♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ พนันท้ารัก ♣ The Fountain Casino || วงล้อที่สามสิบแปด (END) UP!! 02/04/2020  (อ่าน 78142 ครั้ง)

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่เขายอมขนาดนี้น่ะ  :ling2:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สามสิบหก




‘ตั๋วเครื่องบินอยู่ในอีเมลนะพาย’



คำพูดทิ้งท้ายจากอาเฉินบอกเขาไว้แบบนั้นก่อนจะวางสายไปในช่วงเย็นหลังเลิกงานวันอังคาร เขายังไม่ได้คุยรายละเอียดกับอรรควัสเลยสักนิด แต่วันนี้ตั๋วเครื่องบินอิเล็กทรอนิกส์ก็ถูกส่งมาแล้ว ถ้านวพลรู้เรื่องนี้คงไม่พ้นตบเข่าฉาดแล้วบอกว่า ‘นั่นปะไร เห็นไหม พูดไม่ผิดเลย’



ภาสกรเข้าอีเมลไปก็เจอตั๋วเครื่องบินอยู่ในนั้นจริง เขากดเปิดมันออกอ่านวันที่เดินทางนั้นคือวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ส่วนเที่ยวบินกลับคือเช้าวันจันทร์ คนมองตั๋วเครื่องบินอมยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ให้กับความรู้มากของคนส่งเหลือเกิน อีกฝ่ายรู้แม้กระทั่งว่าวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เขาได้หยุดเพราะเป็นวันหยุดชดเชยตามปฏิทินประเทศไทย



ชายหนุ่มอ่านข้อความในตั๋วเครื่องบิน อยากให้ถึงวันเสาร์เร็ว ๆ แต่อันดับแรก เขาจะต้องบอกแม่กับพี่สาวทั้งสองก่อน คงถึงเวลาที่เขาจะต้องเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับอรรควัสแล้วสินะ



“หลบมานั่งดูพระอาทิตย์คนเดียวอีกแล้ว” ภารดีเอ่ยทักน้องชายก่อนจะนั่งลงบนพื้นทรายข้าง ๆ ภาสกรรีบกดปิดโทรศัพท์มือถือแล้วใส่กระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว

“ก็มันสวยนี่ครับ” ผู้เป็นน้องตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เอ เหมือนจะมีอะไรแปลกไปนะ” ไม่พลาดที่คุณครูสาวจะสังเกตเห็น

“ครับ?”

“วันนี้ยิ้มกว้างเชียว”

“พายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที” ภาสกรทำเฉไฉกลบเกลื่อน

“ไม่จริงหรอก” หญิงสาวส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ไม่เถียงหรอกว่าพายก็ยิ้มแบบนี้ทุกที แต่ตรงนี้น่ะไม่เคยยิ้มให้พี่เห็นพี่เลยสักครั้งตั้งแต่กลับมาจากที่นั่น”



คนเป็นพี่ชี้ไปที่ดวงตาของน้องชาย ภาสกรเบือนหน้าไปทางทะเล เม้มปากเล็กน้อย ในใจครุ่นคิดว่าควรจะเกริ่นเรื่องความรักตัวเองอย่างไรดี

“พี่พรีมจะว่าอะไรไหม ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้พายจะขอไปบ้านเพื่อนแล้วกลับมาอีกทีวันจันทร์ พาย..พายขอฝากพี่พรีมช่วยดูแลแม่หน่อยได้หรือเปล่า”

“ได้อยู่แล้ว พี่ดูแลแม่ได้สบายเลย พายไม่ต้องเป็นห่วง” หญิงสาวยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน “ว่าแต่ว่า..แน่ใจนะว่าเป็นบ้านเพื่อนจริง”

“จะ..จริงสิครับ”

“เพื่อนที่ไหนล่ะ”

“เอ่อ..คือ..”

“ให้พี่เดาไหม คงไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานใหม่แน่ ๆ”

“พี่พรีม” ท่าทีลำบากใจของภาสกรทำให้พี่สาววางมือลงบนไหล่น้องชาย เธอตบบ่านั้นสองสามทีแล้วดึงมือกลับ

“ที่ที่พายเพิ่งกลับมาใช่หรือเปล่า”

“...” ชายหนุ่มเงียบสนิท

“พายโตแล้ว พี่รู้ดี น้องไม่จำเป็นต้องบอกพี่หรือแม่ทุกเรื่องก็ได้ แต่อย่างหนึ่งก็คือพี่แค่อยากรู้ความรู้สึกของพายเท่านั้น สิ่งที่พายเลือกจะทำนั้นมันมีความสุขอยู่ในนั้นไหม พี่ไม่อยากเห็นความเศร้าบนใบหน้าพายอีกแล้ว” หญิงสาวเป็นฝ่ายเริ่มต้นพูดความในใจออกมาก่อน “แม่ก็คิดเหมือนกับพี่นะพาย”

“พายขอโทษที่ทำให้แม่กับพี่พรีมเป็นห่วง”

“พี่แค่อยากให้พายรู้ว่าแม่กับพี่จะอยู่ข้างพายเสมอและอยากให้พายยิ้มได้เหมือนเมื่อก่อน”

“ตอนที่พายไปทำงานกับนน..” ภาสกรตัดสินใจพูดเรื่องที่ค้างคาในใจเขาออกมาให้อีกฝ่ายฟังบ้าง

“อืม ที่คาสิโนสินะ”

“ครับ พายได้เจอคนคนหนึ่งที่นั่น”

“เขาคนนั้นที่พายชอบเป็นคนอย่างไรเหรอ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม” หญิงสาวชวนคุยด้วยท่าทีสบาย ๆ เพื่อให้น้องชายคลายความประหม่า

“เขา..เขาชื่อคุณอรรควัสครับ คุณอรรคเป็นคนที่ดุมาก ตอนพายเจอเขาทีแรกพายซุ่มซ่ามทำแต่เรื่องจนถูกดุตั้งหลายครั้ง”

“หืม..น่าสนใจ” ภารดีอดแปลกใจไม่ได้ “คุณอรรคของพายดุขนาดนี้พายก็ชอบเขาเหรอ”

“ไม่ใช่สักหน่อยพี่พรีม คุณอรรคไม่ใช่ของพายแล้วพายก็ไม่ได้ชอบเขาเพราะเขาดุหรอกนะครับ” ภาสกรปฏิเสธทันควัน ใบหูเริ่มเป็นสีแดงเรื่อจาง ๆ

“จ้ะ ๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ เถียงพี่เสียน่ากลัวเลย” เธอหัวเราะก่อนจะทวงให้น้องชายเล่าเรื่องจ่อ “เล่าต่อ ๆ พี่กำลังสนุก แล้วพายชอบเขาเพราะอะไรล่ะ”

“ถ้าบอกแล้วพี่พรีมอย่าหัวเราะพายนะครับ”

“ไม่หรอกจ้ะ พี่จะหัวเราะน้องคนนี้ได้อย่างไร”

“พายเคยเจอคุณอรรคที่นี่ครับ ที่บ้านเรานี่แหละ ตอนนั้นเขาหนีคนร้ายแล้วพายก็พาคุณอรรคเข้ามาในบ้านเราครับ”

“เอ๊ะ? ตอนไหนกันนี่ ทำไมพายไม่เคยเล่าให้พี่ฟังเลย”

“พายไม่กล้าเล่าหรอกครับ ขืนเล่าให้พี่กับแม่ฟัง ตอนนั้นพายต้องถูกตีจนก้นลายแน่ ๆ”

“ตอนนี้ก็ยังตีทันอยู่นะ” ผู้เป็นพี่เริ่มขู่

“ตีไม่ได้แล้ว ตะกี้พี่พรีมยังบอกว่าพายโตแล้วนะครับ”

“ร้ายนักนะเรา” หญิงสาวดีดหน้าผากน้องชายทีหนึ่ง “เป็นเด็กเป็นเล็กแต่พาผู้ชายเข้าบ้านแล้ว”

“ไม่ใช่สักหน่อยก็คุณอรรคเขาลำบากอยู่นี่ครับ พายก็แค่เข้าไปช่วย”

“เถอะจ้ะ โชคดีนะว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรพาย ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าพายเคยเจอคุณอรรคของพายมาแล้วครั้งหนึ่งใช่ไหม”

“ครับ ตอนแรกพายจำเขาไม่ได้หรอกครับ กระทั่งเห็นรอยแผลเป็นที่แขนเขา” ภาสกรลูบรอยแผลที่มือตัวเอง “รอยแผลนี่พายบอกว่าพายเล่นซนใช่ไหมครับ จริง ๆ แล้วถูกพวกคนร้ายใช้มีดฟัน”

“โอ๊ย ตายจริงน้องฉัน” ภารวีแทบจะลมจับที่น้องชายตัวเองไปมีวีรกรรมเกือบเอาชีวิตไม่รอด

“เรื่องมันผ่านมาแล้วนะครับพี่พรีม” ภาสกรเตือนสติพี่สาว “รอยแผลนี่ พอเอาแขนพายกับคุณอรรคมาวางเทียบกันจะเห็นรอยมีดที่ต่อกันครับ มันมีเหตุการณ์บังเอิญพายก็เลยรู้ว่าเขาคือพี่คนนั้น”

“แต่ก็ไม่น่าจะทำให้พายชอบเขาหรือเปล่า”

“พายชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ เพราะเขาทำให้พายรู้ว่าพายชอบเพศไหนกันแน่”

“แก่แดดจริงเชียว” ภารวีว่าอย่างไม่จริงจังนัก สักพักเธอก็ถอนหายใจออกมา

“ถอนหายใจทำไมครับพี่พรีม”

“ถ้าพายเจอเขาที่คาสิโนแสดงว่าเขาต้องวนเวียนอยู่กับวงการนี้น่ะสิ” เธอวางมือบนศีรษะน้องชาย “อย่าหาว่าพี่วุ่นวายความรักของพายเลยนะ รู้ใช่ไหมการพนันไม่ใช่เรื่องที่ดี พ่อเราติดการพนันจนเอาบ้านเราไปขายทำให้เราไม่มีที่อยู่ จนป่านนี้ไม่เคยมารับผิดชอบอะไรพวกเราหรือแม้กระทั่งแม่เลย พี่ไม่อยากให้พายต้องเสียใจเหมือนแม่ การพนันไม่มีอะไรดีหรอก”

“พายเข้าใจครับ พายจะอธิบายให้พี่ฟังอย่างไรดี”

“แล้วเขาทำงานอะไร พายรู้หรือเปล่า” ภารวีไม่ต้องการขัดขวางความรักน้องชาย แต่จะให้น้องชายต้องทนทุกข์เธอเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน

“คุณอรรคทำงานหลายอย่างเลยครับ แทบไม่มีเวลาพักเลย”

“มีงานทำก็ดี แล้วเขามาที่คาสิโนบ่อยหรือเปล่า เวลามาเล่นหนักมือมากไหม” เธอยังไม่วางใจ แม้คนรักน้องชายจะมีงานมีการทำ แต่ขึ้นชื่อว่าการพนันนั้น มีเท่าไหร่ก็หมดได้

“มาทุกวันครับ เขาพักอยู่ที่คาสิโน”

“ตายแล้ว พี่ว่าเขาน่าจะติดการพนันจนเข้าเส้นเลยนะพาย พี่ว่าแบบนี้ไม่ดีหรอก พายพอจะตัดใจจากเขาได้ไหม พี่ไม่อยากเห็นพายเสียใจ ไม่รู้ว่าแบบนี้จะมีหนี้สินเยอะมากมายแค่ไหน พายจะถูกเอาไปขายหรือเปล่าเนี่ย”

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่พรีม” ภาสกรรีบห้ามความคิดพี่สาว ดูว่าเธอจะคิดไปกันใหญ่ “ที่คุณอรรคเขาพักอยู่ที่คาสิโนเพราะบ้านเขาอยู่บนนั้นครับ”

“บ้าน?” หญิงสาวถามกลับด้วยความงุนงง ใครจะมีบ้านอยู่บนคาสิโนกันเนี่ย

“ครับ คุณอรรคเป็นเจ้าของคาสิโนที่พายกับนนทำงานอยู่ แล้วก็เป็นหุ้นกับผับอีกที่หนึ่งด้วยครับ ส่วนกิจการอื่นของคุณอรรค เรื่องนี้พายไม่รู้เลย รู้แต่คุณอรรคยุ่งมาก ๆ เลยครับ”

“อ้าว อย่างนั้นเหรอ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอจึงวางใจลงได้บ้าง “แต่พี่ก็ยังไม่สบายใจ เปิดกิจการเกี่ยวกับการพนัน พี่ไม่ค่อยชอบเลย”

“เอ่อ..เรื่องนั้น พายขอโทษนะพี่พรีม” ภาสกรขอโทษก่อนเป็นอย่างแรก เพราะเขาคงไม่มีสิทธิ์ไปบอกให้อรรควัสเลิกทำงานประเภทนี้ได้

“ไม่ต้องขอโทษพี่ พายไม่ได้ทำอะไรผิด” หญิงสาวโบกมือ “แล้วที่จะไปบ้านเพื่อนก็คือที่คาสิโนใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ภาสกรอ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสีย

“ไปเถอะจ้ะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก แล้วเรื่องนี้พายจะเล่าให้แม่ฟังเองหรือให้พี่เล่าแทนดี”

“พี่พรีมเล่าก็ได้ครับ แต่ช่วยเล่าให้แม่ฟังตอนที่พายไม่อยู่ได้ไหมอะ”

“ได้สิ พี่เล่าให้แม่ฟังเองก็ได้แต่ทำไมต้องเป็นตอนที่พายไม่อยู่ด้วยล่ะ”

“ก็พายไม่อยากถูกแม่แซวนี่นา พี่พรีมก็รู้ว่าแม่ชอบแกล้งพาย”

“จ้ะ ๆ รับทราบ แล้วจะไปเนี่ยมีเงินค่าเครื่องหรือเปล่า” คนเป็นพี่สาวอดห่วงไม่ได้

“เขาส่งตั๋วมาให้แล้ว” ภาสกรตอบเสียงเบาไปอีก

“สายเปย์เสียด้วย ถ้าเงินไม่พอก็บอกพี่ได้นะพาย”

“ขอบคุณครับ”

“พี่ลืม พายจะไปเมื่อไหร่วันไหนนะ”

“วันเสาร์นี้แล้วกลับวันจันทร์ครับ”

“วันเสาร์นี้? พี่คุ้น ๆ ว่าพายมีนัดกับที่ทำงานไม่ใช่เหรอ”

“นัด? พายขอเช็กก่อน” เขารีบกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์ออกมาดูปฏิทินตารางการทำงานอย่างรวดเร็ว พลันพบว่าเป็นอย่างที่พี่สาวกล่าวไว้จริง “มีไปเอาต์ติ้งจริง ๆ ด้วยครับพี่พรีม”

“อ้าวแล้วทำไงล่ะทีนี้”

“พายจะลองไปถามพี่เขาก่อน อาจจะไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ พายก็เพิ่งเริ่มงานได้ไม่เท่าไหร่เอง” ภาสกรตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“ลองดูแล้วกันได้ผลอย่างไรก็บอกพี่ด้วย”

“ครับ”

“ไปกินข้าวกันเถอะ ป่านนี้แม่ชะเง้อมองว่าเราคุยอะไรกันจนคอแทบหลุดแล้วล่ะ” เธอพูดติดตลกพลางหัวเราะแล้วลุกขึ้นแล้วเดินนำเข้าบ้านไปก่อน







“ไม่ได้งั้นเหรอครับ” ภาสกรหน้าสลดทันทีที่ได้ฟังคำตอบจากพี่ที่ทำงานว่าเขาติดธุระไม่สามารถไปเอาต์ติ้งกับทางบริษัทได้

“พี่ก็ไม่อยากตัดสินใจเอาเองว่ามันไม่ได้หรอกนะพาย แต่ออฟฟิศของเราไม่ได้ไปเอาต์ติ้งเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว แต่ยังมีเซสชั่นครึ่งวันสำหรับพูดคุยกับทิศทางของบริษัทด้วย พี่เลยคิดว่าในฐานะที่พายเองก็เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน ถ้าได้ไปร่วมกิจกรรมนี้จะได้เข้าใจองค์กรของเรามากขึ้น น่าจะเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับพายเลยนะ”

“อ่า..ครับ”

“ธุระที่จะไปน่ะ อย่างไรแล้วเลื่อนออกไปก่อนดีไหม อีกอย่างวันนี้วันพุธแล้วด้วย เปลี่ยนใจกะทันหันคงดูไม่ค่อยดี”

“คือ..แต่เสาร์อาทิตย์ แค่สองวัน..เอ่อ..”

“พี่คิดว่าเข้าใจละ” คนพูดยิ้มออกมา “เอาอย่างนี้สิครั้งนี้พายก็ไปเอาต์ติ้งกับพี่ และสัปดาห์หน้า ไม่สิ สัปดาห์หน้าไม่ได้เพราะมีประชุมใหญ่วันจันทร์ ทุกคนต้องเข้าร่วมประชุมด้วยสิ สัปดาห์ถัดไปแล้วกันนะ ตอนนั้นก็ลาเพิ่มวันจันทร์ไปอีกหนึ่งวัน แบบนี้โอเคไหม”

“แต่ผมยังไม่ผ่านโปรฯ เลย ลาแบบนี้จะดีหรือครับ” ถ้านับการทำงานในประเทศไทยแล้ว เขาถือว่ายังใหม่มากทีเดียวกับระเบียบพนักงานเอกชน ทำให้เจ้าตัวไม่ค่อยมั่นใจนัก

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่คุยกับหัวหน้าให้นะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“...”

“ตกลงตามนี้นะพี่จะได้ยืนยันรายชื่อคนที่จะไปเอาต์ติ้งกับฝ่ายบุคคลด้วย”

“ก็ได้ครับ” ปากอิ่มคว่ำลงเล็กน้อย ภาสกรไม่กล้าปฏิเสธพี่ที่ทำงาน เพราะเป็นเด็กใหม่และยังไม่เคยไปทำกิจกรรมประเภทนี้มาก่อนทำให้เขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะมีกิจกรรมหรือเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ดังนั้นเขาจึงตกปากรับคำตกลงไป



PPie: คุณอรรคครับ พายขอเลื่อนไฟลต์บินก่อนได้ไหม พอดีที่สัปดาห์นี้พายมีเอาต์ติ้งกับบริษัทครับ



วันพฤหัส วันถัดมาภาสกรพิมพ์ส่งข้อความไปให้อีกฝ่าย เขาเดินงุ่นง่านอยู่ภายในห้องนอน เดินไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนรนใจ หยิบโทรศัพท์มาดู ข้อความที่ส่งไปให้อีกฝ่ายยังไม่กดอ่าน เขายิ่งอยู่ไม่เป็นสุข



‘คุณอรรคจะโกรธหรือเปล่า’ คำถามนี้วนเวียนอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ไม่อยากถูกโกรธ ไม่อยากถูกเมินจากคนนั้นเลย



จังหวะที่คิดกังวลไม่ตกอยู่นั้นโทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้นมา เขากดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นสายจากใคร

“สวัสดีครับคุณอรรค” ภาสกรกรอกเสียงลงไปด้วยใจเต้นตึกตักแค่คิดว่าจะได้ยินเสียงคนที่โทรเข้ามานั้น ตัวเขาก็ตื่นเต้นแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง



[ถ้างั้นก็มาสัปดาห์หน้า เดี๋ยวฉันจะให้อาเฉินไปเลื่อนตั๋วให้]



คำพูดสั้นกระชับบอกมาอย่างรวดเร็ว ภาสกรมึนงงไปเล็กน้อยก่อนจะนึกออกว่าเขาส่งข้อความไปบอกอีกฝ่ายเรื่องอะไร

“สัปดาห์หน้าก็ยังไม่ได้ครับ”



[ทำไม]

“สัปดาห์หน้าพายมีประชุมใหญ่ แต่พายจะไปหาคุณอรรคสัปดาห์ถัดไปหลังการประชุมครับ”



[หรือเธอไม่อยากมา]

“ไม่ใช่..ไม่ใช่นะครับ” ภาสกรละล่ำละลักรีบบอกอีกฝ่ายเพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิด “พายติดงานไปไม่ได้จริง ๆ ครับ วันนี้ก็ลองถามพี่เขาว่าไม่ไปเอาต์ติ้งได้ไหม แต่เขาบอกว่าพายควรไปจะดีกว่าครับ”



[มันพูดโกหกไปอย่างนั้น]

“อะไรนะครับคุณอรรค พายได้ยินไม่ถนัด”



[เปล่า]

“อ่อ..ครับ” เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็ไม่เซ้าซี้



[แล้วไปกี่วัน]

“สามวันครับ เสาร์ อาทิตย์ กลับวันจันทร์”



[อืม ไปที่ไหนล่ะ]

“หัวหินครับ พายยังไม่เคยไปเลย” ภาสกรเล่าให้อีกฝ่ายฟังด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย



[เธออยากไปที่ไหน คราวหน้าฉันจะพาไปเอง]

“ไม่เป็นไรครับ พายก็แค่เล่าให้คุณฟังเฉย ๆ”



[แล้วไปที่นั่นพักกับใคร]

“พายยังไม่รู้เลย เดี๋ยวถ้าได้กำหนดการมาชัดเจนแล้ว พายจะถ่ายรูปส่งไปให้คุณนะครับ”



[อืม]

“คุณอรรคเป็นอย่างไรบ้างครับ สบายดีไหม”



[ฉันสบายดี ส่วนเธออย่าไปไหนกับใครบ่อย ๆ]

“ครับ?”



[อยู่บ้านดูแลแม่ของเธอให้มากเข้าไว้]



น้ำเสียงเจือความดุแฝงออกมาราวกับคนพูดไม่ค่อยพอใจอะไรบางอย่าง



“พายทำอะไรให้คุณโกรธหรือเปล่าหรือเรื่องที่พายไปหาคุณสัปดาห์นี้ไม่ได้ครับ”



[ไม่ใช่ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอ ทำตามที่ฉันบอกก็พอ ไปทำงานพอเลิกงานก็อยู่บ้าน เข้าใจหรือเปล่า]

“อ่า..เข้าใจครับ” ถึงภาสกรจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ปกติเขาก็อยู่บ้านอยู่แล้วทำให้ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรมากมาย ชั่วขณะหนึ่งเขาเหมือนได้ยินเสียงบุคคลที่สามดังมาจากปลาย



[ดีมาก ฉันคงต้องวางสายแล้ว]

“ครับ อย่าทำงานหนักมากนะครับ”



คนโทรมาวางสายไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายของภาสกร “พายเป็นห่วงคุณ”









“ร้อนจังเลยเนอะพายเนอะ” เสียงหญิงสาวที่เป็นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดขึ้นข้างตัวภาสกร ตอนนี้คณะเอาต์ติ้งนี้มาถึงจังหวัดที่จะมาร่วมทำกิจกรรมกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขามาแวะถ่ายรูปกับสถานที่ยอดฮิตในหัวหินก่อนจะเข้าที่พัก

“ใช่” ภาสกรมองไปรอบ ๆ เพราะเป็นวันเสาร์คนจึงพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนี่ คนมากมายต่างถ่ายรูป เดินเล่น ภาสกรเองก็ถูกดึงให้เข้าไปถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ หลายต่อหลายรูปเช่นกัน

“ทุกคนมาถ่ายรูปตรงนี้กัน” หญิงสาวคนเดิมพูดเสร็จพลางเรียกภาสกรให้ไปถ่ายรูปด้วย



ภาสกรเดินเข้ามารวมกลุ่มที่ตอนนี้ยืนอยู่เกือบสิบคนแล้ว เขาเข้าไปยืนริมสุดของกลุ่ม ข้างกายเขาเป็นรุ่นพี่ที่คุ้นหน้ายืนอยู่

“พาย ขยับเข้าไปหน่อย มันตกเฟรม” ตากล้องที่เป็นหนึ่งในพนักงานบริษัท แต่อาสาเป็นช่างกล้องประจำทริปนี้พูดขึ้น พลางโบกมือเป็นสัญญาณให้ภาสกรขยับเข้าไปใกล้รุ่นพี่มากขึ้นไปอีก

“...”

“ขยับเข้าไปอีกพาย”

“อีกเหรอพี่” ภาสกรตะโกนเสียงดังบอกตากล้อง

“ขยับมาใกล้ ๆ พี่” มือซ้ายของคนพูดรั้งไหล่ภาสกรให้เข้าไปใกล้เจ้าของมือที่ว่านั้น ภาสกรขยับตัวอยากจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่จำเป็น เสียงตากล้องคนเดิมก็พูดแทรกขึ้นมา

“เออ แบบนั้นแหละ ยิ้มหน่อย ค้างไว้นะ ร้อนเหงื่อแตกกันหมดแล้ว หนึ่ง สอง สาม” ภาสกรจึงต้องจำใจถูกโอบไหล่ไว้อยู่แบบนั้นกระทั่งถ่ายรูปเรียบร้อย มือที่รั้งไหล่เขาไว้จึงคลายออก



คณะเอาต์ติ้งทยอยขึ้นรถบัสกันอย่างเป็นระเบียบ รถเคลื่อนตัวไปสู่จุดหมายถัดไปคือที่พักสำหรับสองคืน เมื่อรถเลี้ยวเข้ามา เขาก็พบกับความเขียวชอุ่มที่อุดมไปด้วยต้นไม้และพื้นหญ้าสีเขียว เสียงพนักงานฝ่ายบุคคลคนหนึ่งพูดว่าห้องพักทุกห้องจะเห็นวิวทะเลทุกห้อง เรียกเสียงเฮเพราะความถูกใจจากคนในรถได้เป็นอย่างดี



รถจอดสนิทหน้าทางเข้าโรงแรม ภาสกรมองลงไปจากรถเห็นพนักงานออกมายืนต้อนรับรออยู่อย่างเรียบร้อย ทำให้เขาอมยิ้มเล็กน้อยให้กับความเอาใจใส่

“เอาละค่ะ ตอนนี้เราก็มาถึงที่พักกันเรียบร้อย ตอนนี้เป็นเวลาสิบหกนาฬิกา เดี๋ยวเราจะเช็กอินเข้าที่พักกันก่อนนะคะ ตรงเคาน์เตอร์จะมีซองใส่คีย์การ์ดอยู่ หน้าซองระบุชื่อเจ้าของไว้เรียบร้อยแล้ว อย่าหยิบผิดกันนะคะ เดี๋ยวจะเข้าห้องผิดกัน” หญิงสาวว่าอย่างติดตลกแล้วจึงพูดต่อ “ให้เวลาทุกคนจัดข้าวของในห้องพักหนึ่งชั่วโมง แล้วสิบเจ็ดนาฬิกาตรงเรามาเจอกันอีกครั้งที่ห้องอาหารนะคะ ขอความกรุณาตรงต่อเวลาด้วยค่ะ”



ภาสกรลงจากรถหมายจะไปหยิบซองใส่คีย์การ์ดที่มีชื่อตนเอง แต่เขาตรวจดูจนทั่วกลับไม่พบชื่อภาสกรเลย ตรวจดูสองครั้งแล้วก็ยังไม่พบ เขาจึงตัดสินใจบอกพนักงานฝ่ายบุคคล

“ขอโทษครับ”

“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าเอ่ย ได้ซองคีย์การ์ดห้องแล้วใช่ไหม” เธอยิ้มแย้มระหว่างทาง

“ยังครับ คือไม่เห็นมีซองคีย์การ์ดชื่อผมเลย”

“ไม่มีเหรอ ชื่ออะไรคะ” เธอขมวดคิ้วน้ำเสียงเข้มขึ้นทันที

“ภาสกรครับ ภาสกร เจริญชัย”

“สักครู่นะคะ เดี๋ยวเนยช่วยหาค่ะ” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่าเนยนั้นเข้าไปหาซองคีย์การ์ดเหมือนอย่างที่ภาสกรทำไม่ผิดเพี้ยน

“เจอไหมครับ” เขาถามเมื่อเธอเดินกลับมา

“ไม่เจอค่ะ นั่งรอตรงนี้แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวเนยคุยกับหัวหน้าก่อน”

“ครับ”



เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายชุลมุนมากขึ้น ภาสกรเห็นเนยหน้าซีดลง ซีดลงเรื่อย ๆ ยามที่ถูกหัวหน้าฝ่ายบุคคลดุ คงแน่ชัดแล้วว่าเธอตกหล่นชื่อของภาสกรไป

“ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะพาย ไม่เข้าห้องไปพัก เก็บของสักหน่อย” รุ่นพี่ของภาสกรที่ตั้งใจจะมาเดินเล่นกลับมาเจอหนุ่มรุ่นน้องเข้า

“คือผมเข้าห้องไม่ได้ครับ”

“ทำไม มีปัญหาอะไร”

“ผมไม่มีคีย์การ์ดเข้าห้อง ไม่มีชื่อผมที่ซองคีย์การ์ด”

“ไม่มีเหรอ พี่จะไปคุยกับฝ่ายบุคคลให้ ไม่ต้องห่วงนะ” ทว่าคนพูดยังไม่ได้เดินออกไป น้องเนยและหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ภาสกรใช่ไหม” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนครูใหญ่ในโรงเรียนไม่มีผิด

“ครับ”

“พี่ต้องขอโทษด้วย พี่ตกหล่นชื่อของเธอไป”

“หนูขอโทษค่ะ หนูสะเพร่าเอง” น้องเนยรีบยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไรครับ” ภาสกรบอก ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่รู้จะต้องตอบด้วยคำพูดแบบไหน นอกจากคำนี้

“จองห้องเพิ่มก็ได้ใช่ไหมครับ” รุ่นพี่ถามกลับทันที

“ไม่ได้เอ จองเพิ่มไม่ได้ ช่วงเทศกาลวันหยุดติดต่อกันมักมีคนจองห้องเต็มหมดอยู่แล้ว แล้วจังหวะมีคนมาจองเหมาห้องที่เหลือไปด้วย ตอนนี้เลยไม่เหลือสักห้องเลยล่ะ” เธอพูดด้วยสีหน้าหนักใจ

“เหรอครับ”

“เดี๋ยวพี่จะลองไปถามคนอื่น ๆ เผื่อจะแชร์ห้องได้ พี่ถามทางโรงแรมแล้ว อย่างน้อยก็พอจะเสริมเตียงเพิ่มได้อยู่”

“เสริมเตียงก็ได้ครับ” ภาสกรบอก

“ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้อยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อมีทางออกแก้ไขได้ก็โอเคแล้ว” ภาสกรยิ้มให้ว่าเขาไม่ได้โกรธหรือขุ่นมัวในใจ

“ระหว่างที่รอห้องก็เอากระเป๋าไปไว้ห้องพี่ก่อน”

“อืม เอากระเป๋าไปไว้ที่ห้องเอก่อน หลังมื้อเย็นพี่จะไปบอกเราอีกทีนะว่าพักห้องไหน”

“ครับ” ภาสกรจึงต้องรับคำไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



กิจกรรมระหว่างมื้อเย็นผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภาสกรสนุกไปกับกิจกรรมในค่ำคืนนี้ การจัดการของคนเตรียมงานนั้นทำมาได้ค่อนข้างดี แทบไม่มีช่วงที่ไม่มีกิจกรรมเลย ทำให้ทุกอย่างไหลลื่นต่อเนื่อง แม้จะสนุกแค่ไหนแต่ในใจยังมีความกังวลอยู่บ้างว่าคืนนี้เขาจะได้นอนที่ไหนกันแน่ หวังว่าคงจะมีใครยอมให้เขาไปนอนด้วยอีกคน

“ตกลงผมได้นอนห้องไหนครับ” ภาสกรปรี่เข้าไปถามหัวหน้าฝ่ายบุคคล

“อ้าว ยังไม่ได้หรอกเหรอ”

“ครับ”

“เอ๊ะ ยายเนยนี่อย่างไร ให้ไปจัดการตั้งนานแล้ว ตัวเองทำผิดไว้แท้ ๆ ยังไม่รีบจัดการแก้ไขอีก” หัวหน้าบ่นอย่างหัวเสีย “นั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปถามให้”

“ขอบคุณครับ”



ภาสกรนั่งรอร่วมครึ่งชั่วโมง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ห้อง หัวหน้าฝ่ายบุคคลตามหาหัวหน้าของภาสกรเพื่อจะแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาของผู้เคราะห์ร้ายทราบ แต่ก็ไม่เจอตัว

“เอ เห็นหัวหน้าเราหรือเปล่า”

“ไม่เห็นเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“แย่แล้วละ ภาสกรน่ะ”

“พายทำไมเหรอครับ”

“ไม่มีห้องไหนพอที่จะเสริมเตียงได้เลย พี่ก็ลืมว่าห้องที่จองไว้สำหรับสองคนพอดี เลยไม่มีช่องว่างให้แทรกเตียงเสริมเลย พี่ก็เลยกะมาคุยกับหัวหน้าเรา”

“ครับ หัวหน้าตอนนี้น่าจะเมาอยู่ตรงไหนสักแห่งอะ”

“เอ่อ..ถ้าอย่างไรผมไปหาที่พักแถวนี้พักดีไหมครับ” ภาสกรเสนอความเห็น

“ไม่ได้” หัวหน้าฝ่ายบุคคลร้องห้ามเสียงหลง “ไม่ได้เด็ดขาด ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาที่ไหน”

“พี่จะคุยกับหัวหน้าผมเรื่องอะไรครับ”

“คืออย่างนี้เอ ห้องที่เอพักกับหัวหน้าน่ะเป็นห้องใหญ่ใช่ไหม ซึ่งก็พอจะเอาเตียงเสริมเข้าไปได้ แต่พี่ไม่อยากทำเองโดยพลการเลยตั้งใจบอกหัวหน้าของเอก่อน”

“เสริมเลยครับพี่ พายไม่มีที่นอนแบบนี้ถ้าหัวหน้าผมกลับมาเขาต้องเข้าใจอยู่แล้ว”

“เอางั้นเหรอ”

“จัดการเลยพี่ เดี๋ยวจะยิ่งดึก”

“ได้ ๆ พี่จัดการให้ตอนนี้เลย” หากหัวหน้าฝ่ายบุคคลยังไม่เดินจากไป รุ่นพี่ของภาสกรก็เรียกอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน

“พี่อย่าเพิ่งไป”

“อะไรเอ”

“ไม่ต้องเสริมเตียงแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“หัวหน้าผมเพิ่งส่งข้อความมาบอกตะกี้นี้เองว่าเขาจะไปนอนที่ห้องหัวหน้าอีกคน เห็นว่าจะเมากันเลยไม่อยากกลับมาทำเสียงดังที่ห้อง”

“งั้นเหรอ อืม ๆ อย่างนี้ก็ดี” เธอพูดอย่างโล่งใจพลางหันมาที่ผู้เคราะห์ร้าย “ภาสกร ไม่ต้องห่วงแล้วนะ กระเป๋าอยู่ที่ห้องเอแล้วด้วยใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ภาสกรเป็นฝ่ายตอบ

“โอเค งั้นก็ถือว่าแก้ไขทุกอย่างให้เรียบร้อย ส่วนพรุ่งนี้ถ้าหัวหน้าเอกลับมาค่อยว่ากันอีกที แต่พี่จะทำเรื่องสแตนด์บายเตรียมเตียงเสริมไว้ให้ก็แล้วกัน”

“ขอบคุณครับ” สองหนุ่มพูดพร้อมกัน หญิงสาวพอแก้ปัญหาได้แล้วเธอจึงจากไปพร้อมกับความสบายใจ

“ปะ ไปกัน” คนแก่กว่าชักชวนพลางเดินนำไปก่อน

“ไปไหนครับ” ภาสกรไม่ได้เดินตาม เขากลับถามคำถามแทน

คนเดินนำหยุดเดินแล้วหันมาตอบด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม





“ก็ไปที่ห้องพักกับพี่ไง”





========================================



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ



ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m16: เป็นแผนของเอใช่เปล่า ลงตัวไปทักอย่างเลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เหตุการณ์ไม่ค่อยจะดีนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ร้ายกาจ  แผนสูงนะ  เจ้าเอ

แต่เชื่อเถอะ  คุณอรรคไม่ปล่อยไว้แน่  สายในไทยเนี่ยต้องมีอยู่บ้างแหละ  ใช่ไหมหว่า?

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ร้ายมากกกก555

คุณอรรคมาหาด่วนเลยยยย

ออฟไลน์ Daisysy96

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
    • เว็บไซต์สำหรับเกมส์ออนไลน์
ร้ายกาจมากกกก 555

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คุณอรรคมาด่วนเลยยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ใช้คนเยอะมาก  :m31:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คุณอรรคน้องจะโดนทำมิดีมิร้ายแล้วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
แผนชัดๆ คุณอรรคมาจัดการด่วนเลย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มีเรื่องแน่

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
แผนของเอ ทำให้วุ่นวาย เดี๋ยวเจอของจริง จะหนาวววว

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ขัดใจจจจจจจ คุณอรรคะ น้องไปไม่ได้ก็เคลียร์งานไวๆแล้วมาหาน้องซิ เนี่ยโดนใครหลอกไปแล้วก็ไม่รู้

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สามสิบเจ็ด




เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองตามลำพัง ภาสกรเกิดความลำบากใจเล็กน้อย ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ความรู้สึกรุ่นพี่ที่ชื่อพี่เอคนนี้ แต่ที่เขายังไม่พูดตัดรอนเด็ดขาดออกไปทั้งหมดเพราะคิดว่าอีกฝ่ายอาจจะคิดกับตนเล่น ๆ และไม่นานความรู้สึกที่มีให้เขาคงจางหายไปเอง อีกทั้งอย่างไรก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่จึงไม่อยากให้กระทบกับเรื่องงานด้วย



“ยืนนิ่งเชียว ไปอาบน้ำก่อนไหม”

“เอ่อ..พี่เออาบก่อนก็ได้ครับ”

“ไม่เป็นไร พี่รอได้”

“พอดีพายจะออกไปเอาคีย์การ์ดก่อนน่ะครับ ตะกี้พี่หัวหน้าเอชอาร์บอกว่าไปทำเรื่องไว้ให้แล้ว”

“เอาอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ พายจะได้มีคีย์การ์ดเข้าห้องเองด้วยจะได้ไม่รบกวนพี่”

“อืม ตามใจ ถ้างั้นพี่อาบน้ำก่อนแล้วกัน”

“ครับ”



ภาสกรออกจากห้องไปทำตามที่ตนได้บอกกับคนในห้องไว้ เขาถือคีย์การ์ดอยู่ในมือทว่ารู้สึกเร็วไปที่จะกลับห้องในตอนนี้ ชายหนุ่มจึงเลือกเดินออกมาอีกทาง ด้านหน้าคือสีดำมืดมิด ไร้ซึ่งขอบเขต มีเพียงเสียงคลื่นซัดสาดกระทบเข้าฝั่งทำให้รู้ว่านี่คือทะเล



เท้าขาวย่ำไปบนเม็ดทรายไปเรื่อย ๆ ไร้ทิศทาง รู้แค่ยังไม่อยากกลับห้องในเวลานี้ ในใจครุ่นคิดถวิลหาถึงใครอีกคนที่อยู่ไกล ท่ามกลางความเงียบและเสียงคลื่นยิ่งทำให้ใจห่อเหี่ยว หดหู่เกินบรรยาย ผลพวงมาจากความคิดถึง อยากเจออยากเห็นหน้า ภาสกรหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หน้าจอไร้การแจ้งเตือน ไม่ผิดจากที่คิด ไม่มีข้อความใหม่จากอีกฝ่าย



แต่แล้วภาสกรรู้สึกถึงความผิดปกติ เขารีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า ขนอ่อนที่แขนลุกตั้งชันอย่างไม่ชอบมาพากล เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม มีใครบางคนกำลังเดินตามเขาอยู่ด้วยจังหวะความเร็วเท่ากับเขา ภาสกรลอบมองรอบข้าง หมายจะร้องขอความช่วยเหลือ หากพื้นที่บริเวณนั้นกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตอันเรียกว่ามนุษย์อยู่เลย



ภาสกรตัดสินใจชะลอฝีเท้า เขาหายใจเข้าอย่างแรงเมื่อไหล่ข้างขวาถูกสัมผัส เขารีบทบทวนวิชาป้องกันตัวที่เคยได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ สองเท้าที่เดินเร็วนั้นกลับหยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว ภาสกรใช้จังหวะที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดทางด้านหลัง ยกอีกฝ่ายขึ้นเพื่อจะจับทุ่มลงกับพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง



ร่างของบุคคลหนึ่งลอยหวือข้ามไหล่เขาไปจนร่างนั้นกระทบเข้ากับผืนทราย แม้ไม่รุนแรงนักแต่คงจุกอยู่พอประมาณ ภาสกรลอบยิ้มที่ตนทำได้สำเร็จ หากอาเฉินกับอาคุนมาเห็นเข้าคงภูมิใจในตัวลูกศิษย์อย่างแน่นอน



ภาสกรเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนบนพื้นใบหน้าอีกฝ่ายหันไปอีกข้าง ทำให้เขามองใบหน้าไม่ถนัด “เดินตามผมมาทำไม”



หากไม่มีเสียงตอบรับ ภาสกรจึงก้มมองคนที่นอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่ ทำให้เขามองเห็นใบหน้าคนนั้นไม่ชัด แม้ว่าจะรู้สึกคุ้นหน้ากับร่างตรงหน้าเหลือเกิน



“นี่คุณ ผมถามว่าคุณเดินตามผมมาทำไม” ภาสกรใช้น้ำเสียงที่เคร่งขรึมขึ้นพลางถามซ้ำด้วยคำถามเดิม



ยังคงไร้เสียงตอบรับเช่นเดิม ชายหนุ่มเริ่มใจเสีย หรือว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจนสลบไป ใบหน้าขาวเริ่มซีด ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะถูกจับติดคุกไหม



ภาสกรคุกเข่าลงบนพื้นทรายอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจว่าจะเจ็บเข่าหรือไม่ เขาจับไหล่ของคนที่นอนหงายนั้นพลางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้



“คุณ..คุณได้ยินเสียงผมหรือเปล่า” ภาสกรเขย่าไหล่อีกฝ่ายอย่างร้อนรน ใจคอเริ่มไม่ดี



ทันใดนั้น ร่างที่คิดว่าหมดสติกลับดึงแขนของภาสกรให้ล้มลงไปบนตัวอีกฝ่าย ใบหน้าภาสกรถูกกดลงบนอกคนแกล้งหมดสติ เขาถูกอ้อมแขนแข็งแรงกอดรัดตัวเองไว้แน่น ภาสกรพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากคนร้าย แต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่สามารถสลัดให้หลุดจากแขนคู่นั้นได้เลย

“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!” ภาสกรกัดฟันบอกอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ เขายังไม่หยุดดิ้นให้พ้นจากพันธนาการนั้น

“แค่สองเดือนก็จำฉันไม่ได้แล้วหรือ”



น้ำเสียงคุ้นหูถูกเปล่งออกมา ร่างกายของภาสกรสั่นสะท้าน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่ผิดแน่ เสียงนี้เขาไม่มีวันลืม

“คุณอรรค! คุณอรรค”

“ฉันเอง เธอคิดว่าเป็นใครกัน”

“พาย..คิดว่าเป็นพวกสต็อกเกอร์เสียอีก”



ภาสกรรู้สึกได้ว่าหน้าอกอีกฝ่ายสั่นเบา ๆ สงสัยว่าบอสใหญ่คงกำลังหัวเราะเขาอยู่เป็นแน่ “ฉันทำตัวเหมือนสต็อกเกอร์สินะ”



เสียงที่พูดไม่ได้มีทีท่าว่าโกรธเคือง ฟังดูขำขันด้วยซ้ำไป



“พายขอโทษนะครับ”

“ไม่เป็นไร”

“พายไม่ได้ตั้งใจ”

“ดีแล้วที่เธอรู้จักเอาสิ่งที่เรียนมาป้องกันตัว อย่างน้อยฉันก็เบาใจได้บ้างว่าเธอดูแลตัวเองได้ดี”

“ขอบคุณครับ แล้วคุณอรรคเจ็บไหม”

“ทรายตรงนี้ค่อนข้างนุ่ม แต่ถ้าจะให้รู้แน่ชัดคงต้องลุกขึ้นนั่งดู”

“งั้นลองขยับตัวดีไหมครับ ถ้ารู้สึกไม่ดีพายจะเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”



หน้าผากมนของภาสกรถูกริมฝีปากกดจูบเบา ๆ อย่างเอ็นดู “อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลย ฉันไม่อยากเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกจับทุ่มหรอกนะ”

“แต่อย่างไรแล้วพายว่าเราควรจะลุกขึ้นมานั่งคุยกันดี ๆ นะครับ”

“ทำไมล่ะ หรือว่าเธอกลัวใครเห็น” เสียงนั้นดูเครียดขึ้นเฉียบพลัน

“ครับ”

“อย่างนั้นเหรอ” อ้อมแขนอบอุ่นคลายออกทันที ทั้งที่อากาศค่อนข้างร้อนแต่ภาสกรกลับเหน็บหนาวทันทีที่ร่างกายได้รับอิสระ

“กลัวใครเห็นล่ะ คนที่ทำงานหรือคนอื่น” บอสใหญ่ถามต่อเสียงเรียบนิ่ง



ภาสกรเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าที่เขาคิดถึงตลอดเวลา ดวงตาเต็มไปด้วยความรัก “ใครจะเห็นพายไม่สนใจหรอกครับ พายแค่กลัวคนอื่นมองคุณอรรคไม่ดีต่างหาก”

“เข้าใจพูด” มีแค่สามพยางค์ที่บอสใหญ่เอ่ยออกมาแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีก



อรรควัสขยับตัวลุกขึ้นนั่งส่งผลให้ภาสกรลุกขึ้นตามโดยอัตโนมัติ อีกฝ่ายจ้องมองเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย จนภาสกรทำตัวไม่ถูกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

“ทำไมคุณอรรคมองพายแล้วเงียบล่ะครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“หน้าเธอเปื้อนทรายน่ะ”

“ตรงไหนครับ” ภาสกรปัดทรายให้พ้นจากใบหน้า “ทรายออกหรือยังครับ”

อรรควัสเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เพื่อตรวจดูตามคำขอ “ยัง เดี๋ยวฉันเช็ดให้”

“ตรงไหนครับเดี๋ยวพายเช็ดเองก็ได้” ภาสกรบอกอย่างเกรงใจ แต่ใบหน้าของอรรควัสกลับเข้าใกล้เขาเกินกว่าที่จะเป็นการเช็ดทรายที่หน้าได้ ระยะห่างของใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ใกล้ขนาดนี้ไม่มีทางปัดทรายพ้นจากใบหน้าได้หรอก นอกเสียจากว่า



เสียจากว่าบอสใหญ่กำลังจะจูบเขา



ไม่ผิดจากที่คิดปากแดงของภาสกรกำลังตอบรับความห่างไกลที่ต้องจากกันไป บอสใหญ่ดูจะจูบได้ดุดันกว่าทุกที ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขายับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ไม่อยู่



ร่วมนาทีกว่าที่ทั้งสองจะผละออกจากกัน แขนซ้ายคว้าไหล่อีกคนเข้ามากอดแนบชิดให้สมกับที่ไม่ได้เจอ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน นั่งฟังเสียงคลื่นสาดกระทบฝั่งเงียบ ๆ พักใหญ่



“คุณอรรคมาได้อย่างไรครับ” ภาสกรถามขึ้น อันที่จริงถ้าให้เขานั่งเฉย ๆ แบบนี้กับอีกฝ่ายทั้งวันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ความเป็นไปของคนรักบ้าง

“นั่งเครื่องบินมา”

“ไม่ตอบแบบนี้สิครับ” ภาสกรเขยิบตัวถอยออกมาจากแขนอีกฝ่ายเพื่อจะมองหน้าคนที่อยู่ข้างกายให้ชัด

“พอดีฉันเคลียร์งานได้”

“แต่อีกสองอาทิตย์พายก็จะบินไปหาคุณอยู่แล้ว” ภาสกรรู้ว่าอีกฝ่ายทำงานเหนื่อยแค่ไหน เป็นไปได้เขาก็อยากเป็นฝ่ายที่บินไปหาอีกคนเองเพราะอยากให้อรรควัสมีเวลาพักผ่อน แม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี

“นานไป”

“คุณอรรค” น้ำเสียงที่เรียกชื่ออีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความตื้นตันที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็คิดถึงเขาไม่ต่างกัน

“อีกอย่าง ฉันอยากมาดูให้เห็นเองกับตาว่าใครอาจหาญอยากมายุ่งกับคนของฉัน”

“ไม่มีสักหน่อย” ภาสกรอ้อมแอ้มตอบ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนกลองถูกตีระรัว การที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นเรื่องสำคัญของคนที่รัก มันแทบบอกไม่ถูกเลยว่าดีใจมากแค่ไหน

“แถมวันนี้ก็ยังต้องไปค้างห้องเดียวกันอีก ถ้าฉันไม่มาครั้งนี้ ฉันคงไม่เป็นอันทำงานทำการแน่ ๆ”

“ฝ่ายบุคคลตกหล่นชื่อพายไปครับทำให้ไม่มีห้องพัก แล้วห้องอื่น ๆ มันก็ไม่ว่างแล้ว เพราะวันหยุดยาวห้องเลยเต็มหมดเลยครับ” ภาสกรอธิบาย

“อืม เธอไม่ผิดหรอก”

“พายไม่อยากถูกคุณเข้าใจผิดนี่ครับ”

“ฉันรู้ว่าเธอจะรอฉันอย่างที่เธอรับปากฉันไว้”

“พายดีใจที่คุณมาหาพายนะครับ แต่พายไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ พายไม่มีคนอื่นนอกจากคุณอรรคหรอกครับ” ภาสกรย้ำหนักแน่นอีกครั้ง

“ฉันไว้ใจเธอแต่ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น”

“เอ่อ..” ภาสกรพูดไปต่อไม่ถูกเพราะที่อรรควัสพูดมาก็เป็นความจริง อรรควัสไม่รู้จักคนนอกย่อมไม่รู้ว่าคนอื่นนั้นคิดอย่างไร

“แค่สองเดือน ยังเทียวไปหาเธอที่บ้าน นอกจากที่ทำงานยังไม่พออีกหรือ ถ้ายังทำตัวเกะกะขวางหูขวางตาแบบนี้อยู่อีก ฉันคงจะ...”

“ห้ามทำอะไรเขานะครับ” ภาสกรห้าม แต่พอเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายเขาก็รีบพูดต่ออย่างรวดเร็ว “พายไม่ได้เป็นห่วงเขาแต่พายเป็นห่วงคุณ ที่นี่ประเทศไทยมีกฎหมายมากมาย พายขอร้องอย่าทำอะไรเขาเลยนะครับ พายไม่อยากให้คุณมีปัญหา”

“เพราะรู้ว่าเธอจะพูดอย่างนี้ ฉันเลยยังไม่ลงมือทำอะไร”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรยิ้มหวานให้คนใจดี เห็นอีกฝ่ายหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ “คุณอรรคคงเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ”

“อืม”

“คุณอรรคพักที่ไหนครับ แล้วมากับใคร พี่เฉินพี่คุนมาด้วยหรือเปล่า” ภาสกรมองไปรอบ ๆ ทว่าไม่เห็นวี่แววของสองบอดี้การ์ดเลย

“คืนนี้นอนกับฉัน”

“ถ้าคุณอยากให้พายอยู่ด้วย พายก็จะไม่ขัดคุณครับ”





ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นพลางฉุดมืออีกคนให้ลุกขึ้นไปด้วย เขาจูงมือภาสกรเดินกลับเข้าไปโรงแรมที่ภาสกรพัก สร้างความแปลกใจให้กับชายหนุ่มไม่น้อย เมื่อถึงประตูที่เชื่อมระหว่างทางลงหาดกับโรงแรม ภาสกรก็เห็นสองบอดี้การ์ดยืนรออยู่ก่อนแล้วพลางยื่นคีย์การ์ดให้กับเจ้านาย ภาสกรยิ้มให้พร้อมกับเอ่ยทักทาย แต่ไม่ได้เยิ่นเย้อเนิ่นนานเพราะไม่อยากให้อรรควัสรอนานเกินไป



ค่ำคืนนั้นคู่รักไม่ได้พูดอะไรกันมากนักเพราะภาสกรอยากให้อรรควัสพักผ่อนจริง ๆ ทั้งสองคนหลับไปทั้งที่ยังกอดกัน



ในความคิดของภาสกร แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา







เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นเช้าตามความเคยชิน เห็นอีกฝ่ายยังหลับสนิทอยู่ จึงรีบคว้าโอกาสที่บอสใหญ่ไม่รู้ตัวมองใบหน้าอีกฝ่าย ตักตวงเป็นความทรงจำไว้ให้มากที่สุด แค่นี้ก็เหมือนฝันจริง ๆ ทั้งที่เขาเตรียมความรู้สึกไว้แล้วว่าอีกสองสัปดาห์จะได้เจอกัน พอได้เจอกันโดยไม่ทันตั้งตัว มันทำให้เขามีความสุขมากที่สุด



ภาสกรยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ขอจูบคนที่หลับหน่อยได้ไหม แค่เป็นสัมผัสแผ่วเบาราวปีกผีเสื้อก็ยังดี แต่เขาคงลืมไปว่าอีกคนรู้สึกตัวง่ายแค่ไหน

“อื้อ” ไม่ทันได้ถอนจุมพิตออกมา แต่กลับถูกฝ่ามือแข็งแรงกระชับศีรษะของชายหนุ่มให้รอยจูบกดลึกมากไปกว่าเดิม

“คิดจะลักหลับฉันเหรอ”

“ไม่ได้เหรอครับ” ภาสกรไม่ได้กลัวคำพูดของอีกฝ่าย เขารู้ว่าอรรควัสแกล้งถามไปอย่างนั้น ไม่ได้โมโหหรือจริงจังเลยสักนิด

“กับเธอไม่จำเป็นต้องลักหลับฉันเลย ขอฉันตรง ๆ ก็ได้”

“ถ้าขอคุณตรง ๆ ก็ไม่ตื่นเต้นนี่ครับ” เขาคิดว่าเช้านี้อรรควัสได้นอนเต็มอิ่มคงจะอารมณ์ดีมากพอที่ภาสกรจะกล้าต่อปากต่อคำด้วย

“เพิ่งรู้ว่าเธอชอบความตื่นเต้น” มือติดจะคร้ามแดดที่จับศีรษะภาสกรอยู่เริ่มซุกซนสางผมเล่น บ้างก็สลับนวดศีรษะเบา ๆ ทำให้ภาสกรรู้สึกผ่อนคลาย

“ไม่บ่อยนักที่พายจะตื่นขึ้นมาเจอคุณอยู่ข้าง ๆ พอได้เห็นคุณนอนอยู่ข้างพายเหมือนวันนี้ มันทำให้พายอยากจูบคุณ”



ภาสกรตัดสินใจพูดไปอย่างที่ใจคิด โอกาสที่เขาจะได้นอนคุยกับอีกฝ่ายหาไม่ง่ายนัก ตอนนี้เขาคิดแต่เพียงว่ารู้สึกอย่างไรก็อยากบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ไปเลย น่าจะดีกว่าเก็บไว้ในใจเพียงลำพัง เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายจะได้บอกอีกฝ่ายให้รับรู้ไหม และถ้าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้รับรู้ มันคงน่าเสียดาย

“พูดแบบนี้แสดงว่าไม่อยากลุกจากที่นอนใช่ไหม” จมูกโด่งสวยได้รูปลากไล้ดอมดมที่สันกรามของชายหนุ่มแผ่วเบา แทบทำให้ภาสกรเคลิ้มไปกับการกระทำนั้น

“ตอนนี้ไม่ได้นะครับ พายต้องไปอาบน้ำและไปรวมตัวกับที่บริษัทก่อน” เขารีบยกมือยันอกอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด ขืนไปสายอาจจะถูกเพ่งเล็งได้

“...”

“นะครับ ให้พายไปร่วมกิจกรรมกับบริษัทก่อนนะครับ”

ร่างสูงใหญ่หลับตาเพียงครู่ก่อนจะอนุญาตอยู่ในลำคอ แม้ว่าจะฟังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ “อืม”

“ขอบคุณครับ เจอกันที่ห้องอาหารนะครับ” ภาสกรบอกอย่างอารมณ์ดีแล้วกระวีกระวาดจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว



ภาสกรทาบคีย์การ์ดที่ประตูห้องที่เขามาอาศัยพักเมื่อคืนนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาพักที่ห้องนี้ก็ตาม เขาพยายามเปิดประตูให้มีเสียงเบาน้อยที่สุด กลัวว่าคนในห้องจะตื่นขึ้นได้ แต่พอเข้ามาในห้องกลับไม่พบใครสักคนในห้อง ภาสกรลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ต้องตอบคำถามว่าเมื่อคืนเขาหายไปนอนที่ไหนมาในตอนนี้



ชายหนุ่มรีบจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ เขาออกจากห้องพักอีกครั้ง เดินไปตามทางเดินเพื่อไปห้องอาหาร เมื่อเดินผ่านเคาน์เตอร์ เขากลับพบอาเฉินยืนอยู่บริเวณนั้น ภาสกรรีบเดินเข้าไปทักอีกฝ่ายทันที เมื่อคืนมีเวลาน้อยทำให้เขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก



“พี่เฉิน”

“อ้าวพาย” เจ้าของชื่อที่ยืนหันหลังให้ จึงไม่เห็นตอนที่ภาสกรเดินเข้ามา เมื่อหันไปตามเสียงเรียกจึงประหลาดใจเล็กน้อยที่เป็นภาสกร

“ทำไมพี่มายืนตรงนี้คนเดียว แล้วพี่คุนล่ะครับ”

“ไปที่ห้องบอสน่ะ”

“อ่อ เหรอครับ พี่เดินทางมากันเหนื่อยไหม”

“ไม่เท่าไหร่หรอก เมื่อคืนได้พักเต็มที่แล้ว”

“เมื่อคืน..” พอได้ยินคำนี้ภาสกรนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เขาได้เจออรรควัสที่ริมหาด “จริงด้วยสิพี่เฉิน”

“อะไรหรือ”

“เมื่อคืนนี้ ที่ริมหาด คุณอรรคแกล้งเดินตามหลังผม ทำให้ผมตกแทบแย่ก็เลยงัดวิชาที่พี่เคยสอน จับคุณอรรคทุ่มลงพื้นทราย ไม่รู้หลังจะเป็นอะไรไหม อย่างไรพี่พาเขาไปตรวจสักหน่อยก็น่าจะดีนะครับ” ภาสกรเล่าให้อาเฉินฟังเพราะเป็นห่วงสุขภาพของอรรควัส

“พายจับบอสทุ่มเหรอ”

“ครับ”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ทำไมครับ”

“แค่จับคนทุ่มน่ะ บอสแก้ได้สบายมาก พี่กับอาคุนยังไม่เคยจับบอสทุ่มสำเร็จได้เลยสักครั้ง”

“อ่า..เหรอครับ หรือเมื่อวานคุณอรรคอาจจะเหนื่อยเกินไปจนลืมระวังตัวก็ได้นะครับ” ภาสกรสันนิษฐานอย่างไม่แน่ใจ

“เอาเถอะ ไม่เป็นไร จับบอสทุ่มได้ก็เก่งแล้วละ”

“พี่อย่าลืมพาคุณอรรคไปตรวจนะครับ”

“อืม ไม่รู้จะยอมไปหรือเปล่านะ”

“ทำไมล่ะครับ” ภาสกรสงสัย

“เอางี้พายก็ช่วยพี่พูดด้วยแล้วกัน”

“ได้ครับ แล้วเมื่อคืนพี่สองคนพักที่ไหนครับ ที่นี่เหมือนกันไหม”

“ใช่”

“แต่เขาบอกว่าห้องเต็มไม่ใช่หรือครับ”

“เจอตัวสักทีนะภาสกร” เสียงหัวหน้าฝ่ายบุคคลดังขึ้น ภาสกรจำเสียงนี้ได้เพราะเมื่อวานเขาได้คุยกับเธอหลายครั้ง

“ครับ?”

“เรื่องห้องพักน่ะ”

“อ้อ..ครับ ทำไมเหรอครับ”

“พี่หาห้องว่างห้องใหม่ให้เราได้แล้วนะ ไม่ต้องลำบากหัวหน้าเรากับคุณเอแล้ว”

“เหรอครับ ไหนพี่บอกว่าห้องเต็มไม่ใช่เหรอ” ภาสกรถามเสียงเบา

“ใช่จ้ะ นี่ไงละ คุณเฉินที่จองห้องพักไว้ พอเขารู้ว่าเรามีปัญหาจึงยกห้องมาให้หนึ่งห้อง” หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดอย่างดีใจ “ขอบคุณนะคะคุณเฉิน”

“ไม่เป็นไรครับ ได้คีย์การ์ดแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ ได้รับมาเมื่อสักครู่นี้เอง นี่ถ้าไม่ได้คุณเฉิน ดิฉันคงแก้ปัญหานี้ไม่ได้แน่ ๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”

“ยินดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน”

“เชิญค่ะ” เธอว่าแล้วหันมาทางภาสกร “นี่จ้ะ คีย์การ์ดห้องใหม่ วันนี้ช่วงที่เขาพักกันก็มาย้ายกระเป๋าเสื้อผ้าไปไว้ห้องใหม่นะ”

“ขอบคุณครับ” ภาสกรรับคีย์การ์ดมาอย่างงง ๆ มองเลขห้องนี้พลันรู้สึกว่าทำไมคุ้น ๆ ห้องเลขที่พักนี้จัง



เขากำลังประมวลผลความคิด แปลว่าที่ห้องพักเต็มทั้งหมดนี่เป็นฝีมือของอรรควัสใช่ไหม แต่ห้องถูกจองมาก่อนหน้านี้ แสดงว่าอรรควัสต้องดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้วน่ะสิ



คุณอรรคคิดจะมาหาเขาตั้งแต่แล้วใช่ไหม แค่นี้ก็ไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย





‘คุณจะทำให้พายตกหลุมรักรักคุณซ้ำ ๆ แบบนี้กี่ครั้งกันครับ’







บรรยากาศในห้องอาหารค่อนข้างเสียงดังอยู่สักหน่อย ทั้งเสียงช้อนส้อมที่กระทบจาน ยิ่งผสานเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ยิ่งทำให้เสียงดังขึ้นไปอีก แต่ภาสกรกลับไม่ได้นึกรำคาญ เขาเดินไปตักอาหารที่บริการไว้แล้วก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะยังพอว่างอยู่

“พี่ขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ภาสกรเงยหน้ามองคนถาม ดวงตากลมกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ได้สิครับ พายนึกว่าพี่เอกินอิ่มไปแล้วเสียอีก”

ระหว่างนั้นเสียงในห้องอาหารกลับดังขึ้นกว่าเดิม มีเสียงดังเซ็งแซ่จากกลุ่มคนกำลังพูดถึงใครสักคน แต่ภาสกรไม่ได้สนใจ เขากำลังคิดอย่างหนักเพื่อจะตอบคำถามที่ยังมาไม่ถึง แต่เขาจะต้องถูกถามด้วยคำถามนี้แน่นอน

“เมื่อคืนพี่ไม่เห็นพายกลับมานอนที่ห้อง” ไม่ทันขาดคำรุ่นพี่ก็พุ่งเข้าประเด็นโดยไม่รอช้า

“อ่าครับ เมื่อคืนพอพายไปรับคีย์การ์ดห้องตรงเคาน์เตอร์ เห็นว่าอากาศเย็นกำลังดี เลยออกไปเดินเล่นที่ริมหาด”

“เหรอ เดินเล่นถึงเช้า?”

“เปล่าครับพี่เอ” ภาสกรวางช้อนส้อมลง “พายเจอเพื่อนน่ะก็เลยไปค้างที่ห้องเพื่อน”



เสียงในห้องอาหารยังดังต่อเนื่อง แต่ภาสกรไม่มีเวลามาสนใจเสียงที่ดังเกินกว่าปกตินี้ เขากำลังตอบคำถามเพื่อเอาตัวรอด

“เพื่อน? เพื่อนที่บริษัทงั้นหรือพี่ไม่คิดว่าพายจะสนิทกับเพื่อนคนไหนเร็วขนาดนั้น”

“ไม่ใช่เพื่อนที่บริษัทหรอกครับ”

“ใครน่ะ พี่รู้จักหรือเปล่า”

“ไม่รู้จัก” ภาสกรอ้าปากจะตอบด้วยประโยคนี้เหมือนกัน แต่มันไม่ได้หลุดออกมาจากปากเขา แต่เป็นเสียงของอีกคนที่ภาสกรคุ้นหู เขาพอจะรู้แล้วว่าจู่ ๆ ทำไมห้องอาหารถึงเสียงดังขึ้นอย่างผิดปกติ



อรรควัส.. คนคนนี้ไปที่ไหนมักจะโดดเด่นอยู่เสมอ



“พาย ใครน่ะ รู้จักไหม” รุ่นพี่คนเดิมถามภาสกร เพราะไม่คิดว่ารุ่นน้องจะรู้จักคนที่มาใหม่ที่ถือวิสาสะนั่งข้างภาสกรโดยไม่ขออนุญาต หรือเป็นไปได้ว่าคนนั้นอาจจะจำคนผิดก็ได้

“รู้จักครับ เขาเป็น..” ภาสกรหายใจเข้าราวกับเรียกกำลังใจ ถึงเวลาที่เขาควรจะพูดกับพี่ที่ทำงานให้ชัดเจนสักที “เขาเป็นเพื่อนที่พายไปค้างด้วยเมื่อคืนนี้”

“ฉันเป็นเพื่อนสำหรับเธอเหรอ” คนถามถามเสียงขรึม ภาสกรคิดว่าใช้คำที่มีความหมายกลาง ๆ น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่าย แต่ดูเหมือนอรรควัสจะไม่ให้ความร่วมมือเสียแล้ว

“คุณอรรค” ภาสกรเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ “พี่เอครับ ที่พายบอกว่าเมื่อคืนนี้พายไปค้างห้องเพื่อน จริง ๆ ไม่ใช่ห้องเพื่อนหรอกครับ แต่เป็นห้อง”

“ห้องแฟน” อรรควัสชิงจังหวะนี้ต่อประโยคให้สมบูรณ์เสียเอง ขืนให้ภาสกรต่อให้จบประโยคเอง มันอาจจะไม่ถูกใจเขาก็ได้ อรรควัสมองหน้ารุ่นพี่ที่ทำงานของภาสกรตรง ๆ ก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดล้อเล่น “ได้ยินชัดไหมครับ”

“...”

“ถ้าได้ยินชัด ผมคงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนี้คุณควรปฏิบัติตัวอย่างไรนะครับ” ภาสกรลอบกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าทุกคำที่อรรควัสไม่มีคำขู่หรือพูดเล่น มันคือการเตือนที่ค่อนข้างอ้อมค้อมกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะภาสกรได้ขอไว้ ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เอจะเป็นอย่างไรไปแล้ว

“จริงเหรอพาย” รุ่นพี่ถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหู

“ครับ เขาเป็นแฟนของพายเอง”

“แล้วทำไมพายไม่บอกพี่” รุ่นพี่เอื้อมมือหมายจะจับที่มือขาวของภาสกรแต่กลับถูกอรรควัสคว้ามือของรุ่นพี่เอาไว้ได้ทัน รุ่นพี่เริ่มมีสีหน้าเหยเกที่มาจากความเจ็บจากแรงบีบ

“คุณอรรค อย่านะครับ พายขอ” ภาสกรจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้

“อย่ายุ่งกับคนของฉันอีก ถ้ายังไม่หยุดอีกจะหาว่าฉันไม่เตือน” แรงบีบนั้นรุนแรงขึ้น จนใบหน้าของรุ่นพี่เริ่มซีดขึ้นเรื่อย ๆ แต่เจ้าตัวก็ยังอดทนไม่เปล่งเสียงร้องออกมา

“...”

“เข้าใจหรือเปล่า”

“เข้าใจแล้ว” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ อรรควัสจึงปล่อยมืออีกฝ่าย รุ่นพี่รีบลูบข้อมือตัวเองทันที

“พายขอโทษนะครับพี่เอ พายไม่ได้คิดปิดบังพี่ ทีแรกพายคิดว่าพี่คงไม่ได้คิดอะไรจริงจัง แล้วพายก็กลัวว่าเราจะมีปัญหากันเรื่องงานด้วย” ภาสกรอธิบายให้อีกฝ่ายได้ฟัง แต่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่จะเข้าใจและยอมรับมันได้หรือเปล่า เพราะเขาไม่พูดอะไรหลังจากที่ฟังภาสกรพูดจบ แต่เลือกลุกออกไปจากโต๊ะทันที

“ทำไมคุณอรรคต้องทำอย่างนี้ล่ะครับ แล้วแบบนี้พายจะทำงานต่อได้ไหมก็ไม่รู้” ภาสกรหันไปตัดพ้อคนที่นั่งข้างกาย

“ทำต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ในเมื่อคนทำงานที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ก็อย่าเสียเวลาทำงานร่วมกับคนประเภทนี้”

“โธ่ คุณอรรค พายยังต้องทำงานดูแลแม่นะครับ”

“ก็เปลี่ยนจากทำงานบริษัท มาเป็นทำงานบ้านดูแลแม่แทนแล้วกัน เรื่องเงินฉันจะจัดการให้เธอเอง เท่าไหร่ก็บอกมา”

“พายไม่ได้พูดเพื่อต้องการรอรับเงินจากคุณนะครับ” ภาสกรเสียงดังแข่งกับเสียงในห้องอาหาร ทำให้ดูเหมือนเขากำลังโวยวายใส่อรรควัส

“อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”

“พายไม่ได้อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่พายไม่ได้ต้องการเงินของคุณ พายอยากทำงานหาเงินดูแลแม่ด้วยตัวเอง คุณจะจัดการเองแบบนี้ไม่ได้นะครับ”

คราวนี้ภาสกรเสียงดังอย่างควบคุมไม่ได้ในจังหวะที่เสียงในห้องอาหารกลับเงียบลง ยิ่งทำให้เสียงภาสกรดังขึ้นมากกระทั่งเจ้าตัวยังตกใจเสียงตัวเอง ปากแดงที่โวยวายเมื่อครู่เม้มแน่นสนิท

“...”



อรรควัสมองภาสกรนิ่ง ดวงตาคู่สวยไม่ได้มองภาสกรอย่างโกรธเคือง หากแฝงด้วยความน้อยใจ ความเศร้าสลดมากกว่า

“คุณอรรค..พายขอโทษ พายไม่ได้ตั้งใจ พายรู้ว่าคุณเป็นห่วงพาย แต่พายอยากทำอะไรด้วยตนเอง ไม่อยากเอาแต่พึ่งพาคุณอยู่ฝ่ายเดียว”

“ภาสกร” อรรควัสเรียกชื่ออีกฝ่ายเต็มยศจนเจ้าของชื่อนึกหวั่น นานเท่าไหร่แล้วที่อรรควัสไม่เคยเรียกเขาด้วยชื่อจริงและใช้น้ำเสียงตัดพ้อแบบนี้ บอสใหญ่ลุกขึ้นยืน ภาสกรมองตามร่างสูงใหญ่กระทั่งสายตาของทั้งคู่บรรจบกัน







“อยู่ห่างกันขนาดนี้ ยังไม่พอใจเธออีกหรือ”






========================================


ขอบคุณทุกคอมเมนต์มาก ๆ เลยนะคะ เราอยู่ด้วยกันกับเจ้าพายมานานเท่าไหร่แล้ว จำกันได้ไหมเอ่ย ><

แต่ตอนหน้าจะเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วค่ะ



หลังจากจบเรื่องนี้เขมจะลงคุณหมอต่อเลยนะคะ Memory Is Blue ค่า ฝากติดตามกันได้นะคะ

เปลี่ยนแนวกันบ้างค่ะ



เจอกันพฤหัสหน้าค่ะ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ








ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คุณ อรรคงอนไปแล้วจ้า  พายก็เลิกลำไยได้แล้วลูก

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

พายหนอพาย

คุณอรรคอุตส่าห์มาหา  ทำให้พี่แกงอนซะได้  อิอิ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อุ้ยยยย งอแงๆ

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
จะจบแล้ว ขอคืนความสุข สู่หัวใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ช่างไม่เข้าใจกันบ้างเลย

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
จ้าาาา ลูกพายเอ้ยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตามใจเขาหน่อยยยย ยอมขนาดนี้แล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
บอสน้อยใจแล้วววววว เข้าใจทั้งพายทั้งคุณอรรคนะ แต่พายก็มองไม่รอบด้านหรอก จริงๆทางแก้มันมีอีกหลายทางเลยที่จะทำให้อยู่ด้วยกันแล้วพายก็ดูแลแม่ไปพร้อมๆกันได้ แต่อาจจะต้องมีปัจจัยภายนอกที่ต้องจัดการนิดหน่อย ซึ่งคิดว่าด้วยความมาเฟียของคุณอรรค มันจัดการอะไรได้แบบชิลๆอยู่แล้ว แค่อาจจะต้องยอมถอยกันคนละนิด

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
อีกคนก็หวงจนไม่อยากให้ทำอะไรอีกคนก็ห่วงไม่อยากเป็นภาระ ความพอดีอยู่ตรงไหนหนอ
จะจบแล้วพายจะได้รู้ความจริงที่คุณอรรคออกเงินรักษาแม่ให้มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

วงล้อที่สามสิบแปด





คำพูดของอีกฝ่ายสร้างความสะเทือนจิตใจให้กับภาสกรเป็นอย่างมาก หัวใจเขาสั่นไหวรุนแรงแทบจะหลุดออกมาจากอก อรรควัสไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากเดินออกไปจากห้องอาหารท่ามกลางผู้คน

“เดี๋ยวครับคุณอรรค” ภาสกรเรียกและรีบลุกขึ้นหมายจะตามอีกฝ่ายไป แต่กลับถูกใครอีกคนคว้าแขนเอาไว้ “พี่เอ”

“กิจกรรมจะเริ่มแล้ว”

“แต่พาย..”

“หายไปจากกิจกรรมแบบนี้จะดีหรือ พี่ไม่ได้บังคับหรอกนะว่าพายจะเข้าร่วมกิจกรรมหรือเปล่า แต่ลองคิดดูเองก็แล้วกันว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร”



รุ่นพี่ปล่อยมือจากแขนภาสกรแล้วก็เดินออกไปจากห้องอาหารด้วยเช่นกัน ภาสกรเม้มปากระหว่างใช้ความคิด เขาหันรีหันขวางตัดสินใจไม่ถูก



แต่สุดท้ายก็เลือกเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยงแทน







ถ้าถามว่าวันนี้ภาสกรมีสมาธิหรือเปล่า เขาตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่าไม่เลยสักนิด ใจคอยพะวงนึกถึงอีกคน เขายังจำสายตาที่ตัดพ้อของอรรควัสได้เป็นอย่างดี

“เป็นอะไรน่ะพาย ดูซึมเชียว” หญิงสาวคนหนึ่งในแผนกเดินเข้ามาทักช่วงพักตอนบ่ายของกิจกรรม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ทะเลาะกันเหรอ แฟนใช่หรือเปล่า”

“คะ..ครับ?” ภาสกรแปลกใจกับคำถามของอีกฝ่าย

“กับคนนั้นน่ะ ที่หล่อ ๆ ทะเลาะกันเหรอ” เธอขยายความเพิ่มพลางเย้าแหย่ต่อ “ไม่เล่าให้ฟังเลยนะว่ามีแฟนหล่อขนาดนี้”

“เอ่อ..”

“จะหาว่าพี่ยุ่งเรื่องส่วนตัวก็ได้นะ เหตุการณ์ตอนเช้าน่ะเขาได้ยินคำพูดพายกันหมด ถ้าทะเลาะกันก็รีบปรับความเข้าใจกันเถอะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์”

“ครับ” ภาสกรพยักหน้า แต่ยังนั่งคอตกอยู่ดี

“พี่น่ะเคยทะเลาะกับแฟนครั้งหนึ่ง รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ภาสกรเงยหน้าขึ้นมาถามรุ่นพี่

“เธอทิ้งพี่เลยล่ะ”

“เธอเหรอครับ? ”

“อืม”

“ทำไมเธอถึงทิ้งพี่ล่ะครับ” ภาสกรไม่ถามต่อถึงเรื่องเพศสภาพ เขาเลือกถามเรื่องอื่นแทน

“เพราะว่าเธอโกรธคิดว่าพี่ไม่รัก ไม่สนใจเธอแล้ว เธอเลยเลือกจบความสัมพันธ์ของเรา”

“อย่างนั้นเลยเหรอครับ”

“ใช่ ตลกนะ แค่เรื่องนิดเดียว สุดท้ายกลายเป็นเรื่องใหญ่ พอนึกถึงทีไรก็ยังเสียใจตลอด”

“พี่รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

“ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว” เธอยิ้มระหว่างตอบ แต่ดวงตายังแฝงความเจ็บปวดลึก ๆ ซ่อนอยู่ “พอพี่เห็นเรื่องพายกับแฟนตอนเช้า มันทำให้พี่เห็นภาพตัวเองกับอีกคนอีกครั้ง พี่เลยไม่อยากให้ต้องเจอเหมือนพี่ แต่พี่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้นะ”

“พายทำเขาเสียใจ อยากไปขอโทษเขา อยากไปง้อมาก ๆ เลย แต่พายยังไม่มีโอกาส คงต้องรอให้กิจกรรมเลิกก่อนครับ” ภาสกรบอกความคิดของตนเองบ้าง

“อันที่จริง กิจกรรมช่วงบ่ายก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนะ ที่เหลือก็เล่นเกมสนุก ๆ กันเท่านั้น”

“แต่..” ภาสกรยังลังเล

“อ่า...เอใช่ไหม” เธอถอนหายใจพูดด้วยน้ำเสียงอย่างระอาอย่างเข้าใจสถานการณ์ “อย่าไปสนใจมันเลย คนมันพาลเพราะเสียหน้าน่ะ”

“...”

“พายก็เห็นว่าเอเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิงที่นี่มากแค่ไหน ก็เลยค่อนข้างมั่นใจในตัวเองอยู่พอควรล่ะนะ แต่พอเจอของจริงเข้าไป มันรู้ตัวแหละว่าสู้คนนั้นไม่ได้ก็เลยพาลเป็นเด็ก ๆ ดังนั้นอย่าไปสนใจเลย”

“เหรอครับ”

“เชื่อพี่ได้ล้านเปอร์เซ็นต์เลย” เธอบอกอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้ใช้น้ำเสียงเศร้าเหมือนตอนที่เล่าเรื่องเลิกรากับอดีตคนรักให้ภาสกรฟัง

“ถ้างั้นพายไปนะ” ดวงตาส่องประกายด้วยความหวังระหว่างที่บอกอีกฝ่าย

“ไปเถอะ ถ้ามีอะไรขึ้นมาพี่จัดการเอง แต่พี่ยืนยันได้เลยว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก พายไม่ต้องกังวลนะ”

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม แต่มีข้อแม้นะ”

“อะไรครับ”

“ต้องง้อให้สำเร็จนะ”

“ได้เลยครับ” ภาสกรยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะขอตัวออกไปหาคนที่เขาคิดถึงจะแย่แล้ว





ภาสกรเดินไปหาอรรควัสที่ห้องพัก กดออดที่หน้าห้องก็นาน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนในห้องจะเปิดประตูออกมา



‘เอ หรือว่าจะไม่อยู่ที่ห้องกันนะ’



ภาสกรลองกดออดอีกครั้งแต่ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนที่ตามหาอีกฝ่ายใหม่ เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่เจออีกฝ่าย กระทั่งเดินไปถึงหน้าหาด เบื้องหน้าเขาคือผืนทรายสีขาวและน้ำทะเลที่มีแสงแดดตกกระทบกับน้ำ วิบวับระยับไปทั่วจนชายหนุ่มตาพร่าจนต้องหยีตาลงเล็กน้อย



ชายหนุ่มพยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ ภาวนาในใจว่าขอให้เจอคนที่เขากำลังตามหาด้วยสักทีเถิด ทันใดนั้นสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งที่กำลังนั่งพิงต้นไม้ โดยมีร่มเงาช่วยป้องกันจากแดดช่วงบ่าย



เขาตัดสินใจเดินไปหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ ไม่ได้เร่งเพราะอีกฝ่ายสวมแว่นตากันแดดอยู่ ทำให้ภาสกรไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายตื่นหรือหลับอยู่กันแน่ เมื่อถึงตัวอรรควัสแล้ว ภาสกรก็นั่งลงข้าง ๆ อย่างเงียบเชียบ หากอีกฝ่ายหลับอยู่จะได้ไม่เป็นการปลุกอีกฝ่ายให้ตื่น

“มาได้ยังไง”

“ไม่ได้หลับอยู่เหรอครับ”

“เปล่า”

“พายเดินตามหาคุณอรรคเสียทั่วเลย มานั่งอยู่นี่เอง ไม่ร้อนเหรอครับ” ภาสกรพูดพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม

“ไม่” คำตอบสั้นแต่ชัดเจน ทำให้ภาสกรลอบกลืนน้ำลาย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังโกรธอยู่แน่ ๆ

“มานั่งอยู่ตรงนี้นานหรือยังครับ”

“สักพัก”

“คุณอรรคกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ”

“ดูทะเล”

“ทะเล? ”

“ใช่”

“ไม่คิดว่าคุณอรรคจะชอบดูทะเล”

“เมื่อวานเธอก็มานั่งดูทะเลไม่ใช่หรือ”

“ครับ”

“ฉันเลยอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงชอบนั่งดูมัน เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่นู่นเธอก็ชอบนั่งมองแม่น้ำ”

“ครับ ดูแล้วทำให้ใจสงบดี คุณอรรคล่ะครับดูแล้วเป็นไง”

“ไม่รู้สิ”

“เอ่อ..” ภาสกรขยับมือไม่อยู่สุขด้วยความประหม่า “คุณอรรคโกรธพายเหรอครับ”

“เปล่า”

“ถ้าไม่ได้โกรธแล้วทำไมถึงเฉยชาแบบนี้ล่ะครับ”

“ฉันไม่ได้โกรธเธอ แต่ฉันโกรธตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ฉันบังคับเธอมากเกินไปอย่างที่เธอว่าจริง ๆ”

“ไม่ใช่นะครับ คุณอรรคไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พายต่างหากที่พูดอะไรไม่คิด พายรู้ว่าคุณเป็นห่วง แต่พายก็ยังดื้อ ปฏิเสธความหวังดีของคุณ”

“รู้ตัวด้วยหรือว่าดื้อ”

“พายขอโทษครับ พายจะไม่ดื้อกับคุณอีกแล้ว คุณบอกว่าอะไรพายจะทำตามที่คุณพูดทุกอย่างเลย แต่คุณอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ” ภาสกรบอกอย่างแน่วแน่และเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น

“รู้ไหมว่าสิ่งที่เธอพูดกับฉันเมื่อเช้า ทำให้เสียใจมากนะ”

“พายขอโทษ พายโวยวายเกินกว่าเหตุไปหน่อย” คนมืออ่อนยกมือไหว้ประกอบคำพูดทันที

“ไม่เป็นไรหรอก แค่เธอบอกว่าจะไม่ดื้ออีก ฉันก็ไม่เสียใจแล้ว”

“ครับ? ”

“ลาออกจากงานแล้วมาดูแลแม่อย่างที่ตั้งใจไว้ เรื่องค่าใช้จ่ายน่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน”

“แต่ว่า..”

“ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับฉันแล้วไง”

“คุณอรรคมัดมือชกกันนี่” ภาสกรโวยวายแต่ไม่ได้จริงจังเหมือนเมื่อเช้าแล้ว การกระทำของชายหนุ่มคล้ายกับจะงอแงมากกว่า

“ถ้าไม่สบายใจก็คิดว่าฉันติดหนี้เธอไว้เยอะ”

“คุณติดหนี้พายตอนไหนกัน มีแต่พายที่รบกวนคุณทั้งนั้น” ภาสกรไม่เข้าใจในคำพูดอีกฝ่าย

“เงินเก็บที่เธอเคยให้ฉันตอนนั้น จำได้ไหม”

“เงินเก็บ? ” ภาสกรคิดก่อนจะพยายามรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาเกือบสิบปี “อา..เงินห้าร้อยบาทนั่นเหรอครับ”

“ใช่ ถ้าไม่ได้เงินนี่ คงไม่มีฉันในวันนี้ได้”

“แต่เงินห้าร้อยมันน้อยนิดมากเลยนะครับ”

“จุดเริ่มต้นไงล่ะ แค่นั้นก็เพียงพอให้ฉันเป็นหนี้เธอแล้ว”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ภาสกรปฏิเสธ เขาไม่กล้ารับความรู้สึกนั้นจากอรรควัสหรอก

“ตกลงว่าจะทำตามสิ่งที่ฉันขอหรือเปล่า” อยู่ ๆ อีกฝ่ายก็เข้าโหมดขรึมอีกรอบ ภาสกรเกร็งตัวอัตโนมัติ

“กลับจากทริปนี้พายจะไปลาออกให้เรียบร้อย”

“ในเมื่อเจ้านายเธอก็อยู่ที่นี่ ก็บอกเขาก่อนเลยดีไหม ไม่ต้องรอให้กลับไปที่บ้านหรอก”

“พาย..”

“ดื้อ? ” คนพูดหันมามองคนของตัวเอง

“บอกตอนนี้ก็ได้ครับ แต่พายอยากทำให้มันเป็นทางการ”

“ฉันไม่ได้ห้าม แต่ฉันอยากพักที่นี่ต่ออีกสักสองสามวัน”

“แล้ว? เอ่อ..อย่างไรหรือครับ”

“ฉันอยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วย”

“...”

“อยู่กับฉันได้ไหม”

“คุณอรรคพูดถึงขนาดนี้ แล้วพายจะปฏิเสธคุณได้อย่างไร”

“พอเธอทำตัวไม่ดื้อแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลย” น้ำเสียงอีกฝ่ายอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนภาสกรโล่งใจ สงสัยจะง้อสำเร็จแล้วล่ะมั้ง

“ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ภาสกรบอกปัดแก้เขิน สุดท้ายเขาก็ไม่เคยขัดใจคนคนนี้ได้เลยสักที “แต่พายขอโทรบอกแม่ก่อนนะครับ”

“อืม ก็ดี แม่เธอจะได้ไม่เป็นห่วง”

“คุณอรรคครับ” ภาสกรทำใจกล้าเรียกอีกฝ่ายและยังถือวิสาสะถอดแว่นออกด้วย ทำให้เจ้าของแว่นหันมามองคนที่กล้าทำแบบนี้กับเขา

“หืม? ” เจ้าของแว่นตาไม่ได้แสดงท่าทีขุ่นเคืองออกมา หากไม่ใช่ภาสกร เกรงว่าถ้าเป็นคนอื่นแล้วคงไม่ได้อยู่รอดปลอดภัย

“เรื่องเมื่อคืนตอนพายจับคุณทุ่มลงกับพื้น ทำไมคุณไม่แก้กลับล่ะครับ”

“พูดอะไรของเธอ” อรรควัสมองรอบ ๆ ไม่ได้มองคนที่ถามคำถาม

“พายรู้จากพี่เฉินโดยบังเอิญว่าคุณอรรคไม่มีทางพลาดเรื่องแค่นี้”

“เธอเก่งขึ้นแล้วต่างหาก” คนพูดดีดหน้าผากมนเบา ๆ ไม่ได้ต้องการให้รู้สึกเจ็บแต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูและแก้อาการเขินอายของตัวเองต่างหาก

‘น่ารักจัง’

ความคิดภาสกรในเวลานั้น คนที่ตีหน้าขรึม ดุ โหดอยู่เป็นนิจ พอมาทำท่าทางแบบนี้ ทำให้เขาอดหวั่นไหวในใจไม่ได้ ภาสกรแย้มยิ้มออกมาพลางขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอีกนิดจนแขนของพวกเขาสัมผัสกัน

“อยู่กับพายหลาย ๆ วันได้ไหมครับ รู้ว่าฟังดูเอาแต่ใจไปสักหน่อย เพราะคุณมีงานที่ต้องทำเยอะมากแต่พายคิดถึงคุณมาก” พูดจบก็ข่มความอายโดยการพิงศีรษะเข้ากับไหล่อีกฝ่ายทื่อ ๆ เพราะไม่อยากให้เจ้าของไหล่หนาเห็นใบหน้าคนขวยเขินเช่นเขา

“อืม”

“ขอบคุณครับ” ดวงตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อได้ฟังคำตอบ ถึงแม้จะเป็นคำสั้นพยางค์เดียวแต่การกระทำที่รู้สึกว่ามีจมูกโด่งกดลงมาที่ผมของเขาก็รู้แล้วว่าอรรควัสใจดีกับเขามากแค่ไหน

“แล้วคราวหน้าเธอก็ไปหาฉันหลาย ๆ วันบ้างก็แล้วกัน”

“ครับ”





คณะเอาต์ติ้งกลับไปกันแล้ว ทว่าภาสกรไม่ได้ไปกับรถทัวร์คันใหญ่นั้นด้วย หลังจากที่แจ้งหัวหน้าว่าจะขอลาออกนั้น ภาสกรก็ถูกดุนิดหน่อยที่บอกกะทันหัน แต่เพราะเจ้าตัวยังไม่ผ่านโปรจึงไม่ได้เป็นปัญหามากนัก หัวหน้าไม่ได้ติดใจจึงยอมอนุญาตแต่โดยดี

“ไปไหนมา” ภาสกรเดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟของโรงแรม คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเอ่ยปากถามทันที

“ไปส่งพี่ ๆ เขาครับ”

“อืม ไปกันซะได้ก็ดี”

“คุณอรรคอย่าหงุดหงิดสิครับ”

“เปล่า” คนปากแข็งปฏิเสธ แต่ภาสกรก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจรุ่นพี่ที่ชื่อเอคนเดียวนั่นแหละ

“พอถูกคุณอรรคสั่งห้ามไปแล้ว เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับพายอีกเลย ไม่มีอะไรแล้ว คุณอรรคไม่ต้องเป็นห่วงพายหรอกนะครับ”

“...”

“ไปเดินเล่นกันไหมครับ ตอนนี้แดดยังไม่แรง” ภาสกรเอ่ยชวน

“อืม”

ระหว่างที่เดินขนาดไปกับทะเลนั้น โดยไม่ได้คุยอะไรกันมากมาย จู่ ๆ ภาสกรก็นึกถึงผู้จัดการผับขึ้นมา

“อ่า จริงสิ แล้วคุณจิณณ์สบายดีไหมครับ”

“อยากรู้ก็ไปดูเอง”

“ไปอยู่แล้วครับยกเว้นว่าคุณอรรคจะไม่ยอมให้ไป” ภาสกรแสร้งยอกย้อน

“กล้าไม่ไปสิ”

“ไปแน่นอนครับ พายคิดอยู่ว่าจะไปหาคุณอรรคเดือนละครั้ง ดีไหม”

“นานไป” คำตอบห้วนสั้นส่งกลับมารวดเร็วทันใจ

“ไม่โกรธสิครับ ถ้าพายไปหาคุณบ่อย ๆ แล้วใครจะดูแลแม่ล่ะครับ”

เสียงถอนหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกมา เสียงทุ้มพูดต่อไร้การขุ่นเคือง สายตามองทอดไปข้างหน้าบนพื้นทราย “ฉันรู้”

“ขอบคุณครับที่เข้าใจพาย”

“ถ้าฉันไม่เข้าใจเธอ ฉันก็คงแย่เต็มที”

“ไม่หรอกครับ สำหรับพายน่ะนะ คุณอรรคยอดเยี่ยมที่สุด”

“ไม่ต้องมายอฉัน” ภาสกรหยุดเดินพลางคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ให้หยุดเดินเหมือนกัน “มีอะไร”

“พายพูดจริง ๆ นะครับ”

“ขอบใจ”

“พายรักคุณอรรค”

“ฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอหรอก ถึงได้ยอมตามใจเธออยู่แบบนี้”

“รู้ไหมครับ ตอนที่พายบอกคุณว่าจะกลับบ้านและจะไม่ติดต่อคุณอีก พายรู้สึกอย่างไร”

“ดีใจล่ะมั้ง”

“ไม่แกล้งพายสิครับ ตอนนั้นพายเสียใจมากจนไม่อยากกลับมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ แล้วพอคิดว่าคุณอาจจะมีใครต่อใครมาแทนคุณอลัน มาอยู่ชั้นยี่สิบเก้า พายเจ็บที่ใจไปหมดเลย”

“ก็ไม่รู้จะคิดอย่างนั้นไปทำไม”

“เพราะใจหนึ่งพายก็อยากดูแลแม่ให้ดี อยากให้แม่อยู่กับพายนาน ๆ ให้นานมากเท่าที่จะนานได้และพายไม่อยากให้คุณต้องมาเสียเวลารอพาย แต่ก็ยอมรับให้คุณมีคนอื่นไม่ได้อีก เห็นแก่ตัวมากเลยใช่ไหมครับ”

“ดีแล้ว หัดหึงหวงฉันซะบ้าง”

“ใครว่าพายไม่หึงไม่หวงคุณอรรคล่ะครับ คุณลงมาเดินในคาสิโนแต่ละที มีแต่สาว ๆ มองคุณ จ้องคุณทั้งนั้น พายเสียอีกหวงคุณจนแทบบ้า แต่ก็รู้ว่าทำอะไรไม่ได้เพราะงานของคุณเป็นอย่างนี้”

“ฉันเคยรับปากเธอแล้วไงว่าจะไม่พยายามรักษาระยะห่างให้มากกว่าเดิม”

“พายรู้ครับ แต่ก็อดหวงคุณไม่ได้อยู่ดี”

“งั้นฉันปิดคาสิโนดีไหม” อีกฝ่ายพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงจัง

“ล้อพายเล่นใช่ไหมครับ คาสิโนนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงคุณอรรคนะครับ จะปิดง่าย ๆ ได้อย่างไร”

“ใช่ คาสิโนนี้ฉันคงปิดมันไม่ได้หรอก อย่างที่เธอรู้มันคือเป็นหนึ่งในธุรกิจของฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะดูแลมันตลอดไป”

“ครับ? ” ภาสกรไม่เข้าใจนัยของคำพูดท้ายประโยคนั้น

“เราสองคนจะแยกกันอยู่ตลอดไปหรือไง”

“อ่า..”

“ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยให้เราแยกกันอยู่แบบนี้ไปตลอดหรอก ดังนั้นช่วยรอฉันหน่อยแล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังจะจัดการเรื่องที่นั่นให้เรียบร้อยก่อน”

“พายเชื่อคุณอรรคเสมอครับ นานเท่าไหร่พายก็จะรอคุณ”

“ขอบใจ ฉันสัญญาว่าเธอไม่รอเก้อแน่นอน” อรรควัสดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดจน ภาสกรเองก็กอดร่างสูงใหญ่นั้นไว้เช่นกัน

“คุณทำตัวน่ารักกับพายขนาดนี้ จะไม่ให้พายเลิกรักคุณได้เลยใช่ไหมครับ”

“แล้วมันต่างอะไรกับที่เธอทำให้ฉันรักเธอมากขนาดนี้กันล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นรักพายไปนาน ๆ ห้ามเลิกรักพายนะครับ”

“งั้นฉันกับเธอลองมาพนันกันหน่อยดีไหม”

“พนันอะไรครับ พายไม่มีเงินหรอกนะ”

“พนันนี้ไม่เกี่ยวกับเงิน”

“พนันอะไรครับ”

“เรามาวางเดิมพันกันว่าใครจะเลิกรักใครก่อน ใครที่เลิกรักอีกฝ่ายก่อนคือคนแพ้”

“ไม่มีทางที่พายจะไม่รักคุณแน่ ๆ แล้วคนแพ้ต้องจ่ายอะไรครับ” ภาสกรพูดอย่างมั่นใจ

“คนที่แพ้ก็ต้องจ่ายด้วยความรัก และต้องรักอีกคนให้มากกว่าที่คนชนะรัก”

“อ่า..ขี้โกงนี่นา” ภาสกรยู่ปาก “ถ้าให้รักอีกคนมากกว่าอย่างไรเกมนี้ไม่ต้องพนันพายก็รู้ว่าใครจะเป็นคนแพ้”

“ใครล่ะ”

“พายเองครับ พายแพ้คุณมาตลอดเพราะพายรักคุณมากกว่าที่คุณรักพายอยู่แล้ว”



ภาสกรยิ้มกว้างพลางหัวเราะออกมาเต็มเสียงไม่สนใจว่าจะคนรอบ ๆ บริเวณนั้นจะมองเขาด้วยสายตาแบบไหน เขาไม่สนใจ รู้แค่ว่าตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสุขที่ทะลักล้นออกมาจนห้ามไว้ไม่ได้



“แล้วเธอมั่นใจได้อย่างไรว่าฉันจะเป็นคนชนะ?”







END GAME





========================================



จบแล้วค่าาาาา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมานะคะ เรื่องนี้ใช้เวลาแต่งค่อนข้างนานมากจริง ๆ ทั้งปัญหาการงาน ส่วนตัวต่าง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ขอน้อมรับผิดไม่มีข้อแก้ตัว มีอะไรอยากจะพูดเยอะมากเลยค่ะ พอถึงเวลาก็นึกคำพูดไม่ค่อยออกเลย



เนื้อเรื่องในเรื่องนี้จะจบลงเท่านี้ค่ะ มีนักอ่านท้วงติงว่า เอ..เจ้าพายจะไม่รู้จริงๆ เหรอว่าใครเป็นผู้บริจาคเงินช่วยรักษาแม่ ตรงนี้เป็นความตั้งใจของเขมเองค่ะ บางเรื่องนั้นเราไม่อาจไม่ได้รับรู้ความหวังดีทั้งหมดได้ เจ้าพายเองก็เช่นกัน แล้วถ้ารู้ล่ะ ถ้าเจ้าพายรู้คงจะตกหลุมรักคุณอรรคอีกรอบแน่นอนเลย



แล้วสุดท้ายล่ะ พวกเขาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันมั้ย ยังไง ตรงนี้ต้องไปติดตามในตอนพิเศษนะคะ มีแน่นอนค่ะ



หลังจากนี้เขมจะลงนิยายต่อเลยเรื่อง Memory Is Blue ค่ะ เรื่องราวความรักของคุณหมอที่เก็บงำความรู้สึกที่แอบชอบมาหลายปี เมื่อมีโอกาสแล้วคุณหมอจะเดินเครื่องหรือไม่ เอาใจช่วยคุณหมอด้วยนะคะ



ท้ายที่สุด ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังให้กันเสมอนะคะ ไม่ว่าจะมาจากช่องทางไหนก็ตาม ขอบคุณมากๆ ค่ะ อยู่ตรงนี้ด้วยกันไปนานๆ นะคะ



สุดท้ายจริง ๆ ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะ เราต้องรอดปลอดภัยจากโควิด 19 ค่ะ



รักเสมอ

เขมกันต์



HASHTAG #พนันท้ารัก ค่ะ


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 สมหวังกันสักที

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด