{ yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.  (อ่าน 49804 ครั้ง)

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








Loud & Clear



ควรรู้ได้แล้วว่าผมรักคุณมากขนาดไหน





Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2019 09:07:45 โดย Swanlee »

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #1 เมื่อ03-01-2019 16:06:49 »

 :mc4: แค่เห็นชื่อผู้แต่ง ก็รีบกดเข้ามารอเลยค่ะ  :hao7:  o13

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 01 - up 3.1.62
«ตอบ #2 เมื่อ03-01-2019 16:08:56 »


01

 

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ความรู้สึกได้หรือเปล่า



 

 

เคยมีความรู้สึกอยากจูบใครมากๆ มั้ย...อยากกระชากคอเสื้อเขาคนนั้นมาจับแน่นๆ แล้วทาบปากลงไปให้หนำใจ



ผมแม่ง...โคตรอยากทำอย่างนั้นเลย



“น้องฟอง เมาแล้วตัวโคตรแดงเลยว่ะ”



ก็ได้ยินชัดเจนเลยแหละว่านั่นคือเสียงของรุ่นพี่



“ทำไมมึงจ้องครามแบบนั้นวะ กูขนลุกหมดแล้วเนี่ย”



เสียงของเพื่อนต่างสาขาที่รู้จักกันผิวเผิน



“ดูเลียปากดิ อื้อหือออ ทำอย่างกับอยากจะจูบมันงั้นแหละ”



และเสียงใครสักคนที่ฟองฟางจำไม่ได้



ตากลมๆ เอาแต่จ้องคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะไม้ตัวยาว จ้องริมฝีปากเป็นกระจับที่แสนจะเซ็กซี่ตอนกระดกแก้วเหล้าขึ้นจิบ มันเป็นอะไรที่ทำให้คนมองอย่างเขาปั่นป่วน



ครามสมุทรทำให้เขาปั่นป่วนตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน



หัวใจที่เต้นแรงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์วูบลงเล็กน้อยเพราะสายตานิ่งๆ ของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายลดความเย็นชาลงสักหน่อย ยิ้มให้กัน ใส่ใจคนที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มทั้งที่ๆ ดื่มไม่เก่งหน่อยจะได้มั้ย



แต่ก็เท่านั้นแหละ ฟองฟางได้แต่พ่นคำตัดพ้อใส่ตัวเองอยู่ในใจ ครามสมุทรทำให้คำพูดที่เขาเตรียมเอาไว้ลอยหายไปกับสายลมเพราะความเย็นชา ใช่ คนตรงหน้าทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปบอกว่า ‘เราชอบนาย’ ทั้งที่มันเป็นแค่คำสั้นๆ



ฟองฟางสะบัดหน้าแรงๆ เพราะภาพตรงหน้ามันมัว เขาเห็นหน้าครามสมุทรไม่ชัดเท่าไหร่เลยขมวดคิ้วเพ่งมอง มือขาวๆ ก็รับแก้วเหล้าที่รุ่นพี่ส่งให้ ตอนนี้ใครยื่นอะไรให้ก็รับหมดแหละ เรียกชื่อฟองฟางนิดหน่อยก็หันหน้าหาทำตาละห้อย บอกให้ดื่มอีกสองสามแก้วก็บ้าจี้ดื่มเข้าไปทั้งๆ ที่หัวตัวเองแทบจะทิ่มโต๊ะ



“แดกดุแบบนี้น่าพามาบ่อยๆ ว่ะ”



“แดกดุไม่ว่า แต่เมาแล้วน่ารักฉิบหาย ไอ้ซองมึงถ่ายคลิปไว้นะ พรุ่งนี้ค่อยส่งไปแซวมัน”



ก็แทนที่จะหลบกล้องตามประสาคนขี้อาย แต่ฟองฟางกลับสู้กล้องเหมือนกับเป็นคนละคน พี่ๆ ในคณะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้น้องฟองฟางได้ลุคแบบนี้มากกว่าลุคที่ขึ้นไปยืนบนเวทีแล้วเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรสักคำจนไม่ได้ตำแหน่งเดือนคณะ



นู้น ก็เดือนคณะและเดือนมหา’ลัยตกเป็นของครามสมุทรแล้วไง



ฟองฟางจำได้ว่าครามสมุทรก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะเหมือนๆ กับเขานั่นแหละ แต่แย่กว่าฟองฟางตรงที่ครามสมุทรแค่ขึ้นไปพูดชื่อนามสกุลแล้วยืนนิ่ง สงสายตาดุๆ และเย็นชา ผิดกับเขาที่ยังพูดว่าตัวเองเกิดวันอะไร เรียนคณะอะไร สาขาอะไร...แต่นั่นก็ทำให้ครามสมุทรได้ตำแหน่งนี้ไปครองแบบชนะขาดลอย



ฟองฟางกระดกแอลกอฮอล์ลงคออีกครั้ง ถึงมันจะผสมโค้กแล้วได้รสชาติหวานๆ มากกว่าขมแต่คนที่ดื่มไม่เก่งอย่างเขาก็เบ้หน้าเมื่อรสชาติของมันแตะที่ปลายลิ้น ฟองฟางอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อได้ยินเสียงร้องเฮของคนที่อยู่รอบๆ ยิ่งมีเสียงฝนตกลงมาด้วยแล้ว...ยิ่งคึกเข้าไปกันใหญ่



“อีกแก้วนะน้อง รอบนี้ไม่ผสมโค้ก เพียวๆ เลย”



“พ พอแล้วพี่ ผมไม่ไหวแล้ว”



เมาแอ๋แล้วเนี่ย ร้อนๆ คันๆ อยากถอดเสื้อจะตาย



“เอาหน่า ช็อตนี้ช็อตเดียว พี่จะไม่วอแวอีกเลย”



“พี่...”



“ผมดื่มแทนเอง” ครามสมุทรบอกเสียงเรียบแล้วเอื้อมมือคว้าแก้วเหล้ามาดื่มเอง ฟองฟางกะพริบตามองตอนที่คนตรงหน้าเงยหน้ากระดกเหล้าลงคอ ตาคมๆ ของคนคนนั้นจ้องมาที่เขา...เป็นสายตาที่ฟองฟางอ่านไม่ออก



“เชี้ย”



“ไอ้ซองมึงถ่าย อย่าให้พลาด”



ปึก



เสียงก้นแก้วกระแทกวางลงบนโต๊ะไม้ดังขึ้น ครามสมุทรใช้หลังมือเช็ดริมฝีปาก เขายังคงมองหน้าฟองฟางอยู่อย่างนั้น



พอถูกมองเข้ามากๆ มุมปากก็เหยียดยิ้ม ฟองฟางลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาของคนที่อยู่รอบๆ ขยับตัวปีนขึ้นไปบนโต๊ะทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กวาดจานชามใส่อาหารออก คนเมาคลานไปตรงหน้าตรงที่ครามสมุทรนั่งอยู่ ฟองฟางเลือดสูบฉีดจนตัวแดงจัดแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหยุดตอนที่อยู่ตรงหน้าเดือนมหา’ลัยท่ามกลางความเงียบ



“...”



สบตากับคนเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผิดกับเขา...ถ้าฟองฟางไม่เมา ไม่มีแอลกอฮอล์คอยช่วยเอาไว้ป่านนี้คงไม่กล้าสบตา คงวิ่งหนีครามสมุทรเพราะกลัวสายตานิ่งๆ แบบนี้



“คราม”



“...”



“เราชอบนาย”



“...”



“ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย”



“...”



ฟองฟางได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ โห่ร้องเลยคิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องแบบนี้มันควรที่จะพูดกันแค่สองคน ได้ยินกันแค่สองคน...แต่ก็ไม่ทันแล้ว



ฟองฟางสะอึกเบาๆ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกความในใจออกไปแล้วแต่ครามสมุทรก็ยังไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเลยสักอย่าง



คนที่คลานอยู่เปลี่ยนท่าเป็นนั่งบนโต๊ะ หย่อนขาสองข้างไว้ข้างลำตัวของครามสมุทร ขยับตัวไปตรงขอบโต๊ะให้ใกล้อีกฝ่ายมากที่สุดแล้วสองมือร้อนๆ ยึดไหล่กว้างไว้แน่นแล้วค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบที่หูของคนตัวโตกว่าเขา



“จะว่าอะไรมั้ยถ้าเราจะขอจูบนาย”



“กล้าขนาดนั้นเลย?”



“มากๆ”



เพราะกระซิบกันอยู่แค่สองคน คนอื่นๆ เลยพยายามที่จะชะโงกหน้ามอง บางคนเอียงตัวมาฟังเลยด้วยซ้ำ



“ได้มั้ยอ่ะคราม” ตาหวานฉ่ำมองคนตัวสูงที่ตอนนี้เตี้ยกว่าเพราะฟองฟางนั่งอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่ครามสมุทรจะตอบอะไรออกมาก็สัมผัสถึงมือร้อนๆ ของคนตรงหน้าที่เลื่อนมาวางไว้บนเอวบางๆ ของฟองฟาง ครามสมุทรเหลือบมองเขา หันหน้าหาใบหูขาวๆ แล้วผ่อนลมหายใจอุ่นๆ ออกมา



คนตัวแดงจัดย่นคิ้วหงุดหงิด เหมือนกับว่าพอถูกครามสมุทรแตะเนื้อต้องตัวเข้าหน่อยความอดทนของฟองฟางก็แตกกระเจิง เขารอไม่ไหวและคิดว่าไม่ควรจะรออีกต่อไป มือร้อนๆ เลยละจากไหล่กว้างมาจับกรอบหน้าหล่อเหลาของคราสมุทรและรีบโน้มศีรษะลงไปทาบริมฝีปากแดงๆ ของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกคน



“วี๊ดดดด นี่กูไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย”



“มึงไปเอาความกล้ามาไหนไอ้ฟองงง ไอ้เพื่อนเลวววว”



“ถ้าน้องฟองเมาแล้วเห็นกูเป็นไอ้ครามนะมึง เสร็จแน่”



เสียงรอบข้างฟองฟางเหมือนยุงกับแมลงวันที่บินอยู่ใกล้ๆ หู มันน่ารำคาญและไม่อยากฟังเลย เพราะฟองฟางอยากฟังแต่เสียงของครามสมุทรมากกว่า



แต่สาบานเถอะ...เขาเป็นคนเริ่มจูบก็จริง แต่ฟองฟางแค่เอาปากทาบ ไม่ได้ขยับปากบดคลึงริมฝีปากอีกฝ่ายเหมือนที่ครามสมุทรกำลังทำอยู่ตอนนี้



เขาทำให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นระส่ำ มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกจากอกตอนที่ครามสมุทรค่อยๆ ละเลียดจูบบนริมฝีปากแม้ว่าฟองฟางจะเผยอกลีบปากเปิดทางให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาก็ตาม...แต่ครามสมุทรกลับไม่สนใจ



ก็ยังเหมือนเดิม ยังเป็นมหาสมุทรสีครามที่ล้อเล่นกับฟองดวงเล็กๆ บนผิวน้ำอยู่เรื่อย



เป็นมหาสมุทรในวันที่คลื่นลมแรง กระทบฝั่งจนเกิดฟอง และม้วนเกลียวคลื่นอีกครั้งให้ฟองจมลงไปในใต้ท้องมหาสมุทรสุดแสนจะลึก



จนกระทั่งครามสมุทรผละริมฝีปากออกช้าๆ ต่างคนต่างสบตา และฟองฟางควรจะสงบได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย...หัวใจของเขามันยังเต้นแรงอยู่อย่างนั้น



“พอใจยัง”



“มึงฟังดิมันพูดไรกัน”



“เฮ้ย แม่งสลบว่ะ”



“สลบหรือเป็นลม”



“มันเมาพี่ ฟองมันหลับไปแล้วอ่ะ” เจ้าของชื่อยิ้มกริ่มคอพับหลับตาไปกับซอกคอหอมๆ ของครามสมุทรท่ามกลางเสียงร้องตกใจของคนรอบๆ ที่กลัวว่าฟองฟางอาจจะสลบเพราะขาดอากาศหายใจกับจูบของเดือนมหา’ลัย



แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ฟองฟางมีความสุขจนหลับไปต่างหาก



“ขอโทษด้วยนะคราม ไอ้นี่มันเมาแล้วเหี้ยไปเลยอ่ะ เดี๋ยวพอมันหายเมาก็จำอะไรไม่แล้ว”



“จำอะไรไม่ได้?” ครามสมุทรขมวดคิ้วยุ่ง



“เออ หรืออยากให้มันจำล่ะ” แยมรีบดึงเพื่อนสนิทที่เมาแอ๋ออกจากซอกคอเดือนมหา’ลัย ผงกหัวหงึกๆ ขอโทษครามสมุทรที่เพื่อนตัวเองไปทำอะไรเพี้ยนๆ ใส่



ฟองฟางได้ยินเสียงคุยแต่ลืมตามองไม่ได้ รู้หมดเลยว่าใครพูดอะไร จำเสียงแยมได้ จำเสียงครามสมุทรและอีกหลายๆ คนได้หมด



“กลับบ้านนะไอ้ฟอง พรุ่งนี้มึงดังระเบิดแน่ๆ”



“แยมมม กูเอาครามกลับไปด้วยได้มั้ยอ่า แบกครามขึ้นรถไปด้วยได้เปล่า”



“สติค่ะเพื่อน เดินให้มันตรงๆ ก่อนแล้วค่อยอยากแบกคนอื่นกลับบ้าน”



“ฮืออออ” แล้วก็ร้องไห้งอแงเสียงดังพาร่างเมาๆ ของตัวเองออกไปจากร้าน



ก็ยังไม่อยากจากครามสมุทรไปไหนเลย



อยากอยู่มองหน้าให้นานกว่านี้อีกหน่อย



อยากบอกว่าชอบจนกว่าครามสมุทรจะรับรู้ จนกว่าครามสมุทรจะรู้สึกอะไรบ้าง



“เราชอบคราม! รับผิดชอบความรู้สึกกันหน่อยดิ ฮื่อ”



โคตรจะชอบ ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว

 









#ฟองฟางครามสมุทร






เย่ะ ปีใหม่กับเรื่องใหม่ๆ

ไปดื่มด่ำกับความรักของฟองฟางกับครามสมุทรด้วยกันนะคะ :)


ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #3 เมื่อ03-01-2019 16:36:32 »

เย่...เห็นชื่อคนแต่งปุ๊บก็กดอ่านปั๊บ 555

ฟองฟาง~~~ นว้องงงง หวังว่าฟื้นมาแล้วจะจำได้นาจา วีรกรรมล้ำเหลือ

ครามสมุทรนี่...ท่าทางจะไม่ธรรมดา อิอิ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #4 เมื่อ04-01-2019 00:25:44 »

 :o8:  :-[  :impress2: เขินมากกกกก..... เมาแล้วรั่วแบบนี้ จะซื้อโรงกลั่นเหล้าให้น้องเลยยยยย ...  :hao3: เอาหละค่ะ... น้องเมาจนความจริงว่าชอบหลุดออกมาซะขนาดนี้แล้ว...  :hao7:  ที่เหลือก็หน้าที่ครามแล้วค่ะ ที่จะต้องรีบรับน้องเข้ามาในอ้อมอกเร็ววัน  :hao3:  :hao7:   :hao6:   o13

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #5 เมื่อ04-01-2019 08:35:12 »

โอ๊ยยยย น้องฟองลูก

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 02 - up 4.1.62
«ตอบ #6 เมื่อ04-01-2019 16:05:57 »



02

หัวใจของเราจะพองโตไม่ได้ถ้าไม่มีผู้กระทำ





 

Song: ฟอง

Song: หายเมายังไอ้น้อง

.ff: หายแล้วครับพี่ซอง

Song: แล้วนี่อยู่ไหนอ่ะ

.ff: อยู่มอครับพี่ นั่งรอแยมครับ

Song: เออ ดีๆ

Song: มีอะไรจะให้ดู

Song: ดูจบแล้วอย่าหนีกลับบ้านล่ะ

Song: (Send video)

 

คนที่ได้รับวิดีโอจากพี่รหัสกัดริมฝีปากเบาๆ ชั่งใจว่าจะเปิดคลิปที่พี่ซองส่งมาให้ดีมั้ย เพราะพี่รหัสคนนี้เคยส่งคลิปโป๊มาให้แล้วเขาดันเปิดดูด้วยความไม่รู้บนบีทีเอสมาแล้วครั้งหนึ่ง



มันเป็นฟีลที่...ไม่กล้าหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆ กับคนที่ยืนโหนราวแล้วก้มหน้ามองเราอยู่อ่ะ



โคตรแย่



ฟองฟางเป่าลมออกปาก รูดซิปกระเป๋าเป้แล้วสอดโทรศัพท์ไว้ในนั้นพร้อมกับกดเปิดคลิปแล้วดูอย่างตั้งใจ มันคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดมากกว่าการถือโทรศัพท์ดูโจ่งแจ้งแล้วแหละ ไอ้พี่รหัสคนนี้ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ



แก้มพองๆ ตกอยู่ในสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา ฟองฟางไม่สนใจผมสีน้ำตาลธรรมชาติที่ฟูฟ่องปลิวไปตามแรงลมจะฟูจะยุ่งพันกันหรือเปล่าเพราะกำลังจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์...ในหัวก็นึกไปพลางๆ ว่าใครต่อใครต่างก็บอกว่าตัวเขานุ่มนิ่มน่ากอด หัวกลมๆ ของเขานี่ก็โคตรน่าหอมเลย จนกระทั่ง...



“เฮ้ย!”



รีบยกมือปิดปากตอนที่ร้องเสียงดังเพราะตกใจ ฟองฟางลูบอกตัวเองเบาๆ ตกใจกับคลิปที่พี่รหัสส่งมา มันไม่ใช่คลิปโป๊ที่พี่ซองนำเสนอ แต่มันเป็นคลิปที่เขากำลังปีนขึ้นโต๊ะ พาตัวกับแก้มที่แดงปลั่งคลานไปหาเดือนมหา’ลัยที่นั่งมองเขาอยู่นิ่งๆ



‘คราม’

‘...’


‘เราชอบนาย’

!!!

‘...’

‘ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย’


 

อยากจะเปิดเสียงให้ดังกว่านี้แต่สาบานได้ว่าตอนนี้วิญญาณของฟองฟางหลุดออกจากร่างไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงปีนขึ้นโต๊ะแล้วไปพูดใส่หน้าครามแบบนั้น ปลายนิ้วชี้รีบกดลงบนหน้าจอให้คลิปหยุดเล่น ฟองฟางเป่าลมออกปากให้ตัวเองใจเย็นแล้วมุดศีรษะเข้าไปในกระเป๋าที่มีหนังสือเรียนแค่สองเล่มก่อนจะกดดูคลิปอีกครั้ง



“....”



แล้วก็อยากจะเอาหัวกระแทกโต๊ะให้สลบไปเลยรู้แล้วรู้รอด ฟองฟางหน้าร้อนตอนที่เห็นตัวเองยื่นหน้าเข้าไปใกล้เดือนมหา’ลัย ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะคนถ่ายมือสั่นมาก เขาได้ยินเสียงพี่ซองกับพี่อีกหลายๆ คนกรีดร้องอย่างกับผู้หญิง



แล้วก็ต้องจิกมือกับกระเป๋าแน่นเมื่อภาพน่าอายโชว์อยู่บนหน้าไอโฟน ฟองฟางกัดปากกำมือทุบโต๊ะแรงๆ กระทืบเท้าขัดใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป



ฮืออออ ไปจูบเขาได้ยังไงเนี่ยไอ้ฟอง : (

จูบนานด้วย ไม่รู้ว่ากี่วินาทีแต่ในคลิปคือโคตรนาน



ฟองฟางไม่ทนดูต่อเพราะไม่รู้ว่ามันจะจบตรงไหน แค่นี้ก็นั่งหน้าร้อนตัวร้อนอยากหนีกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว



เช้านี้ต้องเจอกันด้วย ต้องเรียนวิชาเดียวกัน ต้องนั่งใกล้ๆ กัน



“ไอ้ฟอง มานานยังวะ”



ตกใจกับเสียงแหลมๆ จนสะดุ้งยืดตัวนั่งตรง ฟองฟางรีบกดปิดคลิปที่พี่ซองส่งมาให้แล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าอย่างนั้น คนตัวขาวหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กตามเสียงเรียกที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน



ฟองฟางยกมือแตะปากตอนที่เห็นแยมเดินมาพร้อมๆ กับครามสมุทรและช็อป (เพื่อนสนิทของครามสมุทร) จู่ๆ ตัวก็สั่นพอๆ กับหัวใจที่เต้นแรง ทั้งๆ ที่ทำเป็นใจเย็นสั่งให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นตื่นตูมแล้วแท้ๆ แต่พอเจอหน้าทีไร ฟองฟางก็ไปไม่เป็นทุกทีเลย ยิ่งเมื่อคืนไปสร้างวีรกรรมแสบๆ ไว้ด้วยแล้ว...ยิ่งเก็บอาการไว้ไม่ค่อยจะอยู่



นึกโทษพี่ซองที่เอาคลิปบ้าๆ นั่นมาให้ดู...ถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นป่านนี้ฟองฟางคงปั้นหน้าฉีกยิ้มกว้างๆ ได้



“อื้อ สักพักแล้ว”



แยมแค่ส่งยิ้มแหยให้แล้วนั่งข้างๆ ฟองฟางที่ห่อไหล่ลู่ลงจนเหลือตัวนิดเดียว มือขาวหยิบสายกระเป๋ามาเขี่ยเล่น ก้มหน้างุดเมื่อคนตัวสูงอีกสองคนขยับตัวนั่งลงตรงข้าม



สูงจริงๆ...ครามสมุทรกับช็อปเป็นคนที่สูงตั้ง 187 เซนติเมตร ในขณะที่ฟองฟางเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ที่สูงแค่ 172 เท่านั้น ก็นั่นแหละ ในกลุ่มนี้ฟองฟางตัวเล็กที่สุดแล้วมั้ง ขนาดแยมที่เป็นผู้หญิงยังดูสูงกว่าทั้งๆ ที่สูง 172 ซนติเมตรเท่ากัน



ครามสมุทรกับช็อปเล่นบาสประจำ เป็นตัวแทนแข่งบาสของคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ที่จริงส่วนสูงของฟองฟางมันก็ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมทีมแข่งบาสได้อยู่หรอก แต่ฟองฟางไม่เก่ง แถมคนในทีมส่วนใหญ่สูง 180 ขึ้นไปกันหมด...น้อยใจความสูงของตัวเองเลยพาลไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรอย่างของมหา’ลัย



“นี่มึงยังเมาค้างอยู่หรือเปล่าวะ ความจริงวันนี้ไม่มีวิชาอะไรสำคัญมึงน่าจะโดดไปนอนนะ”



“นิดหน่อยอ่ะ ยังปวดหัวอยู่เลย”



อยากโดดเหมือนกัน แต่ทุกๆ วันที่มีเรียนตรงกับครามสมุทรก็ไม่อยากโดดหรอก อยากมาเจอหน้ามากกว่า แต่โคตรจะผิดกับวันนี้เลยจริงๆ ฟองฟางที่ฝืนขุดตัวเองขึ้นจากเตียงนอนแล้วตั้งใจมาเรียนเพื่อเจอครามสมุทรรู้สึกอยากกลับบ้านไปซะเดี๋ยวนี้ตั้งแต่ได้ดูคลิปอันนั้น



“ฟอง เมื่อคืนโอเคมั้ย” พอถูกถามแบบนั้นคนที่กำลังนั่งเม้มปากอยู่ถึงกับสะดุ้ง ช็อปเท้าคางวางศอกบนโต๊ะแถมยังยื่นหน้าถามฟองฟางที่ขมวดคิ้วยุ่งไปหมด



“โอเคมั้ง หลับสบายเลย” อ้อมแอ้มตอบแต่มือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋านี่กุมกันแน่นเลย ฟองฟางเลี่ยงที่จะสบตากับทุกคน เพราะรู้ว่าสามคนนี้ที่นั่งอยู่ด้วยต่างก็เห็นภาพเมื่อคืนชัดเจนกันทั้งนั้น



แกล้งไม่รู้ดีกว่า แกล้งไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ยังไงก็เมานี่นา



“ฟอง ถามไรหน่อยดิ”



“...”



“เมื่อคืนอ่ะ”



“...”



“เคลิ้มเลยป่ะ”



“เคลิ้มอะไร...”



“ที่ไอ้ครามมันจูบอ่ะ”



“...”



ก็กล้าถาม...



ฟองฟางกะพริบตาช้าๆ ซ่อนความตกใจไว้ในอกส่วนลึกที่สุดของหัวใจ ดวงตากลมๆ มองผู้ชายตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ช็อป สีหน้าของคนคนนั้นเรียบนิ่ง เหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่ช็อปถามและไม่สนใจจะฟังคำตอบของฟองฟางด้วย...



เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนครามสมุทรคงไม่เก็บมาใส่ใจ



หรือจริงๆ แล้วมันแย่มากจนครามรับไม่ได้?

...ก็คิดว่าแย่จริงๆ นั่นแหละ



“จูบอะไรเหรอ” ฟองฟางยิ้มนิดๆ



“...”



“ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” รอยยิ้มประหม่าเหมือนเดิมที่มักจะใช้ตอนที่ต้องเข้าไปคุยกับครามสมุทร



“นี่มึงจำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอวะฟอง” แยมหันมาขมวดคิ้วถาม



แวบหนึ่งที่ฟองฟางกลั้นใจหันไปมองครามสมุทรเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ก็ไม่...แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่ออีกคนหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ ก้มหน้าเล่นไอโฟนเหมือนไม่อยากฟังสิ่งที่แยมกับช็อปกำลังย้ำถาม



ฟองฟางคิดในหัว ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์มันออกมาไม่ต่างจากเดิม คราวหลังจะไม่เมาแอ๋แบบนั้นอีกแล้ว



คนตัวขาวจัดส่ายหน้า ไม่ตอบคำถามใครทั้งนั้น แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ภาพในคลิปที่พี่ซองส่งมาให้มันลอยวนในหัว ดูก็รู้ว่าครามสมุทรไม่ชอบใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดหยอกล้อกันแบบนี้สักหน่อย



ฟองฟางเลยหยิบไอโฟนออกมาเล่นบ้างปล่อยให้แยมกับช็อปคุยกันเรื่องอื่นๆ เบนความสนใจจากเขาไปสักที แต่เชื่อมั้ย ฟองฟางไม่มีสมาธิเล่นโทรศัพท์เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกดเข้าแอพไหนเลยได้แต่เลื่อนหน้าจอไปมา



จนกระทั่ง...

 

Kram: เรื่องเมื่อคืน

Kram: จำอะไรไม่ได้จริงๆ?







*****





 

“คืนนี้ไปอีกมั้ยฟอง พวกพี่แจ็คมันชวนอีกละ”



“แต่เขาชวนแค่สาขามึงไม่ใช่เหรอ พี่ๆ กูก็ไม่เห็นมีใครเอ่ยปากสักคน” แยมเอนศีรษะพิงไหล่ฟองฟาง ท่าทางเหนื่อยๆ เพราะเมื่อคืนก็นอนดึกพอสมควร



ฟองฟางส่ายหัวให้ช็อประหว่างที่กำลังเรียนวิชา HUM120 ที่รวมเอานักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งทุกคณะมานั่งบนพื้นรวมกันในหอประชุมใหญ่แล้วเรียนโดยมีอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟองฟางยังจำชื่อไม่ได้มาพูดสอนผ่านไมค์และเปิดโปรเจ็กเตอร์ประกอบการสอนไปด้วย



ฟองฟางนั่งมองแผ่นหลังกว้างๆ ของครามสมุทรที่เคลื่อนไหวตามจังหวะหายใจ



ครามสมุทรนั่งอยู่หน้าเขาตรงแถวซ้ายมือ นั่งใกล้ๆ กันนี่แหละ ส่วนข้างๆ เขาคือเพื่อนอีกคนที่มานั่งขั้นกลางระหว่างครามสมุทรกับช็อป



 “ไม่เห็นเป็นไรเลย ฟองกับแยมก็น้องรหัสพี่ซองกับพี่ก้าม พวกนี้ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกันทั้งนั้นอ่ะ ไปเหอะ” ช็อปสะกิดเอวฟองฟางยิกๆ เพราะคนบ้าจี้อยู่แล้วเลยดิ้นยุกยิกไปกันใหญ่



“ไม่เอาอ่ะช็อป อยากกลับไปนอนมากกว่า”



“กลัวซ้ำรอยแบบเมื่อคืนเหรอ” ช็อปยิ้ม ผลักไหล่ฟองฟางขณะที่คนถูกถามส่ายหน้ารัว



“จำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”



“เมื่อคืนฟองดื่มโคตรหนักอ่ะ”



“จริงๆ นะ...ไม่ค่อยถูกกับเหล้าเบียร์เท่าไหร่”



“แต่ฟองเมาแล้วโคตรน่ารักเลยรู้ตัวเปล่า” ตาหวานเยิ้มกับยิ้มน้อยๆ จากช็อปทำให้คนฟังได้แต่หัวเราะแหะๆ ฟองฟางพยายามเลี่ยงคุยเรื่องเมื่อคืนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็นะ มันคงฝังลึกในสมองทุกคนที่ไปดื่มเมื่อวานแล้วแหละ



“สรุปไปมั้ย เราสัญญาเลย จะไม่ให้ฟองดื่มสักแก้ว เดี๋ยวเราดื่มแทน”



“มึงไม่ต้องมาทำตัวเป็นครามสมุทร” แยมแขวะ เบะปากหน่อยๆ



“ครามทำไมเหรอ” บอกตรงๆ ว่าพอมีชื่อคนคนนั้นในบทสนทนาฟองฟางก็หูผึ่งทันที



เขาหันไปกระซิบกับแยมที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้น สนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันจนคนอื่นคิดว่าเป็นแฟนกัน



“เมื่อคืนครามมันดื่มแทนมึงอ่ะ” แยมกระซิบกลับเบาๆ



“ครามเนี่ยนะ”



“เออ หัวใจของมึงนั่นแหละ”



บ้าน่ะ



ฟองฟางหลับตาสงบสติตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าครามสมุทรจะดื่มแอลกอฮอล์แทนทั้งๆ ที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ดูไม่หือไม่อืออะไรกับฟองฟางเลยสักนิด ติดจะเย็นชาใส่กันมากกว่า



“ไม่ไปอ่ะช็อป วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย ต้องรีบกลับไปเฝ้าบ้าน”



“มึงไม่ไปเดี๋ยวกูไปเอง โอเคมั้ยไอ้ช็อป”



“เธอเป็นผู้หญิง ไปกับเรามีแต่ผู้ชายดูไม่ดี”



“เมื่อวานก็มีแต่กูที่เป็นผู้หญิง วันนี้มีแต่กูอีกจะเป็นอะไรไป”



“ฝากจดด้วยแยม เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อน”



“เอ้า ไอ้นี่...”



ขัดคนที่เถียงกันสองคนด้วยการวางสมุดไว้บนตักของแยมแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นย่อตัวขอแทรกเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อออกจากแถว ฟองฟางหยิบไอโฟนติดมือไปด้วย เขาไม่ได้อยากไปเข้าห้องน้ำ แต่เขาแค่อยากไปตอบแชตของใครคนหนึ่งที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าเท่านั้นเอง



ฟองฟางฉีกยิ้มให้รุ่นพี่ที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ห้องประชุม ผ่อนลมหายใจออกปากเบาๆ...ไม่รู้ว่าคนอื่นได้ดูคลิปนั้นกันหมดทั่วมหา’ลัยแล้วหรือยัง ไม่รู้ว่าพี่ซองส่งคลิปให้ใครบ้าง



ไม่รู้อะไรแล้ว ไม่อยากรู้อะไรเลย



คนตัวขาวเดินก้มหน้าสาวเท้าฉับๆ ก่อนจะมายืนแอบอยู่ในห้องน้ำ ฟองฟางพิงสะโพกบนอ่างล้างหน้า พลางใช้ปลายนิ้วโป้งกดเข้าหน้าแชตของครามสมุทร ปลายนิ้วกดยิกๆ พิมพ์ข้อความยาวๆ อย่างกับเรียงความสมัยอยู่ประถมที่คุณครูบังคับให้เขียน แต่สุดท้ายเขาก็พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าบอกไปตรงๆ ดีมั้ยว่าเห็นคลิปแล้ว อยากขอโทษถ้าทำให้ครามสมุทรไม่พอใจ...หรือจะบอกว่าอะไรดีก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน



ที่รู้ๆ ตอนนี้ไม่เอาอีกแล้วไอ้แอลกอฮอล์บ้าบอนั่นน่ะ…ทำวุ่นวายไปหมดเลย



ระหว่างที่กำลังยืนพิงกำแพงกัดเล็บอย่างประหม่า ในหัวก็หาคำพูดสวยๆ ไปตอบแชต แต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับขายาวๆ ภายใต้กางเกงสีดำของใครบางคนย่างกรายเข้ามา ฟองฟางเหลือบมองเท้าของคนคนนั้นก่อนจะขยับตัวหลีกทางให้เพราะตัวเองยืนขวางทางเข้าออก แต่คนที่เข้ามาใหม่กลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา เงาดำๆ ส่งผลให้ฟองฟางเงยหน้ามอง



“...คราม”



“ไม่เห็นตอบแชต”



“กำลังจะตอบนี่ไง”



ครามสมุทรยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฟองฟางเลิ่กลั่กไม่เป็นท่า อยู่ดีๆ ก็ยื่นไอโฟนไปให้อีกคนดูเฉยเลยว่าตัวเองกำลังพิมพ์ข้อความอะไร



“คือ ขอโทษนะคราม”



“...”



“เราเมามาก ไม่รู้อะไรเลย”



ครามสมุทรถอนหายใจ คนที่ตัวสูงหมุนกลับไปที่ประตูห้องน้ำก่อนจะกดปุ่มล็อกไม่ให้ใครเข้ามาได้ หัวใจของฟองฟางเต้นไม่เป็นจังหวะไปแล้ว มันหวั่นๆ กลัว ประหม่า ในหัวนี่คิดไปแล้วว่าครามสมุทรคงไม่ชอบมากๆ และอาจจะปิดห้องน้ำฆ่ายัดส้วมไปเลยก็ได้



ก็ไม่เคยอยู่กับครามสมุทรสองต่อสองในระยะประชิดแบบนี้มาก่อน



แต่ถ้าครามสมุทรอยากจะชำระความจริงๆ แค่ต่อยก็เจ็บจะแย่แล้ว



อือ ต่อยก็พอเหอะ

เนี่ย ยื่นหน้าให้ต่อยเลย



พอคิดแบบนั้นคนที่ตัวสูงแค่ไหล่ของครามสมุทรก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาขมวดคิ้วแน่น สองมือสั่นๆ กำอยู่อย่างนั้นหวังจะให้มันระบายความกลัวไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย



“ทำอะไร”



“รอครามต่อยไง”



“...”



“ต่อยกี่ทีก็ได้เตะก็ได้...แต่เราอยากให้รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”



“ไม่ได้ตั้งใจอะไรบ้าง”



ฟองฟางหลงน้ำเสียงทุ้มนุ่มของครามสมุทรมากจริงๆ เสียงที่เขาไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้ยินใกล้ขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ครามสมุทรคุยกับเขาตั้งหลายประโยค



ฮือ ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

สถานการณ์แบบนี้มันไม่ใช่เลย



“ฟอง” ครามสมุทรย้ำชื่อเขาด้วยน้ำเสียงนุ่ม จากที่กำลังรอบทลงโทษก็กลายเป็นเคลิ้มไปเลย



ฟองฟางก็เป็นแบบนี้แหละ



เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากครามสมุทร



“ทุกอย่าง”



“อะไรบ้าง”



“คราม...”



“...”



“อย่ากดดันเราได้มั้ย”



“กล้าหน่อย หรือต้องรอให้เหล้าเข้าปากอย่างเดียว?”



“...”



“ก็ เราจำไม่ได้นี่นาว่าเราพูดอะไรไปบ้าง”



“...”



“แต่ เราเห็นคลิปแล้ว” ฟองฟางลืมตามองคนที่สูงกว่าตั้งสิบห้าเซ็นต์ยืนขมวดคิ้วยุ่ง “พี่ซองส่งมาให้”



“อือ”



ฟองฟางกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอแล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น...ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเพราะอีกฝ่ายก็เงียบเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็คว้าไอโฟนออกมาส่งแชตตอบครามสมุทรยังได้



เพราะไม่กล้าตอบแชต นึกคำพูดไม่ออกก็เลยเป็นแบบนี้แหละ



“เราเมาก็จริงแต่...ที่พูดออกไป”



“...”



“พูดออกจากใจจริงๆ”



ต่อจากนี้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ



“ขอโทษนะที่ทำให้...”



“เย็นนี้อยู่รอก่อน อย่าเพิ่งหนีกลับ”



“...”



ฟองฟางเหมือนถูกช่วงชิงลมหายใจทันทีตอนที่ฝ่ามือหนาวางลงบนผมนุ่มๆ สีน้ำตาลธรรมชาติของเขา และถ้าตาไม่ฝาด ฟองฟางเห็นชัดเลยว่าครามสมุทรกำลังอมยิ้ม...ถึงแค่จะเล็กๆ น้อยๆ และแวบเดียวแต่เขามั่นใจมากๆ



“ตัวสั่นแล้วฟอง” ครามสมุทรบอกเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำ ทิ้งให้คนที่ได้ฟังเสียงทุ้มๆ แทบละลายจมไปกับพื้นเดี๋ยวนั้น



โคตรจะพลิกล็อกเลย







*****





 

Yammy: ถามจริงเหอะ มึงไว้ใจมันขนาดนั้นเลยวะ

Yammy: แค่มันลูบผมหน่อยมึงก็ใจแตกแล้วว่างั้น

.ff: บอกตรงๆ ว่าใช่ ._.

Yammy: เฮ้อออ มึงนี่น้า

 

ฟองฟางนั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้สตูลบาร์ในร้านกาแฟใต้ตึกเรียนใหม่ของมหา’ลัย ที่มารอที่นี่ก็ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพราะครามสมุทรนั่นแหละ รายนั้นแชตมาดักฟองฟางตั้งแต่ยังไม่เลิกเรียนเลยด้วยซ้ำ เขาบอกให้ฟองฟางมานั่งรอตรงนี้ก่อน



ถึงจะอยู่คณะวิทยาศาสตร์เหมือนกันแต่ก็ยังอยู่คนละสาขาอยู่ดี ครามสมุทรเรียนเคมีส่วนฟองฟางเรียนคณิตศาสตร์ แน่นอนว่าวิชาที่เรียนไม่ตรงกัน แต่เวลาเลิกเรียนบางวันน่ะเหมือนกันเป๊ะๆ เลย



แล้วเท่าที่จำได้ วันนี้ครามสมุทรต้องเลิกเรียนพร้อมเขา...แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีนักศึกษาชั้นปีหนึ่งที่เรียนสาขาเคมีเดินออกจากลิฟต์สักคน



นั่งไปใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ บอกตรงๆ ว่าไม่ชินเลยกับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนที่แอบชอบแบบนี้



“รอนานมั้ย”



ฟองฟางสะดุ้งโหยงเด้งตัวลงจากเก้าอี้สูงๆ ทันที แทบเซล้มลงพื้นเพราะตกใจตื่นเต้นแต่โชคดีมากที่ครามสมุทรคว้าแขนเขาไว้ก่อน



“ขอบคุณนะ”



“ลนอะไรขนาดนั้น”



“ครามมีอะไรจะคุยกับเราเหรอ”



ไม่ตอบคำถามแต่เปิดประเด็นคาใจไปเลย ครามสมุทรเลิกคิ้วเหมือนแปลกใจอะไรสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวสูงก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา



“ไม่มี”



อ้าว...



“ฝนตก กลับบ้านยังไง”



ถึงจะงงเพราะอีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไรทั้งๆ ที่ตอนแรกก็บอกให้รอเหมือนมีเรื่องจะคุยก็ตาม แต่ฟองฟางก็ยังส่งยิ้มแหย เอียงคอเกาหัวก่อนจะงึมงำตอบคำถามครามสมุทร



“ก็กลับรถไฟฟ้าเหมือนเดิม”



“ฝนตกแบบนี้?”



 “อื้อ เร็วสุดแล้ว”



“ต้องฝ่าฝนออกไป”



“อื้อ”



“เดี๋ยวกลับด้วยกัน”



 “...”



“รอตรงนี้ เดี๋ยววิ่งไปเอารถมารับ”



ไม่รู้ทำไม...



“ด เดี๋ยวคราม”



ครามสมุทรถึงทำให้ฟองฟางแปลกใจได้ขนาดนี้



คนตัวเล็กกว่าขยับเท้าเล็กน้อย เอื้อมมือไปแตะแขนของคนตัวสูงที่ทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไป ครามสมุทรชะงักแล้วหันมองเขาที่เม้มปากแน่น คนตัวโตเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อฟองฟางทำท่าอึกอัก



“ถ้าเราจะขอเดินไปด้วย ได้หรือ...”



“อือ ไปสิ”



“...”



“อาจจะเปียก ไม่มีร่ม”



“ไม่เป็นไรเลย” ยิ้มบางๆ พร้อมส่ายหน้าให้คนตรงหน้า



ไม่เป็นอะไรเลย...ถ้าได้เปียกฝนไปกับครามสมุทร

ฟองฟางก็พร้อมยอมเปียกอยู่แล้ว







*****





 

ต่างคนต่างวิ่งหนีฝนเพื่อกระโดดขึ้นปอร์เช่สีดำเงาวับเร็วๆ สักที ความจริงครามสมุทรควรจะวิ่งถึงรถของตัวเองตั้งนานแล้ว เพราะอีกฝ่ายมีช่วงขาที่ยาวกว่าฟองฟางตั้งหลายเซ็นต์ แต่คนตัวสูงกลับวิ่งอยู่ข้างๆ คนที่เตี้ยกว่าอย่างเขาอยู่อย่างนั้นจนพวกเขาสองคนถึงปอร์เช่คันหรู



“ขึ้นรถ” เจ้าของรถสั่งก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ฟองฟางเกือบทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าครามสมุทรจะเปิดประตูรถให้



ฟองฟางรีบเก็บความประหลาดใจใส่ไว้ในอก เขาก้มตัวขยับขึ้นรถปอร์เช่ที่ด้านในเป็นเพลิงดูร้อนแรง กัดริมฝีปากสีชมพูเบาๆ เมื่อเสียงประตูปิดดังขึ้น และไม่นานประตูรถฝั่งคนขับก็เปิดออก



เจ้าของร่างสูงที่ฟองฟางชอบแอบมองใช้เวลาไม่นานในการพาตัวเองขึ้นประจำที่นั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดไฟหน้ารถ หรือแม้กระทั่งปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศไม่ให้เย็นจนเกินไป ทุกการกระทำที่ดูกระฉับกระเฉงค่อยเป็นค่อยไปของครามสมุทรอยู่ในสายตาฟองฟางตลอด



เป็นอีกครั้งที่ฟองฟองนั่งเงียบไม่ปริปากเมื่อมีครามสมุทรอยู่ด้วยใกล้ๆ ปกติเขาก็เป็นคุยเก่งระดับหนึ่ง แบบว่ามักจะหาเรื่องคุยกับเพื่อนตลอด แต่ถ้าที่ไหนมีเขาคนนั้น ฟองฟางก็ไม่เป็นขึ้นมาทันทีเลย



อะไรไม่รู้...อึดอัดแปลกๆ แต่ก็ชอบแปลกๆ เหมือนกัน



ชอบที่ได้อยู่ใกล้เขา



แต่พออยู่ใกล้กันฟองฟางก็ไม่กล้าหันไปมองบ่อยๆ โชคดีที่ตอนนี้ฝนตก เลยมีจุดให้โฟกัสสายตาก็คือเม็ดฝนที่กลิ้งอยู่บนกระจกด้านหน้ากับด้านข้าง



ในกรุงเทพฯ ฝนตกหนักมาก อากาศมันหนาวๆ ด้วย แต่ฟองฟางกลับรู้สึกอบอุ่น...อุ่นเพราะครามสมุทรเอามืออังแอร์แล้วก็ปรับอุณหภูมิให้ตั้งหลายรอบ



“บ้านเราอยู่หมู่บ้านสิริธารา เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายสุดซอยเลย”



“อือ”



พอรถวิ่งมาได้สักพักฟองฟางที่นั่งเงียบๆ ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ระหว่างบอกทางไปบ้านของตัวเองหัวใจก็เต้นตุบตับไปด้วย



 “จอดตรงนี้ก็ได้...ขอบคุณนะ” ฟองฟางบอกแค่ซอยบ้าน แต่ไม่ได้บอกว่าบ้านหลังไหน โชคดีที่ครามสมุทรค่อยๆ ขับ ไม่งั้นเลยบ้านแน่ๆ



และก็จอดตรงหน้าบ้านพอดีเป๊ะ ฟองฟางรีบรวบกระเป๋าเป้แนบอกแล้วเปิดประตูรถเดินตากฝนออกไปโดยไม่รอฟังว่าคนที่ขับมาส่งจะพูดอะไรหรือเปล่า



“อยู่ไหนเนี่ย” ก้มหน้างุดอยู่หน้าประตูบ้าน หาลูกกุญแจในกระเป๋าเป้ช่องเดิมที่เก็บไว้ประจำ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่สงสารคนตัวเล็กๆ อย่างฟองฟางเลยสักนิด...กุญแจอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เสื้อเขามันเปียกฝนไปหมด



พอเหลือบตามองก็ยังเห็นปอร์เช่คันเดิม



โคตรจะน่าอาย

ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทำไมต้องทำให้ครามเห็นด้านแย่ๆ อยู่เรื่อยก็ไม่รู้



ฟองฟางมองเข้าไปในบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ปิดไฟมืดทั้งหลัง นึกขึ้นได้ว่าว่าเมื่อเช้าตอนออกจากบ้านตัวเองไม่ได้เอากุญแจออกมาด้วย แล้วตอนนี้ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่สักคน...ไม่อยู่สักประมาณห้าวันเลยแหละ



คนตัวเล็กยืนคอตกอยู่หน้าบ้านเหมือนลูกหมาเปียกฝน ผมสีน้ำตาลธรรมชาติของฟองฟางลู่แนบไปกับหน้า จะหันหลังกลับไปก็ไม่ได้เพราะปอร์เช่ยังจอดอยู่ ฟองฟางไม่อยากให้ครามสมุทรเห็นว่าตัวเองกำลังร้องไห้



ขอร้องไห้หน่อยเหอะ อะไรก็ไม่เป็นใจสักอย่าง



“เข้าบ้านไม่ได้เหรอ”



จนกระทั่งเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นในระยะใกล้พร้อมกับฝนที่ตกลงมาแต่ไม่โดนตัวฟองฟางเพราะมีร่มบังอยู่ คนตัวขาวรีบหันหลังกลับไปมอง แล้วก็ต้องผงะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งเมื่อเจอกับแผ่นอกกว้างๆ ของเจ้าของรถปอร์เช่



คราสมุทรขยับเข้ามาหนึ่งก้าวเพื่อให้ฟองฟางอยู่ในร่มคันเดียวกัน



ระยะที่ใกล้กันทำให้เขามีโอกาสได้เพลินไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของครามสมุทรไปพร้อมๆ กับกลิ่นของสายฝน ก่อนจะเม้มปากกลั้นหายใจ กลอกตาลุกลี้ลุกลนตอนที่ต้องแหงนหน้ามองอีกฝ่าย รู้อยู่แล้วว่าครามสมุทรสูงมาก แต่ไม่คิดว่าจะสูงขนาดนี้...แบบที่เขาต้องเงยหน้าคุยถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเห็นแค่แผ่นอกกับกระดูกคอสุดจะเซ็กซี่ของครามสมุทรที่มันวับๆ แวมๆ อยู่ในเสื้อนักศึกษา



มือไม้สั่นจนต้องยกขึ้นมาเกาหัวให้อีกฝ่ายมองไม่ออกว่าเขาตื่นเต้นและตกใจมากแค่ไหน



“เราน่าจะลืมกุญแจไว้ในบ้าน”



“โทรบอกให้คนในบ้านออกมาเปิดประตู”



ตากลมๆ สบกับตาคมที่มองมาแบบนิ่งๆ ฟองฟางยิ้มแหย ขยับปากอ้อมแอ้มตอบคนตรงหน้า



“พ่อกับแม่เราไปต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่บ้าน”



“...”



“ขอโทษนะ ขอยืมร่มหน่อยได้มั้ย…หน้าปากซอยมีโรงแรมอยู่ เราว่าจะไปเช่านอนก่อน”



ว่าจะไม่ทำให้ลำบาก ว่าจะไม่รบกวนแล้วเชียว



“ที่บ้านจะกลับมาวันไหน”



“ไปห้าวัน...น่าจะกลับอาทิตย์หน้าเลยแหละ”



“อือ”



อือ...



“...”



“ไปอยู่ด้วยกันก่อนมั้ย”



“...”



“ที่บ้านกลับมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที”



ถ้าเขาเป็นแยม ป่านนี้คงหวีดจนเสียงหลงแล้วบอกว่า ‘ขออยู่ถาวรเลยได้มั้ย’ ‘ชวนแล้วชวนเลยไม่ส่งกลับได้หรือเปล่า’



ก็นั่นแหละ...ตอนนี้โคตรอยากสวมร่างเป็นแยมเลยจริงๆ













#ฟองฟางครามสมุทร













ชอบไม่ชอบไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือชวนไปอยู่ด้วย ._.
ฟองแย่แล้วแน่ๆเลย


ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #7 เมื่อ04-01-2019 17:07:40 »

 ชอบความชวนไปอยู่ด้วยกันก่อน น้องฟองน่ารักกๆๆๆๆๆๆ  :-[

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear
«ตอบ #8 เมื่อ05-01-2019 00:16:32 »

 :hao7: says “yes” เลยค่ะ  o13  :hao6:   :o8:    :-[.   :impress2: จะเตรียมตัวฟิน  :hao3:   :o8:   :-[:impress2:

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 03 - up 5.1.62
«ตอบ #9 เมื่อ05-01-2019 21:56:27 »


03

ดวงตา ริมฝีปาก ใบหน้า

เราอยากมองนานๆ เลยนะรู้เปล่า : )







 

“เช็ดผมก่อน เดี๋ยวเป็นหวัด”



ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆ โยนแหมะลงบนผมสีน้ำตาลของคนที่นั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา ฟองฟางตัวสั่นหงึกๆ เพราะรู้สึกหนาวแอบสังเกตบ้านของเจ้าของรถปอร์เช่ มันทั้งใหญ่ หรูหรา ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ นี่คือบ้านของนักศึกษาชั้นปีหนึ่งที่อาศัยอยู่คนเดียว



ครอบครัวของครามสมุทรรวยมาก รวยขนาดที่พ่อแม่เป็นเจ้าเกาะ ‘ครามสมุทร’ ที่อยู่ภาคใต้ของไทย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าดิวตี้ฟรีชื่อดังที่รู้จักกันทั่วโลก แถมตอนนี้ยังเปิดห้างใหม่ที่ใหญ่ อลังการ เป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ถือหุ้นของสายการบินดังอีกด้วย



เรียกได้ว่าถ้าเอ่ยนามสกุล อนุวงศ์วรวัฒน์ ขึ้นมาเมื่อไหร่ ออร่าความรวยก็กระจายทันที



ครามสมุทร อนุวงศ์วรวัฒน์ เป็นลูกชายคนเล็กและคนเดียวของตระกูลนี้เลย พ่อแม่ตามใจเขาทุกอย่าง เลี้ยงแบบสปอยล์สุดๆ  ปกติถ้าถูกตามใจแบบนี้ครามสมุทรคงนอกลู่นอกทางแล้ว แต่ก็ไม่ ครามสมุทรเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เสมอ



ที่รู้ก็เพราะว่าให้แยมสืบมาหมดแล้ว : )



“ปิดแอร์มั้ย เห็นนั่งสั่นตั้งแต่อยู่ในรถ”



“ไม่เป็นไร เราขี้หนาวแบบนี้อยู่แล้ว”



ยื่นมือรับผ้าขนหนูผืนสีขาวผืนใหญ่มาคลุมร่างกายของตัวเอง ตัวฟองฟางเปียกชุ่มน้ำฝนและเหมือนจะแห้งบางส่วนตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว



บอกตามตรงเลยว่าเขาโคตรใจง่าย ไม่ดิ ความจริงฟองฟางจะปฏิเสธครามสมุทรก็ได้ แล้วไปเช่าโรงแรมนอนแบบที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่เพราะใจพาไปแท้ๆ ตอนนี้เขาถึงได้มานั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ในบ้านของครามสมุทร



“อาบน้ำเลยมั้ย”



คนถูกถามพยักหน้าหงึกเหลือบมองคนสูงกว่าที่ยืนค้ำหัวอยู่ ฟองฟางรีบลุกขึ้นยืน ชะเง้อคอมองหาห้องน้ำแล้วหันกลับมามองหน้าคนสูงกว่า ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น ยืนกุมมือเล็กๆ ไว้ด้วยกันเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี



รู้แต่ว่าตอนนี้อยากวิ่งหนีครามสมุทรไปที่ไหนสักที



“ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอ”



“อยู่ข้างบน”



“อ่อ โอเค ขอบคุณนะ” หมุนตัวเตรียมหนีทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน รู้แค่ว่าข้างบนเท่านั้นแหละ



“ตามมา เดี๋ยวพาไป”



“อ่า จริงๆ ไม่เป็นไร...”



“ฟองฟาง” เสียงทุ้มที่เข้มกว่าเดิมเรียกชื่อเขาเต็มปากเต็มคำ พอเงยหน้ามองแล้วเห็นสายตาดุๆ ของครามสมุทรเท่านั้นแหละ ฟองฟางถึงกับไม่กล้าขยับตัวไปไหน



เพิ่งสำนึกได้ว่านี่บ้านคนอื่น จะเดินไปไหนมาไหนเองก็น่าเกลียด



ก็นั่นแหละ สุดท้ายก็ต้องเดินตามตัวสูงต้อยๆ



สุดท้ายก็หนีครามสมุทรไปไหนไม่ได้อยู่ดี







*****





 

คนตัวขาวนอนแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างอาบน้ำแบรนด์จากุซซี่สบายใจเฉิบ กลิ่นหอมๆ ของครีมอาบน้ำทำเอาฟองฟางแทบเคลิ้มหลับ



บอกตามตรงว่าตอนแรกก็ไม่คิดและไม่กล้าลงอ่างราคาแพงของครามสมุทรเลย แต่เพราะถูกเจ้าของบ้านหลังนี้บังคับมาไง ฟองฟางเลยปฏิเสธไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นตัวเองที่นอนเคลิ้มจนไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง



‘ลงไปแช่ในอ่างด้วย มันจะปรับอุณหภูมิในร่างกาย จะได้สบายตัว’



ไม่รู้ว่าทฤษฎีไหน แต่เสียงทุ้มๆ ที่ลอยอยู่ในหัวทำเอาฟองฟางหลุดหัวเราะคิกคักคนเดียว ก็นั่นน่ะคือประโยคแรกเลยที่ครามสมุทรพูดยาว



 

Kram: ชุดนอนอยู่ในห้องแต่งตัว

Kram: ฟอง

Kram: อย่าแช่น้ำนาน ขึ้นได้แล้ว

 



เหลือบตามองไอโฟนรุ่นใหม่ที่วางอยู่ขอบอ่างร้องแจ้งเตือน ระหว่างที่แชตของครามสมุทรเด้งขึ้นมาคำถามหนึ่งที่ฟองฟางคิดอยู่คนเดียวมาตั้งนานก็ผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง



เขาไม่ค่อยเข้าใจที่ครามสมุทรทำแบบนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าการที่พวกเขาได้คุยกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นครามสมุทรไม่แม้แต่จะสบตาฟองฟางมันหมายความว่ายังไง...เป็นเพราะอะไร



ตั้งแต่รู้จักกันเขากับอีกฝ่ายไม่เคยส่งข้อความหากัน และมื่อเช้าคือครั้งแรกที่ฟองฟางได้รับข้อความจากครามสมุทร



ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



แต่ยังไง...ครามสมุทรยังเป็นคนที่ทำให้ฟองฟางปั่นป่วนตลอด



ไม่ว่าจะกี่วันกี่เดือนก็ตาม



กึก กึก



“ฟอง”



“อ่าห๊ะ ป...แป๊บนะคราม!”



ฟองฟางสะดุ้งโหยง คนตัวขาวในอ่างจากุซซี่หันหน้าเลิ่กลั่กเพราะเสียงทุ้มๆ ของใครบางคนที่ดังจากข้างนอก ฟองฟางรีบลุกขึ้นจากอ่าง กระวนกระวายหาชุดคลุมตัวใหญ่มาสวมทับร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง เสียงบิดลูกบิดประตูดังแกร็กๆ จนฟองฟางตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าครามสมุทรมีอะไรจะพูดด้วยหรือเปล่าเลยรีบย้ำเท้าฉับๆ เดินไปประตูแต่ก็เสียหลักหงายท้องตึงเพราะพื้นห้องน้ำมันลื่น



“โอ๊ย!”



“ฟอง เป็นอะไร” ครามสมุทรบิดประตูพร้อมกับเคาะปึงปัง



“ไม่เป็นไร”



 เจ็บโคตร



ฟองฟางรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่หงายเงิบลงไปทั้งตัว มึนตึ้บเพราะหัวกระแทกกับพื้น ถึงจะไม่แรงถึงขึ้นสลบแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี



“คราม...ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ” พอเอื้อมมือเปิดประตูได้ก็เจอกับคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วยุ่งยังอยู่ในชุดนักศึกษาตัวเดิม ครามสมุทรมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมาจ้องหน้าฟองฟางเหมือนเดิม



“นึกว่าจมน้ำไปแล้ว”



“เราว่ายน้ำเป็น ไม่จมหรอก” ฟองฟางหัวเราะแหะๆ



อ่างก็ไม่ได้ลึกอะไรขนาดนั้นสักหน่อย



“แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร”



“...”



“เหมือนคนล้มกระแทกพื้น”



“...”



“...”



คนตัวขาวหลุดเอื้อมมือไปลูบสะโพกตัวเองปอยๆ หน้ามุ่ยเพราะรู้สึกปวดที่บริเวณนั้น



“ในห้องน้ำนั่นเลือดหรืออะไร”



ฟองฟางหันขวับตามตาคมๆ ของคนตัวสูง พอเห็นคราบเลือดสดๆ ที่เปื้อนพื้นอยู่หย่อมหนึ่งก็อ้าปากค้าง ฟองฟางรีบยกแขนยกขาตรวจดูว่าเป็นเจ้าของเลือดนั่นหรือเปล่า แต่ไม่ทันไรก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ศีรษะตอนที่ครามสมุทรใช้ปลายนิ้วมือแตะลงมาเบาๆ



“นี่ล้มหัวฟาดพื้นเหรอ” คนตัวโตกว่ายืนมองเลือดที่ติดปลายนิ้วเรียวสลับกับใบหน้าซีดๆ ของฟองฟาง



“เฮ้ย เรา...”



“เป็นอะไรทำไมไม่บอก”



“เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่”



“ทีงี้เถียงเก่ง”



เสียงดุๆ ทำเอาฟองฟางหน้าจ๋อย คนที่เลือดออกหัวได้แต่ยืนก้มหน้า ตอนแรกก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก เลยหลบสายตามองพื้นดีกว่ามองคนที่ชอบทำเสียงเข้มใส่



“แต่งตัวซะ เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาล”







*****





 

วันยุ่งๆ ของฟองฟางไม่รู้จะจบตรงไหน คงเหมือนกับฝนที่โปรยลงมาอยู่ตลอดเวลา ถึงจะได้ไม่ได้หนักมาก ไม่ได้เทกระหน่ำเหมือนพายุเข้า แต่มันก็ทำให้ใครสักคนที่ไม่ได้พกร่มแล้วออกไปยืนกลางสายฝนเปียกปอนได้



ตอนนี้เขานั่งอึนๆ มึนๆ อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา ฟองฟางเหมือนเด็กหายซ่าเพราะโดนเย็บที่หัวห้าเข็ม ตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วหมอกำลังเย็บแผลให้มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ออกจริงๆ เขากลัวเข็มมาก แทบจะร้องไห้ออกมาแล้วถ้าครามสมุทรไม่ช่วยปลอบ



ปลายนิ้วโป้งลูบหลังมือขาวของตัวเองเบาๆ หลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสัมผัสตอนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน ครามสมุทรจับมือเขาไว้ ลูบหลังมือนุ่มนิ่มมือด้วยมือหนาเบาๆ ลูบไหล่ปลอบโยนคนขี้กลัวให้สงบและหายสั่น



สัมผัสอุ่นๆ จากครามสมุทรช่วยบรรเทาให้ฟองฟางลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่



 ดวงตากลมๆ มองแผ่นหลังของผู้ชายที่แอบชอบตั้งแต่แรกเจอกำลังยืนรับยาให้ ฟองฟางยิ้มมุมปาก...ขอบคุณอะไรก็ตามในใจคนเดียวที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขามากขนาดนี้



“ฟอง” เจ้าของชื่อช้อนตามองคนที่ค่อยๆ สาวเท้าเข้ามา



ฟองฟางยิ้มเจื่อนให้คนตัวโตที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา ครามสมุทรแต่งตัวไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถกขึ้นแบบลวกๆ สวมรองเท้าแตะ adidas สีดำ ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือถุงยาถุงเล็กๆ ผมเส้นตรงของเขาชี้ฟูนิดหน่อยเพราะไม่ได้เซ็ต



อย่างกับนายแบบ



“เดินไหวมั้ย หรือจะนั่งวีลแชร์”



“ไหวๆ”



แต่ยังไม่ทันขาดคำฟองฟางก็แทบหน้าทิ่มพื้นเพราะรีบลุกจากโซฟาจนอาการปวดสะโพกกำเริบ



ครามสมุทรรีบโน้มตัวประคองเจ็บที่ทำท่าจะลุกขึ้น สอดแขนแกร่งไว้ที่หลังเล็กๆ...หน้าของฟองฟางแทบชิดกับแผ่นอกกว้างของครามสมุทรอยู่แล้ว คนตัวขาวพยายามเบี่ยงตัวออก ขยับเบาๆ เชิงบอกให้อีกคนปล่อยแต่ครามสมุทรกลับรั้งฟองฟางเข้ามาโอบไว้แน่นกว่าเดิม



“นี่คือไหว? เมื่อกี้หน้าเกือบทิ่ม”



“เราทรงตัวไม่ดีเอง”



“กอดเอวไว้ จะได้มีที่ยึดเวลาเดิน”



คนตัวขาวกัดริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ดื้ออะไรกับครามสมุทรมากไม่ได้แล้วเลยค่อยๆ กางแขนซ้ายเอื้อมไปจับชายเสื้ออีกข้างของครามสมุทร จับแบบไม่เต็มที่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะอึดอัด



แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาฟองฟางกลับได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ จากคนตัวสูง และในขณะเดียวกันครามสมุทรก็จับมือนุ่มๆ ของฟองฟางให้วางแหมะบนเอวของเขาแทนการจับชายเสื้อ



“กอดเอว ไม่ใช่จับเสื้อ”



“...”



“...”



“คราม”



“อือ...”



“ขอบคุณนะ”



“ขอบคุณอะไร”



“ทุกอย่างเลย”



ขอบคุณที่ทักแชตมาทั้งๆ ที่ฟองฟางคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้คุยกับครามสมุทรแบบนั้น

ขอบคุณที่เข้ามาคุยด้วย ขอบคุณที่ให้นอนแช่จากุซซี่

ขอบคุณที่ให้สารภาพความในใจ ถึงแม้ว่าตัวเองจะเมา และไม่รู้ว่าครามสมุทรจะโกรธหรือเปล่า

ขอบคุณจริงๆ ที่ ไม่ต่อยฟองฟางตอนที่เมาแล้วจับครามสมุทรมาจูบ



“อือ”



“...”



“ขอบคุณเหมือนกัน”



“ขอบคุณเราทำไม”



“ขอบคุณที่บอก”



ฟองฟางเงยหน้ามองคนสูงกว่า คิดว่าประโยคนั้นครามสมุทรยังพูดไม่จบเลยรอฟังต่อ แต่ก็ไม่...ครามสมุทรไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาแค่ประคองฟองฟาง พาคนเจ็บเดินออกจากโรงพยาบาลไปเงียบๆ เท่านั้น



ถ้าให้คิดเอาเอง...ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่เรื่องนั้นมั้ยที่ครามสมุทรขอบคุณฟองฟาง



เรื่องที่ฟองฟางเมาแล้วบอกความในใจออกไปจนหมด



มันจะใช่หรือเปล่านะ



“รอตรงนี้ เดี๋ยวขับรถมารับ”



“ขอไปด้วย รถครามจอดใกล้ๆ นี่เอง”



“ฝนตกอยู่ ไม่มีร่มด้วย”



“ก็เดินไปด้วยกันไง”



“รอตรงนี้”



คำสั่งสั่นๆ ที่ทำให้คนฟังแอบหน้ามุ่ยดังขึ้น สุดท้ายฟองฟางก็ต้องนั่งลงบนเก้าอี้แข็งๆ หน้าโรงพยาบาลเพราะครามสมุทรบังคับ



“ถ้าวิ่งได้จะให้ไปด้วยกันอยู่หรอก”



“...”



“รออยู่ตรงนี้แหละ แป๊บเดียว”



คนตัวโตวางมือบนหัวกลมๆ ของคนตัวขาว ออกแรงโยกเหมือนกำลังเอาใจคนป่วยที่เกือบจะยู่ปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้างอแงใส่เขา



“สัญญา” เสียงทุ้มๆ บอกแบบนั้นก่อนจะยื่นนิ้วก้อยรอให้เกี่ยว



“สัญญาอะไร”



“จะไม่ให้ฟองรอนาน”



ถึงจะไม่รู้ว่ารอที่อีกฝ่ายบอกมันมีความหายอะไรพิเศษไปกว่านั้นหรือเปล่า แต่ฟองฟางก็เงยหน้าพร้อมรอยยิ้ม ส่งนิ้วก้อยเล็กๆ ของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยเรียวยาวของคนตัวสูง



ครามสมุทรในตอนนี้ไม่ได้เย็นชาสำหรับฟองฟางแล้ว



“อื้อ...จะรอนะ”



แต่เป็นครามสมุทรที่โคตรจะอบอุ่นเลย



ครามสมุทรพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสาวเท้าวิ่งออกจากอาคารของโรงพยาบาล แผ่นหลังกว้างๆ นั่นน่ะอยู่ในสายตาของคนตัวขาวตลอด



ฟองฟางอมยิ้ม ตอนที่เห็นคลิปบ้าๆ นั่นเขากลัวผลลัพธ์ของการเมาแอ๋แทบตาย กลัวว่าครามสมุทรจะเกลียด กลัวไปหมดทุกอย่าง



แต่สิ่งที่กลัวมันไม่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ของการเมาไม่รู้เรื่องไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด กลับกัน มันเหมือนจะเป็นไปในทางดี...ยังไงก็ไม่รู้



ฟองฟางค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนที่ปอร์เช่สีดำคันหรูเคลื่อนขึ้นเนินหน้าอาคารโรงพยาบาลและจอดเทียบไว้แต่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์ คนเจ็บปวดร้าวไปทั้งเอวและสะโพกก็เคลื่อนไหวยากเป็นธรรมดา โชคดีที่ครามสมุทรรีบลงจากรถแล้วสาวเท้าตรงมาทางคนป่วย ช่วยประคองฟองฟางให้ลุกขึ้น มือหนาจับต้นแขนนุ่มเบาๆ สอดท่อนแขนแกร่งประคองแผ่นหลังคนป่วย



“ค่อยๆ เดิน”



“อื้อ”



“ให้อุ้มมั้ย”



“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดินได้ๆ”



ถ้าอุ้มจริงๆ ก็แย่แล้ว



กว่าจะขึ้นรถได้บอกเลยว่าลำบากมาก ฟองฟางรู้ชะตากรรมตัวเองว่ายังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องขาดเรียนถ้ามันยังไม่ดีขึ้น



ฟองฟางเป่าลมออกปากเบาๆ หลังจากที่เข้ามานั่งในรถได้สำเร็จ กุมมือขาวที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแขนยาวจนกินมือ จริงๆ มันคือเสื้อของครามสมุทร เสื้อตัวนี้ฟองฟางเคยเห็นเขาใส่ไปเที่ยวกับช็อปเมื่อหลายเดือนก่อน จำได้ดีเลยว่ามันพอดีกับตัวครามสมุทรมากๆ แต่พอมาอยู่บนตัวฟองฟางเองมันกลับใหญ่เกินตัว



“มันมียาที่ต้องกินก่อนนอน”



“อื้อ เดี๋ยวค่อยกลับไปกิน”



“กินตอนนี้ น้ำอยู่หลังรถ”



“อ่า โอเคๆ” ฟองฟางพยักหน้าพร้อมกับเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อหาน้ำตามที่ครามสมุทรบอก จับๆ คลำๆ อยู่พักหนึ่งก็เจอกับขวดน้ำขวดใหญ่เลยคว้ามากอดแนบอก



“พกน้ำขวดใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ”



“เปล่า เติมน้ำมันก็ได้แล้วทีละขวด”



“อ๋อ...” มือขาวหยิบซองยามาอ่านทีละซอง แต่เพราะว่าตอนนี้มันมืดเกินไปฟองฟางเลยต้องเพ่งและหามุมสว่างๆ เพื่อให้มองเห็นตัวอักษรที่อยู่บนซองยา



“ซองสีน้ำตาล เม็ดเล็กๆ สีส้ม กินหนึ่งเม็ด”



“อ่าห๊ะ”



“ซองใส ยาแก้ปวด เม็ดกลมๆ สีขาว กินสองเม็ด”



“อื้อ” หันไปยิ้มให้คนที่กำลังจ้องถนนข้างหน้า ฟองฟางหยิบซองยาตามและแกะเอาเม็ดยามาใส่มือตามที่ครามสมุทรบอก



ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ตอนแรกครามสมุทรก็ขับรถเร็วอยู่นะ เหมือนอยากให้ถึงบ้านเร็วๆ แต่พอฟองฟางทำท่าจะกระดกน้ำลงคอไปพร้อมกับยา เจ้าของปอร์เช่คันนี้ก็ลดความเร็ว และเปลี่ยนไปวิ่งเลนซ้ายแทนเลนขวา



ฟองฟางถามตัวเองในใจ ถ้าพูดขอบคุณออกไปอีกครั้ง คนฟังจะเบื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้



“ถ้าง่วงก็นอนไปก่อน” ครามสมุทรเหลือบตามองคนที่กินยาเสร็จแล้วแต่นั่งกอดนวดน้ำแน่น



“อยากนอนอยู่หรอก แต่นอนไม่ได้นี่สิ”



“ทำไม”



“ก็...มันจะทับแผลที่เย็บ” ฟองฟางชี้ไปตรงหลังศีรษะของตัวเองที่มีผ้าก็อซสีขาวแปะอยู่ ต่อจากนี้จนกว่าแผลจะหายเขาคงต้องนอนคว่ำหรือนอนตะแคงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นได้เจ็บรอบสองแน่ๆ



ฟองฟางอมลมจนแก้มป่อง หันมองคนตัวโตกว่าที่ควบคุมพวงมาลัยและขับรถไปตามถนนในกรุงเทพฯ มองลาดไหล่กว้างๆ ของคนนั้นที่ฟองฟางเคยคิดเอาไว้ว่าถ้าใครได้เป็นแฟนครามสมุทรคงเป็นคนที่น่าอิจฉามากๆ เพราะถ้าง่วงก็มีไหล่กว้างๆ นี่แหละให้ซบนอนหลับสบาย



“...”



“คราม”



“ครับ”



“ง่วงแล้ว”



“...”



“...ขอยืมไหล่หน่อยได้มั้ย” เอ่ยปากขอยืมไหล่อีกคนทั้งๆ ที่ไม่มีสถานะสำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด



ฟองฟางรู้ว่าตัวบ้ามากๆ แต่ไม่รู้สิ...มาถึงขนาดนี้ก็ควรลองเสี่ยง



ลองดูสักครั้งในฐานะอะไรก็ได้



“อือ เอาสิ”



“ขอบคุณนะ”



ในฐานะคนที่ชอบครามสมุทรข้างเดียวก็ได้

แค่ไม่ผลักไสกันก็พอ







*****





 

ปอร์เช่คันหรูเคลื่อนเข้าไปในบ้านเดี่ยวใจกลางกรุงเทพฯ บ้านที่ออกแบบให้เป็นสไตล์โมเดิร์นท่ามกลางบ้านหลังอื่นๆ ที่แทบจะเป็นคฤหาสน์ ใช่ เขาเบื่อบ้านหลังใหญ่ๆ จะแย่ เพราะว่าบ้านที่เป็นบ้านเกิดของเขาจริงๆ มันก็คือคฤหาสน์เหมือนกัน



โดยพื้นเพแล้วครามสมุทรเป็นคนภาคกลาง พ่อกับแม่เขาก็เป็นกรุงเทพฯ แต่เพราะว่าพวกท่านมีธุรกิจใหญ่ๆ อยู่ที่ภาคใต้เลยพากันย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด อยู่บนเกาะที่ชื่อว่าครามสมุทรในจังหวัดภูเก็ต 



ความจริงตอนนี้ครามสมุทรควรจะอยู่ที่ประเทศสเปนเพื่อเรียนต่อตามที่พ่อกับแม่อยากให้ไป แต่เขาอยากเรียนในไทยมากกว่า และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ครามสมุทรเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ตอนแรกเขาจะอยู่หอเล็กๆ กับช็อปเพราะมันใกล้มหา’ลัย แต่คุณแม่ก็ดื้อเหลือเกิน ท่านแอบซื้อบ้านบนที่ดินราคาสูงไว้ให้ครามสมุทรก่อนแล้ว



คุณแม่บอกว่าท่านเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวมาเป็นอย่างดี ลูกคนนี้ก็อยู่บ้านหลังใหญ่มาตั้งแต่เกิดเลยไม่สามารถทนเห็นครามสมุทรไปอยู่หอเล็กๆ ได้ เพื่อความสบายใจของคุณแม่เขาเลยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้...มันก็สะดวกกว่าอยู่หอเยอะเลยแหละ



 

ช็อปเปอร์: มึงนอนยังวะคราม

ช็อปเปอร์: คืนนี้กูแบกพวกไอ้ตี๋กับพวกพี่ๆ ไปนอนบ้านมึงได้ป่ะ

ช็อปเปอร์: เมาแอ๋ฉิบหายแล้วเนี่ย

ช็อปเปอร์: (send a photo)



 

ครามสมุทรเปิดดูภาพที่ช็อปส่งมา มันเป็นภาพกลุ่มเพื่อนของเขาเมาจนหมดสภาพ และรุ่นพี่อีกบางคนที่ยังพอมีสติอยู่แต่คงกลับบ้านเองไม่ไหว...อย่างที่บอก อยู่บ้านตัวเองมันสะดวกกว่า เพราะในบางครั้งเวลาที่เพื่อนอยู่ดื่มจนดึกกลับ หอไม่ได้ บ้านของเขามันก็ยังเป็นที่รับรองให้เพื่อนๆ มาอาศัยนอนได้



คนตัวสูงส่ายหน้าเบาๆ เหลือบมองคนที่ใช้ไหล่ของเขาเป็นหมอนนอนในรถ ฟองฟางขยับตัวเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ เหมือนเมื่อยเวลานอนแล้วอยากจะเปลี่ยนท่าแต่ก็เปลี่ยนไม่ได้



 

Kram: บ้านไม่ว่าง

ช็อปเปอร์: เวรละ

ช็อปเปอร์: แม่มึงมาหาเหรอวะ

Kram: เปล่า

ช็อปเปอร์: อ้าว อะไรของมึง

Kram: ไม่ว่างก็คือไม่ว่าง

ช็อปเปอร์: อ๋าาาา กูรู้ละ มึงซุกสาวไว้ใช่มั้ย

ช็อปเปอร์: ไม่เป็นไรก็ได้ครับพี่คราม

ช็อปเปอร์: แต่เดี๋ยวนี้เอาใหญ่ละนะ

ช็อปเปอร์: กูจะไลน์ไปฟ้องคุณญาดา

Kram: อือ

Kram: เดี๋ยวไลน์บอกคุณนภารัตน์เหมือนกันว่าลูกชายออกไปเมาทุกวัน

ช็อปเปอร์: สัด ห้ามฟ้องแม่กู

 



ครามสมุทรล็อกหน้าจอไอโฟนก่อนจะเก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เหลือบมองคนที่ตัวเล็กกว่านอนอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขายื่นมือออกไปทำท่าจะเขย่าปลุกคนที่หลับให้ตื่น แต่ก็ชะงักค้างไว้ มือหนาข้างนั้นวางลงบนแขนซ้ายของอีกฝ่าย...ครามสมุทรลูบท่อนแขนเล็กเบาๆ เหมือนกล่อมให้คนหลับฝันที่ดี



เขาปล่อยให้เครื่องยนต์ของปอร์เช่ทำงานอยู่อย่างนั้นในโรงจอดรถ ไฟในบ้านเปิดว่างเพราะไม่ได้ปิดตั้งแต่แรก ปล่อยให้ฟองฟางหายใจเข้าออกแผ่วเบาอยู่บนไหล่ทั้งๆ ที่ความจริงเขาสามารถปลุกให้อีกคนตื่นก็ยังได้



แต่ในวินาทีต่อมาครามสมุทรก็ดับเครื่องยนต์ ค่อยๆ ดันศีรษะกลมให้ออกจากไหล่อย่างอ่อนโยนแล้วจับพิงไว้กับเบาะฝั่งคนขับแทน



ครามสมุทรลงจากรถรีบไปเปิดประตูอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เขาโน้มตัวปลดสายเบลท์ออกจากตัวฟองฟาง ค่อยๆ ประคองคนป่วยไว้ในอ้อมกอดแล้วช้อนคนตัวเล็กด้วยแขนสองข้าง



คนตัวโตใช้เท้าดันประตูรถปอร์เช่ให้ปิดสนิท ครามสมุทรอุ้มและกอดฟองฟางอย่างทะนุถนอมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารู้ว่าฟองฟางปวดเอวกับสะโพก แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่จะสัมผัสสองจุดนี้ ทุกครั้งที่เขาก้าวขาเดินเข้าบ้าน เสียงคนเจ็บครางอื้ออึงก็ดังขึ้นเบาๆ



กระทั่งครามสมุทรก้าวเท้าขึ้นชั้นสองของบ้านได้สำเร็จ เขาเปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วอุ้มฟองฟางที่หลับตาขมวดคิ้วอยู่ในอ้อมกอดเข้าไปในนั้น วางคนป่วยลงบนเตียงนุ่มๆ ที่ครามสมุทรหวงนักหวงหนา สาบานได้เลยว่าเตียงนี้...เพื่อนสนิทอย่างช็อปก็ยังไม่เคยได้เฉียดตัวเข้าใกล้เลยสักนิด



“อื้อ...”



“เจ็บเหรอ”



“...”



เขารู้ว่าฟองฟางนอนหงายไม่ได้ เลยวางคนป่วยลงแล้วจับให้นอนตะแคง แต่เพราะว่าฟองฟางหลับไม่รู้เรื่องเลยพยายามพลิกตัวนอนในท่าที่สบายที่สุด ซึ่งมันก็เป็นท่านอนหงายที่จะกดทับแผลนั่นแหละ



ครามสมุทรรีบคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้หลวมๆ เขาย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างเตียงแล้วคว้าเอาหมอนข้างกับหมอนใบเดิมที่ใช้หนุนศีรษะประจำมาดันแผ่นหลังของฟองฟางไวไม่ให้นอนหงาย จะจับนอนคว่ำก็กลัวหายใจไม่ออก



“นอนดีๆ” บอกคนดิ้นเก่งแบบนั้นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มคนเดียว ครามสมุทรมองเข้าไปในห้องน้ำ เขาอยากเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อย แต่พอเห็นคนบนเตียงนอนดิ้นไปมาแบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ



ครามสมุทรขยับตัวขึ้นเตียง เอนตัวลงนอนข้างๆ ฟองฟาง หันหน้าหากัน แขนแกร่งข้างหนึ่งเอื้อมโอบแผ่นหลังบอบบางของคนป่วย รั้งให้ฟองฟางซบหน้าชิดอกกว้างของเขา และประคองแผ่นหลังนั้นไว้ไม่ให้ดิ้นพลิกตัวนอนหงาย



“ฮื่อ”



“อดทนหน่อย”



เขายิ้มให้กับคนที่ส่งเสียงครางอื้ออึงแผ่วเบาออกมา



“...”



“เดี๋ยวก็หายดีแล้ว”



ยิ้มให้กับคนป่วยที่หลับอยู่ในอ้อมกอด



“ฝันดีครับ”



ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่บอกความในใจกลางวงเหล้าในวันนั้น

ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่คว้าเขาไปจูบในวันนั้น...

ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่ทำเป็นในกล้าในวันนั้น...ทั้งๆ ที่ตัวสั่นแทบตาย

 










#ฟองฟางครามสมุทร




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2019 16:23:19 โดย Swanlee »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

{ yaoi } • Loud & Clear - 03 - up 5.1.62
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-01-2019 21:56:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
«ตอบ #10 เมื่อ05-01-2019 22:49:24 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
«ตอบ #11 เมื่อ05-01-2019 23:50:27 »

น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
«ตอบ #12 เมื่อ06-01-2019 00:05:46 »

หรือจริงๆแล้วครามแอบชอบอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่กล้าบอก

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 04 - up 6.1.62
«ตอบ #13 เมื่อ06-01-2019 10:46:19 »


04

เป็นภาพหนึ่งที่อยู่ในใจ

เป็นคำหนึ่งที่อยู่ในใจตลอดมา



 

เช้านี้ฟองฟางนั่งจุมปุ๊กกุมแผลตรงศีรษะด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ อาการปวดเอวกับสะโพกยังไม่หายแถมยังปวดรุนแรงกว่าเก่า ก็รู้ดีอยู่แล้วแหละว่ามันช้ำใน ความจริงวันนี้ฟองฟางจะหยุดเรียนอยู่แล้ว จริงๆ ครามสมุทรก็บังคับให้เขาหยุดด้วยแหละ แต่ฟองฟางดื้อด้านเอง



“โดนใครตีหัวมาวะฟอง”



“เปล่า กูลื่นล้มในห้องน้ำเฉยๆ” ตอบเสียงนิ่มๆ และส่ายหัวเบาๆ ให้แยมที่โยนกระเป๋าลงบนโต๊ะกลมข้างบีนแบ็กในหอสมุด ตอนนี้ฟองฟางซึมๆ มึนๆ เพราะอาการเจ็บหัว แต่เชื่อเถอะว่าแยมน่ะมึน ซึม แถมโทรมกว่าเขาเยอะ



“ห้าวววว”



“ปิดปากหน่อยแยม เป็นผู้หญิงแท้ๆ นะเนี่ย” บอกคนที่ล้มตัวลงนอนบนบีนแบ็กตัวกลมๆ เหมือนกับตัวที่ฟองฟางนั่ง แยมซุกตัวคล้ายดักแด้ให้บีนแบ็กห่อหุ้มตัวเอง ทำหน้าง่วงๆ สะลึมสะลือเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน



“ช่วงนี้มึงดูฮอตๆ”



“ใครนะ”



“มึงไง”



“กูเนี่ยนะ” ฟองฟางที่กำลังจะหยิบสมอลล์ทอล์กเสียบหูย่นคิ้ว



“เมื่อคืนที่กูไปร้านเหล้ากับไอ้ช็อป มีคนพูดถึงมึงเยอะเลย ไอ้ช็อปก็ด้วย นั่นน่ะตัวดี”



“คงพูดเรื่องนั้นแหละมั้ง”



“เรื่องไหนอ่ะ”



“เรื่องที่ไปจูบคราม...” ฟองฟางเม้มปากแน่น ก้มหน้าลงบนฝ่ามือนุ่มๆ แล้วร้องฮือออกมา ขัดใจตัวเองจริงๆ ภาพในคลิปนั้นมันยังลอยอยู่หัวไม่ยอมหายไปสักที



แปะ



แยมตีแขนฟองฟางแรงๆ แล้วถลึงตาใส่



“ไหนมึงบอกว่าจำไม่ได้ไง”



“จำไม่ได้จริงๆ”



“เหรอจ๊ะฟอง”



“จริงๆ ก็ไม่รู้เลย ถ้าพี่ซองไม่เอาคลิปมาให้ดูก่อน”



คนตัวขาวห่อไหล่ ทำหน้าจ๋อยในขณะที่แยมปิดปากหัวเราะ กระทืบเท้าเหมือนถูกใจอะไรสักอย่าง ไม่พอแค่นั้น ต้นแขนของเขายังถูกตีรัวๆ อีกด้วย



“เจ็บนะแยม”



“กูล่ะอยากจะหัวเราะเป็นภาษาตุรกี”



“หัวเราะมาสิ อยากฟังเหมือนกัน”



“พี่ซองเอาคลิปให้มึงดูตอนไหนวะ”



“เช้าเมื่อวานนั่นแหละ...อยากร้องไห้จะตายอยู่แล้ว”



“อ๋ออออ แต่มึงก็ยังแอ๊บทำเป็นไม่รู้”



“แล้วจะให้ทำไงอ่ะแยม”



“มึงควรจะรุกต่อหรือไม่ก็ขอโทษอะไรสักอย่างอ่ะ งี้ครามไม่กลัวมึงไปแล้วเหรอวะ”



“คงไม่หรอกมั้ง”



“ก็แหง มีปอร์เช่รับส่งขนาดนี้น่ะน้า”



ฟองฟางหันขวับมองเพื่อนสนิท กำลังจะขมวดคิ้วสงสัยแต่แยมก็เอานิ้วมาเขี่ยแก้มกลมๆ ของเขาซะก่อน อีกคนขยับตัวยื่นหน้ามากระซิบข้างๆ หู



“สงสัยครามจะชอบมึงว่ะ”



“ตลกมากมั้ย”



แยมยิ้มกรุ่มกริ่มเหลือบมองเพื่อนที่นั่งหน้าแดงก่ำ ฟองฟางเวลาเขินเป็นแบบนี้เลย แก้มแดงหูแดงไปหมด



“แล้วรู้ได้ไงว่าครามมาส่งกู”



“กูเพื่อนมึงนะไอ้ฟอง แล้วแหม ไอ้ปอร์เช่นี่ก็เสือกมีคันเดียวในมหา’ลัย ยังไงก็เป็นจุดเด่น...นู้นๆ มันเดินมานู้นแล้ว”



ฟองฟางมองตามเล็บยาวๆ สีแดงสดของแยมที่กำลังชี้ไปตรงทางเข้าหอสมุด เห็นเจ้าของปอร์เช่คันหรูกำลังใช้บัตรนักศึกษาแตะตรงประตูอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าระยะที่ครามสมุทรยืนอยู่จะไกลจากจุดที่ฟองฟางนั่งพอสมควรก็ตาม แต่ฟองฟางกับแยมก็สามารถมองเห็นคนตัวสูงชัด...เพราะเขาน่ะโดดเด่นกว่าใคร



“เดี๋ยวกูจะแกล้งหลับแล้วกัน แล้วดูดิว่าถ้าครามมันจะเดินมาคุยกับมึงมั้ย”



“ไร้สาระแล้วแยม”



“เอาหน่า แล้วมึงจะต้องขอบใจกู” บอกแบบนั้นแล้วแยมก็เอนตัวแกล้งหลับไป ปล่อยให้ฟองฟางนั่งห่อไหล่ถอนหายใจคนเดียว



มือขาวๆ เอื้อมหยิบหนังสืออะไรสักเล่มที่เขาไม่รู้จักมาเปิดบังหน้าตัวเองเอาไว้เพราะเมื่อกี้ตาคมๆ ของครามสมุทรน่ะจ้องมาทางนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ฟองฟางก็ไม่ได้เป็นจุดเด่นอะไรขนาดนั้น แต่ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าครามสมุทรหาเจอได้ยังไง



คนที่เอาหนังสือปิดหน้าหัวใจเต้นรัว เขาหาเหตุผลที่ยกหนังสือขึ้นมาปิดหน้าไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่คือการหลบหน้าครามสมุทร เขิน หรืออะไรกันแน่



ฟองฟางไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร



“ไง” เสียงทุ้มๆ ดังใกล้ๆ ทำเอาคนที่ยกหนังสือปิดหน้าสะดุ้งเบาๆ ฟองฟางยิ้มแหย เป่าลมออกปากก่อนวางหนังสือไว้บนตัก ช้อนตามองคนตัวสูงที่ยืนทำหน้านิ่งๆ



“หวัดดีคราม”



“ไม่มีเรียน?”



“อื้อ มีอีกทีตอนบ่ายเลย”



ครามสมุทรพยักหน้าเบาๆ ตาคมเหลือบมองแยมที่นอนอยู่ข้างๆ ฟองฟาง...คนนี้น่ะร้าย แกล้งหลับได้เนียนมากจนฟองฟางคิดว่าแยมหลับไปแล้วจริงๆ...



หรืออาจจะหลับไปแล้วจริงๆ ล่ะเนี่ย



“กินยาหรือยัง” เอ่ยเสียงเรียบๆ ถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ครามสมุทรยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เลิกคิ้วหนาๆ เล็กน้อย



“กินแล้ว”



“ขอดูยา”



ฟองฟางอ้าปากค้าง งงหน่อยๆ ที่จู่ๆ ก็จะมาขอดูยากันดื้อๆ แบบนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมก้มหน้างุดหยิบถุงยาในกระเป๋าเป้ พอครามสมุทรยื่นมือหนามากดดันให้ส่งถุงยาไปเร็วๆ ฟองฟางเลยต้องรีบหาเพราะมันถูกหนังสือเรียนทับเอาไว้



“...”



ยื่นถุงยาให้อีกฝ่ายในขณะที่ครามสมุทรโยนวางประเป๋าเป้ไว้บนบีนแบ็กอีกตัว คนตัวสูงก้มหน้าดูยาในถุงพร้อมกับค่อยๆ หย่อนตัวนั่งบนบีนแบ็กทรงสี่เหลี่ยมที่ว่างข้างๆ ฟองฟาง



“อือ ครบ”



“เราก็โตแล้วนะคราม”



“นึกว่ายังไม่โต”



“หลอกด่าอะไรเราหรือเปล่า”



ครามสมุทรไหวไหล่ ท่าทางนิ่งๆ เย็นชา พูดน้อยตามสไตล์ครามสมุทรทำให้รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของฟองฟาง การได้มองครามสมุทรในระยะใกล้ๆ มันทำให้คนที่ชอบอีกฝ่ายอย่างจริงใจอารมณ์ดีขึ้นมา



“เย็นนี้เลิกช้า ต้องซ้อมบาส”



“อ่อ...อื้อ” ผงกศีรษะเบาๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองรับฟังอยู่



ฟองฟางไม่รู้ว่าครามสมุทรจะบอกทำไม แต่ตอนนี้น่ะนะ หัวใจดวงน้อยๆ มันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ มันพองโตเพราะครามสมุทรชวนคุย



“รอมั้ย เดี๋ยวกลับพร้อมกัน”



ประโยคนั้นทำให้คนตัวขาวคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนค้างที่บ้านของครามสมุทร และวันนี้มันก็ต้องเป็นแบบนั้น...เป็นแบบนั้นไปจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับบ้าน



“ได้สิ เดี๋ยวรอในหอสมุดนี่แหละ แอร์เย็นดี”



“เดี๋ยวก็ไม่สบาย”



“แล้วครามจะให้เราไปรอที่ไหนล่ะ”



“โรงยิม”



“คนนอกเข้าได้เหรอคราม...หมายถึงคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬา”



“ได้”



“อ๋ออออ”



“ก็พวกแฟนของนักกีฬา”



“แค่กๆ”



เสียงทุ้มๆ กับประโยคเมื่อกี้ทำเอาฟองฟางสำลักน้ำลายตัวเอง คนตัวขาวยกมือขึ้นกาหน้าผากเบาๆ ยิ้มแหยมองครามสมุทรที่ยังคงทำหน้านิ่ง



“แล้ว...อย่างนี้เราไปรอครามจะดูไม่แปลกๆ ไปหน่อยเหรอ”



“แปลกตรงไหน”



“ก็...” มีแต่แฟนไปนั่งให้กำลังแฟน



แล้วฟองฟางจะไปนั่งให้กำลังใจครามสมุทรในฐานะอะไร



คนตัวขาวเม้มปาก ฟองฟางยังเป็นฟองฟางที่ประหม่าเสมอเวลาได้อยู่ใกล้ครามสมุทร



“ก็อะไร”



“ไม่รู้ ลืมแล้ว”



“อือ”



“...”



“ไม่เห็นแปลก ไปนั่งให้กำลังใจแปลกตรงไหน”



“ให้กำลังใจครามเนี่ยนะ”



“อือ”



“...ระดับครามน่าจะมีคนให้กำลังใจเยอะแล้วมั้ง”



ก็เขาหล่อมากๆ ขนาดนี้



“แต่ก็เลือกคนให้กำลังใจ”



“...” อีกครั้งที่ครามสมุทรทำให้ฟองฟางต้องขมวดคิ้วแล้วเอียงหน้าแบบคนงงๆ



ก็งงจริงๆ เพราะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมามันมีความหมายลึกๆ ว่าอะไร



“บอกให้ไปก็ไป จะได้รีบซ้อมรีบกลับบ้านพร้อมกัน”



“อื้อ ได้”



“ต้องไปล้างแผลด้วย”



“อื้อ ได้”



ฟองฟางหัวเราะเบาๆ ตอนที่ครามสมุทรหันมามองพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งๆ



แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขานั่งคุยแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน แบบที่ไม่มีคำว่าอึดอัดอยู่ในอกของฟองฟาง



และไม่มีความเย็นชา นิ่งเรียบ อยู่บนใบหน้าของครามสมุทร



“อือออ แล้วนี่ช็อปไม่มาด้วยเหรอ”



“ถามหามันทำไม”



“ก็คู่หูดูโอ้ไง เห็นครามที่ไหนของเห็นช็อปที่นั่น”



“ชอบมันหรือไง”



“เฮ้ย! เพื่อนกัน” คนตัวขาวตอบเสียงแข็ง ใส่ความจริงจังเข้าไปร้อยเปอร์เซ็นต์ในคำตอบ



ไม่มีทางแน่ๆ ที่เขาจะชอบช็อป เพราะคนที่เขาชอบมากๆ และไม่รู้ว่าจะเลิกชอบได้เมื่อไหร่นั่งอยู่ข้างๆ กันตรงนี้แล้วไง



“มันเมาค้าง”



“อ๋อออ” พยักหน้าหงึกๆ ตามเสียงของครามสมุทรก่อนจะก้มหน้าวุ่นวายกับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าที่ดังรัวติดกัน



ฟองฟางหันมองแยมที่นอนอยู่ข้างๆ รายนั้นผงกหัวแอบมองครามสมุทร ทำตัวลีบๆ เล็กๆ แล้วใช้ฟองฟางเป็นที่บังไม่ให้ครามสมุทรเห็นว่าตัวเองแกล้งหลับ ยิ้มแยงฟันให้ฟองฟาง ส่วนมือนี่ก็กดพิมพ์ข้อความยิกๆ



 

Yammy: เดี๋ยวววว กูตกข่าวไรป่ะวะ

Yammy: วันนี้กลับพร้อมกันคือไรอ่ะน้องฟองงงง บอกกูหน่อยเดะ



 

“เย็นนี้อยากกินอะไร” จู่ๆ คนที่นั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้น ฟองฟางหันขวับส่งสายตาอ้อนๆ ขอให้เขาเงียบ แต่ครามสมุทรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี



 

Yammy: หืออออ คือไรอ่ะคะ พี่แยมไม่เข้าใจเลย @_@

Yammy: แดกข้าวเย็นด้วยกันเหรอครับ พัฒนากันเร็วจังวะ



 

“อยากกินนอกบ้านหรือซื้อไปกินที่บ้าน”



“ด...เดี๋ยวคราม”



 

Yammy: ไอ้เหี้ยฟ๊องงงง

 



“ไม่รู้ว่ากว่าจะล้างแผลเสร็จนานหรือเปล่า”

ฮือ ก็บอกว่าเดี๋ยวก่อนไงคราม

“แวะกินข้าวก่อนไปโรงพยาบาลมั้ย”

 



Yammy: เอ้อ ว่าแต่

Yammy: วันนี้มึงใส่เสื้อตัวโคตรใหญ่เลยว่ะ

Yammy: เหมือนไม่ใช่เสื้อมึงอะไรแบบนี้

Yammy: ตอบกูมาซะดีๆ

Yammy: มึงกับครามคืออะไรยังไง



 

“ฟอง สรุปยังไง”



“เออ นี่เสื้อคราม เมื่อคืนไปนอนบ้านครามมา แยมพอใจยัง”



“...”



แล้วก็ต้องเบิกตากว้างหันหน้ามองครามสมุทรที่เอาลิ้นดุนข้างแก้มมองมาที่เขานิ่งๆ คนหลุดปากตอบคำถามแยมทำหน้าอยากจะร้องไห้ สาบานจริงๆ ว่าเขาไม่ได้อยากจะพูดคำคำนั้นออกจากปาก ฟองฟางจะพิมพ์ตอบแยมต่างหาก แต่ว่าครามสมุทรดันย้ำถามพอดีเลยพลั้งปากบอกออกไปแบบนั้น



“แยมนอนอยู่ไม่ใช่เหรอ” ครามสมุทรเอียงหน้าถาม เลิกคิ้วเหมือนงงว่าเมื่อกี้ฟองฟางคุยกับใคร



ก็นั่นแหละ ฟองฟางพลาดแล้วพลาดเลย



แต่คนที่โคตรเนียนนี่ดิ...นั่งปิดปากหัวเราะคิกๆ ใส่เขาจนสาแก่ใจไปแล้วมั้ง



 

Yammy: เข้าใจแล้วจ้า

Yammy: ยืดอกพกถุงด้วยนะน้องฟาง พี่แยมเป็นห่วง งื้อ

.ff: เงียบไปเลยนะแยม!

Yammy: คึคึคึคึคึ



 

“ปวดหัวเหรอ”



“เปล่าคราม”



“อือ”



ฟองฟางนั่งกุมขมับ ไม่ใช่เพราะปวดหัวหรืออะไร แต่มันเป็นอารมณ์ที่รู้สึกพลาดอย่างรุนแรงเหมือนตอนที่ฟองฟางไปเมาแล้วไปจูบครามสมุทรอย่างนั้นเลยแหละ



และนั่นก็เป็นอีกวันที่โคตรจะวุ่นวายสำหรับฟองฟางเลยจริงๆ

 





*****







“เรียนไม่ทันละแม่ง หยุดไปสองอาทิตย์เหมือนหายไปเป็นชาติ ซิ่วดีเปล่าวะ”



“เออหน่า ที่หยุดๆ ไปไม่มีอะไรมากหรอก เรียนแค่พื้นฐานตอนม. หก เอง”



“แต่กูไม่รู้เรื่องแล้วไง มึงเข้าใจกูมั้ยฟอง”



“อืออออ รู้แล้วๆ บ่นเยอะจริง” พยักหน้าหงึกๆ ตามที่มัทพูด



มัทนี่ก็เพื่อนสนิทของฟองฟางกับแยมตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียนคณะสาขาเดียวกัน แต่ใจจริงมัทสนใจพวกหมอๆ อะไรทำนองมากกว่า แต่ไหงมาลงเอยคณะวิทยาศาสตร์สาขาคณิตศาสตร์ก็ไม่รู้



“ความจริงกูยังอยากหยุดเพิ่มอยู่เลย แต่หยุดไปก็นั่งๆ นอนๆ ว่ะ”



“หายก็มาเรียนอ่ะดีแล้ว” ต่อยแขนมัทที่ทำหน้ายุ่ง รายนั้นหยุดเรียนกะทันหันเพราะต้องผ่าตัดไส้ติ่ง



วันนี้ฟองฟางเลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่ง เลิกเรียนพร้อมกับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนน่านอนแบบนี้ ฟองฟางหัวเราะเบาๆ ให้กับคนป่วยที่ต้องเดินไปส่งเขาถึงโรงยิมเพราะเป็นคนที่ชำนาญทางที่สุด



“แล้วนี่มึงมีธุระอะไรที่โรงยิมวะฟอง”



“ไปดูครามซ้อมบาส”



“เพิ่งกล้าไปดูมันซ้อมเอาตอนใกล้แข่งแล้วนี่นะ”



“เอาหน่า น่าดูกว่าตอนที่มัทร่วมทีมด้วยเยอะเลยอ่ะ”



“เดินไปเองเลยไป”



ถูกคนสูงกว่าอย่างมัทดันหลังให้เดินไปเอง แต่ฟองฟางหัวเราะจนตาหยี ทำตัวอ่อนปวกเปียกแล้วหันไปดึงมือเพื่อนสนิทที่ทำหน้างอ



มัทถูกคัดเลือกให้เป็นตัวจริงในการแข่งบาสภายในของมหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนจากคณะวิทยาศาสตร์เหมือนๆ กับครามสมุทรและช็อป แต่ก็ต้องถอนตัวเพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะเล่นกีฬาได้



“โอ๋ อย่าโกรธน้ามัททท”



“กูล่ะเกลียดตาแบ๊วๆ ของมึงจริงเล้ย” สุดท้ายก็คว้าคอฟองฟางมาล็อกไว้แน่น เคาะเหม่งคนพูดมากไปหนึ่งทีแรงๆ จนฟองฟางร้องออกมา



“อย่าทำแรงดิมัท เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย”



“ขอโทษๆ”



ก็เล่นกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ฟองฟางกับแยมมักถูกมัทแกล้งบ่อยๆ หรือไม่แยมกับฟองฟางก็รวมหัวกันแกล้งมัทเอง



มัทคลายแขนที่ล็อกหัวฟองฟางออกปล่อยให้อีกคนที่เตี้ยกว่าเดินสบายๆ สักที  ที่ยอมปล่อยไม่ใช่อะไรหรอก นู้น...แฟนโทรมาต่างหาก



ฟองฟางปล่อยให้มัทคุยกับแฟนที่เรียนอยู่คนละมหาวิทยาลัยในขณะที่พวกเขาเดินมาถึงโรงยิมแล้ว ฟองฟางเงอะๆ งะๆ ชะโงกหน้ามองเข้าไปในนั้นแล้วก็ต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอก



เมื่อกี้เห็นเต็มๆ เลย ร่างสูงๆ ของครามสมุทรที่มีเหงื่อไหลเต็มเสื้อนักศึกษาจนเปียก



โคตรเท่...



“เข้าไปดิ” มัทกระแทกหลังฟองฟางเบาๆ แต่เจ้าตัวส่ายหน้ารัว



“ไปด้วยกันดิ”



“กิ๊กมันนัดกูไปแดกข้าว นี่กูก็สายเพราะมึงมากแล้วนะฟอง”



“โห่”



“เนี่ย มันงอแง”



“งืออออ กิ๊กกก ขอยืมตัวมัทแป๊บเดียวจริงๆ”



ตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์จนได้ยินเสียงเล็กๆ หัวเราะดังออกมา ฟองฟางฉีกยิ้มจนตาหยีเป็นอันรู้กันว่ากุ๊กกิ๊กอนุญาตให้แฟนสุดหล่อคนนี้เข้าไปส่งเขาถึงในโรงยิมได้



มัทเลยทำหน้าเบื่อๆ ดันหลังฟองฟางพาเดินเข้าไปข้างใน เดินหลบๆ ตรงริมสนามเพราะตอนนี้กำลังมีนักกีฬากลุ่มหนึ่งซ้อมอยู่



ตากลมๆ โฟกัสไปที่ร่างสูงโดดเด่นของครามสมุทรเป็นอย่างแรก อมยิ้มเขินๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองแอบชอบเสยผมสีดำสนิทขึ้นแบบลวกๆ



หล่อจริงๆ



รู้สึกภูมิใจแทนพ่อแม่เขาเลยที่มีลูกทั้งหล่อทั้งเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้



ครามสมุทรยืนเท้าเอวแล้วชู้ตบาสลงห่วงด้วยมือข้างเดียว ตาคมๆ ของเขามันเข้ากับจมูกโด่งอย่าไร้ที่ติ ปลายจมูกครามสมุทรขึ้นสีแดงหน่อยๆ อาจจะเพราะร้อนจากการซ้อมจนเหงื่อตก ผิวขาวๆ รับกับสีแดงที่ปลายจมูกเขามาก ยิ่งคนตัวสูงยืนหอบหายใจด้วยแล้ว มันยิ่งดูคันใจจนอยากควักออกมาเกา



“กูไปละ”



“เดี๋ยวมัท” เกาะแขนคนที่สูงกว่าแล้วส่งสายตาอ้อนๆ



“อะไรอีกคะน้องฟอง” แต่จู่ๆ ไอ้เพื่อนบ้าก็ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ ไม่พอแค่นั้น มัทยังยกมือลูบโครงหน้าเรียวกับแก้มป่องๆ ของฟองฟางอีกต่างหาก



“ไอ้มัท”



“พูดกับพี่มัทไม่เพราะเลย เมื่อกี้หนูยังอ้อนพี่อยู่เลยนี่คะ”



“ไอ้บ้า! เดี๋ยวคนเข้าใจผิด”



“ฮ่าๆๆๆๆ มึงนี่ตลกว่ะ”



ปัดมือหนาๆ ของมัทออกไปได้ก็ทำตาขวางใส่ ส่วนไอ้คนที่ชอบมาลูบหัวต่อหน้าคนเยอะๆ นี่ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอก แค่เอามือซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเท่ๆ ออกไป



ฟองฟางลูบผมตัวเองเบาๆ พยายามปรับสีหน้าที่มู่ทู่ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ กวาดตามองหาที่นั่งว่างๆ บนอัฒจันทร์ แต่ทว่าสายตาของฟองฟางกลับเหลือบไปเห็นคนคนนั้นที่เขามาหา ฟองฟางชะงักแล้วโบกมือหยอยๆ ให้คนตัวสูงที่ยืนเดาะบาสอยู่กับที่ ครามสมุทรไม่ได้โบกมือกลับ ใช่ อย่างนั้นถูกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายโบกมือกลับมาฟองฟางคงใจสั่น



แต่ที่ไม่ปกติคือสายตาของคนที่อยู่ในสนาม ฟองฟางสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่างจากตาคมของเขา ครามสมุทรในตอนนี้เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ยิ่งแขนเสื้อที่พับขึ้นถึงศอก กับชายเสื้อที่หลุดออกนอกกางเกง กระดุมเม็ดบนที่ถูกปลดออกถึงสามเม็ดมันทำให้เขาดูดุดัน ดูน่ากลัวยังไงแปลกๆ



ฟองฟางถอนหายใจเบาๆ แล้วหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่นานเท่าไหร่คนที่ยืนขรึมทำหน้าโหดอยู่กลางสนามก็ทิ้งลูกบาสแล้วเดินดุ่มๆ ขึ้นมาหาเขา



ครามสมุทรไม่พูดพร่ำอะไร เดินมาถึงก็ล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงให้ฟองฟาง พอทำหน้างง ไม่ยอมรับโทรศัพท์มาถือสักทีคนตัวโตเลยดึงมือเล็กๆ แล้วจับแบ ก่อนจะยัดไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดลงไปในมือของฟองฟาง



“อะไรเนี่ยคราม”



“ฝากโทรศัพท์หน่อย”



“กระเป๋าครามก็มีไม่ใช่เหรอ”



“มี”



“แล้วไม่เอาไปใส่ในกระเป๋าล่ะ”



“เดี๋ยวหาย”



“...”



“ถ้าแม่โทรมาก็รับให้ด้วย”



“เฮ้ย! เดี๋ยวดิคราม”



ครามสมุทรเดินหนีฟองฟางลงไปที่สนาม ปล่อยให้ฟองฟางนั่งอ้าปากค้างถือไอโฟนเครื่องใหญ่ไว้ในมือ จะเอาไปคืนก็ไม่ได้ เพราะเหมือนว่าโค้ชจะปรบมือเรียกตัวนักกีฬาแทนการใช้นกหวีด ฟองฟางเลยได้แต่นั่งแกร่วอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมง







*****







 

นึกว่าคุณแม่ของครามสมุทรจะโทรมาจริงๆ แต่จนแล้วจนเล่าไอโฟนของครามสมุทรก็เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงแจ้งเตือนแชต หรือแอพพลิเคชั่นใดๆ



จนกระทั่งตอนนี้ที่นั่งอยู่ปอร์เช่ โทรศัพท์ครามสมุทรก็ยังไม่มีการแจ้งอะไรทั้งนั้น



“สรุปจะกินอะไร”



“ครามอยากกินอะไรล่ะ”



“ได้หมด”



“เลี้ยงเหรอ” ทำหน้าทะเล้นแบบที่ชอบทำให้แยมกับมัทดู ก็มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว เวลาที่อยู่กับใครจนสนิทฟองฟางมักจะทำแบบนี้



“ก็เลี้ยงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”



“หูย ป๋ามาก”



กับครามสมุทรไม่รู้ว่าเรียกว่าสนิทได้หรือยัง แต่ยังไงดี...ฟองฟางแฮปปี้ที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟองฟางทำตัวสบายๆ กับเขาได้ล่ะมั้ง



“ห้างมั้ย พวกฟู๊ดคอร์ดง่ายๆ หรือร้านตามสั่งก็ได้”



“หน้าซอยบ้านมีร้านอาหารจีน”



“ครามจะกินร้านนั้นเหรอ”



“ฟองกินอาหารจีนได้ใช่มั้ย”



“ของชอบเลยอ่ะ อยากกินหม้อไฟร้อนๆ” บอกแบบนั้นแล้วก็หันไปยิ้มแยงฟันขาวๆ จนตาหยีให้



แล้วก็เป็นเหมือนเดิม คือไม่มีใครจะพูดอะไร  ฟองฟางที่ยังคาใจเรื่องโทรศัพท์ของครามสมุทรหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง อยากรู้ว่าที่มันเงียบขนาดนั้นทั้งๆ ที่ก็เปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นเพราะอะไร ฟองฟางเลยลองทดสอบด้วยการ....



 

.ff: (ส่งสติ๊กเกอร์หมีลูบพุง ทำหน้าหิว)

 



ตึ่ง ดึ้ง!



 

“เล่นอะไรฟอง”



“เฮ้ย! ทำไมเราส่งไปแล้วมีเสียงแจ้งเตือนอ่ะ”



“...”



“นี่นั่งจับไอโฟนครามตั้งสองชั่วโมงยังไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอะไรเลยนะ”



“ก็ปิดไว้หมด”



“ปิดการแจ้งเตือน?”



“อือ”



“อ้าว...แล้วทำไมพอเราส่งสติ๊กเกอร์มันถึงดังล่ะ”



“...”



ครามสมุทรที่กำลังเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ตอบอะไร ส่วนฟองฟางก็นั่งงงตาแป๋วแบบนั้นจนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงพยาบาล



“ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ บอกเขาว่ามาล้างแผล”



“แล้วครามล่ะ”



“ไปหาที่จอดรถก่อน มีอะไรก็แชตมา”



“จะตอบเหรอ”



“ตอบสิ”



ครามสมุทรใช้หลังมือถูปลายจมูกเบาๆ



“ก็ไม่ได้ปิดเสียงแจ้งเตือนฟองไว้”



ครามสมุทร vs ฟองฟาง

1-0

 

 









#ฟองฟางครามสมุทร

 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2019 16:23:49 โดย Swanlee »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
«ตอบ #14 เมื่อ06-01-2019 11:55:46 »

ช็อตนี้คือจิกหมอนเขินแหล่วววว

ออฟไลน์ YYuiiiiuYY

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
«ตอบ #15 เมื่อ06-01-2019 12:31:49 »

เขินจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วค่าาา
 :-[

คุณนักเขียนสร้างน้องงงงมาให้รักอีกแล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
«ตอบ #16 เมื่อ06-01-2019 14:13:14 »

ช็อตนี้คือตายอ่ะ ไม่ใช่แค่ฟองนะเราด้วย

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 05 - up 10.1.62
«ตอบ #17 เมื่อ10-01-2019 10:06:27 »




05



ไว้ใจตัวเองไม่ได้เลย

ถลำลึกไปถึงไหน...ก็ตามใจตัวเองตลอด




 

Mutt: ฟอง

Mutt: กูเห็นพ่อกับแม่ลงรูปเซลฟี่ที่เขาค้อในเฟซ

Mutt: งี้มึงก็อยู่บ้านคนเดียวอ่ะดิ

.ff: มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ

Mutt: งั้นกูไปหาได้ป่ะ

.ff: ไม่ได้

.ff: ไม่ได้อยู่บ้าน

.ff: ลืมกุญแจบ้านไว้ในบ้านมั้ง เข้าบ้านไม่ได้เลยเนี่ย

Mutt: เอ้า แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ

.ff: (send a photo)

.ff: บ้านครามสมุทร

Mutt: โอ้โห ไอ้เชี่ยฟองฟางงงง

Mutt: พ่อแม่ไม่อยู่หอบผ้าหอบผ่อนไปนอนบ้านผู้ชายเหรอมึง

Mutt: ผมนี่รูดก้านมะยมรอเลยครับ

Mutt: กูต้องไปบอกไอ้แยม ให้มันมาตีก้นมึง

.ff: ดีเลย์ว่ะมัท แยมอ่ะรู้คนแรก

 

“กินยา”



กำลังนั่งยิ้มกับจอโทรศัพท์อยู่ดีๆ เสียงทุ้มนุ่มของเจ้าบ้านหลังนี้ก็ดังขึ้น ฟองฟางละสายตาจากไอโฟนแล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนเช็ดผมอยู่ตรงบันไดบ้าน จู่ๆ ไอ้อาการหน้าร้อนก็ผุดขึ้นทันทีเมื่อเห็นอีกคนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำเงิน ครามสมุทรไม่ได้ทำอะไรหวือหวาเลยสักนิด...แต่บอกตามตรงว่าแค่นี้ก็แย่แล้ว



“กินแล้ว”



“กินแล้วก็ขึ้นไปนอน”



“มันยังไม่ดึกนี่นา”



“ตามใจ”



“ครามจะนอนแล้วเหรอ” ถามอีกคนพร้อมกับทำหน้าสงสัยแบบสุดๆ



ฟองฟางไม่รู้ว่าปกติแล้วครามสมุทรนอนกี่ทุ่ม...ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว



ตอนแรกฟองฟางก็นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องของครามสมุทรดีๆ อยู่หรอก แต่พอได้ฟังเสียงน้ำไหลจากเรนชาวเวอร์ลงสู่พื้นในตอนที่ครามสมุทรกำลังอาบน้ำแล้วสงบจิตสงบใจไม่ให้ตัวเองคิดอะไรไกลแต่ก็ทำไม่ได้ ไอ้อาการหน้าเห่อร้อนแดงก่ำเนี่ยมันปรากฏขึ้นทันดีทันใดจนสุดท้ายฟองฟางก็ย้ายตัวเองลงมานั่งเล่นโทรศัพท์ข้างล่างแทน



“อือ วันนี้ง่วง”



“งั้นนอนเลยก็ได้ แต่ครามต้องเช็ดผมให้แห้งก่อนนะ”



“ปกติแค่หมาดก็นอนได้แล้ว”



“เฮ้ย ไม่ได้สิ” ฟองฟางลุกขึ้นจากโซฟา รีบสาวเท้าตรงไปหาคนตัวสูงที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย “เดี๋ยวจะปวดหัวเอา ผมครามยิ่งหนาๆ อยู่ด้วย”



ครามสมุทรยืนจ้องหน้าเขานิ่งๆ จนคนที่กำลังคุยจ้อชะงัก



“ขอโทษนะถ้าทำให้อึดอัด” แล้วก็รีบรูดซิปปิดปากทันที



ฟองฟางก็คิดไปเองแล้วว่าครามสมุทรคงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตของเขา ยิ่งตัวเองไม่ได้เป็นอะไรกับครามสมุทร มันคงตลกน่าดูที่ฟองฟางจะไปก้าวก่ายเรื่องของอีกฝ่าย



พลาดอีกแล้ว…



“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ครามสมุทรเหลือบมองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา “จริงๆ ก็อยากให้มันแห้งเร็ว แต่ง่วงนอนก่อนตลอด”



“อ้อ...”



“ถ้ามีคนเช็ดให้ก็น่าจะดี”



“...”



“ฟองง่วงหรือยัง”



“...จริงๆ ก็ยังนะ”



“อือ”



ฟองฟางเม้มปาก ขยับเท้าเดินขึ้นบันไดให้สูงกว่าอีกคนหนึ่งขั้น เขาอยากทดลองสูงกว่าครามสมุทรมานานแล้ว อยากรู้ว่ามุมมองของคนสูงมันเป็นยังไงเวลาที่ต้องก้มมองคนสูงน้อยอย่างเขา แต่สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าจะขยับตัวขึ้นไปยืนสูงกว่าตั้งหนึ่งขั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ฟองฟางสูงกว่าครามสมุทรเลย แค่สูงเกือบจะเท่ากันเท่านั้นเอง



“งั้นเช็ดให้หน่อย ผมจะได้แห้งไวๆ”



บอกแบบนั้นแล้วก็วางผ้าขนหนูสีขาวแหมะบนหัวของฟองฟางก่อนจะหมุนตัวก้าวขาฉับๆ เดินขึ้นบันไดไม่สนใจคนที่เงยหน้ามองตามอ้าปากเหวอด้วยความประหลาดใจ



ฟองฟางกลั้นยิ้ม หน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงจัด หัวใจดวงน้อยๆ ของฟองฟางเต้นระส่ำเพราะคนคนนั้นที่เขาแอบชอบ...



รู้สึกว่ามันจะเต้นแรงกว่าเดิมด้วยมั้ง

เขาทำให้ชอบมากๆ....จนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว







*****





 

“ไม่มีไดร์เป่าผมเหรอ”



“อือ”



“พัดลมล่ะ”



“อยู่อีกห้อง”



“เอามาเป่าผมมั้ย จะได้แห้งเร็วๆ”



“ไม่เอา”



“...”



“ไม่ชอบ”



ฟองฟางปากคว่ำอยู่บนที่นอนของครามสมุทร มือเล็กขาวๆ ถือผ้าขนหนูคอยยีเส้นผมของครามสมุทร นี่ก็ไม่รู้ว่าจะแห้งเมื่อไหร่เหมือนกัน...ฟองฟางนั่งยีจนปวดมือแล้ว



ผมครามสมุทรค่อนข้างหนา ถ้าให้เช็ดด้วยผ้าขนหนูอย่างเดียวคงไม่แห้งสนิทเท่ากับเป่าด้วยไดร์หรือพัดลม แต่คนตัวสูงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นส่ายหัวไม่เอาอะไรสักอย่าง ฟองฟางเลยต้องนั่งยีผมเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ



“ความจริงมันก็หมาดๆ แล้วนะ นี่ถ้านั่งเล่นสักพักคงแห้งพอดี” ฟองฟางหยุดยีผมแล้ววางผ้าขนหนูไว้บนที่นอนตัว นั่งยืดตัวตรงมองแผ่นหลังของครามสมุทรอยู่อย่างนั้น



“คราม...เราเลิกเช็ดแล้วนะ”



เอานิ้วชี้จิ้มไหล่แข็งๆ ของอีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหืออืออะไรกลับมา ฟองฟางเลยโน้มตัวชะโงกมองเสี้ยวหน้าของครามสมุทร



ในระยะที่ใกล้กันขนาดนี้...คนตัวขาวรีบกลั้นลมหายใจจนหน้าแดงก่ำเพราะไม่อยากให้ลมหายใจอุ่นๆ ของตัวเองไปกระทบกรอบหน้าของเขา



ครามสมุทรหลับตา...เรียกไม่ตอบแบบนี้น่าจะหลับอยู่



“คราม...” ฟองฟางแอบมองขนตากับรับกับเปลือกตาของอีกคน



บอกไม่ถูกเลย ครามสมุทรมีเครื่องหน้าที่ดีมาก ใบหน้าของเขาดึงดูดให้ใครต่อใครหยุดมองเหมือนโดนมนต์สะกด รู้อยู่แล้วว่าเขาหล่อมาก...รู้แต่ก็ยังจะชมครามสมุทรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ



หน้าของเขาไม่มีสิวสักเม็ด ขนาดมองระยะประชิดขนาดนี้ยังไม่เห็นรูขุมขน มีแค่เคราเขียวๆ ตรงจอนผมเป็นตอที่น่าจะจั๊กจี้น่าดูถ้าไปสัมผัสมัน



“มองอะไร”



“เฮ้ย!”



จู่ๆ คนที่คิดว่าหลับอยู่ก็หันขวับมองฟองฟางที่ยื่นหน้าอยู่ใกล้ๆ ปลายจมูกโด่งของครามสมุทรเฉียดเข้ากับจมูกงุ้มสวยจนฟองฟางสะดุ้งเด้งตัวหนี คนผิวขาวเม้มปากแน่น ยกมือกุมจมูกพร้อมกับเบิกตากว้าง



“น...นึกว่าหลับแล้ว”



“เปล่า”



“เราเรียกตั้งหลายครั้งไม่เห็นครามตอบ ก็คิดว่าไม่ได้ยินซะอีก”



“ได้ยิน”



“ได้ยินแล้วไม่ตอบอ้าาา” ลากเสียงยาวๆ เหมือนที่ชอบทำเวลาอยู่กับมัทและแยม เวลาขัดใจอะไรมากฟองฟางก็เป็นแบบนี้แหละ มีมุมเด็กๆ ให้คนมองอมยิ้มตลอด



และตอนนี้ครามสมุทรกำลังอมยิ้มอยู่



คนแอบมองกุมอกข้างใจที่เต้นรัวเบาๆ...ใจสั่นที่เห็นครามสมุทรอมยิ้มพร้อมๆ กับตกใจกับเรื่องเมื่อกี้จนปรับอารมณ์ไม่ถูก อ่า...นี่ถ้าเมื่อกี้ฟองฟางเด้งตัวออกไม่ทันจมูกของครามสมุทรคงจะสัมผัสโดนจมูกฟองฟางไปเลยเต็มๆ



แล้วไอ้ภาพบ้าๆ ที่เขาไปจูบครามสมุทรก็ผุดขึ้นในหัว ฟองฟางหลับตาแน่นบอกตัวเองในใจว่าให้ลืมๆ มันไปสักที ยิ่งคิดเท่าไหร่หน้าก็ยิ่งแดงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งทำเป็นลืมเท่าไหร่สมองกลับยิ่งจำมากกว่าเดิม



ก่อนจะลืมตาขึ้นเพราะที่นอนมันยวบลงพร้อมกับเสียงคนเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงเดียวกัน ฟองฟางเหลือบมองเจ้าของห้องที่ปีนขึ้นเตียงแล้วนอนแผ่อยู่ข้างๆ...ครามสมุทรหยิบโทรศัพท์มาเหมือนเช็กดูอะไรบางอย่างก่อนจะวางไว้หัวเตียงเหมือนเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือที่ซุกไว้ใต้หมอนมาเปิดอ่านแบบผ่านๆ



“อีกห้องว่างมั้ยคราม”



“ว่างทุกห้อง”



“งั้นเราขอไปนอนห้องที่ว่างได้มั้ย”



“...”



“นอนข้างล่างก็ได้”



“เปลืองไฟ”



“...”



เงียบกริบเลยดิครับ



สำหรับฟองฟางนี่คือคืนแรกที่เขาต้องนอนกับครามสมุทร และสำหรับครามสมุทรนี่คือคืนที่สองที่นอนด้วยกัน และครามสมุทรก็คิดว่าฟองฟางไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าเมื่อคืนเขานอนกอดคนตัวนุ่มทั้งคืน หลับๆ ตื่นๆ เพราะเอาแต่กลัวว่าแขนตัวเองจะไปโดนแผลบนหัวของฟองฟาง กลัวว่าอีกคนจะดิ้นหลุดจากอ้อมกอดแล้วนอนหงายกดทับแผลจนเจ็บอีกรอบ



ใช่ ฟองฟางไม่มีทางรู้เพราะเมื่อเช้าครามสมุทรก็ตื่นก่อน เขาปล่อยให้อีกคนนอนหลับให้เต็มที่ อยากตื่นสายแค่ไหนก็ได้ตามใจคนป่วยจนตัวเองเข้าเรียนสายไปยี่สิบนาที



“งั้นขอนอนพื้น...”



“พื้นมันแข็ง”



“เรานอนได้”



“ไม่มีฟูกปูพื้น”



“ไม่เป็นไรๆ ขอหมอนกับผ้าห่มก็พอ”



“อย่าดื้อได้มั้ย”



เปล่งเสียงทุ้มๆ พร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งจนคนที่นั่งจุมปุ๊กเม้มปากเป็นเส้นตรง ครามสมุทรไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟองฟางเป็นพวกเถียงเก่ง เถียงได้ทุกประโยคที่เขาพูด



“พูดเหมือนแม่เราเลย” พึมพำเบาๆ เอื้อมมือหยิบผ้าห่มนุ่มๆ สีเขียวของครามสมุทรมากอดไว้แน่น ฟองฟางจำได้ว่าเมื่อคืนนอนกอดผ้าผืนนี้ทั้งคืน มันอุ่นและนุ่มมากๆ



“รู้ตัวว่าดื้อ?”



“เราไม่ได้ดื้อนะ”



“นอนนี่แหละ บอกให้นอนก็นอน”



“เรากลัวรบกวนคราม”



“ก็รบกวนอยู่แล้ว” บอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ เอามือตบหมอนที่อยู่ข้างๆ ดังตุบทั้งที่สายตายังจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือบนหนังสือ “นอนได้แล้ว”



“คร้าบบบพ่อ” เงยหน้าล้อคนที่ทำเสียงแข็งๆ ใส่ ฟองฟางคลี่ยิ้มเช่นกันกับครามสมุทรที่ยกยิ้มมุมปาก



คนตัวขาวล้มตัวนอนตะแคงหันหลังให้เจ้าของห้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านหนังสือ ฟองฟางคว้าไอโฟนกำลังจะเอาไปวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงทางฝั่งที่ตัวเองนอนอยู่ แต่จู่ๆ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่แสดงรายชื่อคนที่โทรเข้ามา



สายจากคนที่หนีเที่ยวเก่ง



“สวัสดีครับแม่ คิดถึงแล้วเหรอถึงโทรมาหาฟองเนี่ย”



[แป๊บๆ นะลูก เดี๋ยวแม่เปลี่ยนเป็นคุยแบบเห็นหน้าก่อน]



หัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากปลายสาย ไม่นานเท่าไหร่จากที่คุยกันปกติก็เปลี่ยนเป็นแบบวิดีโอคอลล์เห็นหน้ากันทั้งสองฝ่าย คุณแม่ของฟองฟางอยู่ในชุดกันหนาวมีหมวกหนาๆ สวมศีรษะ ฉากหลังเป็นวิวของเขาค้อในช่วงฤดูหนาวของไทยที่ไม่ค่อยมีผลกับกรุงเพทฯ เท่าไหร่ มีดาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าชัดเจนมาก



“สวยมากเลยครับแม่”



[เป็นไงล่ะ แม่บอกให้มาด้วยกัน]



“มันกะทันหันนะครับแม่ แอบไปจองที่พักกันไว้ก็ไม่บอกฟองล่วงหน้าเลย”



[บ่นเก่งจังเลยลูกคนนี้ เอ...นี่ฟองไม่ได้อยู่บ้านเหรอลูก] คุณแม่ที่วิดีโอคอลล์จากเขาค้อทำท่าชะโงกหน้าเหมือนพยายามมองว่าฟองฟางอยู่ไหน ฟองฟางหัวเราะเมื่อเห็นว่าคุณแม่ขมวดคิ้ว



[อยู่กับมัทเหรอลูก]



ฟองฟางพยายามแพลนกล้องให้เห็นแต่หน้าตัวเองจนแทบจะดึงกล้องมาชิดหน้าอยู่แล้ว แต่เจ้าของบ้านหลังนี้ก็ป้วนเปี้ยนเก่งเหลือเกิน...ครามสมุทรขยับตัวอยู่ข้างหลังฟองฟาง เหมือนพยายามทำตัวให้เข้ามาในกล้อง พยายามให้คุณแม่เห็น



“ไม่ใช่ครับแม่”



[ฟอง แม่บอกให้เฝ้าบ้านไม่ใช่ไปอยู่บ้านคนอื่น แล้วนั่นใครล่ะ]



“ครามสมุทรครับแม่...ฟองทำกุญแจหายครับแม่ ไม่รู้ว่าลืมไว้ในบ้านหรือไปหล่นหายที่อื่น”



[ปีนี้ฟองฟางของแม่ทำกุญแจหายกี่รอบแล้วคะลูก ไว้ใจให้เฝ้าบ้านไม่ได้เลยนะเนี่ย...]



“แม่อ่า ก็อย่าทิ้งฟองไปเที่ยวกันสองต่อสองอีกสิครับ”



คุณแม่หัวเราะพร้อมกับส่งรอยยิ้มสวยๆ ให้ ก็นั่นแหละ ปีนี้เขาทำกุญแจบ้านหายรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พ่อกับแม่หนีไปเที่ยวแล้วปล่อยให้เขาอยู่บ้านคนเดียวทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย



[ครามสมุทรนี่เพื่อนใหม่เหรอฟอง ไปอยู่กับเพื่อนไม่รบกวนแย่เลยเหรอ]



“อ่า...ก็รบกวนครับแม่ ฟองเกรงใจด้วย”



[แม่ขอคุยกับเพื่อนใหม่หน่อยได้มั้ย ครามสมุทรนอนหรือยังเอ่ย”



“ยังครับ”



“...”



สาบานได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของฟองฟาง เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นเสียงที่ฟังแล้วผ่อนคลายจนอยากได้ยินเรื่อยๆ อยากให้พูดให้ฟังบ่อยๆ เป็นของครามสมุทร คนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้...



[เสียงใครเอ่ย]



“ผมครับ ครามสมุทร”



คนที่ขยับปากบอกชื่อตัวเองยื่นมือขอโทรศัพท์จากฟองฟาง ตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายไปถือไว้ ก่อนจะมานั่งกำผ้าห่มแน่น



ถึงแม้ว่าฟองฟางจะทำหน้านิ่งๆ แต่บอกตามตรงเลยว่าหัวใจเขาไม่ได้นิ่งตามไปด้วย มันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้น ดีใจ ปลื้มใจยังไงบอกไม่ถูก



ยิ่งได้ฟังเสียงทุ้มๆ คุยกับคุณแม่ของตัวเองเหมือนคนที่สนิทสนมกันมาหลายปีด้วยแล้วใจมันยิ่งฟูฟ่อง



ก็นั่นแหละ โคตรอยากจะบอกให้แม่รู้เลยว่านั่นคือคนที่ฟองฟางแอบชอบ



อยากบอกให้แม่รู้จะแย่ว่านั่นคือคนที่ฟองฟางไปสารภาพรักตอนเมา...และไปจูบเขาด้วย



ฮื่อ ถ้าบอกไปแบบนี้จะโดนแม่ตีมั้ยนะ







*****





 

ผ้าก็อซที่แปะอยู่บนศีรษะด้านหลังมันเป็นประเด็นให้ใครก็ตามที่รู้จักทักด้วยประโยคเดิมๆ ว่า ‘ใครตีหัวมาอ่ะฟองฟาง’ แรกๆ ที่โดนถามก็ยิ้มแหยตอบแบบอายๆ ว่าลื่นล้มในห้องน้ำ แต่พอโดนถามมากเข้าเรื่อยๆ ก็เบื่อที่จะตอบแล้ว



“ไอ้ฟอง หัวมึงโดนหมาที่ไหนกัดมาวะ” เตเต้เพื่อนร่วมสาขาที่นั่งเรียนด้วยกันประจำไถสเก็ตบอร์ดตะโกนถามในระยะเกือบยี่สิบเมตร ก่อนจะไถสเก็ตบอร์ดก็นั่งหอบอยู่ข้างๆ แยม ขมวดคิ้วจ้องหน้าฟองฟางด้วยความสงสัย



“หมาที่ไหนมันจะกัดหัววะเต้”



แยมหัวเราะพร้อมกับรีบกลืนชานมไข่มุกที่ชอบซื้อมากินทุกวัน แถมยังบังคับให้ฟองฟางกินเป็นเพื่อนอีกต่างหาก แต่ถ้าวันไหนไม่กินกับแยมจะโดนพ่นไข่มุกใส่ ซึ่งมันเหนอะและทำให้เสื้อขาวๆ เป็นรอยสีน้ำตาลดูสกปรกเลยต้องยอมกินเป็นเพื่อน



“หมาที่ชื่อเต้” ฟองฟางตอบเบาๆ แล้วมองเพื่อนตาขวาง



เตเต้มันกวนเก่ง เป็นคนประเภทที่ว่าด่าแรงๆ ยังไงก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังเข้ากับคนได้ง่ายเลยรู้จักคนไปทั่ว



เตเต้ยักไหล่ตามสไตล์คนชิคๆ ไม่ได้ถามอะไรฟองฟางต่อเพราะให้ความสนใจกับใครบางคนที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่พวกเขานั่งรอเพื่อเรียนวิชาต่อไป



“ว้าว ไอ้หน้าหล่อที่มึงไปจูบเขาเดินมานู่นแล้วว่ะ” เตเต้ยิ้มกริ่มแซวฟองฟาง



รู้กันหมดทั้งมหา’ลัยหรือยังก็ไม่รู้ว่าฟองฟางไปทำวีรกรรมอะไรไว้ แล้วพวกที่กินเหล้าด้วยแต่ละคนก็ไม่ใช่พวกที่กุมความลับเก่งกันเลยสักคน โดยเฉพาะพี่รหัสของฟองฟางนี่แหละ รายนั้นเป็นเม้าส์มอยเก่ง ซองรู้โลกรู้อะไรทำนองนี้



“หวัดดีเว้ยทุกคน ไอ้มัท...หายดีแล้วเหรอวะ” ช็อปตบไหล่คนที่นั่งปั่นการบ้านไม่พูดไม่จากับใคร มัทเรียนเก่งก็จริง แต่ไม่ค่อยขยันทำการบ้านเองเท่าไหร่ เช้ามาต้องขอลอกแยมหรือฟองฟางก่อนตลอด



“เออ มาเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”



ฟองฟางมองสามหนุ่มนักบาสที่คุยกันอย่างสนิทสนม มองครามสมุทรที่ยืนถือหนังสือเคมีอยู่ข้างๆ ช็อป คนตัวขาวคลี่ยิ้มให้ครามสมุทรแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชาบนใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวสูงคนนั้น



ฟองฟางสร้างความสงสัยขึ้นในใจ...เมื่อคืนตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องด้วยกันแค่สองคนทุกอย่างมันดูสนิทสนมต่างไปจากเดิม แต่พอตอนนี้ที่ต้องเจอหน้ากันต่อหน้าคนมากมายครามสมุทรกลับนิ่ง เย็นชา ดูเดาอะไรไม่ออกสักอย่าง



กลับไปเป็นครามสมุทรคนเดิม



ส่วนฟองฟางก็เป็นคนเดิมที่ชอบแอบมองครามสมุทรอยู่อย่างนั้น



แบบนี้ก็ดี...นิ่งๆ เฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะดีแล้ว เพราะถ้าจู่ๆ เขากับครามสมุทรมาพูดคุยกันเหมือนวันที่ผ่านมาคนอื่นๆ คงมีคนตั้งคำถามกับฟองฟางเยอะมากแน่ๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้คุยเรื่องจูบ ไม่อยากได้ยินเรื่องสารภาพรักกลางวงเหล้า เรื่องแบบนั้นไม่อยากให้พูดถึงอีกเลย



“กูไปก่อนละทุกคน เรียนเคมีที่รักก่อน” ช็อปพูดขึ้นแล้วหันไปต่อยแขนครามสมุทรเบาๆ ให้เดินตามไปด้วยกัน



ครามสมุทรเหลือบมองฟองฟางแวบเดียวก่อนจะพยักหน้าให้ช็อปแล้วก้าวขายาวๆ เดินออกจากตรงนี้แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเตเต้ส่งเสียงขึ้น



“เมื่อเช้ากูเห็นมึงนั่งรถมากับไอ้ครามอ่ะ” ถึงแม้ว่าจะถามฟองฟาง แต่เตเต้ก็มองสลับทั้งเขาและครามสมุทรเหมือนอยากได้คำตอบจากพวกเขาสองคน



แยมกับมัทที่รู้เรื่องก่อนใครนั่งหัวเราะคิกคัก แต่ช็อปที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยยืนขมวดคิ้วจ้องหน้าครามสมุทรด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามไม่ต่างจากเตเต้



“คือพวกมึงคบกันแล้วเหรอวะ”



“เปล่า” ครามสมุทรตอบสั้นๆ เหลือบมองฟองฟางอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่รอช็อปที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม



ที่ครามสมุทรตอบมันคือความจริง แต่ฟองฟางไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้รู้สึกโหวงๆ ในอกตอนที่ได้ยินคำตอบนั้น เหมือนหวังให้อีกฝ่ายตอบอะไรที่มันดีกว่านี้...เหมือนหวังแต่ไม่ได้หวัง



ก็ใช่ ก็ไม่ได้คบกัน



แค่ไปอาศัยบ้านครามสมุทรอยู่ชั่วคราว เพราะความสะเพร่าของตัวเองที่เอากุญแจไปทิ้งไว้ไหนก็ไม่รู้เท่านั้น



แค่กินข้าวเย็นพร้อมกัน นอนด้วยกันบนเตียงเดียวกัน



แค่ครามสมุทรพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาล รับกลับบ้าน และให้ติดรถมาเรียน



แค่ส่งยิ้มให้กัน คุยกันก่อนนอน...



แค่ฟองฟางชอบครามสมุทรมากๆ แค่นั้นเอง



“ว้าว...เฉียบขาด”



“เหี้ยเต้ เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวไป”



แยมต่อยต้นแขนเตเต้หนักๆ จนอีกฝ่ายร้องโอยออกมาก่อนจะหันมามองฟองฟางที่ตอนนี้ได้แต่นั่งยิ้มเจื่อน



“มึงโอเคมั้ยเนี่ย” มัทกระซิบถาม



“โอเคดิ ครามตอบถูกแล้ว”



“แต่หน้ามึงไม่ใช่เลยว่ะ”



ฟองฟางฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ส่ายหัวเบาๆ



ไม่อยากได้ยินอะไรจากใคร เขาคนรอบข้าง ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงมีอาการแปลกๆ ทำไมขอบตาถึงร้อนผ่าว



ทำไมหัวใจของเขาถึงได้วูบโหวงแบบนี้

 

 

 

 

 

#ฟองฟางครามสมุทร

 





 


ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
«ตอบ #18 เมื่อ10-01-2019 14:46:05 »







06



ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง

ความรู้สึก คำพูด เสียงของหัวใจ



 

คนตัวขาวนั่งมองฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เม็ดฝนเล็กๆ เกาะกระจกใสของตึกชั้นบนสุดซึ่งเป็นตึกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ฟองฟางใช้ปลายนิ้วมือขีดเขียนวาดรูปท้องทะเลกับหาดทรายลงบนกระจก ฉีกยิ้มคนเดียวให้กับภาพสวยๆ ที่ตัวเองสร้างขึ้นก่อนจะลบมันออกด้วยฝ่ามือของตัวเช่นกัน



“แยม ขอทิชชูเปียกหน่อย”



“หยิบเอา ในกระเป๋า”



พยักหน้าหงึกแล้วเอื้อมตัวหยิบกระเป๋าสะพายเล็กๆ ของแยมที่วางอยู่ข้างมัท ตอนนี้แยมนอนอยู่บนกระเป๋าของฟองฟาง ส่วนมัทก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ข้างๆ เขา นั่งล้อมกันเป็นวงกลมเพราะไม่มีอะไรทำ



วันนี้หมดวิชาเรียนแล้วแต่ก็ยังกลับบ้านไม่ได้เพราะพายุเข้าทำให้ฝนตกหนักมาก พอมองจากชั้นสิบสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุดก็เห็นร่มของนักศึกษาคนหนึ่งปลิวว่อนเลยไม่อยากเสี่ยงฝ่าฝนออกไป



ผ่านมาสัปดาห์กว่าๆ แล้วที่ฟองฟางกลับมาอยู่บ้านของตัวเองหลังจากที่พ่อกับแม่กลับจากต่างจังหวัด แล้วก็เป็นสัปดาห์กว่าๆ ที่ฟองฟางไม่เห็นหน้าครามสมุทรกับช็อปในมหาวิทยาลัย เพราะวิชา HUM120 ที่ต้องเรียนรวมด้วยกันอาจารย์ยกเลิกคลาส แถมสองคนนั้นก็ไม่ได้เดินมาคุยเล่นด้วยเหมือนแต่ก่อน



ง่ายๆ ก็คือนอกจากรถปอร์เช่ของครามสมุทร ฟองฟางก็ไม่เห็นอะไรที่เกี่ยวกับเขาอีกเลย



แต่ช่วงเวลาที่ฟองฟางเข้าบ้านไม่ได้ก็ไปอยู่กับครามสมุทรปกติ...ตั้งแต่ที่ได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายฟองฟางตั้งใจว่าจะขอไปค้างที่หอใครสักคน เขาตัดแยมทิ้งเพราะไปค้างที่บ้านด้วยไม่ได้แน่ๆ เหลือแค่มัท...แต่รายนั้นก็ไม่สะดวกเพราะแฟนมาค้างที่หอด้วยทุกวัน ฟองฟางมีทางเลือกอีกอย่างก็คือโรงแรมใกล้บ้าน



แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ต้องอยู่กับครามสมุทรเหมือนเดิมเพราะอีกฝ่ายเล่นดักรอฟองฟางอยู่หน้าคณะทุกวัน




พอเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไปกับเขา...แล้วอยู่กับครามสมุทรอย่างนั้นทั้งที่อารมณ์ของตัวเองยังไม่คงที่สักเท่าไหร่



“ไม่มีอะไรให้ทำกูเล้ย” มัทพึมพำเบาๆ พลางหันคอไปมาให้กระดูกคอลั่น ก็แหง ก้มหน้าเล่นเกมขนาดนั้น



“ไปโรงยิมได้มั้ยวะ กูอยากไปเดาะบาสเล่น”



“ออกกำลังกายได้แล้วเหรอ หมอให้พักกี่เดือนอ่ะ”



“กูแค่ไปเดาะเล่นเฉยๆ ไม่ได้ไปวิ่งจริงจังเหมือนเมื่อก่อนสักหน่อย”



ฟองฟางไม่ค่อยไว้ใจมัทเท่าไหร่เพราะเพื่อนคนนี้ยิ่งชอบทำอะไรเกินกำลังตัวเอง เขาเข้าใจมัทเพราะอีกฝ่ายชอบออกกำลังกาย เล่นบาสกับทีมแทบทุกวันเลยแต่ต้องมาหยุดพักรักษาตัวแบบนี้คงยังไม่ชิน



“เดี๋ยวแผลก็ปริ”



“มึงอย่ามาขู่”



“เอ้า พูดจริง”



“กูผ่าตัดแบบสมัยใหม่ แผลเล็กจิ๊ดเดียว”



“แต่ข้างในไง เหมือนว่าข้างในมันยังไม่สมานกันดีอ่ะ”



“รู้ดีขนาดนี้ไม่ซิ่วไปเรียนแพทย์เลยล่ะ”



ฟองฟางหัวเราะกลั้วจนไหล่สั่น ก็เป็นห่วงจริงๆ เลยพูดตามที่คิดไปแต่ผลที่ได้คือมัททำหน้าเหยเกแบบเอียนๆ กับการพูดเรื่องผ่าตัดไส้ติ่ง



“ช่างแม่ง กูจะไป”



“เฮ้ยมัท เอาดีๆ”



“เนี่ยดีๆ มึงอยู่กับไอ้แยมก็แล้วกัน ถ้ากลับก่อนก็โทรบอกกูด้วย”



“ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนกูจ้า ป๊ากูเพิ่งไลน์มาบอกว่ารออยู่หน้าตึกละ...ไปก่อนนะพวกมึง”



แยมที่เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่นลุกขึ้นในสภาพผมฟูๆ ลุกขึ้นยืนรีบหอบข้าวของแนบอกก่อนจะวิ่งเข้าลิฟต์ไป ปล่อยให้ฟองฟางกับมัททำหน้าเหวอนั่งหัวเราะคนที่ดูรีบๆ ทุกครั้งที่ป๊ามารับ



ป๊าแยมดุมาก แยมน่ะกลัวป๊าที่สุดในโลกแล้วมั้ง



แต่ถึงแม้ว่าป๊าแยมจะโหดแต่ท่านก็ใจดีกับเพื่อนสนิทของลูกสาวอย่างพวกเขา คุยเล่นเฮฮาได้ตามประสาผู้ชาย วันดีคืนดีป๊าก็โทรเรียกให้ไปกินปิ้งย่างหรือดื่มเบียร์ด้วยกันที่บ้านของท่านเอง



“เอาไงมึง กลับเลยเปล่า” มัทลุกขึ้นยืนแล้วพเยิดหน้าถาม



“แล้วจะกลับมั้ยอ่ะ”



“ไม่ กูจะไปโรงยิม”



“กูไปด้วย”



“ไปทำเหี้ยไรครับ”



“เฝ้าคนป่วยไง เดี๋ยวเผลอออกกำลังกายแรงๆ จะได้ถ่ายรูปไปให้กิ๊กดู”



“มึงนี่ก็ดีก็ฟ้องแฟนกู ไว้มึงมีแฟนเมื่อไหร่เหอะ...”



“เหรอมัทเหรอ เจ้าคิดเจ้าแค้นเก่งจัง”



ฟองฟางทำหน้าทำตาล้อเลียนมัทก่อนจะยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นที่พยุงให้ลุกขึ้นง่ายๆ ฟองฟางหยิบกระเป๋าเป้สะพายบ่าแล้วก็ต้องร้องออกมาเบาๆ เมื่อถูกเพื่อนตัวสูงพาดแขนบนคอของตัวเอง



คนตัวขาวแหงนมองมัทพร้อมกับส่งยิ้มกว้างตาหยีให้ กี่ปีๆ เขาก็ยังเป็นที่พักแขนให้มัทตลอด



พวกเขาลงลิฟต์ไปด้วยกัน ระหว่างที่ยังอยู่ในห้องโดยสารมัทส่งเสียงในคอฮัมเพลงไปเรื่อย มืออีกข้างก็กดตอบแชตแฟนยิกๆ ส่วนฟองฟางที่ไม่มีอะไรทำก็ได้แต่ยืนกอดอกให้เพื่อนมันกอดคอไปอย่างนั้น



ติ๊ง



กระทั่งลิฟต์เลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุดพร้อมกับประตูที่เปิดออก ฟองฟางกับมัทก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กัน แต่ในจังหวะนั้นดวงตากลมๆ ของฟองฟางกลับเหลือบเห็นใครอีกคนที่เดินออกจากลิฟต์อีกตัว



“อ้าว ไอ้คราม สบายดีเปล่าวะ”



“อือ สบายดี”



พวกเขาเดินไปพร้อมๆ กับครามสมุทร...ฟองฟางส่งยิ้มจางๆ ให้อีกคนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปอย่างไม่เร่งรีบ ทุกท่วงท่าของเขาเหมือนนายแบบบนรันเวย์ หลังตรงอกผาย ใบหน้าหน้านิ่งๆ ไม่สื่ออารมณ์จนคนมองชักกลัว



“วันนี้ไม่ซ้อมเหรอวะ”



“กำลังไป”



ฟองฟางฟังเสียงของสองคนนี้โต้ตอบกัน เป็นการสนทนาที่สั้นเพราะครามสมุทรยังคงเหมือนพูดน้อยเหมือนเดิม และก็ยังเป็นครามสมุทรคนเดิมไม่เปลี่ยน



“เออดีเลย กูไปด้วย”



“อืม” ครางในลำคอเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ



ฟองฟางสะกิดเอวมัทยิกๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันมาเพราะมัวแต่คุยจ้อกับครามสมุทรที่ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น ถามคำตอบคำทุกประโยค ฟองฟางเริ่มคิดแล้วว่าเวลาที่ต้องพรีเซนต์งานหน้าห้องเขาจะทำไงเพราะโดยพื้นฐานจากที่ดูๆ แล้ว...ครามสมุทรไม่ใช่คนพูดมาก



“งั้นกูกลับก่อนนะ” พออีกคนไม่หันมาคุยด้วยฟองฟางเลยเขย่งปลายเท้ากระซิบใกล้ๆ หูอีกฝ่าย เสียงแผ่วเบาของฟองฟางทำให้มัทต้องโน้มหน้าลงมาฟังอย่างตั้งใจ



“”อะไรของมึงนะ”



“จะกลับแล้ว ปล่อยได้แล้วเนี่ย”



“กลับไปไหนฝนตกขนาดนี้ เดี๋ยวมึงก็เปียกไม่สบายพอดี”



“มีเพื่อนไปโรงยิมแล้วไม่ใช่เหรอ”



“น้องฟอง อย่างอแงกับพี่มัทสิคะ”



“เชี่ยมัท!” กัดฟันด่าอีกคนเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน



ท่าทางงุ้งงิ้งสนิทสนมของฟองฟางกับมัทอยู่ในสายตาของครามสมุทรตลอด ฟองฟางส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้มัท รอยยิ้มแบบที่ยิ้มให้ทุกคน เป็นรอยยิ้มที่เขาเห็นประจำ



ถึงจะเป็นนักกีฬาทีมเดียวกัน แต่ครามสมุทรก็ไม่ได้สนิทกับมัทถึงขั้นรู้เรื่องส่วนตัวทุกอย่าง



รู้แค่ฟองฟาง แยม มัทเป็นเพื่อนกัน



รู้แค่ว่าฟองฟางกับมัทสนิทกันมากๆ และน่าจะเคยนอนค้างที่บ้านใครสักคนด้วยกันบ่อยๆ



รู้แค่ว่ามัทมักจะพูดชื่อฟองฟางทุกครั้งที่พวกเขาคุยกัน มัทมักจะพูดถึงเพื่อนคนนี้ตลอดราวกับเป็นคนสำคัญที่นึกถึงอยู่ตลอด



“ก็มีเพื่อนแล้วมารั้งกูไว้ทำไมวะ”



“เห็นมั้ยฟอง ฝนตกอยู่ มึงกลับไปยังไงก็เปียก”



“ไปกับมัทก็เปียกเหมือนกันอ่ะ”



“เปียกยังไง นี่กูก็กอดมึงให้หลบฝนอยู่นะเนี่ย”



“ฝนมันกระเด็น”



“งั้นเข้ามาใกล้ๆ กูอีกมา”



ใกล้กว่านี้ก็สิงร่างกันแล้ว



ถึงจะสั่นหน้ารัวแต่มัทก็ไม่สนแถมยังรั้งคอฟองฟางเข้าไปกอดแน่นๆ จนคนตัวเล็กกว่าไอแค็กออกมาถึงได้ยอมปล่อยให้ฟองฟางเดินเอง



ตลอดทางฟุตปาธที่มีหลังคาโค้งๆ บังแดดบังฝนมีเพียงเสียงเล็กๆ กับเสียงทุ้มๆ ของมัทกับฟองฟางที่คุยไปหัวเราะไป ส่วนคนที่ต้องร่วมทางไปโรงยิมด้วยอย่างครามสมุทรได้แต่ก้าวเท้าเดินไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะชะลอเท้าให้สองคนนั้นเดินนำไปก่อน และเป็นเขาที่เอาแต่มองแผ่นหลังเล็กๆ ของฟองฟางที่อยู่ตรงหน้า



“เชี่ย ปวดท้อง” จู่ๆ คนที่เดินอยู่ข้างกันก็ยกมือกุมท้อง



“เจ็บแผลเหรอมัท” รีบจับแขนเพื่อนตัวสูงที่งอตัวเหมือนทรมานไว้แน่น มือขาวๆ ลูบผมสีดำที่คลอเคลียใบหน้าของมัทเบาๆ





“เปล่า กูปวดท้องจี๊ดเหมือนท้องเสียว่ะ”



“อ่า...”



“มึงกับครามไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูไปปลดทุกข์แป๊บ” มัทหมุนตัวสาวเท้าถี่ๆ ออกจากตรงนี้ไป



ฟองฟางเกาหัวแกร็กๆ หันมายิ้มแหยให้ครามสมุทรที่ยื่นนิ่งอยู่ด้านหลัง...และไม่กี่ช่วงจังหวะของการหายใจครามสมุทรก็ขยับมาอยู่ข้างๆ คนตัวเล็กแล้วพเยิดหน้ายักไหล่เล็กน้อยเชิงบอกให้เดินต่อ



“สบายดีมั้ยคราม”



“สบายดี”



ไม่รู้จะคุยอะไรแต่ก็ไม่อยากให้เงียบจนอึดอัด ฟองฟางเลยถามออกไปพร้อมกับความประหม่า



“ถ้าไม่สบายก็แย่เลย”



“อือ แข็งแรงอยู่”



“ครามเก่งเนอะ เล่นบาสเก่งมากๆ...นี่จะแข่งเมื่อไหร่เหรอ”



“ปลายเดือนหน้า”



“อ้อ...ซ้อมหนักแย่เลย”



“นิดหน่อย”



พยักหน้าหงึกๆ เพราะอีกฝ่ายเล่นถามคำตอบคำ ฟองฟางที่ไม่รู้จะถามอะไรต่อเลยเม้มปากแล้วคิดว่าต่อจากนี้จนกว่าจะถึงโรงยิมคงมีแค่เสียงฝนที่ตกลงมาเป็นเพื่อนร่วมทาง...คงไม่ทำให้เหงาหรืออึดอัดไปมากกว่านี้



“มะขามหวานหมดแล้ว”



“ห๊ะ...อ๋อ ที่แม่เราซื้อมาฝากใช่มั้ย”



“อือ เพิ่งหมดเมื่อวาน”



“โห...กินเก่งเหมือนกันนะเนี่ย เรายังกินไม่หมดเลย ไว้เดี๋ยวเอามาให้อีกนะ” คนตัวขาวยิ้มแฉ่งเพราะร่างสูงที่เงียบไปก็เปล่งเสียงทุ้มๆ คุยเรื่องมะขามหวาน แม่เขาซื้อมาจากเขาค้อเป็นของฝากขอบคุณที่ครามสมุทรให้อาศัยอยู่ที่บ้านตั้งห้าวัน



คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าครามสมุทรจะชอบจนกินหมดเร็วขนาดนี้



“แต่วันนี้เอาเสื้อครามไปก่อนนะ จะคืนหลายวันแล้วแต่ไม่ได้เจอครามเลย” มือเล็กเปิดกระเป๋าเป้หยิบถุงพลาสติกที่ซ่อนอยู่ในนั้นออกมาแล้วยื่นให้คนตัวสูง



“ฟอง”



“อื้อ”



“วันนี้กลับกับมัทหรือเปล่า”



“ไม่อ่ะ...มัทกับเราอยู่คนละทางเลย”



“งั้นกลับด้วยกันมั้ย”



“ได้เหรอ”



“ได้”



“...อื้อ งั้นขอติดรถกลับด้วยนะ”



ต่างฝ่ายต่างชะลอเท้าตอนที่หยุดอยู่หน้าโรงยิม ฟองฟางยิ้มบางๆ ทำท่าจะเดินเข้าไปข้างในแต่ก็ต้องชะงักเมื่อกระเป๋าเป้ใบเดิมของครามสมุทรตกมาอยู่ในอ้อมกอดของฟองฟางแบบงงๆ



“ฝากด้วย”



“เฮ้ย มีของสำคัญมั้ยเนี่ย”



“ก็มี บัตรกับโทรศัพท์”



“ทำไม่เก็บไว้ในล็อกเกอร์ล่ะ”



“ไว้กับฟองปลอดภัยกว่า”



“ตรงไหนเนี่ย”



“ตรงนี้แหละ”



พูดจบก็รีบเดินเข้าไปในโรงยิมรวมกับคนอื่นๆ ที่กำลังยืดเส้นยืดสายก่อนลงสนาม ปล่อยให้ฟองฟางมองแผ่นหลังกว้างจากระยะใกล้จนกระทั่งครามสมุทรวิ่งห่างไกลออกไป



แปลกใจแต่ก็ไม่อยากสงสัย ไม่อยากตั้งคำถามเพราะกลัวว่ามันจะเป็นคำถามที่เข้าข้างตัวเอง



เลยปล่อยให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำโปรยลงมา



ภายนอกของครามสมุทรที่นิ่งสงบไม่สื่อความรู้สึกอะไร...คนที่อยู่นอกหัวใจก็รับรู้ไม่ได้เหมือนกัน







*****





 

“ปากบอกเปล่าแต่สายตามึงไม่ใช่”



“...”



“รู้สึกอะไรก็บอกกูมาตรงๆ”



คนที่ทำหน้านิ่งๆ ดูเย็นชา ผิดกับสายตาที่เอาแต่มองคนตัวขาวกระโดดรอรับลูกบาสพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เหมือนจะเปลี่ยนให้โลกใบนี้เป็นสีชมพู ช็อปหัวเราะแล้วตบไหล่เพื่อนสนิทอย่างรู้ใจ สายตาครามสมุทรชัดเจนจนกลบความรู้สึกเอาไว้ไม่มิด ช็อปรู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเคยรู้สึกชอบฟองฟาง เคยตกอยู่ในห้วงสีชมพูแต่คงไม่เท่าไอ้เพื่อนตัวโตคนนี้หรอก



ครามสมุทรแม่งอาการหนักกว่าเขาเยอะ



“ไม่มีอะไร”



“แล้วสายตามึงคืออะไร จ้องขนาดนั้น...ขนลุกแทนเลยว่ะ”



“ก็ตามนั้น”



“ตามนั้น?”



“อือ ตามที่เห็น”



ครามสมุทรกระดกน้ำในขวดลงคอทั้งๆ ที่สายตายังมองฟองฟางเล่นกับเพื่อนสนิท ก็มองมานานแล้ว มองตั้งแต่เริ่มซ้อม มองตั้งแต่ฟองฟางนั่งคนเดียวจนมัทเดินเข้ามาในโรงยิมนั่นแหละ



ถึงสองคนนั้นจะใช้พื้นที่เล็กๆ ข้างสนามในการเล่นบาส และมันก็ค่อนข้างไกลจากจุดที่เขาซ้อมพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะของฟองฟางยังแว่วดังมาถึงตรงนี้อยู่ดี และมันคงจะดังมากๆ เพราะคราสมุทรตั้งใจฟังเป็นพิเศษ



“กูยอมแพ้เลยว่ะ”



“...”



“แพ้ตั้งแต่ที่ฟองเมาแล้วบอกชอบมึง”



ช็อปชอบฟองฟาง บอกกับครามสมุทรตั้งแต่วันปฐมนิเทศว่าคนนี้กูจอง ดักทางเขาไว้ก่อน…แต่ชอบแล้วก็เลิกชอบได้ เปลี่ยนใจง่ายๆ เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า



ช็อปไม่เคยจริงจังกับอะไรสักอย่างยกเว้นกับบาสเก็ตบอล



“แถมจูบอีก กูโคตรอยากจะเป็นมึงเลยว่ะคราม”



“อิจฉาเยอะๆ”



“เออ กูอิจฉาอยู่เนี่ย...ว่าแต่ฟองปากนุ่มมากมั้ยวะ กูเห็นนะว่ามึงเคลิ้ม”



“เสือก”



“สัดคราม”



ครามสมุทรส่ายหน้า ไม่สนใจช็อปที่บ่นนู่นนี่ไปเรื่อย



เพราะว่าจุดโฟกัสของเขาตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือพื้นที่เล็กๆ ข้างสนาม ครามสมุทรเห็นมัทที่หอบตัวงอกุมท้องแต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เช่นกันกับฟองฟางที่นั่งบนพื้น ยกมือพัดเอาลมเข้าหน้าเพราะแอร์ก็ช่วยดับร้อนไม่ได้



ครามสมุทรไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน เขามองอยู่นานและภาพที่เห็นต่อมาก็คือมัทที่โบกมือคล้ายกับจะลาฟองฟางพร้อมกับหิ้วเป้สีดำสะพายบ่า ขายาวๆ ของมัทเดินออกไปจากโรงยิมไปในที่สุด ปล่อยให้คนตัวขาวนั่งมองจนกระทั่งมัทหายไปจากสายตา



“กูสรุปเลยแล้วกันว่ามึงชอบฟอง”



“...”



“และกูจะบอกในฐานะเพื่อนที่หวังดี”



“...”



“ฟองน่ารัก กูรู้ว่าไม่ใช่แค่มึงแน่ๆ ที่มองฟองฟางด้วยสายตาแบบนี้”



“...”



“กูหลีกทางให้แล้ว ก็เหลือแค่ตัวมึงแล้วล่ะนะว่าจะจัดการยังไง”



“อือ ขอบใจ”



“ยกมือไหว้กูด้วยดิคราม”



“ยกตีนแทนได้มั้ย”



“สัด กูขอให้มัทกับฟองเป็นแฟนกันจริงๆ อย่างที่กูสงสัยเถอะ ไอ้ครามแม่งจะได้อกหักไปเลย สาธุ...” ช็อปยกมือไหว้เหนือหัวสูงๆ หลับตาบนบานกับอะไรสักอย่างเพราะหมั่นไส้เขาเต็มทน



ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า



รู้แค่ว่าเขาไม่รอแล้ว ไม่สนแล้วด้วยว่าใครหน้าไหนจะสนใจฟองฟาง



รู้แค่ว่าต่อจากนี้...



ครามสมุทรจะไม่ใช้แค่สายตาแสดงความรู้สึกกับฟองฟางอีกต่อไปแล้ว







*****





 

ครืด ครืด



ฟองฟางนั่งหน้าเหวออยู่อย่างนั้น มองหน้าจอโทรศัพท์ของใครบางคนที่ฝากกระเป๋าไว้กับเขามันสั่นหลายรอบจนอยากตะโกนบอกให้เจ้าของเครื่องมารับสายสักที...คุณแม่ของครามสมุทรโทรมา แล้วตอนนี้เจ้าของโทรศัพท์ก็กำลังประชุมอะไรบางอย่างอยู่กับทีมอีกด้วย



ไม่รู้ว่านานมั้ยว่าจะประชุมเสร็จ แต่ที่รู้ๆ คือคุณแม่ครามสมุทรโทรหาหลายสายแล้ว



ฟองฟางไม่กล้ารับสายทั้งๆ ที่ช่วงพักเบรกก่อนหน้านั้นครามสมุทรเดินมาหาเขา จิบน้ำ แล้วบอกว่าถ้าใครโทรมาก็รับให้ก่อน...ตัวเองเลยต้องมานั่งเขย่าขาเร่าๆ เพราะคำพูดของอีกฝ่าย ลุ้นว่าคุณแม่ครามสมุทรมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า จนกระทั่ง...



“คราม คราม”



รวบกระเป๋าสองใบสะพายบ่าแล้ววิ่งหน้าตั้งลงจากอัฒจันทร์ตอนที่โค้ชปล่อยตัวนักกีฬา แต่ไม่รู้ว่าท่าวิ่งของฟองฟางมันตลกมากหรือไงครามสมุทรที่ยืนเท้าเอวถึงได้ยกยิ้มแบบนั้น



ยิ้มจริงๆ ยิ้มบางๆ แต่กระชากใจ



“ค่อยๆ เดินก็ได้ เดี๋ยวล้ม”



“ไม่ได้เลย” หอบหนักๆ เพราะดันกระโดดข้ามรั้วลงมาด้วย ฟองฟางยื่นกระเป๋าเป้คืนครามสมุทร นิ้วชี้เรียวจิ้มไปที่กระเป๋า “ค...คุณแม่ครามโทรมา”



“อ้าวฟอง นึกว่ากลับไปแล้วนะเนี่ย” ช็อปที่อยู่ใกล้ๆ กันทักขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ฟองฟางเหมือนเดิม



“ยังเลยช็อป กลับพร้อมครามนี่แหละ”



“หือ ทำไมเดี๋ยวนี้ไปรับส่งกันบ่อยจังวะ”



“พูดมาก”



“กูก็พูดมากอย่างนี้อยู่แล้วเปล่าวะไอ้คราม”



ช็อปยักคิ้วเหมือนจะกวนครามสมุทร ซึ่งก็ใช่จริงๆ นั่นแหละ แต่ครามสมุทรแค่มองช็อปด้วยตาคมๆ เท่านั้น ช็อปเลยแลบลิ้นปลิ้นตาเดินหนีแบบงอนๆ เข้าห้องน้ำไป



“เดี๋ยวไปง้อมันก่อน”



“ต้องง้อด้วยเหรอคราม”



“อือ มันขี้งอน” บอกแบบนั้นแล้วก็ยื่นกระเป๋าเป้ของตัวเองส่งคืนให้ฟองฟางถืออีกครั้ง คนตัวขาวก็รับมางงๆ แต่ในจังหวะที่ครามสมุทรกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปฟองฟางแสดงออกอาการลุกลี้ลุกลน รีบคว้าท่อนแขนแกร่งของครามสมุทรไว้



“เดี๋ยวๆ คุณแม่ครามโทรมา เอาโทรศัพท์ไปด้วยสิ”



“รับสายให้หน่อย”



“เฮ้ย ได้ไงอ่ะ”



“รับไปเถอะ”



“แล้วจะให้เราคุยกับคุณแม่ยังไง ให้บอกว่าครามไปง้อเพื่อนอยู่งี้เหรอ”



“บอกยังไงก็ได้”



“ไม่ได้เลยคราม คุณแม่โทรมาตั้งหลายสายเลยนะ”



เกาะแขนเขาไม่พอยังเขย่าแล้วเสียงแง้วๆ คุยกับเจ้าของกระเป๋าเป้ที่ทำท่าจะเดินหนีไปง้อเพื่อนท่าเดียว คิ้วสวยๆ ขมวดกับใบหน้ายุ่งๆ ตอนที่ก้มไปล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าเป้ออกมาส่งผลให้คนมองคลี่ยิ้ม



“ใจเย็น”



“เห็นมั้ย คุณแม่โทรมาอีกแล้ว...”



ชะงักเมื่อถูกมือหนาวางลงบนศีรษะกลมๆ...ฟองฟางยืนนิ่งตอนที่มือหนาข้างนั้นลูบผมนุ่มเบาๆ ตาคมที่เคยเย็นชาตลอดมามองฟองฟางด้วยตาเอ็นดูราวกับมองลูกแมวตัวน้อยๆ ทำเอาคนที่ยืนอยู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก



ไม่รู้ว่าควรจะสบตากับเขา



“รับให้หน่อย”



หรือก้มหน้ามองพื้น



“บอกว่าไปเข้าห้องน้ำก็ได้”



หรือว่าจะล้มตึงไปเลยดีนะ...



“เดี๋ยวครามค่อยโทรกลับ”



อือ...ล้มตึงไปเลยดีกว่า

 

 









#ฟองฟางครามสมุทร

 


ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
«ตอบ #19 เมื่อ10-01-2019 15:03:17 »

ฟองทำใจดีๆ ไว้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
« ตอบ #19 เมื่อ: 10-01-2019 15:03:17 »





ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
«ตอบ #20 เมื่อ10-01-2019 15:21:05 »

โง้ยยยย น่ารัก ^^
ครามสมุทรจะต้องยอมแพ้ความแง้วของน้องฟองไปตลอดแน่ๆ ไปไหนไม่รอดจ้า 555

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
«ตอบ #21 เมื่อ10-01-2019 16:26:28 »

555 ไม่มีทางเย็นชาได้ตลอดพ่อครามเอ๋ย

ออฟไลน์ Swanlee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-0
{ yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #22 เมื่อ10-01-2019 19:10:38 »


07



เราต่างก็รู้ว่ามันคือช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ



 

ฟองฟางนั่งทำหน้าอึนๆ อยู่ในปอร์เช่เบาะสีเพลิงคันเดิมที่เคยนั่ง ฝนตกหนักรถติดขนาดนี้ยังไม่ถึงบ้านฟองฟางเลย...เขานั่งแกร่วอยู่ในรถคันนี้มาสามชั่วโมงเศษแล้วมั้ง



เพลงจากคลื่นวิทยุก็ดังคลอไปกับเสียงของสายฝน ดีเจที่หมดเวลาจัดรายการยังต้องยืดชั่วโมงการจัดรายการออกไปอีกเพราะดีเจที่ต้องมารับช่วงต่อก็ติดฝนอยู่บนถนนเหมือนกัน



ไอเย็นๆ แผ่ออกจากช่องปรับอากาศ ฟองฟางควรจะหนาวจนตัวสั่น แต่ไม่เลย เขาอุ่นไปกายและใจเพราะเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่ครามสมุทรยื่นมาให้ กลิ่นอายของคนข้างกายทำให้ฟองฟางผ่อนคลาย ลืมเรื่องว้าวุ่นใจที่ผ่านมาแทบสนิท



“เอ้อ ลืมบอกครามเลย คุณแม่ครามฝากบอกว่าอาทิตย์หน้าให้กลับบ้านด้วย”



“กลับไปทำอะไร”



“ไม่รู้สิ”



ทั้งๆ ที่โทรไปถามเองได้แต่อีกฝ่ายดูไม่สนใจโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ครามสมุทรคงคิดว่าฟองฟางคุยกับคุณแม่ของเขาละเอียดยิบขนาดนั้นเลยละมั้งถึงได้ถามกลับ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็พาให้นึกไปถึงตอนที่ตัวเองกดรับสายคุณแม่ของครามสมุทรแบบที่มือสั่นเอามากๆ ทว่าเสียงนุ่มๆ ที่ฟังแล้วเพราะอบอุ่นใจก็ทำให้ฟองฟางเลิกสั่นแล้วคุยกับท่านได้จนจบ



[เพื่อนครามสมุทรเหรอจ๊ะ เสียงนุ่มเชียว ชื่ออะไรล่ะเรา ครามสมุทรอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวเกเรมั้ยเอ่ย]



คุณแม่ครามสมุทรยิงคำถามชุดใหญ่จนฟองฟางตอบไม่ทัน พอเจ้าของโทรศัพท์เดินออกจากห้องน้ำฟองฟางก็ยื่นให้เจ้าตัวคุยนะ แต่ครามสมุทรส่ายหน้าแล้วดันไอโฟนแนบหูฟองฟางเหมือนเดิม



“ทำไมครามไม่คุยเองล่ะ ให้เราคุยอยู่ได้ ทำตัวไม่ถูกเลยรู้เปล่า”



“ก็คุยอยู่ทุกวัน”



“แล้ว?”



“อยากให้ฟองคุย”



“อยากให้เราเผาครามให้คุณแม่ฟังว่างั้น”



“มีอะไรให้เผา”



“เยอะอ่ะ”



ฟองฟางยิ้มแฉ่งให้คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับปอร์เช่แสนหล่อไม่มีใครเหมือน ผมของครามสมุทรที่เป็นเส้นตรงยุ่งนิดหน่อยเมื่อถูกนิ้วมือเสยผมด้านหน้าขึ้นไปแบบลวกๆ ครามสมุทรหล่อคุณหนูมาก หล่อคนรวยผู้ดี แต่ดันทำตัวเซอร์ๆ ซะงั้น



ดูดีไปอีกแบบ...ถ้าเป็นครามสมุทรก็ดีทุกแบบนั่นแหละ



“อย่างเช่น?”



“อย่างเช่นครามฮอตมาก”



“ฮอต?”



“อื้อ อย่าบอกนะว่าไม่รู้ตัว”



เจ้าตัวส่ายหน้าเบาๆ และนั่นก็ทำให้ฟองฟางหัวเราะออกมาพร้อมกับปรบมือแปะๆ ไปด้วย



ไม่เชื่อหรอกหน่า...ครามสมุทรเหรอจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองฮอตมากขนาดไหน ไม่รู้เลยหรือไงว่าตัวเองทำให้สาวๆ แทบทั้งมหา’ลัย ปั่นป่วนไปหมด



รวมทั้งฟองฟางเองด้วย



“ไม่รู้”



“โห เป็นไปได้”



ครามสมุทรยิ้มมุมปากพร้อมๆ กับเสียงจากวิทยุที่เบาลงเพราะครามสมุทรลดเสียง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีแค่เสียงสายฝนและเสียงพวกเขาที่ดังให้ได้ยิน



“คุณแม่ครามดูใจดีนะ ฟังจากเสียงเอา”



“ก็เหมือนแม่ฟอง”



“หือออ แม่เราใจดีกับแค่เพื่อนๆ ของเราเท่านั้นแหละ มัทเนี่ยลูกชายคนโปรดแม่เลย ตอนที่เรียนม.ปลายมัทมานอนค้างกับเราบ่อยมากจนแม่บอกให้ย้ายมาอยู่ด้วยเลยนะ”



“สนิทมากเลยเหรอ”



“หือ?”



“กับมัท”



“ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลายนั่นแหละ สนิทมากกก แบบว่าคุยกันทุกเรื่องเลยนะ...กับแยมก็ด้วย”



ครามสมุทรไม่หือไม่อือ แค่พยักหน้ารับทราบเท่านั้น แถมยังขมวดคิ้วยุ่งๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ฟองฟางลอบมองคนข้างกาย...อยากรู้เหมือนกันว่าครามสมุทรกำลังคิดอะไรอยู่



อยากเป็นส่วนหนึ่งในความคิดเขาบ้าง



“แล้วครามล่ะ สนิทกับช็อปมากมั้ย” ช้อนตาแล้วเปล่งเสียงเสียงนุ่มๆ ถามเพราะอีกฝ่ายเงียบไป



ฟองฟางก็ไม่ได้อยากพูดมาก แต่นี่ก็คือธรรมชาติคือตัวของฟองฟางสุดๆ แล้ว เขาไม่อยากนั่งเกร็ง ไม่อยากทำตัวลีบๆ บนรถคันนี้ ไม่อยากให้ครามสมุทรได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนกลัวว่าจะถูกจับได้…



กลัวทั้งๆ ที่ครามสมุทรรู้อยู่แล้วว่าฟองฟางคิดอะไร



“ตามประสาเพื่อน โตมาด้วยกัน”



“อ๋อออ” กัดปากเบาๆ แล้วแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เนี่ย...ไม่รู้จะถามอะไรต่อแล้ว



เลยนั่งเงียบๆ มองฝนที่ตกลงมา อมยิ้มให้กับความบ้าบอของตัวเองในวันนั้น วันที่ใจฟีบลงเหมือนถูกปล่อยลมเพราะครามสมุทรตอบเตเต้ว่าไม่ได้เป็นอะไรซึ่งมันก็คือความจริง แต่ฟองฟางดันน้อยใจเฟลต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็ต้องกลับพร้อมเขา กลับไปนอนที่บ้านใหญ่หลังเดิมของครามสมุทร



ครามสมุทรก็ยังเป็นครามสมุทรเหมือนเดิม แค่เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้ฟองฟางกับครามสมุทรคุยกันน้อยลง (ทั้งที่ตอนแรกก็คุยกันน้อยอยู่แล้ว) นอนเตียงเดียวกัน บอกฝันดีแก่กัน ตื่นเช้าพร้อมกัน ผลัดกันเข้าห้องน้ำ ไปเรียนด้วยกัน และก็กลับบ้านพร้อมกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟองฟางได้กลับไปอยู่บ้านของตัวเอง...ครามสมุทรยังขับรถไปส่งเลย



ครามสมุทรเหมือนเดิมทุกอย่าง



“ฟอง”



“อื้อ”



มีแต่ฟองฟางที่ไม่เหมือนเดิม



“...”



เคยชอบเขามากเท่าไหร่...



“มีอะไรเหรอคราม”



“ถ้าถึงบ้านฟองเกินสามทุ่ม”



“...”



“ขอนอนค้างบ้านฟองก่อนได้มั้ย”



ก็เหมือนจะชอบมากขึ้นกว่าเก่า



“อื้อ...ได้สิ”



บอกแบบนั้นก่อนเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลในรถปอร์เช่ แล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อหน้าปัดมันขึ้นตัวเลข 8:55 PM เป็นเวลาเดียวกันกับครามสมุทรที่เพิ่มเสียงลำโพงให้ดังกว่าเดิมเมื่อเพลงเพลงหนึ่งดังขึ้น…เป็นเพลงที่ตรงกับใจของใครบางคน



‘เปิดใจตรงนี้เลยคำว่ารัก ฉันมีอยู่แทบล้นใจ

แต่ยังไม่มีที่ใช้ก็เท่านั้นเอง’



“ครามชอบเพลงนี้เหรอ”



“อือ เพราะดี”



“ใช่ๆ...เพราะทั้งเวอร์ชั่นพี่เบิร์ดทั้งเวอร์ชั่นใหม่เลย”



“อือ”



‘อยากบอกรักกับใครสักคน อยากใช้หนึ่งคำคำนี้’



“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าครามชอบฟังเพลงแนวนี้ด้วย หวานๆ ซึ้งๆ”



“เพลงเพราะก็ฟังหมด”



“อ่า...”



“ครามฟังเพลงไม่ยากหรอก”



“...”



“ฟองลองฟังดูสิ”



‘พูดให้ใครฟังดี เป็นเธอจะได้หรือเปล่า’



“อื้อ...ฟังอยู่”



‘หากว่าเธอยินดีรับไป ใจฉันคงไม่เงียบเหงา

พร้อมจะบอกรักไปเบาเบา...ถ้าเธอเต็มใจให้ฉันใช้มันกับเธอ’

 





*****







จนป่านนี้ก็ยังนั่งมองเม็ดฝนที่โปรยลงมา ฝนไม่ได้ตกแรงเหมือนช่วงค่ำแล้วแต่เบาลงและอากาศก็น่านอนเอามากๆ แต่ก็นอนไม่ได้...นอนไม่หลับหรอกถ้าไฟยังเปิดอยู่ แสงไฟแยงตาแน่นอน : (



แต่ถึงแม้ว่าจะอ้าปากหาววอดเป็นสิบๆ ครั้ง คนตัวสูงที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะคอมตัวเล็กๆ ตั้งแต่แรกก็ยังทำเฉย ฟองฟางหาวจนน้ำตาไหลจมูกแดงก่ำ หาวเสียงดังจนหยิบตุ๊กตามาอุดปากไว้แทบไม่ทันครามสมุทรก็ยังนั่งหลังตรงตั้งใจทำการบ้านอยู่ดี



ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของแผ่นหลังกว้างๆ เป็นพวกเดียวกับมัทหรือเปล่า พวกที่เรียนเก่งแต่ไม่ชอบทำการบ้าน ดองเข็มไว้ให้มันจวนตัวแล้วค่อยทำตามหลัง



คงไม่หรอกมั้ง ครั้งหนึ่งฟองฟางยังเคยลอกการบ้าน HUM120 ของครามอยู่เลย



“การบ้านเยอะเหรอ”



“วิทย์วิชาเดียว”



“ยากเหรอคราม ให้ช่วยมั้ย”



“ไม่ ทำเสร็จแล้ว”



“อ่า”



“กำลังนั่งทบทวนอยู่”



คนตัวสูงที่นั่งหันหลังให้ตั้งแต่เริ่มทำการบ้านหันมามองฟองฟางที่นั่งจุมปุ๊กกอดผ้าห่มผืนนุ่มๆ แนบอก ตากลมๆ แดงก่ำเหมือนกับริมฝีปากอวบอิ่ม ครามสมุทรหรี่ตาเล็กน้อย ปิดหนังสือที่เปิดอ่านอยู่แล้วขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้



“ทำไมไม่บอกว่าง่วง”



“ครามนั่นแหละ นอนดึกเกิ๊น”



เป็นจังหวะเดียวกันกับครามสมุทรที่ขอค้างบ้านฟองฟางเพราะขับรถกลับไม่ไหวกำลังล้มตัวลงบนที่นอนเตียงเดียวกัน ท่อนแขนแกร่งสอดท้ายทอยบนหมอนนุ่ม ท่าทางสบายๆ ของเขาทำเอาฟองฟางเผลอแจกยิ้มจางๆ ตรงมุมปาก



“เตียงนุ่มดี”



“ไม่นุ่มเท่าเตียงครามหรอก ใหญ่กว่าด้วย”



“อือ แต่ชอบเล็กๆ อบอุ่นมากกว่า”



“งั้นแลกกันมั้ย เราขอเตียงคราม แล้วครามก็เอาเตียงเราไปนอนดีป่ะ”



ล้อเล่นนะ



“เอาสิ”



“เฮ้ย! ล้อเล่นๆ”



เลิกคุยกับอีกคนเพราะตัวเองง่วงนอนเต็มทีแล้ว ฟองฟางขยับตัวลงจากเตียงเพื่อไปปิดไฟในห้อง พอทุกอย่างมืดจนไม่เห็นอะไรฟองฟางเลยต้องค่อยๆ คลำทางเดินกลับขึ้นเตียงเหมือนเดิม



แต่ล้มตัวนอนไม่ทันไรผิวเนื้อของพวกเขาก็เฉียดกันแผ่วเบา ฟองฟางรีบชักแขนวางไว้บนหน้าท้องพลางเหลือบตามองอีกคนในความมืดด้วยท่าทางตื่นๆ ปนตกใจ



ถึงจะไม่เห็นอะไร แต่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของครามสมุทร กลิ่นหอมๆ ของเขา...



“โทษทีนะ เตียงเรามันเล็กไปจริงๆ”



“ไม่เป็นไร”



“ถ้าอึดอัดบอกเลยนะ”



“อือ”



“...”



“เกร็งทำไม”



“เรากลัวครามอึดอัด”



ฟองฟางได้ยินเสียงยวบยาบอยู่ใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีลมหายใจอุ่นๆ ของใครคนหนึ่งก็รดอยู่ตรงขมับของฟองฟาง คนที่เกร็งอยู่แล้วเกร็งมากขึ้นไปอีกเมื่อถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของครามสมุทร และในวินาทีนั้นฟองฟางก็สัมผัสได้ว่าการได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนมันโคตรจะอุ่นมากเลยจริงๆ



อุ่นไปทั้งใจเลย



คนตัวขาวกัดปากแน่น ยกมือลูบอกซ้ายปลอบให้หัวใจดวงน้อยๆ ไม่เต้นแรง



“...กอดเราทำไม”



“ผ้าห่มผืนเล็ก”



เพราะว่าใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันและครามสมุทรก็ตัวใหญ่กว่าฟองฟาง ผ้าห่มที่ผืนนี้เลยไม่พอดีสำหรับคนสองคน



แต่มันก็...ไม่เห็นต้องกอดเลยนี่นา



“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”



“เกี่ยว”



“...คราม”



“ตอนนั้นก็นอนกอดกันทุกคืน”



“บะ...บ้า” ไม่จริงหรอก



ฟองฟางเลิ่กลั่กในความมืด ตัวเองที่ถูกล็อกอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ ของครามสมุทร ไม่รู้จะหันซ้ายหรือหันขวาดี ยิ่งเขาพูดแบบนั้นด้วยแล้ว...บอกเลยว่าฟองฟางจะแย่แล้ว



ใจสั่นจะแย่...



“ฟองนอนดิ้น” ครามสมุทรหัวเราะเบาๆ แต่ฟองฟางกลับได้ยินเต็มสองหู เสียงทุ้มๆ ของเขามีเสน่ห์จนฟองฟางใจพองไปหมดแล้ว



“เหรอ”



“เลยต้องกอดไว้”



“ถามจริงๆ นะ”



“ตอบจริง”



ครามสมุทรไม่เคยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงสักอย่างหรอก



ไม่เคยโกหก จริงใจกับเพื่อนเสมอ



จริงใจจนครามสมุทรเป็นต้นเหตุให้ฟองฟางเกือบนอนไม่หลับไปทั้งคืนเลย







*****





 

บ่ายวันเสาร์กับลมที่พัดแรงเพราะพายุเข้าทำให้ครามสมุทรต้องวิ่งช่วยพี่สาที่เป็นแม่บ้านเก็บผ้าที่ตากอยู่หลังบ้านกันวุ่นวาย แต่โชคดีที่ครามสมุทรขายาววิ่งเร็วเลยสามารถเก็บผ้าได้หมดภายในเวลารวดเร็ว



“ขอบคุณค่ะน้องคราม นี่ถ้าน้องครามไม่อยู่พี่วิ่งสี่ห้ารอบก็ยังเก็บไม่หมดแน่ๆ เลยค่ะ”



“ไม่เป็นไรครับพี่สา”



ครามสมุทรไม่ถือตัวถึงแม้ว่าพี่สาจะเป็นแม่บ้านทำความสะอาดประจำบ้านเขา แถมยังคุยกันแบบสนิทสนมเพราะพี่สาทำงานกับที่บ้านตั้งแต่เขายังเรียนไม่จบม.ปลาย พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวคุณแม่ก็ส่งพี่สามาดูแลความสะอาดภายในบ้าน



“เอ้อ น้องครามคะ พี่เจอบัตรนักศึกษาตกอยู่ใต้โซฟา น่าจะเป็นของเพื่อนน้องครามหรือเปล่าเอ่ย”



ครามสมุทรที่กำลังจะเดินกลับเข้าบ้านชะงักเล็กน้อย หันมองบัตรนักศึกษาที่มีรูปของใครบางคนติดอยู่ และรูปถ่ายติดบัตรกับชื่อบนบัตรนั่นแหละที่ทำให้ครามสมุทรยกยิ้มมุมปาก



ภคภัทร สุวรรณภรณ์



“ขอบคุณครับพี่สา”



รับบัตรนักศึกษาของใครอีกคนไว้ในมือแล้วเดินอมยิ้มเข้าบ้าน ไล่หลังไม่นานฝนก็เทลงมาจากท้องฟ้า ครามสมุทรสาวเท้าเดินขึ้นบันไดทีละสองขั้นเพราะช่วงขายาว เขาเปิดประตูห้องก้าวฉับๆ แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ปลายเตียง คว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อถ่ายรูปบัตรนักศึกษาของใครคนนั้น



คนในภาพดูดีแม้ว่าจะถ่ายหน้าตรงก็ตาม ริมฝีรูปปากกระจับบางๆ แต่ดูเอิบอิ่มเกือบเป็นเส้นตรงเพราะพยายามยิ้ม ครามสมุทรเดาว่าตอนถ่ายรูปทำบัตรนักศึกษารุ่นพี่ที่ทำงานตรงนั้นคงบอกให้คนในรูปยิ้มหน่อยๆ เพื่อรูปจะได้ออกมาไม่ดูแย่



แล้วมันก็ไม่แย่จริงๆ นั่นแหละ...แต่น่าเอ็นดูมากๆ



 เหมือนรูปที่มีชีวิตเพราะดวงตากลมโตคู่นั้นฉ่ำน้ำ ตาหวานรับกับแพขนตาหนาทำให้ครามสมุทรหยุดมองไม่ได้ ไหนจะเส้นผมสีน้ำตาลปรกหน้าผากและคลอเคลียกรอบหน้า เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากแค่ไหน



 

.ff: มีใครเห็นบัตรนักศึกษาของผมมั้ยครับ ชื่อนาย ภคภัทร สุวรรณภรณ์ ครับ

     ผมจำไม่ได้ว่าหายตอนไหนที่ไหน วันจันทร์นี้ต้องเข้าหอสมุดด้วยอ่า

.ff: ขอโทษคราม พอดีพิมพ์ไว้แล้วส่งต่อรวดเดียวเลย

.ff: (ส่งสติ๊กเกอร์หมีคุกเข่ายกมือไหว้)



 

ครามสมุทรเอนหลังพิงโซฟา มือซ้ายถือบัตรนักศึกษา ส่วนมือขวาก็ถือโทรศัพท์ไว้ ตาคมๆ จ้องรูปโปรไฟล์ของฟองฟางที่เปลี่ยนใหม่ เป็นรูปที่เห็นแค่แผ่นหลังบางๆ ของฟองฟางกับทะเลในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน



ฟองฟางที่หันหลังให้กล้องแต่หันหน้าหาทะเล เขาไม่รู้เลยว่าใบหน้าหวานๆ นั้นมีรอยยิ้มอยู่ด้วยมั้ย



 

Kram: นี่มั้ย

Kram: (Send a photo)

.ff: เฮ้ยยยย

.ff: ใช่เลย

.ff: โหยโล่งอ่ะ สรุปอยู่กับคราม

.ff: ครามเก็บได้ใช่มั้ย

Kram: เปล่า พี่สาเก็บ

.ff: ฝากขอบคุณพี่สาด้วยยย น้ำตาไหลแล้ว

Kram: รู้จักพี่สา?

.ff: ไม่รู้อ่า แต่ฝากขอบคุณด้วยนะ ._.

 



แล้วก็ตามด้วยสติ๊กเกอร์แปลกๆ ที่ครามสมุทรไม่เคยเห็น เขาไม่ค่อยสนใจกับการหาสติ๊กเกอร์มาส่งให้เพื่อน มีอะไรใช้อย่างนั้น...ไม่สิ ครามสมุทรไม่ใช้เลยต่างหาก เขาไม่เคยส่งสติ๊กเกอร์ให้ใครสักคน



ถึงแม้ว่าเพื่อนของเขามักจะส่งสติ๊กเกอร์ตลกๆ อะไรทำนองนั้นประกอบการแชตบ่อยๆ แต่สาบานได้เลยว่าสีหน้าของครามสมุทรก็ยังนิ่งเฉย ต่างจากตอนนี้ที่มุมปากของครามสมุทรมีรอยยิ้มจางๆ



เพราะใครคนนั้น



 

.ff: จันทร์นี้ครามเรียนกี่โมง เราจะไปหอสมุดตอนแปดโมงเป๊ะๆ เลยอ่ะ

.ff: หรือว่าเย็นนี้เจอกันที่ห้างดี? เราจะไปซื้อของกับคุณนายเขา



 

คุณนายของฟองฟางก็คือคุณแม่นั่นแหละ ครามสมุทรเหลือบมองกล่องมะขามหวานที่วางอยู่ข้างๆ ทีวี ได้มาเพิ่มเพราะท่านซื้อมาเยอะ แล้วมันก็เป็นผลไม้ของชอบของครามสมุทรด้วย



 

.ff: แต่ฝนยังตกอยู่เลยอ่ะ ไม่เป็นไรๆ

.ff: วันจันทร์ก็ได้ ครามก็มาตามที่มีเรียนเลยนะ เราจะรอ



 

ตาคมไล่อ่านแชตอีกคนที่พูดเองเออเองไปซะทุกเรื่องสลับกับมองรูปโปรไฟล์ที่เจ้าตัวเปลี่ยนใหม่ ปลายนิ้วชี้สัมผัสตรงรูปนั้นเพื่อดูภาพเต็มๆ มุมปากที่ประดับรอยยิ้มจางๆ อยู่แล้วยิ่งเพิ่มรอยยิ้มตรงนั้นมากขึ้นไปอีก



 

Kram: ฟอง

Kram: ทะเลในโปรไฟล์ที่ไหน

Kram: สวยดี

.ff: ทะเลที่เกาะๆ หนึ่งของประเทศไทย

Kram: ตอบกว้างมาก

.ff: แหะ

Kram: เกาะที่ไหน

.ff: ที่ภาคใต้

Kram: บอกให้ครบๆ หน่อย

.ff: ไม่บอกเดี๋ยวรู้

Kram: ฟองฟาง

.ff: ครามสมุทร

 



เขายิ้ม...

 



Kram: อือ ก็แค่นี้

.ff: เฮ้ยๆ แค่นี้อะไร เราแค่เรียกชื่อครามต่างหาก

.ff: ไม่ได้บอกชื่อเกาะสักหน่อย .__.

Kram: ฟองฟาง

.ff: แหนะ

Kram: ทะเลของครามสวยดีมั้ย

.ff: ครามไหนอ่า ครามที่คุยกับเราหรือครามที่เป็นเกาะ

Kram: ยังไงก็ได้

.ff: แหนะ

Kram: ฟองฟาง

.ff: ตอบแล้วๆ ไม่ต้องเรียกบ่อย 5555

.ff: ทะเลที่เกาะครามสมุทรอ่ะสวยมาก

.ff: แต่ทะเลของครามสมุทรที่เป็นคนเนี่ย...ต้องตอบยังไงดี

Kram: ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ

.ff: อื้อ ดีนะ

Kram: แล้วชอบมั้ย

.ff: อันนี้ขอยังไม่ตอบได้มั้ย 555555

 



ยิ้มมากกว่าเดิม

 



Kram: ฟองฟาง

.ff: เฮ้ยยยย เรียกบ่อยจัง กลัวแล้วเนี่ย

Kram: งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ไปเอาคำตอบ



 

ยิ้มเพราะใครคนนั้น...

คนเดียวกันที่หันหน้าและมองแต่ครามสมุทรคนเดียว

 

 

 





#ฟองฟางครามสมุทร







ทะเลของเกาะครามสมุทร กับ หัวใจของครามสมุทร

อันไหนสวยกว่ากันคะ :)



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2019 15:25:53 โดย Swanlee »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #23 เมื่อ10-01-2019 22:33:51 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #24 เมื่อ10-01-2019 23:21:57 »

 :hao7:   :hao7:    :hao7:  บุกเลยค่ะน้องครามมมมม  :hao7:  :hao7:   :hao7:   แต่ระวังน้องฟองหัวใจวายนะค่ะ   :hao3:   :hao3:   :hao3:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #25 เมื่อ10-01-2019 23:59:45 »

โอย...ตายยยย
ตายด้วยคำนี้...หันหน้ามองแต่ครามสมุทร ><

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #26 เมื่อ11-01-2019 01:02:08 »

 :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #27 เมื่อ11-01-2019 21:35:02 »

อ่านไปยิ้มไปกับความน่ารักของครามฟอง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #28 เมื่อ12-01-2019 00:45:03 »

ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
«ตอบ #29 เมื่อ12-01-2019 02:02:59 »

น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด