[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267151 ครั้ง)

ออฟไลน์ suginosama

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 631
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
ตามอ่านจนครบค่ะ สงสารบู้บี้ที่สุดเลยค่ะ
แถมคุณสามีก็ยังต้องเจอทั้งศึกในศึกนอกอีก
เอาใจช่วยค่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารบู้บี้ แต่ก็อยากให้นายพิษชนะ

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารเจ้าบู้บี้จริง ๆ เลย เกมการเมืองนี่นะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยย อะไรกันมากมายนะ ไม่จบไม่สิ้น
พ่ออัยย ก็ร้ายพอกัน ในเมื่อคุยแล้ว ไม่จบ
ก็พร้อมลุย ให้พังกันไปข้างหนึ่ง
แต่ที่บอกให้อัยย์กลับบ้านได้เสมอ ก็ไม่ควร
เพราะยังไง ตอนอัยย์อยู่ก็ไม่ได้แคร์มาก

อัยย์น่าสงสาร เป็นคนกลางที่ยุ่งยากมากเลย
แล้วท้องด้วยไง เครียดไปอีกจ้า
เรื่องแม่ยังไม่จบดี ยังมาเรื่องพ่อกับเรื่องพิชญ์ฌาณอีก

ที่แม่อัยย์ทิ้งลูกคนที่สองไป คือไม่มีใครห้ามเลยหรอ
แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน ในใจคิดว่าเป็นนิลลา หรือเปล่า
ยังงงอยู่ว่าปลาตายได้ยังไง ใครทำ ใกล้ตัวมากเลยนะ

ชอบโมเมนท์อัยย์กับฌาณ น่ารักดีค่ะ ตอนงอแง ตอนแกล้งกัน
แต่พอตอนเจอเรื่องเครียดคือ สงสารอัยย์ ขึ้นมาเลยจ้า

เจนภพจะไปเจอพ่อไหมล่ะ หรือรอไปพร้อมกัน
แม่ฌาณก็น่ารักดีนะ เพราะรักลูกเลยเป็นหนัก
แต่งานนี้หมอดูช่วยได้ใช่ไหม 55555


ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เปิดตอนมาสดใสเชียว
่อ่านไปอ่านมาต้องมาลุ้นกันอีกแล้ว ฮือออ สงสารคนกลางอยู่นะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ่ยยยๆๆๆๆ ปวดใจ :katai1:
ดีที่ยัยบู้บี้เข้มแข็ง เคียงข้างต่อสู้ข้างสามี แม้ตาคุณพิษจะคลุมเครือก็เหอะ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 43



 

 

 

 

 

 

         “ทางตำรวจออกหมายเรียกเราไปชี้แจงแล้วครับ”  เจนภพเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของหัวหน้าพรรคที่กำลังนั่งทำงานอยู่อย่างเคร่งเครียด  พิชช์ฌานเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์  “เขาให้เราไปพรุ่งนี้เช้า”

          “สรุปมีเรื่องของใครบ้าง”

          “มีของ....”  เจนภพร่ายรายชื่อบุคคลในอดีตที่เขาเคย ‘จัดการ’ มาแล้วให้ฟัง  “...จักรกฤต  รินลดา แล้วก็ธีรดลด้วยครับ”

          คิ้วของคนฟังเลิกสูง

          “จักรกฤตตายแล้วคงตกไป  ส่วนรินลดากับธีรดลนี่คิดยังไงถึงมาแว้งกัดฉัน  โดยเฉพาะรินลดาที่พ่อของเธอเป็นนายทุนให้พรรคเรา”

          “ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ  ดูเหมือนว่าเธอจะทะเลาะกับคุณชาติชาย  ส่วนนายธีรดลน่าจะไม่พอใจที่คุณไม่ยอมให้เข้าพบ”

          “สองคนนั่นไม่มีหลักฐานหรอก  ถึงมีก็อ่อนเกินไปใช้การไม่ได้  แค่สร้างกระแสให้ตัวเองดูมีค่าขึ้นเฉย ๆ”  นักการเมืองหนุ่มว่า  ยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด  “ที่น่าเป็นห่วงคือชื่อก่อนหน้านั้นต่างหาก  ส่วนใหญ่ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนั้นเสียด้วย”

          “ผมคิดว่างานนี้เราน่าจะยาก  แต่ถ้าคุณฌานให้ท่านช่วยก็คง..”

          “ถ้าฉันอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้พ่อเห็น  ก็ต้องผ่านมันไปด้วยตัวเอง  ไม่ใช่ถึงเวลาก็วิ่งไปให้พ่อช่วย”  พิชช์ฌานพูดเสียงห้วน  “จริงอยู่ว่าคนพวกนี้เกรงใจพ่ออยู่มาก  บางคนก็เป็นหนี้บุญคุณกัน  แต่ฉันจะไม่ทำแบบนั้นหรอกนะเจนภพ”

          “ผมก็คิดว่าคุณฌานคงไม่ทำแบบนั้น”  น้องชายพูด  ยิ้มมุมปาก  “เพราะถ้าคุณทำ  ผมคงยื่นใบลาออกจริง ๆ”

          “ฉันคิดว่าบางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องดับเครื่องชน”  พิชช์ฌานพูดช้า ๆ “ถึงมันจะสุ่มเสี่ยง  แต่คงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

          “ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับที่คุณอาคิราห์ให้ผมขับรถไปส่งที่บ้านเมื่อเช้านี้”  เจนภพเดา  “คุณอัยย์คงไม่ได้คิดถึงบ้านเฉย ๆ แน่”

          “ฉันไม่สามารถไปบังคับอะไรเขาได้  เขาต้องเลือกด้วยตัวเอง  ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไรก็ตาม...ฉันจะน้อมรับมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”  พิชช์ฌานพูด  ซ่อนความเศร้าเอาไว้อย่างมิดเม้น

    ..................................................................................................

          ห้องนอนใหญ่ยังมืดสลัวเพราะผ้าม่านหนาหนักที่รูดปิดหมดรอบด้าน  เตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องมีร่างสูงสง่าของผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้นเห็นเป็นเงาราง ๆ  คุณหญิงอารยารู้สึกถึงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้เตียง  เธอคิดว่าเป็นแม่บ้านอย่างทุกวันทว่ากลับไม่ได้กลิ่นของกาแฟกับอาหารเช้าอย่างทุกครั้ง

          “เธอคือใคร  เข้ามาในนี้ได้ยังไง” คนบนเตียงขยับตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาไม่ใช่แม่บ้าน  คุณหญิงอารยาดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ  “ออกไปนะ  เข้ามาได้ยังไง”

          “คุณจำฉันไม่ได้สินะ”  นิลลาพูดเสียงเย็นเยียบ  “ก็แน่ล่ะ  คุณทิ้งให้ฉันตายอย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนไม่ใช่หรือ”

          “แกเป็นใคร  พูดพล่ามเรื่องอะไร”  เธอกรีดร้องออกมาอย่างมึนงงแกมตกใจ  ขยับถอยหลังไปจนสุดเตียง  จ้องมองร่างผอม ๆ ตาไม่กะพริบ

          “ฉันคือลูกที่คุณเอาไปปล่อยทิ้งเอาไว้ให้ตายอย่างทรมานยังไงล่ะ”  โอเมก้าร่างผอมบางพูดเสียงแหบ  ขยับเข้าไปใกล้เธอมากยิ่งขึ้น  “จำกันไม่ได้ล่ะสิ  แต่ว่าฉันจำคุณได้ดีเลยล่ะ  จำได้ขึ้นใจ...คุณไม่ยอมอุ้มฉันด้วยซ้ำ”

          “แกพูดอะไร  ฉันไม่รู้เรื่อง  ออกไปก่อนที่ฉันจะเรียกยาม”  เธอกรีดเสียง

          “เรียกมาเลย  ทุกคนจะได้รู้ถึงความโหดร้ายของคุณ”  ผู้บุกรุกพูดแล้วยิ้มอย่างเยาะหยัน  “คุณหญิงอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์ที่เอาลูกโอเมก้าวัยสองวันไปทิ้งเอาไว้กลางสวนสาธารณะในคืนที่ฝนตกหนัก  พาดหัวข่าวน่าสนใจดีนะ”  รอยยิ้มของโอเมก้าทำให้คนมองใจหล่นวูบ

          “อย่าบอกนะว่าแกคือ..”

          “โอเมก้าผู้รอดชีวิต...ฉันชอบฉายานี้นะ”  นิลลาพูด  “ฉันคือลูกของเธอไงล่ะอารยา  จำกันได้บ้างหรือยัง”

          “ไม่จริง ....ไม่ใช่  ฉันไม่เคยมีลูกเป็นโอเมก้าแบบแก  ฉันมีอาคิราห์คนเดียว  ถอยออกไปซะ  ยามอยู่ที่ไหน”  เธอหันไปคว้าโทรศัพท์แต่ว่านิลลาก็รีบดึงเอาไว้เสียก่อน  เธอสะบัดอย่างแรงแล้วพุ่งลงจากเตียงทว่าเจ้าโอเมก้าก็กระชากเส้นผมของเธอกลับมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย   “ปล่อยนะ  แกต้องการอะไร”

          “ต้องการให้คุณชดใช้ให้ไงล่ะ  ชีวิตแลกด้วยชีวิต”  นิลลาตบเปรี้ยงลงบนเสี้ยวหน้าของคุณหญิงจนเธอหน้าหัน

          “ไม่...ออกไป  ออกไปนะ”  เสียงของเธอสั่นด้วยความกลัว  เจ้าโอเมก้าล้วงเอาปืนพกอันเล็กขึ้นมาถือเอาไว้   นิลลากดมันลงกับเนินอกของอัลฟ่าผู้สูงศักดิ์  “ได้โปรด  อย่าทำฉันเลยนะ  ฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

          “ไม่ได้ตั้งใจอะไร  ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งลูกหรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะให้ฉันเกิดมา”

          “มันเป็นความผิดพลาด  ฉันไม่ได้อยากทิ้งเธอ แต่ว่าฉันไม่มีทางเลือก  ครอบครัวของไตรคุณบีบฉันมาก  ฉันให้ไตรคุณรู้เรื่องนี้ไม่ได้   ฉันต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก ๆ ที่เหลือ”  เธอพูดตะกุกตะกัก  “ฉันขอร้องล่ะ  อย่าทำฉันเลยนะ  เธอจะบาปมากรู้มั้ยถ้าฆ่าแม่ของเธอ”

          “เรียกตัวเองว่าแม่แล้วเหรอ”  นิลลาเลิกคิ้ว  “มันไม่สายไปหน่อยหรือไง”

          “ฉันขอแก้ไขความผิด  ฉันขอโทษเธอที่ทำแบบนั้นลงไป”          คุณหญิงพูดละล่ำละลัก  “ถอยออกไปเถอะนะ  ได้โปรดอย่าทำอะไรฉัน”

          “คุณอาคิราห์”  นิลลาหันไปเรียกเจ้านายที่ยืนถ่ายคลิปอยู่ในมุมมืดตั้งแต่แรก  มือของอาคิราห์สั่นสะท้านแต่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว

          “เป็นเรื่องจริงสินะ”  อาคิราห์พูด  ก้าวออกมาช้า ๆ “คุณแม่ทิ้งลูกโอเมก้าให้ตายจริง ๆ”

          “อาคิราห์”  คุณหญิงอุทาน  มองหน้าลูกชายคนเล็กอย่างตกใจแกมเจ็บปวด  “ฟังแม่ก่อนนะ”

          “ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาคุณไม่เคยพูดกับผมแล้วตอนนี้จะให้มาฟังอะไรอีกเหรอครับ”  อาคิราห์พูดช้า ๆ สะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้ภายใน  “ผมไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมผมถึงโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้  ผมโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่ถูกเอาไปทิ้งอย่างลูกคนนั้นของคุณ”

          “อัยย์  ฟังแม่ก่อน”  คุณหญิงอารยาพูด  “สมัยนั้นแม่ไม่มีทางเลือกเลย  ถ้าแม่ไม่ทำ  ลูกของแม่อาจจะถูกส่งไปอยู่ที่อื่น แม่เองก็คงไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อีก  แม่คิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่แม่จะทำได้  เป็นทางออก...ไม่มีใครยอมรับอัลฟ่าที่ให้กำเนิดโอเมก้า”

          “สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคืออะไรรู้ไหมครับ...แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ยังไม่ยอมรับลูกของตนเองเพียงเพราะว่าเป็นโอเมก้า  เจ็บปวดดีไหมล่ะ”  อาคิราห์ทิ้งมือลงข้างลำตัว  “แม่รู้ไหมว่าเด็กคนนั้นตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

          “ไม่ใช่..เขา...ใช่ไหม   ลูกหลอกแม่...”  เธอเหลือบมองไปทางนิลลาที่ยืนประสานมืออยู่อย่างสงบ

          “อ๋อ  ไม่ใช่แน่  นี่คือคนของผมเอง  ไม่ใช่ลูกของคุณแม่หรอกครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “ลูกของคุณน่าจะตายไปแล้ว”

          “ลูกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”

          “ผมบอกแล้วว่าไม่มีความลับในโลก”

          “...อรุณา”  คุณหญิงอารยาพูดชื่อของอดีตพี่เลี้ยงออกมาทันที  “วันนั้นลูกถามว่าทำไมมันถึงลาออกไป  แสดงว่ามันไม่ได้ไปต่างประเทศจริง ๆ ด้วยสินะ”

          “ไม่ใช่หรอกครับ”  อาคิราห์ปฏิเสธ  “มีผู้หวังดีส่งหลักฐานกับประวัติการคลอดบุตรของคุณมาให้”

          คนฟังนิ่งอั้น

          อาคิราห์ก้มศีรษะลงเล็กน้อย หมุนตัวก้าวออกมาจากห้องนอนแห่งนั้น  เขาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง

          “ผมเกลียดตุ๊กตาหมีที่แม่ซื้อมาปลอบใจผมทุกครั้งหลังจากที่พาคินไปเที่ยว  แต่ว่าตอนนี้...ผมยิ่งเกลียดมันเลยล่ะ”  เจ้าโอเมก้าพูดทิ้งท้ายแล้วก้าวออกไปจากห้องนอน

          “คุณอาคิราห์จะกลับบ้านเลยหรือเปล่า”  นิลลาถามขึ้นเสียงเบาขณะที่พวกเขาขึ้นมานั่งคู่กันบนรถที่เจนภพส่งมารับ  อาคิราห์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็หันไปกอดร่างผอม ๆ ของคนสนิทแน่น  ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น

          “นิลลา  นิลลา...”

          “..........”  นิลลาไม่ได้พูดอะไรออก  เขายกมือขึ้นแตะแผ่นหลังของเจ้านายแผ่วเบาแทนการปลอบโยน  ปล่อยให้คุณอาคิราห์ร้องไห้ออกมาอย่างนั้น  เนื้อตัวสั่นสะท้านเพราะความเสียใจที่พุ่งขึ้นมาผ่านกำแพงที่พยายามสกัดกั้นเอาไว้

          อาคิราห์ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา  ร้องจนปวดหน้าปวดตาไปหมด  จมูกบวมแดงหายใจไม่ออก  เขารับทิชชูมาเช็ดหน้าเช็ดตา  ความรู้สึกข้างในยังอัดแน่นอยู่ในอกเหมือนมีมือมาบีบตลอดเวลา  ถึงจะทำใจมาก่อนตั้งนานแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง  ทว่า...พอได้รู้จากปากของคนเป็นแม่เข้า  ความรู้สึกมันกลับแตกต่างลิบลับ

          นึกถึงคำพูดที่คุยกับพิชช์ฌานขึ้นมาได้  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เขาเลือกที่จะอยู่กับพิชช์ฌาน  ทว่า...ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจที่ยังตกค้างผสมกับความผูกพันทางสายเลือดทำให้รู้สึกทรมานเหมือนตกลงไปในกองไฟทีเดียว

          นิลลาลูบหลังของเจ้านายเบา ๆ ไม่มีคำพูดปลอบโยนจากปากจนกระทั่งเจ้านายเริ่มสงบลงเอง

          “ขอบใจมากนิลลา”  อาคิราห์ดันตัวออกมานั่งหลับตาพิงพนักเงียบ ๆ จนกระทั่งรถมาถึงบ้านของพิชช์ฌาน

          ชายหนุ่มเจ้าของบ้านรออยู่ก่อนแล้ว  อาคิราห์ส่งโทรศัพท์มือถือให้โดยไม่พูดไม่จาแล้วก็เดินขึ้นห้องนอนชั้นบนไป  พิชช์ฌานรับโทรศัพท์มาถือเอาไว้  สอบถามนิลลาจนได้ความว่าแผนสำเร็จลงด้วยดีแล้วก็ปล่อยให้นิลลาขึ้นไปเฝ้าเจ้านาย  ส่วนตัวเขาถือโทรศัพท์ที่มีหลักฐานชั้นดีเอาไว้อย่างระมัดระวัง

          เขาเปิดคลิปนั้นดูหลายรอบ  ให้ทีมช่วยเพิ่มเสียงและความคมชัดให้จนมั่นใจว่ามันกลายเป็นหลักฐานชิ้นเด็ดที่จะไว้ต่อรองกับอดีตนายกฯ  ชายหนุ่มให้เจนภพติดต่อไปยังฝั่งรัฐบาลโดยเร็วเพื่อนัดหมายพูดคุยกัน

          “คุณอัยย์จะต้องเสียใจมาก”

          “เขาเลือกแล้ว”  พิชช์ฌานพูด  “ยังไงวันนี้ก็จะต้องมาถึง  ไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปได้  ถ้าเขาไม่เห็นด้วย..ก็คงไม่ไปเอาหลักฐานชิ้นนี้มาให้ฉัน”

          “คิดว่าท่านไตรคุณจะรับข้อเสนอไหมครับ”

          “เขาไม่มีทางเลือก”  หัวหน้าพรรคทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ทำงาน  เคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะอย่างที่ชอบทำเวลาใช้ความคิด  “เขาบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง  ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปด้วยซ้ำเพราะเห็นแก่อาคิราห์”

          เจนภพลอบถอนหายใจยาว  ไม่มีใครสามารถหยุดคุณพิชช์ฌานในตอนนี้ได้อีกแล้ว

         .........................................................................

          พิชช์ฌานก้าวเข้าไปภายในห้องอาหารชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่เป็นจุดนัดพบ  นักการเมืองอาวุโสอดีตนายกรัฐมนตรีนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์  แม้ว่าชายหนุ่มรุ่นลูกจะส่งยิ้มไปให้แทนคำทักทายก็ตาม

          “เชิญนั่ง”  ไตรคุณพูดเรียบ ๆ ผายมือไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกัน

          บริกรเข้ามาเสิร์ฟอาหารให้อย่างนอบน้อม

          “ผมคิดว่า...”

          “รับประทานอาหารด้วยกันก่อนคุณพิชช์ฌาน  สำหรับฉันกองทัพต้องเดินด้วยท้องเสมอ”  ท่านไตรคุณพูด

          “อาคิราห์ก็เคยบอกกับผมแบบนี้”  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจระบายความตึงเครียด

          “ฉันเป็นคนสอนเขาเอง”

          ชายทั้งสองนั่งรับประทานอาหารด้วยกันเงียบ ๆ จนกระทั่งจบคอร์ส  ท่านไตรคุณโบกมือให้บริกรและผู้ติดตามออกไปรอข้างนอกห้องให้หมด  เหลือแค่เขากับลูกเขยเท่านั้น

          “คุณพิชช์ฌานขอเข้าพบฉันทั้งทีคิดว่าคงมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าการมาขอร้องธรรมดานะ”  ไตรคุณพูดเนิบ ๆ เหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มแล้วยิ้มมุมปาก  “ฉันไม่ได้ตั้งความหวังสูงเกินไปหรอกใช่ไหม”

          “ไม่หรอกครับ”  ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ  หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปวีดีโอส่งไปให้อดีตนายกฯ รับไปดู  เสียงกรีดร้องโวยวายและคำพูดตะโกนในนั้นฟังออกชัดเจนว่าคนในคลิปพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่  สีหน้าแววตาของผู้หญิงในภาพก็บอกอารมณ์ได้ดีเยี่ยม

          ไตรคุณจับตามองภาพในคลิปตาไม่กะพริบ  สีหน้าของนักการเมืองรุ่นเก๋าแทบไม่เปลี่ยนยกเว้นแต่เส้นเลือดที่ขมับที่เต้นตุบ ๆ จนพิชช์ฌานสังเกตเห็น  ชายหนุ่มซ่อนยิ้มอยู่ในใจ  อดทนรอจนกระทั่งคลิปสิ้นสุด

          “คิดว่าคลิปตัดต่อแบบนี้จะทำอะไรฉันได้งั้นหรือ”  ไตรคุณพูดออกเป็นประโยคแรก

          “ให้ประชาชนพิสูจน์ดีไหมครับว่าเป็นคลิปตัดต่อหรือเปล่า”  พิชช์ฌานยิ้มพราย

          “ต้องการอะไร”

          “ผมต้องการให้ท่านจัดการคดีแบล็คเมล์ของผมให้เรียบร้อย  และแถลงข่าวด้วยว่าหลักฐานของท่านเป็นเท็จ”

          “ไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”   

          “น้อยเกินไปด้วยซ้ำ  ผมควรจะต้องเอาผิดท่านกับภรรยาของท่านให้ถึงที่สุด  พวกท่านฆ่าคนตายนะครับ  อย่าลืม”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม  “ความผิดนี้เทียบไม่ได้เลยกับคดีแบล็คเมล์ของผม”

          ไตรคุณนิ่งไป

          “ฉันคงไม่สามารถแถลงได้ว่าหลักฐานแบล็คเมล์พวกนั้นของคุณเป็นเท็จ”  นักการเมืองอาวุโสพูดช้า ๆ

          “ถ้างั้นก็ต้องบอกว่าไม่มีมูล  ท่านต้องรับผิดชอบชื่อเสียงของผมที่เสียไป”

          “แต่ว่าคุณก็ทำมันลงไปจริง ๆ ไม่ใช่หรือไงคุณพิชช์ฌาน”  ไตรคุณเลิกคิ้ว  “คุณคงไม่คิดจะบิดเบือนความจริงหรอกนะ  เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิ  ทำอะไรไว้ก็ต้องกล้ารับ”

          “เป็นผมคงไม่กล้าพูดประโยคเมื่อกี้ออกมาแน่ครับ  โดยเฉพาะถ้าผมเป็นท่าน”  พิชช์ฌานโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน

          “ฉันไม่รู้เรื่องลูกโอเมก้าคนนี้  อารยาไม่เคยบอกฉัน  ฉันรู้เพียงแค่ว่าเธอแท้งเท่านั้น”  ไตรคุณปกป้องตนเอง

          “แล้วท่านรู้สึกอย่างไรบ้างครับที่ภรรยาของท่านเอาลูกแท้ ๆ ไปทิ้งเพียงเพราะว่าเป็นโอเมก้า  หรือว่าไม่รู้สึกอะไรเลย”  พิชช์ฌานกำมือ  ภาพใบหน้าเปื้อนน้ำตาของอาคิราห์ผุดขึ้นในความคิด  “ท่านไม่เคยสนใจความรู้สึกของโอเมก้าอยู่แล้วนี่ครับ  ขนาดลูกชายของท่าน  ท่านยังขังเอาไว้ในบ้านไม่ยอมให้เห็นเดือนเห็นตะวัน”

          “คุณพูดเกินไปแล้วคุณพิชช์ฌาน  จริงอยู่ว่าฉันให้อาคิราห์อยู่ในบ้าน  แต่ก็ทำไปเพื่อปกป้องตัวเขาเอง  ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของฉันเลย  ฉันเจ็บปวดด้วยซ้ำที่ไม่สามารถพาลูกไปเที่ยวข้างนอกได้”  ไตรคุณหยุดไปนิดหนึ่ง  “เอาไว้คุณเป็นพ่อคนแล้วก็จะเข้าใจ  หัวอกของคนเป็นพ่อที่ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าความปลอดภัยของลูก”

          “อย่าเอาวาทะของนักการเมืองมาใช้กับผมครับ  เพราะมันไม่ได้ผล”  พิชช์ฌานพูด  “คุณจะพูดให้มันสวยหรูอย่างไรก็ได้  แต่ว่าความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยันค่ำ  ความจริงที่ว่าคุณไม่ยอมรับโอเมก้า  ไม่ได้มองว่าเขาเป็นมนุษย์เท่า ๆ กันกับคุณ”

          ไตรคุณยักไหล่

          “แล้วแต่คุณจะคิด  คุณพิชช์ฌาน  ฉันจะไม่โต้แย้งด้วยอีก”  คนพูดลุกขึ้นยืนแทนการบอกว่าเสร็จธุระกลาย ๆ “ฉันจะต้องไปจัดการธุระต่อ”

          “หวังว่าการไปสถานีตำรวจของผมพรุ่งนี้จะมีข่าวดีนะครับ”  พิชช์ฌานพูดตามหลัง

          ชายหนุ่มกลับออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่เป็นของลูกเขยคนกลางของท่านไตรคุณ  เขากลับไปที่บ้านด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย  อย่างน้อยในวันพรุ่งนี้  ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิด  ข้อกล่าวหาของเขาจะต้องถูกปิดตกไปอย่างแน่นอน

          “คุณฌานกลับมาแล้ว”  เจนภพเข้ามารับหน้า  สีหน้าของน้องชายทำให้พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “มีอะไรหรือเปล่า”

          “ท่านสารวัตรวิญญูที่เคยดูแลคดีค้าโอเมก้ามารอพบครับ”

          “เคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ  ทำไมถึงได้มาอีก”

          “ไม่ทราบเหมือนกันครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นฝากคนขึ้นไปดูอาคิราห์ที  ไว้ฉันคุยกับสารวัตรเสร็จแล้วจะตามขึ้นไป”  พิชช์ฌานพูด  เขาตั้งใจจะขึ้นไปปลอบใจภรรยาก่อนในตอนแรก  เป็นอันต้องล้มเลิกเพราะเรื่องสำคัญกว่า

          นายตำรวจใหญ่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว  พอเจ้าของบ้านเดินเข้าไปก็ลุกขึ้นยืนก้มหัวให้  พิชช์ฌานก้มศีรษะรับ  เชิญให้นั่งอย่างเจ้าของบ้านที่ดี

          “ท่านวิญญูมาที่บ้านเองแบบนี้คงมีเรื่องสำคัญมากแน่ ๆ”

          “ผมทราบว่าคุณพิชช์ฌานกำลังถูกฝ่ายนั้นเล่นงานเอาเรื่องคดีแบล็คเมล์  ผมเลยอยากจะมาช่วยคุณครับ  ในฐานะที่คุณเคยช่วยผมมาหลายครั้ง”

          คิ้วเข้มของคนฟังเลิกขึ้น  พิชช์ฌานยิ้ม

          “ท่านจะกรุณาช่วยผมอย่างไรครับ”

          “ก่อนที่ผมจะโดนย้ายกลับส่วนกลาง  ผมกับทีมสืบสวนไล่แกะตัวอักษรย่อบนรายชื่อพวกนั้นได้ครบถ้วนแล้ว  แต่อย่างที่คุณฌานทราบก็คือ  มันเป็นเพียงแค่อักษรย่อเท่านั้น  ไม่สามารถใช้ไปยืนยันตัวตนใครได้”

          “ท่านอยากให้ผมทำยังไง”

          “ผมคิดว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่อักษรย่อ  แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ในการต่อรองครับ”  นายตำรวจส่งซองเอกสารมาให้พิชช์ฌานรับไว้  “ผมคิดว่าคุณฌานคงมีวิธีจัดการให้หลักฐานที่มีอยู่พวกนี้เป็นประโยชน์ได้มากที่สุดครับ”

          “ขอบคุณท่านมาก”  พิชช์ฌานพูดอย่างจริงใจ  “ท่านเป็นมิตรในยามยากของผม  ถ้าผมสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้  ผมจะไม่ลืมท่าน”

          “ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพิชช์ฌาน  เราตามขบวนการนี้มานานหลายปีแล้วแต่ไม่เคยกล้าที่จะทำอะไรเพราะรู้ดีว่ามีใครที่ใหญ่กว่าอยู่เบื้องหลัง  คุณเป็นนักการเมืองคนแรกที่กล้าเข้ามาจัดการปัญหานี้  ทำให้พวกผมมีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่  ถึงแม้จะปิดคดีไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร  ถือว่าผมและทีมได้ทำเต็มที่แล้ว  ผมเองก็จะได้เกษียณอย่างเต็มภาคภูมิ”

          “ถ้าผมได้เป็นนายกฯ  ผมจะไม่ทิ้งทีมของคุณและจะสานต่อคดีนี้ให้สำเร็จแน่นอนครับ  ท่านไม่ต้องห่วง”

          พิชช์ฌานส่งเอกสารให้เจนภพไปตรวจสอบ  ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนบ้าน  เห็นนิลลานั่งเท้าคางอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ของตัวเองก็ทักขึ้น

          “อาคิราห์ยังไม่ออกมาอีกเหรอ”

          “ยัง...ไม่ยอมกินข้าวด้วย”

          “ไปเอาถาดอาหารมา  เดี๋ยวฉันจัดการเอง”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนที่รูดม่านเอาไว้มืดสลัว  เขาเดินไปเปิดม่านออกทุกด้านจนห้องสว่างไสวในพริบตา

          “โอ๊ย แสบตา”  เสียงแหบ ๆ ดังมาจากคนที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าของเขา  พิชช์ฌานเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ชะโงกเข้าไปดูคนที่นอนร้องไห้จนตาบวมฉึ่ง

          “หน้าเธอบวมเหมือนอึ่งเลยอาคิราห์”  พิชช์ฌานว่า  ดึงตัวอีกคนให้ลุกขึ้นมานั่ง  “ไหนดูซิ  ร้องไห้น้ำตาหมดตัวหรือยัง”

          “ไม่ต้องมายุ่งกับผม  ผมอยากอยู่คนเดียว”

          “แต่ฉันอยากอยู่กับลูก  ลูกก็อยากอยู่กับฉันด้วย”  พิชช์ฌานอมยิ้ม  ทิ้งตัวลงนอนบนตักของเจ้าโอเมก้า  แนบใบหน้าเข้ากับหน้าท้องกลมนูนนั้น  “ไหนว่าไงครับ  ปลอบคุณแม่หน่อยซิลูก  เขาร้องไห้แง ๆ เลย  ขี้แยกว่าลูกอีกมั้ง”

          “ผมไม่เก่งเหมือนลูกของคุณพิชช์ฌานหรอก”  อาคิราห์ตอบเสียงอู้อี้

          “น้อยใจ ๆ มีคนน้อยใจใหญ่แล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “เมื่อกี้ฉันไปคุยกับคุณพ่อของเธอมา  อาคิราห์”

          “พ่อว่ายังไงบ้าง  ยอมไหม”

          “พ่อของเธอยอมถอย”  พิชช์ฌานพูดสั้น ๆ “แต่เขาบอกว่าไม่รู้เรื่องที่แม่ของเธอทำลงไป”

          อาคิราห์เงียบกริบ

          “เธอ...มีอะไรอยากพูด  อยากระบายกับฉันก็บอกมาได้นะ  ฉันจะอยู่ตรงนี้  ไม่ไปไหน”  พิชช์ฌานพูดเสียงนุ่ม

          “ผม...ผมแค่สงสัยว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่  แม่ผมทำขนาดนี้แล้วผมยังสมควรที่จะรักแม่เป็นแม่อยู่อีกมั้ย  แล้วพ่อของผมล่ะ  ผมสับสนไปหมด”     

          “ฉันเข้าใจ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “สมัยก่อนตอนที่พ่อกับแม่ฉันแยกทางกัน  ฉันเห็นตอนที่พ่อตบหน้าแม่แล้วก็ผลักจนล้มลงไปกองกับพื้น  ตอนนั้นฉันตกใจมากแล้วก็เกลียดพ่อมากด้วย”  ชายหนุ่มถอนหายใจ  “ฉันร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องจนแม่ขึ้นมาหา  แม่บอกให้ฉันยกโทษให้พ่อ”

          “แล้วคุณยกโทษให้มั้ย”

          “ฉันยกโทษให้  แต่ว่าฉันจำความรู้สึกนั้นเอาไว้  แม้ว่าหลังจากนั้นพ่อจะดูแลฉันเหมือนเดิมแต่ความรู้สึกข้างในก็ไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก  มันก็เหมือนแก้วที่มีรอยร้าว  ไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมนอกจากเอาไปหลอมใหม่เท่านั้น  แต่ถึงอย่างไร  พ่อก็คือผู้ให้กำเนิดฉัน  ทำให้ฉันเป็นพิชช์ฌานอย่างทุกวันนี้”

          “คุณกำลังจะบอกให้ผมยกโทษให้แม่งั้นหรือ”

          “ไม่มีใครสามารถบังคับอารมณ์ให้เป็นดั่งใจได้หรอกอาคิราห์  มันอยู่นอกเหนือการควบคุม  ที่ฉันจะบอกก็คือ..ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ให้เวลาเป็นตัวจัดการกับความรู้สึกนั้นแต่เราต้องอย่าไปจับไปยึดมันเอาไว้กับตัว  ปล่อยวาง..ยกโทษให้เขาไป”

          “คุณพูดเหมือนตาเฒ่าแก่ ๆ สักคนมากกว่าจะเป็นนักการเมืองที่ชื่อพิชช์ฌาน”  อาคิราห์เคาะ  อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ         

          “ฉันแค่พูดให้ดูดี  ถ้าฉันคิดได้จริงก็คงไม่วิ่งหัวหมุนแบบนี้”

          “ผมลองนึกถึงภาพที่เราสามคน  พ่อแม่ลูก  อยู่ด้วยอย่างมีความสุขในที่สักแห่งหนึ่ง  ไม่ต้องวุ่นวายกับโลก  ไม่ต้องคอยระวังตัวแจว่าจะมีใครลอบทำร้าย  ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแอบถ่าย  ไม่ต้องสนใจว่าใครจะเป็นยังไง  มันคงจะมีความสุขมากนะครับ”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือขึ้นลูบเส้นผมหยักศกบนตักเล่น  “ผมอยากตื่นตอนเช้ามาทำกับข้าวให้คุณกิน  ตอนบ่ายนั่งอ่านหนังสือกับลูก   ตอนเย็นเดินชมดอกไม้รอบบ้าน  คุณว่าดีไหม”

          “ดีสิ...หลังจากฉันเป็นนายกฯสักสามสมัยก่อนนะ”  พิชช์ฌานพูดกลั้วหัวเราะ

          “ผมกลัวว่าเราจะเปลี่ยนไป  อำนาจทำให้คนเปลี่ยน  มันมีผลขนาดนั้น”

          “มนุษย์เราเปลี่ยนไปทุกวันอาคิราห์  ไม่ใช่แต่เพียงมนุษย์แต่เป็นทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป  อำนาจอาจเป็นเพียงตัวเร่งให้เปลี่ยนไปในทางใดทางหนึ่ง”  พิชช์ฌานตอบ  “แต่ไม่ว่าอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร  สำหรับฉันแล้วเธอก็จะยังเป็นเจ้าตัวบู้บี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”

          คนฟังย่นจมูก

          “ไม่พัฒนาบ้างเหรอ  ใจคอจะให้ผมเป็นตัวบู้บี้จนตายเลยเหรอไง”

          พิชช์ฌานยิ้ม  ดันตัวลุกขึ้นแล้วจรดริมฝีปากเข้ากับกลีบปากอวบอิ่มนั้นแผ่วเบาก่อนจะเพิ่มน้ำหนักขึ้นตามแรงอารมณ์ที่เปลี่ยนไป  อาคิราห์เอนตัวลงกับเตียงนอนพลางโอบรอบลำคอหนาเอาไว้แน่น  ลูบไล้ท้ายทอยที่ปกคลุมด้วยผมหยักหนาอย่างเลื่อนลอย

          ...ถ้าสามารถหยุดเวลาเอาไว้ที่ตอนนี้ได้ก็คงจะดีมาก...อาคิราห์คิด

          ..........................................................................................


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk






          นักข่าวแตกฮือเข้าไปรุมล้อมรถยนต์สีดำปรอดที่แล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณของสถานีตำรวจตามเวลานัดหมาย  ร่างสูงใหญ่ของพิชช์ฌานก้าวลงมาจากรถด้วยความมั่นใจตามบุคลิกเดิม  พร้อมกับผู้ติดตามอีกเกือบสิบคน  ก้าวเข้าไปในตัวอาคาร

          “ท่านเตรียมตัวมาอย่างไรบ้างคะ  สำหรับข้อกล่าวหานี้”

          “ท่านคิดว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงมากน้อยแค่ไหนคะ”

          “ท่านจะหาทางรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้างครับ”

          นักข่าวยิงคำถามรอบตัวของนักการเมืองหนุ่ม  พิชช์ฌานยิ้มให้กล้องยกมือขึ้นปราม

          “ผมขอเข้าไปคุยกับทางตำรวจก่อนแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ  ว่าเป็นอย่างไรบ้าง”  เขาพูดสั้น ๆ แล้วเดินฝ่ากองทัพนักข่าวเข้าไปด้านใน

          บรรดานักข่าวต่างจับกลุ่มคุยกันอยู่ด้านนอก  คาดเดาเหตุการณ์ไปต่าง ๆ นานา  ใคร ๆ ก็รู้ว่าก่อนหน้านี้คะแนนเสียงของพิชช์ฌานกำลังขึ้นนำทว่าพอเจอเรื่องคดีแบล็คเมล์นี้เข้าไปก็เหมือนกลายเป็นโอกาสให้ทางไตรคุณกลับขึ้นมานำอีกครั้ง  การต่อสู้ที่ดุเดือดของการเลือกตั้งครั้งนี้ยังเป็นที่น่าจับตามองโดยเฉพาะจากสื่อต่างชาติด้วย

          “มาแล้ว  ออกมาแล้ว”  เสียงพูดดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ก้าวออกมาปรากฏตัว  รอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มบอกอารมณ์ของนักการเมืองหนุ่มได้เป็นอย่างดี

          “เป็นอย่างไรบ้างคะท่าน  กับการมาฟังและชี้แจงข้อกล่าวหาในวันนี้”

          “ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจและมาวันนี้นะครับ  ผมดีใจที่ทุกท่านมา  สำหรับการมารับฟังข้อกล่าวหาในวันนี้ผมขอเรียนทุกท่านดังนี้นะครับ ..”  ชายหนุ่มยิ้ม  “วันนี้ผมมายืนยันความบริสุทธิ์ของผมว่าผมไม่เคย..กระทำการตามที่ได้ถูกกล่าวหาเอาไว้นะครับ  และในเบื้องต้นที่ผมทราบตอนนี้ก็คือ หลักฐานที่ทางตำรวจมีอยู่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผมกระทำผิดจริงตามที่กล่าวหา”

          นักข่าวส่งเสียงกระหึ่ม

          “แสดงว่าเป็นการกล่าวเท็จหรือปรักปรำกันอย่างนั้นเหรอคะ”

          “ผมไม่อยากจะเรียกแบบนั้นนะครับ  เพราะผมก็เข้าใจความหวังดีของท่านอดีตนายกฯไตรคุณที่อยากจะช่วยเหลือ  ผดุงความยุติธรรมนะครับ  ผมคิดว่าเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของทางตำรวจดีกว่า  เดี๋ยวทางตำรวจจะออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้อีกทีตอนเย็น”

          “เรื่องนี้กระทบความน่าเชื่อถือและฐานคะแนนเสียงของคุณ  คุณพิชช์ฌานมองเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ  กังวลมั้ย”

          “ไม่กังวลเลยครับ”  พิชช์ฌานยิ้มนิด ๆ “เพราะผมเชื่อในวิจารณญาณของประชาชนและคนที่จะเลือกผมเข้ามารับใช้ประชาชน  ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าผมพูดว่าอะไรหรือใครบอกว่าผมเป็นยังไง  แต่ว่าคือ...ผมทำอะไรต่างหาก  สิ่งที่ผมได้ลงมือทำไปนั้นเป็นสิ่งที่นักการเมืองหลายยุคหลายสมัยไม่มีใครกล้าทำ  แต่ผมจะทำ”

          “มีอะไรอยากฝากถึงท่านไตรคุณหรือว่าพรรคการเมืองอื่น ๆไหมครับ”

          “ผมไม่มีอะไรฝากถึงครับ  พวกเราทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  ไม่ก้าวก่ายไม่รุกล้ำ  เล่นการเมืองอย่างสะอาด  ผมอยากเห็นการเมืองของเราโปร่งใส  ทุกคนสามารถแสดงความคิดได้อย่างเท่าเทียมครับ”

          “หลังจากนี้ท่านมีแผนจะทำอะไรอีกคะ”

          “ผมว่าจะกลับไปทานข้าวกับภรรยาก่อนเป็นอันดับแรก  เธอรอผมอยู่ที่บ้านครับ  ส่วนวันพรุ่งนี้ผมจะจัดปราศรัยครั้งสุดท้ายที่.....”  เขาพูดชื่อสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุง  “ใครสนใจไปฟังกันได้ครับ  ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง”

          “ท่านคะ  อีกคำถามค่ะท่าน  ท่านคะ”

          “ไว้ถามต่อพรุ่งนี้แล้วกันครับ  รอฟังจากทางตำรวจแถลงข่าวเย็นนี้ก็ได้  ผมต้องรีบกลับก่อน  ภรรยาผมหิวมากแล้ว”

          พิชช์ฌานก้าวยาว ๆออกมาขึ้นรถที่จอดรออยู่  นักการเมืองหนุ่มถอนหายใจยาวทิ้งตัวลงนั่งพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน  แม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปได้ด้วยดีก็ตาม

          “กลับบ้านเลยไหมครับคุณฌาน”

          “เดี๋ยวก่อน  พาฉันไปพบคน ๆ หนึ่ง”  พิชช์ฌานว่า  เขาคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่มากกว่าที่คน ๆ นั้นบอกอาคิราห์

          เป็นไปไม่ได้ที่เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะรอดพ้นสายตาของไตรคุณไปได้  เผลอ ๆ อาจจะเป็นตัวไตรคุณเองด้วยซ้ำที่ให้คุณหญิงกำจัดลูกโอเมก้าคนนั้น

          .........................................................................

          อาคิราห์นั่งเอนหลังอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่กำลังเปิดช่องแถลงข่าวเด่นวันนี้  ตำรวจใหญ่ผู้ดูแลคดีออกมาแถลงเรื่องหลักฐานของพิชช์ฌาน  ตรงตามที่นักการเมืองหนุ่มได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าตัวเขาพ้นจากข้อกล่าวหาทุกประการ

          “เห็นทีคราวนี้ท่านไตรคุณคงจะเจอกระแสโต้กลับหนัก”   นิ่มนวลหลุดพูดออกมาแล้วก็นึกขึ้นได้  เหลียวไปมองคุณอาคิราห์อย่างเกรงใจ

          “ไม่เป็นไรป้านิ่ม  เรื่องการเมืองสามารถแสดงความคิดเห็นได้อยู่แล้ว”  อาคิราห์ตอบเรียบ ๆ

          “ป้าไม่อยากให้คุณอัยย์ไม่สบายใจ”  แม่บ้านอาวุโสเอื้อมมือไปมาบีบนวดขาทั้งสองข้างของเจ้าโอเมก้าเอาไว้  “พรุ่งนี้คุณฌานจะมีปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายแล้ว  คุณอัยย์ไปด้วยใช่ไหมคะ  ป้าจะได้เตรียมปิ่นโตไปให้เป็นพิเศษ”  พูดถึงปิ่นโตแล้วคนฟังค่อยตาใสขึ้นมาหน่อย  อาคิราห์ลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง

          “ผมจะไปช่วยป้านิ่มทำปิ่นโตเองครับ”

          “เอ่อ..แต่คุณพิชช์ฌานไม่ควรท้องเสียนะครับวันนั้น”  เจนภพเดินเข้ามาได้ยินพอดีรีบพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ  “ผมหมายถึงว่า...อากาศอาจจะร้อนจนอาหารบูด”

          อาคิราห์ตวัดสายตามองน้องชายของสามีเร็ว ๆ อย่างขวาง ๆ

          “งั้นคุณเจนภพก็ไม่ต้องกินก็แล้วกัน”

          “โธ่  คุณอัยย์  ผมพูดเล่นน่ะครับ”  เจนภพรีบบอก  “ทำเผื่อผมอีกสักคนจะไม่ลืมพระคุณเลยครับ  ยังไงพรุ่งนี้จะต้องยุ่งมากแน่ ๆ  ฝีมือคุณอัยย์อร่อยจะตาย  ผมทานคราวก่อนยังติดคอ เอ๊ย..ติดใจ”

          “คุณเจนภพ”  อาคิราห์เข่นเขี้ยว

          คืนนั้นพิชช์ฌานกลับบ้านดึกกว่าทุกครั้ง  อาคิราห์เดาเอาไว้คงเป็นเพราะว่าต้องเตรียมตัวปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง  เจ้าโอเมก้าแกล้งทำเป็นหลับตอนที่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหยุดยืนข้างเตียงนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ก้มลงมาจูบที่แก้มเขาเบา ๆ ก่อนจะผละไปอาบน้ำ

          อาคิราห์ผล็อยหลับไปเองก่อนที่สามีจะกลับออกมานอนด้วย

...

          วันปราศรัยใหญ่ได้มาถึง  อาคิราห์ตื่นแต่เช้าตรู่ด้วยความตื่นเต้น  เขาช่วยป้านิ่มจัดเตรียมอาหารสำหรับสามีและทีมงานพรรคบางส่วน  ลูกพรรคทยอยมาประชุมที่บ้านของพิชช์ฌานตั้งแต่เช้าเช่นกัน  ท่าทางแต่ละคนตื่นเต้นไม่แพ้กัน

          “คุณอาคิราห์  เป็นอย่างไรบ้างครับ”  นายจรัญทักทายเขา  “มูลนิธิฯของคุณไปได้สวยไหมครับ  ผมสนใจที่จะบริจาคอยู่นะ”

          “ขอบคุณครับ”  อาคิราห์ตอบ  “ลงชื่อเอาไว้เลยไหมครับ  นิลลา..”  เขาเรียกหาโอเมก้าคนสนิทให้เข้ามาจดรายการ   “คุณจรัญไม่ต้องเกรงใจนะครับ  มูลนิธิฯของเราไม่มีขั้นต่ำ  บริจาคให้ได้ตามกำลังทรัพย์ของคุณเลยครับ”

          นายจรัญหัวเราะแห้ง ๆ ล้วงสมุดเช็คขึ้นมาเซ็นส่งให้นิลลารับไว้  อาคิราห์เหลือบมองตัวเลขบนนั้นอย่างพอใจ  เห็นทีนายจรัญจะเป็นคนหน้าใหญ่ใช้ได้ทีเดียว

          พวกเขาเดินทางไปยังสวนสาธารณะกลางเมืองที่ใช้เป็นที่จัดเวทีปราศรัยครั้งสุดท้าย  ผู้คนพากันเดินทางมาสมทบทีละส่วนจนเต็มพื้นที่ไปหมด  บรรดาเพื่อนโอเมก้าต่างก็แวะเวียนกันเข้ามาพูดคุยทักทายกับเขา  ใครที่เข้าร่วมกับมูลนิธิฯแล้วก็ติดเข็มกลัดดอกกุหลาบสีแดงสดเอาไว้บนหน้าอกอย่างภาคภูมิ  ใครที่ยังไม่มีก็เข้ามาต่อแถวรอลงชื่อกันอย่างคึกคัก

          ระหว่างนี้บนเวทีก็มีบรรดาผู้สมัครของพรรคจากเขตต่าง ๆ เวียนกันขึ้นมากล่าวปราศรัยสลับกับเล่นเกมสร้างบรรยากาศสนุกสนานจนกระทั่งล่วงไปเวลาบ่ายแก่  ก็ถึงเวลาของพิชช์ฌานที่จะขึ้นมากล่าวปราศรัยซึ่งเป็นเวลาที่คนเลิกงานพอดี  พื้นที่โล่งกว้างของสวนสาธารณะแห่งนั้นดูแคบไปถนัดใจเมื่อคนเมืองต่างมากันมืดฟ้ามัวดิน

          หัวหน้าพรรคการเมืองหนุ่มเดินขึ้นเวทีอย่างมั่นใจ  โบกมือส่งยิ้มให้กล้องแบบคนเจนสนาม  เขาไม่ลืมส่งจูบให้ภรรยาที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของเวทีด้วย  อาคิราห์ส่งจูบตอบกลับมาพร้อมกับหน้าแดง

          “สวัสดีทุกท่านที่สละเวลามาร่วมงานปราศรัยครั้งสุดท้ายของพรรคในวันนี้ครับ”  พิชช์ฌานเกริ่นก่อนจะเริ่มสรุปนโยบายในส่วนต่าง ๆ สั้น ๆ ด้วยภาษาที่เข้าในง่าย  เขาแทรกมุกตลกเป็นระยะเพื่อให้ผู้รับฟังผ่อนคลาย  “...นโยบายหลัก ๆ ของผมก็มีเพียงเท่านี้  รายละเอียดลงลึกผมขอไม่พูดแล้วนะ  ผมใส่ไว้ให้ในแผ่นพับหมดแล้ว  ส่วนเรื่องจะทำได้จริงหรือไม่  ผมคิดว่าทุกท่านที่มาในวันนี้น่าเชื่อมั่นในตัวผมและพรรคพอสมควร  ...มีคำถามไหมครับ”  เขาเปิดโอกาสให้คนฟังยกมือขึ้นถาม

          อาคิราห์นั่งฟังพิชช์ฌานตอบคำถามจากคนที่มาฟังอย่างภาคภูมิใจ  เพราะพิชช์ฌานลงมือทำจริง  บางนโยบายเป็นความคิดของชายหนุ่มล้วน ๆ เขาถึงสามารถตอบได้หมดทุกคำถามพร้อมกับความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ

          “...ผมเชื่อว่าพี่น้องทุกท่านที่เสียภาษีให้กับรัฐไม่ว่าจะมากหรือน้อยต่างก็อยากได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากบริการของรัฐ  ให้คุ้มกับภาษีที่เสียไป  ไม่ใช่ต้องตื่นตีสี่เผื่อเวลาเดินทางไปทำงานสามชั่วโมง  วันไหนฝนตกจราจรเป็นอัมพาตไม่ต้องออกจากบ้าน   เผลอ ๆ น้ำท่วมอีก  นี่คือปัญหาที่ผมมองเห็น  รัฐได้งบประมาณไปปรับปรุงเรื่องพวกนี้ทุกปี  แต่ว่า...ทำไมปัญหากลับไม่ได้รับการแก้ไขเสียที  เกิดซ้ำวนเวียนเป็นวัฏจักรอยู่นั่นเอง  เผลอ ๆ อีกยี่สิบสามสิบปีก็จะยังเป็นเหมือนเดิมหรือหนักขึ้น”   พิชช์ฌานเว้นระยะ  มีเสียงพึมพำอย่างเห็นด้วยมาจากผู้ฟังด้านล่าง

“นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยว่างบประมาณพวกนั้นหายไปไหน  ผมและทีมงานได้ไปตรวจสอบ...คร่าว ๆ นะครับ ยังไม่ได้ลงลึก  เพราะว่ายังไม่มีอำนาจที่จะลงลึกได้  แต่แค่คร่าว ๆ ผมก็พบว่ามีเม็ดเงินที่สูญไปในระหว่างการดำเนินโครงการต่าง ๆ เรียกว่าเงินค่าดำเนินงานเนี่ยนะครับ  เป็นจำนวนมากพอดู  เงินหายไปอย่างสมเหตุสมผลหรือเปล่า  นี่คือคำถาม   ถ้าคุณเลือกผมและทีม  ผมจะเข้ามาจัดการเรื่องนี้  ทวงคืนผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของพวกคุณกลับคืนมา”

คำถามยังคงมาจากทุกทางไม่หยุดยั้ง  พิชช์ฌานเองก็ตอบได้ลื่นไหลไม่ติดขัดเช่นกันจนกระทั่งแสงแดดหมดลงต้องพึ่งแสงจากเสาไฟฟ้าแทน

“มืดแล้วเหรอเนี่ย  เราคุยกันจนมืดเลย..พวกคุณเมื่อยหรือเปล่า  ...ขอบคุณครับ” เด็กหญิงคนหนึ่งถือดอกกุหลาบสีแดงมายื่นให้ข้างหน้าเวที  “ให้อาใช่ไหมคะ  ค่อยยังชั่ว”  พอเด็กพยักหน้ารับเขาถึงได้รับมาถือเอาไว้  “เดี๋ยวนี้เวลามีคนให้ดอกกุหลาบต้องถามก่อนว่าให้ผมหรือเปล่า  เพราะส่วนใหญ่ไม่ใช่  เป็นของเมียผม”

          อาคิราห์หัวเราะ

          “แต่ไม่เป็นไรครับ  เพราะผมเองก็เคยบอกกับเขาเองว่า  ดอกกุหลาบทุกดอกในประเทศนี้จะบานเพื่อเขาคนเดียว”  พิชช์ฌานกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นหน้าของคนฟังแดงก่ำ   ตัวบู้บี้ของเขาเขินจนแทบจะม้วนลงจากเก้าอี้  “ใจเย็น ๆ ท้องอยู่  เดี๋ยวตกเก้าอี้ไปไม่มีใครอุ้มไหวนะ”

          อาคิราห์ย่นจมูกใส่

          พิชช์ฌานกล่าวปิดการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายพร้อมกับสนับสนุนให้ทุกคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มาก ๆ แม้จะไม่ได้เลือกเขาก็ไม่เป็นไร  “....หวังว่าในวันเลือกตั้ง  ประชาธิปไตยและความเท่าเทียมกันของสิทธิมนุษยชนจะเบ่งบานเหมือนดอกกุหลาบในมือผมนะครับ”   เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนานจนอาคิราห์รู้สึกใจเต้นตึกตัก  เขาเดินเข้าไปหาสามีด้วยความดีใจ

          “ฉันพูดดีไหม”

          “ดีทุกอย่างยกเว้นตอนที่หันมาหาผม”  อาคิราห์ว่า  อีกฝ่ายหัวเราะหึ ๆ โอบเอวของเขาเข้าหาตัว

          “จริง ๆ วันนี้ต้องไปหาหมอตามนัดฝากครรภ์นี่ใช่มั้ย”

          “ใช่  แต่ไว้วันหลังก็ได้”

          “ไม่ได้  นัดเป็นนัด  เดี๋ยวเสร็จงานทีนี่แล้วเราไปกัน”  พิชช์ฌานกระซิบข้างหู  “ฉันโทรไปบอกหมอเอาไว้แล้วให้รอด้วย”

          “เกรงใจหมอ”  อาคิราห์พึมพำ  แต่ก็ไม่ขัดใจสามี

          พวกเขาอยู่ถ่ายรูปและพูดคุยต่อจนทุกคนเริ่มแยกย้ายกันกลับถึงได้นั่งรถแยกออกมาตรงไปยังโรงพยาบาลด้วยกัน  คุณหมอฉัตรินรออยู่ก่อนแล้ว

          “ผมได้ดูปราศรัยใหญ่เมื่อกี้นี้ด้วย  คุณอาคิราห์ดูดีมากจริง ๆ ครับ”  นายแพทย์หนุ่มพูด

          “อาคิราห์ไม่ได้พูดสักคำ  ทำไมไม่ชมผมบ้างล่ะ”  รุ่นน้องรีบถาม  “ผมเป็นคนพูดตั้งสามชั่วโมง”

          “นายก็ดูดีอยู่แล้วนี่  ต้องให้ชมอีกเหรอ”  ฉัตรินหัวเราะหึ ๆ “วันนี้หมอจะอัลตราซาวน์นะครับ  ถ้าโชคดีก็จะเห็นเพศด้วย”

          ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นขึ้นมาทันที  อาคิราห์กระวีกระวาดขึ้นไปนอนบนเตียงเตรียมตรวจ  เปิดเสื้อโชว์หน้าท้องกลมนูนให้หมอตรวจอย่างเต็มใจ  ตาจ้องเป๋งไปยังหน้าจอขาวดำที่ปรากฏขึ้น

          “...ถามก่อนว่าอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

          “เพศไหนก็ได้ครับ” อาคิราห์เป็นคนตอบ  สูติแพทย์หัวเราะเบา ๆ

          “เพศอะไรก็ได้หมอ  ผมตั้งชื่อเตรียมเอาไว้แล้วทั้งคู่”  พิชช์ฌานยิ้มกว้าง  “ดูแบบนี้ผู้หญิงแน่ ๆ”

          “อืม...ผู้หญิงนะคนนี้”  คุณหมอว่า

          อาคิราห์จ้องที่หน้าจอนิ่ง  เพ่งมองจุดวิบวับที่เป็นตำแหน่งของหัวใจเด็กอย่างตั้งใจ  คุณหมอเปิดเสียงหัวใจของลูกให้ฟังด้วย  มันถี่เร็วแต่ก็จับใจคนเป็นแม่นัก

          “ลูกแข็งแรงมั้ยครับ”

          “แข็งแรงดี”  คุณหมอตอบกลับมา  “กินวิตามินที่ให้ไปมั้ย”

          “ผมกินทุกวันไม่เคยขาด”

          “ดีมาก  วันนี้ผลเลือดก็ดี”

          รอพิชช์ฌานอัดคลิปครบทุกมุมแถมด้วยเสียงเต้นของหัวใจลูกเสร็จแล้ว  อาคิราห์ถึงได้ลงมาจากเตียงได้  คุณหมอนัดตรวจอีกทีเดือนหน้า

          “ถึงตอนนั้นฉันคงกลายเป็นแพทย์ประจำตัวโอเมก้าหมายเลขหนึ่งแล้วกระมัง”  ฉัตรินพูดยิ้ม ๆ

          “อะไรก็เกิดขึ้นได้  ผมก็ไม่อยากพูดไปก่อน”  พิชช์ฌานว่าทั้งที่ยิ้มไม่หุบ

          “คงไม่พลิกโผแล้วล่ะ”

          “ขอให้เป็นอย่างนั้น”

          พวกเขากลับออกมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน  เจนภพขับรถพาพี่ชายและพี่สะใภ้มาส่งที่บ้านก่อนจะกลับออกไป  พิชช์ฌานบอกว่าช่วงก่อนวันเลือกตั้งมักจะยุ่งวุ่นวายเป็นพิเศษ

          “คุณไม่ได้ซื้อเสียง  หรืออะไรทำนองนั้นใช่มั้ย”  อาคิราห์ดักคอ  สามีหัวเราะ

          “เอาเงินซื้อมันโบราณแล้ว”

          “แสดงว่าใช้อย่างอื่นล่ะสิ”

          คนฟังหัวเราะ ไม่ยอมตอบ  อาคิราห์ก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรอีก  เขาอยู่กับพิชช์ฌานจนรู้แล้วว่าอะไรที่อีกฝ่ายอยากบอกก็จะบอกออกมาเอง  แต่ถ้าไม่อยากบอกล่ะก็  ต่อให้เซ้าซี้หลอกถามแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้

          “มานั่งนี่มา”  พิชช์ฌานตบเบา ๆ ข้างตัว  เจ้าโอเมก้าขยับขึ้นมานั่งบนเตียงพิงอกเขาเอาไว้  “วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า”

          “ไม่เหนื่อย”  อาคิราห์ส่ายหน้าไปมา  “แต่ร้อนไปหน่อย”

          “รอบหน้าไม่เอาแล้วสวนสาธารณะ  ไปปราศรัยบนห้างดีกว่า  เมียฉันจะได้ไม่ร้อน”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “เหงื่อไหลไคลย้อย  หน้าม้าแตกหมด”

          “หน้าม้าแตกอะไรของคุณ”  อาคิราห์พ่นลมออกจากจมูก  “แล้วพรุ่งนี้คุณต้องทำอะไรบ้าง”

          “ก็คงประชุมพรรคทั้งวัน  เตรียมแผนสำรองเอาไว้ในรูปแบบต่าง ๆ”  พิชช์ฌานว่า  “ไปนั่งเล่นที่พรรคไหมล่ะ”

          “ก็ดีเหมือนกัน”

          มือใหญ่เอื้อมมาลูบไล้ที่หน้าท้องนูน ๆของเจ้าโอเมก้าเบา ๆ ผิวสีน้ำผึ้งกระจ่างยิ่งดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นไปกว่าเดิมในสายตาของพิชช์ฌาน  เขาเคาะที่หน้าท้องเบา ๆ

          “ยัยหนู  หลับหรือยังน่ะ”  เขาเรียก  “กินอิ่มแล้วก็นอนหลับอุตุเหมือนแม่แน่ ๆ”

          “แหม  คุณนี่มันชอบใส่ร้าย”  อาคิราห์ขยับตัว  “หนูอย่าไปฟังพ่อเขานะลูก”

          “เฌอริชช์”  พิชช์ฌานพูดชื่อ ๆ หนึ่งออกมา  คนฟังขมวดคิ้ว

          “อะไรนะครับ”

          “เฌอริชช์  ชื่อยัยหนูของพ่อคือเฌอริชช์”  พิชช์ฌานสะกดให้ฟัง  อาคิราห์ตาโต   “เธอชอบไหม  ชื่อนี้”

          “ชอบมาก”  เขาตอบเต็มปากเต็มคำ  เจ้าโอเมก้าวางมือทับลงบนมือของสามี   “เฌอริชช์...”

อดใจรอพบหน้ายัยหนูแทบไม่ไหวแล้วล่ะ   

     .................................................................................................

         

          มาอัพตอนใหม่แล้วค่า อิอิ

          ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ  ปลาบปลื้มกับทุกฟีดแบคค่ะ  วิเคราะห์กันทุกแง่มุม  แค่อ่านคอมเม้นท์ก็สนุกมาก ๆ แล้วค่ะ  ฮ่าๆๆ

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          #ขอรักแค่คุณ

         

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โอ้ได้ลูกสาว แถมตั้งชื่อเรียบร้อยแล้ว อย่ามีมาม่ามาเร็วๆนี้เลยน๊า ไม่อยากกิน

ออฟไลน์ Mitra

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ชื่อยัยหนูเพราะจังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เชื่อว่าทางฝั่งพ่อเจ้าบู้บี้ยังไม่หมดมุกที่จะเล่นงาน  :ling2:
ไปหาพี่เลี้ยงคนเดียวจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่มบ้างมั้ย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
นอกจากจะหลงเมียแล้ว คุณพิชณานยัง้ห่ลูกมากๆๆๆๆ o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไม่อยากจะคาดเดาอะไรทั้งนั้น​ ใจลุ้นอยู่​อย่าง​เดียว​จะ​มี​ดราม่า​อะไร​มา​อีก​ไหม​

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่นแต่อย่างพิชช์ฌานว่า มันยังไม่แน่นอน  อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ตาพิษนี่มีเซ้นต์์์ดีนะเนี่ย ชื่อเพราะเชียว
หนูอัยย์ก็สู้ๆ นะคะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ลุ้น

ลุ้น

ลุ้น

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เป็นยัยหนูละ คงต้องรอลุ้นต่อว่าจะเป็นอัลฟ่าหรือโอเมก้าต่อ
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรนายพิษกับเจ้าบูบี้ก็รักละนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอากงๆ คือไม่กล้าเดา ตอนต่อไปเรยจย้าา... :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
“เฌอริชช์'' โอ้ยยย ได้หลานสาว รอเจอหนูอยู่นะลูก

นิลลาไม่ใช่พี่อัยย์ คิดว่าใช่แน่ๆแล้วเชียว เงิบบบบบบบ  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เหม็นนนนนน เหม็นความรักเมีย หลงเมียของอิตาพิชช์มาก ไม่ใช่แค่บู้บี้เขิน เรายังเขินแทนเลย :o8: 

ฉันได้หลานสาวเหรอเนี่ยยยย แอร๊ยยยยยย น่าร้ากกกก รับขวัญหลาน ระดับลูกสาวท่านนายกเนี่ย ต้องผูกข้อมือเท่าไหร่เนี่ยยย 55555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ยัยหนูจะออกมาเป็นเพศไหนนะ พ่ออัลฟ่าแม่โอเมก้า ลุ้นให้ไม่มีอะไรรุนแรงอีกต่อไป ใจหวิวมากค่ะ  :mew4:

ออฟไลน์ กุหลาบเดียวดาย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 812
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ผู้แต่ง น่าจะไปเป็นคนเขียนสครปต์ตอบคำถามนักข่าวให้นักการเมืองนะคะเนี่ย พิชฌาณตอบเก่งจริงๆ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ถ้าน้องอัยย์ไม่ยอมร่วมมือด้วยอย่าหวังว่านายพิษจะแก้เกมได้สำเร็จ
แบบนี้ต้องยกความดีให้น้องนะนายพิษ. อยากเจอน้องเฌอริชช์เร็วๆแล้วน้า
คงน่ารักมากๆเลย ขอให้เป็นอัลฟ่าดีกว่าเนอะ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
แค่ชื่อก็น่ารักแล้วว cherish เหมาะมากๆ

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 747
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
บู้บี้สู้นะ เรื่องราวมันช่างซับซ้อน

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


เฌอริชช์

ว่าที่ลูกสาวนายยก

มีบุญจังเลยลูก

เกิดมาปุุ๊ป..

มีพ่อเป็นนายยกเรยย

มั่นใจว่าคุณฌานได้แน่

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อัยย์เอ้ย เลือกข้างแล้วสินะ แต่ก็นั่นแหละ บางทีก็ต้องเลือก
อัยย์น่าสงสารนะ อยู่ข้างโดดเดี่ยว แม่รักไม่เท่าไม่แสดงออก
ไม่พอยังไม่ค่อยดูแลเท่าที่ควร พ่อก็ละเลย เอ็นดูน้องมาก
โชคดีที่อัยย์เป็นคนคิดบวกพอตัว ไม่ค่อยคิดแค้นอะไร
ที่อัยย์พูด คืออยากใช้ชีวิตครอบครัวจริงๆ แบบสงบๆ
แต่คงต้องรอให้ฌาณไม่ได้ตำแหน่งก่อนนะ

ฌาณกล้าพุ่งชนมาก งานนี้ไม่รู้ใครจะรอด ใครจะร่วง
แล้วไปเจอใครมาอีกล่ะ หลังจากที่ไปสถานีตำรวจมา
หรือว่าไปเจอพี่เลี้ยงอัยย์มาอีก เผื่อได้อะไรเพิ่ม

เจนภพเป็นคนดีเลยแหละ ถึงจะยังไง ก็ยังอยู่เคียงข้างพี่ชาย

นิลลาเป็นคนดีจริงใช่ไหม ยังคงสงสัยอยู่
แล้วใครที่เป็นลูกอีกคน ก็ยังคิดว่าเป็นนิลลา
แต่ดูจากที่ผ่านมา นิลลายังดูไม่แก่กว่าอัยย์มาก
เลยสับสนพอสมควรว่าใครกันที่เป็นลูกโอเมก้าอีกคน

ว้าวว คุณพ่อตั้งชื่อให้หนูแล้วนะคะลูกสาว สุดที่รัก


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
คนที่ร้ายที่สุด จะเป็นใครร รอวันเฉลย ตอนแรกดีใจนะ นึกว่านิลาเป็นพี่จริง ๆ  ขอให้นิลลาพักอย่างแท้จริง อยากเห็นบู้บี้หลาย ๆ คน อาจจะมีถึงบู้บี้ที่ 4 จะได้ไหมนะ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด