[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 268305 ครั้ง)

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
  ฮือออ T^T  เศร้าจริงๆกันยัยหนูเฌอริช
 แต่ก็นั่นแหละทุกชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ไม่ว่าจะมีอีกเหตุการณ์ ก็ขอให้จบแบบแฮปปี้ทีเถอะนะ

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำใจไม่ได้ สงสารมากๆ  :mew4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao5: นิลลาตายแล้ว ใครเป็นคนหลอดใช้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ฮือออ ถ้าน้องตื่นมารู้ความจริง ไม่อยากจะคิดเลย

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น่าเสียดายที่นิลลาไม่อยู่ข้างเดียวกับบู้บี้ ไม่งั้นอนาคตอาจไม่ต้องจบแบบนี้ก็ได้ เสียดายจังนึกว่าบู้บี้จะได้มีเพื่อนที่ไว้ใจได้จริง ๆ จัง ๆ ซักคนอยู่ข้าง ๆ แล้วที่บอกว่าวางแผนกันมาหลายปีแล้ว แล้วตอนที่ติดอยู่บนเรือประมงนั้นก็เป็นแผนด้วยเหรอ

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
นายกจะสู้คนเดียวเหรอ บู้บี้คงอยากอยู่ด้วนนะ

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
หู็ยยย..

ออฟไลน์ Mayana

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 424
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
 :o12: :o12:  เศร้าาาาา

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่อยากนึกถึงตอนบู้บี้ฟื้นเลย น้องต้องร้องไห้หนักมากแน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เข้าใจทุกอย่าง แต่อดใจหาย เสียใจไม่ได้ น้ำตาไหลพราก

..เฌอริชช์  ลูกสาวของพ่อ...

บีบหัวใจมาก ถ้าบู้บี้ รู้คงใจสลาย

นิลลาลึกๆคงไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ดูจากการพยายามเปลี่ยนแผนพาอัยย์ออกมา ความผูกพัน ความรัก ความจริงใจของอัยย์ น่าจะส่งถึงใจนิลลบ้างไม่มากก็น้อย แต่สถานการณ์มันบีบ มันมาไกลเกินกว่าจะถอนตัว อีกอย่างเราไม่รู้ว่าจริงๆนิลลา เคยผ่านอะไรมาบ้าง มันคงเหมือนตกอยู่ในขุมนรก ที่ฝังลึกในใจนิลลา และสุดท้ายนิลลาก็ตายไปอย่างโดดเดียว ไม่มีใครเสียใจกับการจากไปของนิลลา คงต้องรอรายละเอียดของเหตุการณ์จากอัยย์อีกที
มันบีบหัวใจไปหมด ทั้งความรู้สึก ทั้งสถานการณ์ตอนนี้  :katai1:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เศร้าาาาาาา ฮืออออออออออออ เฌอริชช์หนูลูกไว้เราเจอกันใหม่นะลูก :mew4:
นิลลาคงปกป้องหนูอัยย์เต็มที่แล้วแหละ แต่อยากรู้เหตุผลของการพาไปหาคนพวกนั้นจัง :katai1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เล่นแรงกับบู้บี้มากเลยค่าา แงง เตรียมร้องไห้ตอนตื่นมาพุงหาย ฮื่อ คุณพิษต้องทำอะไรแล้วป่ะ เอาให้เด็ดขาดนะ  :ling3:

ออฟไลน์ gibari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โง้ยยยยย จะร้องงงง  :sad4:
ยัยตัวน้อยจากไปแล้วง่ะ คือแบบ...เผื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ต่อให้ต้องทำร้ายหรือทำลายชีวิตใครก็คือไม่สนแบบนั้นอ่ะ จิตใจต้องทำด้วยอะไรอ่ะ ฮือออออ :hao5:
ปวดใจ รอตอนต่อไปนะคะ :ling3:

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :sad4:สงสารบู้บี้ ลูกไม่อยู่แล้วบู้บี้ต้องเข้มแข็งนะ // ปลายทางถ้าคุณพิษจากไปอีกคนนี่ร้องไห้รอเลยค่ะ เจนภพยอมเรียกพี่ชายแล้วคุณพิษจะตัดสินใจยังงัยดีคะ ลุ้นมาก ขอไว้อาลัยให้นิลลา

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เจ้าบู้บี้  :sad4:
สู้ๆ คุณพิษคุณทำได้!

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารอัยย์กับคุณพิชญ์อีกไม่กี่เดือนก็จะได้เจอลูกแล้วอ่ะเพิ่งฟังเสียงหัวใจเพิ่งรู้เพศลูก โดยเฉพาะอัยย์คนเป็นแม่น่ะจะรู้สึกเสียใจขนาดไหน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 สงสารอัยย์กับคุณพิชญ์

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เจ็บปวดหัวใจมากค่ะ การแบ่งแยกทำให้คนเกิดความกังวล
เกิดความไม่เท่าเทียม รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของชีวิต
จนลามไปถึงสร้างความขัดแย้ง และความรุนแรง

ฌาณต้องได้บทเรียนที่ใหญ่หลวงมากแน่แล้ว
ชีวิตคนเรา ต้องเจอกับความสูญเสีย
และต้องเรียนรู้กับชะตาที่ไม่คาดคิด
แต่ก็หวังให้ฌาณปลอดภัยทและพาอัยย์ไปฮันนีมูน

ถึงจะต้องจบชีวิตทางการเมืองไม่สวยงาม
แต่ความสุขปลายทางสำคัญกว่าอุดมการณ์ ในเวลานี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ntpmay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พวกหล่อนมันโง่เหมือนที่อัยย์พูด ในขณะที่เขาพยายามเพื่อช่วยพวกเธอ เรียนหนังสือ อ่านหนังสือ พวกเธอที่ไม่คิดจะศึกษาอะไรเลยก็จะเอาแต่ใช้ความรุนแรง คิดว่าสุดท้ายมันอาจจะจบที่ใคราักคนตาย ได้แต่หวังว่าอัยย์จะได้มีความสุขสักที สงสารน้อง

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น้ำตาคลอออ :ling3:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โถ่ลูกกก น่าสงสารไปหมด สงสัยนิลลามานานแล้ว ติดใจตั้งแต่เล่นละครให้แม่ดูตอนนั้นแล้วก็ลงล็อคพอดี เหลือแค่ว่า คนบงการใหญ่จริง ๆ คือใคร

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 46

 

 



 

 

 

          ความเจ็บแปลบที่หลังมือทำให้อาคิราห์สะดุ้งตื่นขึ้น  เขากวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง  หญิงสาวในชุดสีขาวกำลังใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดจากหลังมือของเขาออกไป  เธอส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อยแทนคำปลอบใจ

          “หิวน้ำ”  อาคิราห์ขยับปาก แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา  ลำคอของเขาแห้งผากราวกับอยู่กลางทะเลทราย

          “คุณหมอยังไม่อนุญาตให้ดื่มน้ำนะคะ”  พยาบาลสาวตอบกลับมา  “คุณเพิ่งผ่าตัดลำไส้  คุณหมอให้งดน้ำงดอาหารก่อนนะคะ”

          “ผมหิวน้ำ”  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  พูดย้ำคำเดิมแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน  ร่างกายของเขาหนักอึ้งแทบขยับไม่ไหว  เหมือนกับเพิ่งผ่านสงครามมาอย่างไรอย่างนั้น

          ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ค่อย ๆ กลับเข้ามาในความทรงจำทีละน้อย  โอเมก้าร่างผอมเกร็งใบหน้าซูบและมีนัยน์ตาเศร้าลึกยังติดอยู่ในใจของเขา  ...นิลลา  เพื่อนโอเมก้าคนแรกและคนสนิทที่เขาไว้ใจที่สุด  นิลลาร่วมมือกับคนพวกนั้น  หักหลังด้วยการพาเขาเข้าไปติดกับดัก 

          นิลลาที่เขาไว้ใจ...แววตาแฝงด้วยแววลึกล้ำที่เขาไม่เคยแปลออก  แท้จริงแล้วเก็บซ่อนความรู้สึกอย่างไรเอาไว้กันแน่   ปลายกระบอกปืนที่เล็งมาที่เขาโดยไม่ลังเลพร้อมกับกดเหนี่ยวไกในวินาทีสุดท้าย ...กระสุนไม่ได้พุ่งเข้าใส่ร่างกายของเขาอย่างที่ควรจะเป็น  ทว่ากลับพุ่งเข้าใส่คนที่ล็อคแขนเขาเอาไว้แทน

          นิลลาเหนี่ยวไกอีกนัดอย่างรวดเร็วทำให้อาคิราห์เป็นอิสระ  เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นที่เขารู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่านิลลาไม่ได้หักหลังเขา  ร่างผอมเกร็งของโอเมก้าคนสนิทก็ล้มลงตรงหน้าพร้อมกับกระสุนหลายนัดที่ยิงรัวเข้าใส่ราวกับเป็นตุ๊กตาผ้า  นิลลาใช้ตัวบังเขาเอาไว้  แต่กระนั้นก็เขาก็ยังถูกกระสุนเข้าจนได้

          ความปวดแปลบที่หน้าท้องและแรงกระแทกทำให้อาคิราห์หงายหลังล้มทั้งยืน  เลือดแดงฉานไหลออกมาจากบาดแผลที่หน้าท้องราวกับเปิดก๊อก  ความปวดกลายเป็นความชาแต่ยังไม่เท่ากับความตกใจที่มีต่อลูกในท้อง  เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวทว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ที่เขาอีกแล้ว  ดูเหมือนว่าจะมีคนตามมาช่วยเขาได้ทัน

          อาคิราห์คลานไปกับพื้นที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ๆ เขาปวดเกินกว่าจะลุกขึ้นวิ่งไหว  เลือดไหลออกมาจนเริ่มรู้สึกหน้ามืด  กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มอุ้งมือของเขาที่อุดปิดบาดแผลเอาไว้  เขาลากตัวอย่างยากลำบากเข้าไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุด

          หัวใจเต้นเร็วแรง  ใบหน้าของพิชช์ฌานคือสิ่งสุดท้ายที่นึกออกในขณะที่สติเริ่มจะเลื่อนลอย  สิ่งเดียวที่เขาคิดถึง...รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะห้าว ๆ ของคน ๆ นั้น  พิชช์ฌานจะต้องมาช่วยเขา  เราจะต้องได้เจอกันอีก ....

          อาคิราห์หลับตาลง  ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้  เจ้าโอเมก้าเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้เขายกมือขึ้นวางบนหน้าท้อง  อะไรบางอย่างที่พันอยู่ที่ท้องทำให้อดแปลกใจไม่ได้  ก็เขาถูกยิงเข้าที่ท้องนี่นะ...ก็ย่อมต้องมีผ้าพันแผลเป็นธรรมดา อาคิราห์คิดอย่างมึนงง

          “เป็นอย่างไรบ้างครับ  ปวดแผลมากไหม”  เสียงทุ้ม ๆ ของนายแพทย์ถามขึ้นข้างเตียง  อาคิราห์เปลี่ยนสายตาจากถุงน้ำเกลือไปมองหน้าหมอแทน  เขาส่งยิ้มไปให้หมอแล้วส่ายหน้า  “ถ้าปวดก็บอกนะครับ  มียาแก้ปวดฉีดให้นะ”

          “ผมหิวน้ำมาก ๆ”  อาคิราห์พูด  ชี้นิ้วมาที่ริมฝีปากที่แตกเป็นแผล

          “คุณยังไม่สามารถดื่มน้ำได้ครับ  อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้  ส่วนในวันนี้ขอให้อดทนก่อน  ไม่อย่างนั้นแผลที่ลำไส้เย็บเอาไว้จะรั่วได้”  คุณหมอตอบเนิบ ๆ

          “แล้วลูกของผม”  อาคิราห์พึมพำ  “เขาสบายดีไหม”

          เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ราวกับนายแพทย์ไม่รู้ว่าจะพูดกับเขาอย่างไร  สีหน้าลังเลนั้นทำให้อาคิราห์ใจเสียทันที

          “ลูกผมเป็นอะไร  เขายังดีอยู่ใช่มั้ย”  เขาถามเร็วปรื๋อด้วยเสียงแหบแห้งแทบฟังไม่เป็นคำ  ยกมือขึ้นแตะที่หน้าท้องอีกครั้ง  เพิ่งจับสังเกตได้ว่ามันไม่ได้นูนกลมออกมาเหมือนเดิม

          หัวใจหล่นวูบหายเหมือนถูกผลักตกเหวโดยไม่ทันตั้งตัว  อาคิราห์เบิกตากว้าง  จ้องมองหน้าหมออย่างคาดคั้น

          “ลูกผมยังอยู่ใช่มั้ยครับ”

          “รอคุณหมอสูติมาดีกว่าครับ  เขาน่าจะให้คำตอบได้ดีที่สุด”  นายแพทย์คนนั้นว่า  “ตอนนี้คุณนอนพักก่อน  อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก  ไม่อย่างนั้นแผลจะหายช้า”

          “ผมอยากทราบเรื่องลูกของผม  ทำไมต้องบ่ายเบี่ยงด้วย  ลูกผม...ไม่อยู่แล้วใช่มั้ย”  อาคิราห์ปล่อยโฮออกมา  ยกมือขึ้นจับท้องตัวเองแน่น  ไม่มีการเคลื่อนไหวข้างในนั้น  นิ่งสนิทราวกับก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน  “ลูกผมอยู่ที่ไหน  หมอ..ลูกผมอยู่ไหน”  เขาพูดพลางสะอื้น  น้ำตาร้อนผ่าวทะลักออกมาจากสองเบ้าตาราวกับเขื่อนแตก

          “ผมเสียใจด้วย”  นายแพทย์ถอนหายใจยาว  “ลูกของคุณเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์  เราพยายามช่วยเต็มที่แล้วแต่ว่าเขาไม่กลับมา  คุณเองก็บาดเจ็บสาหัสเสียเลือดไปมาก  เราจำต้องรักษาชีวิตของคุณเอาไว้ก่อน”

          อาคิราห์ไม่ได้ยินเสียแล้วว่าอีกฝ่ายพูดมาว่าอะไรต่อ  เขาหูอื้อตาลายไปหมด  ได้แต่นอนตาเบิกโพลงจ้องเพดานอยู่อย่างนั้น  ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ จนหมอนเปียกโชก  เสียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังอยู่รอบตัวแต่เขากลับไม่รับรู้เลยสักนิด

          ภาพตู้ปลาแดงฉานแวบกลับเข้ามาในความทรงจำ  ...เจ้าบู้บี้ที่สองที่นอนหงายท้องตายอย่างอนาถ  ตอนนั้นเขาเสียใจที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไป   แต่ว่าตอนนี้...ความรู้สึกนั้นกลับเทียบกันไม่ได้เลย  มันรู้สึกเหมือนอยู่ดี ๆ ข้างในตัวเขาก็ว่างเปล่า  กลายเป็นช่องว่าง ๆ โล่ง ๆ ไร้ประโยชน์

          “คุณอาคิราห์ไม่ขยับตัวเลยค่ะ  คุณหมอกลัวว่าถ้านอนอย่างเดียวปอดจะแฟบ  แล้วลำไส้ก็จะไม่ได้กระตุ้นด้วยนะคะทำให้ฟื้นตัวช้า”  นางพยาบาลกระซิบบอกคนมาเยี่ยมเบา ๆ

          ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดเดียวกับที่ออกโทรทัศน์เมื่อสองชั่วโมงก่อนพยักหน้าช้า ๆ ก้าวเข้าไปยืนชิดเตียงที่มีคนป่วยนอนหลับตานิ่งอยู่  มือคู่นั้นวางเอาไว้บนหน้าท้องที่มีผ้าพันแผลโปะไว้หนา

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานเรียก  เอื้อมมือไปแตะที่หลังมือ

          “............” คนเจ็บยังนอนนิ่งเช่นเดิม  เปลือกตาสีอ่อนปิดสนิทไม่ขยับ

          “คุณให้ยานอนหลับเขาหรือ”  ท่านนายกฯหันไปถามพยาบาลอีกครั้ง

          “เปล่าค่ะ  แต่คนไข้นอนหลับแบบนี้ทั้งวันเลยค่ะ  คุณหมอให้เริ่มทานอาหารอ่อน ๆ แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมทานอะไรเลย”

          “ไม่ยอมกินแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ”  พิชช์ฌานพูดเสียงดังขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน  ชายหนุ่มเลื่อนมือไปบีบข้อมือเล็กบาง  “อัยย์  ฉันรู้ว่าเธอตื่นอยู่  ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้ว”

          ไม่มีคำตอบจากคนป่วย

          “ผมขอคุยกับเขาตามลำพัง”  พิชช์ฌานหันไปบอกนางพยาบาลอย่างสุภาพแล้วหันกลับมามองใบหน้าซีดเซียวบนหมอนอีกครั้ง  ริมฝีปากแตกระแหงนั้นเม้มเข้าหากันเล็กน้อยพอสังเกตเห็น  “โต ๆ กันแล้ว  ช่วยคุยกันอย่างผู้ใหญ่ได้มั้ย  เธอก็รู้ว่าฉันมีเวลาไม่มาก”  หางเสียงของพิชช์ฌานแข็งขึ้น

          คราวนี้คนหลับก็เปิดเปลือกตาขึ้น  มองเพดานนิ่ง

          “คุณหมอบอกให้เธอลุกนั่งบ้าง  จะได้หายเร็ว ๆ”  พิชช์ฌานพูดต่อ  กดปรับหัวเตียงให้สูงขึ้น  “เธอจะนอนแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกนะอาคิราห์”

          ดวงตากลมโตคู่นั้นเหลือบมองเขาแวบเดียวแล้วก็เมินไปอีกทาง  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจ  เอื้อมมือไปหยิบชามซุปมาถือเอาไว้  ยกขึ้นดมแล้วก็ตักเข้าปาก

          “รสชาติดีมาก  เหมือนที่ป้านิ่มทำเลยนะ  ลองชิมดูสิ”  ชายหนุ่มตักซุปไปจ่อที่ริมฝีปากของเจ้าโอเมก้า  “อ้าปากเร็ว  ถ้าไม่กินฉันจะกินให้หมดเลยนะ”

          อาคิราห์หันหน้าหนี

          “ผมไม่หิว  คุณกลับไปเถอะ”  อาคิราห์พูดออกมาเป็นประโยคแรก

          “ไม่หิวก็ต้องกิน”  ชายหนุ่มว่า  “ฉันรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมัน...ร้ายแรงมาก  แต่ว่าถึงอย่างไร  เธอก็ต้องอยู่ต่อ  อย่าจมอยู่กับมัน”

          “มันที่คุณว่า...คือลูกของผม”

          “ลูกของเธอแล้วไม่ใช่ลูกของฉันหรือไง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “ฉันก็เสียใจที่เสียเขาไป  แต่จะทำไงได้....มันเกิดขึ้นไปแล้ว  ลูกตายไปแล้ว  เธอย้อนเวลาได้ไหมล่ะ”

          “ผมอยากย้อนเวลาถ้าทำได้  อยากกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น  อยากให้มันไม่ใช่ความจริง”  อาคิราห์พูดรัวเร็ว  นัยน์ตาแดงก่ำน้ำตาคลอ  “แต่ผมทำไม่ได้  ยอมรับไม่ได้”

          “เธอต้องยอมรับ  มันเป็นความจริง”  อีกฝ่ายพูดเสียงห้วนจัด  “เธอจะหลอกตัวเองว่าลูกยังอยู่หรือยังไง”

          “คุณกลับไปเถอะ  ผมอยากอยู่คนเดียว”

          “ฉันไม่กลับจนกว่าเธอจะกินหมด”  พิชช์ฌานตักซุปขึ้นมาอีกครั้ง

          อาคิราห์สบตาคมกริบคู่นั้น  ความเคร่งขรึมเย็นชาแกมบังคับในทีทำให้เขาจำต้องอ้าปากกินซุปจนหมดถ้วยทั้งน้ำตา  ท่าทางของพิชช์ฌานไม่บ่งบอกเลยว่ารู้สึกเสียใจกับการจากไปของลูกสาว  หรือว่าลูกจากโอเมก้าอย่างเขาไม่ได้มีค่าพอให้รู้สึกสูญเสียขนาดนั้น

          เขารับผ้าเช็ดปากมาซับคราบซุปที่เปื้อน

          “หมอบอกว่าอีกไม่กี่วันเธอน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลถ้ายอมทำตามที่หมอสั่ง  ...ขอร้องเถอะนะอัยย์  ทำตามที่หมอเขาบอก  อย่าให้ฉันต้องเป็นห่วงเลย”  พิชช์ฌานพูดเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้จนตาบวมไปหมด  เขาขยับเข้าไปจนชิดแล้วโอบร่างเล็กบางมากอดเอาไว้หลวม ๆ “ฉันรู้ว่าเธอเสียใจมาก  แต่ถ้าคิดในแง่ดี  เฌอริชช์ก็ไปสู่ภพภูมิที่ดีแล้ว”

          “ผมไม่เก่งเหมือนคุณหรอกคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พึมพำ  ขอบตาร้อนผ่าวอีกครั้งเพียงได้ยินชื่อของลูก  “ผมทำไม่ได้  ผมหยุดคิดเรื่องลูกไม่ได้  มันเป็นความผิดของผม  เพราะผมโง่  ...ผมไร้ความสามารถ  ถึงปกป้องเขาเอาไว้ไม่ได้  ฮึก...ต้องมาตาย  ไปแบบนี้  หน้าก็ยังไม่เคยเห็นกันเลย..”  เสียงสะอื้นปนกับคำพูดฟังแทบไม่ออก  “ผมคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าคนอย่างผมคงให้กำเนิดใครไม่ได้  แล้วมันก็เป็นจริง ๆ ผมไม่ดีเอง  ผมทำให้เขาตาย”

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานกระชับวงแขนแน่นเข้า  ความรู้สึกข้างในของเขาตอนนี้ยิ่งกว่าความเสียใจที่เคยรู้สึกมาทั้งชีวิตเสียอีก  ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกพังทลายเหมือนปราสาททรายที่ถูกคลื่นซัด  ทว่าถ้าเขาแสดงความรู้สึกออกมามาก  อาคิราห์ก็จะยิ่งฟูมฟายแน่  “เธอไม่ได้ทำให้เขาตาย  คนชั่วที่จับเธอไปต่างหากล่ะที่เป็นคนฆ่าลูกของเรา”

          “แต่มันก็เกิดขึ้นเพราะผมนั่นเอง  ผมไว้ใจเขามากไป”  อาคิราห์พูด  ซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง

          “มันเกิดขึ้นเพราะฉัน  ฉันเป็นคนดึงเธอเข้ามา”  พิชช์ฌานพูดอย่างเจ็บปวด  “ฉันเป็นคนผิดที่สุด”

          “.........”  อาคิราห์สะอื้นแทนคำตอบ

          พิชช์ฌานปลอบอยู่นานจนกระทั่งอีกฝ่ายเริ่มสงบลง  เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาบนผิวแก้มเนียนให้เบา ๆ อดทนรออย่างใจเย็น  เขารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นบาดแผลใหญ่ในใจของอีกฝ่ายไปจนตาย ...เช่นเดียวกับเขา

          “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นได้มั้ย  เธอกับนิลลาไปไหนมา”  พิชช์ฌานถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

          อาคิราห์เงียบไปพักใหญ่

          “ผม...ผมตามนิลลาออกมา...”  เขาเริ่มเล่าตั้งแต่ต้นอย่างกระท่อนกระแท่น  คนฟังก็นิ่งรอฟังอย่างสงบโดยไม่ขัดจังหวะ  “...นิลลาบอกผมว่าเขาคือลูกโอเมก้าของแม่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่สวนสาธารณะนั่น  ผมตกใจมาก...”  พิชช์ฌานเบิกตากว้าง  “...แล้วพวกแทมมี่ก็มาล้อมผมเอาไว้  มันบอกว่าจะฆ่าผมแล้วโยนความผิดให้พวกอัลฟ่า  ผมไม่ยอม  ผมถามว่าพวกมันจะสู้อัลฟ่าได้ยังไง  มันบอกว่ามันมีพันธมิตรอยู่ต่างประเทศ  แล้วนิลลาก็อาสาเป็นคนยิงผม...จริงสิ  นิลลาล่ะ  เขาอยู่ที่ไหน”  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นถาม

          “นิลลาเป็นคนยิงเธอเหรอ”  พิชช์ฌานย้อนถามเสียงเย็นเยียบ

          “ใช่...ไม่ใช่ เขายิงคนที่จับตัวผมไว้  แล้วจากนั้น...”  ลำคอของคนพูดแห้งผาก  ภาพร่างของคนสนิทล้มลงจมกองเลือดยังติดตา  “เขารับกระสุนแทนผม  โดนยิงทั้งตัว”  อาคิราห์ตัวสั่น  “ผมพยายามหนีแต่สุดท้ายก็...” เขายกมือขึ้นจับที่หน้าท้องแน่น

          พิชช์ฌานหลับตาลง  กอดโอเมก้าแน่นเข้า

          “เธอเก่งมากแล้วที่ไม่ตาย  อาคิราห์...ถ้าเธอตายอีกคนล่ะก็..”  เสียงของพิชช์ฌานขาดหายไปในลำคอ  จูบที่ขมับเบา ๆ

          “ให้ผมตายเสียยังดีกว่า”  คนพูดหันหน้าหนี  “ผมไม่อยากอยู่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนี้  มันทรมานเกินไป”

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานว่า

          “คุณไม่เข้าใจหรอก  คุณไม่ได้เป็นคนอุ้มท้อง  ผมอยู่กับเขามาตลอด  เขาเป็นยังไงชอบถีบชอบดิ้นตอนไหนผมรู้หมด  แล้วดูตอนนี้สิ   คุณคิดว่าผมจะทำใจได้ไหม”

          “......”  พิชช์ฌานนิ่ง  ลมหายใจอุ่นจัดรดที่ซีกแก้มของอาคิราห์เป็นจังหวะ

          “ผมเคยบอกคุณแล้ว  เคยขอร้องคุณแล้วว่าให้หยุด  แต่คุณก็ไม่ยอมหยุด  แล้วเป็นไงล่ะ...ผมบอกคุณแล้ว”  อาคิราห์พูดเสียงแหบเครือ  “คราวหน้าจะเป็นใครอีก  ถ้าไม่ใช่คุณ”

          “เธอยังอยาก...ไปสวิตเซอร์แลนด์อยู่ไหม”  คนที่เงียบไปนานพูดขึ้น  คนฟังชะงัก

          “หมายความว่ายังไง”

          “ถ้าเธออยาก...ไปเที่ยว  พักผ่อนซักพักให้รู้สึก...สบายใจขึ้นล่ะก็”

          “คุณจะให้ผมไปเหรอ”  แววตาแห้งผากเริ่มมีประกายขึ้นเล็กน้อย  “คุณจะลางานไปได้เหรอ  หรือว่า...”  พูดออกไปแล้วก็นึกขึ้นมาได้เอง  อาคิราห์นิ่งงัน

          “ฉันยังไปไหนไม่ได้”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฉันต้องจัดการเรื่องทางนี้ให้เรียบร้อยก่อน  อย่างน้อยก็ต้องลากตัวเอาไอ้คนที่ฆ่าลูกของเราออกมารับโทษก่อน”

          “คุณจะให้ผมไปคนเดียวเหรอ”  อาคิราห์พูดด้วยเสียงเบาหวิว

          “ฉันอยากให้เธอได้พัก”

          “คุณไม่ต้องการผมแล้วใช่มั้ย”  อาคิราห์รู้สึกถึงความหนาวเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากข้างในอก  “คุณไม่ต้องการผมแล้ว”

          “ไม่ใช่อย่างนั้น  ฉันเป็นห่วงเธอ....ฉันไม่อยากให้เธอได้รับอันตรายอะไรอีก  อย่างน้อย...ออกนอกประเทศไปก่อนสักพักก็น่าจะปลอดภัย”  พิชช์ฌานแก้

          “ตอนแรกผมอยากไปเที่ยวมาก  คุณไม่ยอมให้ผมไป  บอกสารพัดเหตุผลให้ผมอยู่ต่อเพื่อประโยชน์ของคุณ  พอมาตอนนี้คุณกลับผลักให้ผมไปไกล ๆ จะเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมหมดประโยชน์แล้ว”

          “ไปกันใหญ่แล้วอัยย์  ฉันไม่ได้ไล่เธอไปเมืองนอกเพราะหมดประโยชน์นะ  ฉันรักเธอแค่ไหนเธอก็รู้  คิดว่าฉันอยากให้เธอไปห่างสายตาหรือยังไง  แต่มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดตอนนี้  ตราบใดที่เรื่องราวยังไม่เรียบร้อย  เธอก็จะเป็นเป้า  เป็นหมากให้พวกนั้นใช้มาทำลายฉัน”

          “.........”

          “อัยย์  ฟังฉันนะ  สถานการณ์ตอนนี้มันรุนแรงเกินกว่าที่ฉันจะป้องกันได้  ฉันเสียลูกไปแล้ว  ฉันไม่อยากเสียเธอไปอีกคนนะ”

          “คุณก็ไปกับผมสิ”  อาคิราห์โพล่งออกมา  “เราไปด้วยกัน  ทิ้งเรื่องบ้า ๆ เฮงซวยนี่ไว้  ช่างมัน”

          “ฉันทำไม่ได้”  พิชช์ฌานพูด  “ฉันเป็นนายกฯ  ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ฉัน  ฉันต้องจัดการให้จบ”

          “คุณคิดว่าตัวเองมีกี่ชีวิตกันคุณพิชช์ฌาน  คิดว่าตัวเองมีเก้าชีวิตเหรอ หรือว่าเป็นคนเหล็ก  โดนระเบิดโดนอะไรก็ไม่ตาย  คุณไม่อยากเห็นผมตาย  ผมก็ไม่อยากเห็นคุณตายเหมือนกันนะ”  อาคิราห์ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา  “ถ้าคุณจะให้ผมไปคนเดียวล่ะก็  ผมไม่ไปหรอก”

          “อาคิราห์”  พิชช์ฌานคราง  “ฉันเลือกทางที่ดีที่สุดให้เธอแล้วนะ   อย่าทำให้เรื่องมันยากได้มั้ย”

          “คุณก็เลือกทางของคุณ  ผมก็เลือกของผม”  อาคิราห์พูด

          “เธอไม่ฟังกันบ้างเลย”  คนพูดถอนหายใจเฮือก

          “ทีคุณยังไม่ฟังผมเลย  ทำไมผมจะต้องฟังคุณด้วยคุณพิชช์ฌาน”

          พิชช์ฌานกลับออกไปแล้ว  ทิ้งให้อาคิราห์นอนนิ่ง ๆ มองเพดานต่อตามเดิม  คำพูดของสามียังวนเวียนอยู่ในหัวสลับกับความจริงที่ว่าเขาได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปแล้วอย่างไม่มีทางหวนกลับ

          ท่านไตรคุณพ่อของเขากับอคินทร์มาเยี่ยมในตอนเย็น  อคินทร์เข้ามากอดแล้วปลอบไม่ให้เขาร้องไห้  แต่อาคิราห์ก็ทำไม่ได้  เขาปล่อยให้น้ำตาซึมออกมาเองโดยไม่คิดจะพยายามกลั้นเอาไว้อีก

          “แล้วคุณพิชช์ฌานว่าอย่างไรบ้าง”  ท่านไตรคุณถามขึ้นเรียบ ๆ ยกมือขึ้นลูบหัวของลูกชายเบา ๆ “คงเสียใจมาก”

          “เขาอยากให้อัยย์...”  อาคิราห์กลืนคำว่าไปอยู่สวิสฯลงคอได้ทัน  พิชช์ฌานคงไม่อยากให้เขาเล่าให้ใครฟัง โดยเฉพาะกับคนที่เจ้าตัวมองว่าเป็นศัตรูอย่างพ่อของเขา    “..ทำใจให้ได้”

          “เป็นพ่อก็คงจะถอนตัวออก”  ไตรคุณหลุดปากออกมา  “พ่อหมายความว่า  ...ไม่อยากให้อัยย์อยู่คนเดียว”

          “อัยย์...”  อาคิราห์ก้มหน้าลง  ความน้อยใจที่เพียรเก็บเอาไว้ผุดขึ้นมาเป็นระลอก  ในเวลาที่เขาต้องการพิชช์ฌานมากที่สุด  แต่อีกฝ่ายกลับเห็นงานสำคัญกว่าภรรยาอย่างเขา  จะทำอย่างไรได้...  “เขาก็ต้องทำตามหน้าที่”

          “อัยย์อยากกลับไปอยู่ที่บ้านเราสักพักไหม”  อคินทร์เสนอขึ้น  “เผื่อจะได้สบายใจขึ้น”

          คนฟังอึ้งไป  ภาพใบหน้าของมารดาผุดขึ้นมาทันควัน  เขายังไม่พร้อมกลับไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนั้นในตอนนี้  เพียงแค่คิดก็ขนลุกไปหมดด้วยความรู้สึกกดดันแกมรังเกียจ

          เขาไม่มีวันรับได้กับความจริงที่เธอทิ้งลูกโอเมก้าของตัวเองให้ตาย

          “ไว้ดูก่อน”  อาคิราห์พึมพำ  “หมอจะให้ออกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”

          “แล้วจะยังมีลูกอีกได้มั้ย”  อคินทร์ถามต่อมา   คนฟังกำมือแน่นจนเจ็บ

          “หมอบอกว่าได้  แต่ว่า...อาจจะยากขึ้น”

          “ก็ยังดีกว่าไม่ได้นะอัยย์”  อคินทร์ปลอบใจ  “ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตของอัยย์ไว้ก่อน  สำคัญที่สุดนะ”

          “คินจะกลับไปทัวร์อีกเมื่อไหร่”

          “ใกล้แล้วล่ะ  อาทิตย์หน้าก็จะปล่อยอัลบั้มใหม่แล้ว”  ศิลปินหนุ่มตอบเรียบ ๆ “เอาไว้อัยย์หายดีแล้วไปดูคอนเสิร์ตคินนะ  จองแถวหน้าให้เหมือนเดิม”

          อาคิราห์ยิ้มออกมา  พยักหน้ารับ

          ไตรคุณไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากลูบหัวลูกชายอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งกลับออกมาจากห้องพัก

          ......................................................................


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








          “คุณอาคิราห์ออกจากโรงพยาบาลวันนี้”  เจนภพพูดขึ้นหลังจากที่พิชช์ฌานก้าวออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน  “คุณฌานจะไปรับไหมครับ”

          “ไปสิ มีอะไรหรือเปล่า  ฉันให้เลื่อนประชุมผู้ค้ารายใหญ่ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

          “ครับ  แต่คุณอัยย์อยากจะแวะที่มูลนิธิฯครับ”  เจนภพพูดอย่างลำบากใจ  “ผมเกรงว่า....”

          “เขารู้ข่าวแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ “เขาเห็นข่าวในโทรทัศน์เมื่อวาน”   

          “คุณอัยย์คงเสียใจมาก”

          พิชช์ฌานไม่ได้พูดอะไร

          ซากกองปรักหักพังตรงหน้าของอาคิราห์ทำให้เจ้าตัวถึงกับเข่าอ่อน  หมดแรงเดินเสียดื้อ ๆ  กลิ่นเหม็นไหม้ยังคลุ้งอยู่ในบรรยากาศที่แห้งแล้งและหม่นหมอง  สนามหญ้าด้านหน้าทรุดโทรมแม้แต่แปลงกุหลาบของเขาก็ยืนต้นแห้งตาย

          “ใจร้ายมาก”  อาคิราห์พูดไม่ออก  จับมือของพิชช์ฌานเอาไว้แน่น

          ความพยายามหลายเดือนของเขาสูญเปล่า  หายไปในพริบตา  อาคิราห์ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกันแน่  ความเจ็บปวดเรื่องลูกยังไม่คลายก็กลับมาเจอเรื่องมูลนิธิฯที่เขาสร้างมากับมืออีก  ไหนจะคนสนิทที่ร่วมแรงร่วมใจกันมาจนเป็นรูปเป็นร่างได้ถึงขนาดนี้

          ไม่มีค่า  ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

          สมาชิกเพื่อนโอเมก้าไม่มีใครกล้ากลับมาที่มูลนิธิฯอีก  เข็มกลัดดอกกุหลาบกลายเป็นของต้องห้ามที่ต้องเก็บงำไว้มิดชิดไม่ก็ทำลายทิ้งเสียถ้าไม่อยากถูกหมายหัว  อาคิราห์ทอดสายตามองกองเถ้าถ่านตรงหน้า  เปลวเพลิงไม่ได้ทำลายเพียงแค่อาคารตึกปูนแต่มันทำลายความหวังของเขาจนย่อยยับ

          ที่เขาทุ่มเทลงไปทั้งหมด  สิ่งที่ได้รับก็คือ ลูกสาวของเขาตาย  ไม่มีโอเมก้าคนไหนลุกขึ้นมาปกป้องเขา   โอเมก้าด้วยกันก็เป็นคนทำลายชีวิตน้อย ๆ ที่ยังไม่ได้ออกมาดูโลก  แล้วเขาจะทำเพื่อโอเมก้าไปทำไมกัน  สู้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่บนกองเงินกองทองอย่างที่พวกมันพูดเอาไว้ไม่ดีกว่าเหรอ  อาคิราห์ยิ้มขื่น

จิตวิญญาณที่จะทำเพื่อโอเมก้าถูกเผามอดดับไปพร้อมกับกองเพลิงแล้ว 

“อาคิราห์”  พิชช์ฌานบีบมือของคู่ชีวิตแน่นเข้า  เสี้ยวหน้าที่ก้มลงมองพื้นนั้นซีดเหลืองเหมือนกระดาษ  “กลับไปพักก่อนเถอะ  เรื่องมูลนิธิฯ...ค่อยว่ากันทีหลัง”

“ผมเคยพยายามเพื่อพวกเค้า”  อาคิราห์พึมพำ  เงยหน้าขึ้น  “ไม่มีประโยชน์เลย”

“ใครว่าไม่มีประโยชน์  สิ่งที่เธอทำมันส่งผลมาก ๆ เลยนะ  ถึงได้มีคนไม่พอใจไงล่ะ”  พิชช์ฌานพูด

“คุณไม่โกรธหรือที่มันฆ่าลูกของเรา”

“โกรธสิ”  เสียงราบเรียบของพิชช์ฌานเปลี่ยนไป  “ฉันโกรธจนอยากจะแล่เนื้อมันออกมาทีละชิ้นเลยล่ะ” 

“ผมขอโทษ”  อาคิราห์พูดขึ้น

“ขอโทษเรื่องอะไร  ถ้าเป็นเรื่องลูกล่ะก็...แค่เธอไม่ตายก็ดีมากแล้ว  แต่ถ้าเป็นเรื่องมูลนิธิฯ  พังไปก็สร้างใหม่ได้”

“ผมไม่อยากทำมูลนิธิฯนี่แล้วล่ะ”  อาคิราห์ส่ายหน้า

“คนผิดก็อยู่ส่วนคนผิด  เป็นแค่โอเมก้าส่วนน้อยที่หลงผิดคิดจะใช้ความรุนแรง  แต่มันไม่เกี่ยวกับโอเมก้าที่เหลือที่รอความช่วยเหลืออยู่หรอกนะ”  พิชช์ฌานว่า  “เธอจะเหมารวมไม่ได้”

“ผม....ไม่อยากทำแล้ว”  เจ้าโอเมก้าถอนหายใจยาว  “มันท้อแล้วล่ะ”

พิชช์ฌานโอบไหล่บางเข้าหาตัว

“ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เรากลับกันก่อนเถอะ  แล้วค่อยว่ากันอีกที”  ชายหนุ่มพาอีกฝ่ายเดินกลับมาที่รถที่จอดรออยู่

พิชช์ฌานไม่ได้พากลับบ้านอย่างที่คิดแต่กลับพาไปที่บ้านของคุณนายนวลพรรณมารดาของตนเองแทน  คุณนายเข้ามาลูบเนื้อลูบตัวของลูกสะใภ้โอเมก้าอย่างสงสารแกมเห็นใจ  เก็บถ้อยคำที่อยากเหน็บแนมเอาไว้ทีหลัง

“นอนในห้องใหญ่นั่นแหละ  ขาดเหลืออะไรก็บอก”  เธอพูดเรียบ ๆ มองตามหลังร่างบอบบางที่เดินห่อไหล่ขึ้นบันไดไปยังชั้นบนบ้านเงียบ ๆ  “แล้วเมียลูกไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนยิงเอานะ”  เธอหันกลับมาถามลูกชายที่นั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขก

พิชช์ฌานเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้มารดาฟัง

“ตลกดีนะ  พวกโอเมก้าหัวรุนแรงอะไรเนี่ย  ร้อยวันพันปีไม่เห็นโผล่หัวออกมา  จู่ ๆ ก็ออกมาวางระเบิดซะงั้น”

“ผมก็คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังน่าจะหวังผลบางอย่าง”  ลูกชายตอบเนิบ ๆ

“จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่าเขาหวังผลอะไร”

“ผมคิดว่ารู้”  พิชช์ฌานตอบอย่างเหนื่อยอ่อน

“ก็ให้มันไปสิฌาน  เอาชีวิตตัวเองไปแลกไม่คุ้มหรอกนะ”  คุณนายนวลพรรณว่า

“ผมให้ไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้”  ผู้สูงวัยกว่าพูดเสียงแหลม  “รู้หรือเปล่าว่าลูกกำลังพูดเหมือนกับใครคนหนึ่งที่แม่เคยรู้จัก  เขาก็หัวรั้นแบบนี้แหละ  ดื้อด้านจนสุดท้ายเกือบตาย”

“คุณพ่อใช่ไหมครับ”

“ฮึ”  มารดาของเขาหันหน้าหนี  “ฉันพูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟังหรอกนะ  ไม่เห็นแก่ฉันก็ควรเห็นแก่ลูกบ้าง”

“แต่สุดท้ายคุณพ่อก็วางมือนี่ครับ”

“เพราะเห็นแก่นังนั่นไงล่ะ  กลัวนางคนนั้นมันตายถึงได้ยอมวางมือ”  แม่ของเขากระแทกเสียง  คนเป็นลูกอึ้งไป  “เรื่องสมัยก่อนก็ช่างมันเถอะ  ฉันไม่อยากจะใส่ใจแล้ว  แต่ว่าเรื่องของลูกมันเพิ่งเกิด  อะไรเป็นอะไรก็คงจะรู้ดี  ฉันเสียหลานไปคนหนึ่งแล้วไม่อยากเสียลูกไปหรอกนะฌาน”

“คุณแม่”  พิชช์ฌานถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้  “ผมรู้ว่าคุณแม่เป็นห่วงผม  ผมเองก็กำลังพยายามให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด ...อาคิราห์เองก็เสียใจมากจนไม่มีแก่ใจจะทำอะไร  ตอนแรกผมจะส่งเขาไปอยู่เมืองนอกสักพัก  รอให้อะไรมันดีขึ้นค่อยกลับมา  แต่ว่าเขาไม่ยอมไป”

“ใครจะยอมไป  ผัวอยู่ที่นี่ทั้งคน”

“แต่พอเป็นแบบนี้ผมก็เลยยิ่งเป็นห่วง  ห่วงหน้าพะวงหลังไปหมด  ไม่กล้าจะทำอะไรรุนแรง  ยิ่งมันเกี่ยวข้องกับ..”  พิชช์ฌานลดเสียงลง  “ช่างเถอะ  ...เอาเป็นว่าช่วงนี้ผมขอฝากอัยย์ไว้กับคุณแม่ก่อน  ฝากแม่ดูเขาด้วย  ชวนเข้าครัวหรืออะไรก็ได้  อัยย์คงจะดีขึ้นเองเร็ว ๆ นี้”

“แล้วลูกล่ะฌาน  จะไปไหน”

“ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการต่อครับ”  ลูกชายตอบอย่างสงบ

อาคิราห์มองผ่านช่องว่างของผ้าม่านไปยังคนข้างนอกหน้าต่าง  ร่างสูงใหญ่เดินกลับขึ้นรถออกไปจากบ้านของมารดาแล้ว  ทิ้งให้เขาอยู่เบื้องหลังเพียงคนเดียว

โฮ่ง ๆ

เสียงสุนัขดังขึ้นข้างหลังพร้อมกับร่างป้อม ๆ ขนฟูที่วิ่งเข้ามาหา  อาคิราห์ย่อตัวลงเล่นกับสัตว์เลี้ยงที่คุณนายเลี้ยงเอาไว้นั้น  ปล่อยให้พวกมันเลียหน้าเลียมือของเขาเล่น

หันไปมองปฏิทินที่ตั้งอยู่ข้างโทรทัศน์  ผ่านไปสิบสามวันแล้วที่ลูกไม่ได้อยู่กับเขา   

คุณนายนวลพรรณพยายามหาอะไรมาให้ลูกสะใภ้ทำตลอดเวลาไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว  แต่เมื่อไหร่ที่เผลอเธอจะเห็นอีกฝ่ายนั่งเหม่อลอย  มองออกไปยังหน้าต่างราวกับเฝ้ารออะไรบางอย่างที่ยังมาไม่ถึง

พิชช์ฌานแวะมาหาในตอนเย็นเกือบทุกวัน  บางวันก็มาตอนดึก ๆ ที่อาคิราห์เข้านอนไปแล้ว  ขึ้นกับว่าปลีกตัวมาจากตารางแสนยุ่งเหยิงได้มากน้อยแค่ไหน  ลูกชายของเธอผอมซูบลงไปมาก  ดวงตาคมเข้มที่เคยแพรวพราวคู่นั้นแห้งแล้งไร้ความสุขจนคนเป็นแม่ใจหาย

“วันนี้มาดึกจัง  นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว”  เธอทักเบา ๆ กระวีกระวาดลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม  “ทานอะไรมาหรือยัง  มีข้าวต้ม กินเสียหน่อยรองท้อง”

“ขอบคุณครับ  เดี๋ยวผมต้องกลับไปทำงานต่ออีก”  คนพูดทิ้งตัวลงนอนเหยียดยาวบนโซฟา  ยกมือขึ้นนวดขมับ  “อาคิราห์นอนแล้วเหรอ”

“นอนไปแล้วล่ะ  เห็นบ่น ๆ ว่าครั่นเนื้อครั่นตัว  ทำท่าจะไม่สบายเอา”  มารดาตอบกลับมาแล้วยกชามข้าวต้มควันฉุยมาวางตรงหน้าบุตรชาย  “กินเสียก่อน  กำลังอุ่น ๆ  สีหน้าลูกดูไม่ค่อยดีเลยนะ  ช่วงนี้งานหนักเหรอ”

“มีเรื่องต้องทำหลายอย่างน่ะครับ  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”  พิชช์ฌานพึมพำ  ตักข้าวต้มเข้าปากเคี้ยว  “ฝีมือแม่อร่อยเหมือนเดิม”

“ฝีมืออาคิราห์ต่างหาก”  มารดาแก้  คนฟังเลิกคิ้ว

“พัฒนาแล้วนี่”  ชายหนุ่มตักข้าวต้มเข้าปากอย่างรวดเร็วจนหมดชาม

“ฌาน”  แม่เขาเอื้อมมือไปเปิดโทรทัศน์ให้มีเสียงคลอเบา ๆ แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบ  “แม่ได้ยินมาว่าลูกถูกลอบยิงเหรอ”

คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

“เอามาจากไหนครับ   ข่าวโคมลอยทั้งนั้น”  พิชช์ฌานพูดเสียงแข็ง  “ถ้าผมถูกยิงจะมานั่งตรงหน้าแม่ได้แบบนี้เหรอ”  เขาหัวเราะ  พูดเสียงอ่อนลง  “ไม่มีอะไรหรอกครับ  สบายใจได้”

“ฝ่ายนั้นเขาไม่ยอมวางมือใช่มั้ย”  เธอพูดต่อ  “ฌาน...มันเกี่ยวกับคดีค้าโอเมก้าที่เป็นข่าวตอนนี้ใช่ไหมลูก”

“แม่ผมยังทันข่าวสารเหมือนเดิม”

“ถ้าใครเปิดทีวีก็ต้องเจอข่าวนี้ทั้งนั้น  แล้วที่พี่ชายของอัยย์เขาถูกจับอีกรอบนี่...ลูกได้คุยกับอัยย์บ้างมั้ย”

“ผมยังไม่ได้คุยเลยครับ  มาทีไร..เขาก็หลับไปแล้วตลอด”  พิชช์ฌานพูดเนิบ ๆ  “ความจริง  ผมก็ไม่อยากทำอะไรคนในครอบครัวของเขาเลย  เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นพี่น้องกับอาคิราห์แต่ว่าหลักฐานคราวนี้มันมัดตัวว่าเป็นเขา  ผมก็ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“ไตรภพคนนี้ฉันเคยรู้จักมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นเด็กดีมาก  ไม่อยากเชื่อเลยว่าโตขึ้นจะเปลี่ยนไปขนาดนี้”  คุณนวลพรรณว่า

“อำนาจทำให้คนเปลี่ยน”  พิชช์ฌานพูดขรึม ๆ

“แล้วลูกล่ะ  ..เปลี่ยนไปหรือยัง”

“ผมเหรอ”  ชายหนุ่มหัวเราะห้าว ๆ “ไม่รู้สิครับ”  เขายักไหล่  หยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมากดปิดแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกรอบ  เขาก้มลงกอดมารดาเอาไว้แน่น

“โตแล้วยังมาอ้อนแม่อีกเหรอ”  คุณนวลพรรณพึมพำ  ลูบผมหยักศกของบุตรชายเบา ๆ

“พักนี้กินเยอะแน่ ๆ ตัวแน่นมากครับ”  ลูกชายว่าพลางแกล้งบีบเนื้อต้นแขนของแม่เล่น  คนเป็นแม่ฟาดมือเข้าที่หลังแล้วหัวเราะ  “ล้อเล่นครับ  แม่ยังสวยเหมือนเดิม”

“อยากได้อะไรอีกก็ว่ามา  ลูกฉันน่ะแผนสูงนักแหละ”

“ผม...ฝากอาคิราห์ด้วยนะครับ  ไม่มีใครที่ผมไว้ใจเท่ากับคุณแม่อีกแล้ว”  คำพูดของลูกชายทำให้คุณนายนวลพรรณต้องดันตัวออกแล้วมองหน้า

“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไรฌาน  มีอะไรหรือเปล่า”

“ไม่มีอะไรครับ  ผมก็แค่เป็นห่วงเขา”  พิชช์ฌานส่ายหน้า   ยิ้มกว้าง  “ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วย”

“เอ้า  จู่ ๆ มาบอกฝากก็ต้องตกใจสิ  นึกว่าจะไปไหน”

“ผมไม่ไปไหนหรอกครับ  ต่อให้ตายก็วนเวียนอยู่แถวนี้แหละ”  เขาหัวเราะ ขณะที่คนฟังหน้าเครียด

“พูดอะไรเป็นลาง  แม่ไม่ชอบนะฌาน”

“ผมพูดไปอย่างนั้นเอง  แม่อย่าคิดมากเลยนะ  เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูอาคิราห์เสียหน่อย”

“ขึ้นไปสิ”

ห้องนอนเดิมที่เป็นห้องนอนเก่าของเขาถูกจับจองโดยเจ้าโอเมก้ามาเกือบเดือนแล้ว แสงไฟฟ้าลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในห้องพอเห็นเป็นเงารางๆ ว่ามีคนนอนหลับอยู่บนเตียง

พิชช์ฌานจรดฝีเท้าเข้าไปยืนจนชิด  ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นข้างเตียงแล้วชะโงกเข้าไปดูหน้าคนหลับใกล้ ๆ ได้ยินเสียงกรนเบา ๆ ลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มเต็ม  เขาเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ตกระหน้าผากออกเบา ๆ  ระวังไม่ให้อีกคนตื่น

“อืม..พิชช์ฌานหรอ”  สุดท้ายอีกฝ่ายก็ตื่นขึ้นจนได้  ดวงตากลมโตใสแจ๋วสะท้อนเงาในความมืด  พิชช์ฌานอมยิ้มเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียง   “กี่โมงแล้ว  ทำไมวันนี้มาดึกจัง”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างง่วงงุน

“เพิ่งเลิกงานเลยแวะมาหา  วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง”  เจ้าโอเมก้าขยับตัวให้ร่างสูงใหญ่ขึ้นมานั่งข้างกันบนเตียง  พิชช์ฌานสอดแขนไปโอบรอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้  รู้สึกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องแล้วเจ้าบู้บี้ของเขาจะผอมลงไปมาก  “ทำอะไรกินวันนี้”

คนฟังหันขวับมาตาโต

“คุณกินอะไรมาหรือยัง  มีข้าวต้มในหม้อแหละ...อร่อยมากเลย”

“โฆษณาเกินจริงหรือเปล่า”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  แตะที่ปลายจมูกมู่ทู่เบา ๆ “ฝีมือเธอหรอ”

“ไม่เกินจริงเลย  คุณแม่ยังกินตั้งสองชาม”  อาคิราห์ว่า  “นึกว่าคุณจะไม่มา  ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเก็บไว้พรุ่งนี้จะเสียหรือเปล่า”

“ลงไปกินด้วยกันไหม”

“ไม่เอาล่ะ  คุณกินเลย  ทั้งหม้อผมยกให้คุณ”  อัยย์พูด  ซุกหน้าลงกับอกของพิชช์ฌาน  นิ่งไปครู่หนึ่ง  “พี่ภพ...เป็นไงบ้าง”

“ตำรวจยังไม่ให้ประกันตัว”  พิชช์ฌานตอบเรียบ ๆ “มีหลักฐานว่าเขาสนับสนุนกลุ่มโอเมก้าหัวรุนแรงจริง ๆ”

คนฟังอึ้งไป

“หมายความว่า...เขา...เห็นด้วยกับแผนที่จะฆ่าผมเหรอ”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน  ทั้ง ๆ ที่รู้สึกสงบลงมากแล้ว  “เขาเป็นคนบงการหรอ”

“ยังไม่มีหลักฐานขนาดนั้น  แต่ว่าเขาให้สนับสนุนเงินทุนกับกลุ่มนี้จริงๆ”  พิชช์ฌานถอนหายใจ  “อย่าเพิ่งคิดมากเลย  คดียังอีกยาว  อาจจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่ก็ได้”

“เค้าเคยบอกว่าไม่เคยมีน้องเป็นโอเมก้า”  อาคิราห์พึมพำ  “ตั้งแต่เกิดเรื่อง  เค้าไม่เคยมาเยี่ยมผมเลย”  เขาพูด  อดเสียใจไม่ได้แม้จะทำใจเอาไว้แล้วก็ตาม  “พี่ภพใจดีกับผมมากที่สุด  ไม่นึกเลยจริง ๆ”

พิชช์ฌานขยับตัว  ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจ

“พรุ่งนี้เธอจะไปหานิลลาใช่มั้ย  เห็นเจนภพบอกฉัน”

“ใช่ครับ  ครบเดือนพอดีที่เขาจากไป”  อาคิราห์พูด  ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องที่แบนราบเหมือนเดิมเบา ๆ บาดแผลจากการผ่าตัดสมานดีแล้วทิ้งเอาไว้แต่รอยแผลเป็นกลางท้อง

“ถ้าเสร็จงานทัน...ฉันจะไปหา”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ “แต่ถ้าเลยหกโมงเย็นไปแล้วยังไม่ไป  ก็ไม่ต้องรอนะ...กลับบ้านได้เลย  ไม่ต้องรอแล้ว”

“กลับมารอต่อที่บ้าน”  อาคิราห์ยิ้มบาง ๆ “เมื่อคืนผมฝันด้วยนะ”

“ฝันว่าอะไร”  พิชช์ฌานถามกลับ  เม้มใบหูเล็ก ๆ นั้นเล่น  “ฝันถึงฉันหรือเปล่า”

“ผมจะฝันถึงคุณทำไมเล่า”  อาคิราห์ย่นจมูกใส่  “ผมฝันเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง  ใส่กระโปรงบานสีขาว  วิ่งเล่นในทุ่งหญ้า  ผมไม่เห็นหน้าเธอหรอก  แต่เสียงหัวเราะของเธอเพราะจับใจมาก ๆ”

“..เฌอริชช์”  คนฟังพูดหลังจากนิ่งไปนาน

“ลูกคงจะมาบอกว่าไม่ต้องห่วง  ยัยหนูคงไปอยู่ในที่ ๆ สบายแล้ว  ได้วิ่งเล่นในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่  มีความสุขกว่าเกิดมาในโลกนี้เป็นไหน ๆ”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงต้องที่หน้าผากของอาคิราห์  เจ้าโอเมก้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง  เขารู้ดีว่าใครบางคนไม่ชอบแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น  แม้ว่าจะยังพกรูปอัลตราซาวน์ของลูกติดในกระเป๋าสตางค์ตลอดเวลาก็ตาม

“ดีแล้วล่ะ”  พิชช์ฌานพึมพำ

“เอาไว้ ...ตอนที่ทุกอย่างดีกว่านี้  ค่อยมาเกิดใหม่นะ”  อาคิราห์จับมือใหญ่วางลงบนหน้าท้องของตัวเองแล้วกุมเอาไว้แน่น  “อดทนรอก่อน”

“เธอเข้มแข็งกว่าฉันเสียอีก  อาคิราห์”  พิชช์ฌานพูดเสียงพร่า

“ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนี้”  อาคิราห์ตอบอย่างสงบ  พลิกตัวกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  “คุณ...อย่าทิ้งผมไปไหนอีกคนนะ  ผมคงรับไม่ไหวแน่ ๆ”  เจ้าโอเมก้าพึมพำ

“ฉันจะทิ้งตัวบู้บี้ไปไหนได้”  พิชช์ฌานกระซิบ  จูบที่ข้างแก้มแผ่วเบา  “อดทนรออีกนิดนะ  อาคิราห์”

ร่างโปร่งบางในอ้อมกอดผล็อยหลับไปง่าย ๆ พิชช์ฌานดันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างระมัดระวังไม่ให้อีกคนตื่น  ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนอีกรอบก่อนจะตัดใจผละออกมาจากห้องนอน

.........................................................................................

“ท่านไตรคุณมาแล้วครับ”  เจนภพเข้ามากระซิบบอกเขาข้างหู  พิชช์ฌานขยับตัว  หันกลับไปมองผ่านบรรดาผู้แทนฯที่ยืนคุยกันอยู่ข้างหน้าห้องประชุมขวักไขว่  อดีตนายกฯ เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง

“คุณพิชช์ฌาน”

“ผมกำลังรอท่านอยู่เลย”  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ผายมือไปยังห้องด้านข้าง  “เชิญครับ”

“ฉันคิดว่าเราควรจะไปหาที่ ๆ เป็นส่วนตัวกว่านี้อีกสักหน่อย”  ไตรคุณว่า

“ที่บ้านผมเป็นไงครับ”  นายกฯคนปัจจุบันเสนอ  อีกคนไม่ปฏิเสธ

เจนภพบีบมือแน่นมาตลอดทางทั้งที่รู้ว่าแผนการของพี่ชายวางเอาไว้อย่างรอบคอบรัดกุมแค่ไหน  แต่ก็ไม่วายกังวลอยู่นั่นเอง  ชายหนุ่มมองไปยังกระจกหลังเพื่อดูรถที่ขับตามมาอีกรอบ

“ไม่มีใครลอบยิงเราตอนนี้หรอกน่า”  พิชช์ฌานพูดมาจากด้านหลัง

“ผมกลัวมันจะบ้าดีเดือด  ขับชนเราเลยมากกว่า”  เจนภพบอก  “ทำไมถึงต้องมาคุยที่บ้านด้วยครับ  ไม่กลัวมันระเบิดบ้านเหรอ”

“ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละถ้ามันคิดจะระเบิด”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ “ทางสารวัตรพร้อมแล้วใช่มั้ย”

“พร้อมครับ  โอย...คุณฌาน  เกิดมันควักปืนมายิงคุณจะทำยังไง”

“ยิงมาฉันก็หลบสิ”  ชายหนุ่มหัวเราะอีก

“ใครจะไปหลบกระสุนได้เล่า”  เจนภพเหมือนจะสติแตกไปแล้ว  “ให้ผมเข้าไปในห้องด้วยเถอะครับ  ผมรับรองว่าจะนั่งเงียบ ๆ ตอนที่คุณเจรจา”

“ฉันดูแลตัวเองได้น่าเจนภพ  อีกฝ่ายเป็นตาลุงแก่ๆนะ จะมาสู้แรงอะไรฉันไหว”

“คุณอย่าประมาทนะครับ  นายไตรคุณสมัยหนุ่ม ๆ ดุไม่แพ้คุณหรอกนะครับ  ขึ้นชื่อเลยแหละว่าโหดเอาเรื่อง”

“เจนภพ  เลิกพูดเหมือนคนแก่ทีเถอะ  ไม่งั้นฉันจะไล่นายลงจากรถตอนนี้เลย”  พิชช์ฌานพูดอย่างหงุดหงิด  “แล้วอัยย์อยู่ที่ไหนแล้ว  ส่งข่าวมายัง”

“คุณอัยย์ไปถึงแล้วครับ”

“ดีมาก  แล้วแม่ฉันล่ะ”

“อยู่กับคุณอัยย์ครับ  บ้านของคุณนายก็ปิดเอาไว้หมด”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่าลืมที่สัญญากับฉันเอาไว้นะเจนภพ  ห้ามทิ้งอัยย์นะ”

“โธ่ คุณฌานอย่าพูดแบบนี้สิครับ”

“ฉันพูดไว้ก่อน  แต่ยังไงเจรจาวันนี้ก็ต้องสำเร็จแน่  นายไตรคุณไม่มีทางดิ้นแล้ว”  พิชช์ฌานกำมือเข้าหากัน  “กลายเป็นลูกไก่ในกำมือฉันไงล่ะ”

..............................................................................

มาอัพต่อแล้วค่า

หายไปติดซีรี่ย์มา 5555

กลับมาต่อนิยายกันดีกว่าค่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

#ขอรักแค่คุณ


ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
  อ่านแล้วก็จะร้องไห้ตาม ระวังตัวกันด้วยนะเป็นห่วงมาก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
พิชฌาณทำเรื่องเสี่ยงอีกแล้ว

ออฟไลน์ Sorasora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้ามไปตอนจบเลยได้มั้ย หัวใจจะวายแล้ว.... :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ angelninae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 อ่านละนำตมซึมเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกที่เสียลูกไปมากๆ  :hao5: ถ้าฌาณไปอีกคนนี่อัยย์ใจสลายเลยนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด