UP ❁Thank you, Next ❁ #มาทีหลังรบกวนต่อคิว - ให้มันจบลงตรงนี้ [06/02/20]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: UP ❁Thank you, Next ❁ #มาทีหลังรบกวนต่อคิว - ให้มันจบลงตรงนี้ [06/02/20]  (อ่าน 13790 ครั้ง)

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ





Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว

One taught me love
One taught me patience
And one taught me pain
Now, I'm so amazing
I've loved and I've lost
But that's not what I see
So, look what I got
Look what you taught me
And for that, I say

Thank you, next (next)
I'm so fuckin'

 
ถ้ารู้ว่าวันนี้จะรักเธอขนาดนี้
วันนั้นเรารักเธอไปแล้ว


บทสรุปของความสัมพันธ์ที่ยิ่งกว่าลับ ลวง พลาง
แต่มันคือ ลับ ลวง หลอก
คนที่พ่ายแพ้ไม่ใช่คนที่เล่นเกมไม่เป็น
แต่คนคือที่รักจนวินาทีสุดท้าย


ถ้าอยากแพ้ก็แค่อ่านตอนจบก่อน



:-)


mifengbee


เปิดเรื่องใหม่นะคะ ฝากด้วยค่ะ



-------------------------


นิยายของ mifengbee

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2020 22:17:17 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว
Zero

บ้านสองชั้นขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านผู้มีอันจะกินย่านฝั่งธน เป็นแหล่งซุกหัวนอนของนักศึกษาสามคน (หรือมากกว่านั้นเวลาสอบ) ที่จับพลัดจับผลูมาอยู่ด้วยกันแบบบังเอิญจนดูเหมือนตั้งใจ บรรยากาศร่มรื่นไม่สมกับเป็นที่อาศัยของวัยรุ่น แต่เพราะความเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างเสมออย่าง ‘ข้าวปั้น’ เสกสรรค์ต้นไม้ใบหญ้าเล็กใหญ่ให้เขียวขจีรอบบ้านตลอดสามปีที่อยู่ที่นี่

เพล้ง!

เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้นเสียงดังจนคนที่รดน้ำต้นไม้เวลาเย็นย่ำสะดุ้ง

“ปูน ต้นไม้ เป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ๆ เราแค่ทำแก้วหล่น”

เสียงจากชั้นสองที่ส่งความมั่นใจมาให้เพื่อนที่อยู่ด้านล่าง โดยคนที่กำลังรดน้ำต้นไม้ไม่มีทางรู้เลยว่าคนบนบ้านจะทำกิจกรรมอยู่ในห้องเดียวกัน

“ฮ่าาา คุมเสียงเก่งใช้ได้”

“ฮื้อออ ก็ถ้าไม่ทำงั้นข้าวปั้นเพื่อนคนดีของคุณก็รู้สิว่าคุณกำลังเอาเพื่อนตัวเอง”

“หึ ฮะ ลงมาอีกนิดสิเธอ” คนตัวหนาด้านล่างจับสะโพกอีกคนที่บกเบียดก้นกับอวัยวะกลางลำตัวอย่างบดเร่ง สะโพกเต็งตึงทำหน้าได้อย่างดี และทำให้ ‘ต้นไม้’ แทบจะเป็นบ้าได้เสมอ

“อ๊ะ คุณอย่าสวนมาสิ มัน ฮะ จุกนะ” ‘ปูน’ ปฏิเสธไม่ได้ว่ารสรักของต้นไม้เพื่อนร่วมบ้านและ friend with benefitte คนนี้จะทำให้เขาคลั่งไคล้มันได้อย่างที่ถอนตัวไม่ขึ้น ความต้องการที่มากมายของพวกเราทั้งคู่ต่างตอบโจทย์สเตตัสนี้ได้อย่างดี

“อ่า อีกนิด”

“อื้อๆๆๆ ฮะ ใกล้แล้วนะ”

สองร่างส่งเสียงแห่งความสุขสมที่ได้ปลดปล่อยให้กันและกัน พวกเขารักเซ็กส์ แต่ไม่ได้รักกัน


อาหารถุงง่ายๆ ถูกอุ่นใส่ชามไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารขนาดสี่คน ตามตารางเวรที่เปลี่ยนวนกันซื้อกับข้าวเข้าบ้านในแต่ละอาทิตย์ ซึ่งอาทิตย์นี้เป็นหน้าที่ของข้าวปั้น และเขาก็ชอบเวลาที่เมททั้งสองคนมีความสุขกับอาหารที่เขาเลือก       โดยเฉพาะต้นไม้ เพื่อนที่กลายเป็นรุ่นพี่เพราะซิ่วและแอดมิชชั่นใหม่ในคณะที่ตัวเองอยากเรียนมากกว่า และเขาก็แอบรักเพื่อนคนนี้มามากกว่าสี่ปีแล้ว

“ข้าว มีอะไรกินวันนี้” เขาชอบเวลาต้นไม้เรียกเขาด้วยสรรพนามเช่นนี้ มันไม่เหมือนคนอื่น และมีแต่ครอบครัวเขาเท่านั้นที่เรียกแบบนี้

“มีแกงส้มชมอมไข่ ปลากระพงทอดน้ำปลา แล้วก็ผัดไก่ซอสมะขาม”

“เซ้นต์การเลือกกับข้าวของข้าวปั้นดีเสมอ พุงกางแน่วันนี้” เมทของเขาอีกคนมีสายตาแพรวพราวเปลงประกายชัดเจนกับเมนูอาหารตรงหน้า

“น่ากินจังข้าว” มือใหญ่ขยี้เส้นผมของข้าวปั้นจนยุ่งเหยิง จนเกือบทำให้แว่นที่ใส่อยู่หลุด

“แล้วนี่อาบน้ำกันแล้วหรอ”

ปูนและต้นไม้ลอบมองหน้ากัน เพราะเขาทั้งคู่ก็เพิ่งอาบน้ำด้วยกันมานี่แหละ ก่อนจะลงมากินข้าวเย็นตามเวลา เลิกเรียกตั้งแต่สี่โมง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากละเลงกันตั้งแต่ปิดประตูห้องนอนของปูนได้ จนหกโมงถึงได้ฤกษ์ลงมานั่งทานข้าวเย็น หิวกันสุดๆ เพราะเสียพลังงานไปเยอะ แถมปูนยังขาสั่นเพราะคล่อมผู้ชายข้างๆ นานหลายนาที

“วันนี้เรามีเรียนเทนนิสอะ เลยเหนียวตัว” ข้าวปั้นเอียงคออย่างสงสัย จำได้ว่าปูนเรียนเทนนิสไปเมื่อเทอมที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

“ส่วนเราแค่ร้อนน่ะเลยอาบเลย”

“อาบซะนานเลยนะมึงอะ กูได้ยินเสียงน้ำจากห้องมึงเปิดโคตรนาน ทำไรอ่อ” ปูนที่รู้อยู่แก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเอ่ยปากแซวผู้ชายที่ร่วมกิจกรรมด้วยกันในนั้น

“อืม ตัวมึงก็เปื่อยใช้ได้นะ”

ข้าวปั้นตักข้าวเข้าปากอย่างไม่ได้สนใจคำพูดสองแง่สองง่ามที่มักจะได้ยินอยู่ประจำจากเพื่อนสนิทสองคนนี้อยู่แล้ว โดยที่ไม่รู้อีกว่าขณะที่กำลังอร่อยกับอาหารเย็น มือหนาของต้นไม้ลูบไล้ต้นขาของปูนอย่างมันมือ ชุดนอนลื่นตัวบางไร้อาภรณ์ข้างในสร้างอารมณ์ได้ดีไม่หยอก


-------------------

เปิดเรื่องใหม่อย่างเป็นทางการค่ะ
แต่ย้ำว่ายังเขียนไม่จบนะคะ
ใครที่อยากลุ้นไปพร้อมกันก็เริ่มอ่านได้เลย
ใครที่หลบสปอยด์ได้ก็รออ่านหลังเขียนจบทีเดียวก็ได้ค่ะ
แต่เรื่องนี้พล็อตซับซ้อนกว่าเดิม
ทุกคนไม่ใช่คนดี จำคำนี้ไว้ค่ะ55555555555



#มาทีหลังรบกวนต่อคิว
#ThankyouNext



ออฟไลน์ Rach

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เข้าแถวรอจ้าาาา  :z2:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
มาเข้าแถวต่อคิวด้วยคนค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว

One


“ปั้นทำไมมึงไม่ให้พี่ต้นไม้แวะไปส่งวะ ทำไมต้องให้กูแหกขี้ตาตื่นมารับมึงทุกเช้าด้วย” ‘พาทิศ’ เพื่อนตัวโตของข้าวปั้นบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกเช้าที่เขาขอให้เจ้าตัวมารับ ทั้งที่คอนโดอีกฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ไกลกันแต่มักจะโดนดุทุกที เขาจะทำเป็นไม่สนอะไรเพราะยังไงพาทิศก็ใจดีมากกว่าปากร้าย

“น่าพา เราอยากนั่งรถไปกับพามากกว่าไปกับต้นไม้นี่”

“มึงไม่ต้องมาอ้อนกู” เพื่อนแว่นหนาสุดเนิร์ดแต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่รู้จักกัน การเรียนคณะหมอหมานี่มันจำเป็นต้องเรียบร้อยเหมือนหมอคนขนาดนี้ด้วยหรือไง หรือว่าเขากันแน่ที่เลือกเรียนผิดคณะ เพราะสภาพตัวเองไม่ได้ต่างจากคนที่วิ่งราวคนอื่นเท่าไหร่

“ก็วันนี้ต้นไม้มีสอบพรีเซ้นต์ เลยรีบไปตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ แล้วอีกอย่างวันนี้ก็ของเยอะด้วย ขี้เกียจไปเบียดกับคนบนรถไฟฟ้า”

“เออๆ ข้ออ้างเยอะฉิบหาย กินไรมายัง กูมีแซนวิชเหลือๆ อยู่เบาะหลัง” แซนวิชเหลือๆ ของพาทิศ ถูกแพ็คใส่กล่อง         ทัปเปิ้ลแวร์อย่างดี แถมยังมีนมจืดสองกล่องตั้งวางข้างกันอย่างกับเตรียมไว้สำหรับสองคน ก็บอกแล้วพาทิศน่ะใจดีจะตาย

ฮอนด้า ซีวิค ปีล่าสุด จอดเทียบหน้าคณะสัตวแพทย์เพื่อให้คนอาศัยรถลงก่อน ก่อนที่สารถีจะไปจอดที่ประจำตามป้ายจอดรถในมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งขันอาสาหอบของพะรุงพะรังทั้งของตัวเองและของคนที่อาศัยรถ ข้าวปั้นยืนถือกล่องแซนวิชและนมอีกหนึ่งกล่องอยู่ที่เดิมที่คนตัวสูงกว่าแวะส่ง

“แล้วทำไมไม่ไปนั่งที่โต๊ะอะ รอทำไม”

“ก็เดี๋ยวพาหาไม่เจอ”

“กูไม่ได้โง่นะ ตาก็มี แล้วตัวมึงก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้น แม้จะสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบก็เถอะ”

“เออ อย่าให้สูงเท่าพาบ้างก็แล้วกัน”

“ชาติหน้าป่ะ”

“ทิ้งแล้วนะแซนวิชที่เหลืออะ”

“เฮ้ยๆๆ กูอุตส่าทำจะทิ้งได้ไง”

“ไหนบอกแซนวิชเหลือๆ ไง”

“กะ ก็เหลือจากเมื่อคืนเว้ย ทำกินแล้วมันกินไม่หมด”

“อ๋ออออ”

ข้าวปั้นรู้ดีว่าพาทิศน่ะเป็นคนปากแข็งที่สุด ผู้ชายห่ามๆ อย่างเขามักจะเฉไฉในความใจดีของตัวเอง ทั้งที่มีความโรแมนติกท้วมท้น เขายังคิดว่าถ้าเพื่อนคนนี้มีแฟนคงจะต้องเทคแคร์แฟนดีมากแน่ๆ

“พาเดี๋ยวเรามานะ แวะไปดูสิงโต กับไจแอนท์ก่อน ไม่รู้ไหมเอาข้าวให้กินหรือยัง”

“อืมๆ”

สิงโตกับไจแอนท์คือกระต่ายพันธุ์ฮอลแลนด์ ล็อป ตัวโตเต็มวัย สีน้ำตาลและสีเทา มันทั้งสองตัวถูกทิ้งอยู่ในบ้านเช่าแห่งหนึ่ง โดยเจ้าของหนีหนี้ไปต่างประเทศทิ้งทั้งบ้านและกระต่ายทั้งสองตัวให้ผอมแห้งอิดโรยเพราะขาดอาหารและน้ำเกือบอาทิตย์ คนข้างบ้านเห็นเข้าก็ใจไม่ดีเลยปีนข้ามรั้วเอามารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งทางโรงพยาบาลมีกองทุนช่วยเหลือสัตว์ถูกทอดทิ้งอยู่แล้วเลยรับรักษาฟรี พร้อมหาบ้านใหม่ให้ แต่ในระยะพักฟื้นนักศึกษาแต่ละชั้นปีจึงต้องจัดเวรดูแลสัตว์เหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นการเรียนจากสัตว์จริงอีกทาง ซึ่งนอกจากเจ้าสิงโตและไจแอนท์แล้ว ยังมีสัตว์พันธุ์อื่นๆ ที่โดนทอดทิ้งอีกหลายสายพันธุ์อาศัยอยู่ที่นี่

“ไงงงง สิงโต ไจแอนท์ ได้กินข้าวแล้วนี่นา ไหมมาเช้าหรอวันนี้ กินน้ำด้วยนะระวังติดคอ” คนที่เอ่ยทักทายกระต่ายนั่งยองๆ หน้าคอกขนาดใหญ่ และใช้มือที่สวมถุงมือลูบกระต่ายสองตัวที่นั่งเบียดกันเพราะยังไม่คุ้นกับสถานที่และคนเท่าไหร่

“อะไรข้าวปั้น นินทาเราให้สิงโตกับไจแอนท์ฟังหรอ”

เสียงเพื่อนเจ้าของชื่อที่เขาเอ่ยถึงดังขึ้น ข้าวปั้นแอบตกใจเล็กน้อยไม่คิดว่าสายไหมยังอยู่บริเวณนี้

“แหะๆ ป่าวเลยน้าไหม เราแค่ถามน้องเฉยๆ เอ๊ง”

“หราา”

“แล้วทำไมวันนี้ไหมมาเช้าอะ”

“ก็อาจารย์ป้าอะดิ เรียกให้มาช่วยจัดเอกสารแต่เช้า โคตรง่วงอะ นี่เมื่อคืนอ่านหนังสือควิซยันตีสาม ตื่นหกโมงอะ”

อาจารย์ป้าที่ว่าคือป้าของสายไหมจริงๆ อาจารย์พรธาดาเป็นอาจารย์สอนวิชาจรรยาบรรณสัตวศาสตร์เบื้องต้นซึ่งเรากำลังเรียนกันในเทอมนี้ แต่ท่านค่อนข้างจะเป็นคนระเบียบจัด และตรงเวลาเป็นที่หนึ่ง วิชานี้เลยไม่มีใครกล้าสายแม้แต่วินาทีเดียว เพราะไม่เช่นนั้นก็ขาดคุณสมบัติของการเป็นหมอที่ดี น้ำเสียงเย็นๆ ของอาจารย์ป้าหลอนในหูข้าวปั้นทันทีพอคิดถึง

“แล้วนี่ทำไมหน้าตาสดใสจังวะปั้น เมื่อคืนไม่อ่านหนังสือหรือไง” สายไหมเปิดปากหาวต่อหน้าเพื่อนที่นั่งยองๆ ลูบขนกระต่ายที่ตอนนี้กลับมาอ้วนพีเหมือนเดิม

“อ๋อ เราอ่านตั้งแต่เมื่อวานก่อนแล้วอะ เมื่อคืนก็เลยขี้เกียจ”

“หนอยยย ใช่ซี้แกน่ะว่าที่เกียรตินิยม อิจฉาเว้ย” ข้าวปั้นโบกมือลากระต่ายแล้วยืนขึ้นช่วยเอาอาหารให้สัตว์ชนิดอื่นที่อยู่ในห้องนี้

“เปล่าซะหน่อย เพราะเราขี้เกียจต่างหากเลยรีบอ่าน จะได้เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระไง”

“เรื่องไร้สาระที่ว่าของแกคือไร อ่านหนังสือเรียนอะนะ”

“ก็...ใช่”

“เฮ้อ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้างเหอะ เดี๋ยวก็เครียดตาย”

“ให้เราทำไรเล่า ก็พ่อแม่ส่งมาให้เรียนนี่”

“โหหหหห นี่พูดขนาดนี้เอาขี้สิงโตไจแอนท์ปาใส่หน้าเราเลยเหอะ”

“เห้ยๆ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือแค่ไม่มีอะไรสนใจเป็นพิเศษอะ เรายังอิจฉาไหมเลยที่ชอบนักร้องเกาหลีอะ เวลาว่างก็ดูไม่ว่างดี”

“เอาจริงๆ อยากว่างนะ แต่ติดที่บ้าผู้ชายอะ ก็คือเสพมันวนๆ ไปเป็นวัฏจักรที่ไม่ตายก็เลิกไม่ได้ เสียตัวไม่พอเสียเงินอีก ฮือออ มินฮยอนโอป้าาาาาา” ข้าวปั้นขำในลำคอที่เห็นเพื่อนของตัวเองทึ้งหัวเมื่อพูดถึงศิลปินที่ชอบ สายไหมเป็นผู้หญิงน่ารักอีกคนในชั้นปีของเขา มีคนมาขายขนมจีบตั้งแต่เข้าปีหนึ่ง แต่เธอถือคติถ้าไม่หล่อกว่าเมน ไม่ดีเท่าเมน และไม่รวยกว่าเธอ ไม่มีแฟนดีกว่า ก็เลยครองความโสดในชีวิตจริงแต่มีแฟนในโปสเตอร์จนทุกวันนี้

อ๊อดดดดดด

“เกลียดเสียงนี้ว่ะแม่ง” เสียงออดของคลาสเตือนให้พวกเราต้องวางมือจากการให้อาหารเหล่าน้องๆ และเตรียมตัวขึ้นเรียน

“นี่ถ้าอยากหาอะไรทำ เริ่มจากทำตามใจตัวเองเป็นไง พี่ต้นไม้อะทำไมไม่ลองดู”

“หึย ไม่เอาอะ แค่ได้อยู่บ้านเดียวกันทุกวันก็ดีแล้ว”

“จะบอกอะไรให้ การชอบใครสักคนว่าดีมากแล้ว แต่การที่คนที่เราชอบชอบเรากลับนี่มันโคตรจะดียิ่งกว่า” สายไหมขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนถอดเสื้อคลุมกันเชื้อโรคออกแล้วออกจากห้องไป โดยที่ทิ้งให้เพื่อนตัวเองยืนนิ่งคิดในสิ่งที่เธอบอกวกวนในหัว

‘การที่คนที่เราชอบชอบเรากลับนี่มันโคตรจะดียิ่งกว่า’

แม้ความหวังมันจะยากยิ่งกว่าค้นพบความกว้างใหญ่ของจักรวาล แต่ถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ว่าหลุมดำที่เขาว่ามันลึกสักแค่ไหน



“Thank you Professor”  ต้นไม้กล่าวขอบคุณและปิดไมค์หลังจากพรีเซนต์โปรเจ็คต์จบ เขาเรียนสถาปัตย์ปี4 และแน่นอนมันหนักหนาสาหัสไม่ใช่เล่น โปรเจ็คต์แต่ละเทอมมีมาให้ฝึกความอดทนในการหลับนอนไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนมีต้นทุนทางการเรียนรู้สูงพอตัว เลยทำให้อาจจะเหนื่อยน้อยกว่าคนอื่น และมีเวลาจัดสรรเรื่อง ‘ส่วนตัว’ ได้ดีกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

“เจ๋งสัส ไอ้ไม้ แม่งกูล่ะอยากแบ่งสมองของมึงมาสักเสี้ยวนึง โดนแก้นิดเดียวทำได้ไงวะ กูนี่เหมือนรื้อใหม่ จะผ่านมั้ยเนี่ยปีสี่กู” พีพีเพื่อนสนิทในคณะอีกคนโอดครวญกับการโดนจวกโปรเจ็กต์สร้างคอนโดริมน้ำของมัน

“มึงก็ออกจากมายเซ็ทเดิมๆ ให้ได้ หาอินสปายต่างประเทศดู แล้วเอามาปรับกับสภาพแวดล้อมบ้านเรา”

“มึงพลิกแพลงเก่งไงไม้ เหมือนสลับรางคู่เดทของมึง” ปูนนั่งอีกฝั่งของเก้าอี้แล็กเชอร์พูดค่อนขอดคนที่มีสถานะเพื่อนที่การกระทำเกินเพื่อน ต้นไม้ค่อนข้างชินกับการพูดจาทีเล่นทีจริงของปูนเสียแล้ว เอาจริงๆ เขาก็ชอบมัน เพราะทำให้รู้สึกว่าเราทั้งสองคนแตกต่างจากเพื่อนทั่วไป

ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิท และเป็นเพื่อนเนื้อสนิท

“หึงหรือไง” ต้นไม้พูดหยอกกับไปบ้าง แต่ทำให้ปูนเบ้หน้าใส่

“ตลกละ กูขนลุกเลยเนี่ย”

“พวกมึงคะ ไปกินข้าวกันเถอะ กูจะล้มแล้ว นอนก็ไม่ได้นอน ข้าวก็ไม่ได้แดก” สมยศเป็นเพศชายแต่หัวใจหญิงยิ่งกว่าวาวาดาวคณะ “พี่ต้นไม้ขาช่วยน้องหญิงด้วยสิคะ เห็นแก่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ตาดำๆ” ไม่พูดเปล่าสมยศที่เปลี่ยนชื่อเป็นสมหญิงก็โผกอดแขนต้นไม้อย่างออดอ้อน

ต้นไม้ทำได้แค่ยกยิ้มไม่เคยปฏิเสธ ไม่เคยผลักไส แต่ไม่ได้เพราะว่าชอบ เพียงแค่เป็นคนซื้อใจคนอื่นด้วยการทำดีกับทุกคนแค่นั้น “เราว่าของหญิงแค่เปลี่ยนสีอาคารข้างนอกให้มันสว่างกว่านี้หน่อย แล้วก็พวกต้นไม้ตกแต่งมันดูแฟนตาซีไป เลยขัดกัน”

“เนี่ยพ่อพระมาโปรด ทำไมหญิงคิดไม่ได้นะคะ”

“เพราะมึงโง่ไงสมยศ เทคยาคุมเกินขนาด สมองเบลอ คิดได้ไงเอาต้นอิทผาลัมวางคู่กับต้นกระจง”

“ก็กูชอบ บ้านกูก็ปลูกแบบนี้ ทีของมึงล่ะอิพีพี คอนโดอะไรมีหลังคาวะ เมานมอยู่หรอถึงวางแบบนั้นหื้อ”

“แล้วมันทำไมล่ะวะ” พีพีผู้ชายตัวสันทัดหุ่นบางตัวขาวจั๊ว กำลังยกตัวสู้กับผู้ชายตัวสูงใหญ่แต่หัวใจหญิงอย่างสมยศแบบไม่หวัดเกรง

ระหว่างที่เพื่อนสองคนเถียงกัน ต้นไม้ก็สอดส่องสายตาจนหาที่นั่งในโรงอาหารกลางจนเจอ จึงเดินทำเพื่อนไปยังไม่ทันที่เขาจะถึงโต๊ะดี ก็มีผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวแบบไม่ใกล้เคียงกับนักศึกษาเดินมาขวางทางเขาเสียก่อน

“ครับ?” ต้นไม้ทำทีสงสัย

“สวัสดีครับ พอดีอยากรู้จัก ขอไลน์ได้หรือเปล่า”

“ทำไมอยากรู้จักครับ”

“ก็คุณน่ารัก”

ต้นไม้ชอบความตรงไปตรงมาเลยแลกคอนแท็กไลน์กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ เขาไม่ใช่คนหวงเนื้อหวงตัว และหลายคนก็รู้ดีว่าต้นไม้ชอบความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ต้นไม้ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบใคร และโสดมาตลอด แม้จะขึ้นเตียงกับใครมานักต่อนักแล้วก็ตาม

“ต้นไม้ เอาอีกแล้วนะคะ ทำไมให้ผู้ชายคนอื่นมาจีบ แล้วน้องหญิงคนนี้ล่ะเอาน้องไปไว้ที่ไหน”

“ยศเลิกดราม่า ถึงไม่มีผู้ชายคนนั้นมันก็มีคนอื่น และถ้ามันเอามึงมันเอานานแล้ว” แล้วก็เป็นพีพีที่ยังแขวะ

“ฮึ้ย”

“เป็นเพื่อนกันดีแล้วหญิง เราไม่ใช่คนดี”

“มึงทำไมไม่หาแฟนซักคนก่อนเรียนจบวะไม้ ไม่อยากลองมีความรักกับเขาบ้างหรอวะ” พีพีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ตั้งแต่รู้จักกับต้นไม้มาสี่ปี นับจำนวนคู่เดทของมันด้วยนิ้วมือนิ้วเท้าแทบไม่พอ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชาย ทั้งเกย์รุก เกย์รับ มีหมด แต่ในฐานะเพื่อนก็ไม่เคยนึกรังเกียจหรืออะไร เพราะเข้าใจในรสนิยมหลากหลายของยุคนี้ดี อีกทั้งมันยังรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่บกพร่อง แต่เป็นห่วงว่ามันจะกลายเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ รักใครไม่เป็นมากกว่า

“มึงเคยชอบใครมั้ยวะไม้ถามจริงๆ” คำถามที่ต้นไม้ไม่คิดว่าจะออกจากปากของปูน เพราะมันควรจะเป็นคำถามสำหรับเราทั้งสองคนมากกว่า

“แล้วปูนมี?”

“ก็มี ทำไม คิดว่ากูรักใครไม่เป็นเหมือนมึงหรอ”

“ก็เปล่า แค่คิดว่าความรักกับแฟนจำเป็นมากแค่ไหนในชีวิต”

พีพีขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากฟังคำตอบของอดีตเดือนคณะคนนี้ “มึงพูดเหมือนกับว่ามึงขาดความรักได้แต่ขาดเซ็กส์ไม่ได้อย่างนั้นแหละ”

ต้นไม้ยักไหล่อย่างแบ่งรับแบ่งสู้กับคำถาม เขาเข้าใจว่าเพื่อนทุกคนต่างหวังดีและเป็นห่วงในการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่เขาแค่รู้สึกว่ามันไม่ได้เดือดร้อนใคร อีกอย่างเขาก็ยังสนุกกับสิ่งที่เป็น

“แล้วมันต้องทำยังไง มีแฟนอะ” พอมานั่งคิดตามที่เพื่อนพูด ต้นไม้ก็อยากลองดูเหมือนกัน ไอ้ความรักที่ว่ามันหน้าตาเป็นแบบไหน อยากพิสูจน์ให้รู้ว่ามันสำคัญกับชีวิตมากขนาดที่หลายคนโหยหาจริงหรือเปล่า

“ก็เริ่มจากจีบคนที่มึงชอบ มีมั้ยคนที่มึงชอบอะ”

“มีมั้ง”

สายตาคมของเจ้าตัวมองไปยังผู้ชายใส่แว่นเดินวนหาร้านอาหารอยู่อีกฝากของโรงอาหาร ขนาบข้างไปด้วยผู้ชายตัวโตอดีตเดือนปีเดียวกัน แต่ไม่ค่อยจะลงรอยสักเท่าไหร่ เพราะชอบทำตัวน่าหงุดหงิดเวลาไปรับเพื่อนตัวเล็กจากบ้านของเขา มันเหมือนโดนขโมยของเล่นจากมือเขาไปดื้อๆ

ทำไมจะดูไม่ออกว่าเพื่อนตัวจ้อยมีใจให้เขามานานแล้ว การที่เขาใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เพื่อนน่ารักของเขาใจฟูตั้งเท่าไหร่ ไหนจะเวลาที่อยู่บ้านแล้วเขาทำเป็นให้ความสำคัญกับข้าวปั้นมากกว่าปูน เจ้าตัวก็หลงเขาจนหัวปักหัวปำ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าวปั้นไม่น่ารำคาญ คือเขาไม่พยายาม ไม่เรียกร้อง ไม่ทำทีอยากครอบครอง แม้ข้าวปั้นจะไม่เคยอยู่ในสายตาต้นไม้เลยก็ตาม

แต่ถ้าจะให้ลอง กับคนนี้ก็ดูไม่เลวเท่าไหร่





มีต่อ

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
“พาาาา” ข้าวปั้นลากเสียงเรียกเพื่อนตัวโตที่นอนฟุบบนโต๊ะในห้องสมุดมาพักใหญ่ และไม่มีท่าทีว่าจะตื่นทั้งที่ก็เย็นย่ำแล้ว และอีกไม่นานห้องสมุดที่คณะก็จะปิดทำการ จะหนีไปเฉยๆ ก็ไม่ใช่วิสัยข้าวปั้นผู้รักและเมตตาต่อสรรพสิ่งบนโลกใบนี้

“หึ้ยยย จะนอน”

“พาแต่นี่มันจะหกโมงแล้วนะ ห้องสมุดจะปิดแล้ว”

“อะไรวะเนี่ย นอนในห้องแล็กเชอร์มึงก็ปลุกกู นอนในห้องสมุดมึงก็ปลุกกูอีก” พาทิศยกตัวเองนั่งตรงแต่ตายังลืมไม่ขึ้น เพราะเมื่อคืนเขาไปทำงานพิเศษ เลยทำให้คนตัวโตงอแงไม่ต่างจากเด็กสามขวบหิวนอน

“พาก็กลับไปนอนที่คอนโดสิ เราอยากกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวต้องแวะตลาดซื้อกับข้าวอีกอะ”

“เออๆ ห่วงเหลือเกินนะรูมเมทมึงเนี่ย ทีเพื่อนอย่างกูไม่เห็นเคยห่วง” สงสัยอยู่ในอาการง่วงจึงทำให้พาทิศเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป บอกตามตรงว่าเขาอิจฉาไอ้รุ่นพี่ต้นไม้อะไรนั่นที่เพื่อนเนิร์ดของเขาคนนี้แอบรักมันตั้งหลายปี แถมดูท่าจะปักอกปักใจกับมันเสียเหลือเกินทั้งที่มันไม่เคยชายตาแล ขนาดเขาทำดีแทบตายยังมองไม่เคยเห็น

“วันนี้เป็นอะไรทำไมพูดถึงต้นไม้บ่อยจัง ตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้ว”

และสิ่งที่ทำให้พาทิศหงุดหงิดหนักมันเกิดจากเหตุการณ์เมื่อกลางวัน จู่ๆ ไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อก็เดินมาถือถาดข้าวให้ข้าวปั้น เดินไปซื้อน้ำให้ทั้งที่เดิมทีมันเป็นหน้าที่ของเขา แถมยังขอนั่งกินข้าวด้วยอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อนต่างคณะที่สนิทกันอย่างมิกกี้ โอ๊ค และมะนาว ที่เดินผ่านมาเจอยังอึ้งกับพฤติกรรมแปลกประหลาดของไอ้พี่ต้นไม้

“พูดถึงไม่ได้หรือไง หวงไรนักหนา”

“พาทำไมหงุดหงิดจังวันนี้ งั้นเรากลับบ้านแล้วนะ ไม่อยากทะเลาะด้วย” ข้าวปั้นเก็บเอกสารและอุปกรณ์เครื่องเขียน พาทิศตื่นเต็มตาท่าทางเลิกลั่กไม่รู้จะห้ามยังไง ขาคงเผลอใส่อารมณ์จนคนตัวเล็กโกรธซะแล้ว

“เออๆ กลับก็กลับดิ รีบๆ เก็บของจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง ไม่อยากกลับกับคนอารมณ์ไม่ดี ขี้พาล” ข้าวปั้นสะพายเป้ก่อนจะเดินออกจากห้องสมุดและไหว้อาจารย์บรรณารักษ์ ใส่รองเท้า เดินนำโดยไม่มองหน้าพาทิศอีก ยอมรับว่าไม่ชอบที่พาทิศพูดถึงต้นไม้ไม่ดี ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาชอบต้นไม้มาก ถ้าจะไม่ชอบก็ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียพาลมาลงที่เขาเสียหน่อย ต้นไม้มากินข้าวด้วยก็ไม่ใช่ว่าเขาเชิญมาพาทิศก็เห็น แบบนี้มันคือคนพาลชัดๆ

ปี๊ด ปี๊ด

“ข้าว”

“ต้นไม้”

“ทำไรอยู่ทำไมเลิกช้าจัง มารอตั้งแต่ห้าโมงแล้ว” ต้นไม้ในเสื้อช็อปคณะสถาปัตย์ยืนพิงรถบีเอ็มสีดำมะเมื่อมอยู่หน้าคณะ อย่างเป็นจุดเด่น ใครผ่านมาก็ต้องเห็น ดีที่เวลานี้คนค่อนข้างน้อย ไม่เช่นนั้นอาจจะมีข่าวลือแปลกๆ พรุ่งนี้ก็เป็นได้ เราอยู่บ้านเดียวกันหลายปีก็จริงแต่ไม่เคยเลยที่ต้นไม้จะมารับมาส่งที่หน้าคณะ

“ตะ ต้นไม้มารอเราหรอ มารอทำไมอะ”

“ก็ใช่น่ะสิคุณหมอ มัวแต่เลี้ยงกระต่ายหรือไงทำไมเถลไถลจัง หื้ม” น้ำเสียงอบอุ่นที่ใช้กับรูมเมทเสมอ ในวันนี้มันอุ่นจนแก้มข้าวปั้นร้อนไปหมดแล้ว

“เปล่าซะหน่อย พอดีเราหาหนังสือทำรายงานน่ะ”

“งั้นกลับบ้านเลยมั้ย ส้มซ่ามันคงรอข้าวไปเกาพุงแล้ว” ส้มซ่าเป็นแมวพันธุ์ไทยสีส้มทั้งตัว ต้นไม้เก็บได้จากหลังบ้าน       มันหลงจากแม่หรือแม่คาบมาทิ้งไว้นี่แหละ แต่ข้าวปั้นถูกชะตาเลยขอเลี้ยงไว้เมื่อสองปีก่อน ตอนนี้โตเต็มไวและมีเพื่อนเป็นมนุษย์สามคน

“กลับเลยก็ได้” ข้าวปั้นกะจะหันไปลาเพื่อนที่เดินตามออกมา แต่พอเหลียวหลังไปไม่เจอคนตัวใหญ่ก็เลยตัดสินใจกลับบ้านกับต้นไม้ ไว้ค่อยไลน์ไปบอกก็ได้มั้งว่ากลับบ้านแล้ว ปล่อยให้คนขี้โมโหสำนึกซะบ้าง

คนตัวโตที่ข้าวปั้นมองหา ใช้ซอกอาคารแคบๆ มองดูการกระทำของเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านเดียวกันด้วยอารมณที่ครุกรุนในใจอย่างอธิบายไม่ถูก ใจหนึ่งก็อยากจะเดินตามข้าวปั้นไปมองไอ้พี่ต้นไม้ว่ามึงจะมาไม้ไหนกันแน่ อีกใจก็กลัวข้าวปั้นจะโกรธที่เขาจุ้นจ้านและพาลไม่เข้าเรื่อง พอเห็นคนตัวเล็กขึ้นรถหรูไปกับคนที่เขาไม่ชอบหน้า ก็เลยเดินออกไปลานจอดรถเพื่อขับรถกลับ แต่ความรุมร้อนในหัวใจกลับดับไม่มอด เลยเลือกที่จะยืนสูบบุหรี่เงียบๆ ข้างริมบ่อเลี้ยงปลาหลังคณะเสียเลย

“อ้าว พาทิศยังไม่กลับหรอ”

“ไหมล่ะ มืดแล้วทำไมยังไม่กลับ”

“เวรเราเอาหญ้าให้พี่สู่ขวัญกับพี่ชีตาร์อะสิ” พี่ๆ ที่ว่าคือแม่โคและแม่ม้า คณะสัตว์แพทย์ก็จะเต็มไปด้วยเหล่านานาสัตว์หลากชนิดที่คอยเป็นครูให้เราได้ศึกษานี่แหละ อีกอย่างพี่ๆ น้องๆ ก็มีเยอะมากจนต้องช่วยกันดูแล “แล้วสรุปมายืนดูดบุหรี่เงียบๆ คนเดียวทำไม”

“หงุดหงิดเพื่อนไหมน่ะแหละ”

“ไอ้ปั้นอะนะ มันทำอะไรอีกอะ เก่งจริงๆ เลยตัวแค่นี้หาเรื่องเก่ง” ไหมรวบฟางจากกองฟางชั้นดีใส่รถเข็น เพื่อจะเข็นไปให้พี่ๆ เขาที่คอก พาทิศดับบุหรี่และเข้าไปช่วยเพื่อนผู้หญิงที่บอบบางแต่ห้าวหาญคนนี้

“อาจจะเพราะปั้นไม่ได้ทำอะไรเลยล่ะมั้งที่ทำให้เราหงุดหงิด”

“อ้าวอะไรวะ” สายไหมเกาหัวตัวเองเล็กน้อย “หรือที่พี่ต้นไม้มารับมันเมื่อเย็นหรอ”

“ข่าวเร็วจังวะ” เพื่อนทั้งสองคนเข็นรถฟางไปใส่รางอาหารให้กับแม่วัวและแม่ม้าคอกติดกัน “พี่ต้นไม้มันจะทำอะไรกันแน่”

“เห้ย ไม่แน่เพื่อนเราอาจจะมีหวังก็ได้นะ มันชอบของมันมาตั้งนาน พี่ต้นไม้อาจจะคิดได้แล้วก็ได้”

“ถ้ามันชอบข้าวปั้นมันชอบนานละ”

“เหยย ไม่แน่หรอกคนเรา อาจจะเห็นค่าก็เมื่อถึงเวลาก็ได้ แล้วเราอะเป็นอะไร หวงเพื่อนงี้”

“ห่วงมากกว่าเว้ย เพราะรู้ไงว่าปั้นชอบพี่มันมาก” พาทิศทอดสายตามองไปยังบ่อน้ำที่มีแสงสุดท้ายของวันตกกระทบเป็นเงาสลัวริบหรี่อย่างคิดไม่ตก ภายในใจกลัวว่าต้นไม้จะหลอกข้าวปั้น อีกใจก็กลัวว่ามันจะจริงจังกับข้าวปั้น ซึ่งเขาไม่มีทางสู้คนในใจของข้าวปั้นอย่างพี่มันได้เลย

“เออน่า บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดี ก็ถ้ามันดีปั้นมันก็สมหวัง ถ้ามันไม่ดีปั้นก็จะได้ตาสว่างไง”

พาทิศภาวนาให้เป็นอย่างหลัง ไม่อย่างนั้นเขานี่แหละที่จะเจ็บหนักที่สุด เพราะเห็นคนที่ตัวเองรักต้องเสียใจ

ตลอดสองปีที่ผ่านมา พาทิศเก็บงำความรู้สึกดีที่มีแต่เพื่อนตัวเล็กหัวใจใหญ่อย่างข้าวปั้นมาโดยตลอด ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะขณะนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันว่าข้าวปั้นจะชอบผู้ชายหรือไม่ เลยไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บกักอยู่ในหัวใจได้ แต่แล้ววันเลี้ยงสายรหัสเมื่อปีที่แล้วข้าวปั้นถูกรุ่นพี่มอมจนเมา เพื่อนตัวเล็กร้องไห้และพร่ำเพ้อถึงความรักที่ไม่สมหวังกลางวงเหล้า ดีที่นั่งกันอยู่ไม่กี่คนมีแค่เขาและสายไหมนี่แหละที่รับรู้ พอได้รู้ว่าข้าวปั้นชอบผู้ชาย แทนที่หัวใจมันจะลิงโลดกับห่อเหี่ยวยิ่งกว่าใบไม้แห้งในฤดูหนาว เพราะผู้ชายที่ข้าวปั้นแอบชอบเขาสู้อะไรไม่ได้สักอย่าง

ได้แค่เก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ให้ลึกที่สุด และจะไม่ยอมเสียเพื่อนคนนี้ไปเพียงเพราะความรู้สึกเกินเพื่อนของตัวเอง



ร้านเหล้าตั้งห่างจากรัศมีมหาวิทยาลัยประมาณหนึ่งกิโลเมตร เป็นแหล่งที่เหล่านักดื่มในคราบนักศึกษาชอบนัดมาสังสรรค์ตามประสาวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง และส่วนมากจะเป็นแก๊งคณะที่ผู้ชายเยอะอย่างวิศวะ สถาปัตย์ วิทยาศาสตร์การกีฬา สาวๆ ก็พอมีบ้างประปรายให้เหล่าเสือหิวพวกนี้ได้กินเป็นอาหารตา

พาทิศทำงานพิเศษที่นี่มาประมาณครึ่งปีเห็นจะได้ ทางบ้านไม่ได้เดือดร้อน แค่อยากขบถว่าดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งที่บ้าน ความจริงอยากให้ป๊าม้าเอาเงินไปส่งน้องๆ เรียนมากกว่า ส่วนเขาโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้แล้ว แม้ว่าป๊าจะไม่ค่อยเข้าใจและมีปากเสียงกันเสมอ แต่สุดท้ายเขาก็ดื้อพอที่จะทำเช่นนี้

“ไง วันนี้เข้าด้วยหรอ”

“เซ็งๆ เลยมาขอเฮียทำงานน่ะ”

พาทิศผูกผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวเข้ากับเอวของตัวเอง เขารับหน้าที่เป็นคนขายเหล้าให้กับลูกค้าเช่นเดียวกับปูน รุ่นพี่ต่างคณะที่รู้จักกันเพราะมาทำงานที่นี่ ปูนเข้ามาทำที่หลังเขาประมาณหนึ่งเดือน แต่ด้วยความที่คุยกันรู้เรื่องเลยตัดช่องว่างระหว่างพี่น้องออกไป แล้วกลายเป็นเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันดี

“วันนี้ไมร้องเพลงอะ”

“ไม่ล่ะ อารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่”

“ก็ว่าจะทักเห็นขมวดคิ้วตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน แมวกัดมาหรือไง”

“ไม่ใช่แมวหรอก หมาต่างหาก หมาน่ารำคาญ” ปูนกลั้วขำในลำคอกับคุณหมอหมาที่กำลังด่าหมาว่าน่ารำคาญ

เขามีวันทำงานตรงกับปูนแค่สองวัน เพราะคุณหมอเรียนหนัก ซึ่งจริงๆ ตัวเองก็เรียนหนัก แต่ด้วยการใช้ชีวิตแบบโลดโผนทำให้ร่างกายมันชินชาไปเสียแล้ว และเขารู้สึกดีทุกครั้งที่วันไหนได้ทำงานกับพาทิศ โดยเฉพาะวันที่เจ้าตัวขึ้นไปร้องเพลงเปิดวง น้ำเสียงนุ่มหวานหู ปลายประโยคแหบเล็กน้อย ทำเอาไม่อยากให้คนอื่นได้ฟัง แต่นั่นแหละการจะออกตัวว่าชอบก็จะดูแก่แดดไปหน่อย ก็เลยพยายามแทรกซึมให้เป็นที่ไว้วางใจ และถ้าถึงเวลาที่เหมาะคนข้างๆ ก็อาจจะทลายกรอบของเพศไปก็ได้

“เบียร์สี่ มิกซ์โค้กสอง เหล้าหนึ่ง โต๊ะสี่” เด็กเสิร์ฟในร้านเดินมาแจ้งเมนู พร้อมกับยื่นเงินให้

“ใครมันสั่งสวิงขนาดนี้วะ”

“โต๊ะเพื่อนพี่ป่ะ ตรงนั้น” ปูนชะโงกหน้าไปดูโต๊ะสี่ ก็ปรากฏเป็นผู้ชายที่เขาเพิ่งนอนด้วยเมื่อวานกำลังนั่งล่อเหยื่อด้วยท่าทางน่าหมันไส้ เพราะช่างดูดีเหมือนเกิน

“เดี๋ยวกูไปเสิร์ฟเอง” พาทิศยกเครื่องดื่มตามสั่งไปตั้งที่โต๊ะของแขก ทั้งที่ปกติไม่ใช่หน้าที่เขา แต่วันนี้อยากดูแลโต๊ะนี้ด้วยตัวเอง

ปึก

“นี่ครับเครื่องดื่มตามที่สั่ง ได้ครบนะครับ”

“วันนี้ได้รับเกียรติจากคุณหมอพาทิศเลยหรอครับ” ต้นไม้ใช้น้ำเสียงเย้าแหย่ เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ได้ชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่ เขาเองก็เช่นกัน

“ทางร้านของเราก็ได้รับเกียรติจากคุณต้นไม้เสมอเลยนะครับ”

“วันนี้เพื่อนน้องมาด้วยนะ ข้าว! ทางนี้”

พาทิศหันขวับตาสายตาที่ต้นไม้มองไป ปรากฏเพื่อนตัวเล็กที่ตกใจเช่นกันที่เห็นเขา เหตุการณ์เมื่อเย็นทำเอาคนตัวโตรู้สึกผิดในใจที่ใช้อารมณ์เกินไป และคนที่กำลังจะเดินไปนั่งก็ดูหมางเมินเขาอย่างชัดเจน

“ข้าวกินอะไรได้บ้าง สั่งเลยวันนี้เราเลี้ยง”

“อะไรก็ได้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์อะ เรากินได้หมเลย”

“งั้นขอน้ำพันซ์หวานๆ สักแก้วนะครับ...น้อง” คำท้ายประโยคทำเอาพาทิศกำมือแน่น เขาขานรับแล้วรีบเดินกลับบาร์ไป เขาไม่ชอบใจอย่างมากที่เห็นข้าวปั้นมาปรากฏตัวที่นี่ เพื่อนคนไหนชวนข้าวปั้นก็ไม่เคยออกมาเที่ยว ยกเว้นเลี้ยงสายรหัสที่เจ้าตัวปฏิเสธไม่ได้ แต่วันนี้พอไอ้พี่ต้นไม้ชวนกลับมาได้ หึ มีอภิสิทธิ์จนออกนอกหน้า

ปูนมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้ชายคนหนึ่งนอนกับเขาด้วยกฏที่ต่างฝ่ายต่างรักสนุก ผู้ชายอีกคนที่นั่งสงบเสงี่ยมและตาตื่น คือคนที่ผู้ชายอีกคนที่กำลังเดินหน้านิ่งมาทางนี้แอบชอบ และตัวเขาก็ดันตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ สับสนอลม่านแทบจะเรียกว่าวิกฤติของความสัมพันธ์ แต่ใครสน ในเมื่อหมายปองและตัวเองก็ไม่มีพันธะทำไมจะเดินเกมต่อไม่ได้

จริงมั้ย




---------------1----------------

เปิดเกม เอ้ย เปิดเรื่องมากแบบจุกๆ จ้าคูมแม่ทั้งหลาย
น้องคนใหม่ใสๆ ข้าวปั้น น่ากินน่ากก
มีทั้งพี่ต้นไม้ พี่พาทิศ พี่ปูน ไม่รับรองว่าแซ่บ
แต่จะเขียนให้เผ็ซค่าา

ฝากไว้ในอ้อมใจ
#ThankYouNext
#มาทีหลังรบกวนต่อคิว

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
#ทีมปูน ค่าา ชอบน้องเผ็ชๆ  :z2:

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว
Two

The Tree’s Talk

ยิ่งดึกบรรยากาศร้านเหล้ายิ่งคึกคัก เสียงเพลงจากวงดนตรีเล่นสดดังกึกก้องไปทั่วร้าน พอ ๆ กับเสียงตะโกนร้องเพลง เสียงพูดคุยจอแจยิ่งกว่านกกระจอกกำลังจะกลับรังของเหล่านักท่องราตรีที่เริ่มจะเมามายรสสุรา แอลกอฮอล์ขวดแล้วขวดเล่าถูกยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะโดยบริกรหน้าตาดีดีกรีว่าที่สัตวแพทย์ และเป็นโต๊ะเดียวที่หมอยินดีเดินไปกลับเพียงเพราะอยากสอดส่องเพื่อนผมที่เริ่มจะโอนเอนจากการลู่ลมเมรัย

“ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยบอกบริกรหน้าหล่อหลังจากที่มันยกเบียร์มาเสิร์ฟเป็นรอบที่ห้าได้ “ข้าวลองกินดูมั้ย อันนี้ไม่แรงมาก” ผมเย้าเพื่อนตัวเล็กต่อหน้าหมอหมาที่กำลังขมวดคิ้ว

“ไม่เอาดีกว่า พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เวรเราซื้อข้าวนะ”

“ไม่เป็นไร เราตื่นเที่ยงไว้กินเที่ยงทีเดียว”

“มันไม่อยากกินก็อย่าบังคับดิ” ทนไม่ไหวสินะผู้พิทักษ์ตัวใหญ่ของข้าวปั้น

“...” ผมสังเกตเห็นข้าวปั้นหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่เทียวเดินบริการโต๊ะเราหลายรอบ แต่กระนั้นก็ยังไม่เอ่ยทักทาย ดูเหมือนสองคนนี้จะมีปัญหาอะไรบางอย่างกัน และผู้พิทักษ์คงโดนเจ้าชายน้อยโกรธเอาแน่นอนเพราะการเทียวไปเทียวมาทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่คือการขออภัยโทษกันชัด ๆ

“หึ พี่คุยกับเพื่อนพี่ไม่ได้คุยกับน้องพาทิศนี่ครับ”

“ไอ้…”

“เอาล่ะ ๆ เรากินก็ได้ ๆ จิบพอนะ”

หึ เขาเลือกกูว่ะหมอหมา

ข้าวปั้นตัดปัญหาคงไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันที่นี่ เพื่อนผมรู้ว่าผมเองไม่ได้ปลื้มเพื่อนคนนี้ของเขาเท่าไหร่ ถ้าดื่มเจ้าแอลกอฮอล์มีฟองนี่แล้วจบปัญหาคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายก็ยอมทำง่าย ๆ เข้าทางชะมัด

“ปั้น!”

“พาไปทำงานเถอะ” ข้าวปั้นพูดอย่างที่ไม่ได้มองหน้าคนถูกไล่ พอพาทิศหมุนตัวกลับไป เจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ข้าวทะเลาะกับมันหรอ”

“มัน?”

“ก็เพื่อนข้าวน่ะ”

“เขามีชื่อนะไม้ ก็ไม่ได้ทะเลาะหรอก แค่เรื่องหยุมหยิมอะ”

“อ่าฮะ งั้นกินเป็นเรื่องเราหน่อยสิ วันนี้เราเครียดเรื่องโปรเจ็กต์”

“ที่คะยั้นคะยอให้เราออกมาด้วยเพราะเครียดเรื่องเรียนหรอ ทำไมล่ะมีอะไร ปกติไม้เก่งจะตาย”

“อืม ก็คราวนี้มันยากกว่าทุกที แล้วเราก็ทำไม่ทันหลายอย่าง” ต้นไม้ใช้น้ำเสียงอ่อนลงเพื่อให้คนตั้งใจฟังเห็นอกเห็นใจ ทั้งที่ความจริงงานของเขามันเพอร์เฟ็กต์ทุกอย่างเหมือนเคย

“ทำไมไม่บอกเราเผื่อจะช่วยได้ อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ไม้มีปัญหาเราก็อยากช่วยนะ” ต้นไม้ยกยิ้มกับคำตอบที่ได้ยิน กระต่ายติดกับดักของเขาอีกจนได้

“นี่ไงข้าวกำลังช่วยเรา ด้วยการอยู่ข้าง ๆ เรา งั้นขอให้ช่วยอีกอย่าง ดื่มเป็นเพื่อนหน่อยนะ”

“อืม ก็ได้ แต่เราขอแค่นิดเดียวพอนะ”

แสงไฟที่เคยริบหรี่ในร้านกลับถูกทำให้สว่างจ้า นักท่องราตรีพากันแสบตากับการปรับม่านตาไม่ทัน นี่เป็นสัญญาณว่าเวลาแห่งการระเริงไปกับดนตรีและแสงสีจบลงแล้วสำหรับค่ำคืนนี้ คนที่ไม่ได้ถูกสุรามอมให้เมามายหอบหิ้วเพื่อนที่ตกเป็นเหยื่อของฤทธิ์เมรัยเหล่านั้น บ้างก็ยังคงนั่งพูดคุยคล้ายกับว่าไม่อยากให้คืนแห่งความสุขนี้ผ่านไป บ้างก็ยืนพูดคุยทั้งที่นิ้วยังคีบสูบบุหรี่ควันฟุ้งที่ปลายนิ้ว หลายคู่ถูกใจก็ไปต่อเพื่อทำกิจกรรมที่ต่างฝ่ายพอใจให้กัน

ต้นไม้เองก็วางแผนอกุศลในหัวหลังจากที่เห็นเพื่อนที่ตั้งใจมอมเหล้าดูน่ารัก น่ามองขึ้นเป็นกองที่ในร่างกายมีแอลกอฮอล์ไหลเวียน แก้มแดงเปล่งปลั่งขับให้คนผิวขาวดูมีน้ำมีนวลขึ้นเป็นกอง ปากสีชมพูกระจับระเรื่อด้วยน้ำดูฉ่ำวาว ไหนจะท่าทางออดอ้อนนั่นอีก คนที่ผ่านผู้ชายและผู้หญิงมาอย่างโชกโชนอย่างเขาก็ทำเอาเสียหลักอยู่เหมือนกัน

“ข้าวอยากกลับหรือยัง”

“หื้อออ ไม้อยากกลับแล้วหรอ” น้ำเสียงหย่อนยานพูดอย่างพึมพำ

“ก็ร้านเขาปิดแล้วนี่ หรือข้าวอยากไปต่อ”

“ไปได้หรอ ไปที่ไหนดีอะ~”

“กลับบ้านเราไงครับ” ผมกระซิบข้างหูของคนเมา มันใกล้จากจนคนที่อยู่ในอ้อมแขนถึงกับสะดุ้ง คงจั๊กจี๋ไม่น้อย

“อื้อ กลับบ้านเรากัน ไม้กอดเราอีกได้มั้ย” อาจจะเป็นความปรารถนาลึก ๆ ภายในใจของเขา ผมรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้แอบรักผมมานานแค่ไหน แต่ที่ทำเป็นไม่รู้ก็เพราะข้าวปั้นไม่เคยอยู่ในสายตาผมในฐานะคนที่จะนอนด้วยหรือคนที่จะสนุก ๆ ด้วยได้ ไม่ใช่ว่าเขามีค่าอะไรขนาดนั้น เพียงแค่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยก็นั้น

แต่วันนี้ข้าวปั้นต่างออกไป ไม่เคยคาดคิดว่าจู่ ๆ ผู้ชายที่ไม่เคยรู้สึกอะไรด้วยจะทำให้เกิดความรู้สึกมากขนาดนี้

“จะพาข้าวไปไหน” เสียงหมาผู้พิทักษ์ของข้าวปั้นสินะ

“พี่จะพาเขากลับบ้าน”

“เลิกเล่นละครเหอะ กูรู้ว่ามึงไม่ใช่คนสุภาพ”

“หึ มึงก็อย่าเสือก หลบไป” ผมเกลียดแววตาของมันที่มองมาเหมือนรู้ไส้รู้พุงผมทุกอย่าง และมันก็ดึงความสนใจของข้าวปั้นไปได้เยอะทีเดียวตลอดหลายปีที่ผ่าน

รู้สึกเหมือนโดนแย่งของเล่น

“กูไม่หลบ มึงคิดอะไรอยู่กูรู้หมดนั่นแหละ” มือใหญ่ของมันดึงแขนอีกข้างของข้าวปั้นไป ในขณะที่คนถูกดึงนั้นเหมือนจะหลับไปแล้ว ทั้งชีวิตไม่เคยต้องมาแย่งผู้ชายกับใคร มึงคือคนแรกเลยไอ้พาทิศ

“มึงกับกูก็ไม่ต่างกันหรอก” ผมยกยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยัน ใช่ ผมรู้หมดแหละว่ามันก็ฟันหญิงมานับไม่ถ้วน เพราะบางคนที่มันเอาผ่านผมมาแล้วทั้งนั้น กระจอก

“แต่กูแน่ใจว่ากูไม่มีวันทำร้ายข้าวปั้น ถ้ามันไม่ชอบมันมึงก็อย่าทำกับมันแบบนี้”

“กูบอกแล้วไงว่าอย่าเสือก”

“ไอ้สัส”

ไอ้พาทิศมันกระชากตัวข้าวปั้นไปประคองไว้ก่อนที่มันจะใช้มืออีกข้างผลักอกของผม ไม่เท่านั้นแขนแข็งแรงเหมือนหมีควายของมันยังซัดเข้ามาเต็ม ๆ ที่มุมปากของผม ใครจะยืนอยู่เฉย ๆ ให้มันต่อย ผมเลยซัดมันคืนที่เบ้าตา ร่างกายมันโซเซทั้งต้องประคองตัวเองและคนเมา แต่ยอมรับว่าหมัดมันหนักใช้ได้เลือดถึงกับไหลซิบที่มุมปาก ยังไม่ทันจะกระโจนเข้าไปอีกรอบ การ์ดในร้านก็เข้ามาห้ามผมไว้ก่อน

“น้อง ๆ อย่ามีเรื่องกัน ไม่งั้นพี่จะส่งสน.นะ” การ์ดล็อกตัวผมไว้ แต่ไม่ยักจะทำแบบเดียวกันกับไอ้พาทิศ

“ผมไม่ใช่คนเริ่ม มันนู้น!” ตอบการ์ดอย่างฉุนเฉียว

ขณะนี้มีคนมามุงดูบ้างแล้ว เลยสะบัดแขนที่ล็อกไว้ก่อนจะจัดเสื้อที่ยับยู่ยี่จากการปะทะกัน ผมไม่อยากดูเป็นคนพาลในสายตาใคร ลุคคุณชายที่น่ามองของผมมันจะไม่มีวันเปลี่ยนไปจากสายตาของทุกคน

เดินเข้าไปใกล้คนที่เพิ่งวางมวยกันหมาด ๆ เพราะจะไปพาตัวข้าวปั้นกลับบ้าน หมีควายมันยื้อเวลามานานเกินไปแล้ว

“กูจะพาข้าวปั้นกลับ” ผมย้ำกับไอ้พาทิศที่โอบเอวข้าวปั้นแน่น

“มึงอย่าหวังเลย  ปั้นกลับกันนะ”

“อื้ออ  เวียนหัวอ่า พื้นหมุนไปหมด เมื่อไหร่จะถึงบ้านเราอ่าต้นไม้”

“เห็นมั้ยเขาต้องการกู ไม่ใช่มึง”

“กูไม่สน” มันเดินเฉี่ยวไหล่ผมไปอย่างไม่ใยดี ใช้ลิ้นดุนกระพุงแก้มอย่างโคตรไม่พอใจ ทั้งชีวิตไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้

หึ

กูต้องวัดกับมึงด้วยเรื่องอะไรแบบนี้หรอ
กระจอกไปหน่อยแต่กูจะเล่นด้วยก็ได้

End The Tree’s Talk


ร่างสูงใหญ่ตาซ้ายเริ่มบวมช้ำเพราะถูกหมัดคู่อริหมาด ๆ ซัดเข้ามาอย่างแรง ประคองเพื่อนสนิทที่เมาจนตัวอ่อนปวกเปียดพูดพร่ำเพ้อพรรณนาถึงไอ้ผู้ชายที่ชกเขาเมื่อครู่อย่างไม่หยุดปาก รู้สึกหงุดหงิดใจเลยจัดการอุ้มคนพูดมากด้วยท่าเจ้าหญิง ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะตัวเบาขนาดนี้

“ถ้ามึงยังไม่เลิกพูดถึงมันกูจะบีบปากมึงให้เหมือนเป็ดเลยไอ้ปั้น”

“หื้ออ ปวดหัว ๆ เมื่อไหร่จะถึงบ้านอะไม้”

“ไม่เคยกินแล้วเสือกกินเยอะ กูอยากจะด่ามึงจริง ๆ”

สายตาเหล่านักท่องราตรีหลายคู่จับจ้องมาที่ว่าที่นายสัตวแพทย์สุดหล่อ และเพื่อนคณะเดียวกันด้วยความฉงนใจ เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าหมอหมาหน้านิ่งคนนี้ไม่เคยควงใครอย่างออกนอกหน้านอกตา ไม่แม้แต่จับมือ หรือเปิดประตูรถให้กับผู้หญิงที่หิ้วกลับคอนโดเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ทั้งไม่ใช่สาวสวยแต่กลับเป็นเพื่อนผู้ชายที่ได้รับเกียรติถูกอุ้มด้วยท่าเจ้าหญิง แม้เจ้าตัวดูจะหงุดหงิด แต่สายตากลับดูอ่อนโยนเหลือเกินที่มองผู้ชายในอ้อมแขน

@S condo

“ข้าวปั้น ๆ ๆ” ร่างสูงทำหน้าที่สารถีปลุกคนที่หลับใหลหลังขึ้นรถได้ไม่ถึงสองนาที

พาทิศตัดสินใจพาข้าวปั้นมาที่คอนโดตัวเองเพราะไม่อยากไปปะทะกับหมาบ้านเจ้าเล่ห์นั่น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนร่วมบ้านของข้าวปั้นคิดจะทำอะไร สายตาที่ร้อยวันพันปีมันไม่เคยมองข้าวปั้น จู่ ๆ วันนี้ก็ถูกใช้
สายตาเวลาหมาออกล่าเหยื่อ

ถ้าปล่อยเพื่อนที่ไร้สติกลับไปกับมันมีหวังเสร็จมันแน่ ๆ ยิ่งเมาไม่รู้เรื่องรู้ราว จะอุ้มไปไหนก็ได้ แถมยังรักไอ้หมาบ้าตัวนั้นอย่างเต็มหัวใจขนาดนี้

 “นอนไป เลิกพูดมากได้แล้ว”

“ยังไม่ได้อาบน้ำเลย จะนอนได้นอน สกปรกนะไม้” คนตัวโตกรอกตา เขาแบกมันมาจากร้านเหล้า ประคองขึ้นคอนโด ไหนจะอุ้มมาวางลงเตียงตัวเอง ทั้งที่ไม่เคยให้ใครลุกล้ำมาถึงที่นี่ แต่คนที่ได้อภิสิทธิ์ทุกอย่างกลับคิดว่าเขาคือไอ้หมาบ้านั่น
หงุดหงิดฉิบหาย

“เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ มึงนอนนิ่ง ๆ เดี๋ยวจะตกเตียงคอหักซะก่อน” พาทิศลุกกำลังจะขยับตัวออกจากเตียงเพื่อไปหาอะไรรองน้ำมาเช็ดตัวเพื่อนที่ปวกเปียกเหม็นเหล้าหึ่ง แต่มือนิ่มเย็นก็จับที่ข้อมือใหญ่ของเขา

“ไม่ไปได้มั้ย ไม่อยากอยู่คนเดียวเลย”

“...”

แรงดึงเบา ๆ จากคนที่ไม่ได้มีเรี่ยวแรงมาก แต่คนตัวใหญ่กลับโอนอ่อนตามจนต้องนั่งบนบนเตียงข้างคนที่ตอนนี้เหมือนละเมอ

คนตัวเล็กพึมพำอะไรกับตัวเองก่อนจะเอามือใหญ่ไปแนบที่หน้า ซ้ำยังกดจูบเบา ๆ ที่ฝ่ามือ พาทิศรู้ดีว่าข้าวปั้นไม่รู้ว่าเป็นเขา แต่คือไอ้ต้นไม้คนที่อยู่ในหัวใจมันต่างหาก

“ปั้นมึงอย่าทำแบบนี้” พาทิศพยายามจะดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุม แต่สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ฝ่ามือ น้ำตาของข้าวปั้นรินไหลรดมือเขา พาทิศไม่รู้ว่าภายในใจข้าวปั้นรู้สึกกับต้นไม้มากแค่ไหน อดทนมากแค่ไหน แต่วันนี้เขาได้รู้แล้ว และมันทำให้หัวใจที่เคยเข้มแข็งและมองดูข้าวปั้นอย่างไกล ๆ มาโดยตลอดเจ็บ เจ็บเหมือนถูกคนเอาก้อนหินทุบมันอย่างแรงหลายที

“อย่าร้องไห้” ข้าวปั้นไม่มีวันรู้ว่าพาทิศใช้สายตาแบบใดมองเขา มือที่ว่างอีกข้างเช็ดใบหน้าเนียนที่เปื้อนด้วยน้ำตาอย่างเบามือ พาทิศสำรวจใบหน้าของคนที่มีสถานะเป็นเพื่อนอย่างละเอียด จมูกเล็กปลายเชิดแดงก่ำจากการร้องไห้หรือฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่แน่ใจ แต่แล้วจู่ ๆ ความยับยั้งชั่งใจที่มีมาเสมอก็หมดลง เพียงเพราะใบหน้าแดงระเรื่ออย่างน่ารักของคนตรงหน้า

ผู้ชายสูงเกิน 180 เซนติเมตร ค่อย ๆ โน้มตัวลงมา ปลายจมูกโด่งเกลี่ยไปทั่วแก้มอมชมพูอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเคลื่อนไปที่ปลายจมูกของคนที่หายใจหนักขึ้น ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันอยู่นาน ก่อนที่ร่างสูงจะเปิดปากพูดบางอย่าง “กูชอบมึงนะข้าวปั้น”

“อื้อ” ข้าวปั้นมีสติไม่ถึงครึ่ง แต่กลับได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจนในหัว ไม่ค่อยแน่ใจระหว่างความจริงกับความฝัน หรือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น แต่หัวใจกลับเต้นอย่างรุนแรง เหมือนการรอคอยใครสักคนอยู่อีกฝากหนึ่งของชายเขา เคยรออย่างไม่เคยมีความหวังว่าอีกคนจะข้ามเขาลูกนั้นมา แต่วันนี้เขาข้ามมันมาแล้ว การรอคอยมันสิ้นสุดลงตรงนี้เอง

จมูกเล็กคลอเคลียกลับอยากกล้า ๆ กลัว ๆ แม้สติจะไม่สมบูรณ์แต่สัญชาตญาณแห่งห้วงอารมณ์กลับพลุ่งพล่านเสียจนไม่อาจควบคุมได้ เสียงหายใจสองเสียงประสานกันอย่างหนักหน่วงขึ้น ข้าวปั้นยกตัวเองขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากที่เฉียวกันไปมาได้แนบสนิทกันอย่างที่ร่างกายเรียกร้อง การได้อยู่กับคนที่ชอบครั้งแรกก็คิดแล้วว่าเกินฝัน
แต่ขณะนี้เขาได้จูบกับรักแรกของตัวเอง

พาทิศตกใจที่ข้าวปั้นเริ่มก่อน ทั้งที่เขาดูเป็นคนที่ไม่ประสากับเรื่องนี้ อาจจะเพราะแอลกอฮอล์ที่วิ่งพล่านภายในร่างกาย ทำให้ริมฝีปากของเราทั้งคู่แนบชิดกันอย่างที่ไม่เคยจินตนาการมาก่อน และสำหรับคนที่โชกโชนเรื่องพวกนี้ มันไม่เคยหยุดแค่การใช้ริมฝีปากแตะกัน ร่างสูงเริ่มบดเบียดเข้าหาอย่างรุกล้ำและรุนแรง จากที่เคยนั่งก็โน้มตัวลงไปหาคนที่นอนอยู่ ริมฝีปากแนบแน่นขึ้นอย่างกับเนื้อเดียวกัน

ความอ่อนนุ่มของริมฝีปากที่เคยจินตนาการทำเอาพาทิศสติหลุด มือแกร่งไม่เพียงลูบไล้ใบหน้าของเพื่อนรัก ทว่าเริ่มไล้แขนเรียว ก่อนจะไล่เรียงไปถึงเอวบางตามประสาคนผอม และไม่นานมือใหญ่ก็ล้วงเข้าไปในเสื้อยืดผ้าเนื้อดีเพื่อไปเจอผิวเนียนละเอียดมือไม่สากดั่งชายทั่วไป

“ฮื้อ”

เสียงครางของข้าวปั้นทำเอาพาทิศได้สติคืน พยายามจะถอนริมฝีปาก แต่มือเย็น ๆ ที่กดหลังคอเขาไม่ยอม นั่นมันเหมือนเป็นจุดหักเห ในความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขาดผึ่ง

และมันสิ้นสุดความเป็นเพื่อนในใจของพาทิศอย่างไม่มีวันหวนกลับ




มีต่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2019 22:47:13 โดย mifengbee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
The Tree’s Talk

ปึ้ง! แก้วเหล้าเพียวที่กระดกลงคอถูกวางลงบนโต๊ะไม้ราคาแพง ในเลาจน์หรูเหมาะกับคนอย่างผม

“หงุดหงิดอะไรขนาดนั้นครับคุณต้นไม้”

“อย่ากวนประสาทตอนนี้ ไม่สนุกด้วย”

ผมย้ายร้านมานั่งอีกร้านหนึ่งที่เปิดยันสว่าง มีปูนติดสอยห้อยตามมาด้วยเพราะคิดว่าจะกลับบ้าน แต่แล้วผมกลับหัวร้อนจนกลับไปนอนไม่ได้ เขาเลยมานั่งจมปุกด้วยทั้งที่มีเรียนเช้าพรุ่งนี้

“ชอบหรอ ข้าวปั้นน่ะ” ปูนกระเซ้าอีก

‘ชอบ’ หรือ ‘รัก’ สองคำที่ไกลจากชีวิตของผมเหลือเกิน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันรู้สึกอย่างไร ควรรู้สึกยังไง ที่สำคัญใครที่จะทำให้มันเกิดขึ้นในชีวิตของผม

“หึ ตลก”

“ก็ไม่เคยเห็นคุณเป็นแบบนี้มาก่อน”

“แค่เหมือนโดนหยามเข้าใจป่ะ”

ใช่ ความรู้สึกตอนที่ไอ้ยักษ์เพื่อนข้าวปั้นประคองคนตัวเล็กที่เมาแอ๋ออกจากร้านแทนที่จะเป็นผม มันหยามกันชัด ๆ แม้จะต่อยมันไปหมัดหนึ่ง แต่รู้สึกมันชนะผมขาดลอย

เอาจริงวันนี้ก็กะจะทำให้ฝันของข้าวปั้นเป็นจริงด้วยการสงเคราะห์นอนกับเขาสักคืนให้สมใจ และก็จบ ๆ กันไป เพราะข้าวปั้นก็น่าสนใจดี จะเปลี่ยนคู่ friend with benefit จากคนตรงหน้าหรอ เปล่าหรอก แค่จะหาเพิ่มเท่านั้นแหละ

“งั้นก็ไปพาข้าวปั้นกลับดิ มานั่งอยู่แบบนี้ทำไม”

“อย่าพูดเหมือนไม่รู้จักกันน่า นั่งเงียบ ๆ ได้ป่ะ รำคาญ”

ปูนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ผมกับเขาค่อนข้างจากตกลงกันเคลียร์ดี และหลายปีที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ทางกายกัน เขาไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าของ และสิ่งนี้แหละมันทำให้ผมสบายใจที่จะยังให้เขาอยู่ตรงนี้

และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมขาดเซ็กส์จากเขาไม่ได้จริง ๆ


“ฮื้อออ คุณเร็วกว่านี้ได้มั้ย” ปูนสภาพเปลือยนอนใต้อาณัติของผมตอนนี้เป็นภาพชินตาที่ไม่เคยชินตา เพราะมันเป็นเหมือนไฟราคะที่พร้อมสุมให้ความต้องการของผมพลุ่งพล่านเสมอ

“ทำไมวันนี้ร้อนแรงจัง” ผมผิดสังเกต เพราะพอกลับมาถึงบ้านตอนตีสี่กว่า ๆ ปูนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการถอดเสื้อผ้าของผมและของตัวเองตั้งแต่หน้าประตูบ้าน ผมเสร็จกับเขาไปรอบหนึ่งที่โต๊ะกินข้าว ปลดปล่อยใส่หน้าท้องเขายังไม่ทำความสะอาดดีก็ถูกลากขึ้นมาบนห้องนอน ก่อนที่อีกคนจะขึ้นคล่อมขยับโยกอย่างเอาแต่ใจ จนตัวเองหมดแรงจึงให้ผมนำเกมต่อ แต่ก็เหมือนจะไม่ทันใจเขาอยู่ดี

“ก็ไม่ได้ทำหลายวันแล้วป่ะ”

“อ๊ะ อ๊ะ ฮื้ออออ” สวนเอวตามคำเรียกร้องด้วยแรงทั้งหมด เพราะผมเองก็คิดถึงร่างกายนี้เหลือเกิน

“สมใจดีมั้ย เตรียมโดดคลาสเช้าได้เลย”

ปูนขยำผ้าปูที่นอนจนมันยับยู่ยี่อย่างระบายความกระสันที่ถูกสนองในที “จูบหน่อย”

“นี่อ้อนอยู่หรอ”

“อย่าเพ้อดิวะ”

“หึ”

ผมชอบบรรยากาศสบาย ๆ ระหว่างมีเซ็กส์แบบนี้ แม้เราจะมีสถานะที่ยิ่งกว่าผัวเมีย แต่คำพูดคำจาเวลาเรามีเซ็กส์กันมันจะไม่มีทางเกินเลยไปกว่า FWB การใช้คำพูดที่ชัดเจนแบบนี้แสดงว่าเรายังไม่ลืมข้อตกลงที่ร่วมสร้างกันไว้ และมันก็ดีกับเราทั้งคู่

รสจูบของปูนยังคงจัดเจนและชัดเจนเสมอว่าไม่เคยมีความรู้สึกอื่นร่วมเลยนอกจากเซ็กส์ มันสัมผัสได้ถึงความราคะ ไร้ความรัก และความผูกพัน

จำไว้นะครับ ถ้ามีคนบอกว่าเผลอมีอะไรกับเพื่อน ไม่มีคำว่าเผลอ มีแต่ความตั้งใจและเผลอไม่รู้สึกผิดมากกว่า

แต่สำหรับผมเราไม่เคยเผลอกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วหนิครับ

งั้นก็เต็มที่

“ฮะ อ่า อีกนิดนะ”

“คุณ ระ เร็วไปแล้ว จะ จุก”

เสียงเนื้อกระทบกันอย่างหยาบโลนและรุนแรง เพราะเรารู้ว่าไม่มีใครในบ้านนนอกจากเรา กิจกรรมเข้าจังหวะแบบโจ่งครึ้มไม่ต้องแอบกินกันอย่างตอนที่ข้าวปั้นอยู่มันคะนองยิ่งกว่าพายุก่อตัวเสียอีก

“ไหนว่าให้แรงไง ฮะ ฮ่า”

“อื้ออ ใกล้แล้ว”

“อื้ม ฮืม”

สองเสียงผู้ชายวัยฉกรรจ์ที่เสร็จสมทางกามมารมณ์ประสานเสียงกันไม่ต่างจากเคยมีเซ็กส์ครั้งแรก ถ้าอยู่หอคงได้ยินกันทั้งหอแน่นอน เพราะอย่างนี้เราถึงย้ายมาอยู่บ้านกันไง มันสะดวกกว่ากันเยอะ

“อ่า คุณแม่ง เลือดออกแน่ ๆ”

“คุณก็ทำผมล้นถุงยางเลยว่ะ”

“ดะ เดี๋ยว อย่าเพิ่งต่อขอพักไปกินน้ำก่อน”

“ถึงกับกระหายน้ำ เติมน้ำให้ไปยังไม่พอหรอ”

“อย่าปากดี”

ปูนขยับตัวอย่างระมัดระวัง ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูที่พาดไว้กับเก้าอี้โต๊ะอ่านหนังสือพันตัวลวก ๆ เดินลงไปข้างล่าง ได้แต่ยกยิ้มกับผลงานตัวเองที่ทำให้คนที่ไม่เคยร้องให้หยุดอย่างปูนยอมลงได้ในวันนี้ อาจจะด้วยอารมณ์ที่กรุ่นตอนฟัดกับไอ้ยักษ์นั่นก็ได้

เพล้ง!

“ปูน ปูน! เป็นอะไรหรือเปล่า” นอนเล่นมือถืออยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแก้วแตกจากข้างล่าง ปกติปูนไม่ใช่คนซุ่มซ่ามหรือจะขาอ่อนจะทำแก้วหลุดมือไป ผมรีบวิ่งลงจากชั้นสองอย่างนึกตงิดในใจ

“ปะ ปูน”

“โทษทีที่ที่เข้ามาเลย กูกดกริ่งแล้วไม่มีใครมาเปิดเลยคิดว่าไม่มีใครอยู่”

ไอ้ยักษ์เพื่อนข้าวปั้นยืนประจันหน้ากับปูนที่ตัวสั่นไปแล้ว แก้วที่ร่วมหล่นแตกกระจายตรงหน้าของเขา ทำไมปูนถึงช็อกนาดนั้นก็แค่ไอ้พาทิศมา

“พา...”

“...”

“ห้องนอนข้าวปั้นอยู่ไหน กูจะพามันไปนอน” ข้าวปั้นอยู่ในอ้อมกอดมันด้วยสภาพที่หลับสนิท เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนให้สบายกว่าตอนไปเที่ยวด้วยกัน หึ เสร็จไอ้ห่านี่แล้วสินะ

“มึงพากลับมาทำไม เสร็จแล้วหรอ”

“มึงสองคนก็เสร็จหนิ”

“พา คือ...”

“พวกมึงจะทำระยำอะไรกันก็ทำไป แต่อย่าให้ปั้นรู้ว่ามาทำในบ้านมัน”

“...”

“...”

“สรุปห้องข้าวปั้นอยู่ไหน”

“ชั้นสอง ห้องตรงกลาง” เสียงปูนตอบอย่างสั่นเครือ และตัวชาดิกเหมือนคนโดนสตั๊ฟท์ เขาเป็นอะไรวะ หรือว่าแค่ไม่อยากให้ตัวเองดูแย่ในสายตาเพื่อนร่วมงาน แต่ทำไมต้องแคร์มันวะ

ไอ้ยักษ์อุ้มข้าวปั้นที่หลับสนิทในอ้อมแขนผ่านผมและปูนที่มองตามแผ่นหลังไอ้เวรนั่นอย่างไม่ละสายตา จนผมรู้สึกคันยุบยิบในใจแปลก ๆ
 
แม่งเป็นไรวะ

“เรากลับห้องก่อนนะ”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ ไม่ต่อแล้วหรอ”

“คุณคิดว่าเรายังจะมีอารมณ์หรอวะ” พอได้ยินคำนี้ออกจากปากของปูน ผมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกโข เพราะแม่งหมายความว่าปูนแคร์ไอ้พาทิศจริง ๆ

“แคร์เพื่อนร่วมงานว่างั้น” ผมใช้น้ำเสียงกึ่งเหยียดหยัน ทั้งที่รู้ว่าปูนไม่ชอบ

“คุณจำได้มั้ยว่าถ้ามีคนรู้เรื่องของเรา ไม่ว่าจะรู้จากใคร ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เราจะหยุด” ปูนมีสีหน้าจริงจัง และเครียดจนสังเกตได้ น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของเขาหายไป เป็นปูนในพาร์ทที่ผมไม่เคยเห็น เพราะเขารักสนุกมาโดยตลอด

“...”

“ไม่สนุกแล้วว่ะ”

“เฮ้ย ปูน เดี๋ยวดิวะ” ปูนรีบเดินขึ้นไปชั้นสองของบ้าน โดยที่ไม่สนใจคำท้วงของผมแม้แต่น้อย

จู่ ๆ ผมต้องมารับมือกับเรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย ทำไมชีวิตที่เคยคอนโทรลได้ทุกอย่างกลับตาลปัตรแบบนี้ภายในวันเดียววะ

ที่แน่ ๆ ไอ้หมายักษ์นั่นแม่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของเรื่องนี้ ไม่เคยอยากมีศัตรูที่จะต้องจ้องจะทำลายกัน ไม่เคยอยากแข่งกับใคร เพราะที่ผ่านมาแข่งกับใครก็ชนะมาโดยตลอด แต่คราวนี้กลับไม่ใช่และมันถูกทำลายด้วยคนที่ไม่ต้องแข่งก็ชนะ อย่างคนแบบไอ้พาทิศ

ยิ่งแข่ง ยิ่งแพ้

สงสัยต้องสอนเด็กอ่อนหัดอย่างมันให้รู้จักเกมแบบที่ผู้ใหญ่เขาเล่นกันหน่อย

เดินเข้าไปหยิบน้ำกะจะกินดับร้อนที่คุกรุ่นภายในใจ แต่กลับได้ยินเสียงเดินลงบันไดหนัก ๆ โดยที่ไม่ต้องหันไปมองด้วยซ้ำว่าเป็นใคร เพราะเขาจำได้ดีว่าบ้านนี้ไม่มีใครเดินลงบันไดเสียงดังขนาดนี้ มรรยาททรามแบบที่ไม่ต้องเดาเลย

“กะจะไม่ลาเจ้าของบ้านเลยว่างั้น”

“ทำไมกูต้องลา”

“กูแจ้งข้อหาบุกรุกมึงได้นะอย่าลืม” เอาดี ๆ ผมไม่จำเป็นต้องมาต่อปากต่อคำกับคนอย่างมัน แต่แม่งอดไม่ไหวจริง ๆ ในเมื่อเห็นสันดานชาติกันขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องคีพลุค

“จะเอายังไง”

“พาข้าวกลับมาทำไม”

“กลับมาเพื่อได้ยินเสียงมึงครางตอนเสร็จมั้ง”

ผมเลือดขึ้นหน้าทันที เลยเดินเข้าไปประชิดตัวก่อนจะผลักอกมันแรง ๆ ไปที พร้อมชี้หน้า “มึงอย่ามาสลวนกับกู กูเล่นด้วยไม่ใช่มึงจะเล่นได้ กูถามก็ตอบ”

“หึ ก็ปั้นอยากกลับ กูก็พากลับ”

“ทำท่าไหนล่ะเขาถึงอยากกลับบ้าน”

“ก็หลายท่า แต่มึงไม่ต้องห่วง กูไม่เอาสันดานดิบไปลงกับใครจนเลือดตกยางออก”

“...” มันรู้ได้ยังไงวะ มันเห็นผมเงียบแกมฉงนเลยเฉลยให้ฟัง

“กระเบื้องบ้านมึงขาวลืมหรือไง”

“...”

 และกูขอเตือนว่าอย่ายุ่งกับ เมียของกู!”

ไอ้หมายักษ์มันพูดอย่างเต็มปากเต็มคำอย่างภาคภูมิใจ สงสัยมันคงไม่รู้ว่าผมไม่เคยเหลียวแลเมียหมาด ๆ ของมันเลยสักครั้งเดียว แต่ยิ่งพูดแบบนี้ยิ่งห้ามไม่ให้ยุ่งไม่ได้ว่ะ ความคิดที่จะจีบข้าวปั้นหวนกลับเข้ามา ไม่ใช่เพราะข้าวปั้นน่าสนใจมากขึ้น แต่เพราะหัวใจของข้าวปั้นอยู่ที่ผมมาตลอดต่างหาก


อุณภูมิห้องเย็นระดับที่นอนสบาย คนนอนหลับพริ้มบนเตียงหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แสงสว่างข้างนอกหน้าต่างเริ่มเพิ่มขึ้นเพราะนี่ก็เกือบหกโมงเช้าแล้ว ผมนั่งดื่มที่เคาเตอร์ข้างล่างคนเดียวเพราะอย่างขบคิดหลาย ๆ เรื่องที่พรั่งพรูเข้ามา และตัดสินใจจะเดินเกมสนุก ๆ กับความสัมพันธ์ที่อิรุงตุงนัง และแน่นอนผมอยู่เหนือทุกความรู้สึกที่พัวพัน ไม่ได้รัก ไม่ได้เกลียด แค่อยากเอาชนะทุกคน และมั่นใจว่าผมชนะแน่

“ฮื้ออ ไม้หนาวจัง”

“...”

“ไม้ ข้าวเจ็บจัง”

ผมขมวดคิ้วกับอาการละเลอของข้าวปั้น ทำไมจู่ ๆ คนนอนถึงเอ่ยชื่อผม ทั้งที่เพิ่งนอนกับไอ้หมายักษ์มา “ไม้กอดนะ”
“อื้อ ไม้กอดข้าวหน่อย”

ผมยกยิ้มกับตัวเองอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด

ไม่ต้องแข่งก็ชนะ


End The Tree’s Talk


--------------------2----------------------


บอกแล้วอย่าเพิ่งเลือกทีมต่าง ๆ
มันจะไม่ใช่แค่ผิดบาปแต่จะไปสุดในทุกสัญชาตญาณของมนุษย์
‘คนดี’ หรือ ‘คนเลว’ อยากให้หลุดออกจากทฤษฎีเหล่านี้
จะเหลือแค่ ‘ความเป็นคน’ ที่ทำตามความต้องการ
จะไม่บอกว่ามันดาร์กอะไรนะ แค่อยากให้เห็นว่านี่แหละ ‘คน’
ที่อยู่รายล้อมในสังคมเดียวกับเรา
อิอิ

แต่นังต้นไม้แซ่บอะว่ามะ
ปูนก็บดอยู่สม่ำเสมอรู้กแม่
ส่วนพากับข้าว ก็คิกค้าก

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ก็คือแซ่บๆกันทู้กกคน รอน้องข้าวปั้นแซ่บๆกว่านี้ อิ๊!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ยืนยันที่จะชิป #ไม้ปูน ต่อไปค่ะ แง้

ออฟไลน์ piiya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
อ่านตอนแรกงงๆ ถึงตอนที่2ก็พอะเข้าใจอะไรแล้วจ้า ตอนแรกอีต้นไม้ก็ยังอึนๆอยู่ ปูนชอบพาทิศ  พอต้นไม้รู้ก็จะแอบหึงๆเขา แบบนี้เน่เลย  :laugh: ทีมต้นไม้ปูน อิอิ

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว

Three


แสงแดดแรงยามสายของประเทศไทยตกกระทบกับผิวเนียนละเอียดจนรู้สึกอุ่นขึ้นมากกว่าตอนกลางคืน คนที่นอนหลับสนิทใกล้รุ่งเช้ารู้สึกตัว กระพริบตาไล่ความมึนงงก่อนจะพยายามขยับตัวแต่กลับพบว่าตัวเองทำไม่ได้อย่างใจนึก ไล่กระพริบตาเพื่อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย ก็พบท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดตัวเองอย่างแนบแน่น ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ไหลเวียนเข้าสู่โหมดความจำที่ไม่มีวันลืม

เขากับต้นไม้นอนด้วยกัน

แม้เมื่อคืนมันจะดูเหมือนความฝัน แต่เมื่อตื่นมาก็พิสูจน์ได้แล้วว่ามันคือความจริง
ข้าวปั้นหน้าเห่อร้อนพอ ๆ กับแสงแดดที่ตกกระทบ อาการปวดเมื่อยตามร่างกายยืนยันอีกเสียงว่าไม่ใช่แค่ความฝันหรือสิ่งที่เขาคิดเข้าข้างแต่ตัวเอง ลมหายใจร้อนที่รินรดท้ายทอยก็เป็นอีกหนึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกได้ดี

“ตื่นแล้วหรอ” เสียงทุ้มคล้ายกระซิบข้างหูเอ่ยถาม คงเพราะเขาขยับตัวขยุกขยิกกวนการนอนของคนที่หลับ

“อะ อื้อ ไม้นอนต่อเถอะ เราอยากอาบน้ำ”

“อย่าเพิ่งสิ เราอยากกอดข้าว” ไม่พูดเปล่า ท่อนแขนแข็งแรงยังเพิ่มแรงขึ้นกอดรัดตัวเขาเข้ากับหน้าอกแกร่ง ข้าวปั้นไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร จึงได้แค่นอนนิ่ง ๆ ไม่ไหวติง “เจ็บหรือเปล่า”

“กะ ก็นิดหน่อย”

“ขอโทษนะครับ อดใจแล้ว แต่ทำไม่ได้”

“มาพูดอะไรตอนนี้เล่า”

“ก็ข้าวน่ารัก”

นี่หรือเปล่าอาหารหัวใจฟูพองเวลามีความรัก มันเป็นแบบนี้เองสินะที่ความรักของเราได้รับการตอบรับ
ขณะเดียวกันอีกคนกลับมีสีหน้าที่ไร้อารมณ์แม้จะกอดกันอยู่ นั่นเพราะต้นไม้ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าการกอดตุ๊กตาตัวอุ่นเท่านั้น เว้นแต่ว่าตุ๊กตาตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นที่เขาไม่ได้ ‘เล่น’ แต่เขาแค่สวมบทบาทเป็นคนเล่นไปตามน้ำเท่านั้น

“ก๊อก ก๊อก” สองร่างที่กำลังตะกองกอดผละตัวออกจากกันทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู

 “ปูนแน่เลยไม้ ทำไงดี” ข้าวปั้นพยายามประคองตัวเองนั่งด้วยท่าทีลนลาน

“เดี๋ยวเราไปเปิดเอง” ต้นไม้ลุกจากเตียงด้วยสภาพไร้เสื้อ สวมแค่กางเกงขาสั้นผ้าร่มตัวเดียว
 
“...”

“...”

ต้นไม้และปูนประจันหน้ากันหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อคืน โดยคนที่ยังเลิกลั่กภายในห้องไม่มีทางรู้ สายตาที่ปูนมองต้นไม้ยังคงว่างเปล่าไม่มีความรู้สึกอื่นใดเจือปน ต่างจากต้นไม้ที่มองปูนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาทรณ์บางอย่าง ซึ่งแน่นอนปูนไม่ได้สนใจที่จะรับรู้มันเสียเลย

ปูนมองเลยเข้าไปในห้องนอน ก็พบข้าวปั้นในสภาพที่ต่างจากตอนที่พาทิศอุ้มคนตัวเล็กกลับมา เพราะตอนนี้เนื้อตัวข้าวปั้นแทบจะเปลือยเปล่า

ต้นไม่คิดจะทำอะไรกันแน่? ปูนคิด แต่แล้วก็ไม่ได้สนใจเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

“ข้าวปั้น พอดีเราจะไปเรียนแล้ว แต่ไม่เห็นกับข้าวเราเลยสั่งมากินแล้ว แล้วตอนเย็นไม่ต้องเผื่อเรานะ”

 “จะไปไหน” เสียงต้นไม้เอ่ยถาม ทั้งที่ปูนไม่ได้สนทนาด้วย

“เราไปเรียนแล้วนะ” ปูนยกยิ้มให้ข้าวปั้นก่อนจะหมุนตัวออกจากห้อง แต่กลับมีใครอีกคนตามออกมาด้วย แถมยังปิดประตูห้องนอนข้าวปั้นอีกด้วย

“เป็นไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า” เสียงทุ้มของต้นไม้ถามไถ่อย่างนึกเป็นห่วงกับเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้ปูนเจ็บ

“เราไม่เป็นไร” ปูนไม่ได้หันมามองและกำลังจะก้าวลงบันได แต่แล้วเสียงผู้ชายตัวโตสุดในบ้านก็เอ่ยรั้งไว้อีก

“เดี๋ยวสิ เรื่องของเร...”

“เราว่าเราพูดเคลียร์แล้วนะ”

“...”

“อีกอย่างเราไม่อยากเข้าไปยุ่งในสิ่งที่คุณทำ”

“ชอบมันหรอไอ้ยักษ์นั่น”

“ไม่ใช่กงการอะไรป่ะ คุณนั่นแหละ ไปยุ่งกับเมียคนอื่น กลืนน้ำลายตัวเองหรือไง”

“หึ ไม่ใช่เมียจะมายุ่งอะไร”

“...” ปูนไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับยักไหล่แล้วหมุนตัวลงบันไดอย่างไม่แยแสกับคำรั้งของต้นไม้เลยแม้แต่นิด

ผู้ชายที่ไม่เคยถูกปฏิเสธมองแผ่นหลังกว้างค่อย ๆ ไปออกจากสายตาไป ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างนึกไม่ชอบใจนัก เพราะทั้งชีวิตไม่เคยมีใครทำกับเขาอย่างนี้มาก่อน


มันจะยากแค่ไหน กับคนอย่างคุณ


@มหาลัยC

“แน่ใจนะว่าไหว”

“อื้อ แน่นอน สบายมาก”

“งั้นเลิกเรียนโทรมานะ จะมารับ” สายตาที่แสดงออกว่าห่วงใยของสารถีที่ขับรถคันหรูมาส่งข้าวปั้นที่มหาวิทยาลัยทั้งที่ตัวเองไม่มีเรียน ทำให้ข้าวปั้นลดทอดความเจ็บปวดของร่างกายไปได้ชะงัก

“โอเค”

มือใหญ่ลูบศีรษะคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ แล้วยกยิ้มให้ ข้าวปั้นก็ยิ้มกว้างกลับเช่นนั้นเหมือนกัน ก่อนที่จะเปิดประตูรถลงไป เขายังยืนมองรถคันหรูจนลับสายตาด้วยหัวใจพองฟู ราวกับอยู่ในดินแดนแห่งจิตนาการในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามันคือความจริงเพราะมันดีกว่าที่ฝันไว้เสียอีก การได้สัมผัสเนื้อหนังของผู้ชายที่นอนกอดกันในยามเช้าก็เลยต้องเชื่อและเข้าใจได้แล้วว่าไม่ได้ฝันไป

“ปั้น โอเคหรือเปล่า” เสียงเรียกคุ้นหูดังขึ้นหลังจากที่ข้าวปั้นเดินขึ้นบันไดคณะเพื่อไปที่ห้องแล็กเชอร์ชั้นสอง ในตอนแรกจะใช้ลิฟต์ แต่พอเห็นป้ายว่าให้ช่วยกันประหยัดไฟ ก็เลยเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดมาน่าจะดีกว่า แต่พอขึ้นมาได้ครึ่งทางก็รู้สึกว่าคิดผิด อาการเสียดที่ช่วงล่างเหมือนจะทวีขึ้น

“อ้าวไหม อ่อ โอเค”

“เราว่าไม่ เดี๋ยวช่วยดีกว่า” หญิงสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยวิ่งขึ้นบันไดมาทั้งที่ถือของพะรุงพะรังตามสไตล์เธอ พร้อมยัดทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วรีบเข้ามาช่วยเพื่อน “ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ล่ะ ไม่สบายหรอ”

ผมยิ้มให้เธอเพราะรู้สึกว่าตัวเองน่าจะไม่สบายอย่างที่เพื่อนบอกจริง ๆ อาการปวดเนื้อปวดตัวเริ่มแสดงชัดขึ้น แถมยังรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ชอบกล จริง ๆ แล้วอาการนี้รู้สึกตั้งแต่อาบน้ำเมื่อเช้า แต่ยังทำเป็นสบายดีได้เพราะต้นไม้ดูแลดีเหลือเกิน ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตัวเองก็เต็มใจให้มันเกิดจึงพยายามบอกตัวเองว่าไหว แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฝืนไปก็ไม่ช่วยอะไร

“ตัวปั้นอุ่น ๆ นะ ไปห้องพยาบาลดีมั้ย”

“รวบกวนทีนะ”

“สบายมาก”

สายไหมประคองเพื่อนชายตัวไม่ได้สูงกว่าเธอแถมยังผอมพอกัน ไปที่ห้องพยาบาลของคณะ กล่าวทักทายพยาบาลประจำที่ห้องแล้วแจ้งอาการป่วย พี่พยาบาลจึงพาไปที่เตียงก่อนจะไปหายามาให้ ขณะรอยาเลยหยิบมือถือมาเช็กว่ามีใครไลน์มาหรือไม่ ปรากฏว่ามีไลน์จากเพื่อนตัวโตที่ส่งข้อความมาหาตอนตีสี่ เนื้อหาดูงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่

‘จะโกรธกันก็ได้นะ แค่อย่าเกลียดก็พอ’
‘ตื่นแล้วบอกหน่อยนะ’
‘พรุ่งนี้จะไปรับที่บ้านนะ ไว้คุยกัน’


พาพูดเรื่องอะไรของเขานะ ข้าวปั้นคิดในใจ ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วไม่มีความทรงจำอะไรพวกนี้หรือแม้แต่กับพาทิศเองเขาก็จำได้ว่าเจอกันที่ร้านเหล้าแค่นั้น

[Onigiri] เรามาเรียนแล้ว พาไม่ต้องมารับนะวันนี้

เลือกที่จะไลน์ไปแค่นี้เดี๋ยวรอเจ้าตัวมาถึงค่อยถามไถ่อีกทีว่าที่คนตัวโตส่งข้อความมามันคืออะไรกันแน่ ความฉงนสงสัยเต็มหัวไปหมด และรู้สึกถึงความแปลกไปของพาทิศไม่น้อย ปกติพาไม่ใช้ภาษาซอล์ฟขนาดนี้

อาจจะอยากสำนึกผิดเรื่องวันนั้นล่ะมั้ง



Phatid’s Talk

ไม่ได้เห็นหน้ามองหลังคาบ้านก็ยังดี ยอมรับว่าวลีโบราณนี้แม่งโคตรเชยเลย แต่วันนี้ผมกลับทำแบบนั้นหลังจากที่ส่งข้าวปั้นถึงเตียงแล้วก็ยังยืนมองห้องนอนของเพื่อนตัวเล็กอยู่หน้าบ้านเขา มีความรู้สึกหลายอย่างตีรวนอยู่ภายในหัว ทั้งรู้สึกผิด ละอายใจ และกลัว

ใช่ คนที่กล้าชนกับทุกอย่าง กลับกลัวเพื่อนตัวเล็ก ๆ กลัวว่าจะโดนเกลียด

สิ่งที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัวและเลือกที่จะไม่ยับยั้งช่างใจทั้งที่ทำได้ ปล่อยมันเลยเถิดจนที่สามารถทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของผมและข้าวปั้นให้ขาดสะบั้นลงได้

ยืนมองหน้าต่างที่มืดสนิทท่ามกลางคืนข้างแรมไร้ดาว ยังคงถามตัวเองว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่พาข้าวปั้นมาส่งที่บ้านทั้งที่เจ้าตัวไม่มีสติดี แต่เพราะเขาละเมอพูดชื่อไอ้ต้นไม้ออกมา มันเลยทำให้หัวใจของผมเหลวเป๋วหมดแรงเสียดื้อ ๆ กลัวว่าเขาตื่นมาแล้วจะผิดหวังที่คน ๆ นั้นไม่ใช่ต้นไม้คนที่มันรัก แต่กลับเป็นเพื่อนที่ไม่คิดซื่ออย่างผม เลยตัดสินใจพาข้าวปั้นกลับมานอนบ้าน พอพรุ่งนี้เช้าค่อยไปสภาพผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เลยตั้งใจจะส่งข้อความทิ้งไว้สั้น ๆ พิมพ์แล้วลบอยู่หลายรอบจนกว่าจะได้ประโยคที่อ่อนโยนที่สุด แม้มันจะไม่เป็นตัวเองเลยก็ตาม แล้วตัดใจขับรถกลับคอนโดตัวเองไปในที่สุด

07.45 น.

ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง

ผมยืนอยู่หน้าบ้านหลังเดิมที่เพิ่งจากไปเมื่อคืนด้วยใจกระวนกระวาย ทั้งที่นอนไม่หลับแต่กลับรู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เดินวนอยู่หน้ารถตัวเองอยู่ราวห้านาที เริ่มใจแผ่วเพราะไม่มีคนวิ่งมาเปิดประตูเหมือนทุกที ชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร นอกจากแมวสีส้มที่ปีนชั้นวางต้นไม้ของคนที่ผมมารอเท่านั้น

หันไปตามเสียงรถที่มาจอดเทียบรถผม แล้วก็พบกับบีเอ็มสีดำซึ่งเจ้าของมันก็คือเจ้าของบ้านอีกคนที่เพิ่งแลกหมัดกันไปเมื่อคืน เหม็นขี้หน้าแม่งฉิบหาย แค่เห็นก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีเลย
   
มันลงจากรถมาด้วยท่าทีหยิ่ง ๆ ประจำตัว “จะมารับแล้วมาส่งตั้งแต่เมื่อคืนทำไม”
   
“ไม่เกี่ยวกับมึงครับ”
   
“แล้วถ้ากูบอกว่ากูไปส่งข้าวปั้นมาแล้วจะไม่เกี่ยวอยู่มั้ย” ผมรู้สึกถึงน้ำเสียงเยาะเย้ยของมัน แม่งเป็นเด็กปอสี่หรือไงวะ ทำไมต้องมาแก่งแย่งชิงกะอีแค่ไปรับไปส่ง
   
แสดงว่าปั้นไม่อ่านไลน์ตามเคย แต่เดี๋ยวนะ ถ้ามันไปส่งปั้นแล้วมันกลับมาทำไม มันไม่เคยให้ปั้นติดรถไปด้วยเวลาไม่มีเรียน
   
“แล้วมึงกลับมาทำไม ไม่เรียน?”
   
“เรื่องของกูอีกแหละ ขยับรถออกจากหน้าบ้านกูซะที จะเข้าไปนอน”
   
“...”
   
“กูฝากดูแลข้าวด้วยแล้วกัน” มันยักคิ้วให้ทีก่อนจะเดินกลับไปที่รถและกดรีโมทเปิดประตูรั้ว
   
ผมเบื่อฟังมันกระแนะกระแหนเลยเดินอ้อมไปเปิดรถและขับออกไปเพราะไม่อยากหงุดหงิดไปมากกว่านี้ หมายความว่าไงฝากดูแลข้าวปั้น ผมชักจะเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กเข้าเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดเอ็กเฟ็กต์กับร่างเล็กขนาดไหน อาจจะเจ็บมาก หรืออาจจะไม่สบายตัว แล้วทำไมยังไปเรียนวะ ไหนจะไม่อ่านไลน์อีก น่าโมโหจริง ๆ ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เหยียบคันเร่งฝ่ารถจำนวนมากในตอนเช้าเพื่อไปถึงคณะให้เร็วดั่งใจ
 
   
ผมเปิดประตูห้องแล็กเชอร์ที่มีเพื่อนนิสิตนั่งอยู่ประปรายทั้งที่อีกสิบนาทีคลาสจะเริ่ม แต่แล้วกลับไร้เงาคนที่มาก่อนนานแล้ว ข้าวปั้นไม่นั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวเดิมทั้งที่ควรจะนั่ง ไปไหนของเขานะ เป็นห่วงจะตายห่าอยู่แล้ว
   
“มิกกี้! เห็นข้าวปั้นป่ะวะ” ผมเรียกมิกกี้เพื่อนตุ๊ดเด็กที่อยู่ใกล้มือที่สุด
   
“โอ้ย พ่อคะ ตะโกนทำไมเนี่ยห้องสโลปก็แค่นี้”
   
“เอออย่าเพิ่งลีลาได้ป่ะ บอกกูมาเร็ว ๆ ปั้นไปไหน มาเรียนแล้วไม่ใช่หรอ”
   
มิกกี้กรอกตาก่อนจะตอบคำถามยาว ๆ ของผม “ไหมพาไปห้องพยาบาลค่าพ่อ น้องข้าวปั้นไม่สบาย”
   
“Shit!” พอได้ยินสิ่งที่มิกกี้บอกก็ไม่ได้ฟังอะไรอีกเลย หันหลังรีบวิ่งไปที่ประตูที่เปิดเข้ามาทันที
   
“อ้าวอิพ่อ อุทานหรือด่ากูวะ”



“ปั้นถามจริงไปทำไรมา เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย แล้วทำไมเดินแปลก ๆ วะ”
   
“คือ...เรา”
   
“เออ ๆ ถ้ามันลำบากใจก็ไม่เป็นไร ไม่อยากคิดเอาเองแต่มันก็คิดว่ะ ใช่แบบที่เราคิดป่ะ จะหาว่าเสือกก็ได้แต่อาการปั้นมันบอก”
   
“ละ แล้วไหม เอ่อ คิดว่าไงหรอ”
   
“ครั้งแรก?”
   
“...”
   
“แบบมีอะไรครั้งแรก?”
   
“อะ อื้ม”
   
“เชี่ยยยย”
   
“เราเมาแล้วต้นไม้ก็เมา”
   
“เชี่ยยยย ถามจริง!”
   
“อื้มมมม”


ผมได้ยินประโยคสนทนาโดยไม่ต้องเดาว่าเสียงนี้เป็นของใคร ก็เข่าอ่อนจนไม่มีแรงก้าวต่อ มือที่จับลูกบิดเตรียมเปิดประตูห้องพยาบาลก็สั่นจนควบคุมไม่ได้

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนสำหรับข้าวปั้นมันไม่มีความทรงจำของเราอยู่เลยสินะ
ความจริงกับสิ่งที่อยู่ในใจของข้าวปั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย


ผมเลือกที่จะเดินจากมา แม้จะเป็นห่วงเขามากแค่ไหน แต่ทำใจไม่ได้ที่ภาพจำของเหตุการณ์เมื่อคืนมันไม่มีตัวเองอยู่ในนั้น

ทั้งที่เมื่อคืนมันดีมากแท้ ๆ

[Onigiri] เรามาเรียนแล้ว พาไม่ต้องมารับนะวันนี้

เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ผมพิมพ์ไปก่อนหน้าเลยด้วยซ้ำ ไม่เอะใจอะไรเลยหรือไงวะ แม่ง!

ปึก!

ด้วยความโมโหและไม่รู้จะหาที่ลงจากไหนเลยปล่อยพลังหมัดใส่กำแพงให้มันระบายความอัดอั้นในหัวใจได้บ้าง ยอมรับว่ามือที่ปะทะกับกำแพงมันเจ็บ คงถลอกหรือเลือดซึม แต่เชื่อมั้ยมันยังเทียบกับความเจ็บปวดในหัวใจของผมตอนนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นมันกำลังบีบรัดอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บ เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนแม้จะเป็นกล้ามเนื้อที่สัมผัสไม่ได้
พาทิศที่เคยเก่งกาจและพร้อมดาหน้าสู้กับทุกคนทุกเรื่อง แต่วันนี้กลับต้องทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นจากผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ผมไม่กล้าแม้จะเดินไปบอกความจริงกับข้าวปั้นเพราะกลัวเขาผิดหวังที่เมื่อคืนมันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด ผมกลัวเขาเกลียดเพราะถ้าเขารู้ว่าผู้ชายคนเมื่อคืนคือผมไม่ใช่ต้นไม้ เขาจะไม่มีทางยินยอมให้มันเกิดขึ้น

ความรู้สึกแย่ถาโถมมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเมื่อคืนมันคือสายรุ้งที่พาดผ่านก่อนพายุลูกใหญ่จะพัดมาถึง
ผมต้องทำยังไง…


“อ้าวพ่อ ทำไมกลับมาเร็วล่ะคะ ไม่เฝ้าไข้น้องปั้นหรอ”

มิกกี้ถามขึ้นตอนผมเดินผ่านเก้าอี้มัน แต่เลือกที่จะไม่ตอบอะไรเพียงแค่เดินไปนั่งที่ประจำตัวเองเท่านั้น
ผมนั่งอยู่ไม่นานอาจารย์ก็เดินเข้าห้องมา รวมถึงไหมด้วย ปกติเราสามคนจะนั่งด้วยกันในวิชานี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอคำถามจากผู้หญิงช่างสังเกตอย่างเธอ

“พามือเป็นไรอะ”

“ไม่มีอะไรเราแค่เหวี่ยงแขนแรงตอนเดินผ่านคอกพี่ชีตาร์”
 
“อ๋อ แต่มันมีเลือดด้วยนะ ไปทำแผลมั้ย” ผมรู้ว่าสายไหมไม่ได้เชื่อคำโกหกจากผม เพียงแค่เธอคงเห็นผมไม่สบอารมณ์เลยเลือกที่จะเลี่ยงในการคะยั้นคะยอ

“ช่างมันเถอะไม่เจ็บเท่าไหร่”

“นี่ ข้าวปั้นไม่สบายนะ เราพาไปห้องพยาบาลแล้ว”

“อื้ม”

“แค่นี้หรอ ปกติเห็นเป็นห่วงมัน”

“มันคงไม่ได้อยากได้ความเป็นห่วงจากเราหรอก”

“อ่า”

“นิสิตปริ้นท์สไลด์และอ่านมาบ้างแล้วใช่มั้ยคะ”

เสียงอาจารย์หยุดความสงสัยจากสายไหมได้ชะงัด เธอหยิบอุปกรณ์การเรียนแต่ยังมองมาทางผมด้วยสีหน้าสงสัยไม่หาย
   
ความอึดอัดภายในหัวใจถาโถมราวกับโดนก้อนหินทับถมหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก แถมมันยังมืดมิดราวกับถูกปิดสวิตช์ไฟ ไม่สามารถหาทางออกจากปัญหานี้ได้ ที่สำคัญไม่มีความมั่นใจและความกล้าเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว





มีต่อ







ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
พักเที่ยงผมขอตัวแยกไปกินข้าวกับเพื่อนที่ชมรมบาสปล่อยให้ไหมไปเยี่ยมเพื่อนที่ห้องพยาบาลคนเดียว ทั้งที่อยากจะไปเจอหน้าเขาแทบตายแต่ก็ต้องตัดใจเพราะยังไม่พร้อมจริง ๆ

“ไงวะพา ทำไมมากินข้าวกับพวกกูได้” พอร์ชปีกขวาของทีมบาสประจำมหาลัยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมเหมือนเคย
   
“อืม กูแค่เบื่อ ๆ” ผมตอบพร้อมนั่งที่เก้าอี้ตัวยาวที่เหลือที่ว่าง
   
“อ้าวพวกกูกลายเป็นตัวแก้เบื่อเฉย” เหนือเซ็นเตอร์ทีมบาสของมหาลัยเย้าอีกแรง ผมสนิทกับพวกมันตั้งแต่ปีหนึ่ง เพราะตอนนั้นไม่อยากเข้าทำกิจกรรมกับคณะเลยมาคลุกตัวที่ชมรมแทน ซึ่งพวกมันได้โควตาเข้ามหาวิทยาลัยเพราะการเป็นนักกีฬา เคยเจอกันมาบ้างตอนแข่งระดับประเทศ พอผมเข้าชมรมพวกมันก็ต้อนรับดีแม้ผมจะไม่ได้มีทักษะเทียบชั้นอะไรพวกมันได้เลย
   
“แล้วมือไปโดนไรมาวะ ทำไมแปะพลาสเตอร์ลายพร้อยขนาดนั้น” ผมแวะซื้อพลาสเตอร์ง่อย ๆ แปะแผลถลอกที่เซเว่นก่อนจะเดินมาหาพวกมัน เพราะไม่อยากไปห้องพยาบาลแล้วเจอกับข้าวปั้น
   
“โมโหกำแพงนิดหน่อย แม่งเกะกะ” ผมตอบไปขำ ๆ ทั้งที่น้ำเสียงไม่ได้ขำเลยสักนิด
   
“เฮ้ย คนอย่างพี่พาทิศเขาโมโหกำแพงเขาก็ต่อยแล้วว่ะ ล่าสุด” ไอ้เหนือพูดขึ้น
   
“มึงโอเคมั้ยวะ ปกติมึงไม่ขึ้นง่ายขนาดนี้” ไอ้พอร์ชคงจับสังเกตถึงความผิดปกติของผมได้ ซึ่งผมรู้ตัวว่าวันนี้โคตรจะไม่ปกติเลย
   
“กูไม่รู้จะทำไงว่ะ กูจนตรอก กูกระจอก กูแม่งห่วย”
   
“เฮ้ย ใจเย็น ๆ ๆ ๆ”
   
เพื่อนสองคนเริ่มลุกลี้ลุกลนกับสิ่งที่ผมพูด มันคงไม่เคยเห็นพาร์ทนี้ของผม แน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นหรอกไอ้อาการอ่อนแอ ดูขี้แพ้ของพาทิศ ว่าที่หมอหมาที่ใคร ๆ ในมหาลัยก็รู้จักจะมานั่งด่าตัวเองว่าตัวเองห่วยได้ยังไง ภาพลักษณ์ที่ใครต่อใครคิดว่าเท่ คนจริง เก่ง กล้า ไม่เหมือนใคร วันนี้กลับนั่งจมปุกคิดไม่ตกกับปัญหาความสัมพันธ์ที่หาทางออกไม่เจอ
   
ผมโดดเรียนตอนบ่ายพร้อมเพื่อนอีกสองคน ใช้โต๊ะหินหลังคณะนิเทศฯ ของไอ้เหนือปรับทุกข์กับเรื่องที่เกิดขึ้น เล่าทุกอย่างให้พวกมันฟังด้วยความอึดอัดที่เกิดขึ้นในหัวใจ มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่พอได้พูดได้ระบายกับเพื่อนที่ไว้ใจมันก็ดีขึ้นเหมือนยกหินที่หล่นถมลงมาออกจากตัวเอง
   
“มึงกลัวเขาผิดหวังหรือมึงกลัวเขาเกลียดมากกว่ากันวะ” พอร์ชดับบุหรี่ที่สูบและถามขึ้นหลังจากที่ฟังเรื่องทั้งหมด
   
“ทั้งสองอย่าง”
   
“กูหมายถึงอะไรมากกว่ากัน” มันย้ำ
   
“กลัวโดนเขาเกลียด กูรู้นะถ้ากูยั้งใจมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่กู...ชอบเขาไง”
   
เหนือกอดอกด้วยสีหน้าเครียด ๆ “พูดยากฉิบหายเลยว่ะ มึงแน่ใจใช่มั้ยว่าเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นมึง”
   
“เขาพูดเอง กูจนปัญญา”
   
จู่ ๆ ไอ้เหนือก็ดีดนิ้วพร้อมกับใบหน้าที่ตื่นเต้นเหมือนมันคิดอะไรออก “กูคิดออกละ ไหน ๆ มึงก็ชอบเขาแล้วนี่หว่า ทำไมไม่ลองจีบแบบจริงจังเลยวะ คือถ้าเขารู้ว่ามึงรู้สึกดีกับเขา และเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่การฉวยโอกาสแต่เป็นการที่มึงรักเขา กูว่ามันอาจจะดีก็ได้นะเว้ย”
   
“เออที่ไอ้เหนือพูดก็น่าคิดนะ บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่มึงจะบอกเขาแล้วก็ได้นะพา” พอร์ชสนับสนุนความคิดของไอ้เหนืออีกแรง
   
“แต่เขาชอบไอ้เหี้ยต้นไม้ไง เขามีมันในใจก่อนเจอกูอีก”
   
ไอ้เหนือขมวดคิ้วก่อนที่มันจะพูดประโยคแทงใจผม “เอองั้นก็ยอมรับไปเถอะว่ามึงกระจอก”
   
“เหนือใจเย็น” พอร์ชพูดห้ามไอ้เหนือ เออหรือว่าจริง ๆ ผมแม่งกระจอกวะ ไม่ได้เก่งอย่างที่ตัวเองคิดหรอก “ทีเดินไปเกี้ยวดาวคณะนี่ทำเก่ง ไอ้สัส” ไอ้เหนือด่าอีกดอก ซึ่งแม่งจริงทุกคำ ไอ้การเที่ยวเปลี่ยนคู่นอนกับดาวคณะไปเรื่อยนี่แม่งไม่ได้เท่อยากที่ใครสรรเสริญเลยจริง ๆ เพราะถ้าเทียบกับการเดินเข้าไปบอกข้าวปั้นว่ากูชอบมึงยังไม่กล้า
   
“เอาน่าเหนือ ให้มันคิดหน่อย มันไม่ใช่เรื่องง่ายมึงก็รู้” ไอ้เหนือผู้มีประสบการณ์ไปบอกชอบน้องในคณะมันซึ่งเป็นเด็กผู้ชายปีหนึ่ง แต่ดันโดนปฏิเสธมากับเหตุผลยังไม่อยากคบกับใคร แต่เดือนต่อมาน้องดันไปคบกับนักว่ายน้ำของมหาลัยสะงั้น สรุปง่าย ๆ น้องมันไม่ใช่ไม่อยากคบใครแต่น้องมันไม่ได้คบไอ้เหนือ มันเซอยู่เกือบเดือนเหมือนกัน แต่มันก็ยังกล้ากว่าผมเยอะเลย
   
“เออ ๆ ค่อย ๆ คิดละกัน”
   
“ไปแดกเหล้าเป็นเพื่อนกูก่อนดีกว่าคืนนี้ ขอเวลาคิดก่อน”
   
“เอะอะก็ยกแก้ว ๆ”
   
“ไปมั้ยกูเลี้ยง”
   
“ก็ไปดิค้าบบบบ”
   
ไอ้พอร์ชหัวเราะหึกับความปัญญาอ่อนกลับไปกลับมาของไอ้เหนือ มันสองคนเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่สมกับเป็นนักบาส ไอ้พอร์ชนี่เรียกว่ายักษ์ได้เลยเพราะสูงร้อยเก้าสิบสองเซ็นฯ ผิวแทน หุ่นดี หน้าไทย เรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา ลงสนามนี่มีแฟนคลับตามกรี๊ดตลอด ส่วนไอ้เหนือก็สูงพอกัน เพียงแค่เป็นผู้ชายหน้าตี๋ ผิวขาว สไตล์โอป้าเกาหลี ขวัญใจสาวสองสาวสามทั้งมหาลัย  ไอ้เหนือเรียนนิเทศฯ เอกฟิล์ม

   
แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเจอไม่อยากรู้ว่าข้าวปั้นจะเป็นยังไง ก็ยังไม่วายไลน์ไปถามสายไหมอยู่ดี
   
[PT] ปั้นโอเคขึ้นยัง
   
[cottoncandy] ใครนะที่บอกไม่ห่วงเขา
   
[cottoncandy] โอเคขึ้นแล้วแต่ตัวยังร้อนอยู่เลย ตอนนี้ต้นไม้มารับกลับไปแล้ว
   
แค่เห็นชื่อไอ้ต้นไม้แม่งก็อารมณ์เสียเลย เมื่อไหร่มันจะเลิกวุ่นวาย
   
[PT]  อื้ม โอเค
   
[cottoncandy] ทำไมพาไม่ถามปั้นเองเลยล่ะ มีปัญหากันหรอ
   
[PT]  ไม่มีอะไร ขอบใจนะไหม
   
ผมมองภาพหน้าจอที่แอบถ่ายข้าวปั้นตอนหลับในห้องสมุดเมื่อตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นผมถ่ายมันรูปนี้ด้วยความรู้สึกที่อยากแกล้ง กะว่าจะเอาไว้ขู่มันตอนที่มันไม่ให้ลอกแล็กเชอร์ แต่กลับกลายเป็นว่าเปิดดูรูปนี้ทุกวันด้วยความรู้สึกใจเต้นจังหวะแปลก ๆ จนไม่อยากให้ใครเห็นรูปนี้เพราะหวงกลัวคนอื่นจะเห็นความน่ารักของข้าวปั้นเหมือนที่ผมเห็น และก็ยอมรับกับตัวเองว่าชอบเพื่อนตัวเล็กคนนี้เข้าสะแล้ว
   
ขอเวลาอีกนิดนะปั้น
   รอก่อนนะ



ร้านเหล้าใกล้มหาวิทยาลัยที่เดิม เหมือนผมเพิ่งออกจากที่นี่ไปเมื่อคืน คืนนี้กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่วันทำงานด้วย
   
“อ้าวเฮีย มาอีกแล้วหรอ หยุดบ้างดิ” น้องในร้านเอ่ยทักทาย ผมยกยิ้มให้มันแล้วเดินไปนั่งโต๊ะประจำ รอไม่นาไอ้พอร์ชกับไอ้เหนือก็มา เราสั่งเหล้ากลมหนึ่งกับมิกเซอร์อีกสามสี่ขวด ผมทำหน้าที่รินเหล้าให้พวกมันที่สละเวลามานั่งกินเหล้าด้วย ทั้งที่พรุ่งนี้พวกมันมีซ้อมแต่เช้า
   
“กูอยากรู้ว่าใครเป็นคนแรกที่คิดว่าอกหักต้องแดกเหล้าวะ” ไอ้เหนืออีกตามเคยที่ฉอดก่อนคนแรก
   
“ไม่ต้องเสือกอยากรู้หรอก มีให้กินก็กิน ๆ ไปเหอะ ของฟรียังพูดมาก ทำอย่างกะมึงตอนโดนน้องคนนั้นหักอกมาไม่แดกงั้นแหละ”
   
“อุ้ย อย่าจี้ปมดิค้าบ เรื่องมันนานมาแล้วพี่พาทิศ”
   
กรอกตาให้มันไปที ขณะที่ยกเครื่องดื่มสีอำพันเข้าปากก็สบตากับปูนที่มองมาจากเคาเตอร์ เขายกยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะหลบสายตาไป
   
เรื่องเมื่อคืนมันก็คงไม่ง่ายสำหรับเขาเหมือนกันสินะ

ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของต้นไม้และปูนลึกซึ้งขนาดนี้มากก่อน เพราะต่อหน้าทุกคนพวกเขาสองคนก็ดูเหมือนเป็นแค่เพื่อนกลุ่มเดียวกันธรรมดา ไม่ได้ดูสนิทชิดเชื้อกันสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่พอกลับบ้านกลายเป็นเซ็กส์เฟรนด์ และไม่รู้ว่าเป็นสถานะนี้มานานแค่ไหนแล้ว ถ้าข้าวปั้นรู้เรื่องนี้มันคงไม่ได้ยินดีด้วยแน่นอน
   
ค่อนคืนผ่านไปแอลกอฮอล์ที่สั่งมาหมดขวดไปแล้ว และเพื่อนอีกสองคนยืนยันว่าไม่ต่อเพราะพวกมันจะไปซ้อมไม่ไหว ผมไม่บังคับพวกเราเลยเลือกที่นั่งฟังเพลงกันต่อ สรุปจากที่พูดคุยกับเพื่อนอีกสองคนด้วยสติที่ไม่เต็มเต็งเท่าไหร่ ว่าจะเดินหน้าทำตามความรู้สึกของตัวเอง จะลองพยายามดูสักครั้งด้วยความจริงใจที่มีทั้งหมดมอบให้แกเขาคนที่ผมรักมาโดยตลอด มันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดเพราะมีหลายเรื่องที่น่ากังวล แต่นี่เป็นทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ว่าผมจริงจังกับข้าวปั้น และเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นผมไม่ได้ฉวยโอกาสแต่เพราะผมรักเขา
   
“มึงกลับดี ๆ นะไอ้พา นั่งให้สร่างแล้วค่อยขับรถ” ไอ้พอร์ชเตือนเหมือนทุกครั้ง มันเป็นคนสุขุมและรอบคอบเสมอ
   
“เออถ้ากูไม่ต้องกลับบ้านกูก็จะแบกมึงกลับไปนอนด้วยว่ะ” ไอ้เหนือสมทบ
   
“ไม่เป็นไรกูไม่ได้เมาขนาดนั้น กูกลับได้” ผมโบกมือลาพวกมัน และย้ำไปอีกทีว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมกลับได้เมากว่านี้ก็ยังกลับมาแล้ว

   
“น้ำหน่อยมั้ยจะได้ดีขึ้น” น้ำเสียงคุ้นหูมาพร้อมกับแก้วน้ำที่ถูกวางบนโต๊ะ ส่วนคนที่ถือมาให้เดินไปนั่งตรงข้ามกัน เขาดูอิดโรยเล็กน้อย สภาพไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่
   
“ก็ดี แต๊งส์นะปูน” เขาพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้บาง ๆ ผมยกแก้วน้ำดื่มจนหมด เป็นน้ำส้มคั้นสดที่ให้ความสดชื่นดีเหมือนกัน

“ทำไมวันนี้เข้างานล่ะ ปกติหยุดหนิ”
   
“เราไม่อยากกลับบ้านน่ะ แล้วนี่ทำไมมาเมาล่ะ”
   
“หึ นั่นสินะ ไม่รู้เหมือนกัน เมาไปแล้วมันจะมีทางออกยังไง”
   
“เรื่องเมื่อคืนพาอย่าบอกข้าวปั้นได้มั้ย เราไม่อยากให้ปั้นรู้สึกแย่”
   
“เห็นเราปากสว่างหรือไง”
   
“ไม่ใช่ ๆ คือเราแค่...”
   
“เอาเป็นว่าเราเข้าใจแล้วกัน”
   
ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็สบายดี อาจจะดื่มเพียวเยอะไปล่ะมั้ง คงได้เวลากลับแล้ว
   
“เราขอตัวกลับก่อนนะปูน” อยู่ ๆ ก็ยืนไม่ตรง เซจนมือต้องคว้าสะเปสะปะหาที่จับ
   
“พาโอเคหรือเปล่า” ปูนเข้ามาประคองผมไว้ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ อาจจะเพราะนอนด้วยด้วยก็เป็นได้ “จะขับรถกลับไหวหรอ”
   
“ปวดหัวจังวะ” ความปวดจี๊ดแล่นเข้ามาในหัวผมอย่างรุนแรง จนต้องกุมขมับตัวเอง
   
“เดี๋ยวเราไปส่งแล้วกัน”
   

อากาศภายในห้องเครื่องไม่ได้ร้อนแต่ผมกลับเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด เข้าใจว่าปูนกำลังขับรถไปส่งแต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหน “ร้อนจังเร่งแอร์ให้หน่อยสิ”
   
“เราว่าปูนไปหาหมอดีมั้ย”
   
“ไม่เป็นไรพาเรากลับคอนโดที”
   
“แต่เราไม่รู้ทาง งั้นไปบ้านเราก่อนแล้วกัน”
   
“อื้อ” ผมไม่ปฏิเสธเพราะไม่มีกระทั่งแรงจะขยับปากพูด ตอนนี้ปากชาไปเรียบร้อย กังวัลเหมือนกันว่าตัวเองดูผิดปกติ แต่ไม่อยากลำบากคนข้าง ๆ แค่เขาขับรถมาให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าพรุ่งนี้ไม่โอเคคงได้ไปโรงพยาบาลจริงจัง อาจจะแพ้อะไรบางอย่างที่กินก็ได้
   
   
“พาถึงแล้ว”
   
ผมขมวดคิ้วเพราะอาการหลายอย่างมันเริ่มรุนแรงและชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ผมไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดาไว้จะถูกหรือไม่เพราะไม่อยากปรักปรำคนที่อาสามาส่ง และเริ่มคิดแล้วว่าในแก้วน้ำส้มที่เขาส่งให้มันมีอะไรบางอย่างในนั้นหรือเปล่า
   
ปูนพยุงผมพาเดินเข้าตัวบ้าน ความต้องการบางอย่างที่มันไม่ควรมีตอนนี้กลับปะทุพลุ่งพล่านเต็มร่างกายไปหมด สิ่งที่ทำได้คือควบคุมมันไม่ให้มีผลกับผมก่อนที่จะถึงที่พัก แต่กลิ่นกายของคนข้าง ๆ กลับยั่วยวนและยั่วเย้าให้ผมยิ่งตอบสนองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในร่างกาย
   
“ถึงแล้ว”
   
ปูนวางผมลงที่โซฟาภายในห้องนอนที่คิดว่าน่าจะเป็นห้องของเขา เขากำลังจัดแจงท่านอนที่สบายให้ผมและจู่ ๆ ผมก็ต้านทานสิ่งที่ออกฤทธิ์ไม่ได้คว้าต้นคอเข้ามาเพื่อจูบ เป็นจูบที่ไม่ได้เกิดจากความต้องการทางความรู้สึก แต่กลับเป็นความต้องการของร่างกาย และสัญชาตญาณที่ต้องทำ
   
“อื้อ พา เดี๋ยวสิ”
   
“ปูนเอาอะไรให้เรากิน” ผมถอนจูบและเอ่ยกับเขา ก่อนที่จะกดต้นคอเขามารับจูบที่รุนแรงจากผมอีกครั้ง
   
“อื้อออ เราเปล่า อะ มะ ไม่ใช่”
   
ความต้องการด้านมืดของผมถูกแรงเร่งจากสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์เวียนวนอยู่ในร่างกาย จึงจับคนที่ตัวเล็กกว่า แถมตอนนี้แรงของผมยังมีมากขึ้น ผลักเขาล้มลงนอนแทนที่ที่โซฟา ก่อนจะจัดการถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัว และโลมเลียไปตัวแผ่นอกเนียนอย่างกระหาย
   
มือที่ว่างเร่งรีบจัดการถอดกางเกงขายาวและชั้นในที่ปิดปิดร่างกายเขาอย่างไม่ได้แยแสว่าปูนจะพยายามปัดป่ายห้ามปรามแค่ไหน มันอาจจะไม่ใช่แค่ผมถูกยาควบคุม แต่ผมกลับรู้สึกอยากเอาชนะไอ้ต้นไม้ขึ้นมา จากเรื่องเมื่อคืนก็มองออกว่าไอ้ต้นไม้รู้สึกกับปูนแบบที่ไม่ใช่แค่เซ็กส์เฟรนด์ แต่มากกว่านั้น รวมทั้งโกรธตัวเองกับเรื่องของข้าวปั้นที่ทำอะไรไม่ได้ และไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้มากกว่านี้ด้วย
   
“ฮึก พา จะ เจ็บ”
   
“แม่งโว้ย!” ความต้องการของผมพลุ่งพล่านจนปวดหนึบไปหมด อวัยวะกลางลำตัวของผมแข็งขืนจนรู้สึกเจ็บ ถ้าไม่ได้ระบายออกคิดว่าผมคงแย่แน่ ๆ และเสียงขอร้องของปูนสะกิดสติผมได้ดี ผมไม่ควรเอาเขามาเป็นที่รองรับอารมณ์และเป็นฉนวนให้มันวุ่นวายไปมากกว่านี้
   
“พาเราไปที่ห้องน้ำที ขอร้องล่ะ”
   
เมื่อปูนเห็นผมหยุดการกระทำเขารีบกุลีกุจอใส่เสื้อผ้าลวก ๆ แล้วพยุงผมเขาไปในห้องน้ำ พร้อมเปิดอ่างทำน้ำอุ่นให้ผมเข้าไปนั่งในนั้น
   
“ออกไปก่อน”
   
“อะ อื้อ”
   
“เดี๋ยว”
   
“...”
   
“ขอโทษนะ”
   
พอได้แช่น้ำอุ่นแล้วก็มีสติรู้ตัวเองขึ้นมา จึงจัดการระบายความต้องการของตัวเองที่มันล้นทะลักด้วยมือทั้งสองข้าง ทำอยู่นานมันก็ไม่สามารถออกมาได้อาจจะเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ผมอดทนได้มากขึ้น แต่จะมาอึดตอนนี้ไม่ได้มั้ยวะ แถมอาการปวดหัวยังยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ถ้าผมไม่ได้ปลดปล่อยมันต้องไม่ดีแน่ ๆ นี่มันคล้ายอาการตอนลงแดงชัด ๆ ไอ้ยาสวะพวกนี้เมื่อไหร่จะหมดจากโลก
   
ใช้เวลาอยู่นานจนตัวเองเริ่มหมดแรง ก็ไม่สามารถระบายสิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายในท่อนเอ็นแกร่งที่แข็งขืนได้
   

“ปะ ปูน ยังอยู่หรือเปล่า เข้ามา ฮะ หน่อย”
   
เสียงเปิดประตูห้องน้ำด้วยความรวดเร็วจากคนที่ผมเรียก ปูนแต่งตัวเรียบร้อยกว่าเมื่อครู่ เมื่อเขามองเห็นว่าผมอยู่ในสภาพไหนเจ้าตัวก็หลบสายตาทันที
   
“ปะ ปูน ช่วยหน่อย”
   
“ชะ ช่วยอะไร”
   
ผมรู้ว่ามันน่าอายและน่ารังเกียจที่จะมาขอให้เพื่อนร่วมงานทำอะไรเช่นนี้ แต่ถ้าเขาไม่ช่วยผมอาจจะตายได้ อีกอย่างถ้าถูกส่งโรงพยาบาลด้วยสภาพแบบนี้ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะดูแย่แค่ไหน แถมเรื่องอาจจะไปไกลถึงตำรวจอีก
   
ผมมองหน้าเขาด้วยสายตาเว้าวอน ก่อนที่ปูนจะค่อย ๆ ก้าวขาเดินมาที่อ่างน้ำ เปิดจุกปล่อยน้ำออก และก้าวเข้ามานั่งประจันหน้ากับผม ปูนมองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ส่วนผมได้แต่มองการกระทำของเขาที่ค่อย ๆ โน้มตัวเพื่อเข้ามาจับท่อนแกนกลางที่กำลังตั้งชูชันและขยับมือขึ้นลง ก่อนที่จะใช้ปากครอบลงมา ในใจผมอยากจะห้ามไม่ให้เขาทำขนาดนี้ แต่พอกลีบปากนุ่มได้สัมผัสกับส่วนนั้น ก็รู้เลยว่าอะไรที่จะเข้ามาช่วยผมได้ จึงได้ระงับคำคัดค้านปล่อยให้เขาทำต่อไป
   
“ฮะ อื้ม อะ ออกไปก่อน” ผมผลักคนที่ใช้ปากกับส่วนนั้นมาสักพัก และตอนนี้เหมือนจะสิ้นสุดความทรมานสักที
   
ผมปลดปล่อยน้ำในตัวเองจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยาตัวนี้มันเลวร้ายจริง ๆ เล่นเอาผมหมดแรง แม้จะรู้สึกสบายตัวขึ้น แต่กลับร้อน ๆ หนาว ๆ เหมือนจะจับไข้
   
“ขะ ขอบคุณนะ”
   
“อะ อื้อ” ใบหน้าแดงก่ำของปูนทำเอาผมรู้สึกระอายใจขึ้นมาที่ทำให้เขาต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ บอกตามตรงว่ามันเป็นเรื่องที่แย่มาก ๆ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันมาโดยตลอด ถ้าต่อจากวันนี้เขาจะรู้สึกรังเกียจผมก็คงไม่แปลกเท่าไหร่
   
“เดี๋ยวเราไปหาเสื้อผ้ามาให้”
   
“ขอโทษที่ต้องให้มาทำแบบนี้”
   
“...”
   
ปูนไม่ได้ตอบอะไรเขาลุกออกจากอ่างน้ำโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ นี่มึงคิดว่าเขาจะให้อภัยกับคำพูดโง่ ๆ แค่นี้หรือไงวะ เป็นแบบนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือไง


ทำไมเรื่องแม่งยากกว่าเดิมขนาดนี้วะ
   
End Phatid’s Talk



--------------------3----------------------



ก็บอกแล้วว่ามันเพิ่งเริ่มมมม

อยากตีนังข้าวปั้น มีหรอนอนกับใครจำสลับกับอีกคน

สงสารพี่พาจังเยยยยยยยย

ตอนต่อไปสะพรึงแน่นอน55555555555



ขอโทษที่มาช้าต่าง ๆ นี่เร็วแล้วงื้อ

วิถีเอเจ็นซี่มันไม่ง่ายเลยแม่ ;___;


ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
แงง อยากจับข้าวปั้นมาเขย่าๆๆ แล้วหันไปตีต้นไม้ ว้อยยย ช่วงหลังคือ ข้าวปั๊นนน หนูลู๊กกก o22

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จุดนี้คือขอสามพี ไม้พาปูนได้ไหมคะ รูกเราแซ่บ เป็นงาน อิอิ  :hao7:

ออฟไลน์ Macjellan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม้ปูนๆๆ เพราะรู้กเราแซ่บ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NaunaeZaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบพี่พาทิศง่ะะ ฮือออ แม่จ๋าาา

ออฟไลน์ Iiccungmi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากร้องไห้ แงงง ทำไมปูนทำแบบนี้ พี่พายิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ สงสารพาอะ แต่จะอย่างไรก็แล้วแต่ เราอยากให้คุณไรท์ยึดมั่นในสิ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกนะคะ อย่าไหวตามคอมเม้น กลัวมากเลย ฮือ ;--;

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
#ไม้ปูน เอ๊ะหรือจะสามพี :ruready ความสัมพันธ์อีรุงตุงนังไปหมด

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว
Four


แสงแดดแรกได้ทำหน้าที่หลังจากผ่านมรสุมพายุฤดูร้อนที่เพิ่งพัดผ่านไป ส่งผลให้อากาศยามเช้าเย็นสบายไม่ขมุกขมัวเพราะฝนตั้งเค้าเหมือนหลายวันที่ผ่านมาก ช่างแตกต่างกับพายุฝุ่นลูกใหญ่ที่กำลังพัดผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้ชายที่นอนเหม่มองเพดาน

พาทิศตื่นได้สักพักและรู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่คอนโดตัวเอง บนเตียงที่ไม่คุ้นเคย และกลิ่นที่แตกต่างจากห้องของเขาอย่างสิ้นเชิง แม้อากาศนอกหน้าต่างจะดีแค่ไหน ทว่าตรงข้ามกับหัวใจที่ร้อนรุ่มไม่ต่างจากเปลวไฟบนหัวไฟแช็กที่แม้จะไม่ร้อนแรงแต่ก็พร้อมเป็นฉนวนเปลวเพลิง เขายกแขนก้าวหน้าผากอย่างคิดไม่ตก ไม่รู้เลยว่าจะหาทางออกจากเรื่องนี้ได้อย่างไร

แกร๊ก

เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำเอาพาทิศหลุดจากภวังค์ ผู้ชายที่เขาอยู่ด้วยทั้งคืนเดินออกจากห้องน้ำ และเหตุผลที่ทำให้ตัวเขามานอนอยู่บนเตียงนี้ก็เพราะคน ๆ นี้ มันไม่ใช่เหตุผลในเชิงคลั่งไคล้ ชอบใจ หรืออะไรทำนองนั้น แต่ดันเป็นเหตุผลที่เขาหวังดี แต่พาทิศกลับทำเรื่องน่าละอายแก่ใจ จนความเป็นเพื่อนก็ให้กันได้ยาก

“เราทำพาตื่นหรือเปล่า พอดีเราชอบกลิ่นต้นสนตอนเช้า” พาทิศมองร่างสูงสัดทันเดินเช็ดผมที่เปียกหมาด ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้า เขานั่งพิงหัวเตียงและอาการปวดหัวยังคงอยู่

“เลยต้องปิดแอร์ ร้อนล่ะสิ” พาทิศขมวดคิ้วกับความปกติของปูน ทั้งที่เรื่องเมื่อคืนเขาสามารถไล่ผมออกจากบ้านได้ด้วยซ้ำ

“ข้าวปั้นเก่งนะ ดูแลต้นไม่พวกนี้ได้ดี เราเลยได้อานิสงส์ไปด้วย” เขายังคงเลือกเสื้อผ้าในตู้ และไม่ได้หันมามองหน้าคนที่นอนบนเตียงเลยสักวินาทีเดียว

“ปูน...เรื่องเมื่อคืน”

“...” คนขยับหยิบนั่นนี่หยุดการกระทำของตัวเองราวกับถูกปิดสวิตช์ “พาเชื่อเรามั้ยว่าเราไม่ได้เอายาใส่ในแก้วนั่น”

“...” กลายเป็นพาทิศอีกคนที่เงียบ แม้จะมีหลายอย่างที่อยากพูดออกไป แต่นิสัยปากหนักของตัวเองมันกลับกลืนก้อนความคิดลงคอไป

จู่ ๆ ความเงียบก็อบอวลรอบห้องสี่เหลี่ยมอย่างเฉียบพลัน เสียงนกจอแจริมหน้าต่างคือสิ่งเดียวที่บรรเทามวลก้อนความอึดอัดใจของทั้งคู่ กลิ่นต้นสนลอยเตะจมูกพาทิศอย่างที่ปูนบอก และมันทำให้เขาสัมผัสถึงธรรมชาติในยามเช้าที่มีคุณภาพ คนปลูกจะเป็นอย่างไรบ้างในวันนี้ จะหายป่วยหรือยัง

และแล้วเรื่องของปูนก็หลุดลอยออกไปจากห้วงความคิดของพาทิศในบัดดล
เพราะสิ่งที่รบกวนจิตใจของพาทิศคือเรื่องของข้าวปั้นมากกว่าของปูนแค่นั้น



ปูนเลือกแต่งตัวอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้หันไปมองผู้ชายตัวโตที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงเขาแม้แต่วินาทีเดียว สารภาพว่าเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เขาได้เข้าใกล้กับพาทิศก็จริง แต่มันเกิดจากการเล่นสกปรกและเขาไม่มีทางที่จะใช้วิธีแบบนี้ เพราะคิดว่าตัวเองมีดีมากพอที่จะใช้ยาชั่ว ๆ นั่น และตอนนี้ความเลวร้ายของมันก็แผ่รังสีมาลดทอนความไว้เนื้อเชื่อใจจากพาทิศจนหมด

พาทิศคิดว่าเขาเอายาปลุกเซ็กส์ให้กิน
   
แม้จะอธิบายหรือขอความเห็นใจสักเพียงใด ดูเหมือนร่างสูงจะไม่มีวันเชื่อ และหมดความไว้ใจเพื่อนร่วมงานคนนี้ไปเสียแล้ว
   
ในเมื่อความอึดอัดมันเกาะกุมใจขนาดนี้ เจ้าของห้องก็จะเสียสละออกไปจากตรงนี้แทน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนมองหน้าพาทิศให้รู้สึกแย่อีก เขาแต่งตัวเก็บของเสร็จโดยไม่ได้สังเกตร่างสูงใส่เสื้อผ้าตัวเองเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน “เราวางกุญแจรถพาไว้ตรงนี้นะ เดี๋ยวเราออกไปก่อน”
   
“เดี๋ยวสิ จะไปเรียนใช่มั้ย จะไปส่ง”
   
“ไม่เป็นไร เราไปเองเร็วกว่า”
   
“นี่มันเพิ่งเจ็ดโมงเองนะ”
   
“...”
   
“ถือว่าขอบคุณที่แบกเรากลับมาแล้วกัน” พาทิศไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรในการไปส่งเจ้าของห้อง จึงเลือกใช้เหตุผลโง่ ๆ ที่คนปากบอนจะคิดออก โดยที่ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนฟังสักนิดว่าจะรู้สึกแย่แค่ไหน ไม่ต่างจากผู้ชายขายน้ำที่น้ำแตกแล้วแยกทาง
เขามันก็คงเป็นได้แค่นี้
   
ปูนพยักหน้าอย่างไม่ได้เต็มใจ คว้าสัมภาระแล้วเดินออกจากห้องไปก่อน พาทิศมองเห็นสีหน้าของปูนแล้วก็หงุดหงิดใจว่าทำไมเขาถึงเป็นคนพูดให้ตรงกับใจไม่ค่อยเป็น


“ปูนลงมาแล้วหรอ วันนี้...” ผู้ชายสองคนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองชะงักกับคำทักทายของเจ้าของบ้านอีกคน เสียงคุ้นเคยที่เข้าโสตประสาทของพาทิศทำเอาเขาตัวชาดิก เรื่องของเขากับข้าวปั้นยังไม่ได้เคลียร์ ดันมีเรื่องกับปูนเข้ามาอีก ดวงตาที่เคยมองคนตัวเล็กมาเสมอต้องเสหลบสายตาคู่เดิมราวกับเจอสิ่งของต้องห้ามมอง
   
“อะ อ้าวพา...”
   
“พอดีพาเมาที่ร้านน่ะ เราก็เลยพามาที่นี่” ปูนตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ดูเขาจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่ด้านหลัง
   
“อ๋อ งั้นกินข้าวก่อนสิ เรากับไม้ไปซื้อมาแต่เช้าแล้ว” ปูนหันหน้ามาเหมือนถามความเห็น แต่เขายังไม่สบตาพาทิศอยู่ดี ปูนคิดเอาเองว่าพาทิศอาจจะอยากร่วมวงกินข้าวกับข้าวปั้นเลยเดินไปนั่งที่ประจำ
   
พาทิศสังเกตท่าทีของข้าวปั้น เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือเอะใจอะไรสักนิดกับการมาปรากฏตัวของเขาในบ้านตัวเองตอนเช้า นั่นหมายความว่าข้าวปั้นไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่าความเป็นเพื่อนที่ให้กันจริง ๆ และลืมเรื่องคืนนั้นราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง คงมีแต่คนตัวโตหน้าโง่ที่จำได้อย่างชัดเจนเพียงคนเดียว

“ไม้ ไม้! เอาถ้วยมาเพิ่มอีกใบนะ”
   
“ตะโกนทำไม หื้ม อยู่ใกล้แค่นี้เอง” เสียงอ่อนโยนของต้นไม้ถามข้าวปั้นอย่างที่เพื่อนร่วมบ้านอีกคนไม่เคยได้ยินมาก่อน ปูนสบตากับต้นไม้อย่างจัง ก่อนที่ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจะจ้องไปที่แขกที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอที่บ้านหลังนี้อีก
   
“มึง...”
   
“ไม้นั่งก่อนนะ” ข้าวปั้นรู้สึกถึงความไม่ปกติของสถานการณ์ พยายามจะห้ามคนที่ใกล้ตัวเองไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย “ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่”
   
“พูดดี ๆ สิไม้”
   
“กูพาเขามาเอง นี่ก็บ้านกูป่ะ” ปูนยืนขึ้นกอดอกมองต้นไม้ที่มีท่าทีกระฟัดกระเฟียดอย่างกับผู้หญิงมีประจำเดือน “อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ดิ”
   
“นี่...”
   
“ปูนกินข้าวเสร็จแล้วออกไปแล้วกัน เราไปรอที่รถ” พาทิศไม่อาจจะอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์ตรงหน้าได้ ความเจ็บปวดมันเกาะกินใจเขาอีกแล้ว สายตาของข้าวปั้นเป็นห่วงเป็นใยไอ้เหี้ยต้นไม้แทนที่จะมองเขาตรงนี้ทำมันทรมานเหลือเกิน
   
คนของเขาทั้งคน แต่กลับทำได้แค่นี้
   
“มานี่เลย” ต้นไม้เดินดุ่มเข้ามาดึงข้อศอกปูนด้วยแรงโกรธา ลากแขนแข็งแรงออกมาที่สวนหน้าบ้านโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของคนที่เกาะกุมแขนเขาไว้เลยแม้แต่นิด ข้าวปั้นงุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาที่ยังคงมองเห็นแต่ต้นไม้คนเดียวสอดส่องออกไปที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่กล้าเดินเข้าไป เพียงเพราะไม่อยากให้ต้นไม้มีอารมณ์ไปมากกว่านี้ เขาชอบตอนที่ต้นไม้อารมณ์ดีเพราะจะได้รับสายตาที่อ่อนโยนเสมอ




“คุณกำลังทำอะไร” ต้นไม้ถามเสียงเข้ม ท่าทางดูร้อนอกร้อนใจอย่างที่ไม่เหมือนต้นไม้สักนิด
   
“ทำอะไร” ปูนสะบัดแขนที่ถูกจับแน่นจนรู้สึกเจ็บ เขามีสัดส่วนที่เหมาะกับผู้ชายวัยเจริญพันธุ์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนต้นไม้ แรงบีบของคนตัวโตกว่าเล่นเอาแขนเป็นรอย ซึ่งเขาไม่ชอบที่ร่างกายเป็นรอยและต้นไม้รู้ดี
   
“ก็พาไอ้เหี้ยนั่นมาไง จะยั่วโมโหหรือไงวะ”
   
“ยั่วโมโหอะไร แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไม่พอใจวะ นี่มันก็บ้านเราเหมือนกัน”
   
“สิทธิ์ที่นอนกับคุณไง!”
   
ผลัก!
   
ปูนผลักต้นไม้อย่างแรง ทว่าร่างสูงยังก้าวถอยหลังไปแค่ก้าวเดียว “หยุดพูดจาหมา ๆ แบบนี้ซะที ก็บอกว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
   
“คุณจบของคุณไปดิ เราไม่จบ”
   
“จะเป็นแบบนี้ใช่ป่ะ ได้ เรานอนกับพาแล้วเมื่อคืน!”
   
“...”
   
“และเราจะไม่กลับไปนอนกับคุณอีก!”
   
ราวกับโดนตีหัวด้วยไม้หน้าสามอย่างแรง ต้นไม้ผู้ไม่เคยรู้สึกรู้สากับใครมาก่อนในชีวิตกลับรู้สึกเจ็บจนชาที่หัวใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “หึ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู”
   
“ได้ไม่ได้ก็ทำไปแล้ว และจำไว้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์อะไรให้ตัวเรา”
   
ต้นไม้เลือดขึ้นหน้า คว้าแขนของปูนขึ้นมาจับอย่างแรง นิ้วเรียวยาวยกขึ้นมาชี้หน้าคนตัวบางกว่า น้ำเสียงที่กลั่นออกมาจากลำคอมันทั้งสั่นและแข็งกร้าว
   
“อย่าลองดีกับกู”
   
“...”
   
“เป็นเมียกูแล้วอย่าริไปร่านใส่ใคร”
   
ปูนไม่ได้รู้สึกตกใจกับท่าทีที่เกรี้ยวกราดของต้นไม้เลยแม้แต่นิด เพราะตอนมีเซ็กส์กันคนตรงหน้าก็มักจะปล่อยด้านมืดของตัวเองออกมาอย่างไม่รู้ตัว และเขาก็รองรับอารมณ์ดุร้ายนั้นมาตลอด ด้วยร่างกายตัวเองมันก็ยินยอมเหมือนกัน
   
“หึ คุณจะมีเมียสองคนพร้อมกันหรอ แน่ใจนะ”
   
“...”
   
“อย่าคิดว่าจะเล่นเกมเป็นคนเดียวดิ”
   
ปูนยกยิ้มมุมปากอย่างเหนือชั้น ไม่ใช่เขาไม่กลัวท่าทีของต้นไม้ แต่การกลัวมันไม่ได้ทำให้เขาหลุดพ้นออกจากวังวนนี้ได้ ที่ผ่านมายอมรับว่าเขาสนุกและพอใจกับการเป็น friend with benefit ของต้นไม้ เขาพอใจถึงขั้นกับรักมันด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยรู้สึกกับต้นไม้มากไปกว่าเพื่อนนอนแค่นั้น และวันนี้เขาก็ต้องเลือกเสียทีว่าจะเดินทางไหน

และเขาเลือกเดินไปหาคนที่รออยู่ในรถ
มากกว่าอยู่ที่เดิมกับผู้ชายตรงหน้า

   
ปูนสะบัดแขนอย่างแรงและมันทำให้เขาหลุดพ้นจากพันธนาการของร่างสูงที่โกรธจัด คำว่าแพ้, ที่สอง, เสียหน้า ไม่เคยมีในพจนานุกรมต้นไม้ แต่วันนี้เขากลับทำให้คนตรงหน้ารู้สึกเช่นนั้น ไม่ได้สะใจอะไรเลยสักนิด
เพราะไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
   
“เล่นให้จบแล้วกัน อย่ายอมแพ้ไปมากกว่านี้”
   
“ปูน!!”
   
ผู้ชายผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้สนใจคำเรียกของคนข้างหลังเลยสักนิด ความรู้สึกของเขาตอนนี้โล่งเหมือนได้ยืนท่ามกลางดงป่าสนรายล้อม โซ่ตรวนที่ผูกมัดตัวเองกับสิ่งที่ใครก็ว่าไม่ดีได้หยุดพ้นจากชีวิตเสียที และเขาจะไม่กลับไปอยู่ในจุดนั้นอีก อย่างน้อยก็เพื่อคุณค่าของตัวเอง

   

“โอเคหรือเปล่า” สารถีที่รออยู่บนรถถามขึ้นหลังจากตุ๊กตาหน้ารถขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี อย่างที่ทราบเขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของปูนกับต้นไม้มันอยู่ในจุดไหน และคนข้าง ๆ ก็ไม่ได้ปกติเหมือนก่อนหน้า จึงอดถามไถ่ไม่ได้
   
“อืม” ปูนถอนหายใจแล้วดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด “มันไม่มีอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
   
พาทิศไม่ได้ถามต่อเพียงแต่ออกตัวรถไปตามถนน และคนข้าง ๆ มองไปข้างหน้าอย่างไม่ได้มีโฟกัสอะไร
ไม่มีอะไรแต่แรก ไม่ใช่ว่ามีตอนนี้ไม่ได้ เขาคิดในใจ เพราะเขาก็ไม่เคยรู้สึกกับข้าวปั้นตั้งแต่แรกเหมือนกันแล้วตอนนี้กลับรู้สึกมากเจียนจะเป็นบ้า
   
“เราทำปูนอดกินข้าวเช้าหรือเปล่า งั้นไปกินข้าวก่อนเข้ามอมั้ย”
   
“ไงก็ได้” ปูนตอบแต่ไม่ได้หันมามองคนถาม เขาเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นแหละเป็นเหตุผลที่พาทิศแน่ใจว่าปูนกำลังโกหกความรู้สึกตัวเอง
   
บรรยากาศของการกินอาหารเช้าของผู้ชายสองคนที่ร้านโจ๊กชื่อดังตอนเช้าเป็นไปอย่างเงียบเชียบ ปูนไม่ได้พูดอะไร ส่วนพาทิศก็นั่งกินกาแฟดำจากร้านร้านรถเข็นข้างกันอย่างไม่เอ่ยคำพูดอะไร มีบ้างที่เผลอสบตากันแต่ก็ต้องรีบเสมองทางอื่นกันทั้งคู่ อาการประดักประเดิดเกาะกุมความสัมพันธ์ของเราสองคู่ราวกับน้ำแข็งในช่องฟรีซที่ไม่เคยกดละลาย และมันจะยิ่งพอกพูนถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังคงไม่ได้ยอมพูดอะไรออกมา
   
พาทิศไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องพูดคำว่าอะไรให้สถานการณ์ดีขึ้น
   
พอ ๆ กับปูนที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองรอคำพูดอะไรกันแน่ ขอโทษ? หรือ เสียใจ? ซึ่งมันไม่ได้เขาให้เขารู้สึกดีขึ้นสักนิด



@คณะนิเทศฯ
   
“เห้ยพามาทำไมแต่เช้าวะ แล้วไม่ใส่สุดนิสิต?”
   
“มารอมึงไง รู้มั้ยเมื่อคืนเกิดเรื่องเหี้ย ๆ ตอนที่พวกมึงกลับไป” ไอ้เหนือทักผมเสียงดังหลังหลังจากที่โทรไปหามันให้เข้าคณะแต่เช้าเพราะมีเรื่องจะปรึกษา ด้วยความขี้เสือกของมันเลยทำให้มันมาเร็วยิ่งกว่าขับจรวดด้วยดูคาติของมัน

“กูโดนยาปลุก”

“ห้ะ!!”

“ห้ะดังหาพ่อง มึงอยากให้ออกเสียงตามสายหรือไงวะ” พาทิศรีบยกมือปิดปากเพื่อนปากสว่างแทบไม่ทัน

“เออ ๆ ๆ อ่อยอ่อน อืออึงเอ็ม (ปล่อยก่อนมือมึงเค็ม) พาทิศปล่อยมือจากปากเพื่อนแล้วเช็กกางเกงลวก ๆ ไม่ใช่แค่มือเขาเค็มแต่น้ำลายมันก็บูดพอกัน “มึงเล่ามาเลยขอละเอียด ๆ”

“ตอนกูกำลังจะกลับ ปูนเอาน้ำส้มมาให้กู กูอยากสร่างไว ๆ เลยกินไม่ได้คิดอะไร”

“เชี่ยยย ปูนเพื่อนที่ร้านอะนะ”

“เออ อย่าเพิ่งขัดสิวะ ฟังให้จบก่อน”

“โทษ ๆ ต่อเลย ๆ” ไอ้เหนือนั่งเท้าคางฟังอย่างตั้งใจ ไม่ค่อยอยากเสือกเลยผู้ชายห่าไรวะ แต่เหมือนพาทิศจะลืมตัวว่าตัวเองเป็นคนโทรเรียกมันมาให้เสือก

“อยู่ ๆ กูก็ร้อนวูบวาบตามร่างกาย มึนหัว ตาลาย เขาก็เลยอาสาไปส่ง แล้วกูแม่งหมดแรงข้าวผัดปูที่กินไปเลย ปากชาเหมือนโดนผ่าฟันคุด ตอบเหี้ยอะไรไม่ได้รู้แค่อยากอย่างเดียว เขาเลยพาไปที่บ้านเขา” ตลอดเวลาที่เล่าไอ้เหนือก็อุทานหยาบ ๆ ของมันเป็นระยะ “กูไม่ได้พิศวาสอะไรเขาเลยแต่ด้วยยามันทำให้กูอยาก ก็เลยพยายามที่จะทำกับเขา แต่เขาร้องไห้ว่ะ กูเลยให้เขาพาเข้าห้องน้ำทรมานฉิบหายกว่าจะหมดฤทธิ์”

“ร้องไห้? ทำไมวะ เขาต้องการแบบนี้ไม่ใช่หรอ ก็เอายาให้มึงกินขนาดนั้น”

“แต่เขาบอกไม่ได้ทำ”

“มึงเชื่อ?”

พาทิศพยักหน้าน้อย ๆ เพราะตัวเขาเองก็หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อคำพูดแค่ไม่กี่คำของปูน อาจจะเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ปูนมีโอกาสมากมายที่จะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ทำ ทำไมถึงเลือกเจาะจงที่จะเป็นวันนี้มันไม่มีเหตุผลเลยไม่ใช่หรือไง อีกอย่างสายตาของคนที่ต้องการกับคนที่ขัดขืนมันดูออก แม้พาทิศอาจจะไม่ได้มีสติเต็มเต็งแต่ไม่ใช่ขาดสติจนไม่เห็นแววตาหวาดกลัวว่าจะถูกเขาขื่นใจสักหน่อย

“เป็นไปได้หรอวะ แล้วใครจะกล้าทำ ปกติร้านนี้ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ป่ะ”

“กูว่าแม่งต้องมีเงื่อนงำ เหมือนปูนกับกูโดนใช้เป็นเครื่องมือ” แต่ก็ยังนึงคนที่น่าสงสัยไม่ออก เพราะศัตรูของเขาตอนนี้มีคนเดียวซึ่งก็คือต้นไม้ ซึ่งมันไม่ยอมให้เมียมันนอนกับคนอื่นหรอก ไม่งั้นจะหึงปูนจนออกนอกหน้าทำไมเมื่อเช้า

“แล้วมึงลงได้ไงวะ กูเคยได้ยินว่ายากพวกนี้แม่งหมดฤทธิ์ยากด้วย”
พาทิศเลิกลั่กกับคำถามของเพื่อนตัวเอง เพราะเขายังจำภาพของปูนที่ช่วยชีวิตเขาและลูกชายเขาไว้อย่างที่วนอยู่ในหัวตลอดเช้านี้ ปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างคนกำลังจะโกหก ก่อนจะตอบข้อแก้ตัวเดียวที่หาเจอ

“มือกูนี่ไง ถามโง่ ๆ อีกแล้วนะมึง”

“ไหนกูดิดิ๊ กล้ามขึ้นเยอะกว่าเดิมป่ะ ก่อนจะหมดฤทธิ์น่าจะเปียกเลย อิอิ” ความกวนประสาทของไอ้เหนือทำเอาผมอยากจะกุมขมับ เพราะยิ่งมันพูด ภาพเมื่อคืนกลับฉายซ้ำอย่างไม่หยุดหย่อน ปากบางสีส้มของปูนที่งับช้อนโจ๊กเมื่อเช้าพาทิศยังคิดดีไม่ได้ เขาไม่ใช่คนที่มีความต้องการทางเพศขนาดนั้น เพียงแค่ว่าปูนคือผู้ชายคนแรกที่ใช้ปากกับตรงนั้นของเขาแค่นั้น...

“เออแล้วมึงจะเอาไง จะหาคนทำหรอวะ”

“กูอยากรู้ว่าใครเล่นสกปรก เลยจะมาให้มึงช่วย เมื่อคืนกูเห็นพนักงานใหม่เป็นรุ่นน้องที่คณะมึงถ้ากูจำไม่ผิด น่าจะเป็นเดือนปีที่แล้ว กูไม่อยากเข้าไปถามมันเองเดี๋ยวจะหาว่ากูหาเรื่อง ไม่อยากมีปัญหาในร้าน”

“หรอวะ ไอ้เด๋อ ๆ นั่นอะนะ เออ ๆ เดี๋ยวกูลองสืบให้ละกัน”

“แล้วเรื่องข้าวปั้นยังไงต่อ”

คนถูกถามถอนหายใจเบา ๆ ทั้งที่ใจอยากจะตอบคำถามของเพื่อนเพราะมีหนทางในใจ แต่เมื่อเกิดเรื่องของปูนขึ้นสิ่งที่คิดว่าจะทำได้ก็เริ่มไม่แน่ใจ เพราะตัวแปรมันเพิ่มมากขึ้น แค่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำกับปูน แม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้นตัวเองก็มีสติมากพอแต่ก็ยังขอให้เขาทำ ซึ่งมันแย่กว่าเรื่องที่เกิดกับข้าวปั้นเพราะอันนั้นตั้งใจ แต่ดันเป็นการตั้งใจที่เจ้าตัวไม่รู้เลยแม้แต่นิด

“บอกตามตรงกูไม่รู้ว่ะ แต่กูจะไม่ให้มันจบแบบนี้แน่”

แม้ขณะนี้มันจะเหมือนเดินในเขาวงกตที่คดเคี้ยวและวกวน แถมยังมีอุปสรรคระหว่างทางอีกมากมาย แต่มันจะไม่ยากเกินความพยายามของมนุษย์พาทิศหรอก
   
แม้จะต้องวิ่งไล่จับพระอาทิตย์เพื่อคนที่รักเขาคนนี้ก็จะทำ




มีต่อ

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ต้นไม้ยืนเท้าสะเอวใต้ต้นจามจุรีย์กับบรรยากกาศยามเช้าที่สดใส เสียงเหล่าบรรดาวิหกทักทายกันเจื้อยแจ้ว ทว่าภายในใจเจ้าของบ้านกลับร้อนรุ่มและมีแต่ความไม่พอใจเต็มเปี่ยมจนมันแทบทะลักออกมา เขาพ่นควันบุหรี่มวนที่สองอย่างแรงออกจากริมฝีปาก ควันสีขาวพวยพุ่งปะปนกับอากาศจนภาพความสดใสขมุกขมัวไม่ต่างจากคนที่พ่นมันออกมาสักเท่าไหร่
   
หึ คิดจะเล่นเกมกับคนคุมเกม แค่คิดก็ไม่มีวันชนะแล้ว
   
เขาหยุดความคิดหลาย ๆ อย่างเพราะนึกขึ้นได้ว่ามีหมากตัวสำคัญกำลังรอกินข้าวเช้าอยู่นานแล้ว ดับบุหรี่ด้วยปลายเท้าลวก ๆ เปลี่ยนมู้ดอารมณ์เป็นอีกคนที่ข้าวปั้นเห็นอยู่ทุกวัน ซึ่งช่วงนี้ทำดีกว่าเขาจนเกินคำว่าเพื่อนร่วมบ้าน เพราะหวังผลทั้งนั้นแหละ
   
ต้นไม้เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีสบาย ๆ ต่างจากตอนออกไปอย่างสิ้นเชิง สายตามองไปเห็นรูมเมทนั่งยอง ๆ พิงเคาเตอร์ครัวอยู่ “ข้าว ทำไมไปนั่งตรงนั้น รอนานหรือเปล่า โทษทีนะ”
   
“...”
   
“ข้าวปั้น”
   
“...”
   
“ข้าวปั้น!”
   
“หะ ห้ะ อ้าวไม้มาแล้วหรอ”
   
“ทำไมมานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้ มากินข้าวเถอะหิวแล้ว”
   
“อื้อ ๆ”
   
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าซีด ๆ ไข้กลับหรอ แล้วทำไมไปนั่งตรงนั้น” ต้นไม้ไม่ถามเปล่า พอคนที่เรียกเดินมาถึงโต๊ะกินข้าวเขาก็ใช้หลังมืออังหน้าผาก แถมลูบหัวด้วยความอ่อนโยนด้วย
   
ช่วงหลังมานี้คนถูกทำอะไรแบบนี้ให้รู้สึกดีจนล้นเอ่อเต็มหัวใจ แต่วันนี้กลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ทว่ากลับแทนที่ด้วยความเคลือบแคลงและความสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้ ราวกับว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาข้าวปั้นไม่ได้รู้จักเขาอย่างที่คิดไว้
   
“ปะ เปล่า เราแค่หิวน่ะ เลยไปหลบมุมไม่ให้เห็นกับข้าวไง จะได้ไม่หิวมาก”
   
“คิดอะไรน่ารักอีกแล้วเนี่ย งั้นก็กินข้าวเถอะ ปั้นนั่งสิ” ต้นไม้ขยับเก้าอี้โต๊ะประจำของข้าวปั้นอย่างที่ไม่เคยทำ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้คนที่กำลังนั่งเก้าอี้คงใจพองฟู ทว่าวันนี้กลับขบคิดหลายอย่างภายใต้ใบหน้าที่ทำให้ดูปกติ
   
เขาไม่ใช่ต้นไม้ที่ข้าวปั้นรู้จักอีกต่อไปแล้ว
   
“วันนี้ไม่ได้ไปส่งนะ เรามีเรียนสิบโมง เดี๋ยวกลับมาไม่ทัน”
   
“อื้ม ไม่เป็นไร เราไปเองได้”
   
ต้นไม้ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของข้าวปั้นเลยแม้แต่นิด เพราะเขาไม่ได้สนใจคน ๆ นี้ขนาดนั้นอยู่แล้ว ทำไปเพื่อหวังผลบางอย่างโดยเฉพาะความสะใจที่ได้เห็นเพื่อนตัวโตของคนที่นั่งกินข้าวข้างกันกระวนกระวาย

เพราะทุกอย่างมันคือเกม



ผู้ชายรูปร่างสมส่วนสะพายกระเป๋าเป้สีดำ แต่งชุดนิสิตเรียบร้อย สวมแว่นตากรอบสีดำธรรมดา กำลังจ่ายค่าวินมอเตอร์ไซค์ที่นั่งจากรถไฟฟ้ามาที่คณะ เขาชะงักที่มีเสียงผ่านผ่านโทรโข่งและเสียงตีกลองจากคณะข้าง ๆ ทั้งที่มันก็ผ่านช่วงรับน้องและกีฬามหาลัยมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไรเพียงแค่เดินผ่านเพื่อจะไปซื้อกาแฟและกลับคณะไปเรียนเหมือนทุกวัน
   
“เธอ ๆ”
   
“...”

ข้าวปั้นเดินก้มหน้าก้มตาขณะเดินผ่านกลุ่มที่จัดกิจกรรม เพราะไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้ เขาไม่ชอบการเป็นจุดเด่นและเป็นที่รู้จัก

“เธอที่สะพายกระเป๋าสีดำน่ะ” ข้าวปั้นหยุดชะงัก เพราะคิดว่าตัวเองโดนเรียกเข้าให้

“เรียกเราหรอ”

“อื้ม เรียกเธอน่ะแหละ”
ผู้ชายตัวสูงพอกับเขายืนยอดอกมองมาที่ข้าวปั้นเชิงสำรวจ เขามีใบหน้าที่ดูจะน่ารักก็ดีจะบอกว่าหล่อก็ได้ ผมสีน้ำตาลอ่อนแกมเทาเหมาะกับผู้ชายคนนี้เหมือนปลุกเสก ทำไมคนใคร ๆ ก็ดูดีกันทั้งนั้นเลยนะ

“มีอะไรหรอ”

“น้องข้าวปั้นนนน!!” ยังไม่ทันได้คุยกับคนตรงหน้าก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเหมือนไม่ได้ยินนานแล้วเรียกขึ้น

“อ้าว สวัสดีครับพี่มะนาว” พี่มะนาวเป็นตุ๊ด (เขานิยามตัวเองแบบนี้) ที่ตัวเล็กน่ารักแถมยังสดใสตลอดเวลา แถมยังมีผู้ชายตามจีบเป็นพรวนแต่เหมือนพี่แกจะไม่ชอบใครเลย ทั้ง ๆ ที่ภาพลักษณ์ก๋ากั่นแต่ยังเวอร์จิ้น ข้าวปั้นรู้จักกับพี่มะนาวเมื่อตอนปี 1 เพราะแกคะยั้นคะยอให้ไปถือป้ายให้คณะแกหน่อย เพราะคณะพยาบาลปีนั้นมีแต่ผู้หญิงล้วนก็เลยได้รู้จักกันตั้งแต่นั้นมา

“อุ๊ย ๆ ๆ ได้นะคะ คนนี้ถ้าทำตรงนี้นิดเปลี่ยนอันนี้หน่อย คือเป๊ะเว่อร์”

“ใช่มั้ยเจ้ ผมก็คิดแบบนั้น” จู่ ๆ พี่มะนาวก็พูดกับผู้ชายอีกคนเชิงพิจารณาข้าวปั้น ทำเอาคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว เพิ่มทวีความประหม่าอีกเท่าตัว

“อะ อะไรกันครับ หน้าผมมีอะไรหรอ”

“อุ้ย ป่าวค่ะน้องข้าวปั้น คืองี้นะ เจ้กำลังช่วยน้องเควิลเขาทำโปรเจ็กต์ค่ะ คล้าย ๆ กับรายการ let me in รู้จักมั้ยคะ แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะคะ แต่ก็คือจะทำให้คนที่เข้ามาเนี่ยเปลี่ยนลุค เพื่อพิสูจน์ว่าถ้าคนเรารู้สึกมั่นใจจากภายนอก จะสามารถนำไปสู่ความมั่นใจภายในได้น่ะค่ะ น้องข้าวปั้นสนใจมั้ยคะ”

“อย่างที่เจ้มะนาวบอกเลย เราชื่อเควิล เป็นเจ้าของโปรเจ็กต์เองแหละ เราเรียนมาร์เก็ตติ้งนะ ยินดีที่ได้รู้จัก เราอยากให้เธอเข้ามาร่วมโปรเจ็กต์กับเรา จะได้มั้ย” คนที่ชื่อเควิลพูดสมทบพี่มะนาวแถมยังแกมข้อร้องให้ข้าวปั้นเข้าร่วมด้วย

“เอ่อ คือ เราว่าเราไม่เหมาะหรอก” อย่างที่รู้ข้าวปั้นไม่ชอบการเป็นจุดสนใจ หรือเป็นที่รู้จักของใครต่อใครมากมาย เขามีเพื่อนนับคนได้ ที่สนิทกันก็นับนิ้วได้เลย การที่จะเข้าร่วมโครงการกับคนที่เพิ่งรู้จักกันมันไม่ใช่เรื่องง่ายกับคนที่กลัวสิ่งใหม่อย่างเขา แม้ภายนอกข้าวปั้นจะดูสดใสร่าเริง แต่นี่แหละคือจุดอ่อนที่ใครหลายคนไม่ค่อยรู้

“ทำไมล่ะคะน้องข้าวปั้น เจ้จำได้นะว่าวันนั้นที่ถือป้ายให้เจ้ หนูเป็นคนละคนเลยนะลูก ไม่ชอบหรอคะ”
   
ใช่เขาไม่ชอบเลยสักนิด ที่จู่ ๆ ก็โดนถ่ายรูปลงเพจ cute boy มหาวิทยาลัย และมีคนมาขอถ่ายรูปมากมาย รอยยิ้มโง่ๆ เด๋อ ๆ ของตัวเองถูกส่งต่อกันภายในโซเชียลมีเดียโดยที่เขาไม่ได้ยินยอม เขาต้องตั้ง private IG เพราะมีคนมาฟอลเยอะจนตั้งตัวไม่ทัน และเขาไม่ชินกับการเป็นที่รู้จักของใครต่อใคร หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยอีกเลย
   
“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณมากนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยครับ” ข้าวปั้นยิ้มเจื่อนให้เควิล และกำลังจะหมุนตัวเดินไปร้านกาแฟต่อ แต่อีกฝ่ายก็เรียกไว้
   
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่รายละเอียดของโปรเจ็กต์แล้วก็มีคอนแท็กเราด้วย ถ้าเปลี่ยนใจก็โทรมานะ” เควิลยื่นแผ่นพับพร้อมกระดาษโพสต์อิทแล็ก ๆ ให้
   
“อื้ม แต๊งกิ้ว”
   
เควิลมองผู้ชายที่เขาหมายปองให้มาร่วมโปรเจ็กต์เดินเข้าร้านกาแฟใต้คณะด้วยสายตาเสียดาย เพราะเขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวของข้าวปั้น มันถูกชะตาแปลก ๆ แถมสายตาเศร้า ๆ ของข้าวปั้นมันทำให้เขานึกถึงคน ๆ หนึ่งที่เคยหมดความหวังจนแสดงออกมาผ่านสายตาแบบนี้ และเขาไม่เอะใจ จนสุดท้ายก็เสียเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ เพราะโรคซึมเศร้า เขากลัวว่าข้าวปั้นจะหมดความหวังในตัวเองจนสุดท้ายแล้วจะคิดว่าตัวเองไม่เหลือค่าและไม่เหลือใคร
   
“เจ้ ผมต้องทำให้ข้าวปั้นมาเข้าโปรเจ็กต์กับผมให้ได้ ช่วยหน่อยนะ”
   
“ฮั่นแน่ ชอบเขาหรือเปล่า”
   
“ชอบอะไรวะ ไม่ได้เบี้ยนนะเว้ย มองกันออก”
   
“หื้อ เบี้ยนอะไร ข้าวปั้นน่ะ...เดี๋ยว จริงหรอ”
   
“ลาออกจากการเป็นตุ๊ดเถอะถ้าเรดาห์จะพังขนาดนั้น”
   
เควิลส่ายหัวน้อย ๆ แล้วเดินกลับไปที่บูธเล็ก ๆ ใต้คณะของตัวเอง ซึ่งไม่ได้มีแค่โปรเจ็กต์ของเขาที่มาประชาสัมพันธ์วันนี้ ยังมีอีกหลายคนแต่คงไปตั้งบูธตามกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง นี่เป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่เป็นกึ่งงานวิจัยหน่อย ๆ ในรายวิชาการสร้างแบรนด์ ซึ่งเควิลเลือกการสร้างแบรนด์บุคคล เพราะเขาคิดว่าก่อนที่ผู้บริโภคจะจดจำผลิตภัณฑ์หรือโปรดักส์ได้นั้น เจ้าของแบรนด์ต้องสื่อสารสร้างการจดจำสำหรับคู่ค้าหรือผู้ร่วมงานให้ได้ก่อน โปรเจ็กต์การ prove yourself into your side จึงเริ่มขึ้น และได้เจ้มะนาวรุ่นพี่ที่สนิทอาสามาช่วย
   
เขาขอแค่คนร่วมโปรเจ็กต์แค่ 10 คนเท่านั้นไม่อย่างนั้นตัวแปรอาจจะมากเกินจนควบคุมยาก และหนึ่งในสิบเขาหมายปองข้าวปั้นเป็นอีกคนในโปรเจ็กต์สำคัญนี้
   
มันไม่ใช่แค่ถูกชะตา แต่เขาคิดว่าข้าวปั้นต้องการตัวช่วย



“สิทธิ์ที่นอนกับคุณไง!”   
“คุณจบของคุณไปดิ เราไม่จบ”   
“หึ ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู”
“ได้ไม่ได้ก็ทำไปแล้ว และจำไว้ว่าคุณไม่มีสิทธิ์อะไรให้ตัวเรา”
“อย่าลองดีกับกู”
“เป็นเมียกูแล้วอย่าริไปร่านใส่ใคร”
“หึ คุณจะมีเมียสองคนพร้อมกันหรอ แน่ใจนะ”
“อย่าคิดว่าจะเล่นเกมเป็นคนเดียวดิ”

   
สไลด์สีสันสดใสไม่ได้ดึงดูดให้ข้าวปั้นสนใจเนื้อหาที่เรียนได้เลย เพราะประโยคที่รูมเมทในบ้านสองคนสนทนากันเมื่อเช้ายังวนเวียนอยู่ในหัว มันฉายซ้ำไปซ้ำมาราวกับเขายืนฟังอยู่ด้วย ทั้งที่มองผ่านประตูหน้าบ้านไป แต่เพราะเสียงที่ดังมากพอทำให้ทุกประโยคเข้าโสตประสาทของข้าวปันทุกตัวอักษร

เขาคิดอะไรไม่ออก มันยิ่งกว่าช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน และมีคำถามมากมายที่พ่วงตามมา

ต้นไม้กับปูนเป็นอะไร?
แล้วเป็นมานานแค่ไหนแล้ว?
เขาที่อยู่บ้านเดียวกันทำไมถึงไม่เคยรู้?
เมีย? หมายถึงใคร?
แล้วเกมที่ว่าคืออะไร?
ต้นไม้มีปูนอยู่แล้วจะมานอนกับเขาอีกทำไม?


มันยิ่งกว่าโดนสวมเขา หรือโดนหักหลัง เพราะมิตรภาพดี ๆ ที่เคยให้กันมา พังครึ้นลงต่อนหน้าต่อตา ทั้งสองคนทำราวกับว่าเขาเป็นควายโง่ ๆ ตัวหนึ่งที่จะสนสายตะพายและจูงไปทางไหนก็ได้ ทำให้เชื่อหรือหลอกใช้อย่างไรก็ได้ แล้วสิ่งที่ต้นไม้ทำหลายวันที่ผ่านมามันคือเรื่องจริงหรือแกล้งทำ เขาไม่รู้เลย มันสับสนไปหมด

ตอนนี้ร่างกายเขาชาไปทั้งตัวราวกับโดนเข็มพิษทิ่มพร้อมกัน มันเริ่มบาดลึกเข้าไปในเนื้อหนังพิษร้ายกำลังส่งผลให้เลือกเนื้อและจิตใจอ่อนไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต รู้ว่าตัวเองเป็นคนอ่อนไหว แต่ก็ไม่คิดว่าจะอ่อนแอขนาดนี้ จู่ ๆ น้ำตาก็รินไหลออกมาจากหัวตาทั้งที่เหม่อลอย ภายนอกที่ดูปกติดีแต่ภายในร้าวรานคล้ายจะตกใกล้แตกสลาย มือที่จับปากกาสั่นระริกจากการที่เลือดฉูบฉีดอย่างรุนแรง ข้าวปั้นจับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นเขาเริ่มหายใจไม่ทันและตาลาย

“ฮึก ฮะ”

ใครก็ได้ช่วยที
พาเขาออกไปจากที่นี่ที


“ข้าวปั้น!”



----------------------------4--------------------------------


ข้าวปั้นเป็นอะไรคะรู้กกกกกก
อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะคะ
กลับมาแก้แค้นก่อนน มธุสรต้องมาแร้วมั้ย
เกมออนแล้วใครคุมเกมกันแน่คะ
มีแต่คนเล่นเกมเก่งไปหมดเรยยยย
สู้ๆๆๆๆๆๆ ค่าาา


บี
@mifengbeexx

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ธาตุแท้นังไม้เริ่มออกมาแล้ว น้องปั้นอย่าพึ่งเป็นอะไรนะหนู อยู่ดูพี่ๆเขาเล่นเกมส์กันก่อนนน

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ข้าวปั้นแก้แค้นนังไม้คนเดียวพอนะคะ อย่าทำปูนรูกชั้นนน ปล่อยรูกชั้นไปปปปป  :hao5:

ออฟไลน์ piiya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
มันยุ่งเหยิงไปหมด เดาไม่ออกเลยว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคืออยู่ทีมปูนจ้า สู้เขาลูก ในendgameนี้เราต้องเป็นผู้รอดชีวิต

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำมาเป็นเรียกเขาว่าเมียนะนังไม้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด