วงล้อที่สามสิบหก
‘ตั๋วเครื่องบินอยู่ในอีเมลนะพาย’ คำพูดทิ้งท้ายจากอาเฉินบอกเขาไว้แบบนั้นก่อนจะวางสายไปในช่วงเย็นหลังเลิกงานวันอังคาร เขายังไม่ได้คุยรายละเอียดกับอรรควัสเลยสักนิด แต่วันนี้ตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ก็ถูกส่งมาแล้ว ถ้านวพลรู้เรื่องนี้คงไม่พ้นตบเข่าฉาดแล้วบอกว่า ‘นั่นปะไร เห็นไหม พูดไม่ผิดเลย’
ภาสกรเข้าอีเมลไปก็เจอตั๋วเครื่องบินอยู่ในนั้นจริง เขากดเปิดมันออกอ่านวันที่เดินทางนั้นคือวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ส่วนเที่ยวบินกลับคือเช้าวันจันทร์ คนมองตั๋วเครื่องบินอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ให้กับความรู้มากของคนส่งเหลือเกิน อีกฝ่ายรู้แม้กระทั่งว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เขาได้หยุดเพราะเป็นวันหยุดชดเชยตามปฏิทินประเทศไทย
ชายหนุ่มอ่านข้อความในตั๋วเครื่องบิน อยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ แต่อันดับแรก เขาจะต้องบอกแม่กับพี่สาวทั้งสองก่อน คงถึงเวลาที่เขาจะต้องเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับอรรควัสแล้วสินะ
“หลบมานั่งดูพระอาทิตย์คนเดียวอีกแล้ว” ภารดีเอ่ยทักน้องชายก่อนจะนั่งลงบนพื้นทรายข้าง ๆ ภาสกรรีบกดปิดโทรศัพท์มือถือแล้วใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว
“ก็มันสวยนี่ครับ” ผู้เป็นน้องตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เอ เหมือนจะมีอะไรแปลกไปนะ” ไม่พลาดที่คุณครูสาวจะสังเกตเห็น
“ครับ?”
“วันนี้ยิ้มกว้างเชียว”
“พายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที” ภาสกรทำเฉไฉกลบเกลื่อน
“ไม่จริงหรอก” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ไม่เถียงหรอกว่าพายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที แต่ตรงนี้น่ะไม่เคยยิ้มให้พี่เห็นพี่เลยสักครั้งตั้งแต่กลับมาจากที่นั่น”
คนเป็นพี่ชี้ไปที่ดวงตาของน้องชาย ภาสกรเบือนหน้าไปทางทะเล เม้มปากเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดว่าควรจะเกริ่นเรื่องความรักตัวเองอย่างไรดี
“พี่พรีมจะว่าอะไรไหม ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้พายจะขอไปบ้านเพื่อนแล้วกลับมาอีกทีวันจันทร์ พาย..พายขอฝากพี่พรีมช่วยดูแลแม่หน่อยได้หรือเปล่า”
“ได้อยู่แล้ว พี่ดูแลแม่ได้สบายเลย พายไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน “ว่าแต่ว่า..แน่ใจนะว่าเป็นบ้านเพื่อนจริง”
“จะ..จริงสิครับ”
“เพื่อนที่ไหนล่ะ”
“เอ่อ..คือ..”
“ให้พี่เดาไหม คงไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานใหม่แน่ ๆ”
“พี่พรีม” ท่าทีลำบากใจของภาสกรทำให้พี่สาววางมือลงบนไหล่น้องชาย เธอตบบ่านั้นสองสามทีแล้วดึงมือกลับ
“ที่ที่พายเพิ่งกลับมาใช่หรือเปล่า”
“...” ชายหนุ่มเงียบสนิท
“พายโตแล้ว พี่รู้ดี น้องไม่จำเป็นต้องบอกพี่หรือแม่ทุกเรื่องก็ได้ แต่อย่างหนึ่งก็คือพี่แค่อยากรู้ความรู้สึกของพายเท่านั้น สิ่งที่พายเลือกจะทำนั้นมันมีความสุขอยู่ในนั้นไหม พี่ไม่อยากเห็นความเศร้าบนใบหน้าพายอีกแล้ว” หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดความในใจออกมาก่อน “แม่ก็คิดเหมือนกับพี่นะพาย”
“พายขอโทษที่ทำให้แม่กับพี่พรีมเป็นห่วง”
“พี่แค่อยากให้พายรู้ว่าแม่กับพี่จะอยู่ข้างพายเสมอและอยากให้พายยิ้มได้เหมือนเมื่อก่อน”
“ตอนที่พายไปทำงานกับนน..” ภาสกรตัดสินใจพูดเรื่องที่ค้างคาในใจเขาออกมาให้อีกฝ่ายฟังบ้าง
“อืม ที่คาสิโนสินะ”
“ครับ พายได้เจอคนคนหนึ่งที่นั่น”
“เขาคนนั้นที่พายชอบเป็นคนอย่างไรเหรอ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” หญิงสาวชวนคุยด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อให้น้องชายคลายความประหม่า
“เขา..เขาชื่อคุณอรรควัสครับ คุณอรรคเป็นคนที่ดุมาก ตอนพายเจอเขาทีแรกพายซุ่มซ่ามทำแต่เรื่องจนถูกดุตั้งหลายครั้ง”
“หืม..น่าสนใจ” ภารดีอดแปลกใจไม่ได้ “คุณอรรคของพายดุขนาดนี้พายก็ชอบเขาเหรอ”
“ไม่ใช่สักหน่อยพี่พรีม คุณอรรคไม่ใช่ของพายแล้วพายก็ไม่ได้ชอบเขาเพราะเขาดุหรอกนะครับ” ภาสกรปฏิเสธทันควัน ใบหูเริ่มเป็นสีแดงเรื่อจาง ๆ
“จ้ะ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ เถียงพี่เสียน่ากลัวเลย” เธอหัวเราะก่อนจะทวงให้น้องชายเล่าเรื่องจ่อ “เล่าต่อ ๆ พี่กำลังสนุก แล้วพายชอบเขาเพราะอะไรล่ะ”
“ถ้าบอกแล้วพี่พรีมอย่าหัวเราะพายนะครับ”
“ไม่หรอกจ้ะ พี่จะหัวเราะน้องคนนี้ได้อย่างไร”
“พายเคยเจอคุณอรรคที่นี่ครับ ที่บ้านเรานี่แหละ ตอนนั้นเขาหนีคนร้ายแล้วพายก็พาคุณอรรคเข้ามาในบ้านเราครับ”
“เอ๊ะ? ตอนไหนกันนี่ ทำไมพายไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลย”
“พายไม่กล้าเล่าหรอกครับ ขืนเล่าให้พี่กับแม่ฟัง ตอนนั้นพายต้องถูกตีจนก้นลายแน่ ๆ”
“ตอนนี้ก็ยังตีทันอยู่นะ” ผู้เป็นพี่เริ่มขู่
“ตีไม่ได้แล้ว ตะกี้พี่พรีมยังบอกว่าพายโตแล้วนะครับ”
“ร้ายนักนะเรา” หญิงสาวดีดหน้าผากน้องชายทีหนึ่ง “เป็นเด็กเป็นเล็กแต่พาผู้ชายเข้าบ้านแล้ว”
“ไม่ใช่สักหน่อยก็คุณอรรคเขาลำบากอยู่นี่ครับ พายก็แค่เข้าไปช่วย”
“เถอะจ้ะ โชคดีนะว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรพาย ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพายเคยเจอคุณอรรคของพายมาแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหม”
“ครับ ตอนแรกพายจำเขาไม่ได้หรอกครับ กระทั่งเห็นรอยแผลเป็นที่แขนเขา” ภาสกรลูบรอยแผลที่มือตัวเอง “รอยแผลนี่พายบอกว่าพายเล่นซนใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วถูกพวกคนร้ายใช้มีดฟัน”
“โอ๊ย ตายจริงน้องฉัน” ภารวีแทบจะลมจับที่น้องชายตัวเองไปมีวีรกรรมเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“เรื่องมันผ่านมาแล้วนะครับพี่พรีม” ภาสกรเตือนสติพี่สาว “รอยแผลนี่ พอเอาแขนพายกับคุณอรรคมาวางเทียบกันจะเห็นรอยมีดที่ต่อกันครับ มันมีเหตุการณ์บังเอิญพายก็เลยรู้ว่าเขาคือพี่คนนั้น”
“แต่ก็ไม่น่าจะทำให้พายชอบเขาหรือเปล่า”
“พายชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ เพราะเขาทำให้พายรู้ว่าพายชอบเพศไหนกันแน่”
“แก่แดดจริงเชียว” ภารวีว่าอย่างไม่จริงจังนัก สักพักเธอก็ถอนหายใจออกมา
“ถอนหายใจทำไมครับพี่พรีม”
“ถ้าพายเจอเขาที่คาสิโนแสดงว่าเขาต้องวนเวียนอยู่กับวงการนี้น่ะสิ” เธอวางมือบนศีรษะน้องชาย “อย่าหาว่าพี่วุ่นวายความรักของพายเลยนะ รู้ใช่ไหมการพนันไม่ใช่เรื่องที่ดี พ่อเราติดการพนันจนเอาบ้านเราไปขายทำให้เราไม่มีที่อยู่ จนป่านนี้ไม่เคยมารับผิดชอบอะไรพวกเราหรือแม้กระทั่งแม่เลย พี่ไม่อยากให้พายต้องเสียใจเหมือนแม่ การพนันไม่มีอะไรดีหรอก”
“พายเข้าใจครับ พายจะอธิบายให้พี่ฟังอย่างไรดี”
“แล้วเขาทำงานอะไร พายรู้หรือเปล่า” ภารวีไม่ต้องการขัดขวางความรักน้องชาย แต่จะให้น้องชายต้องทนทุกข์เธอเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน
“คุณอรรคทำงานหลายอย่างเลยครับ แทบไม่มีเวลาพักเลย”
“มีงานทำก็ดี แล้วเขามาที่คาสิโนบ่อยหรือเปล่า เวลามาเล่นหนักมือมากไหม” เธอยังไม่วางใจ แม้คนรักน้องชายจะมีงานมีการทำ แต่ขึ้นชื่อว่าการพนันนั้น มีเท่าไหร่ก็หมดได้
“มาทุกวันครับ เขาพักอยู่ที่คาสิโน”
“ตายแล้ว พี่ว่าเขาน่าจะติดการพนันจนเข้าเส้นเลยนะพาย พี่ว่าแบบนี้ไม่ดีหรอก พายพอจะตัดใจจากเขาได้ไหม พี่ไม่อยากเห็นพายเสียใจ ไม่รู้ว่าแบบนี้จะมีหนี้สินเยอะมากมายแค่ไหน พายจะถูกเอาไปขายหรือเปล่าเนี่ย”
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่พรีม” ภาสกรรีบห้ามความคิดพี่สาว ดูว่าเธอจะคิดไปกันใหญ่ “ที่คุณอรรคเขาพักอยู่ที่คาสิโนเพราะบ้านเขาอยู่บนนั้นครับ”
“บ้าน?” หญิงสาวถามกลับด้วยความงุนงง ใครจะมีบ้านอยู่บนคาสิโนกันเนี่ย
“ครับ คุณอรรคเป็นเจ้าของคาสิโนที่พายกับนนทำงานอยู่ แล้วก็เป็นหุ้นกับผับอีกที่หนึ่งด้วยครับ ส่วนกิจการอื่นของคุณอรรค เรื่องนี้พายไม่รู้เลย รู้แต่คุณอรรคยุ่งมาก ๆ เลยครับ”
“อ้าว อย่างนั้นเหรอ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอจึงวางใจลงได้บ้าง “แต่พี่ก็ยังไม่สบายใจ เปิดกิจการเกี่ยวกับการพนัน พี่ไม่ค่อยชอบเลย”
“เอ่อ..เรื่องนั้น พายขอโทษนะพี่พรีม” ภาสกรขอโทษก่อนเป็นอย่างแรก เพราะเขาคงไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้อรรควัสเลิกทำงานประเภทนี้ได้
“ไม่ต้องขอโทษพี่ พายไม่ได้ทำอะไรผิด” หญิงสาวโบกมือ “แล้วที่จะไปบ้านเพื่อนก็คือที่คาสิโนใช่ไหม”
“ใช่ครับ” ภาสกรอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสีย
“ไปเถอะจ้ะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แล้วเรื่องนี้พายจะเล่าให้แม่ฟังเองหรือให้พี่เล่าแทนดี”
“พี่พรีมเล่าก็ได้ครับ แต่ช่วยเล่าให้แม่ฟังตอนที่พายไม่อยู่ได้ไหมอะ”
“ได้สิ พี่เล่าให้แม่ฟังเองก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นตอนที่พายไม่อยู่ด้วยล่ะ”
“ก็พายไม่อยากถูกแม่แซวนี่นา พี่พรีมก็รู้ว่าแม่ชอบแกล้งพาย”
“จ้ะ ๆ รับทราบ แล้วจะไปเนี่ยมีเงินค่าเครื่องหรือเปล่า” คนเป็นพี่สาวอดห่วงไม่ได้
“เขาส่งตั๋วมาให้แล้ว” ภาสกรตอบเสียงเบาไปอีก
“สายเปย์เสียด้วย ถ้าเงินไม่พอก็บอกพี่ได้นะพาย”
“ขอบคุณครับ”
“พี่ลืม พายจะไปเมื่อไหร่วันไหนนะ”
“วันเสาร์นี้แล้วกลับวันจันทร์ครับ”
“วันเสาร์นี้? พี่คุ้น ๆ ว่าพายมีนัดกับที่ทำงานไม่ใช่เหรอ”
“นัด? พายขอเช็กก่อน” เขารีบกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์ออกมาดูปฏิทินตารางการทำงานอย่างรวดเร็ว พลันพบว่าเป็นอย่างที่พี่สาวกล่าวไว้จริง “มีไปเอาต์ติ้งจริง ๆ ด้วยครับพี่พรีม”
“อ้าวแล้วทำไงล่ะทีนี้”
“พายจะลองไปถามพี่เขาก่อน อาจจะไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ พายก็เพิ่งเริ่มงานได้ไม่เท่าไหร่เอง” ภาสกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้
“ลองดูแล้วกันได้ผลอย่างไรก็บอกพี่ด้วย”
“ครับ”
“ไปกินข้าวกันเถอะ ป่านนี้แม่ชะเง้อมองว่าเราคุยอะไรกันจนคอแทบหลุดแล้วล่ะ” เธอพูดติดตลกพลางหัวเราะแล้วลุกขึ้นแล้วเดินนำเข้าบ้านไปก่อน
“ไม่ได้งั้นเหรอครับ” ภาสกรหน้าสลดทันทีที่ได้ฟังคำตอบจากพี่ที่ทำงานว่าเขาติดธุระไม่สามารถไปเอาต์ติ้งกับทางบริษัทได้
“พี่ก็ไม่อยากตัดสินใจเอาเองว่ามันไม่ได้หรอกนะพาย แต่ออฟฟิศของเราไม่ได้ไปเอาต์ติ้งเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว แต่ยังมีเซสชั่นครึ่งวันสำหรับพูดคุยกับทิศทางของบริษัทด้วย พี่เลยคิดว่าในฐานะที่พายเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ถ้าได้ไปร่วมกิจกรรมนี้จะได้เข้าใจองค์กรของเรามากขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับพายเลยนะ”
“อ่า..ครับ”
“ธุระที่จะไปน่ะ อย่างไรแล้วเลื่อนออกไปก่อนดีไหม อีกอย่างวันนี้วันพุธแล้วด้วย เปลี่ยนใจกะทันหันคงดูไม่ค่อยดี”
“คือ..แต่เสาร์อาทิตย์ แค่สองวัน..เอ่อ..”
“พี่คิดว่าเข้าใจละ” คนพูดยิ้มออกมา “เอาอย่างนี้สิครั้งนี้พายก็ไปเอาต์ติ้งกับพี่ และสัปดาห์หน้า ไม่สิ สัปดาห์หน้าไม่ได้เพราะมีประชุมใหญ่วันจันทร์ ทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมด้วยสิ สัปดาห์ถัดไปแล้วกันนะ ตอนนั้นก็ลาเพิ่มวันจันทร์ไปอีกหนึ่งวัน แบบนี้โอเคไหม”
“แต่ผมยังไม่ผ่านโปรฯ เลย ลาแบบนี้จะดีหรือครับ” ถ้านับการทำงานในประเทศไทยแล้ว เขาถือว่ายังใหม่มากทีเดียวกับระเบียบพนักงานเอกชน ทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่คุยกับหัวหน้าให้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
“...”
“ตกลงตามนี้นะพี่จะได้ยืนยันรายชื่อคนที่จะไปเอาต์ติ้งกับฝ่ายบุคคลด้วย”
“ก็ได้ครับ” ปากอิ่มคว่ำลงเล็กน้อย ภาสกรไม่กล้าปฏิเสธพี่ที่ทำงาน เพราะเป็นเด็กใหม่และยังไม่เคยไปทำกิจกรรมประเภทนี้มาก่อนทำให้เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีกิจกรรมหรือเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้นเขาจึงตกปากรับคำตกลงไป
PPie: คุณอรรคครับ พายขอเลื่อนไฟลต์บินก่อนได้ไหม พอดีที่สัปดาห์นี้พายมีเอาต์ติ้งกับบริษัทครับ
วันพฤหัส วันถัดมาภาสกรพิมพ์ส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย เขาเดินงุ่นง่านอยู่ภายในห้องนอน เดินไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนรนใจ หยิบโทรศัพท์มาดู ข้อความที่ส่งไปให้อีกฝ่ายยังไม่กดอ่าน เขายิ่งอยู่ไม่เป็นสุข
‘คุณอรรคจะโกรธหรือเปล่า’ คำถามนี้วนเวียนอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ไม่อยากถูกโกรธ ไม่อยากถูกเมินจากคนนั้นเลย
จังหวะที่คิดกังวลไม่ตกอยู่นั้นโทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมา เขากดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นสายจากใคร
“สวัสดีครับคุณอรรค” ภาสกรกรอกเสียงลงไปด้วยใจเต้นตึกตักแค่คิดว่าจะได้ยินเสียงคนที่โทรเข้ามานั้น ตัวเขาก็ตื่นเต้นแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
[ถ้างั้นก็มาสัปดาห์หน้า เดี๋ยวฉันจะให้อาเฉินไปเลื่อนตั๋วให้]
คำพูดสั้นกระชับบอกมาอย่างรวดเร็ว ภาสกรมึนงงไปเล็กน้อยก่อนจะนึกออกว่าเขาส่งข้อความไปบอกอีกฝ่ายเรื่องอะไร
“สัปดาห์หน้าก็ยังไม่ได้ครับ”
[ทำไม]
“สัปดาห์หน้าพายมีประชุมใหญ่ แต่พายจะไปหาคุณอรรคสัปดาห์ถัดไปหลังการประชุมครับ”
[หรือเธอไม่อยากมา]
“ไม่ใช่..ไม่ใช่นะครับ” ภาสกรละล่ำละลักรีบบอกอีกฝ่ายเพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิด “พายติดงานไปไม่ได้จริง ๆ ครับ วันนี้ก็ลองถามพี่เขาว่าไม่ไปเอาต์ติ้งได้ไหม แต่เขาบอกว่าพายควรไปจะดีกว่าครับ”
[มันพูดโกหกไปอย่างนั้น]
“อะไรนะครับคุณอรรค พายได้ยินไม่ถนัด”
[เปล่า]
“อ่อ..ครับ” เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็ไม่เซ้าซี้
[แล้วไปกี่วัน]
“สามวันครับ เสาร์ อาทิตย์ กลับวันจันทร์”
[อืม ไปที่ไหนล่ะ]
“หัวหินครับ พายยังไม่เคยไปเลย” ภาสกรเล่าให้อีกฝ่ายฟังด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
[เธออยากไปที่ไหน คราวหน้าฉันจะพาไปเอง]
“ไม่เป็นไรครับ พายก็แค่เล่าให้คุณฟังเฉย ๆ”
[แล้วไปที่นั่นพักกับใคร]
“พายยังไม่รู้เลย เดี๋ยวถ้าได้กำหนดการมาชัดเจนแล้ว พายจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณนะครับ”
[อืม]
“คุณอรรคเป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีไหม”
[ฉันสบายดี ส่วนเธออย่าไปไหนกับใครบ่อย ๆ]
“ครับ?”
[อยู่บ้านดูแลแม่ของเธอให้มากเข้าไว้]
น้ำเสียงเจือความดุแฝงออกมาราวกับคนพูดไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง
“พายทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่าหรือเรื่องที่พายไปหาคุณสัปดาห์นี้ไม่ได้ครับ”
[ไม่ใช่ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอ ทำตามที่ฉันบอกก็พอ ไปทำงานพอเลิกงานก็อยู่บ้าน เข้าใจหรือเปล่า]
“อ่า..เข้าใจครับ” ถึงภาสกรจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ปกติเขาก็อยู่บ้านอยู่แล้วทำให้ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรมากมาย ชั่วขณะหนึ่งเขาเหมือนได้ยินเสียงบุคคลที่สามดังมาจากปลาย
[ดีมาก ฉันคงต้องวางสายแล้ว]
“ครับ อย่าทำงานหนักมากนะครับ”
คนโทรมาวางสายไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของภาสกร “พายเป็นห่วงคุณ”
“ร้อนจังเลยเนอะพายเนอะ” เสียงหญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัวภาสกร ตอนนี้คณะเอาต์ติ้งนี้มาถึงจังหวัดที่จะมาร่วมทำกิจกรรมกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขามาแวะถ่ายรูปกับสถานที่ยอดฮิตในหัวหินก่อนจะเข้าที่พัก
“ใช่” ภาสกรมองไปรอบ ๆ เพราะเป็นวันเสาร์คนจึงพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนี่ คนมากมายต่างถ่ายรูป เดินเล่น ภาสกรเองก็ถูกดึงให้เข้าไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ หลายต่อหลายรูปเช่นกัน
“ทุกคนมาถ่ายรูปตรงนี้กัน” หญิงสาวคนเดิมพูดเสร็จพลางเรียกภาสกรให้ไปถ่ายรูปด้วย
ภาสกรเดินเข้ามารวมกลุ่มที่ตอนนี้ยืนอยู่เกือบสิบคนแล้ว เขาเข้าไปยืนริมสุดของกลุ่ม ข้างกายเขาเป็นรุ่นพี่ที่คุ้นหน้ายืนอยู่
“พาย ขยับเข้าไปหน่อย มันตกเฟรม” ตากล้องที่เป็นหนึ่งในพนักงานบริษัท แต่อาสาเป็นช่างกล้องประจำทริปนี้พูดขึ้น พลางโบกมือเป็นสัญญาณให้ภาสกรขยับเข้าไปใกล้รุ่นพี่มากขึ้นไปอีก
“...”
“ขยับเข้าไปอีกพาย”
“อีกเหรอพี่” ภาสกรตะโกนเสียงดังบอกตากล้อง
“ขยับมาใกล้ ๆ พี่” มือซ้ายของคนพูดรั้งไหล่ภาสกรให้เข้าไปใกล้เจ้าของมือที่ว่านั้น ภาสกรขยับตัวอยากจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่จำเป็น เสียงตากล้องคนเดิมก็พูดแทรกขึ้นมา
“เออ แบบนั้นแหละ ยิ้มหน่อย ค้างไว้นะ ร้อนเหงื่อแตกกันหมดแล้ว หนึ่ง สอง สาม” ภาสกรจึงต้องจำใจถูกโอบไหล่ไว้อยู่แบบนั้นกระทั่งถ่ายรูปเรียบร้อย มือที่รั้งไหล่เขาไว้จึงคลายออก
คณะเอาต์ติ้งทยอยขึ้นรถบัสกันอย่างเป็นระเบียบ รถเคลื่อนตัวไปสู่จุดหมายถัดไปคือที่พักสำหรับสองคืน เมื่อรถเลี้ยวเข้ามา เขาก็พบกับความเขียวชอุ่มที่อุดมไปด้วยต้นไม้และพื้นหญ้าสีเขียว เสียงพนักงานฝ่ายบุคคลคนหนึ่งพูดว่าห้องพักทุกห้องจะเห็นวิวทะเลทุกห้อง เรียกเสียงเฮเพราะความถูกใจจากคนในรถได้เป็นอย่างดี
รถจอดสนิทหน้าทางเข้าโรงแรม ภาสกรมองลงไปจากรถเห็นพนักงานออกมายืนต้อนรับรออยู่อย่างเรียบร้อย ทำให้เขาอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความเอาใจใส่
“เอาละค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงที่พักกันเรียบร้อย ตอนนี้เป็นเวลาสิบหกนาฬิกา เดี๋ยวเราจะเช็กอินเข้าที่พักกันก่อนนะคะ ตรงเคาน์เตอร์จะมีซองใส่คีย์การ์ดอยู่ หน้าซองระบุชื่อเจ้าของไว้เรียบร้อยแล้ว อย่าหยิบผิดกันนะคะ เดี๋ยวจะเข้าห้องผิดกัน” หญิงสาวว่าอย่างติดตลกแล้วจึงพูดต่อ “ให้เวลาทุกคนจัดข้าวของในห้องพักหนึ่งชั่วโมง แล้วสิบเจ็ดนาฬิกาตรงเรามาเจอกันอีกครั้งที่ห้องอาหารนะคะ ขอความกรุณาตรงต่อเวลาด้วยค่ะ”
ภาสกรลงจากรถหมายจะไปหยิบซองใส่คีย์การ์ดที่มีชื่อตนเอง แต่เขาตรวจดูจนทั่วกลับไม่พบชื่อภาสกรเลย ตรวจดูสองครั้งแล้วก็ยังไม่พบ เขาจึงตัดสินใจบอกพนักงานฝ่ายบุคคล
“ขอโทษครับ”
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย ได้ซองคีย์การ์ดห้องแล้วใช่ไหม” เธอยิ้มแย้มระหว่างทาง
“ยังครับ คือไม่เห็นมีซองคีย์การ์ดชื่อผมเลย”
“ไม่มีเหรอ ชื่ออะไรคะ” เธอขมวดคิ้วน้ำเสียงเข้มขึ้นทันที
“ภาสกรครับ ภาสกร เจริญชัย”
“สักครู่นะคะ เดี๋ยวเนยช่วยหาค่ะ” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าเนยนั้นเข้าไปหาซองคีย์การ์ดเหมือนอย่างที่ภาสกรทำไม่ผิดเพี้ยน
“เจอไหมครับ” เขาถามเมื่อเธอเดินกลับมา
“ไม่เจอค่ะ นั่งรอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวเนยคุยกับหัวหน้าก่อน”
“ครับ”
เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายชุลมุนมากขึ้น ภาสกรเห็นเนยหน้าซีดลง ซีดลงเรื่อย ๆ ยามที่ถูกหัวหน้าฝ่ายบุคคลดุ คงแน่ชัดแล้วว่าเธอตกหล่นชื่อของภาสกรไป
“ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะพาย ไม่เข้าห้องไปพัก เก็บของสักหน่อย” รุ่นพี่ของภาสกรที่ตั้งใจจะมาเดินเล่นกลับมาเจอหนุ่มรุ่นน้องเข้า
“คือผมเข้าห้องไม่ได้ครับ”
“ทำไม มีปัญหาอะไร”
“ผมไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้อง ไม่มีชื่อผมที่ซองคีย์การ์ด”
“ไม่มีเหรอ พี่จะไปคุยกับฝ่ายบุคคลให้ ไม่ต้องห่วงนะ” ทว่าคนพูดยังไม่ได้เดินออกไป น้องเนยและหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ภาสกรใช่ไหม” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนครูใหญ่ในโรงเรียนไม่มีผิด
“ครับ”
“พี่ต้องขอโทษด้วย พี่ตกหล่นชื่อของเธอไป”
“หนูขอโทษค่ะ หนูสะเพร่าเอง” น้องเนยรีบยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรครับ” ภาสกรบอก ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่รู้จะต้องตอบด้วยคำพูดแบบไหน นอกจากคำนี้
“จองห้องเพิ่มก็ได้ใช่ไหมครับ” รุ่นพี่ถามกลับทันที
“ไม่ได้เอ จองเพิ่มไม่ได้ ช่วงเทศกาลวันหยุดติดต่อกันมักมีคนจองห้องเต็มหมดอยู่แล้ว แล้วจังหวะมีคนมาจองเหมาห้องที่เหลือไปด้วย ตอนนี้เลยไม่เหลือสักห้องเลยล่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าหนักใจ
“เหรอครับ”
“เดี๋ยวพี่จะลองไปถามคนอื่น ๆ เผื่อจะแชร์ห้องได้ พี่ถามทางโรงแรมแล้ว อย่างน้อยก็พอจะเสริมเตียงเพิ่มได้อยู่”
“เสริมเตียงก็ได้ครับ” ภาสกรบอก
“ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อมีทางออกแก้ไขได้ก็โอเคแล้ว” ภาสกรยิ้มให้ว่าเขาไม่ได้โกรธหรือขุ่นมัวในใจ
“ระหว่างที่รอห้องก็เอากระเป๋าไปไว้ห้องพี่ก่อน”
“อืม เอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องเอก่อน หลังมื้อเย็นพี่จะไปบอกเราอีกทีนะว่าพักห้องไหน”
“ครับ” ภาสกรจึงต้องรับคำไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กิจกรรมระหว่างมื้อเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาสกรสนุกไปกับกิจกรรมในค่ำคืนนี้ การจัดการของคนเตรียมงานนั้นทำมาได้ค่อนข้างดี แทบไม่มีช่วงที่ไม่มีกิจกรรมเลย ทำให้ทุกอย่างไหลลื่นต่อเนื่อง แม้จะสนุกแค่ไหนแต่ในใจยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าคืนนี้เขาจะได้นอนที่ไหนกันแน่ หวังว่าคงจะมีใครยอมให้เขาไปนอนด้วยอีกคน
“ตกลงผมได้นอนห้องไหนครับ” ภาสกรปรี่เข้าไปถามหัวหน้าฝ่ายบุคคล
“อ้าว ยังไม่ได้หรอกเหรอ”
“ครับ”
“เอ๊ะ ยายเนยนี่อย่างไร ให้ไปจัดการตั้งนานแล้ว ตัวเองทำผิดไว้แท้ ๆ ยังไม่รีบจัดการแก้ไขอีก” หัวหน้าบ่นอย่างหัวเสีย “นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”
“ขอบคุณครับ”
ภาสกรนั่งรอร่วมครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ห้อง หัวหน้าฝ่ายบุคคลตามหาหัวหน้าของภาสกรเพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้เคราะห์ร้ายทราบ แต่ก็ไม่เจอตัว
“เอ เห็นหัวหน้าเราหรือเปล่า”
“ไม่เห็นเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“แย่แล้วละ ภาสกรน่ะ”
“พายทำไมเหรอครับ”
“ไม่มีห้องไหนพอที่จะเสริมเตียงได้เลย พี่ก็ลืมว่าห้องที่จองไว้สำหรับสองคนพอดี เลยไม่มีช่องว่างให้แทรกเตียงเสริมเลย พี่ก็เลยกะมาคุยกับหัวหน้าเรา”
“ครับ หัวหน้าตอนนี้น่าจะเมาอยู่ตรงไหนสักแห่งอะ”
“เอ่อ..ถ้าอย่างไรผมไปหาที่พักแถวนี้พักดีไหมครับ” ภาสกรเสนอความเห็น
“ไม่ได้” หัวหน้าฝ่ายบุคคลร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ได้เด็ดขาด ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาที่ไหน”
“พี่จะคุยกับหัวหน้าผมเรื่องอะไรครับ”
“คืออย่างนี้เอ ห้องที่เอพักกับหัวหน้าน่ะเป็นห้องใหญ่ใช่ไหม ซึ่งก็พอจะเอาเตียงเสริมเข้าไปได้ แต่พี่ไม่อยากทำเองโดยพลการเลยตั้งใจบอกหัวหน้าของเอก่อน”
“เสริมเลยครับพี่ พายไม่มีที่นอนแบบนี้ถ้าหัวหน้าผมกลับมาเขาต้องเข้าใจอยู่แล้ว”
“เอางั้นเหรอ”
“จัดการเลยพี่ เดี๋ยวจะยิ่งดึก”
“ได้ ๆ พี่จัดการให้ตอนนี้เลย” หากหัวหน้าฝ่ายบุคคลยังไม่เดินจากไป รุ่นพี่ของภาสกรก็เรียกอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน
“พี่อย่าเพิ่งไป”
“อะไรเอ”
“ไม่ต้องเสริมเตียงแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“หัวหน้าผมเพิ่งส่งข้อความมาบอกตะกี้นี้เองว่าเขาจะไปนอนที่ห้องหัวหน้าอีกคน เห็นว่าจะเมากันเลยไม่อยากกลับมาทำเสียงดังที่ห้อง”
“งั้นเหรอ อืม ๆ อย่างนี้ก็ดี” เธอพูดอย่างโล่งใจพลางหันมาที่ผู้เคราะห์ร้าย “ภาสกร ไม่ต้องห่วงแล้วนะ กระเป๋าอยู่ที่ห้องเอแล้วด้วยใช่ไหม”
“ใช่ครับ” ภาสกรเป็นฝ่ายตอบ
“โอเค งั้นก็ถือว่าแก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย ส่วนพรุ่งนี้ถ้าหัวหน้าเอกลับมาค่อยว่ากันอีกที แต่พี่จะทำเรื่องสแตนด์บายเตรียมเตียงเสริมไว้ให้ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับ” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน หญิงสาวพอแก้ปัญหาได้แล้วเธอจึงจากไปพร้อมกับความสบายใจ
“ปะ ไปกัน” คนแก่กว่าชักชวนพลางเดินนำไปก่อน
“ไปไหนครับ” ภาสกรไม่ได้เดินตาม เขากลับถามคำถามแทน
คนเดินนำหยุดเดินแล้วหันมาตอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ก็ไปที่ห้องพักกับพี่ไง”
========================================
HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ