บทที่ 12 คนของคิง
“มึงจะลงไปดูมั้ย”
“ไม่ล่ะ กูจะดูอยู่บนนี้ เดี๋ยวแพ้แล้วก็จะหาว่ากูช่วยไอ้หนาวโกงอีก”
“แล้วไม่ใช่เรอะ”
ไอ้โอบ ถ้าไม่ได้กวนตีนกู มึงจะตายรึไง
“มันเริ่มก่อน ถ้าแข่งแฟร์ๆ แต่แรก กูไม่ยุ่งหรอก”
“นั่นสินะ เพราะมึงไม่เคยยุ่งกับใครเลย ยกเว้นไอ้นี่”
“เกลียดมึงว่ะ เลิกต้อนกูสักที รำคาญ”
“เกลียดมึงเหมือนกัน”
เรามักจะพ่นคำว่าเกลียดใส่กันเสมอ แต่คุณรู้ใช่มั้ย เกลียดที่ไม่ได้หมายความว่าเกลียด ถ้าไม่นับเรื่องกวนตีน โอบมันก็เป็นพี่ที่ดี
“จากที่กูเคยเห็น ไอ้หนาวมันฝีมือดีนะ ถ้าแข่งบ่อยๆ ทำเงินได้ดีเลยล่ะ กูอยากได้มันมาแข่งให้สนามว่ะ” ไอ้โอบหันมาทำหน้าจริงจังใส่ เมื่อพูดถึงธุรกิจ
“กูไม่อนุญาต” ผมตอบด้วยสีหน้าติดจะหงุดหงิด
“มึงเป็นผู้ปกครองมันรึไง”
“...”
ผมไม่ตอบอะไรแต่ใช้สายตาสื่ออารมณ์แทน คนคนนี้ทำให้ผมพูดมากกว่าทุกครั้ง เพราะแม่งกวนตีนเก่งจริงๆ
“เออๆ กูไม่ยุ่งกับเมียมึงก็ได้”
“อย่าเรียกหนาวว่าเมีย”
คำว่า “ป๋าหนาว” เป็นการบอกได้อย่างดีว่าหนาวไม่ใช่ฝ่ายรับตั้งแต่ต้น แถมขึ้นชื่อว่าเสือ ฉะนั้นการเรียกมันว่าเมีย ก็เหมือนไปหักหน้า คงไม่มีผู้ชายคนไหนชอบถูกเรียกแบบนั้น
“ทำไมวะ ยังไม่ได้กันเหรอ”
“ให้เกียรติคนของกูด้วย”ผมจ้องเข้าไปในตาของโอบที่ฉายแวววิบวับด้วยความสนุกสนาน ตรงกันข้ามกับผมที่ไม่ได้มีความขี้เล่นติดมาเลยสักนิด
ไม่น่าเชื่อว่าผมกับคนอย่างมันจะเป็นพี่น้องกัน
“วู้ ที่บอกว่าควีน ก็เรื่องจริงดิ”
ผมเลิกต่อปากต่อคำกับไอ้โอบ แล้วจบบทสนทนาด้วยการหันไปมองนอกกระจกแทน เสียงหัวเราะกวนประสาทยังลอยเข้าหู ถ้ามันไม่ใช่พี่ชายล่ะก็...ผมรับประกันเลยว่ามันไม่มีทางมายืนหัวเราะเยอะผมอย่างนี้แน่ๆ
“คนของคิงทั้งที จะลงไปดูให้หน่อยก็ได้”
ไอ้โอบออกไปจากห้องเป็นจังหวะเดียวกับรถแข่งสองคันออกตัวด้วยความเร็ว ถึงแม้ว่าห้องนี้จะถูกกั้นจากกระจกชั้นดี ทำให้ไม่ได้ยินเสียงภายนอก แต่จากภาพที่มองเห็นก็พอเดาได้ว่าเสียงล้อรถที่บดบนถนนคงดังลั่นสนาม
พอเข้ารอบที่สอง ไอ้กายก็ขับเบียดไอ้หนาวตามคาด ทว่ารถที่เสียหลักกลับเป็นรถของไอ้กาย ผมแค่นยิ้มอย่างพอใจเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทีนี้ก็เหลือแค่รอ
โอบมันพาหนาวขึ้นมาแน่ๆ ตามนิสัยมันน่ะ หาเรื่องแหย่ผมตลอดเวลา
คลิก
ไม่นานเกินรอ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นแหวกความเงียบ เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาอย่างไม่มั่นใจทำให้ผมหันไป เผื่อว่ามันเห็นคนรู้จักแล้วจะรู้สึกใจชื้นขึ้น
“ไง ป๋า”
“คิง!”
หนาวเบิกตากว้างราวกับเห็นผี ไหนจะไอ้อาการอ้าปากค้างนั่นอีก มันควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” ผมถาม
ไอ้โอบยืนหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะดันไอ้หนาวที่ยังยืนหน้าเหวอไม่หายเข้ามาใกล้ แล้วก็ยื่นมาสัมผัสหน้าตากับร่างกายผม
“คิงจริงๆ ด้วย”
“นี่มึง...” ผมพูดไม่ออก
“ฮ่าๆๆๆ จี้ว่ะ”
ผมชักจะหงุดหงิดจริงๆ แล้วนะ ขืนอยู่นานกว่านี้คงได้หัวระเบิดตายแน่ ผมคว้าข้อมือหนาวแล้วฉุดให้เดินออกจากห้องทันที
“เฮ้ย! อย่าลืมที่ตกลงกันนะเว้ย! เด็กสมัยนี้นี่มือไวใจเร็วกันจริงๆ”
ผมลากหนาวไปจนถึงลานจอดรถใต้อาคาร โดยที่มันก็ยอมตามมาง่ายๆ คล้ายสติยังไม่เข้าที่ จนผมต้องเขย่าเรียก
“หนาว ...ไอ้หนาว!”
“ฮะ อะไรนะ”
ผมถอนหายใจก่อนจะเอามือประกบแก้มมันให้หันมามองหน้า ผมจ้องลึกเข้าไปในตาสีน้ำตาลเข้มของอีกฝ่าย จนมันรู้สึกตัวถึงค่อยๆ แกะมือผมออก
“จะ...จับทำไมวะ”
“หึ หน้าแดงนะ”
หูแดงๆ นั่นน่ะ ซ่อนไม่มิดหรอก
“ป๊าว อากาศมันร้อนหรอก แล้วนี่จะลากกูไปไหน” หนาวตีหน้าขรึม
“ไม่กลับรึไง
“เออว่ะ แล้วเขาเอารถกูไปไหนอะ”
“รถมึงเข้าอู่ไปแล้ว สีถลอก อย่างเร็วก็ครึ่งเดือน”
อู่ที่ว่าเป็นอู่ภายในสนาม ให้บริการแต่กับลูกค้า VIP เท่านั้น ผมกำชับให้เด็กในอู่ทำรถไอ้หนาวให้ดีที่สุด เวลาไม่เกี่ยง ยิ่งช้ายิ่งดี
“แล้วกูจะใช้อะไรวะเนี่ย กลับไปเอาคันอื่นมาไม่ได้ด้วย เดี๋ยวแม่รู้”
ไอ้หนาวบ่นงุ้งงิ้งสลับกับด่าไอ้กายที่ทำให้รถมันถลอก เวลามันไม่มีมาดนี่น่ารักดี
“เลิกบ่นได้แล้วน่า”
“ไม่บ่นได้ไง ทำกูลำบากไม่จบไม่สิ้น”
“ไม่ลำบากหรอก เดี๋ยวกูไปส่ง”
ผมเดินไปเข็นมอ’ไซค์ธรรมดาๆ คันเดิม (ที่ไม่ใช่บิ๊กไบท์) เลอะฝุ่นเพราะต้องใช้ลงแปลงบ่อยๆ ออกมาจากโรงจอดรถ ผมสั่งให้เด็กสนามกลับไปเอาจากที่บ้านมาเตรียมไว้ ในที่สุดก็ได้กลับมาขี่เจ้านี่สักที
“แบบนี้นั่งได้มั้ย”
ผมถามกึ่งหยอกหนาวที่ดูออกคุณชายกว่าผมมาก มันทำหน้าหงิกใส่ผมทันทีที่ถูกปรามาสอย่างนั้น ผมคิดว่าไม่มีผู้ชายคนไหนชอบถูกคิดว่าเป็นคุณหนูอะไรเทือกนั้นหรอก ผมก็แค่อยากแกล้งมันเท่านั้น
“ได้สิวะ มึงมาเลย จะพากูไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนก็ไป เหอะ”
สงสัยผมคงจะจี้ถูกจุดเข้าจริงๆ ไอ้หนาวออกอาการหัวเสียแถมยังโดดขึ้นรถรอผมไปอีก เห็นแบบนั้นแล้วก็อดที่จะหัวเราะลั่นออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆ”
“เฮ้ย! มึงหัวเราะ” หนาวทำตาโต
“กูก็คนมั้ย” ผมหุบยิ้มแล้วเขกหัวมันด้วยความหมั่นไส้
“เจ็บนะเว้ย!” มันโวยวาย
“อย่าให้ใครรู้นะว่ามึงรั่วขนาดนี้น่ะ คุณป๋าหนาว”
.
.
.
ร้านบะหมี่
“กินดิ เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
“ไม่ปวดหรอก กินนมที่มึงให้ไปแล้วไง”
หนาวหมายถึงนมกล่องที่ผมพกมาให้มันกินระหว่างขี่รถกลับมอ ระยะทางจากสนามมามอค่อนข้างไกลพอสมควรสำหรับการเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับตอนนี้
“มันไม่อยู่ท้อง”
“ก็มันยังอิ่มอยู่อะ”
“ถ้ากิน กูจะตอบคำถามที่มึงอยากรู้”
“เฮ้ย! รู้ได้ไงอะว่ากูอยากรู้อะไร”
หนาวทำตาโต จนผมต้องรีบก้มหน้ากินบะหมี่เพื่อกลั้นยิ้ม
“หน้ามึงฟ้อง”
“อา กูต้องติดนิสัยขี้เสือกมาจากไอ้เพียงแน่ๆ เลย อ้ะ!”
ผมคว้ามือหนาวที่ยกขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง มันคงลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเองตักพริกป่นใส่ชามก๋วยเตี๋ยว อาจจะมีเศษพริกปลิวติดมือก็ได้
“เดี๋ยวก็แสบหน้า” ผมว่าเสียงดุ
“ปะ...ปล่อยได้แล้ว คนมองแล้วไอ้คิงบ้าเอ๊ย!”
“กินซะ มีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่ห้อง”#กอดหนาว
Linglom : งือ คนอ่านเยอะขึ้นอะ ดีใจจ