[Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] ++Ai Adore You. #ขอรักแค่คุณ ++เปิดพรีออเดอร์แล้ววันนี้-30เมษา p49  (อ่าน 267093 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตุยชิคชิค

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ต้องให้น้องได้เรียนรู้โลกภายนอกบ้าง ฮื่อมาต่อเร็วๆนะคะค้างมากกก

ออฟไลน์ OffJii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เพราะอะไรหลายๆอย่างทำให้ยัยน้องตัดสินใจแบบนั้น เราเข้าใจนะ มาช่วยน้องให้ทัน ด่วนเลย เร็วเลย ได้โปรดพรีสส :hao7:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 25

 

 

 

 

 

 

            “เกาะนี่น่ะเหรอที่สายข่าวบอกมา”  พิชช์ฌานพึมพำในลำคอพลางกระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่สวมอยู่  มือขวาคนสนิทละสายตาจากกล้องส่องทางไกลหันมาหาเจ้านาย

            “ใช่ครับ  สายข่าวจากทางตำรวจสากลบอกมาว่าเรือต้องสงสัยเข้าไปจอดเทียบท่าที่เกาะแห่งนี้เมื่อคืน  แต่ไม่แน่ใจว่ามีคุณอัยย์อยู่ในเรือด้วยหรือเปล่าครับ  เพราะเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจค้นรายงานว่าไม่มีอะไร เป็นแค่เรือหาปลาธรรมดา”

            “ก็ต้องลองดู”  นักการเมืองหนุ่มพูด  ดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ

            “คุณฌานจะไปด้วยจริงๆเหรอครับ”

            “คิดว่าฉันจะนั่งรอฟังข่าวอยู่บนนี้เฉยๆหรือไง”           

            “แต่ว่ามันอันตรายมากนะครับ  ผมว่าไม่คุ้ม...มันอาจเป็นกับดักหรือข่าวลวง”

            “หลอกฉันไปฆ่าอย่างนี้น่ะเหรอ...หึๆ”  ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก  “คิดว่าฉันจะกลัวไหม”  พูดยังไม่ทันขาดคำ  ลูกน้องอีกคนก็เดินเข้ามากระซิบข้างหูเจนภพเบาๆ  สีหน้าของคนสนิทเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมทันที  “มีอะไรอีกรึ”

            “ข่าวบอกว่าท่านนายกฯไปสนามบินครับ  อาจจะมุ่งตรงมาที่นี่” 

            พิชช์ฌานลอบถอนหายใจอย่างหนักอก  ไม่รู้ว่าท่านนายกฯไตรคุณเพียงแค่เป็นห่วงบุตรชายเรื่องระเบิดหรือว่าทราบข่าวเรื่องอาคิราห์หายตัวไปกันแน่  ขอให้เป็นเรื่องแรกทีเถอะ

            “เราต้องเร่งมือหน่อยแล้ว  ทีมตำรวจมาหรือยัง...เราจะปล่อยให้ตำรวจเข้าไปก่อน  แล้วเราค่อยตามเข้าไปหาคนของเรา  จำเอาไว้ว่าห้ามฆ่าใครเด็ดขาด  เพราะถ้ามีการพิสูจน์หลักฐานเกิดขึ้นแล้วรู้ว่าไม่ใช่กระสุนของตำรวจ  เราจะลำบาก”  ชายหนุ่มสั่งการณ์ลูกน้อง  งานนี้จะยอมให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาแทรกแซงอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ  อาศัยหมายตรวจของตำรวจบังหน้าเพื่อให้คนของเขาขึ้นฝั่งไปตามหาอาคิราห์ได้อย่างสะดวกง่ายดายขึ้น

              เจนภพพยักหน้ารับ  เขาพยายามทัดทานเจ้านายหลายครั้งแล้วให้เจ้าตัวรออยู่แค่บนเรือที่จอดอยู่นอกชายฝั่งแต่ว่าอีกฝ่ายก็ไม่ฟัง

            ผู้ชายเกือบยี่สิบคนในชุดสีดำปลอดกลมกลืนกับความมืดแฝงเร้นกายขึ้นฝั่งตามหลังทีมตำรวจที่ขึ้นเคลียร์ทางให้ก่อนแล้วจนโล่งสบาย  พิชช์ฌานเร่งฝีเท้าตามหลังจนกระทั่งถึงจุดนัดพบที่ปลอดภัย  เจนภพหันกลับมาด้วยท่าทางละล้าละลัง

            “รีบตามพวกตำรวจไป  ฉันจะรอฟังข่าวอยู่ที่นี่”

            “ผมเป็นห่วงคุณฌาน”

            “อาคิราห์น่าเป็นห่วงกว่า”  พิชช์ฌานตอบเรียบๆ  “ฉันไว้ใจนายนะเจนภพ  ช่วยอาคิราห์ให้ได้”

            “ครับคุณฌาน”  เจนภพสบตาเจ้านายแล้วก้มศีรษะลงต่ำ  จากนั้นก็ส่งสัญญาณกับลูกทีมที่เหลือขยับตัวเร้นหายไปในความมืดของตรอกซอยรอบตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตามหลังทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปบุกตรวจค้นยังที่ๆข่าวบอกมาว่าเป็นแหล่งค้ามนุษย์

            พิชช์ฌานทนนั่งสงบจิตสงบใจรอฟังข่าวจากทีมได้ไม่นานก็ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาอย่างกังวล  ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วยังไม่มีข่าวจากเจนภพติดต่อกลับมาเลย

            “ทำไมถึงเงียบจริงๆ  ลองติดต่ออีกทีซิ”  เขาหันไปสั่งลูกน้องที่นั่งคุ้มกันอยู่เคียงข้าง  ครู่ใหญ่เจนภพก็ติดต่อกลับมา

            “เป็นยังไงบ้าง  บุกค้นหรือยัง”  เขากรอกเสียงลงไปทันที

            “บุกแล้วครับ แต่ว่าไม่เจอใครเลย  เจอแต่ร่องรอยว่ามีคนเคยอาศัยอยู่เท่านั้น”  ลูกน้องตอบกลับมา  คนฟังกำมือแน่น

            “ขอตำแหน่งหน่อย  ฉันจะไป”

            “ไม่ได้ครับคุณฌาน  อันตรายครับ”

            “ขอพิกัดด้วยเจนภพ”  พิชช์ฌานย้ำ  อีกฝ่ายถึงได้ยอมตอบกลับมาสั้นๆ

            ชายหนุ่มเดินแกมวิ่งตามหลังลูกน้องไปอย่างเงียบเชียบ  ในใจแทบลุกเป็นไฟด้วยกลัวว่าจะสายเกินไป  ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายที่เป็นอาคารร้างเก่าๆเขาก็ยิ่งเครียด  ชายผ้าห่มสีเข้มปลิวไสวห้อยลงมาจากหน้าต่างด้านบนเห็นผ่านแสงไฟข้างทางที่มืดสลัวเป็นตัวอักษรสากลขอความช่วยเหลือ         

            “คุณฌานครับ”  เจนภพปราดเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว  “ทีมตำรวจกำลังสะกดรอยตามต่ออยู่ครับว่าพวกมันไปที่ไหน  คงจะได้รายละเอียดเร็วๆนี้”

            “พาฉันขึ้นไปข้างบน”  พิชช์ฌานสั่งสั้นๆ  อีกฝ่ายส่ายหน้า

            “ไม่ได้ครับ  ตำรวจล้อมเอาไว้เป็นเขตห้ามเข้าเพื่อเก็บหลักฐาน  แต่ว่าผมแอบได้สิ่งนี้มา”  มือขวาพูดเสียงเบา  ส่งของสิ่งนั้นให้พิชช์ฌานรับเอาไว้

            มันคือผ้าพันคอของเขาที่เจ้าบู้บี้ยึดเอาไปใช้นั่นเอง ....หัวใจของพิชช์ฌานเต้นแรงขึ้น  สภาพของมันเปื้อนโคลนและคราบสกปรกต่างๆแทบจำเค้าเดิมไม่ได้  แต่ว่ากลิ่นคุกกี้รสนมอ่อนๆของคนใช้ก็ยังแฝงอยู่ให้ได้กลิ่นจางๆ

            “ของอาคิราห์...แสดงว่าเขาอยู่ที่นี่แน่”  ชายหนุ่มคำรามในคอ  รู้สึกมีความหวังมากขึ้น  เขากำผ้าพันคอผืนนั้นเอาไว้แน่น   กวาดตามองรอบเมืองที่เงียบสงัด...ได้แต่หวังว่าจะได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากที่ไหนสักแห่ง

            ขอร้องล่ะอาคิราห์...อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปเลยนะ

            ......................................................................

            “คุณ...”  คนที่พิชช์ฌานกำลังตามหาอยู่นั้นกำลังยืนประจันหน้าอยู่กับคนๆหนึ่งในห้องรับรองที่เหมือนห้องนอน  ผู้ชายคนนั้นหันกลับมาแล้วส่งยิ้มให้อาคิราห์แทนคำทักทาย

            “ไม่เจอกันนานนะครับ..คุณอัยย์”  เสียงทุ้มๆดังลอดออกมาจากริมฝีปากประกอบด้วยหนวดเคราครึ้ม  เขาดูโทรมกว่าตอนแรกที่เคยเจอกันมากทีเดียว  อาคิราห์คิดในใจพลางก้าวถอยหลังไปสามก้าว  แปลกใจมากจริงๆที่เจออีกฝ่ายในห้องนี้

            นึกว่าจะเป็น ‘ท่าน’ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไหนเสียอีก

            “คุณจักรกฤต”

            “เป็นเกียรติจริงๆที่คุณอัยย์ยังจำชื่อของผมได้อยู่นะครับ”  อดีตนักการเมืองร่วมพรรคของพิชช์ฌานพูดขึ้นยิ้มๆ  มองดูอาคิราห์ด้วยสายตาที่เหมือนหมาป่ามองลูกแกะ  “เชิญนั่งคุยกันก่อน  ดีไหมครับ”  ชายหนุ่มผายมือไปยังเตียงใหญ่กลางห้อง  อาคิราห์ส่ายหน้า  เหลือบตามองหาทางหนีเอาตัวรอด

            ห้องนั้นเป็นห้องทึบที่ไม่มีหน้าต่าง  ถ้าไม่ได้เครื่องปรับอากาศก็คงอุดอู้หายใจไม่ออกเป็นแน่  นอกจากเตียงกลางห้องกับโต๊ะที่วางเทียนประดับแล้วก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรให้พอใช้เป็นอาวุธได้อีก

            “ผมจะยืนคุยตรงนี้  คุณมีอะไรก็ว่ามา”

            อีกฝ่ายเลิกคิ้ว  ผายมือออกกว้างแล้วทิ้งมือลงข้างตัวพลางหัวเราะเบาๆ

            “โอเค  คุณคงไม่ไว้ใจผมกระมัง  อาจจะแปลกใจว่าทำไมถึงได้เจอผมที่นี่...ใช่ไหมครับ”

            “ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่  คนเลวแบบคุณก็ดูเหมาะกับที่นี่ดีอยู่แล้ว”  อาคิราห์หลุดปากออกไป  สายตาของอีกฝ่ายเป็นประกายวูบขึ้นมาทันที

            “หึ...คิดดีแล้วหรือที่จะว่าผมแบบนี้  ระวังจะเข้าตัวสามีของคุณเอานะครับ”  จักรกฤตพูด  ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย  คนฟังขมวดคิ้ว

“คุณต้องการอะไรกันแน่  พาตัวผมมาทำไม”  อาคิราห์ถามเสียงห้วนขึ้น 

            “จะให้ผมบอกตามตรงหรอครับว่าต้องการอะไร”  คนพูดกวาดตาลงมองต่ำที่กลางลำตัวของร่างโปร่งบางที่มีเพียงผ้ากั้นเอาไว้ชั้นเดียวอย่างจาบจ้วง  “คุณอยากรู้จริงเหรอ”

            อาคิราห์ถอยกรูดไปยืนพิงประตูเอาไว้  ลูกบิดถูกล็อคจากด้านนอกไม่มีทางเปิดออกไปได้แน่  เขาครุ่นคิดอย่างตื่นกลัว  ท่าทางของจักรกฤตไม่ได้บอกว่าพูดเล่นเลย

            แต่จะหาทางหนีออกจากห้องนี้ก็คงไม่ง่าย  ถึงเขาจะต่อสู้ป้องกันตัวเป็นแต่อีกฝ่ายสูงกว่าเขาเป็นฟุต  ถ้าสู้กันหนักๆคงมีโอกาสเพลี่ยงพล้ำอย่างไม่ต้องสงสัย  ยังไม่นับว่าฝ่ายนั้นอาจจะมีอาวุธอะไรซ่อนเอาไว้อีกด้วยนะ 

            “เอาอย่างนี้  เราคุยกันก่อน ...ตกลงกันก่อนได้”  เขารีบพูดขึ้น  ตั้งสติเข้าไว้อาคิราห์  “คุณเป็นเจ้าของที่นี่งั้นหรือ”

            “คิดว่ายังไงล่ะ”  จักรกฤตยักไหล่

            “โอเค ...งั้นคุณพาตัวผมมาที่นี่คงไม่ได้มีจุดประสงค์แค่เรื่องบนเตียงหรอกใช่ไหม  เรื่องนั้นมันเรื่องเล็กน้อยมาก  ไว้ ‘คุย’ กันทีหลังก็ยังได้”       

“คุยกันตอนนี้เลยดีมั้ย”

“ไม่...คือว่า...คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมจู่ๆผมถึงขึ้นเรือมาที่นี่”  อาคิราห์พูด

            จักรกฤตชะงักไป  เลิกคิ้วมองหน้าเขาอย่างครุ่นคิด

            “น่าสนใจ...ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่าคนอย่างคุณอาคิราห์ อลันไตรจะขึ้นเรือหนีออกนอกประเทศมาทำไม”  ชายหนุ่มถอยกลับไปยืนคุมเชิงไม่ห่างนัก  “แล้วยังไงต่อครับ  ผมกำลังฟังอยู่”

            อาคิราห์คิดหาเหตุผลเร็วรี่

            “ผมมีข้อแลกเปลี่ยน”  คิ้วของคนฟังขมวดมุ่น  อาคิราห์เลยรีบพูดต่อเนิบๆ  “จาก ‘ท่าน’ ตัวจริง”

            คราวนี้แววตาของจักรกฤตเปลี่ยนไปเล็กน้อย  แม้จะวูบเดียวแต่ก็มองเห็นได้จากสายตาที่จ้องจับอยู่  อาคิราห์ได้ใจ  พยายามรักษาท่าทางสงบเนิบนาบเอาไว้

            “ท่านไหน  ประเทศเราก็มีหลายท่านอยู่นี่นะ”

            “ก็ท่านที่คุณพยายามติดต่อไงล่ะ”  เขาตีขลุมหน้านิ่งทั้งที่มือเย็นเฉียบ  “ท่านให้ผมมาต่อรองกับคุณ”

            “งั้นรึ”   จักรกฤตล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า  “แล้ว  ‘ท่าน’ ว่าอย่างไรบ้างล่ะ”  ชายหนุ่มพูดต่อมาด้วยท่าทางสนใจขึ้นเล็กน้อย

            “ท่านสนใจที่จะร่วมงานกับคุณ”  อาคิราห์พูดเสียงเรียบ  นึกภาวนาในใจให้อีกฝ่ายเชื่อทีเถอะ  “และก็มีข้อเสนอดีๆรอให้คุณติดต่อกลับไปพร้อมกับผม” 

            “พร้อมกับคุณหรือ....นายจักรกฤตคนนี้มีค่ามากขนาดยอมส่งคุณอาคิราห์มาต่อรองเลยงั้นเชียว”

            “ท่านให้เกียรติคุณมาก  คุณก็ควรจะให้เกียรติท่านเช่นกัน”  คนฟังพยักหน้าเนิบๆ

            “แล้วสามีของคุณล่ะ  เขาไม่ว่าหรอที่เมียมาเที่ยวต่อรองนอกเกมลับหลังเขาแบบนี้”

            “เขาไม่รู้”  อาคิราห์กระซิบ  “และถ้าคุณสนใจล่ะก็  ..ผมมีความลับของเขามาแบ่งปันอีกด้วย”

            “คุณคิดว่าผมจะเอาความลับของพิชช์ฌานมาทำอะไร  ในเมื่อผมออกจากวงการเมืองแล้ว”

            “ถ้าคุณออกจากวงการการเมืองจริงก็คงไม่พาผมมาที่นี่...คุณแค้นเขาไม่ใช่เหรอ  เอาไว้จัดการเขาสิ”

            “คุณหักหลังสามีตัวเองงั้นเหรอ”  จักรกฤตผิวปากยาว  “น่าสนใจ  ...น่าสนใจมาก”

            “ผมไม่เคยหักหลังใคร  ผมแค่มีแนวทางของผม...ถ้าคุณสนใจจะรับข้อเสนอของท่านและข้อเสนอพิเศษของผม  เราก็มาคุยกันในสภาพที่..ดีกว่านี้  ดีไหมครับ  ....ผมไม่ชอบชุดนี้เอาเสียเลย”

            “หึๆ”  คนฟังหัวเราะ  “แต่ผมชอบชุดนี้ของคุณนะ  ชอบฝีปากของคุณด้วย  ถ้าคุณคิดจะเป็นนักการเมืองล่ะก็  อาจจะไปได้รุ่งทีเดียว...”  โอเมก้าตัวเย็นเฉียบด้วยความลุ้นระทึก  จักรกฤตก้าวเข้ามาหาเขาจนเกือบชิด  อาคิราห์เกร็งตัวแต่ฝืนเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วคล้ายไม่สนใจ   “..แต่ว่าถ้าคิดจะเป็นนักต่อรองล่ะก็  ...ยังห่างชั้นนัก”

            “คุณอยากได้อะไรอีกงั้นหรือ  ผมมีข่าวเด็ดของพิษฌานเพียบเลยนะ”  เขาพูดรัวเร็ว

            “ได้ข่าวว่าไอ้พิชช์ฌานมันหลงโอเมก้าหัวปักหัวปำไม่ใช่หรือ  ผมก็ชักอยากรู้แล้วสิว่าจะ ‘เด็ด’ สมคำร่ำลือหรือเปล่า”  นัยน์ตาเรียวยาวเจ้าเล่ห์จับจ้องแทะโลมไปทั่วร่างที่สวมชุดล่อแหลม  ยิ่งอีกฝ่ายเผลอแสดงความกลัวออกมาให้เห็นเขาก็ยิ่งตื่นเต้น

            “เราไปต่อรองกันบนเตียงน่าจะดีกว่านะ”  จักรกฤตพูดกลั้วหัวเราะ  คว้าแขนเรียวบางเอาไว้แน่นลากไปที่เตียงอย่างไม่ปรานีปราศรัย  อาคิราห์อุทานขืนตัวเอาไว้เต็มที่แต่ก็สู้แรงที่มากกว่าของอัลฟ่าไม่ได้

          “ข่าวเด็ดก็คงสู้คลิปเด็ดของเมียมันไม่ได้หรอกจริงไหม”

            “อย่านะ...อย่ายุ่งกับผม  ปล่อยผมนะ”  เขาถูกเหวี่ยงขึ้นไปนอนบนเตียงตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้อย่างรวดเร็ว  อาคิราห์กลัวจับใจ  ยกมือขึ้นต่อยไม่ยั้งทว่าอีกฝ่ายกลับรับเอาไว้ได้สบายๆ  เขาเสียเปรียบทั้งเรื่องรูปร่างและตำแหน่งที่ถูกกดเอาไว้กับเตียงทั้งตัว

            กลิ่นเหล้าและบุหรี่ผสมกับกลิ่นตัวทะลักเข้าจมูกจนสำลัก  อาคิราห์กรีดร้องออกมาพร้อมกับดิ้นรนอย่างแรง  เขาอาศัยทีเผลอจิ้มนิ้วใส่ลูกตาของจักรกฤตจนอีกฝ่ายอุทานผงะถอยไปด้วยความเจ็บปวด  เจ้าโอเมก้ารีบลุกขึ้นอย่างตะลีตะลานลงจากเตียง  แต่แล้วก็ถูกมือใหญ่คว้าปลายกระโปรงยาวเอาไว้แล้วกระชากอย่างแรง  มันขาดดังแควกติดมือของจักรกฤตไป

            ช่วงล่างเปลือยเปล่าสีน้ำผึ้งสว่างเนียนทำเอาคนมองตาพร่า  อัลฟ่าหนุ่มคำรามลั่นกระโจนลงจากเตียงมาหาด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าแล้วก็ลากร่างแบบบางกลับไปที่เตียงนอนตามเดิม  อาคิราห์ทั้งทุบทั้งตีเต็มที่  ขาก็ถีบเตะไม่หยุดไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำได้ดั่งใจ  เสียงหอบหายใจปนกับเสียงร้องตะโกนดังลั่นทั่วห้อง

            “ปล่อยนะ”

            “โอ๊ย!”  เจ้าโอเมก้าก้มลงงับที่หูของอัลฟ่าจมเขี้ยวแล้วกระชากออก  รสคาวจัดของเลือดติดที่ปลายลิ้นของเขาแต่อาคิราห์ไม่มีเวลามาสนใจอีก  เขาตะเกียกตะกายลงจากเตียงอีกครั้ง

            จักรกฤตร้องโหยหวนด้วยความเจ็บ  เขาเลือดขึ้นหน้าเพราะความเจ็บปวด  ก้าวพรวดเดียวกระชากร่างทั้งร่างขึ้นมาตบเปรี้ยงเข้ากกหูจนหูลั่นกริ่ง  อาคิราห์เซวูบเกือบล้มลงกับพื้น  อีกฝ่ายก็กระชากคอเสื้อเอาไว้แล้วยกมือขึ้นจะต่อยหน้าท้องของอาคิราห์

            โอเมก้าใจหาย  รีบทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้นแทบเท้าของอัลฟ่าที่โกรธจัด

            “อย่าทำผมเลย  ผมท้อง...อย่าทำผม”

            คำว่าท้องทำให้อัลฟ่าชะงักไปทันที  จักรกฤตเบิกตากว้างอย่างงุนงงแกมตกใจ  จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความกระหยิ่มยิ้มย่อง  เขากระชากหลังคอเสื้อของโอเมก้าให้ลุกขึ้นมายืนตรงหน้า

            “คุณอาคิราห์ตั้งท้องงั้นหรือ”

            “ชะ...ใช่”  อาคิราห์ไม่แน่ใจแล้วว่าการบอกออกไปทำให้เรื่องเลวร้ายลงอีกหรือเปล่า  น้ำตาร้อนๆไหลลงอาบสองแก้มด้วยความกลัว  กลั้นสะอื้นเอาไว้ในลำคอ  “คุณคงไม่ทำอะไรคนท้อง  มันบาป”

            “คิดว่าผมจะเชื่อไหม”

            “ผมท้องจริงๆ สาบานได้”  อาคิราห์ยกนิ้วขึ้นมาสาบาน  “คุณจักรกฤต  ผมรู้ว่าถึงคุณจะเป็นอย่างไรก็ไม่รังแกคนท้องหรอก  จริงมั้ย”

            อีกฝ่ายหรี่ตาลง  ปล่อยมือจากคอเสื้อของอาคิราห์แล้ววางฝ่ามือแนบลงที่กลางท้องของโอเมก้า

            “ในนี้...มีลูกของไอ้พิชช์ฌานอยู่แน่ใช่มั้ย”

            “ใช่”  อาคิราห์พยักหน้ารับ  ใจมาเป็นกองที่เห็นท่าทางอีกฝ่ายอ่อนลง  แต่แล้วก็กลับซีดเผือดเมื่อรอยยิ้มย่องบนใบหน้านั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนมองขนลุกไปทั้งตัว  ...มันเป็นรอยยิ้มที่วิปริตจนน่าตกใจ

            “คนท้อง...ท้องอยู่เสียด้วย”  จักรกฤตพูดซ้ำ  ประคองกึ่งบังคับให้ร่างโปร่งบางเดินไปที่เตียง  “คนท้องก็ต้องเบามือหน่อยถูกไหม  ไม่อย่างนั้นท้องน้อยๆจะช้ำเสียหมด”  มือหนักๆกดที่หลังของอาคิราห์บังคับให้ก้มลงกับเตียง  พอโอเมก้าขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นรัดรอบคอเอาไว้  “คุณอาคิราห์คงไม่ทราบว่าผมมีความเมตตาต่อคนท้องเป็นพิเศษ”

            “หมายว่ายังไง”  อาคิราห์พูดอย่างยากลำบากเพราะถูกแขนรัดรอบคอเอาไว้แน่นเข้า  เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดมาจากด้านหลังพร้อมกับมือหยาบกร้านที่ลูบไล้แผ่นหลังของเขาลงไปยังบั้นท้ายเปลือยเปล่า  อาคิราห์ขนลุกซู่ด้วยความรังเกียจ  ขยับจะยกขาขึ้นเตะข้างหลัง  ร่างสูงใหญ่ก็เข้าประชิดอย่างรู้ทันจนขยับตัวไม่ได้เพราะโดนล็อคเอาไว้ทุกทาง

            รู้สึกถึงริมฝีปากและหนวดที่ซอนไซ้อยู่ที่หลังคอ  มืออีกฝ่ายก็วนเวียนอยู่แถวขาอ่อน  อาคิราห์หนีบขาเข้าหากันแน่น  เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

            “อย่าทำผม  ปล่อยผมเถอะ  ฮึก...อย่าทำผม”  เขากรีดเสียงออกมา  ในใจนึกถึงใบหน้าคมเข้มของพิษฌานขึ้นมาเป็นคนแรก  “พิษฌาน...อยู่ไหนฮึก  อ๊ะ ..อย่า”  ความขยะแขยงพุ่งสูงขึ้นจนอาคิราห์เข่าอ่อนทิ้งตัวลงกับที่นอน  ท่อนแขนที่รัดรอบลำคอแน่นมากทำให้หายใจลำบาก  อาคิราห์หน้ามืดเหมือนคนใกล้จะเป็นลม  ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว

            “ไหนดูซิ  มุมนี้จะเห็นหน้าโอเมก้าคนสวยชัดพอหรือเปล่านะ”  จักรกฤตพูด  แลบลิ้นเลียแก้มเนียนไร้สีเลือดของอาคิราห์  “นุ่มนิ่มไปทั้งตัวแบบนี้นี่เอง  ไอ้พิชช์ฌานถึงได้หลงนัก”  ไม่พูดเปล่า  จักรกฤตกระชากกระดุมเรียงเม็ดด้านหลังชุดออกเผยให้เห็นแผ่นหลังนวลเนียนและเอวคอด  รับกันดีกับสะโพกที่ผายออกได้รูป  “เซ็กซี่เป็นบ้า”  ชายหนุ่มอุทานออกมาอย่างพอใจ ฟาดมือลงไปบนผิวเนื้อแน่นกลมกลึง

            อาคิราห์สะดุ้งเฮือก  เมื่อครู่นี้เขาหมดสติไปพักหนึ่งเหมือนคนเป็นลม  ใบหน้าและลำตัวท่อนบนแนบอยู่กับเตียง  ช่วงล่างคุกเข่าอยู่ที่พื้นโดยมีไอ้จักรกฤตกำลังยืนปลดตะขอกางเกงของตัวเองอย่างเร่งรีบ

          โอเมก้านึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองนับถือขึ้นมาตามด้วยใบหน้าของพ่อแม่พี่ชายฝาแฝด  เขาไม่โทษใครนอกจากตัวเองที่หาเรื่องจนกระทั่งต้องมาถูกกระทำเช่นนี้  ทุกอย่างเป็นความผิดของเขา  อาจมีคนสมน้ำหน้าในความโง่งม  หวังว่าพ่อจะยกโทษให้ลูกชายโอเมก้าที่ไม่ได้เรื่องคนนี้  แม่คงจะไม่รู้สึกอะไรต่อให้เขาอยู่หรือจากไปก็ตาม  อาจจะมีแค่อคินทร์ที่น่าจะร้องไห้ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว

            ความหมดหวังเข้าครอบงำจิตใจ  อาคิราห์ตระหนักในวินาทีนั้นว่าเขาเป็นคนที่เฝ้ารอความช่วยเหลือจากคนอื่นมาตลอด  ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรก็มักจะมีคนคอยช่วยโอบอุ้มชี้แนะจนกลายเป็นความเคยชินโดยไม่รู้ตัว  แม้กระทั่งตอนนี้...ตอนที่กำลังจะถูกข่มขืนอยู่ที่เกาะห่างไกลกลางทะเล  เขาก็ยังคาดหวังว่าจะมีคนมาช่วยอยู่นั่นเอง

            แต่สุดท้าย...ก็ไม่มี  ไม่มีใครช่วยเขาได้นอกจากตัวเอง ...นัยน์ตาคมเข้มปรากฎขึ้นในความคิด  พิชช์ฌานคงไม่ได้ตามหาเขาอย่างที่เขาคิดหวัง  หรือถึงตามก็คงไม่มีทางเจอ 

            อาคิราห์กัดริมฝีปากด้านในจนได้รสคาวเลือด  ทิ้งตัวลงกับที่นอนเหมือนคนไม่ได้สติ  รอจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอเพราะคิดว่าเขาไม่รู้สึกตัว  จักรกฤตขยับเข้ามาชิดพลางเอื้อมมือมาสัมผัสที่กลางกาย  อาคิราห์นับหนึ่งถึงสามในใจแล้วก็รวบรวมแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดกระแทกตัวไปทางด้านหลังเต็มแรง

...ถ้าเขาหนีออกไปไม่สำเร็จ  เราคงไม่ได้เจอกันอีก

................................................................................

“เจ้านายครับ”  เจนภพกระซิบเรียกชายหนุ่มที่นั่งกอดอกนิ่งรอฟังข่าวอย่างเคร่งเครียดอยู่นั้น  พิชช์ฌานหันขวับมาทันที  “เจอตัวแล้วครับ  อยู่ที่ตึกถัดไปไม่กี่บล็อกนี่เอง”

นักการเมืองหนุ่มลุกขึ้นยืน

“จริงหรือ  ใช่อาคิราห์หรือเปล่า”

“คิดว่าน่าจะใช่ครับ  จากรูปลักษณ์ที่ข่าวบอกมา  ตอนนี้ทางตำรวจกำลังเตรียมแผนบุกเข้าไปอยู่ครับ”

“ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเป็นอาคิราห์”  พิชช์ฌานพึมพำ  “ถ้าข่าวออกไปว่าเป็นอาคิราห์จะยิ่งไปกันใหญ่   ...เจนภพ  เราต้องพาตัวอัยย์ออกมาก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปเจอ”

“ได้ครับคุณฌาน  ผมจะจัดการเอง”

“แต่เราต้องเตรียมแผนสำรองเอาไว้ด้วย”  ชายหนุ่มกัดริมฝีปากแน่น  “ฉันคิดว่านายกฯน่าจะรู้ข่าวแล้วถึงได้มาด้วยตัวเอง  เชื่อเลยว่านักข่าวต้องได้กลิ่นแล้วแห่กันมาแน่ ...เจนภพ  เอาอย่างนี้ดีกว่า  เปลี่ยนแผนใหม่ทั้งหมด...”  หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านพูดช้าๆ  อธิบายแผนการใหม่ล่าสุดให้คนสนิทฟังอย่างละเอียด  งานนี้เขาจะพลาดไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว

เพราะนอกจากชีวิตของอาคิราห์แล้ว  ยังหมายถึงชีวิตนักการเมืองของตนเองด้วย

เจนภพกับทีมแฝงกายเข้ามาประชิดอาคารเป้าหมายตามข่าวที่แอบดักฟังมาจากตำรวจ  มันเป็นตึกแถวสามชั้นที่ด้านหน้าเปิดเป็นร้านอาหารธรรมดา  ยังได้ยินเสียงพูดคุยเฮฮาแว่วมาเป็นระยะ  ส่วนข้างหลังติดกับตรอกซอยเล็กๆดูเงียบเชียบตรงข้ามกับด้านหน้า  ประตูปิดสนิทไม่มีคนเฝ้าให้ผิดสังเกต

ชายหนุ่มโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนรออย่างใจเย็น  เสียงเครื่องดักฟังบอกว่าตำรวจเริ่มภารกิจกันแล้ว  เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นสายตำรวจทำทีเดินมาเคาะเรียกประตูข้างหลัง  สักพักก็มีคนเปิดออก

คนเปิดประตูเปิดเพียงแค่แวบเดียวก็รีบกระชากปิดคล้ายรู้ตัวว่าหลงกล  ทว่าไม่ทันแล้วเพราะถูกเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มรออยู่บุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว  เจนภพนิ่งฟังเสียงต่อสู้และเสียงปืนพักหนึ่งแล้วก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องบุกตามเข้าไปตามแผน


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-04-2019 13:30:21 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk



ข้างในชุลมุนไม่รู้ใครเป็นใคร  เสียงโวยวายล้งเล้งและเสียงปืนผสมกันมั่วไปหมด  เจนภพกระโจนขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อตามหาอาคิราห์พร้อมกับก้มหลบกระสุนไปด้วย  ชั้นสองเป็นห้องพักเรียงเป็นตับ  บางห้องก็มีคนเปิดประตูออกมาดูเหตุการณ์ข้างนอกอย่างตกใจ  บ้างก็รีบหาทางหนีเอาตัวรอด

“คุณอาคิราห์  คุณอาคิราห์ครับ  คุณอาคิราห์”  เจนภพตัดสินใจตะโกนเรียกชื่อท่ามกลางคนที่วิ่งเข้าวิ่งออกอลหม่าน  คนๆหนึ่งหันขวับมามองหน้าเขาแล้วถามกลับมา

“คุณตามหาอาคิราห์เหรอ  อาคิราห์ใช่ไหม”  คนพูดเป็นโอเมก้าร่างท้วมใหญ่ที่สวมชุดคล้ายๆกระโปรงยาวแปลกตา  เจนภพรีบพยักหน้า

“ใช่”

            “ฉันรู้  เค้าอยู่ข้างบนนั่น   ตามมา...”  โอเมก้าคนนั้นลากแขนของเขาพาขึ้นบันไดไปชั้นบนที่มีห้องน้อยกว่ามาก  เสียงโครมครามดังมาจากห้องที่อยู่ทางซ้ายมือ  “อาคิราห์  มีคนมาช่วยแล้ว  มาแล้ว”  โอเมก้าคนนั้นตะโกนเสียงดัง         

            เจนภพไม่เสียเวลาอีก  ชายหนุ่มส่งสัญญาณเรียกลูกน้องมาชั้นบนจากนั้นก็ถลันเข้าไปในห้องพักที่เปิดประตูห้องค้างเอาไว้  กระโจนผ่านอ่างอาบน้ำตรงหน้าทะลุผ่านเข้าไปยังอีกห้องที่มีเสียงต่อสู้กัน

            ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มชะงักไป   ร่างเปลือยเปล่าสีน้ำผึ้งกำลังนั่งคร่อมทับอยู่บนตัวของผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับรัวกำปั้นลงไปบนใบหน้าของผู้ชายคนนั้นไม่ยั้ง  โดยมีโอเมก้าอีกคนยืนกระทืบกลางลำตัวของฝ่ายนั้นจนร้องโอดโอยฟังไม่ได้ศัพท์ 

            “คุณอัยย์!”

            “เจนภพ!”  อาคิราห์ร้อง  กระโดดลุกขึ้นเตะเข้าไปที่สันกรามของจักรกฤตเต็มแรงก่อนจะวิ่งมาหาเขา  “มาได้ยังไงเจนภพ  แล้วคุณฌานล่ะ”

            เจนภพก้าวยาวๆไปคว้าผ้าห่มมาส่งให้คู่สมรสของเจ้านายเป็นอันดับแรก  โอเมก้าอีกคนยังคงกระทืบลงไปบนส่วนกลางตัวของผู้ชายที่นอนอยู่ที่พื้นอย่างรุนแรงไม่ยอมหยุดจนเขาต้องร้องห้าม

“พอแล้วคุณ  เดี๋ยวเขาตายก่อน”  เจนภพบอก  จากนั้นก็ก้มลงไปหิ้วคอเสื้อผู้ชายที่นอนงอก่องอขิงอยู่ที่พื้น

            “ไอ้จักรกฤต”  ชายหนุ่มคำราม  กระชากผ้าคลุมเตียงมาผูกข้อมือของมันเอาไว้แน่น  ใบหน้าของจักรกฤตปูดโปน  คิ้วแตกยับแต่ยังไม่เท่ากับส่วนกลางตัวที่ ‘เละ’ จนคนเห็นต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างเสียวไส้  “คุณอัยย์เป็นอะไรมั้ยครับ”

            “ผม..ไม่เป็นไร  มันไม่ทันทำอะไร”  อาคิราห์พูดหอบๆ  กำข้อมือของเพื่อนโอเมก้าข้างๆเอาไว้แน่น  “นิลมาช่วยผม”  ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ย้อนกลับมา  หลังจากที่เขาแกล้งทำเป็นสลบจนอีกฝ่ายเผลอแล้วก็ใช้ศีรษะกระแทกเสยปลายคางของอัลฟ่าเต็มแรงจนฝ่ายนั้นหน้าหงาย  มือก็คว้าเทียนที่วางประดับอยู่มาขว้างใส่หน้า  จากนั้นอาคิราห์ก็ทั้งเตะทั้งต่อยเล็งไปที่จุดตายต่างๆที่เคยเรียนมา  ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเหมือนกัน  คงเป็นแรงฮึดเฮือกสุดท้าย  ก่อนที่เพื่อนโอเมก้าจะเข้ามาในห้อง   “นิลมาได้ยังไงไม่รู้”

            “มีเสียงวุ่นวายข้างนอก  คนในห้องฉันออกไปดู  ฉันกับแทมมี่เลยหนีออกมา”  นิลตอบเสียงสั่น หายใจหอบไม่แพ้กันเพราะใช้แรงไปเยอะเมื่อครู่  จับจ้องไปที่อัลฟ่าที่อยู่นอนหมอบอยู่กับพื้นเขม็ง  ส่วนแทมมี่ชะโงกเข้ามาหาเพื่อนใหม่ทั้งสอง

            “ฉันก็อยากเล่าส่วนของฉันนะ  แต่ว่าเรารีบหนีออกจากที่นี่ก่อนดีมั้ย”

            “คุณพูดถูก”  เจนภพว่า  ลูกน้องของเขาตามเข้ามาในห้องแล้ว  เจนภพสั่งให้ลากเอาจักรกฤตออกไปให้ตำรวจ  ส่วนอาคิราห์กับโอเมก้าที่เหลือให้ตามเขามา  “เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่นักข่าวจะมาครับคุณอัยย์”

            “.........”   อาคิราห์เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยมาก  เขาพยักหน้าแล้วก้าวตามเจนภพไปทั้งที่ขาสั่นริก  ห่อตัวลงในผ้าห่มผืนใหญ่มิดชิด   นิลกับแทมมี่ก้าวตามหลังมาติดๆโดยมีลูกน้องของเจนภพประกบหลังมาด้วย  เหตุการณ์ข้างนอกเริ่มสงบลงแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้

            อาคิราห์หมดแรงจนไม่นึกแปลกใจอะไรทั้งนั้นที่เจนภพพาพวกเขาเดินผ่านหน้าตำรวจออกมาจากตึกง่ายๆ  รถยนต์สองคันแล่นเข้ามาจอดราวกับรอจังหวะอยู่  เจนภพเปิดประตูรถแล้วรุนหลังให้เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างหลัง  อาคิราห์หันกลับไปมองนิลกับแทมมี่ที่ถูกพาไปยังรถอีกคันอย่างเป็นห่วงก่อนที่ประตูรถจะปิด

            ใครบางคนนั่งอยู่ข้างในรถก่อนแล้ว  อาคิราห์จำกลิ่นของเค้าได้ก่อนที่จะมองเห็นหน้าเสียอีก  รถเคลื่อนที่ออกไปทันทีทำให้แสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามากระทบกับเสี้ยวหน้าคมกริบที่เห็นด้านข้าง  อาคิราห์หัวใจเต้นแรงด้วยความดีใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

            “พิษฌาน!!”  เขาร้อง  พุ่งตัวเข้ามากอดร่างสูงใหญ่เอาไว้แน่นแล้วก็ผล็อยหลับไปเหมือนปิดสวิตช์

            พิชช์ฌานขยับตัว  ร่างแบบบางนั้นฟุบลงกับตักของเขาหลับไปแล้วโดยที่เขายังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยเลยสักคำ  มือกำชายเสื้อโค้ทของเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวหาย  ผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมตัวอยู่อย่างหมิ่นเหม่นั้นทำให้รู้ว่าเนื้อตัวของอีกฝ่ายเปลือยเปล่า  พิชช์ฌานเม้มปาก  เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มคลุมร่างนั้นให้มิดชิดแล้ววางมือลงบนศีรษะกลมทุยที่ซุกอยู่ที่ตัก

            ความรู้สึกวูบโหวงตลอดเวลาที่อีกฝ่ายหายไปค่อยๆถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโล่งอก  พิชช์ฌานเพิ่งจะหายใจได้ทั่วท้องเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รู้ข่าว  ชายหนุ่มสะบัดมือและต้นคอของตัวเองเบาๆ  เขาเผลอเกร็งตลอดเวลาที่เจนภพส่งข่าวมาสั้นๆว่าจะบุกเข้าไป

            อยากจะหลับตาลงพักเพราะเหนื่อยเต็มที  แต่...ยังก่อน  เขายังพักตอนนี้ไม่ได้

            รถแล่นมาจนถึงท่าเรือที่นัดกันเอาไว้  พิชช์ฌานอุ้มอาคิราห์ลงมาจากรถแล้วพาขึ้นเรือไปเป็นคนแรก  ปล่อยให้นอนบนเตียงในห้องพักของเรือที่แล่นกลับเข้าฝั่งด้วยความเร็วสูง   เรียกมือขวาเข้ามาสอบถามรายละเอียดตามด้วยโอเมก้าอีกสองคนที่พากลับมาด้วยกัน  เรื่องราวการเดินทางของโอเมก้าทั้งหมดปรากฏตรงหน้าเขาชัดเจน

            สมองว่องไวคำนวณหาผลได้ผลเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้  พิชช์ฌานไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ชายหนุ่มวางแผนใหม่อย่างระมัดระวังเพื่อพลิกเกมนี้อีกครั้ง

            อาคิราห์หลับสนิทไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งเขาสะดุ้งตื่นเองแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่น่าจะเป็นห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาลสักแห่ง  สายน้ำเกลือต่ออยู่ที่หลังมือระโยงรยางค์  ผ้าห่มมีลายของโรงพยาบาลคลุมอยู่จนชิดคอ  เขาสวมชุดคนไข้เอาไว้แล้วเรียบร้อย

            เสียงเครื่องปรับอากาศดังเบาๆ ผสมกับเสียงกรนที่เขาจำได้ดีว่าเป็นของใคร  ใจมาเป็นกอง  อาคิราห์หันขวับไปหาต้นเสียงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาใกล้ๆ

            เจ้าโอเมก้าขยับลงจากเตียงอย่างยากลำบาก  เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัวคงเพราะเมื่อวานใช้กำลังเกินตัวไปมาก  อาคิราห์ลากเสาน้ำเกลือตรงมาหาร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับสนิทอยู่  ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าที่พื้นข้างตัวของพิษฌานแล้วพิศดูใบหน้าคมเข้มนั้นเงียบๆ

            ปลายคางเขียวครึ้มและแก้มซูบตอบลงเล็กน้อย  พิษฌานดูแก่ลงในเวลาไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกัน  ความรู้สึกหนึ่งพุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอลามขึ้นมายังขอบตาทั้งสองข้าง  ภาพผู้ชายตรงหน้าเริ่มพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตาของเขา  อาคิราห์สูดน้ำมูกแล้วซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง  โอบแขนทั้งสองข้างไปรอบลำคอแข็งแรง

            ความตื่นกลัวทั้งหลายที่ฝืนเก็บเอาไว้ภายในทะลักออกมาเหมือนเขื่อนแตก  อาคิราห์ร้องไห้โฮ  น้ำตาไหลพรากๆจนเสื้อเชิ้ตของอัลฟ่าหนุ่มเปียกในพริบตา

            ทั้งเสียใจทั้งเสียขวัญจนบรรยายไม่ถูก  อาคิราห์สะอื้นฮัก  เพิ่งรู้ว่าตัวเองกลัวขนาดไหนก็ตอนที่ได้กลับมาอยู่ในที่ๆรู้สึกว่าปลอดภัยแล้วนี่เอง

            คนที่เขากอดอยู่ขยับตัว  อาคิราห์ช้อนตาขึ้นมอง  เขาพบว่านัยน์ตาคมเข้มของอีกฝ่ายทอดมองมาอยู่ก่อนแล้ว  แววตาของพิษฌานทำให้เจ้าโอเมก้าเกร็งตัวยกศีรษะขึ้นจากอกที่ซบอยู่

            “ผม....”  เจ้าตัวอึกอัก  ถอยไปนั่งหน้าจ๋อยที่พื้น

            พิชช์ฌานเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยจนถึงขีดสุดที่ร่างกายจะทนไหว  หลังจากพาอาคิราห์มาโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็คจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายปกติดีทุกอย่างโดยเฉพาะ 'ลูก' ในท้องของเขาแล้วนั้น  ชายหนุ่มก็ฝืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่อตามแผนก่อนจะกลับมาที่ห้องพักของภรรยา

            เพื่อจะตื่นมาพบว่ามีคนมาร้องไห้ใส่เขาจนเสื้อเปียกชุ่มไปหมด  แถมยังมานั่งกระพริบตาปริบๆเหมือนเด็กที่รู้ดีว่าจะต้องถูกลงโทษเมื่อทำผิดเข้าอีก  คิดหรือว่าแค่นัยน์ตากลมใสแจ๋วแฝงแววรู้สึกผิดคู่นั้นจะทำให้เขาใจอ่อนหายโกรธได้ง่ายๆ  ...ไม่มีทาง  ต่อให้ทำจมูกแดงตาแดงก็ไม่ได้ผลหรอก

            ความผิดครั้งนี้มันเกินกว่าที่จะให้อภัยจริงๆ  อาคิราห์คงไม่รู้หรอกว่าเขาต้อง ‘แลก’ อะไรไปบ้างเพื่อช่วยเจ้าตัวออกมา  ไหนจะต้องทนอยู่กับความคิดที่ว่าเจ้าโอเมก้าไม่อยากอยู่กับเขาถึงขั้นแอบหนีไปอีก  ใจหนึ่งก็อยากปล่อยให้ออกไปผจญโลกกว้างเองตามใจ  ไม่คิดพากลับมาแล้ว  ทว่าอีกใจก็ทรมานกับความเป็นห่วงที่ตัดไม่ขาดทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อยากอยู่ด้วย

            ช่างเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดสิ้นดี ให้ตายสิ

            “ขอโทษ”  เสียงแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากอิ่มเต็มออกมา  พิชช์ฌานเหลือบมองคนพูดที่พยายามฮึบกลั้นสะอื้นเอาไว้นั้น

            “.........”  ชายหนุ่มไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำจนอาคิราห์ใจเสีย  แววตาคมเข้มเฉยชาว่างเปล่าจนเขาอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบด้วยความเสียใจ

            “พิษฌาน  ผมขอโทษ”  เจ้าโอเมก้าพูดซ้ำออกมาอีก  แล้วเขยิบเข้ามาใกล้ๆ อย่างกลัวๆกล้าๆ  “พิษฌาน  ไม่ใช่...พิชช์ฌาน  ผม...ฮึก...ผมผิดเอง”  อาคิราห์ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาป้อย  “ผมมันโง่  คิดหนีไปแบบโง่ๆ  ผม...ผมไม่มีหัวคิด  ฮึก  ผมไม่ได้ตั้งใจ   ผมกลัวแทบตาย  นึกว่า..ฮือ  นึกว่าคุณไม่มา  ....มันน่ากลัวมากๆ ...”

            คนฟังเมินหน้าไปทางอื่นคล้ายไม่ได้ยินแล้วดึงตัวลุกขึ้นยืนจากโซฟา  พิชช์ฌานไม่ได้ก้าวเข้ามาหาเขาอย่างที่ต้องการแต่กลับก้าวยาวๆออกไปจากห้องพักผู้ป่วย  ทิ้งให้ร่างโปร่งบางนั่งพับเพียบน้ำตาไหลเป็นทางอยู่ที่พื้นคนเดียว

            อาคิราห์มองตามหลังบานประตูที่ปิดสนิทลง  รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบจนเหลือเล็กนิดเดียว

            พิชช์ฌานคงโกรธเขามากจริงๆ

            ............................................................................

            เสียงเคาะประตูหน้าห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นเบาๆ  อาคิราห์หันขวับไปมองทว่าคนที่ก้าวเข้ามาในห้องหาใช่ร่างสูงใหญ่ที่เขารอคอยไม่  คุณหมอที่เขาไม่คุ้นหน้ากับนางพยาบาลอีกสองคนก้าวเข้ามาในห้องตามด้วยเจนภพมือขวาคนสนิทของพิชช์ฌาน

            “คุณหมอมาตรวจครับคุณอัยย์  กลับขึ้นไปบนเตียงดีไหมครับ”  เจนภพพูดเสียงเบา  สงสารโอเมก้าที่นั่งหงอยอยู่บนโซฟาคนเดียว  ใบหน้าเรียวหวานนั้นแดงก่ำตาบวมปูดเพราะร้องไห้อย่างหนักมาตั้งแต่เช้า  ได้แต่นึกค่อนเจ้านายของตัวเองอยู่ในใจว่าช่างใจร้ายจริงๆ

            อุตส่าห์ตามไปที่เกาะจนกระทั่งบุกเข้าไปช่วยออกมาได้สำเร็จแล้วแท้ๆ  แทนที่จะอยู่เป็นเพื่อนปลอบใจให้สมกับที่กินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวัน  คุณพิชช์ฌานดันทำเหมือนคุณอาคิราห์ไม่สำคัญเสียอย่างนั้น

            ถ้าไม่สำคัญจะให้ตามคุณหมอสูติมือหนึ่งของโรงพยาบาลมาตรวจให้ทำไม  ไหนจะนอนเฝ้าอีก  ช่างทำอะไรย้อนแย้งสมเป็นเจ้านายของเขาจริงๆ   รู้ว่าคงโกรธคุณอัยย์มากแต่ใจคอจะปล่อยให้คนท้องแถมเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมานั่งจ๋องอยู่คนเดียวจริงหรือ

            เจนภพยืนดูนายแพทย์ตรวจร่างกายของอาคิราห์เงียบๆ แล้วก็ให้พาคนป่วยไปห้องอัลตราซาวน์

            อาคิราห์ลงจากรถเข็นก้าวขึ้นไปนอนเปิดพุงบนเตียงในห้องมืดสลัว  เขาไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะต้องมาอัลตราซาวน์หน้าท้องในตอนนี้  กวาดตามองรอบห้องอย่างตื่นกลัวเล็กน้อย  นายแพทย์ที่แนะนำตัวว่าชื่อคุณหมอเมธินก็ส่งยิ้มมาให้ปลอบใจ

            “ไม่ต้องเกร็งครับ  นอนลงธรรมดา”

            อาคิราห์ทำตามที่หมอบอก  เจลเย็นๆที่บีบลงที่หน้าท้องทำให้ขนลุกแต่นั่นยังไม่เท่ากับภาพขาวดำที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอที่เห็นตรงหน้า  คุณหมอบอกว่าที่เขาเห็นอยู่นั่นคือตัวอ่อนที่อยู่ข้างในท้อง  และที่กำลังเต้นตุบๆก็คือหัวใจดวงเล็กจิ๋วของลูกนั่นเอง

            เจ้าโอเมก้าอ้าปากค้าง  ตาจ้องเป๋งไปยังหน้าจออย่างตกใจปนกับความรู้สึกประหลาด  ตื่นเต้นก็ไม่ใช่  มันคล้ายๆกับว่ากำลังมองสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่ดันอยู่ในท้องตัวเองมากกว่า

            ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์  แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดแผกไปจากปกติเลยสักนิด  ท้องก็ไม่ได้โต  อาการแพ้ท้องอะไรก็ไม่มีทั้งนั้น  ทว่าพอได้มาเห็นเป็นตัวเป็นตนแบบนี้  อาคิราห์รู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าช็อคทีเดียว

            ภายใต้พุงนิ่มๆของเขามีสิ่งมีชีวิตอีกชีวิตหนึ่งอาศัยอยู่จริงๆ

            “เดี๋ยวหมอจะเปิดเสียงหัวใจลูกให้ฟังนะ”  นายแพทย์เมธินพูดเนิบๆ  เขาดูเป็นหมอที่ใจเย็นมาก  ท่าทางก็เนิบนาบน่าดูทั้งที่อายุไม่มาก  “ได้ยินหรือเปล่า  เต้นแรงเลย”

            “ทำไม...เขา..หัวใจเต้นเร็วจัง”  อาคิราห์พูดตะกุกตะกัก  เขากระดากเกินกว่าจะเรียกแทนสิ่งนั้นว่าลูก

            “เป็นธรรมดาของเด็กครับ  หัวใจจะเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา”  คุณหมอตอบกลับมาพร้อมกับอธิบายให้ฟังง่ายๆ  อาคิราห์พยักหน้าตาม  นอนฟังเสียงนั้นด้วยความรู้สึกที่สงบขึ้น

            จนกระทั่งคุณหมอวัดขนาดนู่นนี่ที่อาคิราห์ก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบางเสร็จ  คุณหมอก็ให้เขาลงมาจากเตียง

            นายแพทย์เมธินเหลือบมองคนไข้โอเมก้าที่นั่งตัวงออยู่ตรงข้ามเงียบๆ  อีกฝ่ายเป็นคนไข้วีไอพีที่ผอ.ของโรงพยาบาลถึงกับมาขอร้องให้เขาช่วยดูเคสให้ด้วยตัวเอง  แค่เห็นนามสกุลของอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเป็นใครมาจากไหน  แต่ที่แปลกใจก็คือ  ...เขาไม่นึกว่าโอเมก้าที่มีส่วนร่วมในการทลายซ่องตามข่าวที่ออกครึกโครมเมื่อคืนนั้นจะดู ‘บอบบาง’ กว่าที่คิดถึงเพียงนี้

            ตัวแค่นี้จะมีแรงสู้กับคนร้ายจนฟุบได้ยังไง  ไม่เข้าใจ  ...หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านน่าจะพูดเกินจริงแน่ๆ

            “หมอจะเพิ่มวิตามินบำรุงให้ไปนะครับ  เด็กในท้องแข็งแรงดี  ผลเลือด...”  สูติแพทย์หนุ่มปัดความเห็นทางการเมืองทิ้ง  กลับมาพูดแนะนำคนไข้อย่างละเอียด   ฝ่ายนั้นก็เอาแต่พยักหน้ารับด้วยท่าทางหงอยเหงาจนคนเป็นหมอชักหนักใจขึ้นมา   

            “คุณอาคิราห์มีเรื่องอะไรสงสัยหรือไม่สบายใจไหมครับ”

            “ไม่มีครับ”  คนพูดปฏิเสธทั้งที่น้ำตาคลอ  เมธินลอบถอนหายใจยาว  รอจนคนไข้กลับออกไปที่ห้องพักของตัวเองแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์  ยังไม่ทันกดโทรก็มีคนโทรเข้ามาก่อน

            “สวัสดีครับ”

            “สวัสดีครับคุณหมอเมธิน  ผมพิชช์ฌาน  อัศวลักษณ์นะ”  ปลายสายแนะนำตัวอย่างไม่อ้อมค้อม  นายแพทย์เมธินไม่แปลกใจสักนิด  ยังนึกสงสัยอยู่ว่าทำไมวันนี้ถึงไม่มาทั้งที่เมื่อวานยืนเฝ้าเขาตรวจคนไข้ตาไม่กระพริบแถมยังซักถามละเอียดละออจนคนเป็นหมอปวดหัวไปหมด

            “คุณอาคิราห์เพิ่งกลับไปที่ห้องครับ”

            “ผลตรวจวันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ”

            เมธินอธิบายอาการและผลตรวจซ้ำอีกรอบ  เขาเบื่อพวกคนไข้วีไอพีที่เรื่องมากจู้จี้เอาแต่ใจเสียจริง  ซึ่งเกือบทั้งหมดนั้นก็เป็นอัลฟ่า  ชนชั้นที่ถือตัวว่าอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร  ขณะที่เบต้าอย่างเขาแม้จะเก่งแค่ไหนก็ตามในสายอาชีพนี้ก็ไม่สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าใครเขาได้   หึ  แต่พอถึงเวลาเจอเคสยากกลับเรียกหาเขา  คิดแล้วก็น่าขำ...         

            “ขอบคุณคุณหมอมากครับที่ดูแลอาคิราห์อย่างดี”  ปลายสายที่เป็นหนึ่งในตระกูลอัลฟ่าที่ถือสายเลือดบริสุทธิ์พูดเรียบๆก่อนจะวางสาย  จะว่าไปแค่พิชช์ฌานแต่งงานกับโอเมก้าก็นับว่าเรียกเสียงฮือฮาได้มากพอแล้ว  ถ้าทุกคนได้รับรู้อีกว่าโอเมก้าคนนั้นกำลังตั้งท้อง ‘ลูก’ ของเขา คงจะยิ่งฮือฮายิ่งกว่าข่าวทลายซ่องเมื่อคืนแน่...ข่าวที่ทำให้อาคิราห์โด่งดัง แถมยังทำให้ชื่อเสียงของพิชช์ฌานในฐานะนักการเมืองที่พูดจริงทำจริงได้คะแนนเสียงมากขึ้นไปอีก

          ไม่รู้ว่าจะเป็นเกมการเมืองอะไรหรือเปล่า  แต่ที่เขารู้แน่ๆตอนนี้ก็คือ  ดวงตากลมใสของเจ้าโอเมก้าเมื่อกี้ไม่มีความสุขเอาเสียเลย

            .....................................................................

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk








             อาคิราห์กลับมานั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองในห้องพักผู้ป่วยต่อ  ภาพหัวใจของลูกที่เต้นตุบๆยังติดตา  มันทำให้เขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิมหลายเท่าเพราะกลัวว่าจะกระทบกระเทือน  ได้แต่นึกแปลกใจว่าเขาต่อสู้กับจักรกฤตรุนแรงขนาดนั้นแต่เด็กในท้องกลับไม่เป็นอะไรเลยสักนิด

            แค่คิดถึงเหตุการณ์ในห้องคืนนั้นก็ตัวสั่นขึ้นมาอีก  ความกลัวยังจับแน่นอยู่ในใจของเขาทุกครั้งที่หลับตาลง  กลิ่นเหม็นๆและสัมผัสน่ารังเกียจของมันทำให้เขาขนลุกซู่แม้จะยังไม่ถูกล่วงเกินอะไรมากไปกว่าการสัมผัสแค่ภายนอกก็ตาม

เหตุการณ์คราวนี้มันปลุกอะไรบางอย่างในตัวของเขาขึ้นมา  ชีวิตของโอเมก้าที่เกือบจะต้องทิ้งไปอย่างไร้ค่า  หมดความหมาย  ชีวิตเดิมๆที่แสนจะสุขสบายเทียบกับชีวิตของโอเมก้าคนอื่นข้างนอกนั้น  ‘ความจริง’ ที่เขาไม่เคยรู้  สิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น  ความสิ้นหวังที่แฝงอยู่ในดวงตาทุกคู่ยังแจ่มชัดในใจพอๆกับความหวังที่ต้องการเอาชีวิตรอด

ราวกับคนเพิ่งตื่นจากความฝัน..   

            “คุณอาคิราห์ครับ”  เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งในตอนบ่าย  อาคิราห์ละมือจากถาดอาหารที่เขาจัดการจนเรียบวุธแม้ว่าจะไม่รู้สึกหิว   พิจารณารสชาติของข้าวต้มหมูใส่ไข่ถ้วยนั้นอย่างละเอียดในแต่ละคำที่ตักเข้าปาก  มันอร่อยและแตกต่างกับรสชาติของขนมปังก้อนขึ้นราราวฟ้ากับเหว

            เจนภพเข้ามายืนตรงหน้าคู่สมรสของเจ้านาย  มองดูอีกฝ่ายยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หางตาทิ้ง  ดูท่าคงจะกินข้าวต้มเคล้าน้ำตาเป็นแน่  นัยน์ตากลมโตเงยขึ้นสบตาเขานิ่งๆ ผิดไปจากเดิม

            ถ้าจะมีอะไรแปลกไปมากที่สุด  ก็เห็นจะเป็นแววตาของคุณอัยย์กระมัง

            “คุณพิชช์ฌานให้มาแจ้งว่าเย็นนี้จะมีแถลงข่าวของคุณอาคิราห์ที่ห้องประชุมของโรงพยาบาลครับ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทลายซ่องโจรเมื่อคืนแล้วก็เรื่องการตั้งครรภ์ของคุณ”  เจนภพพูดเสียงอ่อน  “นี่เป็นรายละเอียดที่คุณพิชช์ฌานฝากมาให้ครับ  ขอให้คุณอาคิราห์ศึกษาแล้วก็พูดตามนี้ได้เลย”  อีกฝ่ายรับกระดาษสองแผ่นไปอ่านเงียบๆ

            “ทำไม...เรื่องมันถึงกลายเป็นว่าผมแฝงตัวเข้าไปในซ่องเพื่อนำจับล่ะครับ”  อาคิราห์พูดขึ้นหลังจากอ่านจนจบ  เรื่องราวถูกบิดเบือนไปหมด  เขาแทบจะกลายเป็นวีรบุรุษของโอเมก้าที่ช่วยตำรวจบุกทลายแหล่งค้ามนุษย์แทนที่จะเป็นเพียงโอเมก้าโง่ๆที่หลงเชื่อคำโฆษณาของบริษัทจัดหางานโอเมก้าเท่านั้น

            “คุณพิชช์ฌานให้สัมภาษณ์เมื่อคืนตามนั้นครับ  คุณอาคิราห์เพียงแค่เล่าเหตุการณ์ตอนที่อยู่ในนั้นสั้นๆก็พอครับ  แล้วก็บอกว่าที่เหลือเป็นส่วนของทางตำรวจ”  เจนภพพูดเรียบๆ   “จริงๆเรื่องก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงเท่าไหร่  คุณเป็นคนจับนายจักรกฤตได้จริงๆ”

            “แล้วบทของเจ้านายคุณคืออะไรหรือเจนภพ”  อาคิราห์ขัดขึ้น  อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยแล้วก็ตอบตามตรง

            “คุณพิชช์ฌานเป็นคนประสานกับทางตำรวจครับแต่แรกครับ  แล้วคุณอาคิราห์เป็นคนขอแฝงตัวเข้าไปเอง”

            คนฟังถอนหายใจเฮือก

            “เจ้านายของคุณก็เตรียมบทพูดเอาไว้แล้วเหมือนกันใช่ไหมครับ”

            “ครับ”  เจนภพรับคำ  แล้วก็เสริมต่อ  “คุณอาคิราห์อย่าคิดมากเลยนะครับ  เราต้องให้ข่าวออกมาในรูปแบบนี้เพื่อไม่ให้..เอ้อ...เสียชื่อเสียงของคุณ”

            “ไม่ให้คุณพิชช์ฌานเสียชื่อว่ามีเมียโง่ใช่มั้ย”  อาคิราห์พูดต่อเสียงอู้อี้  “ผมเข้าใจเขา  เขาคงจะเสียหน้ามากถ้าข่าวออกมาตามจริงว่าผมหนีออกมา”

            “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”  เจนภพอึกอัก  “คุณอาคิราห์ทราบข่าวเรื่องที่ห้องพักที่โรงแรมระเบิดไหมครับ” 

            “...มันคือห้องของผมเหรอ”  อาคิราห์ตกใจ  เขาเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

            “ใช่ครับ  คิดว่าต้นเพลิงมาจากห้องคุณกับคุณฌานแล้วก็น่าจะระเบิดจากรถเข็นอาหารที่คุณเปิดให้เข้าไปครับ”  เจนภพเล่าเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดให้ฟัง  คนฟังอ้าปากค้าง  “คุณฌานตกใจมากครับ  ถึงได้รู้ว่าคุณออกมาจากห้องก่อนแล้ว  จริงๆก็นับเป็นความโชคดีที่คุณอัยย์ออกมาก่อน  ไม่อย่างนั้นก็คงถูกแรงระเบิดเต็มๆ”

            “ผมไม่รู้เลย”  อาคิราห์คราง  “แล้วใครเป็นคนวางระเบิดห้องผม”

            “คุณฌานสงสัยพวกอนุรักษ์นิยมไม่เอาโอเมก้าครับ”  เจนภพตอบตามที่เจ้านายบอกเอาไว้เป็นฉากๆ  “พวกหัวรุนแรงที่มาชุมนุมเมื่อก่อนหน้านี้  คุณคงจำได้  พวกนั้นโกรธแค้นนโยบายส่งเสริมความเท่าเทียมของคุณฌาน  แถมคุณฌานยังแต่งงานกับคุณอีก  คุณฌานเลยสันนิษฐานว่าน่าจะใช่ครับ”

            “ผมเข้าใจแล้วครับ”  อาคิราห์พยักหน้า  ใบหน้าของผู้หญิงอีกคนปรากฏขึ้นความคิด  เขากัดริมฝีปากคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจถามออกไป  “คุณเจนภพครับ  ...ผมขอถามเรื่อง..คุณรินลดาได้ไหมครับ”

            มือขวาคนสนิทของสามีไม่มีท่าทางสะดุ้งสะเทือนอะไรทั้งนั้น  เจนภพพยักหน้าให้เขาถามต่อได้

            “คุณรินลดามีความสำคัญอย่างไรกับคุณพิชช์ฌานครับ”

            “ความสำคัญในแง่ไหนครับ  ถ้าเป็นด้านการงาน  คุณรินลดาเป็นลูกสาวของคุณชาติชายนายทุนใหญ่ของพรรคเราครับ  คุณพิชช์ฌานถึงยังเกรงใจอยู่บ้าง  แต่ถ้าเป็นด้านอื่น...ผมคิดว่าไม่มีนะ” เจนภพยักไหล่  “ถ้าคุณอัยย์กังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา  ผมในฐานะที่ติดตามคุณฌานมานานขอยืนยันว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ”

            อาคิราห์ขยับจะเล่าเรื่องข้อความที่ส่งเข้าโทรศัพท์ของเขาแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นถูกยึดจนหายสาบสูญไปไหนแล้วก็ไม่รู้  เขาไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันความเข้าใจของตัวเองอีกก็เลยเลือกที่จะเงียบไปเสีย

            “ตอนที่หนีออกมา  เพื่อนของผม...นิลกับแทมมี่  พวกเขาอยู่ที่ไหนครับ”  อาคิราห์เปลี่ยนเรื่อง  ถามถึงเพื่อนโอเมก้าแทน  เจนภพมีท่าทางลำบากใจเล็กน้อย

            “ทั้งคู่พักอยู่อีกโรงพยาบาลนึงครับ แต่คุณอัยย์ไม่ต้องเป็นห่วง  พวกเขาแข็งแรงดี  ไม่ได้เป็นอะไร”

            อาคิราห์พยักหน้ารับ

            “แล้ว...นายจักรกฤต”

            “อยู่ในความควบคุมของตำรวจครับ”  เจนภพละเอาไว้ไม่ขยายความต่อว่าชายหนุ่มผู้นั้นได้พบเจอกับอะไรบ้าง  ความโกรธแค้นของพิชช์ฌานไม่ใช่ธรรมดา

            อาคิราห์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก  เจนภพซักซ้อมบทสัมภาษณ์อีกนิดหน่อยจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะพูดได้ไม่พลาดก็ถอยกลับออกมาจากห้องพัก

            มื้อเย็นถูกยกเข้ามาให้พร้อมกับยา  อาคิราห์ปิดโทรทัศน์ที่มีแต่ข่าวของเขากับพิชช์ฌานฉายวนซ้ำไปซ้ำมาทั้งวัน  เนื้อข่าวก็เหมือนๆกับที่เจนภพเล่าให้ฟัง  เพิ่มเติมอีกนิดที่เจนภพไม่ได้เล่าก็คือนายกฯเดินทางมาที่นี่แต่ว่าจนป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่เห็นเงาของผู้เป็นบิดาเลย  ไม่รู้ว่ายังเดินทางมาไม่ถึงหรือว่าจริงๆแล้วไม่ได้มาเยี่ยมเขากันแน่

            คนที่อาคิราห์กำลังนึกถึงอยู่นั้นกำลังนั่งประจันหน้าอยู่กับพิชช์ฌานภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลที่จะใช้เป็นห้องแถลงข่าวในตอนเย็นวันนี้  ท่านไตรคุณมองสำรวจ ‘ลูกเขย’ ตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่บอกอารมณ์ใดๆ

            “ไม่ได้ไปรับท่านที่สนามบิน  ต้องขอประทานโทษด้วยครับ”  ชายหนุ่มรุ่นลูกพูดเรียบๆ แต่สีหน้าตรงข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิง

            “ฉันได้ข่าวก็เลยเป็นห่วงลูก”  ไตรคุณพูดขรึมๆ  “อัยย์เป็นยังไงบ้าง”

            “ไม่เป็นอะไรมากครับ”  เขาตอบ  สบตาอีกฝ่ายตรงๆ “อาคิราห์แข็งแกร่งมาก”

            “อย่าพูดเหมือนฉันไม่รู้จักลูกชายของตัวเองหน่อยเลยคุณพิชช์ฌาน”  ท่านไตรคุณพูด  “คุณจะให้ข่าวกับนักข่าวว่าอย่างไรก็แล้วแต่  แต่ว่า...กับผมที่เป็นพ่อของเขา  คุณควรจะเล่าความจริงให้ผมฟัง”

            “ท่านไม่เชื่อเหรอครับว่าลูกชายท่านเป็นคนอาสาแฝงตัวเข้าไปในซ่องนั่นเอง”  พิชช์ฌานเลิกคิ้ว  “ผมคิดว่าท่านประเมินอาคิราห์ต่ำไปนะครับ”

            “ฉัน ‘รู้จัก’ ลูกชายของตัวเองดี”  ไตรคุณพูดสั้นๆ  “แต่ถ้าคุณจะไม่เล่าก็ไม่เป็นไร  เพราะผมก็จะมีวิธีสืบจนรู้ความจริงอยู่ดี”

            สีหน้าของคนฟังแทบไม่เปลี่ยน

            “แล้วแต่ท่านจะพิจารณาครับว่าจะเลือกเชื่อข่าวไหน  และผมก็คิดว่าที่ท่านรีบมาที่นี่คงไม่ได้เป็นเพราะห่วงลูกชายอย่างเดียวถูกไหมครับ”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ

            “อ๋อแน่นอน  ฉันเป็นนายกฯของประเทศนี้  มีข่าวอาชญากรรมข้ามชาติฉันก็ต้องลงมาดูด้วยตัวเองอยู่แล้ว  ถึงจะไม่ได้บทพระเอกขี่ม้าขาวอย่างคุณก็เถอะ”  ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะในคอแล้วเหลือบมองชายหนุ่มคราวลูกด้วยสายตาคมกริบ  “แต่ฉันจะเตือนอะไรเอาไว้อย่างหนึ่งนะ  คุณพิชช์ฌาน  ในฐานะที่คุณเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่น่าสนใจมากคนหนึ่ง...บางอย่างมีขีดกั้นอยู่บางๆ  มันเป็นเขตแดนที่มองไม่เห็นแต่คุณจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่า...อย่าล้ำเส้น  เพราะถ้าคุณก้าวข้ามขีดแดงนั้นเข้าไป  คุณจะสูญเสียทุกอย่างรวมถึงชีวิตของคุณด้วย”

            คิ้วเข้มกระตุกนิดๆ

            “ท่านพูดถึงเรื่องอะไรครับ  ผมไม่เข้าใจ”

            “คุณเข้าใจดีคุณพิชช์ฌาน  ไม่มีใครได้อะไรหมดทุกอย่างตามใจนึกหรอก  มันเป็นสัจธรรม...ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง  เราไม่ควรจะละโมบ  ฉันเตือนในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน  คงไม่ถือกันนะ”  คนพูดลุกขึ้นยืน  “เอาล่ะ  ...ผมคิดว่าจะต้องไปเยี่ยมลูกชายเสียหน่อยก่อนที่เขาจะแถลงข่าวสำคัญ  คุณอนุญาตให้พ่อได้พบกับลูกไหม”

            “อาจจะต้องเป็นหลังจากการแถลงข่าวครับท่าน  ขออภัยจริงๆที่ไม่สะดวกตอนนี้”  พิชช์ฌานปฏิเสธหน้าตาเฉย  แม้แต่คนสนิทยังอ้าปากค้าง  เจนภพเหลือบมองท่านนายกฯอย่างเกรงๆ

            ไตรคุณชะงัก  หันกลับมามองหน้าลูกเขย

            “กลัวว่านักแสดงจะลืมบทงั้นหรือ ถ้าได้เจอฉันเข้า”   

            “ผมเกรงว่าเวลาจะไม่ทันครับ  เพราะใกล้จะถึงกำหนดการณ์แล้ว  ผมอยากให้ท่านกับอาคิราห์ได้พูดคุยกันยาวๆหลังจากงานแถลงข่าวมากกว่าครับ”  พิชช์ฌานยืนยัน

            คนฟังหัวเราะหึๆ

            “ก็ได้...ถ้าอย่างนั้น  ฉันจะรอจนกว่างานแถลงข่าวจะเสร็จสิ้น  เผื่อจะได้พาลูกชายกลับไปพักผ่อนที่บ้านของฉันทีเดียวเลย”  ไตรคุณเน้นคำว่าบ้านของตัวเองอย่างชัดเจน   “เจ้าอัยย์ไม่ได้กลับบ้านนานแล้วนี่นะ  ตั้งแต่หลังแต่งงาน  พ่อแม่พี่น้องก็บ่นคิดถึงกันทุกคน  ยิ่งมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกก็ยิ่งเป็นห่วงไปกันใหญ่”

            พิชช์ฌานอึ้งไปครู่  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นไม้นี้  ไตรคุณปรายตามองชายหนุ่มที่หน้าเสียจนเก็บอาการไม่อยู่

            “ผม..คิดว่า..ควรจะคุยเรื่องนี้ทีหลังครับ”  หัวหน้าพรรคการเมืองที่หนุ่มที่สุดในประวัติศาสตร์พูดออกมาในที่สุด  ได้ยินเสียงหัวเราะในคอของผู้อาวุโสกว่าก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที  “ใกล้จะได้เวลาแล้ว  ผมต้องขอตัวไปเตรียมตัวก่อนครับ”

            “เชิญตามสบาย”  ท่านนายกฯผายมือออกยิ้มๆ  ทว่าพอร่างสูงใหญ่ของลูกเขยเดินลับสายตาออกไป  รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายวับกลายเป็นความเคร่งขรึมเย็นชา

            ............................................................................

           

            มาอัพแล้วจร้า

            ตอนนี้ยาวมากเลย  ตัดปัญหาความค้างแล้วนะทุกคน5555555

            เจอกันตอนหน้าค่ะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

           

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ต่างคนก็ต่างหาประโยชน์กับอัยย์ทั้งนั้น

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขวัญเอ๋ยขวัญมา ต่อไปก็ทำแต่เรื่องดี ๆ มีประโยชน์เพื่อลูกและเพื่อตัวเองนะหนูอัยย์

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :เฮ้อ: หรือว่าเรื่องค้ามนุษย์จะเกี่ยวกับฝั่งพ่อ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ถึงจะรู้สึกว่าทั้งพ่อและพิชช์ฌาญหวังดีกับอัยย์จริงๆอยู่บ้าง แต่มันแฝงไปด้วยผลประโยชน์อ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
โอยย โล่งอกไปที :เฮ้อ: :เฮ้อ:
คุณพ่อคะะ เอาน้องอัยย์กลับไปเลยค่ะ!!
เราจะได้เห็นคนเสียหน้า เสียอาการ
แต่ดูท่าแล้วลูกคุณพ่อจะไม่ยอมไปนะคะ  :haun5: :haun5:

ออฟไลน์ Toey0810

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ทุกคนหวังแต่จะหาผลประโยชน์กับอัยย์ ถึงจะรัก แต่ก็เอาผลประโยชน์มาก่อน.จะมีใครรักและสู้เพื่ออัยย์โดยไม่หวังผลประโยชน์บ้างไหม :mew4: :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ตุยชิคชิค

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เกมการเมืองนี่ปวดหัวดีจัง หนูอัยย์จะเจออะไรอีกมั้ย

ออฟไลน์ gackmanas

  • I Remember your Eyes..
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ลุ้นๆๆ :hao7:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เห็นบู้บี้ชั้นเป็นแค่หมากตัวหนึ่งกันหรือไง พ่อนี่รักลูกไหม? ตาพิษนี่รักบู้บี้จริงไหม? ดูจะห่วงตำแหน่งมากกว่าเมียอีก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขวัญเอ๊ยขวัญมา ปลอดภัยแล้วนะ
จะเจออะไรอีกหลังจากนี้
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ bkachai

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พ่อตาลูกเขยฟาดฟันกันดีจริงๆ​ อัยย์ดื้อก็ต้องมีบทเรียนบ้าง​ เมินเลยสามี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
โอเมก้าที่น่าสงสาร

ออฟไลน์ sweetie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อยากให้เชื่อและเข้าใจกันไวไว  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ junlifelove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารน้อง คือจริงๆแล้วน้องแค่ต้องการคนจริงใจอะ แล้วพระเอกของเรากับพ่อก็ไม่ได้ให้ความรักและความจริงใจเลย ไม่รู้พ่อน้องรักน้องภาษาอะไรอะ พ่อที่คอยแต่ซ่อนน้องแล้วเมื่อถึงเวลาก็มาหาผลประโยชน์แบบนี้ คือแบบที่น้องหนีไปคือน้องต้องการทำในสิ่งที่ตัวเองเลือกเองซักครั้งไง ถึงแม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็เถอะ แต่ว่าน้องก็ได้เรียนรู้ไง ถ้ายังอยู่ ยังไม่หนีน้องก็จะไม่โตอะ เรื่องคราวนี้ก็จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับน้องเลย ฮือออ อินมากค่ะ สนุกมากกก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2685
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อัยย์ได้บทเรียนราคาแพงเลยทีนี้ โลกไม่สวยงามอย่างที่คิดนะ

โชคดีมากที่อัยย์รอดมาได้แบบปลอดภัย เกือบไปแล้ว
และต้องขอบคุณนิลที่เข้ามาช่วยอีกแรง

ช่วยมาแล้ว มาเจออัยย์หงอยแบบนี้ ก็สงสารไปอีก
แถมยังต้องกลับมาอยู่วังวนเดิม เฮ้อออ น้ำตาไหลแล้วอัยย์เอ้ย

บางทีก็อยากให้ฌาณอยู่เฉยๆ บ้าง เพราะมีแต่คนพุ่งเข้าใส่
และก็อยากให้พ่ออัยย์แสดงออกว่ารักมากกว่านี้ แบบจริงใจ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พวกตาแก่อย่างแกพ่อตากับลูกเขย

จะชิงใหวชิงพริบอะไรก็เรื่องของพวกแก

แต่แกอย่าเอาเจ้าตัวเล็กเข้าไปในเกมส์เด็ดขาด

แค่พวกแกใช้อัยย์เป็นหมากเดินเกมส์ก็มากเกินทนแล้ว

แต่ตอนนี้ในท้องอัยย์มีเจ้าตัวเล็กนะโว๊ย

นึกถึงเรื่องนี้กันบ้าง

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
หนูอัยย์โดนสามีงอนหนัก เอาใจสามีแห่งชาติมากๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวก็หายงอนล่ะ สามีทั้งรัก ทั้งหลง

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai Adore You.

#ขอรักแค่คุณ

ตอนที่ 26

 

 



 

 

 

            ร่างโปร่งบางนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงมุมเดิมกับที่เขาแอบเห็นเมื่อตอนบ่าย  ดูท่าว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ขยับตัวไปไหนเลยนอกจากนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิมแบบนั้น  พิชช์ฌานถอนหายใจยาว  คำเปรยของท่านนายกฯทำให้เขาร้อนใจจนต้องมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพักคนไข้ตรงนี้  แทนที่จะไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวแถลงข่าวตามที่วางแผนเอาไว้

            เหลือบมองนาฬิกาข้อมือนิดหนึ่ง  ...เขายังพอมีเวลาเหลือเล็กน้อย

            เอื้อมมือไปเคาะประตูห้องเบาๆเป็นสัญญาณก่อนจะเปิดเข้าไป  คนบนเตียงสะดุ้งเงยหน้าขึ้นจากท่อนแขนที่กอดเข่าเอาไว้อยู่  นัยน์ตากลมบวมช้ำเพราะร้องไห้ไม่หยุดนั้นทำให้คนมองเกือบสะดุดขาตัวเอง  โชคดีที่ชายหนุ่มเก็บอาการเอาไว้ได้ทัน

            แววตาหงอยๆเซื่องๆเปลี่ยนเป็นดีใจที่เห็นหน้าเขา  แต่แล้วก็กลับหันกลับไปมองหน้าต่างตามเดิม

            “ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีก  ใกล้จะถึงเวลาแถลงข่าวแล้ว”  เขาพูดขึ้นเรียบๆ

            “..........”  อาคิราห์ไม่ได้ตอบออกไป   หางตาแอบเห็นร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหยุดยืนใกล้ๆเตียงที่เขานั่งอยู่  หัวใจของโอเมก้าเต้นแรงขึ้นนับตั้งแต่เห็นหน้าของอีกฝ่าย  ทว่าความรู้สึกผิดและสายตาเย็นชาว่างเปล่าที่พิชช์ฌานใช้มองเขาก็ทำให้พูดอะไรไม่ออก

            กลัวว่าน้ำตาที่เริ่มแห้งไปแล้วจะไหลออกมาอีก

            “เธออ่านที่เจนภพเตรียมเอาไว้ให้แล้วใช่มั้ย  อยากเพิ่มตรงไหนหรือเปล่า”  เสียงห้าวๆถามต่อมาอีก  มันเรียบสนิทไร้อารมณ์ราวกับพูดเรื่องลมฟ้าอากาศแทนที่จะเป็นคำแถลงการณ์เรื่องลูกของเขา

            อาคิราห์ส่ายหน้า

            “ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะออกไปรอที่ห้องแถลงข่าวก่อนนะ”  พิชช์ฌานพูด  เจ้าโอเมก้าไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเขาเลย  เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้นจนเขาไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อ

            ทำไมมันถึงยากเย็นนัก  ...ยากยิ่งกว่าการวางแผนเลือกตั้งเสียอีก

            ห้องเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศ  นักการเมืองหนุ่มลอบระบายลมหายใจยาวอีกครั้งอย่างอึดอัด  สำหรับคนที่เกิดมาพร้อมความมั่นใจมาตลอดชีวิต  เขาบอกตัวเองว่าเกลียดความรู้สึกตอนนี้ชะมัด

            ความรู้สึกที่ไม่กล้าแม้แต่จะถามออกไปตรงๆว่า  ...ไม่อยากอยู่กับเขามากขนาดนั้นเชียวเหรอ ...เขาแย่ขนาดนั้นเลยใช่มั้ย  ถึงยอมไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่าจะอยู่ด้วยกัน...

            ยอมรับว่าเขากลัวคำตอบ

            “คุณ..ช่วยผมเพราะอยากเป็นฮีโร่เหรอ”  เสียงอ่อนเบาดังขึ้นจากคนที่ก้มหน้าอยู่  พิชช์ฌานชะงัก

            “ฮีโร่?  ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น”         

            “ผมฟังบทสัมภาษณ์ของคุณเมื่อคืนในข่าว”

            “คิดว่าฉันลงทุนขึ้นรถลงเรือทั้งที่เมาจะตายอยู่แล้วเพราะอะไร  แค่อยากเป็นฮีโร่งั้นหรือไง”  พิชช์ฌานพูด  รู้สึกฉุนกึกขึ้นมาทันที  “รู้หรือเปล่าว่ากว่าจะช่วยเธอออกมาได้ฉันต้องวิ่งเต้นไปเท่าไหร่”

            “แต่มันก็คุ้มคะแนนเสียงของคุณที่จะได้มาไม่ใช่เหรอ”

            “คุ้มเหรอ?  จะบ้าหรือเปล่าอาคิราห์  คะแนนเสียงมันเทียบได้ที่ไหนกับ....”  เสียงของคนพูดหายไปในลำคอเมื่อสบตาคนฟังที่เงยหน้าขึ้นพอดี  ดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายวาววับจนพิชช์ฌานรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงอารมณ์มามากเกินไป

            อาคิราห์ขยับตัวลงจากเตียงแล้วก้าวเข้าไปกอดร่างสูงใหญ่นั้นเอาไว้  แนบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่มีกลิ่นหอมๆที่เขาชอบ  สูดกลิ่นนั้นเข้าไปเต็มปอด

            คนตัวสูงนิ่งงันไปด้วยความตกใจแกมตื่นตระหนก  เขาอยากจะสะบัดตัวออกจากวงแขนบอบบางนี้  อยากหมุนตัวหันหลังออกจากห้องเหมือนที่ทำเมื่อตอนเช้า  ทว่า...แรงใจของเขาที่จะฮึดสู้กลับลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว  พอๆกับเมื่อเช้าที่เขาต้องรีบเผ่นออกจากห้องก่อนที่จะแพ้ให้กับน้ำตาของอีกฝ่ายราบคาบ

            “ผมขอโทษ”  คนพูดซุกหน้าลงกับซอกไหล่ของเขาแล้วพูดเสียงอู้อี้  น้ำตาที่แห้งไปเริ่มไหลออกมาใหม่ปนกับขี้มูกขี้ตา  อาคิราห์กอดเอวของพิชช์ฌานเอาไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

            พิชช์ฌานไม่ตอบและอาคิราห์ก็ไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้ว  เขากลัวจะเห็นความหมางเมินของอีกฝ่ายอีก

            “คุณจะไม่ยกโทษให้ผมเลยเหรอ”  เจ้าโอเมก้ากระซิบหลังจากที่อีกคนยืนนิ่งเงียบจนเขาใจไม่ดี

            “เธอ...อยากหนี..มากเลยหรือ”  พิชช์ฌานพูดขึ้นในที่สุด  คำถามที่เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมานับตั้งแต่อีกฝ่ายหายตัวไป  “ไม่อยากอยู่กับฉันมากขนาดนั้นเลยหรือไงถึงได้ยอมหนีไปกับ...ไอ้บริษัทบ้าๆนั่น  รู้หรือเปล่าว่าฉันกลัวแค่ไหนตอนที่ห้องระเบิดแล้วไม่เจอเธอ”  ชายหนุ่มพูดเสียงดังขึ้น  “รู้บ้างมั้ยว่าฉันรู้สึกยังไงที่หาเธอไม่เจอ  อาคิราห์!”

            คนชื่ออาคิราห์สะดุ้ง  เงยหน้าขึ้นสบตาคมกริบคู่นั้นด้วยความตกใจ

            “ฉันตามหาเธอทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยากกลับมามั้ย  แต่ฉันก็ยังตามหาเธอต่อไป...นี่มันบ้ามั้ยล่ะ”  ชายหนุ่มหัวเราะแค่นๆออกมา  นัยน์ตาคมแดงก่ำคล้ายกับมีน้ำตาคลอ  อาคิราห์จ้องมองแทบไม่เชื่อสายตา  “ให้ฉันทำยังไง  อาคิราห์  ฉันควรจะต้องทำยังไงดี  ฉันไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรนักหนา  พอเห็นหน้าเธอ...ฉันกลับไม่กล้าแม้แต่จะถามสักคำว่าเธอช่วย...อยู่กับฉันต่อได้มั้ย”  เสียงห้าวแหบพร่า   น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ไหลลงมาต้องผิวแก้มของพิชช์ฌานท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนมอง  “ฉันจะพูดออกไปได้ยังไงว่าอย่าไปไหนเลยนะ  ฉันไม่มีสิทธิจะห้ามใคร  มันเป็นสิทธิของเธอ”

            “คุณพิชช์ฌาน..”  อาคิราห์ยืนอึ้ง  พิชช์ฌานจับแขนที่โอบรอบตัวออกจนเจ้าโอเมก้าใจหาย

            ทว่าร่างสูงใหญ่ไม่ได้ผละออกอย่างที่คิดแต่กลับย่อตัวลงคุกเข่ากับพื้นแทน  อาคิราห์ตกใจยิ่งกว่าเดิมตอนที่พิชช์ฌานดึงตัวเขาเข้ามากอดเอาไว้แน่น  ฝังใบหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบ  ไหล่กว้างสั่นสะท้านเพราะเจ้าของปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้อีก

            “.......”  ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปาก  อาคิราห์เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น  ช่วงเอวของเขาเปียกชุ่มเพราะหยดน้ำตาจากคนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมานั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงหน้าเขา  ทุกอย่างมันเกิดความคาดหมายไปหมด  ควรเป็นเขาไม่ใช่หรือไงที่ต้องนั่งร้องไห้  ทำไมถึงกลายเป็นพิชช์ฌานไปได้  เจ้าโอเมก้ายกมือขึ้นแตะที่ท้ายทอยและเส้นผมหยักศกดำสนิทอย่างไม่แน่ใจ

            พิชช์ฌานเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง  รู้แค่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย  ความรู้สึกกดดันลึกๆข้างในที่ไม่เคยรู้ว่ามีมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กลับพุ่งขึ้นมาจนเขาไม่สามารถสะกดอารมณ์ให้ราบเรียบได้เหมือนเดิม

            นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา  ...เขากลายเป็นเด็กไร้เหตุผลยิ่งกว่าเจ้าบู้บี้เสียอีก  เพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการอยู่กับเขา

            “คุณฌาน”  เจ้าโอเมก้าคงตกใจกับน้ำตาของเขา  พิชช์ฌานแอบเช็ดน้ำหูน้ำตากับเสื้อคนไข้จนแห้งแล้วก็ลุกขึ้นยืน  อยากจะหันหลังก้าวออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุดแต่ติดตรงที่อีกฝ่ายกลับยืดตัวขึ้นแล้วประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ด้วยมือเล็กๆทั้งสองข้าง  “คุณโอเคมั้ย”

            ....เป็นคำถามที่เหมือนโลกกลับตาลปัตรสำหรับพิชช์ฌานเหลือเกิน  ให้ตายสิ

            “ฉันไม่เป็นไร”  เขาตอบสั้นๆ พยายามไม่สบตากลมใสแจ๋วคู่นั้นมากเกินไป

            “ทำไมคุณขี้แยจัง”  คนพูดกลั้วหัวเราะในลำคอแล้วเขย่งตัวขึ้นแตะริมฝีปากเข้าที่ข้างแก้มของคนตัวสูงกว่าเบาๆ  “คุณอยากให้ผมอยู่ด้วยใช่ไหมล่ะ”  อาคิราห์กระซิบกับปลายจมูกโด่งนั้น

            พิชช์ฌานเริ่มสงสัยว่าเขาคงจะตกหลุมเจ้าโอเมก้าตั้งแต่คำถามแรกที่อีกฝ่ายถามเขาเรื่องฮีโร่อะไรนั่นแล้ว  ร่างโปร่งบางหอมละมุนด้วยกลิ่นคุกกี้รสนมที่คุ้นเคย  ชายหนุ่มตวัดแขนรัดร่างนุ่มมือเข้ามากอดทั้งตัว  ก้มลงหอมแก้มอีกฝ่ายแรงๆแล้วแกล้งถูปลายคางสากด้วยไรหนวดเพิ่งโกนกับซอกคอนวลเนียนเล่น

            อาคิราห์หัวเราะเสียงดัง  ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแข็งแรงที่ให้ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยนั้น

            ชายเสื้อของเขายังเปียกชื้นอยู่เลยตอนที่พวกเขาสองคนย้ายมานั่งคุยกันอย่างเป็นกิจจะลักษณะบนโซฟา  คราบน้ำตาของพิชช์ฌานที่คงไม่มีใครได้เห็นง่ายๆ  แต่ว่าอาคิราห์คนนี้ได้เห็นแถมได้สัมผัสมาแล้ว

            “เค็มปะแล่มมากเลย”  จู่ๆ เจ้าโอเมก้าก็พูดขึ้นมา  พิชช์ฌานชะงัก

            “อะไรนะ”  อัลฟ่าหนุ่มงง  เขามัวแต่เพลิดเพลินกับการดมหลังคอของอีกคนเล่น

            “ก็น้ำตาของคุณพิชช์ฌานน่ะซิ”  อาคิราห์พูดเนิบๆ  ถกเสื้อขึ้นมาให้ดูรอยชื้นที่ยังทิ้งไว้อยู่  “เอาไปประมูลจะมีใครซื้อไหมนะ  ขี้มูกขี้ตาของคุณนักการเมืองรูปหล่อ”

            “ล้อกันเหรอเจ้าบู้บี้  เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”  พิชช์ฌานคำราม  ก้มลงไปงับพุงนิ่มๆที่อีกคนถลกเสื้อโชว์นั้น  เจ้าโอเมก้าร้องเสียงหลง  ขยับตัวหนีเพราะความจั๊กจี้  สุดท้ายอัลฟ่าหนุ่มก็เลยทิ้งตัวลงนอนหนุนตักโอเมก้าเสียเลย

            เจ้าของตักทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้  ไม่ได้ดันหัวหนักๆของพิชช์ฌานออก  ...เห็นว่าเพิ่งบ่อน้ำตาแตกเมื่อกี้  คิดเสียว่าโอ๋เด็กสามขวบนะอัยย์นะ...

            เด็กสามขวบที่ตัวใหญ่เหมือนยักษ์เลย  ทำไมพิชช์ฌานถึงต้องร้องไห้ด้วยนะ  เขาร้องไห้เพราะเราจริงๆเหรอ...เขาเป็นห่วงเรา  อยากให้เราอยู่ด้วยจริงๆหรือว่าเป็นเพียงแค่เกมการเมืองอะไรอีกหรือเปล่า  จะหลอกใช้เราอีกใช่มั้ย  อาคิราห์คิดอย่างใจลอย

            พิชช์ฌานกดริมฝีปากลงกับหน้าท้องของอาคิราห์จนเจ้าตัวสะดุ้ง  ก้มหน้าลงมองเขางงๆ

            “คิดอะไรอยู่”  เสียงห้าวๆถามต่อมา  ตาต่อตาสบกัน  “บอกกันให้รู้บ้าง  อย่าคิดอยู่คนเดียวสิ..อัยย์”  ชื่อเล่นของเขาเวลาที่ได้ยินจากปากของอีกฝ่ายทำไมถึงน่าฟังกว่าปกติกันนะ  หรือว่าเขาคิดไปเอง...อาคิราห์ขมวดคิ้ว

            “ผม...คุณอยากให้ผมอยู่ด้วยเพราะอะไรหรอ  คุณพิชช์ฌาน”

            “ทำไมถึงไม่เรียกฉันว่าฌานเหมือนเมื่อกี้แล้วล่ะ  เลิกเรียกชื่อเต็มยศได้แล้ว”

            คราวนี้อาคิราห์ยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆเรียงกันสวยเหมือนไข่มุก

            “ก็คุณชื่อพิชช์ฌานที่ไม่ใช่พิษฌานนี่นะ”  คิ้วเข้มขมวดเข้าเพราะไม่เข้าใจ  อาคิราห์ก็ไม่อธิบายเพิ่ม  “คุณฌานอยากให้ผมอยู่ด้วยเพราะอะไรหรอ”  เขาเรียกชื่อเล่นสั้นๆของอีกฝ่ายบ้าง  “เพราะผมท้องลูกของคุณหรือเปล่า”

            “ก็มีส่วน”  ชายหนุ่มตอบแล้วขยายความเพิ่ม  “แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  ความจริงฉันเคยบอกเธอไปแล้วแต่ว่าเธอไม่เชื่อฉัน  ฉันไม่อยากให้เธอไปไหน  อยู่ด้วยกันกับฉันเพราะฉันรักเธอ”

            คนฟังตกใจ  วันนี้เขาตกใจเพราะผู้ชายคนนี้มากี่ครั้งแล้ว

            พิชช์ฌานหัวเราะเบาๆ  เจ้าบู้บี้อ้าปากค้างเบิกตาโตดูน่าขันแต่ก็น่าเอ็นดูเหลือเกินในความคิดของเขา  ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วแตะที่ปลายขนตายาวงอนของเจ้าของตักเล่น

            “คราวนี้จะเชื่อหรือยัง”

            “ผม..เชื่อใจคุณได้แค่ไหนเหรอ  คุณพิชช์ฌาน”  อาคิราห์พึมพำหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่  คนฟังนิ่งไปนิดหนึ่ง

            “ฉันไม่มีอะไรจะพิสูจน์กับเธอได้เลยนอกจากการกระทำ”       คำตอบของพิชช์ฌานทำให้คนฟังถอนหายใจยาว  ชายหนุ่มเลยรีบพูดต่อ  “ถ้าเธอไม่สบายใจล่ะก็  ฉันยินดีจะพิสูจน์จนกว่าเธอจะเชื่อ  อะไรก็ได้ทั้งนั้น”

            “ผมจะให้เวลาคุณพิสูจน์ไปเรื่อยๆจนกว่าผมจะเชื่อคุณ”  อาคิราห์พูดขึ้น  “ผมจะอยู่กับคุณจนถึงวันนั้น”

            รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของพิชช์ฌาน

            “ฉันอาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ให้เธอเห็นสัก...ร้อยปี”

            คิ้วเรียวขมวดมุ่น

            “คุณก็จะอายุเยอะสุดทำลายสถิติโลกไปเลย  ถึงตอนนั้นคุณน่าจะต้องตะบันน้ำกินแล้วก็ใส่ฟันปลอมทั้งปาก  คงตลกดีถ้าคุณใส่วิกผมดำ”

            “พูดซะฉันไม่อยากอยู่เลย”  พิชช์ฌานหัวเราะออกมา  รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก  “ถ้าฉันแก่ เธอเองก็ต้องแก่หงำเหงือกเหมือนกันนั่นแหละน่า”

            “ถึงผมแก่  ก็จะแก่แบบดูดี”  อาคิราห์ว่า

            “แบบบู้บี้น่ะสิ  นึกภาพเธอตอนแก่ไม่ออกเลย  คงหงิกๆย่นๆเป็นก้อนๆแน่ๆ”  นึกภาพตามแล้วก็อดหัวเราะออกมาอีกไม่ได้  อาคิราห์ย่นจมูกยกมือขึ้นทุบหน้าอกคนพูดเต็มแรง  “โอ๊ย! แรงเธอไม่ใช่น้อยๆนะ  แล้วฉันก็ไม่ใช่ไอ้จักรกฤตด้วย”

            พอพูดถึงชื่อจักรกฤต  รอยยิ้มบนใบหน้าของอาคิราห์ก็จางลงจนคนมองสังเกตได้ชัด

            “ยังกลัวอยู่เหรอ”

            “ผมกลัวมาก”  อีกฝ่ายตอบเต็มปากเต็มคำ  “ผมนึกว่าคุณจะมาช่วยผม  แต่ถึงที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครมา  ผมนึกถึงคุณตลอดเวลา  ตอนที่มันเอามือมาจับ...”  คนพูดตัวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ  ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมานั่งแล้วดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้  อาคิราห์กอดตอบ  “ผมคิดในใจว่า  เป็นไงเป็นกัน  ถ้าผมไม่รอดก็คงไม่ได้เจอกันอีก”

            “เธอเก่งมาก”  พิชช์ฌานกระซิบ  “เก่งที่สุดที่ฉันเคยเจอมา”

            “จริงเหรอ”  คนในอ้อมแขนย้อนถามกลับมาเหมือนเด็กไม่มั่นใจ  คนแก่กว่ายิ้มบางๆ

            “จริง... เธอเก่งมากที่เอาชีวิตรอดออกมาได้  ต่อให้ฉันไม่ได้ไปช่วย  ฉันก็เชื่อว่าเธอจะต้องเอาตัวรอดได้แน่”  พิชช์ฌานพึมพำอยู่ข้างขมับ  “แต่ว่าอย่าแอบหนีไปไหนโดยไม่บอกกันก่อนอีกเลยนะ  ฉันหัวใจจะวายเอา”

            “คุณตามมาเจอผมได้ยังไง”

            “แค่ฉันเห็นป้ายชื่อบริษัทหางานโอเมก้าก็เดาออกแล้ว”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “คงมีคนตาโตตอนที่เห็นเลยล่ะ”

            “ผมตาเหลือกต่างหาก”  อาคิราห์ยอมรับ  “หลงเชื่อเข้าไปเต็มเปาเลย  โง่จริงๆ”

            “เธอไม่ได้โง่  แต่แค่รู้ไม่เท่าทันเพราะขาดประสบการณ์”  พิชช์ฌานแก้ให้  “ถ้าเธอโง่  เธอก็จะต้องหลงเชื่อมันต่อไปว่าจะต้องหางานมาให้แน่ๆ  เธอคงจะคิดเรื่องป้ายSOS ไม่ออก  แล้วก็ผ้าพันคอของฉันด้วย”

            “ผมตัดใจทิ้งมันเลยนะ”  อาคิราห์งึมงำ  คิดถึงผ้าพันคอผืนโปรดที่ต้องจำใจแอบทิ้งเอาไว้ในห้องน้ำขึ้นมาได้  “คุณเห็นป้ายของผมเหรอ”

            “โบกสะบัดขนาดนั้น  ฉันยังกลัวว่าเธอจะโดนเชือดไปก่อนหรือเปล่า”

            “พวกมันไม่กล้าทำอะไรผมหรอก  เพราะผมยังมีประโยชน์”  อาคิราห์ว่า  “มันรู้ว่าผมเป็นใครตั้งแต่แรกแล้ว  ถึงได้ให้คนตามประกบตลอด  แถมยังให้ผมออกมาเป็นคนสุดท้าย  ตอนที่พวกมันบอกว่าจะพาผมไปหา ‘ท่าน’ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นจักรกฤต”

            “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น”  พิชช์ฌานพยักหน้ารับ  “แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่  การทลายซ่องคราวนี้น่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น  พวกตำรวจตามสืบเรื่องแก๊งค้ามนุษย์นี้กันมานานแล้วแต่ว่ายังไม่มีโอกาสลงมือ  เรื่องนี้อาจเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใหญ่เกินกว่าจะคาดคิดเอาไว้  ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งเกี่ยวหรอก  แต่พอมีเรื่องเธอขึ้นมา...ฉันก็เลยต้องออกหน้า   ...ถ้าวันไหนฉันถูกลอบฆ่าก็ไม่ต้องสงสัยเลยนะ  ฉันเหยียบจมูกมันเต็มๆ”  ชายหนุ่มพูดแกมหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องขบขัน

            อาคิราห์หน้าเสีย

            “จะถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยเหรอ”

            “เธอกลัวฉันตายมั้ย”  พิชช์ฌานแกล้งถาม  ใจมาเป็นกองที่เห็นเจ้าโอเมก้าดูจ๋อยลงเมื่อคิดว่าเขาตกอยู่ในอันตราย

            “ผมไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้นแหละ”  อาคิราห์ตอบเลี่ยงๆ  “แล้วมันจะรุนแรงขนาดนั้นจริงหรอ”

            “ฉันแกล้งพูดให้เด็กรู้สึกผิดไปงั้นเอง”  พิชช์ฌานหัวเราะ  “ไม่มีอะไรหรอก  มันก็แค่ซ่องของไอ้จักรกฤตนั่นแหละ  ไอ้นี่มันเลวมานานแล้ว  แต่ก่อนก็ทำบ่อน”

            “คุณโกหกผมอยู่”  อาคิราห์พูดขึ้น  อีกฝ่ายเลิกคิ้ว  “พูดความจริงกับผม”  อาคิราห์พูดซ้ำ

            “ก็ได้ ...มันเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลจริงๆ”  นักการเมืองหนุ่มยอมรับ  “แต่เธอไม่ต้องไปสนใจหรอก  ไม่ใช่เรื่องของเธอ  ตอนนี้เธอสนใจแค่..”

            “จะไม่ใช่เรื่องของผมได้ยังไง”  อาคิราห์แย้งขึ้นทันควัน  “คนที่เดือดร้อนก็คือโอเมก้า  เพื่อนๆที่เป็นคนเหมือนกันกับผม  พวกเขาถูกขายเหมือนสินค้าแบบนี้มานานแล้ว”

            “นึกอยากเป็นนักมนุษย์ฯเรียกร้องสิทธิให้โอเมก้าหรือยังไง”  พิชช์ฌานพูดกลั้วหัวเราะ

            “ถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะ”  คำตอบของอาคิราห์หนักแน่นจริงจังกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน  พิชช์ฌานหยุดหัวเราะ  “ผมอยากทำอะไรเพื่อคนแบบผมบ้าง  คนที่ด้อยโอกาสกว่าคนอื่นๆ”

            “เธอจะทำอะไรล่ะ  ออกมาประท้วงเรียกร้องแบบพวกอนุรักษ์ฯหรอ”

            “ถ้ามันจะเป็นหนทางที่ทำให้คนอื่นหันมาสนใจ  ผมก็จะลองดู”  อาคิราห์สูดน้ำมูกดังฟืด  “คุณอย่ามายิ้ม  ผมพูดจริงๆนะ  ผมอยากทำ  เพื่อนผม...นิลกับแทมมี่  พวกเขามีความฝัน  โอเมก้าคนอื่นๆก็มีความฝันที่อยากทำ  เหมือนผมเองที่อยากไปเที่ยวรอบโลก  แต่เราทำได้แค่คิด  ผมสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถทำตามฝันของตัวเองได้เหมือนชนชั้นอื่น  ทั้งที่ก็มีแขนขามีสมองเหมือนกัน”

            “เธอจะเป็นนักปลุกระดมหรือไง  ท่าทางขึงขังดีอยู่หรอกนะ”  พิชช์ฌานพูด  ยิ้มกว้างให้กับท่าทางฮึดฮัดของคนตัวเล็กกว่า  “ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกความฝันของเธอหรือเพื่อนๆหรอกนะ  แต่ว่าการจะทำอะไรแบบนี้  มันไม่ได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ  บางประเทศเขาใช้เวลากันเป็นสิบเป็นร้อยปี  เธออาจจะไม่ได้เห็นผลในช่วงชีวิตของเธอ”

            “ไม่เป็นไร  ขอแค่ผมได้ทำอะไรสักอย่างที่มีประโยชน์เพื่อโอเมก้าคนอื่นก็พอแล้ว”  อาคิราห์ตอบ  “ผมตั้งใจเอาไว้แล้วนะ  ก่อนหน้านี้ชีวิตผมมันล่องลอยเพราะผมไม่มีเป้าหมาย  มองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง  แต่ว่าตอนนี้ผมมีนี่”  คนพูดจับมือใหญ่มาวางทาบเอาไว้ที่หน้าท้องของตัวเองแล้วยิ้ม  “ผมมีเจ้านี่  แล้วก็มีความฝันของผม”

            “ค่อยยังชั่ว  ฉันนึกว่าเธอจะลืมลูกของเราไปแล้ว”

            “ผมจะลืมได้ยังไง  ว่าผมมีไอ้เจ้าตัวจิ๋วอยู่ในท้อง”  คนพูดสูดน้ำมูกอีกครั้ง  “ผมไม่อยากให้ลูกผมต้องออกมาเจอโลกแบบผม  ผมอยากเปลี่ยนมันให้ดีขึ้น  สักนิดก็ยังดี”

            “ลูกของเธอจะเป็นอัลฟ่าที่เก่งเหมือนฉัน  ฉะนั้นเธอไม่ต้องห่วง”  พิชช์ฌานแกล้งแหย่

            “ผมว่าคนที่ต้องปรับความคิดใหม่คนแรกก็คือคุณเลย คุณพิษฌาน”  อาคิราห์ร้อง  ยกมือขึ้นทุบคนพูดอีกตุ้บ  “คุณชูนโยบายเท่าเทียมแต่ยังไม่ยอมให้ผมออกจากบ้านอยู่เลย”

            “ฉันกลัวเธอจะเป็นอันตราย”  พิชช์ฌานสารภาพ  “ยิ่งเธอพูดแบบนี้ฉันยิ่งกลัว  ฉันไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการเรียกร้องสิทธิอะไรนี่เลยอาคิราห์  มันอันตรายเกินไป  เคยมีโอเมก้าที่ลุกขึ้นมาแล้วถูกฆ่าตายมาแล้ว”

            “...............”

            “เธอก็กำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย  จะออกไปโหวกเหวกเรียกร้องสิทธิอะไรก็คงไม่เหมาะมั้ง”  สีหน้าคนฟังจ๋อยลงฉับพลันเหมือนดอกไม้เฉาแดดเมื่อถูกเบรกหัวทิ่ม  พิชช์ฌานเห็นอีกคนหงอยแล้วก็เลยรีบพูดต่อ  “เอาอย่างนี้  รอให้คลอดก่อน  ถ้าเธอคลอดแล้วจะออกไปเรียกร้องอะไรก็คงง่ายขึ้น  แต่ระหว่างนี้เธออย่าเพิ่งทำอะไรเกินตัว ...จะเป็นนักเรียกร้องสิทธิเนี่ยต้องมีการเตรียมตัวนะ  ไม่ใช่ใครนึกอยากเป็นก็เป็นกันได้ง่ายๆ  เธอรู้กฎหมายงั้นหรือ  ถ้าไม่รู้กฎหมายจะหาช่องทางปรับเปลี่ยนได้ยังไง”

            “ผมจะไปเรียนก่อน”  อาคิราห์ตกหลุมที่สามีขุดล่อเอาไว้เต็มๆ  พิชช์ฌานลอบถอนหายใจโล่งอก  อย่างน้อยรอจนคลอดอีกฝ่ายก็คงวุ่นวายเลี้ยงลูกจนลืมเรื่องอุดมการณ์พวกนี้ไปเอง         

            “ก็ได้  ฉันจะให้เธอไปเรียนกฎหมายเสียก่อน”

            ตกลงกันได้ด้วยดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  อาคิราห์นั่งพิงอกกว้างเล่าเรื่องตอนที่ถูกพาไปที่เกาะให้พิชช์ฌานฟังต่ออย่างละเอียดลออ

            “...แล้วมันก็ตบผมตรงนี้”  พิชช์ฌานหน้าเครียดเมื่อนึกถึงภาพตอนที่จักรกฤตทำร้ายร่างกายอาคิราห์  แต่พอเห็นท่าทางเอียงหน้าชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเองเหยงๆเหมือนฟ้องของเจ้าโอเมก้าแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้  “เจ็บมากๆด้วย  หูผมลั่นเลย  หน้าชาไปทั้งแถบ”

            “ไหนดูซิ  เจ็บมากเลยเหรอ”

            “เจ็บสุดๆ  แค่จับยังปวด”  อาคิราห์ไม่หลบเลยด้วยซ้ำตอนที่อีกฝ่ายก้มลงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ตรงตำแหน่งที่โดนตบ  รู้สึกเหมือนความเจ็บปวดจะหายไปหน่อยนึงด้วย  “ตรงนี้ก็ปวด”  เขาเอียงแก้มอีกข้างให้ดู

จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องอย่างเกรงใจดังขึ้นเบาๆ

            “ขออนุญาตครับ  คุณฌานครับ  ถึงเวลาแถลงข่าวแล้วครับ”

            เจนภพพูดก่อนที่จะโผล่หน้าเข้าไปในห้อง  เจ้านายทั้งสองคนขยับตัวออกห่างจากกัน  คุณอาคิราห์นั่งตัวตรงเผ็งแต่ก้มหน้างุดจนน่าสงสัยว่าก่อนหน้านี้ทำอะไรกันอยู่  แต่เขาเลือกจะไม่ถามและพยายามไม่วอกแวกเพราะสายตาของเจ้านายตัวจริงเข้มดุน่ากลัว

            “ขอบใจมากเจนภพ”


ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





            สักพักทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องพัก  คุณพิชช์ฌานกุมมือของคู่สมรสโอเมก้าเอาไว้ไม่ห่าง  พาเดินไปด้วยกันจนถึงห้องแถลงข่าวที่มีนักข่าวมารออยู่เต็ม  แสงแฟลชและเสียงรัวชัตเตอร์ดังรอบห้องไม่เว้นช่วงหายใจ

            พิชช์ฌานพูดสั้นๆถึงการประสานงานกับทางตำรวจเพื่อเข้าจับทลายแหล่งมั่วสุมค้ามนุษย์ในครั้งนี้โดยสืบเนื่องมาจากที่ภรรยาของเขาได้ไปพบใบปลิวของบริษัทรับจัดหางานโอเมก้าเข้า

            นักข่าวจับกล้องมาทางอาคิราห์ต่อเมื่อถึงคิวเจ้าโอเมก้าต้องพูดบ้าง  มือของอาคิราห์เย็นเฉียบ  เขาไม่เคยต้องพูดต่อหน้าคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้มาก่อน  นี่เป็นครั้งแรก

            อาคิราห์นิ่งไปจนคนข้างสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น  พิชช์ฌานเอื้อมมือไปตบเบาๆที่หน้าตักของเจ้าโอเมก้าแล้วกุมมือข้างนั้นเอาไว้

            “ผมอาคิราห์ อัศวลักษณ์ครับ  ผมได้ใบโฆษณาชวนเชื่อใบนั้นมาจริงๆ  แล้วก็เลยไปเล่าให้สามีของผม  คุณพิชช์ฌานฟัง....”  อาคิราห์สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพูดตามสคริปที่เตรียมเอาไว้  พูดไปแล้วก็เสียงสั่นเพราะรู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นความจริงที่ถูกบิดเบือน  จากความโง่เขลากลายเป็นความฉลาด  จากความขลาดกลายเป็นความกล้าหาญ  แต่ครั้นจะพูดออกไปตามตรงก็ทำไม่ได้  เขาไม่ต้องการให้พิชช์ฌานเสียหายไปมากกว่านี้

            “คุณอาคิราห์เป็นคนอาสาแฝงเข้าไปกับบริษัทเลยเหรอคะ”  นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้นด้วยท่าทางไม่เชื่อนัก

            อาคิราห์กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ  ฝืนหันไปสบตาคนถาม  บอกตัวเองว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น  ถ้าเขาอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อโอเมก้ามากกว่านี้ล่ะก็

            “ใช่ครับ”

            “คุณกล้าหาญมาก”  ไม่มีความเชื่อถืออยู่ในน้ำเสียงของคนพูดเลยสักนิด  แถมยังมีเสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากกลุ่มนักข่าวอีกต่างหาก

            อาคิราห์กระพริบตา

            “คุณคิดว่าผมจะขึ้นเรือลำนั้นไปที่เกาะเพื่ออะไรล่ะครับ”  ชายหนุ่มพูดเรียบๆ  “ผม...กล้าพูดได้เลยว่าเป็นโอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้  ไม่ใช่เพราะผมเป็นลูกนายกฯ หรือเพราะผมแต่งงานกับคุณพิชช์ฌาน  แต่เป็นเพราะผมได้ทำประโยชน์เพื่อเพื่อนโอเมก้าด้วยกัน”  เขาหยุดไปนิดหนึ่ง  ทั้งห้องเงียบกริบ  “คุณทราบไหมครับว่าตอนที่ผมเข้าไปอยู่ร่วมกับเพื่อนโอเมก้าในนั้น  ผมได้เจออะไรบ้าง”

            “..........”

            “ผมเจอความหมดหวังครับ”  อาคิราห์บีบมือของพิชช์ฌานแน่น  “ไม่มีความหวังสำหรับโอเมก้าในประเทศนี้ตราบใดที่โอเมก้ากันเองไม่ลุกขึ้นมาสู้ครับ”

            พิชช์ฌานกระตุกมือของคนพูดเป็นเชิงเตือน  เขาไม่อยากให้อาคิราห์พูดมากกว่านี้

            “และตราบใดที่พวกคุณ อัลฟ่าและเบต้าถือตนว่าอยู่สูงกว่าโอเมก้า  มองไม่เห็นว่าพวกเราเป็น ‘คน’ เท่าเทียมกัน   การค้ามนุษย์อย่างผิดกฎหมายพวกนี้ก็จะยังมีต่อไปครับ..”

            “อาคิราห์ได้พูดแทนใจเพื่อนโอเมก้าไปแล้วครับ  ถึงเวลาที่ผมจะพูดแทนใจตัวเองบ้าง”  พิชช์ฌานพูดขัดขึ้นหน้าตาเฉย  “ผมกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วครับ”

            สิ้นประโยคนั้นก็มีเสียงฮือฮาจากคนฟังรอบด้าน  ทุกคนหันไปสนใจข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของอาคิราห์แทน  พิชช์ฌานรับหน้าที่ตอบคำถามนักข่าวอย่างคล่องแคล่วแทนทั้งหมด  อาคิราห์เพียงแต่ยิ้มรับอย่างเดียวเท่านั้นจนกระทั่งจบงาน  เจ้าโอเมก้าก็เดินนำกลับไปที่ห้องอย่างโกรธๆ

            “คุณไม่ยอมให้ผมพูดจนจบ  ทำไมล่ะครับ”

            “ก็เธอไม่ได้พูดตามที่เตรียมไว้”

            “ผมแค่พูดความจริง”

            “มันยังไม่ถึงเวลา”  พิชช์ฌานพูด  “ใจเย็นๆก่อน  ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นด้วยกับเธอ  ฉันเข้าใจที่เธอพูด  เข้าใจดีเลยล่ะ  แต่ว่าถ้าเธอพูดหรือแสดงออกอะไรไปมากตอนนี้  ภัยจะมาสู่ตัวเธอ”

            “แล้วเมื่อไหร่ถึงจะถึงเวลาล่ะครับ”

            “เมื่อเธอพร้อมแล้ว”  พิชช์ฌานพูดเนิบๆ  ยกขาขึ้นไขว่ห้างทอดสายตามองเจ้าโอเมก้าที่ยืนหน้าหงิกเท้าเอวหมุนตัวไปมาด้วยความหงุดหงิดอยู่กลางห้องอย่างขันๆ  “เธอยังมีเวทีให้ได้พูดอีกเยอะ อาคิราห์  อย่างน้อยถ้าเธอได้เป็นโอเมก้าหมายเลขหนึ่ง  ฉันจะให้เธอครอบครองโพเดียมคนเดียวเลย  สัญญาว่าฉันจะไม่พูดขัดซักคำ”

            “............”  คนฟังอ้าปากแล้วก็หุบ  “คุณเป็นนายกฯให้ได้ก่อนเหอะ  แล้วค่อยมาคุย”

            “ฉันได้เป็นอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจตามนิสัย  “ลืมไปว่าคู่แข่งของฉันคือพ่อของเธอนี่นะ”

            “คุณเอาชนะพ่อผมไม่ได้หรอก”

            พิชช์ฌานยังไม่ทันได้พูดตอบกลับไป  เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยเจนภพเปิดเข้ามาแจ้งว่าท่านนายกฯรออยู่ข้างนอก  อาคิราห์ตาโตรีบถามอย่างดีใจ

            “ท่านนายกฯ  พ่อผมน่ะเหรอ”

            “ใช่ครับคุณอัยย์”  เจนภพทำเป็นไม่เห็นสายตาหงุดหงิดของเจ้านาย

            “ยังไม่กลับไปอีกเหรอ”  พิชช์ฌานพึมพำ  “เชิญท่านเข้ามาสิ”

            อาคิราห์เดินนำไปก่อนแล้ว  พอเห็นร่างของบิดาก็ตรงเข้าไปกอดเอาไว้แน่น  ท่านไตรคุณหัวเราะตบหลังบุตรชายเบาๆ

            “เจ้าอัยย์  พ่อเป็นห่วงแทบแย่”  ไตรคุณกระซิบ  “จะมีลูกแล้วทำไมไม่บอกพ่อบ้าง  พ่อจะเป็นตาแล้วหรือนี่  ไม่ทันตั้งตัวเลย”  ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับลูกเขยที่เดินมาหยุดยืนข้างๆยิ้มๆ  “เก็บเงียบเชียวนะคุณพิชช์ฌาน  แล้วนี่กี่เดือนแล้วล่ะ”

            “ท้องยังอ่อนครับ  ผมเลยยังไม่กล้าบอก”  พิชช์ฌานตอบอย่างสงบ  “เชิญด้านในดีกว่าครับ ได้นั่งคุยกันสบายๆ”

            “เขารีบเชิญให้พ่อนั่งคุยที่นี่เพราะกลัวว่าจะพาเรากลับไปคุยที่บ้านน่ะอัยย์”  ท่านไตรคุณว่า  อาคิราห์เลิกคิ้ว

            “คุณพ่ออยากพาผมกลับบ้านหรอครับ”

            “อัยย์อยากกลับไหมล่ะ  เราไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเลยนี่ตั้งแต่แต่งงาน”

            “ผม..” นัยน์ตากลมโตเหลือบมองผู้ชายหน้าคมที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ  “..ถ้าคุณพิชช์ฌานว่างก็กลับไปค้างที่บ้านด้วยกันก็ดีครับ  ผมอยากให้เขาไปพักบ้านเราบ้าง  จะได้รู้ว่าที่บ้านเราสะดวกสบายขนาดไหน”

            คนที่กลั้นหายใจอยู่เมื่อครู่ลอบผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอก  แต่ไม่วายหันไปขมวดคิ้วเข้มๆใส่คนที่หรี่ตาแกล้ง

            “พูดแบบนี้เดี๋ยวคุณพิชช์ฌานเขาก็น้อยใจแย่  บ้านเขาออกน่าอยู่  พ่อเคยเห็นนิตยสารไปถ่ายบ่อยๆ”  ท่านนายกฯพูดแกมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  “ถ้าอย่างนั้นคุณพิชช์ฌานก็รีบหาเวลาว่างเข้านะ  ฉันอยากให้ลูกชายไปค้างบ้านจะแย่แล้ว  เขาก็ดันติดสามีเสียนี่ เจ้าลูกคนนี้นี่มันยังไง”

            “.....”  อาคิราห์ยิ้มเขินๆ แบบที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก  เจ้าโอเมก้านั่งพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกับบิดาโดยมีพิชช์ฌานนั่งอยู่ด้วยไม่ยอมลุกไปไหนจนท่านนายกฯลุกขึ้นยืน

            “ฉันต้องกลับแล้วล่ะ  เดี๋ยวจะไม่ทันเครื่อง”  ไตรคุณวางมือลงบนศีรษะกลมทุยของลูกชายแล้วลูบเบาๆ  “ดูแลตัวเองด้วยนะอัยย์  พ่อเป็นห่วง”

            “ครับพ่อ”  อาคิราห์พยักหน้า

            “ดูแลหลานฉันด้วย”  ประโยคหลังคนพูดหันไปพูดกับลูกเขย  พิชช์ฌานก้มศีรษะให้พ่อตาแล้วลุกไปส่งที่หน้าประตู  ท่านไตรคุณปฏิเสธไม่ให้ไปส่งถึงที่รถ

            “กลับไปพักผ่อนเถอะอัยย์  ต้องนอนพักเยอะๆ  นี่ถ้าแม่รู้คงดีใจพิลึก”

            อาคิราห์ยิ้ม  โบกมือให้บิดาจนลับตาไป

            พวกเขากลับเข้ามาในห้อง  นั่งคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องขึ้นมาอีก  เจนภพเป็นคนออกไปดู  ชายหนุ่มกลับเข้ามาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

            “ใครมา เจนภพ”

            “เอ่อ...”

            “ฉันเองค่ะ”  คนพูดเยื้องกรายเข้ามาภายในห้องพักผู้ป่วยโดยไม่รอคำอนุญาต   อาคิราห์กัดริมฝีปากทันทีที่เห็นร่างอวบอัดในชุดรัดรูปสีน้ำเงินเข้มเข้ามาในห้อง  ใบหน้าของเธอตกแต่งเอาไว้สวยงามเหมือนเช่นวันนั้นที่เขาเห็นในลิฟต์  ไม่นึกเลยว่าเธอจะกล้าเข้ามาในห้องของเขาตรงๆแบบนี้

            “รินลดา  คุณเข้ามาทำไม”

            “ฉันก็มาเยี่ยมภรรยาของคุณไงคะ  เพิ่งดูแถลงข่าวไป...เป็นอย่างไรบ้างคะคุณอาคิราห์  ดีใจด้วยนะคะที่รอดตายมาได้”  เธอพูดยิ้มๆ  “พิชช์ฌานเขาคงจะได้รางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมเร็วๆนี้ล่ะ  ในฐานะที่นำแสดงฉากนำจับลูกน้องตัวเองได้ดีเลิศ”

            “คุณพล่ามอะไร  เจนภพเชิญคุณรินลดาออกไปสิ”

            “อย่าเพิ่งเลยครับ  ผมอยากฟังต่อ” อาคิราห์ขัด  “พูดต่อครับคุณรินลดา  ทำไมคุณพิชช์ฌานแสดงอะไรเหรอครับ”

            “เธอดูไม่ออกจริงๆหรอว่าเรื่องนี้มันเป็นการจัดฉาก”  หญิงสาวเลิกคิ้ว  “อะไรมันจะเหมาะเจาะปานนั้น  ถ้าเป็นเรื่องจริงเธอคงไม่ได้ออกมาง่ายๆแบบนี้หรอก”

            “คุณมีหลักฐานอะไรไหมครับ”  อาคิราห์พูดอย่างสงบ

            “หลักฐานก็อยู่ที่สามีของเธอนั่นแหละ  เขาหลอกใช้เธอหาเสียงยังไม่รู้ตัวอีก  หน้าโง่แล้วยังโง่จริงอีกนะ  โอเมก้าที่โชคดีที่สุดในประเทศนี้”  เธอพูดเยาะๆ  “โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่  อ้อ  ลืมไปว่าเธอกำลังตั้งท้องลูกของเขา  ระวังเอาไว้เถอะ  พอเธอคลอดลูก  เขาได้เป็นนายกฯสมใจแล้ว เธอก็จะหมดประโยชน์  ถูกเขี่ยทิ้งเหมือนรองเท้าเก่าๆ”

            “เหมือนที่คุณเคยเป็นน่ะเหรอครับ”  อาคิราห์ถามเนิบๆ 

            “ฉันเป็นคนเขี่ยเขาทิ้ง  ไม่ใช่เขาเขี่ยฉัน”  รินลดาแก้ทันควัน

            “ผมเชื่อครับ”  อาคิราห์พูดเสียงซื่อ  “อย่างคุณไม่ใช่รองเท้าหรอก  แต่เป็นส้นเท้า....ผมหมายถึงเท้าที่เขี่ย  ถูกไหมครับ”

            “นี่เธอด่าฉันเหรอ”

            “ผมไม่ฉลาดพอจะด่าใครหรอกครับ”  เจ้าโอเมก้าพูด  เดินไปเกาะแขนพิชช์ฌานเอาไว้บอกความเป็นเจ้าของกลายๆ  “แล้วผมก็โง่พอที่จะเชื่อคุณพิชช์ฌานพูดทุกคำด้วย  คุณกลับไปเถอะครับ  ที่คุณทำอยู่ไม่มีประโยชน์”

            หญิงสาวจ้องอาคิราห์เขม็งด้วยความโกรธจัด

            “แล้วก็เลิกส่งข้อความมาหาผมด้วยนะ  ผมเบื่อมุขนี้แล้ว”

            “...เหอะ  รู้แล้วงั้นหรอ”

            “สรุปเป็นข้อความของคุณจริงรึ”  คนตีขลุมประหลาดใจเสียเองที่อีกฝ่ายดันตอบรับง่ายๆเสียอย่างนั้น  รินลดาหน้าแดงก่ำ  หันขวับไปมองหน้าอดีตคนรัก

            “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะชาร์ล  ที่ฉันทำลงไปทั้งหมดก็เพราะอะไรคุณคงรู้”  เธอพูดเป็นภาษาฝรั่งเศส  “คุณพ่อฝากบอกมาว่าท่านตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากๆค่ะ”

            “คุณกลับไปก่อนเถอะ  แล้วผมจะไปเยี่ยมท่านทีหลัง”  พิชช์ฌานตอบสั้นๆด้วยภาษาเดียวกัน

            รินลดาหมุนตัวเดินออกจากห้องไปท่ามกลางความโล่งอกของเจนภพ  อาคิราห์ยืนนิ่งอยู่กลางห้อง  มองหน้าผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

            “คุณพูดอะไรกับเธอ”

            “พูดว่าฉันรักภรรยาของฉัน”

            “โกหก”

            “เธอรู้อยู่แล้วว่าฉันพูดว่าอะไรแล้วจะถามทำไม”  พิชช์ฌานเดินเข้าไปกอดร่างแบบบางเอาไว้หลวมๆ  “ฉันไม่คิดว่าคนที่อ่านนิยายภาษาฝรั่งเศสจะฟังประโยคง่ายๆเมื่อกี้ไม่ออกหรอกนะ”

            “คุณบอกว่าจะไปหาพ่อของเธอ”

            “พ่อของรินลดาเป็นนายทุนใหญ่ของพรรค  ถ้าฉันอยากชนะเลือกตั้งงานนี้ก็ต้องพึ่งเค้าอยู่”  พิชช์ฌานพูดตรงๆ  “แต่ถ้ามีปัญหากับบู้บี้ของฉัน  ก็คงต้องคุยกันใหม่อีกที  ..เธอยังไม่ได้เล่าเรื่องข้อความอะไรนั่นเลยนะ”

            “ข้อความอะไร”  อาคิราห์ทำไก๋  นึกว่าอีกคนจะลืมไปแล้วแท้ๆ

            “ฉันได้ยินอยู่เมื่อกี้  ข้อความอะไรงั้นหรือ”

            “ก็ไม่มีอะไรหรอก”  อาคิราห์เล่าให้อีกฝ่ายฟังสั้นๆ  คนฟังมองอย่างทึ่งปนแปลกใจ

            “อย่าบอกนะว่าที่ขอมาที่นี่เพราะอยากรู้ว่าฉันจะมาเจอกับรินลดามั้ย”

            “ก็มีส่วน”  คนพูดงึมงำ  “แต่จริงๆก็อยากมาเที่ยวด้วย  ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”  อาคิราห์แนบหน้าลงกับท่อนแขนล่ำสัน  “ผมนอนไม่หลับ”

            พิชช์ฌานกระแอม  หันไปขมวดคิ้วใส่มือขวาคนสนิทที่ยืนมองอยู่

            เจนภพอึกอัก  รีบถอยออกจากห้องพักแทบไม่ทัน  นึกอยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้อง  ดูท่าคุณอัยย์กับคุณฌานจะปรับความเข้าใจกันได้เรียบร้อยแล้ว  ค่อยยังชั่วหน่อย

            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นจากลูกน้องของเขา  เจนภพกดรับสาย  นิ่งฟังสิ่งที่ลูกน้องรายงานจนครบถ้วน  ชายหนุ่มเหลือบมองในห้องพักผู้ป่วยอีกครั้ง  คงไม่ดีถ้าจะผลีผลามเข้าไปบอกข่าวกับเจ้านายตอนนี้แน่  แต่จะเก็บเอาไว้กับตัวก็ไม่ได้อีก

            มือขวาของพิชช์ฌานได้แต่เดินกลับไปกลับมาหน้าห้องอย่างกลุ้มใจ

            .......................................................................................

            มาอัพแล้วจ้า

            พรุ่งนี้วันศุกร์แล้วเย่ๆ

            ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์กดโหวตนะคะ

            ชอบเรื่องนี้จังเลย  ตอนเขียนสนุกมากเลยอ่ะ

            #ขอรักแค่คุณ

           

           

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ลุ้นๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด