กูเป็นอะไร ใจเต้นทำไม ตัวแข็งถื่อทำไม ------ ทื่อ


ขอบคุณสำหรับคำผิดมากๆค่ะ แก้ไขให้แล้วนะคะ  เรือไฟแมน รอที่ท่าเดี๋ยวกัปตันจะพายไปรับเอง :mew1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-01-2019 16:25:50
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 24-01-2019 17:07:23
รู้สึกสุรจะเริ่มอ่อนไหวกับผู้ชายมากขึ้นละนะ ตัวเลือกเยอะ เลือกไม่ถูกจริงๆ เดาไม่ออกเลยว่าใครจะพิชิตใจสุรได้
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 7 เพลงของสุร
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-01-2019 00:38:00
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 26-01-2019 13:33:29

ตอน 8

สุรถวายตัว



‘คนเราควรมีแนวทางการสร้างความสุข แบบพาสซีฟอินคัม ในชีวิตจะมีหนึ่งเรื่องที่ทำให้เรามีความสุข ไม่ต้องคำนึงเรื่องผลประโยชน์ เป็นขุมพลังงานด้านบวกให้เราแบบไม่จำกัด เรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินมากมาย และไม่ต้องพึ่งใคร’



ความสุขแบบพาสซีฟอินคัม ใครจะไปสนใจกันล่ะ ไม่ว่าใครก็ต้องมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนมาเกี่ยวทั้งนั้น หว่านพืชก็ย่อมหวังผล ว่าแล้วก็ปิดหนังสือคำพูดสวยหรูวางบนโต๊ะ



“ชอบอ่านแนวนี้เหมือนกันเหรอ” พี่ปราชญ์คงเห็นผมหยิบหนังสือเขามาอ่าน

“ชอบปกสวยดี”

“ชอบก็เอาไปอ่านได้นะ ปราชญ์อ่านจบหลายรอบแล้ว” สมกับชื่อปราชญ์ ผมเห็นเขามีหนังสือเยอะกว่าเสื้อผ้าอีก

“วันนี้ทำกับข้าวเยอะจัง” ลืมเรื่องหนังสืออะไรไปหมด เมื่อเห็นสามเมนูบนโต๊ะ ปลานิลทอดน้ำปลา ยำตีนไก่ แล้วก็อะไรไม่รู้จัก

“ฉลองไง ได้งานแล้วนะ” เขาบอกยิ้มๆ

“จริงดิ ดีใจด้วยที่โรงบาลสัตว์นะเหรอ” เห็นอมรมันว่าเมื่อก่อนพี่ปราชญ์ก็เคยเปิดคลินิกเองแถวบ้าน แต่อย่างว่าต่างจังหวัดคงไม่ค่อยมีคนพาสัตว์เลี้ยงไปหาหมอเยอะ



“อื้ม กินเยอะๆ นะ ไม่รู้ไปทำงานแล้ว จะว่างมาทำให้สุกินอีกไหม” ผมนิ่วหน้าเมื่อข่าวดีมีข่าวร้ายซ่อนอยู่

“สุต้องอดตายแน่เลย ตอนนี้กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าปราชญ์ทำแล้วอ่ะ” เรื่องจริงล้วนๆ ครับ เรียกว่าอะไร มันชินรสมือละมั้ง



“ปากหวานตลอด จ้างดิ จะเป็นพ่อครัวส่วนตัวให้ตลอดชีวิตเลย” พูดไปพี่เชฟก็แกะเนื้อปลาวางจานผม พร้อมตัดน้ำยำราดให้ด้วย

“เอาอะไรมาจ้าง เงินเดือนเหมือนเงินทอน”

“ไม่ได้อยากได้เงิน”

“แอ้วอ่ะเอาอะยัย” (แล้วจะเอาอะไร) แม่งอร่อยลืมตาย น้ำยำแซ่บได้กลิ่นมะนาวสด ผมว่าเลิกคุยเถอะพี่ กินอย่างเดียวก็พอ

“ตัวและหัวใจ” ไม่สำลักไม่อึ้งทึ่งเสียวอะไรทั้งนั้น เรียกว่าชิน นอกจากพี่ปราชญ์จะทำอาหารอร่อย ก็เรื่องมุกน้ำเน่านี่แหละ ขยันพูดให้ฟังทู๊กวัน บางทีก็รับมุกเขาถ้าอารมณ์ดี

“ยกให้เลยครับ ฝากตัวฝากท้องกับหมอปราชญ์เลย”

“ฮึ...” เขาย่นจมูกใส่ แล้วยิ้มหน้าบาน ผมก็ไม่สนใจอะไรมากนัก ตอนนี้ขอใช้สมาธิที่อาหารอย่างเดียว



กระทั่งเรากินกันเสร็จ เอ่อหมายถึงกินข้าวนะครับ ช่วยกันเก็บจานหม้ออะไรไปล้าง แล้วก็มานั่งขาชิดกันที่โซฟาหน้าทีวี พี่ปราชญ์พาผมติดซีรี่ย์เรื่องเกี่ยวกับโลกคู่ขนานเรื่องหนึ่ง ยิ่งดูยิ่งอยากดูต่อ สุดท้ายตาเป็นแพนด้า

“ถ้าเจอเราอีกคนที่กำลังจะโต ปราชญ์จะบอกอะไรเขา” ไม่ได้ตอบเขาเพราะมัวแต่ดู

“อีเด็กนี่เป็นหลาน กูจะตบให้คว่ำ” ผมไม่อินเท่าไหร่พูดเลย

“โหด นั่นเด็กนะ สุไม่รักเด็กเหรอ” พี่หันมาถาม

“ผมหน้าเหมือนนางสาวไทยรึไงครับ” เราคุยกันแต่ตาเราจ้องจอทั้งคู่

“แปลว่าไม่อยากมีลูก”

“ลูกอะไรละ แม่ของลูกยังหาไม่ได้เลย” ปั่นที่วางตัวให้รับตำแหน่งนั้น ก็เทกันไปแล้ว

“แล้วสุว่าคนเราต้องมีครอบครัวมีลูกไหม” หันไปมองคนถามเล็กน้อย เห็นแก่ว่าวันนี้ทำยำอร่อยมาก ผมจะไม่รำคาญก็แล้วกัน

“ก็..ถ้ามันหาไม่ได้ คงต้องอยู่แบบนี้ไปจนตายนั่นแหละ” ไม่ซีเรียสครับ ผมมีหลานลูกพี่ชาย แฝดสามกำลังน่ารัก ตายไปก็ว่าจะยกทุกอย่างให้พวกมัน

“หาผู้หญิงไม่ได้ ไม่ลองผู้ชายบ้างล่ะ” วกมามุกนี้อีกแล้ว

“ทำไมจะถวายตัวให้สุเหรอ” ขยับไหล่ไปชนกับไหล่เขาทีเล่นทีจริง

“กดเป็น? อย่างสุถวายตัวให้ปราชญ์จะดีกว่านะ”

“ทุกวันนี้สุก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” ผมกลับมาหาพี่เขาทุกวัน ไปไหนไม่ได้หรอก

“ให้มันจริง” พี่ปราชญ์ดันหัวผมหนุนตักเขา เรื่องนอนตักเขาดูซีรี่ย์ใช่ว่าไม่เคย เพราะเขาทำให้ผมติด นี่เรื่องที่สองแล้ว อดหลับอดนอน ง่วงแต่อยากดูต่อ ดูไปดูมาตาสว่าง

“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ดูเต็มที่” เขาก้มหน้ามองผม แขนสองข้างวางพนักพิง ไม่ได้มาจับตัวผมหรอก เหมือนผมนอนตักพี่ชายอยู่กับพี่ปราชญ์ผมคิดถึงพี่ชายทุกที



“ความจริงพรุ่งนี้ต้องไปกับเจ้านาย แต่ดูได้”

“อ้าว งั้นให้ดูจบตอนนี้ แล้วไปนอนเถอะ นัดเจ้านายไปช้ามันไม่ดี” เหมือนพี่ชายผมไม่มีผิด ละจากจอทีวีไปจ้องหน้าเจ้าของตัก พี่ปราชญ์รู้ตัวก้มลงสบตาผม ตาสีดำของเขาสะท้อนเงาจากทีวีเป็นประกายวูบวาบเพราะเราปิดไฟ ให้อารมณ์เหมือนดูหนังในโรง

ผมแค่อยากมองหน้าเขา ไม่มีอะไรพิเศษ ใจไม่เต้นตึกตักอะไร



“เป็นไร” เขาถามขณะที่จ้องผมตาไม่กะพริบ

“ปราชญ์ไม่มีแฟนเหรอ” เขาหน้าตาดีนะ ทำอาหารก็อร่อย ผู้หญิงคนไหนได้เป็นผัวถูกหวยอ่ะ

“ตอนนี้ยัง สนใจเป็นไหมล่ะ” เสียตรงชอบหยอดนี่แหละ ขนาดผมผู้ชายนะ ผู้หญิงจะโดนขนาดไหน

“ไม่ดีกว่า..เกรงใจ” ผมหันไปสนใจพระเอกนางเอกต่อ



คืนนั้นกว่าจะได้นอน ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งครึ่ง ผมหลับคาโซฟา ส่วนพี่ปราชญ์นอนพื้นหน้าทีวี ชีวิตชายโสดสองคนก็จะประมาณนี้ ทำอะไรที่มีความสุขก็ทำให้มันหมดวันไป



แต่ก่อนที่ผมจะหลับจริงๆ กลับคิดถึงความสุขแบบพาสซีฟอินคัม ที่เป็นของผมเอง





วันอาทิตย์ ที่ผมต้องเข้าไปให้คุณโต้งตัดสิน ว่าผมจะพ้นผิดหรือจะพ้นจากบริษัท พอถึงเวลาจริงก็ไม่คิดมาก อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะขี้เกียจคิดแล้ว เครียดมานานเกินไป เป็นมะเร็งตายก็คงไม่คุ้มอยู่ดี



คุณลูกชายเจ้าของบริษัทมารับผมที่ป้ายรถเมล์หน้าห้าง ขึ้นไปนั่งข้างคนขับแบบไม่เกร็งเท่าไหร่ รถเขาผมขึ้นบ่อยจนไม่ตื่นเต้นแล้ว คุณโต้งก็สบายๆ อย่างที่บอกจะโดนไล่ออกก็พร้อมครับ

“หิวข้าวไหม”

“ผมอิ่มแล้วครับ” พี่ปราชญ์ลุกมาทำข้าวไข่ดาวให้ตั้งแต่เช้า

“คุณโต้งหิวก็แวะได้นะครับ”

“ไม่เป็นไรไว้ค่อยกินมื้อเที่ยงด้วยกัน”



แล้วแต่นายครับ ผมนั่งมองวิวข้างทางที่ไม่คุ้นเคย ถ้ากูเป็นผู้หญิงสวยๆ คงมีใจเต้นกลัวเขาหลอกไปโทรมเหมือนกันนะ ยิ่งไกลข้างทางก็ดูร้างๆ ชอบกล



“สุร”

“ครับ”

“ชอบงานจัดซื้อเหรอ” นี่เป็นประโยคเกริ่นก่อนใจความสำคัญอะไรรึเปล่า

“ความจริงผมทำงานอะไรก็ได้ ที่ได้ใช้ภาษาครับ”

“สนใจย้ายมาทำเลขาให้ผมไหม”



ผมเรียกช่วงนี้ว่า ‘เผาหลอก’ กดดันให้อยู่ไม่ไหวจนลาออกไปเอง ถึงตอนนั้นก็เรียกว่า ‘เผาจริง’ เพราะเขาก็ไม่มีหลักฐานมาเอาผิดผม ไล่ออกก็ต้องจ่ายค่าชดเชย



ผมยึดตำแหน่งเจ้านายที่ใจดีที่สุดในโลกคืนแล้วครับ คุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้แล้วคุณโต้ง

“ผมไม่ถนัดงานเลขาหรอกครับ ชงกาแฟคุณโต้งยังไม่โอเคเลย” เขาขำใส่ แต่ผมหน้าตึง ร้อนใจเหมือนโดนไฟจี้

“ไม่เป็นก็ไม่เป็น ไม่บังคับซะหน่อย” เสียงเจ้านายอ่อนลง ผมถึงรู้ตัวว่าเผลอแสดงอารมณ์ไปหมด รู้สึกตัวเองไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เลย ทำงานแล้วต้องรู้จักระงับอารมณ์โดยเฉพาะความโกรธต้องซ่อนมันไว้ให้มิด



ปรับสีหน้าปรับอารมณ์สักพักก็เป็นสุรคนเดิม เพิ่มเติมคือกูง่วง เมื่อไหร่จะถึงครับคุณโต้ง ผมไม่อยากนอน กลัวน้ำลายยืดใส่รถเขา



“ชวนคุยหน่อยสิ ผมง่วง” อย่าตกใจครับ สุรมิบังอาจพูดประโยคนั้นหรอก โน่นคนขับต่างหาก คุณโต้งอยากได้เพื่อนคุย ผมก็เช่นกันแต่ปัญหาคือจะชวนเขาคุยเรื่องอะไรดี

เอาเรื่องนี้แล้วกัน “เราจะไปไหนกันเหรอครับ”

“บ้านเพื่อนผม” นายตอบไม่คิดอะไรมาก

“คนที่ผมเคยเจอที่ห้างเหรอครับ”

“ไม่ๆ คนนี้เพื่อนสมัยเรียนมัธยม แล้วก็เป็นหัวหน้าคนใหม่ของคุณด้วย” ตาสว่างเลย มาทำงานแทนพี่เทพ ผมจะได้ย้ายไปแผนกตัวเองแล้ว แต่เดี๋ยวนะ

“แล้ว..เราจะไปหาเอ่อ..” ไปหาเขาทำไม คุณช่วยเล่าให้กูฟังได้ไหมอยากรู้นะเว้ย

“ผมกะจะให้คุณแปลกใจ แต่สุรทำหน้าเครียด ผมก็ไม่สบายใจ เล่าเลยก็ได้” เขาหยุดหายใจ

“...............” โอ๊ยย เล่าสักที



“คือเพื่อนผมมันช่วยสืบเรื่องสุเทพสักพักแล้ว ตอนนี้ได้หลักฐานมัดตัวชัดเจน จากนอฟเทคด้วย เขาทำคนเดียวคุณไม่เกี่ยว”

“.............” ดีใจไหม ก็ดีใจครับ แต่เชี่ยยยยยยยย แล้วทำไมมึงไม่บอกกูครับคุณโต้ง



“ไม่ยิ้มหน่อยเหรอ หรือว่าอึ้งอยู่” เจ้านายเอียงคอมองผมนิดหน่อย เอื้อมมือมาตบไหล่ผมด้วย ผมยิ้มออกมา แต่ไม่ได้ยิ้มกับเขาหรอก ยิ้มกับตัวเองมากกว่า โล่งใจปนเสียดาย โครงการพ่อค้าตลาดนัดเต็มตัว ก็คงเป็นได้แค่งานเสริมไปก่อน



ก้มหน้าเลื่อนหน้าจอดูข้อความจากใครบางคน มันสั่นใกระเป๋ากางเกงมาสักพักแล้ว



Man: ครบสามสิบสองอยู่ไหมมึง

Man: สัดไม่ตอบกู กูเป็นห่วง

Man: คุณโต้งพามึงไปไหน

Man: ไอ่สุร!!

Sura: กูพ้นคดีแล้ว โล่งใจฉิบ



“สุร” ผมรีบเก็บมือถือซุกที่เดิมขานรับเขา “ครับ”

“ถึงไม่มีหลักฐานผมก็เชื่อว่าคุณไม่ได้ทำ” ครับนาย อยากจะอัดเทปวันนั้นมาเปิดให้ฟังเหลือเกิน

‘แผนกคุณมีสองคน มันยากที่ผมจะเชื่อว่า มีคนทำผิดโดยที่อีกคนไม่รู้เห็นหรือเป็นใจ’



ในหัวผมมีแต่ประโยคนั้น จำได้กระทั่งน้ำเสียงคนพูด แต่ความเป็นจริงผมทำได้แค่ “ขอบคุณครับ”



คุยกับเจ้านายเรื่องดินฟ้าอากาศ นินทาซัพพลายหลายเจ้า จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้าสวนมะม่วงแถวๆ ราชบุรี บ้านหัวหน้าคนใหม่ดูมีอันจะกิน ยิ่งเป็นเพื่อนเจ้าของบริษัท เป็นประเด็นให้คนในบริษัทวิจารณ์ยิ่งกว่าเจาะข่าวเด็ดแน่ๆ



ขับเข้ามาเกือบห้าร้อยเมตร ก็เข้าสู่ตัวบ้านที่นี่กว้างมาก น่าจะระดับร้อยไร่ ผมพูดตามความรู้สึกนะ

บ้านรูปทรงทันสมัย กึ่งปูนเปลือยและไม้ผสมกระจก ดูจากบ้าน เจ้าของไม่น่าอยากมาทำงานกับผมเลยอ่ะ พี่เทพก็รวยเพราะทุจริตบริษัทมาหลายปี แต่ยังไม่ได้หนึ่งในสิบของหัวหน้าคนใหม่เลย รถจอดสนิท ผมลงจากรถเดินตามคุณโต้งไป



“ไก่โต้งเพื่อนรัก” เพิ่งรู้ว่าโต้งย่อมาจากไก่โต้ง ว่าที่หัวหน้าเสียงมาก่อนตัวอีก เอะ!! เสียงคุ้นๆ รูปร่างก็คุ้น กระทั่งเขาเดินมาใกล้เรา แล้วถอดหมวกชาวสวนออก



ปราชญ์!!

นี่มันอะไรกัน ผมฝันไปป่ะเนี่ย ปราชญ์มองผม ทำหน้าเหมือนรู้จักผม หรือนี่ผมกำลังเข้าสู่โลกคู่ขนานจริงๆ

“สุรนี่เจ้านายใหม่ของคุณ พี่ราชครู” คุณโต้งดึงสติให้ผมกลับมา

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้

เขาเหมือนพี่ปราชญ์ราวกับคนเดียวกัน แต่พอผมเพ่งมองดีๆ รอยยิ้มกวนแบบนี้ ไม่ใช่พี่ปราชญ์ นี่มัน...



“สวัสดีครับ น้องคนนั้นนี่ หายเศร้าแล้วเหรอเรา”

“อ้าว รู้จักกันเหรอไอ่ราช”

“เคยเจอกันโดยบังเอิญ”



พี่ราช!!! โจรก๋วยเตี๋ยว ใช่ครับผมจำไม่ผิดแน่ ท่าทางมึนๆ น้ำเสียงห้วนๆ แววตาที่คาดเดาไม่ออกว่าคิดอะไร



“พี่ราชมีฝาแฝดไหมครับ” เขาพยักหน้า ไม่ตื่นเต้นตกใจอะไรเลยสักนิด

“รู้จักมันเหรอ”

“ครับ พี่เขาเป็นรูมเมตผม” ดวงตาสีดำของเขาเกือบเหมือนพี่ปราชญ์ แต่มีบางอย่างที่ผมว่าไม่เหมือน ตาของพี่คนนี้เหมือนหลุมที่ลึกกว่ากว้างกว่า

“น้องเองเหรอเพื่อนอมร”

“ครับ” ผมรีบเบนสายตาออกกลัวเขารู้ว่าเผลอจ้องตาเขาอยู่

“นักปราชญ์เป็นพี่ชายฝาแฝดของพี่เอง”



นักปราชญ์กับราชครู พ่อแม่เข้าใจตั้งชื่อพวกพี่เนอะ โคตรเท่ ดูผมดิโดนล้อตั้งแต่เด็กว่าชื่อสุรา



“มิน่าตอนเจอกันพี่ปราชญ์จำผมไม่ได้” คุณโต้งมองผมสองคนสลับกัน ราวกับกำลังจังหวะพูดบ้าง แต่ยังไม่เจอจังหวะนั้น

“เดี๋ยวนะพูดถึงคืนนั้น ทิ้งพี่ไว้คนเดียวได้ไง เป็นห่วงมากรู้ไหม ไปหาทั่วสะพานพระรามต่างๆ เลย”

“สะพานพระรามต่างๆ ไปไมอ่ะพี่”

“เอ้าร้องไห้ขนาดนั้น นึกว่าคิดสั้นอ่ะดิ”

“หา!! ” ไม่บอกเขาหรอก ว่าผมหนีเขานั่นแหละ



“สรุปว่ามึงรู้จัก เพราะเคยเจอกันตอนเขาร้องไห้ สุรคุณเป็นอะไร” คุณโต้งช่วยข้ามคำถามนี้ไปได้ไหมครับ

“เออ..เรื่องมันไม่มีอะไรแล้วครับ”

“ไอ่ไก่มึงจะถามให้น้องคิดมากอีกไมวะ”

“ได้ข่าวว่ามึงก็ถามก่อนกูอีกนะไอ่ราช”

“อ่ะ..ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบห้ามทัพ คุยกันสักพักพี่ราชก็เอาเรื่องพี่เทพพร้อมหลักฐานต่างๆ ให้เราดู พร้อมสรุปความคืบหน้า

“แม่งหนีไปลาวตั้งแต่ต้นเดือน บ้านก็ขายไปแล้ว ป่านนี้ไปไหนแล้วไม่รู้”

สรุปคือพี่เทพหายไปอย่างไร้ร่องรอย และผมก็บริสุทธิ์ชีวิตกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ถ้าเราไม่ไปกันต่อที่....





ปั่นยันหว่าง



ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ผม พี่ราชครู และคุณโต้ง กำลังนั่งสุมหัวกันที่ร้านเหล้าปั่น ชื่อร้านปั่นยันหว่าง ใครคิดชื่อครับครีเอทดีจัง เพลงที่เปิดก็สตริงทั่วไป บรรยากาศดีทีเดียว

“นอนกับไอ่ปราชญ์นานยัง” พี่ราชถามขึ้นมา คุณโต้งหันมารอฟังอย่างสนใจ

“เพิ่งจะย้ายมานอนกับผมได้ครึ่งเดือนครับ แรกๆ พี่ปราชญ์นอนโซฟา”

“พรวดดด แค่กๆ” พี่ราชลูบหลังคุณโต้ง แต่สีหน้าเฉยๆ แต่คุณโต้งหน้าตาตื่นมาก ผมพูดอะไรผิด

“สรุปว่า..ได้..อื้ม ชนดีกว่า ชนๆ” ได้อะไรของพี่ พูดก็ไม่จบ



ชั่วโมงต่อมาคุณโต้งเอาแต่พึมพำว่าหมาคาบไปแดก พี่ราชคอยปลอบว่าไม่เป็นไรค่อยหาใหม่ ผมมองทั่วร้านมีแต่สาวแก่ หน้าขาวคอดำ คงไม่ใช่สาวในร้านนี้หรอกมั้งที่เป็นต้นเหตุ



“พี่ทำสวนมะม่วงดีไหมครับ” คุณโต้งเอาแต่ยกแก้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็เลยหาเรื่องผูกมิตรกับเจ้านายใหม่

“อ๋อ ให้เขาเช่าพี่ไม่ได้ปลูกเองหรอก แล้วเรากับไอ่ปราชญ์โอเคไหม”

“ดีครับ พี่ปราชญ์ใจดี ทำอาหารอร่อย เก่งด้วยไปสมัครงานที่เดียวได้เลย แล้วก็...”

“พอๆ คุยอะไรกันวะ ปวดหัว” ผมเห็นพี่ราชกระซิบอะไรคุณโต้ง แล้วก็หันมาบอกผม

“ไม่ต้องตกใจ ไอ่นี่มันคออ่อน เมาแล้วชอบทำตัวดราม่าอย่าใส่ใจ”

“ครับ” เมาแล้วชอบดราม่าเหมือนปั่นเลย กินเหล้าปั่น ก็อดคิดถึงน้ำปั่นไม่ได้ คิดไปคิดมาผมก็ดราม่าไปด้วยอีกคน

“พี่ราช”

“หือ ว่าไงครับน้องสุร”

“พี่เรียกผมว่าสุก็ได้ พี่ปราชญ์ก็เรียกแบบนั้น”

“จะดีเหรอ”

“ทำไมไม่ดีอ่ะ”

“เออ..ก็ได้ ต้นเดือนคงได้ทำงานด้วยกัน มีอะไรก็แนะนำพี่ด้วยนะ”

“ผมนะจะมีอะไรไปแนะนำพี่”

“อย่ามาๆ ไก่มันชมบ่อยว่าเราทำงานเก่ง ว่าแต่จะถามไรพี่ป่ะ”

“อ่า ขอบคุณครับ ผมจะถามเรื่องพี่ปราชญ์ คือ..เขามีแฟนยังพี่” พี่ราชครูมองหน้าผมงงๆ

“อ้าวไหนว่านอนกับมัน ไม่ใช่แฟนมันเหรอ” ไม่ใช่ล่ะ ผมส่ายหัวดิกๆ

“ผมหมายถึงนอนเตียงเดียวกันเฉยๆ ผู้ชายกับผู้ชายนะพี่”

“สรุปน้องไม่ใช่เกย์”

“ผมผู้ชายทั้งแท่ง ชอบผู้หญิง แม้ว่าจะเพิ่งโดนทิ้งมาก็ตาม” เอิ่มจะไปบอกเขาทำไมวะกู

ผมว่าผมเริ่มมึนแล้วนะ



พี่ราชยกมือลูบหน้าตัวเอง มองคุณโต้งแล้วส่ายหัว คิดว่าพี่เขาก็คงจะเมาแล้วเหมือนกันดูจากสายตาที่เยิ้มของเขา



“กลับกันเถอะ คืนนี้นอนที่บ้านพี่ก็แล้วกันเนอะ ไอ่ไก้คงขับรถไม่ไหว”

“ครับ”



แล้วเราสามคนก็ออกจากปั่นยันหว่าง กลับมาที่สวนมะม่วง



“น้องนอนชั้นสองห้องซ้ายสุดนะ เดี๋ยวพี่พาไอ่นี่ไปห้องมันก่อน”



พี่เจ้าของบ้านพยุงเพื่อนไปแล้ว ผมอยากช่วยแต่ตอนนี้ แรงจะเดินขึ้นบันไดยังต้องนั่งรอเลย รอให้ส่างค่อยขึ้นตอนนี้ขอนั่งสักพัก ตอนแรกว่ามึน แต่ตอนลุกออกมานี่เมาชัดๆ สมเป็นสูตรเหล้าปั่นที่ดื่มง่ายเมาง่าวเหมือนที่พี่ราชบอกไว้



ได้สติกลับมานิดหน่อยผมก็แทบจะคลานขึ้นห้อง ชั้นสองขวาหรือซ้ายนะสุรลืม ขวามั้งเดินโซเซไปทางขวาเจอห้องสุดท้ายก็ เดินไปเข้าห้องน้ำ ร้อนมากถอดต้องถอด อาบน้ำนิดหน่อย ผมเป็นคนรักความสะอาด ไม่อาบน้ำนอนไม่หลับ



เสื้อผ้าไม่ต้องใส่กองไว้ข้างเตียง นอนคนเดียวผมไม่ชอบใส่อะไร ยิ่งเมาด้วยมันยิ่งร้อน



“น้องสุ!! ”



“ครายย” ผมฝืนตาถาม แต่มันมืดหรือเมาก็ไม่รู้ หัวหนักตาหนักไปหมด ในหัวอื้ออึง รู้สึกตกใจนิดหน่อยแต่เสียงผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงก็โอเค

เหมือนถูกจับขาลูบขึ้นมาที่ส่วนสิบแปดบวก เสียวใครทำให้ผมเสียววะ พี่ราชหรือคุณโต้ง ถึงจะเมาและเกือบจะไม่ได้สติ แต่ผมรู้ดีกำลังจะถูกใครสักคนลวนลาม

“ถามว่าคราย” ส่งเสียงอ้อแอ้ถามออกไป

“พี่ราชครูครับ” เสียงแนะนำตัวดังในหูทำเอาผมขนลุกซู่ไปหมด เมาและอยากปลดปล่อยคือสิ่งที่คิดตอนนี้ แต่พี่แม่งผู้ชายนะ นี่ผมมีอารมณ์กับผู้ชาย ผมเป็นเกย์เหรอ

“ไม่เคยละสิ พี่สัญญาจะไม่ทิ้งรอย”



หลังจากนั้น..



ไม่ๆ ผมไม่ได้หลับวูบเหมือนตอนเห็นเลือด ยังรู้สึกทุกสัมผัสที่ได้รับจากอีกคน หนังบางข้างบอกข้าวหลามที่ขยับรั้งเบาและเร็วขึ้นจนหลุดคราง กลิ่นคาวกับกลิ่นผู้ชายดิบเถื่อนทำให้ผมรู้สึกแปลก เป็นเซ็กส์รูปแบบแปลกใหม่ที่ผมไม่เคยลอง



ทำไมผมไม่รังเกียจสักนิด กลับรู้สึกดี อย่างน้อยน่าจะตกใจบ้างนะ ผมง่ายขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเลย มันเสียวจนคิดอะไรไม่ออก เพราะน้ำจะออก อย่างอื่นก็ไม่มีความหมาย รู้สึกอยากมากกว่าตอนทำกับปั่นซะอีก

“พี่ขอลิ้นหน่อย” คำพูดตรงๆ กับเนื้อแน่นๆ ที่บดบี้กัน พี่ราชกำลังใช้ลิ้นเขาต้อนลิ้นผมไปจัดการ กลิ่นเหล้าปั่นปนออกมากับลมหายใจ ความหวานมาจากน้ำเชื่อมที่ผสมในเหล้าหรือจากลิ้นของเขาผมยังพิสูจน์ไม่ได้



มือเขาสอดประคองหัวผมให้ยกขึ้นรับจูบเขาได้ถนัด เสียงลมหายใจดังสะท้อนกันและกันในความมืด ผมเริ่มไม่มีแรงจะจูบตอบ ทำได้แค่บิดตัวไปมาด้วยแรงที่มีน้อยนิดเพื่อระบายอารมณ์



เขาเลื่อนลงจูบเบาๆ ที่ต้นคอ ลากลิ้นไปที่ไหปลาร้า และมาจบที่เนินนม สีอะไรไม่บอกได้ไหมมันอายน่ะ ขณะที่ผมเสียวแว๊บที่น้องมะลิ ต้นขาแน่นไร้ไขมันของเขาก็เบียดน้องชายผมจนขยายขึ้นเรื่อยๆ พี่ใช้ทุกส่วนเปิดเกมรุกจนผมที่เป็นชายแท้โคตรเคลิ้ม จะเคลิ้มเพราะเมาก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมว่าพี่ราชแม่งร้ายกาจ



“พี่ราช ยะ...อย่าครับ”



















ตัดจบ หลบขวด อร๊ายยย น้องสุรจะเสียประตูกับโจรก๋วยเตี๋ยวแบบนี้จริงดิ พี่มาทีหลังแต่ได้ทุกอย่างเลยเหรอพี่ราชครู ปล. จะไม่มีใครโผล่มาอีกแล้วใช่ไหม ขอคิดก่อนนะคะ

ปล. เจอคำผิดแจ้งคนเขียน จะเป็นพระคุณมากค่ะ ไหว้ย่อ





#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-01-2019 15:43:41
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 26-01-2019 16:06:24
อ้าวสุร คนแรกก็ราชครูเลยนะ :hao3: พี่ปราชญ์อ้อยจั้งนานยังไม่ได้เลย

หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-01-2019 16:27:48
มาวินเฉยเลย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-01-2019 17:38:57
อะจ๊ากกกกก ......... อ่านไปว่า สุรถวายบัว   :z3: :z3: :z3:
ที่แท้ถวายตัว ....ยังเข้าใจว่ากับปราชญ์  :เฮ้อ: :really2: :serius2:
กลายเป็นแฝดของปราชญ์ ชื่อราชครู  :a5:
แถมเป็นนักวิ่งที่เคยลากสุรที่อกหักร้องไห้ ไปกินก๋วยเตี๋ยวซะด้วย   o22
เอิ่ม....พ่อแม่(ไรท์ น่ะแหละ)เข้าใจตั้งชื่อแฝดจริงๆ  :katai2-1:

เอ่อ.....กลุ่มโต้งนี่มีความชอบเดียวกันเจงๆ   :mew1:
โต้ง เอ๊ย....ฟูมฟักสุรมา ก็นานไม่น้อย
เข้าใจว่าสุร นอนกับปราชญ์ไปแล้ว ใจน้อยชิงเมาก่อนเลยอดเลย  :hao5:
ให้ปราชญ์ มาแรงแซงหน้าไปและ
แต่ก็แซงแบบค้างๆคา......เอิ่มมม..... ขอปาขวดด้วยคน  :angry2: :serius2:
สนุกมากกกกกกกก  :katai2-1:   :z3: :z3: :z3:
ไม่ 4P ก็ 3P ก็ได้.....ไม่เกี่ยงนะ ยอมมมมม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: zhai ที่ 26-01-2019 19:58:18
สุร ต้องแปลว่า เทวดาเนื้อหอม
ช่างเป็นที่ต้องตาของหนุ่มๆ เหลือเกิ๊นนน
ถ้าให้จิ้นหน้าตาของสุร
น่าจะน่ารัก ขาวๆ ความสูงมาตรฐานชายไทย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-01-2019 21:20:50
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-01-2019 21:57:49
สรุปราชครูพระเอกรึมาแรงแซงหน้าคาบเป็นกินกลางตลอดตัวซะก่อนที่เหลือก็แห้วสมหวังไปกินก่อนซะ :hao3: :katai5:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-01-2019 00:36:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องนี้มีแต่คนคิดจะเคลมน้องเทวดาสุร  555
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-01-2019 09:53:11
ชีวิตบันเทิงมากสุร ฮ็อตเหลือเกินลูกเอ้ย แล้วพี่ราชครูเจอแค่สองครั้งจะลัดคิวกินสุรเลยมันก็เร็วไปปปปป
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 8 สุรถวายตัว
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-01-2019 13:19:00
อ้าวคุณโต้ง อยู่ดีไม่ว่าดีเอาเนื้อมาถวายเขาถึงที่
อิคุณราชก็เคลมเร็วไม่เกรงใจพี่ชายผู้แสนดีเล้ยย ขุนให้อ้วนอยู่ตั้งนาน คาบไปเฉยเลย คุณปราชญ์ยังไม่ได้แม้กระทั่งจุ๊บสักทีเลยนะโว้ยย แต่น้องสุก็จัดพี่เขาเข้าบราเธอร์โซนไปแล้วนะสิ
อิน้องสุก็ดึงดูดแก๊งนี้เหลือเกิน
รสนิยมเดียวกันเลยคบกันได้สินะ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 27-01-2019 15:24:35
ตอน 9

สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด





“พี่ราช ยะ...อย่าครับ” ไม่รู้ว่าจะห้ามทำไมเสียงสั่นแบบนี้ เงียบไปซะยังจะดีกว่า ผมไม่ใช่เด็กใสๆ รู้ดีว่ากระเส่าเท่ากับอ่อย

“พี่ราช อึก....” มือพี่ว่าทักษะดีแล้วปากพี่ผมว่าเด็ด ไม่เคยมีใครกินไอติมถึงใจเท่านี้มาก่อน ความจริงก็มีแค่ปั่น ประสบการณ์บนเตียงเลยไม่ค่อยโชกโชนเท่าไหร่

ผมกดเสียงต่ำในลำคอ ลากมันไปตามอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิง ทุกส่วนในความรู้สึกที่มาจากสัมผัสของพี่ราช เริ่มฉ่ำชาจนเกินจะกลั้นไหว ความต้องการของผู้ชายอยากจะห้ามใจอยู่แล้ว ปล่อยให้พี่เขากระทำอะไรๆ ตามใจเขา แต่ถึงอยากจะห้ามก็ไม่มีแรงหรอกครับ ไม่น่าไปปั่นยันหว่างเลย โดนปั่นยันหว่างรึเปล่าวะเนี่ยกู

เพิ่งเข้าใจคำว่ารีดน้ำก็ตอนนี้ กี่โมงไม่รู้ แต่ให้เดาคงเลยตีสองมาแล้ว โดนแทะโลมจากพี่หัวหน้าคนใหม่จนน้ำจะหมดตัว ทั้งปากทั้งมือไปทัวร์สวรรค์ชนิดติดๆ เหมือนอยู่หลังบ้านก้าวขาไปนิดก็ถึงอะไรแบบนั้น

“แรงดีนะเรา ขนาดเมาจนลุกไม่ขึ้น” ผมได้แต่อ้าปากซัดลมหายใจ ปาไปในอากาศ พรุ่งนี้จะเป็นยังไง จะมองหน้ากันติดไหม ช่างมัน!!!

“พี่ไม่ขอโทษนะ ยังไม่ได้ทำอะไร น้องยังบริสุทธิ์” ปลายประโยคแผ่วเบาระดับเดียวกับลมหายใจ สำนึกสุดท้ายคือถูกลูบไล้แผ่นหลังลามลงสะโพก ถูกเขาบีบก้นขยำอย่างเพลิดเพลินก่อนจะ zzzZZZZ



เช้านี้ที่สวนมะม่วง ผมรู้ตัวแล้วแต่ยังไม่กล้าลืมตาขึ้นมาเผชิญความจริง เมื่อคืนผมไม่โดนเขาทำอะไรมากไปกว่ารีดน้ำ แต่ก็ปวดหัวนิดๆ เพราะเหล้าหวานมันแรงเป็นบ้า ตอนนี้ผมก็ใกล้บ้าหน่อยๆ จะมองหน้าพี่ราชยังไง ต้องทำงานกับเขาอีก โอ๊ยยยย

“น้องยังไม่ตื่นเลยว่ะ เออๆ” เสียงพี่ราชครูดังอยู่ไม่ไกล น่าจะห้องนี้แหละแต่ไม่ใช่เตียงเดียวกันแน่ๆ

สักพักรู้สึกพื้นที่ข้างเตียงยุบลง ผมควรทำไงดี? สติสรุ เทวดาต้องมีสติ โอเคหนึ่งผมมีเสื้อผ้าบนตัว สองผมเมามาก สามผมไม่พูดพี่ไม่รู้ว่าผมจำได้ โอเคตามนี้

“อืออ” ค่อยๆ เปิดเปลือกตา เคี้ยวปากแจ่บๆ ผมเพิ่งรู้ตัวตื่น เนียนซะไม่มี

“ตื่นแล้วเหรอ ไปอาบน้ำไหวไหม” เขานั่งปลายเตียงส่งเสียงถามมา ทุกอย่างปรกติไม่มีอาการเยิ้มนัยน์ตาให้เห็น เอะหรือว่าผมฝันไป ฝันเปียกกับพี่ราชเนี่ยนะ

“วะ ไหวครับ” แล้วกูจะสั่นทำไม หยุดดดดด

“ดี งั้นพี่ลงไปรอข้างล่างนะ รีบหน่อยละกัน ไก่มันบอกมีธุระด่วน” ผมพยักหน้าสองทีพี่ก็ลุกออกไป ไม่มีสาม ไม่มีสี่ ไม่มีแปด โนเอฟเวอร์รี่ติง

ก้มลงมองตัวเอง ก็ชุดเมื่อคืนนี่หว่า ผ้าปูก็ไม่มีคราบอะไร เดินลงเตียงได้ไม่เจ็บไม่ปวด ยกเว้นหัวมึนและจี๊ดบ้าง รีบจัดการตัวเองด้วยน้ำจนสะอาด แปรงฟันใหม่ยังไม่ได้แกะพี่ราชคงเตรียมไว้ให้ เสร็จก็ลงไปหาเจ้านาย

“เดี๋ยวค่อยไปหาอะไรกินข้างทางเนอะ” คุณโต้งเหมือนขอความคิดเห็น แต่สำหรับเจ้านายผมว่ามันเป็นคำสั่งมากกว่า แล้วผมเลือกอะไรได้ไหม นอกจาก “ครับ”



ขาก้าวขึ้นรถแบบงงๆ เจ้าของบ้านไม่ได้มาส่ง แต่ในนาทีที่รถกำลังจะแล่นออกจากสวนผมก็นึกอะไรออก เมื่อคืนก่อนนอนผมอาบน้ำ และถอดทุกอย่างข้างเตียง แต่ตื่นมาผมใส่ทุกอย่างครบเต็มยศ ความงงหายไป ความสงสัยว่าฝันก็ด้วย

“ค้างไหม อยากอ้วกบอกผมนะ” เจ้านายไก่บอก ดูเขาเป็นห่วงแต่ก็เศร้าพิลึก เมื่อคืนเหมือนคุณเขาจะอกหัก ผมเข้าใจดีว่าอาการมันเป็นยังไง คุณโต้งกลับมาเป็นเจ้านายที่ใจดีที่สุดในโลกของผมแล้วนะ อุตส่าห์หาทางให้ผมบริสุทธิ์ เดี๋ยวนะคำนี้มันคุ้นๆ เมื่อคืนก่อนนอน แม่ง!! เสือกจำได้หมดเลยตอนนี้ ย้ำว่าทุกประโยคเลย อุทานเป็นชื่อสัตว์เลื้อยคลานทุกตัวบนโลกก็คงไม่พอ

“ขอบคุณครับ ผมแค่ปวดหัวนิดหน่อย คุณโต้งขับไม่ไหวเปลี่ยนผมขับได้นะ” เสนอตัวไปแต่ก็แอบกลัว เคยขับตอนอยู่บ้านแต่นานแล้วไม่ได้จับพวงมาลัย

“ไม่เป็นไร นอนไปเถอะ ฟังเพลงไหม” จบคำถามพี่ก็เปิดเพลง ไม่สิเปิดวิทยุคลื่นไหนไม่รู้แต่เสียงดีเจดังมาก่อนเพลง

‘มันจะมีบางวันค่ะ ที่เราอยากให้เรื่องเมื่อวานเป็นแค่ความฝัน แต่อย่าลืมว่าถึงเราไม่อยากยอมรับยังไง ความจริงก็ไม่ได้เห็นใจเราหรอก ช่วงเพลงเก่าเศร้าไม่เลิกวันนี้ มีคนแนะนำเพลงนี้เข้ามาค่ะ คนถูกทิ้ง พี่หมูมูซู’

“ไม่อยากให้ฉันเศร้าใจ...ก็แค่รักลวงๆ เมื่อไหร่จะลืมสักที.....แต่คนถูกทิ้งก็เป็นอย่างเนี๊ยะ......ก็คนที่แพ้ก็ต้องแบบเนี๊ยะ.......จมอยู่กับน้ำตาอาห๊าาา”

“ทำไมอินเพลงอกหักล่ะ” ผมได้สติหันไปมองคนถาม ผมเศร้าออกนอกหน้าแบบนั้นเลยเหรอ

“ก็คนถูกทิ้งก็เป็นอย่างนี้แหละครับ” ความจริงผมแค่อินเพลงไม่ได้เศร้ามากมายอะไร เรื่องเมื่อคืนยังทำให้ผมคิดมากกว่าซะอีก

“ถูกทิ้ง!!”

“ครับ ที่พี่ราชเจอผมคืนนั้น คือเพิ่งไปหาแฟนแต่เจอเธอ...กับคนอื่น” เล่าไปเพราะจะได้ปลอบใจคุณโต้งด้วยว่าผมก็อกหักมาเหมือนเขาแหละ

“อ้าว ไหนว่าคบกับแฝดไอ่ราช” หา!!!! อะไรนะ

“พี่ปราชญ์เป็นเมตผมครับ นอนเตียงเดียวกันต้องคบกันเหรอ ผมเป็นผู้...ชาย” แล้วทำไมคำว่าชายกูเบาเหมือนมีเสมหะขึ้นมากะทันหันแบบนี้

“...............” คุณโต้งเงียบ เพลงเศร้ายังดังขึ้นมาอีกเพลง แต่เจ้านายกลับฮัมเพลงแล้วยิ้ม คือร่ะ ทำใจได้ไวเว่อร์ เอะหรือว่า..เขาอกหักเพราะคิดว่าผมคบกับพี่ปราชญ์ แต่เขามีคู่หมั้นแล้วพี่โอ๋เอ๋บอกผม

“คุณโต้งครับ” มีคู่หมั้นยัง

“ว่าไง หิวเหรอ หรืออยากอ้วก” เสียงเปลี่ยน สายตาอ่อนลง ชัดเจนจนไม่ต้องพูดอะไร ว่าแต่เขามีคู่หมั้นแล้วนะเห้ย

“หิวนิดหน่อย ก็ได้ครับ” ตอบไปก่อนไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“เหมือนคุณมีเรื่องอยากถามผมนะ” เชดดดดดด เก่งไปอีก

“อ่ะ..อืมมม ผม..คือ..” ขณะที่ผมกำลังจะเสียเวลากับคำสิ้นเปลืองไปมากกว่านั้น เจ้านายก็ตบไฟเลี้ยวเข้าร้านข้างทาง ร้านก๋วยเตี๋ยว!! มันทำให้ผมคิดถึงคืนที่เจอพี่ราชที่ป้ายรถเมล์ คิดถึงเขาทำไมเนี่ย

“ตอนนี้สุรโสดใช่ไหม” อ่ะ อะไรนะ

“ครับ?” ครับของผมคืออะไรนะครับ

“ผมก็โสดเหมือนกัน”

“........” ???

“ไปกัน ซดน้ำร้อนๆ จะได้ดีขึ้น”

กลายเป็นว่าผมเปิดทางกับเขาว่าผมโสด คุณ็โสดเราจีบกันเถอะอย่างนี้ไหม บ้าไปแล้ว ทีละคนทีละเรื่องได้ไหม แค่พี่ราชก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว

“คุณเอาอะไรสั่งเลย”

“ต้มเลือดหมูครับ” วันนี้ผมไม่อยากกินก๋วยเตี๋ยว

“เอาน้ำผึ้งมะนาวเนอะจะได้สดชื่น”

“ครับ ขอบคุณครับ”

พอของกินมา..

“เป็นไงอร่อยไหม”

“ครับ”

ตอนคุณโต้งเอาอกเอาใจถามนั่น เสนอนี่ให้ผมตอบรับแบบหน่ายๆ เซ็งๆ แต่พอเขาเริ่มพูดถึงใครบางคน ผมนี่หูผึ่งขึ้นมาทันที

“แฝดไอ่ราชหน้าเหมือนกันมากเลยเหรอ”

“มากครับ” ก็ฝาแฝดอ่ะ

“มันเคยพูดถึงแต่ผมไม่เคยเห็นหน้า”

“อ้าว..เหรอครับ” ไหนว่าเพื่อนสมัยมัธยมไง

“พ่อกับแม่มันเลิกกัน ลูกเลยต้องแยกกันเลี้ยง” อ๋ออย่างนั้นเหรอ



“พี่ราชมีแฟนยังครับ” ผมถามคุณโต้งไปแบบนั้น เพราะถ้าเขามีแฟนแล้วจะได้ไม่ต้องคิดมาก เมื่อคืนอาจแค่อารมณ์เปลี่ยวของผู้ชายสองคนที่เมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ก็แค่นั้น

คุณโต้งคีบเส้นจ่อปากค้างสามวิ ก่อนจะมองผมจริงจัง

“เอ่อ..ผมแค่อยากรู้น่ะครับ เดี๋ยวต้องทำงานกับพี่เขา”

“อ้อ..มีแล้วมั้ง เห็นอย่างนั้นสาวมันเยอะจะตาย” ไม่แปลกใจลีลาขนาดนั้น

“หมูนุ่มอร่อยมากเลยครับผมให้” เขาให้ลูกชิ้นผมบ่อยๆ แค่หมูนุ่มผมให้เขาได้ แต่เลือดหมูไม่ให้นะของโปรดผม

เจ้านายดูตกใจ หรือผมไม่ควรทำแบบนั้นวะ ไม่ทันล่ะ

“ผมขอโทษครับ” ไม่กินก็โยนกลับมา

“ไม่ๆ ผมแค่..ขอบใจนะ” คุณโต้งคีบหมูของผมไปเคี้ยวตุ้ยๆ



“อร่อยจริงด้วย เอ่อเดี๋ยวเราจะผ่านวัด คุณอยากแวะไหว้พระไหม” ได้ข่าวว่าคุณเจ้านายรีบไปธุระไม่ใช่รึ

“ไม่เป็นไรครับ พี่ราชบอกคุณโต้งมีธุระ”

“ไม่มีๆ ว่างแล้ว ผมว่างทั้งวันเลย” เมื่อคืนเขาบอกว่า วันนี้ให้ลางานได้หนึ่งวัน แบบไม่มีผลกับเบี้ยขยันด้วย ใจดีสุดๆ แต่ก็อย่างว่าเขาจีบผมนี่นะ เอ...เรื่องเขาจีบผมนี่สรุปจริงใช่ไหม แต่ผมกับเพื่อนเขาเพิ่งจะ....

“ทำหน้ายุ่งเลย เป็นอะไรครับ” เสียงอ่อนโยนกลับมาอีกแล้ว

“ผมว่าผมลืมของครับ” เพิ่งจะรู้ตัวว่าลืมมือถือไว้ที่บ้านพี่ราช ก็ตอนคุณโต้งถามนี่แหละ

“อ้าว สำคัญเลยนะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวกลับไปเอา”

“แต่..เรามาไกลแล้ว ไม่เป็นไรครับ จันทร์หน้าค่อยให้พี่ราชเอามาให้” แต่ถ้าคนอื่นติดต่อเรื่องงานก็โทรภายในเอา

“ได้ไง ผมจะโทรหาไม่ได้ดิ”

“คุณโต้งโทรสั่งงานผมที่โต๊ะก็ได้ครับ” แต่ช่วงนี้ผมก็นั่งกับคุณนะ

“หมายถึงถ้าจะโทรหานอกเวลางาน ผมโทรได้ไหม” โทรมาจีบเหรอ

“คุณโต้งมีคู่หมั้นแล้วใช่ไหมครับ” เอาให้ชัดเจนไปเลยเถอะ ขี้เกียจคิดเองเหนื่อย

“อื้มมม คุณรู้ด้วยเหรอ” นั่นง่ะ แล้วจะมาจีบกู เดี๋ยวผมจะอินเนอร์สาวทำไม อีกนิดก็จะเท้าเอวใส่เขาแล้วสุร

“ครับ”

“พ่อกับแม่จับหมั้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก่อนจะ..ก่อนที่จะมีเรื่องสุเทพได้ไม่นาน ถ้าผมรู้จักคุณก่อน ผมจะไม่หมั้น” แต่ผมว่าหมั้นก็ดีครับ

“ทำไมล่ะครับ”

“ผมชอบคุณสุร” พนักงานที่ยืนเสริฟ์อยู่โต๊ะข้างๆ กับลูกค้าที่นั่งใกล้กัน คอตั้งมองเราสองคนด้วยหางตา ส่วนผมไม่คิดว่าจะได้ฟังอะไรตรงๆ แบบนี้ในร้านก๋วยเตี๋ยว

“ผม...”

“ไม่ต้องตอบผมหรอก แค่อยากบอกให้รู้ ส่วนที่หมั้น ผมไม่แต่งหรอกถ้าคุณโอเค ผมก็เลือกคุณ ศรเป็นเพื่อนผมตั้งแต่เด็ก มีแฟนเป็นผู้หญิง เราแค่หมั้นให้มันจบๆ ไป”

ไม่ต่างจากตอนผมขึ้นรถสายที่ไม่คุ้นเคย มึนสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งที่รู้แหละว่าเขาคิดยังไงกับผม แต่ผมไม่รู้เลยว่าต้องจัดการหรือตอบเขาว่ายังไง



เราสองคนกินอิ่มก็วกรถกลับทางเดิม เพลงในรถยังดังต่อเนื่องแต่ไม่ได้รับความสนใจจากผมเลย ที่บ้านพี่ราชจะเจอเขาไหม และเรื่องที่เพิ่งโดนคุณโต้งสารภาพรัก ไหนจะเรื่องพี่ธาดาก่อนหน้านี้ มึงฮอตไปไหมสุร

“มึงอยู่ไหม น้องลืมมือถือว่ะ โทรกลับกูด้วยนะ” ท่าทางจะไม่มีคนรับสายเจ้านายเลยฝากข้อความเสียงไว้

“ถ้าพี่ราชไม่อยู่คุณโต้งก็เสียเวลาวกรถเปล่าๆ นะครับ” ผมบอกด้วยความเกรงใจ เขาชอบผม แต่ก็ไม่ใช่แฟน แถมเป็นเจ้านายอีก

“ไม่เป็นไรบอกแล้วไง ผมทำเพื่อตัวเองล้วนๆ ถ้ามันไม่อยู่ ผมซื้อให้ใหม่” ซะ ซื้อให้ใหม่

“ไม่เอาครับคุณโต้ง” เปย์ผมทำไม ของฟรีผมอยากได้ แต่ผมไม่เอาตัวเข้าแลกนะ

“ฮึ” ยังจะขำใส่ผมอีก



รถแล่นผ่านทางเข้าสวนไม่นานผมกับคุณโต้งก็มายืนหน้าบ้านหลังเดิม เราสองคนเดินเข้าไปในตัวบ้าน ประตูไม่ได้ล็อกแปลว่าเจ้าของบ้านยังอยู่ เดินเข้าไปข้างใน คุณโต้งกำลังจะอ้าปากตะโกนแต่ก็ได้ยินเสียงครางซี๊ดซ๊าดดังออกมา

“อื้มมม ราชขาอย่าแรงนักสิ....วันนี้ไปคึกมาจากไหนนะ...เบาๆ ...แววโอ๊ยย ราช” เสียงยังขนาดนี้ แล้วภาพจะขนาดไหน ผมกับคุณโต้งมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ไอ่ราช” คุณโต้งตะโกนทำทีเพิ่งมา สักพักได้ยินเสียงกุกกักดังออกมา และพี่ราชก็เดินออกมารับหน้าพวกเรา

“อ้าว กลับมาทำไมวะ” เขาหันมองผมแล้วนิ่ง ก่อนจะรีบพูดต่อ

“ละ ลืมอะไรไว้เหรอ”

“น้องลืมมือถือ”

“น่าจะตกบนห้องครับ” ผมบอกเขาเสียงปรกติ พี่ราชเดินนำให้ผมขึ้นไปหามือถือ ส่วนคุณโต้งขอเข้าห้องน้ำ ผมเดินผ่านโซนที่มาของเสียงไม่ผ่านการเซนเซอร์ ไม่พบคุณแววเจ้าของเสียง บางทีเธออาจหลบอยู่ในมุมไหนสักที่ ก็ไม่ใส่ใจ ออกจะโล่งใจอย่างน้อยพี่เขาก็ชายแท้ เมื่อคืนก็แค่อารมณ์พาไป

“เอาเบอร์มาพี่จะโทรเข้าดู” ผมบอกเลขสิบหลักเขาไป สักพักเขาบอกฝากข้อความ สงสัยแบตหมด

“จำได้ไหมใช้ครั้งสุดท้ายตอนไหน” เขาถามขณะก้มหน้าก้มตา ช่วยผมหากาแล็กซีโน๊ตเก้าที่ยังผ่อนไม่หมด

“ที่ร้านเหล้าปั่นครับ” ชิบหายแล้ว ไม่นะ!! ผมช็อกไปแล้ว

“เดี๋ยวพี่โทรถามเจ้าของร้านให้” พี่เขาตบบ่าบอกว่าไม่ต้องเครียด ไม่เครียดไม่ได้ครับมันยังผ่านไม่หมดเลย ฮือออ เรื่องอื่นหลบไปเรื่องใหญ่คือโน๊ตเก้าผมหาย

ได้ยินพี่คุยกับใครสักคนในสายอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง สักพักก็เดินเข้ามาบอกผม

“ที่ร้านบอกไม่มี เอาอย่างนี้ พี่มีเครื่องสำรองเอาไปใช้ก่อน เดี๋ยวจะช่วยหาในบ้านอีกทีเคนะ” ผมพยักหน้าแบบจำใจ แต่มือถือสำรองขอไม่เอา ลุกเดินไปแบบไร้ชีวิต ก่อนจะพ้นประตูห้องเขารั้งไหล่ผมไว้

“เดี๋ยวก็เจอ อย่าคิดมาก” เหมือนพี่ราชมีเรื่องจะพูดกับผมมากกว่าที่พูด แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรมากไปกว่า มือถือผมอยู่ไหน

“ขอบคุณครับ ขอโทษที่รบกวนพี่นะครับ” บอกแค่นั้นแล้วผมก็เดินลงไปหาคุณโต้ง

เจ้านายกับเพื่อนคุณกันไม่กี่คำ เราก็ออกจากบ้านนั้นมา

“เสียดายมากเลยเหรอ มีรูปคนสำคัญหรือไง” คุณโต้งชวนคุย

“เปล่าครับ ผมยังผ่อนไม่หมด” รูปเริบอะไรไม่มีหรอก ผมไม่ชอบถ่ายรูป จะมีก็แต่รูปไอ่แมน มันยืมถ่ายบอกกล้องผมสวย เพิ่งซื้อด้วยรูปปั่นยังไม่มีเลย รหัสล็อกหน้าจอยังไม่ได้ตั้งเพราะมัวแต่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เฮ้ออ เสียดาย

คุณโต้งคงรู้ว่าผมไม่มีอารมณ์จะคุย เลยเงียบไปตลอดทาง ไม่ได้แวะวัดอะไรทั้งนั้น



ลากเท้าขึ้นห้องยังไม่ทันได้ไขกุญแจ ประตูก็เปิดออก

“สุทำไมปราชญ์ติดต่อไม่ได้ เป็นห่วงรู้ไหม” เห็นหน้าพี่ปราชญ์ผมก็บ่นทันที

“มือถือสุหาย ปราชญ์คือยังผ่อนไม่หมดเลยอ่ะ เซ็ง เซ็ง โคตรเซ็ง” เหมือนเก็บกดมานานพี่นักปราชญ์ก็ท่าทีอ่อนลง ก่อนหน้านี้เหมือนพ่อยืนรอถามลูกว่ามึงไปไหนมา

“มาๆ กินข้าวมายัง มือถือเดี๋ยวปราชญ์พาไปบนให้หาเจอ อ่ะเอาเครื่องนี้ไปใช้ก่อน”

“บน?” ผมรับมือถือพี่ปราชญ์มา อดยิ้มกับวิธีการของพี่ไม่ได้

“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นา พี่เคยบนได้จริง ตอนนั้นกระเป๋าตังค์หาย ที่ศาลตายายใต้หอเรานี่แหละ” จริงดิ ผมมาถึงจุดนี้แล้วใช่มะ

“ไข่ดาวไหม เดี๋ยวเราไปซื้อธูปเทียนกัน”

“เอาไม่สุกสองฟอง” เหมือนมีร้านตามสั่งส่วนตัว

“กินไข่เกินวันละสองฟองไม่ดีนะ เดี๋ยวทำแกงกะหรี่ให้ดีกว่า” แต่ตามสั่งของผม สั่งไปก็ใช่ว่าจะได้ตามที่สั่ง

“............” ไม่มีอารมณ์จะอะไร ผมพยักหน้าพี่อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ ผมรอกิน

“ไปอาบน้ำไป จะได้หายร้อน”

“ไม่อ่ะ วันนี้ปราชญ์ไม่ไปทำงานเหรอ”

“เริ่มเดือนหน้า ไปอาบน้ำเชื่อปราชญ์สิ”

“เฮ้อออ” ผมถอนหายใจหนัก แต่ก็ลากเท้าไปอาบน้ำตามพี่เชฟสั่ง



สายน้ำฉ่ำเย็น กลิ่นหอมของสบู่และแชมพูสูตรเย็นขจัดรังแค ทำให้ดีขึ้นจริงๆ ของนอกกายไม่ตายก็หาเอาใหม่วะ แต่ผมจะไปลองบนดูนะเผื่อจะเจอ

“มาๆ นั่งๆ” ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็ถูกเรียกให้นั่ง แกงกะหรี่ไข่ดาวน่ากินมากเลยครับ ที่สำคัญอร่อยม๊ากกกก

“เป็นไง” ผมยกนิ้วโป้งให้เขาสองนิ้วเลย เขายิ้มให้สายตาเหมือนเอ็นดูเด็ก

“เออ ปราชญ์สุเจอพี่ราชครูด้วยนะ” พี่ทำหน้าตกใจ

“ที่ไหน”

“บ้านที่ราชบุรี ไปกับเจ้านาย เพิ่งรู้ว่าพี่ราชจะมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของสุ เรื่องมันยาวคือ....” ผมกินไปเล่าไป กินอิ่มก็เล่าจบพอดี ลุกไปล้างจานกับกระทะ

“สุ” เหมือนพี่เชฟไม่ค่อยสบายใจ เรื่องแฝดน้องเท่าไหร่

“มีอะไรรึเปล่า เล่าให้สุฟังได้นะ”

“สุต้องรับปากนะ จะต้องระวังตัวให้มากคือ...ปราชญ์เป็นห่วง” อย่ามาใช้ประโยคปลุกความเผือกในตัวสุรได้ไหมครับ

“พูดแค่นี้ งงนะ”

“ราชครูมันเจ้าชู้มาก คือแบบ..เฮ้อออ” ผมว่าผมพอเข้าใจ แต่คืออยากฟังมากกว่านี้อ่ะ

“เกี่ยวกับสุรึไง”

“เกี่ยวสิ เนี่ยแบบนี้สเปกมัน”

“หือออ ยังไงปราชญ์เอาดีๆ” พี่ปราชญ์ทำหน้าแบบกูไม่น่าพูดเลย แต่ไม่ทันแล้วพี่ต้องพูดครับกูรอฟังหนักมาก

“สุรู้ใช่ไหมรสนิยมเรื่องอย่างว่า บางคนเขาเรียกว่าไบ คือได้ทั้งหญิงและชาย สำหรับราชครูมันรักสนุกไม่ผูกพัน ผู้ชายที่มันชอบก็...แบบสุอ่ะ ถึงบอกให้ระวังตัว เข้าใจยัง”

ไม่ทันแล้วพี่ ผมทำหน้านิ่งไม่มีพิรุจหรอก อาศัยว่าเป็นคนหน้าเดียวอยู่แล้ว เลยไม่ต้องพยายามมาก

“ปราชญ์ละ” ผมเปลี่ยนประเด็นไปที่พี่เขา จะได้ไม่ต้องหยุดที่เรื่องพี่ราชนาน กลัวเขารู้

“ทำไม”

“ก็ปราชญ์ชอบผู้หญิงหรือ...ได้หมด” คอยดูนะพี่เขาต้องโวยวายใส่ผม

“แค่ชอบ ไม่ต้องสนใจเพศ” ตึงง!!

“.............” ผมยกน้ำขึ้นดื่มอึกๆ ทำหน้าไม่ถูก ที่ผ่านมาเขาหยอดกูจริงป่ะวะ

“กลัวไหม” พี่ปราชญ์ไม่ได้มองหน้าตอนถาม ผมกัดปากคิดนิดหน่อยก่อนตอบตามความจริง

“คือ..ช่วงก่อนที่ปราชญ์จะมาสุอกหัก แฟนผู้หญิงคบมาตั้งแต่มอหก หลังจากนั้นก็มีผู้ชายเข้ามาทำนองว่าชอบ แต่ปราชญ์คือมันแปลกๆ ไม่เชิงรังเกียจ แค่ไม่เข้าใจว่าที่สุกำลังเป็นเรียกว่าอะไร อาจจะแค่เหงา เศร้า ก็เลยรู้สึกไม่ได้ต่อต้านผู้ชาย ทั้งที่คิดว่าตัวเองชอบผู้หญิงมาตลอด”

พูดไปตั้งเยอะน้ำท่วมทุ่งฉิบหายเลย แค่จะบอกเขาว่าอย่าคิดอะไรกับผม ทำไมพูดไม่ได้

“สับสนเหรอ อย่างนี้ก็แปลว่ารู้สึกกับผู้ชายอยู่บ้าง” ผมกำลังทำให้เขามีความหวังไหมนะ

“ไม่ๆ ยังไงก็ยังชอบผู้หญิงอยู่”

“ทำไมไม่ชอบผู้ชายขอเหตุผล ไม่เคยลองคบจะรู้ได้ไงว่าไม่โอเค”

“.......” ความจริงเมื่อคืนก็ไม่แย่นะ หมายถึงกับพี่ราช แต่ผมไม่ได้ชอบพี่ราชนะแค่ชอบที่เขาทำให้เฉยๆ

“ปราชญ์ชอบสุ รู้ใช่ไหม” อ่ะมาเรื่องนี้ได้ไง

“งืม” ผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากงืมงำไปแค่นั้น

“ชอบมากตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ตอนแรกก็ชอบรูปร่างหน้าตา แต่นิสัยสุน่ะ โคตรน่ารัก ตรงๆ มีน้ำใจ ไม่เรื่องมาก กินง่ายอยู่ง่าย ไม่ขี้บ่น ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเพิ่งเคยได้ยินสุบ่นเรื่องมือถือหายนี่แหละ” เขาว่ายิ้มๆ ผมก็ชอบนิสัยพี่นะ แต่..

“ตอนนี้ปราชญ์เหมือนพี่ชายสุ”

“รู้ ถึงไม่อยากบอก แต่ไหนๆ ก็บอกแล้วไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ปราชญ์ไม่ได้คาดหวังว่าต้องสมหวัง” ผมมีอะไรดีวะ

ยังไม่ทันจะเปิดใจกันต่อ ก็มีสายเรียกเข้ามาหาพี่ปราชญ์ซะก่อน

“เออ แป๊บ” แล้วก็เดินออกไปคุยที่ระเบียง ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยนอนมองเพดาน มองไปมองมาตาหนัก แกล้งตายแม่งเลยปัญหาเยอะดีนัก



“สุตื่น” ลืมตาขึ้น นอกข้างเริ่มมืดแล้ว พี่ปราชญ์ว่าไปบนกันเถอะ อ่ะไปก็ไป เขาเตรียมธูปกับมาลัยให้ผมพร้อม

“พูดว่าไงอ่ะปราชญ์” ถามคนที่นั่งยองๆ ข้างกันตอนนี้ คนอื่นที่ผ่านไปมามองเราสองคนกันหมด แต่เพื่อมือถือที่ผ่อนไม่หมด ผมทำได้ทุกอย่าง

“บอกว่าตายาย สุทำมือถือหาย ที่ไหนก็เล่าไป ตายายช่วยหาหน่อย ถ้าหาเจอสุจะเอาอะไรมาถวายหรือจะทำอะไรให้”

“ยาวจัง ขออีกที” ผมสมองปลาทอง

“มา ปราชญ์บนให้” ผมยกธูปกับมาลัยให้เขาไป

“ลูกชื่อนักปราชญ์ มาขอให้ตากับยายช่วยหามือถือให้น้องสุ ถ้าเจอลูกจะไปส่งเขาที่ทำงานในวันที่ไม่มีเวรเช้าเป็นเวลาสามเดือน” ทำไมสั้นจัง

“เดี๋ยวนะ ปราชญ์บนอะไร”

“น่า เงียบๆ”

“ตากับยายช่วยลูกด้วยนะ สาธุ...สาธุสิ” เขายกศอกให้ผม ก็เลยสาธุตามเขาไป

“เสร็จแล้ว ปะ!! กลับห้อง” พี่ยิ้มแบบโล่งใจมาก

“ปราชญ์ที่บนไป ตายายไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรเลย ท่านจะช่วยเราเหรอ”

“จะอธิบายยังไงดีล่ะ คือ..สิ่งศักดิ์สิทธิ์อ่ะ ท่านชอบความท้าทาย ยิ่งเราบนอะไรยากที่จะทำได้ ก็จะยิ่งเห็นผลเร็ว เช่นว่าตัดผม หรือบวช อย่างเรื่องไปส่งสุที่ทำงานก็ยาก วันไหนปราชญ์ออกเวรเช้าก็ไปส่งสุต่อ เห็นมะยากมากเลย ต้องเจอมือถือแน่ๆ”

ทำไมผมรู้สึกโดนเขาหลอกยังไงไม่รู้ แต่ถ้าได้มือถือคืน รู้ว่าเขาหลอกผมก็เต็มใจให้หลอกอ่ะนะ







ชีวิตเทวดามันยุ่งเหยิงไปนะ แล้วมือถือหายไปไหน ตายายช่วยได้ไหม เฮ้อออ

สุร ต้องแปลว่า เทวดาเนื้อหอม หอมจริงไหมต้องไปถามพี่ราชครูค่ะ ^__^

อ่านความคิดเห็นแล้วฮาดังๆ ฮากว่าเนื้อหาไปอีก 5555


#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง
By Symbol A


หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-01-2019 16:05:09
 :a5:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 27-01-2019 16:29:12
ชีวิตสุรนี่มันบันเทิงจริงๆ ไม่มีพี่ราชแอบมือถือสุรไว้ทำไรเปล่า หรือจะมีชายอื่นเก็บได้อีก อืมมมมมม รออ่านดีกว่า  :katai1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-01-2019 17:05:29
 :laugh:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-01-2019 18:21:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่ราชครูมาคนสุดท้าย แต่เข้าวินเลยนาจา  อิอิ

ส่วนพี่นักปราชญ์แฝดพี่  นอนอยู่ด้วยกันทุกคืน  ยังไม่ได้แม้แต่แตะต้อง...เลย  หุหุ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 27-01-2019 21:37:14
เอ้า มารุมจีบกันมากมาย สุดท้ายเสดโจรแบบพี่ราชเหร อ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 27-01-2019 21:42:42
น้องสุ น้องไปให้ความหวังเขาแบบไม่ตั้งใจทุกคนเลยลูกกก 
คุณปราชญ์น่ารัก แต่ก็เจ้าเล่นะ ไม่หยิมจริงแน่ๆ
อิคุณราชมันร้าย ชิมน้องไปแล้ว ยังดีที่ไม่กินไปทั้งตัว บวกให้1แต้ม แต่แอบเอามือถือน้องไปซ่อนหรือปล่าว จะเก็บไปทำคุณไสยใช่มั้ย 5555
 มันตรงข้ามกันแปลกนะแฝดคู่นี้ เชียร์ไม่ถูกเลยเว้ย ออกตัวแรงกันทั้งน้านน
คุณธาดามาทำคะแนนหน่อย หายไปเลย
เสน่ห์แรงจนน่าปวดหัว คบมันทุกคนเลยมั้ยลูก ทดลองคนละเดือน คนไหนถูกใจสุดเลือกคนนั้น
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-01-2019 22:23:36
บทจะสารภาพรักก็มาติดๆกันเลย สับสนแทนสุรคนฮอต
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: jinutlove ที่ 27-01-2019 22:49:36
 :katai2-1: :pig4:รออ่านต่อคะสนุกมากกก
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 9 สุรกับมือถือที่ยังผ่อนไม่หมด
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-01-2019 22:53:51
     อ่านๆไปรู้สึกว่าปราชญ์ก็น่ารักไม่ฉกฉวยลวนลามกับสุรเหมือนราชครูซึ่งเราไม่ชอบนิสัยประเภทนี้ของราชครูเลย
     ส่วนคุณโต้งก็สุภาพดีตรงๆยอมรับมีคู่หมั่นแต่ถ้าสุรเลือกทางบ้านคุณโต้งจะยอมรับได้มั้ยขนาดบังคับหมั่นผู้หญิงถ้าคิดเอาสะไภ้ชายเข้าบ้านคงหินน่าดู
     ขอเชียร์คุณโต้งกับเชียร์ปราชญ์ละกันแต่ราชครูนี้ไม่ไหวจริง

     เหมือนเรามานั่งเชียร์ สาวโสดในรายการ "รู้มั้ยใครโสด"  หนักใจแทนสุร
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 แมนสรวง1
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 28-01-2019 15:47:32
ตอน 10

แมนสรวง1



Part Man



“แมนๆ น้องสุรมายัง” เสียงพี่ธาดาเห็นหน้าผมก็ถามหาสุรเลย

“ไม่รู้ดิพี่ ผมเพิ่งมาเหมือนกันนอกจากพี่ รปภ.ก็เจอพี่คนแรก” อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ผมรีบตอบดักทาง

“โทรหาตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ติด หายหัวไม่บอกเพื่อนบอกฝูง” พี่เขางับปากแล้วทำหน้าเครียด อย่าว่าแต่หัวหน้าชิปปิ้งหัวเสียเลย ผมก็ไม่ต่างกัน หนึ่งเป็นห่วง สองเป็นหวง ความลับนะครับ ผมไม่เคยแสดงอาการอะไร แต่ผมเนี่ยคนแรกที่อยากได้มัน



ย้อนกลับไปวันแรกที่เราต่างก็เป็นพนักงานใหม่กันทั้งคู่

“กูแมน มึงล่ะ” ผมไปทักเพราะมาดนิ่งๆ ของมันทำผมใจเต้นแรง รักแรกพบมีอยู่จริง

“กูก็..แมนเหมือนกัน” ชื่อเหมือนกันอีก เนื้อคู่ชัวร์แบบนี้ ภายใต้รอยยิ้มแบบเพื่อน ผมแอบกรี๊ดมันในใจ ผู้ชายอะไรน่ามองเป็นบ้า

สูงเกือบร้อยแปดสิบ กล้ามพอประมาณ ผิวอย่างเนียนสีผิวเดียวกันทั้งตัว ไม่ดำไม่ด่าง ขาวไม่มากแต่คือมันอมชมพูอ่ะ ไม่ซีดเป็นไก่ต้ม ขนสักเส้นก็ไม่มี แถมแขนขานี่เรียวไปหมด นิ้วมือนะคุณเอ๊ยเล่มเทียน เพราะหน้าท้องแบนราบทำให้ก้นมันเด่น เป็นอย่างเดียวที่ผมไม่ชอบ คือก้นมันเด้งกว่าผมอ่ะ

รวมๆ มันเป็นผู้ชายประเภทยูนิเซ็กดูดีในแบบทั้งชายแบบชายแท้และชายแบบเย้ายวน หล่อเท่ แต่ก็มีเสน่ห์น่าจับทำเมีย แต่สำหรับผมมันคือผัว โดยเฉพาะตอนทำหน้านิ่งๆ แล้วยกมือเสยผม เลียปากโดยไม่ตั้งใจ ผมแทบละล๊ายละลายไปกับมัน

‘กูจองคนนี้’ ผมบอกผ่านแขนที่พาดบ่ามันทุกครั้งที่เราเดินข้างกัน ผมเตี้ยกว่าหลังๆ มันก็โอบผมแทน ถามว่าฟินไหม ตอบเลยว่า เกือบตาย ปั้นหน้าไม่ให้ยิ้มเกือบตาย

“ตอนเที่ยงไปกินข้าวกันนะแมน” ผมรีบชวนเมื่อเราต้องแยกย้ายไปตามหน้าที่

“มึงเรียกกูว่าไรนะ แมน?” มันเลิกคิ้วสูงถามย้ำ น้ำเสียงน่าฟังจะอ่อนโยนก็ไม่ใช่ จะดุก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าดีต่อใจแมนก็แล้วกันครับ

“มึงบอกกูว่าชื่อแมนอ่ะ” แววตาขี้เล่นของมันกำลังยิ้ม ลิ้นเลียปากมองผมแบบ โอ๊ยยกูตาย แต่ก่อนจะเคลิ้มกับมันไปมากกว่านั้น

“มึง ประสาทแดกรึเปล่า กูชื่อสุร มึงบอกว่ามึงแมน กูก็บอกว่ากูก็แมนทั้งแท่ง มีแฟนชื่อน้ำปั่น ขาวสวยตัวเล็กสเปกกู”

ผมทำหน้ามึน มันส่ายหัวขำนิดหน่อย ขายาวก้าวไม่กี่ก้าวก็หายไปจากสายตา ทิ้งผมไว้กับคำว่า



มัน



มี



แฟน



แล้ว



แฟนมันชื่อน้ำเน่าน้ำคลองอะไรสักอย่าง ผมเกลียดผู้หญิงที่ไม่เคยเจอหน้า เพียงแค่รู้ว่าเป็นแฟนสุร



เรื่องนั้นนานมาแล้ว แต่ตอนนี้เดี๋ยวนี้ มันหายไปเมื่อวานก็ไม่มาทำงาน



‘ไม่มีอีกแล้ว เพื่อนที่เธอไว้ใจ เหลือเพียงแต่คนคนหนึ่ง ที่เก็บซ่อนความรักไว้ไม่ไหว ถ้าเธอไม่คิดอะไรอย่างนั้น ก็แค่ทำว่าฉันไม่เคยพูดไป’



ผมที่กำลังเคร่งเครียดกับตัวเลขมหาศาล ก็ต้องวางปากกา เพราะเพลงจากคอมพี่วรรณดังมากระทบใจดำๆ จนน้ำตาแทบแตกคากองตัวเลข

ผ่านมาเป็นปีที่ผมได้แต่แอบจองสุรทางสายตา เราสนิทกัน สำหรับมันผมก็คือเพื่อนสนิท มีอะไรมันก็เล่าเยอะกว่าคนอื่น แต่มันเป็นคนเงียบๆ เรียบง่ายใครอยู่ด้วยก็สบายใจ

ไม่แปลกใครก็รุมชอบมัน แต่ผมจะไม่อะไรเลย ถ้าใครที่ว่า ไม่รวมหัวหน้าชิปปิ้ง ที่สาวๆ หมายตาเกินครึ่งบริษัท อีกคนคุณโต้งลูกชายเจ้าของบริษัท แล้วผมเป็นใครแมนสรวง ลูกน้องฝ่ายบัญชีไม่มีอะไรดีเด่เลย



“คุณโต้งมาแล้วนะ งบที่พี่ให้ตรวจเสร็จยังแมน”

“ครับพี่วรรณ” พี่แกว่ายุ่งมากเลยให้ผมเอาไปให้นายหน่อย เข้าทางผมอยากไปหาสุรด้วย นี่ไม่เจอกันตั้งสามวันแล้ว โทรหาก็ไม่ติดคิดถึงมาก

เดินขึ้นลิฟต์ไปห้องคุณโต้ง เคาะประตูสองทีได้ยินเสียงเชิญ ผมรีบพุ่งตัวเข้าไป สุรเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม หือออ ฆ่ากูเลยถ้าจะยิ้มแบบนี้ ขอสั่งให้มึงเอากูไปฆ่าข่มขืนเดี๋ยวนี้!!



“คุณแมน” คุณโต้งขัดจังหวะการมโนมากพูดเลย

“ครับ” ผมวางแฟ้มลงหน้านาย

“ตกลงมีที่ผิดปรกติจริงไหม” ผมพยักหน้า

“สองจุดครับ พี่วรรณก็เจอผมก็เจอ” เรื่องการเบิกจ่ายที่ดูไม่ค่อยจะซื่อตรงของโกดังครับ หัวหน้าผมเจอ เลยรีบมารายงานคุณโต้ง เขาดูเรื่องการทุจริตน่ะครับ มีอำนาจสั่งลงโทษได้หมดทุกแผนก

“ขอบคุณมาก นี่ใกล้เที่ยงแล้วคุณไปทานข้าวด้วยกันสิ จะได้คุยเรื่องนี้ไปด้วย/ สุรงานคุณมีอะไรอีกไหม” เสียงตอนพูดกับผมกับตอนพูดกับอีกคนคือต่างกันมาก มองบนใส่สุร ไม่ใช่อะไรนะหึง!!

“ไปเลยก็ได้ครับ” เสียงนุ่มน่าฟังทำให้ผมลืมตัวหันไปมองมันค้างอีกรอบ วันนี้เชิ้ตสีดำทำให้ผมอยากเรียกผัว แล้วเสนอตัวให้มันตอนนี้เลย



เราเดินกันลงมาถึงรถคุณโต้ง สุรกระซิบให้ผมนั่งหน้า

“จะดีเหรอมึง” หน้าผมแทบจะชิดคอหอมๆ ขอสูดดมอีกนิดได้ไหม

“แมนกูขอร้อง” มันดันหลังผมขึ้นไปนั่งข้างคุณโต้ง เจ้านายมองผมเหมือนจับได้ว่าผมมีแผนจะเผาบริษัท คือถีบกูลงไปได้เขาคงทำไปแล้วครับ

“โทรหามึงไม่ติดวะ” ผมหันไปถาม

“มือถือสุรหาย” กลายเป็นเจ้านายตอบแทน สุรที่ตอบไม่ทันก็พยักหน้าบอกตามนั้น แต่คือองศาหน้านิ่งๆ ของมันตอนนี้ ผมแทบไม่อยากหันกลับ



รถแล่นไปสักพัก รู้สึกว่ากลิ่นมันอยู่ใกล้ๆ ผมหันไปหัวมันพิงอยู่เบาะผม เข่ายื่นเลยมาเกือบถึงเกียร์รถ คุณโต้งยิ้มให้มันนิดหน่อย ถ้าผมไม่อยู่ มันจะเจอเขาลวนลามไหมเนี่ย คิดแล้วกูหวงสัดๆ

“สุร” ผมวางมือบนเส้นผมสีออกน้ำตาลทอง มันไม่ได้ทำสีครับสีธรรมชาติ ผมว่าแม่งต้องลูกครึ่งชัวร์ แม้มันจะเคยบอกว่าพ่อเชียงใหม่ แม่สุโขทัยก็ตาม

“อะไร” ทำหน้าง่วงใกล้กูอีก จับหอมแก้มซะนี่

“มือถือมึงหายแบบนี้ แฟนมึงไม่บ่นเหรอ ซื้อใหม่เลยมึง เย็นนี้กูไปส่งดู” คือจะบอกคุณโต้งว่ามันมีแฟนแล้ว แต่ใครจะรู้เหนือแมนยังมีคุณโต้ง

“สุรกับแฟนเลิกกันแล้ว” ถึงจะไม่ค่อยสบอารมณ์ที่มีคนอื่นตอบแทน แต่มันโสดเหรอผมจะกลับบ้านไปปิดซอยเลี้ยงโต๊ะจีน อ๊ากกก ดีใจ

“เห็นกูรวยนักไง เครื่องที่หายยังผ่อนไม่หมดเลยเว่ย” โธ่น่าสงสาร มาเป็นผัวกูสิ รุ่นไหนแมนพร้อมเปย์

“ผ่อนใหม่ก็ได้” ผ่อนกับกู กูให้มึงผ่อนตลอดชีวิต

“ไม่อ่ะ ใช้ของเมตไปก่อนก็ได้ อ่ะมึงเมมเบอร์ให้กูด้วย” มันยื่นไอโฟน6 ให้ผมจัดการเอาเอง รับมือถือแปลกหน้ามาดู เมตมันที่ชื่ออมรรึเปล่า

“อมรเพื่อนมึงนี่รวยเนอะ ให้ยืมเครื่องนี้เลยเหรอ” คุณโต้งมองผมด้วยหางตา รู้ว่าแอบฟังอยู่เหมือนกัน

“เปล่า นี่ของพี่ปราชญ์” ใครอีกละวะ

“ฝาแฝดไอ่ราชเหรอ” อ่ะไปกันใหญ่ ผมฟังไปด้วยเพิ่มเบอร์ไปด้วย และแอบเข้าดูรูปถ่ายในเครื่อง ใจหายไปเลยหายไปกับความหล่อของพี่เจ้าของเครื่อง ไม่ใช่ผมชอบเขานะ แต่โคตรพ่อโคตรแม่ดูดี ถามจริงเขาเป็นดารารึเปล่า คุณโต้งกับพี่ธาดาก็ดูดี แต่พี่คนนี้ขออย่างเดียวว่า

อย่ามายุ่งกับสุรของกูนะเว่ย กลัวมันหวั่นไหว

“ไอ่แมน ไม่มีมารยาทนะมึง เอาคืนมา” มันดึงไปแล้ว

“มึงหาดูดีแล้วเหรอวะ เสียดายว่ะ” ผมออกความเห็น

“อือ” มันก็ทำหน้าเซ็งๆ เอนหลังไปพิงเบาะตัวเอง

“รูปกูหล่อๆ ตั้งเยอะ โอ๊ย...”

“สัดห่วงแต่รูปมึงอ่ะนะ” แล้วผมก็โดนมันตบหัวทีหนึ่ง ไม่ถึงกับมึน แค่พอฟื้บฟ้าบให้ใจพองโต ชอบให้มันสัมผัสตัวผม เอาอีกมึงแรงๆ เลย





ในที่สุดก็ถึงร้านผัดไทย คุณโต้งดูเอาใจสุรออกนอกหน้า รู้งี๊ผมจะชวนพี่ธาดามาด้วย อย่างน้อยรายนั้นก็กล้าขวางคุณโต้งบ้าง ตัดมาที่ผม เหมือนยอมให้ผัวมีคนอื่นต่อหน้าต่อตา เจ็บแต่ต้องทน

“อ้าวคุณไฟ” ผมหันไปมองตามสายตาคุณโต้ง ไอ่โกดังหน้าตาดีแต่นิสัยอย่าให้พูดเลยครับ จะหาว่าผมหยาบคาย

“สวัสดีครับคุณโต้ง” นั่นมึงไหว้หรือปัดไล่แมลงวัน มองเกือบไม่ทัน

“นั่งด้วยกันสิ” เจ้านายก็นะ ไปชวนมันทำไม สุดท้ายมันก็ได้นั่งข้างผม เพราะคุณโต้งดึงผัวของผม เอ่อสุรนั่นแหละไปนั่งกับเขา นั่งปุ๊บไอ่ห่าไฟบรรลัยกัลป์ก็เริ่มเลย เริ่มกวนประสาทกูเลย

“บัญชีครับ ผมส่งเบิกจ่ายของเดือนสามไปให้ใหม่นะครับ เห็นว่าที่มีไม่อัพเดท” มันกำลังจะแก้ตัวว่า ข้อมูลที่พวกผมตรวจเจอ เป็นฉบับเก่าแปลตามตรงคือ อันที่มันยังไม่ได้แต่งตัวเลขไงครับ

“มีปัญหาอะไรกันเหรอ” คุณโต้งถามขึ้นมา

“เบิกจ่ายครับคุณโต้ง น้องที่แผนกมันซุ่ยส่งเมลผิดไป บัญชีก็ว่าพวกผมเบิกลม ทั้งที่บางอย่างไม่มีรหัสเบิก พวกผมก็เข้าเนื้อด้วยซ้ำ แต่จะให้เข้าบ่อยๆ ก็ไม่ไหว เลยต้องเอารหัสที่ใกล้กันมาคีย์แทน”

ตอแหลมากเลยสัด ถ้าไม่ติดว่านายอยู่ และกูตัวเล็กกว่า ลุกซัดมันสักหมัดสองหมัดไปแล้ว ตอนเล่นบอลทำหน้าแข้งผมเขียวยังไม่ได้เอาคืนเลยนะ มองสุรมันก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจใคร ถ้าได้เป็นผัวจะยุให้มันดักตีหัวไอ่ฟายคอยดูสิ

“ยังไงฝากบัญชีเช็คด้วยก็แล้วกัน เอาตามโฟลเป็นหลักน่ะ”

“ครับคุณโต้ง ผมจะเช็คทุกรายการให้ละเอียดเลย” หันไปทำตาขวางใส่คนข้างๆ มันทำเป็นไม่มองผม กวนตีนไง แล้วเรื่องที่มันว่าเข้าเนื้อ ผมยังติดใจอยู่นะ

“โกดังมีรายการที่ไม่มีรหัสให้เบิกด้วยเหรอ” พูดลอยๆ เดี๋ยวหมามันก็ร้อนตัว

“ก็พูดยากนะคนใช้ไม่ได้เบิก คนเบิกไม่ได้ใช้” นั่นไงเห่ามาแล้ว

“ถ้าอยากได้อะไรก็เบิก บริษัทคงต้องสร้างโกดังเพิ่มนะครับคุณโต้ง” ผมพูดอย่างนี้มันคงไม่โง่

“น่าจะย้ายบัญชีมาไว้กับโกดังนะครับ จะได้เห็นว่าวันๆ มีอะไรจำเป็นมากกว่าฟังเพลง” ไอ่ฟายมึงอยากแดกผัดไทยหรือราดหน้าพูด

“เอาเถอะๆ กินๆ เรื่องงานไว้ค่อยคุยในเวลางานนะ” คุณโต้งห้ามผมกับมัน คงกลัวผมจะไปต่อยหน้าไอ่บ้านั่น ไม่ก็กลัวผมจะโดนต่อยนี่แหละ ส่วนสุระกินหมดคนแรกเลย ผมตะโกนสั่ง



“พี่ครับผัดไทยกุ้งสดอีกจาน” ผัวมโนยิ้มให้ ผมรู้ใจมันไง แค่เห็นรอยยิ้มเท่ละลาย ก็ทำผมอารมณ์ดีได้ในกองเพลิง สุรมึงยิ้มแบบนี้เท่สัดๆ กระดุมเสื้อปลดอีกก็ได้นะ ระหว่างที่ผมกำลังอิ่มใจกับอกน่าซบของสุร



“ยังกินไม่หมด เสือกสั่งอีกจาน” ได้ยินนะ สองคนตรงข้ามน่ะไม่ได้ยิน แต่ผมได้ยินเต็มๆ กัดฟันพูด ให้ได้ยินแค่ไอ่ฟาย

“กูสั่งให้เพื่อนกู” เสือกนะมึง

“ดูแลดียังกะผัว” สงครามระหว่างผมกับมันระอุขึ้นโดยสมบูรณ์ ผมเกลียดมัน ไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นมัน เสื้อผ้าหน้าผม กระทั่งลมหายใจที่มันพ่นออกมา ผมก็ว่าเป็นมลพิษ

“ขาดความอบอุ่น?” ผมว่ามันกลับ ไม่มีใครรักรึไงมึงอ่ะ



“อ้าวนึกว่าแมนสั่งมากินเอง สั่งให้คุณเหรอ หิวละสิท่าหื้มม” สุรตอบแค่ “ครับ”

ไอ่ฟายมองคุณโต้งด้วยสายตาโคตรเหยียด แต่พอเขาหันมาทางเราทำเป็นก้มหน้าก้มตากิน ตอแหลกว่าใครในสามโลก ส่วนสุรมันมองหน้าผมกับไอ่เหี้ยนั่นนิดหน่อย

บอกแล้วสุรมันเป็นคนไม่ค่อยพูด ยิ่งถ้าไม่สนิท นี่ตั้งแต่ไอ่ห่าไฟมาสุรก็เงียบเหมือนไม่มีตัวตน

“มันชอบกินเบิ้ลครับ” ผมตอบคุณโต้ง แล้วยักคิ้วใส่สุร ถึงผมจะเป็นรับแต่ผมก็ไม่ได้สาวมาก ไม่สนิทจริงๆ ไม่มีทางรู้ว่าผมเป็น



กินอิ่มแยกย้ายไอ่โกดังมาเองก็กลับเอง ส่วนพวกผมคุณโต้งเอาสุรไปนั่งด้วยจนได้ ผมก็บอกมันนั่งๆ ไปเถอะ แค่นั่งรถไม่ได้ไปเอากัน คิดในใจว่าผมไม่คิดมาก ทำเหมือนถ้าเขาเอากันจริงผมจะห้ามได้ คิดแล้วก็เจ็บขึ้นมานิดๆ

“ผมขึ้นไปก่อนนะ” ถึงบริษัทคุณโต้งขึ้นห้องก่อน เวลาพักยังพอมี ผมรีบซักสุรทันที



“อะไร ยังไง เล่ามา” มันทำเสียงอ่อน ได้อารมณ์เมียซักผัว ใครไม่ฟินแต่กูฟิน อาศัยความเป็นเพื่อนสนิท กอดมันด้วยแขนข้างเดียว ผมจะจับผมจะทัช

“ไปบ้านเพื่อนเขามา ชื่อพี่ราชครูจะมาทำงานแทนพี่เทพ แล้ว......” ผมฟังไปก็รู้สึกแปลกๆ เวลามันพูดถึงพี่ราชครูทำไมเสียงมันลดคีย์ คือเมียอ่ะคุณเวลาผัวมีคนอื่น มันมีบางอย่างที่เราดูออก ถึงผมจะยังไม่ได้เป็นเมียจริงๆ แต่ในความรู้สึกคือสุรมันผัวผมนานแล้ว

“งั้นที่มึงบอกว่าพ้นคดีก็แบบนี้สินะ”

“อือ...แต่มือถือกูแม่งเสียดายว่ะ” ทำหน้าเศร้าใส่กูอีก ใจกูกระตุกแล้วกระตุกอีกเพราะมึงอ่ะ

“ของที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ของเรา เหมือนแฟนมึงไงเลิกแล้วช่ะ ทำไมวะ” ความเนียนถามนี้ให้ตัวเองเต็มสิบ

“จะครบเดือนวันจันทร์นี้ กูเจอเขาอยู่กับคนอื่นเลยเลิก”

“ไม่มีผู้หญิง แต่ผู้ชายเยอะแยะนะ มึงก็หัดมองคนใกล้ตัวบ้าง” เช่นกูครับ เอาแว่นขยายมาส่องตัวเองแป๊บมันจะได้เห็นผมชัดขึ้น

“แมน..ผู้ชายทั้งแท่งจะมีอารมณ์ด้วยกันมันแปลกไหมวะ” ผมมองมัน รู้แค่ว่าตัวเองเอาแต่กะพริบตา

“กูรู้ว่ามันแปลกๆ แต่..กูสับสนว่ะ” สับสนกับใคร ที่แน่ๆ ไม่ใช่กูเพราะมันเลือกปรึกษากู

“คุณโต้ง?” มันส่ายหัว

“พี่ธาดา” ส่ายหัวอีก อ๋อ..

“เมตมึง” ชื่อพี่อะไรนะ ป่วยๆ ปอบๆ อะไรเนี่ยแหละ คนที่ไม่ใช่อมรอ่ะ

“...............” มันนั่งนิ่งอย่าบอกว่านอนกับเขาไปแล้ว ไม่นะสุร

หมดเวลาพักต้องไปทำงาน เรื่องหัวใจไว้ก่อน ตอนนี้ต้องหาตังค์มาจ่ายค่าห้อง



ฟังเพลงกับพี่วรรณจนบางเพลงผมร้องได้แล้ว อยากเล่าให้พี่เขาฟังเหมือนกันว่าไอ่ฟายมันว่าแผนกเราเอาแต่ฟังเพลง แต่คือผมมีน้องใหม่ชื่อน้องอิ่มใจ กับใบบัว ประเด็นอิ่มใจเหมือนจะกิ๊กกับไอ่พวกโกดัง ส่วนใบบัวก็ทอดสะพานให้ไอ่ฟายประจำ เงียบไว้ดีที่สุดครับ



เลิกงานสักที เฮือก บิดขี้เกียจสองที รีบเก็บเป๋าวิ่งไปดักสุรที่สแกนบัตรดีฟ่า

“ตอนเข้างานไม่เห็นรีบเหมือนตอนเลิกงานเลยนะ” เจอหมาเห่าอย่าไปเห่าตอบ

“..........” ผมมองผ่านไอ่ไฟแล้วจ้ำอ้าวไปต่อ

“รีบไปหาเพื่อนเหรอ มันรู้ไหมว่าเพื่อน กูรักมึงว่ะ” อะไรนะ!! ขาที่ก้าวอยู่หยุดชะงัก

“มึงพล่ามอะไร” ผมหันมาถามมันเสียงพร้อมมีเรื่องมาก

“เปล๊า แค่พูดลอยๆ มึงร้อนตัว?” ล้วงกางเกงพิงสะโพกลงบนโต๊ะ คิดว่าทำแล้วเท่เหรอ

“มึงจะเอาไง” ไม่รู้ว่ามันรู้ได้ไงเรื่องผมชอบสุร แต่ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นต่อแน่นอน

“กูเคยคิดนะว่าพวกบัญชีต้องฉลาดกว่านี้ ความจริงแค่สงสัย แต่มึงยอมรับเองนะแมน ฮ่าๆ”

เสียงหัวเราะของมันดังน่ารำคาญในหูผมมาก นี่ผมไม่ฉลาดอย่างที่มันว่าจริงใช่ไหม เจ็บใจๆ ขณะที่ไอ่ฟายไปใครอีกคนก็เข้ามา

“ไอ่แมน ทำหน้าเหมือนโกรธใครมานะมึง” ผัวผมมา กอดคอผมด้วย ปรับอารมณ์ไม่ทันแป๊บนะที่รักเดี๋ยวคุยด้วย

“ว่าไงเป็นไร ไอ่ไฟมากวนตีนรึไง” ใช่ไปฆ่ามันแต่ไม่ต้องข่มขืนให้กูเลย

“มึงอย่าพูดชื่อมัน อัปมงคลต่อปาก” ผมตบปากมันไม่จริงจัง มันหลบนิดหน่อย แต่อะไรคือปากมึงนิ่มมาก อยากเปลี่ยนจากมือตบเป็นปากตบปาก ตบนานๆ สุรของแมน



“เออๆ ไม่พูดก็ไม่พูดสิวะ ตบปากกูไมเนี่ย เชี่ยมือเค็ม ถุ้ยย” หมดกันความโรแมนติกของกู

“ก็...ก็มึงอ่ะ เลิกกับแฟนไม่บอกกู เปลี่ยนเมตคนใหม่ก็ไม่บอกกู เห็นกูเป็นคนนอกใช่มะ” มันจ้องหน้าผม

“แมน..มึงไหวไหม กูเล่าไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ความรู้สึกช้าเหรอ ไหนตัวร้อนป่ะ” มาจับหัวจับหูให้ผมใจเต้นอีก แน่จริงมึงจับใต้เข็มขัดกูป่ะล่ะ















รู้ไหมใครโสดรายการที่เลือกไม่ดีเจอคนมีคู่ใช่ไหมคะ ก็คล้ายๆอยู่นะ ดีใจที่คนอ่านชอบชีวิตของเทวดา ตอนนี้เอาชีวิตเทวดาแมนสรวงมาฝาก สำหรับคนอื่นสุรเป็นไงไม่รู้แต่สำหรับแมน สุรเท่มากแมนว่าอย่างนั้น


#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง
By Symbol A


หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 28-01-2019 16:35:09
แมนใจเย็นนะลูก อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา ก็ไม่ใช่ของเรานะ ท่องไว้ๆ เอ็นดูนาง แอบชอบสุรมาเป็นปี ส่วนสุรนี่นอกจากพี่ราชแล้ว คนอื่นๆก็รู้สึกกับเขาแค่เพื่อน พี่ เจ้านายไปหมด ยังไม่ได้ลองฝีมือคนอื่นไง ใครจะรู้ อิอิอิ

 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-01-2019 17:24:45
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-01-2019 17:56:52
 :a5:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 28-01-2019 19:53:07
แมนนี่ก็ฮาไม่แพ้สุรเลย ไม่รู้จะบอกว่าสุรสวยเลือกได้หรือหล่อเลือกได้ ใครเจอก็หลงกันหมด และแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา มาถึงตอน10 คู่ของสุรก็ยังเป็นปริศนาต่อไป เดาทางไม่ถูกจริงๆ ตอนต่อๆไปจะมีใครมาหลงสุรเพิ่มมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-01-2019 21:26:04
ในขณะที่ทุกคนอยากได้สุรเป็นเมีย ตัดมาที่แมนอยากได้สุรมาเป็นผัว :undecided: :undecided: :undecided: อ้าววว เพื่อนกรูรักมึงเฉยเลย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-01-2019 21:43:16
แมนทำใจเถอะสุรรุกแมนไม่ได้เพราะอนาคตก็จะรับเหมือนแมนสถานะเมียทีมีผัว
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-01-2019 21:55:23
สุรนี่ดวงขึ้นอะไรขึ้นมามีแต่คนมารักมาชอบ จะเป็นรุกเป็นรับต้องมาคิดอี๊กมีให้เลือกทั้งสอง :katai1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-01-2019 22:27:38
คนอ่านชอบอ่านเรื่องของไรท์......   :z3:  :laugh: :pigha2:
ไรท์ ก็ฮา เม้นของคนอ่าน  :m20:
ไปกันได้แบบข้าวเหนียวกับส้มตำ อูย....น้ำลายไหล  เกี่ยวกันมากเลย
แมน  ฮามากกกกกกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เพิ่งรู้ว่าแมน เป็นรับ   o22 :really2: :serius2:
แล้วคิดกับสุร แบบเพื่อนจริงๆ มโนเอง :z10:
ที่แท้อยากจับสุรเป็นผัว ....คุณพระช่วย....กล้วยแขกกก (ไม่ทอดกับเขาแล้ว แขกดีกว่า สมกับYนะ)
มีพาลไปถึงน้ำปั่นอีกแน่ะ  ฮาจริงๆ หริอเราเส้นไม่ลึก
แฟนมันชื่อน้ำเน่าน้ำคลองอะไรสักอย่าง ผมเกลียดผู้หญิงที่ไม่เคยเจอหน้า เพียงแค่รู้ว่าเป็นแฟนสุร
พาลไปหาปราชญ์อีกด้วย “เมตมึง” ชื่อพี่อะไรนะ ป่วยๆ ปอบๆ อะไรเนี่ยแหละ ก๊ากกกกก เลย
คุณโต้ง ก็ตลกดี พอรู้ว่าสุร อกหัก ปราชญ์เป็นแค่เมต  :hao3:
ก็ฟื้นคืนชีพ กระดี๊ กระด๊าเลย โห......อาการออก บอกชอบ จีบเลย  :m20: :laugh:

ราชครู ไม่เบา เป็นไบ เหมือนใจยังหมกมุ่นกับสุร นะ
สุร โต้ง ออกมาแป๊บเดียวมีสาวให้เคีัยวถึงบ้าน  :o8:

แฝดพี่ราชครู ก็รสนิยม “แค่ชอบ ไม่ต้องสนใจเพศ”
ก็เหมือนกันน่ะเซ่ เจ้าแฝดที่เหมือนทั้งหน้าตา ทั้งความคิด  :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-01-2019 22:53:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด๋วนะ  นับก่อนว่ามีผู้มาติดพันสุรกี่คนแล้วเนี่ย?

ธาดา โต้ง ราชครู นักปราชญ์ แมนสรวง  แล้วจะมีมาเพิ่มอีกไหมเนี่ย  หุหุ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-01-2019 05:57:30
โถ่ๆนังน้องแมน ตัั้ั้งแต่ตอนที่ไปช่วยสุรขนของไอ้เราก็คิดว่ามันคงเคยกิ๊กกั๊กกับคุณโต้ง ที่จริงคือหึงผัวมโน โถ่ๆๆ
อีคุณฟายทำปากดีไป ชอบน้องแมนก็พูดกับเขาดีๆเซ่
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 29-01-2019 10:54:41
น้องแมนสายฮา
สายมโนเหมือนคนอ่านเลย

 :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 10 สุรของแมน
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 29-01-2019 11:37:56
 แมนทำใจเถอะสุรน่าจะขั้วเดียวกัน ส่วนไอคุณฟายคะระวังเถอะแกล้งน้องแมนมากๆเดี๋ยวจะอด  :katai3:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 31-01-2019 08:26:02
ตอน 11

สุรมาง้อแล้วนะ



“แมน..มึงไหวไหม กูเล่าไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ความรู้สึกช้าเหรอ ไหนตัวร้อนป่ะ” เพื่อนเทวดามันหน้าแดงๆ ผมว่ามันไม่สบายแน่ ตอนกลางวันไปกินผัดไทยแดดมันร้อน เห็นมันไม่กลัวใครแบบนี้มันอ่อนแอนะป่วยก็บ่อย

“รีบกลับเถอะ มึงมียาที่ห้องไหม แวะซื้อไปด้วยเลย จะเป็นจะตายขึ้นมากูไปช่วยไม่ทันนะบอกไว้ก่อน” ยังจะมาทำหน้ามึนใส่กูอีก กวนตีนจริงๆ

“เออ แวะซื้อก็ด่ะ ไอ่สุร!!”

“ว่า” ตอนขานรับไอ่แมน ผมเพิ่งเห็นพี่ปราชญ์ไลน์มาถาม วันนี้เขาออกเวรเร็วจะทำอะไรให้กิน แต่ผมเกรงใจเลยโทรไปบอกว่าไม่ต้อง ทำปากบอกเพื่อนว่ารอแป๊บ แล้วก็หันไปคุยกับคนในสาย

(สุว่าไง กินไรดี)

“ปราชญ์รีบกลับมาพักเถอะ วันนี้สุไปซื้อตลาดดีกว่าอยากกินน้ำพริกอ่อง ปราชญ์เดี๋ยวๆ”

(อื้อ)

“เอานมไหมเห็นหมดแล้วนี่” พี่ปราชญ์ติดนมกล่องวัวแดงมาก เห็นหมดมาสองวันแล้ว

(อ้อ..ก็ดี..ขอบคุณนะ) ผมหัวเราะเบาๆ พี่เสียงซึ้งเหมือนผมจะปลดหนี้ทั้งหมดให้อย่างนั้นแหละ

“เค งั้นเจอกันที่ห้องนะ รีบมาล่ะสุหิวม๊ากกก” เขาบอกโตแล้วอย่างอแง ผมเลยเถียงกลับต่อปากต่อคำกันนิดหน่อย วางสายกับเมตเสร็จ หันมาเจอไอ่แมนทำหน้ามู่ทู่ใส่ สงสัยจะไข้ขึ้นแล้วมั้งเพื่อนเทวดากู

“ไหวไหมมึง”

“กูเพิ่งนึกได้ว่านัดเพื่อนไว้อีกทาง วันนี้คงต้องออกข้างหลังว่ะ”

“อ้าว เออๆ ไปดีๆ ละ มีอะไรโทรหากูนา”

“.........” มันไม่พูดอะไร โบกมือสองทีแล้วหันหลังรีบก้าวไปเลย สงสัยนัดสาวแน่ๆ



ผมเลื่อนหาเพลงที่อยากฟังเสียบหูเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์ ปรกติเดินมากับไอ่แมน แต่ช่วงหลังงานตรวจบัญชีมันเยอะ เห็นว่ากลับพร้อมพี่วรรณ

“น้องสุร” เสียงพี่ตี๋ดังมาแต่ไกล มีคนมองผมบ้างแต่ส่วนใหญ่ก็เหมือนจะมีโลกของตัวเอง

เมื่องใหญ่คนเยอะเบียดเสียดแออัด แต่เรากลับสนใจแค่ตัวเอง อย่างตอนนี้ ผมกับพี่ธาดารีบวิ่งขึ้นรถ เรียกว่ารถมาพร้อมผมเลยนะ เป็นแบบนี้ทุกวันก็คงจะดี

“รถพี่ยังซ่อมไม่เสร็จอีกเหรอครับ” ได้ที่ยืนจ่ายตังค์แล้วผมก็เริ่มชวนเขาคุย เพราะอึดอัดที่เขายืนจ้องหน้าไม่พูดไม่จา เรื่องวันก่อนผมไม่คิดอะไรมากแล้ว จะว่าผมไม่ใส่ใจเหรออืมคงงั้น

“ยังอีกนาน” อ้าวแล้วโรงเกลือ กังวลขึ้นมาทันทีเลย



วันนี้เด็กมาจากไหนไม่รู้เต็มรถไปหมด ผมกับพี่เป็นผู้ชายอกสามศอกเลยต้องออกมายืน เดินทางมาสักพัก สายเดียวกันคันก่อนหน้า ดันมาเสียอยู่ข้างทาง ผู้โดยสารก็ย้ายมาขึ้นคันผมหมด ตอนนี้จากรถโดยสารกลายสภาพมาเป็นอาหารสำเร็จรูป ‘ปลากระป๋อง’

“ครับ” ผมเอาหูฟังออก ขานรับพี่ชิปปิ้งที่สะกิดเอวผมอยู่

“วันก่อนคือพี่...” เขากระซิบเบาๆ เสียงอื้ออึงรอบตัวคิดว่าคนอื่นไม่สนใจจะฟังด้วยเท่าไหร่

“เรื่องอะไรเหรอพี่” ผมตีมึนใส่ ไม่อยากปฏิเสธ พอๆ กับไม่อยากตอบรับนั่นแหละ

“ช่างเถอะ ว่าแต่หายไปไหนมา เห็นคุณโต้งว่ามือถือหายเหรอ”

“พอดีเมาหนักไปหน่อย” คุณโต้งจะบอกทุกคนเลยไหมว่ามือถือผมหายเนี่ย

“ดูแลตัวเองด้วยสิ เป็นห่วงรู้ไหม” ตอนนี้เบียดกันชนิดที่ว่าอีกนิดจะได้เสียกันแล้ว ยังไม่ทันที่ผมจะคิดด้วยซ้ำว่าจะตอบยังไง ผู้หญิงที่ยืนหลังพี่ธาดาก็..

แหวะ!!!

พี่ตี๋ทำหน้าแบบชีวิตจบสิ้นลงตรงนั้น คนอื่นที่ยืนใกล้เราขยับห่างถูกรังเกียจขึ้นมาทันที ผมก็เหม็นมากแต่ต้องรักษามารยาทอยู่ กลั้นหายใจไว้สุรค่อยๆ ขยับออกนิดหน่อย ผู้หญิงขอโทษขอโพยพี่ตี๋เป็นการใหญ่

“ไม่เป็นไรครับ คุณล่ะไหวไหม”

“เมารถน่ะค่ะ เพิ่งมาอยู่กรุงเทพยังไม่ชินกับรถรา” ฟังแล้วก็น่าเห็นใจ พี่ธาดาล้วงยาดมส่งให้เธอไป ทั้งที่ตัวเองโดนอ้วกใส่ ผมหาทิชชู่เปียกจะช่วยพี่เช็ดหลัง แต่โชคดีจริงๆ วันนี้ผมดันลืมไว้ที่โต๊ะทำงาน

สักพักคนก็ทยอยลงกันไปเยอะแล้ว เด็กนักเรียนก็ลงที่โรงเรียนกันหมด ก่อนนั่งป้ากระเป๋ารถเมล์มองพี่ธาดาตาแทบหลุด คือถ้าพี่นั่งเบาะก็เลอะไงครับ

“พี่ถอดเสื้อออกก่อนไหม มีเสื้อข้างในรึเปล่าครับ” เขาก้มมองตัวเอง ปลดกระดุมเสื้อถอดเชิ้ตสีน้ำเงินออก เหลือแค่เสื้อกล้ามสีดำ ข้างหลังเปียกนิดๆ แต่ก็ยังดีกว่าตอนแรก ผมเปิดเอาถุงพลาสติกออกมาให้เขายัดเสื้อเหม็นไม่ต่างจากขยะลงไป

“เพิ่งซื้อมาใหม่ใส่วันแรก” เขาบอกตอนเรานั่งแล้ว

“สงสารว่ะพี่” ผมแกล้งว่า

“หึ เอาไปซักให้เลยโทษฐานไม่บอก”

“เรื่องอะไร ไม่เกี่ยวกับผมเลย” ดันมือเขาออกให้ห่าง เขาก้มลงวางถุงกับพื้น ไม่มีท่าทีเสียดายเสื้ออย่างที่บอกก่อนหน้านี้เลยสักนิด

“แบบนี้แท็กซี่ไม่ให้ขึ้นรถแน่เลย” คล้ายจะบ่นกับตัวเอง แต่ผมได้ยิน

“พี่ต้องไปต่อแท็กอีกเหรอ”

“ใช่”

“.............” อยู่ๆ ผมก็นึกประโยคต่อไปไม่ออก เราสองคนคุยกันสนิทขึ้นก็จริง แต่มันมีบางอย่างที่กั้นเราไว้ อะไรที่ว่านั้นผมนิยามมันไม่ได้

“............” พี่ตี๋ก็เงียบ ทำหน้ากังวลอีก

“ไปอาบน้ำที่ห้องผมก่อนก็ได้นะครับ” พี่ธาดาก็รู้จักพี่ปราชญ์ คงไม่มีปัญหาอะไร

“ได้เหรอ ขอบใจนะ” ยิ้มได้ทันทีเลยนะพี่ตี๋

“พี่ได้ข่าวว่าเราจะมีหัวหน้าใหม่แล้วเหรอ” ผมยิ้มพยักหน้า

“ชื่อพี่ราชครูครับ” เขานิ่วหน้านึก

“ชื่อเหมือนฝาแฝดไอ่ปราชญ์”

“ใช่ครับ พี่รู้จักพี่ราชด้วยเหรอ”

“รู้สิ สมัยเรียนไอ่แฝดนั่นฮอตจะตาย สาวๆ กรี๊ดกันทุกคณะ”

“..........” เพิ่งรู้ว่าพี่ฝาแฝดเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน

“แต่ไอ่ราชเนี่ยเสือกว่าพี่มันเยอะ ไอ่ปราชญ์มันอ่อน ไม่สนใจความรักหรอก วันๆ เห็นแต่เรียนสมชื่อนักปราชญ์” ผมพยักหน้าในใจคือเห็นด้วย พี่ราชเสือชัดๆ

“ถึงว่าที่ห้องมีแต่หนังสือพี่ปราชญ์” แต่เลือกจะออกความเห็นถึงพี่ปราชญ์แทน

“สุรล่ะไม่เหงาเหรอ หาคนดูแลได้แล้ว” ทำไมเราเปลี่ยนเรื่องไวจังครับ แต่ก็ดีจะได้ใช้โอกาสนี้

“ผมไม่มีใคร แต่ก็ยังไม่อยากมีครับ” ปฏิเสธเขาไป

“เรื่องที่พี่บอกไป ไม่คิดมากใช่ไหม กลัวพี่รึเปล่า” ไหล่แน่นของเขาชนไหล่ผมเบาๆ

“จะบอกว่าไงดีวะพี่ ผมไม่ได้รังเกียจเรื่องแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ดีใจที่จะมีผู้ชายสักคนมารู้สึกกับผมแบบนี้อ่ะ พี่เข้าใจผมนะ”

“แค่นี้พี่ก็โล่งใจแล้วล่ะ” ยิ้มหวานใส่ผมอีก ตกลงพี่เข้าใจไหมเนี่ย

ไอโฟนหกสั่น ผมล้วงมาดูเป็นพี่ปราชญ์ คงโทรมาถามว่าผมถึงไหนแล้ว โรงพยาบาลสัตว์สีน้ำเงินของพี่เขาอยู่ไม่ไกล นั่งวินไม่ถึงสามนาที

“ปราชญ์” ผมทักไป

(มีเคสด่วนหมาโดนรถชนสองตัว สุกินข้าวไปก่อนนะไม่ต้องรอปราชญ์)

“งั้นปราชญ์ก็หาอะไรกินด้วยล่ะ” แล้วก็วางไป หันมาพี่ธาดาทำหน้ามู่ทู่ เดี๋ยวนะสีหน้าแบบนี้คุ้นๆ ว่ะ



นั่งเงียบไม่ได้คุยอะไรกันจนถึงป้ายปลายทางของเรา พี่ธาดาเดินเคียงผมไปที่หอ เขามองไปทั่วเหมือนจะถามว่าเมตล่ะ

“พี่ปราชญ์ติดเคสด่วนครับ พี่ตามสบายนะ นี่ผ้าขนหนูใส่ชุดผมไปก่อน” ยื่นผ้ากับชุดบอลให้เขายืม



‘การจะฆ่าได้ไม่ใช่แค่ต้องมีจิตใจที่โหดร้าย แต่มึงแม่งต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย’ เสียงซีรี่ย์สืบสวนในทีวีกำลังถึงตอนสนุก พี่ปราชญ์อ่ะแหละทำผมติด เรื่องนั้นเรื่องนี้หามาให้ผมดูจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ว่างก็หน้าติดจอตลอด

“ชอบดูแนวนี้เหรอ” พี่ธาดาอาบน้ำเสร็จแล้ว เดินชิลล์เช็ดหัวมานั่งข้างๆ พี่ไม่รีบกลับรึไงครับ

“ก็ดูได้หมดถ้าเนื้อเรื่องสนุก พี่ล่ะชอบแนวไหน” คุยกับเขาหลายคำแต่ตายังจ้องภาพศพปลอมๆ ในจอ เรื่องกำลังสนุกผมลืมหิวไปเลย

“ไม่อ่ะ” เขาตอบ

อะไรขาวๆ ผมก้มลงเห็นขาพี่ธาดาขาวไปไหม ตอนแข่งบอลบริษัทไม่สังเกต

“มองอะไร”

“ปะ..เปล่า ไม่อะไรพี่ ไม่นี่คือไม่ดูหรือไม่เลือก” ผมดึงเขากลับมาเรื่องหนัง

“ไม่ดู รู้อยู่แล้วว่าเขาแสดง ชอบรึไงการตอแหลแบบจริงจังอ่ะ” ผมหันมอง จริงจังไปนะพี่ก็แค่หนัง

“แค่คลายเครียดไหมล่ะพี่ก็”

“ก็เราถาม พี่ก็แค่ตอบตามที่คิด”

“ครับๆ เข้าใจแล้ว” อยู่ดีๆ จะหงุดหงิดใส่ผมทำไมเนี่ย ให้มาอาบน้ำที่ห้องก็บุญแล้วยังไม่สำนึกอีก

“แล้วมองพี่ทำไม” อ่ะลืมตัว มองขาเขาอีกผม

“พี่ขาวอ่ะ” ผมบอกตรงๆ

“ขาวซีดไม่ดีหรอก เราสิเนียนกว่าพี่ตั้งเยอะ” เขาไม่ได้เสียงหื่นน่ากลัวอะไร เหมือนเราถามกันว่ากินข้าวยัง ไปไหนเหรออะไรแบบนั้น

“ผมติดแฟนเก่ามาน่ะ” เขานิ่งไปสักพัก ผมเลยเล่าต่อไม่รู้ทำไม รู้แค่อยากเล่า วันนี้วันเกิดปั่น พยายามไม่คิดถึงแต่ผมก็ไม่ได้สมองเสื่อม คบกันมาหลายปีแค่ไม่ถึงสองเดือนผมคงลืมหมดไม่ได้หรอกครับ

“เธอชอบบังคับให้ผมดูแลตัวเอง ทาครีมกันแดด ครีมบำรุง กินวิตามินซีแรกๆ ผมก็รำคาญแต่ก็ชินไปเอง สุดท้ายก็ได้มาอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” ไอ่แมนมันเคยสัมภาษณ์ผมด้วยซ้ำว่าผมใช้ครีมอะไร หน้าใสจัง เนียนไปหมด ชอบมาจับหน้าจับแขนผมประจำ

“ดูเป็นคนตามใจแฟนนะ”

“ไม่หรอกครับ เรื่องอื่นผมก็ไม่ได้ดีนัก ไม่ชอบง้อ ขี้เกียจอธิบาย ไม่ชอบไปยืนรอเวลาเธอซื้อของนานๆ หลายอย่างพี่” มาคิดดูผมเหมือนไม่สนใจปั่นเท่าที่ควรด้วยซ้ำ

“ก็ปรกติของผู้ชายทั่วไป” คงงั้น แต่เว้นพี่เมตผมไว้คน ขนาดผมเป็นผู้ชายเขายังใส่ใจดูแลผมทุกอย่างเลย



คิดถึงพี่ปราชญ์เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นี่มันจะสองทุ่มเหรอ ประตูห้องเปิดออก พี่ธาดาที่นั่งข้างผมบนโซฟาหันไปมอง ผมเพิ่งคิดได้ว่าควรบอกพี่เมตก่อนว่าจะพาคนอื่นมาล้างตัว แต่บอกตอนนี้ก็ยังทันนี้นา

“ปราชญ์คือ..”

“มาเอาชุดเปลี่ยนน่ะ คืนนี้น่าจะควงเวร ตามสบายนะมึง” เขาหันไปบอกพี่ตี๋ยักคิ้วทักทาย

ทำไมผมต้องรู้สึกแย่ด้วยวะ แค่พี่ปราชญ์ไม่สนใจผม ก้มหน้าก้มตาเก็บเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำคงไปเอาของใช้อย่างอื่นด้วย

“พรุ่งนี้กลับมากี่โมง” ผมเดินไปหน้าห้องน้ำถาม รู้สึกว่าพี่เมตหน้าตึงเกินไป เขาไม่เคยทำท่าทางแบบนี้ใส่ผมเลยสักครั้ง

“สุไปส่งไหมของเยอะ” เห็นเขาแบกหนังสือเล่มหนาอีกตั้งสองสามเล่ม บอกว่าน้องที่ทำงานยืมอ่าน ไปทำงานแค่ไม่กี่วันสนิทกันแล้วเหรอ

“ไม่เป็นไรปราชญ์ถือไปเองได้ ถึงไหนแล้วล่ะ” เขามองไปที่หน้าจอแต่สายตาจ้องพี่ธาดาชัดเจน เขาถามเรื่องไหนล่ะ

“อีพีห้าอ่ะ ยังไม่รู้ตัวฆาตกรเลย” ใจผมรู้สึกตกวูบ แค่พี่ปราชญ์ไม่ยิ้มให้เหมือนทุกวัน

“งานเยอะเหรอมึง ขนาดไม่ใช่หมอคนยังเหนื่อยเลยเนอะ ดีนะกูไม่ฉลาดพอจะไปเรียน” พี่ตี๋ส่งเสียงมาหาเรา

“หมอลาไปหนึ่ง มีเคสอุบัติเหตุด้วยก็เลยยุ่งๆ ว่ะ” พี่หมอหมาตอบยกเป้ขึ้นบ่า ก้มหอบหนังสือสามเล่มไว้แนบอก เดินออกไปโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว แม่งผมเป็นบ้าอะไรวะ รู้สึกอยากวิ่งตามพี่เขาออกไป

แต่ในความเป็นจริงกลับเดินช้าๆ มานั่งข้างพี่ธาดาเหมือนเดิม พี่ชิปปิ้งเหมือนไม่คิดจะลุกไปไหนแล้วอ่ะ ส่วนผมนั่งไม่ติดเลยตอนนี้ พี่ปราชญ์ต้องไม่พอใจผมแน่ๆ ทั้งนมทั้งน้ำพริกอ่องไม่ได้อะไรมาสักอย่าง ได้พี่ตี๊ตาโตกลับมาแทนแบบนี้ บ้าเอ๊ยย

“พี่ปราชญ์ลืมของ เดี๋ยวผมมานะพี่” ผมเดินไปหยิบโลชั่นของตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าลิฟต์ ก่อนหน้านี้ทำเป็นดูมือถือ สร้างเรื่องว่าพี่ปราชญ์ไลน์มาบอกว่าลืมของ ทิ้งพี่ธาดาไว้ที่ห้องตอนนี้ใจมันร้อนรนต้องได้ขอโทษพี่เมตก่อน ไม่อย่างนั้นผมอยู่ไม่ได้แน่ๆ



วิ่งออกไปหน้าหอ ไม่มีพี่หมอหมาอยู่แล้ว คงขึ้นวินไปก่อนหน้าที่ผมจะลงมา รู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองมายืนหน้าโรงพยาบาล นี่ผมจะตามเขามาทำไมยังไม่เข้าใจตัวเองมากนัก แต่คือกูเดินอาดๆ ไปถามพนักงานประชาสัมพันธ์แล้วครับ

“หมอนักปราชญ์อยู่ไหมครับ” น้องคนสวยยิ้มหวาน ตอบโดยไม่ต้องคิด

“คุณหมอออกเวรไปแล้วค่ะ” ผมทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น พี่ปราชญ์ไปนอนที่ไหน กับใคร ทำไมต้องโกหกผมด้วย เขาโกรธเรื่องพี่ธาดาแน่ๆ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบแบบนี้เลยให้ตาย

มือถือผมสั่น พี่ธาดาโทรมาถามว่ามีอะไรไหมเห็นผมลงมานานแล้ว ผมแถว่านั่งวินออกมาหาพี่เมตที่โรงพยาบาล ชวนเขาลงมากินข้าวด้วยกัน จะว่าผมไล่เขากลับก็ใช่นะ นี่ผมแคร์พี่ปราชญ์ใช่ไหม ทำไมผมต้องแคร์ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีด้วยนะ หรือว่า..ผมก็ชอบเขา ไม่นะผมผู้ชายชอบผู้หญิงแอ๊บแบ๊ว



นั่งรอพี่ตี๋ที่ร้านอาหารใต้คอนโดใกล้ๆ หอผม คอนโดนี้ค่อนข้างหรู มีร้านอาหารแนวฟิวชั่นสองสามร้านมาเปิด เมื่อก่อนผมมากินบ่อย แต่หลังๆ มีคนทำให้กินแทน

“มึงจะมานอนกับกูกี่วัน แล้วน้องเขาล่ะ” เสียงโต๊ะข้างๆ คุยกันครับ ไม่เห็นหน้าหรอกแต่ดังเหมือนผมไปนั่งฟังกับเขาเลยแหละ

“ช่างแม่ง พาคนอื่นมา ทั้งที่กูสารภาพว่าชอบไปแล้ว ไม่แคร์กูสักนิด” เสียงพี่ปราชญ์ ผมนั่งนิ่งแม้แต่ตาก็ยังไม่กล้ากะพริบ

“งอนเขารึไง”

“งอน กูมีสิทธิ์อะไรล่ะ แต่ที่กูเสียความรู้สึกคือมันบอกกูว่าชอบผู้หญิง แล้วมีการย้ำด้วยว่าเห็นกูเป็นแค่พี่ชาย แต่เอาไอ่ธาดาขึ้นห้อง ไอ่นั่นใส่ชุดบอลมันอีกให้กูเข้าใจว่าไงวะ” ผมทนไม่ไหวอ่ะ ลุกอ้อมไปโต๊ะข้างหลังทันที พี่อีกคนทำหน้างง พี่ปราชญ์หันหลังมาถึงกับอึ้ง

“ปราชญ์ออกมากับสุหน่อย” ก้มหัวทักทายเพื่อนเขา พี่คนนั้นหน้าเถื่อนๆ แต่ยิ้มให้ผมซะกว้างเชียว ขัดกับลุคพี่มาก



“ไปคุยกันให้เข้าใจมึง อย่าเล่นตัวมากน้องมันมาง้อแล้ว” ง้อ? ผมแค่ไม่ชอบที่เขาคิดมาก ก็เลย...อ่อ..ง้อก็ง้อครับ

มือถือผมสั่นพี่ตี๋น่าจะหาร้านไม่เจอ แต่ผมไม่สนใจจะรับ ดึงแขนพี่เมตออกมาเคลียร์มุมลับตาคน

“พี่ธาดารถเสียเรานั่งรถเมล์คันเดียวกัน มีคนอ้วกใส่เขา สุเลยให้เขามาอาบน้ำที่ห้องเรา เพราะเขาต้องต่อแท็กซี่กลับไปอีก” ผมอธิบายเขาเป็นฉากๆ นี่ผมจริงเหรอวะ

พี่ปราชญ์ยืนฟังไม่พูดไม่จา

“พี่ปราชญ์โกรธผมมากเหรอครับ”

“ทำไม” ทำไมอะไรอีกล่ะถามมาให้มันหมดๆ สิโว้ย

“พี่จะว่าอะไรก็ว่ามา” ผมเริ่มใส่อารมณ์

“ทำไมชอบให้ความหวังกันวะสุ” ผมอึ้ง ให้ความหวังงั้นหรอ ฟังดูแย่ชะมัด

“การที่ผมตามมาอธิบายทำให้พี่คิดมากไปอีก ผมไม่น่ามาใช่ไหม” เขาหันหลังให้ผม

“แค่อยากให้บอกกันบ้าง เวลาจะมาพาใครมา พี่ก็ไม่คิดจะกลับไปเจอแบบนั้น” เสียงพี่อ่อนลง

“ขอโทษ” ผมบอกพี่เขาไป ยังไงเรื่องนี้ผมก็ผิด

สับสนอย่างหนัก เหมือนยืนบนสังเวียนแล้วถูกกระหน่ำต่อยซ้ำๆ พี่หันมามองผม ถอนหายใจรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ ผมหมุนตัวเดินออกมา แต่ถูกเขากอดไว้จากข้างหลัง ไหล่ผมถูกไหล่เขาโอบไว้ ตัวผมถูกตัวเขาห่อไว้ ไม่แน่นนักแต่ผมก็ไม่กล้าขยับหนี

“พี่งี่เง่าเอง พี่หึงอ่ะ หึงได้ยินไหม” ได้ยินแล้วครับ พี่กอดผมขนาดนี้ใกล้จนจะสิงกันได้จะตะโกนทำไม แล้วผมจะใจสั่นทำไมครับเนี่ย

“สรุปว่าปราชญ์หายงอนสุแล้วนะ” ผมหันไปมองเขาผ่านไหล่ตัวเอง เขาพยักหน้า

“พี่ธาดาโทรมา สุเรียกเขากินข้าว แต่ทิ้งเขาเพื่อมาง้อปราชญ์ ดังนั้น..”

“บอกมันมากินกับเรา เพื่อนปราชญ์ก็คงนั่งรออยู่” โล่งใจนึกว่าจะหึงอะไรอีก

“แต่ห้ามสุนั่งใกล้มันนะ” อ่ะ นี่เราเป็นอะไรกันครับ ถึงหวงผมขนาดนี้

“ครับ ไปกันเถอะ” เหนือสิ่งอื่นใดทำไมผมต้องยอม



ผมขอโทษพี่ธาดาที่ไม่ได้รับสายอ้างว่านั่งวินไม่ได้ยิน แล้วพี่ตี๋ก็มานั่งตรงข้ามผม เพื่อนพี่ปราชญ์ชื่อพี่ธีมเป็นสัตวแพทย์เหมือนกันแต่เขาประจำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เหมาะกับหน้าเถื่อนของเขามาก

“ธากูแปลกใจนะที่....” พี่ธีมมองผมสามคนสลับกันไปมา นี่พี่คิดลึกไปถึงไหนแล้วอ่ะ

“อะไรของมึงธีม สบายดีเหรอวะ ไม่เจอกันนานเลย”

“สบายดี สวัสดีครับน้องสุร” พี่ธีมตอบพี่ธาดา แล้วหันมาทักผม ผมยิ้มยกมือไหว้เขา

“ช้างเผือกชัดๆ มิน่ามึงห่วงฉิบหาย” พี่ธีมกระซิบข้างหูพี่ปราชญ์ ผมได้ยินแค่ฉิบหาย อะไรฉิบหายเหรอ

“เดี๋ยวมึงกลับไงวะธาดา” พี่ปราชญ์ถาม ทั้งที่เพิ่งเริ่มกิน พี่ก็รีบไล่เขาเนอะ

“แท็กซี่” พี่ตี๋กินไปตอบไปสงสัยจะหิว

“กลับกับกูไหม” พี่ธีมเสนอตัว ผมแอบเห็นพี่ปราชญ์ส่งสายตาบางอย่างให้เพื่อน เดาว่าตั้งใจจะให้พี่ธีมลากพี่ธาดากลับไปให้เร็วที่สุด นึกว่าสุภาพเรียบร้อย ไม่เบาเหมือนกันนะพี่เมต

“เออรบกวนมึงด้วยว่ะ” พี่ตี๋ก็รู้จักพี่ธีมอะไรเลยไม่ยาก

“ธีมมึงลงมาบ่อยเหรอ” พี่ธาดาชวนคุย

“ก็นานๆ ที อยู่บนเขา ลงมาลำบาก”

“แล้วมึงอยู่ไงวะ น้ำไฟก็ไม่มี” ยังเป็นพี่ตี๋ที่ถาม

“อยู่กับธรรมชาติไง ตี๋อินเตอร์อย่างมึงไม่เข้าใจหรอกธา” พี่ตี๋เสียงดังว่าเขาขาลุย

“มึงอ่ะนะขาลุย กูจำได้ที่เราไปออกค่ายตอนปีสาม มึงเป็นลม”

“เชี่ยธีมมึงยังจำได้อีกเหรอ ลืมๆไปเลย สัดมึง!! หยุดหัวเราะเลยไอ่ธีม”

“ธาขาขาวๆ อย่างมึงควรเดินห้างดีที่สุด” พี่เขาเห็นขากันตอนไหนวะ

“ถึงขากูจะขาวก็เตะมึงร้าวได้นะครับ ลองไหม”

“ถ้าไม่กลัวกูจับอ้าทั้งคืนก็เข้ามา” พี่ปราชญ์กับผมอดขำไม่ได้ พี่ธีมหื่นว่ะ

“มาจับกูอ้า มึงคิดว่าไหวเหรอ” อ้าวๆ นึกว่าพี่ตี๋จะโวยวาย กลับท้าทายซะงั้น

“กูว่าเถียงกันไปเถียงกันมา ได้กันแน่ๆ” พี่ธีมหัวเราะในคอ ส่วนพี่ธาดาทำหน้าสยอง

พี่ธีมเถื่อนมาก ผมยาว หน้าหล่อเข้ม แต่ไม่ได้ไว้หนวดเคราอะไร ผิวสีแทนแต่ก็ดูสะอาดนะ สูงกว่าพี่ตี๋นิดหน่อย แต่หุ่นหนากว่ามาก เวลาอยู่ด้วยกันพี่ตี๋ดูหวานๆ น่ารักไปเลย

พี่ธาดากับพี่ธีมคุยกันเหมือนสนิทกันมานาน เป็นการร่วมโต๊ะที่ไม่อึดอัดอย่างที่ผมคิดไว้ จนกระทั่ง....

“แล้วแฟนมึงไม่ว่าเหรออยู่แต่ในป่า”

“จะเอาที่ไหนมามี วันๆ เจอแต่สิงสาราสัตว์กับพวก ตชด. หน้าตายังกะโจรป่า ไม่มีอาหารตาแบบ...พวกมึงนี่นา” เงยหน้าขึ้นก็เจอกับสายตาดุๆของพี่ธีมที่จ้องมาที่ผม จนพี่ปราชญ์พูดขึ้นมา

“กูชวนมาเปิดคลินิกด้วยกันก็เสือกเลือกอุดมการณ์นี่”

“เปิดกับมึงก็เจ๊งอ่ะสัด” ตลกร้ายของพี่ธีมเล่นเอาคนข้างๆ ผมชะงักไปเลย พี่ธีมรีบแก้ลำ คงไม่ตั้งใจว่ากระทบความรู้สึกอะไร เขาดูเป็นพวกปากร้ายใจดีมากกว่า

“โทษที มึงคิดมากอยู่เหรอวะ”

“สัดพวกมึงดราม่าอะไรเนี่ย” พี่ธาดาช่วยกู้สถานการณ์ด้วยอีกคน ผมแอบวางมือลงบนขาพี่เมตใต้โต๊ะที่มีผ้าปู ไม่มีใครเห็น มีแค่ผมกับเขาที่รู้สึกถึงสัมผัสนั้น พี่ปราชญ์ยิ้มกับจานข้าวของตัวเอง

เห็นเขายิ้มแบบนี้คุ้มนะครับ คุ้มที่วิ่งหน้าตั้งตามเขาลงมา คุ้มที่ใจกล้าวางมือบนขาเขา















ในที่สุดก็เริ่มเห็นแววแล้วว่าพระเอกของเราคือใคร แต่ว่าจะตัวจริงไหมคนเขียนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
รักทุกคอมเม้นต์ค่ะ ขอบคุณที่ชอบเรื่องของเทวดาสุร สปอยเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่คู่เดียว

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

By Symbol A


หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 31-01-2019 09:31:14
สรุปพี่เมตคือพระเอก
เชียร์พี่เมตค่ะ


ดีใจที่มีหลายคู่ พอจะเดาได้ลาง ๆ ว่าใครจะคู่ใครบ้าง

หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-01-2019 09:48:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

นักปราชญ์สุร  ก็โอเคนะ  ถึงขั้นตามไปง้อเนี่ย ไม่ทำดา  อิอิ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-01-2019 10:51:24
 :hao4:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 31-01-2019 11:53:41
ว่าคนอ่านหลายใจเลือกพระเอกไม่ถูกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดนักเขียนก็บอกว่ายังไม่แน่ สรุปตอนนี้คิดว่าไม่พี่ปราชญ์ก็พี่ราชอ่ะ หรือ 3p ดีมั้ย ไม่ต้อง 4 ก็ได้ อิ้อิ้

ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ได้อ่านมานานเลยอ่าาา
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-01-2019 12:18:47
เขียร์ปราชญ์ไม่เอาราชครูปค่ะนิสัยแบบนั่นไม่จบที่แค่คนเดียวแน่ปราชญ์นิสัยสุภาพแคร์สุรขนาดนี้ถึงจะขี้งอนหน่อยแต่น่ารักดีแอบเสียดายคุณโต้งงะ  จิ้นธาดากับทีมด้วย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-01-2019 14:21:07
สุรเปิดฮาเร็มเถอะขอร้องงานดีทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-01-2019 17:01:07
ว่าคนอ่านหลายใจเลือกพระเอกไม่ถูกแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดนักเขียนก็บอกว่ายังไม่แน่ สรุปตอนนี้คิดว่าไม่พี่ปราชญ์ก็พี่ราชอ่ะ หรือ 3p ดีมั้ย ไม่ต้อง 4 ก็ได้ อิ้อิ้

ทำไมรู้สึกเหมือนไม่ได้อ่านมานานเลยอ่าาา

คิดเหมือนกันเลย........pๆ ที่ว่า  :-[
ปราชญ์หึงแรง งอนอีกอ่ะ  :z3: :เฮ้อ: :serius2:
พี่ธาดา ตามติดสุรมากกกกกก
พีธีม ให้อารมณ์ ธีม ธาดา นะ  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: mimasopu ที่ 31-01-2019 19:23:51
พี่ปราชญ์ก็โอเคนะคะดูอบอุ่นดี
ทำไมเราแอบจิ้นหมอธีกับธาดา  :impress2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 31-01-2019 20:05:02
พี่ปราชญ์นี่แหละที่น้องสุรต้องการ o13
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 31-01-2019 22:21:37
คือนึกภาพสุรไม่ออกเลยจริงๆ ถึงแมนจะบรรยายมาแต่ก็นึกไม่ออกเลย 555555
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 11 สุรมาง้อแล้วนะ
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-02-2019 23:31:45
พระเอกจะใช่คนที่เชียร์มั้ยนะ เหมือนคะแนนจะนำมา แต่แพบๆจะมีคนมาปาดหน้ามั้ย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 02-02-2019 07:09:46
ตอน 12

สุรกับวันทำงาน



“มึงนอนกับกูนะ กูสวดมนต์เป็น” เหตุผลบ้าอะไรของมัน

“กูก็สวดเป็น มึงเป็นไรเนี่ยแมน กลัวไอ่ไฟเหรอ” ได้ผล มันเงียบไปเลย แล้วทำหน้าเชิ่ดบอกกลัวบ้านพ่อมึงสิ แล้วพ่อกูเกี่ยวอะไรด้วย เห็นมันปากดีนัก ผมเลยอยากแกล้งมันสักหน่อย

“งั้นมึงก็นอนกับมัน ส่วนกูต้องนอนกับพี่ราช เพราะเขายังไม่สนิทกับใครเลย” ผมคิดว่าเดี๋ยวคุณโต้งก็ลากเพื่อนไปนอนด้วย และผมก็จะไปนอนกับไอ่แมน ไม่ก็ให้มันมานอนกับผม ไม่ปล่อยมันไปกับไอ่โกดัง ที่จะกินหัวกันทุกครั้งที่เจอกันหรอก

“ไอ่สุรมึงมันเพื่อนเลว เพื่อนไม่รักดี เพื่อนปลายแถว ไอ่บ้า ไอ่คนใจร้าย คนไม่มีหัวใจ กูโกรธแล้ว @%#$&%%^$##! @#” ผมไหวไหล่ไม่ใส่ใจ เดินมาทำงานทันที



“สุมาดูนี่ให้พี่หน่อย ทำไมไม่เลือกบริษัทนี้ล่ะ” มาถึงห้องทำงานก็เจอพี่หัวหน้าคนใหม่เรียกทันที พี่ราชครูมาทำงานได้อาทิตย์หนึ่งแล้วครับ ก็ไม่มีอะไร เรื่องคืนนั้นก็เลือนหายเหมือนสายหมอก เราอาจจะยังจำได้หรืออาจมีแค่ผมคนเดียวที่จำได้ แต่มันไม่มีอะไรพิเศษ

“บริษัทนี้ไม่โอครับพี่ คือว่า...........” ผมอธิบายเรื่องซัพพลายให้เขาฟัง ว่าทำไมเราเลือกบริษัทที่ราคาสูงกว่า

“พี่เข้าใจล่ะ ทำไมไก่มันชมเราไม่ขาดปาก” ผมยิ้มส่ายหัว

“พี่เจ้านายคนเก่าสอนมาครับ” พี่เทพเคยสอนผมไว้ ตั้งแต่ตอนมาทำงานใหม่ๆ พี่เทพก็มีมุมดีๆ อยู่นะครับ

“สุวันสัมมนานอนกับพี่ไหม ไอ่ไก่มันมาไม่ได้” อ่ะ ผิดแผนเลยไง ไอ่แมนล่ะ

“ครับ แต่เอาเพื่อนผมมานอนด้วยได้ไหมพี่ ไอ่แมนบัญชี”

“อ้าวไหนว่าพนักงานจับฉลากคู่นอนกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ ส่วนระดับหัวหน้าเลือกนอนกับใครก็ได้” ครับสองมาตรฐานชัดๆ

“จับแล้วครับ แต่มันได้นอนกับคนที่ไม่ค่อยเออ...”

“ไม่ถูกกันเพราะไม่ได้เปิดใจ ให้เขานอนด้วยกัน จะได้คุยกันปรับความเข้าใจกัน เชื่อพี่สิ” พี่ว่างั้นเหรอ ก็ฟังดูมีเหตุผล แต่ก็อดห่วงเพื่อนไม่ได้



ที่สำคัญนอนกับพี่ราชครู กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยมากพูดเลย ปีก่อนผมนอนกับไอ่แมนกับพี่เทพ ห้องกว้างมาก ผมกับเพื่อนนอนโซฟาคนละตัว ส่วนพี่เทพนอนเตียงคนเดียว ไม่มีใครงอแงเพราะเมาเป็นหมากันหมด



อัพเดทชีวิตสักหน่อย ช่วงนี้พี่เมตทำงานเยอะมาก ควงเวรหลายวันแล้ว พี่ธาดาบอกรถซ่อมเสร็จแล้ว ผมกลับมานั่งรถเมล์คนเดียวอีกครั้ง ส่วนคุณโต้งก็ไม่ค่อยเข้าบริษัท ช่วงนี้เปิดสาขาใหม่ที่ระยอง พี่โอ๋เอ๋ว่าวงในเขาลือกัน สาขาใหม่คุณโต้งจะได้คุมเต็มตัว (วงในคือใคร? อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ) โครงการพ่อค้ายังไม่คืบหน้า ไม่ซีเรียสเพราะมีหลายอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ



ทำงานไปสักพัก ก็ได้เวลาพักเที่ยงไอ่แมนเดินมารับถึงแผนก

“ขยันจังนะมึง จะเอางานไปทำที่ร้านข้าวด้วยไง” ผมหมายถึงแฟ้มในมือมัน

“เห๊อะ พี่วรรณให้กูเอาไปให้ไอ่ฟายเซ็นต์” มิน่าหน้างอคอหักมาเลย

“สุรมึงต้องไปส่งกู”

“..............” ท่าทางมันจะลำบากใจจริงๆ

“นะสุรแป๊บเดียวเอง มึงเพื่อนกูไหมเนี่ย”

“เออๆ กูได้บอกยังว่าจะไม่ไป” ยิ้มได้แล้วสิมึง

“สุรกูรักมึง”

“หึ ไม่ต้องรักกูมากก็ได้ กูเกรงใจ” รักกูทีไรได้ประโยชน์ตลอดมึงอ่ะ



กินข้าวเสร็จผมก็มาส่งเพื่อนเทวดาล่าลายเซ็น โกดังเป็นส่วนที่ผมไม่ค่อยได้มาบ่อยนัก บรรยากาศโดยรวมคือร้อน เสียงดัง และวุ่นวาย ก้าวเข้าไปพวกแม่งมองผมสองคนพรึบเป็นตาเดียว ยังกะในหนัง

“ไอ่แมนหน้ากูมีอะไรติดไหมวะ” ทำไมมองกันจัง

“สงสัยพวกมันไม่เคยเห็นคนหล่อ” มึงคิดงั้นจริงเหรอแมน มันเดินเก๊กเท่นำผมไป



“น้องสุรน้องแมน อะเมชิ่งมากที่ได้เจอที่รักที่นี่ ผลไม้ไหมฮ้า” พี่โอ๋เอ๋อารมณ์ดีปรี่มาทักผมทันที พี่เขาชอบพูดเล่นครับ ผมชินแล้ว สาวๆ หลายคนก็ชอบพูดทำนองนี้ ผมได้แต่ยิ้มไม่ได้กลัวหรืออะไร เฉยๆ มากกว่า แล้วประชาสัมพันธ์อย่างพี่มาทำอะไรที่โกดัง อ๋อ ที่แท้ก็มาหารายได้พิเศษ

“พี่โอ๋ขายของในบริษัทมันผิดกฎนะ” ไอ่แมนมันก็ไปแกล้งเขา พี่โอ๋เอ๋จับตะกร้าผลไม้ที่ถูกหั่นเป็นถุงๆ มะม่วงมีพริกเกลือพร้อม ฝรั่งแล้วก็แตงโมเหลืออย่างละถุงสองถุง

“น้องแมนสรวงค่ะเห็นใจพี่ด้วยค่ะ ผัวสามคนที่พี่ต้องส่งเสียเรียนให้จบ ลำพังเงินเดือนน้อยเท่าหอยมด แค่นี้พี่ก็แทบจะขายตัวเสริมแล้วค่ะ” พี่เขาพูดเอาฮาแต่ว่าหน้าตาจริงจังมาก



“อ้าวพี่โอเหลืออะไรให้พวกผมมั้ง” ไอ่ฟายมาถึงก็ตรงดิ่งมาหาพวกเราเลย ผมเห็นมันมองเพื่อนผมอยู่นะ ถึงจะแค่แป๊บเดียวก็เถอะ

“มีทุกอย่างค่ะไอ่ไฟ มึงเรียกกูโออีกคำเดียว กูจะขายมึงถุงละร้อย” พวกโกดังที่ยืนแถวนั้นขำกันหมด ไม่เว้นกระทั่งผมกับไอ่แมน แต่เพื่อนผมไม่รู้จะเก๊กไปไหน ทำเป็นดึงหน้าอยู่นั่นแหละ

“พี่โอ๋เอ๋ผมชิมก่อนได้ป่ะ เผื่อไม่หวาน” ใครสักคนที่ใส่ชุดช่างเดินเข้ามาแซวแม่ค้า?

“ถุงละยี่สิบบาทค่ะมึง ถ้ามึงเหมากูสักห้าสิบถุง ค่อยเสือกมาขอชิม”

“โห แม่ค้าคนสวยทำไมปากจัด”

“อย่ามาชม กูไม่ได้บ้ายอ จะซื้อไหม ไม่ซื้อก็เดินออกไป” ถึงจะด่า แต่พี่เขาก็ยิ้มจนลืมหุบแล้วครับ

“พี่โอ๋ผมจ่ายสิ้นเดือนได้มะ ตังค์จะขึ้นรถยังไม่มีเลย ต้องรอรถเมล์ฟรีเอาเนี่ย”

“สาธุสมพรปากนะมึง พอๆ กูว่าเลิกขายให้พวกมึงละ นึกว่ามาตั้งโรงทาน”



พี่โอ๋เอ๋เลิกสนใจลูกค้าแล้วหันมาสนใจพวกผม

“แล้วนี่ลมอะไรหอบสุรของพี่มาจ๊ะ” เสียงหวานผิดกับเมื่อสักครู่มาก

“มีเอกสารมารบกวนหัวหน้าโกดังเซ็นต์ให้หน่อยน่ะพี่” แมนตอบแทน แต่หันหน้าไปทางไอ่ไฟ

“..........” ไอ่ไฟทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินกวนตีนเข้าไปห้องทำงานมัน เพื่อนเทวดาทำหน้าพร้อมมีเรื่องมากตอนนี้

“เดี๋ยวกูมานะมึง”

“ให้กูเข้าไปด้วยไหม”

“ไม่ต้อง!!” มันว่าอย่างนั้น แล้วเดินเข้าไป เหมือนจะไปต่อยเขามากกว่าขอลายเซ็น

“นี่ๆ ที่รัก” เจ้าของร้านผลไม้ จิ้มหลังเรียกผม

“ครับพี่โอ๋เอ๋”

“เจ้านายคนใหม่เราอ่ะ มีแฟนยัง” ถามแล้วบิดตัวไปมา

“ไหนว่าผัวสามไงพี่โอ” ช่างคนเดิมที่ขอชิมนั่นแหละครับ คนอื่นก็ดูจะเฮฮาไปด้วย

“ผัวพี่มีได้ไม่จำกัด แต่มึงเรียกกูโอนี่ อยากเป็นผัวกูอีกคนไหม เดี๋ยวกูจับขึงพรืดรีดน้ำแม่งให้หมด พวก............”

“..................” ทุกคนเงียบกริบ เหลือไว้แต่เสียงเครื่องจักร นายมาตั้งแต่ตอนไหนมากับพี่ราชครูด้วย สงสัยไปกินข้าวกันมา ผมหันหลังไป อ้าวพี่โอ๋เอ๋กับพวกช่างหายไปไหนหมด เหลือผมยืนเอ๋ออยู่ลำพัง



“ช่วงนี้เรามีงานที่ต้องติดต่อโกดังด้วยเหรอ” พี่หัวหน้าถามผม

“อ้อ ผมมาแวะเข้าห้องน้ำครับ” ฟังขึ้นไหมวะ ดูจากสีหน้าสงสัยของคุณโต้งคิดว่าไม่น่าจะเชื่อ แต่มันก็เรื่องของผมนะ ยังไม่ถึงเวลาเข้างานนี่นา

“เตรียมตัวไว้ บ่ายออกไปกับผม ไม่เข้าบริษัทแล้ว” ไหนว่าคุณโต้งไปสาขาต่างจังหวัดไง วงในพี่โอเอ๋มั่ว

“ครับ” ผมรับคำสั่ง พี่หัวหน้ากับเจ้านายก็เดินหายไป ทุกอย่างกลับมาวุ่นวายอีกครั้ง

“จัดซื้อคนใหม่เส้นใหญ่เหี้ยๆ” ใครว่าผู้ชายไม่ชอบนินทา น้อยไปสิ

“มึงก็พูดเบาๆ หน่อย ลูกน้องเขาก็ยืนหัวโด่อยู่” กัดกูอีก

“น้องสุร ถือว่าไม่ได้ยินที่พวกพี่พูดนะครับ” น้ำเสียงคือพี่อยากนวดหน้าด้วยฝ่าเท้ามากเหรอครับ

“ไม่ต้องห่วงพี่ ปรกติผมไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น” หมายถึงกูไม่เสือกเหมือนพวกมึง

“...........” พวกพี่ช่างหน้าตึงกันหมด อีกนิดก็จะขว้างไขควงในมือใส่หัวผมอยู่ล่ะ

“มึงกลับกัน” ดีที่เพื่อนแมนมาก่อน ไม่งั้นคนที่จะมีเรื่องคงเป็นผมแทน



“สุรกูได้ยินแว่วๆ ไอ่พวกนั้นหาเรื่องมึงเหรอ”

“กวนตีนเหี้ยๆ”

“ใช่มะ กูบอกแล้วพวกแม่งชอบหาเรื่อง”

“สันดาน” ผมหงุดหงิดจนคิดคำสุภาพไม่ออก

“ลายเซ็นกูก็ไม่ได้นะ มันบอกให้กูไปพิมพ์ใหม่ ผิดแค่นิดเดียวไม่ใช่สาระสำคัญด้วย แบบนี้มึงจะให้กูไปนอนกับมันอีกเหรอวะ” ก็จริง คิดแล้วเห็นใจมันเหมือนกัน

“กูลองขอพี่ราชให้มึงมานอนด้วยแล้ว แต่เขาว่ามึงไปนอนกับไอ่ไฟจะได้เปิดใจคุยกัน อะไรที่บาดหมาง อาจจะดีขึ้น แต่กูว่าบางคนเปิดใจก็ได้แต่ส้นตรีนกลับมา จะเปิดไปเพื่ออะไร”

“สุรกูขอบใจมึงมากที่เข้าใจกู แต่มึงช่วยปล่อยแขนกูก่อนได้ไหม คือกูเจ็บ” อ้าวไปบีบแขนมันตั้งแต่เมื่อไหร่

“โทษที กูหงุดหงิด แม่งนินทาพี่ราชไม่พอมาแดกดันกูอีก”

“ไม่เป็นไร กูดีใจที่มึงเห็นธาตุแท้พวกมัน ส่วนเรื่องที่มึงชอบความรุนแรง กู..รับได้” ปลายประโยคมันก้มหน้าก้มตาพูด ผมได้แต่หันไปมองมัน มึงเป็นบ้าแดดเหรอแมน พูดอะไรงงๆ นะ

“คือกูหมายถึงมึงเพื่อนรักกู ทำอะไรกูก็ไม่ถือ” แล้วไป

“เออๆ กูไปแล้วนะ คุณโต้งรอ”

“หะ คุณโต้งเรียกมึงเหรอ”

“แล้วมึงจะตกใจทำไมเนี่ย”

มันอ้าปากจะพูดแต่ก็เงียบ ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด เลยเดินแยกกันไป



เก็บของเสร็จ ยกเป้ขึ้นบ่าเดินมาหาเจ้านายที่ลานจอดรถ รอแถวนั้นสักพัก คุณโต้งกับพี่ราชก็เดินตรงมาที่ผม ตอนนี้ใจมันเดือดอยู่ ผมเป็นคนไม่โกรธง่าย แต่หายยากมากครับ ขึ้นแล้วความก้าวร้าวมาเต็ม

“เป็นอะไรใครหาเรื่องมา” พี่ราชยกมือวางบ่าถาม คุณโต้งถูกพี่เลขาดึงตัวไปเซ็นต์อะไรด่วนสักอย่าง

“นิดหน่อยพี่ เดี๋ยวก็ดีเองครับ” พยายามพูดให้น้อยที่สุด เพราะรู้ว่าเวลานี้ผมไม่ค่อยเกรงใจใคร นิสัยเด็กๆ ครับ เมื่อก่อนอารมณ์ร้อนกว่านี้มาก นี่ลงไปเยอะแล้ว

“อยู่กับคนหมู่มากก็อย่างนี้ ไม่เราก็คนอื่นที่ต้องทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ” พี่ราชสอน แล้วไปเปิดรถตัวเองหาของอะไรสักอย่าง เขาจอดรถใกล้ที่เรายืนอยู่ครับ

“อ่ะกินซะ” อมยิ้มเนี่ยนะ

“......” ผมรับมาแต่ยังไม่ได้เกะกิน

“มานี่...อ้าปาก..อ่ะ” พี่เขาดึงกลับไปเกะซองให้ แล้วยัดใส่ปากผม

“ขอบคุณครับ” ผมดึงอมยิ้มในปากออกแล้วขอบคุณเขา ก่อนจะใส่ปากดูดต่อให้หมด อะไรหวานๆ ก็ทำให้ดีขึ้นได้บ้างเหมือนกัน

“ดีขึ้นไหม” ผมพยักหน้า พี่ราชวางมือบนหัวผม ผมยืนนิ่งแข็งเป็นหิน

“เวลาเรายิ้มน่ารักกว่าหน้าบึ้งตั้งเยอะนะ” พูดแบบนี้ทำไม

“ทำไรกัน” เสียงคุณโต้งมาช่วยชีวิตผมแท้ๆ

“เสร็จแล้วเหรอวะ ไปกันยัง” พี่ราชไม่ตอบ แต่หันไปเร่งแทน สายตาเจ้านายสองคนของผมมองกันไม่มีใครยอมใคร

“อย่าให้กูเห็นอีก” ได้ยินแว่วมาอย่างนั้นตอนก้าวขึ้นรถ คุณโต้งหึงผมชัวร์



พี่ราชครูเป็นคนขับ ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ไม่กล้าถามเพราะตอนนี้ในรถมีการจำลองสงครามเย็นอยู่ สองคนตึงใส่กันจนผมที่หัวร้อนดับสนิท เย็นยะเยือกเลยทีเดียว ความจริงก็เย็นลงตั้งแต่คุยกับพี่ราชแล้วล่ะครับ

เรากำลังตัดเข้าสู่เส้นบางพลี ถ้าผมเดาไม่ผิดน่าจะไปโรงงานกระดาษที่เปิดใหม่ มีสำนักงานอยู่ไทย แต่ถ้าจะตกลงทำธุรกิจต้องคุยกับทางจีนโดยตรง ว่าที่ซัพรายใหญ่ในอนาคตเลยแหละ ถ้าเขาให้ราคาเราดีกว่าที่เก่านะครับ และก็อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ



‘ยินดีต้อนรับ คณะผู้บริหารจากอินสตูเม้นท์’



ป้ายไวนิลต้อนรับใหญ่มากเว่อร์วังสุดๆ ทั้งคณะเรามากันแค่สามคน แต่หนึ่งในนั้นคือลูกเจ้าของบริษัท ก็สมกับตำแหน่งคุณโต้งดี พี่ราชขำนิดๆ ตอนเห็นป้ายคงคิดไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ ส่วนอีกคนหน้าบึ้งแทนผมไปแล้ว อะไรจะหึงขนาดนั้น นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ

“คุณมานั่งกับผม” ผมก้มหัวเดินไปนั่งข้างคุณโต้ง พี่ราชเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง ข้างหน้าเรามีจอผ้าสีขาว ขนาดเท่ากระดานนักเรียน พรีเซนเทชั่นดำเนินไป ห้องประชุมมืดๆ มีแค่แสงไฟจากจอที่กระทบหน้า ผมรู้สึกว่าสายตาคุณโต้งที่มองผมเปลี่ยนไป ตั้งแต่พี่ราชเข้ามาทำงานกับเรา

“คุณว่าโอเคไหมสุร” เจ้านายขอความเห็น

“ถ้าสั่งล็อตใหญ่ ผมกลัวเขาผลิตให้เราไม่ทันครับ” ดีนะที่ผมเคยศึกษาข้อมูลเจ้านี้มาก่อน ไม่งั้นโชว์โง่แน่ๆ

“คิดเหมือนผม งั้นเราคงต้องสั่งที่เดิมด้วย คุณจัดสัดส่วนมาอย่าให้กระทบยอดเดิมมาก ทางนั้นจะเคืองเราแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเราจะปันใจ” ใช้คำแบบนี้ แปลว่าคุณเขาหายโมโหแล้วถูกไหมครับ

“กินเลอะ” ผมทำหน้าไม่ถูกตอนเขายกมือมาเช็ดปาก ก็เพิ่งกินเค้กนมสดไปครับ อร่อยมากเลย

แค่สัมผัสจากปลายนิ้วแต่ทำไมมันเย็นขนาดนี้ “ขอบคุณครับ” ผมบอกขอบคุณไปแล้ว แต่เขายังจ้องหน้าผมไม่เลิก จะเอาอะไรอีก

“คุณฐาครับ แล้วโรงงานมีที่เฉินตูที่เดียวเหรอ” เสียงพี่ราชครูดังขึ้นมา คุณฐาการตลาดของทางนั้นรีบอธิบายว่ามีที่เดียวเพราะ นั่นโน่งนี่ ผมฟังแต่ไม่เข้าหัวเลย ก็คุณโต้งมองผ่านหน้าผมไปหาพี่ราช ส่วนพี่ราชครูไม่มองมาทางพวกเราเลยสักนิด รู้สึกถึงความไม่พอใจที่เจ้านายแสดงออกมาทางสายตา ผมทำอะไรผิด นี่สุรสงบเสงี่ยมมากแล้วนะ อีกนิดก็จะเป็นแค่โต๊ะเก้าอี้แล้วครับ

งานเสร็จแล้ว ผมบอกลาทางนั้น แลกนามบัตรกัน นายสั่งให้ผมหาข้อมูลเพิ่มนิดหน่อย เอาจริงนะงานนี้คุณโต้งไม่ต้องมาก็ได้อ่ะ แล้วคุณเขามาทำไมใครรู้บ้าง ฮึ..ไม่ๆ ไม่ได้มาเฝ้าผมตอนแรกก็คิดเหมือนกัน แต่จากที่เห็นสายตาดุๆ ส่งให้พี่ราชครูตลอดเว คือแบบ...



“แวะตลาดหน่อย” คุณโต้งสั่งคนขับ

“ไม่รีบกลับแล้ว?”

“จะกินไหมซีฟู๊ดย่างมึงอ่ะ” ผมมองนอกหน้าต่างก็จริง แต่คือหูตั้งมากครับ มีใครคิดเหมือนผมไหม (แล้วมึงคิดอะไรล่ะสุร)

“เออๆ แวะก็แวะดิ แค่นี้ต้องหงุดหงิดใส่กูด้วย” ผมว่าหงุดหงิดพอกันนั่นแหละ

“เย็นนี้คุณว่างไหม” คุณโต้งหันมาถามผม อยากจะบอกว่าไม่ว่าง แต่เสียงพี่ราชก็ดังขึ้นติดๆ

“พวกพี่จะซื้อของทะเลไปย่างแกล้มเหล้า ชวนไอ่ปราชญ์มาด้วยดิ”

“ครับ ผมจะลองชวนดู” พี่เขาชวนไม่ไปก็น่าเกลียด แต่คุณโต้งกับพี่ราชไม่มีใครที่น่าไว้ใจสักคน ถ้าผมไปก็ต้องชวนพี่ปราชญ์ไปด้วยอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือพี่หมอหมาจะว่างเหรอวะ

“โทรเลยๆ จะได้รู้ว่าจะซื้ออะไรไปบ้าง ไอ่ปราชญ์มันทำยำไข่แมงดาอร่อย จะได้ซื้อไปให้มันทำ” ชวนไปกินหรือชวนไปทำให้กินกันละเนี่ย แล้วผมจะโมโหแทนพี่ปราชญ์ทำไมไม่เข้าใจ

กดโทรออก รอสายพี่เมตไม่นานทางนั้นก็รับเสียงนุ่มมาเชียว

(สุ มีอะไรรึเปล่า)

“ปราชญ์คือ พี่ราชกับเจ้านาย ชวนปาร์ตี้อาหารทะเล” คุณโต้งหันมามองผมนิดหน่อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะจ้องไปที่คนขับ พี่ราชก็ตะโกนเข้ามา

“ไอ่พี่มึงมาเลยนะ กูจะพาน้องไปด้วยเลย” มัดมือชกชัดๆ

(สุอยากไปไหม ไม่อยากไปก็บอกมันว่าปราชญ์ติดเคสด่วน แล้วขอกลับมาเลย) พี่หมอยังตามใจผมอยู่ดี ผมชอบพี่เขาตรงนี้แหละ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด

“ปราชญ์เถอะว่างไหม” ผมไม่ได้อยากไป แต่อยากเห็นตอนพี่แฝดเขาอยู่ด้วยกัน พูดไปก็ไม่มีเหตุผลคือผมอยากรู้จักพี่ปราชญ์มากกว่านี้ ทุกคนมีข้อเสียครับ และผมอยากเห็นข้อเสียของเขา

(อยู่ห้องแล้วล่ะ เดี๋ยวเจอกันบ้านไอ่ราช) ฝาแฝดเขารู้ใจกันเนอะ ยังไม่ทันได้บอกที่ทางเลย



มาถึงตลาด เหม็นคาวนิดหน่อย แต่ฟินมากๆ คือผมชอบปูครับ ไม่สดก็ไม่เป็นไร มีเท่าไหร่ผมก็กิน เดินตามช่วยเจ้านายสองคนหิ้วของ ส่วนใหญ่คุณโต้งจะเลือก พี่ราชก็ตามจ่ายตังค์ มีเถียงกันบ้างเช่น

“เอากุ้งมาทำไมเยอะแยะ” พี่ราชถาม

“หรือมึงไม่ชอบ เอาออกก็ได้นะ” คุณโต้งว่าเสียงแข็ง เห็นพี่ราชอมยิ้มก่อนคีบกุ้งให้คนขายชั่งเพิ่มอีกสองสามตัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่อะไร แต่ตอนนี้คิดแล้วก็นะ ยิ่งตอนที่คุณโต้งหันมาถามผมชอบกินอะไร ผมตอบปู พี่ราชก็หยิบปูขน ปูไข่อะไรเพิ่ม

“พอแล้วมั้ง น้องกินคนเดียวกูกับมึงก็ไม่กินปูไม่ใช่เหรอ” ประเด็นมันไม่อยู่ที่คุณโต้งเรียกผมว่าน้องหรอก แต่มันอยู่ที่สายตากับน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจที่พยายามซ่อน แต่ซ่อนไม่มิดนั่นต่างหาก รอพี่ปราชญ์มาก่อนผมจะให้เขาช่วยดู

“เอาไปเผื่อไอ่พี่มันชอบกิน” หมายถึงพี่เมตผมใช่ไหมไอ่พี่เนี่ย ผมฟังเขาแต่ไม่ได้มองหรอก สายตาอยู่ที่ปูไข่มากกว่า น้ำลายไหลรอแล้วครับ

“ซื้อน้ำจิ้มไปด้วยไหม” คุณโต้งถามต่อ ดูท่าทางไม่ตึงใส่กันแล้ว

“ไม่ต้อง ไอ่พี่ทำอร่อยกว่า” ผมยืนยันอีกเสียง พี่เมตของผมทำอะไรก็อร่อย



เราสามคนเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ จนมือหิ้วไม่ไหว คือซื้อเหมือนจะกินกันสักสิบคน

“มาพี่ช่วย” พี่ราชจะดึงถุงในมือผม แต่คุณโต้งโคตรไว ดึงไปก่อน ทั้งที่ในมือเขาก็มีของเต็มเลยเหมือนกัน

“ผมถือได้ครับ” ผมก็ผู้ชายนะ ไม่ต้องมาทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงบอบบางหรอก จับถุงที่เหลือไว้แน่น

“มึงก็เหมือนกัน มือแดงหมดแล้ว เอามากูช่วย” พี่ราชไปแย่งช่วยคุณโต้งแล้วครับ

“ห่านิ้วกู มึงช่วยหรืออะไรเนี่ย”

“กูไม่เห็น โทษเจ็บเหรอวะ”

“เจ็บดิสัด แสบเลย”

“ไก่เลือดมึงออก” พี่ราชแย่งถุงไป คุณโต้งก็ของเยอะปล่อยถุงไม่ทัน อะไรสักอย่างเลยบาดเนื้อเข้าให้ แผลไม่ใหญ่หรอกครับ ผมยังมองไม่เห็นเลย ว่าส่วนไหนของมือเขาที่บาดเจ็บ แต่พี่หัวหน้าผมสิรีบจ้ำไปที่รถ หยิบขวดน้ำมาล้างให้ สีหน้าโอเว่อร์แอคติ้งมาก

“ล้างก่อน”

“ล้างแล้วไง โอ๊ยเบาๆ มือหรือตีนวะเนี่ยหนักฉิบหาย”



เขาสองคนคุยกัน ไม่ได้หวานอะไรเลย เถื่อนๆ ใส่กัน แต่สายตาเนี่ยสิ มันแปลกๆ ผมไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่เรื่องนี้ขอเว้นไว้เรื่องหนึ่งเถอะ







ดีใจที่คนอ่านเชียร์พี่เมต ^__^ ใครคู่ใครก็คงพอจะเดากันได้แล้ว แต่ความวุ่นวายยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
เรื่องนี้มีคนมาคุยด้วยเยอะ ขอบคุณนะคะทุกคน

เทวดาสุรจะค่อยๆชัดเจนจากมุมคนอื่นนะคะ อดใจอีกนิด ที่หายไปเพราะมัวแต่อัพซีรี่ย์ภาคสามมาค่ะ my seasons (https://www.readawrite.com/a/9fea74754e1a54b831f729671eaa9133)  นิยายรักใสๆ มี 3 ภาคจบ ใครสนใจก็ตามมาได้

#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

By Symbol A




หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-02-2019 08:50:19
รอๆอยู่ ก็มาให้อ่านพอดี  :mew1: :mew1: :mew1:

คุณโต้ง หึงมากกกกกกก ทั้งที่ยังไม่ได้คบกับสุรเลย  :hao3:
ทั้งระแวงอีก อย่างนี้คนที่คนโต้งชอบ  เพิ่งจีบ หรือเป็นคนรักแล้ว
น่าจะอึดอัดเอามากๆ จนพาลไม่อยากเป็นคนรักไปซะเลย :เฮ้อ:

ไฟ รอบคอบดี ไม่ได้แสดงอคติกับแมนนะดูแล้ว
เพราะแมนทำงานไม่ละเอียด มีพิมพ์ผิดพลาด
เพราะเรื่องการเงิน แม้จะเล็กน้อยก็ไม่ควรมี
แมนนี่ ความเมียมากจริงๆ   :o8:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2019 10:00:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไฟแมน  ราชโต้ง  ธีมธาดา

ปราชญ์สุร    ชิมิ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-02-2019 10:32:23
ึเดี๋ยวจ้าาาาา พี่ราช พี่โต้ง ยังไงจ้ะะะะะ o18
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-02-2019 11:10:10
จิ้นจับคู่โต้งราชแล้ว อิอื :hao6:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-02-2019 11:36:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 02-02-2019 21:24:04
น่ารักกก ชอบคู่ไก่กับราชมากมีความซึนจะรู้ไหมว่าหึงกันอยู่ ไฟกับแมนก็ชอบ แมนคืออ้อยเก่งมากตลกแล้วก็กัดกับไฟเก่งด้วยแลดูสมน้ำสมเนื้อกันดี สุรก็ดูซึนๆแถมมีคนมาจีบเยอะอีก ปราชญ์ก็ดูน้อยใจง่ายจะเป็นยังไงต่อนะคู่นี้ รวมๆคือสนุกมากๆเลย มาต่อเร็วๆนะรออ่านต่ออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 02-02-2019 21:37:13
พี่โต้งหึงสุระแน่หรา อาการมันไม่ค่อยจะใช่นะ หึงใครบอกมาซะดีๆ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-02-2019 23:27:22
โอเคคู่ตามนั้นเลยจ้า ตกลงคุณโต้งคือหึงพี่ราช กันสุรออกจากพี่ราช แหมๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-02-2019 01:28:15
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 03-02-2019 08:36:07
อยากเห็นตอนแฝดเค้าอยู่ด้วยกัน

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 03-02-2019 12:44:08
ตอน 13



Part ราชครู1



ตอนเด็กจำได้แค่ว่าเราสองคนมักจะถูกจับให้ทำอะไรเหมือนกัน ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน ไว้ทรงผมเดียวกัน จนโตพอจะรู้จักความชอบ และมีสันดานเป็นของตัวเอง ผมก็พูดได้เลยว่ามันเหี้ยมาก คือกูยอมทำแบบนั้นไปได้ไง ไอ่สัดกูอาย พ่อแม่เราเลิกกันตอนมอหนึ่ง เลยไม่ต้องทำอะไรเป็นคู่กับไอ่แฝดพี่ของผมอีก ไม่ได้เกลียดมันนะ แต่คือผมไม่อยากมีฝาแฝด อยากเป็นหนึ่งเดียวในโลกนี้



“ไงแฝด” ไอ่ธีมเพื่อนสนิทของไอ่พี่ เดินมาทัก ประเด็นคือตบหัวกูแรงมาก

“…………” ผมมองมันตาขวางขึ้นเครื่องมาตั้งไกล ไม่ได้ถ่อมาให้มึงตบหัวนะ

“พี่มึงบอกว่าให้ไปกับกูก่อน” เวรไหมล่ะ มันก็รู้ว่าผมไม่ชอบขี้หน้าไอ่หมอหมาหน้าเถื่อนนี่



“.........” ไม่อยากเสียเวลา ลุกเดินออกมาโบกแท็กซี่ไปเองก็ได้

“ไอ่ราช อย่าทำตัวเป็นเด็กสิวะ พี่มึงไม่ว่าง มันสั่งให้กูมารับมึงแทน” มันวิ่งมากระชากกระเป๋าผมไป



“กูมีปัญญาไปเอง” ยื้อกระเป๋าตัวเองกลับคืนแต่มันใช้แรงควาย (กว่าผม) จับไว้แน่น มองหน้ามันแล้วกูอยากถีบ ไม่ถูกชะตาครับไม่มีเหตุผลอื่น เสือกชอบมาด่าผมแทนไอ่ปราชญ์อีก ส่วนไอ่พี่ก็เหมือนกันชอบทำตัวเป็นพ่อ



“ไปกับกูมันจะตายรึไง กูไม่ได้ว่างตีกับมึงเหมือนเมื่อก่อนนะ ไอ่เด็กมีปัญหา” ผมกำมือแน่นมาก จนรู้สึกชา

“อยากเป็นขี้ข้ากูก็เชิญ” ตะโกนใส่หน้ามัน หันหลังจะไปทันที

“อย่าให้กูขึ้น ถ้าหน้ามึงไม่เสือกเหมือนเพื่อนรักกู จะอัดให้ยับเลย” กูควรดีใจใช่ไหมที่มึงพูดงี๊

“ขอบใจ” ผมดันลิ้นกับกระพุ้งแก้มยิ้มกวนตีนมัน มันปล่อยมือจากผมคงระงับความโกรธอยู่เหมือนกัน



พอดีกับมีทัวร์จีนล้งเล้งกลุ่มใหญ่แทรกกลางระหว่างผมกับมัน รีบฉวยจังหวะนี้ชิ่งไปก่อนเลยครับ ได้ยินมันตะโกนแข่งกับคนจีนกลุ่มนั้น “สัดราชอย่าให้กูเจอ” ผมหันไปโบกมือให้มันคงหัวร้อนน่าดู ไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทไอ่พี่ได้ไงแม่งคนละนิสัย ไม่อยากจะยอมรับนะครับแต่มันก็หน้าตาดี หล่อแบบโจรป่า ลุคมันไม่มีที่ในวังให้ยืนจริงๆ



ครึ่งชั่วโมงต่อมาผมก็ได้แท็กซี่ เหี้ยมากกูพูดตรงๆ แม่งอย่างกร่างครับ เล่าเรื่องการเมืองยิ่งเล่ายิ่งใส่อารมณ์ ลากยาวไปบ่นชีวิตบัดซบของตัวเองต่อยาวๆ ขนาดผมนั่งไม่พูดไม่จา ยังพูดเองได้อีกเป็นคนแบบไหนวะ



“จอดป้ายข้างหน้าเลยพี่” ไม่ไหวจนต้องขอลง

“ร้อยสี่สิบ” มันบอกห้วนๆ เหมือนพวกรีดไถ่ มึงทำงานบริการเซอร์วิสมายด์เคยมีใครสั่งใครสอนไหม

“ตังค์ทอน?” ถ่อยมาก็ถ่อยกลับ เรื่องกวนผมก็ไม่แพ้ใคร



“มีแค่ห้าสิบอ่ะน้อง” เวร!! ผมนั่งนิ่งไม่พูด ไม่ทอนกูครบก็จอดแช่ไปสิมึง กูว่างไม่รีบสิบบาทกูก็จะเอา มันคงเห็นว่าผมไม่ใช่หมูแล้วจะจอดแช่ให้เสียเวลาก็ไม่ใช่เรื่อง



“อ่ะเอาไป” แล้วตอนแรกบอกไม่มี ตอนผมลงจากรถมันทำหน้าเหมือนผมไปขอตังค์ หมดคำจะด่าคนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ ความจริงเห็นแหละว่าชื่อในบัตรที่มันโชว์ไว้ในรถชื่ออะไร แต่รูปคนละคนเลยผมมั่นใจ





ย้ายมาอารมณ์เสียอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ดีนะไอ่ธีมเอากระเป๋าไปไม่งั้นคงได้เป็นบ้าหอบฟาง ตอนนี้เริ่มมืดแล้วด้วย กะว่าถึงแล้วจะไปคอนโดไอ่พี่คุยเรื่องผัวแม่ให้จบ ไม่เป็นอย่างที่คิดสักอย่าง ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่เจอไอ่ธีมล่ะ



“ฮืออออออออออออออออ” ใครวะ เดินมานั่งปิดหน้าร้องไห้โฮ คือร้องไห้ไม่สนใครเลย ดูจากรูปร่างไม่เห็นหน้า เดาเอาว่าเป็นรุ่นน้อง ร้องจนคนอื่นมอง แล้วแม่งนั่งติดกับกูอีก



“น้องโอเคป่ะ” ถามอะไรไร้สมองจริงกู คนโอเคที่ไหนจะสภาพนี้

“.............” คนเศร้าเงยหน้ามองผม หน้าแดง ตาแดงก่ำ สักพักก็ซบหน้าลงไม่สนใจผมอีก แต่ไม่ได้ร้องโฮแล้ว



“มีอะไรเล่าได้นะ พี่ว่างแล้วก็อยากเสือก” คือไม่ได้ชอบเสือก แต่สันดานผมชอบคนหน้าตาดี น้องคนนี้ก็น่าสนใจ นิ้วโคตรเรียวดีฉิบหาย ผิวก็ดีตัวไม่เล็กไม่ดูบอบบางผมชอบแบบนี้ ความจริงได้ทั้งชายทั้งหญิงแต่ชายจะได้อารมณ์กว่า อย่างเดียวคือกูไม่รับให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น



“มาเรียกคนอื่นว่าน้อง คิดว่าแก่มากเหรอ” เสียงไม่ค่อยชัด อู้อี้น้ำเสียงอ้อนสัดๆ ชวนเข้าโรงแรมเลยได้ไหม

“ดุด้วยเว้ย” ผมเริ่มสานสัมพันธ์

“........” ไม่ตอบผมสักคำ สงสัยจะเจอมาหนัก (กว่าผมอีกมั้ง)

“กินข้าวกัน หิว” ไม่รู้ล่ะ ใครจะปล่อยไปง่ายๆ พาไปหาอะไรกินกว่าจะอิ่ม เชื่อว่าระดับราชครูอย่างน้อยกูต้องได้เบอร์



“.......” ฉุดจนเขายืนถึงเห็นว่าสูงน้อยกว่าผมนิดเดียว ขนาดตาแดงยังคมขนาดนี้ สบตากันถ้าไม่แน่จริงต้องหลบให้มันแน่นอน เป็นคนที่มีเสน่ห์มาก



สายตาไม่พอใจปนความเจ็บปวดคงจากเรื่องที่ทำให้ร้องไห้ แรงกบฏเริ่มสะบัดข้อมือให้พ้นจากผม แต่สู้แรงผมไม่ได้ สุดท้ายก็ลากเท้าตามผมมาในที่สุด ดึงเด็กคนนั้นเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยว



“เล็กน้ำตกลูกชิ้นรวมครับ น้องเอาไร” ผมสั่งก่อนหันไปถามเขา



“ใหญ่ต้มยำพิเศษลูกชิ้นสองป้า” สองชามพิเศษเชียวนะ หิวแล้วไปนั่งร้องไห้ทำไมครับ อยากกวนแต่ไม่เอาดีกว่าอารมณ์เสียเดินหนีกูขึ้นมาอดแดกอีก เดินนำเขาไปนั่งโต๊ะว่าง เป็นคนยังไงดูไม่ออก เวลาคนเราเสียศูนย์ก็ไม่เป็นคนเดิมอยู่แล้ว จนได้ชามที่สั่งเราก็ต่างคนต่างกินจนผมเริ่มชวนเขาคุย



“ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอ” ยกรองเท้าผ้าใบสะกิดขาใต้โต๊ะ

“.................” นั่งกินไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้าผมเลย อย่างนี้จะเอาจังหวะไหนขอเบอร์ล่ะ

“ตอนแรกเห็นร้องไห้หนัก นึกว่าจะกินอะไรไม่ลงซะอีก” ผมยังไม่ลดละ



“...........” เงียบ!!

นอกจากอ้าปากกินก็ไม่สนใจอะไรเลย นี่มันหยิ่งหรือกูน่ารำคาญ เดาว่าอย่างแรกนิดเดียวแต่อย่างหลังคงมาเต็ม



“ไม่คุยก็ไม่คุย” ความอดทนผมต่ำชนิดที่ว่าอาจไม่มีเลยด้วยซ้ำ นี่ก็ถือว่าตื๊อมากแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลุกไปตักน้ำมาเผื่อ ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่รู้สิ ถ้ารูปร่างหน้าตาคือโดนมาก แต่นิสัยยังไม่รู้เลยบอกไม่ได้



“ตัวอะไรเนี่ย!! ” ประโยคแรกที่คุณชายโวยวาย ผมเรียกคุณชายแล้วกันลุคให้ หล่อผิวพรรณดีจนคำนำหน้าแค่ ‘นาย’ คงไม่พอ คุณชายคนเศร้าของผมบอกว่า มีตัวอะไรอยู่ในน้ำของเขาเลยลุกไปตักใหม่ ผมก็ไม่สนใจไม่อยากทำให้เขาอึดอัด เดี๋ยวกินเสร็จค่อยว่ากัน (ตอนนี้ก็หมดชามแล้วได้ข่าว)



“ไปห้องน้ำ” เขาลุกขึ้นบอก ผมก็พยักหน้าทำเป็นไม่สนใจ

สิบนาทีได้ ท้องเสียรึไงกัน เดินไปดูอ้าวหายหัว คืออะไรไปตอนไหน หรือผมเล่นมือถือเพลินไม่เห็นเขาเดินออกมา แล้วยังไง ทิ้งกูเฉย เห้ย!! อะไรวะนี่ผมโดนทิ้งเหรอ



เซ็ง!!!!



มือถือสั่นไม่ไอ่พี่ก็ไอ่ไก่ ผมมาเมืองไทยครั้งนี้มีมันสองคนที่รู้ ไม่รวมไอ่ธีมคนเถื่อน

(มึงอยู่ไหนสัด พี่มึงโทรหากูเนี่ย) ทักแบบนี้ไม่ต้องบอกใช่ไหมครับว่าใคร

“กูอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวหิวข้าว” ผมตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



(ไอ่ราชกวนตีนเหรอมึง ทำไมทำตัวแบบนี้ คนอื่นเขาห่วงมึงนะ แล้วดูมึงทำ โตเป็นควายแล้วแม่ง.....)

ได้ยินแค่นี้ที่เหลือยื่นมือถือห่างหู รอเสียงมันเงียบค่อยคุยอีกที มันชื่อไก่แต่เสือกจิกเก่งเกินไก่



“กูจะไปหามึงได้ยัง อยากอาบน้ำ” ผมถามเมื่อมันบ่นจนเหนื่อยแล้ว

(เออ คอนโดกูXX ถึงแล้วบอก กูจะลงไปรับ) ก็แค่นี้ พูดมากทำไมวะ





ถึงคอนโดเพื่อนรักแล้วครับ ความจริงผมมีเพื่อนรักสามคนกลุ่มเรามีสี่คน คนอื่นไว้ค่อยเล่าวันนี้เซ็งไม่มีอารมณ์จะคิดถึงใครทั้งนั้น

“สภาพเหมือนโดนโจรปล้น เป๋ามึงอ่ะ” ดูแม่งทัก ไม่มีชิ้นดีเลยกู



“กูอยากอาบน้ำ” ผมบอก มันพาขึ้นลิฟต์ไปห้องมัน อย่างหรูสมกับเป็นมันดี ในบรรดาเพื่อนสี่คน เราสองคนไม่ได้รวยที่สุดแต่ไอ่ไก่เนี่ยเรียกเหลือกินเหลือใช้ได้ไม่ผิดครับ



“เสื้อผ้าในตู้มึงรื้อๆ ดูเอง” มันชี้นิ้วสั่งอีกสองสามอย่าง เราเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมห่างกันไปตอนเรียนปริญาตรี และผมไปอยู่เมืองนอกอีกสามปี แต่ก็เจอกันบ้างคุยกันบ้างไม่ได้ขาดการติดต่อ



“พี่มึงเขาเป็นห่วงโทรไปบอกเขาซะ” มึงเพื่อนกูหรือเมียกูวะไก่ สั่งกูจัง

“เดี๋ยวโทร มึงเป็นไงบ้างได้ข่าวพ่อยกบริษัทให้แล้ว”

“ใครบอกมึง ข่าวมั่ว กูจะเอาปัญญาที่ไหนไปดูแลคนเดียว” อย่าไปเชื่อ มันเก่งจะตาย ในบรรดาพวกเรามันมีความรับผิดชอบสุดแล้ว

“ไอ่คารบอก วันก่อนกูเจอมันที่โน่น พาลูกทัวร์คนพิเศษมาเที่ยว”

“น้องสมุทรป่ะ น่ารักโคตรมันไปหาจากไหนวะ” ผมเห็นด้วยนะ น้องแม่งตัวบาง ปากแดงสายตาคือยั่วเก่งเพื่อนผมหลงหัวปักหัวปำ แต่ไม่ใช่แนวผม อย่างผมต้องแมนๆ เท่ๆ คิดถึงน้องที่เพิ่งเจอมาเลย น่าค้นหา ค้นทั้งตัว ค้นทั้งคืน



“เชี่ยราช มึงคิดอกุศลกับเด็กเพื่อนเหรอวะ”

“ห่าไม่ใช่โว้ย กูก็มีเด็กของกู” เด็กกูหล่อสัดๆ (ได้ข่าวว่าชื่อยังไม่รู้จัก แต่โมเมว่าเขาเป็นเด็กตัวเอง)

“แล้วไป โทรหาพี่มึงได้แล้ว” วกมาเรื่องนี้อีกจนได้



ผมล้วงมือถือมากดโทรออกไม่นานปลายสายก็รับ ไอ่พี่มันกำลังเก็บของไปนอนหออมร ลูกพี่ลูกน้องพวกผม

“ไปทำไม คอนโดมึงจะโดนเขาไล่ที่รึไง”



มันจะไปทำงานเป็นหมอโรงพยาบาลคนอื่น แล้วค่อยมาเปิดของตัวเอง คือมันเคยเปิดที่บ้านแล้วขาดทุนครับ มันเลยจะมาหาประสบการณ์จากโรงพยาบาลสัตว์อันดับหนึ่งของประเทศ เอาไปพัฒนาโรงพยาบาลของตัวเองมันว่าอย่างนั้น



(ปากมึงนะไอ่น้อง กูอยู่ไกลจากโรงพยาบาลที่จะไปสมัครไง แล้วมึงติสแตกอะไร กูแค่ไม่ว่างไปรับ งอน?)

“งอนห่าเหวอะไร กูไม่ชอบขี้หน้ามันมึงก็รู้อยู่ เสือกให้มันไปรับกูทำไม” ผมขึ้นเสียงอย่างเด็กเอาแต่ใจ ไอ่ไก่หันมามองแต่ไม่พูดอะไร

(หายบ้าก็มาเอากระเป๋าที่ห้องกูละกัน อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตมึง ไร้จุดหมายให้พอใจ แล้วเรื่องแม่จะเอาไง)

ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เรื่องแม่เราไม่ควรคุยกันทางโทรศัพท์ แต่ช่วยไม่ได้ อยากคุยให้จบตอนนี้ขี้เกียจรอ



“กูว่าหนักแล้วล่ะ หลงคว...ไอ่นั่นฉิบหาย” พูดแล้วกูขึ้น

(ไอ่น้องนั่นแม่มึง ดีๆ หน่อย) เสียงดุใส่กูทันที

“ก็กูพูดความจริง มึงไม่เคยอยู่กับเขามึงไม่รู้หรอกว่าเขา แร...ด”

(ราชครูถ้ากูได้ยินมึงลามปามแม่อีกคำเดียว มึงกับกูไม่ใช่พี่น้องกัน)

 เสียงจริงจังจนกูต้องหยุด แค่พูดเรื่องจริงของผู้หญิงคนนั้น มันถึงขั้นจะตัดพี่ตัดน้องกับผม



“กูมันก็แค่คนนอก พ่อก็ถีบส่ง แม่ก็ไม่เอา มึงก็ทำเหมือนกูเป็นตัวภาระแม่งเอ้ย”

ผมปามือถือลงพื้นหินอ่อน แตกกระจายไม่เหลือซากเหมือนความรู้สึกของผมตอนนี้ ทิ้งตัวลงบนโซฟาไม่สนใจไยดีอะไร ไอ่ไก่เดินมานั่งข้างๆ ไม่มีคำปลอบโยน แต่กับเพื่อนผมรู้ว่าพวกมันห่วงผมทุกคน



“ดูหนังไหมมึง”

“มึงคิดว่าอารมณ์นี้ กูอยากดูหนังรึไง” ตอบมันตาขวาง

“ไม่ดูก็ไม่ดู กูก็แค่ชวน มึงว่าวันหนึ่งนานไหมวะ”

“ถามเชี่ยไรของมึง อย่าเพิ่งกวนตีนกูได้ไหม” ผมหันไปพูดกับมันเสียงดัง



มันจ้องกลับไม่มีแววความโกรธเลยสักนิดที่ผมว่ามันแรงๆ เรารู้นิสัยกันดี ปากหมาเป็นเรื่องปรกติ ศีลเสมอกันครับเลยอยู่ด้วยกันได้ ยิ่งไอ่คาร นอกจากน้องสมุทรไม่เห็นมันพูดจาดีกับใคร แต่ถึงยังไงพวกผมก็ตายแทนกันได้ก็แล้วกัน



“ราชเดี๋ยววันนี้มันก็ผ่านไป วันนี้ไม่ได้มีเจ็ดสิบสองชั่วโมง” เป็นวิธีปลอบของมัน ถ้ากูโง่คงฟังมันไม่เข้าใจ ว่าแต่มันพูดอย่างนี้แปลว่าไงวะ

“โทษที กูหงุดหงิด” ถ้าไม่ใช่เพื่อนผมไม่ยอมขอโทษง่ายๆ หรอก



“มือถือพังเลยนะมึง เงินเยอะรึไง” มันก้มเก็บเศษมือถือให้ผมบ่นไปด้วยตามนิสัยไก่ๆ ของมัน เพิ่งเห็นว่าเพื่อนเปลี่ยนไปเยอะ หุ่นกล้ามนี่คือปั้นมาอย่างดีแน่นอน หน้าเข้มขึ้นหล่อกว่าเดิมอีกนะมึง แค่คิดไม่บอกมันหรอกครับ กระดากปากเวลาจะชมเพื่อน



“ดูหนังกัน เรื่องนี้กูซื้อมายังไม่ได้กู” มันชูแผ่นหนังแนวสืบสวน เรื่องนี้ผมก็อยากดูเหมือนกัน

“กูจะอาบน้ำ มึงดูไปก่อนเลย” เราสองคนชอบอะไรเหมือนกัน ดูหนังแนวเดียวกัน มีนักร้องคนโปรดคนเดียวกัน ชอบเที่ยวตามภูเขาน้ำตกด้วยกัน ถูกใจอาหารรสชาติเดียวกัน เลยสนิทกันมากที่สุด สำหรับผมมันคือเพื่อนคนแรกที่ผมคิดถึง ไอ่คารกับไอ่ภินก็สนิทแต่พวกมันมีชีวิตไม่ค่อยตรงกันกับผม รักเท่ากันแต่สนิทไม่เท่ากัน



“มันอยู่กับกู..แม่งปาทิ้ง..เออไม่ต้องห่วงมันดีขึ้นล่ะ..ไม่รู้มัน มึงจะมากรุงเทพเมื่อไหร่วะ...เอาเด็กมึงมาด้วย..ห่าหลงเขาฉิบหายทำเป็นปากดี” ได้ยินเสียงไก่โต้งข้างนอก ไอ่คารคงโทรมาถามหาผม แล้วมันรู้ว่าผมจะกลับไทยได้ไงวะ สักพักก็ได้ยินไก่มันคุยกับไอ่ภินต่อ คุยเรื่องนายแบบอะไรสักอย่าง สระผมเลยได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง



ที่ผมได้ยินเพราะไม่ปิดประตูห้องน้ำ คอนโดมันกว้างมาก และไม่มีใครนอกจากผมกับมัน มันก็ไม่เดินมาดูหรอกครับ ห้องน้ำก็แยกโซนแห้งโซนเปียก ใช่ว่าโผล่มาก็จะเห็นผมโป๊อยู่ทันที ต้องเดินอ้อมมาข้างในอีก ออกแบบมาโคตรหรูครับบอกได้แค่นี้



เช็ดหัวออกมา ไก่มันเปิดหนังไปเยอะแล้ว

“ไอ่ภินกับไอ่คารจะมาเดือนกันยาน้องสมุทรมาด้วย” มันบอกแต่ตายังไม่ละจากหนัง ผมต้องนั่งกับพื้นเพราะมันนอนเหยียดขาเต็มโซฟาไปแล้ว นั่งพิงหลังตรงหน้ามัน จงใจแกล้งครับหมั่นไส้มัน นอนยังกะจะถ่ายแบบเท่ไปนะมึง



“เชี่ยราชบังจอกูมิดเลย” ไม่สนใจครับเช็ดหัวใส่มันอีก มันเลยผลักหัวผมคือแรงมาก แรงกว่าไอ่ธีมตบอีก

“ผลักขนาดนี้ถีบกูเถอะ”

“ทำได้เหรอวะ” กวนนะมึง มันง้างเท้าจะถีบจริงผมก็เลย



“โอ๊ย ไอ่ห่า ฮ่าๆ ” ไก่มันโวยวายลั่นห้องเพราะผมโดดทับตัวมัน แล้วก้มหายใจใส่คอมัน มันบ้าจี้ ผมก็บ้าพลังฟัดกันสักพักจนเหนื่อยทั้งคู่ เหงื่อท่วมจนอยากอาบน้ำใหม่อีกรอบ



“พอๆ กู..เหนื่อย..ไอ่สัด” ผมยอมแพ้ลุกไปเปิดน้ำในตู้เย็นมากิน ยื่นให้มันด้วยขวดเดียวกันเลยครับไม่ต้องใช้แก้วให้เสียเวลา ไก่มันเป็นควายไปแล้วไม่ใช่ไก่โต้งตัวบาง ที่ผมเคยเล่นด้วยเมื่อหลายปีก่อน ออกแรงแล้วค่อยหายเครียด รู้สึกเสียดายมือถือขึ้นมานิดๆ ผมใจร้อนไปหน่อยรู้ตัวครับ



“อ่ะ..” มันยื่นมือถือมันให้ผม ไม่ต้องบอกก็รู้ มันจะให้ผมโทรหาไอ่พี่

“กู..” คือกูไม่อยากคุยอ่ะ

“โทรเถอะ พี่มึงจะได้สบายใจ” ทำไมผมต้องยอมทำตามมันด้วยวะ ผมอยากให้ไอ่พี่สบายใจหรือความจริงผมแค่ อยากให้ไอ่ไก่มันสบายใจก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ขี้เกียจหาคำตอบปวดหัว กดโทรออกรอไม่นานมันก็รับสาย ผมเดินไปคุยตรงระเบียง



(ไอ่โต้ง ไอ่น้องอยู่กับมึงใช่ไหม)

“เออกูอยู่กับมัน” มันเงียบไปสักพัก ผมก็เงียบจนมันพูด



(เรื่องแม่ช่างเขาเถอะความสุขของเขา มึงก็อยู่บ้านสวนไป อยากทำอะไรก็บอกกู) ผมเงียบไม่ตอบ แต่ลึกๆ ก็รู้สึกดีใจที่มันยอมยกบ้านสวนให้ผม



ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าไอ่ยูรัน ผัวใหม่แม่ที่เป็นคนญี่ปุ่ญ มันอยากได้ที่ตรงนั้น สวนมะม่วงเกือบแปดสิบไร่ ที่ของพ่อยกให้ไอ่พี่ไม่เจียดมาให้ผมสักแปลงเดียว แต่พ่อเสียแม่เลยจ้องจะเอามาให้ผัวใหม่ ไอ่พี่ได้ไปกูไม่ว่า แต่ผัวใหม่แม่อย่าได้หวังจะไปเหยียบที่พ่อกู



“มึงให้กู” ผมถามตรงๆ เพราะถ้ามันให้ผมเป็นแค่คนอาศัย แล้ววันหนึ่งไอ่ยูรันมาไล่เหมือนที่มันไล่ผมออกจากบ้านมัน ผมคงรับไม่ได้

(ให้ก็คือให้ มึงไม่เข้าใจตรงไหนวะ เดี๋ยวให้ทนายส่งเอกสารใบโอนให้เซ็นต์ แต่กูขอมึงอย่างเรื่องแม่ ต่างคนต่างอยู่ ยังไงเขาก็แม่เรา)

“เออ” ผมตอบพี่ชายฝาแฝดไปแค่นั้น เป็นอันเข้าใจ ตอนไม่ทะเลาะกันก็รู้ว่ามันห่วง แต่ตอนโกรธไม่รู้อะไรทั้งนั้นนิสัยผมเป็นแบบนี้

(กระเป๋ามึงจะมาเอาเมื่อไหร่ก็มา กุญแจกูฝากไว้ที่นิติ แค่นี้นะ...)

“ไอ่พี่” ผมเรียกมันก่อนมันจะวางสาย

(ว่า)

“..........” ขอบคุณ ทำไมพูดยากจังวะ

(มึงจะหายใจให้กูฟังอีกนานไหม) สัดกูเลิกซึ้งล่ะ

“แค่นี้แหละ” ผมตัดบทวางสายใส่มันเลย ไม่ทำซึ้งบ้าบอคอแตกอะไรทั้งนั้น



วางสายกับไอ่พี่แล้ว เดินเข้าห้องมาทีวียังมีเสียง แต่เพื่อนกูสลบเฝ้าจอไปแล้ว นอนแผ่อ้าซ่า แขนขาหล่นลงมาจะถึงพื้นอยู่ละ มันหลับท่านั้นได้ไง ขำใส่มันนิดหน่อย อดไม่ได้ต้องไปดึงแม่งขึ้นมานอนดีๆ



“นอนท่ายากนะมึง” มันเหมือนจะรู้สึกตัวลืมตามามอง แต่เสือกตะแคงข้างแล้วนอนต่อ ตื่นหรือละเมอกันแน่ ปิดทีวีเดินไปหยิบผ้าห่มมาให้ไอ่เจ้าของห้องห่มลวกๆ ไม่ได้ค่อยๆ ห่มอะไรแบบนั้น อย่าคิดกันไกล มันก็ยกขากอดก่ายผ้าห่มที่ผมโยนให้ทันที หลับสนิทไม่หือไม่อือ



เดินเข้าห้องนอนล้มตัวยึดเตียงเต็มพื้นที่ เวลาตีสองเข้าสู่วันใหม่แล้วนี่หว่า อา....เหนื่อยเป็นบ้า แต่ไม่มีผ้าห่มกูนอนไม่หลับ เดินไปรื้อผ้าเช็ดตัวไอ่ไก่ในตู้มาห่ม ผมได้เตียงแต่มันได้ผ้าห่ม ตกลงใครมันสบายกว่ากัน

















เอามุมพี่ราชครูมาฝากค่ะ หวังว่าจะชอบพี่ราชจะแนวแบดๆ ไม่สนใจโลก

เจอคำผิดโปรดบอก ขอบคุณที่ติดตาม รักทุกคอมเม้นต์เลย อ่านให้สนุกนะคะ



By Symbol A



หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 03-02-2019 12:56:26
 :o8:ราช+โต้ง ใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-02-2019 13:22:03
คู่ราชโต๊งให้ความรู้สึกเมะxเมะสลับรุกสลับรับได้เลย. ฮ่า  :katai3: :hao6: :hao6:ฮ่า
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 03-02-2019 13:26:43
พี่ราชคือแบดมากแต่ก็น่าสารอ่ะ พี่โต้งน่ารักคือปลอบเพื่อนได้ดีมาก สนุกมากๆตลกตอนสุรหนีอ่านกี่ครั้งก็ขำ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-02-2019 14:13:32
น่าลุ้นกันทุกคน
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-02-2019 14:30:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

หุหุ  ราชชอบแมน ๆ เนอะ  ไก่โต้งก็แมนเนอะ  ว่าป่ะ?
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-02-2019 16:09:46
เหมือนจะได้คู่จิ้นใหม่ Pๆ หมดหวังและ  :เฮ้อ: :serius2:
จะเป็น ธีม ธาดา หรือ ธีม ราชครู ดีน้อ  :impress2:
หรือ  ราช  โต้ง  ก็น่าสน   :-[

เพิ่งรู้รายละเอียด หน้าตาของสุร อื้อหืม...... น่ากิน น่ารัก น่าแซ่บ  :o8:
มองผ่านแมนรู้แต่สุร ผัวแห่งชาติ ผัวของแมนเท่านั้น   :sad4:
มิน่าใครๆก็มาหลงสุร กันทั้งนั้น  :oo1:
แม่ปราชญ์ ก็เกินไปนะ   o22 :really2:
อยากได้ที่ๆพ่อของลูกยกให้ปราชญ์ ไปให้สามีญี่ปุ่น  :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-02-2019 08:46:55
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 13 Part ราชครู1
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-02-2019 16:21:01
อ่านแล้วโมโหแทนราช
แม่จะเอาที่ของพ่อไปให้ผัวใหม่
ใครจะยอม

 :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 04-02-2019 17:42:18
ตอน 14

ราชครู 2



‘เพื่อนคือเพื่อนไม่ใช่ผัวเมีย วันไหนที่มึงคิดจะเอากับเพื่อน มึงต้องพร้อมจะเสียความเป็นเพื่อน ได้ชื่อว่าเอากันแล้ว มันไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไป’

ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอด นอกจากไม่รับให้ใครบนเตียง การเอาเพื่อนมาเป็นคนรักหรือคู่นอน กูไม่ทำเด็ดขาด และถึงความคิดจะยังเหมือนเดิม แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อคืนผมดื่มกับไอ่ไก่เมาหนักชนิดที่ว่าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครเอาใคร ตื่นมาเจ็บตัวทั้งคู่ แสบหัวค...ไปหมด ผมเล่าละเอียดไปไหม? ไม่เหรอ...เอาอีก..อืม..ก็อยากเล่านะครับแต่ผมจำไม่ได้ นอกจากความรู้สึกที่ยังติดในร่างกายจำอะไรไม่ได้สักท่า

ไม่เคยเมาขนาดที่แซ่บกับใครแล้วกูจำไม่ได้แบบนี้ แต่จะปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรก็ไม่ใช่ รอยกัด กับคราบตามง้ามขา บาดแผลที่เราสองคนทิ้งไว้ให้กัน มันชัดเจนเกินไป

“มึงไหวไหม” ผมถามไก่ที่เดินขาสั่นเข้าห้องน้ำ มันตอบโดยไม่หันมามอง

“มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ค่อยมาห่วงกู” ครับตามนั้น

ความวัวที่ว่าผมเมาแล้วเผลอไปลวนลามน้องสรุยังไม่ทันเคลียร์ ความควายที่กูกับเพื่อนแซ่บลืมกันอีก ลืมจริงๆ ด้วยนะไม่ได้พูดเอาฮา จำไม่ได้จริงๆ เมื่อคืนกูกับมันได้กันท่าไหนวะ คิดแล้วก็ปวดหัว เปิดฝักบัวราดตัวไปก็สับสนไป สายน้ำไม่อาจชะล้างอดีตที่เพิ่งผ่านพ้นไปจากใจได้แม้แต่นิดเดียว พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานที่บริษัทมันด้วย แม่งกูจะมองหน้าเพื่อนยังไง แล้วไหนจะน้องสุรอีก เขาจะจำได้ไหม

ที่อภิมหาเหี้ยคือ ไอ่พี่มันบอกกูว่ามันเป็นแค่เมตน้องก็จริง แต่มันชอบสุร เป็นครั้งแรกที่ผมกับไอ่พี่ฝาแฝดชอบอะไรเหมือนกัน สุรกูเจอก่อนมันแต่ไหงมันมาใกล้ชิดกว่ากู ไอ่ไก่ก็เล็งน้องอยู่ แต่กูก็ดันได้แทะเล็มก่อนมัน พีคกว่านั้นกูกับไอ่ไก่..โอ๊ยยย

“ราชมึงอาบน้ำหรือเข้าไปขุดบ่อ” ไอ่ไก่มันตะโกนหน้าประตู ตอนนี้ผมมาอาบน้ำที่ห้องนอนแขก ที่นี่มีห้องน้ำสองห้องครับ ฟังจากเสียงที่เพื่อนเรียกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพราะเราโตแล้ว ชีวิตจะย่ำแย่แค่ไหนก็ห้ามงอแง ในเมื่อเพื่อนมันยังทำตัวเหมือนเดิมได้เลย ถือว่าเป็นแค่กิจกรรมที่เราทำร่วมกัน กระชับสัมพันธ์ เดี๋ยวๆ มันใช่เหรอวะ

“เชี่ยราช!! กูหิว เร็วๆ”

“เออๆ เสร็จแล้ว” แม่งกูยังไม่ได้ถูสบู่เลย มัวแต่ตีกับความคิดอยู่ พอก็ได้วะ แต่อ๊ะ..เจ็บฉิบหาย พวกรับมันทนกันได้ไง กูเข็ดมากพูดเลย นรกชัดๆ ตอนเสียวไม่รู้ตัว ตัดมาอีกทีกูเจ็บเลยนี่ ทำกรรมอะไรไว้นักหนาถึงต้องมาเจอแบบนี้

“เสื้อผ้าบนเตียง” ไก่มันชี้สั่งแล้วเดินออกไป ผมก็มีแค่ผ้าพันเอวผืนเดียว นึกว่ามันออกไปแล้ว แต่..ผมจะอายมันทำไม เห็นกันหมดมาตั้งนานแล้ว ประสาทแล้วมึงไอ่ราชครู

“กางเกงในมึงเหรอวะไก่” ถามไปตามความเคยชิน เราสนิทกันมานานไม่มีอายอะไรทั้งนั้น

“ไม่ใช่ของกู แล้วจะของหมาที่ไหน”

“เห้ย ไอ่เชี่ยไก่ กูตกใจ” ตะโกนตอบก็ได้ ไม่เห็นต้องยื่นหน้าเข้ามา แล้วคือกูยืนอล่างฉ่างอยู่ไง

“มึงอายกูรึไง เรื่องเยอะนะมึงอ่ะ เมื่อคืนก็อุตส่าห์ไปเมาเป็นเพื่อน เสือกจับกูทำเมี...” มันละไว้ในฐานที่เข้าใจ แล้วหันหลังเดินออกไป เรามาถึงจุดนี้ได้ไง จุดที่ว่าแม้แต่เพื่อนกูก็ไม่เว้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมใส่กางเกงในของมัน เราเมาหัวราน้ำด้วยกันก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เมื่อคืนผมเสียซิงประตูหลังให้มัน จากที่เคยทำแต่ประตูคนอื่นกลายเป็นโดนทำ จบครับ จบสิ้นแล้วชีวิตกู

แต่งตัวเสร็จเดินออกไปไก่มันรออยู่แล้ว เดินลงมานั่งกินโจ๊กใกล้คอนโดเราทำอาหารไม่เป็นทั้งคู่ ปรกติซื้อแดกตลอด ห้องครัวนี่ไม่มีเมียก็คงมีไว้ประดับบ้านเฉยๆ นั่นแหละ

“เดินขัดเลยนะมึง แฮงค์หรือเจ็บวะ” มันถามหน้าตายตอนแย่งไข่ลวกผมไป ผมมองตามไข่จนมันตักขิงฝอยคืนมาให้ บอกว่าแลกกัน

“แลกผ่องดิ ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ของมึงเล็กนักนี่” ไม่รู้ว่ากระหน่ำซัมเมอร์เซลใส่กูขนาดไหน ระบมขนาดนี้

“หยุดเลย ก่อนจะว่าคนอื่น นมกูจะหลุดหมาตัวไหนมันกัด แล้วกูก็เจ็บเหมือนกัน ของมึงไม่ใหญ่เลย” มันประชดนะครับ จริงๆ ของผมใหญ่มาก เดี๋ยวนั่นไม่ใช่สาระสำคัญ ที่ควรต้องสนใจ คือเราอยู่ร้านโจ๊ก คนแน่นร้านและรอบข้างก็เริ่มมองเรา ไอ่ไก่โคตรไม่สนใจโลก ผมว่าผมก็โลกส่วนตัวสูงมากนะ เจอมันนี่กูยอมแพ้ ว่าแต่ผมกัดหัวนมมันจริงเหรอ ทำไมอยากอ้วกแบบนี้วะ

ไอ่เหี้ย..รับไม่ได้!!!



“ชามะนาวของมึง”

“ขอบใจ” ไก่มันจำได้เสมอว่าหลังดื่มหนัก เช้ามาผมก็ต้องการชามะนาว

“ไก่”

“อือ”

“นมมึงจะหลุดจริงดิ” มันมองผมแล้วทำหน้าแปลกๆ จะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งก็ไม่บึ้ง ผมรับไม่ได้แต่ก็ห่วงมันเหมือนกัน มันเพื่อนรักผมนะ แค่เราได้กันแต่ฉันก็ยังเป็นเพื่อนเธออะไรแบบนั้นครับ

“มึงจะดูไหมล่ะ” แม่งทำท่าจะเลิกเสื้อขึ้นอีก

ผมเลยจ้องหน้าจริงจัง “กวนตีน กูถามดีๆ”

“มึงจะมาจริงจังอะไรกับนมกู”

“เอ้าห่า กูเป็นคนกัดไหมล่ะวะ”

“ยังไม่หลุดกูเปรียบเทียบเฉยๆ พอใจยัง”

“พอใจ แล้วมึงจะเสียงดังทำไม” เหมือนไก่มันจะเพิ่งรู้ตัว ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปเลย อ้าวไอ่ไก่มึงให้กูจ่ายคนเดียวเหรอ โมโหกลบเกลื่อนให้กูเลี้ยงนี่หว่า ไอ่เพื่อนงก รวยซะเปล่า



ขึ้นมาก็พบว่ามันอยู่ห้องมัน ผมก็จะไปนอนห้องนอนแขก ที่ไม่มีอะไรเลยมีแต่ฟูก ผ้าปูยังไม่มี แต่กลัวเพื่อนคิดมากเราเพิ่งแบบว่า...กันมาด้วย ขนตากำลังประสานกันช้าๆ สติกำลังจะหลุดจากร่าง

“เฮ้ มึงไปนอนห้องกู” ฝืนตาขึ้นมองมันจับแขนผมดึงให้ลุกตามไป

“นอน อย่าคิดมาก กูไม่ปล้ำมึงหรอกราช” กูตื่นเลยครับอะไรปล้ำๆ

“มึงไว้ใจกูเหรอ” เอากับกูสิ พูดแบบนั้นทำมายยย

“ไม่ไว้ใจ แต่กูมีสติ ลองมาเงี่ยนใกล้ๆ กูจะใช้ตีนดับความเงี่ยนให้มึงเอง สัดนอนกูเพลียฉิบหายเลย” ตอนเป็นแค่เพื่อนธรรมดามันก็ชอบสั่งผมแล้ว แม่งพอเป็น...โหดใส่กูเลย ทำไมต้องเว้นคำไม่สุภาพเหรอ เปล่าคือไม่รู้จะนิยายคำไหนดีครับ

“ไก่” ผมที่ไม่ค่อยง่วงแล้วหันไปเรียกมันที่นอนคว่ำหน้าอยู่

“อะไร”

“มึงเอา..ออกยัง” คือกับเพื่อนไงกูไม่อยากฮาร์ดคอร์ เห็นผมเหี้ยอย่างนี้กับเพื่อนผมเรียบร้อยที่สุดในกลุ่มนะครับ

“น้ำมึงอะนะ” ไอ่ไก่บางทีมึงก็ตรงเกิ้น

“เออ เอาออกยังไงวะ” เชดดดดด กูรู้สึกหน้าร้อนผ่าว อบอ้าวอยากกระโดดหน้าต่างตายจริงๆ

“มึง..ยังไม่เรียบร้อย? ” ผมยกมือเขาแขน อ้อมแอ้มว่ายัง คือเมื่อเช้ากูก็ไปยืนทำเอ็มวีอยู่ ขนาดสบู่ยังไม่ได้ฟอกเลยจะเอาเวลาไหนไป..แหย่รู

“มึงควรทำนะ จะให้กูช่วยหรือจะหาวิธีเองในเน็ต” ฟังดูวิชาการจังเนอะ ใจกูสั่นไปหมดขาก็ด้วย..พอเถอะ

“ว่าไงตอบมา สัดกูง่วงจะตายห่า” ดุกูจังวะ

“มึงง่วงนี่ นอนไปเถอะ” กูเกรงใจมันอ่ะ สัดมีใครเหมือนกูบ้างเนี่ย

“..........” มันกรนไปแล้วเรียบร้อยครับ อากู๋ช่วยกูด้วย



ผมหยิบมือถือมาเปิดหาวิธี...ต้องค้นหาว่าอะไรครับใครรู้บอกที หลังจากนั่งอ่านไปสักพัก บางคนบอกเลือดออก ต้องทายา กินยา ไปหาหมอ นึกย้อนกูออกไหมวะ ไม่มั้งจำไม่ได้ แล้วไอ่ไก่มันออกไหมอ่ะ เริ่มห่วงเพื่อนและตัวเองบ้างหลังจากอ่าน ปสก.ของคนอื่น หรือผมควรโทรหาคู่นอนที่เคยรับให้ผมดี ผมแม่งก็เหี้ยจริงๆ ไม่เคยใส่ใจใครเลยว่าเขาจะเป็นยังไง เอาเสร็จกูกลับเลย

พอรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างก็รู้สึกผิดนิดๆ แม้จะนิดเดียวแต่ผมก็คิดว่าจะไม่ทำอีก หันไปมองไอ่เพื่อนไก่ ถ้าไม่มีเสียงกรนกูคงนึกว่ามึงตาย นอนลงช้าๆ ข้างมันนั่นแหละ ไก่มึงหล่อจังวะ

ผมคงเบลอครับ ลืมๆ ไปนะผมไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น ลุกไปห้องน้ำเตรียมตัวทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนดีกว่า



สัด!!! เจ็บเชรี่ยๆ เจ็บกว่าอะไรทุกอย่างในชีวิตที่เคยเจ็บมา น้ำตากูเล็ดอ่ะคิดดู ส่วนภาพประกอบไม่ขอบรรยายนะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว



เวลาจะเยียวยาทุกอย่างเองก็คงจะจริง จากที่เราสองคนรู้สึกเหมือนขนมที่ผิดสูตรกันมาสักพัก ตอนนี้ความเป็นเพื่อนรักก็กลืนกินทุกอย่าง กลับมาเป็นปรกติ อะไรก็ดูจะดีขึ้น (มั้ง) น้องสุรก็น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือผมไม่อยากยุ่งกับน้องมาก

ตอนแรกโดนใจใช่เลย ทั้งรูปร่างหน้าตาและเสียงคราง เอาจริงคืนนั้นเกือบได้แล้ว แต่คิดถึงไอ่ไก่ขึ้นมากูก็ทำไม่ลง มันชอบน้องมาก กลัวมองหน้ากันไม่ติดเกรงใจเพื่อน (ขนาดเกรงใจ) ส่วนไอ่พี่เพิ่งรู้วันที่น้องทำมือถือตกที่บ้านผม ว่ามันหมายตาน้องมานาน ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำเอาใจสารพัด แบบย่อนะครับความจริงมันพูดเยอะกว่านี้มาก ทำให้ผมก็เริ่มไม่อยากเดินหน้า เสียดายนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร น้องมันก็คงจำไม่ได้เห็นยังคุยกับผมปรกติ



“โอเคไหม”

“มะนาวอีกลูกเถอะ”

“ได้ ไปนั่งรอเลย ตรงนี้ใกล้เตามันร้อน”

“ไม่เอา ช่วยกัน”

“ตามใจ ขยับมาจะได้โดนพัดลม”

“คร๊าบบพ่อ”



อย่าเข้าใจผิดครับ สองคนที่คุยกันไม่ใช่ผมกับไอ่ไก่โต้งแน่นอน หลังจากผมให้น้องสุรชวนไอ่พี่มากินเหล้าแกล้มอาหารทะเล ตอนนี้เราอยู่กันที่คอนโดไอ่ไก่ และด้วยความที่ผมกับมัน ทำอะไรกันไม่เป็นสักอย่างกระทั่งหั่นหัวหอมก็ยังไม่น่าแดก ไอ่พี่เลยไล่เราออกมากินเลย์กับเหล้ารอ ส่วนมันก็...อย่างที่เห็นครับ



“มึงไหวนะไก่” ผมหมายถึงภาพบาดตา แล้วน้องสรุคนหล่อก็ดูสนิทกับไอ่พี่มาก ผมเพิ่งเคยเห็นไอ่พี่มันอ่อนโยนขนาดนี้ ปรกติมันแค่สุภาพแต่ก็ไม่ได้เอาอกเอาใจใครขนาดนี้ นี่มันหลงแล้วล่ะกูว่านะ

"ไม่ไหวให้กูทำไงวะ ไหนน้องว่าแค่รูมเมต ที่กูเห็นสายตาพี่มึงไม่ใช่อ่ะ” ผมมองมันแบบสงสารสุดตีน ดีว่าผมตัดใจเก่ง ไม่งั้นคงไม่ต่างจากมันเท่าไหร่

“เดี๋ยวกูหาให้ใหม่ เอาหล่อลากกว่านี้ไปเลย” ผมกอดคอปลอบมัน

“หล่อกว่านี้ก็มึงแล้ว” ดูมันพูดยักคิ้วใส่กูอีก หอมแก้มแม่ง เอ๊ะ!! สงสัยผมจะมึนครับ คิดได้ไงว่าไอ่ไก่มันน่าหอมแก้ม แพ้เหล้าหรือเปล่าเนี่ยกู



“มึงสองคนจะจีบกันอีกนานไหม มาช่วยน้องยกไป” ไอ่พี่ตะโกนมา ผมกับไอ่ไก่ผละออกจากกันทันที

“ไอ่ปราชญ์มึงปากเสียนะ กูกับน้องมึงจะ..แค่คิดก็สยองแล้ว” หึ..สยองทั้งคืนไหมล่ะมึง

“ไอ่ราชมึงปฏิเสธพี่มึงบ้างดิ” มันกัดฟันพูดกับผมแค่สองคน ผมส่ายหัวให้

“ยิ่งมึงดิ้น พี่กูยิ่งรู้ ไอ่พี่มันฉลาดมึงก็อย่าโง่ จะตามเกมมันไม่ทัน” ไม่รู้ว่ามันเห็นอะไร แต่ถึงขั้นพูดแบบนี้แปลว่าผมคงหลุดอะไรไปสักอย่างจนมันผิดสังเกต ไอ่ไก่เหมือนจะคิดได้ สักทีเดินทำหน้านิ่งไปช่วยน้องสุร ยกจานยำมาวางที่ระเบียง วันนี้พวกเรามีเตาไร้ควันวางที่ระเบียง คอนโดหรูได้ใช้งานคุ้มก็วันนี้แหละ

“สุรเปลี่ยนกางเกงไหม ดูนั่งไม่สะดวก” ไก่มันถาม น้องส่ายหัวบอกผมโอเค แต่นั่งขัดสมาธิไม่ได้ ต้องนั่งเหยียดขาเอา น่าดูเอ็น เอ้ย น่าเอ็นดูจริงๆ

“ไอ่น้องมึงเฝ้ายังไงมันไหม้เห็นไหม”

“ไหน ไม่เห็นไหม้ ไอ่พี่มึงอย่าหาเรื่องกู”

“เออกูหาเรื่อง จ้องน้องอยู่ได้ มันจะกินไม่ลงอยู่แล้ว” ไอ่ปราชญ์มันว่าหวงอะไรขนาดนั้น นี่ถ้ามันรู้ว่า..กูจะไม่โดนมันฆ่าเหรอ

“คำก็น้อง สองคำก็น้อง กูน้องมึงยังไม่เห็นเคยห่วงกูเท่านี้เลย” ผมไม่ได้น้อยใจนะ แค่อยากดูปฏิกิริยาน้องสุร น้องก็เฉยไปรึเปล่าวะ กินอย่างเดียวไม่พูดไม่จา ได้ยินกูแซวไหมเถอะ



“มึงแดกหัวกุ้งเยอะจนเมารึไง” กลายเป็นไอ่พี่ที่โวยวายแทน นี่ก็ชัดเจนเกินไอ่ไก่ที่เพิ่งออกจากห้องน้ำยังดูออกเลยมั้ง

นั่งกินกันไปสักพัก “โอ๊ย!! ” เสียงไอ่ไก่ครับ แล้วผมเป็นอะไรของผม พุ่งไปดูอย่างไว ทั้งที่มันนั่งข้างน้องสุร แต่คือกูดึงมือมันมาดูก่อนใครเพื่อน จนไอ่พี่มันมองยิ้มๆ

“เกะไม่เป็นเสือกอยากทำนะมึง” ผมดุที่มันเสร่อจะไปเกะปูให้น้องสุร ได้แผลมาอีก แผลโดนอะไรบาดเมื่อเย็นยังไม่หายเลย รู้สึกไม่ชอบใจเลยจริงๆ

“เลือดออกเยอะเลยมึง ไอ่น้องมึงเอามันไปล้างแผลก่อน มีกล่องพยาบาลไหมวะ”

“สุรอย่ามอง” ไอ่ไก่มันร้องห้าม แต่ไม่ทันแล้วครับ ตอนนี้วุ่นวายมากน้องหน้าซีดทำท่าจะเป็นลม ไอ่พี่รีบวิ่งจากในครัวมาดึงแขนน้องไปนั่งโซฟารับแขก ไอ่ไก่มองตามเศร้า ผมก็ยิ้มไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ นอกจากแผลที่มือของไอ่ไก่ ก็คงเป็นความรู้สึกผมนี่แหละที่เจ็บจี๊ดขึ้นมา



“เบาๆ อู๊ยยย ราชกูแสบบบ ซี๊ดดด” มึงจะครางทำไมเนี่ย ซี๊ดปากอีก แม่งแล้วใจกูทำไมสั่นอย่างนี้วะ

“เสร็จแล้วน่า ร้องยังกะถูก...เชือด” สารภาพว่าในใจผมไม่ได้จะพูดว่าเชือด ผมมีอารมณ์กับเพื่อน ไม่สิต้องมีกับน้องสุรไม่ก็ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ไอ่ไก่!!

ล้างแผลให้เพื่อนรักเสร็จอะไรเสร็จเดินออกมา ที่โซฟาไอ่พี่นั่งกับพื้นลูบหัวน้องสุรที่นอนอยู่ อ่อนโยนกว่าผัวเมียกันอีก ไอ่ไก่มองอึ้งๆ ผมเลยดึงแขนมันไปนั่งที่ระเบียง



“เจ็บไหมมึง ทำใจเถอะไอ่พี่ท่าทางจะเอาจริง ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนั้นกับใครเลย” ความจริงไม่เคยเห็นมันสนใจใครด้วย เรื่องคู่นอนก็คงมีบ้าง อย่าว่าแต่แฟนเลย คู่ควงจริงจังผมยังไม่เห็น

“น้องกลัวเลือดเหรอ” ไอ่พี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาถามก่อนจะนั่งลงข้างเตาปิ้ง ส่วนน้องสุรหน้าซีดนอนที่โซฟาดมยาเหมือนหมดแรง แขนขาเรียวสวยสัดๆ ยิ่งตอนไม่มีเสื้อผ้าโคตรเซ็กซี่เลยครับผมยืนยันได้

“มึงไม่รู้” ไอ่ไก่ถามกลับเสียงหาเรื่อง มันคงเสียใจอยู่แหละเรื่องไอ่พี่กับน้องสุร แต่ดูก็รู้ว่าน้องมันเปิดใจกับไอ่พี่มากกว่า

“เพิ่งรู้เหมือนกัน” ไอ่พี่ไม่มีท่าทีจะโมโหกลับ ความจริงมันเป็นคนไม่หาเรื่องใคร รักสงบมากๆ ผมถึงว่ามันไม่น่าเป็นเพื่อนกับไอ่ธีมเรียกตีนนั่นไงครับ

“มึงกับน้องเป็นอะไรกันวะ” เพื่อนกูเริ่มเมาแน่ๆ ถึงถามแบบนั้น

“กูจีบน้องอยู่ แต่มันบอกชอบผู้หญิง ไม่รู้ว่ะกูก็ยังมึนอยู่ ใช่ว่ากูจะเคยชอบผู้ชาย” เรื่องนี้ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย เรื่องที่ว่าสุรเป็นผู้ชายคนแรกที่มันชอบ

“เมื่อก่อนกูเคยเห็นมึงไปส่งผู้ชายสองสามคน” ผมถาม ที่เห็นจะแนวสาว ไม่เท่แบบสุรนะครับ

“แค่คู่นอน ไม่ต้องชอบกันป่ะ” ประโยคนั้นของไอ่พี่ ทำให้ไอ่ไก่สบตาผมโดยไม่ต้องนัดกัน เราสองคนก็เคยทั้งที่ก็ไม่ได้ชอบกัน คิดแล้วทำไมมันไม่ค่อยโอเคเลย

“อะไร ทำเหมือนพวกมึงไม่เคยเอากับคนที่ไม่ได้รัก”

“..........”

“.........”

สายตาของผมกับของไอ่ไก่ย้ายไปคนละที่ทันที ต่างคนต่างก้มแดกกุ้งในจานของตัวเองเงียบๆ ไอ่พี่ก็คงไม่ทันเห็นเพราะมันเอาแต่หันไปมองน้องที่นอนหมดแรงบนโซฟา ไม่รู้ว่าหลับหรือเปล่าแต่สุรนอนนิ่งมาก

“กูถามตามตรงนะไก่ มึงถูกใจน้องมันเหรอ” ไอ่พี่ถามไม่มีแววล้อเล่น

“เออ มันมีเสน่ห์” กุ้งที่เคี้ยวอยู่มันจืดขึ้นมาเลยครับ กลืนไม่ค่อยลง ต้องกระดกเหล้าตามทันที

“.....” ไอ่พี่เงียบ ไอ่ไก่เลยพูดต่อ

“ถ้ามันเปิดใจให้มึงบอกกูด้วย กูจะได้ตัดใจ แต่ถ้ายัง หวังว่ามึงจะแฟร์กับกู”

“แต่มึงหมั้นกับ..”

“เรื่องธุรกิจว่ะ กูไม่ได้รักเขา” ผมต้องรู้สึกยังไงตอนนี้

“ทำไมกูเพิ่งรู้ว่ามึงจะหมั้นวะ” เสียงกูเย็นไปนะ

“มึงสองคนแปลกๆ นะ”

“มึงคิดอะไรไอ่ปราชญ์ กูกับมันเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นจำไว้”

ผมรู้สึกจุกหน่วงชอบกล ไอ่ไก่ลุกขึ้นบอกจะไปอาบน้ำ ผมไม่ได้มองตามด้วยถูกกุ้งบนเตาสะกดอยู่ ไม่ได้อยากกิน แค่ไม่กล้ามองทางอื่น เหล้าแรงหรือผมเมาหัวกุ้งอย่างที่ไอ่พี่ว่ากันนะ ทำไมรู้สึกดราม่าอยากเสียน้ำตาแบบนี้วะครับ เงยหน้าขึ้นมา เจอสายตาไอ่พี่รอซักอยู่ เลยเปิดก่อนไม่ให้มันได้มีโอกาส

“กูยังเห็นน้องใช้มือถือมึงอยู่ ยังไม่เอาให้เขาอีกเหรอ”

“...........” ทีเรื่องตัวเองเงียบเลยนะมึง

“ยังไม่มีโอกาสว่ะ”

“ช้ามันจะดีเหรอ”

“ไม่ดี แต่กูไม่รู้จะเอาให้น้องยังไง”

“เดี๋ยวสุรพาลมาโกรธกูไปด้วยแน่ๆ ไม่น่ายอมตามมึงเลย” ว่าแล้วเชียว อย่างไอ่พี่จะมีแผนอะไรดีๆ สุดท้ายก็เก็บมือถือน้องไว้กับตัวเอง แล้วให้น้องใช้ของมันแทน



“หมายความว่าไงปราชญ์” ผมกับไอ่พี่หันมองหน้ากัน เสียงที่ดังอยู่ข้างหลัง ทำเอาตาสว่างสร่างเมาไปเลย

“มือถือผมไม่ได้หายใช่ไหมพี่ราช สนุกกันมากไหมครับ” น้องโกรธแน่ๆ แล้วคนที่โดนเต็มตีนคือไอ่พี่ ผมไม่ได้อยากเอาตัวรอดนะ แต่ผมไม่ใช่คนต้นคิดอ่ะ ไม่ได้อะไรกับเขาสักอย่างแถมโดนโกรธไปด้วยผมไม่โอเค

“เคลียร์กันเองนะ กูไปดูไอ่ไก่ก่อน” นาทีนี้กูเอาเพื่อนบังหน้าแล้วครับ












#ชีวิตเทวดามันจะฮาได้ไง

เรื่องจะยุ่งๆ นิดหน่อยนะคะ อ่านตรงไหนงงบอกคนเขียนนะ จะแก้ให้ค่ะ รออ่านคอมเม้นต์อยู่น๊า

ราชกับโต้ง หรือ โต้งกับราช  เมะVSเมะ จริงๆไหมนะ  ลงเรือลำไหนกันบ้างคะ

By Symbol A


หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: snoopyme ที่ 04-02-2019 18:24:28
เอ้าาา สรุปมือถือสุร ปราชญ์เก็บไว้เหรอนี่ เก็บไปตอนไหน ราชก็นะ โต้งเลือดออกก็ออกตัวแร๊งงงง คู่นี้นี่มันส์จ้า
พี่ปราชญ์ สุรซีเรียสแล้วนะ เอามือถือน้องไปตะไมมมมม

รอต่อค่า นักเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-02-2019 18:36:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะราชโต้ง หรือ โต้งราช  ก็ไม่แปลกหรอก  เพราะพวกเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-02-2019 19:47:04


 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-02-2019 20:37:04
อั๊ยยะ........... จิ้นถูกด้วยเรา :ling1: :katai2-1:
ราชครู ไก่โต้ง   :กอด1:
แต่ท่าจะสลับกันได้ เพราะมีน้ำ........ทั้งคู่   o22  :z3:

ราช เหมือนเริ่มหวั่นไหวกับไก่แล้ว  o18
ปราชญ์  สุร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-02-2019 20:56:04
ราชได้กินไก่โต้งจนติดใจอร่อยกว่าไก่เคเอฟซีไหมล่ะ  คู่นี้สนุกแบบแมนๆหยาบๆดี.
      คู่ไฟกับแมนน่าจะแบบ SM เนอะแบบเตียงสั่นสะท้อน :hao6: :hao6:
 อยากอ่านคู่กัดคู่นี้ 



หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 12 สุรกับวันทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-02-2019 21:00:52
คู่แข่ง ราช นี่ยังไง ก่อนหน้านี้ยังชอบสุระกันอยู่เลย ไปสปาคร์กันตอนไหน
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 04-02-2019 21:12:22
คราวนี้ไม่แค่สุรละ คู่อื่นก็เริ่มจะออกมาให้เดากันอีกว่าใครคู่ใคร
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 05-02-2019 21:00:54
ตายแล้ววว อ่านแล้วก็รู้สึกถึงเสียงแข็งๆดังเข้ามาในหัวเลยอ่ะ เหมือนจะเห็นอนาคตว่าจะมีคนกลัวเมีย เรารู้สึกงงๆตอนอ่านราชกับไก่ เราน่าจะอ่านไม่ดีเองคือพี่เขาสองคนแทงกันเองหรอคะ :hao5: รู้สึกงงไม่ได้เสียใจที่เขาแทงกันเองนะแต่เสียใจที่เราอ่านแล้วเราไม่เข้าใจอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-02-2019 23:46:39
อิพี่ปราชญ์มันร้ายจริงๆด้วย เอามือถือน้องไปเก็บทำไม
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-02-2019 10:30:02
มึนหัวกุ้ง :serius2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 07-02-2019 10:47:52
สุรอย่าโกรธพี่เมตนานนะ


 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 07-02-2019 17:55:57
เพิ่งเข้ามาอ่าน อีรุงตุงนังมากค่ะ 555555 น้องสุรเนื้อหอมเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน14 Part ราชครู2
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 08-02-2019 06:53:14
รอตอนต่อไปอยู่นะ :katai5: พี่โต้งกับพี่ราชใครจะจีบใครก่อนหรือจะซึนทั้งคู่หรือจะเรื่องบนเตียงเลย :hao6: มาต่อเร็วๆน้า เป็นกลจให้นักเขียนจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 08-02-2019 10:02:24

แมนสรวง2



“ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว แล้วเค้าจารู้ว่ารักรึเปล่า อาจจะไม่แน่ใจ อยากให้เค้ารู้ ฉันคงต้องแสดงออก ไม่ใช่ให้ใครเค้าบอก หรือไว้ให้เค้าเดาเอง ว่ารักเธอ”



เพลงยิ่งเก่าเรายิ่งโดน ผมนั่งแหกปากร้องเพลงคาราโอเกะกับพี่วรรณ แต่ตามองไปที่อีกมุมของห้องประชุม สุรดูไม่ค่อยเอ็นจอย หน้านิ่ง ไม่สนใจพวกสาวๆ ที่ให้ท่ามันเลยสักนิด ผมถามก็บอกแค่ยังไม่อยากคุย อย่าให้จับแม่งเป็นผัวได้นะ จะรีดทุกอย่างทุกหยดออกมาไม่ให้เหลือเลย



“พี่วรรณผมขอร้องมั้งดิ”

“น้องไฟมาๆ เพื่อน้องไฟพี่ยอมสละไมค์ให้เลย” คนกำลังอินมีตัวเงินตัวทองมาขัด ผมวางไมค์ลงจะไปหาสุร

“กลัวกูขนาดนั้นเชียว” ไอ่ไฟยักคิ้วใส่ผมจึกหนึ่ง มึงไม่ได้หล่อสำหรับทุกคนว่ะฟาย

“ใครกลัวมึง แน่จริงมึงเข้ามา”

“หึ เห้ยปอดจัดมาดิ” ไอ่ฟายหันไปบอกน้องโกดังคนคุมเพลง น้องชื่อป๊อด เหี้ยนี่เรียกเขาซะหมดหล่อเลย



“อะไรอะไรที่ฉันให้เธอ ก็ทำให้เธอในฐานะเพื่อนที่ห่วงใย แค่คอยมองเธออยู่แค่ไกลๆ แค่คอยเอาใจแบบไม่ให้รู้ตัว” เพลงจะโดนเกินไปแล้ว ผมไม่สนใจไอ่ฟายเลย แหกปากร้องไห้ดัง เผื่อสุรมันจะรู้สักที



“อินเชียว” ระหว่างรอดนตรีไอ่ฟายมันก็แซว ยักคิ้วหลิ่วตาใส่กูอีก เห๊อะเมาอ่ะดิมึงอ่ะ อย่ามาเนียนเราไม่ได้สนิทกัน

“อุตส่าห์พยายามเก็บไว้ อุตส่าห์ไม่พูดออกไป ยังเผลอแสดงออกไปผ่านสายตา อุตส่าห์เก็บเป็นความลับ แต่เธอไปฟังที่ไหนมา ไม่รู้จริงๆ ว่าเธอรู้ได้ไง เปล๊าฉันไม่ได้รักเธอ เปล๊าฉันไม่ได้ชอบเธอ รู้สึกนิดหน่อย แค่มีเธอเต็มหัวใจ”



ร้องจนจบก็พบว่าสุรของผมหายไป (หายไปตอนไหนวะ) เพราะมึงเลยฟายกวนตีนอยู่นั่นแหละ ระหว่างที่ชะเง้อคอหาสุรจนทั่วงาน ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ห้องประชุมโรงแรมริมทะเลครับ งานพักผ่อนประจำปีของบริษัท เมาฟรีมีไมค์ให้ร้องเพลงอย่างที่เห็น

“มองหาใครเหรอ” ห่านี่ก็ตามกูยังกะเจ้าหนี้

“.........” ไม่คุยอ่ะ ทำไมต้องคุย เราไม่ได้สนิทกันโว้ย

“รีบไปสารภาพรักไง” สัดมึงจะเอาไงกับกู

“เสือกไรวะ”

“เปล๊า งั้นเจอกันที่ห้องนะ ขอให้สมหวัง” ผมทำปากด่ามันว่าไอ่เหี้ย แบบไม่ออกเสียง ไอ่ป๊อดคงเห็นแต่ไม่รู้มันอ่านปากผมออกไหม



เดินเลี่ยงพวกสัมภเวสีออกมานอกห้องประชุม เห็นหลังสามีแว๊บๆ แต่พอเดินตามอ้าวหายไปไหน โทรหาก็เป็นสายซ้อน คุยกับใครอยู่ผมร้อนรนแล้วนะ เดินไปเกือบจะเลี้ยวแต่ยังไม่ทันเลี้ยว ได้ยินเสียงสุรดังมา หยุดเลยครับแอบฟังเป็นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้

“สุบอกไม่เมาก็ไม่เมาดิ...กินแล้ว...ยังไม่หาย...ก็ปราชญ์อ่ะ..อื้อ” บทสนทนาว่าเจ็บแล้ว ที่หนักกว่าสุรเดินออกมามันยิ้ม ผมรู้สึกแย่จริงๆ เลยว่ะครับ มันแทนตัวเองว่าสุ ตกลงพี่ปอบนี่อะไรยังไง หน้าตาแบบนั้นคือคุยกับคนที่เราชอบชัดๆ

“อ้าวแมนมึงไม่ยึดไมค์แล้ว?” กูจะร้องไห้ใครฟังล่ะ มึงไม่อยู่นี่นา ใจจริงอยากถามมันว่า มันกับพี่ปอบเป็นอะไรกัน แต่พูดได้แค่

“คอแห้ง”

“ก็หาน้ำแดกดิวะ หรือมึงจะแดกเหล้า ไปชนแก้วกับกูเลย” อย่างนี้ทุกที มันกอดคอปุ๊บหายงอนมันปั๊บเลย หอมจังอยากซุกอกอ่ะ เนียนเมาแล้วนัวเนียดีไหมวะ หรือมอมเหล้ามันแล้วปล้ำ ถ้ามันไม่ยอมเคลิ้มกดกูก็จะกดแม่งเอง เป็นเมียไม่ได้เป็นผัวก็เอา (แต่กดยังไงไม่เคยทำ)

“สุร” มันครางอือในคอ

“คืนนี้กูไปนอนด้วยนะ ไม่อยากนอนกับไอ่ห่าฟาย” ก่อนจะคิดปล้ำต้องหาทางนอนห้องเดียวกันกับมันก่อน

“ถ้าพี่ราชไม่ว่า กูจะให้มึงมานอนด้วยเคไหม” ผมยิ้มตกลง

“แล้วพี่ราชไปไหนอ่ะ ไม่เห็นเลย”

“อยู่กับคุณโต้งมั้ง เห็นมาแป๊บเดี๋ยวหายไปทั้งคู่”

“เขาเพื่อนสนิทกันมากเลยเหรอวะ”

“ตั้งแต่สมัยมัธยม มึงก็คิดเอาสนิทขนาดไหน”

“โห” ทำเสียงตื่นเต้นไปงั้น จริงๆ คือกูใจสั่น สุรก้มยื่นหน้ามา ปากเกือบชนแก้มผมอ่ะ พุธโธๆ หน้าใสมากอยากจับมาหอมๆ ๆ ๆ ๆ

“แต่พี่ราชเก่งมากนะ ทำงานเมืองนอกตั้งหลายปี ภาษาโคตรดี ใครว่าเส้นคุณโต้งกูเถียงเลย แค่มีเพื่อนเป็นลูกเจ้าของผิดตรงไหน”

“เออนั่นดิ” เออออไปตามน้ำ แต่ตากูสารภาพความในใจกับมึงอยู่เห็นไหมสุร ในสายตามึงมีกูอยู่บ้างไหม

“มึงเมาแล้วป่ะเนี่ยไอ่แมน ตาเยิ้มแล้ว” เฮ้ออ มึงโง่หรือมึงไม่คิดอะไรกับกูเลยกันแน่

“มึนๆ ว่ะ” อารมณ์ที่อยากปล้ำมันลดไปเกือบครึ่งเลยครับ พอเห็นสายตามันที่มองผมว่างเปล่ามาก ไม่มีอะไรให้ผมหวังเลยแม้แต่นิดเดียว

“ไม่ไหวก็บอกกูนะมึง ไม่ต้องเกรงใจ” ไม่ไหวกูชอบมึงมาก จะไม่ไหวแล้วอกจะแตกตาย

“สุรมึงโสดแล้ว ไม่ลองมองผู้ชายบ้างเหรอ”

“...........” มันเงียบ แปลว่าไง กูหวังแล้วนะมึง



“อ้าวๆ ไปจีบกันถึงไหนมาเนี่ย” สุรมันปล่อยแขนจากคอผมทันที ไอ่ฟายมึงจะไม่ตายดีกูรับรอง

“จีบผ่อง” ผมเองครับที่ด่าหมาไป ส่วนสุรมันเดินหน้าไร้อารมณ์เข้าไปแล้ว กางเกงยีนขาธรรมดาไม่เดฟใส่แล้วดูดีอย่างนั้นเลยเหรอวะ

“มองขนาดนั้นตีหัวเข้าห้องเลยเถอะ เอามะคืนนี้กูช่วย” ใครก็ได้โทรหาประเวศให้หน่อย มาจับหมาแถวนี้ไปทีครับ

“มึงเป็นไรมากป่ะ จะเอาไงกับกูวะ” ไม่ไหวแล้วพูดตรงๆ

“เปล๊า!!” มันสั่นขาไม่สบตาผม



“มึงไม่ชอบขี้หน้ากู ก็ต่างคนต่างอยู่” ท่าทางมันจะอึ้งครับ ปรกติผมไม่พูดตรงขนาดนี้ ไอ่ฟายยังยืนเงียบทำท่าเหมือนพระเอกเอ็มวีตอนโมโหนางเอก แต่..ผมไม่ใช่นางเอกของมันไง ขืนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ต้องมีคนปากแตกแน่นอน แล้วคือแววว่าจะเป็นผม เพราะไอ่ห่านั่นตัวอย่างควาย เทียบกันผมกระรอกน้อยหัดไต่กิ่งไม้ ไม่ตกก็บุญแล้วครับ



“เดี๋ยว” มันดึงแขนผมไว้ ผมหันไปตามแรงดึงเตรียมใจแล้ว แม่งจะต่อยกูแน่ๆ อ่ะ

“............” คนจะต่อยกันต้องจับแขนจับไหล่ จ้องตาขนาดนี้เลยเหรอ มันเป็นมิติใหม่ของการมีเรื่องรึเปล่า

“ปล่อยกูสิวะ” แล้วทำไมผมต้องเสียงเบาด้วย สายตามันแปลกๆ นะ อินเนอร์เหมือนกูมองสุร


เชี่ยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ไม่ใช่แล้ว ไอ่ห่าฟายอย่าบอกกูนะว่า

“เพลงที่ร้องด้วยกัน กู..ให้มึงได้ป่ะ” กูคือกู..กูติดอ่างไปแล้ว แม้แต่ความคิดยังสับสน เราเกลียดขี้หน้ากันไม่ใช่รึไง มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย

“ไม่เร่ง แค่อยากบอก” มันไปแล้วครับ พร้อมใจกูที่ไม่รู้จะเต้นเป็นจังหวะไหนดี ยากไปหมดกับแค่จะบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไงตอนนี้ มันชอบผมงั้นเหรอ ตอนไหน อะไร ยังไง



ผมเดินแบกเครื่องหมายคำถามไปหาสุร มันนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับพี่ราชกับคุณโต้ง (ตอนแรกพี่โอ๋เอ๋บอกว่าคุณโต้งไม่มาแต่ก็มาอยู่นะ) ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกับจัดซื้อในประเทศสองสามคนนั่งอยู่ด้วย สุรเงยหน้าจากจอมือถือเห็นผม มันก็เอาของออกจากเก้าอี้พยักหน้าเรียกผมไปนั่งด้วย

“ทิ้งกูสัด” ผมพูดงอนๆ แต่ความจริงก็งอน

“มันไม่ได้หาเรื่องมึงสักหน่อย อีกอย่างมันขอกูไว้ว่าอยากคุยกับมึงสองคน”

หา...ว้อทททท

“มึงหมายความว่าไง”

“ก่อนขึ้นรถมาที่นี่ มันบอกอยากเครียร์กับมึง กูคิดว่าคืนนี้จะให้มึงไปนอนกับกูไง เลยให้มันคุยกับมึงไปเลย”

ก็มีเหตผลอ่ะนะ โอเคกูไม่โกรธก็ได้ หายง่ายไปไหม..ไม่หรอกเนอะ

“กับมันมึงโอเคยัง” ผมมองต้นคอขาวกับอกแน่นที่วันนี้เห็นเต็มตา เพราะมันใจดีปลดกระดุมเสื้อโบโลออกสองเม็ด ใจกูก็เลยสั่นเป็นเจ้าเข้า มองเพลินไปหน่อย สุรเลยโบกมือไปมาใส่หน้าผม มือขาวนิ้วเรียวน่าประสานมือด้วยมาก

“หา เออ อะ..อะไรนะ”

“กูถามว่ามึงโอเคยัง เป็นไรเนี่ยใจลอยหาสาวที่ไหน”

“สาวที่ไหน กูมองมึ....”



“เห้ย!! อยู่บริษัทไม่เคยคุยกันไง คนอื่นก็มีคุยคนอื่นบ้าง” เป็นพี่ราชที่ปาถั่วมาว่าผมสองคน เกือบไปแล้ว เกือบเผลอพูดอะไรออกไปให้มันรู้ตัวแล้วเชียว

“พี่ราชคืนนี้ให้ไอ่แมน ไปนอนห้องเราได้ไหมครับ” ได้ยินสุรมันกระซิบถามเจ้านายมัน พี่ราชมองหน้ากูใหญ่เลย ผมเลยทำทีมองบนเวที พี่โอ๋เอ๋กำลังเมาได้ที่ เต้นลืมตายเหมือนพรุ่งนี้จะไม่ได้เต้นอีก กลับมามองคนอื่นในโต๊ะก็เมาไม่รู้เรื่องอะไร ส่วนคุณโต้งเอาแต่ยกไม่ค่อยพูด

“ไม่ได้” เวรแล้วไงพี่ราชเกลียดอะไรกูป่ะวะ

“พี่ผมขอร้อง มันกับไอ่ไฟไม่...” ยังไม่ทันที่สุรจะพูดจบ ไอ่ห่าโกดังก็โผล่มา

“แมนกลับห้องไหม” แม่งทำสายตาที่กูไม่คุ้นเคยอีก มันเมาใช่ไหม แล้วที่บอกผมว่าชอบโอ๊ยยยย

“เอาไง” สุรเอียงตัวมาถามผม โดยมีสายตาดุๆ ของพี่ราชอยู่หลังมัน

“พี่ราชขาพัชอยากกินไก่ย่าง” น้องจัดซื้ออ้อนพี่ราช ผมว่านอกจากผม ก็มีน้องพัชนี่แหละที่พร้อมจะเสียตัว

“ว่าไง” ไอ่ไฟก็ดึงแขนผมไม่สนใจใครเลย



“ไฟมันเมาแล้ว แมนมึงก็ดูแลมันด้วย เดี๋ยวโดนสาวลากไปซะก่อน” พี่บอมแผนกอะไรน๊าผมนึกไม่ออก ผมกำลังจะบอกว่าเรื่องของมันสิผมไม่เกี่ยว  เสียงทุ้มมีอำนาจของคุณโต้งก็ดังขึ้นมาก่อน



“ผมขอตัวนะ ทุกคนเต็มที่ล่ะ” คนที่เหลือก็ขานรับเจ้านาย ตอนลุกขึ้นมีหันมามองสุรนิดหน่อย พอคุณโต้งลุก พี่ราชก็หันมาดึงสุรของกูไปด้วย น้องพัชนี่อ้าปากค้างเลย คือทอดสะพานเต็มที่ แต่พี่ราชไม่สนใจเลยอ่ะ

“แมนกู..” สุรทำหน้าลำบากใจ ผมก็ใจอ่อนสงสารมัน

“มึงไปเถอะ กูโอเค” แต่ในใจผมนี่อยากจะกรี๊ด ช่วยกูด้วย!!



ไม่ทันจะอะไรน้องคนหนึ่งอ้วกพุ่ง วงแตกเลยครับชุลมุนวุ่นวายมาก สภาพนั้นคงไม่มีใครจะนั่งต่อได้แล้ว หันไปอีกทีก็เห็นหลังสุรเดินเท่ไปกับพี่หัวหน้ามันแล้ว แม่งสูงพอกันอีกพี่ราชสูงกว่านิดหน่อย คุณโต้ง พี่ราช สุร เดินด้วยกันกูนึกว่าพระเอกมาออกงานอีเว้นท์ หล่อเท่กันเกินไปนะบางที โดยเฉพาะสุรผัวผม



“มองเสร็จแล้ว ก็ไปกันเถอะ” เสียงไอ่ฟายครับ หันมาเจอสายตาเศร้าของมันเหมือนผมทำร้ายจิตใจมัน ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหล้าที่ดื่มไปปลอมแน่ๆ ตอนนี้แมนไม่เมาเลยสักนิด แม้จะอึนมึนหน่อยๆ แต่ผมรู้สึกมีสติครบ

“ไรของมึง” ผมดึงมือกลับเดินนำมันออกมา ปากว่ามือถึงนะมึง คนอื่นเห็นจะคิดว่าไง

เดินออกมาได้สักพัก ทางเดินก็เงียบลง มีแค่ผมกับไอ่โกดังที่สลัดไม่หลุด

“ขอโทษที่ทำให้อึดอัด คิดซะว่าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน” ไอ่ฟายมันว่า โดยที่ยังก้มหน้าเดินตามผมมาติดๆ

“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนล่ะ แล้วที่พูดอ่ะเมา หรืออยากแกล้งกูใช่ไหม” มันดึงไหล่สองข้างของผมไปจับไว้แน่ มองหน้ามัน สายตาจริงจังแม้ว่าจะดูเมาอยู่บ้าง แล้วมันก็พูดใส่หน้าผมเสียงดัง



“ชอบ!!”



ไอ่เหี้ยไฟ ไอ้ฟายบรรลัยกัลป์ มันตะคอกคำว่าชอบแล้วก็เดินดุ่มไปเลย ทิ้งผมยืนกะพริบตาอยู่ตรงนั้น มันก็หล่อแต่ผมไม่ชอบมัน เกลียดเลยด้วยซ้ำ สรุมึงต้องกลับมาหากู



ผมเดินเลี่ยงไปหาที่นั่งแถวๆ หน้าโรงแรม ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว คนอื่นก็คงขึ้นห้องพักไม่ก็อยู่ในงานเลี้ยง

พี่ราช!!!

คนที่เห็นเดินลงจากรถเก๋งสีขาว พี่ราชชัดๆ แต่ใส่ชุดไม่เหมือนผมก็ยาวกว่านิดหน่อย ไปเปลี่ยนชุดตอนไหน แล้วผมยาวขึ้นไวอย่างนี้



“ปราชญ์!!” ผมยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น พวกเขาคงไม่เห็นผมหรอก แต่ผมเห็นเขาทั้งภาพและเสียงชัดเจน มีเพียงกระจกกั้น สุรก้าวขายาวๆ ไปหาพี่คนนั้น ฝาแฝดพี่ราชสินะ คนนี้ที่มันนอนด้วยทุกคืน เขามาทำไม?

“เมาไหมเนี่ย” เขาวางมือบนบ่ามันถามเสียงอบอุ่นขนาดนี้ สายตาขนาดนั้น ให้ทายผมต้องเจ็บขนาดไหน

“ไม่เท่าไหร่ พรุ่งนี้เข้าเวรกี่โมง” สุรมันไม่มีท่าทีต่อต้านเขาเลย ถึงสองมือมันจะล้วงกระเป๋า ทำหน้าตาเฉยๆ แต่สายตาคมจ้องจนพี่ปอบคนนั้นต้องก้มหลบ



ผมไม่อยากจะพูดคำนี้ มันแสลงใจ ‘แฟน’ พูดเบาๆ ก็เจ็บ เพราะมันไม่เก็บตัวและหัวใจไว้ให้ผม



“พรุ่งนี้ออฟแลกกับหมอคนอื่น อยากมาหาสุอ่ะ หายโกรธปราชญ์นะ” เหมือนจะง้ออะไรกันสักอย่าง สุรมันงอนเขา เป็นอะไรกันล่ะถ้าไม่ใช่ ‘แฟน’ เป็นหมอด้วยเหรอแล้วผมจะเอาอะไรไปสู้เขาวะ

“ไม่หาย สุเครียดแค่ไหนเล่นอะไรไม่คิด” พี่คนนั้นยกมือยอมแพ้ก้มหน้าให้มัน แบบยอมหมดทุกอย่างแค่ให้สุรหายโกรธ ดูเผินๆ ก็ไม่ได้หวานอะไรหรอกครับ เหมือนผู้ชายหน้าตาดีสองคนคุยกัน แต่ผมดูออกเขาเป็นแฟนกัน ไม่ไหวหันหลังให้ไวแล้วเดินจากมา



“เมื่อเธอเลือกอยู่กับเขา ตัวฉันคุกเข่าสั่นไหว” กะจะมานั่งย้อมใจที่งาน แต่ดูเพลงสิช้ำใจตายก่อนไหมกู ทำไม ทำไม ทำไม ผมหมายตามันตั้งแต่มันยังมีเมีย จนมันเลิกกับน้องน้ำเน่านั่น แต่อยู่ดีๆ ก็มีพี่ปอบมาคาบไป ผมไม่ดีตรงไหน โอเคผมไม่ได้หน้าตาดีเท่าพี่คนนั้น แต่ผมก็จริงใจกับมัน เราสนิทกันมันไม่คิดอะไรกับผมเลยเหรอ



เดินกลับไปที่ห้องพัก ไม่อยากเจอไอ่โกดังแต่คือผมไม่ไหวแล้ว มันปล้ำผมไม่ได้หรอกถ้าผมไม่สมยอม ลองเข้ามาดิพ่อจะเข่าให้ไข่แตกเลย

“...........” เปิดประตูเข้าไปห้องมืด หรือมันจะไม่มานอนกับผมแล้ว

“แมน”

“ไอ่เหี้ย!!” กูตกใจหมด

“มึงนั่งทำบ้าอะไรตรงนี้” คิดดูมันนั่งข้างเตียงมืดๆ ผมก็คิดว่าไม่มีใครอยู่ เกือบนั่งทับหัวมันอ่ะ

“นั่งทำใจ” อ่ะ..อย่าร้องนะมึง กูก็อกหักโว้ยไม่ใช่แค่มึงหรอกที่เศร้า

“ขอโทษนะที่สารภาพออกไป อย่าเกลียดกันได้ไหม” มันเงยหน้ามองผม ตาแดงอีก อยากให้สาวๆ ที่กรี๊ดมันมาเห็นซะจริง พี่ไฟสุดหล่อ ดิบเท่ กลายเป็นหมาเน่านั่งหงอยบนพื้น มองกูสายตาเว้าวอนสุดๆ



“กู..แค่ตกใจอ่ะ ก็มึงชอบทำสันดานหมาๆ ใครจะคิดว่ามึงจะ..” ชอบกูล่ะวะ ชีวิตแมนสรวงจะเศร้าให้สุดก็ต้องมาสะดุดเพราะไอ่ไฟ

“ไม่รู้จะตีสนิทยังไง” มึงบ้าไปแล้ว

“โดยการสกัดหน้าแข็งกูเขียวอ่ะนะ มึงซาดิสท์เหรอ”

“อันนั้นไม่ได้ตั้งใจนะ ก็..ช่างเถอะ เอาเป็นว่าขอโทษไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เห็นท่าทางมันแล้ว ผมนึกถึงพี่ปอบว่ะ ป่านนี้สุรของกูเสร็จเขาไปยังไม่รู้

“ชอบจริงๆ นะ แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไปอาบน้ำเถอะไม่กวนแล้ว”

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหน” ดึกแล้วด้วย

“กูไปนอนที่อื่นดีกว่า”

“ถ้าคิดอย่างนั้นจริง จะรอกูกลับมาทำหอกอะไร ไปไหนก็ไปแม่ง” คนยิ่งเสียใจอยู่ มางอแงใส่คิดว่ากูจะง้อเหรอ ขอโทษหน้ามึงไม่เหมือนสุร

“ใจร้ายวะ กูนอนระเบียงก็ได้” ผมถอนหายใจหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนอาบน้ำดีกว่า ไอ่ฟายมึงจะทำอะไรก็เชิญ มองเตียงก็นะดันเป็นเตียงเดี่ยว คือตอนเลือกห้องผมเข้าใจว่าเตียงเดี่ยวคือนอนคนเดียวไง แต่มันกลายเป็นเตียงเดี่ยวคือมีเตียงเดียว งงกันไหมครับ อาจจะไม่มีใครงงแต่แมนโคตรงง ก็ไม่ได้นอนโรงแรมบ่อยๆ นี่หว่า



อาบน้ำเสร็จไอ่ไฟมันหอบผ้าห่มไปนอนที่ระเบียงจริงๆ นะครับ ปิดกระจกให้กูด้วย บอกว่าเดี๋ยวยุงเข้ามากัด ผมควรต้องหมดอาลัยตายอยากกอดหมอนนอนเศร้า ไม่ใช่เอาเวลามานั่งคิดหนักเรื่องไอ้โกดังผีเข้านี่



“มึงมานอนข้างใน” ในที่สุดก็เปิดกระจกไปเรียกมันมานอนข้างใน

“แน่ใจเหรอ” มันโผล่หัวออกจากผ้าห่มมาถามผม

“เออ จะมาไม่มาก็เรื่องของมึง” ผมกระโดดขึ้นเตียงดึงผ้าห่ม (ที่เอามาเอง) โชคดีแค่ไหนผมติดผ้าห่มเน่า ไม่งั้นกูจะเอาอะไรมาห่ม ปิดแอร์ก็นอนหายใจไม่ออกกันพอดี ทำเป็นสุภาพบุรุษแต่เอาผ้าห่มไปคนเดียวเลยนะมึง



เตียงอีกฝั่งยุบลงตามขนาดตัวควายของมัน มันใส่ชุดนอนผมเพิ่งสังเกต ไฟขาเรียวเหมือนสุรของกูเลย ไม่รู้ล่ะสุรของกูครับแค่ในความคิดก็ยังดี แต่เดี๋ยวก่อนใครให้มึงมานอนเตียง กูบอกข้างใน คือตรงไหนก็ได้บนพื้นห้องอ่ะ

หันไปดูมันนอนหันหลังให้ผม ทั้งตัวจมหายไปกับผ้าห่มที่มันยึดไปคนเดียวนั่นแหละ ขี้เกียจพูดมาก อยากร้องไห้แต่น้ำตาดันไม่ไหล สักพักก็ง่วงหลับไปเฉยเลย



หมับ!!!



สะดุ้งตื่นเพราะถูกกอด ไอ่ไฟมันเนียนฉวยโอกาสผมไหมอันนี้ไม่กล้าคิดครับ แม้จะเชื่อไปอย่างนั้นแล้วก็ตามที

“อะไรของมึง นอนดีๆ อย่ามายุ่งกับกู” ผมพูดดังขนาดนั้นไอ่บ้าไฟก็ยังหลับเป็นตาย แต่ขอโทษคนหลับที่ไหนมือกาวขนาดนี้วะ

“ไม่ปล่อยกูบีบไข่มึงแตกแน่” เอาสิผมก็ไม่ใจง่ายนะพูดเลย

“ใจร้ายกับกูจังวะ หื้มม” เดี๋ยวๆ หัวใจกูเต้นแรงทำไม ไอ่นี่ก็ไม่ปล่อยแถมกอดซะแน่น หายใจใส่คอกูอีก เอาอะไรแข็งๆ มาทิ่มตูดก็ทำไม ไอ่ลามก ไม่เหี้ยฟายยยยยยย



“ขอแค่กอดไม่ได้ทำอะไร นอนเถอะเหนื่อยมาเยอะแล้ว” ก็เหนื่อยจริง มันก็ท่าทางจะกอดอย่างเดียวอย่างที่มันว่า แม้ว่าอะไรมันจะไม่อ่อนโยนกับข้างหลังผมเลย แต่ผมก็ไว้ใจมัน ก่อนจะข่มใจนอนภาพสุรกับพี่คนนั้นยังติดตาผมอยู่ ในขณะที่ผมค่อยๆ ปล่อยตัวเองไปกับกอดของไอ่ไฟ ช้า....ช้า...กระทั่งหลับไปในที่สุด













มาแล้วววว ตอนพี่ราชงงเหรอคะ เดี๋ยวจะรีไรท์ให้ใหม่เนอะ ไฟแมนจะ SMขนาดไหนรอติดตามค่ะ พี่ไก่โต้งหวานกว่าไก่เคเอฟซี พี่ราชครูว่าอย่างนั้น 5555 ขอบคุณทุกกำลังใจทุกคอมเม้นต์ของคนอ่านค่ะ ปล.เรื่องมือถือน้องที่พี่มันเอาไปซ่อนชำระความตอนหน้านะคะ  :pig2: :pig2:


By Symbol A




หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-02-2019 11:55:27
เดี๋ยวๆงง หัวกระทู้แมนสรวง2 หรือค่ะแล้งแมนสรวง1มีมั้ย แล้วปราชญ์กับสุรเครียร์เรื่องเอาโทรศัพท์กันแล้วเหรอ
ตอนไหน อ๋อรอตอนหน้า :pig4: :pig4:
    ไฟกลายเป็นหมาโกลเด้นท์เลยแต่ไม่รู้จะเป็นหมาป่าบนเตียงรึเปล่าแมนระวังไว้นะจ๊ะ

ตอนพี่ราชไม่งงจ้าอ่านเข้าใจจะงงชื่อตอนของแมนสรวง
 
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-02-2019 13:31:10
 :a5:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-02-2019 19:19:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารนุ้งแมน  แอบชอบสุรมาตลอด  วนเวียนรอบกายคล้าย...

แต่ก็ทำได้แค่เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-02-2019 20:39:56
ไฟ ไวไฟนะเรา........  :ling1:
สารภาพแล้ว ทำตัวน่าสงสาร......  :sad4:
เนียนกอดแมนอีก   :z3:
ว่าแต่อะไรแข็งๆมาทิ่มหลังบัญชี เฮ้อ...ไม่อ่อนโยนเลยโกดัง o22 :เฮ้อ:

ปราชญ์ มานอนกับสุร   :o8: :ling2:
แสดงว่าราช ไปนอนกับไก่โต้งล่ะสิ    :-[ :ling2:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 09-02-2019 02:06:01
อิน้องแมน ไม่หวงตัวหน่อยเหรอ นังฟายมันร้ายเปิดเผยมากนะ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 09-02-2019 08:49:32
เปิดมาก็ตลกล่ะ5555 ตลกน้องแมนร้องแต่ล่ะเพลงโดนๆทั้งนั้นเลย สุกับปราชญ์ก็หวานกันมาก :-[ เชียร์ไฟมากๆรู้สึกไฟน่ารักมากตอนหงอย รอดูฉากแมนไฟคงเผ็ชน่าดู :hao6: สนุกมากๆรอตอนต่อไปอยู่นะ นักเขียนสู้ๆมาต่อเร็วๆน้าา :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-02-2019 12:00:23
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน15 Part แมนสรวง2
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 09-02-2019 12:28:54
:แล้วปราชน์ตามมานอนกับสุเหรออย่างนี้ราชก็ต้องไปนอนกับโต้ง :z1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 11-02-2019 12:43:41
ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก



“กูยังเห็นน้องใช้มือถือมึงอยู่ ยังไม่เอาให้เขาอีกเหรอ” ผมสะลึมสะลือตื่นด้วยประโยคนั้น นอนฟังไม่ถนัดเลยลุกไปหาพี่แฝด แต่ที่ได้ยินกลับทำให้ผมอึ้งไปเลย

“หมายความว่าไงปราชญ์” เป็นคุณจะโกรธเหมือนผมไหม มือถือซื้อมาผ่อนได้แค่สามเดือนนี่ผมนึกว่าต้องผ่อนลมแล้ว เงินเป็นหมื่นไม่ใช่บาทสองบาท เงินเดือนผมไม่ใช่ว่าเดือนละสี่ห้าหมื่นนะ จะได้ไม่สะเทือน



ไม่มีใครพูดอะไรสักคนเงียบกันหมด “มือถือผมไม่ได้หายใช่ไหมพี่ราช สนุกกันมากไหมครับ” ผมเริ่มเสียงดังขึ้น จนพี่ราชออกไปก่อน “เคลียร์กันเองนะ กูไปดูไอ่ไก่ก่อน” พี่เมตเหมือนจะรั้งคู่แฝดไว้เหมือนกัน แต่ไม่ทันพี่ราชเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว เป็นน้องที่รักพี่ชายจริงๆ



“สุ คือ...ไม่ใช่ว่าจะไม่คืนนะแต่คือ...”

“พูดมาเลยปราชญ์ ชอบอ้ำอึ้งแบบเนี้ย” ไม่ชอบ ผมไม่ชอบ

“ก็สุทำหน้าดุ ปราชญ์ไม่กล้าพูด” ผมถอนหายใจ

“ก็คนโกรธ จะให้ผมทำหน้าไงล่ะ” พี่ปราชญ์ลุกขึ้นดึงตัวผมไปกอดไว้แน่น มันก็อบอุ่นดี เดี๋ยวไม่ใช่ล่ะ ผมผลักเขาออกแต่เขาก็ยังขยับตัวตามมากอด หันหลังให้ก็ยังกอดจากข้างหลัง นี่พี่เป็นตุ๊กแกรึไง



แกร๊ก!! คุณโต้งออกมาจากห้องเห็นพี่เมตกอดผมเต็มๆ หน้าซุกคอผมอีก ไม่ใช่แบบที่เจ้านายคิดนะครับ



“ปราชญ์ปล่อย!! ” ผมย้ำชัดถ้อยชัดคำ เฮ้ออ ปล่อยได้สักที

“ตามสบายนะ จะบอกว่าถ้าจะกลับ ฝากล็อคห้องให้ด้วย”

“ครับคุณโต้ง” ผมตอบรับไม่กล้ามองหน้าคุณโต้ง เจ้านายก็เดินเข้าห้องไปหาพี่ราช? ผมไม่กล้าคิดอะไรมากกว่านั้น หันไปก้มเก็บจานเอาไปล้าง มีพี่ปราชญ์ช่วยเงียบๆ จนถึงตอนล้างผมล้างน้ำยาเขาล้างน้ำเปล่า รู้สึกเย็นลงบ้างแต่ยังโกรธอยู่



“ปราชญ์อยากไปส่งสุที่ทำงาน เลยจะเอาเรื่องมือถือมาอ้าง”

“รู้ได้ไง ว่ามือถือสุไม่ได้หาย”

“วันนั้นไอ่ราชโทรมา ฝากบอกว่าเจอมือถือสุแล้ว ปราชญ์เลยคิดแผนนี้ออก...สุมันสกปรกนะ” สมน้ำหน้า ผมสะบัดน้ำใส่หน้าเขา น้ำสะอาดครับ ไม่ใช่น้ำสกปรกอย่างที่เขาว่า



“แล้วทำไมไม่รีบเอามาคืน”

“คือช่วงนี้ปราชญ์ได้ชิฟดึกออกบ่าย ไม่ว่างไปส่งสุแน่นอนเลยยังไม่บอก เดี๋ยวมันไม่สมจริง”

“เจ้าแผนการ สุจะไม่ไว้ใจปราชญ์อีกแล้ว” ล้างจานเสร็จดึงแขนเสื้อลงเก็บของจะกลับ พี่ปราชญ์ก็เดินตามเงียบๆ หลายครั้งเหมือนเขาจะอ้าปากพูดแต่ผมไม่สนใจ เขาเลยเงียบต่อ



หลังจากนั้นบนแท็กซี่ผมกับพี่เมตก็ต่างคนต่างหายใจ ไม่มองหน้ากัน จ้องวิวข้างทางคนละฝั่ง จนถึงห้องผมอาบน้ำก่อนเสร็จก็ขึ้นเตียงหลับเลย ส่วนพี่เมตอยากเซิ้งรอบห้องก็ช่างไม่สนใจแล้ว



“ไม่คุยกับปราชญ์เลยเหรอ ไม่เอาสิ ขอโทษ ขอโทษ แค่อยากไปส่งที่ทำงาน แค่อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับสุ” ผมสะดุ้งตื่นตอนเขาขอโทษ แต่ไม่ได้ลืมตา ใจเต้นเหมือนไม่ได้เพิ่งตื่น เหมือนลุกไปเซิ้งกับเขามามากกว่า

นิสัยผมถ้าโกรธไม่พอใจอะไรผมจะเงียบ โกรธยากแต่โกรธนาน ไม่หายง่ายด้วย แต่อยากให้เขาง้อนี่ผมเป็นอะไรไปไม่ใช่สุรเลยสักนิด



พี่เมตรั้งผมไปกอด หอมแก้ม หอมหน้าผาก หอมหัว ปราชญ์จะลักหลับผมเหมือนที่พี่ราชทำรึไง

“จะทำอะไร ปล่อย” รู้สึกเหมือนสาวน้อยสะดีดสะดิ้ง รับตัวเองไม่ได้จนต้องนั่งนิ่งๆ และที่ไม่อยากจะพูดเลยคือผมรู้สึก..ดี

“รังเกียจปราชญ์มากเลยสินะ” ผมไม่ตอบเขาก็ยังกอดอยู่ ใจผมเจ็บหน่วงขึ้นมา หลายอารมณ์จนน่าเวียนหัว

“สุบอกมาคำเดียวว่า ‘ใช่’ ปราชญ์จะไปไม่ยุ่งอะไรกับสุอีก” ผมขอเวลาคิดไม่สบตาเขา แล้วปากก็พาจน

“ใช่” พี่ปราชญ์มองผมด้วยแววตาเจ็บปวด ปล่อยแขนลุกขึ้นไปเก็บของใส่กระเป๋า งอนแล้วก็เก็บของหนี ผมว่ามันเหมือนแฟนกันเข้าไปทุกที ไม่อยากให้ไปเพราะนี่มันตีสองแล้ว แต่ถ้ารั้งเขาคิดไปไกลผมก็ไม่พร้อมจะรับผิดชอบความรู้สึกเขาเหมือนกัน



ประตูห้องปิดลงพร้อมพี่ปราชญ์ที่หายไปด้วย เขาจะไปนอนที่ไหนกับใคร ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ทำไมผมถึงนอนไม่หลับ ลุกขึ้นมานั่งเห็นมือถือตัวเองวางบนหัวเตียง มีจดหมายวางอยู่ด้วย เปิดดูไม่มีข้อความ แล้วจะวางไว้ให้อยากรู้ทำไมเนี่ย

ไม่รู้จะทำยังไงต่อ นอนก็นอนไม่หลับ แถมใจก็ไม่เป็นสุข อยากไปตามหาแต่ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน อาจจะไปนอนกับพี่ธีมเพื่อนเขา ผมก็ไม่มีเบอร์พี่ธีม แต่เดี๋ยวนะผมใช้มือถือเขานี่ ไปหยิบมาเลื่อนๆ หา เจอธีมสามธีม ตอนนี้ตีสองครึ่งโทรไปถ้าผิดคนเขาจะด่าผมไหม เอาว่ะ กล้าด่าก็กล้าฟัง กดโทรออกหาธีมแรกปิดเครื่อง ธีมที่สองติดครับรอสายไปก็หลับตาลุ้นไป

(โหล ใครวะโทรมาดึกดื่นคนจะหลับจะนอน) อ่ะ แค่เสียงทักก็อยากจะวาง

“พี่ธีม พี่ปราชญ์ไปนอนกับพี่ไหมครับ” ปลายสายเงียบ เขาต้องใช่พี่ธีมคนนั้นแน่นอน ว่าแต่นานไปไหมอ่ะ ผมกำลังจะอ้าปากถามต่อ

(ครอกกกกกกก zzZZZ)

“พี่ธีมคุยกับผมก่อน พี่หลับเหรอ”

(ตู๊ดๆ ๆ ๆ ๆ) บ้าเอ๊ยสายตัด ผมกดโทรออกอีกครั้งไม่น่าเชื่อว่าผมจะนิสัยผู้หญิงแบบนี้ จิกเขาทำไมคิดได้รีบกดวาง



เดินไปเดินมาหาอะไรกินให้ง่วง เปิดดูหนังกล่อมตัวเอง และสุดท้ายตาตื่นกว่าเดิมอีก ถ้าพี่เมตไม่กลับมา ย้ายไปอยู่ข้างนอก ใครจะทำอาหารอร่อยให้ผมกิน ใครจะคอยคุยเล่น ชวนไปนั่นไปนี่ให้ผมหายเหงา ใครจะอยู่กับผม รู้สึกไม่ดีเลยครับที่เขาจะหายไปแบบนี้ ผมยังอยากเป็นเมตเขาแบบนี้ไปอีกนานๆ



“โทรก็โทรวะ” ตีสามครึ่งผมตัดสินใจโทรออกอีกรอบ ผู้หญิงก็ผู้หญิงคนมันห่วง แทนที่จะเป็นสัญญาณรอสายกลับเป็นเสียงผู้หญิง..





(หมายเลขของท่านไม่สามารถใช้บริการได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อ Callcenter XXXX) ขอบคุณ ผมลืมจ่ายค่าโทรศัพท์จนใช้งานเกินวงเงินเหรอเนี่ย ฮึ่มมมมมม



แค่เมตคนเดียวผมยอมลงทุนมาเซเว่นตอนตีสี่เพื่อจ่ายบิลมือถือ ตอนคบกับปั่นเคยทะเลาะกัน มีแต่ปั่นตามจิกผม แล้วนี่มันอะไรกันครับ ผมงงไปหมดแล้ว



อ้าวพี่ปราชญ์!!! นอนที่โซฟารับแขกข้างล่าง คนก็เดินผ่านไปมาบ้าง เอากระเป๋าหนุนหัว วินาทีนั้นผมรู้สึก..อยากร้องไห้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกมากมายด้วย พี่ปราชญ์คู้ขากอดอกนอนตะแคงเหงื่อแตกนิดหน่อย รอยยุงที่แขนสองสามจุด ถ้ามีเพลงประกอบผมขอเพลง ‘โหยหาความรักความเมตตา’ ผมใจอ่อนไปหมด



อยากเดินหันหลังแล้วเดินหนีขึ้นห้องไป จะนอนให้ยุงกัดตายก็เรื่องของเขา ใครใช้ให้งอนแล้วลงมานอนใต้หอแบบนี้ คิดว่าน่าสงสารมากเหรอ แน่จริงไปนอนใต้สะพานลอยเลยไป๊!!!



แต่ก็เดินไปเรียกเขาอยู่ดี เฮ้ออออ



“ปราชญ์ลุกขึ้น” เขาปรือตามองผม แล้วทำไมต้องหล่อขนาดนี้ด้วยนะ พี่ควรหมดสภาพหน้ามันเยิ้มโทรมๆ มากกว่า

“ไม่อยากให้สุอึดอัดนี่นา” สายตาเศร้าสร้อยนั่นแสดงหรือง่วงนอนแยกไม่ออก

“แต่สุนอนไม่หลับ” เขาลุกขึ้นนั่งดึงผมไปนั่งข้างๆ ผมก็นั่งนะขี้เกียจยืนอ่ะ

“ห่วงปราชญ์เหรอ” ยังจะมายิ้มอีก ตกลงที่เศร้าเมื่อสักครู่แสดง?

“ขึ้นห้องไปนอนดึกแล้ว” ผมบอกดุๆ พรุ่งนี้วันหยุดผมก็จริง แต่ของเขาไม่ไง

“ตอบมาก่อนห่วงเหรอ” จะตื๊อเอาอะไร ไม่ห่วงจะถ่อสังขารลงมาไหม

“มาหาอะไรกิน” ทำไมผมไม่บอกเขาตรงๆ จะแถเพื่ออะไร

“ไม่ใช่ว่ากินนมมาแล้วเหรอ” อ่ะรู้ได้ไง สายตาผมคงบอกเขาแบบนั้น เขาเลยชี้ปากผม น่าจะมีคราบนมติด โป๊ะแตกจนอยากจะหนีกลับห้อง แต่เขาดึงแขนผมไว้แน่น

“เช็ดให้นะ” ผมจะไม่พยักหน้าเลยถ้ารู้ว่าเขาจะใช้ปากเขาเช็ด



ปราชญ์!!!!



สาบานได้มันไม่ใช่การเช็ดปากมัน แถวบ้านผมเรียกว่า ‘จูบ’ ริมฝีปากผมเป็นเป้านิ่งให้เขาขยับปากไปตามที่เขาต้องการ ตีสี่กี่นาทีไม่รู้ แต่รู้ว่ารอบข้างเงียบสงบ ลุงรปภ.คงแอบหลับยามอยู่ที่ป้อมยาม

ปราชญ์ค่อยๆ เล็มปากผมขมเม้มไปตามอารมณ์เคลิ้มไหวใจสั่น ผมไม่มีแม้แต่แรงจะผลักเขาออก แต่ทำไมมีแรงแลกลิ้นตอบเขาได้ มือเขาจับไหล่ข้างหนึ่งอีกข้างก็สอดเข้าต้นคอนวดไปตามอารมณ์ ส่วนมือผมหายไปไหนไม่รู้ ตอนนี้รับรู้แค่ปากกับหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก

ลิ้นเขาเกี่ยวเข้ามาดึงลิ้นผมไปดูดแล้วดูดอีก เบาช้าสลับหนักหน่วง ผมหายใจครางเบาหวิว เราลืมตาขึ้นสบตากัน องศาระยะประชิดพี่ปราชญ์ดูดีจัง ผมเห็นหน้าพี่ราชทุกวันทั้งวัน ยังไม่เคยหวั่นไหวอะไรแบบนี้ ทั้งที่หน้าเขาเหมือนกันราวกับคนเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างคงเป็นสายตา และเวลาเราสัมผัสกับคนนี้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย



“ขอโทษ อย่าโกรธกันเลยนะ ปราชญ์ต้องตายแน่ ถ้าสุไม่คุยด้วย” เขาลูบแก้มเช็ดน้ำใสๆ ที่เขาทิ้งไว้บนปากผม

“......” ผมไม่ตอบแต่พยักหน้า ลุกขึ้นดึงเขาให้กลับห้อง พี่เมตลากเท้าเดินตามเหมือนง่วงเต็มแก่ มือก็เกาแขนเกาคอ ใครใช้ให้มานอนตากยุงกันเล่า



“อย่าโกหกกันอีก สุไม่ชอบ”

“ไม่ทำแล้วครับ ไม่กล้าแล้ว” แล้วไอ้การปักหัวลงหลังยึดตัวกันไว้ กับเสียงในคอนั้นพี่กำลังอ้อนผมเหรอ เราสองคนเป็นอะไรกันวะครับ สับสนกับตัวเองจนออกจากลิฟต์ กลับมาที่ห้องหยิบยาหม่องมาทาให้พี่เมต เขาก็อยู่ไม่นิ่งจับแก้มหอมไหล่ กอดรัดผมก็เลย...



“โอ๊ย สุๆ มันแสบตา” สมควร!! โดนป้ายยาหม่องใส่ตาหมดฤทธิ์เลย

“นอนเลยนะ ไม่งั้นจะเอาทั้งขวดโป๊ะสองตาเลย” พี่เขาก็ดูจะกลัวครับเลิกยุ่งกับผมแล้ว แต่ยิ้มเหมือนคนบ้าแทน

“พรุ่งนี้ไปตลาดน้ำกัน” เขาชวนก่อนจะหลับ

“พี่มีหมาแมวรออยู่นะ” เขาจะโดดงานมาพาผมเที่ยวเหรอ ไม่ดีมั้ง

“แลกเวรแล้ว อยากอยู่กับ..แฟน”



ตึก ตึก ตึก ตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึกตึก



ใจผมรัวขนาดนี้ จะหลับลงได้ไงไอ่พี่เมต ผมลุกขึ้นจะอ้าปากเถียงว่าไม่ใช่ เราไม่ใช่แฟนกันนะพี่อย่ามั่ว ขี้ตู่อย่างนี้ แต่...เห็นเขาหลับไปแล้ว



ความจริงผมก็พอรู้ตัวว่าระยะหลังผมติดพี่เมตมากกว่าใคร แค่เห็นหน้าเขาก็อุ่นใจ เวลาเขางอนก็ร้อนใจ เวลาเขากลับช้าก็เป็นห่วง ยิ่งเมื่อกี๊ที่เขาบอกจะไป ผมโคตรใจหาย อยู่ไม่ได้จนยอมโทรหาใครไม่รู้ตอนตีสองตีสาม ผมชอบพี่ปราชญ์



เฮ้อออออออออออออออออออออออออ





โตแล้วผมแมนพอ ยอมรับก็ได้แต่ชอบขนาดไหนยังไม่แน่ใจ





“ขอโทษ” ดูเขาไม่ร้ายกาจเลยสักนิด ละเมอคำว่าขอโทษ อยู่สองสามครั้ง ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แม้ที่ผ่านมามีผู้ชายเข้ามาจีบผมหลายคน แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใคร พี่ราชเรายังเคย...มากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่ได้ร้อนรนอะไรกับเขาเลย พี่ปราชญ์คงเป็น..คนพิเศษ



โอเคผมชอบพี่ปราชญ์ ตอนนี้เขาเป็นคนพิเศษของผม ไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ชายหรืออะไร แต่เพราะเป็นพี่เมตที่ทำอะไรก็อร่อยของผม ใจดีและไม่เคยฉวยโอกาส?



หาข้อสรุปให้ตัวเองได้แล้ว ผมก็ล้มหัวลงนอนตอนฟ้ากำลังจะสาง ซุกตัวเข้าหาพี่เมตให้เขากอดไว้ ยิ้มก่อนจะหลับตามเขาไป





สะดุ้งตื่นอีกครั้ง ได้ยินเสียงพี่ปราชญ์คุยกับใครสักคน



“โอเค..พี่รบกวนด้วยพอดีมีธุระด่วน...ขอบคุณมาก..เค..เลือกร้านรอเลย” ที่ว่าแลกเวรแล้วโกหกสินะ



“ปราชญ์” ไหล่เขายกหันมาหาผมช้าๆ ทำหน้าตกใจจนผมเกือบใจอ่อน ทำไมกับเขาผมใจอ่อนง่ายแบบนี้

“แหะๆ” ยิ้มยังไงให้มีพิรุจ ไปถามพี่ปราชญ์ดูนะครับ

“ถ้าต้องอยู่กับสุ แล้วปราชญ์เป็นคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ สุก็....” เขารีบสวนก่อนผมจะพูดจบ

“อย่าเพิ่งดุสิ นี่กลัวไปหมดแล้ว” หึ คนกลัวที่ไหนยิ้มหน้าบานเป็นจานข้าวแบบนั้น



“ปราชญ์อยากอยู่กับแฟ..”

“หยุดเลย อย่าพูดคำนั้น” พี่เขาก้มหน้าพูดกับตัวเองว่าอ้าว

“ไม่ต้องมาอ้าว”

“งั้น..ปราชญ์จีบนะ” แล้วที่ผ่านมาพี่ไม่จีบผมรึไง

“อย่ามาเลี่ยน ขนลุกไปหมดแล้ว”

“ไหนลุกตรงไหน” เอากับเขาสิ มองหื่นใส่ผมอีก



“พี่ปราชญ์!! ”



“ไม่เล่นแล้ว กินข้าวก่อน เดี๋ยวเย็นๆ พาเดินตลาดนัดรามสอง ไปกินซูซิร้านอร่อยกัน” เอาของกินมาล่อผมตลอด

“กี่โมงเล้วเนี่ย” ผมแค่พูดลอยๆ ไม่ได้ถามเขาหรอก หันไปดูเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว

เขาไล่ผมไปอาบน้ำบอกมีต้มยำร้อนๆ รอให้ผมชิม รู้ใจตลอดผมยิ้มแล้วเดินหันหลังเข้าห้อง จะตามใจเขาสักวันก็แล้วกัน



“ไหนบอกจะไปตลาดน้ำไง” ผมแกล้งถามก่อนจะซดต้มยำน้ำใส แซ่บถึงเครื่องต้มยำหอมมะนาวฟิน

“ก็ใครตื่นบ่าย ไว้วันหลังค่อยไปวันนี้สุพักผ่อนเถอะ เมื่อคืนก็นอนดึก” เขาตักเห็ดฟางให้ผม

“แล้วใครทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันล่ะ” ผมว่ากลับ

“พี่เองครับ พี่ผิดเองทุ๊กอย่างเลย” ผมอดยิ้มไม่ได้ ไม่ใช่แค่ประโยคยอมความของเขา แต่เป็นสายตาที่หวานเลี่ยนจนน้ำต้มยำกลายเป็นน้ำเชื่อมไปเลย

“ปราชญ์ของร้องอะไรอย่างได้ไหม” ผมตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ

“ได้หมดยกเว้นให้ปล่อยสุไป” เอิ่มมม

“เอาดีๆ เล่นอยู่ได้” ผมดุ

“คร๊าบ ขอมาพี่พร้อมเปย์” ยังจะเล่นอีก ผมทำท่าวางช้อน เขารีบจับแขน ทำหน้าตั้งใจฟัง

ทำไมพี่กวนตีนแบบนี้วะพี่หมอหมา



“อย่าโกหกกันอีกสุไม่ชอบ แล้วเรื่องของเราสุไม่อยากให้คิดไปไกลกว่านี้ คือสุไม่ได้รังเกียจแต่ก็ยังไม่ชินเท่าไหร่” แล้วทำไมตอนท้ายๆ ผมต้องเสียงเบาด้วย

“ไม่กล้าแล้ว ใครจะกล้าโกหกอีกล่ะ” อย่าให้พูดเลยครับพี่เรื่องแลกเวรยังไม่เคลียร์เลย ผมไม่อยากทะเลาะหรอกถึงปล่อยไป

“ส่วนเรื่องของเรา ขอแค่ไม่มีคนไหนมายุ่งกับสุ ปราชญ์ก็โอเคแล้ว”

“ยุ่งอะไรยังไง” ถ้าให้ผมมีพี่คนเดียวมันต่างจากแฟนตรงไหน



“ก็โทรมาจีบ มากอด มาจูบ มาวอแว มา...”

“ปราชญ์ๆ เยอะไปแล้วใครจะมาทำอะไรแบบนั้นกันนอกจาก..” พี่อ่ะแหละ ที่ว่าไม่ฉวยโอกาสมันหลอกกันชัดๆ

“ถ้าไม่จริงจังจับปล้ำไปแล้ว” เดี๋ยวนะ

“ถ้าพี่ปล้ำผม จะเจอดี” ผมจะทำอะไรเขาเหรอ ไม่รู้เหมือนกันครับขู่ไปงั้น

“อยากเจอจัง” ไม่กลัวกูอีกนะ





คุยเล่นสักพักกินอิ่มพี่กับผมก็ช่วยกันเก็บล้าง กลับมานอนดูซีรี่ย์ต่อ เรื่องเก่าจบไปเรื่องใหม่ก็เริ่มดำเนิน เป็นเรื่องราวของนักโทษที่ไม่ได้ตั้งใจทำผิด แต่ถูกจับเพราะจนมากไม่มีเงินสู้คดี ผมจะเล่าคร่าวๆ นะครับคือผู้ชายคนนี้ไปเจอเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้เสียขวัญ เนื้อตัวไม่มีเสื้อผ้า เรียกง่ายๆ ก็คงโดนข่มขืนมา เขาก็เข้าไปช่วย แต่เด็กสติแตกไงร้องไห้หวาดกลัวยิ่งเป็นผู้ชายก็ยิ่งกลัว พ่อแม่พี่น้องเด็กมาเห็นก็จับเขาส่งตำรวจบอกไอ่เหี้ยนี่ทำ แต่คือเขาไม่ได้ทำเขาแค่ซวยไปเจอลูกมึง เล่าไปผมจะอินเกินไป เอาแบบรวบรัดเลย...



“อีเด็กนี่ก็ไม่พูดวะแม่ง” คือกูขึ้นมากตอนนี้ อยากเข้าไปบีบคอเด็กว่ามึงพูดสิเขาไม่ได้ทำ

“เด็กเสียขวัญก็ไม่รู้อะไรหรอก สงสารออก” นี่ก็มาขัดผมไง ผมมองหน้าพี่เมตคือหงุดหงิดมาก

“แต่แจ็คซวยอ่ะ แล้วไม่ตรวจร่างกาย น้ำเชื้อห่าเหวอะไรเลยรึไงวะ” ผมเสียงดังยิ่งกว่าตอนเราทะเลาะกันเมื่อคืน


“มันแค่หนังนะสุ อย่าเยอะ” คำว่าอย่าเยอะเนี่ยทำผมยัวะ

“ไม่ดูแม่ง” ผมพาลมากหงุดหงิดลุกขึ้น พี่เมตกดหยุดแล้วดึงผมลง

“ทำไมงอแงจังหื้มมม” เสียงอ่อนโยนกับมือที่ลูบหัว ผม..ไปไม่เป็น

“ใครงอแง” ผมงี่เง้าเหมือนแฟนเขายังไงหยั่งงั้น



“ไม่มี๊ไม่มีใครงอแง มีแต่อีเด็กห่านั่นแม่งเป็นใบ้รึไงเนอะ” เขาใส่อารมณ์จนผมอดขำไม่ได้ นี่ผมกับเขา เราประสาทกลับแล้วรึไง เถียงกันเรื่องหนังจะเป็นจะตายทำไมวะ

“ใช่ สุไม่ดูแล้ว” ผมบอก เขารีบปิดทีวีดึงแผ่นออก

“เดี๋ยวเอาไปเผา แล้วเอาซากทิ้งชักโครกไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลย” ดูพี่พูดสิ ผมส่ายหัวในที่สุดก็หลุดขำออกมา



“อารมณ์ดียัง” เขาจิ้มแก้มผมไปด้วย แล้วพี่จะเก๊กหน้าหล่อใส่ผมทำไมไม่ทราบ

ผมจ้องหน้าเขากลับเต็มๆ ไม่มีหลบอีก

“ปราชญ์ถ้าสุงี่เง้าใส่มากๆ ไม่น่ารำคาญเหรอ” บางครั้งผมก็เอาแต่ใจ ตอนอยู่กับปั่นก็เป็นแต่ปั่นจะยอมผมมาก เลยไม่คิดว่าวันหนึ่งเธอจะมีคนอื่น

พี่เมตจ้องตาผมสายตาคมจนผมอยากจะหลบ แต่ก็ไม่หลบผมเองก็จ้องเขากลับ จนเรายิ้มให้กัน เขาหันหน้าไปจอทีวีที่ไม่มีภาพความจริงผมรู้ว่าเขาจ้องเงาสะท้อนของเราสองคนในจอนั้นมากกว่า มือผมถูกเขาดึงไปจับ เอ่ยประโยคที่ทำให้ความสัมพันธ์ของเราก้าวไปอีกขั้น อย่างที่ผมไม่ทันตั้งตัว....



“สุจะงอแงยังไงก็ได้ ขอแค่เป็นกับปราชญ์คนเดียวก็พอ”

























พี่ปราชญ์จ๋า สุรไม่เอาคนเขียนขอนะ

ปล.ตอนแมนสรวง1 อยู่ในตอนที่ 10 นะคะ แก้ไขให้แล้ว

หวังว่าตอนง้อจะถูกใจกัน พี่หมอหมาก็หวานได้เท่านี้



By Symbol A



หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 11-02-2019 13:32:00
ปราชญ์ขี้งอนสุรชอบง้อ เออคู่นี้มันน่ารักหวานๆมดขึ้น.
พี่ธาดากับธีมอย่าเงียบรับทำคะแนนรักให้ทันสามคู่นี้ด้วย   :z2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-02-2019 13:55:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 11-02-2019 15:23:25
แมนเริ่มหวั่นไหวกับไฟแล้วใช่มั้ยจ๊ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-02-2019 23:18:50
น้องสุรแบบพี่ปราชญ์หาไม่ได้อีกแล้วนะ ถ้าไม่เอาเราขอ :laugh:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: KoROGeFeE ที่ 12-02-2019 05:04:25
นังไฟได้มากกกดิบๆมากค่ารักการตะโกนใส่หน้าว่า ชอบ!! 5555555 สุรนี่จัดการกับความรู้สึกตัวเองเก่งมากพิจารณาและสรุปได้ว่าชอบแบบปึปปัปมากไม่เยิ่นเย้อ ส่วนพี่ปราชญ์นี่ขอได้ไหมคะสุให้กันได้ไหม?


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 12-02-2019 10:58:36
ตอน 17

นักปราชญ์ 1



ผมชื่อนักปราชญ์ มีน้องชายฝาแฝดชื่อราชครู มันเกิดหลังผมไม่ถึงนาที เราสองคนเป็นพี่น้องที่ไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่สายใยพี่น้องก็เหนียวแน่นอยู่ เราเริ่มคุยกันมากขึ้นตอนพ่อเสีย ส่วนแม่แต่งงานใหม่กับคนญี่ปุ่น แม่ก็บูชาความรักอย่างที่หลายคนเป็น ครับอันนี้ผมเข้าใจ แต่ราชครูมันอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กมันกลับไม่เข้าใจ พ่อทิ้งสวนมะม่วงให้ผมก็จริงแต่ก่อนตายท่านสั่งว่าอย่าทิ้งน้อง ผมรู้ว่าพ่อมีเหตุของท่าน แนะนำตัวพอประมาณก็พอตอนนี้ผมกำลังรีบ



วันนี้ที่บริษัทน้องเมตมีงานเลี้ยงประจำปี จัดที่โรงแรมริมชายทะเล สองคืนสามวันผมก็เลยลางานตามน้องมาด้วย

“ปราชญ์!!” ทันทีที่เก้าขาเข้าไปในโรงแรม ก็ได้ยินเสียงน้องเรียกมาแต่ไกล เกิดมาเพิ่งจะชอบชื่อตัวเองตอนที่น้องเรียกนี่แหละ แค่เรียกธรรมดายังน่าฟังขนาดนี้ถ้าเรียกตอน....หึ๋ยยไม่อยากจะคิด

รีบเดินเข้าไปหากลิ่นเหล้าคลุ้งเชียว เห็นหน้าหล่อๆ แล้วทนไม่ไหวขอโอบหน่อย แค่แตะๆ ก็ฟินแล้วครับ สำหรับคนนี้อยากถูกเนื้อต้องตัวทั้งวัน ชอบสุรขนาดไหน? เห็นผมดั้นด้นมาถึงพัทยาแบบนี้คุณคิดว่ายังไงล่ะครับ

“เมาไหมเนี่ย”

“ไม่เท่าไหร่ พรุ่งนี้เข้าเวรกี่โมง” น้องล้วงกระเป๋าตอบผมหน้านิ่ง ประชาสัมพันธ์โรงแรมนี่มองตามตาเยิ้ม แต่ขอโทษเขายอมให้ผมโอบ รู้สึกชนะเบาๆ

“ไม่เข้าครับพักร้อนเฝ้าเด็ก” อยากพูดว่าแฟนเหมือนกัน แต่น้องยังไม่ยอมก็ไม่เป็นไร ผมไม่ฝืนใจใคร เป็นอะไรก็เป็นสุของผมอยู่ดี

สุพาผมเดินขึ้นห้อง เราพักที่ชั้นสิบสอง ห้องBXXX ไม่บอกเลขห้องนะครับ ไม่ใช่เลขเด็ดหรอกไม่ต้องเสียดาย

“ปราชญ์หยุดงานเพราะสุตลอดเลย” เขาหันมาว่าท่าทางไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ยังช่วยผมยกกระเป๋า

น้องเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงมาก บางครั้งไม่สบายก็ยังจะไปทำงานบอกว่าเสียดายเบี้ยขยันคงจะงกด้วยอะไรด้วยเห็นเขาดูดีหัวจรดเท้าแบบนี้ ไม่เคยเห็นเขาซื้อของฟุ่มเฟือยเลย ไม่แปลกที่จะโกรธผมมากเรื่องมือถือ คิดแล้วก็เข้าตัวเงียบไว้ดีกว่า



“ปราชญ์มีสุคนเดียว วันหยุดไม่ใช้กับสุ จะให้ใช้กับใครล่ะครับ” ผมก้มหน้าปากจะแตะแก้มเขาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หอมนะ แค่เฉียดๆ ให้พอลุ้นๆ หัวใจเต้นรัวก็พอ ชอบเวลาเขาทำหน้าไม่ถูก น่ารักโคตรใครไม่เชื่อก็มาดูเอง แต่นานๆ จะเห็นที เพราะปรกติจะทำหน้านิ่ง แค่หน้านิ่งผมก็แทบจะยัดเยียดหัวใจตัวเองให้เขาไปแล้ว นี่มาทำหน้าเหมือนเขินผม ไม่กลัวพี่หัวใจวายหรือไง

“เลี่ยนตลอดแหละ หิวไหม ขับรถเหนื่อยหรือเปล่า”

“ไม่หิวอิ่มใจ ไม่เหนื่อยกำลังใจดี”

“หนักแล้ว หาหมอไหม”

“นี่ก็หมอไปหาทำไมไกล มามะหมอฉีดยาให้” ผมแกล้งเดินเข้าหา น้องแทบจะถีบผมออกมาจากห้อง ตอนนี้ผมอยู่ในห้องกับเขาสองคน ไอ่น้อง (ราชครู) มันไปนอนกับเพื่อนมัน กว่าจะตกลงกันได้เสียไปเยอะครับ (ผมเสีย)



กึก!! น้องลูบแก้มที่ผมเพิ่งหอมไป ตอนแรกกะเฉียดแต่น้องดันหันมาเลยโดนเต็มๆ พี่ไม่ผิดนะทำหน้าดุไมอ่ะ

“ฉวยโอกาสตลอด” เขาก้มหน้าบ่นเสียงเบาแต่ผมได้ยิน ตอนแรกกลัวเขาไม่พอใจ ที่จริงก็...เขินผมป่ะเนี่ย ฟินโว้ยยย

“ปราชญ์!!” ไม่พอใจก็เรียกชื่อตลอด คิดว่ากลัวรึไง กลัวนะ แหะๆ

“ไม่ได้ตั้งใจสุหันแก้มมาชนปากปราชญ์เอง มันเป็นอุบัติเหตุ” ที่ผมอยากให้เกิดขึ้นบ่อยๆ

“หึ แล้วลางานบ่อยเขาไม่ไล่ออกเหรอ หมออะไรไม่มีความรับผิดชอบ เคสตัวเองฝากคนอื่นเขาก็ไม่เข้าใจ สุสงสารหมาแมวพวกนั้นจริง” ผมยังมีอะไรดีไหมครับตอนนี้ น้องไม่ชอบให้ขาดงาน แต่พี่อยากมาเฝ้าน้องอ่ะครับ น้องไม่เข้าใจพี่บ้างเลย ลดเสน่ห์ลงหน่อยสิพี่จะได้ไม่ต้องมีหวงเยอะ

“............” ผมไม่ตอบโต้ คือเถียงไม่ออกนั่นแหละ เลยเดินไปกอดแขนถูไถหน้ากับแขนเขา เวลาหมาแมวทำผิดมันจะอ้อนเจ้าของแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยพวกมันไม่ถูกตี แถมจะได้รับการโอ๋อีกด้วย ผมก็หวังว่าน้องจะ....



“ไปอาบน้ำดีกว่าอยู่ไปก็เปลืองตัว” อ้าวน้อง..ไม่คิดจะโอ๋พี่มั้งเลยเหรอครับ ผมมองตามสุตาละห้อยเหมือนหมาคอยนาย หวังให้น้องมาอ้อนผมบ้างไม่รู้พอมีหวังหรือเปล่า



เขาเข้าห้องน้ำไปสักพักก็ตะโกนออกมา “ปราชญ์ลืมแปรงฟัน” ผมส่ายหัวยิ้มๆ เปิดกระเป๋าค้นหาแปรงฟันให้เขา

“เอามาให้แล้ว” ไม่แน่ใจหรอกว่าเขาลืมไว้ไหม นึกว่ามีอีกอันไว้ใช้เดินทาง ดีนะผมรอบคอบ เขาเดินออกมาจากห้องน้ำ เสื้อผ้ายังอยู่ครบ

“ขอบคุณครับ” น้องแค่เดินมาเอาแปรงฟันจากมือผม แค่ก้มลงกระซิบข้างหู แล้วหันหลังเดินกลับไปอาบน้ำ แต่โคตรเท่ สุเป็นผู้ชายคนแรกที่ผมว่ามีเสน่ห์ เขาเป็นคนนิ่งๆ ดูน่าค้นหา เวลาเคลื่อนไหวก็น่ามอง ยิ่งตอนใส่แต่กางเกงบอลผมไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากจ้องเขา สายตาเขาคมเหมือนคนเจ้าชู้ หุ่นดีมีกล้ามหน่อยๆ แขนขาเรียว มือสวยมากเห็นแค่มือผมก็อยาก... (เพ้อไปเรื่อยอย่าถือสา)

ได้ยินเสียงน้ำไม่นานสุก็ออกมาใส่ชุดกีฬาผ้าลื่นสีขาว ขอพี่จับหน่อยได้ไหม อื้ออออ

“ปราชญ์ไปอาบน้ำเลย จะได้สบายตัว” น้องบอกแบบนั้น ผมลุกขึ้นพร้อมผ้าเช็ดตัว สั่งขอมือ แกล้งตาย ไปคาบไม้ ผมก็ทำให้น้องได้หมด จะหาเชื่องกว่าพี่ปราชญ์ไม่มีอีกแล้ว



“พี่ราชโทรมา” น้องตะโกนบอก ตอนผมถอดทุกอย่างแล้ว

“บอกมันเดี๋ยวโทรกลับ” ไอ่น้องมันแกล้งผมแน่ๆ คงโทรมากะขัดจังหวะสวีทของผม มันรู้ว่าคนนี้จริงจัง ไม่อย่างนั้นผมไม่ตามคุมแจแบบนี้หรอก

“พี่ปราชญ์บอกว่าเดี๋ยวโทรกลับครับ...อ้าวเหรอครับ..ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย..อ่าครับ” ถ้าใครมาเห็นผมตอนนี้ต้องว่าผมบ้าแน่ แปรงฟันไปยิ้มไป ได้ยินน้องคุยกับน้องชายฝาแฝดต่อนิดหน่อย ผมก็รีบอาบน้ำทำเวลา คิดถึงอยากเห็นหน้าแล้ว ใครว่าผมเว่อร์ได้ยินนะ ทัมดาครับคนมีความรักก็เป็นแบบผมทุกคนเถอะ



อาบน้ำเสร็จเดินหัวเปียกออกมา กะจะอ้อนให้น้องเช็ดผมให้สักหน่อย แต่แขกไม่ได้รับเชิญมาจากไหนกันล่ะเนี่ย

“ไอ่น้องมึงมาทำไมวะ” สุนั่งเล่นมืออยู่บนเตียง ส่วนไอ่ราชครูทำหน้าเหมือนเมียไม่ให้เข้าห้องนั่งหงอยอยู่หน้าทีวี

“นอนด้วยคน” หา...ไม่ได้นะมึง ผมหันไปบอกมันทางสายตา

“อะไร แค่คืนเดียว ปรกติมึงก็นอนกับน้องสองคนทุกวันแล้วไง” แล้วมันก็เดินไปหยิบชุดนอนผมจากกระเป๋า ดึงผ้าขนหนูจากบ่าผม เดินเข้าห้องน้ำไปไม่คิดจะขออะไรสักคำ เราเป็นแฝดกันแต่ผมยังต้องการมารยาททางสังคมจากมันอยู่นะ

“กางเกงในด้วยไหมมึง” ผมประชด

“กูเอามาแล้ว” เอิ่มมม อย่าบอกว่าใช้แปรงฟันผมด้วยนะ เครียดอ่ะพูดจริง หมดกันที่กูมโน หัวก็เปียก ไอ่ราชครูก็เป็นน้องชายดีๆ ไม่ชอบ อยากเป็น กขค. เซ็งมากครับตอนนี้

“ปราชญ์หัวเปียกขึ้นเตียงทำไม” ผมลุกจากเตียงย้ายไปนั่งเก้าอี้ ตอนนี้ห่อเหี่ยวไปหมด น้องไม่ให้เข้าใกล้แน่สุไม่ชอบให้ผมรุ่มร่ามเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ได้แค่โอบไหล่นับว่าผมมีบุญมากแล้ว

“อ่ะ” ผมตกใจนิดหน่อยที่น้องลงมาเช็ดหัวให้ ใจที่ฝ่อตอนนี้พองโตใกล้แตกแล้ว

“ไม่ต้องมายิ้มเลย เช็ดเองไม่เป็นรึไง แอร์เย็นเดี๋ยวก็เป็นหวัด เป็นหมอประสาอะไรแค่นี้ก็ไม่รู้” ผมนั่งยิ้มเงียบๆ อยากถ่ายรูปเอาไปแชร์ให้โลกรู้ว่าน้องน่ารักกับผมแค่ไหน แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า หวง!!

“ไอ่น้องมันเอาผ้าเช็ดตัวปราชญ์ไป” ท่าทางน้ำเสียงผมตอนนี้ถ้าไอ่ธีมมาเห็น คงโดนมันล้อยันภพหน้า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยอม เนียนพิงขาน้องที่ยืนข้างเก้าอี้ โดนสุบ่นอยู่สองสามทีแต่แค่นี้พี่ไม่สะเทือน ทำไมตัวหอมแบบนี้ อยากฟัดเด็กโว้ย



หัวผมเกือบจะแห้งไอ่น้องก็ออกมา มันยืนตาค้างอยู่หน้าห้องน้ำ

“น้องสุเช็ดให้พี่บ้างดิ” กวนตีนนะมึง ผมหันไปมองมันไหวไหล่ แล้วส่งยิ้มแซวผมไม่หยุด

“มีไดร์ครับพี่ราชเอาไปใช้ได้เลย” ก๊ากกกก อยากจะหัวเราะให้ได้ยินกันไปทั้งโรงแรม ผมยักคิ้วให้มันไม่ใช่กูก็เหนื่อยหน่อยนะราชครู



“โหทีไอ่พี่ยังเช็ดให้เลย”

“พี่ปราชญ์ไม่ชอบเสียงไดร์ครับ” น้องจำได้ด้วยเหรอ นี่ผมคิดว่าน้องใจตรงกับผมได้แล้วใช่ไหม

“ขวัญอ่อนจริงนะมึง” ไอ่แฝดทำหน้าหมั่นไส้ผมเต็มที่ คือผมก็หาเรื่องอ้อนน้องไปนิดหน่อย โอเคไม่นิดเท่าไหร่ แต่ที่ทำไปผมมีเหตุผลทางจิตใจทั้งนั้น ผมบอกว่าตอนเด็กใช้ไดร์แล้วมันระเบิด เลยกลัวฝังใจ น้องก็เลยใจดีอย่างที่เห็นนี่แหละ ถามว่าระเบิดจริงไหม ก็ไม่เชิงคือมันแค่ไฟซ็อตและผมก็ไม่ได้ขวัญอ่อนขนาดนั้น เรื่องก็มีแค่นี้ครับ



“แห้งแล้ว พอเถอะง่วง” ขนาดง่วงนอนยังยืนเช็ดผมให้จนเกือบแห้ง ไม่หลงวันนี้จะไปหลงวันไหน

“นอนเถอะ ขอบคุณครับ” ผมกอดขาเงยหน้าบอกเขาเบาๆ สุดิ้นไปมานิดหน่อยแต่ก็อมยิ้มให้ผม ปล่อยน้องไปนอน ส่วนผมก็นั่งมองน้องต่อไป สุกอดผ้าห่มหลับไปแล้วสงสัยจะง่วงมาก จมูกโด่งเป็นสันเขื่อน คิ้วหนาหน้าใส เฮ้ออ....ใจไม่ดี

“นี่มึงขนาดนี้เลยเหรอไอ่พี่” ไอ่น้องมานั่งข้างๆ ถามหรือแซวไม่รู้ดูหน้าตาแล้วเดาไม่ออก

“เรื่องของกู มึงเถอะไอ่โต้งยังไง ทะเลาะกัน?”  ถามเรื่องของมันดีกว่า

“แฟนมันมา” หื้มมม

“นึกว่ามึงกับมัน” ผมเห็นชายตาน้องชายก็พอจะรู้นะครับ ส่วนไอ่โต้งมันคล้ายสุรคือนิ่งเงียบไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไร แต่หลายครั้งก็เห็นมันห่วงไอ่ราชเกินเพื่อน บางทีเหมือนหวงด้วยซ้ำ

“กูกับมัน คงเป็นได้แค่เพื่อน ก็ดีแล้วล่ะ” มันบอกสายตาเศร้าๆ

“...........” ผมก็เงียบรอฟัง ตาก็มองสุต่อไป

“พี่” ผมละสายตาจากน้องบนเตียงมาที่น้องชายข้างๆ ไม่ค่อยได้ยินมันเรียกผมว่าพี่เฉยๆ เหมือนมันจะมีเรื่องไม่สบายใจ

“อยากลงไปหาอะไรดื่มไหม” ผมชวนคิดว่ามันมีเรื่องจะระบาย

“ไม่เป็นไร เฝ้าน้องมึงเถอะ หลงมากสินะ” มันหันไปมองสุร จงใจเปลี่ยนเรื่องชัดๆ คงยังไม่พร้อมจะเล่ามั้ง

“น่ารัก” ผมขยับปากแบบไม่ออกเสียงหมายถึงสุนะครับ ไม่ใช่ไอ่ราช

“หึ” ราชคงไม่ไหวกับผมแล้ว มันหยิบไดร์เข้าห้องน้ำไปเป่าผม ส่วนตอนนี้ไม่มีอะไรน่าทำไปกว่ากระโดดขึ้นเตียงนอนข้างน้อง ผมเกือบจะหลับไอ่ธีมโทรมา น้องแฝดโผล่หัวจากในห้องน้ำมาดู คงคิดว่ามือถือมัน ผมชูให้ดูว่าของผมมันก็เข้าไปเป่าหัวต่อ ลุกไปคุยกับเพื่อนที่ระเบียงไม่อยากกวนสุกลัวเขาตื่น

(มึงอยู่ไหนวะ ไปแดกเหล้ากับกูหน่อยดิ)

“วันนี้ไม่ได้กูอยู่พัทยา”

(ไปทำห่าอะไรที่นั่น)

“ไม่ได้ทำห่า มาเฝ้าน้อง” ผมบอกตามตรง

(เห้ย พัฒนานี่หว่า มีฝงมีเฝ้า)

“มึงพูดอยู่กับใคร ระดับนักปราชญ์แล้ว มีเหรอจะพลาด” ขอโม้หน่อยเถอะ

(พอๆ โม้สัดๆ ได้แล้วมาข่มก็ยังทัน)

“อีกไม่นานหรอกมึงรอฟังเลย ว่าแต่มึงมีเรื่องไร นึกไงอยากเมา ลงมาคราวนี้อยู่กี่วันวะ”

(คงหลายวันหน่อย กูมีพักร้อนเหลือ) แบ่งให้กูมั้งก็ได้ ของกูใช้กับเด็กหมดแล้ว

“มึงบอกกูได้ยังมีอะไร” ผมถามเสียงจริงจัง

(กูมีเรื่องนิดหน่อย เออมึงสนิทกับธาดา มันมีแฟนยังวะ) ไอ่ตี๋ผู้ดีนั่นนะเหรอ

“จะไปรู้มันเหรอ สนิทแค่ตอนประกวดเดือน นอกจากมึงกูจะไปสนิทกับใครได้อีก มึงตามกูเหมือนเงาตามตัว” ความจริงผมก็ติดไอ่ธีมเหมือนกัน คงเพราะเราสองคนไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันทั้งคู่มั้ง

(มึงว่ามันมีใครยังวะ) มันยังเซ้าซี้เรื่องธาดา

“กูเห็นมันสนิทกับน้อง ไว้จะถามให้ มึงอยากรู้ทำไมหรือว่าจะจีบ?” ผมพูดเล่นๆ ไปงั้น

(เออ กูจะจีบมัน) ตื่นเลย อะไรยังไง

“ไปถูกใจกันตอนไหนวะ”

(เรื่องมันยาว กูถึงชวนมึงไปเมาไง)

“พรุ่งนี้กูก็กลับแล้ว ไว้ค่อยเจอกัน”

(ตามนั้น)

เพื่อนผมวางสายไปแล้ว ผมว่าต้องมีอะไรที่ผมไม่รู้เยอะแน่ๆ เตรียมตัวอึ้งไว้ก่อนเลย ปรกติไอ่ธีมไม่จริงจังกับใครพอกับผม เราคิดว่าความรักคือห่วงผูกคอ แต่อะไรก็เปลี่ยนได้ดูอย่างผมสิแทบจะเอาปลอกคอมาใส่ ยัดเชือกใส่มือให้สุจูง เดินกลับไปนอนลงข้างน้องเบาๆ เขาก็หลับสนิทไม่หือไม่อือเหมือนเดิม



“มึงคุยกับใครไอ่พี่” ผมขยับเข้าหาน้องอีกนิด เพราะราชครูมันมานอนข้างผมอีกฝั่ง เราเอาสองเตียงชนกัน แต่ผมนอนแทบจะเตียงเดียวกับสุ ไอ่ราชมานอนด้วยก็มีข้อดีอยู่บ้าง

“ไอ่ธีม”

“อ้อ..เห็นว่าย้ายเข้าป่านี่ เพื่อนกูบ่นเสียดายฉิบหายเลย”

“เพื่อนมึงนี่ใครวะ”

“ไอ่ลาภินไง มันเป็นนายแบบตอนนี้ดังมาก” ดัง? แต่ผมไม่รู้จัก

“มันชอบเพื่อนกูว่างั้น”

“ตอนจบใหม่ๆ อ่ะใช่ แต่ตอนนี้คงไม่แล้วมั้ง เห็นมันตามเด็กนายแบบหน้าใหม่คนหนึ่งอยู่”

“มึงก็หน้าตาดีไม่ไปเป็นกับเพื่อนบ้าง กูอยากมีน้องเป็นคนดัง” ผมพูดเล่นกับมันไปงั้น

“สัดพี่ มึงชมกูหรือชมตัวเองวะ” มันตอบขำๆ เหมือนกัน

“เออมึงกับกูหน้าตาดีทั้งคู่” ผมสรุป มันบอกว่าไม่เถียง หลงตัวเองพอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยพวกผม



“ไอ่น้อง มึงรู้จักไอ่ธาดาป่ะ”

“ธาดา ไอ่หน้าตี๋ขี้เก๊กๆ ที่ทำงานกับกูอ่ะเหรอ” สมเป็นแฝดกันจริงๆ ผมก็คิดแบบนั้นครับ

“เออโคตรพ่อโคตรแม่เก๊กเลย”

“รู้จักตอนมาทำงานที่เดียวกันนี่แหละ ไอ่โต้งว่ามันจบมอเดียวกับพวกเรา แต่พวกกูไม่รู้จักมันมาก่อน” คนละคณะนี่นะ แล้วพวกไอ่ราชไม่สนใจใครนอกจากพวกเพื่อนมัน คบกันอยู่สี่คนมั้งผมว่า

“มึงรู้ป่ะ มันมีแฟนยัง”

“นอกใจน้องเหรอมึง” มันชี้หน้าใส่ผม

“เห้ยย เพื่อนกูสนใจ ไม่ใช่กู” หางานให้ผมแล้วไหมล่ะไอ่น้องเวร หันไปมองสุรหลับสนิทหายใจฟี้ๆ น่ารักน่าชังคงไม่ได้ยินหรอก

“ที่บริษัทมีคนไม่ชอบมันเยอะ มันปากจัด จริงจังเวลาทำงาน แต่สาวๆ ก็อ่อยมันหลายคนนะ ส่วนว่ามันคบใครกูไม่รู้หรอก เห็นชอบมาวอแวน้องมึงคนเดียวอ่ะ”

“น้องกู..มึงเหรอ” ผมทาย มันทำหน้าแขยง

“ขนลุกไอ่พี่ น้องคนนั้นต่างหาก” อ๋อสุร ผมรู้ครับเรื่องนี้ แค่แกล้งไอ่น้องเฉยๆ ดูมันทำหน้ารังเกียจเขาขนาดนั้นสงสารไอ่ตี๋ขึ้นมานิดหน่อย

“อันนั้นกูพอรู้ มันเคยมาที่ห้องกู จ้องน้องเหมือนจะกินพูดละหงุดหงิด”

“น้องมึงก็น่ากินจริงอ่ะนะ” มันพูดเสียงเบาเหมือนกลัวผมได้ยิน

“มึงว่าอะไรนะ”

“อะไร ไม่ได้พูดอะไร นอนๆ พรุ่งนี้กูสืบเรื่องไอ่ตี๋ขี้เก๊กให้”

“เออ มึงปิดไฟเลย” ผมสั่ง พอไฟดับผมก็นอนมองแผ่นหลังน้องชายฝาแฝดอยู่สักพัก คิดว่ามันยังไม่หลับเลยตัดสินใจพูดออกไป

“ราช มึงคุยกับกูได้ทุกเรื่องนะ กูพี่มึงนะไอ่สัดน้อง”

แล้วผมก็หันหลังให้มัน กลับไปส่องสุรในความมืดสลัวต่อ



“พี่กูแค่ไม่กี่นาทีทำมาคุย” มันพูดเบาแต่คราวนี้ผมได้ยิน ผมหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกผ้าห่มถูกดึง ผมกับไอ่ราชห่มผ้าผืนเดียวกัน เพราะอีกผืนน้องสุคนดีเอาไปกอดคนเดียว



“กูก็มีแค่มึงแหละที่เป็นครอบครัวของกู ไอ่สัดพี่”



ประโยคนั้นทำลายกำแพงของเราสองคนพี่น้องไปจนหมด เราเป็นแฝดกันมีสายใยที่มากกว่าพี่น้องปรกติ แต่ที่ผ่านมาเราแค่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันก็เท่านั้น ตั้งแต่ไหนแต่ไรไอ่ราชครูมันเป็นเด็กมีปัญหา ชอบคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก แต่หลายอย่างเขาก็มีเหตุผลของเขา ผมไม่อยากให้ราชมันคิดมาก โตแล้วอยากให้มันคิดได้ ชีวิตยังมีอะไรมากกว่ามานั่งน้อยใจพ่อแม่

วันนี้เหนื่อยหลายอย่างทั้งเรื่องงานและคนใกล้ตัว ผมดึงมือเรียวมาจับ สุกระชับมือผมแน่น ตั้งแต่ผมขอจีบ เราก็นอนประสานมือกันทุกคืน ใครจะว่ากากยังไงผมไม่สนใจ ยังไงผมก็สำคัญกว่าใครสำหรับสุ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว









By Symbol A
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-02-2019 11:19:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-02-2019 12:42:01
ไรท์มา.........มีตวามสุขเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ธีม จะจีบตี๋ธาดาขี้เก็กจริงๆด้วย เย้ๆ..... ทีซื้อหวยละไม่แม่น  :z3:
ปราชญ์  ออดอ้อนเก่งมากๆ :o8:
ถึงเนื้อถึงตัวสุรตลอด  :-[
สุร ไม่ยอมให้เรียกแฟน :เฮ้อ:
แต่การกระทำที่ยอมให้ปราชญ์ทั้งหอม ทั้งกอด   :really2:
ประสานมือหลับไปด้วยกันมันก็แฟนกันชัดๆนะสุร   :serius2:
ปราชญ์  สุร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-02-2019 12:51:31
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-02-2019 13:09:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-02-2019 14:35:59
สุโชคดีนะได้พี่ปราชญ์เป็นแฟนอบอุ่นงานครัวก็ดีแถมคิดบวกถึงจะขี้งอนเป็นเด็กน้อยแต่ก็งอนกับสุรคนเดียว
แรกๆเราไม่ชอบราชครูเลยแต่ตอนนี้เข้าใจราชครูแล้วเด็กมีปม
พี่ธีมออกตัวแรงเชียวท่าทางจะจีบตรงและแรงเกาะเป็นปลิงแน่ธาดาระวังตัวไว้เถอะปลิงยักษ์ซะด้วย :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 16 สุรโกรธง่ายหายยาก
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 12-02-2019 19:33:22
ในที่สุดก็ตกลงปลงใจซักที
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-02-2019 22:47:04
เอาจริงๆนะเรื่องมันก็สนุกดี แต่หลายคู่เกินไปอ่ะ ไม่ชอบอ่านนิยายแบบนี้อ่ะ มันเว่อไปอะไรจะคู่เยอะขนาดนี้

ขอโทษด้วยที่วิจารณ์ แต่มันอ่านแล้วไม่อินอ่ะ คุณนักเขียนอย่าใส่ใจเลยค่ะ แค่อยากบ่นนิดหน่อยเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-02-2019 06:05:35
 :pig4: :pig4: พี่ปราชญ์สำออยเนอะ55555
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-02-2019 08:50:30
สนุกดีชอบๆ

ชอบคู่ โต้งราช

หรือราชโต้ง

ชอบ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 13-02-2019 12:44:43
เอาจริงๆนะเรื่องมันก็สนุกดี แต่หลายคู่เกินไปอ่ะ ไม่ชอบอ่านนิยายแบบนี้อ่ะ มันเว่อไปอะไรจะคู่เยอะขนาดนี้

ขอโทษด้วยที่วิจารณ์ แต่มันอ่านแล้วไม่อินอ่ะ คุณนักเขียนอย่าใส่ใจเลยค่ะ แค่อยากบ่นนิดหน่อยเฉยๆ

...............................................

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะ ไม่ว่าเลยอยากอ่านความคิดเห็นคนอ่านเยอะๆ คนเขียนจะได้รู้ว่าควรแก้ตรงไหน ความจริงเรื่องนี้ เน้นแค่คู่ ปราชญ์กับสุรเท่านั้น ส่วนคู่อื่นจะมีเรื่องราวของตัวเองค่ะ คงมีแซมๆ มาบ้างจะไม่ให้เยอะเกินไป  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-02-2019 13:19:36
รอตอนต่อไปค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: nikpook ที่ 14-02-2019 08:31:19
ถ้าสุรไม่เอาพี้ปราชญ์ ขอให้เราได้มั้ย ความกลัวเมียของพี่ปราชญ์คือเห็นชัดเจนมาก แต่ความหลงน้องคือมีมากกว่าอีก :-[ รอคู่ธาดาชอบตอนที่เขาเถียงกันมากมันดูร้อนแรง ราชกับไก่และก็แมนกับไฟเราก็รอนะ รอทุกคู่เลย มาต่อเร็วๆน้าสนุกมากๆ :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 17 นักปราชญ์1
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 15-02-2019 14:25:44
พอโดนนอกใจ เทพสุรของเราก็เหมือนจะพราวมาก ผู้ชายแวะเวียนมาจีบเพียบ ดีกรีเดือนคณะทั้งน้านนนน งานดีจริงๆ ท่านเทพ 555
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: antivirus ที่ 19-02-2019 15:19:00
ตอน 18

นักปราชญ์ 2



ผมตื่นเต็มตาตอนได้ยินน้องตะโกนบอกไอ่ราชว่า เดี๋ยวผมตามลงไป เมื่อเห็นผมตื่นน้องก็หันมาสั่งก่อนจะก้มลงมัดเชือกรองเท้าผ้าใบ

“วันนี้ช่วงเช้ามีกิจกรรมCSR ปราชญ์อยู่คนเดียวไปก่อนนะ บ่ายจะขึ้นมาหา” พยักหน้าให้น้อง ที่เขาพูดมาจับประเด็นได้แค่บ่ายสุจะขึ้นมาแค่นั้นแหละ

น้องหันหลังเดินออกไป เพิ่งเห็นว่าเสื้อที่ใส่มันจะบางไปไหม ตื่นเลยสิผม หวงนะไม่ใช่ไม่หวง แต่เขายังไม่ยอมรับคำว่าแฟน แม้จะจับมือถือแขนกันได้ แต่ถ้าผมแสดงอาการหึงมากไปมันก็ไม่ดีอีก

ลุกจากเตียงไปรับลมที่ระเบียง เห็นวิวชายหาดขึ้นป้ายไวนิลกิจกรรมของบริษัทเขาด้วย ผมส่องน้องจากตรงนี้ได้สินะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัว สั่งอาหารมานั่งเฝ้าระเบียงทันที



นั่งนานจนเกือบสัปหงกก็เห็นพนักงานหลายคนทยอยลงมาที่ชายหาด ไอ่น้องแฝดยืนข้างเพื่อนมันเกือบตลอดเวลา ส่วนไอ่โต้งหน้านิ่งไม่สนใจใคร แล้วน้องเมตผมไปไหน อ้อ..เห็นแล้ว..เดินเคียงข้างมากับน้องผู้ชายคนหนึ่ง ผอมและเตี้ยกว่าสุหน่อย หน้าตาออกแนวพนักงานขายที่พูดเก่งๆ น้องคนนั้นคุยจ้อไม่หยุด ส่วนสุมีพยักหน้ารับบ้างหัวเราะบ้าง

อ้าวนั่นใครมากอดคอน้อง ไอ่ธาดานี่หว่าเมื่อวานแฝดผมบอกแผนกมันจะมาวันนี้ เพราะมีงานค้างเลยมาช้ากว่าคนอื่นเขา มาถึงก็เข้าหาสุเลยเหรอ ผมเดินไปหยิบมือถือโทรออกหาเพื่อนรัก

(เออ) กว่าจะรับสายได้ผมเกือบถอนใจเลิกโทร

“ธีมมึงมาหากูด่วน”

(มึงอยู่ไหน)

“ที่เดิม หาดXX”

(เพื่อ ทำไมกูต้องไปวะ)

“ถ้ามึงอยากจีบไอ่ธาดามึงต้องไม่พลาด”

(โอเคเดี๋ยวเจอกัน)

บางทีเพื่อนผมก็ใจง่ายไปนะ แต่ก็ดีแล้วครับ มาเป็นไม้กันหมาให้หน่อยเถอะ ผมไม่ถนัดไปกันเอง กลัวน้องจะอึดอัด



นั่งดูน้องเดินเก็บขยะไปตามหาด เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่เห็นเลย ตอนออกไปสุไม่ได้ใส่หมวกแต่ตอนนี้มีหมวกสีดำบนหัวเรียบร้อย ไม่รู้ใครเอามาใส่ให้ ไอ่น้องพนักงานขายยังตามติดสุตลอดเวลา แต่ไอ่ตี๋ขี้เก๊กหายไปไหนแล้วไม่รู้ มือถือผมดังขึ้น ผมเอื้อมไปกดรับตายังไม่ละจากน้อง

“เออมึงมาถึงแล้วเหรอวะ ไวเกินนะมึง”

(อะไรใครไว กูเองไอ่พี่) อ้าวไม่ใช่ไอ่ธีม

“มึงมีไร”

(เดี๋ยวสักพักกูจะกลับแล้ว คืนนี้เขามีงานเลี้ยงอีกคืน มึงไปเฝ้าน้องมึงได้นะ คนอื่นไม่รู้หรอก คิดว่ามึงเป็นกูกันหมดนั่นแหละ) ผมตื่นเต้นตาโตมากตอนนี้

“อะไร ได้เหรอวะ”

(เออ ตกลงจะไปไหม)

“ไป”



เรื่องอะไรจะไม่ไปล่ะครับจริงไหม รู้สึกรักไอ่ราชครูมากขึ้นเป็นพิเศษ



เกือบบ่ายสองสุก็เข้าห้องมา หลังจากที่ผมไปนั่งตากแดดที่ระเบียงเกือบครึ่งวันตอนนี้ร่างกายคงผลิตวิตามินดีเยอะเกินจำเป็นแล้ว เล่าเรื่องนี้ผมขอแทรกความรู้หน่อยนะครับ ความจริงแสงแดดไม่มีวิตามินดี แต่มันจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของเราผลิตวิตามินดีต่างหาก เล่าทำไม? นั่นสิ!!



“ปราชญ์ทำไมหน้าแดง” น้องยื่นหน้ามาใกล้ผม

“อาบแดดมา”

“อยากผิวแทนเหรอ หรืออยากเป็นมะเร็ง” ปากเหรอนั่น เดี๋ยวพี่จับจูบซะเลย

“แล้วกินไรยัง” เขาเดินไปทิ้งตัวบนที่นอนเหมือนพร้อมจะหลับ

“ข้าวกลางวันยังเลย รอกินกับสุ” อ้อนครับความจริงกินแล้ว แต่ผมรู้ว่าเขากินแล้ว เลยจะทำเป็นรอกินพร้อมเขา มันดีไหมนะความคิดแบบนี้แต่พูดไปแล้วอ่ะ

“รอทำไม เดี๋ยวสุโทรสั่งให้นะ เอาอะไรครับ” น้องใจดีจัง แต่พี่อิ่มมากเลย

“คือปราชญ์ไม่หิวเท่าไหร่”

“ไม่ได้นะ ไม่กินข้าวเดี๋ยวปวดท้อง เหมือนวันนั้นอีก” วันไหน อ๋อ..วันที่ผมสำออยอ้อนเขาว่าเคสเยอะ ไม่ได้กินข้าวจนปวดท้อง น้องจำแม่นจริงๆ ผมควรดีใจแต่ทำไมผมยิ้มไม่ออก

“ครับ กินก็ได้” เวรกรรมท้องจะแตกไหมล่ะนักปราชญ์



น้องจัดการโทรสั่งข้าวผัด และผลไม้รวมให้ผม แค่ข้าวก็จะตายแล้ว มีผลไม้อีกเหรอครับ ผมไปล้วงคอเอาของเก่าออกดีไหม



ก๊อกๆ !!!



“มาไวจัง” น้องว่าแล้วลุกไปเอาข้าวให้ผม ไวจริงครับ พร้อมบริการมากมั้ง

“อ้าวไอ่แมน” แมนไหน...ผมหันไปมอง เห็นน้องนักขายเดินยิ้มเข้ามา

“พี่ราชหรือพี่เมตครับเนี่ย” รู้จักผมด้วยเว่ย

“นั่นพี่ปราชญ์ นี่ไอ่แมน” น้องแนะนำคร่าวๆ ผมกับแมนก็พยักหน้าหงึกหงักให้กัน



“กูง่วงมาก” แมนนักขายว่าอย่างนั้น แล้วโดดขึ้นเตียง สุไม่ใส่ใจเดินลงจากเตียงมานั่งกับผมหน้าทีวี สักพักข้าวก็มาผลไม้ถาดใหญ่มาก เห็นแล้วอิ่มมาถึงคอหอย จะชวนน้องแมนกินด้วยมันก็หลับไปแล้ว

“สุกินกับปราชญ์นะ กินไม่หมดหรอกเยอะเกิน”

“ไม่เอา สุอิ่มมากๆ” ขอบคุณครับ ผมถอนหายใจตักข้าวผัดปูเคี้ยวแบบยานคาง มันก็อร่อยแต่ผม อิ่มมาก ถึงมากที่สุด แต่ไม่กินเลยน้องก็จะว่าอีกใช่ไหม ที่สำคัญเขาจะรู้สิว่าผมโกหก

ยัดข้าวผัดไปครึ่งจาน แตงโม กับฝรั่งอีกนิดหน่อยก็…….



“...........” ผมวิ่งเข้าห้องน้ำ ไม่เหลือครับที่กินไป

“ปราชญ์เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ หรือเป็นกรดไหลย้อน เนี่ยสุบอกให้กินข้าวไม่ยอมกินเห็นไหม” น้องบ่นไปลูบหลังผมไป จะว่าฟินก็ฟิน แต่ผมต้องลงทุนขนาดนี้เลยจริงเหรอ

“ใครเป็นอะไรอ่ะ” น้องนักขายลืมตาถาม

“พี่เขาไม่สบาย มึงนอนเถอะไม่มีอะไรหรอก” สุบอกเพื่อนมันก็หลับต่อ ส่วนผมตอนนี้หมดแรง เวลาเราอ้วกต้องใช้พลังงานเยอะเหมือนกันนะครับ

“บ้วนปากก่อน อย่าเพิ่งกินสิปราชญ์” น้องห้ามเสียงดุๆ ผมบ้วนน้ำในปากออกสามสี่ครั้งจนเขาพอใจ น้องห่วงผมมากเลยนะ (อยากอวด)



“ไหวไหม” สุถามตอนเรากลับมานั่งหน้าทีวี

“ไม่เป็นไรหรอกชินแล้ว ตอนไปทำงานก็เป็นบ่อย” มารยามากไปไหมผม

“พี่ปราชญ์เป็นอะไรเหรอครับ” น้องแมนเสียงใสเหมือนไม่ใช่คนเพิ่งตื่น

“น่าจะโรคกระเพาะ” คนเราลองได้โกหก เรื่องความจริงลืมไปได้เลย จะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เรื่องไม่จริงมันอีนุงตุงนังอยู่รอบตัวนั่นแหละ



“สุรกูอยากกินเค้กร้านนั้นอ่ะ เค้กนมสดสตอเบอรี่ลูกใหญ่ฉ่ำมาก ขนาดเดินผ่านนะโคตรหอมเลย ไปนะ..มึงนะ” สมกับฉายานักขายบรรยายซะเห็นภาพ

“มึงไม่อิ่มอีกเหรอแมน” สุดูไม่อยากไป แต่สุดท้ายก็ทนเพื่อนตื๊อไม่ไหวเพราะน้องคนนั้นยืนยันว่าจะไปให้ได้



“พี่ปราชญ์ไม่สบายอยู่ นอนพักเถอะครับ” ไอ่น้องแมนมันพูดขึ้นมา และสุก็เห็นดีเห็นงามด้วย

“เดี๋ยวสุซื้อยาขึ้นมาให้ / ปะมึง” น้องเมตบอกผม และหันไปชวนเพื่อน ผมเลยพูดขึ้นมาลอยๆ



“เบื่อ”

เขาชะงักหันกลับมามองผม แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่



“พี่จะไปด้วยว่างั้น”

“......” ผมรีบพยักหน้า

“ถ้าเป็นลมจะจับโยนลงทะเล” แล้วผมก็เดินตามแรงดึง ยิ้มให้พื้นไปเรื่อยๆ น้องแคร์ผมจังคุณว่าอย่างนั้นไหมครับ





ที่ร้านเค้กน่ากินอย่างที่คนชวนมันว่า ส่วนผมก็คงกินได้อีกนิดหน่อย ในท้องไม่เหลืออะไรแล้วไง

“มึงไม่กินเหรอ” แมนถามสุ

“กูไม่ค่อยชอบขนมหวาน” ผมรีบจำข้อมูล

“อร่อยนะมึง อ่ะกูป้อน” หื้มม มันใช่เหรอวะ



“มึงจะอะไรกับกูนักหนาเนี่ย” น้องว่าเพื่อนไม่จริงจัง แต่อ้าปากงับเค้กที่มาจ่อมาก ไอ่น้องแมนยิ้มแบบ เดี๋ยวนะมึงชอบสุของพี่เหรอวะน้อง

“ปราชญ์ปวดท้องไหม” น้องหันมาถามผม คงเห็นผมเงียบ

“ไม่แล้วล่ะ น้องแมนมาค้างตั้งสองคืน แฟนไม่คิดถึงแย่เหรอเนี่ย”

“ผมอะนะ โอ๊ยไม่มีแฟนหรอกพี่ ผมโสด” โสดซะด้วย อันตรายแล้วไง



“แน่ใจหรา กูเห็นเลิกงานรีบกลับตลอด”

“รีบอะไร กูกลัวคนรอรถตู้เยอะต่างหาก” สุดูไม่ค่อยเชื่อ ไหวไหล่แล้วถามต่อ

“เออแมน มึงนอนกับไอ่ไฟเป็นไงมั้งวะ” ไอ่น้องแมนดูอ้ำอึ้งไม่กล้าสบตา เสียงใสๆ ก็เบาหวิวขึ้นมา โดยไม่มีสาเหตุ

“ไม่มีอะไรนี่”



“ดีแล้ว” สุตบบ่ามันสองที ผมไม่รู้ว่าประเด็นคนชื่อไฟมันยังไงกันแน่ แต่ที่ไม่พอใจคือ ผมอยากอยู่กับสุสองคน ใครก็ได้เอาไอ่น้องแมนออกไปที



พวกผมใช้เวลาที่ร้านเค้กประมาณชั่วโมงเศษๆ แล้วน้องกับผมก็มีเวลาสองต่อสองสักที ไอ่น้องนักขายไปกับเพื่อนมันชื่อไฟแต่ดูมันไม่ค่อยเต็มใจไปเท่าไหร่



“พี่ราชกลับแล้วอ่ะ อิจฉาอยากกลับบ้าง” สุหันมาคุยตอนเราก้าวขาเข้าห้อง

“คืนนี้มันให้ปราชญ์ไปแทน จะมีปัญหาป่ะ” ผมขอความเห็น

“ไม่หรอกมั้ง ปราชญ์ก็ไม่ต้องไปคุยกับใครมากก็พอ”

“ปรกติอยู่บริษัทไอ่ราชมันเป็นไงมั้ง” คิ้วน้องขมวดนิดหน่อย กัดปากทำท่าคิด ดูดีมากจนผมอยากจะยิ้มโดยไม่มีเหตุผล

“ยิ้มทำไม” เขาทำหน้างง

“เปล่า แล้วสรุปไอ่ราชมันเป็นไง” น้องนั่นแหละทำพี่ยิ้ม

“ก็..นิ่งๆ ไม่ค่อยพูด ถ้าไม่ทำงานก็อยู่กับคุณโต้งตลอดเลย”

ผมน่าจะรู้อยู่ว่าน้องแฝดมันเป็นคนยังไง แค่ลองถามดู เอาจริงสุกับไอ่ราชคล้ายกันมาก ไม่ค่อยพูดนิ่งเงียบแต่คนกลับชอบ อยากรู้จัก เรียกสั้นๆ ว่า ‘มีเสน่ห์’



ในงานเลี้ยงพนักงานคงไม่ต่ำกว่าร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ธีมตามใจฉันใครชอบแนวไหนก็จัดกันเอง ผมเดินตามสุเข้าไปนั่งโต๊ะที่มีป้ายเขียนว่าจัดซื้อ น้องกับผมใส่กางเกงยีนเสื้อยืดแต่คนละสีผมใส่สีขาวน้องใส่สีดำ

“นี่ใส่ชุดมากลัวคนไม่รู้เหรอว่าแผนกเดียวกัน” น้องผู้หญิงคนหนึ่งแซวตั้งแต่ก้าวขาเข้างาน ผมยิ้มให้เธอ ส่วนสุแค่ยิ้มน้อยๆ น้อยมากเหมือนไม่ได้ยิ้มด้วยซ้ำ น้องผู้หญิงทำหน้าไม่ถูกเลยเดินไปนั่งโต๊ะตัวเองอย่างไว สุก็หันมาเรียกผมให้เดินตาม ไม่สนใจใครแบบนี้ผมชอบจัง



“พี่ราชเซลฟี่กัน” น้องสาวประเภทสองดูไม่ค่อยบอบบางเท่าไหร่ กอดคอผมแล้วกดถ่ายทันที ผมยังไม่ทันยิ้มเลยด้วยซ้ำ รีบไปนะครับ

“พี่โอถ่ายผมป่ะ” น้องไฟคนพี่ผมเจอร้านเค้ก มาถึงก็เสียงดังทันที

“ไอ่น้องไฟ เรียกกูให้มันถูกด้วย แล้วถ้าอยากถ่ายรูปกับโอเอ๋คนสวยกรุณารอคิว ถ่ายกับน้องสุรแล้วจะเดินไปหาเข้าใจ๋”

“ลำเอียงว่ะพี่โอ...เอ๊ยพี่โอ๋เอ๋ น้องสุรกับไอ่น้องไฟเลยเหรอ” ดูท่าทางน้องไฟมันจะชอบกวนตีน ตั้งแต่เมื่อวานที่มาดึงตัวน้องนักขายไป กวนมากหน้าตาเหมือนอยากมีเรื่อง แต่ผมชอบนะเพราะมาพาน้องนักขายไปจากสุได้สักที

“คนสวยเบื่อจริงๆ เดินไปไหนผู้ชายรุม” คนพูดจีบปากจีบคอน่าดู ก่อนย่อตัวไปข้างสุรกดถ่ายรูปเร็วมาก เหมือนตัวเองยิ้มทันก็พอ อีกคนช่างมันฉันไม่แคร์

“พี่ถ่ายตอนไหนเนี่ย” สุหน้าเหวอถาม

“ไม่ต้องห่วงน้องสุรถ่ายเผลอยังไงก็หล่อ / มาๆ ถึงคิวล่ะ” น้ำเสียงประโยคแรกกับประโยคหลังต่างกันอย่างชัดเจน น้องที่ชื่อไฟทำยักคิ้วหลิ่วตาใส่กล้อง คนที่เหลือบนโต๊ะก็คุยกันเฮฮากันไป ผมก็ขำๆ หันมามองหน้าสุต่อ น้องใส่ชุดดำแล้วทำผมใจละลายอีกแล้ว เพ้อและแพ้ให้กับความหล่อของน้องอย่างถึงที่สุด



“ปราชญ์” สุดึงชายเสื้อผมแล้วกระซิบเรียกข้างหู

“หือ”

“ปรกติพี่ราชไม่ได้เอาแต่จ้องผมแบบนี้” ผมถึงรู้ตัว รีบทำเป็นหันไปมองอย่างอื่นแทน นี่ผมก็สนใจคนอื่นแล้วนะ ไหงกลายเป็นว่านั่งจ้องแต่หน้าน้องล่ะ

“พี่ราชครูหัวหน้าจัดซื้อต่างประเทศ ร้องเพลงหน่อยสิคะ” เสียงพิธีกรสาวบนเวทีเรียกร้อง ผมหันไปมองหน้าสุขอความช่วยเหลือ

“ไหวไหม” น้องถาม

“ร้องเพลงไม่เป็น” แอบเห็นสุขำ ผมเลยคิดอะไรออก

“พี่ขอส่งน้องสุรเป็นตัวแทนก็แล้วกัน” น้องโอ๋เอ๋ถึงกับยืนปรบมือถูกอกถูกใจ ส่วนสาวคนอื่นก็หวีดเชียร์กันใหญ่ ไอ่น้องนักขายที่เพิ่งเดินมาถึงกับงงว่าเขามีอะไรกัน มันมองมาทางสุแต่น้องผมช็อคไปแล้ว

“.......” สุทำหน้านิ่งผมเดาทางไม่ออกว่าน้องคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยอมเดินขึ้นเวทีแทนผมในที่สุด

“พี่ธาดาขอแรงเล่นกีตาร์หน่อยได้ไหมคะ”

“ฮิ้ววววว” สาวๆ ดูจะตื่นเต้นออกนอกหน้า ที่สองคนนี้ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมกัน ส่วนผมลุกเดินขึ้นเวทีตอนไหนก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ความอายก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยคำว่าหึงจนหมด

“อ้าวพี่ราชครูเปลี่ยนใจเหรอคะ” น้องพิธีกรแซว

“พี่ช่วยร้อง” สุยื่นไมค์ให้ผม ทำหน้าแบบที่ผมเดาไม่ออกเหมือนเดิม ตอนนี้ธาดานั่งเกาสายกีตาร์คงกำลังเช็คเสียงมั้ง? นั่งเท่เชียวนะมึง

“น้องสุรอยากเพลงอะไร” เหมือนผมไม่มีตัวตนบนเวที มันคงไม่รู้ว่าผม ไม่ใช่ไอ่ราชครู น้องหันมาถามผมอีกต่อ

“พี่ราชเอาเพลงไรดีครับ” น้องดูไม่เขินไม่อาย คงชินกับเวที เห็นไอ่ราชบอกว่า สุได้รับการโหวตเป็นพรีเซนเตอร์บริษัทด้วย (แต่น้องยังไม่รู้)

“สู่กลางใจเธอ” ผมบอกชื่อเพลง แต่สายตาตอนนี้อยากบอกความในใจให้น้องฟังมากกว่า สุดูดีไปหมดทุกมุมจนพี่กลัวหลุดมือ บริษัทนี้คนหน้าตาดีก็เยอะทั้งชายและหญิง ถ้าสุเกิดถูกใจขึ้นมา เขาก็ใกล้กว่าผม แม้ว่าเราจะนอนด้วยกันทุกคืน แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่น้องจะยอมมากกว่าจับมือ



“ถึงแม้ว่ามันจะไกลสุดไกลแสนไกล และฉันก็คงจะไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง ในวันที่ฉันได้จับมือของเธอคราวนั้น ฉันเหมือนได้เห็นทางเดินสู่หัวใจ”



ผมพยายามร้องให้เพราะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราสลับกันร้องคนละท่อน เสียงสุก็ไม่ได้เพราะมากมายแต่สำหรับผม แค่เขาจับไมค์โยกตัวคลอเสียงเพลง ก็ดูดีน่ามองจนลืมคนอื่นในห้องนี้ไปหมด เสียงกรี๊ดของสาวๆ กับเสียงอื่นไร้ความหมาย สายตาคมจ้องมาสบตาผม หลายครั้งที่ผมมักจะหลบตาเขา สู้สายตาน้องไม่ได้ แพ้ตลอดครับ.....แพ้ใจ



เวลาเราจับมือกันผ่านค่ำคืนไปด้วยกัน ผมรู้สึกดีแต่ก็อยากทำมากกว่าจับมือ เพลงสื่อความในใจดังไปเรื่อยๆ ท่อนเสียงสูงผมไปไม่ถึงหรอก แต่ยังหวังว่าปลายทางที่หวังระหว่างเรา ผมจะไปถึงในสักวัน ไอ่ตี๋ผู้ดีเล่นไม่มีเพี้ยนเลยทุกโน้ตกริบเหมือนต้นฉบับ แอบเห็นมันยิ้มให้น้องสายตาความหมายเดียวกันกับผม ใจสั่นไปหมดตอนน้องยิ้มให้มันเหมือนที่ยิ้มให้ผม ไม่โอเคแล้วล่ะ



เพลงเดินมาจนท่อนสุดท้าย ผมจับศอกน้องเบาๆ เขาหันมามองผมเราจ้องตากันตอนท่อนสุดท้าย ผมเกือบหลุดปากขอเขาเป็นแฟนบนเวที แต่ไม่ได้ขอจริงหรอกครับ แม้จะอยากมากแค่ไหนก็เถอะ



“ฉันไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไร ฉันเองก็พร้อมจะก้าวไป จะไปสู่กลางใจเธอ”



วู๊ดดดดดดดด!!! เสียงปรบมือโห่ร้อง ให้เราสามคนประหนึ่งเป็นนักร้องอาชีพ

“โต๊ะการตลาดว่างไหม พี่ไปนั่งด้วยดิ” ไอ่ตี๋ถามตอนเรากำลังจะลงจากเวที

“ว่างครับ” สุบอกแค่นั้นแล้วเดินลงเวทีไปคนแรก

ผมเดินตามน้องหน้าหุบ เพราะมีคนที่ไม่ได้เชิญตามติดมาด้วย

“ขอเสียงปรบมืออีกรอบให้กับสามหนุ่ม สมบัติของอินสตูเม้นท์ด้วยค่า” น้องพิธีกรยังอวยพวกเราเกินจริงอีกสองสามประโยค เรื่องหน้าตาผมไม่เถียง แต่เพลงเพราะนี่รับไม่ได้จริงๆ



“........”

“.......”



สุหันไปคุยกับเพื่อนนักขาย ผมกับไอ่ตี๋มองหน้ากันไม่มีใครพูดอะไรก่อน ก็เลยได้แต่เงียบ จัดซื้อคนหนึ่งชวนไอ่ธาดาคุย ผมเลยได้โอกาสไลน์หาไอ่ธีม มันบอกว่ารถเสียอยู่ตรงปั๊มไหนสักแห่ง แชร์โลเคชั่นมาด้วย ขอให้ผมไปรับ เจริญจริงๆ ใครมาช่วยใครกันแน่ครับเนี่ย สักพักได้ยินเสียงไอ่ตี๋ธาดารับโทรศัพท์



“ว่าไง....อะไร..ไม่เกี่ยวเลย...ไม่ว่างโว้ย...เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ประกันนะ” ผมเดาว่าเพื่อนธีมแน่ๆ ไอ่นี่ฉลาดนี่หว่า ว่าแต่โทรมาขอร้องกันขนาดนี้ ต้องสนิทกันบ้างแหละถูกไหม แล้วมันไปสนิทกันตอนไหนล่ะ



“น้องสุรเพื่อนพี่รถเสียอยู่แถวนี้ เดี๋ยวพี่มานะครับ” สุพยักหน้างงๆ ว่าบอกผมทำไม กระทั่งเพื่อนนักขายยังมองไอ่ธาดาตาเขียว ส่วนไอ่น้องไฟมองน้องนักขายแบบสายตาอธิบายไม่ถูก เหมือนจะน้อยใจปนๆ อ้อนซับซ้อนดีพิลึก

“พี่เขาบอกมึงทำไมวะ” น้องแมนหันมาถามทันทีที่ไอ่ตี๋ไป

“กูจะรู้ไหม” สุตอบแบบปัดรำคาญ ความจริงน้องรู้แหละว่าไอ่นั่นคิดไม่ซื่อ แต่ที่ทำไม่รู้ไม่ชี้เพราะไม่มีใจตอบ โอเคคิดงี๊ก็มีความสุขดี งั้นคิดต่อไปนักปราชญ์



“แมนอย่าดื่มเยอะสิ แบกกลับห้องไม่ไหวนะ” น้องไฟสะกิดบอกน้องนักขาย ที่ยกหมดแก้วไปสองสามแก้วแล้ว

“แส่นะ”

“เป็นห่วงต่างหาก”

“เก็บไว้ใช้กับตัวเองเถอะ”

“เรียกตัวเองดั๊วะ”

“ไอ่....”



ผมแอบฟังสองคนนั้นเถียงกันได้แค่นี้ เพราะสุสะกิดผมว่าจะออกไปข้างนอก ให้ผมออกไปก่อน ความจริงนี่ก็ดึกแล้ว ประมาณห้าทุ่มเรากลับห้องก็คงไม่มีใครสงสัย ส่วนคนอื่นเมากันเกือบหมด มีเดินมาทักทายคุยเล่นตามประสาเพื่อนร่วมงาน สุหน้าแดงแต่ท่าทางน้ำเสียงยังปรกติดี ผมก็เป็นไอ่ราชครูที่ไม่มีใครสนิทเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีคนมาขอชนแก้ว มันเพิ่งมาทำงานด้วยไงคิดว่าอย่างนั้น

ลุกเดินออกไปมีคนในโต๊ะถามว่าจะไปแล้วเหรอ แต่ไม่มีสักคนที่จะห้าม รู้สึกว่าคนอื่นๆ อยากให้ผมขึ้นห้อง ไม่หรอกมั้ง อันนี้คงคิดไปเอง

“ปราชญ์” เสียงเพลงในงานเลี้ยงเงียบลง เสียงน้องเรียกผม ตามด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งตึกๆ

“เมาไหมเนี่ย” ผมหันไปหยุดรอ จนเขาเดินมาถึงยกแขนโอบไหล่เขาเดินต่อพร้อมกัน

“ไม่เท่าไหร่”

“แต่หน้าแดงมากเลย”

“ผม..ไม่ได้..หน้าแดงเพราะเมา” น้องบอกเสียงในคอแถมก้มหน้ามองแต่พื้น ผมเลยก้มหน้าลงจะเอาหูไปแนบฟังใกล้ๆ แต่อยู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้น เราก็เลย....ปากชนปาก....ผมผละออกสุก็เลียปากหันไปมองทางอื่น ใจผมไม่ต้องให้บอกว่าเต้นระดับไหน ปากนุ่มเป็นบ้าเลย อยากจูบ...ผมคิดแต่ไม่ได้พูดออกไป



ต่างคนต่างเงียบจนมาถึงห้องพัก น้องไขกุญแจเข้าไปไม่พูดไม่จา ไม่มองหน้า เดินไปอาบน้ำทันที เขาจะโกรธผมไหม เป็นความกลัวแรกที่ผมเพิ่งจะนึกได้

นั่งรอน้องอาบน้ำเกือบครึ่งชั่วโมง คนตัวหอมสบู่ก็ออกมา สุทำหน้านิ่งเดินอ้อมไปนั่งบนเตียง พอดีมีคนโทรเข้ามาหาเขา ผมเลยลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้อาบน้ำทันทีแต่แนบหูกับประตูฟังอย่างตั้งใจ



“อะไรของมึง....ไม่เอากูจะนอนแล้ว...มันไม่ปล้ำมึงหรอกน่า...ไอ่แมนอย่ามาเวิ่นเว้อง่วงก็ไปนอน” สงสัยเพื่อนนักขายโทรมาอะไรสักอย่าง แต่ผมดีใจที่น้องไม่สนใจ รีบอาบน้ำแปรงฟันแล้วก็สระผม ไม่ได้ขยันสระแต่อยากอ้อนให้น้องเช็ดผมให้

เดินออกมาจากห้องน้ำ น้องยังไม่นอน มีมองมาทางผมนิดหน่อย ผมก็เดินไปนั่งเช็ดผมตัวเองเงียบๆ ทำตัวให้น่าสงสารเข้าไว้ สักพักได้ยินเขาถอนหายใจลุกมาหา

“สุเช็ดให้” ผ้าขนหนูเปลี่ยนมือพร้อมปากของผมที่ฝืนไว้ไม่อยู่ ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกอยู่แล้ว

“สุ”

“.......” น้องเงียบผมเลยพูดต่อ

“เมื่อกี๊”

“ช่างมันเถอะปราชญ์ไม่ได้ตั้งใจ สุแค่ตกใจ” โล่งอกน้องไม่ได้โกรธผม

“แล้วถ้า..ปราชญ์อยากตั้งใจล่ะ”

“.......” ผมไม่น่าพูดเลยให้ตายเถอะ อยากกัดลิ้นตาย มือน้องนิ่งไม่ขยับแล้ว เดี๋ยวต้องขึ้นเตียงหันหลังให้ผมแน่ คราวนี้อย่าว่าแต่จูบเลย มือก็อดจับแน่มึง

“ปราชญ์”

“................”



ผมแทบจะไม่รู้ตัวต่อจากนั้นว่ามันเป็นฝันหรือจริง สุก้มลงประกบปากกับผม ลิ้นของเราสัมผัสกันไม่รู้ด้วยว่าใครเริ่มสอดลิ้นมาก่อนกัน กลิ่นมินต์จากยาสีฟันผสมกลิ่นเหล้าจางๆ ผมชิมปากน้องจนลืมเวลา หลับตาปล่อยใจไม่ได้รุกล้ำรุนแรง อยากให้เขาประทับใจกับจูบนี้ให้มากที่สุด



“ดีไหม”



ผมถามตอนที่น้องถอนปากไปก่อน เขายกหลังมือเช็ดปาก อมยิ้มกับทีวีที่มีเงาของเราสะท้อนอยู่ แค่นี้ผมก็แทบจะบ้าให้ได้แล้ว







..........................................



หายไปหลายวันคนเขียนไปออกทริปมาค่ะ เอาพี่ปราชญ์มาฝากอีกตอน หวังว่าคนอ่านจะยังรออ่านกันอยู่



By Symbol A



หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 19-02-2019 15:52:32
โอ้ย พัฒนาไปอีกขั้น
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 19-02-2019 16:33:30
น้องสุน่ารัก
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-02-2019 18:38:44
พีปราชตอดเล็กตอดน้อย
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2019 18:47:54
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไม่ได้ตกลงคบกันเป็นทางการ  แต่พฤติกรรมนี่คือคบกันเป็นแฟนแล้วใช่ป่ะ?  อิอิ
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-02-2019 22:19:23
รำคาญแมนมากกกกกก.......   :z3:
ไฟ เอาแมนไปไกลๆเลย  :เฮ้อ: :serius2:
ราชครู ตามติดไก่โต้งแจเลย ได้ใจไก่ไวๆนะ :กอด1:
แต่สุร กับปราชญ์ ก้าวหน้า ชอบบบบบ  :mew1: :katai2-1:
ปราชญ์  สุร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-02-2019 23:02:47
 :pig4: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-02-2019 01:56:40
พี่ปราชญ์คนขี้หวงงงงง
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-03-2019 10:57:14
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-03-2019 11:12:12
รอคอย ไรท์มา...........น้าน นาน  :z3: :z3: :z3:
ทรมาน ดวงจิต ....... นักหนา  :mew2:
ไรท์เอย..... เมื่อไหร่จะมา  :mew6:
ไรท์มา ..... ชีวาพาสุขเอย  :mew1: :katai2-1: :mew1: (ทำนองเพลง แต่ปางก่อน)
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-03-2019 12:02:46
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-03-2019 12:45:22
คิดถึงน้องสุรแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 09-03-2019 07:14:22
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2019 00:40:40
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-03-2019 19:16:21
 o13
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-03-2019 09:02:27
คิดถึงสุร....... แล้วอ่ะ    :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ชีวิตฮาๆ ของนายสุร (อ่านว่า สุ-ระ) ตอน 18 นักปราชญ์2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2019 18:43:44
 :call: :call: :call: