Ai Adore You.
#ขอรักแค่คุณ
ตอนที่ 44
หนึ่งวันในที่ทำการพรรคก่อนการเลือกตั้งผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาคิราห์ใช้เวลาอยู่กับการพูดคุยวางแผนเรื่องมูลนิธิฯของตนเองกับทีมงานที่พิชช์ฌานหามาให้ ส่วนพิชช์ฌานก็หายเข้าไปในห้องประชุมพรรคทั้งวันแทบไม่เห็นหน้ากัน ทีมงานสถิติวิ่งวุ่นเข้าออกเพื่อรายงานผลโพลครั้งสุดท้ายให้กับพรรค
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น จู่ ๆ ก็มีแขกที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้นที่หน้าอาคาร อาคิราห์รีบออกไปทำความเคารพพ่อสามีอย่างนอบน้อม อีกฝ่ายก็ทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
“เป็นอย่างไรบ้างหนู เตรียมตัวเลือกตั้งกัน วันนี้ยุ่งมากล่ะซิ”
“ครับคุณพ่อ”
“แล้วพิชช์ฌานอยู่ข้างในหรือเปล่า”
“อยู่ครับ” อาคิราห์เดินตามหลังอดีตหัวหน้าพรรคที่วางมือจากการเมืองเพื่อให้ลูกชายขึ้นบริหารพรรคแทนเมื่อหลายปีก่อน นิมมานก้าวเนิบ ๆ เข้าไปภายใน คนในพรรคต่างออกมาทำความเคารพราวกับต้นอ้อลู่ลม มีเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นจากนักข่าวที่มาเฝ้าสถานการณ์อยู่มุมหนึ่ง
พิชช์ฌานออกมาต้อนรับบิดาของตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่แปลกใจนัก นิมมานขอให้ทุกคนออกไปก่อนเพื่อคุยกับลูกชายคนเดียว
“พ่อคงไม่ได้มาอวยพรผมเฉย ๆ หรอกมั้งครับ”
“ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ” คำพูดสั้น ๆ จากบิดาทำเอาคนฟังชะงักกึก
“อะไรนะครับ” พิชช์ฌานนึกว่าตัวเองได้ยินผิด
“ถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ให้คนอื่นขึ้นแทน” นิมมานพูดย้ำ คนฟังอ้าปากค้าง
“พ่อล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ แกล้งอำผมใช่มั้ย” พิชช์ฌานพูด “คะแนนเสียงผมกำลังขึ้นนำเห็น ๆ ยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน”
“ก็เพราะคะแนนแกนำไงล่ะ ถึงต้องสละสิทธิ์ไปซะ” นิมมานพูดเรียบ ๆ “เพื่อตัวแกกับลูกเมียของแก เชื่อฉัน อำนาจไม่ใช่สิ่งยั่งยืน”
“พ่อรู้อะไรมาครับ พ่อจะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ไม่ใช่จู่ ๆ มาขอให้ผมถอนตัว”
“มีคนจะลอบฆ่าแกกับเมียแกหลังได้ตำแหน่ง” นิมมานถอนหายใจยาว “ฉันได้ข่าวมาสักพักหนึ่งแล้ว”
“ถ้าเป็นเรื่องลอบสังหาร ผมเองก็ได้ข่าวมาแล้วครับ ผมถูกลอบฆ่าปีละสามหน จะเพิ่มอีกซักหนหนึ่งจะเป็นอะไรไป พวกมันไม่เคยทำสำเร็จ” พิชช์ฌานยักไหล่
“แกไม่ควรประมาท ฉันรู้ว่าแกเชื่อว่าตัวเองสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้ แต่ว่า..งานนี้เกี่ยวพันกับคนหลายคนโดยเฉพาะผู้มีอำนาจบารมีบางคนที่เขาไม่พอใจแกเรื่องนโยบายโอเมก้าพวกนั้น แกคงรู้อยู่แล้วว่ามันกระทบกับผลประโยชน์ของเขา”
“ผมรู้ครับ ผมถึงได้อยากลากตัวพวกผู้มีอำนาจเบื้องหลังพวกนั้นออกมาไงล่ะ”
“ไม่ใช่ตอนนี้ ประเทศของเรายังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก ถ้าแกไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิตก็ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ ไปกบดานต่างประเทศซักพักรอให้ทุกอย่างสงบลงแล้วค่อยกลับมา”
“พ่อไม่เคยสอนผมให้หนีปัญหา”
“แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ครั้งนี้พวกมันเอาจริงแน่ มันต้องการกำจัดแก”
“มันที่ว่าคงไม่เกี่ยวพันผลประโยชน์กับพ่อด้วยหรอกนะครับ” คิ้วเข้มของลูกชายเลิกสูง รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้น “พ่อดูเดือดเนื้อร้อนใจกับนโยบายโอเมก้าของผมเหลือเกินนี่”
“พิชช์ฌาน ...ฉันเป็นพ่อของแกนะ” นิมมานพูดอย่างโกรธจัด “ถ้าแกไม่ฟังฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“ผมไม่ใช่คนขี้ขลาดแบบพ่อหรอกนะ” พิชช์ฌานสวนกลับบ้าง “ผมไม่ใช่คนที่พอเจออุปสรรคแล้วก็จะยอมถอยง่าย ๆ เหมือนกับใครบางคนที่ลาออกจากการเมืองทั้งที่กำลังรุ่งโรจน์หรอกครับ ผมไม่ใช่คนตาขาว อำนาจมันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว”
“แกยังไม่เข้าใจ” นิมมานคราง มองหน้าบุตรชายนิ่งงัน
“ทำไมผมจะไม่เข้าใจ หรือว่าจริง ๆ แล้วพ่ออยากลาออกไปเสวยสุขกับเมียเด็กของพ่อล่ะครับ...ผมก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพ่อหรอกนะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ”
“ฉันลาออกเพราะ...” ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจยาว “นั่งลงก่อนพิชช์ฌาน ฉันจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง ...หลายสิบปีก่อนมีเพื่อนรักสองคนโตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน แล้วก็มีอุดมการณ์เดียวกัน พวกเขาเริ่มทำงานในพรรคเก่าแก่แห่งหนึ่งด้วยตำแหน่งผู้ติดตามของท่านรัฐมนตรีคนหนึ่ง..”
พิชช์ฌานทรุดตัวลงนั่งช้า ๆ จ้องเขม็งไปที่บิดาตาไม่กะพริบ
“...ด้วยไหวพริบความสามารถก็ทำให้หน้าที่การงานของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็สามารถลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคในเขตเล็ก ๆ ได้ทั้งคู่ พวกเขาคาดหวังที่จะเปลี่ยนโลกด้วยมือของตัวเอง...เป็นความคิดที่น่าขันของเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” นิมมานหัวเราะเบา ๆทอดสายตามองออกไปยังหน้าต่างราวกับกำลังทบทวนความหลัง “พวกเขาค่อย ๆ เรียนรู้ทีละน้อยว่าการจะเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่สามารถทำได้ง่าย ๆเหมือนพลิกฝ่ามือ นอกจากกำลังความสามารถแล้วก็ยังต้องมีอำนาจบารมีอีกด้วย ทว่า...สิ่งเหล่านั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมหาศาล”
“...............”
“ข้อแลกเปลี่ยนนั้นหอมหวานเชิญชวนแต่ต้องแลกมาในราคาสูงลิ่ว หนึ่งในสองคนนั้นเลือกที่จะถอนตัวออกมา ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาด แต่ว่าเขามีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่านั้น เขาไม่เห็นด้วยเลยออกมาสร้างพรรคของตัวเอง แต่ว่า...เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น มีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ สุดท้ายเขาก็จำต้องทิ้งอุดมการณ์และความหวังที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบเอาไว้เบื้องหลังแล้วกลับออกมาใช้ชีวิตสามัญธรรมดา ในขณะที่เพื่อนของเขาเลือกที่จะรับข้อเสนอนั้นและเดินหน้าต่อ ....ถลำลึกลงไปทุกที”
“พ่อหมายถึง...ท่านไตรคุณ” พิชช์ฌานกระซิบ
“โบราณพูดถูกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอก” นิมมานถอนหายใจอีกครั้ง “พ่อ..อาจไม่ใช่พ่อที่ดีในอุดมคติที่ลูกอยากจะมี แต่ว่า...สิ่งหนึ่งที่พ่อมั่นใจว่าพ่อมีก็คือ พ่อไม่อยากเห็นลูกของตัวเองถลำลงไปแบบนั้น”
“ผมไม่มีทางไปร่วมกับพวกอำนาจมืดพวกนั้น ไม่มีทาง”
“มันจะบีบจนแกไม่มีทางเลือก ถ้าแกไม่เลือก...คนรอบตัวของแกก็จะมีปัญหา พิชช์ฌาน ฉันไม่ได้มาเตือนแต่มาบอก ยิ่งแกประกาศลั่นว่าจะลากพวกมันออกมา มันยิ่งเดือดพล่านเหมือนสาดน้ำมันลงไปในกองเพลิง”
“แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยนะครับ ยกเว้น...” ปลาที่ลอยเท้งเต้งในน้ำแดงฉานกลับมาในความคิด พิชช์ฌานขมวดคิ้ว
“มันรอโอกาสเหมาะอยู่” นิมมานสรุป “และถ้าฉันเดาไม่ผิด เมียโอเมก้าของแกจะเป็นเป้าหมายแรกอย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรีบลากคอพวกมันออกมาก่อนที่พวกมันจะทันทำอะไร พ่อคงไม่ทราบว่าผมได้รายชื่อของพวกมันมาจากสารวัตรวิญญู ทันทีที่ผมได้ตำแหน่ง คนเหล่านี้จะต้องถูกรวบตัวก่อน”
“คนในรายชื่อนั่นเป็นเพียงลิ่วล้อ” นิมมานพูดอย่างสงบ “คนเบื้องหลังตัวจริงนั้นมีอำนาจมากจนลูกอาจคาดไม่ถึง มันเป็นปัญหาสะสมมาเนิ่นนานนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา”
พิชช์ฌานอึ้งไป
“ถอนตัวเสียเถอะพิชช์ฌาน เห็นแก่ลูกเมียของแก ฉันมาในวันนี้เพราะไม่อยากเห็นแกต้องเจ็บปวด”
“ผมคิดว่าผมสามารถปกป้องลูกเมียของผมได้ครับ” พิชช์ฌานพูดขึ้นช้า ๆ หลังจากเงียบไปนาน “ขอบคุณคุณพ่อที่เป็นห่วง แต่ว่าผมคงถอยหลังกลับตอนนี้ไม่ได้ ...ผมมาไกลแล้ว อีกไม่นานก็จะถึงฝั่ง ไหนจะประชาชนที่เค้าเห็นด้วยกับผม คนในพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มูลนิธิฯของอาคิราห์ก็กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง ผมเชื่อว่าโลกในตอนนี้เปลี่ยนไปจากสมัยคุณพ่อมากแล้ว”
“ไม่มีใครเปลี่ยนโลกได้ด้วยมือเดียว”
“ผมคิดว่ามีอีกหลายมือที่อยากร่วมมือกับผมครับ” พิชช์ฌานพูด “ผมเลือกทางนี้แล้วคุณพ่อ ผมไม่เปลี่ยนใจ”
“หึ” ผู้สูงวัยหัวเราะในลำคอ “ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าแกมั่นใจฉันก็จะไม่ว่าอะไรอีก แต่ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ฉันเตือน ก็อย่ามาร้องห่มร้องไห้เสียใจก็แล้วกัน อย่าลืมว่าเวลามันย้อนกลับไม่ได้หรอกนะ”
“ขอบคุณครับ” นักการเมืองหนุ่มพูด
ท่านนิมมานกลับไปได้พักใหญ่ อาคิราห์แอบเข้ามาถามสามีอย่างเป็นห่วงว่าอดีตนักการเมืองรุ่นใหญ่คนนั้นมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้มาหา พิชช์ฌานหัวเราะ ชะโงกเข้ามาหอมแก้มคนถามแรง ๆ
“พ่อมาอวยพรฉันน่ะ” พิชช์ฌานว่า “กลับบ้านกันดีกว่า พรุ่งนี้เราต้องไปเข้าคูหาแต่เช้า”
“คุณประชุมเสร็จแล้วเหรอ”
“เหลือแค่สวดมนต์รอผลพรุ่งนี้” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก “อย่าพลิกล็อคแล้วกัน ไม่งั้นเมียฉันแต่งตัวเก้อเลยนะ อุตส่าห์ตัดชุดใหม่รอ”
คนฟังย่นจมูกใส่
พิชช์ฌานให้เพิ่มการคุ้มกันให้รัดกุมขึ้นอีกจนอาคิราห์อึดอัด ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนเดินตามอีกอย่างน้อยสามคนเสมอ แถมสามียังขอร้องแกมบังคับให้สวมเสื้อกันกระสุนสั่งตัดพิเศษเพิ่มพื้นที่ช่วงเอวให้เขาใส่ติดตัวเวลาออกข้างนอก
“มันทำให้ผมเหมือนไส้กรอก” เจ้าโอเมก้าโอดครวญ หมุนตัวไปมาหน้ากระจก “คุณดูสิ”
“ไม่เห็นเหมือนตรงไหน” พิชช์ฌานละสายตาหน้าจอโทรทัศน์มามอง “เธอเหมือนหมอนข้างมากกว่า”
“ผมไม่อยากใส่แล้ว” อาคิราห์โกรธแต่ก็แกะชุดออกไม่ได้เพราะมีพุงค้ำเอาไว้ ได้แต่หมุนตัวฮึดฮัดไปมา “นิลลาไปไหน มาช่วยฉันแกะหน่อย มันมองไม่เห็น”
“เอาน่า แค่ใส่ไปลงคะแนนเสียงเสร็จแล้วก็กลับมาถอดที่บ้าน ฉันจะถอดให้”
“แต่ผมอยากไปนั่งลุ้นที่ที่ทำการพรรคด้วยนี่”
“ถ้าจะไปก็ต้องใส่ตลอด” พิชช์ฌานว่า “ฉันกลัวเธอโดนยิงไส้แตก เสียดายอาหารที่กินเข้าไปตายเลย”
คนฟังหน้าหงิกกว่าเดิม ถอยมานั่งบนเตียง สักพักก็เปลี่ยนเป็นนอนกลิ้ง
“เห็นมั้ย ใส่สบายออก ฉันให้เขาบุฟองน้ำนิ่ม ๆ เพิ่มตั้งเยอะ อ้วนนิดก็ไม่เป็นไรเพื่อความปลอดภัยของเธอกับน้องเฌอริชช์ไง”
“เรียกลูกเสียงอ่อนเสียงหวาน ทำไมเรียกผมเสียงแข็งตลอด”
“ก็เธอเป็นเมียหรือเป็นลูกล่ะ”
อาคิราห์เบะปาก
“ผมอยากเป็นพ่อของคุณ”
“ว่าไงนะเจ้าบู้บี้ อยากเป็นพ่อฉันเลยเรอะ” พิชช์ฌานรวบเอาร่างที่แน่นเหมือนไส้กรอกมากอดเอาไว้แน่น แกล้งก้มลงงับแก้มอมเลือดฝาดนั้นเล่น “ชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้วนะ”
อาคิราห์หัวเราะคิก ดิ้นหนีจากวงแขนขลุกขลัก เสียงหัวเราะของทั้งสองดังก้องไปทั่วห้องนอน
...................................................................................
ประชาชนออกมาเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก พิชช์ฌานหลังจากใช้สิทธิเสร็จแล้วก็ยืนรอภรรยาอยู่ด้านหน้าคูหาอย่างอารมณ์ดี อาคิราห์เดิมยิ้มออกมาเกาะแขนสามีเอาไว้แอคท่าให้นักข่าวถ่ายรูป
“อย่ายิ้มออกนอกหน้ามาก ผลยังไม่ประกาศเสียหน่อย” พิชช์ฌานกระซิบ เห็นเจ้าโอเมก้ายิ้มกว้างจนตาแทบปิด
“บอกตัวคุณเองเถอะ ยิ้มจนตีนกาขึ้นแทบจะนับได้แล้ว”
พิชช์ฌานเกือบยกมือขึ้นเขกหัวคนพูดสักทีแต่ดีที่ยั้งเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้สื่อข่าวและคนที่มารอรับเขาคงจะตกอกตกใจเป็นแน่
เขากลับมาที่ทำการของพรรคเพื่อมารอลุ้นผลการเลือกตั้งที่จะประกาศหลังจากปิดหีบหนึ่งชั่วโมง ที่พรรคครึกครื้นด้วยเหล่าแขกเหรื่อที่มาแสดงความยินดีล่วงหน้า บรรดาสื่อต่าง ๆ ก็จับจองที่นั่งรอถ่ายทอดสดบรรยากาศของพรรคกันอย่างคึกคัก อาคิราห์เองก็ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด ผุดลุกผุดนั่งจนสามีทัก
“ริดสีดวงกำเริบหรือไง ลุกขึ้นลุกลงอยู่นั่น”
“นี่แน่ะ ริดสีดวง” อาคิราห์แอบคีบเนื้อต้นขาของอัลฟ่าหนุ่มแล้วบิดอย่างแรง “คนมันตื่นเต้น”
“นั่งเฉย ๆ รักษาภาพลักษณ์หน่อย เธอลุกไปลุกมาฉันเวียนหัว”
“เอายาดมมั้ย” อาคิราห์เสนอด้วยความหวังดี “คุณชอบเอายัดจมูกตอนปวดหัวนี่”
“ไม่” พิชช์ฌานกระแอม จัดปกเสื้อของตัวเองอีกรอบ “วันนี้ฉันต้องคีพลุคเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง”
“นั่นมันตำแหน่งผม”
“แน่ะมีทวง”
“แน่นอน” อาคิราห์งึมงำ “คุณก็ต้องเป็นนายกฯ สิ”
“ปลื้มใช่มั้ย”
“ก็..เฉย ๆ” เจ้าโอเมก้ายักไหล่
“เดี๋ยวกลับบ้านเองเลยนะ ทิ้งไว้เนี่ยแหละ เดี๋ยวฉันไปหาเมียใหม่เอาข้างหน้า”
“โธ่” อาคิราห์แนบแก้มเข้ากับต้นแขนล่ำสันใต้เสื้อเชิ้ต “ปลื้มจนตัวจะลอยได้แล้ว ยิ้มปากแทบฉีกไม่เห็นเหรอ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ”
“ตื่นเต้น?”
“ปวดท้องเข้าส้วม”
“ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว” พิชช์ฌานพูดอย่างฉุน ๆ เอื้อมมือมาบีบจมูกมู่ทู่ของอีกคนอย่างมันเขี้ยว
ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่รอคอยคือการปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มนับคะแนน เปอร์เซ็นต์ของพิชช์ฌานขึ้นนำตั้งแต่แรกและก็พุ่งทะยานขึ้นทิ้งห่างคู่แข่งพรรคอื่นจนเห็นได้ชัด คนในพรรคเริ่มเฉลิมฉลองกันอย่างยินดี คะแนนถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา เป็นอันว่านายพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์
เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้อง พิชช์ฌานเปิดแชมเปญขวดใหญ่ฉลองชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างมีความสุข เขาอุ้มภรรยาโอเมก้าจนตัวลอยแล้วจูบอย่างดูดดื่มที่สุดท่ามกลางความความดีอกดีใจของทุกคน
“สำเร็จแล้ว ชนะแล้ว” อาคิราห์พูดซ้ำ ๆ รั้งต้นคอสามีมาจูบซ้ำอีกรอบ “สุดยอดมาก คุณเยี่ยมมาก ๆเลย” อัยย์น้ำตาคลอ คนที่ยืนกอดเขาอยู่ก็มีน้ำตาเช่นกัน พิชช์ฌานแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากเนียน จูบปลายจมูกและริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นเบา ๆ
“ใครชมก็ไม่เหมือนเมียชม” พิชช์ฌานกระซิบ “ชื่นใจจริง ๆ”
“ยอมให้วันนึง” อาคิราห์ตอบ ส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก “เห็นว่าเป็นนายกฯ นะเนี่ย”
“อย่ายิ้มแบบนี้ใส่กล้องนะ” ชายหนุ่มว่า คนฟังตาโต
“ทำไมล่ะ”
“ฉันหวง” พิชช์ฌานตอบสั้น ๆ เจ้าโอเมก้าหน้าแดงจัด ทุบแผ่นอกกว้างไปทีหนึ่งแก้เขิน
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงแถลงข่าวประกาศชัยชนะของพรรครวมถึงแผนการในอนาคตต่อ บรรดาพรรคเล็กตบเท้าเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับพูดคุยตกลงผลประโยชน์ เหล่านายทุนพรรคก็ปรากฏตัวพร้อมหน้าพร้อมตาชนิดที่ไม่มีใครยอมใครทีเดียว
อาคิราห์ถอยออกมาดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นเงียบ ๆ ผลประโยชน์ช่างหอมหวานเสียจริง ถ้าพิชช์ฌานไม่ชนะการเลือกตั้งก็คงตาลปัตรกลับเป็นตรงข้าม คิดแล้วก็นึกถึงบิดาขึ้นมาได้ เขากดโทรไปหาพ่อของตน
“อัยย์เหรอ ว่ายังไงโทรมาหาพ่อ ยินดีกับคุณพิชช์ฌานเขาด้วยนะ” ไตรคุณพูดมาตามสาย
“คุณพ่อ...ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณเรื่องอะไรกันอัยย์” อีกฝ่ายดุเบา ๆ “โตแล้วอย่าขี้แยเป็นเด็ก รักษาภาพลักษณ์ของสามีเราด้วย”
“อัยย์รู้”
“ไว้ว่าง ๆ ค่อยมาหาพ่อ นี่เจ้าคินก็กลับมาจากทัวร์แล้ว มาอยู่ที่บ้าน อยากคุยกับคินมั้ย”
“คินอยู่บ้านเหรอ” อาคิราห์กรอกเสียงลงไปอย่างดีใจ “ติดต่อนายยากจัง โทรไปทีไรก็ปิดเครื่อง”
“โทรศัพท์ฉันหายน่ะอัยย์เลยโทรไม่ได้เลย ต้องติดต่อผ่านผู้จัดการ ดีใจด้วยนะคุณโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง เท่ระเบิดสุด ๆ ฉันเห็นนายในทีวีด้วยนะ”
“.........”
“นายจะร้องไห้ใช่มั้ย พ่อบอกว่าอะไร ห้ามร้องไง...แล้วไว้เจอกันนะ”
“อืม ดูแลตัวเองดี ๆ นะคิน”
“นายก็ด้วย ฉันรอเจอหน้าหลานอยู่รู้หรือเปล่า มีของรับขวัญหลานเพียบเลย ฉันไม่รู้ว่าเพศหญิงหรือชายก็เลยซื้อมาทั้งสองแบบ ไว้นายมาเลือกเอานะ พาท่านนายกฯมาด้วยถ้าเขาว่าง” อคินทร์หัวเราะมาตามสาย ชวนคุยอีกนิดหน่อยแล้วก็วางสายไป
“คุณอาคิราห์เข้าไปนั่งพักในห้องรับรองดีกว่า” นิลลาเข้ามากระซิบ “ตรงนี้คนเยอะเดี๋ยวโดนชนล้มเอา”
“ก็ดีเหมือนกัน”
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความชื่นมื่น พิชช์ฌานพาเขาเข้าไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ตามด้วยพาร่วมงานเลี้ยงที่จัดต่อกันหลายงานจนอาคิราห์ต้องเป็นฝ่ายร้องบอกให้พอแล้ว ของขวัญจากหลาย ๆ ที่ส่งมาให้ถึงบ้านทั้งที่อัยย์เห็นและยังมีอีกมากที่มอบให้พิชช์ฌานเป็นการส่วนตัว
“เป็นไงบ้าง มิชลินสามดาวสะใจมั้ย” ร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอย่างเคยก้าวออกมาจากห้องน้ำ ถามภรรยาที่นอนอืดผึ่งพุงอยู่บนเตียงอย่างขัน ๆ
“รู้สึกเหมือนท้องจะแตก” อาคิราห์ตอบกลับไป ตบบนหน้าท้องตัวเองเบา ๆ “ลูกก็เต้นซูมบ้าอยู่ในท้องไม่เลิกเลย จะคึกอะไรนักหนา”
“เค้าก็ดีใจที่คุณพ่อได้เป็นนายกฯน่ะซิ” พิชช์ฌานว่า เดินเข้ามาทำท่าจะโอบกอดคนบนเตียงเอาไว้
“ไม่เอา ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย”
“แต่งทำไม เดี๋ยวก็ถอดอีก”
“หื้อ ไม่เอา คนกำลังอิ่มอยู่” อาคิราห์ผลักอกอีกฝ่ายออกไป “เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเข้าพิธีสาบานตนแล้ว เดี๋ยวนอนไม่พอแล้วหน้าโทรม”
“รอบเดียวเลิก”
“ไม่”
“ฉลองกับฉันหน่อยสิ” อัลฟ่าโอดครวญ “เราไม่ได้กอดกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
“นอนกอดเฉย ๆ ออกบ่อย”
“มากกว่านั้นสิ” มือใหญ่วางแปะลงบนต้นขาของภรรยา ลูบขึ้นลูบลงอย่างมีความหมาย “นะครับ นะครับอัยย์” พิชช์ฌานเลิกชายเสื้อคลุมตัวยาวของโอเมก้าขึ้นโดยที่เจ้าของไม่ได้คัดค้านอีก เพียงแต่ปัดป้องเล็กน้อยพอเป็นพิธี
ท่อนขาเรียวยาวสีน้ำผึ้งสว่างเนียนน่าสัมผัส พิชช์ฌานก้มลงไปแตะทั้งปากและจมูกกับผิวเนื้อแท้ที่หอมหวานนั้น เขารู้จักทุกซอกทุกของร่างกายนี้ดียิ่งกว่าตัวเจ้าของเองเสียอีก ไม่นานร่างเนียนสีน้ำผึ้งก็บิดตัวเร้าอยู่ข้างใต้ด้วยความเสียวซ่าน อาคิราห์กำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นระบายอารมณ์ตอนที่อีกฝ่ายครอบครองตัวตนของเขาด้วยโพรงปากอุ่นจัด
อารมณ์พุ่งสูงขึ้นทุกทีตามที่ถูกชักนำ อาคิราห์หวีดร้องออกมาอย่างสุขสม โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น หายใจหอบด้วยความรู้สึกที่ยังไม่สงบดีนัก พิชช์ฌานไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พักนาน ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บีบเคล้นตามเนื้อตัวและสะโพกเต็มตึง
“เธอผิวแตกตรงนี้” อัลฟ่าหนุ่มพึมพำ ก้มลงจูบที่รอยแตกเป็นริ้วบนผิวเนื้อสีแทนจาง ปลายลิ้นลากผ่านตำแหน่งนั้นช้า ๆ เหมือนจะแกล้งให้เจ้าของขาดใจ “ตรงนี้ด้วย”
“ไม่ต้องบอกผม” อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้า “หยุด ใช้ลิ้น ด้วย” เสียงของเจ้าโอเมก้าขาดเป็นห้วง ๆ ตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น พิชช์ฌานหัวเราะเบา ๆ
“ไม่เห็นต้องอาย ฉันชอบรอยพวกนี้...” เขาจูบที่รอยเหล่านั้นอย่างหลงใหล “มันเกิดจากการตั้งท้องลูกสาวของฉัน”
“มันน่าเกลียด” อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดบังเนื้อตัวเปลือยเปล่า
“มันเซ็กซี่” พิชช์ฌานกระซิบตอบแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อของตนเองออกโชว์แผงอกและกล้ามท้องแข็งแรง ไรขนอ่อนจากสะดือเรียงตัวสวยไล่เป็นแนวลงไปยังเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยอารมณ์ลุกโชน อาคิราห์เบือนหน้าหนี ...เขาไม่เคยชินสักที
ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาหาเขาจนแนบสนิท อาคิราห์ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ พูดให้ถูกก็คือแล้วแต่การนำของพิชช์ฌานเป็นหลัก อัลฟ่าหนุ่มไม่ใช่คนที่อ่อนโยนนักหรอก เขาคิดขณะที่อีกฝ่ายขยับตัวแบบไม่ปล่อยให้เขาหยุดพักหายใจเลยแม้แต่นิดเดียว
พิชช์ฌานอาจพูดจริงบางอย่าง แต่ที่แน่ ๆคือเขาโกหกเรื่องหนึ่ง ..รอบเดียว ไม่เคยมีจริง
.....................................................................................