บทที่ 7 บรรยากาศเพลี่ยงพล้ำ
[/b]
“เอ้า! ไหนใครโสดยกมือหน่อยย”
“ฮู้ววววววว~!”
งานดำเนินมาถึงช่วงท้ายสุด หลังจากประกาศผลการตัดสินดาวเดือนประจำคณะไปแล้ว ก็จะเป็นคอนเสิร์ตปิดท้ายให้ลาไปด้วยบรรยากาศสนุกๆ ตอนนี้บรรดานักศึกษาขาแดนซ์จึงไปรวมตัวกันอยู่ที่หน้าเวที ไอ้เพียงคืนหนึ่งในนั้น มันตะโกนปาวๆ เรียกเพื่อนไปเช็คชื่อหน้าลำโพงซ้าย แน่นอนว่าเพื่อนส่วนใหญ่ไปตามโดยไม่ร้องขอเป็นครั้งที่สอง
ชัยชนะของภาคโยธาถูกบอกเล่าลงในไลน์กลุ่ม บวกกับหลายคนที่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ถึงแม้จะไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้าง แต่สีหน้าของไอ้กายก็ทำให้พวกเราสะใจเสียยิ่งกว่ารุ่นน้องภาคเราได้ตำแหน่งดาว
ตกลงพวกมึงมางานอะไรกันแน่
ผมกับคิงไม่ได้ไปอยู่หน้าเวที แต่ยืนอยู่เบื้องหลังกลุ่มคน ตรงนี้ทำให้เราเห็นเวทีชัดกว่า
“ขอบใจที่มาช่วย”
“ไม่ฟรีหรอกนะ”
ผมเลิกคิ้ว ไม่ฟรีแต่ดูก็รู้ว่ามันไม่ได้อยากได้ตังค์
“อยากได้อะไร”
“ยังไม่ได้คิด”
“โด่ นึกว่าจะคนดี”
“หึ”
ผมยักไหล่ เลิกต่อปากต่อคำ เปล่าประโยชน์ที่จะคาดคั้นกับคนอย่างคิง
“แต่มึงก็กล้าเหมือนกันนะที่มาในดงวิศวะ”
อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่ตอนแรกๆ ว่าเกษตรกับวิศวะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ ถึงจะไม่ถึงขั้นต่อยตี แต่ก็ไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวกัน ยิ่งอยู่ในจุดที่ใครๆ ก็คอยจับตา คนที่ไม่ชอบก็มีมากไม่ใช่น้อย
“แถวนี้มึงคุมไม่ใช่รึไง คุณป๋า”
เสียงตอนท้ายฟังดูล้อเลียนแปลกๆ นะไอ้ห่านี่
“กูไม่ใช่นักเลง ถ้ากูคุมได้จะมีคนอย่างไอ้สัตว์กายมากวนตีนอยู่อย่างนี้เหรอ”
“เอาเถอะ กูรู้ว่ามึงไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรกูหรอก จริงมั้ย”
คิงหันมาสบตาในตอนท้าย ดวงตาของมันเป็นสีดำสนิท ลึกล้ำเหมือนบรรจุจักรวาลไว้ทั้งหมด เมื่อสบตานานเกินไปก็รู้สึกราวกับถูกดูดเข้าไปในแววตาคู่นั้น
แต่นานที่ว่าก็กินเวลาเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น คนคนนี้ร้ายกาจ...ร้ายกาจเกินไป
“ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับดาวเดือนคนใหม่ล่าสุดของคณะเราด้วยนะฮะ เดี๋ยวเรามาสนุกกันต่อดีกว่า ส่วนใครที่โสดอยู่ก็ลองมองไปรอบๆ ตัวนะครับ คุณอาจจะมีดาวหรือเดือนเป็นของตัวเองก็ได้จากคืนนี้”
“ฮิ้วววว”
“มาเริ่มที่เพลงแรกกันเลยดีกว่า มา!”
ใกล้เกินกว่าที่จะพูดคำใดๆ ออกไป
มันใกล้เกินกวาจะมองเห็นใคร
.
.
.
หอพัก
ฟุบ
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการออกงาน สุดท้ายก็โดนนักร้องบิ๊วอารมณ์จนอดโยกไปกับเขาเสียไม่ได้
“สนุกดีว่ะ”
“อือ”
หลังจากจบงานเรา (ผม คิง ไอ้เพียง ไอ้กั้ง) ก็ไปหาอะไรกินต่อ ไอ้เพียงส่งสายตาล้อเลียนมาทางผมทุกครั้งที่มีจังหวะ แต่พอหันไปเจอคิง มันก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ป๊อดฉิบหาย เก่งแต่กับเพื่อนกับฝูง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับ
ผมนอนหลับตากะให้ร่างกายผ่อนคลายสักหน่อยแล้วค่อยอาบน้ำ เบียร์ที่กินแกล้มไปกับข้าวทำให้รู้สึกล่องลอย ไม่มากพอให้เมาแต่ก็พอให้เคลิ้ม ผมพยายามฝืนลืมตาเพื่อจะได้ลุกไปชำระร่างกาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อประจันหน้าเข้ากับหน้าสวยได้รูป
“จะทำไรน่ะ”
“อยากจูบ”
อุก
ไม่รอให้สมองประมวลผลอะไร ปากมันก็พุ่งมาครอบครองปากผมทันที และไม่เพียงแค่รสจูบที่ร้อนแรงเกินต้านทาน มือหยาบกร้านก็รุกล้ำเข้ามาในเสื้อพร้อมกัน ความสากของมือคนทำงานยามที่มันครูดผ่านผิวทำให้ผมต้องบิดเร่า
คิงถอนจูบออก มองหน้าผมที่คงเปล่งสีแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ เสียงหอบหายใจที่แม้แต่ตัวเองก็ยังได้ยินชัดเจนทำให้รู้ว่าเมื่อกี้เป็นจูบที่ถูกใจแค่ไหน
เวลาที่เสือเจอกับเสือ มันต่างจากเวลาเรากินเหยื่อตัวจ้อยเยอะ
“ได้รึเปล่า”
คำถามมาพร้อมกับมือที่หยุดการกระทำจาบจ้วงแต่ดันเสือกวางไว้ที่ยอดอก
ถามอย่างนี้ปล้ำกูเลยดีกว่า มันไม่ทำอะไรเพราะรอคำตอบ ทั้งๆ ที่เป็นคนปลุกปั่นอารมณ์จนโหมกระหน่ำแล้วแท้ๆ ถึงได้บอกไงว่าคนคนนี้ร้ายกาจ
“หนาว”
“อืม”
เพียงเท่านั้นเสือร้ายที่ว่าก็กระโจนใส่ ผมเองก็ไม่ยอมแพ้โผเข้าถอดเสื้ออีกฝ่ายออกเช่นกัน เราใช้เวลาไม่ถึงนาทีในการเปลื้องผ้ากันและกัน มันยกแขนให้ถอด ผมก็ยกสะโพกให้ดึงกางเกงออกไปง่ายๆ แล้วกลับมาบดจูบอีกครั้ง
รวดเร็ว ร้อนแรง และรุกราน
เพราะชำนาญเกมไม่ต่างกัน ถึงได้ผลัดกันรุกกันไล่จนเนื้อตัวปรากฏรอยจ้ำเต็มไปหมด เราต่างพยายามจะเป็นฝ่ายนำจนทำให้สนามอารมณ์กระจุยกระจายราวกับมีสงคราม
ไหนใครบอกมันละมุนวะ พอขึ้นเตียงมาสันดานดิบก็โผล่มาเต็มๆ พอเข้าที่เข้าทางมันก็โยกสุดลงสุดจนผมแทบขาดใจ
“คะ...คิง เบาหน่อย อึก”
“กอด”
“อะ...อือ”
“เรียกกอดสิ”
“กอด... ไม่ไหว...เร็วไป อะ”
“ลืมใส่ถุงยาง”
“อะไรนะ”
มิน่าล่ะ แนบแน่นเชียว
“จะแตกนอกให้ละกันนะ”
ดูสีหน้าก็รู้แล้วว่าอยากเสร็จในตัวผมแค่ไหน คิงมีสีหน้าทรมานอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงตัดสินใจเอื้อมมือไปจับแขนอีกคนไว้
“ไม่เป็นไร ปล่อยในมาเถอะ”
#หลับก่อนเป็นเมีย
LingLom : ตับแตก เก่งมากเจ้าคิงเจ้าหนาว ไม่กี่ตอนมึงเอากันอีกแล้ว