Ugly boys ลูกเป็ดขี้เหร่ [[จิณณ์-เมฆ]] ตอนที่ 20 08/12/61 ((ตอนจบ))
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Ugly boys ลูกเป็ดขี้เหร่ [[จิณณ์-เมฆ]] ตอนที่ 20 08/12/61 ((ตอนจบ))  (อ่าน 37473 ครั้ง)

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หมอของเค้าไม่ควรมาเจอคนอย่างอิเมฆทำร้ายจิตใจ  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ลูกปัดมาจัดการเลยยยยยยยยยยยยยยย
เอาให้ไม่พิการก้อเลี้ยงไม่โตไปเลย :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สถานการณ์แบบนี้ต้องเรียกลาบอส! แต่ขอพระเอกใหม่ด้วยจะดีมากค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชักจะน่าเบื่อซะแล้วสิ :bye2:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อีกแล้ววว เจ็บอีกแล้ว อ่อนแอและทนไปให้พอ จะรอว่าได้นานแค่ไหน เอาให้สุด!! โอเคละ หัวข้อเรื่องนี้คือ จิณณ์-เมฆ เพราะงั้นมันคงจบลงที่สองคนนี้ ไม่มีใหม่ งั้นคงต้องรอดูว่าเหตุผลจะมากน้อยเพียงไหน พอจะยอมรับได้ไหมกับสิ่งที่ทำมา ก็นะจิตใจคนเมื่อเคยขาดมันกะจะเว้าๆแหว่งๆยังคิดไม่ได้และหลงทางไปบ้างมากน้อยแล้วแต่ โอเคพยายามจะเข้าใจ มันก็ใช่ว่าจะคิดได้ทุกคนเสมอไป จะรอดูแล้วกันต่อจากนี้ แต่ใจจริงก็อยากให้ทุรนทุราย แทบกระอักเลือดตายเมื่อขาดเขาถึงจะสาสมกับสิ่งที่หมอจิณณ์เจอ โหดไปไหมวะกู 5555555 คือปกติถ้าแนวมีอุปสรรคไม่ว่า แต่ถ้าหมดpassionกันคือต้องเลิกเลยไงด้วยนิสัยส่วนตัว แต่ถ้าจะกลับมาต้องดูความสมเหตุสมผล จะยังอ่านต่ออยู่  รอดูว่าจะทำไงต่อจากนี้ ตอนก่อนคือหัวร้อนสุด ตอนนี้คือเริ่มทำใจละ ไม่อะไรละ บอกหมอปล่อยวางๆ แต่กูนี้ละเริ่มปล่อยวางละแม่ง หรอ????? 55555555 เพราะกลัวเดี๋ยวกลายเป็นหมาที่แท้ทรู บอกเขาเลิกๆอย่างเดียว 555555 //แต่งเก่ง แต่งซะอิน ดีแล้วค่ะดี ต้องแบบนี้แต่งให้คนอินในตัวละคร รอตอนหน้าเลยค่า

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:16:]


“พ่อ”  สาวน้อยลูกปัดเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในโรงยิมที่เอาไว้ให้นักมวยซ้อมมวยกันยังมีนักมวยอีกนับสิบคนรวมทั้งพี่ชายทั้งสี่อีกทั้งครูฝึกที่ส่งเสียงเชียร์กันดังลั่น เทรนเนอร์กำลังสอนต่อมวยกับตัวกลั่นของค่ายอยู่ พ่อว่าไอ้นี่มันนักมวยเงินล้าน  พ่อของลูกปัดยืนดูด้วยความพึงพอใจจนไม่ได้สนใจฟังเสียงลูกสาวคนเล็กที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์สีซีด

“พ่อ”

“เอซ!!”

ตั่บ!!!

“เฮ๊!!!”

“พ่อ”


เอซ!!

ตุ่บ!!

“เฮ๊!!!”

“เออดีมากยังงั้น”

“พ่อ”

เอซ!

ตั่บ!!


“เฮ๊!!!”

นี่รุ่งนครนอนตะแคงกวนตีนลูกปัดช่ายปร๊ะ??

ลูกปัดเท้าสะเอวฉับอย่างหงุดหงิดเมื่อทุกครั้งที่ตัวเองเรียกผู้เป็นพ่อนักมวยบนสังเวียนก็เตะอั่ก  พร้อมทำเสียงเอซ เอซ ขัดจังหวะตามด้วยคำชมอย่างพึงพอใจของพ่อแทบจะทุกครั้ง

“พ่อ”

“หื๊อ”  ได้ผลเมื่อคราวนี้พ่อได้ยินแต่ก็ไม่ได้ละสายตาออกจากเวทีแต่อย่างใด

นี่ปัดกำลังโมโหนะ นี่พ่อจะไฝว้กับปัดช่ายปร๊า... โอเค  เรียกให้หันมาฟังดีๆพ่อไม่สนใจงั้นปัดบอกตรงนี้ก็แล้วกัน

“ปัดขอลางานนะ”

“อะไรน๊า  พูดดังๆสิเฮ้ย  พ่อไม่ได้ยิน”

พ่อ...นี่ปัดรีบนะ...ปัดรีบมาก

“ปัดบอกว่าปัดลางานนะ”  ลูกปัดตะโกนแข่งกับเสียงเชียร์มวย

“ลางาน  ลาไปไหน”

พ่อได้ยินแว่วๆว่าลูกปัดขอลางาน  พ่อได้ยินแล้วนะ

“ไปกรุงเทพ”

“ห๊า...อะไรน๊ะ  ดังๆสิเฮ้ย...เอ้อ...มันต้องยังงั้นเตะก้านคอเลย”

“ปัดขอลาไปกรุงเทพนะ”  นี่ปัดเริ่มเจ็บคอแล้วนะ  พ่อเข้าใจป่ะว่าปัดต้องถนอมเสียงไว้อ่ะถ้าเสียงแหบเป็นเป็ดปัดจะด่าคนไม่รู้เรื่อง

“อะไรนะ... ไปนานมั้ย...”

“ไปครึ่งปีนะจ๊ะ”  ลูกปัดแกล้งพูดประโยคนี้เบาๆ  เริ่มเห็นประโยชน์ของการมีคนเยอะๆ นี่ลูกปัดมาขออนุญาตพ่อแล้วนะจ๊ะ นะจ๊ะ  พ่อด่าปัดตอนหลังไม่ได้แล้วนะจ๊ะ

“เออจะไปเก็บดอกจำปีก็ไป จะไปไหนก็ไปเหอะแค่นี้ทำไมต้องมาลาด้วยวะไอ้ลูกคนนี้นี่"

งั้นปัดโกอินเตอร์แล้วนะจ๊ะพ่อ  ลูกปัดจะไปเผยแพร่ศิลปะมวยไทยที่พระนครนะจ๊ะ  นะจ๊ะ

สาวตัวเล็กเดินไปหยิบนวมที่แขวนไว้ตรงผนังลองใส่แล้วต่อยหมัดตัวเองเบาๆ นี่ปัดขึ้นมากนะ  นี่ขึ้นสุดๆเลย  พอวางสายจากหมอจิณณ์ปัดก็บึ่งมาหาพ่อเลย  ตอนนี้เที่ยงแล้วไหนจะนั่งรถไปสนามบินอีก  นี่โคตรไม่ทันใจ มีอย่างที่ไหนปัดออกเงินให้เมฆไปทำหน้าไปศัลยกรรมเปลี่ยนลูกเป็ดให้เป็นเทพบุตรไหงได้เหี้ยมาตัวหนึ่งล่ะ ปัดไม่ได้อยากให้เงินเมฆไปศัลยกรรมสันดานนะจ๊ะ  แล้วทำไมเมฆเป็นคนแบบนี้

เมฆบังอาจทรยศความไว้ใจ  ความเชื่อใจ  ความศรัทธาในการเป็นคนดีโดนสันดานไม่อิงเบ้าหน้า  เป็นความผิดที่ให้อภัยไม่ได้ คอยดูนะเจอเมื่อไหร่แม่จะด่าให้ลืมชาติกำเนิดเชียว นี่ถ้าความโกรธช่วยทำให้ตัวสูงขึ้นตอนนี้ปัดคงสุงซัก190 แล้วนะ นี่แค่คิดว่าต้องสตาร์ทตัวเพื่อกระโดดตบปัดก็เหนื่อยแล้ว แต่ไม่เป็นไรจ่ะ  ปัดสามารถอยู่แล้ว

นี่ใคร??

ลูกปัดผู้ฆ่าเสือด้วยมือเปล่านะจ๊ะ มีดพร้าอีโต้ปืนไม่ต้องจ้าเก็บไปได้เลย ศิษย์เอกนุสรา  ต้อมคำมาแล้วววว เมฆบังอาจทำเรื่องเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัยแบบนี้ได้ยังไง ว่าแอบเล่นชู้กับผู้จัดการส่วนตัวเลวแล้วการที่มาข่มขืนหมอจิณณ์ที่ปัดรักประดุจแม่(?) อีกคนนี่ถือเป็นความเลวระดับแพลตตินั่มนะจ๊ะ ไปกรุงเทพคราวนี้อาจมีศพคู่นะจ๊ะ  นะจ๊ะ...

มีอย่างที่ไหนหมอจิณณ์คนแมนอิมพอร์ตจากเมกาน่ะนิสัยแมนขนาดนั้นยังต้องโทรมาร้องห่มร้องไห้ระบายความอัดอั้นให้ปัดฟัง หมอไม่กล้าโทรไปหาแม่  หมอไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง แต่ถ้าไม่ระบายออกมาหมอก็อึดอัด  ปัดดีใจที่หมอเลือกจะเล่าให้ปัดฟัง  ทั้งเหตุการณ์ต่างๆและความเจ็บช้ำที่มีอยู่ในใจ

ปัดได้แต่บอกหมอว่าให้กินยาแล้วพักผ่อนซะไม่เกินเย็นนี้ปัดจะคัมแบคเสตจมีอุปกรณ์เชียร์คือนวมหนึ่งคู่ เอ๊ะ!  หรือมือเพียวๆดี...



“พี่เข้าบ้านสิ”

สุดท้ายผมก็มานั่งเคาะพวงมาลัยรถอย่างชั่งใจหน้าบ้านอาทิตย์กับหมอกช่วยกันยกกีตาร์และอุปกรณ์ที่ซื้อมาทั้งหมดเข้าบ้าน  อาทิตย์ขอตัวกลับไปก่อนหลังขนของที่ซื้อมาเสร็จแล้ว  มันมีทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์เครื่องประดับสำหรับแม่  เสื้อผ้าอีกสองสามชุดแล้วก็พวกเครื่องดื่มบำรุงกำลังกับกระเป๋าเอกสารและกระเป๋าเงินใบใหม่ของพ่อ  หมอกมันโทรมาบอกแม่แล้วว่าผมจะมาส่ง ผมไม่รู้หรอกนะว่าแม่จะดีใจหรือเปล่า

เหลือบมองช่อดอกไม้ช่อใหญ่ข้างๆตัวแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ  ถุงอาหารที่ซื้อเตรียมไว้ให้หมออยู่ท้ายรถ  หมอกมันออกมาเคาะกระจกรถแล้วคะยั้นคะยออีกรอบ ผมตัดสินใจดับเครื่องใส่เบรกมือแล้วเปิดประตูออกไป

ลมเย็นพัดมาให้สะท้านเล่น  กะจะกลับไปกินข้าวเย็นกับหมอแต่พอเห็นแม่เดินมาหยุดยืนมองที่หน้าประตูแล้วความคิดนั้นก็หายไป  ผมค่อยๆเดินเข้าบ้านราวกับต้องมนต์สะกดของแม่

แม่เงยหน้าขึ้นมองผมในดวงตามีน้ำใสๆคลออยู่มือเรียวเล็กยกขึ้นลูบหน้าผมแผ่วเบา

“แม่ขอโทษนะเมฆ...”  น้ำเสียงของแม่เครือจนใจผมกระตุกวูบ

“ผมหิวแล้ว...แม่มีอะไรกินมั่งครับ”

ผมไม่ต้องการฟังหรือรับรู้เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา...ผมตัดบทด้วยการบอกว่าหิว  แม่ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆแล้วเดินนำเข้าบ้าน

บนโต๊ะอาหารมีกับข้าววางเรียงเต็มไปหมด  ที่สำคัญหัวโต๊ะมีเค้านั่งอยู่แล้ว ผมชะงักไป...ยังจำวันนั้นได้ไม่รู้ลืมรสชาติของไม้กอล์ฟมันตรึงเข้าไปในสมองจนสลัดไม่ออกซะแล้ว

“นั่งสิ...”

“เดี๋ยวผมแยกไปกินในครัวก็ได้นะแม่”  บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาทันทีหรือผมจะหันหลังกลับ  ผมจะแยกไปกินในครัวจริงๆนะแต่แม่ก็จับแขนผมรั้งไว้

“กินด้วยกันนี่แหละเมฆจะแยกไปกินในครัวทำไม”

“ถ้าแกยังโกรธเรื่องที่แล้วๆมาฉันก็ขอโทษนะเมฆ”

ผมอาจจะเป็นคนโง่ใช่มั้ยครับที่พอแค่เค้าพูดคำว่าขอโทษออกมาผมก็เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆแม่

ครอบครัวที่ผมรอคอยมาสองปี...การกินข้าวร่วมโต๊ะกับคนในครอบครัวที่ผมใฝ่ฝัน...วันนี้ผมได้รับมันแล้ว แม่ตักอาหารให้ผมไม่ได้ขาด  เราพูดคุยกันมากมายส่วนมากเป็นเรื่องที่ผมทำศัลยกรรม  งานในวงการ สุดท้ายจบลงที่ผมกำลังรับผ้านวมผืนใหญ่จากมือแม่ที่หอบมาให้ผมในห้องเดิมของผม

“เมฆ..”  แมเรียกผมไว้หลังจากผมหันหลังจะเข้าห้อง

“ครับ..”

"แม่ไม่เคยไม่รักเมฆนะ  แต่ที่ผ่านมาที่แม่สอนให้เมฆยอมน้อง  ยอมพ่อ  เพราะเราอาศัยเค้าอยู่  แม่อยากให้เมฆเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอยากให้พ่อรักเมฆเอ็นดูเมฆ  อีกอย่างที่แม่ปล่อยปละละเลยเมฆเพราะแม่เชื่อว่าเมฆสามารถเอาตัวรอดได้ไม่เหมือนน้อง  เมฆเข้าใจแม่ใช่มั้ย”

“ครับ..”  ผมตอบสั้นๆไม่ได้หันไปมองแม่  ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจกับคำพูดของแม่อยู่

“แล้วก็...วันนั้นน่ะวันที่เมฆเอาเงินมาให้  ทำไมแม่จะจำลูกตัวเองไม่ได้ล่ะ  ลูกแม่ทั้งคนนะ  ลูกชายของแม่  แต่แม่เห็นว่าลูกมีทางไปที่ดีกว่าการกลับมาอยู่ในบ้านแม่ถึงต้องพูดแบบนั้นแม่ขอโทษนะ”

ผู้หญิงเป็นเพศที่น่ากลัวนะครับโดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นแม่  เพราะเพียงแค่จบประโยคนั้นผมก็ทิ้งผ้าห่มแล้วรวบตัวแม่มากอดซะแล้ว ผมเข้าใจแล้วครับแม่  ผมเข้าใจแล้ว แม่ลูบแผ่นหลังของผมเบาๆไปมาปากก็พร่ำพูดคำที่ทำให้ผมน้ำตารื้น

“ลูกชายของแม่...ลูกชายของแม่...ของแม่คนเดียว”



ผมสะดุ้งตื่นเอาตอนเกือบตี 4  ห้องมืดมิดอาการไข้ไม่ทุเลาแต่ก็มึนหัวน้อยลงคงเป็นเพราะผมกินยาก่อนนอน  กวาดตามองผ่านความมืดแล้วก็ได้แต่สมเพชตัวเอง

ทำไมนะทั้งๆที่บอกกับตัวเองว่าจะเลิกคาดหวังเลิกรักเค้าแล้วแท้ๆแต่ทันทีที่ลืมตากลับกวาดตามองหาเขาก่อน

ยังหวังลึกๆว่าจะเจอเค้านอนกอดผม

ยังหวังอยู่ลึกๆว่าลืมตาตื่นขึ้นมาเขาจะนอนตะแคงจ้องหน้าผมอยู่

ยังหวังลึกๆว่าลืมตาตื่นขึ้นมาจะเห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเขา

แต่จริงๆแล้วมีเพียงห้องที่ว่างเปล่า

อีกครั้งที่ผมเผลอลูบลงบนผิวเตียงข้างกายทั้งๆที่ควรจะชินแล้วกับการไม่มีเขา แต่สิ่งที่ผมตัดสินใจยิ่งทำให้การตัดใจยากขึ้นเป็นล้านเท่า  จริงอยู่ที่คนรักกันควรรับได้ทุกอย่างที่เขาเป็น แต่ผมรับกับมุมมองความคิดที่เปลี่ยนไปของเขาไม่ได้จริงๆ  ผมคงยึดติดมากเกินไปว่าคนเราจะไม่มีทางเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง

ผมอาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไป  อาจเป็นเพราะผมเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ของผมปลูกฝังแต่ทัศนคติที่ดีให้ผม ผมเกิดมาเป็นลูกชายคนเดียวแน่นอนครอบครัวของผมต้องคาดหวังกับตัวผมค่อนข้างมากโดยเฉพาะอาม่าของผม

ผู้หญิงที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของผมมากที่สุด  อาม่าสั่งให้ไปซ้ายผมก็ต้องไปซ้ายโดยที่ห้ามแตกแถวเด็ดขาด ทุกคนมอบแต่สิ่งดีๆให้กับผม

ผมเกิดมา 30 ปีกับสภาพแวดล้อมที่ดีครอบครัวที่อบอุ่น  ผมไม่เคยขาดความรักเพราะฉะนั้นผมไม่รู้หรอกว่าอาการโหยหาความรักจนเกินความพอดีของเมฆมันคืออะไร

ผมรู้แค่ว่าเขาเจ็บปวดกับสถาบันครอบครัว เขาเจ็บปวดกับการถูกดูถูกเหยียดหยาม เขาอ้างว้าง... ผมก็แค่...โอบกอดเขาไว้ให้แน่นที่สุด  เนิ่นนานที่สุด แต่ตอนนี้ผมแค่คลายอ้อมกอดลงเพราะเขามีคนพร้อมจะโอบกอดเขามากมาย...ผมคนนี้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

อากาศด้านนอกยังคงเย็นขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในไม่กี่ปีที่กรุงเทพจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ ป่านนี้เขาจะไปนอนอุ่นอยู่ในอ้อมอกใครนะ ศิโรจน์... เร็นรุ่นน้องคนนั้น ดาราสาวๆสวยๆซักคน หรือหนุ่มน้อยหน้าใสเอวบางร่างเล็กกันนะ  คนเรานี่ก็แปลกนะครับอะไรที่คิดแล้วทำให้ตัวเองไม่สบายใจก็ยิ่งคิด  อะไรที่นึกภาพแล้วหัวใจเจ็บช้ำก็ยิ่งไปนึกถึงให้มันตอกย้ำลงมา ตอกลงมา...ตอกจนแทบกระอักเลือดออกมาเลย

อีกไม่กี่ชั่วโมงลูกปัดถึงจะมา...ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น  ผมคิดถูกแล้วใช่มั้ยที่ตัดสินใจโทรไปเล่าให้ลูกปัดฟัง ผมแค่อยากระบายให้ใครซักคนที่พร้อมจะเข้าใจเรา  ผมแค่อยากมีใครซักคนคอยปลอบใจ ใครซักคนที่จะเข้าข้างผม...



“หมออออออออ”

ผมมองฝ่าฝูงชนที่เดินกันขวักไขว่ในดอนเมืองดวงตามองต่ำลงจากระดับคนปกตินิดหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กเดินราวหุ่นยนต์มาหา...

ลูกปัดมันสะพายเป้ใบใหญ่ใบหนึ่ง  ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ตัวเก่ง

“คิดถึงงงง”  ผมรับเป้จากไหล่ลูกปัดมันหนักอึ้งลูกปัดมันพยายามจะแย่งคืนผมถอดเสื้อวอร์มที่ผมใส่มาคลุมให้มันเพราะเสื้อมันบางเหลือเกิน

 “เสื้ออุ่นจัดเลยไข้ยังไม่ดีขึ้นเหรอคะ”

“อือ...ดันตื่นมาตอนตี 3 กว่าแล้วก็นอนไม่หลับ  จริงๆปัดไม่ต้องมาก็ได้นะเกรงใจไหนจะค่าตั๋วเครื่องบินอีกเดี๋ยวหมอคืนให้นะ”

“เฮ้ยไม่เป็นไรหมอบ้านปัดรวยนี่ถ้าไอเป็นเพชรเป็นทองได้คงไอไปแล้ว”  ผมหันไปค้อนให้กับลูกปัดไปซะทีหนึ่ง จ่ะ...แม่เศรษฐีค่ายมวย

“แล้ว...”

“เค้าหายไปตั้งแต่เมื่อวานแหละไม่ได้กลับมานอนที่ห้องคงไปค้างกับใครซักคน”

“หมอ...ไม่เป็นไรนะ  เดี๋ยวปัดจัดการเอง  ตบก่อนเคลียร์ทีหลัง”



ผมตั้งใจว่าจะรีบกลับคอนโดมาหาหมอตั้งแต่เช้าแต่ปรากฏว่าพอเดินลงมาข้างล่างแม่กับพ่อกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่  หมอกออกไปก่อนหน้าผมแล้วแม่บอกว่าหมอกจะไปซ้อมดนตรีกับเพื่อนซึ่งก็คงเป็นอาทิตย์นั่นแหละ  ตามประสาคนเห่อของใหม่อยากลองของ  แม้ใจจะอยากปฏิเสธมื้อเช้าขนาดไหนแต่พอเห็นสายตามีความหวังของแม่มันก็เหมือนมนต์สะกดให้ผมค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้พลางยื่นมือไปรับชามข้าวต้มที่แม่ยื่นมาให้

เราทานข้าวกันไปเงียบๆ  แอบมองนาฬิกาเป็นครั้งคราวอย่างกระวนกระวายใจ ป่านนี้หมอของผมจะหายไข้หรือยังนะ ทานข้าวที่เตรียมไว้ให้หรือเปล่า

“หมอกนี่ออกนอกบ้านได้ทุกวันชักจะเหลวใหล”  แม่เอ่ยปากบ่นเจ้าน้องชานตัวดีที่วันๆถ้าอยู่บ้านไม่เล่นเกมส์ นอน ก็นั่งดีดกีต้าร์  เขียนเพลงเล่นทั้งวัน

“มันไปเล่นบ้านเพื่อนเห็นว่าแถวบ้านเพื่อนมีห้องซ้อม  บ้านเรามันคับแคบแล้วคงไม่สะดวกที่จะพากันมาเล่นที่บ้าน”

“แต่ออกไปทุกวันแบบนี้ก็น่าเป็นห่วง  หมอกยิ่งชอบไปมีเรื่องอยู่ด้วย  แล้วคุณดูหน้าลูกสิฟกช้ำดำเขียวมาแบบนั้นต้องไปก่อเรื่องก่อราวมาอีกแน่ๆ”

“จะทำยังไงได้ล่ะ”

“แม่ว่าพ่อเอาเงินที่เราเก็บไปซื้อบ้านใหม่เถอะ  ส่วนที่ขาดก็ไปขอกู้ธนาคารเอา”

“ไม่เอาล่ะไม่อยากเป็นหนี้เป็นสินตอนแก่กว่าจะผ่อนบ้านหมดแก่หง่อมกันพอดี”  ผมนั่งฟังพ่อกับแม่พูดเรื่องบ้านกันอีกพักอย่างเงียบๆ

นั่นสิ...ผมว่าบ้านเรามันเล็กไปแล้วจริงๆ  ถ้ามันใหญ่กว่านี้ มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่านี้  มีห้องซ้อมดนตรีให้หมอก  มีสนามหญ้าปลูกต้นไม้สวยๆให้แม่ก็คงจะดี

ผมช่วยแม่เก็บโต๊ะหลังจากเรากินเสร็จพ่อแยกตัวกลับขึ้นไปข้างบนเปิดทีวีดูข่าวแม่ยังคงง่วนอยู่กับการล้างถ้วยล้างชาม  ผมพยายามจะเข้าไปช่วยแล้วแต่แม่ก็ไล่ให้ออกมานั่งเล่น

ผมกวาดตามองรอบบ้านหลังเล็กๆที่อยู่มาตั้งแต่หกขวบอย่างประเมินบางอย่างคร่าวๆในใจ ถ้าซื้อบ้านใหม่เงินในบัญชีของผมจะลดลงไปเยอะมั้ยนะ... ไม่สิ...มันจะพอมั้ยนะ??

ที่สุดก่อนที่จะถูกรั้งตัวให้กินอาหารเที่ยงผมก็ลาแม่กลับอ้างว่ามีธุระต้องทำต่อ  ช่อดอกไม้ยังคงสดอยู่ผมหยิบมันจากแจกันใบใหญ่มุมห้องเปิดกระเป๋าเงินหยิบธนบัตรที่มีอยู่ในนั้นทั้งหมดยื่นให้แม่

“เอาไว้ใช้นะครับซื้อเสื้อผ้าสวยๆของกินดีๆนะครับแล้วผมมีคิวว่างเมื่อไหร่จะมารับไปหาดูบ้านใหม่กัน”  ผมพูดแค่นั้นก็เดินออกมาหยิบรองเท้าจากตู้ใส่รองเท้ามาใส่  แม่เดินเร็วๆตามผมมาดวงตาโตอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังตื่นเต้น

“เมื่อกี๊เมฆพูดว่ายังไงนะแม่ฟังไม่ถนัด”

“ผมว่าไว้ว่างๆจะมารับไปดูบ้านนะครับ ระหว่างนี้ผมจะให้พี่เดย์ผู้จัดการส่วนตัวของผมหาให้ไปพลางๆก่อน”

“แต่เมฆ...ไม่ต้องก็ได้ลูก  พ่อกับแม่ก็บ่นกันไปอย่างนั้นเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับผมคิดจะซื้ออยู่แล้วด้วยยังไงถ้าได้แบบบ้านผมจะส่งมาให้นะครับผมไปก่อนนะครับแม่”  ผมขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกอดแม่ไปหนึ่งทีหอมซ้ายหอมขวาแล้วเตรียมเดินออกจากบ้าน

จุ๊...จุ๊...จุ๊

ตั่บ...

“เหี้ย!!”  ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจิ้งจกตัวหนึ่งอยู่ๆก็ร้องขึ้นมาแถมยังหล่นแหมะลงมาต่อหน้าต่อตา

“จิ้งจกทักโบราณบอกว่าอย่าเพิ่งให้คนโดนทักออกจากบ้านไม่งั้นจะเกิดโชคร้าย”

“ไร้สาระน่าแม่”

“เขาเชื่อกันมาแบบนี้ลูกก็ฟังหน่อยนะ”

ผมปฏิเสธข้อเสนอของแม่พลางบอกแม่ว่าให้ดูแลตัวเองบ้างแล้วก็ก้าวเท้าออกมาจากบ้าน จิ้งจกทัก...จะมีเคราะห์เหรอ ไร้สาระน่ะ แล้วนี่ตาขวาผมเป็นอะไรเนี่ยกระตุกยึกยักอยู่ได้...

รู้สึกเช้านี้อะไรๆสำหรับผมดูจะติดขัดไปซะหมดก็พอออกจากบ้านแล้วหน้าซอยบ้านดันปิดถนนขุดท่อผมต้องกลับรถขับอ้อมไปอีกทาง ติดไฟแดงไปซะเกือบ 10 แยก  คือเขียวอยู่หลัดๆพอผมจะผ่านเหลืองแล้วก็แดงซะอย่างนั้น แถมรถยังติดอีกเป็นชั่วโมงเพราะเกิดอุบัติเหตุรถชนกันตำรวจต้องเคลียร์ทางรถก็แน่น บังเอิ๊น....บังเอิญ

ผมวนหาที่จอดรถในคอนโดแปลกที่วันนี้ลานจอดรถที่เห็นว่ากว้างขวางมาตลอดกับแน่นขนัดด้วยรถยนต์หลากสีกว่าจะหาได้นี่เล่นเอาหงุดหงิด  หยิบช่อดอกไม้ที่คอเริ่มตกเล็กน้อยกับถุงอาหารที่แวะซื้อมาใหม่มีกล่องเสื้อกันหนาวที่เลือกมาให้หมอจิณณ์ด้วยเฉพาะมาถือไว้  ที่ลืมไม่ได้คือกล่องบุกำมะหยี่เล็กๆข้างในบรรจุแหวนเกลี้ยงๆวงหนึ่งแต่เป็นแหวนทองคำขาวแบบเดียวกับที่ผมห้อยคอไว้((ถ้าไม่ได้ไปถ่ายซีรี่ส์หรือถ่ายรายการอะไรผมก็เอามาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายไว้ในบางครั้ง)) ล็อกรถแล้วก็เดินเข้าตัวตึก พยายามคิดคำง้อที่ดูจะไม่ทำให้หมออารมณ์เสียตรงไปที่ลิฟท์

“ขอโทษครับลิฟท์เสียครับ”

“ห๊ะ??”

“เมื่อเช้ามันค้างครับตอนนี้ช่างกำลังเช็คดูอยู่รบกวนใช้บันไดนะครับ”

ครับ...วันนี้วันดีเป็นศรีวัน  พระสุริยันเรืองรองผ่องศรี... ลิ้นห้อยครับ... ณ จุดนี้ ห้องหมออยู่ชั้น 7



Rrrrrr…

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นเมื่อล้วงดูด้วยความทุลักทุเลาก็ต้องกรอกตาทำหน้าเบื่อ  พี่เดย์โทรมา คือตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อนของผมละครถ่ายจบแล้วผมจึงขอเวลาเที่ยวเล่นเดือนหนึ่งเพื่อจะมาง้อหมอ  แล้วนี่อะไรโทรมาแบบนี้จะยัดงานป้อนงานแทรกตารางให้ผมอีกเหรอ ถึงไม่อยากรับสายแต่สุดท้าย

“ครับ”

“อยู่ไหน”

“ห้องหมอครับ”

“อืม...แค่นี้แหละ” แค่นี้แหล่ะจริงๆนะครับ  พี่เดย์พูดแค่นั้นแล้วก็ตัดสายไป รอบนี้มาแปลกแฮะไม่เซ้าซี้...ปกติจะต้องบ่นนั่นบ่นนี่ยาวยืดจนผมต้องแกล้งทำสายหลุดไปก็หลายหน

ผมค่อยๆเดินขึ้นบันไดทางหนีไฟ  รู้สึกอยากตบตัวเองที่หอบซื้อของมาซะเยอะใช้เวลาเกือบ 15 นาทีก็มายืนหอบแฮ่กอยู่หน้าห้อง ควานหากุญแจสำรองแล้วก็ได้แต่อ่อนใจ ลืมไว้ในรถ...


ตัดสินใจเคาะประตู  เงี่ยหูฟังเสียงขลุกขลักในห้องแสดงว่าหมอไม่ได้ไปไหน สูดหายใจลึกๆเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ก็พอจะรู้ตัวแหละว่าทำไม่ดีไว้กับหมอ ก็ผมอยากทำๆกันนะกับหมอนี่ครับเลยคุมสติตัวเองไม่อยู่ พยายามลองยิ้มว่ายิ้มแบบไหนหมอจะใจอ่อน  ยกมือขึ้นอังปากพ่นลมหายใจเพื่อเทสกลิ่นปาก อ๊า...ชุ่มคอ...ชื่นใจ...เหมือนยืนอยู่ในน้ำตก...

กริ๊ก...เสียงล็อกในห้องถูกปลดก่อนประตูจะเปิด  ผมรีบฉีกยิ้มเต็มที่แต่!!! หวา.....ต้นคอของผมถูกกระชากอย่างแรงจนผมหน้าทิ่มเข้ามาในห้องของที่ถือมาหล่นระนาว

อั่ก!!!

แอ่ก!!!

จุกครับ  ณ  จุดนี้

ว็อท แฮ๊พเพ่น????

เกิดอะไรขึ้น....ผมนั่งจุกได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกดึงคอเสื้อให้ยืนขึ้นก่อนหมัดขวาของใครซักคนจะอัดเข้ามาเต็มๆท้องของผม หรือจะมีโจรบุกเข้ามาฆ่าข่มขืนหมอของผมคิดได้ดังนั้นผมเลยเหวี่ยงแขนออกไปมั่วๆแต่ก็โดนปัดหมัดทิ้งจากนั้นผมก็ร่วงไปอยู่กับพื้นอีกรอบเพราะหมัดลุ่นๆเสยปลายคางของผมจนหน้าชาร้าวไปทั้งแถบ

“โอ้ย”

“หมัดนี้ให้กับการทรยศความเชื่อใจของหมอ”

เสียงใครวะ คุ้นๆ  ผมสะบัดหน้าไล่ความมึนงก่อนจะลุกขึ้นยืนเซๆพยายามตั้งสติแต่ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากเพราะพอลุกก็เจอมอญยันหลักเข้าให้จนกระเด็นหงายหลังก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นอีกรอบ

“ไอ้ปัด”

“เออ กูเอง”  ผมไอแห้งๆออกมาความจุกเจ็บจนบรรยายไม่ถูก มันเรื่องอะไรกันที่ไอ้เพื่อนตัวเล็กของผม ที่ตอนนี้ควรจะนั่งนับกระสอบข้าวในโรงสีมาโผล่ในห้องเมียผม แล้วดูมันสิ ใส่นวมสีแดง คิดว่าเป็นใคร?? ลูกศิษย์บัวขาวเหรอ ผมไม่ทันคิดอะไรได้มากไอ้ตัวเล็กมันก็ปรี่เข้าหาผม...

ผมมองหาตัวช่วยรีบกระเสือกกระสนไปที่โซฟาคว้าหมอนอิงใบใหญ่มาป้องกันหมัดเท้าเข่าศอกที่ประเคนเข้ามาไม่ขาดสาย เอ็งเป็นวัวบ้าหรือไง

จ๊ากกกกกกก

“หมอ...หมอครับหมอช่วยผมด้วย”  ผมวิ่งไปรอบห้องพลางร้องเรียกตัวช่วยไอ้ลูกปัดมันถอดนวมเขวี้ยงใส่หัวผมเสียงดังปั่กก่อนใช้นิ้วเล็กๆชี้หน้าผมตามันขวางราวกับโด๊ปยาเกินขนาด

“มึงยังมีหน้าเรียกให้เขามาช่วยมึงอีกเหรอไอ้เมฆ  เสียแรงนะที่กูออกเงินให้มึงไปทำหน้า  มึงทรยศความศรัทธาความเชื่อใจที่กูมีต่อมึงแบบนี้ได้ยังไง  มึงทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจหมอที่รับมึงมาอยู่ด้วย รักมึงดูแลมึงเอาใจใส่มึงแบบนี้ได้ยังไง  คนไทยน่ะถือคติอย่างหนึ่งมึงรู้มั้ย...เขาถือว่าแค่ข้าวจานเดียวก็มีบุญคุณใครลืมคุณคนนั้นมันคือคนเนรคุณ  แล้วนี่นอกจากมึงจะเนรคุณแล้วมึงยังเลว  มักมากในกาม  ความรักที่มึงชอบพูดว่าไม่เคยได้น่ะ  ตอนนี้มึงก็ได้แล้วไงยังจะเอาอะไรอีกรู้ตัวมั่งหรือเปล่าว่ามึงมันกลายเป็นบ่อทรายไปแล้วถมเท่าไหร่เติมเท่าไหร่ก็ซึมหายไปหมด  ได้จนไม่รู้จะได้ยังไงทำไมยังไม่พอใจ   มีหน้ามาเรียกขอให้หมอช่วยมึงกำลังจะเสียเขาไปแล้วไอ้ควายรู้ไว้ด้วย แหมพูดแล้วขึ้น นั่นจะไปไหน”  ผมที่พุ่งตัวจะเข้าไปในห้องนอนถูกสกัดด้วยการดึงปลายเท้าไว้แล้วแข้งเล็กๆแต่น้ำหนักไม่เบาก็ฟาดตั่บลงมาบนต้นขา เสียงไอ้ลูกปัดขานท่าดังแว่วๆ

“เถรกวาดลาน!!”

ฉันรู้แล้วว่าแกเป็นลูกสาวเจ้าของค่ายมวย...แต่นี่ห้องหมอนะไม่ใช่สังเวียนแล้วฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแกนะ คือจริงๆผมก็สู้ได้แหละแต่คือลูกปัดมันเป็นผู้หญิงผมทำร้ายผู้หญิงไม่ลง ร้าวตั้งแต่ปลาขาถึงโคนไข่ เจ็บจนต้องทรุดตัวลงไปกองกับพื้นอีกรอบ ฉันไปทำอะไรให้แก๊ ลูกปัดใจร้าย...

“ทำไมทำแบบนี้ฮะเมฆ  ฉันสู้ยอมแลกอิสระของฉันเพื่อให้แกได้มีชีวิตใหม่  แล้วทำไมแกถึงเปลี่ยนไป”  มันพูดไปเสียงก็สั่นขึ้นเรื่อยๆ  ดวงตาของมันวาวด้วยน้ำใสที่ปริ่มๆขอบตา

“ฉันเปลี่ยนไปตรงไหน  ฉันก็เป็นคนเดิม  เพียงแต่ว่าฉันแค่ขอเวลาสนุกนิดหน่อยทำไมหมอไม่เข้าใจฉันล่ะ  อ๋อ นี่คงโทรไปฟ้องกันสินะ  หมอ..หมออยู่ไหน ทำไมไม่ออกมาดูล่ะว่าผัวตัวเองโดนทำร้ายขนาดไหน  แกก็เหมือนกันลูกปัดเงินของแกฉันก็คืนไปหมดแล้วนะแกไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำแบบนี้กับฉัน  อีกอย่างหมอเขายังไม่ห้ามไม่ว่าอะไรฉันเลยแล้วแกมายุ่งทำไม”

ณ จุดนี้ปัดปรี๊ดมากนะจ๊ะ นะจ๊ะ  ดูมันพูดออกมาสิที่ปัดพูดไปตั้งยืดยาวเมฆไม่ได้สำนึกเลยใช่มั้ยจ๊ะ คือคำพูดของปัดมันเจาะกะโหลกหนาๆไม่เข้าหรือเมฆเลวเกินเยียวยาแล้วจ๊ะ

กว่าจะกล่อมให้หมอยอมนั่งอยู่ในห้องนอนไม่ให้ออกมาได้ก็ตั้งนาน  ขอเวลาหมอ 15 นาทีในการสั่งสอนเพราะปัดคิดว่าเมฆยังหลงเหลือสามัญสำนึกอยู่บ้างแต่เปล่าเลย ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้มันครอบงำเมฆหมดแล้วใช่มั้ย ปัดเสียใจเกิดมาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาน้ำตาคลอกับเพื่อน

เมฆเห็นปัดนิ่งไปก็กดยิ้มกวนบาทามาให้ปัด เมฆคงคิดว่ามันจบแล้วล่ะสินะ เมฆก้าวเท้าเบี่ยงทิศไปที่ประตูห้องนอนอีกแล้ว อย่าหมายนะจ๊ะ นะจ๊ะ  ต่อไปนี้ห้องหมอคือเขตหวงห้ามสำหรับลูกเป็ดใจทราม  ปัดรีบใส่เกียร์หมาเข้าหาเมฆดึงมือเมฆไว้ ไม่ใช่ฉากในเอ็มวีนะจ๊ะ  อะไรแบบนั้นมันหมดไปแล้วปัดก็แค่ดึงมือเมฆไว้พอเมฆหันมาปัดก็แค่ถอยหลังให้ได้จังหวะ จากนั้นก็

“ย๊ากกกกกกกกกกกก”

ผลั่ว!!

แอ๊ด!!

ผลั่ก!!

“เมฆ///เมฆ!!”

สองสียงประสานกันในจังหวะที่ปัดกำลังขานท่า

“บาทาลูบพักตร์!!”

จ้า...ปัดถีบขึ้นไปเต็มๆคางเมฆเลยจ้า  เมฆกรอกตาไปมาก่อนจะทำตาลอยๆแล้วร่วงลงสลบกับพื้นห้องราวนกปีกหักพร้อมๆกับประตูห้องนอนกับประตูห้องของหมอถูกเปิดออก  ในห้องนอนหมอจิณณ์อ้าปากค้างก่อนจะพุ่งมาช้อนหัวเมฆประคองกอดไว้แนบอก ส่วนหน้าประตูศิโรจน์ในสภาพคล้องเผือกอ่อนไว้ที่แขนข้างขวามองภาพในห้องก่อนจะตวัดตาดุใส่ปัด

“อีทอมบ้าแกทำอะไรเมฆ”

“เล่นตี่จับมั้ง  มาก็ดีนะคุณผู้จัดการ”  ปัดย่างสามขุมเข้าหาเดย์นะจ๊ะ  เสียดายหน้านี้หน้าหนาวทุเรียนไม่มี... แต่ไม่ต้องก็ได้จ้าปัดสามารถอยู่แล้ว...เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นานร่างของเดย์ก็กระเด็นไปนอนหลับพริ้มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับไอ้เพื่อนเลว…อย่างศิโรจน์นี่ต้องจัดคอมโบ้เซตชุดใหญ่แถมสลัดนะจ๊ะ  แต่ที่แปลกกว่าที่อื่นคือน้ำสลัดที่เสิร์ฟให้มันเป็นสีแดงเกิดมาจากส่วนผสมของเลือดจากปากล้วนๆจ้า

หมอจิณณ์เม้มปากจ้องสลับระหว่างเมฆกับเดย์ก่อนจะวางเมฆลงบนพรมห้องแล้วหายเข้าไปในห้องนอนก่อนจะกลับออกมาพร้อมกระเป๋าเงินและกุญแจรถ

“คือ...พาเค้าไปโรงพยาบาลเถอะ”

นี่สินะ...ที่เขาบอกกันว่าถึงเลวก็รักนะจะเป็นยังไงก็รักนะ  หมอประคองเมฆอย่างทุลักทุเลในขณะที่ปัดลากศิโรจน์ออกมานอกห้อง

“เดี๋ยวหมอ...ลิฟท์เสียนิ๊”

“ป่านนี้เสร็จแล้วมั้งก็รายนั้นขึ้นมาไม่มีเหงื่อซักหยด”

“หมอ...ขอโทษนะที่ทำรุนแรงแต่ได้ยินแล้วมันอดไม่ได้จริงๆ”

“หมอคงว่าอะไรไม่ได้หรอกแต่ลูกปัดจัดเซตสุดท้ายซะเน้นๆไม่รู้คางที่ทำไว้จะกระทบกระเทือนหรือเปล่า”

นี่สินะ.... ก็คนมันรักน่ะสินะ  เค้าทำให้เจ็บช้ำน้ำใจก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเค้า โถ...หมอของปัด เห็นแบบนี้แล้วอยากจัดคอมโบ้เซตใส่อิสองตัวที่ยังสลบอีกซักรอบ พูดแล้วของขึ้น ปัดเลยปล่อยนังเดย์ให้ร่วงลงพื้นแม่งเลย

“อุ๊ย...ขุ่นพร๊ะ!!!...หลุดมือ...ขอโทษค่ะ”

เกิดมาไม่เคยทำหน้าตาและน้ำเสียงตอแหลแบบนี้มาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรก....รางวัลออสการ์ต้องเป็นของลูกปัดมือตบลุ่มแม่น้ำปิงชัวร์
 

............................
ใกล้จบแล้ว อย่ารำคาญกันเลยนะเธอจ๋า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2018 11:54:45 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
รำคาญผู้จัดการอ่ะ มีสิทธิไรมาห้องหมอ เกลียดดดดดดดดดดดดดดด  :z6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น้ำคำขอวพ่อเลี้ยงกับแม่ ฟังดูตอแหลมากๆเลย

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ในที่สุดดดด คิดถึงปัดมากเอาจริง มันต้องโดนหน่อยแล้วล่ะเลวขนาดนี้  :katai4:

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เกลียดพ่อแม่อิเมฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆ
เกลียดมากกกกกกกกก ดูหลอกลวงอะ เกริ่นทำไมเรื่องบ้าน หนอยยยยยยยย
อิเมฆ แกต้องไม่โง่นะ บุญคุณเลือกตอบแทนได้ ไม่จำเป็นต้องแลกด้วยเงินเสมอไป

ลูกปัดเอาพวกมันให้พิการไปเลยนะ ทั้งอิเมฆและอิผจกแรดเรียกพ่อ

ไม่อยากให้หมอคู่กะคนแบบนี้เลย หมอคนดีของเค้าาาาาาาา

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:17:]
เจ็บ...ผมขยับตัวก่อนจะร้องออกมาเบาๆเมื่อความเจ็บร้าวจากซี่โครงแล่นเข้าประสาท ผมไปโดนอะไรมานะ  พยายามคิด คิด แล้วก็คิด..

“ฟื้นแล้วๆ”  เสียงใสคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆผมลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าหวานพร้อมดวงตาใสแป๋วราวกับลูกกวางน้อยน่ารัก กวางน้อยของผม...

“หมอปัดออกไปรอข้างนอกนะคะมีอะไรก็เรียกนะปัดพร้อมรบตลอด 24 ชม.” ไอ้ปัดมันไม่มองหน้าผมเลยซักนิดมันว่าจบก็เดินออกจากประตูไปเลย

“หมอ...ผมเจ็บจังเลย”  ผมคว้ามือหมอมาแนบแก้มแล้วพูดอ้อนๆใส่  นาทีนี้ขออ้อนเมียไว้ก่อนเรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยเคลียร์กัน

จำได้แล้วว่าโดนอะไรมา  ตีนไอ้ลูกปัดเต็มๆเน้นๆ  หมอกัดปากพลางดึงมือออกแต่มีเหรอที่ผมจะยอมผมยังยึดมือหมอไว้แน่น ผมไม่ยอมปล่อยให้หมอปล่อยมือจากผมไปแน่ ผมจะไม่ยอมเสียอะไรไปทั้งนั้น

“หมอครับผมขอโทษ”  ผมส่งสายตาเศร้าไปให้หมอหลุบตามองผมพลางเม้มปากแน่นเข้าไปอีก  ดวงตาไหวระริกนั่นแทบทำให้ผมเกือบจะลุกขึ้นไปกดจูบซับน้ำตาเสียแต่ว่าผมยังเจ็บซี่โครงอยู่

“...”

ไม่มีคำพูดอะไรออกปากปากที่ยังเม้มสนิทจนเป็นสีซีดนั้นผมเลื่อนมือหมอออกจากแก้มก่อนจะพรมจูบลงบนเรียวนิ้วทีละนิ้วช้าๆ

“ผมขอโทษ”

จุ๊บ...

“ผมขอโทษ”

จุ๊บ...

“ผมขอโทษนะครับหมอ”

จุ๊บ...

“ผม...”

“พอเถอะ..”  หมอชักมือออกโชคดีที่ผมไวกว่าถึงแม้การเคลื่อนไหวของผมจะทำให้เจ็บซี่โครงมากขึ้นไปอีกแต่ผมก็ไวพอที่จะดึงมือหมอให้หมอหันกลับมาหาผมอีกครั้ง

“นายจะขอโทษหมอเรื่่องอะไรมั่งล่ะ”  ในเมื่อดึงยังไงก็ดึงไม่ออกหมอจึงปล่อยมือของตัวเองไว้ในอุ้งมือของผมนิ่งแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา  เย็นชาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ทุกๆเรื่องเลย  หมอรู้มั้ยครับเมื่อวานซืนผมหายไปไหนมา...ผมพาน้องไปซื้อกีต้าร์มาแล้วเลยแวะไปบ้าน  ตอนนี้ผมปรับความเข้าใจกับพ่อแม่แล้วนะครับผมได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับพ่อแม่แล้วก็น้องแบบที่ผมฝันแล้วนะครับหมอดีใจกับผมหรือเปล่า  ไว้ว่างๆเราไปบ้านของผมกันนะครับผมจะแนะนำให้ครอบครัวของผมรู้จักกับหมอ”

“ไม่ต้องหรอกพ่อแม่นายน่ะหมอเจอท่านแล้ว  ระหว่างที่นายสลบหมอบอกหมอกให้มาเฝ้านายหมอกเลยพาพ่อกับแม่มาด้วย  ตอนนี้นายก็ได้ในสิ่งที่ฝันมานานแล้ว  ทั้งเรื่องครอบครัว  หน้าที่การงาน  นายมีคนที่รักนายอยู่เต็มไปหมดแล้วเพราะฉะนั้น..” อีกครั้งที่หมอค่อยๆดึงมือของตัวเองออก

“เลิกดึงรั้งฉันไว้กับความเห็นกับตัวของนายซักที”


ผมดึงมือของผมออกจากเมฆอย่างเร็วตัดสินใจเอ่ยคำว่าเลิกกันทั้งที่น้ำตากำลังจะไหล มันเจ็บ  เจ็บเหมือนโดนน้ำกรดกัดลงมาในหัวใจของผม

เคยสงสัยเหมือนกันว่าในชีวิตเราน่ะจะสามารถรักใครจนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกบ้างมั้ย ถ้ารักมากแล้วต้องเลิกกันมันจะขาดใจตายเหมือนในซีรี่ส์กับเพลงที่ได้ดูบ่อยๆมั้ย? ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอาการเหมือนใจจะขาดตายซะตั้งแต่คำว่าเลิกกันยังไม่หลุดออกจากปากเลยด้วยซ้ำ

ผมหันหลังจะเดินหนีเค้าและทันทีก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านหลังพร้อมๆกับแรงกอดรัดที่เอวของผม  ไหล่ของผมก็ถูกกดจากปลายคางและถูกพรมจูบด้วยริมฝีปากอุ่นของเขา  เขาไม่สนใจเลยว่าเข็มที่แทงน้ำเกลือไว้จะทำให้เลือดของเขาไหลจนเปรอะเสื้อผ้า

ผมกุมข้อมือของเขาไว้ด้วยความเป็นห่วงแต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยทำเพียงจับไว้นิ่ง ผมจะใจอ่อนไม่ได้เพราะถ้าผมใจอ่อนเราก็จะกลับไปอยู่วังวนเดิมๆอีก ผมไม่อยากร้องไห้เหมือนสาวน้อยอกหักอีกแล้วถึงแม้ว่าผมจะเป็นเมียเค้าแต่ผมก็แมนพอ

“อย่าไปเลยครับหมอ  ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป  ผมต้องการหมอนะครับ  ผมขอโทษ  ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมทำลงไปยกโทษให้ผมด้วยนะครับหมอ  อย่าทิ้งผม”

“จะรั้งผมไว้ทำไม  ตอนนี้คุณก็ได้ครบแล้วไงคุณเมฆ  คุณจะเอาอะไรกับผมอีก” ผมตัดสินใจใช้คำพูดเย็นชากับเขา  มือของผมก็แกะมือเขาออกจากเอวผมแต่มันก็เหมือนปมนั่นแหละ  ยิ่งแกะยิ่งพันกันยุ่งเหยิงผมแกะเขารั้ง จะรั้งผมไว้ทำไม..

ต้องการความรักงั้นเหรอ  ก็ได้แล้วไง  ได้จนล้นแล้ว แก้วใบที่เติมน้ำของเขามันล้นจนผมไม่สามารถจะเติมอะไรเข้าไปได้อีกแล้ว

“พอเถอะ...ปล่อยผมไปเถอะ”  ที่สุดผมก็ห้ามไอ้น้ำตาไม่รักดีไว้ไม่ได้  ผมแพ้มันปล่อยให้มันไหลออกมาแต่แทนที่เค้าจะปล่อยเค้ากับยิ่งกอดผมแน่นขึ้นไปอีก

ตอนนี้เมฆไม่ต่างอะไรกับเด็กชายตัวเล็กๆที่กำลังหวงของเลยซักนิด  แม้จะมีของเล่นใหม่เข้ามาแต่ของเล่นเก่าที่ดำคล้ำและผุพังอย่างผมเขาก็ไม่ยอมทิ้ง สองมือของเขาเล่นเพลินกับของเล่นใหม่แต่กลับใช้เท้าเหยียบผมไว้กันหมาหรือคนเก็บขยะมาคาบมากวาดทิ้ง ไร้ค่าแล้วแต่ก็ยังจะหวง ปล่อยผมไปตามทางซักที

“อย่าไป”

ปล่อยผมเถอะ

“ได้โปรด”

ช่วยปล่อยผม

“อย่าทิ้งผมไป”

จะรั้งผมไว้ทำไม

“ผมรักหมอ”

คำพูดหลอกลวง

“รักหมอที่สุด”

จริงเหรอ…ผมกำลังจะใจอ่อนอีกแล้วสินะ  มือที่พยายามแกะมือของเขาหยุดลง หันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาสับสน

ผมกำลังสับสนตัวเอง  ผมกำลังพ่ายแพ้หัวใจตัวเองอีกแล้ว  สายตาที่เขามองผม  ริมฝีปากที่พรมจูบลงมาบนหน้าและริมฝีปากของผมทำให้หัวใจที่คิดว่าเข้มแข็งกำลังละลายเหมือนเทียนที่ถูกจุดด้วยคำว่ารักของเขา

“คนอื่นผมแค่เล่นๆเองนะครับ”

“ปล่อยซักที  พอซักที  จะไปตายที่ไหนก็ไป”  ผมผลักเขาออกเหมือนคนที่กำลังควักหัวใจตัวเองโยนลงพื้น

พอซักที...เจ็บพอแล้ว  ผมวิ่งหนีออกจากห้องผ่านลูกปัดที่ลุกพรวดทันที เสียงเค้าเรียกตามหลังแต่ผมไม่ได้สนใจจะหยุด

พอแล้ว...เราเล่นสนุกกับความรู้สึกของตัวเองมาพอแล้ว  ความรักของเราก็เหมือนว่าว  เมื่อมันติดลมบนแล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องบังคับสายป่านอีกต่อไป ปล่อยให้มันติดลมบนแล้วต่างคนต่างอยู่ให้เป็นที่เป็นทางซะเถอะ ผมวิ่งหนีเขา...ร่างกายของเราห่างกันเรื่อยๆ ผมทิ้งหัวใจของผมไปแล้ว...ผมทิ้งครึ่งหนึ่งของชีวิตของผมไปกับเขาแล้ว ทิ้งลงแทบเท้าของเขาให้เขาขยี้เล่น พอทีเถอะนะจิณณ์ต่อไปนี้อย่าร้องไห้อีก  เข้าใจมั้ยไอ้น้ำตาบ้า  ไหลแค่วันนี้นะแล้วพรุ่งนี้อย่าออกมาเยี่ยมกันอีกล่ะ ขอผมอ่อนแอแค่วันนี้วันสุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ผม....

ผม....

ผม...

“ฮือออออออออออ”

ผมทรุดตัวลงบนบันไดหนีไฟแล้วรูดตัวลงกับผนังเย็นเชียวซบหน้าลงบนเข่าของตัวเอง ร้องไห้ออกมาอย่างเหลือกลั้น

ไม่เป็นไรนะ  ถึงไม่มีใครเช็ดน้ำตาให้นายเหมือนคราวที่อกหักคราวนั้นแต่นายยังมีหัวเข่าและแขนเสื้อของตัวเองนะ

ไม่เป็นไร...จิณณ์เก่งอยู่แล้ว ฮึก...เก่งอยู่แล้ว...ฮือ...เก่ง...ฮึก...ที่สุด

ปัดได้แต่ถอนหายใจเมื่อหมอเปิดประตูออกมาหน้าหมอแดงก่ำตาของหมอก็ร่ำๆจะมีน้ำตาไหลออกมาอยู่รอมร่อ  สีหน้าของหมอไม่ดีเลยหมอเดินเร็วๆจนกลายเป็นวิ่งไปที่บันไดหนีไฟ  ปัดขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปในห้อง

บนพื้นมีหยดเลือด  บนเตียงมีร่างสูงของเมฆนั่งคอตกหูตูบอยู่ เลือดไหลออกจากหลังมือของมันเพราะเข็มน้ำเกลือที่แทงไว้หลุด จริงๆควรเอาเลือดชั่วในหัวมันออกด้วยนะจ๊ะ นะจ๊ะ

ปัดเดินเข้าไปใกล้ๆมัน  เมฆมันเงยหน้ามองปัดตามันแดงก่ำ สภาพสีหน้าและแววตาไม่ต่างจากคนที่เพิ่งวิ่งลับหายไปเลยซักนิด ต่างคนต่างรักต่างคนต่างเจ็บ ผิดที่ว่าเพื่อนของปัดมันเปลี่ยนไป ทำไมจะไม่ได้ยินล่ะสิ่งที่มันพูดกับหมอน่ะ

“คนอื่นแค่เล่นๆงั้นเหรอวะเมฆ...แกเห็นคนอื่นเป็นเรื่องเล่นๆแต่หมอเขาจริงจังนะเฮ้ย  เค้ารักแกแบบไม่เผื่อใจไว้รักใครแล้วแล้วทำไมแกทำยังงี้วะ”  ปัดว่ามันด้วยสีหน้านิ่งๆ  เดินไปที่โต๊ะเมโยที่วางสำรับอาหารไว้  มือหยิบถาดขึ้นมาตีนก็เหยียบถังขยะให้มันเปิดออกแล้วค่อยๆเทอาหารเหล่านั้นลงถังขยะไป

“อย่าแดกมันเลยข้าวอ่ะ  โง่แบบนี้แดกนี่ก็แล้วกัน”  ปัดวางถาดอาหารลงที่เดิมก่อนจะเปิดกระเป๋าเป้แล้วเขวี้ยงของที่เตรียมมาใส่หน้ามัน

“พอกันทีไอ้เพื่อนเฮงซวยเลือกเอาแล้วกันว่าจะกินอะไรระหว่างหญ้ากับฟางข้าว  คนเหี้ยอะไรข้าวเขามีไว้ให้กินเม็ดมึงกลับแดกแดกฟาง.....ไอ้ควาย!!!”



สามอาทิตย์แล้วที่ผมใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไปทำงาน  ดูบอลตามลานเบียร์  ออกไปหาอะไรอร่อยๆกินกับลูกปัด  บางครั้งก็มีไอ้เด็กโย่งมากวนตีนทั้งที่โรงพยาบาลกับที่คอนโด

ทำไปทำมา  ผม  ลูกปัด  หมอก  และอาทิตย์  ก็กลายเป็นกลุ่มที่หัวหกก้นขวิดไปด้วยกันซะงั้น สามคนนี้ผลัดกันแวะเวียนมาทำให้ชีวิตของผมไม่เงียบจนเกินไป

สัปดาห์แรกๆเมฆยังคงแวะเวียนมาทำให้หัวใจของผมสั่นไหว แต่ผมก็เลือกที่จะไม่เปิดประตูรับเค้าเข้ามา  เปลี่ยนรหัสเข้าห้องใหม่  เอาของๆเขาฝากลูกปัดไปคืน  รูปทุกบานของเขาถูกเก็บใส่ลังแล้วซุกเข้าใต้เตียง

ผมเข้มแข็ง ผมร้องไห้ในช่วงสัปดาห์แรกทุกคืน แทบจะตลอดเวลาที่อยู่คนเดียวเลยก็ว่าได้แต่สุดท้ายแล้วผมก็ปาดน้ำตาทิ้งแล้วเชิดหน้าขึ้น คนเราจะมัวมาอ่อนแอแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ  ชีวิตเราต้องเดินต่อไป ผมจะเชิดหน้าจะสู้กับความรู้สึกของตัวเอง

ผมจะต้องอยู่ได้เหมือนเมื่อก่อน อยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว  อยู่ได้โดยไม่ต้องมีเขา แต่มันก็ยากเหลือเกินที่ผมจะลืมเขาเพราะไม่ว่าไปทางไหนก็จะพบกับโฆษณาของเขาในทีวี ข่าวของเขาในหนังสือพิมพ์ ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ตามทางด่วนหรือแม้แต่ตึกใหญ่ๆก็มีแต่รูปเขาเต็มไปหมด

ไอ้โอปปาติกะ...

ผมละสายตาจากป้ายโฆษณาหันมาสนใจท้องถนน

ไอ้ดำ...

ไอ้อ้วน

ไอ้ฟันเหยิน

ไอ้เหงือกเยอะ

ไอ้เงิง

ไอ้บ้า

ด่าแม่ง.. เหี้ย..

ผมขับรถเข้ามาจอดบริเวณลานกว้างที่ถูกเติมเต็มด้วยซุ้มอาหารพวกปิ้งย่างต่างๆ  บนเวทีมีวงดนตรีขึ้นไปผลัดกันแสดง

คริสต์มาเทศกาลแห่งความรื่นเริงบรรดาผู้คนต่างจับจองโต๊ะจนเกือบเต็มพื้นที่ผมกวาดตามองหากลุ่มลูกปัด หมอก และอาทิตย์ไม่นานก็เห็นผู้หญิงตัวเตี้ยกระโดดเหยงๆโบกไม้โบกมืออยู่เกือบกึ่งกลางลาน ผมโบกมือตอบเป็นสัญญาณว่ามองเห็นพวกเค้าแล้ว  หมอกกับอาทิตย์ลุกขึ้นจัดเก้าอี้ให้ผม ต่อมมารยาททำงานผิดปกติหรือไงวะ ปกติพวกมันแทบจะตบหัวทักทายผมด้วยซ้ำ

“โอ้ย..โอ้ย”  อยู่ๆไอ้เจ้าอาทิตย์ก็ยกมือกุมหัวใจทำตัวงอก่องอขิงแหกปากร้องดังลั่น

“เป็นไรของมึงไอ้อาทิตย์  หมอกที่นั่งลงแล้วจับแขนอาทิตย์พลางถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจกับอาการของเพื่อน

“วันนี้หมอทำผมดำแบบว่าศรรักมันปักอกดังปึ๊กอ่ะ  โคตรจะโมเง่ย์อว๊า”

“หยุดตอแหลก่อนที่ส้นตีนจะปักหน้านะครับ”  ผมรับแก้วจากลูกปัดที่รินเบียร์เกือบเต็มแล้วชี้หน้าอาทิตย์  ซึ่งแน่นอนฝ่ายสนับสนุนอย่างหมอกโห่ร้องเป่าปากทับถมเพื่อนทันที  อาทิตย์ทำปากขมุบขมิบก่อนจะยกแก้วเบียร์ตามพวกผมแล้วชนแก้วกันดังเกร๊ง

ผมแค่อยากหนีจากอะไรเดิมๆ  ผมสีบลอนด์สว่างที่เขาบอกว่าชอบนักชอบหนาผมก็ไปย้อมให้ดำอีกครั้ง ถึงจะยังไม่คุ้นชินกับมันแต่พอเห็นอาทิตย์แซวแบบนี้ก็อดจะรู้สึกดีไม่ได้

น่าแปลกที่เด็กพวกนี้กลับทำให้ชีวิตของผมไม่เงียบจนเกินไป  ลูกปัดเองก็เทียวเวียนไปเวียนมาหาผมที่คอนโดจนผมต้องบอกว่าไม่ต้องห่วงหมอสบายดี ผมต้องรีบเข้มแข็งก่อนที่คนอื่นจะหัวหมุนเพราะความเป็นห่วงผมไปมากกว่านี้ จิบเบียร์ไปกินกับแกล้มไปคุยกันไปนั่งดูหมอกกวนตีนลูกปัดไปก็ทำให้ผมยิ้มได้

ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับวันแรกๆ ลูกปัดเล่าเรื่องที่พ่อโทรมาบ่นว่าทำไมไปกินหมูย่างเกาหลีนานจัง  ทำไมไม่กลับบ้าน

“ปัดก็บอกว่าปัดมากรุงเทพไม่ได้ไปกินหมูย่างเกาหลีซักหน่อย”  ลูกปัดยกเบียร์ขึ้นซดก่อนจะใช้หลังมือปาดฟองเบียร์ที่ริมฝีปากเอ่ยเล่าถึงอารมณ์ของผู้เป็นพ่ออย่างไม่อนาทรร้อนใจใดใด

“แล้วพ่อเจ๊ว่าไง”

“พ่อก็บอกว่านังมหาจำเริญกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

“แล้ว?”  คราวนี้ผมเป็นคนถามบ้าง  ลูกปัดหยิบหมูทอดที่หั่นเป็นเส้นๆเข้าปาก

“ปัดบอกกลับไม่ได้ปัดลาพ่อมาครึ่งปี  พ่อบอกว่าได้ยินว่าจะไปเก็บดอกจำปี”

โถ...แม่คุณ  เล่าได้ชิลด์มาก...

“ปวดฉี่ว่ะ”  ผมลุกขึ้นเซนิดๆเพราะยกกันไปหลายเหยือก  สาบานว่ายังไม่เมายังมีสติดีแม้จะไม่เต็มร้อยหมอกมันเห็นดังนั้นก็กระเดือกลูกชิ้นปลาทอดชิ้นใหญ่ลงคอก่อนจะรีบลุกพรึ่บตามผมมา

“เฮ้ยไม่ต้องๆ”  ผมโบกมือห้ามเมื่อมันขยับมายืนข้างๆ

“ไปด้วย”

“บอกว่าไม่ต้องไงแค่นี้ไปเองได้”  ผมผลักไอ้เด็กดื้อเบาๆให้หลบทางแต่มันก็ยังเดินตามมา

“เอ๊ะไอ้นี่”

“ผมก็ปวดเหมือนกันโว๊ว”  มันทำค้อนประหลักประเหลือก

น่ารักตายล่ะ  แล้วดูซิ๊  ปากแดงๆ หูกางๆ แก้มขึ้นสีระเรื่อ  เสือกเล่นเพลงร็อก  ผมพยักหน้าอย่างขอไปทีคือตอนนี้ปวดฉี่อ่ะ  ผมกับมันเดินหลีกผู้คนมาจนถึงห้องน้ำ  คนค่อนขางเยอะ  อย่างว่าล่ะอากาศหนาวขนาดนี้ลานเบียร์เป็นศูนย์รวมผู้คนอยู่แล้ว

“หมอ...”  อยู่ๆไอ้คนที่ยืนประจำการจัดการกับตัวเองข้างๆก็เอ่ยเรียกผม

“อะไร”  ผมที่ยืนฉี่อย่างสบายอารมณ์ถามกลับ

“ไม่คิดจะคบใครใหม่เหรอ”

“ถามทำไม”

“ก็เห็นว่านานแล้ว”

“นานบ้าอะไรยังไม่ได้เดือนเลย”

“ผมว่าหมอเสียใจมาพอแล้วนะ”  ผมสะบัดหัวก่อนจะรูปซิบเก็บอาวุธแล้วเดินมาล้างมือ  หมอกมันก็เดินตามผมมาติดๆ ไม่ชอบใจเท่าไหร่กับการวอแวของหมอกแบบนี้

“นายยังไม่เคยมีความรักก็พูดได้สิ  คนเราไม่ได้ลืมกันง่ายๆภายในเวลาไม่ถึงเดือนหรอกนะ”  ผมล้างมือเสร็จก็คว้ากระดาษทิชชู่มาเช็ดมือ  เตรียมเดินหนีมันแต่หมอกก็ยกแขนขึ้นกันผมแทบจะทันทีเหมือนกัน

“ไม่เอาน่าหมอเรื่องที่ผ่านไปแล้วเป็นแค่อดีตนะมันไม่เจ็บไม่ปวดหรอก”  หมอกมันใช้แขนกักตัวผมไว้กับกำแพงผมจ้องหน้ามันที่แสยะยิ้มกวนส้นตีนมาให้ก่อนจะยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าให้ไปทีหนึ่งจากนั้นก็

...ผลั๊วะ!!!

“โอ๊ย....หมอตีหัวผมทำไม??”

“ไม่เอาน่าหมอกมันก็แค่อดีต”

“แต่ผมยังเจ็บอยู่เลยอดีตของหมอเนี่ย”  มันเถียงส่งสายตาเคืองๆมาให้

“ก็เหมือนความรู้สึกของหมอตอนนี้แหละ  นี่จะบอกอะไรให้นะ  ถ้าเราเลิกกับใครซักคนแล้วสามารถทำใจได้อย่างรวดเร็วน่ะมันไม่ใช่ความรักหรอก  มันก็แค่ความหลง  เลิกแล้วก็เลิกกันจบแล้วก็จบกันแต่สำหรับหมอกับเมฆมันไม่ใช่  หมอรักเค้า  แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรัก  เพราะฉะนั้นอย่าพยายามดึงหมอออกจากอดีต  ปล่อยหมอให้อยู่แบบนี้เถอะ  เมื่อถึงเวลาที่สมควรหมอจะทำใจได้เองไม่ต้องเป็นห่วง”  ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะจับแขนมันลงแล้วเดินผ่านหมอกออกมาใช่อดีตสำหรับใครบางคนอาจจะไม่เจ็บแต่ถ้าแผลมันยังไม่ตกสะเก็ดแค่คิดขึ้นมาน้ำตาก็รื้นขึ้นมาได้..

ผมยังคงเจ็บอยู่และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะหาย



“ไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับแต่ระหว่างนี้อาจจะมีอาการเสียวที่คางแปล๊บๆนะครับ  ถ้ามีอาการปวดก็ทานยาที่หมอให้นะครับ”  ผมเอ่ยขอบคุณหมอที่ทำการรักษาผม

ใจหนึ่งก็ดีใจแต่อีกใจหนางก็อดกังวลไม่ได้  หลังจากพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกไม่กี่วันผมก็กลับมาพักฟื้นที่ห้อง  พี่เดย์ที่ยังเผือกอ่อนก็ถือวิสาสะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันกับผม

นักข่าวพยายามมาสัมภาษณ์เราว่าเกิดอะไรขึ้นโชคดีที่ต้นสังกัดของผมออกมาจัดการเรื่องข่าวให้

“ทางเราแค่อยากหาหอพักใหม่เพราะที่เก่ามันค่อนข้างจะคับแคบ  ทีนี้วันที่เมฆกับคุณเดย์ไปดูสถานที่ลิฟท์เสียทั้งคู่ลยเดินขึ้นบันไดแล้วพากันลื่นพลัดตกลงมาครับ”

จบข่าว  ดาราดังกับผู้จัดการส่วนตัวกลิ้งตกบันไดคางเดาะ หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วสถานะของผมกับพี่เดย์ก็อึมครึมเป็นอย่างมาก

ผมโกรธ...พี่เดย์จงใจไปหาเรื่องหมอที่คอนโดแต่กลับเจอแม่ไม้มวยไทยของไอ้ปัดสกัดจนสลบเหมือดทางต้นสังกัดมาจัดการเรื่องรักษาตัวของพี่เดย์กันให้ห่างจากตัวผมไปแทบจะสุดมุมห้อง ก็เป็นการตัดสินใจที่ดีเพราะผมเองก็ไม่มีอะไรจะพูดกับเขาในตอนนั้น

ความรู้สึกที่หน้ายังไม่อยากจะมองตีตื้นขึ้นมาอยู่ที่กระเดือก  แค่หมอบอกเลิกผม ผมก็หงุดหงิดจนแทบจะบ้า ทันทีที่ร่างกายดีขึ้นผมก็หอบหน้าเขียวๆเยินๆของผมไปหาหมอจิณณ์ที่โรงพยาบาล

ผมไปยืนรอจนขาแข็งจนหมอเลิกงาน ท่ามกลางผู้คนมากมายหมอก็เดินปะปนมากับบุรุษและสตรีชุดขาวคนอื่นๆ หมอโดดเด่นที่สุดหรือเปล่าผมไม่กล้าพูด แต่สำหรับผมแล้วภาพที่เห็นคนอื่นๆคือภาพเบลอแต่กลับชัดที่หมอคนเดียว  ผมเดินไปดักหมอตรงประตูทางเข้า

หมอจ้องหน้าผมด้วยดวงตาไหววูบก่อนจะปรับเป็นเรียบนิ่งแทบจะทันที รอยยิ้มที่หมอส่งให้กับใครต่อใครถูกเก็บกลับเข้าไปทันทีที่เจอผม หมอขยับเท้าซ้ายเพื่อหลบผม ผมก็ก้าวเท้าขวาขยับสกัด  พอหมอก้าวเท้าขวาเพื่อเบี่ยงไปอีกทางผมก็ก้าวเท้าซ้ายกันไว้ ทำแบบนี้กันราวๆ 4-5 ครั้ง  หมอก็มองหน้าผม

“หลบ”

“ไม่”

“กรุณาหลีกทางด้วยครับผมอยากกลับบ้าน”

“ผมมารับหมอแล้วไงครับ”  ผมฉวยมือของหมอไว้แต่หมอก็บิดมือตัวเองออกในทันทีเหมือนกัน

“โธ่  หมอครับ  ผมก็ขอโทษแล้วไงครับ”  ผมเดินตามตื้อหมอเมื่อหมอเบี่ยงตัวหนีผมออกมาจนได้

“เก็บคำขอโทษมักง่ายของคุณกลับไปเถอะ  ผมไม่ต้องการที่จะคุยกับคุณอีกต่อไปแล้ว”

“ไม่เอาน่าหมอครับ โตๆกันแล้วอย่าทำตัวเป็นเด็กแบบนี้สิครับ” ได้ผลครับหมอหยุดเดินแล้วหันมามองผม

“เมื่อไหร่จะเลิกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลซักทีถ้ายังคิดไม่ได้ก็อย่ามาให้เห็นหน้า  รำคาญ”  หมอพูดเรียบๆแต่ทำไมผมเจ็บจัง

ผมพยายามที่จะตามตื้อง้องอนหมอเป็นอาทิตย์ ทั้งตามไปที่ห้อง  ยืนรอนานหลายชั่วโมงเพราะหมอเปลี่ยนรหัสที่ล็อกห้องแต่สุดท้ายสิ่งที่ได้รับคือการกระแทกประตูปิดใส่หน้า

หนักสุดคือวันหนึ่งลูกปัดก็นั่งแท็กซี่มาหาที่คอนโด  พอผมเปิดประตูรับมันก็โยนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่ผม

“หมอฝากให้เอามาคืนแก”

ผมจนปัญญาแล้วจริงๆนะ  คราวนี้หมอใจแข็งเหลือเกิน  ผมอยากจะไปง้อหมอทุกวันอยู่หรอกนะแต่ว่าตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญต้องทำซะก่อนเพราะบ่ายวันหนึ่งพี่เดย์ก็เดินเข้ามาโยนแบบบ้านให้ผม

“บ้านที่ให้หาให้ได้แล้วนะ”

หลังจากนั้นผมก็วิ่งวุ่นกับการไปดูบ้านที่พี่เดย์หามาให้  เป็นบ้านจัดสรรที่มีพื้นที่กว้างพอสมควร  บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์นสีขาวมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ค่อนข้างทิ้งระยะห่างจากเพื่อนบ้านพอสมควรแม่ของผมเดินสำรวจบ้านสีหน้ามีรอยยิ้มปรากฏเป็นระยะๆ ดูก็รู้ว่าแม่พึงพอใจมาก และผมแลกค่าพึงพอใจของแม่ด้วยเงินค่อนบัญชีของผม

“ขอบใจมากนะลูก  ขอบใจที่ช่วยให้ฝันของพ่อกับแม่เป็นจริง”  แม่กอดผมแน่นเมื่อผมเซ็นชื่อเป็นเจ้าของบ้านโดยสมบูรณ์  ผมมอบโฉนดให้แม่ที่รับไปด้วยมืออันสั่นเทา

“ไว้ผมว่างๆเราค่อยไปโอนเป็นชื่อแม่นะครับ”

“ความจริงเมื่อกี๊เมฆให้แม่เซ็นเป็นชื่อแม่ก็ได้นะจะได้ไม่ต้องยุ่งยากเทียวไปเทียวมาที่สำนักงานเขต”

“เป็นชื่อผมก่อนนั่นแหละดีครับเขาลดราคาให้พิเศษถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่มีชื่อเสียงเขาคิดอีกราคาที่แพงกว่านี้ครับ”  ผมอธิบายให้แม่ฟังถึงสาเหตุที่ยังไม่สามารถโอนบ้านให้เป็นชื่อแม่ได้ก่อนจะไอออกมาติดๆกัน

“เป็นอะไรไม่สบายเหรอ”

“นิดหน่อยครับ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมีงานผมส่งพ่อกับแม่แค่นี้นะครับ”  ผมหักพวงมาลัยจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพ่อกับแม่พากันลงแม่ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมแล้วอวยพรให้ผมขับรถกลับดีๆ

ทันทีที่รถยนต์คันแพงของเมฆลับหายไปรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าพ่อก็จางหายแทบจะทันที

“ควายมันก็เป็นควายวันยันค่ำ  รอให้โฉนดเป็นชื่อเธอก่อนเถอะ”  คนเป็นสามีกระชากโฉนดในมือภรรยาไปทันที

“โธ่....คุณค่ะ  นั่นก็ลูกของฉันเหมือนกันนะคะ  แค่ทุกวันนี้ต้องหลอกเอาเงินลูกทีละเยอะๆฉันก็รู้สึกไม่ดีจะแย่อยู่แล้วนะ”

“นั่นมันลูกเธอไม่ใช่ลูกฉันรีบๆทำให้มันโอนบ้านเป็นของเธอเร็วๆฉันเหม็นขี้หน้ามันจะแย่อยู่แล้ว”  คนเป็นสามีหมุนตัวกลับเข้าบ้านไป แม่ของเมฆได้แต่มองตามทางที่รถของลูกชายเพิ่งลับหายไป

“แม่ขอโทษนะลูก...ขอโทษ”



อีกครั้งที่ผมต้องแอดมิทเข้ามานอนมองหยดน้ำเกลือที่โรงพยาบาล ไข้หวัดใหญ่เล่นงานเสียจนผมป่วยงอมแงม  บรรยากาศในห้องพักผู้ป่วยตอนนี้มันเงียบเหงา  พี่เดย์โดนสั่งห้ามไม่ให้มาเฝ้าไข้ผม  แม่ของผมก็ต้องไปทำงาน  มีเพียงหมอกที่ยังแวะมาบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อย  ตอนนี้หมอกมันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วมันว่ายุ่งๆเรื่องการเตรียมตัวอยู่ซึ่งผมก็เข้าใจแม่จ้างพยาบาลพิเศษไว้ดูแลผม

เหงาจัง... เวลาป่วยแบบนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนลูกปัดกับหมอจะมานั่งจองที่นั่งข้างเตียงคนละฝั่ง ห้องจะไม่เงียบขนาดนี้ ผมกดรีโมทปิดรายการทีวีพวกเกมส์โชว์วาไรตี้ต่างๆอย่างเบื่อหน่าย คิดถึงหมอจัง ป่านนี้จะหายโกรธผมหรือยังนะ หมอจะรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ผมนอนป่วยอยู่ จะได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์หรือเปล่านะที่ผมวูบคากองถ่ายจนต้องหามส่งโรงพยาบาลกระทันหันน่ะ แล้วถ้ารู้ข่าวแล้วหมอจะเป็นห่วงผมหรือเปล่าครับ  ตอนนี้หมอทำอะไรอยู่  ไม่เจอหน้าหมอมาเกือบเดือนแล้วผมคิดถึงหมอจังเลยครับ

“เออน่าฝากหน่อยสิ”  ผมดึงแขนไอ้เด็กโย่งที่ทำหน้ามุ่ยไม่ชอบใจหันหลังหนี ท่าทางเหมือนเคะน้อยๆกำลังงอน  น่าถีบมากกว่าน่ารัก  แต่ผมถีบมันตอนนี้ไม่ได้ไงประเด็นมันอยู่ที่นี่ล่ะ หมอกมันปรายตามามองผมพลางสะบัดหน้าพรืดจนแว่นสายตากรอบหนาแทบจะกระเด็น

“ไม่”  เน้นเสียงหนักแน่นเกินไปป่ะ

“โธ่...ช่วยหมอหน่อยนะ  นะ หมอกคนดี๊คนดี”  ผมยังคงดึงชายเสื้อมันจึ๊กๆในขณะที่อาทิตย์ที่นั่งเกากีต้าร์อยู่ไม่ไกลส่ายหน้าเอือมๆ มันคงจะรำคาญล่ะเพราะผมตามตื้อหมอกมันมาจะครึ่งชั่วโมงล่ะ

“ทำไมผมต้องทำตามคำขอร้องของหมอด้วยล่ะ”

“เพราะหมอกเป็นเด็กดีไง  นะ  ช่วยเอายาไปให้เมฆที”  ผมพยายามยัดยาห่อใหญ่ใส่มือหมอก

ผมเห็นข่าวเขา ถึงแม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าสนใจ เราตัดขาดกันแล้วแต่หัวใจเจ้ากรรมมันสั่งงานไปยังประสาทของผม กว่าจะรู้ตัวก็ซื้อยาหอบใหญ่ให้เขาซะแล้ว ผมยังคงใช้สกิลการอ้อนขั้นแอดว๊านซ์กับหมอกต่อไปจนในที่สุด

“เฮ้อ....ก็ได้ๆ  เดี๋ยวผมเอายาไปให้พี่มันเอง”

“เย้...หมอกน่ารักที่สุดเลย”  ผมร้องออกมาอย่างดีใจ

“อ่ะแฮ่มๆๆ”  แต่ต้องชะงักเพราะเสียงกระแอมขัดจังหวะของเจ้าเด็กแพนด้าหน้าป่วย

“เป็นไร??...ส้นเท้าติดคอเหรอ”  ผมหันไปถามอาทิตย์ด้วยสีหน้าใสซื่อ

“จัดว่าแรง”  อาทิตย์มันตอบกลับมาพลางแกล้งค้อนจนหน้าคว่ำ

น่ารักตายล่ะ  ทำท่าเหมือนซอมบี้โดนแมลงสาบแทะ


.......................................



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
มีพ่อแม่แบบนี้ขอไม่มีดีกว่า โคตรแย่ แม่ก็ไม่ทำไรเลย น่ารังเกียจมากก  :seng2ped:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นั่นไง อิพ่อ อิแม่ หางจิ้งจอกแก่โผล่แล้วจ้าาาาาาา
สงสัยไม่อยากอยู่รอวันเข้าวัดเข้าวา :hao3:

อิลูกเป็ดมะไหร่มึงจิสำนึกคะ หมอก้อแสนดีขนาดนี้ โดนทำให้เจ็บช้ำก้อยังหวังดีกะมึงเสมอ :heaven

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
เมฆอย่าโง่ไปมากกว่านี้เลย เฮ้อ เมื่อไรจะรู้ตัวว่าที่บ้านทำดีด้วยเพราะเงินเนี่ย

ออฟไลน์ pinknocchio

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาตรงๆพ่อแม่เมฆจัดว่าเฮี่ย โดยเฉพาะแม่ ถ้ารักลูกจริงทำไมถึงยังยอมทน มาหลอกลูกแบบนี้ไม่ต้องมาขอโทษแล้วจ้า น่ารังเกียจที่สุด
เมฆก็ยังไม่มีความสำนึกได้ใดๆแม้แต่น้อย หมอรักแกขนาดไหน อดทนรอขนาดไหนแต่แกยังไปนอกกายเค้า หน้าด้านหน้าทนสุดๆนังเมฆ

สงสารหมอ ทีมหมอ รักหมอ
 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ด่าหน่อยเถอะ  ความโง่แบบนี้มันส่งกันมาจากแม่สูลูกเหรอ นั่นลูกนะ ยังทำกับลูกแบบนี้

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:18]





“ฮือ....”



มือเรียวของเด็กผู้ชายตาตี่ผิวขาวปากแดงกำลังบรรจงตัดรูปของดาราหนุ่มที่กำลังโด่งดังขั้นสุดก่อนจะยกขึ้นเช็ดขี้มูกที่ไหลมาปริ่มๆริมฝีปากลวกๆแล้วกลับไปตั้งใจตัดรูปอีกครั้ง



เสียงร้องไห้เบาๆกับดวงตาแดงๆของเด็กน้อยวัย 17 ปีทำให้พี่เลี้ยงต้องชะโงกหน้าขึ้นมาจากโต๊ะรีดผ้า



“คุณอาโปเป็นอะไรคร๊า”  พี่เลี้ยงสาวประเภทสองเอ่ยถามเมื่อเริ่มรำคาญเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังมาร่วมชั่วโมงแล้ว  เครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายถูกจับแขวนอย่างเป็นระเบียบ



“พี่เมฆขวัญใจของอาโปป่วยล่ะ”



“ป่วย  เป็นอะไรคะ แล้วตายแล้วหรือไงคุณอาโปถึงมานั่งร้องไห้แบบนี้”



“บ้าสิ....”  เสียงใสแหวใส่พลางหันไปส่งค้อนวงเบ้อเริ่มใส่ผู้เป็นพี่เลี้ยง



“ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะมาแช่งพี่เมฆของอาโปได้ยังไง”  ธนากรค้อนควั่กปากคว่ำอย่างไม่ชอบใจ  พี่เจสซี่จะมาแช่งพี่เมฆขวัญใจของอาโปไม่ได้นะ



“เค้าแค่เป็นไข้หวัดใหญ่  จะมาเติงมาตายได้ไงล่ะ “  คนตัวอวบว่าก่อนจะบรรจงแปะกาวลงบนรูปแล้วแปะลงสมุดที่จัดทำซะสวยงาม



“แล้วนั่นเห็นนั่งทำตั้งนานอะไรเหรอคะ”



“อ่อ เนี่ยเหรอ  อาโปทำสมุดอัลบั้มรวมรูปผลงานต่างๆข่าวงานอีเว้นท์ที่พี่เค้าไปอ่ะกะจะเอาไปฝากพยาบาลมอบให้พี่เมฆที่โรงพยาบาล”



“เค้าจะรับเหรอคะ”



“รับไม่รับอาโปก็ไม่รู้แหละอาโปแค่อยากทำให้ดาราในดวงใจเฉยๆ  ถ้าเค้าจะทิ้งหรือจะอะไรอาโปไม่ได้สนใจหรอกอาโปแค่อยากทำให้แค่นั้นแหล่ะทำเป็นกำลังใจให้พี่เค้าว่าเนี่ยยังมีติ่งตัวเล็กๆคอยเป็นกำลังใจให้เค้าอยู่  ก็เหมือนเวลาพี่เจสซี่เขียนจดหมายหาปอยฝ้ายโอปป้าแหล่ะมีความสุขมั๊ยล่ะ”



“โอ๊ยยยยยยยย..ม่วนซื่นสุดๆฮร๊า”



สวัสดีครับผมชื่อธนากรครับ  ปีนี้พอเปิดเทอมผมก็จะเป็นนักเรียน ม.ปลายปีสุดท้ายแล้วล่ะครับ  ครอบครัวของผมไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากแค่พอมีพอกินป๊ากับม้าขายยาครับ



แหน่ะ  ไม่ใช้ค้ายาเสพติดนะ  ท่านสองคนเป็นเภสัชกรครับส่วนพี่ชายของผมแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วเมื่อต้นปีตอนนี้บ้านเราจึงมีคนอยู่กันครึกครื้นเพราะพี่สะใภ้ต้องแต่งเข้าบ้านมาช่วยกันประกอบธุรกิจขายยา ส่วนผมเป็นลูกคนเล็กพ่อกับแม่บอกไว้แล้วถ้าไม่เรียนเภสัชก็ต้องเรียนหมอเพื่อสานต่อกิจการของครอบครัว



แต่ผมไม่ชอบเลย ผมเบื่อกลิ่นยาเต็มที ตั้งแต่ลืมตาอุแว้ๆขึ้นมาผมก็เจอกับสารพัดยา  เอาแค่ว่าแค่ได้กลิ่นก็บอกได้แล้วว่าชื่อยาอะไรใช้รักษาอาการไหน  กิจการร้านขายยาของที่บ้านของผมค่อนข้างรุ่งเรืองครับพ่อกับแม่เลยไม่มีเวลาเลี้ยงผมจึงจ้างพี่เลี้ยงชาวอีสานมาคอยดูแลผม  พี่เจสซี่หรือชื่อจริงคือประจักษ์เลี้งผมมาตั้งแต่ 2 ขวบ จนตอนนี้จะ 18 อยู่แล้ว



เรียกกันว่าผมกินปลาร้าบ่อยกว่าขนมเทียน  ซัดส้มตำมากกว่าซาลาเปาและฟังเพลงหมอลำมากกว่าเพลงป๊อป แต่ถึงแม้ผมจะมีเมฆโอปป้าเป็นขวัญใจยังไงก็ตามผมก็มีผู้ชายที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่อยู่ ม.ต้นแล้วนะครับ ที่ยอมเข้าชมรมดนตรียอมโดนดุโดนด่าก็เพราะผมอยากจะเห็นหน้าพี่เค้าทุกวัน



สงสัยไอ้คำว่าหรือผู้หญิงนั้นชอบคนเลวคงจะจริง  เพราะถึงแม้ผมจะไม่ใช่ผู้หญิงผมยังตกหลุมรักแบดบอยตัวพ่อของโรงเรียนชนิดที่เรียกว่าถอนตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ



“เฮ้อ...”  ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้ง



คิดแล้วใจหาย  ปีนี้พี่หมอกกับพี่อาทิตย์มือกีต้าร์สะท้านโลกันต์ขวัญใจของผมก็เรียนจบแล้วด้วยสิ ว่าแล้วก็วางมือจากอัลบั้มรวมผลงานของเมฆโอปป้าแล้วไปนั่งเขียนฟิคหมอกอาทิตย์ต่อดีกว่า



จะมีใครรู้บ้างว่าอาโปใช้การเขียนฟิคชั่นทำร้ายพี่หมอกเป็นการแก้แค้นที่ตลอดเวลาที่เฝ้าแอบรักแอบคิดถึงแอบมองมา 2-3 ปี พี่หมอกเอาแต่ทำร้ายร่างกายกด((อยากโดนกด)) ขี่((อยากโดนขี่ ขอแบบคลานเข่านะ)) ข่ม((ขมขื่นมาเลยฮะอาโปพร้อม  ถึงขาอาโปจะสั้นแต่ท่ายากของอาโปจัดว่าเด็ดนะฮะ)) เหง มาตลอด



พี่หมอกชอบตวาดใส่อาโป  เอาไม้กลองเขวี้ยงอาโปเวลาไม่พอใจที่อาโปเก็บเครื่องดนตรีช้า ชอบเรียกอาโปว่าไอ้เตี้ย พี่หมอกรับของขวัญจากอาโป กินของที่อาโปซื้อให้แต่พี่หมอกไม่เคยจำชื่ออาโปได้ซักที แทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอาโปมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้



คนอะไรหูกางแล้วยังใจร้าย...แต่หัวใจเจ้ากรรมของอาโปก็บอกแต่ว่า ชอบ... ชอบพี่หมอก..



“แม่ง  อย่าให้รู้นะว่าอิ่หมาน้อย 69  นี่คือใคร”  หมอกกดปิดหน้าฟิคชั่นคู่หมอกอาทิตย์ลงอย่างหัวเสีย  อาทิตย์ที่นั่งหัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆส่งสายตาอ้อนๆมาให้



“พี่หมอกฮะ  ตรงนี้ของผมมันร่ำร้องอยากให้พี่สัมผัสมันอยู่นะฮะ”  อาทิตย์แกล้งส่งสายตายั่วยวนมาให้พลางกัดปากขยิบตาทิ้งท้ายอย่างเซ็กซี่  พูดและทำตามบทของตัวเองในฟิคเป๊ะๆ



“รอส้นตีนกระผมไปสัมผัสสิครับ”  หมอกไม่พูดเปล่ายังทำท่าจะยกเท้าถีบจริงๆจนคนผิวคล้ำกว่าต้องยกมือห้าม



ก็รู้กันอยู่ตีนหมอกไม่ใช่นุ่นสัมผัสแล้วจะได้เบาสบายส่วนตีนอาทิตย์ก็ไม่ใช่เม็ดทรายอัดเข้ามาถึงขั้นลำไส้เรียงตัว โดนทีนึงถึงขั้นจุกไป 7 วัน ก็ไม่รู้มาคบกันเป็นเพื่อนกันได้ยังไง  ทั้งๆที่เมื่อก่อนตีกันไม่เว้นแต่ละวัน



หมอกเป็นประเภทมองหน้าแล้วของขึ้น  ส่วนอาทิตย์ก็เป็นประเภทชอบมองหน้าด้วยสายตากวนส้น ซัดปากกันมาเกือบปี  อยู่ดีๆวันหนึ่งกำลังยกพวกตีกันตำรวจก็โผล่เข้ามา  จำได้ว่าตอนนั้นอาทิตย์ดึงมือหมอกให้วิ่งหนีตำรวจมาด้วยกันทั้งๆที่กำลังปล่อยหมัดใส่กันแท้ๆ พอตำรวจไปแล้วหันมามองหน้ากันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะใส่กัน  จากที่เป็นศัตรูกันก็เปลี่ยนมาเป็นมิตร ยิ่งชอบดนตรีเหมือนก็เลยจูนเข้าหากันได้ง่ายขึ้น



“นี่กูรอไอ้เมฆมันหายป่วยอยู่นะเนี่ยไม่รู้จะป่วยอะไรนักหนาแม่ง เดี๋ยวเป็นนั่นเดี๋ยวเป็นนี่เมื่อไหร่จะด้ไปออดิชั่นซักที”  หมอกลงไปนั่งบนโซฟาแล้วใช้เท้าเขี่ยอาทิตย์ให้เขยิบไปอาทิตย์จิ๊ปากส่งสายตาขุ่นให้อย่างไม่ชอบใจแต่ก้ยอมขยับให้แต่โดยดี



“คนมันจะป่วยแม่งห้ามกันได้เหรอ  กูว่าพี่มึงมันก็น่าสงสารนะดูแล้วเค้าก็รักมึงรักพ่อแม่มึงดีอยู่นี่”



“มันคลั่งไงโหยหาความรักห่าเหวอะไรไม่รู้  นี่พ่อกูหลอกเอาบ้านได้แล้วหลังหนึ่งกูขอให้มันทำห้องซ้อมดนตรีให้แม่งก็ทำโง่จริงๆ”



“มึงไม่คิดจะรักจะเคารพพี่มึงมั่งเหรอวะ  เอาตรงๆนะเท่าที่กูดูมึงไม่ต้องหลอกขอเงินไม่ต้องหลอกขอนู่นนี่นั่น  เอ่ยปากขอเค้าดีๆพี่มึงก็ให้นะ”



“มึงมันจะไปรู้อะไร  ขอดีๆมันก็ไม่สนุกสิได้ทีนึงก็น้อยหลอกขอตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยได้เป็นกอบเป็นกำจะตาย  อีกอย่างนึงนะถ้าแม่งไม่หลอกให้ซื้อบ้านซื้อนู่นนี่นั่นให้นะเดี๋ยวไอ้ผู้จัดการของมันขอไปโดยอ้างสิทธิว่าเป็นเมียมันหมดตัวขึ้นมาทำไงล่ะ  นอนเกาพุงรออยู่ดีๆหมาคาบไปซะแล้ว  พี่กูยิ่งโง่ๆอยู่”



“น่าสงสารเนอะพี่มึงเนี่ยเสียทั้งเงิน  เสียทั้งเพื่อน  เสียทั้งเมีย  นี่ถ้ารู้ว่าถูกพ่อแม่หลอกคงเสียความรู้สึกแล้วก็เสียใจ”



“มึงอย่าคิดมากดิ่  บ้านที่มันซื้อให้แม่อ่ะยังไงถ้ามันหมดตูดไม่มีใครไม่เหลืออะไรกูจะกันห้องเก็บของให้มันนอนก็แล้วกันนะ  อย่างน้อยก็ยงมีที่ซุกหัวนอน”



“จากใจนะเว๊ยไอ้หมอก  มึงนี่โตครเหี้ยเลย”



“ขอบใจที่ชม”  หมอกนั่งฮัมเพลงเกากีต้าร์ที่พี่ชาย “สุดที่รัก” ซื้อให้อย่างสบายอารมณ์



หลอกกินเงินพี่ไปวันๆงั้นเหรอ แล้วไงอ่ะ  นี่หมอกทำเพื่ออนาคตของเมฆเลยนะ เรื่องอะไรจะให้เมฆเอาเงินไปให้คนอื่นใช้ล่ะ  สู้เอามาหมดกับคนในบ้านให้น้องให้นุ่งให้พ่อ((ของเขา))กับแม่ใช้ยังจะดีกว่า ใครใช้ให้อยากได้ความรักมากมายนักล่ะ เมฆแม่งโง่ โง่ที่คิดว่าทุกคนจะรักมันจริง โง่ที่เอาเงินซื้อความรักใช้เงินซื้อความสุขจอมปลอม



เมฆโง่ที่หลงระเริงไปกับวงการมายา  หลงระเริงไปกับเพศรส เมฆโง่ที่ทิ้งขว้างคนที่รักเมฆแบบไม่หวังสิ่งใดตอบแทนไป จริงๆหมอกก็ไม่ได้รักได้ชอบหมอจิณณ์เท่าไหร่หรอกก็แค่ขอคบเล่นๆ แต่มาคิดๆดูถ้าเขาจีบหมอติดเมฆคงจะทรมานน่าดู



คนอย่างมันไม่กล้าแย่งของๆเขาอยู่แล้วล่ะแล้วช่วงนี้คือหมอน่ารักขึ้นยิ่งดูยิ่งเพลิน  บางทีนะ  บางทีตอนนี้หมอกอาจจะชอบหมอขึ้นมาจริงๆแล้วก็ได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว หมอกแค่อยากรู้ว่าดาราดังที่มีคนรักมากมายน่ะพอถึงที่สุดแล้วจะมีใครรักและคอยยืนเคียงข้างซักกี่คนกัน







“ขอโทษนะคะทางต้นสังกัดไม่อนุญาตให้แฟนคลับเข้าเยี่ยมหรือฝากของให้กับคุณเมฆค่ะ”  นางพยาบาลวัยกลางคนเอ่ยบอกอาโปที่หอบสมุดตัดแปะรูปภาพรวมผลงานรวมทั้งถุงขนมของกินหอบใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ



หล่อนเข้าใจโลกของแฟนคลับดีเด็กพวกนี้ไม่ได้มีเจตนาจะมารบกวนการพักผ่อนของเมฆที่มาก็ด้วยความรักล้วนๆ  บางคนเข้าใจที่อธิบายก็ลาจากไปพร้อมคำขอโทษและขอบคุณ  ส่วนบางคนชักสีหน้าไม่พอใจพลางทำท่าฟึดฟัดรวมทั้งแอบด่าและด่าต่อหน้าพยาบาลก็มี



แต่อาโปเลือกที่จะยกมือไหว้แล้วเอ่ยขอบคุณรวมทั้งกล่าวคำขอโทษที่มารบกวนการทำงานของพยาบาลเด็กน้อยมองกองของฝากที่แฟนคลับบางคนวางทิ้งไว้เพราะหวังว่าทางเจ้าหน้าที่อาจจะเก็บไปให้เมฆแล้วมองของในมือตัวเอง เรื่องอะไรจะเอาของไปวางโดยไม่รู้ชะตากรรมแบบนั้นล่ะ  อาโปไม่ยอมหรอกนะ



เด็กน้อยถอนหายใจหงอยๆ  มองดูนาฬิกาก็เพิ่งจะ 10 โมงเช้า  กว่าจะถึงเวลานัดกับเพื่อนไปดูหนังก็อีกเกือบสามชั่วโมง  หรือจะย้อนกลับเอาไปเก็บที่บ้านดี  แต่มันก็วนไปย้อนมาเปลืองเงินค่ารถอีก



“หรือจะโทรให้พี่เจสซี่มาเอากลับไปดี” อาโปคิดไม่ตกกับหอบของฝากของตัวเอง



อันที่จริงก็พอรู้มาบ้างล่ะว่าต้นสังกัดของเมฆไม่รับของฝากจากแฟนคลับด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัยของศิลปินแต่อาโปก็ยังจะเสี่ยงลองเอามาดู แล้วก็อดมอบให้พี่เมฆจริงๆด้วย  อาโปตัดสินใจไปหาที่นั่งพัก  อากาศหนาวของเดือนธันวาคมทำให้เด็กน้อยไปซื้อชอคโกแลตร้อนๆแก้วหนึ่งแล้วเดินออกไปข้างนอก



สวนสาธารณะที่มีลมเย็นพัดเอื่อยๆให้ความรู้สึกกึ่งเทพนิยาย ตรงศาลาริมน้ำมีร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่เสื้อผ้าหนาสีเข้มที่อยู่บนร่างกายไม่ได้ช่วยกลบออร่าในตัวชายหนุ่มแต่อย่างใด  อาโปประคองแก้วชอคโกแลตจรดริมฝีปากด้วยมืออันสั่นเทา สั่นจนน่ากลัว



“พี่เมฆ...งือ....” แดรกแก้วด้วยความขวยเขินไปด้วยจะได้มั้ย



อาโปกัดปากแก้วกระดาษเพื่อระงับเสียงกรีดร้องที่ร่ำร้องจะตะโกนออกไปให้เมฆโอปป้าซารางเงย์ของอาโปให้ได้ยิน แบบว่ายังไงล่ะ  ความดีใจมันแน่นอกถ้าไม่รีบยกออกอกพองๆของอาโปคงจะระเบิด ไม่ได้ๆ  ถ้าอาโปกรี๊ดพี่เมฆตกใจกระโจนลงน้ำว่ายข้ามไปอีกฝั่งอาโปอดเจอมายไอดอลระยะประชิด อาโปจะอดเอาไปคุยให้พี่เจสซี่ฟังว่าเจอพี่เมฆเชียวนะ



ควักกระจกลายคิตตี้สีชมพูออกมาเชคเสื้อผ้าหน้าผมอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ อืม...ยังเป๊ะ ปรับสีหน้าอีกนิดพี่เมฆจะได้ไม่คิดว่าเราปริ่มจนออกนอกหน้า โอเคสวยเด้ง ยกจั๊กแร้ขึ้นมาดมเชคสภาพกลิ่น เริ่ด....ต่อให้พี่หมอกเอาหน้ามาซุกก็จะบอกว่าหอมเหมือนอาบด้วยน้ำโรยดอกมะลิทั้งดง



ซดช็อกโกแลตเรียกกำลังใจอีกฮวบเหมือนลำยองซดยาดอง ยกซดรอบเดียวหมดแก้วโยนแก้วกระดาษที่ปากแก้วยุ่ยจากการกัดแก้เขินลงถังขยะปัดผมหน้าม้าลงมาปรกหน้าอีกนิดเพื่อความโมเอ้แล้วตัดสินใจเดินไปหาพี่เมฆ เหมือนภาพในฟิคที่เขียนเลยอ่ะ



ร่างอวบค่อยๆก้าวเท้าช้าๆเข้าไปหาเจ้าชายที่ยืนเอามือไขว้หลังอย่างสง่า  ดวงเนตรดำขลับจดจ้องรูปสลักเบื้องหน้าด้วยแววระยิบระยับหวาน



“ข่ะ...ขอ”



“แค่กๆๆๆๆๆ”



ฟิลหายเลยฮะในตอนนี้  กำลังจะเอ่ยขอความรัก...ไม่ใช่  กำลังจะเอ่ยขอโทษพี่เมฆก็หลุดมาดด้วยการงอตัวกำมือป้องปากไอผ่านผ้าปิดจมูกหน้าดำหน้าแดงเลยฮะ  อาโปก็เลยยืนเก้ๆกังๆจนพี่เมฆหยุดไอแล้วเงหน้าขึ้นมามองอาโปที่ยืนกอดแฟ้มอัลบั้มมองพี่เมฆด้วยสายตาห่วงใย ถ้าไอแทนได้ก็จะไอให้นะฮะ แต่ตอนนี้น้องอาโปกำลังจะเป็นลมฮะ  ก็พี่เมฆเล่นจ้องน้องอาโปซะจนรู้สึกเหมือนกำลังจะตั้งท้องลูกคนแรกกับพี่เมฆแล้วอ่ะ



แล้วอาการเลิกคิ้วเอียงคอนิดๆนั่นคือร่ะ?? พี่เมฆอ่อยอาโปเหรอฮะ  ถึงอาโปจะปลื้มพี่เมฆก็อย่าคิดว่าอาโปจะง่ายนะฮะเพราะพี่เมฆ คิดถูกแล้ว



“คือ...ใช่พี่เมฆหรือเปล่าฮะ?”  ตัดสินใจถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว  ต่อให้พี่เมฆเอาถุงปุ๋ยตราเรือใบไวกิ้งครอบหัวอาโปก็จำได้อ่ะ  อาโปชอบพี่เมฆมาตั้งแต่ ม.3 ทำไมจะจำไม่ได้



“ครับ”



รอแป๊บได้มั้ยครับ พี่เมฆรอน้องอาโปแป๊บได้มั้ย  ขอวิ่งเข้าดงไม้ข้างๆไปหลบกรี๊ดก่อนได้มั๊ย พี่เมฆตอบรับอาโปด้วยอ่ะ อยากจะกระทืบพื้นกรีดร้องแต่พี่เจสซี่สอนมาว่ากุลสตรีที่ดีต้องไม่แสดงกริยาแร่ดเกินความจำเป็นต่อหน้าผู้ชาย



โง๊ยยยยยยยยยยย......เขินขั้นข่วนพื้นเลยพ่อเอ๊ยแม่เอ๊ย  ถ้าอาโปท้องได้พ่อแม่ก็ไม่ต้องสืบให้เหนื่อยนะฮะว่าท้องกับใคร



ใสใสไว้



แอ๊บแบ๊วไว้



“......”



“......”



คือไร???



อาการนี้คือไร??



การที่พี่เมฆเอียงคอน้อยๆยืนมองอาโปดวงตาเป็นประกายคือไร?? จะพรากพรหมจรรย์ทางสายตาเหรอฮะ แล้วการที่อาโปยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดคือระ?? น้ำตาไหลเข้าปากจนเค็มคือระ?? นี่อาโปปลื้มใจขนาดร้องไห้เลยเหรอ



“ว๊า...พี่ทำอะไรให้เด็กน้อยไม่พอใจหรือเปล่าครับดูซิ๊ร้องไห้เลย”



โง๊ยยยยยยยยยยยย... ณ จุดนี้อยากหยิบสมุดขึ้นมาจดพลอตฟิค



“นี่ฮะอาโปทำมาให้พี่  อาโปนั่งตัดรูปสะสมข่าวเองเลยตั้งแต่พี่เข้าวงการแรกๆเลยนะฮะ มีภาพที่พี่แสดงแทนพี่โอมด้วยนะฮะ”  อาโปค่อยๆเปิดหนังสือภาพให้พี่เมฆดูแล้วชี้ไปยังรูปที่พี่เมฆแต่งตัวเหมือนโอมดาราหนุ่มที่ดังสุดๆ((แต่อาโปว่าพี่เมฆดังกว่า))



“อืม...ตอนนั้นพี่ปั่นจักรยานกลับจากตลาดล่ะ”



คือระ?? มันใช่เรื่องมั๊ยที่พี่เมฆจะเอียงตัวเอียงหน้ามาใกล้อาโปเพื่อดูรูปตัวเองเนี่ย จะขยี้พรหมจรรย์ทางกายสัมผัสอีกรอบช๊ะปร๊า นิ่งไว้น้องอาโปนิ่งไว้...แม้หัวใจจะเต้นตุ๊มๆต่อมๆ  ตัดสินใจยื่นอัลบั้มภาพให้พี่เมฆ



“อาโปทำมาให้พี่ฮะ  จริงๆมีแฟนคลับอีกหลายคนเลยที่อยากมอบของขวัญให้พี่  ตอนที่รู้ข่าวว่าพี่ตกบันไดอยากจะมาเยี่ยมแทบแย่แต่แม่ไม่ให้มาเพราะติดสอบแต่ตอนนี้ว่างแล้วฮะ  แล้วก็นี่ขนม”  อาโปหยิบถุงเกือบสิบใบใส่มือพี่เมฆอย่างดีใจ อย่างน้อยที่ทำมาก็ไม่สูญเปล่าอาโปได้เจอพี่เมฆได้นั่งใกล้ได้ใช้โอโซน ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซค์ร่วมกันแล้ว อาโปพอใจแล้ว



“กินได้หรือเปล่ามียาพิษมั้ย”  พี่เมฆยกถุงขึ้นมาดูพลางทำหน้าล้อเลียนเหมือนว่ากลัวขนมในถุงจะเคลือบยาพิษไว้ คือถ้าเป็นคนอื่นอาโปจะคิดว่ากวนตีนแต่พอเป็นพี่เมฆปุ๊บอาโปจะถือว่านี่คือสิ่งดีงาม



“โธ่....อาโปรักพี่เมฆจะตายอาโปจะวางยาพี่เมฆทำไมล่ะฮะ  กินได้อร่อยด้วยไม่เชื่ออาโปกินให้ดู”  อาโปฉวยถุงๆหนึ่งจากมือพี่เมฆพลางหยิบกล่องชอคโกแลตออกมาแกะส่งเข้าปากเคี้ยวให้พี่เมฆดู



“พี่ล้อเล่น  ขอบคุณมากนะครับสำหรับของฝาก  ไม่คิดนะว่าจะมีแฟนคลับตัวกลมๆมาเยี่ยมกันไม่คิดว่าจะติดตามกันมาตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการ”



“โหย...ข้างหน้าโรงพยาบาลยังมีอีกเพียบเลยฮะแต่ต้นสังกัดของพี่เขาไม่ให้ฝากของนี่ตอนแรกอาโปกะจะให้พี่เลี้ยงมาเอากลับแล้วไปดูหนังต่อกับเพื่อนแต่โชคดีเจอพี่ซะก่อน  พี่รู้มั้ยเพื่อนๆอาโปที่เป็นติ่งพี่เหมือนกันน่ะร้องไห้จะเป็นจะตายที่เห็นข่าวว่าพี่น็อคกลางกองถ่าย  คนรักพี่เยอะแยะเลยนะฮะพี่ต้องรีบหายไวๆนะอาโปจะรอผลงานเรื่องต่อๆไปของพี่”



อาโปไม่รู้หรอกนะว่าทำไมพี่เมฆมีปฎิกริยาเหมือนไม่ค่อยชื่อตอนที่บอกว่ามีคนรักพี่เมฆเยอะแยะ อาโปแค่อยากพูดความในใจที่ติ่งคนหนึ่งจะพูดกับดาราที่ตัวเองชื่นชอบได้ เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงก็มีคนมาตามพี่เมฆแน่นอนว่าอาโปถูกดุจากผู้ชายหน้าหวานๆมีลักยิ้มบุ๋มๆคนนั้น  คนที่แขนพันเผือกไว้



“ไม่เป็นไรหรอกพี่เดย์ผมเป็นคนชวนน้องเค้าคุยเองแหละ...น้อง...อาโปใช่มั๊ย  เดี๋ยวพี่คงต้องขึ้นห้องแล้วหนีคุณพยาบาลมานั่งเล่น  ขอบคุณสำหรับของฝากและ...ความรักนะครับพี่ดีใจมากๆ  กลับบ้านดีๆดูแลสุขภาพด้วยนะเดี๋ยวจะป่วยเหมือนพี่”  อาโปได้แต่นั่งนิ่งตัวแข็งเมื่อพี่เมฆโน้มตัวมาข้างหน้าพลางวางฝ่ามือลงบนหัวของอาโปแล้วโยกไปมาเหมือนพี่ชายใจดีเล่นกับน้อง แบบว่าปลื้ม...แบบว่าจะร้องไห้อ่ะ



พี่เมฆไปแล้วเดินตามหลังพี่หน้าหวานตาดุคนนั้นไปแล้ว แต่พี่เมฆทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้กับอาโป สิ่งที่ชาตินี้อาโปจะไม่มีวนลืมเลย สิ่งๆนั้นเรียกว่า.. ความประทับใจ...







ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นราวๆ 5 ทุ่ม  วันนี้ผมกลับมานอนที่บ้านหลังจากที่หมออนุญาตให้กลับมาฟักฟื้นได้  แม่แนะว่าผมควรกลับมาอยู่ที่บ้านแทนที่จะไปอยู่คอนโดคนเดียวไม่มีใครดูแลเพราะพี่เดย์ถูกย้ายไปทำแผนกอื่นในบริษัทชั่วคราวระหว่างที่รักษาแขนที่หัก  ผมมองเหยือกน้ำหัวเตียงมันเหลือน้ำก้นเหยือกเพียงน้อยนิดผมหย่อนปลายเท้าลงบนพื้นพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงที่ถูกไข้ขโมยไปเป็นอาทิตย์ลุกขึ้นยืนแล้วคว้าเหยือกน้ำเพื่อลงไปเติมข้างล่าง แสงไฟเพียงสลัวจากในครัวกับเสียงพูดคุยทำให้รู้ว่าคนในบ้านยังไม่นอน



“เมื่อไหร่มันจะโอนบ้านให้เธอซักทีฉันเบื่อที่จะต้องรอคอยแล้วนะ” เสียงพ่อที่ดังออกมาน้ำเสียงตึงห้วนทำให้ผมชะงักเท้าที่จะก้าวเข้าไปร่วมวงสนทนานั้น



“โธ่คุณคะ  ลูกเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเองนะคะ”  เสียงแม่เอ่ยแย้งแต่แฝงความเกรงใจอยู่ในที่



“เดี๋ยวติดงานเดี๋ยวป่วยเดี๋ยวเป็นนั่นเป็นนี่อยู่นั่นแหละ  เห็นมันมาเสนอหน้าในบ้านฉันก็ขัดหูขัดตาจะแย่อยู่แล้ว  ตะล่อมให้มันรีบโอนเป็นชื่อเธอซักทีฉันจะได้ให้เธอโอนต่อให้หมอกมัน  จบเรื่องจบราวจะได้บอกมันว่าอย่าเสนอหน้ามาเผยอในบ้านอีก”



“แต่คุณค่ะนี่มันบ้านที่เมฆเป็นคนซื้อนะคะ  มันเป็นน้ำพักน้ำแรงของลูกฉันว่า...”



“เธอมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่  ถ้ารักมันจริงเธอคงไม่ร่วมมือกับฉันเล่นละครตบตามันด้วยหรอก  ตัวมันเป็นดาราหาเงินง่ายเงินไม่กี่ล้านน่ะมันหาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้  แต่หมอกน่ะมันยังเด็กอีกนานกว่าจะมีงานมีเงินของตัวเอง  มันเป็นพี่จะซื้อบ้านซื้อรถให้น้องซักหลังซักคันทำไมจะทำไม่ได้”



ชัดเจน....พ่อกับแม่...ร่วมมือกัน...หลอกผมเหรอครับ ความรักที่มอบให้กับผมในเวลาเดือนกว่าๆนี่คือหลอกผมกันใช่มั้ยครับ หัวใจของผมมันเต้นตุบราวกับจะฟ้องว่าทุกวันนี้ผมเป็นควายให้เขาสนตะพายเท่านั้นเอง



เพล๊ง!!!



ผมเขวี้ยงเหยือกน้ำลงใกล้ๆกับไอ้พ่อเลี้ยงชั่วก่อนจะหันหลังวิ่งขึ้นห้องหยิบกุญแจรถแล้ววิ่งสวนแม่ที่วิ่งตามมาหน้าตาตื่น



“เมฆ  ฟังแม่ก่อนเมฆเดี๋ยว...”  ผมปัดมือแม่ทิ้งอย่างไม่ใยดีเดินสวนเขาที่ยืนอยู่ตรงบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะหยุดหันมาพูดกับเขา



“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมตาสว่างซักที  ขอบคุณที่แกล้งแสดงว่ารักควายตัวนี้เหมือนลูก  บ้านหลังนี้เป็นของผม  ถ้าไม่เกรงใจก็อยู่ไปเรื่อยๆนะครับ  ส่วนโฉนดผมจะไม่โอนให้ใครทั้งนั้น  ใครอยู่ก็ถือเป็นผู้อาศัยทั้งหมดถ้าทำให้ผมไม่พอใจผมจะเฉดหัวออกจากบ้านให้หมดทุกคนเลยจำไว้”



“ไอ้เมฆมึง”  ผมไม่สนใจเสียงโครมครามในบ้านกดรีโมทเปิดรั้วก่อนจะขึ้นรถสตาร์ทแล้วขับออกจากบ้านทันที



ผม...ร้องไห้



นี่เหรอความรักที่ผมโหยหา  ผมคิดว่าครอบครัวจะเป็นที่ๆเดียวที่มีความรักให้ผมอย่างจริงใจ แต่แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้  คนที่ผมเคารพให้ความรักนับถือว่าเป็นพ่อวางแผนปอกลอกเงินของผมไปให้ลูกของตัวเอง นั่นยังไม่เจ็บเท่าแม่แท้ๆของผมสมรู้ร่วมคิดรวมหัวกันหลอกผม



ผมเป็นลูกของแม่นะครับเป็นลูกชายแท้ๆของแม่  แม่ทำกับผมลงคอได้ยังไง ไหนล่ะความรักความหวังดีที่แม่บอกผม แม่รู้มั้ยสิ่งที่แม่ทำกับผมในครั้งนี้เหมือนแม่ใช้เหล็กแหลมทิ่มลงมาที่หัวใจของผมค่อยๆแทงลงมาแล้วงัดเส้นเลือดจนขาดสะบั้น แม่ทำลายความเชื่อใจและความศรัทธาของผมไปจนหมดสิ้นแล้ว... ทำไมความสุขอยู่กับผมเพียงเดี๋ยวเดียวแล้วก็บินจากไปราวกับมายา



ผมไม่รู้จะไปที่ไหน  สมองมันสั่งให้บังคับรถแล้วพาตัวเองมาหยุดที่นี่อีกแล้ว บานประตูห้องของหมอปิดสนิท  มันเที่ยงคืนกว่าแล้วผมขับรถออกมาโดยลืมใส่เสื้อตัวนอก แม้แต่รองเท้าผมก็ลืมใส่ ผมยกมือขึ้นเคาะห้องหมอ...แล้วยืนรอ น้ำตาของผมก็ยังคงไหล  เสียงเคลื่อนไหวในห้องบ่งบอกว่าหมอเดินมาที่ประตูแล้ว และหมอก็คงจะส่องตาแมวดูแล้วว่าใครมาเคาะห้องตอนดึกๆ



แกร่ก...



ประตูถูกเปิดออกและทันทีที่ผมเห็นร่างบอบบางในชุดบอลแมนยูตัวเก่งของหมอ ผมก็กลับไปเป็นเด็กชายเมฆอีกครั้ง



“หมอครับหมอ...ฮือ.....”  ผมคุกเข่าลงกอดเอวหมอซุกหน้ากับหน้าท้องของหมอแล้วร้องไห้อย่างไม่อายใคร หมอยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรแต่หมอใช้ฝ่ามือของหมอลูบผมของผมเบาๆถ่ายทอดความอบอุ่นมาให้กับผม



ขอกอดแบบนี้ซักพักนะครับ ผมเหนื่อยเหลือเกิน.. ผมวิ่งตามความรักมากเกินไปจนหมดพลังแล้วในตอนนี้... อย่าเพิ่งผลักไสผมเหมือนที่คนในครอบครัวของผมทำกับผมเลยนะครับ ผมไม่เหลือใครแล้วจริงๆ







ผมไล้มือตามกรอบหน้าคมสันของเขา.. จ้องมองใบหน้ายามหลับของเขาผ่านความมืด.. เมฆหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยาและไข้ที่กลับมาเล่นงานอีกครั้ง  ตัวของเขาอุ่นจัดตอนที่โผลงกอดเอวผมพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นราวเด็กน้อยที่กำลังเสียขวัญ



ผมยืนนิ่งให้เขาซุกกายร้องไห้กับผม ปกติเมฆไม่ใช่คนจะมาร้องไห้ฟูมฟายอะไรแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรมาเขาพร่ำพูดแต่ว่าเขาไม่เหลือใครแล้ว  เกือบสิบนาทีที่ผมืนนิ่งราวกับถูกตะปูตรึงผมจึงกล้าที่จะดึงตัวของเขาขึ้นยืน



เขาเล่าเหตุการณ์ที่ได้เจอมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น  ดวงตาฉ่ำน้ำของเขาโรยแสงเหลือเกินในตอนนี้ บางครั้งกลับเข้มขึ้นด้วยแรงอารมณ์ยามนึกถึงพ่อเลี้ยงแสนเลวของเขา



เขาผิดหวัง  เขาเสียใจ  และเขาหมดศรัทธาในสถาบันครอบครัว เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถแสดงความเห็นอะไรได้เพราะยังไงตอนนี้ผมเองก็เป็นแค่เพียงคนนอก  สิ่งที่ทำได้คือลูบหลังเขา  บีบมือเค้าเบาๆ



ผมยังอยู่ตรงนี้นะ  ยังรอคุณอยู่ที่ตรงนี้นะ ผมเป็นเหมือนหมาที่ถูกเจ้าของทิ้งขว้าง  ทำได้เพียงรอเขากลับมามอบความรัก  ให้อาหารบ้างบางเวลาเท่านั้น หมาที่โง่..โง่เพราะคิดว่าเจ้าของยังรักยังเอ็นดูกับมัน



แค่เห็นน้ำตาของเขาผมก็แทบจะร้องไห้ตามอยู่แล้ว  ยิ่งสายตาเหมือนเขาสำนึกผิดได้นั่นยิ่งทำให้ใจที่คิดว่ามันแข็งแรงขึ้นมาได้บ้าง ความมั่นใจนั้นถูกทำลายลงในทันทีที่ริมฝีปากของเขาเอื้อนเอ่ยคำว่า



“ที่ผ่านมาผมขอโทษนะครับหมอ  ผมขอโทษ  ผมขอโทษ  ขอโทษจากใจจริงๆ”



“ไม่เป็นไรแล้วนะ  เข้าห้องเถอะ?” แล้วก็กลายเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายจูงมือของเขาเข้ามาในห้อง แล้วก็เป็นผมเองที่ผสมน้ำอุ่นมาล้างเท้าให้กับเขาเพราะตัวของเขาเย็นเฉียบ แล้วก็เป็นผมเองที่ดึงเขาเข้ามานอนกอด แล้วก็เป็นผมเองที่ใจอ่อน... เป็นผมเองที่รับเขากลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง  ผมประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากอุ่นจัดของเขา



ผมรัก  รักเขามากมายเหลือเกิน ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่คิดถึงเขา 1 วัน มี 86,400 วินาที  ผมใช้เวลาในการคิดถึงเค้าไปซะ 86,399 วินาที  เหลือไว้คิดถึงเรื่องของตัวเองเพียงแค่ 1 วินาที  ผมนี่เป็นเอามากเนอะ เป็นเอามากที่รับเค้าเข้ามามีอิทธิพลในหัวใจมากเกินไป  มากจนละเลยตัวเอง มากจนผมลืมไปว่าตัวผมเองก็มีค่า



ผมไม่ได้ลืมหรอกนะความเจ็บช้ำที่ได้รับมาตลอดเวลาหลายเดือน  ก็อย่างที่เคยบอกไปกับหมอกว่าแผลของผมมันยังสดเหลือเกิน แต่วันนี้ผมขอ  ขอแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะเช้าที่ผมจะสามารถกอดเขาไว้ได้ให้มากที่สด  นานที่สุดเท่าที่ใจจะต้องการ  ก่อนที่ผลสุดท้ายความสัมพันธ์ของเราก็จะเป็นแค่คนเคยรักกัน ผม...ใจอ่อนในวันนี้เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้หัวใจได้เข้มแข็งในวันข้างหน้า



ตอนนี้เค้าแค่เคว้งคว้าง  พอเขาตั้งหลักได้  มีคนรักเขามากมายเหลือเกิน ผมไม่อยากต้องไปรบรากับใครอีกแล้ว ผมเลื่อนตัวลงนอนข้างๆเขาหนุนหัวกับมือตัวเองจ้องมองเสี้ยวหน้าของเขาผ่านความมืดไม่แม้แต่จะอยากกระพริบตา



ผมกลัวว่าสิ่งที่ผมกำลังนอนมองอยู่นี้จะเป็นเพียงภาพมายาเพียงแค่กระพริบตาร่างของเขาก็จะสลายกลายเป็นละอองสีรุ้งแล้วปลิวไปตามสายลม ไม่แม้แต่จะกล้าหายใจแรงกลัวเขาจะรำคาญ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเปลี่ยนท่ากลัวเขาจะรู้สึกตัวแล้วจากผมไปก่อนเวลาอันสมควร กลัวไปซะทุกอย่าง



จริงๆแล้วผม....ไม่ได้เข้มแข็งอะไรอย่างที่ปากเก่งออกไปเลยซักนิดผมยังคงรักเขาหมดหัวใจ



...............................................





ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี...

 

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้าเราเป็นเมฆคงไล่ออกไปให้หมด เอาโฉนดคืนทันที บายยยยยยยย พ่อแม่เฮงซวย  :z6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เปนไงอิเมฆตอนแกมีทุกอย่างแกทิ้งหมอ
ทำดีกับทุกคนยกเว้นหมอ
สุดท้ายโดนคนพวกนั้นทำร้ายมาก้อกลับมาหาหมอ

งืออออออออ ไม่อยากให้หมอกลับไปหาอิเมฆเลยยยยยย
คนดีๆแบบหมอสมควรเจอเรื่องแบบนี้หรอถามจีงงงงงงงงงงงงงงงงงง :heaven

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เปนไงอิเมฆตอนแกมีทุกอย่างแกทิ้งหมอ
ทำดีกับทุกคนยกเว้นหมอ
สุดท้ายโดนคนพวกนั้นทำร้ายมาก้อกลับมาหาหมอ

งืออออออออ ไม่อยากให้หมอกลับไปหาอิเมฆเลยยยยยย
คนดีๆแบบหมอสมควรเจอเรื่องแบบนี้หรอถามจีงงงงงงงงงงงงงงงงงง :heaven
เมฆเป็นคนดีไมได้หลงอะไรในวงการหรอกแต่ที่ทำไปเพราะประชดอิผจก.ที่ถูกย้ายไปนี่แหละและที่ให้เงินไอ้เด็กเชี่ยหมอกเพราะเมฆอยากให้ทุกคนในครอบครัวยอมรับในตัวเมฆแต่น้องมันก็ไม่รักดีแถมพ่อชั่วๆแม่ที่ไม่กล้าทำอะไรเผื่อปกป้องลูกมันก็จริงนะที่เมฆอยากเลี้ยงพ่อแม่ทำตามหน้าที่ของลูกคนนึงในสังคมแต่ถ้าพ่อเลี้ยงหรือแม่แท้ๆกับน้องเวรทำตัวแบบนี้เมฆทำแบบนี้ถือว่าใจดีมากแล้วนะเป็นเราหักดับโหดๆไม่ใจดีแล้ว

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
เมฆผิดที่คิดออยากจะได้รักชั่วคราว ลืมรักแท้ที่หมอมอบให้ หลงวนกับครอบครัวที่คิดแต่จะเอาผลประโยชน์จากตัวเอง

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:19:]





ผมก้มหน้ารับคำทักทายจากบรรดาหมอและพยาบาลที่ทักทายยามผมเดินผ่านรวมทั้งคนไข้ที่มารับการรักษาและมาตามที่หมอนัด



จิตใจของผมวันนี้ไม่ปกติเอาเสียลยหลังจากสั่งให้ใครบางคนช่วยเดินออกไปจากชีวิตของผม แน่นอนเขาพยายามดึงรั้งผมไว้  จะด้วยรักผมจริงๆหรือเพราะตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้วก็ตามแต่ แต่ผมบอกแล้วผมจะเป็นจิณณ์คนโง่จนถึงเช้านี้เท่านั้น หลังจากเค้าลืมตาตื่นขึ้นมาเรื่องระหว่างเราคือจบ...จบจริงๆ



“หมอครับหมอ...ได้โปรดให้โอกาสผมอีกซักครั้งได้มั้ยครับ  ผมสัญญาว่าผมจะหยุดทุกอย่าง  ผมจะเลิกกับพี่เดย์  ผมจะไม่ไปยุ่งกับใครอีก  นะครับ  ได้โปรดยกโทษให้ผม”



“ขอโทษนะ  หมอคงให้คุณแบบที่คุณขอไม่ได้หรอก  เราจบกันเถอะนะ  ตอนนี้คุณไม่ใช่ลูกเป็ดของหมออีกต่อไปแล้ว  คุณกลายเป็นหงส์สูงส่งเกินกว่าที่หมอจะเอื้อมถึงแล้ว  ตอนนี้หมอจับต้องคุณได้แค่เศษขนที่คุณสลัดหลุดเท่านั้นเอง”



“โธ่หมอครับ  ผมยังเป็นคนเดิมนะครับ  ผมขอโทษที่ผมนอกลู่นอกทางไป  ผมสาบานเลยว่าหลังจากนี้ผมจะซื่อสัตย์กับหมอคนเดียว  หมออย่าบอกเลิกกับผมอีกเลยนะครับ  เราไปเที่ยวกันมั้ยครับไปที่ไกลๆไปเมืองนอกไปไหนก็ได้ที่หมออยากไปผมพาหมอไปได้นะครับตอนนี้ผมมีทุกอย่างแล้วชื่อเสียงเงินทอง  ถ้าหมอทิ้งผม  ผมจะกลายเป็นคนไม่มีอะไรในทันทีเพราะสำหรับผมแล้วหมอมีค่าที่สุด  อย่าทิ้งผมไปเลยนะครับ  นะครับหมอ”



“นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”  ผมหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ชื่อเสียง เงินทอง ทรัพย์สิน มันจะสำคัญอะไรถ้ามีสิ่งนั้นแล้วแต่เขาเปลี่ยนไป



“ไปซะ  หมอไม่ได้อยากได้อะไรจากคุณเลยซักนิด  สิ่งที่หมอต้องการน่ะคุณให้ไม่ได้หรอก”



“ก็แล้วหมออยากได้อะไรล่ะครับ  ผมจะรีบหามาให้เลย”  เขาก็ยังคงไม่ข้าใจสิ่งที่ผมพูดอยู่ดี ยิ่งมองเค้าผมก็ยิ่งเหนื่อยใจ ยิ่งเห็นสายตาที่คาดหวังของเค้าผมก็เหมือนจะหมดแรง



“เอาลูกเป็ดขี้เหร่คนเดิมของหมอกลับมาได้มั้ยล่ะ”



เขานิ่ง....



ผมนิ่ง....



เราต่างคนต่างนิ่งทำเพียงส่งสายตามองกันผ่านความเงียบ สายตาของเขาดูสับสนกับสิ่งที่ผมขอ  ส่วนสายตาของผม  ผมพยายามกลั้นอาการที่ปะทุอยู่ข้างใน พอกันทีกับความรู้สึกที่มีให้กัน ถ้าเขากลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ผมจะเป็นฝ่ายหยุดมันเอง



“ถ้าจะไปแล้วก็ปิดไฟล็อกห้องให้ด้วยนะ”  ผมพูดขณะเดินผ่านเขาไป เมฆปล่อยมือให้ตกข้างลำตัวมองผมเดินออกนอกห้อง ไม่ฉุด  ไม่รั้ง  ไม่ขอร้องอีกต่อไป



ผมไม่มีน้ำตาจะไหลแล้วล่ะ  เขาควรมีเวลาทบทวนตัวเอง  ขอแค่เมฆคนเดิมกลับมา  ผมจะไม่ขออะไรแล้วจริงๆ









“โธ่อาม่าครับผมก็รักอาม่าเหมือนเดิมอย่างอนสิครับ”  ผมกรอกสายทำน้ำเสียงออดอ้อนผ่านเครื่องมือสื่อสาร อาม่าที่อยู่กับครอบครัวคนอื่นๆจของผมที่อเมริกาโทรทางไกลมา  คนแก่งอนน่ะง้อยากยิ่งกว่าสาวๆงอน ผมเอาดินสอวาดรูปเล่นระหว่างคุยกับคุณนายเธอล่ะ ขึ้นชื่อว่าเป็นอาม่าผมก็กลัวหัวหดแล้ว  ไหนจะน้ำเสียงประชดประชันเย็นชานั่นอีก



“ใช่ซิ๊  ตอนนี้อาม่ามันแก่แล้วนี่  นมเหี่ยวๆที่ลื้อเคยดูดเล่นมันไม่มีความหมายแล้วนิ๊”



1 ดอก



“แก้มของอาม่ามันก็เหี่ยวก็ย่นจูบก็ไม่หอมแล้วล่ะเผลอหอมแรงเหนียงยานเข้าจมูกตามไปด้วยลื้อจะหายใจไม่ออกซะเปล่าๆ”



ดอกที่ 2



“อาม่าคิดถึงอาจิงมากรู้มั๊ย  มัวแต่ไปรักคนอื่นจนลืมอีแก่คนนี้แล้วสินะมันน่าน้อยใจจริงๆ  เลี้ยงมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนตอนนี้ไอ้นั่นเท่าฝ่าตีนแล้วอาม่าคนนี้ก็หมดความสำคัญแล้วสินะถึงไม่กลับมาหาอาม่าเลยจะสองปีแล้วนะ”



ดอกที่ 3 อัดมาเน้นๆ



“ต้องรอกลับมาจุดธูปหน้าโลงอาม่าก่อนหรือไงห๊ะอาจิงเอ๊ย”



ดอกที่ 4



“โธ่  อาม่าครับ  ผมจะไปรักใครมากกว่าอาม่าได้ยังไงล่ะครับ”



“ไม่ต้องมาทำปากหวานหรอก  ถ้ารักอาม่าก็กลับมาอยู่กับอาม่าซี่  ไปอยู่ทำไมไกลหูไกลตา”



“ผมทำงานนี่ครับอาม่า”



“ก็กลับมาทำบ้านเราสิอาม่าคิดถึงจะแย่แล้วนะ” อาม่าเริ่มทำเสียงสั่นเครือใส่ผม



แน่นอนล่ะผมเป็นหลานรักเพียงคนเดียวของอาม่า  ตั้งแต่คบกับเมฆผมก็ไม่เคยได้กลับไปอเมริกาอีกเลย รู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ละเลยอาม่าไป  ทั้งๆที่คนๆนี้มีความรักมอบให้ผมอย่างเหลือเฝือแต่ผมกลับมองข้าม สำหรับผม  ถ้ากลับไปอยู่บ้านตอนนี้  คอยดูแลอาม่ายามแก่เฒ่าอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี ไปอยู่ให้ไกลจากเขาหัวใจของผมอาจจะแข็งแรงขึ้น  ผมกัดปากอย่างใช้ความคิด



.........





“โอเคครับอาม่า  ผมจะกลับไปหาอาม่านะครับ  แล้วเจอกันนะ  จิณณ์รักอาม่านะ”











“เทค!!!”  เสียงผู้กำกับตะโกนดังลั่นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมๆกับเสียงถอนหายใจของพระเอกหนุ่มที่มีสีหน้ามุ่ยสุดฤทธิ์ดังขึ้น



“คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ยเมฆ  แค่ซีนง่ายๆนี่ล่อไปจะ 10 เทคแล้วนะ  ทำความเข้าใจกับบทก่อนมาทำงานหรือเปล่าเนี่ย”



“ผมขอโทษครับ”



“แค่ขอโทษมันไม่ช่วยให้งานเดินหรอกนะตั้งใจหน่อยสิ  อย่าเป็นตัวถ่วงทีมงานคนอื่นเค้า  นี่มันไม่ใช่งานของคุณคนเดียวนะเมฆยังมีทีมงานอีกหลายคนที่ต้องทำงานร่วมด้วยถ้าคุณช้าคนอื่นก็พลอยช้าไปด้วย”  ผู้กำกับเท้าเอวก่อนจะส่ายหัวยิกๆกับความไม่ได้ดั่งใจของเมฆ  แค่ฉากง่ายๆแค่ต้องแสดงอารมณ์เขินต่อหน้าผู้หญิงที่ชอบซีนสั้นๆแต่เมฆกลับเทคแล้วเทคอีกผิดมาตราฐานที่เคยทำไว้อย่างสิ้นเชิง  นางเอกสาวปลีกตัวออกไปนั่งให้ช่างแต่หน้าเติมแป้ง อากาศก็หนาวเพราะลมแรงพระเอกก็ดันมาเล่นห่วยแต่ก็ต้องฝืนยิ้มให้เมื่อเมฆเดินผ่าน



“เป็นบ้าอะไรของนายห๊ะ”  เดย์ที่ถอดเฝือกอ่อนและกลับมารับตำแหน่งเดิมเดินตามมาตะคอกใส่เมฆที่ยืนเอามือยันราวระเบียงดูวิวด้านนอกอย่างหัวเสีย เกือบอาทิต์ที่ผ่านมามาตราฐานการทำงานของเมฆลดลงอย่างเห็นได้ชัด



เมฆดูเหม่อลอย  ดูไม่มีสมาธิในการทำงานจนถูกผู้กำกับตำหนิหลายครั้งพลอยทำให้เขาถูกตำหนิไปด้วย



“ผมไม่ได้อยากพลาดหรอกนะแต่ผมเค้นอารมณ์ไม่ออกพี่จะให้ผมทำยังไงล่ะ”  เมฆหันหลังพิงริมระเบียงพลางเสยผมอย่างขัดใจ



ใครจะไปมีอารมณ์ทำงานแม่ก็พยายามที่จะโทรมาหา  หมอกก็ขอเงินอยู่เรื่อยๆล่าสุดไปมีเรื่องต้องประกันตัวเขาก็ส่งเดย์ให้ไปจัดการให้ ไหนจะหมอจิณณ์ที่หลบหน้าไม่ยอมพูดจาทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุ จะให้ทำยังไง  ก็บอกแล้วว่าจะเลิกจะหยุดแล้วทำไมหมอยังไม่ยอมยกโทษให้



“แม่ง..งี่เง่า...งี่เง่ากันทุกคนเลย”  ที่สุดคนตัวสูงก็สบถออกมาอย่างเหลืออดก่อนจะหันไปตวาดใส่หน้าเดย์ที่ยืนตัวเกร็งด้วยความตกใจ



“อะไรของนายเนี่ยไปโมโหใครแล้วมาลงกับพี่แบบนี้ได้ยังไง  เป็นบ้าไปแล้วเหรอ”  เดย์ตรงไปผลักอกเมฆรัวๆหลายๆครั้งพลางกร่นด่าอย่างอารมณ์เสีย



“นายไม่ตั้งใจทำงานก็ต้องโดนด่าป่ะ  นายโดนด่าพี่ก็ต้องโดนด้วยป่ะ  นายต้องรับผิดชอบหน้าที่ของนายสิ”



“เวลาแบบนี้มันใช่เรื่องมั้ยที่พี่จะมาโทษนั่นโทษนี่ผมแทนที่จะให้กำลังใจกันไม่มีเลยพี่เอาแต่สั่งให้ผมทำนู่นทำนี่ผมเป็นคนนะไม่ใช่เครื่องจักรเหนื่อยเป็นมีอารมณ์เป็น  พี่นี่มันไม่ได้ครึ่งของหมอจิณณ์เลยจริงๆ”



“นายมีสิทธิ์อะไรที่เอาฉันไปเปรียบเทียบกับมันห๊ะเมฆ”  ศิโรจน์ที่ได้ฟังคำพูดดูถูกตัวเองถึงกับพุ่งมารัวกำปั้นใส่หน้าอกของเมฆอย่างโมโห ลืมไปสนิทว่าแขนตัวเองยังไม่หายดี



เมฆยืนให้เดย์ทุบระยะหนึ่งก่อนจะรวบมือนั้นแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาลุกโพลนราวกับมีไฟกองใหญ่อยู่ในนั้น มันเรื่องอะไรเอาเขาไปเปรียบกับคนอย่างจิณณ์ คนแบบนั้นมีอะไรมาสู้เขาได้  ขนาดเมฆที่เป็นที่หมายปองของใครหลายๆคน เมฆที่มีจิณณ์เป็นเจ้าของอยู่แล้วเขายังแย่งมาได้  แล้วมันเรื่องอะไรเอาเขาไปเปรียบเทียบกับคนไร้น้ำยาแบบนั้น



“เลิกทำตัวเหมือนหมาบ้าซักทีพี่รู้มั้ยว่ามันยิ่งทำให้พี่ดูน่าเกลียดมากขึ้นเป็นล้านเท่า  ผมจะบอกอะไรให้นะเวลาผมเหนื่อยผมท้อผมอารมณ์ไม่ดี หมอเขาจะจับมือผมไว้  กอดผม  ปลอบผม  ไม่เป็นไรนะเมฆเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเมฆของหมอเก่งอยู่แล้วใช่มั๊ย ส่วนพี่แค่ผมพลาดนิดเดียวพี่ก็เอาแต่ด่าๆๆๆ  ทีนี้รู้หรือยังว่าพี่กับหมอต่างกันตรงไหน  สำหรับหมอผมคือความรัก  สำหรับพี่ผมคือความลุ่มหลง  ใช่หรือเปล่า  พี่ไปคิดดูเอาเองก็แล้วกัน ที่จริงแล้วพี่ไม่ได้รักผมหรอก  พี่แค่หลง  หลงรูปร่างหลงชื่อเสียงของผมแค่นั้นเอง”  ผมผละจากพี่เดย์มานั่งให้พี่ช่างแต่งหน้าเติมแปงเซตผมอีกรอบพยายามรวบรวมสมาธินั่งหลับตาเงียบๆสูดหายใจเข้าออกลึกๆ



ผมต้องทำได้  พยายามตัดเรื่องกวนใจทุกอย่างออกไปจากสมอง ตอนนี้ผมควรโฟกัสเรื่องงานก่อนที่ทุกอย่างมันจะรวนจนเสียระบบไปมากกว่านี้นั่งรอช่างเทคนิคจัดแสงจัดฉากอีกพักผมก็ถูกผู้กำกับเรียกไปเข้าฉาก  ครั้งนี้ผมไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง  ผมนึกถึงช่วงแรกที่จีบหมอใหม่ๆ  ความรู้สึกเขินทุกครั้งที่ลอบมองหน้าหมอแล้วถูกหมอจับได้ผุดเข้ามาในสมอง



จำได้ว่าเราเคยมองตากันตอนแย่งกันคีบเส้นบะหมี่เข้าปาก วันที่อากาศสดใสเราเดินเคียงคู่กัน  หลังมือของเราชนกันหลายต่อหลายครั้งทำให้หัวใจของผมพองโตได้เสมอ ยังจำได้ถึงความรู้สึกแรกที่ทำใจกล้าคว้ามือของหมอไปกุมไว้ มันทั้งอบอุ่นและหอมหวาน  หัวใจมันพองราวกับลูกโป่งอัดก๊าซ  แทบจะลอยขึ้นสรวงสวรรค์ ไปดูหนังในโรงด้วยกันครั้งแรกหมอหลับตั้งแต่ 5 นาทีแรกหัวกลมๆของหมอค่อยๆเอนมาซบไหล่ผม



ดอกไม้ดอกแรกที่ผมให้หมอมันไม่ใช่ดอกไม้ราคาแพง  ไม่ใช่ดอกไม้จัดช่อสวยหรูหรือกุหลาบสั่งตรงจากเมืองนอกมันเป็นเพียงดอกหญ้าดอกเล็กๆที่ขึ้นอยู่ตรงซอกตึกแตกๆ  ผมวิ่งไปเด็ดก่อนจะยื่นมันให้กับหมอทื่อๆ  หมอทำเพียงมองหน้าผมก่อนจะรับไปถือไว้แล้วพูดคำว่า “ไอ้บ้า” แค่นั้นแล้วก็เดินหนีไป  ผมมาพบว่ามันถูกนำไปเคลือบแล้วทับไว้ในสมุดเล่มหนาที่หมอใช้จดนั่นจดนี่ ไม่เคยทิ้งเลย  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมให้หมอล้วนแต่เป็นของเล็กๆน้อยๆ  แต่หมอก็เก็บไว้ราวกับมันเป็นของมีค่า



“เก็บไว้เหงาๆหรือคิดถึงกันจะได้นั่งดูว่าไอ้อันนี้ให้เนื่องจากโอกาสอะไรหรือเราอยู่ในอารมณ์ไหนตอนนั้น”  เป็นเหตุผลง่ายๆของหมอที่พอนึกถึงก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาได้



“คัท..โอเคผ่าน”  เสียงผู้กำกับทำให้ผมหลุดจากภวังค์ก่อนจะก้มหัวขอบคุณทีมงานทุกคน  วันนี้เท่ากับผมหมดซีนแล้ว  ผมแยกตัวออกมาเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋า  พี่เดย์ที่นั่งกอดอกอยู่มุมหนึ่งของห้องส่งค้อนมาให้ผมซึ่งผมเองไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ผมเบื่อกับนิสัยแย่ๆของพี่เดย์เต็มที



“ไม่คิดจะชวนกลับเลยหรือไง”  ทันทีที่ผมคว้ากุญแจรถเดินออกมาด้านนอกสถานที่ถ่ายทำพี่เดย์ก็วิ่งมาคว้าไหล่ของผมไว้



“ปล่อย”  ผมสะบัดไหล่ออกอย่างไม่ยี่หระแต่พี่เดย์ยังตามมาคว้ามือของผมไว้อีก



“เธอต้องให้พี่กลับด้วยนะ  พี่ไม่ได้เอารถมาเธอก็รู้”



“โบกแท็กซี่กลับเอาก็แล้วกันผมมีธุระต้องทำต่อ”  ผมรู้ว่าสิ่งที่ทำมันเย็นชาและโหดร้ายสำหรับพี่เดย์ แต่ตอนนี้ใครจะสนล่ะ  ทนได้ก็ทนไป  ทนไม่ได้ก็เลิกยุ่งกับผมซักที



“เมฆ  เดี๋ยวสิ”  พี่เดย์ยังคงตามตื้อไม่เลิกผมหันไปถอนหายใจใส่ก่อนจะตวาดเสียงดังด้วยคำพูดสั้นๆแต่สามารถสะกดให้พี่เดย์หยุดนิ่งได้ราวต้องมนต์สะกด



“รำคาญ!!!”









“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับหมอ”  ผมละสายตาจากฟุตบอลทีมโปรดมามองหน้าหมอกที่นั่งบนพื้นส่งสายตาเหมือนหมากำลังจะถูกเจ้าของทิ้งมาให้  ลูกปัดเดินออกจากครัวยกกับแกล้มมาวางแล้วกลับเข้าไปใหม่  อาทิตย์ที่ไม่ได้สนใจอะไรขยับตัวเข้ามาหยิบเนื้อทอดกินหน้าตาเฉยเลยโดนลูกปัดที่หยิบยำอะไรซักอย่างรสชาติเผ็ดเปรี้ยวถึงใจแกล้มกับเบียร์อร่อยพอดีๆเขกหัวไปซะทีนึง



“ตะกละ”



“ผมแค่ชิมนะเจ๊”



“ว่าไงครับไม่ไปไม่ได้เหรอ”



“อย่ามาเซ้าซี้น่า” ผมว่าเข้าให้เมื่อหมอกยังงอแงไม่เลิก



มันก็งอแงมาตั้งแต่รู้ว่าผมจะกลับอเมริกาแล้วล่ะ  จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แต่จะแวะเมืองจีนไปเยี่ยมบรรดาญาติๆก่อนของฝากก็ซื้อครบแล้วอาอึ้ม อาอี๊ เหล่ากงเหล่าม่าอาเจ๊กอาแปะอาโกวอากู๋  ไม่มีขาดตกบกพร่องมีแต่ผมนี่ล่ะที่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้อยากไป



ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว อยากให้คนที่รั้งผมไว้เป็นเขาไม่ใช่หมอกแต่พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์พอหนักๆเข้าผมเลยถีบขาไอ้เด็กโย่งไปซะทีนึงเป็นการปรามว่าอย่ามาเยอะ



“โธ่หมออ่ะ”



ยัง  มันยังไม่หยุดเกาะแข้งเกาะขาแล้วทำหน้าจ๋อย  ผมยื่นมือไปยีผมของมันเล่นอย่างเอ็นดูอดหัวเราะขำกับการทำหน้าหุบปากคว่ำของมันไม่ได้



“เป็นไรของนายเนี่ย  ตุ๊ดเหรอ”



“ตุ๊ดอะไรออกจะแมนขนาดนี้  ผมเกิดมาเพื่อเป็นคนเสียบนะหมอไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกเสียบเหมือนคนบางคนหรอก”  หมอกมันจีบปากจีบคอตอบด้วยท่าทางกวนส้นเท้าสุดๆ



“ปากดีไม่ต้องกินมันล่ะตีนไก่กินตีนกูไปก่อนดีมั้ย”  ผมแกล้งว่าพลางส่งเท้าไปหามันจริงๆหมอกรีบผลักออกพลางทำหน้าขยาด  ลูกปัดหยิบกับแกล้มอย่างสุดท้ายมาวางพลางตีมืออาทิตย์ที่ยื่นไปหยิบกินทั้งๆที่ของยังวางไม่ถึงโต๊ะเลยด้วยซ้ำ



“กินเยอะๆล่ะเดี๋ยวพอหมอไปแล้วคงไม่ได้มานั่งสุมหัวกันแบบนี้”  ลูกปัดรินเบียร์ใส่แก้วเติมให้ผม  บอกตรงๆว่าไปก็ใจหายนะ  ผมรักในมิตรภาพของทุกคน



รักทั้งลูกปัดที่เป็นเพื่อนที่ดี  รักหมอกที่มันทำตัวให้ผมหัวเราะได้ในเวลาที่ชีวิตดูอึมครึมแบบนี้  รวมทั้งอาทิตย์ด้วย ใบหน้าซื่อๆพร้อมกับท่าทางเรียกร้องความสนใจของมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีน้องชายเพิ่ม



ต้องจากกันแล้ว อีกแค่สองวัน เศร้าจัง แต่อย่างว่าล่ะ  ชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้าจะมัวมาจมกับความหลังมันก็ใช่เรื่อง ผมรักเค้า...และยังรอให้เค้ากลับมาเป็นลูกเป็ดขี้เหร่แสนซื่อตัวเดิม แต่ผมก็รักและเกรงกลัวอาม่ามากกว่าจะขัดใจท่าน



เมฆเหมือนไม้แก่ดัดยากแต่อาม่าของผมท่านเป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วถ้าจะต้องเลือกแน่นอนผมต้องเลือกอาม่าของผมอย่างไม่มีข้อยกเว้น

“ถ้าหมอไปผมคงคิดถึงหมอ”



“อย่ามาเว่อร์อีเมล์ก็มี  เฟสบุ๊ค  ทวิตเตอร์  ก็ทักมาดิ่  นีกลับบ้านนะไม่ได้ไปตายซักหน่อย  กินๆเข้าไปเถอะพูดมากน่ารำคาญจริงๆเชียว”



“หมอครับอย่าเห็นความรักของคนที่จริงใจอย่างผมเป็นเรื่องน่ารำคาญสิครับ  ใจร้ายจัง  มีคนรักดีกว่ามีคนเมินนะครับ”



“ฉันรู้แล้วน่า”  ผมตัดบทด้วยการยกเบียร์ขึ้นดื่ม  ฟุตบอลนัดนี้ทีมโปรดของผมแพ้เราช่วยกันเก็บของเคลียร์โต๊ะเสร็จตอนตี 3 กว่าๆ  ลูกปัดขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าร้านตอนสายๆ  ส่วนหมอกกับอาทิตย์นอนเลื้อยอยู่บนพรมผมจึงบอกให้เด็กทั้งคู่ไปยกผ้าห่มกับหมอนมาปูนอนเอา  ตัวผมนั่งกอดหมอนดูซีรี่ส์ที่เอามารีรันรอบดึกใหม่ต่อไม่นานก็ได้ยินเสียงกรนจากอาทิตย์ส่วนหมอกนอนมองหน้าผมนิ่งไม่ได้พูดอะไร



“หมอก...”  ผมเอ่ยรียกเด็กโย่งในความมืดซึ่งมันก็ขยับตัวเป็นการบอกนัยๆว่ามันรับรู้การเรียกขานของผม



“เย็นตีนจัง  ขอเอาตีนซุกอกเสื้อหน่อยได้มั้ย?”  มันทำท่าผงะก่อนจะร้องโว๊วววว ผมทำเพียงหัวเราะหึหึ  ชอบใจที่ได้แกล้งมัน  ตายังคงจับจ้องซีรี่ส์ในทีวีอยู่ มันเป็นซีรี่ส์ที่เมฆเล่น



เนื้อเรื่องค่อนข้างเศร้า  พระเอกกำลังตามหานางเอกที่หนีไปฝรั่งเศส  น้ำตาของผมไหลออกมาเมื่อคนทั้งคู่ตามหากันจนเจอพระเอกสารภาพรักกับนางเอกสัญญาว่าจะรักเธอชั่วนิรันดร์



ซักพักความรู้สึกอุ่นที่ฝ่าเท้าทำให้ผมก้มลงไปมองหมอกจับเท้าทั้งสองข้างของผมเข้าไปซุกที่อกเสื้อของมันจริงๆแถมเอาผ้าห่มคลุมให้อีกต่างหาก



“เห็นว่าจะไปแล้วหรอกนะ”  มันว่ายิ้มๆจับเท้าของผมไว้แน่นเมื่อผมทำท่าจะชักเท้ากลับ  ผมไม่ได้พูดอะไรทำเพียงยิ้มทั้งน้ำตาให้กับคนที่ปิดเปลือกตาไปแล้ว



ขอบใจนะน้องชาย...



...............................................

ตอนหน้าจบค่ะ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
จะจบแล้วหรอออ ใจหายเบาๆ  :mew6:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
เมฆหลงไปกับแสงสีจริงๆ

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิผจกนี่มันน่าจะตายๆไปตั้งแต่โดนรถชน เสียดายอิฉันไม่ได้เปนคนขับ  :katai1:
ไม่งั้นไม่รอดมาแร่ดจนถึงตอนนี้หรอกกกกกกกกกกกกกกก

เพราะนี่คือออออออออ องครักษ์พิทักษ์หมออออออออออ :laugh:

ทำไมอิลูกเป็ดไม่พยายามอะไรเพื่อหมอบ้างอะ ยังไปยุ่งกะอิผจกอยู่ได้ มันตัวปัญหาอะ รำคาญ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:20:]


พรุ่งนี้หมอจะเดินทางไปปักกิ่งแล้วแต่ยังมีควายตัวหนึ่งเดินกินลมชมหญ้าที่ปลายทุ่งลูกปัดควรจะทำยังไงกับมันดีจ๊ะ??

1 คำถาม สองตัวเลือก ข้อแรกชี้ทางสว่างให้ควายน้อย  กับตัวเลือกที่สองปล่อยมันโง่เดินชมทุ่งกับอีกาแก้มบุ๋มต่อไป แต่เอาจริงๆนะพื้นฐานสันดานเดิมของเมฆมันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ศิโรจน์อาจเอาน้ำมันพรายราดตั้งแต่หัวจรดเท้าอะไรประมาณนั้น  จ้องเอาผ้าถุงครอบหัวของจะได้เสื่อม...ปัดล้อเล่นนะจ๊ะ  นะจ๊ะ

นี่ปัดคิดมาตลอดวันเลยนะว่าจะทำยังไงดีเอาเข้าจริงก็ไม่อยากให้สองคนนี้เลิกกันหรอกดูก็รู้ว่าต่างคนต่างยังรักกันมาก  ตลอดเดือนมานี้ปัดตามข่าวเมฆไม่มีข่าวซุบซิบกับดารานักร้องคนอื่นๆเลยมีแต่ข่าวเกี่ยวกับเรื่องงานรูปที่เห็นจากสื่อก็เหมือนเมฆจะกันคุณผู้จัดการลักยิ้มหลุมอุกาบาศออกจากวงโคจรของชีวิตด้วยคือมันห่างไกลไม่ใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน

คิดสิปัด  คิดๆๆๆๆๆ

อยากจะให้สองคนนี้ลงเอยกันแบบไหน  ทุกวันนี้หมอจิณณ์เหมือนซากกวางเดินได้ยิ้มแย้มไม่สุดปากหัวเราะไม่สุดเสียงตีนกาแทบจะไม่ผุดมาให้เห็นเหมือนยามมีความสุขเลยกลายเป็นคนทำตัวซังกะตายไปวันๆ

ส่วนเมฆน่ะเหรอไม่มาหาหมออีกเลยคงกลัวจะโดนไล่อีก ข้อนี้บ่งบอกได้เลยว่ามันยังหลงเหลือความซื่อปนเซ่อถ้าถูกไล่แล้วจะไม่กล้ามาให้เขาเห็นหน้าคงทำได้แค่เพียงแอบมองเขาจากที่ไกลๆชัวร์ปัดมั่นใจ

แล้วมันเรื่องอะไรที่คนรักกันมากขนาดนี้จะต้องแยกร้างห่างไกลกันล่ะจ๊ะ นั่นสิ  ปัดว่าปัดมีคำตอบให้กับเรื่องนี้แล้วนะ  คิดได้ดังนั้นปัดก็เลยหยิบมือถือที่วางไว้ในตู้อบออกมากดเบอร์ของเมฆภาวนาให้มันยังใช้เบอร์เดิมอยู่ซึ่งก็ได้ผลรอสัญญาณไม่นานปลายสายก็มีคนรับ

“ฮัล...”

“ไปตามเมฆมาพูดสาย”  ปัดไม่รอให้คนทางนั้นพูดจบประโยคเพราะจำน้ำเสียงได้ตั้งแต่ฮัลแล้วโหลจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป

“ใครโทรมาไม่ทราบ”

“คุณรู้อยู่แล้วน่าศิโรจน์หรือจะต้องโดนอีกซักหมัดสองหมัดเรียกความจำ”

“เมฆทำงานอยู่”

“งานอะไร”

“อีเว้นท์เครื่องสำอางค์ที่ห้าง xx”

“บอกมันเรื่องสำคัญถ้าว่างแล้วช่วยโทรกลับด้วย”

“ผมไม่จำเป็นต้องให้ดาราในความดูแลของผมโทรกลับไปหาคุณ”

“ก็เอาดิ่จะให้โทรกลับหรือจะให้ฉันไปหาคุณก็เลือกเอานะ  อ่อ...จะบอกอะไรไว้ให้นะ  หน้าตาคุณก็ไม่ได้จัดว่าแย่อะไรหาคนใหม่ง่ายกว่านะฉันดูแล้วเมฆมันก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณเกินกว่าคู่นอนธรรมดานะอย่ามานั่งกินน้ำใต้ศอกชาวบ้านเค้าอยู่เลยทำลายความรักความไว้ใจของคนที่รักกันมันบาปนะคะ”  ปัดจิกไปด้วยคำพูดน่ารักๆ??  แต่ทางนั้นไม่น่ารักกลับมาเลยเขาวางสายใส่ปัดแบบไม่ร่ำไม่ลา

แล้วใครจะสน  ปัดให้เวลา 15 นาทีถ้าไม่โทรกลับปัดจะบุกห้างซึ่งมันไม่ได้ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่นั่งรถเมล์ไป 6 ป้ายก็ถึง  ปัดจัดการเคลียร์งานในร้านเอาบิลไปวางไว้ให้เจ้าของร้านที่เป็นญาติกันเสร็จก็ตัดสินใจคว้าเป้เดินออกมาเพื่อรอรถเมล์เลย

เรื่องนี้ปัดช้าไม่ได้นะเอาดีๆ เพราะถ้าช้าไปสองคนยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันมันคงเป็นเรื่องที่ปัดคงเสียใจและเสียดายที่คู่ขวัญอันดับหนึ่งของปัดต้องเลิกกันแล้วปล่อยให้ไอ้เด็กหูกางมาทำคะแนนตีตื้นแบบทุกวันนี้  ปัดเดินเลี้ยวโค้งเพื่อมุ่งตรงไปที่ป้ายรถเมล์ผู้คนยังไม่พลุกพล่านเพราะยังไม่ถึงเวลาเลิกงานยืนรอไม่นานก็เห็นรถเมล์สายที่ต้องการกำลังจะเคลื่อนมาจอดที่ป้าย  ปัดใช้ความระมัดระวังในการเดินเพราะน้ำจากรถดับเพลิงที่ใช้รดน้ำค้นไม้ที่ยังหลงเหลือความเฉอะแฉะทำให้พื้นลื่นรอจนเด็กสาว 3-4 คนกับคนแก่ขึ้นไปก่อนปัดจึงก้าวเท้าขึ้นไปแต่ทว่าก้าวได้แค่ข้างเดียวเสียงแหลมเล็กเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น...

“ลูกปัดออนนี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.................รอจินนี่ด้วยค๊า”

ขนหัวลุกร่างกายเย็นวาบตั้งแค่โคนผมจรดปลายเท้าเป็นยังไงปัดคงบรรยายออกมาได้ไม่หมด  แต่ตอนนี้ปัดเหมือนผู้โดยสารของเรือไททานิคที่ตะเกียกตะกายหนีตายจากทะเลที่รายล้อมด้วยก้อนน้ำแข็งขึ้นไปบนรถเมล์

และผลของความรีบร้อน ผลของการมองไปข้างหลังเห็นเด็กสาวแต่งตัวด้วยเสื้อสีบานเย็นกระโปรงเหลืองรองเท้าเขียวกรีดอายไลนเนอร์หนาเท่าฝ่ามือก็ทำให้ปัด...

“ว้ายยยยยยยยยยยย   ลูกปัดออนนี่ขาเป็นยังไงบ้างคะตายแล้วเลือดๆๆๆๆๆ” เสียงจินนี่ตะโกนโวยวายโหวกเหวกพร้อมๆกับโชเฟอร์รถเมล์และผู้หญิงที่อยู่เบาะหน้ารีบพุ่งมาประคองปัดที่ก้าวพลาดเหยียบบันไดรถแค่ปลายเท้าลื่นคางฟาดกับบันไดรถให้นั่งตรงเก้าอี้ในป้ายปัดยกมือบอกว่าไม่เป็นไรๆขอบคุณค่ะจนคนพวกนั้นจากไปมีจินนี่มานั่งประคองสีหน้าสำนึกผิดเต็มขั้น ปัดที่กำลังนั่งมึนยกมือขึ้นจับคางตัวเองอะไรเหนียวๆหนืดๆที่ปลายนิ้วทำให้ต้องก้มลงดู

“คางแตก...”

ปัดจะเป็นลม

เอิ๊กกกกกกกกกกกก เป็นลมเลยแล้วกัน....





ผมกลับถึงห้องตอนเกือบตี 4 หลังเสร็จจากงานอีเว้นท์แล้วผมกับพี่เดย์ก็ต้องรีบบึ่งไปกองถ่ายทันทีกว่าจะถ่ายเสร็จของวันนี้ก็เกือบตี 3 เราแวะกินข้าวกันเสร็จแล้วถึงพากันกลับห้องพรุ่งนี้บ่ายผมยังมีงานต่ออีก

อ่า... ผมเหนื่อยจัง...

ทุกวันนี้เงินในบัญชีของผมก็มีพอสมควรแล้วจากการหาเพิ่มหลังจากเอาไปทุ่มซื้อบ้านเพื่อหวังว่าบั้นปลายชีวิตผมจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นสิ่งจอมปลอมความรักจากครอบครัวสถาบันที่แข็งแกร่งที่สุดกลับเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถเชื่อถือได้

หลังจากวันนั้นวันที่ผมเดินออกมาจากชีวิตหมอตามที่หมอต้องการผมก็รับงานแบบที่เรียกว่าใช้ชีวิตยิ่งกว่าเครื่องจักรเพื่อที่ผมจะได้ไม่ว่างฟุ้งซ่านคิดถึงหมอกับหาเงินสร้างอนาคตที่มีผมเพียงคนเดียวในโลก

ถ้าไม่มีหมอจิณณ์ผมก็ไม่คิดจะสร้างอนาคตกับใครอีกต่อไป ผมพยายามไม่ไปแอบมองหมอแถวคอนโดหรือโรงพยาบาลอีกแต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกินไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่ผมว่างแม้จะง่วงแสนง่วงเหนื่อยแสนเหนื่อยแค่ไหนผมก็จะต้องไปนั่งจิบกาแฟติดกระจกตรงมุมที่สามารถมองทางเข้าออกคอนโดได้  หรือแม้แต่ทนนั่งให้แดดสาดใส่เอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้านั่งรอดูหมอเลิกงานที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม

เหมือนพวกโรคจิตแต่พอได้เห็นว่าหมอมีท่าทางสีหน้าดีขึ้นแม้ใจผมจะเจ็บแต่ผมก็ต้องยอม หมอมีลูกปัด หมอก และอาทิตย์คอยอยู่เคียงข้างคอยประคับประคองจิตใจ ในขณะที่ผมไม่มีใครเลย... ผมล้มตัวลงนอนหลับตายามนึกถึงเสียงหัวเราะของหมอ

“เมฆของหมอเก่งที่สุดเลย”  คำพูดที่หมอมักบอกกับผมประจำยามที่ผมเหนื่อยผมล้าดังขึ้นทุกครั้งเวลาที่ผมจะนอน

เมื่อก่อนผมมักจะเผลอยิ้มออกมาแต่ทุกวันนี้เวลาที่ผมนึกถึงคำๆนี้น้ำตาของผมกลับไหลออกมาแทน

“เมฆไม่เก่งแล้วล่ะครับหมอ  ไม่เก่งแล้ว"

Rrrrrrrrrrr

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์หัวเตียงกรีดเสียงดังขึ้นติดจะหงุดหงิดเมื่อมองนาฬิกาเรือนใหญ่เพิ่งจะ 11 โมง  หยิบขึ้นมาดูกะจะด่าซักหน่อยที่โทรมากวนเวลานอนของผมแต่พอเห็นชื่อข้างหน้าจอแล้วก็กดรับแทบไม่ทัน

“ลูกปัด...”

“ทำไมแกไม่โทรกลับฉันห๊ะไอ้โง่”  เสียงปลายสายแหวใส่จนผมที่ยังงัวเงียขี้ตาสะดุ้งก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีเสียงแหวๆนั่น

“โทรกลับ?  แกโทรมาหาฉันเหรอ”

“ก็เออน่ะสิ  นี่ทำบ้าอะไรอยู่รีบเลยนะ  ฉันไม่ได้ทำเพื่อแกหรอกนะจะบอกให้แต่ตอนนี้หมออยู่สนามบินแล้วเครื่องออกตอนบ่ายโมงโอกาสสุดท้ายของแกแล้วนะเมฆ  เลือกเอาว่าจะเอาหมอหรือเอาไอ้ผู้จัดการนิสัยแย่นั่น”

ลูกปัดมันพูดอะไรต่อผมก็ไม่ได้ฟังแล้วสมองของผมได้ยินแต่คำว่าหมอจะกลับอเมริกา...ผมคว้าเสื้อยืดที่พนักเก้าอี้ใส่กางเกงก็ยังเป็นกางเกงนอนขายาวคว้ากุญแจรถกับกระเป๋าเงินได้ก็วิ่งออกมาทันทีแต่ต้องชะงักเมื่อพี่เดย์พุ่งมาขวางไว้

“จะไปไหน”

“หลบ”  ผมไม่ได้สนใจคนๆนี้และจะไม่สนใจอีกต่อไปผมเหวี่ยงเขาออกจากตัวและหลังจากนี้พี่เดย์จะถูกผมเหวี่ยงออกจากชีวิตแน่นอนออกวิ่งลงบันไดมาเพราะลิฟท์ไม่ทันใจผม

หมอ...ได้โปรดรอผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งไป อย่าทิ้งผมไป ลูกเป็ดขี้เหร่ที่หมอต้องการคืออะไรตอนนี้ผมรู้แล้ว

หมอไม่ได้อยากเป็นคนที่ผมรักที่สุดแต่หมอต้องการเมฆที่รักหมอจิณณ์เพียงคนเดียว หมอไม่ได้ต้องการเมฆที่เป็นพระเอกเป็นดาราดังแต่หมอต้องการเพียงเมฆผู้ชายธรรมดาที่มีความซื่อปนโง่ ผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย.. ผมยังคงเป็นเมฆคนเดิมของหมอนะครับ ได้โปรดรอผม..ให้โอกาสผม แล้วผมจะกลับไปเป็นคนเดิม ผมจะเลิกวิ่งหาความรักจอมปลอมแล้วรับแค่ความรักของหมอเพียงคนเดียว ผมจะไม่เรียกร้องความสนใจจากใครผมจะเรียกร้องแค่หมอคนเดียว ผมจะหยุดทุกอย่าง ไม่เป็นแล้วก็ได้ดารา ให้ผมออกจากวงการก็ได้ ขอแค่หมอไม่ทิ้งผมไป อย่าทิ้งผมไป...

ผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าถึงจอดรถที่ลานจอดรถของสนามบินแทบจะไม่ได้ล็อกรถด้วยซ้ำผมก็พุ่งตัวออกจากตัวรถ ผมลืมไปด้วยซ้ำว่าผมไม่ได้ใส่รองเท้าออกมาจากห้อง อีกแล้ว...เวลาผมรีบผมมักจะเป็นแบบนี้เสมอ

ผมวิ่งเข้ามาด้านในสายตามองหาไฟล์บินของหมอจิณณ์ว่าอยู่ตรงไหนก่อนจะวิ่งตรงไปเกทที่ต้องการค่อนข้างจะไกลแต่ผมไม่ได้สนใจตอนนี้สนใจแค่หมอจิณณ์เท่านั้น

ผมกวาดสายตามองหาคนของหัวใจในขณะที่ผู้ดายสารหลายคนเริ่มมองมาที่ผมบ้างก็ซุบซิบกันบ้างก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป  บางคนพูดออกมาว่าผมคงกำลังถ่ายละคร

ใช่ผมกำลังถ่ายละคร  ฉากสำคัญซะด้วยสิ  ถ้าฉากนี้ไม่ผ่านชีวิตของผมคงหาความสุขไม่ได้หลังจากนี้

“โอ้ย....เลิกกวนตีนซักทีได้มั้ย”  เสียงคุ้นหูดังมาจากมุมหนึ่งผมหันขวับไปมองทันทีในมุมริมกระจกภาพของผู้ชายหน้าหวานกำลังล็อกคอเด็กตัวโย่งสองคนพลางจับให้หัวของสองคนนั่นกระแทกกัน

เสียงร้องโอดโอยผสมกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจนั่น ไม่ใช่ใครเลย.. คนที่ผมกำลังตามหา ผมสาวเท้าเข้าไปหาเขา

ใกล้เข้าไป..

ใกล้เข้าไป..

พร้อมๆกับที่หมอปล่อยเด็กสองคนนั่น  มองเลยไปลูกปัดกำลังนั่งกดมือถืออยู่พร้อมๆกับมือถือของผมก็สั่นขึ้น

“พี่..”  หมอกที่หันมาเห็นผมก่อนเอ่ยเรียกเบาๆทำให้คนอื่นๆพลอยหันมามองผมด้วย

“หมอ...”

ผมเอ่ยเรียกหมอเหมือนคนละเมอ  รอยยิ้มบนใบหน้าของหมอเมื่อครู่จางอย่างรวดเร็วเหมือนคลื่นของทะเลที่ซัดเข้าฝั่งเพียงครู่ก็สลายตัว

“ได้โปรด...อย่าทิ้งผมไปได้มั้ยครับ...” ผมร้องขอด้วยน้ำเสียงของผู้ชายที่หมดท่า  หมดแล้วจริงๆ

ผมอาจจะมีศักดิ์ศรีกับใครต่อใครแต่กับหมอผมวาง...วางลงซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างกับหมอไม่มีอะไรที่ผมให้ไม่ได้ ในวันที่ผมไม่เหลือใครหมอเปิดประตูรับผมโดยไม่รังเกียจ ในวันที่ผมมีชื่อเสียงหมอจิณณ์ยอมหลบอยู่ในมุมมืดเฝ้าดูการเจริญเติบโตของผมด้วยใจที่ยินดี ในยามที่ผมอ่อนล้าคนที่อยู่เคียงข้างผมก็ยังคงเป็นหมอ

หมอกทำท่าเหมือนจะเดินมายืนเคียงข้างหมอจิณณ์ที่ยังคงยืนจ้องหน้าเมฆอยู่ผู้คนเริ่มรายล้อมเข้ามาลูกปัดที่รอท่าอยู่แล้วจับแขนหมอกไว้เด็กหนุ่มหันไปมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ต้องสงบลงเมื่อลูกปัดจ้องหน้าเขาไม่ได้ละไปไหนพลางส่ายหน้าช้าๆ แค่มองตาก็รู้ว่าลูกปัดจะสื่ออะไร

คนที่ต้องยืนเคียงข้างหมอจิณณ์ไม่ใช่เขา  พื้นที่ข้างกายของหมอจิณณ์เป็นของมัน.. มันที่มองหมอด้วยสายตาอ้อนวอน

มือของหมอเลื่อนมาบีบกันอย่างไม่รู้ตัวคู่นั้นก็ไม่ใช่เค้าที่มีสิทธิ์มอบความอบอุ่นให้เพราะหมอรอเพียงความอบอุ่นจากมันที่กำลังปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาราวเด็กน้อยขี้แยที่กำลังจะสูญเสียของรัก  หมอกที่ทำท่าจะดึงดันดึงแขนออกก็ปล่อยมือให้ตกลงข้างตัวทันที

“เจ๊..ผมแพ้แล้วล่ะ”  ที่สุดหมอกก็เอ่ยออกมาเบาๆแล้วทรุดลงนั่งใกล้ลูกปัดที่นั่งลูบผ้าก๊อซที่คางตัวเองเล่น ยังดีที่มันเลือกถูก

“ร้องไห้ทำไม...”  อีกครั้งที่น้ำเสียงอ่อนโยนที่ทอดถามผมมา

นั่นทำให้คนที่กำลังสับสนไปซะทุกอย่างและหวาดกลัวไปซะทุกสิ่งอย่างผมปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นผมโผเข้ากอดหมอจิณณ์ไว้อย่างหวงแหน ตอนนี้จะให้ผมทำอะไรก็ได้ที่จะรั้งหมอไว้ไม่ให้ไปจากผม

“อย่าหนีผมไป...ได้โปรดอย่าทิ้งผมไป  อย่าทิ้งลูกเป็ดตัวนี้ที่ไม่มีฝูงให้หลงทางอยู่คนเดียวเลยนะครับ”

“มีเหตุผลอะไรที่หมอต้องอยู่กับคุณล่ะในเมื่อมีคนอื่นที่เค้าพร้อมจะอยู่กับคุณแล้ว”

เสียงของหมอจิณณ์สั่นเครือเมื่อเอ่ยประโยคหลัง  ผมส่ายหัวทันทีอย่างไม่ยอมรับคำพูดนั้น

“ไม่  ผมไม่มีใครอีกแล้วผมจะมีแค่หมอ  แค่หมอคนเดียว  ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ผมจะไม่เหลวใหลจะมั่นคงต่อหมอ  นะครับให้โอกาสผมนะ”

“ให้โอกาสเหรอ  หมอเคยให้โอกาสคุณซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้งที่คุณเหยียบสัญญาที่คุณให้หมอแล้วหลังจากนี้หมอจะเชื่อใจได้ยังไงว่าถ้าหมอกลับไปคบกับคุณ  คุณจะไม่ทำลายมันอีกภาคินัย...คุณกล้าบอกใครต่อใครมั้ยล่ะว่าหมอเป็นอะไรสำหรับคุณ”

“สำหรับผม...”  ผมหยุดพูดก่อนจะดันตัวหมอออกไปอีกนิดเพื่อให้หมอได้เห็นดวงตาของผม ดวงตาไม่โกหกใครเหมือนวาจา...

ผมจ้องหน้าหมอถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆที่มีในใจก่อนจะกวาดสายตามองผู้คนที่เริ่มมามุงดูกันมากมายนับร้อยคนก่อนจะหันกลับมามองหน้าหมอที่ยังคงจ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบของผมอยู่

“สำหรับผมหมอคือ...ลมหายใจ”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”

“สำหรับผมหมอคือ...ชีวิต”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”

“สำหรับผมหมอคือ....อากาศ”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”

“สำหรับผมหมอคือโลกทั้งใบของผม”

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”

“สำหรับผมหมอคือหัวใจของผมได้โปรดกลับมาหาผมนะครับ”  สิ้นคำพูดของผมเสียงกรี๊ดของผู้ที่ล้อมพวกเราอยู่ก็กรี๊ดลั่นยิ่งกว่าเดิม  หมอจิณณ์ยกมือปาดน้ำตาของตัวเองหันไปมองผู้คนที่ถ่ายทั้งรูปทั้งคลิปของพวกเราก่อนพวงแก้มอิ่มจะแดงเรื่อขึ้นน้อยๆ

หมอหันกลับมามองหน้าผม ริมฝีปากสวยของหมอค่อยๆยกยิ้มขึ้นเมื่อผมร้องไห้มากขึ้นกว่าเดิม ผมสะอึกสะอื้นอย่างไม่อายใครยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาและน้ำมูกป้อยๆส่วนอีกมือก็จับข้อมือหมอไว้ไม่ยอมปล่อย

“เด็กโง่...กลับมาเป็นคนเดิมแล้วใช่มั้ย?  ทำไมรู้ตัวช้าจัง...”

“อย่าไปนะครับ...”  ผมยังคงอ้อนวอนซ้ำๆแทบจะไม่ได้ยินด้วยซ้ำว่าหมอพูดอะไร  หูอื้อตาลายไปหมด

“ไม่กลับไม่ได้หรอก...ยังไงหมอก็ต้องไป  หมอดีใจนะที่นายกลับมาเป็นเมฆคนโง่คนเดิม...”  หมอจิณณ์คงเกลียดผมแล้วจริงๆสินะ

สมน้ำหน้าแล้วล่ะกับสิ่งที่ผมได้รับในวันนี้ผมคงพยายามไม่มากพอหรือไม่หมอก็คงหมดความเชื่อมั่นในตัวผมไปแล้วสินะ... สมควรแล้วสินะกับการที่ผมปล่อยให้หมออยู่เพียงลำพังแล้วไปสนุกกับคนอื่น ผมอาจจะเป็นคนหน้าด้านที่ถึงได้ยินแบบนั้นก็ยังจะหวัง ผมสบตาหมออีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ผมจะเหนี่ยวรั้งหมอไว้ ครั้งสุดท้ายที่ผมจะพูดคำๆนี้

“ผมรักหมอนะครับ  อย่าไปจากผมได้มั้ย...ไม่มีหมอผมอยู่ไม่ได้จริงๆ”

“แต่ถ้าหมอไม่ไปอาม่าตีหัวหมอแตกแน่ๆเลย เผลอๆอาจถูกตัดออกจากกองมรดกกลายเป็นหมอถังแตกก็ได้นะ  ปล่อยให้หมอกลับไปไหวบรรพบุรุษช่วงเทศกาลตรุษจีนซักสองอาทิตย์เถอะนะ” ที่สุดหมอก็ไม่ให้อภัยผมสินะ

หืม?? เดี๋ยวนะ??

“กลับไปทำอะไรนะครับ” ผมหยุดมือที่กำลังปาดขี้มูกที่กำลังจะย้อยเข้าปาก หมอจิณณ์หัวเราะเสียงใสก่อนจะยกมือขึ้นยีผมของผมเล่นจนฟู

“ไหว้บรรพบุรุษช่วงตรุษจีนน่ะ”

“ไปกี่วันนะครับ”

“สองอาทิตย์”

“อ่าว...ไหนไอ้ปัดบอกหมอจะกลับปักกิ่งแล้วไปอเมริกาต่อเลย”

“อือหื๊อ...”

“ผมก็นึกว่าหมอจะไปแล้วไปเลย  ตกลงแค่พักร้อน?”

“อ่าฮ๊ะ  จะว่ายังงั้นก็ได้”

“หมอ...ยกโทษให้ผมแล้วใช่มั้ยครับ??”

“ยกโทษให้ตั้งแต่หันไปเห็นคนบ้าเดินเท้าเปล่ามาหาแล้ว”  หมอว่ายิ้มๆก่อนจะกดตาลงมองเท้าของผม หมอยกโทษให้ผมแล้ว??
หมอยกโทษให้ผมแล้วนะ..

ผมรวบตัวหมอเข้ามากอดอย่างดีใจเสียงร้องไห้เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ ตอนนี้ผมบอกได้คำเดียวว่าผมโล่งใจที่สุดหมอไม่ได้ขัดขืนดันตัวออกเหมือนทุกทีทำเพียงกอดตอบแล้วลูบหลังผมเหมือนผู้ใหญ่ปลอบใจเด็ก

“ยกโทษให้ผม  ผมขอโทษ  ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำตัวอย่างนั้นอีกแล้ว  ผมมันโง่ที่หลงไปกับแสงสี  ผมมันโง่ที่หาความรักโง่ๆโดยลืมไปว่าจริงๆแล้วมีความรักที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมดจากหมอ  ผมขอโทษ  ผมมันไม่ดีเอง  ขอโทษนะครับเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ”

“อือ...ไม่โกรธแล้วแต่...”  หมอทิ้งระยะคำพูดไว้ก่อนจะดันตัวผมออกบ้าง

“ต่อไปนี้ถ้าจะคบกัน นายต้องจีบหมอใหม่  เริ่มตั้งแต่ 0 ใหม่อีกครั้ง”

หืม??

เริ่มจีบกันใหม่??

ผมมองหน้าหมอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามซึ่งหมอคงเดาออก

“ทำไมต้องเริ่มใหม่  นายอยากถามหมอแบบนี้ใช่มั้ย??”

ผมพยักหน้ารับ

“เพราะเราเริ่มกันเร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันศึกษานิสัยใจคอกันแบบจริงจังชีวิตคู่ของเราถึงพังแบบที่ผ่านมา  เรื่องราวต่างๆที่เราเจอทำให้หมอรู้ว่ายังมีอีกหลายมุมที่เราสองคนต่างไม่รู้จักกัน  ต่อไปนี้เรามาใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปด้วยกันนายจะโอเคมั้ย”

เริ่มเรียนรู้กันและกันใหม่...

“ได้ครับ  ต่อไปผมกับหมอจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันใหม่”

“แต่ต้องเร่งทำคะแนนหน่อยนะเพราะหมอกก็น่าสนใจดี”  หมอเขย่งเท้ามากระซิบผมทำให้ผมหันไปมองหมอกทันทีไอ้เด็กหูกางน้องชายตัวดีของผมทำตาโตใส่ราวกับจะถามว่ามีอะไร หมอยกนาฬิกาขึ้นดูเป็นสัญญาณว่าหมอต้องเข้าไปข้างในแล้ว ผมจับมือของหมอไว้ทั้งสองข้าง

“กลับมาหาผมเร็วๆนะครับ”

“ระยะเวลาที่หมอไม่อยู่เคลียร์ตัวเองซะนะ  คาดว่าวันนี้คงมีข่าวใหญ่แน่ๆ  กล้องแบบนั้นนักข่าวใช่ป่ะ” หมอจิณณ์บุ้ยปากไปด้านหนึ่งกล้องบันทึกเทปของรายการกอสซิปดารารายการหนึ่งกำลังถ่ายพวกเราอยู่

“ใครจะสน”  ผมว่าก่อนจะโอบไหล่หมอไว้แล้วหันหน้าเข้าหาผู้คนที่มุงเราอยู่

“คนนี้แฟนผมครับ...ไม่สิ  ตอนนี้ผมจีบเขาอยู่ครับ  เอาใจช่วยให้คุณหมอใจอ่อนกับผมเร็วๆนะครับ”

อ่ะ...

กรี๊ดกันคอแตกอีกรอบ...

เครื่องบินที่มีคนรักของผมอยู่ในนั้นจากไปแล้วเหลือเพียงพวกเราที่ยังนั่งโง่ๆกันอยู่ผมหันรีหันขวางก่อนจะหันกลับมาหาลูกปัด  หมอก  และอาทิตย์ที่นั่งเงียบกันมาตลอด

“กว่าจะหายโง่ได้เนอะ  นึกว่าต้องหักงวงไอยราซะก่อน”

“ขอบใจแกมากนะเว้ยถ้าไม่ได้แกฉันคงกลายเป็นไอ้โง่ที่เสียเมียตัวเองไป”

“ใครเมียแกหมอเค้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องเริ่มใหม่”

“เออ..ลูกปัด”

“อะไร”

“ขอบใจนะสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”

“ไม่เป็นไรเพื่อนกันนี่หว่า  แต่ฉันว่าแกกลับห้องแกไปก่อนเหอะสภาพนี้กล้าออกมาได้ยังไงวะ”

“ก็คนมันรีบกลัวมาไม่ทัน”

“ไปเหอะแยกย้ายไปจัดการเรื่องของตัวเองกัน” ลูกปัดมันว่ายังงั้นก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

รอยยิ้มที่จริงใจของผู้หญิงตัวเล็กตีนหนักมันเต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพและความหวังดีที่มีให้กันเสมอตลอดเวลาหลายปี เพื่อนแท้เพียงคนเดียวที่คบกับผมโดยไม่หวังผลประโยชน์ใดๆ เสื้อตัวใหญ่ถูกสวมลงบนไหล่ของผม  หมอกมันส่งยิ้มเนือยๆให้ผม

“เห็นสภาพแล้วอุบาทว์ใส่ไปเหอะ”  มันว่าง่ายๆ นี่คือสมาชิกในบ้านคนเดียวใช่มั้ยที่ยังคงพอจะมีความห่วงใยผมบ้าง ผมยื่นกระเป๋าเงินให้หมอก  หลายวันแล้วที่น้องไม่ได้มาขอเงินผมคราวนี้หมอกมันดันมือผมกลับมา

“ไม่เอา  ที่ให้มายังพอมี  กลับไปพักเถอะแล้วค่อยคุยกันวันหลัง”

ผมเคาะนิ้วไปกับจังหวะเพลงที่เปิดในรถขับมันไปด้วยความเร็วไม่มากนักอดยิ้มให้กับลมกับฟ้าไม่ได้หลังจากตระเวนส่งลูกปัดและน้องผมก็มุ่งหน้ากลับคอนโดเพื่อเตรียมตัวทำงานต่อในช่วงบ่ายๆมองป้ายโฆษณาที่มีรูปผมเด่นหรา

เมื่อก่อนผมบ้าคลั่งวิ่งหาความรักแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ตอนนี้ผมหยุดแล้วล่ะ  ผมมีที่ๆจะฝากชีวิต  อนาคต  และหัวใจไว้แล้วต่อไปนี้ผมจะหยุด ต่อให้ใครไม่รักก็ช่าง ต่อให้ใครไม่สนใจผมก็ไม่สนขอแค่มีหมอจิณณ์อยู่เคียงข้างผมก็พอ บนโลกนี้มีผู้คนมากมายการได้มาพบมาเจอกันมันคือพรหมลิขิตการที่มีคนๆหนึ่งจากคนนับร้อยนับพันมารักเราแบบไม่ต้องการอะไรจากเราถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์

ลูกเป็ดขี้เหร่??

คำๆนี้สำหรับผมมันไม่ได้หมายความถึงคนที่หน้าตารูปร่างขี้เหร่แต่อย่างใด ลูกเป็ดขี้เหร่ในความคิดของผมคือไม่ว่าใครก็ตามจะหน้าตาสวยหล่อหรืออัปลักษณ์ถ้ามีจิตใจที่ไม่ดีโลภเห็นแก่ตัวเอาเปรียบคนอื่นทำทุกอย่างเพื่อจะตักตวงความสุขและผลประโยชน์ให้ตัวเองโดยไม่คิดถึงจิตใจของใคร ทำทุกวิถีทางเพื่อตัวเอง นั่นคือลูกเป็ดขี้เหร่ที่แท้จริง ขี้เหร่จากจิตใจ ซึ่งผมหลงไปอยู่ในคนกลุ่มนั้น

ตอนนี้ผมคิดได้แล้วผมจะไม่ทำตัวแบบนั้นอีก  ผมจะหนีจากคำว่าลูกเป็ดขี้เหร่แล้วกลายเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งด้วยความดีงาม อาจจะไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้คนที่ผมรักและรักผมต้องผิดหวังเสียใจอีก

หลังจากนี้ได้โปรดเอาใจช่วยความรักของผมกับหมอจิณณ์ด้วยนะครับ ผมรักพวกคุณ..ได้โปรดสนับสนุนความรักของพวกเราและก้าวเดินไปพร้อมๆกันดูต้นรักที่จะค่อยๆผลิดอกออกผลของเราด้วยนะครับ
บาย...
 
 
THE END

จบแล้วววววววววววววววววววววววว

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามจนถึงตอนจบนะคะ สองคนนี้่จะไปโผล่ในตอนของหมอกต่อนะคะ
โปรดรอติดตามนะคะ


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด