พิมพ์หน้านี้ - { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Swanlee ที่ 03-01-2019 16:02:27

หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 03-01-2019 16:02:27
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม








Loud & Clear



ควรรู้ได้แล้วว่าผมรักคุณมากขนาดไหน





หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-01-2019 16:06:49
 :mc4: แค่เห็นชื่อผู้แต่ง ก็รีบกดเข้ามารอเลยค่ะ  :hao7:  o13
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 01 - up 3.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 03-01-2019 16:08:56

01

 

ปล่อยให้เป็นหน้าที่ความรู้สึกได้หรือเปล่า



 

 

เคยมีความรู้สึกอยากจูบใครมากๆ มั้ย...อยากกระชากคอเสื้อเขาคนนั้นมาจับแน่นๆ แล้วทาบปากลงไปให้หนำใจ



ผมแม่ง...โคตรอยากทำอย่างนั้นเลย



“น้องฟอง เมาแล้วตัวโคตรแดงเลยว่ะ”



ก็ได้ยินชัดเจนเลยแหละว่านั่นคือเสียงของรุ่นพี่



“ทำไมมึงจ้องครามแบบนั้นวะ กูขนลุกหมดแล้วเนี่ย”



เสียงของเพื่อนต่างสาขาที่รู้จักกันผิวเผิน



“ดูเลียปากดิ อื้อหือออ ทำอย่างกับอยากจะจูบมันงั้นแหละ”



และเสียงใครสักคนที่ฟองฟางจำไม่ได้



ตากลมๆ เอาแต่จ้องคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะไม้ตัวยาว จ้องริมฝีปากเป็นกระจับที่แสนจะเซ็กซี่ตอนกระดกแก้วเหล้าขึ้นจิบ มันเป็นอะไรที่ทำให้คนมองอย่างเขาปั่นป่วน



ครามสมุทรทำให้เขาปั่นป่วนตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน



หัวใจที่เต้นแรงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์วูบลงเล็กน้อยเพราะสายตานิ่งๆ ของคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายลดความเย็นชาลงสักหน่อย ยิ้มให้กัน ใส่ใจคนที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มทั้งที่ๆ ดื่มไม่เก่งหน่อยจะได้มั้ย



แต่ก็เท่านั้นแหละ ฟองฟางได้แต่พ่นคำตัดพ้อใส่ตัวเองอยู่ในใจ ครามสมุทรทำให้คำพูดที่เขาเตรียมเอาไว้ลอยหายไปกับสายลมเพราะความเย็นชา ใช่ คนตรงหน้าทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปบอกว่า ‘เราชอบนาย’ ทั้งที่มันเป็นแค่คำสั้นๆ



ฟองฟางสะบัดหน้าแรงๆ เพราะภาพตรงหน้ามันมัว เขาเห็นหน้าครามสมุทรไม่ชัดเท่าไหร่เลยขมวดคิ้วเพ่งมอง มือขาวๆ ก็รับแก้วเหล้าที่รุ่นพี่ส่งให้ ตอนนี้ใครยื่นอะไรให้ก็รับหมดแหละ เรียกชื่อฟองฟางนิดหน่อยก็หันหน้าหาทำตาละห้อย บอกให้ดื่มอีกสองสามแก้วก็บ้าจี้ดื่มเข้าไปทั้งๆ ที่หัวตัวเองแทบจะทิ่มโต๊ะ



“แดกดุแบบนี้น่าพามาบ่อยๆ ว่ะ”



“แดกดุไม่ว่า แต่เมาแล้วน่ารักฉิบหาย ไอ้ซองมึงถ่ายคลิปไว้นะ พรุ่งนี้ค่อยส่งไปแซวมัน”



ก็แทนที่จะหลบกล้องตามประสาคนขี้อาย แต่ฟองฟางกลับสู้กล้องเหมือนกับเป็นคนละคน พี่ๆ ในคณะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้น้องฟองฟางได้ลุคแบบนี้มากกว่าลุคที่ขึ้นไปยืนบนเวทีแล้วเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรสักคำจนไม่ได้ตำแหน่งเดือนคณะ



นู้น ก็เดือนคณะและเดือนมหา’ลัยตกเป็นของครามสมุทรแล้วไง



ฟองฟางจำได้ว่าครามสมุทรก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะเหมือนๆ กับเขานั่นแหละ แต่แย่กว่าฟองฟางตรงที่ครามสมุทรแค่ขึ้นไปพูดชื่อนามสกุลแล้วยืนนิ่ง สงสายตาดุๆ และเย็นชา ผิดกับเขาที่ยังพูดว่าตัวเองเกิดวันอะไร เรียนคณะอะไร สาขาอะไร...แต่นั่นก็ทำให้ครามสมุทรได้ตำแหน่งนี้ไปครองแบบชนะขาดลอย



ฟองฟางกระดกแอลกอฮอล์ลงคออีกครั้ง ถึงมันจะผสมโค้กแล้วได้รสชาติหวานๆ มากกว่าขมแต่คนที่ดื่มไม่เก่งอย่างเขาก็เบ้หน้าเมื่อรสชาติของมันแตะที่ปลายลิ้น ฟองฟางอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อได้ยินเสียงร้องเฮของคนที่อยู่รอบๆ ยิ่งมีเสียงฝนตกลงมาด้วยแล้ว...ยิ่งคึกเข้าไปกันใหญ่



“อีกแก้วนะน้อง รอบนี้ไม่ผสมโค้ก เพียวๆ เลย”



“พ พอแล้วพี่ ผมไม่ไหวแล้ว”



เมาแอ๋แล้วเนี่ย ร้อนๆ คันๆ อยากถอดเสื้อจะตาย



“เอาหน่า ช็อตนี้ช็อตเดียว พี่จะไม่วอแวอีกเลย”



“พี่...”



“ผมดื่มแทนเอง” ครามสมุทรบอกเสียงเรียบแล้วเอื้อมมือคว้าแก้วเหล้ามาดื่มเอง ฟองฟางกะพริบตามองตอนที่คนตรงหน้าเงยหน้ากระดกเหล้าลงคอ ตาคมๆ ของคนคนนั้นจ้องมาที่เขา...เป็นสายตาที่ฟองฟางอ่านไม่ออก



“เชี้ย”



“ไอ้ซองมึงถ่าย อย่าให้พลาด”



ปึก



เสียงก้นแก้วกระแทกวางลงบนโต๊ะไม้ดังขึ้น ครามสมุทรใช้หลังมือเช็ดริมฝีปาก เขายังคงมองหน้าฟองฟางอยู่อย่างนั้น



พอถูกมองเข้ามากๆ มุมปากก็เหยียดยิ้ม ฟองฟางลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาของคนที่อยู่รอบๆ ขยับตัวปีนขึ้นไปบนโต๊ะทั้งๆ ที่ยังไม่ได้กวาดจานชามใส่อาหารออก คนเมาคลานไปตรงหน้าตรงที่ครามสมุทรนั่งอยู่ ฟองฟางเลือดสูบฉีดจนตัวแดงจัดแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะหยุดตอนที่อยู่ตรงหน้าเดือนมหา’ลัยท่ามกลางความเงียบ



“...”



สบตากับคนเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะหลบสายตา ผิดกับเขา...ถ้าฟองฟางไม่เมา ไม่มีแอลกอฮอล์คอยช่วยเอาไว้ป่านนี้คงไม่กล้าสบตา คงวิ่งหนีครามสมุทรเพราะกลัวสายตานิ่งๆ แบบนี้



“คราม”



“...”



“เราชอบนาย”



“...”



“ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย”



“...”



ฟองฟางได้ยินเสียงคนที่อยู่ใกล้ๆ โห่ร้องเลยคิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องแบบนี้มันควรที่จะพูดกันแค่สองคน ได้ยินกันแค่สองคน...แต่ก็ไม่ทันแล้ว



ฟองฟางสะอึกเบาๆ ถึงแม้ว่าเขาจะบอกความในใจออกไปแล้วแต่ครามสมุทรก็ยังไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเลยสักอย่าง



คนที่คลานอยู่เปลี่ยนท่าเป็นนั่งบนโต๊ะ หย่อนขาสองข้างไว้ข้างลำตัวของครามสมุทร ขยับตัวไปตรงขอบโต๊ะให้ใกล้อีกฝ่ายมากที่สุดแล้วสองมือร้อนๆ ยึดไหล่กว้างไว้แน่นแล้วค่อยๆ โน้มตัวลงกระซิบที่หูของคนตัวโตกว่าเขา



“จะว่าอะไรมั้ยถ้าเราจะขอจูบนาย”



“กล้าขนาดนั้นเลย?”



“มากๆ”



เพราะกระซิบกันอยู่แค่สองคน คนอื่นๆ เลยพยายามที่จะชะโงกหน้ามอง บางคนเอียงตัวมาฟังเลยด้วยซ้ำ



“ได้มั้ยอ่ะคราม” ตาหวานฉ่ำมองคนตัวสูงที่ตอนนี้เตี้ยกว่าเพราะฟองฟางนั่งอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่ครามสมุทรจะตอบอะไรออกมาก็สัมผัสถึงมือร้อนๆ ของคนตรงหน้าที่เลื่อนมาวางไว้บนเอวบางๆ ของฟองฟาง ครามสมุทรเหลือบมองเขา หันหน้าหาใบหูขาวๆ แล้วผ่อนลมหายใจอุ่นๆ ออกมา



คนตัวแดงจัดย่นคิ้วหงุดหงิด เหมือนกับว่าพอถูกครามสมุทรแตะเนื้อต้องตัวเข้าหน่อยความอดทนของฟองฟางก็แตกกระเจิง เขารอไม่ไหวและคิดว่าไม่ควรจะรออีกต่อไป มือร้อนๆ เลยละจากไหล่กว้างมาจับกรอบหน้าหล่อเหลาของคราสมุทรและรีบโน้มศีรษะลงไปทาบริมฝีปากแดงๆ ของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกคน



“วี๊ดดดด นี่กูไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย”



“มึงไปเอาความกล้ามาไหนไอ้ฟองงง ไอ้เพื่อนเลวววว”



“ถ้าน้องฟองเมาแล้วเห็นกูเป็นไอ้ครามนะมึง เสร็จแน่”



เสียงรอบข้างฟองฟางเหมือนยุงกับแมลงวันที่บินอยู่ใกล้ๆ หู มันน่ารำคาญและไม่อยากฟังเลย เพราะฟองฟางอยากฟังแต่เสียงของครามสมุทรมากกว่า



แต่สาบานเถอะ...เขาเป็นคนเริ่มจูบก็จริง แต่ฟองฟางแค่เอาปากทาบ ไม่ได้ขยับปากบดคลึงริมฝีปากอีกฝ่ายเหมือนที่ครามสมุทรกำลังทำอยู่ตอนนี้



เขาทำให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นระส่ำ มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกจากอกตอนที่ครามสมุทรค่อยๆ ละเลียดจูบบนริมฝีปากแม้ว่าฟองฟางจะเผยอกลีบปากเปิดทางให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาก็ตาม...แต่ครามสมุทรกลับไม่สนใจ



ก็ยังเหมือนเดิม ยังเป็นมหาสมุทรสีครามที่ล้อเล่นกับฟองดวงเล็กๆ บนผิวน้ำอยู่เรื่อย



เป็นมหาสมุทรในวันที่คลื่นลมแรง กระทบฝั่งจนเกิดฟอง และม้วนเกลียวคลื่นอีกครั้งให้ฟองจมลงไปในใต้ท้องมหาสมุทรสุดแสนจะลึก



จนกระทั่งครามสมุทรผละริมฝีปากออกช้าๆ ต่างคนต่างสบตา และฟองฟางควรจะสงบได้แล้ว แต่ก็ไม่เลย...หัวใจของเขามันยังเต้นแรงอยู่อย่างนั้น



“พอใจยัง”



“มึงฟังดิมันพูดไรกัน”



“เฮ้ย แม่งสลบว่ะ”



“สลบหรือเป็นลม”



“มันเมาพี่ ฟองมันหลับไปแล้วอ่ะ” เจ้าของชื่อยิ้มกริ่มคอพับหลับตาไปกับซอกคอหอมๆ ของครามสมุทรท่ามกลางเสียงร้องตกใจของคนรอบๆ ที่กลัวว่าฟองฟางอาจจะสลบเพราะขาดอากาศหายใจกับจูบของเดือนมหา’ลัย



แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ฟองฟางมีความสุขจนหลับไปต่างหาก



“ขอโทษด้วยนะคราม ไอ้นี่มันเมาแล้วเหี้ยไปเลยอ่ะ เดี๋ยวพอมันหายเมาก็จำอะไรไม่แล้ว”



“จำอะไรไม่ได้?” ครามสมุทรขมวดคิ้วยุ่ง



“เออ หรืออยากให้มันจำล่ะ” แยมรีบดึงเพื่อนสนิทที่เมาแอ๋ออกจากซอกคอเดือนมหา’ลัย ผงกหัวหงึกๆ ขอโทษครามสมุทรที่เพื่อนตัวเองไปทำอะไรเพี้ยนๆ ใส่



ฟองฟางได้ยินเสียงคุยแต่ลืมตามองไม่ได้ รู้หมดเลยว่าใครพูดอะไร จำเสียงแยมได้ จำเสียงครามสมุทรและอีกหลายๆ คนได้หมด



“กลับบ้านนะไอ้ฟอง พรุ่งนี้มึงดังระเบิดแน่ๆ”



“แยมมม กูเอาครามกลับไปด้วยได้มั้ยอ่า แบกครามขึ้นรถไปด้วยได้เปล่า”



“สติค่ะเพื่อน เดินให้มันตรงๆ ก่อนแล้วค่อยอยากแบกคนอื่นกลับบ้าน”



“ฮืออออ” แล้วก็ร้องไห้งอแงเสียงดังพาร่างเมาๆ ของตัวเองออกไปจากร้าน



ก็ยังไม่อยากจากครามสมุทรไปไหนเลย



อยากอยู่มองหน้าให้นานกว่านี้อีกหน่อย



อยากบอกว่าชอบจนกว่าครามสมุทรจะรับรู้ จนกว่าครามสมุทรจะรู้สึกอะไรบ้าง



“เราชอบคราม! รับผิดชอบความรู้สึกกันหน่อยดิ ฮื่อ”



โคตรจะชอบ ชอบจนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว

 









#ฟองฟางครามสมุทร






เย่ะ ปีใหม่กับเรื่องใหม่ๆ

ไปดื่มด่ำกับความรักของฟองฟางกับครามสมุทรด้วยกันนะคะ :)

หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 03-01-2019 16:36:32
เย่...เห็นชื่อคนแต่งปุ๊บก็กดอ่านปั๊บ 555

ฟองฟาง~~~ นว้องงงง หวังว่าฟื้นมาแล้วจะจำได้นาจา วีรกรรมล้ำเหลือ

ครามสมุทรนี่...ท่าทางจะไม่ธรรมดา อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 04-01-2019 00:25:44
 :o8:  :-[  :impress2: เขินมากกกกก..... เมาแล้วรั่วแบบนี้ จะซื้อโรงกลั่นเหล้าให้น้องเลยยยยย ...  :hao3: เอาหละค่ะ... น้องเมาจนความจริงว่าชอบหลุดออกมาซะขนาดนี้แล้ว...  :hao7:  ที่เหลือก็หน้าที่ครามแล้วค่ะ ที่จะต้องรีบรับน้องเข้ามาในอ้อมอกเร็ววัน  :hao3:  :hao7:   :hao6:   o13
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 04-01-2019 08:35:12
โอ๊ยยยย น้องฟองลูก
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 02 - up 4.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 04-01-2019 16:05:57


02

หัวใจของเราจะพองโตไม่ได้ถ้าไม่มีผู้กระทำ





 

Song: ฟอง

Song: หายเมายังไอ้น้อง

.ff: หายแล้วครับพี่ซอง

Song: แล้วนี่อยู่ไหนอ่ะ

.ff: อยู่มอครับพี่ นั่งรอแยมครับ

Song: เออ ดีๆ

Song: มีอะไรจะให้ดู

Song: ดูจบแล้วอย่าหนีกลับบ้านล่ะ

Song: (Send video)

 

คนที่ได้รับวิดีโอจากพี่รหัสกัดริมฝีปากเบาๆ ชั่งใจว่าจะเปิดคลิปที่พี่ซองส่งมาให้ดีมั้ย เพราะพี่รหัสคนนี้เคยส่งคลิปโป๊มาให้แล้วเขาดันเปิดดูด้วยความไม่รู้บนบีทีเอสมาแล้วครั้งหนึ่ง



มันเป็นฟีลที่...ไม่กล้าหันไปมองหน้าคนที่นั่งข้างๆ กับคนที่ยืนโหนราวแล้วก้มหน้ามองเราอยู่อ่ะ



โคตรแย่



ฟองฟางเป่าลมออกปาก รูดซิปกระเป๋าเป้แล้วสอดโทรศัพท์ไว้ในนั้นพร้อมกับกดเปิดคลิปแล้วดูอย่างตั้งใจ มันคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดมากกว่าการถือโทรศัพท์ดูโจ่งแจ้งแล้วแหละ ไอ้พี่รหัสคนนี้ไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ



แก้มพองๆ ตกอยู่ในสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา ฟองฟางไม่สนใจผมสีน้ำตาลธรรมชาติที่ฟูฟ่องปลิวไปตามแรงลมจะฟูจะยุ่งพันกันหรือเปล่าเพราะกำลังจดจ่อกับหน้าจอโทรศัพท์...ในหัวก็นึกไปพลางๆ ว่าใครต่อใครต่างก็บอกว่าตัวเขานุ่มนิ่มน่ากอด หัวกลมๆ ของเขานี่ก็โคตรน่าหอมเลย จนกระทั่ง...



“เฮ้ย!”



รีบยกมือปิดปากตอนที่ร้องเสียงดังเพราะตกใจ ฟองฟางลูบอกตัวเองเบาๆ ตกใจกับคลิปที่พี่รหัสส่งมา มันไม่ใช่คลิปโป๊ที่พี่ซองนำเสนอ แต่มันเป็นคลิปที่เขากำลังปีนขึ้นโต๊ะ พาตัวกับแก้มที่แดงปลั่งคลานไปหาเดือนมหา’ลัยที่นั่งมองเขาอยู่นิ่งๆ



‘คราม’

‘...’


‘เราชอบนาย’

!!!

‘...’

‘ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอเลย’


 

อยากจะเปิดเสียงให้ดังกว่านี้แต่สาบานได้ว่าตอนนี้วิญญาณของฟองฟางหลุดออกจากร่างไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงปีนขึ้นโต๊ะแล้วไปพูดใส่หน้าครามแบบนั้น ปลายนิ้วชี้รีบกดลงบนหน้าจอให้คลิปหยุดเล่น ฟองฟางเป่าลมออกปากให้ตัวเองใจเย็นแล้วมุดศีรษะเข้าไปในกระเป๋าที่มีหนังสือเรียนแค่สองเล่มก่อนจะกดดูคลิปอีกครั้ง



“....”



แล้วก็อยากจะเอาหัวกระแทกโต๊ะให้สลบไปเลยรู้แล้วรู้รอด ฟองฟางหน้าร้อนตอนที่เห็นตัวเองยื่นหน้าเข้าไปใกล้เดือนมหา’ลัย ภาพไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะคนถ่ายมือสั่นมาก เขาได้ยินเสียงพี่ซองกับพี่อีกหลายๆ คนกรีดร้องอย่างกับผู้หญิง



แล้วก็ต้องจิกมือกับกระเป๋าแน่นเมื่อภาพน่าอายโชว์อยู่บนหน้าไอโฟน ฟองฟางกัดปากกำมือทุบโต๊ะแรงๆ กระทืบเท้าขัดใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป



ฮืออออ ไปจูบเขาได้ยังไงเนี่ยไอ้ฟอง : (

จูบนานด้วย ไม่รู้ว่ากี่วินาทีแต่ในคลิปคือโคตรนาน



ฟองฟางไม่ทนดูต่อเพราะไม่รู้ว่ามันจะจบตรงไหน แค่นี้ก็นั่งหน้าร้อนตัวร้อนอยากหนีกลับบ้านจะตายอยู่แล้ว



เช้านี้ต้องเจอกันด้วย ต้องเรียนวิชาเดียวกัน ต้องนั่งใกล้ๆ กัน



“ไอ้ฟอง มานานยังวะ”



ตกใจกับเสียงแหลมๆ จนสะดุ้งยืดตัวนั่งตรง ฟองฟางรีบกดปิดคลิปที่พี่ซองส่งมาให้แล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าอย่างนั้น คนตัวขาวหันซ้ายหันขวาเลิ่กลั่กตามเสียงเรียกที่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน



ฟองฟางยกมือแตะปากตอนที่เห็นแยมเดินมาพร้อมๆ กับครามสมุทรและช็อป (เพื่อนสนิทของครามสมุทร) จู่ๆ ตัวก็สั่นพอๆ กับหัวใจที่เต้นแรง ทั้งๆ ที่ทำเป็นใจเย็นสั่งให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นตื่นตูมแล้วแท้ๆ แต่พอเจอหน้าทีไร ฟองฟางก็ไปไม่เป็นทุกทีเลย ยิ่งเมื่อคืนไปสร้างวีรกรรมแสบๆ ไว้ด้วยแล้ว...ยิ่งเก็บอาการไว้ไม่ค่อยจะอยู่



นึกโทษพี่ซองที่เอาคลิปบ้าๆ นั่นมาให้ดู...ถ้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นป่านนี้ฟองฟางคงปั้นหน้าฉีกยิ้มกว้างๆ ได้



“อื้อ สักพักแล้ว”



แยมแค่ส่งยิ้มแหยให้แล้วนั่งข้างๆ ฟองฟางที่ห่อไหล่ลู่ลงจนเหลือตัวนิดเดียว มือขาวหยิบสายกระเป๋ามาเขี่ยเล่น ก้มหน้างุดเมื่อคนตัวสูงอีกสองคนขยับตัวนั่งลงตรงข้าม



สูงจริงๆ...ครามสมุทรกับช็อปเป็นคนที่สูงตั้ง 187 เซนติเมตร ในขณะที่ฟองฟางเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ ที่สูงแค่ 172 เท่านั้น ก็นั่นแหละ ในกลุ่มนี้ฟองฟางตัวเล็กที่สุดแล้วมั้ง ขนาดแยมที่เป็นผู้หญิงยังดูสูงกว่าทั้งๆ ที่สูง 172 ซนติเมตรเท่ากัน



ครามสมุทรกับช็อปเล่นบาสประจำ เป็นตัวแทนแข่งบาสของคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ที่จริงส่วนสูงของฟองฟางมันก็ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมทีมแข่งบาสได้อยู่หรอก แต่ฟองฟางไม่เก่ง แถมคนในทีมส่วนใหญ่สูง 180 ขึ้นไปกันหมด...น้อยใจความสูงของตัวเองเลยพาลไม่เข้าร่วมกิจกรรมอะไรอย่างของมหา’ลัย



“นี่มึงยังเมาค้างอยู่หรือเปล่าวะ ความจริงวันนี้ไม่มีวิชาอะไรสำคัญมึงน่าจะโดดไปนอนนะ”



“นิดหน่อยอ่ะ ยังปวดหัวอยู่เลย”



อยากโดดเหมือนกัน แต่ทุกๆ วันที่มีเรียนตรงกับครามสมุทรก็ไม่อยากโดดหรอก อยากมาเจอหน้ามากกว่า แต่โคตรจะผิดกับวันนี้เลยจริงๆ ฟองฟางที่ฝืนขุดตัวเองขึ้นจากเตียงนอนแล้วตั้งใจมาเรียนเพื่อเจอครามสมุทรรู้สึกอยากกลับบ้านไปซะเดี๋ยวนี้ตั้งแต่ได้ดูคลิปอันนั้น



“ฟอง เมื่อคืนโอเคมั้ย” พอถูกถามแบบนั้นคนที่กำลังนั่งเม้มปากอยู่ถึงกับสะดุ้ง ช็อปเท้าคางวางศอกบนโต๊ะแถมยังยื่นหน้าถามฟองฟางที่ขมวดคิ้วยุ่งไปหมด



“โอเคมั้ง หลับสบายเลย” อ้อมแอ้มตอบแต่มือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋านี่กุมกันแน่นเลย ฟองฟางเลี่ยงที่จะสบตากับทุกคน เพราะรู้ว่าสามคนนี้ที่นั่งอยู่ด้วยต่างก็เห็นภาพเมื่อคืนชัดเจนกันทั้งนั้น



แกล้งไม่รู้ดีกว่า แกล้งไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ยังไงก็เมานี่นา



“ฟอง ถามไรหน่อยดิ”



“...”



“เมื่อคืนอ่ะ”



“...”



“เคลิ้มเลยป่ะ”



“เคลิ้มอะไร...”



“ที่ไอ้ครามมันจูบอ่ะ”



“...”



ก็กล้าถาม...



ฟองฟางกะพริบตาช้าๆ ซ่อนความตกใจไว้ในอกส่วนลึกที่สุดของหัวใจ ดวงตากลมๆ มองผู้ชายตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ช็อป สีหน้าของคนคนนั้นเรียบนิ่ง เหมือนไม่สนใจกับสิ่งที่ช็อปถามและไม่สนใจจะฟังคำตอบของฟองฟางด้วย...



เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนครามสมุทรคงไม่เก็บมาใส่ใจ



หรือจริงๆ แล้วมันแย่มากจนครามรับไม่ได้?

...ก็คิดว่าแย่จริงๆ นั่นแหละ



“จูบอะไรเหรอ” ฟองฟางยิ้มนิดๆ



“...”



“ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” รอยยิ้มประหม่าเหมือนเดิมที่มักจะใช้ตอนที่ต้องเข้าไปคุยกับครามสมุทร



“นี่มึงจำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอวะฟอง” แยมหันมาขมวดคิ้วถาม



แวบหนึ่งที่ฟองฟางกลั้นใจหันไปมองครามสมุทรเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง แต่ก็ไม่...แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่ออีกคนหยิบหูฟังมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ ก้มหน้าเล่นไอโฟนเหมือนไม่อยากฟังสิ่งที่แยมกับช็อปกำลังย้ำถาม



ฟองฟางคิดในหัว ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์มันออกมาไม่ต่างจากเดิม คราวหลังจะไม่เมาแอ๋แบบนั้นอีกแล้ว



คนตัวขาวจัดส่ายหน้า ไม่ตอบคำถามใครทั้งนั้น แค่นี้ก็จะแย่แล้ว ภาพในคลิปที่พี่ซองส่งมาให้มันลอยวนในหัว ดูก็รู้ว่าครามสมุทรไม่ชอบใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดหยอกล้อกันแบบนี้สักหน่อย



ฟองฟางเลยหยิบไอโฟนออกมาเล่นบ้างปล่อยให้แยมกับช็อปคุยกันเรื่องอื่นๆ เบนความสนใจจากเขาไปสักที แต่เชื่อมั้ย ฟองฟางไม่มีสมาธิเล่นโทรศัพท์เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกดเข้าแอพไหนเลยได้แต่เลื่อนหน้าจอไปมา



จนกระทั่ง...

 

Kram: เรื่องเมื่อคืน

Kram: จำอะไรไม่ได้จริงๆ?







*****





 

“คืนนี้ไปอีกมั้ยฟอง พวกพี่แจ็คมันชวนอีกละ”



“แต่เขาชวนแค่สาขามึงไม่ใช่เหรอ พี่ๆ กูก็ไม่เห็นมีใครเอ่ยปากสักคน” แยมเอนศีรษะพิงไหล่ฟองฟาง ท่าทางเหนื่อยๆ เพราะเมื่อคืนก็นอนดึกพอสมควร



ฟองฟางส่ายหัวให้ช็อประหว่างที่กำลังเรียนวิชา HUM120 ที่รวมเอานักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งทุกคณะมานั่งบนพื้นรวมกันในหอประชุมใหญ่แล้วเรียนโดยมีอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ฟองฟางยังจำชื่อไม่ได้มาพูดสอนผ่านไมค์และเปิดโปรเจ็กเตอร์ประกอบการสอนไปด้วย



ฟองฟางนั่งมองแผ่นหลังกว้างๆ ของครามสมุทรที่เคลื่อนไหวตามจังหวะหายใจ



ครามสมุทรนั่งอยู่หน้าเขาตรงแถวซ้ายมือ นั่งใกล้ๆ กันนี่แหละ ส่วนข้างๆ เขาคือเพื่อนอีกคนที่มานั่งขั้นกลางระหว่างครามสมุทรกับช็อป



 “ไม่เห็นเป็นไรเลย ฟองกับแยมก็น้องรหัสพี่ซองกับพี่ก้าม พวกนี้ก็เพื่อนกลุ่มเดียวกันทั้งนั้นอ่ะ ไปเหอะ” ช็อปสะกิดเอวฟองฟางยิกๆ เพราะคนบ้าจี้อยู่แล้วเลยดิ้นยุกยิกไปกันใหญ่



“ไม่เอาอ่ะช็อป อยากกลับไปนอนมากกว่า”



“กลัวซ้ำรอยแบบเมื่อคืนเหรอ” ช็อปยิ้ม ผลักไหล่ฟองฟางขณะที่คนถูกถามส่ายหน้ารัว



“จำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”



“เมื่อคืนฟองดื่มโคตรหนักอ่ะ”



“จริงๆ นะ...ไม่ค่อยถูกกับเหล้าเบียร์เท่าไหร่”



“แต่ฟองเมาแล้วโคตรน่ารักเลยรู้ตัวเปล่า” ตาหวานเยิ้มกับยิ้มน้อยๆ จากช็อปทำให้คนฟังได้แต่หัวเราะแหะๆ ฟองฟางพยายามเลี่ยงคุยเรื่องเมื่อคืนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็นะ มันคงฝังลึกในสมองทุกคนที่ไปดื่มเมื่อวานแล้วแหละ



“สรุปไปมั้ย เราสัญญาเลย จะไม่ให้ฟองดื่มสักแก้ว เดี๋ยวเราดื่มแทน”



“มึงไม่ต้องมาทำตัวเป็นครามสมุทร” แยมแขวะ เบะปากหน่อยๆ



“ครามทำไมเหรอ” บอกตรงๆ ว่าพอมีชื่อคนคนนั้นในบทสนทนาฟองฟางก็หูผึ่งทันที



เขาหันไปกระซิบกับแยมที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมต้น สนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันจนคนอื่นคิดว่าเป็นแฟนกัน



“เมื่อคืนครามมันดื่มแทนมึงอ่ะ” แยมกระซิบกลับเบาๆ



“ครามเนี่ยนะ”



“เออ หัวใจของมึงนั่นแหละ”



บ้าน่ะ



ฟองฟางหลับตาสงบสติตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าครามสมุทรจะดื่มแอลกอฮอล์แทนทั้งๆ ที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็ดูไม่หือไม่อืออะไรกับฟองฟางเลยสักนิด ติดจะเย็นชาใส่กันมากกว่า



“ไม่ไปอ่ะช็อป วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านด้วย ต้องรีบกลับไปเฝ้าบ้าน”



“มึงไม่ไปเดี๋ยวกูไปเอง โอเคมั้ยไอ้ช็อป”



“เธอเป็นผู้หญิง ไปกับเรามีแต่ผู้ชายดูไม่ดี”



“เมื่อวานก็มีแต่กูที่เป็นผู้หญิง วันนี้มีแต่กูอีกจะเป็นอะไรไป”



“ฝากจดด้วยแยม เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อน”



“เอ้า ไอ้นี่...”



ขัดคนที่เถียงกันสองคนด้วยการวางสมุดไว้บนตักของแยมแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นย่อตัวขอแทรกเพื่อนคนอื่นๆ เพื่อออกจากแถว ฟองฟางหยิบไอโฟนติดมือไปด้วย เขาไม่ได้อยากไปเข้าห้องน้ำ แต่เขาแค่อยากไปตอบแชตของใครคนหนึ่งที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อเช้าเท่านั้นเอง



ฟองฟางฉีกยิ้มให้รุ่นพี่ที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ ห้องประชุม ผ่อนลมหายใจออกปากเบาๆ...ไม่รู้ว่าคนอื่นได้ดูคลิปนั้นกันหมดทั่วมหา’ลัยแล้วหรือยัง ไม่รู้ว่าพี่ซองส่งคลิปให้ใครบ้าง



ไม่รู้อะไรแล้ว ไม่อยากรู้อะไรเลย



คนตัวขาวเดินก้มหน้าสาวเท้าฉับๆ ก่อนจะมายืนแอบอยู่ในห้องน้ำ ฟองฟางพิงสะโพกบนอ่างล้างหน้า พลางใช้ปลายนิ้วโป้งกดเข้าหน้าแชตของครามสมุทร ปลายนิ้วกดยิกๆ พิมพ์ข้อความยาวๆ อย่างกับเรียงความสมัยอยู่ประถมที่คุณครูบังคับให้เขียน แต่สุดท้ายเขาก็พิมพ์ๆ ลบๆ อยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้ว่าบอกไปตรงๆ ดีมั้ยว่าเห็นคลิปแล้ว อยากขอโทษถ้าทำให้ครามสมุทรไม่พอใจ...หรือจะบอกว่าอะไรดีก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน



ที่รู้ๆ ตอนนี้ไม่เอาอีกแล้วไอ้แอลกอฮอล์บ้าบอนั่นน่ะ…ทำวุ่นวายไปหมดเลย



ระหว่างที่กำลังยืนพิงกำแพงกัดเล็บอย่างประหม่า ในหัวก็หาคำพูดสวยๆ ไปตอบแชต แต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับขายาวๆ ภายใต้กางเกงสีดำของใครบางคนย่างกรายเข้ามา ฟองฟางเหลือบมองเท้าของคนคนนั้นก่อนจะขยับตัวหลีกทางให้เพราะตัวเองยืนขวางทางเข้าออก แต่คนที่เข้ามาใหม่กลับหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา เงาดำๆ ส่งผลให้ฟองฟางเงยหน้ามอง



“...คราม”



“ไม่เห็นตอบแชต”



“กำลังจะตอบนี่ไง”



ครามสมุทรยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฟองฟางเลิ่กลั่กไม่เป็นท่า อยู่ดีๆ ก็ยื่นไอโฟนไปให้อีกคนดูเฉยเลยว่าตัวเองกำลังพิมพ์ข้อความอะไร



“คือ ขอโทษนะคราม”



“...”



“เราเมามาก ไม่รู้อะไรเลย”



ครามสมุทรถอนหายใจ คนที่ตัวสูงหมุนกลับไปที่ประตูห้องน้ำก่อนจะกดปุ่มล็อกไม่ให้ใครเข้ามาได้ หัวใจของฟองฟางเต้นไม่เป็นจังหวะไปแล้ว มันหวั่นๆ กลัว ประหม่า ในหัวนี่คิดไปแล้วว่าครามสมุทรคงไม่ชอบมากๆ และอาจจะปิดห้องน้ำฆ่ายัดส้วมไปเลยก็ได้



ก็ไม่เคยอยู่กับครามสมุทรสองต่อสองในระยะประชิดแบบนี้มาก่อน



แต่ถ้าครามสมุทรอยากจะชำระความจริงๆ แค่ต่อยก็เจ็บจะแย่แล้ว



อือ ต่อยก็พอเหอะ

เนี่ย ยื่นหน้าให้ต่อยเลย



พอคิดแบบนั้นคนที่ตัวสูงแค่ไหล่ของครามสมุทรก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาขมวดคิ้วแน่น สองมือสั่นๆ กำอยู่อย่างนั้นหวังจะให้มันระบายความกลัวไปได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย



“ทำอะไร”



“รอครามต่อยไง”



“...”



“ต่อยกี่ทีก็ได้เตะก็ได้...แต่เราอยากให้รู้ว่าเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”



“ไม่ได้ตั้งใจอะไรบ้าง”



ฟองฟางหลงน้ำเสียงทุ้มนุ่มของครามสมุทรมากจริงๆ เสียงที่เขาไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้ยินใกล้ขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ครามสมุทรคุยกับเขาตั้งหลายประโยค



ฮือ ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

สถานการณ์แบบนี้มันไม่ใช่เลย



“ฟอง” ครามสมุทรย้ำชื่อเขาด้วยน้ำเสียงนุ่ม จากที่กำลังรอบทลงโทษก็กลายเป็นเคลิ้มไปเลย



ฟองฟางก็เป็นแบบนี้แหละ



เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากครามสมุทร



“ทุกอย่าง”



“อะไรบ้าง”



“คราม...”



“...”



“อย่ากดดันเราได้มั้ย”



“กล้าหน่อย หรือต้องรอให้เหล้าเข้าปากอย่างเดียว?”



“...”



“ก็ เราจำไม่ได้นี่นาว่าเราพูดอะไรไปบ้าง”



“...”



“แต่ เราเห็นคลิปแล้ว” ฟองฟางลืมตามองคนที่สูงกว่าตั้งสิบห้าเซ็นต์ยืนขมวดคิ้วยุ่ง “พี่ซองส่งมาให้”



“อือ”



ฟองฟางกลืนก้อนแข็งๆ ลงคอแล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น...ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเพราะอีกฝ่ายก็เงียบเหมือนกัน รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่เดินออกมาเข้าห้องน้ำทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็คว้าไอโฟนออกมาส่งแชตตอบครามสมุทรยังได้



เพราะไม่กล้าตอบแชต นึกคำพูดไม่ออกก็เลยเป็นแบบนี้แหละ



“เราเมาก็จริงแต่...ที่พูดออกไป”



“...”



“พูดออกจากใจจริงๆ”



ต่อจากนี้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถอะ



“ขอโทษนะที่ทำให้...”



“เย็นนี้อยู่รอก่อน อย่าเพิ่งหนีกลับ”



“...”



ฟองฟางเหมือนถูกช่วงชิงลมหายใจทันทีตอนที่ฝ่ามือหนาวางลงบนผมนุ่มๆ สีน้ำตาลธรรมชาติของเขา และถ้าตาไม่ฝาด ฟองฟางเห็นชัดเลยว่าครามสมุทรกำลังอมยิ้ม...ถึงแค่จะเล็กๆ น้อยๆ และแวบเดียวแต่เขามั่นใจมากๆ



“ตัวสั่นแล้วฟอง” ครามสมุทรบอกเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องน้ำ ทิ้งให้คนที่ได้ฟังเสียงทุ้มๆ แทบละลายจมไปกับพื้นเดี๋ยวนั้น



โคตรจะพลิกล็อกเลย







*****





 

Yammy: ถามจริงเหอะ มึงไว้ใจมันขนาดนั้นเลยวะ

Yammy: แค่มันลูบผมหน่อยมึงก็ใจแตกแล้วว่างั้น

.ff: บอกตรงๆ ว่าใช่ ._.

Yammy: เฮ้อออ มึงนี่น้า

 

ฟองฟางนั่งแกว่งขาอยู่บนเก้าอี้สตูลบาร์ในร้านกาแฟใต้ตึกเรียนใหม่ของมหา’ลัย ที่มารอที่นี่ก็ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพราะครามสมุทรนั่นแหละ รายนั้นแชตมาดักฟองฟางตั้งแต่ยังไม่เลิกเรียนเลยด้วยซ้ำ เขาบอกให้ฟองฟางมานั่งรอตรงนี้ก่อน



ถึงจะอยู่คณะวิทยาศาสตร์เหมือนกันแต่ก็ยังอยู่คนละสาขาอยู่ดี ครามสมุทรเรียนเคมีส่วนฟองฟางเรียนคณิตศาสตร์ แน่นอนว่าวิชาที่เรียนไม่ตรงกัน แต่เวลาเลิกเรียนบางวันน่ะเหมือนกันเป๊ะๆ เลย



แล้วเท่าที่จำได้ วันนี้ครามสมุทรต้องเลิกเรียนพร้อมเขา...แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีนักศึกษาชั้นปีหนึ่งที่เรียนสาขาเคมีเดินออกจากลิฟต์สักคน



นั่งไปใจก็ตุ้มๆ ต่อมๆ บอกตรงๆ ว่าไม่ชินเลยกับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนที่แอบชอบแบบนี้



“รอนานมั้ย”



ฟองฟางสะดุ้งโหยงเด้งตัวลงจากเก้าอี้สูงๆ ทันที แทบเซล้มลงพื้นเพราะตกใจตื่นเต้นแต่โชคดีมากที่ครามสมุทรคว้าแขนเขาไว้ก่อน



“ขอบคุณนะ”



“ลนอะไรขนาดนั้น”



“ครามมีอะไรจะคุยกับเราเหรอ”



ไม่ตอบคำถามแต่เปิดประเด็นคาใจไปเลย ครามสมุทรเลิกคิ้วเหมือนแปลกใจอะไรสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวสูงก็ไม่ได้แสดงท่าทีหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา



“ไม่มี”



อ้าว...



“ฝนตก กลับบ้านยังไง”



ถึงจะงงเพราะอีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไรทั้งๆ ที่ตอนแรกก็บอกให้รอเหมือนมีเรื่องจะคุยก็ตาม แต่ฟองฟางก็ยังส่งยิ้มแหย เอียงคอเกาหัวก่อนจะงึมงำตอบคำถามครามสมุทร



“ก็กลับรถไฟฟ้าเหมือนเดิม”



“ฝนตกแบบนี้?”



 “อื้อ เร็วสุดแล้ว”



“ต้องฝ่าฝนออกไป”



“อื้อ”



“เดี๋ยวกลับด้วยกัน”



 “...”



“รอตรงนี้ เดี๋ยววิ่งไปเอารถมารับ”



ไม่รู้ทำไม...



“ด เดี๋ยวคราม”



ครามสมุทรถึงทำให้ฟองฟางแปลกใจได้ขนาดนี้



คนตัวเล็กกว่าขยับเท้าเล็กน้อย เอื้อมมือไปแตะแขนของคนตัวสูงที่ทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไป ครามสมุทรชะงักแล้วหันมองเขาที่เม้มปากแน่น คนตัวโตเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อฟองฟางทำท่าอึกอัก



“ถ้าเราจะขอเดินไปด้วย ได้หรือ...”



“อือ ไปสิ”



“...”



“อาจจะเปียก ไม่มีร่ม”



“ไม่เป็นไรเลย” ยิ้มบางๆ พร้อมส่ายหน้าให้คนตรงหน้า



ไม่เป็นอะไรเลย...ถ้าได้เปียกฝนไปกับครามสมุทร

ฟองฟางก็พร้อมยอมเปียกอยู่แล้ว







*****





 

ต่างคนต่างวิ่งหนีฝนเพื่อกระโดดขึ้นปอร์เช่สีดำเงาวับเร็วๆ สักที ความจริงครามสมุทรควรจะวิ่งถึงรถของตัวเองตั้งนานแล้ว เพราะอีกฝ่ายมีช่วงขาที่ยาวกว่าฟองฟางตั้งหลายเซ็นต์ แต่คนตัวสูงกลับวิ่งอยู่ข้างๆ คนที่เตี้ยกว่าอย่างเขาอยู่อย่างนั้นจนพวกเขาสองคนถึงปอร์เช่คันหรู



“ขึ้นรถ” เจ้าของรถสั่งก่อนจะเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ฟองฟางเกือบทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่าครามสมุทรจะเปิดประตูรถให้



ฟองฟางรีบเก็บความประหลาดใจใส่ไว้ในอก เขาก้มตัวขยับขึ้นรถปอร์เช่ที่ด้านในเป็นเพลิงดูร้อนแรง กัดริมฝีปากสีชมพูเบาๆ เมื่อเสียงประตูปิดดังขึ้น และไม่นานประตูรถฝั่งคนขับก็เปิดออก



เจ้าของร่างสูงที่ฟองฟางชอบแอบมองใช้เวลาไม่นานในการพาตัวเองขึ้นประจำที่นั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทเครื่องยนต์ เปิดไฟหน้ารถ หรือแม้กระทั่งปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศไม่ให้เย็นจนเกินไป ทุกการกระทำที่ดูกระฉับกระเฉงค่อยเป็นค่อยไปของครามสมุทรอยู่ในสายตาฟองฟางตลอด



เป็นอีกครั้งที่ฟองฟองนั่งเงียบไม่ปริปากเมื่อมีครามสมุทรอยู่ด้วยใกล้ๆ ปกติเขาก็เป็นคุยเก่งระดับหนึ่ง แบบว่ามักจะหาเรื่องคุยกับเพื่อนตลอด แต่ถ้าที่ไหนมีเขาคนนั้น ฟองฟางก็ไม่เป็นขึ้นมาทันทีเลย



อะไรไม่รู้...อึดอัดแปลกๆ แต่ก็ชอบแปลกๆ เหมือนกัน



ชอบที่ได้อยู่ใกล้เขา



แต่พออยู่ใกล้กันฟองฟางก็ไม่กล้าหันไปมองบ่อยๆ โชคดีที่ตอนนี้ฝนตก เลยมีจุดให้โฟกัสสายตาก็คือเม็ดฝนที่กลิ้งอยู่บนกระจกด้านหน้ากับด้านข้าง



ในกรุงเทพฯ ฝนตกหนักมาก อากาศมันหนาวๆ ด้วย แต่ฟองฟางกลับรู้สึกอบอุ่น...อุ่นเพราะครามสมุทรเอามืออังแอร์แล้วก็ปรับอุณหภูมิให้ตั้งหลายรอบ



“บ้านเราอยู่หมู่บ้านสิริธารา เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายสุดซอยเลย”



“อือ”



พอรถวิ่งมาได้สักพักฟองฟางที่นั่งเงียบๆ ก็เป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน ระหว่างบอกทางไปบ้านของตัวเองหัวใจก็เต้นตุบตับไปด้วย



 “จอดตรงนี้ก็ได้...ขอบคุณนะ” ฟองฟางบอกแค่ซอยบ้าน แต่ไม่ได้บอกว่าบ้านหลังไหน โชคดีที่ครามสมุทรค่อยๆ ขับ ไม่งั้นเลยบ้านแน่ๆ



และก็จอดตรงหน้าบ้านพอดีเป๊ะ ฟองฟางรีบรวบกระเป๋าเป้แนบอกแล้วเปิดประตูรถเดินตากฝนออกไปโดยไม่รอฟังว่าคนที่ขับมาส่งจะพูดอะไรหรือเปล่า



“อยู่ไหนเนี่ย” ก้มหน้างุดอยู่หน้าประตูบ้าน หาลูกกุญแจในกระเป๋าเป้ช่องเดิมที่เก็บไว้ประจำ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ฝนก็ตกลงมาแบบไม่สงสารคนตัวเล็กๆ อย่างฟองฟางเลยสักนิด...กุญแจอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ตอนนี้เสื้อเขามันเปียกฝนไปหมด



พอเหลือบตามองก็ยังเห็นปอร์เช่คันเดิม



โคตรจะน่าอาย

ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทำไมต้องทำให้ครามเห็นด้านแย่ๆ อยู่เรื่อยก็ไม่รู้



ฟองฟางมองเข้าไปในบ้านเดี่ยวสองชั้นที่ปิดไฟมืดทั้งหลัง นึกขึ้นได้ว่าว่าเมื่อเช้าตอนออกจากบ้านตัวเองไม่ได้เอากุญแจออกมาด้วย แล้วตอนนี้ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่สักคน...ไม่อยู่สักประมาณห้าวันเลยแหละ



คนตัวเล็กยืนคอตกอยู่หน้าบ้านเหมือนลูกหมาเปียกฝน ผมสีน้ำตาลธรรมชาติของฟองฟางลู่แนบไปกับหน้า จะหันหลังกลับไปก็ไม่ได้เพราะปอร์เช่ยังจอดอยู่ ฟองฟางไม่อยากให้ครามสมุทรเห็นว่าตัวเองกำลังร้องไห้



ขอร้องไห้หน่อยเหอะ อะไรก็ไม่เป็นใจสักอย่าง



“เข้าบ้านไม่ได้เหรอ”



จนกระทั่งเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นในระยะใกล้พร้อมกับฝนที่ตกลงมาแต่ไม่โดนตัวฟองฟางเพราะมีร่มบังอยู่ คนตัวขาวรีบหันหลังกลับไปมอง แล้วก็ต้องผงะถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งเมื่อเจอกับแผ่นอกกว้างๆ ของเจ้าของรถปอร์เช่



คราสมุทรขยับเข้ามาหนึ่งก้าวเพื่อให้ฟองฟางอยู่ในร่มคันเดียวกัน



ระยะที่ใกล้กันทำให้เขามีโอกาสได้เพลินไปกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายของครามสมุทรไปพร้อมๆ กับกลิ่นของสายฝน ก่อนจะเม้มปากกลั้นหายใจ กลอกตาลุกลี้ลุกลนตอนที่ต้องแหงนหน้ามองอีกฝ่าย รู้อยู่แล้วว่าครามสมุทรสูงมาก แต่ไม่คิดว่าจะสูงขนาดนี้...แบบที่เขาต้องเงยหน้าคุยถ้าไม่อย่างนั้นก็จะเห็นแค่แผ่นอกกับกระดูกคอสุดจะเซ็กซี่ของครามสมุทรที่มันวับๆ แวมๆ อยู่ในเสื้อนักศึกษา



มือไม้สั่นจนต้องยกขึ้นมาเกาหัวให้อีกฝ่ายมองไม่ออกว่าเขาตื่นเต้นและตกใจมากแค่ไหน



“เราน่าจะลืมกุญแจไว้ในบ้าน”



“โทรบอกให้คนในบ้านออกมาเปิดประตู”



ตากลมๆ สบกับตาคมที่มองมาแบบนิ่งๆ ฟองฟางยิ้มแหย ขยับปากอ้อมแอ้มตอบคนตรงหน้า



“พ่อกับแม่เราไปต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่บ้าน”



“...”



“ขอโทษนะ ขอยืมร่มหน่อยได้มั้ย…หน้าปากซอยมีโรงแรมอยู่ เราว่าจะไปเช่านอนก่อน”



ว่าจะไม่ทำให้ลำบาก ว่าจะไม่รบกวนแล้วเชียว



“ที่บ้านจะกลับมาวันไหน”



“ไปห้าวัน...น่าจะกลับอาทิตย์หน้าเลยแหละ”



“อือ”



อือ...



“...”



“ไปอยู่ด้วยกันก่อนมั้ย”



“...”



“ที่บ้านกลับมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที”



ถ้าเขาเป็นแยม ป่านนี้คงหวีดจนเสียงหลงแล้วบอกว่า ‘ขออยู่ถาวรเลยได้มั้ย’ ‘ชวนแล้วชวนเลยไม่ส่งกลับได้หรือเปล่า’



ก็นั่นแหละ...ตอนนี้โคตรอยากสวมร่างเป็นแยมเลยจริงๆ













#ฟองฟางครามสมุทร













ชอบไม่ชอบไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือชวนไปอยู่ด้วย ._.
ฟองแย่แล้วแน่ๆเลย

หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 04-01-2019 17:07:40
 ชอบความชวนไปอยู่ด้วยกันก่อน น้องฟองน่ารักกๆๆๆๆๆๆ  :-[
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 05-01-2019 00:16:32
 :hao7: says “yes” เลยค่ะ  o13  :hao6:   :o8:    :-[.   :impress2: จะเตรียมตัวฟิน  :hao3:   :o8:   :-[.  :impress2:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 03 - up 5.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 05-01-2019 21:56:27

03

ดวงตา ริมฝีปาก ใบหน้า

เราอยากมองนานๆ เลยนะรู้เปล่า : )







 

“เช็ดผมก่อน เดี๋ยวเป็นหวัด”



ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กๆ โยนแหมะลงบนผมสีน้ำตาลของคนที่นั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา ฟองฟางตัวสั่นหงึกๆ เพราะรู้สึกหนาวแอบสังเกตบ้านของเจ้าของรถปอร์เช่ มันทั้งใหญ่ หรูหรา ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ นี่คือบ้านของนักศึกษาชั้นปีหนึ่งที่อาศัยอยู่คนเดียว



ครอบครัวของครามสมุทรรวยมาก รวยขนาดที่พ่อแม่เป็นเจ้าเกาะ ‘ครามสมุทร’ ที่อยู่ภาคใต้ของไทย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าดิวตี้ฟรีชื่อดังที่รู้จักกันทั่วโลก แถมตอนนี้ยังเปิดห้างใหม่ที่ใหญ่ อลังการ เป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็ถือหุ้นของสายการบินดังอีกด้วย



เรียกได้ว่าถ้าเอ่ยนามสกุล อนุวงศ์วรวัฒน์ ขึ้นมาเมื่อไหร่ ออร่าความรวยก็กระจายทันที



ครามสมุทร อนุวงศ์วรวัฒน์ เป็นลูกชายคนเล็กและคนเดียวของตระกูลนี้เลย พ่อแม่ตามใจเขาทุกอย่าง เลี้ยงแบบสปอยล์สุดๆ  ปกติถ้าถูกตามใจแบบนี้ครามสมุทรคงนอกลู่นอกทางแล้ว แต่ก็ไม่ ครามสมุทรเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่เสมอ



ที่รู้ก็เพราะว่าให้แยมสืบมาหมดแล้ว : )



“ปิดแอร์มั้ย เห็นนั่งสั่นตั้งแต่อยู่ในรถ”



“ไม่เป็นไร เราขี้หนาวแบบนี้อยู่แล้ว”



ยื่นมือรับผ้าขนหนูผืนสีขาวผืนใหญ่มาคลุมร่างกายของตัวเอง ตัวฟองฟางเปียกชุ่มน้ำฝนและเหมือนจะแห้งบางส่วนตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว



บอกตามตรงเลยว่าเขาโคตรใจง่าย ไม่ดิ ความจริงฟองฟางจะปฏิเสธครามสมุทรก็ได้ แล้วไปเช่าโรงแรมนอนแบบที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่เพราะใจพาไปแท้ๆ ตอนนี้เขาถึงได้มานั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ในบ้านของครามสมุทร



“อาบน้ำเลยมั้ย”



คนถูกถามพยักหน้าหงึกเหลือบมองคนสูงกว่าที่ยืนค้ำหัวอยู่ ฟองฟางรีบลุกขึ้นยืน ชะเง้อคอมองหาห้องน้ำแล้วหันกลับมามองหน้าคนสูงกว่า ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น ยืนกุมมือเล็กๆ ไว้ด้วยกันเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี



รู้แต่ว่าตอนนี้อยากวิ่งหนีครามสมุทรไปที่ไหนสักที



“ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอ”



“อยู่ข้างบน”



“อ่อ โอเค ขอบคุณนะ” หมุนตัวเตรียมหนีทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน รู้แค่ว่าข้างบนเท่านั้นแหละ



“ตามมา เดี๋ยวพาไป”



“อ่า จริงๆ ไม่เป็นไร...”



“ฟองฟาง” เสียงทุ้มที่เข้มกว่าเดิมเรียกชื่อเขาเต็มปากเต็มคำ พอเงยหน้ามองแล้วเห็นสายตาดุๆ ของครามสมุทรเท่านั้นแหละ ฟองฟางถึงกับไม่กล้าขยับตัวไปไหน



เพิ่งสำนึกได้ว่านี่บ้านคนอื่น จะเดินไปไหนมาไหนเองก็น่าเกลียด



ก็นั่นแหละ สุดท้ายก็ต้องเดินตามตัวสูงต้อยๆ



สุดท้ายก็หนีครามสมุทรไปไหนไม่ได้อยู่ดี







*****





 

คนตัวขาวนอนแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างอาบน้ำแบรนด์จากุซซี่สบายใจเฉิบ กลิ่นหอมๆ ของครีมอาบน้ำทำเอาฟองฟางแทบเคลิ้มหลับ



บอกตามตรงว่าตอนแรกก็ไม่คิดและไม่กล้าลงอ่างราคาแพงของครามสมุทรเลย แต่เพราะถูกเจ้าของบ้านหลังนี้บังคับมาไง ฟองฟางเลยปฏิเสธไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นตัวเองที่นอนเคลิ้มจนไม่อยากลุกขึ้นจากอ่าง



‘ลงไปแช่ในอ่างด้วย มันจะปรับอุณหภูมิในร่างกาย จะได้สบายตัว’



ไม่รู้ว่าทฤษฎีไหน แต่เสียงทุ้มๆ ที่ลอยอยู่ในหัวทำเอาฟองฟางหลุดหัวเราะคิกคักคนเดียว ก็นั่นน่ะคือประโยคแรกเลยที่ครามสมุทรพูดยาว



 

Kram: ชุดนอนอยู่ในห้องแต่งตัว

Kram: ฟอง

Kram: อย่าแช่น้ำนาน ขึ้นได้แล้ว

 



เหลือบตามองไอโฟนรุ่นใหม่ที่วางอยู่ขอบอ่างร้องแจ้งเตือน ระหว่างที่แชตของครามสมุทรเด้งขึ้นมาคำถามหนึ่งที่ฟองฟางคิดอยู่คนเดียวมาตั้งนานก็ผุดขึ้นในหัวอีกครั้ง



เขาไม่ค่อยเข้าใจที่ครามสมุทรทำแบบนี้ ไม่รู้จริงๆ ว่าการที่พวกเขาได้คุยกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นครามสมุทรไม่แม้แต่จะสบตาฟองฟางมันหมายความว่ายังไง...เป็นเพราะอะไร



ตั้งแต่รู้จักกันเขากับอีกฝ่ายไม่เคยส่งข้อความหากัน และมื่อเช้าคือครั้งแรกที่ฟองฟางได้รับข้อความจากครามสมุทร



ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว



แต่ยังไง...ครามสมุทรยังเป็นคนที่ทำให้ฟองฟางปั่นป่วนตลอด



ไม่ว่าจะกี่วันกี่เดือนก็ตาม



กึก กึก



“ฟอง”



“อ่าห๊ะ ป...แป๊บนะคราม!”



ฟองฟางสะดุ้งโหยง คนตัวขาวในอ่างจากุซซี่หันหน้าเลิ่กลั่กเพราะเสียงทุ้มๆ ของใครบางคนที่ดังจากข้างนอก ฟองฟางรีบลุกขึ้นจากอ่าง กระวนกระวายหาชุดคลุมตัวใหญ่มาสวมทับร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง เสียงบิดลูกบิดประตูดังแกร็กๆ จนฟองฟางตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าครามสมุทรมีอะไรจะพูดด้วยหรือเปล่าเลยรีบย้ำเท้าฉับๆ เดินไปประตูแต่ก็เสียหลักหงายท้องตึงเพราะพื้นห้องน้ำมันลื่น



“โอ๊ย!”



“ฟอง เป็นอะไร” ครามสมุทรบิดประตูพร้อมกับเคาะปึงปัง



“ไม่เป็นไร”



 เจ็บโคตร



ฟองฟางรีบพยุงตัวลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่หงายเงิบลงไปทั้งตัว มึนตึ้บเพราะหัวกระแทกกับพื้น ถึงจะไม่แรงถึงขึ้นสลบแต่ก็รู้สึกเจ็บอยู่ดี



“คราม...ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ” พอเอื้อมมือเปิดประตูได้ก็เจอกับคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วยุ่งยังอยู่ในชุดนักศึกษาตัวเดิม ครามสมุทรมองหน้าเขาแวบหนึ่งแล้วชะโงกหน้าเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนจะกลับมาจ้องหน้าฟองฟางเหมือนเดิม



“นึกว่าจมน้ำไปแล้ว”



“เราว่ายน้ำเป็น ไม่จมหรอก” ฟองฟางหัวเราะแหะๆ



อ่างก็ไม่ได้ลึกอะไรขนาดนั้นสักหน่อย



“แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร”



“...”



“เหมือนคนล้มกระแทกพื้น”



“...”



“...”



คนตัวขาวหลุดเอื้อมมือไปลูบสะโพกตัวเองปอยๆ หน้ามุ่ยเพราะรู้สึกปวดที่บริเวณนั้น



“ในห้องน้ำนั่นเลือดหรืออะไร”



ฟองฟางหันขวับตามตาคมๆ ของคนตัวสูง พอเห็นคราบเลือดสดๆ ที่เปื้อนพื้นอยู่หย่อมหนึ่งก็อ้าปากค้าง ฟองฟางรีบยกแขนยกขาตรวจดูว่าเป็นเจ้าของเลือดนั่นหรือเปล่า แต่ไม่ทันไรก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ศีรษะตอนที่ครามสมุทรใช้ปลายนิ้วมือแตะลงมาเบาๆ



“นี่ล้มหัวฟาดพื้นเหรอ” คนตัวโตกว่ายืนมองเลือดที่ติดปลายนิ้วเรียวสลับกับใบหน้าซีดๆ ของฟองฟาง



“เฮ้ย เรา...”



“เป็นอะไรทำไมไม่บอก”



“เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่”



“ทีงี้เถียงเก่ง”



เสียงดุๆ ทำเอาฟองฟางหน้าจ๋อย คนที่เลือดออกหัวได้แต่ยืนก้มหน้า ตอนแรกก็ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก เลยหลบสายตามองพื้นดีกว่ามองคนที่ชอบทำเสียงเข้มใส่



“แต่งตัวซะ เดี๋ยวพาไปโรงพยาบาล”







*****





 

วันยุ่งๆ ของฟองฟางไม่รู้จะจบตรงไหน คงเหมือนกับฝนที่โปรยลงมาอยู่ตลอดเวลา ถึงจะได้ไม่ได้หนักมาก ไม่ได้เทกระหน่ำเหมือนพายุเข้า แต่มันก็ทำให้ใครสักคนที่ไม่ได้พกร่มแล้วออกไปยืนกลางสายฝนเปียกปอนได้



ตอนนี้เขานั่งอึนๆ มึนๆ อยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์จ่ายยา ฟองฟางเหมือนเด็กหายซ่าเพราะโดนเย็บที่หัวห้าเข็ม ตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินแล้วหมอกำลังเย็บแผลให้มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ออกจริงๆ เขากลัวเข็มมาก แทบจะร้องไห้ออกมาแล้วถ้าครามสมุทรไม่ช่วยปลอบ



ปลายนิ้วโป้งลูบหลังมือขาวของตัวเองเบาๆ หลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงสัมผัสตอนที่อยู่ในห้องฉุกเฉิน ครามสมุทรจับมือเขาไว้ ลูบหลังมือนุ่มนิ่มมือด้วยมือหนาเบาๆ ลูบไหล่ปลอบโยนคนขี้กลัวให้สงบและหายสั่น



สัมผัสอุ่นๆ จากครามสมุทรช่วยบรรเทาให้ฟองฟางลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่



 ดวงตากลมๆ มองแผ่นหลังของผู้ชายที่แอบชอบตั้งแต่แรกเจอกำลังยืนรับยาให้ ฟองฟางยิ้มมุมปาก...ขอบคุณอะไรก็ตามในใจคนเดียวที่ทำให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขามากขนาดนี้



“ฟอง” เจ้าของชื่อช้อนตามองคนที่ค่อยๆ สาวเท้าเข้ามา



ฟองฟางยิ้มเจื่อนให้คนตัวโตที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษา ครามสมุทรแต่งตัวไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ชายเสื้อหลุดออกนอกกางเกง แขนเสื้อถกขึ้นแบบลวกๆ สวมรองเท้าแตะ adidas สีดำ ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือถุงยาถุงเล็กๆ ผมเส้นตรงของเขาชี้ฟูนิดหน่อยเพราะไม่ได้เซ็ต



อย่างกับนายแบบ



“เดินไหวมั้ย หรือจะนั่งวีลแชร์”



“ไหวๆ”



แต่ยังไม่ทันขาดคำฟองฟางก็แทบหน้าทิ่มพื้นเพราะรีบลุกจากโซฟาจนอาการปวดสะโพกกำเริบ



ครามสมุทรรีบโน้มตัวประคองเจ็บที่ทำท่าจะลุกขึ้น สอดแขนแกร่งไว้ที่หลังเล็กๆ...หน้าของฟองฟางแทบชิดกับแผ่นอกกว้างของครามสมุทรอยู่แล้ว คนตัวขาวพยายามเบี่ยงตัวออก ขยับเบาๆ เชิงบอกให้อีกคนปล่อยแต่ครามสมุทรกลับรั้งฟองฟางเข้ามาโอบไว้แน่นกว่าเดิม



“นี่คือไหว? เมื่อกี้หน้าเกือบทิ่ม”



“เราทรงตัวไม่ดีเอง”



“กอดเอวไว้ จะได้มีที่ยึดเวลาเดิน”



คนตัวขาวกัดริมฝีปากพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ ดื้ออะไรกับครามสมุทรมากไม่ได้แล้วเลยค่อยๆ กางแขนซ้ายเอื้อมไปจับชายเสื้ออีกข้างของครามสมุทร จับแบบไม่เต็มที่เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะอึดอัด



แต่ไม่กี่วินาทีต่อมาฟองฟางกลับได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ จากคนตัวสูง และในขณะเดียวกันครามสมุทรก็จับมือนุ่มๆ ของฟองฟางให้วางแหมะบนเอวของเขาแทนการจับชายเสื้อ



“กอดเอว ไม่ใช่จับเสื้อ”



“...”



“...”



“คราม”



“อือ...”



“ขอบคุณนะ”



“ขอบคุณอะไร”



“ทุกอย่างเลย”



ขอบคุณที่ทักแชตมาทั้งๆ ที่ฟองฟางคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสได้คุยกับครามสมุทรแบบนั้น

ขอบคุณที่เข้ามาคุยด้วย ขอบคุณที่ให้นอนแช่จากุซซี่

ขอบคุณที่ให้สารภาพความในใจ ถึงแม้ว่าตัวเองจะเมา และไม่รู้ว่าครามสมุทรจะโกรธหรือเปล่า

ขอบคุณจริงๆ ที่ ไม่ต่อยฟองฟางตอนที่เมาแล้วจับครามสมุทรมาจูบ



“อือ”



“...”



“ขอบคุณเหมือนกัน”



“ขอบคุณเราทำไม”



“ขอบคุณที่บอก”



ฟองฟางเงยหน้ามองคนสูงกว่า คิดว่าประโยคนั้นครามสมุทรยังพูดไม่จบเลยรอฟังต่อ แต่ก็ไม่...ครามสมุทรไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาแค่ประคองฟองฟาง พาคนเจ็บเดินออกจากโรงพยาบาลไปเงียบๆ เท่านั้น



ถ้าให้คิดเอาเอง...ไม่รู้เหมือนกันว่าใช่เรื่องนั้นมั้ยที่ครามสมุทรขอบคุณฟองฟาง



เรื่องที่ฟองฟางเมาแล้วบอกความในใจออกไปจนหมด



มันจะใช่หรือเปล่านะ



“รอตรงนี้ เดี๋ยวขับรถมารับ”



“ขอไปด้วย รถครามจอดใกล้ๆ นี่เอง”



“ฝนตกอยู่ ไม่มีร่มด้วย”



“ก็เดินไปด้วยกันไง”



“รอตรงนี้”



คำสั่งสั่นๆ ที่ทำให้คนฟังแอบหน้ามุ่ยดังขึ้น สุดท้ายฟองฟางก็ต้องนั่งลงบนเก้าอี้แข็งๆ หน้าโรงพยาบาลเพราะครามสมุทรบังคับ



“ถ้าวิ่งได้จะให้ไปด้วยกันอยู่หรอก”



“...”



“รออยู่ตรงนี้แหละ แป๊บเดียว”



คนตัวโตวางมือบนหัวกลมๆ ของคนตัวขาว ออกแรงโยกเหมือนกำลังเอาใจคนป่วยที่เกือบจะยู่ปาก ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้กล้างอแงใส่เขา



“สัญญา” เสียงทุ้มๆ บอกแบบนั้นก่อนจะยื่นนิ้วก้อยรอให้เกี่ยว



“สัญญาอะไร”



“จะไม่ให้ฟองรอนาน”



ถึงจะไม่รู้ว่ารอที่อีกฝ่ายบอกมันมีความหายอะไรพิเศษไปกว่านั้นหรือเปล่า แต่ฟองฟางก็เงยหน้าพร้อมรอยยิ้ม ส่งนิ้วก้อยเล็กๆ ของตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยเรียวยาวของคนตัวสูง



ครามสมุทรในตอนนี้ไม่ได้เย็นชาสำหรับฟองฟางแล้ว



“อื้อ...จะรอนะ”



แต่เป็นครามสมุทรที่โคตรจะอบอุ่นเลย



ครามสมุทรพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะสาวเท้าวิ่งออกจากอาคารของโรงพยาบาล แผ่นหลังกว้างๆ นั่นน่ะอยู่ในสายตาของคนตัวขาวตลอด



ฟองฟางอมยิ้ม ตอนที่เห็นคลิปบ้าๆ นั่นเขากลัวผลลัพธ์ของการเมาแอ๋แทบตาย กลัวว่าครามสมุทรจะเกลียด กลัวไปหมดทุกอย่าง



แต่สิ่งที่กลัวมันไม่เกิดขึ้น ผลลัพธ์ของการเมาไม่รู้เรื่องไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด กลับกัน มันเหมือนจะเป็นไปในทางดี...ยังไงก็ไม่รู้



ฟองฟางค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ตอนที่ปอร์เช่สีดำคันหรูเคลื่อนขึ้นเนินหน้าอาคารโรงพยาบาลและจอดเทียบไว้แต่ไม่ได้ดับเครื่องยนต์ คนเจ็บปวดร้าวไปทั้งเอวและสะโพกก็เคลื่อนไหวยากเป็นธรรมดา โชคดีที่ครามสมุทรรีบลงจากรถแล้วสาวเท้าตรงมาทางคนป่วย ช่วยประคองฟองฟางให้ลุกขึ้น มือหนาจับต้นแขนนุ่มเบาๆ สอดท่อนแขนแกร่งประคองแผ่นหลังคนป่วย



“ค่อยๆ เดิน”



“อื้อ”



“ให้อุ้มมั้ย”



“เฮ้ย ไม่เป็นไร เดินได้ๆ”



ถ้าอุ้มจริงๆ ก็แย่แล้ว



กว่าจะขึ้นรถได้บอกเลยว่าลำบากมาก ฟองฟางรู้ชะตากรรมตัวเองว่ายังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องขาดเรียนถ้ามันยังไม่ดีขึ้น



ฟองฟางเป่าลมออกปากเบาๆ หลังจากที่เข้ามานั่งในรถได้สำเร็จ กุมมือขาวที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแขนยาวจนกินมือ จริงๆ มันคือเสื้อของครามสมุทร เสื้อตัวนี้ฟองฟางเคยเห็นเขาใส่ไปเที่ยวกับช็อปเมื่อหลายเดือนก่อน จำได้ดีเลยว่ามันพอดีกับตัวครามสมุทรมากๆ แต่พอมาอยู่บนตัวฟองฟางเองมันกลับใหญ่เกินตัว



“มันมียาที่ต้องกินก่อนนอน”



“อื้อ เดี๋ยวค่อยกลับไปกิน”



“กินตอนนี้ น้ำอยู่หลังรถ”



“อ่า โอเคๆ” ฟองฟางพยักหน้าพร้อมกับเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อหาน้ำตามที่ครามสมุทรบอก จับๆ คลำๆ อยู่พักหนึ่งก็เจอกับขวดน้ำขวดใหญ่เลยคว้ามากอดแนบอก



“พกน้ำขวดใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ”



“เปล่า เติมน้ำมันก็ได้แล้วทีละขวด”



“อ๋อ...” มือขาวหยิบซองยามาอ่านทีละซอง แต่เพราะว่าตอนนี้มันมืดเกินไปฟองฟางเลยต้องเพ่งและหามุมสว่างๆ เพื่อให้มองเห็นตัวอักษรที่อยู่บนซองยา



“ซองสีน้ำตาล เม็ดเล็กๆ สีส้ม กินหนึ่งเม็ด”



“อ่าห๊ะ”



“ซองใส ยาแก้ปวด เม็ดกลมๆ สีขาว กินสองเม็ด”



“อื้อ” หันไปยิ้มให้คนที่กำลังจ้องถนนข้างหน้า ฟองฟางหยิบซองยาตามและแกะเอาเม็ดยามาใส่มือตามที่ครามสมุทรบอก



ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ตอนแรกครามสมุทรก็ขับรถเร็วอยู่นะ เหมือนอยากให้ถึงบ้านเร็วๆ แต่พอฟองฟางทำท่าจะกระดกน้ำลงคอไปพร้อมกับยา เจ้าของปอร์เช่คันนี้ก็ลดความเร็ว และเปลี่ยนไปวิ่งเลนซ้ายแทนเลนขวา



ฟองฟางถามตัวเองในใจ ถ้าพูดขอบคุณออกไปอีกครั้ง คนฟังจะเบื่อหรือเปล่าก็ไม่รู้



“ถ้าง่วงก็นอนไปก่อน” ครามสมุทรเหลือบตามองคนที่กินยาเสร็จแล้วแต่นั่งกอดนวดน้ำแน่น



“อยากนอนอยู่หรอก แต่นอนไม่ได้นี่สิ”



“ทำไม”



“ก็...มันจะทับแผลที่เย็บ” ฟองฟางชี้ไปตรงหลังศีรษะของตัวเองที่มีผ้าก็อซสีขาวแปะอยู่ ต่อจากนี้จนกว่าแผลจะหายเขาคงต้องนอนคว่ำหรือนอนตะแคงเท่านั้น ไม่อย่างนั้นได้เจ็บรอบสองแน่ๆ



ฟองฟางอมลมจนแก้มป่อง หันมองคนตัวโตกว่าที่ควบคุมพวงมาลัยและขับรถไปตามถนนในกรุงเทพฯ มองลาดไหล่กว้างๆ ของคนนั้นที่ฟองฟางเคยคิดเอาไว้ว่าถ้าใครได้เป็นแฟนครามสมุทรคงเป็นคนที่น่าอิจฉามากๆ เพราะถ้าง่วงก็มีไหล่กว้างๆ นี่แหละให้ซบนอนหลับสบาย



“...”



“คราม”



“ครับ”



“ง่วงแล้ว”



“...”



“...ขอยืมไหล่หน่อยได้มั้ย” เอ่ยปากขอยืมไหล่อีกคนทั้งๆ ที่ไม่มีสถานะสำคัญอะไรกับเขาเลยสักนิด



ฟองฟางรู้ว่าตัวบ้ามากๆ แต่ไม่รู้สิ...มาถึงขนาดนี้ก็ควรลองเสี่ยง



ลองดูสักครั้งในฐานะอะไรก็ได้



“อือ เอาสิ”



“ขอบคุณนะ”



ในฐานะคนที่ชอบครามสมุทรข้างเดียวก็ได้

แค่ไม่ผลักไสกันก็พอ







*****





 

ปอร์เช่คันหรูเคลื่อนเข้าไปในบ้านเดี่ยวใจกลางกรุงเทพฯ บ้านที่ออกแบบให้เป็นสไตล์โมเดิร์นท่ามกลางบ้านหลังอื่นๆ ที่แทบจะเป็นคฤหาสน์ ใช่ เขาเบื่อบ้านหลังใหญ่ๆ จะแย่ เพราะว่าบ้านที่เป็นบ้านเกิดของเขาจริงๆ มันก็คือคฤหาสน์เหมือนกัน



โดยพื้นเพแล้วครามสมุทรเป็นคนภาคกลาง พ่อกับแม่เขาก็เป็นกรุงเทพฯ แต่เพราะว่าพวกท่านมีธุรกิจใหญ่ๆ อยู่ที่ภาคใต้เลยพากันย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด อยู่บนเกาะที่ชื่อว่าครามสมุทรในจังหวัดภูเก็ต 



ความจริงตอนนี้ครามสมุทรควรจะอยู่ที่ประเทศสเปนเพื่อเรียนต่อตามที่พ่อกับแม่อยากให้ไป แต่เขาอยากเรียนในไทยมากกว่า และพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ครามสมุทรเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเอกชน ตอนแรกเขาจะอยู่หอเล็กๆ กับช็อปเพราะมันใกล้มหา’ลัย แต่คุณแม่ก็ดื้อเหลือเกิน ท่านแอบซื้อบ้านบนที่ดินราคาสูงไว้ให้ครามสมุทรก่อนแล้ว



คุณแม่บอกว่าท่านเลี้ยงดูลูกชายคนเดียวมาเป็นอย่างดี ลูกคนนี้ก็อยู่บ้านหลังใหญ่มาตั้งแต่เกิดเลยไม่สามารถทนเห็นครามสมุทรไปอยู่หอเล็กๆ ได้ เพื่อความสบายใจของคุณแม่เขาเลยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้...มันก็สะดวกกว่าอยู่หอเยอะเลยแหละ



 

ช็อปเปอร์: มึงนอนยังวะคราม

ช็อปเปอร์: คืนนี้กูแบกพวกไอ้ตี๋กับพวกพี่ๆ ไปนอนบ้านมึงได้ป่ะ

ช็อปเปอร์: เมาแอ๋ฉิบหายแล้วเนี่ย

ช็อปเปอร์: (send a photo)



 

ครามสมุทรเปิดดูภาพที่ช็อปส่งมา มันเป็นภาพกลุ่มเพื่อนของเขาเมาจนหมดสภาพ และรุ่นพี่อีกบางคนที่ยังพอมีสติอยู่แต่คงกลับบ้านเองไม่ไหว...อย่างที่บอก อยู่บ้านตัวเองมันสะดวกกว่า เพราะในบางครั้งเวลาที่เพื่อนอยู่ดื่มจนดึกกลับ หอไม่ได้ บ้านของเขามันก็ยังเป็นที่รับรองให้เพื่อนๆ มาอาศัยนอนได้



คนตัวสูงส่ายหน้าเบาๆ เหลือบมองคนที่ใช้ไหล่ของเขาเป็นหมอนนอนในรถ ฟองฟางขยับตัวเล็กน้อยแล้วถอนหายใจออกมาทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ เหมือนเมื่อยเวลานอนแล้วอยากจะเปลี่ยนท่าแต่ก็เปลี่ยนไม่ได้



 

Kram: บ้านไม่ว่าง

ช็อปเปอร์: เวรละ

ช็อปเปอร์: แม่มึงมาหาเหรอวะ

Kram: เปล่า

ช็อปเปอร์: อ้าว อะไรของมึง

Kram: ไม่ว่างก็คือไม่ว่าง

ช็อปเปอร์: อ๋าาาา กูรู้ละ มึงซุกสาวไว้ใช่มั้ย

ช็อปเปอร์: ไม่เป็นไรก็ได้ครับพี่คราม

ช็อปเปอร์: แต่เดี๋ยวนี้เอาใหญ่ละนะ

ช็อปเปอร์: กูจะไลน์ไปฟ้องคุณญาดา

Kram: อือ

Kram: เดี๋ยวไลน์บอกคุณนภารัตน์เหมือนกันว่าลูกชายออกไปเมาทุกวัน

ช็อปเปอร์: สัด ห้ามฟ้องแม่กู

 



ครามสมุทรล็อกหน้าจอไอโฟนก่อนจะเก็บมันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เหลือบมองคนที่ตัวเล็กกว่านอนอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เขายื่นมือออกไปทำท่าจะเขย่าปลุกคนที่หลับให้ตื่น แต่ก็ชะงักค้างไว้ มือหนาข้างนั้นวางลงบนแขนซ้ายของอีกฝ่าย...ครามสมุทรลูบท่อนแขนเล็กเบาๆ เหมือนกล่อมให้คนหลับฝันที่ดี



เขาปล่อยให้เครื่องยนต์ของปอร์เช่ทำงานอยู่อย่างนั้นในโรงจอดรถ ไฟในบ้านเปิดว่างเพราะไม่ได้ปิดตั้งแต่แรก ปล่อยให้ฟองฟางหายใจเข้าออกแผ่วเบาอยู่บนไหล่ทั้งๆ ที่ความจริงเขาสามารถปลุกให้อีกคนตื่นก็ยังได้



แต่ในวินาทีต่อมาครามสมุทรก็ดับเครื่องยนต์ ค่อยๆ ดันศีรษะกลมให้ออกจากไหล่อย่างอ่อนโยนแล้วจับพิงไว้กับเบาะฝั่งคนขับแทน



ครามสมุทรลงจากรถรีบไปเปิดประตูอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว เขาโน้มตัวปลดสายเบลท์ออกจากตัวฟองฟาง ค่อยๆ ประคองคนป่วยไว้ในอ้อมกอดแล้วช้อนคนตัวเล็กด้วยแขนสองข้าง



คนตัวโตใช้เท้าดันประตูรถปอร์เช่ให้ปิดสนิท ครามสมุทรอุ้มและกอดฟองฟางอย่างทะนุถนอมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารู้ว่าฟองฟางปวดเอวกับสะโพก แต่มันเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่จะสัมผัสสองจุดนี้ ทุกครั้งที่เขาก้าวขาเดินเข้าบ้าน เสียงคนเจ็บครางอื้ออึงก็ดังขึ้นเบาๆ



กระทั่งครามสมุทรก้าวเท้าขึ้นชั้นสองของบ้านได้สำเร็จ เขาเปิดประตูห้องนอนของตัวเองแล้วอุ้มฟองฟางที่หลับตาขมวดคิ้วอยู่ในอ้อมกอดเข้าไปในนั้น วางคนป่วยลงบนเตียงนุ่มๆ ที่ครามสมุทรหวงนักหวงหนา สาบานได้เลยว่าเตียงนี้...เพื่อนสนิทอย่างช็อปก็ยังไม่เคยได้เฉียดตัวเข้าใกล้เลยสักนิด



“อื้อ...”



“เจ็บเหรอ”



“...”



เขารู้ว่าฟองฟางนอนหงายไม่ได้ เลยวางคนป่วยลงแล้วจับให้นอนตะแคง แต่เพราะว่าฟองฟางหลับไม่รู้เรื่องเลยพยายามพลิกตัวนอนในท่าที่สบายที่สุด ซึ่งมันก็เป็นท่านอนหงายที่จะกดทับแผลนั่นแหละ



ครามสมุทรรีบคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้หลวมๆ เขาย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างเตียงแล้วคว้าเอาหมอนข้างกับหมอนใบเดิมที่ใช้หนุนศีรษะประจำมาดันแผ่นหลังของฟองฟางไวไม่ให้นอนหงาย จะจับนอนคว่ำก็กลัวหายใจไม่ออก



“นอนดีๆ” บอกคนดิ้นเก่งแบบนั้นแล้วก็ได้แต่อมยิ้มคนเดียว ครามสมุทรมองเข้าไปในห้องน้ำ เขาอยากเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อย แต่พอเห็นคนบนเตียงนอนดิ้นไปมาแบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ



ครามสมุทรขยับตัวขึ้นเตียง เอนตัวลงนอนข้างๆ ฟองฟาง หันหน้าหากัน แขนแกร่งข้างหนึ่งเอื้อมโอบแผ่นหลังบอบบางของคนป่วย รั้งให้ฟองฟางซบหน้าชิดอกกว้างของเขา และประคองแผ่นหลังนั้นไว้ไม่ให้ดิ้นพลิกตัวนอนหงาย



“ฮื่อ”



“อดทนหน่อย”



เขายิ้มให้กับคนที่ส่งเสียงครางอื้ออึงแผ่วเบาออกมา



“...”



“เดี๋ยวก็หายดีแล้ว”



ยิ้มให้กับคนป่วยที่หลับอยู่ในอ้อมกอด



“ฝันดีครับ”



ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่บอกความในใจกลางวงเหล้าในวันนั้น

ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่คว้าเขาไปจูบในวันนั้น...

ยิ้มให้และหลับไปกับคนที่ทำเป็นในกล้าในวันนั้น...ทั้งๆ ที่ตัวสั่นแทบตาย

 










#ฟองฟางครามสมุทร




หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-01-2019 22:49:24
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 05-01-2019 23:50:27
น่ารักดีค่ะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -03- up 5.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 06-01-2019 00:05:46
หรือจริงๆแล้วครามแอบชอบอยู่ก่อนแล้วแต่ไม่กล้าบอก
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 04 - up 6.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 06-01-2019 10:46:19

04

เป็นภาพหนึ่งที่อยู่ในใจ

เป็นคำหนึ่งที่อยู่ในใจตลอดมา



 

เช้านี้ฟองฟางนั่งจุมปุ๊กกุมแผลตรงศีรษะด้วยสภาพที่ไม่เต็มร้อยเท่าไหร่ อาการปวดเอวกับสะโพกยังไม่หายแถมยังปวดรุนแรงกว่าเก่า ก็รู้ดีอยู่แล้วแหละว่ามันช้ำใน ความจริงวันนี้ฟองฟางจะหยุดเรียนอยู่แล้ว จริงๆ ครามสมุทรก็บังคับให้เขาหยุดด้วยแหละ แต่ฟองฟางดื้อด้านเอง



“โดนใครตีหัวมาวะฟอง”



“เปล่า กูลื่นล้มในห้องน้ำเฉยๆ” ตอบเสียงนิ่มๆ และส่ายหัวเบาๆ ให้แยมที่โยนกระเป๋าลงบนโต๊ะกลมข้างบีนแบ็กในหอสมุด ตอนนี้ฟองฟางซึมๆ มึนๆ เพราะอาการเจ็บหัว แต่เชื่อเถอะว่าแยมน่ะมึน ซึม แถมโทรมกว่าเขาเยอะ



“ห้าวววว”



“ปิดปากหน่อยแยม เป็นผู้หญิงแท้ๆ นะเนี่ย” บอกคนที่ล้มตัวลงนอนบนบีนแบ็กตัวกลมๆ เหมือนกับตัวที่ฟองฟางนั่ง แยมซุกตัวคล้ายดักแด้ให้บีนแบ็กห่อหุ้มตัวเอง ทำหน้าง่วงๆ สะลึมสะลือเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน



“ช่วงนี้มึงดูฮอตๆ”



“ใครนะ”



“มึงไง”



“กูเนี่ยนะ” ฟองฟางที่กำลังจะหยิบสมอลล์ทอล์กเสียบหูย่นคิ้ว



“เมื่อคืนที่กูไปร้านเหล้ากับไอ้ช็อป มีคนพูดถึงมึงเยอะเลย ไอ้ช็อปก็ด้วย นั่นน่ะตัวดี”



“คงพูดเรื่องนั้นแหละมั้ง”



“เรื่องไหนอ่ะ”



“เรื่องที่ไปจูบคราม...” ฟองฟางเม้มปากแน่น ก้มหน้าลงบนฝ่ามือนุ่มๆ แล้วร้องฮือออกมา ขัดใจตัวเองจริงๆ ภาพในคลิปนั้นมันยังลอยอยู่หัวไม่ยอมหายไปสักที



แปะ



แยมตีแขนฟองฟางแรงๆ แล้วถลึงตาใส่



“ไหนมึงบอกว่าจำไม่ได้ไง”



“จำไม่ได้จริงๆ”



“เหรอจ๊ะฟอง”



“จริงๆ ก็ไม่รู้เลย ถ้าพี่ซองไม่เอาคลิปมาให้ดูก่อน”



คนตัวขาวห่อไหล่ ทำหน้าจ๋อยในขณะที่แยมปิดปากหัวเราะ กระทืบเท้าเหมือนถูกใจอะไรสักอย่าง ไม่พอแค่นั้น ต้นแขนของเขายังถูกตีรัวๆ อีกด้วย



“เจ็บนะแยม”



“กูล่ะอยากจะหัวเราะเป็นภาษาตุรกี”



“หัวเราะมาสิ อยากฟังเหมือนกัน”



“พี่ซองเอาคลิปให้มึงดูตอนไหนวะ”



“เช้าเมื่อวานนั่นแหละ...อยากร้องไห้จะตายอยู่แล้ว”



“อ๋ออออ แต่มึงก็ยังแอ๊บทำเป็นไม่รู้”



“แล้วจะให้ทำไงอ่ะแยม”



“มึงควรจะรุกต่อหรือไม่ก็ขอโทษอะไรสักอย่างอ่ะ งี้ครามไม่กลัวมึงไปแล้วเหรอวะ”



“คงไม่หรอกมั้ง”



“ก็แหง มีปอร์เช่รับส่งขนาดนี้น่ะน้า”



ฟองฟางหันขวับมองเพื่อนสนิท กำลังจะขมวดคิ้วสงสัยแต่แยมก็เอานิ้วมาเขี่ยแก้มกลมๆ ของเขาซะก่อน อีกคนขยับตัวยื่นหน้ามากระซิบข้างๆ หู



“สงสัยครามจะชอบมึงว่ะ”



“ตลกมากมั้ย”



แยมยิ้มกรุ่มกริ่มเหลือบมองเพื่อนที่นั่งหน้าแดงก่ำ ฟองฟางเวลาเขินเป็นแบบนี้เลย แก้มแดงหูแดงไปหมด



“แล้วรู้ได้ไงว่าครามมาส่งกู”



“กูเพื่อนมึงนะไอ้ฟอง แล้วแหม ไอ้ปอร์เช่นี่ก็เสือกมีคันเดียวในมหา’ลัย ยังไงก็เป็นจุดเด่น...นู้นๆ มันเดินมานู้นแล้ว”



ฟองฟางมองตามเล็บยาวๆ สีแดงสดของแยมที่กำลังชี้ไปตรงทางเข้าหอสมุด เห็นเจ้าของปอร์เช่คันหรูกำลังใช้บัตรนักศึกษาแตะตรงประตูอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าระยะที่ครามสมุทรยืนอยู่จะไกลจากจุดที่ฟองฟางนั่งพอสมควรก็ตาม แต่ฟองฟางกับแยมก็สามารถมองเห็นคนตัวสูงชัด...เพราะเขาน่ะโดดเด่นกว่าใคร



“เดี๋ยวกูจะแกล้งหลับแล้วกัน แล้วดูดิว่าถ้าครามมันจะเดินมาคุยกับมึงมั้ย”



“ไร้สาระแล้วแยม”



“เอาหน่า แล้วมึงจะต้องขอบใจกู” บอกแบบนั้นแล้วแยมก็เอนตัวแกล้งหลับไป ปล่อยให้ฟองฟางนั่งห่อไหล่ถอนหายใจคนเดียว



มือขาวๆ เอื้อมหยิบหนังสืออะไรสักเล่มที่เขาไม่รู้จักมาเปิดบังหน้าตัวเองเอาไว้เพราะเมื่อกี้ตาคมๆ ของครามสมุทรน่ะจ้องมาทางนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ฟองฟางก็ไม่ได้เป็นจุดเด่นอะไรขนาดนั้น แต่ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าครามสมุทรหาเจอได้ยังไง



คนที่เอาหนังสือปิดหน้าหัวใจเต้นรัว เขาหาเหตุผลที่ยกหนังสือขึ้นมาปิดหน้าไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่กำลังทำอยู่คือการหลบหน้าครามสมุทร เขิน หรืออะไรกันแน่



ฟองฟางไม่รู้เลย ไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นอะไร



“ไง” เสียงทุ้มๆ ดังใกล้ๆ ทำเอาคนที่ยกหนังสือปิดหน้าสะดุ้งเบาๆ ฟองฟางยิ้มแหย เป่าลมออกปากก่อนวางหนังสือไว้บนตัก ช้อนตามองคนตัวสูงที่ยืนทำหน้านิ่งๆ



“หวัดดีคราม”



“ไม่มีเรียน?”



“อื้อ มีอีกทีตอนบ่ายเลย”



ครามสมุทรพยักหน้าเบาๆ ตาคมเหลือบมองแยมที่นอนอยู่ข้างๆ ฟองฟาง...คนนี้น่ะร้าย แกล้งหลับได้เนียนมากจนฟองฟางคิดว่าแยมหลับไปแล้วจริงๆ...



หรืออาจจะหลับไปแล้วจริงๆ ล่ะเนี่ย



“กินยาหรือยัง” เอ่ยเสียงเรียบๆ ถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ครามสมุทรยืนล้วงกระเป๋ากางเกง เลิกคิ้วหนาๆ เล็กน้อย



“กินแล้ว”



“ขอดูยา”



ฟองฟางอ้าปากค้าง งงหน่อยๆ ที่จู่ๆ ก็จะมาขอดูยากันดื้อๆ แบบนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมก้มหน้างุดหยิบถุงยาในกระเป๋าเป้ พอครามสมุทรยื่นมือหนามากดดันให้ส่งถุงยาไปเร็วๆ ฟองฟางเลยต้องรีบหาเพราะมันถูกหนังสือเรียนทับเอาไว้



“...”



ยื่นถุงยาให้อีกฝ่ายในขณะที่ครามสมุทรโยนวางประเป๋าเป้ไว้บนบีนแบ็กอีกตัว คนตัวสูงก้มหน้าดูยาในถุงพร้อมกับค่อยๆ หย่อนตัวนั่งบนบีนแบ็กทรงสี่เหลี่ยมที่ว่างข้างๆ ฟองฟาง



“อือ ครบ”



“เราก็โตแล้วนะคราม”



“นึกว่ายังไม่โต”



“หลอกด่าอะไรเราหรือเปล่า”



ครามสมุทรไหวไหล่ ท่าทางนิ่งๆ เย็นชา พูดน้อยตามสไตล์ครามสมุทรทำให้รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของฟองฟาง การได้มองครามสมุทรในระยะใกล้ๆ มันทำให้คนที่ชอบอีกฝ่ายอย่างจริงใจอารมณ์ดีขึ้นมา



“เย็นนี้เลิกช้า ต้องซ้อมบาส”



“อ่อ...อื้อ” ผงกศีรษะเบาๆ ให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองรับฟังอยู่



ฟองฟางไม่รู้ว่าครามสมุทรจะบอกทำไม แต่ตอนนี้น่ะนะ หัวใจดวงน้อยๆ มันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ มันพองโตเพราะครามสมุทรชวนคุย



“รอมั้ย เดี๋ยวกลับพร้อมกัน”



ประโยคนั้นทำให้คนตัวขาวคิดขึ้นได้ว่าเมื่อคืนตัวเองนอนค้างที่บ้านของครามสมุทร และวันนี้มันก็ต้องเป็นแบบนั้น...เป็นแบบนั้นไปจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับบ้าน



“ได้สิ เดี๋ยวรอในหอสมุดนี่แหละ แอร์เย็นดี”



“เดี๋ยวก็ไม่สบาย”



“แล้วครามจะให้เราไปรอที่ไหนล่ะ”



“โรงยิม”



“คนนอกเข้าได้เหรอคราม...หมายถึงคนที่ไม่ได้เป็นนักกีฬา”



“ได้”



“อ๋ออออ”



“ก็พวกแฟนของนักกีฬา”



“แค่กๆ”



เสียงทุ้มๆ กับประโยคเมื่อกี้ทำเอาฟองฟางสำลักน้ำลายตัวเอง คนตัวขาวยกมือขึ้นกาหน้าผากเบาๆ ยิ้มแหยมองครามสมุทรที่ยังคงทำหน้านิ่ง



“แล้ว...อย่างนี้เราไปรอครามจะดูไม่แปลกๆ ไปหน่อยเหรอ”



“แปลกตรงไหน”



“ก็...” มีแต่แฟนไปนั่งให้กำลังแฟน



แล้วฟองฟางจะไปนั่งให้กำลังใจครามสมุทรในฐานะอะไร



คนตัวขาวเม้มปาก ฟองฟางยังเป็นฟองฟางที่ประหม่าเสมอเวลาได้อยู่ใกล้ครามสมุทร



“ก็อะไร”



“ไม่รู้ ลืมแล้ว”



“อือ”



“...”



“ไม่เห็นแปลก ไปนั่งให้กำลังใจแปลกตรงไหน”



“ให้กำลังใจครามเนี่ยนะ”



“อือ”



“...ระดับครามน่าจะมีคนให้กำลังใจเยอะแล้วมั้ง”



ก็เขาหล่อมากๆ ขนาดนี้



“แต่ก็เลือกคนให้กำลังใจ”



“...” อีกครั้งที่ครามสมุทรทำให้ฟองฟางต้องขมวดคิ้วแล้วเอียงหน้าแบบคนงงๆ



ก็งงจริงๆ เพราะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมามันมีความหมายลึกๆ ว่าอะไร



“บอกให้ไปก็ไป จะได้รีบซ้อมรีบกลับบ้านพร้อมกัน”



“อื้อ ได้”



“ต้องไปล้างแผลด้วย”



“อื้อ ได้”



ฟองฟางหัวเราะเบาๆ ตอนที่ครามสมุทรหันมามองพร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งๆ



แล้วนั่นก็เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเขานั่งคุยแล้วก็หัวเราะไปด้วยกัน แบบที่ไม่มีคำว่าอึดอัดอยู่ในอกของฟองฟาง



และไม่มีความเย็นชา นิ่งเรียบ อยู่บนใบหน้าของครามสมุทร



“อือออ แล้วนี่ช็อปไม่มาด้วยเหรอ”



“ถามหามันทำไม”



“ก็คู่หูดูโอ้ไง เห็นครามที่ไหนของเห็นช็อปที่นั่น”



“ชอบมันหรือไง”



“เฮ้ย! เพื่อนกัน” คนตัวขาวตอบเสียงแข็ง ใส่ความจริงจังเข้าไปร้อยเปอร์เซ็นต์ในคำตอบ



ไม่มีทางแน่ๆ ที่เขาจะชอบช็อป เพราะคนที่เขาชอบมากๆ และไม่รู้ว่าจะเลิกชอบได้เมื่อไหร่นั่งอยู่ข้างๆ กันตรงนี้แล้วไง



“มันเมาค้าง”



“อ๋อออ” พยักหน้าหงึกๆ ตามเสียงของครามสมุทรก่อนจะก้มหน้าวุ่นวายกับเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าที่ดังรัวติดกัน



ฟองฟางหันมองแยมที่นอนอยู่ข้างๆ รายนั้นผงกหัวแอบมองครามสมุทร ทำตัวลีบๆ เล็กๆ แล้วใช้ฟองฟางเป็นที่บังไม่ให้ครามสมุทรเห็นว่าตัวเองแกล้งหลับ ยิ้มแยงฟันให้ฟองฟาง ส่วนมือนี่ก็กดพิมพ์ข้อความยิกๆ



 

Yammy: เดี๋ยวววว กูตกข่าวไรป่ะวะ

Yammy: วันนี้กลับพร้อมกันคือไรอ่ะน้องฟองงงง บอกกูหน่อยเดะ



 

“เย็นนี้อยากกินอะไร” จู่ๆ คนที่นั่งเงียบๆ อยู่พักหนึ่งก็ถามขึ้น ฟองฟางหันขวับส่งสายตาอ้อนๆ ขอให้เขาเงียบ แต่ครามสมุทรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี



 

Yammy: หืออออ คือไรอ่ะคะ พี่แยมไม่เข้าใจเลย @_@

Yammy: แดกข้าวเย็นด้วยกันเหรอครับ พัฒนากันเร็วจังวะ



 

“อยากกินนอกบ้านหรือซื้อไปกินที่บ้าน”



“ด...เดี๋ยวคราม”



 

Yammy: ไอ้เหี้ยฟ๊องงงง

 



“ไม่รู้ว่ากว่าจะล้างแผลเสร็จนานหรือเปล่า”

ฮือ ก็บอกว่าเดี๋ยวก่อนไงคราม

“แวะกินข้าวก่อนไปโรงพยาบาลมั้ย”

 



Yammy: เอ้อ ว่าแต่

Yammy: วันนี้มึงใส่เสื้อตัวโคตรใหญ่เลยว่ะ

Yammy: เหมือนไม่ใช่เสื้อมึงอะไรแบบนี้

Yammy: ตอบกูมาซะดีๆ

Yammy: มึงกับครามคืออะไรยังไง



 

“ฟอง สรุปยังไง”



“เออ นี่เสื้อคราม เมื่อคืนไปนอนบ้านครามมา แยมพอใจยัง”



“...”



แล้วก็ต้องเบิกตากว้างหันหน้ามองครามสมุทรที่เอาลิ้นดุนข้างแก้มมองมาที่เขานิ่งๆ คนหลุดปากตอบคำถามแยมทำหน้าอยากจะร้องไห้ สาบานจริงๆ ว่าเขาไม่ได้อยากจะพูดคำคำนั้นออกจากปาก ฟองฟางจะพิมพ์ตอบแยมต่างหาก แต่ว่าครามสมุทรดันย้ำถามพอดีเลยพลั้งปากบอกออกไปแบบนั้น



“แยมนอนอยู่ไม่ใช่เหรอ” ครามสมุทรเอียงหน้าถาม เลิกคิ้วเหมือนงงว่าเมื่อกี้ฟองฟางคุยกับใคร



ก็นั่นแหละ ฟองฟางพลาดแล้วพลาดเลย



แต่คนที่โคตรเนียนนี่ดิ...นั่งปิดปากหัวเราะคิกๆ ใส่เขาจนสาแก่ใจไปแล้วมั้ง



 

Yammy: เข้าใจแล้วจ้า

Yammy: ยืดอกพกถุงด้วยนะน้องฟาง พี่แยมเป็นห่วง งื้อ

.ff: เงียบไปเลยนะแยม!

Yammy: คึคึคึคึคึ



 

“ปวดหัวเหรอ”



“เปล่าคราม”



“อือ”



ฟองฟางนั่งกุมขมับ ไม่ใช่เพราะปวดหัวหรืออะไร แต่มันเป็นอารมณ์ที่รู้สึกพลาดอย่างรุนแรงเหมือนตอนที่ฟองฟางไปเมาแล้วไปจูบครามสมุทรอย่างนั้นเลยแหละ



และนั่นก็เป็นอีกวันที่โคตรจะวุ่นวายสำหรับฟองฟางเลยจริงๆ

 





*****







“เรียนไม่ทันละแม่ง หยุดไปสองอาทิตย์เหมือนหายไปเป็นชาติ ซิ่วดีเปล่าวะ”



“เออหน่า ที่หยุดๆ ไปไม่มีอะไรมากหรอก เรียนแค่พื้นฐานตอนม. หก เอง”



“แต่กูไม่รู้เรื่องแล้วไง มึงเข้าใจกูมั้ยฟอง”



“อืออออ รู้แล้วๆ บ่นเยอะจริง” พยักหน้าหงึกๆ ตามที่มัทพูด



มัทนี่ก็เพื่อนสนิทของฟองฟางกับแยมตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เรียนคณะสาขาเดียวกัน แต่ใจจริงมัทสนใจพวกหมอๆ อะไรทำนองมากกว่า แต่ไหงมาลงเอยคณะวิทยาศาสตร์สาขาคณิตศาสตร์ก็ไม่รู้



“ความจริงกูยังอยากหยุดเพิ่มอยู่เลย แต่หยุดไปก็นั่งๆ นอนๆ ว่ะ”



“หายก็มาเรียนอ่ะดีแล้ว” ต่อยแขนมัทที่ทำหน้ายุ่ง รายนั้นหยุดเรียนกะทันหันเพราะต้องผ่าตัดไส้ติ่ง



วันนี้ฟองฟางเลิกเรียนตอนสี่โมงครึ่ง เลิกเรียนพร้อมกับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนน่านอนแบบนี้ ฟองฟางหัวเราะเบาๆ ให้กับคนป่วยที่ต้องเดินไปส่งเขาถึงโรงยิมเพราะเป็นคนที่ชำนาญทางที่สุด



“แล้วนี่มึงมีธุระอะไรที่โรงยิมวะฟอง”



“ไปดูครามซ้อมบาส”



“เพิ่งกล้าไปดูมันซ้อมเอาตอนใกล้แข่งแล้วนี่นะ”



“เอาหน่า น่าดูกว่าตอนที่มัทร่วมทีมด้วยเยอะเลยอ่ะ”



“เดินไปเองเลยไป”



ถูกคนสูงกว่าอย่างมัทดันหลังให้เดินไปเอง แต่ฟองฟางหัวเราะจนตาหยี ทำตัวอ่อนปวกเปียกแล้วหันไปดึงมือเพื่อนสนิทที่ทำหน้างอ



มัทถูกคัดเลือกให้เป็นตัวจริงในการแข่งบาสภายในของมหาวิทยาลัย เป็นตัวแทนจากคณะวิทยาศาสตร์เหมือนๆ กับครามสมุทรและช็อป แต่ก็ต้องถอนตัวเพราะสภาพร่างกายไม่พร้อมที่จะเล่นกีฬาได้



“โอ๋ อย่าโกรธน้ามัททท”



“กูล่ะเกลียดตาแบ๊วๆ ของมึงจริงเล้ย” สุดท้ายก็คว้าคอฟองฟางมาล็อกไว้แน่น เคาะเหม่งคนพูดมากไปหนึ่งทีแรงๆ จนฟองฟางร้องออกมา



“อย่าทำแรงดิมัท เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย”



“ขอโทษๆ”



ก็เล่นกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ฟองฟางกับแยมมักถูกมัทแกล้งบ่อยๆ หรือไม่แยมกับฟองฟางก็รวมหัวกันแกล้งมัทเอง



มัทคลายแขนที่ล็อกหัวฟองฟางออกปล่อยให้อีกคนที่เตี้ยกว่าเดินสบายๆ สักที  ที่ยอมปล่อยไม่ใช่อะไรหรอก นู้น...แฟนโทรมาต่างหาก



ฟองฟางปล่อยให้มัทคุยกับแฟนที่เรียนอยู่คนละมหาวิทยาลัยในขณะที่พวกเขาเดินมาถึงโรงยิมแล้ว ฟองฟางเงอะๆ งะๆ ชะโงกหน้ามองเข้าไปในนั้นแล้วก็ต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอก



เมื่อกี้เห็นเต็มๆ เลย ร่างสูงๆ ของครามสมุทรที่มีเหงื่อไหลเต็มเสื้อนักศึกษาจนเปียก



โคตรเท่...



“เข้าไปดิ” มัทกระแทกหลังฟองฟางเบาๆ แต่เจ้าตัวส่ายหน้ารัว



“ไปด้วยกันดิ”



“กิ๊กมันนัดกูไปแดกข้าว นี่กูก็สายเพราะมึงมากแล้วนะฟอง”



“โห่”



“เนี่ย มันงอแง”



“งืออออ กิ๊กกก ขอยืมตัวมัทแป๊บเดียวจริงๆ”



ตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์จนได้ยินเสียงเล็กๆ หัวเราะดังออกมา ฟองฟางฉีกยิ้มจนตาหยีเป็นอันรู้กันว่ากุ๊กกิ๊กอนุญาตให้แฟนสุดหล่อคนนี้เข้าไปส่งเขาถึงในโรงยิมได้



มัทเลยทำหน้าเบื่อๆ ดันหลังฟองฟางพาเดินเข้าไปข้างใน เดินหลบๆ ตรงริมสนามเพราะตอนนี้กำลังมีนักกีฬากลุ่มหนึ่งซ้อมอยู่



ตากลมๆ โฟกัสไปที่ร่างสูงโดดเด่นของครามสมุทรเป็นอย่างแรก อมยิ้มเขินๆ เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองแอบชอบเสยผมสีดำสนิทขึ้นแบบลวกๆ



หล่อจริงๆ



รู้สึกภูมิใจแทนพ่อแม่เขาเลยที่มีลูกทั้งหล่อทั้งเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้



ครามสมุทรยืนเท้าเอวแล้วชู้ตบาสลงห่วงด้วยมือข้างเดียว ตาคมๆ ของเขามันเข้ากับจมูกโด่งอย่าไร้ที่ติ ปลายจมูกครามสมุทรขึ้นสีแดงหน่อยๆ อาจจะเพราะร้อนจากการซ้อมจนเหงื่อตก ผิวขาวๆ รับกับสีแดงที่ปลายจมูกเขามาก ยิ่งคนตัวสูงยืนหอบหายใจด้วยแล้ว มันยิ่งดูคันใจจนอยากควักออกมาเกา



“กูไปละ”



“เดี๋ยวมัท” เกาะแขนคนที่สูงกว่าแล้วส่งสายตาอ้อนๆ



“อะไรอีกคะน้องฟอง” แต่จู่ๆ ไอ้เพื่อนบ้าก็ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ ไม่พอแค่นั้น มัทยังยกมือลูบโครงหน้าเรียวกับแก้มป่องๆ ของฟองฟางอีกต่างหาก



“ไอ้มัท”



“พูดกับพี่มัทไม่เพราะเลย เมื่อกี้หนูยังอ้อนพี่อยู่เลยนี่คะ”



“ไอ้บ้า! เดี๋ยวคนเข้าใจผิด”



“ฮ่าๆๆๆๆ มึงนี่ตลกว่ะ”



ปัดมือหนาๆ ของมัทออกไปได้ก็ทำตาขวางใส่ ส่วนไอ้คนที่ชอบมาลูบหัวต่อหน้าคนเยอะๆ นี่ไม่สะทกสะท้านอะไรหรอก แค่เอามือซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเท่ๆ ออกไป



ฟองฟางลูบผมตัวเองเบาๆ พยายามปรับสีหน้าที่มู่ทู่ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ กวาดตามองหาที่นั่งว่างๆ บนอัฒจันทร์ แต่ทว่าสายตาของฟองฟางกลับเหลือบไปเห็นคนคนนั้นที่เขามาหา ฟองฟางชะงักแล้วโบกมือหยอยๆ ให้คนตัวสูงที่ยืนเดาะบาสอยู่กับที่ ครามสมุทรไม่ได้โบกมือกลับ ใช่ อย่างนั้นถูกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายโบกมือกลับมาฟองฟางคงใจสั่น



แต่ที่ไม่ปกติคือสายตาของคนที่อยู่ในสนาม ฟองฟางสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่างจากตาคมของเขา ครามสมุทรในตอนนี้เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ ยิ่งแขนเสื้อที่พับขึ้นถึงศอก กับชายเสื้อที่หลุดออกนอกกางเกง กระดุมเม็ดบนที่ถูกปลดออกถึงสามเม็ดมันทำให้เขาดูดุดัน ดูน่ากลัวยังไงแปลกๆ



ฟองฟางถอนหายใจเบาๆ แล้วหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่นานเท่าไหร่คนที่ยืนขรึมทำหน้าโหดอยู่กลางสนามก็ทิ้งลูกบาสแล้วเดินดุ่มๆ ขึ้นมาหาเขา



ครามสมุทรไม่พูดพร่ำอะไร เดินมาถึงก็ล้วงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงให้ฟองฟาง พอทำหน้างง ไม่ยอมรับโทรศัพท์มาถือสักทีคนตัวโตเลยดึงมือเล็กๆ แล้วจับแบ ก่อนจะยัดไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดลงไปในมือของฟองฟาง



“อะไรเนี่ยคราม”



“ฝากโทรศัพท์หน่อย”



“กระเป๋าครามก็มีไม่ใช่เหรอ”



“มี”



“แล้วไม่เอาไปใส่ในกระเป๋าล่ะ”



“เดี๋ยวหาย”



“...”



“ถ้าแม่โทรมาก็รับให้ด้วย”



“เฮ้ย! เดี๋ยวดิคราม”



ครามสมุทรเดินหนีฟองฟางลงไปที่สนาม ปล่อยให้ฟองฟางนั่งอ้าปากค้างถือไอโฟนเครื่องใหญ่ไว้ในมือ จะเอาไปคืนก็ไม่ได้ เพราะเหมือนว่าโค้ชจะปรบมือเรียกตัวนักกีฬาแทนการใช้นกหวีด ฟองฟางเลยได้แต่นั่งแกร่วอยู่อย่างนั้นเกือบสองชั่วโมง







*****







 

นึกว่าคุณแม่ของครามสมุทรจะโทรมาจริงๆ แต่จนแล้วจนเล่าไอโฟนของครามสมุทรก็เงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงแจ้งเตือนแชต หรือแอพพลิเคชั่นใดๆ



จนกระทั่งตอนนี้ที่นั่งอยู่ปอร์เช่ โทรศัพท์ครามสมุทรก็ยังไม่มีการแจ้งอะไรทั้งนั้น



“สรุปจะกินอะไร”



“ครามอยากกินอะไรล่ะ”



“ได้หมด”



“เลี้ยงเหรอ” ทำหน้าทะเล้นแบบที่ชอบทำให้แยมกับมัทดู ก็มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว เวลาที่อยู่กับใครจนสนิทฟองฟางมักจะทำแบบนี้



“ก็เลี้ยงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”



“หูย ป๋ามาก”



กับครามสมุทรไม่รู้ว่าเรียกว่าสนิทได้หรือยัง แต่ยังไงดี...ฟองฟางแฮปปี้ที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฟองฟางทำตัวสบายๆ กับเขาได้ล่ะมั้ง



“ห้างมั้ย พวกฟู๊ดคอร์ดง่ายๆ หรือร้านตามสั่งก็ได้”



“หน้าซอยบ้านมีร้านอาหารจีน”



“ครามจะกินร้านนั้นเหรอ”



“ฟองกินอาหารจีนได้ใช่มั้ย”



“ของชอบเลยอ่ะ อยากกินหม้อไฟร้อนๆ” บอกแบบนั้นแล้วก็หันไปยิ้มแยงฟันขาวๆ จนตาหยีให้



แล้วก็เป็นเหมือนเดิม คือไม่มีใครจะพูดอะไร  ฟองฟางที่ยังคาใจเรื่องโทรศัพท์ของครามสมุทรหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาบ้าง อยากรู้ว่าที่มันเงียบขนาดนั้นทั้งๆ ที่ก็เปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ตอยู่เป็นเพราะอะไร ฟองฟางเลยลองทดสอบด้วยการ....



 

.ff: (ส่งสติ๊กเกอร์หมีลูบพุง ทำหน้าหิว)

 



ตึ่ง ดึ้ง!



 

“เล่นอะไรฟอง”



“เฮ้ย! ทำไมเราส่งไปแล้วมีเสียงแจ้งเตือนอ่ะ”



“...”



“นี่นั่งจับไอโฟนครามตั้งสองชั่วโมงยังไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอะไรเลยนะ”



“ก็ปิดไว้หมด”



“ปิดการแจ้งเตือน?”



“อือ”



“อ้าว...แล้วทำไมพอเราส่งสติ๊กเกอร์มันถึงดังล่ะ”



“...”



ครามสมุทรที่กำลังเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ตอบอะไร ส่วนฟองฟางก็นั่งงงตาแป๋วแบบนั้นจนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงพยาบาล



“ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ บอกเขาว่ามาล้างแผล”



“แล้วครามล่ะ”



“ไปหาที่จอดรถก่อน มีอะไรก็แชตมา”



“จะตอบเหรอ”



“ตอบสิ”



ครามสมุทรใช้หลังมือถูปลายจมูกเบาๆ



“ก็ไม่ได้ปิดเสียงแจ้งเตือนฟองไว้”



ครามสมุทร vs ฟองฟาง

1-0

 

 









#ฟองฟางครามสมุทร

 




หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 06-01-2019 11:55:46
ช็อตนี้คือจิกหมอนเขินแหล่วววว
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: YYuiiiiuYY ที่ 06-01-2019 12:31:49
เขินจนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วค่าาา
 :-[

คุณนักเขียนสร้างน้องงงงมาให้รักอีกแล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear -04- up 6.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-01-2019 14:13:14
ช็อตนี้คือตายอ่ะ ไม่ใช่แค่ฟองนะเราด้วย
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 05 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 10-01-2019 10:06:27



05



ไว้ใจตัวเองไม่ได้เลย

ถลำลึกไปถึงไหน...ก็ตามใจตัวเองตลอด




 

Mutt: ฟอง

Mutt: กูเห็นพ่อกับแม่ลงรูปเซลฟี่ที่เขาค้อในเฟซ

Mutt: งี้มึงก็อยู่บ้านคนเดียวอ่ะดิ

.ff: มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ

Mutt: งั้นกูไปหาได้ป่ะ

.ff: ไม่ได้

.ff: ไม่ได้อยู่บ้าน

.ff: ลืมกุญแจบ้านไว้ในบ้านมั้ง เข้าบ้านไม่ได้เลยเนี่ย

Mutt: เอ้า แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ

.ff: (send a photo)

.ff: บ้านครามสมุทร

Mutt: โอ้โห ไอ้เชี่ยฟองฟางงงง

Mutt: พ่อแม่ไม่อยู่หอบผ้าหอบผ่อนไปนอนบ้านผู้ชายเหรอมึง

Mutt: ผมนี่รูดก้านมะยมรอเลยครับ

Mutt: กูต้องไปบอกไอ้แยม ให้มันมาตีก้นมึง

.ff: ดีเลย์ว่ะมัท แยมอ่ะรู้คนแรก

 

“กินยา”



กำลังนั่งยิ้มกับจอโทรศัพท์อยู่ดีๆ เสียงทุ้มนุ่มของเจ้าบ้านหลังนี้ก็ดังขึ้น ฟองฟางละสายตาจากไอโฟนแล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงที่ยืนเช็ดผมอยู่ตรงบันไดบ้าน จู่ๆ ไอ้อาการหน้าร้อนก็ผุดขึ้นทันทีเมื่อเห็นอีกคนอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีน้ำเงิน ครามสมุทรไม่ได้ทำอะไรหวือหวาเลยสักนิด...แต่บอกตามตรงว่าแค่นี้ก็แย่แล้ว



“กินแล้ว”



“กินแล้วก็ขึ้นไปนอน”



“มันยังไม่ดึกนี่นา”



“ตามใจ”



“ครามจะนอนแล้วเหรอ” ถามอีกคนพร้อมกับทำหน้าสงสัยแบบสุดๆ



ฟองฟางไม่รู้ว่าปกติแล้วครามสมุทรนอนกี่ทุ่ม...ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้ว



ตอนแรกฟองฟางก็นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องของครามสมุทรดีๆ อยู่หรอก แต่พอได้ฟังเสียงน้ำไหลจากเรนชาวเวอร์ลงสู่พื้นในตอนที่ครามสมุทรกำลังอาบน้ำแล้วสงบจิตสงบใจไม่ให้ตัวเองคิดอะไรไกลแต่ก็ทำไม่ได้ ไอ้อาการหน้าเห่อร้อนแดงก่ำเนี่ยมันปรากฏขึ้นทันดีทันใดจนสุดท้ายฟองฟางก็ย้ายตัวเองลงมานั่งเล่นโทรศัพท์ข้างล่างแทน



“อือ วันนี้ง่วง”



“งั้นนอนเลยก็ได้ แต่ครามต้องเช็ดผมให้แห้งก่อนนะ”



“ปกติแค่หมาดก็นอนได้แล้ว”



“เฮ้ย ไม่ได้สิ” ฟองฟางลุกขึ้นจากโซฟา รีบสาวเท้าตรงไปหาคนตัวสูงที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้าย “เดี๋ยวจะปวดหัวเอา ผมครามยิ่งหนาๆ อยู่ด้วย”



ครามสมุทรยืนจ้องหน้าเขานิ่งๆ จนคนที่กำลังคุยจ้อชะงัก



“ขอโทษนะถ้าทำให้อึดอัด” แล้วก็รีบรูดซิปปิดปากทันที



ฟองฟางก็คิดไปเองแล้วว่าครามสมุทรคงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตของเขา ยิ่งตัวเองไม่ได้เป็นอะไรกับครามสมุทร มันคงตลกน่าดูที่ฟองฟางจะไปก้าวก่ายเรื่องของอีกฝ่าย



พลาดอีกแล้ว…



“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ครามสมุทรเหลือบมองคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบา “จริงๆ ก็อยากให้มันแห้งเร็ว แต่ง่วงนอนก่อนตลอด”



“อ้อ...”



“ถ้ามีคนเช็ดให้ก็น่าจะดี”



“...”



“ฟองง่วงหรือยัง”



“...จริงๆ ก็ยังนะ”



“อือ”



ฟองฟางเม้มปาก ขยับเท้าเดินขึ้นบันไดให้สูงกว่าอีกคนหนึ่งขั้น เขาอยากทดลองสูงกว่าครามสมุทรมานานแล้ว อยากรู้ว่ามุมมองของคนสูงมันเป็นยังไงเวลาที่ต้องก้มมองคนสูงน้อยอย่างเขา แต่สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าจะขยับตัวขึ้นไปยืนสูงกว่าตั้งหนึ่งขั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ฟองฟางสูงกว่าครามสมุทรเลย แค่สูงเกือบจะเท่ากันเท่านั้นเอง



“งั้นเช็ดให้หน่อย ผมจะได้แห้งไวๆ”



บอกแบบนั้นแล้วก็วางผ้าขนหนูสีขาวแหมะบนหัวของฟองฟางก่อนจะหมุนตัวก้าวขาฉับๆ เดินขึ้นบันไดไม่สนใจคนที่เงยหน้ามองตามอ้าปากเหวอด้วยความประหลาดใจ



ฟองฟางกลั้นยิ้ม หน้าขาวๆ ขึ้นสีแดงจัด หัวใจดวงน้อยๆ ของฟองฟางเต้นระส่ำเพราะคนคนนั้นที่เขาแอบชอบ...



รู้สึกว่ามันจะเต้นแรงกว่าเดิมด้วยมั้ง

เขาทำให้ชอบมากๆ....จนไม่รู้จะชอบยังไงแล้ว







*****





 

“ไม่มีไดร์เป่าผมเหรอ”



“อือ”



“พัดลมล่ะ”



“อยู่อีกห้อง”



“เอามาเป่าผมมั้ย จะได้แห้งเร็วๆ”



“ไม่เอา”



“...”



“ไม่ชอบ”



ฟองฟางปากคว่ำอยู่บนที่นอนของครามสมุทร มือเล็กขาวๆ ถือผ้าขนหนูคอยยีเส้นผมของครามสมุทร นี่ก็ไม่รู้ว่าจะแห้งเมื่อไหร่เหมือนกัน...ฟองฟางนั่งยีจนปวดมือแล้ว



ผมครามสมุทรค่อนข้างหนา ถ้าให้เช็ดด้วยผ้าขนหนูอย่างเดียวคงไม่แห้งสนิทเท่ากับเป่าด้วยไดร์หรือพัดลม แต่คนตัวสูงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นส่ายหัวไม่เอาอะไรสักอย่าง ฟองฟางเลยต้องนั่งยีผมเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ



“ความจริงมันก็หมาดๆ แล้วนะ นี่ถ้านั่งเล่นสักพักคงแห้งพอดี” ฟองฟางหยุดยีผมแล้ววางผ้าขนหนูไว้บนที่นอนตัว นั่งยืดตัวตรงมองแผ่นหลังของครามสมุทรอยู่อย่างนั้น



“คราม...เราเลิกเช็ดแล้วนะ”



เอานิ้วชี้จิ้มไหล่แข็งๆ ของอีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหืออืออะไรกลับมา ฟองฟางเลยโน้มตัวชะโงกมองเสี้ยวหน้าของครามสมุทร



ในระยะที่ใกล้กันขนาดนี้...คนตัวขาวรีบกลั้นลมหายใจจนหน้าแดงก่ำเพราะไม่อยากให้ลมหายใจอุ่นๆ ของตัวเองไปกระทบกรอบหน้าของเขา



ครามสมุทรหลับตา...เรียกไม่ตอบแบบนี้น่าจะหลับอยู่



“คราม...” ฟองฟางแอบมองขนตากับรับกับเปลือกตาของอีกคน



บอกไม่ถูกเลย ครามสมุทรมีเครื่องหน้าที่ดีมาก ใบหน้าของเขาดึงดูดให้ใครต่อใครหยุดมองเหมือนโดนมนต์สะกด รู้อยู่แล้วว่าเขาหล่อมาก...รู้แต่ก็ยังจะชมครามสมุทรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ



หน้าของเขาไม่มีสิวสักเม็ด ขนาดมองระยะประชิดขนาดนี้ยังไม่เห็นรูขุมขน มีแค่เคราเขียวๆ ตรงจอนผมเป็นตอที่น่าจะจั๊กจี้น่าดูถ้าไปสัมผัสมัน



“มองอะไร”



“เฮ้ย!”



จู่ๆ คนที่คิดว่าหลับอยู่ก็หันขวับมองฟองฟางที่ยื่นหน้าอยู่ใกล้ๆ ปลายจมูกโด่งของครามสมุทรเฉียดเข้ากับจมูกงุ้มสวยจนฟองฟางสะดุ้งเด้งตัวหนี คนผิวขาวเม้มปากแน่น ยกมือกุมจมูกพร้อมกับเบิกตากว้าง



“น...นึกว่าหลับแล้ว”



“เปล่า”



“เราเรียกตั้งหลายครั้งไม่เห็นครามตอบ ก็คิดว่าไม่ได้ยินซะอีก”



“ได้ยิน”



“ได้ยินแล้วไม่ตอบอ้าาา” ลากเสียงยาวๆ เหมือนที่ชอบทำเวลาอยู่กับมัทและแยม เวลาขัดใจอะไรมากฟองฟางก็เป็นแบบนี้แหละ มีมุมเด็กๆ ให้คนมองอมยิ้มตลอด



และตอนนี้ครามสมุทรกำลังอมยิ้มอยู่



คนแอบมองกุมอกข้างใจที่เต้นรัวเบาๆ...ใจสั่นที่เห็นครามสมุทรอมยิ้มพร้อมๆ กับตกใจกับเรื่องเมื่อกี้จนปรับอารมณ์ไม่ถูก อ่า...นี่ถ้าเมื่อกี้ฟองฟางเด้งตัวออกไม่ทันจมูกของครามสมุทรคงจะสัมผัสโดนจมูกฟองฟางไปเลยเต็มๆ



แล้วไอ้ภาพบ้าๆ ที่เขาไปจูบครามสมุทรก็ผุดขึ้นในหัว ฟองฟางหลับตาแน่นบอกตัวเองในใจว่าให้ลืมๆ มันไปสักที ยิ่งคิดเท่าไหร่หน้าก็ยิ่งแดงมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งทำเป็นลืมเท่าไหร่สมองกลับยิ่งจำมากกว่าเดิม



ก่อนจะลืมตาขึ้นเพราะที่นอนมันยวบลงพร้อมกับเสียงคนเคลื่อนไหวอยู่บนเตียงเดียวกัน ฟองฟางเหลือบมองเจ้าของห้องที่ปีนขึ้นเตียงแล้วนอนแผ่อยู่ข้างๆ...ครามสมุทรหยิบโทรศัพท์มาเหมือนเช็กดูอะไรบางอย่างก่อนจะวางไว้หัวเตียงเหมือนเดิม แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบหนังสือที่ซุกไว้ใต้หมอนมาเปิดอ่านแบบผ่านๆ



“อีกห้องว่างมั้ยคราม”



“ว่างทุกห้อง”



“งั้นเราขอไปนอนห้องที่ว่างได้มั้ย”



“...”



“นอนข้างล่างก็ได้”



“เปลืองไฟ”



“...”



เงียบกริบเลยดิครับ



สำหรับฟองฟางนี่คือคืนแรกที่เขาต้องนอนกับครามสมุทร และสำหรับครามสมุทรนี่คือคืนที่สองที่นอนด้วยกัน และครามสมุทรก็คิดว่าฟองฟางไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าเมื่อคืนเขานอนกอดคนตัวนุ่มทั้งคืน หลับๆ ตื่นๆ เพราะเอาแต่กลัวว่าแขนตัวเองจะไปโดนแผลบนหัวของฟองฟาง กลัวว่าอีกคนจะดิ้นหลุดจากอ้อมกอดแล้วนอนหงายกดทับแผลจนเจ็บอีกรอบ



ใช่ ฟองฟางไม่มีทางรู้เพราะเมื่อเช้าครามสมุทรก็ตื่นก่อน เขาปล่อยให้อีกคนนอนหลับให้เต็มที่ อยากตื่นสายแค่ไหนก็ได้ตามใจคนป่วยจนตัวเองเข้าเรียนสายไปยี่สิบนาที



“งั้นขอนอนพื้น...”



“พื้นมันแข็ง”



“เรานอนได้”



“ไม่มีฟูกปูพื้น”



“ไม่เป็นไรๆ ขอหมอนกับผ้าห่มก็พอ”



“อย่าดื้อได้มั้ย”



เปล่งเสียงทุ้มๆ พร้อมกับขมวดคิ้วยุ่งจนคนที่นั่งจุมปุ๊กเม้มปากเป็นเส้นตรง ครามสมุทรไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟองฟางเป็นพวกเถียงเก่ง เถียงได้ทุกประโยคที่เขาพูด



“พูดเหมือนแม่เราเลย” พึมพำเบาๆ เอื้อมมือหยิบผ้าห่มนุ่มๆ สีเขียวของครามสมุทรมากอดไว้แน่น ฟองฟางจำได้ว่าเมื่อคืนนอนกอดผ้าผืนนี้ทั้งคืน มันอุ่นและนุ่มมากๆ



“รู้ตัวว่าดื้อ?”



“เราไม่ได้ดื้อนะ”



“นอนนี่แหละ บอกให้นอนก็นอน”



“เรากลัวรบกวนคราม”



“ก็รบกวนอยู่แล้ว” บอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ เอามือตบหมอนที่อยู่ข้างๆ ดังตุบทั้งที่สายตายังจดจ่ออยู่กับตัวหนังสือบนหนังสือ “นอนได้แล้ว”



“คร้าบบบพ่อ” เงยหน้าล้อคนที่ทำเสียงแข็งๆ ใส่ ฟองฟางคลี่ยิ้มเช่นกันกับครามสมุทรที่ยกยิ้มมุมปาก



คนตัวขาวล้มตัวนอนตะแคงหันหลังให้เจ้าของห้องที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอ่านหนังสือ ฟองฟางคว้าไอโฟนกำลังจะเอาไปวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงทางฝั่งที่ตัวเองนอนอยู่ แต่จู่ๆ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นพร้อมกับหน้าจอที่แสดงรายชื่อคนที่โทรเข้ามา



สายจากคนที่หนีเที่ยวเก่ง



“สวัสดีครับแม่ คิดถึงแล้วเหรอถึงโทรมาหาฟองเนี่ย”



[แป๊บๆ นะลูก เดี๋ยวแม่เปลี่ยนเป็นคุยแบบเห็นหน้าก่อน]



หัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงกุกกักจากปลายสาย ไม่นานเท่าไหร่จากที่คุยกันปกติก็เปลี่ยนเป็นแบบวิดีโอคอลล์เห็นหน้ากันทั้งสองฝ่าย คุณแม่ของฟองฟางอยู่ในชุดกันหนาวมีหมวกหนาๆ สวมศีรษะ ฉากหลังเป็นวิวของเขาค้อในช่วงฤดูหนาวของไทยที่ไม่ค่อยมีผลกับกรุงเพทฯ เท่าไหร่ มีดาวระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าชัดเจนมาก



“สวยมากเลยครับแม่”



[เป็นไงล่ะ แม่บอกให้มาด้วยกัน]



“มันกะทันหันนะครับแม่ แอบไปจองที่พักกันไว้ก็ไม่บอกฟองล่วงหน้าเลย”



[บ่นเก่งจังเลยลูกคนนี้ เอ...นี่ฟองไม่ได้อยู่บ้านเหรอลูก] คุณแม่ที่วิดีโอคอลล์จากเขาค้อทำท่าชะโงกหน้าเหมือนพยายามมองว่าฟองฟางอยู่ไหน ฟองฟางหัวเราะเมื่อเห็นว่าคุณแม่ขมวดคิ้ว



[อยู่กับมัทเหรอลูก]



ฟองฟางพยายามแพลนกล้องให้เห็นแต่หน้าตัวเองจนแทบจะดึงกล้องมาชิดหน้าอยู่แล้ว แต่เจ้าของบ้านหลังนี้ก็ป้วนเปี้ยนเก่งเหลือเกิน...ครามสมุทรขยับตัวอยู่ข้างหลังฟองฟาง เหมือนพยายามทำตัวให้เข้ามาในกล้อง พยายามให้คุณแม่เห็น



“ไม่ใช่ครับแม่”



[ฟอง แม่บอกให้เฝ้าบ้านไม่ใช่ไปอยู่บ้านคนอื่น แล้วนั่นใครล่ะ]



“ครามสมุทรครับแม่...ฟองทำกุญแจหายครับแม่ ไม่รู้ว่าลืมไว้ในบ้านหรือไปหล่นหายที่อื่น”



[ปีนี้ฟองฟางของแม่ทำกุญแจหายกี่รอบแล้วคะลูก ไว้ใจให้เฝ้าบ้านไม่ได้เลยนะเนี่ย...]



“แม่อ่า ก็อย่าทิ้งฟองไปเที่ยวกันสองต่อสองอีกสิครับ”



คุณแม่หัวเราะพร้อมกับส่งรอยยิ้มสวยๆ ให้ ก็นั่นแหละ ปีนี้เขาทำกุญแจบ้านหายรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ พ่อกับแม่หนีไปเที่ยวแล้วปล่อยให้เขาอยู่บ้านคนเดียวทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย



[ครามสมุทรนี่เพื่อนใหม่เหรอฟอง ไปอยู่กับเพื่อนไม่รบกวนแย่เลยเหรอ]



“อ่า...ก็รบกวนครับแม่ ฟองเกรงใจด้วย”



[แม่ขอคุยกับเพื่อนใหม่หน่อยได้มั้ย ครามสมุทรนอนหรือยังเอ่ย”



“ยังครับ”



“...”



สาบานได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงของฟองฟาง เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เป็นเสียงที่ฟังแล้วผ่อนคลายจนอยากได้ยินเรื่อยๆ อยากให้พูดให้ฟังบ่อยๆ เป็นของครามสมุทร คนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้...



[เสียงใครเอ่ย]



“ผมครับ ครามสมุทร”



คนที่ขยับปากบอกชื่อตัวเองยื่นมือขอโทรศัพท์จากฟองฟาง ตอนนั้นเขาทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายไปถือไว้ ก่อนจะมานั่งกำผ้าห่มแน่น



ถึงแม้ว่าฟองฟางจะทำหน้านิ่งๆ แต่บอกตามตรงเลยว่าหัวใจเขาไม่ได้นิ่งตามไปด้วย มันเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้น ดีใจ ปลื้มใจยังไงบอกไม่ถูก



ยิ่งได้ฟังเสียงทุ้มๆ คุยกับคุณแม่ของตัวเองเหมือนคนที่สนิทสนมกันมาหลายปีด้วยแล้วใจมันยิ่งฟูฟ่อง



ก็นั่นแหละ โคตรอยากจะบอกให้แม่รู้เลยว่านั่นคือคนที่ฟองฟางแอบชอบ



อยากบอกให้แม่รู้จะแย่ว่านั่นคือคนที่ฟองฟางไปสารภาพรักตอนเมา...และไปจูบเขาด้วย



ฮื่อ ถ้าบอกไปแบบนี้จะโดนแม่ตีมั้ยนะ







*****





 

ผ้าก็อซที่แปะอยู่บนศีรษะด้านหลังมันเป็นประเด็นให้ใครก็ตามที่รู้จักทักด้วยประโยคเดิมๆ ว่า ‘ใครตีหัวมาอ่ะฟองฟาง’ แรกๆ ที่โดนถามก็ยิ้มแหยตอบแบบอายๆ ว่าลื่นล้มในห้องน้ำ แต่พอโดนถามมากเข้าเรื่อยๆ ก็เบื่อที่จะตอบแล้ว



“ไอ้ฟอง หัวมึงโดนหมาที่ไหนกัดมาวะ” เตเต้เพื่อนร่วมสาขาที่นั่งเรียนด้วยกันประจำไถสเก็ตบอร์ดตะโกนถามในระยะเกือบยี่สิบเมตร ก่อนจะไถสเก็ตบอร์ดก็นั่งหอบอยู่ข้างๆ แยม ขมวดคิ้วจ้องหน้าฟองฟางด้วยความสงสัย



“หมาที่ไหนมันจะกัดหัววะเต้”



แยมหัวเราะพร้อมกับรีบกลืนชานมไข่มุกที่ชอบซื้อมากินทุกวัน แถมยังบังคับให้ฟองฟางกินเป็นเพื่อนอีกต่างหาก แต่ถ้าวันไหนไม่กินกับแยมจะโดนพ่นไข่มุกใส่ ซึ่งมันเหนอะและทำให้เสื้อขาวๆ เป็นรอยสีน้ำตาลดูสกปรกเลยต้องยอมกินเป็นเพื่อน



“หมาที่ชื่อเต้” ฟองฟางตอบเบาๆ แล้วมองเพื่อนตาขวาง



เตเต้มันกวนเก่ง เป็นคนประเภทที่ว่าด่าแรงๆ ยังไงก็ไม่สะทกสะท้าน แถมยังเข้ากับคนได้ง่ายเลยรู้จักคนไปทั่ว



เตเต้ยักไหล่ตามสไตล์คนชิคๆ ไม่ได้ถามอะไรฟองฟางต่อเพราะให้ความสนใจกับใครบางคนที่กำลังเดินตรงมายังจุดที่พวกเขานั่งรอเพื่อเรียนวิชาต่อไป



“ว้าว ไอ้หน้าหล่อที่มึงไปจูบเขาเดินมานู่นแล้วว่ะ” เตเต้ยิ้มกริ่มแซวฟองฟาง



รู้กันหมดทั้งมหา’ลัยหรือยังก็ไม่รู้ว่าฟองฟางไปทำวีรกรรมอะไรไว้ แล้วพวกที่กินเหล้าด้วยแต่ละคนก็ไม่ใช่พวกที่กุมความลับเก่งกันเลยสักคน โดยเฉพาะพี่รหัสของฟองฟางนี่แหละ รายนั้นเป็นเม้าส์มอยเก่ง ซองรู้โลกรู้อะไรทำนองนี้



“หวัดดีเว้ยทุกคน ไอ้มัท...หายดีแล้วเหรอวะ” ช็อปตบไหล่คนที่นั่งปั่นการบ้านไม่พูดไม่จากับใคร มัทเรียนเก่งก็จริง แต่ไม่ค่อยขยันทำการบ้านเองเท่าไหร่ เช้ามาต้องขอลอกแยมหรือฟองฟางก่อนตลอด



“เออ มาเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”



ฟองฟางมองสามหนุ่มนักบาสที่คุยกันอย่างสนิทสนม มองครามสมุทรที่ยืนถือหนังสือเคมีอยู่ข้างๆ ช็อป คนตัวขาวคลี่ยิ้มให้ครามสมุทรแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชาบนใบหน้าหล่อเหลาของคนตัวสูงคนนั้น



ฟองฟางสร้างความสงสัยขึ้นในใจ...เมื่อคืนตอนที่พวกเขาอยู่ในห้องด้วยกันแค่สองคนทุกอย่างมันดูสนิทสนมต่างไปจากเดิม แต่พอตอนนี้ที่ต้องเจอหน้ากันต่อหน้าคนมากมายครามสมุทรกลับนิ่ง เย็นชา ดูเดาอะไรไม่ออกสักอย่าง



กลับไปเป็นครามสมุทรคนเดิม



ส่วนฟองฟางก็เป็นคนเดิมที่ชอบแอบมองครามสมุทรอยู่อย่างนั้น



แบบนี้ก็ดี...นิ่งๆ เฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะดีแล้ว เพราะถ้าจู่ๆ เขากับครามสมุทรมาพูดคุยกันเหมือนวันที่ผ่านมาคนอื่นๆ คงมีคนตั้งคำถามกับฟองฟางเยอะมากแน่ๆ อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้คุยเรื่องจูบ ไม่อยากได้ยินเรื่องสารภาพรักกลางวงเหล้า เรื่องแบบนั้นไม่อยากให้พูดถึงอีกเลย



“กูไปก่อนละทุกคน เรียนเคมีที่รักก่อน” ช็อปพูดขึ้นแล้วหันไปต่อยแขนครามสมุทรเบาๆ ให้เดินตามไปด้วยกัน



ครามสมุทรเหลือบมองฟองฟางแวบเดียวก่อนจะพยักหน้าให้ช็อปแล้วก้าวขายาวๆ เดินออกจากตรงนี้แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเตเต้ส่งเสียงขึ้น



“เมื่อเช้ากูเห็นมึงนั่งรถมากับไอ้ครามอ่ะ” ถึงแม้ว่าจะถามฟองฟาง แต่เตเต้ก็มองสลับทั้งเขาและครามสมุทรเหมือนอยากได้คำตอบจากพวกเขาสองคน



แยมกับมัทที่รู้เรื่องก่อนใครนั่งหัวเราะคิกคัก แต่ช็อปที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรด้วยยืนขมวดคิ้วจ้องหน้าครามสมุทรด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามไม่ต่างจากเตเต้



“คือพวกมึงคบกันแล้วเหรอวะ”



“เปล่า” ครามสมุทรตอบสั้นๆ เหลือบมองฟองฟางอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่รอช็อปที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม



ที่ครามสมุทรตอบมันคือความจริง แต่ฟองฟางไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้รู้สึกโหวงๆ ในอกตอนที่ได้ยินคำตอบนั้น เหมือนหวังให้อีกฝ่ายตอบอะไรที่มันดีกว่านี้...เหมือนหวังแต่ไม่ได้หวัง



ก็ใช่ ก็ไม่ได้คบกัน



แค่ไปอาศัยบ้านครามสมุทรอยู่ชั่วคราว เพราะความสะเพร่าของตัวเองที่เอากุญแจไปทิ้งไว้ไหนก็ไม่รู้เท่านั้น



แค่กินข้าวเย็นพร้อมกัน นอนด้วยกันบนเตียงเดียวกัน



แค่ครามสมุทรพาไปล้างแผลที่โรงพยาบาล รับกลับบ้าน และให้ติดรถมาเรียน



แค่ส่งยิ้มให้กัน คุยกันก่อนนอน...



แค่ฟองฟางชอบครามสมุทรมากๆ แค่นั้นเอง



“ว้าว...เฉียบขาด”



“เหี้ยเต้ เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวไป”



แยมต่อยต้นแขนเตเต้หนักๆ จนอีกฝ่ายร้องโอยออกมาก่อนจะหันมามองฟองฟางที่ตอนนี้ได้แต่นั่งยิ้มเจื่อน



“มึงโอเคมั้ยเนี่ย” มัทกระซิบถาม



“โอเคดิ ครามตอบถูกแล้ว”



“แต่หน้ามึงไม่ใช่เลยว่ะ”



ฟองฟางฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ ส่ายหัวเบาๆ



ไม่อยากได้ยินอะไรจากใคร เขาคนรอบข้าง ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงมีอาการแปลกๆ ทำไมขอบตาถึงร้อนผ่าว



ทำไมหัวใจของเขาถึงได้วูบโหวงแบบนี้

 

 

 

 

 

#ฟองฟางครามสมุทร

 





 

หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 10-01-2019 14:46:05






06



ก็เหมือนเดิมทุกอย่าง

ความรู้สึก คำพูด เสียงของหัวใจ



 

คนตัวขาวนั่งมองฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า เม็ดฝนเล็กๆ เกาะกระจกใสของตึกชั้นบนสุดซึ่งเป็นตึกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ฟองฟางใช้ปลายนิ้วมือขีดเขียนวาดรูปท้องทะเลกับหาดทรายลงบนกระจก ฉีกยิ้มคนเดียวให้กับภาพสวยๆ ที่ตัวเองสร้างขึ้นก่อนจะลบมันออกด้วยฝ่ามือของตัวเช่นกัน



“แยม ขอทิชชูเปียกหน่อย”



“หยิบเอา ในกระเป๋า”



พยักหน้าหงึกแล้วเอื้อมตัวหยิบกระเป๋าสะพายเล็กๆ ของแยมที่วางอยู่ข้างมัท ตอนนี้แยมนอนอยู่บนกระเป๋าของฟองฟาง ส่วนมัทก็นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ข้างๆ เขา นั่งล้อมกันเป็นวงกลมเพราะไม่มีอะไรทำ



วันนี้หมดวิชาเรียนแล้วแต่ก็ยังกลับบ้านไม่ได้เพราะพายุเข้าทำให้ฝนตกหนักมาก พอมองจากชั้นสิบสี่ซึ่งเป็นชั้นบนสุดก็เห็นร่มของนักศึกษาคนหนึ่งปลิวว่อนเลยไม่อยากเสี่ยงฝ่าฝนออกไป



ผ่านมาสัปดาห์กว่าๆ แล้วที่ฟองฟางกลับมาอยู่บ้านของตัวเองหลังจากที่พ่อกับแม่กลับจากต่างจังหวัด แล้วก็เป็นสัปดาห์กว่าๆ ที่ฟองฟางไม่เห็นหน้าครามสมุทรกับช็อปในมหาวิทยาลัย เพราะวิชา HUM120 ที่ต้องเรียนรวมด้วยกันอาจารย์ยกเลิกคลาส แถมสองคนนั้นก็ไม่ได้เดินมาคุยเล่นด้วยเหมือนแต่ก่อน



ง่ายๆ ก็คือนอกจากรถปอร์เช่ของครามสมุทร ฟองฟางก็ไม่เห็นอะไรที่เกี่ยวกับเขาอีกเลย



แต่ช่วงเวลาที่ฟองฟางเข้าบ้านไม่ได้ก็ไปอยู่กับครามสมุทรปกติ...ตั้งแต่ที่ได้ยินคำตอบจากปากของอีกฝ่ายฟองฟางตั้งใจว่าจะขอไปค้างที่หอใครสักคน เขาตัดแยมทิ้งเพราะไปค้างที่บ้านด้วยไม่ได้แน่ๆ เหลือแค่มัท...แต่รายนั้นก็ไม่สะดวกเพราะแฟนมาค้างที่หอด้วยทุกวัน ฟองฟางมีทางเลือกอีกอย่างก็คือโรงแรมใกล้บ้าน



แต่สุดท้ายก็ไปไหนไม่รอด ต้องอยู่กับครามสมุทรเหมือนเดิมเพราะอีกฝ่ายเล่นดักรอฟองฟางอยู่หน้าคณะทุกวัน




พอเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไปกับเขา...แล้วอยู่กับครามสมุทรอย่างนั้นทั้งที่อารมณ์ของตัวเองยังไม่คงที่สักเท่าไหร่



“ไม่มีอะไรให้ทำกูเล้ย” มัทพึมพำเบาๆ พลางหันคอไปมาให้กระดูกคอลั่น ก็แหง ก้มหน้าเล่นเกมขนาดนั้น



“ไปโรงยิมได้มั้ยวะ กูอยากไปเดาะบาสเล่น”



“ออกกำลังกายได้แล้วเหรอ หมอให้พักกี่เดือนอ่ะ”



“กูแค่ไปเดาะเล่นเฉยๆ ไม่ได้ไปวิ่งจริงจังเหมือนเมื่อก่อนสักหน่อย”



ฟองฟางไม่ค่อยไว้ใจมัทเท่าไหร่เพราะเพื่อนคนนี้ยิ่งชอบทำอะไรเกินกำลังตัวเอง เขาเข้าใจมัทเพราะอีกฝ่ายชอบออกกำลังกาย เล่นบาสกับทีมแทบทุกวันเลยแต่ต้องมาหยุดพักรักษาตัวแบบนี้คงยังไม่ชิน



“เดี๋ยวแผลก็ปริ”



“มึงอย่ามาขู่”



“เอ้า พูดจริง”



“กูผ่าตัดแบบสมัยใหม่ แผลเล็กจิ๊ดเดียว”



“แต่ข้างในไง เหมือนว่าข้างในมันยังไม่สมานกันดีอ่ะ”



“รู้ดีขนาดนี้ไม่ซิ่วไปเรียนแพทย์เลยล่ะ”



ฟองฟางหัวเราะกลั้วจนไหล่สั่น ก็เป็นห่วงจริงๆ เลยพูดตามที่คิดไปแต่ผลที่ได้คือมัททำหน้าเหยเกแบบเอียนๆ กับการพูดเรื่องผ่าตัดไส้ติ่ง



“ช่างแม่ง กูจะไป”



“เฮ้ยมัท เอาดีๆ”



“เนี่ยดีๆ มึงอยู่กับไอ้แยมก็แล้วกัน ถ้ากลับก่อนก็โทรบอกกูด้วย”



“ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนกูจ้า ป๊ากูเพิ่งไลน์มาบอกว่ารออยู่หน้าตึกละ...ไปก่อนนะพวกมึง”



แยมที่เดี๋ยวหลับเดี๋ยวตื่นลุกขึ้นในสภาพผมฟูๆ ลุกขึ้นยืนรีบหอบข้าวของแนบอกก่อนจะวิ่งเข้าลิฟต์ไป ปล่อยให้ฟองฟางกับมัททำหน้าเหวอนั่งหัวเราะคนที่ดูรีบๆ ทุกครั้งที่ป๊ามารับ



ป๊าแยมดุมาก แยมน่ะกลัวป๊าที่สุดในโลกแล้วมั้ง



แต่ถึงแม้ว่าป๊าแยมจะโหดแต่ท่านก็ใจดีกับเพื่อนสนิทของลูกสาวอย่างพวกเขา คุยเล่นเฮฮาได้ตามประสาผู้ชาย วันดีคืนดีป๊าก็โทรเรียกให้ไปกินปิ้งย่างหรือดื่มเบียร์ด้วยกันที่บ้านของท่านเอง



“เอาไงมึง กลับเลยเปล่า” มัทลุกขึ้นยืนแล้วพเยิดหน้าถาม



“แล้วจะกลับมั้ยอ่ะ”



“ไม่ กูจะไปโรงยิม”



“กูไปด้วย”



“ไปทำเหี้ยไรครับ”



“เฝ้าคนป่วยไง เดี๋ยวเผลอออกกำลังกายแรงๆ จะได้ถ่ายรูปไปให้กิ๊กดู”



“มึงนี่ก็ดีก็ฟ้องแฟนกู ไว้มึงมีแฟนเมื่อไหร่เหอะ...”



“เหรอมัทเหรอ เจ้าคิดเจ้าแค้นเก่งจัง”



ฟองฟางทำหน้าทำตาล้อเลียนมัทก่อนจะยื่นมือไปจับแขนอีกฝ่ายเพื่อใช้เป็นที่พยุงให้ลุกขึ้นง่ายๆ ฟองฟางหยิบกระเป๋าเป้สะพายบ่าแล้วก็ต้องร้องออกมาเบาๆ เมื่อถูกเพื่อนตัวสูงพาดแขนบนคอของตัวเอง



คนตัวขาวแหงนมองมัทพร้อมกับส่งยิ้มกว้างตาหยีให้ กี่ปีๆ เขาก็ยังเป็นที่พักแขนให้มัทตลอด



พวกเขาลงลิฟต์ไปด้วยกัน ระหว่างที่ยังอยู่ในห้องโดยสารมัทส่งเสียงในคอฮัมเพลงไปเรื่อย มืออีกข้างก็กดตอบแชตแฟนยิกๆ ส่วนฟองฟางที่ไม่มีอะไรทำก็ได้แต่ยืนกอดอกให้เพื่อนมันกอดคอไปอย่างนั้น



ติ๊ง



กระทั่งลิฟต์เลื่อนลงมาจนถึงชั้นล่างสุดพร้อมกับประตูที่เปิดออก ฟองฟางกับมัทก้าวขาเดินไปพร้อมๆ กัน แต่ในจังหวะนั้นดวงตากลมๆ ของฟองฟางกลับเหลือบเห็นใครอีกคนที่เดินออกจากลิฟต์อีกตัว



“อ้าว ไอ้คราม สบายดีเปล่าวะ”



“อือ สบายดี”



พวกเขาเดินไปพร้อมๆ กับครามสมุทร...ฟองฟางส่งยิ้มจางๆ ให้อีกคนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปอย่างไม่เร่งรีบ ทุกท่วงท่าของเขาเหมือนนายแบบบนรันเวย์ หลังตรงอกผาย ใบหน้าหน้านิ่งๆ ไม่สื่ออารมณ์จนคนมองชักกลัว



“วันนี้ไม่ซ้อมเหรอวะ”



“กำลังไป”



ฟองฟางฟังเสียงของสองคนนี้โต้ตอบกัน เป็นการสนทนาที่สั้นเพราะครามสมุทรยังคงเหมือนพูดน้อยเหมือนเดิม และก็ยังเป็นครามสมุทรคนเดิมไม่เปลี่ยน



“เออดีเลย กูไปด้วย”



“อืม” ครางในลำคอเบาๆ แล้วพยักหน้ารับ



ฟองฟางสะกิดเอวมัทยิกๆ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมหันมาเพราะมัวแต่คุยจ้อกับครามสมุทรที่ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น ถามคำตอบคำทุกประโยค ฟองฟางเริ่มคิดแล้วว่าเวลาที่ต้องพรีเซนต์งานหน้าห้องเขาจะทำไงเพราะโดยพื้นฐานจากที่ดูๆ แล้ว...ครามสมุทรไม่ใช่คนพูดมาก



“งั้นกูกลับก่อนนะ” พออีกคนไม่หันมาคุยด้วยฟองฟางเลยเขย่งปลายเท้ากระซิบใกล้ๆ หูอีกฝ่าย เสียงแผ่วเบาของฟองฟางทำให้มัทต้องโน้มหน้าลงมาฟังอย่างตั้งใจ



“”อะไรของมึงนะ”



“จะกลับแล้ว ปล่อยได้แล้วเนี่ย”



“กลับไปไหนฝนตกขนาดนี้ เดี๋ยวมึงก็เปียกไม่สบายพอดี”



“มีเพื่อนไปโรงยิมแล้วไม่ใช่เหรอ”



“น้องฟอง อย่างอแงกับพี่มัทสิคะ”



“เชี่ยมัท!” กัดฟันด่าอีกคนเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน



ท่าทางงุ้งงิ้งสนิทสนมของฟองฟางกับมัทอยู่ในสายตาของครามสมุทรตลอด ฟองฟางส่งรอยยิ้มหวานๆ ให้มัท รอยยิ้มแบบที่ยิ้มให้ทุกคน เป็นรอยยิ้มที่เขาเห็นประจำ



ถึงจะเป็นนักกีฬาทีมเดียวกัน แต่ครามสมุทรก็ไม่ได้สนิทกับมัทถึงขั้นรู้เรื่องส่วนตัวทุกอย่าง



รู้แค่ฟองฟาง แยม มัทเป็นเพื่อนกัน



รู้แค่ว่าฟองฟางกับมัทสนิทกันมากๆ และน่าจะเคยนอนค้างที่บ้านใครสักคนด้วยกันบ่อยๆ



รู้แค่ว่ามัทมักจะพูดชื่อฟองฟางทุกครั้งที่พวกเขาคุยกัน มัทมักจะพูดถึงเพื่อนคนนี้ตลอดราวกับเป็นคนสำคัญที่นึกถึงอยู่ตลอด



“ก็มีเพื่อนแล้วมารั้งกูไว้ทำไมวะ”



“เห็นมั้ยฟอง ฝนตกอยู่ มึงกลับไปยังไงก็เปียก”



“ไปกับมัทก็เปียกเหมือนกันอ่ะ”



“เปียกยังไง นี่กูก็กอดมึงให้หลบฝนอยู่นะเนี่ย”



“ฝนมันกระเด็น”



“งั้นเข้ามาใกล้ๆ กูอีกมา”



ใกล้กว่านี้ก็สิงร่างกันแล้ว



ถึงจะสั่นหน้ารัวแต่มัทก็ไม่สนแถมยังรั้งคอฟองฟางเข้าไปกอดแน่นๆ จนคนตัวเล็กกว่าไอแค็กออกมาถึงได้ยอมปล่อยให้ฟองฟางเดินเอง



ตลอดทางฟุตปาธที่มีหลังคาโค้งๆ บังแดดบังฝนมีเพียงเสียงเล็กๆ กับเสียงทุ้มๆ ของมัทกับฟองฟางที่คุยไปหัวเราะไป ส่วนคนที่ต้องร่วมทางไปโรงยิมด้วยอย่างครามสมุทรได้แต่ก้าวเท้าเดินไปอย่างเงียบๆ ก่อนจะชะลอเท้าให้สองคนนั้นเดินนำไปก่อน และเป็นเขาที่เอาแต่มองแผ่นหลังเล็กๆ ของฟองฟางที่อยู่ตรงหน้า



“เชี่ย ปวดท้อง” จู่ๆ คนที่เดินอยู่ข้างกันก็ยกมือกุมท้อง



“เจ็บแผลเหรอมัท” รีบจับแขนเพื่อนตัวสูงที่งอตัวเหมือนทรมานไว้แน่น มือขาวๆ ลูบผมสีดำที่คลอเคลียใบหน้าของมัทเบาๆ





“เปล่า กูปวดท้องจี๊ดเหมือนท้องเสียว่ะ”



“อ่า...”



“มึงกับครามไปกันก่อนเลย เดี๋ยวกูไปปลดทุกข์แป๊บ” มัทหมุนตัวสาวเท้าถี่ๆ ออกจากตรงนี้ไป



ฟองฟางเกาหัวแกร็กๆ หันมายิ้มแหยให้ครามสมุทรที่ยื่นนิ่งอยู่ด้านหลัง...และไม่กี่ช่วงจังหวะของการหายใจครามสมุทรก็ขยับมาอยู่ข้างๆ คนตัวเล็กแล้วพเยิดหน้ายักไหล่เล็กน้อยเชิงบอกให้เดินต่อ



“สบายดีมั้ยคราม”



“สบายดี”



ไม่รู้จะคุยอะไรแต่ก็ไม่อยากให้เงียบจนอึดอัด ฟองฟางเลยถามออกไปพร้อมกับความประหม่า



“ถ้าไม่สบายก็แย่เลย”



“อือ แข็งแรงอยู่”



“ครามเก่งเนอะ เล่นบาสเก่งมากๆ...นี่จะแข่งเมื่อไหร่เหรอ”



“ปลายเดือนหน้า”



“อ้อ...ซ้อมหนักแย่เลย”



“นิดหน่อย”



พยักหน้าหงึกๆ เพราะอีกฝ่ายเล่นถามคำตอบคำ ฟองฟางที่ไม่รู้จะถามอะไรต่อเลยเม้มปากแล้วคิดว่าต่อจากนี้จนกว่าจะถึงโรงยิมคงมีแค่เสียงฝนที่ตกลงมาเป็นเพื่อนร่วมทาง...คงไม่ทำให้เหงาหรืออึดอัดไปมากกว่านี้



“มะขามหวานหมดแล้ว”



“ห๊ะ...อ๋อ ที่แม่เราซื้อมาฝากใช่มั้ย”



“อือ เพิ่งหมดเมื่อวาน”



“โห...กินเก่งเหมือนกันนะเนี่ย เรายังกินไม่หมดเลย ไว้เดี๋ยวเอามาให้อีกนะ” คนตัวขาวยิ้มแฉ่งเพราะร่างสูงที่เงียบไปก็เปล่งเสียงทุ้มๆ คุยเรื่องมะขามหวาน แม่เขาซื้อมาจากเขาค้อเป็นของฝากขอบคุณที่ครามสมุทรให้อาศัยอยู่ที่บ้านตั้งห้าวัน



คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าครามสมุทรจะชอบจนกินหมดเร็วขนาดนี้



“แต่วันนี้เอาเสื้อครามไปก่อนนะ จะคืนหลายวันแล้วแต่ไม่ได้เจอครามเลย” มือเล็กเปิดกระเป๋าเป้หยิบถุงพลาสติกที่ซ่อนอยู่ในนั้นออกมาแล้วยื่นให้คนตัวสูง



“ฟอง”



“อื้อ”



“วันนี้กลับกับมัทหรือเปล่า”



“ไม่อ่ะ...มัทกับเราอยู่คนละทางเลย”



“งั้นกลับด้วยกันมั้ย”



“ได้เหรอ”



“ได้”



“...อื้อ งั้นขอติดรถกลับด้วยนะ”



ต่างฝ่ายต่างชะลอเท้าตอนที่หยุดอยู่หน้าโรงยิม ฟองฟางยิ้มบางๆ ทำท่าจะเดินเข้าไปข้างในแต่ก็ต้องชะงักเมื่อกระเป๋าเป้ใบเดิมของครามสมุทรตกมาอยู่ในอ้อมกอดของฟองฟางแบบงงๆ



“ฝากด้วย”



“เฮ้ย มีของสำคัญมั้ยเนี่ย”



“ก็มี บัตรกับโทรศัพท์”



“ทำไม่เก็บไว้ในล็อกเกอร์ล่ะ”



“ไว้กับฟองปลอดภัยกว่า”



“ตรงไหนเนี่ย”



“ตรงนี้แหละ”



พูดจบก็รีบเดินเข้าไปในโรงยิมรวมกับคนอื่นๆ ที่กำลังยืดเส้นยืดสายก่อนลงสนาม ปล่อยให้ฟองฟางมองแผ่นหลังกว้างจากระยะใกล้จนกระทั่งครามสมุทรวิ่งห่างไกลออกไป



แปลกใจแต่ก็ไม่อยากสงสัย ไม่อยากตั้งคำถามเพราะกลัวว่ามันจะเป็นคำถามที่เข้าข้างตัวเอง



เลยปล่อยให้หัวใจดวงน้อยๆ เต้นแรงแข่งกับสายฝนที่กระหน่ำโปรยลงมา



ภายนอกของครามสมุทรที่นิ่งสงบไม่สื่อความรู้สึกอะไร...คนที่อยู่นอกหัวใจก็รับรู้ไม่ได้เหมือนกัน







*****





 

“ปากบอกเปล่าแต่สายตามึงไม่ใช่”



“...”



“รู้สึกอะไรก็บอกกูมาตรงๆ”



คนที่ทำหน้านิ่งๆ ดูเย็นชา ผิดกับสายตาที่เอาแต่มองคนตัวขาวกระโดดรอรับลูกบาสพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เหมือนจะเปลี่ยนให้โลกใบนี้เป็นสีชมพู ช็อปหัวเราะแล้วตบไหล่เพื่อนสนิทอย่างรู้ใจ สายตาครามสมุทรชัดเจนจนกลบความรู้สึกเอาไว้ไม่มิด ช็อปรู้ดีเพราะครั้งหนึ่งเคยรู้สึกชอบฟองฟาง เคยตกอยู่ในห้วงสีชมพูแต่คงไม่เท่าไอ้เพื่อนตัวโตคนนี้หรอก



ครามสมุทรแม่งอาการหนักกว่าเขาเยอะ



“ไม่มีอะไร”



“แล้วสายตามึงคืออะไร จ้องขนาดนั้น...ขนลุกแทนเลยว่ะ”



“ก็ตามนั้น”



“ตามนั้น?”



“อือ ตามที่เห็น”



ครามสมุทรกระดกน้ำในขวดลงคอทั้งๆ ที่สายตายังมองฟองฟางเล่นกับเพื่อนสนิท ก็มองมานานแล้ว มองตั้งแต่เริ่มซ้อม มองตั้งแต่ฟองฟางนั่งคนเดียวจนมัทเดินเข้ามาในโรงยิมนั่นแหละ



ถึงสองคนนั้นจะใช้พื้นที่เล็กๆ ข้างสนามในการเล่นบาส และมันก็ค่อนข้างไกลจากจุดที่เขาซ้อมพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นเสียงหัวเราะของฟองฟางยังแว่วดังมาถึงตรงนี้อยู่ดี และมันคงจะดังมากๆ เพราะคราสมุทรตั้งใจฟังเป็นพิเศษ



“กูยอมแพ้เลยว่ะ”



“...”



“แพ้ตั้งแต่ที่ฟองเมาแล้วบอกชอบมึง”



ช็อปชอบฟองฟาง บอกกับครามสมุทรตั้งแต่วันปฐมนิเทศว่าคนนี้กูจอง ดักทางเขาไว้ก่อน…แต่ชอบแล้วก็เลิกชอบได้ เปลี่ยนใจง่ายๆ เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า



ช็อปไม่เคยจริงจังกับอะไรสักอย่างยกเว้นกับบาสเก็ตบอล



“แถมจูบอีก กูโคตรอยากจะเป็นมึงเลยว่ะคราม”



“อิจฉาเยอะๆ”



“เออ กูอิจฉาอยู่เนี่ย...ว่าแต่ฟองปากนุ่มมากมั้ยวะ กูเห็นนะว่ามึงเคลิ้ม”



“เสือก”



“สัดคราม”



ครามสมุทรส่ายหน้า ไม่สนใจช็อปที่บ่นนู่นนี่ไปเรื่อย



เพราะว่าจุดโฟกัสของเขาตอนนี้ก็มีอยู่อย่างเดียวคือพื้นที่เล็กๆ ข้างสนาม ครามสมุทรเห็นมัทที่หอบตัวงอกุมท้องแต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เช่นกันกับฟองฟางที่นั่งบนพื้น ยกมือพัดเอาลมเข้าหน้าเพราะแอร์ก็ช่วยดับร้อนไม่ได้



ครามสมุทรไม่รู้ว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน เขามองอยู่นานและภาพที่เห็นต่อมาก็คือมัทที่โบกมือคล้ายกับจะลาฟองฟางพร้อมกับหิ้วเป้สีดำสะพายบ่า ขายาวๆ ของมัทเดินออกไปจากโรงยิมไปในที่สุด ปล่อยให้คนตัวขาวนั่งมองจนกระทั่งมัทหายไปจากสายตา



“กูสรุปเลยแล้วกันว่ามึงชอบฟอง”



“...”



“และกูจะบอกในฐานะเพื่อนที่หวังดี”



“...”



“ฟองน่ารัก กูรู้ว่าไม่ใช่แค่มึงแน่ๆ ที่มองฟองฟางด้วยสายตาแบบนี้”



“...”



“กูหลีกทางให้แล้ว ก็เหลือแค่ตัวมึงแล้วล่ะนะว่าจะจัดการยังไง”



“อือ ขอบใจ”



“ยกมือไหว้กูด้วยดิคราม”



“ยกตีนแทนได้มั้ย”



“สัด กูขอให้มัทกับฟองเป็นแฟนกันจริงๆ อย่างที่กูสงสัยเถอะ ไอ้ครามแม่งจะได้อกหักไปเลย สาธุ...” ช็อปยกมือไหว้เหนือหัวสูงๆ หลับตาบนบานกับอะไรสักอย่างเพราะหมั่นไส้เขาเต็มทน



ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนั้นเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า



รู้แค่ว่าเขาไม่รอแล้ว ไม่สนแล้วด้วยว่าใครหน้าไหนจะสนใจฟองฟาง



รู้แค่ว่าต่อจากนี้...



ครามสมุทรจะไม่ใช้แค่สายตาแสดงความรู้สึกกับฟองฟางอีกต่อไปแล้ว







*****





 

ครืด ครืด



ฟองฟางนั่งหน้าเหวออยู่อย่างนั้น มองหน้าจอโทรศัพท์ของใครบางคนที่ฝากกระเป๋าไว้กับเขามันสั่นหลายรอบจนอยากตะโกนบอกให้เจ้าของเครื่องมารับสายสักที...คุณแม่ของครามสมุทรโทรมา แล้วตอนนี้เจ้าของโทรศัพท์ก็กำลังประชุมอะไรบางอย่างอยู่กับทีมอีกด้วย



ไม่รู้ว่านานมั้ยว่าจะประชุมเสร็จ แต่ที่รู้ๆ คือคุณแม่ครามสมุทรโทรหาหลายสายแล้ว



ฟองฟางไม่กล้ารับสายทั้งๆ ที่ช่วงพักเบรกก่อนหน้านั้นครามสมุทรเดินมาหาเขา จิบน้ำ แล้วบอกว่าถ้าใครโทรมาก็รับให้ก่อน...ตัวเองเลยต้องมานั่งเขย่าขาเร่าๆ เพราะคำพูดของอีกฝ่าย ลุ้นว่าคุณแม่ครามสมุทรมีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า จนกระทั่ง...



“คราม คราม”



รวบกระเป๋าสองใบสะพายบ่าแล้ววิ่งหน้าตั้งลงจากอัฒจันทร์ตอนที่โค้ชปล่อยตัวนักกีฬา แต่ไม่รู้ว่าท่าวิ่งของฟองฟางมันตลกมากหรือไงครามสมุทรที่ยืนเท้าเอวถึงได้ยกยิ้มแบบนั้น



ยิ้มจริงๆ ยิ้มบางๆ แต่กระชากใจ



“ค่อยๆ เดินก็ได้ เดี๋ยวล้ม”



“ไม่ได้เลย” หอบหนักๆ เพราะดันกระโดดข้ามรั้วลงมาด้วย ฟองฟางยื่นกระเป๋าเป้คืนครามสมุทร นิ้วชี้เรียวจิ้มไปที่กระเป๋า “ค...คุณแม่ครามโทรมา”



“อ้าวฟอง นึกว่ากลับไปแล้วนะเนี่ย” ช็อปที่อยู่ใกล้ๆ กันทักขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ฟองฟางเหมือนเดิม



“ยังเลยช็อป กลับพร้อมครามนี่แหละ”



“หือ ทำไมเดี๋ยวนี้ไปรับส่งกันบ่อยจังวะ”



“พูดมาก”



“กูก็พูดมากอย่างนี้อยู่แล้วเปล่าวะไอ้คราม”



ช็อปยักคิ้วเหมือนจะกวนครามสมุทร ซึ่งก็ใช่จริงๆ นั่นแหละ แต่ครามสมุทรแค่มองช็อปด้วยตาคมๆ เท่านั้น ช็อปเลยแลบลิ้นปลิ้นตาเดินหนีแบบงอนๆ เข้าห้องน้ำไป



“เดี๋ยวไปง้อมันก่อน”



“ต้องง้อด้วยเหรอคราม”



“อือ มันขี้งอน” บอกแบบนั้นแล้วก็ยื่นกระเป๋าเป้ของตัวเองส่งคืนให้ฟองฟางถืออีกครั้ง คนตัวขาวก็รับมางงๆ แต่ในจังหวะที่ครามสมุทรกำลังจะก้าวเท้าเดินออกไปฟองฟางแสดงออกอาการลุกลี้ลุกลน รีบคว้าท่อนแขนแกร่งของครามสมุทรไว้



“เดี๋ยวๆ คุณแม่ครามโทรมา เอาโทรศัพท์ไปด้วยสิ”



“รับสายให้หน่อย”



“เฮ้ย ได้ไงอ่ะ”



“รับไปเถอะ”



“แล้วจะให้เราคุยกับคุณแม่ยังไง ให้บอกว่าครามไปง้อเพื่อนอยู่งี้เหรอ”



“บอกยังไงก็ได้”



“ไม่ได้เลยคราม คุณแม่โทรมาตั้งหลายสายเลยนะ”



เกาะแขนเขาไม่พอยังเขย่าแล้วเสียงแง้วๆ คุยกับเจ้าของกระเป๋าเป้ที่ทำท่าจะเดินหนีไปง้อเพื่อนท่าเดียว คิ้วสวยๆ ขมวดกับใบหน้ายุ่งๆ ตอนที่ก้มไปล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าเป้ออกมาส่งผลให้คนมองคลี่ยิ้ม



“ใจเย็น”



“เห็นมั้ย คุณแม่โทรมาอีกแล้ว...”



ชะงักเมื่อถูกมือหนาวางลงบนศีรษะกลมๆ...ฟองฟางยืนนิ่งตอนที่มือหนาข้างนั้นลูบผมนุ่มเบาๆ ตาคมที่เคยเย็นชาตลอดมามองฟองฟางด้วยตาเอ็นดูราวกับมองลูกแมวตัวน้อยๆ ทำเอาคนที่ยืนอยู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก



ไม่รู้ว่าควรจะสบตากับเขา



“รับให้หน่อย”



หรือก้มหน้ามองพื้น



“บอกว่าไปเข้าห้องน้ำก็ได้”



หรือว่าจะล้มตึงไปเลยดีนะ...



“เดี๋ยวครามค่อยโทรกลับ”



อือ...ล้มตึงไปเลยดีกว่า

 

 









#ฟองฟางครามสมุทร

 

หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 10-01-2019 15:03:17
ฟองทำใจดีๆ ไว้
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 10-01-2019 15:21:05
โง้ยยยย น่ารัก ^^
ครามสมุทรจะต้องยอมแพ้ความแง้วของน้องฟองไปตลอดแน่ๆ ไปไหนไม่รอดจ้า 555
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 06 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 10-01-2019 16:26:28
555 ไม่มีทางเย็นชาได้ตลอดพ่อครามเอ๋ย
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 10-01-2019 19:10:38

07



เราต่างก็รู้ว่ามันคือช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ



 

ฟองฟางนั่งทำหน้าอึนๆ อยู่ในปอร์เช่เบาะสีเพลิงคันเดิมที่เคยนั่ง ฝนตกหนักรถติดขนาดนี้ยังไม่ถึงบ้านฟองฟางเลย...เขานั่งแกร่วอยู่ในรถคันนี้มาสามชั่วโมงเศษแล้วมั้ง



เพลงจากคลื่นวิทยุก็ดังคลอไปกับเสียงของสายฝน ดีเจที่หมดเวลาจัดรายการยังต้องยืดชั่วโมงการจัดรายการออกไปอีกเพราะดีเจที่ต้องมารับช่วงต่อก็ติดฝนอยู่บนถนนเหมือนกัน



ไอเย็นๆ แผ่ออกจากช่องปรับอากาศ ฟองฟางควรจะหนาวจนตัวสั่น แต่ไม่เลย เขาอุ่นไปกายและใจเพราะเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่ครามสมุทรยื่นมาให้ กลิ่นอายของคนข้างกายทำให้ฟองฟางผ่อนคลาย ลืมเรื่องว้าวุ่นใจที่ผ่านมาแทบสนิท



“เอ้อ ลืมบอกครามเลย คุณแม่ครามฝากบอกว่าอาทิตย์หน้าให้กลับบ้านด้วย”



“กลับไปทำอะไร”



“ไม่รู้สิ”



ทั้งๆ ที่โทรไปถามเองได้แต่อีกฝ่ายดูไม่สนใจโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ครามสมุทรคงคิดว่าฟองฟางคุยกับคุณแม่ของเขาละเอียดยิบขนาดนั้นเลยละมั้งถึงได้ถามกลับ พอพูดถึงเรื่องนี้ก็พาให้นึกไปถึงตอนที่ตัวเองกดรับสายคุณแม่ของครามสมุทรแบบที่มือสั่นเอามากๆ ทว่าเสียงนุ่มๆ ที่ฟังแล้วเพราะอบอุ่นใจก็ทำให้ฟองฟางเลิกสั่นแล้วคุยกับท่านได้จนจบ



[เพื่อนครามสมุทรเหรอจ๊ะ เสียงนุ่มเชียว ชื่ออะไรล่ะเรา ครามสมุทรอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวเกเรมั้ยเอ่ย]



คุณแม่ครามสมุทรยิงคำถามชุดใหญ่จนฟองฟางตอบไม่ทัน พอเจ้าของโทรศัพท์เดินออกจากห้องน้ำฟองฟางก็ยื่นให้เจ้าตัวคุยนะ แต่ครามสมุทรส่ายหน้าแล้วดันไอโฟนแนบหูฟองฟางเหมือนเดิม



“ทำไมครามไม่คุยเองล่ะ ให้เราคุยอยู่ได้ ทำตัวไม่ถูกเลยรู้เปล่า”



“ก็คุยอยู่ทุกวัน”



“แล้ว?”



“อยากให้ฟองคุย”



“อยากให้เราเผาครามให้คุณแม่ฟังว่างั้น”



“มีอะไรให้เผา”



“เยอะอ่ะ”



ฟองฟางยิ้มแฉ่งให้คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับปอร์เช่แสนหล่อไม่มีใครเหมือน ผมของครามสมุทรที่เป็นเส้นตรงยุ่งนิดหน่อยเมื่อถูกนิ้วมือเสยผมด้านหน้าขึ้นไปแบบลวกๆ ครามสมุทรหล่อคุณหนูมาก หล่อคนรวยผู้ดี แต่ดันทำตัวเซอร์ๆ ซะงั้น



ดูดีไปอีกแบบ...ถ้าเป็นครามสมุทรก็ดีทุกแบบนั่นแหละ



“อย่างเช่น?”



“อย่างเช่นครามฮอตมาก”



“ฮอต?”



“อื้อ อย่าบอกนะว่าไม่รู้ตัว”



เจ้าตัวส่ายหน้าเบาๆ และนั่นก็ทำให้ฟองฟางหัวเราะออกมาพร้อมกับปรบมือแปะๆ ไปด้วย



ไม่เชื่อหรอกหน่า...ครามสมุทรเหรอจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองฮอตมากขนาดไหน ไม่รู้เลยหรือไงว่าตัวเองทำให้สาวๆ แทบทั้งมหา’ลัย ปั่นป่วนไปหมด



รวมทั้งฟองฟางเองด้วย



“ไม่รู้”



“โห เป็นไปได้”



ครามสมุทรยิ้มมุมปากพร้อมๆ กับเสียงจากวิทยุที่เบาลงเพราะครามสมุทรลดเสียง ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามีแค่เสียงสายฝนและเสียงพวกเขาที่ดังให้ได้ยิน



“คุณแม่ครามดูใจดีนะ ฟังจากเสียงเอา”



“ก็เหมือนแม่ฟอง”



“หือออ แม่เราใจดีกับแค่เพื่อนๆ ของเราเท่านั้นแหละ มัทเนี่ยลูกชายคนโปรดแม่เลย ตอนที่เรียนม.ปลายมัทมานอนค้างกับเราบ่อยมากจนแม่บอกให้ย้ายมาอยู่ด้วยเลยนะ”



“สนิทมากเลยเหรอ”



“หือ?”



“กับมัท”



“ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนม.ปลายนั่นแหละ สนิทมากกก แบบว่าคุยกันทุกเรื่องเลยนะ...กับแยมก็ด้วย”



ครามสมุทรไม่หือไม่อือ แค่พยักหน้ารับทราบเท่านั้น แถมยังขมวดคิ้วยุ่งๆ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ฟองฟางลอบมองคนข้างกาย...อยากรู้เหมือนกันว่าครามสมุทรกำลังคิดอะไรอยู่



อยากเป็นส่วนหนึ่งในความคิดเขาบ้าง



“แล้วครามล่ะ สนิทกับช็อปมากมั้ย” ช้อนตาแล้วเปล่งเสียงเสียงนุ่มๆ ถามเพราะอีกฝ่ายเงียบไป



ฟองฟางก็ไม่ได้อยากพูดมาก แต่นี่ก็คือธรรมชาติคือตัวของฟองฟางสุดๆ แล้ว เขาไม่อยากนั่งเกร็ง ไม่อยากทำตัวลีบๆ บนรถคันนี้ ไม่อยากให้ครามสมุทรได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงจนกลัวว่าจะถูกจับได้…



กลัวทั้งๆ ที่ครามสมุทรรู้อยู่แล้วว่าฟองฟางคิดอะไร



“ตามประสาเพื่อน โตมาด้วยกัน”



“อ๋อออ” กัดปากเบาๆ แล้วแอบเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เนี่ย...ไม่รู้จะถามอะไรต่อแล้ว



เลยนั่งเงียบๆ มองฝนที่ตกลงมา อมยิ้มให้กับความบ้าบอของตัวเองในวันนั้น วันที่ใจฟีบลงเหมือนถูกปล่อยลมเพราะครามสมุทรตอบเตเต้ว่าไม่ได้เป็นอะไรซึ่งมันก็คือความจริง แต่ฟองฟางดันน้อยใจเฟลต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็ต้องกลับพร้อมเขา กลับไปนอนที่บ้านใหญ่หลังเดิมของครามสมุทร



ครามสมุทรก็ยังเป็นครามสมุทรเหมือนเดิม แค่เหตุการณ์หลังจากนั้นทำให้ฟองฟางกับครามสมุทรคุยกันน้อยลง (ทั้งที่ตอนแรกก็คุยกันน้อยอยู่แล้ว) นอนเตียงเดียวกัน บอกฝันดีแก่กัน ตื่นเช้าพร้อมกัน ผลัดกันเข้าห้องน้ำ ไปเรียนด้วยกัน และก็กลับบ้านพร้อมกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟองฟางได้กลับไปอยู่บ้านของตัวเอง...ครามสมุทรยังขับรถไปส่งเลย



ครามสมุทรเหมือนเดิมทุกอย่าง



“ฟอง”



“อื้อ”



มีแต่ฟองฟางที่ไม่เหมือนเดิม



“...”



เคยชอบเขามากเท่าไหร่...



“มีอะไรเหรอคราม”



“ถ้าถึงบ้านฟองเกินสามทุ่ม”



“...”



“ขอนอนค้างบ้านฟองก่อนได้มั้ย”



ก็เหมือนจะชอบมากขึ้นกว่าเก่า



“อื้อ...ได้สิ”



บอกแบบนั้นก่อนเหลือบตามองนาฬิกาดิจิตอลในรถปอร์เช่ แล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาเมื่อหน้าปัดมันขึ้นตัวเลข 8:55 PM เป็นเวลาเดียวกันกับครามสมุทรที่เพิ่มเสียงลำโพงให้ดังกว่าเดิมเมื่อเพลงเพลงหนึ่งดังขึ้น…เป็นเพลงที่ตรงกับใจของใครบางคน



‘เปิดใจตรงนี้เลยคำว่ารัก ฉันมีอยู่แทบล้นใจ

แต่ยังไม่มีที่ใช้ก็เท่านั้นเอง’



“ครามชอบเพลงนี้เหรอ”



“อือ เพราะดี”



“ใช่ๆ...เพราะทั้งเวอร์ชั่นพี่เบิร์ดทั้งเวอร์ชั่นใหม่เลย”



“อือ”



‘อยากบอกรักกับใครสักคน อยากใช้หนึ่งคำคำนี้’



“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าครามชอบฟังเพลงแนวนี้ด้วย หวานๆ ซึ้งๆ”



“เพลงเพราะก็ฟังหมด”



“อ่า...”



“ครามฟังเพลงไม่ยากหรอก”



“...”



“ฟองลองฟังดูสิ”



‘พูดให้ใครฟังดี เป็นเธอจะได้หรือเปล่า’



“อื้อ...ฟังอยู่”



‘หากว่าเธอยินดีรับไป ใจฉันคงไม่เงียบเหงา

พร้อมจะบอกรักไปเบาเบา...ถ้าเธอเต็มใจให้ฉันใช้มันกับเธอ’

 





*****







จนป่านนี้ก็ยังนั่งมองเม็ดฝนที่โปรยลงมา ฝนไม่ได้ตกแรงเหมือนช่วงค่ำแล้วแต่เบาลงและอากาศก็น่านอนเอามากๆ แต่ก็นอนไม่ได้...นอนไม่หลับหรอกถ้าไฟยังเปิดอยู่ แสงไฟแยงตาแน่นอน : (



แต่ถึงแม้ว่าจะอ้าปากหาววอดเป็นสิบๆ ครั้ง คนตัวสูงที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะคอมตัวเล็กๆ ตั้งแต่แรกก็ยังทำเฉย ฟองฟางหาวจนน้ำตาไหลจมูกแดงก่ำ หาวเสียงดังจนหยิบตุ๊กตามาอุดปากไว้แทบไม่ทันครามสมุทรก็ยังนั่งหลังตรงตั้งใจทำการบ้านอยู่ดี



ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของแผ่นหลังกว้างๆ เป็นพวกเดียวกับมัทหรือเปล่า พวกที่เรียนเก่งแต่ไม่ชอบทำการบ้าน ดองเข็มไว้ให้มันจวนตัวแล้วค่อยทำตามหลัง



คงไม่หรอกมั้ง ครั้งหนึ่งฟองฟางยังเคยลอกการบ้าน HUM120 ของครามอยู่เลย



“การบ้านเยอะเหรอ”



“วิทย์วิชาเดียว”



“ยากเหรอคราม ให้ช่วยมั้ย”



“ไม่ ทำเสร็จแล้ว”



“อ่า”



“กำลังนั่งทบทวนอยู่”



คนตัวสูงที่นั่งหันหลังให้ตั้งแต่เริ่มทำการบ้านหันมามองฟองฟางที่นั่งจุมปุ๊กกอดผ้าห่มผืนนุ่มๆ แนบอก ตากลมๆ แดงก่ำเหมือนกับริมฝีปากอวบอิ่ม ครามสมุทรหรี่ตาเล็กน้อย ปิดหนังสือที่เปิดอ่านอยู่แล้วขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้



“ทำไมไม่บอกว่าง่วง”



“ครามนั่นแหละ นอนดึกเกิ๊น”



เป็นจังหวะเดียวกันกับครามสมุทรที่ขอค้างบ้านฟองฟางเพราะขับรถกลับไม่ไหวกำลังล้มตัวลงบนที่นอนเตียงเดียวกัน ท่อนแขนแกร่งสอดท้ายทอยบนหมอนนุ่ม ท่าทางสบายๆ ของเขาทำเอาฟองฟางเผลอแจกยิ้มจางๆ ตรงมุมปาก



“เตียงนุ่มดี”



“ไม่นุ่มเท่าเตียงครามหรอก ใหญ่กว่าด้วย”



“อือ แต่ชอบเล็กๆ อบอุ่นมากกว่า”



“งั้นแลกกันมั้ย เราขอเตียงคราม แล้วครามก็เอาเตียงเราไปนอนดีป่ะ”



ล้อเล่นนะ



“เอาสิ”



“เฮ้ย! ล้อเล่นๆ”



เลิกคุยกับอีกคนเพราะตัวเองง่วงนอนเต็มทีแล้ว ฟองฟางขยับตัวลงจากเตียงเพื่อไปปิดไฟในห้อง พอทุกอย่างมืดจนไม่เห็นอะไรฟองฟางเลยต้องค่อยๆ คลำทางเดินกลับขึ้นเตียงเหมือนเดิม



แต่ล้มตัวนอนไม่ทันไรผิวเนื้อของพวกเขาก็เฉียดกันแผ่วเบา ฟองฟางรีบชักแขนวางไว้บนหน้าท้องพลางเหลือบตามองอีกคนในความมืดด้วยท่าทางตื่นๆ ปนตกใจ



ถึงจะไม่เห็นอะไร แต่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของครามสมุทร กลิ่นหอมๆ ของเขา...



“โทษทีนะ เตียงเรามันเล็กไปจริงๆ”



“ไม่เป็นไร”



“ถ้าอึดอัดบอกเลยนะ”



“อือ”



“...”



“เกร็งทำไม”



“เรากลัวครามอึดอัด”



ฟองฟางได้ยินเสียงยวบยาบอยู่ใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีลมหายใจอุ่นๆ ของใครคนหนึ่งก็รดอยู่ตรงขมับของฟองฟาง คนที่เกร็งอยู่แล้วเกร็งมากขึ้นไปอีกเมื่อถูกรั้งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของครามสมุทร และในวินาทีนั้นฟองฟางก็สัมผัสได้ว่าการได้ตกอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคนมันโคตรจะอุ่นมากเลยจริงๆ



อุ่นไปทั้งใจเลย



คนตัวขาวกัดปากแน่น ยกมือลูบอกซ้ายปลอบให้หัวใจดวงน้อยๆ ไม่เต้นแรง



“...กอดเราทำไม”



“ผ้าห่มผืนเล็ก”



เพราะว่าใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันและครามสมุทรก็ตัวใหญ่กว่าฟองฟาง ผ้าห่มที่ผืนนี้เลยไม่พอดีสำหรับคนสองคน



แต่มันก็...ไม่เห็นต้องกอดเลยนี่นา



“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”



“เกี่ยว”



“...คราม”



“ตอนนั้นก็นอนกอดกันทุกคืน”



“บะ...บ้า” ไม่จริงหรอก



ฟองฟางเลิ่กลั่กในความมืด ตัวเองที่ถูกล็อกอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ ของครามสมุทร ไม่รู้จะหันซ้ายหรือหันขวาดี ยิ่งเขาพูดแบบนั้นด้วยแล้ว...บอกเลยว่าฟองฟางจะแย่แล้ว



ใจสั่นจะแย่...



“ฟองนอนดิ้น” ครามสมุทรหัวเราะเบาๆ แต่ฟองฟางกลับได้ยินเต็มสองหู เสียงทุ้มๆ ของเขามีเสน่ห์จนฟองฟางใจพองไปหมดแล้ว



“เหรอ”



“เลยต้องกอดไว้”



“ถามจริงๆ นะ”



“ตอบจริง”



ครามสมุทรไม่เคยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงสักอย่างหรอก



ไม่เคยโกหก จริงใจกับเพื่อนเสมอ



จริงใจจนครามสมุทรเป็นต้นเหตุให้ฟองฟางเกือบนอนไม่หลับไปทั้งคืนเลย







*****





 

บ่ายวันเสาร์กับลมที่พัดแรงเพราะพายุเข้าทำให้ครามสมุทรต้องวิ่งช่วยพี่สาที่เป็นแม่บ้านเก็บผ้าที่ตากอยู่หลังบ้านกันวุ่นวาย แต่โชคดีที่ครามสมุทรขายาววิ่งเร็วเลยสามารถเก็บผ้าได้หมดภายในเวลารวดเร็ว



“ขอบคุณค่ะน้องคราม นี่ถ้าน้องครามไม่อยู่พี่วิ่งสี่ห้ารอบก็ยังเก็บไม่หมดแน่ๆ เลยค่ะ”



“ไม่เป็นไรครับพี่สา”



ครามสมุทรไม่ถือตัวถึงแม้ว่าพี่สาจะเป็นแม่บ้านทำความสะอาดประจำบ้านเขา แถมยังคุยกันแบบสนิทสนมเพราะพี่สาทำงานกับที่บ้านตั้งแต่เขายังเรียนไม่จบม.ปลาย พอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวคุณแม่ก็ส่งพี่สามาดูแลความสะอาดภายในบ้าน



“เอ้อ น้องครามคะ พี่เจอบัตรนักศึกษาตกอยู่ใต้โซฟา น่าจะเป็นของเพื่อนน้องครามหรือเปล่าเอ่ย”



ครามสมุทรที่กำลังจะเดินกลับเข้าบ้านชะงักเล็กน้อย หันมองบัตรนักศึกษาที่มีรูปของใครบางคนติดอยู่ และรูปถ่ายติดบัตรกับชื่อบนบัตรนั่นแหละที่ทำให้ครามสมุทรยกยิ้มมุมปาก



ภคภัทร สุวรรณภรณ์



“ขอบคุณครับพี่สา”



รับบัตรนักศึกษาของใครอีกคนไว้ในมือแล้วเดินอมยิ้มเข้าบ้าน ไล่หลังไม่นานฝนก็เทลงมาจากท้องฟ้า ครามสมุทรสาวเท้าเดินขึ้นบันไดทีละสองขั้นเพราะช่วงขายาว เขาเปิดประตูห้องก้าวฉับๆ แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ปลายเตียง คว้าโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาเพื่อถ่ายรูปบัตรนักศึกษาของใครคนนั้น



คนในภาพดูดีแม้ว่าจะถ่ายหน้าตรงก็ตาม ริมฝีรูปปากกระจับบางๆ แต่ดูเอิบอิ่มเกือบเป็นเส้นตรงเพราะพยายามยิ้ม ครามสมุทรเดาว่าตอนถ่ายรูปทำบัตรนักศึกษารุ่นพี่ที่ทำงานตรงนั้นคงบอกให้คนในรูปยิ้มหน่อยๆ เพื่อรูปจะได้ออกมาไม่ดูแย่



แล้วมันก็ไม่แย่จริงๆ นั่นแหละ...แต่น่าเอ็นดูมากๆ



 เหมือนรูปที่มีชีวิตเพราะดวงตากลมโตคู่นั้นฉ่ำน้ำ ตาหวานรับกับแพขนตาหนาทำให้ครามสมุทรหยุดมองไม่ได้ ไหนจะเส้นผมสีน้ำตาลปรกหน้าผากและคลอเคลียกรอบหน้า เจ้าตัวจะรู้มั้ยว่าเป็นองค์ประกอบที่ลงตัวมากแค่ไหน



 

.ff: มีใครเห็นบัตรนักศึกษาของผมมั้ยครับ ชื่อนาย ภคภัทร สุวรรณภรณ์ ครับ

     ผมจำไม่ได้ว่าหายตอนไหนที่ไหน วันจันทร์นี้ต้องเข้าหอสมุดด้วยอ่า

.ff: ขอโทษคราม พอดีพิมพ์ไว้แล้วส่งต่อรวดเดียวเลย

.ff: (ส่งสติ๊กเกอร์หมีคุกเข่ายกมือไหว้)



 

ครามสมุทรเอนหลังพิงโซฟา มือซ้ายถือบัตรนักศึกษา ส่วนมือขวาก็ถือโทรศัพท์ไว้ ตาคมๆ จ้องรูปโปรไฟล์ของฟองฟางที่เปลี่ยนใหม่ เป็นรูปที่เห็นแค่แผ่นหลังบางๆ ของฟองฟางกับทะเลในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน



ฟองฟางที่หันหลังให้กล้องแต่หันหน้าหาทะเล เขาไม่รู้เลยว่าใบหน้าหวานๆ นั้นมีรอยยิ้มอยู่ด้วยมั้ย



 

Kram: นี่มั้ย

Kram: (Send a photo)

.ff: เฮ้ยยยย

.ff: ใช่เลย

.ff: โหยโล่งอ่ะ สรุปอยู่กับคราม

.ff: ครามเก็บได้ใช่มั้ย

Kram: เปล่า พี่สาเก็บ

.ff: ฝากขอบคุณพี่สาด้วยยย น้ำตาไหลแล้ว

Kram: รู้จักพี่สา?

.ff: ไม่รู้อ่า แต่ฝากขอบคุณด้วยนะ ._.

 



แล้วก็ตามด้วยสติ๊กเกอร์แปลกๆ ที่ครามสมุทรไม่เคยเห็น เขาไม่ค่อยสนใจกับการหาสติ๊กเกอร์มาส่งให้เพื่อน มีอะไรใช้อย่างนั้น...ไม่สิ ครามสมุทรไม่ใช้เลยต่างหาก เขาไม่เคยส่งสติ๊กเกอร์ให้ใครสักคน



ถึงแม้ว่าเพื่อนของเขามักจะส่งสติ๊กเกอร์ตลกๆ อะไรทำนองนั้นประกอบการแชตบ่อยๆ แต่สาบานได้เลยว่าสีหน้าของครามสมุทรก็ยังนิ่งเฉย ต่างจากตอนนี้ที่มุมปากของครามสมุทรมีรอยยิ้มจางๆ



เพราะใครคนนั้น



 

.ff: จันทร์นี้ครามเรียนกี่โมง เราจะไปหอสมุดตอนแปดโมงเป๊ะๆ เลยอ่ะ

.ff: หรือว่าเย็นนี้เจอกันที่ห้างดี? เราจะไปซื้อของกับคุณนายเขา



 

คุณนายของฟองฟางก็คือคุณแม่นั่นแหละ ครามสมุทรเหลือบมองกล่องมะขามหวานที่วางอยู่ข้างๆ ทีวี ได้มาเพิ่มเพราะท่านซื้อมาเยอะ แล้วมันก็เป็นผลไม้ของชอบของครามสมุทรด้วย



 

.ff: แต่ฝนยังตกอยู่เลยอ่ะ ไม่เป็นไรๆ

.ff: วันจันทร์ก็ได้ ครามก็มาตามที่มีเรียนเลยนะ เราจะรอ



 

ตาคมไล่อ่านแชตอีกคนที่พูดเองเออเองไปซะทุกเรื่องสลับกับมองรูปโปรไฟล์ที่เจ้าตัวเปลี่ยนใหม่ ปลายนิ้วชี้สัมผัสตรงรูปนั้นเพื่อดูภาพเต็มๆ มุมปากที่ประดับรอยยิ้มจางๆ อยู่แล้วยิ่งเพิ่มรอยยิ้มตรงนั้นมากขึ้นไปอีก



 

Kram: ฟอง

Kram: ทะเลในโปรไฟล์ที่ไหน

Kram: สวยดี

.ff: ทะเลที่เกาะๆ หนึ่งของประเทศไทย

Kram: ตอบกว้างมาก

.ff: แหะ

Kram: เกาะที่ไหน

.ff: ที่ภาคใต้

Kram: บอกให้ครบๆ หน่อย

.ff: ไม่บอกเดี๋ยวรู้

Kram: ฟองฟาง

.ff: ครามสมุทร

 



เขายิ้ม...

 



Kram: อือ ก็แค่นี้

.ff: เฮ้ยๆ แค่นี้อะไร เราแค่เรียกชื่อครามต่างหาก

.ff: ไม่ได้บอกชื่อเกาะสักหน่อย .__.

Kram: ฟองฟาง

.ff: แหนะ

Kram: ทะเลของครามสวยดีมั้ย

.ff: ครามไหนอ่า ครามที่คุยกับเราหรือครามที่เป็นเกาะ

Kram: ยังไงก็ได้

.ff: แหนะ

Kram: ฟองฟาง

.ff: ตอบแล้วๆ ไม่ต้องเรียกบ่อย 5555

.ff: ทะเลที่เกาะครามสมุทรอ่ะสวยมาก

.ff: แต่ทะเลของครามสมุทรที่เป็นคนเนี่ย...ต้องตอบยังไงดี

Kram: ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ

.ff: อื้อ ดีนะ

Kram: แล้วชอบมั้ย

.ff: อันนี้ขอยังไม่ตอบได้มั้ย 555555

 



ยิ้มมากกว่าเดิม

 



Kram: ฟองฟาง

.ff: เฮ้ยยยย เรียกบ่อยจัง กลัวแล้วเนี่ย

Kram: งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ไปเอาคำตอบ



 

ยิ้มเพราะใครคนนั้น...

คนเดียวกันที่หันหน้าและมองแต่ครามสมุทรคนเดียว

 

 

 





#ฟองฟางครามสมุทร







ทะเลของเกาะครามสมุทร กับ หัวใจของครามสมุทร

อันไหนสวยกว่ากันคะ :)



หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-01-2019 22:33:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-01-2019 23:21:57
 :hao7:   :hao7:    :hao7:  บุกเลยค่ะน้องครามมมมม  :hao7:  :hao7:   :hao7:   แต่ระวังน้องฟองหัวใจวายนะค่ะ   :hao3:   :hao3:   :hao3:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 10-01-2019 23:59:45
โอย...ตายยยย
ตายด้วยคำนี้...หันหน้ามองแต่ครามสมุทร ><
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-01-2019 01:02:08
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 11-01-2019 21:35:02
อ่านไปยิ้มไปกับความน่ารักของครามฟอง
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-01-2019 00:45:03
ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-01-2019 02:02:59
น่ารัก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 07 - up 10.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 12-01-2019 19:41:25
 :กอด1: :3123: :L1:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 08 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 16-01-2019 20:09:39
08



ไม่ชอบความสับสน

แต่ก็อยู่กับมันมาตลอด

 



Song: ได้ข่าวว่าตามหาบัตรนักศึกษาเหรอไอ้น้อง

Song: ตอนนี้หาเจอยัง

.ff: หาเจอแล้วครับพี่ซอง ใจหายเลยตอนหาไม่เจอ

Song: เออๆ ดีละ ไปทำใหม่มันเสียเงินเยอะอยู่

Song: แถมให้เดินไปทำเรื่องที่นู่นที่นี่อีก ฉิบหาย ทำอย่างกับมหา’ลัยเราเล็กๆ งั้นแหละ

.ff: พูดงี้แสดงว่าพี่ซองเคยทำหายใช่มั้ยครับ

Song: ตอนอยู่ปีหนึ่งประจำอ่ะ เมาเละพี่ก็จำอะไรไม่ได้แล้วครับน้อง

.ff: 55555 บทเรียนครับพี่

 

“ไอ้ฟอง มึงรีบจดงานดิ ไม่ทันเดี๋ยวมางอแงใส่กูอีก” แยมสะกิดแขนฟองฟางที่นั่งก้มหน้ากดมือถือยิกๆ เสียงของอาจารย์ที่พูดออกไมค์ไม่ได้อยู่ในหัวคนตัวขาวแล้ว



ฟองฟางเงยหน้ามองไปตรงโปรเจ็กเตอร์อย่างเลิ่กลั่ก รีบพิมพ์ข้อความบอกพี่รหัสว่าขอตัวเรียนต่อก่อนไม่อย่างนั้นพี่ซองคงชวนคุยไปถึงไหนต่อไหน ตอนนี้เขาเรียนวิชา HUM120 ในหอประชุมที่เดิม...เป็นวิชาง่ายๆ แต่ต้องจดเยอะหน่อย เรียนไม่ถึงปีฟองฟางก็ใช้สมุดหมดไปตั้งหนึ่งเล่มแล้ว



“กูได้ยินมาว่าเมื่อปีที่แล้ววิชานี้จะต้องออกค่ายอาสาทุกปีเว้ย แต่เมื่อปีที่แล้วมีรุ่นพี่ที่ไปออกค่ายจมน้ำตาย เขาเลยยกเลิกแล้วให้ทำกิจกรรมในมอแทน”



“มึงรู้ได้ไงวะเต้”



ฟองฟางผงกหัวหงึกๆ เห็นด้วยกับคำถามของมัทที่นั่งอยู่ข้างหน้า มือก็จดยิกๆ ตาก็มองแต่โปรเจ็กเตอร์ หูก็ฟังเพื่อนอีกสามคนที่นั่งเม้าส์มอยอยู่



“พี่ซองบอก พี่ที่ตายอ่ะกรุ๊ปพี่กูพอดี”



“งี้พวกพี่เขาไม่หลอนตายเลยเหรอวะ”



“ก็มีหลอนอ่ะ ช่วงแรกๆ พี่กูบอกว่าแม่งเข้าฝันเพื่อนทุกคนเลย พี่กูยังโดน”



ฟองฟางขมวดคิ้วแน่น ทำเป็นไม่ได้เสียงของแยม เตเต้ และมัทที่คุยเรื่องนี้กันอย่างออกรส ก็แน่แหละ มัทน่ะตัวดีชอบเรื่องลี้ลับเอามากๆ ส่วนแยมที่สนิทและคุยง่ายกับทุกคนใครเล่าอะไรมาก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ รายนั้นไม่กลัวผีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งต่างจากฟองฟางมากที่นั่งขนลุกซู่



“เขามาในสภาพที่แบบปกตินะมึง แต่พี่กูอ่ะฝันเห็นตอนเขาจมน้ำ ตอนนั้นพี่กูจะลืมตาละ แต่เหมือนโดนผีอำมันเลยลืมตามไม่ได้” เตเต้เล่าต่อเพราะมัทกับแยมทำหน้าทำตาสนใจเรื่องนี้มากๆ ยังมีเพื่อนที่นั่งหน้าสองคนนี้หันมาฟังอีกด้วย



“ไอ้ฟอง มึงขนลุกทำไมวะ” แยมที่นั่งข้างกันหันมาถามพลางเหลือบตามองขนแขนของฟองฟาง



“หนาวอ่ะ”



“หนาวหรือกลัวผี เล่าเรื่องผีทีไรมึงขนลุกทุกที”



“รู้แล้วจะถามทำไมอ่ะแยม”



“ไอ้ฟองกลัวผีเหรอวะ” เตเต้หันขวับ ส่งเสียงถามแล้วใช้สายตากวนๆ มองมาเหมือนจะแกล้ง



“เออ มันหลอนตอนไปเข้าค่ายธรรมะ ตอนนั้นอยู่ม.สี่มั้ง โดนกูกับไอ้มัทแกล้งจนร้องไห้เลย”



“นิสัยไม่ดีอ่ะสองคนนี้” มองค้อนแยมพร้อมกับใช้กำปั้นทุบหลังมัทที่นั่งอยู่ข้างหน้า



ฟองฟางยังจำได้ดี...ลืมไม่ลงเลยว่าแยมกับมัทรวมหัวกับเพื่อนคนอื่นๆ สมัยเรียนม.ปลายแกล้งด้วยการขังฟองฟางไว้ในห้องน้ำ แล้วก็หลอกผีอีกสารพัด คนขี้กลัวอย่างเขาก็ตัวสั่นจนทนไม่ไหว สุดท้ายเลยร้องไห้โฮ



โคตรจะอายเลย



ปล่อยให้พวกนั้นเผาเรื่องของฟองฟางอย่างสนุกต่อไป ส่วนเจ้าตัวที่โดนหยิบเรื่องเก่าๆ ไปพูดก็นั่งยู่ปากก้มๆ เงยๆ ระหว่างโปรเจ็กเตอร์กับสมุดที่วางอยู่บนตัก



“เอาไปลอกมั้ย”



“ครามจดเสร็จแล้วเหรอ”



“อือ”



“อ่ะ ไอ้สัด กูยังจดไม่เสร็จไม่ให้กูลอกบ้างล่ะ”



ฟองฟางหันไปยิ้มให้กับช็อปที่ดูท่าจะน้อยใจเอามากๆ ครามสมุทรกับช็อปนั่งอยู่ข้างหลังเขา ครามสมุทรนั่งอยู่ในแถวเดียวกับแยมซึ่งอยู่ซ้ายมือของฟองฟาง ส่วนช็อปนั่งแถวเดียวกันกับฟองฟางนี่แหละ พวกเขานั่งเป็นแถวตอนลึกอยู่ในห้องประชุมห้องนี้



“เดี๋ยวเราถ่ายรูปไว้ ช็อปจะได้เอาสมุดของครามไปลอก”



“มันจดเสร็จนานแล้ว” ครามสมุทรบอกเสียงเรียบ ส่วนฟองฟางก็ได้แต่ผงกหัวหงึกๆ ไปอย่างนั้น



“ไอ้เหี้ยข้างหน้า คุยอะไรกันขอเสือกบ้างดิ” ช็อปยื่นหน้าเข้ามาจนฟองฟางต้องเอียงตัวหลบ คนตัวขาวเม้มปากเบาๆ เหลือบตามองช็อปที่ขยับเข้ามาใกล้จนอกกว้างๆ ชิดหลังฟองฟาง



“ช็อป...ขี่เราเลยมั้ย”



“ให้ขี่เหรอ”



“ประชดอ่ะ”



“ถ้าจะคุยก็สลับที่ ฟองจะจดงาน” แล้วก็เป็นเสียงของครามสมุทรที่แทรกเข้ามา



 “อะไรของมึงวะคราม อยากนั่งกับฟองก็พูดตรงๆ ดิ” ช็อปแซวครามสมุทรที่นั่งนิ่งไม่ตอบโต้อะไร อีกฝ่ายแค่ใช้สายตามองหน้ากวนๆ ของเพื่อนคนนี้



“ไอ้ฟอง มึงสลับที่กับมันดิวะ นั่งแบบนี้เบียดกูฉิบหาย”



“เออๆ”



สุดท้ายแล้วก็ต้องขยับตัวเปลี่ยนที่กับช็อป ฟองฟางหอบกระเป๋าเป้ของตัวเองวางไว้บนตักหลังจากที่จัดแจงกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย...พอได้นั่งข้างๆ ครามสมุทรแบบนี้ ฟองฟางดูตัวกระเปี๊ยกทันทีเลย



คนตัวขาวเป่าลมออกปากเบาๆ ก้มหน้ามองสมุดของครามสมุด ก่อนจะหลุดยิ้มเมื่อเห็นลายมือสวยๆ ของอีกฝ่ายในสมุดเล่มนี้



“ลายมือครามสวยมาก” พูดด้วยโทนเสียงปกติไม่ได้ดังจนเกินไป เอียงหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่ตัวเองชอบแอบมองจากระยะไกลมาตลอด



“ก็ปกติ”



“แบบนี้ปกติเหรอ”



“ช็อปเขียนสวยกว่าอีก”



“โห” ชะโงกหน้ามองสมุดของช็อปแล้วก็ร้องออกมาเบาๆ อือ สวยจริงอย่างที่พูดนั่นแหละ อย่างกับคัดลายมือทั้งๆ ที่เขียนปกติ



“เอาแต่มองอย่างอื่นเมื่อไหร่จะจดเสร็จ”



“อย่าดุสิ จดต่อแล้วๆ”



ฟองฟางอยากขอบคุณตัวเองทุกครั้งที่สามารถทำตัวปกติต่อหน้าครามสมุทรได้โดยไม่หลุดท่าทางแปลกๆ ออกมาอยากขอบคุณตัวเองที่เก็บอาการอยู่...ไม่แสดงออกว่าชอบอีกฝ่ายมากทั้งที่ครามสมุทรรู้อยู่แล้ว



“เอ้อ ถามจริงนะ เมื่อวันเสาร์ที่ไปห้าง...ครามคุยอะไรกับแม่เรา”



อาศัยจังหวะที่พวกข้างหน้าหัวเราะกันเสียงดังถามเรื่องเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ครามสมุดเอาบัตรนักศึกษาไปคืนฟองฟาง พอคุณแม่รู้ว่าลูกชายชอบทำนู่นนี่นั่นหายบ่อยๆ ก็โดนดุจนหน้าจ๋อย...แต่พอคุยกับครามสมุทรเนี่ยเสียงใสแจ๋วเชียว แถมยังชวนอีกฝ่ายไปนั่งกินข้าวด้วยกันอีกต่างหาก



“เรื่อยเปื่อย”



“อ่อ...”



“ศุกร์นี้ว่างมั้ย”



“เย็นๆ ก็ว่างอยู่แล้ว...ครามมีอะไรให้ช่วยเหรอ” ฟองฟางส่งยิ้มให้ครามสมุทร รอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรก็ถูกแทรกซะก่อน



“ศุกร์นี้วันเกิดมัน แม่ไอ้ครามเตรียมจัดงานเลี้ยงให้อ่ะ” ช็อปหันมาตอบแทนครามสมุทร



“อ๋อ งี้ที่คุณแม่โทรมาตามกลับบ้านก็เพราะงานวันเกิดครามใช่มั้ย”



“เจ๋งเป้ง” ช็อปยกนิ้วโป้งให้ก่อนหันกลับไปคุยกับมัทและเตเต้ต่อเหมือนเดิม



ฟองฟางเอียงคอมองคนตัวโตที่เหมือนจะรำคาญเพื่อนตัวเองเพราะชอบแย่งพูด มือขาวๆ ที่ถือปากกาอยู่ออกแรงกำแน่น บีบๆ คลายๆ สลับกันไปอยู่อย่างนั้นกว่าจะเปล่งคำธรรมดาๆ ที่แสนจะยากเย็นออกมาได้



“สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะคราม ขอให้...”



“ไปด้วยกันมั้ย”



“ไปไหน”



“งานวันเกิดที่ภูเก็ต”



“เฮ้ย จะดีเหรอ เรา...”



“แม่อยากเจอฟอง”



“คุณแม่ครามอ่ะนะ”



“อือ”



“...”



“แม่บอกว่าอยากเจอคนที่คุยด้วยวันนั้น”



“...”



“ที่เสียงนุ่มๆ น่ารัก”



“...”



ฟองฟางกลอกตาวนไปมาระงับอาการร้อนผ่าว ก้มหน้ามองสลับระหว่างสมุดของฟองฟางกับสมุดของครามสมุทรสลับกันไปมา...ไอ้คำว่าน่ารักจากปากครามสมุทรเนี่ยแหละคือต้นเหตุที่ทำให้ฟองฟางพูดไม่ออกทำตัวไม่ถูก



“คุณแม่ครามบอกแบบนั้นเหรอ”



“อือ”



“โหย ฮ่าๆ” ยกหลังมือถูปลายจมูกแก้อาการเขิน



ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยหัวเราะแห้งๆ กลับไป บอกตามตรงว่าฟองฟางโคตรจะช็อกกับคำๆ นั้นจริงๆ คนพูดอาจไม่คิดอะไรเพราะพูดในสิ่งที่ได้ยินจากคุณแม่มาอีกที แต่คนฟังเนี่ย...ใจฟูไปหมดแล้ว



“คิดดูก่อนก็ได้ แล้วค่อยบอกอีกที” ครามสมุทรบอกแบบนั้นแล้วพวกข้างหน้าที่คาดว่าจะได้ยินก็หันมาจ้องเขม็ง



“ไปไหนกันวะ” แยมเป็นคนเริ่มเปิดเรื่องก่อน



“วันเกิดครามอ่ะ คุณแม่ครามชวน”



“อะไรคือชวนฟองก่อนแต่ไม่ชวนกูวะ นี่กูรู้จักกับมึงมากี่ปีแล้วไอ้คราม” ช็อปที่สนิทสุดๆ ยังไม่ได้รับคำชวนแบบฟองฟางเลย



แต่ก็จริงนั่นแหละ...ทำไมครามสมุทรไม่เอ่ยปากชวนช็อปก่อน นี่เขาคิดว่าครามสมุทรชวนเพื่อนสนิทแล้วนะนั่น



“รู้อยู่แล้วจะชวนทำไม” ครามสมุทรตอบเสียงเรียบพอเห็นสายตาจับผิดของเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเลยพูดต่อ “เย็นวันศุกร์นี้ที่ภูเก็ต ใครไปได้บ้าง”



“นี่คือมึงชวนคนอื่นเหรอวะ” ช็อปหัวเราะกลั้ว ก็เพื่อนสนิทเขาดันชวนแบบหน้านิ่งๆ ไม่รู้ว่าเต็มใจให้ไปหรือเปล่า แต่เตเต้ กับแยมพยักหน้ารัวคอนเฟิร์มกับครามสมุทรว่าไปแน่



เจ้าของงานวันเกิดก็พยักหน้ารับเบาๆ



“ไอ้มัท มึงไปเปล่าเนี่ย” แยมพเยิดหน้าถามมัทที่นั่งอมยิ้ม



“ถ้าฟองไปกูก็ไป”



“ตัวติดกันอย่างผัวเมีย”



“กูก็ติดฟองแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรละ”



เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหละ แยมรู้ดีที่สุดว่ามัทชอบไปไหนมาไหนกับฟองฟางเสมอ ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนที่คุยอะไรกันได้เยอะแยะ สนิทกันมากๆ เลยรู้ใจกันไปหมดทุกอย่าง



“ยังไงบอกด้วยแล้วกัน จะได้จองตั๋วเครื่องบินไว้” ครามสมุทรบอกแบบนั้นแล้วก็เบนสายตามองจอโปรเจ็กเตอร์ที่เปลี่ยนรูปภาพไปตามเรื่องที่อาจารย์กำลังบรรยาย



ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า...เหมือนว่าฟองฟางจะสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่างจากน้ำเสียงของเขา สีหน้านิ่งๆ สรุปไม่ได้หรอกว่าครามสมุทรกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เสียงที่เขาเปล่งออกมาเมื่อกี้...มันแข็งทื่อผิดปกติ



“ฟรีใช่มั้ยวะ” เตเต้ถามครามสมุทร แต่คนถูกถามไม่สนใจจะตอบเท่าไหร่ ช็อปเลยทำหน้าที่นั้นแทน



“กูตอบแทน ฟรีหมดตั้งแต่ตั๋วไปกลับ พอถึงภูเก็ตแล้วจะมีรถหรูๆ มารับไปพักที่บ้านมัน แต่ถ้ามึงอยากนอนรีสอร์ตรับลมทะเลก็ได้ แต่ต้องนั่งเรือข้ามเกาะไปนะเว้ย...พ่อกับแม่มันให้พักฟรีไม่เสียตัง มึงเก็บแค่เสื้อผ้าไปก็พอ เงินไม่ต้องเอาไปหรอก กูรับรองว่ากินอิ่มนอนหลับทุกมื้อ”



“ว้าว...บ้านไอ้ครามมีรีสอร์ตเหรอวะ” เตเต้เนี่ยดูท่าจะตื่นเต้นที่สุดแล้ว



“เออ มีรีสอร์ตแล้วเกาะ เกาะครามสมุทรอ่ะ มึงรู้จักป่ะ” ช็อปก็ทำหน้าที่ตอบแทนครามสมุทรทุกคำถาม



ส่วนมัทกับแยมก็นิ่งๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าที่บ้านครามสมุทรทำธุรกิจอะไร เพราะตอนนั้นที่ฟองฟางบอกกับสองคนนี้ว่าชอบครามสมุทรมากๆ แยมก็รีบสวมร่างนักสืบหาประวัติครามสมุทรให้ทันที



 “จริงอ่อวะ โห...แม่งโครตรวย”



 “ไอ้ฟอง มึงชักช้าจริง บอกครามไปดิว่าจะไปหรือไม่ไป” แยมขมวดคิ้วดุฟองฟาง รายนั้นก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ชอบอะไรชักช้า ถ้าไม่ทันใจแยมเมื่อไหร่จะโดนด่าทันที



“ขอกลับถามแม่ก่อนได้เปล่า เผื่อแม่จะหนีไปเที่ยวไหนอีกอ่ะ...เดี๋ยวไม่มีคนเฝ้าบ้าน”



“แหม ทำอย่างกับที่ผ่านมามึงเฝ้าบ้านอย่างนั้นแหละ” แยมแขวะพร้อมกับหัวเราะก๊าก ส่งสายตามาล้อเลียนฟองฟางที่นั่งหน้าเหวอ



“หันไปเรียนเลยแยม ไม่อยากได้ยินเสียงแล้ว”



“อ่ะจ้าๆ”



ดีนะที่พวกนั้นยอมหันหน้ากลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ส่วนฟองฟางก็เลิกสนใจคนข้างหน้าแล้วก้มปั่นงานยิกๆ พอเงยหน้าแล้วเห็นว่าอาจารย์กำลังขึ้นบทเรียนใหม่เลยรีบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเนื้อหาที่ครามสมุทรจดไว้ กำลังจะยื่นสมุดคืนคนที่นั่งข้างๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีแจ้งเตือนข้อความเด้งขึ้น



 

Kram: แม่ย้ำว่าอยากเจอ

.ff: ได้ๆ เย็นนี้ขอไปถามแม่ก่อน เดี๋ยวจะรีบตอบเลย

Kram: ฟองฟาง

.ff: เรียกอีกแล้ว 55555

Kram: อยากให้ไป

.ff: งื้อ._. รับทราบครับผม



 

ครามสมุทรบอกเองว่าอยากให้ไป...เข้าใจมั้ยฟองฟาง







*****





 

เย็นวันนี้ฝนก็ตกเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือลมที่พัดแรงมากๆ จนไม่กล้ากางร่มเดินเข้าบ้าน ฟองฟางที่เพิ่งลงจากบีทีเอสเลยยืนหลบฝนกินไอศกรีมอยู่ในร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน แอร์เย็นๆ ทำให้หนาวอยู่แล้ว พอกินไอศกรีมเข้าไปยิ่งหนาวเข้าไปกันใหญ่



ก็ชอบมากๆ เลยไอศกรีมเนี่ย ต้องกินทุกวันเลยแหละ



ฟองฟางยืนกอดอกมองฝนนอกร้านอยู่พักหนึ่ง นึกได้ว่าต้องกดเงินสดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในวันพรุ่งนี้เลยเดินออกจากร้านทั้งๆ ที่ฝนยังตกอยู่ คนตัวขาวรีบยกมือบังหน้าตอนที่ฝนกระเด็นเข้ามา หันหลังให้สายฝนแล้วยืนสอดบัตรเดบิตเข้าไปในตู้กดเงิน



สัปดาห์นี้เงินเหลือสี่ร้อยบาท ฟองฟางเลยกดตัวเลขเท่าที่มีเงินในบัญชีลงไป กดตกลงเสร็จสรรพแต่สุดท้ายก็ต้องใจแป้วเมื่อตู้หน้าจอขึ้นข้อความว่ากดได้เฉพาะธนบัตรหนึ่งพันบาท



“มาทีไรไม่เคยกดแบงก์ร้อยได้เล้ย” ฟองฟางงึมงำหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว สุดท้ายก็เดินคอตกกลับเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเหมือนเดิม ขยับตัวนั่งบนเก้าอี้สตูลบาร์ตัวสูง หันหน้าออกไปนอกร้านมองดูรถที่สัญจรไปมาท่ามกลางฝนกระหน่ำแรง



ระหว่างที่รอให้ฝนหยุดตกและตัวเองก็ยังกลับเข้าบ้านไม่ได้ ฟองฟางฆ่าเวลาด้วยการหยิบโทรศัพท์มากดเล่นแก้เบื่อ เข้าเฟซบุ๊กเพื่อดูว่าใครทำอะไรที่ไหน มีข่าวสารอะไรบ้าง เลื่อนไปเรื่อยๆ ก็เจอกับเฟซบุ๊กของใครคนหนึ่งที่เด้งขึ้นแนะนำให้กดขอเป็นเพื่อน



 

คนที่คุณอาจจะรู้จัก

Kramsamut Anuwongworawat



 

ฟองฟางส่องเฟซบุ๊กครามสมุทรบ่อยๆ จนระบบขึ้นแนะนำให้แบบนี้ ก็เพราะอยากรู้ว่าชีวิตของอีกคนเป็นยังไงบ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากรูปโปรไฟล์ที่เป็นรูปครามสมุทรยืนก้มหน้าเท่ๆ

 



Kram: ฟอง

 



เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าดังขึ้นพร้อมด้านบนของจอไอโฟนที่เด้งให้เห็นว่าใครส่งข้อความอะไรมาทำเอาฟองฟางหลุดยิ้ม ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร แค่คิดถึงครามสมุทรก็ทักมาทันที มือเรียวขาวรีบกดเข้าไปตอบข้อความเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรอนาน



 

.ff: ว่าไงคราม

Kram: ยังไม่เข้าบ้าน?

.ff: รู้ได้ไง 55555

Kram: เห็นนั่งอยู่ในซุปเปอร์หน้าหมู่บ้าน

.ff: เดี๋ยวๆ ครามเห็นได้ไงอ่ะ

 



ฟองฟางรีบยืดคอมองออกไปนอกร้านผ่านกระจกใส แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามีปอร์เช่คันหรูจอดอยู่ริมฟุตปาธหน้าร้านสะดวกซื้อ จอดต่อท้ายรถเบนซ์สีดำที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน

ฟองฟางไม่อยากคิดไปเองเลยจริงๆ

ไม่อยากคิดว่าที่ครามสมุทรมาจอดรถอยู่ตรงนี้เพราะตามเขามา

แต่ก็...ขอคิดหน่อยเถอะ

 



Kram: กลับบ้านมั้ย

.ff: อื้อๆ เดี๋ยวฝนซาค่อยเดินกลับ

Kram: ฝนตกอยู่ กลับได้เหรอ

.ff: เราพกร่มมาด้วยไง

 



จริงๆ แล้วครามสมุทรชวนฟองฟางกลับบ้านด้วยกันตั้งแต่คาบเรียน HUM120 แล้วแหละ แต่ฟองฟางปฏิเสธเพราะต้องกลับพร้อมแยม...คุณพ่อแยมกำชับให้กลับด้วยกันเพราะกลัวลูกสาวสุดที่รักจะโดนผู้ชายฉุดทั้งที่ท่านไม่รู้เลยว่าลูกสาวคนนี้น่ะจะไปฉุดผู้ชายคนอื่นมากกว่า



ก็เสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้กลับบ้านพร้อมครามสมุทร เลยนั่งหน้าจ๋อยบนบีทีเอสจนโดนแยมด่าว่าเห็นคนที่ชอบสำคัญกว่าเพื่อน



ไม่ใช่แค่ฟองฟางที่จ๋อย ตอนที่ปฏิเสธครามสมุทรไปรายนั้นก็จ๋อยเหมือนกัน แต่จ๋อยแบบนิ่งๆ สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงตอนคุยที่แผ่วลง



Kram: ฟองฟาง



 ใจกระตุกทุกครั้งที่เขาพิมพ์ชื่อฟองฟางมาเต็มๆ แบบนี้



จริงๆ นะ...



 Kram: เดินมาที่รถ

Kram: เดี๋ยวไปส่ง

.ff: หือออ นี่แอบตามเรามาใช่เปล่าเนี่ย 5555

Kram: ไม่ได้แอบ

Kram: ฟองฟาง

.ff: เรียกรอบที่เท่าไหร่แล้ว._.

.ff: เดี๋ยวเราเดินกลับเองดีกว่า

Kram: ฝนตกแรง เดี๋ยวไม่สบาย

.ff: บอกอย่างนี้จะคิดว่าเป็นห่วงแล้วนะ

Kram: อือ

Kram: ก็เป็นห่วง

 

เป็นคำไม่กี่คำจากอีกคนที่ตอบกลับมา และมันก็ทำให้ฟองฟางยิ้มกว้างให้กับรถปอร์เช่ที่จอดอยู่ตรงนั้น



ฟองฟางมีคำถามในใจมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ครามสมุทรมาหาทำไม มาจอดรถตรงนี้ทำไมทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าบ้านของตัวเอง



เป็นคำถามที่ไม่รู้ว่าถามไปแล้วครามสมุทรจะตอบได้มั้ย แต่ก็...

 

.ff: ไม่ได้บังเอิญผ่านมาใช่มั้ยคราม

 

ลองถามดูแล้วกัน เผื่อว่ามันจะคำตอบแบบนั้น...

 

Kram: ไม่บังเอิญ

Kram: ตั้งใจมา

 

ได้คำตอบที่ตรงกับใจ

 











 

#ฟองฟางครามสมุทร

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 08 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 16-01-2019 20:41:51
งื้อ~~~ นี่ก็ใจละลายไปกับการเรียกชื่อฟองฟาง ><

มันแบบ...คิดภาพครามมากระซิบเรียกน้องใกล้ๆ
โอย...ยอมทุกอย่างเลย ^^ เนอะ น้องฟางเนอะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 08 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 16-01-2019 21:30:56
จะกั๊กอยู่ทำไม บอกรักไปเหอะคราม
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 08 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-01-2019 21:46:56
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 09 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 16-01-2019 22:02:58



09



มีแต่หัวใจ ความรู้สึก

และเรา



 

“อย่ามัวแต่เซลฟี่ดิแยม”



“กูเพิ่งมาใต้ครั้งแรกขอหน่อยไม่ได้เหรอวะ”



“เดินอ่ะมองทางด้วย นี่มึงเป็นเพื่อนหรือเมียกูวะแยม กูต้องดูแลตลอดเนี่ย”



มัททะเลาะกับแยมตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ จนตอนนี้อยู่ภูเก็ตแล้วก็ยังไม่วายหยุดทะเลา ฟองฟางหันไปมองสองคนที่เดินช้ากว่าใครเพื่อนเพราะแยมมัวแต่ถ่ายรูปตัวเองกับสนามบิน ส่วนมัทก็ทำหน้าที่ลากกระเป๋าของแยมที่ขนมาตั้งสี่ใบทั้งๆ ที่อยู่แค่สามวันสองคืน



“แล้วของมึงจะเยอะแยะวะ มาค้างคืนไม่กี่วันขนมาอย่างกับจะย้ายบ้าน”



“กูจะเล่นน้ำไง ต้องมีชุดเปลี่ยนเยอะๆ ผู้ชายอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก”



มัทส่ายหน้าแล้วสาวเท้าเดินเร็วๆ ไม่สนใจแล้วว่าแยมจะหยุดเซลฟี่ตรงไหน



ที่ต้องคอยมองคอยดูแลเพราะว่าคุณพ่อของแยมฝากฝังเอาไว้ อ้อ ทริปนี้แยมโกหกคุณพ่อว่ามีผู้หญิงมาเป็นเพื่อน แต่ความเป็นจริงไม่มีเลยสักคน



และความจริงอีกอย่างก็คือ...วันนี้แพลนเดินทางคือช่วงเย็น แต่ทุกคนลงความเห็นว่าไม่อยากเรียนแล้วเพราะเป็นวันศุกร์ เลยพร้อมใจกันโดดเรียนโดยที่ครามสมุทรเองก็เห็นด้วย แพลนเดินทางจึงถูกเลื่อนมาเป็นตอนเช้าแทน



“นู่นๆ รถตู้วีไอพีรับส่งแขกที่จะไปเกาะไอ้คราม” ช็อปชี้ไปตรงรถตู้สีขาวหรูๆ คันหนึ่งที่ไม่มีป้ายบ่งบอกว่าเป็นรถตู้ของโรงแรมหรือรีสอร์ตที่ไหนให้เตเต้ดู คงเป็นเป็นเพราะว่ารถมันหรูที่สุดในสนามบินแล้วล่ะมั้ง หรือบางทีช็อปอาจจะจำหน้าพี่คนขับรถได้เลยมั่นใจว่านั่นต้องเป็นรถโดยสารของเกาะครามสมุทรที่ใช้บริการนั่งท่องเที่ยวที่จะไปพักที่นั่น ฟองฟางเองก็ชะเง้อคอมองตาม แต่ก็ถูกบังโดยช็อปกับเตเต้ที่สูงกว่าอยู่ดี



“บ๊ะ! มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ” เตเต้หันมาถามครามสมุทรที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเหมือนนายแบบ เจ้าตัวที่ถูกถามแค่พยักหน้าหนึ่งครั้งให้



“ไอ้คราม คันนั้นเลยป่ะวะ กูจะได้วิ่งเอาของไปเก็บ”



“อือ”



บอกแบบนั้นแล้วช็อปกับเตเต้ก็รีบวิ่งออกจากอาคารของสนามบินทันที ข้างนอกแดดร้อนเอาเรื่องเลย ฟองฟางไม่ค่อยมีอารมณ์วิ่งไปไหนเลยเดินตามครามสมุทรต้อยๆ



“ร้อนเหรอ”



“เปล่าๆ แอร์เย็นดี”



“แล้วเหงื่อ...”



“เราตื่นเต้นอ่ะ”



“ตื่นเต้น?”



“อื้อ...จะได้เจอแม่ครามไง” คนที่ตื่นเต้นหน้ากับจมูกแดงก่ำ



ฟองฟางยกแขนเสื้อขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผากแล้วยิ้มแหยให้ครามสมุทรที่เดินนำหน้าแค่ก้าวเดิน แต่ไม่ทันไรคนตัวสูงก็ชะลอเท้า รอให้ฟองฟางสาวเท้าเดินมาใกล้ๆ แล้วค่อยเดินไปพร้อมกัน



“แม่ไม่ดุหรอก”



“ฟังจากเสียงก็รู้แล้วหน่า”



“หนักมั้ย เดี๋ยวช่วยถือ” ครามสมุทรมองกระเป๋าเป้ที่ฟองฟางสะพายไว้ข้างหน้าแล้วกอดแน่น คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าจนเส้นผมสีน้ำตาลกระจายฟูฟ่อง ฟองฟางไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังเผลอทำตัวน่ารักๆ ให้คนข้างๆ เห็นซะแล้ว



ก็มันเป็นนิสัยของเขา เวลากำลังจะสนิทกับใคร...ก็จะค่อยๆ เผยมุมแบบนี้ออกมา



“สบายมากๆ”



“น่าจะหนัก”



“โหย ไม่เลย เรายัดผ้าห่มไว้มันเลยดูตุงๆ หนักๆ”



“ผ้าห่ม?”       



“อื้อ ผ้าห่มผืนนี้ขาดไม่ได้”



“อ่อ ผ้าเน่า”



“เฮ้ย ผ้าห่มจริงๆ เดี๋ยวถึงบ้านครามแล้วจะเปิดให้ดูเลยว่ามันไม่ได้เน่า” คนที่พูดทำปากยู่เงยหน้ามองครามสมุทรที่ส่ายหน้าไม่เชื่อ



ไม่พอแค่นั้น ครามสมุทรยังใช้นิ้วชี้อังไว้ตรงจมูกของตัวเอง ขมวดคิ้วเข้มๆ แกล้งฟองฟางให้เหมือนกับว่าแค่พูดถึงผ้าเน่าผืนนั้นกลิ่นตุๆ ก็ลอยออกจากกระเป๋า



เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงรถตู้คันหรู ครามสมุทรชะลอเท้าแล้วพเยิดหน้าเชิงบอกให้ฟองฟางขึ้นรถไปก่อน คนตัวขาวเลยหันไปมองเพื่อนอีกสองคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง พอเห็นว่ามัทกับแยมกำลังจะถึงรถตู้แล้วฟองฟางเลยขึ้นไปหาที่นั่ง



“กูขอนั่งกับพี่คนขับ” มัทวิ่งถึงรถก่อนที่ฟองฟางจะเลือกที่นั่งได้ด้วยซ้ำ



เพราะเป็นรถตู้หรูๆ ที่นั่งได้แค่เจ็ดคน แล้วตอนนี้ช็อปกับเตเต้ก็นั่งครองเบาะที่ใกล้กับประตูที่สุดไปแล้ว เลยเหลือแต่แถวหลังที่ต้องนั่งอัดกันสามคน



“แยม ขึ้นมาก่อนเลย เดี๋ยวกูนั่งกลาง” กวักมือหยอยๆ เรียกเพื่อนที่กำลังขนกระเป๋าใส่ท้ายรถ แยมรีบวางกระเป๋าก่อนจะวิ่งขึ้นรถด้วยความเร็ว ครองที่นั่งริมกระจกขวามือสบายใจเฉิบ



ส่วนครามสมุทรที่ยืนรออยู่ข้างนอกตอนนี้ก็เดินก้มตัวขึ้นมาบนรถแล้ว เหลือที่แค่ตรงกลางกับริมซ้ายสุด แน่นอนว่าฟองฟางคงไม่ปล่อยให้เจ้าบ้านต้องนั่งตรงกลางหรอก เลยจะหันไปบอกให้อีกคนเดินแทรกไปนั่งตรงริมหน้าต่างฝั่งซ้ายมือ แต่ครามสมุทรกลับดันหลังให้ฟองฟางเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นแทน



“ไม่เป็นไรๆ เรานั่งตรงกลางได้”



“นั่งไปเถอะ”



“อ่า...”



ครามสมุทรบอกแบบนั้นแล้วฟองฟางจะทำอะไรได้นอกจากยอมหย่อนสะโพกนั่งลงบนเบาะนุ่มๆ ส่วนคนที่สูงกว่าก็ขยับนั่งลงตรงกลางด้วยท่าทางนิ่งๆ



“ถ้านั่งไม่สบายบอกเราเลยนะคราม”



“อือ”



ครามสมุทรเว้นระยะให้ห่างจากแยมเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง เลือกที่จะขยับตัวมาทางฟองฟางมากกว่า ถึงไม่ได้เบียดจนแน่นแต่ก็บอกได้เลยว่านั่งแบบนี้ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันพอสมควร



“ถ้าเบียดเกินไปก็บอก”



“ไม่เลย เราโอเค”



ฟองฟางกัดปากเพราะอีกฝ่ายโน้มตัวลงมากระซิบถามเบาๆ...คนตัวขาวนั่งกุมมือตัวเองแน่นจนเหงื่อไหลชุ่มฝ่ามือไปหมด



“ครามหิวหรือเปล่า เรามีขนมปังนะ” เพราะเห็นว่าอีกคนยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยอยากแบ่งขนมปังก้อนเล็กๆ กลมๆ ให้ อยู่บนเครื่องก็มีอาหารเสิร์ฟ แต่ครามสมุทรกลับยกให้ช็อปกินหมด



“ไม่หิว ขอบคุณ”



“อยู่ได้ไงเนี่ย ไม่หิวเหรอ”



“รอกินที่บ้าน”



“อ๋อ” ส่งยิ้มบางๆ ให้อีกคน



“นอนมั้ย”



ครามสมุทรเหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ ส่วนฟองฟางก็ยิ้มแหย ส่ายหน้าปฏิเสธแต่กลั้นหาวจนแก้มกลมๆ ขึ้นสีแดง ปลายจมูกที่ดูรั้นกับตาสวยๆ ของฟองฟางก็แดงก่ำเหมือนกัน



“ง่วงก็นอน”



ฟองฟางผงกหัวทำตามที่อีกคนบอก นอนก็ได้ เพราะฟองฟางตื่นเต้นนอนไม่หลับมาทั้งคืนแล้ว



...นอนอยู่คนเดียวในห้องก็คิดไปต่างๆ นาๆ ว่าทำไมคุณแม่ของครามสมุทรถึงอยากเจอ ทำไมครามสมุทรถึงอยากให้ไป...อะไรอีกเยอะแยะเลย



แต่นอนบนรถมันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ฟองฟางยังไม่กล้าเอนศีรษะพิงเบาะเต็มๆ เพราะกลัวว่าจะเจ็บแผลที่เพิ่งตัดไหมออกไปเมื่อไม่กี่วัน ฟองฟางเลยเอนตัวชิดกระจกทางซ้ายมือ คิดว่าจะเอนศีรษะพิงกระจกนั่นแหละ แต่พอรถวิ่งอยู่บนทางขรุขระเขาก็หลับไม่ลงแล้ว



ฟองฟางค่อยๆ หันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ มองไหล่กว้างของคนคนนั้นที่เคยซบมาก่อน ไหล่ของครามสมุทรไม่ได้นุ่มเหมือนหมอนที่บ้าน แต่กลับให้รู้สึกอบอุ่นมากๆ เมื่อได้สัมผัส...



น่าซบอิง น่าหนุนนอน



“อยากซบก็ซบ”



แล้วเขาก็รู้ทันฟองฟางทุกครั้ง



“ได้เหรอ”



“ได้”



ฟองฟางช้อนตามองคนตัวโตกว่าและอมยิ้มให้อีกคนที่ก้มหน้ามองลงมา ตาคมสบกับดวงตาที่ใครก็ชอบบอกว่ามันทั้งสวยและหวานน่ามอง ฟองฟางไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกเหมือนที่คนอื่นๆ บอกกันหรือเปล่า เพราะตัวเองก็มัวแต่ตกอยู่ในหลุมของดวงตาคมที่มักจะนิ่ง...ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา



ตอนนี้มันก็ยังเป็นแบบนั้น



กว่าจะละสายตาได้ก็ตอนที่ครามสมุทรเอื้อมมือหนามาโอบศีรษะด้านซ้ายของฟองฟางไว้แล้วดันให้ซบบนไหล่ของเขา



อะไรบางอย่างบอกกับฟองฟางว่าอย่าเพิ่งหลับตาแม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยแก้มกลมๆ ด้านซ้ายเป็นวงกลมสลับกับเกลี่ยเบาๆ บนเปลือกตา อย่าเพิ่งหลับตาแม้ว่าครามสมุทรจะทำให้หัวใจของฟองฟางเต้นแรงแค่ไหนก็ตาม...



คนตัวขาวกะพริบตาปริบ นั่งบีบมือตัวเองเบาๆ รู้สึกอายจนอยากหนีไปไกลๆ เพราะเมื่อกี้ช็อปหันมามองแล้วยิ้มกริ่มกับแยมสองคน



เพื่อนเห็นหมดแล้ว



แต่ฟองฟางทำอะไรไม่ได้เลย ไม่กล้ายกหัวออกจากไหล่ของครามสมุทรเพราะกลัวว่าจะเสียดายที่ไม่ได้ซบไหล่กว้างๆ อีก



“นอนได้แล้ว” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน และนั่นก็เป็นเหมือนคำสั่งที่ฟองฟางต้องทำตามเดี๋ยวนั้น



“ถึงแล้วปลุกด้วยนะ”



ฟองฟางหลับตาลงช้าๆ



“อือ”



“เราหลับลึก ครามต้องเรียกหลายๆ ครั้ง”



หลับตาทั้งๆ ที่ยังอมยิ้ม ยังพูดกับครามสมุทรอยู่อย่างนั้น



“รู้อยู่แล้ว”



“คราม”



“ครับ”



“ขอบคุณนะ”



“...”



“...”



“อือ นอนเถอะ”



นอนแล้วแหละ...

จะนอนหลับฝันดีเลยด้วย

: )







*****





 

ฟองฟางหรี่ตาเพราะแสงจากพระอาทิตย์แยงตาจนสู้ไม่ไหว คนที่ตัวขาวอยู่แล้วพอโดนแดดจัดๆ ยิ่งดูขาวจัดจนแสบตา วันนี้ฟองฟางใส่แค่เสื้อยืดพอดีตัวแค่ตัวเดียว ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมปกปิดเนื้อแขนขาวๆ เลยทำให้คนมองอย่างแยมต้องหยีตา



“มึงจะขาวบาดตาอะไรขนาดนี้วะ” แยมบอกคนที่อึนๆ มึนๆ เพราะเพิ่งตื่นนอนแล้วต้องรีบลงจากรถ “เข้าไปในร่มเร็วๆ มึง ผิวกูจะไหม้หมดแล้วเนี่ย”



เพราะรถตู้ไม่ได้จอดหน้าบ้านตรงที่แดดส่องไม่ถึงเพราะมีรถเบนซ์หรูอีกคันจอดอยู่ ฟองฟางกับเพื่อนๆ เลยต้องเดินบนถนนเส้นเล็กๆ ภายในรั้วบ้านเพื่อไปยังที่ร่มที่อยู่ข้างหน้า ตามจริงเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว แต่ฟองฟางทั้งร้อนทั้งอยู่ในอาการสะลึมสะลือเลยไม่มีกะจิตกะใจจะเคลื่อนตัวไปไหนด้วยความเร็วได้



“ร้อนจ้าร้อน”



“เอาเสื้อไปคลุมไป” มัทถอดเสื้อคลุมของตัวเองโยนให้แยมเพราะรายนั้นกลัวแดดมากจริงๆ โดนนิดโดนบ่อยก็บ่นไม่จบไม่สิ้น



ฟองฟาง มัท แยม และครามสมุทรรีบเดินเข้าที่ร่มตรงหน้าบ้าน ไม่สิ เรียกว่าบ้านไม่ได้เพราะนี่มันใหญ่กว่าบ้านตั้งเยอะ ควรจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า



“เข้าบ้านก่อน”



ครามสมุทรเดินไปเปิดประตูไม้ของบ้านบานสีขาว พยักหน้าเรียกให้ทุกคนที่ยืนรอตรงรถเบนซ์เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกัน แน่นอนว่าช็อปต้องเดินนำเพราะคนอื่นๆ เพิ่งเคยมาที่นี่ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหน พอช็อปเดินเข้าสู่ตัวบ้าน เตเต้ก็เดินตามไปติดๆ พร้อมพวกเขา



“อย่างสวยเลยว่ะ” เตเต้พึมพำกับช็อป



“อ้าว มาถึงกันแล้วเหรอคะ สวัสดีค่ะน้องคราม สวัสดีค่ะเพื่อนๆ น้องคราม”



ห้าคนที่ยืนอยู่ในบ้านรีบยกมือไหว้พี่ผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงสีขาวผูกผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินที่ดูแล้วเหมือนชุดของสาวใช้แบบในละครหลังข่าว



“แม่กับพ่ออยู่ไหนครับพี่จ๋า” เจ้าของบ้านที่พาเพื่อนมาเยือนถิ่นถามหาคุณแม่กับคุณพ่อก่อนเลย



“คุณผู้ชายไปดูสถานที่จัดปาร์ตี้ที่เกาะคืนนี้ค่ะ ส่วนคุณผู้หญิงเตรียมกับข้าวอยู่ในครัวค่ะ ชิมแล้วชิมอีกกลัวรสชาติไม่ถูกปากเพื่อนน้องคราม”



พี่จ๋าพูดไปยิ้มไป เพราะคุณผู้หญิงของบ้านตื่นเต้นตั้งแต่รู้ว่าลูกชายคนเดียวของตระกูลจะพาเพื่อนจากกรุงเทพฯ มาด้วย ถึงขั้นให้สาวใช้ในบ้านช่วยคิดเมนู งานนี้คุณแม่ของครามสมุทรเลยลงมือทำอาหารต้อนรับเอง โดยมีป้าแม่บ้านคนเก่าแก่อีกคนคอยช่วยอยู่ตลอด



“เดี๋ยวพี่จ๋าไปเรียนคุณผู้หญิงให้นะคะว่าน้องครามกับเพื่อนๆ มาถึงแล้ว” พี่จ๋าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปตรงปีกขวาของบ้าน



“ไปได้แล้ว” ไล่หลังพี่จ๋าเสียงของครามสมุทรก็ดังขึ้น คนตัวสูงเดินนำทุกคนไปก่อน ส่วนช็อปก็คว้าคอมัทให้เดินตามไปติดๆ



ฟองฟางสาวเท้าเอื่อยๆ ระหว่างทางเดินก็แอบสำรวจคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้ไปด้วย สวยและใหญ่จนอธิบายไม่ถูก เหมือนบ้านที่เห็นในละครแต่สวยงามและใหม่กว่านั้นหลายเท่า



เครื่องปรับอากาศเย็นๆ ทำให้ฟองฟางรู้สึกดีกว่าตอนอยู่กลางแจ้ง เขาหย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาที่ดูหรูหราราคาแพงอย่างระมัดระวัง



 “บ้านครามอยู่ไกลจากทะเลเหรอ นี่ยังไม่เห็นทะเลไม่เห็นเกาะครามสมุทรอะไรเลยอ่ะ”



“เกาะไอ้ครามต้องนั่งเรือไป ถามกูก็ได้กูไปบ่อย” ช็อปที่ยืนพิงสะโพกตรงโซฟาหันมาตอบแทนครามสมุทร



“เดี๋ยวคืนนี้ก็เห็น” ครามสมุทรตอบสั้นๆ และนั่นทำให้แยมตาโต



“โห นี่อย่าบอกนะว่าจัดปาร์ตี้วันเกิดครามที่เกาะนั้นอ่ะ”



“เออดิ ทุกปีก็จัดที่นั่น นอนที่รีสอร์ตบนเกาะเลยด้วย หรูและบรรยากาศดีสุดๆ กูคอนเฟิร์มจ้า”



“ช็อป มึงให้กูคุยกับครามบ้างได้มั้ย”



ปล่อยให้สองคนนั้นเถียงกันต่อไป ส่วนฟองฟางก็ขยับหนีพวกนั้นย้ายมานั่งตรงโซฟาตัวเดี่ยวที่ยังไม่มีใครจับจอง หามุมเงียบๆ เล่นโทรศัพท์ เปิดดูนั่นนี่ไปเรื่อยตามประสาคนไม่มีอะไรทำ



แต่ก็นั่นแหละ ฟองฟางยังไม่ทันได้เข้าแอพอะไรสักอย่างหน้าจอไอโฟนก็เด้งแจ้งเตือนข้อความจากใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้เหมือนกัน



ฟองฟางเหลือบตามองคนคนนั้นที่ส่งขอความมาให้ หลุดยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าครามสมุทรกำลังก้มหน้าก้มโทรศัพท์ยิกๆ

 

Kram: ออกมาด้วยกันหน่อย

.ff: ทำไมเหรอ

Kram: มีเรื่องจะคุย

.ff: คุยตรงนี้ก็ได้นี่นา

Kram: อยากให้เพื่อนล้อก็ตามใจ

 

ขู่กันแบบนี้แล้วฟองฟางจะทำอะไรได้ล่ะ ขนาดตอนที่นอนซบไหล่ครามสมุทรบนรถฟองฟางยังถูกล้อด้วยสายตาเลย



ฟองฟางไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่ยู่ปากช้อนตามองอีกคนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปจากห้อง เขาเม้มปากแน่น...ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าจะเดินตามครามสมุทรไปดีหรือไม่ไปดี



แต่ก็...



“เดี๋ยวมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน” บอกแบบนั้นแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งออกจากห้องนั่งเล่นตามเจ้าของบ้านไปติดๆ



ตามครามสมุทรไปก็ดีเหมือนกัน อยู่กับพวกนี้ฟองฟางกลัวว่าจะถูกล้อเรื่องบนรถจริงๆ นั่นแหละ







*****





 

00.00 am



เสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้เจ้าของวันเกิดบนเกาะครามสมุทรในตอนกลางคืนดังขึ้นก่อนจะจบลงพร้อมกับคำอวยพรจากคนรอบข้าง ครามสมุทรยกมือไหว้คุณพ่อกับคุณแม่ของตัวเอง และหันไปขอบคุณเพื่อนๆ ที่วันนี้มาร่วมงานวันเกิดด้วยกัน



และตอนที่ต้องเป่าเทียนบนเค้กก็ทำให้ฟองฟางรู้ว่าครามสมุทรไม่ค่อยชอบงานวันเกิดนั้นเป็นเรื่องจริง มันทำให้เขาดูเหมือนเด็กที่ยังไม่โตเสมอ เพราะต้องเป่าเทียนต่อหน้าพ่อกับแม่ทั้งๆ ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว แต่ก็คงต้องจัดแบบนี้ไปทุกปีเพราะเขาต้องตามใจผู้ให้กำเนิดเสมอ



‘ดูครามเบื่อๆ นะ’

‘มองออกขนาดนั้นเลย’

‘เห็นหน้าก็รู้แล้ว’

‘นิดหน่อย’

‘เบื่ออะไร ได้กลับบ้านน่าจะดีใจนะ’

‘ไม่อยากจัดงานวัดเกิด’

‘ทำไมล่ะ’

‘ก็โตแล้ว’

‘...คนที่โตแล้วเขาก็จัดงานวันเกิดกันทั้งนั้นแหละหน่า’



ได้เปิดใจคุยกันบางเรื่องตอนที่ครามสมุทรเรียกให้ตามออกไปเมื่อช่วงบ่าย...จริงๆ แล้วครามสมุทรไม่ได้มีเรื่องอะไรจะคุยกับฟองฟางเลย แค่พาไปนั่งตรงมุมนั่งเล่นเอาต์ดอร์ในสวน ชมนกชมไม้ สูดอากาศดีๆ ของต่างจังหวัด



และฟองฟางเองก็เป็นฝ่ายชวนคุยมากกว่าเพราะนั่งเงียบๆ กันแค่สองคนมันดูอึดอัดพิลึก แต่คุยได้ประมาณสองสามเรื่องคุณแม่ของครามสมุทรก็เดินออกมาหาลูกชายคนเดียวของบ้านพอดี...ตอนนั้นเองที่ฟองฟางได้เจอกับท่าน และพบว่าตัวจริงท่านสวยมาก



แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันจริงๆ ว่าที่คุณแม่อยากเจอนี่เพราะอะไร...ตอนแรกที่ท่านเจอฟองฟางประโยคแรกที่หลุดออกจากปากก็คือ ‘คนนี้นี่เอง...น่ารักจริงๆ ด้วย’ แค่นั้นเอง



 คุณแม่ชวนฟองฟางคุยอยู่พักหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็ถามเรื่องของครามสมุทร แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งนั้น...ฟองฟางเองไม่ได้สนิทอะไรกับอีกคนมากมายเลยได้แต่ยิ้มแหยเพราะตอบคำถามท่านไม่ได้ สุดท้ายก็จบบทสนทนาเมื่อคุณแม่เรียกให้เข้าไปนั่งกินอาหารด้วยกัน



ฟองฟางนั่งรับลมทะเลที่ปะทะใบหน้าอยู่คนเดียว เขาเดินเลี่ยงออกจากงานวันเกิดหลังจากที่เป่าเค้กเสร็จเพราะไม่ค่อยชอบปาร์ตี้เท่าไหร่ เอาจริงๆ ในนั้นมีแต่คนที่สนิทกับครามสมุทรทั้งนั้น มัท แยมและเตเต้ที่เพิ่งรู้จักกับครามสมุทรยังสนิทกันมากกว่าที่ฟองฟางสนิทกับครามสมุทรเลย



เกาะครามสมุทรสวยมากจริงๆ ถ้าเป็นตอนกลางวันคงได้เห็นน้ำทะเลสีฟ้าใส ฟองฟางเคยมาเที่ยวที่นี่กับครอบครัว ตอนนั้นที่มาเที่ยว...ยังไม่รู้จักครามสมุทรเลย



ยังไม่ได้ตกหลุมรักครามสมุทรขนาดนี้



พอได้มาอีกที...ก็มาพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไปจากเดิม



“เบื่อเหรอ”



สะดุ้งเบาๆ แล้วเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มที่เดินเข้ามาใกล้ ฟองฟางส่ายหน้าให้คนคนนั้น ก่อนขยับตัวไปทางซ้ายเพื่อแบ่งพื้นที่บนเสื่อให้อีกคนนั่งด้วยกัน



“ครามล่ะ ไม่อยู่ดื่มกับเพื่อนๆ เหรอ” หันกลับไปมองจุดที่มีปาร์ตี้แล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ



มีแยมกับช็อปที่ไหนต้องมีแอลกอฮอล์ที่นั่น ซึ่งงานนี้คุณแม่กับคุณพ่อของครามสมุทรก็จัดให้ชุดใหญ่เพราะฉลองที่ลูกชายคนเดียวอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์



“เป็นเจ้าภาพมานั่งหลบอยู่ตรงนี้แขกจะคิดยังไงเนี่ย”



“เป็นแขกมานั่งอยู่ตรงนี้เจ้าภาพจะคิดยังไง”



“นู่น แขกมีตั้งเยอะมาสนใจอะไรแค่เรา”



“...”



ครามสมุทรไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่เอามือค้ำไปทางด้านหลังแล้วเอนตัวเล็กน้อย เหยียดขายาวๆ ไปข้างหน้า ทำเอาฟองฟางที่กำลังจะเปลี่ยนท่าเป็นเหยียดขาเหมือนกันแทบไม่กล้าชักขาออกมา เพราะรู้ว่าตัวเองน่ะขาสั้นกว่าอีกคนเยอะ เลยได้แต่นั่งขัดสมาธิจุมปุ๊กอย่างนั้นต่อไป



“เราไม่ค่อยชอบเหล้าอ่ะ ไม่ได้คุณหนูนะ แต่ดื่มไม่เก่งจริงๆ”



“อือ”



“แล้วก็...กลัวว่าดื่มแล้วจะทำอะไรแปลกๆ ด้วย”



“เหมือนคืนนั้น”



“คืนไหน”



“คืนที่...”



“หยุดๆๆๆ รู้แล้วว่าจะพูดอะไร”



“อือ”



“ถ้าสงสารกันก็อย่าคุยเรื่องนี้อีกเลยนะ” ยกมือไหว้อีกคนเพราะอับอายจริงๆ นี่ขนาดครามสมุทรยังไม่ได้พูดถึงจริงๆ จังๆ ในหัวของเขาก็มีแต่ภาพที่ตัวเองปีนโต๊ะ คลานไปหาครามสมุทร แล้วก็... อือนั่นแหละ แค่นี้ก็จะร้องไห้แล้ว



“นั่นเพื่อนครามใช่มั้ย เห็นดูสนิทกัน”



รีบเปลี่ยนเรื่องแล้วบุ้ยปากไปตรงที่มีแสงสีเสียง ตรงนั้นมีคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบคนที่หัวเราะเฮฮากินเหล้ากินเบียร์กันสนุกสนาน มีทั้งต่างชาติและไทยปนกัน จะบอกว่างานวันเกิดครามสมุทรที่จัดอยู่ตอนนี้ คุณพ่อของเจ้าตัวเคลียร์พื้นที่บนเกาะส่วนหนึ่งไว้ให้ลูกชายเพื่อฉลองโดยเฉพาะ



“เพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน”



“ครามมีเพื่อนเยอะน่าดู”



“ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่ก็คุยได้”



“แล้ว...เดินออกมานั่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าเหรอ”



“ก็เป็นแบบนี้ทุกปี”



“อ๋อ...”



“ปีนี้ดีหน่อย”



“...”



“มีคนนั่งเป็นเพื่อน”



ฟองฟางถึงกับต้องขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมา ความจริงเขาควรที่จะรับมือกับครามสมุทรให้ได้ทุกรูปแบบตั้งแต่ตอนที่ไปอาศัยบ้านอีกฝ่ายนอนแล้วจริงๆ



แต่ก็ไม่รู้สิ...บางทีครามสมุทรก็เงียบมากๆ แววตาที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรทำให้ฟองฟางไม่กล้าเข้าใกล้ แต่บางครั้งก็เหมือนกับว่าจะชอบให้ชวนคุย...ทั้งๆ ที่ครามสมุทรคุยไม่เก่ง



“อ้อ ลืมไปเลย” ฟองฟางหันไปหยิบตุ๊กตาสุนัขสีน้ำตาลตัวเล็กๆ ขนาดไม่ใหญ่ที่เตรียมมาตั้งแต่กรุงเทพฯ ยื่นให้ครามสมุทร ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่นรอให้อีกฝ่ายรับไป ฟองฟางถึงขั้นกลั้นหายใจเพราะเอาแต่ลุ้นว่าครามสมุทรจะชอบหรือเปล่า จะเต็มใจรับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ชิ้นนี้มั้ย



“สุขสันต์วันเกิดนะคราม”



ครามสมุทรมองตุ๊กตาสุนัขในมือของฟองฟางอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมหยิบไปสักที



“เราไม่รู้ว่าครามชอบอะไร เลยปรึกษากับแม่ว่าจะซื้ออะไรให้ครามดี แม่บอกว่าให้ซื้อสิ่งที่เราชอบหรือมองถูกใจ เลยหยิบน้องหมาตัวนี้มาได้”



“...”



“ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร...เราเข้าใจ”



เข้าใจว่าครามสมุทรคงไม่ชอบตุ๊กตาสุนัขที่ดูหน่อมแน้ม



เข้าใจว่าครามสมุทรคงไม่อยากได้ของขวัญจากฟองฟาง



เข้าใจว่า...ครามสมุทรคงมีของขวัญที่ดีกว่านี้แล้ว



รับตุ๊กตาตัวนี้ไว้...ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร



ฟองฟางคลี่ยิ้ม ถึงจะเข้าใจแต่ก็ทำตัวร่าเริงเหมือนเดิมไม่ได้ ไม่มีใครสามารถซ่อนความผิดหวังไว้ได้หรอก เก่งแค่ไหนก็ต้องหลุดความรู้สึกออกมาอยู่ดี



แล้วคนไม่เก่งอยากฟองฟาง คนที่แสดงความรู้สึกง่ายๆ แบบนี้ต้องทำยังไง



เขาตัดสินใจที่จะเก็บตุ๊กตาสุนัขไว้แล้วคิดว่าหลังจากนี้คงต้องเดินหนีไปไกลๆ ไปหาที่ร้องไห้สักทีเพราะตามันร้อนผ่าว อีกนิดน้ำตาก็คงไหลออกมา แต่จังหวะที่กำลังจะชักมือกลับ ตุ๊กตาสุนัขตัวสีน้ำตาลกลับถูกดึงไปไว้ในมือหนาของครามสมุทรอย่างรวดเร็ว



ฟองฟางช้อนตามองคนข้างๆ ด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เป็นเวลาเดียวกันกับครามสมุทรที่ยกยิ้มบางๆ มองตุ๊กตาตัวเล็กในมือ



“ขอบคุณ”



“...อื้อ” จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ฟองฟางรีบยกมือปาดน้ำตาออกลวกๆ ตั้งใจมองคนตัวสูงที่ใช้อีกมือลูบหัวตุ๊กตาอยู่



“มันน่ารักดี”



“...ใช่ มันน่ารักจริงๆ”



“...”



“ถ้าเรารู้ว่าครามชอบอะไร...ปีหน้าจะซื้อให้ใหม่นะ”



“อือ ขอบคุณ”



“...”



ครามสมุทรจูบหัวตุ๊กตาเบาๆ แล้วหันมามองคนตัวขาวที่นั่งเม้มปากอยู่ข้างๆ ฟองฟางไม่กล้าสบตาเพราะรู้ว่าตอนนี้ตาคงต้องแดงก่ำ



ไม่อยากให้เขาเห็นเราในสภาพนี้เลย มันอ่อนแอไปหมด



“ค คราม...”



“ร้องไห้ทำไม”



ขยับปากถามเบาๆ พลางใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาออกจากแก้มขาวๆ ทั้งสองข้าง ฟองฟางชะงัก ทุกอย่างในร่างกายราวกับหยุดทำเมื่อถูกครามสมุทรสัมผัสอย่างแผ่วเบา



ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับคนตรงหน้ามันทำให้หัวใจบีบรัดในหลายๆ ครั้ง



“ชอบของที่ฟองให้อยู่แล้ว”



ครามสมุทรก็เป็นแบบนี้



“ปีหน้าซื้อให้อีกก็ได้”



“...”



“จะได้รู้ว่าฟองชอบอะไร”



เป็นคนที่มาปั่นป่วนหัวใจทุกครั้ง



“คิดว่าครามรู้อยู่แล้วว่าเราชอบอะไร”



“อือ”



“...”



“ชอบมากๆ เลยใช่มั้ย”



“...” ค่อยๆ ผงกศีรษะตอบคำถามอีกคนอย่างประหม่า เพราะตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน



“ครามว่า...อื้อ”       



ฟองฟางจะพูดอะไรสักอย่างแต่คำนั้นถูกกลืนลงคอเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ ของครามสมุทรทาบทับลงมา เขาไม่ได้บดเบียดหรือแนบชิด แค่สัมผัสกันแผ่วเบาให้รับรู้ถึงความรู้สึกในตอนนี้



ความรู้สึกที่ฟองฟางก็ไม่รู้เหมือนกัน...ว่ามันหมายความว่ายังไง



ไม่กี่วินาทีครามสมุทรก็ค่อยๆ ผละออก มือหนาประคองกรอบหน้าฟองฟางเอาไว้ทั้งที่มือยังถือตุ๊กตาอยู่ด้วย คนตัวขาวมองนัยน์ตาสีเข้มเย็นชาคู่นั้น เป็นดวงตาที่เขาชอบมากที่สุด



ชอบแบบไม่เหตุผล แค่เกี่ยวกับครามสมุทร เป็นของครามสมุทรก็ชอบแล้ว



“ทำไมถึงทำแบบนี้” 



“วันนั้นฟองทำแบบนี้ทำไม”



“...เพราะเมา”



“แน่ใจ”



เขาไม่แน่ใจ...



“ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ ตอบในใจก็พอ”



...เพราะเราชอบคราม

ชอบมากๆ เลยรู้มั้ย












#ฟองฟางครามสมุทร


หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 09 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-01-2019 22:48:18
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 09 - up 16.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-01-2019 07:16:00
ตายๆ ครามสมุทรไม่อ่อนโยน
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 17-01-2019 12:20:37




10



ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการกระทำและความรู้สึกของพวกเรา

ไม่มีอะไรชัดเจนกว่านี้อีกแล้ว




ฟองฟางกับแยมแบกมัทที่เมาไม่รู้เรื่องเข้ารีสอร์ตที่เป็นที่พักตลอดสามวันสองคืน มัทดื่มไม่เก่งหรอก...แต่พอได้อยู่กับเพื่อนๆ สนุกสนานเฮฮาด้วยกัน อารมณ์พาไปจะจัดหนักจัดเต็มเหมือนดื่มเก่ง



ความจริงมัทเมาตั้งแต่นั่งสปีดโบ๊ทมาที่เกาะครามสมุทรแล้ว แต่นั่นเมาเรือไง...พอหายดีก็ไปซัดแอลกอฮอล์ต่อ ตอนนี้มัทเลยหงายเงิบ เรี่ยวแรงจะเดินยังไม่มี ต้องเดือดร้อนเพื่อนอย่างเขากับแยมแบกกลับที่พัก



“ตัวหนักฉิบหายยังอยากจะเมาให้กูแบกอีก”



จับคนเมานอนลงบนเตียงได้แล้วก็ยืนหอบพร้อมกัน ฟองฟางหัวเราะตอนที่แยมคว้ากระเป๋าเครื่องสำอางขึ้นมา หยิบลิปสติกสีแดงสดของตัวเองมาเขียนบนหน้าหล่อๆ ของไอ้เพื่อนคนนี้ วาดเป็นรูปหนวดแมวที่ขัดกับลุคเท่ๆ คูล แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ล้อตอนมัทตื่น



“ส่งให้เมียมันดูดีมั้ยวะ”



“ส่งไปก็ได้ จะได้บอกกิ๊กด้วยว่ามัทเมาแล้ว”



แยมกับกิ๊กสนิทกัน จริงๆ พวกเขาสี่คนสนิทกันหมดนั่นแหละ เพราะเรียนมาด้วยกันตั้งหลายปี เป็นกรุ๊ปเดียวกันที่โคตรจะรู้ใจกันมากๆ ทุกวันนี้ฟองฟางยังเสียดายอยู่เลยที่กิ๊กไม่ได้มาเรียนที่มหา’ลัยเดียวกัน เพราะอีกคนสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังที่ทางบ้านเลือกไว้ให้ กิ๊กเลยต้องเรียนที่นั่นตามความต้องการของครอบครัว



“เอ้อ แล้วรูปนี้ส่งให้ไอ้กิ๊กมันดูด้วยดีมั้ยวะ” แยมยืนเท้าเอวยิ้มกริ่ม เหลือบตามองฟองฟางที่พยักหน้าหงึกๆ เพราะคิดว่าเป็นรูปหลุดๆ ของมัทที่แยมถ่ายเก็บไว้



แต่ทว่าเมื่อแยมยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปภาพบนหน้าจอฟองฟางกลับชะงัก คนตัวขาวเม้มปากเบาๆ กะพริบตาปริบมองแยมที่เชิดหน้าแบบคนเหนือกว่า



“ไง มีอะไรจะพูดกับกูหน่อยมั้ยฟอง”



ฟองฟางส่ายหน้า...ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะไม่รู้เหมือนว่าครามสมุทรจูบเขาทำไม อือ ใช่ สิ่งที่เห็นบนหน้าจอไอโฟนของแยมคือรูปถ่ายจากด้านหลังตอนที่พวกเขา...จูบกัน จะปฏิเสธว่าคนคนนั้นไม่ใช่ตัวเองก็ไม่ได้ เพราะว่าภาพที่ถ่ายออกมามันชัดเจนมากๆ ว่าเป็นเขากับครามสมุทร



“งั้นกูถามหน่อย ใครเริ่มก่อน”



“ครามดิ กูไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก”



“แต่มึงเคยทำแล้วไง”



“ก็ตอนนั้นเมา”



“เออ กูถึงได้ถาม นึกว่ามึงไปจูบมันอีกแล้ว”



“...”



“กูว่าเซ้นส์กูไม่ผิด”



“...”



“ไอ้ครามชอบมึงชัวร์”



“...”



ฟองฟางครุ่นคิดอยู่กับประโยคที่แยมพูดออกมาว่ามีส่วนเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน



ครามสมุทรที่ไม่เคยเผยความรู้สึกอะไรสักอย่างให้ใครรับรู้จะเป็นแบบที่แยมพูดจริงๆ หรือเปล่า...หรือแค่รู้สึกไปเองคนเดียว



แต่บอกตามตรงว่าสัมผัสแผ่วเบาตรงริมฝีปากมันสลักลึกเข้าไปในใจของฟองฟางแล้ว ถึงจะเบาบางเหมือนกระดาษในตอนที่สัมผัส แต่มัน...ก็ชัดเจนมากๆ สำหรับเขาอยู่ดี



“ฮื่อ คงเป็นแบบนั้นแหละ”



“เอ้า มึงจะไม่ปฏิเสธหน่อยเหรอวะ”



“ปฏิเสธทำไม กูก็...รู้สึกเหมือนว่าครามจะชอบ” มั้งนะ



“งั้นคืนนี้คงต้องฉลองเปล่าวะ เพื่อนกูจะสมหวังแล้วอะไรแบบนี้”



“เว่อร์แล้วแยม กลับไปอาบน้ำนอนได้แล้ว”



“โอเคๆ กูกลับไปอาบน้ำแป๊บ แต่มึงอย่าเพิ่งล็อกประตูนะ เดี๋ยวกูหอบไวน์กับขนมในงานมาฉลองกับมึงสองคนเอง”



พูดเองเออเองแล้วตบบ่าเพื่อนแรงๆ พร้อมกับยีผมเหมือนอย่างที่เคยทำ แยมชอบเล่นกับฟองฟางแบบนี้เสมอ รายนั้นบอกว่าผมของเขามันนุ่มมือดีเลยชอบยีให้ฟูอยู่บ่อยๆ



ฟองฟางหยิบผ้าขนหนูที่ใช้อาบน้ำพาดบ่า ตากลมๆ เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างตรงม่านที่แง้มไว้...ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบแอลกอฮอล์เท่าไหร่ แต่ถ้ามันทำให้ความว้าวุ่นฟุ้งซ่านมันหลุดออกไปจากหัวก็คงต้องยอมดื่ม



แล้วคืนนี้มีแค่เขากับแยม...ถ้าฟองฟางเมาก็คงไม่ก่อเรื่องให้ใครลำบากใจเหมือนครั้งก่อนหรอกมั้ง







*****





 

ครามสมุทรนั่งชันเข่าอยู่บนเสื่อผืนเดิมแม้ว่าฟองฟางจะกลับเข้าที่พักไปนานแล้วก็ตาม เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำ มองดาวดวงเล็กๆ บนนั้นแล้วเปลี่ยนมามองทะเลสีเดียวกับท้องฟ้าที่โอบล้อมเกาะครามสมุทรไว้



ในมือของเขายังถือตุ๊กตาตัวเดิมที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดจากใครคนนั้น เป็นแค่ตุ๊กตาตัวเล็กๆ แต่ครามสมุทรกลับถือติดมือไม่ยอมปล่อยราวกับเป็นของสำคัญที่สุด



ก็สำคัญที่สุดจริงๆ นั่นแหละ



ปาร์ตี้จบลงแล้ว เพื่อนๆ แยกย้ายกลับที่พักกันหมด เหลือแค่ครามสมุทรที่ยังคิดอยู่ว่าจะกลับเลยดีมั้ย แต่พอหันหน้ากลับไปมองรีสอร์ตหลังที่ฟองฟางใช้เป็นที่พักแล้วเห็นว่าไฟในนั้นยังเปิดสว่างอยู่ ครามสมุทรเลยตัดสินใจที่จะอยู่ตรงนี้ไปอีกสักพัก



“คราม จะกลับไปนอนที่บ้านกับแม่หรือนอนที่นี่ดีจ๊ะ”



คุณพ่อกับคุณแม่ที่เดินกินลมชมวิวอยู่ใกล้ๆ กันเดินเข้าถาม ครามสมุทรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหลือบมองไปที่รีสอร์ตหลังเดิม...ความจริงเขาต้องกลับบ้าน เพราะเสื้อผ้าอยู่ที่นั่นหมด แต่ว่า...



“นอนที่นี่ครับ”



“งั้นเข้าไปอาบน้ำนอนได้แล้วลูก นั่งตากลมตรงนี้เดี๋ยวไม่สบาย” คุณพ่อยกมือลูบผมลูกชาย ท่านมองคนตรงหน้าอย่างภูมิใจ เพราะลูกชายคนนี้สูงขึ้นและดูโตขึ้นกว่าเดิมมาก



“ครับพ่อ ผมไปก่อนนะครับ เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะครับ”



ครามสมุทรยกมือไหว้ลาคุณพ่อกับคุณแม่ ส่งท่านทั้งสองขึ้นเรือตรงท่าเรือของเกาะ ทุกย่างก้าวคุณพ่อจับมือคุณแม่ไว้ตลอด หันไปยิ้มให้กัน และเดินข้างกันอย่างมีความสุข



กระทั่งสปีดโบ๊ทที่พวกท่านโดยสารกลายเป็นจุดเล็กๆ ในสายตาและหายไปจากเกาะแห่งนี้ ครามสมุทรถึงได้หมุนตัวแล้วค่อยๆ ย่ำเท้าบนพื้นทรายเดินไปยังรีสอร์ตหลังนั้น หลังที่มีฟองฟาง



ทุกย่างก้าวเขาครุ่นคิดเสมอว่าเมื่อถึงหน้าประตูแล้วจะทำยังไงต่อ เคาะประตูก่อนหรือเปิดเข้าไปเลย แล้วตอนนี้ฟองฟางกำลังอยู่กับใคร กำลังทำอะไรอยู่



จนในที่สุดครามสมุทรก็หยุดอยู่ตรงหน้าประตูรีสอร์ตหลังนั้นจริงๆ



“อ้าวคราม ยังไม่นอนอีกเหรอ”



แยมเท้าเอวยืนมองครามสมุทร เดาะลิ้นรอคำตอบจากอีกฝ่ายที่ทำท่าจะบิดลูกบิดเปิดประตู แยมเห็นความประหม่าที่แผ่ออกจากสายตาของคนตัวสูง เธอรู้ทันทีเลยว่าครามสมุทรอยากจะทำอะไร



“เปิดประตูให้หน่อยสิ”



“อือ”



“ขอบใจจ้า” แทรกตัวเข้าไปในรีสอร์ตที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แยมวางถุงพลาสติกที่ใส่ขวดไวน์กับถุงน้ำแข็งพร้อมขนมลงบนโต๊ะก่อนหันมากวักมือเรียกลูกชายเจ้าของรีสอร์ตที่ยืนอยู่ข้างนอก “เข้ามาก่อนดิคราม ยืนข้างนอกยุงกัดนะเว้ย”



“นอนนี่เหรอ”



“เปล่าๆ กู เอ้ย เรานอนอีกหลัง...ไม่ว่าอะไรใช่ป่ะ”



“ก็เปิดห้องไปแล้วนี่”



“แหะๆ ก็คุณแม่บอกให้กู...เรา! บอกให้เราไปนอนนู่นอ่ะ”



“พูดแบบที่ถนัดก็ได้”



“เออๆ ถ้ารับไม่ได้ก็ทนฟังเอาแล้วกันนะ”



ครามสมุทรกวาดสายตามองรอบห้องแล้วไปสะดุดบนเตียงนอนที่มีร่างของมัทนอนอยู่ รายนั้นคงจะนอนดิ้นมากผ้าห่มกับหมอนหนุนหัวถึงได้กองอยู่บนพื้น



ครามสมุทรขยับตัวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่อีกมุมของห้อง เขาได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวไหลกระทบพื้นห้องน้ำเลยเดาว่าฟองฟางคงกำลังอาบน้ำอยู่ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะไม่กี่นาทีต่อมาประตูห้องน้ำถูกเลื่อนออกพร้อมกับร่างขาวๆ ของใครคนนั้นกำลังก้าวเดินออกมา



ฟองฟางชะงักเล็กน้อย แก้มขาวๆ ขึ้นสีแดงปลั่ง ปากจิ้มลิ้มมุบมิบเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่ ครามสมุทรสบตากับนัยน์ตาสวยๆ เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความประหม่าของฟองฟาง



“ยังไม่นอนเหรอคราม” เสียงนุ่มๆ เปล่งถาม ฟองฟางเลื่อนประตูห้องน้ำให้ปิดสนิท เดินเข้ามาหาแยมกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะกระจกสีดำใกล้ๆ กับโซฟาที่ครามสมุทรนั่งอยู่ คนตัวขาวย่อตัวลงนั่งยองทำตัวเล็กๆ ลีบๆ อยู่ตรงหน้าเขา



“อือ แยมชวนมาดื่ม”



“แยม ชวนครามมาทำไมอ่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนเขามั้ย”



“กูเห็นมันด้อมๆ มองๆ หน้าบ้านมึงหรอกเลยชวนเข้ามา”



“ตลกแล้ว”



“กูพูดจริง”



สองคนนั้นกระซิบกระซาบกันเบาๆ...คงคิดว่าเขาไม่ได้ยินล่ะมั้ง



ครามสมุทรไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป นั่งนิ่งๆ มองทีวีที่เปิดช่องภาพยนตร์ พอเห็นว่าแยมรินไวน์ใส่แก้วพร้อมกับเลื่อนมาตรงหน้าเขา ครามสมุทรหยิบมันขึ้นมาจิบเบาๆ



“มึงไปนั่งตรงนู้นไป จะได้ดูทีวีด้วย” แยมพเยิดหน้ามาตรงที่ว่างข้างๆ



“ขยับโต๊ะออกไปหน่อยมั้ย จะได้นั่งพื้นเหมือนกัน” ครามสมุทรที่นั่งบนโซฟาถามแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เหลือบมองฟองฟางกับแยมที่เงยหน้าขึ้นมา



“เออ เอาดิ”



“แยมถอยไปเดี๋ยวกูยกโต๊ะเอง”



แยมขยับถอยหลังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครามสมุทรกับฟองฟางที่ช่วยกันขยับโต๊ะให้ห่างจากโซฟา พอทุกอย่างเสร็จสิ้น ครามสมุทรก็นั่งลงบนพื้นเอนหลังพิงโซฟา ในขณะที่ฟองฟางยังยืนเงอะงะไม่รู้ว่าจะนั่งกับแยมหรือนั่งกับครามสมุทรดี



“นั่งด้วยกันสิ” ครามสมุทรขยับตัวให้มีพื้นที่พอสำหรับฟองฟาง



อือ แล้วจะไปไหนได้...ครามสมุทรเอ่ยปากบอกนาดนี้ฟองฟางเลยต้องหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ คนตัวสูง



แล้วต่างคนก็ต่างเงียบ ครามสมุทรกระดกไวน์ลงคอรวดเดียวหมดแก้ว เขาไม่ได้อยากดื่ม แต่ไม่รู้ทำไมว่าเหมือนกัน....พอเห็นใบหน้าของฟองฟางมันก็อดไม่ได้



เหมือนดื่มเพื่อสงบสติตัวเอง ดื่มให้มึนเบลอๆ หลุดจากความเป็นตัวเองแม้ว่าครามสมุทรจะไม่ใช่คนคออ่อน ไวน์สิบกว่าขวดที่แยมหอบมาไม่มีผลอะไรกับเขาเลยสักนิด



ผิดกับคนที่นั่งข้างๆ ขนาดดื่มไวน์ผสมน้ำเปล่าหูกับแก้มยังแดงก่ำ



“ชนแก้วหน่อยมึงงงง”



เคร้ง



เสียงแก้วสามแก้วกระทบกันเบาๆ ครามสมุทรใช้ตาคมของเขาสำรวจคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผ่านไปไม่กี่นาทีแยมก็หน้าแดงไปตามๆ กัน แต่เขารู้ว่าแยมคอแข็ง...รู้ด้วยว่าแยมดื่มแอลกอฮอล์ในปาร์ตี้มาแล้วหลายอึกแต่ก็ยังไม่เมาเหมือนมัทที่นอนกองอยู่บนเตียง



“เนื่องในโอกาสอะไร” ครามสมุทรจับก้านแก้วแกว่งเบาๆ



“เนื่องในโอกาสที่ไอ้ฟองมันกำลังจะสมหวัง คิคิ” แยมใช้นิ้วชี้ข้างที่ถือแก้วไวน์ชี้หน้าเขากับฟองฟางสลับกัน



“พอเลยแยม...ครามอย่าไปถือสาแยมนะ น่าจะเมาแล้วอ่ะ” หันมาบอกกับเขาแล้วตีมือแยมเบาๆ ให้หุบนิ้วลง



“มึงก็รู้ว่ากูไม่เมาง่ายๆ นะฟองงงง”



“คึกแบบนี้เมาก็คือมั้ย”



ฟองฟางโดนเพื่อนแยกเขี้ยวใส่ชักมือกลับมาไว้บนตักแล้วนั่งจิบไวน์ผสมน้ำเปล่าไปพลางๆ ในขณะที่ครามสมุทรจ้องคนตัวขาวอยู่ แต่ฟองฟางกลับหลบสายตา



ทำเป็นหันหน้ามองนู่นมองนี่



ทำเป็นมองมัทที่นอนอยู่บนเตียง



ทำเป็นมองค้อนแยมที่นั่งยิ้มแล้วเอาแต่พูดอะไรเรื่อยเปื่อย



มันน่ามั้ยล่ะ...เมื่อก่อนแอบมองเขาแทบทุกเวลา ไกลแค่ไหนก็มอง ฝากเพื่อนมองยังมีเลย...แต่พอเขาอยู่ใกล้ๆ อยู่ห่างกับฟองฟางไม่กี่เซ็นต์กลับหนีหน้า ไม่หันมามองครามสมุทรเหมือนที่ผ่านมา



พวกเขานั่งไม่เงียบๆ อยู่อย่างนั้นไม่มีใครพูดอะไรยกเว้นแยมที่พูดมากตามประสาคนคุยเก่ง หัวเราะบ้างเวลาที่แยมเล่นมุกตลกๆ...เวลามันก็เดินไปเรื่อยๆ ไวน์หมดไปทีละขวดจนตอนนี้หลักฐานที่แสดงว่าพวกเขาดื่มกันเยอะแค่ไหนวางกองอยู่ข้างโต๊ะ



ครามสมุทรกระดกไวน์อึกสุดท้ายเข้าปากแล้วครางออกมาเบาๆ เหลือบมองคนข้างกายที่วันนี้ดื่มได้มากกว่าปกติ คงเป็นเพราะผสมน้ำเปล่าเยอะ ฟองฟางน่าจะดื่มไปสี่แก้ว



“ไวน์หมดแล้วว่ะ” แยมเรอเบาๆ “เดี๋ยวกูไปเอาไวน์มาเพิ่มก่อน มึงสองคนรอตรงนี้ห้ามไปไหน วันนี้ถ้ากูไม่เมาห้ามนอน!”



“...”



ฟองฟางเหมือนจะไม่ได้ยินในสิ่งที่แยมพูด ก็แหง...นั่งก้มหน้าคางชิดอก ตัวโอนเอนขนาดนั้นสติฟองฟางคงหลุดไปที่ไหนแล้วสักที่แล้ว



อาการเหมือนวันนั้น ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ยิน ใครเรียกก็ไม่หัน เอาแต่ปีนโต๊ะตรงมาหาครามสมุทรอย่างเดียว



“เดินดีๆ แยม ถ้าไม่ไหวก็กลับไปนอน”



“กูไหว! นี่ใคร นี่แยมคอเหล็ก รอกูแป๊บเลยไอ้คราม เดี๋ยวกูมา”



ปึก!



พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูแรงจนเสียงดังลั่น ครามสมุทรส่ายหน้าช้าๆ...เขาคิดว่าแยมคงอยู่ในอาการเมาแล้วแหละ



“พาไปนอนที่เตียงหน่อยได้มั้ยอ่า”



เสียงของคนข้างๆ ดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำที่แหงนมองครามสมุทร ฟองฟางเมาแล้วเขารู้ดี ยิ่งเมายิ่งพูดไม่รู้เรื่องเขาก็รู้



“นี่ครามเหรอเนี่ย...”



ครามสมุทรเลิกคิ้วเมื่อฝ่ามือร้อนๆ ทั้งสองข้างของฟองฟางประคองกรอบหน้าเขาไว้ คนที่ตัวเล็กกว่าตั้งเยอะขยับตัวนั่งคุกเข่าค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ครามสมุทร



วันนั้นขยุ้มคอเสื้อนิสิตจนยับยื่นหน้าเอาลมหายใจหอมๆ ปนกลิ่นแอลกอฮอล์ให้สูดดม คล้ายๆ กับวันนี้ ต่างกันตรงที่ไม่มีคอเสื้อให้ฟองฟางขยุ้ม



“ฝันหรือเปล่า...ทำไมครามอยู่ตรงนี้อ่า”



“ไม่ได้ฝัน ฟองเมา”



“เหรอ”



“อือ”



คล้องเอวบางๆ ด้วยแขนแกร่งเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเสียหลักล้มลง ฟองฟางตอนนี้อ่อนปวกเปียก ดูแตกหักง่ายยิ่งกว่าแก้วบางๆ ซะอีก



“ถ้าเมาแล้วจะพูดอะไรก็ได้ใช่มั้ย”



“ได้ แต่นั่งดีๆ ก่อน”



“ฮื่อ”



พูดไม่ฟังแถมยังลดมือที่ประคองกรอบหน้ามาวางไว้บนไหล่ของเขาแทน ไม่กี่นาทีต่อมาฟองฟางก็เลื่อนแขนโอบครามสมุทรไว้ โถมตัวเบียดอกแกร่งของเขา ซบแก้มกลมๆ บนไหล่ ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดครามสมุทร



เขาไม่ผลักไส ไม่ไล่ให้อีกคนออกไปไกลๆ...เพราะทั้งหมดมันคือความต้องการ ครามสมุทรเต็มใจ



ครามสมุทรวางมือบนศีรษะเล็กๆ ลูบผมนุ่มเบาๆ ปลอบฟองฟางที่ตัวสั่นเพราะสะอื้น



“คราม”



“ว่าไง”



ฟองฟางเลิกเงยหน้ามองคนตัวสูง ขยับออกห่างเลิกน้อยเพื่อให้สบตากับเขาได้เต็มๆ ดวงตาสวยคู่นั้นแดงก่ำ ระเรื่อน้ำ



สวย...สะกดให้หลง...น่ามอง



“โกรธเรามั้ย”



“โกรธเรื่องอะไร”



“โกรธเรามั้ย...”



“เรื่องอะไรล่ะ”



“ครามสมุทร”



“ครับ”



เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าผากออก ทัดผมที่คลอเคลียกรอบหน้าฟองฟางไว้หลังใบหู ใช้สายตามองโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบของคนตัวเล็ก ใบหน้าที่ทำให้เขาต้องกระชับแขนคล้องเอวไว้แน่นกว่าเดิม



ครามสมุทรมองดวงตาหวานฉ่ำที่ใช้มองเขามาตั้งหลายเดือน มองแพขนตาหนางอนงามที่เมื่อสัมผัสแล้วนุ่มนวลเหมือนใบหน้าของอีกฝ่าย มองจมูกที่โด่งสวย มีความโค้งมนเป็นรูปลักษณ์ชัดเจน เลื่อนสายตามองริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูที่ตอนนี้แดงระเรื่อ มันเผยอเหมือนรอให้เขาครอบครองทุกครั้ง



“ถ้าบอกจะโกรธมั้ย”



“ไม่รู้ ลองบอกมาก่อน”



น้ำเสียงงอแงแบบนั้นเขาไม่รู้ว่าถ้าสร่างเมาแล้วฟองฟางจะจำได้บ้างมั้ยว่าคืนนี้ตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง



“เราชอบคราม”



“อือ”



“ชอบมากๆ เลยนะ”



“ครับ”



แล้วก็เป็นครามสมุทรที่เป็นฝ่ายถูกจูบครั้งที่สอง ฟองฟางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ฝากสัมผัสเบาๆ บนริมฝีปากก่อนผละออกมาจ้องหน้าครามสมุทรเหมือนเดิม



“แต่กลัวครามรังเกียจ”



“ไม่หรอก”



“จริงๆ นะ”



“จริงๆ”



“เราชอบครามมากๆ เลย”



จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ



ทิ้งจูบสั้นๆ บนริมฝีปากหลายต่อหลายครั้ง ยืนยันผ่านการกระทำว่าฟองฟางชอบครามสมุทรมากจริงๆ และไม่กี่นาทีต่อมาฟองฟางก็ซบหน้าบนอกแกร่งของเขา นิ่งไปพร้อมกับลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอ



หลับแล้วตัวป่วน



ครามสมุทรค่อยๆ ช้อนตัวฟองฟางขึ้นช้าๆ ก่อนจะวางอีกคนลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ จัดแจงกับเสื้อยืดอีกคนที่เลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวๆ ปัดผมที่ปรกหน้าผากออกอย่างเบามือ ทะนุถนอมฟองฟางให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



ครามสมุทรคุกเข่าตรงหน้าฟองฟางอยู่อย่างนั้น เขามองใบหน้าคนตัวขาวสลับริมฝีปากอวบๆ...จิตใต้สำนึกของครามสมุทรสั่งให้โน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ...ใกล้จนได้ครอบครองริมฝีปากแดงฉ่ำหวานอีกครั้ง



ครามสมุทรขยับกลีบปากบดคลึงริมฝีปากของฟองฟางเบาๆ อ้อยอิ่ง เนิบนาบมากที่สุด ละเลียดจูบจนคนที่นอนอยู่ร้องฮื่อเบาๆ ถึงได้ผละออก



‘เราชอบคราม’



‘ชอบมากๆ เลยนะ’



‘แต่กลัวครามรังเกียจ’



จะรังเกียจได้ยังไง ในเมื่อ...เขาเองก็ชอบฟองฟางเหมือนกัน



“ฝันดีครับ” จูบหน้าผากบอกฝันดีคนเมา ครามสมุทรรั้งฟองฟางเข้ามากอดไว้แน่น กระซิบความในใจแผ่วเบาให้อีกคนรับฟัง...ถึงฟองฟางจะไม่รับรู้ก็ไม่เป็นไร



“ขอบคุณที่บอกอีกครั้ง”



ขอบคุณที่บอกว่าชอบ

ขอบคุณที่ทำให้มั่นใจว่าในใจของฟองฟางจะมีแค่เขาที่วนเวียนอยู่ในนั้น

 

 

 

 

 

 

#ฟองฟางครามสมุทร




เดี๋ยวก็ถนอมเขา เดี๋ยวก็ฉวยโอกาสเขา
ครามสมุทรนี่เป็นคนยังไงกันแน่นะ~
 :mew1:


หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-01-2019 12:41:19
เนี่ยฟองบอกตั้งสองรอบละครามจะไม่บอกฟองบ้างอ่อ  :katai4: ถ้ายังไม่บอกก็ไปเลยนะ อย่ามายุ่งกับลูกชั้น
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-01-2019 12:57:06
อร๊ายย ครามกะฟองฟางฟินกันไป ส่วนแยมเมาตกทะเลไปละ 55555
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-01-2019 20:44:33
โถฟองฟางน่าเอ็นดู  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 17-01-2019 22:29:55
ละมุนมากแต่พอตื่นมาฟองก็ลืม 555
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-01-2019 16:31:23
อยากให้แยมแกล้งๆเมาละแอบอยู่หลังประตู อยาหเห็นคนโดนแซวละเขินอีกก เมาแล้วลวนลามเขาตลอดเลยนว้องงงฟองงงงง :กอด1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-01-2019 15:35:24
ไม่มีใครอัดคลิปให้นะคราวนี้ ไม่มีหลักฐาน  o18
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 10 - up 17.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 23-01-2019 22:10:41
สนุกมากจ้า
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 11 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 26-01-2019 10:31:04

11



คอยอยู่ข้างกัน

ให้ความรู้สึกแทรกซึมในหัวใจ

 



ฟองฟางนั่งก้มหน้าเช็กมือถือระหว่างที่หูก็ฟังเสียงบาสกระทบพื้น เสียงเท้าคนนับสิบวิ่งดังกระหึ่ม เสียงเป่านกหวีด หรือแม้แต่เสียงตะโกนของโค้ชกับนักกีฬาไม่ได้ทำให้ฟองฟางรู้สึกรำคาญเลยสักนิด



ฟังจนชินแล้ว เพราะเขานั่งฟังแบบนี้มาเกือบเดือน



ตอนนี้ฟองฟางนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ในโรงยิมที่จะใช้เป็นสถานที่แข่งบาสอีกสองวันข้างหน้า แต่ไม่ได้นั่งดูนักกีฬาซ้อมหรอกนะ ฟองฟางเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อย่างเดียวเพราะอายเกินกว่าที่จะเงยหน้ามองไปที่สนาม



ก็เพราะว่ามองไปทีไร มักจะเจอแต่สายตาของครามสมุทรคนเดียวทุกที



นี่ไม่ได้คิดไปเองจริงๆ...ตอนแรกฟองฟางรู้สึกเหมือนว่าครามสมุทรจะคอยมองมาที่เขาทุกครั้ง เหมือนมองให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้หรือเปล่า แล้วทำอะไรอยู่



ก็อยู่ตรงนี้แหละ อยู่กับครามสมุทรเสมอ



หนีไปไหนไม่รอดหรอก

 

Yammy: Send a photo

Yammy: มึงว่าครามรูปนี้เหมาะกับแท็ก #ภูเก็ตเผ็ดขนาดไหน มั้ย

Yammy: ขออนุญาตเอารูปนี้โพสต์เฟซบุ๊กได้ป่ะคะน้องฟองฟาง

.ff: มาขอกูทำไมอ่ะ

.ff: ไปขอเจ้าตัวนู่น

Yammy: เจ้าตัวให้กูมาถามมึงว่ะ คึคึ

 

ฟองฟางขมวดคิ้วเกาหัวแกร็กๆ...รูปที่แยมส่งมาให้ดูแล้วถามว่าลงได้มั้ยมันเป็นรูปแผ่นหลังของครามสมุทรที่กำลังหันหน้าให้ท้องทะเลอยู่บนเกาะที่เป็นชื่อเดียวกับคนในรูป ฟองฟางจำได้ว่ารูปนั้นเป็นฝีมือการถ่ายของเขาเอง แต่มันเป็นกล้องของแยม รายนั้นเลยต้องมาขอนู่นขอนี่กับคนในภาพ...รวมทั้งมาขออนุญาตคนถ่ายอย่างเขาด้วย



ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาถาม ในเมื่อคนในภาพคือครามสมุทรไม่ใช่เขาสักหน่อย



หมู่นี้...ครามสมุทรชักจะอะไรๆ ก็ฟองฟางมากเกินไปแล้ว



‘ไอ้คราม วันนี้กูขอติดรถไปลงห้างหน่อยได้ป่ะ’

‘ไม่รู้ ถามฟองดูก่อน’

‘เอ้าไอ้สัด มึงเป็นเจ้าของรถ...’

‘ฟองต้องกลับด้วย’

‘โอ้โหเพื่อนกู’



อะไรประมาณนั้นเลย...



มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่หลังจากที่ครามสมุทรจูบฟองฟางในวันเกิดคืนนั้น เช้าวันต่อมาครามสมุทรก็ทำตัวสนิทสนมกับเขาทั้งๆ ที่ปกติก็ต่างคนต่างอยู่ ฟองฟางไม่ต้องแอบมองครามสมุทรจากระยะไกลเพราะอีกฝ่ายมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ตลอด



จนกระทั่งพวกเขากลับจากภูเก็ต ฟองฟางก็คิดว่าทุกอย่างมันคงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่เลย…มันดีกว่าเดิม เหมือนจะสนิทกันมากขึ้น



ครามสมุทรให้ฟองฟางติดรถกลับบ้านด้วยทุกวัน ให้ไปรอที่โรงยิมทุกวันเพื่อรออีกคนซ้อมบาส รอกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารข้างทางด้วยกัน...ถ้าวันไหนฝนไม่ตกน่ะนะ



พอนึกแล้วหน้าก็ร้อนผ่าวๆ จนต้องหยิบน้ำเย็นๆ มาจิบ ให้ความร้อนที่หน้ามันหายไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ย ฟองฟางนึกไม่ถึงมาก่อนเลยจริงๆ ว่าครามสมุทรจะเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย กินได้ทุกอย่างไม่ว่าจะของเผ็ดของดองหรือร้านข้างทางทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็ดูจะเป็นลุคลูกคุณหนูบ้านคนรวยขนาดนั้น



จุดๆ นี้...โคตรจะประทับใจเลย

 

.ff: งั้นก็ไม่รู้แล้ว

Yammy: อย่ามาทำเป็นไม่รู้ห่าอะไร

Yammy: กูขอถามตรงๆ ในฐานะเพื่อนที่โคตรสนิท

Yammy: มึงกับครามคบกันอยู่ใช่ป่ะ

 

พรวด!



“แค็กๆ”



น้ำเปล่าที่กำลังกลืนลงคอพุ่งออกจากปากทันทีที่อ่านแชตจบ ฟองฟางรีบเอามือเช็ดปากลวกๆ พลางหันซ้ายหันขวามองว่าบนอัฒจันทร์มีใครนั่งอยู่ใกล้ๆ บ้าง จะมีใครเห็นหรือเปล่าว่าเมื่อกี้เขาเผลอทำอะไรแปลกๆ...แล้วก็เจอกับนักศึกษาผู้หญิงห้าถึงหกคนหน้าเดิมๆ ที่มานั่งเฝ้าแฟนซ้อมบาส โชคดีแล้วที่ไม่มีใครสนใจฟองฟางสักคน

 

.ff: ตลกแล้วแยม

Yammy: ไม่ตลก ตอนกูพิมพ์ถามกูทำหน้าจริงจังมากๆ

Yammy: มึงสองคนทำตัวอย่างกับแฟนกัน

Yammy: ถามหน่อย แต่ก่อนมึงกลับบ้านเองได้ตลอด

Yammy: เดี๋ยวนี้คือไรวะ ต้องไปนั่งรอครามซ้อมบาสแล้วก็กลับพร้อมมัน

Yammy: ไม่ให้กูคิดว่าคบกันแล้วให้กูคิดว่าอะไร

.ff: i___i

Yammy: เขินอ่ะดิ๊

.ff: กูไม่คุยด้วยแล้วนะแยม

Yammy: ตามใจมึง แต่บอกกูมาก่อนว่ารูปครามอ่ะลงได้มั้ย

.ff: ไปถามเจ้าตัวเอาเองดิ

Yammy: สัด งั้นกูลงละ เบื่อพวกมึงจริงๆ

Yammy: อย่าให้กูรู้นะว่าคบกันแล้วไม่บอก

 

ฟองฟางล็อกหน้าจอโทรศัพท์พร้อมๆ กับเสียงนกหวีดที่ดังขึ้นพอดี คนตัวขาวเงยหน้ามองไปในสนาม ตอนนี้คงเลิกซ้อมแล้วละมั้งเพราะเมื่อกี้โค้ชปรบมือเรียกให้ทุกคนเข้าไปยืนรวมกลุ่มกันตรงข้างสนาม



คนตัวขาวคลี่ยิ้มเมื่อเห็นครามสมุทรใช้หลังมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผากลวกๆ และหันไปกระดกน้ำจากขวดน้ำของช็อปลงคอเพราะขวดน้ำของตัวเองน่ะอยู่กับฟองฟาง



ก็นั่นแหละ จะไม่ให้แยมคิดว่าคบกันได้ยังไง อะไรที่เป็นของครามสมุทรอีกฝ่ายก็ฝากไว้กับฟองฟางหมด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเป้ โทรศัพท์ เสื้อกับกางเกงนักศึกษาที่เอาไปแขวนในห้องน้ำก็ได้แต่ครามสมุทรกลับเอามาฝากไว้ที่เขา ขวดน้ำที่ควรจะวางไว้ข้างสนามยังเอามาให้ฟองฟางถือเลย



หรือแม้กระทั่งผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อที่พักเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งขึ้นมาบนอัฒจันทร์เพื่อหยิบไปซับเหงื่อบนหน้า เสร็จแล้วก็วางไว้บนแขนขาวๆ ของฟองฟางเหมือนเดิม



ฝากของส่วนตัวไว้กับฟองฟางหมดแล้ว



เหลือฝากหัวใจนี่แหละ



ถ้าครามสมุทรเอ่ยปากฝากเมื่อไหร่ ฟองฟางคงล้มตึงนอนตายเมื่อนั้น



ฟองฟางมองแผ่นหลังกว้างๆ ของครามสมุทรที่ยืนเท้าเอวหันหลังให้ เพราะครามสมุทรเป็นผู้ชายเฮลตี้มากๆ ทำให้สัดส่วนบนร่างกายของเขาเพอร์เฟ็กต์ไปหมด ขายาวๆ ได้เปรียบมากเวลาแข่งบาส แล้วคณะวิทยาศาสตร์ก็มีแต่ผู้ชายตัวสูงลงแข่งทั้งนั้น...การแข่งขันที่จะถึงนี้ ฟองฟางคิดว่าคณะวิทยาศาสตร์มีเปอร์เซ็นต์ชนะสูงแน่ๆ



“โอเค ขอบคุณทุกคนครับ วันนี้แยกย้ายไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้พี่ปล่อยให้รีแล็กซ์ก่อนแข่งจริงหนึ่งวัน แต่อย่าลืมวินัยด้วยนะครับ น้องๆ คือความหวังของคณะ ขอบคุณครับ”



เสียงโค้ชที่เป็นรุ่นพี่ปีสามดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฮดังๆ ของนักกีฬา ใช่ วันนี้ซ้อมวันสุดท้ายก่อนแข่งจริง ทีมนี้ซ้อมกันมาหนักหน่วงตั้งแต่เปิดเทอมแรกๆ คงฟิตกันน่าดู



เพื่อนคนอื่นกระจายตัวกันเข้าห้องน้ำบ้าง กลับบ้านเลยบ้าง เช่นเดียวกับนักศึกษาผู้หญิงที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ พวกเธอก็ลุกไปหาแฟนในสนามแล้วเดินออกจากโรงยิมไป ส่วนฟองฟางก็นั่งทำตาแป๋วตอนที่ครามสมุทรเดินตรงมาทางนี้



“น้ำหน่อย” คนตัวสูงนั่งลงข้างๆ ฟองฟาง ยื่นมือขอขวดน้ำจากเขา



“เมื่อกี้เห็นแย่งช็อปกินน้ำ นิสัย...”



“คอแห้งให้ทำไง”



“แทนที่จะเอาน้ำไปไว้ข้างสนาม แต่เอามาฝากไว้ที่เราซะงั้น”



“คราวหน้าบริการให้หน่อย เดินไปเสิร์ฟถึงสนามก็ได้”



“ให้เพื่อนครามล้อเอาน่ะเหรอ”



เอี้ยวหน้ามองคนตัวสูงที่นั่งข้างๆ ครามสมุทรนั่งเอนตัวไปข้างหน้าวางท่อนแขนไว้บนหน้าขา นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบขวดน้ำเอาไว้



“ฝนตกแล้ว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วคราม” ตกแรงด้วย...



ตอนนี้ครามสมุทรอยู่ในเสื้อกีฬาสีส้มสลับดำแขนสั้น กางเกงยาวเท่าเข่าตัวใหญ่ หน้าเปื้อนเหงื่อดูเซ็กซี่หล่อดีไปอีกแบบ ผมเส้นตรงสีดำชี้ไปคนละทิศคนละทางแต่ก็ไม่ทำให้ครามสมุทรหลุดจากคราบเดือนมหา’ลัยไปได้หรอก



“เดี๋ยวก่อน ร้อน” บอกแบบนั้นฟองฟางเลยหยิบพัดลมใส่ถ่านมากดเป่าให้คนข้างๆ



ตอนนี้เพื่อนร่วมทีมทยอยออกไปจากโรงยิมจนเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ช็อปกับเพื่อนอีกสาม-สี่คนที่ยังไม่ออกจากห้องน้ำ



ครามสมุทรหันหน้ามองฟองฟาง ร่างสูงหรี่ตาคมเล็กน้อย สบกับดวงตาสวยๆ ของฟองฟางที่ประกายไปด้วยความสุข พลังบวก และอะไรสักอย่างที่ดึงดูดให้อยากมองไปนานๆ



“มองนานไปแล้วคราม”



“อือ”



“...”



เสียงครางสั้นๆ พร้อมกับศีรษะหนักๆ ของอีกคนที่เอนลงซบไหล่ของฟองฟางเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน



“เฮ้ย ทำงี้ได้ไงอ่ะ”



ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่เชื่อเถอะว่าฟองฟางโคตรจะมีความสุขเลย มีความสุขที่เป็นหมอนใบเล็กๆ ให้ครามสมุทรพิงเวลาเหนื่อย



“ลุกไปเลยนะคราม”



“ขอนอนแป๊บเดียว”



นานๆ ก็ได้



“เช็ดเหงื่อให้หน่อย”



“ง่อยกินแล้วแน่ๆ”



“ถ้าเช็ดให้ยอมเป็นง่อยก็ได้”



ฟองฟางกลั้นยิ้มแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวเช็ดตามกรอบหน้าหล่อเหลาของอีกคน



“ฟอง”



“อื้อ”



“วันนี้ขอค้างที่บ้านได้มั้ย”



“บ้านตัวเองออกจะใหญ่แต่ชอบไปนอนบ้านคนอื่น”



“ได้มั้ย”



ฟองฟางเม้มปากเบาๆ ครามสมุทรก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ฟองฟางไม่เคยปฏิเสธครามสมุทรเลยสักเรื่อง แต่กลับเต็มใจมากๆ ซะอีก



“ไปก็ไป”



“ขอบคุณ”



“อื้อ สบายมาก”



ฟองฟางต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ



ขอบคุณจริงๆ ที่ทำแบบนี้

ขอบคุณจริงๆ ที่ไม่รังเกียจกันเลย







*****





 

เสียงกับกลิ่นอายของสายฝนทำให้คนที่รับหน้าที่ถือร่มคันสีฟ้าต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ เพราะว่าตอนนี้มีคนที่ตัวสูง 187 เซนติเมตรกำลังเดินโน้มตัวอยู่ในร่มคันเดียวกัน



เจ้าของแก้มขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแดงปลั่งเพราะเขินอยู่คนเดียวก้มหน้ามองพื้นแฉะๆ แต่พอยิ่งก้มมือข้างที่ถือร่มก็ยิ่งเตี้ยลงกว่าเดิมจนชนศีรษะของคราสมุทร



“ถือร่มสูงๆ หน่อย”



“ครามก็ย่อตัวอีกหน่อยได้เปล่า”



ย่อกว่านี้ครามสมุทรก็นั่งแล้ว



ฟองฟางหันไปยิ้มให้คนที่สะพายกระเป๋าเป้สองใบ ใบหนึ่งเป็นของเขาส่วนอีกใบก็ของคนตัวสูงที่กำลังหันมามองหน้ากันอยู่นั่นแหละ มือทั้งสองข้างของครามสมุทรไม่ว่างเพราะถือชุดกับเข็มขัดนักศึกษา ไหนจะขวดน้ำ โทรศัพท์มือถืออีก ฟองฟางเลยอาสาถือร่มให้



เตี้ยกว่าก็งี้ ก็ถือได้ในระดับความสูงของตัวเองนั่นแหละ ครามสมุทรเลยต้องคอยก้มตัวอยู่ตลอด



“ไม่”



ตอบสั้นๆ กับน้ำเสียงที่ใครฟังก็ต้องรู้ว่าครามสมุทรกำลังกวนโอ๊ยกันอยู่ ฟองฟางบุ้ยปากใส่อีกคน เดินช้าลงกว่าเดิมเพราะวันนี้ไม่มีอะไรต้องรีบถึงแม้ว่าตอนนี้จะดึกมากแล้วก็ตาม



“งั้นเราเขย่งเองก็ได้”



ฟองฟางหันไปตอบอีกคนพลางเขย่งปลายเท้าไปด้วย คนตัวเล็กเม้มปากแน่น กลั้นหายใจสุดฤทธิ์เมื่อต้องยืนด้วยปลายเท้า ตัวก็โอนเอนเพราะไม่ชินที่จะต้องทำอะไรแบบนี้ ตากลมๆ เหลือบมองตาคมของครามสมุทรด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความประหม่า



“ฟอง ยืนดีๆ”



“อื้อ แบบนี้ก็ได้”



เอื้อมมือไปจับสายกระเป๋าของครามสมุทรไว้ แต่ขายังสั่นและการทรงตัวก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ฟองฟางยิ้มแหยเพราะจังหวะที่ขยับตัวโซซัดโซเซ ร่มคันนี้ก็ไม่ได้บังฝนให้ครามสมุทรเลยจนอีกคนเริ่มเปียก



“ขอโทษๆ เฮ้ย!”



“...”



คนที่ทรงตัวไม่ดีเกือบได้ล้มตึงลงไปจริงๆ แล้วถ้าครามสมุทรไม่คว้าเอวเอาไว้ คนตัวสูงขมวดคิ้ว กระชับท่อนแขนที่โอบเอวบางของฟองฟางไว้แน่น ส่ายหน้าเบาๆ เพราะฟองฟางเล่นไม่รู้เรื่อง ถ้าเมื่อกี้พลาดล้มลงไปแล้วเขารับไว้ไม่ทันคงได้มีเจ็บตัวแน่ๆ



“ขอบคุณนะ...”



“ระวังหน่อย”



“อื้อๆ” ปล่อยได้แล้วมั้ง…



ในใจตะโกนบอกครามสมุทรแบบนี้แต่ปากกลับไม่กล้าพูดออกไปแม้แต่คำเดียวเลยด้วยซ้ำ เพราะแค่เห็นแววตาดุๆ ของเขาที่มองมาฟองฟางก็กลัวไปหมดแล้ว



ฟองฟางค่อยๆ กำมือที่วางบนแผ่นอกกว้างของครามสมุทร ตอนนี้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด จะทุบอกให้อีกคนปล่อยก็ไม่กล้า จะพูดก็ไม่กล้า แม้แต่หายใจยังไม่กล้าเลย



ทำได้แค่กะพริบตาปริบมองมืออีกข้างที่จับร่มไว้แน่นสลับกับมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้านี่แหละ...มองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งครามสมุทรยอมปล่อยให้ฟองฟางเป็นอิสระสักที



แต่ปล่อยได้แป๊บเดียวเท่านั้นไหล่แคบๆ ของฟองฟางก็ถูกโอบด้วยแขนแกร่ง ครามสมุทรรั้งฟองฟางไว้ในอ้อมแขน



ตามทางที่พวกเขาเดินมันมืดสนิท แต่มีแสงไฟจากเสาไฟฟ้าให้ความสว่าง ฟองฟางเงยหน้ามองเม็ดฝนที่ตกลงมา แสงไฟที่ส่องจนเห็นละอองฝนดูโรแมนติก ดูอบอุ่นเหมือนกับแขนของครามสมุทรที่โอบไหล่เขาอยู่ในตอนนี้มากๆ



‘กูว่าเซ้นส์กูไม่ผิด’

‘ไอ้ครามชอบมึงชัวร์’



เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใช้เซ้นส์ใครก็ดูออก ที่ผ่านมาฟองฟางรู้ แค่ไม่มั่นใจ

แต่ตอนนี้...ก็คงจะมั่นใจได้แล้วมั้ง : )







*****





 

“ดะ เดี๋ยว...ขอพักก่อน” ฟองฟางก้มตัวเอามือยันเข่าไว้ หอบหายใจแฮ่กๆ เพราะเหนื่อยกับการออกกำลังกาย นี่แค่วิ่งสลับเดินได้แค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้นฟองฟางก็หายใจไม่ทันแล้ว



“นั่งก่อนมั้ย”



“...ไม่ๆ แป๊บเดียวก็หายเหนื่อยแล้ว” เงยหน้ามองคนที่ใช้ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบหลัง



ฟองฟางห่างหายจากการออกกำลังนานมากๆ น่าจะตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว พอเช้านี้ได้มาวิ่งเหยาะๆ เคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้งก็เหนื่อยเอาเรื่องสุดๆ



“นั่งก่อน”



“ไม่ได้เรื่องเลยเนอะ”



“ไม่หรอก แรกๆ ก็แบบนี้”



ฟองฟางยิ้มแหยก่อนขยับตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่ใกล้ๆ



ที่วันนี้เขาตื่นเช้าทั้งที่มีเรียนเที่ยงก็เพราะว่าเมื่อคืนสัญญากับครามสมุทรไว้ว่าจะออกมาวิ่งเป็นเพื่อน จริงๆ เขาจะนอนแผ่บนที่นอนสบายๆ ต่อก็ได้เพราะครามสมุทรไม่ได้ขอร้องให้ออกมาด้วย แต่ฟองฟางอยากออกมาวิ่งกับครามสมุทรเอง



ก็นั่นแหละ เมื่อคืนครามสมุทรค้างที่บ้านฟองฟาง...ตอนนี้คุณแม่ได้ลูกชายเพิ่มอีกคนแล้ว แถมคนนี้หล่อมากๆ ด้วย



“กลับเลยมั้ย”



“ปกติครามวิ่งแค่นี้เหรอ ห้าร้อยเมตรเองนะ”



“สิบห้ากิโล”



“โห...”



“เหนื่อยก็กลับ อย่าฝืน”



“อยากวิ่งให้ได้เยอะๆ แบบครามบ้างอ่ะ”



“มันต้องใช้เวลา”



ผงกหัวและนวดน่องตัวเองอยู่อย่างนั้น ฟองฟางหน้าเจื่อนเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงครามสมุทรชัดๆ แทนที่อีกคนจะได้วิ่งฟิตร่างกายสำหรับแข่งในวันพรุ่งนี้ แต่ต้องมานั่งมองขาของเขาแทน



“ครามไปวิ่งต่อเลยก็ได้นะ เดี๋ยวเรานั่งพักแป๊บหนึ่งแล้วจะวิ่งตามไป”



“ไม่” คนตัวสูงส่ายหัวพร้อมกับขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งบนพื้นหญ้า



และฟองฟางก็ต้องร้องเฮ้ยออกมาดังๆ เมื่อจู่ๆ ครามสมุทรก็จับท่อนขาของตัวเองขึ้นไปวางไว้บนหน้าตักของคนตัวสูง ครามสมุทรล็อกข้อเท้าเขาไว้ด้วยมือหนา ค่อยๆ ใช้มืออีกข้างบีบน่องตรงจุดที่ฟองฟางรู้สึกปวดและตึงอย่างช้าๆ



“ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน เดี๋ยวเจ็บตัว” ฝ่ามืออุ่นๆ ของคนสูงกว่าทำให้ฟองฟางรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก



ไม่รู้เลยว่าถ้าคนที่นั่งตรงหน้าฟองฟางคือคนอื่น ไม่รู้เลยว่าถ้าคนที่นวดน่องให้เป็นคนอื่น...ฟองฟางจะรู้สึกแบบนี้หรือเปล่า



รู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกดีใจจนอยากยิ้มกว้างๆ



“ไม่ต้องวิ่ง กลับบ้านไปหายานวดดีกว่า น่องแข็งแล้ว”



ฟองฟางเพลินไปกับน้ำเสียงทุ้มๆ ที่ฟังแล้วอบอุ่นใจจนอยากได้ยินไปเรื่อยๆ



แค่มือหนาที่นวดให้อยู่ก็เป็นเหมือนยาที่ดีที่สุดสำหรับฟองฟางแล้ว



ไม่ต้องพึ่งยานวดก็ได้ : )



“ฟองฟาง” เงยหน้ามองคนตัวขาวที่นั่งห่อไหล่อยู่บนนั้น ฟองฟางมองตาคมๆ ของอีกฝ่ายที่เป็นสีน้ำตาลเข้มลึกลับน่าค้นหา เป็นดวงตาคู่เดียวที่เขาอยากมองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ



ครามสมุทรส่งยิ้มมุมปากจางๆ เป็นยิ้มที่ทำให้ฟองฟางยิ้มตามเพราะไม่ได้เห็นบ่อยนักหรอก



“พรุ่งนี้ไปเชียร์ด้วยนะ”



“...”



“ไปเป็นกำลังใจให้หน่อย”



“นี่อ้อนเราอยู่ใช่มั้ย”



ชอบทำให้ตกหลุมจนถอนตัวไม่ขึ้น



“ไม่ชอบเหรอ”



“ชอบสิ...ชอบมากๆ เลย”



“งั้นก็ชอบไปเรื่อยๆ”



“...”



“อย่าเพิ่งเลิกชอบแล้วกัน”



“อื้อ...เราไม่เลิกชอบง่ายๆ หรอก”



ก็ฟองฟางชอบครามสมุทรมากๆ ขนาดนี้...

จะให้เลิกชอบง่ายๆ ได้ยังไง

 

 




#ฟองฟางครามสมุทร



หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 11 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 26-01-2019 10:52:43
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 11 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-01-2019 11:14:04
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 11 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-01-2019 12:45:19
หวานเกิ๊น
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 12 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 26-01-2019 14:20:45



12



อยู่ในสถานะอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ดูแลใกล้ๆ ก็พอ




ฟองฟางพาหัวหนักๆ ของตัวเองออกจากห้องเรียน เดินเอื่อยๆ ไปตามทางเชื่อมที่จะไปยังโรงยิมซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันบาสเก็ตบอลของสี่คณะในวันนี้ ฟองฟางรู้สึกว่าช่วงเช้าน่าจะเป็นการแข่งของคณะนิเทศศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่วนช่วงบ่ายนี่เขามั่นใจมากๆ เพราะเป็นการแข่งขันของคณะบริหารกับวิทยาศาสตร์



แล้วก็เป็นช่วงบ่ายที่ฟองฟางต้องไปให้กำลังใจเพื่อนๆ...ให้กำลังใจใครคนนั้นที่ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เช้าว่าอย่าลืมไปเชียร์



ถึงจะปวดหัวจากวิชาแคลคูลัสมากแค่ไหนแต่ฟองฟางก็ยิ้มออกเพราะครามสมุทร แต่มันเป็นยิ้มไม่ค่อยกว้างและไม่สดใสเท่าไหร่เพราะฟองฟางรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองจะไม่สบายจริงๆ



“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ มึงยังเครียดเรื่องแคลคูลัสอยู่เหรอ...กูบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเสาร์นี้ติวให้”



“น่าจะใช่ ร้อนๆ หนาวๆ ด้วย”



“อากาศเปลี่ยนก็งี้ เมื่อเช้าฝนตกหนักฉิบหาย แต่วันนี้แดดโคตรร้อน” เชียร์บาสวันนี้มัทก็ไปด้วย ส่วนแยมหนีไปกินปิ้งย่างที่ห้างกับเตเต้เพราะรายนั้นไม่ชอบกีฬามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว



ก็นั่นแหละ ตอนนี้ฟองฟางเดือนเอื่อยๆ อยู่ข้างมัท อยากเร่งตัวเองให้เดินไวกว่านี้แต่ร่างกายไม่ให้ความร่วมมือ ฟองฟางปวดหัวตุบๆ ไปหมดแล้ว คิดว่าหลังจากที่ครามสมุทรแข่งบาสเสร็จคงต้องรีบกลับบ้านไปกินยาแล้วนอนพักผ่อน



“ไม่ไหวก็กลับบ้านมั้ยวะ ฝืนไปนั่งตากแอร์ในโรงยิมเดี๋ยวอาการมึงก็แย่”



“ไม่เอา อยากดูเพื่อนแข่งบาส”



“อยากเพื่อนหรืออยากดูไอ้ครามกันแน่มึงน่ะ”



“ครามก็เพื่อนมั้ยล่ะ”



“อ้าวเหรอ กูนึกว่าพวกมึงเป็นแฟนกันแล้วซะอีก”



“ตลกเหมือนแยมอีกแล้วนะมึง ถ้าเป็นแฟนก็ต้องบอกให้รู้มั้ย เพื่อนทั้งคนนะเนี่ย”



“เผื่อพวกมึงไม่อยากให้ใครรู้ไง แบบว่ากุ๊กกิ๊กกันสองคนมันจั๊กจี้ใจดีไรงี้”



“ไปเหอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง”



“บอกตัวมึงเถอะฟอง เดินช้าขนาดนี้เมื่อไหร่จะถึง”



“ก็อย่าชวนคุยดิ ไม่มีสมาธิเดินแล้วเนี่ย”



ยู่ปากเพราะไม่อยากเถียงกับมัทแล้ว พอรู้สึกป่วยก็เป็นแบบนี้ทุกที ฟองฟางอยากนั่งหรือนอนเฉยๆ ไม่อยากคุยกับใคร แต่อยากงอแงกับใครสักคน ซึ่งมัทนั่นแหละที่เจอฟองฟางในโหมดนี้บ่อยที่สุด



พากันเดินไปเรื่อยๆ จนขึ้นบันไดโรงยิม ฟองฟางเคลื่อนไหวช้าจริงๆ จนมัทที่เดินนำไปสองก้าวต้องหมุนตัวกลับมาคว้าคอคนที่ทำหน้ายุ่ง



“เชี่ย ตัวมึงร้อนมากเลยฟอง” แขนที่สัมผัสกับคออีกคนรับรู้ได้ถึงไอร้อนผ่าว มัทจับแก้มจับหน้าผากของฟองฟางสำรวจอาการคนป่วย “มึงกลับบ้านมั้ยฟอง เดี๋ยวกูไปส่ง”



“ไม่เอา เข้าไปนั่งในนั้นเดี๋ยวก็หาย”



“ตัวมึงร้อนขนาดนี้ยังจะดื้อ”



“กูไม่อยากเดินไปไหนแล้วมัท” บอกแบบนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาทำท่าเหมือนคนจะร้องไห้จนมัทต้องโอบคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดโอ๋เหมือนเด็กน้อย



มัทโยกตัวฟองฟางเบาๆ ในขณะที่ไหล่ซ้ายก็ร้อนผ่าวเพราะหน้าผากของเพื่อนคนนี้แนบอยู่ ลูบผมนุ่มๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าฟองฟางดูแลยังไงถึงได้นุ่มขนาดนี้ นุ่มกว่าผมแยมด้วยมั้ง



“แล้วมึงจะเดินเข้าไปในโรงยิมไหวใช่มั้ย”



“ฮื่อ”



ครางตอบเบาๆ ยืนหน้ามุ่ยอยู่ในกอดของมัทจนกระทั่งคนสูงกว่าผละออกแล้วจับมือขาวๆ ที่ร้อนระอุมากุมเอาไว้ มัทพาคนที่หน้าโคตรจะงอแงเดินเข้าไปในโรงยิม ชะเง้อคอหาที่นั่งว่างๆ บนอัฒจันทร์ก่อนจะเดินลัดเลาะขึ้นไปบนที่นั่ง



คนเยอะพอสมควรเลย ฟองฟางที่ไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรงต้องจับมือจับแขนมัทไว้แน่นเพราะช่องระหว่างทางเดินกับที่นั่งมันเล็กมาก ถ้าก้าวพลาดอาจจะกลิ้งตกไปทับคนที่นั่งชั้นล่างๆ ได้



พอถึงที่นั่งคนตัวขาวก็หายใจยาวหนึ่งครั้ง ฟองฟางหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ ปล่อยมือมัทออกแล้วนั่งกอดตัวเองที่จู่ๆ ก็สั่นไปทั้งร่างกาย



“มึงหนาวเหรอฟอง”



“อือ จู่ๆ มันก็หนาวอ่ะ”



ถึงโรงยิมจะติดแอร์ก็จริง แต่พอคนจำนวนเยอะๆ มาอยู่รวมกันแอร์มันก็ไม่ได้เย็นอะไรมาก มัทที่ใส่เสื้อแจ็คเก็ตยีน Evisu ต้องถอดออกและเอาไปคลุมไหล่ของคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ข้างๆ เขาดึงไหล่ฟองฟางมาโอบเอาไว้



“เหมือนจะไม่สบายเลยว่ะ”



“ไม่เหมือน แต่มึงไม่สบายเลยต่างหาก”



“ไม่อยากเรียนแคลแล้วอ่ะ”



“ทำไงได้ มึงมาเรียนสาขานี้เอง”



“ซิ่วดีมั้ยดีมั้ยมัท”



“ถามจริง”



“ไม่รู้สิ ถ้ากูไม่ไหวก็ต้องซิ่ว”



“ลองดูก่อน เดี๋ยวกูช่วยติว”



“มึงติวให้กูมาตั้งแต่เริ่มเรียนแคลครั้งแรกแล้วนะ ไม่เห็นว่ากูจะฉลาดขึ้นเลย”



“แต่มึงสอบคณิตได้ท็อปตลอด แคลคูลัสที่ว่ายากมึงก็สอบแข่งจนคว้าเหรียญทองตัวแทนระดับจังหวัดมาได้อ่ะ มึงลืมไปแล้วเหรอวะ”



“ก็อันนั้นมันง่ายกว่านี้อ่ะมัท” ขมวดคิ้วยุ่งๆ ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้จริงๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้ฟองฟางน้ำตาคลอเบ้าเลยเพราะปวดหัวมากจริงๆ แล้วยังต้องมานั่งเถียงเรื่องคณิตที่แสนจะปวดหัวกับมัทอีกด้วย



จนกระทั่งทั่วทั้งโรงยิมมีเสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดกระหึ่ม ฟองฟางละสายตาจากมัทแล้วมองไปยังสนามที่มีนักกีฬากำลังวิ่งออกมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน



“มึงงงงง น้องครามสมุทรโคตรหล่ออ่ะ สูงมากกก ผัวมากกก”

“กูโคตรชอบหน้ายุ่งๆ ของน้องเขาเลยว่ะ มันเกรี้ยวกราดอ่ะ กูอยากโดนน้องเขาตบ อยากโดนเขาทำร้ายร่างกายจังเลย ฮือ”

“ถ้าน้องครามสมุทรได้ยินคงร้องไห้อ่ะ มีรุ่นพี่ในคณะแบบพวกมึงน่ากลัวจริงๆ”



ฟองฟางอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคุยกันของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ข้างหลังดังขึ้น ก็นั่นแหละ ครามสมุทรหล่อมากจริงๆ หน้านิ่งๆ ดูเย็นชายืนเอามือไขว้หลังในชุดนักกีฬาบาสสีส้มสลับกับสีดำ บางครั้งก็เอาดุ้นแก้ม บางครั้งก็ขมวดคิ้วหน่อยๆ



“อีเหี้ยๆ น้องครามสมุทรของพี่มองมาตรงนี้”

“น้องมองกูค่ะ โบกมือแป๊บ...น้องครามมม พี่ปุ๊กอยู่นี้น้า ตั้งใจเล่นนะครับคนดีของพี่”

“มโนเก่งจังอ่ะมึง น้องเขามองกู”



ครามสมุทรกำลังมองใครอยู่เขาไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นฟองฟางก็ยังจะยิ้มให้กับคนที่อยู่ในสนาม คนตัวเล็กชูสองนิ้วส่งให้ครามสมุทรและตามด้วยเสียงกรีดร้องของรุ่นพี่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลัง



ใช่ ครามสมุทรชูสองนิ้วกลับมาให้ แต่ว่า...



“น้องครามสมุทรทำนิ้วกระต่ายให้กู กรี๊ดดด”



ทำให้ฟองฟางหรือเปล่าก็ไม่รู้



“น้องมันจะทำให้มึงทำไมวะ กูละขำฉิบหาย หลงตัวเองกันดีจริง”



อือ ทำให้ใครก็ช่างเหอะ แค่ได้ส่งกำลังใจให้ครามสมุทรก็พอแล้ว



“คู่แข่งมึงเยอะน่าดู” มัทก้มมากระซิบเบาๆ เพราะรายนั้นเองก็ได้ยินเหมือนกันที่พวกรุ่นพี่สาวๆ ด้านบนกำลังชื่นชมครามสมุทรอยู่



ก็ครามสมุทรหล่อขนาดนั้น เก่งขนาดนั้น



“อ่อ แต่ลืมไปว่ะ ดูยังไงมึงก็ชนะขาด”



“ชนะขาดอะไร”



“กูไม่เคยเห็นคนอื่นได้นั่งปอร์เช่ไอ้ครามสักคน นอกจากไอ้ช็อปที่โคตรสนิท”



“ก็เพื่อน”



“ดูตาก็รู้แล้ว มันคิดกับมึงแค่เพื่อนที่ไหน”



“...”



“กูรู้อยู่แล้วว่ามึงชอบมันมากๆ แต่ตัวไอ้ครามเองอ่ะ แม่งเปลี่ยนไปเยอะเลย เห็นไอ้แยมบอกว่าเปลี่ยนไปตั้งที่มึงไปจูบ...”



“เงียบเลยมึง ตั้งใจดูเพื่อนแข่งได้แล้ว”



ฟองฟางยกมือกุมขมับเพราะเมื่อกี้ดันทำเสียงแข็งใส่มัทจนไอ้อาการปวดหัวมันกลับมาตุบๆ หนักๆ อีกครั้ง โชคดีนะที่มัทยอมเงียบไปง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องพูดซ้ำสอง แต่เงียบแล้วนั่งหัวเราะคนเดียวจนไหล่สั่นนี่น่ะสิ โคตรจะน่าหมั่นไส้เลย



ไม่นานกรรมการก็เป่านกหวีดเริ่มต้นการแข่งขัน ฟองฟางนั่งหัวหนักๆ มองครามสมุทรในสนามที่วิ่งเดาะบาสแล้วชู้ตลงห่วงจากระยะไกลจนเรียกเสียงกรี๊ดจากคนทั้งสนามได้ แล้วคนเก่งของทีมก็ทำแต้มให้ทีมอยู่หลายครั้ง



รู้มั้ย...ทุกครั้งที่ครามสมุทรทำแต้มได้ เขาจะหันมามองฟองฟางตลอด



แม้จะมองจากระยะไกล แต่ฟองฟางก็เห็นสายตาคมๆ ขอคนนั้นชัดเจน



และนั่นก็ทำให้หัวใจของคนที่นั่งเปื่อยๆ ฟูฟ่องขึ้นมาทันที



“ไม่ไหวก็พิงกูก่อน หรือจะกลับเลย”



“ไม่เอา ยังไม่จบเลย”



“เออๆ งั้นนอนมา”



มัทเอื้อมมือดันศีรษะของฟองฟางให้เอนซบไหล่ซ้าย ส่วนฟองฟางเองก็ทำตามไม่อิดออดอะไร ดวงตาคู่สวยฉายรอยยิ้มในนั้นอีกครั้งเมื่อครามสมุทรต่อเกมจากเพื่อนจนสามารถชู้ตบาสลงได้อีกแต้ม แล้วก็เหมือนเดิม...ครามสมุทรมองมาที่ฟองฟาง



เขาส่งยิ้มให้คนในสนาม ครามสมุทรวิ่งเหยาะๆ แต่สายตาของอีกคนเอาแต่จ้องมองมาที่ฟองฟางจนระทั่งครามสมุทรเผลอวิ่งไปชนกับร่างของคนในทีมคณะบริหาร



“ไอ้เหี้ยน้องครามโดนต่อย!”



“จะซัดกันแล้วมึง”



ฟองฟางที่ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ารีบลุกขึ้นยืนตามคนอื่นๆ 



ครามสมุทรแค่วิ่งไปชนไม่แรงจนเจ็บตัวสักหน่อย แต่คนที่ถูกชนคงโกรธเอามากๆ เลยซัดหน้าครามสมุทรด้วยหมัดหนักๆ ไปหนึ่งครั้ง ครามสมุทรเกือบเซล้มแต่ประคองตัวเองไว้ได้ ก่อนจะสวนหมัดกลับไปเต็มๆ ครามสมุทรทำท่าจะพุ่งเข้าชกอีกครั้ง โชคดีที่ช็อปกับคนในทีมมาห้ามไว้



“ใจร้อนกันทำไมวะ” มัทพึมพำหลังจากที่เหตุการณ์ตรงหน้าจบลงโดยมีกรรมการเข้ามาเคลียร์และตักเตือนทั้งสองฝ่าย



ฟองฟางนั่งลงเหมือนเดิม เพ่งมองครามสมุทรที่ยืนเท้าเอวก้มหน้ามองพื้น คนตัวสูงยกมือขึ้นมาขยี้ผมตัวเองจนมันยุ่ง



“น้องครามมองมาทางนี้จนใจกูสั่น”

“ก็มองกูเปล่าวะ”

“มึง เอาจริงๆ หรือแฟนน้องมันจะนั่งอยู่ในดงนี้วะ”

“ตลกละ กูรู้มาจากน้องช็อปว่าน้องครามยังไม่มีแฟน”

“หรือจะมองคนที่น้องมันชอบอยู่”

“คนคนนั้นก็คงเป็นกูแล้วล่ะ”

“สาธุ อย่าเพิ่งมีแฟนเลยนะลูกกก อยู่โสดๆ ให้พี่มโนว่าเป็นแฟนไปก่อนนะคะน้องคราม”



เสียงรุ่นพี่ข้างบนไม่สามารถดึงความสนใจของฟองฟางได้เลย ตอนนี้เขาเป็นห่วงครามสมุทรมากๆ จนไม่อยากจะนั่งเชียร์แล้ว อยากพาครามสมุทรกลับบ้านไปเลยมากกว่า



“ให้กูกอดมั้ย”



“ฮื่อ”



มัทโอบไหล่ฟองฟางเบาๆ รั้งเพื่อนที่ผิวขาวจัดให้มาอยู่ในอ้อมกอด เขาตัวสั่นมาก สั่นเพราะพิษไข้ สั่นเพราะกังวลใจที่ครามสมุทรโดนต่อยแบบนั้น อาหารปวดหัวมันทวีมากขึ้นกว่าเดิมจนฟองฟางอยากหลับตามากกว่าลืมตาแบบนี้



“ไม่ไหวก็นอนเหอะว่ะ ถ้าครามรู้ว่ามึงฝืนมาที่นี่มันคงไม่ดีใจด้วยหรอก”



“อยากมา ไม่ได้ฝืน”



“แต่มึงไม่สบายไง มันด่ามึงแน่ๆ”



“ครามไม่เคยด่ากู”



“มันชนน้องครามล้ม!”

“เชี่ยละ แขนหักเปล่าวะมึง ล้มแรงด้วยอ่ะ”

“ไล่มันออกไปเลยค่ะกรรมการ จงใจแกล้งน้องหนูชัดๆ”



เสียงตะโกนกับเสียงโห่ฮือฮาดังขึ้นจนฟองฟางที่กำลังคุยกับมัทอยู่ต้องหันหน้ากลับไปมองในสนาม



ฟองฟางนั่งไม่ติดเก้าอี้อีกต่อไปแล้วเพราะภาพที่เห็นคือมีแต่คนเข้ามาล้อมครามสมุทรเอาไว้ ส่วนคนเจ็บก็นอนกุมแขนซ้ายนิ่งๆ ปล่อยให้พยาบาลข้างสนามตรวจดู จนกระทั่งครามสมุทรถูกย้ายตัวขึ้นเปลแล้วพี่บุรุษพยาบาลก็ช่วยหามร่างสูงออกจากโรงยิม



“มัท กูไปก่อนนะ”



“มึงจะไปไหนฟอง”



“ไปกับคราม ตอนนี้ครามไม่มีใครเลย ช็อปก็ยังแข่งอยู่คงไปด้วยไม่ได้...กูไปหาครามก่อนนะ”



มัทตะโกนเรียกตามหลังแต่ฟองฟางไม่สนใจแล้ว คนตัวเล็กรีบพาขาสั่นๆ วิ่งจากอัฒจันทร์ไปรออยู่ตรงประตูทางออก พอดีกับตอนนั้นที่บุรุษพยาบาลข้างสนามแบกเปลมาตรงนี้พอดี



“คราม เจ็บมากมั้ย” กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกันไปและถามคนที่นอนขมวดคิ้วอยู่บนเปล



ตาคมๆ เป็นประกายที่กระทบกับหลอดไฟของโรงยิมจ้องมองฟองฟาง อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่พยักหน้าให้รู้ว่าเจ็บ



“เขาเป็นอะไรมากมั้ยครับ”



“แขนหักค่ะ”



ฟองฟางทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ตอนที่พี่พยาบาลบอกอาการของครามสมุทร คนฟังตกใจมาก แต่คนเจ็บนี่นิ่งเหมือนไม่เจ็บไม่ปวดอะไรเลย



“พี่ครับ ผมขอไปด้วยนะครับ”



“น้องเป็นอะไรกับคนเจ็บคะ”



“...เป็นเพื่อนครับ”



บอกแบบนั้นแล้วเม้มปากแน่น คำตอบที่ตอบพี่พยาบาลไปเหมือนย้ำสถานะ ย้ำจิตใต้สำนึกของฟองฟางให้รู้ว่าเขากับครามสมุทรเป็นอะไรกัน...



ให้รู้ว่าในบางครั้งที่เขาคิดไกลแค่ไหนสุดท้ายก็เป็นได้แค่เพื่อน



คนตัวขาวที่ยืนกุมมือแน่นกะพริบตามองร่างของครามสมุทรถูกหามขึ้นรถแอมบูแลนซ์ ตอนนี้จะสถานะอะไรก็ช่างเถอะ ฟองฟางปล่อยให้ครามสมุทรไปโรงพยาบาลคนเดียวไม่ได้ ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไม่ได้จริงๆ



เป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ไปด้วยฟองฟางคงร้องไห้แน่ๆ



“งั้นน้องรีบขึ้นรถเลย คนเจ็บจะได้รีบไปโรงพยาบาล”



“ขอบคุณครับพี่”



ฟองฟางรีบก้าวขึ้นรถไปนั่งบนเบาะตัวยาว ตากลมมองร่างสูงที่นอนหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ครามสมุทรดูไม่วิตกกังวลเท่ากับฟองฟางเลยสักนิด กลับกัน เขานิ่งมากๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“ฝั่งนั้นเล่นแรงจัง”



“...”



“เราใจหายหมดเลยตอนที่ครามล้ม”



รถแอมบูแลนซ์เคลื่อนออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว คนขาวจัดนั่งเก้ๆ กังๆ อยู่ในนี้ มือเล็กยุกยิกอยู่บนตักอยากจะจับมือของครามสมุทรเพื่อให้กำลังใจแต่ก็กลัวว่าอีกคนจะเจ็บ



และครามสมุทรเองก็จะเห็นท่าทางประหม่าของฟองฟางอยู่แล้ว คนตัวสูงเอื้อมมือข้างขวามากุมมือนุ่มๆ ที่วางอยู่บนตัก บีบเบาๆ ให้ฟองฟางโล่งใจขึ้นหน่อย นัยน์ตาที่แข็งกร้าวและเย็นชาของครามสมุทรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตอนที่จ้องใบหน้าที่ใครๆ ก็บอกว่าจิ้มลิ้มน่ารัก



“ขอบคุณที่มา”



“ไม่เป็นไร เราเต็มใจจริงๆ”



“เป็นห่วงเหรอ”



“เป็นห่วงสิ ใจหายวูบเลยรู้มั้ย”



“อือ”



“อืออะไร”



“ไม่เป็นไรแล้ว” มือของครามสมุทรบีบๆ คลายๆ แล้วสุดท้ายอีกฝ่ายก็สอดนิ้วมาประสานมือของฟองฟางไว้อย่างนั้น



ครามสมุทรทำให้ฟองฟางหนีไปไหนไม่ได้จริงๆ



“เจ็บหนักขนาดนี้บอกว่าไม่เป็นอะไรได้ยังไง”



“ไม่รู้”



ทำให้ฟองฟางเลิกชอบไม่ได้ด้วย



“...”



“แค่ฟองเป็นห่วงก็เหมือนจะหายแล้ว”



แถมตอนนี้ครามสมุทรยังทำให้ความรู้สึกของฟองฟางเปลี่ยน



เปลี่ยนจากชอบเป็นรัก

รักเขามากจริงๆ...







*****





 

ตาคมมองฟองฟางที่ก้มหน้าก้มตาควักเงินจากกระเป๋าจ่ายค่าแท็กซี่แทนเขาตอนที่รถจอดอยู่หน้าบ้าน ความจริงมันต้องเป็นหน้าที่ครามสมุทร แต่เพราะไม่มีอะไรติดตัวกลับบ้านนอกจากถุงยา เสื้อผ้า และแขนข้างซ้ายที่ใส่เฝือก เขาเลยต้องรบกวนให้ฟองฟางเป็นฝ่ายออกเงินไปก่อน



ข้าวของส่วนตัวอยู่ที่โรงยิม อีกสักพักช็อปจะเอามาคืนให้พร้อมกับปอร์เช่ของเขา



ประตูบ้านถูกเปิดอัตโนมัติเพราะรีโมท แม้จะจ่ายเงินเสร็จแล้วแต่ขอนั่งรออยู่ในรถเพราะฝนตกลงมาหนักมาก พี่แท็กซี่ก็ใจดีให้รอในนี้จนกว่าพี่สาจะหยิบร่มออกมาให้



“พี่สามาแล้ว”



“อือ”



ครามสมุทรเหลือบตามองฟองฟางที่นั่งห่อไหล่กอดตัวเองอยู่ในแจ็คเก็ตยีนส์ พลางมองมือเล็กๆ ที่เขาสัมผัสบนรถแอมบูแลนซ์ ทั้งร้อนและสั่นเหมือนคนไม่สบาย



“ฟอง”



“เดี๋ยวครามไปกับพี่สานะ ส่วนเราจะกางร่มอีกคัน...”



“กางร่มให้หน่อย”



เขาพูดขึ้นก่อนที่ฟองฟางจะพูดจบประโยค ครามสมุทรเหลือบมองคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ กำลังเม้มปากอย่างประหม่า



“อื้อ เดี๋ยวเราถือร่มให้” ฟองฟางเปิดประตูรถแล้วรีบไปอยู่ใต้ร่มกับพี่สา



ครามสมุทรมองคนผิวขาวจัดกำลังกางร่มอย่างทะมัดทะแมง มองมือกับจมูกแดงๆ ที่ขึ้นสีชัดเจนไม่วางตา



เขารู้ว่าฟองฟางไม่สบายตอนที่จับมือกันนั่นแหละ สีหน้าที่เปลี่ยนไปของฟองฟาง รอยยิ้มที่ยิ้มไม่เต็มที่ แววตาที่เหนื่อยล้าของฟองฟางคือคำตอบ



“ค่อยๆ ลงนะ”



เขาก้าวเท้าลงจากรถด้วยอาการและสีหน้าที่ปกติถึงจะรู้สึกปวดแขนข้างซ้ายอยู่บ้างก็ตาม



ครามสมุทรอยู่ในร่มคันเดียวกันกับฟองฟาง เดินเข้าบ้านไปพร้อมๆ กัน และในระยะที่ใกล้ นอกจากไอเย็นๆ ของละอองฝน ครามสมุทรยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากตัวของฟองฟางอีกด้วย



“ครามมียาต้องกินเลยใช่มั้ย เราขอดูอีกทีได้หรือเปล่า”



พอเดินเข้ามาในบ้านคนที่คอยกางร่มให้ก็ถามขึ้น ฟองฟางก้มหน้ามองถุงยาของครามสมุทร กัดปากรอให้เขายื่นถุงยาดูแต่ก็ต้องช้อนตามองเมื่อครามสมุทรส่ายหน้า



“ฟองต่างหากที่ต้องกินยา”



“เรา?”



“ไม่สบายใช่มั้ย”



“...”



“ตัวร้อน” อังมือบนหน้าผากที่ปรกด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม วัดอุณหภูมิร่างกายของฟองฟางที่ร้อนผ่าวเอามากๆ



“เราปวดหัวนิดหน่อย กินยาก็หาย”



“แล้วกินหรือยัง”



“ยังเลย”



“ทำไมไม่กิน”



“ยังไม่หิวนี่”



“พี่สาครับ ทำข้าวต้มให้คนป่วยด้วยนะครับ”



”คราม...” คนตัวเล็กหน้างอเพราะเขาเปล่งเสียงดังเข้าไปในครัวแล้วพี่สาขานรับเสียงดังฟังชัดกลับมา มือขาวๆ ปัดมือหนาที่อังอยู่บนหน้าผากไม่ปล่อย แต่ปัดเบาๆ เหมือนเด็กที่กำลังงอแงเท่านั้น



“คราวหน้าเป็นอะไรก็บอกกันหน่อย”



จับมือร้อนๆ ของคนป่วยแล้วพานั่งพักบนโซฟาสีครีม ตอนที่เขาอยู่ในห้องเอ็กซ์เรย์ฟองฟางวิ่งวุ่นทำเรื่องให้แทบทั่วทั้งโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ตัวเองก็อาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ออกมาอีกทีก็เจอกับคนตัวขาวที่กำลังนั่งกุมมือขมวดคิ้วอยู่หน้าห้อง



ครามสมุทรรู้ว่าฟองฟางเป็นห่วงเขามากแค่ไหน



“ขอนอนหน่อยได้มั้ย ตาจะปิดแล้ว” ฟองฟางยกมือขึ้นขวดขมับตัวเองเบาๆ



“อือ ค่อยๆ นอน”



ครามสมุทรถอดแจ็คเก็ตยีนส์ที่ฟองฟางใส่อยู่ออกด้วยมือข้างที่ไม่ใส่เฝือก ก่อนที่อีกคนจะทิ้งหลังพิงกับพนักพิง โน้มตัวมองคนที่หายใจเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ ครามสมุทรค้ำแขนข้างขวาไว้บนโซฟา



เขาไล่มองหน้าผาก ดวงตากลมๆ ที่สะท้อนกับแสงไฟแล้วเป็นประกายสวยงาม มองจมูกโด่งที่รับกับปลายจมูกเหมือนหยดน้ำ มองแก้มขาวๆ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสีแดงก่ำ...และริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงที่เม้มเล็กน้อยแล้วคลายออก



ครามสมุทรค่อยๆ โน้มใบหน้าลงจนกระทั่งปากของเขาแตะกับริมฝีปากร้อนผ่าว ทาบไว้อย่างนั้นแล้วทิ้งน้ำหนักลงอีกหน่อยให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ใต้ร่างรับความรู้สึกและสัมผัสจากเขาได้มากขึ้น แพขนตาแผงหนายาวสวยของฟองฟางคลอเคลียใต้ดวงตาครามสมุทร เขาค่อยๆ หลับตาลงเมื่อเห็นว่าฝ่ายหลับตาปี๋



เขาขยับริมฝีปากแผ่วเบา ครามสมุทรงับกลีบปากล่างของฟองฟางเบาๆ ก่อนจะปรือตามองเมื่อคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ครามสมุทรเพิ่งรู้ว่าตัวเองความอดทนต่ำก็ตอนที่ปากของเขาสัมผัสกับปากของฟองฟางในคืนวันนั้นที่ร้านเหล้า



ยอมรับแบบหน้าด้านๆ เลยว่าเขาเก็บเอาใบหน้าของฟองฟางไปฝัน ไปจินตนาการต่างๆ นานา



จนกระทั่งเขาถอดจูบออกแล้วซบหน้าบนไหล่ข้างซ้ายของฟองฟาง ครามสมุทรยิ้มบางๆ ตอนที่ได้ยินเสียงดังเต้นตุบๆ ของชีพจรตรงซอกคอขาวๆ...



“จะ...จูบเราอีกแล้ว”



กับเสียงเล็กๆ หวานๆ ที่เขาชอบฟัง ที่อยากได้ยินทุกวัน



“ทำไมทำแบบ...”



“กับมัท...บอกได้มั้ยว่าเป็นอะไรกัน”



“มัท? ก็เพื่อนไง”



“เพื่อนแบบไหนถึงกอดกันซบกัน”



“ครามเห็นด้วยเหรอ”



“อือ ก็มองอยู่ตลอด”



“เพื่อนสนิทไง”



“แน่ใจว่าแค่เพื่อน”



“ถามแบบนี้เหมือนหึงเรา”



“อือ หึง”



“คราม...”



“อย่าไปซบใครอีก อย่าให้ใครมากอดด้วย”



“...”



“เข้าใจมั้ย”

 

 

 













#ฟองฟางครามสมุทร









เพื่อนแบบไหนเขาหึงกัน เพื่อนแบบไหนเขาจูบกันคะครามสมุทร

งึ ><
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 12 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 26-01-2019 15:40:07
 :o8:   :-[    :impress2:   เขินจนตัวแตกแล้วค่ะ.....   :hao7:   :hao7:   :hao7:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 12 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 26-01-2019 16:46:48
โอ๊ย~~~ น้องคราม...ถามตัวเองก่อนมั้ย ว่าบอกเขาชัดๆ รึยังว่าเป็นอะไรกัน
อยากจะแหม~~~ ไปถึงดาวเสาร์ - -"

เดี๋ยวจูบๆ แถมหึงด้วยหวงด้วย มองจากดาวพุธก็รู้ว่ารักเขา แต่มันก็ต้องพูดไง ปัดถ่อววว
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 12 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-01-2019 19:11:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

ก็เพราะหึงไง  เลยเกิดอุบัติเหตุ  ลามไปจนทะเลาะวิวาทในสนามจนพาให้เจ็บตัว  อิอิ
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 26-01-2019 19:51:06

13



อารมณ์ที่อ่อนไหว

จะทำให้เรารู้ใจกันมากกว่าเดิมหรือเปล่า



 

‘มึงเห็นคนขาวๆ ที่นั่งอยู่ตรงนั้นป่ะ แม่งโคตรน่ารัก’



‘กูไปสืบมาละ ชื่อฟองฟางเรียนวิทยาศาสตร์สาขาคณิต จบจากโรงเรียนมองแฟรงค์ นานาชาติที่ดังๆ ของกรุงเทพฯ เลยอ่ะ พวกมึงมาจากใต้รู้จักกันมั้ย’



‘ก็โรงเรียนในเครือเดียวกับที่พวกกูจบมานี่หว่า’



‘มึงมองแบบนี้คือชอบใช่มั้ยไอ้ช็อป เดี๋ยวกูไปบอกพวกพี่ให้ขอเบอร์’



‘ไม่ต้องไอ้ปาล์ม กูขอเองได้ มึงอ่ะนั่งเฉยๆ ไปเหอะ จะสมาธิสั้นอะไรขนาดนั้นวะ’ ปาล์มคือเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน สนิทกับช็อปมากกว่าเพราะว่าพูดมากเหมือนกัน แต่ตอนนี้ปาล์มซิ่วไปเรียนที่อื่นแล้ว



‘จะให้กูนิ่งๆ แบบไอ้ครามเลยมั้ยล่ะ’



‘เออไอ้นี่ สัดคราม กูเห็นนะว่ามึงจ้องฟองฟางอยู่ อย่าบอกนะว่ามึงก็สนใจเขาเหมือนกันอ่ะ...โอ้โห กูกราบล่ะ อย่าไปโปรยเสน่ห์ คนนี้กูอยากได้’



‘แค่มองเฉยๆ’



‘มึงโกหก’



ใช่ เขาโกหก



‘มองตามึงก็รู้แล้ว แต่บอกเลยนะ คงต้องแข่งกันแล้วว่ะ’



‘ถ้าแข่งกูว่าไอ้ครามชนะชัวร์’



‘เหี้ยปาล์ม ให้กำลังใจกูหน่อย’



โกหกทุกคน โกหกตัวเองมาตลอดว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับใครอีกคนที่แจกยิ้มให้คนอื่นไปทั่ว ใครรู้ก็คงตลก...เขาโกหกเพื่อหลีกทางให้เพื่อนสนิทสมหวังกับคนคนนั้น...คนที่ชื่อว่าฟองฟาง



หกเดือนที่แล้วครามสมุทรปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความหงุดหงิดใจที่สร้างขึ้นมาเอง เขายอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่าชอบฟองฟาง ชอบมาก...ไม่ได้เล่นๆ เหมือนกับที่ช็อปทำ ปากบอกว่าจะจีบ แต่ตัวเองก็เที่ยวเตร่ หิ้วผู้หญิงมานอนที่คอนโด หยอกฟองฟางไปวันๆ จนเขาชักรำคาญ



แต่เพื่อนก็คือเพื่อน ช็อปคือเพื่อนรัก คือเพื่อนคนเดียวที่เข้าใจเขามากที่สุด นับตั้งแต่วันปฐมนิเทศที่ช็อปเอ่ยปากไม่ให้เขายุ่ง เขาก็ไม่ยุ่ง แต่สายตาของฟองฟางที่เอาแต่มองมาที่เขา...มันทำให้ครามสมุทรใช้ชีวิตในทุกๆ วันลำบากมากขึ้นกว่าเดิม



แววตาที่ใครๆ ดูก็รู้ว่าชอบครามสมุทรมากแค่ไหน ชอบแต่ไม่บอก แอบมอง แอบรู้สึกคนเดียวไปอย่างนั้น



แล้วสุดท้ายช็อปก็เปิดทางให้ครามสมุทรเต็มที่ เพราะรายนั้นรู้ดีว่าไม่ใช่แค่ฟองฟางที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน



ครามสมุทรไม่ต่างจากฟองฟาง อาจจะรู้สึกมากกว่าอีกคนด้วยซ้ำ



“อื้อ...”



ครามสมุทรสงสัยมาเสมอว่าจะมีใครสักคนบนโลกที่นอนหลับได้น่าเอ็นดูเหมือนฟองฟางอีกมั้ย...เขาคิดในหัวตอนที่เสียงเล็กๆ ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับร่างของคนตัวขาวที่ขยับตัวอยู่บนเตียง



ฟองฟางหลับไปได้ชั่วโมงเศษๆ หลังจากที่กินยาเข้าไป เขามองคนที่นอนคดคู้เหมือนเด็ก ยิ่งบนหน้าผากมีแผ่นปิดลดไข้แปะอยู่ด้วยยิ่งเหมือนเด็กเข้าไปกันใหญ่



คนสูงกว่าลูบผมฟองฟางเบาๆ ยิ้มให้กับคนป่วยที่ดูแลเขาทั้งๆ ที่ตัวเองแทบจะเดินไม่ไหว

 

ช็อปเปอร์: ได้ยินเสียงท่อน้องปอร์เช่มึงป่ะ

ช็อปเปอร์: กูพาส่งหน้าบ้านละ ลงมาให้เพื่อนๆ เห็นหน้าหน่อย

 

ครามสมุทรส่ายหน้าเบาๆ หลังจากที่เห็นข้อความเพิ่มขึ้นในแอพแชต เขาไม่ได้เปิดแจ้งเตือนเหมือนเดิม แต่เผอิญว่าโทรศัพท์ค้างหน้าแชตไว้ของช็อปพอดี เลยเห็นว่าอีกฝ่ายส่งข้อความอะไรมาบ้าง



คนตัวสูงลุกจากเตียงแล้วเดินไปแง้มม่านสีเทาดูตรงลานจอดรถหน้าบ้าน เห็นปอร์เช่คันเดิมจอดอยู่ ช็อปคงขับมาให้ แต่พวกฮอนด้ากับเบนซ์สองคันที่จอดอยู่...ไม่ใช่ของเขา



“น้องครามคะ เพื่อนๆ มาเยี่ยมค่ะ ซื้อของมาฝากเต็มเลย”



“ครับพี่สา”



เสียงจากอินเตอร์คอมดังขึ้นและนั่นก็ทำให้ครามสมุทรเอื้อมมือกดอินเตอร์คอมตอบกลับ เขากำลังจะเดินไปเปิดประตูเพื่อออกจากห้องนอนแล้วด้วยซ้ำ แต่ต้องชะงักแล้วหมุนตัวกลับมาที่เตียง กลับมาดูว่าผ้าห่มอยู่บนตัวของฟองฟางมิดชิดดีมั้ย เอามือวัดอุณหภูมิไอเย็นที่ออกจากเครื่องปรับอากาศว่ามันเย็นเกินไปหรือเปล่า



แม้กระทั่ง...เดินไปหยิบถุงเท้าแล้วสวมให้คนป่วยเพราะกลัวว่าตอนที่ฟองฟางนอนดิ้นผ้าห่มจะไม่คลุมเท้า



ทำไปเพราะเป็นห่วง



ทำไปเพราะไม่อยากให้ป่วยอีก



ทำไปเพราะฟองฟางเปราะบาง แตกหักง่าย เขาเลยทะนุถนอมเหมือนเป็นฟองเล็กๆ ที่เกาะอยู่บนเกลียวคลื่นในมหาสมุทรสีคราม แล้วจมอยู่ในอ้อมกอดของมหาสมุทรตอนที่ถูกคลื่นซัด



ทำไปเพราะฟองฟางคนเดียว







*****





 

แล้วไอ้พวกเพื่อนก็ให้บ้านรกเล่นๆ



ครามสมุทรมองพวกนั้นที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เปิดเบียร์ที่แช่อยู่ในตู้เย็นกับที่ซื้อมากรอกใส่ปาก ฟ้ายังไม่มืดแต่พวกมันก็อยากเมากันแล้ว



“ทีมเราชนะเว้ย ฝีมือล้วนๆ” ใบหม่อนพูดพร้อมกับกดรีโมททีวีไปด้วย



“ไอ้เหี้ยโอที่ทำมึงแขนหักรอสอบสวน พี่เอกไปคุยกับโค้ชฝั่งมันอยู่” ส่วนนี่ก็โตมร ตัวเต็งในทีมอีกคน



“อือ”



ครามสมุทรใช้สายตานิ่งๆ มองเพื่อนที่นอนกลิ้งบนพื้นพรมบ้าง บนโซฟาบ้าง พวกนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเยี่ยมหรอก แค่อยากใช้สถานที่ในบ้านเพื่อฉลองมากกว่าถึงได้ตุนเหล้าหนักขนาดนี้



“แขนมึงเป็นไงบ้างวะ งี้ต้องใส่เผือกกี่เดือน”



“เดือนเดียว ไม่ได้รุนแรง” ตอบช็อปไปตามที่หมอบอก โชคดีอย่างหนึ่งที่ไม่ต้องผ่าตัดอะไรให้วุ่นวาย แต่แขนข้างซ้ายคงใช้งานหนักๆ ไม่ได้ไปอีกสักพักจนกว่าจะหายดี



“เล่นมันเลยมั้ยไอ้โอคณะบริหารอ่ะ กูเหม็นมันตั้งแต่ตอนปฐมนิเทศละ” ใบหม่อนใจร้อนที่สุดในกลุ่ม แต่ถูกพี่เอกที่เป็นโค้ชให้กับทีมจับละลายพฤติกรรมจนตอนนี้มันใจเย็นกว่าเดิม แต่ก็นั่นแหละ ตอนที่เขาโดนหมัดซัดหน้าใบหม่อนก็เกือบจะพุ่งมาเอาคืนแทนเขา



ครามสมุทรส่ายหน้าช้าๆ ถ้าโค้ชจัดการแล้วก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโค้ชไป เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงถูกแบนจากการแข่งบาส แค่เดาไม่ได้ว่ากี่เดือน...ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ทั้งหมดนั่นแหละ



“นั่งแดกเบียร์ได้แล้วครับไอ้เจ้าของบ้าน พรุ่งนี้วันหยุดกูจะเมาคาบ้านมึงนี่แหละ” ช็อปกวักมือเรียกครามสมุทรที่ยืนพิงกรอบประตูเท่ๆ ถึงจะใส่เฝือกแต่ก็ไม่ทำให้ความหล่อออร่าลดน้อยลง



“กระเป๋าใครอ่ะ...ภคภัทร สุวรรณภรณ์ นี่ใครวะ” โตมรเปิดกระเป๋าเป้ออกแล้วหยิบสมุดที่มีชื่อเขียนแสดงความเป็นเจ้าของไว้



“อย่ายุ่ง ของฟอง”



“ฟองฟางที่ไปจูบมึงวันนั้นอ่ะนะ”



“อือ” พยักหน้าเบาๆ แล้วคว้ากระเป๋าเป้ออกจากมือซนๆ ของโตมรมาถือไว้เอง



แน่นอนว่าพอเขาบอกแบบนั้นเสียงแซวของเพื่อนๆ ก็ดังขึ้น พวกมันยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วพยักหน้าให้กัน ครามสมุทรเลยใช้ตาคมมองนิ่งๆ ให้พวกนั้นเลิกเสียงดังได้แล้ว



“แล้วฟองอยู่ไหนวะ มึงไปเอากระเป๋าเขามาได้ไง” ใบหม่อนถามด้วยใบหน้ายิ้มๆ



“ไม่สบาย นอนอยู่บนห้อง”



“ห้องมึงอ่ะนะ”



“อือ”



“เชี่ย...คบกันแล้วเหรอวะ”



“งี้สาวๆ อกหักแย่ๆ”



“น้องสาวกูด้วยที่อกหัก”



ครามสมุทรเดินหนีพวกนั้นออกมาเพราะเบื่อที่จะอยู่คุยด้วย พอก้าวเท้าพ้นห้องนั่งเล่น พ้นสายตาของเพื่อนๆ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มทันที



ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนถามว่าเขากับฟองฟางคบกันหรือเปล่า แต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



ทุกๆ ครั้งที่มีคนถามแบบนั้นเขามักจะไม่ตอบ ปล่อยให้คิดกันไปเอง ปล่อยให้เข้าใจผิดกันไปเองว่าครามสมุทรกับฟองฟางกำลังคบกันอยู่



และเขาก็โคตรจะยินดีให้เข้าใจกันแบบนั้น

เข้าใจกันไปว่าเขากับฟองฟางคบกัน...ก็ดีแล้ว







*****





 

จะไม่หายไข้ก็เพราะอากาศที่แปรปรวนนี่แหละ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวครึ้ม เดี๋ยวร้อน ฟองฟางแทบปรับตัวไม่ทัน



และตอนนี้ฝนก็ตกอยู่



คนตัวขาวนั่งตาปรืออยู่บนเตียงนุ่มๆ ในเช้าวันใหม่ โชคดีที่เป็นวันหยุดเพราะมันทำให้เขาไม่ต้องกังวลว่าจะขาดเรียนหรือเปล่า



ฟองฟางได้นอนเต็มอิ่มเพราะฤทธิ์ยา หลับตั้งแต่บ่ายของเมื่อวานจนเช้าของวันนี้ หลับยาวชนิดที่ครามสมุทรกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป เลยต้องช่วยกันปลุกกับพี่สาสองคน



แล้วก็ตื่นมานั่งจุมปุ๊กอยู่ตรงนี้ มองอาหารเช้ากับยาเม็ดที่วางอยู่ตรงหน้า



“กิน”



“ยังไม่หิวเลย”



“กิน”



“ยังไม่แปรงฟันเลยนะ”



“กิน”



ดื้อกับครามได้ที่ไหน...



ฟองฟางเหลือบมองคนที่โคตรจะดุในเวลานี้ คนตัวสูงยืนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยมือขวา ส่วนตาคมๆ นั่นก็มองฟองฟางสลับกับโจ๊กหมู



“กินแล้วไปอาบน้ำ เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน”



“เฮ้ย ไม่เป็นไรๆ ครามขับรถไม่ได้หรอกแขนเจ็บอยู่ เดี๋ยวเรากลับเอง”



“ขับมือขวาข้างเดียวได้”



“ต้องจับพวงมาลัยสองข้างสิ”



“ปกติก็จับข้างเดียว”



ฟองฟางเม้มปากเบาๆ



“ไม่เป็นไรจริงๆ คราม”



“ป่วยอยู่จะกลับเองได้ยังไง”



“เหมือนว่าจะหายแล้วนะ”



“...”



“...”



ชะงักไปเพราะจู่ๆ คนที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็ขยับมายืนข้างๆ แล้วแนบหลังมือไว้บนหน้าผากของฟองฟางที่เพิ่งจะดึงแผ่นเจลลดไข้ออก ครามสมุทรหลับตาลงช้าๆ เหมือนกำลังวัดอุณหภูมิให้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ



“ยังไม่หาย”



“ทำไงดี”



“...”



“วันนี้นัดติวแคลคูลัสกับมัทด้วยอ่ะ ถ้าไม่ติววันนี้คงสอบไม่ได้”



บุ้ยปากพึมพำออกไปพร้อมกับหยิบช้อนมาคนโจ๊กวนไปมาอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าแคลคูลัสจะยากไปหน่อยแต่ฟองฟางก็ไม่ลดละความตั้งใจ เขานัดให้มัทมาติวที่บ้าน และอีกไม่นานอีกฝ่ายก็คงจะถึง



“ติวกี่โมง”



“เก้าโมงเป๊ะ นี่คงใกล้ถึงบ้านเราแล้วมั้ง”



“โทรไปยกเลิก”



“ห๊ะ”



“เดี๋ยวติวให้เอง”



ไม่พูดเฉยๆ แต่ยัดโทรศัพท์ของตัวเองใส่มือฟองฟางอีกด้วย คนตัวเล็กนั่งยิ้มแหยกำไอโฟนของครามสมุทรแน่น นึกในใจคนเดียวว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ก็ทำเหมือนหึงกันขึ้นมาซะอย่างนั้น



“โทรสิ” ครามสมุทรนั่งลงบนที่นอน คนสูงกว่าเลิกคิ้วมองฟองฟางด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง



“เดี๋ยวเราเอาเครื่องเราโทร”



“ไม่ต้อง เครื่องนี้มีเบอร์มัทเหมือนกัน”



“ก็ได้”



เอาจริงๆ ก็ไม่อยากจะคิดไปเองหรอกว่าครามสมุทรกำลังหึงอยู่ แต่สีหน้า แววตา น้ำเสียงที่อีกคนเปล่งออกมาทำให้ฟองฟางอดคิดไม่ได้จริงๆ



ถ้าหึงก็ดีเลย ดีมากๆ ด้วย



แต่หึงฟองฟางกับเพื่อนเนี่ยสิ...ถ้ามัทรู้คงขำแย่



“090909”



“...”



“รหัสปลดล็อกไอโฟน”



คนฟังชะงักเล็กน้อยก่อนพยักหน้าและกัดริมฝีปากเบาๆ ความรู้สึกแปลกใจล้นอยู่ในอก...แปลกใจที่ครามสมุทรใช้รหัสเดียวกับที่ฟองฟางใช้อยู่



090909



09 แรกคือวันเกิดของฟองฟาง

09 ถัดมาคือเดือนเกิดของฟองฟางเอง

09 สุดท้ายคือวันเกิดของครามสมุทร



ใช่ ตอนแรกเขาไม่ได้ใช้รหัสนี้ แต่พอรู้ว่าครามสมุทรเกิดวันไหนฟองฟางก็เปลี่ยนรหัสโทรศัพท์ของตัวเองทันที แต่สาบานได้เลย...ฟองฟางไม่รู้แน่ๆ ว่าครามสมุทรใช้รหัสนี้ด้วยเหมือนกัน



มันคือความบังเอิญที่โคตรจะทำให้ฟองฟางเกือบกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้



เจ้าของไอโฟนลุกขึ้นจากที่นอนก่อนเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงปลายเตียง ครามสมุทรทำเป็นไม่สนใจเขาด้วยการเปิดทีวีดูการ์ตูน ปล่อยให้ฟองฟางมองไหล่กว้างๆ อยู่อย่างนั้น



ฟองฟางก้มหน้าหารายชื่อของมัทที่เจ้าของเครื่องเมมไว้ แล้วไม่นานก็เจอเพราะครามสมุทรเมมชื่อของมัทไว้ตรงตัว



[ฮัลโหล]



“มัท กูเอง”



[กูไหน...เบอร์ครามสมุทรนี่หว่า เออๆ ว่าไงคราม]



“จำเสียงกูไม่ได้เหรอมัท”



[...]



“มัท...”



[ฟองฟาง?]



“อืออออ”



[เฮ้ยๆ แล้วทำไมมึงใช้เบอร์ไอ้ครามโทรมาอ่ะ อย่าบอกนะว่ามึงไปเยี่ยมมัน วันนี้มึงนัดติวแคลกับกูนะเว้ย]



“ยังไม่ได้กลับเลยต่างหาก” ยกมือป้องปากแล้วกรอกเสียงเบาๆ ออกไปเพราะกลัวว่าครามสมุทรจะได้ยินน้ำเสียงเขินๆ ของตัวเอง



ฟองฟางแก้มแดงจัดเมื่อนึกถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ของครามสมุทร ใช่ ครามสมุทรกอดเขาไว้ทั้งคืนเลย กอดทั้งๆ ที่มีผ้าห่มผืนหนาคลุมตัวฟองฟางอยู่แล้ว



แค่ป่วยไม่ได้หมดสติ ฟองฟางรู้สึกตัวตลอดทั้งคืนเพราะนอนไม่หลับ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะหัวใจที่มันเต้นโครมครามอยู่ตลอดจนแทบจะทะลุออกมาข้างนอกเพราะใครคนนั้น



[อะไรของมึงวะ อะไรคือยังไม่กลับ]



“ฟอง คุยเสร็จแล้วชาร์จแบตให้ด้วย” แล้วจู่ๆ เจ้าของโทรศัพท์ก็พูดแทรกขึ้นมา แน่นอนว่าปลายสายได้ยินชัดเจนทุกประโยค



[...]



“อ...อื้อ เดี๋ยวชาร์จให้”



[กูเข้าใจละ ไอ้ครามมันอ้อนให้มึงอยู่ต่อใช่มั้ย มันอ้อนให้มึงดูแลมันใช่ป่ะ]



“ครามต่างหากที่ดูแล...” มีแต่เสียงแผ่วเบาที่เปล่งออกมา กับรอยยิ้มของฟองฟางที่ต้องกลั้นเอาไว้ตลอด “เอ้อมัท จะโทรมาบอกว่าไม่ติวแล้วนะ ไม่ต้องมาบ้านกู ไปติวกับแยมกันสองคนนู่น”



[อะไรของพวกมึงวะ แยมมันเทกูตั้งแต่เมื่อคืนละ มึงยังจะมาเทอีกคน อ้อๆ อยู่กับแฟนก็เป็นงี้ ได้ ได้เลยฟอง...เดี๋ยวกูไปเล่าให้แยมฟัง ให้มันมาล้อมึงจนเขินตายเลย]



“พอเลยมึง แค่นี้นะ กูเกรงใจครามจะแย่แล้ว”



[อ่ะจ้า มีความเกรงใจแฟน มึงนี่น้า...]



ฟองฟางไม่สนใจว่ามัทจะแซวอะไรต่อ เขารีบกดวางสายทันทีแล้วหันซ้ายหันขวาหาสายชาร์จของครามสมุทร พอเห็นว่ามันอยู่ตรงหัวเตียงก็รีบหยิบมาเสียบชาร์จโทรศัพท์ให้ทันที



แล้วก็นั่งหลังตรงมองคนตัวสูงที่หันหลังให้อยู่อย่างนั้น ชินแล้วมั้งกับการที่ต้องมองครามสมุทรจากทางด้านหลังตลอด พอเป็นแบบนี้แล้วก็ทำให้ฟองฟางรู้สึกเหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปในช่วงแรกๆ ที่เขาแอบมองคนสูงกว่า...มองจนไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะเลิกมองได้หรือเปล่า



แล้วก็เหมือนว่าจะเลิกมองไม่ได้จริงๆ



แผ่นหลังของครามสมุทรดึงดูดฟองฟางมากๆ เลย



“ครามชอบดูการ์ตูนเหรอ”



“เมื่อก่อนใช่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ดู”



ได้คำตอบแล้วก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างสนใจ ยิ้มแฉ่งเพราะคำตอบของอีกคน ไม่แปลกหรอกถ้าครามสมุทรจะชอบดูการ์ตูนเพราะตอนเด็กๆ เขาก็ชอบดูมากเหมือนกัน ที่ถามก็อยากรู้อะไรเกี่ยวกับครามสมุทรให้มากขึ้นเท่านั้นเอง



แต่แล้วคนที่กำลังนั่งยิ้มหวานทำตาเยิ้มอยู่บนเตียงก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาทางเขา



ครามสมุทรชะลอเท้าและหยุดนิ่ง ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างเตียง ตาคมๆ ของอีกฝ่ายมองมาที่โจ๊กหมู ฟองฟางลอบสังเกต...แอบเห็นด้วยนะว่าในแววตาอีกฝ่ายดูเหมือนจะผิดหวังหน่อยๆ ยังไงไม่รู้



“กินหน่อย สองสามคำก็ได้”



“...”



“ถ้าคนทำรู้ว่าไม่กินเลย เดี๋ยวเขาเสียใจแย่”



ก็นั่นแหละ เพราะแววตาที่มองมาเหมือนจะอ้อนวอนขอร้องกันแบบนั้นทำให้ฟองฟางต้องยอมตักโจ๊กหมูเข้าปากทั้งๆ ที่ไม่หิว แต่พอได้สัมผัสรสชาติของโจ๊กหมูเช้านี้ก็ต้องบอกเลยแหละว่าอร่อยมากๆ จนอยากกินอีกเยอะๆ



“อร่อยนะคราม โห...มันแบบ ละมุนในปาก”



“ขอบคุณ”



“ขอบคุณทำไม เราต่างหากที่ต้องขอบคุณอ่ะ...”



“โดนชมว่าทำอาหารอร่อยก็ต้องขอบคุณ”



“ค...ครามทำเองเหรอ”



ครามสมุทรพยักหน้า



และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่แล้วคลี่ยิ้มกว้างกว่าเดิม ฟองฟางวางช้อนลงเบาๆ พลางแหงนหน้ามองคนตัวสูงที่ใบหน้าดูผ่อนคลายมากขึ้น



“...แบบนี้คนทำก็ไม่เสียใจแล้วใช่มั้ย”



มองใบหน้าเพอร์เฟ็กต์ของครามสมุทร กับแววตาคมๆ คู่นั้น



“อือ ใช่”



มองคนที่มาทำให้รู้สึกปั่นป่วนทุกครั้ง



“ฟอง”



และ...



“หือ”



มองคนที่เป็นเจ้าของหัวใจของฟองฟาง



“คนทำฝากบอก ว่าอยากทำกับข้าวให้กินทุกวัน”



ฮื่อ คนที่ทำก็คือครามสมุทรมั้ยล่ะ

แล้วดูดิ...ครามทำให้หนีไม่ไปไหนไม่รอดจริงๆ

ใจเต้นจนเหนื่อยแล้ว รู้มั้ย ._.











#ฟองฟางครามสมุทร






หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-01-2019 21:04:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอยยยย  มดขึ้นจอคอมฯ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 26-01-2019 21:24:20
โอ๊ย ขี้หึงเหลือเกินนนน
แล้วก็ยังจะปากแข็งไม่บอกเขา
อยากจะแหม~~~ 555
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 26-01-2019 21:54:52
น่ารักมาก คนทำโจ๊กช่วยพูดตรงๆได้มั้ย บอกรักซะทีเถอะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 26-01-2019 22:54:08
อิจฉาคนป่วยแล้วสิเราก็อยากมีคนทำโจ๊กให้กินเหมือนกันนะ  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 13 - up 26.1.62
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 27-01-2019 13:08:45
บอกเป็นเพื่อนกันแต่การกระทำนี่ไม่ใช่เลย 55555 นี่มันคู่รักชัดๆ
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 01-02-2019 23:16:15


14



เหมือนมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป

ไม่ผมก็เขาที่มีความรู้สึกดีๆ เพิ่มขึ้นมากมายกว่าเดิม



 

ฟองฟางนั่งเท้าคางมองภาพในจอคอมพิวเตอร์ในหอสมุดของมหาวิทยาลัย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มประกายวับวาวเมื่อกระทบกับแสงจากจอ มุมปากของฟองฟางยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับกำลังจะแย้มยิ้ม ที่อารมณ์ดีแบบนั้นก็เพราะตอนนี้กำลังดูรอบฉายหนังเรื่องโปรดอยู่น่ะ



ก็ตั้งใจว่าจะจองแล้วไปดูเย็นนี้เลยนั่นแหละ แต่ยังชั่งใจอยู่ ไม่รู้ว่าจะชวนมัทกับแยมไปด้วยดีมั้ยเพราะว่าใจหนึ่งก็อยากมีเพื่อนดูหนังด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของเพื่อนเท่าไหร่ ไม่ใช่อะไรหรอก เดือนหน้าก็จะสอบแล้ว แถมช่วงนี้มัทกับแยมก็ติดแฟนมากด้วย



แยมมีแฟนแล้ว...คนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เพราะรายนั้นเปลี่ยนแฟนบ่อย กับคนนี้เห็นว่าเพิ่งคบกันไม่นานนี้เอง



ถ้าเอ่ยปากชวนยังไงสองคนนั้นก็ไปดูด้วยอยู่แล้วแหละ แต่ฟองฟางแค่ไม่อยากบังคับเพื่อนที่ไม่ชอบดูหนังเท่านั้นเอง มัทกับแยมดูหนังน้อยมาก มีแต่ฟองฟางนี่แหละที่ดูแทบทุกเดือน...ดูคนเดียวด้วยนะ

 



Kram: เหมือนลืมยาแก้ปวดไว้ในกระเป๋าฟอง

 



เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าทำให้ฟองฟางละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที พอเห็นข้อความจากใครบางคนฟองฟางก็ย่นคิ้ว เตรียมจะกดปิดเครื่องคอมแล้ว แต่ว่า...



“ขอยาหน่อย”



เสียงนั้นทำให้ฟองฟางต้องชะงักและหันหลังกลับไปมองทันที



ฟองฟางยิ้มแฉ่งให้เจ้าของเสียงทุ้มที่กำลังขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ กัน ครามสมุทรคนหล่อคนนี้ใส่เฝือกมาสามอาทิตย์แล้ว พอเหลือมือที่ใช้งานได้แค่ข้างเดียวคนตัวสูงก็เลยไม่ได้สนใจที่จะเซ็ตผม ปล่อยให้มันชี้โด่เด่อยู่อย่างนั้น



มันก็เข้ากับหน้ายุ่งๆ หล่อๆ ของครามสมุทรอยู่ดีนั่นแหละ



“แล้วมาหย่อนใส่กระเป๋าเราทำไมล่ะ”



“คิดว่าจะช่วยเตือนให้กินยา”



“โห โตแล้วนะครับคุณครามสมุทร” ล้อครามสมุทรแล้วอมยิ้มจนแก้มป่อง



ฟองฟางหยิบถุงยาให้คนป่วย ไม่ลืมที่จะแกะยาใส่ฝ่ามือของอีกฝ่าย



ก็กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว...ตลอดสามอาทิตย์มานี้ฟองฟางดูแลครามสมุทรเหมือนเป็นหมอประจำตัวไปเลย แต่ก็ดูแลเท่าที่ทำได้น่ะนะ



ส่วนใหญ่ก็เตือนอีกฝ่ายเรื่องกินยาให้ตรงเวลาและให้ครบตามที่หมอสั่งนั่นแหละ ครามสมุทรเป็นคนที่ชอบคิดไปเองว่าตัวเองแข็งแรงมากๆ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินยาให้ครบ สามวันแรกที่ใส่เฝือกครามสมุทรไม่ยอมกินยาสักเม็ดจนฟองฟางต้องขอร้องให้คนตัวสูงจำใจกินมันลงไปหน่อย



เห็นเงียบๆ ขรึมๆ แบบนี้...ครามสมุทรโคตรจะดื้อเลยจริงๆ



“อาทิตย์หน้าก็ถอดเฝือกออกแล้วนี่นา”



“อยากถอดตั้งแต่วันแรก”



“แล้วนี่เมื่อไหร่ครามจะบอกคุณแม่” ถ้าท่านรู้ที่หลังคงเสียใจแย่...



“แม่รู้แล้ว รู้เมื่อคืน”



“ครามบอกแม่เองเหรอ”



“เปล่า วิดีโอคอลกัน แม่เลยเห็น”



ฟองฟางอมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอ้อมแอ้มตอบ



ฟองฟางเพิ่งรู้ว่าครามสมุทรสัญญากับคุณแม่เอาไว้ว่าจะไม่เจ็บไม่ป่วย ถึงป่วยก็ต้องป่วยให้น้อยมากที่สุด แต่นี่เล่นเจ็บถึงขั้นเข้าเฝือกตั้งหนึ่งเดือน...เลยเป็นเหตุผลที่ครามสมุทรไม่อยากให้คุณแม่รู้



“ฟอง”



“อื้ม”



“เดี๋ยวแม่จะขึ้นมาหา”



“อ่า ดีเลย” ฟองฟางปรายตามองคนตัวสูงแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายจ้องมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว...มองด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิม...อบอุ่น อ่อนโยนจนหัวใจของเขาสั่นรัว



“อยู่เป็นเพื่อนด้วย ตอนแม่มา”



“...ต้องอยู่ด้วยเหรอ”



“อือ”



“...”



“แม่อยากเจอ”



“อยากให้อยู่ด้วยก็พูด เอาแม่มาอ้างตลอดเล้ย...”



ครามสมุทรไหวไหล่เบาๆ พลางกระดกน้ำลงคอ...ในตอนนั้นเองฟองฟางเผลอไปมองลำคอแกร่งของอีกฝ่ายที่ขยับขึ้นลงเมื่อกลืนน้ำ แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์พราะจู่ๆ ก็รู้สึกเขินบ้าบออะไรขึ้นมาก็ไม่รู้



ก็เป็นอย่างนี้ทุกที แพ้ครามสมุทรตลอด



“ชอบดูหนังเรื่องนั้นเหรอ”



แล้วคนที่สูงกว่าก็เอ่ยปากถาม ครามสมุทรจ้องภาพบนจอในขณะที่ฟองฟางเลิ่กลั่กจับเม้าส์จับแป้นพิมพ์ไม่ค่อยจะถูก คนตัวเล็กกว่าได้แต่เกาหัวแกร็กๆ ยิ่งตอนที่ครามสมุทรชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอใกล้ๆ แล้วหรี่ตาขมวดคิ้วยุ่งๆ...ฟองฟางยิ่งไม่กล้าหายใจ



ก็โคตรจะใกล้กันขนาดนั้น ใกล้ชนิดที่ว่าฟองฟางได้กลิ่นแชมพูหอมๆ จากกลุ่มผมของครามสมุทรเลยแหละ



ฟองฟางนั่งเกร็ง มือจับเม้าส์แน่น ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มติดกันอย่างประหม่าตอนที่ครามสมุทรขยับตัวเข้าใกล้หน้าจอ และนั่นก็ทำให้แผ่นอกกว้างๆ ของอีกคนสัมผัสกับมือของฟองฟางอยู่อย่างนั้น



“พ่อมดน้อย...” แล้วครามสมุทรก็พึมพำชื่อเรื่องบนหน้าจอ



“ค ครามชอบดูหนังมั้ย”



“ปกติก็ไม่”



ครืด ครืด



โทรศัพท์ของครามสมุทรสั่นครืดหลายครั้งติดกัน คนที่ชะโงกหน้ามองหน้าขยับตัวกลับไปนั่งหลังตรงในที่ของตัวเองเหมือนเดิม ครามสมุทรหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกง อีกฝ่ายจ้องมันอยู่พักหนึ่งกว่าจะกดรับ



“คราม...”



“ขอนอนแป๊บเดียว” พอบอกแบบนั้นแล้วก็กดรับสายพร้อมกับเอนศีรษะไว้บนไหล่ของคนที่ตัวเล็กกว่า



คนตัวขาวได้แต่นั่งนิ่งทิ้งตัวเองให้อยู่กับความปั่นป่วนที่อีกฝ่ายมอบให้โดยที่คนคนนั้นไม่รู้ตัวซ้ำ...ว่ากำลังทำให้ฟองฟางเตลิดไปไกล ครามสมุทรทำอย่างกับว่าเขาเป็นอะไรสักอย่างที่มากกว่าเพื่อน...ไม่รู้สิ ปกติเรื่องแบบนี้มันธรรมดาสำหรับฟองฟางเพราะเขาเองก็กอดก็พิงไหล่มัทกับแยมบ่อยๆ ก็เหมือนกัน แต่ที่ทำไปก็เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทกันจริงๆ



แต่กับครามสมุทรมันแปลกไป...มันพิเศษมากกว่านั้น



เป็นความพิเศษที่ไม่มีสถานะ เป็นเพื่อนไม่ได้...เป็นอะไรมากกว่านั้นก็คงไม่ได้ และที่สำคัญ...



ไม่มีเพื่อนที่ไหนทำแบบนี้



ไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาจูบกันหรอก







*****







 

ฟองฟางยืนตาเป็นประกายอยู่หน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่ขายน้ำกับป๊อปคอร์น ในมือเล็กๆ ถือตั๋วภาพยนตร์พ่อมดน้อยภาคแปดเอาไว้ มุ่งมั่นตั้งใจกับการมาดูหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะมันคือภาคสุดท้ายแล้ว



“ป๊อปคอร์นชีสผสมรสหวานกับโค้กได้แล้วค่ะ”



“ขอบคุณครับ”



แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ฟองฟางมาดูหนัง เขาไม่สามารถเข้าไปนั่งดูเฉยๆ ได้โดยไม่มีป๊อปคอร์นกับน้ำติดมือ ฟองฟางรับน้ำกับป๊อปคอร์นมาถือไว้อย่างทุลักทุเลค่อยๆ สาวเท้าเดินไปให้พนักงานฉีกตั๋ว ยิ้มแย้มให้พนักงานคนนั้นที่ส่งยิ้มมาก่อน ก็มาบ่อยจนจำหน้าได้แล้วแหละ ดูหนังทีไรเจอพนักงานคนนี้ทุกครั้งเลย



เดินฉับๆ เข้าโรงหนังที่จะฉายพ่อมดน้อยภาคแปด ฟองฟางเข้ามาก่อนเวลาเลยยังพอมีไฟสว่างๆ ให้ดูทาง คนตัวเล็กวางแก้วน้ำลงก่อนจะหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้สีม่วง แขนซ้ายกอดกล่องป๊อปคอร์นไว้อย่างนั้นแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดเสียงเพราะตอนนี้เสียงแจ้งเตือนดังถี่มากๆ

 

Mutt: พรุ่งนี้ใครจะติวก็มาที่ห้องกู

Yammy: ห้องมึงอ่ะไกล ติวที่หอสมุดได้ป่ะ

Mutt: กิ๊กก็ติวด้วย มึงคิดว่าคนนอกจะเข้าหอสมุดมอเราได้เหรอแยม

Yammy: งั้นบ้านไอ้ฟอง

Mutt: บ้านมึงได้เปล่าล่ะแยม

Yammy: บ้านกูไม่รับแขกจ้า

Mutt: กูคนไทยไม่ใช่แขกอ่ะดิ

Yammy: โห มุกเหี้ยมาก

Mutt: แล้วนี่ไอ้ฟองไปไหนวะ

Yammy: ดูหนังชัวร์ เมื่อกี้กูเห็นมันเช็กอินในไอจีสตอรี่

Mutt: งั้นรอมันมาตอบ

.ff: เออ เดี๋ยวสองทุ่มจะมาอ่านแชตอีกรอบ!

 

แล้วก็รีบกดปิดเครื่องเพราะจู่ๆ ไฟในโรงหนังก็ดับพรึ่บพร้อมกับตัวอย่างหนังเรื่องอะไรสักเรื่องที่ฟองฟางไม่รู้จักปรากฏบนหน้าจอ คนที่ซื้อที่นั่งวีไอพีแถวบนสุดหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก หันซ้ายหันขวาเพื่อมองว่าตอนนี้มีคนอื่นมานั่งในแถวที่เขานั่งอยู่บ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่มี



นัยน์ตาประกายวาววับกะพริบเบาๆ ฟองฟางจดจ่ออยู่กับป๊อปคอร์นและภาพตรงหน้าเป็นอย่างนั้นอยู่หลายนาทีจนกระทั่งรู้สึกว่ามีคนเดินเข้าโรงหนังมาใหม่ ใบหน้าหวานเลยค่อยๆ หันไปมองยังทางที่รู้สึกว่ามีคนเดินอยู่ตรงนั้น แต่กลับต้องชะงักพร้อมกับหัวใจหล่นวูบลงพื้น



ถึงมันจะมืด ถึงจะไม่มีแสงสว่างอะไรนอกจากแสงที่จอ แต่ฟองฟางก็จำได้ดีว่าคนตัวสูงที่เดินถือถังป๊อปคอร์นด้วยมือข้างขวาคือใคร



คนที่ใส่เฝือกแบบนั้น



คนที่ตัวสูงเด่น



คนที่มีใบหน้าเย็นชาแบบนั้น...



เป็นใครอื่นไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ครามสมุทร...คนที่ฟองฟางเหมือนจะคุ้นเคยดี



ครามสมุทรก้มหน้ามองหาตัวเลขของเก้าอี้ อีกฝ่ายนั่งแถวหน้าเลยทำให้ฟองฟางเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาคงจะเอ่ยปากทักไปแล้วถ้าครามสมุทรมาดูหนังเรื่องนี้คนเดียว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น...เพราะมีผู้หญิงสวยๆ เดินตามหลังครามสมุทรมาติดๆ มือของเธอคนนั้นจับชายเสื้อนักศึกษาที่หลุดออกจากกางเกงไว้แน่น



ฟองฟางขมวดคิ้วยกมือทาบหน้าอกตัวเอง...จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกับว่าหายใจไม่ค่อยออก ในตอนนี้ป๊อปคอร์นไม่อร่อยสำหรับเขาแล้ว ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคนข้างหน้าที่กำลังนั่งอยู่กับใครสักคนที่มาด้วยกัน นั่งดูหนังเรื่องที่ฟองฟางชอบที่สุดกับคนอื่น



เขาคงจะกินป๊อปคอร์นและมีสมาธิจดจ่อกับหนังที่ชอบมากกว่านี้ถ้าสองคนนั้นไม่ดูสนิทสนมกันมากเกินไป



มันคงจะดีกว่านี้แน่ๆ ถ้าใครอีกคนที่มากับครามสมุทรไม่เอนศีรษะพิงไหล่กว้างๆ



ในหัวของฟองฟางมีแต่คำถามไปเต็มหมด คำถามหลายอย่างที่ว่ายวนอยู่ในความคิด ฟองฟางหาคำตอบเองไม่ได้เพราะเขาเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย



ไม่รู้ว่าหนังเรื่องโปรดกำลังฉายอยู่ เขาควรจะแหงนหน้ามองจอมากกว่ามองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า



ไม่รู้ว่าแอร์ในโรงหนังมันเย็นมากๆ เพราะตอนนี้ข้างในของฟองฟางมันร้อนผ่าวไปหมด



“…ฮึก”



ไม่รู้ว่าน้ำตาของตัวเองไหลออกตอนไหน...



รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ต้องยกมือขึ้นปิดปากเพราะกลัวว่าเสียงสะอื้นของตัวเองจะรบกวนสมาธิคนข้างหน้า



มีอย่างเดียวที่เขารู้ คือเสียงของครามสมุทรที่ลอยวนอยู่ในหัว



‘ค ครามชอบดูหนังมั้ย’

‘ปกติก็ไม่’



มันเป็นคำตอบเดียวที่ฟองฟางไม่กล้าชวนครามสมุทรมาดูหนังเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบ สุดท้ายแล้วผลลัพธ์มันเลยออกมาเป็นแบบนี้



แบบที่ครามสมุทรมาดูหนังกับคนอื่นทั้งๆ ที่ปกติก็ไม่ชอบดู



คนอื่นสำหรับฟองฟาง



แต่คงเป็นคนสำคัญของครามสมุทร







*****







 

ถึงจะดูหนังไม่รู้เรื่องแต่เขาก็ดูไปอย่างนั้นเพราะเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ครามสมุทรเอนหลังไปกับพนักพิงของเบาะ เหลือบมองคนข้างๆ ที่ถึงแม้ว่าจะมาดูหนังเรื่องโปรดแต่ก็ยังก้มหน้าแอบแชตหาแฟนหนุ่มอยู่ดี



“เบื่อหนังแล้วเหรอครับ”



“ยังๆ แต่กำลังยั่วแฟนอยู่”



“อ่อ”



“เบื่อมั้ยคราม ถ้าเบื่อกลับไปก่อนก็ได้นะ”



“ผมกลับก่อนแล้วเบลจะกลับยังไง”



“แท็กซี่ไง”



“ดึกแล้ว อันตราย”



“งั้นครามก็รอกลับพร้อมกลับพร้อมพี่แหละเนาะ ไหนๆ ก็มานั่งดูเป็นเพื่อนแล้ว”



“ครับ” ครามสมุทรเหลือบมองลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปจ้องบนจอหนังเหมือนเดิม



เบลอายุมากกว่าเขาสองปีเรียนอยู่ปีสามในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่กรุงเทพฯ เขากับเบลสนิทกันมากเพราะโตมาด้วยกัน ใช่ พอคุณแม่รู้ครามสมุทรแขนหักเลยฝากให้เบลมาดูแลน้องชายในช่วงที่ท่านยังไม่เดินทางมาหา



ความจริงแล้วครามสมุทรดูแลตัวเองได้ แต่เขาขัดคุณแม่ไม่ได้...เบลเองก็เหมือนกัน



แล้วที่ครามสมุทรต้องมาดูหนังทั้งๆ ที่ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ก็เพราะเบลนี่แหละที่คะยั้นคะยออยากมาดูแต่งอนกับแฟนอยู่เลยไม่อยากชวนแฟนมาด้วย กลายเป็นว่าเขาต้องมานั่งถือป๊อปคอร์นให้ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่สนใจจะกินมันแม้แต่ชิ้นเดียวเพราะกลัวน้ำหนักขึ้น



อือ พอได้มาดูหนังเรื่องนี้มันทำให้เขานึกถึงใครบางคนที่ชอบภาพยนตร์พ่อมดน้อยเรื่องนี้เอามากๆ



“ฮึก...”



ครามสมุทรหันหลังไปมองต้นตอของเสียงที่เขาได้ยินมาตั้งแต่หนังเริ่มฉาย แต่พอหันกลับไปยังที่นั่งแถวบนสุดกลับไม่เจอใคร เขาเห็นแค่แก้วน้ำกับกล่องป๊อปคอร์นที่ยังพูนกล่องถูกลืมทิ้งไว้เท่านั้น ครามสมุทรใช้ตาคมๆ กวาดมองตั้งแต่เก้าอี้ตัวที่หนึ่งของแถวนั้นยันเก้าอี้ตัวสุดท้าย ก่อนจะเห็นแผ่นหลังไวๆ ของคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเสียงเมื่อกี้เดินหายไปยังทางเข้า-ออกที่ครามสมุทรกับเบลเดินเข้ามาด้วยกัน



“มองอะไรคราม”



“เปล่า”



ไหล่ข้างซ้ายถูกตีเบาๆ เพราะครามสมุทรหันหน้าชะเง้อคอมองคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจนละสายตา ถึงจะเห็นแค่หลังไวๆ แต่กลับเขารู้สึกคุ้นอย่างบอกไม่ถูก ทรงผมแบบนั้นที่ปลายผมคลอเคลียท้ายทอย หัวกลมๆ แบบนั้น หรือแม้กระทั่งแผ่นหลังที่ดูแล้วสะดุดตาทำให้เขานึกถึงฟองฟาง



ครามสมุทรแค่คุ้น แค่รู้สึกว่าเหมือน...



และไม่รู้ว่าจะใช่ฟองฟางหรือเปล่า แต่ถ้าใช่



ก็คงจะเกิดคำถามตามมาในหัวเขาแล้วล่ะ ว่าทำไมฟองฟางถึงได้ร้องไห้



เขารู้ดีกว่าการใช้โทรศัพท์ในขณะกำลังชมภาพยนตร์เป็นเรื่องที่เสียมารยาท แต่เพราะเก้าอี้ชั้นนี้ไม่มีใครนั่งอยู่นอกจากพวกเขา ครามสมุทรเลยกล้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนคนนั้นที่อยู่ในความคิดเขาตอนนี้



แต่ว่า...



‘ขอโทษค่ะหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถ...’



ก็ติดต่อไม่ได้



“คราม พี่ดูไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ”



“เหมือนกัน”



“กลับเลยดีมั้ย พี่สงสารครามแล้วเนี่ย ต้องมาทนนั่งดูเป็นเพื่อน”



“กลับเลยก็ได้”



ครามสมุทรรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที เขาคว้ามือเบลที่มัวแต่ทำอะไรชักช้าให้เดินออกจากโรงหนังไปด้วยกัน ครามสมุทรใจร้อนสาวเท้าเร็วทุกฝีก้าวจนเบลเกือบตามไม่ทัน



“รีบขนาดนี้ปล่อยมือพี่ก็ได้นะคราม ตามไม่ทันแล้วเนี่ย”



ไม่รู้ว่าจะตามหาคนที่เขารู้สึกคุ้นเจอหรือเปล่า แต่ระหว่างที่เดินออกจากโรงหนังพยายามติดต่อฟองฟางตลอด ใช่ และผลมันก็ออกมาเป็นเหมือนเดิมคือเขาไม่สามารถติดต่อฟองฟางได้เลย



ถ้าตามที่นี่แล้วไม่เจอ ครามสมุทรคงต้องตามถึงบ้าน



อย่างน้อยๆ ถ้าคนคนนั้นคือฟองฟางจริงๆ ครามสมุทรจะคอยอยู่ข้างๆ



คอยดูแลคนที่กำลังร้องไห้อยู่







*****







 

Kram: ลงมาหาหน่อย

Kram: อยู่หน้าบ้านฟอง

 

คนที่นอนเอาหน้าซุกหมอนน้ำตาอาบแก้มปรือตาแดงก่ำมองโทรศัพท์ที่สั่นและส่งเสียงแจ้งเตือนอยู่อย่างนั้นหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่แค่เสียงข้อความ แต่มีทั้งเสียงเรียกเข้า เขาไม่อยากจะชะโงกหน้าไปดูเพราะตอนนี้ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น



อยากอยู่กับตัวเองให้มากๆ อยากทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น



แต่สมองก็โล่ง ไม่มีสมาธิคิดหรือทำอะไรนอกจากนอนคว่ำแล้วร้องไห้อย่างนี้



ยิ่งตอนนี้ฝนตกหนัก อากาศเหงาๆ กับเรื่องราวมากมายที่วนเวียนอยู่ในความคิดทำให้ฟองฟางกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ได้เลย เขาคิดไว้อยู่แล้วว่ายังไงพรุ่งนี้ก็คงต้องหยุดเรียนทั้งๆ ที่มีเรียนไม่กี่วิชา...ฟองฟางไม่กล้าพาตาบวมๆ ไปเรียนหรอก



ขอร้องไห้วันนี้ให้พอ ขอเจ็บแค่วันนี้วันเดียวจริงๆ



ฟองฟางเพิ่งรู้ว่าการแอบรักใครสักคนมันเหนื่อยขนาดนี้ เขาท้อแท้ทุกครั้งเวลาที่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจ แต่ก็นั่นแหละ เรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นถ้าครามสมุทรไม่ได้ทำตัวเหมือนให้ความหวัง...ฉุดเขาขึ้นไปยืนบนที่สูง มีลมเย็นๆ โบกพัดหน้า ทำให้ยิ้มได้และปล่อยให้ฟองฟางตกลงมาจากที่สูงเอง



อือ แต่ก็ตกลงมาเองจริงๆ เพราะครามสมุทรยังไม่ได้ทำอะไร...ฟองฟางก็เสียหลักซะแล้ว



“ฟองฟาง ลงไปดูข้างหน่อยลูก แม่เห็นเหมือนเพื่อนมายืนรอนะ”



“มัทหรือเปล่าครับแม่”



“น่าจะไม่ใช่...มัทแขนหักเหรอลูก แม่เห็นใส่เฝือกด้วย”



“...” มัทไม่ได้ใส่เฝือก



หรือว่าจะเป็นครามสมุทร



ฟองฟางรีบเงยหน้าขึ้นทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหล เม้มปากแน่นก่อนปาดน้ำตาออกแล้วมองไปที่ประตู เขากับคุณแม่คุยกันผ่านประตูไม้สีขาว ฟองฟางกลั้นหายใจรอคนที่อยู่นอกห้องพูดต่อ



“ลงมาดูด้วยแล้วกัน ฝนตกหนักเดี๋ยวเพื่อนไม่สบาย”



เสียงฝีเท้าเดินออกจากหน้าประตูห้องดังขึ้นและเงียบไปในที่สุด ฟองฟางกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปตรงหน้าต่าง



มือขาวค่อยๆ แง้มผ้าม่านสีเขียวอ่อนให้เป็นช่องเล็กๆ สำหรับแอบส่อง คิ้วสวยของคนตัวเล็กขมวดแน่น...และสิ่งที่เห็นก็ทำให้ฟองฟางยกมือปิดปาก



ครามสมุทรจริงๆ



ตากลมๆ มองคนตัวสูงที่ยืนกางร่มสีเทาด้วยมือขวา ครามสมุทรหันหน้าเข้ามาในบ้านและเหมือนจะแหงนหน้ามองมาตรงหน้าต่างฟองฟางเลยรีบปิดม่านหันหลังให้กับใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น หัวใจดวงน้อยๆ ของเขามันเต้นเป็นจังหวะที่เร็วกว่าเดิม



“ฟองฟาง ฝนตกแรงแล้วนะลูก”



มันไม่ได้เต้นเพราะหวั่นไหว



“เปิดประตูให้แม่หน่อยสิ ขอแม่เข้าไปคุยด้วยหน่อย”



แต่มันเต้นเพราะอะไรไม่รู้...



คนตัวเล็กเดินเอื่อยๆ ขยี้ตาไปเปิดประตูให้คุณแม่ ฟองฟางก้มหน้าก้มตาตอนที่หมุนลูกบิดและเปิดเข้ามาตัวเอง ริมฝีปากสีแดงจัดเม้มเข้าหากันเบาๆ เขาไม่กล้าเงยหน้ามองคุณแม่เพราะไม่รู้ว่าจะให้คำตอบเรื่องที่ตัวเองร้องไห้ยังไงดี



ก็ตอนที่มาถึงบ้านฟองฟางน่ะดันวิ่งหนีคุณพ่อกับคุณแม่ ท่านเรียกเท่าไหร่เคาะประตูยังไงก็ไม่ยอมตอบ



เขามันโคตรบ้าเลย



“เป็นอะไรคนเก่ง อย่าบอกนะว่าอินซีรีส์” คุณแม่ถอนหายใจเบาๆ แล้วถามลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ เพราะๆ ท่านอมยิ้มเล็กน้อยตอนที่เห็นว่าฟองฟางส่ายหัว



“ผมไม่ดูซีรีส์ครับแม่”



“งั้นเข้าไปนั่งกันดีๆ หน่อยไป”



มือนุ่มๆ กุมไหล่ทั้งสองข้างของลูกชายไว้ จับหมุนตัวแล้วพาเดินไปนั่งบนเตียงที่มีหมอนเปื้อนรอยน้ำตา คุณแม่ก้มหน้ามองฟองฟาง ประคองกรอบหน้าหวานๆ ขึ้นให้เงยหน้าสบตากัน



“ไปทะเลาะกับใครมา”



“ไม่ได้ทะเลาะครับ”



“เพราะเพื่อนที่มารอลูกอยู่หน้าบ้านใช่มั้ย”



“...”



“ตอนนี้ฝนตกหนักนะฟองฟาง ถ้ายังไม่พร้อมคุยจะให้แม่บอกให้เพื่อนลูกกลับไปเลยดีมั้ย”



ฟองฟางส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงดี ไอ้อาการงี่เง่าของตัวเองเมื่อไหร่จะหายไปก็ไม่รู้...ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้เลย



ครามสมุทรไม่ผิด...เขาเองนั่นแหละที่ผิด



“แม่ไม่รู้นะว่าฟองกับเพื่อนมีปัญหาอะไรกัน สมมติถ้าทะเลาะกันแล้วเพื่อนลูกมายืนรออย่างนี้...ควรให้โอกาสตัวเองและเขานะลูก”



“...แล้วถ้าไม่ได้ทะเลาะละครับ”



“...”



“แต่ผม...งี่เง่าไปเอง”



คุณแม่แย้มยิ้มกว้างๆ ให้ลูกชายที่ดูเหมือนว่าน้ำตาจะคลอเบ้าพร้อมไหลอาบแก้มอีกครั้ง ใช้ฝ่ามือนุ่มๆ ลูบผมของฟองฟางเบาๆ จนสุดท้ายคนตัวเล็กก็โผเข้าอ้อมกอดคุณแม่แล้วปล่อยโฮ



“งั้นฟองให้โอกาสเขาหน่อยได้มั้ย เขาอาจจะไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด”



“...”



“ฟองฟางคนเก่ง”



“แม่พาเขาเข้ามาในบ้านได้มั้ยครับ”



“จ้ะ”



“แต่ฟอง...ไม่ลงไปนะ”



“...”



ฟองฟางค่อยๆ ขยับออกจากอ้อมกอดอุ่นๆ คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตาเอื้อมหยิบกระเป๋าเป้ที่พิงอยู่ข้างๆ เตียงก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วหยิบถุงยาจากโรงพยาบาลออกมายื่นให้คุณแม่



“ฝากให้เขาด้วยนะครับ...ครามน่าจะยังไม่ได้กินยาของมื้อเย็น”



“ลงไปให้เองดีกว่ามั้ย”



“แม่...” ทำตาละห้อยแล้วทำเสียงง้องแง้ง ตอนนี้ฟองฟางไม่พร้อมเจอจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะแสดงด้านแย่ๆ ให้ครามสมุทรเห็นหรือเปล่า



ก็ครามสมุทรไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย มีแต่เขานั่นแหละที่งี่เง่าไปเอง



“ก็ได้ๆ เดี๋ยวแม่เอายาลงไปให้” ฟองฟางยกมือไหว้คุณแม่ ขอบคุณที่ท่านเข้าใจความรู้สึกของเขา



“แต่ถ้าเพื่อนฟองอยากจะขึ้นมาหา แม่ห้ามไม่ได้นะ”



“คงไม่หรอกครับแม่”



ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น...ครามสมุทรคงไม่ขึ้นมาหรอก



“อย่าล็อกประตูแล้วกันล่ะ”







*****





 

ไฟในบ้านเดี่ยวสองชั้นปิดหมดทุกดวงแล้ว มีแต่แสงจากเสาไฟฟ้าที่ทำให้เห็นถนนเส้นเล็กๆ ของหมู่บ้าน คนตัวสูงนอนฟังเสียงฝนอยู่บนโซฟาสีครีม รู้ว่าตอนนี้ตีสองแล้ว แต่เขายังนอนไม่หลับ



‘นอนที่นี่ก่อนนะลูก ดึกแบบนี้กลับบ้านคนเดียวอันตรายจะตาย’

‘เอาชุดนอนพ่อไปใส่ก่อนก็ได้...ฟองฟางโกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวใจอ่อนก็ลงมาแล้ว’



เขาก็รอให้ฟองฟางหายโกรธทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าโดนโกรธเรื่องอะไร ไม่รู้ใช่เรื่องเดียวกันกับในความคิดเขาหรือเปล่า



ใช่ ตอนนี้ครามสมุทรนอนอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านฟองฟาง เขาสารภาพกับพ่อแม่ของฟองฟางไปแล้วว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเขาบ้าง และบอกไปตามตรงสำหรับเรื่องของวันนี้ เรื่องที่เขาไม่มั่นใจว่าคนคนนั้นใช่ฟองฟางหรือเปล่า...แต่ตอนนี้เหมือนจะมั่นใจได้แล้ว



ครามสมุทรส่งข้อความหาฟองฟางตลอด สาบานว่าเขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครทั้งนั้น ครามสมุทรไม่เคยพิมพ์หาใครบ่อยๆ เท่าฟองฟาง ไม่เคยอยากคุยกับใครเท่าฟองฟางอีกแล้ว

 

Kram: อยู่ชั้นล่าง

Kram: ลงมาหาหน่อยได้มั้ย

 

เขาส่งไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

 

Kram: จะรอนะ

 

ทุกข้อความขึ้น read เขารอให้ฟองฟางตอบทุกวินาทีจนตอนนี้แต่ก็ไม่



ครามสมุทรสั่งตัวเองให้หลับตาและนอนหลับไป แต่ร่างกายไม่ทำตามที่สมองสั่ง เขาเป็นแบบนี้ตลอดนั่นแหละ ถ้ามีอะไรค้างคามักจะนอนไม่หลับ ในหัวของเขาคิดแค่ว่าจะขึ้นไปหาฟองฟางเลยดีมั้ย แต่คงขึ้นไปรบกวนเปล่าๆ เพราะตอนนี้ก็ดึกแล้ว...ครามสมุทรเลยได้แต่นอนอยู่ตรงนี้ มองเพดานท่ามกลางความมืดไปอย่างนั้น จนกระทั่ง...



ตึ่ง ดึ้ง



ครามสมุทรรีบหยิบโทรศัพท์ที่ถือติดมือไว้ตั้งนานแล้วขึ้นมาดู เขาตื่นเต้นเพราะเสียงแจ้งเตือนนั้นต้องเป็นข้อความของฟองฟางแน่ๆ



เพราะฟองฟางคือคนเดียวที่ครามสมุทรเปิดเสียงแจ้งเตือนทุกอย่างไว้

 

.ff: ขอโทษนะคราม

.ff: ฝันดีนะ

Kram: ฟองฟาง

Kram: โทรหาได้มั้ย

.ff: ดึกแล้ว

Kram: ครับ

Kram: ขอโทษ

 

ขอโทษสำหรับทุกๆ อย่างที่ทำให้ฟองฟางรู้สึกไม่ดี

 

.ff: ฝันดีนะ

 

ตาคมจ้องหน้าจอโทรศัพท์ค้างไว้อย่างนั้น



เขารู้ว่าฟองฟางคงนอนไม่หลับเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ตอบกลับข้อความดึกดื่นขนาดนี้ หรือไม่...อาจจะแค่สะดุ้งตื่น



แค่นี้ก็พอแล้วแหละ เขาคิดว่าฟองฟางคงยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้ากัน เขาให้เวลาฟองฟางหลบหน้าก็ได้ แต่นับจากนี้ไป...



ฟองฟางจะไม่มีโอกาสได้หลบหน้าเขาอีกเลย

 

Kram: ฝันดีครับ

 

และครามสมุทรจะไม่ปล่อยให้ทุกอย่างมันค้างคาเหมือนวันนี้อีกต่อไป














#ฟองฟางครามสมุทร




หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 01-02-2019 23:39:37
แง~~~ ป้าจะนอนแล้ว แต่เด็กๆ ยังนอนไม่หลับกันเลย...ป้าค้างคามากลูก

น้องฟางลงมาเคลียร์ หรือเจ้าครามขึ้นบ้านไปหาเลยไป๊...ป้าลุ้นอยู่ลูก แต่ตาจะปิดแล้ว เจอกันใหม่พรุ่งนี้เช้านาจา ^^"
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2019 00:09:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

นี่คือ...คุณแม่ไฟเขียวให้  ใช่ไหมจ๊ะนุ้งฟาง  อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2019 00:47:36
เฮ้อออ  คุยกันก็จบแระ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 02-02-2019 01:35:24
น้องฟองลูก น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 14 - up 1.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-02-2019 07:23:45
โอ๋ โอ๋ นะฟองฟาง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 15 - up 2.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 02-02-2019 11:08:37
15



ในโลกที่มีแต่เรา

หนาว...แต่อบอุ่นเพราะกอดของคุณ

 



ขอบคุณที่ฝนยังตก เพราะมันทำให้มั่นใจว่าเสียงของสายฝนกับฟ้าร้องดังจะช่วยกลบเสียงฝีเท้าของเขาเอาไว้ มือขาวจับราวบันไดแล้วชะโงกหน้ามองผ่านความมืดเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีใครบางคนยึดพื้นที่ตรงนั้นไว้ แพขนตางอนๆ เคลื่อนไหวตามเปลือกตาที่กะพริบ ฟองฟางกัดปากตัวเองแน่น...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงมายืนอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่ก็ดึกมากแล้ว



หรือเพราะหัวใจของเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น สมองเลยสั่งให้ร่างกายลงมาเก็บหัวใจกลับไปด้วย



เฮ้อ



คนที่อยู่ในชุดนอนสีครีมเอาคางวางไว้บนหลังมือ มองจากตรงนี้ไม่เห็นหรอกว่าครามสมุทรอยู่ตรงไหน แต่ถ้าเดาก็คงเป็นตรงโซฟา ที่ฟองฟางรู้ว่าครามสมุทรยึดพื้นที่ตรงนั้นก็เพราะเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้วคุณแม่มาเคาะประตูบอกว่าเพื่อนของเขาจะค้างด้วยคืนหนึ่ง ในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ



ฟองฟางรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยกับความคิดของตัวเองเอามากๆ สมองมันตีกันระหว่างลงไปหากับไม่ลงมา...ก็นั่นแหละ ยอมรับแต่โดยดีว่าฟองฟางหายงี่เง่าตั้งแต่รู้ว่าครามสมุทรมาหาที่บ้านแล้ว แต่ที่ไม่ยอมลงมาเจอเพราะยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับดวงตาของตัวเองที่มันบวมช้ำขนาดนี้



ถ้าครามสมุทรเห็นเดี๋ยวก็ถูกถามยาวเหยียดอีก



แล้วฟองฟางก็ไม่รู้ด้วยว่าจะหาคำตอบให้ครามสมุทรได้ยังไง



ถ้าให้ตอบความจริง...ไม่ได้หรอก



สุดท้ายคนที่วุ่นวายอยู่กับความคิดของตัวเองก็มายืนเกาะราวบันไดทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนี้จนได้ ฟองฟางเพิ่งอ่านแชตล่าสุดของครามสมุทรเสร็จเมื่อห้านาทีที่แล้ว และก็เพิ่งรู้ตัวเองโคตรจะทำตัวให้ครามสมุทรรู้สึกลำบากใจกับอารมณ์งี่เง่าที่เกิดขึ้น



ฟองฟางค่อยๆ ก้าวลงบันไดทีละขั้น นึกถึงข้อความที่ครามสมุทรส่งมา...เขาจำได้หมดและรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยจากครามสมุทร ทุกประโยคมันทำให้เขาฝันไปไกลจริงๆ



ถ้าวันนี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่โรงหนัง...ฟองฟางคงไม่ต้องหลบหน้าครามสมุทรแบบนี้



รู้ตัวอีกทีคนที่จมกับความคิดก็ก้าวเท้ามาหยุดอยู่ในโซนห้องนั่งเล่นของบ้านซะแล้ว เขาเหมือนถูกสะกดจิตให้เดินมาเพื่อมองใครอีกคนที่นอนอยู่บนโซฟา ฟองฟางประหม่าทั้งๆ ที่เป็นบ้านของตัวเอง แต่กลับรู้สึกว่าไม่ควรที่จะมายืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิด



ครามสมุทรหลับอยู่...แล้วการมายืนมองคนอื่นหลับก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลย



คนตัวเล็กเลยหมุนตัวเตรียมสาวเท้าเดินกลับห้อง แต่ว่า...



“ฟอง”



คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นในความมืด เสียงทุ้มๆ เปล่งเรียกชื่อเขา



“...ครามยังไม่นอนเหรอ” ถามไปแบบนั้นเพราะสมองสั่งให้พูดอะไรสักอย่าง



ครามสมุทรค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง แล้วเอื้อมมือกดเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะที่คุณแม่ซื้อมาจากประเทศจีนเมื่อหลายเดือนก่อน พอมีแสงสว่างฟองฟางก็เห็นครามสมุทรชัดขึ้นกว่าเดิม และนั่นก็ยิ่งทำให้ฟองฟางไม่กล้าจะขยับตัวไปไหนเลย



คนตัวสูงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงมาที่เขา ครามสมุทรไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วจนฟองฟางกลัว แต่อีกฝ่ายค่อยๆ เข้ามาหา ทุกก้าวเดินของครามสมุทรมาพร้อมกับใบหน้ายุ่งๆ ของเขา คิ้วเข้มๆ ขมวดแน่นอยู่ตรงเวลา และพอห่างกันไม่กี่เซนติเมตร...ฟองฟางก็ไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคน



“นอนไม่หลับ”



“อื้อ เหมือนกันเลย” อ้อมแอ้มตอบความจริงขณะที่ตัวเองก็ยืนก้มหน้ามองมือสองข้างที่บีบกันแน่น



“อือ”



“...”



“ถ้ามีอะไรคาใจอยู่จะนอนไม่หลับ”



“เหรอ...เราก็เป็น”



“คุยกันหน่อยมั้ย”



ฟองฟางเงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยแววตาตื่นๆ เหมือนเด็กที่กำลังถูกสอบสวนความจริงอะไรสักอย่าง มองลึกเข้าไปในตาคมๆ ที่ดูอ่อนโยนและอบอุ่น ไม่นิ่งหรือเย็นชาเหมือนเมื่อก่อน



“อื้อ”



พยักหน้าหงึกตอบคนตัวสูงไม่ทันไรไหล่แคบๆ ของตัวเองก็ถูกครามสมุทรดันให้เดินไปนั่งบนโซฟาด้วยกัน



ฟองฟางเป่าลมออกปาก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และค่อยผ่อนออกเงียบๆ นั่งห่อไหล่บนโซฟาที่มีครามสมุทรนั่งอยู่ด้วย



“นึกว่าจะไม่ลงมา”



“เรารู้สึกเหมือนจะไม่สบาย”



“ป่วยเหรอ”



“อื้อ” ป่วยที่ใจน่ะนะ



“กินยาหรือยัง”



“ยัง เดี๋ยวมันก็คงหาย”



“อือ”



“...”



“เมื่อเย็นดูหนังสนุกมั้ย”



“รู้ได้ไงว่าเราไปดูหนังมา”



ฟองฟางขมวดคิ้ว หันหน้ามองครามสมุทรที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว สายตาของครามสมุทรตอนนี้เป็นอะไรทำให้เขารู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ



“ก็เจอ”



“...”



ถึงฟองฟางจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่ก็รู้สึกได้ว่าแววตาแบบนั้น...เหมือนครามสมุทรกำลังพยายามง้อกันอยู่เลย



ดูตัดพ้อ ดูอ้อนวอนยังไงก็ไม่รู้



“...ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ จริงๆ มันสนุกแต่ว่า...”



“วันนี้ไปดูมาเหมือนกัน กับพี่สาว”



พี่สาว...



แต่จู่ๆ ฟองฟางเม้มปากจ้องตาคนที่กำลังขยับปากพูด ตอนนี้เหมือนกับว่า...ใจกำลังลอยไปที่ไหนสักที่เลย



ไม่ใช่ไม่เชื่อว่าที่ครามสมุทรพูดเป็นเรื่องโกหก แต่ที่ฟองฟางรู้มาตลอดก็คือ...ครามสมุทรเป็นลูกชายคนเดียว



“...”



“วันนี้ร้องไห้ทำไม”



คนถูกถามตรงๆ ทำอะไรไม่ถูก ฟองฟางได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพราะไม่รู้จะตอบไปว่าอะไรดี เหมือนครามสมุทรรู้เลยว่าวันนี้เขาร้องไห้ ร้องตั้งแต่ในโรงหนังจนกลับบ้าน



“รู้ได้ไง”



“บอกแล้วว่าเห็น แล้วตาบวมขนาดนี้” เขาชี้มาที่ดวงตาของฟองฟางให้รู้ว่ามีหลักฐานให้เห็นคาตา



“เครียดๆ เรื่องสอบ...เราควรจะอ่านหนังสือมากกว่าแต่ก็ยังไปดูหนัง”



“เลยไม่ตอบแชต โทรไปก็ไม่รับ”



“คราม...” เรียกชื่ออีกคนด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว อ่อนใจกับครามสมุทรจริงๆ



“ครับ”



“มีพี่สาวด้วยเหรอ...สวยจัง” ยิ้มแห้งๆ แล้วกลั้นใจถามไปแบบนั้นเพราะอยากรู้จริงๆ ฟองฟางเองก็ไม่ให้อะไรมันค้างคาใจนานเท่าไหร่ แอบชอบก็ส่วนแอบชอบ อยากรู้เรื่องครามสมุทรก็ส่วนของความอยากรู้อยากเห็น จะว่าก้าวก่ายก็ได้ ตอนนี้ในฐานะอะไรฟองฟางก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว



ก็ครามสมุทรพูดก่อนนี่นาว่าไปดูหนังกับพี่สาว



“ลูกพี่ลูกน้อง แม่ให้มาดูอาการเฉยๆ”



“...”



“พี่สาวมีแฟนแล้ว”



“...”



“สบายใจได้หรือยัง”



“ส สบายใจอะไร…”



“ที่ร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเพราะเรื่องนี้?”



“เฮ้ย! บ้าแล้ว...ก็บอกอยู่ไงว่าเครียดเรื่องสอบ”



ฟองฟางเลิ่กลั่กปรับอารมณ์ตัวเองไม่ทันเพราะถูกครามสมุทรพูดแทงใจดำเข้าให้ คนตัวขาวรีบก้มหน้ามองพื้นหลบซ่อนแววตาที่ลุกลี้ลกลนของตัวเอง กลัวถูกจับได้ว่าที่ร้องไห้ก็เพราะเรื่องนี้ กลัวว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองโคตรจะงอแงขนาดไหน



“ปกติไม่เห็นเครียดขนาดนี้”



“คราม จะเอาให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย”



“เอาอะไร”



“เออ ยอมรับก็ได้...ก็ร้องไห้เพราะครามนั่นแหละ” อ้อมแอ้มบอกความจริงแล้วเม้มปากแน่น



ยอมรับกันดื้อๆ แบบนี้เลยแหละ...ไม่อยากโกหกตัวเองกับครามสมุทรอีกต่อไปแล้ว ฟองฟางเบื่อตัวเองเหมือนกัน หงุดหงิดตัวเองที่ทำอะไรแบบนี้จนอยากจะทึ้งหัวแรงๆ อยู่แล้ว



และนั่นก็ทำให้ครามสมุทรยิ้ม



“ใครจะไปรู้ว่ามีพี่สาว...แยมไม่เห็นบอกเลย”



“แยมจะไปรู้อะไร”



ก็แยมสืบประวัติให้ไง

ครามนั่นแหละที่ไม่รู้อะไรเลย



ครามสมุทรขยับเข้ามาใกล้ คล้องแขนแกร่งข้างขวาโอบไหล่ฟองฟางไว้หลวมๆ คนที่ถูกกอดก็นั่งนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆ นั่นแหละ นั่งฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงแข่งกับฝนที่ตกลงมา



คนตัวสูงโน้มตัวเล็กน้อย แนบหน้าผากบนคอขาวๆ ของฟองฟาง เขาหลับตาลงแล้วหายใจเข้าออกเบาๆ ครามสมุทรนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น เหมือนครามสมุทรกำลังคิดอะไรสักอย่างแต่ยังไม่พูดออกมาสักที



ก็รอฟังอยู่ถึงได้รู้



“ฟอง คราวหลังไม่เอาแบบนี้” น้ำเสียงเหนื่อยๆ ของครามสมุทรดังขึ้นใกล้ๆ



“...”



“สงสัยก็ถาม จะได้ไม่คิดไปเอง”



“ครามจะตอบหรือไง”



“ตอบอยู่แล้ว”



“ถ้าสงสัยบ่อยๆ จะไม่รำคาญเราใช่มั้ย”



“ฟอง สงสัยมาเถอะ”



ฟองฟางกลั้นยิ้มเพราะเสียงทุ้ม จากที่อยู่ในโหมดวุ่นวายใจก็เหมือนจะหลุดออกจากตรงนั้นมาได้เพราะตัวเองยอมบอกความรู้สึกให้ครามสมุทรรับรู้



ครามสมุทรเองก็ดูสบายใจเหมือนกัน



“แล้วทำไมไปดูหนังคนเดียว ไม่เห็นชวน” เสียงนิ่งๆ ที่ปนตัดพ้อหน่อยๆ ของครามสมุทรทำเอาฟองฟางหัวเราะเบาๆ



ครามสมุทรเท่านั้นแหละที่ทำให้ฟองฟางยิ้มได้ หัวเราะได้ และเศร้าได้



“ก็ปกติครามไม่ค่อยชอบดูหนังไม่ใช่เหรอ...ใครจะกล้าชวน”



“ทำไมไม่ลองชวนดูก่อน”



“ถ้าชวนแล้วจะไปเหรอ”



“อือ”



“...”



“ถ้าฟองชวน ชอบหรือไม่ชอบก็ไปด้วยอยู่แล้ว”







*****









“สรุปมึงจะอ่านหนังสือหรือว่าจะนั่งยิ้ม”



“ไหนเอามาดูดิ ในโทรศัพท์มึงมีอะไรให้น่ายิ้ม”



“เรื่องอะไรอ่ะ ขอมีความลับบ้างดิ”



บุ้ยปากบอกแยมที่ชะเง้อคอจากฝั่งตรงข้ามเพื่อมองจอโทรศัพท์ของฟองฟาง พอถูกปฏิเสธไม่ให้มองแยมก็เบะปากใส่



“มองตามึงก็รู้แล้วฟอง ความลับไม่มีในโลก” มัทที่นั่งอยู่ซ้ายมือของฟองฟางพูดขึ้นแล้วหันไปพยักหน้าเออออกับแยม เข้ากันได้ดีจริงๆ ตอนที่จะแกล้งฟองฟางเนี่ย



“ตั้งใจหน่อยนะมึง แคลคูลัสที่รักของมึงสอบก่อนวิชาแรกเลย เดี๋ยวสอบไม่ได้ก็มาง้องแง้งใส่กูอีก”



“กูไม่หวั่นกับแคลแล้วแยม ความรู้เต็มสมอง”



ยักคิ้วตอบอย่างมั่นใจจริงๆ เพราะว่าเมื่อหลายวันก่อนครามสมุทรติววิชาที่ยากที่สุดให้ฟองฟางแล้ว แล้วก็เหมือนกับว่าเย็นนี้จะมีแววได้ไปทบทวนก่อนสอบจริงกับติวเตอร์ครามสมุทรอีกครั้งด้วย

 

Kram: ติวก่อนหรือดูหนังก่อน

 

ก็นั่นแหละ เหตุผลที่ทำให้ฟองฟางยิ้มหน้าแป้นไม่ยอมอ่านหนังสือสักที

 

.ff: ต้องดูก่อนมั้ยอ่า หนังสองชั่วโมงกว่าๆ

 

ครามสมุทรส่งแชตมาหาเขาตั้งแต่เช้าว่าจะชวนไปดูหนังด้วยกัน ก็เรื่องเดิมที่ฟองฟางชอบนักชอบหนานั่นแหละ ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ แล้วครามสมุทรเพิ่งจะเอ่ยปากชวน...ก่อนหน้านั้นคนตัวสูงสั่งไว้ด้วยว่าอย่าเพิ่งไปดูหนังกับใคร รอถอดเฝือกก่อนแล้วจะเป็นฝ่ายชวนไปดูเอง

 

Kram: ทำอะไรอยู่

Kram: ถ่ายรูปให้ดูหน่อย

.ff: เฮ้ยยย ทำไมต้องถ่าย 55555

Kram: อยากเห็น

.ff: แลกกันสิ

Kram: อือ

Kram: ฟองส่งมาก่อน

 

เหมือนคนคบกัน เหมือนเป็นแฟนกันเลยจริงๆ นะ ._.



สาบานได้ว่ากับเพื่อนสนิทอย่างแยมกับมัทก็ไม่เคยสั่งให้ฟองฟางถ่ายรูปยืนยันว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่กับครามสมุทรแทบต้องรายงานต้องแชร์กันตลอด เหมือนระหว่างฟองฟางกับครามสมุทรมีอะไรที่พิเศษกว่านั้น แต่จริงๆ สถานะตอนนี้ฟองฟางก็เป็นแค่เพื่อนของครามสมุทร...ส่วนครามสมุทรก็เป็นคนที่ฟองฟางรู้สึกดีๆ ด้วยอยู่เสมอ



ตากลมๆ เหลือบมองเพื่อนสองคนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือกันอย่างเอาจริงเอาจัง ฟองฟางค่อยๆ ตั้งโทรศัพท์ให้อยู่ในมุมที่จะสามารถถ่ายรูปสวยๆ ส่งให้ครามสมุทรได้ เจ้าตัวไม่ได้จัดแจงชีทที่วางตรงหน้าปล่อยให้มันรกๆ แบบนั้นแล้วกดชัตเตอร์ไป



“อ่านหนังสือสอบแค่นี้ต้องถ่ายรูปเลยว่างั้น” เพราะไม่ได้ปิดเสียงไว้ตอนที่ถ่ายรูปเลยมีเสียงแชะออกมา ฟองฟางเลยถูกแยมแขวะ



“แยมก็ถ่าย เมื่อกี้เห็นนะ”



“กูถ่ายอัพเดตให้แฟนจ้า แต่มึงน่ะถ่ายเอาไปรายงานใครเหรออออ”



“ครามสมุทรเปล่าจ๊ะน้องฟอง”



“งื้ออออ อะไรกันน้า ไม่ใช่แฟนแต่ก็ไม่ใช่เพื่อน”



“ตั้งแต่ถอดเฝือกก็ไปรับไปส่งกันทุกวันเลยนะเว้ย”



“มั่วแล้วพวกมึงเนี่ย ไม่ใช่ทุกวันสักหน่อย”



มองค้อนแยมกับมัทที่เอาแต่ล้อ ทำตาดุๆ ใส่เพื่อนกลบอาการเขินจนหน้าร้อนของตัวเองไปงั้น ฟองฟางไม่พูดอะไรมากเพราะเดี๋ยวพวกนั้นก็เอาไปแซวกันสนุกปากอีก ตอนนี้เลยก้มหน้างุดไปกับกองชีท มือก็กดโทรศัพท์ยิกๆ ตอบแชตใครอีกคนที่ถูกพูดถึงเมื่อกี้นี้ด้วย

 

.ff: ส่งแล้วๆ

.ff: (send a photo)

Kram: ไม่เห็นหน้า

.ff: อ้าว ต้องเห็นหน้าด้วยเหรอ

Kram: อือ แบบนี้

Kram: (send a photo)

 

“...”



ส่งสติ๊กเกอร์หมีทำหน้าแดงยืนบิดเขินๆ ไปแล้วก็นั่งอมยิ้มจนแก้มป่องอยู่อย่างนั้น ฟองฟางไม่กล้าจ้องรูปถ่ายที่อีกฝ่ายส่งมาให้ เพราะว่ารูปนั้นเป็นรูปเซลฟี่ของครามสมุทรเอง...



อะไรดลใจให้ครามสมุทรส่งรูปตัวเองมาแบบนั้นก็ไม่รู้ ฟองฟางกลั้นใจเปิดดูรูปของครามสมุทรอีกครั้งแล้วผลก็เป็นแบบเดิมคือเขินจนหน้าแดงยิ้มจนแก้มปริ ฟองฟางแพ้ความหล่อทะลุจอของครามสมุทรมากๆ เลย

 

Kram: ฟองฟาง

 

แล้วก็ชอบเรียกชื่อเล่นเต็มๆ อีกแล้ว

 

.ff: เพื่อนอยู่เต็มเลย ไม่กล้าถ่าย ._.

.ff: ส่งรูปมาให้น่าเอาไปแปะในเพจมหา’ลัยนะเนี่ย สาวกรี๊ดตรึมแน่

Kram: ไม่หวงก็ลองดู

 

“...”



เหมือนจะเป็นบ้าอยู่คนเดียวเพราะครามสมุทรแท้ๆ ฟองฟางนั่งกำมือเม้มปากแน่น กลั้นยิ้มรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

 

.ff: จะหวงได้ไง ไม่ได้เป็นแฟนครามสักหน่อย

 

ล้อเล่นนะ...



ฟองฟางอยากกดยกเลิกข้อความแต่ก็ต้องชะงักเพราะข้อความที่เขาส่งขึ้น Read แล้ว คนตัวขาวลังเลอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าสิ่งที่พิมพ์ไปจะสร้างความลำบากให้ครามสมุทรหรือเปล่า เลยตัดสินใจยกเลิกข้อความไป

 

ยกเลิกข้อความแล้ว

Kram: มาเป็นมั้ยล่ะ

Kram: อยากให้มีคนคอยหวงอยู่เหมือนกัน

 

ปึง ปึง ปึง!



“เชี่ยฟอง มึงทุบโต๊ะทำไม”



“แล้วเป็นเหี้ยอะไรหน้าแดงขนาดนั้น”



“มัทแยม...”



ฟองฟางเบะปากทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ มือขาวๆ ยกขึ้นกุมอกซ้ายของตัวเอง ในใจมันเต้นโครมครามแรงจนฟองฟางแทบนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไหว



“เป็นอะไรของมึงเนี่ย...” แยมจ้องคนที่นั่งตรงข้ามอึ้งๆ บอกตามตรงว่าไม่มีใครเคยเห็นฟองฟางในมุมแบบนี้มาก่อนเลยตกใจ



เขินอะไรเบอร์นั้นก็ไม่รู้



“เหมือนจะหายใจไม่ออกเลยแยม”



บอกแบบนั้นแล้วก็ฟุบหน้าลงบนกองชีท ยิ้มกว้างคนเดียวไม่ให้เพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเห็น ฟองฟางในตอนนี้เหมือนสติหลุดไปแล้ว...หลุดไปอยู่กับครามสมุทรแล้วแหละ

 

Kram: ยังไง เงียบเลย

 

อือ ถ้าบอกขนาดนี้แล้ว...

ก็รับผิดชอบความรู้สึกของเราด้วยนะคราม .__.







*****







 

ฟองฟางกะพริบตาปริบๆ อยู่ในโรงหนังมืดๆ ที่มีแสงสว่างจากจอเท่านั้น ภาพยนตร์สุดโปรดเรื่องเดิมที่เคยมาดูแล้ว (แต่ดูไม่รู้เรื่อง) ฉายอยู่ตรงหน้าฟองฟางอีกครั้ง ความจริงตอนนี้ก็ดูไม่รู้เรื่อง...จนจะจบเรื่องแล้วฟองฟางยังจับใจความอะไรไม่ได้เลย



ไม่ใช่เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ดีนะ แต่เพราะกลิ่นจากตัวครามสมุทรนั่นแหละ...เป็นกลิ่นหอมๆ เฉพาะตัวที่ทำให้ฟองฟางปั่นป่วน ไม่มีสมาธิกับอะไรทั้งนั้น



“ออกไปซื้ออีกถังมั้ย”



“หือ”



“กินเก่ง” บอกแบบนั้นแล้วเคาะเบาๆ บนปากถังป๊อปคอร์นที่เหลือก้นถัง



ฟองฟางหันมองคนข้างๆ ที่เอียงคอจ้องหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว ครามสมุทรเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วหยิบป๊อปคอร์นเข้าปาก เคี้ยวโชว์ให้ฟองฟางดู



“พูดอย่างกับว่าเรากินคนเดียว”



ฟองฟางคว้าถังป๊อปคอร์นที่อยู่ในมือของครามสมุทรมากอดไว้เอง ก็อยากหาว่ากินเก่งทั้งๆ ที่ครามสมุทรนั่นแหละที่กินเก่งยิ่งกว่าฟองฟางซะอีก



คนตัวขาวเหลือบมองร่างสูงที่เอนศีรษะพิงพนักพิงด้วยท่าทางสบายๆ ครามสมุทรไหวไหล่เล็กน้อยหลังจากที่ฟองฟางแย่งถังป๊อปคอร์นมากอดไว้ ตอนนี้เขายิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมดแล้ว บอกตามตรงเลยว่าฟองฟางไม่เคยเห็นครามสมุทรในมุมแบบนี้มาก่อนเลย



มุมที่ดูสบายๆ เรื่อยๆ ไม่นิ่งเฉยกับสิ่งรอบกาย แต่ตอบสนองกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น



“สนุกหรือไม่สนุก เห็นนั่งนิ่งๆ” แล้วก็พูดเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก



ฟองฟางก้มหน้าผงกหัวให้คนถาม หนังเรื่องนี้สนุกจริงๆ นะ แต่แค่ดูไม่รู้เรื่องเพราะมีครามสมุทรมานั่งใกล้ๆ ทำให้เขิน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวอยู่อย่างนี้เท่านั้นเอง



แล้วก็...ขอจิ้มตาตัวเองได้มั้ยวะเนี่ย



ฟองฟางรีบยกมือขยี้ตาตัวเองแรงๆ เพราะเมื่อกี้ที่หันไปพยักหน้าตอบ สายตาของตัวเองดันเลื่อนต่ำไปมองแผงอกขาวๆ กว้างๆ ที่อยู่ใต้เสื้อนักศึกษา ครามสมุทรปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดทำไมไม่รู้ เนคไทสีกรมที่ต้องผูกเป็นระเบียบก็ถูกคลายออกลวกๆ คอเสื้อเปิดกว้างจนโชว์ให้เห็นอกหนั่น



“หนังจบแล้วฟอง”



“อะไรอ่ะ...” ยังไม่ทันได้ดูอะไรเลยเนี่ย



ฟองฟางเกาหัวเบาๆ เงยหน้ามองครามสมุทรที่ลุกขึ้นยืนก่อนแล้วหยิบถังป๊อปคอร์นไปถือไว้เอง มืออีกข้างก็คว้าท่อนแขนดึงให้ฟองฟางขยับตัวลุกขึ้นตาม



“ดูไม่รู้เรื่องก็บอก”



“...”



“เห็นเหม่อตั้งแต่หนังเริ่มฉายแล้ว”



“เจ็บนะคราม...”



ขมวดคิ้วยู่ปากเพราะถูกนิ้วชี้เรียวยาวของคนตัวสูงจิ้มเข้าที่หน้าผากสามครั้ง ครามสมุทรไม่ได้ทำอะไรฟองฟางรุนแรงจนเจ็บหรอก แต่ตอนนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ นิดหน่อยก็อยากงอแงใส่คนตรงหน้าแล้ว



มันเป็นอาการประมาณว่า...ถ้าเราอยู่กับใครแล้วสบายใจ ก็อยากจะง้องแง้งใส่คนคนนั้นไปเลย



แล้วพอบ่นว่าเจ็บก็ถูกรักษาด้วยการที่อีกคนใช้นิ้วโป้งนวดคลึงบริเวณที่ถูกจิ้ม ฟองฟางยืนหน้าแดงก่ำอยู่อย่างนั้น ตากลมๆ สบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มน่ามองของคนตัวสูง จากที่ประหม่าอยู่แล้วก็ยิ่งประหม่ามากขึ้นไปอีกเมื่อคนตรงหน้าโน้มตัวลงมาแนบริมฝีปากบนหน้าปากของฟองฟางเบาๆ แค่เสี้ยววินาที...แล้วผละออกกุมมือฟองฟางเดินพากันเดินออกจากโรงหนัง



ครามสมุทรไม่สนใจคนรอบข้างที่กำลังเดินออกจากโรงหนัง



ไม่สนใจว่าใครจะเห็น ไม่สนใจว่าจะมีคนหยุดมองหรือเปล่า...



ครามสมุทรไม่สนใจเลยว่าหัวใจของฟองฟางจะเต้นแรงมากแค่ไหน



“ครามทำแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ”



“แล้วชอบมั้ย”



“บ้า! ใครจะชอบ” ถลึงตาใส่คนที่เดินข้างกันก่อนจะก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ...ก็ไม่มีทางรู้ว่ามันดูตลกในสายตาคนมองมากแค่ไหน



อบอุ่นไปทั้งหัวใจเลยจริงๆ นะ แค่ได้เดินจับมือกับใครสักคนที่เรารู้สึกดีด้วยก็เหมือนกับว่าได้รับพลังบวกจากคนคนนั้น ใช่ คนที่จับมือกับฟองฟางอยู่ก็คือครามสมุทร คือคนที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้...



“ฟอง” เสียงทุ้มเรียกชื่อเขาเบาๆ ฟองฟางสัมผัสได้ว่าครามสมุทรเอียงตัวมาทางเขานิดหน่อยตอนที่กำลังพูดอยู่ด้วย



“ฮื้อ”



“แต่ครามชอบ”



แล้วครามสมุทรก็ควรจะรู้ตัวสักทีว่าไม่ควรแทนตัวเองแบบนี้กับฟองฟาง…เพราะมันทำให้คนฟังเขาใจสั่นเอามากๆ เลย



“...ชอบอะไร พูดให้เคลียร์ๆ ด้วยสิ”



“ชอบจูบฟอง”



“...”



“เคลียร์พอหรือยัง?

















#ฟองฟางครามสมุทร








หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 15 - up 2.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-02-2019 11:34:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุ้ยยยย  มดขึ้นจอเต็มไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 15 - up 2.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 02-02-2019 12:11:47
จ้ะ เคลียร์จ้ะ
บอกว่าเป็นแฟนแบบเคลียร์ๆ ทีเถอะ ^^
น้องครามก็ชวนมาเป็นแฟนแล้วเนาะ น้องฟองควรเข้าข้างตัวเองอีกนิด อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 15 - up 2.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-02-2019 12:13:07
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 15 - up 2.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-02-2019 12:43:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 16 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 08-02-2019 13:37:27



16



รู้สึกเหมือนกัน

ก็รับผิดชอบไปพร้อมๆ กันนะ




Yammy: @.ff @Mutt

Yammy: พวกมึงเห็นกล่องดินสอกูป่ะ

Yammy: เนี่ยกูหาทั่วห้อง รื้อกระเป๋าแล้วก็ยังไม่เจอเลยว่ะ

Yammy: ดินสอกดที่ทำให้กูผ่านทุกวิชาอยู่ในนั้นด้วยอ่ะ พรุ่งนี้ถ้ากูไม่ได้เอามันเข้าห้องสอบกูต้องแย่แน่ๆ T_T

Mutt: ที่กูไม่มี หาดูดีๆ

Yammy: ดีสุดๆ แล้ว

Yammy: นี่กูเครียดหากล่องดินสอจนลืมเครียดเรื่องสอบแล้วเนี่ย

Yammy: ไอ้เหี้ยนี่ก็หาย @.ff กูว่าอยู่กับมันแน่ๆ เลยอ่ะ กูชอบยัดขยะใส่กระเป๋ามันบ่อยๆ

.ff: ไม่รู้ว่ะ

Yammy: แงะ ค้นกระเป๋าให้กูยังงงง

.ff: กระเป๋าไม่ได้อยู่กับตัวอ่ะดิ

Yammy: โหยยยย แล้วกระเป๋ามึงอยู่ไหน หาให้กูหน่อยขอร้องล่ะ

.ff: กระเป๋าอยู่บนรถคราม ._.

.ff: ครามมาส่ง ถือของเยอะมาก เลยลืมหิ้วกระเป๋ามาด้วย

.ff: แล้วซื้ออะไรมาให้เยอะแยะก็ไม่รู้ บอกว่าไม่ต้องๆ ก็ยังจะซื้ออ่ะ

Yammy: นี่ไม่ใช่เวลาที่มึงจะมาอวดผัวตัวเองค่ะฟองฟาง

Mutt: 55555

.ff: เกินไปว่ะแยม แฟนยังเรียกไม่ได้เลยเถอะ

Mutt: น่าสงสาร

Yammy: สงสารกูก่อน! ไอ้ฟอง กลับไปเอากระเป๋าตัวเองมาเดี๋ยวนี้เลย กูต้องการกล่องดินสอคืน

.ff: ดึกแล้วนะแยม จะให้กูไปกดกริ่งบ้านครามตอนสองทุ่มเพื่อเอากล่องดินสอกล่องเดียวเนี่ยเหรอ

Yammy: เพื่อกระเป๋ามึงด้วย ใจคอจะทิ้งกระเป๋าไว้กับมันทั้งๆ ที่พรุ่งนี้มึงก็มีสอบหรือไง

.ff: ขอถามก่อนแล้วกันว่าสะดวกมั้ย

.ff: ถ้าครามไม่สะดวกทำไงอ่ะ

Yammy: ก็ไปหาถึงบ้านเลยไง

Yammy: เร็วๆ เหอะไอ้ฟอง ถ้าเป็นมึงครามมันสะดวกอยู่แล้วแหละ

Yammy: แต่กูจะร้องไห้แล้วเนี่ย

 

ฟองฟางนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงกับกระเป๋าของตัวเองที่ลืมไว้บนรถครามสมุทรดี จริงๆ เขาไม่เดือดร้อนกับการลืมของไว้กับอีกคนเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว...ถึงจะเป็นช่วงเย็นก็เถอะ



ก็เพราะมีกระเป๋าเป้หลายใบ และใบที่ลืมไว้บนรถของครามสมุทรไม่ได้มีเอกสารสำคัญสำหรับใช้อ่านเพื่อสอบ ฟองฟางเลยไม่ค่อยกระตือรือร้นที่จะทวงคืน เขาคิดว่าฝากไว้บนรถปอร์เช่เบาะนุ่มๆ ไว้วันหนึ่งก็ได้ นี่ถ้าแยมไม่คะยั้นคะยอให้หากล่องดินสอ ฟองฟางคงไม่ทักไปกวนเวลาอ่านหนังสือสอบของครามสมุทรแน่ๆ

 

.ff: อยู่มั้ยครับคุณครามสมุทร

.ff: เราลืมกระเป๋าไว้ในรถครามอ่ะ สะดวกมาเจอกันหน่อยมั้ย คนละครึ่งทางก็ได้

.ff: ในนั้นมันน่าจะมีกล่องดินสอของแยม มีดินสอกดที่เป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์เอาไว้เขียนข้อสอบด้วยอ่ะ

.ff: ยังไงบอกด้วยนะคราม

 

ก็รู้อยู่แล้วว่าเวลานี้ครามสมุทรน่าจะปิดอินเตอร์เน็ตแล้วอ่านหนังสือสอบอยู่เหมือนกัน แต่ลองทักไปก่อนคงไม่เสียหายอะไร ฟองฟางวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ตอบแชตใครอีกถ้าไม่สำคัญจริงๆ อือ...ยกเว้นครามสมุทรไว้ด้วยอีกคน เพราะต้องไปเอากระเป๋ามาค้นดูกล่องดินสอให้แยมน่ะนะ

 

Yammy: กูไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือ

Yammy: ได้เรื่องยังวะฟอง

Mutt: ซื้อใหม่ง่ายกว่ามั้ยวะแยม มึงกวนคนอื่นไปทั่วแล้วเนี่ย

Yammy: ถ้าหมดหนทางแล้วจริงๆ ก็ต้องซื้ออ่ะ จริงๆ กูใช้แท่งอื่นก็ได้ แต่กูชินมือแท่งนั้นมากๆ ใช้มาตั้งสิบปี

Mutt: เออ งั้นซื้อใหม่

Yammy: ครามมันตอบอะไรมึงยังอ่ะฟอง T_T

.ff: ยังเลย เงียบมาก ครามน่าจะอ่านหนังสือ

Yammy: ฮุก เสียใจ

Mutt: ซื้อใหม่

Yammy: เลือกไม่ถูก

Yammy: กูอยู่ห้างแถวโรงเรียนเก่าเราอ่ะ มาช่วยกูเลือกหน่อยดิ

Yammy: แงะ เงียบกันเลยนะไอ้สัด

Mutt: กูติวให้กิ๊กอยู่

Yammy: มึงมันเพื่อนไม่จริง

.ff: สรุปไม่รอครามแล้วใช่มั้ย

Yammy: ไม่รอแล้ว เดี๋ยวไอ้มัทด่ากูอีก

.ff: เออ งั้นเดี๋ยวไปช่วยเลือกดินสอ จะได้กลับบ้านไปสักที

Yammy: แง กูรักมึงงงง มึงมันเพื่อนแท้ ไม่เหมือนไอ้มัทเลยมันเหี้ย

Mutt: สัด

.ff: เดี๋ยวเจอกันนน

 

ปิดหนังสือที่เปิดค้างไว้ตั้งนานแต่อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัด ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่แขวนไว้ใกล้ๆ มาสวมพร้อมกับการออกไปห้างในช่วงสองทุ่มแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ฟองฟางอยากหาเรื่องทำอะไรสักอย่างที่ไม่ต้องจ้องหนังสือนานๆ อยู่แล้ว ความจริงจะไม่อ่านเลยแหละ...แต่เพราะความรู้สึกผิดกับตัวเองเลยต้องจำใจนั่งทำเป็นจริงจังกับการสอบไปเรื่อยๆ



ฟองฟางตะโกนบอกแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นว่าจะออกไปห้างแป๊บหนึ่ง แน่นอนว่าเขาโดนแม่ดุตามหลังเพราะดึกแล้วยังจะออกไปเที่ยวข้างนอกอีก แต่คนโดนดุสนใจที่ไหน ฟองฟางรีบวิ่งออกจากบ้านทันทีก่อนที่จะโดนแม่ใช้ซื้อของหลังจากที่ท่านบ่นเสร็จ



บ้านกับห้างไม่ไกลกันเท่าไหร่ ฟองฟางเดินมาจนถึงหน้าปากซอยก็โบกมือเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ยังนั่งแกร่วอยู่ตรงท่ารถให้ไปส่งปลายทาง เขาใช้เวลาเดินทางแค่สิบนาทีเท่านั้นก็ถึงห้างที่นัดกับแยมไว้



ฟองฟางสาวเท้าเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปยังชั้นสาม เดินตรงไปเรื่อยๆ อย่างชำนาญทางเพราะมาห้างนี้บ่อย คนตัวเล็กฉีกยิ้มเมื่อมาถึงร้านหนังสือตรงโซนเครื่องเขียนแล้วเจอกับแยมที่ยืนเกาหัวแกร็กๆ อยู่คนเดียว



“เลือกให้กูหน่อย”



“แค่นี้เลือกเองก็ได้มั้ยแยม”



“ดินสอแท่งนั้นมึงซื้อให้กูจำได้มั้ย ถ้าซื้ออีกกูก็จะให้มึงเลือกนี่แหละ ศักดิ์สิทธิ์ดี”



“เว่อร์เก่ง”



“เลือกไปๆ เดี๋ยวกูไปดูสมุดตรงนู้นแป๊บ”



เพื่อความสบายใจของเพื่อนฟองฟางทำให้ได้ทั้งนั้นแหละ แค่มาเลือกดินสอให้แยมก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย แต่ถ้าเป็นมัทนะ รายนั้นไม่มีวันตามใจแยมแบบนี้แน่ๆ



คนตัวขาวหลับตาอยู่หน้าโซนเครื่องเขียนที่มีแต่ดินสอกดวางเรียงหลายยี่ห้อเต็มไปหมด ฟองฟางใช้มือสุ่มหยิบดินสอขึ้นมาแท่งหนึ่งเพราะเลือกเองไม่ถูกเหมือนกัน แต่จังหวะที่ปลายนิ้วสัมผัสลงบนแท่งเย็นๆ ของดินสอกด หลังมือของเขาก็ถูกจับด้วยมือของใครบางคนเช่นกัน



“ขอโทษครับ อ้าว...ฟองฟาง?”



คนที่จับมือฟองฟางตอนที่เลือกดินสอกดเมื่อกี้ทักขึ้น ฟองฟางหน้าเหวอเพราะตกใจที่ผู้ชายตัวสูงข้างๆ รู้จักชื่อเขา คนตัวเล็กเงยหน้ามอง ขมวดคิ้วงุนงงให้กับผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในชุดนักศึกษา...หัวเข็มขัดเป็นสถาบันเดียวกัน



“รู้จักเราด้วยเหรอ” ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง



“รู้ดิ ก็...”



“ไอ้ฟอง เลือกเสร็จยังวะ กูจะไปจ่ายตังแล้วเนี่ย”



ผู้ชายคนนั้นชะงักแล้วหันไปมองตามเสียงเรียกของแยมที่ดังมาจากด้านหลัง ฟองฟางหันกลับไปมองดินสอกดอีกครั้ง คราวนี้สุ่มหยิบแบบลืมตามองมาแท่งหนึ่งก่อนจะยื่นให้เพื่อนสนิทที่เดินดุ่มๆ ยืนกดดันอยู่ข้างหลัง



“นึกว่ามึงกลับไปแล้วซะอีกไอ้บูม แล้วนี่ยังไงวะ มึงสองคนรู้จักกันเหรอ” แยมมองหน้าเขากับผู้ชายตัวสูงสลับกันไปมา



แยมนี่ก็โคตรสนิทกับใครไปทั่วเลยจริงๆ ทั้งมหาวิทยาลัยไม่มีใครที่แยมไม่รู้จักเลยมั้งเนี่ย



“ทำหน้างง นี่เพื่อนแฟนกูชื่อบูม เรียนอยู่นิเทศอ่ะ...ส่วนนี่ฟองฟางเพื่อนกูเอง”



“เรารู้จักฟองฟางอยู่แล้ว” ยิ้มบางๆ ให้ฟองฟางที่ยังทำเหวอไม่หาย “เคยเจอตอนประกวดดาวเดือน แต่ไม่โอกาสเข้าไปทัก”



“อ๋อ...”



แยมกับฟองฟางร้องอ๋อพร้อมๆ กัน เขาไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่หรอก จำหน้าคนไม่ค่อยจะได้ด้วยถ้าเกิดว่าไม่เคยคุยกัน ก็อย่างว่าแหละ ในสมองของฟองฟางมีพื้นที่เล็กนิดเดียว แล้วในนั้นก็มีแต่ใบหน้าของครามสมุทรอยู่เต็มไปหมดเลยไม่รับใครเข้ามาอีกแล้ว



“นี่มาซื้อดินสอกดกันเหรอ”



“เออกูซื้อ มึงอ่ะ”



“เหมือนกัน วันนี้มันหายเลยมาซื้อใหม่ ต้องใช้สอบมะรืนนี้อ่ะ”



ฟองฟางยืนมองคนตัวสูงเพลินๆ บูมก็น่ารักดี ดูตี๋อินเตอร์สเปกสาวหลายๆ คน ตัวสูงไล่เลี่ยกับครามสมุทร แถมยังชอบทำผมยุ่งๆ เหมือนกันทั้งๆ ที่จะเซ็ตให้ดูก็ได้



“ชั้นหนึ่งมีร้านเบเกอรี่เปิดใหม่...ฟองฟางสนใจไปนั่งกินเป็นเพื่อนเรามั้ย” หนุ่มตี๋อินเตอร์เกาท้ายทอยเบาๆ เหมือนกำลังเขินที่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น



มือไม้ของบูมอยู่ไม่สุข เกาท้ายทอยเสร็จก็มาเกาจมูกต่อ ดูเลิ่กลั่กแต่ดูน่ารักไปอีกแบบ



“แหม่ะ ชวนแต่ไอ้ฟองแต่ไม่ชวนกูได้ไงวะ”



“แยมเคยไปกินแล้วนี่”



“เอ้า เผื่อกูอยากกินอีกไม่ได้ไง?”



พอถูกถามไปแบบนั้นบูมถึงกับทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแหยเหมือนถูกจับได้ว่าจุดประสงค์ของการชวนฟองฟางไปนั่งกินขนมด้วยกันคืออะไร



“ไงอ่ะมึง จะไปกินกับมันมั้ย”



ฟองฟางอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ถ้าอยู่คนเดียวฟองฟางคงทำอะไรไม่ถูก ก็ดันโดนจู่โจมจากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแบบนี้น่ะนะ



“งั้นมึงนกแล้วไอ้บูม”



บูมพยักหน้าสบายๆ แล้วคลี่ยิ้มกว้าง...ไม่ทำตัวประหม่าเคอะเขินเหมือนเมื่อกี้



“งั้นพวกกูไปจ่ายเงินก่อนนะ ไว้เจอกันเว้ย”



“อื้อ กลับบ้านดีๆ นะแยม” บูมส่งยิ้มให้แยมแล้วเหลือบมองเขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “เรามีไลน์ฟองฟาง...คืนนี้ขอทักไปได้มั้ย”



“เฮ้ย มีไลน์เราได้ไง”



“พี่ซองให้...ได้คอนแทคไว้ตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่กล้าแอดไป”



“อ่า”



“ขออนุญาตแอดไลน์นะ...เดี๋ยวคืนนี้ทักไปแล้วกัน กลับบ้านดีๆ ครับฟองฟาง” พูดจบก็ขยิบตาให้



ยืนงงมองแผ่นหลังของคนตัวสูงที่เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ ฟองฟางยังมึนอยู่เลยว่าเมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น คนตัวเล็กสะบัดหัวเบาๆ พลางหัวเราะให้กับความเด๋อด๋าของตัวเอง...เขาคงอ่านหนังสือมากเกินไปสมองเลยประมวลผลอะไรไม่ทันสักอย่าง



“ฮอตจริงนะมึงน่ะ ดีนะที่กูกันไว้ให้ เห็นตี๋ๆ ดูขี้อายอย่างนั้นมึงรู้มั้ยมันโคตรจะเจ้าชู้”



“จะไปรู้ได้ไง ก็เพิ่งเจอกันมั้ย”



“มึงรู้มั้ยว่ามันจะจีบมึง”



“ก็พอดูออก”



“กูล่ะเบื่อมาก คนฮอตอย่างมึงเนี่ย”



“ฮอตบ้าอะไรล่ะแยม ตั้งแต่เรียนมาก็เพิ่งมีหลงเข้ามาจีบ คนแรกเลยมั้ง”



“ไม่ๆ คนที่สอง”



“คนที่สองได้ไง”



“คนแรกก็ไอ้ครามไง”



“...”



“อ่า...กูฟ้องครามดีมั้ยวะว่ามีคนมาจีบมึง”



“ตลกแล้ว...ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”



“โห รู้ตัวมั้ยว่าน้ำเสียงมึงโคตรจะตัดพ้อ”



เขากับแยมชะลอเท้าตอนที่เดินมาถึงหน้าเคาน์เตอร์พร้อมกัน ระหว่างกำลังรอให้พนักงานคิดเงินฟองฟางก็ส่ายหน้าไม่ยอมรับในสิ่งที่แยมพูด...เขาไม่ได้ตัดพ้อ ที่พูดไปก็พูดความจริงทั้งนั้น เขากับครามสมุทรไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย



เป็นแค่เพื่อน...ไม่เห็นต้องฟ้องเลยว่ามีคนอื่นเข้ามาจีบมาสนใจในตัวเขา



จริงมั้ย i_i







*****







 

ครามสมุทรเหยียดแขนขึ้นเหนือศีรษะบิดตัวซ้ายขวาไล่ความขบเมื่อยจากการนั่งอ่านหนังสือติดกันหลายชั่วโมง ความจริงแล้วเขาไม่ต้องนั่งอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้ก็ได้ แต่ครามสมุทรแค่หาเรื่องละความสนใจจากโทรศัพท์เท่านั้นเอง



กลัวว่าถ้าตัวเองจับโทรศัพท์แล้วจะเอาแต่คุยกับฟองฟางจนอีกคนไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบ



ครามสมุทรกลัวว่าจะเป็นต้นเหตุทำให้ฟองฟางไม่ได้พักผ่อน



เขาต้องอดทน ห้ามใจ ทั้งที่ตัวเขาเอง...ทรมานแทบตาย



ครืด ครืด



ครามสมุทรปิดหนังสือลงพร้อมๆ กับโทรศัพท์ของเขาที่สั่นครืดติดต่อกัน โทรศัพท์มันวางอยู่ใกล้ๆ มือครามสมุทรนั่นแหละ แต่เขาปิดอินเตอร์เน็ตไว้ รอเปิดอีกทีตอนที่เขาบอกกับฟองฟางว่าจะอ่านหนังสือเสร็จเมื่อไหร่



“ว่าไง”



[มึงยังมีชีวิตอีกเหรอวะ]





“เพิ่งอ่านหนังสือสอบเสร็จ”



[โห่ กูนี่ยังไม่ได้อ่านสักตัว]



เสียงของช็อปดังผ่านโทรศัพท์พร้อมกับเสียงดนตรีที่แทรกเข้ามา ครามสมุทรขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ต้องถามก็รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขาอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่



[มาแดกเหล้ากันมั้ย คลายเครียดก่อนสอบหน่อยเว้ย]



“เห็นมึงคลายเครียดแทบทุกวัน”



[ก็กูเครียดแทบทุกวันเลยนี่หว่า]



“ไม่ไป”



[กูรู้คำตอบอยู่แล้วแหละ แต่ไม่เป็นไรเว้ย เดี๋ยวกูส่งแชตไปชวนฟองฟางก็ได้]



ชื่อของใครคนหนึ่งที่หลุดออกจากปากช็อปทำเอาครามสมุทรขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาไม่เคยห้ามถ้าหากว่าช็อปจะไปเมาที่ไหนเพราะนั่นมันตัวของช็อปเอง ห้ามไปเดี๋ยวก็หาว่าเขาบ่นเหมือนเป็นพ่อมันอีก แต่คราวนี้คงไม่ได้



“ไม่ต้องยุ่งกับฟอง มึงก็กลับบ้านไปนอนด้วย”



[อะไรวะ ไม่ได้เป็นอะไรกับฟองสักหน่อย มีสิทธิ์ไรมาห้าม]



“...”



[เนี่ย ไอ้บูมนิเทศก็มานั่งแดกอยู่ด้วย มันบอกว่ามันชอบฟอง กูเลยจะเป็นพ่อสื่อให้]



“บูม?”



[เออ จำชื่อมันไว้เลย คนนี้แม่งก็ดูดี เหมาะกับฟองฉิบหาย 55555]



“กูก็ชอบฟอง ไม่เห็นมึงจะช่วย”



[โอ๊ยยยย มึงมันขี้เก๊ก กูไม่ช่วยมึงหรอกไอ้ห่า ถ้าไม่มาก็แค่นี้นะ กูไป…]



ครามสมุทรไม่รอให้ช็อปพูดจบประโยคเขาก็ชิ่งตัดสายทิ้งก่อน ปลายนิ้วโป้งเรียวของเขารีบกดเปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ต และยังไม่ทันทำอะไรต่อเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าจากฟองฟางก็ดังขึ้นติดกัน

 

.ff: อยู่มั้ยครับคุณครามสมุทร

.ff: เราลืมกระเป๋าไว้ในรถครามอ่ะ สะดวกมาเจอกันหน่อยมั้ย คนละครึ่งทางก็ได้

.ff: ในนั้นมันน่าจะมีกล่องดินสอของแยม มีดินสอกดที่เป็นเหมือนไม้กายสิทธิ์เอาไว้เขียนขอสอบด้วยอ่ะ

.ff: ยังไงบอกด้วยนะคราม

 

ครามสมุทรหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ...รู้แล้วว่าตัวพลาดที่ไม่ได้ตอบแชตฟองฟาง

 

Kram: ฟอง

.ff: อ่านหนังสือเสร็จแล้วเหรอคราม

Kram: เพิ่งเสร็จเมื่อกี้

Kram: ฟองฟาง

.ff: อื้อออ

.ff: เรียกแบบนี้เหมือนจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยอ่ะ 55555

.ff: ใจไม่ดีเด้อ

Kram: กระเป๋าฟองอยู่ในรถ

.ff: ไม่เป็นไรๆ พรุ่งนี้เช้าค่อยไปเอาได้มั้ย สอบตึกเดียวกันนี่นา

Kram: อย่าเพิ่งนอน

.ff: ยังไม่นอนๆ กำลังจะตอบแชตช็อปเลย

Kram: ไม่ต้องคุยกับมัน

.ff: อ้าว 5555 ได้ไงอ่ะ

.ff: แง่ะ อ่านไม่ตอบด้วย

.ff: อะไรเนี่ยคุณครามสมุทร มาห้ามแบบนี้ชักโมโหแล้วนะ._.

.ff: ตอบหน่อยได้มั้ยอ่ะว่าทำไม

.ff: (ส่งสติ๊กเกอร์หมีร้องไห้)

 

ครามสมุทรรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาคว้ากุญแจรถปอร์เช่ไว้ในมือและก้าวขาฉับๆ ลงบันไดมาที่ชั้นล่าง พาใบหน้ายุ่งๆ ของตัวเองเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่มีเสียงทีวีเปิดไว้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของพี่สาที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั้นพร้อมกับร่างของพี่สาที่รีบวิ่งออกจากนั่งเล่นแล้วยืนหอบใกล้ๆ เขา



“ฝนตกอยู่นะคะน้องคราม พี่ดูข่าวเห็นบอกว่าจะตกแรงช่วงสามสี่ทุ่มด้วย”



“ครับพี่สา ฝากบ้านด้วยนะครับ”



“คืนนี้น้องครามจะไม่กลับเหรอคะ”



“คิดว่าคงไม่ครับ”



คนตัวสูงยิ้มบางๆ ให้พี่สาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปที่โรงจอดรถ ครามสมุทรได้ยินเสียงแจ้งเตือนข้อความเป็นระยะ ไม่ต้องก้มมองก็รู้ว่าเป็นของใคร ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนนั้นจะเงียบลงก็เป็นช่วงที่ครามสมุทรเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับในรถปอร์เช่พอดี

 

Kram: เดี๋ยวไปตอบ

.ff: หืมมมม เดี๋ยวไปตอบคืออะไร

.ff: จะมาหาที่บ้านอ่อ

Kram: ครับ

.ff: เฮ้ย

Kram: อย่าเพิ่งนอน รอก่อน

.ff: ดากหด้ดด !!

.ff: ฝนตกอยู่นะจะมาทำไมเนี่ย i_i

.ff: ฮึ่ยยย อ่านไม่ตอบอีกแล้ว

.ff: แงะ

.ff: ฮืออออ

.ff: ก็ได้ ยอมแล้ว

.ff: เปิดไฟหน้าบ้านรอแล้วเนี่ย

.ff: ขับรถดีๆ ด้วยนะคุณครามสมุทร

 

ครามสมุทรอมยิ้มให้กับข้อความที่อีกฝ่ายรัวส่งมาแบบนั้น ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงรำคาญและไล่ปิดแจ้งเตือนแชตไปตั้งแต่ครั้งแรก แต่กับฟองฟาง ครามสมุทรยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ



สำหรับคนคนนี้ ต่อให้ส่งมาทั้งคืนจนเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนยังได้เลย

 











#ฟองฟางครามสมุทร






ก็จะทำให้ลุ้นกันประมาณนี้
อดทนกับครามหน่อยนะคะ 5555



หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 16 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 08-02-2019 13:59:06
น้องครามมมม ขี้หวงละเกินนนน
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 16 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-02-2019 19:07:48
ฮอตจริงนะฟองฟาง
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 17 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 08-02-2019 19:32:59


17



เราต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปตอนเจอหน้ากันคืออะไร

แต่ยังอยากถามให้แน่ใจ...ว่าตรงกับที่คิดไว้หรือเปล่า




ลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้เดินยิ้มแป้นลงมาที่ชั้นล่าง ช่วงเวลาสี่ทุ่มกว่าคุณพ่อกับคุณแม่เข้านอนกันหมดแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังรอใครบางคนอยู่ และคนคนนั้นก็จอดรถปอร์เช่รออยู่หน้าบ้านในตอนนี้



ฟองฟางกดรีโมทเปิดประตูบ้าน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนที่ปอร์เช่คันนั้นเคลื่อนเข้ามาจอดในโรงจอดรถ ยังคงตื่นเต้นและประหม่าทุกครั้งที่ต้องเจอหน้าครามสมุทร หัวใจมันเต้นแรงอยู่เรื่อย เขาซ่อนความรู้สึกของตัวเองไม่เคยจะได้เลยสักครั้ง



“...” ยิ้มให้กับคนที่ก้าวลงจากปอร์เช่คันหรู ฝนตกหนักขนาดนี้ครามสมุทรยังจะขับรถมาทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ



ผมของฟองฟางยุ่งฟูเพราะถูกลมนอกบ้านพัดจนไม่เป็นทรง คนตัวขาวดันกรอบแว่นตาด้วยนิ้วชี้ เขาไม่ได้สายตาสั้น มันเป็นเพียงแค่แว่นตากันแสงที่ฟองฟางหยิบมาใส่ตอนเล่นโทรศัพท์เท่านั้น



ตากลมๆ มองคนตัวสูงกำลังเดินตรงเข้ามา บนไหล่กว้างสะพายกระเป๋าเป้คุ้นตาของเขาเอาไว้ ทั้งๆ ที่บอกแล้วว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย แต่ครามสมุทรก็ยังจะแบกมาคืนถึงที่



พวกเขาเดินเข้าบ้านด้วยกันโดยที่ยังไม่มีใครปริปากพูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าครามสมุทร และสีแดงจัดบนแก้มนุ่มนิ่มที่ฟองฟางไม่รู้ว่าตอนนี้มันแดงมากแค่ไหน...คนข้างๆ จะมองเห็นหรือเปล่า ถ้าเห็นเขาคงเขินแย่



“วางไว้ตรงนี้นะ”



“อื้อ ขอบคุณนะ...กินข้าวก่อนมั้ย”



“มันดึกแล้ว”



“อ่า”



ทั้งที่เคยคุยกัน เคยใกล้ชิดแต่ฟองฟางก็ยังประหม่าไม่เลิก คงเป็นเพราะสายตาของครามสมุทรไม่ได้เย็นชาเหมือนเก่า ฟองฟางเขินตาคมๆ ของคนตัวสูงที่จ้องมาด้วยสายตาอ่อนโยนผิดปกติ เขาไม่ชินเลย...ไม่ชินกับครามสมุทรที่เป็นแบบนี้



“งั้นบอกเราได้หรือยัง ทำไมถึงไม่ให้ตอบข้อความของช็อป”



เขากับครามสมุทรยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน เพราะทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ฟองฟางเลยเลือกที่จะคุยกับครามสมุทรด้วยเสียงที่เบากว่าปกติ คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตา ช้อนมองใบหน้าครามสมุทรเป็นพักๆ แต่เห็นสายตาอ่อนโยนแบบนั้นก็สู้ไม่ไหว แพ้พ่ายจนต้องหาจุดโฟกัสอย่างอื่นแทน



“ไม่อยากให้ตอบแชตใครเลย นอกจากคราม”



“ด ได้ไงล่ะ เรามีเพื่อนเยอะนะ ไม่ได้มีครามเป็นเพื่อนแค่คนเดียว”



“ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนฟองอยู่แล้ว”



“หมายความว่าไง...” ตากลมๆ ช้อนมองคนตัวสูง ฟองฟางรู้ว่าการเงยหน้ามองอีกคนจะทำให้หัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายมากกว่าการก้มมองปลายเท้า แล้วได้แค่ฟังแต่เสียงทุ้มนุ่มของครามสมุทร



ไม่อยากปล่อยให้ช่วงเวลาดีๆ มันหลุดลอยไป ฟองฟางอยากเห็นใบหน้าของครามสมุทรในทุกอารมณ์ อยากรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร



วินาทีนั้นมืออุ่นของครามสมุทรกุมมือนุ่มเอาไว้ คนตัวสูงขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม จับมือของฟองฟางวางไว้ตรงแผ่นอกกว้างด้านซ้าย ให้ฟองฟางรับรู้ถึงก้อนเนื้อในนั้นที่มันกำลังเต้นแรงเพราะใครบางคน



“...อะไรเหรอ”



“หัวใจของครามไม่เคยเต้นแบบนี้ จนมาเจอฟอง”



แพ้น้ำเสียงทุ้มนุ่มกับจังหวะหัวใจของครามสมุทรจนทนมองหน้าต่อไปไม่ไหว สุดท้ายคนที่แพ้ก็คือฟองฟางเหมือนเดิม เขาละสายตาจากใบหน้าของคนตัวสูงแล้วก้มมองพื้นอีกครั้ง แต่ไม่ทันไรก็ต้องเงยหน้าสบตาครามสมุทรเมื่อกรอบหน้าถูกประคองขึ้นด้วยมือหนา



“เหนื่อยกับครามหรือยัง”



“ไม่เคยเหนื่อยเลย”



“ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่ารู้สึกยังไงกับฟองตั้งแต่แรก” ริมฝีปากอุ่นแนบบนปลายจมูกโด่งงุ้มของฟองฟาง เจ้าตัวไม่เคยรู้หรอกว่าครามสมุทรชอบสีแดงปลั่งบนจมูกสวยๆ นี้มากแค่ไหน



ในตอนที่หัวใจของครามสมุทรกำลังเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ฟองฟางกลับเหมือนคนที่หยุดหายใจไปชั่วขณะแล้วด้วยซ้ำ เขารู้แต่เพียงว่าตอนนี้ขอบตามันร้อนผ่าว ภาพของครามสมุทรพร่ามัวเพราะน้ำตาดันไหลออกมา



“ฟองยังชอบครามอยู่มั้ย”



“ชอบ...เหมือนจะมากกว่าเดิม”



“ครับ”



“...”



“รักฟองมากกว่าเดิมเหมือนกัน”



คำว่ารักที่หลุดออกจากปากของครามสมุทรทำให้ฟองฟางแทบยืนไม่ไหว เขาเกือบเซล้มลงไปถ้าครามสมุทรไม่ละมือข้างหนึ่งออกจากใบหน้าแล้วรวบเอวเข้าไปกอดไว้แน่น ฟองฟางเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้น ไม่ได้อยากร้องไห้แต่น้ำตาดันไหลออกมาซะเยอะแยะ แล้วก็เป็นครามสมุทรที่เกลี่ยน้ำตาออกให้อย่างอ่อนโยน



เขาอยู่ในความคลุมเครือ ไม่ชัดเจนมาตลอด



อยู่กับความไม่แน่ใจ อึดอัดในใจมาตั้งนาน...ฟองฟางไม่คิดด้วยซ้ำว่าครามสมุทรที่เฉยชามาตลอด จะมีความรู้สึกที่มากมายกว่าเขา...จะรักเขามากขนาดนี้



“ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคราม”



“ตั้งแต่วันแรก”



“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้...ใจร้ายมากเลยนะ”



“เคยสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ให้รอนานแต่ก็ทำไม่ได้ ครามขอโทษ”



คนที่ร้องไห้ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ่งตื้นตันใจเท่าไหร่น้ำตายังไหลออกมาไม่หยุด ฟองฟางเพิ่งรู้ก็วันนี้ว่าคนที่มีความสุขจนร้องไห้ออกมามันเป็นยังไง มันแตกต่างกับตอนที่เสียใจและดีกว่านั้นมากๆ จนบรรยายอะไรไม่ถูก



เขาร้องไห้ ครามสมุทรก็คอยเช็ดน้ำตาด้วยนิ้วโป้งที่เกลี่ยลงมาเบาๆ จนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นใช้ริมฝีปากเช็ดแทน ครามสมุทรมอบความอบอุ่นในวันที่ฝนพรำ มันนุ่มละมุน ลึกซึ้ง...ตราตรึงจนอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้



“ฟองฟาง”



“อือ”



“ขอรับผิดชอบได้มั้ยที่ไม่ตามสัญญา”



“ครามไม่ได้ไม่ทำตามสัญญาครามทำดีมาตลอด อย่าโทษตัวเองเลยนะ”



“อือ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากรับผิดชอบอยู่ดี”



“แล้วจะรับผิดชอบเรายังไง”



“ทำตามก่อน”



“อื้อ”



“เรียกชื่อครามหน่อย”



“คราม...ครามสมุทร”



“มาเป็นหัวใจของครามสมุทรมั้ย”



น้ำเสียงอบอุ่น แววตาอ่อนโยนที่แสดงถึงความจริงจังในประโยคนั้น ฟองฟางไม่ได้ร้องไห้แล้วเพราะมัวแต่หาวิธีกลั้นยิ้ม เขาไม่อยากจ้องตาครามสมุทรแต่ก็หนีไปไหนไม่รอดเพราะมือหนาข้างหนึ่งเชยคางไว้อย่างนั้น



“นี่คือการรับผิดชอบเหรอ”



“ใช่ ยกให้ทั้งใจ ฟองอยากได้มั้ย”



“ถ้าเอาหัวใจครามมา...แล้วหัวใจของเราจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ”



“อยู่ที่นี่”



ตรงที่ที่ฟองฟางสัมผัสอยู่...อกด้านซ้ายของครามสมุทร



“เป็นแฟนกันมั้ย”



“ไม่เป็น”



“...”



“แต่จะเป็นหัวใจของครามสมุทร...ได้มั้ย”



“ยังไงก็ได้ แล้วแต่ฟองเลย”



“งั้นเป็นแล้วนะ”



“ครับ หัวใจของคราม”



“ไม่รู้มาก่อนเลยว่าครามจะเลี่ยนเก่งขนาดนี้...ไปเรียนมาจากไหน” ฟองฟางโดนรวบเข้าไปกอดด้วยแขนทั้งสองข้างใช้ปลายนิ้วชี้แตะปลายจมูกของครามสมุทรเบาๆ เขาเขย่งเท้าขึ้นเพื่อให้ระดับความสูงไล่เลี่ยกับคนตัวโตมากกว่านี้ ฉีกยิ้มกว้างกับคนที่ยกให้เขาเป็นหัวใจของครามสมุทร



“ไม่เห็นต้องเรียน ใช้ความรู้สึกเอา”



“บอกหน่อยว่าครามไม่เคยมีแฟน”



“เคย”



“นี่ เราเพิ่งคบกันนะ”



“ก็คนตรงหน้านี่ไง”



“อย่ามึนสิ หมายถึงอดีตต่างหาก”



คนตัวเล็กถูกช้อนตัวลอยอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคนตัวสูง คนที่มีพลังล้นเหลือนั่งลงบนโซฟาตัวยาวโดยมีเขานั่งคร่อมอยู่บนตัก ครามสมุทรเอนหลังพิงพนักโซฟาคล้องแขนแกร่งรอบเอวบางอยู่อย่างนั้นดูไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย



“ปกติ รักเป็นชอบเป็น”



“ถ้าอย่างนั้นก็รู้แล้วแหละว่าได้สกิลการขอคนอื่นเป็นแฟนมายังไง”



“เคยคบกับคนอื่นมาก็จริง แต่ครามไม่เคยขอใครเป็นแฟนมาก่อน”



“...”



“ฟองคือคนแรก” จูบกลีบปากนุ่มนิ่มของคนตัวขาวเบาๆ หนึ่งที ถึงแม้ว่าครามสมุทรจะไม่ได้เย็นชาและตอนนี้อบอุ่นอ่อนโยนมากกว่าเดิม แต่แววตาของเขาอย่างกับเสือ...เจ้าเล่ห์จนฟองฟางกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้



“แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาบอก...ปกติครามเก็บความรู้สึกเก่งจะตาย” เอียงหน้าหนีคนที่จะเอาแต่จูบ ครามสมุทรยื่นหน้าแนบริมฝีปากเขาหลายครั้งแล้ว แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่สัมผัสกัน แต่คนที่ถูกจูบหน้าร้อนไปหมดแล้ว



“กลัวเสียฟองไป รู้มั้ย ครามเกือบเสียฟองไปตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน”



นิ้วแกร่งค่อยๆ ประสานกับนิ้วเรียวเล็กของฟองฟาง เขาสบกับดวงตาที่กระทบแสงไฟประกายสวยงาม ครามสมุทรยิ้มบางๆ ให้หัวใจของเขา กลั่นความรู้สึกผ่านนิ้วมือ สายตา และคำพูดให้คนตัวเล็กรับรู้ว่าที่ผ่านมามันเป็นเขาเองที่ทรมานแค่ไหน



“เพราะรักมากด้วย”



“ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคราม”



“ตั้งแต่วันที่ฟองหันมามองในแถว วันแรกที่เจอกันไง รู้สึกกับฟองตั้งแต่วันนั้น”



“แล้วทำไมไม่บอกกันเลย”



“ปากแข็ง อีกอย่างช็อปก็ชอบฟอง มีแต่คนพูดถึงฟองตั้งเยอะ”



“ไม่เอาแล้วนะคราม ต่อจากนี้ห้ามปากแข็งอีกแล้ว”



“ครับ”



ฟองฟางไม่ชินที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้ ไม่ชินกับความอ่อนโยนของครามสมุทรทั้งๆ ที่เคยจินตนาการเอาไว้ว่าถ้าใครที่ได้คนตรงหน้าไปเป็นแฟนต้องน่าอิจฉามากแน่ๆ ผู้ชายที่เฉยชากับทุกสิ่งอย่างเขาคงดูแลเอาใจใส่คนรักได้เป็นอย่างดี และก็เป็นอย่างที่คิด ไม่สิ ดีกว่ามากๆ เลยแหละ



“หน้าฟองมีแต่คำถาม” หรี่สายตาเจ้าเล่ห์มองคนในอ้อมกอดแล้วคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา ครามสมุทรจะรู้ตัวมั้ยนะว่าตัวเองหล่อและดูทุกสีหน้า...หล่อจนฟองฟางเหนื่อยไปหมดแล้ว



“รู้ได้ไง”



“รู้สึกอะไรก็ออกหน้าหมด ฟองเก็บความรู้สึกไม่เก่ง”



“อือ ไม่ดีเลยเนอะ”



ครามสมุทรส่ายหน้าพลางกระชับกอดให้แน่นขึ้นกว่าเดิม ฟองฟางที่นั่งบนตักตอนแรกก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะหนัก พยายามทำให้ตัวเองตัวเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พอถูกกอดแน่นขนาดนี้เลยไม่สนใจแล้ว ครามสมุทรแข็งแรงกว่าที่คิดเยอะเลย



“อยากรู้อะไรหรือเปล่า ถามได้”



“เยอะแยะ ครามจะเบื่อก่อนมั้ย”



“ไม่เคยเบื่อ”



ครามสมุทรก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ เขายังเป็นคนที่ทำให้หัวใจของฟองฟางเต้นแรงอยู่เสมอ



“ไม่ถามหรอก เรามีคำถามในหัวเยอะมาก แต่มันแย่งกันอยากรู้จนเราเหนื่อยไปหมดแล้ว”



“แล้วแต่ฟอง ครามมีเวลาตอบคำถามทั้งชีวิตอยู่แล้ว”



ฟองฟางหัวเราะให้กับคำเลี่ยนๆ ที่อีกฝ่ายพูดออกมา ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าครามสมุทรไปสรรหาคำพูดพวกนี้มาจากไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็สัมผัสได้เลยแหละว่าครามสมุทรพูดออกมาจากใจจริง ไม่ได้ประดิดประดอยขึ้นมาเพื่อเอาใจฟองฟางอย่างเดียว



“อื้อ งั้นเดี๋ยวค่อยถาม”



“ครับ”



“คราม ขอบคุณนะที่มาบอกเรา”



ฟองฟางชอบดวงตาของครามสมุทร ชอบที่จะได้สบตากันอยู่อย่างนั้นแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกมาก็ตาม เหมือนสื่อสารกันผ่านสายตา ยิ้ม หัวเราะ...รู้สึกไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกจากปาก



“ขอบคุณฟองเหมือนกัน ขอบคุณที่เป็นเข้ามาเป็นหัวใจของคราม”







*****







 

“ดีนะที่ไอ้ครามมันตั้งสถานะตอนสอบเสร็จแล้ว ถ้าตั้งตอนเช้านะมึงงง ได้เห็นไอ้ฟองเขินตายคาห้องสอบแน่”



“เออ น่าภูมิใจมั้ยล่ะ ทำให้คนที่ไม่ค่อยเล่นเฟซอย่างไอ้ครามเข้ามาตั้งสถานะได้”



“แต่แหม ขนาดมีแฟนแล้วยังฮอตไม่เลิกเลยนะไอ้ฟอง...”



แยมดันไหล่ฟองฟางเบาๆ แซวเท่าไหร่ไอ้เพื่อนที่สละโสดได้หมาดๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดือดร้อนกับพูดเมื่อกี้นี้เลย ฟองฟางเอาแต่นั่งกดโทรศัพท์ตั้งแต่ออกจากห้องสอบ คนที่คุยด้วยไม่ใช่แฟนหมาดๆ ของฟองฟางหรอก แต่เป็นบูม คนที่ทำท่าว่าจะจีบตั้งแต่เมื่อคืนแต่ก็ได้กินแห้วไปตามระเบียบ



ใครจะไปคิดว่าครามสมุทรจะจัดการทุกอย่างได้เร็วขนาดนี้ คลุมเครือในความสัมพันธ์จนแยมกับมัทที่มองห่างๆ เริ่มรู้สึกรำคาญ...ถึงได้ไฟเขียวให้ใครก็ตามที่ชอบฟองฟางเข้ามาจีบ กะจะทิ้งครามสมุทรไว้ที่กลางทางแล้วเชียว



“ไม่คุยแล้ว โคตรงอแงเลยว่ะ” ฟองฟางกดบล็อกแชตของบูมเพราะอีกฝ่ายเริ่มคุยไม่รู้เรื่อง อยู่ดีๆ ก็ส่งข้อความมาตัดพ้อ...เหตุมันก็เกิดหลังจากที่ครามสมุทรตั้งสถานะในเฟซนั่นแหละ



Kramsamut Anuwongworawat ♥ กำลังคบกับ Pakapat ff



ว่าจะไม่กดยอมรับแล้วเชียว ฟองฟางทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตั้งแต่เดินออกจากห้องสอบแต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมกดตอบรับคำขอของอีกฝ่าย ใช่ มันก็เป็นที่ฮือฮาทันทีเลยแหละ



“หมายถึงไอ้บูม?” แยมหันมาถามตอนที่พวกเขากำลังยืนเคี้ยวลูกชิ้นปลาระเบิดอยู่ตรงหน้าตู้กดเงินสด ยืนรอพ่อคนเงินเยอะอย่างมัทกดเงินราวๆ ห้านาทีแล้ว



“อือ”



“มันทำไมมึงวะ”



“ก็บอกว่าทำไมไม่รอก่อน ขอทำคะแนนก่อนได้มั้ย เยอะอ่ะ เอาไปอ่านมั้ย”



“แค่นี้ถึงขั้นบล็อกเลยเหรอ ปกติมีคนมาจีบมึงก็ปล่อยเบลอตลอด”



“ก็คนนี้พูดถึงครามแต่เรื่องแย่ๆ เบื่อจะคุยแล้ว”



“มีความหวงแฟนปกป้องแฟน”



“กดเงินไปเลยไอ้มัท ถ้าไม่เสร็จในสองนาทีกูจะกลับแล้วนะ”



แยมตีแขนมัทแรงๆ เบะปากใส่หนึ่งครั้งเพราะมัทยืนกดเงินนานมาก แถมยังไม่ยอมให้พวกเขากลับก่อนเพราะอ้างเหตุผลว่ากดเงินเยอะถ้าเกิดว่าโดนตีหัวแล้วถูกปล้นไปจะทำยังไง เขากับแยมเลยต้องมารับชะตากรรมยืนตากแดดเฝ้ามัทอยู่หน้าตู้กดเงินนี่แหละ



ฟองฟางเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเพราะอากาศมันชักจะร้อนเกินไปจนทำให้เครื่องร้อนจี๋ไปด้วย ยืนหันหลังให้มัท ผลัดกันป้อนลูกชิ้นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย จนกระทั่ง...



“หยุดป้อนกูเลยไอ้ฟอง นู่น ปอร์เช่มึงวิ่งมานู่นแล้ว”



“ทำไงดี กูยังไม่พร้อมเจอหน้าครามเลยอ่ะ”



“อย่าบอกนะว่ามึงเขิน”



“อือออออ”



“โอ๊ยไอ้ฟอง ไปเลยมึง ไม่ต้องมายืนใกล้กูแล้ว เชิญนั่งรถหรูกลับบ้านไปเลย”



รั้งไว้หน่อยก็ไม่ได้ ._.



ฟองฟางถูกดันไหล่ให้ลงบันไดมาหนึ่งขั้น คนตัวเล็กผิวขาวจัดตอนที่อยู่กลางแดด แก้มกลมๆ แดงปลั่งอย่าบอกใคร ทั้งอายทั้งร้อนผสมกันมั่วไปหมดแล้ว



แล้วก็ต้องหน้าแดงเห่อร้อนมากขึ้นไปอีกเมื่อปอร์เช่คันนั้นเทียบจอดตรงหน้า คนในรถลดกระจกลงเผยให้เห็นใบหน้าแสนจะหล่อเหลาของคนที่นั่งอยู่ในรถคันนั้น ครามสมุทรเปิดประตูออกก้าวขาลงจากรถโดยไม่ดับเครื่องยนต์ พาร่างสูงๆ กับมือที่ถือร่มตรงมาทางฟองฟาง



แล้วหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ยืนถือร่มบังแดดให้อย่างนั้น...



กลางมหาวิทยาลัย หน้าโรงอาหารที่คนโคตรจะเยอะ!



แต่ทั้งๆ ที่ คนออกจะเยอะฟองฟางกลับไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจเบาๆ จากคนที่อยู่ตรงหน้า เขาแหงนมองส่งยิ้มจางๆ ให้ครามสมุทรที่ยืนขมวดคิ้วเข้มๆ เข้าหากัน



“ยืนตากแดดทำไม”



“ไม่ได้ตากแดด ตอนแรกก็ยืนอยู่ในนั้นกับมัท”



ชี้นิ้วหันหลังไปตรงที่มัทยืนอยู่กับแยม ไม่รู้หรอกว่ามัททำธุรการเงินของตัวเองเสร็จหรือยัง แต่ที่แน่ๆ คือฟองฟางโคตรจะเกลียดรอยยิ้มของมัทกับแยมเลยจริงๆ



“กลับเลยมั้ยคราม”



“ชวนเพื่อนกลับด้วยมั้ย”



คนที่จู่ๆ ก็เกิดใจดีอยากชวนคนอื่นขึ้นปอร์เช่เอียงหน้าถาม แต่ฟองฟางรีบส่ายหน้าพัลวันจนเส้นผมปลิวไปตามธรรมชาติ ยกนิ้วชี้แนบริมฝีปากชมพูอวบอิ่มจนคนมองคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู



ท่าทางน่ารักๆ แบบนั้น ถ้าไม่ใช่ฟองฟางก็เป็นคนอื่นไม่ได้แล้ว



“เรากลัวเพื่อนล้อ แค่นี้ก็...จะแย่”



เสียงหัวเราะในลำคอดังเล็ดลอดออกมาจนฟองฟางหน้ามุ่ย เขารีบหันไปขยับปากบอกมัทกับแยมแบบไม่มีเสียงว่าขอตัวกลับก่อนแล้วรีบดึงมือคนตัวสูงให้ขึ้นรถไปด้วยกันเร็วๆ



พอแทรกตัวเข้ามาในรถ ปิดประตูปอร์เช่ได้แล้วก็ถอนลมหายใจเฮือกใหญ่จนครามสมุทรหันมามอง



“มองแบบนี้อีกแล้ว”



สายตาเจ้าเล่ห์ของเขาฟองฟางขอซื้อตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ ฟองฟางภาวนาให้ครามสมุทรคนเย็นชาคนนั้นกลับมาอีกครั้ง อย่างน้อยๆ ครามสมุทรคนนั้นยังทำให้ฟองฟางรู้สึกกลัวๆ เกร็งๆ อยู่บ้าง



ครามสมุทรคนที่มีแต่แววตาเจ้าเล่ห์คนนี้...น่าหยิกแก้มชะมัดเลย



คนตัวสูงไม่ได้ตอบอะไร แต่เอี้ยวตัวมาคาดเบลท์ให้แฟนทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ ฟองฟางกลั้นยิ้มหนักมาก กำมือที่วางอยู่บนตักแน่น...โชคดีนะที่ฟิล์มติดกระจกรถปอร์เช่คันนี้เป็นสีดำทึบ คนนอกมองเข้ามาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นแยมกับมัทที่ยืนกอดอกอยู่ที่เดิมและกำลังพยายามเพ่งมองเข้ามาคงเก็บไปแซวแล้วแน่ๆ



“ไปไหนต่อดีเหรอ” คนตัวเล็กผ่อนลมหายใจเบาๆ ครามสมุทรผละออกไปแล้ว เหลือไว้แต่อ้อมกอดอุ่นๆ จากคนตัวสูงที่ตัวตราตรึงอยู่อย่างนั้น



“บ้านฟอง”



“กลับบ้านเลยเนาะ”



“ไปคุยกับแม่ฟองหน่อย”



“เฮ้ย คุยทำไม”



“คุยเรื่องของเราสองคน”



“ด...เดี๋ยวนะคราม ต้องคุยด้วยเหรอ”



“ครับ”



“ฮื้อ คุยทำไมอ่า”



“บอกให้ท่านรู้ว่าฟองเป็นแฟนครามแล้ว”



“จริงๆ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง...แหะ”



“ต้อง”



“ถ้าแม่รู้แม่เราต้องตั้งคำถามกับครามเยอะมากแน่ๆ เลย”



“เมื่อเช้าโดนถามไปแล้ว”



“ห๊ะ”



“จริงๆ”



คนที่ตอบว่า จริงๆ ทำหน้านิ่งเหมือนไม่เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้เลย ฟองฟางขมวดคิ้วจ้องใบหน้าหล่อเหลาของครามสมุทร...ฟองฟางไม่รู้เลยว่าคุณแม่ไปตั้งคำถามกับอีกฝ่ายไว้ตั้งแต่ตอนไหน



อาจจะเป็นเมื่อเช้าที่ฟองฟางอาบน้ำ...หรือช่วงไหนสักช่วงนี่แหละ



“แต่ตอบไม่ทันเพราะต้องรีบไปสอบ ครามเลยบอกกับแม่ฟองว่าเดี๋ยวสอบเสร็จแล้วจะรีบกลับไปตอบให้หมด”



“...”



“ฟอง”



“หือ”



“ท่านเห็นตอนที่ครามจูบฟองด้วย”



ฟองฟางหน้าเหวอ ตากลมๆ เบิกกว้าง



...ไม่รู้จะพูดอะไรเลย



“สงสัยได้ตอบคำถามกันยาว”



ไม่รู้จะโทษอะไรดีแล้ว



โทษคุณแม่ได้มั้ยที่ท่านดันมาเห็นพวกเขากำลังจูบกันอยู่พอดี



โทษครามสมุทรที่เอาแต่ใจอยากจูบ...ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก็ให้ไปตั้งเยอะแยะแล้ว



หรือจะต้องโทษตัวเองที่แพ้ครามสมุทรไปหมดทุกอย่าง ปฏิเสธอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย...

ใจอ่อนยวบเพราะเขาหมดแล้ว

 












#ฟองฟางครามสมุทร









แล้วพวกเขาก็เป็นแฟนกันสักที ♥

หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 17 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-02-2019 19:46:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

อะไรจะเพิ่งมาฮอตเอาตอนนี้จ๊ะนุ้งฟองฟาง
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 17 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 08-02-2019 20:37:05
เป็นแฟนล้าวววว
อัพสถานะขึ้นเฟซซะด้วย
น้องครามร้ายกาจ 555

ไปค่ะ ไปตอบคำถามคุณแม่ แล้วพาน้องฟองกลับไปนอนกอดได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 17 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-02-2019 06:35:12
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 17 - up 8.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-02-2019 09:31:04
เป็นแฟนกันแล้ว​  ครามขี้อวดนะ
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 18 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 09-02-2019 10:43:03
18



ไม่ใช่ฤดูหนาว ฝน หรือร้อน

แต่มันเป็นฤดูรัก...ฤดูของเราสองคน




เคยมีครั้งหนึ่งที่ฟองฟางจินตนาการว่าอยากจะแผ่ตัวบนอ้อมกอดอุ่นๆ ของใครสักคน และคนนั้นคงเป็นใครไม่ได้นอกจากครามสมุทร ผู้ชายที่ทำให้เขาวุ่นวายหัวใจตั้งแต่แรกเจอ



แต่มันเป็นเพียงแค่ความคิดในขณะหนึ่งเท่านั้นจนเขาลืมไปสนิทว่าในชีวิตหนึ่งเคยคิดอะไรแบบนี้กับครามสมุทรด้วย น่าอายที่เป็นเรื่องแบบนี้...แทนที่จะเป็นเรื่องดีๆ



“หล่อแล้วครับคุณครามสมุทร”



[แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หล่อตรงไหนครับ]



“เฮ้อ...” ทำไมทำแบบนี้อีกแล้วนะ



ฟองฟางแพ้ให้กับคนที่อยู่ในโทรศัพท์ตั้งกี่ครั้งแล้ว แพ้คิ้วเข้มที่ขมวดตอนสงสัยอะไรสักอย่าง แพ้น้ำเสียงแสนจะนุ่มทุ้มละมุนหู แพ้คำว่าครับของครามสมุทรทั้งที่ตัวเองก็พูดแบบนั้นเหมือนกัน



“แล้วคิดจะไปงานแบบนี้จริงๆ เหรอคราม งานเปิดตัวตึกใหม่เป็นงานใหญ่มากเลยนี่นา”



[สูทที่มีใส่ไม่ได้แล้ว คงไปหาซื้อที่ห้างก่อนเข้างาน]



ครามสมุทรยืนเท่ๆ อยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ข้างๆ กันเป็นราวที่แขวนสูทสีดำของคนตัวสูง ครามสมุทรบอกว่าเพิ่งใส่ครั้งแรกก่อนมาเรียนที่กรุงเทพฯ จนตอนนี้ยังไม่ครบปีสูทตัวนั้นก็ดูคับแน่นเกินไปสำหรับคนไหล่กว้างตัวหนาอย่างครามสมุทร



[ฟอง ทำไมทำหน้าแบบนั้น]



“หือ เราทำหน้ายังไง”



ฟองฟางเบิกตากลมมองคนในจอที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้กล้อง มือขาวจับใบหน้าของตัวเองเมื่ออีกฝ่ายทักท้วงขึ้นมา เขาทำหน้ายังไงล่ะ มองดูในกล้องที่ฉายภาพหน้าของตัวเองก็ไม่เห็นว่าจะทำหน้าแปลกๆ อะไรออกไปเลย



[หน้าหงอย]



“หงอยตรงไหนเล่า ตาฝาดแล้วมั้งคราม”



[ไปด้วยกันมั้ย เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน]



“ชวนเรารอบที่สิบแล้วนะคราม ไม่เหนื่อยเหรอ”



[อยากให้มีรอบที่สิบเอ็ดมั้ย]



“ไม่สิ”



[งั้นไปด้วยกัน]



“งอแงเก่งจัง”



ฟองฟางยู่ปากให้คนที่กำลังหยิบโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วเดินออกจากห้องแต่งตัวไปนั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเอง วันนี้ครามสมุทรต้องไปงานเปิดตัวตึกอาณาจักรสยาม ตึกที่สูงที่สุด ไฮโซที่สุด และมีมูลค่าหลายพันล้านบาทที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้าที่เป็นของครอบครัวครามสมุทร คุณพ่อกับคุณแม่ของอีกฝ่ายถือหุ้นตึกนี้ด้วย ฉะนั้นจำเป็นมากๆ ที่ครามสมุทรจะต้องไปงานนี้



ตั้งแต่รู้ว่าต้องได้ไปงานสังคมครามสมุทรก็เอ่ยปากชวนฟองฟางตั้งหลายรอบ และเขาก็ปฏิเสธท่าเดียวเพราะตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตึกนี้ด้วยเลย ถ้าไปคงดูแปลกๆ



[อยากให้ไป]



“เรานอนอยู่บ้านสบายกว่าแน่นอน”



[ไม่ได้เจอกันกี่วันแล้วฟอง]



“อืม...น่าจะสี่วัน หรือห้าวันนี่แหละ”



[คิดถึง]



“อื้อ คิดถึงเหมือนกัน”



มันเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลที่ฟองฟางไม่ได้อยู่กับครามสมุทร ไม่ได้ออกไปไหนด้วยกัน ไม่ได้เจอหน้ากันเลย ฟองฟางกลับไปเยี่ยมคุณตากับคุณยายที่ต่างจังหวัด เพิ่งกลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้เอง ส่วนครามสมุทรก็อยู่แต่บ้าน เพิ่งจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาก็วันนี้แหละ



[จำได้มั้ย วันนี้วันอะไร]



“จำได้สิ...วันครบรอบที่คบกัน”



[แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน]



ยี่สิบเก้าวันที่คบกันมาครามสมุทรไม่เคยอยู่ในโหมดงอแงเท่าวันนี้มาก่อนเลย วันที่สามสิบของเราสองคน...ฟองฟางไม่ได้คิดไว้มาก่อนหน้านั้นว่าต้องมีอะไรพิเศษหรือเปล่า แค่รักกันอย่างนี้ก็พอแล้วมั้ง



“อย่าทำแบบนี้ได้มั้ย เรายิ่งอยากกอดครามอยู่ด้วย”



[มาให้กอดหน่อย ตอนนี้เลย]



“ทำไมครามทำกับเราแบบนี้อ่ะ ก็รู้อยู่ว่าคิดถึง”



[จะทำให้คิดถึงจนทนไม่ไหว ดีมั้ย]



“ฆ่ากันให้ตายง่ายกว่า”



ฟองฟางส่งยิ้มให้กับคนที่อยู่ในจอโทรศัพท์ ข้อดีของการเป็นแฟนครามสมุทรก็คือได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มง่ายขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ครามสมุทรมักจะส่งรอยยิ้มจางๆ ให้ฟองฟางคนเดียว แต่ถ้าเป็นเพื่อนๆ ก็จะได้เห็นครามสมุทรในโหมดเย็นชา



จะว่ายังไงดี ครามสมุทรเคยบอกว่ารอยยิ้มบนใบหน้ามีไว้ให้กับคนสำคัญเท่านั้น นอกจากพ่อแม่แล้วก็มีฟองฟางนี่แหละที่ได้เห็นรอยยิ้มของครามสมุทร...



ตอนที่ได้ยินก็ดีใจจนยิ้มแก้มแทบปริเลย



[ฟอง อย่าเพิ่งวาง ไปขึ้นรถก่อน]



“อ้าว วันนี้ไม่ขับรถไปเองเหรอ”



[แม่ให้ไปคันเดียวกัน]



ครามสมุทรทำหน้าที่แสดงให้เห็นว่าอยากขับปอร์เช่ไปเองมากแค่ไหน...ถึงจะนิ่งๆ แบบนี้แต่ก็เป็นเด็กดีของคุณพ่อกับคุณแม่เสมอ เท่าที่ฟองฟางรู้มา ครามสมุทรไม่เคยขัดใจพวกท่านเลย ทำตามทุกอย่างแถมยังเป็นลูกชายที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจอีกต่างหาก



ระหว่างนั้นหน้าจอโทรศัพท์ของฟองฟางก็ไม่มีภาพใบหน้าของครามสมุทร แต่เป็นภาพของเนื้อผ้ากางเกงยีนในระยะใกล้เพราะอีกฝ่ายทิ้งมือไว้ข้างลำตัว ถึงไม่เห็นหน้าแต่ฟองฟางก็ได้ยินเสียงลมหายใจของครามสมุทรชัดเจนมาก



[แม่ให้คนที่งานเตรียมสูทไว้แล้วล่ะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนที่นั่นเลย]



[ขอบคุณครับ]



[สาจ๋า คืนนี้ไม่ต้องรอเปิดประตู คิดว่าคงต้องกลับดึกแน่ๆ]



“ให้เราวางก่อนมั้ย”



เพราะนั่งฟังเสียงคนรอบข้างครามสมุทรคุยกันจนรู้สึกว่าตัวเองอาจจะเสียมารยาท ฟองฟางเลยเอ่ยถามปลายสายไปอย่างนั้น



[ถ้าวางจะไปรับที่บ้านตอนนี้]



“เฮ้ย ฮ่าๆๆ”



น้ำเสียงทุ้มที่ฟังดูดุหน่อยๆ ดังขึ้นและไม่กี่วินาทีต่อมาหน้าจอก็แสดงใบหน้าหล่อเหลาอีกฝ่ายตอนที่นั่งอยู่บนรถให้ฟองฟางต้องกลั้นยิ้ม ดูหน้าคนเสียงดุก่อนสิ แววตาครามสมุทรเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่าชะมัดเลย



[ฟอง]



“อื้อๆ ไม่วางหรอกหน่า”



เพราะเป็นตอนกลางคืนและที่เมื่อครามสมุทรนั่งอยู่ในรถเลยทำให้ฟองฟางไม่ค่อยจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดเจนเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นครามสมุทรก็ยังหล่อท่ามกลางความมืดเอามากๆ วันนี้แฟนของฟองฟางเซ็ตผมทรงคอมม่าด้วย ครามสมุทรถูกจับทำผมด้วยช่างแต่งหน้าชื่อดังของเมืองไทยเลยแหละ



แฟนของฟองฟางที่หล่ออยู่แล้ว...เลยหล่อขึ้นกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก



[ไม่ชวนฟองฟางมาด้วยล่ะคราม]



[ชวนแล้วครับ แต่ฟองไม่สะดวก]



[แต่คราวหน้าต้องไปหาแม่กับพ่อที่เกาะนะคะ ไม่สะดวกก็ต้องไป]



ฟองฟางยิ้มแหยให้กับครามสมุทรที่ยกยิ้มมุมปาก คนตัวสูงเหลือบตาคมมองฟองฟางสลับกับมองออกไปนอกหน้าต่าง เช่นเดียวกับฟองฟางที่นั่งเท้าคางอยู่บนโต๊ะจ้องอีกฝ่ายที่อยู่ในความมืดอย่างนั้น



คุณพ่อกับคุณแม่ของครามสมุทรรับรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา มันราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดีตอนที่ครามสมุทรบอกเรื่องที่พวกเขาคบกันให้พวกท่านรู้ พ่อแม่ของฟองฟางก็ด้วย...ฟองฟางยังจำวินาทีแรกที่พาครามสมุทรมาไหว้พ่อกับแม่ของตัวเองในสถานะใหม่ได้ขึ้นใจ...ก็ตอนที่บอกว่าเป็นแฟนกัน พวกท่านดันเงียบเหมือนอึ้งไปสักพัก ก่อนจะฉีกยิ้มและยินดีให้กับความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองคน



[พรุ่งนี้มาเจอกันหน่อยมั้ย]



“ไม่คิดจะพักผ่อนหน่อยหรือไง”



[พักทำไม ไม่ได้เหนื่อย]



“ตั้งแต่คุณแม่กับคุณพ่อมากรุงเทพฯ ครามออกงานไปกี่งานแล้วล่ะ รู้นะว่าเหนื่อย...เราอยากให้ครามนอนพักผ่อนเยอะๆ ก่อนเปิดเรียนมากกว่า”



[ไม่รู้] ตอบนิ่งๆ อย่างนั้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ครามสมุทรดูเหนื่อยมากจริงๆ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายบอกว่าชินกับการออกงานแล้ว แต่ฟองฟางก็สัมผัสได้



[มันก็เหนื่อย แต่ไม่ได้เจอกันเลยเหมือนจะเหนื่อยกว่า]



[หืม อะไรกันคะ มาจีบกันต่อหน้าพ่อกับแม่แบบนี้เลยเหรอ...ร้ายจริงๆ เลยนะคราม ร้ายเหมือนพ่อเขาเลย]



ฟองฟางก้มหน้างุดแนบแก้มไปกับโต๊ะไม้สีขาวตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณพ่อกับคุณแม่ของครามสมุทรดังแทรกเข้ามา พวกท่านขยันแซวครามสมุทรแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้ว ก็แหง ลูกชายสุดที่รักดันหยอดฟองฟางได้ทุกสถานการณ์เลยนี่นา



“พูดอะไรแบบนั้น...”



[เรื่องจริง]



ตั้งแต่คบกันเขากับครามสมุทรวิดีโอคอลล์หากันมากกว่าเจอหน้า ไม่ใช่เพราะเบื่อกันแล้วหรอกนะ แต่เพราะว่าเรียนหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างหากเลยทำให้ไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยเหมือนเมื่อก่อน สามสิบวันที่ผ่านมานี้...เจอกันไม่ถึงยี่สิบวันด้วยซ้ำ แต่ครามสมุทรก็พยายามมารับมาส่งฟองฟางให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้



ไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้เรียนในห้องเรียนเดียวกัน แต่ได้นั่งจับมือกันบนรถก็ดีแล้ว



“หมู่นี้ทำหน้างอแงเก่งจัง”



[ใครงอแง]



“ครามไง”



[งอแงตอนไหนครับ]



“ตะ ตอนนี้แหละ”



แพ้น้ำเสียงนุ่มๆ กับคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นพร้อมกับประโยคคำถามประโยคนั้น ฟองฟางหัวใจเต้นรัวเหมือนกลับไปแอบรักอีกครั้งทั้งๆ ที่ได้หัวใจเขามาครอบครองแล้วแท้ๆ



ฟองฟางย่นจมูก กลั้นยิ้มเขินของตัวเองจนหน้าแดง ครามสมุทรได้เปรียบที่ตัวเองอยู่ในความมืดเลยเห็นสีหน้าไม่ชัด แถมยังเห็นหน้าฟองฟางชัดเจนกว่าต้องหลายเท่าเพราะคนตัวขาวนั่งอยู่ในห้องนอนเปิดไฟสว่างจ้าทุกดวง



[ฟอง อย่าทำหน้าแบบนั้น]



“นี่ก็หน้าปกตินะ”



[ไม่ปกติ]



“ไม่ปกติยังไง เนี่ยๆ ปกติที่สุดแล้ว”



[ไม่]



“อ้าว”



[นี่มันน่ารัก]



จุ๊บ



ชมกันโต้งๆ พร้อมกับยื่นริมฝีปากจุ๊บลงบนหน้าจอเบาๆ หนึ่งที ตอนที่ใบหน้าของครามเคลื่อนเข้ามาฟองฟางก็ถดคอถอยหนีอัตโนมัติราวกับว่าอีกคนกำลังอยู่ตรงหน้าจริงๆ กำลังจะจูบแก้มกันจริงๆ อย่างนั้นทั้งที่มันเป็นเพียงแค่การวิดีโอคอลล์เท่านั้น



เฮ้อ ก็คิดถึงเขามากไปเหมือนกัน

แพ้ครามสมุทรมากไปจนไม่รู้จะต้านทานยังไง



“อย่าทำแบบนี้สิ”



บอกแฟนด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้งไปอย่างนั้นแล้วครามสมุทรก็ดูเหมือนว่าจะชอบใจเอามากๆ ถึงได้เอาแต่หัวเราะในลำคอไม่หยุด



“แหนะ ยังจะขำอีก”



[รู้ตัวมั้ยว่าเป็นคนแรกที่ทำให้หัวเราะได้]



“ถ้าบอกว่ารู้จะหาว่าหลงตัวเองมั้ย”



[ไม่]



“อื้อ งั้นรู้” พยักหน้าตอบไปแบบมั่นใจเกินร้อยเพราะในชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นครามสมุทรหัวเราะให้กับอะไรสักอย่าง แต่ฟองฟางทำได้ ทำให้ครามสมุทรยิ้มและหัวเราะได้อย่างน่าอัศจรรย์เลยแหละ



เสือยิ้มยากของฟองฟาง : )



[อยากกอด]



“ชู่ว...บอกเรารอบที่เท่าไหร่แล้ว”



[ไม่รู้ จะบอกจนกว่าได้กอด]



“ทำไมถึงชอบกอดเราจัง”



[อุ่นดี นุ่มด้วย]



ฟองฟางหัวเราะให้กับคนที่กำลังวิดีโอคอลล์ด้วยกันอยู่ นึกถึงกอดทีไรก็อบอุ่นหัวใจไปหมดเลย ทุกครั้งที่กอดกันฟองฟางจะตกอยู่ในอ้อมกอดแน่นๆ ของเขา จมอยู่ในอกกว้างๆ อย่างมีความสุขจนไม่อยากให้ครามสมุทรปล่อยกอดไปเลย



ก็ไม่รู้ว่าใครติดใครกันแน่ มีแต่คนบอกว่าครามสมุทรติดฟองฟางเอามากๆ



แต่เขาขอค้านเลย ดูเหมือนว่าฟองฟางจะติดครามสมุทรมากกว่าซะอีก



“แล้วถ้าเจอหน้าจะกอดเรามั้ย”



[มาเจอให้ได้ก่อน]



“เนี่ย ก็กำลังไปให้เจอแล้วไง”



คิดถึงมากๆ จนรอให้ถึงวันพรุ่งนี้…



“อ้าแขนกว้างๆ รอรับเราไปกอดด้วยล่ะ : )”



ไม่ไหวแล้ว

 





*****









ครั้งแรกในหลายวันที่เจอกันฟองฟางก็ได้เรียนรู้ชีวิตของครามสมุทรเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นครามสมุทรไม่เคยนั่งรถไฟฟ้ามาก่อนเลย แม้จะเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เกือบปีแล้วแต่ครามสมุทรก็ไม่เคยทดลองใช้บริการมันสักครั้ง จนกระทั่งตอนนี้



“ทนหิวเอาหน่อย เดี๋ยวก็ถึงสถานีแล้ว” ฟองฟางเงยหน้าพูดกับคนตัวสูงที่ยืนโหนบนรถไฟฟ้าด้วยกัน วันนี้เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนคนบนรถไฟฟ้าเลยแน่นจนไม่มีที่ว่างให้นั่ง เขากับครามสมุทรเลยต้องมายืนเบียดกันอยู่อย่างนี้



ตัวเองน่ะไม่เท่าไหร่ ชินแล้วกับการเบียดผู้คนบนรถไฟฟ้า แต่ครามสมุทรที่เพิ่งเคยขึ้นครั้งแรกนี่น่ะสิ...ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะอึดอัดมากหรือเปล่า



“ขยับเข้ามาหน่อย”



“ฮื่อ นี่ก็จะรวมร่างกับครามแล้วนะ”



พูดไปได้ฟังที่ไหนกันล่ะ ครามสมุทรกุมหัวไหล่ของฟองฟางด้วยมือข้างเดียวก่อนรั้งให้คนตัวขาวขยับเข้าไปใกล้จนใบหน้าแทบแนบไปกับอกกว้าง ฟองฟางเงยหน้ามองคนตัวสูงอย่างสงสัย แต่พอเห็นคิ้วเข้มขมวดยุ่งกับใบหน้าที่แสนจะเย็นชาจากอีกฝ่ายก็หลุดยิ้มกว้างออกมาทันที



“หิวเหรอ ทำหน้าเครียดเชียว” ฟองฟางนึกถึงเจ้าซาลาเปาไส้หมูสับที่ยัดอยู่ในกระเป๋าเป้ของตัวเอง ก็อยากหยิบให้ครามสมุทรกินอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าบนรถไฟฟ้าทานอาหารไม่ได้นี่สิ



“ฟองเบียดคนอื่น”



“หือ ไม่เลยนะ...แต่เบียดกับครามเนี่ยใช่”



“กอดเอว”



“อ อะไรของคราม เฮ้ย!”



ฟองฟางที่กำลังงงๆ กับคำสั่งปุบปับของคนตัวสูงหลุดร้องออกมาเบาๆ เมื่อเอวบางของตัวถูกรั้งด้วยท่อนแขนแกร่ง คนตัวขาวเบียดแน่นกับแผงอกกว้างของครามสมุทรจนหาช่องว่างไม่เจอแล้ว ฟองฟางกำลังจะอ้าปากบอกให้ครามสมุทรช่วยปล่อยแขนออกจากเอวเขาหน่อยแต่ก็ต้องกลืนคำพวกนั้นลงคอทันทีเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นก่อน



“สถานีนี้ใช่มั้ย”



“อ่า ใช่ๆ”



ไม่รอให้ตั้งสติอะไรได้ก่อนเลย ครามสมุทรก็คว้าข้อมือเล็กๆ ของฟองฟางแล้วดึงพาแทรกตัวเดินออกจากรถไฟฟ้าขบวนนี้ทันที



โชคดีที่ครามสมุทรไม่ได้รีบเดินและก้าวขายาวๆ อย่างใจเย็นผิดกับสีหน้าที่ดูยุ่งๆ ขรึมๆ ฟองฟางสาวเท้าเดินช้ากว่าครามสมุทรหนึ่งก้าวมองแผ่นหลังกว้างๆ ของอีกคนพร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนหน้าตลอดตั้งแต่วินาทีที่เจอกันในวันนี้



แผ่นหลังเดิมๆ ที่ฟองฟางชอบมอง เป็นแผ่นหลังเดิมๆ ที่ให้ความรู้สึกพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา



คนตัวสูงในชุดสูทสีกรมดูหล่อและโตขึ้นอีกเป็นกองชะลอเท้า ครามสมุทรก้าวสั้นๆ ให้ฟองฟางที่เดินรั้งหลังขยับมาเดินข้างๆ มือเปลี่ยนจากจับข้อมือมาเป็นกุมและประสานเรียวนิ้วไว้ด้วยกัน



เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร บนชานชาลาเลยไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไหร่ การเดินจับมืองุ้งงิ้งกับแฟนตัวสูงเลยเป็นไปอย่างราบรื่น...ก็ถ้าคนเยอะฟองฟางไม่กล้าให้ครามสมุทรจับๆ แตะๆ แบบนี้หรอก



เขินจะแย่...



“คราม นั่งกินซาลาเปาก่อนมั้ย ดูเหมือนครามจะหิวนะ”



“รู้ได้ไงว่าหิว”



“ก็เหมือนว่าครามจะโมโหหิว...อะไรแบบนี้อ่ะ”



“ไม่ได้โมโหหิว”



“ได้ไง บนรถไฟฟ้านี่อาการออกเลย เหวี่ยงแบบเงียบๆ อ่ะรู้ตัวมั้ย”



“ไม่ได้โมโหหิว” ครามสมุทรย้ำอีกครั้งพร้อมกับเหลือบมองฟองฟางในตอนที่กำลังก้าวลงบันไดไปด้วยกัน ฟองฟางยู่ปากเล็กน้อย ถ้าไม่ได้โมโหหิวแล้วจะทำเสียงดุๆ จะรั้งเอวเขาเข้าไปกอดไว้ทำไมล่ะ



“อื้อ ไม่หิวก็ไม่หิว”



“ต่อจากนี้ไม่ต้องขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว เวลาเรียนไม่ตรงกันไม่เป็นไร เดี๋ยวครามไปรับไปส่งฟองเอง”



“ลำบากเปล่าๆ นะคราม เราเรียนเช้าครามเรียนบ่าย งี้ครามต้องตื่นเช้าไปส่งเราน่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก...”



“ไม่เอาก็ต้องเอา”



“แหนะ”



“ครามแทบต่อยหน้าคนที่มาเบียดหลังฟอง รู้มั้ยว่าถูกลวนลามอยู่”



“ก็คนมันเบียดนี่นา แหม...ทีพี่ผู้หญิงคนนั้นมาเบียดแขนครามเรายังไม่ว่าอะไรเลย”



“งั้นว่าหน่อย”



“เฮ้ย เราจะว่าครามทำไมล่ะ”



พวกเขาปล่อยมือกันตอนที่ต้องเสียบบัตรผ่านประตูของรถไฟฟ้าก่อนจะกลับมาเดินกุมมือกันเหมือนเดิม ฟองฟางปรายตามองคนตัวสูงแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน



“ฟอง จริงจังอยู่ครับ”



คนตัวขาวหูแดงหน้าแดงไปหมดตอนที่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเปล่งออกมาแบบนั้น เวลาที่ครามสมุทรคุยเรื่องจริงจังกับฟองฟางอีกฝ่ายมักจะเป็นแบบนี้ทุกที เขาจะอ่อนโยนและนุ่มนวลมากกว่าเดิมร้อยเท่า ไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุๆ คุยกันเพราะรู้ว่าอย่างฟองฟางต้องใช้ไม้อ่อนเข้าหา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าครามสมุทรจะปราบฟองฟางที่ชอบพูดนู่นนี่ไปเรื่อยไม่จริงจังสักทีได้อยู่หมัด มันได้ผลทุกครั้งที่ครามสมุทรอ่อนโยนแบบนี้



“ครามหวง เป็นห่วงด้วย เมื่อก่อนไม่รู้ว่าฟองต้องเจออะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้รู้แล้ว” เสียงทุ้มๆ สลับกับเสียงรองเท้าของเราสองคน ฟองฟางก้มหน้ามองพื้น ค่อยๆ ก้าวขาซ้ายและขาขวาเดินไปพร้อมๆ กับครามสมุทร



“ถึงมันจะเล็กน้อยสำหรับฟอง แต่รู้มั้ย เรื่องของฟองเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคราม”



“...”



“เป็นห่วงมาก ไม่ใช่แค่เรื่องถูกลวนลาม แต่เรื่องสุขภาพของฟองด้วย”



“...”



“ฟองครับ”



“ค ครับ...”



“จะไปยืนเบียดกับคนอื่นอีกทำไม ในเมื่อมีคนเต็มใจขับรถให้นั่ง”



ฟองฟางรู้ว่าการเขินโดยไม่ต้องจ้องตากันมันเป็นกันยังไง ครามสมุทรมีวาจาร้ายกาจที่ฆ่าคนให้ตายได้ เสียงทุ้มน่าฟังของเขาเหมือนอาบยาพิษ ยาพิษที่มีแต่ความสุข ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกอยากจะฉีกยิ้มกว้างๆ หรือลงไปดิ้นตายเพราะเขินจนไม่รู้จะทำยังไงอีกต่อไปแล้ว



“ครามไม่ใช่คนขับรถสักหน่อย...” ท้วงอ้อมแอ้มกับตัวเองเบาๆ แต่มั่นใจว่าครามสมุทรได้ยินเพราะนอกจากเสียงรถที่สัญจรไปมา ก็ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากเสียงของพวกเขา “เป็นแฟนต่างหาก”



“งั้นให้แฟนไปรับไปส่งได้มั้ย”



“ใครสอนให้ครามปากหวานแบบนี้เนี่ย”



“ไม่นอกเรื่อง ตอบมาก่อน”



“อื้อ ไม่เคยขัดใจได้สักครั้งเลยนี่”



หันไปฉีกยิ้มกว้างๆ ให้คนตัวสูงอย่างที่เคยทำมาตลอด แต่รู้มั้ยว่าวันนี้ฟองฟางยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะครามสมุทร เพราะรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของคนตัวสูง...เป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าเมื่อวานและวันไหนๆ



แฟนก็มีคนเดียว แถมเทคแคร์มากขนาดนี้ ฟองฟางถามตัวเองทุกวันว่าโชคดีแค่ไหนกันนะ...



ถึงได้เป็นหัวใจของครามสมุทร ได้เป็นคนที่ครามสมุทรเก็บไปใส่ไว้ในชีวิตประจำวันแบบนี้ : )

 













#ฟองฟางครามสมุทร











หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 18 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 09-02-2019 12:50:12
เบาหวานขึ้นตา  :hao7: :o8: :-[ :hao7:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 18 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 09-02-2019 13:02:24
อยากมีครามสมุทรเป็นของตัวเอง
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 18 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 09-02-2019 13:43:41
พอได้เป็นแฟนนี่ครามรุกหนักกว่าตอนจีบอีก จะหวานไปไหน โอ๊ยเขิน
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 18 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 09-02-2019 16:07:41
โอ้โห   น้ำตาลหล่นตามทางเลย
เขินแทนฟองแฟง
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 19 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 09-02-2019 16:15:57


19



หัวใจของฟองฟาง

 



วันหยุดสุดสัปดาห์ที่แพลนเอาไว้ตั้งแต่เปิดเรียนหลังหยุดเทศกาลคือการนอน แต่สุดท้ายก็มาโผล่อยู่บนหาดทรายเนื้อละเอียดที่เมื่อโดนแสงแล้วกลายเป็นสีทอง ข้างหน้าคือทะเลสีฟ้าใส ส่วนข้างๆ ผมคือคนที่มีชื่อเดียวกันกับเกาะนี้



ตั้งแต่ลงจากเครื่องก็ตรงมาที่เกาะครามสมุทรก่อนเป็นอันดับแรกทั้งๆ ที่ควรจะแวะบ้านคุณพ่อคุณแม่ของครามสมุทรซะก่อน ปกติครามสมุทรจะกลับมานี่เฉพาะเวลาที่มีวันสำคัญหรือคุณแม่เรียกตัวลงมา แต่วันนี้เขาแค่อยากพาผมมาเที่ยว มาทานข้าวกับครอบครัวของเขาด้วยกัน



ผมเดินบนรองเท้าแตะ Supreme สีดำคาดแดงของครามสมุทร เดินกุมมือไปกับอีกคนท่ามกลางแดดที่ส่องลงมา มันไม่ร้อนเท่าไหร่เพราะได้รับกลิ่นอายและลมเย็นๆ จากคลื่นทะเลที่พัดเข้ามา เพราะหาดทรายมันไม่ร้อน ผมเลยยอมใส่รองเท้าของครามสมุทร ส่วนรองเท้าผ้าใบของผมที่กลัวว่ามันจะเปียกน้ำครามสมุทรเอาไปถือไว้เองแล้ว



ครามสมุทรน่ะดีที่สุดในโลกแล้ว



Yammy: มึงรู้ป่ะว่าไปทะเลเขาทำไรกัน

Mutt: เล่นน้ำทะเล

Yammy: นั่นมันกิจกรรมประจำทะเลอยู่แล้ว

Yammy: มึงว่าคู่รักที่เขาไปฮันนีมูนกันที่ทะเลอะไรแบบนี้ เขาจะไปทำอะไรกันวะ คึคึ

Mutt: โอ้โหไอ้แยม ผมนี่...

Yammy: @.ff เจลหล่อลื่น ถุงยางอนามัย มึงต้องเตรียมให้พร้อมนะ

Yammy: กูว่ามึงต้องเจ็บแน่ๆ อ่ะ ถ้าไม่ไหวก็บอกให้ไอ้ครามหยุด แต่ถ้ามันไม่หยุดมึงก็ถีบอกแม่ง

Yammy: ตัวมึงหอมอยู่แล้วคงไม่ต้องใส่น้ำหอมเพิ่ม แค่นี้ไอ้ครามก็แทบจะแดกตัวมึงเข้าไปอยู่แล้ว

Yammy: โอเคมั้ยเพื่อน

Mutt: เงียบแบบนี้มีลุ้นว่ะ

 

“ตอบเพื่อนหน่อยมั้ย”



“ไม่เอาอ่ะคราม ถ้าครามเห็นอาจจะไม่อยากตอบเลยด้วย”



“ทำไมล่ะ”



“แยมกับมัทนิสัยไม่ดี ชอบแกล้ง”



“แล้วก็ปล่อยให้เขาแกล้ง?”



“ไม่อยากตอบโต้ไง เดี๋ยวพวกนั้นหงายเงิบ”



“จะโต้ทันเขาเหรอ เห็นโดนแกล้งทีไรก็สู้เขาไม่ได้ทุกที”



“แต่เราสู้ครามได้นะ นี่แน่ะ” ต่อยคนตัวสูงด้วยหมัดแบบไม่จริงจัง แฟนทั้งคนใครจะไปทำร้ายได้ลงคอ แค่หยอกครามสมุทรเหมือนที่เขาชอบหยอกผมด้วยการหอมแก้มเท่านั้นเอง



“ต่อยแรงๆ ก็ได้ ไม่เจ็บหรอก”



“ฮื่อ ไม่ต่อยอ่ะ ทำครามไม่ลงหรอก”



ผมเงยหน้ามองคนข้างๆ รู้ตัวว่าตัวเองขมวดคิ้วตอบเสียงจริงจังกลับไป แต่พอเห็นครามสมุทรปรายตามองแล้วยกยิ้มมุมปากให้แบบนั้นคิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออกทันที



“แต่ครามกล้าทำฟองนะ”



“ทำไมใจร้ายอ่ะ”



“กลัวเหรอ”



“ไม่กลัว เอาซี้ เดี๋ยวรู้เลยว่าใครแรงเยอะกว่ากัน”



“อือ เดี๋ยวก็รู้ : )”



รู้มั้ยว่าผมนึกถึงหมัดของตัวเองกำหมัดของครามสมุทรเป็นอย่างแรก เสียงเพลงเวลาที่นักมวยเริ่มชกลอยเข้ามาในหัวของผมแล้ว แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาของครามสมุทรนี่น่ะสิที่ดับทุกอย่างในหัว กับแววตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใครมองก็ต้องรู้ว่าเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน ผมหรี่ตาหลบแสงแดดและเพื่อให้มองใบหน้าของครามสมุทรชัดกว่าเดิม สบตากันอีกคนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาฝากรอยจูบเบาๆ ที่ซอกคอ



ผมสะดุ้งโหยงเลยแหละ...จั๊กจี้จะตาย



“แค่นี้ก็แพ้ครามแล้ว”



“...อะไรของครามเนี่ย”



ผมยกมือเกาแก้มเบาๆ แล้วรีบหันหน้าหนีครามสมุทร อันตรายแน่ๆ ถ้าปล่อยให้เขาหอมนิดจูบหน่อยแบบนี้ แถมประโยคที่ผมกับเขาคุยกันมันก็คนละเรื่อง...ผมน่ะคุยเรื่องต่อย ต่อสู้ ใครแรงเยอะกว่าเดี๋ยวก็รู้



แต่ครามสมุทรเนี่ย...ไม่ได้คุยเรื่องเดียวกับผมแน่ๆ



ไม่ใช่แน่ๆ ._.



ผมหันหน้าหนีครามสมุทรซ่อนรอยยิ้มเขินๆ ของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เขาเห็น โชคดีที่เกาะครามสมุทรนักท่องเที่ยวไม่เยอะเต็มหาด มีประปรายแค่ฝรั่งประมาณสองสามคนเท่านั้นที่นอนอาบแดดอยู่...ผมเลยไม่ค่อยอายเท่าไหร่ที่ถูกเขาจูบคอแบบนั้น แต่ถ้าคนเยอะๆ นี่สิ...ฮึ่ม



“ที่นี่สวยมากเลยเนอะ” ผมกระชับนิ้วที่ประสานกับนิ้วของครามสมุทรแน่นกว่าเดิม หาเรื่องอื่นมาพูดกลบความเขินอายของตัวเอง



“ครับ สวย”



“เราชอบหาดทรายนะ เวลาโดนแสงระยิบระยับเหมือนเพชรเลย ครามคิดว่าในเกาะนี้อะไรสวยสุด”



“ฟองฟางไง”



ผมชะงักแล้วปรายตามองคนข้างๆ พอพบว่าอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ก่อนก็ถึงกับตกอยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ถูก ครามสมุทรจะรู้มั้ยว่าผมแพ้ดวงตาคมๆ ของเขามากแค่ไหน เขาจะรู้มั้ยว่าริมฝีปากสีชมพูธรรมชาตินั่นผมชอบให้เขาสัมผัสลงมาบนปากผมมากจริงๆ



แล้วเขาจะรู้มั้ยนะ...ว่าทุกอย่างที่เป็นเขาทำให้ผมใจสั่นไม่หยุดสักที



“ห ห้ามตอบแบบนี้”



“ก็ความจริงไง ตอบแบบนี้ดีที่สุดแล้ว”



“...”



“หัวใจของคราม สวยที่สุดครับ”



ผมยิ้มกว้างออกมาโดยไม่หลบหน้าอีกฝ่าย เช่นเดียวกับเขาที่ส่งยิ้มหล่อๆ มาให้ ผมสบตากับเขา บอกคำว่าขอบคุณผ่านสายตา



ช่วยบอกที ผมจะทำยังไงให้รักผู้ชายน้อยลงได้บ้าง



ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรักเขามากกว่าเดิมซะอีก







*****







 

“ไม่ต้องเกร็งนะคะฟอง ทานเยอะๆ เลยค่ะ เห็นครามบอกว่าฟองทานเก่งจะตาย ไหงตอนนี้แตะแต่ปลาไปนิดเดียวเองล่ะคะ เอ...หรือว่าอาหารไม่อร่อย”



คนที่ถูกให้ยกเป็นลูกชายคนที่สองของบ้านนั่งตัวลีบๆ ยิ้มแหยให้คุณผู้หญิงของเกาะครามสมุทร ท่านใช้หลังมืออังบนหน้าผากที่มีผมปรกหน้า ฟองฟางทำหน้าอึนๆ เขาเองก็งงเหมือนกันที่วันนี้กินข้าวได้น้อยมากทั้งๆ ที่อาหารตรงหน้าก็ของโปรดทั้งนั้น



“ฟองหน้าซีดๆ นะลูก เมาเรือหรือเปล่า”



“...น่าจะใช่ครับ”



พอคุณพ่อของครามสมุทรเดาอาการให้ฟองฟางก็เหมือนจะรู้ตัวทันทีว่าตัวเองเมาคลื่นแรงๆ กับสปีดโบ๊ทที่วิ่งเร็วเอาซะมากๆ ปกติแล้วฟองฟางไม่เคยเมาเรือเลยด้วยซ้ำ แต่คงเป็นเพราะวันนี้ยืนตากแดดกับครามสมุทรสองคนตั้งนาน หลังจากนั้นก็นั่งสปีดโบ๊ทไปรับคุณพ่อกับคุณแม่ของครามสมุทรมาที่เกาะด้วยกันอีก...เจอคลื่น เจอแดดเข้าหน่อยเลยรู้สึกเพลียๆ มึนหัวไปหมด



“นอนพักก่อนมั้ย หายแล้วค่อยมากินต่อ”



อาการของฟองฟางไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ครามสมุทรขมวดคิ้วแน่น สีหน้ากังวลของคนข้างกายทำเอาฟองฟางต้องฉีกยิ้มกว้างๆ ให้ครามสมุทรเห็นว่าเขาแข็งแรงดี เมาเรือแค่นี้สบายกว่าเมาเหล้าตั้งเยอะ



“เรายังไม่อิ่มเลย”



“ยกไปกินบนเตียงก็ได้”



“...นี่คราม” จะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว



ฟองฟางแก้มแดงปลั่งเพราะสายตาอ่อนโยนกับน้ำเสียงนุ่มละมุนลื่นหูของคนข้างๆ ยิ่งเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่ของครามสมุทรหัวเราะออกมาเบาๆ หน้าของฟองฟางยิ่งแดงเข้าไปกันใหญ่



“เราสองทำให้พ่อคิดถึงสมัยที่พ่อพาแม่ไปเปิดตัวกับที่บ้านครั้งแรก” คุณพ่อครามสมุทรหัวเราะเบาๆ ระหว่างที่ท่านกำลังพูดพร้อมรอยยิ้ม มือของท่านก็หั่นเนื้อตักใส่จานคุณแม่ไปด้วย แถมยังหยิบซอสมาราดบนเนื้อให้



“รู้มั้ยว่าครามเหมือนพ่อเขาตอนหนุ่มๆ...พาแม่ไปทานข้าวกับที่บ้านครั้งแรกก็เอาแต่เทคแคร์แม่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ยิ่งบนโต๊ะอาหารแม่เกร็งมาก ทั้งตักอาหารทั้งเช็ดปากให้แม่ ตอนนั้นแม่อยากตีพ่อเขาแรงๆ เลยแหละจ้ะ”



ฟองฟางยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะได้ยาดมจากครามสมุทร นั่งฟังพวกท่านเล่าความหลังไป แฟนของเขาก็หยิบผ้าเย็นมาเช็ดกรอบหน้าให้อย่างเบามือ ความอบอุ่นอ่อนโยนและความใส่ใจของครามสมุทรทำให้ฟองฟางไม่สามารถสู้หน้าคุณพ่อกับคุณแม่ได้อีกแล้ว ท่านพูดแซวครามสมุทรเป็นระยะ แต่เหมือนลูกชายคนนี้จะไม่ได้ยินอะไรเลยน่ะสิ



“...คราม พอก่อนสิ” ฟองฟางกระซิบเบาๆ เหลือบตามองตาคมๆ ที่จดจ่อกับใบหน้าของเขา



“เอาใหญ่เลยนะคราม จะทำให้พ่อกับแม่อิจฉาหรือไงคะ”



“คราม...นี่” แตะข้อมือหนาด้วยปลายนิ้วเบาๆ ฟองฟางเงยหน้ามองครามสมุทรที่ยังคงใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าให้อย่างนั้น



ฟองฟางจ้องไรหนวดเขียวจางๆ ที่ทำให้ครามสมุทรดูเท่อย่างบอกไม่ถูก กับไอ้แค่ไม่มีเวลาโกนหนวดมันทำให้คนคนหนึ่งเพอร์เฟกต์กว่าเดิมได้ขนาดนี้เลยเหรอ ใบหน้าขาวกระจ่างที่แสนหล่อเหลาในระยะใกล้ เหมือนใบหน้าของครามสมุทรจะดึงให้ฟองฟางไม่ได้ยินเสียงอะไรแม้กระทั่งเสียงรอบข้าง เหมือนอีกฝ่ายทำให้ฟองฟางหลงไปอยู่ห้วงของครามสมุทร...มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าอกซ้าย ฟองฟางถอนหายใจออกมาเบาๆ



เฮ้อ...ทำไมต้องมีแฟนหล่อขนาดนี้ด้วย



“ฟอง เลือดกำเดาไหล”



“ห ห๊ะ...ทำไงดี”



“ไม่เป็นไรฟอง นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวครามเช็ดให้”



อือ ก็โคตรตลกตัวเองเลยที่เลือดกำเดาไหลเพราะมองหน้าแฟนตัวเอง

ครามสมุทรหล่อเกินไปก็งี้...



ฟองฟองบอกตัวเองในใจว่าจะไม่ให้ครามสมุทรรู้แน่ๆ ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะแพ้ความเพอร์เฟกต์ของเขาน่ะ : (







*****









 

ครามสมุทรเดินออกจากห้องน้ำหลังจากที่เขาทำความสะอาดร่างกายของตัวเองเสร็จเรียบร้อยเพราะเมื่อเช้าตากแดดอยู่นานจนมีกลิ่นแดดติดตัว เขาพาฟองฟางขึ้นมานอนในห้องนี้ราวๆ ห้าชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ฟองฟางเลือดกำเดาไหลครามสมุทรก็ไม่ลังเลที่จะให้แฟนคนเดียวของเขาได้พักผ่อน



มุมปากของครามสมุทรเปื้อนยิ้มตอนที่เห็นคนบนเตียงพลิกตัวเพราะคงจะเมื่อยจากการนอนท่าเดิมๆ...กว่าจะกล่อมให้ฟองฟางหลับได้ก็นานเอาเรื่องเพราะเจ้าตัวยืนยันว่ายังไม่ง่วง ครามสมุทรรู้ดีว่าฟองฟางพักผ่อนน้อย ผลพวงมาการอดหลับอดนอนทำโปรเจ็กต์เล็กๆ ของสาขาที่อีกคนเรียนอยู่ ไหนจะตื่นเต้นตอนรู้ว่าเขาจะพามาหาพ่อกับแม่อีก



คนตัวสูงหยิบเจลกระคบเย็นที่หล่นอยู่ข้างหมอนมาวางไว้บนหน้าผากคนตัวเล็กเหมือนเดิม ฟองฟางตอนหลับเหมือนเด็กไม่มีผิด ยิ่งหน้าตาจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยทำให้ดูน่ารักเอามากๆ จนครามสมุทรอดใจไม่ไหวที่จะกดจูบเบาๆ บนแก้มนุ่มนิ่มของอีกคน



แม้รู้ว่าควรจะปล่อยให้คนที่ดูอิดโรยพักผ่อนอย่างเต็มที่แต่ครามสมุทรก็อดใจตัวเองไม่ไหว เขากดจมูกย้ำบนแก้มขาว บนขมับที่มีผมคลอเคลียอยู่ ทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง สูดเอาความหอมจางๆ ที่ยังติดอยู่แม้ฟองฟางจะตากแดดช่วงเช้าเหมือนกันก็ตาม ฟองฟางน่ะตัวหอมกว่าเขาตั้งเยอะ



ครามสมุทรไม่เว้นแม้กระทั่งกลีบปากสีชมพูอวบอิ่มของแฟน เขาลงน้ำหนักในการแนบริมฝีปากมากกว่าส่วนอื่นที่ใช้แค่จมูกโด่งๆ กดลงไป ใครจะไปรู้ว่าริมฝีปากของฟองฟางจะหวานฉ่ำขนาดนี้ ครามสมุทรบดคลึงจูบอยู่อย่างนั้น ละเลียดแทะเล็มขอบปากหยักได้รูปอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนคนที่หลับอยู่ปรือตาตื่นขึ้นมา



ฟองฟางมึนงง กะพริบตาถี่ โฟกัสภาพตรงหน้าไม่ได้เพราะครามสมุทรเข้ามาใกล้กันเกินไป มือเล็กๆ จับไหล่หนาของคนที่อยู่ข้างบนเอาไว้ ได้แต่เงยหน้ารับจูบอุ่นๆ ที่ไม่ได้ลุกล้ำเข้ามาแต่ก็วาบหวามจนต้องเกร็งหน้าท้องไว้อย่างนั้น



“ค...คราม อื้อ” ฟองฟางหลับตาปี๋ทั้งๆ ที่เพิ่งลืมตาได้ไม่นาน เอียงหน้าหนีจูบที่แนบแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวว่าตัวเองจะหายใจไม่ไหว แล้วบทลงโทษของคนที่หนีริมฝีปากของครามสมุทรก็คือรอยจูบเบาๆ ที่ทำให้ขนลุกขึ้นมา ไรหนวดจางๆ สัมผัสกับเนื้อผิวนุ่มนิ่มที่ซอกคอจนฟองฟางต้องเม้มปากกลั้นเสียงบางอย่างเอาไว้ ยิ่งครามสมุทรคว้าแขนทั้งสองข้างของฟองฟางให้คล้องลำคอแกร่งเอาไว้แล้วกักขังคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดแน่นๆ ยิ่งทำให้ฟองฟางแทบจะบ้าตายในตอนนั้นเลย



ฟองฟางหดคอตอนที่ริมฝีปากอุ่นๆ กดย้ำสันกรามก่อนจะจูบย้ำข้างใบหูจนได้ยินเสียงเฉอะแฉะจากริมฝีปากของคนที่ขึ้นคร่อมตัวเองไว้ เกร็งหน้าท้องมากกว่าเดิมตอนที่ครามสมุทรลากริมฝีปากลงมาตรงซอกคอ ฟองฟางเงยหน้าหลับตาแน่น จิกปลายเท้าบนเตียงเมื่อครามสมุทรงับคอเบาๆ จนหลุดเสียงครางหวานๆ เพราะเสียวแปลบไปทั่วทั้งร่างกาย



เหมือนจะขาดอากาศหายใจไปชั่วขณะเมื่อครามสมุทรเลื่อนจูบบนริมฝีปากอีกครั้ง ครามสมุทรสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฟองฟาง ถึงจะรู้ว่าคนใต้ร่างมีรสชาติจูบที่หวานยิ่งกว่าลูกอมอยู่แล้ว แต่ครามสมุทรไม่คิดมาก่อนเลยว่าข้างในจะหวานฉ่ำมากขนาดนี้



มันร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฟองฟางสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมหนาหนุ่มของอีกฝ่าย ขยุ้มเบาๆ ระบายความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้ให้ครามสมุทรรับรู้ ยิ่งให้ความร่วมมือกันมากเท่าไหร่อารมณ์ของพวกเขายิ่งเตลิดไปไกล จากจูบเบาๆ กลายเป็นจูบเร่าร้อน ครามสมุทรดูดกลืนฟองฟางทุกซอกทุกมุม กะทำให้ฟองฟางตายคาอ้อมกอดอุ่นๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ



เสียงลมหายใจดังขึ้นตอนที่ครามสมุทรถอนริมฝีปากออกช้าๆ โดยไม่ลืมที่จะก้มลงไปจูบซอกคอหอมๆ ของฟองฟางอีกครั้ง ตาคมสบกับดวงตาหวานฉ่ำเป็นประกาย เขายิ้มให้คนใต้ร่างที่กะพริบตาเบาๆ เหมือนยังงงๆ อยู่ว่าเมื่อกี้ตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง



“นิสัยไม่ดี...รังแกคนป่วย”



“คนป่วยน่ารักทำไม” หยิบเจลประคบเย็นที่หล่นไปกองข้างศีรษะคนตัวเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ออกก่อนโยนไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกที พร้อมกับเกลี่ยน้ำใสๆ ออกจากหางตาของฟองฟางเบาๆ ไม่ได้ร้องไห้หรอก แต่ฟองฟางคงจะแสบตาหรือหาวออกมาจนน้ำตาคลอแบบนี้



คนตัวสูงเงยหน้ามองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียง ตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว ยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็นของที่บ้านแต่เขาก็เดาเอาว่าฟองฟางคงหิว คนตัวสูงช้อนหลังคนที่บอกว่าป่วยให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าสวยๆ ของแฟนออกอย่างเบามือ



“เดี๋ยวครามเอาข้าวผัดมาให้ ของชอบฟองใช่มั้ย จะได้กินยาแก้ปวดหัวด้วย” พูดไปมือหนาก็จับแก้มนุ่มนิ่มไปด้วย เหมือนครามสมุทรเป็นพวกติดสัมผัสแฟนไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่จับมือกันไว้ก็ต้องหาเรื่องแตะตัวกันตลอด



“อื้อ แต่เราลงไปกินข้างล่างดีกว่า อะไรกัน...มาเยี่ยมบ้านครามแท้ๆ แต่ดันมาคลุกอยู่แต่ในห้องครามอย่างนี้”



“ก็ฟองป่วย”



“แต่เราหายป่วยแล้ว”



“แน่ใจ?”



“แน่มากๆ ได้ยาดีน่ะ” ตอบไปก็ยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย ยาที่ได้ดีจริงๆ...นี่ยังเสียดายอยู่เลยที่ครามเลิกป้อนยาให้เร็วเกินไป เฮ้อ...



“ชอบเหรอ เอาอีกมั้ยล่ะ”



“พอเลยๆ ไม่รู้หรือไงว่ากำลังจะฆ่ากันตายไปข้าง”



ปูทางให้ขนาดนี้มีหวังถ้าฟองฟางเล่นตามน้ำคงไม่ได้ออกจากห้องนอนแน่ๆ ครามสมุทรน่ะร้ายจะตาย เห็นหน้านิ่งๆ ดูจริงจัง ดุดันแบบนี้ แต่เวลาอยู่ด้วยกันสองคนแทบเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลย



ก็นะ ที่เขาว่ากันว่าคนเรามักจะมีอีกมุมที่ไม่แสดงให้ใครเห็น แต่เปิดเผยเมื่อได้อยู่กับคนที่ไว้ใจมากๆ



“นี่ห้องครามเหรอ อยู่แบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโตเลยจริงดิ” ฟองฟางมองรอบๆ เพราะเพิ่งสังเกตว่ามันหรูหราและใหญ่โตเอามากๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นของแบรนด์ดังทั้งนั้น



“อยู่ตั้งแต่จำความได้”



“โห ไม่เหงาแย่เหรอ”



“ไม่ครับ” ครามสมุทรส่ายหน้าเบาๆ พลางยิ้มมุมปาก “ตอนแรกไม่เหงา แต่ตอนนี้ชักเหงา อยากมีคนให้นอนกอดทุกวัน”



“ขอซื้อเลยนะ ครามสมุทรโหมดขี้อ้อนปากหวานเหมือนคนเจ้าชู้แบบนี้น่ะ”



ย่นจมูกให้คนที่นั่งหัวเราะในลำคออยู่คนเดียว ครามสมุทรเป็นแบบนี้ใครจะตามทันกันล่ะ นึกจะพูดอะไรก็พูดออกมาทั้งๆ ที่แต่ก่อนทำตัวอย่างกับถ้าพูดแล้วดอกพิกุลจะร่วง



ฟองฟางละสายตาจากใบหน้าแสนหล่อของคุณแฟนแล้วมองรอบห้องอีกครั้ง ก่อนไปสะดุดกับตู้โชว์สีครีมที่มีถ้วยรางวัล เหรียญรางวัล รูปและใบประกาศนียบัตรเป็นเครื่องการันตีว่าสมัยเรียนมัธยมครามสมุทรเก่งขนาดไหน...แต่มันก็มีรูปถ่ายขนาดเท่าเอสี่หนึ่งรูปที่ถูกใส่กรอบรูปตั้งโชว์ในนั้น เป็นรูปถ่ายที่สะดุดตามากที่สุด...เพราะฟองฟางก็มีรูปนี้อยู่แฟ้ม Portfolio เหมือนกัน



“สงสัยอะไร”



“ครามเคยไปแข่งคณิตระดับประเทศใช่มั้ย เมื่อปีที่แล้วที่กรุงเทพฯ”



“ใช่ เคยไปแข่ง”



“แล้ว...ครามได้ที่เท่าไหร่”



“ที่หนึ่ง”



ฟองฟางยิ้มกว้างออกมาทันที รีบชี้นิ้วไปที่ตู้นั้นที่มีรูปภาพเดียวกันกับที่ฟองฟางเก็บไว้ที่บ้าน รู้สึกดีใจจนไม่รู้จะพูดออกมายังไง อ้ำอึ้งจนครามสมุทรต้องบีบไหล่เบาๆ บอกให้ฟองฟางใจเย็นกว่านี้



“อะไรฟอง ค่อยๆ พูด”



“เรา...เราเคยเจอกันแล้วนี่นา เคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยตอนรับรางวัลด้วย ตอนนั้นเราก็ไปแข่งคณิตนะ เราได้ที่สอง...เราจำได้ว่ามีผู้ชายตัวสูงๆ มาจากโรงเรียนในเครือเดียวกัน แต่ทำไมเราถึงจำไม่ได้เลยว่าคนคนนั้นคือคราม”



ในรูปถ่ายขนาดเอสี่ที่ครามสมุทรเก็บใส่กรอบไว้ในตู้โชว์เป็นรูปหมู่ มีเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันที่ได้ไปแข่งยืนอยู่ในนั้น หลากหลายโรงเรียนจนจำไม่ได้ว่ามีที่ไหนบ้าง...จำไม่ได้แม้กระทั่งครามสมุทร คนที่ชิงคะแนนอันดับหนึ่งด้วยกัน



“ครามจำได้ คนที่ตัวสั่นเพราะกลัวไม่ได้เหรียญทอง”



“...”



“ขอโทษนะครับที่ตอนนั้นครามก็อยากจะชนะเหมือนกัน ฟองเลยได้เหรียญเงินกลับบ้านแทน”



“ไม่ให้อภัยได้มั้ย ตอนนั้นเราพนันกับแม่ไว้ด้วยว่าถ้าชนะต้องซื้อรองเท้าคู่ใหม่ให้...ก็อดได้ไปเลย”



ครามสมุทรบีบจมูกคนตัวเล็กเบาๆ ก่อนลุกขึ้นไปหยิบเหรียญทองที่แขวนอยู่ในตู้นั้นออกมา ฟองฟางมองตามคนตัวสูงไม่วางตา อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเขินแฟนตัวเองขึ้นมาอีกครั้งเพราะครามสมุทรชอบทำตัวให้หล่อจนเกินไปอยู่ตลอด



แล้วเหรียญทองจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศก็ถูกสวมลงบนคอขาวๆ...ฟองฟางเงยหน้ายิ้มแฉ่งก่อนจะโผเข้ากอดคนตัวสูง ซุกหน้าอยู่กับอกแน่นหนั่นของครามสมุทรที่อบอุ่นน่าซบกว่าหมอนตั้งหลายเท่า



“สวมให้คือยังไง ให้ลองใส่เฉยๆ ใช่มั้ยล่ะ” ถามด้วยเสียงอู้อี้เพราะแนบริมฝีปากไปกับแผ่นอกของครามสมุทรแล้ว



“ถ้าฟองอยากได้ก็เอาไปได้เลย ครามให้”



“แต่เราไม่ได้แข่งชนะ แล้วกว่าครามจะได้มาก็ไม่ใช่ง่ายๆ...ไม่เสียดายเหรอ”



“เสียดายทำไม”



ครามสมุทรกดจูบบนหน้าผากที่เส้นผมปรกอยู่ ก่อนจะจูบย้ำอีกครั้งเมื่อฟองฟางเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานๆ ให้กัน



“ครามให้ฟองได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”



“พูดจริงนะ”



“ครับ จริงๆ”



“งั้นทำตามที่พูดหน่อย จูบเรานานๆ หนึ่งที”



“...”



“ถ้าเราไม่บอกให้หยุด...ครามก็อย่าหยุดนะ”



ครามสมุทรคลี่ยิ้มไปพร้อมๆ กับคนในอ้อมกอด มองใบหน้าที่ถูกใจตั้งแต่แรกเจอด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นมากกว่าเดิม เขาไม่รู้มาก่อนว่าในสักวันหนึ่งจะรักฟองฟางได้มากขนาดนี้



ไม่ได้อยากจะอ้างว่าเป็นพรหมลิขิต โลกเหวี่ยงหรืออะไรก็ตามทำให้ได้เจอกัน



แต่ครามสมุทรขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ได้มีฟองฟางอยู่ข้างๆ...ได้รักฟองฟางแบบนี้ไปเรื่อยๆ



เพียงแค่นี้...ครามสมุทรก็สุขใจมากแล้วจริงๆ











 

 

#ฟองฟางครามสมุทร
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 19 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 09-02-2019 17:49:35
หวานทะเลจืดไปเล้ยยยย ><

หวานจนพ่อแม่อิจฉาทีเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 19 - up 9.2.62
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-02-2019 18:05:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 09-02-2019 18:33:52
20



หัวใจของครามสมุทร



 

หลังจากที่เมาเรือไปเมื่อวาน แพลนที่ฟองฟางตั้งใจไว้ว่าจะทำตอนมาเที่ยวเกาะครามสมุทรก็ถูกล้มเลิกไปหมด แต่ตัวเองถูกคุณหมอที่ชื่อว่าครามสมุทรบังคับให้นอนอยู่แต่ในห้องเพราะกลัวว่าถ้าพาฟองฟางออกไปตากแดดอีกอาจจะไม่ได้แค่เมาเรือ แต่คงเป็นลมแดดเพิ่มไปอีกอย่าง



โห่ ก็ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย : (



แต่ก็เข้าใจครามสมุทรเขานั่นแหละ มีแฟนตัวขาวจั๊วะอยู่คนเดียวจะไม่ให้ห่วงยังไงไหว ยิ่งในสายตาของครามสมุทรฟองฟางเป็นเหมือนแก้วบางๆ ที่พร้อมจะแตกสลายทุกเมื่อ เหมือนลูกเจี๊ยบตัวเล็กที่ต้องการแสงไฟอุ่นๆ เมื่ออยู่ห่างไกลครอบครัว ครามสมุทรเลยต้องสวมบทเป็นคุณพ่อของฟองฟางเวอร์ชั่นดุกว่านั้นล้านเท่า



นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องของครามสมุทรจนกระทั่งช่วงบ่ายของวันถัดมาฟองฟางถึงได้ออกมาเที่ยวจริงๆ จังๆ อีกครั้ง แต่บอกเลยว่าคราวนี้นั่งสปีดโบ๊ทมาที่เกาะไม่มีการเมาเรืออีกแล้ว ฟองฟางเสิร์ชหาวิธีที่ไม่ให้เมาเรือ ทั้งกินยา พกยาดม ยาอม ยาหม่อง สารพัดยาจนครามสมุทรถามไปพร้อมกับหัวเราะจนไหล่สั่นว่ากลัวจะไม่ได้เที่ยวเหรอ...แหงสิ ครามสมุทรเวลาอยู่ในโหมดจริงโคตรน่ากลัว ถ้าห้ามก็คือห้ามจริงๆ ขัดอะไรเขาก็ไม่ได้ด้วย



“ขยับเข้ามาหน่อย ยื่นหน้าไปขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตกเรือพอดี”



“ห๊ะ อะไรนะ”



เพราะตอนนี้อยู่บนสปีดโบ๊ททั้งลมและเสียงเรือดังกลบเสียงทุ้มต่ำของครามสมุทร ฟองฟางที่คุกเข่าเกาะขอบเรือได้ยินแค่เสียงแว่วแต่จับใจความไม่ได้ว่าครามสมุทรกำลังจะพูดอะไรเลยก้มหน้าถาม แต่กลับถูกจมูกโด่งกดลงบนแก้มแรงๆ พร้อมกับถูกรวบเอวให้ลงมานั่งบนที่นั่ง



“เชื่อแล้วที่แม่ฟองบอกว่าซนเก่งที่หนึ่ง”



“แล้วมีใครเคยบอกมั้ยว่าครามอ่ะฉวยโอกาสเก่งที่หนึ่ง” เดี๋ยวก็กอด เดี๋ยวก็หอม ถ้าลับตาคนเข้าหน่อยก็คว้าฟองฟางไปจูบเหมือนคนที่ขาดสัมผัสวาบหวามอะไรทำนองนี้ไม่ได้



ฟองฟางบีบจมูกโด่งเบาๆ พลางจับส่ายไปมาสองที สุดท้ายก็นั่งนิ่งๆ อยู่ในอ้อมแขนของครามสมุทร เอียงคอซบไหล่กว้างอีกฝ่าย ปล่อยให้ครามสมุทรก้มลงมาหอมหัวของตัวเองถึงแม้ว่าจะเขินสายตาพี่คนขับเรือแค่ไหนก็ตามเถอะ



เฮ้อ...ครามสมุทรไม่อายบ้างหรือไงเนี่ย



“เตินคราม ทำพันนั้นโหม้เด็กบัดสีเหม็ดแล้วครับ” (คุณคราม ทำอย่างนั้นแฟนอายหมดแล้วครับ)



สปีดโบ๊ทถูกดับเครื่องเพราะเข้าใกล้ท่าเรือของเกาะครามสมุทร ฟองฟางเลยได้ยินเสียงพี่คนขับเรือชัดเจนยิ่งกว่าตอนที่คุยกับคนข้างๆ นี่อีก คนฟังทำหน้ายิ้มแหยทันทีที่พี่เขาพูดจบ พยายามจะขยับตัวออกห่างจากครามสมุทรเพราะคำว่าบัดสีที่ยินเต็มหู



อือ มันก็น่าบัดสีมั้ยล่ะ ทั้งกอดทั้งหอมต่อหน้าคนอื่นแบบนี้...



ครามสมุทรหันไปยิ้มให้พี่คนขับที่ดินไปมาเตรียมเอาเรือเทียบท่า มือก็ยังหนึบอย่างกับติดกาวไม่ยอมให้ฟองฟางขยับไปไหนจนคนตัวขาวต้องหันไปตีต้นแขนของอีกฝ่ายเบาๆ



“พี่เขาว่าแล้วนะเมื่อกี้ ได้ยินมั้ย”



“ว่าอะไรครับ”



ฟองฟางที่ไม่เข้าใจภาษาใต้หรี่ตามองอีกคนที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าเมื่อครามสมุทรไม่ได้ยินที่พี่คนขับเรือพูดหรือไง ถึงเขาจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็ตีความออกเหมือนกันแหละหน่า...



“มากอดเราแบบนี้อ่ะบัดสีมากเลยรู้มั้ย กอดก็พอว่าแล้ว มาหอมอีกด้วย เฮ้ย! พอเลยๆ...” ลูบแก้มปอยๆ เพราะไม่ทันขาดคำครามสมุทรก็กดจมูกลงบนแก้มนุ่มนิ่มของฟองฟางอีกครั้ง แถมยังยิ้มหน้าระรื่นไม่เห็นจะมีทีท่าสำนึกกับการกระทำของตัวเองบ้างเลยสักนิด



ชักเอาใหญ่แล้วครามสมุทรเนี่ย...



“รู้แล้วว่าบัดสี”



“รู้แล้วก็ยังทำ นิสัย...นี่ถ้าเป็นที่บ้านยายเรานะ คงโดนจับขอขมาผีสางไปแล้ว”



“ขนาดนั้นเลยเหรอ”



เลิกคิ้วถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม ครามสมุทรรู้อยู่แล้วแหละว่าอีกฝ่ายไม่รู้ภาษาใต้สักคำ อยากสอนเอาไว้ให้เป็นความรู้เหมือนกัน แต่พอเห็นตาโตๆ เบิกกว้างเวลาตกใจหรือตื่นกลัว กับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูที่เจื้อยแจ้วอย่างนั้นเขาก็อยากแกล้งไปสักพักก่อน



น่ารักดี



“อย่าทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิคราม เดี๋ยวก็เล่าเรื่องผีให้ฟังซะเลย”



“กล้าเล่าเหรอ ได้ข่าวว่ากลัวผี”



คนตัวขาวทำปากมุบมิบที่เถียงอะไรครามสมุทรไม่เคยจะได้ โดนดักทางตลอดเพราะอีกฝ่ายรู้เรื่องของฟองฟางดีหมดทุกอย่าง แต่ไม่แสดงเห็นเลยสักครั้งว่ารู้อะไรเกี่ยวกับฟองฟางบ้าง ต้องค่อยๆ ตะล่อมให้ครามสมุทรคายออกมาเอง แล้วในหลายๆ เรื่องที่ครามสมุทรรู้...ก็เป็นเรื่องที่ฟองฟางคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจกันมากขนาดนี้



“เอ้อ แล้วงี้ต้องไปขอโทษพี่เขามั้ย มันบัดสีอ่ะ”



“ไม่ต้องหรอก แค่บัดสีเอง”



“ไม่ได้เลยคราม บัดสีคือสุดยอดของความไม่ดีนะรู้มั้ย”



“ไม่ดียังไง”



“จะพูดยังไงดี...ค้นกูเกิ้ลแป๊บดีมั้ยเนี่ย”



“เมื่อกี้พี่เขาบอกว่าฟองบัดสี”



“...เราเนี่ยนะ”



“ใช่”



“บัดสีเลยเหรอ...”



“บัดสีภาษาใต้แปลว่าเขินหรืออาย”



คนที่รู้คำแปลก็ตอบหน้านิ่งๆ ตามสไตล์เขานั่นแหละ แต่คนที่เพิ่งรู้ความหมายเนี่ย...นั่งอึนไปหลายวินาทีเลย



สุดท้ายก็โดนครามสมุทรแกล้งจนได้



คนนิสัยไม่ดี : (







*****









[อิจฉาคนไปฮันนีมูนจริงค่ะ]



“ฮันนีมูนบ้า มาเยี่ยมครอบครัวครามมั้ยล่ะ”



[ทำมาเป็นไปหาครอบครัวแฟน...กลับมามึงต้องไปบางแสนกับกูด้วยเข้าใจป่ะ ร่างกายโหยหาทะเลสัดๆ]



“ก็ไปกันเองดิแยม มารอกูทำไมวะ”



[ไม่รอมึงก็ไม่ครบกลุ่มสิวะ นี่ไอ้กิ๊กมันก็เพิ่งว่าง มัทบอกว่าทริปนี้เจอหน้ากันครบแน่]



“เออเดี๋ยวค่อยดูอีกที เฮ้ยแยม แค่นี้ก่อนนะ ครามสร้างปราสาทให้กูเสร็จแล้ว”



ลืมวางสายเพื่อนที่ทำท่าจะชวนคุยยาวตามประสาคนเหงาประจวบเหมาะกับในตอนนั้นที่ครามสมุทรนั่งก่อปราสาททรายเสร็จพอดีด้วยแหละ ฟองฟางที่นั่งย่อตัวอยู่บนหาดรีบขยับใกล้แฟนตัวโตที่ดูจะตั้งใจก่อทรายให้ฟองฟางมากเป็นพิเศษ และความตั้งใจนั่นแหละก็ทำให้ครามสมุทรสร้างสิ่งก่อสร้างที่เล็กแต่สวยงามขึ้นมาได้



“ถูกใจมั้ย”



“ยิ่งกว่าถูกใจอีก ขอบคุณนะครับคุณครามสมุทร”



ครามสมุทรใช้หลังมือที่ไม่เปื้อนทรายลูบผมฟองฟางเบาๆ สายตาของคนตัวสูงมีแต่ความเอ็นดูแฟนตัวเล็กคนนี้ ก่อนจะเทน้ำเปล่าจากขวดล้างมือหนาทั้งสองข้างโดยมีฟองฟางคอยช่วยเกลี่ยเม็ดทรายออกจากมือให้



แพลนของวันนี้ไม่มีอะไรมาก ฟองฟางแค่อยากใช้เวลาอยู่บนเกาะครามสมุทรให้นานที่สุดมากกว่าการอุดอู้อยู่ในบ้าน อยากลงไปเล่นน้ำเหมือนกันแต่ติดที่ฟองฟางขี้เกียจอาบน้ำเปลี่ยนชุด อ้อ...วันนี้ช่วงดึกๆ ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วด้วยแหละ เขาอยากกลับไปอาบน้ำที่บ้านรอบเดียวมากกว่า



“แยมบอกว่าเราเที่ยวไม่ชวน”



“ก็จริง”



“เอ้าคราม”



“แยมติดเพื่อนเหรอ” ครามสมุทรเปลี่ยนเรื่องเพราะถูกคนหน้าหวานย่นจมูกใส่ เขาน่ะชอบแกล้งแฟนเป็นที่หนึ่ง ชอบมองหน้ายุ่งๆ ของฟองฟางเวลางอน แล้วก็มักจะชอบง้อด้วยจูบเบาๆ บนหน้าผากทุกครั้งเลย



นี่ก็ยื่นหน้ามาจูบอีกแล้ว แต่ฟองฟางไม่ได้ผงะหนีหรอก แต่อยู่นิ่งๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายแนบริมฝีปากลงมาให้ชื่นใจ



ครามสมุทรประคองฟองฟางให้ทิ้งสะโพกนั่งลงบนผ้าสีฟ้าที่ถูกปูไว้ก่อนหน้านั้น พวกเขานั่งชันขา หันหน้าสบตาและส่งยิ้มให้กัน...ทุกการกระทำของครามสมุทรมีความหมาย มันแปลว่าเขาสามารถดูแลได้ดีและทะนุถนอมแฟนคนนี้แค่ไหน



“ไม่เชิงติดเพื่อน แต่เหมือนมันผูกพันมากกว่า ไปไหนไปกัน...ก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนี่นา” ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววับตอนที่พูดถึงเพื่อนๆ ใบหน้าของฟองฟางมีแต่รอยยิ้ม เป็นยิ้มที่ทำให้ครามสมุทรสุขใจทุกครั้งที่มอง



“คบกันมากี่ปี”



“โห...ไม่ได้นับเลย กับกิ๊กเนี่ยเพิ่งรู้จักตอนม.ต้น...แต่แยมกับช็อปนี่...นานแล้วนะ แหะ จำไม่ได้แล้วอ่ะ”



“รู้มั้ย ครั้งแรกที่เจอ ครามคิดว่าแยมคือแฟนฟอง”



แล้วก็ขำพรืดออกมาจริงๆ ฟองฟางน้ำหูน้ำตาไหล ถึงจะมีคนเคยรู้สึกเหมือนที่ครามสมุทรรู้สึกมาแล้วหลายคนก็เถอะ แต่พอเป็นอีกฝ่ายทำถึงได้ขำจนพูดอะไรไม่ออกอย่างนี้ก็ไม่รู้



“ถ้าแยมรู้คงขำตายเลย แล้วช็อปกับครามล่ะ คบกันมากี่ปีแล้ว คนละขั้วมากๆ เลยนะ อีกคนเงียบเหมือนพูดไม่เป็น แต่อีกคนพูดเก่งมาก”



“ตั้งแต่จำความได้ก็มีมันเป็นเพื่อน”



“โห แสดงว่าเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลยสิ”



“ใช่ แม่ครามสนิทกับแม่ช็อป”



“อย่างนี้นี่เอง”



“ไหนบอกว่าสืบหมดแล้ว ทำไมแค่นี้ไม่รู้”



“ถ้าพูดแบบนี้คราวหน้าต้องพัฒนาฝีมือสืบเรื่องครามแบบเจาะลึกกว่านี้แล้วมั้ง”



โชคดีที่ตรงนี้มีร่มกางอยู่พวกเขาเลยนั่งคุยกันได้สบายๆ...ทุกช่วงของบทสนทนาไม่มีใครละสายตาจากใครทั้งนั้น ครามสมุทรจ้องฟองฟางที่ส่งเสียงนุ่มๆ พูดนู่นนี่ไปเรื่อย เช่นเดียวกับฟองฟางที่มักจะสบกับตาคมและใบหน้าพรีเมี่ยมของอีกฝ่ายที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว พระเจ้าบันดาลความหล่อเพอร์เฟกต์ให้ครามสมุทรอย่างไม่น่าเชื่อ



“อยากรู้ก็ถามมา นั่งอยู่ตรงหน้าให้ถามแล้วจะไปสืบทำไม”



“เอาไว้ถ้าอยากรู้อะไรจะถามแล้วกัน”



ครามสมุทรนั่งเอนหลังใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างยันพื้นทรายเอาไว้ ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มจางๆ ทำให้ฟองฟางไม่อยากจะกะพริบตาเลยสักครั้ง เฮ้อ รู้เลยว่าอาการของคนหลงแฟนเป็นยังไง ไม่อยากละสายตา อยากมองไปนานๆ เท่าที่จะทำได้



ตอนนี้ก็โคตรอยากจะโน้มลงไปซบอกกว้างมากๆ เลย แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะฟองฟางไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นโจ่งแจ้งขนาดนี้หรอก



ถ้าอยู่ในที่ลับตาสองต่อสองก็ไม่แน่...



เอาจริงๆ ถ้าถามว่าฟองฟางชอบครามสมุทรที่ตรงไหนก็คงให้คำตอบไม่ได้ เพราะตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้ชอบครามสมุทรมากขนาดนี้



“มองขนาดนี้เอาไปกินเลยมั้ยครับ” คนสูงกว่าบีบจมูกรั้นของแฟนเบาๆ ถึงจะเขินที่ถูกมองแต่ครามสมุทรก็เก็บอาการไว้ได้อย่างแนบเนียนเลยแหละ



“กินได้เหรอ เนื้อเหนียวแย่เลย”



“ลองมั้ย”



“ไม่เอา ครามไม่อร่อยหรอก”



“เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้”



“...”



กำลังยิ้มแฉ่งอยู่ดีๆ ก็เม้มปากหุบยิ้มทันที ฟองฟางฟาดแขนครามสมุทรไปหนึ่งครั้งเพราะอีกคนพูดอะไรสองแง่สองง่ามออกมา แถมหน้าตาของครามสมุทรก็ไม่ได้สื่อไปในทางที่ดีซะด้วย...



“ไม่ได้อยากรู้เลย”



“ได้ไง”



“ได้สิ ไม่อยากรู้ ไม่ต้องพิสูจน์”



“ไม่รอดหรอก”



“คราม!”



ตกหลุมพรางคนเจ้าเล่ห์เข้าอย่างจัง ฟองฟางตีกับตัวเองจนวุ่นวายอยู่เดียวในความคิด...ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะชนะครามสมุทร ขนาดเป็นแฟนกันแล้วยังถูกอีกฝ่ายแกล้งจนมุมอยู่เรื่อย



เฮ้อ แบบนี้แหละนะที่เขาเรียกว่าแพ้ราบคาบ







*****







 

แสงสุดท้ายของวันจากพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินคลอเคลียเสี้ยวหน้าของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างกันมาตลอด ฟองฟางอดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปครามสมุทรกับตะวันตกดินเอาไว้ พอเสียงแชะดังขึ้นเจ้าตัวก็ยิ้มกว้างออกมาทันที



ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบนเกาะครามสมุทรจะมีจุดชมวิวสวยๆ แบบนี้ด้วย มันอยู่บนภูเขาที่สูงเหนือน้ำทะเลหลายสิบเมตร พอได้มายืนอยู่ตรงจุดสูงสุดของที่นี่ ฟองฟางก็ได้เห็นทุกอย่างของเกาะครามสมุทรในมุมกว้าง



ลมเย็นๆ พัดแผ่วเบาทำให้ฟองฟางต้องสูดเอากลิ่นอายของธรรมชาติเข้าปอด จำได้ดีว่าทันทีที่คนตัวสูงเอ่ยปากบอกว่าจะมาฟองฟางไปในที่ที่หนึ่งที่สำคัญกับครามสมุทรเจ้าตัวก็ไม่อิดออดอะไรทั้งนั้น ฟองฟางตื่นเต้นกับการขึ้นเขาด้วยการเดินเท้าครั้งแรก ถึงมันจะไม่ได้ลำบากมาก แต่ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเพราะได้เดินไปพร้อมๆ กับครามสมุทร



“เดี๋ยวๆ มาแอบถ่ายรูปเราได้ไงเนี่ย” ฟองฟางย่นคิ้วให้คนที่จู่ๆ ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเขา คนตัวขาวแกล้งยกมือบังหน้าด้วยเองหน่อยๆ ซ่อนรอยยิ้มไว้กับฝ่ามือนุ่มของตัวเอง



“ฟองก็ถ่ายคราม”



“ก็ครามดูดีนี่นา หน้าเราแย่จะตาย”



เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อครามสมุทรจับมือขาวที่ยกป้องใบหน้าหวานๆ ออกแล้วรัวกดชัตเตอร์จนฟองฟางซุกหน้าหนีไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็เลยต้องโผเข้ากอดคนตัวสูง ซบหน้าไปกับอกกว้างของครามสมุทรแล้วส่งเสียงร้องอู้อี้ขอร้องให้แฟนตัวโตเลิกถ่ายสักที



“ถ่ายเยอะๆ จะคิดค่าตัวแล้วนะคราม”



“เท่าไหร่”



“เยอะอ่ะ จ่ายไม่ไหวหรอก”



“เยอะก็จ่ายไหว เงยหน้าหน่อยฟอง”



ครามสมุทรหยุดถ่ายรูปแล้ว มือหนาสองข้างประคองแก้มนุ่มนิ่มให้เงยขึ้นสบตากัน มือหนาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออกอย่างเบามือ ทัดมันไว้ข้างใบหูสะอาดของฟองฟางก่อนก้มลงมาจูบเหม่งของคนที่กอดเอวหนาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าครามสมุทรจะหายไป



“จมูกแดง หนาวเหรอ” จิ้มปลายจมูกแดงก่ำของฟองฟางพร้อมกับย่นคิ้วถาม แต่เจ้าตัวก็ส่ายหน้าพัลวันเพราะตอนนี้ไม่ได้หนาวหรือร้อนสักอย่าง เมื่อกี้อาจจะถูหน้าตัวเองกับเสื้อของครามสมุทรมากไปมันเลยแดงอย่างที่คนตัวสูงบอก



“ครามก็อยากจิ้มบ่อยสิ ดั้งหักขึ้นมาทำไง”



“อยู่นิ่งๆ หน่อยฟอง ทำไมซน”



“ไม่ได้ซนเลย โห่...พูดเหมือนเราเป็นเด็กไปได้”



แค่ขยับตัวไปมาในอ้อมกอดอุ่นๆ ก็โดนดุซะแล้ว ฟองฟางที่อยากจะเขย่งปลายเท้าให้สูงเท่าๆ กับครามสมุทรเลยต้องยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น



“ครามขึ้นมาบนนี้บ่อยมั้ย”



“แต่ก่อนก็บ่อย คู่รักชอบมาขอแต่งงานกันบนนี้”



“เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ใช่มั้ย”



“จะว่างั้นก็ได้ เพราะมันเห็นวิวทั้งหมด ตอนตะวันตกดินแสงจะสวยมาก”



“เหมือนตอนนี้”



“ใช่ครับ”



“โรแมนติกจัง”



“บางคู่อุ้มแฟนขึ้นมา มันสูงไม่มากก็จริง แต่ก็เหนื่อยเอาเรื่อง”



“อื้อ ขนาดเราเดินตัวเปล่ายังเหนื่อยเลย...ครามเหนื่อยมั้ย ถือเป้เรามาขึ้นมาด้วย ของครามเองก็เยอะอยู่แล้วนี่นา ขอโทษจริงๆนะ เดี๋ยวตอนลงไปเราถือเอง”



เงยหน้ามองคนตัวสูงพลางลูบสันกรามที่สากเพราะไรหนวดเบาๆ ถึงครามสมุทรจะอาสาถือให้เองแต่ฟองฟางก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีที่ต้องมาเป็นภาระให้อีกคนแบบนี้



“ครามยินดีถือให้ ไม่อยากให้ฟองเหนื่อย”



“ทำไมน่ารักขนาดนี้ จะทำให้เรารักไปถึงไหน”



ไม่รู้มาก่อนจริงๆ ว่าพอเป็นแฟนกันแล้วมันจะดีขนาดนี้เพราะฟองฟางไม่เคยวาดฝันเอาไว้ ครามสมุทรเปรียบเสมือนความโชคดีของฟองฟาง เป็นสิ่งดีงามที่ในชีวิตคงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว



“จะทำให้รักไปเรื่อยๆ”



ฟองฟางยิ้มไม่หุบกับคำธรรมดาที่ทำให้คนฟังเขินจนหน้าแดงทุกครั้งที่ได้ฟัง...



รอยยิ้มของพวกเขา อ้อมกอดของครามสมุทร และทุกอย่างในตอนนี้มันทำให้จุดที่พวกเขายืนอยู่โรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก ท้องฟ้าสีครามกับทะเลที่เป็นเกลียวคลื่นจากด้านล่างทำให้ฟองฟางอุ่นใจจนน้ำตาคลอ ยิ่งเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของครามสมุทรด้วยแล้ว...ยิ่งทำให้ฟองฟางรู้สึกว่าวันนี้มันพิเศษ...เพราะครามสมุทร



“เรามีคำถามอยากถาม ครามจะตอบมั้ย”



“ครับ ครามตอบฟองได้ทุกคำถาม”



“...มีคนตั้งเยอะให้ครามเลือกที่จะทุ่มเทไปกับเขา แต่ทำไมครามถึงเลือกเราล่ะ”



“เพราะรัก”



“...”



“ไม่มีเหตุผลอื่น”



เหตุผลของครามสมุทรก็เป็นเหตุผลเดียวกันกับฟองฟาง มันคงเป็นอย่างอื่นไม่ได้อีกแล้ว...หัวใจของพวกเขาที่เชื่อมกันไว้ด้วยคำว่ารักที่เอ่อล้นออกมาจนปิดบังไว้ไม่ได้



“คราม ขอบคุณนะที่ดูแลเราดีขนาดนี้”



“ฟองล่ะ ไม่ลังเลที่จะทุ่มเทไปกับครามใช่มั้ย”



“ไม่...เราไม่เคยลังเลเรื่องครามเลยสักครั้ง”



“อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ ฟองฟาง”



ทุกทำที่กลั่นออกจากใจสลักไว้ในความทรงจำของฟองฟางหมดแล้ว คนตัวเล็กเม้มปากเบาๆ ก่อนคลี่ยิ้ม โน้มใบหน้าซบอกของคนตัวสูง ฟังเสียงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันดังกระหน่ำออกมาแบบนั้น...มันเต้นไปพร้อมๆ กับหัวใจของฟองฟาง



“อื้อ ข้างๆ กันไปแบบนี้ตลอดเลย”



“ขอบคุณครับ ฟองฟาง”



“อื้ม : )”



ขอบคุณที่ทำให้รัก ที่ทำให้มีความสุขมากขนาดนี้



ขอบคุณจริงๆ หัวใจของครามสมุทร









 
The end

#ฟองฟางครามสมุทร












ถึงจะเป็นพระเอกที่ปากแข็งในระดับหนึ่ง แต่ก็รักฟองฟางหมดใจ ♥

ครามสมุทรเป็นตัวละครที่เราอยากแต่งให้เป็นคาแร็กเตอร์แบบนี้อีกครั้ง

เราอยากแต่งให้พระเอกมีความกังวล ความไม่มั่นใจอะไรหลายๆ อย่าง มานานแล้วค่ะ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที :)

ครามสมุทรนี่แหละ ที่เหมาะกับคาแร็กเตอร์เหล่านั้น

อยากจะบอกว่าเราใช้เวลาในการแต่งเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กับความสับสนหลายอย่าง

กดดันบ้างอะไรบ้าง แบบนี้เลยอยากจะขอบคุณทุกคนจริงๆ เลยค่ะที่เข้ามาอ่าน ♥

ยังไงก็ขอฝาก ฟองฟางครามสมุทร ไว้ในใจ มีข่าวรวมเล่มเมื่อไหร่ จะรีบมาแจ้งเลย ^^

รอเรื่องใหม่ๆ ในวันข้างหน้ากันด้วยนะคะ แฮะ



หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 09-02-2019 19:53:36
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวสวย ที่ 09-02-2019 20:06:19
 o18 o18 o18 อยากเห็นยัยฟองโดนกินแล้วค่าา
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 09-02-2019 20:13:10
จบแล้วววว ผ่านไปไวมาก ^^

มาแต่ละครั้งก็จุใจ ลงกันรัวๆ เลยทีเดียว
ขอบคุณที่พาความหวานมาส่งกันบ่อยๆ นะคะ ชอบจัง ^^

มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านค่ะ

รอ...เผื่อจะมีตอนพิเศษ อิอิ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-02-2019 21:31:13
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาแบบนันสต็อป  จนจบเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 14-02-2019 10:09:33
เบาหวานขึ้นแล้วค่าา น่ารักกกกทั้งคู่
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 15-02-2019 23:12:53
หวานมากกกกก อิจฉาตาร้อนนน  :m3:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-02-2019 10:33:33
น่ารักมากเลยคู่นี้
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 17-02-2019 19:01:52
 :pig4: :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-02-2019 04:51:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: choijesang ที่ 19-02-2019 09:27:13
รอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 01-03-2019 21:57:12
อิจฉาฟองฟางได้ไหม  :กอด1: มันละมุนต่อใจมากๆ เลย
ขอบคุณนักเขียนมากๆ เลยนะคะที่แต่งนิยายดีๆ ให้เราได้อ่าน
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะคอยติดตามผลงานต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-03-2019 11:13:16
น่ารักมากๆๆๆ  :katai2-1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 10-03-2019 07:27:04
น่ารัก  :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-03-2019 14:14:18
 :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-03-2019 08:05:10
น่ารักมาก...กกกกกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 28-03-2019 23:17:50
น่ารักมุ้งมิ้ง อ่านแล้วอมยิ้มไม่หยุด
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: mildmildss ที่ 17-04-2019 00:07:17
หลงรักน้องฟองฟางมากเลยค่าาา คนอะไรทำไมถึงน่ารักได้ขนาดนี้ :-[ :-[ :-[
สนุกมากเลย เขินทั้งเรื่องเลย ขอบคุณมากๆนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 17-04-2019 06:36:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 29-05-2019 07:52:01
 :beat: :hao5:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 17-06-2019 22:45:46
น่ารักหวานแหวว
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-06-2019 19:22:19
น่ารัก มุ้งมิ้ง มากค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: JJAY.K ที่ 29-06-2019 09:08:19
 :-[ โอ๊ยยยยย  มาดูเขาจีบกันคุณ  ละมุนอะไรขนาดนั้น  ดีต่อใจมาก ๆ เลย  ขอบคุณไรต์มาก ๆ สำหรับนิยายน่ารัก ๆ ฟีลกู๊ดมาก ๆ อีกเรื่อง
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 29-06-2019 16:53:27
น่ารักกกกกก ครามนี่ก็เจ้าเล่ห์ไม่เบาเลยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - 20 - up 9.2.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: New_atcha ที่ 06-07-2019 18:35:53
หวานกันเวอร์มาก มีแฟนดี น่ารัก อะไรๆก็ดี ชอบๆ :pig4:
หัวข้อ: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Swanlee ที่ 09-07-2019 09:11:01


สวัสดีค่ะทุกคน ห่างหายกันไปนานเลยนะคะ
วันนี้จะขอมาแจ้งข่าวดี เรื่องรูปเล่มของนิยาย Loud & Clear ค่ะ
เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ เอเวอร์วาย นะคะ และตอนนี้ก็มีวางขายตามร้านหนังสือแล้วค่ะ หาซื้อกันได้เลย  o13

มีตอนพิเศษทั้งหมด 4 ตอนนะคะ

พาฟองฟางกับครามสมุทรกลับบ้านด้วยนะคะ  :hao5:

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 17-07-2019 11:56:54
เนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะ อ่านสนุก

ฟองฟางให้อารมณ์เหมือนน้องเล็กที่ต้องดูแลเลย น่ารัก ๆ
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 29-07-2019 15:11:05
 :pig4:   :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 12-08-2019 19:19:53
เป็นนิยายอีกเรื่องที่อ่านแล้วดีกับใจมาก
มาอ่านคนจีบกันแบบเขินอ่ะ
ทั้งครามทั้งฟองฟางน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 15-08-2019 15:28:16
แงงงงงง น่ารักมากเลยไม่น่ารีบจบบบบบบบ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 08-09-2019 19:35:54
ชอบบบบบบบบบ น่ารัก ละมุน อ่านรวดเดียวจบ สายหวานต้องอ่านเรื่องนี้   :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Cappello ที่ 10-09-2019 00:53:49
มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งๆสุดๆ  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: airjang ที่ 11-09-2019 01:35:07
มุ้งมิ้งจริงๆ หวานฉ่ำ เหมือนละเมอ ฝัน เพ้อ ไม่อยากตื่นเลย
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 26-10-2019 22:00:49
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: MaidenQueen ที่ 28-10-2019 08:05:02
เห็นความพยายามของน้องคีรีที่จีบพี่เต้แล้วก็อยากให้ความรักครั้งนี้ของทั้งคู่มีอยู่อย่างนี้ไปนานๆเลยยย
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 08-11-2019 11:33:05
 :-[ :o8:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:41:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: BM_CBC ที่ 29-12-2021 00:45:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 13-01-2022 17:04:11
ละมุนบอยคนคลั่งรัก55555555555
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 14-01-2022 16:16:03
น่ารัก หวานละมุน
อ่านแล้ววางไม่ลง
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 27-03-2022 15:10:24
 :L1:
หัวข้อ: Re: { yaoi } • Loud & Clear - แจ้งข่าวรวมเล่ม - up 9.7.62 end.
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 20-04-2022 18:13:33
กลับมาอ่านอีกรอบ
ยังชอบ "ฟองคราม" มากเหมือนเดิม

 :pig4: