[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267819 ครั้ง)

ออฟไลน์ pukpra

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-0
ตกลงเป็นไตรภพจริงๆ ใช่ไหม จะมีตัวการเพิ่มอีกหรือเปล่า เฮ่อ สงสารเจ้าบู้บี้กมาก เสียน้ำตาหลายลิตรเลย

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 37



 

 

 

 

 

 

          คลิปภาพชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถูกลากออกมาจากรถตู้ก่อนจะถูกรุมซ้อมทำเอาบรรดานักข่าวอุทานอย่างตกใจ  พิชช์ฌานยกมือขึ้นกอดอกนั่งดูภาพในจอขนาดใหญ่อย่างใจเย็น  ภาพถูกเปลี่ยนมุมไปยังมุมอื่นที่เป็นผู้ชายสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่กลางสวนสาธารณะ

          เสียงสนทนาจากไมโครโฟนที่ถูกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋าสูทดังผ่านลำโพงจากห้องประชุมของโรงพยาบาลที่ใช้เป็นห้องแถลงข่าว  คำพูดของนักการเมืองชื่อดังควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยฯและยังเป็นลูกชายคนโตของนายกรัฐมนตรีคนก่อนทำให้นักข่าวและทุกคนในห้องฮือฮา   เสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชสว่างวาบไม่ขาดระยะจนกระทั่งคลิปสิ้นสุดลงที่ตำรวจบุกเข้ามาช่วยเหลือคนที่ถูกรุมทำร้ายอยู่นั้นและจับกุมนายไตรภพ อลันไตรเอาไว้ได้

          “คลิปจบถึงตรงนี้ครับ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นเรียบ ๆ เรียกความสนใจของเหล่าสื่อมวลชนกลับมาที่ตัวเอง  “ผมต้องขออภัยกับคุณภาพความชัดและเสียงด้วยนะครับ  เพราะต้องซ่อนกล้องเอาไว้เลยอาจจะไม่ได้ภาพคมชัดเท่าที่ควร  แต่ผมก็คิดว่ามากพอที่จะมองออกว่าใครเป็นใคร”

          “คุณพิชช์ฌานช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเราฟังได้ไหมครับ”  นักข่าวจากสำนักข่าวดังถามขึ้น  “คุณกลับมาจากความตายจริง ๆ หรือเปล่าครับ”  เกิดเสียงหัวเราะดังขึ้น  ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ         

          “จะเรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ  ผมฟื้นจากความตายพร้อมกับความจริงและหลักฐานที่นำมาให้ทุกท่านในที่นี้ได้ดู  ผมขออนุญาตเท้าความตั้งแต่ตอนที่ผมให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อจับกุมพวกค้ามนุษย์นะครับ”  พิชช์ฌานเล่าถึงเรื่องก่อนหน้านั้นตามด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้ที่บ้านของจักรกฤต  “ผมเชื่อว่าเป็นการทำลายหลักฐานที่อาจยังหลงเหลือในบ้านของนายจักรกฤต  หลักฐานที่จะซัดทอดไปถึงตัวการและเครือข่ายของพวกมันได้”

          “เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดรถหรือเปล่าคะ”

          “เกี่ยวครับ  ผมทำทุกทางที่จะได้หลักฐานที่จะซัดทอดไปถึงตัวการใหญ่มาให้ได้  สุดท้ายผมได้รับการติดต่อให้ไปที่โกดังแห่งนั้น  เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นความจงใจที่จะทำร้ายผมแต่ว่าโชคดีมากที่ผมรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์  กระนั้นผมก็ยังบาดเจ็บหนักจนต้องพักรักษาตัวอยู่พักหนึ่ง  ผมไม่สามารถติดต่อใครได้เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายขึ้นอีก  โดยเฉพาะกับภรรยาของผมที่กำลังตั้งครรภ์อยู่”   คนพูดทอดสายตามองไปยังร่างโปร่งบางที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ มุมหนึ่ง  อาคิราห์ส่งยิ้มตอบกลับมาให้   “ผมต้องทนดูคนที่รักผมเสียใจที่ผมจากไปในขณะที่ผมรักษาตัวเองและรอจังหวะที่จะกลับมาเพื่อตามหาความจริง”

          “เกิดอะไรขึ้นที่สวนสาธารณะครับ  จากในคลิปผมคิดว่ามีการหักหลังกันเกิดขึ้น”

          “เป็นแผนการของผมเองโดยมีคุณเจนภพร่วมมือด้วย  แต่ว่ารายละเอียดคงยังไม่ขอเปิดเผยเพราะอาจกระทบต่อใครหลายคน  ผมได้ให้ปากคำทั้งหมดกับทางคุณตำรวจแล้ว คาดว่าสรุปผลออกมาได้เร็วๆนี้ครับ”

          “แสดงว่าเบื้องหลังของขบวนการค้ามนุษย์คือคุณไตรภพ อลันไตรเหรอครับ”

          “ยังไม่สามารถสรุปแบบนั้นได้ครับ  ต้องรอให้ทางตำรวจรวบรวมหลักฐานทั้งหมดก่อน  แล้วคงจะมีแถลงข่าวจากทางตำรวจออกมาอีกที”

          “สิ่งที่คนในคลิป  ดิฉันคิดว่าเป็นคุณเจนภพหยิบออกมาจากเสื้อ  ที่เป็นห่อสีดำ ๆ คืออะไรคะ  พอจะบอกได้ไหมคะ”  นักข่าวสาวจากสื่อช่องหนึ่งถามขึ้น  พิชช์ฌานอมยิ้มอย่างพอใจ

          “มันคือหลักฐานที่ผมได้มาจากเหตุระเบิดโกดังครับ  ข้างในเป็นรายชื่อของผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์”  สิ้นประโยคของนักการเมืองหนุ่มก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่คนฟังอีกครั้ง  นักข่าวแย่งกันถามว่ารายชื่อนั้นมีใครบ้าง  “ผมยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้  เพราะต้องรอทางตำรวจรวบรวมหลักฐานและพยานให้ครบถ้วนก่อน  แต่ผมมั่นใจว่าครั้งนี้เราจะสามารถสาวถึงตัวการใหญ่ได้แน่นอนครับ”

          อาคิราห์นั่งมองบรรดานักข่าวยิงคำถามใส่สามีผู้รอดชีวิตของตัวเองอย่างสงบ  พิชช์ฌานก็ยังเป็นพิชช์ฌาน  คนที่สามารถรับมือกับสถารการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยมและมีพรสวรรค์ในการพูดโน้มน้าวใจผู้อื่น  ไม่นานเหล่านักข่าวก็ดูเหมือนจะเต็มใจยกตำแหน่งฮีโร่ให้เขา  พรุ่งนี้ข่าวของพิชช์ฌานคงจะได้ขึ้นหน้าหนึ่งของทุกสำนักข่าวและกลายเป็นข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งของปี 

          “อยากทราบทิศทางในอนาคตทางการเมืองของคุณพิชช์ฌานครับ  คุณจะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกไหมครับ”

          “พรรคของผมเน้นหลักประชาธิปไตยครับ  ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะยึดเสียงส่วนมากเสมอ  ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องเป็นการตกลงกันภายในพรรคครับ  ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น”  พิชช์ฌานตอบยิ้ม ๆ

          “แล้วคุณเจนภพเป็นอย่างไรบ้างครับ  ทำไมถึงไม่ออกมาแถลงข่าวด้วย”

          “คุณเจนภพได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนครับ  ต้องได้รับการผ่าตัด  ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นอยู่ก็เลยไม่สะดวกที่จะมาแถลงข่าวด้วยกัน  ส่วนสาเหตุที่ถูกกระสุนปืนนั้น  เป็นเพราะว่าเขาช่วยผมเอาไว้ครับ”  ชายหนุ่มหยุดไปนิดหนึ่งราวกับสะเทือนใจ  “ถ้าไม่ได้คุณเจนภพ  ผมคงจะไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วครับ”  นักข่าวพากันรัวชัตเตอร์อีกรอบ  ภาพนัยน์ตาคมเข้มที่มีน้ำตาคลอนิด ๆ ช่างให้อารมณ์ที่ดีแก่ข่าวยิ่งนัก  “เหตุการณ์ครั้งนี้  พวกเราทุ่มเทเต็มที่เพื่อที่จะได้สืบสาวถึงตัวการหลักในขบวนการครั้งนี้  ถามว่าเราทำขนาดนี้ไปทำไม  มันคุ้มกันเหรอถ้าต้องแลกด้วยชีวิต  ผมขอตอบว่าคุ้มค่ามากครับ  เพราะว่า...”  ชายหนุ่มผายมือไปทางโอเมก้าที่นั่งอยู่  “คุณอาคิราห์  ช่วยขึ้นมาบนนี้หน่อยครับ”

          เจ้าของชื่อตกใจเล็กน้อย  แต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินขึ้นไปหา  พิชช์ฌานลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโอบร่างโปร่งบางเข้ามาชิดตัว

          “ผมทำไปทั้งหมดเพราะว่าคน ๆ นี้ครับ”  ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงหนักแน่น  “และเพื่อโอเมก้าของประเทศนี้  ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะมองเห็นโอเมก้าเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกับเราอัลฟ่าและเบต้า  ทำไมโอเมก้าถึงต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ  เป็นพลเมืองชั้นสอง  ถูกล่อลวงไปขายบริการที่ต่างประเทศ  เป็นเพราะอะไร  ทำไมโอเมก้าถึงไม่สามารถเข้าเรียนหรือทำงานได้อย่างคนอื่น ๆ กฎหมายของโอเมก้าเพื่อโอเมก้าหรือเพื่อใครกันแน่  นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกับอาคิราห์และพรรคของเราตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง  เพื่ออนาคตของประเทศ”

          “คุณอาคิราห์เข้ามาทำงานตำแหน่งเลขาฯของพรรคแล้ว คุณพิชช์ฌานมองเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ”  นักข่าวถามต่อมา

          “ผมคิดว่าคำถามนี้ควรจะถามเจ้าตัวเขามากกว่าครับ  เพราะเขาเป็นคนอาสาเข้ามาทำงานนี้เอง”  พิชช์ฌานตอบ  ส่งไมโครโฟนไปให้คนรักพร้อมกับบีบมือที่กุมไว้แน่นนิดหนึ่งแทนการให้กำลังใจ  อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดลมหายใจเข้าปอด

          “ขอบคุณมากครับ  ขอบคุณพี่ๆนักข่าวสื่อมวลชนทุกคนด้วยนะครับที่มาทำข่าวในวันนี้  ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มายืนอยู่เคียงข้างอัลฟ่าของผมอีกครั้งหนึ่ง  หลังจากที่หลงคิดว่าตายไปแล้วอยู่นาน”  อาคิราห์หรี่ตามองคนตัวใหญ่ข้าง ๆ เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบา ๆ  “เอาไว้เคลียร์กันทีหลังนะครับเรื่องนี้  ยังไงผมก็ดีใจและภูมิใจมากที่สามีของผมได้ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม  ส่วนเรื่องตำแหน่งเลขาฯของพรรค  ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะทำงานเพื่อพรรคและประชาชนครับ”

          “คุณอาคิราห์คิดว่าการเป็นเลขานุการของพรรคการเมืองขนาดใหญ่และเก่าแก่ควรจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างคะ”  คำถามจากนักข่าวราวหนึ่งทำเอาคิ้วเข้มของอดีตหัวหน้าพรรคขมวดฉับ  ขยับจะดึงไมค์จากคนรักมาตอบเอง  แต่ว่าอาคิราห์กลับยิ้มกว้าง  ไม่ยอมคืนไมค์ให้

          “ผมคิดว่าคุณสมบัติที่สำคัญในการที่จะทำงานกับพรรคการเมืองเพื่อประชาชนก็คือความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมครับ  คำพูดอาจจะฟังดูสวยหรูนะครับ  แต่เชื่อเถอะว่าผมตั้งใจแบบนั้นจริง ๆ  ผมอยากที่จะเป็นตัวแทนของโอเมก้าทุกคนที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อประโยชน์ของเพื่อนพี่น้องโอเมก้า  เสียงของโอเมก้าจะต้องไม่ไร้ความหมายครับ  ถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลากี่ปีก็ตาม  ผมพร้อมที่จะเรียนรู้และต่อสู้กับอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นครับ”

          “อุปสรรคที่คุณอาคิราห์ว่าคืออะไรบ้างคะ”

          “อุปสรรคที่สำคัญที่สุดของผมคือความคิดครับ  ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังติดอยู่กับความคิดเดิม ๆ เช่น โอเมก้าจะต้องอ่อนแอ  เลี้ยงลูกอยู่บ้าน  คอยตอบสนองความต้องการของอัลฟ่าหรือเบต้า  ซึ่งผมคิดว่ามันยังไม่ถูกต้องนัก  การที่จะเปลี่ยนความคิดของคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย  ผมจึงคิดว่ามันคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุดครับ”

          “ถ้าอย่างนั้นคุณอาคิราห์วางแผนที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรครับ”

          “ผมได้เตรียมเอาไว้แล้วครับ”  คนพูดยิ้มกริ่ม นัยน์ตากลมโตเป็นประกาย  เหลือบมองหน้าคนข้าง ๆ แวบหนึ่ง  “ผมจะก่อตั้งมูลนิธิเพื่อโอเมก้าครับ  เป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือ  ผลักดันและสนับสนุนโอเมก้าทุกคนครับ”

          พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  เก็บความประหลาดใจเอาไว้ในสีหน้ายิ้มแย้มราวกับรู้อยู่ก่อนแล้ว  ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้พร้อมกับทุกคนในที่นี้นี่เอง  เจ้าโอเมก้าปิดเรื่องนี้เงียบไม่ยอมบอกเขาก่อนเลยนะ

          อาคิราห์ให้สัมภาษณ์เรื่องมูลนิธิของตัวเองต่ออีกเล็กน้อยแล้วก็บอกว่าจะแจ้งรายละเอียดอีกทีภายหลัง  นักข่าวต่างตื่นตัวกับข่าวในวันนี้มาก  ทั้งการกลับมาของพิชช์ฌาน  รายชื่อของผู้มีส่วนร่วมในขบวนการค้าโอเมก้า  รวมถึงการก่อตั้งมูลนิธิเพื่อโอเมก้าโดยโอเมก้าที่กำลังดังที่สุดในขณะนี้

          “ไม่บอกกันก่อนเลยนะ”  พิชช์ฌานเคาะ  ขณะที่เดินกลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยด้วยกัน  เจ้าโอเมก้าของเขาหันมาส่งยิ้มให้ เอื้อมมือมาแตะที่ต้นแขนล่ำสันราวกับประจบ  “ไม่ต้องมาจับเลย  อยากจะทำอะไรก็ทำ  ไม่เห็นบอกกันก่อน”

          “ทีคุณอยากจะแกล้งตายก็ยังทำเลย  ไม่เห็นบอกผมก่อนเหมือนกันนี่”  อาคิราห์ตอบแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนลง  “ผมคิดมาดีแล้ว  ให้นิลลาไปมองหาสถานที่คร่าว ๆ แล้วด้วย  ผมว่าไม่เห็นมันเสียหายตรงไหนเลย  มูลนิธิเพื่อโอเมก้า  เท่ออก”

          “มันก็ดีอยู่หรอก  แต่ว่าเธอจะไม่เหนื่อยไปหน่อยหรือไง  ท้องอยู่นะอย่าลืมสิ  ไหนจะตำแหน่งเลขาฯพรรคอีก”

          “หัวหน้าพรรคคงจะไม่ใช้งานผมหนักหรอกใช่มั้ยครับ”  อาคิราห์แนบหน้าเข้ากับต้นแขนแน่นด้วยมัดกล้ามนั้น  พิชช์ฌานชะงัก  เขาไม่เคยชินกับท่าทางรวมถึงดวงตาเว้าวอนแบบนี้เลย ให้ตายสิ ...ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้วนะเจ้าบู้บี้

          “ไม่ต้องมาซบ  เวลาทำงานฉันไม่เคยยอมผ่อนผันให้หรอกนะ  เวลาลงพื้นที่หาเสียงด้วย  ถ้าใครงอแงหิวข้าวก็ทิ้งเอาไว้ข้างทางเลย  ให้เดินกลับเอาเอง”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้ม

          คนฟังหัวเราะเบา ๆ คราวนี้ยกแขนขึ้นกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่น

          “คุณจะทิ้งผมได้ลงคอเหรอ  ไม่มีทาง  ผมจะกระโดดล็อคคอคุณเอาไว้แน่นเลย  ไม่ให้หนีไปไหน”  อาคิราห์พูดอย่างหมายมาด  ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่ยังมีผ้าพันแผลติดอยู่ประปราย  “ผมจะพกปิ่นโตไปด้วย  หมดปัญหาหิวกลางทางแน่นอน”  คนพูดพยักหน้าจริงจัง

          พิชช์ฌานหัวเราะพรืดออกมา  นึกภาพเจ้าโอเมก้าหิ้วปิ่นโตเดินตามเขาต้อย ๆ ไปตามซอกซอยต่าง ๆแล้วก็อดขำไม่ได้

          “ฉันไม่ใช่พระออกบิณฑบาตนะเจ้าบู้บี้”  พิชช์ฌานว่า  ยกมือขึ้นบีบจมูกมู่ทู่ของอีกฝ่ายเอาไว้  “ฉันว่าเธออยู่ที่บ้านดีกว่า”

          “ไม่เอา  ผมอยากไปกับคุณด้วย  ผมจะไปกับคุณทุกที่เลยคุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พูดเสียงอู้อี้  ปัดมืออีกฝ่ายออกจากจมูกของตัวเอง

          “มันอาจจะอันตรายนะ  ฉันคิดว่าน่าจะมีคนรอจัดการพวกเราอยู่”  ...โดยเฉพาะหัวหน้าตัวจริงที่น่าจะยังไม่เปิดเผยตัว  ...ชายหนุ่มต่อประโยคในใจ  เก็บความกังวลเอาไว้มิดเม้น  เขาไม่อยากทำลายความชื่นบานที่เกิดขึ้นในตอนนี้  “เธอไม่กลัวเหรอ”

          “ผมไม่กลัวหรอก  ก็ผมมีคุณพิชช์ฌานทั้งคนจะกลัวอะไร”

          “ขืนเธอพูดแบบนี้บ่อย ๆ ฉันได้สอยเดือนสอยดาวมาให้อย่างที่เขาว่ากันแน่”  พิชช์ฌานพูดอุบอิบ  แกล้งผลักหน้าเรียวหวานออกจากอกของตัวเอง  “ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้”

          “ผมแค่พูดความจริง”  อาคิราห์ยืนยัน

          พิชช์ฌานหัวเราะอีกรอบ  รั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้ามาจูบแรง ๆที่ริมฝีปากอวบอิ่ม

          “แบบนี้ฉันตายแน่  แค่นี้ก็หลงจะตายอยู่แล้ว”  เขากระซิบกับความนุ่มนิ่มหวานหอมนั้น  “ชักจะร้ายกาจขึ้นทุกวันนะเจ้าตัวบู้บี้  ฮึ”  เขารัดตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นเข้าอีก  ก้มลงฟัดแก้มนวลสองข้างจนขึ้นสีแดงก่ำ  อาคิราห์ดิ้นขลุกขลักพอเป็นพิธีแล้วก็ยอมเอียงแก้มให้หอมแต่โดยดี

          เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้นเบา ๆ อย่างเกรงใจ  คนในห้องผละแยกออกจากกันก่อนที่ประตูจะเปิดออก  ร่างสูงสง่าของอัลฟ่าหญิงคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องช้า ๆ ทอดสายตามองคนที่นั่งคู่กันอยู่บนเตียงคนไข้

          “คุณแม่”  พิชช์ฌานพึมพำ  ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกับอาคิราห์ที่จับตามองหญิงวัยกลางคนอย่างระแวดระวัง  ความเจ็บปวดจากฝ่ามือของเธอคราวก่อนบนแก้มของเขายังจดจำได้ดี

          เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นทำความเคารพอีกฝ่ายในฐานะที่อาวุโสกว่าแล้วก็ทำท่าจะเลี่ยงออกจากห้อง  แต่ว่าพิชช์ฌานรั้งมือเอาไว้เสียก่อน

          “ถ้าแม่ไม่ได้ดูข่าวก็คงจะไม่รู้เลยสินะว่าลูกชายของตัวเองยังไม่ตาย”  คุณนายนวลพรรณพูดเสียงเรียบสนิท  ทอดสายตามองบุตรชายและลูกสะใภ้นิ่ง  “คิดจะบอกแม่เมื่อไหร่ฌาน  หรือไม่เห็นว่าแม่เป็นแม่ของเธอแล้ว”

          “ไม่ใช่นะครับ  หลังเกิดเรื่องมันยุ่ง ๆ ผมก็เลยยังไม่ทันได้บอกคุณแม่  แต่ว่ายังไงก็ตั้งใจว่าจะไปหาเป็นคนแรกอยู่แล้ว”  ลูกชายพูดเสียงอ่อน  เอื้อมมืออีกข้างมาจับมือมารดาเอาไว้  “คุณแม่อย่าโกรธผมเลยนะครับ  ผมดีใจแทบตายที่เห็นคุณแม่อีก”

          หญิงวัยกลางคนนิ่งอั้น  มองหน้าบุตรชายแล้วก็น้ำตาคลอ  อาคิราห์ดึงมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพิชช์ฌานแล้วแตะที่หลังของอีกฝ่ายเบา ๆ

          ชายหนุ่มก้าวเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น

          “คุณแม่  ฌานคิดถึงคุณแม่มากครับ”  เขาก้มลงกระซิบข้างหูมารดาที่ร้องไห้ออกมาเสียงดัง

          คนมองรู้สึกถึงความวูบโหวงในใจอย่างอธิบายไม่ถูก  หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพียงความอิจฉาแบบเด็ก ๆ ก็เป็นได้  อาคิราห์แอบถอยออกมาจากห้องพักแห่งนั้นเงียบ ๆ  ปล่อยให้แม่ลูกได้ปรับความเข้าใจกันเอง

          พิชช์ฌานเห็นสีหน้าจ๋อยสนิทของภรรยาตอนที่แอบออกไปจากห้อง  ชายหนุ่มลอบถอนหายใจยาว  กอดร่างมารดาแน่นเข้าแล้วปล่อยออก  ส่งทิชชูไปให้เธอเช็ดหน้าที่ตกแต่งเอาไว้ด้วยเครื่องสำอางงดงาม

          “นั่งก่อน  เจ็บตรงไหนไหมลูก”  คนเป็นแม่ลูบหลังลูบไหล่บุตรชายคนเดียวอย่างเป็นห่วง  ยิ่งเห็นบาดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บนแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วก็ยิ่งใจหาย  นึกขอบคุณเทวดาฟ้าดินที่ดลบันดาลให้บุตรชายรอดชีวิตมาได้  “แม่ร้องไห้ทุกวันเพราะคิดถึงฌาน”

          “คุณแม่  ผมขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้คุณแม่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้”  ชายหนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด  “เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ”  เขาช่วยซับน้ำตาให้มารดาอย่างบรรจง  “เดี๋ยวไม่สวยนะ”

          “โธ่ ฌาน  แม่แก่ปูนนี้แล้วจะมาห่วงสวยอะไรอีก”  คนสูงวัยอุทาน  ลูบหน้าลูกชายเบา ๆ  “ลูกไม่เป็นอะไรมากแม่ก็โล่งอก”

          “ผมก็ดีใจมากที่ยังไม่ตาย”  พิชช์ฌานพึมพำ  พูดคุยถามไถ่กันอีกครู่ใหญ่

          “อาคิราห์ออกไปแล้วงั้นหรือ”  จู่ ๆ มารดาของเขาก็ทักขึ้นเบา ๆ ชายหนุ่มชะงัก  มองหน้าคนพูดอย่างไม่แน่ใจ

          “คุณแม่อยากเจอเขาเหรอครับ  ผมคิดว่าคุณแม่อาจจะไม่สบายใจเท่าไหร่ที่พบเขาเพราะว่าครั้งก่อน..”

          “แม่อยากขอโทษที่ตบหน้าเขาคราวก่อน”  นวลพรรณพูดเนิบ ๆ “เป็นความผิดของแม่เองที่เสียใจมากจนขาดสติ  แม่คิดแต่ว่าเขาทำให้ฌานต้องเคราะห์ร้ายถึงเพียงนั้น  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เลย  เขาเป็นคนทำให้ฌานกลับมาต่างหาก”

          “หมายความว่ายังไงครับ”  ลูกชายถามอย่างสงสัย

          “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะลูก  วันที่เกิดเรื่องขึ้นจนกระทั่งงานศพของลูก  แม่เหนื่อยท้อแท้ไปหมดเลย  มองไปทางไหนก็มืดมนเหมือนมีหมอกบาง ๆ บังตาอยู่ตลอด  แม่กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ ๆ จนวันนึงตอนแม่กำลังกลับจากธุระก็เจอผู้หญิงคนนึงมาล้มขวางรถแม่เอาไว้  แม่ตกใจเลยลงจากรถไปดู  เธอมองหน้าแม่นะ  แล้วก็ตาเหลือกโพลง  จากนั้นก็พูดชื่อนามสกุลของแม่รวมกถึงปู่ย่าตายายของแม่ได้ถูกต้องหมดเลย”  เธอเล่าพร้อมกับลูบแขนของตัวเองไปด้วย  “แม่ตกใจมาก  แล้วเธอก็บอกว่าโชคชะตาของแม่จะต้องอยู่คนเดียว  แต่ว่าโชคดีมีลูกเป็นอภิชาตบุตร  จะนำโชคลาภมาให้”

          “..........”  ชายหนุ่มอ้าปากค้าง  นิ่งฟังมารดาเงียบกริบ

          “เสียดายที่อายุไม่ยืน  ชะตาถึงฆาตตั้งแต่ยังหนุ่ม  แม่ฟังมาถึงตอนนี้ก็ใจหายเหลือเกิน  แต่ว่าเขาพูดต่อว่าโชคยังมีอยู่ที่ได้คู่ครองดี  ดวงชะตาของคู่ครองเดิมเป็นดวงชะตาที่แรงมาก  อาจถึงขั้นทำลายครอบครัวเลยก็ได้แต่ว่าในทางกลับกันก็สามารถต่ออายุดวงชะตาของคู่ครองได้  แม่ฟังครั้งแรกก็ขนลุกเลย  ตอนนั้นใคร ๆ ก็บอกว่าฌานตายแล้ว  แม่เองก็เห็นอยู่กับตา  จะเป็นไปได้ยังไงว่ายังไม่ตาย”

          “แล้วเขาว่ายังไงต่อครับ”

          “เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ชักตาตั้งไปเลย  แม่เลยรีบโทรเรียกรถพยาบาล  แต่พอรถมารับปรากฏว่าเขาก็หายตัวไปแล้ว  คนแถวนั้นก็บอกว่าเมื่อกี้ไม่มีใครเลย  แม่พูดอยู่คนเดียว”  นวลพรรณชูแขนของตัวเองให้ดู  “ดูสิ  แค่พูดถึงแม่ยังขนลุกเลย  ไม่กี่วันถัดมาข่าวก็ออกว่าลูกยังไม่ตาย”

          “เขาคือนักทำนายเหรอครับ  หรือว่าพวกคนทรงเจ้า”

          “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  ลองถาม ๆ ดูเขาก็บอกว่าแถวนั้นเป็นที่เก่าแก่  คงมีเจ้าที่อยู่อารักขากระมัง  เขาคงเห็นว่าแม่กำลังทุกข์หนักก็เลยมาชี้ทางสว่างให้”  นวลพรรณพูดแล้วยิ้มออกมานิดหนึ่ง  “พูดแล้วจะหาว่างมงาย  แม่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้นหรอกแค่ลองมาคิดย้อนดูแล้ว  อาคิราห์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น”

          “ผมดีใจที่คุณแม่รู้สึกแบบนั้นครับ”  พิชช์ฌานพูดอย่างโล่งอก  เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  “คุณแม่อยากทานอะไรไหม ผมจะให้อัยย์ยกเข้ามาให้”

          “เอาสิ”  เธออนุญาต

          ชายหนุ่มลุกขึ้นก้าวยาว ๆ ออกมาจากห้องพัก  เจ้าโอเมก้านั่งเท้าคางรออยู่หน้าห้องนั่นเองไม่ได้ไปไหนไกล  อาคิราห์เงยหน้าขึ้นมองหน้าเขานิ่ง ๆ

          “คุณแม่อยากคุยกับเธอ”  พิชช์ฌานพูดเรียบ ๆ  “นิลลา  ฉันฝากหาขนมมาให้หน่อย”

          นิลลาผละไปตามสั่ง  ชายหนุ่มย่อตัวลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน  จ้องมองนัยน์ตากลมโตนั้นแล้วพูดลอย ๆ

          “มีหมอดูคนนึงมาดูดวงให้แม่ฉันแล้วบอกว่าคู่ครองของฉันเป็นกาลกิณี  จะต้องหย่าแล้วหาคู่ครองใหม่”

          คนฟังขมวดคิ้วฉับ

          “ว่าไงนะครับ  หมอดูที่ไหนบอก”

          “นั่นสิ  ฉันก็ตกใจเหมือนกัน  หมอยังบอกอีกว่าคู่ครองของฉันมีดวงกินสามี  นอกจากกินสามีแล้วก็ยังกินทุกอย่างไม่เลือกอีก  โบราณเรียกดวงล้างผลาญตู้เย็น”

          “หมอดูไม่ได้บอกแบบนี้แน่ ๆ”  คนฟังร้อง  หน้ามุ่ย  “คุณโกหก  หมอดูต้องบอกว่าดวงชะตาผมส่งเสริมคู่ครองต่างหาก”  พูดออกไปแล้วก็เพิ่งนึกได้  อาคิราห์ยกมือขึ้นปิดปาก  ตาเบิกโตเพราะตกใจ  รีบลุกขึ้นยืนอย่างผลีผลาม  “แม่คุณหิวขนมใช่มั้ย  ผมจะไปหามาให้เอง”

          “จะไปไหน”  พิชช์ฌานรีบคว้าคอเสื้อข้างหลังเอาไว้  “แม่ฉันอยากเจอหน้าพ่อหมอเสียหน่อย  ดูดวงแม่นมาก”

          “ไม่ใช่ผมนะ  ผมไม่รู้เรื่องนี้”  อาคิราห์รีบปฏิเสธ  มองซ้ายขวาเลิ่กลั่กหาทางหนีทีไล่  นิลลาก็ไม่อยู่แล้วด้วย  “แม่คุณอยากดูดวงเหรอ  ผมจะไปหามาหมอดูเก่งๆมาให้”

          “เอาคนเดิมที่ไปล้มใส่รถแม่ฉันได้มั้ย”

          “คนไหน”  อีกฝ่ายยังทำไก๋  พิชช์ฌานซ่อนยิ้ม

          “ถ้าไม่ยอมรับผิดแต่โดยดี  ฉันจะเข้าไปบอกแม่เดี๋ยวนี้ล่ะว่ามีคนเล่นแผนสูงหลอกคนแก่”

          “ไม่เอา  ผมเปล่านะ  โธ่  เห็นผมเป็นคนเจ้าเล่ห์เหมือนตัวเองไปได้”  คนพูดยังยืนยัน ปฏิเสธหน้าซื่อตาใส  “ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าคุณพูดอะไร”

          “รอให้กลับถึงบ้านก่อนเหอะ  ฉันจะเค้นเอาความจริงมาจนหมดตัวเลย”  พิชช์ฌานกระซิบอย่างมีนัย  อาศัยทีเผลอชะโงกเข้าไปจูบแก้มของเจ้าโอเมก้าทีหนึ่ง  นิลลาเดินกลับเข้ามาพอดีพร้อมกับถาดบรรจุชาและของว่างน่ากิน

          “เดี๋ยวฉันยกเข้าไปให้เอง”  อาคิราห์รีบพูด



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2019 01:17:24 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








          มารดาของพิชช์ฌานพูดขอโทษเขาเป็นอันดับแรก ท่าทางของผู้สูงวัยอ่อนลงจนเห็นได้ชัด  อาจเป็นเพราะได้บุตรชายคืนกลับมาบวกกับคำทำนายใหม่ที่ได้ยิน  อาคิราห์เองก็รักษาความสงบเสงี่ยมเอาไว้ได้อย่างดี  ไม่พูดอะไรมากไปเกินจำเป็น

          “ไว้แวะไปหาที่บ้านบ้างนะ  ฌานด้วย”  คุณนวลพรรณพูดเป็นประโยคสุดท้ายก่อนจะลากลับ  อาคิราห์ยกมือขึ้นทำความเคารพอย่างเรียบร้อย  คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้ทำเป็นมองไม่เห็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว  แม้ว่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างอ่อนหวานเหมือนคนอื่น  แต่ก็นับว่ามีการพัฒนาในระดับที่น่าพอใจ

          “แม่ฉันทำอาหารอร่อยมากนะ  ป้านิ่มที่ว่าแน่ยังเป็นแค่ลูกมือของแม่ฉันเอง”  พิชช์ฌานพูดลอย ๆ  เหล่มองคนฟังที่เริ่มหันมาสนใจอีกครั้ง  นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายจนเขาต้องกลั้นหัวเราะในใจ  “แม่ชอบหาคนมาชิมเมนูใหม่ ๆ”

          “แม่คุณบอกให้แวะไปหาด้วยว่างๆ”  อาคิราห์พูดขึ้นลอย ๆ บ้าง  ทำเป็นไม่สนใจมากนัก  “คุณจะไปวันไหนก็บอกนะ  ผมจะได้เตรียมตัว”

          “จะล้างไส้ล้างพุงไปรอกินข้าวฝีมือแม่ฉันหรือไง”  คนฟังดักคอ  อีกฝ่ายหน้าหงิก  หันมาย่นจมูกใส่

          “ผมไม่ใช่คนเห็นแก่กินนะคุณพิชช์ฌาน  ที่ผมอยากไปเพราะความสัมพันธ์แม่ลูกของคุณจะได้ดีขึ้น  ผมไม่อยากให้พวกคุณทะเลาะกันเพราะผม”  อาคิราห์พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง  “เรื่องกินก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง”  เขาเสริมอีกนิด  พอสบตาคมเข้มพราวระยับก็ยกมือขึ้นฟาดตุบใส่ไหล่หนานั้นไปที

          “โอ๊ย!”  พิชช์ฌานอุทาน งอตัวลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด

          “เจ็บมากเหรอ”  คนทุบหน้าเสีย  รีบถามอย่างเป็นห่วง

          อีกฝ่ายเลยได้ทีรวบร่างโปร่งบางมากอดเอาไว้แน่นอีกครั้ง  ริมฝีปากกับจมูกคลอเคลียอยู่ริมขมับ  สูดกลิ่นหอม ๆ ของกันและกันเข้าปอดอย่างชื่นใจ  อาคิราห์ไม่คิดจะขัดขืนอีก  เขาปล่อยให้พิชช์ฌานกอดเอาไว้อย่างนั้น

          “เดี๋ยวนี้ว่านอนสอนง่าย”  พิชช์ฌานพึมพำ  “หรือว่าหมดแรงข้าวต้มแล้ว  ตายล่ะ...จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนี่”

          “รู้เหมือนกันเหรอ”  เจ้าโอเมก้าพูดงึมงำ  “ผมใช้พลังงานในการคุยกับแม่คุณไปเยอะนะ  เกร็งแทบตาย”

          “เห็นนั่งเงียบอย่างเดียว  ใช้พลังงานตรงไหน”

          “กลัวพูดไม่ถูกหูแม่คุณนะสิ”

          “พูดธรรมชาติเถอะ  รับรองว่าแม่ฉันต้องรักเธอมากแน่ ๆ  แม่แพ้คนขี้อ้อน”

          “ผมไม่ใช่คนขี้อ้อน”  อาคิราห์ว่า

          “เหรอ”  ชายหนุ่มลากเสียงยาว  “แล้วที่เอาหน้าถูกับอกฉันตอนนี้นี่คืออะไรฮึ”

          “อันนี้คันหน้าเฉยๆ”  อาคิราห์ตอบหน้าตาย  “อ้อนมันต้องแบบนี้”  โอเมก้าหนุ่มโอบแขนไปรอบลำคอของอัลฟ่าแล้วเขย่งขึ้นจูบที่ข้างแก้มของพิชช์ฌานเบา ๆ “ฌานครับ  อัยย์เบื่อโรงพยาบาลแล้ว  อยากไปเที่ยวข้างนอกบ้าง  พาอัยย์ไปเที่ยวได้มั้ย”

          นัยน์ตากลมโตล้อมด้วยแพขนตายาวคู่นั้นเป็นประกายวิบวับอย่างคนกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มแดงก่ำลงมาถึงลำคอ  ดวงตาคมกริบตวัดมองหน้าเขาราวกับคาดโทษ  ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นเหมือนกลั้นอารมณ์เอาไว้ 

          “ฌานว่ายังไงครับ  พาอัยย์ไปนะ”  เขาพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

          พิชช์ฌานกัดฟันเอาไว้แน่น

          “อย่าไปพูดแบบนี้กับใครที่ไหนนะ”  อัลฟ่าหนุ่มพูดเสียงห้วนจัด

          “ทำไมล่ะครับ”  อาคิราห์เอียงคอมองแล้วยิ้มกว้าง

          “เดี๋ยวหัวแตกเอา”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฟังแล้วคันไม้คันมือมากเลย  อยากเขกหัวคนพูดซักทีสองที”

          อาคิราห์อ้าปากค้าง  แล้วก็ปล่อยมือออกจากลำคอด้วยสีหน้างอง้ำอย่างห้ามไม่อยู่  พิชช์ฌานปล่อยเสียงหัวเราะออกมา  เอื้อมมือไปเชยคางของโอเมก้าขึ้น

          “ไม่ต้องมายุ่งกับผม”  อาคิราห์ว่า  ปัดมืออีกฝ่ายออกพลางหันหน้าหนี

          “พูดเล่นแค่นี้ทำโกรธ  ไหนหันหน้ามานี่ซิ  เร็ว”  คนแก่กว่าพูดเสียงนุ่ม  สะกิดที่ไหล่บอบบางเบา ๆ “ไหนเมื่อกี้ใครบอกอยากไปเที่ยวนะ”

          “...........”

          “นาทีทอง  ไม่งั้นโปรโมชั่นพิเศษนี้จะหมดแล้วนะ  ห้า สี่ สาม สอง..”

          “โปรโมชั่นอะไรแค่ห้าวินาที”  อาคิราห์ร้อง  หันกลับมากอดอก  “ไปก็ได้  นี่เห็นแก่ลูกหรอกนะ  วันๆไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากบ้านกับโรงพยาบาล”

          “เหตุผลพอไหว ๆ”  พิชช์ฌานพยักหน้าหงึก ๆ “ตกลงตามนั้น  งั้นออกจากโรงพยาบาลแล้วเราจะไปเที่ยวกัน  อยากไปที่ไหน”

          “ไม่ต้องมาทำเป็นถามผม  สุดท้ายคุณก็พาไปที่ ๆคุณคิดเอาไว้แล้วอยู่ดี”  อาคิราห์พูดเมิน ๆ  อีกฝ่ายขยับเข้ามากอดเข้าเอาไว้จากด้านหลัง

          “เอาอย่างนี้  ช่วงเลือกตั้งเราคงต้องเที่ยวในประเทศไปก่อน  พอหลังเลือกตั้งเสร็จปุ๊บเราก็ขึ้นเครื่องไปสวิสฯกันเลย  โอเคมั้ย”

          “อย่ามาหลอกเด็ก”

          “แล้วเชื่อหรือเปล่า”

          “เชื่อก็ได้”  คนพูดถอนหายใจเฮือก  “เห็นแก่ลูกหรอกนะ  ลูกจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน”

          “ตั้งชื่อรอเอาไว้เลยดีมั้ย”  พิชช์ฌานกระซิบ  “ฉันลองคิดดูแล้ว  เอาชื่อของเราสองคนมารวมกันน่าจะดี”  มือใหญ่ลูบลงบนหน้าท้องของอีกฝ่ายเบา ๆ

          “รู้หรือไงว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”

          “ฉันตั้งเตรียมเอาไว้ทั้งชื่อผู้หญิงและผู้ชาย”  คนเป็นพ่อยิ้มกริ่ม  เก็บความปลาบปลื้มเอาไว้ไม่มิด  “ลูกเราจะต้องเป็นคนเก่งมาก  ต้องมีชื่อเพราะ ๆ เท่ ๆ เอาไว้”

          “คุณคงไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะเป็นนายกฯหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ”  อาคิราห์รีบดักคอ

          “ถ้าเป็นได้ก็ดี”

          “โธ่  อย่าคาดหวังกับเขาได้มั้ย  เขายังไม่ทันลืมตาดูโลกเลยก็ต้องมาเจอความคาดหวังของพ่ออีก”  โอเมก้าถอนหายใจเฮือก  “อย่าเพิ่งพูดไปถึงตรงนั้นเลย  อาทิตย์หน้าผมต้องไปหาคุณหมอฝากครรภ์ตามนัดด้วย”

          “ฉันจะไปด้วย”  พิชช์ฌานตอบ  “โอเค  ทำตามที่เธอบอก  เราจะคิดไปทีละขั้น  เริ่มจากตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อน  ฉันเองก็เบื่อกับข้าวโรงพยาบาลเต็มที”

          “ชวนคุณเจนภพไปด้วยนะ”

          “หมอนั่นต้องนอนพักต่อไปก่อน”  ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “โดนยิงถึงขั้นต้องผ่าตัดเลยนะ  จะรีบลุกมากินข้าวได้ไง”  อดีตมือขวาของเขาพ่วงด้วยตำแหน่งน้องชายต่างมารดาถูกยิงเข้าที่ท้องกระสุนฝังในต้องเข้าห้องผ่าตัด

          พอนึกถึงหน้าน้องชาย  เขาก็รู้สึกปวดมวนในท้องอย่างไม่ทราบสาเหตุ  อาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ยังคลุมเครือระหว่างเขากับเจนภพก็เป็นได้  เจนภพร่วมมือกับเขาช่วยเปิดโปงขบวนการก็จริง  แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ยังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

          พิชช์ฌานไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องวางตัวอย่างไร  เป็นเจ้านายกับลูกน้องคนสนิทเหมือนเดิมหรือว่าเป็นพี่ชายกับน้องชายต่างแม่ดี  เขาเลยตัดปัญหาด้วยการยังไม่เจอหน้ากันเสีย

          “สงสารคุณเจนภพ  คงเบื่อตายเลยต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่กับที่”  อาคิราห์ว่า  “นึกถึงคุณคนที่ผมนึกว่าเป็นคุณไม่ได้  ป่านนี้เขาคงจะไปสู่สุขคติแล้วใช่ไหม”     

          รอยยิ้มของพิชช์ฌานจางลงกลายเป็นเคร่งขรึมเมื่อนึกถึงลูกน้องที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเขา

          “ฉันจะทำบุญใหญ่ให้เขา  แล้วก็จะสัญญาว่าจะดูแลลูกเมียของเขาไปตลอดชีวิต  ว่าง ๆ เราไปเยี่ยมเขาที่บ้านกันดีไหม ลูกชายของเขากำลังเรียนอยู่ชั้นประถม  ส่วนภรรยาก็ทำเบอเกอรี่ขาย”

          “ตกลงครับ  ผมสงสารเขาจังเลยยังหนุ่มยังแน่น  ครอบครัวของเขาคงจะรู้สึกใจแตกสลายตอนรู้ข่าว”  อาคิราห์พึมพำ  “ผมรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ซิ”

          “จริงๆแล้วมันควรจะต้องเป็นฉันมากกว่าใช่ไหม”  พิชช์ฌานพูด

          “ไม่ใช่อย่างนั้น...ไม่ว่าจะเป็นใคร ผมก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้นทั้งนั้นแหละ”

          คนฟังเงียบไปครู่  ก่อนจะพูดขึ้นช้า ๆ

          “หลังจากเกิดเรื่อง  เธอได้กลับไปที่บ้านบ้างไหม”

          “ผมยังไม่ได้กลับไปเลยครับ”  อาคิราห์ส่ายหน้า  “แต่ว่าโทรคุยกับอคินทร์ไป  ทำไมเหรอครับ”

          “เปล่า ...ฉันแค่คิดว่าเธออาจจะอยากกลับบ้าน”

          “พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”   อาคิราห์ยกนิ้วชี้ขึ้นขู่  “คุณคิดอะไรอยู่แน่ ๆ”

          “ชักจะรู้มากไปแล้วนะเจ้าบู้บี้  ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอกับที่บ้านเฉย ๆ ....เธอเคยคิดไหมว่า  สมมตว่าวันดีคืนดีเธอเกิดมีพี่น้องขึ้นมาอีกคนหนึ่ง  โดยที่เธอไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย  เธอจะว่ายังไง”

          คนฟังนิ่งไป

          “หมายความว่ายังไงครับ”  อาคิราห์ขมวดคิ้ว  มองหน้าคนพูดอย่างค้นหา  “คุณกำลังจะบอกว่าผมมีพี่น้องอีกเหรอ”

          “สมมตว่าเกิดมีขึ้นมา  จะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่  แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้มาเจอเข้า  เธอจะว่ายังไง”

          “ผมก็คงตกใจ”  อาคิราห์พูดอย่างระมัดระวัง  “แต่ก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่  เพราะขนาดคนนอกยังไม่เคยรู้เลยว่าอคินทร์มีฝาแฝด  ถ้าผมจะเกิดมีพี่น้องที่ไม่เปิดเผยขึ้นมาอีกคนก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง”

          พิชช์ฌานยกมือขึ้นลูบศีรษะทุยสวยนั้นเบา ๆ

          “เธอยังเสียใจอยู่ไหมที่พ่อแม่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องของเธอ”

          “มันทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจทุกครั้งที่นึกถึง”  อาคิราห์พูด  “ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ลูกทุกคนอยากได้รับก็คือการยอมรับจากพ่อแม่  ไม่ว่าจะในด้านไหนก็ตาม  คงไม่มีลูกคนไหนรู้สึกดีแน่ถ้าพ่อแม่ต้องปิดบังว่ามีเขาเป็นลูกอีกคนเพราะความอับอาย”

          “เป็นไปได้ไหมว่า...เขาอาจจะปิดบังเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง  เช่น  เพื่อปกป้องลูกนั่นเอง”

          “ผมก็เคยคิดครับ”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  “เรียกว่าพยายามคิดแบบนั้นก็ได้  จะได้ไม่รู้สึก...เจ็บปวด..มากเกินไป”

          “พี่ ๆ ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง”

          “คุณคงหมายถึงพี่ไตรภพ”  แววตาของอาคิราห์เปลี่ยนเป็นเศร้าซึม  คำพูดของพี่ชายที่ได้ยินในคลิปเสียงเมื่อหลายชั่วโมงก่อนยังติดอยู่ในใจ  ไตรภพไม่เคยนับเขาเป็นพี่น้องแล้วการกระทำที่ผ่านมาคืออะไรงั้นหรือ  เป็นเพียงแค่ละครฉากใหญ่ที่เล่นบังหน้าหรืออย่างไร  “ผมยืนยันคำเดิมว่าไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเค้า  ถ้าเป็นไปได้  ผมอยากเจอพี่ภพอีกสักครั้ง”

          “ยังไม่ใช่เร็วๆนี้ ...”  พิชช์ฌานขยับจะพูดต่อมาอีกแล้วก็เปลี่ยนใจ  ชายหนุ่มลูบแขนของโอเมก้าเบา ๆ แทนคำปลอบใจแล้วก็เปลี่ยนเรื่องอย่างนุ่มนวล

          “ลืมถามเรื่องมูลนิธิของเธอ  ไหนเล่าให้ฟังซิว่าวางแผนว่าอะไรเอาไว้บ้าง  ฉันฟังดูแล้วก็น่าสนใจดี”

          คนฟังยิ้มออกมาได้  รีบเล่าแผนการที่ตนเองคิดเอาไว้คร่าว ๆให้อีกฝ่ายฟัง  รู้สึกมีกำลังใจที่เห็นพิชช์ฌานตั้งใจฟังเขาแถมยังพยักหน้าเป็นระยะด้วย

          “....ผมก็จะเปิดให้โอเมก้ามาลงชื่อเอาไว้  เป็นสมาชิกของมูลนิธิ  เราจะเริ่มที่โครงการง่าย ๆ อย่างเช่นการตั้งศูนย์ฝึกอาชีพให้โอเมก้า หรือเปิดคอร์สสอนการป้องกันตัว...”

          “มันง่ายตรงไหนนะ”  คนฟังท้วง  “ที่เธอพูดมานี่มันโปรเจคยักษ์ ๆ ทั้งนั้นเลยนะ  ไหนจะต้องผ่านร่างกฎหมายก่อนอีก”

          “ผมมีสามีเป็นนายกฯของประเทศนี้จะกลัวอะไร”

          “ไหน  มีโครงการอะไรอีกว่ามาซิ”  พิชช์ฌานพูดเสียงเข้มยกมือขึ้นกอดอก  อีกคนหัวเราะคิกเอื้อมมือมาแกล้งทำเป็นบีบ ๆ นวด ๆ ที่ท่อนแขนล่ำสัน

          “นะ ..ช่วยอัยย์หน่อยนะ”

          “ถ้าฉันได้เป็นนายกฯ ฉันจะประกาศให้คำว่าอัยย์เป็นคำต้องห้าม  ห้ามพูดเป็นอันดับแรกเลย”  พิชช์ฌานว่า

          “โธ่”  อาคิราห์ร้อง  “อัยย์ก็พูดกับคุณฌานแค่คนเดียวไง”

          “นี่แหละถึงได้ห้าม  มีหวังฉันได้หมดตัวแน่ ๆ”  ชายหนุ่มพูดราวกับมองเห็นอนาคต  “ไม่เอาล่ะ  ไปดีกว่า  ขืนอยู่ต่อมีหวังโดนล่อลวงไม่เลิก”

          “จะไปไหน”  อาคิราห์พูดลากเสียงแกมหัวเราะ อีกฝ่ายหยุดยืนนิ่ง ๆ เหมือนตัดสินใจอีกรอบแล้วก็พูดเนิบ ๆ

          “ฉันอยากแนะนำคน ๆ นึงให้เธอรู้จัก”  พิชช์ฌานว่า  สบตาคู่สมรสที่เขาไม่ควรจะมีความลับด้วยพลางกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ  เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาวูบหนึ่ง  “เขาเป็นน้องชายของฉันเอง”

          คนฟ้งอ้าปากค้าง

       ...............................................................................................

 

          มาอัพต่อแล้วค่า  ใครรอเรื่องนี้อยู่บ้างคะ

          พักผ่อนหย่อนใจกันเนอะ  เหนื่อยกันมาหลายตอน ฮ่าๆ ถึงเวลาไปเที่ยว เสพความหวานให้น้ำตาลพุ่งแล้วค่า เย่ๆๆ

          เจอกันตอนหน้านะคะ 

          ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ โหวตนะคะ

          #ขอรักแค่คุณ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2019 01:17:43 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อัยย์น่ารัก แต่แอบร้ายนะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
หนูอัยย์สายหวานก็มาาา ตอนนี้เหมือนเป็นช่วงพัก แจกเสบียงตุนไว้ฮีลในตอนต่อๆไป  :mew1:

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อู้วววว 55555สนุก อัยย์เจ้าเล่ห์มาก ตลกก 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คำพูดแบบไม่คิด แต่ว่าออกมาจากความรู้สึกจริงๆ
ของเจ้าบู้บี้ช่วยได้เสมอเลย
 :z2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อัยย์น่ารักขึ้นทุกตอนเลย อยากบีบเจ้าบู้บี้ หวังว่าคงไม่มีอะไรโหดร้ายไปกว่านี้ แต่ว่าตัวการใหญ่ก็ยังไม่ออกมา กลัว สนุกและลุ้นมาก ขอบคุณสำหรับตอนใหม่นะคะ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :-[  น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ตอนที่ผ่านๆมาหนักหน่วงมาก

กลับไปอ่านทวนใหม่ แต่ต้นจนจบ

ตอนใหม่มาพอดี

ไม่ได้มีแค่คุณฌานนะที่หลงบู้บี้

คนอ่านก็หลง อิอิ

อีกหน่อยคุณแม่สามี

หลง..บู้บี้แน่นอน..

เห็นแววลางๆ

อย่างอื่นไม่อยากคาดเดา...

 :mew1:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นู๋อัยย์ไม่โง่นาจาา ร้ายขึ้นทุกวันๆ 55ุ

ออฟไลน์ CLShunny

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
รออล้วลุ้น ลุ้นเกือบทุกตอนว่าจะเจออะไรบ้างงง.
คนขี้อ้อนนมันน่ารักแท้เนาะ55555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 เจ้าบู้บี้น่ารักจังเลย อยากบีบแก้มจัง

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เจ้าบู้บี้น่าบีบที่สุด ฮึ่ยๆๆๆ หมั่นเขี้ยว

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
น้องอัยย์แอบร้ายอะ เจ้าเล่ห์นักนะเจ้าบู้บี้ น่ารัก!!
คุณแม่ก้คือ พลิคล้อคกันน่าดูเลยนะคะ เชื่อคนง่ายเฉยย
เหลือแค่ปมของตัวการใหญ่แล้วสิ
เป็นคุณพี่ชายจริงๆหรอ หรือเค้าปกป้องใครไว้อยู่กัรแน่

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บู้บี้เปิดโหมดอ้อนไม่ใช่แค่คุณฌาณที่จะแย่หรอกค่ะคนอ่านทางนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน น่ารัก น่าฟัดจริง ๆ บู้บี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
หวานบ้างจะได้ลดความหน่วง ใจของคนอ่าน แต่เวลาขม นี่ขมจนต้องคายทิ้งเลย ทะเทือนใจ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ชอบความเปิดใจและความคลอเคลียนี้ของอัยย์
พิชญ์ฌาณหลงแล้วหลงอีกค่ะ เดี๋ยวจูบเดี๋ยวหอม
อัยย์ก็ยิ่งชอบเลยนะ เข้าทางความอยากเกาะแกะ เอ็นดู

แหมมม อัยย์ร้ายนะ มีวางแผนให้แม่ปลื้ม ลงทุนด้วย 5555
ฌาณดูรู้ทันไปหมดเลย แถมมีขู่เจ้าบู้บี้ตัวร้ายให้จำนน

ฌาณถามถูกคนแล้ว อัยย์คือคนที่รู้สึกกับเรื่องนี้ชัดเจนสุด
อัยย์จะได้เจอน้องชายพิชญ์ฌาณแล้วนะคะ

เรื่องราวซับซ้อนอยู่ ยังอยากรู้ว่า คนคอยชักใยเป็นใคร

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เจ้าบู้บี้ หรอกแม่พี่ฌานเหร๊อออ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เจ้าบู้บี้แสบสุดดด คิดได้ไงเอาหมอดูไปหลอกแม่สามี :pigha2: :pigha2: :pigha2:

ออฟไลน์ pukpra

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-0
5555 โดนเจ้าบู้บี้ล่อลวงจนละลายแล้วคุณฌาน

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
บูบี้นี่แอบร้ายนะ แอบปลอมเป็นหมอดู อยากจะแหมมมมมมม ยาว ๆ ไปให้ถึงดาวอังคารจริง ๆ 555
คิดได้ไงอ่ะสุดยอดมากบูบี้ แล้วนี่นายพิษกำลังจะบอกความจริงเรื่องเจนเป็นน้องอีก บูบี้จะแปลกใจแค่ไหนนะ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เจ้าบู้บี้น่ารักน่าหยิกมาก. แถมเจ้าเล่ห์ขี้อ้อนอีกต่างหาก
อ่านไปแล้วเริ่มสงสัยว่าตัวบงการใหญ่น่าจะเป็นพ่อของน้องอัยย์หรือเปล่า

ออฟไลน์ JaikOrn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :hao3: บู้บี้เค้าเก่งขึ้นเย้อะเลยนะ มีการวางแผนเพื่อนคุณแม่สามีด้วย ส่วนการอ้อนนั้นยกให้บู้บี้ชนะเลิศ .. แค่เรียกตัวเองสั้นๆว่า อัยย์ คุณพิษก็เตรียมทำตามคำขอไปหมดแล้วนะคะ // ส่วนเจนนั้น ... ที่ผ่านมาเป็นแผนจริงๆใช่ไหม ยังไม่อยากจะเชื่ิอเลยว่าที่เค้าทำมันเป็นแผนทั้งหมด

ออฟไลน์ Amethyst.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ใครไหวไปก่อนเลยยยย :ling1: :katai1: หวานมากค่าา​าาา แต่เค้าบอก​ว่าคลื่นลมสงบมักจะมีพายุ เอาใจช่วยเจ้าบู้บี้และสามีของเค้าค่ะ ขอบคุณไรท์ค่าาา

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :hao7: คุณพิษโดนเจ้าบู้บี้ล่อลวงหมดตัวแน่ ๆ 55555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด