พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒  (อ่าน 57166 ครั้ง)

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากกกกก เขินตอนนี้มากกกก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๕





                “แกว่งให้มันแรงๆกว่านี้ดิ๊”ลลิตภัทรที่นออนตีพุงสบายบนเปลญวนใต้ต้นมะม่วงเอ่ยบอกกับลูกสมุนมือหนึ่งที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ แก้วเจ้าจอมยื่นมือผอมๆมาจับขอบเปลแล้วเพิ่มความแรงในการแกว่งแกว่งทีหนึ่งก็หันไปต่อเลโก้อันที่ลูกเจี๊ยบเกลียดนักเกลียดหนาเพราะอาลอเอาแต่สนใจมันเมื่อหลายวันก่อน

 

                “คอแห้งอ่ะเจ้าจอม”ทำเสียงแหบๆให้หลานรู้ว่าตนเองนั้นกระหายน้ำมาก แก้วเจ้าจอมเบะปากนิดหนึ่งคิ้วขมวดเข้าหากันแต่ก็ยอมวางของเล่นแล้วลุกวิ่งปร๋อเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกระบอกน้ำเย็นฉ่ำมายื่นให้ ลลิตภัทรไม่ได้รับไปกลับเลิกคิ้วสูงทำหน้าเหมือนแปลกใจอะไรซักอย่าง พาลให้แก้วเจ้าจอมเลิกคิ้วสูงตามไปด้วย

 

                “มืออาไม่ว่างเนี่ยเล่นโทรศัพท์อยู่”

 

                “แหม อาลอจ๊ะ อีกนิดก็จะเป็นง่อยแล้วจ้า”ไม่ใช่เสียงของแก้วเจ้าจอมแต่เป็นเสียงของศตายุที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อนั่นแหละ

 

ดูก็รู้ว่าอาลอจงใจแกล้งเจ้าจอมให้ได้วิ่งไปวิ่งมาจนหัวหมุน จากเจ้าเด็กกลายร่างมาเป็นเบ๊หมายเลข 1 ในชั่วพริบตาเพียงอาลอมีของเล่นใหม่ๆมาหลอกล่อ

 

                “พี่เจี๊ยบอย่าไปว่าอาลอซี้ เนี่ยอาลอแก่แล้วกระดูกกระเดี้ยวก็ไม่ดีเป็นธรรมดา หนูยังเด็กหนูวิ่งได้ จริงมั้ยจ๊ะอาลอจ๋า”เด็กน้อยรินน้ำไปออกปากแก้แทนท่านหัวหน้าหมายเลข 1 ที่ยกมาแทนที่ตำแหน่งของพี่เจี๊ยบท้ายประโยคหันไปฉอเลาะกับอาลอโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าไอ้คำว่าแก่นั้นทำเอาคนถูกปกป้องถึงขั้นคิ้วกระตุก

 

เจอกันครั้งแรกเรียกเขาว่าลุง พอสนิทกันบอกว่าเขาแก่ จับกระทืบแล้วถ่วงน้ำในคลองดีมั้ย แล้วนั่นน่ะคืออะไรไอ้เด็กตูดงอนๆที่นอนอ่านหนังสือจะกลั้นขำอะไรขนาดนั้นอยู่กันในห้องสองต่อสองจะเล่นให้เปลี่ยนจากกลั้นขำเป็นกลั้นเสียงครางหน้าหน้าดำหน้าแดงเลยคอยดู

 

                “ร้อนอ่ะ”เอ่ยปากบ่นและโดยไม่ต้องร้องขอแรงลมที่กระพือเบาๆทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างเอ็นดู แก้วเจ้าจอมใช้ฝากล่องของเล่นพัดให้เขาโดยไม่ได้ร้องขอ

 

บางทีมันก็น่ารักแหล่ะแต่ชอบพูดจากวนประสาท

 

                “นี่เดือนธันวายังร้อนขนาดนี้ หน้านี้หน้าหนาวจริงๆเหรอ”ชายหนุ่มบ่นเบาๆก่อนจะคิดอะไรออก

 

                “ไปกินไอติมกันมั้ย?”หันไปถามเด็กทั้งคู่อย่างไม่เจาะจง แต่ผลตอบรับดีเกินคาดเมื่อสองพี่น้องตอบกลับมาพร้อมเพรียงกันในทันที

 

                “ไปจ้า!!!”

 

                “งั้นไปชวนแม่กับเจ้าขาไปด้วยอยู่บ้านกันแค่สองคนนี่ เดี๋ยวอาไปชวนใบบัวกับใบบุญ เราจะไปกินในเมืองอีกครึ่งชั่วโมงอาจะไปรับที่บ้าน”

 

                “เย้ อาลอใจดีจังเลย”เจ้าจอมกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจรีบเก็บเลโก้ใส่กล่องรวมทั้งของเล่นที่อาลอยกให้ใส่กล่องพลาสติกกล่องใหญ่วิ่งปรู๊ดเอากลับเข้าไปเก็บในห้องนอนของลลิตภัทร เจ้าจอมถือเป็นแขกวีไอพีที่สามารถวิ่งเข้าวิ่งออกห้องของพระลอได้อย่างสะดวกเสรี วันหยุดมักจะมาขลุกตัวอยู่ที่บ้านของพระลอ หากวันไหนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ว่างก็จะมานั่งเล่นนอนเล่นคุยกับย่าโฉมไม่ได้เหงาดังนั้นจึงเป็นภาพชินตาของคนในบ้านไปซะแล้ว

 

ใครจะไปคิดล่ะว่าพระลอจะเข้าขาได้ดีกับลูกชายของอดีตคนรัก เด็กสองคนวิ่งปร๋อไปที่ศาลาริมน้ำลงเรือแล้วจ้วงบึ๊ดๆกลับบ้านไปชวนแม่

 

                “จะดีเหรอลูกไม่รบกวนอาลอเขาเหรอ”

 

                “ไม่หรอกจ้า อาลอเอาใบบุญกับใบบัวไปด้วย”ศตายุรีบบอกกับแม่ จิ๊บมีท่าทางหนักใจมองไปที่ลูกสาว เจ้าขาที่ปกติไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรนักก็มองแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

                “เจ้าขาอยากไปมั้ยลูก”หญิงสาวลูบผมยาวสลวยของลูกสาวอย่างอ่อนโยน

 

                “ถ้าแม่ไม่ไปเจ้าขาไม่ไปก็ได้จ้า”เด็กหญิงไม่ได้ตอบว่าอยากไปหรือไม่อยากไปยกการตัดสินใจครั้งนี้ให้กับแม่

 

                “งั้นไปแต่งตัวไปลูก เจี๊ยบไปตามป้าละไมมาดูบ้าน ดีเหมือนกันจะได้ซื้อของจากในเมืองเข้าบ้านด้วยของใช้หมดแล้วพ่อเราก็งานหลวงงานราษฎร์ยุ่งจนไม่มีเวลาพาแม่ไปเลย”

 

                “เย้!!!”สามพี่น้องประสานเสียงกันด้วยความดีใจ จิรนันท์มองลูกๆที่กระตือรือร้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ ไม่นานสี่คนแม่ลูกก็นั่งรออยู่หน้าบ้านโดยมีหญิงวัยกลางลูกจ้างในไร่คนมาเฝ้าบ้านให้

 

                “พี่ละไมถ้าพี่ดินกลับมาบอกว่าเดี่ยวซื้อของเสร็จจะกลับจิ๊บไปกับบ้านฟากขะนู้นนะจ๊ะ”หญิงสาวหันไปบอกกับลูกจ้างวัยกลางคนระหว่างรอก็ไม่วายจะเดินกลับไปตรวจตรากุญแจห้องว่าล็อกเรียบร้อยดีหรือยัง เสียงรถมาจอดหน้าบ้านลลิตภัทรขับมาเพียงคนเดียวไม่มีใบบุญและใบบัวมาด้วย

 

                “อ้าวแล้วบุญกับบัวล่ะ?”

 

                “พี่รามกับพี่ขวัญพาไปหาอากงอาม่าที่นครปฐมน่ะ”พระลอลงมาเปิดประตูรถให้กับจิ๊บและเด็กๆ ศตายุชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพระลอเปิดประตูหน้าให้แม่ส่วนตนเองแก้เก้อด้วยการเข้าไปนั่งในแคปหลังกับน้อง

 

เขาเคยชินกับการนั่งหน้ารถไปกับอาลอเอง

 

ระหว่างทางเด็กสามคนเล่นเกมส์เล่นคำบางครั้งก็ร้องเพลงตามๆกันไป จันทร์เจ้าขาเมื่ออยู่กับบรรดาพี่ๆน้องๆก็ดูน่ารักสมวัยและช่างพูดพอสมควร ศตายุแม้จะเล่นกับน้องแต่สายตาคอยชำเลืองมองพระลออยู่เป็นระยะๆ พระลอคุยกับจิ๊บถึงเรื่องสมัยเด็กๆอย่างสนิทสนม ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างที่คนทั้งคู่มีให้กันหากแม่จิ๊บไม่ใช่เมียพ่อกำนันบรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ต่างจากตอนที่ลูกเจี๊ยบและน้องๆไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่เลยซักนิด

 

ใช้เวลาราวๆ 40 นาที ในที่สุดรถกระบะก็แล่นเข้ามาจอดในลาดจอดรถห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ม่ถึง 10 ปี

 

                “จะกินไอติมเลยหรือไปกินพิซซ่าก่อน?”

 

                “อาลอจะให้กินพิซซ่าด้วยเหรอจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมถามด้วยดวงตาโตเท่าไข่ห่าน

 

                “จริงสิ หรือจะกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้นะ”

 

                “ไม่เอาอาหารญี่ปุ่นค่ะ”จันทร์เจ้าขารีบปฏิเสธทันที

 

                “ทำไมล่ะคะ?”ลลิตภัทรย่อตัวถามหลานสาวด้วยความเอ็นดู แต่ศตายุกลับชะงักไปนิดหน่อยกับคำท้ายประโยค คำลงท้ายที่อาลอใช้กับเขาคนเดียวตอนนี้อาลอแบ่งให้จันทร์เจ้าขาอีกคนหนึ่งแล้ว

 

รู้สึกแย่แบบแปลกๆ

 

                “พ่อเคยพามากินค่ะแล้วเจ้าจอมอ้วกตอนกินปลาดิบจิ้มวาซาบิ”

 

                “งั้นให้เลือกพิซซ่า ชาบู กับเคเอฟซี”

 

                “พิซซ่า”สามเสียงประสานพร้อมกันในทันทีดังนั้นร่างสูงจึงต้อนเด็กๆเข้าไปในร้านพิซซ่าที่อยู่ตรงข้ามกับร้านไอศกรีม

 

                “เลือกเลยว่าจะเอาแบบไหน”พระลอยื่นเมนูไปให้จิ๊บและสามพี่น้อง ส่วนตนเองสั่งพวกเฟร้นฟรายด์และไก่ทอดรวมทั้งสลัดจานใหญ่มาเป็นของกินเล่น

 

                “อาลอ หนูกินได้กี่ถาดเหรอ”แก้วเจ้าจอมเงยหน้าขึ้นมาถามลูกพี่หมายเลข 1

 

                “อยากกินกี่ถาดก็สั่งมาเถอะ”

 

                “อย่าตามใจหลานสิลอ เคยตัว สั่งแค่เท่าที่จะกินหมดพอลูก”จิ๊บหันไปพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

 

                “แต่หนูอยากกินคนละแบบกับพี่เจ้าขาพี่เจี๊ยบนี่”แก้วเจ้าจอมเริ่มชักสีหน้าและงอแงตามประสาลูกคนเล็ก

 

                “งั้นก็เอาของพี่เจี๊ยบกับพี่เจ้าขาถาดใหญ่ส่วนของเจ้าจอมเอาถาดกลางก็พอโอเคมั้ย?”

 

                “เนี่ยลอตามใจลูกเราจนจะเสียเด็กแล้วนะ”จิ๊บหันไปว่าไม่จริงไม่จังนัก ดวงหน้าหวานระบายยิ้มพราวเต็มใบหน้า ลลิตภัทรหันไปทำหน้าราวกับสำนึกผิด สองคนคุยเล่นกันโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของลูกชายคนโตมองอยู่อย่างสับสน

 

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนจะมี

 

ความรู้สึกในใจของตนตอนนี้คืออะไรศตายุก็ไม่รู้ มันทั้งหวง ทั้งน้อยใจปนเปกันไปหมด ยิ่งปกติอาลอจะคุยเล่นกับตนมากกว่าใครแต่ตอนนี้อาลอคุยแต่กับแม่ เรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็กของคนทั้งคู่ถูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

 

เกือบครึ่งชีวิตของอาลอมีแม่รวมอยู่ด้วย ส่วนตนเองเพิ่งมามีส่วนร่วมเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว

 

ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

                “แม่ เดี๋ยวน้องไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจ๊ะ”ศตายุไม่ได้รอว่าแม่จะอนุญาตมั้ยเด็กน้อยเดินออกไปจากร้านในทันที ลลิตภัทรสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น อันที่จริงเขารู้สึกตั้งแต่บนรถแล้วว่าศตายุพูดน้อยลงแม้จะเล่นกับน้องแต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคย

 

                “จิ๊บเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำกับหลานนะ จะไปล้างมือ”

 

                “อ่อ...อื้อ ฝากดูหลานด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามร่างบางของศตายุที่เดินตรงไปทางห้องน้ำ ท่าทางเดินห่อไหล่แบบนั้นมันไม่ใช่ลูกเจี๊ยบของเขาเลยซักนิด เมื่อตามมาทันในห้องน้ำก็พบว่ามันว่างไม่มีใครเลยนอกจากเด็กน้อยที่ยืนล้างมืออยู่ที่อ่าง

 

                “หนู...”ลูกเจี๊ยบที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนที่เพิ่งหลบหน้ามา

 

                “อ..อาลอ...ทำอะไรเดี๋ยวใครมาเห็น”ลูกเจี๊ยบแกะแขนที่โอบเอวของตัวเองพลางเบี่ยงหน้าหนีเมื่อลลิตภัทรเอาคางมาเกยบนไหล่ตน

 

                “หนูเป็นอะไรคะ ทำไมดูไม่ร่าเริงเลย”

 

                “หนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า ไม่มีอะไรหรอก”ศตายุเอ่ยปดเพราะไม่อยากให้อาลอมองว่าตนเป็นเด็กงี่เง่า ทั้งๆที่ในใจอยากจะเรียกร้องเหลือเกินว่าอย่าพูดคะขากับใครนอกจากตน

 

อย่าให้ความสนิทสนมใครมากกว่าตนแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นแม่ของตัวเองก็ตามเถอะ

 

แต่ดูเหมือนพระลอจะไม่รู้ความคิดนั้นเลย มือนุ่มยกขึ้นมาแตะหน้าผากหลานเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ ก่อนมาก็ยังดีๆอยู่เลย บอกอามาตามตรงสิคะว่าหนูงอนอะไรอาหรือเปล่า?”

 

                “หนูเปล่า...”

 

                “เคยมีใครบอกมั้ยคะว่าหนูโกหกไม่เก่งเลย ตาของหนูมันบอกหมดเลยว่าตอนนี้หนูรู้สึกยังไง ไหนเด็กดีบอกอาสิคะว่าอาทำอะไรให้หนูไม่พอใจ?”

 

                “หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นอะไร อยู่ๆพอไม่ได้นั่งรถข้างอาลอหนูก็รู้สึกไม่พอใจ พออาลอคุยคะขากับน้องหนูก็หวง หนูแค่รู้สึกว่าความพิเศษนั้นมันต้องเป็นของหนูคนเดียว หนูเป็นเด็กงี่เง่าแม้แต่อาลอคุยกับแม่หนูก็ไม่อยากให้คุย ในใจหนูมันมีแต่คำถามว่าทำไมต้องมองตากัน ทำไมต้องหัวเราะให้กัน หนูไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลย หนูรู้สึกแย่กับตัวเอง”ลลิตภัทรนิ่งฟังสิ่งที่หลานพูดก่อนจะดึงเด็กที่กดคางจนแทบจะชิดอกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดกดศีรษะของคนเด็กกว่าให้แนบอก รอยยิ้มละมุนที่มีให้กับศตายุเพียงคนเดียวผุดพราวเต็มใบหน้า

 

หัวใจพองอย่างห้ามไม่อยู่

 

                “หนูหึงอาเหรอคะ?”ลูบหลังบางเบาๆราวกับปลอบโยน เด็กน้อยซุกหน้ากับอกคนเป็นอาพลางถูไถไปมาเบาๆ

 

                “หนูไม่รู้”คำตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ดังมาให้ลลิตภัทรหัวเราะได้

 

เด็กหนอเด็ก ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองเลยซักนิด

 

หึงเขาหวงเขาจนเก็บอาการไม่อยู่ซะขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอาการนี้คืออารมณ์หึงหวง

 

                “อาดีใจจังที่หนูหึงอา แต่เจี๊ยบคะ หนูจะหึงอากับใครก็ได้มันคือสิทธิ์ของหนูที่เป็นแฟนอา แต่อย่าหึงอากับแม่กับน้องเลยนะคะ อากับแม่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เกิด ส่วนที่พูดกับเจ้าขาเหมือนที่พูดกับหนูก็เพราะน้องเป็นผู้หญิง อารักหนู รักแบบคนรักกัน รักแค่หนูคนเดียว ความรู้สึกนี้ของอามีให้แค่หนูไม่ได้เผื่อให้คนอื่น เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อใจอาได้มั้ยคะหายงอนนะแล้วออกไปกินข้าวกัน นะคะ”ศตายุเม้มปากเข้าหากันแน่นอย่างรู้สึกผิด เด็กน้อยเชื่อคำที่อาลอพูดทุกคำ อาลอรักลูกเจี๊ยบมากขนาดนี้แต่ลูกเจี๊ยบกลับไม่เชื่อใจอาลอ หึงหวงงี่เง่าจนอาต้องมาง้อแบบนี้

 

ไม่น่ารักเลยซักนิด

 

ถ้าเป็นแบบนี้อีกหน่อยอาลอคงเบื่อ

 

อาลอเป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาทนนิสัยเด็กๆแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน เงยหน้าช้อนตามองใบหน้าที่ระบายยิ้มน้อยๆนั้นอย่างแสนรัก กดจูบลงบนคางของคนเป็นอาอย่างเอาใจ

 

                “อาลอจ๋า หนูขอโทษนะจ๊ะที่มางี่เง่าเอาตอนนี้ ให้เวลาหนูหน่อย หนูจะพยายามโตเป็นผู้ใหญ่ให้ทันอาลอนะวันนี้หนูอาจจะงี่เง่า แต่หนูสัญญาต่อไปหนูจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง”เด็กน้อยกระชับอ้อมแขนของตัวเองกับเอวสอบแน่นขึ้น

 

                “ไม่ต้องโตให้ทันอาหรอกค่ะโตให้สมวัยของหนูไปอย่างนี้แหละค่ะอาจะลดอายุไปหาหนูเอง”

 

                “อาลอน่ารักจังเลย หนูหายงอนแล้ว ป่ะ ออกไปหาแม่กับน้องๆกันเถอะจ้า หิวแล้วเนี่ย”เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มแต้โชว์ฟันซี่เล็กๆน่าเอ็นดูให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยีผมนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

 

ศตายุยังเด็กเหลือเกิน บริสุทธิ์และไร้เดียงสามากเสียจนเขาอยากจะจับปั้นๆแล้วกลืนลงท้องเพราะไม่อยากให้ใครมาเห้นเด็กน้อยในมุมนี้ซะเลย

 

เด็กที่งอแงเพราะหึงเขา

 

น่ารักน่าให้รางวัลจนน้ำตาปริ่มซะจริงจริง

 

ตอนนี้ออกไปกินพิซซ่าก่อน ตอนเย็นค่อยกินกันเองสองต่อสอง

 









 

 

          “กำนันนั่นลูกเมียกำนันหรือเปล่า?”ปลัดอำเภอสูงวัยเอ่ยถามแดนดินเมื่อเดินผ่านร้านไอศกรีมชื่อดัง แดนดินหันไปมองเห็นลูกและเมียของตัวเองอยู่ครบในร้านนั้นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นครอบครัวของตนเข้ามาอยู่ในเมืองกันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่พลันคิ้วก็ขมวดเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาในร้านและก้าวเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะพลางพลิกเมนูดูกับลูกๆและเมียรักของเขา

 

ไอ้ลอ?...

 

ชายหนุ่มทำหน้าเรียบนิ่งอย่างกำลังระงับอารมณ์บางอย่างในใจ

 

            “มากับใครน่ะ?”ปลัดอำเภอยังไม่ละความสนใจเรียกได้ว่ายืนจ้องอย่างใส่ใจจนแดนดินลอบทำหน้าเอือม

 

            “ผู้ใหญ่ลลิตภัทรน่ะครับ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7”แดนดินตอบคำถามอย่างเสียไม่ได้ ปลัดอำเภอหัวเราะลั่นพลางกล่าวสรรพยอกอย่างไม่คิดอะไร

 

            “อ๊อ .ผมจำได้แล้ว เคยเห็นเขาเมื่อตอนอบรมคราวก่อน คนหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อเหลา ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้านดีขนาดนี้เลยนะกำนัน ดูแลลูกเมียชาวบ้านก็ได้ด้วย ดีๆ”แดนดินสูดหายใจลึกๆพยายามไม่เอาใจไปคิดตามคำพูดไร้มารยาทของคนสูงทั้งอายุ การศึกษาและหน้าที่การงาน แต่เขาสาบานเลยว่าหากเป็นคนรุ่นเดียวกันคงได้มีการฟาดปากกันซักหมัดสองหมัด

 

เขายังคงเชื่อใจจิ๊บและลูกๆ แต่เรื่องวันนี้กลับบ้านคงต้องเคลียร์กันซักหน่อย แดนดินเดินตามคณะอบรมไปเข้าร้านอาหารที่พากันยกโขยงมากิน อาหารมื้อนั้นไม่รู้รสเลยซักนิด ในใจของเขาแทบจะวิ่งไปดึงลูกเมียกลับบ้านแต่ติดที่ว่าบ่ายนี้เขายังต้องเข้าอบรมอีกลากยาวไปถึงเย็น

 

            “เดี๋ยวเราขอแวะไปซื้อของเข้าบ้านก่อนได้มั้ยลอ”จิ๊บหันไปถามลลิตภัทรที่นั่งละเลียดไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วงถ้วยเดียวกับลูกเจี๊ยบ ในขณะที่คนอื่นก็มีของตัวเองคนละถ้วย ลลิตภัทรให้เหตุผลว่าตนเองนั้นกินไม่เยอะและก็ชอบรสเดียวกับศตายุ คนอื่นๆไม่ได้ติดใจอะไรแต่เด็กน้อยที่นั่งชิดกับลลิตภัทรนั้นหัวใจเต้นรัว แม้จะทำอะไรเอิกเกริกไม่ได้แต่หลังจากคุยกันแล้วออกมาจากห้องน้ำ ลลิตภัทรก็เทคแคร์ลูกเจี๊ยบมากกว่าเดิมอย่างเนียนๆ

 

ไอติมถ้วยแรกของลูกเจี๊ยบกับอาลอแม้มะม่วงเชอร์เบทจะอมเปรี้ยวมอมหวานแต่ในความรู้สึกของเจี๊ยบตอนนี้มันหอมหวานยิ่งกว่ามะม่วงอกร่องทั้งสวนมาหล่นทับตัวเขาเสียอีก

 

            “ได้สิ ซื้อตามสบายเลยไม่ต้องรีบ”ลลิตภัทรเอ่ยออนุญาตด้วยท่าทางสบายๆ

 

            “งั้นเดี๋ยวลอจะไปด้วยหรือจะไปเดินดูอะไรก่อนมั้ย? เราเลือกของนานเดี๋ยวลอจะเบื่อ”

 

            “เดี๋ยวเราไปเดินดูหนังสือก็ได้ มีหนังสือที่อยากได้อยู่พอดี”

 

            “แม่จ๋า หนูขอไปดูหนังสือกับอาลอได้มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบรีบเอ่ยปากขอแม่ซึ่งจิ๊บก็ตอบตกลงพลางยื่นเงินให้ลูกโดยง่าย หล่อนไม่ติดใจอะไรที่ศตายุจะอยากไปร้านหนังสือเพราะปกติเวลามาห้างสรรพสินค้าศตายุมักแยกตัวไปหาซื้อหนังสืออ่านอยู่แล้ว ศตายุรักหนังสือมากจนภายในห้องอัดแน่นไปทั้งนิยาย วรรณกรรม หนังสือแบบเรียน วิชาการ เรียกได้ว่ามีครบทุกแนว หลังจากกินไอติมและนัดแนะกันเสร็จจิ๊บ เจ้าจอมและเจ้าขาก็แยกตัวออกไปทางซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบก็เดินแยกไปอีกทาง เมื่อลับสายตาแล้วฝ่ามือหนาก็จับมือเล็กของหลานไว้ทันที ศตายุก้มหน้าแอบยิ้มกับการกระทำแสนอบอุ่นของอาลอเด็กน้อยเดินตามคนที่กุมมือและหัวใจของตนเองไว้อย่างเงียบๆ ทั้งคู่ชี้ชวนกันดูหนังสือบนชั้นราวกับโลกนี้มีเพียงเราสอง ลลิตภัทรเลือกหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชายหนุ่มบอกกับเด็กน้อยว่าหากมีเวลาว่างและลูกเจี๊ยบปิดเทอมเขาอยากพาศตายุไปเที่ยวที่ไกลๆเพื่อเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่อาจจะต้องเที่ยวในประเทศไปก่อนเพราะลูกเจี๊ยบของเขาอายุยังน้อยหากจะพาไปต่างประเทศก็ต้องไปทำพาสสปอร์ตซึ่งต้องให้พ่อแม่เซ็นเอกสารให้ ลลิตภัทรคิดว่ามันยุ่งยากแต่ก็ยังสัญญากับหลานว่าเมื่อถึงวัยอันควรเขาจะให้เด็กน้อยเลือกว่าอยากไปท่องโลกกว้างที่ประเทศไหนก็ได้ตามแต่ที่ศตายุต้องการ และเด็กน้อยก็บอกกับเขาว่าตนเองนั้นอยากไปญี่ปุ่น อยากไปเห็นดอกซากุระกับตาตนเองซักครั้ง ลลิตภัทรยังเดินไปเลือกหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา รวมทั้งหนังสือคู่มือชาวบ้านอีกหลายเล่ม ส่วนศตายุนั้นขลุกอยู่ในหมวดวรรณกรรมเด็กน้อยลังเลใช้เวลาอยู่ในหมวดนิยายแปลนานจนลลิตภัทรสังเกตได้

 

            “มีอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ศตายุที่ไม่มัวแต่เอาใจจดจ่อกับหนังสือถึงกับสะดุ้ง เด็กน้อยละล่ำละลักเอ่ยปฏิเสธเสียงแผ่ว

 

            “ม่ะ..ไม่มีจ้า”

 

            “ดูหนังสือเรื่องอะไรอยู่คะ ทำไมหยุดตรงนี้นานจัง”ลลิตภัทรทำท่าจะหยิบหนังสือตรงหน้าที่ศตายุดูอยู่ แต่เด็กน้อยกลับรีบรุนหลังของเขาให้ออกไปจากตรงนั้น

 

            “ใกล้ถึงเวลาที่แม่นัดแล้วเราไปจ่ายตังค์กันเถอะจ้า หนูหิวน้ำด้วย”เมื่อเห็นเด็กน้อยงอแงหิวน้ำลลิตภัทรจึงพาลูกเจี๊ยบไปจ่ายเงินชายหนุ่มดึงมือลูกเจี๊ยบที่กำลังจะยื่นเงินของตัวเองจ่ายในหยุด

 

            “เดี๋ยวอาจ่ายให้ค่ะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้า แม่ให้เงินหนูมาพอซื้อ”

 

            “อาจะจ่ายให้ค่ะ”ลลิตภัทรทำเสียงเข้มจนลูกเจี๊ยบต้องจำยอม เมื่อจ่ายเงินค่าหนังสือเสร็จลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบมาซื้อน้ำดื่มแล้วเดินไปตามหาจิ๊บที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมองหาไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมกับเจ้าขาเข็นรถอยู่ไกลๆ

 

            “เดี๋ยวเจี๊ยบไปอยู่กับแม่ก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไปหาแม่และน้อง ไม่นานยังไม่ทันจะคิดเงินเสร็จดีลลิตภัทรก็กลับมา ชายหนุ่มไปช่วยจิ๊บและเด็กๆเข็นรถเข็นที่อัดแน่นไปทั้งของสดและของแห้งลำเลียงใส่ท้ายรถกระบะ ดวงตะวันโพล้เพล้รถของลลิตภัทรก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ ชายหนุ่มลงไปช่วยหิ้วของขึ้นบ้านให้จิ๊บ เด็กๆเอ่ยขอบคุณอาลอที่พาไปกินของอร่อยลลิตภัทรสัญญาว่าคราวหน้าถ้าหากตนว่างจะพาไปอีก ชายหนุ่มกล่าวลาก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้

 

            “อ่อ เจี๊ยบตามอามาที่รถทีค่ะ หนูลืมของไว้”

 

            “ของ?”ศตายุทำหน้าแปลกใจว่าตนไปลืมอะไรไว้บนรถแต่ก็เดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย ลลิตภัทรเปิดประตูรถก่อนจะก้มลงไปหยิบถุงที่มีตราของร้านหนังสือที่เพิ่งไปกันมาวันนี้

 

เจี๊ยบขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าเขาถือถุงหนังสือกลับไปเก็บในห้องแล้วนี่นา แล้วความหนาของถุงนั้นมากกว่าหนังสือที่เจี๊ยบซื้อมา ลลิตภัทรจับมือหลานให้รับถุงหนังสือนั้นก่อนจะเอี้ยวตัวมากระซิบข้างๆหูของศตายุ

 

            “คราวหลังอยากได้อะไรแต่ไม่กล้าก็บอกอานะคะ ส่วนเรื่องนี้ อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”เด็กน้อยไม่ได้พูดตอบกลับอะไรไป หากทว่าผิวแก้มใสกลับขึ้นสีเรื่ออย่างน่ารักน่าชังจนลลิตภัทรต้องสูดหายใจลึกๆห้ามจิตห้ามใจตัวเองไม่ให้รวบร่างอวบนั้นมากอดแล้วฟัดให้จมูกจมลงไปในแก้มนุ่มที่คุ้นเคย ชายหนุ่มมองภาพศตายุที่กัดปากกลั้นความเขินอย่างเอ็นดูแล้วก็จำใจต้องลากลับ รถยนต์ของอาลอแล่นไกลออกไปแล้ว แต่ดวงใจน้อยๆของศตายุกลับไม่สงบลงเลยซักนิด เด็กน้อยรีบก้าวยาวๆกลับเข้าไปในห้อง หนังสือหนาๆในถุงถูกหยิบออกมา พลันใบหน้าก็เห่อร้อนราวถูกเปลวเพลิงโลมเลีย

 

แม้จะคาดไว้แล้วว่าด้านในคือหนังสือเล่มใดก็อดสะท้านอายไม่ได้

 

อาลอช่างสังเกตอีกทั้งช่างเอาอกเอาใจ

 

ตัวเขาแม้จะอยากอ่านเพียงใดแต่ก็ไม่กล้าที่จะหยิบนิยายแปลขายดีเล่มนี้ออกมาอีกทั้งมันยังจัดเรทสำหรับคนอ่าน แน่นอน

 

นวนิยายจากปลายปากกาของ อี.แอล.เจมส์ เรื่องราวของมหาเศรษฐีหนุ่มและนักศึกษาสาวเอกวรรณกรรม ปลายนิ้วเรียวสวยลูบลงบนหน้าปกนิยายชุดทั้งสามเล่มที่ชื่อว่า

 

fifty shades

 

            “อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”

 

พลันคำพูดที่ลลิตภัทรทิ้งท้ายก็ทำเอาคนเด็กถึงกับทิ้งตัวลงไปนอนบิดผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความเขิน





 


ลองทำกับอาอะไรกันล่ะ อาลอคนลามก ฮื่ออออออ









        "ได้ครับ นายท่าน..."







โอ้ย....แค่คิดก็เขินตัวจะแตกแล้ว อาลอคนบ้า บ้าที่สุดเลย





............................................







อยากทำอย่างนั้นกับเธอออออออออออออออออ



คนเรามันก็ต้องงี่เง่ากันบ้างอะไรบ้าง น้องยังเด็กอาลอคือคนรักคนแรกความรักครั้งแรก



แม้จะรู้ว่าไม่ควรหึงมั่วซั่วแต่ใจคนอ่ะบางทีมันก็ห้ามความคิดมากแบบนี้ไม่ได้หรอก



อารมณ์แบบความพิเศษที่คนรักมีให้เราควรเป็นของเราคนเดียวหวงทุกอย่างที่เป็นของเรา เบาะหน้า คำพูดพิเศษๆ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเขา เราหวงทุกสิ่งอย่าง



เจี๊ยบก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ หรือบางทีก็อาจจะมีเซ้นต์บางอย่างมันบอกว่าที่อาลอกับแม่คุยกันมันมีบางอย่างพิเศษ

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สนุกมากๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :z13: จิ้มไว้ก่อนเพราะอัพไวมากเลยค่ะตามอ่านไม่ทันแล้วว

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๖


    เช้านี้ลลิตภัทรกับศตายุได้รับภารกิจพิเศษจากย่าโฉมคือให้ไปเก็บดอกบัวที่นาบัวบ้านตาหวังท้ายทุ่ง สองอาหลานเดินลัดคันนาไปตามทางหยอกล้อกันบ้างคุยเรื่องสัพเพเหระกันบ้างไม่ถึง 20 นาที ก็มายืนหน้ากลมที่หน้าเรือนไม้ของตาหวังที่พ่วงตำแหน่งสัปเหร่อที่วัด

 

            “ตาหวังจ๋า อยู่มั้ยจ๊ะ” เจ้าเจี๊ยบน้อยรับหน้าที่เป็นต้นเสียงร้องเรียกตาหวังที่คาดว่าคงจะอยู่บนบ้าน ไม่นานชายชรารูปร่างผอมสูงก็เดินงกเงิ่นออกมาเพ่งพินิจพิจารณาแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่บนชานบ้าน

 

            “อ้าว ลูกเจี๊ยบเองรึ?”

 

            “จ้าเจี๊ยบเองจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบรับด้วยน้ำเสียงน่ารัก รอยยิ้มประจบประแจงถูกมอบให้กับสัปเหร่อเฒ่าเกลอเก่าหลวงตา

 

            “แล้วนั่นพาใครมาวะ”สายตาฝ้าฟางเพ่งไอ้หนุ่มหน้าหล่องามลลอดุจพระเอกยี่เกที่เคยดู พระลอไม่รอช้ารีบพนมมือไหว้คนแก่กว่าอย่างนอบน้อม

 

            “อาลอลูกชายคนเล็กของย่าโฉมจ้า”ตาหวังทำท่านึกก่อนจะร้องอ๋ออกมายาวๆ

 

            “อ๋อออออ...ลูกชายคนเล็กที่หนีไปอยู่กรุงเทพเพราะอกหักจาก...”

 

            “แม่ให้มาขอซื้อดอกบัวครับ”ลลิตภัทรพูดแทรกออกมาเสียงดังก่อนที่ตาหวังจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยนั้นถึงขั้นหูผึ่งเมื่อได้รู้สาเหตุที่อาลอทิ้งบ้านไปอยู่กรุงเทพเสียเกือบ 20 ปี



 

อาลออกหัก...

 

 

ใครกันหนอที่ทำให้อาลอช้ำรักหนักจนถึงขั้นทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนไปถึง 16 ปี

 

เป็นคนแบบไหนนะ จะน่ารักอ่อนหวาน จะสวยคู่ควรกับอาลอถึงขนาดไหนกัน

 

            “เหม่ออะไรอยู่คะ?”ศตายุได้สติเมื่อเสียงหวานๆเอ่ยชิดริมหู เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆก็เห็นว่าลลิตภัทรยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า หมวกใบใหญ่ถูกสวมลงบนหัวทุย

 

            “ใส่หมวกนะคะ แดดมันแรงเดี๋ยวหนูจะร้อน”พูดจบผู้ใหญ่บ้านหนุ่มก็จูงมือเจ้าตัวน้อยค่อยๆลัดเลาะรั้วบ้านมาที่บัวนาใหญ่ กลีบสีชมพูชูช่อไสวเต็มบึง บ้างก็อวดฝักเมล็ดเต่งสองอาหลานก้าวขาขึ้นเรือจับไม้พายคนละอันแล้วช่วยกันพายไปจนถึงกลางบึง ลูกเจี๊ยบน้อยรับหน้าที่เลือกตัดดอกบัว เลือกเอาดอกสวยๆจนเต็มหน้าตัก ไม่วายตัดฝักบัวเอาไว้ไปฝากแม่และน้อง ใช้ใบบัวห่อดอกบัวที่ตัด ลลิตภัทรมองท่าทางคล่องแคล่วนั้นอย่างชอบใจ ในอนาคตถ้าได้ครองคู่เคียงข้างกับเจ้าเด็กน้อยนี้คงช่วยกันแบ่งเบาภาระได้มากโข

 

ศตายุเป็นเด็กอ่อนหวานมีมารยาท ซ้ำยังทำงานได้คล่องแคล่วไม่จับจด เข้ากับผู้หลักผู้ใหญ่ได้อย่างไม่เก้อเขิน

 

            “ดอกบัวสีสวยจังเลยนะจ๊ะอาลอ”พระลอหลุดจากความคิดของตัวเองมองภาพลูกเจี๊ยบน้อยจรดปลายจมูกลงบนกลีบดอกบัวหลวงสีชมพูสดราวกับต้องมนต์ ภาพนั้นคุ้นตาเสียเหลือเกิน ครั้งหนึ่งเขาก็เคยพายเรือพาจิ๊บไปเก็บดอกบัวแบบนี้เหมือนกัน ลูกเจี๊ยบน้อยยิ้มหวานจนใจสั่น

 

            “สวยไม่สู้หนูหรอกค่ะ”

 

ป้าบ!!! พระลอถึงกับกลั้นใจเมื่อลูกเจี๊ยบน้อยเขินจนลืมตัวฟาดบัวดอกใหญ่มาเต็มกบาลของเขาจนกลีบกระจาย เด็กน้อยนั่งบิดจนเรือโยกเรือคลอน

 

            “บ้า อาลอก็ พูดอะไรก็ไม่รู้”ลูกเจี๊ยบน้อยบิดกายอย่างขวยเขิน แดดก็ร้อนเปรี้ยงอาลอยังมีกะจิตกะใจมาเกี้ยวพาราสีหนูได้ยังไงเนี่ย ไม่อายฟ้าอายดินก็อายบัวในบึงบ้างสิจ๊ะ ถ้ามันพากันเลี่ยนแล้วพากันทิ้งกลีบนี่ตาหวังถึงขั้นชิบหายเลยนะจ๊ะ คงหมดตัวแน่ๆ

 

หลังจากโอ้เอ้พายเรือพาหลานวนในนาบัวไป 7 รอบ ในที่สุดพระลอก็หอบดอกบัวกำใหญ่ตามเจ้าเจี๊ยบที่เดินแกะเม็ดบัวกินอย่างเพลิดเพลินจนถึงบ้าน ยาโฉมกำลังตรียมของอยู่ในครัว เจ้าเจี๊ยบน้อยรีบวิ่งไปหาอย่างประจบเอาใจ

 

            “ย่าจ๋าดอกบัวมาแล้วจ้า จะให้ทำอะไรต่อจ๊ะ”

 

            “งั้นเจี๊ยบเด็กดอกบัวออกทีละกลีบนะลูกแล้วเอาไปล้าง ผสมเกลือลงในน้ำด้วยนะแล้วสะบัดให้แห้งถ้าขี้เกียจก็ใส่กระชอนแล้วเขย่าๆให้น้ำออก”

 

            “ได้จ้าย่า”เจ้าเจี๊ยบจัดการทำตามที่ยาบอกโดยมีลลิตภัทรเข้ามาช่วยเป็นลูกมือ ศตายุเอาเกลือป่นใส่ในน้ำหยิบมือหนึ่งแล้วคนๆให้เกลือละลายจากนั้นก็เด็ดกลีบบัวทีละกลีบอย่างเบามือด้วยเกรงว่าจะช้ำ ส่วนย่าโฉมก็จัดการเคี่ยวน้ำราดเมี่ยงคำโดยการใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า น้ำปลากะปิ ข่าคั่วโขลกใส่ลงไปในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ในหม้อ ย่าโฉมเคี่ยวไฟแรงสลับอ่อนเพื่อเร่งให้น้ำเมี่ยงข้นเร็วมากขึ้น เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งดอกบัวที่ถูกนำใส่จานจัดอย่างเป็นระเบียบลูกเจี๊ยบก็มาช่วยย่าโฉมหั่นขิงสด หอมแดง พริกขี้หนูสวน ส่วนย่าโฉมเตรียมถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง และมะนาวหั่นเต๋า  จัดการฉีกส้มโอ และนำเกสรดอกชมพู่ม่าเหมี่ยวสีชมพูสวยมาเรียงใส่ในจานอย่างสวยงาม

 

            “สวยจังเลยจ้าย่า สีชมพูน่ารักจัง หนูไม่ยักรู้ว่าดอกบัวกับเกสรชมพู่มะเหมี่ยวกินได้”เด็กน้อยเอ่ยชมเมื่อเห็นสำรับที่จัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

            “ของดีทั้งนั้นลูกเอ้ย กลีบบัวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ไข้ ดอกชมพู่ม่าเหมี่ยวมีรสเปรี้ยว ในสำรับนี้มีครบทุกรสทั้งหวาน เปี้ยว เค็ม เผ็ด ใบชะพลูก็มัน ดอกบัวก็มีกลิ่นหอมจางๆ สีสันสวยงาม เป็นทั้งอาหารปากอาหารตา รสดีรูปสวย เอ้า เอาไปให้พ่อแม่กับน้องๆกินนะลูก วันนี้กำนันอยู่บ้านมั้ย”

 

            “อยู่จ้าอยู่กันครบ แต่เย็นๆพ่อกับแม่ไปกินเลี้ยงในเมือง”ลูกเจี๊ยบรับสำรับเมี่ยงคำกลีบบัวที่ย่าโฉมเตรียมให้แล้วตอบคำถามย่าพลางยู่ปากตอบ ยืนรอย่าโฉมที่กำลังตักน้ำเมี่ยงที่เคี่ยวเสร็จเมื่อซักพักใส่ถ้วยให้พลางบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย

 

            “งานเลี้ยงบ๊อยบ่อย ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน บวชพระพ่อกำนันของหนูแทบจะไม่ได้อยู่บ้านเลย พ่อของหนูอยู่กับครอบครัวชาวบ้านมากกว่าอยู่กับครอบครัวตัวเองซะอีก บางวันเจี๊ยบไม่เจอพ่อเลยด้วยซ้ำเพราะกว่าพ่อจะกลับหนูก็หลับไปแล้ว”

 

            “มันก็อย่างนี้แหล่ะลูก เป็นกำนันเป็นคนกว้างขวางนอกจากต้องดูแลลูกบ้านแล้วหน้าที่ทางสังคมก็เลี่ยงไม่ได้ อีกหน่อยถ้าเจี๊ยบโตเดินตามรอยพ่อก็ต้องไปแบบนี้เหมือนกัน”

 

            “ไม่เอาหรอกจ้า เจี๊ยบไม่อยากเป็นกำนันแบบพ่อ”

 

            “ถ้าไม่อยากเป็นกำนันแบบพ่อแล้วหนูอยากทำอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถาม เด็กน้อยทำท่าคิดก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้

 

            “เจี๊ยบอยากเป็นครู หรือไม่ก็เรียนอะไรก็ได้ที่จะกลับมาต่อยอดงานในไร่ในสวนให้มันเพิ่มมูลค่ามากขึ้น”เด็กน้อยลุกขึ้นยืนเมื่อย่าโฉมวางถ้วยน้ำเมี่ยงลงมาเป็นอย่างสุดท้าย ลลิตภัทรเดินไปส่งหลานที่ท่าน้ำ ศตายุมองเสี้ยวหน้าคนข้างๆแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

 

            “อนาคตอยากเป็นอะไรหนูยังไม่แน่ใจหรอกนะจ๊ะ หนูยังมีเวลาคิดอีกหลายปี แต่ตอนนี้หนูน่ะ...”เด็กน้อยเว้นช่วงแล้วเยื้อนยิ้มหวานจนพระลอตาพร่า

 

            “เป็นแฟนผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ด้วยจ้า”กว่าพระลอจะรู้ตัวเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยก็อยู่ในเรือเสียแล้ว

 

ร้ายแท้นะเจ้าตัวดี ไว้อาลอจะให้รางวัลที่ตอบคำถามถูกใจแบบทบต้นทบดอกเลยทีเดียวค่ะ

 

เอาให้คลานกลับบ้านอย่างหมดแรงเลยล่ะ

 

 

            “เจี๊ยบ เนี่ยเมื่อไหร่มึงจะไปดูหนังกับพวกกูวะ?”ศตายุเงยหน้าจากจานข้าว เด็กน้อยอยู่ในชุดนักเรียน ม.ปลายในแก้มตุ่ยด้วยข้าวที่เพิ่งจะยัดเข้าไปคำใหญ่ ศตายุรีบเคี้ยวแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเพราะรู้สึกเหมือนจะติดคอด้วยกินเร็วเกินไป

 

            “กูยังไม่ได้ขออนุญาตพ่อเลย”เจี๊ยบหันไปตอบสีหน้าหงอยลงไปถนัดตา

 

            “แต่มึงมันจะออกโรงวันพุธนี้แล้วนะเว้ย เรื่องใหม่จะเข้าแทนแล้วถ้ามึงไม่ดูคือมึงก็ต้องรอดูเถื่อนตามเว็บเลยป่าววะ แล้วแม่งจะซูมจนภาพแตกด้วยป่าวก็ไม่รู้ นี่แม่งภาคสุดท้ายแล้วด้วย”

 

            “เออกูก็อยากดู แต่พ่อกูไม่ว่างเลย เสาร์-อาทิตย์ก็ไม่พากูเข้าเมืองกูก็ไปไม่ได้ป่าววะ”

 

            “มึงไปดูกับกูมั้ยล่ะ”อ๋องเอ่ยชวน

 

            “วันไหนอ่ะ ไหนมึงบอกวันพุธก็ออกแล้ว”เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ คือเขาก็อยากดู แต่นี่วันจันทร์ถ้าจะดูก็ต้องเป็นวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ซึ่งก็เรียนทั้งวันไม่สามารถไปได้แน่ๆ หากแต่อ๋องกลับยักคิ้วแผล่บ

 

            “เย็นนี้ไง”

 

            “มึงก็รู้ กูกลับรถประจำ อีกอย่างถ้ากูจะไปไหนกูต้องบอกพ่อกับแม่ก่อน ถ้าไปดูหนังกับมึงกูจะกลับบ้านยังไง”

 

            “เดี่ยวให้พี่มิ่งไปส่งก็ได้ พี่มิ่งมีมอไซค์”อ๋องหมายถึงพี่มิ่งรุ่นพี่ชั้น ม.6 เจี๊ยบเคยคุยด้วย 2-3 หน แต่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ เพราะพี่มิ่งดูเป็นเด็กเกเรเสียงดังเอะอะ

 

            “ไม่เอาอ่ะ กูไม่สนิทกับเขา”

 

            “งั้นก็นั่งเมล์เครื่องกลับ เนี่ยหนังเข้าห้าโมงเต็มที่มึงก็กลับบ้านทุ่มหนึ่ง นะๆ ไม่ดึกหรอก ไปกัน”อ๋องทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อน เพื่อนคนอื่นๆที่นั่งฟังอยู่ก็คะยั้นคะยอให้ไป ลูกเจี๊ยบมีสีหน้าหนักใจ หนังเรื่องนี้เขาชอบมาก ชอบตั้งแต่เป็นหนังสือ เขาไม่พลาดเลยทั้งสองภาคและภาคนี้เป็นภาคสุดท้าย เด็กน้อยไม่ยอมดูรีวิวหรือกระทู้ที่สปอยล์เนื้อเรื่องเลยซักนิดเพราะอยากดูเอง แต่มาระยะหลังพ่อของเขายุ่งมากทั้งงานราษฎร์และงานหลวงจึงไม่มีเวลาพาลูกเจี๊ยบเข้ามาดูในวันหยุด

 

            “แต่...”แม้จะอยากดูแค่ไหนแต่ในใจยังลังเล

 

            “เอาตามนี้แหล่ะ เย็นนี้ไปกัน”

 

            “แต่กูกลัวแม่ว่า”ลูกเจี๊ยบยังแบ่งรับแบ่งสู้

 

            “แม่มึงใจดีจะตาย มึงกลับไปก็อ้อนๆเขาหน่อยเขาก็ไม่ดุมึงแล้ว”

 

            “งั้นกูโทรบอกแม่ก่อนดีกว่า”

 

            “มึงอย่าโง่ไอ้เจี๊ยบถ้ามึงโทรไปบอกแม่ยังไงแม่มึงก็ไม่ให้อ่ะ เอาตามนี้แหล่ะ หัดออกนอกลู่นอกทางซะบ้าง สีสันชีวิตเว้ย” พวกเพื่อนๆต่างช่วยกันเป่าหูคนละนิดคนละหน่อยจนศตายุคล้อยตาม

 

            “เอางั้นก็ได้ แต่พวกมึงต้องอยู่เป็นเพื่อนกูจนกว่ากูจะหารถกลับบ้านได้นะ”

 

            “เออๆ พวกกูอยู่เป็นเพื่อนมึงอยู่แล้วแหล่ะไม่ต้องห่วง”

 

 

 

            “ลอ...จิ๊บมาหา”ลลิตภัทรที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องขยับตัวเมื่อพระลักษณ์เดินมาตามเขาที่ห้อง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อคนที่มาหาคือจิ๊บไม่ใช่ลูกเจี๊ยบ มองนาฬิกาก็ทุ่มกว่าความจริงลูกเจี๊ยบควรจะมาเรียนพิเศษกับเขานานแล้วแต่กลับไม่มา

 

แล้วจิ๊บมาหาเขาทำไม ชายหนุ่มเดินออกไปก็เห็นจิ๊บยืนกระสับกระส่ายข้างกายมีแก้วเจ้าจอมยืนเกาะแขนแม่อยู่สีหน้ามู่ทู่ไม่เหมือนเด็กแสบคนเก่าเลยซักนิด

 

            “มีอะไรเหรอจิ๊บมาหาเราถึงบ้าน”

 

            “เจี๊ยบยังไม่กลับบ้านเลยลอไม่รู้ว่าหายไปไหน”ละล่ำละลักตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรนแต่คนฟังนั้นถึงขั้นใจกระตุกวูบ

 

            “ไม่กลับบ้าน? ลอนึกว่าเจี๊ยบยังไม่เสร็จธุระเลยยังไม่มาเรียนพิเศษ สรุปหลานยังไม่กลับบ้าน?”

 

            “ใช่ ตอนแรกเราคิดว่าเจี๊ยบแวะมาหาลอเลยแต่พอให้เจ้าจอมมาถามป้า ป้าแกบอกเจี๊ยบไม่ได้มา เราโทรหาลูกก็ไม่ติดลูกปิดเครื่อง”เป็นอีกหนึ่งอย่างที่พระลอรับรู้คือลูกเจี๊ยบมีโทรศัพท์ จริงๆมันก็เรื่องปกติของเด็กสมัยนี้ที่จะมีโทรศัพท์เพียงแต่ว่าหลายเดือนมานี้ลูกเจี๊ยบไม่เคยพกโทรศัพท์ให้เขาเห็นเลยซักนิด และเขาเองก็คุยกันทุกวันอุปกรรณ์นั้นจึงไม่จำเป็นเลยซักนิด แต่วันนี้มันกลับเป็นของจำเป็น

 

            “เราขอเบอร์หลานหน่อย เบอร์เพื่อนสนิทหลานจิ๊บมีมั้ย จดมาให้เรา”ลลิตภัทรเดินกลับเข้าไปในห้องก่อนออกมาพร้อมสมุดและปากกา จิรนันท์ค้นเบอร์เพื่อนสนิท 2-3 คน ของลูกเจี๊ยบจดลงไปในนั้นพร้อมชื่อรวมทั้งเบอร์ของลูกชายคนโตของหล่อนด้วย

 

            “จิ๊บกับเจ้าจอมกลับไปรอลูกที่บ้านก่อนนะ ทิ้งเจ้าขามาใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงนะ เดี่ยวลอไปตามหลานเอง” จิรนันท์รับคำอย่างว่าง่ายจูงลูกชายคนเล็กเพื่อนกลับไปรอที่บ้าน

 

สีหน้าที่เคยสุขุมใจดีของลลิตภัทรบัดนี้ดำไปครึ่งค่อนหน้า ความเป็นห่วงท่วมท้นในจิตใจ ขายาวก้าวเร็วๆผ่านแม่และพี่ชายพี่สะใภ้ที่นั่งเล่นกับน้องคุณ

 

            “จะไปตามที่หนวะ?”พระลักษณ์เอ่ยถามน้องชายที่บัดนี้หน้าตึงสนิทขนาดที่ว่าหย่อนเหรียญใส่เหรียญก็เด้งกระเด็นแน่นอน

 

            “ว่าจะขับรถไล่หาไปเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวจะโทรหาเพื่อนเจี๊ยบด้วย เผื่อจะรู้ว่าเจี๊ยบไปไหน”

 

            “ขับรถดีๆแล้วกันไม่ต้องขับเร็ว”คนเป็นพี่เอ่ยเตือนซึ่งน้องชายคนเล็กก็พยักหน้ารับ ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจคุยอะไรเพิ่มแล้ว ชายหนุ่มขับรถออกไปพลางกดเบอร์ตามที่จิ๊บจดมาให้ สายแรกไม่รับ สายที่สองตัดสายทิ้ง สายที่สามก็ยังคงไม่รับอีกเช่นกัน น่าจะเพราะเขาเป็นเบอร์แปลกหรือไม่ก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถรับได้ ลลิตภัทรกดเบอร์ของลูกเจี๊ยบสัญญาณตอบรับบ่งบอกว่าไอ้ตัวดีปิดเครื่อง ระหว่างทางสายตาก็สอดส่ายฝั่งตรงข้ามเผื่อจะเห็นหลานนั่งรถรับจ้างกลับมาหากแต่ก็ไม่มีเลยจนกระทั่งเข้าเขตเมือง ในที่สุดความพยายามของลลิตภัทรก็สำเร็จเมื่อเด็กที่ชื่ออ๋องยอมรับสาย

 

            “ฮัลโหล”เสียงปลายสายห้วนจนลลิตภัทรอยากจะจับมานั่งอบรมการรับสายขั้นพื้นฐานดูซักที

 

            “สวัสดีครับ นั่นใช่อ๋องเพื่อนของลูกเจี๊ยบมั้ยครับ”ลลิตภัทรยังคงใจเย็นถามกลับด้วยความสุภาพ

 

            “ใช่ มีไรอ่ะ?”ปลายสายน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่ลลิตภัทรจำต้องทำใจเย็น

 

            “พอดีเจี๊ยบยังไม่ถึงบ้าน อาเลยมารับ อ๋องทราบมั้ยครับว่าเจี๊ยบไปไหน”

 

            “อ๋อ มันมาดูหนังกับพวกผม อ่าวนี่มันยังไม่ถึงบ้านอีกเหรอ แยกกันซักพักแล้วนะ”ปลายสายทำเสียงแปลกใจใส่ แต่ลลิตภัทรนั้นหน้าบึ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาห่วงแทบตายแต่ศตายุกลับหนีไปดูหนังจนมืดค่ำเนี่ยนะ

 

            “ถ้าจะหามันก็ลองขับไปที่ห้างxx ดูนะอา แค่นี้นะแม่ผมเรียกกินข้าวแล้ว”ไม่พูดพร่ำทำเพลงอ๋องก็กดตัดสายไปในทันที เมื่อรู้พิกัดของลูกเจี๊ยบแล้วลลิตภัทรก็เหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยพาครอบครัวของลูกเจี๊ยบไปกินพิซซ่าทันที

 

ร่างขาวๆยืนโบกรถอยู่ริมทาง รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหยุดพูดคุยด้วยแล้วก็ส่ายหัวจากนั้นก็ขับออกไป

 

ระยะทางที่ไกลเกินทำให้ไม่มีใครอยากเสี่ยงไปส่งในยามค่ำคืน ด้วยเคยมีเหตุการณ์มอเตอร์ไซค์รับจ้างโดนโบกไปส่งแถวบ้านลูกเจี๊ยบแล้วโดนฆ่าชิงรถ

 

ศตายุกำลังใจเสีย อยากโทรกลับไปหาแม่หากแต่โทรสศัพท์แบตหมดเกลี้ยงและเขาลืมเอาพาวเวอร์แบงค์มา

 

หนังสนุกก็จริงแต่ตอนนี้ลูกเจี๊ยบกำลังใจเสีย ถ้าไม่มีรถกลับบ้านจะทำยังไง เพื่อนๆที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนต่างพากันกลับไปหมดแล้วเพราะพ่อแม่โทรตาม พลันแสงไฟหน้ารถคันหนึ่งก็สาดเข้ามา ลูกเจี๊ยบหรี่ตาพลางยกมือขึ้นบังแสง รถคันนั้นจอดข้างๆลูกเจี๊ยบ กระจกถูกลดลงมาให้เห็นว่าใครคือคนขับ ลูกเจี๊ยบน้อยส่งยิ้มอย่างดีใจหากแต่พอเห็นสีหน้าของพระลอใจดวงนั้นก็สลดลงทันที

 

อาลอไม่ยิ้มตอบใบหน้านั้นบูดบึ้ง ดวงตาที่เคยพราวระยิบขี้เล่นนิ่งสนิท อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าน้ำเสียงเย็นๆนั่น

 

            “ขึ้นรถ”

 

อาลอโกรธเขาเข้าให้แล้ว....








ต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2018 22:51:03 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2






 

 

            ตลอดทางศตายุถูกความเงียบกดดันจนรู้สึกอึดอัด อาลอที่เคยขี้เล่นช่างหยอกในตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเหลือเพียงอาลอที่เอาแต่เงียบและไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่ลูกเจี๊ยบเลย

 

กลัว...

 

ลูกเจี๊ยบกลัวอาลอในโหมดนี้

 

ขนาดเจอกันครั้งแรกที่เขาโดนอาลอตีอาลอยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลยซักนิด

 

            “อาลอจ๋า...”ทำใจกล้าเรียกอาลอหากแต่อีกฝ่ายทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ ลูกเจี๊ยบน้อยเริ่มใจเสีย

 

            “อาลอ...”

 

            “อายังไม่อยากพูดกับเราตอนนี้”น้ำเสียงเรียบขรึมเอ่ยตอบกลับมา ไร้คำคะขา สรรพนามการเรียกก็เปลี่ยนไปจนใจแป้ว ศตายุรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

 

            “อาลอโกรธเจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”รู้ทั้งรู้ว่าอาลอโกรธก็ยังถามคำนั้นออกไป พูดแล้วก็อยากตบปากตัวเองนัก หน้าตึงซะขนาดนี้จะไม่โกรธได้ยังไง

 

ส่วนลลิตภัทรเมื่อได้ยินคำถามไม่เข้าหูนั้นความโมโหที่พยายามกักเก็บไว้ในใจก็ปะทุทันที ชายหนุ่มหักรถเข้าข้างทางกะทันหันจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

            “อาลอ...”

 

            “เจี๊ยบถามออกมาได้ยังไงว่าอาโกรธเจี๊ยบเหรอ เป็นใครจะไม่โกรธนี่มันกี่ทุ่มแล้ว คิดว่าตัวเองโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วใช่มั้ยถึงทำอะไรโดยไม่คิดถึงใจใครเลย ถ้าแม่ไม่ไปถามหาเจี๊ยบที่บ้านอาป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง จะได้กลับบ้านหรือยัง แล้วถ้าได้กลับบ้านจะถึงบ้านมั้ย ทำไมเจี๊ยบทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นเลย ไม่คิดถึงอาก็คิดถึงใจแม่เราบ้าง”ลูกเจี๊ยบถึงกับหน้าเสียเมื่อคำที่ลลิตภัทรพูดมาแทงลงกลางใจทุกคำเด็กน้อยเม้มปาก กุมมือตัวเองพลางบีบจนแน่นด้วยความกลัว

 

          “อาเห็นว่าเจี๊ยบทำตัวดีมาตลอดไม่เคยออกนอกลู่นอกรอย อาไม่เข้าใจทำไมวันนี้เจี๊ยบถึงมาดูหนังกับเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่าบ้านเราไม่มีรถผ่านตอนกลางคืนก็ยังจะไป”

 

            “หนู...”ลูกเจี๊ยบกดหน้าลงจนแทบจะชิดอก

 

ใช่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีรถประจำทางหรือรถรับจ้างอะไรที่จะวิ่งผ่านหมู่บ้านหลังหกโมงเย็นแต่ลูกเจี๊ยบก็ยังจะไป

 

            “แล้วอยากจะดูหนังทำไมไม่บอกอา วันหยุดวันว่างอาก็พามาได้ ทำไมต้องไปกับเพื่อน”

 

            “ก็อ๋องบอกว่าหนังจะออกวันพุธนี้แล้ว หนูชอบหนังเรื่องนี้มากก็เลยไป”

 

            “ชอบมากจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองเลยเหรอ?”ศตายุถึงกับใจเหี่ยวทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้น

 

            “หนูขอโทษ”

 

            “ถ้าแม่ไม่ไปหาอา ถ้าอาไม่รู้ ป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง ข่าวจี้ปล้นมีให้เห็นทุกวัน ถ้าเจอพวกคนใจทรามหลอกเจี๊ยบไปฆ่าชิงทรัพย์คิดบ้างมั้ยพ่อแม่รวมทั้งอาทั้งคนที่รักเจี๊ยบจะเสียใจแค่ไหน คิดบ้างมั้ย”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเจี๊ยบเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ลลิตภัทรอยากจะตีให้เนื้อแตก ยิ่งเด็กน้อยเก็บปากไม่ตอบคำถามก็ยิ่งโมโห

 

โดยเนื้อแท้เขาไม่ใช่คนใจดีนักหรอกติดจะเผด็จการเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาคบกับเด็กเขาก็ยอมสะกดอีกมุมของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เจี๊ยบกลัว

 

แต่นี่อะไร ทำผิดพอโดนดุทำมาเป็นเก็บปากเก็บคำไม่หือไม่อือไม่ขานรับ มันน่าจับตีให้เนื้อแตกนัก

 

            “อาถามทำไมไม่ตอบ?”ชายหนุ่มถามเสียงดังจนลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง

 

            “...”

 

อาลอน่ากลัว...

 

            “จะไม่พูดกันใช่มั้ยครับ จะเอาแบบนี้เหรอ ถ้างั้นต่อไปไม่ต้องมาคุยกับอาอีก”ลูกเจี๊ยบเงยหน้ามองอาลอทันที

 

หมายความว่ายังไง?

 

อาลอจะเลิกกับเขาเหรอ

 

เขารู้ว่าตัวเองผิด แต่ความผิดมันร้ายแรงถึงขั้นเลิกรักกันเลยเหรอ  เด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะทันที เสียงสะอื้นน้อยๆทำให้ลลิตภัทรใจแป้วลงไปโข เขาไม่ได้อยากดุลูกเจี๊ยบแรงนัก แต่ถ้าไม่ปรามกันเสียบ้างอีกหน่อยคงมีครั้งที่สอง แล้วใครจะรับประกันว่าครั้งที่สองเจี๊ยบจะปลอดภัย ถ้าหากเจี๊ยบเป็นอะไรไปเขาคงขาดใจตายแน่ๆ

 

จริงอยู่ว่าตอนเขาวัยรุ่นเขาเองก็ขับรถไปเที่ยวคนเดียวออกจะบ่อยตั้งแต่ยังไม่เต็ม 15 ดี

 

แต่เจี๊ยบไม่ใช่เด็กผู้ชายแมนๆอย่างเขา แม้จะมีมุมที่ขี้เล่นแก่นแก้วบ้าง แต่เพราะแม่และพ่อเลี้ยงดูราวไข่ในหินเด็กคนนี้ยังอ่อนต่อโลกมากนัก หัวอ่อนชักจูงง่าย

 

ครั้งนี้แค่ไปดูหนังโดยไม่บอก แล้วคราวหน้าถ้าเพื่อนชวนไปเที่ยวสถานที่อโคจรขึ้นมาล่ะ

 

ชวนกินเหล้าเมายาขึ้นมาล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบของเขาจะเสียคนมั้ยใครจะมารับประกัน เวลาเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเพื่อนๆพวกนั้นที่มาชักจูงลูกเจี๊ยบจะมาช่วยแก้ปัญหามั้ย

 

ก็ไม่...คนที่จะต้องอยู่กับปัญหานั้นคือพ่อแม่และครอบครัว หากเกิดอันตรายไปถ้าตาย คนที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นแดนดินและจิรนันท์ เพิ่มมาอีกคนก็คือเขาเอง

 

ลูกเจี๊ยบยังเด็กนัก คิดอะไรง่ายๆแบบเด็กๆเอาความสนุกและความพอใจของตัวเองเป็นที่ตั้งหากครั้งนี้เขาไม่ดุไม่ตำหนิมันต้องมีครั้งหน้าตามมาแน่ๆ

 

            “ไม่เอา...ฮึก...ไม่เอาแบบนี้สิอาลอ”เสียงสั่นเครือเจือเสียงสะอื้นทำลายความเงียบนับนาทีลงพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด มืออูมๆที่ลลิตภัทรชอบยกขึ้นมาจูบบีบต้นแขนของเขาอย่างเว้าวอน ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบริมฝีปากแดงเรื่อเพราะเจ้าตัวเม้มมันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

 

อยากจะรั้งร่างบางที่กำลังขวัญเสียของศตายุมากอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่ต้องการจะสั่งสอนเด็กน้อยคงไม่มีความหมาย ลลิตภัทรถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแกะมือน้อยๆนั้นออกจากแขน จ้องหน้าเด็กน้อยด้วยสายตานิ่งสนิท นิ่งเหมือนน้ำยามไร้คลื่นลม นิ่งจนไม่สามารถเดาความลึกของแม่น้ำนั้นได้

 

            “เจี๊ยบจะมาเอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกเรื่องไม่ได้หรอก ครั้งนี้เจี๊ยบผิดใช่มั้ยครับ”

 

            “ใช่จ้า...”เด็กน้อยสะอึกสะอื้นตอบรับ

 

            “สิ่งที่เจี๊ยบทำรู้มั้ยครับว่ามันไม่ดี ที่อาดุเพราะว่าอาเป็นห่วง ถ้าเจี๊ยบเป็นอะไรไปอาจะทำยังไง คิดบ้างหรือเปล่าครับ พ่อแม่พี่น้องจะเสียใจแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า จะไปดูหนังทำไมไม่โทรบอกแม่”

 

            “หนู..ฮึก...หนูจะโทรแล้ว แต่อ๋อง...อ๋องบอกว่าไม่ให้โทร ให้ไปเลยเดี๋ยวจะอยู่เป็นเพื่อนหารถกลับบ้านให้”

 

            “แล้วเขาอยู่เป็นเพื่อนเจี๊ยบมั้ย?”เด็กน้อยส่ายหน้า น้ำหูน้ำตาไหลเปรอะ

 

            “รู้มั้ยว่าแม่ห่วงเรามาก ในโลกนี้น่ะ ต่อให้ใครบอกว่ารักเจี๊ยบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางมากเท่ากับที่แม่รักเรา แม้แต่อาเองที่บอกว่ารักหนูก็ยังสู้ความรักของแม่ไม่ได้ แล้วเพื่อนพวกนั้นน่ะเขาอยากให้เจี๊ยบตามเขาไปเขาจะรับปากพล่อยๆอะไรก็ได้ สุดท้ายพอดูหนังเสร็จก็ไม่มีใครอยากจะยืนแกร่วไปกับเจี๊ยบหรอก เพื่อนแบบนี้น่ะเหรอที่หนูยังจะคบอีก คราวนี้ชวนไปดูหนังคราวหน้าจะชวนไปทำอะไร เจี๊ยบเป็นเด็กฉลาดน่าจะคิดเองได้นะว่าเพื่อนแบบไหนควรคบเพื่อนแบบไหนควรปล่อยไป กลับไปถึงบ้าน กราบขอโทษแม่ซะแล้วอย่าทำแบบวันนี้อีก”

 

            “ได้จ้า เจี๊ยบก็กะว่าจะไปขอโทษแม่อยู่แล้ว ถ้าแม่จะดุจะตีหนู หนูก็จะยอม แต่อาลอ อย่าโกรธหนูได้มั้ย อย่าเมินหนูอีก อย่าทำเหมือนจะเลิกกับหนูได้มั้ยจ๊ะ หนูกลัว”

 

            “ถ้ากลัวก็อย่าทำอีก อยากไปไหนขอให้บอกอา เจี๊ยบก็รู้ว่าอาพาเจี๊ยบไปได้ทุกที่ อีกอย่างคราวหลังถ้าอยากดูหนังเรื่องอะไรก็บอกอาแล้วขออนุญาตแม่ ดีกว่าแอบไปเอง ที่อาดุเพราะอารัก อาเป็นห่วงอยากให้เจี๊ยบรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี เจี๊ยบยังเด็กถึงแม้จะดูแลตัวเองได้แต่เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดได้เสมอ”

 

            “เข้าใจแล้วจ้า หนูขอโทษจริงๆนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือพนมไหว้ขอโทษ เขารู้ดีว่าอาลอนั้นเป็นห่วงดูได้จากการขับรถมาตามหาทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปไหนแท้ๆ

 

            “เจี๊ยบทำผิดแล้วยอมรับผิดอาจะยกโทษให้ แต่อาก็จะทำโทษเจี๊ยบเหมือนกัน”

 

            “อาลอจะตีหนูจะดุหนูอีกก็ได้จ้า หนูยอมทุกอย่างเลย”เด็กน้อยรีบรับปากโดนทำโทษก็ยังดีกว่าโดนอาลอเมินแบบเมื่อกี๊

 

            “งดเรียนพิเศษ 1 อาทิตย์ ไม่ต้องมาหาอาที่บ้าน ทบทวนความผิดของตัวเองไป”

 

            “ห๊ะ...อาทิตย์หนึ่งเลยเหรอจ๊ะ...สามวันไม่ได้เหรอ?”เด็กน้อยทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบหากแต่ลลิตภัทรดึงหน้าจนตึงอีกครั้งจนศตายุหดคออย่างเกรงๆ

 

            “อาทิตย์หนึ่งก็อาทิตย์หนึ่งจ้า แต่หนูคงคิดถึงอาลอมากแน่ๆเลย”ลลิตภัทรเกือบจะหลุดยิ้มเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายแต่จำเป็นต้องฮึ๊บไว้สุดพลัง

 

ไม่ไดนะมึงไอ้ลอ ถ้ามึงใจอ่อนคราวนี้มึงจะปกครองเด็กมันไม่ได้นะเว้ย คีพลุคไว้ ห้ามหลุดเด็ดขาด

 

          เกือบสามทุ่มในที่สุดลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบกลับมาส่งถึงบ้าน รถกระบะของแดนดินจอดอยู่ในโรงรถเป็นสัญญาณว่ากำนันหนุ่มกลับมาถึงบ้านแล้ว ศตายุเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวลีบๆ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อกับแม่รวมทั้งน้องทั้งสองพากันเดินลงบันไดมา

 

            “ไปไหนมา!!” เสียงตวาดลั่นของแดนดินทำเอาศตายุสะดุ้งโหยงเด็กน้อยหลับตากลั้นหายใจด้วยความกลัวแต่ก็ยังเดินไปหยุดยืนหน้าพ่อกับแม่

 

            “น้อง...น้องไปดูหนังกับเพื่อนมาจ้า”

 

            “พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ใช่มั้ยเจี๊ยบ”แดนดินยังคงเสียงดังใส่ลูก เขาทั้งโกรธทั้งห่วงทั้งโมโหเมื่อกลับบ้านมาแล้วพบว่าลูกชายยังไม่กลับจากโรงเรียนและติดต่อไม่ได้ ใจคิดกลัวไปสารพัด กลัวลูกจะประสบอุบัติเหตุกลัวใครมาหลอกลูกไปจนนั่งไม่ติด ข้าวปลาก็กินไม่ลง

 

            “พ่อจ๋า แม่จ๋า น้องขอโทษ ต่อไปน้องจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”ยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ด้วยร่างกายสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะอีกรอบ แม้จะทำใจไว้แล้วว่ากลับมาคงโดนพ่อกับแม่ดุ แต่ตั้งแต่ลูกเจี๊ยบเกิดมา ตีซักแปะดุซักคำก็ไม่เคย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แดนดินดุลูก ลลิตภัทรอดสงสารลูกเจี๊ยบไม่ได้ ระหว่างทางเขาก็ดุเด็กน้อยมาเยอะแล้ว

 

            “ใจเย็นก่อนเถอะพี่ หลานสำนึกผิดแล้ว”ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหวเดินไปโอบไหล่ปลอบหลาน

 

            “เรื่องในครอบครัวคนนอกไม่ต้องมายุ่งได้ป่ะ”เหมือนแดนดินจะเก็บเอาเรื่องขุ่นเคืองใจหลายอย่างมาพาลจนจิรนันท์ต้องดึงมือสามีไว้ไม่ให้พูดจาไม่ดีใส่ลลิตภัทร ลลิตภัทรโบกมืออย่างไม่ถือสา

 

            “คุยกันดีๆแล้วกัน จิ๊บเรากลับบ้านก่อนนะ”ลลิตภัทรหันไปกล่าวลากับจิรนันท์ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณที่พระลอเป็นธุระไปตามหาลูกให้หล่อน เมื่อรถของลลิตภัทรแล่นออกไปแล้วหล่อนก็หันมามองลูกที่ยืนนิ่งก้มหน้าร้องไห้แล้วถอนหายใจอย่างดล่งอก

 

ยังไงลูกก็กลับมาแล้ว

 

การดุด่าหรือเฆี่ยนตีไม่ได้ช่วยให้เด็กหลาบจำ

 

ตีไปก็ตายเปล่า

 

            “กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก หิวมั้ยเดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวให้”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามลูกที่ไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ ศตายุเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่ ดวงตากลมที่เคยซุกซนบัดนี้สั่นไหว

 

ถ้าแม่ดุเขาหรือตีเขาลูกเจี๊ยบจะไม่รู้สึกผิดถึงขนาดนี้เลย

 

นี่ขนาดเขาทำผิดสิ่งที่แม่พูดออกมามีแต่ความห่วงใย นั่นแหล่ะเสียงร้องไห้โฮก็ดังขึ้นเด็กน้อยโผเข้ากอดแม่ปากก็พร่ำเอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ

 

            “น้องขอโทษนะพ่อจ๋าแม่จ๋า น้องจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว”คำสัญญาถูกเอ่ยให้พ่อกับแม่ฟัง แดนดินถอนหายใจเฮือกแล้วลูบผมลูกเบาๆ

 

            “ช่างเถอะ ครั้งนี้ถือว่าผิดครั้งแรก พ่อจะไม่ทำโทษเจ้า แต่ต่อไปถ้าทำอีก พ่อจะตีน้อง จะตีให้เนื้อแตกเอาน่องลายๆไปอวดเพื่อนเลย รู้มั้ย”พูดพลางก็ประคองใบหน้าลูกน้อยไว้แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ลูกอย่างอ่อนโยน แต่กลายเป็นว่ายิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหล

 

เข็ดแล้ว ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เจี๊ยบจะไม่ทำอีกแล้วจำจนตายเลยจ้า



.......................................................

น้องผิดจริงๆ อาลอโกรธจริงๆเลยเผยร่างแท้ออกมา โดยเนื้อแท้แล้วอาลอไม่ใช่คนใจดีขี้เล่นอะไรนัก ที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากจูนตัวเองให้ตรงกับเจี๊ยบ



เด็กทำผิดผู้ใหญ่ต้องดุต้องสอนเป็นปกติ



ครั้งนี้อาลอจริงจังมากเพราะรักและหวังดีกับน้องจริงๆ



ถ้าเอาแต่ให้ท้ายอีกหน่อยจะเสียเด็ก เด็กวัยรุ่นพอโตแล้วก้คิดว่าตัวเองสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ต้องการการดูแลโอบอุ้มจากพ่อแม่แล้ว



แต่ในสายตาของพ่อแม่ต่อให้ลูกโตซักแค่ไหนแต่ในใจของพ่อแม่ก็ยังเป็นไอ้หนูน้อยๆของพ่อแม่อยู่ดี



อยากบอกน้องๆที่อ่านด้วยว่าทุกครั้งที่หนูก้าวออกจากบ้าน หนูเอาหัวใจของพ่อแม่ติดไปด้วยเสมอ กลับบ้านผิดเวลาเขาอาจจะบ่นจะดุจะว่านั่นเป็นเพราะเขารักและเป็นห่วงพวกหนูมากๆนั่นเอง



อย่ารำคาญความรักของพ่อแม่เลย วันหนึ่งเขาไม่อยู่รักหนูแล้วหนูจะเสียใจ




ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนนี้อินมากกกกกก

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๗





                ดูเหมือนบทลงโทษที่งดเรียนพิเศษหนึ่งอาทิตย์จะทำพิษเข้าให้แล้ว พิษงูเห่าที่ว่าร้ายยังไม่แรงเท่าพิษรักที่กำลังเผชิญเลยซักนิด ลูกเจี๊ยบน้อยกระสับกระส่ายสอดส่ายสายตาชะเง้อหาอาลอจนคอแทบหลุดทั้งเช้าและเย็นแต่อาลอไม่เยี่ยมหน้ามาให้เห็นเลยซักนิด

 

ทั้งๆที่บ้านก็ห่างแค่คลองกั้นแต่เหมือนความคิดถึงของลูกเจี๊ยบจะส่งไปไม่ถึงอาลอ

 

คืนนั้นหลังจากขึ้นบ้านขึ้นช่องแม่จิ๊บก็บอกให้ลูกเจี๊ยบไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินข้าว

 

เป็นครั้งแรกที่ลูกเจี๊ยบกินข้าวทั้งน้ำตายิ่งแม่พูดปลอบให้คลายความกลัวยิ่งแม่อ่อนโยนทำดีมากเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลจนพ่อกำนันเอ็ดเข้าอีกหนึ่งคำรบนั่นแหล่ะถึงได้หยุดร้องได้

 

พอกลับเข้ามาในห้องนอนเสียบสายชาร์จแล้วเปิดเครื่องถึงได้เห็นว่ามีข้อความว่าใครพยายามติดต่อตนเองบ้าง 1 เบอร์ที่มากที่สุดคือเบอร์ของแม่ แต่อีก 1 เบอร์แปลกนั้นไม่ต้องเดาเลย

 

                “เบอร์อาลอ”ลูกเจี๊ยบรีบเมมเบอร์นั้นไว้ในเครื่องทันที แถมยังจดใส่สมุดบันทึกไว้ด้วย ลังเลอยู่นานว่าตนเองจะกดโทรออกไปหาอาลอดีมั้ยในเวลาสี่ทุ่มเศษ แต่พอนึกถึงสีหน้าเย็นชากับดวงตาดุๆของอาลอก็ให้หวั่นในใจ

 

ตั้งแต่รู้จักอาลอมาก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่อาลอไม่เหมือนอาลอคนเดิมเลย ราวกับคนละคน เจี๊ยบชอบอาลอที่ใจดีมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าให้อาลอร่างดุโผล่มาอีกเลย

 

ใครจะว่ากร๊าวใจก็ว่าไปเลยจ้าลูกเจี๊ยบไม่เอาด้วยหรอก เข็ดจนวันตาย

 

วันรุ่งขึ้นเมื่อศตายุไปโรงเรียนเจออ๋องกับพวกพี่มิ่งนั่งอยู่ในโรงอาหารอ๋องรีบกวักมือเรียกแต่ลูกเจี๊ยบนึกถึงคำที่อาลอพูด

 

เพื่อนที่เวลาอยากได้อะไรกับเราก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอได้ตามความต้องการแล้วก็ไม่อาลัยใยดีตนซักนิดเวลาโดนดุลูกเจี๊ยบก็โดนดุเพียงคนเดียวส่วนอ๋องยังคงกินข้าวได้อร่อย หัวเราะได้เสียงดัง ส่วนตัวเองได้แต่นั่งซีดแล้วซีดอีกให้อาลอดุ

 

ไม่คุ้มเลยซักนิด เด็กน้อยหันหลังเดินไปนั่งอีกโต๊ะทำให้อ๋องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

 

ก็ทุกวันลูกเจี๊ยบจะมานั่งกับกลุ่มตนแต่ทำไมวันนี้ถึงแยกไปหรือว่าจะงอนที่พวกเขาทิ้งให้รอรถเองเมื่อคืน อ๋องเดินมานั่งกับเจี๊ยบยกแขนขึ้นพาดไหล่เพื่อนอย่างถือวิสาสะ

 

                “เฮ้ยเจี๊ยบมานั่งทำไมตรงนี้วะไมไม่ไปนั่งกับพวกกู”ศตายุจับแขนของอ๋องออกจากไหล่ของตนเองแล้วกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจ

 

                “เฮ้ย มึง งอนพวกกูเหรอ กูไม่ได้ตั้งใจทิ้งมึงนะเว้ยแต่แม่กูโทรตามอ่ะกูเลยต้องกลับก่อน”อ๋องรีบแก้ตัวไปเองก่อนเพราะถ้าลูกเจี๊ยบจะโกรธก็คงจะเป็นเรื่องที่ตนเองรับปากจะอยู่รอรถเป็นเพื่อนนั่นแหล่ะ

 

                “แม่มึงโทรตามทำไมเหรอ”คราวนี้ศตายุเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “อ้าว แม่กูเขาก็เป็นห่วงเห็นว่ามืดแล้วยังไม่กลับบ้านอ่ะ”

 

                “ตอนแม่มึงโทรตามมึงเพราะเป็นห่วงมึง แม่กูก็พยายามโทรหากูเพราะเป็นห่วงกูเหมือนกัน”ศตายุตอบกลับเสียงเรียบ อ๋องหน้าเจื่อนลงแต่ก้ทำเสียงดังกลบเกลื่อนความผิดที่ศตายุโยนมาให้

 

                “แหมเจี๊ยบ มึงก็ทำซีเรียสไปได้ โตยังกะควายแล้วยังทำตัวเป็นลูกแหง่ของแม่อยู่อีกเหรอวะ ถามจริงก่อนนอนมึงยังต้องดูดนมจากเต้าแม่มึงอยู่หรือเปล่าวะ”พูดจบอ๋องก็รู้สึกเจ็บชาที่ซีกแก้มทันที กลิ่นสนิมเหล็กคละคลุ้มเต็มกระพุ้งแก้ม เด็กหนุ่มกุมหน้าตัวเองร้องโอดยามถ่มน้ำลายลงพื้นก็พบว่ามันปนเลือดสีแดงออกมาด้วย

 

                “ไอ้เจี๊ยบมึงต่อยกูเหรอ”บรรดาเพื่อนๆต่างกรูกันเข้ามาห้ามเมื่ออ๋องทำท่าจะกระโจนเข้าหาเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบแอบสะบัดมือตัวเองเร่าๆที่ด้านหลังหากแต่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มเชิดหน้าอย่างท้าทาย

 

                “เออ กุต่อยมึง มีอะไรมั้ย ต่อยที่มึงทิ้งกู ไม่รักษาคำพูดไอ้เพื่อนเหี้ย”

 

                “มึงมันลูกแหง่ กูไม่อยากคบกับไอ้พวกกระจอกนักหรอก ถุ้ย ทำอะไรก็กลัวแม่ดุ ไปเอาผ้านุ่งแม่มึงมาใส่ไปอย่าใส่เลยกางเกง มึงกล้าต่อกู ต่อไปนี้มึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน”

 

                “เออ ไม่ต้องรอให้มึงมาตัดเพื่อนกับกูหรอก กูก็ตั้งใจจะเลิกคบมึงเหมือนกัน”ศตายุเชิดหน้าเถียงอย่างไม่เกรงกลัวคำขู่นั้นซักนิด

 

                “พวกมึงฟังกูนะ ถ้าใครไปคุยกับไอ้เจี๊ยบกูจะเลิกคบแม่งให้หมดแล้วคืนเงินที่ยืมกูไปคืนมาด้วย มีกูต้องไม่มีมัน”อ๋องประกาศกร้าวกลางโรงอาหาร เป็นอันสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมาหลายปี เพื่อนคนอื่นๆมองหน้าเจี๊ยบอย่างกระอักกระอ่วนแต่สุดท้ายก็เดินตามอ๋องออกไปทีละคนจนในที่สุดศตายุก็ยืนอยู่เพียงเดียวดาย

 

หลังเคารพธงชาติศตายุก็เดินแถวขึ้นมาบนห้อง เด็กน้อยชะงักเมื่อกระเป๋านักเรียนของตนเองหล่นอยู่หน้าห้อง โต๊ะเรียนที่ตนเองเคยนั่งบัดนี้มีเพื่อนคนอื่นมานั่งแทนแล้วโดยมีอ๋องนั่งกระดิกเท้าทำหน้าอ้อนตีนอยู่ข้างๆ เพื่อนคนอื่นก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับมองไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้น

 

ศตายุเก็บกระเป๋าตนเองขึ้นมาปัดเศษชอล์คออกกวาดสายตามองหาที่นั่งใหม่ก็ไปสะดุดกับโต๊ะท้ายห้องที่มีเพื่อนชื่อวุ้นนั่งอยู่ วุ้นเป็นเด็กชายตัวเล็กมักจะก้มหน้าไม่สู้สายตาใคร เป็นเพื่อนที่เพื่อนๆในห้องพากันมองข้ามเพราะวุ้นเรียนไม่เก่ง กีฬาก็ไม่ได้ แถมยังติดจะเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร วุ้นขยับแว่นกรอบหนาของตัวเองอย่างประหม่าและโดยไม่ทันมีใครคิด เสียงที่ติดประหม่าก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน

 

                “จ...เจี๊ยบ มานั่งข้างเราก็ได้...”ศตายุส่งยิ้มสดใสไปให้เพื่อนท้ายห้องก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆ เด็กน้อยเอียงคอเพื่อมองเพื่อนใหม่ข้างๆให้เต็มตา

 

                “ขอบใจนะที่ชวนเรามานั่งด้วยไม่งั้นเราคงเก้อแย่เลย”

 

                “อื้อ...ไม่เป็นไร เพื่อนกัน”ศตายุยิ้มกว้างกับคำพูดนั้น

 

การโดนเพื่อนเทบางทีก็ไม่ได้แย่นัก

 

 

 

 

                “พี่เจี๊ยบ ไม่ขึ้นบ้านเหรอ?”แก้วเจ้าจอมเอ่ยถามพี่ชายเมื่อเห็นว่ามืดแล้วแต่ศตายุก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน

 

                “ยังไม่อยากขึ้น อยากรอก่อน”

 

                “รอใคร?”แก้วเจ้าจอมเพ่งสายตามองไปยังจุดเดียวกับพี่ชายก็ไม่เห็นมีอะไร

 

                “รออาลอ”

 

                “รอทำไมอ่ะ ไม่ข้ามไปหาล่ะ?”แก้วเจ้าจอมถามอย่างแปลกใจ ก็ปกติพี่เจี๊ยบก็พายเรือข้ามไปหาอาลออยู่ทุกวัน ทำไมวันนี้ต้องมารอด้วยล่ะ?

 

                “ไม่เอาหรอก ไปก็โดนโกรธสิอาลอโกรธพี่อยู่”

 

                “แต่เวลาแม่โกรธพ่อกำนัน พ่อกำนันก็ตื๊อนะพี่เจี๊ยบ พ่อกำนันบอกหนูว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เวลาพ่อกำนันง้อแม่พ่อกำนันจะกัดคอแม่ หนูเห็นแป๊บเดียวแม่ก็ใจอ่อน”แก้วเจ้าจอมให้คำแนะนำพี่ชายตามที่พ่อกำนันจ๋าสอนมาเดี๊ยะๆ

 

 เนี่ยเห็นพี่เจี๊ยบซึมมา 2-3 วัน แก้วเจ้าจอมก็สงสารไง ไม่รู้อาลองอนอะไรพี่เจี๊ยบ พอพี่เจี๊ยบไม่ไปหาอาลอ เจ้าจอมเลยไม่ได้ข้ามไปหาลูกพี่อันดับหนึ่งเช่นกัน เนี่ยวันก่อนนู้นอาลอบอกว่าจะให้เจ้าจอมเล่นเรือบังคับ

 

ขืนยังงอนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆเจ้าจอมก็อดเล่นของเล่นสิ

 

อยากให้คืนดีกันจริงๆ ของเล่นแค่ผลพลอยได้จริงจริ๊ง

 

                “กัดคอ? พ่อเนี่ยนะกล้ากัดคอแม่”เจี๊ยบทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ อย่างพ่อกำนันเนี่ยนะจะกล้าทำให้แม่จิ๊บเจ็บ ขนาดยุงกัดแม่พ่อยังแค่ปัดจนยุงบินออกจากผิวเนื้อของแม่แล้วพ่อค่อยตบไม่ก็เอาที่ช๊อตๆจนตายนั่นแหล่ะ

 

                “จริงๆพี่เจี๊ยบ หนูเห็นพ่อกัดคอแม่ แล้วก็กัดปากแม่ บางทีก็กัดแก้มแม่”ลูกเจี๊ยบนึกภาพตามที่น้องบอกพลันภายในกายก็ร้อนวูบ

 

มันไม่ใช่การกัดแล้วมั้ยเจ้าจอม

 

แบบนั้นน่ะ เขาเรียกว่า...จูบต่างหากล่ะเด็กบ้าเอ้ย

 

ฮื้อ....ถ้าไปง้ออาลอแบบนั้นอาลอจะหายโกรธมั้ยนะ

 





 

 

 

                “ไม่สบายหรือเปล่าลอเอ้ย ทำไมพักนี้กินข้าวได้น้อย”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่วางช้อนลงหลังจากกินข้าวได้นิดเดียว  ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

 

                “ไม่ได้เป็นอะไรครับแม่ แค่ช่วงนี้เบื่อๆข้าว”

 

                “อยากกินอะไรมั้ยแม่จะทำให้”คนเป็นแม่เอ่ยถามอย่างห่วงใย ตั้งแต่พระลอกลับมาอยู่บ้านอยากกินอะไรหล่อนก็สรรหาทำให้ตลอด เอาอกเอาใจด้วยกลัวว่าลูกจะเกิดโหยหาชีวิตสะดวกสบายที่กรุงเทพ มา 2-3 วันนี้ ลลิตภัทรกินข้าวกินปลาได้น้อยลงใจหล่อนก็แป้วลงไปโข

 

                “ไม่ได้อยากอะไรพิเศษครับแม่ ผมแค่เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง”

 

จริงๆอยากกินลูกเจี๊ยบมากกว่าแม่หาให้ลอได้มั้ย ลูกเจี๊ยบแก้มฟูๆตัวนิ่มๆน่ะครับ

 

ภายในใจของชายหนุ่มร่ำร้องงอแงต่อคำถามของผู้เป็นแม่

 

ไอ้ลอเอ๋ยไอ้ลอ ทำเป็นเข้มลงโทษเด็ก สุดท้ายตัวเองนั่นแหละที่กินไม่อิ่มนอนไม่หลับกระสับกระส่าย อยากไปแอบมองหลานที่ท่าน้ำจะแย่แต่ต้องฮึ๊บไว้เพราะกลัวใจอ่อน ได้กลิ่นอะไรก็ไม่หอมเท่ากลิ่นแป้งที่ติดตรึงสองแก้มฟู กินขนมนมเนยอะไรก็ไม่อร่อยเท่าริมฝีปากนุ่มๆของลูกเจี๊ยบ

 

ใจจะขาดแล้วเอ้ยยยยยยยยย........ใจจะขาดแล้วเอย

 

                “ผมขอเข้าห้องก่อนนะครับรู้สึกเพลียๆ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกกับพ่อแม่และพี่ๆก่อนจะแยกตัวเข้าห้อง

 

                “มันทำเหมือนคนอกหัก”พระลักษณ์เปรยเบาๆ มื้ออาหารค่ำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆซักพักก็ปรากฏร่างเจ้าเจี๊ยบที่หายหน้าหายตาไปซะหลายวัน ย่าโฉมเอ่ยทักด้วยความคิดถึง

 

                “อ้าวเจี๊ยบ กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก”ลูกเจี๊ยบนั่งลงไหว้ปู่ลิตกับย่าโฉมรวมทั้งลุงๆป้าๆ ใจอยากจะแล่นไปหาลลิตภัทรในห้องจะแย่แต่จำต้องรักษามารยาท

 

                “กินมาแล้วจ้า”

 

                “แล้วหายไปไหนมาลูกไม่มาตั้งหลายวัน”ลูกเจี๊ยบน้อยได้แต่ยิ้มแหยๆเป็นคำตอบ

 

                “เมื่อวานเห็นอาจารย์ฉวีบอกว่าเราไปต่อยเพื่อนกลางโรงอาหารเหรอ?”พระรามเอ่ยถามอย่างอยากรู้

 

                “ทะเลาะกันนิดหน่อยจ้า แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คือ...อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”

 

                “เข้าไปนอนซักพักแล้วเห็นบอกว่าเพลีย”

 

                “งั้นหนูขอเข้าไปดูอาลอหน่อยนะจ๊ะ”เด็กน้อยรอให้เจ้าของบ้านอนุญาตจากนั้นก็เดินเร็วจนแทบจะเหาะไปที่ห้องของพระลอที่อยู่ริมสุด เคาะเบาๆหากแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา ศตายุถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปข้างใน โชคดีเหลือเกินที่อาลอไม่ได้ล็อคห้อง อาจจะด้วยความเคยชินที่คนบ้านนี้ไม่มีใครก้าวก่ายกันและกันถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ไม่มีความจำเป็นต้องล็อคห้องเลยซักนิด เมื่อเข้ามาในห้องนอนของพระลอแล้วความเย็นเฉียบจากแอร์ก็ปะทะผิวจนเย็นวูบ ศตายุไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างน้อยกันไว้ก็ดีกว่าแก้ พอหันหน้ากลับมาในห้องเด็กน้อยก็ถึงกับหน้าแดง อาลอนอนตะแคงกอดหมอนข้างไว้หลวมๆหลับอยู่บนเตียงแผ่นอกเปล่าเปลือยสะดุดตาก่อนเป็นอย่างแรก ศตายุไม่เคยเห็นตอนที่ลลิตภัทรนอนจึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มติดนิสัยนอนถอดเสื้อแก้ผ้าเป็นปกติโชคดีที่ชายหนุ่มห่มผ้าห่มไว้แม้มันจะปิดหมิ่นเหม่อยู่ตรงช่วงเอวก็ตามเถอะ

 

ฮื่อ...อาลอใส่กางเกงมั้ยนะ

 

น้องกลับบ้านดีหรือเปล่า ไหนๆอาลอก็หลับแล้ว

 

อะไรกัน ปกติ 4 ทุ่มตายังใสราวตั๊กแตนตำข้าว นี่เพิ่งสองทุ่มกว่าอาลอทำไมนอนเร็วจังล่ะจ๊ะ หรือว่าอาลอจะไม่สบาย

 

ต้องใช่แน่ๆ อาลอป่วยเหรอจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบน้อยค่อยๆย่องมายืนข้างๆเตียงแล้วใช้หลังมือน้อยๆแตะลงบนหน้าผากของลลิตภัทร

 

ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงด้านหลังของคนที่คิดถึงสุดหัวใจแตะต้นแขนเบาๆ ตัวก็แค่อุ่นๆ

 

                “มาทำไม?”เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบทำเอาลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง หากแต่ไม่ได้ลุกหนีไปไหนทำเพียงนั่งแกะมือตัวเองเล่นอย่างประหม่า

 

                “อาลอไม่ได้หลับเหรอจ๊ะ”

 

                “อาถามว่ามาทำไม?”ลลิตภัทรไม่ได้ตอบคำถามหากแต่ถามกลับไปเพื่อเอาคำตอบ เด็กน้อยยิ่งกดหน้างุดมากกว่าเดิม ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นสีซีดสลับแดง

 

                “หนู...”

 

                “อาบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องมาที่นี่อาทิตย์หนึ่ง”

 

                “หนูจำได้จ้า”

 

                “จำได้แล้วมาทำไม?”

 

                “หนูคิดถึงอาลอ...”คำว่าคิดถึงแทบจะกลืนไปกับอากาศหากแต่เสียงอกข้างซ้ายของคนทั้งคู่กลับดังผสานจนเป็นจังหวะเดียวกัน

 

อาก็คิดถึงหนูเหมือนกันค่ะ ลลิตภัทรกรีดร้องในใจคำว่าคิดถึงถูกเก็บไว้ในอก แม้อยากจะยิ้มแต่จำต้องคีพขรึมนอนหลับตาเฉยไม่หือไม่อือกับถ้อยคำแสนน่ารักนั้น

 

ลูกเจี๊ยบใจแป้วลงไปอักโขเมื่ออาลอไม่ไหวไม่ติงยังคงนอนหันหลังให้ตนอยู่อย่างนั้น

 

หากเป็นเวลาปกติแล้วป่านนี้คงจัดการฟัดเขาลงไปจมบนเตียงแล้วแท้ๆ

 

คิดถึงการหยอกเย้านั้นเหลือเกิน

 

                “กลับบ้านไปซะอาจะนอน”ประโยคตัดรอนเอ่ยออกมาอีกคำรบ ลูกเจี๊ยบแอบค้อนใส่อาลอไปทีหนึ่ง

 

ทำเป็นเข้มนะคนเรา จะงอนจะโกรธไปจนถึงเมื่อไหร่หนอ น้องมาง้อจนถึงที่แล้วไงทำไมไม่หันมามองหน้ากันซักนิด เดี๋ยวก็งอนกลับซะเลยนี่ เด็กน้อยแอบค่อนขอดในใจอย่างเอาแต่ใจ ในสมองพยายามคิดวิธีง้ออย่างเนียนๆ ถ้าทำแบบกระโตกกระตากและตรงจนเกินไปกลัวจะโดนอาลอมองไม่ดี ยังไงวันนี้ลูกเจี๊ยบก็อยากปรับความเข้าใจกับอาลอให้รู้เรื่อง สามวันมานี้เหมือนตนเองว่ายอยู่ในแม่น้ำแล้วถูกพืชใต้น้ำรัดขาจนเกือบจมอยู่รอมร่อ มันเหนื่อยจนหายใจไม่ออก

 

เมื่อก่อนเจี๊ยบไม่เคยมีเรื่องความรักอยู่ในหัวเลย เด็กน้อยมีความสุขตามอัตภาพ ครั้นพออาลอก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิต โลกสีขาวของเจี๊ยบก็เปลี่ยนไป มันจะเทาก็ไม่เทา จะขาวก็ไม่ใช่ โลกที่มีเพียงพ่อแม่ น้องๆ คนบ้านฟากขะนี้ก็มีอาลอเพิ่มเข้ามาด้วย

 

เจี๊ยบชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาลอ

 

ชอบจนเหมือนจะเสพติดไปซะแล้ว

 

คิดถึงทุกอย่างที่อาลอเคยทำให้

 

                “อย่าไล่หนูเลย...เพราะคิดถึงใจจะขาดหนูถึงยอมหน้าด้านข้ามมาหา”เด็กน้อยนอนซ้อนด้านหลังของลลิตภัทรสวมกอดพลางซบหน้าลงบนท่อนแขนครัดแน่นของคนเป็นอา ริมฝีปากอิ่มจูบลงบนท่อนแขนนั้นอย่างงอนง้อ

 

                “หายโกรธหนูเถอะนะจ๊ะ หนูมาง้อแล้ว”

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.........ลูกเจี๊ยบจูบแขน ลลิตภัทรใจไหววาบในแผ่นอกอยากจะพลิกตัวเข้าไปคว้าร่างนุ่มนิ่มที่นาบอยู่ติดแผ่นหลังมาฟัดเสียให้หนำใจ นิ่งไว้ไอ้ลอ นิ่งไว้ หากมึงใจอ่อนตอนนี้มันจะเสียการปกครอง อีกหน่อยขู่อะไรไปเด็กมันจะรู้หลักเล่นกลสะเดาะห์ความโกรธจากใจเขาได้

 

                “อาลอไม่คิดถึงหนูเหรอจ๊ะ”

 

                “โอ๊ย คิดถึงเจียนจะขาดใจตายแล้วหนูจ๋า”เอ่ยตอบโต้ในใจทันที

 

ศตายุค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไล่จากกระดูกสันหลังขึ้นไปเรื่อยๆ จูบหนึ่งครั้งก็พร่ำพูดคำว่าคิดถึงและขอโทษเสียหนึ่งหนจนกระทั่ง

 

จุ๊บ

 

รอยจูบผะแผ่วที่หลังต้นคนเล่นเอาลลิตภัทรร้อนวูบราวกับจะจับไข้

 

ลูกเจี๊ยบไปเอาวิธีง้อแบบนี้มาจากไหน เขาต้องสะกดอารมณ์ตัวเองสุดความสามารถจนอึดอัดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้ว

 

                “หันมามองหน้ากันหน่อยสิจ๊ะ หนูคิดถึงอาลอม๊ากมาก”เด็กน้อยใช้ปลายนิ้วดันให้ไหล่แกร่งหันมาทางตนเอง เมื่อดวงตาของคนทั้งคู่สบกันก็คล้ายมีกระแสไฟแล่นทั่วร่างของลูกเจี๊ยบ สายตาอาลอไม่ได้มึนตึงแบบวันนั้นแล้วแปลว่าวิธีการง้อแบบที่เจ้าจอมบอกนั้นได้ผลจริง ลูกเจี๊ยบยืดตัวขึ้นไปจรดปลายจมูกและริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวจัดของอาลอเบาๆ

 

                “ดีกันนะจ๊ะ ต่อไปหนูจะไม่ดื้อ จะไม่หนีเที่ยวจะเชื่อฟังอาลอทุกอย่างเลย หนูสำนึกผิดจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยอาลอดูสิ หนูต่อยปากไอ้อ๋อง เจ็บมือไปหมดเลย เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็เทหนูเพราะว่ากลัวจะโดนไอ้อ๋องตี หนูเลิกคบกันมันแล้วนะเพราะหนูเอาสิ่งที่อาลอสั่งสอนไปคิดตาม หนูยังเด็กผิดพลั้งอะไรไปอาลอรักหนูหวังดีกับหนูก็ค่อยๆสอนหนูนะจ๊ะ หนูจะเชื่อฟังไม่ดื้อไม่ซนจริงๆ บทลงโทษ 7 วันมันนานไป อาลอไม่คิดถึงหนูจริงๆเหรอ ถ้าวันนี้อาลอยังไม่คุยกับหนูอีกหนูคงกลับบ้านไปนอนร้องไห้แงๆแน่ๆเลย”

 

                “ขนาดนั้นเชียว?”ในที่สุดลลิตภัทรก็เผลอตอบโต้กับหลาน ใบหน้ามีรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้งที่คุยกัน ศตายุเห็นดังนั้นก็ดีใจเป็นนักหนา อาลอยอมคุยด้วย อาลอยิ้มให้ แปลว่าตื้ออีกนิดความสัมพันธ์ก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม เด็กน้อยรีบซบลงบนแผ่นอกเปลือยนั้น ลูบเบาๆอย่างเพลินมือใบหน้าน่ารักนั้นถูไถไปมาอย่างออดอ้อน

 

                “จริงสิจ๊ะ เนี่ยหนูอยากโทรหาอาลอแต่หนูกลัวอาลอจะดุอีก เราอย่าโกรธกันอีกเลยนะจ๊ะ หนูไม่สบายใจเลย หนูผิดหนูก็ยอมรับผิดอาลอจะไม่ให้อภัยหนูได้ลงเหรอจ๊ะ”

 

                “ช่างพูด คราวหลังก็อย่าทำอีกก็แล้วกัน คราวนี้จะยกโทษให้”คนแก่กว่าลูบไหล่หลานเบาๆ ปากก็ว่าให้เด็กอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก

 

อันที่จริงหายโกรธตั้งแต่ที่หลานจูบต้นคอแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่นตัวอีกหน่อยก็แล้วกัน

 

                “แต่อายังไม่หายโกรธหรอกนะ”

 

                “อ้าว...”เด็กน้อยร้องโอดเมื่อได้ยินประโยคเรียบๆนั้น ลลิตภัทรดึงกายหลานให้นอนคร่อมตัวเองแล้วมาจ้องหน้ากันตรงๆ ดวงตาพราวระยิบราวกับมีดวงดาวมาส่องแสงสุกสกาวอยู่ในนั้น

 

                “พิสูจน์ให้อาดูก่อนสิคะว่าหนูอยากง้อให้อาหายโกรธจริงๆ”เพียงสิ้นคำริมฝีปากอิ่มของลูกเจี๊ยบก็แนบประทับลงบนริมฝีปากของลลิตภัทรในทันที รสจูบหอมหวานที่ใฝ่หาถูกเติมเต็มแนบสนิทศตายูงับริมฝีปากล่างของลลิตภัทรเบาๆกัดน้อยๆราวกับขอบัตรผ่านเพื่อเปิดทางให้ได้เข้าไปสำรวจด้านใน ลลิตภัทรเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียอมเปิดปากให้เด็กเก่งที่เขาสอนวิชาให้เพียงครั้งสองครั้งก็สามารถจำไปทำตามได้อย่างดี เกลียวลิ้นชื้นแฉะแตะสำรวจก่อนจะตวัดยั่วยุอย่างฮึกเหิม เด็กน้อยกำลังได้ใจคิดว่าตนเองนั้นคุมเกมส์ครั้งนี้ได้ทว่าลลิตภัทรก็สอดมือขึ้นมาประคองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มพลางแลกจูบกับเขาอย่างดูดดื่มก่อนจะพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างบางนั้นไว้อย่างรวดเร็ว รสจูบบดเบียดเร่งเร้าราวคนเอาแต่ใจจนน้ำใสไหลเปรอะมุมปากของคนทั้งคู่ ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมาอีกนอกจากใช้จูบบอกเล่าความคิดถึงและโหยหาที่มีในใจส่งผ่านให้แก่กันและกันจนในที่สุดลลิตภัทรก็ถอนจูบออกมาอย่างเสียดายเมื่อหลานตัวน้อยทุบลงบนอกของเขาเบาๆ ลลิตภัทรถอนหายใจเอาความหนักอกออกไป ลูบใบหน้าแดงระเรื่อนั้นอย่างอ่อนโยนรักใคร่

 

คิดถึงเหลือเกิน

 

คิดถึงมากๆ

 

“ต่อไปเราสองคนอย่าได้โกรธเคืองกันอีกเลยนะจ๊ะอาลอ”น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยออดอ้อนจนใจอ่อน ชายหนุ่มพยักหน้ารับ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสซื่อนั้น

 

“อาไม่ได้โกรธหนู อาแค่เป็นห่วง ถ้าหนูเป็นอะไรไปหรือได้รับอันตราย อาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นขอเถอะนะ อย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงอานึกถึงพ่อแม่กับน้องๆบ้าง เจี๊ยบอาจจะไม่รู้ว่าอารักเจี๊ยบมากแค่ไหน แต่สำหรับอา อาสามารถตายแทนหนูได้จริงๆนะคะ รู้บ้างมั้ย”ศตายุรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ใบหน้าของลลิตภัทรพร่าเลือนก่อนจะกระพริบตาเร็วๆเพื่อไล่ม่านน้ำนั้นให้เลือนหายไป ยกมือลูบสันกรามของคนที่ตัวเองมอบใจให้ไปทั้งดวงก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ลลิตภัทรหัวใจพองฟูจนแทบจะระเบิด

 

                “ฮื้อ...อาลอ หนูจะร้องไห้แล้วนะจ๊ะ หนูรู้แล้วจ้า ต่อไปหนูจะไม่เหลวใหลแบบนั้นอีกแล้ว หนูรักอาลอ รักมากๆ หนูไม่รู้ว่าคนรักกันต้องรักกันมากแค่ไหนถึงจะเรียกว่ารัก แต่นอกจากพ่อแม่กับน้องแล้ว อาลอก็คือคนที่อยู่ในความคิดของหนูตลอดเวลา หนูรักอาลอ รักมากๆจริงๆนะจ๊ะ”

 

                “อาก็รักหนู รักมากๆเท่าชีวิต ลงโทษหนูไปตัวเองก็ทรมานเอง รู้มั้ยคะสามวันมานี่อากินข้าวแทบไม่ได้เลย ปากไม่รับรสเลยซักนิดหนูต้องรับผิดชอบอานะคะ”

 

                “รับผิดชอบ? รับผิดชอบยังไงจ๊ะ?”เด็กน้อยถามตามประสาซื่อ ลลิตภัทรอมยิ้มหลุบตามมองต่ำมาที่อกเสื้อของหลานที่มีรูปร่างของเม็ดบัวเล็กๆดันนูนผ่านเนื้อผ้า

 


                “อาหิวค่ะ...อยากกินนม”







..............................................



ดื่มนมกันเถอะ มาดื่มเยอะๆ ดื่มนมกันเถอะ รับรอง "แข็ง" แรง



เจ้าจอมอยากได้อะไรคะ คิดไว้หรือยัง เดี๋ยวอาลอเขาจะสมนาคุณให้ อิอิ



คนมันรักมันคิดถึงอ่ะเนอะ ครั้งนี้อภัยให้ก็ได้แต่อย่ามีครั้งหน้าอีก คิดว่าลูกเจี๊ยบคงเข็ดแล้วล่ะ



เชื่อกุนซือเจ้าจอมได้เลยพี่เจี๊ยบ เอาวิธีนี้แหล่ะ กัดคออาลอเลย พอกัดเสร็จมันก็จะเป็นรอยแดงๆอ่ะนะ



ตอนนี้ลูกเจี๊ยบดูห้าวมาก หนึ่งเพราะโกรธแหล่ะที่เพื่อนทิ้งตัวเอง



สองเพราะลูกเจี๊ยบคิดตามที่อาลอสอนแล้วว่าการคบเพื่อนแบบนี้ควรวางตัวอยู่ในระดับไหน พื่อนสนิทหรือแค่คนเคยรู้จักกัน



ความจริงการก้าวออกจากอะไรเดิมๆมันก็ไม่ได้แย่



บางทีเราไปตลาดเห็นผลไม้รูปร่างไม่สวยแต่พอได้ชิมเนื้อในอาจจะหวานจนต้องซื้อกลับมากินที่บ้าน



เพื่อนก็เหมือนกัน บางทีคนที่เราไม่เคยคุยด้วยอาจจะเป็นกัลญาณมิตรก็เป็นได้

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หวานมากก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อาลออย่าลวนลามน้องงงงงงง

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๘







                วันนี้ลลิตภัทรเหมือนโดนสูบพลังเมื่อแดนดินเรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ มีหนังสือราชการส่งตรงมาที่อำเภอเนื่องจากเกิดการระบาดของยาเสพติด

 

                “อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทางการเพ่งเล็งมาที่หมู่บ้านของเราเพราะหลายเดือนมานี้จำนวนผู้เสพยามากขึ้นจนน่าตกใจและเริ่มสร้างความเดือดร้อนเช่นการลักเล็กขโมยน้อย ลักอุปกรณ์การเกษตรเช่นปั๊มสูบน้ำ หลายบ้านถูกลักควายไปขายรวมทั้งส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน ที่เราจับก็ได้แค่ผู้เสพตัวการกลุ่มผู้ค้ายาเรายังสาวไปไม่ถึงตัวดังนั้นผมอยากให้ผู้ใหญ่และผู้ช่วย ช่วยกันสอดส่องลูกบ้านในหมู่ของตัวเองพบเจอใครเป็นผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยขอให้แจ้งทางการเพื่อเข้าจับกุมต่อไป”วาระในที่ประชุมถูกหยิบยกออกมาพูดต่ออีก 2-3 เรื่องก่อนจะเลิกประชุมเอาในตอนเย็น บรรดาผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยต่างทยอยกันออกจากศาลาวัดที่ใช้เป็นสถานที่ประชุม ลลิตภัทรเองก็เก็บของอันได้แก่สมุดเล่มเล็กๆจดใจความสำคัญและปากกาคู่ใจใส่กระเป๋า แดนดินเดินมาหยุดตรงหน้าของลลิตภัทร คนอ่อนอาวุโสกว่าเลิกคิ้วเป็นคำถามถึงการมายืนตรงหน้าตน

 

                “อาทิตย์ก่อนกูเห็นมึงพาลูกเมียกูไปกินข้าวที่ห้าง”ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรที่แดนดินรู้ ชายหนุ่มทำเพียงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางประสานมือกันหลวมๆวางอยู่บนเข่าตัวเอง รอยยิ้มปรากฏน้อยๆที่มุมปากราวกับฟังเรื่องดินฟ้าอากาศ

 

                “ใช่ ทำไมเหรอ?”ลลิตภัทรไม่ได้จะกวนนะแต่พอเห็นท่าทางฟึดฟัดของแดนดินก็ให้นึกสนุก

 

อ่า...แกล้งหยอกให้แดนดินโมโหเล่นก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

 

                “ก็ไม่ทำไมหรอก แต่จิ๊บเป็นเมียกู ลูกๆทั้งสามคนก็ลูกๆกู ดูแลแค่ในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็พอเพราะถึงยังไงต่อให้อยากทำให้มากกว่านั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์”ลลิตภัทรเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้แดนดินจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หากแต่เมื่อเทียบกันแล้วลลิตภัทรกลับสูงใหญ่กว่าเล็กน้อยชายหนุ่มเหยียดยิ้มใส่อย่างยั่วโมโห ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูของแดนดิน

 





                “ถ้าไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเมียพี่ก็ช่วยมีเวลาดูแลเขาหน่อยสิครับ ไม่งั้นผมจะไปทำหน้าที่นั้นแทนให้เอง”







 

ลลิตภัทรรู้ดีว่าแดนดินน่ะเป็นคนยั่วง่าย แค่พูดจาไม่เข้าหูนิดหน่อยก็อาจจะปากแตกได้ และครั้งนี้ก็เช่นกันคอเสื้อเชิ้ตราคาแพงของลลิตภัทรถูกแดนดินกระชากเข้ามาหาตัวอย่างแรง สายตาวาวโรจน์ราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชติดูน่าเกรงขามหากแต่ลลิตภัทรกลับนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

สนุกจัง ยั่วให้อดีตมารหัวใจโกรธได้นี่ก็ถือว่าเย็นนี้กลับบ้านไปก็กินข้าวอร่อยล่ะ

 

                “นี่กูมาเตือนมึงดีๆนะไอ้ลอ มึงกับจิ๊บจบกันไปนานแล้ว มึงเองก็เห็นว่ากูรักกันดี อย่าคิดว่าจะกลับมาปั่นประสาทกูได้”

 

                “ปั่นได้ไม่ได้ตอนนี้พี่ก็เหมือนหมาบ้าอยู่ว่ะ ลูกเมียน่ะให้เวลากับเขาบ้างเถอะ แบ่งเวลาน่ะทำเป็นมั้ย ถามตัวเองเถอะว่าทุกวันนี้เห็นหน้าลูกวันละกี่นาที ไหนพี่มึงเคยพูดไงวะมึงดูและพวกเขาได้ดี”

 

                “ลูกเมียกูเขาเข้าใจ มึงไม่ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่งั้นกูไม่เอามึงไว้แน่”แดนดินกระชับคอเสื้อของลลิตภัทรให้แน่นกว่าเดิม ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธเคืองหรือจะทำร้ายกลับชายหนุ่มทำเพียงพลางแกะมือแดนดินออกจากคอเสื้อของตน กระตุกยิ้มที่มุมปากยั่วอีกทีแกล้งปัดไหล่ของแดนดินราวกับมีฝุ่นผงติดอยู่แล้วหันหลังยักไหล่จากไป สร้างความหงุดหงิดให้กับแดนดินแต่จะตามไปทำร้ายร่างกายลลิตภัทรก็ไม่ได้ ยังไงฐานะหน้าที่การงานรวมทั้งสถานที่ก็ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ถ้าลลิตภัทรยังไม่เลิกยั่วโมโหเขาไม่นานคงได้ฟาดปากกันซักครั้ง

 

เขาจะไม่ยอมคืนจิ๊บให้ลลิตภัทรแน่ๆ เพราะจิ๊บน่ะมีเพียงคนเดียวบนโลก ถ้าถูกแย่งไปต่อให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาศรีภรรยาดีๆแบบนี้ไม่ดีอีกแล้ว

 

ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านในตอนพลบค่ำ พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้รวมทั้งหลานๆนั่งคุยกันอยู่บนบ้านเพื่อรอกินข้าวเย็นด้วยกัน

 

เขามองพ่อกับแม่ที่นั่งไม่ไกลกันแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้ที่แดนดินหวงจิ๊บมากก็เพราะจิ๊บเป็นผู้หญิงที่ดี เหมือนที่พ่อของเขารักแม่ คนเป็นคู่ชีวิตกันมานานความหวานมันอาจจะเบาบางลงไปบ้างแต่ความรักไม่เคยเสื่อมคลายจากกัน สิ่งที่เขาพูดกับแดนดินไปเพียงแค่อยากให้แดนดินเก็บไปคิด ในเมื่อหวงแหนนักก็ควรรักษาไว้ให้ได้ แดนดินแบ่งเวลาไม่เป็นไม่รู้ว่าเวลาไหนควรสวมบทกำนันเพื่อลูกบ้านเวลาไหนควรสวมบทสามีและพ่อที่ดีของลูกๆ ไม่ว่ามีงานอะไรแดนดินไม่เคยปฎิเสธเลย จันทร์เจ้าขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะเด็กผู้หญิงมักจะสนิทกับแม่มากกว่าพ่ออยู่แล้ว แต่ที่มีปัญหาและเขาสังเกตมาซักพักแล้วคือเจ้าลูกเจี๊ยบของเขากับแก้วเจ้าจอมนั่นแหล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อบ่อยแต่ก็จะมีประโยคที่ตัดพ้อเรื่องที่พ่อไม่มีเวลาให้อยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรอกว่าตัดพ้อคนเป็นพ่อบ่อยแค่ไหน แก้วเจ้าจอมที่เมื่อก่อนพูดถึงพ่อแทบไม่ขาดปากเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นมาติดเขาแทนที่จะติดพ่อ เด็กวัยนี้พ่อคือฮีโร่คือแบบอย่างแต่แดนดินกลับไม่อยู่เป็นแบบอย่างให้ลูกแล้วเด็กมันจะไปเอาต้นแบบมาจากไหนรอให้โตกว่านี้ค่อยมีเวลาให้ลูก ลูกก็โตเกินกว่าจะมาปรึกษาพูดคุยอะไรกับพ่อแล้ว

 

แดนดินช่างโง่เขลาเหลือเกินที่ไม่รู้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไรก่อนหรือหลัง



 หลังมื้ออาหารจบลงไม่นานลูกเจี๊ยบก็ข้ามมาหา วันนี้เด็กน้อยมีการบ้านถึงสามวิชา เขาปล่อยให้หลานทำการบ้านไปเงียบๆจุดไหนที่ลูกเจี๊ยบไม่เข้าใจก็จะถามเขาซักครั้งหนึ่ง ลลิตภัทรมองแผ่นหลังบางของศตายุแล้วให้สงสาร เด็กคนนี้เหมือนจะเป็นเด็กร่าเริงและคิดบวกแต่บ่อยครั้งลูกเจี๊ยบมักจะนั่งเหม่อ เขารู้ว่าลูกเจี๊ยบน่ะจริงๆแล้วเป็นเด็กขี้เหงาขนาดไหนเมื่อก่อนลูกเจี๊ยบก็น่าจะติดพ่อมากเหมือนแก้วเจ้าจอม แต่พอแดนดินมีภาระหน้าที่ข้างนอกมากเข้าก็ห่างจากพ่อไปโดยปริยายและพอดีกับที่เขาเข้ามามีบทบาทในชีวิตเจ้าเจี๊ยบน้อยทันเวลาพอดี แดนดินโชคดีเหลือเกินที่ได้ลูกๆที่น่ารักถึงสามคน วัยอย่างเจี๊ยบถ้าจะทำตัวมีปัญหาจริงๆทำไมจะทำไม่ได้ โชคดีเจี๊ยบเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ดีเจี๊ยบรักพ่อแม่และรักตัวเองจึงไม่พาตัวเองไปสู่ที่ต่ำ ชายหนุ่มเดินมายืนด้านหลังหลานแล้ววางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆ ศตายุหันมาเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มหวานให้จนอดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่มนั้นแรงๆเสียทีหนึ่ง

 

                “ฮื้อ...มาจูบหนูทำไมจ๊ะ”เด็กน้อยร้องโอดใส่หันหน้าหนีแต่ก็แอบยิ้ม อาลอชอบทำให้ใจเต้นแรงเจี๊ยบว่าเจี๊ยบจะหัวใจวายตายเอาซักวันหนึ่ง

 

                “ก็หนูน่ารักนี่คะ อาก็อยากจะรักบ่อยๆ”ลลิตภัทรเดินไปนั่งที่ปลายเตียงปล่อยให้เด็กน้อยได้ทำการบ้านจนเสร็จ

 

                “เสร็จแล้วเหรอคะ?”เอ่ยถามเมื่อเห็นศตายุปิดปลอกปากกา

 

                “จ้า”

 

                “งั้นมาหาอาสิคะ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกด้วยสายตาระยิบระยับ ลูกเจี๊ยบลุกแล้วเดินมาหาอย่างไม่อิดออด

 

รู้ว่าอาลอจะเรียกมาทำอะไร แต่ก็เดินมาหาอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรดึงมือของลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตนจนเด็กน้อยนั่งคร่อมเขาด้วยท่าทางล่อแหลม ลลิตภัทรลูบแผ่นหลังบางก่อนจะประคองต้นคอของศตายุแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มราวหิวกระหาย ลลิตภัทรรู้ว่าสิ่งที่ทำกับศตายุไม่ใช่เรื่องดีนัก เหมือนเขาล่อลวงเด็ก ลักกินขโมยกินกับลูกชาวบ้าน แต่เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยซักครั้งที่จะแตะต้องเด็กคนนี้

 

ศตายุเหมือนเป็นของหวานที่เขาใช้เติมพลังยามเหนื่อยล้า ประคองกรอบหน้าของเด็กที่เริ่มจูบเก่งสอดลิ้นเข้าไปรุกรานเกี่ยวกระหวัดรุกล้ำจนคนเด็กตัวสั่น สะโพกตึงเริ่มมีปฏิกิริยาบดเบียดกับหน้าท้องของเขาจนรับรู้ถึงความตึงตัว เพราะยังเด็กจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ศตายุจึงแสดงมันออกมาอย่างชัดเจน ลลิตภัทรไม่เคยล่วงเกินศตายุมากจนถึงขนาดลึกซึ้งขั้นสุดท้ายเขายั้งใจไว้เสมอเพราะเห็นถึงความไม่สมควร

 

เจี๊ยบยังเด็กนักเขาไม่ควรฉวยโอกาสตอนที่เด็กควบคุมอารมณ์ไม่ได้

 

แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังคงมีศีลธรรมอันน้อยนิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ในเมื่อเนื้อนิ่มช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน

 

                “อาลอ...”เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเขาละริมฝีปากออก ความฉ่ำวาวจากน้ำลายเคลือบริมฝีปากแดงเจ่อให้ดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้นเจ้าเจี๊ยบน้อยแก้มแดงปลั่งอย่างเด็กสุขภาพดี

 

                “คะ?”ตอบรับพลางใช้ปลายนิ้วไล้ตามกรอบหน้าไล่ลงไปถึงลำคอของศตายุ เด็กน้อยเอียงหน้ารับพลางสูดลมหายใจลึกด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่านอยู่ภายในกาย สองแขนคล้องคอคนเป็นอาหลวมๆ รอยยิ้มน่ารักถูกมอบมาให้พร้อมคำพูดหวานๆที่ลลิตภัทรไม่เคยเบื่อที่จะฟังเลยซักครั้ง

 

                “หนูรักอาลอนะจ๊ะ”ลลิตภัทรประคองใบหน้าน่ารักนั้นไว้ รอยยิ้มอบอุ่นที่เห็นกี่ครั้งจิตใจก็อุ่นวาบอย่างประหลาดถูกส่งมาให้และศตายุไม่เคยเบื่อที่จะรับมัน

 

รักอาลอ รักมากเหลือเกิน

 

ลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าในชาตินี้ตนเองจะมีความรักที่สวยงามแบบนี้ให้กับใครได้อีก

 

อยากให้อาลอเป็นรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของตนเหลือเกิน...

 

                “อาก็รักหนูค่ะ”คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มหวานมาประดับบนใบหน้าของศตายุได้อีกครั้ง เด็กน้อยกดจูบแผ่วเบาแต่ทว่าลึกซึ้งอ่อนหวานย้ำๆซ้ำๆราวกับจะสลักคำนั้นให้อยู่ที่ริมฝีปากของลลิตภัทรตลอดไป

 

                “พูดว่ารักหนูบ่อยๆนะจ๊ะ หนูชอบฟัง”

 

                “อาจะบอกจนเบื่อเลยล่ะค่ะ อย่ารีบทิ้งอาไปไหนก็แล้วกัน”

 

                “งั้นอยู่ฟังจนกว่าจะตายจากกันเลยเป็นไงจ๊ะ?”เด็กน้อยเอียงคอทำท่าน่ารักจนเขาอดไม่ได้ที่จะพลิกร่างบางให้นอนลงบนเตียง ชายหนุ่มเลิกเสื้อยืดตัวโคร่งของหลานขึ้นไปจนเหนือราวนมแล้วฟัดหน้าท้องของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยวจนเด็กน้อยหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “ถ้าไม่ขาดใจตายก่อนอาก็จะบอกจนกว่าเจี๊ยบจะเบื่อเลยดีมั้ย?”

 

                “ฮื้อ...เลิกฟัดท้องหนูก่อนสิจ๊ะ หนูจั๊กจี้”

 

          “ไม่ให้ฟัดท้องงั้นก็เลือกมาว่าจะให้ฟัดอะไรระหว่างนมกับ....”ลลิตภัทรแกล้งเลื่อนสายตาลงต่ำไปยังกลางกายฝ่ามือร้อนก็ลูบต้นขาเนียนอย่างเร้าอารมณ์เด็กน้อยร้องโวยวายเมื่อคนแก่ไม่ยอมรอฟังคำตอยเลยซักนิด

 

สุดท้ายเขาก็โดนอาลอฟัด”ทั้งตัว”อยู่ดี

 


แล้วจะให้เลือกทำไมจ๊ะ อาลอนี่ขี้โกงจริงๆเลย ให้ตายสิ!!!





 

 

 

            วันนี้แก้วเจ้าจอมมีความสุข ความสุขพุ่งล้นจนแทบทะลุลูกกระเดือกออกมาเลยล่ะจ้าพี่จ๋า ก็วันนี้พ่อกำนันไม่มีงานเลี้ยงข้างนอก แก้วเจ้าจอมเลยกลายร่างเป็นหมอนวดจำเป็นเหยียบหลังให้พ่อกำนันอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

ใครก็ทำไม่ได้อย่างเขาหรอก พ่อกำนันต้องมานอนสยบใต้แทบเท้าทั้งสองของเจ้าจอมแบบนี้เป็นภาพที่หาได้ยากนัก

 

จอมผู้ฆ่ายักษ์

 

ไม่ใช่ยักษ์ทำมะดาด้วยนะจอมจะบอกให้ ก็พ่อกำนันของจอมน่ะ อกผาย ไหล่ผึ่ง หลังตึง กล้ามเป็นมัดๆ มองไกลๆคล้ายลิงกอลิล่าเวลาเดินคู่กับแม่จิ๊บของจอม เหมือนกอลิล่าเคียงข้างแมวเหมียว น่าเกรงขามมาก โตไปเจ้าจอมก็อยากตัวใหญ่เหมือนกรูปรีแบบนี้บ้าง จอมไม่อยากเป็นลิงเดี๋ยวจะไปทับทางพ่อกำนันจ๋าซะก่อน

 

            “เอ้อ....ดีมาก ตรงนั้นแหละลูก ลงส้นเลย”แดนดินร้องครางอย่างพอใจเมื่อเจ้าจอมเหยียมโดนตรงจุดที่ปวดตึง แก้วเจ้าจอมจัดการขยี้เส้นอย่างรู้ใจ เนี่ย ไม่อยากจะคุย ในบรรดาสามคนพี่น้องน่ะ เจ้าจอมนวดเก่งที่สุด จิ๊บที่ทำกับข้าวเสร็จแล้วก็เดินนำจันทร์เจ้าขาออกมาจากในครัว ในมือมีกับข้าวหอมฉุยวางลงบนโต๊ะ 3-4 อย่าง

 

            “เจ้าเจี๊ยบไปไหนซะล่ะจิ๊บ ตั้งแต่พี่ออกมาจากห้องยังไม่เห็นลูกเลย”

 

            “ข้ามไปบ้านลอน่ะจ้าพี่”จิ๊บตอบอย่างไม่คิดอะไรทว่าคนเป็นพ่อทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มุ่งมั่นกับการเหยียบหลังถึงกับลอยละลิ่วหล่นมาจากหลังจนตูดกระแทกกับกระดานเรือนเสียงดังสนั่นจนจิ๊บคิดว่ากระดูกตูดของลูกชายจะหัก

 

            “ทำอะไรเนี่ยพี่ดิน ลูกหล่นเลยเห็นมั้ย” เจ้าจอมเมื่อเห็นแม่เข้ามาลูบหัวลูบตูดก็ให้สำออยทำร้องโอดโอยราวกับว่าเจ็บนักเจ็บหนา

 

            “อูย...เจ็บตูดจังเลยจ้าแม่จ๋า”

 

            “ไปๆ ลุกไปนั่งที่โต๊ะไป”จิ๊บไม่ได้เอ่ยปลอบลูกเพราะรู้ถึงมารยาเจ้าน้องน้อยของบ้านดีว่าได้พ่อมาขนาดไหน เจ้าจอมยู่หน้าเล็กน้อยอย่างขัดใจ

 

ดูเถอะ เล่นใหญ่รัชดาลัยขนาดนี้แล้วนะแม่จ๋ายังไม่โอ๋ปลอบซักนิด

 

ใจดำหยั่งก๊ะอีกาช่างเหมาะสมกับพ่อกำนันนัก สมกันเหมือนกอลิล่ากับอีกา เฮ๊อะ

 

เด็กน้อยคลำตูดป้อยๆแล้วไปนั่งประจำที่ของตัวเอง จันทร์เจ้าขาแลบลิ้นเย้าน้องเล็กอย่างนึกขำจนแก้วเจ้าจอมยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่ เห็นทีข้าวเย็นวันนี้ไม่อร่อยเสียแล้ว รู้งี้ตามพี่เจี๊ยบไปเล่นบ้านอาลอดีกว่า

 

ไปเก็บผ้าเก็บผ่อนหนีไปหาอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ

 

            “ไปทำอะไรบ้านมันบ่อยๆ เย็นย่ำไม่กลับมากินข้าวกินปลา”แดนดินเสียงตึงอย่างไม่พอใจ คนอย่างไอ้ลอ เจ้าคิดเจ้าแค้นล่ะที่หนึ่ง แถมวันก่อนยังพูดจาสื่อความนัยให้ได้ขบคิดจนจิตใจห่อเหี่ยว

 

ดูทีมันคงเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกๆของเขาเพื่อจะเป็นสะพานข้ามมาหาจิ๊บแน่ๆ

 

            “ลูกจะสอบแล้วเลยต้องไปติวน่ะ พี่เป็นอะไรอีกล่ะนี่มาชักสีหน้าใส่ฉันทำไม”จิ๊บเอ็ดสามีอย่างอ่อนใจเมื่อแดนดินทำหน้างอเป็นจวักหัวคิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แดนดินรู้ตัวว่าทำกริยาไม่งามใส่ภรรยาก็รีบคลายปมคิ้วแล้วยิ้มใส่อย่างประจบ แม้ดูเหมือนเขาจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนี้ แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนที่กุมอำนาจสูงสุดน่ะคือใคร

 

            “เปล่าจ้าจิ๊บ พี่ไม่ได้ชักสีหน้าใส่จิ๊บเลยนะจ๊ะ พี่แค่ไม่ชอบใจที่ลูกเราไปสนิทกับไอ้ลอ แถมเย็นแล้วยังไม่กลับมากินข้าวกินปลา มันรบกวนบ้านนู้นเขา”

 

            “ก็ลูกมันจะสอบแล้ว วิชาที่ลูกเรียนจิ๊บก็สอนไม่เป็น พี่ดินเองก็เถอะไม่รู้จะสอนได้มั้ย ลอเค้าเก่งอีกอย่างบ้านนู้นก็รักเจ้าเจี๊ยบ นี่ลูกมันก็โทรมาบอกว่าป้าแกชวนกินข้าวด้วย เจี๊ยบมันโตแล้วมันรู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร”

 

            “แต่ยังไงพี่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับไอ้ลออยู่ดี มันจะมาดีมาร้ายยังไงก็ไม่รู้เกิดมันมากเล่ห์เพทุบายขึ้นมาหลอกใช้ลูกเพื่อมาหา...”

 

            “พี่ดิน!!!”ยังไม่ทันจะพูดจบจิ๊บก็เอ็ดเข้าให้จนแดนดินต้องรีบหุบปาก ตวัดตามองภรรยาก็พบว่าจิ๊บจ้องมาตาเขียวปั๊ด เป็นนางสุวรรณมาลีอยู่ดีๆแท้ๆไหงจิ๊บกลายร่างเป็นนางผีเสื้อสมุทรไวจังล่ะจ๊ะถึงแม้กายพี่จะบึกบึนดั่งหินผาแต่ใจพี่นั้นบางยิ่งกว่ากระดาษ จิ๊บหันกลับไปมองลูกๆที่ช่วยกันตักข้าวแล้วก็หันมาค้อนสามีอีกวงใหญ่ หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นทำเพียงเดินไปรินน้ำใส่แก้ววางให้แต่ละคนเงียบๆ

 

เกิดบรรยากาศอึมครึมราวกับมีมนต์ดำครอบคลุมหลังคาเรือเสียอย่างนั้น

 

อยู่กินกันมานานจนจะ 17 ขวบปีอยู่แล้วแดนดินยังไม่เลิกคิดเรื่องที่ว่าลลิตภัทรจะกลับมาแย่งตนกลับไป

 

เป็นสาวอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้นที่อยู่กันมานานนมจนลูกเต้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วผัวยังรักผัวยังหลงแต่ไม่ใช่กับจิรนันท์ หล่อนรู้ดีว่าลลิตภัทรนั้นหาได้มีจิตพิศวาสกับตนเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว หล่อนเชื่ออย่างนั้นเพราะยามที่ได้พูดคุยกันสายตาของลลิตภัทรไม่เหมือนเมื่ 16 ปีก่อนแม้แต่น้อย

 

จริงอยู่ว่าลลิตภัทรนั้นมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ลลิตภัทรนั้นเมื่อตัดใจหรือไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจแล้วเขาก็พร้อมที่จะโบนความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่แบกมาตลอดสิบกว่าปีทิ้งไป

 

มีแต่ผัวของหล่อนนี่แหล่ะ อาจเพราะมีชนักติดหลังแดนดินถึงระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะโดนอดีตเพื่อนรุ่นน้องมาทวงคืน

 

ไฟมันมอดจนเหลือเพียงขี้เถ้าแล้วก็ยังมิวายจะคิดมาก

 

คิดมากไม่พอยังพูดมากจนเกือบหลุดเรื่องนั้นออกมาให้ลูกๆรู้อีก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกร่อยกว่าทุกครั้งที่แดนดินอยู่บ้าน แม่จิ๊บนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว บางครั้งก็ตักกับข้าวที่รสไม่จัดให้เจ้าจอม ส่วนเจ้าขานั้นนานๆจะตอบคำถามของพ่อเรื่องการเรียนรวมทั้งของที่อยากได้ซักที เด็กสาวไม่ได้เป็นคนพูดมากอยู่แล้ว

 

รู้งี้ตั้งชื่อให้ชื่อพิกุลทองก็ดี

 

หลายครั้งแดนดินก็มีความคิดแบบนี้ในหัว ส่วนเจ้าจอมเมื่อเห็นพ่อกับแม่ตึงๆใส่กันเด็กน้อยผู้อยู่เป็นก็เลยพลอยเงียบไปกับเขาด้วยจนจบมื้ออาหารนั่งดูทีวีกันแบบอึมครึม กินของว่างกันแบบอึมครึม สามทุ่มก็เลยแยกย้ายกันเข้าห้องอย่างอึมครึมเช่นกัน

 

บรรยากาศน่าอึดอัดนัก ยิ่งเข้ามาในห้องแล้วจิ๊บก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำโดยไม่พูดไม่จาด้วยกับสามี แดนดินได้แต่นั่งจ๋อย กะว่ารอให้ภรรยาอาบน้ำอาบท่าให้ใจเย็นลงก่อนเขาก็จะง้องอนเสียหน่อยเมื่อจิรนันท์อาบน้ำเสร็จนุ่งเพียงกระโจมอกออกมาหญิงสาวก็ไปนั่งทาครีมทาแป้งที่โต๊ะเครื่องแป้ง

 

และเช่นเดิม

 

หล่อนกลายเป็นพระเตมีย์ใบ้ไม่พูดไม่จากับสามี แดนดินคว้าผ้าโสร่งเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ระหว่างอาบน้ำก็คิดคำพูดดีๆไว้ขอโทษภรรยา เขารู้ดีว่าพลั้งปากจนเกือบพูดเรื่องอดีตให้ลูกได้ยินแต่จิ๊บเองก็ไม่เห็นต้องโกรธออะไรแบบนี้เลยนี่นา ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิจะมาตะบึงตะบอนแง่งอนเขาไปทำไม นานนับสิบนาทีที่กำนันหนุ่มอาบน้ำล้างเหงื่อไคล เมื่ออกมาจากห้องน้ำจิรนันท์ก็ยัดของใส่มือแดนดิน เมื่อหลุบตาลงมองก็พบกับหมอนและผ้าห่ม

 

            “โธ่...จิ๊บจ๋า...”ผัวหนุ่มร้องโอดเมื่อรู้ว่าคืนนี้ที่นอนของเขาไม่ใช่เตียงนุ่ม หมอนข้างใบใหญ่ถูกวางทับลงมาอีกใบ กอดคืนนี้ก็ไม่ใช่เนื้อนุ่มๆอุ่นๆอีกต่างหาก

 

            “พี่ผิดไปแล้วจ่ะเมียจ๋า หายโกรธหายงอนพี่เถอะนะ”แดนดินทิ้งผ้าห่มกับหมอนลงพื้นแล้วคว้าร่างบอบบางของเมียรักมาไว้ในอ้อมกอด กลิ่นแป้งหอมที่จิ๊บมักปะพรมตัวก่อนนอนรัญจวนใจยิ่งนัก แดนดินคิดว่าจิ๊บนั้นคงจะไม่ได้โกรธขึงอะไรตนนักก็คิดว่าจะใช้มุกคลุกวงในแบบที่เคยทำ ปลายจมูกโด่งเตรียมฝังลงบนเนื้อนวลหากแต่จิ๊บกลับดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนของสามี

 

            “ผิดแต่ไม่คิดว่าจะปรับปรุง เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะพี่ดิน จิ๊บบอกแล้วว่าระหว่างจิ๊บกับลอมันไม่มีทางกลับไปคบกันได้อีกแต่พี่ก็ยังจัรื้อฟื้น พี่ก็รู้ว่าจิ๊บไม่อยากให้ลูกๆด้มารับรู้ว่าเมื่อก่อนจิ๊บกับลอเคยคบกัน เมื่อไหร่พี่จะรู้จักปล่อยวางซักที ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองบ้านก็ดีขึ้นไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจแบบเมื่อก่อนมันไม่ดีหรอกเหรอ”

 

            “ก็พี่รักจิ๊บรักลูกนี่จ๊ะ พี่ถึงไม่อยากให้ไอ้ลอมันมายุ่งกับพวกเราอีก รู้มั้ยวันก่อนมันพูดอะไรกับพี่มันบอกว่าถ้าพี่ดูแลลูกเมียไม่ดีมันจะมาทำแทนแบบนี้จะไม่ให้พี่ระแวงมันได้ยังไง”

 

            “ลอเขาเข้ามาพูดกับพี่เองแบบนั้นเลยเหรอ?”คราวนี้แดนดินอึกอัก สายตาเลิ่กลักเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบในส่วนนี้มา ถ้าหากบอกว่าเขาเป็นคนเดินเข้าไปหาเรื่องลลิตภัทรก่อนเห็นทีคงไม่ใช่แค่นอนนอกห้องแต่จิ๊บคงไล่ออกจากบ้านเป็นแน่แท้

 

            “เอ่อ...คือ..โธ่ จะพูดยังไงตอนไหนก็ช่างเถอะแต่คือมันพูดไงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”

 

            “พูดจบแล้วใช่มั้ยพี่ดิน”จิ๊บไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไรหญิงสาวทำเพียงถามเสียงเรียบ แดนดินรีบยิ้มประจบ

 

            “จบแล้วจ้าเมียจ๋า”

 

            “จบแล้วก็ออกไปจิ๊บจะนอน”แดนดินหน้าจ๋อยลงไปทันทีก่อนจะเดินตัวลีบถ้าค้อมหลังผ่านจิ๊บได้แบบที่เดินผ่าผู้อาวุโสกว่าแดนดินก็คงทำไปแล้ว

 

ไม่มีประโยชน์ที่จะดันทุรังในยามที่จิ๊บกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะจะยิ่งทำให้เมียรักโกรธมากขึ้นไปอีก ประตูห้องนอนถูกปิดและลงกลอนจนเสียงดังออกมาด้านนอก แดนดินทำหน้าปลงตกก่อนจะคิดว่าคืนนี้จะเอายังไงดี อากาศในเดือนมกราคมหนาวจับกระดูกเสียอย่างนี้ก็พอดีกับลูกชายคนโตเดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมกระเป๋านักเรียนที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ วันนี้เป็นวันที่ศตายุกับอาลอติวหนังสือกันจริงๆ มีเพียงจูบส่งท้ายก่อนจะพาเขามาส่งที่ท่าน้ำนั่นแหละ อาลอให้เหตุผลที่ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความมีเหตุผลความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของอาลอว่า

 

            “อาอยากให้หนูโฟกัสกับเรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง แยกว่าอะไรสำคัญก่อนหลังให้ได้นะคะ อามีเวลารักหนูทั้งชีวิตเลยตอนนี้ต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบก่อน สอบเสร็จอาจะให้รางวัลนะคะ”นั่นแหละเจี๊ยบน้อยถึงไม่งอแงหรือคิดฟุ้งซ่าน

 

            “อ้าวพ่อ ทำไมหอบหมอนหอบผ้าห่มออกมาล่ะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยทักพ่อที่เดินหน้าแห้งออกมา

 

            “ทะเลาะกับแม่เหรอจ๊ะ”มีไม่กี่อย่างหรอกที่พ่อกำนันจ๋าจะต้องระเห็จออกมานอนนอกห้อง

 

            “อืม  แล้วนี่ทำไมกลับซะมืดค่ำล่ะเจี๊ยบ?”กำนันถามลูกชายเมื่อเหลือบไปมองเวลาที่ลูกกลับเข้าบ้าน เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้วลูกชายเพิ่งถึงบ้าน

 

            “มีบางวิชาหนูไม่ค่อยเข้าใจน่ะจ้าเลยช้าหน่อยอาลอไม่อยากสอนอัดเลยต้องค่อยเป็นค่อยไป”ลูกเจี๊ยบเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายจนแดนดินนึกหมั่นไส้ไอ้เจ้าของชื่อนั้น ลมหนาวพัดเรื่อมาจนทำให้ขนอ่อนบนกายลุกลูกเจี๊ยบกอดอกตัวเองโดยอัตโนมัติ

 

            “น้องว่าพ่อไปนอนห้องน้องก็ได้จ้า อย่านอนข้างนอกเลย หนาวจะตาย”ลูกเจี๊ยบช่วยพ่อถือเครื่องนอนแล้วเดินนำเข้าห้องของตัวเองไปให้พ่อนอนบนเตียงส่วนตัวเองเอาฟูกสำรองมาปูข้างเตียง

 

            “พ่อนอนไปก่อนเลยนะจ๊ะเดี๋ยวน้องอาบน้ำก่อน”

 

            “อืม อาบเร็วๆนะลูกอากาศมันหนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัดไม่สบาย ถ้ายังไม่ง่วงพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

            “ได้จ้างั้นพ่อรอน้องแป๊บน้องอาบไม่นานเดี๋ยวน้องมา”ลูกเจี๊ยบฉวยชุดนอนและผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ เสียงฝักบัวดังออกมาแว่วๆ แดนดินตั้งใจแล้ว ในเมื่อพระลอเข้าทางลูกๆของเขา เขาก็จะเป่าหูลูกๆด้วยการเล่าอดีตอันแสนขมขื่นให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

นี่ล่ะบทลงโทษของมึงที่ทำให้กูโดนเมียไล่ออกมานอนนอกห้อง

 

 

...................................

ปิดจองเล่มพรุ่งนี้นะคะ

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดเรื่องไม่ดีอีกแล้วรึ?พ่อกำนันของลูกเจี๊ยบ
นี่จะแกล้ง(ว่าที่)ลูกเขยตัวเองเลย
 :angry2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๙






          “พ่อกำนันมีอะไรจะคุยกับน้องเหรอจ๊ะ”หลังจากผัดหน้าทาแป้งจนกลิ่นกายหอมฟุ้งด้วยแป้งเด็กจอห์นสันลูกเจี๊ยบน้อยในชุดนอนหลวมๆก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆผู้เป็นพ่อ แดนดินมองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของลูกที่ได้เชื้อแม่มาเต็มๆอย่างรักใคร่

 

            “ลูกพ่อโตถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ยเหมือนพ่อไม่เห็นเจ้าไม่กี่วันก็โตขึ้นเป็นกอง”คนเป็นพ่อไม่ได้ตอบคำถามลูกหากแต่กลับดึงลูกชายให้มานอนหนุนแขนลูบผมนุ่มของลูกชายอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าเผลอลูบแรงไปหัวลูกจะหลุดกระเด็น

 

            “ก็น้องอายุจะ 16 อยู่วันสองวันนี้แล้วนี่จ๊ะ”ลูกเจี๊ยบพูดกับพ่อเสียงอ่อนเสียงหวาน สวมกอดร่างหนาของพ่อพลางขายาวก็กอดก่ายเสียเต็มรัก

 

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้กอดๆไม่ได้อ้อนพ่อเหมือนเด็กเล็กๆอย่างนี้ อยู่ๆภาระหน้าที่ของพ่อกำนันจ๋าก็มาพรากความผูกพันใกล้ชิดที่เคยมีออกไปจากกัน แดนดินมองลูกชายที่ดุ๊กดิ๊กใกล้ๆแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู

 

          “ลูกพ่อโตแล้วจับขี่คอไม่ได้แล้ว”

 

            “ถ้าพ่อเอาน้องขี่คอเหมือนตอนเป็นเด็กน้อยน้องว่าพ่อกำนันจ๋าคงคอหักตายไม่ทันได้อยู่ดูน้องรับปริญญาแน่ๆเลย”

 

            “เจี๊ยบรู้มั้ย ในบรรดาลูกๆสามคนเจี๊ยบหน้าตาคล้ายแม่มากที่สุด เหมือนจนพ่อไม่อยากให้เจี๊ยบไปสนิทสนมกับไอ้ลอมันมากนัก”ลูกเจี๊ยบเหลือบตาขึ้นมามองพ่ออย่างไม่เข้าใจ

 

            “ทำไมล่ะจ๊ะ?”เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัยตกลงไปในหลุมที่พ่อขุดเข้าเต็มเปา ดวงตากลมใสนั้นมีเครื่องหมายคำถามฉายชัดอยู่ข้างใน

 

            “พ่อกลัวว่าที่ไอ้ลอมันมาทำตัวสนิทสนมกับลูกความจริงแล้วมันกำลังคิดไม่ซื่อ”ลูกเจี๊ยบรู้สึกชาวูบไปทั้งร่าง ความระแวงผุดเข้ามาในหัว

 

หรือพ่อกำนันจ๋าไปรู้อะไรมา?

 

พ่อกำนันรู้ว่าลูกเจี๊ยบแอบคบกับอาลอเหรอ?

 

            “พ่อกลัวว่ามันจะเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกเพื่อจะเขี่ยถ่านไฟเก่าระหว่างมันกับแม่ของเรา”

 

            “ห๊ะ?!”เด็กน้อยดีดตัวขึ้นนั่งใบหน้านวลซีดจนเห็นได้ชัด

 

หูฝาด...เจี๊ยบว่าเจี๊ยบต้องหูฝาดแน่ๆ

 

ถ่านไฟเก่าหมายความว่ายังไงอ่ะ? ตอนนี้ระบบคิดคำภาษาไทยของเจี๊ยบรวนชั่วคราว

 

            “จริงๆพ่อก็ไม่อยากให้ลูกๆต้องมารับรู้เรื่องนี้แต่เพราะไอ้ลอมันเข้าใกล้ครอบครัวของเรามากเกินไป เจี๊ยบโตแล้วดูแลน้องๆได้พ่อถึงไว้ใจที่จะเล่าให้เจี๊ยบฟัง”แดนดินยังอารัมบทต่อโดยไม่รับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของลูกเลยซักนิด

 

            “มีเรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะพ่อจ๋า น้องงงไปหมดแล้ว”ดวงตาเลิ่กลั่กสับสนอย่างเด็กที่อยากรู้ก็อยากรู้กลัวความจริงรึก็กลัวแต่ความอยากรู้กลับมีพลังมากกว่าจึงกลั้นอกกลั้นใจถามออกไป ฝ่ามือชื้นแฉะเพราะไม่รู้ว่าเหงื่อซึมออกมาได้ยังไงทั้งๆที่ห้องก็ไม่ได้ร้อนเลยซักนิด อากาศด้านนอกทวีความหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ศตายุเองก็ไม่มั่นใจว่าอากาศหรือใจของเขากันแน่ที่ทำให้หนาวจนต้องกอดตัวเองไว้

 

หากแต่แดนดินกลับไม่รู้ คนเป็นพ่อนึกโห่ร้องในใจเมื่อเห็นว่าลูกมีท่าทางสนอกสนใจเรื่องที่จะเล่า

 

เขาจะดึงลูกเมียกลับมาเป็นฝ่ายตนให้ได้

 

ไอ้ลอไม่มีตัวตนมา 16 ปี ก็ควรที่จะไม่มีต่อไป ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยต้องกลัวใครจะมาแย่งลูกแย่งเมียไปซักนิด พอมันกลับมาอยู่บ้านมันก็ค่อยๆดึงของมีค่าที่สุดในชีวิตของเขาไปตอนนี้เขาแค่จะดึงกลับมาเพราะมันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาจะต้องตอกไข่ใส่สีซักนิดคงไม่เป็นไรหรอก

 

ใครๆเขาก็ทำกัน

 

บางครั้งการมีอายุมากขึ้น หน้าที่การงานดีก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะทำเรื่องดีๆฉลาดๆได้เสมอไป แดนดินในตอนนี้ไม่มีสติยั้งคิดอะไรทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ลลิตภัทรกลับเข้ามามีบทบาทในชีวิตของจิ๊บจนลืมไปว่าสิ่งที่ทำไปนี้ไม่เพียงแต่ไม่ไว้ใจลลิตภัทร หากแต่ไม่ให้เกียรติภรรยาที่ไม่เคยประพฤติชั่วออกนอกลู่นอกทางให้ต้องเหนื่อยใจ



ผู้ใหญ่บางคนก็โง่อย่างไม่น่าให้อภัยอย่างเช่นแดนดินในตอนนี้ที่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวบดบังความดีที่มีมาไปเสียสิ้น



ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่ประคองครอบครัวไว้ให้อบอุ่นเหมือนเดิมโดยไม่สนว่าจะต้องกล่าววาจาให้ร้ายหรือทำให้ชีวิตของลลิตภัทรต้องยุ่งยากหรือแปดเปื้อนถึงเพียงไหน



            “เมื่อก่อนตอนแม่กับพ่อจะแต่งงานกันไอ้ลอมันชอบแม่อยู่”ประโยคบอกเล่าเปิดเนื้อเรื่องก็ทำให้ใจของลูกเจี๊ยบห่อเหี่ยวไปเกินครึ่ง

 

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆว่าอาลอต้องเคยชอบแม่ บรรยากาศแปลกๆตอนไปกินพิซซ่ากลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

 

            “แล้วยังไงจ๊ะ?”

 

            “ย่าโฉมกับยายไพเป็นเพื่อนรักกัน มีลูกไล่เลี่ยกันนั่นก็คือไอ้ลอกับแม่จิ๊บสองคนนี้โตมาด้วยกันไอ้ลอแอบรักจิ๊บมาตั้งแต่เด็กๆ“แดนดินทิ้งระยะให้เรื่องน่าตื่นเต้น และก็เป็นดังคาด ศตายุกำผ้าห่มแน่น

 

ลูกตื่นเต้นแล้วเว้ย...จะใส่สีตีไข่ไปสักหน่อยคงไม่เป็นไร ขอแค่ลูกไม่โดนไอ้ลอหลอกก็พอ

 

            “มันเที่ยวบอกใครต่อใครว่าแม่จิ๊บเป็นแฟนมันจนกระทั่งแม่มาเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่อ เราสองคนเลยรักกัน แล้วก็ทำเรื่องพลาดพลั้งไปตอนแม่ยังไม่จบ ม.3 ดี”เรื่องนี้เจี๊ยบรู้ดี แม่มีเจี๊ยบตั้งแต่ 14-15

 

            “หลังจากนั้นพ่อเลยบอกให้ปู่มาสู่ขอแม่ตกแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณี ตอนนั้นแม่ตั้งท้องเจี๊ยบแล้วพ่อกับแม่เอาการ์ดไปให้ปู่ลิตกับย่าโฉมแต่เจอมันนอนอยู่ใต้ถุนบ้าน ไอ้ลอโกรธพ่อกับแม่มากจำได้ว่ามันด่าแล้วก็ต่อยพ่อ พอแม่เข้ามาห้ามมันก็ผลักจนแม่ล้ม ถ้าแม่ล้มไปโดนอะไรกระแทกท้องป่านนี้พ่อคงไม่ได้ลูกที่น่ารักๆอย่างเจี๊ยบ มันจงใจจะทำให้แม่แท้งลูก”ลูกเจี๊ยบใจหล่นไปอยู่ที่ใดแล้วก็ไม่รู้ในตอนนี้ เด็กน้อยนิ่งฟังสิ่งที่พ่อเล่าโดยไม่เอ่ยขัด

 

อาลอคงรักแม่จิ๊บมากถึงขั้นรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าแม่ท้องตนเอง

 

ใจร้ายจนถึงขั้นทำร้ายแม่หวังให้แม่แท้ง  หากวันนั้นโชคร้ายลูกเจี๊ยบคงไม่ได้มีชิวิตมานั่งฟังเรื่องนี้ในตอนนี้

 

ผิดหวัง...คลื่นความผิดหวังถาโถมซัดเข้ามาในใจเด็กน้อยหากเปรียบศตายุเป็นเรือตอนนี้เขาก็กลายเป็นซากไม้ที่ลอยท่ามกลางพายุดุดันนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

อาลอใจร้ายเหลือเกิน...

 

            “หนู...หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาลอจะร้ายขนาดนั้น”

 

            “หลังจากนั้นมันก็เข้าไปเรียนที่กรุงเทพแล้วไม่กลับมาอีกเลย เพราะมันหักอกหักใจจากแม่ของลูกไม่ได้ อยู่ๆมันกลับมา แถมทำเหมือนอดีตที่มันหนีหายไป 16 ปีไม่มีอะไร ลูกไม่คิดว่ามันแปลกหรือ คนอย่างมันเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าแผนการ อยู่ๆมาตีสนิทกับลูกเพราะอะไร วันแรกที่มันกลับมามันยังทำตัวไม่ดีใส่พ่ออยู่เลย แม่เขาเป็นรักแรกของมัน รักครั้งแรกมันไม่มีทางเลือนหายไปจากใจหรอก พ่อถึงกลัวว่ามันจะหลอกใช้ลูกๆเพื่อกลับมาแย่งแม่ไป”หลังจากนั้นพ่อพูดอะไรลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ยินเสียแล้วความผิดหวังความเสียใจสาดซัดเข้ามาจนหูอื้อไปหมด ลูกเจี๊ยบเจ็บเหมือนมีใครมาบีบหัวใจจนแหลกเป็นผุยผง  เมื่อเป่าหูลูกเสร็จตามตั้งใจแล้วคนเป็นพ่อก็ชักชวนให้ลูกนอน ลูกเจี๊ยบเดินไปปิดไฟในห้องด้วยท่าทางเซื่องซึมราวกับวิญญาณนั้นได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว

 

ใจของเด็กน้อยชาดิกไปหมด มันพังราวบล็อคไม้ที่ถอดผิดอันจนถล่มลงมาทั้งตั้ง ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ปูบนพื้นหากแต่ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยซักนิด คำพูดของพ่อวนเวียนย้ำๆซ้ำๆอยู่ในหัว

 

คืนนี้ช่างเป็นการข่มตานอนที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน เด็กน้อยขดตัวราวกับกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย

 

ดวงจันทร์นอกหน้าต่างสวยนัก หากแต่ดวงตาของเด็กน้อยกลับเอ่อนองด้วยหยดน้ำ

 

การกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นดังทั้งๆที่ตนเองกำลังร่ำไห้แทบขาดใจนั้นยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวลที่ลูกเจี๊ยบเคยทำมา

 

อาลอไม่ได้รักเจี๊ยบจริงตามที่พ่นคำรักหวานหูทุกเมื่อเชื่อวันหรอกหรือ

 

ที่ผ่านมาเพียงหลอกใช้เขาเป็นสะพานสร้างความสัมพันธ์ครั้งก่อนเก่ากับแม่

 

ทุกสิ่งที่เคยกล่าวมาเป็นเพียงลมลวงของคนปลิ้นปล้อน

 

ใจร้ายเหลือเกิน...เจ็บมากเพราะรักมาก บัดนี้ลูกเจี๊ยบน้อยถูกพิษรักเล่นงานจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

 

หากไม่ได้รักใคร่ชอบพอจริงดั่งที่เคยเอื้อนเอ่ยคำหวานก็อย่ามาหลอกกันให้ใจช้ำ

 

คิดจะมาเหยียบเป็นสะพานเพื่อข้ามกลับมาหาแม่ก็จงรู้เสียเถอะว่าเจี๊ยบจะไม่ตกหลุมพรางของอาลออีกต่อไป

 

ต่อไปนี้จะไม่ไปให้เห็นหน้า ขอตัดคนใจร้ายใจดำออกไปจากชีวิตนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

จะไม่มีใครมาแย่งแม่จ๋าออกไปจากพ่อกำนันและเขาสามคนพี่น้องได้เป็นอันขาด

 

            วันนี้ลูกเจี๊ยบตื่นสายเพราะกว่าจะหลับก็เกือบสว่าง ตื่นมาพ่อก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ด้านนอกเสียงแม่กับน้องคุยกันดังแข่งกับทีวีมาแว่วๆ ลูกเจี๊ยบลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตาที่บวมเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเมื่อคืน

 

อยากให้สิ่งที่ได้ยินเป็นความฝันแต่ศตายุก็รู้ดีว่านั่นคือเรื่องจริงแม้จะตื่นนอนเต็มตาแล้วแต่หัวใจก็ยังไม่หายเจ็บ

 

โทรศัพท์ที่วางไว้ใต้หมอนหนุมสั่นเตือนข้อความไลน์ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พอว่าลลิตภัทรส่งข้อความมาปลุก สติ๊กเกอร์น่ารักๆที่ใช้ส่งให้กันถูกส่งมารัวๆ

 

          “ตื่นหรือยังคะ”

 

          “อาคิดถึง”

 

          “วันนี้จะมาหาอากี่โมง?”

 

          “คิดถึงหนู อยากกอดหนู วันนี้ไปตลาดนัดกันมั้ยคะอาจะพาไป”

 

          “ถ้ายังไม่ได้กินข้าวมากินที่บ้านอาก็ได้นะ วันนี้แม่ทำแกงจืดลูกรอกหนูน่าจะชอบ”

 

หากเป็นเช่นทุกวันลูกเจี๊ยบคงดีใจที่อาลอทักมาตอนเช้าแล้วตนเองก็จะรีบส่งตอบกลับไป แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ลูกเจี๊ยบอ่านประโยคบอกรักบอกคิดถึงด้วยดวงตาที่สั่นไหว

 

อย่าร้องไห้...

 

เขาไม่ได้รักเราจริงก็อย่าไปเสียใจ...

 

บอกตัวเองซ้ำๆ พยายามทำตัวให้เข้มแข็ง

 

แต่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเป็นแค่เด็กน้อย ความผิดหวังเสียใจในครั้งนี้มากมายเสียเหลือเกิน ไม่มีใครอยากถูกคนที่รักและยอมมอบใจให้หักหลัง

 

เจ็บยิ่งกว่าตอนไปบอกเลิกคบกับไอ้อ๋องเสียอีก เด็กน้อยนั่งร้องไห้จนขี้มูกโป่ง ปาดน้ำตาทิ้งป้อยๆใช้หลังมือขยี้จมูกยามหายใจไม่ออกจนจมูกแดง นิ้วเรียวค่อยๆกดบล็อกไลน์ของลลิตภัทร

 

พอกันที...จะไม่เชื่อคำหวานจากคนใจร้ายคนนี้อีกต่อไป









 

            “ชะเง้อมองอะไรนักหนาวะไอ้ลอ”พระลักษณ์เอ่ยถามน้องชายเมื่อเห็นพระลอเอาแต่ชะเง้อบ้างก็หันไปมองตรงท่าน้ำบ่อยๆ

 

            “แปลก”คนน้องไม่ได้ตอบคำถามพี่ชายที่นั่งทำเสียงอ้อแอ้แข่งกับลูกชายหากแต่พึมพำคล้ายบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า



            “แปลก? อะไรแปลกวะ?”

 

            “ปกติเจี๊ยบต้องข้ามมาแล้ววันนี้ทำไมยังไม่มาวะพี่มึง ก็นัดกันแล้วว่าวันนี้จะติวคณิตกับเคมี”พระลักษณ์ทำเสียงอ่อในลำคอ ที่แท้ลูกศิษย์ไม่ข้ามมาเรียนพิเศษเลยหงุดหงิดงุ่นง่านนี่เอง

 

ไม่ยักกะรู้ว่าไอ้ลอมันมีความเป็นครูสูงขนาดนี้ ตะก่อนนอกจากเด็กนั่งดริ๊งค์เด็กเอ๊าะๆก็ไม่เห็นมันจะสนใจใคร

 

            “พ่อมันอยู่บ้านมั้งวันนี้ ปกติถ้าพ่อมันอยู่เจี๊ยบกับเจ้าจอมก็ไม่ข้ามมาหรอก”พระลักษณ์ตอบตามความเป็นจริง ปกติถ้าแดนดินอยู่บ้านลูกๆก็จะขลุกอยู่กับพ่อแม่ทั้งวันทำนู่นทำนี่ด้วยกันก็จะไม่ข้ามมาบ้านเขา

 

แต่พระลอรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

 

ศตายุไม่ตอบไลน์ ตอนแรกก็ยังขึ้นอ่านข้อความหลังๆไร้การเคลื่อนไหวเหมือนเขาโดนเด็กน้อยบล็อก?

 

ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลรบกวนจิตใจของลลิตภัทรไปตลอดวัน แม้ช่วงบ่ายจะขับรถพาพ่อกับแม่ไปทำธุระในเมืองได้พากันไปกินอาหารที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆก็ไม่ทำให้ลลิตภัทรอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบหลายครั้ง ตอนแรกไม่รับ ต่อมาตัดสาย สุดท้ายปิดเครื่อง

 

มันไม่ปกติ...สำหรับเด็กที่ติดเขาแบบเจี๊ยบการตัดสายแล้วปิดเครื่องใส่แปลว่าเขาต้องไปทำอะไรให้ลูกเจี๊ยบโกรธและงอน ซึ่งลลิตภัทรมั่นใจว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อคืนก่อนกลับก็ยังดีๆคุยเล่นนัดแนะกันว่าวันนี้จะติวอะไรกันบ้างเสร็จแล้วอาจจะออกไปหาอะไรทำเพื่อคลายเครียด อยากจะบุกไปคุยถึงที่บ้านแต่ถ้าแดนดินอยู่ก็ไม่สะดวกอยู่ดี รายนั้นยังคงจงเกลียดจงชังเขาอยู่ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด พอกลับถึงบ้านชายหนุ่มก็ขอตัวเข้าห้องแล้วไม่ออกมาอีกเลย

 

วันจันทร์ผ่านไป ลูกเจี๊ยบไม่ข้ามมาหา เขาเองก็ยุ่งกับงานนอกบ้านทั้งวัน

 

วันอังคารลลิตภัทรต้องไปกินเลี้ยงกับพ่อกว่าจะกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่า เขาส่งข้อความไปหาลูกเจี๊ยบแทนการไลน์ไปหาหากแต่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเงียบ

 

ปัญหาที่เขาไม่รู้สาเหตุค้างคามาสามวันและเขาไม่สบายใจ

 

วันพุธผ่านไปทั้งๆที่อยากข้ามไปหาไปพูดคุยกันให้รู้เรื่องแต่พระลักษณ์ก็วานให้ลลิตภัทรไปทำธุระแทนในช่วงเย็นทำให้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มต้องละทิ้งปัญหาส่วนตัวของตัวเองไปก่อน ลลิตภัทรตั้งใจไว้แล้วว่าในเมื่อลูกเจี๊ยบหนีหน้าเขาเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาต้องเข้าเมืองไปเก็บค่าเช่าห้องที่ตลาดให้พ่อ เขาจะไปหาลูกเจี๊ยบหลังเลิกเรียนแล้วคุยกันให้รู้เรื่องเสียที

 

 

            “เจี๊ยบ ไม่สบายหรือเปล่า?”วุ้นใช้หลังมือแตะลงไปบนหน้าผากลูกเจี๊ยบที่นั่งฟุบหน้าหลับตานิ่งอยู่กับโต๊ะเรียน ศตายุส่ายหน้าปฏิเสธ

 

            “แล้วเป็นอะไรเหรอ เราเห็นเจี๊ยบสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว มีปัญหาอะไรเล่าให้เราฟังได้นะถึงเราจะแนะนำอะไรไม่ได้แต่เราเป็นผู้ฟังที่ดีนะ”ศตายุลืมตามองวุ้นที่จ้องมาอย่างเป็นห่วงเป็นใยแล้วก็ยิ้มออก วุ้นไม่ใช่คนจุ้นจ้าน หลายสัปดาห์ที่คบกันมาวุ้นไม่เคยวุ่นวายหรือชักจูงเจี๊ยบให้ทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร เรื่องส่วนตัวก็ไม่เคยเอ่ยปากถามจนกว่าเจี๊ยบจะเล่าเอง ศตายุยิ้มเนือยๆให้กับวิชยุตม์ส่งมือไปประสานกับมือเพื่อน วิชยุตม์บีบมือเบาๆเป็นการให้กำลังใจ

 

            “เราน่ะ...”ลูกเจี๊ยบเม้มปากเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรเล่าดีมั้ย แต่ตอนนี้เด็กน้อยเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ ความคิดเรื่องที่ลลิตภัทรหลอกใช้ตนหลอกหลอนจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว

 

            “เราน่ะ มีแฟนแล้วนะ”ในที่สุดลูกเจี๊ยบก็ตัดสินใจ เขาควรระบายให้ใครซักคนฟัง ในเมื่อที่บ้านระบายหรือปรึกษากับแม่หรือพ่อก็ไม่ได้ ปกติเวลามีเรื่องอะไรที่ไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ อาลอก็คือคนที่คอยรับฟังและแนะนำเรื่องต่างๆอยู่เสมอ แต่ปัญหาครั้งนี้มันเกี่ยวข้องโยงใยกันไปหมด

 

มันกระทบทุกคนจนลูกเจี๊ยบไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

 

            “ก็พอรู้อยู่ เห็นคุยไลน์ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง” วิชยุตม์เอ่ยตอบ

 

            “อืม...แต่แฟนเราเป็นผู้ชายนะ”คราวนี้วุ้นตาโตขึ้นมาระดับหนึ่งเด็กน้อยตบหลังมือเพื่อนเบาๆ

 

            “ไม่เป็นไรสมัยนี้เปิดกว้าง”

 

“แล้วเค้าเคยเป็นแฟนเก่าแม่เรา”

 

“......”วุ้นเงียบไปในทันที สีหน้าของเด็กหนุ่มออกจะพิพักพิพ่วนไปทันตา  เขารู้ว่าลูกเจี๊ยบมีแฟน แต่ก็คิดว่าคงเป็นสาวๆซักห้องหรืออาจจะเป็นสาวแถวบ้าน ก็ปกติอยู่ที่โรงเรียนลูกเจี๊ยบค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในบรรดาสาวๆ ม.ปลาย((โรงเรียนของลูกเจี๊ยบเป็นชายล้วนแต่ ม.ปลายจะรับนักเรียนหญิงห้องละ 2-3 คน แยกกับฝั่ง EP )) ทั้งเรียนดี เล่นกีฬาเก่ง เป็นนักกิจกรรมเดินไปไหนก็มีแต่คนทักแถมเรียกอาจารย์รามฤทธิ์ว่าลุงอีกต่างหาก เรื่องคบเพศเดียวกันเขาก็พอเข้าใจเพราะเรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าลูกเจี๊ยบจะคบคนที่อายุเยอะกว่ามากแถมยังเป็นแฟนเก่าแม่ตัวเองอีก

 

“ตกใจเหรอ?”

 

“ป่าว แค่คาดไม่ถึงเฉยๆ”

 

“ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนเก่าแม่เรา รู้แค่เป็นเพื่อนเก่ากัน”

 

“อ้าว แล้วทำไมถึงรู้ล่ะ?”

 

“พ่อเราบอก”

 

“ถามเค้าหรือยัง?”วุ้นถามเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ลูกเจี๊ยบส่ายหน้า สีหน้าหมองลงไปอีกราวกับถูกราหูอม

 

“เราไม่คุยกับเขา เราผิดหวัง”

 

“เจี๊ยบไม่คุยกับเขาแล้วเชื่อได้ยังไงว่าเขาเป็นแฟนเก่าของแม่”

 

“พ่อเราไม่เคยโกหก”หันไปเถียงแทนพ่อทันที วุ้นต้องรีบผงกหัวเชิงขอโทษที่อาจจะพูดให้คิดว่าตนเองกำลังปรามาสพ่อของเพื่อนอยู่

 

“จริงๆเราเองก็เคยสงสัยตอนเขาอยู่กับแม่เขามองแม่ด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองเรา แต่ตอนนั้นเขาบอกไม่มีอะไร จนพ่อมาเล่าให้ฟังว่าเขาจงใจเข้าทางเราเพื่อสานสัมพันธ์ต่อกับแม่ เราก็เสียใจ”พูดจบประโยคก็รู้สึกแสบจมูกและร้อนผ่าวที่ขอบตาลูกเจี๊ยบสูดน้ำมูกพลางซบหน้าลงกับวงแขนตัวเองเพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่พาลจะไหลออกมา วุ้นนั่งมองอย่างไม่รู้จะปลอบยังไง

 

เขายังไม่เคยมีความรัก จริงๆเรียกได้ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆเลยซักครั้งเลยด้วยซ้ำ

 

“เราอยากให้เจี๊ยบคุยกับเขามากกว่า มีอะไรก็พูดก็ถามกันตรงๆดีกว่าจะตัดสินเขาไปเอง”

 

“เราไม่อยากเจอเขาตอนนี้ พอคิดว่าถ้าถามไปแล้วมันเป็นเรื่องจริงใจเราคงพังแน่ๆ”

 

“คนรักกันมีอะไรก็ควรคุยกันสิ”วุ้นว่าเสียงอ่อยๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะให้คำแนะนำอะไร ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมาทำเพียงฟุบหน้านิ่งจนกระทั่งออดเข้าเรียนในช่วงบ่ายดังขึ้นจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วเข้าเรียนตามปกติ

 
((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ลลิตภัทรขับรถมาดักลูกเจี๊ยบที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่บ่ายสาม เขาเก็บค่าเช่าห้องเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายแวะไปหากาแฟกินแก้วหนึ่งแล้วก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ โทรไปบอกจิ๊บว่าวันนี้ตนเองจะรับหลานกลับไปด้วยกันเลย ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อเห็นร่างขาวๆแก้มฟูๆที่ดูเหมือนจะซูบลงเดินออกมาจากโรงเรียน เด็กน้อยยืนคุยกับเพื่อนตัวเล็กๆผอมๆซึ่งน่าจะชื่อวุ้นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งคบได้เดือนกว่าๆ ศตายุมองหารถประจำของตนก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางเซื่องซึม ชายหนุ่มลงจากรถแล้วก้าวเร็วๆตรงไปที่รถโดยที่เด็กน้อยไม่รู้ตัว

 

“อ๊ะ”ศตายุที่กำลังนั่งเหม่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อข้อมือถูกจับและดึงอย่างแรงเมื่อหันไปมองก็พบว่าอาลอจับมือตนเองอยู่ท่ามกลางสายตานับสิบของเด็กคนอื่น

 

“ไปกับอา”น้ำเสียงไม่ได้คุกคามแต่ก็ไม่ได้อ่อนหวานดุจเมื่อก่อน ลูกเจี๊ยบต่อต้านด้วยการพยายามบิดข้อมือตัวเองออกแต่ต้องชะงักเมื่อลลิตภัทรไม่ได้ปล่อยตามที่คิดกลับเพิ่มแรงในการบีบข้อมือหลานมากขึ้น ศตายุอ้าปากจะตวาดแต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นของเด็กบนรถ ลลิตภัทรใช้จังหวะนั้นดึงหลานให้เดินตามตนเองลงมาจากบนรถยัดหลานเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างแรง

 

“ลุงเดี๋ยวผมรับหลานกลับบ้านเอง”ชายหนุ่มตะโกนบอกลุงคนขับรถแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปเลย ศตายุหันมามองตาเขียวปั๊ด เด็กน้อยกอดอกเม้มปากแน่น

 

“เป็นอะไรคะ?”เมื่อทำอารมณ์ให้เย็นลงหลังถูกหลานดื้อใส่ลลิตภัทรก็ถามลูกเจี๊ยบทันทีหากแต่คนเด็กทำเหมือนคำถามของเขาไม่มีความหมายด้วยการนั่งคอแข็งมองไปด้านนอก

 

“อาทำอะไรให้หนูโกรธคะ เท่าที่จำได้เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยไม่ใช่เหรอคะ?”พยายามทำใจให้เย็น ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งเอาอกเอาใจเด็กที่ไหนมากนักหรอก ลูกเจี๊ยบหันกลับมามองหน้าเขา ริมฝีปากที่เคยแดงเหมือนเยลลี่นุ่มๆบัดนี้คว่ำราวพระจันทร์เสี้ยว

 

“อาลอกับแม่เคยเป็นแฟนกันเหรอครับ?”เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่จบคำถามนั้น ลูกเจี๊ยบเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งไปของพระลอก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจประเดประดังเข้ามาจนลมหายใจเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆในที่สุดเด็กน้อยก็ระเบิดร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย

 

“ถ้าคุณอยากกลับไปหาแม่คุณจะมาหลอกผมทำไม?”เด็กน้อยทั้งร้องไห้ทั้งสะอึกสะอื้นทั้งตั้งคำถามอย่างร้าวรานใจ ลลิตภัทรปล่อยให้ลูกเจี๊ยบอาละวาดโวยไว้ถีบทึ้งรถตัวเองโดยนั่งเงียบๆ ลลิตภัทรหักพวงมาลัยมาอีกทางไม่ได้มุ่งหน้าไปหมู่บ้านแต่กลับขับมาที่บ้านในเมืองของตนเองเมื่อถึงลลิตภัทรก็หันไปตั้งคำถามกลับให้กับเด็กน้อยที่น้ำหูน้ำตาเปรอะแก้ม

 

“ใครบอกว่าอาจะกลับไปหาแม่เรา? ใครพูด อาบอกหนูเหรอ?

 

“ใครจะพูดก็ช่างเถอะแต่คุณหลอกผม หลอกผมมาตลอด สนุกมากมั้ยเล่นกับใจคนน่ะเห็นผมเป็นเด็กโง่ๆแล้วจะหลอกยังไงก็ได้ใช่มั้ย”ลลิตภัทรขมวดคิ้ว

 

ไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจเลยซักนิดเมื่อศตายุใช้สรรพนามห่างเหินกับเขา เด็กน้อยตระครุบประตูรถเตรียมจะเปิดแล้วหนีกลับหากแต่ลลิตภัทรเร็วกว่า ชายหนุ่มลงจากรถแล้วคว้าเอาเอวบางของหลานไว้ได้ทัน ศตายุทั้งทุบทั้งร้องโวยวายให้เขาปล่อย

 

เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด แต่ครั้งนี้เพราะความโกรธรวมทั้งความเอาแต่ใจก็ทำให้ลูกเจี๊ยบแรงเยอะกว่าเดิมคนเป็นอาจึงย่อตัวลงแล้วแบกหลานขึ้นบ่าจัดการกดล็อครถแล้วเปิดประตูเข้าบ้าน โชคดีที่พระรามกับภรรยาไม่ได้มาพักในวันนี้ลลิตภัทรกดล็อคบ้านในขณะที่ศตายุพยายามดีดขาเพื่อให้พระลอปล่อยตน แต่ชายหนุ่มก็แบกหลานขึ้นมาจนถึงชั้นสองที่เป็นส่วนห้องนอนของตนเมื่อถึงเตียงก็โยนหลานลงบนเตียงแบบไม่ปราณีปราศรัยเลยซักนิดเขาคร่อมหลานแล้วใช้มือของตนเองกดข้อมือของศตายุไว้ ลูกเจี๊ยบถูกทับไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ก็ส่งสายตามองลลิตภัทรอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ผมไม่เคยหลอกคุณเลยนะศตายุ บอกผมมาสิว่าใครบอกคุณ”ในเมื่อลูกเจี๊ยบใช้สรรพนามห่างเหินกับเขาและกล่าวร้ายเขาอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็จะใช้วิธีเดียวกับที่เด็กน้อยตรงหน้านี่ทำเหมือนกัน

 

“ใครจะบอกก็ไม่สำคัญหรอก แต่คุณไม่บอกผม ปล่อยให้ผมไปรู้จากคนอื่น ไม่รู้สึกติดขิดตะขวงใจมั่งเหรอที่ต้องมาคบกับเด็กที่คุณเองก็เคยเกือบทำให้ไม่ได้เกิดน่ะ”ลลิตภัทรเงยหน้าสูดลมหายใจลึกๆอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

 

เขาว่าเขาพอจะรู้แล้วว่าใครบอกลูกเจี๊ยบ

 

ไอ้แดนดิน ไอ้ตัวแสบ...นี่มันเอาความหวังดีของเขาไปคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วสินะ

 

แถมเล่าถูกคนด้วย เล่าให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

อยากจะด่าไอ้ชิบหายเสียเหลือเกิน

 

“ผมเคยคบกับแม่ของคุณจริงแต่นั่นมันนานมาแล้ว และผมไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักแม่คุณ”

 

“ยอมรับแล้วสินะ?”ทำน้ำเสียงเยาะก่อนจะหันหน้าหนี ลลิตภัทรถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะใช้มือดันแก้มหลานให้หันมามองตน ดวงตาของลูกเจี๊ยบเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร สายตาที่มองเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกได้ตลอดเวลา

 

เปราะบางเหลือเกิน...

 

“ฟังอานะคะคนดี...”น้ำเสียงดุกร้าวเมื่อครู่ปรับให้นุ่มนวลหวานหูเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดคุยกัน ลูกเจี๊ยบน้ำตาร่วงลงสองข้างแก้ม ดวงใจอ่อนยวบราวขี้ผึ้งเหลว

 

คิดถึงอาลอ...คิดถึงเหลือเกิน

 

“อาเคยคบกับแม่จิ๊บจริง จนวันหนึ่งอยู่ๆเขาจะแต่งงานทั้งๆที่อาคิดว่าเราคบกันอยู่อาก็เลยผิดหวัง ตอนนั้นอาน่ะคิดแค่ว่าแม่ของหนูทรยศความรักของอา จนวันเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นกลายเป็นความทรงจำ อาถึงรู้ว่าอาน่ะงี่เง่าเองยึดติดมากเกินไปไม่รู้จักปล่อยวาง ที่อาไม่กลับมาส่วนหนึ่งเป็นเพราะอีโก้อาสูง อาสร้างมันขึ้นมากดดันตัวเอง อาอายถ้ากลับมาแล้วมีคนมาแซวมาล้อเลียนอาเลยอยู่กรุงเทพยาว แล้วงานที่นั่นสังคมที่นั่นมันทำให้อาเพลินไม่ใช่เพราะรักแม่เราจนตัดใจไม่ได้ อาไม่เคยคิดจะหลอกใช้หนูเพื่อเข้าหาแม่เราเลยนะคะ”

 

“จริง...จริงเหรอ?”

 

“ที่ผ่านมาหนูไม่เชื่อมั่นความรักที่อามีให้หนูเลยเหรอคะ? อายังรักหนูไม่พอหรือว่าหนูไม่เคยรักอาเลย?”ลลิตภัทรเอ่ยประโยคตัดพ้อไปให้เด็กที่นอนร้องไห้อยู่ใต้ร่างตน

 

“แต่พ่อบอกว่าอาลอใช้หนูเป็นสะพานเพื่อกลับมาหาแม่...”เด็กน้อยกัดปากหลบตาเมื่อรู้ตัวว่าตนเองหลุดพูดถึงพ่อออกไปลลิตภัทรเช็ดน้ำตาให้หลานก่อนจะประคองเด็กน้อยมากอดไว้แนบอก

 

“พ่อเล่าอะไรให้หนูฟังบ้างคะ ไหนบอกอาหน่อย อาสัญญาว่าถ้ามีอะไรที่หนูอยากรู้อาจะบอกหนูให้หมดไม่ปิดบังเลยซักนิด”ชายหนุ่มตะล่อมเด็กน้อย ดวงตาแข็งเม้มปากระงับความโกรธ ลูกเจี๊ยบมีท่าทีลังเลแต่ก็ค่อยๆเล่าสิ่งที่พ่อพูดให้ฟัง

 

ไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา ไอ้คนตอแหล พูดจาเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

 

เลวจริง...เมื่อลูกเจี๊ยบเล่าจบชายหนุ่มก็ดันหลานให้นั่งตัวตรงแล้วจ้องตาหลานโดยไม่หลบ

 

“ที่อาไม่เคยพูดเรื่องระหว่างอากับแม่ก็เพราะมันเกี่ยวโยงถึงพ่อแม่หนูและอา ไม่ใช่เรื่องที่พูดแล้วดี แต่พ่อหนูกลับไม่คิดว่าสิ่งที่พูดไปมันจะเกิดผมกระทบอะไรบ้าง อาไม่อยากให้หนูมีความรู้สึกด้านลบกับพ่อ แต่พ่อเรากลับไม่คิดแบบนั้น อากับแม่จิ๊บเกิดไล่เลี่ยกันตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ด้วยกันตลอดจนเราขึ้นมัธยม แม่ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่อ อาขอร้องให้พ่อของหนูช่วยดูแลแม่ให้อาด้วยเพราะอามาเรียนโรงเรียนเดียวกับหนู แต่วันหนึ่งเขากลับจะแต่งงานกัน ตอนนั้นอาทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ทั้งหมดศรัทธาในความรัก ยิ่งมารู้ว่าจริงๆแล้วจิ๊บไม่ได้รักอาเลยที่ผ่านมาจิ๊บคิดกับอาแค่เพื่อนอายิ่งเสียใจ ตอนนั้นมันพาลไปหมดก็อาเพิ่งจะ 14-15 วันที่เกิดเรื่องที่อาเกือบพลั้งมือทำให้แม่หนูแท้งเพราะว่าพ่อกับแม่ของหนูมาแจกการ์ดที่บ้านแล้วเจออา”ลลิตภัทรลูบผมเด็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือมากุมแก้มซ้ายของหลานไว้อย่างทะนุถนอม

 

“อาเป็นคนเดินไปรับการ์ดจากพ่อแม่หนูเอง อากับพ่อทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ เราสู้กันแม่ของหนูก็เลยเข้ามาแยก ตอนนั้นอากำลังโมโหอาก็เลยผลักแม่เราออกไปจนล้ม อาไม่ได้ตั้งใจนะคะ ตอนนั้นอาก็เสียใจ ยิ่งตอนนี้หนูอยู่กับอา อายิ่งรู้สึกผิดที่เกือบทำให้หนูไม่ได้เกิดมาเป็นที่รักของอา”

 

“พ่อโกหกหนูเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบน้อยเอ่ยถามอย่างสับสน

 

เด็กน้อยไม่อยากจะเชื่อว่าแท้จริงแล้วพ่อของตนเองต่างหากล่ะที่เป็นมือที่สามแย่งแม่มาจากอาลอ

 

“อย่ารู้สึกไม่ดีกับพ่อนะคะ อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อกับแม่แล้วจริงๆ ตั้งแต่เจอหนูอารู้สึกว่าอาโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้แต่งงานกับแม่ของหนู ถ้าหนูเป็นลูกของอาๆคงเสียดายไปตลอดชีวิต ตอนนี้อามีแต่ความรู้สึกขอบคุณที่เขาคลอดเด็กน่ารักๆอย่างหนูมาให้อารัก”

 

“แต่พ่อแย่งแม่มาจากอานะจ๊ะ”

 

“เรื่องของความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ต่อให้อากับแม่ไม่ได้คบกันยังไงเขาเป็นคู่กันแล้วเขาก็ได้คู่กันอยู่ดี พ่อเขารักแม่มากเขาเลยระแวงที่อากลับมา แล้วยิ่งอามารักหนูอาก็ไปมาหาสู่สนิทสนมกับแม่เราอีกพ่อคงกลัวว่าอาจะคิดไม่ซื่อจะแย่งทั้งแม่ทั้งลูกไป จริงๆอาก็มีส่วนผิดที่วันก่อนนู้นไปพูดจาให้เขาระแวง ที่พ่อเขาทำเขาไม่ผิดแต่วิธีมันผิด จริงอยู่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของอากับพ่อไม่ดีเพราะต่างคนต่างก็มีอีโก้ของตัวเองแต่อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อของหนูแล้วจริงๆ หนูโกรธอาโดยที่ไม่บอกไม่พูดกับอาเลยซักนิด มันไม่ยุติธรรมเลย”

 

“หนูขอโทษ หนูขอโทษที่ไม่เชื่อใจอาลอ ไม่ถามอาลอก่อน หนูฟังความข้างเดียว”เด็กน้อยหลุบตาต่ำด้วยไม่กล้าสู้สายตาคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มให้ตนเลยซักนิด

 

กลายเป็นว่าเขาโยนความผิดทุกอย่างให้อาลอโดยไม่ถามไม่ฟังความทั้งสองฝ่าย เอาอารมณ์ของตัวเองตัดสินจนเกือบทำให้เกลียดกัน

 

“ตกลงเราเข้าใจกันหรือยังคะ?”ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดลูบหลังให้หลานเมื่อลูกเจียบยังคงสะอื้นอยู่

 

“เข้าใจแล้วจ้า”เด็กน้อยพยักหน้ารัวพลางสวมกอดอาลอไว้อย่างแสนรัก

 

“สัญญากับอาได้มั้ยคะ ว่าต่อไปถ้ามีอะไรสงสัยหรือไปฟังอะไรจากใครมาเราจะคุยกันก่อนจะไม่คิดเองเออเอง”

 

"สัญญาจ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย น้ำตาเปียกอกเสื้อของลลิตภัทรยามที่ยิ่งซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“อากลัวนะคะ กลัวว่าซักวันหนูจะไม่เหลือความเชื่อใจให้อาอีก กลัวว่าวันหนึ่งเราจะเลิกกันทั้งๆที่อาก็ให้ใจหนูขนาดนี้แล้ว เหมือนความรักที่อามีให้หนูมันไม่มีค่า”

 

"หนูขอโทษ ฮึก...หนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หนูขอโทษที่ดื้อที่ทำให้อาลอเสียใจ ยกโทษให้หนูนะจ๊ะ”

 

“แค่ขอโทษไม่พอหรอกค่ะ หนูทำอาเสียใจมาก ต้องโดนลงโทษ”ลลิตภัทรยิ้มเผล่อย่างคนเจ้าแผนการณ์ชายหนุ่มเชยคางหลานน้อยให้เงยขึ้นแล้วประกบจูบลงบนกลีบปากที่แดงจัดของหลานอย่างคนละโมบ

 

คิดถึงจะตายแล้วเนี่ยไม่ได้จูบตั้ง 4 วัน วันนี้จะจูบให้ปากเปื่อยเลย

 

โชคดีแค่ไหนแล้วที่พรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องไปเรียนไม่งั้นบทลงโทษมันจะไม่แค่จูบหรอกลลิตภัทรสาบานเลย

 


ส่วนไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา เขาจะจัดการมันทีหลังเอง




.......................................


โกรธอะไรกันนาน โกรธกันแล้วในใจของเธอมีความสุขมั้ย ก็ไม่

อาลอไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ปัญหาค้างคา คาใจอะไรก็เคลียร์เลย

กำนันมีบุญเก่าแค่ไหนแล้ว แม้ลลิตภัทรจะโกรธแต่ก็ยังบอกเจี๊ยบว่าไม่ให้โกรธพ่อ ที่พ่อทำนั้นก็เพราะรักแม่รักลูกกลัวจะโดนแย่งไป

กราบผู้ใหญ่บ้านกรู๊ววววววววว

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อย่างนี้ต้องฟ้องแม่จิ๊บ ให้จัดการพ่อกำนัน
เพิ่มโทษนอนนอกห้องแม่จิ๊บสัก1เดือน
 :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มีแต่จิ้บที่รู้สึกผิด แต่ดินนี่ชั่วจริงๆ ทำกับเค้าไว้ขนาดนั้นไม่รู้สึกผิดไม่พอยังใส่ร้ายเค้าอีก ชั่วววววว

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒o






                “อาลอ...อาลอจ๋า...”ศตายุเชิดคอแอ่นกายรับยามปลายลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดเม็ดบัวเม็ดน้อยกลางอก ความสะท้านแล่นริ้วจนเสียดเสียวไปทั่วสรรพางค์กายก่อนจะแล่นไปรวมกันที่ท้องน้อยไล่วนไปจนถึงกลางกายจนดุนดันเนื้อผ้า ลลิตภัทรไม่ได้ปราณีเด็กน้อยเลยซักนิด คล้ายจะลงโทษหากทว่าแฝงความกลั่นแกล้งอยู่ในที เสื้อนักเรียนสีขาวยับย่นไปกองอยู่ที่ข้อพับแขนยิ่งส่งให้คนเด็กดูเย้ายวน คล้ายดอกไม้แรกแย้มที่ค่อยๆเผยกลีบให้เห็นเกสรด้านในหลอกล่อแมลงภู่ผึ้งให้เข้าไปดอมดมชิมรสน้ำหวานสีใส ลลิตภัทรลูบคลำเค้นคลึงไปทุกสัดส่วน ปลายจมูกสูดดมความหอมของเนื้อเด็ก อดไม่ได้ที่จะตีตราประทับความเป็นเจ้าของที่สีข้างหากทำเพียงรอยจางๆด้วยดึงสติตัวเองกลับมาได้ว่าตนไม่ควรทำให้ลูกเจี๊ยบมีริ้วรอยใดใดทั้งสิ้น

 

                “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”ยืดตัวขึ้นมามอบจูบแสนหอมหวานเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดราวค้นพบรวงผึ้งฉ่ำหวาน ปลายลิ้นเสาะสำรวจราวพรานไพรที่จะไม่ยอมให้ของล้ำค่าลอดสายตาไปได้ ลลิตภัทรลากไล้ริมฝีปากรวบร่างหลานให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักสูดดมความหอมหวานราวเสพติด ลูกเจี๊ยบคล้องคออาลอไว้เพื่อนยึดเหนี่ยวร่างกายที่อ่อนปวกเปียก ดวงตาฉ่ำปรือขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายประคองใบหน้าหล่อเหลาของอาลอไว้ด้วยสองมือของตัวเอง

 

                “หนูก็รักอาลอจ้า อย่าพูดว่าหนูไม่เคยรักอาลออีกนะจ๊ะ หนูรักจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว แค่คิดว่าอาลอไม่รักหนู หนูก็นอนไม่หลับเรียนไม่รู้เรื่องเลย รู้สึกเหมือนจะตายเอาจริงๆ มันน่ากลัวมากเลยรู้มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยจ้องลึกในดวงตาของลลิตภัทรด้วยดวงตาใสแจ๋ว ลลิตภัทรผุดยิ้มด้วยความเอ็นดูชายหนุ่มลูบผิวแก้มใสของหลานด้วยความเบามือ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประคองสองแก้มฟูไว้ด้วยความทะนุถนอม

 

จริงๆแล้วเขาโกรธมาก โกรธแดนดิน แต่เพราะเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบบนตักนี้ อารมณ์เดือดพล่านของเขาจำต้องทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนั่นก็เป็นพ่อของลูกเจี๊ยบ หากเขาพูดกลับตอบโต้ด้วยคำพูดรุนแรงย่อมทำร้ายใจเด็กที่รักและเทิดทูนพ่อเหนือใครบนโลก เขาไม่อยากให้ลูกเจี๊ยบถูกสร้างรอยแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เขารักและอยากปกป้องรอยยิ้มสวยๆนี้ไว้ให้นานที่สุด

 

จริงอยู่ว่าอีกหน่อยลูกเจี๊ยบก็จะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ จะต้องเจออะไรมากมาย หากแต่ว่าถ้าทางเดินในอนาคตของลูกเจี๊ยบจะมีอันตรายสิ่งเหล่านั้นจะต้องผ่านลลิตภัทรไปก่อน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายจมูกของตนเองชนกับปลายจมูกเจ้าเด็กขี้ดื้อ ถูไปมาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้กับคนหลาน บรรยากาศต่างจากตอนที่ทะเลาะกันลิบลับ

 

ลลิตภัทรชอบเวลาที่ศตายุสดใสร่าเริงแบบนี้มากกว่าตอนที่ร้องไห้โวยวายน้ำตานองหน้าแบบเมื่อกี๊

 

                “อาลอ...นั่งนิ่งๆแป๊บนะจ๊ะ” อยู่ๆคนเด็กก็ประคองต้นคอเขานิ่ง ดวงตากลมจับจ้องเขาไม่หลบไปไหนก่อนจะนั่งด้วยเข่าสูงขึ้นจนยอดอกลอยเด่นยั่วยวนอยู่ตรงหน้า อยู่ๆความรู้สึกคันๆบนหัวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

                “หือ...อาลอ”เจ้าลูกเจี๊ยบร้องครางเสียงต่ำก่อนจะนั่งลงจนเสมอกันในปลายนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือเหมือนถืออะไรบางอย่างอยู่

 

                “อะไรคะ?”ส่งเสียงถามอย่างสงสัย ศตายุยื่นมือมาตรงหน้าสิ่งที่เห็นทำให้อารมณ์คึกคักราวม้าศึกห่อเหี่ยวลงทันตา

 

                “ผมหงอกจ้า อาลอมีผมหงอก”ลลิตภัทรล่ะอยากจะจับเจ้าลูกเจี๊ยบคว่ำหน้าพาดกับขาแล้วตีตูดแรงๆนัก

 

มันเป็นยังไงชอบทำตัวขัดเวลากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มตลอด อะไรที่คึกคักโป่งพองก็แฟ่บอย่างน่าอัศจรรย์ ที่สุดตอนแรกว่าจะละเลียดผิวเด็กอีกซักพักก็ถูกเปลี่ยนเป็นสงครามผมหงอกเมื่อเจ้าเจี๊ยบดึงหัวเขาไปสำรวจหาผมหงอกเส้นอื่นๆแล้วบอกให้เขาเตรียมตัวไปหาร้านย้อมสีผมได้เลย

 

เด็กหนอเด็ก มาตื่นเต้นอะไรเอาตอนนี้วะคะ

 

ในที่สุดหลังจากปลุกปล้ำกับหนังหัวของเขาเสร็จลลิตภัทรก็พาเจ้าเด็กขี้งอแงไปกินชาบูแล้วพาไปส่งถึงบ้าน

 

แดนดินยืนถมึงทึงอยู่บนขั้นสุดท้ายของบันไดบ้านหน้าหงิกหน้างอเป็นม้าหมากรุก ส่วนเจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นมีสีหน้าเกรงๆพ่อของตัวเองที่ยืนจ้องลูกชายไม่วางตาอยู่

 

และเขาท้าทายอำนาจมืดด้วยการร้องเรียกชื่อหลานเบาๆ

 

                “เจี๊ยบ พรุ่งนี้ไปติวกับอานะ จะสอบแล้วอาไม่อยากให้ขาดตอน”ลูกเจี๊ยบหันขึ้นไปมองพ่อด้วยท่าทางประหม่าก่อนจะตอบรับ ชายหนุ่มโบกมือลาลูกเจี๊ยบแล้วจึงขับรถกลับบ้าน

 

อย่างน้อยการที่เขาพาหลานมาส่งแดนดินก็คงรู้แล้วว่าแผนปั่นหูของตัวเองนั้นไม่ได้ผล ป่านนี้คงกำลังระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหน จะงัดอะไรขึ้นมาตอบโต้

 

ยังหรอก ยังไม่ถึงเวลาสนุกลลิตภัทรจะปล่อยไปก่อน รอเวลาดีหรือแดนดินมายั่วอารมณ์เขาจะตีให้หมอบจนต้องร้องขอชีวิตเลยล่ะ

 

 

 

 

หลายวันมานี้แดนดินรู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่ค่อยหลับกินข้าวก็ไม่ใคร่อร่อยคล้ายกับว่ามีใครคอยแช่งชักหักกระดูกหรือจับตามองอยู่เรื่อยๆ แม้อากาศจะค่อนข้างเย็นแต่กำนันหนุ่มกลับร้อนอบอ้าว ร้อนอกร้อนใจจนต้องให้แก้วเจ้าจอมลูกรักเอาขันน้ำแช่ช่องฟรีซละลายน้ำใส่กระติกแล้วลอยดอกมะลิกินน้ำเย็นจัดจนเสียวฟันให้ชื่นใจ

 

                “พ่อกำนันจ๋าเป็นอะไรจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นหน้าพ่อไม่ค่อยสเบยก็เอ่ยทักอย่างเป็นห่วงเป็นใยสีหน้ามีแววหนักใจเป็นนักเป็นหนา แก้วเจ้าจอมรักพ่อปกติพ่อจะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่ตลอดเวลาแต่พักนี้พ่อจ๋าทำหน้าเหมือนหมาที่เจ้าของไม่ให้กระดูกแก้วเจ้าจอมก็เป็นห่วง อย่างเช่นตอนนี้ที่พ่อจ๋ามีท่าทางเหม่อลอยนั่นอีกเห็นแล้วก็หนักอกหนักใจ หรือพ่อจ๋าจะปวดท้อง ไขข้อเสื่อมสภาพ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมถอย หรือแม่จ๋าไม่ยอมให้กัดคอพักหลังๆพ่อกับแม่ทำท่าตึงๆใส่กันออกจะบ่อย

 

                “พ่อจ๋า...”ลองหยั่งเชิงเรียกเมื่อเห็นพ่อเอาแต่เขวี้ยงก้อนดินลงในนา เรียกหรือถามอะไรก็ไม่หือไม่อือ มันน่าน้อยใจนัก เหมือนตำแหน่งลูกรักชักจะสั่นคลอน

 

พ่อจ๋าไม่สนใจหนู หนูต้องโตไปเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆเลย

 

หนูต้องติดยา

 

กลายเป็นเด็กแว้น

 

แล้วก็ท้องไม่มีพ่อ

 

เจ้าจอมคิดได้ดังนั้นก็เศร้านัก

 

เจ้าจอมไม่อยากโตไปเป็นเด็กมีปัญหาเป็นขยะสังคมเจ้าจอมจะต้องเรียกร้องความสนใจจากพ่อจ๋าให้จงได้

 

                “พ่อกำนันเมื่อยมั้ยจ๊ะเดี๋ยวจอมนวดให้”ว่าจบก็บีบไหล่พ่อตามแรงที่เด็กพอจะมีได้ อยากเอาอกเอาใจ จอมไม่อยากเห็นพ่อจ๋าเครียดเดี๋ยวพ่อจ๋าเส้นเลือดในสมองแตกจอมต้องมาป้อนข้าวป้อนกล้วยบด คงลำบากพิลึก จอมเคยเห็นย่าโฉมป้อนกล้วยบดน้องคุณเลอะเทอะน่าดูเชียว

 

                “เฮ้อ...”กำนันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

                “เจ้าจอม ถ้าวันใดวันหนึ่งพ่อกับแม่เลิกกันเจ้าจอมจะอยู่กับใคร?”อยู่ๆความคิดนี้ก็แวบเข้ามาในหัว หากแต่ลูกชายคนเล็กส่ายหน้าพรืด

 

                “พ่อจ๋าพูดอะไรไม่เป็นมงคล ใครจะเลิกกันไม่มีทางหรอกหนูไม่ให้เลิก”

 

                “พ่อแค่สมมติ”

 

                “สมมติก็ไม่ได้หนูไม่ชอบเลย “เด็กน้องว่าพลางต่อยไปที่หลังพ่อแรงๆหนึ่งที แดนดินไม่ได้เจ็บเลยซักนิด แรงเท่ามดต่อยชายหนุ่มลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน

 

                “ไม่ทำหน้าหงิกสิ เดี๋ยวแม่มาเห็นจะเอ็ดหาว่าพ่อแกล้งอีก”

 

                “ก็พ่อพูดไม่ดี หนูไม่ชอบฟัง มีอย่างที่ไหนมาสมมติว่าบ้านจะแตก แม่จ๋ารักพ่อกำนัน พี่เจี๊ยบพี่เจ้าขากับเจ้าจอมก็รักพ่อกำนันแบบนี้บ้านเราจะแตกได้ยังไงล่ะจ๊ะ แล้วเรื่องมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นซักหน่อยพ่อจ๋าจะไปคิดทำมไร้สาระจริง”

 

                “พ่อคงคิดมากเกินไป นั่นสิเนอะบ้านเรารักกันจะตาย ต่อให้มีควาย((อย่างไอ้ลอ))มาลากก็ไม่มีทางแตก เจ้าจอมพูดจาดีปลอบใจพ่ออยากได้อะไรก็บอกพ่อมาเดี๋ยวพ่อจะให้”กำนันหนุ่มยิ้มออกมาได้ในรอบหลายวันหลังจากใส่สีตีไข่พระลอให้ลูกเจี๊ยบฟังเมื่อคืนนั้น เขาเองก็ไม่ได้สบายใจเลยซักนิดยิ่งคืนนั้นที่ลลิตภัทรมาส่งลูกเจี๊ยบ เขาอยากถามลูกใจจะขาดว่าทำไมถึงกลับมาพร้อมลลิตภัทรแต่ลูกก็เดินเลี่ยงเข้าห้องแถมล็อกเสร็จสรรพ

 

เขาคิดว่าลูกเจี๊ยบจะไม่ไปข้องแวะกับลลิตภัทรอีก แต่ว่าเขาคิดผิด นอกจากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นลูกเจี๊ยบก็ข้ามกลับไปเรียนพิเศษกับลลิตภัทรตามเดิม เขาจะห้ามก็ไม่ได้เพราะจิ๊บมักจะบอกสมอว่าลูกเรียนจะไม่ทันเพื่อนถ้าพ่ออย่างเขาเอาแต่ขัดขวางด้วยเรื่องงี่เง่า

 

ผิดไปหมด แผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมจะเสียคะแนนแบบเทหน้าตักให้ลลิตภัทรอีกต่างหาก

 

เฮ้อ....กำนันเซ็ง!!!

 

 

 

 



 

                เช้าวันนี้ศตายุไปช่วยลลิตภัทรขนของขึ้นรถตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นพ้นขอบน้ำดี ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีเข้มปล่อยชายออกนอกกางเกงยีนส์ ลูกเจี๊ยบเพิ่งสังเกตว่าหลายเดือนมานี้ที่ลลิตภัทรอยู่บ้าน ไม่มีวันไหนที่ชายหนุ่มจะแต่งตัวไม่ดี

 

กลายเป็นความแปลกแยกในหมู่ชาวบ้านที่ส่วนมากก็ใส่เสื้อที่แถมมากับยาฆ่าแมลงหรือกระป๋องสี ไม่ก็เสื้อแจกยามมีเลือกตั้งอะไรซักอย่าง ลลิตภัทรเหมือนคุณชายที่หลงทางมามากกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านของชนบทแห่งนี้

 

                “ตั้งใจสอบนะคะ เดี๋ยวปิดเทอมหาเวลาว่างๆอาจะพาไปเที่ยวด้วยคอนโดอากว้างมีสระว่ายน้ำสวยๆเจี๊ยบอยากเห็นมั้ยคะ”ชายหนุ่มปิดท้ายรถแล้วหันมาคุยกับหลาน ลูกเจี๊ยบน้อยตาเป็นประกาย ดวงตาซุกซนเป็นประกายแข่งกับเงาระยิบระยับบนผิวน้ำ

 

                “อยากจ้า หนูอยากเห็นที่ๆอาลออยู่ที่กรุงเทพ”น้ำเสียงกระตือรือร้นตอบรับในทันที

 

                “งั้นก็ตั้งใจสอบนะคะ อาไปไม่กี่วันก็กลับมืดๆจะโทรมาหานะคะ”ลลิตภัทรโยกหัวหลานไปมาอย่างเอ็นดู นี่หากอยู่กันเพียงลำพังเขาคงไม่ทำแค่นี้ คงจะรวบร่างนุ่มนิ่มมากอดมาหอมให้แก้มช้ำแล้วค่อยไป

 

                “ขับรถดีๆนะจ๊ะ”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นมองทำให้ลมหายใจคนมองแทบจะขาดห้วง

 

น่ารักน่าชังน่าเอ็นดูน่าดูเอ็นเหลือเกินหนูจ๋า...

 

                “รีบกลับมานะจ๊ะ”เสียงหวานเอ่ยปากฉอเลาะ ริมฝีปากยิ้มเยื้อนอ่อนหวาน

 

                “หนูคิดถึง...”ได้ฟังน้ำคำฉอเลาะลลิตภัทรก็อยากจะโทรไปบอกเพื่อนว่าไม่ไปแล้วได้มั้ยวะ ไม่อยากให้หลานคิดถึง

 

เด็กมันอ้อนเสียเหลือเกิน

 

ลลิตภัทรขับรถถึงกรุงเทพก็เกือบเที่ยงแล้วเพราะแวะนู่นแวะนี่ไปเรื่อยด้วยเพราะไม่เร่งรีบ เขตที่ชายหนุ่มอยู่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจถนนหนทางแออัดไปด้วยรถชายหนุ่มเคาะนิ้วตามทำนองเพลงอย่างระบายความหงุดหงิด พอกลับไปอยู่บ้านนานๆลลิตภัทรก็ติดการใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ไปไหนก็ไม่ต้องเร่งรีบเผื่อเวลามากมายเหมือนยามอยู่ที่กรุงเทพ กว่าจะถึงคอนโดก็เกือบเที่ยง ลลิตภัทรหิ้วของฝากขึ้นมาบนห้องสองถุง เก็บของเสร็จก็เดินไปห้องข้างๆเคาะไม่กี่ทีเจ้าของห้องก็เปิด เป็นครอบครัวพนักงานบริษัทที่มาเช่าอยู่ชายหนุ่มเอาถ่านไม้และกล้วยเบรกแตกที่ให้ชาวบ้านตั้งกลุ่มทำเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปมามอบให้ เอ่ยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกหลายคำก็แวะไปห้องถัดไป เมื่อแจกของฝากเสร็จอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดกับเพื่อนๆลลิตภัทรจึงกลับห้อง ดูความเรียบร้อยของทุกอย่าง ข้าวของอยู่ครบก็โทรหาป้าลำพึงแม่บ้านที่เขาจ้างไว้ดูแลห้องเอ่ยขอบคุณและบอกกล่าวเรื่องของฝากที่เขาเอามาให้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาคนเด็กก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด

 

ห้าโมงเย็นลลิตภัทรอาบน้ำอาบท่าฉีดน้ำหอมจนฟุ้งไปทั่วห้อง เสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำถูกนำมาสวมช่วยส่งให้ผิวขาวจัดของชายหนุ่มยิ่งสว่างชัด พระลอจัดแต่งทรงผมอีกเล็กน้อยก็ส่งยิ้มให้กับเงาของตัวเอง

 

                “ใครวะ หล่อชิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม”จัดการเสยผมอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเห็นสิ่งแปลกปลอมบนหัว

 

                “แม่ง...”สบถออกมาเบาๆก่อนกวาดสายตาหากรรไกรอันเล็กๆบนโต๊ะเครื่องแป้งจัดการตัดผมสีขาวออกให้พ้นไปจากชีวิต

 

 

                “ไงมึงไอ้ผู้ใหญ่บ้าน หายหน้าหายตาไม่เจอกันเลยตั้งแต่ลอยกระทง แดดที่บ้านมึงแรงไม่พอที่จะทำให้มึงดำขึ้นเลยเหรอวะแม่ง”ลลิตภัทรเข้าไปทักทายบรรดาเพื่อนๆที่มารวมตัวกันที่ร้านอาหาร เพื่อนของลลิตภัทรจองห้องวีไอพีเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเพลงดังวุ่นวายจนกลบเสียงคุยจึงมีเพียงการเปิดเพลงคลอเบาๆเท่านั้น  ชายหนุ่มตบหัวไอ้เอ็มเพื่อนสนิทที่เอ่ยทักเสียงดังก่อนจะโดนดันไปนั่งด้านในติดกับอริตาที่นั่งส่งยิ้มกว้างรออยู่ก่อนแล้ว

 

                “แอนรอลอตั้งนานทำไมเพิ่งมาคะ?”หญิงสาวจัดการชงเหล้าให้ลลิตภัทรอย่างรู้งาน ลลิตภัทรส่งยิ้มหวานไปให้ดวงตาแพรวพราวอย่างคนบริหารเสน่ห์หากแต่ในใจไม่ได้มีความคิดพิศวาสลึกซึ้งอะไรแล้ว ตั้งแต่งานคราวก่อนที่แอนไปบ้านแล้วเจ้าตัวน้อยกระเง้ากระงอดจนถึงขั้นถอดเสื้อประชดเขาก็ไม่มีใจแกว่งหรือแบ่งไปให้ใครอีก อริตาพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวสมัยก่อนมาพูดมาคุยกับลลิตภัทรหากแต่ชายหนุ่มทำเหมือนฟังเสียงแมลงหวี่คือฟังหูซ้ายทะลุหูขวา

 

                “ตกลงเรื่องหุ้นของมึงเอาไงวะลอ?”

 

                “กูไม่ขายว่ะ  ยังไงก็เป็นบริษัทที่ร่วมกันทำมาแต่ต้นกูก็อยากร่วมหัวจมท้ายไปกับพวกมึง กูคิดแล้วลงเงินแล้วนอนกินกำไรอยู่กับบ้านก็สบายดีได้มากได้น้อยแต่ก็เงินเหมือนกันมึงก็ช่วยดูแลให้กูด้วย ถ้ามีงานอะไรให้กูทำก็ติดต่อไปกูนั่งทำอยู่กับบ้านก็ได้”

 

                “เออ มึงว่ายังงั้นพวกกูก็สบายใจ เอ้ามาๆชนแก้วๆ”เอ็มเอ่ยเรียกบรรดาเพื่อนๆให้ยกแก้วขึ้นมาชนกับที่พอดีว่าโทรศัพท์ของลลิตภัทรดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอารามรีบร้อนชายหนุ่มก็เผลอทำเหล้าในแก้วหกใส่อาริตาที่ยื่นมาให้อย่างพอดิบพอดี หญิงสาวร้องอย่างตกใจกับพอดีที่ลลิตภัทรกดรับสายลูกเจี๊ยบโดยไม่ทันตั้งใจ

 

                “ลอคะ ลอช่วยแอนหน่อยสิคะ”อาริตาดึงแขนลลิตภัทรที่ยกมือขอโทษขอโพยหล่อนไว้

 

                “แอน แป๊บนะครับผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”

 

                “อย่าเพิ่งไปค่ะ ลอต้องรับผิดชอบที่ทำให้แอนเปียกไปทั้งตัวก่อนสิคะ”ลลิตภัทรมองตามคำว่าเปียกทั้งตัวของอริตาก่อนทำหน้าล้อเลียนว่าเจ้าหล่อนนั้นพูดปดเพราะรอยเปียกมีเพียงตรงอกอวบอึ๋มสะบึมบึ้มเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

 

                “งั้นก่อนไปลอช่วยรูดซิปให้แอนก่อนสิคะ “หญิงสาวยังคงต่อรองเมื่อลลิตภัทรทำท่าจะเดินออกไปจนชายหนุ่มต้องนั่งลงเพื่อช่วยหล่อนตามที่หญิงสาวร้องขอ เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนทำให้อริตาเปียกแหละนะ

 

ศตายุขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ดังเข้ามาในสาย ดวงตาของเด็กน้อยฉายแววกรุ่นโกรธละไม่พอใจเต็มที่

 

ไหนอาลอบอกเจี๊ยบว่าไปคุยงานกับเพื่อนไงจ๊ะ

 

แล้วยัยป้าแอนนมยานไปอยู่กับอาลอได้ยังไง

 

อะไรคือช่วยรูดซิป? ซิปอะไร?

 

อาลอกับป้าแอนกำลังทำอะไรกันอยู่ หรือว่า?...ดวงตาของเด็กน้อยโตเท่าไข่ห่านเมื่อนึกจินตนาการกิจกรรมที่ลลิตภัทรกำลังทำกับอริตา มืออูมกำโทรศัพท์ราวกับจะบี้ให้พังคามือ

 

อาลอนะอาลอ ไหนบอกว่ารักหนูคนเดียวไง แล้วนี่อะไรจ๊ะ ไปนอนกับป้าแอนนมเปลี้ยนั่นได้ยังไง

 

เกลียดนักคนเจ้าชู้!!!

 

ลลิตภัทรหันไปมองอริตาที่กำลังพยายามรูดซิปกระเป๋าสะพายที่ติดแล้วคว้ามาช่วย ชายหนุ่มใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เปิดออกได้ อริตาเอาผ้าเช็ดหน้าซับคราบสุราที่เปียกเนินอกดังชายหนุ่มขอโทษหล่อนอีกครั้งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอดับไปแล้วเดินออกไปด้านนอกร้านกดโทรกลับทันทีที่หามุมสงบได้

 

เสียงสัญญาณดังขึ้นไม่นานลูกเจี๊ยบก็กดรับสาย

 

                “ฮัลโหลค่ะเจี๊ยบขอโทษนะคะที่รับช้าพอดีอาเพิ่งเดินออกมานอกร่ะ...”

 

                “ไม่คุยกับคนเจ้าชู้!!!”ลลิตภัทรยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเสียงลูกเจี๊ยบน้อยที่เกรี้ยวกราดก็ดังสวนกลับมาจากนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป ทิ้งชายหนุ่มไว้กับดินแดนอันแสนเวิ้งว้าง

 

กูทำอะไรผิดวะ?

 

ก้มลงมองหน้าจออีกครั้งอย่างงงๆก่อนจะกดโทรกลับไปอีกครั้งหากแต่คราวนี้ลูกเจี๊ยบปิดเครื่องไปแล้ว

 

อ๊าว...

 

ไรอ่ะ??

 

อะไรวะ

 

งงเด้!!!

 


อาไปเจ้าชู้กับใครตอนไหนคะเนี่ย?!!







     ลลิตภัทรแทบอยากจะเหาะกลับบ้านถ้าไม่ติดว่าอีกวันต้องไปร่วมงานแต่งของเพื่อน ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบอีกหลายครั้งแต่โทรศัพท์ของลูกเจี๊ยบคงโคฟเวอร์เป็นสากกะเบือไปแล้วเพราะมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติให้ได้หงุดหงิดเล่น ชายหนุ่มกลับเข้ามาในร้านมองอริตาอย่างเคืองๆ ยอมรับล่ะว่าเขาพาล



     "ไอ้เอ็มมึงขยับไปนั่งข้างแอนดิ๊"ผลักเพื่อนสนิทเพื่อจะแย่งที่นั่ง อรรถพลงงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆหากแต่ก็ยอมย้ายตูดไปแต่โดยดี แก้วเหล้าถูกเปลี่ยนมาใหม่ตามปกตินิสัยของลลิตภัทรที่หากทิ้งโต๊ะไปแล้วจะไม่ดื่มแก้วเดิม



     "ลอคะทำไมไม่กลับมานั่งที่เดิมล่ะคะ?"อริตาทำเสียงกระเง้ากระงอด ส่ายอกเต่งตึงไปมาราวกับตุ๊กตาลมหน้าปั๊มน้ำมัน



     "นั่งแบบนี้ดีกว่าครับแอนพอดีแฟนลอเค้าขี้หึง"ลลิตภัทรตอบลลิตภัทรตอบเสียงเรียบพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบทำเป็นเมินสายตาที่หันขวับมาจับจ้องเขา เห็นไอ้เอ็มทำหูผึ่งก็นึกขำ



ลลิตภัทรหวงชีวิตโสด  เรื่องนี้เพื่อนๆในกลุ่มรู้ดี  แม้ชายหนุ่มจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งแต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาลลิตภัทรไม่เคยใช้คำว่าแฟนกับใครแม้แต่อริตาที่ดูจะโปรดปรานกว่าคู่นอนคนไหนก็ตาม หญิงสาวที่คิดมาตลอดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นแทบจะลุกขึ้นมากระทืบเท้าเร่าๆแบบในละครหากแต่หล่อนระงับจิตระงับใจตัวเองไว้  หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ

หากหล่อนโวยวายไปตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย



     "มึงไปมีแฟนตอนไหนวะทำไมพวกกูไม่รู้?"เพื่อนคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม ลลิตภัทรมีสายตาเป็นประกายวูบหนึ่งยามนึกถึงแก้มฟูๆที่มีกลิ่นแป้งเด็กติดอยู่ให้ได้ชื่นใจยามฝังปลายจมูก  สายตาที่อริตาไม่เคยได้รับ สายตาที่เพื่อนๆทุกคนไม่เคยเห็น



     "ซักพักแล้วว่ะ"ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี



     "สวยมั้ยวะ?"ใครๆก็รู้ว่าลลอตภัทรไม่เคยควงคนหน้าตาไม่โดดเด่น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เพื่อนของเขาเคยควงแต่ละคนล้วนแล้วแต่หน้าตาดีราวคัดเกรดมาแล้วทั้งนั้น



     "ไม่สวยว่ะ"ชายหนุ่มชายหนุ่มหยุดคิดนิดหนึ่งริมฝีปากกระตุกยิ้มยามนึกถึงเจ้าของปากงุ้ยๆแก้มป่องๆขี้เถียงๆของคนที่กำลังงอนเขาอยๆแ่อนที่จะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข



     "แต่น่ารักชิบหายเลย น่ารักแบบที่กูไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต"





      สามวันต่อมาลลิตภัทรก็กลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มหอบของฝากมาจนเต็มรถ บัวบูชากับบุญรักษาได้ตุ๊กตาคนละตัวเด็กหญิงเด็กชายกระโดดกอดอาหนุ่มอย่างดีอกดีใจจนขวัญชีวาต้องเตือนลูกให้ไหว้ขอบคุณอาลอเสียก่อน



     "ไปกรุงเทพแค่นี้ต้องย้อมผมกลับมาด้วยเหรอวะ"พระลักษณ์เอ่ยเซวน้องชายที่กลับมางวดนี้หล่อขึ้นไปอีกโขด้วยผมที่ตัดมาใหม่และลงทุนไปนั่งให้ช่างรุมทึ้งหลายชัวโมง ตอนแรกช่างจะทำสีเทาไม่ก็บลอนด์สว่างๆให้เขาแต่ชายหนุ่มท้วงไว้เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านเวลามีประชุมจะไปนั่งหัวทองกลางดงผมหงอกก็ดูไม่เหมาะจึงสรุปกันที่น้ำตาลประกายส้มซึ่งยิ่งขับกับผิวขาวจัดของเขาได้เป็นอย่างดี



     "อิจฉาล่ะสิผมทำแล้วหล่อ"ชายหนุ่มยักไหล่ใส่่ชาพี่ชายคนรแงแล้ววางตะกร้าเสื้อผ้าเด็กผู้ชายที่ซื้อมาฝากน้องคุณหลานคนเล็ก



     "มีแต่ของฝากหลานๆแล้วของพ่อๆมันล่ะวะ?"พระรามแกล้งถามเมื่อเห็นแต่ของฝากลูกๆหลานๆ



     "อยู่หน้ารถพี่ นุ่มลิ้นอย่างนี้เลย"ชายชายหนุ่มเดินกลับไปทีไปที่รถกลับมาพร้อมขวดไวน์และเหล้านอกหลายกล่อง พระรามกับพระลักษณ์ตบเข่าฉาดอย่างชอบอกชอบใจที่ไอ้น้องครกษกมันรู้ใจพี่ๆ ลลิตภัทรฝากขวดเหล้าไว้ที่พี่ๆแล้วไปหยิบของของกินต่างๆไปให้แม่ที่นั่งทำกับข้าวกับนิดาและขวัญชีวาในครัว ใบบุญกับใบบัวนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ไม่ห่าง



     "พี่ขวัญครับเดี๋ยวรบกวนหากับแกล้มให้หน่อยนะครับวันนี้ว่าจะดื่มกัน"



     "ได้ๆลออยากได้อะไรพิเศษมั้ยจะได้ทำให้เลย"พี่สะใภ้คนโตเอ่ยถาม



    "งั้นขอแหนมซักจานนะครับ ผมซื้อมาแล้ว"ชายหนุ่มวางถุงของลงหน้าพี่สะใภ้



     "อันนี้ซื้อมาฝากแม่ พอดีเพื่อนเปิดร้านมันลดราคาให้"พระลอยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงให้แม่ เมื่อเปิดออกมาด้านในเป็นกำไลทองฝังเพชรเม็ดเล็กๆกับต่างหู ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบแตก ลลิตภัทรรู้ว่าแม่ชอบทองกับเพชรปกติชายหนุ่มกับพี่ๆจะหุ้นกันซื้อให้แม่ทุกปี



     "ท่าทางจะชอบ"ขวัญชีวาพยักเพยิดกับนิดาเอ่ยแซวแม่สามีย่างเอ็นดูคนแก่ที่เอาของขึ้นไปเก็บด้วยตัวเอง



     "งั้นเดี๋ยวผมแวะเอาของไปฝากบ้านนู้นหน่อยนะครับ"พระลอขอตัวแยกออกไป คิดถึงลูกเจี๊ยบใจจะขาด อยากเจอหน้าจะแย่ หลายวันมานี้เหมือนถูกลูกเจี๊ยบเหวี่ยงออกนอกโลกชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าบ้านแดนดิน จิ๊บโผล่หน้าออกมาดูจากหน้าต่างครัว



     "อ้าว ลอ กลับมาแล้วเหรอ? ขึ้นมานั่งบนบ้านก่อน แล้วนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะ"ลลิตภัทรหิ้วถุงของฝากขึ้นมาบนบ้าน จันทร์เจ้าขายกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่ม



     "เจ้าขา อันนี้อาซื้อมาฝากหนูนะคะ"ลลิตภัทรยื่นถุงกระดาษลายน่ารักให้เด็กสาว จันทร์เจันทร์เจ้าขายกมือไหว้ขอบคุณเมื่อเปิดดูด้านในเป็นชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆสวยหวานน่ารักเหมาะกับเจ้าขา เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจ



     "อันนี้ของจิ๊บ ตัวนี้ใช้ดีมากช่วยบำรุงผิวลดริ้วรอย"



     "ลอว่าเราแก่เหรอ?"จิ๊บรับถุงเครื่องสำอางค์จากลลิตภัทรพลางเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่



     "แหม...เธอก็สามสิบกว่ามันก็ต้องบำรุงกันหน่อยมั้ยครับคุณจิรนันท์ ส่วนนี่น้ำหอม กลิ่นไม่ฉุนมากเราซื้อมาฝากผัวเธอ"จิรนันท์หัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินสรรพนามที่ลลิตภัทรใช้เรียกบุคคลที่สามอย่างแดนดิน



     "ดูพูดเข้า ลอนี่จริงๆเลย"



     "แล้วนี่เจี๊ยบกับเจ้าจอมไปไหนล่ะ?"



     "เจี๊ยบเข้าเมืองไปกับพ่อเค้าน่ะ ส่วนเจ้าจอมไปจับปลากับทิดชัยที่ท้ายนา"หล่อนชี้ไปที่ท้ายนาลิบๆเห็นกลุ่มคนจับปลากันอยู่ไกลๆ



     "งั้นเดี๋ยวเราไปหาหลานก่อน พวกของกินแช่ตู้เย็นจะไว้ได้นานนะ อร่อยดีลองดู"



     "อื้อ ขอบใจนะ อุตส่าห์นึกถึง"



     "ไม่เป็นไร เราไปก่อนนะ"ชานหนุ่มไม่รอให้จิรนันท์ได้ตอบกลับก็ขับรถไปจอดใกล้ๆกับที่เจ้าจอมจับปลาอยู่ เพ่งสายตาดูไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมตัวคลั่กไปด้วยโคลนกำลังจับปลาอย่างสนุกสนาน



     "เจ้าจอม"ลลิตภัทรส่งเสียงร้องเรียก เมื่อเด็กน้อยได้ยินก็รีบเงยหน้าดูก่อนจะยิ้มร่าทิ้งตะข้องที่ใส่ปลาวิ่งมาหาลูกพี่ทันที



     "อาลอ อาลอกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ"เอ่ยทักเสียงอ่อนเสียงหวาน ลลิตภัทรเปิดท้ายรถหยิบกล่องของเล่นกล่องใหญ่ออกมาอย่างรู้งาน

คราวนี้เขาจะใช้ประโยชน์จากแก้วเจ้าจอมของเซ่นไหว้ก็ย่อมต้องไม่ธรรมดา



     "โห!!! อาลอ"แก้วเจ้าจอมตาโตเมื่อเห็นของฝากมือน้อยๆจะ่นไปรับหากแต่คนเป็นอากลับดึงออกให้ห่างมือ



     "อาจะให้ แต่เจ้าจอมต้องช่วยอะไรอาหน่อย"



     "ช่วยอะไรเหรอจ๊ะ บอกมาเลยหนูจะทำสุดความสามารถเลย"



     "ช่วยอาง้อพี่เจี๊ยบหน่อย"ชายหนุ่มตอบพลางกดยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องเอาของเล่นเข้าล่อนี่แหละ













,...................

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2018 17:26:23 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
555=แก้วเจ้าจอมหนูเป็นเด็กขี้มโนเก่งจริงๆเลย
หนูท้องไม่ได้นะลูกเอ๊ย :m20:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๑




        ศตายุปรายตามองแก้วเจ้าจอมที่มานั่งหน้าแป้นอยู่บนเตียงนอนของตนเอง ในมือป้อมๆมีกระปุกครีมยี่ห้อดังๆแพงๆที่เคยเห็นผ่านตาบ่อยครั้งในนิตสารหัวนอก

 

          “เอาไปคืนอาลอ”น้ำเสียงติดจะสะบัดสั่งน้อง แก้วเจ้าจอมที่อาบน้ำปะแป้งตรางูจนลายพร้อยไปทั้งตัวทำหน้าคว่ำ อากาศยามบ่ายนี้ร้อนจนเด็กน้อยอยากเกิดเป็นควายจะได้นอนแช่โคลนแช่ปรักใช้ฉ่ำปอดแบบนังเบลล่านัก

 

          “โธ้...พี่เจี๊ยบ อาลอแกอุตส่าห์มีกะใจซื้อมาฝากจะคืนไปทำไมล่ะจ๊ะ เนี่ยดูสิครีมห๊อมหอมถ้าพี่เจี๊ยบทาต้องหอมมากแน่ๆ”ไม่พูดเปล่าแก้วเจ้าจอมยังปาดครีมสีเหมือนขี้โคลนนั่นมาแปะหน้าตัวเองเบาๆ

 

ห๊อมหอม หอมจนอยากจะควักกิน

 

          “พี่บอกให้เอาไปคืนก็เอาไปคืนสิ ของคนนิสัยไม่ดีไม่อยากได้”

 

          “หนูถามจริงๆนะพี่เจี๊ยบ พี่เจี๊ยบงอนอะไรอาลออ่ะ หนูก็เห็นอาลอแกก็ดี๊ดีตามใจเราทุกอย่าง”ปากเล็กพูดเจื้อยแจ้ว

 

เจ้าจอมชอบอาลอ โดยเฉพาะตอนที่อาลอเอาของเล่นมาให้จากที่อาลอหล่ออยู่แล้ว พอมีของเล่นติดไม้ติดมือมาให้แก้วเจ้าจอมก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าอาลอหล่อจนแสบตา

 

เนี่ย  หล่อขนาดนี้แล้วทำไมพี่เจี๊ยบยังงอนลง จอมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กมั้ยล่ะ?”คนเป็นพี่พูดอย่างรำคาญใจ

 

          “เอาไปคืนเค้าเลย พี่ไม่อยากได้ แล้วบอกด้วยว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้อีก”ลูกเจี๊ยบลุกขึ้นมาฉวยกระปุกครีมปิดฝาแล้วยัดใส่ถุงตามเดิม ดันตัวน้องชายให้ออกจากห้องแล้วปิดประตูอย่างหงุดหงิดใจอดไม่ได้ที่จะมองค้อนไปยังทิศบ้านของลลิตภัทร

 

          “รู้ได้ไงใช้แล้วนุ่ม เคยไปทาให้ใครมารึไง ฮึ๊ย ตาแก่ชีกอ!!”

 

แก้วเจ้าจอมกำลังหงุดหงิดที่ถูกพี่ชายไล่อกมาจากห้องพร้อมของกำนัลที่อาลอฝากมาให้พี่เจี๊ยบ เด็กน้อยเดินมาหยุดที่ปลายนา เพราะยังว่ายน้ำไม่แข็งพ่อกับแม่จึงไม่อนุญาตให้แก้วเจ้าจอมพายเรือเองเวลาจะไปไหนมาไหนถ้าไม่เดินก็ปั่นจักรยานเอา แก้วเจ้าจอมจอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้ ควายสองตัวเคี้ยวหญ้าอย่างสบายอารมณ์

 

ดูเถอะ อุตส่าห์แบกมาให้กลับสั่งให้เอาไปคืนอย่างไม่ใยดี ครีมนี่รึก็ห๊อมหอม อาลอบอกว่าถ้าพี่เจี๊ยบใช้ผิวที่คร้ามแดดจะถูกผลัดออกแล้วจะขาวขึ้น

 

ยังงั้นก็ใช้ทาได้ทั้งตัวสิ?

 

อืม...ช่วงนี้ก็คล้ำๆอยู่พอดีขอใช้บำรุงผิวซักหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวไปบอกอาลอว่าพี่เจี๊ยบใช้แบบพอเป็นพิธีแล้วให้เอามาคืนอาลอจะได้ไม่ผิดหวังว่าเจ้าจอมทำภารกิจไม่สำเร็จ

 

แก้วเจ้าจอมเปิดฝากระปุกครีมก่อนจะบรรจงจกเนื้อครีมนวลเนียนแล้วชโลมลงบนต้นแขนของตัวเอง

 

เนี่ย เพียงแค่แตะลงบนแขนก็รู้สึกเหมือนผิวนุ่มเหมือนตูดน้องคุณลูกลุงลักษณ์แล้ว ยิ่งทายิ่งเพลินกว่าจะรู้ตัวเด็กน้อยก็ทาครีมจนแทบจะทั่วตัว ครีมพร่องลงไปจนเกือบหมด

 

ว๊ายตายแหล๋วววววว!!!!!!

 

ทำยังไงดีจ๊ะพ่อจ๋า

 

แก้วเจ้าจอมที่นั่งฟินกับความหอมของครีมถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นปริมาณเนื้อครีมที่ยังเหลือ เด็กน้อยเพลินมือไปหน่อย ของก็ต้องเอาไปคืนไม่งั้นพี่เจี๊ยบได้ตีน่องแตกแน่ๆ  เห็นใจดีๆแบบนั้นลองได้ถือไม้เรียวตีซักทีเจ็บช้ำระกำใจกว่าโดนแม่ตีหลายเท่านัก จอมไม่กล้าเสี่ยงหลอกจ้า หันซ้ายแลขวาเพื่อหาทางออกก็พบว่าโคลนในแอ่งบริเวณที่ปีเตอร์กับเบลล่ายืนเคี้ยวเอื้องอยู่ช่างนวลตานักสีสันรึก็ละม้ายคล้ายครีมในกระปุก

 

ด้วยความที่แม่จิ๊บเลี้ยงด้วยสารพัดปลาอยู่บ่อยๆทำให้สมองของเจ้าจอมฉลาดนัก เด็กน้อยไม่รอช้า ดวงตากล่อมตวัดมองเพื่อวิเคราะห์อณูของดินว่าตรงไหนละเอียดและนิ่มสุดจัดการใช้มือเล็กๆจ้วงมาวางลงบนใบตองที่เดินไปฉีกมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ขณะที่กำลังจกครีมนังเบลล่าควายตัวโปรดก็ฉี่ออกมาผสมกับดินเสียเต็มเปง

 

ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าอาลอยังคะยั้นคะยอให้เอาไปให้พี่เจี๊ยบเขาก็จะทิ้งแล้วโกหกว่าพี่เจี๊ยบใช้แล้วก็แล้วกัน เด็กน้อยจกครีมที่เหลือในกระปุกมาผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันขี้โคลน ปาดให้เรียบเสมอกันเอาแผ่นพลาสติกเล็กๆที่ใช้ปิดระหว่างฝากับเนื้อครีมปิดทับเป็นอันเสร็จจัดการล้างกระปุกที่มีโคลนติดเลอะจนสะอาดเรียบร้อย ล้างเนื้อล้างตัวกับแอ่งน้ำในนาจนเกลี้ยงแล้วก็นั่งกินลมชมวิวอีกพักใหญ่ให้ตัวแห้งก็พอดีกับที่ประปุกครีมแห้งเช่นเดียวกันจึงได้เก็บใส่ถุงแล้วปั่นจักรยานไปบ้านอาลอ

 

          “ทำไมล่ะ?”เจ้าจอมเห็นสีหน้าผิดหวังของอาลอก็ให้สงสารนัก พอเห็นกระปุกครีมสีหน้าเหมือนไอ้แดงหมาที่วัดที่ระริกระรี้ยามหลวงตาขยำข้าวให้กินก็หดทันทีราวกับไอ้แดงที่เห็นว่าในจานข้าวที่หลวงตาขยำให้นั้นมีเพียงข้าวกับผักต้ม

 

โถ...อาลอคงหวังดีอยากให้พี่เจี๊ยบมีผิวสวยแน่ๆ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติจอมล่ะซึ้งน้ำใจนัก



ดูเอาเถอะอาลอแสนดีขนาดนี้พี่เจี๊ยบยังปฏิเสธได้ลง ใจช่างดำราวอีกาทำคนแก่เสียใจนี่บาปนัก

 

          “พี่เจี๊ยบบอกว่าไม่ต้องเอามาให้อีก”เจ้าจอมทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เจ้าจอมเห็นอาลอทำหน้าสลดลงกว่าเดิมก็ให้สงสารนัก ดวงตากลมมองรีโมทรถบังคับคันเล็กๆที่อาลอถืออยู่ด้วยความเห็นใจ

 

ดูสิมืออาลอใหญ่จะตาย ถ้ามาอยู่ในมือเจ้าจอมคงจะเหมาะมือกว่านี้

 

          “อาลอจ๋า...”เสียงเล็กเอ่ยเรียกเมื่ออาลอทำเหมือนจะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

          “หืม?”

 

          “งอนอะไรกับพี่เจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”ในเมื่อถามพี่เจี๊ยบแล้วไม่ได้คำตอบงั้นถามอาลอก็ได้

 

นี่จอมไม่ใช่เด็กขี้เสือกเลยนะจ๊ะ เพียงแต่ว่าถ้าอยากรู้อะไรแล้วมันไม่ได้คำตอบมันก็จะค้างคาในหัวใจ มันก็จะคิดมากพาลให้กินข้าวไม่อร่อย

 

หากสิ่งที่ได้รับกลับมาจากอาลอกลับทำให้แก้วเจ้าจอมหน้างอยิ่งกว่าเดิม

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”

 

เออ!! ไม่ใช่เรื่องของเด็กแล้วใช้เด็กให้ไปง้อทำไมล่ะ

 

เนี่ย เคืองแล้วนะเนี่ย!!

 

          “ตามใจ แล้วไม่ต้องมาใช้อะไรหนูแล้วนะ ชิ๊”แก้วเจ้าจอมวางถุงครีมลงบนเตียงของลลิตภัทรแล้วเดินกระแทกเท้าปึงๆออกไปนอกห้อง

 

          “เจ้าจอม ไม่เอาเหรอรถอ่ะ”ลลิตภัทรร้องถามเมื่อเห็นเจ้าลูกสมุนทำหน้ายุ่งจนคิ้วแทบจะผูกเป็นโบว์ แก้วเจ้าจอมชะงักก่อนจะย้อนกลับมาหา ยกมือไหว้แล้วคว้ารีโมทบังคับรถบังคับเดินไปอุ้มตัวรถที่มุมห้องแล้วสะบัดหน้าจนแทบจะฟาดกับประตูห้องออกไปเลย

 

สรุปตอนนี้ลลิตภัทรก็ถูกสองพี่น้องงอนเป็นที่เรียบร้อย

 

หมดลูกสมุนที่จะไหว้วานให้ช่วยงานไปในบัดดล

 

จะไปบอกได้ยังไงกันเล่าว่าพี่เจี๊ยบหึงจนพาลมางอนอาลอ มีหวัง เจ้าจอมรู้โลกรู้ไอ้หน้าหมาแดนดินก็ต้องรู้ด้วย

 

ไม่ยอมเสี่ยงหรอกนะจ๊ะ ยังอยากมีชีวิตยาวๆไปคบกับหลานอยู่ ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงหยิบครีมขึ้นมาดู

 

ซื้อมาตั้งแพงหลานกลับไม่ใช้ สงสัยจะดีจริงขนาดไม่ได้เปิดกระปุกยังเหมือนจะได้กลิ่นหอมจางๆ งั้นก็ใช้เองแล้วกัน…









 

 

            เช้านี้ลลิตภัทรเอาบัญชีรายชื่อคนแก่และคนพิการในหมู่บ้านที่ได้รับเบี้ยยังชีพมาดู ชายหนุ่มตรวจทานทีละชื่อโดยมีพ่อนั่งอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มถามถึงคนแก่แต่ละคนอย่างละเอียดและเลือกเอาเฉพาะบ้านที่ยากจนไว้ต่างหาก คัดไปก็เกาแก้มเกาคอตัวเองเบาๆเพราะความคันยุบยิบๆ ผิวแก้มขาวขึ้นตุ่มแดงเล็กๆราวกับเป็นผด

 

            “คัดไปทำไม?”อดีตผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามลูกที่รวบรวมรายชื่อเสร็จเอาในช่วงสาย ลลิตภัทรเก็บรายชื่อที่แยกไว้เข้าแฟ้มไม่ได้รวมกับแฟ้มเดิม

 

            “ผมว่าจะเยี่ยมบ้านลูกบ้านแต่ละคนน่ะครับ”

 

            “ก็เห็นไปเยี่ยมทุกเดือนไม่ใช่เหรอ?”คนเป็นพ่อเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติลลิตภัทรจะออกเยี่ยมลูกบ้านอยู่เรื่อยๆวันละบ้านสองบ้านตามแต่จะสะดวก

 

            “หมู่บ้านเราผู้มีรายได้น้อยแถมบางบ้านทิ้งปู่ย่าตายายให้อยู่ตามลำพังแล้วไปทำงานที่อื่น ผมว่าคนแก่พวกนี้น่าสงสาร แกแก่แล้วจะไปเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำงานเลี้ยงชีพ ตอนนี้ผมเลยสำรวจว่าบ้านไหนที่ฐานะไม่ค่อยดี เงินเดือนของผมๆจะแบ่งแจกให้ชาวบ้าน”

 

            “มันจะดีเหรอ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกนะ”

 

            “ผมคิดดีแล้วพ่อ บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรพ่อก็ยกค่าเช่าตึกแถวในตลาดกับค่าแผงให้ทุกเดือน เงินเดือนจากโรงสีผมก็ได้ แถมผมก็มีเงินจากบริษัทที่เปิดกับเพื่อนบางทีก็ได้เงินก้อนจากหุ้นผมมีพอใช้แล้ว เงินเดือนในฐานะผู้ใหญ่บ้านของผมๆเลยอยากยกให้ชาวบ้านที่ยากจนมากกว่า”

 

            “แต่ถ้าคิดจะให้เอ็งจะมาเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ คนเขาจะว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า น้ำใจคนเรามันไม่เหมือนกัน ใช่ว่าคนที่มีเขาจะไม่อยากได้เงินส่วนที่เอ็งคิดจะให้ ของฟรีต่อให้มั่งมีก็อยากได้มาครอบครองทั้งนั้น ถ้าจะทำก็ต้องให้หมด”ชลิตเอ่ยเตือนลูกของความจริงข้อนี้ เขารู้ดีว่าคนบางคนก็มีความละโมบเกินกว่าจะคิดว่าตัวเองไม่ได้ยากไร้จนต้องมางกกับเงินแค่ร้อยสองร้อย ลลิตภัทรเก็บเอาคำพูดของพ่อไปคิดตาม ชายหนุ่มเริ่มออกเยี่ยมบ้านลูกบ้านหลังจากกินข้าวเช้าอิ่มโดยมีผู้ช่วยตามมาสมทบที่บ้าน ชายหนุ่มพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่อย่างเป็นกันเองพลางจดรายละเอียดต่างๆที่ได้รับฟังคำบอกเล่า คนแก่คนไหนที่มีอาการป่วยก็จดไว้เพื่อประสานงานกับ อสม.ที่อนามัยอีกทีจนเกือบเย็นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างทางชายหนุ่มเห็นเด็กๆกำลังงมหอยขมอยู่ในหนองน้ำ ร่างคุ้นตาของเจ้าเด็กที่ยังงอนไม่ยอมมาหาเขาปรากฏให้เห็นพร้อมแก้วเจ้าจอมโดยมีเด็กผู้หญิงผิวคล้ำรูปร่างผอมบางร่วมวงอยู่ด้วย ลลิตภัทรไม่ทิ้งโอกาสที่จะเข้าไปหาศตายุ

 

            “ทำอะไรกันคะ?”ส่งเสียงอ่อนเสียงหวานทักทาย ศตายุหันขวับกลับมามองแล้วค้อนควักเขาไปซะวงใหญ่แล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตางมหอยต่อไปโดยการใช้ฟันกัดชายเสื้อสำหรับใช้เป็นภาชนะเวลาเก็บหอยขึ้นมาได้ก็ขังไว้ในเสื้อ เอวคอดกิ่วปรากฏเย้ายวนอยู่ตรงหน้าพาลให้เลือดลมไหลเวียนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง

 

            “จับหอยจ้า”แก้วเจ้าจอมที่งมดินเล่นซะมากกว่างมหอยเอ่ยตอบ

 

            “จับไปทำไมคะ?”ยังไม่ละความพยายามที่จะคุยกับศตายุแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งและเช่นเดิมยังคงเป็นแก้วเจ้าจอมที่เต็มอกเต็มใจตอบอย่างเหลือเกิน

 

            “ช่วยพี่แต้วจ้า บ้านพี่แต้วจนเลยต้องมาเก็บของป่ากับหาหอยขาย”

 

            “อาเพิ่งรู้นะว่าแถวนี้มีนกปากเจ็บ พูดไม่ได้”ยังไม่วายที่จะเอ่ยเย้าคนเด็กกว่าที่ทำแก้มอูมยังคงช่วยเด็กหญิงแต้วงมหอยต่อไป

 

            “แก้มอาลอไปโดนอะไรมาจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นบรรยากาศมันอึดอัดแปลกๆก็เอ่ยถามเมื่อเห็นลลิตภัทรลูบผิวหน้าตัวเองเบาๆ รอยแดงบนใบหน้าชัดกว่าเมื่อเช้าจนเห็นได้ชัดยิ่งเวลาโดนแดดโดนเหงื่อยิ่งคัน

 

            “ไม่รู้สิ สงสัยจะแพ้มาร์กหน้า”ลลิตภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจนักหากแต่ปฏิกริยาของศตายุคือคนเด็กกว่าหันมามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงแวบหนึ่ง ลลิตภัทรลอบยิ้มอย่างยินดี

 

เอาวะอย่างน้อยลูกเจี๊ยบก็คงไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก สำออยหน่อยจะเป็นอะไรไป

 

            “โอ้ย...”แกล้งร้องพลางกุมหน้ากุมตา ศตายุหันขวับพร้อมกับแต้วและเจ้าจอมที่ทำสีหน้าแปลกๆ

 

            “อ..อาลอเป็นอะไรจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมรู้สึกถึงลางร้ายที่เริ่มปกคลุม มาร์กหน้าตัวไหนหนอที่อาลอใช้แล้วแพ้ คงไม่ใช่กระปุกที่เอาไปคืนเมื่อวานหรอกใช่มั้ย

 

พุทโธ่ ใครให้อาลอเอาไปใช้กันล่ะจ๊ะ นั่นน่ะมีส่วนผสมของเยี่ยวนังเบลล่าประมาณ 70 % เลยนะจ๊ะ

 

            “อยู่ๆก็ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าน่ะ”แกล้งลงไปนั่งปุ๊กอยู่กับพื้นด้วยความเล่นใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีที่รัชดาลัย แก้วเจ้าจอมรีบกระโจนขึ้นมาบนฝั่งพยายามจะขอดูหากแต่ลลิตภัทรยังร้องโอดโอยไม่ได้หยุดจนศตายุเริ่มใจเสีย เด็กน้อยไม่เคยเห็นอาลองอแงขนาดนี้มาก่อน ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบขึ้นจากน้ำมานั่งข้างๆปล่อยหอยขมให้ตกลงกับพื้นแล้วประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นมาไว้ในฝ่ามือ

 

            “เจ้าจอมไปเอากระติกน้ำมา เอาผ้าเช็ดหน้าของพี่ในกระเป๋าเป้มาด้วย”หันไปสั่งน้องพลางหยิบเอามือคนเป็นอาออก ร่างบางเม้มปากเมื่อเห็นรอยแดงบนผิวแก้มที่เคยขาวสะอาดของอาลอ

 

            “เอาน้ำล้างหน้าก่อนนะจ๊ะ”ประคองร่างหนาให้นั่งโน้มตัวไปด้านหน้าแล้วเทน้ำใส่มือตนเองล้างหน้าเพื่อชำระเหงื่อออกจากผิวแก้มของลลิตภัทรจนสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับให้อย่างแผ่วเบา

 

“แต้ว เดี๋ยวพี่พาอาลอกลับบ้านก่อนนะ อย่ากลับเย็นนักล่ะมืดค่ำไปมันอันตราย แล้วก็เดี๋ยวเย็นๆพี่ไปซื้อหอยที่บ้านเก็บไว้ให้ด้วยนะ”เพราะความเป็นห่วงลูกเจี๊ยบรีบประคองลลิตภัทรขึ้นมุ่งหน้ากลับบ้านไม่วายหันกลับมาสั่งเจ้าจอม

 

“เจ้าจอม เอาจักรยานกลับบ้านแล้วบอกแม่ว่าพี่ไปบ้านย่าโฉมนะ”

 

“ให้หนูไปด้วยสิพี่เจี๊ยบ หนูก็เป็นห่วงอาลอเหมือนกัน”เจ้าจอมงอแงร้องตามราวเด็กเอาแต่ใจจนลลิตภัทรต้องหันมาขยิบตาส่งซิกให้ปริบๆ

 

“อาลอตาเจ็บด้วยเหรอจ๊ะ”แต่เหมือนเจ้าจอมจะไม่เข้าใจ ลลิตภัทรอยากจะดีดไอ้ตัวดีให้ร่วงลงไปในแอ่งน้ำนัก บทจะฉลาดหาเล่ห์เพทุบายหลอกเอาของเล่นจากเขาน่ะก็ฉลาดเป็นกรด บทจะโง่...เอ้ย ซื่อ ก็ซื่อจนน่าถีบ

 

“ให้พี่เจี๊ยบไปคนเดียวพอส่วนเจ้าจอมกลับบ้านไปซะเดี๋ยวแม่จิ๊บเป็นห่วง”เหมือนเป็นประกาศิตของลูกพี่กอรปกับมีชะนักติดหลังอยู่แล้วแก้วเจ้าจอมก็รับคำจ๊ะจ๋าอย่างว่างง่าย ศตายุเดินประคองลลิตภัทรมาตามทาง ลมเย็นพัดมาช่วยคลายความร้อนได้บ้างตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยจนกระทั่งถึงบ้านของลลิตภัทร เด็กน้อยประคองอาหนุ่มเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องปิดสนิทพระลอยืดตัวเดินเต็มความสูง จับมือเรียวของหลานไว้อย่างงอนง้อ

 

“หนูคะ...”ลูกเจี๊ยบชะงักกับคำเรียกนั้น สูดน้ำมูกที่อยู่ๆก็มาทำให้แสบจมูก

 

“อาลอหายเจ็บแล้วเหรอจ๊ะ?”

 

“ยังค่ะ อาลอยังไม่หายเจ็บ จริงๆอาลอไม่ได้เจ็บอะไรที่หน้าหรอกค่ะ แต่อาลอเจ็บที่ใจ”

 

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วงั้นหนูกลับล่ะ”ศตายุดึงมือตัวเองออกหากแต่ลลิตภัทรกลับรวบร่างของหลานไว้ ใบหน้าขาวแนบกับหลังของศตายุอย่างออดอ้อน

 

“อย่าเพิ่งไป หนูต้องฟังอาก่อนสิคะ”

 

“มันมีอะไรที่ต้องฟังอีกเหรอจ๊ะ ก็ได้ยินอยู่”คนเด็กเอ่ยเสียงสะบัด เนี่ยแค่คิดถึงบทสนทนาที่ได้ยินคืนนั้นก็โกรธอีกแล้วเนี่ย

 

“หนูต้องฟังสิคะเพราะหนูกำลังเข้าใจอาผิด ไหนเราเคยคุยกันแล้วไงคะว่ามีอะไรเราจะคุยกันก่อน แต่นี่นอกจากหนูจะเข้าใจอาผิดแล้วหนูยังไม่ยอมฟังอาอีกด้วย”

 

“งั้นอาลอก็บอกมาสิจ๊ะว่าสิ่งที่หนูได้ยินคืออะไร?”เด็กน้อยสะบัดตัวอย่างเจ้าแง่แสนงอนจนทำให้ลลิตภัทรหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“งั้นหนูบอกมาก่อนค่ะว่าได้ยินอะไรบ้าง จนป่านนี้อายังไม่รู้ความผิดของตัวเองเลยนะคะ”ลลิตภัทรดึงคนเด็กกว่าให้นั่งลงบนตักของตัวเองพลางฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มฟูนั้นจนฉ่ำปอด

 

“อื้อ ไม่ต้องมาหอมหนูเลยนะ”เอ็ดเสียงเขียวราวกับลูกแมวตัวน้อยๆที่เอาแต่ขู่ฟ่อๆ ช่างน่ารักน่าชังมากกว่าน่ากลัว

 

“อาลอเจ้าชู้”เด็กน้อยสูดน้ำมูกเบาๆเมื่อความแสบจมูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาและน้ำมูก ตั้งแต่คบกับอาลอมาลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้มากกว่าตอนแรกคลอดเสียอีก ทุกสิ่งที่อย่างที่เป็นอาลอทำให้ใจดวงน้อยอ่อนไหวนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็เข้มแข็งดีแท้ๆ พอมารักกับอาลอไอ้นั่นนิดไอ้นี่หน่อยก็พาลจะทำให้กายเป็นเด็กขี้แยได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน อากัปกริยาแสนน่ารักนั้นทำให้คนเป็นอาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนวลแรงๆอีกฟอด

 

“อาเจ้าชู้ยังไงคะ อาก็มีหนูแค่คนเดียว”

 

“ก็คืนนั้นหนูได้ยินเสียงป้าแอน”เด็กน้อยทำเสียงกระเง้ากระงอดหันกลับไปเถียง ซึ่งคนฉวยโอกาสก็รอเวลามานานแล้วพอหันไปปุ๊บปากงุ้ยๆก็โดนจุ๊บลงมาปั๊บจนต้องทำตาเขียวคาดโทษ

 

“อาไปกินข้าวกับเพื่อนๆนี่คะ แล้วอาแอนก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

 

“แต่หนูได้ยิน..”เด็กน้อยหยุดพูดแล้วเม้มปาก ชักจะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินมาเสียแล้วเพราะดวงตาของอาลอไม่มีแววของความโกหกเลยซักนิดหนึ่ง

 

“ได้ยินว่าอะไรคะ?”ลลิตภัทรถามเสียงแผ่ว เริ่มมั่นใจแล้วว่าลูกเจี๊ยบจะแพ้ในการงอนกันคราวนี้

 

“ก..ก็หนู..หนูได้ยินป้าแอนบอกว่าให้อาลอช่วยรูดซิปให้หน่อย...”

 

“โธ่เอ้ย...เรื่องนี้เองเหรอคะที่ทำให้หนูงอนอาไม่พูดไม่จากับอาเสียหลายวัน”ลลิตภัทรหลุดหัวเราะพรวดออกมาพลางดึงแก้มเจ้าตัวดีอย่างหมั่นเขี้ยวจนศตายุทำปากคว่ำใส่จึงได้ยอมเอามือออก

 

“อาดีใจนะคะที่หนูหึงอา แต่เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”พอรู้สาเหตุที่ทำให้หลานงอนลลิตภัทรก็สบายใจจนอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มงุ้ยๆนั้นอีกฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว

 

“คืนนั้นพอหนูโทรมาอาก็เลยจะออกมารับสายพอดีตอนที่ลุกขึ้นยืนอาชนมืออาแอนที่ถือแก้วอยู่เหล้าเลยหกรดตัวอาแอนค่ะ”

 

แหม...ช่างหกได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆเลยนะจ๊ะ เด็กน้อยค้นปะหลักปะเหลือกค่อนแคะอยู่ในใจ

 

แล้วรูดซิปปะไรกันจ๊ะ?แค่เหล้าหกทำไมต้องรูดซิปกันล่ะจ๊ะทำไมต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนกันด้วยจ๊ะจะทำอะไรกัน”

 

“แก้ผ้าอะไรกันคะ ซิปที่อาแอนพูดหมายถึงซิปกระเป๋าสะพายของอาแอนเขาค่ะ พอดีมันฝืดอาแอนเปิดไม่ออกเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหล้าเฉยๆ”

 

“อ่ะ...อ้าว...แบบนั้นเองเหรอจ๊ะ...แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งให้กับคนแก่กว่า ตอนนี้เหมือนจะมีริ้วแดงแต้มอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อย

 

ศตายุรู้สึกอายในความตีตนไปก่อนไข้ของตัวเองนัก ดูสิอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่เขากับปรักปรำแถมหนีหน้าไม่ยอมรับฟังคำอธิบายของอาลอเลยซักนิดอยากตีตัวเองนัก

 

“หนูขอโทษอาลอนะจ๊ะที่เข้าใจอาลอผิดไปซะใหญ่โต”เด็กน้อยพนมมือไหว้ลงไปบนไหล่ของลลิตภัทรอย่างเสียใจจริงๆ

 

ดูเอาเถอะอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่ลูกเจี๊ยบกลับไปใส่ความจนไม่ได้เจอไม่ได้พูดคุยกันไผเสียหลายวัน เวลาที่จะได้ใช้ด้วยกันเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ นึกแล้วก็อยากตีตัวเองให้หลาบให้จำนัก อาลอก็เคยบอกแล้วว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ซักครั้ง เก็บเอามาคิดเองเออเองเสียใหญ่โตทุกครั้งที่มีปัญหาอาลอเป็นฝ่ายง้อเขาตลอดทั้งๆที่ตนเองเด็กกว่าตั้งหลายปี

 

เป็นเด็กไม่ดีเลยซักนิด

 

“อาไม่ได้โกรธหนูหรอกนะคะ ถ้าโกรธอาคงไม่ตามไปง้อหนู ไม่ต้องรู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดหรอกนะคะ อามีความสุขที่ได้ง้อหนู แต่ถ้าหนูรู้สึกไม่ดีงั้นอาจะงอนกลับนิดหน่อยก็ได้ ฮึ่ คนใจดำ ขออาดูหัวใจหน่อยสิคะว่าดำจริงมั้ย”ลลิตภัทรดันร่างในหลานนอนลงบนเตียงก่อนจะมุดหัวตัวเองเข้าไปในเสื้อยืดตัวโคร่งของหลาน ศตายุเม้มปากใบหน้าขึ้นสีจัดเหมือนผิวกายที่เริ่มแดงระเรื่อจากเลือดที่สูบฉีดในร่างกาย หน้าท้องหดเกร็งยามที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมาแผ่วเบา

 

“อืม....ก็ไม่ดำนี่คะ สีสวยกำลังดีเลย”เสียงพึมพำดังออกมาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบาก่อนสมองของลูกเจี๊ยบจะพร่าเลือนยามโพรงปากอุ่นเข้าครอบครองยอดอกของตนเองขบเม้มพลางดูดดุนสลับจนหลังของลูกเจี๊ยบอยู่ไม่ติดพื้น

 

พุทโธ่เอ๋ย อาลอคนขี้โกงใครเขาดูใจกันอย่างนี้ล่ะจ๊ะ ฮื้อ....







.........................................



อาลอคะอันนั้นไม่ได้เรียกหัวใจค่ะ ที่อมแล้วดูดนั่นเรียกหัวนมเผื่อจะเข้าใจอะไรผิดเนอะ



ตอนนี้ก็ลอจอมไปก่อนนะจ๊ะ ตอนหน้าค่อยลอเจี๊ยบ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2018 15:44:07 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จอมเอ้ยย 555

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องจอมนี่มีแววว่าจะหาลูกเขยเข้าบ้านให้พ่อกำนันอีกคนใช่ไหมจ๊ะ  555

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
          วันนี้ลลิตภัทรวุ่นวายแต่เช้า บรรดาลูกบ้านผู้ชายมารวมกันที่ลานหน้าบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น ในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์และอาวุธประจำกายมาคนละอย่างสองอย่าง ในครัววุ่นวายโกลาหลเสียงแม่บ้านพูดคุยกันสนุกสนาน ศตายุเข้าไปช่วยแม่และย่าโฉมเตรียมอาหารให้กับหนุ่มๆข้างนอกเพื่อเตรียมสำหรับมื้อเช้าและเที่ยงที่จะต้องใช้แรงงานกันหนัก ด้วยวันนี้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มรับอาสาสมัครลูกบ้านมาช่วยกันตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่รกเกะกะตามสองข้างทาง ส่วนหนึ่งให้ไปช่วยลอกคลองที่ผักตบชวาเริ่มเข้ามารบกวนจนถึงท่าน้ำท้ายวัด
 
 
                “เดี๋ยวทีมที่ไปลอกคลองให้เก็บผักตบมาตากนะครับเอาไว้มาทำตะกร้าพวกภาชนะต่างๆ ส่วนทีมที่ไปตัดกิ่งไม้เดี๋ยวทางเทศบาลจะส่งรถกระเช้ามาช่วยต้นไม้กิ่งไม้ใหญ่ๆเดี๋ยวเอารถอีแต๋นขนไปบ้านลุงเมี้ยนนะครับเอาไว้ให้แกเผาถ่านแล้วส่งเข้าศุนย์โอทอป เดี๋ยวกินข้าวกินปลาอิ่มแล้วค่อยเริ่มงาน”ลลิตภัทรเดินกระจายงานส่วนต่างๆให้ลูกบ้านแต่ละกลุ่มก่อนจะเข้าไปดูบรรดาแม่ๆที่เตรียมอาหารอยู่ด้านใน เจ้าตัวน้อยของเขาทำหน้าที่ปอกผักอย่างคล่องแคล่วโดยนั่งคุยเล่นกับจันทร์เจ้าขาไปด้วย เด็กสาวอายุ 13 ปีพูดคุยกับผู้ใหญ่อย่างไม่เคอะเขินคำพูดคำจาอ่อนหวานน่าเอ็นดู สมกับเป็นลูกจิ๊บ
 
ถ้าเป็นลูกที่เอานิสัยของไอ้ดินคงไม่น่าเอ็นดูเท่านี้ คงได้นิสัยตอแหลจากพ่อมาไม่มากก็น้อย
 
                “อาลอจ๋า””แก้วเจ้าจอมส่งเสียงเข้ามาก่อนที่ตัวจะมาถึงในครัวเสียอีก ลลิตภัทรกรอกตามองบน
 
นั่นไง ลูกไอ้ดินมาแล้ว นิสัยเสียงอ่อนเสียงหวานตอหลดตอแหลถ่ายทอดมาในดีเอ็นเอจริงจริ๊ง
 
                “ว่าไงครับ?”แม้จะเหน็บแนมเจ้าตัวดีในใจแต่ก็หันไปวางมือลงบนศีรษะกลมราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดา แก้วเจ้าจอมยิ้มแป้นเกาะแขนอาหนุ่มอย่างประจบประแจง
 
                “วันนี้หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”
 
                “อ่าฮะ”แกล้งรับคำเบาๆ เห็นแววเสียของเล่นมาลิบๆล่ะ มาอีหรอบนี้
 
                “หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”เมื่อเห็นคนเป็นอายังคงนิ่งราวทองไม่รู้ร้อนก็ย้ำเสียอีกรอบ เนี่ยหนูอุตส่าห์มีแก่ใจมาช่วยอาลอเลยนะจ๊ะ จะมีสินน้ำใจอะไรให้หนูบ้าง เรือบังคับบนตู้ในห้องนอนนั่นก็น่ารัก อันนั้นก็น่ารักอันนี้ก็น่ารักแบบคุณพี่ป้าสู่ขวัญเลยจ้า
 
                “เจ้าจอมเห็นมั้ย ลุงๆป้าๆพวกนี้ก็มาช่วยอาลอ เขามาช่วยเพราะอะไรรู้มั้ย?”
 
                “เขาอยากให้หมู่บ้านของเราสะอาดเป็นระเบียบจ้า”เจ้าจอมรีบตอบอย่างฉะฉานดวงตากลมมองบรรดาชาวบ้านที่เริ่มตั้งสำรับข้าว หม้อแกงถูกนำไปวางบนแคร่ ปลาตะเพียนแดดเดียวทอดส่งกลิ่นหอมฉุย สีหน้าของทุกคนประดับไปด้วยรอยยิ้ม บทสนทนาดังไม่ได้ขาดปาก ผู้หญิงในครัวจับกลุ่มทำงานไปคุยไปส่วนมากจะเป็นเรื่องลูกหลานและละครฮิตที่กำลังดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
 
                “ใช่ครับ พวกเขามาช่วยอาเพราะอยากให้หมู่บ้านของเราเป็นระเบียบและเจริญขึ้น เขามาช่วยโดยไม่หวังว่าจะได้สิ่งของตอบแทนจากอาเลย เจ้าจอมก็เหมือนกันใช่มั้ยครับ?”เด็กน้อยถึงกับอ้ำอึ้งกับคำถามที่ลลิตภัทรถามกลับมา
 
พุทโธเอ๋ยอาลอนี่ ก็เพราะหวังของเล่นหรอกถึงได้ตามแม่กับพี่เจี๊ยบมาช่วย ถ้าทำแล้วไม่ได้ของเล่นหนูไปจับปูจับปลากับพวกวิชาญในนาไม่ดีกว่าหรือ แก้วเจ้าจอมร้องออดในใจอย่างไม่ใคร่จะชอบใจนัก สีหน้าระรี้ระรื่นเมื่อครู่หงิกราวม้าหมากรุกภายในเสี้ยววินาที ลลิตภัทรย่อตัวลงนั่งจนความสูงเสมอกับหลาน
 
                “เจ้าจอมฟังอานะครับ”จับไหล่หลานที่ทำปากคว่ำให้หันมามองตนโดยมีสายตาของจิ๊บกับลูกเจี๊ยบมองมาอย่างสนใจ คนเป็นแม่รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าน้องน้อยถูกขัดใจเสียแล้ว
 
                “ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการหรอกนะครับ การที่จะทำอะไรให้คนอื่นหรือให้ส่วนรวมเราต้องไม่ทำเพื่อหวังผล ที่นี่เป็นหมู่บ้านของเรา เจ้าจอมเองก็เป็นลูกพ่อ ยิ่งต้องทำประโยชน์ให้กับหมู่บ้านของเราด้วยความเต็มใจให้สมกับเป็นลูกพ่อรู้มั้ยครับ เวลาเดินไปไหนใครๆก็จะชวนกันดูว่านั่นไงลูกชายกำนันแดนดิน เก่งเหมือนพ่อไม่มีผิด แบบนี้หนูจะภูมิใจมั้ยครับ?”แม้ประโยคท้ายๆจะกัดฟันพูดแต่ลลิตภัทรก็ยังใช้น้ำเสียงนุ่มนวลคุยกับหลาน แก้วเจ้าจอมพอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกหัวใจพองฟู
 
เจ้าจอมอยากเก่งเหมือนพ่อ เจ้าจอมอยากเดินไปไหนใครๆก็ชมว่านั่นลูกพ่อกำนันจ๋า
 
เจ้าจอมไม่เอาของเล่นแล้วก็ได้ เด็กน้อยพยักหน้ารับรัวเร็วจนลลิตภัทรกลัวว่าหัวของไอ้เด็กขี้ประจบจะหลุด เด็กน้อยมานั่งคุยประจ๋อประแจ๋อีกพักก็ถูกพระรามเรียกให้ไปร่วมวงสำรับข้าวกับใบบุญ ใบบัวและลูกๆของชาวบ้านอีก 4- 5 คน เมื่อพระอาทิตย์สาดแสงจ้าในช่วงสายทั้งหมดก็ยกโขยงกันไปตามจุดต่างๆที่ตกลงกันไว้ ลลิตภัทรไปคุมตรงถนนช่วยลูกบ้านฟันกิ่งถางหญ้าที่รกจนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่ต่างจากคนอื่นๆ ไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ปีนป่านขึ้นไปบนต้นไม้สูงช่วยลูกบ้านอีกคนตัดกิ่งที่ยื่นไปบนถนน ส่วนแก้วเจ้าจอมกับบรรดาลูกบ้านผู้หญิงช่วยเสิร์ฟน้ำตรงนู้นทีตรงนี้ที นานไปชักเบื่อก็ไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆตามที่ลลิตภัทรคิดไว้ไม่มีผิด หากแต่พระลอก็เข้าใจว่านั่นคือวิสัยเด็กจะให้มาช่วยงานขยันขันแข็งก็ใช่ที่ ได้แต่ร้องบอกให้ไปเล่นกันตรงลานโล่งห่างจากที่ๆผู้ใหญ่ทำงานกันเพราะเกรงจะเกิดอันตรายได้ ชายหนุ่มมองไปยังร่างเพรียวบนต้นไม้สูงก็เดินไปหยุดที่ใต้ต้น
 
                “ระวังลื่นตกลงมานะเจี๊ยบ”เอ่ยบอกเสียงเรียบไร้คำหวานคะขาเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าโอเคมาให้
 
                “อาลอหลบไปยืนตรงอื่นก่อนเถอะจ้า ไม่ต้องห่วงหนู”เด็กน้อยเอ่ยปากไล่คนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ใต้ต้น
 
                “กลัวกิ่งไม้หล่นใส่อาเหรอ?”
 
                “เปล่าจ้า อาลอหล่อเกินหนูแสบตา”พูดจบก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ลลิตภัทรล่ะอยากจะเถียงนัก แต่สิ่งที่ศตายุพูดดันเป็นความจริงเลยเถียงอะไรไม่ได้ ได้แต่แยกกลับไปทำงานส่วนของตัวเองต่อ
 
ก็คนมันหล่อจริงๆอ่ะนะ
 
รู้ๆกันอยู่
 
เฮ้อ
 
แค่ยืนหล่อไปวันๆก็เหนื่อยแล้ว
 
 
                หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันในที่สุดเมื่อตะวันโพล้เพล้เข้าสู่พลบค่ำงานพัฒนาหมู่บ้านก็เสร็จสิ้นลงตามแผนที่วางไว้ ข้างทางสะอาดสะอ้านดูเป็นระเบียบ ต้นไม้กิ่งไม้ที่เคยรกระเกะระกะบัดนี้มองไปทางไหนก็รื่นตาไปหมด  ลูกบ้านที่มาช่วยนั่งเรียงกันที่ศาลาการเปรียญในวัดเพื่อฟังแผนการปฏิบัติงานในวันพรุ่งนี้โดยมีแดนดินมาร่วมประชุมด้วย ลลิตภัทรอธิบายตารางงานอย่างเป็นระบบระเบียบจนแดนดินที่ถึงแม้จะเกลียดผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจับใจก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาผู้ใหญ่บ้านทั้งหมด ลลิตภัทรทำงานมีแบบมีแผนมีขั้นตอนที่สามารถรับฟังและนำไปปฏิบัติตามได้ง่ายที่สุดและมีการติดตามความคืบหน้ามารายงานไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่าทำงานคุ้มเงินเดือนที่หลวงท่านให้มา
 
                “เดี๋ยวบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้เบี้ยยังชีพผมจะยกเงินเดือนของผมให้กับพวกคนแก่นะครับโดยตั้งใจแล้วว่าจะหารแบ่งให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเอาไว้ให้ซื้อหยูกซื้อยาซื้อกับข้าวกินที่พิเศษคือผมจะให้เด็กหญิงแต้วที่อยู่กับตายายด้วยเพราะจากการไปสำรวจมาเด็กเป็นคนขยันและฐานะยากจนมาก ฝากทุกคนที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปบอกด้วยนะครับ”ลลิตภัทรกล่าวปิดท้ายเกิดเสียงพูดคุยฮือฮาดังขึ้นระยะหนึ่ง แดนดินขมวดคิ้วอย่างหมั่นไส้
 
แหม ไอ้ใจบุญ แดนดินเอ่ยค่อนขอดในใจ เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านกลับทำตัวใจบุญราวพระเวชสันดร
 
แต่อย่างมึงน่ะเป็นพระเวชสันดานเสียมากกว่า
 
เฮ๊อะ!!! เบะปากมองบนค้อนประหลักประเหลือกอยู่คนเดียวในขณะที่ลูกบ้านแยกย้ายทยอยกันกลับบ้านจนกระทั่งลูกบ้านกลับออกไปกันจนหมดแล้วแดนดินก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมจนลลิตภัทรอดที่จะส่งเสียงถามด้วยความห่วงใยไม่ได้
 
                “ไง จะนอนวัดหรือไง”อยากจะต่อด้วยเอาโลงมั้ยเดี๋ยวขอหลวงพ่อให้แต่ก็เกรงใจ๊เกรงใจเพราะถึงอย่างไรเสียก็เป็นพ่อของเจี๊ยบ แดนดินยกส้นตีนให้เป็นคำตอบก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านใครบ้านมันบ้านกำนันไม่เกี่ยว
 
ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านบัดนี้เงียบสงบตามที่ควรจะเป็นหากแต่ในครัวยังคงมีเสียงพูดคุยกันอยู่ เมื่อตามเสียงเข้าไปก็พบว่าแม่ นิดาและลูกเจี๊ยบยังคงง่วนอยู่กับการเตรียมกับข้าวกับปลา ชายหนุ่มมองเด็กน้อยที่เหลือบตาขึ้นมาสบตากับเขาด้วยดวงตาใสแจ๋วอยางดีใจ
 
                “อ้าวลอ กลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนไป แม่ชวนลูกเจี๊ยบให้อยู่กินข้าวด้วย รีบอาบจะได้ออกมากินข้าวเด็กๆรออยู่คงหิวกันน่าดูแล้ว วันนี้แม่ทำลูกตาลลอยแก้วที่ลอชอบไว้ให้ด้วย”
 
                “งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนนะจ๊ะย่า เหนียวตัวจะแย่”ลูกเจี๊ยบขยับจะลุกเพื่อกลับบ้าน หากแต่ลลิตภัทรฉวยข้อมือหลานไว้เสียก่น
 
เรื่องอะไรจะปล่อยให้กลับบ้านกันเล่า ขืนกลับไปไอ้แดนหน้าหมาก็ไม่ปล่อยกลับมาน่ะสิ
 
                “อาบที่ห้องอาก็ได้ค่ะ จะข้ามไปข้ามมาทำไม”
 
แหม...ดูอาลอหวังดีกับหนูจังเลยนะจ๊ะ กลัวว่าหนูจะเหนื่อยเหรอจ๊ะ
 
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เลยจ้า
 
ถามว่ารู้ทันมั้ย ก็รู้นะจ๊ะ แต่ถามว่าไปมั้ย
 
                “ก็ได้จ้า”
 
ก็ไปอ่ะจ้า แหะๆ
 
ลลิตภัทรเดินขึ้นบ้านตัวปลิวแทบจะลอยได้ เหนื่อยมาทั้งวันก็อยากอยู่กับลูกเจี๊ยบแบบส่วนตัวๆบ้างอะไรบ้าง เมื่อเข้ามาในห้องกดล็อกเสร็จก็ไม่รอช้าที่จะดึงร่างบอบบางของเจ้าตัวน้อยมาประชิดแล้วกดจูบแผ่วเบาลงบนกลีบปากอิ่มที่เจื้อยแจ้วมาทั้งวี่วัน ศตายุคลี่ยิ้มแม้จะถูกจูบอยู่ ปลายลิ้นชื้นแฉะของคนเป็นอาเลาะละเลียดตามแนวฟันคล้ายจะขออนุญาตเข้าไปด้านในซึ่งคนเด็กกว่าก็เปิดทางให้อย่างรู้งานแผ่นหลังถูกประคองกอดต้นคอถูกกดเข้าแนบชิดริมฝีปากถูกดูดกลืนราวของหวานรสเลิศที่อยากตักตวงให้เต็มคราบ เนิ่นนานจนคนเด็กร้องออเบาๆกำปั้นน้อยทุบลงเบาๆบนอกแกร่งถึงได้ละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วหัวแม่มือยกขึ้นไปคลึงริมฝีปากอิ่มของหลานเบาๆอย่างปลุกปั่น สายตากรุ้มกริ่มมองจ้องอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกใดใดเลยซักนิดริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มก่อนจะกระซิบข้างใบหูของคนหลานให้ได้มีริ้วแดงขึ้นสีบนแก้มฟูว่า
 
                “อาบน้ำกับอานะคะ เดี๋ยวอาจะลูบสบู่ให้ทั่วตัวเลย”
 
               
 
เมื่อได้ยินคำพูดกำกวมนั้นเลือดในกายของศตายุก็ร้อนพล่านราวกับถูกพาตัวไปนั่งอยู่บนแผ่นหินที่วางอยู่บนไฟกองใหญ่ มันทั้งร้อนทั้งวูบวาบจนรู้สึกขนลุกไหนจะสายตาของอาลอที่เหมือนจะถอดเสื้อผ้าของเด็กน้อยได้โดยไม่ต้องใช้มือ แต่ไม่นานเสื้อผ้าบนกายก็ถูกถอดออกอย่างว่องไวจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ลลิตภัทรดันหลังหลานให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ฝักบัวถูกเปิดจนสายน้ำเย็นไหลรดมาบนร่างของคนทั้งคู่ แม้จะรู้สึกกระดากอายที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าลลิตภัทร((อีกแล้ว)) แต่ศตายุก็ยอมยืนนิ่งๆให้คนเป็นอาตอดนิดเล็มหน่อยบนผิวเนื้อเนียน  โดยปกติลลิตภัทรจะระวังมากชายหนุ่มจะไม่ทำรอยบนร่างกายของศตายุแม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม ด้วยเกรงว่ารอยนั้นหากไม่ระวังทั้งตัวเขาเองและทั้งศตายุอาจจะไปทำหลุดสู่สายตาใคร
 
ถามว่าเขากลัวมั้ยว่าใครจะมาล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กน้อย
 
ลลิตภัทรกล้าตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาไม่เคยกลัวเลยซักนิด เพียงแต่ว่าพอพูดถึงเรื่องนี้ศตายุก็จะขอร้องเขาว่าอย่าเพิ่งให้ใครรู้เลย ด้วยวัยของศตายุยังเด็กนักในสายตาใครๆ
 
ศตายุไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีเลยแม้แต่น้อยหากแต่คนเด็กกลับห่วงเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
 
                “หนูไม่อยากให้ใครมามองอาลอด้วยสายตาไม่ดี ไม่อยากให้ใครเข้าใจว่าอาลอมาหลอกหนู ไว้หนูโตบรรลุนิติภาวะโตเป็นผู้ใหญ่ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ถึงตอนนั้นถ้าเรายังรักกันอยู่อาลออยากเปิดหนูก็จะไม่ขัด”
 
ลลิตภัทรใช้ปลายจมูกสูดดมความหอมหวานของวัยแรกแย้มไปจนทั่วทั้งหน้าและต้นคอ ศตายุเอียงคอปรับองศาให้คนแก่กว่าทำรุ่มร่ามกับตนได้ง่ายขึ้น หากพ่อรู้ว่าตนเองทำตัวใจง่ายอย่างนี้ไม่แคล้วจะต้องโดนไม่เรียวฟาดจนน่องแตกแน่ๆ แต่จะทำยังไงได้ก็ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ชอบทุกสัมผัสที่อาลอมอบให้ สายน้ำเย็นที่รินรดไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสำรวจร่างกายของลูกเจี๊ยบตัวน้อยเลยซักนิด หยดน้ำเกาะพราวทั่วกายยิ่งส่งให้ลลิตภัทรดูเซ็กซี่จนลูกเจี๊ยบแทบหยุดหายใจ หลังจากกลับจากกรุงเทพ หลังจากปรับความเข้าใจกันไปแล้วศตายุก็รู้สึกว่าอาลอหล่อขึ้นมากๆ หล่อจนตอนแรกลูกเจี๊ยบเดินตกท้องร่องเลยทีเดียว
 
“อื้อ...”เสียงร้องดังออกมาเบาๆเมื่อลลิตภัทรดูดดึงผิวเนื้อขาวบริเวณต้นขาด้านในเบาๆแต่กลับพาความรู้สึกเสียววาบให้แล่นไปทั่วทั้งกายเมื่อมองลงไปก็พบว่าคนโตกว่ากำลังช้อนตามองขึ้นมา ส่วนอ่อนไหวของลูกเจี๊ยบเริ่มตึงตัวด้วยแรงอารมณ์ลลิตภัทรยืดกายยืนขึ้นฝ่ามือหนาลูบน้ำบนใบหน้าแล้วเสยผมจนน้ำกระจายเบาๆ
 
อาลอหล่อมากๆ หล่อจนเจี๊ยบรู้สึกแสบตาจริงๆ ถ้าหล่อมากกว่านี้เจี๊ยบว่าเจี๊ยบคงตาบอด
 
“อารักหนูนะคะ”อยู่ๆคนแก่กว่าก็เอื้อนเอ่ยคำรักให้เด็กน้อยที่จ้องเขาตาแป๋วได้ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเสียดื้อๆ ชายหนุ่มเชยคางหลานที่ก้มลงกลั้นยิ้มจนแก้มยุ้ยให้เงยขึ้นสบตา
 
“อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆ”พูดจบก็กดจูบลงบนกลีบปากอิ่มย้ำๆเพียงแผ่วเบาแต่กลับตราตรึงและสลักลึกลงบนก้นบึ้งของหัวใจเด็กน้อยอย่างง่ายดาย
 
อยากฟังซ้ำ อยากได้ยินอาลอบอกว่ารักตนทุกวัน มันคงจะมีความสุขมากแน่ๆ
 
ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอนั้นรักตนจากใจจริงมากเพียงใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้อาลอแสดงให้เห็นถึงความรักและความปรารถนาดีที่มอบให้ตนและครอบครัวมากมายจนลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาคนดีๆแบบอาลอได้ที่ไหน ดวงตากลมโตที่เคยจ้องมองเขาใสแจ๋วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันค่อยๆปิดลงพร้อมลำแขนเล็กที่เลื่อนขึ้นมาคล้องคอเขา รสจูบค่อยๆแปรเปลี่ยนจากนุ่มนวลกลับกลายเป็นความเร่าร้อน ลลิตภัทรใช้ฝ่ามือนวดเคล้นสะโพกกลมกลึงของหลานเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ใคร่ให้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เด็กน้อยครางอื้ออึงยามที่ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนจนจนมุม แม้จะพยายามสู้หากแต่ตนเองนั้นยังเด็กเกินอีกทั้งประสบการณ์ด้านนี้ก็ยังน้อยนักเพราะเกิดมา 16 ปี ก็ทำกับอาลอเพียงคนเดียว ลมหายใจถูกช่วงชิงจนเหนื่อยหอบ แม้ไม่อยากจะละจากหากแต่ก็กลัวว่าหลานน้อยจะเหนื่อยเกินไปจึงยอมถอนจูบออก ร่างสูงยิ้มกริ่มยามเห็นความแวววาวบนกลีบปากที่ตนเองเคลือบไว้เอง
 
น่ารักระคนน่ากลั่นแกล้งไปในคราวเดียวกัน  ดวงตาคมสำรวจความเย้ายวนตรงหน้าอย่างแสนรักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดสบู่เหลวมาถือไว้ น้ำเสียงอ่อนหวานเอื้อนเอ่ยกับหลานจนคนฟังร้อนวูบไปทั่วสรรพางค์กาย
   “เดี๋ยวอาถูสบู่ให้นะคะ”ครีมเหลวถูกละเลงไปทั่วตัวจนเกิดฟองฝ่ามือซุกซนลูบไว้เวียนวนก่อนที่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดอกที่ตึงตัวสู้มือจนเด็กน้อยเข่าแทบทรุดได้ได้กอดคอของลลิตภัทรไว้แน่น เชิดหน้าสูดปากส่งเสียงครางเบาๆจนลลิตภัทรย่ามใจ เปลี่ยนจากหน้าอกลูบไล้มาตามแนวซี่โครงก่อนจะสอดลึกลงไปถึงแกนกายจนร่างบางสะดุ้งน้อยๆ

   “ขัดขี้ไคลให้เจี๊ยบน้อยหน่อยนะคะ”

   “อื้อ...หนูขัดเองก็ได้จ้า”ลูกเจี๊ยบน้อยร้องโอดยามฝ่ามือหนาขยับเข้าออกเชื่องช้าจนต้องจิกปลายเท้าลงกับพื้น

   “ขัดเองไม่สะอาดหรอกค่ะ อาขัดให้ดีกว่า รับรองสะอาดทุกหยาดหยด”น้ำเสียงกรุ้มกริ่มรวมทั้งสายตาแพรวพราวที่ตวัดมองทำเอาลูกเจี๊ยบน้อยแทบจะละลาย หากเป็นขี้ผึ้งตอนนี้คงไหลลงท่อไปพร้อมสายน้ำแล้ว แต่ประโยคถัดมาของอาลอนี่สิ ช่างหน้าด้านนัก

   “ถ้าหนูมีเมตตาก็ช่วยขัดขี้ไคลให้ลอน้อยของอาบ้างก็ได้นะคะ”เด็กน้อยทำปากยู่จนลลิตภัทรกดจูบหนักๆอย่างเอ็นดู และลูกเจี๊ยบก็ไม่เคยทำให้ครูคนนี้ผิดหวัง เด็กน้อยค่อยๆไต้นิ้วลงมาจากต้นคอ หน้าอก หยุดหยอกล้อกับหน้าท้องครัดแน่นแล้วค่อยๆเลื่อนลงไปกอบกุมแกนกายที่มีขนาดใหญ่กว่าของตนอย่างช้าๆ ข้อมือก็ขยับเป็นจังหวะ เด็กน้อยส่งยิ้มซุกซนให้พระลอ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้วอย่างซุกซน

   “ลอน้อยตัวใหญ่สงสัยจะต้องขัดนาน”ลลิตภัทรครางอือในลำคอยามข้อมือของศตายุเริ่มเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นร่างสูงสูดปากส่งเสียงครางทุ้มต่ำเบาๆชุดใบหูของศตายุ เขาชอบที่เจี๊ยบเป็นคนหัวไวสอนอะไรไปก็จดจำได้ทุกสิ่งอย่าง ยามที่เขาเร่งเร้าจังหวะเสียงร้องครางก็ดังขึ้น ลมหายใจของเด็กน้อยสะดุดยามปลายนิ้วลูบวนลงบนส่วนปลายทั้งเสียวทั้งทรมานลูกเจี๊ยบน้อยปล่อยมือจากแกนกายของลลิตภัทรมากอดคอไว้ตามเดิมด้วยแข้งขาเริ่มจะอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วมาเกลี่ยที่ริมฝีปากอิ่มนวดเค้นกดคลึงเชื่องช้าก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากเล็กให้เจ้าเจี๊ยบน้อยได้ดูดดึงระบายอารมณ์ซ่านสยิวที่เริ่มบีบรัดจนหน้าท้องหดเกร็งจนต้องยอมปล่อยก้านนิ้วของลลิตภัทรออกจากปากเพื่อส่งเสียงร้อง

   “อื้อ...อาลอจ๊ะ...หนูจะเสร็จ”

   “ทำไมเป็นเด็กไม่มีน้ำอดน้ำทนอย่างนี้ล่ะคะ อายังถูไม่สะอาดเลย”แกล้งว่าด้วยเสียงเย้าพลางใช้ปลายนิ้วกดส่วนปลายไว้อย่างกลั่นแกล้งทำให้เด็กน้อยกระทืบเท้าอย่างขัดใจเมื่อปลายทางแห่งความสุขถูกปิดกั้น

   “อื้อ...อาลออย่าแกล้งหนู”ลลิตภัทรนอกจากไม่ทำตามแล้วยังยื่นมือไปหยิบขวดสบู่เหลวอีกครั้งก่อนจะแกล้งทำขวดสบู่หลุดมือไปด้านหลังลูกเจี๊ยบ

   “อุ้ย...สบู่หล่น หนูช่วยเก็บให้อาหน่อยได้มั้ยคะ?”ลูกเจี๊ยบมองไปที่ขวดสบู่แล้วหันหลังหวังก้มลงไปเก็บ แต่ยังไม่ทันได้จับขวดสบู่เอวบางก็ถูกดึงไปแนบจนติดหน้าท้องของลลิตภัทร ส่วนแข็งตึงบดเบียดบั้นท้ายกลม เด็กน้อยอุทานด้วยความตกใจกับความเร็วของลลิตภัทรจนต้องใช้ฝ่ามือดันกายกับผนังไว้

   “อะ...อาลอจะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก แม้จะเคยเกินเลยกันมาหลายครั้งหลายคราแต่อาลอไม่เคยทำท่าล่อแหลมแบบนี้มาก่อน ใจของเด็กน้อยเต้นโครมครามทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นเต้นผสมปนเปกันไปหมด

หรืออาลอจะทำ?

ถามว่าลูกเจี๊ยบพร้อมมั้ยหากลลิตภัทรจะทำเกินเลย แน่นอนว่ายังไม่พร้อม มันออกจะเร็วไปกับการคบหาไม่กี่เดือน แต่ถามว่าถ้าหากอาลอจะทำจะขัดขืนมั้ย เด็กน้อยก็ตอบคำถามของตนเองว่าไม่

ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ถ้าหากเป็นเรื่องปกติที่คนรักกันจะทำอะไรที่มันเกินเลยไปบ้างมันอาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนรัก

ถ้าอาลอต้องการลูกเจี๊ยบก็จะให้

ลลิตภัทรกดจูบลงบนซอกคอขาว เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะคะ อาจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับหนู เพียงแต่สิ่งที่จะทำต่อไปนี้มันอาจจะคล้าย หนูช่วยอาหน่อยนะคะ”

   “อาลอจ๊ะ...”เด็กน้อยกัดปากอย่างลังเลกับสิ่งที่จะพูดว่าตนควรพูดออกไปมั้ย

   “คะ?”เสียงทุ้มเอ่ยแนบชิดจนขนลุกไปทั้งกาย

   “ถ้าอาลออยากจะทำ...”เพียงแค่นั้นลลิตภัทรก็รู้แล้วว่าศตายุคิดอะไรอยู่ ร่างสูงกอดเอวหลานไว้แน่นกดจูบลงบนกกหูพลางขบเม้มยั่วเย้า

   “ไม่ค่ะ ถ้าอาทำหนูจะเจ็บ อีกอย่างตอนนี้ไม่มีทั้งถุงยางทั้งเจล อาขอบคุณหนูนะคะที่จะให้อาครั้งนี้อาขอแค่ภายนอกไปก่อนแต่ถ้ามีคราวหน้าที่หนูเอ่ยปาก อาก็จะไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปอีกแล้ว อารักหนูนะคะ”

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักมากๆเลย...แล้ว...อาลอจะให้หนูช่วยยังไงจ๊ะ”

   “หนูยกสะโพกสูงๆนะคะแล้วก็หุบขาให้ชิดๆ”พูดพลางดึงสะโพกของศตายุให้สูงขึ้นอีกนิดก่อนจะปลุกปั่นแกนกายของตนเองให้แข็งขืนอีกครั้งชายหนุ่มค่อยๆกดผ่านร่องก้นผ่านลูกบอลก้อนกลมจนไปโผล่ด้านหน้าขยับเอวเข้าออกเชื่องช้ามือหนึ่งช้อนเอวกันหลานจะล้มอีกข้างก็ส่งไปลูบไว้ชักนำแกนกายของหลานให้สอดประสานกับจังหวะสาวเอวของตนเอง

จากเชื่องช้าค่อยๆเร่งจังหวะทั้งกดหนักรัวเร็วมือที่ปรนเปรอร่างบางก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเสียงครางหวานหูดังไม่ได้ขาด แม้จะรู้สึกล้าที่ต้นขาแต่ศตายุก็อยากให้อาลอมีความสุข ยิ่งได้ยินเสียงสูดปากของลลิตภัทรศตายุยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้ต้องเกร็งจนตะคริวกินลูกเจี๊ยบก็ยอม

   “ซี๊ด....หนูน่ารักจังเลยค่ะ”คำพูดชมเชยเอ่ยยามที่ประจุความรู้สึกแล่นปราดมาจุกอยู่ที่ปลายทาง ข้อมือยิ่งปรนเปรอเร็วขึ้นจนศตายุแทบจะล้มทรุดลงไป โชคดีที่ลลิตภัทรช้อนเอวบางพยุงไว้อยู่แล้ว สองมือจิกเกร็งเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านถึงขีดสุดเข้าเล่นงานราวกับฝูงมดที่รุมกัดไปตามตัว อกบางแอ่นสะท้านก่อนเสียงครางราวกับทรมานจะถูกเปล่งออกมาพร้อมร่างกายที่สั่นราวเจ้าเข้าเอวบางกระตุกเกร็งก่อนปลดปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นพร้อมๆกับลลิตภัทรที่สาวเอวเข้าออกช้าๆแต่หนักแน่นอีกหลายครั้ง ลมหายใจหอบแฮ่ก กลิ่นกามคละคลุ้งลลิตภัทรดึงหลานน้อยให้หันหน้ามาหาแล้วกดจูบหนักๆอีกครั้ง

   “เก่งจังเลยค่ะ เจี๊ยบของอาเก่งที่สุดเลย เหนื่อยมั้ยคะ?”
   
   “เหนื่อยจ้า หนูเหนื่อยมากๆเลย”

   “รู้มั้ยถ้าทำจริงๆมันเหนื่อยกว่านี้”ลลิตภัทรเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าหลานเอ่ยบอกด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“รู้มั้ยคะเพราะอะไร?”

ศตายุส่ายหน้าพลางหลบตาด้วยสะท้านกับสายตาของอาลอนัก


   “เพราะอาไม่เคยหยุดที่รอบเดียวค่ะ”



......................................

อิ้วๆ....เอ็นซีเล็กๆน้อยๆ ของจริงหลังจากนี้อีก 3 ตอน...

สำหรับท่านใดที่อยากได้เล่มแต่ไรท์ปิดจองไปแล้ว เพิ่งมาเจอเพิ่งได้อ่าน ติดต่อได้ทางทวิตเตอร์นะคะ

#พระลอตามไก่

@il_LoVe_li

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด