[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 268260 ครั้ง)

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เจ้มจ้นพิเศษทุกตอนเลยค่ะ อ่านสนุกมาก ๆ ไม่รู้จะเดาไปทางไหนแล้ววววว

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :katai2-1: หลานจะมาแล้ว มาปราบคุณพ่อให้คุณแม่ทีนะคะน้องเฌอริช

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
ถึงจะเห็นความรักไปหน่อย แต่ก็เอาใจช่วยทุกคนอยู่นะคะ...ฮาาาาา

อยากเห็นเจ้าตัวเล็กแล้ววววว

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ยัยหนู.. ชื่อน่ารักจังเลยย

ออฟไลน์ gibari

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมบรรยากาศการเมืองในเรื่องถึงทำให้อินได้ขนาดนี้กันคะ อย่างกับได้เจอมากับตัวเองเลยค่ะ 55555
รอคอยที่จะได้เห็นตอนที่ลูกสาวออกมาดูโลกแล้วล่ะค่ะ อยากรู้ว่าคุณพ่อเค้าจะเห่อ จะหวงลูกขนาดไหน  :hao3:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
การเมืองในเรื่องเข้มข้นมากกก ฟาดฟันสุด นี่ลุ้นว่าประชากรโอเมก้าในเรื่องจะได้ใครเป็นนาโย้กกก  :katai1:
ส่วนยัยบู้บี้ก็น่ารักมากกกกก อยากเจอเจ้าบู้บี้น้อยแล้ววววว :impress2:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ยัยหนู เฌอริช ชื่อน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าบู้บี้น้อยจะมาแล้ววว อย่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลยนะ เดี๋ยวคุณพ่อเขาจะไม่มีเวลามาเล่นกับลูกเอา

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารเจ้าบู้บี้อะเหมือนอยู่ในบ้านที่มีแต่ความลับ พ่อแม่เหมือนไม่ใช่พ่อแม่ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน :m15:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดูท่าแล้วจะมีคนหลงลูกสาวหัวปักหัวปำ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 44

 



 

 

 

 

          หนึ่งวันในที่ทำการพรรคก่อนการเลือกตั้งผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาคิราห์ใช้เวลาอยู่กับการพูดคุยวางแผนเรื่องมูลนิธิฯของตนเองกับทีมงานที่พิชช์ฌานหามาให้  ส่วนพิชช์ฌานก็หายเข้าไปในห้องประชุมพรรคทั้งวันแทบไม่เห็นหน้ากัน  ทีมงานสถิติวิ่งวุ่นเข้าออกเพื่อรายงานผลโพลครั้งสุดท้ายให้กับพรรค

          เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น  จู่ ๆ ก็มีแขกที่ไม่คาดฝันปรากฏตัวขึ้นที่หน้าอาคาร  อาคิราห์รีบออกไปทำความเคารพพ่อสามีอย่างนอบน้อม  อีกฝ่ายก็ทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง

          “เป็นอย่างไรบ้างหนู  เตรียมตัวเลือกตั้งกัน  วันนี้ยุ่งมากล่ะซิ”

          “ครับคุณพ่อ”

          “แล้วพิชช์ฌานอยู่ข้างในหรือเปล่า”

          “อยู่ครับ”  อาคิราห์เดินตามหลังอดีตหัวหน้าพรรคที่วางมือจากการเมืองเพื่อให้ลูกชายขึ้นบริหารพรรคแทนเมื่อหลายปีก่อน  นิมมานก้าวเนิบ ๆ เข้าไปภายใน  คนในพรรคต่างออกมาทำความเคารพราวกับต้นอ้อลู่ลม  มีเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นจากนักข่าวที่มาเฝ้าสถานการณ์อยู่มุมหนึ่ง

          พิชช์ฌานออกมาต้อนรับบิดาของตัวเองด้วยท่าทางที่ไม่แปลกใจนัก  นิมมานขอให้ทุกคนออกไปก่อนเพื่อคุยกับลูกชายคนเดียว

          “พ่อคงไม่ได้มาอวยพรผมเฉย ๆ หรอกมั้งครับ”

          “ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ”  คำพูดสั้น ๆ จากบิดาทำเอาคนฟังชะงักกึก

          “อะไรนะครับ”  พิชช์ฌานนึกว่าตัวเองได้ยินผิด

          “ถอนตัวจากการเลือกตั้งครั้งนี้  ให้คนอื่นขึ้นแทน”  นิมมานพูดย้ำ  คนฟังอ้าปากค้าง

          “พ่อล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ  แกล้งอำผมใช่มั้ย”  พิชช์ฌานพูด  “คะแนนเสียงผมกำลังขึ้นนำเห็น ๆ ยังไงพรุ่งนี้ผมก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน”

          “ก็เพราะคะแนนแกนำไงล่ะ  ถึงต้องสละสิทธิ์ไปซะ”  นิมมานพูดเรียบ ๆ  “เพื่อตัวแกกับลูกเมียของแก  เชื่อฉัน  อำนาจไม่ใช่สิ่งยั่งยืน” 

          “พ่อรู้อะไรมาครับ  พ่อจะต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ไม่ใช่จู่ ๆ มาขอให้ผมถอนตัว”

          “มีคนจะลอบฆ่าแกกับเมียแกหลังได้ตำแหน่ง”  นิมมานถอนหายใจยาว  “ฉันได้ข่าวมาสักพักหนึ่งแล้ว”

          “ถ้าเป็นเรื่องลอบสังหาร  ผมเองก็ได้ข่าวมาแล้วครับ  ผมถูกลอบฆ่าปีละสามหน  จะเพิ่มอีกซักหนหนึ่งจะเป็นอะไรไป  พวกมันไม่เคยทำสำเร็จ”  พิชช์ฌานยักไหล่

          “แกไม่ควรประมาท  ฉันรู้ว่าแกเชื่อว่าตัวเองสามารถจัดการปัญหาทุกอย่างได้  แต่ว่า..งานนี้เกี่ยวพันกับคนหลายคนโดยเฉพาะผู้มีอำนาจบารมีบางคนที่เขาไม่พอใจแกเรื่องนโยบายโอเมก้าพวกนั้น  แกคงรู้อยู่แล้วว่ามันกระทบกับผลประโยชน์ของเขา”

          “ผมรู้ครับ  ผมถึงได้อยากลากตัวพวกผู้มีอำนาจเบื้องหลังพวกนั้นออกมาไงล่ะ”

          “ไม่ใช่ตอนนี้  ประเทศของเรายังไม่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง  ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก  ถ้าแกไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิตก็ถอนตัวจากการเลือกตั้งซะ  ไปกบดานต่างประเทศซักพักรอให้ทุกอย่างสงบลงแล้วค่อยกลับมา”

          “พ่อไม่เคยสอนผมให้หนีปัญหา”

          “แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่  ครั้งนี้พวกมันเอาจริงแน่  มันต้องการกำจัดแก”   

          “มันที่ว่าคงไม่เกี่ยวพันผลประโยชน์กับพ่อด้วยหรอกนะครับ”  คิ้วเข้มของลูกชายเลิกสูง  รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้น  “พ่อดูเดือดเนื้อร้อนใจกับนโยบายโอเมก้าของผมเหลือเกินนี่”

          “พิชช์ฌาน  ...ฉันเป็นพ่อของแกนะ”  นิมมานพูดอย่างโกรธจัด  “ถ้าแกไม่ฟังฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”

          “ผมไม่ใช่คนขี้ขลาดแบบพ่อหรอกนะ”  พิชช์ฌานสวนกลับบ้าง  “ผมไม่ใช่คนที่พอเจออุปสรรคแล้วก็จะยอมถอยง่าย ๆ เหมือนกับใครบางคนที่ลาออกจากการเมืองทั้งที่กำลังรุ่งโรจน์หรอกครับ  ผมไม่ใช่คนตาขาว  อำนาจมันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว”

          “แกยังไม่เข้าใจ”  นิมมานคราง  มองหน้าบุตรชายนิ่งงัน

          “ทำไมผมจะไม่เข้าใจ  หรือว่าจริง ๆ แล้วพ่ออยากลาออกไปเสวยสุขกับเมียเด็กของพ่อล่ะครับ...ผมก็ไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพ่อหรอกนะ  แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริง ๆ”

          “ฉันลาออกเพราะ...”  ผู้สูงวัยกว่าถอนหายใจยาว  “นั่งลงก่อนพิชช์ฌาน  ฉันจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง  ...หลายสิบปีก่อนมีเพื่อนรักสองคนโตมาด้วยกัน  เรียนมาด้วยกัน  แล้วก็มีอุดมการณ์เดียวกัน  พวกเขาเริ่มทำงานในพรรคเก่าแก่แห่งหนึ่งด้วยตำแหน่งผู้ติดตามของท่านรัฐมนตรีคนหนึ่ง..”

          พิชช์ฌานทรุดตัวลงนั่งช้า ๆ จ้องเขม็งไปที่บิดาตาไม่กะพริบ

          “...ด้วยไหวพริบความสามารถก็ทำให้หน้าที่การงานของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็ว  ไม่นานก็สามารถลงสมัครเป็นตัวแทนของพรรคในเขตเล็ก ๆ ได้ทั้งคู่  พวกเขาคาดหวังที่จะเปลี่ยนโลกด้วยมือของตัวเอง...เป็นความคิดที่น่าขันของเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”  นิมมานหัวเราะเบา ๆทอดสายตามองออกไปยังหน้าต่างราวกับกำลังทบทวนความหลัง  “พวกเขาค่อย ๆ เรียนรู้ทีละน้อยว่าการจะเปลี่ยนโลกทั้งใบไม่สามารถทำได้ง่าย ๆเหมือนพลิกฝ่ามือ  นอกจากกำลังความสามารถแล้วก็ยังต้องมีอำนาจบารมีอีกด้วย  ทว่า...สิ่งเหล่านั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมหาศาล”

          “...............”

          “ข้อแลกเปลี่ยนนั้นหอมหวานเชิญชวนแต่ต้องแลกมาในราคาสูงลิ่ว  หนึ่งในสองคนนั้นเลือกที่จะถอนตัวออกมา  ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาด  แต่ว่าเขามีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่านั้น  เขาไม่เห็นด้วยเลยออกมาสร้างพรรคของตัวเอง  แต่ว่า...เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น  มีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้  สุดท้ายเขาก็จำต้องทิ้งอุดมการณ์และความหวังที่จะเปลี่ยนโลกทั้งใบเอาไว้เบื้องหลังแล้วกลับออกมาใช้ชีวิตสามัญธรรมดา  ในขณะที่เพื่อนของเขาเลือกที่จะรับข้อเสนอนั้นและเดินหน้าต่อ ....ถลำลึกลงไปทุกที”

          “พ่อหมายถึง...ท่านไตรคุณ”  พิชช์ฌานกระซิบ

          “โบราณพูดถูกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก  ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ โดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหรอก”  นิมมานถอนหายใจอีกครั้ง  “พ่อ..อาจไม่ใช่พ่อที่ดีในอุดมคติที่ลูกอยากจะมี  แต่ว่า...สิ่งหนึ่งที่พ่อมั่นใจว่าพ่อมีก็คือ  พ่อไม่อยากเห็นลูกของตัวเองถลำลงไปแบบนั้น”

          “ผมไม่มีทางไปร่วมกับพวกอำนาจมืดพวกนั้น  ไม่มีทาง”

          “มันจะบีบจนแกไม่มีทางเลือก  ถ้าแกไม่เลือก...คนรอบตัวของแกก็จะมีปัญหา  พิชช์ฌาน  ฉันไม่ได้มาเตือนแต่มาบอก  ยิ่งแกประกาศลั่นว่าจะลากพวกมันออกมา  มันยิ่งเดือดพล่านเหมือนสาดน้ำมันลงไปในกองเพลิง”

          “แต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลยนะครับ  ยกเว้น...”  ปลาที่ลอยเท้งเต้งในน้ำแดงฉานกลับมาในความคิด  พิชช์ฌานขมวดคิ้ว

          “มันรอโอกาสเหมาะอยู่”  นิมมานสรุป  “และถ้าฉันเดาไม่ผิด  เมียโอเมก้าของแกจะเป็นเป้าหมายแรกอย่างแน่นอน”

          “ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรีบลากคอพวกมันออกมาก่อนที่พวกมันจะทันทำอะไร  พ่อคงไม่ทราบว่าผมได้รายชื่อของพวกมันมาจากสารวัตรวิญญู  ทันทีที่ผมได้ตำแหน่ง  คนเหล่านี้จะต้องถูกรวบตัวก่อน”

          “คนในรายชื่อนั่นเป็นเพียงลิ่วล้อ”  นิมมานพูดอย่างสงบ  “คนเบื้องหลังตัวจริงนั้นมีอำนาจมากจนลูกอาจคาดไม่ถึง  มันเป็นปัญหาสะสมมาเนิ่นนานนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศมา”

          พิชช์ฌานอึ้งไป

          “ถอนตัวเสียเถอะพิชช์ฌาน  เห็นแก่ลูกเมียของแก  ฉันมาในวันนี้เพราะไม่อยากเห็นแกต้องเจ็บปวด”

          “ผมคิดว่าผมสามารถปกป้องลูกเมียของผมได้ครับ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นช้า ๆ หลังจากเงียบไปนาน  “ขอบคุณคุณพ่อที่เป็นห่วง  แต่ว่าผมคงถอยหลังกลับตอนนี้ไม่ได้  ...ผมมาไกลแล้ว  อีกไม่นานก็จะถึงฝั่ง  ไหนจะประชาชนที่เค้าเห็นด้วยกับผม  คนในพรรคที่มีอุดมการณ์เดียวกัน  มูลนิธิฯของอาคิราห์ก็กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง  ผมเชื่อว่าโลกในตอนนี้เปลี่ยนไปจากสมัยคุณพ่อมากแล้ว”

          “ไม่มีใครเปลี่ยนโลกได้ด้วยมือเดียว”

          “ผมคิดว่ามีอีกหลายมือที่อยากร่วมมือกับผมครับ”  พิชช์ฌานพูด  “ผมเลือกทางนี้แล้วคุณพ่อ  ผมไม่เปลี่ยนใจ”

          “หึ”  ผู้สูงวัยหัวเราะในลำคอ  “ฉันไม่แปลกใจเท่าไหร่  ถ้าแกมั่นใจฉันก็จะไม่ว่าอะไรอีก  แต่ถ้ามันเกิดเรื่องขึ้นอย่างที่ฉันเตือน  ก็อย่ามาร้องห่มร้องไห้เสียใจก็แล้วกัน  อย่าลืมว่าเวลามันย้อนกลับไม่ได้หรอกนะ”

          “ขอบคุณครับ”  นักการเมืองหนุ่มพูด

          ท่านนิมมานกลับไปได้พักใหญ่  อาคิราห์แอบเข้ามาถามสามีอย่างเป็นห่วงว่าอดีตนักการเมืองรุ่นใหญ่คนนั้นมีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้มาหา  พิชช์ฌานหัวเราะ  ชะโงกเข้ามาหอมแก้มคนถามแรง ๆ

          “พ่อมาอวยพรฉันน่ะ”  พิชช์ฌานว่า  “กลับบ้านกันดีกว่า  พรุ่งนี้เราต้องไปเข้าคูหาแต่เช้า”

          “คุณประชุมเสร็จแล้วเหรอ”

          “เหลือแค่สวดมนต์รอผลพรุ่งนี้”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  “อย่าพลิกล็อคแล้วกัน  ไม่งั้นเมียฉันแต่งตัวเก้อเลยนะ  อุตส่าห์ตัดชุดใหม่รอ”

          คนฟังย่นจมูกใส่

          พิชช์ฌานให้เพิ่มการคุ้มกันให้รัดกุมขึ้นอีกจนอาคิราห์อึดอัด  ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็จะมีคนเดินตามอีกอย่างน้อยสามคนเสมอ  แถมสามียังขอร้องแกมบังคับให้สวมเสื้อกันกระสุนสั่งตัดพิเศษเพิ่มพื้นที่ช่วงเอวให้เขาใส่ติดตัวเวลาออกข้างนอก

          “มันทำให้ผมเหมือนไส้กรอก”  เจ้าโอเมก้าโอดครวญ  หมุนตัวไปมาหน้ากระจก  “คุณดูสิ”

          “ไม่เห็นเหมือนตรงไหน”  พิชช์ฌานละสายตาหน้าจอโทรทัศน์มามอง  “เธอเหมือนหมอนข้างมากกว่า”

          “ผมไม่อยากใส่แล้ว”  อาคิราห์โกรธแต่ก็แกะชุดออกไม่ได้เพราะมีพุงค้ำเอาไว้  ได้แต่หมุนตัวฮึดฮัดไปมา  “นิลลาไปไหน  มาช่วยฉันแกะหน่อย  มันมองไม่เห็น”

          “เอาน่า  แค่ใส่ไปลงคะแนนเสียงเสร็จแล้วก็กลับมาถอดที่บ้าน  ฉันจะถอดให้”

          “แต่ผมอยากไปนั่งลุ้นที่ที่ทำการพรรคด้วยนี่”

          “ถ้าจะไปก็ต้องใส่ตลอด”  พิชช์ฌานว่า “ฉันกลัวเธอโดนยิงไส้แตก  เสียดายอาหารที่กินเข้าไปตายเลย”

          คนฟังหน้าหงิกกว่าเดิม  ถอยมานั่งบนเตียง  สักพักก็เปลี่ยนเป็นนอนกลิ้ง

          “เห็นมั้ย  ใส่สบายออก  ฉันให้เขาบุฟองน้ำนิ่ม ๆ เพิ่มตั้งเยอะ  อ้วนนิดก็ไม่เป็นไรเพื่อความปลอดภัยของเธอกับน้องเฌอริชช์ไง”

          “เรียกลูกเสียงอ่อนเสียงหวาน  ทำไมเรียกผมเสียงแข็งตลอด”

          “ก็เธอเป็นเมียหรือเป็นลูกล่ะ”

          อาคิราห์เบะปาก

          “ผมอยากเป็นพ่อของคุณ”

          “ว่าไงนะเจ้าบู้บี้  อยากเป็นพ่อฉันเลยเรอะ”  พิชช์ฌานรวบเอาร่างที่แน่นเหมือนไส้กรอกมากอดเอาไว้แน่น  แกล้งก้มลงงับแก้มอมเลือดฝาดนั้นเล่น  “ชักจะเหิมเกริมใหญ่แล้วนะ”

          อาคิราห์หัวเราะคิก  ดิ้นหนีจากวงแขนขลุกขลัก  เสียงหัวเราะของทั้งสองดังก้องไปทั่วห้องนอน

          ...................................................................................

          ประชาชนออกมาเลือกตั้งกันอย่างคึกคัก  พิชช์ฌานหลังจากใช้สิทธิเสร็จแล้วก็ยืนรอภรรยาอยู่ด้านหน้าคูหาอย่างอารมณ์ดี  อาคิราห์เดิมยิ้มออกมาเกาะแขนสามีเอาไว้แอคท่าให้นักข่าวถ่ายรูป

          “อย่ายิ้มออกนอกหน้ามาก  ผลยังไม่ประกาศเสียหน่อย”  พิชช์ฌานกระซิบ  เห็นเจ้าโอเมก้ายิ้มกว้างจนตาแทบปิด

          “บอกตัวคุณเองเถอะ  ยิ้มจนตีนกาขึ้นแทบจะนับได้แล้ว”

          พิชช์ฌานเกือบยกมือขึ้นเขกหัวคนพูดสักทีแต่ดีที่ยั้งเอาไว้ทัน  ไม่อย่างนั้นบรรดาผู้สื่อข่าวและคนที่มารอรับเขาคงจะตกอกตกใจเป็นแน่

          เขากลับมาที่ทำการของพรรคเพื่อมารอลุ้นผลการเลือกตั้งที่จะประกาศหลังจากปิดหีบหนึ่งชั่วโมง  ที่พรรคครึกครื้นด้วยเหล่าแขกเหรื่อที่มาแสดงความยินดีล่วงหน้า  บรรดาสื่อต่าง ๆ ก็จับจองที่นั่งรอถ่ายทอดสดบรรยากาศของพรรคกันอย่างคึกคัก  อาคิราห์เองก็ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติด  ผุดลุกผุดนั่งจนสามีทัก

          “ริดสีดวงกำเริบหรือไง  ลุกขึ้นลุกลงอยู่นั่น”

          “นี่แน่ะ  ริดสีดวง”  อาคิราห์แอบคีบเนื้อต้นขาของอัลฟ่าหนุ่มแล้วบิดอย่างแรง  “คนมันตื่นเต้น”

          “นั่งเฉย ๆ รักษาภาพลักษณ์หน่อย  เธอลุกไปลุกมาฉันเวียนหัว”

          “เอายาดมมั้ย”  อาคิราห์เสนอด้วยความหวังดี  “คุณชอบเอายัดจมูกตอนปวดหัวนี่”

          “ไม่”  พิชช์ฌานกระแอม  จัดปกเสื้อของตัวเองอีกรอบ  “วันนี้ฉันต้องคีพลุคเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง”

          “นั่นมันตำแหน่งผม”

          “แน่ะมีทวง”

          “แน่นอน”  อาคิราห์งึมงำ  “คุณก็ต้องเป็นนายกฯ สิ”

          “ปลื้มใช่มั้ย”

          “ก็..เฉย ๆ”  เจ้าโอเมก้ายักไหล่

          “เดี๋ยวกลับบ้านเองเลยนะ  ทิ้งไว้เนี่ยแหละ  เดี๋ยวฉันไปหาเมียใหม่เอาข้างหน้า”

          “โธ่”  อาคิราห์แนบแก้มเข้ากับต้นแขนล่ำสันใต้เสื้อเชิ้ต  “ปลื้มจนตัวจะลอยได้แล้ว  ยิ้มปากแทบฉีกไม่เห็นเหรอ  เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ”

          “ตื่นเต้น?”

          “ปวดท้องเข้าส้วม”

          “ฉันไม่พูดกับเธอแล้ว”  พิชช์ฌานพูดอย่างฉุน ๆ เอื้อมมือมาบีบจมูกมู่ทู่ของอีกคนอย่างมันเขี้ยว

          ในที่สุดก็มาถึงเวลาที่รอคอยคือการปิดหีบเลือกตั้งและเริ่มนับคะแนน  เปอร์เซ็นต์ของพิชช์ฌานขึ้นนำตั้งแต่แรกและก็พุ่งทะยานขึ้นทิ้งห่างคู่แข่งพรรคอื่นจนเห็นได้ชัด  คนในพรรคเริ่มเฉลิมฉลองกันอย่างยินดี  คะแนนถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา  เป็นอันว่านายพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์ หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์

เสียงปรบมือและเสียงเชียร์ดังกึกก้อง   พิชช์ฌานเปิดแชมเปญขวดใหญ่ฉลองชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างมีความสุข  เขาอุ้มภรรยาโอเมก้าจนตัวลอยแล้วจูบอย่างดูดดื่มที่สุดท่ามกลางความความดีอกดีใจของทุกคน

“สำเร็จแล้ว   ชนะแล้ว”  อาคิราห์พูดซ้ำ ๆ รั้งต้นคอสามีมาจูบซ้ำอีกรอบ  “สุดยอดมาก  คุณเยี่ยมมาก ๆเลย”  อัยย์น้ำตาคลอ  คนที่ยืนกอดเขาอยู่ก็มีน้ำตาเช่นกัน  พิชช์ฌานแตะหน้าผากเข้ากับหน้าผากเนียน  จูบปลายจมูกและริมฝีปากอิ่มเต็มนั้นเบา ๆ

“ใครชมก็ไม่เหมือนเมียชม”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ชื่นใจจริง ๆ”

“ยอมให้วันนึง”  อาคิราห์ตอบ  ส่งยิ้มให้อย่างน่ารัก  “เห็นว่าเป็นนายกฯ นะเนี่ย”

“อย่ายิ้มแบบนี้ใส่กล้องนะ”  ชายหนุ่มว่า  คนฟังตาโต

“ทำไมล่ะ”

“ฉันหวง”  พิชช์ฌานตอบสั้น ๆ เจ้าโอเมก้าหน้าแดงจัด  ทุบแผ่นอกกว้างไปทีหนึ่งแก้เขิน

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงแถลงข่าวประกาศชัยชนะของพรรครวมถึงแผนการในอนาคตต่อ  บรรดาพรรคเล็กตบเท้าเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกับพูดคุยตกลงผลประโยชน์  เหล่านายทุนพรรคก็ปรากฏตัวพร้อมหน้าพร้อมตาชนิดที่ไม่มีใครยอมใครทีเดียว

อาคิราห์ถอยออกมาดูความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นเงียบ ๆ ผลประโยชน์ช่างหอมหวานเสียจริง  ถ้าพิชช์ฌานไม่ชนะการเลือกตั้งก็คงตาลปัตรกลับเป็นตรงข้าม  คิดแล้วก็นึกถึงบิดาขึ้นมาได้  เขากดโทรไปหาพ่อของตน

“อัยย์เหรอ  ว่ายังไงโทรมาหาพ่อ  ยินดีกับคุณพิชช์ฌานเขาด้วยนะ”  ไตรคุณพูดมาตามสาย

“คุณพ่อ...ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณเรื่องอะไรกันอัยย์”   อีกฝ่ายดุเบา ๆ “โตแล้วอย่าขี้แยเป็นเด็ก  รักษาภาพลักษณ์ของสามีเราด้วย”

“อัยย์รู้”

“ไว้ว่าง ๆ ค่อยมาหาพ่อ  นี่เจ้าคินก็กลับมาจากทัวร์แล้ว  มาอยู่ที่บ้าน  อยากคุยกับคินมั้ย”

“คินอยู่บ้านเหรอ”  อาคิราห์กรอกเสียงลงไปอย่างดีใจ  “ติดต่อนายยากจัง  โทรไปทีไรก็ปิดเครื่อง”

“โทรศัพท์ฉันหายน่ะอัยย์เลยโทรไม่ได้เลย  ต้องติดต่อผ่านผู้จัดการ  ดีใจด้วยนะคุณโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  เท่ระเบิดสุด ๆ  ฉันเห็นนายในทีวีด้วยนะ”

“.........”

“นายจะร้องไห้ใช่มั้ย  พ่อบอกว่าอะไร  ห้ามร้องไง...แล้วไว้เจอกันนะ”

“อืม  ดูแลตัวเองดี ๆ นะคิน”

“นายก็ด้วย  ฉันรอเจอหน้าหลานอยู่รู้หรือเปล่า  มีของรับขวัญหลานเพียบเลย  ฉันไม่รู้ว่าเพศหญิงหรือชายก็เลยซื้อมาทั้งสองแบบ  ไว้นายมาเลือกเอานะ  พาท่านนายกฯมาด้วยถ้าเขาว่าง”  อคินทร์หัวเราะมาตามสาย  ชวนคุยอีกนิดหน่อยแล้วก็วางสายไป

“คุณอาคิราห์เข้าไปนั่งพักในห้องรับรองดีกว่า”  นิลลาเข้ามากระซิบ  “ตรงนี้คนเยอะเดี๋ยวโดนชนล้มเอา”

“ก็ดีเหมือนกัน”         

          ช่วงเวลาหลังจากนั้นเต็มไปด้วยความชื่นมื่น  พิชช์ฌานพาเขาเข้าไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ตามด้วยพาร่วมงานเลี้ยงที่จัดต่อกันหลายงานจนอาคิราห์ต้องเป็นฝ่ายร้องบอกให้พอแล้ว  ของขวัญจากหลาย ๆ ที่ส่งมาให้ถึงบ้านทั้งที่อัยย์เห็นและยังมีอีกมากที่มอบให้พิชช์ฌานเป็นการส่วนตัว

          “เป็นไงบ้าง  มิชลินสามดาวสะใจมั้ย”  ร่างสูงใหญ่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอย่างเคยก้าวออกมาจากห้องน้ำ  ถามภรรยาที่นอนอืดผึ่งพุงอยู่บนเตียงอย่างขัน ๆ

          “รู้สึกเหมือนท้องจะแตก”  อาคิราห์ตอบกลับไป  ตบบนหน้าท้องตัวเองเบา ๆ “ลูกก็เต้นซูมบ้าอยู่ในท้องไม่เลิกเลย  จะคึกอะไรนักหนา”

          “เค้าก็ดีใจที่คุณพ่อได้เป็นนายกฯน่ะซิ”  พิชช์ฌานว่า  เดินเข้ามาทำท่าจะโอบกอดคนบนเตียงเอาไว้

          “ไม่เอา  ไปแต่งตัวให้เรียบร้อย”

          “แต่งทำไม  เดี๋ยวก็ถอดอีก”

          “หื้อ  ไม่เอา  คนกำลังอิ่มอยู่”  อาคิราห์ผลักอกอีกฝ่ายออกไป  “เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเข้าพิธีสาบานตนแล้ว  เดี๋ยวนอนไม่พอแล้วหน้าโทรม”

          “รอบเดียวเลิก”

          “ไม่”

          “ฉลองกับฉันหน่อยสิ”  อัลฟ่าโอดครวญ  “เราไม่ได้กอดกันเป็นอาทิตย์แล้วนะ”

          “นอนกอดเฉย ๆ ออกบ่อย”

          “มากกว่านั้นสิ”  มือใหญ่วางแปะลงบนต้นขาของภรรยา  ลูบขึ้นลูบลงอย่างมีความหมาย  “นะครับ  นะครับอัยย์”  พิชช์ฌานเลิกชายเสื้อคลุมตัวยาวของโอเมก้าขึ้นโดยที่เจ้าของไม่ได้คัดค้านอีก  เพียงแต่ปัดป้องเล็กน้อยพอเป็นพิธี

          ท่อนขาเรียวยาวสีน้ำผึ้งสว่างเนียนน่าสัมผัส  พิชช์ฌานก้มลงไปแตะทั้งปากและจมูกกับผิวเนื้อแท้ที่หอมหวานนั้น  เขารู้จักทุกซอกทุกของร่างกายนี้ดียิ่งกว่าตัวเจ้าของเองเสียอีก  ไม่นานร่างเนียนสีน้ำผึ้งก็บิดตัวเร้าอยู่ข้างใต้ด้วยความเสียวซ่าน  อาคิราห์กำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นระบายอารมณ์ตอนที่อีกฝ่ายครอบครองตัวตนของเขาด้วยโพรงปากอุ่นจัด

          อารมณ์พุ่งสูงขึ้นทุกทีตามที่ถูกชักนำ  อาคิราห์หวีดร้องออกมาอย่างสุขสม  โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น  หายใจหอบด้วยความรู้สึกที่ยังไม่สงบดีนัก  พิชช์ฌานไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พักนาน  ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บีบเคล้นตามเนื้อตัวและสะโพกเต็มตึง

          “เธอผิวแตกตรงนี้”  อัลฟ่าหนุ่มพึมพำ  ก้มลงจูบที่รอยแตกเป็นริ้วบนผิวเนื้อสีแทนจาง  ปลายลิ้นลากผ่านตำแหน่งนั้นช้า ๆ เหมือนจะแกล้งให้เจ้าของขาดใจ  “ตรงนี้ด้วย”

          “ไม่ต้องบอกผม”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดหน้า  “หยุด ใช้ลิ้น ด้วย”  เสียงของเจ้าโอเมก้าขาดเป็นห้วง ๆ ตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น  พิชช์ฌานหัวเราะเบา ๆ

          “ไม่เห็นต้องอาย  ฉันชอบรอยพวกนี้...”  เขาจูบที่รอยเหล่านั้นอย่างหลงใหล  “มันเกิดจากการตั้งท้องลูกสาวของฉัน”

          “มันน่าเกลียด”  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดบังเนื้อตัวเปลือยเปล่า

          “มันเซ็กซี่”  พิชช์ฌานกระซิบตอบแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อของตนเองออกโชว์แผงอกและกล้ามท้องแข็งแรง  ไรขนอ่อนจากสะดือเรียงตัวสวยไล่เป็นแนวลงไปยังเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยอารมณ์ลุกโชน  อาคิราห์เบือนหน้าหนี  ...เขาไม่เคยชินสักที

          ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาหาเขาจนแนบสนิท  อาคิราห์ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ  พูดให้ถูกก็คือแล้วแต่การนำของพิชช์ฌานเป็นหลัก  อัลฟ่าหนุ่มไม่ใช่คนที่อ่อนโยนนักหรอก  เขาคิดขณะที่อีกฝ่ายขยับตัวแบบไม่ปล่อยให้เขาหยุดพักหายใจเลยแม้แต่นิดเดียว

          พิชช์ฌานอาจพูดจริงบางอย่าง แต่ที่แน่ ๆคือเขาโกหกเรื่องหนึ่ง  ..รอบเดียว  ไม่เคยมีจริง

          .....................................................................................

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








             เขามองตามแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีดำสนิทก้าวขึ้นไปบนแท่นพิธีเพื่อสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ด้วยความรู้สึกชื่นชมปนกับความรู้สึกอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

          สีหน้าของพิชช์ฌานเคร่งขรึมจริงจังเหมือนเวลาที่เขาตั้งใจทำงาน  คำปฏิญาณที่เปล่งออกมาชัดเจนหนักแน่นดูน่าเชื่อถือสมกับตำแหน่งที่สุด  เสียงปรบมือดังก้องหอประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้จัดพิธี  แขกเหรื่อผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มาเป็นสักขีพยานต่างลุกขึ้นยืนให้เกียรติกับพิชช์ฌาน...สามีของเขา วูบหนึ่งที่อาคิราห์รู้สึกว่าตนเองช่างห่างไกลจากสามีเหลือเกิน  ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของพิชช์ฌานมีเขาเป็นรอยด่างหรือเปล่า

          เจ้าโอเมก้าถอนหายใจเฮือก  ไล่ความคิดในแง่ร้ายพวกนั้นออกไป  พักหลังมานี้มีคนพูดให้เขาได้ยินเข้าหูอยู่บ่อย ๆ ยิ่งสามีได้ตำแหน่งแล้วด้วย  โอเมก้าคนเดียวในงานพิธีนี้อย่างเขาก็ย่อมจะต้องหวั่นไหวไปบ้างเป็นธรรมดา

          “เชิญคุณอาคิราห์ครับ”  เจ้าหน้าที่เข้ามาเชิญเขาให้เดินไปหยุดยืนเคียงข้างพิชช์ฌาน  อาคิราห์ตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ  ไม่เคยมีภรรยาของผู้นำประเทศคนไหนได้รับโอกาสให้พูดในพิธีนี้มาก่อนแม้จะเป็นตอนสิ้นสุดพิธีแล้วก็ตาม  เขาเป็นคนแรก .... ดูเหมือนว่าสามีจะรู้ทันเพราะพิชช์ฌานเอื้อมมือมากุมมือของเขาเอาไว้

          “หายใจเข้าลึก ๆ”  เสียงห้าว ๆ กระซิบบอก  ขณะที่พิธีกรกำลังกล่าวดำเนินงาน  “เธอหน้าซีดมาก”

          “ผมกลัวพูดผิด”

          “พูดเหมือนที่เธอซ้อมให้ฉันฟัง”  พิชช์ฌานตบหลังแทนการให้กำลังใจ  “ทำได้อยู่แล้วอาคิราห์”

          อาคิราห์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด  กำมือให้กำลังใจตัวเองนิดหนึ่งแล้วก็ก้าวขึ้นไปบนแท่นที่มีไมโครโฟนตั้งเอาไว้รออยู่แล้ว  เกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง  สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว  ไหนจะกล้องที่ถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศอีก

          อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ

          “สวัสดีทุกท่านในที่นี้และประชาชนทางบ้าน  ผมอาคิราห์  อัศวลักษณ์  ภรรยาของคุณพิชช์ฌาน อัศวลักษณ์และประธานมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้า ..”  พอขึ้นต้นได้  อัยย์ก็เริ่มพูดคล่องขึ้น  ถ้อยคำที่ร่างเตรียมเอาไว้หลั่งไหลเข้ามาในความคิด  เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ  พยายามไม่ลนมากเกินไป  “.....ผมโตขึ้นมาในบ้าน  ใช้เวลานานเพื่อค้นหาคำตอบว่าผมโตขึ้นมาทำไมและตอนนี้ผมได้ค้นพบแล้ว  มีสิ่งที่ผมอยากจะทำให้เต็มที่เต็มกำลังของผม  ไม่ใช่แค่มีชีวิตไปเพียงวัน ๆ หนึ่ง  ผมได้พบเจอกับเพื่อน ๆ โอเมก้ามากมายจากทั่วประเทศ  ผมมองเห็นความหวังในแววตาของพวกเขา  มันทำให้ผมมายืนตรงนี้  ท่ามกลางอัลฟ่าทุกท่าน  เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์และจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย  ผมจะทำตามสิ่งที่ได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้  และสัญญาว่าจะไม่ทำให้โอกาสที่ได้รับมาเสียเปล่าเด็ดขาด  เพื่อที่โอเมก้าจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ”

          พิชช์ฌานปรบมือให้เป็นคนแรกตามด้วยเสียงปรบมือจากทุกคนในห้องนั้น   อาคิราห์เหลียวมามองและเห็นสามีแอบส่งนิ้วโป้งกลับมาให้  เจ้าโอเมก้ายิ้มกว้างก้มศีรษะให้ก่อนจะถอยลงมาจากโพเดียม 

          “เป็นไง  ตื่นเต้นดีมั้ย”

          “สุดยอด”  อาคิราห์พึมพำ  ยกมือให้อีกฝ่ายดู  “มือยังสั่นอยู่เลยดูสิ”

          พิชช์ฌานอมยิ้ม  คว้ามือของภรรยามากุมเอาไว้  พาเดินกลับไปนั่งประจำที่ด้วยกัน  พิธีกรเข้ามาดำเนินรายการต่อจนกระทั่งจบ

          “คืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงราตรีสโมสร”  พิชช์ฌานพูดยิ้ม ๆ มองหน้าเจ้าโอเมก้านิ่งครู่หนึ่ง  “เตรียมตัวเต้นรำด้วยนะ”

          คนฟังตื่นเต้นหนักกว่าเดิม  ร้อนถึงนิลลาคนสนิทต้องมาช่วยซ้อมเสต็ปการก้าวเดินเป็นการใหญ่  แถมเขายังต้องออกรับแขกกับสามีอีก  อาคิราห์ไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่งจะวุ่นวายขนาดนี้

          “ฉันไม่อยากเป็นแล้ว  เมื่อยขา”  เจ้าโอเมก้านอนผึ่งบนเตียง  ปล่อยให้คนสนิทเข้ามาช่วยถอดรองเท้าออกให้  “ปวดขาจะตายแล้ว”

          “คุณต้องอาบน้ำเตรียมตัวไปงานเลี้ยงคืนนี้นะ”  นิลลาเตือน  “ลุกขึ้นได้แล้ว  นิลลาเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย”

          “ลุกไม่ไหว  อุ้มหน่อย”  อาคิราห์พูดลากเสียง

          “เดี๋ยวฉันอุ้มแล้วห้ามร้องจะลงนะ”  เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นที่ประตูตามด้วยร่างสูงใหญ่ของนายกฯคนปัจจุบันก้าวเข้ามาในห้องนอนเนิบ  ๆ  “จะอุ้มไม่วางเลยล่ะ”

          “ไม่เอา”  คนท้องตะลีตะลานลุกขึ้น  เดินตุบตับเข้าไปในห้องน้ำเองโดยไม่ต้องขอให้ใครอุ้มอีก  พิชช์ฌานหัวเราะเบา ๆ นั่งไขว่ห้างรออยู่ในห้องนอน  ส่วนนิลลาหลบฉากออกจากห้องไปแล้ว

          งานราตรีสโมสรฉลองตำแหน่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตหรูหรา  เชิญแขกผู้มีเกียรติจากทั้งในและต่างประเทศมาเข้าร่วม  อาคิราห์อยู่ในชุดออกงานเข้าคู่กับสามีที่วันนี้หล่อเหลาจนนักข่าวรัวชัตเตอร์ตลอดเวลา  พิชช์ฌานกระชับมือที่คล้องแขนล่ำสันเอาไว้แน่น  ไม่ยอมให้เจ้าโอเมก้าแอบแวบไปทางไหนเลย

          “หิวแล้ว”  อาคิราห์ทำปากพะงาบ ๆ บ่นแบบไม่มีเสียง  “หิว”

          “เดี๋ยวพาไปกิน”  พิชช์ฌานกระซิบกลับ  “บอกแล้วให้กินมาก่อนไม่เชื่อ”

          “อาหารงานเลี้ยงก็ต้องอร่อยสุดยอดสิ  เรื่องอะไรจะกินมาให้อิ่มก่อนล่ะ เสียของหมด”  คนพูดเริ่มหน้าเหี่ยวหมดเรี่ยวหมดแรงตามเวลาที่ผ่านไปจนสุดท้ายสามีต้องออกปากกับแขกเหรื่อ  ขอตัวพาภรรยาไปเติมพลังก่อน

          เสียงนักร้องที่ดังแว่ว ๆ เข้ามาภายในห้องรับรองทำให้คนที่กำลังกินอยู่ตาโต  หันไปมองพิชช์ฌานอย่างแปลกใจ

          “เสียงเหมือนคินเลย  คินหรือเปล่า  คินมาเหรอ”

          “เคี้ยวให้หมดก่อนจะกลับออกไป”  พิชช์ฌานเอ็ด  ส่งผ้าเช็ดปากไปให้  “ค่อย ๆ ลุกด้วย  อย่าลืมว่าท้องอยู่”

          “โธ่  คินแน่ ๆ ผมจำเสียงได้  แฝดของผม”  อาคิราห์ลากสามีให้รีบเดินออกมาดูด้วยกัน

          เวทีที่จัดไฟเอาไว้สวยงามมีร่างของใครคนหนึ่งกำลังเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาอย่างไพเราะ  ใบหน้าของเค้าเหมือนกับคนที่กำลังเกาะแขนท่านนายกฯ อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน  แม้จะแต่งเติมให้ดูเข้มขึ้นเมื่ออยู่กลางสปอร์ตไลท์

          อคินทร์ยิ้มนิด ๆ เหลือบมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองแล้วโบกมือให้  ศิลปินชื่อดังร้องเพลงจนจบแล้วก็เดินลงจากเวทีเข้ามาหาน้องชายที่ปรบมืออย่างตื่นเต้น

          “คิน  นายมาด้วย  ฉันดีใจมากเลย”

          “งานสำคัญแบบนี้ฉันก็ต้องมาหานายอยู่แล้ว”  อคินทร์พูดยิ้ม ๆ หันไปทักทายพิชช์ฌาน  “ยินดีด้วยครับ  ท่านพิชช์ฌาน”

          “เรียกผมเหมือนเดิมเถอะ  ไม่ต้องท่านอะไร”  นายกรัฐมนตรีที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์ว่า  “คุณเองก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของอาคิราห์  เท่ากับเป็นพี่ชายของผมด้วย”

          “ขอตัวอาคิราห์สักครู่นะครับ”  อคินทร์พูด  อาคิราห์เดินตามหลังพี่ชายฝาแฝดไปด้วยทันที  เขาไม่ได้เจอหน้าอีกฝ่ายมานานแค่ไหนแล้ว

          “ชุดนายสวยจังคิน”  อาคิราห์มองชุดปักเลื่อมละเอียดยิบนั้นอย่างชื่นชม

          “นายก็ดูดีมาก ๆ ไม่เหมือนอาคิราห์คนเดิมเลย  ...นายเปลี่ยนไปมากอัยย์”

          “ฉันอ้วนขึ้นมาก  ดูพุงนี่สิ”     

          “ไม่ได้หมายถึงทางร่างกาย  ฉันหมายถึงความคิด...แววตาของนาย  มันเปลี่ยนไป  ฉันดีใจที่นายโตขึ้นนะ”

          “หมายถึงฉันดูแก่ขึ้นน่ะเหรอ”  อาคิราห์หัวเราะ  “มันฟังดูเป็นคำชมใช่มั้ย”

          “คำชมสิ  นายดูเหมือน...ผู้นำของโอเมก้า  อะไรทำนองนั้น”  อคินทร์แตะที่เข็มกลัดรูปดอกกุหลาบสีแดงสดบนอกเสื้อของอาคิราห์  “ฉันดูในข่าว  สิ่งที่นายทำ  ...มันสุดยอดมาก”

          “นายก็สุดยอด  คอนเสิร์ตของนายเจ๋งที่สุดอคินทร์”

          “ไม่หรอก...”  แววอะไรอย่างหนึ่งวูบผ่านดวงตาคมกริบสีน้ำตาลเข้มไป  รวดเร็วทว่าอาคิราห์ก็ไวพอที่จะจับอารมณ์อีกคนเอาไว้ได้

          “นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”  เขาถามทันที  “อย่าปิดฉัน  เราเป็นแฝด  ฉันรับรู้อารมณ์ของนายได้...นายกำลังเศร้าเหรอ”

          “บ้าน่า  อัยย์...ฉันจะเศร้าทำไม”  อีกฝ่ายปฏิเสธ

          “นั่นสิ  ศิลปินที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ อย่างนายไม่มีอะไรจะต้องเศร้าแล้ว  โลกทั้งโลกต้อนรับนาย”  อาคิราห์ว่า  จับสังเกตอีกฝ่ายไปด้วย  เขาคิดว่าอคินทร์น่าจะมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจอยู่  “แล้วนายจะทำอะไรต่อหลังจากนี้  ออกเพลงเหรอ”

          “ฉันคงรอก่อนน่ะ  อาจจะพักผ่อน  ไปเที่ยวรอบโลกสักรอบเป็นไง”  อคินทร์พูด  คนฟังตาโต

          “ก็ดีสิ  ฉันอยากไปด้วย”  พูดไปแล้วก็นึกขึ้นได้  “แต่ฉันต้องคลอดลูกอีก  คงไม่มีเวลาไปเที่ยวไหนแน่ ๆ คุณพิชช์ฌานก็เพิ่งได้รับตำแหน่ง”

          “เอาไว้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อนก็ได้”  ฝาแฝดปลอบ  “อีกสิบปีไปด้วยกันก็ยังไม่สาย  ชวนคุณพิชช์ฌานไปฮันนีมูนรอบสอง”

          “รอบแรกยังไม่พาฉันไปเลย”  อาคิราห์เข่นเขี้ยว  “คนบ้างาน  ช่างเขาเถอะ”

          เขาพูดคุยกับฝาแฝดอยู่พักใหญ่ก็มีคนเข้ามาตาม  บอกว่าพิชช์ฌานถามหาตัว  อคินทร์กลับขึ้นร้องเพลงบนเวทีที่เปลี่ยนทำนองเป็นเพลงช้า

          “เพลงนี้ผมขออนุญาตมอบให้กับน้องชายผมคุณอาคิราห์และสามีของเขา ...ท่านพิชช์ฌานนะครับ”  ศิลปินหนุ่มพูด

          พิชช์ฌานยิ้ม  ก้มลงโค้งให้กับภรรยาแทนความหมายของการเชื้อเชิญ  อาคิราห์หน้าแดงส่งมือไปให้สามีจับแล้วเดินเคียงข้างกันเข้าไปในฟลอร์กลางสวน

          “เธอเกร็ง”  พิชช์ฌานกระซิบ  แตะริมฝีปากเข้าที่หน้าผากเนียนเบา ๆ  “ปล่อยตัวตามสบาย”

          “ผมกลัวสะดุด”  อาคิราห์ตอบกลับไป

          “ถ้าสะดุดก็กอดฉันไว้”  พิชช์ฌานพูด  “เดี๋ยวฉันหิ้วปีกเอง”

          อาคิราห์เหลือบตามองขึ้นมองเหมือนค้อน  ดวงตาคมเข้มคู่นั้นแพรวพราวด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองสะเทิ้นอาย   พิชช์ฌานเต้นรำเก่งเหมือนเดิม  อาคิราห์เพียงแต่ก้าวตามปล่อยให้ลื่นไหลไปตามจังหวะเพลงเท่านั้น  เสียงทุ้มนุ่มของฝาแฝดทำให้บรรยากาศดูคล้ายมีมนต์ขลังอย่างไม่น่าเชื่อ

          “เหมือนความฝันเลยนะ”  อาคิราห์พึมพำ

          “ดีกว่านั้นเพราะมันเป็นความจริง”  พิชช์ฌานตอบเนิบ ๆ

          คืนวันนั้นผ่านไปอย่างงดงามในความทรงจำของอาคิราห์  เป็นงานฉลองตำแหน่งที่เขาจะเก็บเอาไว้เล่าให้ลูกหลานฟังไปอีกนาน

          พิชช์ฌานเองก็รู้สึกผ่อนคลายหลังจากผ่านงานพิธีต่าง ๆ มาได้อย่างราบรื่นและเรียบร้อย  ไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นอย่างที่กลัว  แม้แต่บิดาของเขาที่มาเยี่ยมหลังจากวันนั้นก็ยังออกปากว่าคงจะวิตกกังวลมากไป  แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ประมาท  เขายังคงให้คนตรวจตราที่รอบบ้านอย่างเข้มงวดและคุ้มกันอาคิราห์เหมือนเมื่อก่อนเลือกตั้ง

          “คุณแม่ให้แวะไปหารับที่บ้านก่อนไปงานเปิดมูลนิธิฯ”  อาคิราห์พูด  มือก็ช่วยนิลลาเก็บเข็มกลัดกับเอกสารใส่กระเป๋าไปด้วย  “คุณแม่ทำกับข้าวเอาไว้เตรียมจะเลี้ยง”

          “คำก็คุณแม่ สองคำก็คุณแม่  สรุปแม่ฉันกลายเป็นแม่เธอไปแล้วสินะ”  พิชช์ฌานพูดอย่างไม่จริงจังนัก  เขาเห็นภรรยาเข้ากับมารดาของตนได้ก็รู้สึกดีใจอยู่แล้ว

          “ยกให้เป็นแม่ผมเลยได้ไหมล่ะ  ผมจะดูแลอย่างดี...เพราะแม่จริง ๆ ของผม...”  อาคิราห์หยุดพูดแล้วเปลี่ยนเรื่อง  “รายชื่ออาสาสมัครที่มาช่วยวันนี้อยู่ที่ไหนแล้วนะนิลลา”

          พิชช์ฌานไม่ถามอะไรอีก  เขารู้ว่าเรื่องของมารดายังเป็นบาดแผลในใจของอาคิราห์อยู่  เจ้าตัวไม่ยอมกลับไปที่บ้านเลยด้วยซ้ำ

          อาคารสองชั้นที่เดิมเคยเป็นห้องสมุดชุมชนถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ให้กลายเป็นสำนักงานของมูลนิธิเพื่อเพื่อนโอเมก้า  วันนี้เป็นวันแถลงข่าวเปิดมูลนิธิอย่างเป็นทางการโดยมีท่านนายกฯมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน  นักข่าวมาทำข่าวกันเต็มเพราะเป็นมูลนิธิเพื่อโอเมก้าแห่งแรกของประเทศซึ่งก่อตั้งโดยภริยาของท่านนายกฯเอง

          “คุณอาคิราห์มองเป้าหมายของมูลนิธิฯอย่างไรบ้างคะ”

          “เป้าหมายของเราก็คือ ...โอเมก้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุขครับ”  อาคิราห์ตอบยิ้ม ๆ “ตอนนี้เราเปิดรับเพื่อน ๆ โอเมก้าทั่วประเทศที่สนใจบริจาคเข้าร่วมมูลนิธิฯอยู่นะครับ  สามารถติดต่อมาทางเบอร์โทรศัพท์  จดหมาย  อีเมล์หรือว่ามาที่นี่ด้วยตัวเองก็ได้  สำหรับโครงการแรกที่เราจะทำกันก็คือการส่งเสริมการศึกษา  โอเมก้าควรจะมีวุฒิการศึกษาภาคพื้นฐานเพื่อใช้ในการสมัครงานครับ....”

          พิชช์ฌานหันไปมองประธานมูลนิธิฯที่กำลังพูดน้ำไหลไฟดับอยู่กับบรรดาสื่อแวบหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกมากับมือขวาคนสนิท   

          “ไม่อยู่ให้จบงานแน่เหรอครับ”  เจนภพถามขึ้น

          “ไม่ล่ะ  ฉันบอกอาคิราห์แล้วว่าติดประชุมต่อคงต้องกลับก่อน”  ชายหนุ่มพูดเรียบ ๆ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก  เขาเก่งอยู่แล้ว  คนของเราที่ให้เข้าไปช่วยทำงานก็ไว้ใจได้  คงไม่พากันกิน ๆ นอน ๆ หรอกกระมัง”

          “คุณอาคิราห์มีเสน่ห์เวลาพูดนะครับ  พูดแล้วคนอยากฟังต่อ”

          “ฟังไปฟังมาเผลอควักเงินให้ทุกที”  พิชช์ฌานหัวเราะหึ ๆ “เดี๋ยวจะไปสอบเทียบแล้วรอบนี้คงผ่านแล้วล่ะ  ฉันฝากนายหาหลักสูตรมหาวิทยาลัยที่เหมาะสมกับเขาหน่อยสิ”

          “เอาในประเทศหรือต่างประเทศครับ”

          “ในประเทศก่อน  เขาท้องอยู่...ฉันไม่อยากให้ไปไหนไกลตา”  พิชช์ฌานตอบขรึม ๆ “ประชุมตอนบ่ายพร้อมหรือยังเจนภพ  ฉันจะให้นายเป็นคนสรุปนะ  ส่วนเรื่องลงพื้นที่ภาคเหนือฉันขอเป็นหลังช่วงเดือนหน้า รอให้ผลผลิตออกก่อนน่าจะดีกว่า อ้อ...ยกเว้นพื้นที่ที่มีปัญหาเขื่อนฉันจะลงไปดูก่อน  เย็นนี้ให้คนเอาแผนที่มากางเลยก็ได้ว่าเป็นยังไง  ฝากส่งดอกไม้ให้มาดามเป็ดด้วยนะ  แนบการ์ดขอบคุณที่เขาช่วยเชียร์ฉัน”

          “ได้ครับ”  เจนภพรับคำทีเดียว

          หลังจากที่พิชช์ฌานได้ตำแหน่ง  เจนภพในฐานะมือขวาคนสนิทก็มีงานให้ทำมากมายจนหัวหมุน  ตัวคุณพิชช์ฌานเองจากเดิมที่เป็นคนทำงานหนักอยู่แล้วก็แทบจะกลายเป็นทำงานยี่สิบสี่ชั่วโมงทีเดียว 

          พิชช์ฌานเข้าประชุมตามวาระ  การก้าวมาอยู่ในจุดที่ตัวเองเคยวาดฝันมาตลอดตั้งแต่สมัยยังเด็กช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริง ๆ แม้ว่าเขาจะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำก็ตาม  เขามีปัญหารอให้ค้นหาสาเหตุและแก้ไขมากมาย  ไหนจะสารพัดโครงการร้อยแปดพันเก้าที่คนนำมาเสนออีก  ยังไม่นับผลประโยชน์มหาศาลที่แฝงมากับนโยบายต่าง ๆ ชนิดที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ  ตอนแรกก็กระอักกระอวนอยู่หรอก

          “ท่านครับ  ตอนเย็นมีนายทุนต่างชาติอยากขอพบท่าน”  เลขาฯสำนักนายกฯเข้ามากระซิบบอกเขา คิ้วเข้มขมวดฉับ

          “ประเทศอะไร”  อีกฝ่ายบอกคำตอบ

          “ให้เขาลงนัดเอาไว้  เย็นนี้ผมไม่ว่าง”

          “แต่ว่าเขาบอกว่าเกี่ยวกับโครงการรถสาธารณะครับ  เขาสนใจร่วมทุนกับรัฐบาล”  คราวนี้คนฟังชะงัก เหลือบมองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง

          “ฉันน่าจะพอมีเวลาสักครึ่งชั่วโมง   คุณไปหาคุณเจนภพนะแล้วบอกว่าฉันให้แทรกตารางเย็นนี้”

          “ครับท่าน”

          ผลประโยชน์นับหมื่นล้านขึ้นกับความเห็นชอบของเขา  โครงการที่รอลายเซ็นของเขาเพื่ออนุมัติมากมายนับไม่ถ้วนซึ่งหมายถึงค่าตอบแทนสูงลิ่วที่มาในรูปแบบต่าง ๆ พิชช์ฌานคิดว่าเขารู้เรื่องผลประโยชน์พวกนี้มาก่อนแล้ว  แต่นั่นไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์จากของจริงที่เขาได้เจอกับตัว

          “อาคิราห์ถึงบ้านหรือยัง”  ชายหนุ่มก้าวออกมาจากห้องประชุม  เจนภพหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาลูกน้องที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่มูลนิธิฯ

          “ไม่รับสาย”  มือขวาคนสนิทว่า  ลองกดโทรเบอร์อื่น  “ฮัลโหล  ทำไมรับช้า  คุณอาคิราห์ถึงบ้านหรือยัง...”  เจนภพกรอกเสียงลงไปทันทีที่ปลายสายรับ  ทว่าคำพูดรัวเร็วที่ตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มอ้าปากค้าง  “อะไรนะ  พูดใหม่อีกที”

          พิชช์ฌานอดรนทนไม่ไหว  ดึงโทรศัพท์มาแนบหูเสียเอง  เสียงลูกน้องปลายสายดังละล่ำละลักมาอย่างตกใจสุดขีด

          “เกิดระเบิดขึ้นครับ  ห้องคุณอาคิราห์ชั้นสองของมูลนิธิฯ ระเบิดเมื่อกี้นี่เอง  ดังลั่นเลยครับ  กระจกป่นหมด...”

          พิชช์ฌานรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปครู่

          “แล้วอาคิราห์อยู่ที่ไหน”  เขาตะโกน  “อาคิราห์อยู่ไหน”

          “คุณ...คุณอาคิราห์...หยะ..อยู่ในห้องทำงานครับ”  ลูกน้องจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของพิชช์ฌานก็ยิ่งสั่นสะท้าน  คำตอบตะกุกตะกัก

          “ว่าไงนะ”

          “คุณอาคิราห์เข้าไปในห้องทำงานก่อนที่มันจะระเบิดออก”

          โทรศัพท์หล่นจากมือของพิชช์ฌานตกกระแทกพื้น  เจนภพก้มลงตะครุบขึ้นมาพูดสายต่อพลางก้าวยาว ๆ ตามหลังพี่ชายออกไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านนอก 

          หัวใจของพิชช์ฌานเต้นถี่รัวไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัวจากเบื้องลึกที่สุด  คำเตือนจากบิดาและใครต่อใครผุดขึ้นมาในความคิดราวกับกระแสน้ำ  เขาพยายามกดโทรไปอาคิราห์แต่ว่าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

          “ติดต่อนิลลา  นิลลาอยู่กับอาคิราห์ตลอดจะต้องรู้”  เขาพูดเร็วปรื๋อ

          “นิลลาปิดเครื่องครับ”  เจนภพว่า  “ข่าวออกแล้วครับ” มือขวาเปิดหน้าจอโทรทัศน์ขนาดเล็กภายในรถให้เขาดู  ภาพอาคารห้องสมุดเดิมที่เพิ่งถูกบูรณะใหม่ให้กลายเป็นที่ทำการของมูลนิธิฯนั้นกลายเป็นซากปรักหักพังที่มีควันไฟลุกโขมง  คนในเหตุการณ์ต่างวิ่งวุ่นชุลมุนไปหมด  เสียงรถดับเพลิงและรถพยาบาลดังลั่น

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นภายในอาคารของมูลนิธิฯเพื่อเพื่อนโอเมก้าที่เพิ่งเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรก  เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร  และคาดว่ามีผู้ที่ติดอยู่ในภายในซากอาคารอย่างน้อยสิบคน  รวมถึงคุณอาคิราห์  อัศวลักษณ์ ประธานมูลนิธิฯและภริยาของท่านนายกรัฐมนตรี

          คนฟังมือเย็นเฉียบ  เขาติดต่อไปยังตำรวจผู้บังคับการสถานีที่รับผิดชอบทันที  นายตำรวจยืนยันตรงกันกับที่ออกในข่าว  มีคนเห็นคุณอาคิราห์หายเข้าไปในห้องทำงานที่อยู่ชั้นสองของอาคารก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดขึ้น

          “อาคิราห์อาจจะออกมาแล้ว  เขาน่าจะออกมาก่อน”  พิชช์ฌานพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ เป็นการให้กำลังใจตัวเอง  เขาเร่งให้คนขับรถขับไปที่ยังที่เกิดเหตุจนแทบจะเป็นเหาะ  รถติดยาวเพราะถูกกันให้รถพยาบาลและรถดับเพลิงวิ่งเข้าออก

          “ท่านนายกฯ มีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรคะ”  พอพิชช์ฌานไปถึงที่เกิดเหตุก็ถูกนักข่าวยิงคำถามใส่ทันที  ชายหนุ่มหยุดกึก  พูดด้วยเสียงต่ำ

          “ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามว่าผมมีความเห็นอย่างไรนะครับ  กรุณาเปิดทางให้ผมด้วย  ผมต้องไปหาภรรยาของผม”

          “ท่านคะ..”

          “เจนภพ  นักข่าวคนไหนตามเข้ามาวุ่นวายช่วยจัดการให้ด้วย”

          “ครับ”  เจนภพหันไปกันบรรดานักข่าวผู้หิวกระหายพวกนั้น 

          พิชช์ฌานเดินลัดสวนที่จัดเอาไว้อย่างสวยงามเมื่อเช้านี้  ต้นหญ้าถูกเหยียบย่ำเละเทะไปหมดไม่เหลือสภาพเดิมเช่นเดียวกับอาคารสองชั้นที่พังถล่มลงมากลายเป็นซากอิฐซากปูน  เหลือเพียงผนังกับเสาที่ดำไหม้เป็นตอตะโกให้เห็น  เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยกันพาร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ภายในซากอาคารออกมา  สภาพของแต่ละคนสะบักสะบอมบ้างก็บาดเจ็บรุนแรงต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

          “ท่านพิชช์ฌาน”  นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเข้ามาหาเขา  เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดว่าหลังจากเสร็จพิธีเปิดมูลนิธิฯแล้ว  แขกเหรื่อก็อยู่รับประทานอาหารกันจากนั้นก็เริ่มทยอยกลับเหลือเพียงแค่เจ้าหน้าที่กับนักข่าวบางคน  มีคนเห็นคุณอาคิราห์กับคนสนิทเข้าไปในห้องทำงานด้วยกันก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น

          “ไม่มีใครเห็นตอนที่พวกเขาออกมาเลยเหรอ  ลองถามดูสิ” พิชช์ฌานพูด  “ถ้าอาคิราห์อยู่ในนั้นจริงก็ต้องเจอร่างของเขา...”

          “เกรงว่าอาจจะไม่เจอร่างก็ได้ครับ  เพราะแรงระเบิดรุนแรงมากขนาดที่อาคารพังทั้งหลัง  คาดว่าจุดศูนย์กลางของระเบิดน่าจะอยู่ในห้องทำงานของคุณอาคิราห์  ดังนั้น...อาจจะ..”  นายตำรวจอึกอัก  ไม่กล้าพูดต่อเพราะเกรงใจ       

          “อาจจะไม่เหลือซาก...งั้นเหรอ”  พิชช์ฌานต่อประโยคเสียงแหบแห้ง  เข่าอ่อนจนเนื้อตัวโงนเงน  “ไม่จริง  ฉันไม่เชื่อหรอก  ค้นหาต่อไปจนกว่าจะเจอร่างของอาคิราห์  ออกตามหาละแวกแถวนี้ด้วย  ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะอยู่ข้างในนั้น”

          “คุณฌานนั่งลงก่อนครับ”  เจนภพเข้ามาพยุงแขนเขาเอาไว้  พาไปนั่งบนเก้าอี้สนาม  “ยาดมครับ”

          “นี่มันต้องเป็นแผนการแน่ ๆ ฉันเคยใช้แผนนี้มาก่อน  อย่าหวังว่ามันจะได้ผล”  พิชช์ฌานคำราม  “ตามหาตัวอาคิราห์ให้เจอ ...”

          “ท่านครับ”  เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินแกมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับส่งอะไรบางอย่างมาให้ มันเป็นใบปลิวที่มีตัวอักษรสีแดงสดพิมพ์เอาไว้   “ใบปลิวพวกนี้หล่นกระจายลงมาจากอาคารใกล้ ๆ นี่ครับ”

          ข้อความบนนั้นเขียนว่า ... นี่คือจุดเริ่มต้นของความหายนะแห่งโอเมก้าที่ไม่รู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตนเอง  ...ไม่มีคำขึ้นต้นและลงท้ายอีก  นอกจากรูปดอกกุหลาบสีแดงที่ถูกมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน

          “ไอ้พวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าแน่”  พิชช์ฌานกำมือแน่น  “นึกว่ามันจะเงียบกันไปหมดแล้วเสียอีก”

          “ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับการที่เราจะรื้อคดีค้าโอเมก้าขึ้นมาใหม่”  เจนภพออกความเห็น  “แต่ไม่นึกว่ามันจะเล่นแรงขนาดนี้เลย”  ชายหนุ่มพูด

          “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน”  พิชช์ฌานพูด  “ไปตามจับคนที่โปรยใบปลิวพวกนี้  และที่สำคัญที่สุดก็คือ  ต้องตามหาอาคิราห์ให้พบให้ได้...ต่อให้เป็นซากชิ้นส่วนก็ต้องหาให้พบ”  คนพูดตาแดงก่ำ

          “จะได้เวลานัดคุยกับนายทุนแล้วครับ”  เจนภพพูดเรียบ ๆ “ให้ผมเลื่อนไปก่อนดีไหมครับ”

          พิชช์ฌานนิ่งเงียบ  เหม่อมองกองเพลิงที่ถูกควบคุมเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว

          “ไม่ต้องเลื่อน  เราต้องการนายทุนมาร่วมทุนโครงการนี้ให้ได้”  พิชช์ฌานยกมือขึ้นนวดขมับ  “ขอเวลาฉันสับสิบนาทีก่อนไป”

          “ครับ”

          เจนภพมองตามหลังร่างสูงสง่าที่ยามนี้ไหล่กว้างกลับงองุ้มลงเหมือนคนที่เหนื่อยจนหมดแรงจะเดิน  พิชช์ฌานเดินเข้าไปหยุดยืนจ้องซากกองปรักหักพังพวกนั้นอยู่นานสิบนาทีถึงได้หันหลังเดินกลับออกมา  นัยน์ตาคมคู่นั้นแดงจนเห็นเส้นเลือดทว่าไม่มีน้ำตาสักหยด

          มือขวาควบตำแหน่งน้องชายอย่างเขาเองก็พูดไม่ออก  ไม่รู้ว่าจะต้องปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไรในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้  แม้แต่นายตำรวจที่สนิทกันก็ยังส่ายหน้าเป็นความหมายว่าไม่มีทางรอด

          คุณอาคิราห์เสียชีวิตในกองเพลิงจากเหตุระเบิดโดยผู้ไม่หวังดี...มันเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับ

        ..............................................................................................

          มาอัพต่อแล้วค่ะ

          ใครรอเรื่องนี้กันอยู่บ้างคะ

          เจอกันตอนหน้านะคะ

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ 

          #ขอรักแค่คุณ

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ซี้ดดปาก
ความเห็นอื่นๆต้องเน้นเรื่องอาคิราแน่ๆ
แต่เราบอกเลย นิยายเรื่องนี้สะท้อนความจริงเรื่องชนชั้นของบางประเทสแน่ๆ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เอางี้เลยนะ เมื่อไรจะได้อยู่กันแบบดีๆอะแม่ ฮือออเเ

ออฟไลน์ Neraneve

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :a5: เครียดแทนนนนน เมื่อไหร่จะสงบสุข

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ทำมัยทำกับบู้บี้ แบบนี้ใจไม่ดีเลยนะเนี่ย เอาบู้บี้ที่หนึ่งคืนมาเลย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นึกถึงการเมืองบางประเทศจริงๆ นี่มันคือนิยายสะท้อนความเน่าเฟะของการเมืองระดับประเทศจริงๆ

ของให้อัยย์และน้องเฌอริชช์ปลอดภัยนะ
ท่านนิมมานต้องรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังที่กุมอำนาจใหญ่สุดแน่ๆ แต่พูดไม่ำด้ ส่วนพ่ออัยย์ คือครอบครัวนี้เห็นแก่ตัว หลงในอำนาจจนแทบไม่เหลือความเป็นคนแล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้องไม่เป็นไรหรอก ออกไปหาคุณแม่ทันใช่ไหม

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เจ้าบู้บี้กับลูกในท้องและนิลลา

หนูต้องปลอดภัยนะลูก

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ยิ่งอ่านยิ่งเหนื่อยและเครียดแต่ก็รอติดตามต่อไป :mew5:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
นิลลาจะต้องรู้อะไรและต้องช่วยบู้บี้ออกไป นิลลาต้องดีสิ  :hao5:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
บู้บี้ต้องไม่เปนไรนะ  :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บู้บี้ต้องรอด

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :o12:  น้องกับลูกต้องปลอดภัยนะ คิณจะรู้ไหมดูเหมือนมีพิรุธ ...​และยังเชื่อว่านิลลาจะเป็นทีมเดียวกับอัยย์ ขอให้ปลอดภัยทุกคนนะ คุณพิษเข้มแข็งนะคะ 

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ขอร้อง..น้องอยู่กับแม่
น้องอยู่กับแม่ ฮืออออ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เจ้าบู้บี้ไม่เป็นไรหรอก เราเชื่ออย่างน้านนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด