Ugly boys ลูกเป็ดขี้เหร่ [[จิณณ์-เมฆ]] ตอนที่ 20 08/12/61 ((ตอนจบ))
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Ugly boys ลูกเป็ดขี้เหร่ [[จิณณ์-เมฆ]] ตอนที่ 20 08/12/61 ((ตอนจบ))  (อ่าน 35214 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แล้วบรรยากาศในบ้านที่ผ่านๆมาล่ะ มันเคยมีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้ว่าแม่รักและปกป้องเมฆบ้าง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อืม.. เราว่าเขียนให้ตัวละครหมอกดูไม่ซับซ้อนอ่ะ

ตอนนี้มาเขียนว่าอยากให้พี่ปกป้องงั้นงี้โง้น มันเชื่อไม่ลง
ด่าพี่ ทำร้ายพี่ หาเรื่องพี่ขนาดนั้น จะมาบอกว่ารักพี่ เหมือนหนังคนละเรื่อง

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หวังว่าหมอกมันคงไม่ละคร
กูว่าละ อิผจก มันไม่น่าไว้ใจจจจจจจจจจจจจจ ทำไมเมฆต้องเปนข่าวกะมันด้วย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สู้ๆนะพี่น้องคู่นี้

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:12:]




ตีสามสิบห้านาทีเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ


ความจริงเวลาขนาดนี้ถ้าไม่หลับไปแล้วก็ต้องกำลังกดเมียอันเป็นที่รักที่ช่วงนี้นานๆถึงจะได้เจอกันซักทีอยู่ใช่มั๊ย แล้วอะไรคือการที่ผมต้องมานอนมองหน้ากับคุณหมอจิณณ์โดยมีไอ้เด็กยักษ์นอนเมาหลับกั้นกลางระหว่างเราด้วย


ไม่ผิดหรอกครับ...ตอนนี้บนเตียงนอนของเรามีเด็กโย่งหมอกนอนหลับพริ้มราวทารกคั่นกลางระหว่างผมกับหมออยู่เรื่องของเรื่องคือมันดื่มไปเยอะจนเมาในขณะที่ลูกปัดมันขอกลับแต่หมอกมันเพียบแปล้คุณหมอเลยตัดสินใจให้มันค้างด้วย


นี่ก็ไว้ใจคนง่ายซะเหลือเกิน  ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะเรื่องที่รับมันขึ้นรถโดยไม่รู้ว่ามันเป็นใครเนี่ย  จากนั้นเราก็หามหมอกมาไว้ในห้องกะจะให้มันนอนพื้นที่ไหนได้พอมันเห็นเตียงเท่านั้นแหล่ะมันก็ทิ้งตัวลงนอนกลางเตียงทันที


สวรรค์ล่มต่อหน้าต่อตา...ผมพยายามดึงมันออก  ทั้งดึง  ทั้งออกแรงถีบแต่คือสกิลการเกาะเตียงของมันเหนียวมากจนผมได้แต่ยืนเท้าสะเอวหอบอยู่ข้างๆเตียงมองมันที่นอนหลับตาพริ้มอย่างเคืองๆ  ส่วนหมอจิณณ์ได้แต่นั่งหัวเราะคิกคักอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งจากนั้นจึงได้แยกย้ายกันอาบน้ำนอน


“เหมือนมีลูกเลยเนอะ”  อยู่ๆเสียงหมอก็ดังแทรกความมืดลางๆของห้อง


“อืม”  ผมได้แต่ขานรับเบาๆแล้วเอื้อมมือไปจับมือหมอไว้ผ่านลำตัวของหมอก


ภาพนี้มันเหมือนผมกำลังกอดน้องชายไว้  ตั้งแต่หมอกโตพอจะจำความได้ผมก็ไม่ได้กอดมันอีกเลย  นานกี่ปีแล้วนะที่ผมไม่เคยสัมผัสน้องด้วยความรู้สึกดีๆเลย


ผมละเลยปล่อยปะมันไปหรือเปล่า  ไอ้เด็กที่เอาแต่ร้องเรียก เมฆ เมฆ มันโตมากขนาดนี้เชียวเหรอ


“คิดอะไรอยู่?”  หมอจิณณ์กระชับมือของเราให้จับกันแน่นขึ้น…อุ่นขึ้น


“คิดถึงมันตอนเด็กๆครับ  ตอนหมอกมันเกิดตัวมันขาวๆกลมๆ  ตอนเด็กๆมันอ้วนกว่านี้ชอบเล่นสัตว์แปลกๆ  มันน่ารัก...แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราสองคนห่างกันเรื่อยๆจนเหมือนมันเกลียดผม”


“พี่น้องก็อย่างนี้แหล่ะมีช่วงที่สนิทกันมากกับห่างกันมากหมอว่านายสองคนถ้าเปิดอกคุยกันอะไรๆอาจจะดีขึ้นนะ หมอกเองก็ดูอ่อนให้แล้ว”


“ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง...ไม่รู้สิครับคงเป็นเพราะเราห่างกันมานานอายุเราก็ต่างกันการเลี้ยงดูก็ต่างกันพ่อกับแม่ตามใจมันมากคงเป็นเพราะมันเองก็ยังเล็กเด็กกว่าผมเกือบ 7 ปี  ผมไม่ได้ไม่รักน้องนะ  ผม...รักมันเท่าที่พี่ชายคนหนึ่งจะรักน้องได้แต่การแสดงออกของผมอาจจะไม่ดีพอแล้วหมอกเองมันก็เอาแต่ใจ  บางทีผมอาจจะอิจฉาที่มันได้รับความรักมากเกินไปจากพ่อแม่จากทุกๆคนเหมือนสิ่งดีๆไปรวมอยู่ที่มันจนหมด  หมดจนไม่เหลือถึงผม”


“เหลือสิ...ยังมีความรักของหมออยู่นะหมอไม่แบ่งให้ใครหรอกมันเป็นของนายคนเดียวเลยนะ”


“พูดแบบนี้มาทำกันมั๊ยครับ”  ผมอดที่จะหื่นใส่หมอไม่ได้ทั้งที่จริงๆในใจกำลังปลื้มกับคำพูดของคุณหมอ


ผมเชื่อว่าหมอรักผมจริงเหมือนที่พูด  คำพูดของหมอจิณณ์สัมผัสได้ว่ามันเป็นของจริงหมอไม่จำเป็นต้องโกหกผมอยู่แล้ว  แต่นั่นทำให้ผมถูกหยิกที่มือทันที


“บ้าเหรอน้องนอนอยู่ด้วยจะมาเทิงมาทำอะไรล่ะ”


“โถ่...หมออ่ะไม่เจอตั้งหลายวันอยากทำกับเมียจะแย่อยู่แล้วนะ”  ผมแกล้งส่งเสียงอ้อน  ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้คุณหมอกำลังนอนหน้าแดงอยู่แน่ๆ


“เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันไหนๆก็ได้หยุดตั้งสองวัน”


“พูดจริงนะครับ” ผมแกล้งเอี้ยวตัวไปจ้องตาผ่านความมืดสลัวของตัวห้อง  แม้จะมองเห็นรางๆแต่ผมกลับเห็นดวงตาใสแจ๋วของคุณหมอชัดเจน เหมือนดาวที่สุกสกาวกลางคืนอันมืดสนิท


“จริงสิ  จะเล่นทายากท่าพิสดารหรือเบสิคใต้เตียงบนโต๊ะริมระเบียงอ่างอาบน้ำหมอจะยอมตามใจเลย”  เสียงคุณหมอว่าอู้อี้เพราะเอาหน้าซุกกับหมอนนุ่มจนผมต้องแกล้งแซะขึ้นมาให้ได้เขินเล่น


“งั้นมาโป๊ะๆปากสัญญากันก่อน”  ผมแกล้งโน้มตัวผ่านหมอกที่กรนน้อยๆเข้าไปใกล้หมอจิณณ์มากขึ้น…มากขึ้น…มากขึ้น…มากขึ้น…ก่อนที่ปากของเราจะ....


“โอ๊ยยยยยยย......อึดอัดโว๊ย!!”  เสียงไอ้เด็กนรกมันโวยวายพลางขยับตัวยุกยิกแขนขายาวเก้งก้างของมันกางพาดเราสองคนไว้คนละฝั่งทำให้เราสองคนต้องหลุดจากวงโคจรของกันและกัน  ผมหงุดหงิดจนอดไม่ได้ทีจะถีบเข้าที่สะโพกของไอ้ตัวขัดลาภซะหนึ่งที เสียงหมอจิณณ์หัวเราะเบาๆผ่านความมืด


“ไม่ต้องมาหัวเราะดีเลยรอพรุ่งนี้ก่อนจะเอาให้ลุกไม่ขึ้น”


“กลัวคนปากดีแถวนี้จะไม่มีแรงทำมากกว่า”  คุณหมอปากเก่งแลบลิ้นใส่เมฆที่เอาแต่นอนอมยิ้มก่อนจะต่างคนต่างปิดเปลือกตานอนโดยไม่รู้เลยว่าคนที่เมาหลับกลายมาเป็นก้างชิ้นใหญ่แอบยิ้มในความมืด





“นี่นมกินซะจะได้โตทันพี่”  คุณหมอจัดการเทนมจืดแก้วโตวางไว้ให้หมอกก่อนจะเดินกลับเข้าไปช่วยเมฆที่ผัดข้าวในกะทะใบใหญ่อย่างขมักเขม่น


กว่าทั้งสามคนจะตื่นนอนก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงเมฆรับหน้าที่ทำอาหารเช้าส่วนหมอจิณณ์เก็บขวดเบียร์ขวดเครื่องดื่มและเศษขยะไปทิ้งจนเสร็จมีเพียงหมอกที่นั่งรอราวคุณชายอยู่คนเดียวซึ่งเมฆเองก็ไม่อยากจะเรียกให้ช่วยเพราะรู้ดีว่าถึงหมอกจะมาช่วยก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร  รังแต่จะเกะกะซะเปล่าๆเพราะไอ้ตัวดีมันทำกับข้าวไม่เป็นเอาซะเลย


ไม่นานข้าวผัดหอมฉุยควันโชยกรุ่นก็ถูกยกมาเสิร์ฟหมอกที่ยังดูเขินๆกับสถานภาพปัจจุบันตักข้าวเข้าปากเงียบๆในขณะที่หมอเปิดทีวีเสียงดังดูรายการตลกส่วนเมฆนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เชคข่าวตัวเอง


Rrrrr


เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้นเมฆเหลือบตามองก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อชื่อของคนที่โทรเข้ามาคือศิโรจน์  ผู้จัดการส่วนตัว


แปลก..ปกติถ้าเป็นวันหยุดเดย์จะรู้ดีว่าเขาต้องทุ่มเวลาให้กับครอบครัว  หมอเหลือบตามองหนเผมแว๊บหนึ่งด้วยสายตาสงสัยเพราะเห็นว่าผมไม่รับซักที


“ครับพี่”  ในที่สุดผมก็กดรับแล้วหรอกเสียงลงไป


“มาที่คอนโดด่วนเลย”  น้ำเสียงติดหงุดหงิดร้องบอกกับผม


“วันนี้วันหยุดของผมนะพี่”  ผมท้วงออกไปอย่างไม่ชอบใจเสียงถอนหายใจหนักๆดังขึ้นก่อนน้ำเสียงห้วนๆจะตอบกลับมา


“บริษัทเครื่องสำอางค์ยักษ์ใหญ่ที่ดาราเกือบทั้งวงการอยากป็นพรีเซนเตอร์ให้เค้าเพิ่งจะติดต่อมาว่าอยากได้นายไปร่วมงานเลือกเอาว่าจะนอนกกเมียแล้วไม่ได้อะไรกับมาหาพี่แล้วนายเงินเป็นสิบๆล้านดี”


ณ จุดนี้ผมกดวางสายแล้วมองหน้าหมอก


“ใกล้อิ่มหรือยังเดี๋ยวจะไปส่ง”  มันเงยหน้าจากจานข้าวมามองผมก่อนจะพยักหน้า


“หมอครับคงต้องไปเลย”


“อ่าวทำไมล่ะ”  หมอวางช้อนแล้วหันมามองผมด้วยดวงตาเศร้า


อย่ามองอย่างนี้สิครับขอผมไปเมคมันนี่ก่อนเพื่ออนาคตของสองเรา


“พอดีบริษัทเครื่องสำอางค์ติดต่อมากระทันหันน่ะครับผมอยากได้งานของแบรนด์นี้มานานขอผมทำนะครับ”


“เดี๋ยวไปหยิบกุญแจรถให้นะ”  คุณหมอไม่ได้ว่าอะไรทำเพียงเลื่อนเก้าอี้แล้วพาตัวเองหายข้าไปในห้อง


หมอของผมน่ารักมั๊ยล่ะครับไม่มีงอแงฉุดรั้งหรือดึงดันมีแต่สนับสนุนผม  น่ารักจริงๆเลย


ภายในห้องนอนหมอจิณณ์ที่บอกกับคนรักว่าจะเข้ามาหยิบกุญแจให้ก็ทรุดนั่งลงบนเตียงทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงราวกับคนอ่อนแรง  ทำไมต้องโทรตามวันนี้ด้วย  เมฆเพิ่งจะอยู่กับเค้าไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ  ทั้งๆที่นัดคุยวันอื่นก็ได้ทำไมศิโรจน์ไม่ทำ


ถึงแม้ไม่อยากจะคิดมาก  ถึงแม้ไม่อยากจะมองโลกในแง่ร้ายแต่วันนี้หมอจิณณ์ก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองไม่เข้มแข็งพอจะหลอกตัวเองว่าไม่หึงไม่หวงไม่ห่วง  เพราะจะให้พูดตามจริงแล้วหมอจิณณ์หึงเมฆกับศิโรจน์มากๆ


เพราะจะให้พูดตามจริงแล้วหมอจิณณ์หวงเมฆไม่อยากให้ใครมาวอแวเกาะแกะโดยเฉพาะศิโรจน์ เพราะจะให้พูดตามจริงแล้วหมอจิณณ์ห่วงเมฆมากกลัวจะโดนใครใช้ความใสซื่อมาหลอกเหยียบหัวเมฆเพื่อก้าวขึ้นสู่สะพานดาว


ต้องเชื่อใจอีกซักเท่าไหร่ถึงจะไม่เป็นทุกข์  แค่ที่พยายามทำเหมือนเชื่อใจทุกวันนี้ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว  ไม่อยากทำตัวงี่เง่าเพราะกลัวเมฆจะรำคาญใจไม่อยากโทรตามจิกตามเช้คพราะกลัวเมฆจะมองว่าไม่น่ารัก


พยายามบอกตัวเองให้เชื่อใจเมฆแต่แล้วไงล่ะ  สุดท้ายก็อดหวั่นไหวไม่ได้


สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากุญแจรถและกระเป๋าสตางค์มาถือไว้ปรับสีหน้าให้สดใสแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าวยื่นของทั้งสองสิ่งให้คนรักด้วยความรู้สึกหวิวแปลกๆแต่ก็สลัดออกไปทันทีเมื่อเมฆเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มแบบที่หมอจิณณ์บอกว่ามันเป็นยิ้มที่ไร้เดียงสา


“จะไปกันเลยเหรอ”  ที่สุดหลังจากข้าวหมดจานเมฆก็ขยับตัวลุกขึ้นพร้อมๆกับหมอกที่สะพายเป้เรียบร้อย


“ครับเดี๋ยวต้องไปส่งหมอกก่อนแล้วแวะไปคอนโดเตรียมตัวไปคุยงาน”


“แล้วจะกลับมานี่มั๊ย?”


“ยังไม่ตอบได้มั๊ยครับ”  แทนที่จะได้คำตอบกลับมาหมอจิณณ์กลับได้คำถามเป็นคำตอบซะงั้นคนตัวเล็กแกล้งยิ้มสดใสแล้วโบกมือบ๊ายบายยามที่สองพี่น้องเดินออกไปจากห้องก่อนจะหยุดมือไว้ระดับแผ่นหลังที่เคลื่อนไปข้างหน้าของเมฆ  หมอจิณณ์เองก็ไม่รู้จะเรียกความรู้สึกนี้ว่าอะไร  เราเหมือนอยู่ใกล้กันแค่ลมหายใจกั้น


แต่จริงๆแล้วตอนนี้ในหัวใจของหมอกลับรู้สึกว่าเราห่างกันไปเรื่อยๆเมื่อก่อนจะไปไหนมาไหนก็สามารถเล่นหัวหยอกเอินกันได้ไม่มีใครมองแต่เดี๋ยวนี้จะออกไปข้างนอกแต่ละครั้งต้องพรางตัวแล้วพรางตัวอีกหรือไม่ก็ต่างคนต่างเดินแล้วไปเจอกันที่จุดหมาย ตกลงเราเป็นอะไรกันไปแล้ว  แฟนกันหรือแค่แฟนคลับเหมือนคนอื่นๆ


“ฉันยังสำคัญกับนายอยู่มั๊ยเมฆ...”


ร่างสูงหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางการจราจรยามบ่ายค่อนข้างหนาแน่นแดดจัดยามบ่ายทำให้หมอกเบ้หน้า


เขาเกลียดความร้อนเกลียดแสงแดดมันทำให้เขาแสบตาเด็กหนุ่มขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัยหลังจากนั่งอมน้ำลายจนเกือบจะบูดมาตลอดทาง


คนไม่เคยพูดดีกันมาตั้งแต่แรกจะมาให้เริ่มพูดก่อนมันก็ตลกอีกอย่างเมฆก็คุยโทรศัพท์กับผู้จัดการส่วนตัวเกือบตลอดทาง


รถยนต์คันนี้หรูใช่เล่นออดี้รุ่นใหม่ราคาแพงไม่คิดว่าไอ้ลูกเป็ดที่เค้าค่อนว่ามาหลายปีจะโด่งดังเป็นพลุแตกโฆษณาวิ่งชนเท่าที่นับๆตอนนี้ที่ได้ยินก็ 5 ตัวเข้าไปแล้ว ถ้าถ่ายโฆษณาผ้าอนามัยได้ก็คงจะรับแล้วมั้ง


“เดี๋ยว”  เสียงทุ้มเอ่ยเรียกหลังจากหมอกลงไปจากรถแล้ว  แว่นตากันแดดแบรนด์เนมสีดำดีไซน์สวยถูกยื่นให้


“แดดมันแรงใส่ซะตาแกแพ้แสง”  คนเป็นพี่ว่าเรียบๆ  หมอกเสมองไปทางอื่นก่อนจะหยิบแว่นมาสวม


“เดี๋ยว”  คนเป็นพี่ยังเรียกไว้อีกครั้งก่อนจะล้วงกระเป๋าเงินออกมานับเงินแล้วยื่นให้


“ไม่ค่อยได้พกเงินสดฝากเงินนี่ให้แม่ครึ่งนึงอีกครึ่งยกให้แก”


“ไม่เอาหรอกไม่จำเป็น”  หมอกจะส่งเงินคืนให้แต่เมฆกลับพ่นลมออกจากปาก


“อยากได้กีต้าร์ตัวใหม่ไม่ใช่เหรอถือว่าฉันสมทบทุน  ไว้ว่างๆค่อยไปดูกันก็แล้วกัน ฉ่ะ...เอ่อ...พี่ไปก่อนฝากบอกแม่ด้วยว่าคิดถึง”  เมฆออกรถไปแล้ว  ทิ้งน้องชายให้ยืนกำเงินอยู่ลำพังบนฟุตบาท


ทันทีที่รถยนต์สีขาวลับตาหมอกก็ยกเงินก้อนนั้นขึ้นมาดูก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับจะผุดขึ้น ดวงตาวาววับตวัดมองถนนที่คราคร่ำด้วยรถมากมาย


“หึ...แค่เล่นละครนิดๆหน่อยๆก็หลงเชื่อซะแล้วเหรอ  พวกแกนี่มันโง่ๆๆ  โง่กันหมดทุกคนเลยจริงๆ” เด็กหนุ่มเอาเงินใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะผิวปากหวือเดินไปคนละทิศกับซอยบ้านตัวเอง


โง่...


ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเมฆก็ยังคงโง่กว่าหมอกตลอด  แค่ทำหน้าตาเหมือนคนสำนึกผิดเมฆก็นึกว่าเขากลับตัวกลับใจ  ไหนจะได้แรงสนับสนุนจากคุณหมอพี่สะใภ้แล้วเมฆมันก็เออออไปตลอดทุกรายการ โคตรตลกเลยที่เมื่อคืนชายหมอกแกล้งเมาเพื่อเป็นก้างขวางคอระหว่างคนทั้งคู่


หมอกได้ยินทุกอย่างที่ทั้งสองคนคุยกันและแกล้งโวยวายตอนที่ปากของทั้งคู่กำลังจะประกบกันอยู่แล้ว…สำนึกผิดเหรอ??


คนอย่างหมอกจำเป็นต้องสำนึกผิดด้วยเรื่องอะไร??  ไม่มีทางซะล่ะเพราะคนอย่างขาเกิดมาเพื่อเป็นคนชี้ว่าอันไหนคือถูกและอันไหนคือผิด


“รวยนักใช่มั๊ยคอยดูนะฉันจะไถตังค์แกจนหมดตัวเลยไอ้เมฆ อยากได้นักเหรอความรักน่ะ  ขอโทษด้วยนะถ้ามึงจะต้องจ่ายแพงหน่อย”


ผมจอดรถแล้วหยิบข้าวของอีกสองสามชิ้นล็อครถเสร็จก็เดินเข้าตัวคอนโดที่มี รปภ.ทำความเคารพยื่นเครื่องดื่มบำรุงกำลังให้แกไปสองขวดกับขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่เป็นอะไรที่ผมทำจนชินอยู่แล้วเพราะแกค่อนข้างเป็นคนเอาการเอางานและดูแลรถให้ผมดีมาก


อ่อ...แกเป็นแฟนคลับของผมด้วยนะ  ช่วงที่มาอยู่แรกๆแกเคยเอาสมุดเล่มเล็กๆกับรูปโปสเตอร์ที่ทางผู้จัดละครทำออกมาแจกแฟนคลับเอามาขอให้ผมเซ็นต์ให้แกบอกว่าทั้งบ้านชอบผมมากโดยเฉพาะลูกสาวของแกที่นอนป่วยเดินไม่ได้อยู่กับบ้าน  ผมเห็นว่ารูปมันยับแล้วก็เลยบอกให้แกรอแล้วขึ้นไปเอารูปบนห้องมาให้ใหญ่เท่าฝาบ้านแล้วขับรถพาแกเอารูปไปเก็บเซนต์ให้ต่อหน้าลูกสาวของแกแล้วถ่ายรูปร่วมแล้วถึงกลับมา หลังจากวันนั้นแกดูจงรักภักดีกับผมมากขึ้นไปอีก 7.8 ริกเตอร์


“ไหนว่าวันหยุดไงครับคุณแล้วทำไมกลับมาคอนโด”  เห็นมั๊ยผมบอกแล้วว่าแกเป็นแฟนบอยตัวย


“คุณขี้บ่นเขารับงานด่วนมาให้น่ะครับผมไปก่อนนะลุงเดี๋ยวคุณขี้บ่นสวดสามชั่วโมงไม่ซ้ำคำ”


ครับ...คุณขี้บ่นเป็นสรรพนามที่ลุงยามเรียกพี่เดย์ลับหลังครับ  เป็นที่รู้กันดีว่าพี่แกขี้บ่นมากขนาดไหนลุงยามแกเลยมอบชื่อนี้ให้พี่เดย์ด้วยความเต็มใจ


“กว่าจะมาได้นะไม่รู้หรือไงว่าต้องมาเตรียมตัวก่อนเวลาชั่วโมงเดียวจะพอมั๊ยทำไมไม่กระตือรือร้นเลยล่ะเมฆไหนพูดนักพูดหนาไงว่าอยากได้งานนี้แล้วดูซิ๊พี่โทรตามนายตั้งแต่ยังไม่เที่ยงมัวเอ้อระเหยที่ไหนมาจนบ่ายสองหัดมีความรับผิดชอบกับงานหน่อยสิทำไมต้องให้พี่คอยบ่นคอยจ้ำจี้จ้ำไชนายตลอดเวลาเลยฮ๊ะ”


เพียงแค่ผมไขประตูเข้ามาสิ่งที่ต้อนรับผมเป็นอันดับแรกคือค้อนวงใหญ่  อย่างที่สองคือเสียงบ่นแบบนันสตอป  ผมถอนหายใจแล้วกรอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายรอฟังพี่แกบ่นจนจบแล้วก็แกล้งยกนาฬิกาขึ้นดู


“ตอนนี้ผมเสียเวลาฟังพี่บ่นไปอีก 5 นาที”  พี่เดย์ตวัดตามาค้อนแบบจิกๆให้ผมซะหนึ่งทีก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้มาให้ผม


“เปลี่ยนซะจะได้รีบไปซะทีนัดคุยงานกับเค้าตอนบ่ายสามป่านนี้ยังไม่เสด็จกันเลย”


“เสียเวลาไปอีก 2 นาที”


“เมฆ!!  พี่ไม่ตลกกับนายนะ”  พี่เดย์หันมาแหวผมครับผมแกล้งยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาทำท่ายอมแพ้ก่อนจะรับเสื้อผ้าในมือพี่เค้าแล้วผลุบหายเข้าไปในห้อง   สิบนาทีต่อมาผมในเสื้อเชิ๊ตขาวกับยีนส์เข้ารูปสีซีดก็ออกมายืนเป็นเด็กอนุบาลให้พี่เดย์เชคความเรียบร้อยเป็นขั้นตอนสุดท้าย


“โอเคแล้วไปได้”  ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก  ไม่ถึงบ่ายสามดีเราก็เข้ามานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่นที่พี่เดย์จองไว้เมื่อเที่ยงอีกสิบนาทีต่อมาตัวแทนจากบริษัทเครื่องสำอางค์ก็ตามเข้ามาแต่ที่ทำให้ผมกับพี่เดย์ตกใจคือท่านประธานใหญ่ของบริษัทตามมาด้วยทำเอาลุกขึ้นทำความเคารพแทบไม่ทัน


การพูดจาในขั้นแรกของเราผ่านไปด้วยดีเป็นอันตกลงว่าทางบริษัทเครื่องสำอางค์จะจ้างผมเป็นพรีเซนเตอร์อย่างต่อเนื่องโฆษณาที่จะถ่ายจะทำเป็นซีรี่ส์ 4 ตัว  กับงานโชว์ตัวอีกตลอด 1 ปี


เงินกำลังจะไหลมา  กำลังจะไหลมา


เพราะเม็ดเงินที่ผมกำลังจะได้ค่อนข้างมหาศาลมื่อท่านประธานเอ่ยปากชวนไปงานฉลองวันเกิดลูกสาวท่านผมกับพี่เดย์จึงตกลงทันทีอย่างไม่รีรอ  เราขอตัวกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่คอนโดอีกครั้งก็ยังพอมีเวลาอีกซักชั่วโมงผมโทรหาหมอจิณณ์แล้วเล่าเรื่องวันนี้ให้หมอฟังหมอแสดงความดีใจกับผมแล้วเล่านู่นเล่านี้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้างตบท้ายด้วยคำว่าคิดถึงเมื่อได้ยินพี่เดย์ร้องเตือนว่าควรจะไปที่ผับได้แล้ว


“เมฆ...”


“ครับ?”


“อย่าดื่มเยอะล่ะ”


“รับทราบครับ”  ผมวางสายจากหมอจิณณ์แล้วคว้ากุญแจรถเดินตามพี่เดย์ที่วันนี้แต่งตัวได้เปรี้ยวมากเถอะ


เสื้อกล้ามคว้านลึกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนปิดทับด้วยแจ็คเกตลายขาวดำบนหัวมีหมวดที่ใส่ปัดๆ…ก็น่ารักดี


ส่วนตัวผมพี่เดย์เลือกเสื้อเชิ๊ตสีดำให้ท่าทางพี่แกจะกะขนาดตัวผมผิดก็มันแน่นตึงจนนมผมปริเชียวล่ะ  หายใจทีกระดุมแทบระเบิดหลุดออกมา


เรามาถึงผับราวๆสามทุ่มบรรยากาศคึกคักเห็นพวกดาราไอดอลและเซเลปคุ้นหน้าคุ้นตากันหลายคนผมกับพี่เดย์ที่แวะหาซื้อของขวัญติดมือกันมาคนละกล่องเข้าไปทักทายเจ้าของงาน บรรยากาศสนุกดีครับเดินไปทางไหนก็เจอแต่คนรู้จัก  รุ่นพี่ในวงการเจอคนหนึ่งก็ยกแก้วกันทีหนึ่ง


“เดินดีๆสิเมฆตัวนายหนักมากเลยรู้มั๊ย” เดย์เอ็ดเมฆที่ตัวเองประคองมาตามทางเดินเมื่อชายหนุ่มที่ดื่มไม่เก่งนักเมาแปล้เพราะโดนรุ่นพี่ในวงการบังคับให้ยกไปซะทุกคนดาราดาวรุ่งหนุ่มถึงกับคอพับคออ่อนหลังจากเจ้าของงานตัดเค้กเสร็จเดย์จึงขอตัวพาเด็กโย่งกลับซะที


“เกรงใจเค้ายังโดนเค้าแกล้ง  ทำไมไม่ฉลาดเลยแกล้งจิบๆไปก็ได้”  เดย์ล้วงคีย์การ์ดขึ้นมาปลดล็อคห้อง


“หื๊ม??...ทำไมวันนี้คุณหมอขี้บ่นจังบ่นเสียงเหมือนนกมาร้องในหัวจิ๊บๆๆๆๆเลย”  ร่างสูงปรือตามองคนที่ประคองตัวเองอยู่  เดย์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย…ไม่ชอบเลยเวลาที่เมฆพูดถึงคนรัก  ไม่ชอบฟังไม่อยากเห็นรูปไม่อยากได้ยินชื่อหรืออะไรทั้งนั้นที่เกี่ยวกับหมอจิณณ์ แต่ก็ได้ยินทุกวัน...เดย์ประคองเมฆเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของดาราหนุ่ม


คอนโดนี้มีสองห้องนอนซึ่งห้องใหญ่เป็นของเมฆส่วนอีกห้องที่เล็กกว่ากันนิดหน่อยเป็นของเขาเองส่วนมากเดย์จะมาอาศัยนอนต่อเมื่อมีงานที่ต้องไปตั้งแต่เช้าหรืองานที่ต้องไปต่างประเทศ


“ตัวหนักมากเลยนะเราน่ะ”  บ่นอุบเมื่อรู้สึกล้าที่ไหล่ประคองคนเมาตัวอ่อนปวกเปียกมาที่เตียงก่อนจะพยุงให้ค่อยๆเอนตัวลงบนที่นอนแต่เพราะขนาดตัวที่ต่างกันรวมทั้งน้ำหนักที่ถ่วงทำให้แทนที่เมฆจะร่วงลงที่นอนคนเดียวก็กลายเป็นเดย์เสียหลักล้มลงไปด้วย


“หืม...นี่ใครกันล่ะเอ่ย  เมียผมใช่มั๊ยเนี่ย”  คนเมาที่กำลังจะเคลิ้มหลับเมื่อมีอะไรหล่นมากระแทกหน้าอกก็ลืมตามองขึ้น


ทำไมหมอจิณณ์มี 1...2...3...4...5...6...7...กี่คนกันล่ะเนี่ยหน้าก็เบลอๆด้วย…คนเมาพยายามเขม้นมองใบหน้าที่ห่างจากตัวเองแค่คืบ


“ทำๆกันมั๊ย?”  อยู่ๆคนเมาก็ยกมือขึ้นประคองหน้าของเดย์ที่ขมวดคิ้วอย่าง งงๆ


“อะไร?”


“แบบนี้ไง”  ว่าจบก็ประกบปากลงบนกลีบปากนุ่มทันที  ตอนแรกก็ตกใจกับการจู่โจมนั้นแต่พอตั้งตัวได้ศิโรจน์ก็ตอบโต้กลับด้วยความดุเดือดไม่แพ้กัน  เขาชอบเมฆ..ชอบความหล่อเหลาของเมฆ…ชอบความนิสัยดีของเมฆ…ชอบดวงตาซื่อๆของเมฆ…แล้วมันจะผิดอะไรถ้าจะยอมมีอะไรด้วย ด้วยความเต็มใจ  แม้จะเป็นแค่ตัวแทนของใครบางคน


แล้วไงล่ะ??..ใครจะสน??..เสื้อกล้ามถูกถอดออกโยนลงข้างเตียงพร้อมๆกับมือขาวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเมฆทีละเม็ด  เสียงโทรศัพท์มือถือของเมฆดังขึ้นแต่ไม่มีใครสนใจจะมองมัน บนเตียงกลายเป็นสมรภูมิรบที่แสนดุเดือด


“ยังไม่กลับอีกเหรอ??”


หมอจิณณ์ลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงมองนาฬิกาเกือบตีสามก็ต้องตัดใจวางโทรศัพท์ลงบนหัวเตียงแล้วกับไฟล้มตัวลงนอน ซักพักก็เอาผ้าห่มลงแล้วดึงหมอนที่เมฆใช้หนุนนอนไปกอด ระบายยิ้มจางๆเมื่อได้กลิ่นแชมพูปนกลิ่นเฉพาะตัวของเมฆกดจูบแผ่วเบาที่หมอนใบโตกระชับกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะหลับตาลงในที่สุด

 



..........................................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 00:42:38 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้านี่เป็นพี่หมอบอกเลยว่าเลิก! เลิกเท่านั้น  :m31:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
รวดเดียว 12 ตอน สนุกดีแหะ เออน่าติดตาม เม้นท์รวบยอด เมฆต้องทบทวนหลายอย่าง ก็เข้าใจว่าอยากเด่น ส่องสว่าง ให้ใครมองเห็นตัวตน แต่สุดท้ายแล้วอะไรคือสิ่งที่สุขจริงๆ ย้อนกลับไปมองสิ่งที่เจอมาควรให้ค่าแค่ไหน ใครคือคนที่ดึงขึ้นมา จะตอนแทนด้วยฆ่าความเชื่อใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไปอย่างนั้นหรือ ถึงแม้จะไม่รู้ตัว แต่แล้วไงซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่อีกคนระแวง ที่เคยพูดไว้อยากให้มองถึงจิตใจไม่ได้มองรูปลักษณ์ แล้วใครกันที่เห็นมาแต่ต้นพร้อมยอมรับ อย่าลืมจุดนี้ไป  //สุดท้ายหมอต้องเข้มแข็ง อยู่ได้ถ้าตัองห่างกัน ความผิดหวังทำให้เฉยชาและปล่อยวาง แม้เสียใจแต่ต้องอยู่ได้ รักตัวเองนะหมอ เพราะเมฆควรได้รับบทเรียนจากสิ่งที่เพิ่งเกิดไป ไม่ระวังตัว อาจจะนำพามาให้หมอเสียใจจากคนๆนี้ใครจะรู้หากเขาอยากได้ขึ้นมามากกว่านี้ ระราน ความยุ่งยากตามมา ลำพังแค่นี้ก็แทบไม่มีเวลาให้กันแล้ว ปกปิด เลี่ยงแฟนคลับ บลาๆ และจากการต้องการความรักปลอมๆจากครอบครัว ไม่รักษารักที่แท้จริงเท่าที่ควร การกระทำสำคัญกว่าคำพูด รักนะพูดง่าย //อยากรู้จะเป็นยังไงต่อ ขอรอตอนต่อไปค่ะ สนุกๆ โอๆ โอเคเลย ผ่านๆ ชอบๆ มาต่อๆค่ะ อิอิ ^^

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฮ้ออออ เมฆ ลอกคราบลูกเป็ดแล้วก็ช่วยฉลาดขึ้นหน่อยเถ๊อะะะะะะะะะะ  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นั่นไงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :m16:
กุว่าละ คิดผิดที่ไหน  :m31:

อิเมฆฆฆฆฆฆฆ มึงทำหมอเสียจายยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai1:
ถ้าเปลี่ยนหน้าละมันโง่กว่าเดิมนะ กลับไปเปนลูกเป็ดขี้เหร่เถอะ

กอดหมออออ :o12:


ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:13:]
อ่า...ปวดหัวจัง...


เมฆกุมหัวตัวเองเอาไว้  อาการปวดหัวจากการเมาค้างทำให้เขารู้สึกตัวตื่นในเที่ยงของอีกวัน แต่กระนั้นความขี้เกียจก็ยังมีผลทำให้ไม่ลืมตามาสู้แสงหรืออะไรทั้งนั้น  นอนผ่อนลมหายใจซักครู่ถึงรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้นอนอยู่เพียงลำพังความอุ่นซ่านข้างกายทำให้อดที่จะกดยิ้มไม่ได้


สงสัยจะเมาแล้วขับรถกลับมานอนกับหมอ  ขอกอดให้เต็มแขนหน่อยเถอะคืนก่อนดันมีมารมาขวาง


ร่างสูงพาดท่อนแขนกับเอวเล็กของคนที่นอนตะแคงหันหลังให้  และด้วยความเคยชินอีกเช่นกันเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ใส่เสื้อผ้าและตัวเองก็เปลือยเช่นกันเจ้าตัวจึงกดยิ้มอย่างชอบใจ เมื่อคืนทำๆกันสินะถึงว่าตื่นมาเพลียๆตัวเบาๆคล้ายจะลอยได้


มือซุกซนเริ่มอยู่ไม่สุขหวังจะแกล้งให้คนในอ้อมกอดรู้สึกตัวตื่นแล้วลุกมาทุบตนแบบทุกครั้ง  ฝ่ามือร้อนจึงลูบหน้าท้องแบนราบเล่นผิวครัดตึงกว่าปกติทำให้เบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ


“ไปเล่นกีฬามาอีกแล้วใช่มั้ยครับเนี่ยตัวแข็งอีกแล้ว”  กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วขยับเข้าไปชิดกับร่างเปลือยของอีกฝ่ายก่อนจะป่ายปัดฝ่ามือขึ้นมาที่หน้าอกแบนเรียบลูบคลำบีบเฟ้นเล่นอย่างเพลินมือ  ริมฝีปากอุ่นก็พรมจูบที่ลาดไหล่ขาวเนียนย้ำๆซ้ำๆพลางขบเม้มทำรอยจางๆเล่นอย่างคนขี้แกล้งจนในที่สุดร่างในอ้อมกอดก็เริ่มขยับตัว


“อื้อ...”  เสียงครางประท้วงของคนในอ้อมกอดฟังดูแหบพร่าจนเสียงแปลกไปจากเดิม  เมฆขมวดคิ้วก่อนจะปล่อยความสงสัยผ่านเลยไปยังคงหลับหูหลับตาระดมพรมจูบมือซนก็เริ่มเลื่อนกลับลงมาข้างล่างอีกครั้งจนคนในอ้อมแขนรู้สึกตัวคว้ามือใหญ่ไว้ทันก่อนที่จะจับอะไรต่อมิอะไรใต้สะดือ


“พอ...พอแล้ว  ไม่ไหวแล้วนะ  นายทำพี่ช้ำไปทั้งตัวแล้วนะ”


“หือ??...เฮ้ย!!!....พี่!!!....มาอยู่บนเตียงผมได้ยังไงเนี่ย??”  ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดของคนที่ตัวเองกอดเมฆก็ทะลึ่งพรวดพลางผลักคนในอ้อมแขนออกราวกับโอบของร้อนไว้เต็มแขน  ศิโรจน์ที่ไม่ทันได้ตั้งหลักถึงกับกลิ้งหล่นลงข้างเตียงในขณะที่เมฆรวบผ้าห่มขึ้นมาปิดกายไว้


“โอ้ย...ทำบ้าอะไรของนายน่ะเมฆพี่เจ็บนะ!!!”


ช็อก!!!  ผมกำลังช็อกอยู่...


นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยแล้วพี่เดย์ทำไมต้องแก้ผ้า  แล้วพี่เดย์มาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง  แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง


โอ๊ย...ผมปวดหัวจนแทบระเบิดขยับตัวไปนั่งชิดหัวเตียงเมื่อพี่เดย์ค่อยๆคลานเข้ามาหยุดตรงหน้าผม


“จะอะไรล่ะนายปล้ำพี่นะเมื่อคืน”


“เฮ้ย!!  ไม่จริงอ่ะ”


“จริงสิ  นายบอกว่ามาทำๆกันมั้ยแล้วนายก็จูบพี่อย่างนี้”  สงสัยพี่เดย์กลัวว่าผมจะไม่เชื่อในขั้นตอนครับพี่เค้าเลยประกบปากผมแถมดูดดังจ๊วบก่อนจะผละออก ดูดวงตาของพี่เค้าสิมันระยิบระยับดาวล้านดวงอย่างน่ากลัว


“พี่ไม่ใช่คนเริ่มนะนายต่างหากที่เป็นคนเริ่ม”


“แต่ผมเมา”


“ผู้ชายมันก็อ้างอย่างนี้ทุกคนแหละ  ใช่สิ  นายได้พี่แล้วนี่จะพูดยังไงก็ได้สินะ  มักง่ายในกามแล้วปัดความรับผิดชอบหน้าด้านๆเลยสินะ”  ท้ายน้ำเสียงมันสั่นเครือจนใจผมหล่น  หางตาของพี่เดย์มีน้ำตาปริ่มออกมาก่อนที่พี่เค้าจะเบือนหน้ากระพริบตาปริบๆไล่ให้น้ำตาหายไปจากนั้นพี่เดย์ก็หันหลังนั่งกอดเข้าให้ผมไม่พูดไม่จาอะไร


บรรยากาศตอนนี้มันอึดอัดแปลกๆ  ผมได้แต่ยกมือเสยผมตัวเองอย่างทำอะไรไม่ได้เลย  ถ้าหมอรู้ผมจะทำยังไง  ถ้าหมอจิณณ์รู้ผมจะอธิบายแบบไหนให้หมอเข้าใจ


ถ้าหมอรู้....เมฆตายแน่


“นายอาจจะพูดได้ว่านายเมานายไม่ได้ตั้งใจ  แล้วยังไงล่ะพี่ก็เสียให้นายไปแล้ว  นายมันเอาแต่ใจเห็นแก่ตัว  จริงอยู่ที่พี่เป็นผู้ชายคงไม่เสียหายอะไรแต่เคยคิดถึงใจพี่บ้างมั้ยว่าพี่จะรู้สึกยังไงที่นายพูดออกมาแค่ว่านายเมา  แค่เมาจะทำตัวมักง่ายแบบนี้ได้เหรอเมฆ”  เสียงพี่เดย์อู้อี้ออกมาจากการซบหน้ากับเข่า


อาการนี้สินะที่เขารียกน้ำตาเช็ดหัวเข่า ผมหยุดหมกมุ่นกับความคิดของตัวเองแล้วมองพี่เดย์ให้ต็มตาอีกครั้ง  ร่างเปลือยเปล่าที่นั่งขาวโพลนอยู่ตรงหน้าสั่นน้อยๆด้วยแรงสะอื้น  ตามตัวมีรอยแดงกระจายไปทั่ว


ผมชอบทำรอยครับ  ผมชอบที่จะทำรอยบนตัวหมอจิณณ์เวลาเมคเลิฟกันแต่ก็ไม่คิดเลยว่าผมจะกล้าทำรอยพวกนี้บนตัวคนอื่นที่ไม่ใช่เมียของผม


“ผม..”


“ไม่ต้องมารับผิดชอบพี่ก็ได้  เพราะสิ่งที่ทำลงไปส่วนหนึ่งก็มาจากความเต็มใจของพี่เองนายไม่ต้องรักพี่ก็ได้แค่สงสารกันบ้างก็พออย่างน้อยพี่ก็เป็นเมียคนหนึ่งของนายเหมือนกัน”  พี่เดย์หันมาแตะที่ปลายเท้าของผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน่าสงสาร  น้ำตาหยดใสเม็ดโตค่อยๆร่วงหล่นลงมา  ริมฝีปากแจมูกแดงไปหมด  นี่ผมทำอะไรลงไปกัน


แค่เห็นน้ำตาของพี่เดย์คนที่เข้มแข็งเอาจริงเอาจังกับงานคอยเข้มงวดกับผมมาตลอดใจก็อ่อนยวบลงแทบจะทันที  ผมค่อยๆส่งปลายนิ้วไปกรีดน้ำตาบนผิวแก้มของพี่เดย์ออก ถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนจะดึงตัวพี่เขามากอดอย่างเก้ๆกังๆ


“ขอโทษนะครับพี่ถ้าผมพูดจาไม่ดีออกไปผมแค่กำลังกลัว  ถ้าหมอจิณณ์รู้ผมจะอธิบายกับหมอว่ายังไง”  ผมลูบกลุ่มผมนุ่มนั้นเบาๆราวกับกำลังปลอบเด็กน้อย  พี่เดย์เงยหน้าช้อนตาขึ้นมองสบตาผม


ดวงตาพราวฉ่ำน้ำนั้นจ้องเป๋งก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ผมอ้าปากค้างว่า


“ก็อย่าบอกให้เขารู้สิ  เรื่องของเราอย่าบอกหมอจิณณ์แค่เธอเมตตาพี่บ้างก็พอ  อีกอย่างเวลานายต้องการจะได้ไม่ต้องช่วยตัวเองเหมือนที่ผ่านๆมาไงล่ะเพราะพี่ช่วยนายได้นะ”  มือที่กอดเอวผมไว้เลื่อนขึ้นมาคล้องคอผมแทบจะทันทีใบหน้าหวานก็ขยับมาจ้องหน้าผมในระดับเดียวกันก่อนที่ริมฝีปากอิ่มจะทาบทับและฉกชิงลมหายใจของผมไปแล้วดันร่างของผมให้นอนราบกับพื้นเตียง


นั่นสินะมันจะไปยากอะไร...ก็แค่อย่าบอกให้หมอจิณณ์รู้  ผมไม่พูด...พี่เดย์ไม่พูด..แค่นี้ก็จบ  ง่ายๆดีออก


“น้องเมฆนี่หล่อนะคะ  แต่ถ้าปีกจมูกเข้าไปอีกนิด  คางแหลมอีกหน่อย  ตาสองชั้นมากกว่านี้จะเพอร์เฟคมาก”  ผมนั่งฟังพี่ช่างแต่งหน้าพูดถึงรูปหน้าของผมไปเรื่อยๆ


ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรก็ตามประสาช่างแต่งหน้าที่ชอบวิจารณ์ใบหน้าดารา แต่พอได้ยินหลายๆรอบเข้าผมก็อดที่จะมองกระจกที่สะท้อนเงาหน้าของตัวเองไม่ได้...


นั่นสินะ  ถ้าเอาปีกจมูกเข้าไปอีกนิด  ยกหางตาขึ้นอีกหน่อย  ทำคางให้ยาวกว่านี้คงจะหล่อขึ้น






“ไม่!!!...เท่าที่เป็นอย่างทุกวันนี้มันคือดีอยู่แล้วหมอไม่เห็นประโยชน์ที่นายจะมาทำอะไรเพิ่มเลยนะเมฆไปเอาความคิดบ้าๆนี่มาจากไหน”  หมอจิณณ์ใช้เท้ายันพื้นแล้วหมุนเก้าอี้หันหลังหนีทันทีในขณะที่เมฆก็ตีสีหน้ายุ่งใส่แบบไม่ปิดบัง


“ทำไมล่ะครับหมอกะอีแค่เสริมอีกนิดเดียวทำไมจะทำไม่ได้”


“ก็เพราะคุณดีอยู่แล้วยังไงล่ะครับคุณภาคินัย  ตอนนี้มันดีอยู่แล้วถ้าทำใหม่หมอไม่รับประกันว่ามันจะออกมาดีกว่านี้หรือแย่ลง...เมฆหมอถามจริงๆอะไรดลใจให้อยากทำเพิ่ม  ก็ไหนเคยสัญญากับหมอแล้วไงว่าจะไม่ทำอะไรพิ่ม”


“ผมทำเพื่อหน้าที่การงานของผมหมอจะไม่ทำให้ผมหมอพูดมาคำเดียวเลย”


“ใช่ฉันไม่อยากทำให้นาย  มันดีแล้วมันพอแล้วถ้านายทำมากๆแก้ไขหน้าตามคำพูดคนอื่น อีกหน่อยเชื่อเถอะว่าหน้าของนายจะพังแน่ๆ”


“สรุปคือหมอจะไม่ทำให้ผมจริงๆใช่มั้ยครับ”  เมฆกดเสียงต่ำจ้องแผ่นหลังของหมอจิณณ์นิ่ง จิณณ์กัดปากแน่น


ไม่ชอบเมฆที่เป็นแบบนี้เลย ก็ไหนสัญญากันไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรเพิ่มยังไงล่ะ


“หมอครับ”  ตัดสินใจเรียกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอีกครั้งแต่หมอก็ยังคงนิ่งเมฆถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เพิ่งรู้สึกว่าหมองี่เง่าก็วันนี้เองร่างสูงผุดลุกขึ้นในที่สุด


“ก็ได้...ถ้าหมอไม่ทำให้ผมก็ได้...แบบนี้ก็ได้ผมจะไปหาหมอคนอื่นเอง”


“ไม่นะ!!!”


สุดท้ายก็กลายเป็นหมอจิณณ์ที่ต้องวิ่งมาสวมกอดคนรักจากทางด้านหลังใบหน้าฝังกับแผ่นหลังที่เคยกอดแล้วอบอุ่น แต่ทำไมวันนี้มันเย็นชืดแท้ล่ะ ทำไม...ไม่รับรู้ถึงความอบอุ่นที่เคยมีให้กันเลย


“ปล่อยผมจะกลับไปนอนคอนโด  วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง”


“โธ่...เมฆ  ก็หมอบอกแล้วไงหมอมีเหตุผลนะ  อีกอย่างนายมีงานตลอดแบบนี้ถ้าผ่านายต้องพักนะ  ต้องหยุดงานนะนายจำไม่ได้เหรอ  เอาอย่างนี้มั้ยเดี๋ยวหมอฉีดโบท็อกซ์ให้ง่ายกว่าผ่าตัดอีก”  หมอเสนอทางเลือกใหม่ให้กับเมฆ  ร่างสูงนิ่งคิดก่อนจะหันกลับมาหาหมอจิณณ์ใหม่


คนตัวเล็กกว่าที่ไม่คยอ่อนไหวขนาดนี้ตาแดงๆคล้ายจะร้องไห้แต่ไม่ได้มีน้ำตาอะไรมีเพียงใบหน้าที่เศร้า  ดวงตากลมใสก็ช้อนมองคนที่ก้มหน้าจ้องตัวเองอยู่


“อย่าทำเลยนะหมอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้นายแล้วนะเมฆ  อย่าไปทำอะไรเพิ่ม”  น้ำเสียงอ้อนวอนนั้นทำให้เมฆยิ้ม ยิ้มที่เกิดจากการแสดงทางสีหน้าไม่ใช่ยิ้มที่เกิดออกมาจากใจ


รอยยิ้มถูกเผยออกมาเพียงครู่ก่อนที่มือเรียวจะยกขึ้นมาเชยคางจิณณ์ไว้  สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาหวานที่ถึงจะมีแววหวั่นไหวแต่ไม่ได้หลบสายตาดุนั้นแต่อย่างใด


“สิ่งที่ดีที่สุดที่หมอให้ผมมาผมแค่รู้สึกว่ายังไม่พอมันน่าจะดีได้มากกว่านี้”




ไปแล้ว....



ในที่สุดเมฆก็เดินหันหลังออกไปจากคอนโดหลังจากแกะมือของหมอที่กอดเอวไว้ออก


หมดแรง...ไม่มีแรงแม้แต่จะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนสุดท้ายจึงได้แต่นั่งหมดแรงหมดกำลังใจอยู่หน้าประตูมือเรียวกำเข้าหากันจนขยุ้มพรมนุ่ม นับเป็นครั้งแรกถ้าไม่รวมกับตอนที่เมฆปั่นจักรยานทิ้งเขาตอนไปซุปเปอร์มาร์เก็ตครั้งนั้นที่เมฆเดินหันหลังทิ้งหมอไว้ข้างหลัง


หัวใจเหมือนจะเต้นช้าลงเมื่อรับรู้ถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป เมฆไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว  วงการมายาทำให้เขาปลี่ยนไป

ใช่เหรอ??


ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าที่คนรักของตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดนี้มันเป็นเพราะหลงแสงสีหรือจริงๆแล้วเค้าเก็บกลั้นสันดานนี้ไว้ในห้วงที่ลึกที่สุดในหัวใจกันแน่


จิณณ์นั่งคิดเรื่องของเมฆวกไปวนมาจนไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครบางคนมาหยุดยืนตรงหน้าตัวเอง
 
“หมอครับ...มานั่งนับฝุ่นอะไรหน้าห้องครับ”  ชายหนุ่มทำหน้าบ้องแบ๊วเอ่ยถามในขณะที่ย่อตัวนั่งให้ความสูงตัวเองไล่เลี่ยกับคุณหมอ


“หมอก”


บรรยากาศในกองถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางค์ของบริษัทยักษ์วันนี้คึกคักพราะมีดาราสาวดาวรุ่งมาร่วมงานด้วย  ศิโรจน์นั่งมองการทำงานด้วยความไม่ชอบใจนักช่างภาพถ่ายภาพนิ่งเสียงชัตเตอร์ดังเรื่อยๆเป็นจังหวะพร้อมๆกับที่พระเอกนางเอกซีรี่ส์ก็เปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆตามคำสั่งเช่นกัน  หน้าตาของเมฆจากที่หล่ออยู่แล้วหลังจากหมอฉีดโบท็อกซ์ให้ชายหนุ่มก็ยิ่งหล่อมากขึ้นไปอีก


หล่อจนน่าหลงใหล...


เสียงชัตเตอร์ยังคำดังต่อไปการทำงานดำเนินไปเรื่อยๆพร้อมๆกับความหงุดหงิดของเดย์ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน บางรูปกอดกับโอบเอวแนบชิดทำให้คนมองอยู่ด้านนอกเริ่มขุ่นใจขึ้นเรื่อยๆ ศิโรจน์รู้ว่าตัวเองกำลังหึง


แล้วอีนางเอกนั่นน่ะจะอ่อยไปไหน นมแทบจะฝังลงในแขนของเมฆอยู่แล้ว  นี่ถ้าไม่กลัวเป็นข่าวจนต้องสงบจิตสงบใจตัวเองไว้คงกระโจนไปตบด้วยฝักสะตอแล้ว ทำส่งสายตาหวานเชื่อมนึกว่าไม่รู้หรือไงว่าในใจคงคิดจะงาบผัวเขาไปทั้งตัว


Rrrrrr


เดย์สะดุ้งด้วยความตกใจ  จิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดมองเบอร์ที่โชว์หน้าจอเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรเข้ามาก็ทำเป็นเมินไม่สน  โทรศัพท์ของเมฆยังคงดังอย่างต่อเนื่องแม้สายจะตัดไปแล้วก็ยังคงโทรเข้ามาใหม่อีกหลายครั้งจนผู้จัดการหน้าหวานทนไม่ไหว เดย์คว้าโทรศัพท์ของเมฆแล้วเดินออกมาข้างนอก




“ฮัลโหล”  กระแทกเสียงเข้าไปหลังกดรับ



“เอ่อ...ขอสายเมฆหน่อยครับคุณผู้จัดการ”  เสียงที่กรอกเข้ามาในสายทำให้ศิโรจน์เบะปากอย่างหมั่นไส้




“เมฆทำงานอยู่คุณไม่รู้หรือไง นี่ผมจะบอกอะไรให้นะว่าถ้าเค้าไม่โทรไปคุณก็อย่าโทรมาเลยมันเสียเวลาทำงานของเค้า  ไม่สิจริงๆคุณไม่ควรโทรมาเลยด้วยซ้ำถ้าเกิดนักข่าวรู้ว่าเค้ามีแฟนจะต้องเจอกับอะไรบ้างมีผลดีผลเสียยังไงคุณรู้บ้างมั้ย  ไม่ส่งไม่เสริมก็อย่ามาถ่วงความเจริญเขาสิครับคุณ”  เพราะหงุดหงิดต้องการหาที่ระบายอยู่แล้วเดย์เลยจัดชุดใหญ่ใส่คุณหมอฉอดๆ


ปลายสายเงียบเสียงไปจนต้องเอาโทรศัพท์ออกมาดู ยังไม่ได้วางคงกำลังอึ้ง  เดย์ยิ้มเยาะให้โทรศัพท์


“ผมไม่คิดนะครับว่าการที่แฟนกันโทรหากันมันจะมีผลกระทบอะไรถ้าเค้าไม่ว่างรับผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรแต่ผมคิดว่าการที่คุณมาหยาบคายใส่ผมไม่ใช่เรื่องสมควร” ที่สุดปลายสายก็กล่าวตำหนิกลับมา เดย์กำโทรศัพท์แน่น หมอจิณณ์แสดงตัวชัดเจนว่าเป็นแฟนกับเมฆเหรอ กล้าที่จะพูดกับเดย์แบบนี้เหรอคุณผู้จัดการหน้าหวานยิ้มเย็นก่อนจะกรอกเสียงกลับไปด้วยดวงตาวาววับ


“ถ้าการที่คุณนอนอ้าขาให้เขาเอาคุณเรียกตัวเองว่าแฟน...อย่างนั้นผมก็พูดได้ว่าผมเป็นแฟนเขาเหมือนกัน”


ปลายสายวางไปแล้ว.. มือเรียวที่กำลังสั่นเทาปล่อยโทรศัพท์ให้ร่วงหล่นอย่างไม่ใยดี ประโยคสุดท้ายของศิโรจน์คืออะไรนะ?? ทำไมตอนนี้สมองของจิณณ์มันตื้อไปหมดล่ะ


“ถ้าการที่คุณนอนอ้าขาให้เขาเอาคุณเรียกตัวเองว่าแฟน...อย่างนั้นผมก็พูดได้ว่าผมเป็นแฟนเขาเหมือนกัน”


หมายความว่ายังไง??  หมายความว่าทั้งสองคนมีอะไรกันแล้วเหรอ?? เมฆ...นอกใจหมอใช่มั้ย??...ใช่หรือเปล่า??







“น่าหมอนะ มาเหอะมาดูพวกผมรับจ๊อบงานแรกนะ”  หผมกลอกตามองฝ้าเพดานมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว  หมอกมันก็โทรมาชวนผมไปเที่ยวที่ผับเปิดใหม่ที่เจ้าตัวได้งานเป็นนักดนตรีกับเพื่อนๆ


ตั้งแต่วันนั้นที่เจอกันก็เกือบสองเดือนแล้วที่รู้จักกันเด็กโย่งหมั่นแวะเวียนมาหาไม่ได้ขาด จำได้ว่าหลังจากวันที่มานอนที่ห้องอีกสองวันต่อมาไอ้เด็กกวนประสาทนี่ก็ไปหาเขาที่โรงพยาบาลในตอนเย็นที่หมอกำลังเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้าน


“คุณหมอคะคือคุณคนนี้ขอพบคุณหมอน่ะค่ะ”  พยาบาลสาวอกอึ๋มเดินเข้ามาบอกด้วยสีหน้าปุเลี่ยนๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็สะดุดกับฟันเรียงเป็นเม็ดข้าวโพดลอยเด่นอยู่ตรงหน้า


“เฮ้ย...มาได้ไง”  ผมผงะหนีเล็กด้วยด้วยความตกใจแต่นั่นยิ่งทำให้ไอ้เด็กหูกางยิ่งฉีกยิ้มมากขึ้น


“ผมนั่งรถเมล์มามันเป็นสายที่ผ่านไปโรงเรียนได้”  ดูมันตอบ


“หมอหมายถึงมาทำไม มาเพื่ออะไรมีธุระอะไร...”  ผมยิงคำถามชุดเดียวจบมันทำท่าหรอกตาคิดตามผมเดี๊ยะๆ  ผมชิงชี้หน้าแล้วเอ่ยเสียงหนัก


“หมอไม่รับผ่าตัดหูกางหรอกนะ  ส่วนถ้าจะจัดฟันเชิญแผนกทันตกรรม”


“หยาบคายนะครับคุณพี่สะใภ้  ผมแค่จะมาขอเบอร์เมฆ”  มันว่าแค่นั้นครับผมเลยล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมเปิดหาเบอร์เมฆให้กับหมอกแต่แพ๊บเดียวแบบไม่ทันตั้งตัว โทรศัพท์ของผมก็ไปอยู่ในมือหนาๆของมันซะแล้ว  ผมคว้าจะเอาคืนมันก็หันมาทำหน้าหล่อใส่แล้วพูดว่า


“เดี๋ยวผมหาเองหมอเก็บของเถอะครับไม่อยากรบกวน”


“นี่ขนาดไม่อยากรบกวนนะ  ถ้ารบกวนขึ้นมาจะเป็นยังไงเนี่ย”  ผมว่ามันไม่จริงไม่จังนักหมอกมันนั่งสไลด์หน้าจอไปเรื่อยจนกระทั่งเสียงเพลงร็อคแสบแก้วหูก็ดังขึ้นจนผมสะดุ้ง


“นี่เบอร์ผมนะครับไปล่ะ”


“อ่าวเฮ้ย”  ผมมองตามไอ้เด็กโย่งที่แบกกีต้าร์เดินออกไปแบบไม่เหลี่ยวหลัวแล้วหยบโทรศัพท์มามองหน้าจออย่างงงๆ


“หมอก”


แหม...เซฟชื่อให้กูเสร็จสรรพ


ถุย....


“นะครับหมอนะๆ  ถือว่ามาให้กำลังใจน้องนุ่งนะ”


“แต่พรุ่งนี้หมอมีเคสตอนแปดโมงเช้านะ”


“โธ่เที่ยงคืนกลับก็ได้นะ  หมอไม่ต้องอยู่จนร้านเลิกก็ได้  นะถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ไปดูลูกดูหลานนะ  พ่อแม่ผมเค้าไม่ไปอยู่แล้วนะครับหมอ”  มันอ้อนครับ


ผมลืมบอกไปหรืเปล่าว่าไอ้เด็กนี่บทจะทำตัวน่ารักก็เหมือนลูกหมาเล็กๆขี้ประจบวิ่งดักหน้าดักหลังจนอ่อนใจ จริงๆแล้วผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้นตั้งแต่วางโทรศัพท์ไปเมื่อช่วงบ่าย คำพูดของศิโรจน์ยังติดอยู่ในสมอ


แปลกที่ผมยังคงทำงานได้ตามปกติ   แปลกที่ผมไม่ฟูมฟายโวยวายเหมือนตอนที่อกหักจากอรรณพดูเหมือนผมจะสงบได้มากกว่าที่คิด ผมเคยคิดว่าถ้าเมฆนอกใจผม  ผมคงอาละวาดทำลายข้าวของแล้วออกไปเมาหัวราน้ำแบบที่เคยทำ แต่ใจผมกลับนิ่ง  นิ่งจนผมกลัวตัวเอง หรือผมด้านชาเกินกว่าจะเสียใจ


ไม่ใช่ว่าผมไม่เสียใจนะ  ผมเสียใจมาก  ผมเจ็บมาก  ช้ำมาก  ผมอยากร้องไห้แต่น้ำตามันไม่ไหล หัวใจผมมันนิ่งในอกผมมันตื้อจนผมกลัวตัวเอง


“อือ...ไปก็ได้  ตกลงไม่เกินเที่ยงคืนนะ”


“เยส!!...เดี๋ยวซักสองทุ่มผมกับไอ้อาทิตย์ไปรับนะครับ”  มันไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฎิเสธหรอกครับไอ้เด็กโย่งเนี่ยพอมันพูดเสร็จมันก็กดตัดสาย  ผมเอาคางหนุนแขนตัวเองแล้วหมุนรูบิคเล่น มันช่วยทำให้ผมใจเย็นขึ้น ผมคงรักเมฆมากเกินจะโวยวายล่ะ


ตั้งแต่คบกับเขามาเข้าปีที่สองผมใจเย็นลงโผงผางน้อยลง ความรักนำพาให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งมากขึ้นผมกำลังใช้ความพยายามในการควบคุมตัวเอง


ผมจะไม่โวยวายอะไรจะรอให้เค้ามาสารภาพผิดกับผมเอง ผมเชื่อว่าเมฆยังเป็นคนเดิม...ก็แค่ความเชื่อของผมเอง


ผมนั่งท่ามกลางความมืดคิดถึงแต่เรื่องของเราสองคนโดยไม่ได้ลุกขึ้นไปเปิดไฟ  มองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่เห็นเลือนลางจากแสงของหลอดไฟดวงเล็กๆตรงระเบียงห้องทุ่มครึ่ง


((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ผมวางรูบิคที่แก้ไม่เสร็จลงบนโต๊ะแล้วเดินลากเท้าเข้าห้องจัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีแดงปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงยีนส์สีซีดหยิบแว่นตาสีชาขึ้นมาใส่พรมน้ำหอมเสร็จก็ออกมานั่งรอหมอกตรงที่เดิมไม่นานเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น  ผมเลือกรองเท้าบู๊ทหุ้มข้อสีดำออกมาใส่ก่อนจะเปิดประตูรับหมอกที่ยืนทำหน้าระรื่นอยู่หน้าประตู


วันนี้เด็กโย่งมันดูแปลกตาครับอายไลน์เนอร์สีเข้มพร้อมเมคอัพแนวพั้งค์ร้อคพร้อมกับเสื้อกล้ามสีดำลายหัวกระโหลกแขนกุดที่แขนเสื้อผ่าลึกจนเห็นหน้าอกและหน้าท้องคล้ายๆกับของเทาแตกต่างตรงที่ของเทาเล่นสีด้วยดำแดงส่วนจองหมอกเล่นสีดำขาวทำให้หมอกดูเท่ห์เช่นเดียวกับเทาที่หมอกแนะนำว่าเป็นเพื่อนร่วมวงโค้งคำนับผมพลางทำตาโตแล้วอุทานออกมา


“ว้าว...จะว่าสวยก็สวยจะว่าหล่อก็หล่ออย่างที่แกบอกจริงๆด้วยว่ะ”


“ไปเถอะช้าเดี๋ยวตกงานนะ”  ผมแก้เก้อด้วยการชวนเด็กทั้งสองออกจากคอนโด ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาหยุดอยู่ด้านหน้าผับที่ค่อนข้างจะดูไฮโซไฟหลากสีประดับประดาที่น่าแปลกคือทางเข้ามีลูกโป่งหลากสีสันผูกตามซุ้มเหล็กที่มีต้นไม้เกาะสวยงาม


“วันนี้เห็นว่ามีดารามาเลี้ยงฉลองปิดกล้องน่ะครับเขาจองห้องวีไอพีด้านบนไว้  พวกเรานั่งข้างล่างเนอะกินบรรยากาศ”  หมอกมันว่าแค่นั้นผมก็พยักหน้ารับส่งๆไปผมมองการตกแต่งที่ค่อนข้างหรูพอสมควรโซนที่เป็นโต๊ะเก้าอี้ที่เป็นชุดโซฟาอยู่ท้ายๆบริเวณห้องกั้นเป็นห้องไม่เล็กไม่ใหญ่เพื่อแยกกับโต๊ะอื่นอย่างเป็นสัดส่วน  บนเวทีมีเครื่องดนตรีกับเครื่องมิกซ์เพลงอยู่พร้อมด้านหน้าเวทีทำเป็นลานโล่งๆคงเอาไว้ให้นักเที่ยวออกสเตป  ด้านหนึ่งเป็นบาร์เครื่องดื่มที่มีบาร์เทนเดอร์กำลังผสมเครื่องดื่มด้วยลีลาคล่องแคล่วน่าดูมีเก้าอี้ทรงสูงจัดตั้งอย่างเป็นระเบียบ เลยมาหน่อยเป็นโต๊ะทรงโมเดิร์นสีขาว  ผมเดินตามหมอกและอาทิตย์มาจนถึงข้างเวทีหมอกชี้ให้ผมนั่งลงที่โต๊ะก่อนที่มันจะวิ่งไปทักทายคนที่ผมคิดว่าเป็นผู้จัดการร้าน


“เดี๋ยววงอื่นจะขึ้นก่อนผมขึ้นตอน 5 ทุ่มนะครับ  งั้นเราสั่งอะไรมากินเล่นกันก่อนดีกว่าเนอะ”  ผมได้แต่พยักหน้ารับ


คือเอาง่ายๆตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นควายไม่ว่าใครจะจูงไปทางไหนผมก็เดินไปแบบแกนๆ เอาเหอะจะพาไปลงนรกขึ้นสวรรค์ที่ไหนก็ไปผมไม่มีแก่ใจจะพูดจะคุยอะไรทั้งนั้น


เราสั่งเหล้ามากลมนึงดีกรีแรงพอใช้โซดาแล้วก็กับแกล้มกินเล่นอีก 2-3 อย่าง  นั่งฟังวงดนตรีเล่นกันช้าบ้างเร็วบ้างอย่าถามนะว่าร้องเพลงอะไรบ้างผมไม่ได้ฟัง  ผมนั่งหมุนแก้วเหล้าแล้วยกเรื่อยๆในขณะที่หมอกกับอาทิตย์ชวนคุยรื่องนั้นเรื่องนี้  สายตาของผมก็กวาดมองไปรอบๆเห็นพวกกองถ่ายที่มาเลี้ยงปิดกล้องเดินขึ้นเดินเดินลงส่วนของวีไอพีด้านบน


ดาราหลายคนก็คุ้นหน้าเพราะตั้งแต่เมฆเข้าวงการจากคนที่สนใจแต่ตารางบอลและถ่ายทอดสดบอลก็เปลี่ยนมาเป็นดูรายการดูซีรี่ส์ต่างๆที่เมฆร่วมแสดงหรือเป็นแขกรับเชิญ


ห้าทุ่ม...ในที่สุดหมอกกับอาทิตย์ที่กินไปหลายแก้วก็ยกขึ้นเมื่อถึงคิวตัวเองขึ้นแสดง  เด็กหนุ่มสองคนขึ้นไปบนเวที  ลองเสียงของกีต้าร์กับดูลิสต์เพลงกับไผ่อัพของทางร้านราวๆ 5 นาที  หมอกก็เอ่ยทักทายบรรดาแขกของร้าน


เสียงกรี๊ดจากนักเที่ยวสาวดังพอสมควรหมอจิณณ์นั่งดูการแสดงที่มีเสน่ห์และทรงพลังของหมอกกับอาทิตย์ด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายขึ้น


“เก่ง”  อดชมไม่ได้เมื่อทำนองเพลงกรีดพลิ้วจนน่าขนลุก ไม่คิดว่าเด็กที่ดูเอ๋อๆจะมีฝีมือขนาดนี้


หมอจิณณ์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบพลางตบมือตามจังหวะเพลง  พลันสายตาก็เหลือบมองไปทางบันไดห้องวีไอพีโดยบังเอิญ ร่างขาวพร้อมผมยาวสีสว่างของดาราชายดาวรุ่งที่กำลังโด่งดังก้าวเดินลงมาแบบเซๆ  ซักพักก็มีผู้ชายตัวสูงใส่แว่นตากับหมวกปิดไปครึ่งหน้าตามลงมาประคอง


ความคุ้นชินคุ้นตาทำให้ต้องเขม้นมอง  ไอดอลชายตัวเล็กลูบใบหน้าที่โผล่จากหมวกพลางหัวเราะใส่กันแล้วเดินประคองไปทางห้องน้ำชาย ไม่ผิดแน่... ต่อให้คลุมทั้งหัวหมอจิณณ์ก็จำได้ว่านั่นน่ะ



“เมฆ!!”



ร่างกายนำสมองผมลุกพรวดเดินตามไปทิศทางเดียวกับที่ทั้งคู่เดินไปทันที  ห้องน้ำชายเงียบสนิทไม่มีนักเที่ยวเข้ามาใช้งานแต่ประตูห้องๆหนึ่งปิดสนิท


เค้าเข้ามากันสองคนแต่มีห้องน้ำถูกใช้แค่ห้องเดียว ผมค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้ เสียงบางอย่างดังเล็ดลอดออกมา

เสียงจูบ...


“ใจเย็นสิครับพี่ผมไม่หนีไปไหนหรอก”  เสียงทุ้มของเด็กผู้ชายคนนั้นดังออกมาแผ่วๆ  ผมยกมือปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่กำลังมาจุกที่คอหอยสายตาของผมมองเงาสะท้อนบนพื้นห้องน้ำที่เงางับ มันมองเห็นลางๆว่าคนสองคนกำลังจับจูบลูบคลำกันอยู่


สองขาของผมพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำห้องติดกัน  เสียงร่างกายของพวกเขาสัมผัสกับผนังห้องน้ำพร้อมเสียงครางเบาๆอย่างสุขสม ผมรู้แล้วว่าจริงๆผมไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย ทั้งๆที่ตอนที่ศิโรจน์พูดไม่ดีใส่ผม ผมไม่ร้องไห้  ไม่มีน้ำตาซักหยด แต่ตอนนี้ผมไม่สามารถมองเงาสะท้อนบนพื้นได้แล้ว  เพราะน้ำตาของผมมันไหลหยดออกมาไม่ขาดสาย


หัวใจของผมมันร้าว  ร้าวจนที่สุดก็เหมือนมันแตกสลายลงไปซะแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าเขาเข้ามาทำอะไรกันในห้องน้ำนั้น  เสียงรูดซิปกางเกงแม้จะทำเพียงแผ่วเบาแต่ผมกลับได้ยินราวกับมันกรีดเข้ามาในสมองของผม


“รอแป๊บนะครับเดี๋ยวผมใส่ให้พี่เอง”เสียงเด็กหนุ่มคนนั้นเอ่ยเบาๆ


“เร็วๆนะพี่จะทนไม่ไหวแล้ว”  เสียงทุ้มห้าวๆตามแบบฉบับของเมฆดังขึ้น เสียงแหบพร่าของเขาที่เคยกระซิบรักกันทุกครั้งเวลาที่ทำรักกัน ตอนนี้เขาใช้พูดกับคนอื่น

เจ็บมั้ยจิณณ์  ได้ยินกับหูได้เห็นกับตาแบบนี้

หัวใจยังเต้นอยู่ก็ถือว่าเป็นความเมตตาของสวรรค์


“อ๊ะ..”  ผมก้มลงมองบางสิ่งบางอย่างที่กลิ้งมาหยุดที่ปลายเท้า


ถุงยางอนามัย


โลกจะตลกกับผมเกินไปหรือเปล่า

ให้ผมได้รับรู้แน่ชัดไปซะทุกทางโดยไม่ต้องมโน


“ขอโทษนะฮะ  ช่วยเก็บให้หน่อย”  มือเรียวขาวของเด็กคนนั้นแบลอดมาตรงช่องว่างด้านล่าง  ผมค่อยๆก้มลงเก็บถุงยางอันนั้นขึ้นมาด้วยมืออันเทา เบื้องบนกำลังทดสอบพลังใจของผมอยู่ใช่มั้ยครับ


มือเรียวนั้นกระดิกไปมาสองสามรอบผมค่อยๆวางถุงยางอันนั้นใส่มือเด็กหนุ่มก่อนจะปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นสุดความสามารถ...ที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย


ผมหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงครางเครือเล็ดลอดออกมาจากคนทั้งคู่  ผนังห้องน้ำสั่นจนรู้สึกได้  เสียงร้องขอให้เบาแรงบ้างเร่งความเร็วบ้างดังพร่ำตลอดเกือบสิบนาที


เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังมาเป็นระยะไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จง่ายๆ ผมนั่งฟังเสียงของเขาสองคนไปเหมือนคนเป็นโรคจิต นั่งฟังสิ่งที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด ผู้ชายของผมกับใครก็ไม่รู้ทำเรื่องน่าอายกันข้างๆผม


“หมอครับหมอ...หมออยู่ในนี้หรือเปล่าครับ”  ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหมอกร้องเรียกหน้าห้องน้ำเหมือนๆกับที่ห้องข้างๆก็เงียบเสียงกิจกรรมนั้นลง  ผมรีบปาดน้ำตาคิดแค่ว่าจะต้องรีบออกไปก่อนที่สองคนนั้นจะออกมาเจอ


“เมฆ  นายอยู่ในนี้ใช่มั้ยมีคนบอกว่านายมาเข้าห้องน้ำกับเร็น”



ผมหยุดกิจกรรมเข้าจังหวะกับเร็นเด็กปั้นคนใหม่ของค่าย  เราสองคนมองหน้ากันด้วยสายตาตื่นตระหนก


จริงๆผมหยุดทุกอย่างตั้งแต่ได้ยินเสียงของหมอกแล้ว มันอยู่ในนี้ผมรู้ตั้งแต่เดินตามเร็นลงมาแล้ว ผมเห็นมันอยู่บนเวทีแต่ที่ผมไม่รู้ก็คือมีหมอมาด้วย


มันคงไม่รู้จักหมอคนอื่นหรอกนอกจากหมอจิณณ์ของผม  อะไรที่คับพองอยู่ในช่องทางอ่อนนุ่มของเด็กน้อยผมบลอนด์ปากแดงไรผมชื้นเหงื่อค่อยๆคืนสภาพก่อนที่มันจะหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ  เสียงประตูห้องข้างๆที่เร็นทำถุงยางหลุดมือเปิดออก


“ไปกันเถอะหมอก”


“อ๊ะ...คุณหมอบังเอิญจังเลยนะครับ”


นั่นไงเสียงเมียทั้งคู่ของผมทักทายกันซะแล้วผมรีบรูดซิปกางเกงแล้วเปิดออกมาเพื่อความมั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินน่ะมันใช่หรือไม่ใช่


ทันทีที่ประตูเปิดก็พบกับร่างขาวในเชิ้ตดำกำลังหันมามองผมที่เปิดประตูออกมาเร็นเองก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินมามองบุคคลในที่นี้อยู่ข้างหลังของผม


“อ๊ะคุณผู้จัดการเดย์สวัสดีครับ”


จะมามีมารยาทอะไรตอนนี้ ตอนนี้เลือดในตัวของผมมันจับตัวแข็งเป็นก้อนไปหมดแล้ว ผมเดาไม่ออกเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อหมอจิณณ์พี่เดย์และหมอกต่างมองผมด้วยสายตาหลากหลาย


“หมายความว่ายังไงเมฆ?  เธอเข้าไปทำอะไรกับเด็กนั่นในห้องน้ำ”


เป็นพี่เดย์ที่เปิดประเด็นฮอตในขณะที่หมอจิณณ์มองผมด้วยสายตา....ว่างเปล่า


ดวงตาหวานฉ่ำน้ำ


ผมรู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆ...คนที่เก็บถุงยางให้ผมกับเร็นไม่ใช่ใครแน่ๆ


“หมอครับ...”


“ว่าไงเมฆพี่ถามว่าเธอเข้าไปทำอะไรในห้องน้ำกับเร็น”


“โธ่...พี่  เราสองคนแค่เข้ามาทำอะไรกันสนุกๆน่าซีเรียสไปได้”  ครับ...เร็นครับ  อยู่เงียบๆก็ได้นะครับ ณ จุดนี้


“แกหุบปากไปเลยนะ...อ่อ...นี่คงสมรู้ร่วมคิดกันสินะ  ตัวเองเอาผัวไว้ไม่อยู่เลยให้คนอื่นมาล่อจะได้เลิกยุ่งกับฉัน  นี่เหรอคนเป็นหมอเค้าคิดกัน  ต่ำ”  พี่เดย์หันไปต่อว่าหมอจิณณ์ที่ยังคงมีสีหน้า....นิ่งจัด


นิ่งมาก...

นิ่งจนน่ากลัว


“คุณจะโวยวายทำไมครับคุณเดย์ขนาดผมเป็นคนเก็บถุงยางให้เขาผมยังไม่พูดอะไรซักคำผมเป็นแฟนเค้าแท้ๆผมยังไม่ว่าอะไรเลยคุณเป็นแค่ผู้จัดการส่วนตัวจะมาโวยวายทำไมผมขอตัวนะพรุ่งนี้ผมมีผ่าตัดตอนเช้า”  หมอจิณณ์หันไปเหน็บพี่เดย์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะตวัดสายตามาทางผมกับเร็นที่ยังทำหน้าตาใสซื่อไม่รู้ไม่ชี้ถึงหายนะของชีวิตผมเลยแม้แต่น้อย


“นายสองคนก็เหมือนกันถ้าอยากนักก็พากันไปเปิดโรงแรมนอนซะสิมาทำอะไรในที่สาธารณะแบบนี้”  หมอจิณณ์พูดแค่นั้นก็เดินจนกลายเป็นวิ่งหายไปพร้อมกับหมอกที่หันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก


ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นผมคิดอะไรบ้างรู้แต่ว่าพอรู้ตัวผมก็วิ่งตามหมอจิณณ์ออกมาถึงหน้าผับจับแขนเขาไว้แต่หมอก็สะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดีก่อนจะวิ่งข้ามฝั่งไปเรียกแท็กซี่


“อาทิตย์มึงขับรถกลับไปเลยกูจะไปกับหมอ”  เสียงหมอกมันสั่งเด็กผู้ชายผิวคล้ำคนหนึ่งซึ่งมันก็พยักหน้ารับหมอกวิ่งตัดหน้ารถตามหมอจิณณ์ไปผมเองก็กำลังจะกระโจนตามไปตารถบรรทุกคันใหญ่ก็บีบแตรไล่ก่อนจะผ่านฉิวไปอย่างรวดเร็ว  พอรถว่างผมก็ตัดสินใจวิ่งตัดหน้ารถยนต์อีกคันพร้อมๆกับเสียงโครมดังขึ้น


ไม่ใช่ผม... ผมหันไปดูก็พบว่าพี่เดย์ลอยละลิ่วก่อนหล่นลงบนพื้นถนน ผมละล้าละลังก่อนจะวิ่งกลับมาหาพี่เดย์ช้อนร่างอ่อนปวกเปียกนั้นขึ้นอุ้มก่อนจะพาขึ้นรถพื่อนำส่งโรงพยาบาล


“หมอครับ...”  ผมหันไปตามเสียงเรียกของหมอก  ลมเย็นของแม่น้ำช่วยทำให้ผมสงบลง


ผมไม่ได้ร้องไห้แล้ว ผมไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น ผมไม่อยากอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นผมจิกเล็บลงบนฝ่ามือของผมจนมันชา


“หมอครับคิดว่าผมเป็นต้นไม้ก็ได้นะครับ”  หมอกมันพูดกับผม


“ถ้าหมออยากระบายก็ร้องออกมาเถอะครับผมจะปิดหูปิดตาแต่จะไม่ไปไหน”


เท่านั้นแหละครับทำนบน้ำตาที่พยายามเก็บมันไว้ก็พังทลายทันที


“ฮือออออออออออออออออออ.....ท่ะ....ทำไม...ทำไมเป็นแบบนี้...หมอไม่ดีตรงไหน...ฮึก...หมอ...ต้องทำยังไง....พี่ชายของนาย...ฮึก...ถึงจะกลับมา...ต้องทำยังไง...ต้องทำแบบไหน...บอกหมอหน่อยจะได้มั้ย....”


ผมใช้อกเสื้อของหมอกเป็นที่เช็ดน้ำตา ผมใช้หน้าอกของหมอกเป็นที่ระบายอารมณ์ด้วยการทุบลงไปย้ำๆ


ผมเจ็บ.. ผมแค่อยากให้หมอกรู้ว่าตอนนี้ผมเจ็บมากขนาดไหน ผมไม่อยากรับรู้อะไรเลย ไม่อยากรับรู้ว่าเมฆไปมีอะไรๆกับใครๆลับหลังผม ไม่อยากรับรู้ว่าเขาเป็นคนรักของผม ไม่อยากรับรู้ว่าเขาก็เป็นคนรักกับเดย์เหมือนกัน ไม่อยากจะรับรู้ว่าเขาเที่ยวทำตัวมักง่ายรักสนุกกับใครบ้าง ทั้งๆที่ผมควรใจกว้างแต่สุดท้ายหัวใจผมก็เท่านี้มันไม่สามารถกว้างไปกว่านี้แล้ว


ผมก็แค่คนใจแคบ  ใจแคบที่มีเขาเพียงคนเดียวก็เต็มหัวใจซะแล้ว



.............................................................


ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
บอกได้คำเดียวว่าเมฆโคตรรรรรรเหี้ย ขึ้นเลย ขึ้นเลยยยย!  :m31: // เลิกเหอะหมอ ปล่อยไป สมควรละที่ไม่มีใคร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2018 12:19:19 โดย nonlapan »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
นี่สินะ ทำไมเมฆถึงไม่ควรได้รับความรักจากใคร

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
หึหึ!! ตอนนี้เมฆจะยังไงไม่สนใจแล้วในสายตา จะทำอะไรเชิญ รอดูแต่หมอนี้ละ จะยัง............... เมื่อไหร่จะหันกลับมารักตัวเอง อย่าคิดบ้าๆนะหมอ เข้มแข็งไว้ หมอทำดีแล้ว อะไรที่ทำให้ทุกข์ใจตัดออกไป ไม่คู่ควรและไม่สมควรได้รับมันจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2018 13:54:22 โดย blove »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ใช่แค่หน้าตาเมฆหรอกที่ทำให้ไม่ควรได้รับความรักแต่มันเป็นที่นิสัยและสันดารมากกว่า ภายนอกเปลี่ยนได้แต่ภายในมันไม่มีวันเปลี่ยน ที่จริงเมฆคงเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วแค่หน้าตาดีเลยมีคนเข้ามา เบื่อคนเลว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2018 22:05:06 โดย Abella »

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กอดหมอจินนนนนนน  :o12: :o12: :o12: :o12: :กอด1:

อิเมฆต่อไปนี้ไม่ต้องมาเข้าใกล้หมอเลยนะ สันดานเสียมากกกกกก

นี่เอะใจตั้งแต่แรกละ เรียกหมอว่าเมียคนแรก หนอยยยยยยยยยยย :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:
ที่แท้มันมีเมียหลายคน อิดอกกกกกกกกกกก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
               ลูกเป็ดขี้เหร่[:14:]


ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ผมยึดหมอกเป็นที่พักใจในตอนนี้ ลมหนาวที่พัดมาทำให้ผมได้สติ แม้จะไม่ได้หนาวมากมายแต่ก็พอให้ได้ตึงๆผิว ยิ่งช่วงดึกน้ำค้างลงยิ่งทำให้ผมหนาวจับขั้วหัวใจ... เด็กหมอกมันทำตัวเป็นต้นไม้จริงๆ  ตลอดเวลาที่ผมระบายออกมามันนิ่งเงียบราวกับไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ ได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเท่านั้น

ผมดึงศีรษะตัวเองออกจากการซบอกของหมอกยืดตัวตรงกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อดีก็พอดีกับที่มือหนาแตะลงที่ข้างแก้มเบาๆผมช้อนตามองหมอกเงียบๆนิ้วเรียวค่อยๆเช็ดน้ำตาให้ผมใบหน้าหล่อไม่ผิดจากคนเป็นพี่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับผม คนพี่ทำผมเสียน้ำตาแต่คนน้องกลับเช็ดน้ำตานั้นให้ด้วยความอ่อนโยน

“หมอครับ...”  เสียงทุ้มๆของเด็กที่มีท่าทางอายๆเอ่ยเรียกผม  หมอกเสมองไปทางอื่นชั่วครู่แล้วจึงจ้องตาผม

“ถ้าพี่มันไม่ดี  หมอลองคบกับผมดูมั้ยครับ?”

ผมอึ้ง....

ผมรู้สึกว่าตอนนี้สมองของผมมันช้าลงจนประมวลผลอะไรไม่ได้อีกแล้วผมได้แต่นั่งมองใบหน้าของหมอกที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ผมได้แต่ซึมซับความอบอุ่นจากฝ่ามือที่ลูบแก้มผมก่อนจะประคองหน้าของผมไว้

“ไม่...อย่าทำอย่างนี้หมอก”  ผมเบือนหน้าหนีทันก่อนที่ริมฝีปากของหมอกจะแตะกับปากของผมเพียงเสี้ยววินาที  หมอกมองผมอย่างไม่เข้าใจ

“ฉันเห็นนายเป็นน้องนะหมอกอย่าทำให้ฉันกลับไปรู้สึกว่างเปล่ากับนายอีกเลย”

“ทำไมล่ะครับหมอ  หรือเพราะผมเด็กกว่า”

“มันไม่เกี่ยวกันหรอกหมอก  มันเกี่ยวกับใจฉันเอง  ฉันรักเมฆ  รักแบบที่ไม่อยากจะทำให้เขาเสียใจไม่อยากทรยศความรักที่ฉันมีต่อเขา  ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจของฉันได้อีกแล้ว”

“ทั้งๆที่มันมีคนอื่นน่ะเหรอครับ”

“ใช่  ทั้งๆที่เค้ามีคนอื่น”

“ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะหมอ หมอจะทนกับคนที่มันไม่เห็นค่าในตัวหมอทำไมเลิกกับมันแล้วมาคบกับผมเถอะ”

“ยังไม่เคยรักใครจริงๆสินะหมอก...”  ผมเอามือวางลงบนหัวของหมอกพลางจับโยกเบาๆ ส่งยิ้มให้ทั้งที่ฝืดเฝือเต็มทน

“ถ้านายรักใครซักคนมันไม่ใช่เรื่องต้องทนเลย....ฉันกลับดีกว่าพรุ่งนี้ต้องทำงาน นายเองก็กลับบ้านดีๆนะ”  ผมลุกขึ้นหลังจากคิดว่าพูดไปหมอกคงไม่เข้าใจคงต้องให้ถึงเวลาที่เค้ามีความรักกับใครซักคน

หมับ!!

“ผมไปส่งเอง”

“เฮ้ยไม่ต้องหมอกลับเองได้นายกลับไปนอนเถอะพรุ่งนี้ไม่มีเรียนเหรอ”  ผมโบกมือไล่หมอกแต่เด็กนั่นมันจับมือผมแน่น

“ไปเถอะ  ผมไปส่งเอง”

แล้วคนที่หัวใจกำลังอ่อนแออย่างผมจะทำอะไรได้ล่ะ ตอนนี้ผมไม่มีพลังจะสู้รบปรบมือกับใครทั้งนั้น ผมเหนื่อย  ผมอยากกลับไปนอนแล้ว  ผมเลยปล่อยให้หมอกกุมมือพาเดินมาเรียกรถเพื่อกลับคอนโด

ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่คงเป็นเพราะถนนเริ่มจะโล่งผมกับหมอกก็มายืนอยู่ข้างหน้าคอนโดของผมแล้วแม้จะบอกกับเจ้าโย่งว่าไม่จำเป็นต้องลงมาส่งแต่หมอกก็มีเหตุผลให้กับผมว่า

“อยากส่งหมอจนถึงหน้าห้องผมจะได้วางใจว่าหมอจะไม่ออกไปเดินเร่ร่อนที่ไหน”

“ประสาท”  แม้จะกร่นว่าไปแต่ผมก็ยอมให้หมอกเดินขึ้นมาส่ง มือของหมอกไม่ปล่อยมือของผมเลย มันอบอุ่นนะในวันที่ผมกำลังหนาว มันก็ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้อย่างประหลาด

“กลับมาแล้วสินะ...”  ผมสะดุ้งเฮือกพลางปล่อยมือหมอกโดยอัตโนมัติ  หน้าประตูห้องเผยให้เห็นร่างสูงของเมฆยืนกอดอกพิงประตูอยู่  เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว

ดวงตาคมที่เคยอ่อนโยนตอนนี้กลับแข็งตึงก่อนที่จะสาวเท้าเข้ามาคว้ามือผมที่เพิ่งปล่อยจากมือหมอก

“ผมมารอหมอเป็นชั่วโมงแล้วหมอไปไหนมาครับ”  คำพูดแม้จะสุภาพแต่ทว่ากระชากห้วนหมอกมาคว้ามืออีกข้างของผมดึงไว้

“หมอกมึงกลับบ้านไป”

“มึงอย่าทำอะไรหมอ”

“กูจะทำอะไรหมอได้หมอเค้าเป็นเมียของกูมึงน่ะกลับบ้านไป  ขอบใจที่ช่วยดูแลเมียของกูให้ตอนที่กูไม่ว่าง”

“ไม่ว่างเพราะไปเอากับคนอื่นอยู่น่ะเหรอ”  เด็กหมอกแกล้งหัวเราะเสียงต่ำแต่เมฆกลับทำท่าจะกระโจนใส่น้องจนผมต้องดึงไว้

“หมอกกลับไปเถอะขอบใจมากที่อยู่เป็นเพื่อน”  ถ้าจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งแน่นอนคนที่ผมเลือกที่จะอยู่ด้วยคือเมฆ หมอกดึงดันอยู่ครู่แต่ก็ยอมถอยกลับไปผมถูกเมฆดึงเข้าไปในห้องทันทีที่มือถูกหมอกปล่อย

“ไปไหนมาหมอไปไหนกับมันมาตั้งนาน”  เมฆเหวี่ยงผมเข้ามาในห้องก่อนจะใช้เท้าปิดประตูอย่างหยาบคาย  ผมหยัดกายลุกขึ้นส่งสายตามองเขาอย่างตัดพ้อ

“ขอโทษครับหมอผมขอโทษ”  เมฆเดินมาประคองผมหลังจากที่ผมหันหลังให้เขาทำท่าจะเดินเข้าห้อง เขาคงลืมไปว่าคนที่ควรทำกริยาหยาบคายใส่ควรเป็นผมไม่ใช่เขา

“หมออย่าหันหลังให้ผมแบบนี้” ทันทีที่ผมหันหลังให้เขาเตรียมจะเข้าห้องเขาก็กระชากมือของผมไว้

ผมเหนื่อย...เหนื่อยจริงๆนะ

วันนี้ผมเจอกับอะไรที่มันหนักมากพอแล้ว แล้วเขาจะมาวุ่นวายอะไรกับผมอีก ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไม่ตอบอะไรเขาตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดอะไรกับเขาทั้งนั้น

ขอได้มั้ยเวลาที่ผมอยู่ในอารมณ์นี้ปล่อยผมอยู่เงียบๆแต่เมฆคงลืมไปแล้วว่าผมมีนิสัยยังไงเมื่อผมบิดมือพยายามหนีจากการเกาะกุมของเขา  เขาก็ยิ่งดึงยิ่งรั้ง

“จะเอาอะไรอีกภาคินัย  คุณจะเอาอะไรกับผมอีกไม่ทราบ”  ผมไม่อยากเป็นอย่างนี้เลยไอ้อาการพูดไปน้ำตาไหลไป ผมไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอบอบบางถึงจะมาทำตัวอ่อนแอซ้ำซากแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

ผมเหนื่อยผมล้าผมท้อเกินกว่าจะสู้รบปรบมือกับจิตใจตัวเองแล้ว ปล่อยให้มันไหลออกมาให้หมดเลยก็แล้วกัน



“หมออย่างี่เง่าสิครับ!!”



ถ้าการที่ผมรักเค้ามากไปจนมันกลั่นความเสียใจทั้งหมดออกมาเป็นน้ำตาคือความงี่เง่า...ผมก็คงจะเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆนั่นแหละ

ผมงี่เง่าที่ตั้งความหวังไว้สูงเกินไป ตั้งความหวังว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปเขาจะเป็นภาคินัยที่ขาวบริสุทธิ์เฉกเช่นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกัน.. ถ้าการที่ผมรักเค้าจนวางทุกอย่างไว้ในกำมือเค้าคือความงี่เง่า...ผมก็คงงี่เง่าจริงๆที่คิดว่าความรักจะพันธนาการเราไว้ด้วยกันชั่วนิจนิรันดร์

ผมคงอ่านนิยายมากไป  โลกของผมคงสวยมากเกินไปจนลืมนึกไปว่านี่คือชีวิตจริงไม่ใช่ฟิคชั่นหรือนิยายประโลมโลก ผมค่อยๆหันมาหาเขาด้วยดวงตาพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา

น้ำตาของคนงี่เง่าไร้ค่ายิ่งกว่าซากผ้าขี้ริ้วเน่าๆผมใช้ฝ่ามือที่เย็นชืดของผมลูบใบหน้าหล่อเหลาของเขาเบาๆ ปากของผมสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ไล่ฝ่ามือตามกรอบหน้าคมสันของเขา  ดวงตาเรียวที่ใช้มองคนอื่นนอกจากผมรวมถึงสันจมูกโด่งให้ใช้สูดดมกลิ่นกายของคนอื่นนอกจากผม  ริมฝีปากนุ่มของเขาที่ใช้จูบกับคนอื่น

โครงประกอบในใบหน้าของเขาที่ผมทำให้เขา เพื่อให้เขาเอาไปใช้กับคนอื่น... เจ็บดีมั้ยล่ะจิณณ์

“หมอจำได้นะ...”  ผมกลืนก้อนสะอื้นเข้าไปในอกก่อนจะเปิดปากพูดออกมาอย่างยากเย็นหลังจากเมฆจับมือผมที่ลูบหน้าเขาอีกครั้งผมแช่มือไว้อยู่อย่างนั้นนิ่งๆ

“หมอจำได้ว่าหมอเปลี่ยนแค่ใบหน้าให้คุณ...หมอไม่ได้ผ่าตัดเปลี่ยนนิสัยให้นะ...แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ล่ะเมฆ...อะไรมันทำให้คุณเปลี่ยนไป  สิ่งแวดล้อม  แสงสี  หรือสันดานเดิมที่คุณฝังมันไว้?”  ทันทีที่ผมพูดจบเมฆก็ปัดมือผมออกจากหน้าของเขาทันที

ผมแค่นยิ้มให้เขา ยิ้มที่เกิดจากความเสียใจ ผมไม่อยากจะทะเลาะกับเขาเลยไม่อยากทำตัวเหมือนพวกขี้หึงจนขาดเหตุผล แต่คำว่างี่เง่าของเขาเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายจริงๆ

เขาไปมีใครผมรู้ผมยังอภัยได้แม้หัวใจของผมมันจะยับเยินเหมือนโดนเขาและใครคนนั้นมาเหยียบขยี้จนมันบอบช้ำและแหลกสลายก็ตาม เขาจะไปทำประเจิดประเจ้อที่ไหนกับใครต่อหน้าผม  ผมก็พร้อมจะเงียบ...ถ้ามันเป็นความสุขชั่วครั้งชั่วคราวของเขาแค่บอกผมดีๆ ผมก็ยอม...แม้จะต้องกลับมานอนร้องไห้เงียบๆคนเดียวก็ตาม

“หมอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”

“หมอก็หมายความตามที่พูด  ทำไมล่ะเมฆมันเกิดอะไรขึ้นกับนายทำไมเวลาแค่ไม่เท่าไหร่นายถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ล่ะเมฆคนที่แสนดีอ่อนโยนใสซื่อของหมอหายไปไหนแล้ว  รู้มั้ยตอนนี้น่ะ  นายเหมือนคนแปลกหน้าสำหรับหมอ”

“นี่หมอกำลังด่าผมอยู่?...ผมเปลี่ยนไปตรงไหนผมก็ยังเป็นคนเดิม  เอา...ขอโทษที่ผมไปมีอะไรกับคนอื่นก็แล้วไงมันก็แค่เล่นๆขำๆสนุกๆหมอจะคิดมากทำไมเพราะยังไงผมก็ไม่ได้ทิ้งหมอไปไหนซักหน่อย  เมื่อก่อนหมอไม่งี่เง่าขนาดนี้นะครับ”

“เมื่อก่อนหมอไม่งี่เง่าเพราะว่านายไม่ได้ทำตัวแบบนี้ไง  ไหนล่ะคนที่เคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้หมอเสียใจ  หมอเจ็บจะตายอยู่แล้ว  นายรู้มั้ยว่าตอนนี้นายไม่ต่างจากอรรณพเลยเผลอๆนายจะแย่กว่าเค้าซะอีกตรงที่ว่าหมอรักนายหมดใจแต่นายกลับไม่ได้เป็นเหมือนหมอ  งี่เง่าเหรอ...ถ้าหมองี่เง่างั้นเราก็เลิกกันเถอะ”  ผมหันหลังให้เค้ากลับเข้าห้องโดยไม่รอฟังที่เค้าอ้าปากจะพูดล้มตัวลงที่นอน

พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน

พรุ่งนี้ผมต้องผ่าตัดตั้งแต่เช้า

ผมควรพักผ่อน

ผมเบี่ยงตัวหนีอ้อมกอดของเขาได้ยินเสียงพร่ำบอกว่าไม่เลิกอย่าเป็นแบบนี้อย่าทำแบบนี้ ผมยกมืออุดหูไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว ผมควรหลับ  หลับเพื่อพักผ่อนแล้วไปรับผิดชอบงานของตัวเอง ทันทีที่หน้าของเมฆโผล่เข้ามาในสายตาผมก็หลับตาลงทันที

ขอปิดหูปิดตาปิดใจไม่รับรู้อะไรอีกแล้วในตอนนี้ผมเหนื่อย...เหนื่อยเหลือเกิน สัมผัสจากอ้อมแขนแกร่งที่ยึดกอดผมไว้ค่อยๆคลายออก

มันหนาวขึ้นมาในทันที  หนาวราวกับผมกำลังนอนบนแท่นน้ำแข็งยักษ์หนาวจนร้าวเข้าไปในกระดูกปวดชาแล่นเข้ามาถึงหัวใจ  ไม่มีเสียงประตูปิดหรืออะไรทั้งนั้นมีเพียงเสียงถอนหายใจกับการขยับกายบนที่นอนเท่านั้นผมค่อยๆหันไปมองที่นอนข้างๆ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่เราสองคนปล่อยให้ที่ว่างบนที่นอนห่างกันขนาดนี้

เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปีที่เราสองคน...หันหลังให้กัน  ผมเอามือที่อุดหูตัวเองออกเปลี่ยนมาเป็นกอดตัวเองแทน  กอดตัวเองแน่นๆเพื่อหวังว่าอ้อมกอดนี้ที่เคยทรยศตัวเองไปกอดคนใจร้ายข้างๆจะทำให้ผมอบอุ่นขึ้นมาบ้าง กอดแน่นๆอย่างรู้สึกว่าอยากจะรักตัวเองให้มากๆ กอดตัวเองแน่นๆหลังจากละเลยไปกอดคนอื่นซะนาน




ผมไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปตอนไหนแต่ก็สะดุ้งตื่นตอนที่นาฬิกาปลุกแผดเสียงตอนหกโมงเช้า ผมเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างยากลำบากผ้านวมผืนใหญ่คลุมกายผมไว้ทำให้ผมนึกได้รีบหันกลับไปมองที่นอนข้างๆ

ไม่มีแล้ว...

เขาไม่ได้นอนอยู่ข้างๆผมแล้ว...

ที่นอนว่างเปล่าและเมื่อใช้ฝ่ามือลูบมันเย็นชืด...

ผมกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาที่ทำท่าจะคลอออกมา ไม่เอาแล้วไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว ผมหมอจิณณ์ไม่ใช่คนที่จะมาร้องไห้ฟูมฟายอ่อนแอมากมายหรอกนะ ไม่เลยจริงๆ...

ผมตัดสินใจลุกขึ้นไปจัดการกับตัวเองออกมาแต่งตัวก็ต้องชะงักเมื่อชุดทำงานถูกจัดเข้าชุดกันแขวนไว้หน้าตู้ใช้ปลายนิ้วลูบมันเพียงแผ่วเบาความรู้สึกไหววูบในหัวใจตีตื้นขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมากอดก่อนจะปล่อยมันลงพื้นอย่างไม่ใยดีแล้วเปิดตู้หยิบชุดใหม่ขึ้นมาสวมแทน

เดินออกมาข้างนอกกะจะดื่มกาแฟซักแก้วก็พบว่าบนโต๊ะมีอาหารเช้าวางไว้ผมเดินไปหยุดมองมีโน๊ตใบเล็กๆเขียนไว้

 
ผมเตรียมเสื้อผ้ากับอาหารไว้ให้นะครับเรื่องของเรารอให้อารมณ์เย็นกว่านี้แล้วเราค่อยคุยกันนะครับ
ผมมีกองตอน 7 โมง เลยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ให้ผมยังรักหมอเหมือนเดิมนะครับ
จาก...ภาคินัยของหมอ
 
ผมมองโพสต์อิทใบนั้นด้วยความรู้สึกว่างเปล่า...ถอนหายใจออกมาก่อนจะหยิบจานอาหารเช้าที่เย็นชืดนั้นเข้าครัวใช้เท้าเหยียบที่เปิดถังขยะแล้วเททั้งอาหารและนมรวมทั้งโพสต์อิทใบนั้นทิ้งก่อนจะปิดไฟแล้วคว้ากุญแจรถออกจากห้องไป...

เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือควาย

ตอนนี้ผมกำลังพิจารณาตัวเองอยู่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นควาย...



กว่าผมจะผ่าตัดเสร็จก็เกือบบ่ายโมง  เคสนี้เป็นเคสใหญ่จริงๆเพราะคนไข้ทำเกือบจะทั้งตัวมีปัญหานิดหน่อยตอนที่เราพยายามจะขยับกรามของเธอเพื่อช่วยให้ฟันบนและล่างของเธอสมมาตรกันแต่เราก็ผ่านมันไปได้  ผมเปลี่ยนชุดผ่าตัดมาเป็นชุดทำงานเรียบร้อยตั้งใจว่าจะไปกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ทซักหน่อยแต่ทันทีที่ออกมาจากห้องพักไมค์โครโฟนก็จ่อที่ปากของผมหลายตัวจนผมตกใจไหนจะกล้องกับแสงแฟลซที่สว่างแบบไม่ทันตั้งตัว

“อ่ะ...อะไรกันเนี่ย?”

“คุณหมอคะ  คุณใช่คนที่อยู่ในรูปนี้หรือเปล่าคะ”

“คุณหมอมีความสัมพันธ์ยังไงกับคุณเมฆคะ”

“แล้วจริงหรือเปล่าคะที่ว่าคุณหมอเป็นคนทำศัลยกรรมให้กับดาราหนุ่มท่านนี้คะ”

“แล้วเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นในผับXXครับ”  สารพัดคำถามที่ดังเหมือนนกกระจอกแตกรังทำเอาผมตกใจบรรดาหมอและพยาบาลที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ด้วย

ผมพยายามตั้งสติก่อนรับหนังสือพิมพ์ประเภทกอซซิปมาดูเป็นรูปตอนที่เมฆกำลังยื้อผมไว้ที่หน้าห้องน้ำ คงมีนักข่าวซักคนถ่ายไว้  นักข่าวที่ถูกเชิญมางานเลี้ยงปิดกล้องของกองถ่าย ผมลืมไปซะสนิท...

ผมสูดหายใจลึกๆพยายามเรียกสติแล้วโปรยยิ้มให้กับนักข่าวทุกคนพลางใช้นิ้วชี้ขึ้นมาแตะปากตัวเองแล้วทำเสียง ชู่วววว... ได้ผลทุกคนยืนนิ่งราวกับถูกสาปให้เป็นหินเสียงดังจอกแจกหายไป

“ผมชื่อหมอจิณณ์นะครับ  สำหรับคำถามที่ถามว่าผมกับคุณเมฆมีความสัมพันธ์กันแบบไหนผมขอตอบแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับว่าผมกับเขาเป็นเพียงคนรู้จักกันครับ” ถามว่าเจ็บมั้ยที่ต้องพูดคำนี้ ผมเจ็บมาก  แต่ตอนนี้มีเพียงแค่รอยยิ้มอ่อนโยนเท่านั้นที่ผมปั้นได้ ผมต้องบอกกับตัวเองว่า..

จิณณ์คนเก่ง  ยิ้มไว้นะแม้ในใจจะอยากร้องไห้แค่ไหนก็ตามกับคำว่าเป็นแค่คนรู้จักกัน เป็นแค่คนอื่นไปแล้ว...ต้องทนยอมรับความจริงในข้อนี้

“ส่วนเรื่องเมื่อคืนผู้ชายในรูปเป็นผมจริงๆครับเราบังเอิญเจอกันในผับแล้วพอดีผมกำลังจะกลับ”

“แต่ในรูปดูเหมือนกำลังยื้อยุดกันอยู่นะคะ”  นักข่าวสาวเธอทำหน้าที่ของเธออย่างดีเยี่ยมโดยการพูดแทรกเข้ามาทันทีผมยิ้มให้เธอในขณะที่สมองกำลังคิดอย่างหนักว่าจะตอบอะไรเธอดี

“ก็พอดีแท็กซี่ที่ให้น้องอีกคนไปเรียกมาแล้วนี่ครับขืนชักช้าอาจจะโดนด่าทีนี้เมฆเค้าก็ยังอยากให้อยู่สนุกกันต่อแต่ผมต้องขอตัวไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้นครับเราเป็นแค่คนรู้จักกันผมยังรู้จักเพื่อนของเมฆด้วยนะครับ  ลูกปัดที่เคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวกับเมฆตอนเข้าวงการใหม่ๆ”

“แล้วเรื่องทำศัลยกรรมล่ะคะจริงหรือเปล่าคะ”

“เรื่องนี้ผมไม่ขอพูดถึงนะครับ”

“พูดแบบนี้เท่ากับคุณหมอยอมรับนะคะ”

“ผมพูดตรงไหนให้เข้าใจว่ายอมรับล่ะครับ  ผมเป็นหมอนะครับไม่ว่าเค้าจะทำหรือไม่ทำคนเป็นหมอไม่ควรเอาข้อมูลมาเผยแพร่อยู่แล้วมันเป็นจรรยาบรรณแพทย์ครับคุณต้องไปถามเจ้าตัวเค้าเองว่าทำหรือเปล่าหมอไม่สามารถตอบในข้อนี้ได้จริงๆ”

“ไหนๆคุณหมอก็บอกว่ารู้จักกับเมฆแล้วถ้าคุณหมอปฏิเสธว่าไม่มีความสมพันธ์ใดใดกับเมฆแล้วคุณหมอพอจะทราบความสัมพันธ์ของเมฆกับคุณศิโรจน์ผู้จัดการส่วนตัวมั้ยคะ”

ผมยิ้มอีกครั้ง...ยิ้มทั้งๆที่จริงๆผมกำลังจะยืนไม่ไหวแล้วนะ เมื่อไหร่นักข่าวพวกนี้จะไปๆกันซะที... ทำไมต้องมาถามเรื่องของคนๆนั้นกับผม

“หมอไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ครับแล้วก็ขอตัวได้มั้ยครับ  หมอเพิ่งผ่าตัดใหญ่เสร็จ เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดกำลังจะไปหาข้าวทานหลังจากไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืนหมอหิวมากเลยนะครับ  มีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับพวกเค้าหมอไม่สามารถตอบได้แล้วจริงๆขอตัวนะครับ”  ผมเดินแหวกดงนักข่าวออกมาเดินผ่านคนไข้หมอและพยาบาลหลายคนพอคิดว่าพ้นแล้วลับตาแล้วผมก็เบนเข็มจากฟู๊ดคอร์ทเป็นดาดฟ้าของโรงพยาบาลเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวที่เป็นเขตเอาไว้ให้สูบบุหรี่โดยเฉพาะ

ซองบุหรี่ถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะไม่สูบอีกแต่วันนี้ผมต้องการสารจากนิโคตินเพื่อคลายเครียด

นั่งปล่อยอารมณ์มองท้องฟ้า  มองนก  มองรถราบนถนน  อัดควันเข้าปอดแล้วพ่นควันขาวออกจากโพรงปากและจมูกดียังไม่ทันถึงครึ่งมวนดีโทรศัพท์ในกระเป๋าของผมก็สั่นผมเอาออกมาดูก็พบกับเบอร์แปลกๆคีบบหรี่ไว้กับนิ้วก่อนจะรับสาย

“สวัสดีครับหมอจิณณ์พูดสายครับ”

“สวัสดีครับผมโทรมาจากสถานีตำรวจนะครับคุณเป็นผู้ปกครองของหมอกกับอาทิตย์หรือเปล่าครับ” ถึงแม้จะงงๆกับตำแหน่งผู้ปกครองแต่ผมก็อึกอักตอบรับไปซะแล้ว

“หมอกกับอาทิตย์ให้ผมโทรมาแจ้งให้คุณมาประกันตัวนะครับ”

“ไม่ทราบว่าโดนจับข้อหาอะไรครับ”  หลังจากถามรายละเอียดกันเรียบร้อยผมจึงถามสาเหตุที่ไอ้เด็กบ้าสองตัวนั้นโดนจับ

“ทะเลาะวิวาทครับ”

“โอเคครับผมจะไปเดี๋ยวนี้”  ผมปาบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้เท้าขยี้หลังจากวางสายแล้วผลุนผลันออกจากโรงพยาบาลทั้งชุดกาวน์ไม่ต้องเสียเวลาแวะไปเอาประเป๋าเงินหรือกุญแจรถเพราะผมพกติดตัวไว้อยู่แล้ว

ผมรีบจนลืมไปว่าภายในโรงพยาบาลน่ะยังมีนักข่าวหลงเหลืออยู่ ผมรีบจนลืมมองว่ามีรถบางคันขับตามผมมาอย่างกระชั้นชิด ผมรีบจนลืมไปจริงๆว่าควรจะระวังตัวมากกว่านี้


...........................................

สงสารหมอจัง ปัญหาประเดประดังกันเข้ามา

หัวใจหมอก็ใหญ่เท่ากำปั้น แต่ปัญหาถาโถมเท่าขุนเขา

แล้วหมอจะทนไหวมั้ยนะ

#ทีมหมอ  ยกมือ


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทีมหมอ เทเมฆเลย อยู่คนเดียวสบายใจกว่านะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เทเมฆเลย อย่าแคร์ เป็นคนแบบนี้ถึงไม่มีคนรักไง ฟฟฟ  :z6:

ออฟไลน์ nooluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แบนอิเมฆยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆแบบไม่มีกำหนดเลยยยยยยยยย อิดอกกกกกกกกก  :angry2:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
"เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือควาย" จำคำพูดตัวเองไว้ดีๆนะหมอ แล้วอะไรทำไมต้องมาวุ่นวายกับคนบ้านนี้หาปัญหามาให้ไม่หยุดหย่อน หมอควรได้พักป่ะ ทั้งกายและใจ มันใช่ม่ะ วิ่งแก้ปัญหาให้คนอื่น ไม่อยากให้วุ่ยวายกับคนบ้านนี้เลย ดูกลายเป็นหนูวิ่งในกล่องเหมือนเป็นของเล่นของพี่น้องคู่นี้ โดนปั่นซะ ซัง+เซ็งกะบ๊วย!!!!! ฟัค เลิกๆ หัวร้อน หมอทำดีที่สุดแล้ว ตัดเนื้อร้ายออกไป ชีวิตจะสบายขึ้นเยอะ!! เบื่อก็คือเบื่อม่ะ หมดpassionก็คือหมดpassionป่ะ อย่ามาพูดว่ารักแต่มาบอกเอากับคนอื่นขำๆ ยังหาว่างี่เราเง่าอีก โอวววววโนวว!!! บอกก็ไม่ได้ทิ้งไปนี้ เอากับคนอื่นเล่นๆแต่ก็กลับมาไง เห็นหมอเป็นของตายมากมายอะ ถุยยยยย!!! อย่าหมออย่า อย่าใจอ่อน เลิกก็คือเลิกนะ จำให้ขึ้นใจ รักจอมปลอม ขอโทษปลอกเปลือกมาก ไม่ได้สำนึกจากใจจริงเลย *เบ้ปาก* ได้ยินคำว่ารักของเมฆนี้คือขนลุก ไม่คู่ควรมาก อินจร้าอินเว่อร์ 55555 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2018 12:24:49 โดย blove »

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
"เจ็บแล้วจำคือคน...เจ็บแล้วทนคือควาย" จำคำพูดตัวเองไว้ดีๆนะหมอ แล้วอะไรทำไมต้องมาวุ่นวายกับคนบ้านนี้หาปัญหามาให้ไม่หยุดหย่อน หมอควรได้พักป่ะ ทั้งกายและใจ มันใช่ม่ะ วิ่งแก้ปัญหาให้คนอื่น ไม่อยากให้วุ่ยวายกับคนบ้านนี้เลย ดูกลายเป็นหนูวิ่งในกล่องเหมือนเป็นของเล่นของพี่น้องคู่นี้ โดนปั่นซะ ซัง+เซ็งกะบ๊วย!!!!! ฟัค เลิกๆ หัวร้อน หมอทำดีที่สุดแล้ว ตัดเนื้อร้ายออกไป ชีวิตจะสบายขึ้นเยอะ!! เบื่อก็คือเบื่อม่ะ หมดpassionก็คือหมดpassionป่ะ อย่ามาพูดว่ารักแต่มาบอกเอากับคนอื่นขำๆ ยังหาว่างี่เราเง่าอีก โอวววววโนวว!!! บอกก็ไม่ได้ทิ้งไปนี้ เอากับคนอื่นเล่นๆแต่ก็กลับมาไง เห็นหมอเป็นของตายมากมายอะ ถุยยยยย!!! อย่าหมออย่า อย่าใจอ่อน เลิกก็คือเลิกนะ จำให้ขึ้นใจ รักจอมปลอม ขอโทษปลอกเปลือกมาก ไม่ได้สำนึกจากใจจริงเลย *เบ้ปาก* ได้ยินคำว่ารักของเมฆนี้คือขนลุก ไม่คู่ควรมาก อินจร้าอินเว่อร์ 55555
คือต้องอินเบอร์นี้เลยหรือทีมหมอจริงๆนะรอบนี้
พอกันทีสองพี่น้องเวร  :fire: :angry2:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ลูกเป็ดขี้เหร่[:15:]

กว่าผมจัดการเรื่องประกันตัวหมอกกับอาทิตย์เสร็จก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วไอ้เด็กสองคนหน้าตาเขียวคล้ำจากรอยช้ำอาทิตย์คิ้วแตกแก้มเป็นสีช้ำปื้นใหญ่ส่วนหมอกหัวหัวยุ่งมุมปากมีเลือดซิบในขณะที่คู่อริมีสภาพไม่ต่างกันสอบถามคือมองหน้ากันแล้วหมอกก็ถามเค้าไปด้วยถ้อยคำน่ารักๆตามแบบฉบับโย่งว่า

“หน้ากูเหมือนหน้าชู้แม่มึงเหรอจ้องอยู่ได้ไอ้สัด”

ผมได้แต่ก้มหัวขอโทษผู้ปกครองของเด็กอีกฝั่งที่ทำท่าจะเอาเรื่องไม่หยุด ผมเหนื่อยผมหิวผมเพลียผมอยากพักแล้วนี่คืออะไร??

ทำไมปัญหาทุกอย่างมาประเดประดัง หมอกไม่อยากให้พ่อแม่รู้ว่าตัวเองเกเรนอกบ้าน  ส่วนอาทิตย์เป็นเด็กห้าวมากหาญกล้ามาจากปักษ์ใต้เพื่อมาตามหาฝันที่เมืองหลวง

ผมเซ็นชื่อประกันตัวเด็กสองคนเสร็จก็ยืนรอตำรวจไปไขกุญแจห้องขังเด็กสองคนเดินหน้าเซียวๆมาหาผมหมอกอ้าปากจะพูดอะไรซักอย่างแต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะฟังอะไรจึงยกมือห้ามก่อนจะลูบหน้าตัวเองพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นน้องมันยังเด็ก

พยายามบอกกับตัวเองว่าสมัยผมเป็นวัยรุ่นก็เลือดร้อนแบบนี้ ผมอยากจะด่านะอยากจะตบให้ขี้หูไหล แต่ถ้าทำไปแล้วได้อะไรล่ะผมเจ็บมือเด็กทั้งสองเจ็บตัวเผลอๆจะเจ็บใจซะมากกว่า

ผมไม่คิดว่าการตบตีหรือด่าประจานให้เด็กอับอายในที่สาธารณะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีผมเชื่อว่าหมอกกับอาทิตย์ยังสามารถสอนได้ควรรีบดัดซะตอนนี้ก่อนที่ไม้อ่อนจะกลายเป็นแม้แก่เกินดัด แต่ขอสอนวันอื่นก็แล้วกันวันนี้ผมไม่มีอารมณ์ใดใดทั้งสิ้น แค่เรื่องตัวเองก็หนักจะแย่อยู่แล้วถ้าต้องรับภาระดูแลสันดานลูกหลานชาวบ้านตอนนี้รับรองหมอกกับอาทิตย์อาจพิการได้

“กลับเถอะหมอเหนื่อยเต็มทีอยากพัก”  ผมบอกกับเด็กๆด้วยน้ำสียงตึงๆก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินนำมา

หมดเรื่องหมดราวซักทีผมจะได้กลับไปนอนแช่น้ำหาข้าวหาปลากินแล้วกินยานอนหลับซักสองเม็ดนอนพักยาวๆปิดตาปิดสมองปิดใจไม่รับรู้อะไร

แต่สงสัยพระเจ้ายังเล่นตลกกับผมไม่พอเพราะเมื่อก้าวขาออกจากโรงพักก็มีเทปอันหนึ่งมาจ่อปากพร้อมๆกับแฟลซที่สาดไม่ยั้งผมรีบเอาเสื้อกาวน์ที่ถือติดมือมาคลุมหัวเด็กทั้งสองคนไว้

“คุณหมอจิณณ์คุยกันหน่อยมั้ยครับ”  นักข่าวหัวล้านคาบบุหรี่ไว้ที่มุมปากเอ่ยทักกับหมอจิณณ์

“ขอโทษนะครับผมคิดว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวขอทางด้วยหมอเหนื่อยอยากกลับไปพักแล้ว”

“แค่นิดเดียวเองครับ”

“คุณไม่เข้าใจคำว่าหมอเหนื่อยเหรอครับนี่มันสิทธิส่วนบุคคลของหมอนะครับ”

“เมื่อคืนบังเอิญผมปวดฉี่ก็เลยจะไปเข้าห้องน้ำพอดีได้ยินคนข้างในพูดกันเรื่องถุงยาง ไม่ทราบว่าคุณหมอพอจะทราบมั้ยครับว่าถุงยางอะไร”  ผมหยุดกึกจากการเดินโอบเด็กทั้งสองคนก่อนหันไปทางนักข่าวแก่ที่ยืนคาบบุหรี่ยักคิ้วอย่างกวนส้นตีน

คิดว่าเจ๋งเหรอไอ้ขุนช้าง คิดว่าแน่นักใช่มั้ย  ผมอยากจะกระแทกหน้ามันด้วยรองเท้าหนังเงาวับของผมถ้าไม่ติดว่าขืนผมทำลงไปอาจเป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบต่อเมฆมันได้ลงไปนอนหมอบตรงนี้แน่ๆ

“ไม่ทราบครับผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นขอโทษนะครับแต่หมอขอตัวจริง”

วันนี้ผมพูดคำๆนี้ไปกี่รอบแล้ว หมอเหนื่อย  ขอโทษ  หมออยากพัก มีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลานอย่ามาทำอาชีพนี้เพราะเป็นอาชีพที่น่ารำคาญที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา

“ผมได้ยินบทสนทนาทั้งหมดนะครับคุณหมอจะให้ผมเขียนข่าวว่าอะไรดี  ดาราหนุ่มแอบเล่นเสียวในห้องน้ำท่ามกลางเมียหลวงและเมียน้อย?  เอ๊ะ  หรือยังไงดีครับคุณหมอช่วยคิดหน่อย” ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะทำหน้าไร้อารมณ์ใส่ไอ้แก่นี่ปล่อยไหล่เด็กทั้งสองคนในดูแลก่อนจะเอ่ยเรียบๆใส่

“ถ้ามีหลักฐานก็เอาสิครับ รูปถ่าย คลิปเสียง เอาเลยเต็มที่ผมมั่นใจว่าไม่มีใช่มั้ย?  ถ้าคุณเขียนข่าวลอยๆหมอจะจ้างทนายยื่นฟ้องคุณและสำนักพิมพ์นะครับ  นี่แหนะจะบอกอะไรให้”  ผมแกล้งยื่นหน้าไปกระซิบข้างๆหูของนักข่าวแก่

“คนไข้ของหมอน่ะมีทั้งตำรวจ  ทนาย อัยการ ดารา รวมทั้งพวกมือปืนนักฆ่าที่มาเปลี่ยนหน้าหนีคดีนะครับ แค่โทรจึ๊กเดียว..จึ๊กเดียวจริงๆ”
ผมกดยิ้มร้ายใส่ในขณะที่ไอ้เหม่งมันทำหน้าอึ้งๆอาศัยจังหวะนั้นโอบเจ้าเด็กจอมสร้างปัญหาต้อนขึ้นรถแล้วขับออกมาอย่างไวราวไบรอัน โอคอนเนอร์

“กินข้าวก่อนแล้วกันนะ”  ผมว่ากับเด็กๆที่ตอนนี้นั่งตัวลีบผิดมาดร็อกเกอร์ดูโอ้ขึ้นมาทันทีทันใด

“หมอครับ”  เป็นอาทิตย์ที่เอ่ยเรียกผมด้วยน้ำเสียงโคตรงุ้งงิ้ง

“หืม?”

“หมอรู้จักมือปืนจริงๆเหรอครับ”

“อ่าฮ๊ะ”

“แล้วในหัวมีแบบแว้บๆอยากจ้างไปยิงพี่เมฆมั่งมั้ยครับ...คือผมรู้เรื่องเมื่อคืนหมดแล้ว” ผมตวัดสายตามองไอ้เด็กโย่งที่ทำตาเหลือกใส่อาทิตย์ทันที

“นายนี่นะ...ไม่หรอกฉันไม่ใช่พวกโรคจิตนะที่เวลาผิดหวังแล้วจะจ้างคนไปฆ่าอีกอย่างฉันรักพี่ชายนายจริงๆนะรักจนทำร้ายไม่ลงน่ะ”

“พี่แม่งโง่  ไอ้คนชื่อเดย์นั่นน่ะไม่เห็นจะน่ารักเลย”

“เค้าอาจจะมีอะไรเด็ดก็ได้”

“ไล่นายลงจากรถตอนนี้ทันมั้ยอาทิตย์”  ผมพูดขณะที่หักพวงมาลัยเข้ามาในคอนโด

“ไม่ทันแล้วครับถึงแล้วนี่”

“เดี๋ยวขึ้นไปหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยกลับ”

“งั้นเดี๋ยวผมทำอาหารเป็นการขอบคุณแล้วก็ไถ่โทษ”  ผมหันไปมองอาทิตย์อย่างอึ้งๆ

“ทำเป็น?”

“นี่ใครอย่างน้อยผมก็ต้มน้ำชงมาม่าเป็น”

จบข่าว...

“แบบนั้นหมอก็ทำเองได้นะ”  ผมไขห้องให้เด็กๆเข้ามาก่อนจะปลีกตัวไปอาบน้ำอาบท่า  ความเย็นจากสายน้ำทำให้ผมสดชื่นมากขึ้นอารมณ์กรุ่นๆตั้งแต่เมื่อบ่ายเริ่มเย็นลงเมื่อออกมาข้างนอกชามมาม่าก็พร้อมเรียบร้อยแล้วเด็กสองคนนั่งคุยกันเบาๆเมื่อเห็นผมเดินออกมาก็ทำเป็นนั่งยืดตัวตรง

"ไม่กินไปเลยล่ะรอทำไม"

"ไม่ได้หรอกครับมันเสียมารยาท"

"ยังมีอีกเหรอมารยาทน่ะ"  ผมแกล้งเย้าหมอกกับอาทิตย์เจ้าเด็กหน้าดำมันทำงอแงจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้  เมื่อเปิดชามบะหมี่ออกก็พบว่ามันดีกว่าที่คิดไว้บะหมี่อืดกำลังดีมีไข่ผักและเนื้อสัตว์รวมทั้งไส้กรอกและแฮมเหลือๆในตู้เย็นใส่ดูน่าทาน

"มันดีกว่าที่คิดนะเนี่ย"  ผมเผลอพูดชมให้อาทิตย์

"ผมอยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่เด็กแค่บะหมี่น่ะจิ๊บๆ  ผมทำอาหารเป็นหลายอย่างนะ"

"แค่พูดเชื่อไม่ได้หรอกว่างๆต้องมาทำให้หมอกิน"

"ได้ทุกเมื่อครับ"  ผมสาวเส้นบะหมี่เข้าปากเรื่อยๆจนหมดเมื่ออิ่มท้องแล้วก็กะว่าจะกินยานอน

"คืนนี้ค้างก็ได้นะ"  ผมบอกกับเจ้าสองแสบที่นั่งดูบอลกันอยู่

"แต่ต้องเงียบๆหน่อยนะหมอขอนอนหน่อยแล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน  ดูจบแล้วปิดทีวีชักปลั๊กออกด้วยล่ะถ้าหิวอะไรตอนดึกก็โทรสั่งเอานะหมอใส่เงินไว้บนโหลหลังตู้เย็นหยิบใช้ได้เลย"

"คร๊าบบบบบบ"  เจ้าสองแสบลากเสียงยาวพร้อมทำท่าตะเบ๊ะ  ผมยิ้มให้มันทั้งคู่ก่อนจะปิดประตูห้องแล้วไปล้างหน้าแปรงฟันกินยานอนหลับที่วางไว้บนหัวเตียงแล้วซุกตัวลงบนที่นอนก่อนจะปิดเปลือกตาแล้วหลับไปในที่สุด

ได้พักซักทีเหนื่อยเหลือเกิน..





“ตกลงความสัมพันธ์ของคุณกับคุณเมฆคืออะไรครับมีอะไรมากกว่าผู้จัดการส่วนตัวกับดาราหรือเปล่า”  ศิโรจน์ที่นั่งพิงพนักเตียงในห้องผู้ป่วยส่งยิ้มอ่อนๆให้กับนักข่าวที่มาทำข่าว สภาพไม่ได้แย่นักตอนที่โดนรถชนไหล่เขากระแทกพื้นหัวแตกนิดหน่อยตอนนี้จึงต้องใส่เผือกไว้

“ผมอยู่กับเขาตลอดเวลาน้ำหยดลงหินทุกวันอ่ะเนอะ”  เดย์ตอบราวกับมันเป็นเรื่องตลกพลางแกล้งก้มหน้าอมยิ้มราวกับเอียงอายซะเต็มประดา  นักข่าวต่างฮือฮากับคำตอบที่สามารถอาไปขยายความตามความพอใจและมโนของตัวเอง

“แล้วเหตุการณ์เมื่อคืนคืออะไรครับที่คุณเมฆวิ่งตามคุณหมอคนนั้นไปเราไปถามทางนู้นแล้วเขาปฏิเสธว่าไม่ใช่คนพิเศษของคุณเมฆ”

“จะใช่ได้ยังไงล่ะครับก็คนพิเศษนอนป่วยอยู่นี่ทั้งคน”




“ทำไมพี่ให้ข่าวแบบนี้ล่ะพี่ก็รู้ว่าระหว่างเราแค่เล่นๆผมมีหมออยู่แล้วอีกอย่างตอนนี้ผมง้อเค้าอยู่ถ้าเขาเห็นข่าวนี้ผมจะทำยังไงพี่คิดมั่งป่ะ”  ผมโยนหนังสือพิมพ์ที่อัพเดทเกี่ยวกับข่าวดาราใส่พี่เดย์ที่นั่งตักอาหารจากโต๊ะเมโยกินหน้าระรื่น

“ยังไง  อะไรคือเล่นๆ  ได้ข่าวว่าหมอเค้าไม่เอานายแล้วไม่ใช่เหรอวันนั้นยังโวยวายอยู่เลยว่าเค้าขอเลิกในเมื่อเธอว่างพี่ก็มีสิทธิ์เปิดเผยความสัมพันธ์สิ  จะได้คบกันเปิดเผยไปเลยนายจะได้ไม่ไปยุ่งกับใครอีก”  ผมมองพี่เดย์ที่ทำท่าเป็นทองไม่รู้ร้อนก่อนจะส่ายหัวให้กับความขี้ตู่ของเขา

ผมไม่เคยคิดจะจริงจังกับพี่เดย์เลยซักนิดแล้วนี่คืออะไรเที่ยวไปประกาศความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม จะยึดผมเป็นสมบัติของเขาคนเดียวซะอย่างนั้น ผมไม่มีทางคว้าคนแบบนี้มาเป็นเมียผมหรอก

“ผมจะบอกอะไรพี่อย่างหนึ่งนะพี่เดย์  ผมไม่จำเป็นต้องคิดหรือต้องเลือกเลยว่าผมเอาใครเพราะในใจของผมมีเพียงหมอจิณณ์คนเดียวเท่านั้นพี่รวมทั้งคนอื่นๆที่ผ่านมาก็แค่คบไว้แก้อยากเวลาที่ไม่อยู่กับหมอเท่านั้น  ขอให้เข้าใจไว้นะครับ”

“เมฆ!!”  ผมไม่หยุดรอฟังหรอกนะว่าพี่เดย์ด่าอะไรผมอีกผมเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยหูแว่วเสียงโลหะกระทบพื้น

เหมือนผีบ้าแบบนี้ใครจะอยากได้มาทำเมีย ผมไม่ยอมโง่ซ้ำสองหรอกแค่โง่เล่นสนุกกับเขาก็ถือว่าเกินพอแล้ว

ตี 2 ครึ่ง  ผมค่อยๆไขกุญแจห้องเบาๆ  ไฟในห้องตรงครัวเปิดอยู่ส่วนอื่นๆมืดสนิทผมอาศัยแสงจากไฟในครัวเดินเข้ามาให้ห้อง

เสียงกรนแถวๆโซฟาทำให้ผมเดินไปดูซากมนุษย์สองคน  คนหนึ่งจำได้ดีไอ้เจ้าหมอกน้องชายผมเองนอนอยู่บนโซฟาขาข้างหนึ่งห้อยลงมาแหมะบนอกของเด็กอีกคนที่นอนละเมอเป็นภาษาใต้ได้ยินไม่ถนัดฟังดังซี่ๆอี้ๆอะไรซักอย่าง

มันมาอยู่นี่ได้ไง??

หลับสนิท  ผมละความสนใจจากเด็กสองคนก่อนจะใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปให้ห้องนอน  บนเตียงขนาดใหญ่มีร่างของหมอจิณณ์นอนหลับพริ้มไฟหัวเตียงส่องละมุนทำให้หมอดูเหมือนเด็กน้อยกำลังหลับฝันดี  ผมค่อยๆย่องไปนั่งข้างเตียง  แก้วน้ำและถ้วยยาเล็กๆวางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียงคงกินยานอนหลับก่อนนอนอีกแล้วสินะ หมอมักใช้มันเวลาที่ต้องการนอนยาวๆหรือมีเรื่องเครียดจนนอนไม่หลับ  ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมนุ่มที่ปรกใบหน้าทัดหูเบาๆ

หมอน่ารัก...

แต่บางทีการอยู่กับอะไรเดิมๆชีวิตมันก็จำเจ ผมไม่ได้นอกใจหมอนะผมแค่นอกกายไปหาความรักจากคนอื่นๆ ความรักที่ผมไม่เคยได้มาตลอด 20 กว่าปีก่อนจะมาเจอหมอ ผมขอเวลาสนุกสนานกับชีวิตหน่อยเดียวไม่ได้เหรอครับหมอ สุดท้ายเมื่อผมอิ่มผมพอใจแล้วผมก็จะกลับมาเป็นลูกเป็ดของหมอตามเดิมแค่ตอนนี้ผมขอเวลาสนุก หมอควรจะเข้าใจผม..ไม่สิหมอต้องเข้าใจผมสิ

ผมก้มลงหอมแก้มนุ่มเบาๆ  กลิ่นแป้งเด็กที่หมอชอบทาก่อนนอนทำให้ผมกดจมูกลงไปอีกรอบก่อนจะเปลี่ยนเป็นฟัดแรงๆ

นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้มีอะไรกันเลยเพราะตารางงานที่แสนจะยุ่งของผม  แถมพอมีโอกาสในตอนนั้นหมอกก็กลับมาเป็นก้างซะนี่ผมจึงมีเพียงพี่เดย์เป็นเครื่องระบายอารมณ์ใคร่ในบางครั้งบางคราว พี่เดย์ก็สนุกดีนะเสียแต่ว่าพักหลังๆชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมจนน่ารำคาญ

ผมย้ายเป้าหมายจากแก้มเป็นริมฝีปากนุ่มบดจูบอย่างคนหิวกระหายบีบปากหมอจิณณ์ที่ยังคงหลับอยู่ในเปิดออกก่อนจะแทรกลิ้นเข้าไปกวาดต้อนความหวานเริ่มจากแนวฟันก่อนจะย้ายตัวเองจากข้างเตียงขึ้นมานอนคร่อมทับตัวหมอโดยการใช้แขนดันตัวเองไว้ไม่ให้ทับหมอไปทั้งตัวมืออีกข้างก็ปลดกระดุมชุดนอนสีแดงลายแมนยูของหมอออกทีละเม็ด  ทีละเม็ด  ก่อนจะลูบลงบนผิวขาวเนียนไล่เรื่อยไปจนถึงหน้าอกขยี้ปลายนิ้วลงไปอย่างหยาบกร้าน

ผมยังคงจูบหมอจิณณ์อย่างหิวกระหายอยู่อย่างนั้น  จูบให้สมกับที่คิดถึง แม้จะมีอะไรกับใครๆ  แต่เวลาจูบผมกลับไม่เคยรู้สึกดีเหมือนที่จูบหมอ  หมอจิณณ์เริ่มขยับตัวอย่างอึดอัดพลางหันหน้าหนีแต่ผมก็ล็อกไว้ไม่ให้ขยับได้

ผมยังไม่อิ่มกับจูบนี้ ผมยังไม่พอ  เสียงอึกอักในลำคอพร้อมกับมือที่เริ่มปัดป่ายแล้วผลักไหล่ผมเบาๆทำให้ผมผละออก  ปากบวมเจ่อของหมอเผยอเอาอากาศเข้าปอด  สาบเสื้อที่แหวกจนเห็นหน้าอกเนียนไหววูบขึ้นลงราวกับคนหอบยิ่งดูเซ็กซี่  ผมหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจกับอาการนี้ของหมอ  มันทำให้เลือดในกายของผมร้อนพล่านเส้นประสาทตื่นตัวโดยไม่ต้องมีความร่วมมือใดใดทั้งสิ้นจากคนใต้ร่าง แค่นอนนิ่งๆผมก็มีอารมณ์ได้

ความรู้สึกตื่นเต้นก่อตัวขึ้นมาจนผมหมดความยับยั้งชั่งใจจากที่คิดว่าแค่จูบอย่างเดียวแต่ตอนนี้ผมต้องการมากกว่านั้น

หมอยังคงไม่ยอมตื่นท่าทางยาที่กินคงแรงพอดูผมกดจูบลงไปบนกลีบปากบวมช้ำนั้นอีกครั้งอย่างไม่รู้อิ่มจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองโยนไปอย่างไม่สนทิศทางแล้วยกตัวหมอขึ้นมานั่งคร่อมซ้อนบนตักของผมก่อนจะปลดเสื้อนอนออกแล้วจึงจัดการกับกางเกงที่ตอนนี้ดูจะเกะกะเสียเหลือเกิน

ลักหลับเมีย... น่าสนุกดีนะ



อื้อ....ทำไมผมรู้สึกอึดอัดเหมือนคนหายใจไม่ออก ผมฝันร้ายฝันว่ามีใครก็มารู้นั่งคร่อมผมไว้ใช้กำลังกดข้อมือของผมตรึงไว้กับพื้นเตียงแล้วปล้ำจูบผม มันยาวนานจนผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย มันทรมานเหมือนคนจะจมน้ำ

ผมไม่มีเรี่ยวแรงจะปัดป้องตัวเองทำได้เพียงแต่ผลักเขาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี  ราวกลับผมปีนออกจากขุมนรกได้ทันหลังจากร่างนั้นผละออกไปผมหอบเอาอากาศเข้าปอด  ปีศาจร้ายตนนั้นส่งเสียงหัวเราะจากที่ไหนซักที่  ผมขดตัวเมื่อรู้สึกถึงความเย็นที่ปะทะกับผิวกายความหาหมอนข้างเพื่อกอดหวังว่ามันจะทุเลาความหนาวเหน็บนั้นลงได้

ผมกำลังกอดอะไร?  ทำไมมันอุ่น  อุ่นจนผมต้องซุกตัวเข้าหาไออุ่นนั้น

“อ๊ะ...อะ...อะไรน่ะ”  อยู่ๆความเจ็บก็สอดแทรกเข้ามาในร่างกายผม  ผมสะลึมสะลือลืมตาขึ้นก็พบว่าดวงตายังปรับแสงอะไรไม่ได้ ได้ยินเพียงเสียงครางต่ำพร้อมกับช่วงล่างของใครคนนั้นที่พยายามสอดแทรกเข้ามาในตัวของผม

ผมเจ็บ  เจ็บจนน้ำตาไหล  แขนของผมกอดไหล่กว้างของใครซักคนเล็บของผมจิกลงบนไหล่ของเขาอย่างหาที่ระบายความเจ็บที่ได้รับ

“อย่านะ..ใคร?”

“ชู่ววววววววว....หมอ...ผมเอง”  น้ำเสียงที่กระซิบพลางครางต่ำที่ข้างหูยามที่ตัวตนของเขาสอดแทรกเข้ามาจนสุดทำให้ผมหยุดการดิ้นรนทุกอย่าง อีกแล้ว...ผมร้องไห้อีกแล้ว ผมอยากพักไม่ใช่อยากโดนกระทำแบบนี้ ผมไม่เต็มใจ

“เอาออกเถอะ...ขอร้อง”

“อะไรกันครับ  ผมคิดถึงหมอนะครับ  อยากทำกับหมอเป็นเดือนๆแล้วหมอไม่เห็นใจผมหน่อยเหรอ”

เห็นใจเขาเหรอ??

ตอนนี้ผมอยากให้เขาเห็นใจผมมากกว่า เขาไม่รับรู้เลยเหรอว่าตัวของผมรุมๆอาการของคนกำลังเป็นไข้บอกชัดขนาดนี้เขาไม่สังเกตเลยเหรอ

“เมฆ  ขอร้องล่ะ  หยุดเถอะ  หมอเพลียจริงๆ”  ผมพยายามอ้อนวอนเขาเมื่อเขาเริ่มขยับกาย ผมไม่พร้อมจริงๆที่จะต้องมีอะไรกับเขาในสภาพร่างกายแบบนี้ ยานอนหลับทำให้เปลือกตาของผมหนักอึ้งทั้งๆที่ร่างกายของผมน่ะมันตื่นแล้ว

“หยุดไม่ได้แล้วครับมาถึงขั้นนี้แล้ว”  เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกอย่างเห็นแก่ตัว  ผมเอียงกายหนีริมฝีปากอุ่นร้อนที่พยายามซุกไซร้มาบนซอกคอของผมก่อนจะผลักไหล่ของเขาแรงๆ

“เมฆ  หมอบอกให้นายหยุดไงไม่เห็นใจกันบ้างเหรอ”  น้ำเสียงผมตวาดลั่น  มันสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด

ถ้าเขามีหัวใจอยู่บ้างก็น่าจะหยุดสินะ ผมเจ็บ...เจ็บเพราะมันไร้การเบิกทางใดใด ผมเจ็บ  เจ็บเพราะไม่ได้มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาด้วยเลย

ผมเจ็บ...เจ็บที่คำร้องขอของผมมันดังไม่ถึงหัวใจของเขา  เพราะแทนที่เขาจะหยุด  เมฆกลับขยับตัวแรงขึ้นเร็วขึ้นจนผมหมดเรี่ยวแรงปลายเท้าของผมที่อยู่ด้านหลังเขาค่อยๆจิกลงบนพื้นที่นอนเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บไว้  แขนของผมก็โอบรัดไหล่กว้างของเขา

เปลือกตาของผมปิดลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเป็นสาย ผมทรมานกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้ เซ็กส์ที่รุนแรงกว่าทุกครั้ง ผมกัดลงบนไหล่กว้างของเขาเมื่อความรู้สึกทรมานเพิ่มมากขึ้นทุกที

ไม่มีเสียงร้องครางอย่างสุขสมเหมือนเช่นทุกที มีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ เมื่อไหร่มันจะจบสิ้นกันนะ เขากำลังข่มขืนผมอยู่... จบสิ้นซักทีเถอะ...สงสารผมบ้าง.... ใครกันนะใครกันที่ผลักผมตกจากสรวงสรรค์ลงมายังขุมนรกขุมที่ลึกที่สุดนี้ เขารังแกผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปากของเขาก็พร่ำพ่นคำรักโสโครกตลอดเวลา

“ผมรักหมอ...ผมต้องการหมอคนเดียว”

ทุกครั้งที่เขาพูดก็เหมือนเขาค่อยๆเอามีดกรีดหัวใจของผมจนเป็นแผลเหวอะหวะ  ทุกสัมผัสของเขาเหมือนเอาหนามแหลมทิ่มแทงลงมาบนร่างกายของผมจนมันแสบร้าวไปทั้งตัว สติของผมดับลงหลังจากเขากระตุกกายในรอบที่สาม... ฟ้าใกล้สางแล้ว....แต่ความรักที่ผมมีต่อเขากลับกำลังมืดดับลง.... ดับลงพร้อมรอยแผลในใจที่เขาสร้างไว้กับผมในคืนนี้

ไม่มีอีกแล้วภาคินัยคนดีของหมอ มีเพียงคนแปลกหน้าที่ล้มตัวลงนอนเคียงข้างผม อ้อมกอดที่เคยอบอุ่นตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว  มันหนาวราวกับถูกโอบล้อมด้วยภูเขาน้ำแข็ง ผมรักเขาแล้วเขาล่ะเคยรักผมจริงๆบ้างมั้ย?

ถ้าผมมีพรวิเศษจากนางฟ้า ผมไม่ขอถึง 3 ข้อหรอก ผมขอเพียงข้อเดียว... ถ้าผมได้รับพรวิเศษจากนางฟ้าผมอยากย้อนเวลาไปในวันที่หัวใจบอกว่ารักเขา  กลับไปเพื่อแก้ไขความรู้สึกของตัวเอง แล้วให้พรตัวเองว่า

ขออย่าให้ผมตกหลุมรักคนๆนี้อีกเลย



11 โมง  ผมนั่งพลิกแคตตาลอคกีตาร์รูปทรงต่างๆในขณะที่หมอกและอาทิตย์เพื่อนของมันเดินเลือกกีต้าร์ในร้านอย่างตื่นตาตื่นใจ ใกล้วันเกิดของผมและหมอกแล้ว ผมไม่ได้ให้ของขวัญน้องมาหลายปีแล้ว พอดีกับที่เมื่อเช้าผมตื่นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเปิดประตูออกมาก็เจอกับไอ้สองหน่อกำลังง่วนกับการเตรียมหาอะไรกัน เด็กสองคนมีสีหน้างงๆที่เห็นผมโดยเฉพาะหมอกมันทำหน้าเหมือนเห็นผี

ผมจัดการเข้าครัวต้มข้าวต้มไว้ให้หมอ รู้สึกเหมือนหมอจะตัวรุมๆ  เหลือบตามองสารรูปน้องกับเพื่อนแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

“ไปทำอะไรกันมา”

“สะดุดตีนหมานิดหน่อย”  หมอกมันยักไหล่มือกุมแก้วโกโก้ร้อนไว้ก่อนจะยกดื่ม  ส่วนเด็กที่ชื่ออาทิตย์ไม่ค่อยพูดอะไรเอาแต่แอบเหลือบตามองเมื่อผมเตรียมข้าวต้มเสร็จเข้าไปดูหมอจิณณ์ที่ยังนอนขดตัวในกองผ้าห่มแล้วก็คิดว่าคงไม่ยอมตื่นง่ายๆจึงหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงินออกมา

“หมอกชวนเพื่อนไป”  เพราะเพิ่งรู้จักกันเลยทำให้ผมค่อนข้างเขินที่จะพูดกับเจ้าเด็กที่มีดวงตาเหมือนหมาจิ้งจอกนั่น  เลยต้องบอกให้หมอกชวนเพื่อนมันมาด้วย  ไอ้ตัวแสบของผมมันก็หันมาถามทันควันเหมือนกัน

“ไปไหน”

“อยากได้กีต้าร์ใหม่ไม่ใช่เหรอ  ตัวที่มีมันเก่าแล้วนี่จะพาไปซื้อ  ชวนเพื่อนไปช่วยเลือก”  ผมว่าเรียบๆ นานๆให้ของขวัญน้องซักที

เพราะว่าเมื่อคืนถึงหมอจะดื้อกับผมแต่หมอก็ทำให้ผมอารมณ์ดี  เดี๋ยวซื้อเสื้อให้ซักตัว  ดอกไม้ซักช่อ  ของกินอร่อยๆก็หายโกรธแล้ว

“พี่มีงบให้เท่าไหร่” เสียงหมอกมันถามมาจากมุมหนึ่งของห้องที่มีกีต้าร์โปร่งแขวนเรียงไว้สวยงามในมือถือกีต้าร์ตัวหนึ่งสีออกครีมเบจๆวันนี้หมอกมันเอาแว่นมาใส่ด้วยดูคล้ายๆเด็กเรียน แล้วดูสายตาเป็นประกายของมันสิดูท่าทางจะดีใจ

“อยากได้ตัวไหนก็หยิบมาเถอะ”  ผมว่า

“งั้นขอสองตัวได้มั้ย”  มันต่อรอง

“ทำไมต้องสองตัว”

“กีต้าร์ไฟฟ้าตรงนั้นก็น่าโดน”  มันชี้ไปมุมกีต้าร์ไฟฟ้าด้วยดวงตามีความหวัง

อ่อ  ผมลืมบอกไปใช่มั้ยครับ หมอกมันขอให้ผมพาไปออดิชั่นที่ค่ายครับแต่ผมแบ่งรับแบ่งสู้ หมอกควรพยายามด้วยตัวเองก่อนไม่ใช่ให้ผมพาไป แบบนี้มันก็เหมือนน้องใช้เส้นผมเพื่อตะกายดาว

“ก็เอาสิ  อาทิตย์อยากได้ตัวไหนก็ลือกไปตัวหนึ่งพี่ซื้อให้”  ผมเบนสายตาไปหาเจ้าเด็กถุงใต้ตาคล้ำมันรีบโบกมือปฎิเสธทันที

“ไม่เป็นไรครับพี่ตัวหนึ่งไม่ใช่บาทสองบาทผมใช้ตัวเก่าได้ครับ”

“เอาไปเถอะพี่ซื้อให้ชอบตัวไหนก็หยิบเอา”  ผมตัดบทง่ายๆ

“เฮ้ยมึงเอาเหอะของมึงมันเก่าแล้วนะเก่ากว่าของกูอีกพี่กูซื้อให้ก็รับๆไปเถอะ”  เสียงหมอกมันเอ็ดเพื่อนมันหันไปดูเจ้าเด็กสองคนมันเลือกตัวนู้นลองเสียงตัวนี้แล้วก็รู้สึกดี ได้ทำหน้าที่พี่มันดีอย่างนี้นี่เองแม้จะต้องแลกด้วยเงินนับแสนก็ตาม

แหม...มันจัดเต็มจัดหนักกันจริงๆ  กีต้าร์ 3 ตัว โปร่ง 1 ไฟฟ้า 2 ไหนจะไอ้แท่นดำๆนั่นที่มันบอกว่าเอาไว้เสียบกับกีต้าร์อีก เต็มที่กับชีวิตมาก เล่นซะครบชุดเลย



ปวดหัว...ผมขยับตัวอย่างยากลำบากแขนขาของผมมันอ่อนแรงไปหมดส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งจนเป็นขุย ในปากของผมมันขมไปหมด ความรู้สึกไม่สบายตัวทำให้ผมขมวดคิ้วบางสิ่งบางอย่างที่ยังคั่งค้างภายในร่างกายของผมมันไหลออกมาเปรอะโคนขาอ่อน  ท้องน้อยของผมก็จุกเสียดไปหมด ผมไม่โอเคเลยสำหรับวันนี้โชคดีที่เป็นวันหยุดผมผ่อนลมหายใจนอนหลับตานิ่งๆอยู่ซักระยะก่อนจะลืมตาขึ้นมองไปตรงที่ว่างข้างตัว

อีกแล้วกับเช้าที่ตื่นมาแล้วไม่เจอเขา ผมหยัดตัวขึ้นเพื่อไปอาบน้ำชำระคราบไคลที่หมักหมมบนตัวและจัดการกับบางสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ภายใน ที่นอนยับย่นมีคราบเลือดเปรอะอยู่ คงไหลตอนที่เขาแทรกกายเข้ามาในตัวผม

ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำหน้ากระจกตรงอ่างล้างหน้ามีแปรงสีฟันบีบยาสีฟันวางไว้ให้พร้อมแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรู้สึกดี รู้สึกดีที่เขาดูแลเอาใจใส่แต่ตอนนี้ความอบอุ่นนั้นมันเลือนหายไปแล้วความหนาวเหน็บจนเจ็บแสบที่ผิวไปถึงหัวใจมันมาแทนที่

ตามตัวของผมมีรอยคิสมาร์กเต็มไปหมด เขาชอบทำรอย...ชอบที่จะแสดงความเป็นเจ้าของด้วยรอยพวกนี้ผมใช้ปลายนิ้วลูบมันก่อนจะจิกเล็บลงบนผิวเนื้อพยายามเกาหวังจะให้มันหายไปใช้เล็บครูดจนเป็นแผลถลอก

อีกแล้ว  น้ำตาของผมไหลอีกแล้ว ผมอ่อนแอ  อ่อนแอเกินไป  หมอจิณณ์ที่เข้มแข็งถูกความรักทำลายจนกลายเป็นเพียงกวางน้อยที่อ่อนแอ กวางน้อยตัวนี้อ่อนแอเหลือเกินนายพรานใจร้ายใช้ธนูอาบยาพิษยิงเข้ามาปักที่กลางหัวใจ ตอนนี้ผมต้องการใครซักคนที่มารับฟังผม

รับฟังว่าผมรู้สึกอย่างไร  ผมจัดการอาบน้ำโดยไม่สนใจจะใช้เครื่องทำน้ำอุ่นแม้น้ำจากฝักบัวจะเย็นราวกับถูกเข็มนับล้านเล่มทิ่มตำแต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น  จัดการเอาสิ่งที่คั่งค้างในตัวออกก่อนจะออกมาแต่งตัวแล้วออกมาข้างนอก

กวาดตามองรอบห้องไม่มีใครอยู่แล้ว  มีโน๊ตวางไว้บนโต๊ะเอาที่เขี่ยบุหรี่ทับไว้ใจความง่ายๆว่าเขาทำข้าวต้มไว้ให้ผมส่วนตัวเขาจะไปส่งหมอกกับอาทิตย์  เหลือบมองนาฬิกาเกือบบ่ายสามแล้วผมอ่อนแรงเกินกว่าจะอวดเก่งตอนนี้แม้แต่ต้มบะหมี่ผมก็ยังทำไม่ได้เลย

ผมปวดหัว ผมเจ็บตัว ผมลากขาไปตักข้าวมานั่งกินเงียบๆ ข้าวคำน้ำตาคำอร่อยดีเนอะ ยังดีที่เค้ายังกรุณาทำอาหารทิ้งไว้ให้ผมกินกันตาย ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างชั่งใจว่าควรโทรดีมั้ย

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจโทรออกหลังจากวางๆหยิบๆอยู่หลายครั้ง ผมต่อสาย รอสายเพียงไม่นานเลย

“ฮัลโหลคุณแม่โทรมาคิดถึงลูกปัดล่ะสิ๊”    ปลายสายเอ่ยทักด้วยน้ำสียงสดใสแต่กลับทำให้ความเข้มแข้งที่เหลืออยู่น้อยนิดของผมพังทลาย ผมกรอกเสียงกลับไปด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“ลูกปัด..ลูกปัด...ฮืออออ”

“หมอ...หมอคะ  หมอเป็นอะไร!!!”

“ลูกปัดช่วยหมอด้วย”
 


.......................................................................

สวสารหมอจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยย  TT__________TT


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ตัดเมฆน้อยให้เป็ดกินเล้ยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด