บทที่ 27 I’m QUEEN
“เฮ้ยย อย่าเพิ่งนั่งง จะทับเกงในกูวว”
ไอ้เจ้าของห้องรีบถลาลงไปคว้ากางเกงในโยนใส่ตะกร้า ตามด้วยผ้าเน่ามากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง
“ทำไมห้องมึงรกอย่างนี้วะไอ้เพียง” ผมว่าพลางมองหาที่นั่ง ซึ่งก็มีแค่เตียงที่ยังเต็มไปด้วยผ้าห่มหลายผืน คนบ้าอะไรวะ ห่มทีสองสามผืน
“แหมม ก็ห้องหนุ่มโสดมั้ยมึง” (ไอ้เพียง)
“ไม่เกี่ยวอะ ห้องคนสกปรก” (ไอ้กั้ง)
“มาห้องกูทีไรก็บ่นตลอด ทำไมไม่ให้ไปห้องมึงอย่างทุกทีห้ะ ซ่อนใครเอาไว้รึไง ช่วงนี้ดูมีความสุขแปลกๆ นะเพื่อนกั้ง” (ไอ้เพียง)
“ปะ...เปล่าเว้ย กูก็อยากมาห้องเพื่อนบ้างไม่ได้รึไง” ไอ้กั้งผลักหัวไอ้เพียงเบาๆ ก่อนจะยึดมุมขวาของเตียงโดยการเขี่ยผ้าห่มลายปิกาจูของเจ้าของห้องลงพื้น
เออ แล้วกูมานั่งกอดผ้าห่มลายคิตตี้ทำแมวอะไรวะเนี่ย
“ไอ้ป๋า! มึงห้ามทิ้งน้องคิตตี้กูลงพื้นอีกคนนะเว้ย!” (ไอ้เพียง)
“หนาว มึงว่ามาได้ละ เรียกพวกกูมาทำไม” ไอ้กั้งไม่ได้จ้องหน้าผมอย่างที่ไอ้เพียงทำ แต่กระแสความกดดันก็อยู่ในน้ำเสียง ผมสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ได้คุยกับไอ้กายเมื่อวานก่อนให้เพื่อนฟัง คราวนี้ไอ้กายมันมาแปลกกว่าทุกครั้ง ผมเลยต้องเรียกรวมพลเพื่อระดมความคิดให้รอบคอบ
“ทำไมต้องท้าแข่งกับคิง” ไอ้กั้งลูบคางอย่างใช้ความคิด
“อาจจะเป็นเพราะคราวที่แล้วคิงช่วยมึง มันเลยแค้นคิงด้วยรึเปล่า” (ไอ้เพียง)
“ก็เป็นไปได้ แล้วทำไมมันไม่ไปท้าคิงเองเลยวะ”
“มึงว่าถ้ามันไปท้าคิงแล้วคิงจะเล่นด้วยมั้ยล่ะ” (ไอ้เพียง)
เอาจริงๆ ผมไม่รู้เลยว่าเวลาคิงโดนหาเรื่องแล้วมันจะทำยังไง คนที่มักมีใบหน้านิ่งๆ กับคนทั่วไปแบบนั้นจะบ้าศักดิ์ศรีรึเปล่า
“เวลาคิงอยู่กับกู มันดีมาก แต่กับคนอื่น...กูไม่รู้เลยว่ะ”
“แล้วจะเอาไง มึงก็รู้ว่าคนอย่างไอ้กายแม่งกัดไม่ปล่อย” (ไอ้เพียง)
“กูว่าถ้ามึงไปบอกคิง คิงก็คงแข่งเพื่อตัดความรำคาญไม่ให้มันมายุ่งกับมึงอีก” (ไอ้กั้ง)
“มึงคิดอย่างนั้นเหรอกั้ง”
“ใช่ เพราะถ้าเป็นกู กูก็จะทำ จะได้เลิกยุ่งกับคนของกูสักที” (ไอ้กั้ง)
“แล้วคิงแข่งรถเป็นเหรอวะ” (ไอ้เพียง)
“ไม่รู้ว่ะ แต่เท่าที่เห็น คิงใช้แต่รถธรรมดา มันไม่ชอบเข้าไปยุ่งกับสนาม ไม่ชอบความวุ่นวาย”
คิงมีทั้งบิ๊กไบค์และรถสปอร์ตที่พี่มันหามาให้ แต่มันกลับไม่เคยใช้ให้ผมเห็นเลย นอกจากบิ๊กไบค์เฉพาะกิจตอนงานเฟรชชี่ไนท์ตอนนั้น
“แต่ว่ามันก็เป็นน้องชายของเจ้าของสนามรถเลยนะ” (ไอ้เพียง)
“มึงเห็นมันมาเรียนเกษตรฯ มั้ยล่ะ” (ไอ้กั้ง)
“จะถามก็ไม่ได้ด้วยสิ เดี๋ยวมันสงสัย”
“สรุปมึงจะไม่บอกคิงจริงๆ เหรอหนาว” (ไอ้เพียง)
“มันเป็นปัญหาที่เกิดจากกูกับไอ้กาย คนอื่นไม่ควรมาเดือดร้อน”
“กูขอตรงๆ” ไอ้กั้งมองหน้าผมพลางกอดอก ผมเดาะลิ้นด้วยความเซ็งที่ถูกรู้ทัน
“เออ ก็กูเป็นห่วงอะ”
“ก็แค่เนี่ย” (ไอ้เพียง)
“เรื่องนี้ พวกมึงต้องช่วยกันระวังไม่ให้คิงรู้”
“เหยย แววตาแบบนี้มัน...” ไอ้เพียงทำตาพราวระยับเมื่อเห็นเรื่องสนุก
“กูว่าละ” ไอ้กั้งส่ายหัว
“อย่างไอ้เหี้ยกายน่ะ เดี๋ยวกูลุยเอง เหอะ”
.
.
.
“หนาว มึงเอาจริงเหรอ”
ไอ้กั้งถามขึ้นทั้งที่กำลังนั่งอยู่ตำแหน่งคนขับ กำลังจะพาผมไปซ้อมที่สนาม แน่นอนว่าไม่ใช่สนามดาร์ก เพราะคิงยังไม่รู้เรื่อง เป็นโชคดีของผมที่ช่วงนี้คิงยุ่งอยู่กับงานในคณะ ทำให้ผมมีเวลาขยับตัวไปจัดการอะไรต่างๆ ได้
“มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะถามอะไรอีกวะ” ผมว่าพลางทิ้งหัวลงเบาะแล้วหลับตา
“กูไม่นึกว่าเราจะมาถึงขนาดนี้เลยนะเนี่ย มึงสนใจต่อสายมาเฟียมะป๋า กูว่าเราไปได้ละนะ เรื่องมาหาเก่งเหลือเกินน” เพียงดินขยับยุกยิกอยู่ด้านหลัง มันเอาคางเกยเบาะรถแล้วแนบหน้ามาคุยกับผม
“เฮ้อ กูแค่อยากเป็นคนธรรมดา”
“แต่คนที่มึงคบด้วยไม่ธรรมดา และมึงเองก็ไม่ธรรมดา” กั้งพูดเสียงเรียบ
“กูมีสามขารึไงล่ะ”
“แต่กูมีขาที่สามนะ” ไอ้เพียงแทรกขึ้นมาดับอารมณ์ตึงเครียดเสียหมด ผมกับไอ้กั้งหลุดหัวเราะออกมาจนได้
“วันนี้อยู่ได้ถึงกี่โมง” ไอ้กั้งถามขึ้นเมื่อรถเราเลี้ยงเข้าไปในตัวสนาม
“สามทุ่ม”
“กว่าพวกเกษตรจะเลิกงานก็เกือบเที่ยงคืนไม่ใช่รึไง” (ไอ้กั้ง)
“กูเน้นชัวร์ไว้ก่อนเว้ย”
“โห กลัวผัวอะ” (ไอ้เพียง)
“ไอ้ควาย คอยดูตามึงบ้างเถอะ”
“คอยไปเถ้ออ กูมันคาสโนวาฆ่าไม่ตายเว้ย” (ไอ้เพียง)
“พอๆ พวกมึงนี่ ถึงสนามแล้วยังจะกัดกันอีก” ไอ้กั้งเดินมาแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้เพียง แถมยังดันหัวไอ้เพียงหนีอีก จริงๆ เพียงมันหน้าตาน่ารักนะ แต่แม่งกวนตีน
ไอ้กั้งยื่นกุญแจให้เด็กสนามเอารถไปเก็บ สนามที่เรามาใช้ทดสอบเป็นสนามรอบนอกของญาติไอ้กั้ง
“จริงๆ มึงควรจะเอารถตัวเองมาขับนะ” (ไอ้กั้ง)
“มึงก็รู้ว่ากูเอาออกมาจากสนามดาร์กไม่ได้”
จำได้มั้ยครับว่ารถผมถูกทิ้งไว้ทำสีตั้งแต่ต้นเรื่อง จริงๆ รถก็เสร็จแล้ว แต่ไม่มีเวลาไปเอากลับมาสักที
“พวกมึงขึ้นไปรอที่ห้องรับรองเหอะ”
ไอ้กั้งกับไอ้เพียงพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปพักในตัวอาคาร พอคล้อยหลังเพื่อน ผมก็หันมายืนทำสมาธินิ่งๆ ก่อนเริ่มซ้อม
หวังว่ารถพวกนี้จะให้ความร่วมมือกับผมนะ
บรืนนนนนนน~
‘
.
.
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนข้างตัวไม่ได้รบกวนการนอนของผม หากแต่เกิดจากความเครียดต่างหากที่ทำให้ผมข่มตาหลับไม่ลง
ความรู้สึกมันมาไกลเกินกว่าจะถอย คิงเองก็ทำเพื่อผมมามาก และผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยากปกป้องคนที่ตัวเองรัก
ผมไม่ใช่คนโหยหาความรัก ไม่เคยไขว่คว้า ไม่ได้สนใจ และไม่เคยหาความหมายว่ารักคืออะไร ผมเคยมีแฟนที่คบกันเป็นเรื่องเป็นราวก็จริง แต่นั่นมันก็แค่ Puppy Love ที่ไม่นานก็ค่อยๆ จางหายไป จนกระทั่งได้เจอคิง นั่นทำให้ผมเริ่มตั้งคำถามว่ารักคืออะไร
“พวกมึงคิดว่ารักคืออะไรวะ”
“ถามเป็นหนุ่มน้อยหัดมีความรักไปได้” (ไอ้เพียง)
“แล้วมึงเคยมีเหรอ” ผมถามย้อนไอ้เพียงที่เปลี่ยนเด็กบ่อยไม่แพ้กัน อ้ะ หมายถึงสมัยก่อนนะ
“ก็...ยังไม่เจอคนที่ใช่นี่หว่า ไอ้กั้งมึงตอบดิ๊” (ไอ้เพียง)
“รักก็คือรัก ถ้ามึงคิดว่ามันคือความรักมันก็คือรัก” (ไอ้กั้ง)
“พูดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย” (ไอ้เพียง)
“หนาว ถ้ามึงเจอคนนั้น ความรู้สึกจะบอกมึงเอง ซึ่งกูคิดว่ามึงน่าจะเจอแล้วล่ะ” (ไอ้กั้ง)
ผมนึกถึงบทสนทนาของตัวเองกับเพื่อนพลางมองมือตัวเองที่วางซ้อนกับมือของคิงที่พาดอยู่บนเอว ปกติเราไม่ได้นอนกอดกันทุกคืน แต่วันนี้ผมอยากอยู่ในอ้อมกอดมัน ความเป็นห่วงและความกังวลทำให้ผมอยากอยู่แนบชิดคิงมากที่สุด
ไอ้กายไม่เคยมีแววตาแน่วแน่แบบนี้ และผมยอมรับเลยว่านี่เป็นครั้งแรกนี่นึกกลัวในสิ่งที่มันจะทำ
“ทำไมยังไม่นอน” เสียงทุ้มเจ้าของวงแขนเอ่ยขึ้น
“นอนไม่ค่อยหลับ” ผมนึกขอบคุณความมืดที่ทำให้ผมไม่ต้องปั้นหน้า
“เครียดอะไร”
“ป่าวว กูเผลอหลับตอนเย็นที่ห้องไอ้เพียงเลยไม่ง่วง”
“เพียงดินแกล้งอะไรมารึเปล่า”
“ฮะๆ ถามเหมือนกูเป็นเด็กเลยนะ ถ้ามันแกล้งมาจริงๆ คุณคิงจะทำไรเพื่อนผมเหรอครับบ”
“ไม่ทำหรอก นั่นเพื่อนมึงนี่”
“โด่วว นึกว่าจะคูล”
“ไม่ทำแต่จะปลอบใจ ไม่เป็นไรนะครับคนเก่ง”
ตู้มม มันจะรู้สึกเองอย่างที่มึงบอกจริงๆ ด้วยว่ะกั้ง
ถ้าหากว่ามันไม่ใช่ความรัก มันก็คงเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความรักมาก.
.
LingLom : โควททิ้งท้ายจากหนังเรื่องอะไรสักเรื่องนี่ล่ะ
นี่ที่ได้แต่งเพราะมาอบรม เลยเอาคีย์บอร์ดมาแต่งกับมือถือ 555555
ส่วนกั้งซุกใครไว้นั้น ชุ้นเอง โฮะๆๆๆ