- หนึ่งวันบนดาวพุธ - (จบแล้ว) ตอนพิเศษ - อนันต์ (P.4) (15-Dec-18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - หนึ่งวันบนดาวพุธ - (จบแล้ว) ตอนพิเศษ - อนันต์ (P.4) (15-Dec-18)  (อ่าน 54017 ครั้ง)

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2018 17:17:43 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
เขาเพียงแค่ต้องการยืดช่วงเวลาของชีวิตออกไปให้นานตราบชั่วนิจนิรันดร์
แต่ดาวเคราะห์ที่เรียกว่าโลกแห่งนี้ไม่สามารถให้เวลานั้นได้
และเขาก็ไม่ประสงค์อยู่บน ‘โลก’ อีกต่อไปเช่นกัน


- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่หนึ่ง
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สอง
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สาม
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สี่
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่ห้า
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่หก
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่เจ็ด
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่แปด
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่เก้า
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบ
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบเอ็ด
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสอง
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสาม
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสี่
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบห้า (ตอนจบ)

************************************


ตอนที่หนึ่ง





วันที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจพิรัลไม่แปลกใจเลยสักนิด เขารู้ตัวมาได้สักระยะหนึ่งแล้วเพียงแต่ยังไม่แน่ใจนัก ในความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความแปลกใหม่บนโลกใบนี้เลย เกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดาบนดวงดาวที่เรียกว่า ‘โลก’

แม่ของพิรัลไม่สดใสและมีท่าทีซึมเศร้าลง แต่เธอก็พยายามเป็นกำลังใจให้ลูกด้วยดวงตาที่ส่อแววเข้มแข็งและคำพูดปลอบประโลมอ่อนโยน พ่อของพิรัลก็เช่นเขาเข้มแข็งหากไม่แสดงออกทางคำพูดมากนัก พวกเขาคุยเปิดใจกันอย่างสม่ำเสมอถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเห็นตรงกันนั่นคือการบอกให้พิรัลยอมรับความเป็นจริงและมองว่านี่มันเป็นวัฏจักรอันน่าสลดเศร้า

พิรัลไม่ต้องการธรรมมะ ไม่ต้องการพระเจ้า ไม่ต้องการเข้าวัดเพื่อทำบุญทำทาน พิรัลไม่ฝักใฝ่ศาสนาใดบนโลกใบนี้ นามธรรมเหล่านั้นไม่อาจช่วยขัดเกลาจิตและไม่อาจรักษาใจของเขาได้ พิรัลไม่ลบหลู่ความเชื่อของใครแต่ก็ไม่มีความศรัทธาในสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน ‘อย่าบังคับให้ผมพนมมือไหว้พระเพื่อขอพรเลย’ พิรัลเคยบอกแม่กับพ่อแบบนั้น ความตกใจที่ฉาบบนสีหน้าพิรัลรู้ทันทีว่าพวกเขามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นก็ไม่มีใครพูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย

หมอแจ้งเกี่ยวกับระยะเวลาและขั้นตอนการรักษาพอสังเขป พิรัลไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะได้ยินแต่ไม่ได้รับฟัง ในหูของเขากำลังได้ยินเสียงเพลงเพลงหนึ่งที่เขาไม่รู้ชื่อของมัน แต่ท่วงทำนองกำลังขับกล่อมให้สมาธิหลุดออกไปจากโลกตรงหน้านี้ พิรัลได้กลิ่นบางอย่างจากธรรมชาติแทนที่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาล มันกล่อมเกลาห้วงความคิดให้เตลิดเปิดโปง

พิรัลมารู้ทีหลังว่าต้องเข้ารับการรักษาตามวันนัด เขาเห็นตรงกันข้ามกับหมอในเรื่องที่เธอแจ้งว่าพิรัลจะหายดี เขาปลดปลงในอาการป่วย ไม่อยากรับการรักษา แต่พิรัลยังไม่อยากตาย ยังไม่ใช่เวลานี้ พิรัลแค่อยากใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆเหมือนปกติและทำเหมือนหัวใจที่เหนื่อยหนักอยู่นี้ไม่มีตัวตน แสร้งทำเป็นว่าตัวเองแข็งแรงดี มากกว่านั้นพิรัลไม่ต้องการกำลังใจจากใคร เขาต้องการแค่เวลาที่ยืดยาวออกไปอีกเพียงหนึ่งวันก็ยังดี

“เจตน์ไปคนเดียวได้ครับแม่”

“เดี๋ยวเกิดเจตน์อาการกำเริบใครจะดูแล ไม่มีเพื่อนไปด้วยจริงๆเหรอลูก”

“เจตน์ไม่ได้เป็นอะไรนี่ เจตน์แค่ไปเที่ยวเฉยๆ”

พิรัลได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากปลายสาย แม่คงจะหนักใจที่เขากำลังเดินทางเที่ยวอย่างใจต้องการโดยไม่สนใจกับโรคที่รุมเร้าในทรวงอก “แล้วจะกลับวันไหน”

“เดี๋ยวก็กลับแล้ว ไปสามวันเองครับ”

เขาร่ำลากับแม่อีกสองสามประโยคก่อนจะปิดโทรศัพท์มือถือและตั้งใจที่จะไม่เปิดมันอีกในช่วงที่ตะลอนเที่ยวสามวัน พิรัลลางานเพียงแค่สามวันสำหรับการเที่ยวครั้งนี้แต่เขาเพิ่งจะบอกแม่ก่อนเดินทางเพียงหนึ่งวัน จึงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่หากแม่จะเป็นห่วงเป็นใย จุดหมายคือทะเลทางใต้ เขาได้ยินเสียงจากผู้คนรอบกาย เห็นภาพของพนักงานต้อนรับผู้หญิงที่ทาปากสีแดงสดสวย เขาหลับตาลง ช่วงเวลานั้นประสาทการรับรู้แทนที่ด้วยเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาดทราย และภาพท้องทะเลสีครามใสแจ๋ว เรือยอร์ชลำเล็กสีขาวลอยละล่องอยู่บนผืนน้ำ เขาอยู่บนเรือลำนั้นและไม่สนใจผู้ใดบนโลกใบนี้อีก

เปลือกตาของเขาเปิดขึ้นหลังจากสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ล้อของเครื่องบินกระทบกับพื้นถนนลานจอดไม่นุ่มนวลนัก ผู้โดยสารส่งเสียงตกใจเล็กน้อยแต่ไม่เกินกว่าเหตุ พลันหลังจากนั้นเสียงประกาศต่างๆจากนักบินก็ดังขึ้น

นิพัทธ์ลูบหน้าตัวเองให้ส่างจากอาการงัวเงียเพราะหลับมาตลอดการเดินทาง เขามองไปด้านข้างนอกกระจกและพบเห็นว่าตอนนี้เครื่องบินกำลังถูกนำเข้าจอด ด้านข้างที่ติดหน้าต่างของเขาเป็นผู้ชายที่ยังคงหลับสนิทหากแต่นิพัทธ์ไม่ได้สนใจ ส่วนตรงกลางมันเป็นของผู้โดยสารที่ไม่มาขึ้นเครื่องบินเที่ยวนี้ นิพัทธ์ปลดเข็มขัดออกหลังจากเครื่องบินจอดสนิท เขาอาสาหยิบกระเป๋าเดินทางให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนจะหยิบสัมภาระของตัวเองและนั่งลงเพื่อรอให้ผู้โดยสารคนอื่นเดินออกไปก่อน

ในเครื่องบินนั้นค่อนข้างวุ่นวายกับการหยิบสัมภาระของตัวเองอยู่พอควร นิพัทธ์นึกรำคาญคนเหล่านั้นหากแต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างยังคงพิงศีรษะอยู่ที่กระจกและไม่มีท่าทีตื่นขึ้น นิพัทธ์ลังเลว่าจะปลุกให้เขาตื่นหรือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานต้อนรับสาวสวยเหล่านั้นดี

“พ่อหนุ่มนั่นดูหลับลึกนะ”

นิพัทธ์หันไปมองต้นเสียง เธอเป็นหญิงสูงอายุที่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชัดเจน ดวงตาของเธอมองไปที่ผู้ชายคนนั้น

“ปลุกเขาหน่อยเถอะ” เธอว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินออกไปตามกระแสผู้โดยสารคนอื่นและไม่ได้สนใจนิพัทธ์อีก

นิพัทธ์เหลือบมองและตัดสินใจปลุกผู้ชายคนนั้น “คุณครับ เครื่องแลนด์ดิ้งแล้วครับ”

อีกฝ่ายหนึ่งขยับตัวลืมตาขึ้นแต่ท่าทางจะยังงัวเงียนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นตื่นแล้วนิพัทธ์จึงลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำขอบคุณ เขาไม่ต้องการสิ่งใดจากชายคนนั้นเพียงแต่ตอนนี้เขาต้องรีบออกไปขึ้นเรือตามเวลานัดหมาย

“ขอบคุณนะครับ”

น่าเสียดายอยู่สักหน่อยที่ผู้ชายคนนั้นไม่อยู่ฟัง พิรัลมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังในเสื้อยืดสีขาวเดินสะพายกระเป๋าออกไปอย่างว่องไว ผู้โดยสารจากท้ายเครื่องทยอยออกไปจนจะหมด พิรัลจึงลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองและเดินออกไปจากเครื่องบินบ้าง

ทะเลใต้ที่เขาเฝ้าฝันไว้กำลังรออยู่เบื้องหน้านี้แล้ว


พิรัลถอนหายใจยาวหลังจากเห็นจักรยานที่ติดต่อเช่าไว้กับโฮสเทล ที่ถอนหายใจไม่ใช่เพราะว่ายานพาหนะดูเก่าซอมซ่อเพียงแต่เขากำลังครุ่นคิดว่าตัวเองจะขับมันไปได้ไกลสักแค่ไหน

หลายนาทีก่อนหน้านี้พิรัลเดินทางเข้าสู่ที่พักด้วยรถรับจ้างราคาขูดรีดขูดเนื้อ เขาจองโฮสเทลเล็กๆไว้สำหรับการพักผ่อนสองคืน มันไม่ใช่ที่พักหรูหราแต่ตกแต่งสวยงามและดูสะอาดสะอ้าน เจ้าหน้าที่ต้อนรับแจ้งว่าห้องที่เขาพักนี้ยังไม่มีคนอื่นร่วมเข้าพักด้วย พิรัลถือว่าเป็นโชคร้ายอยู่สักหน่อยที่พลาดโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนหน้าใหม่ มันเป็นเหตุผลที่เขาพักโฮสเทลแทนที่จะเป็นโรงแรมที่มีห้องพักเป็นสัดส่วนและมีความเป็นส่วนตัว เขามาที่นี่เพื่อสร้างเพื่อน คาดหวังว่าจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากคนต่างชาติต่างภาษา เขาชอบที่จะได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากทั่วทุกมุมโลกมันทำให้เขาตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด ถึงแม้ในคืนนี้อาจจะต้องนอนคนเดียวแต่พิรัลก็ยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่วอคอินเข้ามาพักในห้องเดียวกัน

ล้อของรถจักรยานค่อยๆหมุนไปตามกลไก เสียงล้อบดถนนดังเป็นเพื่อนพิรัลไปตลอดเส้นทางที่ไร้จุดหมาย แต่เพียงหนึ่งกิโลเมตรแรกพิรัลก็รู้สึกเหนื่อยมากกว่าคนปกติทั่วไป เขาหยุดพักอยู่ที่ร้านกาแฟขนาดเล็กในตัวเมือง ไม่ได้สั่งกาแฟแต่สั่งน้ำผลไม้มาแทน เขาเอ่ยขอพนักงานเพื่อถ่ายรูปภายในร้าน กล้องแบบมืออาชีพถูกยกขึ้นเพื่อเก็บภาพตามมุมต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าไม่ใช่เพราะพิรัลพิศวาสการถ่ายรูป หากเป็นเพราะการถ่ายรูปทำให้พิรัลมีกิจกรรมทำในระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียว และอีกอย่างการถ่ายรูปมันทำให้พิรัลไม่ถูกสงสัยมากนักในช่วงที่จดจ้องผู้คนซึ่งกำลังใช้ชีวิตไปตามปกติ อาจจะดูแปลกอยู่สักหน่อยที่พิรัลชอบมองวิถีชีวิตของผู้คนที่กำลังดำเนินไปอย่างรีบเร่ง เขารู้สึกเสมอว่าคนเหล่านั้นใช้ชีวิตกันเร็วกันเกินไป รีบคุย รีบกินข้าว รีบเดิน ทุกอย่างมันดูไวว่องไปหมด พิรัลต้องการความเนิบช้า ไม่รีบเร่ง มันทำให้เขารู้สึกไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป

พิรัลขออนุญาตถ่ายรูปหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่นั่งล้อมวงอยู่ประมาณห้าหกคน พวกเธอหยอกล้อพิรัลว่าจะเข้ามาจีบใครในกลุ่มเพื่อนไปตามประสา พิรัลหัวเราะและยิ้มให้แต่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาถ่ายรูปพวกเธอและถ่ายรูปอาหารเครื่องดื่มบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดคุยกับหญิงสาวกลุ่มนั้นอีกสองสามประโยคก่อนจะเปลี่ยนไปถ่ายรูปภายในร้านในมุมอื่น เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูดังขึ้น เขาไม่ทันเห็นหน้าของคนที่เดินเข้ามาเพราะมัวแต่ถ่ายรูปชั้นวางเค้ก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเห็นแผ่นหลังที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกำลังยืนสั่งเครื่องดื่มอยู่ที่เค้าท์เตอร์ พิรัลคุ้นแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้นและได้เก็บภาพเบื้องหลังรูปนี้เอาไว้ในกล้องเป็นที่เรียบร้อย

น้ำผลไม้ที่ซื้อไว้ละลายจนเห็นเลเยอร์ระหว่างเนื้อผลไม้และน้ำแข็งที่ละลายลอยอยู่ด้านบน พิรัลทิ้งน้ำที่เหลือกว่าค่อนแก้วลงถังขยะสักแห่งหลังจากขับจักรยานออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้น เขาแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านในตึกแถวที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากราคาที่สูงลิบราวกับใช้ชีวิตอยู่ในยุโรป เขาขับจักยานกลับที่พักเพื่อรอรถตู้จากทัวร์ที่ซื้อไว้ในงานท่องเที่ยวไทย พิรัลไม่คาดหวังอะไรมากนักเขาแค่ซื้อทัวร์เพื่อพบเจอลูกทัวร์คนอื่นๆ ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าทัวร์ตามแต่เขาจะพาไป

หัวหน้าทัวร์ที่พากรุ๊ปทัวร์ไซส์เล็กหกคนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆชื่อคุณเนย เธอเป็นสาววัยประมาณสี่สิบมีใบหน้าใสซื่อและเสียงดังร่าเริงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คณะลูกทัวร์ต่างถูกเชื้อเชิญให้แนะนำตัวเองโดยหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นลูกทัวร์ที่มาจากกรุงเทพทั้งนั้น คุณเนยพูดถึงสถานที่ที่เรากำลังจะไปกันแต่รถตู้คันที่เราโดยสารอยู่นี้ก็ยังไม่ออกรถเสียที จนอีกพักหนึ่งประตูรถตู้ก็ถูกเปิดออก พิรัลเห็นผู้ชายในเสื้อสีขาวเหงื่อพราวเกาะใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยถามว่านี่คือทัวร์ของบริษัทแห่งหนึ่งหรือเปล่า คุณเนยตอบรับด้วยเสียงดังฟังชัดและแจ้งให้ลูกทัวร์คนอื่นฟังว่าเธอกำลังรอลูกทัวร์คนสุดท้ายคนนี้อยู่ เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ด้านหน้าทำให้พิรัลมองเห็นแผ่นหลังชัดเจน และพิรัลก็มั่นใจว่าชายหนุ่มคนนั้นคือคนเดียวกับที่เจอในร้านกาแฟ

รถตู้ขับออกมาหลายกิโลเมตรแล้วแต่พิรัลก็ไม่เห็นวี่แววว่าคุณเนยหัวหน้าทัวร์จะพลังลดน้อยลง เธออธิบายถึงที่มาที่ไปของน้ำตกร้อนแห่งนี้ในจังหวัดกระบี่ ทั้งอุณภูมิของน้ำ ส่วนไหนที่ควรไปหย่อนตัวลงแช่น้ำและส่วนไหนสวยสุด พิรัลไม่ได้สนใจฟังมากนักเพราะมัวแต่ดูรูปในกล้องถ่ายรูป เงยหน้าขึ้นมาบางครั้งบางคราวเพื่อดูสถานการณ์โดยทั่วไปแล้วก็ก้มหน้าลงรูปต่ออีก

ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึงน้ำตกร้อนแห่งนี้ คุณเนยทวนกำหนดการอีกครั้งโดยย่อและซักถามลูกทัวร์ว่าอีกนิดหน่อยเพื่อให้เข้าใจตรงกัน จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าสู่เขตน้ำตกร้อน พิรัลเดินอยู่กลางคณะก่อนจะถูกรั้งท้ายเพราะหยุดถ่ายรูปในบางจุด ในบริเวณของน้ำตกร้อนนั้นมีต้นไม้ใบเขียวและห้อมล้อมด้วยเสียงน้ำตลอดเวลา พิรัลเชยชมธรรมชาติเหล่านั้นผ่านทางเลนส์กล้องถ่ายรูปสลับกับจดจ้องธรรมชาติด้วยสายตาของตนเอง กว่าจะเดินถึงจุดที่เป็นน้ำตกร้อนจริงๆก็เล่นเอาพิรัลเหนื่อยเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเป็นห่วง เขาไม่ได้แจ้งบริษัททัวร์ว่ามีโรคประจำตัวเพราะไม่ชอบถูกปฏิบัติผิดแปลกไปจากคนอื่น แต่กระนั้นพิรัลก็ยังทำตัวเป็นปกติและไม่มีอะไรให้น่าสงสัย

“คุณเหนื่อยมั้ย”

เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของพิรัล เขาไม่แน่ใจว่าตนเองถูกชวนคุยจึงหยุดถ่ายรูปและหันไปตามเสียง

“ผมว่าจะนั่งพักตรงนี้สักหน่อย ผมเหนื่อย” เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มเสื้อยืดสีขาวคนนั้น แม้ว่าจะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจคุยกับพิรัลมากนัก เขานั่งลงบนโขดหินที่แห้งสนิทและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่น

พิรัลไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ที่เห็นคนติดเล่นโทรศัพท์มือถือทั้งที่ออกมาเที่ยวชมธรรมชาติ แต่หากจะพูดออกไปก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปสอดรู้ได้

“ผมถ่ายรูปคุณได้มั้ย” เขาลองยื่นข้อเสนอเพื่อดึงความสนใจไปจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือโง่เง่านั่น และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มเสื้อสีขาวเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าชัดแจ้งแบบนี้พิรัลมองเห็นแก้มของอีกฝ่ายที่แดงระเรื่อเพราะเป็นคนผิวขาวมากคนหนึ่ง พิรัลจัดแจงให้ชายหนุ่มคนนั้นขยับท่าทางอีกเล็กน้อยก่อนจะตั้งกล้องอยู่ในระดับสายตา มองภาพผ่านเลนส์และเก็บบันทึกภาพไว้ “คุณมาเที่ยวกี่วัน”

“สามวันครับ ลางานได้ไม่นาน”

พิรัลถ่ายรูปของอีกฝ่ายไว้อีกหลายรูปก่อนจะหยุดมือเพื่อตรวจดูรูปสักหน่อย

“แล้วคุณมากี่วัน”

“สามวันเหมือนกันครับ” พิรัลตอบขณะที่เลื่อนดูรูปในกล้องไปเรื่อยๆ ภาพของชายหนุ่มเสื้อขาวดูเข้าท่าดีอยู่หรอกแต่ก็ยังต้องใช้โปรแกรมเพื่อลบคนอื่นที่ติดมาในภาพออกและเมื่อภาพมันไม่สมบูรณ์พิรัลจึงไม่ได้ชักชวนให้อีกฝ่ายดูรูป

นิพัทธ์นึกแปลกใจที่ตากล้องคนนี้ไม่ได้ชวนดูรูปถ่าย แต่เขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ยุ่มย่ามมากนักจึงปล่อยให้อีกฝ่ายยืนถ่ายรูปต่ออีก นิพัทธ์คิดจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเพื่อรอแต่เขากลับหยุดชะงัก และเปลี่ยนใจมามองบรรยากาศรอบข้างแทน มันก็ไม่เชิงว่ามองบรรยากาศรอบข้างหรอกแต่นิพัทธ์กำลังมองผู้ชายที่ถือกล้องคนนี้อยู่ต่างหาก นิพัทธ์ไม่แน่ใจนักว่าอะไรที่ทำให้เขาเริ่มต้นบทสนทนากับผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อได้เริ่มต้นไปแล้วนิพัทธ์คิดว่าชวนเขาคนนี้มาเป็นเพื่อนร่วมทางในระหว่างที่อยู่กระบี่ก็น่าจะเป็นเรื่องไม่เลว

“ผมจะไปฝั่งนู้น ไปด้วยกันมั้ยครับ”

เขาเอ่ยขึ้นและเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า นิพัทธ์สบมองดวงตาอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามข้ามลำธารไปอีกฝากฝั่งหนึ่งของบริเวณน้ำตกร้อนโดยไม่ได้ตอบคำถามนั่นเลยสักคำ

ชายคนนั้นเดินอย่างไม่รีบเร่งมันทำให้นิพัทธ์จำต้องชะลอระดับการก้าวขาของตัวเองลง นิพัทธ์ยืนมองชายคนนั้นถ่ายรูปอยู่กลางลำธาร มองสายน้ำที่ไหลผ่านน่องขาไป เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ กล้องแบบมืออาชีพที่อยู่ในอุ้งมือของชายคนนั้นดูเล็กลงเล็กน้อยกว่าปกติอย่างไร้เหตุผล เขาสวมเสื้อยืดสีเทาไร้ลวดลายแต่ขนาดตัวที่กำยำทำให้เสื้อยืดธรรมดาดูตึงแน่นขึ้นนิดหน่อย นิพัทธ์เริ่มคุ้นลักษณะท่าทางจนในที่สุดก็พบว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นคนเดียวกับที่อยู่บนเครื่องบิน เขาคิดได้อย่างนั้นแต่ไม่ได้สนใจจะบอกกล่าวอีกฝ่ายให้รับทราบ สิ่งที่นิพัทธ์สนใจไม่ใช่เรื่องที่เจอกันบนเครื่องบินแต่เป็นเนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้อาภรณ์เหล่านั้นมากกว่า หากแต่นิพัทธ์พยายามหันเหความสนใจไปทิศทางอื่น และซ่อนเร้นความรู้สึกในห้วงลึกนั้นไว้

ชายหนุ่มสองคนเดินเคียงข้างกันในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะกลับมายังจุดนัดหมาย พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากไปกว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้และอาหารกล่องที่ได้กิน รถตู้ขับเคลื่อนไปยังสถานที่ต่อไปที่เรียกว่าท่าปอมคลองสองน้ำซึ่งคุณเนยก็ได้อธิบายว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อการเรียนรู้ ในระหว่างที่คุณเนยและลูกทัวร์คนอื่นเดินอยู่ด้านหน้า ชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งรู้จักกันก็เดินรั้งท้ายอยู่ที่ด้านหลัง ท้องฟ้าแจ่มใส บรรยากาศโดยรอบยังคงห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใบเขียวนานาพันธุ์ เสียงบรรยายจากคุณเนยไขกระจ่างในพันธุ์ของต้นไม้เหล่านั้น นิพัทธ์ไม่ได้สนใจเสียงคุณเนยมากนักนอกเสียจากเสียงของการกดชัทเตอร์จากผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างนี้ เขาดูในอนาทรร้อนใจกับชะโงกทัวร์แต่กลับยืนเล็งถ่ายรูปตามมุมต่างๆนานสองนาน นิพัทธ์ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องเดินรั้งท้ายอยู่กับผู้ชายคนนี้ทั้งที่ลูกทัวร์คนอื่นเดินไปไกลที่ด้านหน้านู่นแล้ว ไม่มีใครรั้งไว้แต่นิพัทธ์ก็ยังเดินตามผู้ชายคนนั้นไปอย่างเงียบๆและถูกถ่ายรูปบ้างเป็นครั้งคราว

“ผมเดินช้า คุณจะเดินไปก่อนก็ได้นะครับ”

นิพัทธ์ไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงแค่มองอีกฝ่ายที่ยกกล้องขึ้นเพื่อเก็บภาพแอ่งน้ำที่เป็นสีฟ้าขุ่น

พิรัลกังวลเล็กน้อยที่เพื่อนหน้าใหม่คนนี้ต้องหยุดรอให้เขาถ่ายรูป จึงได้เสนอแนวทางอื่นไปเพื่อไม่ให้รู้สึกเกรงอกเกรงใจกัน ฝ่ายนั้นไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้หนีหายไปไหนพิรัลจึงอนุมานเอาเองว่าเขาคงจะพอที่ร่วมทางไปด้วยกัน พิรัลมองเห็นน้ำสีฟ้าขุ่นปะปนกับน้ำสีใส เห็นพืชพันธุ์ต้นไม้และปลาที่ว่ายวนอยู่ใต้ผืนน้ำอย่างชัดเจน แต่เบื้องหน้าที่รออยู่นี้กลับสวยมากกว่าพิรัลจึงชักชวนให้เพื่อนหน้าใหม่ออกเดินทางต่อ

เสียงผู้คนบางเบาลงแต่เสียงน้ำไหลเอื่อยตามธรรมชาติกลับทดแทนเข้ามา พิรัลนั่งลงบนรากไม้ขนาดใหญ่ยาวโดยมีชายคนนั้นตามลงมานั่งข้าง พวกเขามองดูสายน้ำสีประหลาดที่ไม่ได้สวยเหมือนในรูปถ่ายด้วยความเงียบงัน มีเสียงน้ำไหลและแมลงร้องไปตามเรื่องราวแต่แล้วมันก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด พิรัลมองไปสุดสายตาที่ต้นสายของแหล่งน้ำซึ่งอยู่ลิบลับนั่นก่อนจะชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขากำลังแกว่งปลายนิ้วบนผืนน้ำให้กระจายเป็นวงกว้าง ผิวเท้าของเขาขาวและดูสะอาดสะอ้านดี พิรัลนึกอยากลองเอาเท้าของตัวเองสัมผัสที่ใต้ฝ่าเท้านั่นสักครั้งแต่ก็ยับยั้งความคิดนั่นไว้เพียงลำพัง

แสงสะท้อนจากอาทิตย์วูบไหวไปตามระลอกน้ำ มันลอยละล่องสาดแสงเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มผิวขาวจนแสบตาและต้องหยีตาลง หากแต่ดวงตาของพิรัลที่ยังชำเลืองลอบมองอยู่ที่คนด้านข้างไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ตะวันคล้อยลงแล้วทำให้พิรัลรู้ตัวว่าวันอีกวันหนึ่งกำลังผ่านพ้นไป มันรวดเร็วจนพิรัลร้อนรนใจและเขาหาคำตอบในเรื่องนั้นไม่ได้

“คืนนี้ผมจะไปเดินที่ตลาดโต้รุ่ง” พิรัลเอ่ยเพียงแค่นั้นและหยุดชะงักไปเมื่อมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลที่สะท้อนแสงพระอาทิตย์อยู่ในนั้น ดวงตาที่ดูใสแจ๋วกำลังรอคอยประโยคถัดไปแต่พิรัลก็ยังคงเงียบ

“ผมก็ว่าจะไปหาอะไรกินที่นั่นเหมือนกัน”

นิพัทธ์เอ่ยเช่นนั้น ค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งเขาและชายหนุ่มด้านข้างรู้ว่ามันหมายถึงอะไร





“ไหวมั้ยพี่ ผมสูบลมให้ก็ได้นะ”

พิรัลปาดเหงื่อที่ข้างขมับก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ตัวผอมแห้งผิวคล้ำที่อยู่ตรงหน้า เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานในโฮสเทลแห่งนี้และกำลังยื่นข้อเสนอให้พิรัลไม่ต้องเหนื่อยมาก “ไหว เดี๋ยวผมทำเอง”

“โอเค งั้นฝากพี่ลากที่สูบไปเก็บไว้หลังเค้าท์เตอร์ให้ด้วยนะ”

น้ำเสียงที่ติดสำเนียงแบบคนต่างจังหวัดกล่าวแล้วเดินหายไปอย่างว่องไว พิรัลมองถังเหล็กที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะลงมือสูบลมยางจักรยานต่อจนเสร็จ เขาเหนื่อยเล็กน้อยกว่าคนปกติทั่วไปนิดหน่อยแต่พิรัลไม่ได้สนใจ เขาลากที่สูบลมไปเก็บที่ด้านหลังเค้าท์เตอร์ตามที่น้องผู้ชายคนนั้นได้บอกไว้และปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังตลาดโต้รุ่งทันท่วงที

พิรัลไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือไม่ในตอนที่เห็นตลาดโต้รุ่ง เขาหันรีหันขวางมองหาที่จอดจักรยานแต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะจอดไว้ตรงไหนเพื่อไม่ให้โดนขโมย แต่กระนั้นกลับมีทั้งรถจักรยานและจักรยานยนต์จอดเรียงรายซ้อนแถวมั่วสั่วไปหมด สุดท้ายก็เลือกจอดไว้ที่ข้างต้นไม้ริมทางใกล้ตลาด เขาเดินอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบและหยุดซื้อน้ำปั่นดื่มแก้กระหายแต่พบว่ามันหวานจากน้ำเชื่อมมากเสียจนแสบคอ พิรัลโยนน้ำแก้วนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดีหลังจากเดินไปห่างออกมาจากร้านน้ำ

ในตลาดโต้รุ่งที่เดินอยู่นี้ก็เหมือนกับตลาดนัดโดยทั่วไปในกรุงเทพเพียงแต่มีอาหารทะเลเยอะกว่าก็เท่านั้น พิรัลแวะซื้อไก่ย่างจากร้านที่คนขายเป็นอิสลาม หยุดคุยกับเธอเล็กน้อยเมื่อโดนถามว่ารูปที่ถ่ายนี้จะเอาไปลงในเวปไซต์ใด พิรัลหัวเราะและบอกเธอว่าจะเอาไปลงในแอพพลิเคชั่นยอดนิยอมชนิดหนึ่ง เธอดูขัดเขินเมื่อพิรัลเปิดรูปให้ดู มันเป็นรูปของเธอกับลูกชายที่ยืนอยู่ด้านหลังแผงขายไก่ย่าง แสงสีในรูปเป็นธรรมชาติและพิรัลก็ไม่คิดจะแต่งภาพนี้เพราะพอใจกับผลลัพธ์แล้ว เธอบอกว่าเธอไม่ได้เล่นแอพพลิเคชั่นยอดนิยมนั่น บอกต่ออีกว่ารีทัชใต้ตาที่ดูคล้ำของเธอให้เสมอกับสีผิวด้วย พิรัลหัวเราะอีกครั้งเพราะความใสซื่อในแบบฉบับของคนต่างจังหวัด เขาบอกเธอว่าจะลงภาพสดแบบนี้และไม่เติมแต่งหรือลบสิ่งใดเพราะเขาชอบธรรมชาติของเธอ แม่ค้าวัยกลางคนหัวเราะเขินก่อนจะแถมตับไก่ย่างให้พิรัลอีกอย่างง่ายดาย

ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าชอบตนเองชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าหลังจากฟังผลตรวจในครั้งนั้น มันเริ่มจากตอนที่เขาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะและเจอสัตว์ตัวยาวกำลังเลื้อยขึ้นมาจากบึงน้ำเพื่อมาตากแดด คุณลุงที่ยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ตรงนั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางพิลึกพิลั่นของหนุ่มเยาว์วัย จากนั้นคุณลุงก็ชวนเด็กหนุ่มคุยเรื่องตัวเงินตัวทองที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งนั้น พิรัลที่ไม่ได้เป็นคนช่างพูดในตอนนั้นรู้สึกแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เมื่อลองได้คุยอีกสองสามประโยคเขาก็ได้ฟังเรื่องราวอื่นๆจากคุณลุงอีกมากมาย พิรัลชอบฟังเรื่องราวของคนอื่น มันทำให้เขาลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วในขณะนั้น

พิรัลเดินทอดน่องไม่อนาทรร้อนใจพร้อมกับกินอาหารย่างที่ซื้อมา เดินไปได้พักหนึ่งก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตาในเสื้อยืดสีขาวยืนอยู่ที่ร้านเนื้อทอด เขาหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายด้านหลังของชายหนุ่มคนนั้นไว้ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นยังคงใสแจ๋วเป็นประกายจากหลอดไฟ พวกเขายิ้มให้แก่กันจากนั้นก็เดินเคียงไหล่อยู่ในตลาดนัดโต้รุ่ง หาของกินไปตามเรื่องตามราวและคุยเรื่องดินฟ้าลมอากาศ พิรัลมองอีกฝ่ายดื่มน้ำจากขวดในตอนที่หยุดพักกินอาหารที่ซื้อมา ข้างทางที่หลบมุมเข้ามานั้นไม่ได้ร้างไร้ผู้คนตรงกันข้ามทั้งผู้คนท้องถิ่นและต่างถิ่นยังคงเดินกันให้ขวักไขว่ แต่พิรัลมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้านี้ชัดเจน ในหูของเขาเงียบสนิทไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกจากแม่ค้าพ่อขายที่ชักชวนให้ซื้อของ ชายคนนั้นรู้ตัวและเผยยิ้มให้พิรัลเล็กน้อยก่อนจะชวนพิรัลไปเดินเล่นที่ชาดหาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้

รอยยิ้มของอีกฝ่ายทำให้พิรัลตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้เขาคงจะได้ชิมของฝากจากกระบี่อย่างแน่นอน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-12-2018 22:03:15 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1


ทะเลในตอนกลางคืนนั้นยังพลุกพล่านไปด้วยนักท่องเที่ยว พวกเขาจึงหลีกเดินไปอีกทางที่ไกลจากตลาดโต้รุ่งแห่งนั้น ซึ่งมันค่อนข้างมืดสลัว พิรัลถือโอกาสนั้นสัมผัสเส้นผมของอีกฝ่ายที่ถูกแรงลมพัดจนปรกหน้า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแรงดึงดูดบางอย่างจากชายคนนี้ทำให้พิรัลอยากใช้เวลาร่วมด้วย เขารู้ว่าคืนนี้จะจบลงแบบไหนแต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องรีบเร่ง

“ตรงนี้เงียบดีนะ ผมไม่ชอบที่ตลาดเท่าไหร่ คนเยอะเกิน” นิพัทธ์เอ่ยหลังจากปล่อยให้ชายหนุ่มตรงหน้าจับเนื้อต้องตัวได้สักพัก เขาเองก็พึงใจที่ได้รับสัมผัสแบบนั้น

“ผมชอบนะ ได้ของกินแถมมาเยอะด้วย”

“ผมนึกว่าคุณซื้อทั้งหมดนั่นซะอีก”

“ผมซื้อบางส่วนแล้วคนขายก็แถมให้”

“ทำยังไงให้เขาแถมครับ”

“คุย”

นิพัทธ์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัย บนใบหน้านั้นมีรอยยิ้มจางๆ “ชวนคุยเหรอ ยังไง”

“ก็ถามว่างวดนี้มีเลขเด็ดอะไรหรือเปล่า” พิรัลตอบติดตลกนิดหน่อย เขาพูดเรื่องจริงเพราะส่วนมากพ่อค้าแม่ขายก็มักจะชอบเสี่ยงดวงกับเรื่องแบบนี้ มันจึงกลายเป็นบทสนทนาแรกๆที่สามารถชวนคุยได้ “บางทีก็ถามว่าร้านไหนอาหารอร่อยที่สุด”

“แล้วคุณซื้อล็อตเตอรี่มั้ย”

“ไม่ครับ ผมไม่ชอบเสี่ยงดวง” พิรัลขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถทำให้ไหล่ของพวกเขาเบียดชิดกัน “บางคนบอกว่ามันเป็นเรื่องของสถิติแต่ผมว่ามันไม่เกี่ยวเลย”

“ข้างบ้านผมเป็นเจ้ามือหวย เคยโดนตำรวจจับด้วยแต่ไม่กี่ชั่วโมงก็เห็นกลับมาบ้านแล้ว”

“หลักฐานคงเบามั้งครับ”

“ผมว่าเขาติดสินบนตำรวจมากกว่า”

พิรัลจดจ้องใบหน้ากระจ่างใสนั่นอย่างเปิดเผยก่อนจะยิ้มมุมปาก “พ่อผมเป็นตำรวจ”

แม้จะได้ยินเช่นนั้นแต่นิพัทธ์กลับหัวเราะเล็กน้อยและไม่รู้สึกเกรงอกเกรงใจอะไรอีกฝ่าย “คุณคงไม่โกรธผมใช่มั้ยครับ”

“ไม่ครับ” พิรัลตอบเสียงแผ่วก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่ตัวบางกว่า จูบลงที่หัวไหล่แผ่วเบาและสบมองดวงตาราวกับประเมินท่าที “คุณชอบดูหนังมั้ยครับ”

“ผมไม่ชอบดูหนังเท่าไหร่” นิพัทธ์กล่าวแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มด้านข้างเบียดตัวเข้ามาเรื่อยๆ “ผมว่ามันเสียเวลา” เขายิ้มและมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย “ผมพักอยู่ที่โรงแรมตรงริมหาด”

“ใช่โรงแรมที่สวยๆหรือเปล่าครับ”

“ผมไม่แน่ใจว่ามันสวยสำหรับคุณหรือเปล่า”

พิรัลยังคงจับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งยิ้มและไม่มีท่าทีหวั่นไหว

“คุณคงจะต้องไปดูเองกับตาแล้วแหละครับ”

โรงแรมที่ชายหนุ่มคนนั้นพักเป็นโรงแรมชื่อดังที่ได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์ พิรัลได้ตระหนักถึงความสวยงามหากไม่ใช่ความสวยงามของโรงแรมแต่เป็นเรือนร่างของชายหนุ่มที่นอนระทวยอยู่บนเตียงนี้ต่างหาก

เขาใช้มือเล้าโลมที่ช่องทางด้านหลังของอีกฝ่ายพลางใช้ปากโหมกระหน่ำห้วงอารมณ์ให้สุขสม ชายหนุ่มที่เพิ่งได้รู้จักกันครางกระเส่าตอบรับการรุกเร้า ลมหายใจหอบแรงยามที่ส่วนปลายของอวัยวะถูกดูดดึงจนแทบจะถึงจุดสุดยอด นิพัทธ์มองตามร่างกำยำเบื้องหน้าที่ผละตัวออกไปถอดกางเกง เขาตามเข้าไปใช้ริมฝีปากกับส่วนที่แข็งขืนอย่างร้อนแรง ส่วนนั้นชื้นเปียกน้ำลายก่อนที่นิพัทธ์ถอยห่างออกมาและคว้าถุงยางอนามัยมาใส่ให้อีกฝ่าย ร่างสองร่างก่ายกอดกันบนเตียงอีกครั้งแลกจูบวาบหวามอยู่อีกพักหนึ่ง นิพัทธ์ไม่ต้องการการเล้าโลมใดๆอีกแล้วเขาพลิกร่างของชายหนุ่มร่างกำยำให้นอนหงาย ขยับตัวถูไถบั้นท้ายลงบนท่อนเนื้อเพื่อยั่วเย้า แต่แล้วนิพัทธ์กลับต้องเป็นฝ่ายที่ถูกพลิกให้นอนราบไปบนที่นอนแทน ฝ่ายนั้นไซ้ซอกคอของเขาขณะที่ยกขาของนิพัทธ์สูงขึ้น ส่วนนั้นจดจ่ออยู่ที่บั้นท้ายก่อนจะแทรกเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบ

นิพัทธ์กระซิบบอกให้พิรัลสอดใส่เข้ามาจนสุด เขาร้องครางอย่างอดรนทนไม่ได้กับขนาดของเจ้านั่นที่พบเจอ มันจุกเสียดและคับแน่นทว่ากลับรู้สึกดีไม่น้อย พิรัลยังคงรั้งรอให้อีกฝ่ายปรับตัวชินกับสิ่งที่อยู่ในกาย เขาไม่เคยรีบเร่งกับเรื่องใดแม้จะเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยแบบนี้ สะโพกนั่นขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้ารัญจวนใจจนนิพัทธ์อยากร้องขอให้อีกฝ่ายขยับตัวเร็วขึ้น ร่างกายของเขากำลังตึงเครียดโดยเฉพาะบั้นท้ายที่ถูกเติมเต็มแต่ไม่อิ่มเอม

“คุณมาเที่ยวคนเดียวเหรอ” พิรัลเอ่ยถามขึ้นมาเสียดื้อๆท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้น เขาซุกไซ้ยุ่มย่ามอยู่ที่พวงแก้มอีกฝ่ายพลางขยับสะโพกเบาๆ

“ผมมาคนเดียว”

“ห้องสวยมาก แต่ผมว่าอยู่คนเดียวแล้วเหงาไปหน่อย”

“คุณทำแรงกว่านี้ก็ได้นะ” นิพัทธ์ทนไม่ไหวจนต้องพูดมันออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มีท่าทีรุนแรงขึ้น

พิรัลทำเพียงแค่ยิ้ม สอดกายเข้ามาลึกและแช่ค้างไว้แบบนั้น จูบลงบนริมฝีปากเรื่อสีตามธรรมชาติอย่างดูดดื่ม “คุณนัดใครไว้หรือเปล่าครับ”

“เปล่าครับ”

“งั้นก็ไม่เห็นต้องรีบ”

“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” นิพัทธ์ประท้วงเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการทำให้จบๆไป “ผมอยากให้คุณเอาผมแรงๆ”

“อ๋อ หมายถึงเรื่องนั้นเหรอ”

เสียงที่ได้ยินนั่นเป็นการพึมพำกับตัวเองของพิรัล แต่กระนั้นพิรัลก็ยังเชื่องช้าจนน่าขัดใจไม่น้อยอยู่ดี นิพัทธ์เสียวซ่านไปกับสัมผัสนั้นแต่เขาต้องการมากกว่านี้ เขาต้องการความหนักหน่วงที่ทำให้หายใจแทบไม่ทัน ไม่ใช่ความวาบหวามแบบนี้ที่ทำให้นิพันธ์รู้สึกดีมากเกินกว่าความสัมพันธ์ฉาบฉวย

“คุณเคยได้ยินเรื่องตายคาอกมั้ย”

“แบบที่กำลังมีอะไรกันแล้วก็ตายน่ะเหรอ”

“ใช่ครับ”

“ก็เคยได้ยินอยู่บ้างครับ”

พิรัลยิ้มมุมปากพลางลูบศีรษะชายหนุ่มใต้ร่างอย่างนุ่มนวล “ผมยังไม่อยากตายแบบนั้น”

นิพัทธ์ไม่ตลกไปด้วย เขาต่างหากที่กำลังจะขาดใจตายเพราะอีกฝ่ายอ่อนโยนมากเกินไป ร่างที่บางกว่าผุดลุกขึ้นเปลี่ยนเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน นิพัทธ์จับส่วนแข็งขืนนั่นสอดเข้าในบั้นท้ายของตัวเองจนสุดและเริ่มขยับกายทันที พิรัลคิดว่าเตียงของโรงแรมแห่งนี้แข็งแรงดีเพราะตั้งแต่เริ่มต้นทำกิจกรรมก็ยังไม่ได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดสักเท่าไหร่ แต่เมื่อปล่อยให้ชายหนุ่มที่ร่างบางกว่าเป็นฝ่ายขี่ควบทะยานอยู่บนตัวเขาก็เริ่มได้ยินเสียงเตียงบ้าง

พิรัลมองผิวกายชื้นเหงื่อที่แดงระเรื่อจากเลือดที่กำลังสูบฉีด มันแดงเด่นชัดที่พวงแก้มคู่นั้นเพราะผิวของชายหนุ่มคนนี้ขาวใส ฝ่ายนั้นควบอยู่บนตัวเขาอย่างร้อนแรงจนอดใจไม่ไหวและตอบสนองต่ออารมณ์ไปบ้าง ท่อนเนื้อของพิรัลถูกรูดรั้งเร้าอารมณ์อย่างถึงอกถึงใจ เขายกสะโพกสวนขึ้นในตอนที่อีกฝ่ายขยับบั้นท้ายลง เสียงผิวเนื้อดังผสานเสียงหอบหายใจแรง พิรัลกดสะโพกบางๆนั่นไว้และกระทำรุนแรงอย่างที่เคยถูกเรียกร้อง มองสีหน้าพริ้มสุขของหนุ่มตัวขาวแล้วก็ยิ่งเสียวซ่านทว่าพิรัลเริ่มรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นแรงมากเกินไป เขาจึงผ่อนแรงลงและรั้งร่างตรงหน้าเข้ามาจูบพลางเอนตัวอีกฝ่ายให้นอนราบไปบนเตียง

ขณะที่พิรัลนัวจูบอยู่นั้นเขารู้สึกได้ถึงการบีบรีดจากช่องทางของชายหนุ่มใต้ร่าง มันเรียกร้องให้เขาชำเราอย่างไม่ปราณี พิรัลเริ่มขยับกายอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทั้งเจลหล่อลื่นและน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมาจากท่อนเนื้อของเขากำลังปลุกปั่นโหมอารมณ์ให้ได้ที่ นิพัทธ์อ้าขารองรับส่วนนั้นอย่างไม่เขินอายด้วยเพราะกำลังเสียวซ่านและไม่รู้ว่าจะต้องกักเก็บอารมณ์ไว้ทำไม เขาไม่เคยอายเลยสักครั้งในการบอกความรู้สึกกับเรื่องบนเตียงให้คู่นอนได้เข้าใจตรงกัน นิพัทธ์ยั่วเย้าด้วยคำพูดกระเส่าเพื่อให้อีกฝ่ายเร้าอารมณ์มากขึ้น ท่อนเนื้อที่ถูไถอยู่ในตอนนี้กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างสุดความสามารถ นิพัทธ์ชื่นชอบในสิ่งที่ถูกกระทำอยู่นี้ ขาของเขาถูกยกขึ้นพาดไหล่เพื่อให้ช่องทางนั้นรองรับจนถึงที่สุด และสุดท้ายนิพัทธ์ก็ถึงฝากฝั่งโดยไม่จำเป็นต้องถูกกระตุ้นเร้าที่ท่อนเนื้อของตัวเอง น้ำใคร่พุ่งไหลออกมาตามกลไกของร่างกายมันเปรอะอยู่บนหน้าท้อง ส่วนนั้นค่อยๆอ่อนตัวลงหากแต่นิพัทธ์ยังคงถูกโหมกระหน่ำจากอีกฝ่ายจนตัวสั่นตัวคลอน เขาเสียวซ่านอย่างเป็นสุขแม้เจ้านั่นของเขาจะไม่แข็งตัวแล้วก็ตามที

“คุณเสร็จแล้วเหรอ”

“ครับ” นิพัทธ์ยินยอมในเรื่องนั้น และปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความสุขจากร่างกายนี้อย่างที่ต้องการ “คุณทำจนกว่าจะเสร็จได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องผมหรอก” นิพัทธ์ครวญครางเสียงแผ่วเพราะยังสุขสมอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง เมื่อได้ยินเช่นนั้นพิรัลก็ไม่ยั้งตัวเองไว้เขาทำอย่างที่ได้รับอนุญาต แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนักหรอกเพราะเขาเองก็ใกล้จะถึงฝากฝั่งเช่นกัน

สะโพกของพิรัลดันไปด้านหน้าเพื่อสอดกายเข้าไปให้สุด เขามองดูท่อนเนื้อของตัวเองที่ถูกกลืนหายอยู่ในช่องทางด้านหลังของอีกฝ่าย รู้สึกได้ถึงน้ำใคร่ที่ไหลหลากอยู่ในถุงยางอนามัย เขาพรูลมหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย แขนสองข้างที่เคยค้ำยันไว้กับที่นอนอ่อนกำลังลง และสุดท้ายพิรัลก็นอนซบอยู่บนแผ่นอกราบเรียบของชายหนุ่มตัวขาว แต่แล้วเมื่อฝ่ายนั้นขยับตัวพิรัลก็ผุดลุกขึ้นเพราะคิดว่าคงจะอึดอัดที่ถูกนอนทับ

“โทษที ผมตัวหนักไปหน่อย”

นิพัทธ์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งเช่นกัน เขาหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดคราบต่างๆพลางมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ดึงถุงยางอนามัยออกจากส่วนนั้น มันอ่อนตัวลงแล้วแต่ก็ยังดูอวบอัดจนนิพัทธ์อดมองไม่ได้

“พรุ่งนี้คุณจะออกไปดำน้ำหรือเปล่าครับ”

“ไปครับ ซื้อทัวร์ของคุณเนยไว้”

“แสดงว่าพรุ่งนี้เราอาจจะได้เจอกันอีก” พิรัลกล่าวแล้วคว้าเอากระดาษทิชชู่มาทำความสะอาดที่ท่อนเนื้อของตัวเองไปตามปกติ “ผมขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะกลับแล้ว”

นิพัทธ์ที่เคยเรียกร้องความรุนแรงจากอีกฝ่ายยังคงหมดแรงนั่งอยู่บนเตียง เขาส่งเสียงตอบรับคำขอและเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหว มาถึงตอนนี้เพิ่งเริ่มจะรู้สึกตึงแน่นที่บั้นท้ายเนื่องจากมันถูกเสียดสีมาเป็นเวลาพักใหญ่ และนิพัทธ์ก็อ่อนแรงเกินกว่าจะขยับตัว ฝ่ายนั้นออกมาจากห้องน้ำและคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่

“คุณ...”

“ครับ”

“คุณนอนที่นี่ได้นะ”

พิรัลเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัยแต่แล้วก็เดินเข้ามาใกล้เตียงด้วยท่าทีเก้ๆกังๆ

“ผมเห็นว่ามันดึกแล้วน่ะ”

นิพัทธ์พูดพึมพำขณะที่ลุกขึ้นยืน เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าคู่นอนชั่วคราวคนนี้จะรู้สึกประดักประเดินหรือเปล่าที่ถูกชวนนอนค้างคืนกับคนแปลกหน้า แต่เมื่อฝ่ายนั้นเอ่ยขอบคุณและมีท่าทีผ่อนคลายนิพัทธ์ก็คลายใจ เขาทำความสะอาดตัวเองอยู่ในห้องน้ำไม่นานมากนัก ออกมาอีกทีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็ยังไม่นอน นิพัทธ์เอนตัวลงนอนอีกฝากหนึ่งก่อนที่เขาจะคว้ารีโมทมากดปิดไฟ ห้องทั้งห้องมืดสลัวแต่ยังพอเห็นเค้าลางเพราะยังมีไฟบางดวงเปิดอยู่

นิพัทธ์ขยับตัวไปมาพักหนึ่ง ดวงตาที่เคยแสร้งปิดลงค่อยๆลืมขึ้นในความมืดและสบเข้ากับดวงตาของคนที่ถูกชวนค้างคืน มือที่ค่อนข้างหยาบถูกยกขึ้นมาลูบแก้มก่อนจะปัดผมที่ปรกตาออกไป พิรัลเคลื่อนตัวเข้าหาโอบรั้งอีกฝ่ายเข้ามาจูบพลางคร่อมทับร่างที่บางกว่าเอาไว้ พวกเขาต่างต้องการความสัมพันธ์ทางกายไม่ใช่ความสัมพันธ์ทางความรู้สึก เพราะฉะนั้นหากพิรัลจะแสดงความต้องการนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด นิพัทธ์แสดงความยินยอมด้วยการยกสะโพกเมื่ออีกฝ่ายแสดงออกว่าต้องการถอดกางเกงให้พ้นทาง บั้นท้ายของเขายังคงอ่อนนุ่มจากเซ็กส์ก่อนหน้านี้จึงถูกชำแรกแทรกเข้ามาอย่างง่ายดายในตอนที่ท่อนเนื้อของชายหนุ่มร่างกำยำแข็งขืนขึ้นแล้ว

“เจ็บหรือเปล่าครับ”

นิพัทธ์ปฏิเสธก่อนจะที่แก้มของเขาจะถูกจูบ ลมหายใจอุ่นรดรินบนผิวแก้มหากแต่นิพัทธ์ไม่รู้สึกรังเกียจ ร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายบดเบียดแทรกกายอยู่ที่ด้านหลังอย่างค่อยเป็นค่อยไป หัวใจของเขาเต้นแรงในแบบที่นอกเหนือจากกิจกาม นิพัทธ์คิดว่ามันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ เขาแค่กำลังเหงาและต้องการเซ็กส์ก็เท่านั้น นิพัทธ์อดแปลกใจไม่ได้เมื่อคู่นอนคนนี้ไม่แสดงความรุนแรงหรือหื่นกระหาย ฝ่ายนั้นทำได้แต่เมื่อนิพัทธ์ไม่ได้เรียกร้องเขาก็ทำอย่างอ่อนโยนราวกับทนุถนอม มันคงเป็นรสนิยมบนเตียงของเขากระมังนิพัทธ์คิดเช่นนั้น แม้แต่ในยามที่ชายคนนั้นถึงจุดสุดยอดในครั้งที่สองนี้ก็ไม่ได้เร่งเร้าร่างกายของนิพัทธ์มากนัก เขาสอดใส่หนักหน่วงจนนิพัทธ์รู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะที่ถูกขยับเข้าขยับออกอย่างชัดเจน ที่ตรงนั้นไม่ได้ถูกกระทำรัวเร็วเช่นคนอื่นแต่กลับทำให้นิพัทธ์ใช้เวลาในการถึงจุดสุดยอดนานขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ มันสุขล้นอิ่มเอมในแบบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ตัวของเขาร้อนวูบวาบตอนที่อยู่ในห้วงอารมณ์นั้น นิพัทธ์กระชับจับมือของคู่นอนราวกับไขว่คว้าบางอย่าง ฝ่ายนั้นจูบที่แผ่นหลังไต่ขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะเอนร่างลงพร้อมกับรั้งร่างของชายหนุ่มตัวขาวเข้ามากอดและจูบที่ขมับ

“คุณ”

“ครับ” นิพัทธ์ตอบรับเสียงแผ่วด้วยยังเหนื่อยหอบจากความสุขทางกายที่ล้นทะลัก

“คุณชอบแบบเมื่อกี้มั้ย” พิรัลจ้องมองขณะที่เอ่ยถาม

หนุ่มตัวขาวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ายอมรับ

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรีบ” หยอกเย้าให้อีกฝ่ายหันหน้ากลับมามองและใช้โอกาสนั้นจูบริมฝีปากอย่างแผ่วเบา “ผมขอใช้ห้องน้ำอีกรอบนะครับ”

นิพัทธ์รั้งมือไว้เมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นขยับตัวออกห่าง พวกเขาจ้องมองกันด้วยความรู้สึกประดักประเดิดอยู่อึดใจหนึ่ง นิพัทธ์เอื้อมมือไปรูดดึงถุงยางอนามัยที่ยังค้างเติ่งอยู่บนท่อนเนื้อของชายที่อยู่ตรงหน้า ทิ้งไว้บนพื้นห้องอย่างไม่ให้ความสนใจ ในความมืดสลัวนั้นนิพัทธ์ถูกกกกอดอยู่ในอ้อมแขนของพิรัลอีกครั้ง

พวกเขาเปลือยเปล่าและหลับไปในค่ำคืนที่คลื่นทะเลสงบ โดยที่ไม่รู้ชื่อของกันและกัน



************************************




ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เอามาลงเล้าฯหลังจากอ่านนิยายในนี้มานานมาก 5555
ตอนที่สองจะตามมาในเร็วๆค่ะ

 :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2018 22:12:00 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตอนแรกโดนตกเพราะชื่อเรื่องค่ะ พอเริ่มอ่านเท่านั้นแหล่ะ หลงรักภาษาแบบนี้มากค่ะ คุณพระเอกเป็นโรคที่จะอยู่ไม่นานเหรอคะ  :hao5:

สนุกมากเลยแค่ตอนแรก เป็นกำลังใจให้นะคะ รอตอนต่อไปค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากไปเที่ยวทะเลเลยค่ะ555 รอฉากดำน้ำนะคะ~
ขอบคุณมากค่า

ออฟไลน์ Nasherr

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ภาษาดีจังเลยค่ะ เราชอบนิยายที่ตัวละครเรียก 'คุณ, ผม' แบบนี้มาก เปิดเรื่องมาเราก็เริ่มกังวลแล้วว่าจะมีการเสียน้ำตาเกิดขึ้นช่วงท้ายของเรื่องมั้ย....

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ทำไมเรารู้สึกเขินตั้งแต่ตอนเขาคุยกันจัง :o8:
คุณพระเอกเป็นโรคอะไร​ จะอยู่ได้ไม่นานหรอ?
แต่เราชอบภาษามากเลย​ อ่านแล้วสมูทมาก​ รู้สึกละมุนจัง​ และรู้สึกว่าเราอาจจะต้องเสียน้ำตาให้เรื่อวนี้

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นอะไรที่ดีและอบอุ่นมากเลยค่ะ ชอบการเล่าเรื่องด้วย

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่สอง


ท้องทะเลยามเช้านั้นให้ความสดใสและผืนฟ้าเบื้องหน้าก็ดูปลอดโปร่ง เป็นอีกวันที่พิรัลรู้สึกดีๆกับชีวิตไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา เขาแจ้งคุณเนยว่าให้มารับที่โรงแรมแห่งนี้ เธอประสานงานให้และไม่ถามถึงเหตุผลอื่นใด ถือว่าเป็นโชคดีที่พิรัลจะได้ไม่ต้องคิดหาคำพูดอธิบายแต่หากแม้เธอจะถามพิรัลก็จะทำเพียงบ่ายเบี่ยงโดยไม่ตอบคำถาม ลมทะเลพัดโชยเข้ามาในห้องพักเพราะพิรัลเปิดทิ้งไว้หลังจากออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้อง มวนบุหรี่ที่สูบนี้หมอบอกว่าเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้พิรัลป่วย ใช่ว่าพิรัลจะไม่สนใจในการพยายามเลิกเขาพยายามแล้วแต่พยายามไม่มากพอ และสุดท้ายก็ยังเลิกไม่ได้อยู่ดี

เขาจับเส้นผมซึ่งพัดปรกอยู่ที่ข้างแก้มของอีกฝ่าย เกลี่ยผิวแก้มด้วยนิ้ว มองภาพของชายหนุ่มตัวขาวที่กำลังดูดดึงท่อนเนื้อของเขาอย่างเร่าร้อน พวกเขาตื่นเช้าด้วยเพราะวิถีชีวิตที่ต้องแหกขี้หูขี้ตาตื่นเพื่อฝ่ารถติดเข้าไปทำงานในตัวเมืองกรุงเทพ พิรัลกระสับกระส่ายในตอนที่ตื่นขึ้นมาจนต้องออกไปสูบบุหรี่ หากแต่ใช้เวลาไม่เท่าไหร่เจ้าของห้องก็เดินออกมาสมทบ เขาไม่แน่ใจนักว่าคุยอะไรกันถึงได้ลงเอยแบบนี้แต่เช้าตรู่

ผิวของชายหนุ่มคนนี้ขาวใสจนพิรัลอดมองไม่ได้ เขาไม่มีไทป์ของคนที่ชอบมาแต่ไหนแต่ไร เพิ่งมาฉุกคิดว่าอาจจะชอบคนผิวขาวก็เพราะชายหนุ่มคนนี้ ความสูงของพวกเขาไม่ต่างกันมากแต่ความบึกบึนกำยำนั้นพิรัลกินขาด พิรัลไล้ลูบผิวแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อด้วยใจปรารถนา เขาชอบแก้มของผู้ชายคนนี้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ มันชวนให้อยากจูบอยากหอมซ้ำๆไปมาโดยไม่มีเหตุผลรองรับในความชอบนั้น

“คุณ ผมใกล้จะเสร็จแล้ว”

พิรัลเตือนอีกฝ่ายเมื่อรู้สึกถึงแรงอารมณ์ที่พุ่งทะยานสูงขึ้น ชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้นยืนพลางปาดเช็ดคราบเลอะบนริมฝีปาก พิรัลรั้งร่างที่บางกว่าเข้ามาและใช้มือเร้าอารมณ์ที่ท่อนเนื้อ ฝ่ายนั้นเอนตัวพิงกายของพิรัล เสียงครางแผ่วดังขึ้นที่ข้างหูเมื่อถูกเล่นส่วนนั้นด้วยมือ พวกเขาต่างใช้มือปลุกปั่นให้กันจนถึงอารมณ์หมาย ผลลัพธ์อยู่ในอุ้งมือเป็นสีขาวขุ่น พิรัลจูบที่ขมับชื้นเหงื่อพลางโอบรับแรงจากฝ่ายนั้นที่ถ่ายน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงคลื่นทะเลชัดเจนและเริ่มรู้สึกถึงแสงแดดที่อบอุ่นจนเกือบจะร้อน

“คุณหิวมั้ย” พิรัลถามและรับรู้คำตอบได้จากการส่ายหัวยุกยิกอยู่ที่ข้างซอกคอ “ผมว่าจะหาอะไรรองท้องสักหน่อย”

เขาแปลกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มคนนี้ยังคงกอดเขาไว้เนิ่นนาน แต่แล้วเพียงอึดใจหนึ่งไออุ่นจากคนที่เคยกอดก็ผละตัวออกไป พิรัลเดินกลับเข้าห้องตามอีกฝ่ายไป เขาคว้าเสื้อของตัวเองมาใส่และมองดูอีกคนที่กำลังรื้อค้นเสื้อผ้าจากในกระเป๋า “ผมมีเสื้อตัวอื่นอีก”

พิรัลมองเสื้อที่ฝ่ายนั้นยื่นมาให้ มันเป็นเสื้อสีขาวไม่มีลวดลาย ไม่ใช่ว่าพิรัลรังเกียจหรือรู้สึกไปในทางไม่ดี เขาแค่เกรงใจแต่สุดท้ายก็รับมาเพราะเสื้อตัวเก่านั้นมีกลิ่นเหม็นทั้งเหงื่อทั้งกลิ่นอาหารจากที่ตลาดโต้รุ่ง “ขอบคุณครับ”

“คุณใช้ห้องน้ำก่อนได้เลย แล้วเดี๋ยวไปกินบุฟเฟ่อาหารเช้า ผมมีบัตรเหลือ”

พิรัลมองบัตรสำหรับกินบุฟเฟ่อาหารเช้าที่โรงแรมแห่งนี้ เขาแปลกใจอีกครั้งที่เห็นมันสองใบทั้งที่ฝ่ายนั้นเคยบอกไว้ว่ามาเที่ยวคนเดียว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเซ้าซี้ถามให้มากความ เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะพูดคุยกันแค่วันนี้เป็นวันสุดท้าย ก่อนจะแยกทางกันไปและทิ้งทุกอย่างไว้ที่กระบี่

คุณเนยโทรมาตามตอนที่พวกเขากำลังกินอาหารเช้าที่โรงแรมทำให้ต้องหยุดกินและรีบเร่งมาขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปยังจุดจอดเรือออกเกาะ พิรัลสวมใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าร่ม ส่วนนิพัทธ์ก็สวมเสื้อแบบเดียวกันและใส่กางเกงขาสั้นแบบที่เอาไว้เล่นน้ำ พิรัลหยุดมองฝ่ายนั้นไม่ได้เขารู้ตัวดี จะให้ทำยังไงในเมื่อได้เคยเชยชมกันเมื่อคืนวาน ความวาบหวามต่างๆนานาทำให้พิรัลเกิดจินตนาการขึ้นในหัว ส่วนไหนที่เคยจับต้อง สีหน้าแบบไหนที่เคยพิศมองล้วนแล้วแต่ทำให้พิรัลไม่ได้สนใจทะเลที่กระบี่เท่าที่ควร

คุณเนยไม่ได้ออกเรือมาด้วย เธอแค่เป็นฝ่ายประสานงานลูกทัวร์สี่คนในวันนี้และฝากฝังให้ชายหนุ่มอีกคน เขาเป็นผู้ชายผิวคล้ำตัวผอมผมหยักศกไม่ค่อยพูดค่อยจามากนัก แต่ทำหน้าที่ขับเรือพาลูกทัวร์ไปแวะตามเกาะชื่อดังต่างๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งโปรแกรมที่เลือกไว้ไม่ใช่ชะโงกทัวร์แต่ละสถานที่ที่ไปจึงสามารถใช้เวลาดำน้ำดูปะการังแหวกว่ายอยู่ใต้ท้องทะเลได้ยาวหน่อย แต่ติดขัดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่พิรัลรู้สึกเหนื่อยและสามารถว่ายน้ำดูโลกใต้น้ำได้เพียงไม่นาน

บนผืนทรายสีขาวละเอียดนั้นพิรัลนอนแผ่หรายืดยาวเต็มความสูง ร่างทั้งร่างของเขาเปียกชุ่มจากน้ำทะเล เขาสูดหายใจเข้าลึกเว้นวรรคการทำกิจกรรมใดๆที่ต้องใช้แรงเยอะ อาการแบบนี้มันเริ่มเป็นถี่บ่อยขึ้นจนตัวเองยังรู้สึกแต่พิรัลกลับไม่ใส่ใจเท่าที่ควร เขาไม่ได้จะตายวันตายพรุ่งเสียหน่อยแค่อยากใช้ชีวิตแบบปกติต่อไปเรื่อยๆ เพราะทุกวันนี้เขาคิดว่าตัวเองมีความสุขดี

“คุณเหนื่อยแล้วเหรอ”

เสียงคุ้นหูเอ่ยถาม พิรัลลืมตามองชายหนุ่มตัวขาวที่ตอนนี้ตัวเปียกน้ำทะเลไม่ต่างกัน เขาส่งเสียงตอบรับเบาๆในลำคอ

“ผมอ่านเจอในอินเตอร์เน็ตเค้าบอกว่ามีทางลับขึ้นไปดูวิวบนเขาได้ คุณไปกับผมนะ”

พิรัลรู้สึกแสบตาเพราะแสงแดดกำลังเจิดจ้าจึงยกมือบังแดด แต่กลายเป็นว่ามันสบโอกาสให้อีกฝ่ายสามารถคว้ามือและฉุดให้ลุกขึ้นแทน

“ไปเร็วคุณ”

พิรัลผุดลุกขึ้นตามแรงฉุด แม้ว่าจะหายเหนื่อยลงบ้างแล้วแต่ก็ยังปวดหนึบๆนิดหน่อยในทรวงอก แต่กระนั้นเมื่อพิรัลได้ยินเสียงที่ร่าเริงกว่าปกติของชายหนุ่มตรงหน้านี้เขาก็พลอยเลยตามเลย ยิ่งในตอนที่ฝ่ายนั้นหันหลังกลับมาแล้วส่งยิ้ม พิรัลได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าเขายังไหวเสียยิ่งกว่าไหว

เส้นทางที่พิรัลเดินตามชายหนุ่มตัวขาวอยู่นั้นไม่ราบรื่นสักเท่าใด เขายังไม่ได้เหนื่อยหนักหนาขนาดนั้นแต่เริ่มหายใจลำบากนิดหน่อย คนที่เดินนำอยู่ด้านหน้ายังคงเรี่ยวแรงดีและดูร่าเริงท้าแสงแดด พวกเขาเดินตามเส้นทางที่มีคนบอกไว้ในอินเตอร์เน็ตแต่ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกไร้วี่แวว เหมือนเดินวนอยู่ในป่าตรงบริเวณที่เป็นตีนเขา พอไปยังอีกจุดก็เจอทางคับแคบที่ต้องตะแคงเบี่ยงตัวเดินได้ทีละคน พิรัลส่ายหน้ายิกๆปฏิเสธเพราะคิดว่าช่องทางที่มีให้เดินนั้นดูไม่น่าไว้วางใจ ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้ทำหน้าผิดหวังอะไรแต่เปลี่ยนเป็นชักชวนไปนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่อีกฝากหนึ่งแทน

พิรัลเดินตามหลัง มองท่อนขาขาวๆที่เดินนำหน้าไปเรื่อย คนตรงหน้าใส่กางเกงขาสั้นมากและเขาชอบใจที่จะได้มอง พิรัลนั่งลงด้านข้างเมื่อถึงจุดที่หมายมั่นไว้ เขารู้สึกตัวได้เลยว่าตัวเองหายใจไม่คล่องนักแต่ก็พยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมามาก สายตาของพิรัลพักไว้ยังชายหนุ่มผิวขาวที่ไม่รู้จักชื่อแต่เขายังไม่ตระหนักในเรื่องนั้น เขาสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตัวแห้งและมีเศษเม็ดทรายเต็มไปหมดจึงเอื้อมมือไปปัดเศษเหล่านั้นให้ตรงบริเวณลาดไหล่ พวกเขาต่างเปลือยท่อนบน สวมใส่เพียงกางเกงเล่นน้ำ และจดจ้องมองกันด้วยรอยยิ้ม

นิพัทธ์นั่งเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายปัดทรายออกจากเส้นผม เขารู้สึกดีที่ถูกดูแลแม้ว่ามันจะเป็นการกระทำจากคนแปลกหน้า

“คืนนี้ผมจะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน” หลังจากเงียบไปพักหนึ่งนิพัทธ์ก็เอ่ยขึ้น

“ผมไปด้วยได้มั้ย” พิรัลลองถาม

นิพัทธ์ยิ้มพลางขยับขาลงจุ่มปลายเท้าอยู่ในพื้นทรายไปเรื่อยเปื่อย การที่เขาไม่ตอบทำให้พิรัลต้องเป็นฝ่ายขยับเข้าหา ปลายเท้าของพวกเขาสัมผัสกันอยู่ใต้เม็ดทราย พิรัลใช้นิ้วหัวแม่เท้าถูไถเท้าของอีกฝ่าย จ้องมองด้วยประเมินท่าทีก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนอิริยาบถเป็นสอดเท้าเข้าไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าของชายหนุ่มผิวขาว

“ทำไมคุณถึงอยากไปด้วย” หลังจากที่นั่งเงียบไปพักหนึ่งนิพัทธ์ก็เริ่มต้นบทสนทนาขึ้นใหม่ บนใบหน้าที่แก้มเรื่อสีจากการตากแดดมีรอยยิ้มเจือจาง

พิรัลคิดลังเลในการพูดความจริง แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่คาดหวังจากอีกฝ่ายเขาจึงยินยอมสารภาพ “ผมอยากมีอะไรกับคุณอีก”

มันหยาบคายและคิดว่าไม่น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถพูดออกมาได้อย่างเปิดเผยถึงแม้พวกเขาจะรู้ตัวว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน แต่กระนั้นนิพัทธ์ยังคงยิ้มเพราะเขาเองก็คาดหวังว่าจะได้ยินสัญญาณอะไรบางอย่างแบบนั้นบ้าง “คุณพูดตรงเกินไปแล้ว”

พิรัลหัวเราะลงคอ จากนั้นพวกเขาก็เมินมองไปยังท้องทะเล ปล่อยให้ร่างกายถูกอาบไล้ด้วยแสงแดดที่ส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ และถูกโอบล้อมด้วยสายลม ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยสิ่งใดอีกนอกจากเสียงคลื่นทะเล


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 10:32:56 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1


โชคดีเป็นของพิรัลเมื่อการมาเที่ยวครั้งนี้นอกจากจะไม่ได้เจอพายุฝนและท้องฟ้าสดใสแจ่มจ้าตลอดเวลา พิรัลยังได้พบเจอประสบการณ์พิเศษกับชายหนุ่มตัวขาวที่ทำให้เขารู้สึกลืมโลกทั้งใบ เขาไม่ได้คิดถึงงานที่ต้องกลับไปเผชิญ ไม่ได้คำนึงถึงโรคที่รุมเร้า ไม่ต้องเห็นสายตาแห่งความสงสารจากพ่อและแม่

ตอนที่เดินหาของกินในถนนคนเดินอยู่นั้นชายหนุ่มแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักทำให้พิรัลสมองว่างเปล่า พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางความรู้สึก มันเป็นเพียงแค่ความสุขที่ก่อเกิดขึ้นบนดินแดนแห่งความเพ้อฝัน พิรัลคิดเสมอว่ามนุษย์มักกระทำในสิ่งที่เป็นสุข ตัวเขาเองเป็นเช่นนั้นอย่างไม่ต้องกังขา และเขาทำสิ่งนั้นอยู่ ช่วงเวลานี้ตอนนี้เขากำลังมีความสุขที่ได้เที่ยวเล่นกับคนแปลกหน้า คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของพิรัล

พิรัลค้นหาข้อมูลจากในโลกออนไลน์ก่อนมาที่กระบี่ เขาพบบาร์แห่งหนึ่งที่เล่นดนตรีสดแต่เป็นเพลงในแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่นิยมนัก แสงสีแดงในร้านที่ตกแต่งด้วยวัถสดุท้องถิ่นส่องอาบโลมผิวกายของพวกเขาราวกับมอมเมา พิรัลมองอีกฝ่ายซึ่งนั่งดื่มเบียร์อย่างเปิดเผยไม่คิดปิดบัง เขาเคยกล่าวกับฝ่ายนั้นไว้แล้วว่าคาดหวังอะไรและในเมื่อยังไม่ถูกปฏิเสธซ้ำยังได้รอยยิ้มกลับมาพิรัลจึงมองไม่เห็นว่าทำไมถึงจะต้องสงวนท่าทีไว้

ชายหนุ่มตัวขาวนั่งให้พิรัลโอ้โลมอย่างไม่อายสายตาใครราวกับโลกนี้มีเพียงเราสอง พวกเขาไม่ได้กระทำอนาจารหากเพียงแค่นั่งเบียดชิด ส่งสายตาหยาดเยิ้ม และหยอกเย้ากันด้วยคำพูดในบางคราว พิรัลช้อนตามองชายหนุ่มผิวขาว กอบกุมมือข้างหนึ่งจับเล่นไปมาพลางเอ่ยชมถึงรอยยิ้มของฝ่ายนั้นเพื่อเรียกรอยยิ้มสวยๆนั่นอีก พิรัลไม่ได้แสดงออกว่าเป็นการกระทำที่หวังผลเพื่อพัฒนาความรู้สึกเพราะเขาไม่ต้องการคนรัก ยังไม่ต้องการในเวลานี้

“ผมรู้ว่าคุณชมผมเพราะหวังอะไร แล้วผมไม่ได้ยิ้มสวยอะไรด้วย”

พิรัลยิ้มแล้วจูบลงที่หัวไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะโอบเอวกระชับแน่น “คุณยิ้มสวยจริงๆ อย่างน้อยผมก็ชอบ”

“ขอบคุณครับ” นิพัทธ์ยกเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่แต่แล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ยังคงจับจ้องอยู่ “เลิกมองผมได้แล้วครับ”

“ทำไมล่ะ” พิรัลถามเสียงแผ่วทั้งที่ยังยิ้ม “คุณน่ารักผมก็อยากมอง”

นิพัทธ์หัวเราะอารมณ์ดี “คุณก็น่ารักครับ”

“ผมน่ารักเหรอ น่ารักมากมั้ยครับ” พิรัลขยับเข้าใกล้อีกแสร้งทำหน้าตาใสซื่อจนฝ่ายนั้นหัวเราะไม่หยุด เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวใจก็พิรัลก็เต้นตุบตับอย่างเป็นสุข เขาจูบที่หัวไหล่องอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ขยับห่างออกมาเพื่อมองตากันหวานซึ้งในตอนที่เพลงท่อนหนึ่งดังขึ้น

So tonight, we’ll dance,
Let’s pretend we rule this town
In tomorrow’s dawn
I’ll be long gone
Long gone, long gone


พิรัลแวะเช็คเอ้าท์ออกจากโฮสเทลท่ามกลางความประหลาดใจของพนักงาน เธอสอบถามลูกค้าชายคนนี้ด้วยเพราะสงสัยว่าเหตุใดถึงไม่นอนค้างจนครบคืน และแสดงความกังวลว่าการให้บริการของทางโฮสเทลนั้นไม่ถูกใจลูกค้าหรือเปล่า พิรัลยิ้มและตอบเธอด้วยความสุภาพว่าจะไปค้างคืนที่ห้องเพื่อนจากนั้นเธอก็ดูคลี่คลายสีหน้าแห่งความกังวลลง เขาเก็บของทั้งหมดที่มีไม่มาก คืนจักรยาน และออกมาสมทบกับชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันซึ่งรออยู่ด้านนอก

พิรัลวางกระเป๋าสัมภาระไว้บนโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งในห้องอย่างไม่ได้สนใจมากนัก เขาออกมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงด้านนอก ทอดอารมณ์ว่างเปล่าไปกับลมทะเลและเงี่ยฟังเสียงคลื่นซัดสาด ดวงตาสีเข้มที่ทอดมองไปยังทะเลไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดเป็นพิเศษ เขาเห็นหมู่ดาราและดวงจันทร์เคียงข้างกันในผืนท้องฟ้าสีดำ เก็บเกี่ยวความสวยงามของภาพธรรมชาตินั่นไว้ก่อนที่จะไม่ได้เห็นอีกนาน พิรัลยังไม่อยากนึกถึงช่วงเวลาที่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพแต่ก็อดนึกถึงจำนวนอีเมลและจำนวนงานที่คั่งค้างไม่ได้ ทว่ายังไม่ได้คิดไปไกลกว่านั้นเขาก็ถูกเรียกร้องความสนใจด้วยสัมผัสไออุ่นจากคนที่เดินเข้ามายืนด้านข้าง

“คิดอะไรอยู่ครับ”

“งานครับ” พิรัลสูบบุหรี่หลังจากตอบคำถาม จากนั้นก็ขยี้ดับมวนสีขาวนั่นลงและขยับเข้ามาจูบที่แก้มอีกฝ่าย “ตัวหอมจัง” เขาพึมพำพลางค่อยๆเลื่อนคอเสื้อนอนย้วยๆของชายหนุ่มตัวขาวออกแล้วจูบลงบนหัวไหล่ “แล้วคุณคิดอะไรอยู่ครับ”

ฝ่ายนั้นนิ่งงันไปครู่หนึ่งแต่ดวงตาจ้องมองพิรัลที่เริ่มซุกไซ้ผิวกายจุดอื่น “ไม่ได้คิดครับ”

พิรัลเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วยิ้มทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้ไม่ใช่ความจริง แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะสนใจนัก ร่างสูงใหญ่ของพิรัลขยับเคลื่อนเข้ามาโอบกอดอีกฝ่าย เขาล้วงมือเข้าไปในกางเกงของหนุ่มตัวขาวแล้วขยำลูบไล้ไม่เบาแรง “ที่นี่เห็นดาวชัดดีนะครับ”

“ครับ” นิพัทธ์ตอบรับไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก เขาเสียววาบที่ท้องเมื่อท่อนเนื้อถูกปลุกปั่นโดยตรง ไออุ่นจากชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังทำให้เขาหอบหายใจแรง “ไปทำในห้องมั้ยครับ”

“ผมยังอยากอยู่ข้างนอก แต่ถ้าจะคุณจะเข้าห้องก่อนก็แล้วแต่ครับ” พิรัลดึงมือกลับและขยับห่างออกมา ชายหนุ่มตัวขาวมีท่าทีอึกอักพูดไม่ออกกับท่าทีที่ได้รับ เขารู้ว่ากำลังถูกหยอกล้อแม้ว่าส่วนนั้นจะยังไม่แข็งขึ้นมาแต่เขาก็เริ่มมีอารมณ์แล้ว

“คุณ...”

“ครับ” พิรัลยิ้มอยู่ในทีท่าสบายๆไม่ได้แสดงออกอะไรมาก เขาสุขใจที่ได้แกล้งชายหนุ่มคนนี้ ยิ่งเห็นสีหน้าลำบากใจนั่นก็ยิ่งสนุก แต่แล้วพิรัลก็ไม่อาจแกล้งได้นานเพราะเขาเองก็ต้องการเสพสมกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เช่นกัน พิรัลหัวเราะลงคอแล้วโอบร่างอีกฝ่ายดังเดิม “ผมหมายความแบบนั้นจริงๆนะ ที่ยังอยากอยู่ข้างนอกน่ะ”

นิพัทธ์นิ่งเงียบไม่ตอบโต้สิ่งใด สมาธิของเขาจมจ่อมอยู่กับสัมผัสใต้สะดือและคิดอะไรไม่ออกเมื่อผิวกายถูกดอมดมไปทั่วอย่างแผ่วเบาผิวเผิน

“คุณ ผมอยากเข้าไปในตัวของคุณแล้ว” พิรัลกล่าวเสียงแผ่วรอฟังสัญญาณตอบรับด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ส่วนนั้นของเขาพร้อมแล้วและมันก็อยากโลดแล่นอยู่ในความคับแน่นที่เคยได้ลิ้มลอง เขาจัดท่วงท่ารั้งบั้นท้ายอีกฝ่ายเข้ามาบดเบียดกับส่วนที่แข็งขืน “ได้มั้ยครับ”

นิพัทธ์หายใจแรง ลำคอของเขาถูกขบเม้มและเบื้องล่างก็ถูกเล้าโลมจนแข็งตัว การปฏิเสธนั้นทำได้ยากเย็นเหลือเกิน นิพัทธ์ตอบรับสัมผัสด้วยการหันกลับไปรั้งใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาจูบ ร่างของเขาถูกรั้งให้เดินเข้าไปในห้อง นิพัทธ์ถอดเสื้อผ้าขณะที่ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กำลังใส่ถุงยางอนามัย พิรัลกลับขึ้นบนเตียงพลางสะบัดกางเกงขาสั้นไปให้พ้นทาง เขาจูบริมฝีปากสีธรรมชาติ รั้งขาอีกฝ่ายออกกว้างบดเบียดท่อนล่างเข้าหาแต่ยังไม่สอดใส่เสียทีเดียว พิรัลครางเสียงต่ำพึงพอใจที่ได้เห็นสีหน้ายั่วเย้าดวงตาฉ่ำเยิ้มของชายหนุ่มตัวขาว แสงไฟสีส้มในห้องพักเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศวาบหวาม สายลมพัดผ่านเข้ามาทำให้พวกเขาไม่ร้อนมากนัก ทุกอย่างกำลังอยู่ในช่วงเวลาเป็นใจให้พิรัลมีความสุขจนใจเต้นแรง

ร่างของนิพัทธ์รุ่มร้อนไปหมด เขาอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นจนไม่อาจคลี่คลายความต้องการได้เพียงสัมผัสภายนอก นิพัทธ์ร้องขอให้อีกฝ่ายสอดใส่เข้ามาหากแต่ยังไม่ถูกตอบสนอง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หนุ่มแปลกหน้าเป็นคนร่ำร้องเอง ช่องทางด้านหลังของนิพัทธ์บีบรัดด้วยสัมผัสที่เคยคุ้นเมื่อคืนวาน ในหัวตอนนั้นคิดเพียงแค่ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป เขาต้องการมากกว่านี้แต่เมื่อแสดงออกไปถึงความต้องการนั้นกลับถูกอีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากหยอกเย้า

“ผมอยากได้ของคุณ” นิพัทธ์ไม่เขินอายในสิ่งที่ต้องการแม้แต่น้อย

พิรัลหัวเราะลงคอ “คุณน่ารักจังเลยครับ”

“เลิกชมผมได้แล้วครับ ผมไม่ได้น่ารักขนาดนั้น”

พิรัลไม่ได้ตอบอะไรอีกแต่ค่อยๆปาดป้ายเจลที่ช่องทางด้านหลังของอีกฝ่าย และสอดใส่ส่วนแข็งขืนเข้าไปอย่างเชื่องช้า พวกเขาต่างพอใจในสัมผัสนั้น เสียงครางต่ำในลำคอของชายหนุ่มสองคนเป็นสิ่งยืนยันได้เป็นอย่างดี ความลื่นไหลจากเจลหล่อลื่นเริ่มส่งเสียงลามกยามที่พิรัลขยับเข้าออก เขาประคองกอดร่างชายหนุ่มตัวขาวที่กำลังรัดตัวเขาแน่นไว้ในอ้อมอก สอดใส่ส่วนนั้นหนักหน่วงขึ้นตามห้วงอารมณ์ ก่อนจะผ่อนแรงลงเนิบนาบอยู่ในความคับแน่นเรียกเสียงครวญจากหนุ่มตัวบาง พิรัลปัดเส้นผมที่ชื้นเหงื่อไปให้พ้นทางแล้วจุมพิตที่ขมับ เขารั้งร่างของคนในอ้อมกอดให้ขึ้นนั่งคร่อมทับ ฝ่ายนั้นบดเบียดรับท่อนเนื้อของเขาเข้าไปอีกครั้งและเริ่มขยับกาย พิรัลรูดรั้งท่อนเนื้อของชายหนุ่มตรงหน้าเพื่อช่วยกระตุ้นเร้า ดวงตาสีเข้มมองท่อนขาที่อ้าออกกว้าง มันกำลังขยับไหวเย้าอารมณ์ เสียงชื้นแฉะดังต่อเนื่องอยู่ภายในห้องพักหลังนั้น พิรัลรู้ว่าคนตรงหน้าใกล้ถึงอารมณ์หมายเขาจึงช่วยเร่งเร้าให้ แต่ทว่าฝ่ายนั้นกลับหยุดลงพร้อมๆกับที่ส่วนแข็งขืนของพิรัลหลุดออกจากช่องทางด้านหลัง

ในตอนนั้นนิพัทธ์ไม่ได้ขาดสติ เขาต้องการสิ่งนี้เพื่อเติมเต็มอารมณ์หมาย ชายหนุ่มตัวสูงไม่ได้ขัดขืนอะไรในตอนที่นิพัทธ์ดึงถุงยางอนามัยออก พวกเขาสบมองกันขณะที่นิพัทธ์หย่อนบั้นท้ายรับตัวตนเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเข้ามาอีกครั้ง สะโพกบางขยับเขยื้อนพลางโอบกอดพิรัลไว้แนบแน่น พิรัลมองข้ามขีดจำกัดของตัวเองเขากระแทกกายสวนขึ้นไป ท่อนเนื้อเปลือยที่เสียดกับช่องทางคับแน่นนั้นทำให้สะท้านมากกว่าเดิม เขากระทำกับร่างกายของหนุ่มตัวขาวแรงขึ้นหนักขึ้น ยิ่งในช่วงถึงจุดสุดยอดฝ่ายนั้นถึงกับหลุดเสียงครางครวญรัญจวนใจ พิรัลฝังกายลึกอยู่ในช่องทางด้านหลังของหนุ่มตัวขาว แก่นกายของเขารู้สึกได้ถึงแรงตอดรัดยามที่น้ำขาวขุ่นพุ่งพล่านอยู่ภายใน มันไหลย้อนลงมาจนเฉอะแฉะไปหมดแต่ไม่มีใครสนใจนัก นิพัทธ์พิงแนบใบหน้าอยู่ที่ไหล่ลาดลมหายใจอุ่นรดรินบนผิวกาย เขายังคงกอดอีกฝ่ายไว้ไม่ขยับตัวไปไหน หลับตาลงและซึมซับไออุ่นจากคนที่กอดอยู่นานสองนาน

คนแปลกหน้าอย่างพวกเขาต่างสุขสมอารมณ์หมาย ไม่มีใครพูดถึงการกระทำที่ส่งผลให้ชุ่มแฉะเหล่านั้น ไม่มีใครเสียหาย ไม่มีใครเรียกร้องความสัมพันธ์ทางความรู้สึก ไม่มีใครต้องการสิ่งใดจากการได้พบกัน




พิรัลเก็บของลงกระเป๋าอย่างเงียบงันในตอนช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาลงไปกินอาหารเช้าอีกมื้อจากบัตรบุฟเฟ่อาหารเช้าของชายหนุ่มตัวขาว พวกเขาไม่ได้สนทนาอะไรกันเป็นพิเศษนอกจากไถ่ถามเรื่องเที่ยวบินกลับกรุงเทพ พิรัลบอกไปตามความจริงและพบว่าพวกเขาต้องกลับเที่ยวบินเดียวกัน ไม่มีใครแสดงความกระอักกระอวนกับโชคชะตานี้เท่าใดนัก พวกเขายังสามารถพูดคุยกันได้ปกติตลอดทางที่อยู่ในรถตู้จนถึงสนามบินที่กระบี่ ต่างคนต่างแยกย้ายนั่งตามที่นั่งเมื่อเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องบิน และเจอกันอีกครั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ นิพัทธ์ส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“โชคดีนะครับ”

“ครับผม คุณก็ด้วยนะครับ”

พิรัลมองตามหลังชายหนุ่มตัวขาวก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายหลังและเดินหันเดินออกไปอีกทาง สุดท้ายก็ยังเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักชื่อของกันและกันอยู่ดี






“น้องเจตน์!”
เสียงเรียกที่ค่อนข้างดังในยามเช้านั้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงัก “อ้าว พี่หวาน หวัดดีพี่” พิรัลหันกลับมาทักทายหญิงสาวที่สวมชุดทำงานท่าทางทะมัดทะแมง แต่เมื่อสังเกตให้ดีท้องของเธอภายใต้ชุดกางเกงทำงานนั้นนูนเด่นชัด

เธอเอ่ยสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานก่อนจะหันมาทางชายหนุ่มที่อยู่ในชุดทำงานเรียบกริบ “เป็นไง”

“เป็นไงอะไรพี่”

“กระบี่ไง”

“สบ๊ายยย แล้วนี่คนท้องดื่มกาแฟได้เหรอ”

“ได้สิ แค่แก้วเดียว” เธออตอบแล้วหลังจากนั้นเครื่องดื่มที่พิรัลสั่งไว้ก็ถูกเสิร์ฟพอดิบพอดี “เออ เจตน์ เดี๋ยวขึ้นไปแล้วพี่ขอคุยด้วยนะ”

“คุยตอนนี้เลยก็ได้พี่”

“ขอกินข้าวก่อนสิ แล้วเดี๋ยวไปตาม เคนะ” สิ้นคำเธอส่งเสียงไล่ชายหนุ่มลูกน้องให้พ้นทาง พิรัลหัวเราะก่อนจะรับคำแล้วเดินออกจากร้านเครื่องดื่มไปในช่วงเช้าของวันจันทร์ วันเริ่มต้นแห่งการทำงาน

ตอนเก้าโมงครึ่งพิรัลถูกเรียกพบในห้องประชุมขนาดเล็กอย่างไม่เป็นทางการ หัวหน้าของเขาดื่มกาแฟดำและเขมือบครัวซ็องเพิ่มหลังจากที่เธอบอกว่าเพิ่งกินข้าวกล่องไปแล้วหนึ่งกล่อง เธอบอกว่าลูกหิว พิรัลหัวเราะลั่นแล้วหยอกล้อนิดหน่อยให้อารมณ์ดียามเช้าก่อนที่หัวหน้าจะเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงเวลาเป็นการเป็นงาน

“พี่รู้ว่าเราเหนื่อยมาก”

“พี่หวาน ผมไม่ได้ป่วยขนาดนั้น ถ้าไม่ไหวก็หยุดพัก ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นเลย”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น พี่หมายถึงตอนนี้มันจะมีโปรเจคใหม่เพิ่มเข้ามาอีกเยอะ ทีนี้ถ้าจะให้เจตน์ดูแลโปรเจคอื่นเพิ่มอีกก็คงไม่ไหว พี่มองขนาดงานแล้วไม่ไหวแน่ๆ โปรเจคใหม่นี้พี่ก็เลยรับคนเข้ามา”

“เดี๋ยว นี่อัลฟี่แอพพรูฟคนเพิ่มเหรอ หูฝาดป่าวพี่”

“เออ ตอนไปคุยก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ผ่าน”

“แล้วโปรเจคใหม่ผมต้องไปสแตนบายที่ไซต์นานมั้ย”

“เจตน์คิดยังไงถ้าพี่ให้เจตน์บริหารคนเพิ่มด้วย” หวานตอบด้วยการโยนคำถาม

พิรัลนั่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ในสมองประมวลคำถามที่ได้ยิน “พี่หมายถึงยังไง”

“พี่จะโปรโมตเจตน์แทนตั้ม ตั้มจะลาออก แล้วเจตน์ก็รู้งานจากตั้มมาหมดแล้ว อยู่ที่เจตน์นี่แหละว่าอยากทำรึเปล่า”

พิรัลยังคงเงียบ

“จะเอาไปคิดก่อนก็ได้นะ ยังพอมีเวลาอยู่ แต่ถ้าเจตน์ไม่ทำพี่ต้องหาคนมาแทนตั้ม”

ทั้งหัวหน้าและลูกน้องต่างครุ่นคิดกันไปพักใหญ่ สุดท้ายพิรัลก็เอ่ยปากตอบรับ “ทำครับ”

“ดี งั้นเริ่มจากสอนงานน้องใหม่เลยแล้วกัน น่าจะมารออยู่ตรงรีเซปชั่นแล้ว”

“เดี๋ยว พี่หวาน นี่รับเด็กมาใหม่แล้วเหรอ ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย นี่มีใครรู้อีกป่าว”

“ทุกคนจะรู้พร้อมกันวันนี้แหละ” หญิงสาวหัวหน้าดื่มกาแฟจนหมดก่อนจะตามด้วยน้ำเปล่า ขณะที่พิรัลยังคงพยายามรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมจู่โจมเข้ามา

เขาคิดว่าการไปพักผ่อนที่กระบี่จะช่วยชาร์จพลังก่อนกลับมาทำงาน แต่พอเริ่มต้นทำงานวันจันทร์เท่านั้นแหละดูเหมือนพิรัลจะต้องการพลังมากกว่าเดิม พลังจากกระบี่ไม่น่าเพียงพอเขาอาจจะต้องหาทริปบียอนด์เอเชียสักหน่อยเสียแล้ว

“พี่จะพาน้องใหม่ไปแนะนำในทีมก่อน แล้วเดี๋ยวเจตน์พาน้องไปแนะนำทีมอื่นด้วยนะ พี่มีประชุมกับอัลฟี่ตอนสิบโมง” เธอร่ายยาวก่อนจะลุกขึ้นยืน

“พี่หวาน แล้วเรื่องพี่ตั้มคนอื่นรู้มั้ยครับ”

“ตั้มจะบอกวันนี้แหละ นางจะอยู่ช่วยจนกว่าพี่จะลาคลอด”

พิรัลพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามหัวหน้าออกจากห้องประชุมไป หญิงสาวยืนรอลูกน้องที่หมายมั่นปั้นให้เติบโตอยู่ที่ประตูทางออกจากออฟฟิศชั้นใน เธอกดปุ่มเปิดประตูเพื่อออกไปสู่ชั้นนอกซึ่งเป็นส่วนต้อนรับลูกค้า เด็กใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานกำลังนั่งรอตามนัด พิรัลนิ่งค้างไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายในชุดทำงานเรียบร้อยตามปกติ ฝ่ายนั้นกำลังลุกขึ้นทักทายหญิงสาวที่เป็นหัวหน้า พิรัลแทบก้าวขาไม่ออก ตรงหน้าตอนนี้หัวหน้าของเขายิ้มแย้มส่งสายตาเป็นเชิงให้พิรัลเดินเข้าไปหา ด้วยวุฒิภาวะและความเป็นมืออาชีพพิรัลก้าวเข้าไปหาเด็กใหม่ด้วยหัวใจที่ไม่อาจยับยั้งให้เต้นแรงได้

“เจตน์ นี่น้องกานต์ เด็กใหม่ทีมเรา กานต์ นี่พี่เจตน์”

เด็กใหม่ที่หัวหน้ารับมานั้นคุ้นหน้าคุ้นตากับพิรัลเป็นอย่างดี พวกเขาสองคนอยู่ในช่วงเวลาประดักประเดิด แต่สุดท้ายพิรัลก็ส่งยิ้มให้น้องร่วมทีมด้วยมิตรไมตรี

“สวัสดีครับพี่เจตน์” นิพัทธ์ยกมือไหว้ตามมารยาทหากในแววตากลับมีความสับสนงงงวยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มากพอที่จะแสดงอะไรมากจนสังเกตเห็นได้ชัด อย่างน้อยหัวหน้าของพวกเขาก็ยังไม่เห็นผิดสังเกต

“หวัดดี” พิรัลตอบแล้วหลังจากนั้นหญิงสาวที่เป็นหัวหน้าก็พาน้องใหม่เดินเข้าสู่ออฟฟิศชั้นในซึ่งเป็นส่วนที่พนักงานนั่งทำงานกันตามปกติ จะมีก็แต่พิรัลและนิพัทธ์เท่านั้นที่ไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่

นอกจากงานที่คั่งค้างและโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานกำลังจู่โจมพิรัลอยู่นั้น สิ่งที่ทำให้พิรัลหนักหนาใจจนไม่ค่อยมีสมาธิมากนักเห็นทีคงไม่พ้นพนักงานใหม่ที่ชื่อกานต์

พิรัลมารู้คราวหลังว่าชายหนุ่มที่เขาร่วมหลับนอนด้วยนั้นอายุห่างจากกันเป็นสิบปี นิพัทธ์อายุยี่สิบห้าขณะที่พิรัลอายุสามสิบหก มันไม่เชิงว่าเขาพรากผู้เยาว์หรอก เขาไม่เคยสนใจเรื่องนั้นตราบเท่าที่อีกฝ่ายสมยอมและไม่เรียกร้องสิ่งใด แต่ที่น่าหนักใจคงจะเป็นเพราะต้องร่วมงานกัน พิรัลคิดว่าด้วยวุฒิภาวะ ประสบการณ์ชีวิต และสิ่งต่างๆรอบกายสามารถทำให้เขาแยกเรื่องส่วนตัวได้แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป เขายังคงมองว่าชายหนุ่มตัวขาวนี้เป็นวันไนท์สแตนด์ที่น่าประทับใจ นอกเหนือจากนั้นตัวตนของเขาที่แสดงออกเมื่อครั้งอยู่ที่กระบี่ก็ถูกเผยไปแล้วอย่างหมดจด หากจะไม่ให้หวนคิดเรื่องที่ร่วมกระทำด้วยกันในคราวนั้นก็คงผิดแปลกไปบ้าง ส่วนของฝ่ายนั้นเองพิรัลคิดว่าก็คงหนักใจไม่แพ้กันเพราะเสียงออดอ้อนเพื่อขอให้พิรัลสอดใส่กายเข้าไปยังคงไม่ลืมเลือน

พิรัลยืนมองนิพัทธ์ที่กำลังยกมือสวัสดีพี่ๆในทีมคนอื่น หลายคนก็แสดงความเอ็นดูด้วยการชวนไปดื่มเหล้าหลังเลิกงานเสียตั้งแต่วันนี้ แต่หัวหน้าสาวของพวกเขาก็ขัดคอด้วยการยกเรื่องงานมาอ้าง หวานบอกให้พิรัลช่วยรับช่วงต่อก่อนจะปลีกตัวหายไปประชุมกับอัลฟี่เจ้านายชาวต่างชาติตามที่เคยได้กล่าวไว้ พิรัลรู้สึกถึงความอึดอัดตีตื้นขึ้นมาและอยากหนีหายไปตั้งสติเงียบๆเพียงลำพัง แต่เพราะหน้าที่การงานและความคาดหวังจากหัวหน้าทำให้เขายังยืนอยู่ตรงนี้ ความเป็นมืออาชีพที่สั่งสมมามันน้อยเกินไปจริงๆ

“คุณไท คุณป๊อปปี้ ผมพาน้องใหม่มาแนะนำครับ ชื่อกานต์”

นิพัทธ์ยกมือไหว้เป็นรอบที่ล้านและแนะนำตัวเองคร่าวๆกับหัวหน้าเซลและพรีเซล คุยไปคุยมาได้สักพักก็รู้เพิ่มว่านิพัทธ์จบมาจากที่เดียวกับพรีเซลที่ชื่อป๊อปปี้ พวกเขาคุยกันอีกนิดหน่อยตามประสาคนจบที่เดียวกัน

“แล้วกานต์มาช่วยงานของหมิงหรือของหวานล่ะ เจตน์”

“น้องมาช่วยงานฝั่งพี่ตั้มครับ”

“อ๋อ ออนไซต์กับตั้มเหรอ แล้วนี่เคยออนไซต์ลูกค้ามั้ยกานต์ ไหวมั้ย งานที่นี่หนักนะ”

“ไหวครับ ผมเคยออนไซต์แล้ว”

จากนั้นก็พิรัลก็ตัดบทด้วยการบอกว่าจะพาเด็กใหม่ไปแนะนำทีมอื่นให้รู้จักอีกด้วยเพราะไม่อยากยืดเยื้อบทสนทนาไปนานกว่านี้ ทีมที่จะพาไปรู้จักต้องเดินผ่านโถงทางเดินซึ่งด้านข้างเป็นห้องประชุมบริเวณนั้นจึงค่อนข้างเงียบสงบ และสบโอกาสให้นิพัทธ์สามารถคุยกับพิรัลได้อย่างเป็นส่วนตัว

“คุณ ผม…”

“เข้ามาคุยในนี้” พิรัลเปิดประตูห้องประชุมที่ไม่มีคนอยู่ “ว่าไง” เขาเอ่ยถามท่ามกลางบรรยากาศเย็นๆจากเครื่องปรับอากาศและไฟในห้องประชุมที่ไม่ได้เปิด

“ผมไม่รู้ว่าคุณทำงานอยู่ที่นี่”

“ไม่มีใครรู้หรอก ช่างมันเถอะ”

“แต่ว่าผม…”

“กานต์ ไม่มีใครรู้หรอก” พิรัลมองสบดวงตาของชายหนุ่มตัวขาว ความมั่นคงฉายแววอยู่ในนั้นเพื่อเป็นหลักไม่ให้คนที่อายุน้อยกว่าตื่นตระหนกใจเกินกว่าที่ควรจะเป็น เขาได้แต่หวังว่าสิ่งที่พูดออกไปจะสร้างความเข้าใจตรงกันนั่นก็คือ หนึ่ง ไม่มีใครรู้ชีวิตส่วนตัวของกันและกัน สอง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กันแบบไหน สาม ไม่มีใครรู้อะไรทั้งนั้นว่าแม่งจะโคจรมาเจอกัน

“ครับ”

พวกเขาเงียบลงช่วงอึดใจหนึ่งก่อนที่พิรัลจะรวบรวมตั้งสมาธิกับหน้าที่ที่ต้องกระทำ “ผมจะพาคุณไปแนะนำตัวกับทีมอินฟราฯ แล้วพอกลับมาก็ช่วยหญิงคาริเบตหน้าจอเครื่องโพสหน่อย”

“ได้ครับ”

พิรัลจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า จนถึงเวลานี้สถานะใหม่ระหว่างพวกเขาก็ยังไม่เคยชินเสียที

“กานต์ ไม่มีใครรู้อะไรหรอก”

น้ำเสียงที่เปล่งเพื่อย้ำเตือนออกไปนั้นค่อนข้างเป็นไปในเชิงปลอบประโลม พิรัลพอจะเข้าใจว่าระหว่างพวกเขานั้นวุฒิภาวะและความเป็นมืออาชีพค่อนข้างต่างกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับคนวัยยี่สิบห้าที่เพิ่งผ่านการใช้ชีวิตในที่ทำงานมาได้ไม่กี่ปี


“ฟังผมนะกานต์ ระหว่างผมกับกานต์เราเป็นเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งรู้จักกัน เข้าใจตามนี้นะ”




************************************




ติดตามตอนต่อไปในเร็วๆนี้ด้วยนะคะ  :hao5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2018 15:16:51 โดย PromQueen29 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พิรัลน่าจะเป็นโรคหัวใจ ไม่ก็มะเร็ง แต่มาแซ่บกันตั้งแต่ไม่รู้จักชื่อแบบเนี้ย แถมยังมาเป้นหัวหน้าลูกน้อง อายุห่างกันสิบปีไปอี๊กกกอิชั้นเตรียมทิชชู่ไว้รอเลยค่ะ

อ่านลื่นไหลมากเลย บรรยายดี อารมณ์เรื่องก็ดี ชอบค่ะะะะะะะ :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2018 15:04:55 โดย BitterCucumber »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่สาม



นิพัทธ์ประสบปัญหามาหลายวันแล้ว เขายังอ่อนหัดในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ใครจะคาดคิดกันเล่าว่าจะได้เจอคนที่ร่วมเตียงด้วยในที่ทำงาน แม้จะไม่มีความผูกพันธ์ทางความรู้สึกแต่เขาทำตัวไม่ถูก ไม่กล้าสบตากับพิรัล นิพัทธ์ผิดสังเกตตัวเองที่มีอารมณ์ว้าวุ่นแบบนี้และเขาไม่ชอบมันเลยด้วย นิพัทธ์พยายามตั้งสมาธิเพื่อกำจัดอารมณ์ส่วนตัวแต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

ชายหนุ่มตัวขาวนั่งถอนหายใจยาวอยู่ในห้องสุขาทั้งๆที่ไม่ได้มาเพื่อถ่ายหนักถ่ายเบา เขามาเพื่ออู้งานโดยเฉพาะ หากหัวหน้าจับได้คงโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ แต่เพราะนิพัทธ์ไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์เหมือนเด็กจบใหม่เขาก็พอมีทางหนีทีไล่ไม่ให้ผิดสังเกตมากนัก นิพัทธ์ถอนหายใจยาวอีกครั้งก่อนจะกดชักโครกแล้วเดินออกจากห้องสุขา ทว่าเมื่อเปิดประตูกลับเห็นใครอีกคนที่กำลังยืนทำธุระเบาอยู่ สองตาสบประสานกันเมื่อนิพัทธ์ไปยืนล้างมือ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรเอ่ยทักหรือวางสีหน้าแบบไหน

“ตอนเที่ยงกินข้าวที่ไหน”

เสียงจากเพื่อนร่วมงานเอ่ยทัก

“ยังไม่รู้เลยครับ”

พิรัลทำธุระเบาเสร็จแล้ว สองขาก้าวเข้ามาสมทบอีกฝ่ายที่อ่างล้างมือ เขามองคนที่เด็กกว่าด้วยสีหน้าราบเรียบทว่าในใจกำลังคิดอะไรต่างๆมากมาย “งั้นไปกินข้าวที่ชั้นเก้าแล้วกัน”

“ได้ครับ” นิพัทธ์ตอบพลางเช็ดมือ เขาไม่แม้แต่จะสบตากับพิรัลเลย

“กานต์”

“ครับ”

พิรัลเอื้อมไปคว้ากระดาษมาเช็ดมือ เขายังคงวางสายตาไว้ที่นิพัทธ์ “มีอะไรอยากบอกผมมั้ย”

เด็กหนุ่มเงียบกริบ แต่เมื่อพิรัลก้าวเข้าหาก็ทำให้พวกเขาได้สบตากัน “ไม่มีครับ”

เสียงที่ตอบมานั้นแผ่วเบา นิพัทธ์ในที่ทำงานดูไม่เหมือนนิพัทธ์ที่กระบี่เลย ซึ่งพิรัลเองก็พอจะทำความเข้าใจได้ “เดี๋ยววันนี้จะมีเครื่องจากลูกค้าส่งเข้ามาซ่อม ผมจะให้กานต์รับของแล้วก็ลองซ่อมเครื่องดู”

“ได้ครับ”

“โอเคมั้ย”

“โอเคครับ”

“ผมหมายถึงว่ากานต์โอเคที่จะทำงานร่วมกับผมมั้ย”

ดวงตาสีเข้มมองจ้อง น้ำเสียงดูขึงขังจนนิพัทธ์รับมือไม่ถูก นี่เขากำลังถูกดุหรือกดดันอะไรกันอยู่เนี่ย “ผมทำได้ครับ”

น้ำเสียงที่ได้ฟังยังคงไม่หนักแน่น แต่สิ่งที่พิรัลต้องการนั้นไม่ใช่การกดดันใดๆ เขาแค่อยากให้นิพัทธ์เข้าใจว่า ณ เวลานี้พวกเขาต้องตั้งสมาธิกับงาน แต่ดูจากท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าแล้วพิรัลกลับรู้สึกผิดที่พูดอะไรทำนองนั้นออกไป

“ตามผมมา”

นิพัทธ์เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินนำออกไปโดยไม่รอให้ถามสิ่งใดเขาก็จำต้องเลยตามเลย


พิรัลพาเด็กใหม่ออกมากินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าใกล้ที่ทำงานแทนที่จะเป็นชั้นเก้าตามที่เคยเอ่ยไว้ พนักงานใหม่อย่างนิพัทธ์งุนงง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะยังสงวนท่าทีไม่แสดงอะไรออกไปมาก พวกเขาออกมาก่อนเวลาพักเที่ยงเล็กน้อยแต่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับชาวออฟฟิศที่บริษัทนี้

หลายวันที่ผ่านมาทำให้นิพัทธ์เรียนรู้และปรับตัวกับวัฒนธรรมองค์กร ที่บริษัทมีกำหนดชั่วโมงทำงานพร้อมกับกฎระเบียบต่างๆไว้ แต่สภาพแวดล้อมจริงนั้นดูสบายๆไม่เคร่งครัดเรื่องเวลาเข้าออกงานมากนัก ในตอนที่สัมภาษณ์กับคุณหวานนั้นเธอบอกชัดเจนว่าที่บริษัทนี้อยู่ได้ด้วยผลงานเป็นหลัก ส่วนเรื่องระเบียบวินัยก็ผ่อนปรนให้ตามลำดับ ไม่มีใครบีบบังคับว่าต้องเข้างานแปดโมงครึ่งเป๊ะ แต่หน้าที่รับผิดในส่วนของแต่ละคนจะต้องไม่กระทบกับงาน นิพัทธ์ดิ้นรนจะเป็นจะตายเพื่อให้ได้ทำงานในบริษัทที่มีแนวทางแบบนี้ ยืดหยุ่นและมองค่าของคนที่ผลงานไม่ใช่ชั่วโมงการทำงาน แต่เมื่อองค์กรไม่ได้นำเวลาเข้างานมาเป็นหลักในการประเมิน สิ่งที่ทำให้นิพัทธ์ต้องพยายามมากขึ้นย่อมเป็นเรื่องของผลงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่ Good แต่ผลงานที่นิพัทธ์กดดันตัวเองไว้อยู่ในขั้น Excellent

วันนี้พิรัลสวมใส่เสื้อโปโลที่มีตราของบริษัทขนาดเล็กประดับอยู่บนเสื้อ นิพัทธ์จึงอดมองกล้ามแขนที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาไม่ได้ เขาเคยจับมันในตอนที่กำลังถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ แขนสองข้างนั่นเคยประคองกอดโอบร่างของเขาไว้ มันให้นิพัทธ์รู้สึกดีๆอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานาน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบทรักของพิรัลทำให้นิพัทธ์ยังวาบหวิวอยู่ในส่วนลึก ถึงแม้ว่าพิรัลในที่ทำงานจะดูเป็นคนขึงขังและดูดุดันไปหน่อยก็ตามทีเถอะ
สาเหตุที่พิรัลพาน้องใหม่มานั่งกินข้าวในร้านอาหารแห่งนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้และนิพัทธ์ก็ไม่กล้าถาม บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองคนแปลกประหลาดหาคำจำกัดความไม่ได้ จะว่าอึดอัดก็ไม่เชิงเพราะนิพัทธ์ไม่ได้ขุ่นข้องใจที่ได้ร่วมงานกับพิรัล จะว่าสบายใจก็ไม่ใช่อีกเพราะนิพัทธ์ยังรู้สึกประหลาดกับสถานะภาพที่เปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืน ถ้าเพียงแค่รู้จักกันผิวเผินคงไม่รู้สึกรู้สาอะไรหรอกแต่นี่รู้จักกันลึกไปหน่อย ลึกจนนิพัทธ์เสียวท้องไปหมด

“คุณ... เอ่อ พี่เจตน์ครับ”

“ครับ”

“ผมขอแวะร้านหนังสือก่อนกลับออฟฟิศได้มั้ยครับ”

“ตามสบายครับ”

หลังจากนั้นพวกเขาก็กินอาหารตรงหน้ากันอย่างเงียบเชียบ พิรัลไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพาเด็กใหม่ออกมากินอาหารแบบนี้ ไม่ใช่ว่าแค่พามากิน แต่พามาเลี้ยงอาหารน่าจะเหมาะกว่า สิ่งที่ทำอยู่นี้พิรัลพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมงาน พยายามเปลี่ยนความรู้สึกให้นิพัทธ์ตั้งสมาธิกับสถานะใหม่ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พิรัลเองก็ยังคงคิดถึงวันวานที่กระบี่ เด็กคนนี้ใช่ว่าจะเด็กไปเสียหมดเมื่อไหร่ล่ะ กับเรื่องบนเตียงนิพัทธ์ดูจะโตเกินไปเสียด้วยซ้ำ

“ขอโทษครับ”

เสียงนั่นดังขึ้นหลังจากเกิดอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆอย่างถอยหลังแล้วชนกันในร้านหนังสือ พิรัลมองชายหนุ่มตัวขาวด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะเมินหน้าไปอีกทางเพื่อดูหนังสือของตัวเองต่อ นิพัทธ์หลบสายตาแล้วเดินหลีกไปอีกฝั่งด้วยความรู้สึกประหลาดที่ยังไม่จางหายไปไหน ก่อนหน้านี้หลังจากที่พวกเขากินอาหารมื้อกลางวันเสร็จพิรัลก็พานิพัทธ์มาร้านหนังสือ พวกเขาแยกย้ายกันเดินดูหนังสือตามที่ต้องการได้พักหนึ่งแล้ว นิพัทธ์มองนาฬิกาข้อมือและพบว่าตอนนี้ล่วงเลยเวลาพักมาเกือบหลายสิบนาที ถึงเวลาที่ควรกลับออฟฟิศ นึกได้เช่นนั้นเด็กหนุ่มที่กังวลเรื่องเวลาก็หันหลังกลับทันที ทว่าชนเข้าเต็มแรงอีกครั้งเมื่อพิรัลดันยืนอยู่ใกล้ เขารู้สึกเหมือนตกอยู่ในเหตุการณ์ตามละครหลังข่าว

“ขอโทษครับ” นิพัทธ์เอ่ยด้วยสีหน้ากังวล สองตาประสานกันก่อนที่เด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายเริ่มพูด “ผมจะบอกว่ามันเลยเวลาพักมาเยอะแล้วครับ”
พิรัลไม่แสดงความสนใจกับเวลาพักที่ล่วงเลยสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “ซื้อหนังสืออะไร”

“ผมว่าจะลองสอบ ITIL ดูครับ ก็เลยซื้อหนังสือมาอ่านดูก่อน”

พิรัลพยักหน้าแล้วคว้าหนังสือในมือของเด็กหนุ่มไปจ่ายเงินให้โดยไม่รอฟังคำทักท้วงอื่นใดเช่นเคย นิพัทธ์ยืนงงอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเดินตามไป

“พี่เจตน์ ค่าหนังสือกับค่าข้าวครับ”

เขารู้ว่านิพัทธ์มีปัญญาจ่ายทั้งค่าข้าวและค่าหนังสือ แต่ฝ่ายชายหนุ่มลังเลที่จะรับเงินอย่างไร้เหตุผล “ผมเลี้ยง”

นิพัทธ์ไม่ได้ตื้อให้รับเงินอีกเพราะพิรัลเล่นเมินเดินหนีนำหน้าไปอีกครั้งเสียแล้ว

บ่ายวันนั้นนอกจากจะง่วงสุดขีดนิพัทธ์ยังต้องอยู่กับความสับสนทั้งวัน เขาตั้งใจที่จะไม่คุยกับพิรัลเกินกว่าความจำเป็น หลายวันก่อนหน้านี้เขาสามารถทำได้แต่วันนี้โชคร้ายเป็นของนิพัทธ์เมื่อทั้งหญิงและโอมเพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกับนิพัทธ์ออกไปออนไซต์กันหมด ส่วนคุณหวานที่เป็นหัวหน้าก็ไม่ค่อยได้เข้ามาที่ ‘คอก’ นี้เท่าไหร่เพราะต้องประชุมแทบตลอดทั้งวัน คอกที่ว่านี้ก็เป็นส่วนพื้นที่ที่ให้ทีมของนิพัทธ์นั่งทำงาน ภายในห้องที่ค่อนข้างเป็นสัดส่วนนั้นแบ่งพื้นที่หลักเป็นสองฝั่งด้วยกัน ฝั่งหนึ่งเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งทำงานทอดยาวติดผนังห้อง ถัดไปด้านหลังจะเป็นชั้นวางอุปกรณ์เกี่ยวกับงานซ่อมเครื่องต่างๆและรวมถึงชั้นเก็บอะไหล่อีกด้วย

นิพัทธ์นั่งเช็คหมายเลขเครื่องโพสที่ลูกค้าส่งมาซ่อม ส่วนพิรัลนั่งทดสอบเครื่องที่ซ่อมเสร็จซึ่งรับมาจากเวนเดออยู่อีกมุมคนละฝั่งกับเด็กใหม่ ไม่มีใครพูดอะไรกันมากนักในช่วงบ่ายของชาวออฟฟิศ นิพัทธ์เดินเข้ามาถามพิรัลเกี่ยวกับงานเป็นครั้งคราว บางทีฝ่ายนั้นก็เดินเข้าไปช่วยบ้าง จากนั้นก็แยกกันไปทำงานของตนเอง ทั้งๆที่ดูสงบสุขและไม่น่าเกิดปัญหาอะไรแต่นิพัทธ์กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น จิตใจของเขามันคอยหวนคิดถึงเรื่องของพิรัล เขารู้สึกเหมือนวัยรุ่นหมกมุ่นเรื่องรักใคร่ เน้นไปทางใคร่หนักกว่านิดหน่อย นั่งคิดอยู่เรื่อยว่าจะควรจะต้องเข้าหาอีกฝ่ายยังไง จะพูดแบบไหนไม่ให้พิรัลดุใส่ จะวางตัวยังไงไม่ให้ดูเป็นพิรุธ บ้าบอสารพัดสารพันจะคิด รู้ตัวอีกทีก็มองเห็นรองเท้าผ้าใบของอีกฝ่ายเดินเข้ามายืนอยู่เหนือหัวขณะที่ตัวเองกำลังวุ่นอยู่กับการซ่อม Cash drawer

“กานต์กลับบ้านได้แล้ว”

นิพัทธ์มองนาฬิกาบนข้อมือตัวเองและพบว่าถึงเวลาเลิกงานพอดี เกินมานิดหน่อยอย่างไม่รู้ตัว “เดี๋ยวผมซ่อมลิ้นชักเครื่องนี้ก่อนแล้วค่อยกลับครับ” พอสิ้นคำฝ่ายนั้นก็เดินกลับไปอีกฝากฝั่งเช่นเดิม และต่างคนต่างหมกมุ่นกับงานของตัวเอง

“อ้าว เด็กๆยังไม่กลับกันอีกเหรอ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นเป็นหัวหน้าของพวกเขาที่เดินเข้ามาในห้องและวางแลปทอปไว้บนโต๊ะ “กลับได้แล้วน้องกานต์ เจตน์ด้วย”

เจ้าของชื่อที่เอ่ยตามหลังนั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร หัวหน้าของเขาส่งสัญญาณขอคุยและเดินออกไปกันอย่างเงียบเชียบ

“ว่าไงพี่”

“น้องกานต์เป็นไงมั่ง”

“ขยันดี น้องใหม่ไฟยังแรงอยู่”

“เออ ดี ให้แรงๆหน่อย เดี๋ยวไม่ผ่านโปรฯ ว่าแต่ทำไมยังไม่กลับกัน ติดงานเหรอ”

“น้องบอกจะซ่อมแคชดรอเว่อให้เสร็จก่อน”

หัวหน้าของเขาหันมามองแล้วทำท่าพึงพอใจ เธอคุยเรื่องงานต่ออีกพักใหญ่ว่าจะมีโปรเจคอื่นเข้ามาและต้องการให้พิรัลทำอะไรบ้างโดยสังเขป พิรัลได้แต่รับฟัง คิดล่วงหน้าไปแล้วว่าจำนวนงานที่จะได้เจอนั้นหนักหนาขนาดไหน เพราะทุกวันนี้เขาทำงานหนัก ตื่นเช้ามาเข้างาน บางทีรอมืดค่ำให้ร้านปิดทำการ ถึงจะได้เข้าไปซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆให้ แถมยังต้องมานั่งเขียนรายงานส่ง ไหนจะต้องคอยดูงานของน้องในทีมอีก พิรัลนึกถึงตั้มรุ่นพี่ที่ทำงานซึ่งเคยถ่ายทอดวิชาเหล่านั้นให้ เขาไม่รู้ว่าพี่ตั้มบริหารงานและบริหารคนไปในเวลาพร้อมกันได้ยังไงไม่ให้ตายไปเสียก่อน แต่สุดท้ายพี่ตั้มก็ลาออกเพราะได้งานที่อื่นซึ่งคงจะไปนั่งบริหารคนมากกว่าต้องลงมือปฏิบัติ

ในตอนที่พิรัลเข้ามาทำงานได้ไม่นานเขานึกสงสัยว่าคุณหวานหายไปไหนทำไมถึงไม่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ต่อมาก็พบว่าหวานต้องประชุมกับเจ้านายคนอื่นบ่อยครั้ง บริหารงาน บริหารลูกน้อง รับมือกับปัญหา แก้ไขสิ่งที่ผิด แถมยังต้องมานั่งประเมินผลงานลูกน้องอีก ยังไม่รวมถึงความกดดันในหน้าที่การงานระดับผู้จัดการที่พิรัลฟังชื่อตำแหน่งแล้วก็ปวดหัว เมื่อเติบใหญ่ขึ้นพิรัลจึงได้เรียนรู้ว่าการบริหารคนนั้นยากที่สุด ยิ่งกว่าบริหารงานอีก

หวานตั้งความหวังไว้ที่ลูกน้องคนนี้ เธอเห็นแววก้าวหน้าในตัวของพิรัลและอยากโปรโมทให้มาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เมื่อขออนุมัติจากเบื้องบนแล้วโดนปฏิเสธมาหลายครั้งด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่ แต่แล้ววันนี้พิรัลกำลังจะได้โอกาสนั้น เธอได้แต่หวังว่าพิรัลจะสามารถก้าวผ่านงานและเติบโตไปได้ไกลกว่านี้

“กลับบ้านได้แล้วนะเด็กๆ” หลังจากกลับมาถึงคอกเธอก็บอกกล่าวกับพิรัลและนิพัทธ์อีกครั้ง หวานเก็บสัมภาระต่างๆลงกระเป๋าและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

นิพัทธ์ไม่ได้ใส่ใจอย่างอื่นไปมากกว่าการซ่อมลิ้นชักเก็บเงินที่ลูกกลิ้งยังคงฝืดไม่หายแม้ว่าจะใส่น้ำมันอเนกประสงค์ไปแล้ว เขาแงะลิ้นชักออกมาอีกเพื่อดูว่าติดปัญหาอยู่ที่ส่วนไหนก่อนจะเดินไปค้นอุปกรณ์ในกล่องมาลองซ่อมดูอยู่นานสองนาน น้ำมันอเนกประสงค์ที่เคยใช้ไปก่อนหน้านี้หมดลงแล้ว เขาหันรีหันขวางเห็นหนุ่มรุ่นพี่นั่งทำงานอยู่หน้าแลปทอปก็ไม่กล้าเข้าไปกวนอีกเพราะกวนถามปัญหามาทั้งวัน นิพัทธ์นึกไม่ออกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไอ้ประเภทไม่กล้าเข้าหาทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย แต่สุดท้ายแล้วนิพัทธ์ก็ก้าวเข้าไปหาพิรัล

“พี่เจตน์ มีโซแน็กอีกมั้ย ผมใช้หมดแล้ว”

พิรัลเงยหน้ามาจากจอแล้วก้มลงหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นมา นิพัทธ์แทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนพกเครื่องมือช่างแบกไปกลับทุกวัน แต่ก็ต้องเชื่อแหละเพราะพิรัลเป็นคนประเภทนั้น ในกระเป๋าของพิรัลมีทั้งเครื่องมือช่างบางอย่างแถมยังมีน้ำมันอเนกประสงค์อีกด้วย นิพัทธ์รับขวดน้ำมันนั่นมาและลงมือพ่นมันเพิ่มอีก

“เสร็จเครื่องนี้แล้วกลับบ้านได้เลยนะ ไม่ต้องอยู่ทำอีก ดึกแล้ว”

นิพัทธ์ไม่ได้ตอบเพราะมัวแต่สนใจอยู่กับการทดสอบดึงลิ้นชักเข้าออก จากนั้นก็ต่อสายต่างๆเข้ากับเครื่องโพสและลองกดสั่งจากโปรแกมเพื่อดูว่าลิ้นชักจะเด้งออกมาตามปกติหรือเปล่า แต่แล้วลิ้นชักเก็บเงินกลับไม่เด้งออกตามที่ควรจะเป็น

“ส่งให้เวนเดอซ่อมเลย” เสียงของพิรัลเอ่ยขึ้นแต่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอแลปทอป “กานต์ มาทำรายการส่งซ่อมด้วย” พิรัลหันกลับมาด้วยสีหน้าที่ไม่คาดหวังว่าจะให้เด็กใหม่ต่อรองได้เลย

นิพัทธ์ลากเก้าอี้เข้าไปนั่งด้านข้าง เลื่อนแลปทอปมาตรงหน้าและเริ่มลงมือพิมพ์รายละเอียดตามหัวข้อในไฟล์งานเอ็กเซล

“แยกเครื่องที่จะส่งให้เวนเดอซ่อมแล้วใช่มั้ย”

“แยกแล้วครับ”

จากนั้นพิรัลก็สอนงานน้องใหม่ไปตามเรื่องตามราว อย่างการแยกประเภทเครื่องที่จะส่งให้เวนเดอเจ้าไหนซ่อม บอกตารางวันที่เวนเดอแต่ละบริษัทจะเข้ามารับของ และจุกจิกอีกต่างๆมากมายจนเมื่อมองไปนอกอาคารก็พบว่าฟ้ามืดสนิท พิรัลมองใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มตัวขาว ไม่ได้ตั้งใจจะมองเพื่อกดดันหรืออะไรก็ตามในทำนองไม่ดี เขาเพียงแค่อดใจไม่ไหวจนต้องมองด้วยแรงดึงดูดบางอย่างบนโลกใบนี้ แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหันมาพิรัลจึงแสร้งมองไปทางอื่น

“พี่เจตน์ครับ แล้วผมต้อง CC ถึงใครบ้าง”

พิรัลเอื้อมมือไปพิมพ์ชื่อของบุคคลผู้เกี่ยวใส่ในช่องสำเนาแจ้งและบอกให้นิพัทธ์ตรวจดูรายละเอียดต่างๆอีกครั้งก่อนกดส่ง

“พี่เจตน์ครับ ผมถามเรื่อง…” เด็กใหม่ไฟแรงอย่างนิพัทธ์เอ่ยเรียกอีกครั้งและถามเกี่ยวกับงานซ่อมเครื่องอีกนิดหน่อย พิรัลใจเย็นแต่ไม่ใช่คนใจดีเขาไม่ใช่คนประเภทหุนหันพลันแล่น ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้ามกับพี่ตั้มที่คิดอะไรได้ก็จะโพล่งตอบไปเลย แม้ว่าจะโดนถามบ่อยแต่พิรัลก็ยังไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรมากนัก กลับกันเขาชอบเสียอีกที่เด็กใหม่สนใจงานแบบนี้

“แล้ว ถ้าผมออกไซต์ พวกเบี้ยเลี้ยงต้องเบิกยังไงครับ” พิรัลอธิบายพอสังเขป จะว่าไปเขากับนิพัทธ์ต้องตัวติดกันตอนออกไปต่างจังหวัดเป็นอย่างแน่นอน เพราะหวานได้ฝากฝังให้เขาสอนงานเด็กใหม่ พิรัลไม่รู้เลยว่าเมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ที่นี่ให้งบค่าห้องเยอะเหมือนกันนะ ที่เก่าผมได้โคตรน้อย เหมือนจะเข้าตัวนิดๆด้วยเพราะผมไม่ไหวกับห้องน้ำเน่าๆ ถ้าเลือกได้ก็ขอห้องดีหน่อย”

“ผมจำได้”

นิพัทธ์มองตาอีกฝ่ายเป็นเชิงสงสัย “จำได้เรื่องอะไรครับ”

“เรื่องที่คุณเคยบอกว่าไม่ชอบใช้ห้องน้ำรวม”

ลมหายใจนิพัทธ์ติดขัดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อย้อนนึกถึงเรื่องห้องน้ำรวม เขาเคยเล่าให้พิรัลฟังว่าที่ยอมจ่ายค่าห้องแพงเพราะไม่ชอบห้องน้ำสกปรก พิรัลเลยล้อว่าเขาเป็นพวกลูกคุณหนู นิพัทธ์หัวเราะและตอบกลับไปว่าเคยเจอประสบการณ์ไม่ดีกับห้องน้ำรวมในโฮสเทลหรือโรงแรมสองดาวอย่างไรบ้าง จากนั้นก็คุยจุกจิกอีกสารพันเรื่อง ดูเหมือนว่าพอนิพัทธ์นิ่งเงียบไปพิรัลเพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอพูดเรื่องที่กระบี่ออกมา เขาแก้เก้อด้วยการเปลี่ยนเรื่องเป็นฟ้าดินอากาศ ก่อนจะบอกให้น้องใหม่เก็บของกลับบ้าน แต่พอเมื่อนิพัทธ์ส่งคืนกระป๋องน้ำมันเอนกประสงค์ให้ พิรัลจึงนึกขึ้นได้ว่าควรพานิพัทธ์แวะเข้าไปดูห้องเก็บอุปกรณ์ของทีมซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

“พวกเครื่องเขียนกับอะไหล่บางอย่างอยู่ในห้องนี้ เวลาของหมดให้ไปเบิกที่โอมแล้วเดี๋ยวโอมจัดการเอง ส่วนกุญแจห้องอยู่ที่โอมกับผม” เขากล่าวพลางไขกุญแจก่อนจะเปิดเข้าไป นิพัทธ์เดินตามมองไปทั่วห้องเก็บของเล็กๆแห่งนั้นและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก “คร่าวๆก็มีเท่านี้ นึกอะไรออกแล้วเดี๋ยวบอก”

“ครับ”

พิรัลมองเห็นกล่องใบหนึ่งแล้วนึกขึ้นได้ว่าควรจะต้องเบิกน้ำมันเอนกประสงค์ออกมาใช้ นิพัทธ์ชะงักก้าวถอยไปเมื่อเห็นพิรัลก้าวขาเข้าหา แม้ว่าดวงตาของอีกฝ่ายจะมองผ่านไปยังชั้นวางของด้านหลังแต่หัวใจของเด็กหนุ่มกลับเต้นตุบตับด้วยความตระหนก พิรัลเองก็เพิ่งรู้ว่าประชิดตัวนิพัทธ์อยู่ใกล้ ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระยะที่มองเห็นชัดเจน ฝ่ายคนที่แก่กว่ามองดวงตาของเด็กหนุ่มก่อนจะเลื่อนลงมองริมฝีปากที่เคยบดเบียดคลึงเคล้า พิรัลกลั้นหายใจอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวตอนที่เอื้อมแขนไปหยิบกล่องกระดาษออกมา เขาเปิดมันออกและหยิบขวดน้ำมันเอนกประสงค์ยื่นให้น้องใหม่รับไปถือไว้จากนั้นก็เก็บกล่องกระดาษเข้าที่เดิม

“เอาไปไว้ในห้องด้วยนะ เดี๋ยวผมจะเช็คของต่อ”

นิพัทธ์รับคำแล้วกล่าวร่ำลาก่อนจะหายไปจากห้องเก็บของแห่งนั้น ทิ้งไว้เพียงพิรัลที่หัวใจกำลังเต้นแรง




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 10:33:26 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1


“คุณหวานครับ วันนี้พี่เจตน์ไม่มาเหรอครับ”

เสียงของชายหนุ่มน้องใหม่เอ่ยถามคนเป็นหัวหน้าอยู่ด้านหลัง หวานหันหลังกลับมาเผชิญหน้าพร้อมทั้งเคี้ยวครัวซ็องไม่หยุดแม้ว่าตอนนี้จะใกล้เวลาพักเที่ยงแล้วก็ตามที “ลาครึ่งเช้า กานต์ติดงานอะไรอยู่รึเปล่า”

เด็กหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาหายตัวไปช่วยโอมขนของสำหรับออนไซต์ตั้งแต่เช้าตรู่ ขึ้นมาที่คอกมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเองและพบว่ายังไม่เห็นหน้าพิรัลทั้งๆที่ตอนนั้นสิบโมงแล้ว เขาคิดอยู่หลายตลบว่าควรจะถามใครจนเมื่อสบโอกาสเห็นคุณหวานนั่งทำงานอยู่ในห้องคนเดียวจึงลองถามดู แต่ก็ไม่กล้าซักไซ้เรียงความไปมากกว่านี้ ยังไม่ทันจะได้ล็อคอินเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เวนเดอที่ติดต่อให้เข้ามารับเครื่องไปซ่อมก็มาถึงพอดี จากนั้นนิพัทธ์ก็สนใจอยู่กับงานไปอีกพักใหญ่

เขากลับมานั่งลงที่เดิมอีกครั้งด้วยอาการปวดเมื่อยที่บั้นเอวเนื่องจากยกเครื่องโพสส่งให้เจ้าหน้าที่จากเวนเดอ หัวหน้าของเขาเดินมาบอกว่ามีคอนเฟอเร้นซ์คอลกับทางต่างประเทศก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว นิพัทธ์หันซ้ายหันขวาเนื่องด้วยงานที่รับผิดชอบหมดลงและยังไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ เขาเดินไปยืนมองชั้นวางของที่สูงท่วมหัวก่อนจะคว้าบันไดมาปีนหยิบลังกระดาษซึ่งวางอยู่ชั้นบนลงมาสองกล่อง ในกล่องหนึ่งบรรจุหัวที่ใช้เชื่อมต่อสายแลน ส่วนอีกกล่องเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ประกอบหัวอาเจสี่สิบห้ากับสายยูทีพีเข้าด้วยกัน เขาหยิบคีมย้ำสายแลนออกมาและเริ่มต้นเข้าหัวสายแลนเพราะจำได้ว่าหญิงจะต้องใช้ออนไซต์ในวันข้างหน้าที่จะถึง จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากงาน

ตอนเที่ยงกว่าพิรัลมาถึงที่ทำงาน ในออฟฟิศร้างคนเพราะเป็นช่วงเวลาพักกลางวันจะมีก็แต่นิพัทธ์ที่ยังนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง พิรัลยืนมองอีกฝ่ายที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวและคิดอะไรต่างๆมากมาย นิพัทธ์ไม่ใช่เด็กหนุ่มหน้าสวยหรืออะไรทำนองนั้น เขาดูเป็นผู้ชายทั่วไปที่ผิวขาว จะว่าหน้าตาหล่อเหลาก็บอกไม่ถูกแต่เมื่อเห็นหน้าครั้งแรกพิรัลก็รู้สึว่าชายหนุ่มคนนี้มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้สนใจ

ตั้งแต่เริ่มต้นร่วมงานกันมาผลงานของนิพัทธ์อยู่ในเกณฑ์ที่เกินกว่าคาดหวังไว้ ความประพฤติเรียบร้อยแต่ดูท่าทางจะไม่ค่อยชอบเข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานสักเท่าไหร่ ซึ่งคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนิพัทธ์เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คาดว่าอีกหน่อยก็คงจะออกไปสังสรรค์กับสังคมที่ทำงานบ้าง พิรัลสังเกตเห็นบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผยออกมา เขารู้สึกถึงมันได้ว่านิพัทธ์มีอะไรมากกว่าที่เห็นแต่ก็ยังจับต้นชนปลายถูก

นิพัทธ์มาทำงานเช้าและกลับดึกเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่น่าแปลกไปสักหน่อยที่พิรัลไม่เคยถามไถ่น้องใหม่ที่ตัวเองรับผิดชอบสอนงานให้ว่าเดินทางกลับบ้านยังไง เขาควรถามมั้ย ถ้าถามแล้วจะเกิดอะไรขึ้น พิรัลยังไม่แน่ใจคำตอบนั้น ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรับผิดชอบน้องใหม่ด้วยการไปส่งถึงที่พักด้วยหรือเปล่า ทุกวันเวลาพิรัลพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่านิพัทธ์คือเพื่อนร่วมงาน และพยายามกล่อมตัวเองว่าเขามีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนิพัทธ์ด้วยเรืองอื่นนอกจากงาน

“กินข้าวแล้วหรือยัง”

เด็กหนุ่มที่จดจ่อสมาธิอยู่กับการเข้าหัวสายแลนเป็นเวลานานสะดุ้งตกใจ มือข้างที่ถือคัตเตอร์ขณะกำลังกรีดสายตัวยึดพลั้งพลาดบาดนิ้วมือตัวเองลึกพอควรจนเลือดซึม พิรัลคว้ากระดาษทิชชูเข้าไปกดซับเลือดให้เป็นอันดับแรกก่อนจะเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มให้ไปห้องพยาบาล

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องไปหรอก วุ่นวาย” นิพัทธ์บอกปัดปฏิเสธไป แผลแค่นี้ไม่ทำให้เขาเสียเลือดอะไรนักหรอก อย่างมากก็เจ็บๆแสบๆปวดหนึบเท่านั้น ใช่ว่านิพัทธ์จะไม่เคยโดนคัตเตอร์บาด

พิรัลตีหน้าขรึมมองคนเด็กกว่าด้วยสายตาดุดัน แต่ก็ไม่ได้พูดตำหนิอะไร “แล้วนี่ทำไมไม่ไปพักกินข้าว”

“ผมว่าจะไปตอนบ่ายครับ”

“ที่นี่พักแค่ตอนเที่ยง”

นิพัทธ์แสดงสีหน้าสงสัย เมื่อหลายวันก่อนเขายังเคยได้ไปพักตอนบ่ายเลย แต่คิดไปคิดมามันเป็นเพราะพวกพี่ๆในทีมกำลังวุ่นวายกับงานจึงทำให้ได้ไปพักช้ากว่าปกติ

“คุณเข้ามาใหม่…” พิรัลยังใช้เสียงราบเรียบแต่แฝงความดุเจ้าระเบียบจนนิพัทธ์สลดลงเหมือนผักเหี่ยวๆ “ผมไม่อยากให้คุณถูกหักคะแนนเรื่องเวลาเข้างานตอนประเมิน”

“ครับ” เขาได้แต่ยินยอมอย่างไม่อาจโต้เถียงได้ แม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยความสงสัย

“กานต์ชอบพักตอนบ่ายเหรอ”

“ก็ไม่เชิงว่าชอบครับ แต่ผมว่ามันเงียบกว่าตอนพักเที่ยงก็เลยคิดว่าสะดวกดี”

พิรัลเงียบและจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย เขาพลิกดูนิ้วที่ถูกคัตเตอร์บาดก่อนจะปล่อยให้เป็นอิสระแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง
ตลอดช่วงบ่ายนั้นค่อนข้างตึงเครียดนิดหน่อย พิรัลเอ่ยปากต่อว่าโอมที่เพิ่งกลับมาจากการออนไซต์ด้วยเรื่องงานอย่างตรงไปตรงมาจนนิพัทธ์รู้สึกกดดันแทน เขาเข้าใจว่าการตำหนิในเนื้องานนั้นเป็นเรื่องปกติสามัญในสังคมที่ทำงาน แต่ดูเหมือนความกดดันที่โอมกำลังได้รับอยู่นั้นจะมากเกินไปราวกับโอมทำงานอยู่ในตำแหน่งบริหารทั้งๆที่อยู่ในระดับล่าง

พิรัลมอบหมายให้นิพัทธ์ทำคู่มือการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง แต่เสียงพูดตำหนิซึ่งดังอยู่ในคอกทำให้ไม่มีสมาธิมากนัก นิพัทธ์เหลือบมองโอมที่กำลังลงโปรแกรมบางอย่างกับเครื่องแฮนดี้ ซ้ำยังต้องฟังพิรัลสอนงานแบบกดดันไปพร้อมกันด้วย หากเป็นตัวของเขาเองที่อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจะสามารถรับมือมันได้หรือเปล่านิพัทธ์นึกสงสัย

บริษัทเก่าที่เคยทำงานนั้นเป็นบริษัทไม่ใหญ่โตเหมือนบริษัทที่นิพัทธ์ทำอยู่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นบางครั้งด้วยจำนวนคนที่น้อยนิพัทธ์จึงเคยได้รับผิดชอบหลายอย่างอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เริ่มงานใหม่ๆ พอถึงจุดหนึ่งงานจิปาถะเหล่านั้นกลับพอกพูนไม่เหมือนตามที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกทำให้นิพัทธ์ทนไม่ไหว ประกอบกับช่วงนั้นเขายังมีไฟในการทำงานและต้องการขยับขยายตัวเองไปยังจุดที่สูงขึ้นจึงตัดสินใจลาออก ตอนที่หวานสัมภาษณ์นั้นเธอแจ้งอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องงานที่มาพร้อมกับความกดดันของบริษัทนี้ นิพัทธ์ไม่นึกหวั่นใจแม้แต่น้อย จนถึงวันนี้ความมั่นคงในสิ่งนั้นเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย

“ทำไมพี่เจตน์ดุจังวะ”

หญิงเพื่อนร่วมงานสาวอีกคนซึ่งนั่งแกะอุปกรณ์สำหรับการออนไซต์อยู่ด้านข้างพูดเปรยขึ้นเสียงเบา นิพัทธ์มองเธอเพื่อรอคอยสำหรับประโยคต่อไป

“หรือว่าจะเข้าวัยทองแล้วหว่า”

นิพัทธ์หลุดขำเล็กน้อย “แล้วปกติเป็นยังไง"

หญิงขยับเข้าใกล้อีกนิด สายตาดูระแวดระวัง “เรื่องงานละเอียดมาก แต่ไม่เคยดุแบบนี้เลย” เธอว่าอย่างนั้นแล้วก็หันกลับไปสนใจกับงานของตัวเองต่อ นิพัทธ์ไม่ได้สนใจอะไรมากนักแต่รู้สึกว่ายังไงก็ไม่มีสมาธิเท่าไหร่จึงตัดสินใจย่องหายออกไปจากห้องทำงาน

พิรัลแสดงความเข้มงวดในเรื่องงานออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาสอนงานโอมมาหลายรอบแล้วเกี่ยวกับเครื่องแฮนดี้แต่ดูเหมือนโอมจะไม่เข้าใจเสียที ก่อนหน้านี้เขาลองให้โอมไปออนไซต์เองแต่งานกลับมีปัญหามากพอสมควร ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาสอนงานน้องไม่ดีหรือความรู้น้อยเกินไปที่จะถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง พิรัลค่อนข้างใส่อารมณ์ตอนที่ตำหนิโอมต่อหน้าคนอื่นในทีมซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่ เขาลดระดับความเข้มงวดในเนื้องานลงแต่ก็ยังดูดุอยู่ดีในสายตาน้องๆ โชคดีหน่อยที่โอมค่อนข้างเป็นเด็กหัวอ่อนไม่ค่อยเถียงและสามารถเก็บอารมณ์ต่างๆไว้ได้ แต่พิรัลกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาเหมือนอยู่นิ่งนั่งทำงานเอกสารไม่ได้และต้องการสูบบุหรี่ คิดได้อย่างนั้นชายหนุ่มจึงลุกเดินออกไปด้วยจิตใจที่ไม่สงบสุข

นิพัทธ์นิ่งค้างไปเมื่อเห็นว่าพิรัลออกมาสูบบุหรี่อยู่แถวลานจอดรถบนอาคาร ความประดักประเดิดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาสองคนแต่ก็ยังพอจะรับมือไหว คิ้วของพิรัลขมวดยุ่งเหยิงขณะจุดไฟที่ปลายมวนบุหรี่ นิพัทธ์เดินเข้าไปหาในมือของเขามีไอศกรีมแบบแท่งจากร้านสะดวกซื้อ เขาคิดว่าบริเวณนั้นค่อนข้างลับตาจึงตั้งใจแวะมานั่งกินไอศกรีมก่อนเข้าออฟฟิศ แต่คงจะคิดผิดเพราะพิรัลเองก็รู้จักมุมนี้เช่นกัน

เด็กหนุ่มนั่งลงบนขอบปูนเพราะไม่อยากทำตัวแปลกประหลาดไปมากกว่านี้ด้วยการทำเหมือนไม่รู้จักพิรัล ฝ่ายคนที่อายุมากกว่านั่งสูบบุหรี่ไปเรื่อยพลางลอบมองเด็กหนุ่มกัดกินไอศกรีม ความหงุดหงิดจางลงตั้งแต่ได้สูดควันบุหรี่เข้าปอดก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหายไปเมื่อเห็นลิ้นของนิพัทธ์เลียอยู่ที่ฐานไอศกรีมเพราะมันกำลังละลาย ด้วยสำนึกในความสัมพันธ์ข้ามคืนครั้งนั้นพิรัลคิดดีด้วยไม่ได้จริงๆ ทว่าเขาก็ยังไม่ได้เอื้อยเอ่ยคำพูดใดออกมาแม้ในหัวจะคิดไปต่างๆนานากับการใช้ลิ้นของคนผิวขาวที่นั่งอยู่ด้านข้างนี้

“พี่เจตน์ทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วครับ”

คนถูกถามละสายตาจากลิ้นไปมองที่ดวงตาของคู่สนทนาชั่วครู่หนึ่งก่อนจะมองไปอีกทาง “สี่ปีแล้วครับ”

นิพัทธ์เงียบไม่ได้ตอบรับอะไร เขากัดตัวเนื้อไอศกรีมอีกคำใหญ่เพราะมันเริ่มละลายมากขึ้นก่อนจะเลียส่วนที่ละลายตามต่ออีก

“คู่มือเป็นไงมั่ง ทำถึงไหนแล้ว”

เด็กหนุ่มรับรู้ถึงคำถามนั่นแล้ว เพียงแต่ไอศกรีมมันละลายเยิ้มลงมาที่นิ้วจนต้องทำความสะอาดก่อนด้วยการเลียนิ้วตัวเอง “แค่เริ่มต้นเองครับ” คำตอบที่บอกออกไปไม่อาจทำให้พิรัลกระจ่างแจ้งได้ แต่เขาตั้งใจปล่อยชิ้นงานนี้ให้นิพัทธ์ได้บริหารเอาเองจึงไม่ได้ซักความไปมากกว่านั้นขอแค่ส่งตามกำหนดก็พอ

“เดี๋ยวขึ้นไปก็เก็บของกลับบ้านได้เลยนะ ไม่ต้องอยู่ดึก พี่หวานเขาเป็นห่วง”

นิพัทธ์ไม่ได้ตอบรับอีกเช่นเคยเพราะตั้งใจที่จะอยู่ทำงานต่อไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ตาม เขายังอยากทำงานอยู่

“เข้าใจมั้ย”

เด็กหนุ่มอ้าปากจะพูดทว่าในเวลาอันรวดเร็วนั้นช็อคโกแลตที่เคยเคลือบอยู่บนเนื้อไอศกรีมกลับหลุดออก เขารนรานเล็กน้อยจนไอศกรีมเปรอะติดที่ริมฝีปาก เมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อจะขอกระดาษทิชชูเขากลับต้องสบกับดวงตาสีเข้มที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว คำพูดที่คิดไว้ถูกกลืนลงคออย่างไร้เหตุผล นิพัทธ์ไม่อาจหลบสายตาลึกซึ้งจากอีกฝ่ายได้เลย ทว่าเพียงอึดใจหนึ่งเท่านั้นนิพัทธ์ก็ตั้งสติได้

“พี่เจตน์มีกระดาษทิชชูมั้ยครับ”

ฝ่ายคนอายุมากกว่าขยับตัว ในทีแรกนิพัทธ์คิดว่าคงจะหยิบกระดาษทิชชูให้แต่เขาคิดผิดถนัดเมื่อพิรัลขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนจะประทับริมฝีปาก คราบไอศกรีมที่เปรอะเปื้อนถูกเช็ดออกด้วยกระดาษทิชชูแบบพิเศษ ที่ตรงนั้นนิพัทธ์อนุมานเอาเองว่ามันลับตาคนแต่ในใจกลับเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนกเกรงว่าคนอื่นจะเดินผ่านมา

พิรัลผละริมฝีปากออกใช้สายตากวาดมองคราบเลอะที่ยังหลงเหลืออยู่ก่อนจะเช็ดให้อีกครั้ง ลิ้นที่ยังมีกลิ่นบุหรี่ค่อยๆลากผ่านคราบเลอะที่มุมปาก เขาลิ้มรับรสชาติไอศกรีมช็อคโกแลตแสนธรรมดาทว่ามันกลับเอร็ดอร่อยจากวิธีการกิน เพลิดเพลินต่ออีกนิดกับโอกาสในการฉกฉวยชิมริมฝีปากของนิพัทธ์ ก่อนจะค่อยๆขยับใบหน้าออกห่างเมื่อทำความสะอาดคราบไอศกรีมจนหมดจด ดวงตาสีเข้มจับจ้องอยู่ที่เด็กหนุ่มเพื่อสังเกตปฏิกิริยา ทว่านิพัทธ์ไม่ได้แสดงออกถึงความรังเกียจและตอนนั้นพิรัลหายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้ง

“ผมไม่มีกระดาษทิชชู” พิรัลพูดเรียบๆและยังคงมองอีกฝ่ายไม่วางตา

นิพัทธ์ตัวชาไปหมดด้วยความตื่นเต้น เด็กหนุ่มมองไอศกรีมที่หยดลงพื้น แก้มแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดเพราะเป็นคนผิวขาวใส รู้สึกตัวอีกทีพิรัลก็จูบเข้ามาอีกครั้ง เนิ่นนานจนไอศกรีมละลายเลอะมือไปหมด




************************************


ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่สี่



สองเดือนกว่าแล้วกับช่วงทดลองงานที่บริษัทแห่งนี้ นิพัทธ์ยังคงมาเช้าและกลับดึก คุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนด้วย ช่วงหลังมานี้นิพัทธ์มุ่งมั่นสร้างมาตรฐานการทำงานของตัวเองให้โดดเด่นเพื่อให้ผ่านทดลองงาน ที่บริษัทจริงจังเรื่องผลงานอย่างที่ไม่เคยประสบพบและมันกลายเป็นเชื้อเพลิงให้นิพัทธ์กระตือรือร้นในสายงานเป็นอย่างมาก หวานเคยพูดไว้ว่าไม่อยากให้เขาอยู่ทำงานจนดึกดื่น นิพัทธ์ยิ้มรับและบอกว่าต้องการศึกษางานเพื่อให้ก้าวทันคนอื่น เวลาใครพูดอะไรจะได้ตามทัน หัวหน้าของเขามีสีหน้ายินดีแต่ไม่ได้พูดกล่าวอะไรออกมาเป็นพิเศษนอกจากยืนยันคำพูดเดิมว่าไม่อยากให้นิพัทธ์กลับดึก

ในทีมที่นั่งประจำอยู่ที่ออฟฟิศหลักแห่งนี้มีไม่กี่คน นอกนั้นมักออกไปอยู่ตามไซต์ลูกค้า นานทีปีหนถึงจะเข้ามาที่ออฟฟิศบ้าง แต่นิพัทธ์ไม่ได้สนใจใครสักเท่าไหร่ คืนนี้เป็นอีกหนึ่งคืนที่นิพัทธ์อยู่ดึกเพื่อทำคู่มือใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามที่ได้รับมอบหมาย หากแต่เขาไม่ได้นั่งทำงานเพียงลำพัง พิรัลเองก็อยู่ทำงานดึกกว่าใครเพื่อน

“กานต์ ไปช่วยผมยกกล่องเครื่องมือหน่อย”

พิรัลกล่าวเช่นนั้นก่อนจะเดินนำออกไปโดยไม่รั้งรอ เด็กหนุ่มบันทึกไฟล์งานในโปรแกรมวิสิโอ้ก่อนจะตามออกไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ พิรัลยืนอยู่ริมประตูรอให้เด็กหนุ่มก้าวเข้าไปแล้วจึงปิดประตูลง

“กล่องไหนครับพี่เจตน์” เขาพูดพลางมองไปยังชั้นวางของและพยายามปรับสายตากับความมืด นิพัทธ์หันกลับมาอีกทีเพื่อจะบอกให้คนอายุมากกว่าเปิดไฟ ทว่าพิรัลกลับยืนอยู่ชิดใกล้และก้าวเข้าหาจนนิพัทธ์ต้องถอยหลัง

พิรัลวางมือลงบนขอบเหล็กซึ่งเป็นชั้นวางของ แขนของเขาที่พาดขวางตัวนิพัทธ์จึงดูเป็นการกักขังกลายๆ มืออีกข้างจับใบหน้าขาวกระจ่างไว้ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากสีสดนั่นอย่างแผ่วเบา นิพัทธ์ไม่ได้ขัดขืนอีกทั้งยังยินยอมให้ริมฝีปากถูกคลึงเคล้า

นี่เป็นอีกหลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาจูบกันนับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อสบโอกาสพิรัลมักจะฉกฉวยไว้แต่ไม่มีอะไรไปมากกว่าจูบ นิพัทธ์ไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เขาเข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยินยอมให้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่ปฏิเสธว่าชอบพิรัลแต่ยังไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึกมากนักด้วยเพราะสถานะเพื่อนร่วมงาน พิรัลในที่ทำงานมักเข้มงวดกับรายละเอียดของงานแต่ละจุด เคี่ยวเข็ญสอนงานอย่างไม่ปราณีปราศรัย ดูขึงขัง จริงจัง และไม่ค่อยไว้หน้าใครจนเขาคิดว่าควรเก็บคำพูดไว้เสียจะดีกว่า บางครั้งเวลาที่โดนพิรัลดุเขาไม่นึกกลัวแต่มักปั่นป่วนช่วงท้องอย่างไร้สาเหตุ และต้องหันกลับไปสนใจเรื่องอื่นเพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจจะจินตนาการไปไกล ใช่ เขาชอบพิรัลที่ดุดันแบบนั้นนและมันกลายเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างดีเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าจะจูบกันอยู่บ่อยครั้งแต่ก็เท่านั้นเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาสองคนยังไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาคุยกันนานสุดก็แค่เรื่องงาน ออกไปกินข้าวกลางวันพร้อมกับคนอื่น มีบ้างที่นอกลู่นอกทางเพื่อใช้เวลาอยู่ในร้านหนังสือช่วงพัก บางทีก็ออกไปนั่งกินขนมขณะที่พิรัลสูบบุหรี่อยู่ในที่ลับตาโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมามากมาย นิพัทธ์เข้าใจว่าพิรัลคงไม่ได้รังเกียจแต่ก็ไม่ได้ชอบเขามากพอที่จะเปิดเผยออกมา หรือพิรัลอาจจะไม่ได้ชอบเขาเลยแต่เพียงแค่ต้องการความสัมพันธ์บนเตียง ความเป็นไปได้เอียงเอนไปทางหลัง นิพัทธ์ไม่คาดหวังความสัมพันธ์ทางความรู้สึกเพราะมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากที่สุดบนโลกใบนี้ เขาหวังเพียงว่าจะได้สัมผัสมากกว่าจูบแต่ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะล้วงมือเข้าไปในกางเกงของพิรัล ได้แต่ท่องจำอยู่ในหัวว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมงาน

นิพัทธ์ผินหน้าออกเพราะเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นมากขึ้น แต่แล้วพิรัลก็ยังคงจับใบหน้าของเขาไว้และจูบอีกครั้ง จูบของพวกเขาไม่รุนแรง ไม่ได้แลกลิ้นพัวพัน มันเป็นการบดคลึงริมฝีปากอย่างเชื่องช้า เนิบนาบ และไม่เร่งรีบ นิพัทธ์บ่ายเบี่ยงคราวนี้พิรัลไม่ได้ดึงรั้งไว้อีกแต่สบตามองราวกับต้องการคำอธิบาย

“จะให้ผมช่วยยกกล่องไหนครับ” นิพัทธ์เบี่ยงประเด็น

“ขอผมจูบหน่อยได้มั้ย”

คนอายุน้อยกว่าหลบสายตาและไม่ได้ตอบอะไร พิรัลขยับหน้าเข้าหาด้วยอนุมานเอาเองว่าเมื่อไม่พูดก็ถือเป็นการตอบรับ แม้ว่าค่อนข้างจะเป็นความคิดเอียงเอนเข้าฝั่งตัวเองแต่เขาห้ามความต้องการนี้ไม่ได้แล้ว เขาชอบนิพัทธ์ เด็กหนุ่มผิวขาวคนนี้ทำให้ใจของเขาเต้นแรง เขารู้สึกถึงชีวิตที่อาบไล้อยู่กลางแสงอบอุ่นท่ามกลางสายลมหนาว ไม่มีเหตุผลอื่นใด ไม่มีสาเหตุ พิรัลแค่เป็นคนแปลกหน้าซึ่งชอบนิพัทธ์ที่เป็นคนแปลกหน้าเช่นกัน ชายหนุ่มรู้ตัวแต่ไม่อาจพูดมันออกไปให้ชัดเจนในเวลาอันรวดเร็วนี้ เขากำลังเฝ้ารอโอกาสนั้นเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเองแม้ว่าระหว่างทางจะอดใจไม่ไหวจนต้องแสดงออกมา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการยินยอมของอีกฝ่ายเป็นไปด้วยความเต็มใจหรือเปล่า นิพัทธ์อาจจะยินยอมเพราะเห็นว่าพิรัลอยู่ในตำแหน่งสูงกว่า อาจจะยินยอมเพื่อให้ตัวเองผ่านทดลองงาน พิรัลไม่อาจล่วงรู้ความคิดของเด็กหนุ่มได้หากแต่เขากลับต้องการและยินยอมหากเพียงแค่ได้เก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้ไว้ ไม่มีแล้วความเป็นมืออาชีพ ไม่มีแล้ววุฒิภาวะต่างๆที่สั่งสมจากประสบการณ์มา เขาเป็นเพียงพิรัลที่มีหัวใจและใช้อารมณ์มากกว่าสมอง

“พี่เจตน์…” คำพูดถูกกลืนหายไป ถ้อยคำต่างๆไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ นิพัทธ์โดนริมฝีปากของพิรัลครอบครองอีกครั้ง ทรวงอกของเขาวาบหวามไปหมดและคิดสิ่งอื่นใดไม่ได้นอกจากตอบรับจูบนี้

ใช้เวลานานพักใหญ่เลยทีเดียวกว่าชายหนุ่มสองคนจะออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ด้วยมือว่างเปล่า พิรัลไม่ได้ตั้งใจเรียกให้นิพัทธ์ไปช่วยยกกล่องเครื่องมือช่างตั้งแต่แรกแล้วด้วยเหตุผลที่เดาไม่ยาก ตอนออกมาจากห้องนิพัทธ์เดินตามหลังและหลบสายตา สีที่แก้มเข้มขึ้นและริมฝีปากชุ่มฉ่ำ พวกเขาเก็บของต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะเดินออกจากออฟฟิศพร้อมกัน

“เรื่องสอบไอทิลเป็นยังไงบ้าง” พิรัลเอ่ยถามระหว่างทางที่เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า

“อาจจะลงสอบรอบนี้ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ”

“ให้ผ่านช่วงโปรฯไปก่อนสิ”

นิพัทธ์หันมามองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย พิรัลเมินมองไปทางอื่นเพราะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่สมควร เขารู้อยู่แล้วว่าหัวหน้าจะให้นิพัทธ์ผ่านทดลองงานเพราะผลงานค่อนข้างโดดเด่นและเหตุผลอื่นๆสนับสนุนมากมาย เนื่องด้วยพิรัลเป็นคนสอนงานเด็กใหม่เป็นธรรมดาที่หัวหน้าจะต้องเรียกเข้าไปคุยถึงเรื่องการทำงานและพฤติกรรมของนิพัทธ์ จากที่เคยแจ้งไว้ว่าจะช่วงทดลองงานคือหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่หัวหน้าของเขามองเห็นถึงความสามารถเกินกว่าที่คาดหวังไว้ และต้องการให้นิพัทธ์พ้นช่วงทดลองงานกลายเป็นพนักงานประจำทันที เมื่อพ้นช่วงทดลองงานสวัสดิการต่างๆจะครอบคลุมตามเงื่อนไข ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหากนิพัทธ์สอบผ่านจะสามารถเบิกค่าสอบใบประกาศฯได้ แต่ในเมื่อทุกอย่างยังไม่เป็นทางการพิรัลจึงไม่สมควรพูดอะไรแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าพิรัลไม่ได้พูดอะไรต่อเด็กหนุ่มจึงไม่เซ้าซี้ถามเรื่องนั้น พวกเขาเดินเท้าอย่างเชื่องช้าอืดอาดไปตลอดทาง เสียงรถบีบแตร เสียงคนพูดคุย และแสงสีจากหน้าจอ LCD สว่างวาบเป็นจังหวะ แม้จะเกือบสองทุ่มแล้วแต่บรรยากาศหลังเลิกงานวันศุกร์ในกรุงเทพมหานครแห่งยังคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่ นิพัทธ์ชอบช่วงเวลาที่ได้เดินเคียงข้างพิรัลแบบนี้และได้แต่หวังว่าเวลาจะยืดยาวกว่าที่ควรจะเป็น หลังจากเหตุการณ์ไอศกรีมครั้งนั้นอยู่ๆพิรัลก็เอ่ยถามว่าเขากลับบ้านยังไง ในตอนแรกนิพัทธ์ไม่ได้คิดอะไรจึงตอบไปตามปกติ เขารู้สึกแปลกๆก็ตอนที่พิรัลเดินออกมาจากออฟฟิศพร้อมกันและนั่งรถไฟฟ้าไปยังจุดที่นิพัทธ์จะต้องลง ก่อนจะนั่งย้อนกลับไปอีกทางเพื่อกลับบ้านตัวเอง นิพัทธ์ไม่ห้ามอีกทั้งยังรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ แต่เขากำลังคิดว่าพิรัลจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน กระนั้นนิพัทธ์ก็ไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงโดยเร็วพลัน

“ผมหิวข้าว” เด็กหนุ่มกล่าว “แวะหาอะไรกินก่อนกลับกันมั้ยครับ”

พิรัลชะงักไปเล็กน้อย หากตอบตามใจคงจะเป็นการตอบตกลงซึ่งมันไม่ค่อยดีต่อสถานะเพื่อนร่วมงานสักเท่าไหร่ ไม่แปลกหรอกหากเพื่อนร่วมงานจะไปกินข้าวกันหลังเลิกงาน แต่สำหรับเขามันหมายถึงการพาตัวเองไปอยู่ในจุดอ่อนไหว จุดที่ทำให้สถานะเพื่อนร่วมงานต้องสั่นคลอนไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ความรู้สึกทางใจมันหยั่งรากลึกจากทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน พิรัลคิดว่ายังไม่อยากให้ถึงจุดนั้นมันสุ่มเสี่ยงเกินไปกับการเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เมื่อมองสบดวงตาของอีกฝ่ายพิรัลก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

ชายหนุ่มสองคนวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงสถานีรถไฟฟ้า พวกเขาแตะบัตรและแทรกตัวเข้าไปก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดเลื่อน รถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายจอดเทียบท่า มันส่งเสียงร้องตอนที่พิรัลและนิพัทธ์ก้าวเท้าเข้าไปอย่างพอดิบพอดีแล้วประตูก็ปิดลง นิพัทธ์หอบหายใจแรงเพราะวิ่งหน้าตั้งมาจากหน้าโรงภาพยนตร์จนถึงสถานีรถไฟฟ้า ส่วนพิรัลได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดจาและหายใจเหนื่อยหนักจนอีกคนสามารถสังเกตเห็นได้ เด็กหนุ่มขยับเข้าหาพร้อมกับสีหน้าหยอกล้อ

“แก่แล้วก็เหนื่อยง่ายเนอะพี่”

พิรัลหรี่ตาลงเพราะรู้ว่ากำลังโดนคนเด็กกว่าแซว ไม่เคยนึกโกรธหรือคิดว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทที่โดนล้อเล่นเรื่องอายุที่มากกว่า และเขาก็ยังเก็บงำสาเหตุที่ทำให้เหนื่อยกว่าปกติไว้กับตัวเองโดยไม่คิดจะบอกนิพัทธ์ “เดี๋ยวก่อนเถอะ พอกานต์อายุเท่าผมแล้วจะรู้สึก”

“คงอีกนานครับ”

พิรัลหัวเราะ ยกมือไปชกเบาๆที่ต้นแขนของอีกฝ่ายก่อนจะต่างคนต่างนั่งเงียบๆและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่น

ภายในขบวนที่นั่งยังคงมีคนอยู่บ้างปะปราย ก่อนหน้านี้ที่ตอบรับนิพัทธ์ไปกินมื้อเย็นนั้นกลับเลยเถิดไปดูภาพยนตร์กันต่ออีก กว่าหนังจะจบก็ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืนจึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องวิ่งมาขึ้นรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายของวัน อาหารที่กินไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นแค่อาหารไทยธรรมดาที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า พิรัลจ่ายค่าอาหารมื้อนั้นทั้งหมดท่ามกลางเสียงทักท้วงของคนที่เด็กกว่า นิพัทธ์ไม่เคยชอบการถูกปฏิบัติแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นเลยที่พิรัลจะต้องเลี้ยงข้าวเลี้ยงอาหาร

พอเอ่ยประโยคแรกเพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายพิรัลก็ปฏิเสธทันทีด้วยเหตุผลที่ไม่เป็นเหตุผลสักเท่าไหร่ อย่างเช่น ถ้าไม่ให้ผมเลี้ยงข้าวผมจะไม่ให้กานต์ผ่านทดลองงาน ฟังดูเป็นการข่มขู่และเอาอำนาจหน้าที่มาใช้ในทางที่แปลกประหลาดจนนิพัทธ์ขี้เกียจเถียง พอเงียบลงไปพิรัลจึงบอกให้นิพัทธ์เลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมแทนในวันอื่น สีหน้าของคนที่เด็กกว่าดูชื่นมื่นขึ้นทันตาเห็น ในตอนนั้นพิรัลยับยั้งปฏิกิริยาที่ถูกสั่งการจาก ‘หัวใจ’ ไว้ไม่ทัน เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะนิพัทธ์กลางร้านอาหาร ต่างฝ่ายต่างนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าไปจนหมด พิรัลโทษหัวใจแทนที่จะโทษสมอง เพราะเมื่ออยู่กับนิพัทธ์สมองของเขาก็ฝ่อลงร่างกายถูกสั่งการจากสิ่งลี้ลับในจักรวาลอย่างหัวใจและอารมณ์เป็นหลัก น้ำเน่าเสียยิ่งกว่าละครหลังข่าว แต่มันก็เป็นไปแล้ว เขาชอบนิพัทธ์เข้าไปแล้ว

พอกินข้าวเสร็จนิพัทธ์ก็เปิดแอพพลิเคชั่นของโรงหนังให้ดูพร้อมกับบอกว่าอยากดูเรื่องนี้ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังทำให้พิรัลไม่ปฏิเสธอีกเช่นเคย ถึงแม้นิพัทธ์จะไม่ชักชวนให้ดูหนังเขาก็ชวนให้ไปร้านหนังสือแทนเพื่อยืดเวลาให้อยู่ด้วยกัน เขาปล่อยให้นิพัทธ์เป็นคนจัดการซื้อตั๋ว เถลไถลอยู่ในห้างอีกนิดก่อนจะขึ้นไปดูหนังโดยไม่ได้คำนวณระยะเวลาฉายหนังว่ายาวกี่ชั่วโมง นึกได้อีกทีก็ตอนที่หนังใกล้จบ แล้วก็อย่างที่เห็นวิ่งกระหืดกระหอบมาขึ้นรถไฟฟ้ากันแทบไม่ทัน

“พี่เจตน์ครับ”

“ครับ”

“แล้วพี่จะกลับบ้านยังไง”

พิรัลเงียบไปเพราะไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เขาคิดแค่ว่าจะไปส่งนิพัทธ์เหมือนอย่างเคย แต่นี่เป็นรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายคงจะต้องพึ่งพาแท็กซี่เสียแล้ว “ผมยังไม่รู้เลย” เขาเลือกที่จะตอบแบบนั้นเพื่อรอคอยดูปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่าย

“ผมว่านั่งแท็กซี่กลับตอนนี้อันตรายนะ”

คนแก่กว่ายังคงใจเย็น ไม่แสดงท่าทีใดๆเป็นพิเศษ

“ค้างห้องผมมั้ยครับ แล้วตอนเช้าค่อยกลับ”

พิรัลยิ้ม หัวใจของเขาพองโตจากการได้ฟังแนวทางในการเดินทางกลับบ้านยามวิกาล หากแต่เขากลับปฏิเสธไมตรีในครั้งนี้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านนี่แหละ” นิพัทธ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือต่อ แววตาก่อนที่จะหลบหายไปเต็มไปด้วยความผิดหวัง “พรุ่งนี้กานต์มีนัดมั้ย”

“ไม่มีครับ”

“อยู่ห้องเฉยๆเหรอ”

“ว่าจะอ่านชีทไอทิล”

“ผมจะออกมาซื้อเครื่องมือช่าง กานต์มาช่วยผมเลือกของหน่อยได้มั้ย”

พิรัลถามและจ้องมองเด็กหนุ่มเพื่อรอคอบคำตอบ อีกทั้งยังคาดหวังว่าจะได้คำตอบรับไม่ใช่คำปฏิเสธและนิพัทธ์ก็ไม่ทำให้พิรัลผิดหวังเลย


อาจจะเรียกว่าเดท หรือ อาจจะไม่เรียกว่าเดท สุดแท้แล้วแต่จะคิด

พิรัลไม่สนใจว่าใครจะจำกัดความอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความจริงนั่นคือการเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อให้ได้ใช้เวลาอยู่กับนิพัทธ์ ในบางครั้งพิรัลอยากแสดงออกมากกว่าที่เป็นอยู่ อยากพูดในสิ่งที่รู้สึก อยากพัฒนาความสัมพันธ์นี้ให้หยั่งรากลึกและผูกพันธ์กันด้วยอารมณ์หลากหลาย หากมันง่ายดายคงจะเป็นเรื่องดี แต่เมื่อมองความเป็นจริงยังมีอะไรอีกหลายอย่างให้หยุดชั่วคราวที่จุดนี้ จุดที่คลุมเครือแต่ยังสามารถก้าวไปข้างหน้าหรือก้าวถอยหลัง และเมื่อมองลึกเข้าไปอีกมันกลับไม่ง่ายดายเช่นนั้นเมื่อหัวใจของเขาไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป มันเรียกร้องต้องการนิพัทธ์ขณะเดียวกันสิ่งที่ผิดปกติในนั้นก็ยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้นทุกที

พิรัลแน่นหน้าอกในตอนที่ยกกล่องเครื่องมือช่างและของอื่นๆใส่ลงในรถ เขาอ้างกับนิพัทธ์ทีเล่นทีจริงว่าตัวเองแก่ และปล่อยให้นิพัทธ์ขนของใส่ท้ายรถเพียงลำพัง ก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งพักอยู่ในรถฝั่งคนขับพร้อมกับสงบสติอารมณ์พยายามไม่คิดถึงความแน่นที่หน้าอกเหมือนมีก้อนหินมาวางทับ หลายนาทีกว่าอาการจะหาย เขาออกไปอีกครั้งและทำทีเป็นสั่งงานเด็กหนุ่มเพื่อกลบเกลื่อน

“พี่เจตน์เกลียดอะไรผมป่าวเนี่ย” นิพัทธ์โวยวายเมื่อโดนเร่งให้ขนของเร็วขึ้น “ให้ยกของคนเดียว ผมหลังยอกไปหมดแล้ว”

“เออ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าว”

นิพัทธ์ยกลังกระดาษกล่องสุดท้ายขึ้นรถก่อนจะถอนหายใจยาว “ผมไม่ได้หิวข้าว ผมปวดหลัง” พูดไปพลางยืนบิดซ้ายบิดขวา

“บ่นไรนักหนา”

“ผมไม่ได้บ่น แต่พูดให้ฟัง”

“ยังจะเถียง”

“ผมไม่ได้เถียง”

“ยังไม่หยุดอีก”

“อ้าว ก็ผม…”

เสียงเจื้อยแจ้วที่เคยเถียงชะงักลงเมื่อพิรัลเดินเข้ามาใกล้และวางมือลงบนหลังคารถด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ผมนวดให้เอามั้ย”

นิพัทธ์อึกอักเหมือนสำลักคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาอยากรู้เหมือนกันว่าพิรัลจะทำอะไรต่ออีก

“ผมอยากจูบกานต์จัง” เขาว่าอย่างนั้นพลางวางสายตาไว้ยังจุดดังกล่าว

เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไปนิพัทธ์ถึงกับตอบไม่ถูก เขาสบมองดวงตาอีกฝ่ายในระยะประชิด ช่วงขณะนั้นเองที่ได้ยินเสียงล้อบดกับพื้นคอนกรีต รถคันหนึ่งกำลังขับผ่านพวกเขาจึงได้แยกย้ายกลับเข้าไปในรถและออกจากห้างแห่งนั้น


เย็นวันนั้นท้องฟ้าเป็นสีเกือบม่วง แสงตะวันใกล้ลาลับทอประกายสีส้มอยู่เบื้องหลังก้อนเมฆ พิรัลนอนมองภาพนั้นอยู่ในสวนสาธารณะด้วยจิตใจว่างเปล่าราวหลุดลอยไปกับสายลมเอื่อย ทว่าภาพธรรมชาติกลับแทนที่ด้วยใบหน้าของใครอีกคนที่อยู่ด้านข้างด้วยกันมาเป็นเวลาพักใหญ่ พิรัลมองใบหน้าที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นด้วยสีหน้าเป็นเชิงถาม ฝ่ายนั้นขยับห่างออกไปโดยไม่ได้พูดอะไร

“อะไร” พิรัลเอ่ยถามและเปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นการนอนเท้าแขนตัวเอง มองเด็กหนุ่มด้านข้าง

“ผมนึกว่าพี่เจตน์หลับไปแล้ว” นิพัทธ์ตอบเรียบราบไม่มีน้ำเสียงใดบ่งบอกความรู้สึก “พี่เจตน์จะกลับกี่โมงครับ”

นั่นสิ จะกลับกี่โมง ประโยคนั้นผุดขึ้นทันทีที่ได้ฟังคำถาม หากแต่พิรัลไม่มีคำตอบ หลังจากซื้ออุปกรณ์เครื่องมือช่างเสร็จแล้วพิรัลก็พานิพัทธ์มาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้โดยไม่บอกอีกฝ่ายล่วงหน้า เขาเดาไว้ว่านิพัทธ์อาจจะโวยวายนิดหน่อยที่พามาเดินเล่นแทนที่จะแยกย้ายกลับไปตามทางของตัวเอง สาเหตุไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาว่าทำไมพิรัลถึงพานิพัทธ์มาเดินเล่นที่สวนสาธารณะ การประวิงเวลาเพื่อให้อยู่ด้วยกันคงจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว พิรัลกำลังคิดว่าข้ออ้างต่อไปสำหรับการได้ใช้เวลาร่วมกันจะเป็นเรื่องอะไรดี

“กานต์อยากกลับแล้วเหรอ” เขาตอบด้วยการถามแทน

“เปล่าครับ ถามดูเฉยๆ”

จากนั้นพวกเขาก็ต่างเงียบกันไป พิรัลเอนตัวลงนอนที่เดิมและเหม่อมองท้องฟ้า

“กานต์ชอบอ่านหนังสือมั้ย”

“ชอบครับ พี่เจตน์ล่ะ”

“ผมก็ชอบ”

“แล้วส่วนมากอ่านแนวไหน”

“ส่วนมากเหรอ...” ชายหนุ่มทวนคำถามพลางขบคิด “ผมชอบอ่านแนววิทยาศาสตร์นะ การเมืองก็ชอบ ผมชอบหลายแนวเลยล่ะ”

“แล้วอ่านนิยายมั้ยครับ”

“ไม่ค่อยได้อ่านนิยาย แต่ถ้าเป็นพวกที่ได้รางวัลก็อ่านนะ อย่างคำพิพากษา ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน หนังสือแปลก็อ่าน”

นิพัทธ์หัวเราะเบาๆหากแต่เรียกความสนใจจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี พิรัลขยับเปลี่ยนท่ามานอนตะแคงมองใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในดวงตาของนิพัทธ์สะท้อนภาพท้องฟ้าเบื้องบน หากแต่มันดูสุกสกาวเหมือนมีดวงดาวส่องประกายอยู่ในนั้น

“แล้วกานต์ชอบอ่านหนังสือแบบไหน”

“ผมชอบอ่านนิยายทั่วๆไป ฆาตกรรม แฟนตาซี แฮรี่พอตเตอร์ก็อ่าน”

พิรัลยังคงมองดวงตาของนิพัทธ์ เขามองแม้กระทั่งขนตาที่ขยับไหวยามเมื่อกะพริบตา “แล้วกานต์ชอบฟังเพลงมั้ย”

“ชอบครับ แต่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงหรือดนตรีจนมานั่งวิจารณ์ได้หรอก แค่ฟังไปเรื่อย”

“ผมก็ชอบฟังเพลง ถ้าให้กานต์ลองเลือกเพลงโปรดหรือวงที่ชอบล่ะ”

“ที่คิดอยู่ตอนนี้เลยก็ Radiohead”

“เพลงอะไร”

“High & Dry ครับ พี่เจตน์รู้จักมั้ย”

“รู้สิ ผมก็ฟังเพลงของวงนี้เหมือนกัน แต่ถ้าที่ฟังอยู่บ่อยๆก็คือ Diana Krall”

“พี่เจตน์ฟังเพลงแจ๊สด้วยเหรอ ไม่เห็นจะเข้ากับหน้าเลย”

พิรัลขมวดคิ้วงุนงง “หน้าผมทำไมเหรอ ผมชอบฟังเพลงแจ๊สผิดตรงไหน”

“ไม่ได้ผิดตรงไหนหรอก ผมแค่เดาว่าพี่เจตน์น่าจะชอบแนว Bring me the horizon” เด็กหนุ่มตอบพลางหัวเราะชอบใจ

“เฮ้ย รู้จักด้วยเหรอ”

“รู้จักดิ ผมเคยเป็นชาวอีโมมาก่อนนะ”

“ผมก็เหมือนกัน ยุคอีโมเฟื่องฟูผมเคยพยายามตั้งวงกับเพื่อนด้วยนะแต่ไปไม่รอด”

“ล่าสุดผมไปงานกระทำการอีโมมา เพลง If It Means A Lot To You ยังหลอนหูอยู่เลย เหมือนเพลงประจำชาติ”

พิรัลเงียบไปพักหนึ่งเมื่อนึกย้อนเวลาไปถึงงานเพลงที่ชื่อกระทำการอีโม วันนั้นเขาแน่นหน้าอกอย่างรุนแรงจนต้องไปหาหมอ งานเพลงที่นัดกับเพื่อนไว้ว่าจะไปด้วยกันเป็นอันต้องยกเลิก พิรัลเอนตัวลงนอนบนผืนผ้าเช่นเดิมและมองท้องฟ้า เขาต้องการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพราะไม่อยากนึกถึงโรคที่รุมเร้า “แล้วพวกหนังล่ะ”

“ผมชอบแอคชั่น ไซไฟ อะไรก็ได้ที่ล้ำๆไปโลกหน้า ถ้าให้ผมเดานะ พี่เจตน์ก็น่าจะชอบแนวนี้เหมือนผม”

“ไม่อะ ผมชอบหนังเกรดบีที่เน้นฉากเอ็กส์ๆ ไม่ก็หนังที่ขายนางเอกนมใหญ่พระเอกหำตุง”

นิพัทธ์หัวเราะร่วนให้กับคำตอบติดตลก หางตาของเขาเป็นรอยนิดหน่อยจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า พิรัลยิ้มตามแม้ดวงตาจะยังจดจ้องมองท้องฟ้า เสียงหัวเราะของนิพัทธ์เจือจางลงไปก่อนที่ต่างคนต่างเงียบ

“ชีวิตของคนเราก็เหมือนวงกลมนะ วนเวียนกับสิ่งที่ทำอยู่ในวงกลมนั้น...” พิรัลเริ่มต้นบทสนทนาขึ้นใหม่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ทุกคนมีวงกลมเป็นของตัวเอง กานต์เป็นวงกลมหนึ่งวง ผมเองก็เป็นวงกลมหนึ่งวงไม่ต่างกัน”

เขาเท้าแขนข้างหนึ่งแล้วมองใบหน้าของนิพัทธ์ที่กำลังหันมามองสบตากันอย่างพอดิบพอดี

“ผมว่าบางทีความชอบของผมกับกานต์มัน Intersect กันที่เส้นรอบวงอยู่เหมือนกันนะ” ชายหนุ่มอายุมากกว่าเคลื่อนใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายใกล้ขึ้น ดวงตาของนิพัทธ์ไม่ได้สะท้อนภาพท้องฟ้าอีกต่อไป มันกำลังฉายภาพของเขาอยู่ในนั้น

วงกลมของพิรัลเคลื่อนที่เข้าหาวงกลมของนิพัทธ์ ก่อนที่มันจะแตะสัมผัสกันที่เส้นรอบวง
วงกลมสองวงค่อยๆทับซ้อนเข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาอีกนิดนึงแล้ว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 10:33:51 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1


คอนโดแห่งหนึ่งในย่านเกือบใกล้ใจกลางเมืองไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากพิรัลไปมากกว่าคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้า นิพัทธ์ชวนเขามาที่คอนโดอย่างตรงไปตรงมาหลังจากจูบกัน ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าแรงดึงดูดที่นำพามาให้ถึงจุดนี้คือเรื่องอะไร เขาชอบนิพัทธ์ที่ซื่อตรงแบบนี้แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดความรู้สึกทั้งหมดออกไป ในสังคมที่ทำงานพิรัลไม่เคยแสดงออกว่าชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย

พวกโอมกับหญิงหรือแม้แต่น้องๆในทีมคนอื่นก็เคยถามเมื่อครั้งไปสังสรรค์ที่งานลานเบียร์ พิรัลยิ้มและหัวเราะแต่ไม่เคยตอบออกมาชัดเจน เขาคิดว่าการไม่ตอบคำถามในครั้งนั้นคงจะทำให้หลายคนเข้าใจว่าเขามีความชื่นชอบแบบไหน หญิงอาจจะรู้ โอมอาจจะไม่รู้ น้องๆคนอื่นอาจจะยังสงสัยต่อไป เขาปล่อยให้เป็นแบบนั้นด้วยมองไม่เห็นถึงความจำเป็นในการแสดงออกว่าชอบเพศไหนจะเป็นเรื่องสำคัญ เท่าที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่บริษัทแห่งนี้ยังไม่เคยมีใครแสดงออกว่ารังเกียจหรือรับไม่ได้กับการชอบเพศเดียวกัน แต่ในเมื่อตำแหน่ง Supervisor ที่เป็นอยู่พิรัลคิดว่ามันไม่ฉลาดนักหากจะเผยตัวตน หัวโขนที่สวมใส่อยู่ช่วยบดบังใบหน้าที่แท้จริง อย่างน้อยก็ไม่มีใครถามเรื่องนั้นกับพิรัลอีก

พิรัลมองใบหน้าด้านข้างของเด็กหนุ่มที่กำลังค้นหาบัตรเพื่อเปิดประตูห้อง เขาก้าวเข้าไปใกล้พลางมองซ้ายมองขวาก่อนจะก้มลงจูบแก้มอีกฝ่าย นิพัทธ์เหลือบมองอีกฝ่ายแล้วยิ้ม ท่าทางดูเขินอาย

“ตัวหอมจัง” พิรัลเอ่ยชมขณะที่ประตูห้องเปิดออก “กานต์ใช้น้ำหอมของอะไร”

“ไม่บอกครับ” เด็กหนุ่มเล่นแง่นิดหน่อยพอเป็นพิธี เขาเอ่ยเชื้อเชิญพิรัลให้เข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตู สองเท้าก้าวเข้าห้องและเดินไปตามมุมต่างๆด้วยความเคยชิน

ไม่มีอะไรในห้องที่แปลกใหม่หรือสร้างความหวือหวาเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะมีพิรัลก็แทบจะไม่แลตามองเลยด้วยซ้ำ เขาก้าวเข้าหาเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นและกำลังส่งเสียงถามไถ่ว่าจะดื่มน้ำอะไรมั้ย พิรัลไม่สนอีกตามเคยเขารั้งร่างนิพัทธ์เข้ามาจูบ ไม่มีอารัมภบทใดอื่น ไม่มีการร้องขอ

มือที่ใหญ่กว่าปลดกางเกงขาสั้นสำหรับใส่ลำลองกองไว้บนพื้น ริมฝีปากที่เคยนัวเนียจูบผละออกและเคลื่อนต่ำลง อ้ารับแท่งเนื้อของเด็กหนุ่มที่ยังไม่แข็งตัวแล้วโลมเลียด้วยลิ้นอยู่พักหนึ่งจนมันขยายใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังไม่แข็งเสียทีเดียว สัดส่วนของนิพัทธ์นั้นกำลังพอดิบพอดีและง่ายต่อการใช้ปาก มันตื่นตัวขึ้นและค่อยๆตั้งชันอย่างที่ควรเป็น พิรัลผละริมฝีปากออกห่างเพื่อดูดดึงที่ส่วนปลายจนมันเต่งตึงอย่างถึงที่สุด ดวงตาสีเข้มมองอีกฝ่ายที่เริ่มหอบหายใจแรงก่อนจะลุกขึ้นแล้วรั้งขาข้างหนึ่งของนิพัทธ์เกี่ยวพาดไว้ที่เอว พิรัลแกะห่อถุงยางอนามัย ปาดน้ำเหลวๆในซองใช้นิ้วที่ชุ่มแฉะสอดเข้าไปในบั้นท้ายของนิพัทธ์อย่างเชื่องช้า

ความเย็นจากสารหล่อลื่นทำให้นิพัทธ์เผลอขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายแน่น บั้นท้ายของเขารับนิ้วชุ่มนั่นเข้ามา มันตึงแน่นเล็กน้อยแต่ไม่ได้เจ็บอะไรมาก นิ้วสองนิ้วคว้านลึกกว่าเดิมนิพัทธ์รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังค้นหาจุดอ่อนไหว ลมหายใจสะดุดเมื่อถูกกระตุ้นเร้าโดยตรงที่จุดนั้น บ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่านิ้วที่ล้วงอยู่ด้านในกำลังเสียดสีให้ท่อนเนื้อแข็งตัวด้วยการครางพึงใจในลำคอ พิรัลยิ้มมุมปากเคลื่อนไหวนิ้วเข้าออกเร็วขึ้นเล็กน้อย

“ตกลงว่าใช้น้ำหอมอะไร”

นิพัทธ์ยิ้มนิดๆ ดวงตาเริ่มฉ่ำเยิ้มจากแรงอารมณ์ “ลองดมแล้วนึกดีๆสิครับ” หลังคำตอบที่แสนท้าทายพิรัลก็ก้มหน้าลงซุกไซ้ซอกคออีกฝ่าย กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ชายเด่นชัดที่หลังใบหูแต่เขากลับนึกไม่ออกเสียทีว่ามันเป็นน้ำหอมยี่ห้ออะไร เหมือนมันติดอยู่ที่ซอกหลืบในเซลส์สมอง

“บอกผมมาเถอะ”

“ไม่บอกครับ” นิพัทธ์ยังคงยียวนแต่เสียงพร่าสั่นอย่างเย้าอารมณ์ “ถ้ายังนึกไม่ออกผมจะให้พี่เจตน์ดมไปเรื่อยๆ”

พิรัลหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะล้วงนิ้วลึกเข้าไปกว่าเดิม ฝ่ายคนเด็กกว่าเผลอกำแขนของพิรัลแน่น หลุดร้องครางแสดงความเสียวซ่านออกทั้งท่าทางและสีหน้า คิดว่านิ้วที่ล้วงอยู่ข้างในคงจะสัมผัสจุดนั้นอย่างลึกซึ้งจนเด็กหนุ่มสะท้าน คิดได้อย่างนั้นหัวใจของเขาก็โลดแล่นราวกับรถไฟเหาะที่กำลังไต่ระดับขึ้นที่สูง พิรัลไม่หยอกเล่นอีกต่อไป เขาย้ำนิ้วที่จุดนั้นอย่างตรงไปตรงมา กระตุ้นเร้าให้เด็กหนุ่มในอ้อมกอดสุขสมพลางดอมดมกลิ่นกายอีกฝ่ายไปเรื่อย

“พี่เจตน์…” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายในขณะที่ห้วงอารมณ์หลากหลายรุมเร้า รู้สึกชาวาบไปทั้งร่างอีกทั้งยังปวกเปียกลงอย่างที่ไม่เคยเป็นจนต้องกอด ‘พี่เจตน์’ เอาไว้แน่น

“น่ารักจัง” พิรัลเอ่ยชม จะว่าเอาอกเอาใจก็คงจะใช่ แต่ส่วนหนึ่งเขารู้สึกแบบนั้นจากใจจริง “อยากหลั่งในปากผมมั้ย”

นิพัทธ์ใจเต้นแรงจากคำพูดลามกหยาบโลน เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มวัยใสแต่ก็อดไม่ได้เมื่อคำพูดนั้นออกมาจากปากของคนที่รู้สึกดีด้วย ถูกกระตุ้นทั้งทางร่างกายและวาจาสุดแม้ว่าจะเขินอายแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาต้องการเช่นนั้น “อยากครับ”

พิรัลคุกเข่าลง โอบสะโพกบางที่เหมือนร่างกายของผู้ชายทั่วไปเข้ามาก่อนจะใช้ปากกับส่วนนั้น ผิวกายของนิพัทธ์สีเข้มขึ้นเพราะเลือดในกายกำลังพุ่งพล่าน มันชื้นเหงื่อเล็กน้อยจากความร้อนลุ่ม กลิ่นตั้งแต่ส่วนบนจนส่วนล่างยังคงเป็นกลิ่นเฉพาะที่กระตุ้นอารมณ์ให้พิรัล เขาดูดรั้งแก่นกายที่ตั้งชันของนิพัทธ์ คิดว่าจะให้เด็กหนุ่มหลั่งในปากแต่ไม่ได้ตั้งใจจะกินน้ำขาวขุ่นนั่นหรอก เขารู้สึกถึงแรงดึงทึ้งแรงขึ้นเสียงหอบหายใจแรงดังอยู่เหนือหัวคล้ายเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว พิรัลอมส่วนนั้นเข้าไปลึกเท่าที่จะทำได้ใช้มือช่วยรูดรั้งประคองสัดส่วนใกล้เคียงเพื่อปลุกเร้า จนท้ายที่สุดนิพัทธ์หลั่งน้ำขาวขุ่นอยู่ในปากของคนอายุมากกว่า เด็กหนุ่มเคลิ้มไปกับสัมผัสแห่งห้วงอารมณ์อยู่พักหนึ่งรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่พิรัลหยัดกายขึ้น และเห็นอีกฝ่ายคายน้ำใคร่ออกมาเพื่อป้ายที่ช่องทางด้านหลัง บั้นท้ายของนิพัทธ์เปียกชุ่มไปหมดจนเกิดเสียงชื้นแฉะ เขาถูกรั้งเข้าไปจูบขณะที่ช่องทางด้านหลังได้รับการนวดคลึงไม่ว่างเว้น

เสื้อสีสว่างถูกถอดออกและวางระเกะระกะอยู่บนพื้น นิพัทธ์เปลือยเปล่าขณะที่พิรัลยังไม่ถอดเสื้อผ้าออกสักชิ้น เขารู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมจึงเอื้อมมือลงเพื่อปลดกางเกงยีนส์ พิรัลยิ้มไม่ได้รู้สึกขัดข้องที่อีกฝ่ายหมายเปลื้องผ้าให้ เพียงแต่เขาอยากนั่งสบายๆบนพื้นสักแห่งที่นุ่มนิ่ม ชายหนุ่มยั้งมือของนิพัทธ์ไว้ก่อนจะโอบสะโพกอีกฝ่ายรั้งให้เดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น

ริมฝีปากของพวกเขานัวเนียกันแม้กระทั่งตอนที่พิรัลนั่งลงบนโซฟา นิพัทธ์คุกเข่านั่งลงอยู่ระหว่างขาสองข้าง กางเกงยีนส์ถูกดึงลงจนเห็นส่วนนั้นที่เพิ่งเริ่มตื่นตัว เด็กหนุ่มไม่ลังเลที่จะไล้เลียพลางมองสีหน้าอีกฝ่ายไปด้วย ดวงตาสองคู่ประสานกัน สมองว่างเปล่าและใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนิพัทธ์จึงครอบครองแท่งเนื้อเข้าไปทั้งหมด แรกเริ่มก็เป็นเช่นนั้นไม่ได้รู้สึกว่ามันคับแน่นอยู่ในปากจนกระทั่งแท่งเนื้อของพิรัลแข็งตัวขึ้น เขาหมายจะขยับปากออกห่างเพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ทว่าพิรัลกลับประคองศีรษะไว้ราวกับกักขัง พิรัลไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากผ่อนลมหายใจแรงขึ้น แขนข้างหนึ่งพาดไว้ที่พนักโซฟา ส่วนอีกข้างคอยประคองศีรษะของนิพัทธ์ไว้ อวัยวะของเขาแข็งตัวขึ้นอีกระดับหนึ่งจนสุดท้ายก็พองคับแน่นอยู่ในปากของหนุ่มตัวขาว

ถึงคราวที่นิพัทธ์หายใจลำบากขึ้นมาจริงจังก็เวลานี้นี่แหละ แท่งเนื้อของพิรัลใหญ่แน่นอยู่ในโพรงปากจนแทบหุบลงไม่ได้ ความยาวของมันทิ่มเข้ามาลึกจนเกือบสำลัก ใช่ว่าเขาจะไม่เคยใช้ปากให้พิรัลแต่ครั้งนั้นก็เพียงแค่อมๆเลียๆส่วนปลายเท่านั้นไม่เคยได้อมจนสุดแบบนี้ ถึงอย่างนั้นนิพัทธ์ก็ยังไม่ผละหน้าออกห่างมากนักและก้มหน้าก้มตาใช้ปากให้โดยดี พิรัลพึงพอใจอย่างที่สุด เขาลูบแก้มสีแดงระเรื่อของอีกฝ่ายซึ่งกำลังพองออกเมื่อส่วนปลายของอวัยวะทิ่มแทงอยู่ที่กระพุ้งแก้ม นิพัทธ์ยังคงจดจ้องมองเพื่อดูว่าเขาชอบใจขนาดไหน แต่เมื่อแท่งเนื้อเข้าไปลึกพิรัลก็รู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง

“ไหวมั้ย”

คนถูกถามขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบทแต่ริมฝีปากยังครอบครองส่วนนั้นไว้ อีกทั้งยังดูดแรงขึ้นราวกับมันเอร็ดอร่อยหนักหนา พิรัลรู้สึกเหมือนโดนปลุกเร้าความดิบเถื่อนในกาย แต่เขาไม่ใช่คนชอบทำรุนแรงกับเรื่องบนเตียงนักจึงพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้อัดสะโพกชำแรกกายอยู่ในปากของเด็กหนุ่มจนถึงกับต้องพะอืดพะอม นิพัทธ์เมื่อยปากพอสมควรเขาจึงผละห่างออกมาและดูดแรงๆที่ส่วนปลายแทน ลงลิ้นที่จุดอ่อนไหวซ้ำๆไปมา เมื่อถูกกระตุ้นรุนแรงขึ้นพิรัลเองก็เริ่มวูบไหว เขารั้งใบหน้าของเด็กหนุ่มออกเพราะหากไม่ทำเช่นนี้เห็นทีนิพัทธ์คงอึดอัดพอควร

“ผมทำไม่ดีเหรอครับ” นิพัทธ์เอ่ยถามออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม การที่อยู่ๆอีกฝ่ายถอนกายออกมาจากปากทำให้เขาคิดไปในแง่ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่

“ผมรู้สึกดีมากแต่ผมไม่อยากให้กานต์อึดอัด”

นิพัทธ์เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดถึง ไม่ได้ต่อต้านอะไรแต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบอีกฝ่ายอยู่ “พี่เจตน์ยังไม่เสร็จเลย ผมยังไหวอยู่นะ”

คนอายุมากกว่ายิ้มพึงใจก่อนจะใช้มือข้างที่จับแก้มนิพัทธ์อยู่นั้น เลื่อนมาจับที่ปาก “งั้นอ้าปาก”

นิพัทธ์ทำตาม ใบหน้าของเขาถูกพิรัลบีบแก้มให้อ้าปาก มองเห็นมือที่เคยพาดโซฟาขยับเคลื่อนไหวอยู่ที่แท่งเนื้อ พิรัลใช้มือรูดรั้งมัน เขาเองก็รู้สึกดีมากจนใกล้จะแตะห้วงอารมณ์อ่อนไหวนั่นเช่นกัน ดวงตาสีเข้มมองใบหน้าอ่อนเยาว์ขาวกระจ่างของอีกฝ่ายพลางรูดรั้งอวัยวะของตัวเองไปด้วย ส่วนปลายโดนใบหน้านั่นเป็นครั้งคราว แต่นิพัทธ์ก็ไม่ขยับห่าง เด็กหนุ่มยังคงเผยอปากอ้ารอรับแก่นกาย ลิ้นไล้เลียยามที่มันขยับมาโดน พิรัลพรูลมหายใจแรงขณะที่ถึงจุดสุดยอด เขาครางในลำคอด้วยแรงอารมณ์ขณะที่น้ำใคร่พุ่งเข้าปากของนิพัทธ์ ความรู้สึกในตอนที่เห็นน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าบางส่วนยิ่งทำให้เขาเป็นสุข และยิ่งลิงโลดไปกว่านั้นเมื่อนิพัทธ์แลบลิ้นเลียน้ำใคร่ของเขาเข้าปากไปด้วย

เด็กหนุ่มลุกขึ้นไปหยิบเจลหล่อลื่นกับถุงยางอนามัย ส่วนพิรัลถอดเสื้อกับกางเกงออก ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเป็นพิเศษมีเพียงเสียงผิวกายที่เสียดสีกันยามเมื่อนิพัทธ์กลับมานั่งคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่าย พวกเขาจูบกันอย่างดูดดื่มพลางใช้มือรุกเร้าจนส่วนนั้นกลับมาแข็งขืนอีกครั้งแล้วจึงใส่ถุงยางอนามัยให้ ช่องทางด้านหลังของนิพัทธ์ถูกขยายออกขณะที่ท่อนเนื้อของพิรัลแทรกเข้าหาอย่างเชื่องช้า

นิพัทธ์วางมือสองข้างไว้ที่พนักพิงโซฟาแล้วเริ่มขยับสะโพก เขาผ่อนคลายและปล่อยให้ท่อนเนื้อนั่นรุกล้ำเข้ามาลึกขึ้น มันแน่นตึงไปหมดจนสุดท้ายบั้นท้ายของเขาก็สัมผัสหน้าขาของพิรัล เขาพรูลมหายใจด้วยเพราะขนาดที่อวบอ้วนทำให้รู้สึกเหมือนบั้นท้ายได้ถูกขยายจนถึงที่สุด เด็กหนุ่มขยับกายขึ้นลงเป็นจังหวะ ร้องครางแผ่วเบาในลำคอเมื่อถูกท่อนเนื้อเสียดสีไปมา ในช่วงแรกนั้นค่อยเป็นค่อยไปแต่ผ่านไปพักหนึ่งนิพัทธ์จึงเริ่มเร่งเร้าจังหวะเร็วขึ้น พิรัลคว้ามือทั้งสองที่จับผนักพิงโซฟาของนิพัทธ์รวบเข้ามาจุมพิตซ้ายทีขวาที ที่จริงพอมีคนปรนเปรอให้แบบนี้ก็สุขไปอีกแบบ แต่หากเขาปล่อยไปแบบนี้ก็จบลงอย่างรวดเร็วซึ่งพิรัลไม่ต้องการ

“กานต์ครับ”

“ครับ” เด็กหนุ่มตัวขาวตอบรับขณะที่ยังควบขี่ท่อนเนื้อไม่ว่างเว้น เขากำลังเสียวซ่านและอยู่ในห้วงอารมณ์หลากหลาย

“ทำช้าลงหน่อยได้มั้ยครับ”

เขาสบตาอีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจที่ถูกเรียกร้องแบบนี้ มันไม่ชินเลย ไม่มีใครเรียกร้องให้ทำช้าลงมีแต่จะรุนแรงมากกว่านี้ พิรัลจับสังเกตเห็นความวูบไหวในแววคู่นั้น เขาทำให้นิพัทธ์เสียความมั่นใจไปไม่มากก็น้อย

“กานต์น่ารักมาก พี่หัวใจจะวายตายแล้ว” พิรัลพูดแล้วจุมพิตที่มือของนิพัทธ์อีก เขาไม่รีรอให้อีกฝ่ายตอบอะไรแต่กลับรั้งร่างที่บางกว่าให้นอนราบไปบนโซฟา “ให้พี่ทำนะ พี่อยากอยู่ในตัวกานต์นานๆ”

เรียวขาสองขาอ้าออกกว้างตามแต่พิรัลจะจัดแจง เขาได้แต่โอบกอดอีกฝ่ายไว้และถูกทำอย่างนุ่มนวล เวลานี้เขาแทบจะเชื่อว่ามันเป็นการร่วมรักไม่ใช่แค่ตอบสนองทางกาย พิรัลจูบไปทั่วใบหน้าโดยเฉพาะแก้มสองข้างที่ถูกหอมซ้ำไปซ้ำมาขณะที่ช่องทางด้านหลังถูกเติมเต็ม ท่อนเนื้อของพิรัลนั้นแทรกเข้ามาอย่างเชื่องช้าหากแต่เมื่อมันใกล้เข้ามาจนเกือบสุดถึงได้หนักหน่วงขึ้น มันกระทุ้งเข้ามาจนสุดจากนั้นก็ถอนออกไปและกลับเข้ามาใหม่อย่างช้าๆ ช่องทางของเขาบีบรัด ลมหายใจหอบไปตามจังหวะบนเตียงของพิรัล มือสองข้างยังถูกพิรัลกอบกุมเอาไว้ มีบ้างที่พิรัลโน้มตัวลงมาจูบที่มือก่อนจะเล่นที่ยอดอกอีกเล็กน้อย เขากำลังถูกพิรัลตอบสนองทั้งทางจิตใจและทางกาย

“รู้สึกดีมั้ยครับ”

นิพัทธ์พยักหน้ายอมรับ “ดีครับ”

“ดียังไง ไหนบอกพี่ซิ”

ดวงตาของนิพัทธ์เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจที่ถูกถามอะไรแบบนั้น แต่แล้วก็อมยิ้ม “พี่เจตน์ลามกมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ”

พิรัลเลิกคิ้วสูง ทำหน้าเหมือนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนั้นเช่นกัน “ยังไง”

“ก็เวลาอยู่ที่ทำงาน... คนละแบบเลย” เด็กหนุ่มตอบก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อแก่นกายที่อยู่ข้างในถูกดันลึกเข้าไปมากกว่าเดิม “พี่เจตน์ ผม...” คำพูดที่คิดไว้ติดค้างอยู่ในปาก นิพัทธ์รู้สึกเสียวซ่านมากกว่าเดิมจนพูดไม่ออก

“ถ้าไม่เข้มงวดบ้างพี่ก็คุมน้องในทีมไม่ได้สิ” คำตอบที่ได้รับทำให้นิพัทธ์ยิ้มจางๆแทนคำพูด ดวงตาของเขาหยาดเยิ้มจนพิรัลต้องก้มลงไปมอบจูบให้ “ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่ารู้สึกดียังไง”

“ไม่บอกครับ” หากจะให้พูดนิพัทธ์ก็พูดได้ แต่ความกระดากอายมีมากกว่า “แล้วพี่เจตน์รู้สึกดีมั้ยครับ”

“ดีสิ” พิรัลตอบไปตามตรง เขารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังพยายามไล่ต้อนกลับบ้างจึงดักทางไว้เสียก่อน “ข้างในของกานต์แฉะมาก รัดของพี่แน่นด้วย”

เมื่อถูกพูดลามกแบบนี้เด็กหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เบี่ยงหน้าหลบสายตาไปอีกทาง “ไม่ต้องพูดก็ได้ครับ”

“ตอนที่ใส่เข้าไปตอดตุบๆเลย แต่พอจะเอาออกก็รัดของพี่ไว้แน่นเชียว”

“เลิกแกล้งผมได้แล้วครับ” นิพัทธ์หน้าแดงระเรื่อและรู้สึกกระดากอายกว่าเดิม

“ไม่แกล้งก็ได้ครับ” พิรัลหัวเราะอารมณ์ดี จากนั้นก็ขยับกายเข้าออกเร็วขึ้นอีกนิด ข้างในของนิพัทธ์เป็นอย่างที่พิรัลได้กล่าวไว้จริงๆ มันชุ่มแฉะทำให้สามารถสอดใส่เข้าไปได้ง่าย อีกทั้งยังรัดรึงแนบแน่นรู้สึกดี พิรัลชอบที่เป็นแบบนี้และอยากใช้เวลานานเพื่อสร้างความรัญจวนใจให้อีกฝ่าย

นิพัทธ์ไม่ต่อต้านอีกทั้งยังแยกขาออกกว้างรองรับตัวตนของพิรัลอย่างเต็มใจ แม้ว่าเซ็กส์ครั้งนี้จะเชื่องช้าและนุ่มนวลกว่าที่ผ่านมาแต่มันกลับทำให้นิพัทธ์เสียวสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาประจักษ์แล้วเมื่อครั้งอยู่ที่กระบี่ พิรัลสามารถทำให้เขาสุขสมอารมณ์หมายจากด้านหลัง เขารู้สึกวูบวาบชาไปทั่วร่างและสะท้านอยู่ยาวนานกว่าช่วงเวลาถึงจุดสุดยอดจะผ่านไป

ครั้งนี้ก็เช่นกัน พิรัลจับขาของเขาดันขึ้นมาชิดอก แทรกกายหนักหน่วงขึ้นและกระชั้นถี่ทว่าก็ยังไม่รุนแรงจนทำให้ตัวสั่นตัวคลอน นิพัทธ์ร้องเรียกชื่ออีกฝ่าย ปล่อยกายปล่อยใจให้ผ่านเข้าไปที่จุดนั้น เด็กหนุ่มปลดปล่อยออกมา น้ำใคร่พุ่งเลอะหน้าท้องของทั้งสองคน เขายังคงนอนหงายอยู่ตรงโซฟาปล่อยให้พิรัลกระทำจนถึงที่สุด พิรัลเริ่มขยับเอวถี่ขึ้น คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย หน้าท้องเกร็งเขม็ง นิพัทธ์รู้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะถึงฝากฝั่งแล้ว

“พี่เจตน์ครับปล่อยข้างในตัวผมเลย” เด็กหนุ่มเอ่ยขณะที่ร่างขยับไหวไปตามแรงกาย ส่วนอีกฝ่ายก็รีบถอนกายออกมาและดึงถุงยางออกก่อนจะสอดใส่กลับเข้าไปอย่างร้อนรน ชายหนุ่มขยับเอวถี่ระรัวขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ถึงจุดสุดยอดและหลั่งน้ำใคร่อยู่ในบั้นท้ายของนิพัทธ์ เด็กหนุ่มรั้งอีกฝ่ายเข้ามาจูบพลางกระซิบเสียงแผ่วเรียกชื่อให้หัวใจเต้นแรงกันทั้งสองฝ่าย “ผมแฉะไปหมดอย่างที่พี่เจตน์บอกจริงๆด้วย”

ชายหนุ่มสองคนหยอกล้อกันอยู่พักใหญ่บนโซฟาตัวนั้น จนเมื่ออารมณ์วาบไหวผ่านไปพิรัลจึงดึงรั้งให้เด็กหนุ่มตามมานั่งซบกอดกัน เขาลูบไล้แผ่นหลังอีกฝ่ายพลางจูบแก้มระเรื่อสีแดงไปด้วย ดวงตาของเด็กหนุ่มปรือลงนิดหน่อยจากความเหน็ดเหนื่อย เขาจ้องมองพิจารณาใบหน้าของกันและกัน พิรัลไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งขับเคลื่อนให้มาถึงตรงนี้ เขายังคงมีสติครบถ้วนแต่อะไรบางอย่างทำให้เขาพูดมันออกไปโดยไม่คำนึงถึงอนาคตเบื้องหน้า

“กานต์… ผมชอบกานต์”

เจ้าของชื่อแหงนหน้ามองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ สีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงอารมณ์หลากหลาย ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยแสดงออกถึงความตกใจ ทว่าเพียงครู่เดียวก็เอนหน้ากลับลงไปซบไหล่ยังจุดเดิม “ผมก็ชอบพี่เจตน์ครับ”

“ผมหมายถึงผมชอบกานต์จริงๆนะ ชอบแบบอยากคุยด้วยทุกวัน”

ฝ่ายคนเด็กกว่าผงกหัวขึ้นมามองพิรัลอีกครั้งก่อนจะจูบที่ริมฝีปาก “แล้วพี่เจตน์คิดว่าที่ผมทักพี่ตอนอยู่กระบี่เพราะอะไรล่ะ”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย สีหน้าครุ่นคิด “ไม่ใช่ว่าแค่เพราะเรื่องนั้นเหรอ”

นิพัทธ์ยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะผละตัวออกมานั่งด้านข้าง “ไม่ใช่ครับ” เขากล่าวพลางก้มลงเก็บเสื้อผ้าของอีกฝ่ายที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาวางให้บนโซฟา จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปยังส่วนห้องครัวเพื่อหยิบเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง “พี่เจตน์จะกลับเลยหรือเปล่าครับ” เขาถามเมื่อเดินกลับมายืนอยู่ในห้องนั่งเล่นและยังเห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

“ที่บอกว่าไม่ใช่คือหมายถึงยังไง”

“แค่รู้ว่าผมชอบพี่เจตน์ก็พอ”

“เฮ้ย ไม่ได้ดิ ผมต้องรู้” ชายหนุ่มดึงกางเกงขึ้นมาสวมแล้วรีบเดินตามอีกฝ่ายที่เดินหายไปในห้องนอน

นิพัทธ์ไม่ได้ปัดป้องอะไรตอนที่พิรัลเข้ามาฉุดแขนไว้ เขาคิดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะพูดว่าชอบพิรัลที่กำลังถ่ายรูปก็เลยตัดสินใจเข้าไปทัก มันน้ำเน่าเกินไป

“ทำไมผมไม่รู้เลยว่ากานต์ชอบผม”

“ผมคิดว่าพี่น่าจะต้องการแค่เรื่องนั้นก็เลย... ไม่พูดอะไรจะดีกว่า” นิพัทธ์ตอบไปตามตรง แต่เมื่อขยับตัวก็เริ่มรู้สึกไม่สบายที่บั้นท้ายเนื่องจากสิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายใน “ผมเข้าไปอาบน้ำก่อนนะ”

“เดี๋ยว” พิรัลกระชับมือที่จับแขนของนิพัทธ์ไว้ “มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับกานต์ แต่ผมชอบกานต์จริงๆ ผมไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องที่เรามีอะไรกันนะ คือที่เราทำกันมันดีมากๆแต่ว่านอกเหนือจากเรื่องนั้นผมอยากคุยกับกานต์ อยากรู้จักกกานต์มากกว่านี้ แล้วก็อยากไปไหนมาไหน...”

“พี่เจตน์... ผมเข้าใจแล้วครับ” นิพัทธ์พูดขัดขึ้นก่อนจะสวมกอดคนตรงหน้า “ผมก็ชอบพี่เจตน์แบบนั้นเหมือกัน”




************************************



หวังว่านักอ่านจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ
 :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2018 21:54:50 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เขินไม่ไหวแล้วค่าาา ฮือออ ไม่ขอ Bad end นะคะ ถึงแม้ว่าพระเอกจะเป็นโรคอะไรก็ตาม  :mew1:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ฮืออออ​ เขินนนนนนนน​ แค่อ่านตอนเขาคุยกันเฉยๆเราก็จะเป็นลมแล้วอ่ะ​ นัวมากจริงๆ​ ในอนาคตจะเกิดอะไรไม่รู้​ แต่ตอนนี้ขอเขินก่อนละกันนน :hao6:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
อ่านไปก้กลัวไปว่าพระเอกจะตายคาอกไหมหนออ
แซ่บลืมเลยค่ะคู่นี้ dirty talk มันก้าวใจมากกก
ไม่จบแบบ bad end เนอะ พรีสสสส

ออฟไลน์ Faii0518

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขออย่า bad end แค่พี่เจตต์เป็นโรคหัวใจ?ก็น่าสงสารแล้วอะ
อ่านไปก็เขินไปร้อนแรงทั้งพี่ทั้งน้อง หลังจากที่เผยความรู้สึกกันแล้วจะเป็นยังไงต่อเนี่ย

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
โอ๊ย ดีกับใจ พี่เจตรักษาสุขภาพนะคะ จะได้อยู่กับน้องกานต์นาน ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ นินนินนิน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สัมผัสได้ว่าตอนจบของเรื่องนี้ต้องเศร้าแน่ๆ

ออฟไลน์ R.michi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
กลัวจะจบไม่ดีจัง ฮื้ออออ :katai1:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่ห้า




เป็นธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆสำหรับบริษัทแห่งนี้ที่เมื่อพนักงานผ่านช่วงทดลองงานก็จะพาไปเลี้ยงฉลอง แต่เพราะงานยุ่งกันมาก ประกอบกับพนักงานส่วนใหญ่จะออกไปออนไซต์อยู่ข้างนอกกว่าจะได้เลี้ยงฉลองก็ผ่านไปอาทิตย์กว่า

พิรัลแยกตัวออกมาคุยเรื่องงานกับลูกค้าที่ด้านนอกร้านพลางสูบบุหรี่ไปด้วย ดูเหมือนว่าจะเจอลูกค้างี่เง่าที่เอาแต่ผลประโยชน์เกินไปจนน่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เธอไม่พอใจงานซ่อมอะไรสักอย่าง พิรัลพยายามอธิบายแล้วว่าเครื่องที่ใช้มันเก่าและเสื่อมโทรมไปตามอายุการใช้งาน หากต้องการให้มีประสิทธิภาพกลับมาใช้งานได้รวดเร็วก็ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ แต่พิรัลไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไปทั้งหมดสิ่งที่ทำได้คือการค่อยๆอธิบายในจุดที่ลูกค้าไม่เข้าใจ น้ำเสียงที่พูดออกไปฟังดูสุภาพเรียบร้อยแต่ภายในเขาอยากจับเครื่องโพสมาทุ่มใส่หน้าลูกค้าเจ้านี้เหลือเกิน

หลังจากร้องคาราโอเกะเพลงที่เลือกไว้จนจบพิรัลก็ยังไม่กลับเข้ามา เด็กหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอึกใหญ่ก่อนจะใช้ช่วงเวลาชุลมุนที่คนอื่นกำลังเลือกเพลงเดินหนีออกไปจากห้องคาราโอเกะ เขาเห็นพิรัลหลบมุมยืนคุยโทรศัพท์มือถือและสูบบุหรี่อยู่ตรงบริเวณด้านนอกไม่ไกลจากห้องคาราโอเกะนัก เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นสีหน้าบูดบึ้ง นั่นทำให้นิพัทธ์รู้ได้ทันทีว่าพิรัลกำลังอารมณ์เสียอย่างถึงที่สุด พิรัลขยี้บุหรี่ทิ้งลงในถังขยะที่เตรียมไว้ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้คนที่เด็กกว่าเดินไปอีกทาง

“ครับคุณกุ๊ก ได้ครับ คุณกุ๊กส่ง Invite มาได้เลยครับ”

พิรัลเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้เดินมายืนอยู่อีกด้านซึ่งลับตากว่าที่เดิม

“แล้วผมจะหา Solution ไปเสนอในที่ประชุมให้ครับ ครับผม สวัสดีครับ”

ชายหนุ่มถอนหายใจยาวสีหน้าดูหงุดหงิด นิพัทธ์เอื้อมมือไปแตะแขนเบาๆเพื่อให้กำลังใจ เห็นเช่นนั้นพิรัลจึงรั้งตัวเด็กหนุ่มเข้ามากอดแนบแน่นราวกับจะซึมซับพลังงาน

“กลับเข้าไปข้างในเถอะครับ”

“อืม”

พิรัลตอบรับก่อนจะปล่อยให้นิพัทธ์เดินนำกลับเข้าไปในห้องคาราโอเกะ อาหารทุกอย่างพรั่งพร้อมและพิรัลก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองนั้นหิวมาก เขานั่งกินอาหารไปเรื่อยๆขณะที่ปล่อยให้น้องๆในทีมร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศโดยรวมก็ถือว่าดี เป็นบรรยากาศที่หาได้ในชาวออฟฟิศทั่วไป หัวหน้าของเขาแวะมาสังสรรค์ด้วยครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวกลับก่อนเพราะคนท้องก็ต้องดูแลสุขภาพกันหน่อย เหลือเพียงพิรัลกับตั้มที่เป็นระดับซีเนียร์อยู่ฉลองกับน้องๆ ดูท่าทางเด็กๆจะสนุกกันมากเพราะทั้งกินทั้งดื่มไม่หยุด อีกอย่างคืนวันศุกร์แบบนี้ก็ปลดปล่อยตัวเองกันอยู่แล้ว

เขาคุยกับตั้มนิดหน่อยเรื่องงานที่มีปัญหาเพราะรู้สึกรับมือกับลูกค้าได้ไม่ดี ตั้มให้คำแนะนำอย่างไม่ซ่อนเร้นสิ่งใดตามเท่าที่ประสบการณ์ของตัวเองจะประสบพบเจอ ทว่าขณะที่คุยกับตั้มได้ครู่หนึ่งพิรัลก็ได้ยินเสียงร้องเพลงจากนิพัทธ์ที่ร้องคู่กับหญิง เขารู้สึกว่าสองคนนี้จะสนิทและพูดคุยกันมากกว่าคนอื่นในทีมซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก แต่อีกใจหนึ่งพิรัลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกบางอย่าง

แม้ว่าจะรู้ความรู้สึกของกันและกันแล้วแต่พิรัลก็ยังไม่ได้เอ่ยขอคบหานิพัทธ์อย่างจริงจัง พวกเขาพูดคุยกันมากขึ้นแต่นั่นก็เป็นเวลาหลังเลิกงานหรือช่วงเสาร์อาทิตย์ พิรัลยินยอมให้เด็กหนุ่มเดินทางเข้าสู่อาณาเขตของตัวเองแม้ว่าจะยังไม่เคยบอกกล่าวว่าตัวเขานั้นเป็นโรคหัวใจ เขาคิดอยู่เสมอว่ามันก็แค่แน่นหน้าอกเหมือนมีหินมาวางทับเพียงแค่พักไม่กี่สิบนาทีอาการก็จะหายไป ไม่มีความจำเป็นจะต้องบอกกล่าวใครเลยด้วยซ้ำ

เขาไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่คนอื่นมองเห็นว่าเขาป่วย พิรัลอยากเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่ต้องได้รับนัดหาหมอบ่อยๆหรือถูกชวนไปทำบุญบริจาคทานอย่างที่แม่บังคับ ที่ไปก็แค่อยากให้แม่กับพ่อสบายใจ ส่วนตัวของเขานั้นนับถือศาสนาพุทธแค่ในเอกสารราชการเท่านั้นแหละ ด้วยเหตุนั้น นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่พิรัลยังไม่ปล่อยให้นิพัทธ์ล่วงล้ำเข้ามา เส้นขอบเขตของความเป็นส่วนตัวยังคงมีอยู่และพิรัลก็ไม่อาจทำใจทำลายมันลงได้

“เฮียเจตน์เอาเหล้าอีกมั้ยพี่”

เสียงใครคนหนึ่งถามแต่พิรัลปฏิเสธไป คืนนี้เขาต้องขับรถจึงดื่มเพียงแค่สองแก้วพอเป็นพิธีเท่านั้น ตั้มเดินออกไปร้องคาราโอเกะกับน้องๆแล้ว ส่วนเขายังนั่งอยู่ที่เดิมและมองดูนิพัทธ์ที่กำลังวุ่นวายกับการชงเหล้า

“พี่เจตน์ มาชนแก้วกัน” โอมกวักมือเรียกเขาจึงยอมลุกไปร่วมวงกับน้องในทีมพร้อมกับแก้วน้ำอัดลม โอมค่อนข้างคึกกว่าปกติ กลายเป็นบุคคลที่ชวนคนอื่นชนแก้วไปทั่ว

หญิงเดินเข้ามานั่งด้านข้างพิรัลแล้วชนแก้วเพราะก่อนหน้านี้เธอไปอยู่มุมห้องคอยส่งแก้วเหล้าให้คนอื่นๆ “พี่”

“อืม”

หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางจุดที่นิพัทธ์ยืนอยู่ “พี่ว่ากานต์มีแฟนแล้วยัง”

พิรัลตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆถูกถามแบบนี้ “ไม่รู้ว่ะ”

“หญิงว่ากานต์น่ารักดี ไอ้เอิงเอยยังสนใจเลย แต่ก็ไม่แปลกนะทีมเราไม่มีผู้หน้าตาดีมานานละ” พูดจบก็หัวเราะชอบใจอารมณ์ดีโดยไม่ได้สังเกตคนด้านข้าง หญิงผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นตั้มเรียกให้ไปร้องเพลงคู่กัน ทิ้งไว้เพียงคำพูดกวนใจแก่ชายหนุ่ม เอิงเอยที่ว่านั่นก็เป็นหญิงสาวส่วนน้อยของทีมอีกคน โดยมากจะออกไปออนไซต์ต่างจังหวัดนานทีปีหนจะกลับเข้าออฟฟิศ

เธอชงเหล้าอยู่กับนิพัทธ์ไม่ได้แสดงท่าทีจะจีบออกนอกหน้าอะไรขนาดนั้น ดูผิวเผินก็เหมือนการพูดคุยทั่วไปแต่ฟิลเตอร์หวงเด็กกำลังบังตาพิรัลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่ทำได้ก็คงนิ่งเงียบเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่สมควรเก็บเอาเรื่องเล็กน้อยของเด็กมาคิดมาก อีกทั้งยังไม่สามารถแสดงออกให้ชัดเจนได้อีกด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนิพัทธ์อยู่ในสถานะใด

ขณะที่คิดเรื่องของนิพัทธ์อยูนั้นหัวใจของเขาก็บีบรัดขึ้นมาจนรู้สึกเจ็บ พิรัลเดินออกไปข้างนอกโชคดีที่ไม่มีใครสนใจ เขารู้สึกแน่นหน้าอกไม่รู้สาเหตุเพราะคิดเรื่องนิพัทธ์หรือเพราะอาหารการกินกันแน่ ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพแต่พิรัลก็ยังไม่หยุดและมีแนวโน้มที่จะทำลายสุขภาพตัวเองต่อไปอีกด้วย ชายหนุ่มนั่งสงบสติอารมณ์พยายามไม่จดจ่อสมาธิอยู่ที่อาการซึ่งกำลังกำเริบ แต่กว่าอาการแน่นหน้าอกจะหายไปก็ใช้เวลาพักใหญ่พอควรจนรู้สึกว่ามันหายช้ากว่าปกติ

พอกลับถึงห้องคาราโอเกะนิพัทธ์ก็ส่งสายตามาเป็นเชิงถามว่าหายไปไหนมา เขายิ้มนิดๆแล้วนั่งลงที่เดิม มองดูน้องในทีมสนุกสนานกับการร้องเล่นกินอาหาร กว่าจะเลิกลาก็เกือบห้าทุ่มโชคดีที่วันนี้พิรัลเอารถมาจึงไม่ต้องกระหืดกระหอบวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้า หลังจากเคลียร์ค่าอาหารกับตั้มเสร็จเขาก็แยกตัวออกมาพร้อมกับนิพัทธ์ทว่าโอมดันเดินตามหลังมาด้วย

“ผมเพิ่งรู้ว่าพี่มีรถนะเนี่ย ปกติมาแต่รถไฟฟ้าใช่ป้ะ” โอมเอ่ยถามพลางมองพวกเขาสองคนสลับกับมองรถยุโรปเก่าเก็บสีสว่างของพิรัลไปมา สภาพดูเมาได้ที่พอควร

“ผมเอารถมาทุกวันแหละ แต่จอดไว้ที่ลานจอดรถของรถไฟฟ้า”

“อ๋อ แล้วนี่พี่จะไปส่งกานต์เหรอ”

พิรัลพยักหน้าแต่ช่วงขณะนั้นเองหญิงก็ตะโกนเรียกเพื่อนเมื่อรถแท็กซี่จอดอยู่ที่หน้าร้าน โอมเดินจากไปนิพัทธ์จึงได้ถอนหายใจยาว พิรัลบอกกล่าวให้เด็กหนุ่มขึ้นรถแล้วขับออกไปจากสวนอาหารแห่งนั้นทันที

นิพัทธ์สังเกตได้ถึงความเงียบตั้งแต่ขึ้นรถมาได้สักพักแต่เขาก็ยังไม่แน่ชัดจนเมื่อถึงคอนโดก็แน่ใจแล้วว่าพิรัลดูผิดปกติ

“พี่เจตน์จะขึ้นข้างบนมั้ยครับ”

“อ๋อ ไม่ล่ะ ผมจะกลับบ้านเลย”

เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับเข้าหาเพื่อมองสบตา “ไม่อยากอยู่กับผมเหรอ”

พิรัลยิ้มนิดๆที่ถูกอ้อน แต่จิตใจของเขาขุ่นมัวอย่างบอกไม่ถูก “ดึกแล้ว”

“โกรธอะไรผมหรือเปล่าครับ”

“เปล่า ไม่ได้โกรธแต่ผมแค่คิดอะไรเยอะไปหน่อย”

“เรื่องเอิงเอยใช่มั้ย”

นิ้วมือที่จับพวงมาลัยอยู่เผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าของพิรัลดูประหลาดแปลกใจด้วยไม่คาดคิดว่านิพัทธ์จะจับสังเกตได้ “รู้ได้ไง”

“ผมเห็นพี่มองผมตลอด ถ้าไม่รู้ตัวก็เกินไปหน่อยละ”

สีหน้าของชายหนุ่มดูสลดลงนิดหน่อย “โทษที”

“ไม่ยกโทษให้”

“แล้วจะให้ผมทำยังไง”

“ค้างห้องผมแล้วผมจะยกโทษให้”

คราวนี้พิรัลถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะเผยยิ้มมุมปากไม่ต่างไปจากนิพัทธ์


ร่างของนิพัทธ์นอนคว่ำหน้า ท่อนบนของเขาแนบไปกับเตียงนอนขณะที่บั้นท้ายถูกจับกระชับให้ยกสูงเพื่อง่ายต่อการสอดใส่ ท่อนเนื้อของพิรัลรุกล้ำอยู่ด้านในค่อนข้างเนิบช้าเหมือนอย่างเคย ทว่านิพัทธ์กลับสุขสมจนร้องครวญเสียงแผ่วไม่ขาดสาย เด็กหนุ่มชอบเวลาที่พิรัลสอดใส่เข้ามาอย่างช้าๆและค่อยลงแรงกระแทกในตอนท้าย อีกทั้งพิรัลยังชอบนัวเนียจูบอย่างเอาอกเอาใจ ไม่ก็ชอบพูดหยอกเย้าเรื่องลามกให้ยิ่งตื่นตัว นิพัทธ์ไม่เคยเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะเคยคบหากับคนอื่นมาบ้างแต่เขาไม่เคยรู้สึกดีเท่านี้มาก่อน พิรัลไม่สักแต่จะทำเขายังคำนึงความสุขของนิพัทธ์ด้วย ทั้งร่างกายและจิตใจจึงอิ่มเอม

พิรัลดึงร่างในอ้อมกอดให้ขึ้นมานั่งขณะที่ยังแทรกกายอยู่เช่นนั้น เขาจับใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามารับจูบพลางแทรกกายเข้าหาหนักหน่วงขึ้น อีกฝ่ายเองก็ขยับไหวกลืนกินตัวตนของเขาเข้าไปจนบั้นท้ายแนบชิดหน้าขาก่อนจะยกสะโพกสูงขึ้นแล้วค่อยๆกลืนกินท่อนเนื้อนั่นใหม่

“กานต์ชอบแบบนี้มั้ยครับ”

เด็กหนุ่มตัวขาวพยักหน้ารับก่อนจะหันไปจูบริมฝีปากของอีกคนเป็นการตอกย้ำ

“พี่ชอบกานต์นะ” พิรัลกระซิบบอกจากนั้นล้วงมือลงต่ำเพื่อช่วยปลุกปั่นอารมณ์ที่ส่วนหน้าของนิพัทธ์

“ผมก็ชอบพี่ครับ” น้ำเสียงของเขาแหบพร่าลงเล็กน้อย สติที่มีเริ่มเลือนรางด้วยเพราะถูกปั่นป่วนทั้งด้านหน้าด้านหลัง นิพัทธ์ขยับสะโพกเข้าหาแท่งเนื้อที่แทรกเสียดอยู่ด้านหลัง เขาบอกพิรัลว่าจวนเจียนใกล้จะถึงฝากฝั่งมือที่กอบกุมอยู่จึงยิ่งขยับรัวเร็ว น้ำใคร่ของเขาหลั่งไหลออกมาเปรอะเปื้อนอุ้งมือของคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง

พิรัลดันร่างของเด็กหนุ่มให้นอนคว่ำหน้าลงไปอีกครั้งแล้วเริ่มขยับกาย นิพัทธ์ยังคงชาวาบไปทั่วร่าง ช่องทางด้านหลังของเขาเองก็กำลังตอบรับยินยอมให้อีกคนสุขสม มันคลายออกเพื่อรองรับขนาดอวบใหญ่ขณะเดียวกันก็บีบรัดกระชับอย่างน่าประหลาด

“พี่เจตน์ปล่อยในตัวผมเลยนะครับ”

ได้ยินเช่นนั้นพิรัลก็ดันตัวเข้าหาขยับเอวเร็วขึ้น อารมณ์ของเขาไต่สูงจนในที่สุดก็ถึงจุดสุดยอดและหลั่งอยู่ในช่องทางรักของนิพัทธ์ตามที่เจ้าตัวต้องการ การหลั่งอยู่ในตัวฝ่ายรับไม่ได้มีผลอะไรต่อทางกายภาพแต่ส่งผลทางจิตใจอย่างปฏิเสธไม่ได้ และดูเหมือนนิพัทธ์จะชอบที่เป็นแบบนั้น พิรัลเองก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใดเขาเองมีความสุขมากเช่นกัน พวกเขาประคองกอดกันต่อแลกจูบนัวเนียดอมดมผิวกายของกันและกัน เมื่ออารมณ์สงบลงนิพัทธ์ก็ลุกขึ้นหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่บั้นท้ายของตัวเอง พิรัลมองภาพนั้นอยู่ๆในหัวก็เกิดคำถามขึ้นมา เขาลังเลเพราะกลัวว่าจะเสียบรรยากาศแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ นิพัทธ์กลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้งแนบกายกกกอดชายหนุ่มไว้และซบหน้าลงบนหน้าอก

“กานต์พี่ถามอะไรตรงๆหน่อยได้มั้ย”

“ได้ครับ” เด็กหนุ่มจับมือของพิรัลเข้ามาจุมพิตและจับเล่นไปมา

“ถ้าเกิดเอิงเอย...”

“หยุด” นิพัทธ์พูดขัดพร้อมๆกับที่เอามือปิดปากอีกฝ่ายไว้ เขาพลิกตัวขึ้นนอนทับพิรัลสบมองดวงตาสีเข้มที่ฉายแววกังวล “ผมไม่ได้เป็นไบฯนะครับพี่เจตน์ ผมชอบผู้ชาย”

“อืม” ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยถามประโยคถัดไป “เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”

“เล่าเรื่องแฟนเก่าเหรอครับ”

“ก็ประมาณนั้นครับ”

“ถ้ารู้แล้วจะสบายใจมั้ยครับ”

พิรัลยิ้ม ในใจของเขาสงบราบเรียบ เรื่องแฟนเก่าแฟนใหม่อะไรก็ตามแต่ไม่เคยทำอะไรจิตใจของเขาได้เลย ด้วยอายุขนาดนี้เขาไม่คิดเรื่องนั้นให้หงุดหงิดใจหรอก “พี่อยากรู้เรื่องของกานต์… ได้มั้ยครับ” เขากล่าวพลางจูบตามใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะหยุดฝังจมูกที่แก้มเพราะเป็นจุดที่ชื่นชอบ

“ผมมีแฟนคนแรกตอนมหาลัย รู้ตัวมาตลอดแหละว่าชอบผู้ชายแต่ไม่เคยบอกคนอื่น พอจบปีหนึ่งก็หายๆกันไปแล้วก็ได้คบกับแฟนคนที่สองตอนใกล้จะเรียนจบ”

“คนที่สามล่ะ”

“ยังไม่มีครับ” แม้จะตอบแบบนั้นแต่นิพัทธ์ก็ยังซบอยู่บนหน้าอกของพิรัลและไม่อาจมองเห็นสีหน้าได้ เด็กหนุ่มไม่กล้าพูดในสิ่งที่คิดออกไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะบอกชอบพิรัลแต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยขอเขาคบหาอย่างจริงจัง มันไม่เกี่ยวกับว่าใครจะเป็นคนพูดคำนั้นก่อน แต่ลึกๆแล้วนิพัทธ์ไม่มั่นใจอะไรสักอย่างว่าพิรัลชอบตัวเองมากขนาดไหน จึงไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านั้น

พิรัลพอจะเข้าใจแล้วว่าคนที่สามตอนนี้อาจจะหมายถึงตัวของเขาเอง นึกอยากจะพูดขอคบหากันอย่างจริงจังออกไปอยู่เหมือนกัน แต่เพราะอายุของเขามาถึงจุดนี้เรื่องรักเรื่องใคร่จึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถพูดออกมาง่ายดายขนาดนั้น เขาชอบนิพัทธ์และคิดวนไปวนมาว่าชอบเด็กคนนี้มากขนาดไหน แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจนิพัทธ์ เด็กวัยขนาดนี้อาจจะต้องการความตื่นเต้นหวือหวามากกว่าลงหลักปักฐานกับใครสักคนมากกว่า ซึ่งพิรัลมองเรื่องของการคบกันแบบคนรักไม่ใช่แค่แฟนหรือรักแบบวัยรุ่น แล้วถ้าหากจะถามออกไปตามตรงพิรัลก็ไม่กล้า

“พรุ่งนี้พี่พากานต์ไปทะเลดีมั้ย ค้างคืนนึง”

“เหมือนสูตรพาสาวไปเปิดซิงเลยอะ” นิพัทธ์กล่าวติดตลกพาทำให้บรรยากาศดูสบายๆขึ้นจนพิรัลยิ้มกว้าง

“เสียซิงให้พี่ไปนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ” สิ้นคำก็จูบที่หลังมือของเด็กหนุ่มอย่างเนิ่นนาน “ไปมั้ยครับ”

“พรุ่งนี้เหรอ…” นิพัทธ์พึมพำก่อนจะพลิกนอนหงายแต่ยังซุกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกคน

“อย่าเล่นตัวเลย พี่อายุเยอะแล้ว”

นิพัทธ์หัวเราะออกเสียง บีบแก้มคนอายุมากกว่าแล้วตามเข้าไปจูบที่แก้ม “ไปครับ”

พิรัลดีใจจนยิ้มกว้างขึ้นอีกครั้ง แต่สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่แค่การพานิพัทธ์ไปเที่ยวทะเลหรอก หากไม่กล้าถามออกไปตรงๆว่านิพัทธ์ชอบเขาแบบไหน สิ่งหนึ่งที่เมื่อคนเรามีความตั้งใจจะคบหากันอย่างจริงจังนั่นก็คือความกล้าในการเข้าหาครอบครัวของอีกฝ่าย และเขาจะพานิพัทธ์ไปยังจุดนั้น

“งั้นพรุ่งนี้ออกแต่เช้า แต่ว่าพี่ขอแวะเอาเสื้อผ้าที่บ้านก่อนนะ”

ความชอบของนิพัทธ์จะเป็นแบบที่พิรัลตั้งความหวังเอาไว้หรือเปล่า เขายังนึกหวาดหวั่นใจ




“น้าเจตน์ สวัสดีค่ะ”

สิ่งแรกหลังจากที่นิพัทธ์ลงจากรถเขาเห็นเด็กผู้หญิงในชุดกางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อคอกลมสีขาวสวมรองเท้าผ้าใบวิ่งตรงเข้ามา เธอไว้ผมยาวแต่รวบมัดไว้ดูท่าทางทะมัดทะแมงและร่าเริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นคนถูกเรียกชื่อแต่นิพัทธ์กลับนิ่งชะงักไปครู่หนึ่งด้วยเพราะเป็นโรคไม่ถูกกับเด็ก เธอยกมือไหว้น้าเจตน์ก่อนจะถูกอุ้มเข้าไปกอด

“สวัสดีค่ะ จ๊ะจ๋า” พิรัลตอบรับคำทักทายเด็กน้อยในอ้อมกอดอย่างสนิทสนม เขาชี้มาทางที่นิพัทธ์ยืนอยู่แล้วจึงค่อยแนะนำให้รู้จัก “จ๊ะจ๋าคะ นี่พี่กานต์ เพื่อนของน้าเจตน์ค่ะ”

“สวัสดีค่ะ จ๊ะจ๋า” นิพัทธ์ที่รับมือกับเด็กไม่เป็นจึงได้แต่ทักทายแค่นั้น จะให้เข้าไปอุ้มไปกอดเกรงว่าคงจะทำไม่ได้ เขาไม่ชอบเด็ก… จากก้นบึ้งของหัวใจเลย

“พี่กานต์มาทำบุญกับคุณยายด้วยเหรอคะ” คุณยายในที่นี่คงหมายถึงแม่ของพิรัลไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดา เขาส่ายหน้าปฏิเสธไปตามจริงเพราะมาที่นี่เพื่อให้พิรัลมาเอาเสื้อผ้าเท่านั้น

“เข้าบ้านกันเถอะ” พิรัลตัดบทก่อนที่จะหลานสาวของเขาจะซักถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะสังเกตเห็นได้ว่านิพัทธ์น่าจะไม่ชอบเด็กซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ส่วนตัวพิรัลเองถ้าไม่ใช่หลานไม่ใช่ญาติเขาก็ไม่ชอบเด็กเหมือนกัน

ทว่าเมื่อปล่อยให้จ๊ะจ๋าลงเดินเด็กสาวกลับเข้าไปจูงมือนิพัทธ์ และเป็นฝ่ายต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสียเอง เธอดูร่าเริงคึกคักเหมือนเด็กทั่วไปในตอนที่รีบเข้าไปบอกยายของเธอว่ามีแขกมา

“อ้าว เจตน์” แม่ของพิรัลเอ่ยทัก เธอวางมือจากการพักดอกบัวและกอดลูกชายด้วยความคิดถึง “ไปถวายเพลให้หลวงลุงกับแม่นะลูก”

“เจตน์นัดเพื่อนไว้แล้วครับ” พิรัลไม่อ้อมค้อมตามประสา ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวที่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผยและจริงใจ เขาถูกเลี้ยงมาพร้อมกับอิสระในการเลือกสิ่งต่างๆและนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พิรัลเลือกสิทธิ์อิสระที่ตัวเองพึงมีมอบให้แก่ ‘เพื่อน’ คนที่ว่านั่น

นิพัทธ์ยังคงถูกเจ้าบ้านอย่างจ๊ะจ๋าจับมือไม่ห่าง แต่แล้วเธอก็ยอมปล่อยมือเมื่อเห็นแม่ของตัวเองเดินเข้ามา นั่นจึงสบโอกาสให้นิพัทธ์ยกมือไหว้สวัสดีแม่ของพิรัลอย่างพอดิบพอดี “สวัสดีครับคุณน้า”

แม่ของพิรัลยกมือรับไหว้พร้อมกับรอยยิ้มแบบคนใจดี “สวัสดีลูก แล้วนี่จะไปไหนกับเจตน์ล่ะ”

“จะไปทะเลกันน่ะแม่ กานต์ ผมขึ้นไปเก็บของแป้บนึงนะ เดี๋ยวมา” พิรัลตอบแทนอีกฝ่ายก่อนที่จะหายตัวขึ้นไปยังชั้นบนตามที่ได้บอกไว้ ที่ด้านล่างจึงเหลือนิพัทธ์กับครอบครัวของพิรัลอีกสามคน

“เพื่อนเจตน์เหรอ” หญิงสาวที่ยืนอุ้มจ๊ะจ๋าอยู่ถาม ซึ่งนิพัทธ์เดาว่าคงจะเป็นพี่สาวของพิรัลจากลำดับการเรียกญาติของจ๊ะจ๋า

“สวัสดีครับ” นิพัทธ์ยกมือไหว้

เธอยิ้มและรับไหว้ไปตามเรื่องตามราว “ไม่เคยเห็นเจตน์พาเพื่อนมาที่บ้าน เลยงงๆอยู่น่ะ”

“เพิ่งมารู้จักกันตอนทำงานครับ” เด็กหนุ่มกล่าว แต่ดูเหมือนหญิงสาวจะจับพิรุธบางอย่างได้ แต่เธอทำเพียงแค่ยิ้ม เห็นเช่นนั้นนิพัทธ์จึงหาทางหนีทีไล่ด้วยการเอ่ยปากช่วยแม่ของพิรัลพักดอกบัว แต่ก็หนีไม่พ้นเมื่อแม่ของพิรัลเป็นฝ่ายเอ่ยถามเรื่องราวระหว่างเขากับพิรัลอยู่ดี คราวนี้เห็นทีจะหนีได้ยาก แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่แม่กับน้องสาวของพิรัลถามก็ไม่ได้ละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว

สำหรับนิพัทธ์มันเป็นเรื่องปกติที่ผู้ใหญ่ชอบถามเสียมากกว่าและไม่รู้สึกอึดอัดที่ตอบเลย เช่น อายุเท่าไหร่ เรียนจบจากที่ไหน รู้จักกับเจตน์ได้ยังไง ทำงานอะไร จะไปเที่ยวที่ไหนกัน บลาบลาบลา นิพัทธ์ไม่ได้อึดอัดแต่ก็ต้องพยายามเลือกตอบคำถามให้ดีเพราะไม่กล้าให้ครอบครัวของพิรัลรู้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันแบบใด เขารู้สึกพลาดนิดหน่อยที่ไม่ถามพิรัลมาก่อนว่าครอบครัวของพิรัลรู้หรือเปล่าว่าลูกชายมีรสนิยมแบบไหน

ครอบครัวของพิรัลดูสบายๆไม่เจ้าระเบียบอะไรมากนัก เขาจึงสามารถนั่งพับดอกบัวกับแม่ของพิรัลได้อยู่นานสองนาน ส่วนพี่สาวของพิรัลที่มารู้ทีหลังว่าชื่อจุ๊บแจง เขาคิดว่าเธอคงสงสัยอยู่ไม่น้อยกับการมีตัวตนของ ‘เพื่อน’ คนนี้ หลังจากช่วยแม่ของพิรัลเตรียมของถวายพระชายหนุ่มสองคนที่อายุต่างกันก็เดินเข้ามาในบ้าน คนหนึ่งที่ดูสูงวัยถือกล่องอุปกรณ์ช่าง ส่วนอีกคนดูหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับพิรัลถือบันไดเหล็ก เขาเดาว่าคนที่ถืออุปกรณ์ช่างน่าจะเป็นพ่อของพิรัล อีกคนไม่รู้เหมือนว่าเป็นพี่ชายหรือพ่อของน้องจ๊ะจ๋า

“จ๋า เอาน้ำให้คุณตากับพ่อหน่อยครับ” ชายหนุ่มที่ถือบันไดเหล็กกล่าวกับจ๊ะจ๋าพลางพิงของไว้กับกำแพงบ้าน

ในที่สุดนิพัทธ์ก็ได้คำตอบ เขายกมือไหว้สวัสดีทั้งสองคนและยิ้มให้ก่อนจะเข้าไปช่วยคนชายสูงวัยถือกล่องอุปกรณ์ “สวัสดีครับคุณน้า”

“อืม สวัสดี”

“พ่อ นี่เพื่อนเจตน์ แต่เห็นว่าจะไปเที่ยวกัน เจตน์เลยแวะมาเอาของ” แจงเริ่มแนะนำ พ่อของพิรัลพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกให้นิพัทธ์เอากล่องเครื่องมือช่างไปเก็บในห้องเก็บของซึ่งเป็นห้องเล็กๆที่อยู่ใต้บันได

“ขอบใจมากนะ ชื่ออะไรล่ะเรา”

“ชื่อกานต์ครับ”

“อืม ตามสบายนะ” พ่อของพิรัลกล่าวจากนั้นก็หันไปสนใจอยู่กับหลานสาวที่เอาน้ำไปให้

“กานต์”

อยู่ๆพี่สาวของพิรัลก็เอ่ยเรียก แต่น้ำเสียงกระซิบกระซาบทำให้เขาต้องขยับเข้าหาเพื่อเงี่ยหูฟัง ส่วนแม่ของพิรัลก็วุ่นวายอยู่กับการเตรียมของถวายพระจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก “ครับพี่แจง”

“เราเป็นแฟนเจตน์ใช่มั้ย”

นิพัทธ์เผลออ้าปากค้างเพราะเจอคำถามที่คาดไม่ถึง อย่างน้อยก็ไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้

“แจงรู้จักเพื่อนเจตน์ทุกคนแหละเพราะเรียนมหาลัยเดียวกัน”

“ตอนนี้… เอ่อ ก็เพื่อนแหละครับ”

“อ้าว” แจงอุทานออกมาสีหน้าดูงุนงง เธอรู้จักเพื่อนของน้องชายทุกคนอย่างที่ว่าเพราะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน อีกทั้งยังเรียนคณะเดียวกันจึงมีเรื่องระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องสายรหัสเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อนของน้องชายก็มีหลายคนแต่ไม่ใช่แนวนี้ จากสัญชาตญาณลูกผู้หญิงกำลังบ่งบอกว่าผู้ชายตัวขาวๆที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนของน้องชายแน่นอน

“คือ…”

“คุยอะไรกัน” เสียงของชายหนุ่มแทรกเข้ามา พิรัลยืนอยู่ข้างหลัง ‘เพื่อน’ พร้อมกับกระเป๋าผ้าขนาดย่อม

“แฟนแกเหรอเจตน์” แจงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาแต่ยังคงใช้เสียงเบาจนเกือบกระซิบเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน

พิรัลยิ้มพลางเลื่อนมือลงมาจับไหล่ของนิพัทธ์ “น้องที่ทำงานน่ะ”

“อ้อ” แจงส่งเสียงรับรู้ สีหน้าดูกรุ้มกริ่มปิดไม่มิด ดูยังไงเธอก็รู้แล้วว่าระหว่างพวกเขาสองคนเป็นอะไรกัน “แล้วนี่จะไปทะเลที่ไหน”

“หัวหิน” พิรัลตอบสั้นๆก่อนจะเอื้อมไปคว้าขนมทองหยิบขึ้นมากิน

“เออ ซื้อน้ำปลาตราหอยเป่าฮื้อมาให้แม่ด้วยดิ”

“อันนั้นมันอยู่ที่ระยองเว่ยไอ้แจง”

“อ้าว งั้นขากลับเอาขนมมาฝากจ๋าหน่อยแล้วกัน นางอยากกินท๊อฟฟี่”

จากนั้นพิรัลก็อยู่คุยกับพี่สาวอีกสองสามประโยคก่อนจะเอ่ยปากขอตัวกับพ่อแม่เพื่อเดินทางไปต่างจังหวัด จ๊ะจ๋าตามมาส่งพวกเขาที่รถด้วย ดูเหมือนเธอจะชอบเข้าหานิพัทธ์จนสามีของจุ๊บแจงยังเอ่ยปาก นิพัทธ์ถึงแม้จะไม่ชอบเด็กแต่ก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไรขนาดนั้น เขาตกปากรับคำว่าซื้อท๊อฟฟี่มาฝาก จ๊ะจ๋าดูดีใจจนปิดไม่มิดแต่เมื่อมองเห็นฟันน้ำนมที่มีรอยดำหรือที่เรียกว่าฟันผุก็แอบลังเลว่าจะเปลี่ยนเป็นซื้ออย่างอื่นให้แทน ครอบครัวของพิรัลยังคงยืนส่งอยู่ที่ประตูรั้ว นิพัทธ์ที่มองจากกระจกมองข้างจึงอดยิ้มไม่ได้เพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวที่ดูอบอุ่นน่ารักเป็นกันเองดี

“ผมว่าจะซื้ออย่างอื่นให้น้องจ๋า ไม่อยากให้ฟันผุไปมากกว่านี้”

“ไม่ต้องซื้อหรอก” พิรัลว่ายิ้มๆ ไม่ได้จริงจังอะไรมาก

“ผมสัญญากับน้องไว้แล้ว ขากลับก็ขอติดรถพี่เจตน์มาแวะที่บ้านหน่อยแล้วกันนะครับ”

“ได้ครับ”

พิรัลรับปากก่อนจะเหลือบมองไปยังกระจกมองข้าง มองใบหน้าของนิพัทธ์ที่ยังคงยิ้มและพูดถึงครอบครัวของเขา

“ที่จริงผมไม่ได้พับดอกบัวมานานแล้วนะ เมื่อกี้ยังคิดอยู่เลยว่าจะยังพับได้อยู่หรือเปล่า แต่ลองแล้วก็โอเคยังพอมีฝีมืออยู่บ้าง อ้อ พ่อของน้องจ๋าชื่ออะไรนะครับ ผมไม่ทันได้ทักเขาเลย”

“ชื่อใหญ่ เพื่อนผมเองแหละ”

“อ้อ โลกกลมดีเนอะ” เขาว่าแล้วหัวเราะอารมณ์ดีเพราะคงจะเดาได้ไม่ยากว่าระหว่างพี่สาวของพิรัลกับคนที่ชื่อใหญ่โคจรเจอกันได้อย่างไร “แล้วที่แม่ของพี่เจตน์บอกว่าจะไปถวายเพลหลวงลุงนี่คือเป็นลุงจริงๆหรือว่าแค่เรียกกันเพราะนับถือ”

“ลุงจริงๆ ท่านบวชแล้วไม่อยากสึกออกมาน่ะ ผมก็ไม่ค่อยได้คุยด้วยหรอกนะผมไม่ชอบเข้าวัด”

นิพัทธ์เลิกคิ้วสูงทำหน้าประหลาดใจ “เข้าวัดแล้วร้อนเหรอครับ”

พวกเขาหัวเราะออกมาพร้อมกันเล็กน้อยบรรยากาศดูสบายๆท่ามกลางสายแดดในยามเช้าที่ยังคงไม่ร้อนจนเกินไป

“กานต์”

“ครับ”

“คบกับผมนะ”

“หา?”

“ผมชอบกานต์ คบกับผมนะ” พิรัลทวนซ้ำอีกครั้งก่อนจะเหลือบมามองอีกฝ่ายที่ดูอื้ออึงไป เขาไม่คิดจะเร่งเร้าอะไรต่ออีกจึงได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทาง

“ครับ”

ในช่วงที่กำลังรู้สึกหวิวๆอยู่ในอกนิพัทธ์ก็ส่งเสียงตอบรับ เด็กหนุ่มเอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ออกแรงบีบเบาๆ ทว่าหัวใจของเขากลับหนักแน่นเต็มไปด้วยความสุข



ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1


จะว่าเป็นแฟนกันก็คงจะใช่ แต่สำหรับพิรัลเขาเลือกที่จะใช้คำว่าเป็นเพื่อนกันมากกว่า เพื่อนมีหลายแบบแต่เพื่อนในความหมายของพิรัลนั้นยั่งยืนและยาวนาน อาจจะเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรเขาจึงมองภาพของความรักเป็นเรื่องของความมั่นคงทางอารมณ์ เป็นความซื่อสัตย์ ดูแลซึ่งกันและกันจนแก่เฒ่า

เขาไม่คาดหวังว่านิพัทธ์จะเป็นรักสุดท้าย ไม่คาดหวังว่านิพัทธ์จะอยู่กับตัวเองไปได้ตลอดรอดฝั่ง และไม่หวังว่าจะได้รับความรักกลับคืนเท่าที่ตัวเองมอบให้ พิรัลเพียงแค่มองสภาพความเป็นจริงหากวันหนึ่งวันใดเขาหรือนิพัทธ์เจอคนที่รักได้มากกว่านี้ก็คงจะไม่พยายามรั้งไว้ พยายามจะไม่รั้งแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รั้ง เขาประจักษ์ว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้ไม่มีเป็นของตัวเองแม้แต่ร่างกายหลังจากที่ตายแล้วก็ยังกลายเป็นสมบัติของครอบครัว เพราะฉะนั้นเขาจึงปลดปลงกับการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไม่ยึดติดกับใครทั้งสิ้น

ก่อนที่จะเอ่ยขอคบหากับนิพัทธ์เขาคิดดีแล้ว และจะไม่เสียใจหากความรักครั้งนี้จะสิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ที่ขอคบหาด้วยอย่างจริงจังไม่ใช่เพราะนิพัทธ์รักเด็กรักชาติรักศาสนาอะไรนั่นหรอก เขาแค่ชอบนิพัทธ์ที่มีทั้งข้อดีข้อเสีย

ตอนที่เอ่ยบอกว่าจะแวะไปเอาของที่บ้าน นิพัทธ์ตอบรับโดยไม่มีลังเล แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาขอคบกับนิพัทธ์ พอถึงบ้านพิรัลเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านิพัทธ์จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับครอบครัวอีก แต่แล้วก็ผ่านไปด้วยดีเพราะเขาชอบนิพัทธ์ที่รู้จักกาลเทศะและยินยอมรับส่วนหนึ่งของพิรัล ทว่าพิรัลก็ไม่ได้ต้องการให้นิพัทธ์มารักครอบครัวของเขาอย่างที่เขารัก สิ่งที่หวังขอแค่ให้นิพัทธ์ได้รู้จักว่าเขาเติบโตมาในครอบครัวแบบไหนและยังหวังต่อไปอีกว่านิพัทธ์จะคิดถึงจุดนี้บ้าง

จุ๊บแจงส่งข้อความมาถามเกี่ยวกับนิพัทธ์อีกนิดหน่อย ที่บ้านของพิรัลรับรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของบ้านมีรสนิยมแบบไหน เขาไม่เคยบอกแต่เหมือนจะเป็นอารมณ์แบบ ก็รู้ๆกันไปเอง อะไรทำนองนั้น ครั้งหนึ่งพ่อกับแม่ของเขาเปรยขึ้นมาว่าทำไมลูกชายถึงยังไม่พาแฟนมาที่บ้านบ้าง พิรัลนึกอยากบอกว่าเคยพามาอยู่คนสองคนแต่อาจจะไม่ใช่แฟนอย่างที่พ่อกับแม่คาดหวังจึงไม่ได้พูดอะไรออกไป จากนั้นก็ดูเหมือนว่าแม่กับพ่อจะสังเกตอะไรหลายๆอย่างในตัวของลูกชายได้จึงไม่ถามเรื่องแต่งงานหรือเรื่องแฟนอีก เคยเพียงแค่พูดลอยๆหลังจากดูรายการทางโทรทัศน์ที่พิธีกรเป็นเพศทางเลือกว่า จะเป็นอะไรก็เป็นแค่มีความสุขก็พอแล้ว

พิรัลตอบข้อความพี่สาวไปเท่าที่อยากจะตอบ ส่วนมากก็ถามตรงๆนั่นแหละว่าเป็นแฟนใช่มั้ย พอตอบรับไปก็ถามถึงรายละเอียดอีกว่าไปเจอกันได้ยังไง เห็นทีน่าจะเป็นเรื่องยาวพิรัลจึงตัดบทบอกว่าไว้จะไปเล่าให้ฟัง หลังจากอ่านข้อความจุ๊บแจงก็ไม่ได้ตอบอะไรมาอีก


พวกเขามาถึงหัวหินในช่วงเที่ยงกว่าจึงตรงเข้าที่พักก่อนเป็นอันดับแรก โชคดีที่นิพัทธ์จองห้องได้จากทางอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังเป็นคนจ่ายเงินเสร็จสรรพ เขาไม่ตื้อขอจ่ายเงินเพราะเคารพในการตัดสินใจเล็กๆน้อยๆนั่น แม้ในใจจะรู้สึกว่าห้องพักที่จองไว้จะดูอลังการไปสักหน่อยสำหรับการพักแค่คืนเดียว มันเป็นห้องพูลวิลล่าที่มีสระน้ำเล็กๆติดริมหาด มีอ่างน้ำขนาดลงไปแช่ได้สองคน นึกแล้วก็เสียดายที่จะได้นอนค้างแค่คืนเดียว

นิพัทธ์ดูคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้ดีพิรัลจึงปล่อยให้อีกฝ่ายจัดการเช็คอิน ส่วนตัวเองทำหน้าที่เป็นเบลบอยเดินตามคุณผู้ชายไปยังห้องพัก พิรัลวางกระเป๋าผ้าของตัวเองและนิพัทธ์ไว้ที่ตรงชั้นวางที่จัดไว้สำหรับวางกระเป๋าโดยเฉพาะ จากนั้นก็เดินไปเปิดบานประตูบานกระจกออก หันกลับมาอีกทีนิพัทธ์ก็นอนกลิ้งอยู่บนเตียงปล่อยตัวตามสบาย

“คุณผู้ชายต้องการอะไรเพิ่มเติมมั้ยครับ”

นิพัทธ์ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะเผยยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเข้าใจในสิ่งที่พิรัลพูด “คุณมานวดให้ผมหน่อย”

พิรัลเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงแล้วก้าวขึ้นคร่อม ใช้มือนวดบริเวณท้ายทอยไล่ลงมาที่แผ่นหลัง ช่วงเอว แล้วหยุดอยู่ที่บั้นท้าย “สบายมั้ยครับ”

“ก็ดี” เด็กหนุ่มตอบห้วนๆทำราวกับเป็นลูกค้าที่แสนเย่อหยิ่ง แต่แล้วก็หลุดหัวเราะแปรเปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มของนิพัทธ์เช่นเดิม “ผมล้อเล่นนะ”

“ดูเหมือนคุณผู้ชายจะไม่ค่อยพอใจ เดี๋ยวผมบริการพิเศษให้ครับ” พิรัลกล่าวแล้วค่อยๆล้วงมือเข้าไปในกางเกงขาสั้น ดึงรั้งมันลงมาจนเห็นบั้นท้ายทั้งหมด เขาจูบมันอย่างไม่นึกรังเกียจใช้นิ้วแหวกช่วงเนื้อส่วนนั้นออกเล็กน้อยแล้วโลมเลียด้วยลิ้น

“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกครับ” เด็กหนุ่มพยายามพลิกตัวออกห่าง ทว่าเมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาแกมดุก็เงียบลง นิพัทธ์ร้องครางในลำคอ ช่วงสะโพกถูกยกสูงขึ้นนิดหน่อยเพื่อให้ง่ายต่อกิจกรรมที่พิรัลกำลังทำ เขาไม่เคยถูกทำแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เรื่องบนเตียงดูจะทำให้ร่างกายหลอมละลายเหมือนเนยที่โดนความร้อน

ช่องทางรักของเขาหดเกร็งยามที่ลิ้นของพิรัลแหย่เข้าไปเล็กน้อย นิ้วมือกำขยำผ้านวมผืนใหญ่สีขาว นิพัทธ์สะท้านไปทั้งกายโดยเฉพาะบั้นท้ายที่ถูกหยอกล้อไม่ว่างเว้น เด็กหนุ่มเอื้อมมือข้างหนึ่งรุกเร้าที่ส่วนหน้าซึ่งกำลังค่อยๆแข็งตัวขึ้น ที่ด้านหลังถูกละเลงลิ้นจนเสียวสะท้านไปหมด เขาชักรูดท่อนเนื้อหวังเพื่อลดอาการปวดหนึบที่อธิบายไม่ถูก ยิ่งเมื่อนิ้วของอีกฝ่ายออกแรงแหวกช่องทางด้านหลังเพื่อลงลิ้นให้หนักขึ้นนิพัทธ์ก็ยิ่งขยับมือที่ท่อนเนื้อรัวเร็วขึ้นเช่นกัน

“พี่เจตน์ ผม…” สิ่งที่จะพูดชะงักงันไปเมื่อพิรัลแหย่ลิ้นเข้าไปลึกอีกนิด มือของเด็กหนุ่มขยับไม่หยุด “ผมจะถึงแล้วครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นพิรัลจึงเงยหน้าขึ้นมา เช็ดคราบน้ำลายบนริมฝีปากของตัวเองด้วยการดึงชายเสื้อขึ้นมาซับ จากนั้นก็พลิกตัวเด็กหนุ่มให้หันหน้ามาเผชิญกัน กางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแบบง่ายๆถูกดึงออกไปให้พ้นทางก่อนจะจับเรียวขาสองข้างอ้าออกกว้าง พิรัลแลบลิ้นเลียที่ช่องทางรักนั่นอีกครั้ง ไล่ลิ้นขึ้นมาผ่านลูกอัณฑะ เลียขึ้นไปตามความยาวของอวัยวะที่แข็งตัวแล้วครอบครองด้วยริมฝีปาก

นิพัทธ์ครางออกเสียงฟังชัดเจนยังผลให้พิรัลยิ่งตื่นตัว ชายหนุ่มบริการพิเศษให้ด้วยการใช้ปากอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนล่างของเขาก็เริ่มประท้วงปวดนิดหน่อยเนื่องจากมันยังคงอัดตัวแน่นอยู่ภายใต้กางเกง พิรัลผละตัวออกมาดึงกางเกงลงให้ส่วนนั้นได้ขยับขยายเต็มที่ ดวงตาจับจ้องไปยังเด็กตัวขาวที่นอนอ้าขาหอบหายใจแรงราวกับรอคอยอะไรบางอย่าง

“กานต์…” เขาเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่วโน้มตัวลงไปจูบที่แก้ม เจ้าของชื่อครวญครางอยู่ในลำคอเป็นการตอบรับ “กานต์ครับ กานต์ของพี่” สิ้นคำก็จูบที่แก้มระเรื่อสีนั่นอีกครั้ง เขาจับใบหน้าของพิรัลพิศมองที่ดวงตาสีเข้ม มันเต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาจูบที่ริมฝีปาก มันเต็มไปด้วยความลึกซึ้งจริงใจ หัวใจของนิพัทธ์เต้นระส่ำ มันเต้นแรงเพื่อบ่งบอกอะไรบางอย่าง แต่นิพัทธ์ยังหาคำตอบไม่ได้

นิพัทธ์กระซิบบอกว่าต้องการพิรัล เขาโอบกอดคนที่อายุมากกว่าแล้วปล่อยกายให้อีกฝ่ายได้ตักตวงความสุข ท่อนเนื้อที่แข็งขืนค่อยๆแทรกเข้ามา แต่เพราะไม่ได้ใช้เจลหล่อลื่นนิพัทธ์จึงรู้สึกฝืดเคืองจนเจ็บ กระนั้นเขากลับชอบที่ได้รู้สึกถึงตัวตนของพิรัลแบบนี้และไม่คิดที่จะบอกให้อีกฝ่ายผละออกไปหยิบเจลหล่อลื่นมาใช้ ส่วนนั้นเข้าไปได้ไม่หมดพิรัลรั้งรอให้ช่องทางอันคับแคบค่อยๆปรับตัว จนเมื่ออีกฝ่ายบอกให้สอดใส่ได้มากกว่านี้เขาจึงขยับเข้าหา รอบบริเวณช่องรักกลายเป็นสีชมพูเข้มขึ้นจากความตึงแน่น มันโอบกระชับตัวตนของพิรัลและหดรัดไปตามกลไก นิพัทธ์รู้สึกได้ว่าทั้งส่วนหน้าส่วนหลังของตัวเองกำลังตอบรับสมยอม

“ให้พี่ไปเอาเจลมาใช้ดีกว่ามั้ย”

นิพัทธ์ส่ายหน้าแสดงความต้องการ อีกทั้งยังบอกให้พิรัลใส่เข้ามาจนสุดและพร่ำบอกว่าตัวเองรู้สึกแบบไหน อวัยวะของพิรัลนั้นแทรกเข้าไปหมดแล้วแต่ยังไม่ขยับตัว เขาพรำจูบไปตามใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะเล่นลิ้นที่ยอดอกชูชัน

“พี่เจตน์ขยับได้มั้ยครับ ผมเสียวไปหมดแล้ว”

พิรัลยกยิ้มก่อนจะจูบที่ปากช่างพูดนั่น เขาขยับสะโพกเบาบางด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ “ไหนพูดใหม่ซิ แล้วแทนตัวเองว่าน้อง”

นิพัทธ์จูบที่ใบหูของพิรัลแล้วแนบใบหน้าเข้าหา “น้องเสียวไปหมดแล้วครับ”

“อืม น่ารักมาก” พิรัลขยับกายถี่ขึ้นทว่าเนิบนาบ เขานัวเนียจูบคนใต้ร่างอย่างทะนุถนอม เพียงครู่เดียวเท่านั้นช่องทางที่สอดใส่ก็คลายมากขึ้น แม้ว่าในช่องทวารจะไม่มีน้ำหล่อลื่นเหมือนของผู้หญิงแต่มันก็เริ่มชุ่มชื้น น้ำหล่อลื่นจากท่อนเนื้อของเขาคงจะผุดซึมออกมาตามกลไกร่างกาย มันอยู่ในนั้นและช่วยทำให้การขับเคลื่อนสะดวก “น้องเจ็บมั้ยครับ”

นิพัทธ์ส่ายหน้าทั้งที่ยังตาปรอยปรือตัวขยับไหวเล็กน้อยไปตามแรงที่ถูกดันเข้าหา “น้องไม่เจ็บครับ แต่น้องอยากให้พี่เจตน์ทำแรงกว่านี้” พูดไปก็จูบใบหน้าของคนพี่ไปด้วย นิพัทธ์ยกยิ้มมุมปากเขาดูเย้ายวนแต่พิรัลไม่แน่ใจนักว่าเจ้าตัวตั้งใจหรือทำไปโดยไม่รู้ตัว

ฝ่ายคนถูกหยอกเย้าด้วยคำพูดเผยยิ้มและทำตามคำขออย่างว่าง่าย เมื่อสมัยหนุ่มกว่านี้บทรักของเขาก็แทบไม่ต่างไปจากเดิม เขาชอบใช้เวลาอย่างเชื่องช้าและทำให้คู่นอนฉ่ำแฉะ แม้ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นโรคหัวใจบ้าบอนี่ก็ด้วยมันไม่เกี่ยวกัน เขาไม่เคยถามหมอว่าตัวเองยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่า พิรัลเพียงแค่ปล่อยใจล่องลอยไปกับสถานการณ์ตรงหน้าเสียมากกว่า ทำได้ก็ทำถ้ารู้สึกแปลกๆก็ไม่ทำ ไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองอยู่ในขอบเขตที่คนอื่นบอก ตัวของเรา เราย่อมรู้ดีที่สุด

หลังจากช่องทางด้านหลังเริ่มขยับได้ง่ายขึ้นพิรัลเองก็สุขสมอยู่ไม่น้อย ในตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาต้องการมากกว่าที่เป็นอยู่ พิรัลขยับสะโพกแรงจนนิพัทธ์เผลอจับแขนพิรัลเข้าไปเต็มแรง ท่อนล่างของเขายกสูงแนบอยู่บนหน้าขาของพิรัล เผยให้ช่องทางรักถูกโจนจ้วงด้วยท่อนเนื้ออวบใหญ่ที่แข็งตัวเต็มที่ นิพัทธ์ครางกระเส่าเมื่อจุดซ่อนเร้นถูกย้ำไปมาจนเสียวซ่านไปหมด พิรัลถอดเสื้ออย่างร้อนรนแล้วโน้มตัวลงมาประกบจูบ ไม่บ่อยนักที่เขากระสันต้องการอยากทำรุนแรงกับคู่นอน นิพัทธ์กำลังปลุกเร้าโหมดหื่นกระหายของพิรัลที่เกิดได้ในเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างต่ำ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วนิพัทธ์ก็คงจะสมปรารถนาไม่น้อย

“พี่เจตน์ น้องเสียว…” นิพัทธ์เองก็โหมกระพืออารมณ์วาบหวาม ช่องทางรักของเขากำลังถูกสอดแทรกหนักหน่วง เสียงเสียดสีดังขึ้นเป็นจังหวะจากแก่นกายที่บดเบียดกับทวารหลังและรูดรั้งเมือกลื่นๆที่อยู่ในนั้นออกมา “พี่เสียวมั้ยครับ”

พิรัลครางตอบรับในลำคอ แก่นกายของเขาแข็งมากจนปวดหนึบ ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าการทำรักในที่ที่แสงอาทิตย์ส่องถึงนี่ก็ดีไปอีกแบบ เขาสามารถมองเห็นสีหน้าท่าทางของคนในอ้อมกอดได้ชัดเจน เห็นแม้แต่เส้นเลือดเขียวๆที่อยู่ใต้ผิวหนังหรืออาจจะเป็นเพราะนิพัทธ์มีผิวขาวมากจึงเห็นมันอย่างชัดเจน ตามผิวกายบางส่วนขึ้นสีเข้มโดยเฉพาะพวงแก้ม ท่อนเนื้อของนิพัทธ์เองก็เป็นสีชมพูเข้มเช่นกันมันกำลังตั้งชันและสั่นไหวไปมาอยู่บนหน้าท้อง มีน้ำผุดซึมจนส่วนปลายดูชุ่ม พิรัลยังไม่ได้แตะต้องส่วนนั้นในขณะที่โถมกายเข้าใส่แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าส่วนนั้นที่ขยับไปมาก็ดูน่ารักดี

“นี่ขนาดไม่ได้ใช้เจลยังแฉะขนาดนี้เลยนะ”

นิพัทธ์หอบหายใจหนักเมื่อถูกกระทำรุนแรงซ้ำไปมา และมันก็เป็นอย่างที่พิรัลพูดนั่นแหละ เขาสะท้านไปทั้งร่างอารมณ์วาบหวามคุกรุ่นอย่างถึงที่สุด “ของพี่เจตน์ใหญ่น้องก็เลยมีอารมณ์ครับ”

“ปากหวานจังครับ” แววตาของพิรัลวิบวับเต็มไปด้วยอารมณ์ ช่วงเวลานี้เขาลืมเรื่องที่ตัวเองเป็นโรคหัวใจไปโดยสนิท และโจนจ้วงช่องทางรักอย่างรุนแรงจนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยหอบ เขารู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไรเวลาอยู่บนเตียงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหากจะชอบพูดทะลึ่งกับคู่นอนเพื่อกระตุ้นเร้า นิพัทธ์เองก็คงจะเข้าขากับเขาได้เป็นอย่างดีในเรื่องนั้น เพียงแต่ในห้วงลึกก็หวังว่าสิ่งที่นิพัทธ์พูดจะเป็นความจริงจากใจ

ชายหนุ่มเปลี่ยนท่วงท่าจับร่างนิพัทธ์พลิกให้นอนคว่ำก่อนจะตามเข้าไปจูบที่แผ่นลำคอด้านหลัง เขาแนบสะโพกเข้าหาทว่ายังไม่สอดใส่เข้าไปทำเพียงแค่ถูไถท่อนเนื้ออยู่ตรงร่องบั้นท้าย นิ้วมือลูบไล้ผ่านแก่นกายของนิพัทธ์ลากผ่านขึ้นไปยังยอดอกบดคลึงเบาๆเรียกเสียงครางแผ่ว

นิพัทธ์ขยุ้มผ้านวมที่อยู่ใต้ฝ้ามือ เขาร้อนวูบขึ้นมาตามจุดที่พิรัลลากมือผ่าน รวมไปถึงรู้สึกต้องการถูกเติมเต็มมากกว่านี้แต่พิรัลก็ยังไม่ลงมือเสียทีจึงรู้สึกขัดใจขึ้นมาบ้าง นิพัทธ์กอบกุมมือของอีกฝ่ายที่เล่นกับยอดอกลากลงไปยังแก่นกายที่แข็งชัน รู้สึกถึงรอยยิ้มของพิรัลยามที่แนบแก้มเข้าหา อารมณ์ของเด็กหนุ่มคุกรุ่นต้องการปลดปล่อยแต่เพียงแค่มือมันไม่อาจเพียงพอ

“ใส่เข้ามาเถอะครับ น้องไม่ไหวแล้ว”

“อืม” พิรัลตอบรับหากแต่ยังคงลูบผิวกายของเด็กหนุ่มเล่นไปมา

“พี่เจตน์…” นิพัทธ์พยายามเรียกกระตุ้นเร้าอีกฝ่ายแต่ก็ยังรู้สึกเหมือนถูกเพิกเฉย เขาหันหลังกลับไปเพื่อมองเจอก็แต่ใบหน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่มพึงสำนึกได้ตอนนั้นเองว่าโดนทรมานเล่น

“อยากให้พี่ใส่เข้าไปเหรอครับ” พิรัลกล่าวพลางประคองจับท่อนเนื้อของตัวเองจรดที่ปากทางรักและเคลื่อนเข้าไปเพียงแค่ส่วนปลายของอวัยวะ “แบบนี้เหรอ”

เด็กหนุ่มส่งเสียงอยู่ในลำคออยากจะบดเบียดเข้าหาแต่อีกฝ่ายกลับดันออก ส่วนนั้นของพิรัลจึงคั่งค้างอยู่แค่ที่ปากทางเช่นเดิม “เข้ามาอีกได้มั้ยครับ”

พิรัลแสดงความใจดีด้วยการแทรกเข้าไปลึกขึ้นแต่กลับไม่ขยับตัวอีก ท่าทีรุนแรงก่อนหน้านี้นิพัทธ์รู้สึกราวกับว่าเหมือนคิดไปเอง “น้องไม่ไหวแล้วครับ”

เขามองบั้นท้ายที่บดเบียดเข้าหาเพื่อรองรับส่วนนั้น ท่าทีดูกระสันต้องการของเด็กหนุ่มทำให้พิรัลไม่อาจทนได้อีกต่อไป “ถ้าใส่เข้าไปแล้วพี่ขอหลั่งข้างในได้มั้ยครับ”

นิพัทธ์พยักหน้ายินยอมก่อนจะพรูลมหายใจแรงเมื่อพิรัลดันกายเข้าไป พิรัลยิ้มกริ่มด้วยเพราะอารมณ์สุขสมที่เห็นเด็กหนุ่มต้องการตัวของเขาเช่นนี้ “น้องรัดพี่แน่นจังเลยครับ” เขาพูดแล้วจูบไปตามใบหน้าขณะที่แทรกกายเข้าไปจนสุดความยาว

“มันแน่นเพราะของพี่เจตน์ใหญ่ครับ” เสียงที่พูดฟังดูแผ่วเบาทว่าช่างยั่วเย้าอยู่ในที

พิรัลเองก็ทนไม่ไหวเขาจึงสอดใส่กระแทกกายเข้าไปเต็มแรง แล้วเริ่มขยับเข้าออกจนตัวของนิพัทธ์โยกไหว เขาขยับตัวเร็วรัวเสียงครางครวญจากเด็กตัวขาวดังกระเส่าไปตามอารมณ์ ที่จริงก่อนหน้านี้ก็แทบจะปลดปล่อยแล้วแต่พิรัลยังไม่อยากให้บทรักจบลงเขาจึงประวิงเวลาต่อไปอีก พอได้แทรกกายเข้าไปจนสุดอารมณ์ก็ย่อมพุ่งพล่านเป็นธรรมดา ช่องทางของนิพัทธ์บีบรัดแน่นทว่าชุ่มโชกทำให้ง่ายต่อการสอดใส่ ส่วนหน้าของพิรัลที่ฝังอยู่ในนั้นเริ่มประท้วงปวดหนึบ น้ำหล่อลื่นที่เป็นตัวขับเคลื่อนอสุจิหลั่งซึมอยู่ในนั้นยิ่งทำให้ด้านหลังของนิพัทธ์แฉะไปหมด อารมณ์ไต่สูงขึ้นเรื่อยๆและคงใช้เวลาอีกไม่นานนักในการไปถึงจุดสุดยอด แต่ระหว่างนั้นร่างที่อยู่ข้างใต้ก็เริ่มบิดเกร็งนิพัทธ์คงจะไปถึงฝากฝั่งก่อนเขาอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มพร่ำเรียกชื่อของเขาซ้ำไปซ้ำมาในขณะที่ใช้มือรูดรั้งส่วนหน้า ที่ด้านหลังหดเกร็งจนคับแน่น คิดว่านิพัทธ์กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์สูงสุดนั่นแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายดูผ่อนคลายลงพิรัลจึงเข้าจูบที่ขมับ ซุกจมูกลงที่แก้มเรื่อสี เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากกว่าปกติเพื่อระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน ถึงแม้ว่าจะได้เอ่ยปากขอสุขสมอยู่ในตัวของอีกฝ่ายก็ตามแต่พอเห็นว่าร่างของนิพัทธ์ดูปวกเปียกอ่อนแรงก็ไม่อยากฝืนสอดใส่ต่อไป เขาถอดถอนกายออกและคิดว่าจะโลกนี้คงจะต้องสวยด้วยมือเราอย่างแน่นอน นิพัทธ์นิ่วหน้าลงเมื่ออยู่ๆท่อนเนื้อที่แข็งขืนได้ถอนออกไป ช่องทางรักของเขากว้างขึ้นเนื่องด้วยก่อนหน้านี้ได้ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ขยายไว้ ผิวเนื้อบริเวณนั้นกลายเป็นสีชมพูเข้มเพราะถูกเสียดแทรกอยู่พักใหญ่ พิรัลอยากแทรกกายอยู่ในนั้นแต่ต้องห้ามใจไว้

“พี่เจตน์ไม่ทำให้เสร็จเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงพลางขยับพลิกกายหันเข้าเผชิญหน้ากัน เขามองชายหนุ่มที่ส่วนนั้นยังคงแข็งขืน

“พี่เห็นกานต์เสร็จแล้วน่ะ ก็เลย… ไม่เป็นไร”

นิพัทธ์ยกยิ้มมุมปากเขาเข้าใจพิรัล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิ่มเอมทางใจเมื่อถูกทะนุถนอมอย่างที่ไม่ค่อยได้รับ พิรัลเป็นคนละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด พอเห็นว่าเขาสุขสมอารมณ์หมายก็คงไม่อยากฝืนร่างกายเพราะเมื่อถึงจุดสุดยอดแล้วจะเข้าสู่ช่วงอาการดื้อนั่นก็คือจะไม่มีอารมณ์ทางเพศในช่วงนั้นไปพักใหญ่ มันเป็นเรื่องสามัญของร่างกายแต่เมื่อถูกใส่ใจในจุดเล็กน้อยนี้จึงอดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง นิพัทธ์ผุดลุกขึ้นไปนั่งคร่อมอีกฝ่าย จับท่อนเนื้อที่ยังคงไม่ได้รับการปลดปล่อยจดจ่ออยู่ที่ช่องทางด้านหลัง จะปล่อยให้พิรัลโลกสวยด้วยมือตัวเองแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่นิพัทธ์จะยอมรับได้

“กานต์ พี่…” พิรัลเงียบปากลงเมื่อส่วนนั้นของเขาได้ถูกความอ่อนนุ่มโอบรัด มันยังคงคับแน่นจนพิรัลต้องผ่อนลมหายใจด้วยความเสียวซ่าน

นิพัทธ์รั้งพิรัลเข้าไปจูบแล้วรั้งกายลงนอน สองขาแยกอ้ากว้างเพื่อรองรับตัวตนอีกฝ่ายให้สอดเข้ามาลึกจนสุด สะโพกพิรัลเริ่มขยับไหวแต่ยังไม่เต็มแรงนัก เขาพูดอะไรไม่ออกเพราะมัวแต่มองคนใต้ร่างที่นอนระทวยให้กระทำกับร่างกาย “ข้างในยังเสียวอยู่เลยครับพี่เจตน์”

เด็กหนุ่มครวญครางแสดงความรู้สึกออกมาตามตรง ที่ช่องทางด้านหลังยังคงมีความรู้สึกซาบซ่าน ยิ่งยามที่ส่วนปลายของท่อนเนื้อพิรัลแทรกเสียดจุดที่อยู่ใต้ต่อมลูกหมากก็ยิ่งสะท้าน เขากระซิบบอกให้อีกฝ่ายขยับตัวตามใจปรารถนาและให้หลั่งน้ำใคร่อยู่ภายใน นิพัทธ์คิดว่าคำพูดนั้นคงจะได้ผลเพราะพิรัลเริ่มขยับไหวแรงขึ้น ท่อนเนื้อเสียดสีอยู่ในช่องรักจนเกิดเสียงแห่งความชุ่มโชก อารมณ์ของนิพัทธ์ทะยานสูงขึ้น ส่วนหน้าขยายขึ้นเล็กน้อยเห็นรูปร่างชัดเจนแต่ไม่แข็งชันเสียทีเดียว มันขยับส่ายไปตามแรงที่ถูกโถมเข้ามา

พิรัลนึกเอ็นดูส่วนนั้นอยากใช้ปากไล้เลียให้แต่ตอนนี้เขาปวดหนึบอยากปลดปล่อยมากกว่า สมาธิที่มีจึงจดจ่ออยู่ที่ส่วนนั้น เขาแนบใบหน้าเข้าหาอีกฝ่ายขณะที่ท่อนล่างขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง เสียงลมหายใจทั้งสองสลับประสานกันในช่วงเวลานั้น พิรัลหอบหายใจแรงขึ้นอารมณ์วาบหวามกำลังใกล้เข้ามาขึ้นทุกที จนเมื่อถึงปลายทางเขาดันสะโพกเข้าหาแนบชิด ท่อนเนื้อกระตุกหลั่งรินน้ำขาวขุ่นตามกลไกของร่างกาย นิพัทธ์จูบเข้ามาที่ข้างแก้มแล้วโอบใบหน้าของเขา แนบหน้าผากลงมาอยู่ใกล้ชิดกันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

“น้องทำให้พี่เจตน์มีความสุขมั้ยครับ”

พิรัลผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองอีกฝ่าย แววตาที่ได้เห็นดูอ่อนไหวอยู่ในทีแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมนิพัทธ์ถึงถามเช่นนั้น “พี่มีความสุขมากครับ” เขาเลือกที่จะตอบความจริงออกไปเฉพาะในส่วนที่คิดว่าจะทำให้อีกฝ่ายสบายใจ และยังไม่คิดจะเอ่ยถามให้ลึกซึ้งตามที่คิด

นิพัทธ์โอบเข้ากอดชายหนุ่มไว้ฝังใบหน้าลงที่ลาดไหล่ “ไปแช่น้ำกันเถอะครับ” เขาว่าอย่างนั้นก่อนจะเย้าแหย่อีกฝ่ายให้อุ้มไปยังส่วนที่เป็นอ่างอาบน้ำ พิรัลขยับออกห่างแล้วทำทีเป็นปฏิเสธในการอุ้ม เขาเดินไปเปิดน้ำทิ้งไว้ กลับมาที่เตียงนัวเนียกับนิพัทธ์ก่อนจะใช้กระดาษทิชชูทำความสะอาดบั้นท้ายให้ สุดท้ายก็ช้อนร่างอีกฝ่ายพาไปที่อ่างอาบน้ำตามคำเรียกร้อง พวกเขาเพียงแค่แช่น้ำ พูดถึงบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นไปบนโลกใบนี้ ก่อนจะเอนซบกันและกัน ประคองกอดแนบแน่นอยู่ในความเงียบ หัวใจของพวกเขาอบอุ่นอาบไล้ไปด้วยไอละมุนแห่งความรู้สึกดีที่มีต่อกัน


ในวันนั้นพิรัลมีความสุขเหลือเกิน สุขมากเสียจนลืมไปว่าไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้จีรังยั่งยืน


************************************


ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ
 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 10:36:27 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สองคนเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวกันแล้ว โอ่ย เขิน
ชอบเวลาที่ทั้งสองคนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้กันมากเลย
แค่อยู่ด้วยกันเราก็เขินแล้ว

แต่บรรทัดสุดท้ายนี่มันอะไรกัน แงงงง
อยากให้พี่เจตน์บอกน้อง แล้วก็ตั้งใจรักษาตัว

 :pig4:

ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ตอนที่หก



เขาอดมองใบหน้าด้านข้างของนิพัทธ์ไม่ได้เลย โดยเฉพาะช่วงหางตาที่กำลังเป็นรอยย่นเมื่อนิพัทธ์ยิ้ม เขานึกอยากจูบที่จุดนั้น อยากลูบมันแผ่วเบาขณะที่มองนิพัทธ์ยิ้มให้ตัวเขาเอง นิพัทธ์หันมาเขาจึงทำหน้าสงสัย เพียงพักหนึ่งก็เห็นริมฝีปากนั่นขยับไปมาก่อนที่หูซึ่งอื้ออึงในเวลานั้นจะจับคำบางคำได้ เขาพยักหน้าไปเสียอย่างนั้นโดยยังไม่ได้แม้แต่จะเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด แต่ดูเหมือนนิพัทธ์คงจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

“พยักหน้าอะไรครับ ผมถามว่าน้องจ๋าชอบกินท๊อฟฟี่แบบไหน”

เขามองไปยังแผงขายสิ้นค้าของฝาก ในตอนนี้ได้ยินสิ่งที่นิพัทธ์ถามแล้ว “กะทิ”

จากนั้นนิพัทธ์จึงหันไปบอกแม่ค้าว่าต้องการของฝากแบบไหนบ้าง เขามองนิพัทธ์อีกแล้ว มันเหมือนหลุดเข้าไปในภวังค์อะไรสักอย่างที่มีแสงสีเหลืองทอประกายเป็นจุดเล็กท่ามกลางความมืดสลัว เขาคงจะเห็นนิพัทธ์เป็นดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้า แสงแรกของวันที่ปลอบประโลมให้ความอบอุ่นยามเมื่อสายลมหนาวพัดผ่าน

นิพัทธ์เดินนำออกไปแล้วเขาจึงก้าวเดินตามและคอยมองอีกฝ่ายจับจ่ายซื้อของอยู่ไม่ห่างกาย หัวใจของเขาสงบสุขมันอิ่มเอมเมื่อเห็นนิพัทธ์คอยหันกลับมามอง ใบหน้าขาวสะอาดที่เคยโทรมเหงื่อเมื่อคืนวานยังตราตรึงอยู่ในห้วงภวังค์แห่งนั้น นิพัทธ์ที่ร่ำร้องเรียกชื่อของเขา เสียงแหบพร่าดวงตาจ้องมองมาที่เขาและบอกให้เขาหลั่งรินเข้าไปอย่างร้อนแรง เขาชอบนิพัทธ์มากเหลือเกิน แรงดึงดูดที่หาเหตุผลไม่ได้บนโลกใบนี้กำลังเล่นงานตัวเขาอยู่ไม่ห่างไปไหน

เขาเดินตามหลังและหยุดอยู่ที่ร้านค้าถัดไป กลิ่นปลาเค็มปลาตากแห้งต่างๆฉุนจมูกไปหมด นิพัทธ์เลือกปลาชนิดหนึ่งแล้วหันมามองเข้าอีกครั้ง ใบหน้าฉาบฉายไปด้วยความสงสัย กังวล ลังเล เขาได้ยินนิพัทธ์บอกปฏิเสธแม่ค้าไปก่อนจะออกตัวเดิน

“แม่พี่เจตน์กินปลาริวกิวได้มั้ยครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

นิพัทธ์หัวร่อออกมา น่ารักจนเขาใจเต้นสั่น หางตานั่นขีดเป็นรอยอีกครั้งเขาจึงนึกอยากจูบมันอีก

“ตอนแรกผมจะซื้อปลาเค็มไปฝากแม่พี่เจตน์ แต่กลัวไม่ดีต่อสุขภาพเลยคิดว่าเป็นปลาริวกิวน่าจะดีกว่า”

“กินได้หมดแหละ แม่ผมแข็งแรงมาก”

เขาตอบออกไปตามความจริง เป็นความจริงที่ชวนให้เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ครอบครัวของเขาไม่มีใครเป็นโรคอะไรเลย เมื่อครั้งหมอสอบถามอาการและไล่ย้อนถามประวัติครอบครัว ทั้งปู่ย่าตายายต่างล้วนจากไปด้วยโรคชราแต่ไม่มีใครจากไปเพราะโรคหัวใจ โรคบ้าบออะไรก็ตามบนโลกใบนี้ เขาเคยนึกสงสัยช่วงหนึ่งว่าเคยได้สร้างบาปกรรมใดๆกับใครไว้จนต้องมาเป็นโรคหัวใจ แต่แล้วก็มาคิดได้ว่าแท้จริงคงจะเป็นเพราะพฤติกรรมห่าเหวเหล่านั้นที่ตนได้ปฏิบัติไว้เอง

“งั้นผมเอาปลาริวกิวไปฝากแม่พี่เจตน์นะ กินกับแกงส้มอร่อยดี”

นิพัทธ์ว่าอย่างนั้น เขาได้แต่เดินตามเพราะไม่รู้จะขัดใจเถียงสิ่งอื่นใด นิพัทธ์จัดการซื้อของฝากทั้งหมดอย่างที่ต้องการพวกเขาจึงเคลื่อนตัวออกจากร้านค้าแห่งนั้น แล้วมุ่งหน้ากลับกรุงเทพกันทันที

พวกเขาถึงกรุงเทพในยามโพล้เพล้ รถเบนซ์คลาสสิคเก่าเก็บของเขาเทียบจอดที่หน้าบ้านอย่างเคยชิน เขาเปิดประตูบ้านก่อนจะคว้าของทุกอย่างในมือนิพัทธ์มาถือไว้เอง ไม่ได้กลัวว่านิพัทธ์จะถือของหนักและไม่มีเหตุผลใดเป็นพิเศษนอกจากต้องการเอาอกเอาใจ นิพัทธ์ยกมือไหว้พ่อกับแม่ของเขาที่แต่งตัวดีเกินกว่าจะอยู่บ้าน พิรัลอดสงสัยไม่ได้และเอ่ยปากถาม

“จะไปไหนกัน แล้วแจงล่ะ”

“แม่กับพ่อจะไปกินข้าวกัน นัดยัยติ๋มไว้ ส่วนแจงกลับบ้านไปแล้ว” แม่ตอบขณะที่ตายังจ้องส่งข้อความโต้ตอบกับใครสักคนในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็กำชับบอกให้เขาปิดประตูบ้านให้และออกไปกับพ่อตามที่ได้บอกไว้

เหลือพวกเขาสองคนในบ้านหลังนั้น แจงกลับบ้านตัวเอง แม่กับพ่อไปกินข้าวกับเพื่อน เมื่อรถของพ่อขับออกไปพิรัลจึงเดินเข้ามาโอบไหล่และจูบที่แก้มของนิพัทธ์อย่างรักใคร่ “ค้างที่นี่มั้ย”

“ไม่ดีกว่าครับ เกรงใจ”

“งั้นผมไปค้างที่ห้องกานต์นะ”

“ไม่ให้ค้างครับ” นิพัทธ์ตอบยิ้มๆ ส่วนมือก็หยิบขนมกล่องหนึ่งขึ้นมาเปิดกิน ส่งชิ้นหนึ่งเข้าปากพิรัล

“ขอไปค้างด้วยสิ บ้านผมไกล ผมเหนื่อย พรุ่งนี้ไม่อยากตื่นเช้ามาก”

“ไม่ได้ครับ”

“โอเค งั้นทำตรงนี้ก็ได้” สิ้นคำก็จูบเข้าที่ริมฝีปากของนิพัทธ์ทันท่วงที

“ไหนบอกว่าเหนื่อยไง” นิพัทธ์ละล่ำละลักพูดพลางเบี่ยงหน้าหนีแต่เมื่อพิรัลไม่มีท่าทีจะหยุดเขาจึงยกมือขึ้นดันหน้าอีกฝ่ายออกห่าง “ผมยอมแล้ว”

“ยอมอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” เขายิ้มมุมปาก ขยับตัวเข้าบดเบียดกักขังเด็กหนุ่มไว้

“ไปค้างที่ห้องผมก็ได้ครับ”

พิรัลหัวเราะ สนุกสนานที่ได้แหย่เย้าอีกฝ่าย “ผมล้อเล่น ผมไม่ทำอะไรกานต์หรอก เดี๋ยวผมไปส่งที่ห้องนะ” พูดเสร็จก็ผละตัวออกทว่ากลับโดนรั้งไว้

“เอาเสื้อผ้าที่จะใส่ทำงานไปด้วยนะครับ”

เขายิ้มออกมา จูบเด็กหนุ่มที่ริมฝีปากอีกครั้ง หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข


พิรัลจำได้ว่ากอดนิพัทธ์ก่อนจะผล็อยหลับ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่ตัวเองไม่ได้นอนท่าเดิมแต่ที่แปลกใจคือนิพัทธ์ไม่ได้นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เขาลองเอ่ยเรียกหานิพัทธ์ในกลางดึกคืนนั้นรู้สึกสังหรณ์ใจกับบางเรื่องอย่างน่าประหลาด ไม่มีเสียงตอบรับห้องทั้งห้องว่างเปล่าเงียบงัน เขาตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงออกไปยังส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ไฟในส่วนห้องครัวเปิดอยู่หนึ่งดวง เขาเอ่ยเรียกเจ้าของห้องแต่ไม่มีเสียงตอบรับอีกเช่นเคย

“กานต์ครับ”

เขารู้สึกถึงความผิดปกติ นอกจากนิพัทธ์จะไม่ตอบรับแต่ยังนั่งนิ่งไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย บนโต๊ะตัวนั้นมีแก้วน้ำวางอยู่มือของนิพัทธ์จับแก้วประจำตัวใบนั้นไว้ ดวงตาของเด็กหนุ่มจ้องมองแทบจะไม่กะพริบตาจนเมื่อพิรัลเดินเข้าไปยืนอยู่ด้านข้างก็ยังไม่รู้ตัว

“กานต์” เขาเรียกอีกครั้งดวงตาที่เคยจ้องมองแก้วน้ำถึงได้กะพริบเหมือนเพิ่งได้สติ “นอนไม่หลับเพราะผมหรือเปล่า” แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าสิ่งที่ถามออกไปจะไม่ใช่ปัญหาหลักแต่มันก็อาจจะเป็นจุดเล็กๆที่ทำให้ใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้เช่นกัน พิรัลไม่รู้ว่าตัวเองกรนดังจนรบกวนคนร่วมเตียงมากน้อยแค่ไหน “ผมกรนดังจนนอนไม่หลับเหรอ”

คนถูกถามส่ายหน้าปฏิเสธ ดวงตาที่พิรัลเคยเปรียบเทียบว่าเหมือนแสงสุกสกาวของดวงดาวในเวลานี้ดูว่างเปล่าจนน่าสงสัย นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องนอนกรน อาจจะเป็นเรื่องอื่นแต่พิรัลนึกไม่ออก

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

ใบหน้านั้นส่ายปฏิเสธ ไม่มีเสียงอื่นเล็ดลอดเพื่ออธิบายสิ่งใด มันเป็นครั้งแรกที่เห็นนิพัทธ์หม่นแสงลงและเขาก็ไม่รู้เลยว่าควรจะช่วยเหลืออย่างไร

“เข้านอนเถอะ” เขาว่าอย่างนั้นแล้วยืนรอนิพัทธ์ ฝ่ายนั้นขยับตัวก่อนจะเดินนำหน้าไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

พิรัลเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่มีคำตอบให้กับสิ่งนั้นเลยสักนิด



นิพัทธ์ดูเป็นปกติดีตอนที่ตื่นขึ้นมาแต่พิรัลรู้สึกได้ว่ามันไม่เป็นเช่นเดิม พวกเขามาทำงานพร้อมกันแต่เมื่อถึงออฟฟิศต่างคนต่างตั้งสมาธิทำงานของตัวเอง อีกทั้งยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากไปกว่าเรื่องงาน ทุกอย่างราบรื่นเรียบง่ายเหมือนชีวิตของพนักงานทั่วไป มีบ้างที่พิรัลแอบมองเด็กหนุ่มตัวขาวในเชิงรักใคร่ เขาไม่อาจปิดกั้นความรู้สึกที่ออกมาจากใจได้ อย่างน้อยก็ขอแค่ได้มองด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ในช่วงสายของวันทุกคนได้รับอีเมลเพื่อเข้าประชุม พิรัลละล้าละหลังจนนิพัทธ์สังเกตเห็นได้และคิดว่าตัวเองน่าจะเข้าใจอะไรไม่ผิด เขาเลื่อนเก้าอี้เข้าไปหาพิรัล มองซ้ายมองขวาเมื่อพบว่าไม่มีใครแล้วจริงๆจึงได้ขยับเข้าไปใกล้อีกจนมองเห็นใบหน้าด้านข้างใกล้ๆ พิรัลเป็นคนบุคลิกดี ไม่ได้หล่อจัดจ้านแต่ดูคมคายเห็นเครื่องหน้าชัดเจน ทรงจมูกค่อนข้างใหญ่เป็นสันเด่นชัด ดวงตาสีเข้มเหมือนคนเอเชียทั่วไป ทรงตาเรียวยาวเฉียงขึ้นนิดหน่อยมองแล้วเหมือนตาสิงโตยังไงบอกไม่ถูก นิพัทธ์ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรในตัวของคนนี้ที่ดึงดูดใจไว้ แต่เขาชอบพิรัลมากและอยากอยู่ใกล้ๆไม่มีเหตุผลสวยหรูอะไรประกอบในความรู้สึกนั้นเลย

“รอน้องเหรอครับ” นิพัทธ์เอ่ยขึ้นเสียงเบาหากแต่เรียกความสนใจไปจากพิรัลไปทั้งหมด

“เมื่อคืนเป็นอะไรครับ” พิรัลพูดเสียงเบาเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะหวาดระแวงคนรอบข้างในเมื่อตอนนี้ยังอยู่ในที่ทำงาน ถึงแม้ว่าจะได้ยินประโยคที่ฟังดูออดอ้อนจากนิพัทธ์ด้วยการแทนตัวว่า ‘น้อง’ อย่างที่ชอบแต่พิรัลยังไม่สามารถวางใจให้คลายสงสัยอะไรได้เลย

“ไม่มีอะไรครับ ผมนอนไม่หลับเฉยๆ”

แม้ว่าอีกฝ่ายจะยิ้มให้แต่พิรัลรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่เขาถูกปิดกั้นไม่ให้รับรู้แต่เขาก็จะไม่เซ้าซี้ในเวลานี้ เขาแอบจับปลายนิ้วก้อยของนิพัทธ์ที่ปล่อยวางอยู่ตรงหัวเข่าใต้โต๊ะทำงาน ลูบไล้เบาๆด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งให้กำลังใจตัวเองและอยากให้กำลังใจนิพัทธ์เช่นกัน

บรรยากาศในห้องประชุมเครียดอยู่พอควรจนพิรัลรู้สึกอยากออกไปข้างนอก เขาแน่นหน้าอกแต่พยายามประคับประคองตัวเองให้อยู่จนจบการประชุม หัวหน้าของเขาเข้ามาพูดเรื่องโปรเจคใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นในเร็ววันนี้ก่อนจะออกไปอย่างรวดเร็วเพราะมีประชุมกับเมืองนอกต่อ พิรัลจึงเป็นคนแจกจ่ายงานในส่วนของปฏิบัติการให้น้องในทีมฟัง เขาจัดตารางการเข้างานของเอนจิเนียร์แต่ละคนว่าจะต้องออกไปออนไซต์ที่ไหนบ้าง รวมถึงการพานิพัทธ์ออกไปออนไซต์ด้วยตัวเองก็เช่นกัน

หากจะบอกว่าเขาใช้อำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้คงจะไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะหวานได้มอบหมายให้เขาสอนงานน้องใหม่ตามประกบเป็นเงาจนกว่าจะมั่นใจในการทำงานจึงค่อยปล่อยให้ฉายเดี่ยว ในตารางงานนั้นพิรัลจะต้องพานิพัทธ์ไปออนไซต์ที่ร้านอาหารฟาสฟู้ดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ต่างจังหวัด เขาแอบใช้อำนาจการตัดสินใจของตัวเองนิดหน่อยเพื่อให้ตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามคงจะเดากันได้ไม่ยาก

เหล่าจูเนียร์ในทีมได้ออกไปแล้วเหลือเพียงตั้มกับพิรัลที่ยังอยู่คุยงานต่อ พวกเขาคุยกันด้วยเรื่องลูกค้าที่ยังไม่ยอมเซ็นต์รับใบเสนอราคาซ่อมอุปกรณ์ทั้งๆที่ช่างได้เข้าไปดำเนินงานแล้ว พิรัลที่รู้สึกแน่นหน้าอกอยู่นั้นอาการยิ่งแย่ลงกว่าเดิมจนฟังที่ตั้มพูดไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้ในที่ทำงาน

“ไหวมั้ยเจตน์” ตั้มเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นอาการแปลกๆของพิรัล “พี่ฝากหา Solution ด้วยนะ อาทิตย์หน้านัดลูกค้าประชุมเรื่องนี้ไว้แล้ว”

“ได้ครับ”

“โทษทีนะเจตน์ พี่ทำเรื่องลาพักร้อนวันนั้นไปแล้ว ไม่อยากผิดสัญญากับลูกน่ะ”

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมเข้าแทนเอง”

ตั้มพยักหน้ารับพลางเริ่มปิดหน้าจอฉายสไลด์ในห้องประชุม “แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง”

พิรัลส่ายหัวอย่างเหนื่อยล้า “ตอนนี้แน่นหน้าอกอยู่เลยพี่”

“เป็นบ่อยขึ้นรึเปล่า”

“ไม่รู้เหมือนกัน”

ตั้มเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงประหลาดใจ “ไปหาหมอเถอะ เดี๋ยวพี่บอกหวานให้”

“ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวก็หาย”

“พูดเหมือนคนแก่เลยว่ะ เดี๋ยวก็หาย ไม่ยอมไปหาหมอ ไม่ยอมกินยา”

พิรัลยิ้มแหยๆเมื่อโดนพูดความจริงใส่

“ดูแลตัวเองเยอะๆเจตน์ เรารักงานแต่บริษัทไม่ได้รักเรา เงินที่ได้มาแม่งไม่คุ้มกับสุขภาพที่เสียไป”

“ขอบคุณมากครับพี่ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมไปหาหมอ”

“เออ อย่าฝืนนะพี่พูดจริงๆ มันไม่คุ้มกันว่ะ ป่ะ ไปกินข้าวกลางวันกันเถอะ”

“เดี๋ยวผมขอนั่งพักก่อนแล้วกัน มันยังไม่หายเลย”

ตั้มที่เก็บของแล้วยืนมองรุ่นน้องแล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาตั้งใจที่จะอยู่เป็นเพื่อนเผื่อพิรัลอาการกำเริบจะได้ช่วยเหลือได้ทัน แต่ตัวเขาเองก็ต้องรีบออกไปกินข้าวเพราะมีประชุมกับลูกค้าต่ออีก ทางออกคงไม่ยากอะไร อย่างน้อยแค่มีคนมานั่งอยู่เป็นเพื่อนพิรัลก็พอจะทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง

“พี่ไปตามน้องในทีมมานั่งเป็นเพื่อนเจตน์ดีกว่า”

“เฮ้ย พี่ ไม่เป็นไร ผมไม่อยากให้ใครรู้”

เขาทำหน้าสงสัยก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดลงเมื่อนึกอะไรได้ “เรื่องที่เจตน์ไม่สบายนี่ไม่ได้บอกน้องในทีมเหรอ”

“ผมบอกแค่พี่กับพี่หวาน”

“อืม งั้นผมไปก่อนนะ ลูกค้านัดไว้ตอนบ่ายครึ่งเดี๋ยวกลับมาไม่ทันประชุม แต่ถ้ามีอะไรโทรหาผมหรือหวานได้เลยนะ” เขาตบบ่ารุ่นน้องอีกครั้งเพื่อเป็นกำลังใจให้ แม้ว่าจะใช้เวลาด้วยกันมาเพียงแค่สี่เกือบห้าปีแต่พิรัลเป็นคนขยันและสามารถฝากฝังเรื่องงานได้ อีกทั้งยังเป็นน้องที่ดี ตั้มเองก็อดห่วงไม่ได้อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนร่วมงาน แต่เหนือสิ่งอื่นใดตั้มไม่อาจบงการความคิดของพิรัลได้ การตัดสินใจเรื่องส่วนตัวคือสิ่งที่เขาต้องเคารพไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม

พิรัลกล่าวขอบคุณกับรุ่นพี่ก่อนจะถอนหายใจยาวอยู่ในห้องประชุม นาฬิกาบ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันแล้ว ท้องของเขาร้องหิวแต่อาการแน่นหน้าอกก็ยังไม่หายไปเสียที พิรัลนั่งพักนิ่งๆปล่อยสมองว่างโล่งอยู่ครู่หนึ่งอาการจึงคลายลงบ้าง เขาไม่ได้กินยาตามที่หมอให้เลย ไปตรวจตามนัดก็จริงแต่ก็ไปเพื่อให้แม่กับพ่อสบายใจ โดยส่วนตัวเขายังคิดว่าตัวเองพอไหวอาการไม่ได้หนักหนาจนต้องกินยาตลอด เรื่องนี้พิรัลไม่เคยบอกใครเพราะเขารู้ว่าทุกคนจะต้องตำหนิติเตียนแล้วบอกว่าเขาไม่รักชีวิต พิรัลเบื่อหน่าย แค่เห็นซองยาที่หมอให้มาก็อยากจะเททิ้งไปให้หมด

เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้ เขารักชีวิตแต่เบื่อหน่ายเหลือเกินกับการต้องกินยาและอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เขาอายุสามสิบหกแล้วอีกไม่นานก็ตาย ทุกคนล้วนต้องตายแล้วทำไมเขาต้องมานั่งกินยาเพื่อรักษาชีวิตตัวเองที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องตาย เขาอยากอยู่ต่อไปแบบนี้ ตายเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เขาคิดแบบนั้นมาโดยตลอด ผิดด้วยหรือกับการเลือกทางเดินให้ตัวเอง เขามีอิสระที่จะกินหรือไม่กินยา เขามีอิสระที่จะใช้ชีวิตแบบไหนก็ได้ แต่โลกใบนี้ไม่ยุติธรรมเพราะไอ้อาการบ้าบอเหล่านี้ไม่เคยให้ทางเลือกกับเขาเลยแม้แต่น้อย มันก่อเกิดขึ้นมาจากปัจจัยห่าเหวทั้งหลายทั้งแหล่โดยยึดอิสระในการเลือกของพิรัลไปทั้งหมด ไม่ยุติธรรมเลย

ที่คอกยังคงมีคนนั่งทำงานอยู่ เป็นนิพัทธ์ที่กำลังนั่งมองโทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพฉายซ้ำกับเหตุการณ์เมื่อคืนและมันก็เป็นอย่างนั้นเมื่อนิพัทธ์ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ สิ่งที่พิรัลเป็นกังวลยังไม่จางหายมันยิ่งกลับสร้างความเป็นกังวลให้มากขึ้นอีก

“กานต์”

เขาเอ่ยเรียกเป็นรอบที่สามเห็นจะได้เจ้าของชื่อจึงหันกลับมามองตามเสียง พิรัลวางแลปทอปลงแล้วตัดสินใจดึงรั้งให้นิพัทธ์ลุกขึ้นเดินออกไปจากคอกที่ทำงาน เขาทนรอให้นิพัทธ์เอ่ยปากพูดไม่ได้แล้ว

ที่ลานจอดรถคือสถานที่อันสงบสุขในช่วงพักกลางวัน บางทีถ้าไม่ได้ออกไปกินข้าวกลางวันกับน้องในทีมพิรัลก็เลือกที่จะหลบมุมนั่งกินข้าวกล่องแบบง่ายๆอยู่ที่ลานจอดรถชั้นบนสุด นอกจากจะไม่ค่อยมีคนขับขึ้นมาจอดแล้วพวกยามก็ไม่ค่อยขึ้นมานั่งเฝ้าด้วย อีกทั้งช่วงเวลากลางวันแบบนี้ไม่มีใครขึ้นมาที่นี่เลยสักคน พิรัลจุดบุหรี่สูบแต่เพราะลมแรงมากจึงจุดไฟไม่ได้ เห็นเช่นนั้นนิพัทธ์จึงช่วยใช้มือป้องลมให้ ไฟสีส้มสว่างวาบอยู่ที่ปลายมวนบุหรี่สีขาว มันมอดไหม้ลงเมื่อพิรัลสูบเข้าไป ดวงตาสีเข้มจดจ้องมองอยู่ที่นิพัทธ์ราวกับจะเค้นหาคำตอบจากสีหน้าที่ดูอมทุกข์ แต่พิรัลไม่รู้อะไรเลย เขารู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้เข้าใกล้เรื่องส่วนตัวของนิพัทธ์เลยแม้แต่น้อย

“เล่าให้ผมฟังได้มั้ย” พิรัลเริ่มต้นบทสนทนาก่อนจะยื่นบุหรี่ให้

เด็กหนุ่มรับบุหรี่มาสูบอึกใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อพ่นควันออกไป เผยให้เห็นลำคอที่มีลูกกะเดือกโปนปูดออกมา พิรัลเอื้อมมือไปจับคออีกฝ่ายไว้ ใช้นิ้วลูบเบาๆที่แก้ม

“ผมเห็นกานต์เป็นแบบนี้แล้วผมไม่สบายใจเลย”

นิพัทธ์ยังคงเงียบและสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ เขาทอดมองออกไปยังทิวทัศน์ที่มีแต่ตึกอาคารทรงสูงในเมืองกรุง “ผมเห็นตารางออนไซต์แล้วนะ ผมขอเลือกห้องได้มั้ย”

พิรัลตอบรับอยู่ในลำคอ คิดไว้อยู่เหมือนกันว่าจะให้นิพัทธ์เป็นคนเลือกห้อง เงินส่วนเกินเขาจะเป็นคนรับผิดชอบเอง

“พี่เจตน์…”

“ครับ”

“ผมรักพี่เจตน์นะครับ”

พิรัลยืนนิ่งค้างเมื่ออยู่ๆถูกบอกรัก สำหรับผู้ชายแล้วไม่ว่าจะมีรสนิยมแบบไหนต่างก็ยังเป็นผู้ชาย และสิ่งหนึ่งที่ผู้ชายร้อยละเก้าสิบเก้าเป็นเหมือนกันนั่นก็คือไม่ค่อยชอบพูดความรู้สึกของตัวเอง พิรัลหน้าร้อนผ่าวไปหมดหัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ไออุ่นจากนิพัทธ์ที่เดินเข้ามาสวมกอดทำให้เขาได้สติ

ใครหลายคนคงมีนิยามของความรักแตกต่างกันไป พิรัลก็มีนิยามความรักในแบบของตัวเอง ความรักของเขากับนิพัทธ์มันรวดเร็วจนนึกหวาดกลัว แต่พิรัลตระหนักถึงความรู้สึกของตัวเองและแจ้งประจักษ์แก่ความต้องการของตน เขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่ไม่รู้จักตัวเอง เขาไม่ต้องการค้นหาอะไรอีกแล้ว เขารักนิพัทธ์โดยไม่ต้องการสิ่งใด ความรักมันน่าประหลาดแบบนี้แหละ ความรักมันเล่นตลกแต่ขณะเดียวกันก็จริงจังจนผูกพันธ์ทางจิตใจไปหมด เขาไม่คิดว่ารักที่เกิดขึ้นนี้จะเร็วเกินไป มันไม่มีขอบเขตหรือช่วงเวลาแบบนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้ว เขาคิดแค่ว่ารักที่เกิดขึ้นอยู่นี้จะรักษามันอย่างไรให้เสมอต้นเสมอปลาย และจะรักษามันไว้ให้คงอยู่แบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน

“อืม” เขาตอบรับเพียงแค่นั้นทั้งที่ในใจกำลังบอกรักเช่นกัน






ออฟไลน์ PromQueen29

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรของนิพัทธ์เพิ่มเติมเลยแม้แต่นิดเดียว พิรัลเริ่มตัดใจที่จะเอ่ยถามแต่ก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ไม่ห่างหาย เขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่กับนิพัทธ์มากขึ้น ข้าวของต่างๆเริ่มมีติดอยู่ที่คอนโดของอีกฝ่ายบ้าง แม่ถามถึง ‘เพื่อน’ ที่เคยไปที่บ้าน ในตอนแรกพิรัลคิดตามไม่ทันแต่แล้วเมื่อถูกขยายความว่าเพื่อนที่มาช่วยพับดอกบัว พิรัลก็ร้องอ๋อออกมาเสียงดังผ่านทางโทรศัพท์มือถือ เขาคิดว่าพี่สาวคงจะไปคุยเปรยอะไรบางอย่างไว้แม่จึงได้ถาม พิรัลนึกสงสัยมาตลอดหลายวัน คิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่ากับการเปิดตัว ‘เพื่อน’

ในตอนนี้พวกเขามาออนไซต์กันที่จังหวัดนครราชสีมา ห้องพักสะดวกสบายและสะอาดถือเป็นปัจจัยหลัก แต่สำหรับนิพัทธ์คงจะเรียกได้ว่าเป็นคนติดหรูอยู่สักหน่อย ห้องพักที่ควรจะแค่สะอาดปลอดภัยกลับดูอลังการเกินกว่าจะมาพักเพื่อทำงาน เรื่องนี้คงจะทำให้น่าสงสัยอยู่ไม่น้อยตอนที่ไปเบิกเงินค่าห้อง ถึงแม้ว่าอย่างไรก็จะได้ค่าห้องตามจำนวนสูงสุดเท่าที่บริษัทได้กำหนดไว้แต่ตั้มก็ต้องเห็นอยู่ดีว่าห้องพักเป็นแบบไหน

พิรัลตัดสินแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการจองแยก เลือกห้องพักถูกๆเอาไว้เพื่อเบิกเงินไม่ให้เป็นที่สงสัยและเลือกห้องพักตามแต่ใจนิพัทธ์เพื่อเอาไว้นอนพักผ่อน ซึ่งเรื่องนี้คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง เขาชวนนิพัทธ์มาเที่ยวพักผ่อนหลังจากทำงานเสร็จทั้งๆที่ฝ่ายนั้นไม่เคยเรียกร้อง ถึงจะต้องจ่ายเพิ่มแพงไปบ้างแต่พิรัลก็เต็มใจเพราะอยากเห็นอีกคนสุขสบาย

สำหรับการมาทำงานด้วยกันนั้นไม่มีปัญหาส่วนตัวอะไรเลยเพราะพวกเขาต่างเข้าใจและวางตัวเหมาะสม ปัญหาคงจะมีแค่เรื่องงานซึ่งพวกเขาก็ช่วยกันแก้ปัญหากันไปทีละอย่าง มีบ้างที่เผลอหงุดหงิดเมื่องานไม่ได้ดั่งใจแต่นั่นก็เป็นบทบาททางหน้าที่การงาน เป็นบทบาทระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง พอหลังงานเสร็จสิ้น เขาถอดหัวโขนไว้ตรงนั้นและกลับมาเป็นพิรัลในบทบาทอื่นเช่นเดิม

นิพัทธ์เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมากอีกทั้งยังไม่งี่เง่าด้วยซึ่งพิรัลรู้สึกซาบซึ้งใจที่พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันได้มากขนาดนี้
พิรัลกำลังเช็คสภาพรถนิดหน่อยหลังจากขับกลับมาถึงที่พัก รถเบนซ์รุ่นเก่าแต่คลาสสิครุ่นนี้ได้รับการเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ของรถทางญี่ปุ่นทำให้ง่ายต่อการดูแล คงเหลือไว้เพียงตัวถังที่ดูคลาสสิคในแบบยุโรป เขาไม่ชอบรถใหม่หรูหราหากแต่ชอบรถคลาสสิคประเภทเก่าเก็บที่ขับแล้วดูมีสไตล์มากกว่าดูมีเงิน แม้ความเป็นจริงการบำรุงรักษารถเก่าแบบนี้ต้องใช้เงินเยอะก็ตามที เขาใช้ผ้าพันหนาๆเปิดฝาเพื่อเช็คระดับน้ำในหม้อน้ำ ขณะที่นิพัทธ์กำลังช่วยปรับหลอดไฟที่ส่องต่ำเกินไปให้สูงขึ้น

“ทำไมน้ำมันลดไปเยอะจังวะ” พิรัลพึมพำบ่นเมื่อเห็นระดับน้ำในหม้อพักน้ำลดไปเยอะ ตามประสาคนรักรถ(เก่า)อย่างเขาเริ่มหงุดหงิดใจขึ้นมา

“หม้อรั่วเหรอครับพี่เจตน์”

“มันเคยรั่ว แต่ผมเพิ่งเอาไปอุดมานะ หรือผมจะหลอนไปเองว่าน้ำมันลดไปเยอะ”

“ไว้กลับถึงกรุงเทพค่อยไปเช็คที่อู่อีกทีแล้วกัน” นิพัทธ์พูดพลางชะเง้อดูเครื่องยนต์ “ผมปรับไฟหน้าให้แล้วนะครับ แต่ไม่แน่ใจ่วาสูงพอแล้วหรือยัง มันยังสว่างอยู่ผมมองเห็นไฟไม่ชัด”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยดูอีกที” พิรัลปิดฝาหม้อน้ำตามต่อด้วยการดึงฝากระโปรงรถลงมาปิด “หิวหรือยัง”

“หิวตั้งแต่อยู่ที่ร้านแล้ว” นิพัทธ์ตอบเสียงเบาพลางแสร้งทำสีหน้าอ่อนแรงประกอบท่าทาง เรียกรอยยิ้มจากพิรัลได้เป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงกันว่าจะทำอาหารเองแต่สุดท้ายแล้วก็แวะซื้ออาหารบ้านๆตามตลาดนัดมากินเพราะเหนื่อยจากการออนไซต์กันมาก นิพัทธ์เตรียมอาหารให้ด้วยการแกะถุงอาหารต่างๆจัดใส่จาน ส่วนเขาเตรียมเครื่องดื่ม ในห้องพักสวยๆแห่งนั้นสะดวกสบายสมราคาดี รวมไปถึงโทรทัศน์จอใหญ่ในห้องนั่งเล่นก็ด้วย พิรัลเปิดดูรายการแข่งขันโคตรคนอึดที่ได้รับโจทย์เพื่อทดสอบสมรรถนะร่างกายขณะที่นั่งพิงโซฟาแล้วกินบะหมี่หมูกรอบแห้งแบบง่ายๆไปด้วย นิพัทธ์ที่นั่งอยู่ด้านข้างร้องโวยวายเมื่อคนที่เชียร์ดันตกน้ำไปจึงทำให้ตกรอบ หลังจากโวยวายเสร็จก็จ้วงเกี๊ยวน้ำเข้าปากเสียคำใหญ่

“แม่ง พี่เชื่อมั้ยว่าผมพนันอะไรไม่เคยชนะเลย เนี่ยแค่แข่งเกมโง่ๆนี่ผมยังแพ้พี่เลย”

“ใจเย็นน่า แค่เลี้ยงข้าวผมหนึ่งมื้อจะซักกี่บาทเอง”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นพี่ ผมแค่สงสัยว่าทำไมผมพนันอะไรไม่เคยชนะเลยวะ”

“ก็กานต์เลือกคนขี้โม้อะ ผมเห็นหน้าไอ้นี่ผมก็รู้เลยว่าแม่งท่าดีทีเหลว”

“งั้นแสดงว่าผมดูคนไม่เป็นอย่างงี้เหรอ”

“เออ ผมก็ว่าอาจจะใช่นะ”

“อ้าว งั้นผมก็ดูพี่ผิดไปน่ะสิ”

“เฮ้ย อย่าเหมารวมเรื่องผมดิ” พิรัลหัวเราะอารมณ์ดีเมื่ออีกฝ่ายยังคงโวยวายต่อนิดหน่อยที่แพ้พนัน

หลังจากอิ่มท้องพิรัลก็เริ่มเอนหลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ส่วนนิพัทธ์พิงซบไหล่แล้วพวกเขาก็เริ่มเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือด้วยกันโดยที่ยังไม่ได้เก็บกวาดกล่องอาหาร และดูท่าทางจะอีกยาวนานกว่าจะมาสนใจกองขยะเหล่านั้น นิพัทธ์ดูเซียนมากเมื่อเป็นเรื่องเกม อีกทั้งยังดูได้จากสกินต่างๆที่เลือกใช้ล้วนแล้วแต่เป็นไอเทมเสียเงินแพงๆ พิรัลไม่สันทัดกับเกมเท่าไหร่นักจึงเสียเงินให้เกมน้อยมากแต่จะเสียไปกับการซ่อมบำรุงรถมากกว่า

“บุกซ้ายดิ พี่เจตน์ เร็ว เร็ว บุกเลย แม่งเอ้ย โดนจนได้” นิพัทธ์ใส่อารมณ์พอสมควรเมื่อพิรัลทำให้ทีมแพ้ พิรัลเองก็เริ่มหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจเขาจึงโวยวายเลิกเล่นเกมแสดงท่าทีแบบเด็กๆออกมา คนที่เด็กกว่าหัวเราะชอบใจและเอ่ยแซวพอเป็นพิธีให้อีกคนเขินอาย

“หัวเราะผมเหรอ”

นิพัทธ์ไม่ตอบแต่กลับหัวเราะเสียงดังแล้วลุกหนีเดินเข้าห้องน้ำไป ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าจึงเดินตามเข้าไปสมทบเพื่อแปรงฟัน ทุกอย่างดูราบเรียบและมีความสุขอย่างที่คนสองคนซึ่งกำลังคบหาดูใจกันพึงควรมี ในตอนที่แปรงฟันด้วยกันนั้นนิพัทธ์เอ่ยพูดว่าพวกเขาไม่ควรนอนหลังจากกินอาหารเสร็จ พิรัลกรอกตาเบื่อหน่ายเมื่อฟังศัพท์วิชาการทางการแพทย์ที่ออกมาจากปากนิพัทธ์ ฝ่ายคนที่เด็กกว่ายังคงไม่ย่อท้อพูดพล่ามไปเรื่อยเพื่อเป็นการแกล้งพิรัล

“ผมจะนอน ผมเหนื่อย ผมไม่สนเรื่องกรดไหลย้อน” พิรัลว่าไปนั่นพลางคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกฝ่ายหลังจากแปรงฟันกันเสร็จ

“พี่เจตน์ เป็นแล้วมันทรมานนะ เพื่อนผมคนนึงก็เป็น มันชอบนอนกินขนมแล้วก็บ่นแน่นท้อง”

“เดี๋ยว ผมว่าอันนั้นมันกระเพาะครากป่าววะ”

“อ้าว เหรอ คงใช่มั้ง” สิ้นคำก็หัวเราะยกใหญ่

พิรัลอดนึกเอ็นดูไม่ได้จึงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้แล้วจุมพิตที่ริมฝีปาก “เล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังหน่อยสิ” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายเพื่อรอคอยรับฟัง

นิพัทธ์ยิ้ม ยกมือโอบกอดรอบคอเขาไว้ขณะที่รั้งเดินให้ออกจากห้องไปยังเตียงนอน “ไอ้แม็กซ์เป็นรูมเมทผม มันติดเกมก็เลยชอบเอาขนมมานอนกินบนเตียง ผมเคยเตือนมันแล้วนะแต่มันก็ไม่ฟัง สุดท้ายปวดท้องแน่นท้องต้องไปหาหมอ แต่ล่าสุดมันก็ยังเหมือนเดิม”

เขาครางตอบรับในลำคอพลางซุกไซ้กอดเด็กหนุ่มไปมา “แล้วเพื่อนคนอื่นล่ะ”

เสียงหัวเราะจากนิพัทธ์ดังขึ้นข้างหู ก่อนที่ริมฝีปากนั่นจะจรดจูบตามใบหน้าของพิรัล “เพื่อนคนอื่นพอเรียนจบก็คุยกันไม่กี่คนเอง มีไอ้แม็กซ์กับไอ้ปอนด์นี่แหละที่ผมคุยด้วยตลอด”

“ตอนเรียนมีใครมาจีบมั้ย”

“มีเพื่อนผู้หญิงในเซคชั่นเดียวกันมาชอบผมอยู่คนนึง จริงๆก็มีคนอื่นด้วยนะ แต่ไม่ได้ชัดเจนมากเท่าคนนี้”

“ผู้หญิงเหรอ จีบยังไง”

“ผมบอกไปแล้วนะว่าชอบผู้ชาย แต่เขาบอกว่าจะขอคุยด้วยเผื่อผมจะชอบเขาบ้าง แล้วก็เลยคุยกันอยู่พักนึง”

“แล้ว?”

“นิสัยน่ารักดี แต่พอคุยกันเยอะขึ้นผมว่ายังไงผมก็ชอบผู้ชายอยู่ดีอะ”

พิรัลเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย “นี่คุยกันถึงขั้นไหน”

เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มก่อนจะผละตัวลงไปนอนบนเตียง “ไม่บอกครับ”

พิรัลเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนด้านข้าง ดวงตาเริ่มปรือเพราะความง่วงเช่นกัน “บอกผมเถอะ”

“พอคุยกันไปสักพักผมคิดว่าเราเข้ากันได้หลายๆอย่าง ตอนนั้นผมคิดขึ้นมาแว้บหนึ่งว่าบางทีผมอาจจะชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผมเลยจูบดู”

เขาขยับเข้าไปกอดอีกฝ่าย ดวงตาหลับพริ้มลง บรรยากาศที่ต่างจังหวัดยามดึกชวนให้ผ่อนคลาย

“แล้วเป็นไง”

“บอกไม่ถูกเลย แต่รู้ว่ามันไม่ใช่อะ ไม่เหมือนแบบนี้” ว่าแล้วก็ขโมยจูบพิรัลหนึ่งที

ชายหนุ่มที่กำลังตาปรือรู้สึกตื่นตัวขึ้นมานิดหน่อย เขาขยับเข้าไปใกล้จูบตอบนิพัทธ์อย่างนุ่มนวลก่อนจะทาบทับอีกฝ่ายไว้ใต้ร่าง พิจารณามองใบหน้าของเด็กหนุ่มตัวขาวอย่างรักใคร่ เขาจูบนิพัทธ์อีกครั้งยาวนานขึ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นวาบไหวแต่ไม่ได้จูบเพื่อปลุกเร้าต้องการร่วมสัมพันธ์

“เล่าเรื่องพี่แจงให้ผมฟังมั่งสิ” นิพัทธ์เอ่ยถามพลางโอบกอดตอบรับสัมผัสเป็นอย่างดี

“ผมกับแจงอายุไม่ห่างกันมาก ตอนเรียนก็เรียนที่เดียวกันมาตลอด พอเข้ามหาลัยผมตั้งใจจะแอดมิชชั่นไปอยู่ที่ต่างจังหวัดเลยนะ แต่ยังไงก็ไม่รู้ผมเลือกลงที่เดียวกับแจงไว้ แล้วดันสอบติดซะงั้น”

“พี่แจงเรียนคณะเดียวกับพี่เจตน์ด้วยเหรอครับ”

“อืม ใช่ นี่ตอนแรกผมนึกว่าพี่ผมจะเป็นทอมซะอีก”

“ไม่เห็นเกี่ยวเลยที่ผู้หญิงเรียนวิดวะแล้วจะเป็นทอมเนี่ย”

“ไม่เว่ย ตอนมัธยมแจงแม่งมีแฟนเป็นผู้หญิง แล้วมันก็ออกทอมๆอะ”

“หา?”

“เออดิ แต่ตอนอยู่มหาลัยไปไงมาไงไม่รู้ไอ้ใหญ่แม่งเดินมาบอกผมว่ามันคบกับพี่ผมอยู่ ผมแม่งเอ๋อไปเลย”

พิรัลเปลี่ยนมาซบแนบใบหน้าลงกลางอกของอีกฝ่ายแล้วจับมือไว้แนบแน่น ในคืนนั้นพวกเขาเล่าเรื่องราวต่างๆในชีวิตของกันและกัน รู้จักพื้นหลังกันมากขึ้น ทั้งเพื่อนที่คบหา ทั้งเรื่องสมัยเรียน โปรเจคตอนเรียนจบ แฟนเก่า พิรัลเอ่ยพูดถึงครอบครัวของตัวเองเมื่ออีกฝ่ายไถ่ถาม เขาเล่าทุกอย่างให้ฟังเท่าที่นิพัทธ์อยากรู้ นิพัทธ์เองก็เล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟัง แต่เมื่อพิรัลถามถึงครอบครัวบ้างดวงตาที่เคยเปี่ยมสุขกลับหม่นหมองลง ฝ่ายนั้นไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนแต่พิรัลสังเกตเห็น และรับรู้ได้ว่านิพัทธ์ไม่อยากพูดถึงครอบครัว

พวกเขาเข้านอนกันไปในยามที่ท้องฟ้าแต่งประดับด้วยดวงดาราสีเหลืองสว่าง หัวใจของพิรัลปวดหนึบหากไม่ใช่เพราะโรคที่รุมเร้า แต่เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองยังคงไม่อาจเข้าถึงอะไรบางอย่างในใจของนิพัทธ์ได้ บางทีการที่คบหากันแบบนี้คงเป็นแค่เรื่องสนุกของอีกฝ่าย ช่วงวัยที่ต่างกันพอจะทำให้พิรัลประจักษ์แจ้ง เขาไม่นึกโทษใครทั้งนั้น ตราบเท่าที่ยังอยู่ด้วยกันและมีความสุขแบบนี้เขาจะยังเป็นพิรัลคนเดิมจนกว่านิพัทธ์จะไม่ต้องการ


เมอเซเดส เบนซ์ 450sl R107 สีเบจขับทะยานไปตามเส้นถนนที่ทอดยาวและบิดริ้วไปมาราวกับงูคดเคี้ยว บนเบาะสีน้ำตาลกึ่งแก่กึ่งอ่อนมีชายหนุ่มสองคนนั่งฝั่งซ้ายและขวา มือของพิรัลประคองพวงมาลัย วางศอกข้างหนึ่งไว้บนขอบหน้าต่างขณะที่อีกข้างพาดพิงไว้บนเบาะ นิพัทธ์นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือทิ้งโลกมนุษย์เพื่อหลุดเข้าไปในโลกออนไลน์ เด็กหนุ่มสบถออกมาเป็นครั้งคราวเมื่อเกมที่เล่นไม่เป็นไปตามต้องการ อีกอึดใจใหญ่กว่าจะยอมเงยหน้าขึ้นมามองทางและโอดครวญว่าหิวมากแทบทนไม่ไหว พิรัลยิ้มเยาะบอกให้อดทนรอทั้งที่ตั้งใจจะพาไปกินอาหารฝรั่งที่อยู่เบื้องหน้าอีกไม่ไกล เขาทำใจร้ายไม่ฟังเสียงของอีกฝ่าย ทำทีเป็นตั้งมั่นกับการขับรถ

“พี่เจตน์โกรธอะไรผมหรือเปล่า”

“โกรธเหรอ ทำไมชอบบอกว่าผมโกรธ”

“ก็ไม่ฟังที่ผมพูดเลยอะ ผมบอกว่าผมหิว”

“ฟังอยู่ แต่ไม่ได้ตอบ”

“แล้วทำไมไม่ตอบอะ โกรธที่ผมไม่ได้สนใจเหรอ”

พิรัลเหลือบมองเด็กหนุ่มที่เริ่มเถียงไม่ลดละ ดูก็รู้ว่ากำลังโมโหหิวเขาจึงไม่ถือสาอะไร อยู่ๆก็นึกอยากทำให้เงียบปากด้วยวิธีทะลึ่งตึงตัง แต่คิดไปคิดมาคงจะเป็นเพียงแค่แฟนตาซีเล็กๆน้อยๆที่แว้บเข้ามาในหัว เขาเมินหน้าไปมองเส้นทางและไม่ได้ตอบอะไรอีกเพราะขี้เกียจพูด

“เนี่ย แล้วก็เงียบ”

“แล้วจะให้ผมพูดอะไร”

“ไม่รู้”

พิรัลเหลือบมองคนด้านข้างอีกครั้งด้วยสายตานิ่งเฉย กำลังคิดอยากถ่ายรูปตอนที่นิพัทธ์นั่งอยู่บนรถแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเริ่มไม่พอใจที่เขาเงียบแบบนี้แล้วจริงๆจังๆ “อยากให้ผมพูดอะไร” เขาถามย้ำอีกครั้งไม่ได้นึกหงุดหงิดใจที่นิพัทธ์เถียง

“ไม่รู้”

“แต่อยากให้ผมพูดเหรอ”

“ใช่”

“กานต์น่ารัก”

“เฮ้ย ไม่ใช่ละ” เด็กหนุ่มดีดตัวขึ้นมาจากเบาะเพื่อมองหน้าคนขับที่กำลังอมยิ้ม

“ถามจริงทำไมถึงคิดว่าผมโกรธล่ะ”

“ผมชอบเล่นเกม บางทีเล่นแล้วมันก็ติดพันไม่ได้คุยกับพี่เจตน์ผมเลยคิดว่าพี่โกรธ”

“อ้อ งั้นแสดงว่าเคยโดนคนอื่นบ่นมาล่ะสิ”

“ครับ”

พิรัลเอื้อมมือข้างที่พาดเบาะเลื่อนขึ้นไปลูบศีรษะของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู “ผมไม่ได้คิดแบบนั้น แต่กานต์ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเรามาด้วยกัน”

นิพัทธ์ขยับเข้าหาเพื่อจูบที่ลาดไหล่ของอีกฝ่ายแล้วเอนซบมองใบหน้าด้านข้างจากมุมที่ต่ำกว่า

“กินขมรองท้องไปก่อนมั้ยจะได้ไม่โมโหหิวใส่ผมอีก”

“ผมไม่ได้โมโหหิว”

“เหรอ” พิรัลลากเสียงยาวกวนอารมณ์พลางขยี้กลุ่มผมอีกฝ่ายเล่น

เด็กหนุ่มยิ้มแหยก่อนจะหัวเราะออกมาแก้เก้อ ยกมือขึ้นไปเขี่ยแก้มคนอายุมากกว่าแต่ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าด้านข้างอาบไล้ด้วยแสงแดดยามตะวันตกดินทำให้ผิวกายแบบชายไทยทั่วไปดูเป็นออกน้ำตาลอ่อน นิ้วโป้งลูบสันกรามคมคาย ดวงตามองผ่านไปยังจมูกค่อนข้างใหญ่แต่เป็นสันชัดเจน แล้วหลับตาเอนซบบนลาดไหล่

เมื่ออยู่เคียงข้างคนคนนี้ หัวใจไม่ได้เต้นแรงอีกต่อไป มันสงบราบเรียบเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่หาเหตุผลอธิบายไมได้หรือบางทีไม่ได้ต้องการแม้แต่คำอธิบาย โชคดีที่วันนั้นเลือกเดินเข้าหาพิรัล โชคดีที่ได้คบหากัน โชคดีที่พิรัลเข้าใจในความเป็นนิพัทธ์ แต่ไม่รู้ว่านิพัทธ์จะเป็นโชคดีของพิรัลรึเปล่า เด็กหนุ่มยังคงครุ่นคิดอยู่เช่นนั้นไม่จางหายไปจากความรู้สึก




************************************


คนที่เล่น Twitter สามารถหวีดร้องได้ใน #หนึ่งวันบนดาวพุธ นะคะ
ทุกเสียงหวีดร้องคือพลังใจของเราค่ะ 55555555555
 :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2018 13:22:47 โดย PromQueen29 »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ม้ายยยยย อย่าทำแบบเน้  :sad4:
กลัวจะเกิดเรื่องอะไรก่อนที่จะได้เข้าใจกัน แงงงงง

ออฟไลน์ mybear_sr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 242
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
น้องอาจจะรู้เรื่องป่วยของพี่หรือเปล่าอะ หรือมีเรื่องที่บ้านน้อง เพิ่งมาอ่านค่ะ และกลัวจบแบบอิพี่รัลตายมากๆ แง อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยนะคะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
น้องเป็นอะไรรรรรร อยากให้น้องรู้ไวๆ แล้วคุมอิพี่ให้กินยา จะรีบตายไปไหน ไม่อยากอยู่กับน้องเหรอพี่เจตต์  :ling3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด