บทที่ 18 แต่งงานกันไหม
ฮู้
เฮ้อ
“ใจเย็นไอ้เสือ”
มือหนาวางบนไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ ตอนนี้ผมกับพ่อจอดรถอยู่หน้าบ้านพี เป็นครั้งแรกที่เกิดอาการประหม่าจนไม่กล้าลงจากรถ ทั้งๆ ที่หลับตาผมยังเดินไปห้องมันถูกเลย
“อ้าว อิง มาหาน้องเหรอ เข้ามาก่อนสิ อ้ะ คุณกร สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับแม่”
“สวัสดีครับคุณบุษ”
“เชิญค่ะเชิญ ที่บ้านอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพอดี แหม ดีจริงๆ เลย”
ผมกับพ่อมองหน้ากันก่อนจะเดินตามคุณแม่ของพีเข้าไป ในบ้านมีสมาชิกครบถ้วน แม้แต่พี่ชายของมันก็อยู่ ขาดแต่เจ้าตัวที่น่าจะอยู่บนห้อง
“พีอยู่บนห้องน่ะลูก เนี่ยบอกให้แม่ทำข้าวต้มแล้วตัวเองก็ขึ้นไปนอน เชิญน้องอิงกับคุณกรทานข้าวด้วยกันนะคะ เฮียบีขึ้นไปตามน้องไป”
ใจจริงผมอยากขึ้นไปตามพีเอง แต่ติดที่ผมพาพ่อมาด้วย พ่อผมกับพ่อแม่ของพีพูดคุยกันตามประสาผู้ใหญ่ ในขณะที่ผมนั่งตัวเกร็ง ตอนแรกก็ฮึกเหิมดีอยู่หรอก แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์จริงแบบนี้มันก็อดหวั่นไม่ได้
“พี พี่อิงกับน้ากรมาหา รีบๆ ลงมาสิ”
ไอ้พีเบิกตาโตเมื่อเห็นว่าผมเอาพ่อมาด้วย มันรีบวิ่งลงมาแล้วลากแขนผมออกไปนอกบ้านทันที
“พี่พาพ่อมาทำไมเนี่ย!”
“มึงน่ะอย่าวิ่ง!”
ไอ้พีชะงักแล้วยกมือกุมท้อง ก่อนจะแสดงอาการฮึดฮัดใส่ผมต่อ
“พี่คิดจะทำอะไร”
“ก็ขอมึงไง”
“พี่จะบ้าเหรอ! จะขอไปไหน ขอไปทำไม”
“หรือมึงจะให้กูพาหนี ตลกเหรอ”
“ไม่ตลกเว้ย พี่ไม่กลัวเสียอนาคตรึไง”
“แล้วมึงไม่กลัวลูกไม่มีพ่อเหรอ”
พีนิ่งไปเมื่อเจอผมตอกกลับ มันคิดว่าผมใจร้ายขนาดไหนกันวะถึงจะมาห่วงเรื่องชื่อเสียงมากกว่ามันกับลูก
“พี่รู้ได้ไงว่านี่ลูกพี่”
“จะไม่รู้ได้ไง ก็ร่างกายเนี่ยกูสำรวจของกูอยู่ทุกคืน”
ผมดึงแขนมันมาประชิดก่อนจะกระซิบข้างหู ไอ้หูขาวๆ ค่อยๆ เปลี่ยนสีกลายเป็นแดงคงเพราะเจ้าตัวเขินเข้าให้เสียแล้ว วิธีจัดการแมวพยศแบบพีน่ะมันไม่ยากเลยสักนิด
“สองหนุ่มเข้ามากินข้าวเร็วลูก แม่เตรียมเสร็จแล้ว”
ผมดันหลังพีเข้าไปในบ้าน มันมีท่าทางขัดขืนเพราะยังไม่เคลียร์กับสิงที่ผมกำลังจะทำ ผมเลยโอบไหล่แล้วลูบแขนมันเบาๆ เพื่อให้คลายความกลัว
“เชื่อในตัวพี่นะ”
เราเดินไปนั่งเก้าอี้ที่เหลือไว้สอง พีก้มหน้าก้มตากำเสื้อตัวเองแน่นจนผมต้องสอดมือเข้าไปกุมไว้ กลัวว่าเล็บมันจะจิกเข้าอุ้งมือแล้วเป็นแผล ผมปล่อยให้เวลารับประทานอาหารผ่านไปก่อนจะเริ่มเรื่องราวอย่างใจเย็น พ่อผมกับครอบครัวของพีเข้ากันได้เป็นอย่างดี เพราะผมกับพีเข้าวงการมาพร้อมๆ กัน ทำให้พวกเขาได้เจอกันบ่อย
“ทุกคนครับ ผมมีเรื่องจะเรียนให้ทราบ”
จะบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงจะโกหกกัน ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ กุมมือไอ้พีให้มั่นก่อนจะประกาศกร้าวออกไป
“ผมท้องครับ”
“ห้ะ!”
“เฮ้ย! ไม่ใช่! พูดผิดครับ พีท้อง”
“ที่แท้ก็นึกว่าอะไร ห้ะ! อะไรนะ! พีท้อง!”
ทุกคนตะโกนออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ฉากนี้เหมือนในละครเลยครับ เหมือนมากโดยเฉพาะฉากที่พี่ชายนางเอกเข้ามาต่อยพระเอกจนร่วงไปกองกับพื้น
ผัวะ!
“ไอ้อิง! มึงทำน้องกู”
ของจริงเจ็บกว่าในละครเยอะ
ผมโดนพี่ไอ้พีซัดเข้าเต็มหน้าแบบไม่มีจังหวะให้หลบ ก่อนที่พี่มันจะมาซ้ำ ไอ้พีก็เอาตัวเข้ามาขวาง ในขณะที่พ่อกับแม่ฝ่ายนั้นได้แต่ยืนช็อก ส่วนพ่อผมน่ะเหรอ ยืนมองผมโดนต่อยเฉยๆ นี่แหละ
“เฮีย อย่า...พอแล้ว”
“แต่มันทำมึง...! กูอุตส่าห์ไว้ใจ”
“...คือพีก็ยอมให้เขาทำอะ...
“เดี๋ยวเชิญทุกคนคุยกันทางนี้ดีกว่าครับ”
กลายเป็นพ่อผมเชิญเจ้าของบ้านไปคุยในห้องนั่งเล่น ไอ้พียังกอดผมไว้ไม่ปล่อยเพราะกลัวพี่มันจะเข้ามาต่อยผมอีก จนพี่มันยอมล่าถอยไปนั่งข้างแม่นั่นแหละ มันถึงยอมปล่อย ผมยิ้มให้เจ้าตัวที่ปกป้องผมจากหมัดพิฆาต พีที่พอรู้ตัวว่าลืมโมโหผมอยู่ก็เลยทุบอกผมไปทีนึงแก้เขิน (แต่เจ็บจริง)
“เฮ้อ แม่ว่าแล้ว คู่นี้มันสนิทกันแปลกๆ แต่ไม่นึกว่าจะถึงขั้นท้องไส้”
“ผมขอโทษจริงๆ ครับ ถึงผมจะไม่ได้ตั้งใจทำน้องท้อง แต่ผมก็ตั้งใจจะสร้างครอบครัวกับน้องต่อจากนี้ครับ”
“เจ้าอิงมันรบเร้าผมให้มาสู่ขอพี ผมไม่ได้เข้าข้างลูกชายตัวเองนะครับ แต่อิงไม่เคยใจร้อนอย่างนี้”
“เฮ้อ หลานพ่อกี่เดือนแล้วพี”
พ่อของพีพยักหน้าน้อยๆ ให้กับพ่อผม ก่อนจะหันไปถามลูกชายตัวเอง พียังคงไม่กล้าสบตาใครดีนักเลยได้แต่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ผมจึงเหมามาตอบแทนเองทั้งหมด
“ตอนนี้พีท้องได้ 2 เดือนแล้วครับ เพิ่งจะมาตรวจทราบไม่นานนี้เอง พ่อครับ แม่ครับ ผมอยากหมั้นกับพี หรือแต่งเลยก็ได้”
“หื้ม ใจร้อนเหมือนกันนะเรา ลูกพ่อมันขี้งอแงนะ จะเอาไปเลี้ยงจริงๆ เหรอ”
“จริงครับ ใจผมอยากแต่งซะเดี๋ยวนี้เลย”
“เอ่อ อิง แม่ว่าเร็วไปลูก แม่ตัดชุดไม่ทัน ไว้เดี๋ยวแม่ขอไปหาฤกษ์ยามดูก่อน”
“เฮ้! ทำไมไม่มีคนถามความเห็นผมเลยล่ะครับ”
พีพูดขัดขึ้นในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกันถึงงานมงคล มันมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ ชักมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของผมไป
“พีอยากจะหมั้นหรือแต่งก่อนล่ะลูก”
“ไม่หมั้น ไม่แต่งอะไรทั้งนั้นแหละ”
“...”
“เราจะแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้รักกันสักหน่อย”
LingLom : น้อนไม่ง่ายนะพี่อิงง