พิมพ์หน้านี้ - พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: thanatcha ที่ 17-11-2018 20:24:42

หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 17-11-2018 20:24:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



*****************************************




(https://scontent.fbkk22-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/31562797_2065480540146777_8462259179716689685_n.jpg?_nc_cat=107&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.fna&oh=133844f666a031f670ceef4d7c7c7e9b&oe=5CBBABA9)


สารบัญ
บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3912657#msg3912657)
ตอนที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3912659#msg3912659)
ตอนที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3912784#msg3912784)
ตอนที่ 3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3912914#msg3912914)
ตอนที่ 4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3913176#msg3913176)
ตอนที่ 5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3913420#msg3913420)
ตอนที่ 6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3913714#msg3913714)
ตอนที่ 7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3913833#msg3913833)
ตอนที่ 8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3914154#msg3914154)
ตอนที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3914257#msg3914257)
ตอนที่ 10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3914537#msg3914537)
ตอนที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3914939#msg3914939)
ตอนที่ 12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3915139#msg3915139)
ตอนที่ 13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3915468#msg3915468)
ตอนที่ 14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3915757#msg3915757)
ตอนที่ 15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3916199#msg3916199)
ตอนที่ 16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3916566#msg3916566)
ตอนที่ 17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3917016#msg3917016)
ตอนที่ 18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3917546#msg3917546)
ตอนที่ 19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3917868#msg3917868)
ตอนที่ 20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3918318#msg3918318)
ตอนที่ 21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3918538#msg3918538)
ตอนที่ 22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3918857#msg3918857)
ตอนที่ 23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3919408#msg3919408)
ตอนที่ 24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3920022#msg3920022)
ตอนที่ 25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3920127#msg3920127)
ตอนที่ 26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3920454#msg3920454)
ตอนที่ 27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3920814#msg3920814)
ตอนที่ 28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3956756#msg3956756)
ตอนที่ 29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3922920#msg3922920)
ตอนที่ 30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3923225#msg3923225)
ตอนที่ 31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3924104#msg3924104)
ตอนที่ 32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3933378#msg3933378)
ตอนที่ 33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3938370#msg3938370)
ตอนที่ 34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3940453#msg3940453)
ตอนที่ 35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3941558#msg3941558)
ตอนอวสาน (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68952.msg3942009#msg3942009)




พระลอตามไก่



ลลิตภัทร-พระลอ
หนุ่มใหญ่วัย 32 หนีจากบ้านาเพราะความชอกช้ำอกหักจากความรักเมื่อสาวเจ้าดันท้อง
ความเจ็บช้ำทำให้ไม่ยอมกลับมาเหยียบบ้านเกิดอีกเลยเป็นเวลา 16 ปี เต็ม จนกระทั่งพ่อต้องตามตัวกลับมา
อาลอจึงได้พบกับลูกเจี๊ยบลูกชายคนโตของอดีตคนรักกับแดนดินศัตรูหัวใจหมายเลข 1


ศตายุ-ลูกเจี๊ยบ
เด็กน้อยอายุ 15 ปี มีดรีกรีเป็นลูกชายคนโตของกำนันแดนดินกับแม่จิ๊บคนสวย
ใครๆก็ชมว่าเจี๊ยบเป็นเด็กน่ารัก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นมิตรกับอาลอด้วยนะ
เกลียดพ่อเจี๊ยบได้แต่ห้ามเกลียดเจี๊ยบนะ



พระลอหนุ่มวัยสามสิบเศษต้องมาตกหลุมรักน้องเจี๊ยบลูกของอดีตคนรัก
แถมพ่อของน้องคือศัตรูหัวใจในอดีตซะด้วยสิ จะทำยังไงดีเนี่ย
อยากได้น้อง อยากมีลูกเจี๊ยบเป็นของตัวเอง
เขาว่ากินเด็กเป็นอมตะ โดยเฉพาะเด็กผู้ชายกรุบๆอายุ 15-16 นี่ล่ะกำลังดี



หากคุณชอบแนวผู้ใหญ่กินเด็ก อาลอจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ


พูดคุยกับไรท์ได้ในทวิตเตอร์นะคะ @il_LoVe_li






หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๑ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 17-11-2018 20:31:04



พระลอตามไก่


ตอนที่ ๑












                ลลิตภัทรหรือพระลอชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาคมสันหักพวงมาลัยเข้ามาบนถนนดินแคบๆที่แยกตัวจากถนนใหญ่อย่างระมัดระวัง ฝุ่นสีเทาคลุ้งบนอากาศยามชายหนุ่มเร่งความเร็ว สองข้างทางมีรูปของเขาเด่นหราพร้อมสโลแกนที่พ่อของเขาไปจ้างร้านทำป้ายทำมาซะยิ่งใหญ่อลังการ ชายหนุ่มกวาดตามองต้นข้าวเขียวขจีที่ไหวลู่ตามแรงลมเป็นภาพสวยงามที่เขาทิ้งไป 16 ปีเต็มอย่างหลงใหล ลดกระจกลงกลิ่นข้าวที่เริ่มตั้งท้องหอมระรื่นตามกระแสลม ชายหนุ่มสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดอย่างโหยหา  เด็กนักเรียนหลายคนเดินกลับบ้านตามขอบทางอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นมีรถเก๋งคันหรูแล่นเข้ามาหลายคนยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

ก็แน่ล่ะ ส่วนมากรถในหมู่บ้านนี้จะเป็นรถกระบะไม่ก็อีแต๋นอีแต๊กไปตามเรื่อง ควายตัวอ้วนพียืนเคี้ยวหญ้าอยู่ใกล้เถียงนาที่เจ้าของผูกไว้อย่างสบายอารมณ์ บางตัวนอนกินลมชมวิวอยู่ในบ่อโคลนอย่างชิลสุดๆ ตรงไหนที่เป็นแอ่งน้ำใหญ่หน่อยเด็กเล็กๆราว 4-5 ขวบ ก็นั่งเล่นนั่งแช่กันอย่างไม่กลัวเชื้อโรค มืออูมๆช้อนลูกอ๊อดลูกปลาเล่นอย่างสนใจใคร่รู้  ตามริมคลองมีชาวบ้านมาหว่านแห ยกยอหาปลา เด็กชายวัยกำลังก๋ากั่นบางคนต่างพากันโดดน้ำเสียงดังตูมๆจนโดนคนหาปลาด่าแทรกกับเสียงหัวเราะใสๆนั้นเป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากสวยได้รูปนั้นอย่างไม่ยาก

 

บรรยากาศที่เขาห่างหายไปเสียเนิ่นนาน  พ่อของลลิตภัทรเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นี้มาเนิ่นนานหลายสิบปี ผู้คนต่างนับหน้าถือตาเพราะไม่ได้กินตำแหน่งไปวันๆ พ่อพยายามพัฒนาหมู่บ้านของเขาให้เจริญแต่ก็ยังคงรณรงค์ให้ชาวบ้านอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบชนบทไว้



บ้านของพระลอมีลูกชายทั้งหมด 3 คน คือพระราม พระลักษณ์และพระลอ พระรามกับพระลักษณ์นั้นได้ผิวจากทางพ่อมาทั้งคู่คือผิวค่อนข้างคล้ำมีเพียงพระลอเท่านั้นที่ได้ผิวจากทางแม่มาเต็มๆ



เด็กชายลลิตภัทรเกิดมาตัวขาวผ่องเป็นยองใย หน้าตารึก็น่ารักน่าเอ็นดูตั้งแต่แรกเกิด

 

พ่อแม่ของเขาภูมิใจนักล่ะตอนที่แม่คลอดเขาออกมาเป็นผู้ชายตั้งชื่อเล่นให้ซะงดงามน่ารักว่าพระลอเพราะหล่อเหมือนพระเอกในวรรณคดี

 

                “โตไปสาวๆต้องวิ่งตามมันจนหัวกระไดบ้านไม่แห้ง”เขาเคยได้ยินคำนี้ในวงเหล้าที่พ่อกับเพื่อนๆนั่งก๊งกันในตอนเย็น

 

                “หล่อเหมือนพ่อแต่ผิวขาวเหมือนแม่”นับเป็นส่วนผสมดีๆที่พ่อแม่มอบให้เขา พระลอถูกเลี้ยงดูอุ้มชูราวไข่ในหิน การเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่เกิดห่างจากพระรามพี่ชายคนโต 10  ปี พระลักษณ์พี่ชายคนกลาง 7 ปี ทำให้พระลอถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจ พระรามและพระลักษณ์ที่แต่งงานแยกบ้านไปแล้วทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับน้องชายไม่ได้ขาด ยามที่เข้ากรุงเทพก็หอบของกินของฝากจากทางบ้านไปให้ราวกับจะไปเปิดบูธขายงานโอทอปธงฟ้า ทั้งข้าวหอมมะลิที่ปลูกเอง ไข่ไก่ พืชผักต่างๆ พระรามพี่ชายคนโตเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนประจำจังหวัด ภรรยาของพระรามก็เป็นอาจารย์อยู่ที่เดียวกันมีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคน 7 ขวบกับ 4 ขวบ วัยกำลังน่ารัก ส่วนพระลักษณ์ดูแลโรงสีข้าวรวมทั้งกิจการต่างๆให้ครอบครัวพระลักษณ์พอใจที่จะกลับมาอยู่บ้านนอกมากกว่าทำงานหัวหมุนในกรุงเทพแม้ว่าจะเรียนจบปริญญาโทด้านนิติศาสตร์รวมทั้งสอบเนติผ่านว่าความได้เรียบร้อย เขาพับความฝันที่อยากเป็นอัยการเพราะอยากให้น้องชายได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็นในกรุงเทพ พี่ชายคนรองของเขาเพิ่งแต่งงานได้ 2 ปีกับพยาบาลสาวที่พบรักกันตอนพระลักษณ์ไส้ติ่งแตกเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้พี่สะใภ้คนรองท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที

 

เดิมทีพ่อตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้พระลอเป็นคนดูแลโรงสี ที่นาและคอกสัตว์เพราะพระลอชอบไปออกนากับพ่อตั้งแต่เล็กๆแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังลงก่อนที่ลูกชายคนเล็กจะเรียนจบ ม.3 เพียงไม่กี่เดือน

 

พระลอมีเพื่อนสนิทเป็นลูกสาวของป้าประไพกับลุงประจวบ จิ๊บเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเกิดไล่เลี่ยกับพระลอ แม่โฉมของเขากับป้าประไพก็เป็นเกลอเก่ากันมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นเวลากลางวันว่างจากงานบ้านงานเรือนสองแม่ก็มักจะมานั่งทำขนม บางครั้งก็เอาเสื้อคอกระเช้ามานั่งถักคอเสื้อแน่นอนว่าลูกๆก็ถูกเอามาเลี้ยงคู่กัน ตั้งแต่จำความได้พระลอกับจิ๊บก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอด

 

เข้าอนุบาลพร้อมกัน นั่งร้องไห้หาแม่ด้วยกันในวันที่ถูกพาไปโรงเรียนวันแรก จนโตพอรู้ความพ่อก็บอกให้พระลอเดินไปโรงเรียนกับจิ๊บตามลำพัง เด็กน้อย ป.1 ชายหญิงสองคนเดินจูงมือลัดคันนาไปโรงเรียนประถมใกล้บ้านและกลับมาพร้อมกันทุกวันในตอนเย็น วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จิ๊บจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในละแวกบ้านมาเล่นด้วย

 

และแน่นอนพระลอก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่บรรดาเพื่อนๆกลับมีแต่เด็กผู้หญิงเวลาเล่นพ่อแม่ลูกพระลอก็ได้รับบทบาทคุณพ่อส่วนจิ๊บก็เป็นคุณแม่คนสวย มีลูกสาวอีกขโยงใหญ่ แม้จะเบื่อแสนเบื่อแค่ไหนแต่พอจิ๊บมาเกาะแขนพระลอก็สามารถเล่นบทเดิมๆได้ทุกวัน

 

เด็กชายลลิตภัทรของเด็กหญิงจีรนันท์เป็นแฟนกลางงานวันเด็กแห่งชาติในตอนที่เด็กทั้งคู่อยู่ ป.4 เด็กชายลลิตภัทรรู้สึกว่าแม้จะเป็นเด็กแต่ความรักของพวกเขาก็จริงจังมาก ทุกพักกลางวันพระลอจะเป็นคนเดินไปซื้อข้าวกลางวันให้จิ๊บ เจียดเงินค่าขนมซื้อเฉาก๊วยใส่น้ำแข็งให้จิ๊บสลับกับไอติมทุเรียนร้านป้าโสภา วันไหนมีลูกชิ้นทอดเขาก็ซื้อให้จิ๊บวันละ 2 ไม้ทุกวัน ถ้ามีของเล่นใหม่ๆโฆษณาทางทีวีพระลอก็เขียนจดหมายไปบอกพระรามกับพระลักษณ์ที่เรียนและทำงานที่กรุงเทพให้ส่งพัสดุมาให้

 

ในหมู่บ้านของเล่นใหม่ๆเสื้อผ้าโก้ๆขนมแปลกๆมีเพียงพระลอคนเดียวที่นำแฟชั่น พระลอเลยกลายเป็นคนเพื่อนเยอะในโรงเรียนพอๆกับจิ๊บ แต่ไม่ว่าจะมีเพื่อนเยอะเพียงใดพระลอก็ชอบจิ๊บที่สุด

 

พระลอชอบแก้มอ้วนๆของจิ๊บ ชอบปากสีชมพูของจิ๊บ ชอบเวลาที่จิ๊บเรียกชื่อเขา

 

อีกอย่างที่สำคัญพระลอชอบที่จิ๊บแบ่งการบ้านให้ลอกทุกวัน ความรักของเด็ก ป.4 โคตรยิ่งใหญ่แบบที่คิดว่า บ่มีอีหยังมาพังทลายความฮักของสองเฮาได้...

 

จนกระทั่งพระลอและจิ๊บเรียนจบชั้นประถมพระลอถูกส่งไปเรียนโรงเรียนชายล้วนในตัวเมืองที่ทั้งบ้านของเขาเป็นศิษญ์เก่าทั้งบ้าน ความห่างของระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคความรักของพระลอกับจิ๊บเลย จิ๊บเรียนโรงเรียนสหที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ส่วนพระลอต้องนั่งรถประจำไปเรียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ดังนั้นเด็กสองคนจะได้เจอกันก็ตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์

 

ยิ่งนานวันพระลอก็รู้สึกว่าจิ๊บน่ารักขึ้นทุกวัน ผิวขาวแก้มตึงใสปากสีชมพูถูกแต้มสีสันด้วยอุทัยทิพย์ วันหยุดแต่งตัวน่ารักๆรอเขาขับมอเตอร์ไซค์มารับไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแช่มตอนเที่ยงๆ

 

จนกระทั่งเด็กทั้งคู่ขึ้นมัธยมปีที่ 3

 

จิ๊บเริ่มเปลี่ยนไป เย็นๆเริ่มกลับบ้านช้าลง เสาร์-อาทิตย์มักจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน หลังๆเวลาคุยกันมักมีชื่อของใครบางคนโผล่เข้ามาในบทสนทนา

 

                “พี่ดินเขาเก่งมากเลยนะลอ เนี่ยวันก่อนเขาแข่งบาสทีมเขาอ่ะตามอยู่ 10 กว่าแต้ม แต่พี่ดินก็ทำแต้มแล้วชู๊ต 3 แต้มสุดท้ายก่อนหมดเวลาเลยชนะสีแดงไปเลย”

 

                “พี่ดินเรียนเก่งมากเลยลอ เนี่ยจิ๊บทำการบ้านเลขไม่ได้พี่ดินมาช่วยติวให้จิ๊บก็เข้าใจเลยอ่ะ สอนสนุกเข้าใจง่ายกว่าครูอีก”พระลอกลายเป็นผู้ฟังที่ดีคอยฟังจิ๊บชื่นชมพี่ดิน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นลูกชายกำนันแดง แดนดินแก่กว่าพวกเขา 3 ปี ตอนนี้เรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกับจิ๊บ แถมยังสนิทกับพระลอพอสมควร ตอนแรกพระลอก็ไม่เอะใจอะไรเพราะแดนดินก็รู้ว่าพระลอกับจิ๊บคบกันอยู่ เด็กหนุ่มยังเคยบอกกับรุ่นพี่เลยว่ากับจิ๊บเขารักจริงคิดไว้ถึงขั้นเรียนจบปริญญาแล้วก็จะไปสู่ขอจิ๊บแต่งงาน พระลอฝากฝังจิ๊บให้แดนดินช่วยดูแลเวลาไปโรงเรียนคอยกันไม่ให้ใครมาจีบจิ๊บซึ่งแดนดินก็รับปากเขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากแดนดินที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งจิ๊บหลบหน้าเขาและไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนเก่า พระลอทนความอึดอัดนานนับสัปดาห์จนกระทั่งทนไม่ไหวเด็กหนุ่มพายเรือข้ามคลองไปบ้านจิ๊บตอนทุ่มกว่าๆไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเพราะคลองกั้นบ้านเด็กทั้งสองไม่ได้กว้างมากนัก หลายครั้งตอนเย็นๆทั้งจิ๊บและพระลอยังมานั่งคุยกันที่ตีนท่าอยู่ประจำ หน้าบ้านของจิ๊บมีรถกระบะจอดอยู่ บนบ้านมีคนนั่งกันอยู่ 4-5 คน ที่สะดุดตาคือแดนดินกับกำนันแดงและแม่ของแดนดิน มีพ่อแม่ของจิ๊บนั่งอยู่สีหน้าไม่ดีนัก ส่วนจิ๊บได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆแม่

 

                “ไหนๆเรื่องมันก็เกินเลยไปถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็อยากจะทำให้มันถูกต้องตามขนบธรรมเนียมไปซะ นังหนูจิ๊บก็เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกฉันก็ยินดีจะมาสู่ขอตบแต่งเป็นสะใภ้ เรื่องสินสอดทองหมั้นพ่อจวบกับแม่ไพจะเรียกเท่าไหร่ก็สุดแล้วแต่เลย รีบแต่งกันซะก่อนที่ท้องจะโตมากไปกว่านี้”

 

                เหมือนมีน้ำเย็นผสมน้ำร้อนราดรดลงบนหัวของพระลอ เด็กหนุ่มนิ่งฟังคำสนทนาของคนบนบ้านด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ความผิดหวังซัดเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ

 

อะไรคือรีบแต่งกันก่อนที่ท้องจะโตไปกว่านี้วะ

 

                “ถ้าเด็กมันรักมันชอบกันฉันก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เสียแต่ว่ามันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน จิ๊บมันก็ยังไม่เต็ม 15 ดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมชิงสุกก่อนห่ามกันแบบนี้ ฉันก็อยากจะโกรธอยู่หรอกดีว่าดินมันมากราบขอขมาก่อนหน้านี้ กลัวแต่ว่าพอแต่งกันไปพอเบื่อพอโตมากขึ้นก็จะเบื่อลูกสาวฉันทิ้งมันหอบผ้าหอบผ่อนขึ้นมาคนอายคือทางนี้นะ”

 

                “ผมรักจิ๊บจริงๆครับ รักมาได้ 2 ปี แล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรักและดูแลจิ๊บเป็นอย่างดี”พระลอไม่รู้หรอกว่าคนโดนฟ้าผ่าน่ะมันเจ็บยังไง แต่ในตอนนี้ใจของเด็กหนุ่มเหมือนจะขาด จิ๊บเป็นรักแรกและคิดว่าจะเป็นรักสุดท้าย เหมือนพระลอรักจิ๊บมาทั้งชีวิตแต่จิ๊บกลับแปรเปลี่ยนไปรักคนอื่น เด็กหนุ่มกุมอกข้างซ้ายของตัวเอง น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่จิ๊บห่างหายจากเขาไปเรื่อยๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่พักหลังๆแดนดินเริ่มคุยเล่นสนิทกับเขาน้อยลง

 

เพราะคนสองคนที่เขารักและไว้ใจที่สุดหักหลังเขาอย่างร้ายกาจแบบนี้นี่เอง

 

เขาผิดอะไร แม้พระลอจะยังเป็นเด็กอายุ 15 แต่พระลอเรียนรู้การให้เกียรติฝ่ายหญิง มากสุดสำหรับพระลอคือการจับมือจิ๊บและหอมแก้มไปเพียงแค่ครั้งเดียวเพราะพระลอกลัวคนจะมองจิ๊บในทางไม่ดี

 

แล้วไอ้แดนดินมันคือใคร

 

มันบอกว่ามันรักจิ๊บแต่มันก็ทำเรื่องชิงสุกก่อนห่าม

 

แบบนี้สินะที่เขาบอกว่าพระลอทำตัวเหมือนมดแดงได้แต่คอยหวงมะม่วงลูกสวยสุดท้ายแมลงวันทองอย่างแดนดินก็มาเจาะเนื้อในกินอย่างอร่อยปาก

 

เด็กหนุ่มพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำกลับมาที่บ้านแม้ว่าแม่จะเรียกกินข้าวเย็นพระลอก็ไม่สนใจปิดประตูห้องดังปังใหญ่ ไม่นานเสียงโครมครามจากในห้องพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮของพระลอก็ดังขึ้น แม่เคาะประตูห้องเรียกเขาอย่างร้อนใจ ส่วนพ่อที่เพิ่งกลับบ้านได้แต่บอกแม่ว่าให้ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กอาละวาดให้สมใจแล้วค่อยเรียกมาคุย

 

แน่นอนเสียงโวยวายและร้องไห้ของพระลอดังไปถึงบ้านจิ๊บ

 

หลังจากวันนั้นพระลอก็กลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบ จิ๊บพยายามมาหาพระลอที่บ้านอยู่หลายครั้งแต่พระลอก็ไม่ออกมาพบเด็กหนุ่มเลือกเก็บตัวอยู่ในห้องฟังเสียงพูดคุยระหว่างจิ๊บกับแม่

 

                “จิ๊บฝากแม่คืนแหวนให้ลอด้วยนะจ๊ะ ฝากขอโทษลอที่จิ๊บไม่หนักแน่นพอ แต่จิ๊บยังอยากเป็นเพื่อนลอจริงๆนะจ๊ะ จิ๊บอาจจะผิดเองที่ไม่พูดกับลอไปตั้งแต่แรกว่าจริงๆแล้วจิ๊บรักลอแบบเพื่อนไม่ใช่แฟน ไม่ว่าลอจะเกลียดจิ๊บยังไงจิ๊บก็ยังอยากให้ลอเป็นเพื่อนกับจิ๊บตลอดไปนะจ๊ะ”

 

และนั่นคือความจริงอีกอย่างคือที่ผ่านมาจิ๊บไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนอกจากเพื่อน

 

ความรักของเขาเป็นรักข้างเดียวรักแบบคิดไปเอง

 

หลังจากสอบปลายภาคเสร็จไม่ถึงอาทิตย์เสียงแห่ขันหมากก็ดังไปทั่งคุ้งน้ำพระลอปิดหน้าต่างห้องแน่นสนิท นอนบนเตียงแล้วตลบผ้าห่มมาคลุมโปงราวกับว่ามันจะช่วยให้เขาปิดกั้นเสียงเหล่านั้นได้

 

แต่เปล่าเลย ยิ่งหนี เสียงกลับยิ่งดัง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตามบ้านนอกเวลามีงานบุญอะไรแต่ละครั้งบรรดาเครื่องไฟจะเปิดกันให้กระหึ่มตั้งแต่ ตี 5 เพื่อเรียกแม่ครัวมาช่วยงานรวมทั้งแขกเหรื่อ จิ๊บและแดนดินเอาการ์ดแต่งงานมาให้พี่บ้านของเขาเมื่อเดือนก่อน โชคร้ายที่วันนั้นพระลอก็อยู่บ้านด้วย เด็กหนุ่มนอนทอดอารมณ์บนเปลยวนอยู่ใต้ถุนบ้าน พอเห็นแดนกับจิ๊บพระลอก็ลุกหนี

 

                “เด็กว่ะมึงไอ้ลอ แพ้ก็ให้รู้จักแพ้สิวะ มาทำมึนทำตึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย มึงจะโกรธจะงอนก็เปลี่ยนความจริงที่จิ๊บกับกูกำลังจะแต่งงานกำลังจะมีลูกด้วยกันไม่ได้หรอก”

 

                “พี่ดิน!!”จิ๊บส่งเสียงดุคนรักที่ตะโกนด่าพระลอ เด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านหันมามองอดีตคนรักและพี่ที่สนิทก่อนจะกระโจนพรวดเข้าใส่แดนดิน หมัดหนักๆถูกประเคนใส่หน้าคนพี่ในขณะที่แดนดินไม่ได้ต่อสู้ตอบโต้ทำเพียงปัดป้องเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนหมัดปะทะตรงๆเท่านั้น

 

                “ลอ พอเถอะลอ อย่าทำพี่ดิน”จิ๊บรีบเข้ามาดึงพระลอแต่เด็กหนุ่มในตอนนี้ไม่มีสติพอเสียแล้ว พระลอผลักจิ๊บจนกระเด็นล้มลงกับพื้น แดนดินเห็นดังนั้นถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าคนโตกว่าเหวี่ยงหมัดเต็มแรงเข้าซีกหน้าของพระลอจนเด็กหนุ่มเห็นดาว

 

                “ทำเหี้ยอะไรของมึงจิ๊บท้องอยู่นะไอ้สัตว์”แดนดินรีบเข้าไปประคองจิ๊บพลางสอบถามคนรักว่าเป็นอะไรมั้ย ลลิตภัทรมองใบหน้าซีดๆของจิ๊บถึงรู้ตัวว่าตัวเองทำแรงเกินไปรีบเข้าไปช่วยประคองจีรนันท์ให้ยืนขึ้น

 

                “จิ๊บ เป็นอะไรมั้ย ลอขอโทษ ลอไม่ได้ตั้งใจ”

 

                ไม่เป็นไร ไม่ได้ล้มแรง”

 

                “มึงไม่ต้องมาจับเมียกู พ่อกับแม่มึงอยู่มั้ยถ้าไม่อยู่กูฝากการ์ดแต่งงานให้ด้วย ส่วนมึงก็ควรรู้ตัวว่าต่อไปนี้มึงไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับจิ๊บอีกต่อไปแล้ว จิ๊บเป็นเมียกูแล้ว เข้าใจไว้ด้วย”

 

นั่นแหล่ะ ความสัมพันธ์ของจิ๊บ แดนดิน และพระลอ ก็ขาดสะบั้นลงอย่างสมบูรณ์

 

งานแต่งของแดนดินและจิ๊บผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ พระลอก็บอกกับพ่อว่าตนเองจะสอบเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ  ผู้ใหญ่ชลิตเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีของพระลอทั้งทางด้านสภาพจิตใจและการศึกษา ยังไงเสียเรียนในกรุงเทพพระลอก็จะมีโอกาสมากกว่าโรงเรียนตามบ้านนอกเขาเองก็ไม่ต้องห่วงอะไร พระรามเองก็ใกล้จบปริญญาโทแล้วลูกชายคนโตจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่บ้านเกิด พระลอก็ไปอยู่กับพระลักษณ์พี่ชายคนกลาง

 

แต่เหมือนผู้ใหญ่ชลิตจะคิดผิดตรงที่ว่าลูกชายไปเรียนแล้วคงจะกลับมาทำงานที่บ้านเหมือนพี่ๆจนกระทั่งชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาแถมยังบอกว่าตอนนี้งานของตนกำลังไปได้ดี

 

พระลอไม่เคยก้าวเท้ากลับมาที่บ้านอีกเลย มีเพียงคนเป็นพ่อแม่ที่ไปหาลูกชายอยู่ทุกเดือน

 

พระลอเป็นคนจำฝังใจ รักแรงเกลียดแรง

 

ขนาดพี่ชายเข้าโรงพยาบาลลูกชายคนเล็กของเขามาเยี่ยมแต่ไม่กลับมานอนที่บ้าน ชายหนุ่มไปเปิดโรงแรมนอนในตัวเมือง เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานต่อ

 

                “กลับมาบ้านได้แล้วไอ้ลอ เอ็งไปอยู่กรุงเทพนานเกินไปแล้ว กลับมาช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านของเราสิวะ พ่อจะหมดวาระแล้วลงชื่อสมัครผู้ใหญ่บ้านให้เอ็งแล้วยังไงก็ได้ตำแหน่งแน่นอน”นั่นคือสายด่วนของผู้เป็นพ่อโทรมาหาเขาตอนที่พระลอกำลังไปท่องราตรีกับเพื่อนๆในคืนวันเสาร์ที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในวันอาทิตย์

 

ชายหนุ่มค้านหัวชนฝาที่จะไม่กลับไป

 

ใครจะอยากเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาอยากอยู่กรุงเทพมากกว่า คอนโดก็เพิ่งผ่อนหมดจะให้เขากลับไปอยู่บ้านนอกทำไม

 

                “พ่อก็ให้พี่ลักษณ์สมัครสิทำไมต้องผมด้วยอ่ะ”

 

                “พี่มึงเขาดูโรงสีกับงานที่บ้านก็ยุ่งพอแล้ว เหลือแค่มึงนี่แหล่ะที่ยังว่าง”พอเริ่มโมโหภาษาพ่อขุนก็เริ่มมาทีละน้อย

 

                “ผมก็ไม่ว่างป่าวเนี่ยงานก็กำลังไปได้สวย”

 

                มึงไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่เลยไอ้ลอ มึงจะหนีนังจิ๊บไปทั้งชีวิตไม่ได้ จนเขามีลูก 2-3 คนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้วมึงยังไม่เลิกทิฐิ สงสารแม่มึงเหอะจะตรอมใจเพราะคิดถึงมึงอยู่แล้ว”พระลอนิ่งเงียบไปหลังจากพ่อพูดแทงใจดำ  ชื่อของจิ๊บยังคงเป็นหนามยอกอกเขานานนับ 16 ปี แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่าเมื่อก่อนแต่ความเคืองในใจก็ยังมีอยู่

 

เขาเหมือนโดนหักหน้า ชาวบ้านใกล้เคียงต่างพูดกันราวกับเรื่องของเขาเป็นลิเกโรงใหญ่ตั้งหลายเดือน แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปทุกคนต่างลืมเลือนเหตุการณ์นี้ คนเฒ่าคนแก่หลายคนล้มหายตายจากไปบ้างแล้ว แต่พระลอก็ยังคงไม่ลืม

 

ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธพ่อคอเป็นเอ็นสุดท้ายพ่อก็ขู่เขาว่าจะไม่ยกสมบัติให้ซักกะแดงเดียว ส่วนของเขาจะถวายวัดให้หมด

 

พระลอยอมไม่ได้ เงินทั้งนั้น!!!

 

แม้จะไม่เต็มใจอยากกลับมาที่บ้านเกิดซักเท่าไหร่แต่การที่พ่อบอกว่าจะตัดเขาออกจากกองมรดกและยกทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองรวมทั้งตึกแถวห้องเช่าที่ปล่อยให้เช่าในตลาดสดใจกลางตัวเมืองถวายวัดทั้งหมดทำให้ชายหนุ่มต้องทิ้งงานที่กำลังไปได้สวยในกรุงเทพกลับมายังบ้านเกิด

 

ทั้งๆที่คิดว่าชาตินี้จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกจนกว่าจะแต่งงานแต่งการมีครอบครัวบั้นปลายชีวิตค่อยกลับมาแต่พ่อของเขากลับทำพังไปซะหมดเลย

 

ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนะไม่ใช่ตะขาบของคุณยายวรนาถถึงจะคายให้ทายาทได้

 

คือให้คนดีๆมีความรู้ความสามารถกว่าเขาเขาทำไปก็ได้มั้ยอ่ะ

 

พระลอเหม่อลอยยามคิดถึงอดีตเมื่อ 16 ปีก่อนโดยไม่ทันได้สังเกตว่าถึงสามแยกที่ลัดริมคลองเข้าบ้าน กว่าจะได้สติก็ได้ยินเสียงกริ่งจากจักรยานดังรัวพร้อมกับเสียงเด็กผู้ชายร้องเสียงหลงดังมาแว่วๆ พอดึงสติกลับมาวัตถุบางอย่างก็พุ่งเข้ามาหาหน้ารถเขาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

                “เหวอออออออออออออออออ”

 

          “พี่เจี๊ยบ เบรคคคคคค เอาตีนเบรคเลย!!!!”

 

โครม!!!!

 

ร่างของใครบางคนลอยละลิ่วจากจักรยานคันเก่าที่พุ่งจูบกระโปรงรถของลลิตภัทรด้วยความเร็วก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะถลาลงมาแหม่ะบนกระจกรถของเขา เด็กผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาแปะแหมะลงบนกระจกหน้าจ้องตากับความเหงากับพระลอราว 30 วินาทีก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆลื่นราวกับขี้ผึ้งหล่นไปด้านหน้ารถ สภาพไม่ต่างจากจิ้งจกตกจากที่สูงแล้วจุกจนคลานไปไหนไม่ได้ ลลิตภัทรร้องเรียกเสียงหลงด้วยความตกใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยลงไปดูซากรถกับสภาพเด็กชายวัยรุ่นคนนั้นด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองร่างบอบบางทีนอนหน้าเขียวหน้าเหลืองอยู่บนพื้นอย่างเป็นห่วง แพขนตาสวยบนเปลือกตาหนาปิดสนิทจนน่าใจหาย

 

                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

               







.............................................................





หวังว่าจะชอบบรรยากาศท้องทุ่งและวิถีชนบทนะคะ



โบราณว่ากินเด็กเป็นอมตะ เด็กกว่าซัก 15-16 ปีนี่จะเป็นอมตะจริงหรือเปล่าน๊า



ชอบถูกใจก็เม้นท์ให้ไรท์หรือติดแท็กในทวิตให้หน่อยนะคะ



#พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๑ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-11-2018 23:23:11
ชอบพล็อตกับความโลเคชั่นลูกทุ่งๆ รอดูคุณพระลอมาตามน้องลูกเจี๊ยบนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๑ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 17-11-2018 23:59:45

พระลอตามไก่


ตอนที่ ๒







                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

ชายหนุ่มเขย่าร่างบอบบางในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างนั้นขึ้นอุ้มเดินกลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนสภาพมอมแมมของคนในอ้อมแขน เขาเป็นห่วงเด็กนี่มากกว่าจะกลัวรถเปื้อน ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วยัดเด็กคนนั้นเข้าไปนั่งข้างในตั้งใจจะพาไปส่งโรงพยาบาล จัดการลากซากจักรยานที่นอนล้อบิดระทดระทวยให้พ้นทาง ซากกระป๋องพลาสติกที่ใส่ปลาหมอปลาซิวปลาช่อนแตกปลาหลายตัวพยายามกระดื๊บๆหาทางเอาชีวิตรอด แต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีจิตเมตตากับสัตว์โลกตัวไหนทั้งนั้นนอกจากเด็กตัวผอมที่ยังคงหลับตานิ่งสนิทบนรถชายหนุ่มเดินอ้อมกลับมาทางประตูด้านคนขับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียก

 

                “ลุงๆ ลุงจะพาพี่หนูไปไหน เป็นพวกตาแก่โรคจิตที่จับเด็กไปขายใช่ป่าว หนูจะไปฟ้องพ่อ”เสียงเด็กชายวัย 9  ขวบ ที่ร้องบอกให้พี่ชายตัวเองใช้เท้าเบรกกับพื้นตอนที่รถจักรยานของคนพี่พุ่งใส่รถของลลิตภัทรร้องถามขึ้นอย่างตกใจ

 

ต้องเป็นพวกแก็งค์รถตู้ปลอมตัวมาจับเด็กไปตัดมือตัดเท้าแล้วส่งไปขอทานแถวพัทยาแบบที่พ่อกำนันของเขาสอนมาแน่ๆ

 

พ่อแดนดินสอนเจ้าจอมเสมอว่าห้ามไว้ใจคนแปลกหน้า ใครมาชวนขึ้นรถห้ามไปด้วยเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรคิ้วกระตุกยิกยักพอๆกับนิ้วเท้าเมื่อได้ยินสรรพนามที่ไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกนั่นเรียกเขา เจ้าของสรรพนามว่าลุงหันไปมองไอ้เด็กนั่นที่เพิ่งปั่นจักรยานมาจอดข้างๆเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

คือเขาเพิ่งจะ 32 เองป่าววะ จริงๆไม่ควรโดนใครเรียกลุงทั้งนั้น ก็เพิ่งพ้นช่วงวัยรุ่นตอนปลายได้ไม่เท่าไหร่ป่าวเอง

 

ยังไม่ทันจะเอ่ยปากด่าอะไรไอ้เด็กนั่นก็ออกตัวล้อฟรีปั่นไปกลับไปทางเดิมด้วยสเต็ปสี่คูณร้อย

 

ต้องรีบไปฟ้องพ่อ เรื่องนี้ต้องถึงหูพ่อกำนัน!!!

 

ถ้ามีใครได้หน้าคนๆนั้นต้องเป็นแก้วเจ้าจอมคนนี้!!!

 

                “อ้าว เฮ้ยไอ้หนูจะไปไหน กลับมาก่อน”ลลิตภัทรโบกมือร้องเด็กไอ้เด็กตัวแกรนที่ปั่นจักรยานลัดโค้งทุ่งหวังจะถามว่าบ้านอยู่ไหนมันก็ไปนู่นแล้วแบบไม่เห็นฝุ่น

 

                “อูย....”ยังไม่ทันจะได้แหกปากเรียกไอ้เด็กแปลกคนนั้นดีเสียงคนบนรถก็ร้องโอดโอยขึ้นเบาๆเรียกความสนใจของพระลอ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปมองเด็กหนุ่มที่เริ่มขยับตัวเบาๆเลยตัดสินใจปิดประตูรถแล้วอ้อมกลับมาประจำที่คนขับ ศตายุค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว

 

นี่เขาคงทำบุญไว้เยอะสินะ ตายแล้วก็เจอเทวดาเลย หล่อด้วย แถมขับรถส๊วยสวย

 

เอ๊ะ...ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

                “เฮ้ย ลุง เป็นใครอ่ะ มาพาขึ้นรถทำไมวะ เป็นโจรขโมยเด็กใช่ป่ะ ไม่ก็พวกจับเด็กไปขายทัวร์วิปริตใช่มั้ย ต้องใช่แน่ๆเลย เนี่ยเจี๊ยบรู้พ่อสอนมา ปล่อยเจี๊ยบลงเลยนะไอ้แก่ไอ้หื่นกามไอ้วิปริตไอ้ลามก”ศตายุหันไปทุบคนที่ทำหน้าเหรอหราอยู่ข้างๆ ลลิตภัทรที่โดนด่าเป็นชุดแถมถูกประทุษร้ายได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกันหน้าตาและร่างกายส่วนอื่นของตนเองอย่างไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้และต่อสู้เลยซักนิด ศตายุยิ่งได้ใจเมื่อเห็นคนแก่กว่าไม่มีทางสู้เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าบนเบาะรถแคบๆหันไปทุบลลิตภัทรอย่างเต็มตัวแต่เพราะความแคบกับร่างกายที่ยังเจ็บอยู่ขณะที่ลลิตภัทรจับแขนเขาเพื่อดึงให้หยุดการทุบตีร่างบางก็เสียหลักล้มลงไปหาคนตรงหน้าทันที

 

                “อ๊ะ!!!”เด็กน้อยตาเหลือกเมื่อหน้าผากของตัวเองโขกเข้ากับปลายจมูกของลลิตภัทรแบบเต็มๆรีบดึงตัวออกเมื่อได้ยินเสียงคนแก่กว่าร้องลั่น

 

                “โอ้ย....วันซวยอะไรของกูวะเนี่ย เลือดกำเดาไหลเลย!!”พระลอจับแขนไอ้เด็กแสบที่บังอาจทำเขาเจ็บตัวกระชากกลับมาอย่างแรงจนศตายุที่กำลังจะเปิดกระจกหนีร้องลั่น

 

มันไม่ใช่ฉากโรแมนติกแบบละครที่นางเอกเสียหลักไปปากชนปากหรือปากชนแก้มกับพระเอกแล้วจะเขินอาย ตอนนี้เหมือนศตายุกำลังอยู่ในหนังสยองขวัญเมื่อเด็กน้อยดันฟาดมือไปโดนหน้าลลิตภัทรเข้าอีกผลั่วะอย่างแรงจนลลิตภัทรหน้าหัน นั่นแหล่ะคนแก่กว่าก็จับเขานอนพาดลงบนตักแล้วฟาดฝ่ามือลงบนก้นงอนๆของคนเด็กรัวๆ 3 ทีซ้อน  ศตายุแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บใช้มือปิดก้นตัวเองไว้เมื่อตาลุงหื่นกามวิปริตแปลกหน้าทำท่าจะฟาดลงมาอีก

 

ต้องเป็นพวกซาดิสม์แน่ๆ

 

                “แง้ๆๆๆๆๆๆ ลุงอย่าทำอะไรหนูเลยหนูกลัวแล้ว ถ้าไม่ปล่อยหนูถ้าพ่อหนูมาเจอลุงตายแน่ รู้มั้ยหนูลูกใคร”ในเมื่อคนตรงหน้าที่ทำหน้าดุใส่จ้องหน้าเขม็งแถมง้างมือค้างไว้รอเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆก็ขอใช้บารมีพ่อมาข่มหน่อยเถอะ  ศตายุเวลาตกใจจนลืมตัวมักจะใช้สรรพนามแทนตัวว่าหนูเหมือนเวลาคุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ในตอนนี้ก็เช่นกัน ลลิตภัทรแอบขำกับความเด็กน้อยนั้นแต่ก็ยังเก๊กหน้าขรึมตอบด้วยเสียงดึงตึงเต็มที่

 

                “ไม่รู้!!”

 

                “พ่อหนูเป็นกำนันนะ ชื่อกำนันแดนดิน ดุมากด้วยรีบปล่อยหนูไปเลยนะไม่งั้นถ้าเจ้าจอมไปฟ้องพ่อ พ่อมาพ่อจะเอาปืนไล่ยิงลุง”

 

นี่!!! กลัวมั้ย พ่อเค้าๆๆๆ ออฟชันเสริมเป็นปืนลูกซองแฝดด้วยนะ ปีที่แล้วมีโจรมาขโมยควายที่คอก พ่อกำนันของเขาใช้ไล่ยิงโจรจนวิ่งไปโดดลงคลองหน้าบ้านโดนจับได้ทั้งสองคนเลยนะ

 

                “แดนดิน?”ชายหนุ่มทวนชื่อแสลงหูนั่นอีกครั้ง เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยเห็นท่าทางนิ่งไปก็ใจชื่น รีบยืนยันเพราะคิดว่าตาลุงนี่น่าจะกลัวพ่อของเขาอยู่พอสมควร รีบลุกขึ้นนั่งขลุกขลักบนตักของลลิตภัทรทันทีเพื่อจะทำสีหน้าของผู้ชนะให้ลุงแปลกหน้านี่ดูได้เต็มที่

 

พ่อดินของเจี๊ยบน่ะ ดังที่สุดในตำบลเลยด้วย

 

                “ใช่ พ่อกำนันแดนดิน”

 

                “แม่ชื่ออะไร ชื่อจิ๊บหรือเปล่า”

 

                “แหน่ะ ลุง ทำไมรู้จักแม่จิ๊บของหนูอ่ะ แอบสืบประวัติบ้านหนูเพื่อจะยกพวกมาปล้นใช่มั้ย”  เหวออออ!!!!” ศตายุยังไม่ทันจะพูดจบก็ต้องใช้มือคล้องคอของลลิตภัทรไว้แน่นเมื่อชายหนุ่มออกรถอย่างแรง

 

                “ลุ๊งงงงงงงงงง จะพาหนูไปไหน หนูจะกลับบ้าน!!!”

 

เสี่ยงห้ามล้อดังเอี๊ยดสนั่นลั่นหน้าบ้านทำให้แม่โฉมที่กำลังเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายคนเล็กกับนิดาลูกสะใภ้คนรองต้องรีบชะโงกหน้าออกมามองอย่างตกใจ รถยุโรปคันสวยสีดำเงาวับมีรอยบุบที่กันชนและกระโปรงรถจอดสนิทก่อนที่จะมีสองร่างยื้อยุดฉุดกระชากกันออกมาจากในรถ เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกให้พระลักษณ์และผู้ใหญ่ชลิตที่อยู่ในนาใกล้บ้านต้องรีบสาวเท้ายาวๆออกมาดู

 

                “ปล่อยหนู หนูจะกลับบ้าน แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงเด็กชายยังคงหลับหูหลับตาแหกปากโวยวาย สองมือก็เกาะขอบประตูรถแน่นในขณะที่ตัวก็ถูกลลิตภัทรอุ้มออกมาจนพ้นตัวรถแล้วแท้ๆ

 

เด็กเวรเอ๊ย ทำไมมันแรงเยอะขนาดนี้ แน่ใจนะว่านี่คือเด็กที่มันเพิ่งลอยละลิ่วเป็นจิ้งจกตกตกเมื่อไม่ถึง 20 นาทีที่แล้ว

 

                “ตายแล้วๆๆๆๆๆ พ่อลอ ทำอะไรน่ะลูก”แม่โฉมรีบเดินลงบันไดมาดูอย่างตกอกตกใจ ศตายุเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูก็รีบเปิดเปลือกตาขึ้นทันที

 

                “ย่าโฉม ย่าโฉมจ๋าช่วยเจี๊ยบด้วยไอ้โรคจิตนี่จะจับเจี๊ยบไปขาย  มันจงใจขับรถพุ่งชนหนูเพื่อที่จะให้หนูสลบแล้วลักพาตัวไปขายแน่ๆ”เจ้าเจี๊ยบน้อยพอเห็นใบหน้าของคนคุ้นตาก็ปล่อยประตูรถอย่างรวดเร็วแล้วดิ้นขลุกขลักหนีจากอ้อมแขนของลลิตภัทรเข้าไปกอดเอวแอบหลังหญิงชราทันที ปากงุ้ยๆเอ่ยฟ้องอย่างไม่ติดเบรก

 

                “เดี๋ยวๆ โรคจิตที่ไหนกันลูกนั่นอาลอลูกชายคนเล็กของย่าเอง ที่ย่าเคยเล่าให้ฟัง ที่ปู่ลิตจะให้กลับมาสมัครผู้ใหญ่บ้าน แล้วทำไมเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี้”ย่าโฉมพลิกเนื้อพลิกตัวหลานชายเพื่อนสนิทก็พบว่าเจี๊ยบเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยคราบฝุ่นแถมยังมีโคลนติดตามเนื้อตามตัวอีกด้วย แก้มที่เคยใสสะอาดบัดนี้มีโคลนติดเป็นปื้นใหญ่เพราะก่อนหน้านี้ศตายุกับแก้วเจ้าจอมไปจับปลาตกคลักในนาเล่นตั้งแต่บ่ายแก่ๆ แถมแขนก็มีรอยเลือดซิบๆตรงข้อศอก พระลอมองแม่กับเด็กขี้โวยวายคุยกันแบบไม่ได้หันมาสนใจเขาอีกก็ยืนกอดอกมองอย่างเซ็งๆ

 

ไหนว่าแม่คิดถึงเขาจนแทบตรอมใจตายแล้วนี่คืออะไร ห่วงไอ้เด็กเวรนั่นจนลืมเขาเนี่ยนะ

 

เหอะ

 

มันน่าขับรถกลับกรุงเทพชิบเป๋งเลยว่ะ

 

                “ลอทำไมหลานมอมแมมแบบนี้ล่ะลูก”หลังโอ๋เอ๋ปลอบใจกันไปได้ซักพักย่าโฉมก็เหมือนจะนึกได้ว่าลูกชายก็ยืนหัวโด่อยู่ที่เดิม

 

                “ใครหลานผม นอกจากลูกพี่รามพี่ลักษณ์ผมก็ไม่มีหลานที่ไหนแล้วนะ”ลลิตภัทรยกมือไหว้แม่รวมไปทั้งพ่อและพี่ชายพี่สะใภ้ที่เดินมาสมทบทีหลัง

 

                “แล้วก็ไอ้เด็กนี่ปั่นจักรยานมาพุ่งชนรถของผมเอง ผมเลยจะพามาให้พี่นิดาทำแผลแต่โวยวายหาว่าผมจะเอาไปขาย”ลลิตภัทรเอ่ยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “แถมยังออกฤทธิ์จนผมได้เลือดเนี่ย พ่อมันไม่เคยสั่งสอนหรือไง”

 

                “สอนโว้ย กูสอนลูกกูตลอดแหล่ะ ไหนขอดูหน้าไอ้โจรลักพาตัวเด็กหน่อยซิ๊ เจ้าจอมไอ้คนไหนที่มันลักพาตัวพี่เอ็งมา” อยู่ๆเสียงทุ้มห้าวจากบุคคลที่สามก็ดังขึ้นด้านหลังพร้อมๆกับเสียงขึ้นรังปืนลูกซอง

 

                “ไอ้ลุงสูงๆนั่นเลยพ่อมันอุ้มพี่เจี๊ยบขึ้นรถ”

 

                “มึงยกมือขึ้นสูงๆเลย แหยมกับใครไม่แหยมเสือกมาแหยมในถิ่นกำนันแดนดิน เงาหัวมึงหาไม่แล้ว”ลลิตภัทรเบะปากจนลักยิ้มที่แก้มซ้ายเป็นรอยบุ๋มลึกแล้วค่อยๆยกมือขึ้นเสมอหัว ศตายุมองภาพนั้นอย่างลืมตัว

 

เชี่ย โคตรหล่ออ่ะ...

 

ทันทีที่ร่างสูงหันไปเผชิญหน้า แดนดินถึงกับตะลึง

 

                “ไอ้ลอ!!!”

 

                “เออ...กูเอง ไม่ใช่โจรที่ไหน”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อชายหนุ่มทั้งสองคนเดินมายืนประจันหน้ากัน แดนดินมองหน้าลลิตภัทรอย่างพิจารณา ลลิตภัทรคนตรงหน้าเปลี่ยนไปมาก สูงมากกว่าเขาทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาสูงกว่าแท้ๆ ใบหน้าหล่อคมสันเครื่องหน้าได้รูป ดวงตารีเรียวเหมือนอัลมอนด์จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากได้รูป ผิวขาวละเอียดอย่างคนดูแลตัวเองมาอย่างดีรูปร่างสมส่วนดูภูมิฐาน

 

บอกเลยว่าการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้พระลอจะได้คะแนนก็จากพวกสาวๆนี่แหล่ะ

 

                “ไม่ได้เจอกันนานนะสบายดีมั้ย”แดนดินทำใจกล้าเอ่ยทักทายไปก่อน

 

เขาคิดว่าเรื่องในอดีตมันก็ผ่านมา 16 ปีแล้ว บางทีพระลออาจจะลืมมันไปแล้ว

 

                “เกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ นั่นลูกชายมึงใช่มั้ย ปั่นจักรยานมาชนรถกู เตรียมค่าซ่อมด้วยล่ะ แพงซะด้วยสิ”ลลิตภัทรพูดจบก็หมุนตัวเดินขึ้นบ้านไปทันทีไม่ได้หันกลับไปมองแดนดินอีก ไม่ได้สนลูกของศัตรูหัวใจที่ยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยซ้ำ

 

                “เจี๊ยบ กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!! แม่ ผมพาลูกกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ไอ้ตัวดีมาทำให้วุ่นวาย”แดนดินยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองรวมทั้งพระลักษณ์ที่พยักหน้ารับอย่างคนคุ้นกัน

 

คือความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านนี่น่ะ ทุกคนสนิทสนมไปมาหาสู่กันดีตามปกติ ที่ไม่ปกติก็มีแค่พระลอคนเดียวเท่านั้น ศตายุกอดย่าโฉมอีกครั้งก่อนจะเดินตามพ่อตัวเองกลับบ้าน

 

คือจริงๆที่บ้านมีรถแต่กำนันแดนดินด้วยอารามห่วงลูกเลยวิ่งลัดทุ่งมาลืมรถซะสนิท สามพ่อลูกจึงได้แต่พากันเดินกลับ

 

                “เจอลูกมั้ยพี่ดิน”จิ๊บเอ่ยถามสามีทันทีที่แดนดินขึ้นมาบนบ้าน ผู้เป็นสามีไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่บุ้ยปากไปทางด้านหลัง ภาพลูกชายคนโตที่เปื้อนคลั่กไปด้วยโคลนแข็งๆกำลังจะก้าวขึ้นบ้านทำให้จิ๊บรีบร้องห้ามเสียงหลง

 

                “หยุดเลยเจี๊ยบ เจ้าจอมด้วยหยุดอยู่ตรงนั้น ไปอาบน้ำที่คลองเลยอย่าขึ้นมาบนบ้านเจ้าขาเพิ่งถูบ้านไป”คนเป็นแม่เดินเข้าไปในห้องนอนของลูกชายหยิบเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูที่จะให้ลูกชายใช้ผลัดเปลี่ยนยื่นให้เจ้าจอมลูกชายคนเล็กเอาไปให้คนพี่ที่เดินดุ่มๆหายไปทางศาลาริมคลองหลังบ้าน ศตายุค่อยๆหย่อนกายลงในน้ำเย็น แผลที่ข้อศอกแสบหน่อยๆจนต้องยู่ปากเด็กหนุ่มค่อยๆล้างคราบโคลนที่แห้งกรังติดตามเนื้อตัวออกโดยมีเจ้าจอมตามมาอาบข้างๆ สองพี่น้องช่วยกันล้างตัวก่อนที่เจ้าจอมจะขอขึ้นบ้านก่อนเพราะมีการบ้านที่ต้องทำ

 

                “แม่ ทำไมน้ำมันไม่ไหลล่ะครับ”ลลิตภัทรโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนเก่าของตัวเอง ชายหนุ่มจะอาบน้ำล้างตัวให้คลายความเหนียวแต่กลับพบว่าน้ำในห้องน้ำไม่ไหล

 

                “เครื่องปั๊มน้ำมันเสียน่ะ ลอรีบอาบมั้ยลูก ต้องให้รามมาแก้ให้ ถ้าลออยากอาบน้ำก็ไปอาบที่คลองก่อนไปลูก น้ำยังสะอาดไม่มีใครทำสกปรก”

 

                “งั้นเดี๋ยวลอไปอาบที่คลองก็ได้ ดีเหมือนกันไม่ได้เล่นน้ำคลองมานานแล้ว”ชายหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะจัดการหยิบอุปกรณ์อาบน้ำใส่ตะกร้าใบเล็กผลัดผ้านุ่งเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียว

 

คลองที่เคยเป็นคลองหน้าบ้านบัดนี้กลายเป็นคลองหลังบ้านไปแล้วเพราะเมื่อ 5  ปีก่อนพี่ชายทั้งสองได้ปรับปรุงบ้านใหม่โดยหันหน้าบ้านให้ออกสู่ถนนที่ตัดเข้าบ้าน การเดินทางทางเรือถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา พระลอนั่งมองบรรยากาศโดยรอบ ศาลาริมน้ำของบ้านตรงข้ามที่เขาเคยนั่งเล่นพูดคุยกับจิ๊บก็ยังอยู่เช่นเดิมบัดนี้เงียบเหงา ภาพวันคืนเก่าๆผุดขึ้นมาในความทรงจำ พระลอค่อยๆพาร่างกายลงไปว่ายในสายน้ำเย็น น้ำในคลองสะอาดจนทำให้รู้สึกสดชื่น ความขุ่นข้องกับเหตุการณ์เมื่อเย็นถูกลืมเลือนไปจนสิ้นชายหนุ่มแหวกว่ายราวกับมัจฉาหนุ่มโตเต็มวัยที่โลดแล่นในท้องน้ำ โดยไม่รู้สึกตัวถึงภัยมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เลยซักนิด

 

                “เฮ้ย!!! อะไรวะ!!!”ลลิตภัทรสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆร่างใครบางคนก็ทะลึ่งพรวดขึ้นสู่ผิวน้ำด้านหลังของเขาก่อนที่จะมีฝ่ามือซุกซนคว้าหมับเข้ากับชายผ้าขาวม้าแล้วกระตุกพรึ่บจนผ้าชิ้นบางหลุดตามมือไป

 

เสียงหัวเราะใสอย่างสะใจคุ้นหูดังขึ้นพร้อมเสียงน้ำที่แตกกระเซ็น ช่วงล่างที่ว่าเย็นเพราะสายน้ำบัดนี้กลับเย็นวาบยิ่งกว่าเดิมเมื่อไม่มีอะไรปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว

 

                “อุ้ย ผ้าขาวม้าใครเนี่ย ติดมือหนูมาได้ยังไงกันน๊า เอาไปฝากพ่อดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”ศตายุที่มีดีกรีแชมป์ว่ายน้ำประจำจังหวัดแกว่งผ้าขาวม้าผืนบางในมือพลางหัวเราะลั่นอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนแก่กว่า เขาเห็นพระลอตั้งแต่แรกแล้ว เด็กน้อยที่ว่ายน้ำเล่นรีบดำน้ำหลบสายตาของพระลอตรงกอบัวสายแล้วค่อยๆว่ายเข้าหาโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ระวังตัวเลยซักนิด เมื่อได้ของที่ต้องการเด็กน้อยก็จ้วงกรรเชียงกลับมาฝั่งบ้านของตัวเองทันที

 

                “เจี๊ยบ!! เอาผ้าคืนอาเดี๋ยวนี้!!” ชายหนุ่มตะโกนบอกเจ้าเด็กแสบที่ปีนบันไดคลองบ้านตัวเองขึ้นไปนั่งตีขาลอยหน้าลอยตายั่วเขาแล้วก็ต้องชะงัก  ศตายุในตอนนี้อยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมก็จริง แต่คราบโคลนที่ติดตามตัวถูกล้างออกไปจนสะอาดแล้ว ใบหน้าที่เขาเห็นคือใบหน้าของเด็กผู้ชายที่มีแววหวานดวงตากลมมีแววซุกซน ผิวที่คิดว่าคล้ำแต่จริงๆแล้วแม้ไม่ได้ขาวจัดแต่กลับเนียนตา ริมฝีปากอิ่มรับกับแก้มฟูๆยามยกยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆที่เรียงตัวสวยภายใต้กลีบปากสีแดงเรื่อหัวเราะทำเอาใจคนแก่กว่ากระตุก

 

ศตายุมีส่วนคล้ายจิ๊บจนน่าใจหาย

 

ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่จะมองว่าหล่อได้เลยซักนิด ในสายตาของลลิตภัทรตอนนี้คำที่ผุดมาในหัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าคือ

 

ศตายุนั้น...น่ารัก

 

                “อ้าว เหม่ออะไรอยู่อ่ะอาลอ ไม่รีบขึ้นจากน้ำระวังปลาตอดนะ ในคลองนี้มีปลาชะโดด้วยอาลอรู้ป่าว ยิ่งช่วงนี้มันมีลูกครอกดุน่าดู เดี๋ยวอะไรๆของอาโดนแม่ปลากัดขาดโทษหนูไม่ได้นะ” เด็กแสบยังคงแกว่งผ้าในมือไปมาอย่างสนุกสนาน พระลอที่ลืมหยิบผ้ามาผลัดทำอะไรไม่ได้นอกจากดำลงไปในน้ำ ศตายุมองการกระทำนั้นอย่างนึกขำ แต่พระลอกลับหายลงไปในน้ำนานจนศตายุใจเสียเมื่อพระลอไม่โผล่ขึ้นมาซักที เด็กน้อยเริ่มกวาดตามองหาคนแก่กว่าด้วยสายตาเลิ่กลัก

 

                “อาลอ...ไม่เล่นแบบนี้สิ เจี๊ยบคืนผ้าให้ก็ได้อาลอขึ้นมาเถอะ"

 

หันซ้ายแลขวา ก็ยังไร้วี่แววของพระลอ แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องเรียกร่างของคนที่ตามหาก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาอยู่กลางหว่างขาของเขาซะแล้ว ศตายุที่ไม่ทันตั้งตัวถูกพระลอดึงลงน้ำทันที เด็กน้อยตาลีตาเหลือกทะยานตัวขึ้นผิวน้ำมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากผ้าขาวม้าเจ้าปัญหา และพระลอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะแย่งคืน สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงแย่งผ้ากันในน้ำ เนื้อแนบเนื้อโดยไม่รู้ตัวพระลอประคองเอวบางของคนเด็กไว้เพื่อไม่ให้หลานจมลงไปมืออีกข้างก็พยายามคว้าผ้าผืนน้อยนั้นที่ศตายุเอี้ยวตัวหนีอยู่เรื่อยๆศตายุไม่กล้าโวยวายเสียงดังเพราะถ้าพ่อกับแม่ได้ยินเขาจะต้องโดนดุแน่ๆที่ไปแกล้งพระลอก่อน ศตายุแค่อยากทำความรู้จักกับพระลอไว้เพราะตนเองก็สนิทกับลุงรามลุงลักษณ์แล้ว เคยได้ยินแค่คำบอกเล่าว่าลุงทั้งสองมีน้องชายอยู่ที่กรุงเทพแต่ศตายุก็ไม่เคยเห็นอาคนนี้ซักที จนกระทั่งเมื่อเย็นนั่นแหล่ะ แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก ศตายุอยากขอโทษแต่ตอนนั้นบรรยากาศกลับไม่เป็นใจ แถมตอนตนยกมือไหว้พระลอกลับไม่เห็นซะด้วย เอวบางถูกประคองเบาๆบางครั้งก็แตะลงบนสะโพกกลมกลึงอย่างไม่รู้ตัว

 

เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนๆนี้  แต่แล้วเพราะความใกล้ชิดอะไรๆบางอย่างของพระลอก็ถูไถไปกับต้นขาขาวอย่างไม่ได้ตั้งใจศตายุรู้สึกจั๊กจี้เลยเอามือลงไปปัดก็พบว่าตนเองนั้นปัดโดนอะไรๆของลลิตภัทรไปเต็มๆ

 

เพราะพระลอไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

ศตายุคิดว่าพระลอมีกางเกงในใส่ไว้อีกชั้น

 

ใบหน้าขาวใสขึ้นสีเรื่อลามไปยั้นใบหูและลำคอและพระลอเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อร่างบางที่พยายามดิ้นหนีมาตลอดเริ่มนิ่ง

 

                “ฮื้ออออ...อาลอ...ปล่อยหนูเลยนะ เอาผ้าของตัวเองไปเลยหนูไม่เล่นแล้ว”คนเด็กกว่าปาผ้าขาวม้าใส่หน้าพระลอก่อนจะผลักร่างหนาออกจากตัว

 

                “อ่า...สงสัยปลาชะโดมันตอดขาหนูสินะคะ แก้มแดงเชียว น้ำก็เย็นดีนะทำไมหนูหน้าแดงล่ะ”คนแก่กว่าเมื่อเห็นคนเด็กลนลานปีนขึ้นบันไดก็เอ่ยแซ็วทันที

 

                “ปลาตัวใหญ่ดีมั้ยคะหนู อาลอจับขึ้นมาให้ดูดีมั้ยเอ่ย?”

 

                “คนบ้า กลับบ้านไปเลยนะ ลามกจริงๆด้วย”ศตายุคว้าผ้าขนหนูมาคลุมตัวหยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนวิ่งหนีกลับบ้านไป พระลอมองก้อนกลมๆที่หายเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้แต่หัวเราะขำ

 

                “สนุกพอหรือยังไอ้ลอ ถ้าสนุกพอแล้วก็ขึ้นบ้านซักที พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่พี่รามกับพี่ขวัญมาแล้วด้วย” เสียงของพี่ชายคนรองดังมาจากศาลาท่าน้ำจนคนเป็นน้องต้องหันไปมองแล้วรีบว่ายน้ำกลับมาฝั่งบ้านตัวเอง พระลักษณ์ที่จะมาล้างมือล้างเท้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่พระลอดำน้ำแล้วไปแอบใต้ศาลาบ้านของแดนดิน โชคดีที่แถวนี้มีแค่บ้านของเขากับบ้านของแดนดินแค่สองหลัง ถ้ามีคนอื่นมาเห็นภาพเมื่อกี๊คงได้เอาไปลือกันทั้งบางแน่ๆ

 

                “นั่นน่ะลูกแฟนเก่ามึงนะไอ้ลอ ทำอะไรระวังหน่อย แล้วเจี๊ยบน่ะมันเด็กผู้ชาย มึงทำเหมือนกำลังหยอกเล่นกับเด็กผู้หญิง พ่อมันหวงยังกับอะไรดี ระวังจะมองหน้ากันไม่ติดอีก”

 

                “ก็ไม่ได้คิดอะไร เด็กมันมาแกล้งผมก่อนนะพี่”พระลอยักไหล่ในขณะที่ใช้สบู่ถูตัวลวกๆ

 

                “แต่ว่าลูกชายมันก็น่ารักดี"





.......................................................





ปลาชะโดเหรอ นึกว่าปลาดุกอุ๊ย...เอ้ย อุย อย่าจับแรงเดี๋ยวเงี่ยงทิ่มมือ



รักเจี๊ยบหลงเจี๊ยบเม้นท์เยอะๆให้กำลังใจได้ทั้งหน้าฟิคและในแท็กนะคะ



#พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๒ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 18-11-2018 00:23:46
ถ้าว่ากันตามตรง แดนดิน กับจิ้บนี่ ชั่วมากนะ แบบสุดๆเลยด้วย เกลียดอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๒ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 18-11-2018 10:48:58
พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓


              หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วพระลอก็ขึ้นบ้านมาแต่งตัวเป็นชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเลแบบที่ชอบใส่ ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เช็คไลน์ บรรดาเพื่อนๆทั้งที่บริษัทและเพื่อนสนิทต่างส่งข้อความไต่ถามมานับร้อยข้อความ พระลอกดตอบกลับไปแค่ว่าถึงบ้านแล้วปลอดภัยดีและกำลังจะออกไปกินข้าวกับพ่อแม่และพี่ๆ เสียงเด็กเล่นกันดังแว่วเข้ามา พระลอหยิบโทรศัพท์ติดมือออกมาพร้อมถุงของฝากที่ซื้อมาให้สมาชิกในบ้าน

 

                ทันทีที่ประตูห้องของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทคนเล็กของบ้านเปิดออกเด็กสองคนที่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนชุดนักเรียนก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างดีใจ เด็กหญิงบัวบูชาและเด็กชายบุญรักษาแข่งกันเรียกอาคนโปรดเสียงดังเซ็งแซ่ แม้ว่าพระลอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ชายหนุ่มนั้นสนิทกับหลานๆพอสมควร เกือบทุกวันที่เขาว่างชายหนุ่มจะวีดีโอคอลคุยกับพี่ชายและหลานตลอด

 

                “อาลอมานานยังคะบัวคิดถึงอาลอที่สุดเลย”เด็กหญิงบัวบูชาหรือใบบัวคนพี่กอดคออาหนุ่มพลางซบหน้าเล็กๆกับไหล่ของอา มือเล็กๆนั้นก็คล้องคอไว้อย่างอออดอ้อน ส่วนเด็กชายบุญรักษาหรือเจ้าใบบุญไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลยกระโดดเกาะเอวอาทันทีที่พระลอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือหนึ่งก็อุ้มหลานสาวอีกมือก็ประคองร่างหลานชายที่เกาะแน่นราวกับลูกลิง

 

                “อ้าวเด็กๆทำไมไปเกาะอาลอเค้าอย่างนั้นล่ะลูก ลงมาเลยอาเค้าหนักนะ”ขวัญชีวาเดินมารับลูกสาวออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นอาพร้อมกับดึงเจ้าลูกชายตัวแสบให้ลงมายืนดีๆ พระลอยกมือไหว้พี่สะใภ้คนโต ขวัญชีวาเป็นหญิงสาวร่างระหงสูงเพรียวเกินมาตราฐานหญิงไทยโดยเฉลี่ย หญิงสาวสูง 175 เซ็นติเมตร ใบหน้าสะสวยผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาอย่างสาวไทยแท้ บ้านของขวัญชีวารับราชการกันทั้งบ้านเมื่อแต่งงานกับรามฤทธิ์ก็แยกมาปลูกบ้านอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันกับพ่อแม่ของเขา พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองต่างแยกบ้านของตัวเองเป็นสัดส่วนโดยมีเรือนไทยโบราณหลังใหญ่ของพ่อแม่อยู่ตรงกลาง

 

                “พี่ขวัญ เห็นพี่บ่นอยากได้น้ำหอมผมไปซื้อมาฝากแล้วนะ”ขวดน้ำหอมแบรนด์เนมราคาแพงพอประมาณถูกส่งมอบให้กับพี่สะใภ้คนโต

 

                “แหม เธอนี่รู้ใจพี่เสียจริง เข้าเมืองทุกวันแต่ไม่มีเวลาเดินห้างเลย”ขวัญชีวาเปิดฝาขวดออกดมกลิ่นอย่างชื่นชม พระลอเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมดี เธอรู้จักกับน้องสามีตั้งแต่ยังเรียนปริญญาโทที่กรุงเทพแล้ว พระรามเป็นคนรักน้องมากเพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวที่ไหนก็มักพาน้องๆไปด้วยเลยทำให้เธอสนิทกับพระลอและพระลักษณ์ไปโดยปริยายตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงาน

 

                “คราวหน้าถ้าอยากได้อะไรพี่ส่งรูปเข้าไลน์ผมได้เลยนะเดี๋ยวให้เพื่อนๆที่กรุงเทพซื้อส่งมาให้ ส่วนนี่ของพี่นิดาครับ”พระลอแจกจ่ายของฝากให้สมาชิกในบ้านของพี่ชายคนโตนั้นเขาซื้อเสื้อเชิ้ตสีเรียบๆให้ครึ่งโหลกับเน็คไทด์อีก 3 เส้น ส่วนพระลักษณ์พี่ชายคนกลางได้ไวน์ราคาแพงที่พระลอฝากเพื่อนซื้อมากจากฝรั่งเศส ใบบัวและใบบุญได้ของเล่นที่หลานเคยบอกว่าอยากได้ ส่วนพ่อกับแม่ได้ถุงสีแดงเล็กๆด้านหน้ามีโลโก้ห้างทองชื่อดังแถวเยาวราช ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบจะปริรีบเอาไปเก็บไว้ในห้อง

 

                “มานี่มาพระลอมาใกล้ๆพ่อกับแม่”ผู้ใหญ่ชลิตเอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กให้มานั่งใกล้ๆ ก่อนจะหยิบฝ่ายเส้นเล็กขึ้นมาผูกข้อมือให้ลูกชาย

 

                “กลับมาอยู่บ้านเรานะลูกนะ ให้อายุมั่นขวัญยืน กลับมาทำประโยชน์ให้หมู่บ้านเรา”ผู้ใหญ่ลูบหัวลูกชายเบาๆหลังจากผูกฝ้ายที่ข้อมือของพระลอเสร็จ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตาแต่ก็รีบกระพริบตาไล่ความพร่ามัวชั่วขณะนั้นออกไปแล้วกราบลงบนหลังเท้าของพ่อ จากนั้นก็ค่อยๆใช้เข่าคลานเข้าไปหาคนเป็นแม่ที่รอผูกแขนอยู่ก่อนแล้ว

 

                “ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ กลับมาอยู่กับแม่นะลอ แม่คิดถึงไม่อยากให้ไปไหนไกลแล้ว อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปนะลูกอย่าไปยึดติดกับมันนักเลย”แม่ลูบผมพระลออย่างรักใคร่คิดถึง ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าแม่ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปกอดและฝังจมูกลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของแม่ไว้ เห็นความคิดถึงและหยาดน้ำตาเล็กๆของแม่แล้วเขาก็ได้แต่นึกด่าตัวเองในใจ ตลอดเวลา 16 ปีที่เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวทิ้งให้พี่ๆดูแลพ่อและแม่ที่วัยชราค่อยๆคืบคลานเข้ามากัดกินความกระฉับกระเฉงของคนทั้งสองแล้วตัวเองอยู่อย่างสุขสบาย บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างก็ผลัดกันผูกฝ้ายรับขวัญน้องชายคนเล็กของบ้านจนครบรวมทั้งใบบุญใบบัวที่ขอมีส่วนร่วมด้วย สมาชิกครอบครัวกลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งบรรยากาศบนโต๊ะอาหารชื่นมื่นเสียงพูดคุยหยอกล้อหัวเราะกันดังแว่วมาจนถึงบ้านของกำนันแดนดิน

 

                “วันนี้บ้านปู่ลิตครึกครื้นจังเลยนะจ๊ะแม่จ๋า”เจี๊ยบที่ช่วยแม่ล้างจานอยู่ในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแว่วๆ

 

                “ปู่กับย่าคงมีความสุขน่ะลูก อาลอเค้าไม่ได้กลับบ้านมา 16 ปีแล้ว” จิ๊บที่บัดนี้กลายเป็นแม่ของลูกน่ารักๆถึงสามคนเดินมายืนข้างลูกชะเง้อมองไปทางเรือนไทยหลังใหญ่ที่เปิดไฟสว่างไสว

 

                “เค้าไปอยู่ไหนมาเหรอจ๊ะแม่ทำไมใจร้ายไม่ยอมกลับมาอยู่กับย่าโฉมเลย เนี่ยเจี๊ยบไปเล่นกับย่าทีไรย่าโฉมชอบเล่าให้ฟังว่าอาลอดีอย่างนู้นอาลอดีอย่างนี้ ถ้าดีจริงแล้วทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปทำไมล่ะจ๊ะ”

 

                “เจี๊ยบ ไม่น่ารักเลยนะลูก แม่สอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปวิจารณ์ใครถ้าเราไม่รู้จักเค้าดีพอ”แม่จิ๊บหันไปดุลูกที่วิจารณ์พระลอทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้รู้จักพระลอเลยซักนิด

 

จิ๊บรู้คำตอบที่ถูกถามดีว่าอะไรทำให้พระลอต้องทิ้งบ้านเกิดและพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่าไว้เบื้องหลัง

 

ศตายุเมื่อถูกแม่ดุใบหน้าหวานก็สลดลงทันที เด็กน้อยนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป พ่อและแม่คอยพร่ำสอนตลอดไม่ให้พูดถึงคนอื่นถ้ามันไมเกี่ยวกับเราศตายุท่องจำคำสั่งสอนของพ่อแม่อย่างขึ้นใจแต่ก็มาหลุดจนได้ จิรนันท์เลี้ยงลูกคนโตมาอย่างประคบประหงม คราวที่ลูกเกิดศตายุเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆของหล่อน เพราะต้องทิ้งช่วงเวลาในวัยรุ่นวุ่นอยู่กับการเลี้ยงลูกทำให้เธอที่อยากได้ลูกสาวเลี้ยงเจี๊ยบมาแบบลูกสาวจริงๆต่างจากแดนดินที่พยายามปลูกฝังความเป็นเด็กผู้ชายให้ลูก เจี๊ยบเลยมีคำพูดคำจาอ่อนหวานน่ารักจ๊ะจ๋าจนคนเฒ่าคนแก่เอ็นดูแต่ก็ซนเหมือนลิงทะโมนตามแบบฉบับของเด็กผู้ชายทั่วไปเช่นกัน จริงๆตอนเกิดเจี๊ยบไม่ได้ชื่อเจี๊ยบ เพราะจิ๊บอยากให้ลูกมีชื่อที่ต่างจากบ้านอื่นๆจะได้เป็นเอกลักษณ์เธอตั้งชื่อลูกชายคนโตว่าเจ้านายแต่ว่าเด็กน้อยกลับเลี้ยงยากสามวันดีสี่วันไข้ร้องไห้โยเยไม่ได้หยุดจนกระทั่งประไพผู้เป็นยายที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการเลี้ยงหลานส่งเสียงเรียกหลานอย่างปลอบโยน

 

                “ร้องโยเยเป็นลูกเจี๊ยบเลยนะ เปลี่ยนชื่อดีมั้ยเป็นลูกเจี๊ยบเอามั้ย เจี๊ยบเอ้ย เจ้าเจี๊ยบคนเก่งของยาย”และเหมือนปาฏิหาริย์เจ้านายที่ร้องจนตัวแดงก็หยุดร้องแล้วจ้องหน้ายายตาแป๋ว เมื่อไหร่ที่ถูกเรียกว่าลูกเจี๊ยบเด็กน้อยจะคุยอ้อแอ้ได้ตลอดชื่อเจ้านายจึงถูกกลืนหายไปในที่สุดแล้วก็กลายเป็นเด็กชายลูกเจี๊ยบถึงแม้ตอนแรกจิ๊บจะไม่ชอบนักแต่พอลูกเลี้ยงง่ายไม่ป่วยไม่ไข้หล่อนก็ทำใจว่าลูกจะต้องมีชื่อซ้ำกับคนในหมู่บ้านอีก 3-4 คน แรกๆใครๆก็เรียกลูกเจี๊ยบๆหลังๆก็เหลือแค่เจี๊ยบเป็นขวัญใจของบ้านหลังจากนั้นจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอมก็มาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของบ้านตามลำดับ

 

ลูกชายของหล่อนอายุ 15 ปี แต่ศตายุชอบบอกว่าตนเองอายุ 16 เพราะจะนับเวลาที่อยู่ในท้องแม่รวมด้วย

 

                “เจี๊ยบอยากโตไวๆ”นั่นคือสิ่งที่ลูกบอกไว้

 

                “หนูขอโทษจ้าแม่ คราวหลังจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว”

 

                “ดีแล้วลูก ยิ่งเราโตคำพูดคำจาอะไรก็ยิ่งต้องระวัง อย่าไปตัดสินใคร อาลอเป็นคนดีนี่คือความจริง ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดก็จะกลายเป็นนายเราไปเถอะรีบล้างจานให้เสร็จ”

 

                “จ้าแม่”

 

 

                เช้านี้พระลอวิ่งวุ่นกับการไปเยี่ยมคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านตามคำสั่งของพ่อ นามบัตรที่มีใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมสโลแกนหาเสียงเบอร์ประจำตัวถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนที่พบเจอ พระลอรู้สึกว่าวันนี้ตนเองยกมือไหว้มากกว่าที่เคยไหว้มาทั้งชีวิตซะอีกหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นเพื่อนเก่ากันเข้ามาทักทายเขาอย่างดีใจ พระลอจำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะไม่ได้เจอนานและเพื่อนบางคนแปลกตาไปจนน่าตกใจ

 

                “โหยไอ้ลอไปอยู่กรุงเทพสิบกว่าปีหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”เพื่อนคนหนึ่งออกปากชมเอาอย่างตรงไปตรงมาในขณะที่พระลอใส่เสื้อเชิ๊ตปลดกระดุมสองเม็ดเพื่อนของเขาก็ใส่เสื้อลายสก็อตเก่าๆสีเขรอะๆเพราะกรำแดดทำนาทำไร่มาตั้งแต่เริ่มโต พระลอแวะคุยตามแต่จะมีคนเรียก การกลับมาของเขาสร้างความตื่นเต้นให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันส่งยิ้มบ้างก็ทำท่าเอียงอาย

 

พระลอก็มองว่าบางคนก็สวยดี แต่ก็ไม่รู้ผู้หญิงผิวเนียนๆสวยๆในกรุงเทพไม่ได้ หลังจากเยี่ยมตามบ้านทำคะแนนเสียงจนบ่ายพระลอก็ไปส่งพ่อที่วัดเพราะพ่อจะไปคุยเรื่องเปลี่ยนหลอดไฟในโบสถ์ต่อส่วนชายหนุ่มก็ขับรถกลับมาบ้านทักทายแม่ที่นั่งทำขนมอยู่ที่บ้านพระลักษณ์กับพี่สะใภ้แล้วก็ขอตัวกลับขึ้นเรือนใหญ่เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงบอลง่ายๆหยิบโดรนบังคับของเล่นใหม่ที่เอากลับมาด้วย เขากะว่าจะเอาไปลองบินเล่นอีกหน่อยจะติดกล้องแล้วถ่ายคลิปมุมสูงมาดูว่าจะทำอะไรกับที่ดินของที่บ้านได้บ้าง ชายหนุ่มบังคับโดรนให้ค่อยๆบินขึ้นรอบบ้านก่อนจะบังคับให้บินไปที่ศาลาริมน้ำกะว่าจะเก็บภาพของคลองไว้ด้วย โดรนตัวนี้เขาซื้อมาในราคาเกือบสองหมื่นบาท เพราะเพิ่งหัดเล่นกะว่าคล่องมือแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตัวที่แพงขึ้นแล้วจะไปทำใบอนุญาตในภายหลัง

 

                อีกฝั่งของคลองแก้วเจ้าจอมเด็กชายวัย 9 ขวบ กำลังเพ่งสมาธิกับลูกมะม่วงลูกโตที่อยู่สูง ต้นมะม่วงทอดกิ่งย้อยลงไปในคลองข้างๆไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ง้างหนังสติ๊กจนสุดแขนสมาธิแน่วแน่หยีตาลงหนึ่งข้างเพื่อเล็งก่อนจะปล่อยกระสุนดินเหนียวที่จะจกจากในนามาปั้นเป็นก้อนกลมเท่าเหรียญบาทแล้วตากแห้งมาสามแดดไปอย่างมั่นใจ

 

ฟึ่บ!!!

 

เคร้ง!!

 

จ๋อม!!

 

                “เฮ้ย!!!///เฮ้ย!!!”

 

ใครๆต่างก็ชมว่าลูกเจี๊ยบน่ะยิงหนังสติ๊กแม่นมาก เล็งอะไรไว้ไม่เคยพลาด วันนี้ลูกเจี๊ยบพิสูจน์คำกล่าวขวัญนั้นด้วยมะม่วงลูกละ 15490 บาท เลยล่ะ

 

                “แย่แล้ว!!!”ลูกเจี๊ยบที่อาวุธสังหารยังคงคาอยู่ในมือรีบวิ่งไปที่ริมตลิ่ง โดรนที่เคยบินฉวัดเฉวียนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลงจมลงไปในน้ำที่กลางคลองอย่างช้าๆโดยที่คนบังคับเพิ่งจะวิ่งมาถึงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

เมื่อตาต่อตามาประสาน ป๊ะเท่งเท่ง...

 

หนังสติ๊กในมือของศตายุก็หล่นตุ่บลงข้างๆเท้าที่คีบรองเท้าแตะช้างดาวในทันใด

 

โดรนค่อยๆจมลงไปในน้ำเหมือนกับใจของพระลอที่บัดนี้กำลังถูกแทนที่ด้วยไฟโกรธ ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าเด็กนักแม่นปืนตาเขียวปั๊ด เขียวยิ่งกว่าตะไคร่น้ำที่เกาะตรงตีนบันไดไม้ที่ยื่นลงไปในน้ำซะอีก เจี๊ยบน้อยทำตาปริบๆ ส่วนเจ้าจอมก็ใช้คาถาพรางตัวแอบอยู่หลังต้นมะม่วงอย่างแนบเนียน

 

จะไม่มีใครเห็นเจ้าจอมเด็ดขาด

 

พี่เจี๊ยบซี่ที่ยิงเจ้าจอมแค่เล็งเป็นเพื่อนเฉยๆนา..เรื่องเอาหน้าเป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าเรื่องทำผิดจอมก็หลบเก่งเช่นกันนาจ๊ะ

 

                “อาลอหนูขอโทษ...”เสียงอ่อยๆจากเด็กซนพร้อมกับมือพนมราวกับดอกบัวตูมนั้นไม่ได้ทำให้พระลอใจอ่อนลงเลย ชายหนุ่มปาคันบังคับทิ้งก่อนจะกวักมือเรียกให้เด็กแสบข้ามมาหาตน

 

                “ไม่ไปได้มั้ยอ่า ไอ้อันนั้นของอาลอมันเท่าไหร่เดี๋ยวเจี๊ยบแคะกระปุกเอาตังค์มาใช้คืนให้”เด็กน้อยหน้าเสียเมื่อคนฟากขะนู้นกวักมือเรียกหน้าหงิก กวักเหมือนลุงตำรวจจราจรที่โบกรถหน้าโรงเรียนตอนเช้าๆของเจี๊ยบเลย

 

                “ในกระปุกหนูมีเงินเท่าไหร่คะ ไหนบอกอาลอซิ๊จะได้รู้ว่าพอมั้ย”

 

                “น่าจะซัก...”ลูกเจี๊ยบกรอกตาพลางคำนวณจำนวนเงินคร่าวๆ เขาเก็บเงินจากค่าขนมทุกวันหยอดใส่กระปุกทีละ 10-20 บาท ตอนนี้ก็น่าจะมีซัก....

 

                “น่าจะมี 2-3 พัน หนูหยอดไว้ซื้อ G Shock ironman”พระลออยากจะแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าให้ฟันร่วงลงคอไปซะ

 

                “จะพายเรือข้ามมาดีๆหรือจะให้อาลอไปฟ้องแม่ว่าหนูทำของอาพังอีกแล้ว เจอกันสองวันหรือทำรถอาเป็นรอยกับยิงโดรนของอาตกน้ำ เมจิกแฮนด์จริงๆเลยนะคะ”

 

เมจิกแฮนด์=จับอะไรกับชิบหาย

 

                “ไม่เอานะ เมื่อวานเจี๊ยบก็โดนแม่ดุเป็นชั่วโมงถ้าวันนี้อาลอฟ้องแม่ต้องตีเจี๊ยบแน่เลย”

 

                “ถ้างั้นก็ข้ามมาค่ะอย่าให้อาต้องพูดซ้ำ” ที่สุดแล้วเด็กที่มีความผิดก็จำยอมพาร่างขึ้นเรือแล้วพายข้ามมา พระลอยื่นมือไปให้หลานจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมาบนฝั่ง

 

                “ฮื้อ...อาลออย่าฟ้องแม่นะ เจี๊ยบไม่อยากโดนแม่ดุ”

 

                “ถ้างั้นจะให้อาลอตีกี่ทีคะ?”พระลอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำไมจะต้องใจเย็นกับเด็กที่ทำตัวลีบๆตรงหน้า ยิ่งคำพูดคะขาที่ปกติเขาจะใช้กับผู้หญิงสวยๆที่เคยควงเล่นที่กรุงเทพ แต่พอเป็นเด็กตรงหน้าคำลงท้ายคะขาก็ดูเหมาะกับลูกเจี๊ยบตัวโตนี่ดีเหมือนกัน

 

                “ตีเลยเหรอ...”ลูกเจี๊ยบทำหน้าแหยๆ มืออาลอหนักน้อยไปซะเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อวานที่อาลอเอาเขาพาดตักแล้วตีในรถอ่ะ ก้นเขาเป็นรอยนิ้วของอาลอเลยนะ ตอนนี้ก็ยังไม่จางเลย

 

                “ก็ตีสิคะ หนูเล่นซนจนข้าวของอาเสียหายนี่นา”

 

                “แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะอา ปกติหนูก็ยิงมะม่วงกินตลอดแล้วอาเอาไอ้นั่นมาเล่นตรงนี้ทำไมอ่ะ”

 

                “นี่หนูเถียงผู้ใหญ่เหรอคะ แม่จิ๊บรู้หรือเปล่าว่าเป็นเด็กขี้เถียง?”

 

                “หนูป่าว...ฮึ่ย!!”ว่าแล้วเด็กแสบก็ทำปากคว่ำกระทืบเท้าทีหนึ่งแล้วหันหนีไม่มองพระลออีก

 

อ่าว...งอนว่ะ

 

อยู่ๆมางอนเฉยเลย มันไม่ใช่ป่าววะ

 

                เงยหน้ามองอา”

 

                “หนูไม่อยากคุยกับอาลอแล้ว จะทำอะไรก็ทำ”ลูกเจี๊ยบหันหลังให้พระลอพลางกอดอก

 

                “พูดจาไม่น่ารัก หนูทำผิดอยู่นะคะ”พระลอไม่เคยรู้สึกว่าตนเองจะต้องใช้ความใจเย็นกับเด็กที่ทำความผิด ขนาดใบบัวกับใบบุญเขายังไม่เคยต้องใจเย็นแบบนี้มาก่อน ดึงตัวคนเด็กกว่าให้หันกลับมาหาตนใช้ปลายนิ้วเชยคางของร่างบางให้แหงนขึ้นมาสบตากับตน แต่นั่นแหล่ะ เด็กขี้งอนก็ยังหลบตามองไปทางอื่น

 

                “เจี๊ยบ...โดรนอันนั้นราคาเกือบหมื่นหก”

 

                “ห๊ะ!!”คราวนี้เด็กขี้งอนหันมามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด แก้มอูมๆดูน่าเอ็นดูยามเจ้าตัวเม้มปากกอดอกหลับตาแน่น

 

                งั้นอาลอตีหนูเลย หนูทำของแพงๆพัง”

 

                “ต้องตีซักกี่ทีถึงจะคุ้มเนี่ย”พระลอทำท่าครุ่นคิดพลางลอบสังเกตท่าทางของศตายุไปด้วย ร่างบางเป็นเด็กสูงโปร่ง แขนไร้กล้ามแบบเด็กผู้ชาย เรียวขาเพรียวระหง ช่วงเอวคอดหน้าท้องแบนราบอย่างเด็กที่เพิ่งยืดตัวไม่นาน ทั้งเนื้อทั้งตัวคงมีแค่แก้มนั่นแหล่ะที่อ้วนสุดๆ คงจะนุ่มน่าดู

 

                “ไม่รู้...”

 

                “คงจะเกินสิบทีแน่ๆ งั้นไม่ใช้มือตีล่ะ เจ็บมือ เมื่อวานที่ตีหนูไปก็เจ็บรอตรงนี้นะอาลอไปหาไม้ก่อน”

 

ฮื้อ...อาลอจะตีหนูจริงๆเหรอเนี่ย ลูกเจี๊ยบน้อยร้องประท้วงอยู่ในใจ สายตามองตามพระลอที่เดินไปในดงกระถินเริ่มหักกิ่งกระถินต้นยาวรูดใบทิ้งแล้วเดินกลับมาหาผู้ต้องหาตัวน้อยสูงประมาณ 180 คือถ้าใจเราคิดว่าเด็กมันตัวเล็กต่อให้ลูกเจี๊ยบสูงกว่าเขาพระลอก็จะมองว่าแป็นตะเร้กตะน้อยอยู่ดีใครจะทำไม แกล้งตวัดข้อมือให้ไม้เรียวในมือหวดอากาศดังควับๆเป็นการข่มขวัญ

 

ตาย...หวดยังกับวงสวิงไม้กอล์ฟถ้าตีลงมานี่ตูดแหกแน่ๆเจี๊ยบเอ๊ย

 

                “อ..อาลอ จะตีหนูจริงๆเหรอ”ศตายุเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ อาลอไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแน่ๆ

 

                “จริงสิคะ เด็กทำผิดต้องโดนลงโทษ ว่าไงคิดได้ยังว่าจะให้ตีกี่ที”

 

                “ไม่ตีได้มั้ยอ่ะ เมื่อวานที่อาตีหนูๆยังเจ็บอยู่เลย รอยเก่ายังไม่หายอาลอจะตีหนูได้ลงคอเหรอจ๊ะ”คนเด็กกว่าช้อนตาขึ้นมองอ้อนๆ พระลอแทบจะปล่อยไม้เรียวให้ร่วงจากมือ ขนตางอนๆนั่นกับตากลมๆนั่นใครจะไปตีลงละคะ ปั๊ดโธ่!!!

 

พระลอมองกวาดตาไปรอบๆอย่างละเอียด ก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นบนหน้าหล่อๆเมื่อคนเด็กเผลอก้มหน้าลง

 

                “เอางี้อาลอไม่ตีแล้วก็ได้ แต่เจี๊ยบต้องชดใช้ให้อาลอด้วยอย่างอื่น”

 

                “อะไรเหรอ อาลอเอาตังค์มั้ยเดี๋ยวเจี๊ยบข้ามไปเอากระปุกมาให้”เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยทำท่าจะก้าวไปที่เรือแต่ว่าพระลอก็คว้าแขนหลานไว้ได้ก่อน

 

                “เก็บเงินเจี๊ยบไว้เถอะค่ะเอาไว้ซื้อของที่อยากได้อาขออย่างอื่น”

 

                “แล้วอาลอจะเอาอะไรอ่ะ”

 

                “หอมแก้มอาลอครั้งละ 2000 หักลบกัน”

 

                “ฮื้อ...มันใช่เหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อค่าเสียหายมันแปลกๆ

 

                “หรือจะให้อาตีคะ หอมแก้มอาแล้วอาหอมแก้มหนู 2 ทีเป็นอันจบ เอามั้ย ถ้าไม่เอาอาก็จะตีแล้วนะ เสียเวลาเนี่ย”แกล้งขยับไม้อีก 2-3 ที จนเกิดเสียงแหวกอากาศ ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าครุ่นคิด ไม่เป้นไรหรอกมั้ง เจี๊ยบก็หอมแก้มพ่อกับแม่ออกจะบ่อย หอมแก้มอาลออีกคนคงไม่เป็นไร

 

คิดได้ดังนั้นร่างบางก็ยืดตัวขึ้นสูงแล้วกดปลายจมูกหอมแก้มซ้ายขวาของพระลอรัวๆไป 4 ครั้ง หักหนี้ไปแล้วนะ 8000 พระลอยิ้มกับสัมผัสที่ผิวหน้านั้นแม้จะเป็นการหอมแบบเร็วๆแต่ก็ทำเอาเขาใจเต้นแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาจับข้อมือสองข้างของหลานไว้ศตายุมองหน้าพระลอที่ยิ้มกริ่มก็รู้สึกร้อนๆที่ผิวแก้ม ใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพระลอค่อยๆโน้มหน้าลงจนกระทั่งปลายจมูกแตะลงบนแก้มนุ่มนั้นละเลียดสูดกลิ่นเด็กเข้าไปจนเต็มปอดจนเกิดเสียงดังฟอดใหญ่

 

อ่า...ชื่นนนนนนนนน.....จายยยยยยย

 

กลิ่นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อสาว(?)มันหอมได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

 แก้มใสขึ้นสีแดงจัดราวกับมะเขือเทศที่ค่อยๆสุกยิ่งทำให้น่าลิ้มน่าลองมากขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกกัดไว้ขึ้นสีแดงจัดอย่างเด็กสุขภาพดี

 

เขิน...ลูกเจี๊ยบรู้สึกเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว

 

ทำไมพ่อแดนดินกับแม่จิ๊บหอมแก้มเจี๊ยบยังไม่รู้สึกแบบนี้เลยล่ะ

 

พระลอฝังจมูกลงบนแก้มอีกข้างและทำอย่างเดียวกันอ้อยอิ่งและนุ่มนวลโดยไม่เห็นเลยว่าฝั่งตรงข้ามร่างเล็กๆของแก้วเจ้าจอมวิ่งปรู๊ดกลับขึ้นบ้านไปแล้ว

 

                “พ่อจ๋าพ่อกำนัน อาลอกินแก้มพี่เจี๊ยบ!!!”

 

บอกแล้วว่าเรื่องเอาหน้าอ่ะแก้วเจ้าจอมคือนัมเบอร์วัน!!

 







................................................



หอมกลิ่นโอเลี้ยงกับข้าวผัดแปลกๆ



เม้นท์ได้ตามอัธยาศรัยจ้า แบ่งฝั่งมาเลย ขอเสียงทีมคนคุกหน่อยจ้า แหนบถอนผมหงอกในมือสั่นไปหมดแล้วจ้า



หลอกเด็กๆๆๆๆๆๆๆๆ



#พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-11-2018 17:27:43
คุกๆๆๆๆๆๆ  แค่ไอเฉยๆนะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 18-11-2018 21:46:08


พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔

  แดนดินโกรธเหมือนมีไฟลุกไหม้อยู่บนหัวทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าของแก้วเจ้าจอมลูกชายคนเล็ก แดนดินที่นอนเอนหลังพักเหนื่อยก็ทะลึ่งพรวดขึ้นนั่งก่อนจะตะโกนให้จิ๊บหยิบปืนให้ทีร้อนถึงภรรยาต้องห้ามปรามเสียยกใหญ่

 

                “เจ้าจอมไหนบอกพ่อซิ๊ไอ้ลอมันทำอะไรพี่เจี๊ยบนะ”

 

         “พี่เจี๊ยบยิงมะม่วงแล้วไปโดนไอ้ที่มันบินๆได้ของอาลอ อาลอเลยเรียกให้พี่เจี๊ยบข้ามไปหาแล้วอาลอก็กัดแก้มพี่เจี๊ยบเลยพ่อ”

 

โหย...ไอ้ลอ ไอ้ชาติชั่ว ลูกกูเลี้ยงแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมขนาดมดกัดกูยังเอาส้นตีนกระทืบมดจนขี้แตกแล้วมึงเป็นใครมากัดแก้มลูกกู นี่มึงโกรธมึงเกลียดกูจนเอามาลงกับลูกกูเลยเหรอ เดี๋ยวมึงเจอลูกซองแฝดของกูแน่ แดนดินเข้าไปแย่งปืนจากมือจิ๊บแล้วเดินลิ่วๆมาที่ท่าน้ำ ไฟร้อนบนหัวแทบจะทำให้น้ำละเหยจนหมดคลองโมโหจนลืมใส่รองเท้า เขาคิดว่าเขาจะพยายามญาติดีกับพระลอแล้วเชียวแต่ท่าทางมึนตึงของไอ้คนอ่อนวัยกว่าเป็นตัวบ่งชัดได้ดีว่ามันไม่คิดจะให้อภัยความผิดเมื่อครั้งก่อน

 

แล้วยังไงโกรธพ่อแม่มาลงกับลูกเนี่ยนะ ไม่มีเหตุผลไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย หากในใจของพระลอยังขุ่นข้องอะไรจะนัดต่อยนัดตีกับเขาก็ย่อมได้มาเคลียร์กันให้ชัดๆให้มันจบๆไปเพราะไม่ว่าการใช้กำลังจะจบลงยังไงจิ๊บก็ยังเป็นภรรยาที่น่ารักและรักเขาอยู่ดี

 

พระลอมันขี้แพ้จะตอนนั้นหรือตอนนี้ก็ขี้แพ้ แต่ลูกน้อยลูกชายตัวน้อยๆของเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับความบาดหมางของผู้ใหญ่งี่เง่าแบบพระลอและพ่อแม่เลยซักนิด ทำไมต้องมากัดแก้มลูกเขาด้วย

 

เป็นหมารึไง??

 

                “ไหน ไอ้ลอมันอยู่ไหน เจี๊ยบลูกพ่อ พ่อมาช่วยแล้ว”กำนันแดนดินร้องเรียกลูกก่อนจะถึงท่าน้ำซะอีก แต่เมื่อไปถึงภาพที่เห็นคือพระลอกับศตายุกำลังยืนคุยกันอยู่ พระลอใช้มือลูบแก้มของศตายุอย่างแผ่วเบา

 

                “ยังขาดอีกสี่พันนะแล้วอาจะเอาคืนวันอื่น”พูดจบก็เหล่ตามองแดนดินที่เล็งปืนมาทางตนพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ศตายุเมื่อเห็นพ่อเล็งปืนมาทางพระลอร่างบางก็รีบกางแขนแล้วเข้าขวางตัวของพระลอทันที

 

                “พ่อ ทำอะไรอ่ะ เอาปืนมาทำไม??”คนลูกตะโกนถามพ่อในขณะที่แม่จิ๊บกับจันทร์เจ้าขาก็วิ่งตามมาสมทบพอดี พระลอมองภาพครอบครัวของแดนดินด้วยใจที่กระตุก

 

จิ้บยังคงสวยและดูอ่อนหวานเหมือน 16 ปีก่อนไม่มีผิด จะแตกต่างจากเดิมคือดูเป็นผู้ใหญ่และสวยจัดอย่างเหลือเชื่อ สวยจนไม่คิดว่าจะมีลูกให้แดนดินถึงสามคน สองสายตายสบกันราวโลกหยุดหมุน

 

                “มึงปล่อยลูกกูกลับมาเลยนะ มึงเป็นหมาบ้าหรือไงมากัดแก้มลูกกู”

 

หืม...กัดแก้ม ศตายุกับลลิตภัทรมองหน้ากันก่อนจะเบนสายตาไปหาแก้วเจ้าจอมที่รีบหลบอยู่ข้างหลังผู้เเป็นพ่อ

 

ลูกผู้ชายแมนๆกล้าทำก็ต้องกล้ารับเว้ยแต่ตอนนี้เจ้าจอมยังเด็กอยู่ขอหลบหลังพ่อกำนันไปก่อนนาจ๊ะ รอโตกว่านี้ก่อนค่อยยืดอกยอมรับว่าเออ หนูฟ้องเองแหล่ะ จะทำแม๊ะๆๆๆ

 

                “พ่อ อาลอไม่ได้กัดแก้มหนูนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบรีบตะโกนบอกพ่อ

 

                “แต่หนูเห็นนะพี่เจี๊ยบ อาลอดมแก้มพี่เจี๊ยบแล้วทำท่าเหมือนจะกินด้วย”แก้วเจ้าจอมโผล่ออกมาแค่ใบหน้าส่วนตัวยังแอบอยู่ข้างหลังพ่อออกมารีบแก้แทนคำพูดให้พี่ชาย

 

เนี่ย พี่เจี๊ยบต้องกลัวอาลอตีแน่ๆถึงต้องโกหกไปแบบนั้น

 

                “พี่เจี๊ยบไม่ต้องกลัว จอมพาพ่อมาช่วยแล้ว อาลอขู่จะตีพี่เจี๊ยบใช่มั้ยล่ะถึงต้องโกหกอ่ะ พ่อจ๋าพ่อกำนันดูนั่นเลย อาลอเอาไม้จะมาตีพี่เจี๊ยบด้วยนั่นน่ะหนูไม่ได้โกหกนะ”นิ้วจ้อยๆชี้ตรงไปยังไม้กระถินที่พระลอทิ้งไว้ใกล้ๆ

 

โอโห ไม้อันเบ้อเริ่ม มึงจะเอามาตีลูกกูหรือจะเอาไปล้มช้างเหรอไอ้ลอ

 

                “ไอ้ลอ ไอ้ชิบหาย มึงจะตีลูกกูได้ยังไงตั้งแต่เล็กจนโตซักแปะกูยังไม่เคยแตะลูกกูเลย มึงตายวันนี้แหล่ะ”แดนดินบรรจุลูกปืนใส่รังมือไม้สั่น ปกติเขาก็เป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของลูกน่ะแดนดินร้อนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จิ๊บกับเจ้าขารีบยึดมือพ่อไว้

 

                “พี่ดินมีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้”

 

                “ใช่จ้าพ่อค่อยๆพูดกัน อาลอไม่ได้จะตีหนูนะจ๊ะพ่อ เจ้าจอมเข้าใจผิด”

 

                “ถ้าไม่ได้ตีแล้วจะเอาไม้มาทำไม “

 

                “อาลอแค่เอามาขู่เลยๆ”ลูกเจี๊ยบตัดสินใจว่าเอาไงเอากันวะ โดนแม่ดุก็ได้แต่ลูกเจี๊ยบไม่อยากให้ต้องมีใครตายในวันนี้

 

                “จะบอกพ่อเหรอ เดี๋ยวแม่ดุนะ บอกเค้าไปก็ได้ว่าอาลอหอมแก้มหนู”คนข้างหลังที่ดูจะไม่สะทกสะท้านเลยซักนิดกระซิบเบาๆ

 

                “อยากตายหรือไงเล่า อยู่เฉยๆไปเลย ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ เจี๊ยบเป็นลูกผู้ชาย”

 

                “อาหอมแก้มหนูอาก็กล้ารับนะคะ อาก็ลูกผู้ชายเหมือนกัน”

 

                “มึงขู่อะไรลูกกูอีกไอ้ลอ ไอ้ชั่ว”

 

                “พ่อจ๋า อาลอไม่ได้จะตีหนูจริงๆ อาลอแค่เอามาขู่เฉยๆ หนูทำโดรนบังคับของอาลอพังจมน้ำไปแล้ว มันแพงมากด้วยอาลอแค่เรียกมาคุยเฉยๆ หนูไม่อยากให้อาลอบอกแม่ก็เลยข้ามมาขอโทษ”ลูกเจี๊ยบน้อยเมื่อเห็นสายตาดุๆของแม่ก็จ๋อยลงไปทันที พระลอมองตามก็ให้สงสาร สายตาของพระลอจ้องตอบจิ๊บที่มองมา

 

น่าแปลก ทั้งๆที่เคยคิดว่าคงไม่สามารถมองหน้าจิ๊บได้อีกแล้วในชาตินี้แต่ในตอนนี้ใจของพระลอกลับสงบนิ่งราวกับที่ผ่านมาตนนั้นไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน

 

                “สบายดีมั้ยจิ๊บ?”และนี่เป็นอีกสิ่งที่พระลอไม่เคยคิดว่าตนเองจะเป็นฝ่ายกล้าทักทายพูดคุยกับจิ๊บก่อน และทันทีที่เอ่ยทักทายไปเหมือนพระลอใช้มีดตัดเชือกที่ผูกกับหินก้อนใหญ่ที่เจ้าตัวใช้ถ่วงใจมานานนับ 16 ปีให้ขาดออกไปความหน่วงที่มีในใจพลันสลาย จิ๊บเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักของพระลอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

                “จิ๊บสบายดี แล้วลอล่ะตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”จิ๊บตะโกนตอบกลับคำถามของพระลอ แดนดินมองภรรยาคุยกับอดีตคนรักเก่าก็ให้หนวดกระตุกเล็กน้อยแต่เมื่อภรรยากระชับฝ่ามือที่จับต้นแขนเขาไว้แดนดินก็สงบลงได้ เรื่องลูกเอาไว้ก่อน อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าตลอด 16 ปี จิ๊บเองก็มีเรื่องลำบากใจเรื่องที่ทำให้นึกโทษตัวเองมาเสมอที่ทำให้บ้านฟากขะนู้นต้องพลัดพรากจากลูกชายไปนาน

 

                “เราสบายดี แล้วตอนนี้เราก็ดีขึ้นแล้ว ลูกจิ๊บเป็นเด็กน่ารักดีเนอะ”พระลอจับไหล่เจ้าลูกเจี๊ยบที่ยืนทำหน้าจ๋อยโยกไปมาเบาๆอย่างหยอกล้อ

 

                “ซนยังกับอะไรดี แล้วของๆลอ แพงมากมั้ย เดี๋ยวเราชดใช้ให้”

 

                “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งนั้น แต่เราขอตัวหลานมาช่วยพาทัวร์รอบหมู่บ้านหน่อยได้มั้ย เราเพิ่งกลับมาอะไรๆมันเปลี่ยนไปเยอะ ค่าซ่อมรถกับค่าโดรนเราถือเป็นค่าจ้างไปได้มั้ย”

 

                “ไม่ให้//ได้สิ”สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันทันที สายาเย็นๆของจิ๊บเหมือนจะสาปให้แดนดินเป็นน้ำแข็งซะตรงนั้น

 

                “เอ่อ...ลูกเราต้องไปโรงเรียนนะจิ๊บ”

 

                “เราขอเย็นๆหรือก็เสาร์-อาทิตย์ก็ได้”คนอีกฝั่งที่คิดสะระตะในในถึงความคุ้มรีบตะโกนกลับมา

 

                “เย็นคงไม่ได้หรอกนะลอ เจี๊ยบกว่าจะถึงบ้านก็เกือบหกโมงแล้วกว่าจะทำการบ้านอีกเราให้เสาร์อาทิตย์กับวันว่างๆแล้วกัน แล้วก็ขอโทษด้วยที่ลูกเราซนจนทำของๆลอเสียหาย”

 

                “เอาล่ะหมดเรื่องของแล้ว คราวนี้มึงตอบมาว่ามึงทำอะไรลูกกู กูมั่นใจว่าเจ้าจอมเห็นจริงๆลูกกูไม่โกหก ใช่มั้ยจอม”

 

                “หนูไม่โกหกจ้าพ่อ”ไอ้เด็กแสบรีบพยักเพยิดกับพ่อทันที((หนูแค่เติมบทนิดๆหน่อยๆเพราะหนูเป็นเด็กมีจินตนาการ))

 

                “ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ยางมะม่วงติดแก้มหลาน กู...เอ่อ ผมก็เลยปัดออกให้ เดี๋ยวมันกัดหน้าแหกทำไง”

 

                “แต่อาลอเอาจมูกกับปากโดนแก้มพี่เจี๊ยบนะหนูเห็น”

 

          “มึงหอมแก้มลูกกูเหรอไอ้ลอ!!”

 

พระลออยากจะกระโจนข้ามไปกระชากหัวแก้วเจ้าจอมแล้วเหวี่ยงให้จมน้ำตามโดรนของเขาไปซะจริงๆ ไอ้เด็กฆ้องปากแตกนี่ทำยังไงถึงจะปิดปากมันได้วะ แล้วดูนั่นได้แดนดินหน้าดำหน้าแดงบรรจุกระสุนขู่อีกแล้ว ไอ้ห่านี่ก็ยิ่งแก่ยิ่งเลือดร้อนหรือไงวะ กูไม่ใช่กระป๋องที่งานวัดนะมึงจะมาเอะอะยิงเอะอะยิงม่ายด๊ายยยย!!!

 

                “อาลอไม่ได้หอมแก้มพี่เจี๊ยบซักหน่อย มันเป็นมุมกล้อง อาลอแค่ก้มหน้าไปดูชัดๆว่ายางมะม่วงติดอยู่ตรงไหนบ้าง”นิ่งไว้ลอ นิ่งไว้ อย่าให้ใครรู้ว่าใจเต้นดังมาก แต่เหมือนจะมีคนๆหนึ่งรู้นะ เพราะหลังแนบชิดติดกับอกของเขาซะขนาดนี้ เจ้าเจี๊ยบน้อยหันหน้ามามองเขาสายตาของเด็กกล่าวโทษเขาอย่างเห็นได้ชัด ในนั้นมีคำว่า “อาลอโกหก” ติดไว้ตัวเบ้อเริ่ม พระลอจ้องตาหลานตอบกระตุกยิ้มเล็กน้อยเป็นเชิงท้าทายว่าหรือจะให้พูดความจริงดีว่าอาลอหอมแก้มเจี๊ยบจริงๆ เจ้าเจี๊ยบน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันไปพยักหน้าบอกกับพ่อแม่ว่าที่เขาพูดออกไปนั้นคือเรื่องจริง

 

                “ถ้างั้นเจี๊ยบกลับมาบ้านเราได้แล้ว”แดนดินสั่งลูกเสร็จก็ยื่นปืนให้จิ๊บถือแล้วกวักมือเรียกลูกเหย๋งๆ เจี๊ยบกรอกตามองบนความรู้สึกตอนนี้ยังกับเดจาวู คนฟากขะนี้ก็เพิ่งกวักมือเรียกเขามาคนฟากขะนู้นก็กวักมือเรียกเขากลับ เด็กน้อยผละตัวออกจากการเกาะไหล่ของพระลอก้าวลงเรือพายกลับบ้าน พอลูกขึ้นฝั่งจิ๊บก็หยิกหมับเข้าที่ต้นแขนลูกแล้วบิดโดยแรงจนเจ้าเจี๊ยบสะดุ้งร้องโอดโอยกลับบ้านตามพ่อกับแม่ไป ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างขบขันมองคันบังคับโดรนแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งให้ตัวเอง

 

ไปสำรวจใต้น้ำแทนแล้วกันนะเพื่อนรัก

 

 

                “ย่าจ๋า ทำไมเราต้องทำขวัญข้าวด้วยล่ะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบนั่งมองย่าโฉมจัดเตรียมข้าวของอันได้แก่ หมาก พลูจีบ 1 คำ กล้วยอ้อยส้มถั่วงาอย่างละ 1 คำ อีกทั้งผ้าแดงผ้าขาว เครื่องสำอางอีก 2-3 ชิ้น มีน้ำอบไทยขวดเล็กๆ ใส่ชะลอม ย่าโฉมใช้ธงกระดาษปักลงตรงกลางชะลอมก่อนจะอธิบายให้ลูกเจี๊ยบฟังอย่างตั้งใจ เป็นเรื่องปกติของชาวนาที่พอเข้าเดือนสิบข้าวเริ่มตั้งท้องเจ้าของนาก็จะทำพิธีทำขวัญข้าว พระลอที่นอนเล่นโทรศัพท์อยูไม่ไกลอดขำไม่ได้กับความช่างซักช่างไซร้ของเจ้าหนูจำไมที่พายเรือข้ามมาบ้านของเขาตั้งแต่ 9 โมงเช้า มาช่วยแม่ของเขาหยิบจับนู่นนี่จนคนเป็นลูกอย่างเขาสบายไปเลย

 

                “เราต้องทำขวัญข้าวเพื่อเป็นการขอขมาพระแม่โพสพ แล้วก็ขอพรให้แม่โพสพช่วยดูแลข้าวในนาให้เราไงลูก”

 

                “แล้วเราอธิฐานอย่างเดียวไม่ได้เหรอจ๊ะ ทำไมต้องใส่ของเซ่นไหว้ลงไปด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องให้ผู้หญิงเป็นคนไหว้ล่ะจ๊ะผู้ชายทำไม่ได้เหรอ”

 

                “ก็ช่วงนี้ข้าวตั้งท้อง เราก็ใส่ของแบบที่คนท้องชอบกินลงไป พวกของเปรี้ยวของหวาน อีกอย่างแม่โพสพเป็นผู้หญิงก็ต้องอยากแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยๆก็ใส่เครื่องสำอางให้ท่าน ของเซ่นดีๆท่านจะได้ดูแลข้าวของเราให้ดีๆไงลูก แล้วก็ตามประเพณีช่วงข้าวตั้งท้องจะให้ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของที่นาเป็นคนทำ อ่ะ ลอมาช่วยแม่ถือของ เอาไม้ง่ามที่ใต้ถุนไปด้วย ไปกันๆ สายกว่านี้แดดจะร้อน”พระลอเก็บโทรศัพท์แล้วลุกมารับชะลอมที่แม่ยื่นให้แขนก็ยื่นให้แม่จับเดินเพราะย่าโฉมอายุ 70 ปีแล้ว ส่วนศตายุช่วยประคองอีกข้างหนึ่ง พระลอถืออุปกรณ์ทั้งหมดรวมทั้งไม้ง่ามที่จะเอาไว้ปัก แม่ของเขาพาเดินมาจนถึงคันดินกลางนา จัดแจงปักไม้ลงกับดินแล้วเอาชะลอมมามัดผูกด้วยตอกเส้นเล็กๆ จุดธูปแล้วนั่งลงเริ่มท่องบททำขวัญข้าวเป็นทำนองที่ศตายุรู้สึกว่ามันเพราะมากๆ น้ำเสียงหวานแหลมสั่นเล็กน้อยเอื้อนเอ่ยอย่างตั้งใจ บางช่วงบางตอนก็กู่ร้องราวกับเรียกใครซักคนที่อยู่ไกลแล้วสวดต่อ

 

“สาธุแม่โพสพแม่โพศรี แม่จันทร์เทวีแม่ศรีสุดา

แม่โพสพแม่นพดารามิ่งมาขวัญมาเอหิมามา

ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้ามิ่งมาขวัญมา

ขอให้ได้รวงละหม้อช่อละเกวียน ขวัญโว้ยยยย มาเถอะ มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

แต่งเนื้อแต่งตัวลูกผัวจะมามาเถอะ มาเถอะ((วู้วววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

อยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวาน

ส้มสุกลูกไม้กล้วยอ้อยมะพร้าวอ่อนถั่วงาเชิญมารับประทานมิ่งมาขวัญมา

กันนกกันหนูกันปูกันปลากันตะกวดกันเหี้ยกันเพลี้ยลงนา

กันหนอนอัปปรีย์อย่าได้มีมามิ่งมาขวัญมา ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาเถอะ((วู้ววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

ขอให้ได้รวงละหม้อช่อละเกวียนขวัญโว้ยมาเถอะ มาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

กันนกกันหนูกันปูกันปลากันตะกวดกันเหี้ยกันเพลี้ยลงนา

กันหนอนอัปปรีย์อย่าได้มีมามิ่งมาขวัญมา ขวัญโว้ยยยย มาเถอะมาเถอะมาอยู่กับลูกกับเต้า

ให้ได้รวงละหม้อช่อบะเกวียนมิ่งมาขวัญมา((วู้วววววววววววว))

อยู่ต้นไร่ปลายนามิ่งมาขวัญมาก็ให้พากันมากิน

อยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวาน

ส้มสุกลูกไม้กล้วยอ้อยมะพร้าวอ่อนถั่วงาเชิญมารับประทานมิ่งมาขวัญมา

สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม”

 

ย่าโฉมเอ่ยคำอธิฐานขอพรจากพระแม่โพสพเบาๆ

“ขอให้มิ่งมาขวัญแม่แม่โพสพจงรับรู้เครื่องกระยาบวชทั้งหลายนี้ขอให้แม่โพสพมากินอยากเปรี้ยวให้กินเปรี้ยวอยากหวานให้กินหวานส้มสุกลูกไม้แพ้ท้องก็ให้พากันมากิน สาธุ”ทั้งสามคนจรดมือที่พนมไหว้กับหน้าผาก มองผืนนาเขียวขจีที่กำลังออกรวง ลมเย็นพัดจนใบข้าวพลิ้วไหวเป็นคลื่นอย่างคนที่มีความสุขซ่านลงไปในหัวใจ เหมือนพระแม่โพสพกำลังตอบรับคำขอของย่าโฉมอยู่ยังไงยังงั้น พระลอมองภาพนั้นด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ต่อให้โลกภายนอกจะพัฒนาไปมากมายซักแค่ไหน แต่รากเหง้าของเขาอยู่ที่ที่ ที่แห่งนี้คือชีวิต คือจิตวิญญาณ เป็นแผ่นดินของเราที่เขาอยากจะรักษาไว้ให้คงอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน บ้านของเขาสืบทอดความเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และตอนนี้ในตัวของเขาเองก็ยังคงมีเลือดของชาวนาไหลวนอยู่ เขาจะไม่ทิ้งวิถีชีวิตแบบนี้ไปแต่จะรับวิวัฒนาการใหม่ๆเข้ามาช่วยให้การทำนาง่ายขึ้น ชายหนุ่มหวังว่าเด็กรุ่นใหม่ อย่างน้อยซัก 3 ใน 10 คน ยังรักบ้านเกิดรักการเป็นลูกชาวนายังอยากสืบสานวัฒนธรรมดีๆนี้ ก็พอ

 

ลลิตภัทรอยากอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบเก่านี้ไว้แม้ว่ารถไถนาจะนำความสะดวกสบายในการทำนามาให้แต่ควายจะต้องไม่หายไป ชายหนุ่มคิดแผนการณ์ที่จะพัฒนาหมู่บ้านไว้ในใจแม้ว่าจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหรือไม่ ถ้าได้เขาก็จะค่อยๆทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ถ้าไม่ได้เขาก็จะกลับไปทำงานที่กรุงเทพตามเดิม แต่ก็จะกลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆ

 

ทั้งสามคนกลับถึงบ้านในตอนเพล เสียงพระตีกลองเพลดังแว่วๆมาทางท้ายทุ่ง ย่าโฉมชวนให้ลูกเจี๊ยบกินข้าวกลางวันซะด้วยกันเลย อาหารในสำรับมีเพียงของง่ายๆพวกน้ำพริกกะปิจิ้มกับผักสดที่พระลักษณ์ปลูกๆไว้ที่หลังบ้าน มะเขือเปราะอ่อนๆกรอบๆถูกผ่าตูดเป็นรูปกากบาท แตงกวาลูกยาวน่ารักย่าโฉมใช้มีดบางฝานเป็นชิ้นๆ มีแตงโมอ่อนต้มกับขนุน มะเขือเปราะต้มกับถั่วฝักยาววางคู่กัน ปลานิลตัวใหญ่ทอดจนเหลืองกินกับพริกน้ำปลาที่ซอยหอมแดงบุบกระเทียมและพริกขี้หนูสวนรสชาติทั้งเผ็ดและหอม ต้มจืดฟักใส่มะนาวดองที่ย่าโฉมดองไว้ตั้งแต่ต้นปีซดน้ำร้อนๆแล้วชื่นใจ ข้าวหอมมะลิหอมกรุ่นยามเปิดฝาหม้อทำให้น้ำย่อยในกระเพาะตีให้วุ่น ศตายุรับหน้าที่ตักข้าวให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนแล้วถึงจะตักให้ตัวเอง บทสนทนาง่ายๆแต่เรียกเสียงหัวเราะให้กับย่าโฉมเป็นระยะ พระลอมองลูกเจี๊ยบที่ช่างคุยช่างเจรจาแล้วก็นึกเอ็นดู อยากจะข้ามไปถามจิ๊บจริงๆว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้เป็นเด็กน่าเอ็นดูได้ขนาดนี้ แม้ว่าเดิมทีเขาจะไม่ชอบคนพูดมากแต่กับลูกเจี๊ยบเขากลับอยากฟังคนเด็กกว่าเล่านู่นเล่านี่ให้ฟังซะอย่างนั้น

 

หลังจบมื้ออาหารกลางวันย่าโฉมก็ขอไปเอนหลังในห้อง ส่วนลลิตภัทรกับศตายุก็นั่งเล่นที่นอกชานบนบ้านกันสองคน ศตายุที่เป็นเด็กไฮเปอร์ก็เริ่มยุกยิกอยู่ไม่สุขจนพระลอที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆสังเกตได้

 

“เป็นอะไรคะ?”

 

“หนูเบื่อ มันเงียบเกิน หนูอยากหาอะไรทำเล่น”

 

“ซน”

 

“หนูป่าวซนนะ เอ้อ อาลอ อาลอทำไก่อบฟางเป็นมั้ยอ่ะ?”

 

“ทำไม่เป็นแต่กินเป็น”

 

“หนูทำเป็นนะ อยากกินมั้ยเดี๋ยวหนูทำให้กิน”เจ้าเด็กมันทำท่ากระตือรือร้นซะจนพระลอนึกขำ

 

ดูก็รู้ว่าขี้คุย แค่จะหาเรื่องซนเท่านั้นแหล่ะ

 

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวไฟไหม้บ้านอา”คนเด็กทำปากคว่ำทันที เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้

 

“อ่ะๆ อยากทำก็ทำ แล้วจะเอาไก่ที่ไหน?”

 

“บ้างตาเฉียบไง เขาขาย ไปเลือกๆเดี๋ยวเขาฉีให้”

 

“งี้มันก็ยังไม่ตายน่ะสิ บาปนะหนู”

 

“งั้นบ่ายสองมีนัดตรงสามแยก เราไปซื้อไก่ที่ตลาดนัดก็ได้”คนเด็กกว่ายังต่อรอง

 

“เอางั้นก็ได้”

 

“ขี่รถเครื่องไปนะอาลอ รถยนต์ไม่ค่อยมีที่จอด”เนี่ยพอหาเรื่องซนล่ะขั้นตอนเยอะนักแล้วพระลอจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องพยักหน้าไปตามเรื่อง ศตายุถึงยอมเงียบปากแล้วก็เคลิ้มหลับไปตอนเที่ยงกว่าๆเดือดร้อนคนแก่กว่าต้องไปเอาหมอนมาให้หลานหนุนลากพัดลมตัวใหญ่มาเปิดคลายความอบอ้าวแถมต้องมานั่งปัดยุงให้เป็นพักๆอีก

 

ลูกเต้าก็ไม่ใช่ โว๊ะ!!!

 

แต่แบบพอหลับแล้วเห็นขนตายาวๆนี่ชัดมากเลยอ่ะไหนจะแก้มฟูๆที่เบียดลงไปกับหมอนนี่ก็ดูน่ารัก ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปมองใกล้ๆใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มนุ่มนั่นเบาๆก่อนจะชะโงกหน้ามองซ้ายมองขวา

 

ปลอดคน...

 

งั้นขอหน่อยแล้วกัน

 

ฟอด.....

 

อ่า...ชื่นใจ ชื่นจ๊ายชื่นใจ ชื่นใจสุดๆ

 

 

บ่ายสองตรงเป๊ะศตายุก็ลืมตาตื่นขึ้นมา มืออูมๆขยี้หน้าขยี้ตาตัวเองอย่างคนงัวเงียสุดๆ

 

“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าในห้องอาลอก็ได้นะคะ เอาหมอนไปเก็บให้อาด้วย ดูสิมีคราบน้ำลายด้วยอ่ะ ยี้”พระลอแกล้งหยอกแล้วหัวเราะขำเมื่อศตายุรีบใช้หลังมือเช็ดมุมปากตัวเอง คนเด็กยู่จมูกใส่อย่างคาดโทษในขณะที่พระลอชี้ไปที่ประตูห้องของตัวเอง

 

“โฟมล้างหน้ามีอยู่ในห้องน้ำแล้วหนูใช้ได้เลย ผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ลิ้นชักแรกแกะออกมาใช้ได้อาอนุญาต”ศตายุทำตามอย่างว่าง่าย เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนของลลิตภัทร ภายในห้องจัดแบบเรียบง่ายบนโต๊ะทำงานมีคอมพิวเตอร์วางอยู่ มีหนังสือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษวางเรียงรายเต็มชั้น ตู้เสื้อผ้าเป็นไม้เข้ากับตัวห้องอยู่ชิดริมในสุดโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กมีพวกครีมบำรุงและน้ำหอมวางเรียงรายเป็นระเบียบ ศตายุเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างหน้าล้างตาจนสดชื่นแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าของพระลอเพื่อจะหยิบผ้าขนหนูตามที่เจ้าตัวบอก พระลอเรียงสีเสื้อผ้าจากอ่อนไปเข้มอย่างเป็นระเบียบสุดๆ

 

โอ้โห...แม่จิ๊บยังไม่ระเบียบจัดอย่างนี้เลย

 

“หาอะไรอยู่คะ ผ้าขนหนูอยู่ลิ้นชักแรกนะ ถ้าเปิดผิดจะเจอชั้นในของอาลอ หรือหนูอยากดูเดี๋ยวอาเปิดให้” ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆเจ้าของห้องก็มายืนซ้อนจากทางด้านหลังแล้วทำท่าจะเปิดลิ้นชักชั้นสองจนเด็กหนุ่มต้องรีบตะปบมือของคนแก่กว่าไว้

 

“ไม่ต้อง เจียบกำลังจะหยิบผ้าขนหนูฮะ แล้วก็อาลอเขยิบออกไปหน่อยหนูอึดอัด”

 

“ขอโทษที อาจะเข้ามาบอกให้หนูเอาเสื้อคลุมของอาไปใส่ด้วยแดดมันร้อนเดี่ยวไม่สบาย”พระลอหยิบเสื้อวอร์มออกมาส่งให้หลานตามด้วยหมวกแก๊ปเป็นอันเสร็จพิธี

 

“ร้อนอ่ะไม่ใส่ได้มั้ย?”

 

“ไม่ใส่ก็ไม่ต้องไปค่ะถ้าจะไปก็ตามมา”ชายหนุ่มหยิบเสื้อวอร์มอีกตัวมาใส่ตามด้วยหมวกแบบเดียวกับคนหลานแล้วเดินนำออกมาหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่แขวนไว้บนเสากลางบ้าน

 

อันที่จริงก็ไม่ได้ขับนานแล้วนะเนี่ย

 

“นัดอยู่ตรงไหนบอกทางอาด้วยแล้วกัน”

 

ทางไปตลาดนัดเป็นถนนลูกรังที่มีฝุ่นสีแดงคลุ้ง พระลอย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองคงจะแดกฝุ่นจนอิ่มก่อนจะไปถึงตลาดนัดแน่ๆ บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อจนทำให้เขาที่ไม่ชินทางขับตกลงไปหลายครั้ง

 

แต่พระลอก็ม่ายโกด กลับยินดีที่จะตกอีกซักร้อยหลุมพันหลุมซะด้วยซ้ำ เมื่อยิ่งตกหลุม ร่างของหลานที่นั่งปลายเบาะก็ค่อยๆขยับเลื่อนเข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งแผ่นอกบอบบางเนินอกตุ่ยหน่อยๆเพราะกินเก่งก็แนบชิดกับแผ่นหลังของเขา แม้จะไม่ได้นุ่มเด้งดึ๋งแบบสาวๆแต่ก็ให้ความรู้สึกฟินแปลกๆ ยิ่งช่วงไหนเบรกแรงๆก็ทิ่มจึ้ก ทิ่มจึ้ก

 

“อาลอขับดีๆสิ หนูเจ็บตูดไปหมดแล้วนะ”เสียงแง้วๆบอกกับเขาเมื่อแรงกระแทกทำให้ก้นกกแทบจะพังอยู่รอมร่อแล้ว และแน่นอนนมของหลานก็ทิ่มหลังอีกแล้วอ่ะ ฮิฮิ

 

อ่า...สงสัยพระลอต้องชวนลูกเจี๊ยบมาตลาดนัดบ่อยๆซะแล้วสิ

 

จะต้องแดกฝุ่นซักตันก็ยอมล่ะวะงานนี้

 



.............................





อยากซ้อนท้ายอาลอ อยากเอานมจึ้กหลังอาลอรัวๆต้องทำยังไง



1 เม้นท์-1 กำลังใจ



1 แท็ก-1 กำลังใจ เช่นกันค่ะ

 

#พระลอตามไก่



ประเพณีทำขวัญข้าวเดี๋ยวนี้ก็ให้ผู้ชายทำได้แล้วนะคะ บทสวดเราแกะจากในยูทูปนะคะไม่ได้คิดเอง การทำขวัญข้าวทำกันสามช่วง คือช่วงข้าวตั้งท้อง ช่วงเอาข้าวขึ้นยุ้งฉาง และช่วงที่ขายข้าวไปแล้ว  แต่บางที่ก็เหลือช่วงเดียวคือช่วงข้าวตั้งท้องค่ะ

 

 
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 18-11-2018 23:04:45
เจ้าจอม ไอ้เด็กผี555555555555 เจี๊ยบน่าเอ็นดูเกินนนนน จ้องจะโดนกินอยู่แล้วลูกกกกป
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 19-11-2018 01:11:27
เรื่องนี้สนุกม๊วกกกกกก… อ้า    :m3:


ชอบที่พี่ลอพูดคะขากับนังหนูเจี๊ยบจัง    :m1:


หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 19-11-2018 01:18:17
น่ารักอ่ะ ลูกเจี๊ยบก็คือเด็กมากกกก แพ้ผู้ชานพูดคะขา ฮ้ออออออ หยั่กได้อาลอเป็นของตัวเองงงง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 19-11-2018 09:18:15
น่ารักมาก เหมือนอาลอจ้องจะกินเจี๊ยบตลอดเวลา555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๕ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 19-11-2018 12:20:23


พระลอลตามไก่ ตอนที่ ๕



          พระลอมองดูเด็กที่ง่วนอยู่กับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำไก่อบฟางอย่างเพลิดเพลิน มีบางครั้งที่ลูกเจี๊ยบขอให้เขาหยิบของให้ คนแก่กว่าก็ยอมทำตามโดยง่าย ลูกเจี๊ยบตำพริกไทยกระเทียมและรากผักชีเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ได้ดูคล่องแคล่วมากนักแต่ก็ไม่ได้ดูเงอะงะจนน่ารำคาญ ศตายุปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และรสดีแบบไม่มีสูตรตายตัว แก้วเจ้าจอมที่ตามมาทีหลังเป็นผู้ช่วยที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อเจ้าตัวดูจะมาป่วนและมาเกะกะซะมากกว่า ลลิตภัทรมองเจ้าเด็กยุ่งนั่นด้วยความรู้สึกอยากจับเด็กถ่วงน้ำทุก 2 นาที แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กพูดมากและมีสายตาเหมือนหมาจิ้งจอกคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา ยามใดที่เขาเข้าไปใกล้ลูกเจี๊ยบแก้วเจ้าจอมก็จะเสนอหน้าเอาตัวแห้งๆเข้ามาแทรกกลางซะทุกครั้งไป


คำว่าก้างขวางคอไม่ได้ดูเกินจริงเลยซักนิดถ้าจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับเจ้าเด็กที่มีผมม้าเต่อคิ้วบางและรอยยิ้มน่าเตะให้คอหลุด


           “ทำไมใส่เกลือเยอะล่ะไม่เค็มเหรอ?”


          “เดาๆเอา”คนเด็กว่าเมื่อเขาท้วงตอนที่ลูกเจี๊ยบซัดเกลือลงไปหยิบมือหนึ่ง


กินเสร็จอาจจะต้องไปเช็คไตว่าเสื่อมระดับไหน พระลอผูกลวดกับไม้ที่เอามาทำหลัก ลูกเจี๊ยบบอกให้เขาทำเป็นรูปไม้กางเขนเพื่อจะใช้พยุงตัวไก่ที่จะเสียบลงไปแถมหุ้มฟรอยด์สวยหรู ดูเป็นไก่อบฟางที่น่าจะมีชาติมีตระกูลพอสมควรจัดการตอกหลักลงบนพื้นดินข้างบ้านที่ไกลจากวัตถุไวไฟทั้งปวงเป็นที่โล่งพอให้ควบคุมได้ ปี๊บที่แม่เก็บไว้ตอนที่ซื้อน้ำตาลปี๊บมาให้ล้างสะอาดเตรียมพร้อมสำหรับการแปลงร่างเป็นเตาอบ ลูกเจี๊ยบหอบเอากาบมะพร้าวที่เก็บไว้ใต้ถุนบ้านออกมากองใหญ่ ไก่ตัวโตถูกเสียบไว้บนหลังแล้วใช้ปี๊บครอบลงไปจนมิด ลูกเจี๊ยบจัดการเอากาบมะพร้าวมาสุมถึงครึ่งปี๊บหันซ้ายแลขวาตบๆกระเป๋ากางเกงแล้วพบว่าตัวเองลืมหยิบไฟแช็คมา


           “อาลอมีไฟแช็คมั้ย หนูลืมหยิบมา”ลลิตภัทรล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบ lighter ออกมาพร้อมกับซองบุหรี่ที่สูบ ลูกเจี๊ยบยู่หน้าอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นบุหรี่


          “อาลอสูบด้วยเหรอ?”


          “ก็สูบแต่ไม่ได้สูบบ่อย”


          “ติดหรือเปล่า?”


           “ไม่นะไม่สูบก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”


          “เลิกได้ก็เลิกนะมันไม่ดีกับสุขภาพ อีกอย่างครูบอกว่าสูบบุหรี่ปากจะดำเหงือกจะดำหนูชอบที่อาลอปากแดงเหงือกแดงมากกว่า”ลูกเจี๊ยบพูดจบก็เดินกลับไปที่กองกาบมะพร้าวโดยไม่ได้สนใจคนแก่กว่าที่ยืนนิ่งอยู่ รอยยิ้มค่อยๆเผยขึ้นทีละนิดจนเต็มดวงหน้า


เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กมันพูดตามประสาซื่อ พูดแบบไม่คิดหรือว่าอะไร


แต่เขาชอบประโยคหลังสุดนั่นมากๆ ฟังแล้วใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ควันไฟลอยอ้อยอิ่งแบบกวนส้นตีนพระลอเป็นที่สุด เขาพยายามเดินหลบควันสีขาวที่คละคลุ้งพวกนั้นไปทางซ้ายทีทางขวาที แต่ก็เหมือนอีควันนรกพวกนั้นจะเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพระลอเพราะพอมันมาทางขวาที่เขายืนอยู่พระลอก็ย้ายที่ไปยืนทางซ้ายและเช่นกันอีควันเวรนั่นก็ลอยแบบเสนอหน้ามาทางซ้ายรมเขาเช่นเดิม พอย้ายไปอีกฝั่งอีควันนรกก็ม้วนตัวพัดมาทางเขาจนชายหนุ่มแสบจมูกไปหมด




ไก่น่ะอบฟางแต่กูน่ะอบควัน



ส่วนสองพี่น้องจอมแสบก็ช่วยกันโรยฟางเป็นระยะๆ กลิ่นหอมลอยออกมาจากในปี๊บจนอดน้ำลายสอไม่ได้ ในหัวของลลิตภัทรตอนนี้เหมือนเห็นแจ็คสันวง GOT7 ยืนแหกปากกู่ร้องอยู่บนยอดตึก Jeddah’s Kingdom tower นั่นคือเขาคาดหวังสูงมาก


           “เอาล่ะได้เวลาเปิดปี๊บ”หลังจากใช้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เชฟปี๊บเหล็กก็ประกาศกร้าวกองไฟมอดลงไปเหลือแค่ขี้เถ้าศตายุใช้ผ้าเก่าๆจับปี๊บให้เปิดออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ทั้งพระลอ ลูกเจี๊ยบ และแก้วเจ้าจอมตะลึงงัน


          “ลาก่อย...”แก้วเจ้าจอมบอกลาแล้วเดินลัดทุ่งกลับบ้านไปทันที ส่วนลลิตภัทรก็หันหลังหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านแบบไม่พูดไม่จาโดยที่ลูกเจี๊ยบไม่เห็นว่าคนแก่กว่ากลั้นขำจนแก้มแทบแตก


จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะก็ไก่อบฟางของศตายุดำปี๋เป็นตอตะโกผิดจากภาพที่คิดไว้โข


ถ้าจะให้เดาคงไหม้ยั้นกระดูกอ่ะ


           “ฮือ...อาลอ...กลับมาช่วยหนูก่อน”คนเด็กกว่าทิ้งปี๊บดังโครมแล้วกระทืบเท้าอย่างเอาแต่ใจ


อายก็อายเสียดายก็เสียดาย เสียหน้าด้วยอ่ะ คุยไว้เยอะ สุดท้ายลูกเจี๊ยบก็ได้แต่เก็บของเงียบๆเอาไก่ไปโยนทิ้งข้างทางแล้วกลับบ้านไปอย่างหงอยๆ








           เสียงไก่ขันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง พระลอลืมตาตื่นอย่างเคยชิน ตอนตี 5 เสียงพระย่ำระฆังกับกลองดังมาจนถึงที่บ้านเป็นเสียงที่คุ้นชินมาตั้งแต่เกิด เพราะการทำงานในกรุงเทพต้องเร่งรีบแทบทุกวันทำให้ชายหนุ่มเป็นคนตื่นเช้า เขาคัดจมูกนิดหน่อยเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกลงมาปรอยๆทำให้บรรยากาศโดยรอบชุ่มชื้น เสียงตำน้ำพริกดังมาจากครัวด้านล่างแปลว่าแม่ของเขาตื่นแล้ว


พระลอจำได้เมื่อสมัยเด็กๆแม่จะตื่นมาเตรียมหุงหาอาหารสำหรับตักบาตรและให้พ่อกินก่อนไปทำนารวมทั้งเตรียมไว้ให้ลูกๆกินก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่ตี 4 ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่นก็ลงไปหาแม่ที่ในครัว แม่ไม่ได้ทำกับข้าวเพียงคนเดียวบ้านเขามีลูกของลูกพี่ลูกน้องอยู่ด้วยแต่พระลอไม่ค่อยได้คลุกคลีด้วย เด็กสาวมีหน้าที่ทำงานบ้านและช่วยดูแลแม่ของเขาพอตกสายเธอก็จะมีหน้าที่ในไร่ตามแต่ที่พี่ชายของเขาจะมอบหมายให้


           “ทำแกงอะไรครับแม่”พระลอเดินไปโน้มตัวสวมกอดแม่ไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นอย่างเอาใจ


          “เห็นลอบ่นอยากกินแกงส้มชะอมไข่ เมื่อวานตอนเย็นๆลูกเจี๊ยบแวะเอาผักกระเฉดมาให้ยอดอ๊วบอวบกับปลาช่อนตัวเบ้อเริ่มพ่อดินเค้าไปยิงมาจากท้ายห้วย แม่เลยทำแกงส้มให้ลอกินดีมั้ยลูก”


          “อ้าว เจี๊ยบมาตอนไหนเหรอครับทำไมผมไม่เจอ”พระลอถามอย่างแปลกใจ เมินชื่อของแดนดินไปสนใจกับชื่อของคนลูกมากกว่า เขาไม่เจอเจ้าลูกเจี๊ยบมา 2-3 วันแล้วเพราะออกไปหาเสียงกับพ่อทุกวัน ยิ่งใกล้เลือกตั้งพระลอก็แทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้านเลย


          “มาตอนเกือบค่ำแหล่ะกลับจากโรงเรียนก็ข้ามมาหา ลอไปกับพ่อเลยไม่เจอ เห็นบ่นการบ้านเยอะแล้วก็ยากพ่อกับแม่ก็สอนไม่เป็น ลักษณ์มันก็ไม่ว่างมาสอนให้เลยต้องรีบกลับไม่ได้อยู่ซนแบบทุกที ถ้าอยากเจอหลานตอน 6 โมงหน่อยๆไปที่ศาลาสิเจี๊ยบมาตักบาตรหลวงตาทุกวัน”


          “งั้นเดี๋ยวผมออกไปวิ่งซักพักนะครับ เช้าๆอากาศดี ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันร่างกายชักจะเฉื่อย”


          “ไปเถอะลูกแต่ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอนะเมื่อคืนฝนตกงูกับตะขาบชอบออกมาเพ่นพ่าน”แม่ยังไงก็ยังเป็นแม่อยู่วันยันค่ำถึงแม้ลูกชายจะโตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแต่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี พระลอหอมแก้มแม่แรงๆอีกรอบแล้วกลับขึ้นไปหยิบรองเท้าวิ่ง ชายหนุ่มออกวิ่งไปตามคันนาแม้จะต้องใช้ความระมัดระวังอยู่บ้างเพราะพื้นยังค่อนข้างเปียกหยาดน้ำเกาะพราวบนปลายหญ้าเสียงกบเขียดร้องกันระงม โชคดีที่ฝนไม่ได้ตกแรงนักข้าวในนาจึงไม่ได้ล้ม พระลอวิ่งไปจนเกือบรอบแล้ววกกลับมาแสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าระบายสีหลากหลายเหมือนภาพวาดสีน้ำของจิตกรเลื่องชื่อ สีส้ม แดง ม่วง ชมพูค่อยๆจางลงเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงจ้า พระลอก็วิ่งกลับมาถึงบ้านพอดีชายหนุ่มเดินเลยตัวบ้านไปยังท่าน้ำกะจะไปวักน้ำล้างหน้าแต่ภาพที่เห็นก็คือหลวงลุงประจวบกำลังพายเรือเข้าไปจอดเทียบท่าน้ำบ้านของตนโดยมีร่างขาวๆที่คุ้นตาอยู่ในชุดนักเรียนกางเกงสีกากีสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยยกมือไหว้นิมนต์พระหลวงตาของตนให้เข้ามารับบาตร ศตายุเอ่ยทักทายหลวงตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ


           “วันนี้หลวงตามาช้า”มือเรียวหยิบทัพพีตักข้าวใส่ลงไปในบาตร กับข้าวใส่ปิ่นโตเถาเล็กถวายให้หลวงตาตามด้วยช่อดอกไม้ที่ดูก็รู้ว่าทำเองแล้วรับศีลรับพร


           “รีบกลับเข้าบ้านไปเถอะ เดี๋ยวรถมาจะไปสาย”

 
           “ถ้าหนูไปสายหลวงตาก็พายเรือไปส่งหนูสิ”


           “กว่าจะพายไปถึงท่าน้ำในเมืองหลวงตาก็ตายก่อนพอดี”สองตาหลานพูดคุยกันอีกซักพักหลวงตาจวบก็พายเรือกลับวัดไป ศตายุเก็บของเตรียมจะกลับเข้าบ้านพลันสายตาก็เหลือบเห็นคนตัวขาวๆที่อยู่อีกฝั่ง เด็กน้อยยิ้มกว้างโบกมือให้กับพระลอทันที ชายหนุ่มรู้สึกว่าพระอาทิตย์ที่กำลังเปล่งแสงน่ะยังสดใสได้น้อยกว่าลูกเจี๊ยบซะอีก


           “อาลอไปไหนมาจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยถาม


           “อาไปวิ่งมา ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”


            “ฮื่อ ก็อาลอไม่อยู่บ้านนี่ เจี๊ยบก็ไปบ้านอาลอทุกวัน”


           “ก็อาต้องออกไปหาเสียงทุกวัน อดเจอกันเลยเนอะ”


           “ทำไมอ่ะ อาลอคิดถึงหนูเหรอ”คนเด็กทำหน้าทะเล้นถามกลับมา พระลอกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องใช้สมองไตร่ตรองอะไรเลยซักนิด



           “อืม อาลอคิดถึงหนู”



เคร้งงงงงง


ทันทีที่พระลอพูดจบศตายุก็ทำขันทองเหลืองลงหินที่อยู่ในมือหล่นทันที


            “อ้าว เป็นอะไรคะหนู มือไม้อ่อนหิวข้าวหรือไง ให้อาลอไปช่วยเก็บมั้ยคะ”ศตายุที่กำลังลนลานตามไปเก็บทัพพีที่กระเด็นอยากจะเขวี้ยงขันใส่หน้าคนปากเก่งฟากขะนู้นนัก ดูเถอะเห็นเขาเงอะงะก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเข้าไปใหญ่


อาลอนิสัยไม่ดีอ่ะ


           "อ้าว จะรีบไปไหนคะ ไม่อยู่คุยกับอาให้หายคิดถึงหน่อยเหรอ”


            “ไม่เอา หนูจะไปโรงเรียนแล้ว อาลอนิสัยไม่ดี”พูดจบศตายุก็วิ่งปรู้ดกลับบ้านไปทันที พระลอนั่งเล่นที่ท่าน้ำอีกพักก็กลับเข้าบ้านไป ที่นอกชานอาหารถูกนำมาวางเตรียมไว้รอแล้ว พระรามกับขวัญชีวารวมทั้งลูกๆทั้งสองเดินมาจากบ้านตัวเองเพื่อมากินข้าวที่เรือนใหญ่ ส่วนพระลักษณ์กับนิดาก็มานั่งรออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


            “ไปไหนมาวะ เห็นกลับมาได้ซักพักแล้วไอ้ลอ”พี่ชายคนโตเอ่ยถามหลังจากจัดการตักอาหารให้ลูกๆเรียบร้อยแล้ว พระลออ้าแขนรับหลานสาวที่วิ่งเข้าไปกอดก่อนจะอุ้มกลับมาส่งคืนพี่สะใภ้


             “แวะไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำมาน่ะพี่ อากาศดี เอ้อ พี่ราม เจี๊ยบเรียนโรงเรียนเดียวกับเราเหรอ”

 
            “ไปเจอหลานมาเหรอ?”คราวนี้พระลักษณ์เป็นคนถามในขณะที่รับจานข้าวจากภรรยา พ่อแม่เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเงียบๆโดนที่พระลอเป็นคนคอยตักกับข้าวให้


            “พอดีเจี๊ยบตักบาตรหลวงลุงอยู่เลยได้คุยกันนิดหน่อย”


            “ดินมันส่งไปเรียนตั้งแต่ ม.1 แล้ว”


          “ปีนี้ก็ ม.3 แล้วสิ”พระลอถามเหมือนถามไปเรื่อยๆแต่ในหัวกลับบันทึกไว้อย่างแม่นยำ


          “ปีนี้อยู่ ม.4 แล้ว เจี๊ยบมันเรียนเร็วกว่ารุ่นเดียวกัน พอดีมันเกิดต้นปีเลยก่อนเกณฑ์”


          “อืม เก่ง “พระลอตัดบทสนทนาเพียงเท่านั้นหลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเลือกตั้งที่จะมาถึงในต้นเดือนหน้า มื้ออาหารในตอนเช้าจบลงตอน 7 โมง นิดๆ พระรามและขวัญชีวาพาลูกๆขึ้นรถโดยมีลลิตภัทรขับรถของตัวเองตามไปด้วยเพราะจะเอารถไปเข้าอู่ซ่อมกันชนที่เป็นรอยนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ไปนั่งแกร่วในห้างเพื่อรอเวลารับรถในตอน 4 โมงเย็น ถนนที่ผ่านตามหน้าโรงเรียนต่างๆคลาคล่ำไปด้วยรถของผู้ปกครองที่มารับลูกๆรวมไปทั้งรถรับส่งนักเรียน ร่างบางของเด็กที่คุ้นตาทำให้ลลิตภัทรตบไฟเลี้ยวไปจอดด้านหน้าก่อนจะเดินไปที่ท้ายรถสองแถวที่มีเด็กๆอัดกันแน่น


          “เจี๊ยบ”แรงสะกิดพร้อมเสียงเรียกด้านหลังทำให้ศตายุที่นั่งเสียบหูฟัง ฟังเพลงอยู่เอาหูฟังออกจากหูแล้วหันมาอย่างแปลกใจ


          “อ้าว อาลอ มาทำอะไรอ่ะ”


           “อาเอารถมาซ่อม กำลังจะกลับบ้าน เจี๊ยบกลับกับอามั้ย”


          “ไม่เป็นไรๆ อาลอกลับเลย เจี๊ยบกลับรถประจำทุกวัน”


           “ไปกับอาก็ได้ รถแน่น แล้วนี่กว่ารถจะออกกี่โมงเนี่ย”


           “ก็ต้องรอให้คนครบก่อนน่ะ  5 โมงครึ่งก็กลับแล้ว”


          “อีกเป็นชั่วโมง ไปบอกคนขับว่าจะกลับกับอาเร็วๆอย่าดื้อ”


           “หนูไม่ได้ดื้อซักหน่อย อาลอนั่นแหล่ะเอาแต่ใจ”


           "ลงมาเร็วๆเจี๊ยบ อย่าให้อาต้องขึ้นไปลากเราลงมา”ที่สุดศตายุก็ได้แต่เดินลงส้นหนักๆลงมาจากบนรถแล้วอ้อมไปบอกกับคนขับ โชคดีที่คนขับรู้จักพ่อของพระลอจึงเอาลูกเจี๊ยบมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้โดยง่ายและเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้ห้างอีกแห่งหนึ่งพระลอจึงพาศตายุแวะเข้ามาโดยที่คนเด็กก็มองอย่างไม่เข้าใจ


           “พอดีหิว”และเหมือนลลิตภัทรจะรู้คำถามในใจเด็กเป็นอย่างดีจึงหันมาบอกระหว่างหาที่จอดรถ สองอาหลานเดินลงมาจากรถก่อนที่พระลอจะเลือกเข้าร้านสุกี้ชื่อดังที่ราคาแพงแต่ของในถาดมีอย่างละกระจึ๋ง


           “อยากกินอะไรสั่งเลยนะ”พระลอบอกกับลูกเจี๊ยบเมื่ออีกฝ่ายนั่งมองเมนูนิ่ง


            “ไม่เป็นไรอาลอสั่งเถอะหนูกินอะไรก็ได้”


           “คนเราชอบกินไม่เหมือนกัน อาพาหนูมาเลี้ยงหนูอยากกินอะไรหนูก็สั่งเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”


          “เอางั้นเหรอ งั้นหนูสั่งแล้วนะ”เจ้าตัวแสบเมื่อเห็นอาอนุญาตก็พลิกเมนูทันที


           “พี่ครับ วากาเมะ 5 ถาด กุ้ง 5 หมึก 5 ตับหมู 2 สาหร่ายทรงเครื่อง 2 เต้าหู้ 1 ไข่ 1 อ๊ะๆ เอาหมูทรงเครื่อง 1 แมงกะพรุน 3 คุโรบุตะสไลด์ 4 อาลอกินเนื้อวัวมั้นฮะ”คนเด็กเงยหน้าจากเมนูมาถามพระลอที่นั่งอึ้งกับการสั่งสไตล์แร๊พเปอร์ของศตายุ


           “สั่งเลยค่ะ อากินได้ทุกอย่าง”


            “งั้นเอาเนื้อวัว 3แล้วก็เกี๊ยวปลา 4 ผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน เห็ดออริจิกับห็ดเข็มทองอย่างละถาดฮะ   แล้วก็เป็ดย่างจานใหญ่ 1 บะหมี่หยก 2 เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่มครับ”


           “ห๊ะ!!”พระลอถึงกับร้องเสียงหลงกับประโยคสุดท้ายจนศตายุเงยหน้าขึ้นมองอย่าง งงๆ


           “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”


          “อ๋อ เปล่าค่ะ เห็นเจี๊ยบเจริญอาหารเลี้ยงง่ายอาก็ดีใจ”


           “เจี๊ยบไม่อยากกินเยอะอ่ะเดี๋ยวกลับไปกินข้าวเย็นไม่ลง”


อื้อหือ นี่ไม่เยอะ ขนาดเขาไปกินกับเพื่อนสามคนยังสั่งไม่เยอะขนาดนี้เลย เจ้าลูกเจี๊ยบมันสั่งเพราะอยากหรืออะไร เขาไม่เชื่อว่าจะกินกันหมดแน่ๆ


ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงเด็กนี่จนโตมาได้ถึงขนาดนี้กันนะ


ระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟลลิตภัทรก็ได้แต่คิดวนๆในใจ จนกระทั่งถาดอาหารเริ่มมาวางบนโต๊ะ มันวางเรียงรายเต็มโต๊ะเกินกว่าที่คนสองคนจะกิน แต่ศตายุกลับจัดการเทของพวกนั้นลงหม้ออย่างมีลำดับขั้นตอน


          “อาลอกินเลยๆ”คีบอาหารในหม้อใส่จานให้กับลลิตภัทรจากนั้นเครื่องจักรสังหารก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ศตายุเหมือนหลุมดำที่สูบอาหารเข้าปากแบบนันสต๊อป อาหารคำใหญ่คำแล้วคำเล่าถูกยัดเข้าปากไม่ได้หยุด กินไปด้วยคุยไปด้วย น้ำเสียงที่เล่านู่นเล่านี้ดังจ้อทำให้ลลิตภัทรหัวเราะออกมาได้หลายต่อหลายครั้งกับมุกตลกของเด็กๆ โดยไม่รู้ตัวอาหารในหม้อก็ยุบหายจนเหลือเพียงน้ำซุป ลลิตภัทรคิดว่าถ้ามีแข่งกินจุชิงรางวัลเขาจะส่งลูกเจี๊ยบไปแข่ง พระลอจ่ายเงินค่าสุกี้เสร็จแล้วก็หันมาถามคนที่เดินข้างๆ


          “กินไอติมมั้ยคะ”ชี้มือไปยังร้านไอติมที่อยู่ตรงข้ามกับร้านสุกี้


           “ง่า ไม่เอาดีกว่า เจี๊ยบเกรงใจ”




หนูเลยคำนั้นไปตั้งแต่ที่กินสุกี้แล้วค่ะ



นั่นเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในใจ ลลิตภัทรจับมือหลานจูงเข้าไปในร้านโดยไม่ได้พูดอะไร

 
          “อยากกินอะไรหนูสั่งเลยนะคะ”


          "งั้นพี่ครับผมเอาบานาน่าสปริทนะครับ ไอติมเอาสตรอเบอรี่ สติ๊กกี้ชูวี่ แล้วก็มิ้นท์ เพิ่มเชอร์รี่ด้วยฮะ”


          “ผมไม่เอาครับพาหลานมากินเฉยๆ”พระลอเอ่ยปฎิเสธเมื่อพนักงานสาวหันมาถามเมนูจากเขา หญิงสาวเก็บเมนูพลางเอาออเดอร์ไปส่งพระลอนั่งไขว่ห้างมองเด็กที่หันมายิ้มหวานให้เขา แค่รอยยิ้มน้อยๆที่ส่งมาให้พระลอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ตนเองไม่จำเป็นต้องกินของหวานชนิดไหนบนโลกอีกแล้ว ไม่นานไอศกรีมของศตายุก็มาส่งเด็กน้อยตักไอติมเข้าปากมองเขาอย่างลังเล


           “อาลอไม่กินจริงๆเหรอ กินกับเจี๊ยบก็ได้นะ”


           “กินเถอะค่ะ อาชอบมองเวลาหนูกินมากกว่า”ชายหนุ่มตอบหลานด้วยดวงตายิ้มๆ


เลี้ยงให้อ้วนๆมือเนื้อมีหนังค่อยจับกินทีหลังก็ยังไม่สาย


            “อาลอ อ้ามมมม”เด็กน้อยที่ไม่รับรู้ความคิดด้านมืดของพระลอตักไอติมจ่อมาที่ปากของลลิตภัทร ชายหนุ่มมองใบหน้าใสของหลานกระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะอ้าปากรับไอติมเข้าปาก


หวาน...ไม่ใช่เพราะไอติมหรอก แต่เป็นเพราะได้กินไอติมช้อนเดียวกับที่หลานใช้ต่างหากล่ะ


ช้อนยังหวานขนาดนี้ แล้วปากที่อมช้อนไปตั้งหลายทีจะหวานขนาดไหนกันนะ


อยากชิมจังเลย...







..........................

ขับเลยห้างไปอีกประมาณ 2-3 กม. ก็ถึงโรงพัก สภอ.เมือง พอดีค่ะอาลอ

1 เม้น 1 แท็ก 1 กำลังใจนะคะ



#พระลอตามไก่

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๕ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 19-11-2018 13:23:12
พอเห็นเจี๊ยบกินเยอะก็เริ่มแอบคิดว่าถ้าน้องโตขึ้นมาแล้วดันสูงกว่าอาลอ..อาลอจะถูกกินแทนไหม...
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๕ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-11-2018 14:47:07
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 20-11-2018 01:08:30

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๖


         พระลอนั่งมองลูกเจี๊ยบตักไอติมเข้าปากด้วยความเพลินเพลิน ริมฝีปากอิ่มอมลูกเชอร์รี่สีแดงมันวาวมีก้านยาวโผล่ออกมา ดวงตาของเด็กน้อยมีความสุขกับสิ่งที่กินอยู่จนพระลออดที่จะขำไม่ได้ ชายหนุ่มโน้มตัวไปใกล้ๆก่อนจะดึงก้านเชอร์รี่ออกจากปากหลาน


                “ฮื้อ อาลอ”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อคนเป็นอาเอาก้านเชอรี่ออกจากปากตนไปถือ


                “รู้มั้ยคะว่าอาลอน่ะ ใช้ลิ้นพันก้านเชอรี่ได้ด้วย”พระลอเอ่ยประโยคบอกเล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ


                “แล้วจะต้องไปพันมันทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความซื่อ ดวงตาเป็นประกายอยากรู้แต่สีหน้าก็ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อที่คนแก่กว่าบอกซักเท่าไหร่


                “ก็ถ้าใครเอาลิ้นพันก้านเชอรี่ได้แปลว่าใช้ลิ้นเก่ง”พระลอจ้องตากับลูกเจี๊ยบด้วยสายตาที่สื่อความนัยบางอย่าง ลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าสายตาแบบนั้นมันไม่ปลอดภัยแต่ก็น่าเข้าใกล้อย่างประหลาด เด็กน้อยรู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง พระลอค่อยๆส่งก้านเชอรี่ที่เพิ่งดึงออกจากปากหลานเข้าไปในปาก ชั่วครู่ปลายลิ้นก็ยื่นก้านเชอรี่ที่มัดกันเป็นปมออกมาหยิบวางลงบนกระดาษทิชชู่ ศตายุปรบมือให้กับความสามารถพิเศษนั้น


                “อาลอเก่งจังเลย หนูอยากใช้ลิ้นเก่งแบบอาลอมั่งจัง”


                “มาฝึกกับอาสิ ไว้อาจะสอน รับรองไม่ถึงเดือนหนูจะใช้ลิ้นเก่งมากๆแบบอาแน่ๆ หนูนั่งกินไปก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”ศตายุยุยิ้มรับแล้วเอาเชอรี่อีกลูกเข้าปาก นั่งรอจนพระลอกลับมาแล้วไปจ่ายเงินเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน พนักงานเดินมาเก็บโต๊ะ บนโต๊ะปรากฏก้านเชอรี่ที่ถูกพันปมวางไว้ 2 ก้าน

 

                ตั้งแต่เกิดมาพระลอก็เจอของขาวระยะประชิดมาก็เยอะ แต่ขาขาวๆที่มีกางเกงนักเรียนขาสั้นสูงเหนือเข่าไปเป็นคืบแบบนี้พระลอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก สมาธิในการขับรถถูกรบกวนเสมอยามที่หางตาไม่รักดีมันชอบวอกแวกกลับมามองขาอ่อนของลูกเจี๊ยบน้อยจอมคุย พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะๆ มองจากสายตายังขาวยังเนียนขนาดนี้ ถ้าลองจับลองลูบลองเลียจะนุ่มมือนุ่มลิ้นขนาดไหน


คิดอะไรอยู่วะ

 
ทำไมศตายุถึงมาทำให้จิตใจด้านมืดของเขามันออกสีเข้มข้นได้มากขนาดนี้

 
จริงอยู่ว่าพระลอก็ผ่านเรื่องอย่างว่ามาเยอะ สังคมในเมืองหลวงทั้งด้านดีด้านมืดเขาเคยลองมาหมดแล้ว และชายหนุ่มควบคุมตัวเองได้เสมอมา บางอย่างก็แค่ลองให้รู้แล้วก็หยุด เรื่องเซ็กส์เขาก็มีตามความต้องการแต่ไม่เคยจริงจังกับใครเลยซักครั้ง ตั้งแต่ผิดหวังจากจิ๊บเขาก็คิดว่าการรอหรือถนอมอะไรซักอย่างมันไม่ตอบโจทย์ คำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานมันแม่งไม่มีจริง อดเปรี้ยวรอกินตอนหวานสุดท้ายหมาคาบไปแดก

 
แต่นั่นแหล่ะ เขาไม่เคยถูกใจใครจนเสียจริตมากขนาดนี้ นอกจากจิ๊บแล้วทุกคนที่ผ่านมาเป็นแค่ของแก้เหงา จนกระทั่งมาเจอลูกเจี๊ยบ

 
แน่นอน ตอนแรกเขาเอ็นดู ลูกเจี๊ยบน่ารัก สดใส ช่างพูดช่างเจรจา อยู่ด้วยแล้วไม่เหงา

 
แต่ยิ่งอยู่ใกล้จากความเอ็นดูก็เปลี่ยนเป็นอยากดูเอ็นหลานไปซะอย่างนั้น ลอบมองเนื้อตัวหลานตอนที่รถติดไฟแดงแล้วก็คอแห้งก็เจ้าลูกเจี๊ยบบ่นว่าร้อนตอนเดินกลับมาที่รถเจ้าตัวเลยปลดกระดุมเสื้อออกเม็ดหนึ่ง ดึงชายเสื้อออกนอกกางเกง เวลาขยับตัวเนื้อขาวๆก็โผล่ให้เห็นรำไร ไหนจะขาที่สั่นไปมายั่วตานั่นอีก

 
เด็กนี่จะรู้มั้ยว่าคนที่นั่งใกล้ๆคิดบาปไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พระลอเร่งแอร์ให้เย็นมากขึ้น

 
                “ฮื้อ...แอร์แรงจังเลยอาลอ”ผ่านไปซักพักเจ้าตัวเล็กถึงเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ได้รับ

 
                “หนูหนาวเหรอคะ?”

 
                “หนาวสิ เสื้อนักเรียนหนูบางกางเกงก็ขาสั้นโดนแอร์เต็มๆเลยอ่ะ”คนเด็กยู่ปากพลางปรับทิศทางแอร์ให้ไปทางอื่น

 
                “ไหนขออาดูหน่อยว่าตัวเย็นมั้ย”พระลออาศัยจังหวะนั้นวางมือลงบนต้นขาขาวๆของหลานแล้วลูบเบาๆ

 
เชี่ย...นุ่มจริงๆด้วย เนียนมืออีกต่างหาก


                “เย็นจริงๆด้วย” เลื่อนมือขึ้นไปคลำเนื้อส่วนที่โผล่พ้นกระดุมเสื้อเบาๆจนคนหลานนั่งตัวแข็งทื่อราวโดนสาป


                “หนาวมากมั้ยคะ เดี๋ยวอาหรี่แอร์ให้นะ”ทำเนียนกลับมาหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปที่เบาะหลังหยิบเสื้อวอร์มที่ทิ้งติดรถไว้เมื่อเช้ามาคลุมให้หลานเหมือนหวังดี

 
แต่จริงๆลลิตภัทรกำลังทำเพื่อตัวเอง

 
ขืนนั่งมองไปเรื่อยๆได้ขับรถตกเขาตายกันทั้งอาทั้งหลานนี่แหล่ะ

 
ลูกเจี๊ยบรับเสื้อวอร์มไปคลุมขาพลางติดกระดุมเข้าที่ ขยับตัวไปนั่งชิดกับประตูรถอย่างอายๆ ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างรบกวนจิตใจเด็กน้อยจนน่าสงสาร

 
ฮือ...อาลออ่ะ ทำเหมือนไม่คิดอะไร แต่ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องลูบด้วย เขินไปหมดแล้ว

 

 

เกือบ 6 โมงเย็นรถของพระลอก็มาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ จิ๊บที่สอนการบ้านให้แก้วเจ้าจอมเดินออกมาดูก็เห็นลูกชายคนโตเดินลงมาจากรถยนต์คันคุ้นตา เมื่อพระลอลงจากรถมาหล่อนจึงเดินออกมาทักทาย

 
                “อ้าวลอ ทำไมพาลูกเจี๊ยบกลับมาได้ล่ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ จิ๊บรับกระเป๋านักเรียนแสนหนักของลูกมือถือไว้อย่างเคยชิน

 
                “พอดีลอเอารถไปทำในเมืองมาน่ะแล้วขากลับเจอเจี๊ยบนั่งบนรถรอกลับเลยพาหลานกลับมาพร้อมกันเลย”

 
                “ขอบใจมากนะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังกินข้าวเย็นกับเรามั้ย”

 
                “ไม่เป็นไรพอดีกินอะไรเล่นๆกันมาแล้ว งั้นเดี๋ยวลอกลับก่อนนะ แล้วเจอกันนะเจี๊ยบ”เด็กน้อยก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา ความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างยังคงหลงเหลืออยู่ ได้แต่พยักหน้ารับแบบส่งๆ พระลอไม่ได้เซ้าซี้วุ่นวายอะไรกับศตายุอีก วันนี้เขาเล่นกับเหยื่อมากพอสมควรแล้ว ถ้าเล่นมากไปกว่านี้เกรงว่าเหยื่อจะรู้ตัวแล้วหนีไปซะก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเฉาแย่ ลลิตภัทรขับรถกลับบ้าน อันที่จริงบ้านของจิ๊บเดินกลับได้แม้จะมีคลองกั้นอยู่ แต่ก็มีสะพานข้ามไปที่ฝั่งนู้นเพียงแต่ก็จะอ้อมไกลหน่อย เวลาแก้วเจ้าจอมมาตามศตายุที่บ้านเด็กน้อยจะเดินหรือไม่ก็ปั่นจักรยานข้ามมา แต่ถ้าเป็นศตายุมาบ้านเขาเจ้าลูกเจี๊ยบจะพายเรือข้ามมาเพราะถือเป็นการเดินทางที่ใกล้ที่สุด ลลิตภัทรชะลอรถทักทายพี่ชายที่เพิ่งกลับจากโรงสีที่ตั้งอยู่ท้ายทุ่ง พระลักษณ์กำลังดูความเรียบร้อยของคนงานที่เก็บอุปกรณ์พ่นยาสองพี่น้องคุยกันนิดหน่อยแล้วตกลงจะกลับไปคุยรายละเอียดงานที่จะให้พระลอช่วยทำ

 
หลังอาหารค่ำจบไปอย่างเรียบง่ายพระลอก็เดินมานั่งเล่นที่ท่าน้ำ แสงไฟนีออนที่ศาลาริมน้ำบ้านของจิ๊บติดอยู่ ร่างของศตายุยังคงอยู่ในชุดนักเรียนเหมือนเมื่อเย็นนั่งทำการบ้านด้วยสีหน้ายุ่งๆ การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ยากมากมีโจทย์หลายข้อที่เด็กน้อยไม่เจ้าใจ ศตายุอยากเรียนพิเศษแต่ว่าเพราะบ้านไกลทำให้ไม่สามารถเรียนในตอนเย็นได้ และพ่อกำนันก็ไม่ได้เรียนเก่งถึงขนาดมาสอนลูกที่เรียนห้องวิทย์-คณิต อย่างเขาได้ แดนดินแม้จะจบ ม.6 แต่จบมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด พอรับใบรับรองก้าวเท้าออกนอกรั้วปุ๊บความรู้ที่เรียนมาแดนดินก็คืนครูไปทั้งหมด อีกทั้งแดนดินกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำชายหนุ่มถ้าไม่อยู่ในนาก็อยู่ที่ทำการกำนันคอยรับเรื่องจากชาวบ้าน วนเวียนอยู่ที่ทำการกับ อบต. บางครั้งก็ต้องไปช่วยงานบุญบ้านนั้นทีบ้านนี้ที แดนดินรับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเพราะบารมีกำนันแดงหนุนลูกไว้ ชายหนุ่มกลายเป็นพ่อลูกสามตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เพราะความมีน้ำใจและอัธยาศัยดีก็ซื้อใจลูกบ้านได้ไม่ยาก  ส่วนจิ๊บเองพอจบ ม.3 ก็ต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน เรื่องเรียนต่อเป็นอันต้องพับโครงการไป

 
                “เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้ายุ่งแบบนั้นล่ะ”ลูกเจี๊ยบสะดุ้งเมื่อได้ยินคนฝั่งนู้นตะโกนถามมา เมื่อหันไปดูก็พบพระลอที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเลผ้าแพรยืนยิ้มมาให้

 
                “การบ้านยากจ้า หนูพยายามแก้โจทย์แล้วแต่ทำไม่ได้”


                “ให้อาลอสอนมั้ย อาลอเรียนเก่งนะ”((ตอแหล))

 
                “จริงเหรอ อาลอสอนได้จริงๆเหรอจ๊ะ”สีหน้าของศตายุดีขึ้นมาทันที ท่าทางกระตือรือร้นนั้นทำให้พระลอส่งยิ้มกว้างกลับไปให้

 
                “อาลอจะหลอกหนูทำไมล่ะคะ ไปบอกแม่ไปว่าจะมาทำการบ้านที่บ้านอาลอ เดี๋ยวเสร็จจะกลับ”

 
                “งั้นอาลอรอหนูแป๊บนะจ๊ะ”ศตายุลุกพรวดเตรียมจะวิ่งกลับบ้าน พระลอเหมือนนึกอะไรได้รีบเรียกหลานไว้ก่อน

 
                “เดี๋ยวเจี๊ยบ มาคนเดียวนะไม่ต้องให้เจ้าจอมตามมาด้วย”

 
                “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ”

 
                “เดี๋ยวอาไม่มีสมาธิสอน เลขมันต้องใช้สมาธิเยอะ”

 
                “งั้นก็ได้จ้า”ศตายุตอบรับแล้ววิ่งปรู้ดเข้าบ้านไปหาแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่กับจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอม ข้างหน้ามีกะละมังใส่ข้าวโพดต้มที่หักมาจากในไร่เมื่อตอนเย็น

 
                “อ้าวเจี๊ยบ ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?”

 
                “ยังจ้าแม่ เจี๊ยบจะมาขอแม่ข้ามไปบ้านฟากขะนู้น”

 
                “ไปทำไมลูก ไปกวนเขามันไม่ดีนะ มืดแล้วด้วย”

 
                “หนูทำการบ้านไม่ได้ อาลอบอกจะช่วยสอนให้จ้า ให้หนูไปนะจ๊ะแม่ เนี่ยทำเองไม่เสร็จแน่ เพื่อนๆเขาเรียนพิเศษกันแต่หนูไม่ได้เรียนมันยากมากๆเลยแม่”


                “เอางั้นก็ได้ แต่ตั้งใจเรียนล่ะอย่าเอาแต่ซน ไปรบกวนเขามืดๆค่ำๆมันไม่ดี”


                “ได้จ้าหนูจะรีบทำเสร็จแล้วจะรีบกลับ”ลูกเจี๊ยบยิ้มรับคำพูดของแม่ แก้วเจ้าจอมรีบคว้าข้าวโพดมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืนทันที

 
                “ไปด้วย”น้องคนเล็กรีบเสนอหน้าทันที แก้วเจ้าจอมเป็นลูกพ่อ พ่อสั่งไว้ว่าถ้าพี่ลูกเจี๊ยบหรือพี่เจ้าขาไปไหนมืดๆค่ำๆหรือไปเล่นไกลบ้านให้แก้วเจ้าจอมไปด้วยทุกที่

 
เจ้าจอมจะทำตามที่พ่อสั่งอย่างเคร่งครัด

 
                “ไม่ต้องไป ตัวไปก็ไปกวน พี่จะรีบทำการบ้านให้เสร็จ มีทั้งเลขทั้งวิทย์ ไปเรียนไม่ได้ไปเล่น”

 
                “แต่พ่อสั่งไว้ว่าถ้าไปไหนให้หนูไปด้วย”เจ้าคนน้องกอดอกฉับอย่างเอาแต่ใจ

 
                “แต่พี่ไม่ให้ไป แม่ ไม่ให้เจ้าจอมไปนะเดี๋ยวไปกวน”ลูกเจี๊ยบหันไปขออำนาจแม่ในการตัดสิน อำนาจพ่อหรือจะสู้บารมีแม่ ในที่สุดเจี๊ยบน้อยก็หอบกระเป๋าเรียนพายเรือข้ามไปบ้านพระลอเพียงลำพังโดยมีเสียงเจ้าจอมร้องไห้งอแงตามมาข้างหลังแว่วๆจับใจความได้ว่า

 
                “พ่อมาหนูจะฟ้องพ่อ”

 

พระลอรับกระเป๋าหนังสือของหลานมาถือไว้แล้วเดินนำลูกเจี๊ยบขึ้นมาบนบ้าน นอกชานไม่มีใครอยู่แล้วเพราะแม่ของเขาเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระ ส่วนพระลักษณ์ก็กลับบ้านของตนเองไปแล้วตั้งแต่กินข้าวเสร็จ

 
               “ย่าโฉมนอนแล้วเหรอจ๊ะ”

 
                “อยู่ในห้องพระน่ะ แต่เดี๋ยวสองทุ่มก็คงนอน เข้าไปทำการบ้านในห้องอากันค่ะ ข้างนอกยุงเยอะ ร้อนด้วย”พระลอเดินนำศตายุเข้าไปในห้องนอน ไฟถูกเปิดให้สว่างขึ้น เด็กน้อยเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย พระลอปิดหน้าต่างและประตูแล้วเปิดแอร์ไม่นานความเย็นฉ่ำก็ครอบคลุมในห้อง ศตายุยิ้มอย่างชอบใจ บ้านของลูกเจี๊ยบไม่ได้ติดแอร์ ลูกเจี๊ยบเป็นเด็กขี้ร้อนดังนั้นเขาจึงชอบไปนั่งทำการบ้านที่ศาลาริมน้ำอาศัยลมเย็นช่วยคลายความร้อน พระลอนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง

 
                “ไหนคะ มีการบ้านอะไรบ้าง เอามาให้อาดูหน่อยสิคะ”คนแก่กว่าถือโอกาสดึงข้อมือเล็กของหลานให้เดินมาใกล้

 
                “มีเก้าอี้ตัวเดียวเหรออาลอ แล้วจะให้เจี๊ยบนั่งไหนอ่ะ”เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆห้องเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวก็ถูกเจ้าของห้องจับจองไปแล้ว

 
                “นี่ไงก็นั่งตัวเดียวกัน แบ่งกันนั่ง”พระลอหมุนเก้าอี้เก้าอี้หนังไปมา


                “ฮื้อ ไม่เอาหรอก ถ้าหักทำไง”ลูกเจี๊ยบมองเก้าอี้ที่ดูท่าทางไม่น่าจะรับน้ำหนักตัวของผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนได้

 
                “น่า นั่งเถอะไม่ต้องกลัวเก้าอี้อาแข็งแรงทนแรงกระแทกได้ดีด้วย ไหนว่าจะรีบทำไง ชักช้าโอ้เอ้เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี”พระลอไม่รอให้คนเด็กกว่าได้คิดอะไรมากนักกระตุกข้อมือจนร่างของคนเด็กวางก้นแหมะลงบนหน้าขาของตัวเองอย่างพอดิบพอดี


                “หนูนั่งพื้นก็ได้นะอาลอ”ลูกเจี๊ยบก้มหน้างุดเมื่อพระลอเอาคางมาเกยกับไหล่ของตนเอง ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่หลานบอก

 
                “ไหนคะ ไม่เข้าใจตรงไหน ศตายุกัดปากนิ่งคิด


บางทีอาลออาจจะไม่ได้คิดอะไร เขาอาจจะคิดไปเองว่าท่าทางมันล่อแหลม อาลออาจจะเห็นว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆเหมือนใบบุญและใบบัว คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงขยับท่านั่ง ลลิตภัทรอ้าขาตัวเองให้เกิดช่องว่างให้ศตายุหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นเก้าอี้ที่เหลือได้มือหนาจับเอวหลานให้ขยับนั่งได้ถนัดขึ้นปลายจมูกก็ปัดผ่านผิวแก้มหลานเพียงเฉียดๆสอนการบ้านข้อที่หลานไม่เข้าใจอย่างใจเย็นจน บางครั้งปลายนิ้วร้อนที่วางบนหน้าท้องของหลานก็เกลี่ยเบาๆจนศตายุตัวสั่น เด็กน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากมายขนาดนี้มาก่อน หัวใจเต้นแรงอย่างน่ากลัวแต่เมื่อหันไปมองลลิตภัทรก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรที่มากไปกว่านั้นศตายุจึงคิดเอาว่าอาลออาจจะเผลอลูบหน้าท้องเขาแบบที่เคยทำเป็นนิสัยจึงได้แต่นั่งนิ่งใจโครมครามอยู่คนเดียว

 
พระลอลอบยิ้มกับท่าทางสับสนนั้นของคนเด็ก ศตายุไม่ได้เบี่ยงตัวหลบหรือโวยวาย เด็กน้อยเพียงแค่ตัวสั่น หลายครั้งที่ลมหายใจสะดุดเพราะเขาแกล้งลูบเบาๆที่หน้าท้อง ยิ่งตอนไหนที่เขาหันไปอธิบายใกล้ใบหูศตายุได้แต่ย่นคอหนีเบาๆเขายิ่งสนุก

 
เล่นให้ชินมือ ให้เหมือนลูกแมวที่เจ้าของลูบคลำทุกวัน เขาเชื่อว่าซักวันหนึ่งศตายุจะเสพติดสัมผัสของเขา

 
เด็กมันใสจนเขาอยากจะค่อยๆสอนสัมผัสทางกายต่างๆทีละนิด ยิ่งเด็กไม่โวยวายตามไม่ทันแบบนี้สัญชาติญาณของผู้ล่าของเขายิ่งพลุ่งพล่าน

 

ยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนบาป เข้าข่ายภัยสังคม แต่ลูกเจี๊ยบน่ารักจนเขาไม่คิดที่จะห้ามใจ

 
เพราะเคยห้ามมาแล้วไง  ห้ามจนมีลูกเจี๊ยบมา 1 คน ตัวนิ่มๆให้เขาละเลียดเล่น

 
นึกขอบใจแดนดินที่มาทำให้จิ๊บท้องไม่งั้นเขาคงไม่ได้เจอความนุ่มนุ่มฟูๆแบบศตายุในวันนี้แน่ๆ

 
ถ้าศตายุต้องเป็นลูกของเขาพระลอคงเสียดายแย่

 
รอดจากการเป็นลูกมาเป็นเมียอา อาก็คิดว่ามันก็ไม่เสียของนะหนูนะ

 
พระลอไม่ใช่คนใจเย็น แต่กับศตายุเขาชอบเด็กนี่ ถูกใจ เพราะฉะนั้นจะเล่นด้วยนานหน่อยก็ไม่เป็นไร

 
ยังมีเวลาให้เล่นอีกเยอะ

 
มีเวลาทั้งชีวิตล่ะ

 

 

                แดนดินกลับถึงบ้านตอนสามทุ่มกว่า เจ้าจอมกับเจ้าขาเข้านอนไปแล้วเหลือเพียงจิ๊บที่นั่งถักโครเชต์รอสามีและลูกคนโตอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาสามีรับข้าวของที่แดนดินถือมา ใบหน้าหวานขึ้นสียามที่กำนันหนุ่มเห็นว่าปลอดจากลูกๆก็หอมแก้มนวลนั้นฟอดใหญ่

 
                “ลูกๆนอนกันหมดแล้วเหรอจิ๊บ”

 
                “เจ้าขากับเจ้าจอมเข้านอนแล้วจ้า”

 
                “แล้วลูกเจี๊ยบล่ะ?”


                “เจี๊ยบไปบ้านฟากขะนู้นยังไม่กลับ”

 
                “ไปทำไม นี่มันดึกแล้วนะ ไม่รู้เวลาร่ำเวลาหรือไง”แดนดินว่าอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่เคยว่าลูกที่จะไปเล่นที่บ้านนู้นเพราะย่าโฉมช่วยเลี้ยงลูกเจี๊ยบมาตอนยายประไพยังไม่ตาย เด็กจึงสนิทกับคนบ้านนู้นผู้ใหญ่ชลิตและภรรยารักเจ้าลูกชายคนโตของเขาราวกับเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ แต่การที่ลูกไปบ้านนู้นตอนมืดค่ำแดนดินก็เห็นว่ามันไม่สมควร

 
                “พอดีลูกมาขอ บอกว่าทำการบ้านไม่ได้แล้วลอจะช่วยสอนให้จิ๊บเห็นว่ายังไงจิ๊บก็สอนหนังสือลูกเองไม่ได้ ก็เลยให้ไปน่ะ เดี๋ยวทำเสร็จก็คงจะกลับมา”

 
                “แล้วปล่อยให้ลูกไปคนเดียวเนี่ยนะ จิ๊บ พี่บอกตรงๆ พี่ไม่ไว้ใจไอ้ลอเลย”แดนดินเดินตามภรรยาเข้าห้อง จิ๊บชวยปลดกระดุมและถอดเสื้อให้กับสามีตามความเคยชินที่เคยทำ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆให้กับความอคติของสามี

 
                “จิ๊บก็ไม่เห็นว่าลอเค้าจะมีอะไรเลยนะพี่ดิน ดีซะออก เขาเอ็นดูลูกเรา ไอ้ที่เคยขุ่นข้องหมองใจกันเขาก็ไม่เอามาพูดอีก เมื่อเย็นยังไปรับเจี๊ยบมันกลับมาด้วย”

 
                ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเวลามันมองลูกเรา มันมีสายตาแปลกๆ มันคงไม่ได้ตีสนิทกับลูกเราให้ลูกเราตายใจแล้วจับลูกเราฆ่าถ่วงน้ำล้างแค้นนะ”


                “โอ้ย พี่ดิน คิดอะไรพิลึกคน ดูละครมากไปป่าวเนี่ย ไปไป๊ ไปอาบน้ำจะได้ดับความฟุ้งซ่าน จิ๊บว่าลอน่ะคงเห็นว่าลูกเราน่าเอ็นดู เมื่อก่อนลอเกลียดเด็กจะตาย แต่มาเอ็นดูลูกเราทั้งๆที่เจี๊ยบเป็นเด็กที่ลอควรจะเกลียดที่สุดด้วยซ้ำ จิ๊บก็ดีใจนะ เด็กๆน่ะมีความน่ารักน่าเอ็นดู ผู้ใหญ่ที่เคืองๆกันส่วนมากก็มาดีกันเพราะความไร้เดียงสาของเด็กนี่แหล่ะ ยิ่งลอเค้าเป็นคนพูดไม่เก่งมาเจอเจ้าเจี๊ยบลูกของเราคงหายเหงาพี่ก็อย่าไปคิดมากเลย อย่างเจี๊ยบเนี่ยใครจะมาทำอะไรได้ แสบจะตาย”

 
                “ไม่รู้แหล่ะ ยังไงๆจิ๊บก็คอยดูๆลูกไว้บ้างก็แล้วกัน”แดนดินยังไม่คลายห่วงลูก ชายหนุ่มคิดว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างพระลอน่ะหรือจะมาหายโกรธได้ในเวลาเพียงอาทิตย์กว่าๆ


หรือว่า พระลอจะเข้าทางลูกแล้วมาเขี่ยถ่านไฟเก่ากันนะ


มันอาจจะมีแผนมาแย่งเมียรักของเขาไปก็ได้

 
ไม่ได้การณ์ล่ะ เขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้วเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เดี๋ยวว่างต้องเรียกลูกชายคนโตมาคุยซักหน่อยล่ะ

 

                “เสร็จแล้วววว”ศตายุร้องอย่างดีใจเมื่อการบ้านข้อสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เด็กน้อยหันไปยกมือไหว้พระลอที่นั่งยิ้มกริ่มโดยที่ฝ่ามือวางแหม่ะอยู่บนต้นขาขาวๆของศตายุโดยที่คนเด็กเองก็ไม่ได้สนใจ ก็อาลอน่ะจับตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยตลอด

 
                “เจี๊ยบก็เรียนเก่งนี่นา อาสอนนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว ทำไมถึงทำเองไม่ได้ล่ะ”

 
                “ก็หนูสับสนว่าต้องเอาตัวไหนแทนค่าอะไร พออาลออธิบายหนูก็เข้าใจไงถ้าหนูได้เรียนพิเศษกับเพื่อนก็น่าจะเข้าใจแหล่ะ ขอบคุณอาลอมากๆนะจ๊ะ”


                “งั้นตอนเย็นๆเจี๊ยบมาเรียนพิเศษกับอามั้ยคะ เดี๋ยวอาสอนให้”

 
                “จริงเหรอ เนี่ย เจี๊ยบให้ลุงรามกับป้าขวัญสอนให้แต่เขาไม่ค่อยว่าง ถ้าอาลอสอนหนูๆจะได้ขอพ่อกับแม่มา อาลอคิดค่าสอนเท่าไหร่จ๊ะ”


                “อาลอไม่เอาค่าสอนหรอก ให้หนูเป็นเด็กดีพูดง่ายๆก็พอ แล้วก็ไม่เอาเจ้าจอมมาวุ่นวายกับอาแค่นี้ทำได้มั้ย?”


                “ได้จ้า ดีจังเลย งั้นเดี๋ยวเจี๊ยบกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ จะสี่ทุ่มแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง”


               "โอเคเดี๋ยวอาเดินไปส่ง แต่ว่าวันนี้จะไม่จ่ายค่าสอนอาหน่อยเหรอคะ หืม?”

 
                “อ่า...อาลอจะเอาอะไรล่ะ เจี๊ยบไม่ได้พกตังค์มาหรอกนะ คิดว่าจะสอนฟรี”

 
                “ตังค์อาลอมีเยอะแล้ว อาลอไม่เอาของหนูหรอกค่ะ”

 
                “งั้นอาลอจะเอาอะไรล่ะ?”พระลอดึงเอวหลานให้ศตายุขยับมานั่งบนหน้าขาหันข้างเข้าหาตน รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา


                “หอมแก้มอาลอสิคะ แค่นั้นก็พอแล้ว”

 
                “ฮื้อ...ไม่เอาหรอก อาลอขี้โกงนี่” คนเด็กย่นจมูกใส่ มีอย่างที่ไหนมาขอค่าสอนเป็นการหอมแก้ม

 
                “ขี้โกงตรงไหน ก็หอมแบบหลานหอมอา ใบบุญกับใบบัวก็ทำแบบนี้เสมอเวลาอาสอนการบ้าน เร็วๆ ไม่ทำไม่ให้กลับบ้านนะ พระลอเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองเบาๆพลางทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้าหาหลาน ศตายุที่กอดคอพระลอไว้ได้แต่กำมือเข้าหากันเพราะความเขิน

 
อาลออ้อนยังกับพวกพระเอกละครหลังข่าว

 
แล้วความรู้สึกนี้ของศตายุมันคืออะไรกันนะ ทำไมต้องยิ้มจนแก้มแทบแตกกับท่าทางน่ารักๆของอาลอด้วย ทำไมรู้สึกโหวงๆในช่องท้องลามไปจนถึงปลายนิ้วเท้ากันนะ


ศตายุมองแก้มป่องๆที่ลอยอยู่ตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจจรดริมฝีปากลงไปบนผิวแก้มของพระลอเบาๆ


                “หอมแล้ว หนูกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ” เด็กน้อยดีดตัวลงจากตักของพระลอ รีบรวบข้าวของแล้วเดินออกไปจากห้องทันที พระลอหัวเราะเบาๆกับความสำเร็จขั้นแรกที่ได้รับนี้ ชายหนุ่มเดินตามหลังหลานอย่างอารมณ์ดีเพื่อไปส่งศตายุกลับบ้าน

 
                “พายดีๆนะหนู อย่าเอาแต่ยิ้มจนแก้มเบียดลูกกะตาจนพายเรือคว่ำตกน้ำตกท่าไปนะ อาขี้เกียจตามไปงม”


                “พูดมากกลับขึ้นบ้านไปเลยไป”ศตายุสาบานเลยถ้าอาลออายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ศตายุจะตบด้วยพายให้อาลอหัวทิ่มตกน้ำไปเลย


คนนิสัยไม่ดี...คนฉวยโอกาส

 
ทั้งๆที่รู้ว่าโดนคนแก่กว่าหลอกลวนลาม แต่ทำไมลูกเจี๊ยบน้อยกลับรู้สึกชอบกันนะ ปล่อยให้เขาลูบขาลูบพุงโดยไม่ห้ามเลยซักนิด

 
ฮือ...จะไปปรึกษาใครได้บ้าง ลูกเจี๊ยบสับสนกับความรู้สึกของตัวเองจังเลย





...............................



สนใจมาเรียนพิเศษกับอาลอมั้ยคะ แอร์เย็น เบาะนุ่ม เตียงนอนคิงส์ไซส์ ห้องเก็บเสียงได้



คติพจน์ของอาลอ : ช้าๆหมาคาบเอาไปแดรก



อาลอภัยสังคมของแท้ ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย สุภาพบุเริงบุรุษอะไรไม่มีหรอกค่ะ



เพราะเคยรอแล้วไม่ได้อะไร ครั้งนี้อาลอจึงไม่รอค่ะ อยากได้ต้องได้



#ทีมคนคุก กด 1

#ทีมเด็ก กด 2



#พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-11-2018 01:48:57
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:

 o13
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 20-11-2018 06:27:39
ลอใจเย็นนะ หลานยังเด็ก 5555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 20-11-2018 09:12:46
กด 2  #ทีมเด็ก

ถ้าพระลอลดความหื่นลงนิด เรื่องน่าจะตั๊ลล๊ากขึ้นนะเราว่า     :try2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 20-11-2018 09:37:04
ชื่อเรื่องน่าอ่านมากกก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 20-11-2018 10:15:59
ทีมคนคุกจ้า :jul1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๗ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 20-11-2018 11:16:16

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๗

หอม..เอย หอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาย่านาง
มองเห็นบัว สล้าง ลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อยก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้า
เจ้าบัวตูมบัวบาน


ฟิลมันได้ ฟิลมันใช่ อารมณ์พาไปสุดๆ แต่อาจจะไม่ใช่กลิ่นกองเฟิงกองฟางอะไรหรอก กลิ่นโคลนสาบคุกดีๆนี่แหล่ะ เพราะตอนนี้พระลอฟินสุดๆไปเลย ร่างกายของคนทั้งคู่โยกขยับไปตามจังหวะ เนิบช้าแต่ทว่ามันคง เหงื่อเม็ดใหญ่ค่อยๆไหลจากขมับสู่อกเสื้อ อุณหภูมิในร่างกายของพระลอและลูกเจี๊ยบค่อยๆทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

                “อาลอ...”เสียงที่แตกหนุ่มได้ไม่นานเอ่ยเรียกคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลังตนเบาๆ ริมฝีปากแดงจัด สองแก้มขึ้นริ้วแดงร้อนผ่าวราวกับกำลังวิ่งวนในกองเพลิง

 

                “ขยับหน่อย หนูอึดอัด”เจ้าหลานตัวน้อยบ่นเสียงอุบอิบบอกคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ชมนกชมไม้ไปตามเรื่อง ควายตัวใหญ่เล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้สนใจมนุษย์สองคนที่นั่งจนแทบจะเกยกันอยู่บนหลัง

 

พระลอนึกหมั่นไส้เหลือเกินกับไอ้ควายฟรีด้อมนี้ แต่ก็แอบชอบใจที่มันเดินในจังหวะสโลว์เขาก็ค่อยๆเนียนขยับเข้าไปชิดหลานที่ทำหน้าที่บังคับควายโดยมีแก้วเจ้าจอมเดินตามต้อยๆจูงควายตัวโตตามมาด้านหลัง

 

            ไม่ขาว ไม่ฟูก็เหนื่อยหน่อยนะ

 

                “พี่เจี๊ยบหนูเหนื่อยแล้วนะ อยากกินน้ำแข็งใส” พูดไม่ทันขาดคำไอ้ตัวขัดลาภก็ส่งเสียงอย่างตะบึงตะบอนขั้นสุดมาเลย ฟิลไอ้คล้าวกับอีทองกวาวปลิวหายไปในพริบตาเมื่อลูกเจี๊ยบขยับยุกยิกแล้วโดดลงจากหลังควายไปไปโอ๋น้อง ช่วงนี้แก้วเจ้าจอมงอนเขาบ่อยมาก อย่างวันแรกที่ไม่ยอมให้ตามไปเรียนพิเศษด้วยพอกลับถึงบ้านน้องก็เข้านอนไปแล้วศตายุก็คิดว่าไม่มีอะไรน้องน่าจะเข้าใจว่าเขาไปเรียนไม่ได้ไปเที่ยวเล่น((แม้ว่าจะโดนทำให้กลายเป็นของเล่นคุณครูจอมหื่นไปบ้างก็ตามเถอะ)) แต่พอรุ่งเช้าน้องไม่คุยกับลูกเจี๊ยบเลย แถมยังไปนั่งแอบตรงมุมเสาหันหลังหนีเขาที่ชวนเล่นเป็นการงอนเต็มรูปแบบ กว่าจะง้อได้ก็หมดปีโป้ไป 2 ถุงใหญ่ แก้วเจ้าจอมกินหมดจนเรอออกมาเป็นเศษปีโป้ นั่นแหล่ะ นิ้วก้อยเล็กๆถึงยื่นมาเกี่ยวก้อยกับคนพี่เป็นสัญญาณสงบศึก ตอนนี้ลูกเจี๊ยบมาเรียนพิเศษกับพระลอได้เกือบสามอาทิตย์แล้ว และแน่นอน ชายหนุ่มก็เหมือนวัวที่กำลังอยู่ในช่วงเจริญอาหาร เขาค่อยๆเล็มหญ้าอ่อนอย่างแนบเนียนกลายเป็นว่าตอนนี้พระลอจับจับจะลูบขาลูบแขนบีบพุงยังไงก็ได้ศตายุไม่ได้มีท่าทีระแวงอะไรเขาแล้ว คงคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ในใจของพระลอน่ะไม่ใช่เลย เขาไม่เคยคิดธรรมดากับเด็กคนนี้เลยซักครั้ง หลายวันมานี้เขาเนียนหอมแก้มหลานออกจะบ่อยเวลาที่ศตายุแก้โจทย์ที่ให้ได้

 

รางวัลของคนเก่ง เขาใช้คำนี้บ่อยจนเบื่อ

 

                “งั้นเดี๋ยวผูกปีเตอร์กับเบลล่าไว้ตรงนี้ก่อนเนอะแล้วเราไปกินขนมกัน”ศตายุรับเชือกจากมือน้องแล้วจูงควายทั้งสองตัวไปผูกใกล้ๆต้นไม้ที่พอจะให้ร่มเงาได้ พระลอเดินมองท่าทางคล่องแคล่วของศตายุแล้วก็ให้นึกเอ็นดู คอเสื้อย้วยๆนั่นมันดีไม่หยอก ก้มทีหัวใจคนหนุ่มจะวายแต่ก็ต้องรีบเบือนสายตาหนีเมื่อไอ้เด็กตัวแกรนๆมาเดินบังรัศมีสายตาก่อนที่เขาจะมองเห็นยอดบนเนินน้อยๆ

 

มันน่าจับผูกไว้กับควายแล้วเขาไปกินกันสองคนกับศตายุจริงๆ

 

หมายถึงกินขนมนะ ส่วนกินกันรออีกหน่อย รับรองอร่อยแน่ พ่อจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวเลย

 

เอ๊ะ...คิดไปถึงไหนเนี่ย

 

สามชีวิตพากันเดินฝ่าเปลวแดดที่ร้อนปานขุมนรกลัดทุ่งมาที่ร้านค้าประจำหมู่บ้านที่มีขายสากกะเบือยั้นเรือรบ ถังน้ำมันหลอด 2 ถังมีคราบน้ำมันเหนียวเขรอะตั้งเด่นเป็นสง่า โต๊ะไม้ตัวยาววางกับข้าวสารพัดชนิดทั้งสดและแห้ง แมลงวันนับร้อยบินหึ่งยามที่แม่ค้าเปิดผ้าขาวบางสีเขรอะหยิบเนื้อสัตว์มาตัดขาย ด้านในมีตู้แช่น้ำสารพัดชนิดที่แก้วเจ้าจอมพุ่งปรี่ไปหยิบโค้กออกมาเปิดอย่างรู้งาน ติดจากห้องที่เป็นร้านค้าเทปูนแบบหยาบๆหลังคาสังกะสีทีกันแดดแต่ก็ดูดความร้อนลงมาเช่นกัน เก้าอี้พลาสติกแตกๆที่ถ้าไม่ดูดีๆนั่งลงไปก็หนีบตูดให้ได้แสบๆคันๆเล่นวางเรียงตามความยาวของโต๊ะพระลอเลื่อนเก้าอี้ให้ศตายุแต่แก้วเจ้าจอมตัวแสบก็เดินมาแทรกตูดเบียดคนพี่จนศตายุต้องขยับไปนั่งติดป้าตัวอ้วนๆอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้ พระลออยากจะกระชากหัวเจ้าเด็กแสบนี่แล้วยัดลงในหม้อก๋วยเตี๋ยวนัก ถ้าไม่ติดว่าต้องคีพลุคคุณอาใจดี จะจับหัวจับเท้าแล้วตีเข่าให้เอวหักซัก 2-3 ที ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่อยากจะกระชากหัวเจ้าจอมแล้วเหวี่ยงเข้าดงอ้อยไปซะชายหนุ่มก็ทำได้เพียงฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่าโฆษณาสบู่ล้างจุดซ่อนเร้นแล้วลูบหัวแก้วเจ้าจอมด้วยความอ่อนโยน

 

หวงจริงๆนะเมิ๊ง เฝ้าให้ได้ตลอดนะ อย่าให้คลาดสายตาเชียว

 

อย่าเผลอนะมึ๊ง!!!

 

                “เจ้าจอมกับเจี๊ยบจะกินอะไรครับเดี๋ยวอาลอสั่งให้”พระลอใช้น้ำเสียงอ่อนหวานถามแก้วเจ้าจอม เด็กน้อยชะเง้อมองไปตรงที่แม่ค้ากำลังลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่อย่างชั่งใจ

 

                “กินอะไรสั่งเลยอาจ่ายตังค์ให้”

 

                “ไม่เป็นไรอาลอ หนูจ่ายเองพ่อให้ตังค์ไว้”ศตายุรีบเอ่ยขัด เด็กน้อยไม่อยากรบกวนเงินของลลิตภัทรเพราะตัวเองก็มีแบงค์ร้อยติดกระเป๋ามาพ่อกำนันให้เขามาเมื่อเช้าเพราะรู้ว่าวันหยุดลูกชายสองคนต้องออกมาตะลอนเที่ยวเล่นจึงทิ้งค่าขนมไว้ให้ ส่วนจันทร์เจ้าขารายนั้นอยู่ติดบ้านเหมือนแม่บางทีก็มีเพื่อนผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาเล่นด้วยที่บ้าน หรือไม่ก็ทำนู่นทำนี่กุ๊กกิ๊กกันสองคนกับแม่ไม่น่าห่วงอะไร

 

                “เก็บไว้เถอะค่ะเดี๋ยวอาเลี้ยงเอง เอาอะไรสั่งไปเลย”

 

                “หนูกินก๋วยเตี๋ยวได้มั้ยอาลอ”

 

                “ได้สิ”

 

                “งั้นหนูเอาบะหมี่เกี๊ยวเพิ่มลูกชิ้นไม่เอาผักต้นหอม พี่เจี๊ยบเอาเหมือนหนูมั้ย”แก้วเจ้าจอมหันไปหาคนพี่ถามความเห็น

 

                “ไม่เอาพี่จะกินเส้นใหญ่ลูกชิ้นหมูสับ”

 

                “โอเคนั่งรอเดี๋ยวอาไปสั่งให้”ร่างสูงรับเมนูจากเด็กทั้งสองคนแล้วเดินไปสั่งตามที่หลานๆบอก ไม่ลืมหยิบชอกโกแลตติดมือมาให้แก้วเจ้าจอมกินรอ พระลอเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก



 และเด็กซื้อได้ด้วยของกินและของเล่นเสมอ



เด็กน้อยยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจเมื่อก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟเจ้าจอมก็มองชามของพระลอกับลูกเจี๊ยบสลับกันไปมา

 

                “ทำไมอาลอกินเหมือนพี่เจี๊ยบเลยล่ะ?”

 

                “อาลออยากกินเส้นใหญ่แบบพี่เจี๊ยบมั่งไงครับ”พระลอตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่สายตามองไปที่ศตายุที่กำลังปรุงก๋วยเตี๋ยวให้น้องอย่างคล่องแคล่ว มื้อกลางวันง่ายๆจบลงตามด้วยขนมหวานล้างปาก ลูกเจี๊ยบสั่งเฉาก๊วย ลูกจาก และมันเชื่อม พระลอมองขนมในชามหลานพลางคิดถึงสมัยก่อนที่เขาเป็นคนซื้อขนมให้จิ๊บกินตลอด จิ๊บก็ชอบกินเฉาก๊วยแบบนี้ ส่วนเจ้าจอมสั่งขนมปังกับวุ้นมะพร้าวใส่น้ำแดงและราดนมเต็มพิกัด พระลอมองลูกเจี๊ยบที่ตักขนมหวานเข้าปากคำแล้วคำเล่าอย่างอารมณ์ดี ปากแดงๆยิ่งพอกินขนมที่ราดน้ำแดงก็ยิ่งขึ้นสีแดงจัดเข้าไปใหญ่แถมนมข้นที่ราดด้านบนเวลาติดที่ริมฝีปากอิ่มนั้นยิ่งทำให้คนมองใจไม่ดียามที่ลูกเจี๊ยบส่งปลายลิ้นออกมาเลียคราบนมที่ติดมุมปากพระลอก็รู้สึกเหมือนจะวูบ อยากจะเหมายาดมมาดมยกแผง ตอนนี้ถ้าไม่เลิกมองเลือดกำเดาต้องไหลในไม่ช้าแน่ๆ

 

เด็ก 15-16 มันกินขนมได้เซ็กซี่ขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

คือไม่ๆ

 

เด็กมันก็กินของมันธรรมดานี่แหล่ะ

 

เป็นตัวเขาเองใจเขาเองที่คิดบาป

 

ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโรคจิตและหมกมุ่นจนมากเกินไป เขาควรแก้ไขปัญหานี้ด้วยการออกกำลังกาย เข้าวัด ฟังธรรม ดำน้ำ ดูปะการังอะไรก็ว่าไป

 

แต่คิดๆแล้วทำแล้วก็เหนื่อยแถมไม่มีความสุขงั้นก็กลับมากามใส่เด็กมันตามเดิมดีกว่า มีความสุขแถมอีกหน่อยจะพาเด็กออกกำลังกายในร่ม แต่อาจจะต้องขยับหลายท่า บางท่าก็อาจจะตั้งชันเข่า แยกขา ฉีกขากว้าง บิดตัวจนหลังแอ่น แต่ก็เรียกเหงื่อได้ดี อาจจะมีคอแห้งนิดหน่อยเพราะใช้เสียงเยอะ อย่าคิดไกล นี่กำลังจะชวนหลานเล่นโยคะร้อนเฉยๆ

 

                “เอิ๊กกกกกกกกกกกก”ความคิดถึงอย่างสะดุดลง พระลอสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆแก้วเจ้าจอมก็โก่งคอเรอเสียงดังลั่น

 

เรอขนาดนี้ไปอ้วกเลยมั้ยครับหลาน

 

                “เจ้าจอมทำน่าเกลียด ไม่มีมารยาทเลยถ้าแม่จิ๊บเห็นตัวโดนตีน่องลายแน่”ศตายุเอ็ดน้องพลางหยิกลงบนเอวน้องแรงๆ 1 ที อย่างไม่ชอบใจ แม่จิ๊บสอนเสมอเรื่องมารยาท การอิ่มแล้วเรอมันไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ถ้าอยู่ในที่สาธารณะต้องหัดยับยั้งไว้บ้าง หาวิธีเรอเบาๆหรือกลั้นไว้ไปเรอในที่ไกลคน แก้วเจ้าจอมทำปากคว่ำอุบอิบพูดคำว่าขอโทษเบาๆ ชายหนุ่มแอบเยาะเย้ยเจ้าเด็กแสบเบาๆในใจ

 

ว้ายๆโดนดุ สมน้ำหน้า หยิกมันอีกหยิกมันเยอะๆเลย หมั่นไส้นัก

 

แต่ในความเป็นจริง...

 

                “น้องยังเล็กค่อยๆสอนก็ได้นี่คะ อย่าทำน้องเจ็บเลย ไปเถอะอิ่มแล้วกลับกันเถอะ”

 

สร้างภาพครับ ในตอนนี้ลลิตภัทรต้องสร้างภาพคนดีให้สังคมในร้านก๋วยเตี๋ยวรับรู้และมองเห็น บรรดาป้าๆลุงๆในร้านมองเขาด้วยสายตาชื่นชมเอ็นดู ถ้ากะคร่าวๆจากสายตาเขาน่าจะได้คะแนนเสียงเพิ่มราวๆ 12-13 คน ในที่นี้

 

ตอนนี้สร้างภาพไปก่อน อีกหน่อยค่อยไปสร้างอนาคตลูกเจี๊ยบสองคน

 

เนี่ยเห็นมั้ย พระลอเป็นชายหนุ่มใสๆ ตอนนี้ก็ใสๆไปก่อนอีกหน่อยจะเปลี่ยนเป็นขาวขุ่นอะไรยังไงก็ค่อยว่ากันอีกที

 

 

ทั้งสามคนเดินกลับมาตรงที่ผูกควายไว้ ในนาเด็ก 3-4 คนกำลังขะมักเขม้นช่วยกันวิดน้ำจากแอ่งหนึ่งเข้าไปอีกแอ่งหนึ่งโดยมีคันดินกั้นไว้ ศตายุกับแก้วเจ้าจอมรีบวิ่งเข้าไปดูทันที

 

                “พี่เจี๊ยบจับปลาด้วยกันป่าว”เด็กผู้ชายอายุน่าจะราวๆ 13-14 ปี ที่ดูโตที่สุดในกลุ่มยืดตัวขึ้นมาถามหลังจากเห็นเด็กของเขาวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหา ศตายุแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ยากเด็กหนุ่มพยักหน้าพลางถอดรองเท้าทิ้งไว้บนคันดินแล้วลุยโคลนลงไปทันที มือขาวรับกระป๋องพลาสติกที่ชัยชาญยื่นให้แล้วช่วยวิดน้ำออกอย่างรู้งาน

 

                “อาลอ มาช่วยกันเร็ว”ไม่ลืมที่จะหันมากวักมือเรียกคนที่โตที่สุดให้ลงไปช่วย พระลอชั่งใจอยู่อึดใจหนึ่ง เขาเองทิ้งช่วงเวลาสดใสในวัยรุ่นไปเสียนาน ลองทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเด็กๆบ้างก็คงจะดีไม่น้อย ร่างสูงพับขากางเกงของตนเองขึ้นไปไว้เหนือหน้าแข้งตามด้วยถอดรองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่ออกแล้วค่อยๆเดินตามลงไปในบ่อโคลน กระป๋องถูกยื่นให้ด้วยแก้วเจ้าจอมส่วนเจ้าเด็กจอมจุ้นกลับขึ้นไปยืนเชียร์อยู่บนคันนา ราวๆครึ่งชั่วโมงหลังจากออกแรงวิดน้ำภาพสิ่งมีชีวิตที่พยายามว่ายไปบนพื้นโคลนมากมายก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็น ปลาเล็กปลาน้อยหลายชนิดถูกไล่จับอย่างสนุกสนาน บ่อยครั้งที่น้ำหนักตัวและดินที่นิ่มทำให้เท้าติดจนต้องออกแรงดึงออกแต่พระลอกลับรู้สึกสนุกไปกับเด็กๆด้วย

 

                “อาลอ ล้วงลงไปในรอยเท้าสิ ปลามันจะตกลงไป ระวังมันยักใส่นะปลาหมอครีบมันคม”ลูกเจี๊ยบหันมาบอกคนที่ไล่ตะครุบปลาข้างๆตนตลอดพลางทำตัวอย่างให้ดู มือขาวที่บัดนี้เปื้อนเปรอะไปด้วยโคลนล้วงลงไปในรอยเท้าของตนเมื่อดึงมือขึ้นมาก็จับปลาตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ขึ้นมาด้วย พระลอดึงเท้าตัวเองออกแล้วล้วงตามบ้าง ปลาหมอตัวขนาดพอเหมาะถูกจับขึ้นมาอย่างง่ายดาย

 

                “พี่เจี๊ยบเอาปูด้วย”

 

                “ปูเนื้อมันไม่ค่อยมีปล่อยมันไปเถอะ แค่ตัวสองตัวกินไม่อิ่มหรอก เอาไว้วันอื่นค่อยมาขุดกันเนอะ”ศตายุบอกกับน้องชายที่พยายามไล่จับปูนาตัวใหญ่ที่ชูกล้ามสู้ แก้วเจ้าจอมชอบกินปูเผา หรือถ้ามีเยอะแม่จิ๊บจะขังให้คลายขี้โคลนออกแล้วชุบแป้งทอดให้กิน เด็กน้อยทำท่าเสียดายก่อนจะผละออกจากเจ้าปูตัวนั้นอย่างตัดใจ พระลอสนุกสนานกับการช่วยเด็กๆจับปลา ชายหนุ่มส่งเสียงหัวเราะเป็นระยะยามที่มีใครลื่นล้ม ไม่เว้นแม้กระทั่งเขาเองที่ล้มไป 2 ครั้ง เด็กๆตามบ้านนอกแม้จะไม่ได้ไปเดินเล่นตากแอร์หรือดูหนังตามห้างสรรพสินค้าแต่พวกเขาก็มีกิจกรรมให้ทำไม่ได้ขาด แม้กิจกรรมที่ว่ามักจะต้องออกไปตากแดดกันจนหัวแดง แต่นี่ก็คือแบบเรียนทางธรรมชาติที่สร้างเสริมทักษะและประสบการณืชีวิตให้ได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ได้เด็กๆไม่ได้จับเล่นเพื่อเอาชีวิตพวกนั้นไปทิ้งแบบเปล่าๆปรี้ๆแต่ทุกอย่างที่จับไปนั้นมันคืออาหารที่จะเลี้ยงชีพในแต่ละวัน จนเกือบสี่โมงเย็นทั้งสามคนก็หิ้วกระป๋องที่ใส่ปลาหมอ ปลาช่อนนา ปลากระดี่รวมทั้งปลาซิวกลับมาที่บ้าน ระหว่างทางเดินผ่านชาวบ้านที่กำลังยกยอกันอยู่ศตายุก็ได้ปลาซิวและกุ้งฝอยตัวเล็กๆที่ชาวบ้านแบ่งมาให้อีกจำนวนหนึ่งและมากพอที่จะทำกับข้าวได้ 1 มื้อ พระลอรู้สึกได้เลยว่าชาวบ้านรักและเอ็นดูเด็กทั้งสองคนรวมไปถึงจันทร์เจ้าขาที่ไม่ได้มาเล่นซุกซนด้วย ความรักความเอ็นดูถูกส่งมาให้พระลอที่ตามเด็กๆมาด้วยอีกต่างหาก แก้วเจ้าจอมที่งอแงไม่ยอมเดินได้ขึ้นไปนั่งบนหลังควายโดยมีพระลอกับศตายุจูงควายคนละตัวเดินนำกลับบ้าน

 

                “ไปทำอะไรกันมาลูก คลั่กกลับมาเชียว” ย่าโฉมส่งเสียงทักเมื่อเห็นลูกชายกับหลานๆบ้านฟากขะนู้นมอมแมมกันกลับมาทั้งสามคน โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่ถูกพระลอแกล้งพากันล้มลุกคลุกคลานในโคลนจนเปื้อนไปทั้งตัวทั้งหัว

 

                “ไปจับปลามาจ้าย่าจ๋า”ศตายุเอากระป๋องใส่ปลาไปวางให้ย่าโฉมดู หญิงชรายิ้มอย่างพอใจ

 

                “แหม ปลาซิวได้มาแยะเชียว ดีเลยพ่อรามเพิ่งบ่นว่าอยากกิน งบ**อยู่พอดี เดี๋ยวไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวซะนะลูกเย็นๆค่อยข้ามมาย่าจะทำไว้ให้”

((**งบ ห่อหมกย่างไม่ใส่กะทิ))

 

                “เดี๋ยวเจี๊ยบกลับมาช่วยย่าทำกับข้าวดีให้เจ้าจอมกลับบ้านเจี๊ยบไปล้างตัวที่คลองแป๊บเดียว”

 

                “ไม่เอาหนูจะอยู่ด้วย”

 

                “อยู่ก็เกะแกะ ตัวไปอาบน้ำให้เกลี้ยงๆเหอะ การบ้านยังทำไม่เสร็จจำไม่ได้เหรอ ในครัวควันเยอะ พี่จะช่วยย่า”

 

                “กลับไปทำการบ้านเถอะ พูดง่ายๆเดี๋ยวอาลอให้ของเล่น”แก้วเจ้าจอมที่ตอนนี้เห็นแต่ลูกนัยน์ตาทำตาโตเมื่อได้ยินคำว่าของเล่น เด็กน้อยเกาะแขนที่เปื้อนไปด้วยโคลนของลลิตภัทรทันที

 

                “ของเล่นอะไรอ่ะอาลอ”

 

                “อาลอมีรถบังคับ เล่นเบื่อๆอยู่พอดี ถ้าเจ้าจอมไม่ดื้อพูดง่ายๆอาลอจะให้”

 

                “พี่เจี๊ยบ พายเรือไปส่งหนูที หนูจะกลับไปทำการบ้าน”เจ้าจอมพูดจบก็ดึงมือพี่ให้ตามตนเองไปทันที

 

                “ลอก็ไปล้างเนื้อล้างตัวที่คลองไปลูกค่อยขึ้นมาอาบน้ำบนบ้าน”พระลอรับคำแม่ก่อนจะคว้าผ้าขาวม้าที่แขวนไว้ไม่ไกลติดมือไปด้วย ทางด้านลูกเจี๊ยบก็เอาเรือของบ้านเขาพายไปส่งเจ้าจอม เด็กน้อยหายไปพร้อมน้องได้ยินเสียงจิ๊บเอ็ดลูกดังมาแว่วๆ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นลูกเจี๊ยบวิ่งหนีมาพร้อมเสียงหัวเราะร่าเด็กน้อยชะงักเมื่อเห็นเขายืนเท้าสะเอวมองอยู่อีกฝั่ง  ศตายุลงเรือพายมาช้าๆ พระลอโดดลงน้ำว่ายมาหาศตายุเกาะกาบเรือไว้ส่งสายตาพราวระยิบแข่งกับประกายของน้ำที่ถูกแสงอาทิตย์ส่อง

 

                “ลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิคะ ล้างตัวด้วยจะได้รีบไปช่วยแม่ทำกับข้าว”ชายหนุ่มออกแรงดึงเรือกลับมาที่ฝั่งของตนเองก่อนจะดึงลูกเจี๊ยบตัวโตลงมาในน้ำด้วยกันตรงตีนตลิ่งน้ำลึกแค่เอวทำให้เขาทรงตัวยืนได้อย่างสบายๆ ชายหนุ่มจับแขนหลานมาช่วยขัดโคลนให้เบาๆ

 

                “อ...อาลอ หนูล้างเองก็ได้” เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อฝ่ามืออุ่นของลลิตภัทรลูบไล้บนผิวเนื้อของตนเองแผ่วเบา

 

                “อาล้างให้ก็ดีแล้วนี่คะ ตรงไหนที่โคลนเกาะแล้วหนูไม่เห็นแต่อาเห็น อาจะได้เอาออกให้ หนูก็ช่วยดูให้อาด้วยสิคะว่าโคลนมันเปื้อนตรงไหนบ้างช่วยๆกันจะได้เสร็จเร็วๆ”ลลิตภัทรพูดหน้าตาเฉย มือยังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหลานอย่างว่องไว สอดส่ายสายตามองรอบๆเมื่อเห็นว่าปลอดคนก็กดจมูกลงบนแก้มนุ่มเบาๆ

 

                “อาลอ หอมแก้มหนูทำไมเนี่ย”ศตายุใช้แขนดันอกของคนแก่กว่าที่ชักจะเบียดตนมากขึ้นทุกทีออก

 

                “โคลนติดแก้มหนูไงคะอาเอาออกให้”

 

                “ใครเขาใช้จมูกปัดออกกันล่ะ อย่ามาหลอกกันหนูไม่โง่นะ”

 

                “ถ้าหนูไม่โง่แล้วทำไมไม่รู้ล่ะคะว่าอาทำไปทำไม”ลลิตภัทรกอดเอวหลานพลางดึงให้เข้ามาใกล้เหมือนเดิม แม้ว่าศตายุจะใช้มือดันอกไว้แต่ก็สู้แรงไม่ได้

 

                “อาลอทำไมชอบแกล้งหนู?”คนเด็กว่าเสียงเบา หลบสายตาหวานเชื่อมที่ลลิตภัทรจ้องมองตนไปทางอื่น

 

                “อาไม่ได้ชอบแกล้งหนูซักหน่อย”ใช้ปลายนิ้วดันใบหน้าของหลานให้หันกลับมาที่ตนดันปลายนิ้วที่ปลายคางบังคับให้คนเด็กกว่าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน รอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลานั้น คำพูดประโยคถัดมาทำให้คนเด็กกว่าขาแข้งอ่อนขึ้นมาโดยพลัน

 

 

 

 

            “อาชอบหนูต่างหากล่ะคะ”

 

 



 
มีต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๗ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 20-11-2018 11:17:07


หลังจากคำพูดประโยคนั้นศตายุไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาอีก เด็กน้อยผละกายออกจากการกอดของเขา มือไม้คล้ายจะเกะกะไปหมด ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดสลับกันจนกระทั่งเหมือนเจ้าตัวไม่รู้จะทำอะไรดีก็พุ่งตัวลงน้ำว่ายกลับไปกลับมาเสีย 4-5 รอบ จนลลิตภัทรหัวเราะลั่นด้วยความขำ

 

ศตายุเขินจนไม่รู้จะระบายด้วยวิธีไหนเด็กน้อยจึงใช้วิธีว่ายน้ำหนีเขาไปมา แม้จะพยายามว่ายตามแต่เขากลับว่ายไม่ทันเด็กนั่น

 

                “อาลอ กินสายบัวต้มกะทิกัน”เมื่อปรับอารมณ์ในอกได้ศตายุก็ว่ายไปตรงกลุ่มบัวสายสีแดงอมม่วงกอใหญ่ น้ำลึกมิดหัวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้กลัว

 

เขาเกิดและโตมากับสายน้ำนี้ และศตายุเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เพียงแต่ตอนนี้เลิกแล้วเพราะปีที่แล้วบาดเจ็บและซ้อมหนักเกินไป ดังนั้นศตายุจึงไม่กลัวน้ำและว่ายน้ำได้คล่องราวกับปลา เด็กน้อยดึงเอาบัวสายขึ้นมาทีละต้น ลลิตภัทรที่ว่ายตามมาทีหลังก็ช่วยกันเก็บโดยลอบสังเกตดวงหน้าหวานนั้นไปด้วย เขาไม่ได้รุกอะไรคนเด็กกว่าอีกเมือได้สายบัวจำนวนพอเหมาะและล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ขึ้นมาผลัดผ้าบนฝั่ง ศตายุต้องก้มหน้างุดอีกครั้งเมื่อลลิตภัทรเปลี่ยนกางเกงต่อหน้าเขา ร่างสูงพันเอวด้วยผ้าขาวม้าเก่าๆแต่กลับทำอะไรกับความดูดีของลลิตภัทรไม่ได้เลย ผิวขาวตัดกับผ้าลายตารางสีแดงดำนั้นอย่างลงตัว รูปร่างของลลิตภัทรแม้ไม่ได้มีซิกแพ็คก้อนใหญ่เด่นชัดแบบพวกนายแบบที่เคยเห็นในทีวีแต่ชายหนุ่มก็มีพอให้เห็นเป็นรูปเป็นรอยสวย กล้ามแขนพอมีให้เห็นตามแบบฉบับของคนที่ออกกำลังกายดูแลรูปร่างตัวเองอยู่บ้าง แผงอกครัดตึงจนคนมองใจสั่นแปลกๆ

 

                “ขึ้นไปเปลี่ยนผ้าบนบ้านไป”ชายหนุ่มหยิบผ้าเปียกของตัวเองมาถือแล้วจูงมือหลานให้เดินตามขึ้นมาบนห้อง หยิบเสื้อยืดของตัวเองและกางเกงเลชายหนุ่มเปิดลิ้นชักหยิบกางเกงในแพคใหม่ให้หลานเปลี่ยน ศตายุเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอีกรอบแล้วออกมาด้วยเสื้อผ้าที่เขาให้เมื่อออกมาก็พบว่าลลิตภัทรยังนั่งอยู่ในผ้าขาวม้าตัวเดิม

 

                “เอาผ้าเปียกใส่ตะกร้าไว้เดี๋ยวค่อยเอาลงไปซัก”

 

                “หนูเอาไปซักที่บ้านก็ได้จ้า”

 

                “จะข้ามไปข้ามมาทำไมล่ะ ป่านนี้แม่ล้างปลาเสร็จแล้วมั้ง”

 

                “งั้นเดี๋ยวหนูลงไปช่วยย่าโฉมทำกับข้าวก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวจะช้า”ศตายุเดินเตรียมตัวจะออกไปจากห้องแต่คนที่เดาทางไว้ถูกอยู่แล้วก็ฉวยข้อมือเล็กนั้นไว้ออกแรงดึงเพียงนิดเดียวหลานก็ล้มลงมานั่งบนตักเสียแล้ว

 

                “อาลอ ปล่อยหนู หนูจะรีบลงไปช่วยย่า”

 

                “ฟังอา แป๊บเดียว ที่อาบอกว่าชอบหนูอาพูดจริงนะคะไม่ได้พูดเล่น”

 

                “ฮื่อ...ได้ยินแล้ว”คนเด็กก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาอีกแล้ว

 

                “แล้วหนูชอบอาบ้างมั้ยคะ อารู้ว่าหนูเป็นเด็กฉลาด น่าจะพอรู้ว่าที่ผ่านมาอาคิดยังไง”

 

                “ก็...พอรู้ แต่หนูไม่มั่นใจ มันเร็วไป”

 

                “สำหรับอามันไม่ได้เร็วไปเลยค่ะ อายุอาเยอะแล้วความรู้สึกที่มีมันชัดเจน อาไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะมารู้สึกกับใครเล่นๆ และอาจะไม่บังคับหนู อาเข้าใจ หนูอายุยังน้อยตัวเลือกก็คงจะมีหลายคนเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่โรงเรียนหน้าตาดีๆนิสัยดีๆคงจะมากถ้าหนูชอบอาก็แค่คนแก่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ยังไงก็สู้คนพวกนั้นไม่ได้”

 

                “มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น”คนเด็กเงยหน้าขึ้นท้วงทันที

 

                “เอาเถอะอาจะยังไม่เอาคำตอบในตอนนี้ อาอยากให้หนูได้เก็บเอาไปคิดว่ารู้สึกยังไงกับอา สิ่งที่อาบอกไปหนูอาจจะไม่ชอบหรือไม่ได้รู้สึกอะไร พรุ่งนี้อาจะรอคำตอบ ถ้าหนูก็ชอบอาเหมือนกันก็ให้พายเรือมาหาอา อาจะไปรอที่ท่าน้ำ แต่ถ้าไม่ชอบไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันให้หนูปั่นจักรยานมานะแล้วอาจะเป็นอาที่ดี จะไม่ถูกเนื้อต้องตัวหนูอีก จะยังสอนพิเศษหนูต่อไป แต่คงไม่สนิทสนมแบบเดิมแล้ว โอเคมั้ย?”

 

                “ไว้ค่อยคุยกันเถอะจ้า หนูลงไปช่วยย่าโฉมก่อนนะจ๊ะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักออกจากตักของเขาลงไปด้านล่าง เสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับแม่ของเขาดังมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มรีบแต่งตัวลวกๆแล้วตามลงไปในครัว

 

                “ลอมาพอดีเลยลูก เดินไปตัดใบกล้วยให้แม่ซัก 2-3 ใบสิลูก”ย่าโฉมที่ขยี้เอาขี้ปลาออกจากตัวปลาเสร็จแล้วกำลังเอาพริกแห้ง ข่าหั่น ผิวมะกรูด ตะไคร้หั่น กระชายหั่น หอมแดง กระเทียม กะปิ และข้าวสารนิดหน่อยรวมทั้งเกลือหยิบมือหนึ่งใส่ลงไปในครกหินที่มีศตายุนั่งประจำที่เตรียมตำ ชายหนุ่มคว้ามีดที่เหน็บอยู่ไม่ไกลออกไปหลังบ้านตัดใบตองกลับมาตามที่แม่สั่งแล้วนั่งดูคนเด็กกว่าตำพริกแกงเงียบๆ

 

ศตายุในตอนนี้มีสีหน้านิ่งแบบที่เขาไม่เคยเห็นเด็กน้อยแม้จะพูดคุยเจรจากับแม่เขาดีแต่พระลอรู้ดีว่าในใจของศตายุกำลังคิดตามเรื่องที่เขาพูดอยู่

 

เขายอมวัดใจกับเด็กนี่เพราะคิดว่าการรอโดยไม่มีจุดหมายมันเปล่าประโยชน์

 

แต่ถ้าเด็กมันไม่มีใจเขาจะได้รู้แต่ก็อย่าหวังว่าเขาจะตัดใจ เขาก็จะหาทางทำให้ศตายุชอบเขาให้ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

 

กว่า 10 นาทีที่ศตายุตำพริกแกงในที่สุดส่วนผสมทั้งหมดก็ละเอียดแม่ของเขาจัดการเอาพริกแกงเทใส่ลงไปในเนื้อปลาและกุ้งที่เตรียมไว้ ไข่ไก่ถูกตอกใส่ลงไป 1 ฟองตามด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยและในบกระเพราปรุงรสด้วยน้ำปลาและรสดีเล็กน้อยจึงนำไปห่อใส่ใบตองและย่างกับตะแกรงที่หนีบกันหล่นได้ ระหว่างที่รองบสุกศตายุกับพระลอก็ช่วยกันลอกเปลือกบัวสายเพื่อเตรียมไว้ทำกะทิสายบัว ทั้งสองคนทำงานไปเงียบๆแต่ลลิตภัทรก็รู้ว่าคนเด็กแอบมองตนเป็นระยะๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่นานงบก็ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ศตายุปฏิเสธคำชวนให้กินข้าวเย็นด้วยกัน เด็กหนุ่มกลับบ้านไปพร้อมงบย่างและสายบัวต้มกะทิ วันนี้เขามีเรื่องให้ต้องคิดมากจนไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้าวเย็นแสนอร่อยกับของที่ชอบก็ดูจะไม่รู้รสลูกเจี๊ยบผู้เจริญอาหารกินข้าวได้น้อยจนจิ๊บสังเกตได้

 

                “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?”

 

                “เปล่าจ้าแม่”

 

                “เปล่าแล้วทำไมดูซึมๆล่ะ”

 

                “วันนี้ไปเล่นทั้งวันแดดร้อนหนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า”เด็กน้อยไม่ได้ปดแม่นะ แดดร้อนจริงๆ และเขาก็ปวดหัวจริงๆเพียงแต่ไม่ได้เป็นเพราะแดดหรอก เป็นเพราะคำพูดของลลิตภัทรต่างหากล่ะ จิ๊บใช้หลังมืออังหน้าผากลูกเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่เดี๋ยวกินยาดักไว้ซัก 2 เม็ดนะลูก”ศตายุพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปรับยาพาราที่แม่ลุกไปหยิบให้กรอกเข้าปาก

 

                “หนูขอไปนอนพักก่อนนะแม่”เมื่อช่วยแม่ล้างจานเสร็จแล้วลูกเจี๊ยบก็ขอตัวเข้าห้องไป เด็กน้อยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างคิดไม่ตก

 

เขาอายุเพิ่งจะ 15 เองนะ นอกจากพ่อแม่และน้องๆศตายุก็ไม่รู้จักความรักในรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ

 

แต่ศตายุก็อยากคุยกับอาลอ อยากเล่นกับอาลอ อาลอใจดี คุยสนุก อาลอพูดเพราะ อาลอเป็นคนอ่อนโยน ถ้าถามว่าชอบมั้ย แน่นอน ศตายุกล้าตอบได้เต็มปากเลยว่าศตายุก็ชอบอาลอเหมือนกัน

 

แต่มันจะใช่คำว่าชอบในแบบที่อาลออยากให้เป็นมั้ยอันนี้ศตายุก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยซักนิด

 


ปัญหาที่ตีรวนในหัวทำเอาเด็กน้อยนอนไม่หลับไปค่อนคืนเลยทีเดียว





 ......................................


ติดแท็กได้ในทวิตเตอร์นะคะ #พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 21-11-2018 01:40:10


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๘


   ศตายุไม่มา...

ไม่ว่าจะทางน้ำหรือทางบกก็ไร้วี่แววของศตายุ

ปกติลูกเจี๊ยบจะมานั่งทำการบ้านไม่ก็มานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ วันนี้ทุกอย่างว่างเปล่า  ไม่เห็นทั้งเงาของศตายุและแก้วเจ้าจอม  ลลิตภัทรที่หอบหัวใจอันเต็มเปี่ยมด้วยความหวังไปช่วยงานพี่ชายที่โรงสีและรีบกลับมาเมื่อตะวันใกล้จะตกดินรู้สึกห่อเหี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็ค่อยๆถูกแต่งแต้มสีทีละนิดๆ ผีตากผ้าอ้อมค่อยๆจางหายความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาจนกลืนกินไปทั่วท้องฟ้า เสียงจักจั่นร้องดังระงมไปจนสุดคุ้งน้ำ ความร้อนอบอ้าวที่มีมาตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเที่ยงแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างวาบที่ยอดเขา ฟ้าส่งเสียงร้องครืนครั่นไม่ต่างจากเสียงในใจของเขาเลยซักนิด

หลากหลายอารมณ์สุมรุมอยู่ภายในใจคล้ายปีศาจร้ายที่ถูกกักขังไว้เนิ่นนานเริ่มร้องประท้วง

เด็กนั่นคิดว่าเขาพูดเล่นหรือยังไง คิดว่าเขาจะใจดีได้ตลอดไปเหรอถึงมาเล่นกับใจของเขาอย่างนี้ พระลอยังคงรอจวบฟ้ามืดสนิทละอองฝนค่อยๆร่วงลงมีทีละนิดจนกระทั่งฝนลงเม็ดหนักจนมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า

ร่างบางแสนนุ่มนิ่มที่เคยกอดเคยหอมก็ไม่มา ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา

คล้ายที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพมายาล่อลวงให้หลงใหลแล้วก็สลายไปคล้ายกลุ่มควันบางเบา

“ไอ้ลอ มึงจะนั่งทำห่าอะไรตรงนั้นวะ ฝนตกแล้วเนี่ย เข้าบ้านแม่ให้มาเรียก ทำตัวเป็นพรเอกมิวสิควีดีโออยู่ได้ไอ้ห่า รู้แล้วว่าหล่อ” เสียงพระลักษณ์ที่ตะโกนมาทำให้พระลอรู้สึกตัว เขาละสายตาจากบ้านของกำนันแดนดินพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีลูกเจี๊ยบอาจจะยังไม่พร้อม เขาอาจจะใจร้อนและเร่งรัดหลานเกินไป

แต่ว่า มาไม่มาหรือยังไง โผล่หน้ามาให้เห็นก็ยังดี นี่เล่นหายไปเลยไม่มานั่งที่ท่าน้ำให้เห็นหน้าค่าตากันเลยซักนิด มันจะใจร้ายเกินไปป่าววะ

คิดถึง...คิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย

คิดถึงน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยถามนู่นถามนี่ตลอด

คิดถึงแก้มนุ่มๆที่ยิ่งฝังจมูกก็ยิ่งติดใจ

คิดถึงตัวสั่นๆยามที่เขาลูบไล้ไปบนผิวเนื้อ

คิดถึงกลิ่นหอมๆยามฝังจมูกลงบนต้นคอเบาๆ

คิดถึงก้นนุ่มๆที่นั่งบดเบียดอยู่บนตัก

เขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นศตายุ

พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องมานะ ไม่ว่าจะทางไหนยังไงพรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องมาหาอานะคะ…อาจะรอ





รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น พระลอไม่ได้ออกไปวิ่งตามปกติ ชายหนุ่มยังคงนอนโง่ๆอยู่บนเตียง เขานอนไม่หลับเลยซักนิด ตลอดคืนเอาแต่คิดถึงเรื่องของศตายุ

กลัว...พระลอกลัวว่าหลานจะเกลียดหรือกลัวจนหลบหน้าเขา ความมั่นใจที่เคยมีบัดนี้พังทลายไม่มีชิ้นดี

ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าศตายุปั่นจักรยานมา เขาจะทิ้งห่างความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าเดิมซักหน่อยแล้วค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่านี้

เขาดูออกว่าศตายุเองก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่เด็กนั่นอาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะวางความรู้สึกของตนที่มีไว้ตรงจุดไหน ชอบแบบหลานที่มีอาใจดีๆหรือชอบในรูปแบบของคนที่จะรักกัน

ชายหนุ่มดึงตัวเองให้ลุกออกจากที่นอนเมื่อนึกได้ว่าศตายุต้องมาใส่บาตรหลวงตาทุกเช้า คิดได้ดังนั้นจึงสวมกางเกงอย่างลวกๆเดินลงจากบ้านตรงดิ่งไปยังศาลาริมน้ำ แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องผิดหวังเมื่อคนที่กำลังตักบาตรกลับไม่ใช่ศตายุกลายเป็นแดนดินกับจิ๊บกำลังช่วยกันใส่บาตรด้วยท่าทางสงบมีจันทร์เจ้าขาคอยหยิบของให้พ่อกับแม่ใกล้ๆ พระลอถอนหายใจหนักแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป

วันนี้ทั้งวันพระลักษณ์สังเกตได้ถึงความหัวเสียของพระลอ น้องชายคนเล็กของเขาทำงานไปถอนหายใจไปแถมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พาลทำให้อ็อกซิเจนรอบตัวเขาสกปรกไปกับอารมณ์ของพระลอด้วย

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย มานั่งถอนหายใจอยู่ได้”ที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามซะเอง เขากับพระลอแม้อายุจะห่างกัน 7 ปี แต่ก็สนิทกันมาก ก็พระลักษณ์น่ะเลี้ยงพระลอตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเจ้าตัวดีช้ำรักหนีไปเลียแผลใจที่กรุงเทพก็ได้เขานี่แหล่ะคอยดูแลน้องมา แล้วมานั่งทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้แบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์ไหน

เหมือนหมาที่โดนเอาผ้าเน่าไปซ่อนไม่มีผิด

“เปล่า”ตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“เปล่าห่าอะไร ตั้งแต่เช้ามึงนั่งถอนหายใจไปร้อยกว่ารอบแล้วมีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย?”

“มันก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆพี่ เพียงแต่ผมเบื่อ ช่วงนี้มันเงียบๆ”บอกปัดแบบผ่านๆ พระลักษณ์พยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เข้าใจนักก็ตาม

“มึงคงชินกับชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยแสงสีแบบในกรุงเทพสินะ แบบถ้าไม่ได้รับเลือกจะทำยังไงต่อคิดไว้ยัง?”

“ตอนแรกก็กะว่าจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม บริษัทก็อยากให้กลับไป แต่ตอนนี้มาคิดๆดู อยู่บ้านก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรรีบๆแบบอยู่กรุงเทพ แต่มันก็เหงาแหล่ะเพื่อนๆอยู่นู่นหมด”

“กูไม่เห็นมึงจะดูเหงาอะไร เด็กบ้านนู้นติดมึงแจยิ่งกว่ามันติดพ่อมันอีก เออ ว่าแต่ทำไมเมื่อวานไม่เห็นเจี๊ยบกับเจ้าจอมมาเลยวะ”นั่น...พระลอแอบเหล่มองหน้าพี่ชาย  หรือมันไปรู้อะไรมาวะ แต่หน้าตาก็เฉยๆนี่หว่า ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอมความลับอะไรไว้ ไม่ได้ดูว่าจะมาหลอกถาม

“ไม่รู้สิ”ทำเป็นยักไหล่ราวกับไม่สนใจ

“สงสัยจะเบื่อมึงแล้วมั้ง”พระลักษณ์แกล้งพูด ในขณะที่เริ่มเก็บของบนโต๊ะเพราะได้เวลาเลิกงาน คำพูดที่หยอกเล่นๆกลับแล่นเข้ามาปะทะใจคนฟังอย่างจัง ไอ้หน้าที่หงิกอยู่แล้วกลับยิ่งบึ้งมากกว่าเดิมเข้าไปอีก และพระลอก็แบกความหงุดหงิดกลับบ้านไม่พูดไม่จากับใคร ทำเพียงทักทายแม่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งที่ท่าน้ำ





เหมือนเมื่อวาน...ศตายุไม่มา ไม่โผล่และไม่เฉียดกรายมาให้เห็นแม้แต่เงา ชายหนุ่มนั่งไหล่ห่อราวกับเป็นคนแก่อายุซัก 60 ปี ชะเง้อมองก็แล้วเงี่ยหูฟังก็แล้ว ลูกเจี๊ยบน้อยๆก็ไม่ส่งเสียงหรือเดินมาให้เห็นเลยซักนิด

เป็นอีก 1 วันที่พระลอขึ้นบ้านพร้อมความเหงาหงอยในใจ

ตอนแรกเขาคิดว่าลูกเจี๊ยบน่ะติดเขา แต่ตอนนี้พระลอคงต้องคิดใหม่ อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ติดเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนั้น

เรียกว่าติดยังคงเบาไปด้วยซ้ำ เขาน่ะหลงเจ้าลูกเจี๊ยบจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วต่างหากล่ะ

คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว...

เช้าวันที่ 3 พระลอรีบลงมาที่ท่าน้ำเพื่อดักรอลูกเจี๊ยบ แต่วันนี้ก็ยังคงเป็นจิ๊บกับเจ้าขาที่มาใส่บาตร วิวค่อยดีขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีแดนดินมาอยู่ในกรอบสายตา แม้จะไม่คิดอะไรแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้าอยู่นิดๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้หลวงลุงจวบเอ่ยคุยกับภิกษุชรา 2-3 ประโยคสั้นๆ เมื่อพระไปแล้วที่สุดพระลอก็เอ่ยปากคุยกับจิ๊บ

“จิ๊บ ลูกเจี๊ยบไปไหนเหรอ ทำไมไม่เห็นมาเรียนพิเศษกับเราเลยล่ะ”

“อ้อ ขอโทษทีนะลอ เราลืมไปบอก เจี๊ยบกับเจ้าจอมไม่สบายน่ะ กลับมาวันนั้นตอนกลางคืนไข้ขึ้นเลยต้องหยุดเรียนไปก่อน ส่วนเจ้าจอมหายแล้ววันนี้ไปโรงเรียนได้”พอได้ยินคำตอบของจิ๊บ ใจของพระลอที่เหมือนกระเด็นลงน้ำก็กลับฟื้นคืนราวทศกัณฐ์ที่ถอดดวงใจไปฝากพระฤษีไว้

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าเขา

หลานไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะไปตากแดดมาทั้งวันแล้วตอนเย็นก็มาลงน้ำอีก

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า ลอไม่รู้เลย นึกว่าหลานเบื่อจะมาเรียนแล้วซะอีก”

“วันแรกก็นอนซมกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละ ต้องคอยเช็ดตัวกันทั้งคืนเลย เจี๊ยบแข็งแรงก็จริงแต่พอป่วยแล้วก็จะหนักกว่าคนอื่น”

“ลอข้ามไปเยี่ยมหลานได้มั้ย?”

"ได้สิ มาตอนไหนก็ได้ เจี๊ยบคงดีใจ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากจิ๊บ ถามหาอาลอไม่ขาดปากเลย แปลกนะ ปกติลูกเราไม่ค่อยติดใครมากนอกจากย่าโฉมกับปู่ลิต นี่มาติดลออีกคน เอาอะไรเลี้ยงลูกเราเนี่ย”

“ก็ไม่ได้ทำอะไร  งั้นเดี๋ยวบ่ายๆเรากลับมาเยี่ยมหลานนะ วันนี้ต้องไปกับพ่อ โค้งสุดท้ายแล้ว”

“ยังไงลอมาช่วงบ่ายสามก็ได้ จิ๊บจะอาศัยฝากลูกไว้หน่อยต้องไปรับเจ้าจอมกับเจ้าขาที่โรงเรียน พี่ดินเข้าเมืองค่ำๆนั่นแหล่ะถึงจะกลับ”

“อื้อ ได้ๆ งั้นเดี๋ยวบ่ายสามเราข้ามไป”





พระลักษณ์มองพระลอที่เดินไปเดินมายกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นพักๆอย่างเวียนหัว วันนี้แม้จะไม่ได้มานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งแต่พระลอเอาแต่จ้องนาฬิกาไม่หยุด

“ถามจริงๆเถอะไอ้ลอ มึงไปติดสาวบ้านไหนมาป่าววะ?”

“อะไร?”คนน้องหันมาทำหน้างงใส่พี่ชายคนรอง

“เนี่ย ที่มึงเป็นอยู่เนี่ยเหมือนมึงติดสาวเลย มึงชอบลูกสาวบ้านไหนบอกกูนะ กูรู้จักเกือบทุกบ้านแหละ”

“ผมไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละพี่ เออ บ่ายสองแล้ว ขอกลับบ้านก่อนนะ”พระลอไม่ได้รอให้พี่ชายเอ่ยคำอนุญาตด้วยซ้ำ เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าเฉยๆ ร่างสูงขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านก็ปรี่เข้าไปในครัวทันที ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปถึงข้อศอกจัดการหยิบหม้อใบเล็กมาตักข้าวสารใส่ลงไปแล้วซาว

“ทำอะไรเหรอลอเอ้ย” ย่าโฉมเดินตามเข้ามาในครัวมองลูกชายซาวข้าวด้วยท่าทางคล่องแคล่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“หิวข้าวเหรอ กับข้าวในตู้ก็มีนะลูก”

“เปล่าครับ ลอจะต้มข้าวต้มเฉยๆ”ชายหนุ่มหันไปตอบแม่แล้วเอาข้าวขึ้นไปตั้งบนเตาจุดแก๊สเสร็จก็เริ่มค้นตู้เย็น

“แม่ครับ ปลาสลิดอยู่ตรงไหนน่ะ”หญิงชราเดินมายืนข้างหลังลูกชายแล้วแตะไหล่ให้ลูกชายหลบไปส่วนตนเองก้มๆเงยๆชั่วครู่กล่องใส่ปลาสลิดตัวโตก็ถูกหยิบออกมา

“นึกยังไงจะกินข้าวต้มกับปลาสลิด”

“ไม่ได้กินเองหรอกครับ ทำไปให้ลูกเจี๊ยบน่ะ จิ๊บบอกว่าหลานไม่สบาย”

“อ้าว ตายจริง ถึงว่าไม่มาที่บ้านเลย งั้นลอไปตรียมเครื่องยำให้แม่ที เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด ทอดไปเฉยๆหลานไม่ค่อยกินหรอก นอกจากปลาสด”เป็นอีกข้อหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากแม่

ลูกเจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด และชอบกินปลาสดทอดเท่านั้น หญิงชราล้างปลาแล้วผึ่งจนสะเด็ดน้ำจึงตั้งกระทะทอดปลา ไหนๆก็ทำแล้วจึงทอดเผื่อไว้เป็นอาหารเย็นของคนในบ้านด้วยเลยทีเดียว ส่วนพระลอรับหน้าที่จัดเตรียมเครื่องยำโดยการซอยพริกขี้หนูสวน หอมแดง ต้นหอมคึ่นฉ่าย รวมทั้งซอยมะม่วงที่ไปสอยมาจากต้นข้างบ้าน ย่าโฉมจัดการเลาะก้างปลาออกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆจากนั้นจึงนำไปทอดในไฟแรงจนกรอบทั่วกันหมดแล้วปรุงน้ำยำราด ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย ใส่ส่วนผสมที่ลูกชายเตรียมไว้ลงไปคลุกแล้วนำเนื้อปลาเทใส่อย่างคล่องแคล่ว

“แม่ทำกับข้าวเก่งจังเลยครับ” พระลอที่รับจานยำปลาสลิดจานใหญ่จากแม่มาถืออดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ ตอนนี้กับข้าวในมือพร้อมหม้ออวยใบเล็กใส่ข้าวต้มพร้อมเยี่ยมคนป่วย ชายหนุ่มเดินมาท่าน้ำหลังบ้านพายเรือข้ามไปที่บ้านจิ๊บ

เขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานมากแล้ว

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านไม้หลังเล็กๆกลายเป็นก่ออิฐถือปูนขยายใหญ่กว่าเดิม ใต้ถุนบ้านเทปูนมีอุปกรณ์การเกษตรวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านข้างตัวบ้านมีคอกควายฝูงใหญ่ราวๆ 10 ตัว บ้านทั้งหลังเงียบสงบจนชายหนุ่มรู้สึกประหม่า จิ๊บนั่งถักไหมพรมอยู่ที่ชานเรือน

“จิ๊บ” ส่งเสียงเรียกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว จิ๊บหันมามองแล้วยิ้มรับเขาไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยซักนิด

ยังคงอ่อนหวานและสวยงามเหมือนเดิม ความสาวสะพรั่งงดงามมากกว่าสมัยที่ยังเด็กๆซะอีก หญิงสาวเก็บไหมพรมใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยชวนให้ชายหนุ่มขึ้นมาข้างบน

“หลานเป็นไงบ้าง?”

“ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่งอแงเหลือเกิน อ้อนจนเราเหนื่อย นี่หลับไปตั้งแต่บ่ายยังไม่ตื่นเลย”

“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปดูหลานหน่อยนะ”

“ดีเลย เดี๋ยวเราไปรับลูกที่โรงเรียนก่อนยังไงก็ฝากลูกด้วยถ้างอแงมากก็ตีได้เลย”

“บ้าเถอะ ใครจะไปตีลง จิ๊บไปเถอะ ขับรถดีๆไม่ต้องรีบเดี๋ยวเราดูลูกให้เอง”เราจะดูแลลูกจิ๊บให้อย่างดีเลยล่ะ

“ห้องลูกเจี๊ยบอยู่ริมสุดเลยนะ แล้วนี่ทำอะไรมาเหรอ”

“ต้มข้าวต้มมาให้น่ะ แม่ทำยำปลาสลิดมาฝากด้วย”

“ป้าโฉมรู้ใจหลาน เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด เพิ่งบ่นๆอยู่เมื่อเช้า ลาภปากจริง ยังไงเราไปรับลูกก่อน ลอก็อยู่เล่นกับเจี๊ยบไปก่อนแล้วกันนะ”

เออ จิ๊บไปรับลูกซักทีเถอะ ยำจะเซ็งแล้วเนี่ย

“โอเค เราจะรอจนกว่าจิ๊บจะกลับมาแล้วกันนะ”

เสียงมอเตอร์ไซค์ของจิ๊บค่อยๆหายไปเรื่อยๆจนบัดนี้บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท พระลอสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดของศตายุ หน้าประตูมีสติ๊กเกอร์แปะชื่อเจ้าตัวบอกไว้อย่างชัดเจน พระลอถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างแผ่วเบา

ลูกเจี๊ยบของเขานอนหลับอยู่บนเตียง เหงื่อโทรมกายแม้จะมีพัดลมเปิดพัดความร้อนอยู่ที่ปลายเท้าก็ตามที ชายหนุ่มวางของเยี่ยมลงบนโต๊ะหนังสือแล้วนั่งลงบนของเตียงใช้หลังมืออังกับหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นเบาๆ ไอความร้อนแล่นเข้าสู่หลังมือของเขาทันทีที่แตะสัมผัส ริมฝีปากของหลานแดงเพราะพิษไข้

“เจี๊ยบครับ”ส่งเสียงเรียกเบาๆแตะแก้มหลานเพียงผะแผ่วแต่เจ้าของห้องยังคงจมสู่ห้วงนิทรา ชายหนุ่มเดินออกไปด้านนอกหากะละมังแล้วรองน้ำจากในห้องน้ำเข้ามาอีกหน เปิดตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักเรียนและเสื้อผ้าของเจ้าตัว ค้นหาผ้าที่พอจะเช็ดตัวให้หลานได้จนเจอผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ในลิ้นชัก

ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่อความเย็นถูกแตะลงมาบนผิวแก้ม เด็กน้อยที่นอนไม่สบายตัวนักเพราะความร้อนทั้งจากอากาศและพิษไข้ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรคุ้นตาลอยอยู่ตรงหน้า

ฝัน...

หนูฝันเห็นอาลออีกแล้ว

“เป็นยังไงบ้างคะ ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวอาพาไป”

วันนี้ฝันดีจัง อาลอคุยกับเขาด้วย

เด็กน้อยยิ้มซีดเซียวพลางกุมมือที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดหน้าของตนอยู่

“วันนี้หนูฝันดีจัง”

“ฝันว่าอะไรคะ?”คนแก่กว่าคุยตามน้ำไปกับเด็ก

“ฝันว่าอาลอมาหาหนู มานั่งคุยกับหนู”

“แล้วชอบมั้ยคะที่อามาหาหนูในฝัน”

“ชอบสิจ๊ะ หนูอยากเจออาลอ”

“แล้วในฝันกับตัวจริงหนูชอบอาลอคนไหนมากกว่ากันคะ?”

“ฮื้อ...หนูต้องเลือกด้วยเหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงกับคำถามนั้นกัดปากอย่างใช้ความคิดคิ้วขมวดจนพระลอรู้สึกขำ

“หนูเลือกไม่ได้หรอก...”ที่สุดหลังจากเงียบไปซักพักศตายุก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ





“เพราะไม่ว่าจะเป็นอาลอในฝันหรืออาลอตัวจริงหนูก็ชอบเหมือนๆกัน”





ท่านผู้ชมครับ นายลลิตภัทรได้ตายไปแล้ว ที่เห็นอยู่นี่คือกายทิพย์ที่อิ่มสุขมากๆ



“ชอบอาจริงๆเหรอคะ ชอบมากมั้ย?”ยังคงหลอกถามเด็กที่เหมือนจะยังเบลอๆอยู่ก่อนจะค่อยๆซับผ้าลงบนต้นคอหลานให้คนป่วยย่นคอหนีเล่น

เอ๊ะ...

เดี๋ยวนะ ทำไมหนูฝันเหมือนจริงอะไรอย่างนี้ ทั้งกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของอาลออีกล่ะ มองดูปลายนิ้วที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ดๆแล้วก็เริ่มประมวลผลในสมอง

ไหน หยิกตัวเองดูซิ๊

“โอ้ย...”เด็กน้อยร้องเสียงดังเมื่อลองหยิกต้นขาตัวเองแล้วมันเจ็บ

ไม่ได้ฝันนี่หว่า

“อ๊ะ อาลอ...”เด็กน้อยร้องทันทีที่สาบเสื้อถูกดึงออกมือเล็กพยายามคว้ามาปิดไว้ สีหน้าคนแก่จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม

“เอามือออกค่ะ อาจะเช็ดตัวให้ เหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว”

“ไม่เอา เดี๋ยวหนูรอแม่จิ๊บมาเช็ดให้ก็ได้”

“อาก็เช็ดให้ได้เหมือนกัน หนูไม่ต้องอายหรอกค่ะ ผู้ชายเหมือนกัน มาเร็วค่ะเด็กดี ว่าง่ายๆโตไวๆเช็ดตัวเสร็จจะได้กินข้าว อาลอต้มข้าวต้มกับยำปลาสลิดมาให้ด้วยนะ”เด็กน้อยพอได้ยินคำว่ายำปลาสลิดก็หูผึ่งยืดตัวมองหาทันที เมื่อเห็นเป้าหมายวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ทำท่าจะเดินไปหาแต่ลลิตภัทรกดไหล่เอาไว้ก่อน

“ว่าไงคะ จะให้อาเช็ดตัวให้ดีๆหรือให้อายกกับข้าวกลับ”

“ฮื้อ...ไม่ยกกลับ น้องอยากกิน”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นสบด้วยสีหน้าอ้อนๆ แล้วอะไรคือแทนตัวเองว่าน้อง

ตาย...ลลิตภัทรที่เห็นตอนนี้คือสสาร เพราะแม้แต่กายทิพย์ก็ดับสลายไปแล้ว

“งั้นคนเก่งถอดเสื้อนะคะ อาจะเช็ดตัวให้”

“ก็ได้ อาลอเช็ดเร็วๆนะ หนูหิวแล้ว”

ค่ะ หนูหิว อาก็หิวเหมือนกัน...อาหิวหนูเนี่ย อยากจะกลืนกินไปทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น ขอยืมเพลงพี่แจ้มาร้องหน่อยนะครับ

แล้วเนี่ย...ตายๆๆๆ พอถอดเสื้อหลานแล้วความขาวก็กระแทกตามาเต็มๆ

หนูขา หนูใช้อะไรอาบน้ำคะ โอโม่หรือบรีสเอ็กเซลคะ ทำไมขาวเนียนไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ

โอ้ย...มือสั่น...เย็นไว้ไอ้ลอ  เอาผ้าชุบน้ำสิไอ้เหี้ย มึงหยุดมองเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวเด็กกลัว

แต่มึง แป๊บนึง

นม...นมเด็ก

โอ้ย...กูขอบรรยายหน่อยเถอะ

ยอดอกสีเนื้ออ่อนอมแดงเด่นหราสองจุดแต้มบนเนินอกที่นูนนิดๆ คือน่าบีบมาก นมไม่แบนเรียบแบบเด็กผู้ชายแห้งๆอ่ะ หลานมีเนื้อมีหนังเพราะกินเก่ง แต่ว่าเอวบางร่างน้อย ที่ฟูก็มีแก้มกับนมนี่แหละ

กินอกไก่ผสมเวย์โปรตีนมาเหรอคะ

อยากจับ อยากลูบ อยากบีบ อยากอมมากๆ อยากลิ้มรสแต่ต้องข่มใจ



ยุบหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ…



เหี้ย มึงจะเอาแต่พองไม่ได้ มึงต้องยุบบ้าง



ลลิตภัทรพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมไม่ให้มือของตัวเองสั่นยามที่ลากผ้าบิดหมาดนั้นลงบนตัวหลาน ศตายุหลับตาปี๋ยามความเย็นลากไล้ทั่วแผ่นอก เด็กน้อยตัวสั่นยามที่ปลายผ้าปัดผ่านยอดอก มันค่อยๆตึงตัวตามกลไกของธรรมชาติเม็ดทับทิมสวยปรากฏสู่สายตาจนคนมองแทบจะเลือดกำเดากระฉูด

ตายๆ กูต้องตายวันละกี่หน ชายหนุ่มแทบจะละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้เลย ห้ามใจไม่ให้เผลอไปสะกิดที่ปลายยอดอกสวยนั้นลากผ้ามาที่หน้าท้องก็พอดีกับที่เจ้าตัวหดท้องหนีสองมือกำปลายหมอนหนุนแน่น ลลิตภัทรพยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมาไม่ให้ความขาวและความเย้ายวนมาทำให้ไขว้เขว ชายหนุ่มชุบผ้าอีกหนก่อนจะประคองตัวหลานให้ลุกขึ้นนั่ง โอบร่างเล็กไว้ทั้งร่างแล้วเช็ดแผ่นหลังให้จนทั่ว ศตายุที่เหมือนถูกโอบกอดอยู่กลายๆลอบสูดดมกลิ่นของคนเป็นอาไว้อย่างโหยหา

คิดถึง...คิดถึงอาลอที่สุดเลย

"เสร็จแล้ว เดี๋ยวอาเอาเสื้อตัวใหม่ให้เปลี่ยนนะคะ”พระลอวางผ้าลงบนกะละมังหลังจากเช็ดตัวให้หลานเสร็จแล้ว ลูกเจี๊ยบนั่งรอนิ่งๆไม่ได้ส่งเสียงถามอะไรออกไปตามนิสัยแม้แต่น้อย เสื้อยืดสีเหลืองจ๋อยถูกสวมลงบนตัวให้อย่างเรียบร้อยชายหนุ่มหยิบแป้งเด็กบนโต๊ะมาทาแก้มให้หลานก่อนจะฉวยโอกาสหอมลงมาบนผิวแก้มร้อนผ่าวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดให้สมกับที่คิดถึงแต่ติดว่าเด็กยังป่วยอยู่ พระลอพาคนป่วยมานั่งที่เก้าอี้แล้วเดินไปหยิบชามกับช้อนในครัวมาตักข้าวต้มให้หลานกิน

ศตายุกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะยำปลาสลิดมันอร่อยหรือเพราะมีอาลอมานั่งป้อนกันแน่

รู้แต่ว่าถ้ามีพยาบาลดีแบบนี้เขาคงหายป่วยแล้วไปวิ่งเล่นได้ในเร็ววันแน่ๆ

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 04:37:56
 :z13: จิ้มไว้ก่อน รอเผื่อพระลอจะปิ้งไก่ (ว่าไปนั่น) 5555
------------------------
อ่านไปอ่านมาชักจะหิวตามแล้วสิเนี่ย กับข้าวน่ากินทั้งนั้น

ส่วนพระลอนั้นคุกคงจะเข้าช้ากว่าการได้กินลูกปืนดินแดนนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๑ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 04:51:20
ตลกมาก  :m20: นึกถึงตอนย้งเด็กเลยค่ะ ปั่นจักรยานเอาเท้า

ช่วยเบรก 5555555 เจี๊ยบก็อย่างฮา
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ [[ YAOI//BOY LOVE]] ตอนที่ ๒ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 05:03:58
ท่าทางจะแสบทั้งครอบครัวอะ ดูแสบสุดไม่ใช่ว่าเป็นเจ้าจอม

หรอกนะ :m20: ตีโพยตีพายกันไปก่อนเลย โอ๊ยขำ 5555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 05:19:19
โอ๊ย เจ้าแก้วเจ้าจอมตัวแสบ!  :m20: งานเข้าไหมละพระลอ

ไหนจะไอคุกๆๆๆ ไม่หยุดทีเดียว น้องยังเป็นเยาวชนยังเป็นผู้เยาว์

อยู่เด้อ ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าคุกไปแล้วนะพระลอ จะทันได้เป็น

ผู้ใหญ่บ้านไหมละเนี่ย  :laugh:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๔ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 05:33:06
เจ้าจอมมมมม อยากจับมาฟาดก้นสักทีสองที 5555 แสบมาก

ไหนจะพระลอที่ขยันแอบตอดเล็กตอดน้อยเจี๊ยบตลอด

ละโคตรฮาตรงขับรถตกหลุมจนเจ็บก้นกบอะ 55555555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๕ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 05:45:37
มีเล่นมุกมีมคาดหวังสูงนะคะ ส่วนแก้วเจ้าจอมเรานี่อารมณ์เดียว

กับพระลอเลยค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๖ ๒o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 05:57:33
 :m26: คุณตำหนวดดดด ช่วยด้วยค่าาา มีคนลวนลามเด็ก

มีคนจะพรากผู้เยาว์ค่าคุณตำหนวดขาา
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Kumamon_Kung ที่ 21-11-2018 11:54:01
คุก คุก คุก คุก หนูทำใจพี่ไม่ดีเลยหนูลูกกกกก  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-11-2018 12:22:11
 :laugh:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๘ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 21-11-2018 13:01:21


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๙


          เช้านี้พระลอตื่นมาวิ่งได้ตามปกติ เมื่อวานกว่าจะกลับจากบ้านของจิ๊บก็เกือบ 6 โมงเย็น หลังจากจิ๊บรับลูกกลับมาแล้วเวลาที่จะอยู่กันเพียงลำพังก็ถูกขโมยไปโดยแก้วเจ้าจอมตัวแสบ หลังจากรู้จักพี่คนโตกับน้องคนเล็กมาระยะหนึ่งเมื่อวานพระลอก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับจันทร์เจ้าขาซักที เด็กหญิงวัย 13 ปีเป็นคนพูดน้อยและขี้อาย ออกจะติดแม่มากกว่าเจ้าเจี๊ยบของเขาซะอีก จันทร์เจ้าขามักจะนั่งหลบอยู่ข้างหลังแม่เสมอ ถ้าหากว่าเจ้าเจี๊ยบเหมือนแม่มากแล้วล่ะก็จันทร์เจ้าขาคือร่างแยกของจิ๊บดีๆนี่เอง
   

          “มะรืนจะเลือกตั้งแล้ว ตื่นเต้นมั้ยลอ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเขาหลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อย พระลอชงกาแฟมาวางให้พ่อที่โต๊ะไม้นอกชาน ชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้บนหน้าตักด้วยท่าทางสบายๆ


          “ไม่ตื่นเต้นครับ”ตอบไปตามตรง อาการตื่นเต้นมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่ต้องออกไปพบปะพวกคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เขาคุ้นชินกับคนในหมู่บ้านพอสมควรแล้ว เวลาออกไปข้างนอกชาวบ้านเริ่มทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บางครั้งพระลอออกไปสำรวจหมู่บ้านก็จะได้กับข้าวกับปลาติดมือกลับบ้านมาเสมอ


สังคมชนบทคือสังคมแห่งการแบ่งปันโดยแท้ การแบ่งปันโดยไม่หวังผลประโยชน์แบบนี้เขาหาไม่ได้ที่กรุงเทพ นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกับมาตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งทำงาน


          “นอบน้อมถ่อมตนไว้นะลูก เป็นคนดีให้ชาวบ้านเขาเอาไปพูดถึงกันว่าลูกผู้ใหญ่ชลิตดีได้พ่อได้แม่มา อย่าไปทำตัวเกกมะเหรกเกเรที่ไหน”


          "ครับพ่อ"


          “แล้วก็พรุ่งนี้งานบวชลูกทิดอ่ำท้ายวัดตอนเย็นกินเลี้ยงเขาทำเลี้ยงกันเองแม่เอ็งว่าจะทำฟักทองสังขยาไปช่วยเดี๋ยวให้คนงานตัดในไร่ซัก 20 ลูก เลี้ยงแขกตอนเย็นเลี้ยงพระตอนเช้า”


          “ได้ครับ จะให้เอาไปตอนไหนก็บอกแล้วกัน”


          “แล้ววันนี้จะไปไหนหรือเปล่า ไปวัดกับพ่อมั้ย จบเลือกตั้งพ่อว่าจะเปลี่ยนไฟในโบสถ์ให้วัด เผื่อเอ็งมีคำแนะนำอะไรจะได้ใส่ลงไปในรายละเอียดได้เลย”


          “ไปก็ได้ครับ ดีเหมือนกันได้แวะไปคุยกับหลวงลุงซักหน่อย เวลาท่านมารับบาตรตอนเช้าไม่ค่อยได้คุยเลย”





สรุปว่าวันนั้นทั้งวันพระลอไปตะลอนเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้หลังเพลก็แวะเข้าไปในวัด สภาพวัดนั้นเก่าและทรุดโทรมพอสมควร ตรงกุฎิกลางหลังคาผุตามกาลเวลา เมื่อตอนเด็กๆเคยอยู่ยังไงตอนนี้ก็ยังอยู่อย่างนั้น ในโบสถ์สายไฟไม่เป็นระเบียบนัก ไฟบางดวงก็ดับๆติดๆ พระลอจดรายละเอียดต่างๆลงในสมุดพกเล่มเล็กที่มักจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา พอตกเย็นก็เดินไปดูคนงานตัดฟักทอง เลือกลูกที่แก่จัด แม่ของเขาสั่งให้ตัดลูกเล็กที่สามารถนึ่งทั้งลูกได้เลย ฟักทอง 20 ลูก ถูกขนขึ้นรถกะบะแล้วขับไปที่บ้านงานในตอนเกือบมืด แม่ของเขาติดรถไปบ้านงานด้วยเพราะจะช่วยกันทำบายศรี


         “คืนนี้แม่จะกลับมั้ยครับผมจะได้ขับรถไปรับ”ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วพอประมาณหันไปถามมารดาที่นั่งคู่กันมา


         "ไม่ต้องรับลูก แม่นอนค้างนั่นเลย พรุ่งนี้จะได้ทำครัวเลี้ยงพระเช้ากับเพลไปเลย”


          “อย่าหักโหมนะแม่ อายุมากแล้ว เหนื่อยก็พัก”


          “รู้แล้วน่ารู้แล้ว ลอนี่นับวันจะขี้บ่นเหมือนพ่อนะ”


          “ก็ผมรักแม่ห่วงแม่นี่นา แล้วนี่บายศรีต้นเขาจะทำกันกี่ชั้นครับ”


          “น่าจะห้าชั้นนะ แล้วก็บายศรีปากชามอีก 3 หวีมั้ง เดี๋ยวถึงงานค่อยถามเขาอีกที ส่วนมากก็ทำ 5 แต่บ้านทิดอ่ำเขามีเงินอาจจะทำ 7 ชั้น”แม่ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อถึงบ้านงานลลิตภัทรก็ถอยกระบะเข้าไปตรงเต็นท์ที่ตั้งเป็นครัว บรรดาแม่ครัวและญาติๆของนาคมาช่วยกันขนของลง นอกจากฟักทองแล้วยังมีผักอื่นๆที่แม่ให้คนงานเก็บใส่ตะเข่งมาช่วยอีกหลายชนิด


          “แหมพี่โฉม วันนี้พาลูกชายคนเล็กมาเปิดตัวเหรอพี่”แม่ของนาคเอ่ยปากแซวลลิตภัทรยกมือไหว้บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักบางคนคุ้นหน้าแต่กลับนึกชื่อไม่ออก ชายหนุ่มจึงได้แต่กวาดยิ้มให้กับมุกคนแทนคำทักทาย


         “พามารู้จักพี่ป้าน้าอาหน่อย อย่าลืมนะเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านรอบนี้ฝากพ่อลอเขาด้วย ถือซะว่าเป็นลูกเป็นหลานแล้วกันนะ”


           “โอ้ย ไม่ต้องห่วง ยังไงบ้านฉันก็เลือกพ่อลออยู่แล้ว มาๆนั่งพักกินน้ำกินท่ากันก่อน ข้างบนกำลังทำบายศรีกันอยู่พอดี เดี๋ยวค่อยขึ้นไปสมทบ”พระลอและแม่ถูกลากไปนั่งคุยอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มตอบคำถามที่บรรดาแม่ย่าแม่ยายถามกันมาไม่ได้ขาด และคำที่ได้ยินบ่อยๆคือ


           “ลูกพี่โฉมนี่หล่อสมชื่อจริงๆ มีคู่หมั้นคู่หมายหรือยังจ๊ะ”


          “ยังครับ”


           “เนี่ยเลือกๆเอาซักคนสิมีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ชอบคนไหนบอกได้เลยนะ พวกแม่ๆยินดียกให้ ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพี่ลิตพี่โฉมใครๆก็อยากได้”


           “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องมีครอบครัวเลยครับ”


           “อะไร๊ อายุก็ 30 กว่าแล้วไม่ใช่เหรอพี่โฉม ทำไมยังไม่มีเมีย เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก รีบหาเมียให้ลูกซักคนสิพี่”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับย่าโฉม พระลออยากจะกรอกตามองบนวนเป็นเลข 8 แบบฮะจิบังราเมนแต่จำต้องนิ่งเงียบและส่งยิ้มบางๆแจกจ่ายให้พี่ป้าน้าอาอย่างทั่วถึง ย่าโฉมหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของคู่สนทนา


           “เรื่องคู่ครองฉันจะไปบังคับลูกได้ยังไงล่ะ คนที่จะอยู่กับเขาเขาก็ต้องเลือกเอง พ่อแม่เลือกให้ก็แค่ถูกใจพ่อแม่ แต่เขาต้องอยู่กันทั้งชีวิตถ้าไม่รักไม่ชอบไม่ถูกใจกันอยู่ไปก็ไม่มีความสุข สงสารลูก”


           “เนี่ย พี่โฉมล่ะก็ตามใจลูกแบบนี้ ลูกถึงได้ไปอยู่กรุงเทพซะเกือบ 20 ปี เพราะเลือกคนผิดไง”พอจบประโยคที่เจ้าของบ้านพูดก็เกิดอาการเดธแอร์ขึ้นชั่วขณะ พระลอเหลือบตามองเจ้าของประโยคด้วยสีหน้าเรียบนิ่งติดจะตึงๆ รอยยิ้มละมุนเมื่อครู่จางหายไปเหมือนเทน้ำลงบนพื้นผิวของทะเลทราย หายวูบไปในพริบตา ส่วนคนอื่นๆในวงสนทนาที่หัวเราะกันคิกคักพอหันมาเจอสีหน้าของชายหนุ่มก็ค่อยๆเงียบกันไปทีละคน


บอกเลยว่างานกร่อยแบบสุดๆ


           “ขอโทษทีนะพ่อลอ น้าปากไวไปหน่อย”เจ้าของงานลูบมือลงบนต้นแขนของลลิตภัทรเบาๆพลางเอ่ยขอโทษขอโพย 


           “ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แต่ขอแก้ข่าวนิดหนึ่งนะครับที่ผมอยู่กรุงเทพนานก็เพราะผมเรียนหนังสือ ทั้ง ม.ปลาย ปริญญาตรี แล้วก็ต่อปริญญาโท พอจบผมก็ได้งานทำ เงินเดือนมันดีแล้วผมก็สนุกกับงานเลยไม่ได้กลับไม่ใช่เพราะเรื่องเก่าตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ตอนนี้ผมกับจิ๊บก็ยังคุยกันได้ดีอยู่ในฐานะเพื่อน อะไรที่มันผ่านไปแล้วผมไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง”ลลิตภัทรพูดยาวที่สุดตั้งแต่มานั่งคุยกับพวกแม่ๆ ถึงแม้ว่าเขาไม่กลับมาก็เพราะช้ำรักจริงๆ แต่แบบมาพูดแบบนี้เหมือนฉีกหน้ากัน ขอบอกเลยว่าไม่ยอม ย่าโฉมรู้ดีว่าลูกชายกำลังไม่พอใจและกำลังข่มเมียทิดอ่ำอยู่ในทีหญิงชราแตะต้นแขนลูกพลางใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยกับพระลอเบาๆ


           “จะสองทุ่มแล้ว ลอกลับบ้านไปเถอะลูก ถนนมันไม่มีไฟข้างทาง”


           “งั้นผมกลับเลยแล้วกันนะครับ ฝากดูแม่ด้วย แล้วก็ถ้ามีอะไรแม่โทรหาลอได้เลยนะครับ”


          “ได้ลูกขัยรถดีๆนะ”พระลอก้มลงจูบแก้มแม่ก่อนจะลาพวกผู้ใหญ่ ระหว่างทางเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก มีเรื่องเดียวนี่แหล่ะที่คนบ้านนอกก็ไม่ต่างจากคนเมืองกรุงคือพร้อมจะขุดเรื่องของคนอื่นมาพูดได้อย่างสนุกปาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่คิดอะไรกับจิ๊บแล้วก็ตามแต่ทุกคนก็ยังมองเป็นภาพจำว่าพระลออกหักจากจิ๊บ


อยากจะลบความเชื่อพวกนั้นออกไปซะจะต้องทำยังไง เปิดตัวเลยมั้ยว่าตอนนี้มีคนในใจแล้ว แถมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ลูกชายคนโตของจิ๊บนั่นแหล่ะ


พระลอรู้สึกตัวตื่นตอนตี 4 เมื่อโทรศัพท์บนหัวเตียงส่งเสียงดังขึ้น เมื่อมองหน้าจอปรากฏเบอร์ของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วกดรับสาย


          “ครับแม่”


           “ลอตื่นยังลูก”


           “ตื่นแล้วครับ”ชายหนุ่มกรอกเสียงตอบผู้เป็นแม่ มองนาฬิกาเพิ่งจะตี 4


            “ลอช่วยขับรถเข้าเมืองไปซื้อของให้ทีได้มั้ยลูก พอดีคนขับรถมันเมาลุกไม่ขึ้น”


           “อ่อ ได้ครับ แม่จะซื้ออะไรบ้างจดใส่กระดาษไว้นะครับ อีก 20 นาทีผมถึง”ลลิตภัทรลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบลูกหยิบมาสวมเช็คความเรียบร้อยเล็กน้อยก็คว้ากุญแจรถออกจากห้องมา ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงบ้านงานที่ตอนนี้เหล่าแม่ครัวเริ่มลงมือหั่นของเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระและแขกในงาน ชายหนุ่มสะดุดตากับร่างบางของใครบางคนที่กำลังช่วยแม่ของเขาหั่นฟักทองอยู่ในเต็นท์


            “อ้าว ลอมาแล้วเหรอลูก”


           “อาลอ...”ลูกเจี๊ยบน้อยที่เมื่อวานเขามัวแต่ยุ่งจนไม่เห็นหน้าเลยทั้งวันหันมาส่งยิ้มให้เขาจนตาหยี พระลอรู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นมาทันทีทันใดแม้จะเป็นเวลาตีสี่ครึ่ง วางมือลงศีรษะของหลานแล้วโยกไปมาอย่างหยอกล้อ


           “ว่าไงเรา หายดีแล้วเหรอคะ แล้วนี่มายังไงเนี่ย”


           “หายดีแล้วจ้า หนูมากับแม่ แม่อยู่ข้างบนช่วยจัดบายศรีอยู่  วันนี้หนูจะมาเป็นลูกมือย่าโฉม”


           “อย่างนี้กับข้าวจะกินได้แน่เหรอ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านจะไม่ท้องเสียใช่มั้ยคะ?”ส่งเสียงเย้าคนเป็นหลานกลั้วเสียงหัวเราะจนศตายุยู่ปากทำท่าจะงอน


            “อาลออย่ามาดูถูกหนูนะ หนูทำกับข้าวเป็นเหอะ”คนแก่กว่าต้องรีบง้อก่อนที่จะโดนลูกเจี๊ยบจิกตาแตก


           “โอ๋ๆ ไม่งอนดิ่ อาล้อเล่น แล้วนี่จะให้ผมไปซื้ออะไรครับแม่?”


            “เดี๋ยวลอไปตลาดนะลูก ของน่ะทางนี้เขาสั่งไว้แล้วไปถึงก็เอาขึ้นรถได้เลยแม่จดชื่อร้านไว้แล้ว ลูกเจี๊ยบรู้จักร้านดีเดี๋ยวหลานไปด้วย เจี๊ยบถือเงินให้ดีนะลูกระวังอย่าไปทำหล่น”


            “รับทราบจ้าเจี๊ยบจะถืออย่างดีไม่ให้หล่นซักบาท”


            “เช็คของให้ดีนะลูกอย่าให้ขาด”


            “ได้ครับ งั้นไปก่อนนะเดี๋ยวสาย ไปตัวแสบ”พระลอดึงมือลูกเจี๊ยบให้ลุกตามตนเองมา ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้หลานเข้าไปนั่งและปิดให้เรียบร้อย ลูกเจี๊ยบแอบยิ้มกับการดูแลนี้ของคนเป็นอา


อาลอน่ารัก


แล้วไปตลาดแค่นี้ทำไมต้องแต่งตัวหล่อด้วยอ่ะ ถ้ามีคนมองเยอะแล้วมาชอบอาลอจะทำยังไง ความคิดเห็นแก่ตัวอยากจะหวงอาลอไว้กับตัวคนเดียวผุดขึ้นมากินจิตใจให้เผยด้านมืดทีละน้อย พระลอเห็นหลานนั่งจ้องตัวเองมาตลอดทางก็รู้สึกแปลกๆจนต้องหันไปมองหลาน


           “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


           “คราวหลังไม่ต้องแต่งตัวหล่อแบบนี้ได้มั้ยอาลอ”


           “อาก็แต่งตัวปกตินะ”ชายหนุ่มหัวเราะในคอเบาๆเมื่อคนเด็กทำปากขมุบขมิบ


           “จะบอกว่าหล่อเป็นปกติงี้อ่อ หนูไม่ชอบเลย”


            "อ่าว ทำไมล่ะคะ อาลอหล่อๆแบบนี้ทำไมหนูไม่ชอบล่ะ ใครๆก็ชอบกันทั้งนั้น”

           
            “ก็เพราะใครๆก็ชอบนั่นแหล่ะหนูถึงไม่ชอบ”คนเด็กกว่าว่าเสียงเอาแต่ใจ กอดอกหมับหันหน้าหนีทำเป็นมองข้างทาง ไม่ได้จะกวนประสาทอาลอนะ แต่เนี่ย หล่อแบบนี้ไปไหนใครๆก็มองอ่ะ


            “ไหนบอกอาลอสิคะทำไมถึงไม่ชอบ”


            “ก็หนูหวง อาลอหล่อเดี๋ยวสาวๆมาติดแล้วทำไงล่ะ?”คนเด็กหลุดปากหันไปแง้วๆใส่ แต่ประโยคที่พูดทำเอาพระลอยิ้มกว้างขึ้นทันที ชายหนุ่มอยากจะจอดรถข้างทางแล้วฟัดแก้มเจ้าแมวดื้อนี่ซะจริงๆ


รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา รู้มั้ยว่าคำพูดและหน้าตาท่าทางแบบนั้นอ่ะ มันหมายความว่ายังไง


หมายความว่าลูกเจี๊ยบหึงเขาได้มั้ยนะ?


จอดรถข้างทางแล้วจับปล้ำทำเมียได้มั้ยเนี่ย อยากกินเด็ก เด็กจะได้รู้ว่าเขาจะไม่ไปกินใครแน่นอน





           ลลิตภัทรเดินตามศตายุเข้าร้านนู้ออกร้านนี้ ตะเข่งผักรวมทั้งถุงพลาสติกที่ใส่อาหารหลากหลายชนิดถูกลำเลียงขึ้นมาไว้ท้ายกะบะจนเต็ม บรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหมู ปลา ไก่ เนื้อ รวมทั้งไข่เป็ดไข่ไก่ถูกวางเรียงไว้อย่างระมัดระวัง ศตายุตรวจตรารายการของอีกครั้งเมื่อเห็นว่าครบถ้วนจึงชวนชายหนุ่มกลับเมื่อตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง


           “อาลอ แวะตรงนั้นแป๊บหนึ่ง”มือน้อยๆเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้านหน้าคือรถเข็นที่แม่ค้ากำลังหยดขนมครกอยู่อย่างขะมักเขม้น คนเด็กเปิดประตูรถตรงดิ่งไปยังรถเข็นคันนั้น แน่นอนลลิตภัทรตามลงมาด้วย


           “เอาปนกันกระทงละ 20 เอา 5 กระทงครับ” คนเด็กสั่งอย่างแคล่วคล่องพลางยืนรอถุงที่แม่ค้ากำลังจับคู่ขนมครกอย่างใจเย็น กระเป๋าสตางค์ถูกดึงออกมาเตรียมจ่ายค่าขนมแต่ลลิตภัทรก็รั้งไว้ซะก่อน


           “เอาที่อา”ศตายุย่นจมูกใส่ เพราะรู้จักพระลอมาร่วมเดือนแล้วเด็กน้อยรู้ดีว่าพระลอไม่ชอบให้ขัดใจ หากสิ่งไหนคนแก่กว่าบอกก็จงทำตามซะ ศตายุกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณยามที่รับถุงขนมครกมาถิอไว้ เด็กน้อยนำมันวางไว้เบาะหลังกะดูแล้วว่าคงจะไม่หล่นลงมาหากลลิตภัทรเบรกรถหรือเลี้ยวแรงๆ ปีนกลับขึ้นมานั่งบาะหน้าดังเดินตั้งใจจะกินขนมเจ้าอร่อยก็พอดีกับที่ลลิตภัทรเอื้อมมือมาโอบรอบเอวของเขาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างเพียงคืบ ดวงตากลมช้อนขึ้นสบอย่างตกใจ


           “คาดเข็มขัดด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย”ลมหายใจสะอาดปัดผ่านผิวแก้มราวกับแสงแดดที่ทอดลงมาสู่ทุ่งหญ้ากว้าง ศตายุลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะเมื่อดึงสติกลับมาได้จึงเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงแหบพร่า


เขิน...


แม้จะเคยใกล้ชิดอาลอมาหลายครั้งแต่ศตายุก็ยังคงเขินอาลอเหมือนเช่นทุกครั้ง เขินและไม่เคยจะชิน เด็กน้อยนั่งนิ่งไม่ได้ชวนคุยจนลลิตภัทรแปลกใจ เมื่อแอบหันไปมองก็เห็นศตายุเอาแต่บี้ขนมครกในมือเล่น


          “ไปบี้มันเล่นให้เลอะมือทำไมล่ะค่ะ ทำไมไม่ทานเข้าไป?”ศตายุสะดุ้งเฮือก เขาเอาแต่คิดอะไรเพลินๆ เด็กน้อยเหลือบมองเสี้ยวหน้าขาวๆของอาลอที่เริ่มเด่นชัดจากแสงสว่างด้านนอก ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าและคลายออกอย่างคนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง


          “อาลอ...”ที่สุดก็ยอมเปิดปากเอ่ยเรียกคนข้างๆเสียงแผ่ว


           “คะ?”


          “กินมั้ยจ๊ะ”มือเล็กยื่นถุงขนมครกไปให้คนที่ทำหน้าที่สารถี พระลอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ อันที่จริงเขาไม่ชอบกินขนมที่ใส่กะทิซักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไม่อยู่ๆวันนี้ก็นึกอยากกินซะอย่างนั้น


          “อาลอขับรถอยู่ค่ะ”ลอบสังเกตกริยาเด็กอ้วนๆฟูๆแล้วเกือบจะหลุดขำ ลูกเจี๊ยบทำหน้าเหมือนกำลังตบตีกับความคิดบางอย่างในใจของตัวเอง


          “แต่ถ้าเจี๊ยบจะใจดีป้อนอา อาก็จะดีใจมาก”



ป้อนอาหน่อย อาอ่อยนานแล้ว ติดแฮชแท็กด้วยได้มั้ย



          “งั้นเดี๋ยวหนูป้อนอาลอนะ”เด็กก็คือเด็กวันยันค่ำ หลอกง๊ายง่าย มันน่าหลอกไปทำอย่างอื่นที่ตื่นเต้นๆอ่ะเนอะ


มือเล็กยื่นขนมครกมาจ่อปากคนเป็นอา พระลอมองปลายนิ้วสะอาดนั้นก่อนจะอ้าปากรับขนมครกโดยทำเนียนดูดเอานิ้วมือหลานเข้าไปด้วย เสียงดังจ๊วบพร้อมความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากคนที่ขึ้นชื่อว่าอาทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบอย่างรุนแรง


          “หวานจังเลยค่ะ”ไม่เว้นวรรคให้คนเด็กคลายความเขินสายตาหวานหยาดเยิ้มก็มองจ้องราวคนหน้าด้าน ศตายุอมยิ้มจนแก้มแทบแตก


ขนมครกที่ไหนจะมาหวานกันเล่า อาลอขี้ตู่จริงเชียว ศตายุป้อนขนมเข้าปากตนเองกับพระลอสลับกันไปจนชายหนุ่มบอกพอเพราะปกติไม่กินขนมที่มีกะทิมากนัก หันมาให้ความสนใจกับคนเด็กที่ยังคงนั่งกินขนมครกอย่างเอร่ดอร่อยอยู่คนเดียวแทน


         “หนูหายไม่สบายดีแล้วจริงๆเหรอคะ”คนแก่กว่าเหมือนนึกได้เอ่ยถามอย่างห่วงใจ เจ้าเจี๊ยบน้อยที่กำลังหย่อนขนมครกเข้าปากพยักหน้ารับหงึกหงัก แก้มฟูยิ่งอูมเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้าตัวยัดขนมอีกฝาเข้าปากตามไปติดๆ


          “หายดีแล้วจ้า สบายมากๆเลยตอนนี้”


          “หายดีก็ดีแล้ว...”ลลิตภัทรหันไปมองหลายคำพูดที่จะพูดต่อถูกกลืนหายไปในลำคอทันที เพราะศตายุยัดขนมเข้าปากไป 2 อันติด คราบกระทิจึงเล็ดมาเปื้อนริมฝีปาก และศตายุกำลังใช้ลิ้นกวาดคราบขาวของกะทิออก


เด็กน่ะ มันไม่คิดอะไรหรอก แต่อิ่ผู้ใหญ่นี่สิ ใจอกุศลคิดเป็นฉาก 18+ ไปเรียบร้อยแล้ว


          “อาลอเป็นอะไรจ๊ะ หน้าแดงๆ”ศตายุที่กวาดเอากระทิเข้าปากไปเรียบร้อยแล้วหันมาเจอพระลอหน้าแดงไปยั้นหูยั้นคอได้แต่เอียงคอถามอย่างแปลกใจ


ให้ตายเหอะ ขอหูกระต่ายกับถุงน่องตาข่ายให้ลลิตภัทรซักชุดแล้วจะไม่ลืมพระคุณเลย


          “ป่ะ..เปล่าค่ะ สงสัยอากาศจะร้อน”


          “หกโมงเช้าเนี่ยนะ หนูก็ว่าอากาศกำลังดีนะ ไม่เห็นจะร้อนเลย”คนเด็กว่าพลางเปิดหน้าต่างรถเพื่อเช็คสภาพอากาศ ก็เย็นดีนี่นา แล้วอาลอร้อนอะไรตรงไหนเนี่ย


แปลกคน...



           เกือบ 7 โมงเช้า รถกระบะของพระลอก็เข้ามาจอดเทียบ บรรดาพ่อครัวแม่ครัวเข้ามาช่วยกันยกของลงจากรถใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ พวกของสดถูกน้ำไปแช่ในถังน้ำแข็งใบใหญ่ ผักสารพัดชนิดที่ไม่ต้องแช่ถูกนำไปวางไว้มุมครัวบางส่วนถูกแบ่งออกมาเพื่อเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระเพล  สำรับสำหรับเลี้ยงพระเช้าถูกจัดเตรียมไว้แล้วทั้งคาวหวานรวมถึงผลไม้หลากหลายชนิด พิธีตอนเช้าเริ่มต้นขึ้นหลังจากพระขึ้นไปบนเรือน ศตายุและพระลอนั่งคู่กันพนมมือฟังพระอย่างสงบ ลูกเจี๊ยบไม่มีกริยายุกยิกซุกซนเหมือนที่เคยเลยซักนิด เมื่อพระสงฆ์สวดจบบรรดาแม่ครัวก็ทยอยกันยกอาหารขึ้นไปประเคนพระ ศตายุยื่นจานอาหารหลากหลายให้พระลอส่งต่อกันไปให้คนบนบ้าน ปลายนิ้วแตะกันเพียงน้อยแต่ทำเอาคนเด็กแก้มแดงปลั่ง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็อมยิ้มอย่างชอบใจ


หลังพระฉันท์เช้าเสร็จบรรดาแม่ๆก็ร้องเรียกให้แขกและผู้มาช่วยงานล้อมวงกินข้าว ศตายุตักข้าวให้ย่าโฉมและพระลอส่วนตนเองนั่งตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคอยตักกับข้าวให้ทั้งย่าโฉมและพระลอไม่ได้ขาด


          “แหม ปรนนิบัติพัดวีดีแบบนี้ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงฉันเป็นพี่โฉมฉันจะไปขอมาหมั้นมาหมายกับพ่อลอเลยเนี่ย”ผู้หญิงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับย่าโฉมเอ่ยทัก ศตายุนั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรพระลอเห็นหลานก้มหน้างุดก็ตักปลาทอดให้ลูกเจี๊ยบเงียบๆ


          “กินข้าวเถอะ”


          “เด็กมันนิสัยดี เจี๊ยบนี่ฉันก็เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ก็ไม่แปลกหรอกที่หลานมันจะช่างเอาอกเอาใจ รักเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ”ยังไม่ทันที่จะมีบทสนทนาอื่นใด้เพิ่มเติมร่างของศตายุก็โอนโอบกอดจากทางด้านหลัง


          “โอ๊ะ!!”


           “ลูกเจี๊ยบของเฮียยยยยย”เสียงทักทายด้านหลังทำให้ศตายุหันไปมองก็พบกับรุ่นพี่ที่สนิทกันมากกำลังกอดตนเองจากทางด้านหลัง


          “พี่สอง!! กลับมาตอนไหนทำไมเจี๊ยบไม่เห็นอ่ะ”สอง หรือสรุศักดิ์ลูกชายคนรองของทิดอ่ำยกมือไหว้ผู้ใหญ่รอบโต๊ะ ชายหนุ่มตีรถกลับมาร่วมงานบวชของพี่ชายคนโตหลังสอบเสร็จ บรรดาคนแก่ต่างเอ่ยทักกันเกรียวกราวแสดงถึงความโซฮอตของเจ้าตัว


เมื่อก่อนมีเจี๊ยบที่ไหนมีสองที่นั่น


เป็นคู่หูกันมาตั้งแต่เจี๊ยบยังเด็ก


          “กลับมาเมื่อกี๊เอ็งเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวถึงไม่รู้ว่าพี่มา น่าน้อยใจชิบหาย”


          “แล้วกินข้าวยังเนี่ยพ่อกับแม่พี่อยู่ข้างบนไปหามาแล้วหรือยัง”


          “เดี๋ยวค่อยไปหา มาหามึงก่อนคิดถึงชิบหายมาให้พี่ฟัดแก้มหน่อยซิ๊ไม่เจอปีเดียวทำไมแก้มฟูจังวะ”


           “งื้อ...หนูโตแล้วนะพี่สองจะมาหอมแก้มได้ไงอายคนเขา”คนตัวเล็กดันหน้าของพี่ที่สนิทออกไปทันที พระลอมองเด็กสองคนหยอกล้อกันแล้วก็รู้สึกหัวร้อนแปลกๆ


คือไอ้สองไอ้สามสี่ห้าหกเจ็ดแปดนี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ แต่มันมาแป๊บเดียวมันทั้งกอดทั้งลูบลูกเจี๊ยบของเขาได้มากพอๆกับที่เขาทำมาตลอดเดือนเลยทีเดียว แถมมันทำได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆในขณะที่เขาต้องแอบๆทำ



ไม่ยุติธรรม!!


หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อยแล้ว แม่ครัวก็เริ่มเตรียมกับข้าวสำหรับเลี้ยงเพล พระลอกับสองโดนมอบหมายให้ช่วยหั่นผักเตรียมของต่างๆไว้เพื่อปรุง ส่วนศตายุไปนั่งช่วยย่าโฉมหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อทำสังขยาฟักทอง แยกไว้ 5 ลูกเพื่อทำแบบทั้งลูก


          “ย่าจ๋าแกะสลักฟักทองไปด้วยเลยมั้ยเพื่อความสวยงาม”ศตายุเงยหน้าไปถามย่าโฉมที่กำลังตอกไข่เป็ดใส่กะละมังใบใหญ่


         “หนูจะแกะเป็นรูปอะไรล่ะ?”


           “โปเกม่อน!!”


          “งั้นไม่ต้องแกะหรอกพระน่าจะไม่ฉันท์ตัวการ์ตูน”พระลอเอ่ยแซวจนศตายุทำปากยู่ใส่


เนี่ย...ทำอะไรก้น่ารักน่าเอ็นดูน่าบดจูบตลอดอ่ะ


          “เดี๋ยวหั่นของเสร็จไปเอาแห้วในถังน้ำแข็งมาหั่นนะลูก เย็นจะทำทับทิมกรอบเมื่อเช้าบ้านตาเฉียบเอามะพร้าวกะทิมาให้สิบกว่าลูก”


          “ดีจังหนูอยากกิน”


           “ตะกละนะมึงไอ้เจี๊ยบ”สองโยนมะเขือเปราะใส่น้อง


           “แล้วตัวเองไม่ชอบกินหรือไงล่ะ”เถียงเก่ง พระลอมองเด็กสองคนเถียงกันพลางซอยใบมะกรูดที่จะใส่ในหอยดองอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่นานทุกสิ่งที่ต้องเตรียมก็เสร็จพระลอจำใจต้องขอตัวกลับบ้านเพราะพระลักษณ์โทรมาตามให้ไปช่วยที่โรงสี แม้จะเอ่ยปากชวนลูกเจี๊ยบให้กลับด้วยกันแต่เด็กน้อยบอกว่าตนเองต้องกลับพร้อมแม่ พระลอรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆเมื่อลูกเจี๊ยบดูจะให้ความสนใจกับรุ่นพี่คนนั้นมากกว่าตน  ย่าโฉมจึงถือโอกาสกลับมาบ้านนอนเอนหลังแล้วอาบน้ำอาบท่ากลับไปบ้านงานอีกครั้งในตอนเย็นที่มีกินเลี้ยงครั้งนี้ย่าโฉมไปบ้านงานพร้อมสามีพระลอที่หงุดหงิดกลับมาจึงไม่ได้ตามไปส่ง เขาไม่รู้ว่าป่านนี้ศตายุกลับมาแล้วหรือยังชายหนุ่มเข้านอนในตอนสามทุ่ม




          เสียงไก่ขันในรุ่งเช้าพระลอตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกเดินไปดูนาและแปลงผักที่อยู่ข้างบ้าน คนงานเริ่มทยอยมากันตอนเจ็ดโมงครึ่ง เอ่ยทักทายพูดคุยแล้วกลับเข้าบ้านในตอนสาย เสียงหมอทำขวัญนาคดังแว่วมาให้ได้ยิน ทำนองหวานเสนาะพูดถึงบุญคุณน้ำนมของแม่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ให้มาตั้งแต่แรกคลอด หน้าที่ๆลูกผู้ชายควรทำ นึกถึงสมัยตนเองบวชพระลอเลือกที่จะบวชเงียบๆในวัดที่กรุงเทพมีเพียงพ่อแม่พี่น้องญาติๆและเพื่อนสนิทเท่านั้น ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปรอที่วัดตอนเขาแห่นาคเข้าโบสถ์ เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพระลอก็ต้องหยุดเมื่อขบวนแห่นาคเดินมาถึงก่อน  พวกนักเต้นต่างออกลวดลายตามจังหวะแตรวงอย่างเมามันโดยที่ตัวนาคเองก็โดนเขย่าไปตามจังหวะเพลงด้วย สารพัดเพลงถูกเล่นในจังหวะเร้าใจ เสียงโห่ฮิ้วดังมาเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของลลิตภัทรก็ไปสะดุดกับใครบางคน


ใครบางคนที่มีแก้มฟูๆในชุดเสื้อยืดสีเหลืองอ๋อย กางเกงยีนส์สีซีดยาวแค่เข่า ที่สำคัญบนใบหน้าปรากฏแว่นตาดำกำลังออกสเต็ปกับคนที่ชื่อสองอย่างเมามันส์ ท่าเต้นที่เห็นนั้นเป็นท่าที่อ้อนตีนเป็นที่สุด ทั้งยกแข้งยกขาโบกมือไปมาถอยหน้าถอยหลังเหมือนคนเมาก็ไม่ปาน หากไปเต้นตอนสงกรานต์ท่าเต้นเหล่านี้เป็นท่าเต้นของเด็กแว๊นซ์ดีๆนี่เอง  เสียงเพลงขอใจแลกเบอร์โทรดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อถึงจังหวะเอิ้วๆร่างบางนั้นก็เด้งนมเข้าใส่สุรศักดิ์อย่างสู้ตาย


พระลอคิดมาตลอดว่าศตายุเป็นเด็กเรียบร้อย จนกระทั่งมาเห็นคนเด็กกว่าออกสเต็ปอยู่หน้าขบวนแห่นาคนี่เอง...


นักเต้นเท้าไฟประจำหมู่บ้านสินะ...


ลลิตภัทรจะเป็นลม....



ดิ้นเก่งเต้นเก่งจังเลยนะคะหนู มันน่าจะให้มาดิ้นใต้ร่างอาซะจริงๆเลย



..................................................

ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไปใจให้เก็บรักษา เอิ๊วๆๆๆๆๆๆ

เต้นหน้านาคนี่เป็นการประกาศศักดาว่าข้านี่น่ะนักเต้นตีนทองแห่งท้องทุ่งเลยแหล่ะ ใครเต้นเก่งดูได้จากงานนี้
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๙ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-11-2018 13:43:10
 :L2: :pig4:


55 เด็กแนว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๙ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 21-11-2018 16:00:51
น้องเจี๊ยบบบบบบบต้องมีฉากวิ่งเก็บเหรียญโปรยทานแล้ววว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๙ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-11-2018 17:28:08
น้องเจี๊ยบบบบบ เป็นแม่บ้านแม่เรือนดีมากเลยเด้อ น่ารักด้วย

ทำไงดีอยากมีเจี๊ยบเป็นของตัวเอง แง้ ป.ล. พระลอท่าจะต้อง

หัวร้อนหนักล่ะทีนี้  :laugh: เอ็งกระอักเลือดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 22-11-2018 00:55:33

(https://scontent.fbkk22-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/31590054_2069028329791998_7427511623301988352_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.fna&oh=87bf55df03c47c7d6ce12132da3b620b&oe=5C7846EE)

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑o




                ในที่สุดวันเลือกตั้งก็มาถึง พระลอถูกผู้ใหญ่ชลิตลากไปสังเกตการณ์ที่ศาลาวัดตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มหลบมุมปลีกตัวจากผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามานั่งสวดมนต์ในโบสถ์อย่างเงียบๆ
 
ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นพระลอก็จะกลายเป็นคนโกหก แม้ใจจะไม่ได้อยากได้อยากดีกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่เขาก็ยังแอบหวังลึกๆว่าชาวบ้านจะเลือกเขาไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนตัวเอง
 
ความคิดขัดแย้งกันในหัวจนอดที่จะทุบกำปั้นลงบนศีรษะตัวเองไม่ได้
 
                “หัวมันเป็นอะไรล่ะจ๊ะอาลอ ไปตีมันทำไม? ตีซะแรงไม่เจ็บหรอกหรือจ๊ะ”พระลอหยุดมือที่เขกหัวตัวเองโป๊กๆเมื่อได้ยินน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของคนที่เดินเข้ามานั่งเคียงข้าง ศตายุกราบพระประธานในโบสถ์ก่อนจะจรดมือที่พนมไหว้แตะหน้าผากหลังกราบพระเสร็จ ร่างเล็กของคนเด็กกว่าหันมายิ้มให้เขาตาใสแจ๋ว
 
                “มาทำอะไรคะ อายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะเลือกตั้งซักหน่อย”
 
                “หนูก็มาให้กำลังใจอาลอไงจ๊ะ”ตอบกลับไปตามจริง พระลอส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ภาพจิ๊กโก๋เต้นหน้านาคเมื่อวานยังติดตาเขาไม่น้อย ศตายุสนุกสนานอยู่กับสุรศักดิ์จนไม่ได้สังเกตการมีตัวตนอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ เต้นแอ่นหน้าแอ่นหลังโยงโย่โยงหยกจนแห่นาครอบโบสถ์ครบสามรอบ แถมยังตั้งตัวเป็นหัวโจกแย่งเหรียญโปรยทานกับบรรดาเด็กๆอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำ
 
ถ้าอยากได้เงินมากนักทำไมไม่บอกอาคะ จะไปแย่งเหรียญบาทเหรียญสองบาททำไม แบงค์พันอามีเป็นฟ่อนเกิดไปมีเรื่องกับใครควักออกมาปึกหนึ่งตบฟันร่วงได้เลยเพราะเงินของอาหนามาก
 
                “หนูจะมาให้กำลังใจอาทำไมล่ะ ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นกับนายสองอะไรนั่นล่ะคะ ดูจะสนิทกันมาก”อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ ก็หลังจากนาคเข้าโบสถ์ไปแล้วเขาก็ไม่เห็นว่าศตายุกับสุรศักดิ์จะแยกกันซักนาทีเดียว ตัวติดกันยังกับแฝดสยาม เขาเหมือนถูกเหวี่ยงออกจากวงโคจรของคนเด็กกว่า
 
                “ก็หนูรู้ว่าอาลอต้องตื่นเต้น โอ๋ๆไม่ตองกลัวนะไม่ว่าผลจะเป็นยังไงอาลอก็ต้องเข้มแข็งรู้ป่าวจ๊ะ”
 
                “แล้วถ้าหนูเลือกตั้งได้หนูจะเลือกใครคะ?”
 
                “หนูก็ต้องเลือกอาลอสิ จะไปเลือกคนอื่นทำไม อีกอย่างวันนี้คนที่ควรเป็นตัวเด่นคืออาลอ พี่สองน่ะหนูไปเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้”
 
                “กับอาจะเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกันนะคะ”เอ่ยตอบออกไปด้วยความปากไว
 
เขาอิจฉาสุรศักดิ์ อิจฉาเหมือนเด็กขี้อิจฉาที่โดนแย่งของเล่นที่มีชิ้นเดียวแล้วใครอีกคนก็ไม่รู้มาแย่งไป
 
                “กับอาลอจะเล่นหัวแบบที่เล่นกับพี่สองได้ยังไงล่ะ อาลอเป็นผู้ใหญ่ กับพี่สองน่ะหนูเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พี่สองเป็นหัวหน้ากลุ่มส่วนหนูเป็นรอง แต่ตอนนี้น่ะหนูเลื่อนมาเป็นหัวหน้าแล้วนะ พี่สองเป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนสนิทของหนูเลย มาย เบส เฟรนด์ อาลอรู้จักป่าว”
 
                “จริงนะ เป็นแค่เพื่อนจริงๆน่ะเหรอ”เอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ศตายุเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วร้องฮื่อเบาๆ
 
                “ดีใจจัง”คนแก่กว่าพูดออกมาตอนนี้ในใจของพระลอนั้นพองฟูยิ่งกว่าแป้งโดที่กำลังขึ้นฟูเพราะได้ยีสต์ดี เขาเชื่อที่ศตายุพูด ที่ผ่านมาเจี๊ยบเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะซื่อตรงสิ่งที่คนเด็กกว่าพูดออกมาเชื่อถือได้แทบทั้งสิ้น
 
เป็นเขาที่บ้าบอหึงหวงไปเอง
 
ใช่ พระลอรู้ตัวดีว่าเขานั้นหึงคนเด็กกว่ากับรุ่นพี่คนนั้น ความรู้สึกของเขาชัดเจนเข้มข้นขึ้นทุกวัน ศตายุเป็นเพียงเด็กอายุแค่ 15-16 ที่เข้ามามีอิทธิพลในใจของเขาอย่างรวดเร็ว ยามกินก็นึกถึงหน้า ยามจะนอนก็คิดถึงกลิ่นหอมๆที่ติดตามเนื้อนวลของหลาน ใจของพระลอนั้นฟุ้งซ่านราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองมาหลายอาทิตย์แล้ว
 
ศตายุช่างร้ายนัก มาล้อเล่นลวงกลกับใจเขา ทั้งๆที่คิดว่าใจของเขามันตายด้านไม่รู้สึกรู้สากับความรักไปนานแล้ว บัดนี้มันกลับเต้นตุบร่ำร้องเรียกหาความรักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
 
และเขาเองก็มั่นใจว่าหลานเองก็รู้สึกดีๆกับเขา แม้ว่าลลิตภัทรจะยังไม่ได้คำตอบที่เคยถามหลานไปก็ตามที
 
เพราะตั้งแต่วันนั้นศตายุยังไม่ได้มาที่บ้านเขาอีกเลย มีเพียงเขาที่พายเรือข้ามไปหา
 
ช่างใจง่ายใจดายเสียจริงพระลอเอ้ย
 
ศตายุไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกลับมาอีกเด็กน้อยทำเพียงนั่งเงียบๆเคียงคู่เขาจนกระทั่งเที่ยงถึงออกไปหาอะไรกินกัน พ่อแม่พี่ๆหลานๆของลลิตภัทรนั่งอยู่ด้านนอกศาลาวัด ทุกคนมีท่าทางนิ่งสงบแต่ดวงตานั้นฉายชัดว่าตื่นเต้น
 
เป็นการเสี่ยงอยู่ที่ให้ลลิตภัทรที่จากบ้านเกิดไปนานเกือบ 20 ปี มาสมัครตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่ทุกคนก็เชื่อว่าอย่างน้อยด้วยชื่อเสียงของผู้ใหญ่ชลิตที่สั่งสมมาหลายสิบปีจะช่วยการันตีให้ลูกชายได้ว่าลลิตภัทรก็จะทำประโยชน์ให้หมู่บ้านได้ดีเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดรวมทั้งศตายุกลับมาล้อมวงกินข้าวที่บ้านแล้วกลับไปที่จุดเลือกตั้งอีกครั้งในตอนปิดหีบเลือกตั้ง การนับคะแนนเป็นไปอย่างสนุกสนาน คะแนนของลลิตภัทรตอนแรกตีคู่มากับคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านอีกคนที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งมา 2-3 ครั้งแล้ว แต่ในที่สุดการนับคะแนนก็เสร็จสิ้นลงในตอนเย็น
 
ลลิตภัทรชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
 
ได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ไปอย่างสวยงาม แดนดินที่มาสังเกตการณ์การเลือกตั้งเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่คนใหม่ตามมารยาท
 
                “หวังว่าต่อจากนี้ไปจะร่วมมือกันทำงานและพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปนะพระลอ”แม้ว่าในใจจะยังมีทิฐิหลงเหลืออยู่บ้างแต่เมื่อตอนนี้มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและต้องใช้ความร่วมมือกันพระลอก็ยอมสลัดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าแดนดินทิ้งไป
 
                “ขอบคุณ”พระลอจำใจต้องยื่นมือไปจับมือกับแดนดินตามมารยาท เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงได้พากันกลับบ้าน ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าพ่อและแม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจโดยมีพี่ๆนั่งล้อมวงอยู่ไม่ห่าง
 
                “ต่อไปจะทำอะไรเห็นแก่ส่วนรวมมากๆนะลูก เป็นปากเป็นเสียงเป็นสมองแทนชาวบ้านที่เขาเป็นเพียงแค่ตาสีตาสา รักชาวบ้านให้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับเรา”
 
                “ครับ ผมยังไม่รู้อะไรเลย หลังจากนี้คงต้องขอให้พ่อคอยบอกคอยสอนไปก่อนนะครับ”
 
                “พ่อคงให้ได้แค่คำแนะนำ แต่เรื่องการดูแลชาวบ้านต่อจากนี้ลอต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าลอสามารถดูแลพวกเขาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่ถูกพ่อชักใยอยู่เบื้องหลัง”
 
                “ครับพ่อ แต่ผมก็กลัวนะว่าจะทำได้ไม่ดีพอกับที่ชาวบ้านให้ความไว้ใจ”
 
                “ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปเอาความรู้ที่ไปร่ำเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เอาของสมัยใหม่เข้ามาแต่ก็อนุรักษ์ของเก่าไว้ไม่ให้สูญหายไปน่าจะดีที่สุดสำหรับคนในหมู่บ้านเรา”
 
                “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำแต่คงต้องค่อยๆ อย่างหนึ่งที่สำคัญคืองบประมาณ ต่อให้อยากทำให้ดีแต่ถ้างบไม่ถึงมันก็ยาก”
 
                “อย่างนั้นก็ต้องไปคุยกับกำนันว่าจะจัดสรรงบประมาณยังไง คืนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน พระลอเดินเล่นมาที่ท่าน้ำ ทางฟากนู้นไฟที่ศาลาริมน้ำเปิดสว่างศตายุนั่งเล่นอยู่กับสองและเจ้าจอมหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของศตายุสดใสเช่นเคยเด็กน้อยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขายืนมองอยู่
 
บางทีอายุของเขาอาจจะมากเกินไป มากจนเกือบจะเป็นพ่อของศตายุได้เลยด้วยซ้ำ
 
หรือว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่เหมาะสมกันนะ ปล่อยให้เด็กได้มีช่วงวัยแห่งความรักกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันมันจะดีกว่านี้มั้ยนะ
 
ถ้าตัดใจตอนนี้จะทันมั้ย รักหลานให้สมกับที่เป็นอาหลานกันจริงๆจะดีหรือเปล่านะ
 
 
                ช่วงสายของวันเสาร์บ้านของพระลอก็คึกคักเนื่องจากมีแขกมาจากกรุงเทพ ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างเมื่อบรรดาเพื่อนๆทยอยลงมาจากรถ จับไม้จับมือกอดทักทายกันเสียงดังขรมไปหมด หญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวยลงมาจากรถยนต์อีกคัน หล่อนรีบเดินปรี่มาหาพระลอเอ่ยทักทายพลางสวมกอดและจูบที่ข้างแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้าง ศตายุที่นั่งเจียนหมากให้ย่าโฉมถึงกับชะงักมือทันที
 
ใจเดือดปุดๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
 
ทำไมต้องกอดอ่ะ
 
แล้วทำไมต้องจูบแก้มกัน
 
เป็นอะไรกันเหรอทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นด้วยอ่ะ
 
แล้วดูอาลอสิ กับเขาอ่ะ 2-3 วันมานี้ทำนิ่งทำขรึมไม่หยอกเย้าเหมือนเช่นเคย แต่พอผู้หญิงเข้าหานี่ยิ้มจนตาหยีเหงือกนี่บานโต้ลมจนจะแห้งอยู่แล้ว น่าเอาหมากเขวี้ยงกบาลนัก
 
มีอะไรให้ถูกอกถูกใจกันนักหนานะ
 
อารมณ์ไม่ดีสุดๆแล้วนะตอนนี้
 
                “ลอ ไม่ได้เจอกันนาน ผอมลงมั้ยคะเนี่ย”น้ำเสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วพลางจับชายหนุ่มหมุนซ้ายหมุนขวา
 
ผอมเผิมอะไรกันตอนมาตัวเท่าไหนตอนนี้ก็ยังตัวเท่านั้นเหมือนเดิมแหละ ยัยผู้หญิงคิดไปเอง
 
                “ลอผอมเพราะไม่มีคนคอยป้อนข้าวให้กินไงครับ”ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ บรรดาเพื่อนผู้ชายทำเสียงแหวะราวกับจะอ้วก
 
อะไร?? อาลอเป็นง่อยอ่อ ต้องมีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ
 
                “ไปๆ ขึ้นไปบนบ้านไปไหว้พ่อไหว้แม่กูกันก่อน”พระลอหันไปชวนเพื่อนๆอีก 4-5 คนที่เหลือให้ขึ้นมาบนบ้าน ที่ท่อนแขนแกร่งถูกมือเรียวของหญิงสาวหนึ่งเดียวในคณะเกาะแจ ศตายุขยับตัวไปนั่งด้านหลังย่าโฉมเมื่อกลุ่มเพื่อนๆของลลิตภัทรขึ้นมาไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของบ้าน
 
                "ไหว้พระกันเถอะจ้า พ่อลอบอกอยู่ว่าเพื่อนจะมาเที่ยวหาฉลองที่ได้รับตำแหน่ง”
 
                “แหม เห็นลอเค้าพูดถึงคุณแม่บ่อยๆ ตัวจริงยังสาวยังสวยกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะคะ ไม่เห็นจะแก่เลย ลอน่ะหลอกแอน”หญิงสาวว่าพลางตีลงบนต้นแขนของชายหนุ่มอย่างสัพยอกหยอกเย้า นัยหนึ่งคล้ายจะแสดงถึงความสัมพันธ์ที่มากเกินกว่าเพื่อนทั่วไป
 
                “แล้วน้องหน้าตาน่ารักนี่ใครวะลอ”เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยที่นั่งทำสีหน้าแปลกๆอยู่ข้างหลังแม่ของเพื่อน
 
                “อ่อ นี่ลูกเจี๊ยบลูกของเพื่อนบ้านอยู่ฟากนู้นน่ะ เจี๊ยบนี่เพื่อนๆอานะคะ”ชายหนุ่มหันไปแนะนำลูกเจี๊ยบให้เพื่อนๆรู้จัก เด็กน้อยยกมือไหว้เพื่อนๆของพระลอทุกคนแม้จะรู้สึกไม่อยากจะไหว้ผู้หญิงชื่อแอนอะไรนั่นนักก็ตาม
 
ใจตอนนี้ร้อนรนและรู้สึกเดือดแปลกๆ
 
ลูกเจี๊ยบกำลังอารมณ์ไม่ดีและอยากจะจิกใครซักคน ทนนั่งเป็นส่วนเกินได้ไม่นานลูกเจี๊ยบก็ขอลากลับบ้านตัวเอง พระลอไม่ได้สนใจตนเองซักน้อยยังคงนั่งคุยหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนโดยมีปลิงนมโตเกาะอยู่ไม่ห่าง
 
ยืนเองโดยไม่เกาะจะตายเหรอหรือกลัวล้มเพราะหนักนม??
 
พาล ตอนนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าลูกเจี๊ยบพาลมาก เด็กน้อยนั่งตีขาในน้ำด้วยความหงุดหงิด
 
และเหมือนวันนี้จะเป็นวันแห่งความหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพระลอและเพื่อนๆหอบเอาเหล้ายาปลาปิ้งมานั่งกินกันที่ศาลา ทุกคนใส่เพียงกางเกงขาสั้นท่อนบนเปลือยเพราะกะจะมาเล่นน้ำกัน จะไม่อะไรเลยถ้าผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มนุ่งบิกินี่โดยมีผ้าผืนบางพันท่อนล่างมาด้วย
 
อะไรดลจิตดลใจล่ะแม่คุณเอ๊ย นี่น้ำคลองนะไม่ใช่สวนสยาม
 
แล้วดูดิ่ ใส่ทูพีชสีดำสวยคล้องคอ เลือกไซส์ผิดเหรอทำไมนมปลิ้นซะขนาดนั้นล่ะ แล้วดูสายตาอาลอสิ มองไม่วางตาเลยมันน่าควักลูกตาออกมาเหยียบๆๆๆซะจริงๆเลย
 
หญิงสาวแก้ปมผ้าที่คลุมท่อนล่างออกเผยผิวขาวเนียนโยนลงบนพื้นศาลาแล้วก้าวลงน้ำด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่ ลลิตภัทรก็ผู้ชายปกติไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่มีของขาวมาล่อตาล่อใจแล้วจะไม่มอง อีกอย่างตอนอยู่กรุงเทพเขากับอริตาก็วัวเคยขาม้าเคยขี่กันมาก่อนการจะมองเรือนร่างขาวอร่ามนั้นก็ไม่ได้แปลกเลยซักนิด มากกว่านี้ก็เคยมองมาแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าฟากนู้นมีร่างของใครคนหนึ่งนั่งหัวโด่มองมาที่เขาตาเขียวปั้ด ชายหนุ่มรับแก้วเหล้าจากเพื่อนดื่มไปหันไปคะขากับหญิงสาวตามที่หล่อนเรียกไป ร่างบางว่ายวนราวกับนางเงือกสาวดำลงน้ำแล้วทะยานขึ้นมาจนหยาดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว บรรดาเพื่อนๆต่างก็รู้ดีว่าอริตานั้นชอบพระลอมากขนาดไหน ไม่ต้องมีใครเอ่ยปากพูดก็รู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังอ่อยพระลออยู่ เนินอกขาวผ่องลอยเด่นเหนือผิวน้ำ พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตั้งแต่กลับมาบ้านเขาก็ห่างหายจากกิจกรรมอย่างว่าไปเลย ความรู้สึกเสียวๆที่ท้องน้อยเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด จิบเหล้าเข้าปากอย่างใจเย็น ยังมีเวลาให้เล่นกันอีกเยอะปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยปากออดอ้อนให้เขาลงมาเล่นน้ำด้วยกันไม่ขาดปาก
 
                “ลอขา ลงมาเล่นน้ำกับแอนสิคะ น้ำเย๊นเย็น”หญิงสาวเกาะกระดานพื้นศาลาเอ่ยเสียงหวานซึ่งชายหนุ่มก็ก้มหน้าไปคุยจนเกือบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
 
                “แอนเล่นไปก่อนเลยครับขอลอกินเหล้ากับไอ้พวกนี้อีกหน่อย”
 
                “ไอ้เหี้ย....แม่ง”อยู่ๆเสียงเพื่อนที่นั่งข้างๆก็ดังขึ้น คนอื่นๆพลอยทำเสียงฮือฮาไปด้วยพระลอที่ยกเหล้าขึ้นจิบหันไปมองตามสายตาเพื่อนๆก็พบกับ
 
 
พรวดดดดดดดดด!!!!!!!
 
ศตายุยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างบางค่อยๆถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกแล้วปล่อยให้หลุดมือลงกับพื้น ยืดตัวบิดขึ้เกียจจนรูปร่างฉายชัดถึงสัดส่วนได้รูปพอดีตัว กายขาวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องมาพอดี ยอดอกแต้มสีระเรือรำไรเผยให้เห็นรับกับเนินเนื้อน้อยๆ หน้าท้องแบนราบและหลุมสะดือสวยรับกับเอวคอดกิ่ว กางเกงขาสั้นที่ใส่บัดนี้ขอบกางเกงร่นลงต่ำอย่างหมิ่นเหม่จนเห็นขอบกางเกงชั้นในสีขาว ยามบิดตัวสะโพกกลมกลึงก็อวดโฉมสู่สายตานับสิบคู่ พระลอถึงขั้นสำลักเหล้าที่กำลังดื่มเข้าปาก เขาไอจนหน้าดำหน้าแดง ศตายุไม่ได้ลงเล่นน้ำหากแต่กลับนั่งลงกันพื้นศาลาแล้วเอาเท้าแกว่งในน้ำเช่นเคย
 
                “เหี้ย เด็กผู้ชายอะไรวะทำไมหุ่นเซี๊ยะขนาดนี้”
 
                “นี่ขนาดถอดแค่เสื้อยังโซฮอต ถ้าถอดทั้งตัวนะมึงเอ้ย โด่ไม่รุ้ล้มแน่ๆ” เพื่อนๆของเขาจ้องเจ้าลูกเจี๊ยบไม่วางตา จ้องไปก็พูดจาสองแง่สองง่ามใส่เด็กที่นั่งเอามือท้าวพื้นด้านหลังจนหน้าอกแอ่นขึ้นเล็กน้อย
 
และโดยที่ยังไม่ทันคิดอะไรเสียงของหนักก็หล่นลงไปในน้ำ ผิวน้ำเกิดแรงกระเพื่อมกว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวพระลอก็โผล่ขึ้นมากลางลำคลองไปเสียแล้ว แขนยาววาดวงกว้างเพื่อส่งตัวเองให้ไปถึงฝั่งนู้นไวๆ
 
                “ทำไมมาถอดเสื้อแบบนี้คะ”เมื่อถึงอีกฝั่งก็คร่อมขาของหลานไว้ เอ่ยเสียงดุ
 
                “จะมาสนใจหนูทำไมล่ะจ๊ะ ไปสนใจป้าคนนั้นเถอะ คนที่นมโตๆน่ะ”เด็กน้อยว่าพลางบุ้ยปากไปให้ผู้หญิงที่ทำหน้ากระเง้ากระงอดอยู่ฝั่งนู้น เสียงเพื่อนๆโห่แซวมาหากแต่พระลอกลับไม่สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแต่เจ้าเด็กนี่ที่ทำหน้าตึงใส่เขาเสียมากกว่า
 
                “เป็นอะไรคะทำไมวันนี้ทำตัวไม่น่ารักเลย?”
 
                “หนูจะทำตัวยังไงมันก็เรื่องของหนูนี่จ๊ะ ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารักสิ อาลอจะมาสนใจหนูทำไมล่ะ”
 
                “ใส่เสื้อแล้วกลับเข้าบ้านไปค่ะ อย่าให้อาลอต้องดุ” ชายหนุ่มกดเสียงให้ต่ำเพื่อจะบอกกับลูกเจี๊ยบให้รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้พูดเล่น จับเท้าของหลานที่ยังแกว่งในน้ำไว้แน่นจนหลานจำเป็นต้องหยุดแกว่ง สายตาของคนทั้งคู่จ้องกันราวกับจะฟาดฟันสู้รบ
 
                “อาลออย่ามาเอาแต่ใจ 2-3 วันที่ผ่านมาก็ไม่สนใจหนูอยู่แล้วนี่”น้ำเสียงที่เปล่งออกบ่งบอกถึงความน้อยใจที่มี ดวงตากลมพลันปรากฏน้ำใสคลออยู่จางๆ
 
                “อาไม่สนใจหนูตรงไหนคะ”
 
                “ก็อาลอไม่เล่นไม่คุยกับหนูเหมือนเดิม อาลอคงเบื่อจะคุยกับหนูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ หนูมันไม่เสียงอ่อนเสียงหวานแบบป้าคนนั้นนี่”
 
                “หนูงอนอาเหรอคะ?”เอ่ยถามเสียงเย้าเมื่อเริ่มจับความรู้สึกของคนเด็กได้ มือก็ส่งเสื้อให้หลานสายตายังเจือแววดุแต่ไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว ศตายุขยับเท้าเตะน้ำใส่หน้าคนแก่กว่าอย่างลืมตัว ซึ่งพระลอเองก็ไม่ได้คิดโกรธ กลับหัวเราะน้อยๆอย่างชอบอกชอบใจ ฝ่ามือหนาลูบขาหลานเบาๆอย่างถือวิสาสะ
 
                “ใครจะไปงอน ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยอย่ามามั่ว”
 
                “ถ้าไม่ได้งอนงั้นก็แปลว่าหึง หนูหึงอาลอกับอาแอนใช่มั้ยคะ?”
 
                “อย่ามาโมเม ใครจะไปหึงไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย”คนเด็กผลักหน้าของอาที่ฉวยโอกาสจุ๊บลงมาบนหลังเท้าของตัวเอง เพราะหันหลังเพื่อนๆจึงไม่เห็นการกระทำนั้นหากแต่คนเด็กกลับสะท้านไปทั้งอก ยอดอกที่ตอนแรกตุ่ยๆกลับกลายเป็นขึ้นเม็ดล่อตาล่อใจ
 
                "ก็พายเรือข้ามมาหาอาซักทีสิคะ จะได้มีสิทธิ์หึงอาซักที”ชายหนุ่มลูบปลีน่องของหลานเบาๆ
 
                “ฮื้อ...ปล่อยหนูนะไม่ต้องมาลูบเลย”เบี่ยงขาหนีเมื่อรู้สึกแปลกๆหากแต่ลลิตภัทรยังคงจับให้หลานหันกลับมาทางเดิม
 
                “อายังรอคอยคำตอบของเจี๊ยบอยู่นะคะ ที่ 2-3 วันมานี้ไม่คุยเล่นกับหนูเหมือนเคยก็เพราะอาคิดว่าหนูคงไม่ชอบคนรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของหนูอย่างอา อาอยากให้หนูคิดพิจารณาความรู้สึกของตัวเอง ถ้าหนูชอบอาใจตรงกันกับอา อาก็จะดีใจมาก แต่ตอนนี้คนดีใส่เสื้อก่อนนะคะ ไอ้พวกเพื่อนอามันมองไปยั้นไหนๆแล้ว บอกตรงๆอาหวง”
 
                “งั้นอาลอก็อย่าไปมองนมป้าคนนั้นสิจ๊ะ หนูเห็นนะว่าอาลอมองไม่วางตาเลย แล้วก็เป็นอะไรกันทำไมป้าเขาต้องเกาะแขนเกาะขาอาลอตลอดด้วยหนูไม่ชอบเลย”
 
                “หนูโกรธเหรอคะ?”
 
                “ฮื่อ...หนูไม่รู้ รู้แค่ไม่ชอบ อาลอห้ามให้เขาเกาะแกะอีกได้มั้ย?”
 
                “ได้สิคะถ้าหนูไม่ชอบอาจะไม่ยุ่งกับเขาอีก”
 
                “อื้อ หนูไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆเลย อาลอมองนมเขาด้วยหนูเห็น หนูอยากจะจิกตาอาลอให้บอดเลย อยากมองมากนักเหรอจ๊ะ”คนเด็กยังหาเรื่องว่าเขาต่อ ลลิตภัทรเงยหน้าขึ้นหัวเราะเบาๆพลางช้อนสายตามองมายังหน้าอกของเด็กน้อย ริมฝีปากกระตุกยิ้มก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้คนเด็กหน้าร้อนจนแทบจะไหม้
 
                “อาไม่มองแล้วก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้นมที่อยู่ข้างหน้าอาน่ามองกว่าตั้งเยอะ”ศตายุรู้สึกร้อนวูบเมื่อพระลอพูดพลางมองมองจ้องมาที่หน้าอกของตนแถมยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากทำให้รู้สึกสะท้านวูบ เด็กน้อยรีบคว้าเสื้อมาปิดร่างกายของตัวเองไว้พลางขยับลุกขึ้นยืน
 
                “อาลอทะลึ่ง หนู...หนูขึ้นบ้านก็ได้”
 
                “อ้าว นึกว่าจะดื้อต่อ ไม่ลงมาเล่นน้ำกับอาเหรอคะ อาจะได้ช่วยขัดขี้ไคลให้ทั้งตัวเลย”
 
                “หนูไม่คุยกับอาลอแล้ว กลับบ้านตัวเองไปเลยไป”ศตายุออกปากไล่ก่อนจะสวมเสื้อกลับตามเดิม เด็กน้อยก้าวฉับๆกลับบ้านไปโดยไม่หันมามองพระลออีกเลย ชายหนุ่มหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางเขินๆนั้นของหลานแต่เมื่อหันกลับจะว่ายน้ำกลับบ้านก็พบว่าบรรดาเพื่อนๆจ้องมองเขาเขม็ง ส่วนอริตานั้นขึ้นไปนั่งบนศาลาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวใบหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
 
หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะตามไปง้องอนเพื่อหวังผลทางกายแต่เมื่อเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับน้ำเสียงเง้างอดของลูกเจี๊ยบน้อยแล้วชายหนุ่มก็ละความสนใจจากหญิงสาวไปทันที
 
อดเปรี้ยวไว้กินหวานอีกครั้งจะดีกว่า
 
แถมของหวานยังเนื้ออ่อนๆนุ่มๆซะด้วยสิ
 
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
 


........................................

อดเปรี้ยวไว้กินข้าวแดงในคุก

ชะนีนุ่งบิกีนี่เล่นน้ำคลองมีจริงๆนะคะ ไรท์เจอมากับตา ตอนนั้นไปตกปลาแรดที่คลองแยกไม่ออกเลยว่าระหว่างปลากับชะนีคนนั้นอะไรมันจะแรดกว่ากัน 5555555555555

คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

1 เม้นท์ 1 แท็ก เท่ากับล้านกำลังใจนะคะ

#พระลอตามไก่

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 22-11-2018 02:16:35
น้องเจี๊ยบของแม่ แง้
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 22-11-2018 05:16:49
อื้อหือออ น้องเจี๊ยบของพี่  :hao6: ป.ล. อัพเร็วมากค่ะเหมือนเมื่อเช้าจะมาไปแล้วตอนหนึ่ง +1 ไปโล้ด o13
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 22-11-2018 07:02:27
คอนเฟิร์มอีกเสียงว่ามีจริงๆๆๆ แถมเป็นบิกินี่สีแดงแปร๊ด ดีที่ปลิงไม่กัด...
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-11-2018 10:51:25
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑o ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 23-11-2018 02:32:50
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๑








                วันนี้บ้านของลลิตภัทรครึกครื้นกว่าที่เคยเป็นเพราะบรรดาเพื่อนๆที่กำลังจับกลุ่มคุยกันไปฉีกใบตองกันไปอย่างออกรสออกชาติ วีรกรรมสมัยที่พระลออยู่กรุงเทพถูกหยิบยกเอามาบอกเล่าจนย่าโฉมหัวร่องอหายเสียจนเหนื่อย หลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่เคยรู้ก็ได้รู้เอาเสียวันนี้นี่เอง

 

ลูกชายของหล่อนไม่ใช่หนุ่มเรียบร้อย ออกจะเป็นคนโผงผางและมีมุกตลกยามอยู่กับเพื่อน และดูเหมือนจะเจ้าชู้อยู่นิดๆแต่ไม่ได้จริงจังกับใคร

 

เมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงลลิตภัทรก็เหมือนชายหนุ่มทั่วๆไปที่มีพูดทะลึ่งและหลุดคำหยาบอยู่บ้าง

 

ต้นกล้วยหลายต้นถูกนำมาวางไว้ให้ลลิตภัทรและเพื่อนอีก 2-3 คนมีหน้าที่ใช้มีดเล่มคมๆหั่นชำแหละให้เป็นแว่นๆ ใบตองถูกนำมาฉีกขนาดเท่าๆกัน ดอกไม้จำพวกกุหลาบ ดาวเรือง มะลิ กล้วยไม้ ถูกตัดเก็บมาเตรียมไว้ ดอกไม้ธูปเทียนที่ย่าโฉมและนิดาช่วยกันพันกับกระดาษย่นจนเป็นดอกกุหลาบปักอยู่บนแผ่นโฟมแผ่นใหญ่ อริตานั่งเช็ดใบกล้วยด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเมื่อไม่สามารถเข้าไปประจ๋อประแจ๋กับลลิตภัทรได้อย่างที่ตั้งใจ

 

วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ที่วัดจัดงานลอยกระทงโดยมีชาวบ้านช่วยกันทำกระทงไปถวายวัดเพื่อจำหน่ายให้กับสาธุชนที่ไปร่วมงานบุญกับทางวัด และเช่นเดียวกับชาวบ้านบ้านอื่นๆ บ้านของพระลอก็เข้าร่วมงานบุญนี้ด้วย หล่อนและเพื่อนๆของลลิตภัทรถูกปลุกตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมาช่วยกันฉีกใบตองตัดต้นกล้วย

 

ไหนล่ะที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะได้สวีทหวานกับลลิตภัทรสองต่อสองแบบเนื้อแนบเนื้อท้องชนกันแบบตอนอยู่กรุงเทพ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานที่เล่นน้ำลลิตภัทรก็เหมือนจะกั้นพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาทันที ไม่คุยหวานๆกับหล่อนอีก แม้จะพยายามเข้าหาทุกวิถีทางแต่ชายหนุ่มก็หลบเลี่ยงหล่อนตลอดจนกระทั่งถึงเวลานอน ถ้าเป็นตอนอยู่กรุงเทพหล่อนไปนอนค้างอ้างแรมกับชายหนุ่มที่คอนโดได้ตลอด แต่เมื่อคืนลลิตภัทรให้อริตานอนในห้องพักแขกแล้วลากเพื่อนสนิทอย่างโอม กับพลเข้าไปนอนในห้องด้วย ส่วนเพื่อนอีก 5-6 คนที่เหลือกางมุ้งนอนที่นอกชาน

 

อะไรทำให้ลลิตภัทรเปลี่ยนไป

 

ไม่อยากจะคิดในแง่ลบหรอกนะ แต่เด็กคนนั้นคนที่พอลลิตภัทรเห็นถอดเสื้อปุ๊บก็กระโดดลงน้ำแล้วว่ายข้ามคลองไปหานั่นน่ะไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด ทั้งๆที่หล่อนชวนแทบตายลลิตภัทรไม่ยอมลงมาเล่นด้วยแต่เพียงแค่เด็กคนนั้นถอดเสื้อ ไม่ได้พูดอะไรซักคำ ผู้ชายของหล่อนก็โดดน้ำว่ายไปหาแล้ว

 

นั่นแค่ลูกเพื่อนเองนะ ทำไมต้องไปเจ้ากี้เจ้าการให้ใส่เสื้อแล้วขึ้นบ้านไป

 

ทำเหมือนคนหวงของ

 

ตอนแรกหล่อนคิดว่าลลิตภัทรจะแนะนำกับครอบครัวว่าหล่อนเป็นคนพิเศษ เป็นแฟน หรือใช้คำว่ากำลังดูๆกันอยู่ก็ได้ แต่ลลิตภัทรกลับแนะนำและวางหล่อนไว้ในฐานะเพื่อนไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มามันทำให้หล่อนหน้าขาไปเล็กน้อย ก็เข้าใจอยู่ว่าลลิตภัทรไม่อยากผูกมัดกับใคร ที่ผ่านมาชายหนุ่มมีสัมพันธ์ทางกายแบบวันไนท์แสตนมาตลอดยกเว้นกับหล่อนที่ยังคงติดต่อกันเรื่อยๆ

 

แต่ตอนนี้ลลิตภัทรทำเหมือนที่ผ่านมามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่มีการคุยเล่นสองแง่สองง่ามแบบที่ชอบทำ วางตัวได้นิ่งสนิทจนใจไม่ดี

 

หรือจะเบื่อกันแล้ว...

 

                “หนูแอนลูก...”เสียงหญิงชราที่ดังอยู่ใกล้ๆเรียกสติของหล่อนให้กลับมา

 

                “คะ...คุณแม่”

 

         “ใบตองน่ะหนูต้องเช็ดเบามือหน่อยนะจ๊ะ ไม่งั้นมันจะช้ำกว่าจะถึงตอนเย็นเดี๋ยวดำหมด”ย่าโฉมเอ่ยเตือนเมื่อหญิงสาวลงแรงกระแทกกระทั้นใส่กับใบตองจนช้ำ อริตาได้แต่พยักหน้ารับคำแล้วเช็ดใบตองต่อแม้จะไม่ชอบใจซักเท่าไหร่

 

                “แปลก...”อยู่ๆลลิตภัทรก็พูดขึ้นมาลอยๆ

 

                “อะไรแปลกหรือพ่อลอ?”

 

                “ปกติเวลามีงานอะไรลูกเจี๊ยบจะต้องมาช่วยแม่ทำนี่ครับ ทำไมวันนี้ไม่เห็นมาหายทั้งพี่ทั้งน้อง”

 

คิดถึง  อยากเห็นหน้า  มีแก้วเจ้าจอมมาด้วยก็ได้ อยากได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกเจี๊ยบขี้เถียง

 

                “ถ้าเป็นลอยกระทงเจี๊ยบต้องช่วยพ่อกับแม่ทำกระทงที่บ้านน่ะ  บ้านนู้นเขาก็ร่วมด้วยเหมือนกัน น่าจะลากยาวยั้นเย็นนั่นแหล่ะ”ลลิตภัทรพยักหน้าแสดงความเข้าใจ

 

เป็นปกติที่บ้านของแดนดินจะช่วยงานกับทางวัดค่อนข้างเยอะ นอกจากตำแหน่งกำนันแล้ว หลวงตาจวบก็จำวัดอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยายประไพตายเมื่อ 5-6 ปีก่อน ประจวบผู้เป็นสามีก็บวชอุทิศให้กับภรรยาแล้วก็บวชยาวมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นไม่ว่าที่วัดจะมีงานบุญหรืองานใดใดให้ช่วยทางบ้านของแดนดินจะให้ความร่วมมือเสมอ

 

กระทงเกือบสามสิบใบถูกลำเลียงใส่ท้ายรถแล้วพาไปส่งยังโต๊ะที่จะจัดวางจำหน่ายแด่ประชาชนที่จะมาร่วมงาน ตามทางเดินผูกด้วยผ้าหลากสีเป็นดอกไม้อันใหญ่ๆลากยาวไปถึงตีนท่า ไฟหลากสีถูกประดับประดาสวยงาม ด้านหน้าโบสถ์คณะรำวงกำลังจัดเตรียมเวทีสำหรับแสดงคืนนี้ ถัดออกมาตรงลานกว้างใกล้ริมน้ำที่ตอนเย็นๆเด็กวัดมักจะมาเตะตะกร้อถูกจัดเป็นเวทีสวยงามสำหรับประกวดนางนพมาศ ด้านตรงข้ามมีจอหนังกลางแปลงที่ทิดอ่ำจ้างมาฉายให้คนดูฉลองที่ลูกชายบวชเป็นพระใหม่ที่วัดนี้ ส่วนเวทีด้านหน้าวัดมีโรงลิเกตั้งไว้รอท่าตั้งแต่เมื่อวานแดนดินเป็นคนจ้างมาเล่นให้คนเฒ่าคนแก่และเด็กๆที่ชอบดูการแสดงพื้นบ้านได้ดูกัน บริเวณโดยรอบมีร้านค้ามาตั้งแผงกันอย่างคึกคักเครื่องไฟถูกเปิดลองเสียงเพื่อจะใช้ในค่ำคืนนี้ ลลิตภัทรเดินตรวจตราความเรียบร้อยก่อนจะกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆอย่างพอใจกับภาพรวมของงาน ชายหนุ่มเห็นเจ้าขากำลังจัดเรียงกระทงลงบนโต๊ะพร้อมด้วยจิ๊บส่วนแดนดินคุยกับหลวงตาจวบอยู่อีกทางโดยมีเจ้าจอมนั่งเล่นลูกแก้วอยู่ข้างๆ

 

ลูกเจี๊ยบของเขาหายไปไหน?

 

ลลิตภัทรกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบกับร่างสูงโปร่งคุ้นตากำลังยืนคุยอยู่กับคนชื่อสอง เสียงหัวเราะใสดังลั่นยามที่อีกฝ่ายทำท่าตลกใส่

 

คือยังไง ไหนว่ายังเรียนอยู่ทำไมเสร็จงานบวชพี่ชายแล้วไม่กลับไปร่ำไปเรียนวะ มาเกาะแกะกับลูกเจี๊ยบของเขาอยู่นั่นแหละ อยากเรียนซ้ำชั้นหรือสอบตกมากนักเหรอวะ

 

แล้วนั่นลูกเจี๊ยบทำไมต้องกระโดดขี่หลังแนบชิดไอ้เด็กสองนั่นขนาดนั้นด้วยเนื้อแนบเนื้อไปยั้นไหนๆแล้วทำไมไม่รู้จักระมัดระวังตัวสำรวมกริยามั่ง

 

หวงตัวเป็นป่าววะ มันน่าจับมาตีให้ตูดลายเลยพับผ่าสิ

 

                “อาลอ”แรงเขย่าที่ข้อมือทำให้ลลิตภัทรต้องละสายตาจากเจ้าลูกเจี๊ยบก้มลงไปมองมือเล็กๆที่กำข้อมือของเขาไว้

 

ก้างหมายเลขหนึ่งมองมาที่เขาตาแป๋ว

 

                “ว่าไงครับเจ้าจอม”ชายหนุ่มวางมือลงบนหัวหลานพลางปรับน้ำเสียงไม่ให้หงุดหงิดใส่เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

 

                “พ่อกำนันให้หนูมาบอกให้อาลอขึ้นไปคุยเรื่องเปลี่ยนไฟวัดจ้า”

 

                “โอเคเดี๋ยวอาขึ้นไป”ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันดีเป็นมิตรสุดๆ พลันลลิตภัทรก็นึกอะไรออกมือหนาคว้าแขนเด็กน้อยไว้แล้วก้มลงกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน

 

                “เจ้าจอม อยากได้รถบังคับมั้ย คันที่อาลอเคยบอก”เด็กน้อยตาโตแสดงความสนใจขึ้นมาทันที ใบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงักตอบรับ

 

                “อยากได้จ้า”

 

                “ถ้างั้นเจ้าจอมช่วยอะไรอาอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ”

 

                “อาลอจะให้หนูช่วยอะไรจ๊ะ?”

 

                “ช่วยไปแยกพี่เจี๊ยบกับพี่สองหน่อยได้มั้ย เล่นกันในวัดในวาบาปกรรม”อ้างบุญบาปไว้ก่อน เด็กมันไม่รู้หรอก

 

                “บาปตรงไหนอ่ะ?”อ่าว เสือกจะมาสงสัยอะไรตอนนี้อีกวะ

 

                “ก็มันไม่สำรวมไง อยู่ในวัดต้องสำรวมกริยา”

 

                “เร๊อะ?? ทำไมไม่เคยรู้เลยอ่ะ”เจ้าหนูจำไมทำสีหน้างงๆ

 

                “เออ นี่ก็รู้ไว้ไง อาบอกอยู่เนี่ย จะเอามั้ยรถถ้าเอาก็ไปทำตามที่อาบอก แต่อย่าให้ใครรู้นะว่าอาสั่ง”

 

                “ก็ด๊ะ...เห็นแก่พี่เจี๊ยบหรอกนะ หนูกลัวพี่เจี๊ยบจะบาปไม่ได้เห็นแก่รถบังคับซักกะติ๊ดเดียว” ถ้าเป็นเวลาอื่นลลิตภัทรก็อยากจะด่าแก้วเจ้าจอมว่าไอ้เด็กกลับกลอก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ที่เขาต้องพึ่งพาความสาระแนของแก้วเจ้าจอมลลิตภัทรทำได้เพียงลูบหัวหลานเบาๆทั้งที่ในใจอยากจะกระชากให้หัวหลุดติดมือเสียเหลือเกิน

 

แล้วแก้วเจ้าจอมก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อเขาขึ้นไปคุยเรื่องเปลี่ยนหลอดไฟในโบสถ์กับแดนดินและเจ้าอาวาส พอมองลงไปที่ลูกเจี๊ยบก็พบว่าแก้วเจ้าจอมคอยเดินแทรกกลาง คอยขัดขวางไม่ให้สุรศักดิ์ได้ใกล้ชิดกับศตายุแม้ซักนิดเดียว

 

แก้วเจ้าจอมเธอเก่งมาก เธอเก่งที่สุด ฉันประทับใจ ฉันภูมิใจในตัวเธอสุดๆ #ทำเสียงแบบเซนเซย์ยูกิแล้วปรบมือด้วยความประทับใจรัวๆ

 

                เสียงเพลงประจำประเพณีลอยกระทงเริ่มต้นขึ้นในช่วงหกโมงเย็น ร้านค้าร้านรวงต่างๆเริ่มคึกคัก กลิ่นข้าวโพดคั่วที่กำลังแตกอยู่ในถังอบอวลผสมกับกลิ่นไก่ย่าง ลูกชิ้นปิ้งที่ถูกชโลมด้วยน้ำจิ้มเข้มข้นแข่งกับปลาหมึกย่างที่หมักขมิ้นจนกลายเป็นสีเหลือง ถัดไปมีซุ้มปาโป่งที่บรรดาวัยรุ่นเริ่มเข้ามาใช้บริการ เสียงโห่ฮายามที่อีกคนปาพลาดเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนที่ยืนมองได้จนทั่ว

 

บริเวณซุ้มขายกระทงถูกจัดแต่งอย่างสวยงามด้วยใบมะพร้าวที่เอามาสานเป็นประตูซุ้ม  จันทร์เจ้าขาถูกจับแต่งชุดไทยเสื้อแขนกระบอกสีชมพูอ่อนพาดทับด้วยสไบปักดิ้นทองทำให้เด็กสาวสวยหวานน่ารัก เด็กสาวๆอีกหลายคนที่แต่งชุดแบบเดียวกันแต่คนละสีนั่งคุยเล่นกันอยู่ในซุ้ม จิ๊บตรวจดูความเรียบร้อยของลูกด้วยสีหน้าพึงพอใจ พระลอมองภาพแม่ลูกแต่งตัวให้กันแล้วอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ ดูท่าทางจิ๊บจะชอบลูกสาวจริงๆ เจ้าหล่อนดูมีความสุขที่ได้แต่งตัวให้ลูกราวตุ๊กตาที่ชอบเล่นในตอนเด็กๆ ไม่ไกลกันแก้วเจ้าจอมที่อยู่ในชุดไทยแบบเดียวกับคนเป็นพ่อก็กำลังงอแงจะเอาอะไรบางอย่างจากแดนดิน เขาลอบมองอากัปปกริยาของแดนดิน รายนั้นดูรักและตามใจลูกเสียเหลือเกินหากแต่ว่าถึงแม้จะตามใจแต่แดนดินไม่ได้ให้ทุกอย่างที่ลูกร้องจะเอา ชายหนุ่มถามหาเหตุผลกับสิ่งของที่ลูกอยากได้เมื่อแก้วเจ้าจอมตอบไม่ได้หรือคำตอบไม่ถูกใจคนเป็นพ่อจึงเอ่ยปฏิเสธจนเจ้าลูกชายตัวเล็กทำหน้างอแงใส่ ชาวบ้านริ่มทยอยมาเที่ยวชมงาน ธีมงานของวันนี้ลลิตภัทรบอกเสียงตามสายไปแล้วว่าให้แต่งตัวด้วยชุดไทยเท่าที่มีชายหนุ่มจะให้เพื่อนๆมาอัดวีดีโอและถ่ายรูปเพื่อใช้ทำแผนงานส่งเสริมวัฒนธรรมประจำหมู่บ้านต่อไป บรรดาคนเฒ่าคนแก่หลายๆคนมาด้วยเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าโจงกระเบน บ้างก็นุ่งโจง เสื้อแขนกระบอกห่มสไบแบบตอนมาวัด ที่สาวๆหน่อยก็ครีเอทชุดมาหลากหลายทั้งห่มสไบกับโจงแต่งหน้าแต่งตามาประชันกันเต็มที่ พระลอเองก็มาในชุดเสื้อพระราชทานปกสองชั้นและนุ่งโจงสีเปลือกมังคุดเข้าชุดกันยิ่งส่งให้ผิวขาวสว่างขึ้นไปอีกจนคนมองกันทั้งงาน เพื่อนๆของพระลอมาในชุดเสื้อลายดอกผ้าต่วนง่ายๆเท่าที่จะหาได้ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าโจงหลากสีเป็นผ้าเก่าที่ย่าโฉมเก็บไว้ อริตาลงทุนขับรถไปเช่าชุดจากในเมืองชุดของหญิงสาวเป็นชุดไทยจักพรรดิ์ ตัวสไบสีแดงด้านนอกเป็นสไบดิ้นทองดูหรูหราราวกับจะมาประกวดนางนพมาศเสียเอง หญิงสาวยามเดินเคียงคู่กับพระลอให้ความรู้สึกเหมือนบ่าวสาวก็มิปาน ใครๆต่างก็มองแล้วคิดว่านี่คงเป็นคู่ตุนาหงันของผู้ใหญ่บ้านคนใหม่แน่ๆ ก็เจ้าหล่อนเล่นเกาะแขนชายหนุ่มแจพลางส่งยิ้มหวานระคนเหยียดๆใส่ลูกบ้านสาวๆที่เข้ามาทักทายผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอีกต่างหาก

 

แล้วคนโตไปไหน? พระลอไม่ได้สนใจหญิงสาวโฉมสครวญข้างๆเลยด้วยซ้ำสายตาเอาแต่สอดส่ายหาเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนิ่มจนไปสะดุดเข้ากับร่างคุ้นตา ศตายุยืนคุยหัวเราะคิกคักอยู่กับก้างหมายเลขสอง เด็กหนุ่มสวมเสื้อพระราชทานแขนสั้นสีเหลืองแบบเดียวกับสุรศักดิ์ที่รายนั้นใส่สีชมพูแปร๊ดแถมบนใบหน้ายังประดับด้วยแว่นตาดำอันเดียวกับที่ใส่เมื่อวันเต้นหน้านาค โจงกระเบนสีน้ำตาลแดงไม่ได้ทำให้ดูเรียบร้อยกลับดูเหมือนจิ๊กโก๋สมัยรัชกาลที่ห้ากลับชาติมาเกิดก็มิปาน เด็กน้อยของเขายืนกอดอกอีกมือยกขึ้นมาลูบคางนั่งมองนางรำที่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเก้าอี้หน้าเวที

 

เสียงโฆษกเอ่ยชวนพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาลูกเล็กเด็กแดงให้เข้ามาเล่นรำวงดังลั่นวัดรวมทั้งเชิญผู้ใหญ่แดนดินและภรรยาให้เป็นประธานเปิดงาน แดนดินควักกระเป๋าจ่ายเหมารำวงรอบแรกเพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปร่วมสนุกกันได้ฟรีๆ กำนันหนุ่มโค้งให้กับภรรยาสาวแล้วออกไปรำเปิดฟลอร์โดยมีลูกๆหัวเราะคิกคักยามเห็นพ่อแม่ทำหวานใส่กัน แม้จะอยู่ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 16 ปีแล้วแต่แดนดินไม่ได้รักจิรนันท์ลดลงเลยซักนิดสามีหนุ่มเอาอกเอาใจภรรยาไม่เคยขาด เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันนั้นแทบจะไม่มีให้เคืองใจนอกจากเถียงกันเล็กๆน้อยๆเรื่องของลูก จิรนันท์ส่งรอยยิ้มให้สามีดวงตาหวานเปล่งประกายของความสุข สุขจนลลิตภัทรเก็บมาคิดในใจว่าถ้าหากตอนนั้นจิรนันท์ไม่รักกับแดนดินและยังคบกับเขาจนแต่งงานมีลูกมีเต้าเขาจะทำให้จิรนันท์มีความสุขได้เหมือนกันที่แดนดินทำมั้ย

 

เขาอาจจะทำให้จิรนันท์ร้องไห้

 

เขาอาจทำให้จิรนันท์ไม่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่แบบทุกวันนี้ก็ได้

 

รำวงรอบกำนันจบลงพระลอจึงเดินไปแจ้งความจำนงค์ว่าตนเองจะเหมารอบต่อไปให้ชาวบ้านได้เข้าไปร่วมสนุกอีกรอบ เสียงชาวบ้านร้องเฮกันดังลั่นเมื่อดนตรีเริ่มทั้งผู้เฒ่าผู้แก่คนหนุ่มคนสาวไม่เว้นแม้แต่เด็กๆก็เข้าไปโค้งนางรำซึ่งก็ไม่ใช่ใครเลยเป็นเด็กสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนั่นแหล่ะให้ออกไปรำเป็นคู่ๆ อริตายิ้มแก้มปริเมื่อพระลอเดินตรงมาที่ตน หล่อนจัดชุดให้เข้าที่ความประหม่าและตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้า หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้และเอื้อมมือมาข้างหน้า อริตายื่นมือตัวเองไปหมายจะวางลงบนฝ่ามือของลลิตภัทรหากแต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านหล่อนไปด้านหลัง

 

ศตายุที่ยืนคุยกับสุรศักดิ์อยู่ด้านหลังอริตาหันมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางงงๆ ชานอ้อยที่เคี้ยวอยู่ในปากถึงขั้นร่วงลงพื้นเมื่อลลิตภัทรเอ่ยพูดกับตนด้วยประโยคสั้นๆ

 

                “ให้เกียรติรำวงกับอาซักเพลงได้มั้ยคะ?”

 







 

 ((ต่อด้านล่าง))
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 23-11-2018 02:33:55




 

            พระลออยากจะถอดรองเท้าเขวี้ยงหัวคนเชียร์รำวงนัก เมื่อเพลงที่เขาชวนศตายุออกมารำอยู่ๆก็เปลี่ยนจังหวะไปเป็นสามช่า แถมเป็นเพลงของอาชาย เมืองสิงห์ ที่จังหวะโจ๊ะฝุดๆไปเลย




 

มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา หัวใจชายว่างขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา

 มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
มาลัยลอยวน เคยคล้องจนล้นคอชาย
มาลัยน้ำใจของแฟนเคยให้ล้นหลาม
เรารักกันจริง จะทอดจะทิ้งลงก็ตาม
อย่าเพิ่งใจดำ เป็นแฟนประจำ เถิดหวานตา
บ้านใกล้เรือนเคียง เคยฟังแต่เสียงชายครวญ
เคยชมชื่นชวน ไม่น่ามาด่วนตัดสัมพันธ์
เอารักมาคืน ไปรักคนอื่นทำไมกัน
นาวาสวรรค์ มารับจอมขวัญแล้วกานดา
ลืมหนุ่มหน้ามน อย่าพึ่งลืมคนชื่อชาย
เดี๋ยวนี้เป็นหม้าย เพราะแฟนมาหน่ายมาแหนง
ชาติจะดี ไม่ต้องทาสีก็คงแดง ค่าตัวไม่แพง
เพราะไม่เคยแข่งราคา คุณปู่คุณย่า คุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยาย
ลืมแล้วหรือไร หรือมีหลานใหม่เดี๋ยวนี้
พาร์ตเนอร์ที่รัก อย่าพึ่งรีบผลักไมตรี
ลองมารักพี่สักที เดี๋ยวนี้มีดีไม่แหกตา
...มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา
 หัวใจชายว่าง ขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา
มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
เป็นหม้ายมาหลายเวลา เพราะขาดคู่ขา ประจำ
ทนทุกข์ระกำ ไม่มีแฟนพร่ำนอนเพ้อ
ใครรักชายจริง รับรองไม่ทิ้งทอดเธอ
จะซื่อจนเซ่อ ชะโอละเหนอ ชะโอละชา
ขอบคุณแฟนแฟน ที่ยังเหนียวแน่นเป็นแฟนพี่ชาย
ด้วยความเต็มใจ สงสารพ่อหม้ายเอาบุญ
เพราะทุกข์จิปาถะ สงสารพี่นะจะขอบคุณ
ช่วยรับการุณ อย่าให้ขาดทุน เรื่องสีกา
มาซีมาซี มาเป็นแฟนพี่ไม่มีขาดทุน
หญิงใดใจบุญช่วยทำให้อุ่นหัวใจ หน้าชื่นตาบาน
ถ้าแฟนสงสารพี่ชาย หากพี่ดังอีกวันใด
รีบหมายใจและหมายตา เมียพี่มีชู้วงการเขารู้กันดี
เขาไม่ปราณี นักร้องอย่างพี่บุญน้อย
มัวร้องเพลงเพลิน คู่รักเลยเหินลมลอย
ผีซ้ำด้ามพลอย สงสารพี่หน่อยนะกานดา




 

          มันมาอีกแล้วครับ วิญญาณแว้นซ์ท้ายคลอง ศตายุออกเสเต็ปเทพใส่ลลิตภัทรอย่างลืมตัว ทำนองสามช่าโจ๊ะๆพาลให้แข้งขาขยับ เต้นยับแบบไม่สนโจงกระเบนที่ใส่ เสียงโห่ฮิ้วดังเชียร์เป็นระยะให้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเต้นสู้เจ้าเด็กที่ปกติเวลาแตะนิดหอมหน่อยตัวก็แดงเป็นกุ้ง ลลิตภัทรค่อยๆจับจังหวะเปลี่ยนจากรำมาเต้นย๊อกแย๊กสู้กับคนหลานผู้เฒ่าผู้แก่พากันล้อมวงจนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มกับลูกชายกำนันได้เต้นเด่นตรงกลาง แก้วเจ้าจอมปรบมือสลับกับหัวเราะราวกับพี้ใบกระท่อมมา  สองเต้นกระแย๊กๆถัดขาเข้าไปแจมแต่ลลิตภัทรก็เต้นกันพลางส่งสายตาเรียกแก้วเจ้าจอมให้เข้ามากั้น เด็กน้อยที่ฉลาดเฉลียวก็แถแถ่ดๆเข้ามาเต้นกันสุรศักดิ์ออกไปจากศตายุ พระลอมองภาพเด็กน้อยของเขาออกเสต็ปแบบลืมตายแล้วอยากจะร้องไห้สลับกับหัวเราะไปในคราวเดียวกัน ศตายุยืดแขนสูงทิ้งสะโพกพ้อยด์เท้าเมื่อทำนองสุดท้ายจบลง เสียงปรบมือกันเกรียวกราวบรรดานักเต้นต่างออกไปนอกวงแล้วเริ่มซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาเต้นในรอบต่อไป

 

            “อาเพิ่งรู้นะคะว่าเจี๊ยบเต้นเก่งขนาดนี้”ลลิตภัทรแกล้งชมเผื่อศตายุจะรู้ตัวบ้างว่าตัวเองนั้นดีดเสียเหลือเกิน

 

            “ฮื่อ หนูชอบเต้น อยู่ที่โรงเรียนเพื่อนก็ชอบให้เต้น ว่าแต่อาลอเถอะ...”คนเด็กมองมาที่เขาพลางอมยิ้มน้อยๆ

 

            ทำไมคะ อาทำไมเหรอ?”

 

            “อาลอเต้นแบบ...”เด็กน้อยทิ้งจังหวะคำพูดให้ได้ลุ้น

 

            “แบบอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอียงคอมอง

 

            “อาลอเต้นเหมือนลุงไขข้อเสื่อมกับเจ็บเอวเลยจ้า”

 

เฟล เฟลเหี้ยๆ นี่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นพูดลลิตภัทรสาบานได้เลยว่าจะเตะให้กระเด็น แต่นี่เป็นศตายุเจ้าเด็กยอดดวงใจของเขา พระลอจะม่ายโกด รอถึงเวลาอันพอเหมาะจะได้รู้ว่าอาลอน่ะ เข่าดีเอวเด้งขนาดไหน

 

            ยิ่งดึกขึ้นเรื่อยๆบรรยากาศในงานก็ยิ่งคึกคัก บรรดาเพื่อนๆของลลิตภัทรไม่ได้สนใจจะลอยกระทงมากนักแต่กลับไปยืนตามรำวงและเคลื่อนขบวนมาชมการประกวดนางนพมาศเมื่อตอนสามทุ่ม บรรดาสาวงามจากหลายหมู่บ้านทั้งพวกที่เดินสายประกวดและมือสมัครเล่นต่างขึ้นมาประชันโฉมกันพลางฉีกยิ้มและกลายร่างเป็นสาวมารยาทงามย่อตัวลงไหว้ทีจนคางแทบจะชิดไข่พิธีกรเพื่อหวังคะแนนจากกรมการและมาลัยที่ช่วยเพิ่มคะแนนให้ได้รับตำแหน่งมากยิ่งขึ้น ถ้วยรางวัลวางเด่นเป็นสง่า เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะคือหนึ่งหมื่นบาท อาจจะไม่ได้มากมายนักแต่หากใครได้ตำแหน่งจะกลายเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ลลิตภัทรจำเป็นต้องมานั่งใกล้แดนดินกับจิ๊บโดยมีอริตาตามติดเป็นเหาฉลามมานั่งหน้าแป้นอยู่ด้านหน้าตรงโต๊ะประธาน

 

ศตายุเบะปากให้กับภาพนั้นแล้วแยกตัวออกไปดูหนังกลางแปลงด้วยจิตใจขุ่นๆ ส่วนแก้วเจ้าจอมเมื่อได้พวงมาลัยขนมก็ตามไปนั่งช่วยจันทร์เจ้าขาขายกระทงที่เต๊นท์สุรศักดิ์ที่เป็นคู่หูคู่ฮาก็ไม่ได้ปล่อยให้น้องได้อยู่คนเดียว เมื่อก่อนเขากับลูกเจี๊ยบไปหัวหกก้นขวิดตะลอนกันทั่วหมู่บ้าน กลับมาครั้งนี้ก็ขอเล่นซนกันให้สมกับที่คิดถึงซักหน่อยเพราะหลังจากนี้เขาคงไม่ได้มาเที่ยวเล่นเป็นเด็กๆกับลูกเจี๊ยบแบบเมื่อก่อนแล้ว

 

สุรศักดิ์รู้ดีว่าตนเองต้องก้าวข้ามวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่การวางตัวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

 

            “เจี๊ยบกินลูกชิ้นปิ้งป่าวเดี๋ยวพี่เลี้ยง”ชายหนุ่มหันไปหาน้องน้อยที่ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงนั่งดูหนังกลางแปลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ศตายุหันมาพยักหน้าเร็วๆเป็นคำตอบ

 

            “เอาไส้กรอกอีสานด้วยนะพี่สองแล้วก็โค้กถุงหนึ่ง เอาปลาหมึกย่างด้วย 10 ไม้ เดี๋ยวๆเอาข้าวโพดคลุกเนยด้วยแก้วหนึ่ง”

 

            “จำได้ว่าถามว่ากินลูกชิ้นปิ้งมั้ยอย่างเดียวนะ”สุรศักดิ์ยันหัวคนน้องที่พอเปิดช่องเรื่องของกินก็สั่งราวกับคิดเมนูไว้แล้ว

 

            “ไรอ่ะ แค่นี้เลี้ยงน้องไม่ได้อ่อ”คนเด็กทำปากยู่อย่างขัดใจ

 

            “เออๆเดี๋ยวซื้อให้ รอแป๊บ”ศตายุหันกลับไปดูหนังต่อไม่นานที่นั่งข้างๆก็มีคนมานั่งด้วย

 

            “กลับมาเร็วจังล่ะพี่สอง...อ้าว อาลอ...”ศตายุปรับสีหน้าให้นิ่งเมื่อคนที่นั่งข้างๆไม่ใช่รุ่นพี่คนสนิทแต่เป็นผู้ใหญ่บ้านหน้าแฉล้มที่ถูกปลิงนมโตเกาะไม่ปล่อย

 

            “มานั่งนี่ทำไมจ๊ะแล้วป้าแอนก็ตามหาหรอก”

 

            “อาหนีมาน่ะ อยากนั่งกับลูกเจี๊ยบมากกว่า”กระแซะหัวไหล่กับแขนเด็กอย่างออดอ้อนงอนง้อเพราะรู้ดีว่าที่คนเด็กมานั่งทำท่ามึนตึงเกิดมาจากสาเหตุไหน ดูก็รู้ว่าศตายุกำลังงอน คนเด็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จ้องมองจอหนังตาแป๋วราวกับว่าหนังเรื่องนั้นมันสนุกนักหนาแต่อันที่จริงแล้วตอนนี้เด็กน้อยดูหนังไม่รู้เรื่องเลยซักนิด เพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาลอแตะมาโดนก็ร้อนวาบราวกับจับไข้

 

            “อาไม่ได้อยากให้เขามาเกาะติดนะคะ แต่อาปฏิเสธเขาไม่ได้ ยังไงเขาก็ผู้หญิง”

 

            “ใครถามจ๊ะ ไม่เห็นอยากรู้”

 

            “ก็มีคนงอนอานี่คะ ไม่พูดไม่คุยกับอาหนีมานั่งดูหนังกับคนอื่นปล่อยให้อาชะเง้อจนมอบรางวัลให้ผู้เข้าประกวดผิดๆถูกๆ”

 

            “แล้วนี่หนีเขามาได้ยังไงล่ะจ๊ะก็เห็นเกาะติดยังกับทากาวซะขนาดนั้น”แม้ว่าใจจะอ่อนยวบลงไปมากโขกับคำอธิบายแต่ก็ไม่วายจะถามหาใครอีกคนที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

 

            “ให้ไอ้พลพากลับบ้านพร้อมพ่อกับแม่อาไปแล้ว อยากเดินเที่ยวกับเด็กน่ารักๆ”

 

            งั้นอาลอคงต้องไปเดินกับเจ้าจอมเพราะหนูโตแล้ว”

 

            “ก็อยากเดินกับพี่ชายเจ้าจอมไม่ได้เหรอคะ จะเที่ยงคืนแล้วไปลอยกระทงกับอานะคะ ดีกันนะ นะๆ นะคะ ดีกัน อามาง้อแล้วนี่ไงคะ”ปลายนิ้วก้อยถูกส่งไปข้างหน้าคนเด็กพร้อมเสียงสองเสียงสามแสนงุ้งงิ้งขัดอายุ

 

            “ก็ได้ ดีด้วยก็ได้”ที่สุดเมื่อโดนคนแก่กว่างอนง้อ ศตายุก็หลุดยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นิ้วก้อยอูมๆส่งมาเกี่ยวกับนิ้วของลลิตภัทรที่รอท่าอยู่แล้ว ข้อมือเล็กถูกดึงให้ลุกขึ้นเดินตามตนเองไปยังซุ้มขายกระทง สุรศักดิ์ที่กำลังจะเดินกลับไปยังที่ฉายหนังปรี่เข้ามาหาศตายุ ลลิตภัทรทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะจ่ายเงินซื้อกระทงที่เจ้าลูกเจี๊ยบคุยอวดว่านี่เป็นของตนทำเอง แม้จะไม่สวยเท่าใบอื่นแต่ลลิตภัทรก็เลือกใบนั้นมาถือไว้พลางกุมมือหลานดึงให้เดินตาม สุรศักดิ์คว้าใบที่ใกล้มือที่สุดมาถือจ่ายเงินโดยไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวตามไปติดๆ

 

            “อาลอ...”ข้อมือที่ลลิตภัทรกุมอยู่กระตุกเบาๆ ชายหนุ่มหันไปเลิกคิ้วเป็นคำถาม

 

            “คือหนูไม่มีกระทงนะ อาลอรีบดึงหนูมาทำไมล่ะ”

 

            “ก็นี่ไงคะกระทง”พระลอยกกระทงในมือให้เด็กน้อยดู

 

            “ก็นั่นมันของอาลอนี่จ๊ะไม่ใช่ของหนูซักหน่อย”

 

            “ลอยด้วยกันค่ะ อาลออยากลอยกระทงกับหนู”ร่างสูงขยับเข้าไปชิดพลางกระซิบที่ข้างหูของเด็กน้อย

 

            “อาลออยากลอยกระทงครั้งแรกในรอบ 16 ปีกับหนูคนเดียว อาลออยากลอยกันแฟน” สิ้นประโยคน่าอายนั้นพลันปรากฏสีแดงเรื่อที่พวงแก้ม ศตายุกลั้นยิ้มขวยเขิน ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มที่ตอนนี้ส่องประกายแพรวพราวไม่รู้ว่ามันระยิบระยับเพราะกลั่นอารมณ์มาจากใจหรือเป็นเพราะแสงเทียนกันแน่

 

            “มั่วแล้ว ใครเป็นแฟนอาลอ ไม่ได้ตกลงด้วยซักหน่อย”ปากปฏิเสธแต่ก็ยอมนั่งลงช่วยเอามือป้องลมกันเทียนดับแต่โดยดี ลลิตภัทรอมยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มไม่ต่างกับศตายุที่แอบยิ้มจนแทบจะปวดแก้ม

 

            “อาลอผมยืมไฟแช็คมั่งดิ่ จะลอยด้วย”สุรศักดิ์ที่ตามมาทันแทรกกลางพรวดเข้ามาในทันที ลลิตภัทรอยากจะกระโดดถีบให้ไอ้เด็กมารหัวใจนี่ตกน้ำไปซะจริงๆเลย แต่ด้วยฐานะผู้ใหญ่บ้านและวัยที่มากกว่าทำให้เขาไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด ร่างสูงยื่นไฟแช็คให้กับสุรศักดิ์แล้วยกกระทงขึ้นอธิฐานโดยจับมือของศตายุไว้ด้วย

 

          “อาลออธิฐานอะไรจ๊ะนานจัง”

 

            “ขอให้เจี๊ยบรับรักอาซักทีนะคะ”

 

            “ฮื้อ...ใครเขาอธิฐานอย่างนี้กันจ๊ะ อาลอนี่เพ้อเจ้อ รีบๆลอยเลยอยากกลับบ้านแล้ว”ลลิตภัทรไม่ได้หยอดต่อทำเพียงช่วยกันประคองกระทงลงน้ำ กระทงใบน้อยไหลไปตามสายน้ำตามใบอื่นๆไป ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนเพื่อหันหลังกลับโดยไม่ทันเห็นว่าสุรศักดิ์กำลังจะเดินมาหย่อนกระทงของตัวเองบ้าง ไหล่กว้างชนเต็มๆกับคนที่กำลังจะนั่งลง ส่งผลให้ร่างของสุรศักดิ์เสียหลักตกโครมลงไปในน้ำจมทั้งคนทั้งกระทง

 

อุ๊ยตาย...แอมซอรี่นะสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด ดวงคนมันจะตกน้ำอะเนอะ ขอขำก่อนเดี๋ยวค่อยช่วย


คิกค้ากกกกกกกกกกก
 

 

 


 



.................................



อาลอไม่ได้ผลักนะเออพี่สองตกลงไปเอง อันนี้อาลอไม่ผิด 5555555



วืด คือคำกริยา แปลว่านก อด  ว๊ายยยยยยยยยย



1 เม้นท์ 1 แท็ก 1 กำลังใจ ขอได้มั้ยเบเบ๋ ม๊วฟๆ



ไปรำวงกับอาลอล่อลวงกันเถอะเรา ปล่อยปลาแรดเขาวืดต่อไปเย๊เฮ

 

 

 
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-11-2018 05:11:08
ว๊าย ชะนีหน้าแหกเก็บเศษเร็วๆ ค่ะ โน่นรีบกลับป่าคอนกรีตไปเลย
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-11-2018 09:48:05
 :laugh:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-11-2018 10:54:49
แกล้งเด็กได้อีก

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 23-11-2018 19:20:04

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๒





                หลังจากถูกดึงขึ้นมาจากน้ำสุรศักดิ์ก็เปียกเกินกว่าจะเดินเล่นด้วยได้แล้ว หยาดน้ำไหลจ๊อกๆแถมอากาศก็เย็นเด็กหนุ่มจึงลากลับไปทันที ลลิตภัทรขอโทษขอโพยสุรศักดิ์ไปหลายต่อหลายคำแม้ในใจจะแอบหัวเราะจนแทบเก็บอาการไม่มิด เด็กหนุ่มวัย 19 ไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่อุบัตเหตุอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ไอ้การบังเอิญหันมาชนกันน่ะเรื่องจริง แต่โดยธรรมชาติแล้วเวลาคนโดนชนจากทางด้านหน้าจะเสียหลักถอยไปด้านหลัง และแน่นอนสุรศักด์ควรจะถอยไปข้างหลังหากไม่ใช่ว่าพระลอฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังตกใจใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีใช้มือกระชากชายเสื้อเด็กหนุ่มมาด้านหน้าแล้วดึงตัวเองเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ผลคือสุรศักดิ์ได้เล่นน้ำฉลองงานลอยกระทงโดยที่ไม่มีใครจับได้แม้แต่เจ้าตัวคนที่ตกน้ำเอง แถมยังขอบคุณเขายกใหญ่ที่ช่วยดึงขึ้นมาจากน้ำอีกต่างหาก 



สุรศักดิ์ช่างเป็นคนชื่อๆ



ซื๊อ...ซื่อ

 

ซื่อบื้อ...

 



ลลิตภัทรพาศตายุกลับมาที่ซุ้มขายกระทงที่ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันเก็บของเพราะกระทงหมดแล้ว แก้วเจ้าจอมหลับโดยมีแดนดินอุ้มอยู่มองดูแล้วก็คล้ายลูกลิงอุรังอุตังกับพ่อลิงจ่าฝูงที่ตัวใหญ่ราวควายไบซัน ส่วนจันทร์เจ้าขาก็ตาปรอยเต็มทีแล้ว ปกติเด็กหญิงจะเข้านอนตอนสี่ทุ่ม จิ๊บเอ่ยลาทุกคนเพื่อเตรียมตัวพาลูกกลับบ้าน

 

                “อาลอหนูต้องกลับบ้านแล้วนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยหันมาร่ำลาลลิตภัทรในขณะที่จิ๊บเดินมาหาลูกชายคนโตพอดี แดนดินแอบเหล่มองภรรยากับอดีตคนรักของจิ๊บนิดๆ



แม้จะรู้ว่าจิ๊บนั้นไม่ได้คิดอะไรกับลลิตภัทรแต่เขายังไม่ไว้ใจอดีดแฟนหนุ่มของภรรยาเท่าไหร่นัก

 

                “อ้าวลอ ยังไม่กลับอีกเหรอ?”

 

                “อื้อ จะกลับแล้ว”

 

                “แล้วนี่กลับยังไง เราเห็นเพื่อนลอเอารถกลับบ้านไปแล้วนี่”จิ๊บเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะเมื่อเกือบสี่ทุ่มบรรดาเพื่อนๆของลลิตภัทรเป็นคนขับรถของชายหนุ่มกลับบ้านพร้อมพ่อและแม่ของลลิตภัทร

 

                “เดี๋ยวคงโบกรถกลับไม่ก็เดินกลับน่ะ”พระลอตอบอย่างสบายๆ ระยะทางแค่ 2 กิโลเมตรกว่าๆชายหนุ่มคิดว่าตัวเองเดินกลับได้อย่างสบายๆ จริงๆจะโทรให้เพื่อนขับรถกลับมารับก็ได้แต่เขากลัวว่าพ่อแม่ที่หลับไปแล้วจะสะดุ้งเพราะเสียงสตาร์ทรถ

 

                “บ้าสิ มืดค่ำดึกดื่นจะเดินกลับยังไง งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะแยะ”จิ๊บเอ็ดอย่างไม่ชอบใจนัก

 

                “พี่ดินให้ลอกลับกับเรานะจ๊ะ”ที่สุดจิ๊บก็หันไปบอกกับสามีที่อุ้มลูกอยู่ แดนดินสะดุ้งฮือกก่อนจะทำฟันเหยินใส่แสดงออกว่าไม่ชอบใจกับคำพูดนั้นของภรรยา

 

                “แต่รถเราเต็มแล้วนะจ๊ะจิ๊บ เจ้าจอมก็หลับแล้วด้วยอัดข้างหลังไปเดี๋ยวลูกนั่งไม่สบาย”อ้างลูกไว้ก่อนยังไงสัญชาติญาณคนเป็นแม่ย่อมต้องเอาความสะดวกสบายของลูกที่สุด

 

                “ไม่เป็นไรจ้าพ่อเดี๋ยวให้เจ้าขานั่งแล้วให้เจ้าจอมหนุนตัก แล้วหนูไปนั่งท้ายกะบะกับอาลอเอง”แต่แดนดินลืมไปว่าลูกเขาเป็นคนตัดสินใจอะไรว่องไว...ไวจนไม่รู้ใจพ่อเลยลูกเอ๋ย มันน่าตีให้ตูดลายนัก

 

พระลอแอบกระตุกยิ้มวูบหนึ่งก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการหันไปยิ้มประจบให้จิ๊บ หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชาย

 

                “เอาตามที่ลูกว่าก็ได้พี่ดิน”

 

                “แต่ว่าจิ๊บ...”แดนดินเอ่ยขัดหากแต่จีรนันท์ตัดสินใจเด็ดขาดจนผู้เป็นสามีต้องหุบปากฉับด้วยเป็นคนรักและเคารพภรรยายิ่งชีพ นี่ถ้าทำได้จะเอาดอกไม้ธูปเทียนแพไหว้บูชาเมียก่อนนอนทุกวันไปแล้ว

 

                “ไปเถอะพี่เจ้าขาง่วงจะแย่แล้วเนี่ย”จิ๊บตัดบทก่อนจะเดินนำออกมาด้านนอกวัดที่จอดรถไว้อยู่ แดนดินหันไปทำปากขมุบขมิบใส่พระลอแต่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มทำลอยหน้าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย แล้วกำนันพ่อลูกดกจะทำอะไรได้นอกจากเดินตามภรรยาและลูกสาวไปขึ้นรถปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านหน้าใหม่เดินตามมาพร้อมกับลูกชายคนโต จีรนันท์เปิดประตูด้านหลังให้จันทร์เจ้าขาเข้าไปนั่งก่อนจากนั้นแดนดินถึงอุ้มเจ้าจอมตามเข้าไป ชายหนุ่มวางลูกชายคนเล็กอย่างทะนุถนอมจากนั้นอ้อมมานั่งด้านคนขับที่มีจีรนันท์นั่งรออยู่ด้านคู่คนขับ ลลิตภัทรเดินไปบอกว่าให้ส่งเขาตรงทางแยกของบ้านตนเองกับแดนดินเผื่อที่จะได้ไม่ต้องวนรถกลับไปกลับมา ศตายุปีนขึ้นกะบะหลังพร้อมกับลลิตภัทร เด็กน้อยกับอาหนุ่มนั่งหันหลังคู่กัน ในขณะที่รถค่อยๆแล่นไปข้างหน้ามืออุ่นของลลิตภัทรก็ค่อยๆเคลื่อนมากอบกุมมืออูมๆน้อยๆของหลานที่วางไว้บนเข่าไว้ ความมืดช่วยพรางตาไม่ให้คนด้านในตัวรถมองเห็นได้

 

                “อาลอ...เดี๋ยวเจ้าขาเห็น”ศตายุทำท่าจะหันไปมองด้านหลังเพราะกลัวจะมีใครเห็นร่างบางตั้งใจจะดึงมือออกหากแต่ลลิตภัทรดึงยื้อไว้

 

                “อย่าหันไปมองไม่มีใครเห็นหรอกเชื่ออา”เกิดความเงียบโอบล้อมขึ้นมาชั่วขณะ ศตายุพูดอะไรไม่ออกเด็กน้อยกดหน้านิ่งในขณะที่ลลิตภัทรดึงมือน้อยไปกุมไว้ที่อกตัวเอง ดวงตาคมมองเหม่อไปบนท้องฟ้าที่ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสีทองอร่ามท่ามกลางกลุ่มเมฆจางๆราวภาพวาดในวรรณคดี

 

                “อายังรอคำตอบของหนูอยู่นะคะ รอคอยอยู่ทุกวัน หนูอาจจะยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง แต่ลองเอาเก็บไปคิดดูนะคะว่าเวลาไม่เจออาหนูคิดถึงอามั้ย เวลากินอะไรอร่อยๆหนูนึกถึงอาบ้างหรือเปล่า เวลาอากอดหนู หนูรังเกียจหรือเปล่า แล้วเวลาอาหอมแก้มหนู หนูโกรธมั้ย?  อาจจะเป็นเพราะหนูยังเด็กถึงได้ยังลังเลไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่มีให้อามันคืออะไร แต่อาอยากบอกหนูไว้ว่าสิ่งที่อาทำให้หนูอาไม่เคยทำให้ใครมาก่อน หนูไม่มั่นใจความรู้สึกนี้เพราะหนูยังเด็ก แต่อามั่นใจความรู้สึกของอาเพราะอาเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

                “ผู้ใหญ่บ้าน?”

 

เนี่ย...ก็เป็นเด็กแบบนี้ กำลังซึ้งๆก็มาตัดฟีลกัน ถ้าเป็นเจ้าจอมพูดขัดพ่อจะถีบให้กระเด็นตกคันนาไปเลย แต่พอเป็นศตายุพูดพระลอก็ได้แต่ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

 

                “โธ่ หนูจ๋า อาหมายถึงอายุอามากแล้ว เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่มีคืออะไรอามั่นใจไงคะ”

 

                “ฮื่อ...รู้แล้วๆ หนูหยอกเล่น...”

 

                “พรุ่งนี้อาจะรอคำตอบนะคะ พรุ่งนี้กลับจากโรงเรียนแล้วมาหาอานะคะ ไม่ว่าหนูจะเลือกทางไหนอาจะเคารพการตัดสินใจของหนู”ปากบอกไปอย่างนั้นแหล่ะราวกับให้คนเด็กกว่าได้เป็นคนเลือก แต่เอาเข้าจริงถ้าศตายุปั่นจักรยานมาเขาก็จะเปลี่ยนวิธีใหม่ที่จะทำให้เด็กน้อยเปิดใจรับเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอยู่ดี

 

เขาโตพอที่จะเดาใจออกว่าลูกเจี๊ยบเองก็มีใจให้ตนอยู่บ้างไม่มากก็น้อยดูได้จากที่ศตายุไม่เคยหลบเลี่ยงสัมผัสจากเขาซักครั้ง

 

หากไม่รักใคร่ชอบพอกันการถูกเขาลวนลามอยู่เรื่อยๆนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ ลลิตภัทรอาจจะโดนเด็กต่อยปากแตกหรือไม่ก็คงวิ่งไปฟ้องพ่อให้เอาปืนมายิงเขาแบบวันแรกที่เจอกัน  ชายหนุ่มไม่ได้พูดจากดดันอะไรอีกทำเพียงใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือคลึงบนหลังมือเด็กน้อยเบาๆ ไร้การคุกคามจนกระทั่งรถชะลอตัวพระลอจำต้องละมือออกมาอย่างจำใจ ก่อนที่รถจะหยุดตัวลงลลิตภัทรก็พูดประโยคสุดท้ายของค่ำคืนนี้

 

                “มานะคะ มาหาอา อาจะรอ”

 







                ตีสองกว่าแล้ว ทั้งๆที่อากาศด้านนอกเย็นสบาย สายลมฤดูหนาวพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างให้ผิวเนื้อสะท้านวูบหากแต่ในใจของศตายุกลับร้อนรุ่มแปลกๆ

 

เด็กน้อยนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง กลิ่นข้าวโชยมาตามลมทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นกลิ่นที่ศตายุชอบบัดนี้กลับไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่น้อยลูบมือลงบนผิวเนื้อจุดที่อาลอจับไว้มื่อตอนนั่งรถกลับบ้านพลันใจก็ร้อนวูบแปลกๆ

 

ศตายุรู้ดีว่าความรู้สึกที่ตนเองมีให้กับอาหนุ่มนั้นมันพิเศษกว่าคนอื่น

 

แต่แบบนั้นคือรักเหรอ?

 

“เวลาไม่เจออาหนูคิดถึงอามั้ย”

 

                “คิดถึงสิ หนูคิดถึงอาลออยากเจออาลอทุกวัน...”

 

                “เวลากินอะไรอร่อยๆหนูนึกถึงอาบ้างหรือเปล่า”

 

            “นึกถึงสิจ๊ะ เวลาเจอของอร่อยๆหนูก็อยากให้อาลอมากินด้วย”

 

“เวลาอากอดหนู หนูรังเกียจหรือเปล่า”

 

“ไม่เลยซักนิด หนูชอบให้อาลอกอด”

 

“แล้วเวลาอาหอมแก้มหนู หนูโกรธมั้ย? “

 

“ไม่โกรธเลยจ้า วันไหนอาลอไม่หอมแก้มหนูสิหนูจะโกรธ”

 

เด็กน้อยตอบคำถามที่อยู่ในหัวของตนเองทีละข้อ พลันหัวใจก็เต้นรัวเร็วราวกับพระย่ำกลองตอนวันพระ

 

ศตายุยกมือขึ้นมากุมอกตัวเองด้วยความตื่นเต้น...เด็กน้อยได้คำตอบที่พระลอถามแล้ว...จริงอยู่ที่ลูกเจี๊ยบเพิ่งจะอายุ 15 ปี แต่เขาก็ไม่ได้เด็กจนจัดการกับความรู้สึกแปลกใหม่ไม่ได้ แม้จะเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ศตายุก็รู้อะไรๆมากพอที่เด็กวัยรุ่นทั่วๆไปพึงจะรู้

 

 

                รุ่งเช้าพระลอตื่นไปวิ่งตามกิจวัตร พอหกโมงก็กลับเข้าบ้าน ต่างออกไปคือชายหนุ่มเข้าครัวแล้วเอาขันทองเหลืองลงหินของเก่าของแก่ออกมาจากชั้นเก็บตักข้าวสวยหอมฟุ้งลงไปแล้วตักกับข้าวที่แม่เพิ่งทำเสร็จใส่ถุง เปิดตู้เย็นหยิบถุงส้มเขียวหวานมา 4-5 ใบ น้ำเปล่าที่เป็นแพ็คๆข้างตู้เย็นถูกนำมาวางไว้ใกล้กัน ชายหนุ่มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วยกถาดของที่เตรียมไว้เดินตรงมาที่ท่าน้ำ แวะเด็ดกล้วยไม้ของพ่อที่หวงนักหวงหนามา 1 ช่อจากนั้นก็ไปนั่งรอพระ ไม่นานร่างบางของลูกชายบ้านตรงข้ามในชุดนักเรียนก็ปรากฏให้เห็น เจี๊ยบเม้มปากด้วยความประหม่าเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับมาเมื่อเขายิ้มไปให้

 

                “อาลอทำอะไรจ๊ะ?”ศตายุส่งเสียงทักเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆนั้น ดวงตากลมมองถาดในมือของพระลอด้วยสีหน้าประหลาดใจ ปลาในคลองโดดขึ้นฮุบน้ำเกิดแรงกระเพื่อมจนพระลอหลุดหัวเราะ

 

                “มาตักบาตรค่ะ”

 

                “ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากใส่บาตร”คนเด็กเอ่ยเย้าเสียงใส

 

                “พอดีคนที่ชอบเขาชอบตักบาตรจ้า ตักบาตรร่วมขันไม่ได้ก็ขอตักบาตรพระเดียวกันก็แล้วกัน”ตอบกลับหน้าตาเฉย แต่คนฟังถึงกับหน้าร้อน

 

อาลอเปลี่ยนจากเป็นผู้ใหญ่บ้านไปขายขนมครกดีมั้ยจ๊ะ

 

หยอดเก่งเหลือเกิ๊น

 

เนี่ย เขินจนอยากจะเอาขันข้าวเขวี้ยงใส่หัวอาลอแล้วเนี่ย







 

 

 

 

วันนี้ทั้งวันลลิตภัทรก็ยังคงลุกลี้ลุกลนจนน่ารำคาญพระลักษณ์มองน้องชายที่ดูดโอเลี้ยงที่ใช้ให้ลูกคนงานเดินไปซื้อมาให้กระติกใหญ่สลับกับข้าวผัดที่สั่งแบบพิเศษอย่างรำคาญตา

 

                “แดกยังกับพวกขี้คุก”

 

พรวด!!!

 

โอเลี้ยงเข้มๆที่กำลังดูดผ่านลำคอพรวดออกจากปากและจมูก ลลิตภัทรไอจนหน้าดำหน้าแดงชายหนุ่มวิ่งไปสั่งน้ำมูกและเสลดในห้องน้ำก่อนจะเดินหน้าเปียกกลับมามองค้อนพี่ชาย

 

“มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

 

“ไม่ได้เป็นไรหรอกน่าพี่อ่ะคิดมาก”เอ่ยปากปฏิเสธราวกับไม่มีเรื่องอะไรสลักสำคัญทั้งที่ในใจเร่งวันเร่งคืนรอให้ถึงหกโมงเย็นไวๆ ช่วงบ่ายลลิตภัทรออกไปประชุมเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในหมู่บ้านโดยมีผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่มาร่วมประชุม แดดินเป็นประธานในการประชุม วาระต่างๆรวมถึงการจัดสรรงบที่จะให้แต่ละหมู่บ้านถูกแจกแจง

 

“สำหรับงบกองทุนหมู่บ้านรบกวนผู้ใหญ่ทุกหมู่ไปให้ความรู้กับลูกบ้านของตัวอง รวบรวมรายชื่อลูกบ้านที่จะทำการกู้ยืมมาส่งที่บ้านผมภายในอาทิตย์นี้นะครับ ส่วนเรื่อง 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ผมอยากรู้ว่าพวกผู้ใหญ่มีข้อเสนออะไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะจำ” เกิดความเงียบเมื่อพูดถึงโครงการที่ต้องทำร่วมกัน เสียงหันไปพูดคุยกับดังพอประมาณหากแต่กลับไม่มีใครเสนออะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอันเลยซักคน

 

“ผมขอเสนอความคิดเห็นครับ”ในที่สุดชายหนุ่มก็ทนนั่งอึดอัดโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว แดนดินมองผู้ใหญ่บ้านหน้าใหม่อย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าลลิตภัทรจะมีข้อเสนออะไรมาพูดในที่ประชุมได้ เพราะจากการประชุมมา 2 ครั้ง ลลิตภัทรเลือกที่จะนั่งฟังเงียบๆบางครั้งก็มีท่าทางเบื่อหน่ายซะด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องอดีตคนรักของภรรยาอยากจะเสนอเขาก็จะสนองให้

 

“เชิญผู้ใหญ่หมู่ 7 ครับ”

 

“ครับผมผู้ใหญ่ลอหมู่ 7 อยากขอเสนอผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถ่านครับ เนื่องจากว่าหมู่บ้านของเรามีสวนยูคาลิปตัสที่ปล่อยให้ขึ้นกันรกร้างไร้การดูแลค่อนข้างมาก ดังนั้นผมคิดว่าเราสอนชาวบ้านให้ทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถ่านครับ”

 

“แต่คนก็ทำกันเยอะแล้วนะมันจะดีเหรอ”ผู้ใหญ่บ้านชราที่ดำรงตำแหน่งมาหลายสมัยเอ่ยท้วงขึ้น ลลิตภัทรยิ้มบางๆแล้วอธิบายอย่างใจเย็น

 

“ส่วนมากเจ้าอื่นจะทำผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ไผ่และยูคาลิปตัส แต่ถ้าเราทำต่างออกไป เราจะทำถ่านแตกตางกันไป สรรพคุณของไมแต่ละชนิดก็ต่างกันเราสามารถสร้างซิกเนอเจอร์ของเราได้ เช่นถ่านจากฝักบัว ถ่านจากขนุน ถ่านจากมังคุด ถ่านจากไม้ต่างๆ สามาถทำน้ำส้มควันไฟ ทำที่ดูดกลิ่น ทำยาสระผมหรือครีมพอกหน้าได้ ตอนนี้คนในประเทศค่อนข้างตื่นตัวกับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ อะไรที่เลี่ยงสารพิษได้ลูกค้าจะสนใจมาก”

 

“แต่ขั้นตอนการทำมันจะไม่ยุ่งยากเหรอ งบประมาณอีก”คราวนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เอ่ยถาม

 

“ในส่วนของขั้นตอนการทำเราสามารถเชิญอาจารย์จากวิทยาลัยมาทำการอบรมสอนชาวบ้านได้ครับ งบประมาณไม่ถึงแสนแน่นอนเพราะที่ต้องลงทุนก้อนใหญ่สุดก็คือเครื่องบดถ่าน ส่วนขั้นตอนการผลิตอื่นๆเราจะใช้แรงงานคนแล้วนำเสนอว่าเป็นงานแฮนด์เมดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ส่วนที่ผมอยากให้ความสำคัญคือแพคเกจจิ้งมากกว่า”

 

“คืออะไร?”

 

“แพคเกจจิ้งคือการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์นั้นๆให้น่ารัก ยกตัวอย่างนะครับเคยดูพวกสารคดีญี่ปุ่นมั้ยครับ ของฝากของที่นั่นบางอย่างก็ไม่ได้เห็นแล้วอยากได้ แต่สิ่งที่ดึงดูดให้น่าซื้อก็คือการห่อของเขามันน่ารัก มันสวยงามน่าซื้อ”ลลิตภัทรอธิบายอย่างใจเย็น เขาเห็นโลกกว้างมามากกว่าที่คนเก่าๆพวกนี้เคยเห็นดังนั้นการจะทำให้คนอื่นเห็นด้วยนั้นไม่ได้ยากอะไรสำหรับชายหนุ่มซักเท่าไหร่

 

“ถ้าหากผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ดูจะยากไปเราก็เปลี่ยนมาแปรรูปของที่มีมากในหมู่บ้านของเราเช่นแปรรูปกล้วยให้เมีความหลากหลาย...”การประชุมดำเนินไปจนถึงเย็นหลังจากชายหนุ่มนำร่องเสนอแนะบรรดาผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นก็เริ่มมีไอเดียกว่าจะเลิกประชุมก็เกือบทุ่ม ชายหนุ่มกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ลลิตภัทรมองหาผู้เป็นแม่ที่มักจะนั่งรอเขาที่ชานบ้านหากแต่วันนี้กลับไม่พบ มีเพียงญาติที่คอยเป็นลูกมือช่วยแม่นั่งดูทีวีอยู่ใต้ถุนบ้านคนเดียว

 

“อ้าวพี่เรียม หายไปไหนกันหมดล่ะ?”

 

“ไปโรงพยาบาลกันหมด นิดาจะคลอดลูกป้าแกสั่งไว้ให้มาคอยบอกผู้ใหญ่ ไม่ต้องตามไปคอยดูบ้านไว้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาเรียบร้อยแล้วพี่เรียมก็ปิดทีวีแล้วเดินกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พระลอเดินเข้าครัวเพื่อดูว่าวันนี้แม่ทำอะไรไว้ให้กินบ้าง จากนั้นจึงตักข้าวแล้วราดด้วยแกงมานั่งกินเงียบๆจนอิ่ม ชายหนุ่มนั่งให้ข้าวย่อยอีกราวๆ 10 นาทีจึงเดินขึ้นมาบนบ้าน ตั้งใจว่าจะอาบน้ำและอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้รอจนกว่าพ่อกับแม่รวมทั้งพระรามจะกลับบ้านค่อยเข้านอน หากแต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับก้อนขาวๆนอนหลับอยู่บนเตียงของเขาพร้อมกับสมุดการบ้านที่ทำค้างไว้ รวมทั้งหนังสือเรียนที่มีโจทย์วางระเกะระกะอยู่

 

((ต่อด้านล่างค่ะ))
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๑ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 23-11-2018 19:20:38



หัวใจของชายหนุ่มพลันอุ่นวาบขึ้นมาอย่างเต็มตื้น

 

ศตายุมาหาเขาแล้วหลังจากปล่อยให้เขารอคอยอย่างมีความหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กดล็อคประตูห้องด้วยความเคยชิน ยืนมองร่างขาวๆที่หลับสนิทแล้วค่อยๆคลานขึ้นเตียงช้าๆหยิบสมุดการบ้านของหลานขึ้นมาตรวจศตายุทำจนเสร็จแล้วและทำถูกต้องสมบูรณ์ดี ลลิตภัทรรวบสมุดและหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียงจากนั้นล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหลานใช้มือรองศีรษะตัวเองไว้ใช้สายตาพิจารณาเด็กน้อยอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

ศตายุไม่ได้ขาวผ่องแต่ก็ไม่ได้ดำคร้าม โครงหน้าได้รูปเริ่มฉายชัดว่าหากโตกว่านี้จะยิ่งน่ารักและมีเสน่ห์ แก้มนุ่มฟูเหมือนมาชเมลโล่ที่เขาชอบอาจจะหายไปตามกาลเวลา ริมฝีปากอิ่มที่เขาอยากสัมผัสมาตลอดเผยอเล็กน้อยจนอดที่จะยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสไม่ได้

 

นุ่มและอุ่นมาก

 

ทั้งๆที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะยับยั้งชั่งใจ จะไม่ล่วงเกินศตายุมากไปกว่าการกอดและหอมแก้ม แต่เมื่อหลานมาหาเขา และแน่นอนศตายุมาทางเรือเพราะเขาไม่เห็นจักรยาน ความยับยั้งที่มีมาทั้งหมดก็สูญสลาย

 

ตามที่เขาเคยบอกกับศตายุไว้ อายุเขามากเกินกว่าจะมาคุยเล่นๆกับใครแล้ว ลลิตภัทรอายุ 32 ปีแล้ว ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาในใจในเวลาเดือนกว่าๆนี้มันคือของจริง

 

เขาไม่ได้มีเวลามาเล่นๆกับใครอีก เมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นรักเด็กคนนี้เขาก็บอกไปตามตรง และเพราะศตายุยังเด็กมากเสียเหลือเกิน เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยวันๆเล่นซนอยู่กับแค่แก้วเจ้าจอมและเพื่อนๆที่ส่วนมากจะเด็กกว่าตนเพราะอยากเป็นหัวหน้าแก็งค์ศตายุจึงมีความคิดแบบเด็กๆจนเขาต้องชักจูงหลอกล่อทีละน้อย เพื่อที่จะให้คนเด็กกว่าได้รู้ใจตัวเองซักทีว่าคิดยังไงกับเขา

 

เขาเสี่ยงมากเหลือเกินกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ในครั้งนี้ หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นอาจจะไม่มีปัญหาอะไร คุณสมบัติของเขานั้นไม่ว่าไปสู่ขอลูกสาวบ้านไหนเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ

 

แต่กับเด็กคนนี้มันไม่ง่ายเลย ศตายุมีแม่เป็นอดีตคนรักเก่าของเขา ความสัมพันธ์ของลลิตภัทรกับแดนดินก็ไม่ค่อยดีนัก หากย้อนเวลากลับไปวันที่เขาเพิ่งกลับมาบ้านได้เขาอยากจะย้อนกลับไปแล้วพูดจาดีๆกับแดนดิน

 

แต่นั่นแหละสายน้ำย่อมไม่ไหลกลับ การกระทำที่ทำลงไปแล้วด้วยทิฐินั้นก็แก้ไขไม่ได้เช่นเดียวกัน หากอยากเริ่มต้นใหม่กับเด็กคนนี้ เขาคงต้องปรับความเข้าใจและเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับคนบ้านฟากขะนู้น

 

ลลิตภัทรใช้หลังมือเกลี่ยแก้มกลมของศตายุเบาๆ ความเย็นจากผิวแก้มนวลทำให้อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

 

“แก้มเย็นจังเลยค่ะ”ชายหนุ่มยืดตัวไปกดจูบที่ผิวแก้มนุ่มนั้นอย่างถือวิสาสะ

 

“อุ่นขึ้นมั้ยคะ”กระซิบเบาๆข้างหูแล้วจูบลงบนติ่งหูนิ่มนั้นเบาๆ

 

หอมกลิ่นแป้ง หอมกลิ่นเนื้อนวล หอมจนจิตใจรัญจวน อยากลองลิ้มให้มากกว่าที่เคย เป้าหมายจึงแปรเปลี่ยนจากพวงแก้มนุ่มเป็นริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่สัมผัสไปเมื่อครู่ ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กดจูบลงไปบนแพขนตาสวยแล้วเลื่อนมาที่สันจมูกโด่งของหลาน ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันยามไออุ่นรินรด

 

เขาควรทำมันหรือไม่นะ ควรจะจูบศตายุมั้ย เพราะถ้าทำไปความสัมพันธ์ของเขากับเด็กคนนี้จะถอยกลับมาเป็นอาหลานกันแบบเดิมอีกไม่ได้อีกต่อไป

 

“อาลอ...”และเหมือนว่าเขาจะคิดนานไป ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจอะไร เด็กในอ้อมกอดก็รู้สึกตัวตื่นเสียแล้ว ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามากอดจนร่างบางแทบจะจมเข้าไปในอก ศตายุเองก็ไม่ได้ขัดขืนกับสัมผัสนั้นเด็กน้อยคล้องแขนกับเอวสอบถูไถใบหน้ากับอกของคนเป็นอาอย่างออดอ้อน



"คิดถึงหนูจังค่ะ"

 

“อาลอมาช้า หนูรออาลอกลับมาสอนการบ้านตั้งนาน”คนเด็กกล่าวว่าเขาด้วยน้ำเสียงเง้างอด ดวงตากลมภายใต้ขอบตาที่คล้ำกว่าทุกวันช้อนขึ้นมามองอย่างคาดโทษ เด็กน้อยประหม่ากับสถานการณ์แบบนี้ กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่ พอตี 5 ก็ต้องตื่นมาเตรียมตัวไปโรงเรียน

 

ไม่เคยมีใครมาทำให้หัวใจของลูกเจี๊ยบต้องทำงานหนักจนนอนไม่หลับขนาดนี้เลย วันทั้งวันวิชาความรู้ที่อาจารย์พร่ำสอนกลับไม่เข้าหัวเลยซักนิด เด็กน้อยเก็บเอาความรู้สึกที่มีไปคิดวนเวียนในหัวทั้งวัน ศตายุกลัวว่าสิ่งที่อาลอบอกจะเป็นเหมือนขนมหวานที่เอามาหลอกเด็กให้หลงไปกับความหอมหวาน ศตายุรู้ดีว่าความรักของมนุษย์ย่อมมีวันจืดจาง หากตนเองกระโดดลงไปในหลุมที่อาลอขุดไว้ วันหนึ่งเมื่ออาลอทนความงอแงเอาแต่ใจแบบเด็กๆของตัวเองไม่ไหวอาลอจะทิ้งเขาไว้ตามลำพัง ถ้าตนเองตอบตกลงเป็นแฟนกับอาลอวันหนึ่งเมื่อโตขึ้น หัวใจของเขาจะยังมั่นคงอยู่กับอาลอมั้ย ชีวิตยังต้องเจอคนอีกมากมาย ลูกเจี๊ยบเองก็กลัวว่าวันหนึ่งตนเองอาจจะทำให้ลลิตภัทรเสียใจ อาลอไม่ใช่วัยรุ่นแบบตนที่ถ้าเลิกกันก็จะหาคนที่รักได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากตกลงคบกันไปแล้วสุดท้ายถ้าต้องเลิกรากันลลิตภัทรจะต้องเศร้าแค่ไหน

 

เพียงแค่คิดว่าตนเองอาจทำให้ลลิตภัทรเสียใจ ดวงใจดวงน้อยๆของศตายุก็เต้นรัว อ้อมแขนกระชับกอดเอวสอบมากขึ้น ใบหน้าซุกเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“กอดหนูหน่อย หนูหนาว”ลลิตภัทรยิ้มให้กับท่าทางออดอ้อนนั้น ชายหนุ่มโอบกอดร่างบอบบางนั้นไว้จรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มของหลาน

 

“อาไปประชุมเพิ่งกลับมา จริงๆไม่คิดว่าจะเจอหนูแล้วด้วยซ้ำ แต่พอเปิดประตูเข้ามาเห็นหนูนอนหลับอยู่ อาก็หายเหนื่อยทันทีเลยค่ะ”

 

“จริงเหรอจ๊ะ แล้วทำไมอาไม่ปลุกหนูล่ะ”

 

“อาอยากมองหนูนานๆ ทั้งตอนหลับและตอนตื่น อยากเห็นหนูวนเวียนในชีวิตของอาทุกวันเลย วันนี้หนูมาตอบคำถามอาแล้วใช่มั้ยคะ”

 

“อื้อ...”คนเด็กตอบกลับมาเสียงอู้อี้ ลลิตภัทรใจเต้นแรงกับคำตอบนั้นแต่ก็ยังอยากแกล้งหลานอยู่จึงดันร่างหลานที่บัดนี้หน้าแดงก่ำเพราะความเขินออกห่างตัว ความเงียบทำให้ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น

 

ศตายุก็ใจเต้นแรงไม่แพ้กับเขาเช่นกัน

 

“วันนี้หนูมาหาอาทางไหนคะ?”ลลิตภัทรแกล้งถามราวกับไม่รู้ คนเด็กกว่าเมื่อได้ยินคำถามที่ชวนอายก็ฟาดฝ่ามือใส่อกของอาหนุ่มทันที พระลอไม่ปล่อยให้หลานได้เอามือออกไปชายหนุ่มจบมือน้อยๆของศตายุให้แนบลงมาบนหน้าอกข้างซ้ายที่เต้นรัวของตน

 

“จะถามไปทำไมเล่า ก็หนูตอบว่าอือๆแล้วไง แต่ไม่ว่าหนูจะมาทางเรือหรือปั่นจักรยานมาคำตอบของหนูก็คือชอบอาลออยู่ดี”คนเด็กกว่าเถียงด้วยปากงุ้ยๆ พลันคำพูดก็ชะงักลงพร้อมลมหายใจเมื่อเกิดเสียงจุ๊บพร้อมความนุ่มหยุ่นแสนอบอุ่นทาบทับมาที่ริมฝีปากตนเบาๆแล้วผละออก

 

ตายแล้ว...ศตายุรู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะวาย

 

“อ..อาลอ..จูบหนูทำไมเล่า?”

 

“แบบนั้นเค้าไม่ได้เรียกว่าจูบซักหน่อยค่ะ แบบนั้นเค้าเรียกว่าจุ๊บ ถ้าจูบน่ะ มันต้องแบบนี้ต่างหาก”ลลิตภัทรไม่ปล่อยให้ศตายุได้ตั้งตัวหรือเตรียมใจเลยซักนิด ชายหนุ่มดึงหลานเข้ามาใกล้แล้วจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปใหม่อีกครั้ง คราวนี้เนิบช้าและนุ่มนวล เด็กน้อยหลับตาปี๋ด้วยไม่อาจทนสบสายตาคมที่จ้องมองตนอย่างลึกซึ้งได้แม้อีกวินาทีเดียว ใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น มือที่เลื่อนมาดันอกแปรเปลี่ยนเป็นขยุ้มอกเสื้อของอาหนุ่มยามที่กลีบปากถูดดูดดึงขบเม้มทั้งบนล่าง ความรู้สึกหวิวหวามแบบที่ไม่เคยสัมผัสถูกปรนเปรอ ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ แม้จะเคยดูละครมาบ้างพอจะรู้ว่าคนรักกันเรื่องกอดจูบกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ศตายุไม่เคยรู้เลยก็คือเมื่อจูบกันแล้วจะต้องรู้สึกยังไง เด็กน้อยหวามไปทั้งร่างสั่นไปทั้งใจและกาย อยากจะต่อต้านและกลับเรียกร้องขยับหัวตามเมื่อลลิตภัทรถอนจูบออก

 

ไม่พอ

 

ยังอยากได้เพิ่ม

 

และเหมือนลลิตภัทรจะรู้ใจคนเด็กรสจูบหวานถูกส่งมอบอีกครั้ง ทั้งละมุนและรสหวานชื่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุนดันเรียกร้องด้วยการใช้ปลายลิ้นไล่เลียที่แนวฟันอ้อนขอให้คนเด็กเปิดปากยอมรับความควานล้ำยิ่งกว่าเดิมเข้าไป

 

แม้จะยังไม่ประสาแต่ศตายุก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายชักพา

 

ราวกับท้องฟ้าที่สดใสพลันมืดมัวด้วยลมพายุที่เข้าโหม กายบางถูกคร่อมทับก่อนที่จะโดนตะโบมจูบ ทั้งดุดันและหนักหน่วง ลิ้นเล็กหลบหนียามถูกปลายลิ้นของอีกฝ่ายไล่ต้อนจนจนมุม สุดท้ายจึงยอมใช้ปลายลิ้นทักทายอย่างไร้เดียงสา รสจูบแบบเด็กน้อยไม่ประสากลับทำให้ลลิตภัทรรู้สึกชอบใจ ค่อยๆไล่เก็บเกี่ยวดูดดึงน้ำหวานสีใจจนพอใจ เกิดเสียงดังจ๊วบยามที่ถอนจูบออกจากกลีบปากล่างที่ถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ

 

“อื้อ...”เสียงครางเบาๆยามลลิตภัทรกดจูบลงบนต้นคอหอมในอกวูบหวามราวกับตกจากที่สูง กระดุดเสื้อนักเรียนถูกปลดออกเพื่อที่จะได้สูดดมกลิ่นกายและประทับรอยจูบตีตราความเป็นเจ้าของลงไป ศตายุแอ่นกายจนหลังลอยจากพื้นยามความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นมาประจุอยู่ตรงไหปลาร้า

 

“อา...อื้อ  ลาลอ..”มือเล็กขยุ้มลงบนกลุ่มผมสอดนิ้วมือแล้วกำแน่นเมื่อปลายลิ้นร้อนตวัดลงบนยอดอกของตัวเอง

 

จะตายแล้ว ศตายุจะตายแล้ว ความรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งหวาม ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นมาประเดประดังกันเต็มไปหมด ดวงตาพร่าเลือน สมองเบลอจนแทบจะเห็นดาว น้ำสีใสไหลลงจากหางตา ลลิตภัทรกดจูบลงบนเม็ดทับทิมเม็ดเล็กนั้นอีกครั้งแล้วจึงเลื่อนกายขึ้นมาสบตากับหลานตัวน้อยที่สั่นราวลูกนก

 

“ไม่ร้องนะคะ อาไม่ได้จะล่วงเกินถ้าหนูไม่พร้อม อาแค่อยากจะสอนว่าคนเป็นแฟนกัน เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ และหนูทำกับอาได้คนเดียว ร่างกายและหัวใจของอาเป็นของหนูทุกอย่าง หนูอยากจะหวง อยากจะแตะ อยากจะทำอะไร มันเป็นสิทธิ์ของหนูคนเดียวนับจากนี้ เหมือนที่อาทำกับหนูเข้าใจมั้ยคะ...อารักหนูนะ รักที่แปลว่ารักจริงๆ ไม่ใช่แค่ชอบ”

 

“หนูกลัวว่าวันหนึ่งหนูจะทำให้อาลอเสียใจ”

 

“มันไม่เป็นไรเลย ถ้าวันหนึ่งหนูเลิกชอบอาแล้ว ก็ให้มาบอกอาตรงๆ อาอาจจะเหนี่ยวรั้งขอร้องหนูไว้ แต่ถ้าหนูจะไปอาก็จะปล่อย จะไม่บังคับ อาเข้าใจหนูยังเด็กยังต้องเจอใครอีกมากมาย ในขณะที่อาแก่ตัวลงทุกวัน แต่อาเชื่อว่าอาจะทำให้หนูรักและเอ็นดูอาจนอยากจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่าได้แน่ๆ”

 

“แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ล่ะจ๊ะ ถ้าพ่อกับแม่ ถ้าปู่ลิตย่าโฉมไม่เห็นด้วยกับเรา...”

 

“เรื่องนั้นอาจะจัดการเอง หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยมีอาอยู่ในนั้นด้วยก็พอ โอเคมั้ยคะ”

 

“อาลอ...”

 

“คะ?”

 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ ในใจของหนูมันเรียกว่าชอบหรือรัก แต่...ต่อไปนี้รักหนูให้มากๆนะจ๊ะ ห้ามไปมองใครอีก ห้ามไปมองนมใครด้วย หนูหวง”ท้ายประโยคคนเด็กชี้หน้าแถมทำปากคว่ำใส่เมื่อนึกถึงวันที่ลลิตภัทรจ้องนมของอริตาแบบไม่วางตา ลลิตภัทรส่งเสียงหัวเราะลั่นก่อนจะงับนิ้วนั้นเข้าปาก ดูดจนคนเด็กหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

 

“อาจะต้องไปมองนมคนอื่นอีกทำไมคะ นมเด็กแถวนี้น่ามองกว่าตั้งเยอะ”พูดจบก็ใช้ปลายจมูกถูไถหน้าอกของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“แง้ อาลออย่า...อ๊ะ...อื้อ...ไม่เอา ห้ามดูดนะ หนูจะฟ้องพ่อ อาลอทะลึ่ง...แง้...”ศตายุได้แต่ร้องห้ามเมื่อพระลอเอาแต่ฟัดไปแทบจะทั่วทั้งร่างของตัวเอง สามทุ่มกว่าคนเด็กก็มีสภาพสะบักสะบอมเพราะเหนื่อยจากการถูกปล้ำหอมปล้ำฟัดกลับบ้านอย่างอ่อนแรง

 

ไปเรียนพิเศษวันนี้ เหนื่อยเป็นพิเศษ ส่วนติวเตอร์ก็ฟินเป็นพิเศษเอาแต่เลียริมฝีปากจนหลับเช่นเดียวกัน

 

กลิ่นคุกหรือจะมาหอมเท่ากลิ่นเนื้อเด็ก

 

เด็ก 15-16 ด้วยนะ

 


อ่า....ฟิน





...............................


ยิ๊ฮิ้ววววววววววววววววววว น้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อย่าให้คนแก่เล็มมากลูกกกกกกกกก

อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของดวงชีวัน
อยู่เคียงคู่กันแบบนี้ ให้ร่วงโรยเป็นธุลี
กลับสู่ธรณี ฝังร่างนี้ไปพร้อมกัน
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๒ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 23-11-2018 20:21:41
น้องลอตั้ลล้าคคคคคค
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๒ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Fahsang ที่ 23-11-2018 21:51:21
น่ารักมากๆๆๆ  เชียร์สุดใจเลยจ้า
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๒ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 24-11-2018 07:14:08
 :z6: คูมตำหนวดดดดด มีผู้ใหญ่บ้านลวนลามเด็กค่าาา ////

ไม่ใช่ว่ารอยที่ทำไว้จะทำให้โดนจับได้นะจ๊ะพ่อผู้ใหญ่จ๋า
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๒ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 24-11-2018 08:17:47
ผู้ใหญ่ลอเริ่มจะส่งเสียงไอดัง คุกๆๆๆ แล้วนะคะเนี่ย :z1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๒ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 24-11-2018 09:46:07
เตรียมเหมาร้านเจ้สายโอเลี้ยง ไว้ให้แล้วนะจ๊ะอาละ~~~~~ เดี๋ยวจะฝากจ่าชวดไปให้วันละถุงนะจ๊ะ~~~~   o16 o16
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๓ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 24-11-2018 11:19:37
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๓


     



 

 

 

                  “พ่อจ๋า รถไฟฟ้าคืออะไรจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมหันไปถามพ่อกำนันที่นั่งเปลือยอกเอกเขนกอยู่นกชาน ในทีวีมีข่าวการปรับขึ้นค่าโดยสาร ภาพความแออัดในชั่วโมงเร่งด่วย จิ๊บนั่งปักผ้าโดยมีเจ้าขานั่งดูอยู่ใกล้ๆผุดรอยยิ้มขำเมื่อเห็นสามีเกาหัวแกร่กๆ

 

                “มันก็รถไฟนี่แหล่ะลูก แค่วิ่งบนรางที่มันลอยข้างบนเหนือถนน”

 

                “ยังงี้มันก็ใช้น้ำมันเหมือนรถไฟบ้านเราใช่มั้ยจ๊ะพ่อจ๋า”

 

                “ก็น่าจะยังงั้น”

 

                “อ๊าว ถ้างั้นทำไมเขาต้องขึ้นค่ารถด้วยล่ะพ่อ”

 

                “...”

 

                “...??”

 

แก้วเจ้าจอมมองหน้าพ่ออย่างรอคำตอบในขณะที่แดนดินกำลังคิดคำตอบในหัวใจยุ่งไปหมด คือจะให้ตอบลูกยังไงดีที่ลูกจะไม่ผิดหวังในตัวพ่อที่ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลยซักครั้ง อย่าว่าแต่ขึ้นเลยเขาไม่เคยเห็นของจริงเลยซักกะติ๊ด เวลาเข้ากรุงเทพเขาขับรถไปเองตลอด แล้วก็ไปทำแต่ธุระ เช่นประชุม หรือไปอบรมอะไรซักอย่างที่ต้นสังกัดจัดขึ้น วันๆวนเวียนอยู่แต่ในโรงแรม

 

                “ช่างซักช่างไซร้จริงเชียวลูกคนนี้ การบ้านน่ะทำเสร็จแล้วหรือยัง”จิ๊บที่รู้ดีว่าสามีหาคำตอบให้ลูกไม่ได้ก็เอ่ยเบี่ยงเบนความสนใจของลูก แก้วเจ้าจอมหันมายิ้มแหยให้แม่ การบ้านเลขเพิ่งทำได้แค่ 4 ข้อ เด็กน้อยละความสนใจจากรถไฟฟ้ามาให้ความสำคัญกับการบวกลบคูณหารในหนังสือมากกว่า แดนดินเงยหน้าไปส่งยิ้มให้ภรรยา สายตาคมส่งความละมุนไปให้อย่างแสนรัก

 

ภรรยาของเขาอาจจะไม่ได้ฉลาดมากไปกว่าผู้หญิงในหมู่บ้านนี้แต่จิ๊บเป็นคนแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี เธอรู้ว่าสามีนั้นอยากเป็นฮีโร่ของลูก อยากแสดงแต่ด้านที่เท่ห์ๆให้ลูกได้เห็น แก้วเจ้าจอมรักและศรัทธาในตัวพ่อมากดังนั้นกำนันหนุ่มจึงไม่อยากให้ลูกรู้สึกผิดหวังแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตามที แดนดินนั่งสอนการบ้านลูกชายคนเล็กจนในที่สุดแก้วเจ้าจอมก็ทำการบ้านเสร็จ กำนันให้ลูกเข้าไปนอนตอนสามทุ่มครึ่ง จันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอมเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายโดยเฉพาะกับพ่อสองพี่น้องเก็บของส่วนจองตัวเองจนเรียบร้อยก็แยกกันไปนอนห้องของตัวเองโดยไม่มีการอิดออด แดนดินนั้นถึงแม้จะรักและใจดีกับลูกมากแต่ก็เป็นคนเจ้าระเบียบพอสมควร เขาคิดว่าเด็กเล็กไม่ควรนอนดึก แดนดินไม่ซื้อโทรศัพท์ให้แก้วเจ้าจอมและจันทร์เจ้าขาเพราะคิดว่ามันไม่ใช่ของจำเป็น ลูกๆไม่ได้ห่างจากเขาไปไกล จันทร์เจ้าขาและเจ้าจอมเรียนโรงเรียนในหมู่บ้าน จริงๆอยากจะส่งเจ้าขาไปเรียนในเมืองแต่ลูกสาวของเขานั้นนุ่มนิ่มเรียบร้อยเกินกว่าจะต้องลำบากลำบนตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถประจำเข้าไปเรียนในเมือง เจ้าขาพอใจที่จะเรียนโรงเรียนใกล้บ้านมากกว่า เด็กสาวติดแม่มาก ส่วนแก้วเจ้าจอมยังเล็กเกินเช่นกัน รอให้โตพอจะดูแลตัวเองได้เขาก็จะให้เรียนโรงเรียนเดียวกับศตายุ สองสามีภรรยานั่งดูทีวีอีกพักก็กลับเข้าไปในห้องนอน แดนดินคอยแต่เงี่ยหูฟังว่าลูกคนโตจะกลับมาบ้านแล้วหรือยังด้วยความเป็นห่วง อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าเดินออกเพื่อรอลูก

 

                “ว่าแต่ลูกเจี๊ยบทำไมยังไม่กลับจะสี่ทุ่มแล้วนะ”ชะเง้อมองไปหน้าบ้าน ลูกชายของเขากลับจากโรงเรียนไม่ทันได้เปลี่ยนชุดก็หอบกระเป๋านักเรียนพายเรือข้ามไปบ้านฟากขะนู้นเสียแล้ว เอ่ยทักทายพ่อที่นานๆจะเจอตอนเย็นก่อนตะวันตกดินซักทีแค่ 2-3 คำก็ไปซะแล้ว

 

                “นู่นแหล่ะ กว่าจะกลับ 4 ทุ่มไปแล้วนั่นแหล่ะ เห็นลูกบ่นๆการบ้านยากครูก็ให้เยอะ ยังดีว่าลออาสาสอนให้ เราให้ลูกไปเรียนพิเศษแบบเพื่อนไม่ได้ก็ต้องอาศัยเค้านั่นแหล่ะ”

 

                “บอกตามตรงนะจิ๊บ พี่ยังไม่ไว้ใจไอ้ลอมันหรอก เข้ามาตีสนิทกับลูกเราทำไมวันแรกที่เจอกันพี่อุตส่าห์พูดกับมันดีๆแต่มันน่ะตัดไมตรีแบบไม่ไว้หน้าเลย ขนาดเจี๊ยบยกมือไหว้มันยังไม่มอง แต่ดูตอนนี้สิสนิทกับลูกเราแจเลย”แดนดินเดินมาฉวยผ้าขนหนูผืนเล็กที่จิ๊บซับผมที่เพิ่งสระไปถือไว้แล้วลงมือเช็ดผมให้ภรรยาสาวอย่างแผ่วเบา สายตาคมจ้องเงาในกระจกแสดงถึงความรักที่มีให้กับจิรนันท์อย่างไม่เสื่อมคลาย

 

เคยรักยังไง วันนี้แม้จะมีลูกสามคนแล้วแต่เขาก็ยังรักผู้หญิงคนนี้

 

แดนดินรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีเสียเหลือเกินที่ได้จิ๊บมาเป็นศรีภรรยา แม้ว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจะเกิดจากความผิดพลาด แต่จิรนันท์ก็ดูแลปรนนิบัติพ่อและแม่ของเขาด้วยดีเป้นศรีสะใภ้ที่แม้ว่าตอนแรกจะมีคนนินทามากมายส่วนหนึ่งเป้นเพราะอายุยังน้อย ส่วนสำคัญคือใครๆก็รู้ว่าจิ๊บกับพระลอนั้นคบกันตั้งแต่เด็กใครๆก็พูดถึงว่าพ่อแม่ตั้งใจให้ดองกันตั้งแต่เกิด

 

เขาแย่งจิรนันท์มาจากลลิตภัทร จะเรียกว่าแย่งซะทั้งหมดก็ไม่ได้ แดนดินแค่ใช้ความใกล้ชิดค่อยๆเกี่ยวเอาใจของจิรนันท์มาไว้ที่ตนทีละนิด

 

ระหว่างจิรนันท์กับพระลอนั้นมันไม่ใช่ความรัก เป็นความผูกพันเสียมากกว่าโดยที่ตอนนั้นจิรนันท์เองก็เด็กเกินกว่าจะแยกออกว่าอันไหนคือความรัก

 

จิรนันท์สบตาสามีผ่านกระจกเงา แววตาเหม่อๆของแดนดินนั้นหล่อนรู้ดีว่าสามีกำลังคิดหนัก แดนดินระแวงกลัวว่าลลิตภัทรจะกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับตนหล่อนจับมือสามีที่กำลังเช็ดผมมาแนบแก้ม

 

                “พี่ก็คิดไปไกล จิ๊บว่าลอเขาไม่ได้คิดแค้นเรื่องในอดีตแล้ว ที่เขาดีกับลูกเรามันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างเจี๊ยบน่ะเป็นเด็กฉลาดพี่ก็รู้ เป็นเด็กช่างเอาอกเอาใจใครเห็นก็รักก็เอ็นดู ขนาดพี่ลักษณ์ที่ว่าแข็งๆยังเอาเจี๊ยบไปเลี้ยงเล่นอุ้มชูอยู่บ่อยๆ ลอน่ะเนื้อแท้เป็นคนจิตใจดีอ่อนโยน จะรักจะเอ็นดูลูกเราก็ไม่แปลกซักหน่อย”

 

                “พี่แค่ห่วง ลูกเรายังเล็กนักจะไปทันเล่ห์เหลี่ยมใครได้ถ้ามันคิดไม่ซื่อหลอกใช้เจี๊ยบขึ้นมาจะทำไง”

 

                “แต่จิ๊บเชื่อว่าลอไม่ได้คิดอะไรกับจิ๊บแล้ว อีกอย่างถึงลอจะคิด”แดนดินมีปฎิกริยาทันทีเมื่อภรรยาพูดอย่างนี้ ชายหนุ่มเผลอบีบไหล่ภรรยาอย่างลืมตัว จิ๊บหันหน้าไปหาสามีจับมือทั้งสองข้างของแดนดินไว้ ดวงตากลมหวานที่เหมือนรวบรวมเอาดวงดาวทั้งจักรวาลไว้ในนั้นพราวระยิบ

 

                “แต่จิ๊บไม่ได้คิดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จิ๊บรักพี่ รักลูกรักครอบครัวของเรา พี่เชื่อจิ๊บมั้ยจ๊ะ”แดนดินคุกเข่าต่อหน้าภรรยา ชายหนุ่มสวมกอดเอวบางไว้อย่างแสนรัก

 

                “เชื่อสิจ๊ะ ถ้าจิ๊บบอกว่าไม่ได้คิดอะไรพี่ก็จะเชื่อที่จิ๊บพูด”

 

                “แบบนั้นก็ดีจ้า จิ๊บไม่อยากให้เราต้องมาระแวงกัน ไม่อยากให้สองบ้านต้องกินแหนงแคลงใจกัน บ้านฟากขะนู้นเขาก็ดีกับเรามากรักลูกเราเอ็นดูลูกเรา เจ้าเจี๊ยบนั่นเขาก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด”

 

                “งั้นเรามาทำลูกไปให้เขาช่วยเลี้ยงอีกซักคนดีมั้ยจ๊ะ แก้วเจ้าจอมเริ่มโตแล้วพี่อยากเลี้ยงลูกเล็กๆอีกซักคน”แดนดินพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ปลายนิ้วไต่เข้าไปในเสื้อของภรรยาสาวตอนไหนจิ๊บเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว

 

“อะไรกันเล่าจ๊ะ อายุก็ปูนนี้แล้วจะมีอีกคนมันจะไหวเหรอ”

 

“ไหวสิ แรงพี่ยังดียังทำได้อีกเยอะ จิ๊บก้รู้พี่ชอบเลี้ยงเด็กเล็กๆ นะจ๊ะ ขอลูกให้พี่อีกซักคน ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้”หญิงสาวหน้าแดงเมื่อฝ่ามือร้อนลูบแผ่นหลังตนเองเบาๆ ร่างบางลอยหวือยามที่สามีหนุ่มช้อนตัวขึ้นอุ้มแล้วพาเดินไปที่เตียงนอน

 

หล่อนไม่เคยขัดใจสามี จิรนันท์ทำหน้าที่ภรรยาได้ดีเลิศทั้งงานบ้านงานเรือนและงานบนเตียง และครั้งนี้หล่อนก็ยังทำได้ดีเช่นเคย

 

 

 

 

                “อื้อ...อ...อาลอ....”ศตายุสั่นไปทั้งตัวยามที่ฝ่ามือร้อนของลลิตภัทรลูบต้นขาด้านในของตน เด็กน้อยตัวอ่อนราวขี้ผึ้ง เรียวขาถูกหัวเข่าของลลิตภัทรแหวกจนอ้ากว้าง แผ่นหลังแนบกับอกแกร่ง สะดุ้งยามปลายนิ้วของมืออีกข้างลูบหน้าท้องของตนเองเบาๆ

 

ลลิตภัทรชอบที่จะรังแกเด็กน้อย เขาชอบใบหน้ายามที่ศตายุมีความรู้สึก ปากอิ่มกลายเป็นสีแดงยามถูกดูดดึง ผิวแก้มฟูๆนั้นก็แดงเรื่อ

 

น่ารัก น่ารังแกในคราวเดียวกัน

 

                “อาลอ...การบ้านหนู...”เด็กน้อยร้องครวญยามที่มือไร้เรี่ยวแรงจะจับปากกา ปากกาด้ามน้อยถูกปล่อยทิ้งเมื่อเจ้าตัวรีบเอามือมายึดมือของลลิตภัทรที่เริ่มเลื่อนขึ้นไปเกลี่ยหน้าอกของตน

 

                “อาลอ...ไม่เอา”

 

                “ทำไมล่ะคะ ขอจับหน่อยไม่ได้เหรอ เนื้อหนูนิ่ม อาช๊อบชอบค่ะ”กดจูบลงบนติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า

 

ศตายุล่ะเกลียดนัก ไอ้เสียงอ่อนเสียงหวานนี่น่ะร้ายนัก ลลิตภัทรกำลังแกล้งตน เรียวขาขาวหดวูบหากแต่ถูกเข่าของลลิตภัทรต้านไว้ปลายนิ้วไล้เข้าลึกเข้าไปในขากางเกงลึกขึ้นเรื่อยๆ และร่างกายของศตายุก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

 

                “ขออาจับดูหน่อยนะคะว่าหนูโตแค่ไหนแล้ว”กระซิบชิดใบหูก่อนจะล้วงเข้าไปแตะกับเนื้อนูน ศตายุแทบหยุดหายใจ

 

เกินไปแล้ว...การติววิชาของอาลอเข้มข้นเกินไปแล้ว เกินจนตัวจะแตก

 

อยากจะร้องห้ามแต่กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง หายใจให้เป็นจังหวะยังยากแล้วเด็กน้อยจะทำอะไรได้ ได้แต่ร้องไม่เป็นภาษายามที่ปลายนิ้วแทรกผ่านเนื้อผ้าไปแตะต้องตัวตนของตนเอง

 

ศตายุยังเด็กนักจึงถูกมอมเมาได้ไม่ยากเลย ลลิตภัทรหลอกล่อให้ตายใจสัมผัสแผ่วเบาคล้ายจะไม่รุกเร้าหากแต่พอยอมปล่อยใจเตลิดกับแปรเปลี่ยนเป็นเร่งเร้ายุเย้าจนศตายุสะดุ้งเป็นพักๆ ยามเมื่อใกล้ถึงฝั่งก็กลั่นแกล้งหยุดมือจนต้องออดอ้อนร้องขอ สมองพร่าเลือนจิตใจสับสน

 

ร้องขออย่างออดอ้อนจนคนแก่กว่าต้องประกบจูบกั้นเสียงร้องนั้นอย่างดูดดื่มหลอกล่อ

 

กว่าจะรู้ตัวศตายุก็รู้จักการปลดปล่อยเป็นครั้งแรกคามือของลลิตภัทรนี่เอง

 

ลลิตภัทรกดจูบลงบนขมับที่ชื้นเหงื่อของศตายุ

 

                “หนูเก่งจังเลยค่ะ”เอ่ยชมพลางกดจูบลงบนซอกคอจนคนเด็กที่หอบหายใจอย่างหมดแรงต้องย่นคอหนี

 

                “อาลอนิสัยไม่ดี หนูจะไม่มาเรียนกับอาลอแล้ว”ศตายุซักหน้าหนีภาพที่ลลิตภัทรกำลังใช้กระดาษทิชชูเช็ดคราบของตัวเองด้วยความอับอาย ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาโดนกระทำน่าอายแบบนี้ อาลอลามกขึ้นทุกวัน บทเรียนเข้มข้นขึ้นทุกทีตั้งแต่ตกลงคบกันชายหนุ่มก็แตะนั่นนิดนี่หน่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

 

                “จริงเหรอคะ จะไม่มาจริงๆเหรอคะ”ลลิตภัทรกดยิ้มร้าย เขารู้ว่ายังไงศตายุก็ต้องมาหาเขาอยู่ดีแหละ เด็กน้อยติดสัมผัสจากเขา มือเล็กทุบอั่กลงบนอกของคนรัก แก้มแดงราวผลชมพู่มะเหมี่ยว

 

ปากบอกจะไม่มาทุกวัน สุดท้ายลูกเจี๊ยบน้อยก็มาอยู่ในกำมือของลลิตภัทรทุกวันอยู่ดี

 

นึกด่าตนเองอยู่ทุกวันว่าตนเองนั้นเป็นเด็กใจแตกเสียแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เจี๊ยบรักอาลอ อาลอบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกัน  เจี๊ยบก็จะเชื่อตามที่อาลอบอกนั่นแหล่ะ อันที่จริงแล้ว ศตายุชอบทุกบทเรียนที่อาลอสอนให้จริงๆ











            เช้าวันเสาร์แก้วเจ้าจอมและศตายุมาที่บ้านของพระลอตั้งแต่เช้า บรรดาคนงานนั่งจับกลุ่มกันอยู่ วันนี้ศตายุใส่กางเกงวอร์มตัวใหญ่ รองเท้าบูทยาวครึ่งแข้ง  สวมเสื้อแขนยาวทับเสื้อยืดไว้ข้างใน แก้วเจ้าจอมเองก็มาในเสื้อผ้าแบบเดียวกับพี่ชายเด๊ะๆต่างแค่สีรองเท้าที่เด็กน้อยใส่สีเขียวที่พ่อซื้อมาให้เมื่อวานซืน

 

            “อ่าว สองคนมาแต่เช้าเลยลูก”ย่าโฉมเรียกเด็กสองคนให้ขึ้นไปบนเรือน สำรับกับข้าวถูกตั้งวางไว้เรียบร้อย ปู่ชลิตดึงเอาแก้วเจ้าจอมไปเหวี่ยงเล่นราวตุ๊กตาล้มลุก

 

            “ไอ้เจ้าตัวแสบ พักนี้ไม่ค่อยมาหาปู่เลย”

 

            “แม่จิ๊บบอกเจ้าจอมมากวนเวลาเรียนพิเศษพี่เจี๊ยบให้มาได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์จ้าปู่”เด็กช่างประจบตอบอย่างเอาอกเอาใจพลางช่วยรับจานข้าวที่ย่าโฉมตักมาวางไว้ให้ปู่

 

            “กินข้าวกินปลากันซะก่อน ย่ารู้ว่าเจ้าจอมจะมาย่าทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยไว้รอเลยนะ”

 

            “ดีจ้า งั้นหมูจานนี้ของหนู หนูไม่ให้อาลอกินหรอก”เด็กน้อยยื่นมือไปหยิบเอาหมูทอดกระเทียมพริกไทยจานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพระลอมาไว้หน้าตนเองทันที พระลอทำหน้าเอือมๆใส่แล้วลุกเดินเข้าไปในห้อง ศตายุหันมาหยิกเอวน้องหมับเข้าให้เพราะคิดว่าลลิตภัทรไม่พอใจ

 

            “เจ้าจอมทำน่าเกลียด ทำแบบนี้ได้ยังไงตัวมาอาศัยกินข้าวบ้านเค้ายังจะหวงกับเจ้าของบ้าน”

 

            “อูย พี่เจี๊ยบ หนูแค่หยอกอาลอเล่นเฉยๆ”เด็กน้อยใช้ฝ่ามือขยี้ตรงจุดที่โดนหยิกยิกๆปานลูกลิง  แต่แล้วเสียงของบางสิ่งบางอย่างก็ดังขึ้นมาให้ละความสนใจจากจานหนูทอด เด็กน้อยมองไปที่ต้นเสียงพลันรถบังคับคันใหญ่สีแดงก็แล่นฉวัดเฉวียนออกมาจากห้องของลลิตภัทร เจ้าของห้องออกมาพร้อมตัวบังคับในมือ ชายหนุ่มบังคับรถอย่างเซียนจนแก้วเจ้าจอมตาโต

 

            “อาลอ อันนี้ใช่ป่าวที่บอกจะให้หนู”เด็กน้อยวิ่งตามรถบังคับที่ชายหนุ่มบังคับหนีไปทางนู้นทางนี้ที

 

            “ตอนแรกก็ว่าจะให้ แต่เมื่อกี๊เจ้าจอมหวงอาลอแม้กระทั่งหมูทอด อาลอบังคับให้มันหล่นระเบียงไปเลยดีมั้ยนะ”ไม่พูดเปล่าลลิตภัทรก็บังคับให้รถพุ่งไปทางระเบียง แก้วเจ้าจอมหน้าเสียรีบวิ่งไปกันไว้ก็พอดีกับที่ลลิตภัทรบังคับให้รถถอยกลับมาหาตนเด็กน้อยทำหน้าโล่งใจก่อนจะทำหน้าหงอยลงไปถนัดเมื่อลลิตภัทรกลับไปนั่งที่สำรับกับข้าวอีกครั้ง

 

            “ลอก็ไปแกล้งหลาน”ย่าโฉมเอ็ดลูกชายไม่จริงไม่จังนัก

 

            “เด็กดื้อต้องดัดนิสัยครับแม่  อ้าว จะนั่งตรงนั้นอีกนานมั้ยรีบมากินข้าวสิเจ้าจอมเดี๋ยวสายแดดจะร้อนนะ”ลลิตภัทรทำไม่รู้ไม่ชี้ตักข้าวกินหน้าตาเฉย

 

            “อาลอขี้โกง บอกจะให้หนูตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ให้”แก้วเจ้าจอมเบะคล้ายจะร้องไห้แล้วหันหลังให้ทุกคน เพราะเป็นลูกคนเล็กน้องคนเล็กยามโกรธหรือน้อยใจอะไรมุกนี้มักถูกนำมาใช้เพราะรู้ว่าพ่อกับพี่นั้นตามใจตนขนาดไหน ศตายุเมื่อเห็นอากัปกริยานั้นของน้องน้อยก็จะลุกไปโอ๋หากแต่ลลิตภัทรดึงมือไว้ไม่ให้ไป

 

            “แต่...”ศตายุเงียบเสียงลงเมื่อลลิตภัทรส่ายหน้าห้าม

 

            “จะนั่งตรงนั้นก็นั่งไปเลยนะ บ้านนี้ไม่มีใครโอ๋ และถ้าไม่รีบมากินข้าวอาจะโยนรถคันนี้ทิ้งไปจริงๆด้วย อาไม่อยากให้มันไปอยู่กับเด็กเจ้าแง่แสนงอนไม่มีเหตุผล”แก้วเจ้าจอมที่นั่งกอดเข่าเป็นก้อนกลมยืดตัวขึ้นมาทันที

 

            “ตอนแรกก็ว่าจะให้หลังจากช่วยกันเกี่ยวข้าวเสร็จ แต่ตอนนี้คงไม่อยากได้แล้วสินะ งั้นเดี๋ยวเอาไปให้พวกจ่อยก็ได้มั้ง”

 

            “ไม่ได้นะ อาลอบอกจะยกให้หนูแล้วนี่จ๊ะ”เด็กน้อยหัวขวับมาเถียงทันที ลลิตภัทรแอบยิ้มก่อนจะตีหน้าขรึมอีกครั้ง

 

            “แล้วจะมากินข้าวได้หรือยัง ปู่กับย่ารออยู่นะ”

 

            “ก็ได้”ลุกมานั่งที่เดิมลลิตภัทรแกล้งดึงกับข้าวอย่างอื่นพวกต้มจืดปลาทอดและผัดผักเหลือไว้ให้แค่หมูทอดกระเทียมพริกไทยไว้ให้แก้วเจ้าจอมจานเดียว

 

            “อาลอยกกับข้าวหนีหนูทำไมอ่ะ หนูก็ชอบกินปลาทอดแบบพี่เจี๊ยบนะ”

 

            “อ้าว อาลอนึกว่าเจ้าจอมจะกินแค่หมูทอดกระเทียมพริกไทยอย่างเดียว เพราะเมื่อกี๊เจ้าจอมหวงหมูทอดกับอาลอนี่ครับ”

 

            “ไม่ใช่ซักหน่อย ต้มจืดหนูก็ชอบกิน ปลาทอดหนูก็ชอบกิน”

 

            “แต่เมื่อกี๊หนูจะเก็บหมูไว้กินคนเดียวไม่แบ่งอานี่ครับ เพราะฉะนั้นกับข้าวพวกนี้อาลอชอบอาลอจะแบ่งให้ปู่กับย่าแล้วก็พี่เจี๊ยบกินเท่านั้นอาลอไม่แบ่งให้เจ้าจอมกินหรอก อ่ะเจี๊ยบลองชิมต้มจืดดูสิคะอร๊อยอร่อย”ว่าจบลลิตภัทรก็ตักหมูบะช่อก้อนใหญ่ใส่จานให้ศตายุ เจ้าจอมทำหน้าละห้อยมองพี่ตักหมูเข้าปากอย่างอิจฉาสุดๆ เด็กน้อยกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่

 

            “หนูก็อยากกินต้มจืดแบบพี่เจี๊ยบมั่งนะอาลอ”

 

            “เจ้าจอมจะได้กินแค่หมูทอดครับ เพราะเจ้าจอมไม่มีน้ำใจให้กับคนอื่น หมูทอดมีเต็มจานแต่เจ้าจอมกลัวที่จะหมด มันไม่น่ารักรู้มั้ยครับ กินข้าวก็กินด้วยกัน เด็กที่หวงของจะไม่มีใครอยากแบ่งของอื่นให้ “

 

            “หนูแค่จะแกล้งอาลอเล่นไม่ได้จะหวงจริงซักหน่อย”เจ้าตัวเล็กแก้ตัวเสียงเบา

 

            “แต่อาจะสอนเจ้าจอมจริงๆ คราวหลังไม่ทำตัวไม่น่ารักแบบนี้อีกแล้วนะครับ คราวนี้อาลอจะยอมแบ่งกับข้าวให้ก็ได้ ดีกันเนอะ”ว่าจบก็ตักต้มจืดใส่จานให้หลานแก้วเจ้าจอมยิ้มร่าขึ้นมาทันที นั่นแหละสงครามเย็นระยะสั้นจึงสิ้นสุดลง ใช้เวลาในการกินข้าวไม่นานอาหลานทั้งสามคนก็ไปสมทบกับคนงานและเพื่อนบ้านที่มาช่วยลงแขกเกี่ยวข้าว เจ้าจอมวิ่งลงไปในนาทันทีเมื่อพบเพื่อนวัยเดียวกัน ลมเย็นในเดือนธันวาคมพัดพลิ้วจนรู้สึกตึงผิวกาย

 

ท้องทุ่งสีทองก่อคลื่นเล็กๆลลิตภัทรมองภาพความสวยงามนั้นด้วยหัวใจที่ตื้นตันชายหนุ่มจับมือศตายุที่อย่างไม่รู้ตัว

 

            “บ้านของเรา สวยจังเลยนะเจี๊ยบ”

 

            “อื้อ...บ้านของเรา แผ่นดินของเรา สวยไม่มีใครเทียบ ทั้งสวย ทั้งสงบสุข”

 

            “อาไม่น่าทิ้งไปตั้งนานเลย ไปขวนขวายมีชีวิตที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกระฟ้าตั้งนาน ทั้งๆที่นี่มีครอบครัว มีบ้าน มีความรักมากมายรออยู่”

 

            “แต่ตอนนี้อาลอก็กลับมาแล้วนี่จ๊ะ อาลอจะไม่ไปไหนแล้วใช่มั้ย?”ท้ายประโยคคนเด็กหันไปมองหน้าอาหนุ่ม ดวงตากลมโตมีแววหวั่นใจในคำตอบที่จะได้รับฟัง ศตายุกลัวว่าความสำนึกรักบ้านเกิดของลลิตภัทรจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของคนที่จากบ้านไปนาน พอวันหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นอิ่มตัว ความแปลกใหม่หายไปคงไว้แค่ความธรรมดาแล้วลลิตภัทรก็จะจากไป ลลิตภัทรบีบมือนุ่มของหลานเบาๆ รอยยิ้มอบอุ่นที่มักจะมอบให้เสมอถูกส่งมอบมาให้อีกครั้ง หัวใจที่รู้สึกหนาวเมื่อครู่คล้ายจะอุ่นขึ้น ฝ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนศีรษะกลมของหลานเบาๆ

 

            “อามีคนสำคัญอยู่ที่นี่แล้วไงคะ จะไปไหนได้”

 

((ต่อด้านล่าง))
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๓ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 24-11-2018 11:20:09




 

            ลลิตภัทรเข้าใจแล้วว่าความสวยคือภาพมายา ชายหนุ่มร้องโอดโอยอยู่ในใจ

 

หลังและบั้นเอวของเขาเริ่มร้องประท้วงเมื่อเขาก้มตัวเกี่ยวข้าวมาได้ซักระยะหนึ่ง บรรดาคนงานและคนเฒ่าคนแก่ต่างเกี่ยวกันได้อย่างรวดเร็วนำหน้าเขาไปไกลโขไม่เว้นแม้แต่ลูกเจี๊ยบที่เคยคิดว่าความรักของเราจะเคียงข้างกันตลอดไปจะอยู่ด้วยกันไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข แต่นู่น เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยของเขาตามรุ่นปู่รุ่นย่าไปติดๆแสดงให้เห็นทักษะเกี่ยวข้าวอันดีเยี่ยม

 

            “ไหวมั้ยผู้ใหญ่”เสียงยายผันบ้านท้ายคลองตะโกนถามแถมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแหลมอย่างตลกกับท่าทางผู้ใหญ่หนุ่มที่หน้าเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆแต่ท่าทางตอนนี้เหมือนตาแก่อายุซัก 70

 

            ไหวกะผีอะไรล่ะป้า เอวกับหลังจะหักแล้ว เสียงในใจร่ำร้องราวผีบ้า

 

            “โอ้ย....สบายๆ”แต่ในความเป็นจริงเขาจะตอบอะไรได้นอกจากปั้นหน้าทำราวกำลังสดชื่นรักน้ำรักปลารักนาข้าวใส่ไปเรื่อยๆ ศตายุที่หันมามองเขาส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ

 

อาลอขี้โม้ หน้าเหมือนกำลังจะตายขนาดนั้นยังทำเก่ง ดูสินั่นขยับแต่ละทีเหมือนเครื่องจักรที่ไม่ได้หยอดน้ำมันมา

 

กว่าจะเที่ยงลลิตภัทรก็แทบจะคลานออกจากแปลงนา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงโดยที่ลูกเจี๊ยบกำลังจัดสำรับออกมาวางบนพื้นกับข้าวง่ายๆคือน้ำพริกกะปิและผักสด ไข่ทอดชะอมหั่นเป็นชิ้น ปลาเค็มทอดที่แยกพริกกับหอมแดงซอย มีมะนาวหั่นซีกให้บีบราดบนตัวปลาและแกงส้มมะละกอ แก้วเจ้าจอมเอางอบมาโบกลมพัดให้พระลออย่างสงสารอาหนุ่มที่หน้าซีด ลมหนาวเมื่อเช้าก็คล้ายลมตด พัดมาวูบเดียวก็หายยิ่งสายแดดยิ่งร้อน บรรดาลุงป้าย่ายายต่างเอากับข้าวออกมาวางแล้วล้อมวงร่วมกินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยไม่ได้จางไปจากวงสนทนา บ้างก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบ บ้างก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆในหมู่บ้าน เช่นลูกของพระลักษณ์เป็นเด็กผู้ชาย จะโกนผมไฟเมื่อไหร่ ลูกสาวบ้านท้ายไร่จะแต่งงานวันไหน ปีใหม่จะมาสวดมนต์ข้ามปีกันมั้ย นั่งคุยนั่งกินกันเพลินๆข้าวและกับข้าวที่เตรียมมาก็หายเกลี้ยงเก็บปิ่นโตวางไว้ใต้ต้นไม้ กระติกน้ำที่ย่าโฉมเตรียมไว้ให้โรยดอกมะลิจนหอมกรุ่น น้ำแข็งที่แช่ทั้งขันทำหน้าที่ได้อย่างดีน้ำในกระติกเย็นฉ่ำดื่มคลายร้อนชื่นใจ

 

            “อูย...”แก้วเจ้าจอมที่ดื่มน้ำเย็นจัดเร็วเกินไปร้องออกมาพลางนวดขมับตัวเอง

 

            “เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ”เจี๊ยบช่วยนวดขมับให้น้อง เพราะกินน้ำเร็วเกินไปความเย็นทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิในร่างกายทำให้ปวดหัวกะทันหัน ลลิตภัทรหัวเราะขำเมื่อเห็นเจ้าจอมทำหน้าเหยเก ศตายุขมุบขมิบว่าอาหนุ่ม

 

            “คนนิสัยไม่ดี หัวเราะเด็ก”พระลอแบมือกับอากาศราวกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย  เสียงพ่อเพลงเอื้อนเอ่ยคำกลอนเพลงเกี่ยวข้าวพร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้น ตาจรัญกับยายผันออกไปรำแต้ที่คันนา ในมือถือเคียวและรวงข้าวร้องเพลงแก้กันไปมาโดยมีคนอื่นๆเป็นลูกคู่ทำให้ช่วงพักเที่ยงไม่น่าเบื่อ ลลิตภัทรมองศตายุที่สนุกสนานไปกับคนเฒ่าคนแก่ไปด้วย ด้วยความเอ็นดู รุ่นเก่าอาจจะเหมือนไม้ใบแห้งที่รอวันร่วงโรยแต่เด็กรุ่นใหม่อย่างศตายุก็เหมือนใบอ่อนที่เริ่มผลิออกมาจากกิ่ง เขาหวังว่าเด็กๆรุ่นหลังจะซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ในใจไม่ละทิ้งและสืบทอดไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน หลังจากพักผ่อนให้คลายเหนื่อยการเกี่ยวข้าวยามบ่ายก็เริ่มขึ้น และลลิตภัทรร่างกายก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าช่วงเช้า กว่าจะเสร็จงานในตอนเย็นเขาก็แทบจะคลานกลับบ้าน ย่าโฉมหัวเราะจนพุงกระเพื่อมเมื่อเห็นสภาพลูกชายคนเล็กไม่ต่างจากพระลักษณ์ที่นั่งคอยเป็นลูกมือช่วยแม่อาบน้ำให้กับน้องคุณหรือเด็กชายคุณธรรมที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ศตายุและแก้วเจ้าจอมรีบเข้าไปนั่งดูใกล้ๆเพราะเห็นว่าน้องเล็กนั้นน่าเกลียดน่าชังน่าเล่นด้วย

 

            “ไงมึงเดี้ยงมาเลยเหรอ บอกแล้วว่าให้เอารถไปเกี่ยววันเดียวก็เสร็จ ไปเกี่ยวเองให้ลำบากลำบน”

 

            “ก็อยากเห็นบรรยากาศเก่าๆ”

 

            “แล้วคุ้มมั้ย?”

 

            “คุ้มสิ อย่างน้อยคนแก่ๆเขาก็ได้มาเจอกัน ใครอยากได้เงินก็จ่ายค่าแรง ใครอยากแรงเดี๋ยวก็ไปช่วยแบบนี้ดีจะตาย”

 

            “โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว สังคมมันขับเคลื่อนด้วยเงินไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจแบบสมัยก่อน”พระลักษณ์ว่าอย่างคนที่เห็นโลกมามาก

 

            “ผมก็จะทำให้เห็นอยู่นี่ไงว่าน้ำใจสำคัญกว่าเงิน เราไม่ต้องใช้เงินทุกอย่างก็ได้”

 

            “โลกสวย”คนพี่ว่าค่อนขอดเข้าให้

 

            “ย่าจ๋าหนูเคยเห็นตอนเจ้าจอมเล็กๆยายไพเอาใบมะขามกับหอมแดงต้มน้ำให้น้องอาบทำไมน้องคุณไม่อาบแบบนั้นล่ะจ๊ะ”ศตายุเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “ตอนนี้น้องคุณยังเล็กผิวยังบางอยู่ลูกรอน้องได้ซัก 2-3 เดือนค่อยให้อาบ”

 

            “มันช่วยอะไรเหรอจ๊ะย่า”

 

            “ใบมะขามมีรสเปรี้ยวช่วยล้างเสมหะ ส่วนหัวหอมแดงไล่หวัด ขับลมแก้ท้องอืด น้องจะได้ไม่ปวดท้องไงลูก”

 

            “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ศตายุส่งผ้าขนหนูให้ย่าโฉมเมื่อย่าเอาน้องขึ้นจากน้ำแล้วยื่นให้พระลักษณ์

 

            “อย่าทาแป้งจนเยอะเกินนะลูกเดี๋ยวจะเป็นภูมิแพ้ แล้วก็แม่ทำแกงเลียงไว้ให้แล้วยกไปให้นิดากินนะ”พระลักษณ์รับลูกชายตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านไป ก่อนจะกลับมารับปิ่นโตกลับไปทานข้าวที่บ้านของตัวเอง

 

            “อาลอ...”แก้วเจ้าจอมที่นั่งมองลลิตภัทรคุยกับพระลักษณ์มาระยะหนึ่งแล้วดึงชายเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มเบาๆ

 

            “หนูช่วยงานเสร็จแล้ว”ประโยคบอกเล่าเปล่งออกมาเสียงอ่อย ลลิตภัทรหัวเราะกับท่าทางที่อยากจะประจบแต่ก็ขัดเขินของเจ้าจอมนั้นอย่างเอ็นดู

 

อันที่จริงมันก็น่ารักแหละ แต่ติดจะเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ ลลิตภัทรลุกขึ้นยืนเต็มความสูงช่วยแม่เก็บกะละมังอาบน้ำหลานก่อนจะขอตัวพาเด็กๆขึ้นมาบนห้องนอน แก้วเจ้าจอมวิ่งไปทั่วห้องของลลิตภัทรอย่างตื่นตาตื่นใจ

 

ในตู้กระจกมุมริมหน้าต่างถัดจากตู้หนังสือมีของเล่นหลายอย่าง นอกจากรถบังคับแล้วลลิตภัทรยังสะสมพวกเรือและเครื่องบินบังคับอีกด้วย ลำใหญ่สุดคือเฮลิคอปเตอร์ที่วางไว้บนสุด

 

            “โห อาลอ อาลอมีของเล่นเยอะจังเลย”ลลิตภัทรเดินไปเปิดตู้เย็นที่ตนเองซื้อมาใส่ของกินไว้ในห้องหยิบช็อกโกแลตมาโยนให้แก้วเจ้าจอมเด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณสายตามองบรรดาขนมนมเนยที่แช่ไว้อย่างตื่นเต้น ยังกับตู้เย็นในโฆษณา แก้วเจ้าจอมไม่รู้หรอกว่าของ 99% นั้นน่ะลลิตภัทรซื้อมาแช่ให้ศตายุกินเวลามาเรียนพิเศษส่วนของเขามีเพียงน้ำเปล่าแช่เย็นเท่านั้น เพราะทั้งสองคนจะไม่ออกจากห้องไปไหนเลยจนกว่าจะเรียนเสร็จดังนั้นจึงต้องมีเสบียงเตรียมไว้หลอกล่อเด็กให้อิ่มท้องจะได้ไม่ต้องรีบกลับบ้านเร็ว ส่วนเขาก็กินศตายุอีกทอดหนึ่ง

 

เนี่ย ลลิตภัทรเป็นคนรอบคอบจะตาย

 

            “สัญญากับอาลอก่อนได้มั้ยครับว่าถ้าให้ไปแล้วเจ้าจอมจะรักษาของ จะเล่นอย่างระมัดระวัง”ชายหนุ่มวางรถบังคับสีแดงคันเมื่อเช้าลงต่อหน้าหลาน แก้วเจ้าจอมพยักหน้าหงึกหงักทันที ลลิตภัทรดึงตัวบังคับกลับ

 

            “ผู้ใหญ่ถามให้ตอบครับไม่ใช่พยักหน้า”

 

            “หนูสัญญาจ้าว่าจะดูแลอย่างดีไม่เล่นพัง”

 

            “ถ้าเจ้าจอมไม่รักษาของอาลอจะไม่ให้อะไรเจ้าจอมอีก เข้าใจมั้ยครับ”ชายหนุ่มวางมือลงบนหัวทุยของหลานโยกเบาๆ แก้วเจ้าจอมรับคำแล้วรับคันบังคับที่ลลิตภัทรยื่นให้อย่างดีใจ

 

            “ตอนนี้เจ้าจอมก็กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวได้แล้วนะครับ แล้วบอกแม่จิ๊บด้วยว่าวันนี้พี่เจี๊ยบจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม อาลอจะสอนส่วนที่พี่เจี๊ยบยังไม่เข้าใจต่อรู้เรื่องมั้ยครับ?”

 

            “เข้าใจจ้า งั้นหนูกลับบ้านก่อนนะ”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายกอดประคองรถบังคับคันใหญ่วิ่งปร๋อออกไปนอกห้อง

 

            “ใครบอกอาลอว่าหนูจะเรียนด้วยกันจ๊ะ”ศตายุลุกขึ้นยืนพลางเอ็ดคนโมเมเบาๆ

 

            “อาปวดหลังมากเลยค่ะหนูจะไม่อยู่นวดหลังให้อาลอหน่อยเหรอคะ”ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อน

 

            “งั้นอาลอรอก่อนนะจ๊ะเดี๊๋ยวหนูพายเรือไปส่งเจ้าจอมกับแวะอาบน้ำก่อนแล้วจะมานวดให้”

 

            “งั้นก็ได้ค่ะ รีบไปรีบมานะคะ”ลลิตภัทรทิ้งจังหวะในการพูดลงก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหลานตัวน้อย

 

            “อาคิดถึง”

 

            “หนูเกลียดอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ”ศตายุเขินจนอยากจะกระโดดเตะคนที่ช่างหยอดให้คอหลุดเสียจริงๆ

 

            “ไม่ทันแล้วค่ะ เพราะอารู้ว่าหนูก็คิดถึงอาเหมือนกัน”

 

เนี่ย ก็ยังจะหน้าด้านหยอด ศตายุไม่รู้จะตอบโต้ยังไงแล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งหัวเราะคิกคักกับมุกจีบเสี่ยวๆของตัวเองพลางล้มตัวลงนอนดีดดิ้นเมื่อรู้สึกเขินซะเองแต่ก็ต้องกระตุกหลังทำหน้าเหยเก

 

            “อูย....ปวดหลังชิบหายเลยแม่ง”

 

อย่าให้ใครรู้นะว่ากำนันลอหมู่ 7 เจ้าของฉายา หล่อเด็ดเตะปี๊บดัง จะมานอนหลังเดี้ยงเหมือนหมาถูกเขวี้ยงอย่างเดียวดายแบบนี้

 

อายตายห่าเลย

 

               

 

...................................................................





ไม้อ่อนดัดง่าย คำๆนี้ยังใช้ได้เสมอ การที่อาลอสอนแก้วเจ้าจอมให้เป็นเด็กมีน้ำใจนั่นคือความหวังดีที่มีต่อหลานที่เป็นว่าที่น้องเมีย จริงๆแล้วอาลอเอ็นดูแก้วเจ้าจอมนะคะ ในใจแม้จะประทุษร้ายหลานต่างๆนาๆแต่ลลิตภัทรไม่เคยทำร้ายเจ้าจอมจริงๆซักที การที่ให้เด็กรู้จักทำงานก่อนที่จะให้อะไรเป็นการสอนเขาอย่างหนึ่งว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ถ้าหากอาลอให้ของเล่นกับเจ้าจอมเอง เจ้าจอมก็อาจจะเห่อเล่นแค่แรกๆแล้วทิ้งขว้างในที่สุด แต่ถ้าอะไรที่ได้มายากและต้องทำงานแลกมาของสิ่งนั้นก็จะมีค่านานขึ้น



ลูกเจี๊ยบคือเด็กที่เป็นวัยรุ่นแล้ว การตื่นเต้นเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เริ่มโต ไม่ได้ใจแตกหรอก มันปกติธรรมดาของเด็กที่กำลังอยากรู้อยากลอง



คนที่ต้องด่าก็คืออีลุงที่รู้ว่าต้องทำยังไงเด็กถึงจะติดมือ จับมันเลยค่ะคุณตำหนวด เจอตาแก่หื่นกาม 1 อัตรา



เช่นเดิมค่ะ 1 เม้นท์ 1 แท็ก ล้านกำลังใจ ไม่ได้ขู่เข็ญแต่ถ้าเม้นท์เยอะแท็กแยะก็อัพไวมาก 55555555



#พระลอตามไก่

 







               
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๓ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 24-11-2018 11:58:43
น้องเจี้ยบบบบบบบบบบ หนูกำฃังโดนล่อลวง หนีไปปปปป
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 25-11-2018 00:39:49


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๔






                ศตายุกำลังแปลกใจ เด็กน้อยนั่งทำการบ้านคณิตศาสตร์พลางแอบมองลลิตภัทรที่นั่งต่อเลโก้อยู่บนพื้นโดยไม่มาเกาะแกะลวนลามเขาอย่างเคย

 

มันผิดปกติของอาลอมากๆ เพราะทุกวันถ้าเขามาไม่เคยมีซักวันที่อาลอจะปล่อยให้เขาได้นั่งทำการบ้านอย่างสงบสุข ก่อนอื่นเลยลลิตภัทรจะต้องมานัวเนียกอดและหอมแก้มบางทีเพลินก็จูบกันซักระยะหนึ่งจึงปล่อยให้เขานั่งทำการบ้านที่อาจารย์ให้ แต่ก็นั่นแหล่ะต้องนั่งทำบนตักของเจ้าตัว ลลติภัทรต้องทำให้เขาตัวแดงเป็นกุ้งหายใจหอบถี่แก้มแดงปากแดงจนพอใจนั่นแหล่ะถึงจะยอมสอนให้ดีๆได้

 

                “สมองจะได้โล่งไงคะ”ข้ออ้างแบบหน้าด้านๆถูกตอบเสมอยามเด็กน้อยถามว่าอาลอลวนลามเขาทำไม

 

                “อาลอจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยเรียกอาหนุ่มที่ยังคงคร่ำเคร่งกับเลโก้ราวกับกำลังออกแบบก่อสร้างราชวังที่แวร์ซาย

 

                “คะ?”ตอบรับแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

 

                “หนูไม่เข้าใจข้อนี้จ้า”เอียงคอทำหน้าตาบ้องแบ๊วเอ่ยตอบเสียงหวาน

 

                “ไหนอธิบายโจทย์มาสิคะ”ลลิตภัทรไม่ได้ลุกมาดูอย่างแนบชิดเหมือนทุกวัน ชายหนุ่มทำเพียงนั่งอยู่ที่เดิมต่อของเล่นโง่ๆนั่นต่อไป ศตายุถอนหายใจอย่างรู้สึกหงุดหงิด ไม่รูว่าตัวเองจะหงุดหงิดทำไม อ่านโจทย์ไปก็หน้าตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ลลิตภัทรอธิบายโจทย์ข้อนั้นให้ศตายุฟังมือก็ยังบรรจงต่อเลโก้อย่างใจเย็นจนในที่สุดเด็กน้อยก็เก็บสมุดการบ้านเข้ากระเป๋า     

 

                “ทำเสร็จแล้วเหรอคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามเมื่อเห็นหลานเก็บของเรียบร้อยลุกออกจากโต๊ะหนังสือ เจ้าเจี๊ยบน้อยพยักหน้าเนือยๆไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนทุกวัน เก็บเปลือกขนมที่กินเสร็จทิ้งใส่ถังขยะจนเรียบร้อย

 

                “กลับเลยหรือเปล่าคะเดี๋ยวอาเดินไปส่งที่เรือ” ศตายุนิ่งไปกับคำถามก่อนจะพยักหน้าเนือยๆ

 

                “ถ้าอาลอไม่มีอะไรแล้วกลับเลยก็ได้จ้า”ลลิตภัทรลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูให้ศตายุได้เดินออกไปก่อน ตลอดทางไม่มีคำพูดใดใดเอ่ยออกมาจากคนทั้งคู่จนกระทั่งถึงศาลาท่าน้ำ

 

                “กลับดีๆ แล้วก็คืนนี้ฝันดีนะคะ”ลลิตภัทรลูบศีรษะหลานเบาๆ ศตายุเม้มปากคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วพยักหน้ารับ

 

                “ฝันดีเหมือนกันนะจ๊ะอาลอ”ลลิตภัทรโบกมือบ๊ายบายหลานยืนมองจนเด็กน้อยของเขาพายเรือกลบไปถึงฝั่งบ้าน ทันทีที่เจี๊ยบน้อยเดินลับตาไปแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ

 

ดูก็รู้ว่าเจ้าเจี๊ยบน้อยของเขาหงุดหงิดน่าดูที่เขาทำเฉยเมยใส่

 

ทั้งๆที่อยากจับหลานขย้ำแทบตาย ต้องนั่งสงบจิตสงบใจทำเป็นไม่สนใจเรียวขาขาวๆที่หลานหมุนเก้าอี้ไปมาล่อตาล่อใจเขา ทำเป็นหูทวนลมใส่เสียงหวานอย่างออดอ้อนทั้งที่ใจจริงอยากจับหลานขย้ำให้จมเตียง

 

เขาหลอกล่อศตายุให้ติดสัมผัสที่มอบให้ และตอนนี้เขากำลังล่อลวงให้ศตายุโหยหาและเรียกร้องออกมาด้วยตัวเอง

 

บอกอาสิคะว่าหนูต้องการอา แล้วอาจะตอบแทนให้ถึงใจ

 

ถ้ามอบตำแหน่งภัยสังคมให้ผม งั้นก็คงต้องขอน้อมรับด้วยความยินดี





 

                จิ๊บมองลูกชายที่กลับขึ้นมาบนบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างแปลกใจ มองนาฒิกาเพิ่งจะสามทุ่ม ปกติเวลานี้ศตายุจะยังเรียนพิเศษไม่เสร็จ ดังนั้นวันนี้จึงถือว่ากลับเร็วกว่าปกติ

 

                “อ้าวเจี๊ยบ เรียนเสร็จแล้วเหรอลูก?”ศตายุชะงักเท้าที่กำลังจะเดินตรงเข้าห้องเลี้ยวกลับมานั่งข้างๆแล้วเลื่อนตัวเป็นนอนหนุนตักแม่แทน

 

                “เสร็จแล้วจ้า วันนี้การบ้านไม่ยากอะไรจ้าแม่ อาลอเขาดูไม่ค่อยว่างด้วยเลยกลับดีกว่า”เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆจนจิ๊บสังเกตได้ถึงความไม่ร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงอาลอของลูก

 

                “เป็นอะไรลูก ทำไมดูเหนื่อยๆ”หล่อนวางไหมกับเข็มโครเชต์ที่ถักลงในตะกร้าก่อนจะลูบผมลูกเบาๆ

 

                “แม่จ๋า แม่กับพ่อตั้งแต่แรกคบกันจนตอนนี้ พ่อยังเสมอต้นเสมอปลายกับแม่อยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”เด็กน้อยเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามแม่แต่กลับถามคำถามกลับ จิ๊บส่งยิ้มหวานสายตามองเหม่อไปในความมืดเบื้องหน้า

 

                “พ่อเราน่ะเมื่อก่อนตอนจีบแม่เป็นยังไง ตอนนี้ก้ยังเป้นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน ติดจะขี้ใจน้อยเอาแต่ใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำไมเหรอลูก”

 

                “หนูอิจฉาแม่ที่มีคนดีๆแบบพ่อมารัก”

 

                “อะไรกันเจ้าเด็กคนนี้นี่อยู่ๆมาอิจฉาพ่ออิจฉาแม่ ทำไม ไปแอบมีแฟนแล้วแฟนไม่เหมือนเดิมหรือไง?”จิ๊บถามแบบหยอกๆลูกแต่คนที่มีชนักติดหลังกลับทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด

 

                “มีที่ไหนกันเล่าแม่ก้อ น้องแค่ถามดูเฉยๆเห็นพ่อกับแม่รักกันดีน้องก็ดีใจ”ลูกเจี๊ยบน้อยรีบแก้ตัวจนลิ้นแทบพัน ยันตัวเองขึ้นนั่งก่อนจะตัดบทเปลี่ยนเรื่อง

 

                “น้องเหนื่อยแล้ว เหนียวตัวด้วย น้องไปอาบน้ำนอนก่อนนะจ๊ะ”ไม่รอให้แม่อนุญาตเจ้าลูกเจี๊ยบก็ชิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ท่าทางสดใสเมื่อครู่พลันจางหายเหลือเพียงลูกเจี๊ยบห่อเหี่ยวเหมือนไก่เด็กที่เฉามือทันที ศตายุทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงนอน

 

                “พ่อกับแม่รักกันมา 16 ปี ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วทำไมอาลอเพิ่งบอกรักหนูได้เดือนกว่าๆถึงเปลี่ยนไปล่ะจ๊ะ หรือว่าอาลอเบื่อน้องแล้วอ่ะ ฮื่อ...ไม่เอานะ ไม่ให้เบื่อ อาลอใจร้าย ห้ามเบื่อน้องนะ ไหนบอกว่ารักน้องก็ต้องห้ามเบื่อน้องสิ”ศตายุตบตีกับหมอนหนุนใบใหญ่อยู่คนเดียวจนดึกแล้วก็หลับไปทั้งชุดนักเรียนนั่นแหล่ะ

 

เด็กน้อยสับสนและเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเพียงเพราะลลิตภัทรไม่มาวุ่นวายกันตัวเอง

 

ศตายุไม่เคยมีคนรักจึงไม่รู้ว่าการเป็นคนรักกันการไม่มีสัมพันธ์ทางกายเหมือนทุกวันไม่ได้แปลว่าความรักนั้นจะลดน้อยถอยลง เพียงแต่เด็กมันกำลังโดนตาเฒ่าหลอกนั่นเอง

 

 

                ลลิตภัทรเดินไปทางนู้นทีทางนี้ทีโดยมีแก้วเจ้าจอมเดินตามต้อยๆ โรงเรือนคลุมพลาสติกใสทั้งหลังถูกสร้างขึ้นหลังจากประชุมกับลูกบ้านแล้วว่าจะทำอะไรเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ยกที่ดินด้านหน้าถนนให้ลูกชายทำเป็นศูนย์กลางเพื่อให้ชาวบ้านมารวมตัวกันทำงาน ศตายุยกหม้อข้าวต้มเครื่องที่ย่าโฉมลงมือปรุงด้วยตัวเองมาวางบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นไม้ใหญ่ คนงานต่างช่วยกันอย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง

 

                “อาลอ ทำไมต้องทำโรงเรือนด้วยเหรอจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมถามอาหนุ่มที่เดินดูงานตั้งแต่เช้าอย่างไม่รู้สึกเบื่อ แม้จะเป็นลูกของกำนันแดนดินแต่ผู้เป็นพ่อไม่เคยพาเขาไปดูงานที่พ่อทำเลยซักนิดเพราะแดนดินกลัวลูกจะลำบากจะร้อน แต่แดนดินไม่รู้เลยว่าจิ๊บนั้นปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้การทำงานโดยปล่อยให้ลูกไปตามย่าโฉมและพระลักษณ์มาระยะหลังนี่แก้วเจ้าจอมเข้ากันได้ดีกับลลิตภัทร นิสัยบางอย่างของลูกชายที่เปลี่ยนไปแดนดินก็คิดว่านั่นเป็นเพราะแก้วเจ้าจอมโตขึ้นและภรรยาอบรมอย่างดีโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าคนที่เป็นต้นแบบและคอยสั่งสอนแก้วเจ้าจอมนั้นส่วนหนึ่งก็คือลลิตภัทรนั่นเอง

 

“ก็เราจะใช้ตากกล้วยใช่มั้ยครับเราก็ต้องทำให้มันถูกสุขลักษณะถูกหลักอนามัย โรงเรือนจะช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกที่จะปลิวมาเกาะผิวกล้วยของเราไงครับ”ลลิตภัทรที่กำลังช่วยคนงานขึงพลาสติกตอบคำถามหลานโดยไม่ได้หันมามอง

 

“ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นต้องมีโรงเรือนเลยล่ะอาลอ ย่าโฉมยังเคยตากกล้วยในกระด้งวางไว้นอกชานเลย”

 

“ก็อันนั้นเราตากไว้กินเอง แต่อันนี้เราตากเพื่อทำไปขายคนอื่นไง ถ้าของสกปรกเจ้าจอมจะยอมเสียเงินซื้อไปกินมั้ยครับ ถ้านกมาขี้ใส่เงี๊ยะเจ้าจอมจะกินหรือเปล่า?”

 

“ไม่เอาอ่ะ”

 

“นั่นแหล่ะคนอื่นเขาก็อยากกินของสะอาดเหมือนกัน”

 

“แล้วทำไมต้องทำของกล้วยๆด้วยอ่ะอาลอ”

 

“ก็หมู่บ้านเรากล้วยเยอะจนไร้ค่าไงครับ”ของกล้วยๆคือชื่อผลิตภัณฑ์ที่ลลิตภัทรคิดขึ้น ชายหนุ่มสำรวจหมู่บ้านก็พบว่าทุกบ้านปลูกกล้วยเอาไว้แบบทิ้งๆขว้างๆตามขอบบ้าน ท้ายไร่ บางบ้านปลูกเยอะเป็นดงแต่ก็ปล่อยสุกให้นกกินเพราะกล้วยเยอะเกินทำให้เป็นการมีอยู่ที่ไร้มูลค่า ดังนั้นเมื่อประชุมกันทาง อบจ.จะจัดสรรงบเพื่อสร้างรายได้ให้หมู่บ้านลลิตภัทรจึงเรียกประชุมลูกบ้านเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันจนมาสรุปที่ว่าพวกเขาจะแปรรูปกล้วยโดยคนงานที่จะมาทำคือผู้หญิงในหมู่บ้านหรือคนที่ว่าง ชายหนุ่มรับซื้อกล้วยจากทุกบ้านโดยมีราคากลาง เมื่อได้งบมาก็แบ่งเป็นค่าก่อสร้างโรงเรือน ค่าวัตถุดิบ ค่าสร้างศาลาเพื่อเป็นจุดที่เอาไว้ทำงาน ค่าแรงนั้นไม่ต้องเสียเพราะบรรดาผู้ชายในหมู่บ้านมาช่วยกันทำ ชายหนุ่มเองก็ทุ่มเวลาเต็มตัวมาร่วมมือร่วมใจกับชาวบ้านด้วย แบบร่างโครงสร้างต่างๆถูกวาดออกมาเพื่ออธิบายให้คนงานได้เข้าใจง่ายๆ ชายหนุ่มชวนหลานตัวน้อยเดินมาหาศตายุที่เริ่มตักข้าวต้มแจกคนงาน

 

“จะอยู่ท้องมั้ยคะเนี่ย”ลลิตภัทรอดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นว่าอาหารกลางวันคือข้าวต้มเครื่อง

 

“ย่าบอกว่ากินไปก่อนจ้า เดี๋ยวบ่ายย่าจะให้คนเอาข้าวกับผัดกะเพรามาให้ มีขนมหวานเป็นลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย”

 

“เลี้ยงดีจริง”เอ่ยแซวคนเป็นแม่แล้วรับชามข้าวที่ศตายุตักยื่นให้ ไม่ลืมที่จะจับลงบนมือนุ่มแล้วลูบเบาๆให้เด็กมันเขินเล่น ศตายุสะดุ้งราวกับถูกของร้อน ตั้งแต่วันนั้นก็หลายวันแล้วที่พระลอไม่ได้มานัวเนียเด็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พระลอจับเนื้อต้องตัวเขา เล่นเอาใจสั่นจนรู้สึกได้ ศตายุแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาหวานๆและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นหันไปตักข้าวยื่นให้น้องเล็กของบ้าน แก้วเจ้าจอมรับชามข้าวแล้วไปนั่งกับอาลอ

 

บอกตรงๆตอนนี้อาลอเหมือนหัวหน้าแก็งค์ อาลอพาไปเล่นของสนุกๆหลายอย่าง อาลอเล่าเรื่องที่กรุงเทพให้ฟัง อาลอเคยบอกว่าจะพาเจ้าจอมไปดูปลาที่มันว่ายอยู่บนหัวได้ด้วย

 

เนี่ย อาลอใจดีกว่าที่คิดไว้ซะอีกทำไมพ่อกำนันชอบบอกว่าอาลอเป็นพวกเชื่อถือไม่ได้กันนะ


ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 25-11-2018 00:41:17
 

ศตายุไม่มาที่บ้านในตอนเย็น เด็กน้อยของเขาหายไปเหมือนตอนนั้นที่ไม่สบาย พระลอร้อนใจเมื่อเลยเวลาที่จะต้องเรียนพิเศษแต่คนรักของเขายังไม่มาจนต้องพายเรือไปหาเองตอนเข็มนาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มเศษ

 

เป็นอะไรหรือเปล่านะ เมื่อกลางวันยังดีๆอยู่เลย             

 

“จิ๊บ”ลลิตภัทรส่งเสียงเรียกอดีตคนรักที่กำลังนั่งดูทีวีกับจันทร์เจ้าขา

 

“อ้าว ลอ มีอะไรเหรอ? ขึ้นมาก่อนสิ”

 

“เรามาดูเจี๊ยบกับเจ้าจอมน่ะเห็นหายไปตั้งแต่เย็น เจี๊ยบไม่ไปเรียนพิเศษด้วยไม่สบายหรือเปล่าจิ๊บ?”ลลิตภัทรไม่เสรยเวลามาอารัมภบทถามหาเด็กน้อยของเขาทันที ใจนี่เป็นห่วงจนแทบจะพุ่งไปหาหาศตายุที่ห้องอยู่รอมร่อแต่ต้องห้ามใจไว้

 

“เจ้าจอมเข้าเมืองไปกินเลี้ยงกับพ่อเค้าน่ะกว่าจะกลับคงสี่ห้าทุ่มส่วนเจี๊ยบบอกกับจิ๊บว่าวันนี้งดไม่ไปเพราะการบ้านง่ายทำเองได้ เรานึกว่าคุยกันแล้วเลยไม่ได้ถามอะไรกินข้าวเสร็จก็เข้าห้องไปเลย”

 

“หนูว่าพี่เจี๊ยบเหมือนอารมณ์ไม่ดี”จันทร์เจ้าขาบอกกับแม่เธอสังเกตเห็นพี่ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายวันแล้ว ปกติศตายุจะไม่ทำหน้ายุ่งอย่างนั้นนอกจากโดนพ่อแดนดินดุหรืองอนกับเพื่อนที่โรงเรียน

 

“งั้นก็คงงอนเรานี่แหล่ะ”ลลิตภัทรตอบเสียงอ่อยๆ

 

“อ้าว เจี๊ยบจะงอนลอเรื่องอะไรล่ะ แสดงว่าตามใจกันจนเสียนิสัยใช่มั้ยเนี่ย?”จิ๊บหรี่ตามองอดีตคนรักแกล้งทำเสียงเข้ม

 

“เฮ้ย เราไม่ได้ตามใจอะไรหลานเลย น่าจะทำให้งอนโดยไม่รู้ตัวมากกว่า”

 

“ให้เราเรียกลูกออกมาหามั้ยล่ะ?” พระลอรีบยกมือห้ามทันที บ้าหรอมมมมม เรื่องแบบนี้จะออกมาคุยในที่รโหฐานได้ไง ลลิตภัทรคิดในใจอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเราขอเข้าไปคุยกับหลานเองได้มั้ย เผื่อถ้ายังไงเดี๋ยวเราสอนพิเศษหลานที่บ้านเลยแล้วกัน”

 

“เอางั้นก็ได้ ดีเหมือนกัน มีอะไรกันก็คุยกันซะให้รู้เรื่องนะ”จิ๊บพยักหน้ารับเป็นคำอนุญาตพระลอแทบจะวิ่งไปหาลูกเจี๊ยบที่ห้องแต่ต้องคีพลุคไว้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆเดินไปที่หน้าห้องของศตายุที่อยู่ริมสุด ยกมือขึ้นเคาะเบาๆโดยไม่ได้เอ่ยเรียก

 

ในห้องลูกเจี๊ยบนอนคว่ำหน้ากับหมอนใบใหญ่ตอบรับเสียงเนือย

 

“แม่เหรอจ๊ะ เข้ามาได้เลยจ้าน้องไม่ได้ล็อคห้อง” เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาตามด้วยเสียงล็อคหากแต่เจ้าของห้องไม่ได้เอะใจอะไรยังคงนอนคว่ำอยู่อย่างนั้น ลลิตภัทรเลียริมฝีปากเขารู้สึกปากแห้งคล้ายคนกระหายน้ำชายหนุ่มมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นลากสายตาเลื้อยไปที่สะโพกของเด็กก็ยิ่งคอแห้ง ศตายุรู้สึกว่าแม่เงียบไม่ยอมพูดซักทีก็เริ่มเอะใจ แต่นั่นแหล่ะ เหยื่อที่ไม่ระวังตัวย่อมถูกเสือจับกินได้ง่ายๆ พอลูกเจี๊ยบพลิกตัวขึ้นมาก็พอดีกับที่พระลอก้าวยาวๆมาคร่อมบนตัวหลานทันทีเช่นเดียวกัน ปลายจมูกฟัดลงบนแก้มยุ้ยๆของหลานทันทีอย่างคนกระหายกลิ่นเนื้อเด็กมาหลายวัน

 

“อาลอ!!”ลูกเจี๊ยบน้อยเอ็ดเสียงดุทันทีหากแต่ลลิตภัทรกลับทำเสียงชู่ว ใส่เป็นสัญญาณว่าไม่ให้เด็กมันส่งเสียงดัง

 

“อย่าเสียงดังสิคะเดี๋ยวแม่จิ๊บได้ยินหรอก”

 

“ลุกออกไปเลยนะ”เด็กน้อยลดเสียงลงพลางใช้มือดันอกคนที่คร่อมตัวเองอยู่แรงๆหากแต่ลลิตภัทรก้ยังคงไม่เคลื่อนกายออกไปไหน เด็กน้อยจึงเลิกผลักแล้วนอนนิ่งหันหน้าหนีไปทางอื่น

 

“ไหนคนเก่งงอนอะไรอาลอคะ บอกอาซิ๊?” เมื่อเห็นหลานนิ่งไปไม่ผลักแถมไม่พูดคนแก่กว่าก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการทำเสียงอ่อนหวานใส่หมายจะเอาใจ

 

“ใครงอน หนูจะไปงอนอาลอทำไม” ไม่งอนเลยซักนิดแต่เสียงแข็งมาก ลลิตภัทรแอบขำในใจ ชายหนุ่มแกล้งนอนทับหลานซุกจมูกลงบนซอกคอหอมๆนั่นของเด็กที่ดูเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน

 

“ไม่งอนอาลอแล้วทำไมไม่ไปเรียนพิเศษล่ะคะ เนี่ย อาคิดถึง ถ้างอนอะไรอาก็มาง้อแล้วนะคะหายงอนนะคนดีของอา”พูดจบก็ส่ายหน้าไปมาจนปลายจมูกปัดผ่านลำคอให้ต้องย่นคอหนี

 

“ก็หนูเห็นอาลอตั้งอกตั้งใจต่อเลโก้นี่จ๊ะ ก็ไปทำให้มันเสร็จๆไปเถอะ เรียนพิเศษก็เลิกๆไปเลยก็ได้จ้ะหนูอ่านทบทวนเอาเองก็ได้ ถ้าทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจเดี๋ยวค่อยไปถามเพื่อนเอา”

 

“อย่าบอกนะคะว่าหนูหึงอากับเลโก้”ลลิตภัทรแสร้งเลิกคิ้วสูงราวกับแปลกใจเป็นเหตุให้คนเด็กทนหมั่นไส้ไม่ไหวทุบอั่กลงกลางหลัง

 

“คนบ้าที่ไหนจะมาหึงเลโก้ล่ะจ๊ะ อาลอไม่ต้องมาทำตลกหนูไม่ขำ”

 

“โอ๋ๆ งั้นบอกอาลอมาสิคะว่าหนูงอนอะไรอา”คราวนี้ลลิตภัทรเลิกแกล้งแล้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าหลานออกสายตาที่มองศตายุนั้นทั้งรักใคร่และอ่อยโยนจนคนเด็กกว่าที่มองตอบใจสั่น

 

“ก็...เดี๋ยวนี้อาลอน่ะ...เบื่อหนูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”ท้ายประโยคคำถามนั้นอดห้ามไม่ให้เสียงสั่นไม่ได้ คลื่นความน้อยใจขึ้นสูงยิ่งกว่ามวลความกดอากาศที่แผ่กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ตอนนี้ในใจของสตายุราวกับมีคลื่นทะเลสูงสองเมตรและลลิตภัทรควรเลิกมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะขบขันเสียที

 

“ไปเอาที่ไหนมาพูดคะว่าอาเบื่อหนู อาน่ะรักหนูจะตายอยู่แล้ว”

 

“ก็...ก็อาลอแปลกไป”น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยตอบพลันใบหน้าก็เปลี่ยนสีเดี่ยวซีดเดี๋ยวแดง ดูก็รู้ว่าคงกำลังนึกถึงสิ่งที่เคยทำๆกันมาก่อน ลลิตภัทรเห็นท่าทางน่ารักนั้นก็ยิ่งอยากแกล้งชายหนุ่มฟัดแก้มหลานก่อนจะจุ๊บลงไปแรงๆที่ริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“อาแปลกไปยังไงคะไหนอธิบายหน่อย”เกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆด้วยปลายนิ้ว ศตายุเม้มปากเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำเวลาเจ้าตัวรู้สึกประหม่า

 

อาลอบ้า บ้ามากๆ ใครมันจะไปกล้าพูดล่ะว่าแปลกไปยังไง

 

ถ้าพูดไปน้องจะกลายเป็นเด็กลามกมั้ยนะ

 

จะดูเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า

 

อาลอจะดุน้องมั้ย

 

ความคิดมากมายส่วนมากจะเป็นไปในเชิงลบตีรวนในหัวจนยุ่งเหยิงส่งผ่านสีหน้าให้คนรอฟังสังเกตเห็น

 

“พูดออกมาเถอะค่ะ อะไรที่อยู่ในใจขอให้หนูบอกอา เรารักกันไม่ใช่เหรอคะถ้ารักกันมันก็ต้องคุยกันได้ทุกเรื่องสิคะ จริงมั้ย หื๊ม เด็กดี”

“ก็อาลอแปลกไป”เด็กน้อยยังคงยืนยันคำพูดเดิมของตัวเองอีกครั้ง

 

“ก็แปลกไปยังไงล่ะคะ?”

 

“อาลอไม่รักหนูเหมือนเดิม”

 

“ไม่จริงซักหน่อยอารักหนูจะแย่”

 

“ถ้างั้นทำไมอาลอไม่กอดหนู ไม่ทำกับหนูเหมือนที่เคยทำล่ะจ๊ะ”

 

“อ๊าว หนูคิดมากเรื่องนี้เหรอคะ”คนเป็นอาส่งเสียงเย้าพลางยิ้มกว้างจนตาหยี

 

“ไม่ต้องมายิ้มเลย หนูไม่อวบอึ๋มนมบึ้มแบบป้าแอนใช่มั้ยจ๊ะ จับไปชิมไปก็เหมือนไม้กระดานแบนๆอาเลยเบื่อ”

 

“ไหนใครบอกหนูนมแบนคะ เท่าที่เคยชิมก็พอมีเนื้อมีหนังให้ขบอยู่นะคะ เอ๊ะหรือว่าอาตาฝาด แบบนี้ต้องเปิดดูอีกซักรอบ"มือไวเท่าคำพูดชายหนุ่มเลิกชุดนอนของศตายุขึ้นแล้วครอบปากลงบนเนินเนื้อหนั่นเล็กๆนั้นจนศตายุหลุดเสียงร้องออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัว เด็กน้อยรีบยกมืออุดปากเมื่อคนที่กำลังดูดดึงหน้าอกของตัวเองช้อนตาขึ้นมองอย่างล้อเลียน

 

“อื้อ...อาลอ...ไม่เอา เดี๋ยวแม่ได้ยิน”

 

“ถ้ากลัวแม่ได้ยินงั้นหนูก็เก็บเสียงดีๆนะคะเพราะเดี๋ยวอาจะทำให้หนูรู้ว่าอาน่ะคิดถึงหนูตลอดไม่เคยเบื่อเลยซักครั้ง”ลลิตภัทรเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายจนศตายุรู้สึกขนลุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 


ตายแน่  เขาต้องโดนอาลอสูบวิญญาณจนตายคาบ้านแน่ๆ









 

ศตายุผวาเฮือกยามที่ลลิตภัทรกดจูบลงบนหน้าท้องนิ่ม ร่างทั้งร่างพลันร้อนวาบราวกับถูกเปลวไฟแผดเผาฝ่ามือหนาสอดเข้าไปในตัวเสื้อแล้วรวบถอดออกจากตัวเด็กที่ตอนนี้กลั้นเสียงร้องตัวเองอย่างสุดความสามารถ

 

แม้จะรู้ว่าห้องไม่กั้นเสียงเพราะเป็นเรือนไม้ทั้งหลังแต่ศตายุกลับไม่คิดจะร้องห้ามการกระทำอุกอาจของอาลอเลยซักนิด

 

เด็กน้อยคิดถึงและโหยหาสัมผัสของลลิตภัทร มือเรียวรีบยกหมอนข้างใกล้ตัวมากัดกลั้นเสียงร้องยามที่ปลายลิ้นร้อนตวัดใส่ยอดอกสลับขบเบาๆแล้วดูดดึงจนแผ่นหลังลอยจากพื้นเตียงเพราะความซ่านสยิวที่ได้รับ

 

“อ๊ะ...อื้อ...”ศตายุสอดปลายนิ้วขยุ้มเส้นผมของลลิตภัทรยามที่ปลายลิ้นเลียวนพลางกัดหัวนมนิ่มจนตึงติดปาก มันทั้งเจ็บและเสียวในคราวเดียวกัน มืออีกข้างขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น

 

มากกว่าทุกครั้งที่เคยสัมผัสกัน ปกติลลิตภัทรจะทำเพียงแค่จูบนิดจูบหน่อยส่วนมากจะใช้มือสัมผัสมากกว่า แต่วันนี้เหมือนเป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ยากต่อใจของศตายุ ทรมานเหลือเกินกับการที่ขีดอารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ต้องพยายามเก็บกลั้นเสียงเพราะกลัวแม่จะได้ยิน

 

กึ่ก...ความรู้สึกของศตายุสะดุดเมื่อนึกถึงแม่ พอดีกับเสียงแม่จิ๊บหัวเราะดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน ร่างกายของเด็กน้อยหยุดลงทันทีไม่มีปฏิกริยาตอบโต้จนลลิตภัทรที่กำลังละเลงปลายลิ้นกับแอ่งสะดือสวยต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำแล้วมองหน้าเด็กน้อยของเขาอย่างสงสัย

 

“เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม?”ยืดตัวขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อย่างตกใจ ฝ่ามือหนาลูบผิวแก้มอย่างเอาใจ ลูกเจี๊ยบเอียงแก้มเข้าซบในใจสับสนไปหมด อยากให้อาลอสัมผัสมากกว่านี้แต่ก็ไม่อยากให้แม่ต้องมาเสียใจกับพฤติกรรมไม่ดีของตนเอง ความสับสนฉายชัดในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มนี้

 

“ไม่ได้ อาลอ เราทำแบบนี้ไม่ได้ แม่รู้แม่จะโกรธจะเสียใจมั้ยจ๊ะ?”ความกังวลถูกส่งต่อมาด้วยประโยคคำถาม เรียกสติของลลิตภัทรกลับมาในทันที

 

โชคดีเหลือเกินที่ศตายุรู้ตัวได้ทัน ในขณะที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่ากลับมัวเมาไปกับรสชาติหอมหวานของเรื่องเพศ

 

“ถ้างั้นเราหยุด...”ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบเด็กน้อยก็ผวาเข้ามากอดเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะทิ้งไป

 

“ไม่อาลอ...อย่าเมินหนูอีก หนูต้องการอาลอ”ลลิตภัทรพยายามหาทางออกให้กับขีดอารมณ์ของทั้งตนเองและเด็กน้อยที่ตอนนี้ดูท่าอารมณ์ที่ลดลงไปเมื่อครู่จะยังไม่จางหาย ปลายจมูกเด็กน้อยคลอเคลียที่ต้นคอของเขาจนความรู้สึกที่สะดุดเมื่อครู่ตีตื้นกลับมาใหม่

 

“ถ้างั้นใส่เสื้อนะคะคนดีแล้วไปบ้านอากัน”

 

จิรนันท์หันมามองเมื่อลลิตภัทรเดินนำลูกชายคนโตของหล่อนออกมาจากห้องหลังเข้าไปได้ไม่นาน ศตายุเดินก้มหน้าตามมา ผิวแก้มของลูกชายเห่อแดงจนต้องเอ่ยปากถาม

 

“เป็นอะไรลูกทำไมหน้าแดงๆ?”

 

“คือในห้องร้อนน่ะ ลอเลยจะขอพาเจี๊ยบไปเรียนที่บ้าน พอร้อนแล้วมันหงุดหงิดสอนไม่ออก เดี๋ยวเสร็จแล้วจะมาส่งนะ”

 

“อ้อ เออ เราก็ลืมไปว่าลอขี้ร้อน งั้นก็ไปเถอะ เจี๊ยบอย่าดื้อกับอาลอนะลูก อาลอสอนอะไรก็จำอย่าเอาแต่เถียงแต่กวนอาเค้านะ”จิ๊บพูดกับลูกที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังลลิตภัทรเด็กน้อยรับคำแม่เบาๆแล้วเดินตามอาหนุ่มลงมาจากบนเรือน เมื่อลับตาคนฝ่ามือหนาก็กุมมือเล็กไว้บีบกระชับพาขึ้นเรือพายข้ามมายังบ้านของตน ศตายุอดแปลกใจไม่ได้เมื่อวันนี้ไม่เห็นน่าโฉมและปู่ชลิต

 

“ไปกินเลี้ยงในเมืองกันหมด น่าจะงานเดียวกับที่พ่อหนูไป”ลลิตภัทรหันมาพูดกับคนเด็กที่กวาดตามองทั่วบ้าน ศตายุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่อาลอรู้ความคิดของตน เสียงชายหนุ่มหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่าเอ้นดูนั้น เดินผ่านชานเรือนมาที่หน้าห้องของตน ศตายุใจเต้นรัวเมื่อรู้ว่าตนเองตามอาลอมาทำไม

 


เด็กไม่ดี นิสัยไม่ดี เด็กโลภ เด็กน้อยกร่นด่าตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในใจ




ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 25-11-2018 00:45:41
รู้ทั้งรู้ว่ามาทำอะไรแต่ก็ยังจะตามมา ทันทีที่ศตายุก้าวเท้าเข้ามาในห้องลลิตภัทร์กดล็อคประตูเสร็จร่างบางก็ถูกดึงเข้ามากดจูบแรงๆทันที

“อื้อ...”ส่งเสียงร้องอย่างตกใจในคราวแรกก่อนจะค่อยๆตอบรับด้วยการส่งปลายลิ้นไปสู้กับคนเป็นอา

คิดถึง

โหยหา

อยากให้อาลอสัมผัสไปมากกว่านี้ ศตายุคล้องแขนกับลำคอของอาลอปรับเอียงศีรษะเพื่อให้ริมฝีปากบดเบียดกันได้แนบแน่นขึ้น ลลิตภัทรขยำสะโพกกลมอย่างลืมตัว ชายหนุ่มดันร่างของหลานให้ถอยมาจนถึงเตียงนอน ศตายุถูกดันจนร่างกายเอนลงบนที่นอนนุ่ม ลำคอถูกรุกรานด้วยปลายจมูกจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“อยู่ห้องอารู้สึกยังไงหนูร้องได้เต็มที่เลยนะคะ”

“อื้อ...อาลอ...หนูเสียว”เด็กน้อยร้องบอกเสียงพร่ายามที่ยอดอกถูกขบเม้มผ่านเนื้อผ้าจนเปียกชุ่ม ลลิตภัทรไม่ได้เบาแรงลงเลยซักนิด เขาชอบกัดให้ศตายุสะดุ้งแล้วค่อยเลียปลอบให้ตายใจ

“ถอดเสื้อออกนะคะ ร้อน”แกล้งพูดทั้งๆที่แอร์เย็นฉ่ำ มือก็ไวพูดจบปุ๊บเสื้อก็ถูกเขวี้ยงลงข้างเตียงปั๊บ ศตายุร้องเสียงหลงเมื่อลลิตภัทรไม่หยุดแค่เสื้อมือหนาดึงกางเกงเอวยางยืดที่หลานใส่แล้วเขวี้ยงทิ้งตามเสื้อไป ร่างกายเปล่าเปลือยเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วปกปิดอยู่ พระลอพรมจูบไปทั่วร่างราวกับนักสำรวจที่เพิ่งค้นพบสถานที่แสนวิเศษตักตวงลองลิ้มชิมรสจนพอใจแล้วจึงใช้สายตาโลมเลียไปยังส่วนสำคัญใต้ร่มผ้าชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่บนร่างหลาน

“อื้อ...อาลอ...”เด็กน้อยร้องฮือยกมือขึ้นปิดส่วนสงวน แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความเขินอายก็สั่งให้หาอะไรปิดไปก่อนและก็จริงดังคาด ลลิตภัทรดึงมือเด็กน้อยออกด้วยสีหน้ายิ้มๆพลางพูดกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ

“จะปิดทำไมคะ อาก็เห็นมาหลายครั้งแล้ว ไหนมาให้อาจูบรับขวัญหน่อยสิคะ”ขอบกางเกงในถูกร่นลงไปเผยตัวตนขนาดกะทัดรัดที่เจ้าของกำลังหน้าแดงปลั่งด้วยความอายแต่ดวงตากลมก็จ้องการกระทำของพระลอไม่วางตา

ตื่นเต้นจนตัวจะแตกตายอยู่แล้ว ยิ่งยามที่ริมฝีปากสีแดงสวยของอาลอกดจูบลงบนตัวตนของเขายิ่งเหมือนประจุไฟฟ้านับแสนโวลต์แล่นเข้ามาช็อตลูกเจี๊ยบจนชาไปทั้งร่าง เด็กน้อยพยายามเอามือปิดอีกครั้งแต่กลับถูกดึงออก สายตาเจ้าเล่ห์มีแววสนุกกับสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยเขินจนตัวแดงราวลูกตำลึงสุก ห้องเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของศตายุ เด็กน้อยทั้งอายทั้งตื่นเต้น ปกติพระลอไม่เคยใช้อวัยวะส่วนอื่นกับแกนกายนอกจากมือ แต่ตอนนี้ริมฝีปากสวยของอาลออยู่ใกล้กับเจี๊ยบน้อยไม่ถึง 5 เซ็นต์ด้วยซ้ำ ลมหายใจอุ่นรินรดลงมาแต่กลับทหให้เด็กน้อยรู้สึกหนาวยะเยือก ขนอ่อนทั่วสรรพางค์กายลุกซู่จนเห็นได้ชัด

“คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”

“อื้อ...อาลอ อย่าจ้า...”ร้องห้ามพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้

จุ๊บ...ชายหนุ่มจุ๊บลงบนแกนกายที่เริ่มตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่พ่อกำนันที่ฟัดจุ๊ดจู๋น้อยๆยามที่เขาเพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนแม่จิ๊บบอกว่าตอนนั้นเจี๊ยบฉี่ใส่หน้าพ่อจนพ่อ แล้วนี่อาลอทำยิ่งกว่าที่พ่อเคยทำ

“อารอทุกวันเลยนะคะว่าเมื่อไหร่หนูจะเริ่มกับอาก่อนบ้างแต่หนูใจร้ายจังไม่เคยเข้ามานัวเนียอาก่อนเลยซักนิดปล่อยให้อารอเก้อมาได้ตั้งหลายวัน”

จุ๊บ...จูบลงไปอีกครั้งจนคนหลานต้องคว้าหมอนมาปิดหน้ากั้นความอาย นอนหมดเรี่ยวหมดแรงให้คนโตกว่าทำตามใจ

“หนูทำให้อารอทุกวัน อย่างนี้ต้องโดนทำโทษนะคะ”ศตายุแปลกใจกับคำพูดนั้น เอาหมอนออกจากหน้าเพื่อจะถามว่าทำโทษอะไรก็พอดีกับที่ความอุ่นร้อนเข้าครอบครองตัวตนของตนเอง

“อ...อาลอ ทำอะไรอ่ะ อื้อ...เด็กน้อยร้องเสียงหลงขาที่ถูกจับแยกโดยไม่รู้ตัวพยายามจะหุบเข้าหากันแต่ก็ติดร่างกายสูงใหญ่ของลลิตภัทรกั้นเอาไว้ เอวบางบิดเร่ายามที่ปลายลิ้นร้อนเลียวนจนความเสียวแล่ววาบขึ้นจากแกนกายสู่สมอง ร่างบางกระตุกเร่าบางครั้งก็กระถดหนีบางทีก็แอ่นรับคล้ายกับเด็กที่สับสนว่าตนเองควรจะห้ามหรือควรจะให้ความร่วมมือ ตัวเองอยากหนีหรือว่าอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วไปเกลี่ยริมฝีปากอิ่มช้ำที่เกิดจากการที่เจ้าตัวกัดปากตัวเองทุกครั้งเมื่อพยายามกลั้นเสียงร้องน่าอายของตนเอง ปลายลิ้นชื้นส่งออกมาเลียก่อนจะรับเข้าปากอย่างไม่ประสา เด็กน้อยใช้ปลายลิ้นเกี่ยวก้านนิ้วบางครั้งก็ดูดดึงจนเกิดเสียง ช่วงล่างถูกปรนเปรอทั้งปากและมือ

ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ เด็กน้อยเพิ่งเคยสัมผัสประสบการณ์เข้าใกล้การมีเพศสัมพันธ์ไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้เป็นครั้งแรก

“อื้อ อาลอ หนู...แฮ่ก...”เด็กน้อยหอบจัดส่ายหน้าไปมาเมื่อความวูบโหวงกระตุ้นเร้าไล่ตั้งแต่ท้องน้อยไปถึงปลายท่อและโดยไม่ทันตั้งตัว สมองของศตายุขาวโพลนราวกับกำลังวิ่งบนหิมะ

“อื้อ...”เด็กน้อยปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขเข้าไปเต็มๆในโพรงปากอุ่นของลลิตภัทรอย่างกลั้นไม่อยู่ บางส่วนไหลเปรอะที่ริมฝีปากหากแต่ลลิตภัทรกลับใช้ปลายลิ้นกวาดเก็บทุกหยดหยาดจนเด็กน้อยต้องร้อมห้าม

“อาลอ จะกินเข้าไปทำไมจ๊ะ ถุยออกมานะมันสกปรก”ศตายุลุกขึ้นนั่งใช้ฝ่ามือพยายามง้างปากของคนเป็นอาให้คายสิ่งที่กลืนเข้าไปออกลลิตภัทรนอกจากจะไม่ทำตามแล้วซ้ำยังกลืนให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วส่งเสียงหัวเราะยามฝ่ามืออูมฟาดลงมาบนอกแกร่งของตนเองอย่างโมโหที่คนแก่กว่านั้นดื้อรั้นเสียเหลือเกิน รวบร่างบางมากอดแนบอกแล้วลูบหลังลูบหัวอย่างปลอบใจ

“ไม่เห็นสกปรกตรงไหนเลยค่ะ ออกจะอร่อยทั้งหอมทั้งหวานไปทั้งตัวเลย”

“ฮื้อ...ไม่พูดนะจ๊ะ หนูอาย”คนเด็กกว่าใช้ปลายนิ้วปิดคำพูดน่าอายนั้นไว้ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มนั้น

“แล้วอาลอ...เอ่อ...”เด็กน้อยเอ่ยคำพูดออกมาแล้วก็หยุดพูดเสียกลางคัน ดวงตากลมหลุบลงต่ำมองดูส่วนกลางกายที่ดุนดันผ่านเนื้อผ้าของลลิตภัทรแล้วทำหน้าปู้เลี่ยนจนน่าสงสาร

“ทำไมคะ?” สงสารเสียเมื่อไหร่ ยิ่งแกล้งถามเมื่อพอจะรู้ว่าหลานนั้นเป็นห่วงตนแต่คงอายที่จะพูด

“ป...ปวดมั้ยจ๊ะ อึดอัดหรือเปล่า?”หากสีหน้ามีเสียงลลิตภัทรคงจะได้ยินเสียงฉ่าที่เกิดจากอาการหน้าไหม้ของเด็กในอ้อมกอด ศตายุเมื่อถามแล้วก็ยิ่งซุกหน้ากับอกแกร่งของคนเป็นอาด้วยไม่กล้าสู้หน้ากับคำถามที่ถามออกไปนัก

“ปวดสิคะ มันอยากให้หนูปลอบใจจะแย่”

“ฮื้อ...หนูจะปลอบยังไงล่ะจ๊ะ มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอก” ขนาดเขินยังต่อปากต่อคำได้นะเด็กนี่ ลลิตภัทรจับมือน้อยๆของหลานก่อนจะชักนำให้ล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของตน ศตายุรีบหดมือหนีเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกนำให้จับกับอะไร

“ทำไมล่ะคะ? หนูไม่รักไม่สงสารอาเหรอ มันอยากให้หนูลูบหัวปลอบใจจะแย่”

“แต่หนูอาย...”

“ไม่มีอะไรต้องอายเลย คนรักกันใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น”

“แต่หนูไม่เคยทำให้ใครนี่จ๊ะ หนูทำไม่เป็นหรอก”

“มาสิ อาจะสอน หนูหัวไวเข้าใจง่ายอยู่แล้ว”ลลิตภัทรดึงมือของศตายุให้ล้วงเข้าไปในกางเกงของตนเอง เด็กน้อยกลัวๆกล้าๆ ทันทีที่มือแตะโดนส่วนแข็งขืนนั้นลูกเจี๊ยบก็อยากระเบิดตัวเองให้สลายไปเสียให้พ้นจากที่ตรงนี้ ท่อนเนื้อแข็งตึงทำปฏิกิริยากับมือของเขาทันที มันกระตุกได้...คล้ายจะกระโดดโลดเต้นเมื่อเจอคนที่กำลังจะมาช่วยปลดปล่อย

“ลองรูดดูสิคะ แบบที่อาทำให้หนูบ่อยๆ”กระซิบชิดใบหูแดงก่ำของหลานเบาๆ ศตายุกลั้นใจจับตัวตนของลลิตภัทรจนเต็มมือแล้วเริ่มขยับข้อมือช้าๆ

“อ่า....ซี๊ด....ดีมากค่ะ แบบนั้นแหล่ะ...ใช้ปลายนิ้วคลึงตรงปลายสิคะ”ลลิตภัทรถอดกางเกงของตนเองพร้อมชั้นในออกไปไว้ที่ปลายเท้า ศตายุไม่เคยเห็นส้วนนั้นของคนเป็นอาเลยซักครั้งถึงขั้นหลับตาปี๋ จับก็รู้ว่าใหญ่แล้ว พอเห็นกับตานี่ยิ่งตอกย้ำว่าอาลอนั้นพ่อรักมากพ่อให้มาเยอะ ฮื่อ....เจี๊ยบกลัวล่วงหน้าได้มั้ย ถ้า...งื้อ...นั่นแหล่ะ ถ้าถึงขั้นนั้นเจี๊ยบตายแน่ๆ

“ลองชิมดูสิคะ”

“ไม่เอาอ่ะ...”เด็กน้อยปฏิเสธทันที ใบหน้าหวานส่ายดิก

“ไม่อยากรู้เหรอคะว่ารสชาติมันเป็นยังไง”

อยากรู้มันก็อยากรู้อยู่ล่ะจ้า แต่หนูอาย เด็กน้อยเถียงคนเป็นอาในใจ

“ดูสิ ของอามันน้อยใจแล้ว หนูรังเกียจมัน”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงราวกับคนกำลังงอน ศตายุใจแกว่งลงไปวูบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นปลายเตียง ลลิตภัทรก็รู้งานขยับตัวมานั่งห้อยขาเพื่อให้ง่ายต่อการทำอะไรๆได้สะดวกขึ้น ลูกเจี๊ยบจับแท่งร้อนไว้ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เลียริมฝีปากที่แห้งผากด้วยความประหม่าแล้วจึงค่อยๆส่งเอ็นร้อนนั้นเข้าปากช้าๆ ท่าทางเงอะงะรวมถึงริมฝีปากนุ่มนั้นทำให้ความเสียวพุ่งขึ้นสูงจนต้องส่งเสียงออกมา ศตายุมองภาพพระลอหลับตาเชิดหน้าสูดปากแล้วก็ให้รู้สึกดี ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดจนรอบเร้าวนตรงส่วนปลายแบบที่ลลิตภัทรทำให้ตนเมื่อครู่ แม้จะไม่ชำนาญแต่ก็ทำให้รู้สึกดีได้จนต้องเอ่ยปากชม คำพูดหยาบดลนถูกเปล่งออกมาคล้ายตัวกระตุ้นให้คนเด็กกว่าย่ามใจ

“ห่อปากระวังอย่าให้ฟันครูดนะคะ ขยับเร็วอีกนิด นั่นแหล่ะค่ะ เด็กดี เก่งมากค่ะ อืม...”ลลิตภัทรจับศีรษะที่ขยับไปมาให้เร่งจังหวะเร็วขึ้น ศตายุช้อนตาขึ้นมาส่งค้อนเมื่อแกนกายใหญ่คับปากกระแทกเข้ามาจนแทบสำลัก น้ำลายเปรอะริมฝีปากเพราะความคับพองในปาก มือเล็กขยับรูกใสส่วนที่ตัวเองใช้ปากครอบลงไปไม่หมดหูก็คอยฟังสิ่งที่ลลิตภัทรคอยบอกด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

ลูกเจี๊ยบชอบหน้าของอาลอในตอนนี้

ริมฝีปากแดงๆของอาลอส่งเสียงครางด้วยความพอใจ

ดวงตาทรงเสน่ห์ของอาลอมองมาเพียงเขาคนเดียวนั้นมีมนตร์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้จ้องจอบไม่หลบหนี
น้ำเสียงทุ้มของอาลอหวานหูล่อลวงให้เขาย่ามใจยิ่งอาลอชมว่าเก่งเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยก็ยิ่งเพิ่มจังหวะ ลิ้นเล็กไล่ละเลงไปจนทั่ว บางครั้งก็ดูดแรงๆตรงส่วนปลายตามคำสอน ลลิตภัทรเด้งเอวสวนเข้าไปในปากของหลานเมื่อประจุความรู้สึกเสียวซ่านเข้าเล่นงาน ธาวขาวอุ่นกระฉูดเข้าไปในโพรงปากหลานจนศตายุสำลักไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง เด็กน้อยคายน้ำที่อัดเข้ามาเต็มโพรงปากออกบางส่วนถูกกลืนไปแล้วทำเอาคนเด็กหน้าตาเหยเก

“เป็นไงคะ อร่อยมั้ยเอ่ย?”

“ฮื้อ...อาลอโกหก ไม่เห็นอร่อยไม่เห็นหวานเลย”เด็กน้อยใช้หลังมือปาดคราบที่มุมปากทิ้ง ลลิตภัทรดึงตัวหลานขึ้นมาบดจูบแล้วละเลียดเก็บกวาดคราบคาวของตนเองจนหมด เสียงจูบน่าอายจบลงเมื่อคนแก่กว่าเอ่ยเอื้อนคำที่ทำให้ลูกเจี๊ยบอายเป็นรอบที่ร้อย

“ของอาไม่หวานหรอกค่ะ แต่ของเจี๊ยบหวานมาก หวานจนอาอยากกินให้มากกว่านี้”

 

“ฮื้อ..อาลอ น้องยังเด็กนะจ๊ะ”เด็กน้อยดันอกคนที่ทำท่าจะฉวยจูบตนอีกรอบ

 

“อาไม่ได้จะทำไปมากกว่านี้ซักหน่อย แค่อยากจูบหนูอีกนิดชดเชยที่เราไม่ได้จูบกันตั้งหลายวัน”

 

“แค่จูบจริงๆนะจ๊ะ”

 

“แค่จูบจริงๆค่ะ อะไรถ้าหนูไม่ยินยอมอาจะไม่ทำ”ชายหนุ่มลูบแก้มกลมนั้นอย่างเบามือ ดวงตากรุ้มกริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที

 

“แต่ถ้าวันไหนหนูไม่ห้ามหรือเอ่ยคำอนุญาต อาก็จะไม่สนด้วยว่าหนูจะบรรลุนิติภาวะหรือยัง อาจะรักหนูให้สมกับที่ต้องรอเลยล่ะ เข้าใจมั้ยคะ”

 

................................................



อายุมากก็ใช่ว่าจะยับยั้งชั่งใจได้เสมอไป พระลอคือผู้ชายที่ยังมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ในเรื่องเพศอยู่ พระเอกเรื่องนี้ไม่ใช่พระเอกในละครไทยที่จะต้องข่มจิตข่มใจราวกับถือศีลแข่งกับพระ



แต่ใช่ว่าอาลอจะหลอกล่อ ตัวเจี๊ยบเองก็ยังคงเป็นเด็กที่เริ่มอยากรู้อยากลอง อย่างน้อยหากเป็นชีวิตจริงมันคงไม่หยุดแค่ที่เค้าทำกันแน่ๆ มาถึงขนาดนี้แล้วอ่ะเนอะ



ฉากนี้เขียนยากมากเพราะตอนแรกที่คิดไว้คือจะให้เค้าทำๆกันที่ห้องลูกเจี๊ยบ แต่สามัญสำนึกของไรท์มันขวางตลอดเลยว่าทำไม่ได้นะเว้ย แม่กับน้องเขาก็อยู่ อีกอย่างพระลอดูจะเป็นคนเลวเกินไปบุกไปลวนลามลูกเค้ายั้นบ้านของเค้า

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 25-11-2018 01:18:03
สนุกมากกกกก เขินตอนนี้มากกกก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-11-2018 19:16:21
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๕ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 26-11-2018 00:48:30
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๕





                “แกว่งให้มันแรงๆกว่านี้ดิ๊”ลลิตภัทรที่นออนตีพุงสบายบนเปลญวนใต้ต้นมะม่วงเอ่ยบอกกับลูกสมุนมือหนึ่งที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ แก้วเจ้าจอมยื่นมือผอมๆมาจับขอบเปลแล้วเพิ่มความแรงในการแกว่งแกว่งทีหนึ่งก็หันไปต่อเลโก้อันที่ลูกเจี๊ยบเกลียดนักเกลียดหนาเพราะอาลอเอาแต่สนใจมันเมื่อหลายวันก่อน

 

                “คอแห้งอ่ะเจ้าจอม”ทำเสียงแหบๆให้หลานรู้ว่าตนเองนั้นกระหายน้ำมาก แก้วเจ้าจอมเบะปากนิดหนึ่งคิ้วขมวดเข้าหากันแต่ก็ยอมวางของเล่นแล้วลุกวิ่งปร๋อเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกระบอกน้ำเย็นฉ่ำมายื่นให้ ลลิตภัทรไม่ได้รับไปกลับเลิกคิ้วสูงทำหน้าเหมือนแปลกใจอะไรซักอย่าง พาลให้แก้วเจ้าจอมเลิกคิ้วสูงตามไปด้วย

 

                “มืออาไม่ว่างเนี่ยเล่นโทรศัพท์อยู่”

 

                “แหม อาลอจ๊ะ อีกนิดก็จะเป็นง่อยแล้วจ้า”ไม่ใช่เสียงของแก้วเจ้าจอมแต่เป็นเสียงของศตายุที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อนั่นแหละ

 

ดูก็รู้ว่าอาลอจงใจแกล้งเจ้าจอมให้ได้วิ่งไปวิ่งมาจนหัวหมุน จากเจ้าเด็กกลายร่างมาเป็นเบ๊หมายเลข 1 ในชั่วพริบตาเพียงอาลอมีของเล่นใหม่ๆมาหลอกล่อ

 

                “พี่เจี๊ยบอย่าไปว่าอาลอซี้ เนี่ยอาลอแก่แล้วกระดูกกระเดี้ยวก็ไม่ดีเป็นธรรมดา หนูยังเด็กหนูวิ่งได้ จริงมั้ยจ๊ะอาลอจ๋า”เด็กน้อยรินน้ำไปออกปากแก้แทนท่านหัวหน้าหมายเลข 1 ที่ยกมาแทนที่ตำแหน่งของพี่เจี๊ยบท้ายประโยคหันไปฉอเลาะกับอาลอโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าไอ้คำว่าแก่นั้นทำเอาคนถูกปกป้องถึงขั้นคิ้วกระตุก

 

เจอกันครั้งแรกเรียกเขาว่าลุง พอสนิทกันบอกว่าเขาแก่ จับกระทืบแล้วถ่วงน้ำในคลองดีมั้ย แล้วนั่นน่ะคืออะไรไอ้เด็กตูดงอนๆที่นอนอ่านหนังสือจะกลั้นขำอะไรขนาดนั้นอยู่กันในห้องสองต่อสองจะเล่นให้เปลี่ยนจากกลั้นขำเป็นกลั้นเสียงครางหน้าหน้าดำหน้าแดงเลยคอยดู

 

                “ร้อนอ่ะ”เอ่ยปากบ่นและโดยไม่ต้องร้องขอแรงลมที่กระพือเบาๆทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างเอ็นดู แก้วเจ้าจอมใช้ฝากล่องของเล่นพัดให้เขาโดยไม่ได้ร้องขอ

 

บางทีมันก็น่ารักแหล่ะแต่ชอบพูดจากวนประสาท

 

                “นี่เดือนธันวายังร้อนขนาดนี้ หน้านี้หน้าหนาวจริงๆเหรอ”ชายหนุ่มบ่นเบาๆก่อนจะคิดอะไรออก

 

                “ไปกินไอติมกันมั้ย?”หันไปถามเด็กทั้งคู่อย่างไม่เจาะจง แต่ผลตอบรับดีเกินคาดเมื่อสองพี่น้องตอบกลับมาพร้อมเพรียงกันในทันที

 

                “ไปจ้า!!!”

 

                “งั้นไปชวนแม่กับเจ้าขาไปด้วยอยู่บ้านกันแค่สองคนนี่ เดี๋ยวอาไปชวนใบบัวกับใบบุญ เราจะไปกินในเมืองอีกครึ่งชั่วโมงอาจะไปรับที่บ้าน”

 

                “เย้ อาลอใจดีจังเลย”เจ้าจอมกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจรีบเก็บเลโก้ใส่กล่องรวมทั้งของเล่นที่อาลอยกให้ใส่กล่องพลาสติกกล่องใหญ่วิ่งปรู๊ดเอากลับเข้าไปเก็บในห้องนอนของลลิตภัทร เจ้าจอมถือเป็นแขกวีไอพีที่สามารถวิ่งเข้าวิ่งออกห้องของพระลอได้อย่างสะดวกเสรี วันหยุดมักจะมาขลุกตัวอยู่ที่บ้านของพระลอ หากวันไหนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ว่างก็จะมานั่งเล่นนอนเล่นคุยกับย่าโฉมไม่ได้เหงาดังนั้นจึงเป็นภาพชินตาของคนในบ้านไปซะแล้ว

 

ใครจะไปคิดล่ะว่าพระลอจะเข้าขาได้ดีกับลูกชายของอดีตคนรัก เด็กสองคนวิ่งปร๋อไปที่ศาลาริมน้ำลงเรือแล้วจ้วงบึ๊ดๆกลับบ้านไปชวนแม่

 

                “จะดีเหรอลูกไม่รบกวนอาลอเขาเหรอ”

 

                “ไม่หรอกจ้า อาลอเอาใบบุญกับใบบัวไปด้วย”ศตายุรีบบอกกับแม่ จิ๊บมีท่าทางหนักใจมองไปที่ลูกสาว เจ้าขาที่ปกติไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรนักก็มองแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

                “เจ้าขาอยากไปมั้ยลูก”หญิงสาวลูบผมยาวสลวยของลูกสาวอย่างอ่อนโยน

 

                “ถ้าแม่ไม่ไปเจ้าขาไม่ไปก็ได้จ้า”เด็กหญิงไม่ได้ตอบว่าอยากไปหรือไม่อยากไปยกการตัดสินใจครั้งนี้ให้กับแม่

 

                “งั้นไปแต่งตัวไปลูก เจี๊ยบไปตามป้าละไมมาดูบ้าน ดีเหมือนกันจะได้ซื้อของจากในเมืองเข้าบ้านด้วยของใช้หมดแล้วพ่อเราก็งานหลวงงานราษฎร์ยุ่งจนไม่มีเวลาพาแม่ไปเลย”

 

                “เย้!!!”สามพี่น้องประสานเสียงกันด้วยความดีใจ จิรนันท์มองลูกๆที่กระตือรือร้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ ไม่นานสี่คนแม่ลูกก็นั่งรออยู่หน้าบ้านโดยมีหญิงวัยกลางลูกจ้างในไร่คนมาเฝ้าบ้านให้

 

                “พี่ละไมถ้าพี่ดินกลับมาบอกว่าเดี่ยวซื้อของเสร็จจะกลับจิ๊บไปกับบ้านฟากขะนู้นนะจ๊ะ”หญิงสาวหันไปบอกกับลูกจ้างวัยกลางคนระหว่างรอก็ไม่วายจะเดินกลับไปตรวจตรากุญแจห้องว่าล็อกเรียบร้อยดีหรือยัง เสียงรถมาจอดหน้าบ้านลลิตภัทรขับมาเพียงคนเดียวไม่มีใบบุญและใบบัวมาด้วย

 

                “อ้าวแล้วบุญกับบัวล่ะ?”

 

                “พี่รามกับพี่ขวัญพาไปหาอากงอาม่าที่นครปฐมน่ะ”พระลอลงมาเปิดประตูรถให้กับจิ๊บและเด็กๆ ศตายุชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพระลอเปิดประตูหน้าให้แม่ส่วนตนเองแก้เก้อด้วยการเข้าไปนั่งในแคปหลังกับน้อง

 

เขาเคยชินกับการนั่งหน้ารถไปกับอาลอเอง

 

ระหว่างทางเด็กสามคนเล่นเกมส์เล่นคำบางครั้งก็ร้องเพลงตามๆกันไป จันทร์เจ้าขาเมื่ออยู่กับบรรดาพี่ๆน้องๆก็ดูน่ารักสมวัยและช่างพูดพอสมควร ศตายุแม้จะเล่นกับน้องแต่สายตาคอยชำเลืองมองพระลออยู่เป็นระยะๆ พระลอคุยกับจิ๊บถึงเรื่องสมัยเด็กๆอย่างสนิทสนม ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างที่คนทั้งคู่มีให้กันหากแม่จิ๊บไม่ใช่เมียพ่อกำนันบรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ต่างจากตอนที่ลูกเจี๊ยบและน้องๆไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่เลยซักนิด

 

ใช้เวลาราวๆ 40 นาที ในที่สุดรถกระบะก็แล่นเข้ามาจอดในลาดจอดรถห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ม่ถึง 10 ปี

 

                “จะกินไอติมเลยหรือไปกินพิซซ่าก่อน?”

 

                “อาลอจะให้กินพิซซ่าด้วยเหรอจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมถามด้วยดวงตาโตเท่าไข่ห่าน

 

                “จริงสิ หรือจะกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้นะ”

 

                “ไม่เอาอาหารญี่ปุ่นค่ะ”จันทร์เจ้าขารีบปฏิเสธทันที

 

                “ทำไมล่ะคะ?”ลลิตภัทรย่อตัวถามหลานสาวด้วยความเอ็นดู แต่ศตายุกลับชะงักไปนิดหน่อยกับคำท้ายประโยค คำลงท้ายที่อาลอใช้กับเขาคนเดียวตอนนี้อาลอแบ่งให้จันทร์เจ้าขาอีกคนหนึ่งแล้ว

 

รู้สึกแย่แบบแปลกๆ

 

                “พ่อเคยพามากินค่ะแล้วเจ้าจอมอ้วกตอนกินปลาดิบจิ้มวาซาบิ”

 

                “งั้นให้เลือกพิซซ่า ชาบู กับเคเอฟซี”

 

                “พิซซ่า”สามเสียงประสานพร้อมกันในทันทีดังนั้นร่างสูงจึงต้อนเด็กๆเข้าไปในร้านพิซซ่าที่อยู่ตรงข้ามกับร้านไอศกรีม

 

                “เลือกเลยว่าจะเอาแบบไหน”พระลอยื่นเมนูไปให้จิ๊บและสามพี่น้อง ส่วนตนเองสั่งพวกเฟร้นฟรายด์และไก่ทอดรวมทั้งสลัดจานใหญ่มาเป็นของกินเล่น

 

                “อาลอ หนูกินได้กี่ถาดเหรอ”แก้วเจ้าจอมเงยหน้าขึ้นมาถามลูกพี่หมายเลข 1

 

                “อยากกินกี่ถาดก็สั่งมาเถอะ”

 

                “อย่าตามใจหลานสิลอ เคยตัว สั่งแค่เท่าที่จะกินหมดพอลูก”จิ๊บหันไปพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

 

                “แต่หนูอยากกินคนละแบบกับพี่เจ้าขาพี่เจี๊ยบนี่”แก้วเจ้าจอมเริ่มชักสีหน้าและงอแงตามประสาลูกคนเล็ก

 

                “งั้นก็เอาของพี่เจี๊ยบกับพี่เจ้าขาถาดใหญ่ส่วนของเจ้าจอมเอาถาดกลางก็พอโอเคมั้ย?”

 

                “เนี่ยลอตามใจลูกเราจนจะเสียเด็กแล้วนะ”จิ๊บหันไปว่าไม่จริงไม่จังนัก ดวงหน้าหวานระบายยิ้มพราวเต็มใบหน้า ลลิตภัทรหันไปทำหน้าราวกับสำนึกผิด สองคนคุยเล่นกันโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของลูกชายคนโตมองอยู่อย่างสับสน

 

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนจะมี

 

ความรู้สึกในใจของตนตอนนี้คืออะไรศตายุก็ไม่รู้ มันทั้งหวง ทั้งน้อยใจปนเปกันไปหมด ยิ่งปกติอาลอจะคุยเล่นกับตนมากกว่าใครแต่ตอนนี้อาลอคุยแต่กับแม่ เรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็กของคนทั้งคู่ถูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

 

เกือบครึ่งชีวิตของอาลอมีแม่รวมอยู่ด้วย ส่วนตนเองเพิ่งมามีส่วนร่วมเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว

 

ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

                “แม่ เดี๋ยวน้องไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจ๊ะ”ศตายุไม่ได้รอว่าแม่จะอนุญาตมั้ยเด็กน้อยเดินออกไปจากร้านในทันที ลลิตภัทรสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น อันที่จริงเขารู้สึกตั้งแต่บนรถแล้วว่าศตายุพูดน้อยลงแม้จะเล่นกับน้องแต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคย

 

                “จิ๊บเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำกับหลานนะ จะไปล้างมือ”

 

                “อ่อ...อื้อ ฝากดูหลานด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามร่างบางของศตายุที่เดินตรงไปทางห้องน้ำ ท่าทางเดินห่อไหล่แบบนั้นมันไม่ใช่ลูกเจี๊ยบของเขาเลยซักนิด เมื่อตามมาทันในห้องน้ำก็พบว่ามันว่างไม่มีใครเลยนอกจากเด็กน้อยที่ยืนล้างมืออยู่ที่อ่าง

 

                “หนู...”ลูกเจี๊ยบที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนที่เพิ่งหลบหน้ามา

 

                “อ..อาลอ...ทำอะไรเดี๋ยวใครมาเห็น”ลูกเจี๊ยบแกะแขนที่โอบเอวของตัวเองพลางเบี่ยงหน้าหนีเมื่อลลิตภัทรเอาคางมาเกยบนไหล่ตน

 

                “หนูเป็นอะไรคะ ทำไมดูไม่ร่าเริงเลย”

 

                “หนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า ไม่มีอะไรหรอก”ศตายุเอ่ยปดเพราะไม่อยากให้อาลอมองว่าตนเป็นเด็กงี่เง่า ทั้งๆที่ในใจอยากจะเรียกร้องเหลือเกินว่าอย่าพูดคะขากับใครนอกจากตน

 

อย่าให้ความสนิทสนมใครมากกว่าตนแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นแม่ของตัวเองก็ตามเถอะ

 

แต่ดูเหมือนพระลอจะไม่รู้ความคิดนั้นเลย มือนุ่มยกขึ้นมาแตะหน้าผากหลานเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ ก่อนมาก็ยังดีๆอยู่เลย บอกอามาตามตรงสิคะว่าหนูงอนอะไรอาหรือเปล่า?”

 

                “หนูเปล่า...”

 

                “เคยมีใครบอกมั้ยคะว่าหนูโกหกไม่เก่งเลย ตาของหนูมันบอกหมดเลยว่าตอนนี้หนูรู้สึกยังไง ไหนเด็กดีบอกอาสิคะว่าอาทำอะไรให้หนูไม่พอใจ?”

 

                “หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นอะไร อยู่ๆพอไม่ได้นั่งรถข้างอาลอหนูก็รู้สึกไม่พอใจ พออาลอคุยคะขากับน้องหนูก็หวง หนูแค่รู้สึกว่าความพิเศษนั้นมันต้องเป็นของหนูคนเดียว หนูเป็นเด็กงี่เง่าแม้แต่อาลอคุยกับแม่หนูก็ไม่อยากให้คุย ในใจหนูมันมีแต่คำถามว่าทำไมต้องมองตากัน ทำไมต้องหัวเราะให้กัน หนูไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลย หนูรู้สึกแย่กับตัวเอง”ลลิตภัทรนิ่งฟังสิ่งที่หลานพูดก่อนจะดึงเด็กที่กดคางจนแทบจะชิดอกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดกดศีรษะของคนเด็กกว่าให้แนบอก รอยยิ้มละมุนที่มีให้กับศตายุเพียงคนเดียวผุดพราวเต็มใบหน้า

 

หัวใจพองอย่างห้ามไม่อยู่

 

                “หนูหึงอาเหรอคะ?”ลูบหลังบางเบาๆราวกับปลอบโยน เด็กน้อยซุกหน้ากับอกคนเป็นอาพลางถูไถไปมาเบาๆ

 

                “หนูไม่รู้”คำตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ดังมาให้ลลิตภัทรหัวเราะได้

 

เด็กหนอเด็ก ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองเลยซักนิด

 

หึงเขาหวงเขาจนเก็บอาการไม่อยู่ซะขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอาการนี้คืออารมณ์หึงหวง

 

                “อาดีใจจังที่หนูหึงอา แต่เจี๊ยบคะ หนูจะหึงอากับใครก็ได้มันคือสิทธิ์ของหนูที่เป็นแฟนอา แต่อย่าหึงอากับแม่กับน้องเลยนะคะ อากับแม่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เกิด ส่วนที่พูดกับเจ้าขาเหมือนที่พูดกับหนูก็เพราะน้องเป็นผู้หญิง อารักหนู รักแบบคนรักกัน รักแค่หนูคนเดียว ความรู้สึกนี้ของอามีให้แค่หนูไม่ได้เผื่อให้คนอื่น เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อใจอาได้มั้ยคะหายงอนนะแล้วออกไปกินข้าวกัน นะคะ”ศตายุเม้มปากเข้าหากันแน่นอย่างรู้สึกผิด เด็กน้อยเชื่อคำที่อาลอพูดทุกคำ อาลอรักลูกเจี๊ยบมากขนาดนี้แต่ลูกเจี๊ยบกลับไม่เชื่อใจอาลอ หึงหวงงี่เง่าจนอาต้องมาง้อแบบนี้

 

ไม่น่ารักเลยซักนิด

 

ถ้าเป็นแบบนี้อีกหน่อยอาลอคงเบื่อ

 

อาลอเป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาทนนิสัยเด็กๆแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน เงยหน้าช้อนตามองใบหน้าที่ระบายยิ้มน้อยๆนั้นอย่างแสนรัก กดจูบลงบนคางของคนเป็นอาอย่างเอาใจ

 

                “อาลอจ๋า หนูขอโทษนะจ๊ะที่มางี่เง่าเอาตอนนี้ ให้เวลาหนูหน่อย หนูจะพยายามโตเป็นผู้ใหญ่ให้ทันอาลอนะวันนี้หนูอาจจะงี่เง่า แต่หนูสัญญาต่อไปหนูจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง”เด็กน้อยกระชับอ้อมแขนของตัวเองกับเอวสอบแน่นขึ้น

 

                “ไม่ต้องโตให้ทันอาหรอกค่ะโตให้สมวัยของหนูไปอย่างนี้แหละค่ะอาจะลดอายุไปหาหนูเอง”

 

                “อาลอน่ารักจังเลย หนูหายงอนแล้ว ป่ะ ออกไปหาแม่กับน้องๆกันเถอะจ้า หิวแล้วเนี่ย”เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มแต้โชว์ฟันซี่เล็กๆน่าเอ็นดูให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยีผมนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

 

ศตายุยังเด็กเหลือเกิน บริสุทธิ์และไร้เดียงสามากเสียจนเขาอยากจะจับปั้นๆแล้วกลืนลงท้องเพราะไม่อยากให้ใครมาเห้นเด็กน้อยในมุมนี้ซะเลย

 

เด็กที่งอแงเพราะหึงเขา

 

น่ารักน่าให้รางวัลจนน้ำตาปริ่มซะจริงจริง

 

ตอนนี้ออกไปกินพิซซ่าก่อน ตอนเย็นค่อยกินกันเองสองต่อสอง

 









 

 

          “กำนันนั่นลูกเมียกำนันหรือเปล่า?”ปลัดอำเภอสูงวัยเอ่ยถามแดนดินเมื่อเดินผ่านร้านไอศกรีมชื่อดัง แดนดินหันไปมองเห็นลูกและเมียของตัวเองอยู่ครบในร้านนั้นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นครอบครัวของตนเข้ามาอยู่ในเมืองกันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่พลันคิ้วก็ขมวดเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาในร้านและก้าวเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะพลางพลิกเมนูดูกับลูกๆและเมียรักของเขา

 

ไอ้ลอ?...

 

ชายหนุ่มทำหน้าเรียบนิ่งอย่างกำลังระงับอารมณ์บางอย่างในใจ

 

            “มากับใครน่ะ?”ปลัดอำเภอยังไม่ละความสนใจเรียกได้ว่ายืนจ้องอย่างใส่ใจจนแดนดินลอบทำหน้าเอือม

 

            “ผู้ใหญ่ลลิตภัทรน่ะครับ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7”แดนดินตอบคำถามอย่างเสียไม่ได้ ปลัดอำเภอหัวเราะลั่นพลางกล่าวสรรพยอกอย่างไม่คิดอะไร

 

            “อ๊อ .ผมจำได้แล้ว เคยเห็นเขาเมื่อตอนอบรมคราวก่อน คนหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อเหลา ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้านดีขนาดนี้เลยนะกำนัน ดูแลลูกเมียชาวบ้านก็ได้ด้วย ดีๆ”แดนดินสูดหายใจลึกๆพยายามไม่เอาใจไปคิดตามคำพูดไร้มารยาทของคนสูงทั้งอายุ การศึกษาและหน้าที่การงาน แต่เขาสาบานเลยว่าหากเป็นคนรุ่นเดียวกันคงได้มีการฟาดปากกันซักหมัดสองหมัด

 

เขายังคงเชื่อใจจิ๊บและลูกๆ แต่เรื่องวันนี้กลับบ้านคงต้องเคลียร์กันซักหน่อย แดนดินเดินตามคณะอบรมไปเข้าร้านอาหารที่พากันยกโขยงมากิน อาหารมื้อนั้นไม่รู้รสเลยซักนิด ในใจของเขาแทบจะวิ่งไปดึงลูกเมียกลับบ้านแต่ติดที่ว่าบ่ายนี้เขายังต้องเข้าอบรมอีกลากยาวไปถึงเย็น

 

            “เดี๋ยวเราขอแวะไปซื้อของเข้าบ้านก่อนได้มั้ยลอ”จิ๊บหันไปถามลลิตภัทรที่นั่งละเลียดไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วงถ้วยเดียวกับลูกเจี๊ยบ ในขณะที่คนอื่นก็มีของตัวเองคนละถ้วย ลลิตภัทรให้เหตุผลว่าตนเองนั้นกินไม่เยอะและก็ชอบรสเดียวกับศตายุ คนอื่นๆไม่ได้ติดใจอะไรแต่เด็กน้อยที่นั่งชิดกับลลิตภัทรนั้นหัวใจเต้นรัว แม้จะทำอะไรเอิกเกริกไม่ได้แต่หลังจากคุยกันแล้วออกมาจากห้องน้ำ ลลิตภัทรก็เทคแคร์ลูกเจี๊ยบมากกว่าเดิมอย่างเนียนๆ

 

ไอติมถ้วยแรกของลูกเจี๊ยบกับอาลอแม้มะม่วงเชอร์เบทจะอมเปรี้ยวมอมหวานแต่ในความรู้สึกของเจี๊ยบตอนนี้มันหอมหวานยิ่งกว่ามะม่วงอกร่องทั้งสวนมาหล่นทับตัวเขาเสียอีก

 

            “ได้สิ ซื้อตามสบายเลยไม่ต้องรีบ”ลลิตภัทรเอ่ยออนุญาตด้วยท่าทางสบายๆ

 

            “งั้นเดี๋ยวลอจะไปด้วยหรือจะไปเดินดูอะไรก่อนมั้ย? เราเลือกของนานเดี๋ยวลอจะเบื่อ”

 

            “เดี๋ยวเราไปเดินดูหนังสือก็ได้ มีหนังสือที่อยากได้อยู่พอดี”

 

            “แม่จ๋า หนูขอไปดูหนังสือกับอาลอได้มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบรีบเอ่ยปากขอแม่ซึ่งจิ๊บก็ตอบตกลงพลางยื่นเงินให้ลูกโดยง่าย หล่อนไม่ติดใจอะไรที่ศตายุจะอยากไปร้านหนังสือเพราะปกติเวลามาห้างสรรพสินค้าศตายุมักแยกตัวไปหาซื้อหนังสืออ่านอยู่แล้ว ศตายุรักหนังสือมากจนภายในห้องอัดแน่นไปทั้งนิยาย วรรณกรรม หนังสือแบบเรียน วิชาการ เรียกได้ว่ามีครบทุกแนว หลังจากกินไอติมและนัดแนะกันเสร็จจิ๊บ เจ้าจอมและเจ้าขาก็แยกตัวออกไปทางซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบก็เดินแยกไปอีกทาง เมื่อลับสายตาแล้วฝ่ามือหนาก็จับมือเล็กของหลานไว้ทันที ศตายุก้มหน้าแอบยิ้มกับการกระทำแสนอบอุ่นของอาลอเด็กน้อยเดินตามคนที่กุมมือและหัวใจของตนเองไว้อย่างเงียบๆ ทั้งคู่ชี้ชวนกันดูหนังสือบนชั้นราวกับโลกนี้มีเพียงเราสอง ลลิตภัทรเลือกหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชายหนุ่มบอกกับเด็กน้อยว่าหากมีเวลาว่างและลูกเจี๊ยบปิดเทอมเขาอยากพาศตายุไปเที่ยวที่ไกลๆเพื่อเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่อาจจะต้องเที่ยวในประเทศไปก่อนเพราะลูกเจี๊ยบของเขาอายุยังน้อยหากจะพาไปต่างประเทศก็ต้องไปทำพาสสปอร์ตซึ่งต้องให้พ่อแม่เซ็นเอกสารให้ ลลิตภัทรคิดว่ามันยุ่งยากแต่ก็ยังสัญญากับหลานว่าเมื่อถึงวัยอันควรเขาจะให้เด็กน้อยเลือกว่าอยากไปท่องโลกกว้างที่ประเทศไหนก็ได้ตามแต่ที่ศตายุต้องการ และเด็กน้อยก็บอกกับเขาว่าตนเองนั้นอยากไปญี่ปุ่น อยากไปเห็นดอกซากุระกับตาตนเองซักครั้ง ลลิตภัทรยังเดินไปเลือกหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา รวมทั้งหนังสือคู่มือชาวบ้านอีกหลายเล่ม ส่วนศตายุนั้นขลุกอยู่ในหมวดวรรณกรรมเด็กน้อยลังเลใช้เวลาอยู่ในหมวดนิยายแปลนานจนลลิตภัทรสังเกตได้

 

            “มีอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ศตายุที่ไม่มัวแต่เอาใจจดจ่อกับหนังสือถึงกับสะดุ้ง เด็กน้อยละล่ำละลักเอ่ยปฏิเสธเสียงแผ่ว

 

            “ม่ะ..ไม่มีจ้า”

 

            “ดูหนังสือเรื่องอะไรอยู่คะ ทำไมหยุดตรงนี้นานจัง”ลลิตภัทรทำท่าจะหยิบหนังสือตรงหน้าที่ศตายุดูอยู่ แต่เด็กน้อยกลับรีบรุนหลังของเขาให้ออกไปจากตรงนั้น

 

            “ใกล้ถึงเวลาที่แม่นัดแล้วเราไปจ่ายตังค์กันเถอะจ้า หนูหิวน้ำด้วย”เมื่อเห็นเด็กน้อยงอแงหิวน้ำลลิตภัทรจึงพาลูกเจี๊ยบไปจ่ายเงินชายหนุ่มดึงมือลูกเจี๊ยบที่กำลังจะยื่นเงินของตัวเองจ่ายในหยุด

 

            “เดี๋ยวอาจ่ายให้ค่ะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้า แม่ให้เงินหนูมาพอซื้อ”

 

            “อาจะจ่ายให้ค่ะ”ลลิตภัทรทำเสียงเข้มจนลูกเจี๊ยบต้องจำยอม เมื่อจ่ายเงินค่าหนังสือเสร็จลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบมาซื้อน้ำดื่มแล้วเดินไปตามหาจิ๊บที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมองหาไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมกับเจ้าขาเข็นรถอยู่ไกลๆ

 

            “เดี๋ยวเจี๊ยบไปอยู่กับแม่ก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไปหาแม่และน้อง ไม่นานยังไม่ทันจะคิดเงินเสร็จดีลลิตภัทรก็กลับมา ชายหนุ่มไปช่วยจิ๊บและเด็กๆเข็นรถเข็นที่อัดแน่นไปทั้งของสดและของแห้งลำเลียงใส่ท้ายรถกระบะ ดวงตะวันโพล้เพล้รถของลลิตภัทรก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ ชายหนุ่มลงไปช่วยหิ้วของขึ้นบ้านให้จิ๊บ เด็กๆเอ่ยขอบคุณอาลอที่พาไปกินของอร่อยลลิตภัทรสัญญาว่าคราวหน้าถ้าหากตนว่างจะพาไปอีก ชายหนุ่มกล่าวลาก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้

 

            “อ่อ เจี๊ยบตามอามาที่รถทีค่ะ หนูลืมของไว้”

 

            “ของ?”ศตายุทำหน้าแปลกใจว่าตนไปลืมอะไรไว้บนรถแต่ก็เดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย ลลิตภัทรเปิดประตูรถก่อนจะก้มลงไปหยิบถุงที่มีตราของร้านหนังสือที่เพิ่งไปกันมาวันนี้

 

เจี๊ยบขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าเขาถือถุงหนังสือกลับไปเก็บในห้องแล้วนี่นา แล้วความหนาของถุงนั้นมากกว่าหนังสือที่เจี๊ยบซื้อมา ลลิตภัทรจับมือหลานให้รับถุงหนังสือนั้นก่อนจะเอี้ยวตัวมากระซิบข้างๆหูของศตายุ

 

            “คราวหลังอยากได้อะไรแต่ไม่กล้าก็บอกอานะคะ ส่วนเรื่องนี้ อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”เด็กน้อยไม่ได้พูดตอบกลับอะไรไป หากทว่าผิวแก้มใสกลับขึ้นสีเรื่ออย่างน่ารักน่าชังจนลลิตภัทรต้องสูดหายใจลึกๆห้ามจิตห้ามใจตัวเองไม่ให้รวบร่างอวบนั้นมากอดแล้วฟัดให้จมูกจมลงไปในแก้มนุ่มที่คุ้นเคย ชายหนุ่มมองภาพศตายุที่กัดปากกลั้นความเขินอย่างเอ็นดูแล้วก็จำใจต้องลากลับ รถยนต์ของอาลอแล่นไกลออกไปแล้ว แต่ดวงใจน้อยๆของศตายุกลับไม่สงบลงเลยซักนิด เด็กน้อยรีบก้าวยาวๆกลับเข้าไปในห้อง หนังสือหนาๆในถุงถูกหยิบออกมา พลันใบหน้าก็เห่อร้อนราวถูกเปลวเพลิงโลมเลีย

 

แม้จะคาดไว้แล้วว่าด้านในคือหนังสือเล่มใดก็อดสะท้านอายไม่ได้

 

อาลอช่างสังเกตอีกทั้งช่างเอาอกเอาใจ

 

ตัวเขาแม้จะอยากอ่านเพียงใดแต่ก็ไม่กล้าที่จะหยิบนิยายแปลขายดีเล่มนี้ออกมาอีกทั้งมันยังจัดเรทสำหรับคนอ่าน แน่นอน

 

นวนิยายจากปลายปากกาของ อี.แอล.เจมส์ เรื่องราวของมหาเศรษฐีหนุ่มและนักศึกษาสาวเอกวรรณกรรม ปลายนิ้วเรียวสวยลูบลงบนหน้าปกนิยายชุดทั้งสามเล่มที่ชื่อว่า

 

fifty shades

 

            “อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”

 

พลันคำพูดที่ลลิตภัทรทิ้งท้ายก็ทำเอาคนเด็กถึงกับทิ้งตัวลงไปนอนบิดผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความเขิน





 


ลองทำกับอาอะไรกันล่ะ อาลอคนลามก ฮื่ออออออ









        "ได้ครับ นายท่าน..."







โอ้ย....แค่คิดก็เขินตัวจะแตกแล้ว อาลอคนบ้า บ้าที่สุดเลย





............................................







อยากทำอย่างนั้นกับเธอออออออออออออออออ



คนเรามันก็ต้องงี่เง่ากันบ้างอะไรบ้าง น้องยังเด็กอาลอคือคนรักคนแรกความรักครั้งแรก



แม้จะรู้ว่าไม่ควรหึงมั่วซั่วแต่ใจคนอ่ะบางทีมันก็ห้ามความคิดมากแบบนี้ไม่ได้หรอก



อารมณ์แบบความพิเศษที่คนรักมีให้เราควรเป็นของเราคนเดียวหวงทุกอย่างที่เป็นของเรา เบาะหน้า คำพูดพิเศษๆ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเขา เราหวงทุกสิ่งอย่าง



เจี๊ยบก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ หรือบางทีก็อาจจะมีเซ้นต์บางอย่างมันบอกว่าที่อาลอกับแม่คุยกันมันมีบางอย่างพิเศษ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๕ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 26-11-2018 01:37:13
สนุกมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๔ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-11-2018 05:50:22
 :z13: จิ้มไว้ก่อนเพราะอัพไวมากเลยค่ะตามอ่านไม่ทันแล้วว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๖ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 26-11-2018 22:18:33
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๖


    เช้านี้ลลิตภัทรกับศตายุได้รับภารกิจพิเศษจากย่าโฉมคือให้ไปเก็บดอกบัวที่นาบัวบ้านตาหวังท้ายทุ่ง สองอาหลานเดินลัดคันนาไปตามทางหยอกล้อกันบ้างคุยเรื่องสัพเพเหระกันบ้างไม่ถึง 20 นาที ก็มายืนหน้ากลมที่หน้าเรือนไม้ของตาหวังที่พ่วงตำแหน่งสัปเหร่อที่วัด

 

            “ตาหวังจ๋า อยู่มั้ยจ๊ะ” เจ้าเจี๊ยบน้อยรับหน้าที่เป็นต้นเสียงร้องเรียกตาหวังที่คาดว่าคงจะอยู่บนบ้าน ไม่นานชายชรารูปร่างผอมสูงก็เดินงกเงิ่นออกมาเพ่งพินิจพิจารณาแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่บนชานบ้าน

 

            “อ้าว ลูกเจี๊ยบเองรึ?”

 

            “จ้าเจี๊ยบเองจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบรับด้วยน้ำเสียงน่ารัก รอยยิ้มประจบประแจงถูกมอบให้กับสัปเหร่อเฒ่าเกลอเก่าหลวงตา

 

            “แล้วนั่นพาใครมาวะ”สายตาฝ้าฟางเพ่งไอ้หนุ่มหน้าหล่องามลลอดุจพระเอกยี่เกที่เคยดู พระลอไม่รอช้ารีบพนมมือไหว้คนแก่กว่าอย่างนอบน้อม

 

            “อาลอลูกชายคนเล็กของย่าโฉมจ้า”ตาหวังทำท่านึกก่อนจะร้องอ๋ออกมายาวๆ

 

            “อ๋อออออ...ลูกชายคนเล็กที่หนีไปอยู่กรุงเทพเพราะอกหักจาก...”

 

            “แม่ให้มาขอซื้อดอกบัวครับ”ลลิตภัทรพูดแทรกออกมาเสียงดังก่อนที่ตาหวังจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยนั้นถึงขั้นหูผึ่งเมื่อได้รู้สาเหตุที่อาลอทิ้งบ้านไปอยู่กรุงเทพเสียเกือบ 20 ปี



 

อาลออกหัก...

 

 

ใครกันหนอที่ทำให้อาลอช้ำรักหนักจนถึงขั้นทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนไปถึง 16 ปี

 

เป็นคนแบบไหนนะ จะน่ารักอ่อนหวาน จะสวยคู่ควรกับอาลอถึงขนาดไหนกัน

 

            “เหม่ออะไรอยู่คะ?”ศตายุได้สติเมื่อเสียงหวานๆเอ่ยชิดริมหู เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆก็เห็นว่าลลิตภัทรยิ้มหวานอยู่ตรงหน้า หมวกใบใหญ่ถูกสวมลงบนหัวทุย

 

            “ใส่หมวกนะคะ แดดมันแรงเดี๋ยวหนูจะร้อน”พูดจบผู้ใหญ่บ้านหนุ่มก็จูงมือเจ้าตัวน้อยค่อยๆลัดเลาะรั้วบ้านมาที่บัวนาใหญ่ กลีบสีชมพูชูช่อไสวเต็มบึง บ้างก็อวดฝักเมล็ดเต่งสองอาหลานก้าวขาขึ้นเรือจับไม้พายคนละอันแล้วช่วยกันพายไปจนถึงกลางบึง ลูกเจี๊ยบน้อยรับหน้าที่เลือกตัดดอกบัว เลือกเอาดอกสวยๆจนเต็มหน้าตัก ไม่วายตัดฝักบัวเอาไว้ไปฝากแม่และน้อง ใช้ใบบัวห่อดอกบัวที่ตัด ลลิตภัทรมองท่าทางคล่องแคล่วนั้นอย่างชอบใจ ในอนาคตถ้าได้ครองคู่เคียงข้างกับเจ้าเด็กน้อยนี้คงช่วยกันแบ่งเบาภาระได้มากโข

 

ศตายุเป็นเด็กอ่อนหวานมีมารยาท ซ้ำยังทำงานได้คล่องแคล่วไม่จับจด เข้ากับผู้หลักผู้ใหญ่ได้อย่างไม่เก้อเขิน

 

            “ดอกบัวสีสวยจังเลยนะจ๊ะอาลอ”พระลอหลุดจากความคิดของตัวเองมองภาพลูกเจี๊ยบน้อยจรดปลายจมูกลงบนกลีบดอกบัวหลวงสีชมพูสดราวกับต้องมนต์ ภาพนั้นคุ้นตาเสียเหลือเกิน ครั้งหนึ่งเขาก็เคยพายเรือพาจิ๊บไปเก็บดอกบัวแบบนี้เหมือนกัน ลูกเจี๊ยบน้อยยิ้มหวานจนใจสั่น

 

            “สวยไม่สู้หนูหรอกค่ะ”

 

ป้าบ!!! พระลอถึงกับกลั้นใจเมื่อลูกเจี๊ยบน้อยเขินจนลืมตัวฟาดบัวดอกใหญ่มาเต็มกบาลของเขาจนกลีบกระจาย เด็กน้อยนั่งบิดจนเรือโยกเรือคลอน

 

            “บ้า อาลอก็ พูดอะไรก็ไม่รู้”ลูกเจี๊ยบน้อยบิดกายอย่างขวยเขิน แดดก็ร้อนเปรี้ยงอาลอยังมีกะจิตกะใจมาเกี้ยวพาราสีหนูได้ยังไงเนี่ย ไม่อายฟ้าอายดินก็อายบัวในบึงบ้างสิจ๊ะ ถ้ามันพากันเลี่ยนแล้วพากันทิ้งกลีบนี่ตาหวังถึงขั้นชิบหายเลยนะจ๊ะ คงหมดตัวแน่ๆ

 

หลังจากโอ้เอ้พายเรือพาหลานวนในนาบัวไป 7 รอบ ในที่สุดพระลอก็หอบดอกบัวกำใหญ่ตามเจ้าเจี๊ยบที่เดินแกะเม็ดบัวกินอย่างเพลิดเพลินจนถึงบ้าน ยาโฉมกำลังตรียมของอยู่ในครัว เจ้าเจี๊ยบน้อยรีบวิ่งไปหาอย่างประจบเอาใจ

 

            “ย่าจ๋าดอกบัวมาแล้วจ้า จะให้ทำอะไรต่อจ๊ะ”

 

            “งั้นเจี๊ยบเด็กดอกบัวออกทีละกลีบนะลูกแล้วเอาไปล้าง ผสมเกลือลงในน้ำด้วยนะแล้วสะบัดให้แห้งถ้าขี้เกียจก็ใส่กระชอนแล้วเขย่าๆให้น้ำออก”

 

            “ได้จ้าย่า”เจ้าเจี๊ยบจัดการทำตามที่ยาบอกโดยมีลลิตภัทรเข้ามาช่วยเป็นลูกมือ ศตายุเอาเกลือป่นใส่ในน้ำหยิบมือหนึ่งแล้วคนๆให้เกลือละลายจากนั้นก็เด็ดกลีบบัวทีละกลีบอย่างเบามือด้วยเกรงว่าจะช้ำ ส่วนย่าโฉมก็จัดการเคี่ยวน้ำราดเมี่ยงคำโดยการใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า น้ำปลากะปิ ข่าคั่วโขลกใส่ลงไปในน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ในหม้อ ย่าโฉมเคี่ยวไฟแรงสลับอ่อนเพื่อเร่งให้น้ำเมี่ยงข้นเร็วมากขึ้น เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งดอกบัวที่ถูกนำใส่จานจัดอย่างเป็นระเบียบลูกเจี๊ยบก็มาช่วยย่าโฉมหั่นขิงสด หอมแดง พริกขี้หนูสวน ส่วนย่าโฉมเตรียมถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง และมะนาวหั่นเต๋า  จัดการฉีกส้มโอ และนำเกสรดอกชมพู่ม่าเหมี่ยวสีชมพูสวยมาเรียงใส่ในจานอย่างสวยงาม

 

            “สวยจังเลยจ้าย่า สีชมพูน่ารักจัง หนูไม่ยักรู้ว่าดอกบัวกับเกสรชมพู่มะเหมี่ยวกินได้”เด็กน้อยเอ่ยชมเมื่อเห็นสำรับที่จัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

 

            “ของดีทั้งนั้นลูกเอ้ย กลีบบัวมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ แก้ไข้ ดอกชมพู่ม่าเหมี่ยวมีรสเปรี้ยว ในสำรับนี้มีครบทุกรสทั้งหวาน เปี้ยว เค็ม เผ็ด ใบชะพลูก็มัน ดอกบัวก็มีกลิ่นหอมจางๆ สีสันสวยงาม เป็นทั้งอาหารปากอาหารตา รสดีรูปสวย เอ้า เอาไปให้พ่อแม่กับน้องๆกินนะลูก วันนี้กำนันอยู่บ้านมั้ย”

 

            “อยู่จ้าอยู่กันครบ แต่เย็นๆพ่อกับแม่ไปกินเลี้ยงในเมือง”ลูกเจี๊ยบรับสำรับเมี่ยงคำกลีบบัวที่ย่าโฉมเตรียมให้แล้วตอบคำถามย่าพลางยู่ปากตอบ ยืนรอย่าโฉมที่กำลังตักน้ำเมี่ยงที่เคี่ยวเสร็จเมื่อซักพักใส่ถ้วยให้พลางบ่นออกมาอย่างเบื่อหน่าย

 

            “งานเลี้ยงบ๊อยบ่อย ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน บวชพระพ่อกำนันของหนูแทบจะไม่ได้อยู่บ้านเลย พ่อของหนูอยู่กับครอบครัวชาวบ้านมากกว่าอยู่กับครอบครัวตัวเองซะอีก บางวันเจี๊ยบไม่เจอพ่อเลยด้วยซ้ำเพราะกว่าพ่อจะกลับหนูก็หลับไปแล้ว”

 

            “มันก็อย่างนี้แหล่ะลูก เป็นกำนันเป็นคนกว้างขวางนอกจากต้องดูแลลูกบ้านแล้วหน้าที่ทางสังคมก็เลี่ยงไม่ได้ อีกหน่อยถ้าเจี๊ยบโตเดินตามรอยพ่อก็ต้องไปแบบนี้เหมือนกัน”

 

            “ไม่เอาหรอกจ้า เจี๊ยบไม่อยากเป็นกำนันแบบพ่อ”

 

            “ถ้าไม่อยากเป็นกำนันแบบพ่อแล้วหนูอยากทำอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถาม เด็กน้อยทำท่าคิดก่อนจะส่งยิ้มหวานมาให้

 

            “เจี๊ยบอยากเป็นครู หรือไม่ก็เรียนอะไรก็ได้ที่จะกลับมาต่อยอดงานในไร่ในสวนให้มันเพิ่มมูลค่ามากขึ้น”เด็กน้อยลุกขึ้นยืนเมื่อย่าโฉมวางถ้วยน้ำเมี่ยงลงมาเป็นอย่างสุดท้าย ลลิตภัทรเดินไปส่งหลานที่ท่าน้ำ ศตายุมองเสี้ยวหน้าคนข้างๆแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

 

            “อนาคตอยากเป็นอะไรหนูยังไม่แน่ใจหรอกนะจ๊ะ หนูยังมีเวลาคิดอีกหลายปี แต่ตอนนี้หนูน่ะ...”เด็กน้อยเว้นช่วงแล้วเยื้อนยิ้มหวานจนพระลอตาพร่า

 

            “เป็นแฟนผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ด้วยจ้า”กว่าพระลอจะรู้ตัวเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยก็อยู่ในเรือเสียแล้ว

 

ร้ายแท้นะเจ้าตัวดี ไว้อาลอจะให้รางวัลที่ตอบคำถามถูกใจแบบทบต้นทบดอกเลยทีเดียวค่ะ

 

เอาให้คลานกลับบ้านอย่างหมดแรงเลยล่ะ

 

 

            “เจี๊ยบ เนี่ยเมื่อไหร่มึงจะไปดูหนังกับพวกกูวะ?”ศตายุเงยหน้าจากจานข้าว เด็กน้อยอยู่ในชุดนักเรียน ม.ปลายในแก้มตุ่ยด้วยข้าวที่เพิ่งจะยัดเข้าไปคำใหญ่ ศตายุรีบเคี้ยวแล้วยกน้ำขึ้นดื่มเพราะรู้สึกเหมือนจะติดคอด้วยกินเร็วเกินไป

 

            “กูยังไม่ได้ขออนุญาตพ่อเลย”เจี๊ยบหันไปตอบสีหน้าหงอยลงไปถนัดตา

 

            “แต่มึงมันจะออกโรงวันพุธนี้แล้วนะเว้ย เรื่องใหม่จะเข้าแทนแล้วถ้ามึงไม่ดูคือมึงก็ต้องรอดูเถื่อนตามเว็บเลยป่าววะ แล้วแม่งจะซูมจนภาพแตกด้วยป่าวก็ไม่รู้ นี่แม่งภาคสุดท้ายแล้วด้วย”

 

            “เออกูก็อยากดู แต่พ่อกูไม่ว่างเลย เสาร์-อาทิตย์ก็ไม่พากูเข้าเมืองกูก็ไปไม่ได้ป่าววะ”

 

            “มึงไปดูกับกูมั้ยล่ะ”อ๋องเอ่ยชวน

 

            “วันไหนอ่ะ ไหนมึงบอกวันพุธก็ออกแล้ว”เจี๊ยบถามอย่างแปลกใจ คือเขาก็อยากดู แต่นี่วันจันทร์ถ้าจะดูก็ต้องเป็นวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ซึ่งก็เรียนทั้งวันไม่สามารถไปได้แน่ๆ หากแต่อ๋องกลับยักคิ้วแผล่บ

 

            “เย็นนี้ไง”

 

            “มึงก็รู้ กูกลับรถประจำ อีกอย่างถ้ากูจะไปไหนกูต้องบอกพ่อกับแม่ก่อน ถ้าไปดูหนังกับมึงกูจะกลับบ้านยังไง”

 

            “เดี่ยวให้พี่มิ่งไปส่งก็ได้ พี่มิ่งมีมอไซค์”อ๋องหมายถึงพี่มิ่งรุ่นพี่ชั้น ม.6 เจี๊ยบเคยคุยด้วย 2-3 หน แต่ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ เพราะพี่มิ่งดูเป็นเด็กเกเรเสียงดังเอะอะ

 

            “ไม่เอาอ่ะ กูไม่สนิทกับเขา”

 

            “งั้นก็นั่งเมล์เครื่องกลับ เนี่ยหนังเข้าห้าโมงเต็มที่มึงก็กลับบ้านทุ่มหนึ่ง นะๆ ไม่ดึกหรอก ไปกัน”อ๋องทำเสียงเล็กเสียงน้อยอ้อน เพื่อนคนอื่นๆที่นั่งฟังอยู่ก็คะยั้นคะยอให้ไป ลูกเจี๊ยบมีสีหน้าหนักใจ หนังเรื่องนี้เขาชอบมาก ชอบตั้งแต่เป็นหนังสือ เขาไม่พลาดเลยทั้งสองภาคและภาคนี้เป็นภาคสุดท้าย เด็กน้อยไม่ยอมดูรีวิวหรือกระทู้ที่สปอยล์เนื้อเรื่องเลยซักนิดเพราะอยากดูเอง แต่มาระยะหลังพ่อของเขายุ่งมากทั้งงานราษฎร์และงานหลวงจึงไม่มีเวลาพาลูกเจี๊ยบเข้ามาดูในวันหยุด

 

            “แต่...”แม้จะอยากดูแค่ไหนแต่ในใจยังลังเล

 

            “เอาตามนี้แหล่ะ เย็นนี้ไปกัน”

 

            “แต่กูกลัวแม่ว่า”ลูกเจี๊ยบยังแบ่งรับแบ่งสู้

 

            “แม่มึงใจดีจะตาย มึงกลับไปก็อ้อนๆเขาหน่อยเขาก็ไม่ดุมึงแล้ว”

 

            “งั้นกูโทรบอกแม่ก่อนดีกว่า”

 

            “มึงอย่าโง่ไอ้เจี๊ยบถ้ามึงโทรไปบอกแม่ยังไงแม่มึงก็ไม่ให้อ่ะ เอาตามนี้แหล่ะ หัดออกนอกลู่นอกทางซะบ้าง สีสันชีวิตเว้ย” พวกเพื่อนๆต่างช่วยกันเป่าหูคนละนิดคนละหน่อยจนศตายุคล้อยตาม

 

            “เอางั้นก็ได้ แต่พวกมึงต้องอยู่เป็นเพื่อนกูจนกว่ากูจะหารถกลับบ้านได้นะ”

 

            “เออๆ พวกกูอยู่เป็นเพื่อนมึงอยู่แล้วแหล่ะไม่ต้องห่วง”

 

 

 

            “ลอ...จิ๊บมาหา”ลลิตภัทรที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องขยับตัวเมื่อพระลักษณ์เดินมาตามเขาที่ห้อง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อคนที่มาหาคือจิ๊บไม่ใช่ลูกเจี๊ยบ มองนาฬิกาก็ทุ่มกว่าความจริงลูกเจี๊ยบควรจะมาเรียนพิเศษกับเขานานแล้วแต่กลับไม่มา

 

แล้วจิ๊บมาหาเขาทำไม ชายหนุ่มเดินออกไปก็เห็นจิ๊บยืนกระสับกระส่ายข้างกายมีแก้วเจ้าจอมยืนเกาะแขนแม่อยู่สีหน้ามู่ทู่ไม่เหมือนเด็กแสบคนเก่าเลยซักนิด

 

            “มีอะไรเหรอจิ๊บมาหาเราถึงบ้าน”

 

            “เจี๊ยบยังไม่กลับบ้านเลยลอไม่รู้ว่าหายไปไหน”ละล่ำละลักตอบด้วยน้ำเสียงร้อนรนแต่คนฟังนั้นถึงขั้นใจกระตุกวูบ

 

            “ไม่กลับบ้าน? ลอนึกว่าเจี๊ยบยังไม่เสร็จธุระเลยยังไม่มาเรียนพิเศษ สรุปหลานยังไม่กลับบ้าน?”

 

            “ใช่ ตอนแรกเราคิดว่าเจี๊ยบแวะมาหาลอเลยแต่พอให้เจ้าจอมมาถามป้า ป้าแกบอกเจี๊ยบไม่ได้มา เราโทรหาลูกก็ไม่ติดลูกปิดเครื่อง”เป็นอีกหนึ่งอย่างที่พระลอรับรู้คือลูกเจี๊ยบมีโทรศัพท์ จริงๆมันก็เรื่องปกติของเด็กสมัยนี้ที่จะมีโทรศัพท์เพียงแต่ว่าหลายเดือนมานี้ลูกเจี๊ยบไม่เคยพกโทรศัพท์ให้เขาเห็นเลยซักนิด และเขาเองก็คุยกันทุกวันอุปกรรณ์นั้นจึงไม่จำเป็นเลยซักนิด แต่วันนี้มันกลับเป็นของจำเป็น

 

            “เราขอเบอร์หลานหน่อย เบอร์เพื่อนสนิทหลานจิ๊บมีมั้ย จดมาให้เรา”ลลิตภัทรเดินกลับเข้าไปในห้องก่อนออกมาพร้อมสมุดและปากกา จิรนันท์ค้นเบอร์เพื่อนสนิท 2-3 คน ของลูกเจี๊ยบจดลงไปในนั้นพร้อมชื่อรวมทั้งเบอร์ของลูกชายคนโตของหล่อนด้วย

 

            “จิ๊บกับเจ้าจอมกลับไปรอลูกที่บ้านก่อนนะ ทิ้งเจ้าขามาใช่มั้ย ไม่ต้องห่วงนะ เดี่ยวลอไปตามหลานเอง” จิรนันท์รับคำอย่างว่าง่ายจูงลูกชายคนเล็กเพื่อนกลับไปรอที่บ้าน

 

สีหน้าที่เคยสุขุมใจดีของลลิตภัทรบัดนี้ดำไปครึ่งค่อนหน้า ความเป็นห่วงท่วมท้นในจิตใจ ขายาวก้าวเร็วๆผ่านแม่และพี่ชายพี่สะใภ้ที่นั่งเล่นกับน้องคุณ

 

            “จะไปตามที่หนวะ?”พระลักษณ์เอ่ยถามน้องชายที่บัดนี้หน้าตึงสนิทขนาดที่ว่าหย่อนเหรียญใส่เหรียญก็เด้งกระเด็นแน่นอน

 

            “ว่าจะขับรถไล่หาไปเรื่อยๆ แต่เดี๋ยวจะโทรหาเพื่อนเจี๊ยบด้วย เผื่อจะรู้ว่าเจี๊ยบไปไหน”

 

            “ขับรถดีๆแล้วกันไม่ต้องขับเร็ว”คนเป็นพี่เอ่ยเตือนซึ่งน้องชายคนเล็กก็พยักหน้ารับ ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจคุยอะไรเพิ่มแล้ว ชายหนุ่มขับรถออกไปพลางกดเบอร์ตามที่จิ๊บจดมาให้ สายแรกไม่รับ สายที่สองตัดสายทิ้ง สายที่สามก็ยังคงไม่รับอีกเช่นกัน น่าจะเพราะเขาเป็นเบอร์แปลกหรือไม่ก็อยู่ในจุดที่ไม่สามารถรับได้ ลลิตภัทรกดเบอร์ของลูกเจี๊ยบสัญญาณตอบรับบ่งบอกว่าไอ้ตัวดีปิดเครื่อง ระหว่างทางสายตาก็สอดส่ายฝั่งตรงข้ามเผื่อจะเห็นหลานนั่งรถรับจ้างกลับมาหากแต่ก็ไม่มีเลยจนกระทั่งเข้าเขตเมือง ในที่สุดความพยายามของลลิตภัทรก็สำเร็จเมื่อเด็กที่ชื่ออ๋องยอมรับสาย

 

            “ฮัลโหล”เสียงปลายสายห้วนจนลลิตภัทรอยากจะจับมานั่งอบรมการรับสายขั้นพื้นฐานดูซักที

 

            “สวัสดีครับ นั่นใช่อ๋องเพื่อนของลูกเจี๊ยบมั้ยครับ”ลลิตภัทรยังคงใจเย็นถามกลับด้วยความสุภาพ

 

            “ใช่ มีไรอ่ะ?”ปลายสายน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่ลลิตภัทรจำต้องทำใจเย็น

 

            “พอดีเจี๊ยบยังไม่ถึงบ้าน อาเลยมารับ อ๋องทราบมั้ยครับว่าเจี๊ยบไปไหน”

 

            “อ๋อ มันมาดูหนังกับพวกผม อ่าวนี่มันยังไม่ถึงบ้านอีกเหรอ แยกกันซักพักแล้วนะ”ปลายสายทำเสียงแปลกใจใส่ แต่ลลิตภัทรนั้นหน้าบึ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาห่วงแทบตายแต่ศตายุกลับหนีไปดูหนังจนมืดค่ำเนี่ยนะ

 

            “ถ้าจะหามันก็ลองขับไปที่ห้างxx ดูนะอา แค่นี้นะแม่ผมเรียกกินข้าวแล้ว”ไม่พูดพร่ำทำเพลงอ๋องก็กดตัดสายไปในทันที เมื่อรู้พิกัดของลูกเจี๊ยบแล้วลลิตภัทรก็เหยียบคันเร่งมุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยพาครอบครัวของลูกเจี๊ยบไปกินพิซซ่าทันที

 

ร่างขาวๆยืนโบกรถอยู่ริมทาง รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหยุดพูดคุยด้วยแล้วก็ส่ายหัวจากนั้นก็ขับออกไป

 

ระยะทางที่ไกลเกินทำให้ไม่มีใครอยากเสี่ยงไปส่งในยามค่ำคืน ด้วยเคยมีเหตุการณ์มอเตอร์ไซค์รับจ้างโดนโบกไปส่งแถวบ้านลูกเจี๊ยบแล้วโดนฆ่าชิงรถ

 

ศตายุกำลังใจเสีย อยากโทรกลับไปหาแม่หากแต่โทรสศัพท์แบตหมดเกลี้ยงและเขาลืมเอาพาวเวอร์แบงค์มา

 

หนังสนุกก็จริงแต่ตอนนี้ลูกเจี๊ยบกำลังใจเสีย ถ้าไม่มีรถกลับบ้านจะทำยังไง เพื่อนๆที่บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนต่างพากันกลับไปหมดแล้วเพราะพ่อแม่โทรตาม พลันแสงไฟหน้ารถคันหนึ่งก็สาดเข้ามา ลูกเจี๊ยบหรี่ตาพลางยกมือขึ้นบังแสง รถคันนั้นจอดข้างๆลูกเจี๊ยบ กระจกถูกลดลงมาให้เห็นว่าใครคือคนขับ ลูกเจี๊ยบน้อยส่งยิ้มอย่างดีใจหากแต่พอเห็นสีหน้าของพระลอใจดวงนั้นก็สลดลงทันที

 

อาลอไม่ยิ้มตอบใบหน้านั้นบูดบึ้ง ดวงตาที่เคยพราวระยิบขี้เล่นนิ่งสนิท อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าน้ำเสียงเย็นๆนั่น

 

            “ขึ้นรถ”

 

อาลอโกรธเขาเข้าให้แล้ว....








ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๖ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 26-11-2018 22:19:00






 

 

            ตลอดทางศตายุถูกความเงียบกดดันจนรู้สึกอึดอัด อาลอที่เคยขี้เล่นช่างหยอกในตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเหลือเพียงอาลอที่เอาแต่เงียบและไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่ลูกเจี๊ยบเลย

 

กลัว...

 

ลูกเจี๊ยบกลัวอาลอในโหมดนี้

 

ขนาดเจอกันครั้งแรกที่เขาโดนอาลอตีอาลอยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลยซักนิด

 

            “อาลอจ๋า...”ทำใจกล้าเรียกอาลอหากแต่อีกฝ่ายทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ ลูกเจี๊ยบน้อยเริ่มใจเสีย

 

            “อาลอ...”

 

            “อายังไม่อยากพูดกับเราตอนนี้”น้ำเสียงเรียบขรึมเอ่ยตอบกลับมา ไร้คำคะขา สรรพนามการเรียกก็เปลี่ยนไปจนใจแป้ว ศตายุรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

 

            “อาลอโกรธเจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”รู้ทั้งรู้ว่าอาลอโกรธก็ยังถามคำนั้นออกไป พูดแล้วก็อยากตบปากตัวเองนัก หน้าตึงซะขนาดนี้จะไม่โกรธได้ยังไง

 

ส่วนลลิตภัทรเมื่อได้ยินคำถามไม่เข้าหูนั้นความโมโหที่พยายามกักเก็บไว้ในใจก็ปะทุทันที ชายหนุ่มหักรถเข้าข้างทางกะทันหันจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

            “อาลอ...”

 

            “เจี๊ยบถามออกมาได้ยังไงว่าอาโกรธเจี๊ยบเหรอ เป็นใครจะไม่โกรธนี่มันกี่ทุ่มแล้ว คิดว่าตัวเองโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วใช่มั้ยถึงทำอะไรโดยไม่คิดถึงใจใครเลย ถ้าแม่ไม่ไปถามหาเจี๊ยบที่บ้านอาป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง จะได้กลับบ้านหรือยัง แล้วถ้าได้กลับบ้านจะถึงบ้านมั้ย ทำไมเจี๊ยบทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นเลย ไม่คิดถึงอาก็คิดถึงใจแม่เราบ้าง”ลูกเจี๊ยบถึงกับหน้าเสียเมื่อคำที่ลลิตภัทรพูดมาแทงลงกลางใจทุกคำเด็กน้อยเม้มปาก กุมมือตัวเองพลางบีบจนแน่นด้วยความกลัว

 

          “อาเห็นว่าเจี๊ยบทำตัวดีมาตลอดไม่เคยออกนอกลู่นอกรอย อาไม่เข้าใจทำไมวันนี้เจี๊ยบถึงมาดูหนังกับเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่าบ้านเราไม่มีรถผ่านตอนกลางคืนก็ยังจะไป”

 

            “หนู...”ลูกเจี๊ยบกดหน้าลงจนแทบจะชิดอก

 

ใช่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีรถประจำทางหรือรถรับจ้างอะไรที่จะวิ่งผ่านหมู่บ้านหลังหกโมงเย็นแต่ลูกเจี๊ยบก็ยังจะไป

 

            “แล้วอยากจะดูหนังทำไมไม่บอกอา วันหยุดวันว่างอาก็พามาได้ ทำไมต้องไปกับเพื่อน”

 

            “ก็อ๋องบอกว่าหนังจะออกวันพุธนี้แล้ว หนูชอบหนังเรื่องนี้มากก็เลยไป”

 

            “ชอบมากจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองเลยเหรอ?”ศตายุถึงกับใจเหี่ยวทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้น

 

            “หนูขอโทษ”

 

            “ถ้าแม่ไม่ไปหาอา ถ้าอาไม่รู้ ป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง ข่าวจี้ปล้นมีให้เห็นทุกวัน ถ้าเจอพวกคนใจทรามหลอกเจี๊ยบไปฆ่าชิงทรัพย์คิดบ้างมั้ยพ่อแม่รวมทั้งอาทั้งคนที่รักเจี๊ยบจะเสียใจแค่ไหน คิดบ้างมั้ย”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเจี๊ยบเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ลลิตภัทรอยากจะตีให้เนื้อแตก ยิ่งเด็กน้อยเก็บปากไม่ตอบคำถามก็ยิ่งโมโห

 

โดยเนื้อแท้เขาไม่ใช่คนใจดีนักหรอกติดจะเผด็จการเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาคบกับเด็กเขาก็ยอมสะกดอีกมุมของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เจี๊ยบกลัว

 

แต่นี่อะไร ทำผิดพอโดนดุทำมาเป็นเก็บปากเก็บคำไม่หือไม่อือไม่ขานรับ มันน่าจับตีให้เนื้อแตกนัก

 

            “อาถามทำไมไม่ตอบ?”ชายหนุ่มถามเสียงดังจนลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง

 

            “...”

 

อาลอน่ากลัว...

 

            “จะไม่พูดกันใช่มั้ยครับ จะเอาแบบนี้เหรอ ถ้างั้นต่อไปไม่ต้องมาคุยกับอาอีก”ลูกเจี๊ยบเงยหน้ามองอาลอทันที

 

หมายความว่ายังไง?

 

อาลอจะเลิกกับเขาเหรอ

 

เขารู้ว่าตัวเองผิด แต่ความผิดมันร้ายแรงถึงขั้นเลิกรักกันเลยเหรอ  เด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะทันที เสียงสะอื้นน้อยๆทำให้ลลิตภัทรใจแป้วลงไปโข เขาไม่ได้อยากดุลูกเจี๊ยบแรงนัก แต่ถ้าไม่ปรามกันเสียบ้างอีกหน่อยคงมีครั้งที่สอง แล้วใครจะรับประกันว่าครั้งที่สองเจี๊ยบจะปลอดภัย ถ้าหากเจี๊ยบเป็นอะไรไปเขาคงขาดใจตายแน่ๆ

 

จริงอยู่ว่าตอนเขาวัยรุ่นเขาเองก็ขับรถไปเที่ยวคนเดียวออกจะบ่อยตั้งแต่ยังไม่เต็ม 15 ดี

 

แต่เจี๊ยบไม่ใช่เด็กผู้ชายแมนๆอย่างเขา แม้จะมีมุมที่ขี้เล่นแก่นแก้วบ้าง แต่เพราะแม่และพ่อเลี้ยงดูราวไข่ในหินเด็กคนนี้ยังอ่อนต่อโลกมากนัก หัวอ่อนชักจูงง่าย

 

ครั้งนี้แค่ไปดูหนังโดยไม่บอก แล้วคราวหน้าถ้าเพื่อนชวนไปเที่ยวสถานที่อโคจรขึ้นมาล่ะ

 

ชวนกินเหล้าเมายาขึ้นมาล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบของเขาจะเสียคนมั้ยใครจะมารับประกัน เวลาเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเพื่อนๆพวกนั้นที่มาชักจูงลูกเจี๊ยบจะมาช่วยแก้ปัญหามั้ย

 

ก็ไม่...คนที่จะต้องอยู่กับปัญหานั้นคือพ่อแม่และครอบครัว หากเกิดอันตรายไปถ้าตาย คนที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นแดนดินและจิรนันท์ เพิ่มมาอีกคนก็คือเขาเอง

 

ลูกเจี๊ยบยังเด็กนัก คิดอะไรง่ายๆแบบเด็กๆเอาความสนุกและความพอใจของตัวเองเป็นที่ตั้งหากครั้งนี้เขาไม่ดุไม่ตำหนิมันต้องมีครั้งหน้าตามมาแน่ๆ

 

            “ไม่เอา...ฮึก...ไม่เอาแบบนี้สิอาลอ”เสียงสั่นเครือเจือเสียงสะอื้นทำลายความเงียบนับนาทีลงพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด มืออูมๆที่ลลิตภัทรชอบยกขึ้นมาจูบบีบต้นแขนของเขาอย่างเว้าวอน ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบริมฝีปากแดงเรื่อเพราะเจ้าตัวเม้มมันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

 

อยากจะรั้งร่างบางที่กำลังขวัญเสียของศตายุมากอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่ต้องการจะสั่งสอนเด็กน้อยคงไม่มีความหมาย ลลิตภัทรถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแกะมือน้อยๆนั้นออกจากแขน จ้องหน้าเด็กน้อยด้วยสายตานิ่งสนิท นิ่งเหมือนน้ำยามไร้คลื่นลม นิ่งจนไม่สามารถเดาความลึกของแม่น้ำนั้นได้

 

            “เจี๊ยบจะมาเอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกเรื่องไม่ได้หรอก ครั้งนี้เจี๊ยบผิดใช่มั้ยครับ”

 

            “ใช่จ้า...”เด็กน้อยสะอึกสะอื้นตอบรับ

 

            “สิ่งที่เจี๊ยบทำรู้มั้ยครับว่ามันไม่ดี ที่อาดุเพราะว่าอาเป็นห่วง ถ้าเจี๊ยบเป็นอะไรไปอาจะทำยังไง คิดบ้างหรือเปล่าครับ พ่อแม่พี่น้องจะเสียใจแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า จะไปดูหนังทำไมไม่โทรบอกแม่”

 

            “หนู..ฮึก...หนูจะโทรแล้ว แต่อ๋อง...อ๋องบอกว่าไม่ให้โทร ให้ไปเลยเดี๋ยวจะอยู่เป็นเพื่อนหารถกลับบ้านให้”

 

            “แล้วเขาอยู่เป็นเพื่อนเจี๊ยบมั้ย?”เด็กน้อยส่ายหน้า น้ำหูน้ำตาไหลเปรอะ

 

            “รู้มั้ยว่าแม่ห่วงเรามาก ในโลกนี้น่ะ ต่อให้ใครบอกว่ารักเจี๊ยบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางมากเท่ากับที่แม่รักเรา แม้แต่อาเองที่บอกว่ารักหนูก็ยังสู้ความรักของแม่ไม่ได้ แล้วเพื่อนพวกนั้นน่ะเขาอยากให้เจี๊ยบตามเขาไปเขาจะรับปากพล่อยๆอะไรก็ได้ สุดท้ายพอดูหนังเสร็จก็ไม่มีใครอยากจะยืนแกร่วไปกับเจี๊ยบหรอก เพื่อนแบบนี้น่ะเหรอที่หนูยังจะคบอีก คราวนี้ชวนไปดูหนังคราวหน้าจะชวนไปทำอะไร เจี๊ยบเป็นเด็กฉลาดน่าจะคิดเองได้นะว่าเพื่อนแบบไหนควรคบเพื่อนแบบไหนควรปล่อยไป กลับไปถึงบ้าน กราบขอโทษแม่ซะแล้วอย่าทำแบบวันนี้อีก”

 

            “ได้จ้า เจี๊ยบก็กะว่าจะไปขอโทษแม่อยู่แล้ว ถ้าแม่จะดุจะตีหนู หนูก็จะยอม แต่อาลอ อย่าโกรธหนูได้มั้ย อย่าเมินหนูอีก อย่าทำเหมือนจะเลิกกับหนูได้มั้ยจ๊ะ หนูกลัว”

 

            “ถ้ากลัวก็อย่าทำอีก อยากไปไหนขอให้บอกอา เจี๊ยบก็รู้ว่าอาพาเจี๊ยบไปได้ทุกที่ อีกอย่างคราวหลังถ้าอยากดูหนังเรื่องอะไรก็บอกอาแล้วขออนุญาตแม่ ดีกว่าแอบไปเอง ที่อาดุเพราะอารัก อาเป็นห่วงอยากให้เจี๊ยบรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี เจี๊ยบยังเด็กถึงแม้จะดูแลตัวเองได้แต่เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดได้เสมอ”

 

            “เข้าใจแล้วจ้า หนูขอโทษจริงๆนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือพนมไหว้ขอโทษ เขารู้ดีว่าอาลอนั้นเป็นห่วงดูได้จากการขับรถมาตามหาทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปไหนแท้ๆ

 

            “เจี๊ยบทำผิดแล้วยอมรับผิดอาจะยกโทษให้ แต่อาก็จะทำโทษเจี๊ยบเหมือนกัน”

 

            “อาลอจะตีหนูจะดุหนูอีกก็ได้จ้า หนูยอมทุกอย่างเลย”เด็กน้อยรีบรับปากโดนทำโทษก็ยังดีกว่าโดนอาลอเมินแบบเมื่อกี๊

 

            “งดเรียนพิเศษ 1 อาทิตย์ ไม่ต้องมาหาอาที่บ้าน ทบทวนความผิดของตัวเองไป”

 

            “ห๊ะ...อาทิตย์หนึ่งเลยเหรอจ๊ะ...สามวันไม่ได้เหรอ?”เด็กน้อยทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบหากแต่ลลิตภัทรดึงหน้าจนตึงอีกครั้งจนศตายุหดคออย่างเกรงๆ

 

            “อาทิตย์หนึ่งก็อาทิตย์หนึ่งจ้า แต่หนูคงคิดถึงอาลอมากแน่ๆเลย”ลลิตภัทรเกือบจะหลุดยิ้มเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายแต่จำเป็นต้องฮึ๊บไว้สุดพลัง

 

ไม่ไดนะมึงไอ้ลอ ถ้ามึงใจอ่อนคราวนี้มึงจะปกครองเด็กมันไม่ได้นะเว้ย คีพลุคไว้ ห้ามหลุดเด็ดขาด

 

          เกือบสามทุ่มในที่สุดลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบกลับมาส่งถึงบ้าน รถกระบะของแดนดินจอดอยู่ในโรงรถเป็นสัญญาณว่ากำนันหนุ่มกลับมาถึงบ้านแล้ว ศตายุเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวลีบๆ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อกับแม่รวมทั้งน้องทั้งสองพากันเดินลงบันไดมา

 

            “ไปไหนมา!!” เสียงตวาดลั่นของแดนดินทำเอาศตายุสะดุ้งโหยงเด็กน้อยหลับตากลั้นหายใจด้วยความกลัวแต่ก็ยังเดินไปหยุดยืนหน้าพ่อกับแม่

 

            “น้อง...น้องไปดูหนังกับเพื่อนมาจ้า”

 

            “พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ใช่มั้ยเจี๊ยบ”แดนดินยังคงเสียงดังใส่ลูก เขาทั้งโกรธทั้งห่วงทั้งโมโหเมื่อกลับบ้านมาแล้วพบว่าลูกชายยังไม่กลับจากโรงเรียนและติดต่อไม่ได้ ใจคิดกลัวไปสารพัด กลัวลูกจะประสบอุบัติเหตุกลัวใครมาหลอกลูกไปจนนั่งไม่ติด ข้าวปลาก็กินไม่ลง

 

            “พ่อจ๋า แม่จ๋า น้องขอโทษ ต่อไปน้องจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”ยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ด้วยร่างกายสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะอีกรอบ แม้จะทำใจไว้แล้วว่ากลับมาคงโดนพ่อกับแม่ดุ แต่ตั้งแต่ลูกเจี๊ยบเกิดมา ตีซักแปะดุซักคำก็ไม่เคย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แดนดินดุลูก ลลิตภัทรอดสงสารลูกเจี๊ยบไม่ได้ ระหว่างทางเขาก็ดุเด็กน้อยมาเยอะแล้ว

 

            “ใจเย็นก่อนเถอะพี่ หลานสำนึกผิดแล้ว”ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหวเดินไปโอบไหล่ปลอบหลาน

 

            “เรื่องในครอบครัวคนนอกไม่ต้องมายุ่งได้ป่ะ”เหมือนแดนดินจะเก็บเอาเรื่องขุ่นเคืองใจหลายอย่างมาพาลจนจิรนันท์ต้องดึงมือสามีไว้ไม่ให้พูดจาไม่ดีใส่ลลิตภัทร ลลิตภัทรโบกมืออย่างไม่ถือสา

 

            “คุยกันดีๆแล้วกัน จิ๊บเรากลับบ้านก่อนนะ”ลลิตภัทรหันไปกล่าวลากับจิรนันท์ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณที่พระลอเป็นธุระไปตามหาลูกให้หล่อน เมื่อรถของลลิตภัทรแล่นออกไปแล้วหล่อนก็หันมามองลูกที่ยืนนิ่งก้มหน้าร้องไห้แล้วถอนหายใจอย่างดล่งอก

 

ยังไงลูกก็กลับมาแล้ว

 

การดุด่าหรือเฆี่ยนตีไม่ได้ช่วยให้เด็กหลาบจำ

 

ตีไปก็ตายเปล่า

 

            “กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก หิวมั้ยเดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวให้”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามลูกที่ไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ ศตายุเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่ ดวงตากลมที่เคยซุกซนบัดนี้สั่นไหว

 

ถ้าแม่ดุเขาหรือตีเขาลูกเจี๊ยบจะไม่รู้สึกผิดถึงขนาดนี้เลย

 

นี่ขนาดเขาทำผิดสิ่งที่แม่พูดออกมามีแต่ความห่วงใย นั่นแหล่ะเสียงร้องไห้โฮก็ดังขึ้นเด็กน้อยโผเข้ากอดแม่ปากก็พร่ำเอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ

 

            “น้องขอโทษนะพ่อจ๋าแม่จ๋า น้องจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว”คำสัญญาถูกเอ่ยให้พ่อกับแม่ฟัง แดนดินถอนหายใจเฮือกแล้วลูบผมลูกเบาๆ

 

            “ช่างเถอะ ครั้งนี้ถือว่าผิดครั้งแรก พ่อจะไม่ทำโทษเจ้า แต่ต่อไปถ้าทำอีก พ่อจะตีน้อง จะตีให้เนื้อแตกเอาน่องลายๆไปอวดเพื่อนเลย รู้มั้ย”พูดพลางก็ประคองใบหน้าลูกน้อยไว้แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ลูกอย่างอ่อนโยน แต่กลายเป็นว่ายิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหล

 

เข็ดแล้ว ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เจี๊ยบจะไม่ทำอีกแล้วจำจนตายเลยจ้า



.......................................................

น้องผิดจริงๆ อาลอโกรธจริงๆเลยเผยร่างแท้ออกมา โดยเนื้อแท้แล้วอาลอไม่ใช่คนใจดีขี้เล่นอะไรนัก ที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากจูนตัวเองให้ตรงกับเจี๊ยบ



เด็กทำผิดผู้ใหญ่ต้องดุต้องสอนเป็นปกติ



ครั้งนี้อาลอจริงจังมากเพราะรักและหวังดีกับน้องจริงๆ



ถ้าเอาแต่ให้ท้ายอีกหน่อยจะเสียเด็ก เด็กวัยรุ่นพอโตแล้วก้คิดว่าตัวเองสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ต้องการการดูแลโอบอุ้มจากพ่อแม่แล้ว



แต่ในสายตาของพ่อแม่ต่อให้ลูกโตซักแค่ไหนแต่ในใจของพ่อแม่ก็ยังเป็นไอ้หนูน้อยๆของพ่อแม่อยู่ดี



อยากบอกน้องๆที่อ่านด้วยว่าทุกครั้งที่หนูก้าวออกจากบ้าน หนูเอาหัวใจของพ่อแม่ติดไปด้วยเสมอ กลับบ้านผิดเวลาเขาอาจจะบ่นจะดุจะว่านั่นเป็นเพราะเขารักและเป็นห่วงพวกหนูมากๆนั่นเอง



อย่ารำคาญความรักของพ่อแม่เลย วันหนึ่งเขาไม่อยู่รักหนูแล้วหนูจะเสียใจ



หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๖ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 27-11-2018 01:07:36
ตอนนี้อินมากกกกกก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 27-11-2018 23:49:47
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๗





                ดูเหมือนบทลงโทษที่งดเรียนพิเศษหนึ่งอาทิตย์จะทำพิษเข้าให้แล้ว พิษงูเห่าที่ว่าร้ายยังไม่แรงเท่าพิษรักที่กำลังเผชิญเลยซักนิด ลูกเจี๊ยบน้อยกระสับกระส่ายสอดส่ายสายตาชะเง้อหาอาลอจนคอแทบหลุดทั้งเช้าและเย็นแต่อาลอไม่เยี่ยมหน้ามาให้เห็นเลยซักนิด

 

ทั้งๆที่บ้านก็ห่างแค่คลองกั้นแต่เหมือนความคิดถึงของลูกเจี๊ยบจะส่งไปไม่ถึงอาลอ

 

คืนนั้นหลังจากขึ้นบ้านขึ้นช่องแม่จิ๊บก็บอกให้ลูกเจี๊ยบไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินข้าว

 

เป็นครั้งแรกที่ลูกเจี๊ยบกินข้าวทั้งน้ำตายิ่งแม่พูดปลอบให้คลายความกลัวยิ่งแม่อ่อนโยนทำดีมากเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลจนพ่อกำนันเอ็ดเข้าอีกหนึ่งคำรบนั่นแหล่ะถึงได้หยุดร้องได้

 

พอกลับเข้ามาในห้องนอนเสียบสายชาร์จแล้วเปิดเครื่องถึงได้เห็นว่ามีข้อความว่าใครพยายามติดต่อตนเองบ้าง 1 เบอร์ที่มากที่สุดคือเบอร์ของแม่ แต่อีก 1 เบอร์แปลกนั้นไม่ต้องเดาเลย

 

                “เบอร์อาลอ”ลูกเจี๊ยบรีบเมมเบอร์นั้นไว้ในเครื่องทันที แถมยังจดใส่สมุดบันทึกไว้ด้วย ลังเลอยู่นานว่าตนเองจะกดโทรออกไปหาอาลอดีมั้ยในเวลาสี่ทุ่มเศษ แต่พอนึกถึงสีหน้าเย็นชากับดวงตาดุๆของอาลอก็ให้หวั่นในใจ

 

ตั้งแต่รู้จักอาลอมาก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่อาลอไม่เหมือนอาลอคนเดิมเลย ราวกับคนละคน เจี๊ยบชอบอาลอที่ใจดีมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าให้อาลอร่างดุโผล่มาอีกเลย

 

ใครจะว่ากร๊าวใจก็ว่าไปเลยจ้าลูกเจี๊ยบไม่เอาด้วยหรอก เข็ดจนวันตาย

 

วันรุ่งขึ้นเมื่อศตายุไปโรงเรียนเจออ๋องกับพวกพี่มิ่งนั่งอยู่ในโรงอาหารอ๋องรีบกวักมือเรียกแต่ลูกเจี๊ยบนึกถึงคำที่อาลอพูด

 

เพื่อนที่เวลาอยากได้อะไรกับเราก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอได้ตามความต้องการแล้วก็ไม่อาลัยใยดีตนซักนิดเวลาโดนดุลูกเจี๊ยบก็โดนดุเพียงคนเดียวส่วนอ๋องยังคงกินข้าวได้อร่อย หัวเราะได้เสียงดัง ส่วนตัวเองได้แต่นั่งซีดแล้วซีดอีกให้อาลอดุ

 

ไม่คุ้มเลยซักนิด เด็กน้อยหันหลังเดินไปนั่งอีกโต๊ะทำให้อ๋องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

 

ก็ทุกวันลูกเจี๊ยบจะมานั่งกับกลุ่มตนแต่ทำไมวันนี้ถึงแยกไปหรือว่าจะงอนที่พวกเขาทิ้งให้รอรถเองเมื่อคืน อ๋องเดินมานั่งกับเจี๊ยบยกแขนขึ้นพาดไหล่เพื่อนอย่างถือวิสาสะ

 

                “เฮ้ยเจี๊ยบมานั่งทำไมตรงนี้วะไมไม่ไปนั่งกับพวกกู”ศตายุจับแขนของอ๋องออกจากไหล่ของตนเองแล้วกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจ

 

                “เฮ้ย มึง งอนพวกกูเหรอ กูไม่ได้ตั้งใจทิ้งมึงนะเว้ยแต่แม่กูโทรตามอ่ะกูเลยต้องกลับก่อน”อ๋องรีบแก้ตัวไปเองก่อนเพราะถ้าลูกเจี๊ยบจะโกรธก็คงจะเป็นเรื่องที่ตนเองรับปากจะอยู่รอรถเป็นเพื่อนนั่นแหล่ะ

 

                “แม่มึงโทรตามทำไมเหรอ”คราวนี้ศตายุเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “อ้าว แม่กูเขาก็เป็นห่วงเห็นว่ามืดแล้วยังไม่กลับบ้านอ่ะ”

 

                “ตอนแม่มึงโทรตามมึงเพราะเป็นห่วงมึง แม่กูก็พยายามโทรหากูเพราะเป็นห่วงกูเหมือนกัน”ศตายุตอบกลับเสียงเรียบ อ๋องหน้าเจื่อนลงแต่ก้ทำเสียงดังกลบเกลื่อนความผิดที่ศตายุโยนมาให้

 

                “แหมเจี๊ยบ มึงก็ทำซีเรียสไปได้ โตยังกะควายแล้วยังทำตัวเป็นลูกแหง่ของแม่อยู่อีกเหรอวะ ถามจริงก่อนนอนมึงยังต้องดูดนมจากเต้าแม่มึงอยู่หรือเปล่าวะ”พูดจบอ๋องก็รู้สึกเจ็บชาที่ซีกแก้มทันที กลิ่นสนิมเหล็กคละคลุ้มเต็มกระพุ้งแก้ม เด็กหนุ่มกุมหน้าตัวเองร้องโอดยามถ่มน้ำลายลงพื้นก็พบว่ามันปนเลือดสีแดงออกมาด้วย

 

                “ไอ้เจี๊ยบมึงต่อยกูเหรอ”บรรดาเพื่อนๆต่างกรูกันเข้ามาห้ามเมื่ออ๋องทำท่าจะกระโจนเข้าหาเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบแอบสะบัดมือตัวเองเร่าๆที่ด้านหลังหากแต่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มเชิดหน้าอย่างท้าทาย

 

                “เออ กุต่อยมึง มีอะไรมั้ย ต่อยที่มึงทิ้งกู ไม่รักษาคำพูดไอ้เพื่อนเหี้ย”

 

                “มึงมันลูกแหง่ กูไม่อยากคบกับไอ้พวกกระจอกนักหรอก ถุ้ย ทำอะไรก็กลัวแม่ดุ ไปเอาผ้านุ่งแม่มึงมาใส่ไปอย่าใส่เลยกางเกง มึงกล้าต่อกู ต่อไปนี้มึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน”

 

                “เออ ไม่ต้องรอให้มึงมาตัดเพื่อนกับกูหรอก กูก็ตั้งใจจะเลิกคบมึงเหมือนกัน”ศตายุเชิดหน้าเถียงอย่างไม่เกรงกลัวคำขู่นั้นซักนิด

 

                “พวกมึงฟังกูนะ ถ้าใครไปคุยกับไอ้เจี๊ยบกูจะเลิกคบแม่งให้หมดแล้วคืนเงินที่ยืมกูไปคืนมาด้วย มีกูต้องไม่มีมัน”อ๋องประกาศกร้าวกลางโรงอาหาร เป็นอันสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมาหลายปี เพื่อนคนอื่นๆมองหน้าเจี๊ยบอย่างกระอักกระอ่วนแต่สุดท้ายก็เดินตามอ๋องออกไปทีละคนจนในที่สุดศตายุก็ยืนอยู่เพียงเดียวดาย

 

หลังเคารพธงชาติศตายุก็เดินแถวขึ้นมาบนห้อง เด็กน้อยชะงักเมื่อกระเป๋านักเรียนของตนเองหล่นอยู่หน้าห้อง โต๊ะเรียนที่ตนเองเคยนั่งบัดนี้มีเพื่อนคนอื่นมานั่งแทนแล้วโดยมีอ๋องนั่งกระดิกเท้าทำหน้าอ้อนตีนอยู่ข้างๆ เพื่อนคนอื่นก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับมองไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้น

 

ศตายุเก็บกระเป๋าตนเองขึ้นมาปัดเศษชอล์คออกกวาดสายตามองหาที่นั่งใหม่ก็ไปสะดุดกับโต๊ะท้ายห้องที่มีเพื่อนชื่อวุ้นนั่งอยู่ วุ้นเป็นเด็กชายตัวเล็กมักจะก้มหน้าไม่สู้สายตาใคร เป็นเพื่อนที่เพื่อนๆในห้องพากันมองข้ามเพราะวุ้นเรียนไม่เก่ง กีฬาก็ไม่ได้ แถมยังติดจะเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร วุ้นขยับแว่นกรอบหนาของตัวเองอย่างประหม่าและโดยไม่ทันมีใครคิด เสียงที่ติดประหม่าก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน

 

                “จ...เจี๊ยบ มานั่งข้างเราก็ได้...”ศตายุส่งยิ้มสดใสไปให้เพื่อนท้ายห้องก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆ เด็กน้อยเอียงคอเพื่อมองเพื่อนใหม่ข้างๆให้เต็มตา

 

                “ขอบใจนะที่ชวนเรามานั่งด้วยไม่งั้นเราคงเก้อแย่เลย”

 

                “อื้อ...ไม่เป็นไร เพื่อนกัน”ศตายุยิ้มกว้างกับคำพูดนั้น

 

การโดนเพื่อนเทบางทีก็ไม่ได้แย่นัก

 

 

 

 

                “พี่เจี๊ยบ ไม่ขึ้นบ้านเหรอ?”แก้วเจ้าจอมเอ่ยถามพี่ชายเมื่อเห็นว่ามืดแล้วแต่ศตายุก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน

 

                “ยังไม่อยากขึ้น อยากรอก่อน”

 

                “รอใคร?”แก้วเจ้าจอมเพ่งสายตามองไปยังจุดเดียวกับพี่ชายก็ไม่เห็นมีอะไร

 

                “รออาลอ”

 

                “รอทำไมอ่ะ ไม่ข้ามไปหาล่ะ?”แก้วเจ้าจอมถามอย่างแปลกใจ ก็ปกติพี่เจี๊ยบก็พายเรือข้ามไปหาอาลออยู่ทุกวัน ทำไมวันนี้ต้องมารอด้วยล่ะ?

 

                “ไม่เอาหรอก ไปก็โดนโกรธสิอาลอโกรธพี่อยู่”

 

                “แต่เวลาแม่โกรธพ่อกำนัน พ่อกำนันก็ตื๊อนะพี่เจี๊ยบ พ่อกำนันบอกหนูว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เวลาพ่อกำนันง้อแม่พ่อกำนันจะกัดคอแม่ หนูเห็นแป๊บเดียวแม่ก็ใจอ่อน”แก้วเจ้าจอมให้คำแนะนำพี่ชายตามที่พ่อกำนันจ๋าสอนมาเดี๊ยะๆ

 

 เนี่ยเห็นพี่เจี๊ยบซึมมา 2-3 วัน แก้วเจ้าจอมก็สงสารไง ไม่รู้อาลองอนอะไรพี่เจี๊ยบ พอพี่เจี๊ยบไม่ไปหาอาลอ เจ้าจอมเลยไม่ได้ข้ามไปหาลูกพี่อันดับหนึ่งเช่นกัน เนี่ยวันก่อนนู้นอาลอบอกว่าจะให้เจ้าจอมเล่นเรือบังคับ

 

ขืนยังงอนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆเจ้าจอมก็อดเล่นของเล่นสิ

 

อยากให้คืนดีกันจริงๆ ของเล่นแค่ผลพลอยได้จริงจริ๊ง

 

                “กัดคอ? พ่อเนี่ยนะกล้ากัดคอแม่”เจี๊ยบทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ อย่างพ่อกำนันเนี่ยนะจะกล้าทำให้แม่จิ๊บเจ็บ ขนาดยุงกัดแม่พ่อยังแค่ปัดจนยุงบินออกจากผิวเนื้อของแม่แล้วพ่อค่อยตบไม่ก็เอาที่ช๊อตๆจนตายนั่นแหล่ะ

 

                “จริงๆพี่เจี๊ยบ หนูเห็นพ่อกัดคอแม่ แล้วก็กัดปากแม่ บางทีก็กัดแก้มแม่”ลูกเจี๊ยบนึกภาพตามที่น้องบอกพลันภายในกายก็ร้อนวูบ

 

มันไม่ใช่การกัดแล้วมั้ยเจ้าจอม

 

แบบนั้นน่ะ เขาเรียกว่า...จูบต่างหากล่ะเด็กบ้าเอ้ย

 

ฮื้อ....ถ้าไปง้ออาลอแบบนั้นอาลอจะหายโกรธมั้ยนะ

 





 

 

 

                “ไม่สบายหรือเปล่าลอเอ้ย ทำไมพักนี้กินข้าวได้น้อย”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่วางช้อนลงหลังจากกินข้าวได้นิดเดียว  ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

 

                “ไม่ได้เป็นอะไรครับแม่ แค่ช่วงนี้เบื่อๆข้าว”

 

                “อยากกินอะไรมั้ยแม่จะทำให้”คนเป็นแม่เอ่ยถามอย่างห่วงใย ตั้งแต่พระลอกลับมาอยู่บ้านอยากกินอะไรหล่อนก็สรรหาทำให้ตลอด เอาอกเอาใจด้วยกลัวว่าลูกจะเกิดโหยหาชีวิตสะดวกสบายที่กรุงเทพ มา 2-3 วันนี้ ลลิตภัทรกินข้าวกินปลาได้น้อยลงใจหล่อนก็แป้วลงไปโข

 

                “ไม่ได้อยากอะไรพิเศษครับแม่ ผมแค่เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง”

 

จริงๆอยากกินลูกเจี๊ยบมากกว่าแม่หาให้ลอได้มั้ย ลูกเจี๊ยบแก้มฟูๆตัวนิ่มๆน่ะครับ

 

ภายในใจของชายหนุ่มร่ำร้องงอแงต่อคำถามของผู้เป็นแม่

 

ไอ้ลอเอ๋ยไอ้ลอ ทำเป็นเข้มลงโทษเด็ก สุดท้ายตัวเองนั่นแหละที่กินไม่อิ่มนอนไม่หลับกระสับกระส่าย อยากไปแอบมองหลานที่ท่าน้ำจะแย่แต่ต้องฮึ๊บไว้เพราะกลัวใจอ่อน ได้กลิ่นอะไรก็ไม่หอมเท่ากลิ่นแป้งที่ติดตรึงสองแก้มฟู กินขนมนมเนยอะไรก็ไม่อร่อยเท่าริมฝีปากนุ่มๆของลูกเจี๊ยบ

 

ใจจะขาดแล้วเอ้ยยยยยยยยย........ใจจะขาดแล้วเอย

 

                “ผมขอเข้าห้องก่อนนะครับรู้สึกเพลียๆ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกกับพ่อแม่และพี่ๆก่อนจะแยกตัวเข้าห้อง

 

                “มันทำเหมือนคนอกหัก”พระลักษณ์เปรยเบาๆ มื้ออาหารค่ำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆซักพักก็ปรากฏร่างเจ้าเจี๊ยบที่หายหน้าหายตาไปซะหลายวัน ย่าโฉมเอ่ยทักด้วยความคิดถึง

 

                “อ้าวเจี๊ยบ กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก”ลูกเจี๊ยบนั่งลงไหว้ปู่ลิตกับย่าโฉมรวมทั้งลุงๆป้าๆ ใจอยากจะแล่นไปหาลลิตภัทรในห้องจะแย่แต่จำต้องรักษามารยาท

 

                “กินมาแล้วจ้า”

 

                “แล้วหายไปไหนมาลูกไม่มาตั้งหลายวัน”ลูกเจี๊ยบน้อยได้แต่ยิ้มแหยๆเป็นคำตอบ

 

                “เมื่อวานเห็นอาจารย์ฉวีบอกว่าเราไปต่อยเพื่อนกลางโรงอาหารเหรอ?”พระรามเอ่ยถามอย่างอยากรู้

 

                “ทะเลาะกันนิดหน่อยจ้า แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คือ...อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”

 

                “เข้าไปนอนซักพักแล้วเห็นบอกว่าเพลีย”

 

                “งั้นหนูขอเข้าไปดูอาลอหน่อยนะจ๊ะ”เด็กน้อยรอให้เจ้าของบ้านอนุญาตจากนั้นก็เดินเร็วจนแทบจะเหาะไปที่ห้องของพระลอที่อยู่ริมสุด เคาะเบาๆหากแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา ศตายุถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปข้างใน โชคดีเหลือเกินที่อาลอไม่ได้ล็อคห้อง อาจจะด้วยความเคยชินที่คนบ้านนี้ไม่มีใครก้าวก่ายกันและกันถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ไม่มีความจำเป็นต้องล็อคห้องเลยซักนิด เมื่อเข้ามาในห้องนอนของพระลอแล้วความเย็นเฉียบจากแอร์ก็ปะทะผิวจนเย็นวูบ ศตายุไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างน้อยกันไว้ก็ดีกว่าแก้ พอหันหน้ากลับมาในห้องเด็กน้อยก็ถึงกับหน้าแดง อาลอนอนตะแคงกอดหมอนข้างไว้หลวมๆหลับอยู่บนเตียงแผ่นอกเปล่าเปลือยสะดุดตาก่อนเป็นอย่างแรก ศตายุไม่เคยเห็นตอนที่ลลิตภัทรนอนจึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มติดนิสัยนอนถอดเสื้อแก้ผ้าเป็นปกติโชคดีที่ชายหนุ่มห่มผ้าห่มไว้แม้มันจะปิดหมิ่นเหม่อยู่ตรงช่วงเอวก็ตามเถอะ

 

ฮื่อ...อาลอใส่กางเกงมั้ยนะ

 

น้องกลับบ้านดีหรือเปล่า ไหนๆอาลอก็หลับแล้ว

 

อะไรกัน ปกติ 4 ทุ่มตายังใสราวตั๊กแตนตำข้าว นี่เพิ่งสองทุ่มกว่าอาลอทำไมนอนเร็วจังล่ะจ๊ะ หรือว่าอาลอจะไม่สบาย

 

ต้องใช่แน่ๆ อาลอป่วยเหรอจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบน้อยค่อยๆย่องมายืนข้างๆเตียงแล้วใช้หลังมือน้อยๆแตะลงบนหน้าผากของลลิตภัทร

 

ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงด้านหลังของคนที่คิดถึงสุดหัวใจแตะต้นแขนเบาๆ ตัวก็แค่อุ่นๆ

 

                “มาทำไม?”เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบทำเอาลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง หากแต่ไม่ได้ลุกหนีไปไหนทำเพียงนั่งแกะมือตัวเองเล่นอย่างประหม่า

 

                “อาลอไม่ได้หลับเหรอจ๊ะ”

 

                “อาถามว่ามาทำไม?”ลลิตภัทรไม่ได้ตอบคำถามหากแต่ถามกลับไปเพื่อเอาคำตอบ เด็กน้อยยิ่งกดหน้างุดมากกว่าเดิม ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นสีซีดสลับแดง

 

                “หนู...”

 

                “อาบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องมาที่นี่อาทิตย์หนึ่ง”

 

                “หนูจำได้จ้า”

 

                “จำได้แล้วมาทำไม?”

 

                “หนูคิดถึงอาลอ...”คำว่าคิดถึงแทบจะกลืนไปกับอากาศหากแต่เสียงอกข้างซ้ายของคนทั้งคู่กลับดังผสานจนเป็นจังหวะเดียวกัน

 

อาก็คิดถึงหนูเหมือนกันค่ะ ลลิตภัทรกรีดร้องในใจคำว่าคิดถึงถูกเก็บไว้ในอก แม้อยากจะยิ้มแต่จำต้องคีพขรึมนอนหลับตาเฉยไม่หือไม่อือกับถ้อยคำแสนน่ารักนั้น

 

ลูกเจี๊ยบใจแป้วลงไปอักโขเมื่ออาลอไม่ไหวไม่ติงยังคงนอนหันหลังให้ตนอยู่อย่างนั้น

 

หากเป็นเวลาปกติแล้วป่านนี้คงจัดการฟัดเขาลงไปจมบนเตียงแล้วแท้ๆ

 

คิดถึงการหยอกเย้านั้นเหลือเกิน

 

                “กลับบ้านไปซะอาจะนอน”ประโยคตัดรอนเอ่ยออกมาอีกคำรบ ลูกเจี๊ยบแอบค้อนใส่อาลอไปทีหนึ่ง

 

ทำเป็นเข้มนะคนเรา จะงอนจะโกรธไปจนถึงเมื่อไหร่หนอ น้องมาง้อจนถึงที่แล้วไงทำไมไม่หันมามองหน้ากันซักนิด เดี๋ยวก็งอนกลับซะเลยนี่ เด็กน้อยแอบค่อนขอดในใจอย่างเอาแต่ใจ ในสมองพยายามคิดวิธีง้ออย่างเนียนๆ ถ้าทำแบบกระโตกกระตากและตรงจนเกินไปกลัวจะโดนอาลอมองไม่ดี ยังไงวันนี้ลูกเจี๊ยบก็อยากปรับความเข้าใจกับอาลอให้รู้เรื่อง สามวันมานี้เหมือนตนเองว่ายอยู่ในแม่น้ำแล้วถูกพืชใต้น้ำรัดขาจนเกือบจมอยู่รอมร่อ มันเหนื่อยจนหายใจไม่ออก

 

เมื่อก่อนเจี๊ยบไม่เคยมีเรื่องความรักอยู่ในหัวเลย เด็กน้อยมีความสุขตามอัตภาพ ครั้นพออาลอก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิต โลกสีขาวของเจี๊ยบก็เปลี่ยนไป มันจะเทาก็ไม่เทา จะขาวก็ไม่ใช่ โลกที่มีเพียงพ่อแม่ น้องๆ คนบ้านฟากขะนี้ก็มีอาลอเพิ่มเข้ามาด้วย

 

เจี๊ยบชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาลอ

 

ชอบจนเหมือนจะเสพติดไปซะแล้ว

 

คิดถึงทุกอย่างที่อาลอเคยทำให้

 

                “อย่าไล่หนูเลย...เพราะคิดถึงใจจะขาดหนูถึงยอมหน้าด้านข้ามมาหา”เด็กน้อยนอนซ้อนด้านหลังของลลิตภัทรสวมกอดพลางซบหน้าลงบนท่อนแขนครัดแน่นของคนเป็นอา ริมฝีปากอิ่มจูบลงบนท่อนแขนนั้นอย่างงอนง้อ

 

                “หายโกรธหนูเถอะนะจ๊ะ หนูมาง้อแล้ว”

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.........ลูกเจี๊ยบจูบแขน ลลิตภัทรใจไหววาบในแผ่นอกอยากจะพลิกตัวเข้าไปคว้าร่างนุ่มนิ่มที่นาบอยู่ติดแผ่นหลังมาฟัดเสียให้หนำใจ นิ่งไว้ไอ้ลอ นิ่งไว้ หากมึงใจอ่อนตอนนี้มันจะเสียการปกครอง อีกหน่อยขู่อะไรไปเด็กมันจะรู้หลักเล่นกลสะเดาะห์ความโกรธจากใจเขาได้

 

                “อาลอไม่คิดถึงหนูเหรอจ๊ะ”

 

                “โอ๊ย คิดถึงเจียนจะขาดใจตายแล้วหนูจ๋า”เอ่ยตอบโต้ในใจทันที

 

ศตายุค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไล่จากกระดูกสันหลังขึ้นไปเรื่อยๆ จูบหนึ่งครั้งก็พร่ำพูดคำว่าคิดถึงและขอโทษเสียหนึ่งหนจนกระทั่ง

 

จุ๊บ

 

รอยจูบผะแผ่วที่หลังต้นคนเล่นเอาลลิตภัทรร้อนวูบราวกับจะจับไข้

 

ลูกเจี๊ยบไปเอาวิธีง้อแบบนี้มาจากไหน เขาต้องสะกดอารมณ์ตัวเองสุดความสามารถจนอึดอัดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้ว

 

                “หันมามองหน้ากันหน่อยสิจ๊ะ หนูคิดถึงอาลอม๊ากมาก”เด็กน้อยใช้ปลายนิ้วดันให้ไหล่แกร่งหันมาทางตนเอง เมื่อดวงตาของคนทั้งคู่สบกันก็คล้ายมีกระแสไฟแล่นทั่วร่างของลูกเจี๊ยบ สายตาอาลอไม่ได้มึนตึงแบบวันนั้นแล้วแปลว่าวิธีการง้อแบบที่เจ้าจอมบอกนั้นได้ผลจริง ลูกเจี๊ยบยืดตัวขึ้นไปจรดปลายจมูกและริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวจัดของอาลอเบาๆ

 

                “ดีกันนะจ๊ะ ต่อไปหนูจะไม่ดื้อ จะไม่หนีเที่ยวจะเชื่อฟังอาลอทุกอย่างเลย หนูสำนึกผิดจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยอาลอดูสิ หนูต่อยปากไอ้อ๋อง เจ็บมือไปหมดเลย เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็เทหนูเพราะว่ากลัวจะโดนไอ้อ๋องตี หนูเลิกคบกันมันแล้วนะเพราะหนูเอาสิ่งที่อาลอสั่งสอนไปคิดตาม หนูยังเด็กผิดพลั้งอะไรไปอาลอรักหนูหวังดีกับหนูก็ค่อยๆสอนหนูนะจ๊ะ หนูจะเชื่อฟังไม่ดื้อไม่ซนจริงๆ บทลงโทษ 7 วันมันนานไป อาลอไม่คิดถึงหนูจริงๆเหรอ ถ้าวันนี้อาลอยังไม่คุยกับหนูอีกหนูคงกลับบ้านไปนอนร้องไห้แงๆแน่ๆเลย”

 

                “ขนาดนั้นเชียว?”ในที่สุดลลิตภัทรก็เผลอตอบโต้กับหลาน ใบหน้ามีรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้งที่คุยกัน ศตายุเห็นดังนั้นก็ดีใจเป็นนักหนา อาลอยอมคุยด้วย อาลอยิ้มให้ แปลว่าตื้ออีกนิดความสัมพันธ์ก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม เด็กน้อยรีบซบลงบนแผ่นอกเปลือยนั้น ลูบเบาๆอย่างเพลินมือใบหน้าน่ารักนั้นถูไถไปมาอย่างออดอ้อน

 

                “จริงสิจ๊ะ เนี่ยหนูอยากโทรหาอาลอแต่หนูกลัวอาลอจะดุอีก เราอย่าโกรธกันอีกเลยนะจ๊ะ หนูไม่สบายใจเลย หนูผิดหนูก็ยอมรับผิดอาลอจะไม่ให้อภัยหนูได้ลงเหรอจ๊ะ”

 

                “ช่างพูด คราวหลังก็อย่าทำอีกก็แล้วกัน คราวนี้จะยกโทษให้”คนแก่กว่าลูบไหล่หลานเบาๆ ปากก็ว่าให้เด็กอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก

 

อันที่จริงหายโกรธตั้งแต่ที่หลานจูบต้นคอแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่นตัวอีกหน่อยก็แล้วกัน

 

                “แต่อายังไม่หายโกรธหรอกนะ”

 

                “อ้าว...”เด็กน้อยร้องโอดเมื่อได้ยินประโยคเรียบๆนั้น ลลิตภัทรดึงกายหลานให้นอนคร่อมตัวเองแล้วมาจ้องหน้ากันตรงๆ ดวงตาพราวระยิบราวกับมีดวงดาวมาส่องแสงสุกสกาวอยู่ในนั้น

 

                “พิสูจน์ให้อาดูก่อนสิคะว่าหนูอยากง้อให้อาหายโกรธจริงๆ”เพียงสิ้นคำริมฝีปากอิ่มของลูกเจี๊ยบก็แนบประทับลงบนริมฝีปากของลลิตภัทรในทันที รสจูบหอมหวานที่ใฝ่หาถูกเติมเต็มแนบสนิทศตายูงับริมฝีปากล่างของลลิตภัทรเบาๆกัดน้อยๆราวกับขอบัตรผ่านเพื่อเปิดทางให้ได้เข้าไปสำรวจด้านใน ลลิตภัทรเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียอมเปิดปากให้เด็กเก่งที่เขาสอนวิชาให้เพียงครั้งสองครั้งก็สามารถจำไปทำตามได้อย่างดี เกลียวลิ้นชื้นแฉะแตะสำรวจก่อนจะตวัดยั่วยุอย่างฮึกเหิม เด็กน้อยกำลังได้ใจคิดว่าตนเองนั้นคุมเกมส์ครั้งนี้ได้ทว่าลลิตภัทรก็สอดมือขึ้นมาประคองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มพลางแลกจูบกับเขาอย่างดูดดื่มก่อนจะพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างบางนั้นไว้อย่างรวดเร็ว รสจูบบดเบียดเร่งเร้าราวคนเอาแต่ใจจนน้ำใสไหลเปรอะมุมปากของคนทั้งคู่ ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมาอีกนอกจากใช้จูบบอกเล่าความคิดถึงและโหยหาที่มีในใจส่งผ่านให้แก่กันและกันจนในที่สุดลลิตภัทรก็ถอนจูบออกมาอย่างเสียดายเมื่อหลานตัวน้อยทุบลงบนอกของเขาเบาๆ ลลิตภัทรถอนหายใจเอาความหนักอกออกไป ลูบใบหน้าแดงระเรื่อนั้นอย่างอ่อนโยนรักใคร่

 

คิดถึงเหลือเกิน

 

คิดถึงมากๆ

 

“ต่อไปเราสองคนอย่าได้โกรธเคืองกันอีกเลยนะจ๊ะอาลอ”น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยออดอ้อนจนใจอ่อน ชายหนุ่มพยักหน้ารับ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสซื่อนั้น

 

“อาไม่ได้โกรธหนู อาแค่เป็นห่วง ถ้าหนูเป็นอะไรไปหรือได้รับอันตราย อาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นขอเถอะนะ อย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงอานึกถึงพ่อแม่กับน้องๆบ้าง เจี๊ยบอาจจะไม่รู้ว่าอารักเจี๊ยบมากแค่ไหน แต่สำหรับอา อาสามารถตายแทนหนูได้จริงๆนะคะ รู้บ้างมั้ย”ศตายุรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ใบหน้าของลลิตภัทรพร่าเลือนก่อนจะกระพริบตาเร็วๆเพื่อไล่ม่านน้ำนั้นให้เลือนหายไป ยกมือลูบสันกรามของคนที่ตัวเองมอบใจให้ไปทั้งดวงก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ลลิตภัทรหัวใจพองฟูจนแทบจะระเบิด

 

                “ฮื้อ...อาลอ หนูจะร้องไห้แล้วนะจ๊ะ หนูรู้แล้วจ้า ต่อไปหนูจะไม่เหลวใหลแบบนั้นอีกแล้ว หนูรักอาลอ รักมากๆ หนูไม่รู้ว่าคนรักกันต้องรักกันมากแค่ไหนถึงจะเรียกว่ารัก แต่นอกจากพ่อแม่กับน้องแล้ว อาลอก็คือคนที่อยู่ในความคิดของหนูตลอดเวลา หนูรักอาลอ รักมากๆจริงๆนะจ๊ะ”

 

                “อาก็รักหนู รักมากๆเท่าชีวิต ลงโทษหนูไปตัวเองก็ทรมานเอง รู้มั้ยคะสามวันมานี่อากินข้าวแทบไม่ได้เลย ปากไม่รับรสเลยซักนิดหนูต้องรับผิดชอบอานะคะ”

 

                “รับผิดชอบ? รับผิดชอบยังไงจ๊ะ?”เด็กน้อยถามตามประสาซื่อ ลลิตภัทรอมยิ้มหลุบตามมองต่ำมาที่อกเสื้อของหลานที่มีรูปร่างของเม็ดบัวเล็กๆดันนูนผ่านเนื้อผ้า

 


                “อาหิวค่ะ...อยากกินนม”







..............................................



ดื่มนมกันเถอะ มาดื่มเยอะๆ ดื่มนมกันเถอะ รับรอง "แข็ง" แรง



เจ้าจอมอยากได้อะไรคะ คิดไว้หรือยัง เดี๋ยวอาลอเขาจะสมนาคุณให้ อิอิ



คนมันรักมันคิดถึงอ่ะเนอะ ครั้งนี้อภัยให้ก็ได้แต่อย่ามีครั้งหน้าอีก คิดว่าลูกเจี๊ยบคงเข็ดแล้วล่ะ



เชื่อกุนซือเจ้าจอมได้เลยพี่เจี๊ยบ เอาวิธีนี้แหล่ะ กัดคออาลอเลย พอกัดเสร็จมันก็จะเป็นรอยแดงๆอ่ะนะ



ตอนนี้ลูกเจี๊ยบดูห้าวมาก หนึ่งเพราะโกรธแหล่ะที่เพื่อนทิ้งตัวเอง



สองเพราะลูกเจี๊ยบคิดตามที่อาลอสอนแล้วว่าการคบเพื่อนแบบนี้ควรวางตัวอยู่ในระดับไหน พื่อนสนิทหรือแค่คนเคยรู้จักกัน



ความจริงการก้าวออกจากอะไรเดิมๆมันก็ไม่ได้แย่



บางทีเราไปตลาดเห็นผลไม้รูปร่างไม่สวยแต่พอได้ชิมเนื้อในอาจจะหวานจนต้องซื้อกลับมากินที่บ้าน



เพื่อนก็เหมือนกัน บางทีคนที่เราไม่เคยคุยด้วยอาจจะเป็นกัลญาณมิตรก็เป็นได้
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-11-2018 00:58:54
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Justccwpo ที่ 28-11-2018 01:35:13
หวานมากก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-11-2018 13:11:23
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 28-11-2018 13:47:15
อาลออย่าลวนลามน้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๗ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 28-11-2018 22:38:24
 o13
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๘ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 29-11-2018 11:02:52
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๘







                วันนี้ลลิตภัทรเหมือนโดนสูบพลังเมื่อแดนดินเรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ มีหนังสือราชการส่งตรงมาที่อำเภอเนื่องจากเกิดการระบาดของยาเสพติด

 

                “อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทางการเพ่งเล็งมาที่หมู่บ้านของเราเพราะหลายเดือนมานี้จำนวนผู้เสพยามากขึ้นจนน่าตกใจและเริ่มสร้างความเดือดร้อนเช่นการลักเล็กขโมยน้อย ลักอุปกรณ์การเกษตรเช่นปั๊มสูบน้ำ หลายบ้านถูกลักควายไปขายรวมทั้งส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน ที่เราจับก็ได้แค่ผู้เสพตัวการกลุ่มผู้ค้ายาเรายังสาวไปไม่ถึงตัวดังนั้นผมอยากให้ผู้ใหญ่และผู้ช่วย ช่วยกันสอดส่องลูกบ้านในหมู่ของตัวเองพบเจอใครเป็นผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยขอให้แจ้งทางการเพื่อเข้าจับกุมต่อไป”วาระในที่ประชุมถูกหยิบยกออกมาพูดต่ออีก 2-3 เรื่องก่อนจะเลิกประชุมเอาในตอนเย็น บรรดาผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยต่างทยอยกันออกจากศาลาวัดที่ใช้เป็นสถานที่ประชุม ลลิตภัทรเองก็เก็บของอันได้แก่สมุดเล่มเล็กๆจดใจความสำคัญและปากกาคู่ใจใส่กระเป๋า แดนดินเดินมาหยุดตรงหน้าของลลิตภัทร คนอ่อนอาวุโสกว่าเลิกคิ้วเป็นคำถามถึงการมายืนตรงหน้าตน

 

                “อาทิตย์ก่อนกูเห็นมึงพาลูกเมียกูไปกินข้าวที่ห้าง”ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรที่แดนดินรู้ ชายหนุ่มทำเพียงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางประสานมือกันหลวมๆวางอยู่บนเข่าตัวเอง รอยยิ้มปรากฏน้อยๆที่มุมปากราวกับฟังเรื่องดินฟ้าอากาศ

 

                “ใช่ ทำไมเหรอ?”ลลิตภัทรไม่ได้จะกวนนะแต่พอเห็นท่าทางฟึดฟัดของแดนดินก็ให้นึกสนุก

 

อ่า...แกล้งหยอกให้แดนดินโมโหเล่นก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

 

                “ก็ไม่ทำไมหรอก แต่จิ๊บเป็นเมียกู ลูกๆทั้งสามคนก็ลูกๆกู ดูแลแค่ในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็พอเพราะถึงยังไงต่อให้อยากทำให้มากกว่านั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์”ลลิตภัทรเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้แดนดินจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หากแต่เมื่อเทียบกันแล้วลลิตภัทรกลับสูงใหญ่กว่าเล็กน้อยชายหนุ่มเหยียดยิ้มใส่อย่างยั่วโมโห ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูของแดนดิน

 





                “ถ้าไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเมียพี่ก็ช่วยมีเวลาดูแลเขาหน่อยสิครับ ไม่งั้นผมจะไปทำหน้าที่นั้นแทนให้เอง”







 

ลลิตภัทรรู้ดีว่าแดนดินน่ะเป็นคนยั่วง่าย แค่พูดจาไม่เข้าหูนิดหน่อยก็อาจจะปากแตกได้ และครั้งนี้ก็เช่นกันคอเสื้อเชิ้ตราคาแพงของลลิตภัทรถูกแดนดินกระชากเข้ามาหาตัวอย่างแรง สายตาวาวโรจน์ราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชติดูน่าเกรงขามหากแต่ลลิตภัทรกลับนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

สนุกจัง ยั่วให้อดีตมารหัวใจโกรธได้นี่ก็ถือว่าเย็นนี้กลับบ้านไปก็กินข้าวอร่อยล่ะ

 

                “นี่กูมาเตือนมึงดีๆนะไอ้ลอ มึงกับจิ๊บจบกันไปนานแล้ว มึงเองก็เห็นว่ากูรักกันดี อย่าคิดว่าจะกลับมาปั่นประสาทกูได้”

 

                “ปั่นได้ไม่ได้ตอนนี้พี่ก็เหมือนหมาบ้าอยู่ว่ะ ลูกเมียน่ะให้เวลากับเขาบ้างเถอะ แบ่งเวลาน่ะทำเป็นมั้ย ถามตัวเองเถอะว่าทุกวันนี้เห็นหน้าลูกวันละกี่นาที ไหนพี่มึงเคยพูดไงวะมึงดูและพวกเขาได้ดี”

 

                “ลูกเมียกูเขาเข้าใจ มึงไม่ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่งั้นกูไม่เอามึงไว้แน่”แดนดินกระชับคอเสื้อของลลิตภัทรให้แน่นกว่าเดิม ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธเคืองหรือจะทำร้ายกลับชายหนุ่มทำเพียงพลางแกะมือแดนดินออกจากคอเสื้อของตน กระตุกยิ้มที่มุมปากยั่วอีกทีแกล้งปัดไหล่ของแดนดินราวกับมีฝุ่นผงติดอยู่แล้วหันหลังยักไหล่จากไป สร้างความหงุดหงิดให้กับแดนดินแต่จะตามไปทำร้ายร่างกายลลิตภัทรก็ไม่ได้ ยังไงฐานะหน้าที่การงานรวมทั้งสถานที่ก็ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ถ้าลลิตภัทรยังไม่เลิกยั่วโมโหเขาไม่นานคงได้ฟาดปากกันซักครั้ง

 

เขาจะไม่ยอมคืนจิ๊บให้ลลิตภัทรแน่ๆ เพราะจิ๊บน่ะมีเพียงคนเดียวบนโลก ถ้าถูกแย่งไปต่อให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาศรีภรรยาดีๆแบบนี้ไม่ดีอีกแล้ว

 

ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านในตอนพลบค่ำ พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้รวมทั้งหลานๆนั่งคุยกันอยู่บนบ้านเพื่อรอกินข้าวเย็นด้วยกัน

 

เขามองพ่อกับแม่ที่นั่งไม่ไกลกันแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้ที่แดนดินหวงจิ๊บมากก็เพราะจิ๊บเป็นผู้หญิงที่ดี เหมือนที่พ่อของเขารักแม่ คนเป็นคู่ชีวิตกันมานานความหวานมันอาจจะเบาบางลงไปบ้างแต่ความรักไม่เคยเสื่อมคลายจากกัน สิ่งที่เขาพูดกับแดนดินไปเพียงแค่อยากให้แดนดินเก็บไปคิด ในเมื่อหวงแหนนักก็ควรรักษาไว้ให้ได้ แดนดินแบ่งเวลาไม่เป็นไม่รู้ว่าเวลาไหนควรสวมบทกำนันเพื่อลูกบ้านเวลาไหนควรสวมบทสามีและพ่อที่ดีของลูกๆ ไม่ว่ามีงานอะไรแดนดินไม่เคยปฎิเสธเลย จันทร์เจ้าขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะเด็กผู้หญิงมักจะสนิทกับแม่มากกว่าพ่ออยู่แล้ว แต่ที่มีปัญหาและเขาสังเกตมาซักพักแล้วคือเจ้าลูกเจี๊ยบของเขากับแก้วเจ้าจอมนั่นแหล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อบ่อยแต่ก็จะมีประโยคที่ตัดพ้อเรื่องที่พ่อไม่มีเวลาให้อยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรอกว่าตัดพ้อคนเป็นพ่อบ่อยแค่ไหน แก้วเจ้าจอมที่เมื่อก่อนพูดถึงพ่อแทบไม่ขาดปากเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นมาติดเขาแทนที่จะติดพ่อ เด็กวัยนี้พ่อคือฮีโร่คือแบบอย่างแต่แดนดินกลับไม่อยู่เป็นแบบอย่างให้ลูกแล้วเด็กมันจะไปเอาต้นแบบมาจากไหนรอให้โตกว่านี้ค่อยมีเวลาให้ลูก ลูกก็โตเกินกว่าจะมาปรึกษาพูดคุยอะไรกับพ่อแล้ว

 

แดนดินช่างโง่เขลาเหลือเกินที่ไม่รู้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไรก่อนหรือหลัง



 หลังมื้ออาหารจบลงไม่นานลูกเจี๊ยบก็ข้ามมาหา วันนี้เด็กน้อยมีการบ้านถึงสามวิชา เขาปล่อยให้หลานทำการบ้านไปเงียบๆจุดไหนที่ลูกเจี๊ยบไม่เข้าใจก็จะถามเขาซักครั้งหนึ่ง ลลิตภัทรมองแผ่นหลังบางของศตายุแล้วให้สงสาร เด็กคนนี้เหมือนจะเป็นเด็กร่าเริงและคิดบวกแต่บ่อยครั้งลูกเจี๊ยบมักจะนั่งเหม่อ เขารู้ว่าลูกเจี๊ยบน่ะจริงๆแล้วเป็นเด็กขี้เหงาขนาดไหนเมื่อก่อนลูกเจี๊ยบก็น่าจะติดพ่อมากเหมือนแก้วเจ้าจอม แต่พอแดนดินมีภาระหน้าที่ข้างนอกมากเข้าก็ห่างจากพ่อไปโดยปริยายและพอดีกับที่เขาเข้ามามีบทบาทในชีวิตเจ้าเจี๊ยบน้อยทันเวลาพอดี แดนดินโชคดีเหลือเกินที่ได้ลูกๆที่น่ารักถึงสามคน วัยอย่างเจี๊ยบถ้าจะทำตัวมีปัญหาจริงๆทำไมจะทำไม่ได้ โชคดีเจี๊ยบเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ดีเจี๊ยบรักพ่อแม่และรักตัวเองจึงไม่พาตัวเองไปสู่ที่ต่ำ ชายหนุ่มเดินมายืนด้านหลังหลานแล้ววางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆ ศตายุหันมาเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มหวานให้จนอดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่มนั้นแรงๆเสียทีหนึ่ง

 

                “ฮื้อ...มาจูบหนูทำไมจ๊ะ”เด็กน้อยร้องโอดใส่หันหน้าหนีแต่ก็แอบยิ้ม อาลอชอบทำให้ใจเต้นแรงเจี๊ยบว่าเจี๊ยบจะหัวใจวายตายเอาซักวันหนึ่ง

 

                “ก็หนูน่ารักนี่คะ อาก็อยากจะรักบ่อยๆ”ลลิตภัทรเดินไปนั่งที่ปลายเตียงปล่อยให้เด็กน้อยได้ทำการบ้านจนเสร็จ

 

                “เสร็จแล้วเหรอคะ?”เอ่ยถามเมื่อเห็นศตายุปิดปลอกปากกา

 

                “จ้า”

 

                “งั้นมาหาอาสิคะ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกด้วยสายตาระยิบระยับ ลูกเจี๊ยบลุกแล้วเดินมาหาอย่างไม่อิดออด

 

รู้ว่าอาลอจะเรียกมาทำอะไร แต่ก็เดินมาหาอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรดึงมือของลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตนจนเด็กน้อยนั่งคร่อมเขาด้วยท่าทางล่อแหลม ลลิตภัทรลูบแผ่นหลังบางก่อนจะประคองต้นคอของศตายุแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มราวหิวกระหาย ลลิตภัทรรู้ว่าสิ่งที่ทำกับศตายุไม่ใช่เรื่องดีนัก เหมือนเขาล่อลวงเด็ก ลักกินขโมยกินกับลูกชาวบ้าน แต่เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยซักครั้งที่จะแตะต้องเด็กคนนี้

 

ศตายุเหมือนเป็นของหวานที่เขาใช้เติมพลังยามเหนื่อยล้า ประคองกรอบหน้าของเด็กที่เริ่มจูบเก่งสอดลิ้นเข้าไปรุกรานเกี่ยวกระหวัดรุกล้ำจนคนเด็กตัวสั่น สะโพกตึงเริ่มมีปฏิกิริยาบดเบียดกับหน้าท้องของเขาจนรับรู้ถึงความตึงตัว เพราะยังเด็กจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ศตายุจึงแสดงมันออกมาอย่างชัดเจน ลลิตภัทรไม่เคยล่วงเกินศตายุมากจนถึงขนาดลึกซึ้งขั้นสุดท้ายเขายั้งใจไว้เสมอเพราะเห็นถึงความไม่สมควร

 

เจี๊ยบยังเด็กนักเขาไม่ควรฉวยโอกาสตอนที่เด็กควบคุมอารมณ์ไม่ได้

 

แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังคงมีศีลธรรมอันน้อยนิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ในเมื่อเนื้อนิ่มช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน

 

                “อาลอ...”เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเขาละริมฝีปากออก ความฉ่ำวาวจากน้ำลายเคลือบริมฝีปากแดงเจ่อให้ดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้นเจ้าเจี๊ยบน้อยแก้มแดงปลั่งอย่างเด็กสุขภาพดี

 

                “คะ?”ตอบรับพลางใช้ปลายนิ้วไล้ตามกรอบหน้าไล่ลงไปถึงลำคอของศตายุ เด็กน้อยเอียงหน้ารับพลางสูดลมหายใจลึกด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่านอยู่ภายในกาย สองแขนคล้องคอคนเป็นอาหลวมๆ รอยยิ้มน่ารักถูกมอบมาให้พร้อมคำพูดหวานๆที่ลลิตภัทรไม่เคยเบื่อที่จะฟังเลยซักครั้ง

 

                “หนูรักอาลอนะจ๊ะ”ลลิตภัทรประคองใบหน้าน่ารักนั้นไว้ รอยยิ้มอบอุ่นที่เห็นกี่ครั้งจิตใจก็อุ่นวาบอย่างประหลาดถูกส่งมาให้และศตายุไม่เคยเบื่อที่จะรับมัน

 

รักอาลอ รักมากเหลือเกิน

 

ลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าในชาตินี้ตนเองจะมีความรักที่สวยงามแบบนี้ให้กับใครได้อีก

 

อยากให้อาลอเป็นรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของตนเหลือเกิน...

 

                “อาก็รักหนูค่ะ”คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มหวานมาประดับบนใบหน้าของศตายุได้อีกครั้ง เด็กน้อยกดจูบแผ่วเบาแต่ทว่าลึกซึ้งอ่อนหวานย้ำๆซ้ำๆราวกับจะสลักคำนั้นให้อยู่ที่ริมฝีปากของลลิตภัทรตลอดไป

 

                “พูดว่ารักหนูบ่อยๆนะจ๊ะ หนูชอบฟัง”

 

                “อาจะบอกจนเบื่อเลยล่ะค่ะ อย่ารีบทิ้งอาไปไหนก็แล้วกัน”

 

                “งั้นอยู่ฟังจนกว่าจะตายจากกันเลยเป็นไงจ๊ะ?”เด็กน้อยเอียงคอทำท่าน่ารักจนเขาอดไม่ได้ที่จะพลิกร่างบางให้นอนลงบนเตียง ชายหนุ่มเลิกเสื้อยืดตัวโคร่งของหลานขึ้นไปจนเหนือราวนมแล้วฟัดหน้าท้องของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยวจนเด็กน้อยหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “ถ้าไม่ขาดใจตายก่อนอาก็จะบอกจนกว่าเจี๊ยบจะเบื่อเลยดีมั้ย?”

 

                “ฮื้อ...เลิกฟัดท้องหนูก่อนสิจ๊ะ หนูจั๊กจี้”

 

          “ไม่ให้ฟัดท้องงั้นก็เลือกมาว่าจะให้ฟัดอะไรระหว่างนมกับ....”ลลิตภัทรแกล้งเลื่อนสายตาลงต่ำไปยังกลางกายฝ่ามือร้อนก็ลูบต้นขาเนียนอย่างเร้าอารมณ์เด็กน้อยร้องโวยวายเมื่อคนแก่ไม่ยอมรอฟังคำตอยเลยซักนิด

 

สุดท้ายเขาก็โดนอาลอฟัด”ทั้งตัว”อยู่ดี

 


แล้วจะให้เลือกทำไมจ๊ะ อาลอนี่ขี้โกงจริงๆเลย ให้ตายสิ!!!





 

 

 

            วันนี้แก้วเจ้าจอมมีความสุข ความสุขพุ่งล้นจนแทบทะลุลูกกระเดือกออกมาเลยล่ะจ้าพี่จ๋า ก็วันนี้พ่อกำนันไม่มีงานเลี้ยงข้างนอก แก้วเจ้าจอมเลยกลายร่างเป็นหมอนวดจำเป็นเหยียบหลังให้พ่อกำนันอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

ใครก็ทำไม่ได้อย่างเขาหรอก พ่อกำนันต้องมานอนสยบใต้แทบเท้าทั้งสองของเจ้าจอมแบบนี้เป็นภาพที่หาได้ยากนัก

 

จอมผู้ฆ่ายักษ์

 

ไม่ใช่ยักษ์ทำมะดาด้วยนะจอมจะบอกให้ ก็พ่อกำนันของจอมน่ะ อกผาย ไหล่ผึ่ง หลังตึง กล้ามเป็นมัดๆ มองไกลๆคล้ายลิงกอลิล่าเวลาเดินคู่กับแม่จิ๊บของจอม เหมือนกอลิล่าเคียงข้างแมวเหมียว น่าเกรงขามมาก โตไปเจ้าจอมก็อยากตัวใหญ่เหมือนกรูปรีแบบนี้บ้าง จอมไม่อยากเป็นลิงเดี๋ยวจะไปทับทางพ่อกำนันจ๋าซะก่อน

 

            “เอ้อ....ดีมาก ตรงนั้นแหละลูก ลงส้นเลย”แดนดินร้องครางอย่างพอใจเมื่อเจ้าจอมเหยียมโดนตรงจุดที่ปวดตึง แก้วเจ้าจอมจัดการขยี้เส้นอย่างรู้ใจ เนี่ย ไม่อยากจะคุย ในบรรดาสามคนพี่น้องน่ะ เจ้าจอมนวดเก่งที่สุด จิ๊บที่ทำกับข้าวเสร็จแล้วก็เดินนำจันทร์เจ้าขาออกมาจากในครัว ในมือมีกับข้าวหอมฉุยวางลงบนโต๊ะ 3-4 อย่าง

 

            “เจ้าเจี๊ยบไปไหนซะล่ะจิ๊บ ตั้งแต่พี่ออกมาจากห้องยังไม่เห็นลูกเลย”

 

            “ข้ามไปบ้านลอน่ะจ้าพี่”จิ๊บตอบอย่างไม่คิดอะไรทว่าคนเป็นพ่อทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มุ่งมั่นกับการเหยียบหลังถึงกับลอยละลิ่วหล่นมาจากหลังจนตูดกระแทกกับกระดานเรือนเสียงดังสนั่นจนจิ๊บคิดว่ากระดูกตูดของลูกชายจะหัก

 

            “ทำอะไรเนี่ยพี่ดิน ลูกหล่นเลยเห็นมั้ย” เจ้าจอมเมื่อเห็นแม่เข้ามาลูบหัวลูบตูดก็ให้สำออยทำร้องโอดโอยราวกับว่าเจ็บนักเจ็บหนา

 

            “อูย...เจ็บตูดจังเลยจ้าแม่จ๋า”

 

            “ไปๆ ลุกไปนั่งที่โต๊ะไป”จิ๊บไม่ได้เอ่ยปลอบลูกเพราะรู้ถึงมารยาเจ้าน้องน้อยของบ้านดีว่าได้พ่อมาขนาดไหน เจ้าจอมยู่หน้าเล็กน้อยอย่างขัดใจ

 

ดูเถอะ เล่นใหญ่รัชดาลัยขนาดนี้แล้วนะแม่จ๋ายังไม่โอ๋ปลอบซักนิด

 

ใจดำหยั่งก๊ะอีกาช่างเหมาะสมกับพ่อกำนันนัก สมกันเหมือนกอลิล่ากับอีกา เฮ๊อะ

 

เด็กน้อยคลำตูดป้อยๆแล้วไปนั่งประจำที่ของตัวเอง จันทร์เจ้าขาแลบลิ้นเย้าน้องเล็กอย่างนึกขำจนแก้วเจ้าจอมยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่ เห็นทีข้าวเย็นวันนี้ไม่อร่อยเสียแล้ว รู้งี้ตามพี่เจี๊ยบไปเล่นบ้านอาลอดีกว่า

 

ไปเก็บผ้าเก็บผ่อนหนีไปหาอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ

 

            “ไปทำอะไรบ้านมันบ่อยๆ เย็นย่ำไม่กลับมากินข้าวกินปลา”แดนดินเสียงตึงอย่างไม่พอใจ คนอย่างไอ้ลอ เจ้าคิดเจ้าแค้นล่ะที่หนึ่ง แถมวันก่อนยังพูดจาสื่อความนัยให้ได้ขบคิดจนจิตใจห่อเหี่ยว

 

ดูทีมันคงเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกๆของเขาเพื่อจะเป็นสะพานข้ามมาหาจิ๊บแน่ๆ

 

            “ลูกจะสอบแล้วเลยต้องไปติวน่ะ พี่เป็นอะไรอีกล่ะนี่มาชักสีหน้าใส่ฉันทำไม”จิ๊บเอ็ดสามีอย่างอ่อนใจเมื่อแดนดินทำหน้างอเป็นจวักหัวคิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แดนดินรู้ตัวว่าทำกริยาไม่งามใส่ภรรยาก็รีบคลายปมคิ้วแล้วยิ้มใส่อย่างประจบ แม้ดูเหมือนเขาจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนี้ แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนที่กุมอำนาจสูงสุดน่ะคือใคร

 

            “เปล่าจ้าจิ๊บ พี่ไม่ได้ชักสีหน้าใส่จิ๊บเลยนะจ๊ะ พี่แค่ไม่ชอบใจที่ลูกเราไปสนิทกับไอ้ลอ แถมเย็นแล้วยังไม่กลับมากินข้าวกินปลา มันรบกวนบ้านนู้นเขา”

 

            “ก็ลูกมันจะสอบแล้ว วิชาที่ลูกเรียนจิ๊บก็สอนไม่เป็น พี่ดินเองก็เถอะไม่รู้จะสอนได้มั้ย ลอเค้าเก่งอีกอย่างบ้านนู้นก็รักเจ้าเจี๊ยบ นี่ลูกมันก็โทรมาบอกว่าป้าแกชวนกินข้าวด้วย เจี๊ยบมันโตแล้วมันรู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร”

 

            “แต่ยังไงพี่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับไอ้ลออยู่ดี มันจะมาดีมาร้ายยังไงก็ไม่รู้เกิดมันมากเล่ห์เพทุบายขึ้นมาหลอกใช้ลูกเพื่อมาหา...”

 

            “พี่ดิน!!!”ยังไม่ทันจะพูดจบจิ๊บก็เอ็ดเข้าให้จนแดนดินต้องรีบหุบปาก ตวัดตามองภรรยาก็พบว่าจิ๊บจ้องมาตาเขียวปั๊ด เป็นนางสุวรรณมาลีอยู่ดีๆแท้ๆไหงจิ๊บกลายร่างเป็นนางผีเสื้อสมุทรไวจังล่ะจ๊ะถึงแม้กายพี่จะบึกบึนดั่งหินผาแต่ใจพี่นั้นบางยิ่งกว่ากระดาษ จิ๊บหันกลับไปมองลูกๆที่ช่วยกันตักข้าวแล้วก็หันมาค้อนสามีอีกวงใหญ่ หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นทำเพียงเดินไปรินน้ำใส่แก้ววางให้แต่ละคนเงียบๆ

 

เกิดบรรยากาศอึมครึมราวกับมีมนต์ดำครอบคลุมหลังคาเรือเสียอย่างนั้น

 

อยู่กินกันมานานจนจะ 17 ขวบปีอยู่แล้วแดนดินยังไม่เลิกคิดเรื่องที่ว่าลลิตภัทรจะกลับมาแย่งตนกลับไป

 

เป็นสาวอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้นที่อยู่กันมานานนมจนลูกเต้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วผัวยังรักผัวยังหลงแต่ไม่ใช่กับจิรนันท์ หล่อนรู้ดีว่าลลิตภัทรนั้นหาได้มีจิตพิศวาสกับตนเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว หล่อนเชื่ออย่างนั้นเพราะยามที่ได้พูดคุยกันสายตาของลลิตภัทรไม่เหมือนเมื่ 16 ปีก่อนแม้แต่น้อย

 

จริงอยู่ว่าลลิตภัทรนั้นมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ลลิตภัทรนั้นเมื่อตัดใจหรือไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจแล้วเขาก็พร้อมที่จะโบนความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่แบกมาตลอดสิบกว่าปีทิ้งไป

 

มีแต่ผัวของหล่อนนี่แหล่ะ อาจเพราะมีชนักติดหลังแดนดินถึงระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะโดนอดีตเพื่อนรุ่นน้องมาทวงคืน

 

ไฟมันมอดจนเหลือเพียงขี้เถ้าแล้วก็ยังมิวายจะคิดมาก

 

คิดมากไม่พอยังพูดมากจนเกือบหลุดเรื่องนั้นออกมาให้ลูกๆรู้อีก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกร่อยกว่าทุกครั้งที่แดนดินอยู่บ้าน แม่จิ๊บนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว บางครั้งก็ตักกับข้าวที่รสไม่จัดให้เจ้าจอม ส่วนเจ้าขานั้นนานๆจะตอบคำถามของพ่อเรื่องการเรียนรวมทั้งของที่อยากได้ซักที เด็กสาวไม่ได้เป็นคนพูดมากอยู่แล้ว

 

รู้งี้ตั้งชื่อให้ชื่อพิกุลทองก็ดี

 

หลายครั้งแดนดินก็มีความคิดแบบนี้ในหัว ส่วนเจ้าจอมเมื่อเห็นพ่อกับแม่ตึงๆใส่กันเด็กน้อยผู้อยู่เป็นก็เลยพลอยเงียบไปกับเขาด้วยจนจบมื้ออาหารนั่งดูทีวีกันแบบอึมครึม กินของว่างกันแบบอึมครึม สามทุ่มก็เลยแยกย้ายกันเข้าห้องอย่างอึมครึมเช่นกัน

 

บรรยากาศน่าอึดอัดนัก ยิ่งเข้ามาในห้องแล้วจิ๊บก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำโดยไม่พูดไม่จาด้วยกับสามี แดนดินได้แต่นั่งจ๋อย กะว่ารอให้ภรรยาอาบน้ำอาบท่าให้ใจเย็นลงก่อนเขาก็จะง้องอนเสียหน่อยเมื่อจิรนันท์อาบน้ำเสร็จนุ่งเพียงกระโจมอกออกมาหญิงสาวก็ไปนั่งทาครีมทาแป้งที่โต๊ะเครื่องแป้ง

 

และเช่นเดิม

 

หล่อนกลายเป็นพระเตมีย์ใบ้ไม่พูดไม่จากับสามี แดนดินคว้าผ้าโสร่งเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ระหว่างอาบน้ำก็คิดคำพูดดีๆไว้ขอโทษภรรยา เขารู้ดีว่าพลั้งปากจนเกือบพูดเรื่องอดีตให้ลูกได้ยินแต่จิ๊บเองก็ไม่เห็นต้องโกรธออะไรแบบนี้เลยนี่นา ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิจะมาตะบึงตะบอนแง่งอนเขาไปทำไม นานนับสิบนาทีที่กำนันหนุ่มอาบน้ำล้างเหงื่อไคล เมื่ออกมาจากห้องน้ำจิรนันท์ก็ยัดของใส่มือแดนดิน เมื่อหลุบตาลงมองก็พบกับหมอนและผ้าห่ม

 

            “โธ่...จิ๊บจ๋า...”ผัวหนุ่มร้องโอดเมื่อรู้ว่าคืนนี้ที่นอนของเขาไม่ใช่เตียงนุ่ม หมอนข้างใบใหญ่ถูกวางทับลงมาอีกใบ กอดคืนนี้ก็ไม่ใช่เนื้อนุ่มๆอุ่นๆอีกต่างหาก

 

            “พี่ผิดไปแล้วจ่ะเมียจ๋า หายโกรธหายงอนพี่เถอะนะ”แดนดินทิ้งผ้าห่มกับหมอนลงพื้นแล้วคว้าร่างบอบบางของเมียรักมาไว้ในอ้อมกอด กลิ่นแป้งหอมที่จิ๊บมักปะพรมตัวก่อนนอนรัญจวนใจยิ่งนัก แดนดินคิดว่าจิ๊บนั้นคงจะไม่ได้โกรธขึงอะไรตนนักก็คิดว่าจะใช้มุกคลุกวงในแบบที่เคยทำ ปลายจมูกโด่งเตรียมฝังลงบนเนื้อนวลหากแต่จิ๊บกลับดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนของสามี

 

            “ผิดแต่ไม่คิดว่าจะปรับปรุง เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะพี่ดิน จิ๊บบอกแล้วว่าระหว่างจิ๊บกับลอมันไม่มีทางกลับไปคบกันได้อีกแต่พี่ก็ยังจัรื้อฟื้น พี่ก็รู้ว่าจิ๊บไม่อยากให้ลูกๆด้มารับรู้ว่าเมื่อก่อนจิ๊บกับลอเคยคบกัน เมื่อไหร่พี่จะรู้จักปล่อยวางซักที ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองบ้านก็ดีขึ้นไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจแบบเมื่อก่อนมันไม่ดีหรอกเหรอ”

 

            “ก็พี่รักจิ๊บรักลูกนี่จ๊ะ พี่ถึงไม่อยากให้ไอ้ลอมันมายุ่งกับพวกเราอีก รู้มั้ยวันก่อนมันพูดอะไรกับพี่มันบอกว่าถ้าพี่ดูแลลูกเมียไม่ดีมันจะมาทำแทนแบบนี้จะไม่ให้พี่ระแวงมันได้ยังไง”

 

            “ลอเขาเข้ามาพูดกับพี่เองแบบนั้นเลยเหรอ?”คราวนี้แดนดินอึกอัก สายตาเลิ่กลักเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบในส่วนนี้มา ถ้าหากบอกว่าเขาเป็นคนเดินเข้าไปหาเรื่องลลิตภัทรก่อนเห็นทีคงไม่ใช่แค่นอนนอกห้องแต่จิ๊บคงไล่ออกจากบ้านเป็นแน่แท้

 

            “เอ่อ...คือ..โธ่ จะพูดยังไงตอนไหนก็ช่างเถอะแต่คือมันพูดไงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”

 

            “พูดจบแล้วใช่มั้ยพี่ดิน”จิ๊บไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไรหญิงสาวทำเพียงถามเสียงเรียบ แดนดินรีบยิ้มประจบ

 

            “จบแล้วจ้าเมียจ๋า”

 

            “จบแล้วก็ออกไปจิ๊บจะนอน”แดนดินหน้าจ๋อยลงไปทันทีก่อนจะเดินตัวลีบถ้าค้อมหลังผ่านจิ๊บได้แบบที่เดินผ่าผู้อาวุโสกว่าแดนดินก็คงทำไปแล้ว

 

ไม่มีประโยชน์ที่จะดันทุรังในยามที่จิ๊บกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะจะยิ่งทำให้เมียรักโกรธมากขึ้นไปอีก ประตูห้องนอนถูกปิดและลงกลอนจนเสียงดังออกมาด้านนอก แดนดินทำหน้าปลงตกก่อนจะคิดว่าคืนนี้จะเอายังไงดี อากาศในเดือนมกราคมหนาวจับกระดูกเสียอย่างนี้ก็พอดีกับลูกชายคนโตเดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมกระเป๋านักเรียนที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ วันนี้เป็นวันที่ศตายุกับอาลอติวหนังสือกันจริงๆ มีเพียงจูบส่งท้ายก่อนจะพาเขามาส่งที่ท่าน้ำนั่นแหละ อาลอให้เหตุผลที่ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความมีเหตุผลความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของอาลอว่า

 

            “อาอยากให้หนูโฟกัสกับเรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง แยกว่าอะไรสำคัญก่อนหลังให้ได้นะคะ อามีเวลารักหนูทั้งชีวิตเลยตอนนี้ต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบก่อน สอบเสร็จอาจะให้รางวัลนะคะ”นั่นแหละเจี๊ยบน้อยถึงไม่งอแงหรือคิดฟุ้งซ่าน

 

            “อ้าวพ่อ ทำไมหอบหมอนหอบผ้าห่มออกมาล่ะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยทักพ่อที่เดินหน้าแห้งออกมา

 

            “ทะเลาะกับแม่เหรอจ๊ะ”มีไม่กี่อย่างหรอกที่พ่อกำนันจ๋าจะต้องระเห็จออกมานอนนอกห้อง

 

            “อืม  แล้วนี่ทำไมกลับซะมืดค่ำล่ะเจี๊ยบ?”กำนันถามลูกชายเมื่อเหลือบไปมองเวลาที่ลูกกลับเข้าบ้าน เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้วลูกชายเพิ่งถึงบ้าน

 

            “มีบางวิชาหนูไม่ค่อยเข้าใจน่ะจ้าเลยช้าหน่อยอาลอไม่อยากสอนอัดเลยต้องค่อยเป็นค่อยไป”ลูกเจี๊ยบเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายจนแดนดินนึกหมั่นไส้ไอ้เจ้าของชื่อนั้น ลมหนาวพัดเรื่อมาจนทำให้ขนอ่อนบนกายลุกลูกเจี๊ยบกอดอกตัวเองโดยอัตโนมัติ

 

            “น้องว่าพ่อไปนอนห้องน้องก็ได้จ้า อย่านอนข้างนอกเลย หนาวจะตาย”ลูกเจี๊ยบช่วยพ่อถือเครื่องนอนแล้วเดินนำเข้าห้องของตัวเองไปให้พ่อนอนบนเตียงส่วนตัวเองเอาฟูกสำรองมาปูข้างเตียง

 

            “พ่อนอนไปก่อนเลยนะจ๊ะเดี๋ยวน้องอาบน้ำก่อน”

 

            “อืม อาบเร็วๆนะลูกอากาศมันหนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัดไม่สบาย ถ้ายังไม่ง่วงพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

            “ได้จ้างั้นพ่อรอน้องแป๊บน้องอาบไม่นานเดี๋ยวน้องมา”ลูกเจี๊ยบฉวยชุดนอนและผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ เสียงฝักบัวดังออกมาแว่วๆ แดนดินตั้งใจแล้ว ในเมื่อพระลอเข้าทางลูกๆของเขา เขาก็จะเป่าหูลูกๆด้วยการเล่าอดีตอันแสนขมขื่นให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

นี่ล่ะบทลงโทษของมึงที่ทำให้กูโดนเมียไล่ออกมานอนนอกห้อง

 

 

...................................

ปิดจองเล่มพรุ่งนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๘ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 29-11-2018 21:36:49
คิดเรื่องไม่ดีอีกแล้วรึ?พ่อกำนันของลูกเจี๊ยบ
นี่จะแกล้ง(ว่าที่)ลูกเขยตัวเองเลย
 :angry2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๘ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-11-2018 23:40:07
 :laugh:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๙ ๓o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 30-11-2018 10:21:58
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๙






          “พ่อกำนันมีอะไรจะคุยกับน้องเหรอจ๊ะ”หลังจากผัดหน้าทาแป้งจนกลิ่นกายหอมฟุ้งด้วยแป้งเด็กจอห์นสันลูกเจี๊ยบน้อยในชุดนอนหลวมๆก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงข้างๆผู้เป็นพ่อ แดนดินมองใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของลูกที่ได้เชื้อแม่มาเต็มๆอย่างรักใคร่

 

            “ลูกพ่อโตถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ยเหมือนพ่อไม่เห็นเจ้าไม่กี่วันก็โตขึ้นเป็นกอง”คนเป็นพ่อไม่ได้ตอบคำถามลูกหากแต่กลับดึงลูกชายให้มานอนหนุนแขนลูบผมนุ่มของลูกชายอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าถ้าเผลอลูบแรงไปหัวลูกจะหลุดกระเด็น

 

            “ก็น้องอายุจะ 16 อยู่วันสองวันนี้แล้วนี่จ๊ะ”ลูกเจี๊ยบพูดกับพ่อเสียงอ่อนเสียงหวาน สวมกอดร่างหนาของพ่อพลางขายาวก็กอดก่ายเสียเต็มรัก

 

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้กอดๆไม่ได้อ้อนพ่อเหมือนเด็กเล็กๆอย่างนี้ อยู่ๆภาระหน้าที่ของพ่อกำนันจ๋าก็มาพรากความผูกพันใกล้ชิดที่เคยมีออกไปจากกัน แดนดินมองลูกชายที่ดุ๊กดิ๊กใกล้ๆแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู

 

          “ลูกพ่อโตแล้วจับขี่คอไม่ได้แล้ว”

 

            “ถ้าพ่อเอาน้องขี่คอเหมือนตอนเป็นเด็กน้อยน้องว่าพ่อกำนันจ๋าคงคอหักตายไม่ทันได้อยู่ดูน้องรับปริญญาแน่ๆเลย”

 

            “เจี๊ยบรู้มั้ย ในบรรดาลูกๆสามคนเจี๊ยบหน้าตาคล้ายแม่มากที่สุด เหมือนจนพ่อไม่อยากให้เจี๊ยบไปสนิทสนมกับไอ้ลอมันมากนัก”ลูกเจี๊ยบเหลือบตาขึ้นมามองพ่ออย่างไม่เข้าใจ

 

            “ทำไมล่ะจ๊ะ?”เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างสงสัยตกลงไปในหลุมที่พ่อขุดเข้าเต็มเปา ดวงตากลมใสนั้นมีเครื่องหมายคำถามฉายชัดอยู่ข้างใน

 

            “พ่อกลัวว่าที่ไอ้ลอมันมาทำตัวสนิทสนมกับลูกความจริงแล้วมันกำลังคิดไม่ซื่อ”ลูกเจี๊ยบรู้สึกชาวูบไปทั้งร่าง ความระแวงผุดเข้ามาในหัว

 

หรือพ่อกำนันจ๋าไปรู้อะไรมา?

 

พ่อกำนันรู้ว่าลูกเจี๊ยบแอบคบกับอาลอเหรอ?

 

            “พ่อกลัวว่ามันจะเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกเพื่อจะเขี่ยถ่านไฟเก่าระหว่างมันกับแม่ของเรา”

 

            “ห๊ะ?!”เด็กน้อยดีดตัวขึ้นนั่งใบหน้านวลซีดจนเห็นได้ชัด

 

หูฝาด...เจี๊ยบว่าเจี๊ยบต้องหูฝาดแน่ๆ

 

ถ่านไฟเก่าหมายความว่ายังไงอ่ะ? ตอนนี้ระบบคิดคำภาษาไทยของเจี๊ยบรวนชั่วคราว

 

            “จริงๆพ่อก็ไม่อยากให้ลูกๆต้องมารับรู้เรื่องนี้แต่เพราะไอ้ลอมันเข้าใกล้ครอบครัวของเรามากเกินไป เจี๊ยบโตแล้วดูแลน้องๆได้พ่อถึงไว้ใจที่จะเล่าให้เจี๊ยบฟัง”แดนดินยังอารัมบทต่อโดยไม่รับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของลูกเลยซักนิด

 

            “มีเรื่องอะไรกันเหรอจ๊ะพ่อจ๋า น้องงงไปหมดแล้ว”ดวงตาเลิ่กลั่กสับสนอย่างเด็กที่อยากรู้ก็อยากรู้กลัวความจริงรึก็กลัวแต่ความอยากรู้กลับมีพลังมากกว่าจึงกลั้นอกกลั้นใจถามออกไป ฝ่ามือชื้นแฉะเพราะไม่รู้ว่าเหงื่อซึมออกมาได้ยังไงทั้งๆที่ห้องก็ไม่ได้ร้อนเลยซักนิด อากาศด้านนอกทวีความหนาวเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ศตายุเองก็ไม่มั่นใจว่าอากาศหรือใจของเขากันแน่ที่ทำให้หนาวจนต้องกอดตัวเองไว้

 

หากแต่แดนดินกลับไม่รู้ คนเป็นพ่อนึกโห่ร้องในใจเมื่อเห็นว่าลูกมีท่าทางสนอกสนใจเรื่องที่จะเล่า

 

เขาจะดึงลูกเมียกลับมาเป็นฝ่ายตนให้ได้

 

ไอ้ลอไม่มีตัวตนมา 16 ปี ก็ควรที่จะไม่มีต่อไป ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยต้องกลัวใครจะมาแย่งลูกแย่งเมียไปซักนิด พอมันกลับมาอยู่บ้านมันก็ค่อยๆดึงของมีค่าที่สุดในชีวิตของเขาไปตอนนี้เขาแค่จะดึงกลับมาเพราะมันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาจะต้องตอกไข่ใส่สีซักนิดคงไม่เป็นไรหรอก

 

ใครๆเขาก็ทำกัน

 

บางครั้งการมีอายุมากขึ้น หน้าที่การงานดีก็ไม่ได้หมายความว่าคนเราจะทำเรื่องดีๆฉลาดๆได้เสมอไป แดนดินในตอนนี้ไม่มีสติยั้งคิดอะไรทั้งนั้น เขาไม่อยากให้ลลิตภัทรกลับเข้ามามีบทบาทในชีวิตของจิ๊บจนลืมไปว่าสิ่งที่ทำไปนี้ไม่เพียงแต่ไม่ไว้ใจลลิตภัทร หากแต่ไม่ให้เกียรติภรรยาที่ไม่เคยประพฤติชั่วออกนอกลู่นอกทางให้ต้องเหนื่อยใจ



ผู้ใหญ่บางคนก็โง่อย่างไม่น่าให้อภัยอย่างเช่นแดนดินในตอนนี้ที่ปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวบดบังความดีที่มีมาไปเสียสิ้น



ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่ประคองครอบครัวไว้ให้อบอุ่นเหมือนเดิมโดยไม่สนว่าจะต้องกล่าววาจาให้ร้ายหรือทำให้ชีวิตของลลิตภัทรต้องยุ่งยากหรือแปดเปื้อนถึงเพียงไหน



            “เมื่อก่อนตอนแม่กับพ่อจะแต่งงานกันไอ้ลอมันชอบแม่อยู่”ประโยคบอกเล่าเปิดเนื้อเรื่องก็ทำให้ใจของลูกเจี๊ยบห่อเหี่ยวไปเกินครึ่ง

 

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆว่าอาลอต้องเคยชอบแม่ บรรยากาศแปลกๆตอนไปกินพิซซ่ากลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง

 

            “แล้วยังไงจ๊ะ?”

 

            “ย่าโฉมกับยายไพเป็นเพื่อนรักกัน มีลูกไล่เลี่ยกันนั่นก็คือไอ้ลอกับแม่จิ๊บสองคนนี้โตมาด้วยกันไอ้ลอแอบรักจิ๊บมาตั้งแต่เด็กๆ“แดนดินทิ้งระยะให้เรื่องน่าตื่นเต้น และก็เป็นดังคาด ศตายุกำผ้าห่มแน่น

 

ลูกตื่นเต้นแล้วเว้ย...จะใส่สีตีไข่ไปสักหน่อยคงไม่เป็นไร ขอแค่ลูกไม่โดนไอ้ลอหลอกก็พอ

 

            “มันเที่ยวบอกใครต่อใครว่าแม่จิ๊บเป็นแฟนมันจนกระทั่งแม่มาเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่อ เราสองคนเลยรักกัน แล้วก็ทำเรื่องพลาดพลั้งไปตอนแม่ยังไม่จบ ม.3 ดี”เรื่องนี้เจี๊ยบรู้ดี แม่มีเจี๊ยบตั้งแต่ 14-15

 

            “หลังจากนั้นพ่อเลยบอกให้ปู่มาสู่ขอแม่ตกแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณี ตอนนั้นแม่ตั้งท้องเจี๊ยบแล้วพ่อกับแม่เอาการ์ดไปให้ปู่ลิตกับย่าโฉมแต่เจอมันนอนอยู่ใต้ถุนบ้าน ไอ้ลอโกรธพ่อกับแม่มากจำได้ว่ามันด่าแล้วก็ต่อยพ่อ พอแม่เข้ามาห้ามมันก็ผลักจนแม่ล้ม ถ้าแม่ล้มไปโดนอะไรกระแทกท้องป่านนี้พ่อคงไม่ได้ลูกที่น่ารักๆอย่างเจี๊ยบ มันจงใจจะทำให้แม่แท้งลูก”ลูกเจี๊ยบใจหล่นไปอยู่ที่ใดแล้วก็ไม่รู้ในตอนนี้ เด็กน้อยนิ่งฟังสิ่งที่พ่อเล่าโดยไม่เอ่ยขัด

 

อาลอคงรักแม่จิ๊บมากถึงขั้นรับไม่ได้เมื่อรู้ว่าแม่ท้องตนเอง

 

ใจร้ายจนถึงขั้นทำร้ายแม่หวังให้แม่แท้ง  หากวันนั้นโชคร้ายลูกเจี๊ยบคงไม่ได้มีชิวิตมานั่งฟังเรื่องนี้ในตอนนี้

 

ผิดหวัง...คลื่นความผิดหวังถาโถมซัดเข้ามาในใจเด็กน้อยหากเปรียบศตายุเป็นเรือตอนนี้เขาก็กลายเป็นซากไม้ที่ลอยท่ามกลางพายุดุดันนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

อาลอใจร้ายเหลือเกิน...

 

            “หนู...หนูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาลอจะร้ายขนาดนั้น”

 

            “หลังจากนั้นมันก็เข้าไปเรียนที่กรุงเทพแล้วไม่กลับมาอีกเลย เพราะมันหักอกหักใจจากแม่ของลูกไม่ได้ อยู่ๆมันกลับมา แถมทำเหมือนอดีตที่มันหนีหายไป 16 ปีไม่มีอะไร ลูกไม่คิดว่ามันแปลกหรือ คนอย่างมันเจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าแผนการ อยู่ๆมาตีสนิทกับลูกเพราะอะไร วันแรกที่มันกลับมามันยังทำตัวไม่ดีใส่พ่ออยู่เลย แม่เขาเป็นรักแรกของมัน รักครั้งแรกมันไม่มีทางเลือนหายไปจากใจหรอก พ่อถึงกลัวว่ามันจะหลอกใช้ลูกๆเพื่อกลับมาแย่งแม่ไป”หลังจากนั้นพ่อพูดอะไรลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ยินเสียแล้วความผิดหวังความเสียใจสาดซัดเข้ามาจนหูอื้อไปหมด ลูกเจี๊ยบเจ็บเหมือนมีใครมาบีบหัวใจจนแหลกเป็นผุยผง  เมื่อเป่าหูลูกเสร็จตามตั้งใจแล้วคนเป็นพ่อก็ชักชวนให้ลูกนอน ลูกเจี๊ยบเดินไปปิดไฟในห้องด้วยท่าทางเซื่องซึมราวกับวิญญาณนั้นได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว

 

ใจของเด็กน้อยชาดิกไปหมด มันพังราวบล็อคไม้ที่ถอดผิดอันจนถล่มลงมาทั้งตั้ง ล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ปูบนพื้นหากแต่ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยซักนิด คำพูดของพ่อวนเวียนย้ำๆซ้ำๆอยู่ในหัว

 

คืนนี้ช่างเป็นการข่มตานอนที่ยากลำบากเสียเหลือเกิน เด็กน้อยขดตัวราวกับกลัวว่าจะมีใครมาทำร้าย

 

ดวงจันทร์นอกหน้าต่างสวยนัก หากแต่ดวงตาของเด็กน้อยกลับเอ่อนองด้วยหยดน้ำ

 

การกลั้นไม่ให้เสียงสะอื้นดังทั้งๆที่ตนเองกำลังร่ำไห้แทบขาดใจนั้นยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทั้งมวลที่ลูกเจี๊ยบเคยทำมา

 

อาลอไม่ได้รักเจี๊ยบจริงตามที่พ่นคำรักหวานหูทุกเมื่อเชื่อวันหรอกหรือ

 

ที่ผ่านมาเพียงหลอกใช้เขาเป็นสะพานสร้างความสัมพันธ์ครั้งก่อนเก่ากับแม่

 

ทุกสิ่งที่เคยกล่าวมาเป็นเพียงลมลวงของคนปลิ้นปล้อน

 

ใจร้ายเหลือเกิน...เจ็บมากเพราะรักมาก บัดนี้ลูกเจี๊ยบน้อยถูกพิษรักเล่นงานจนแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

 

หากไม่ได้รักใคร่ชอบพอจริงดั่งที่เคยเอื้อนเอ่ยคำหวานก็อย่ามาหลอกกันให้ใจช้ำ

 

คิดจะมาเหยียบเป็นสะพานเพื่อข้ามกลับมาหาแม่ก็จงรู้เสียเถอะว่าเจี๊ยบจะไม่ตกหลุมพรางของอาลออีกต่อไป

 

ต่อไปนี้จะไม่ไปให้เห็นหน้า ขอตัดคนใจร้ายใจดำออกไปจากชีวิตนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

 

จะไม่มีใครมาแย่งแม่จ๋าออกไปจากพ่อกำนันและเขาสามคนพี่น้องได้เป็นอันขาด

 

            วันนี้ลูกเจี๊ยบตื่นสายเพราะกว่าจะหลับก็เกือบสว่าง ตื่นมาพ่อก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ด้านนอกเสียงแม่กับน้องคุยกันดังแข่งกับทีวีมาแว่วๆ ลูกเจี๊ยบลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตาที่บวมเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเมื่อคืน

 

อยากให้สิ่งที่ได้ยินเป็นความฝันแต่ศตายุก็รู้ดีว่านั่นคือเรื่องจริงแม้จะตื่นนอนเต็มตาแล้วแต่หัวใจก็ยังไม่หายเจ็บ

 

โทรศัพท์ที่วางไว้ใต้หมอนหนุมสั่นเตือนข้อความไลน์ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พอว่าลลิตภัทรส่งข้อความมาปลุก สติ๊กเกอร์น่ารักๆที่ใช้ส่งให้กันถูกส่งมารัวๆ

 

          “ตื่นหรือยังคะ”

 

          “อาคิดถึง”

 

          “วันนี้จะมาหาอากี่โมง?”

 

          “คิดถึงหนู อยากกอดหนู วันนี้ไปตลาดนัดกันมั้ยคะอาจะพาไป”

 

          “ถ้ายังไม่ได้กินข้าวมากินที่บ้านอาก็ได้นะ วันนี้แม่ทำแกงจืดลูกรอกหนูน่าจะชอบ”

 

หากเป็นเช่นทุกวันลูกเจี๊ยบคงดีใจที่อาลอทักมาตอนเช้าแล้วตนเองก็จะรีบส่งตอบกลับไป แต่วันนี้มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ลูกเจี๊ยบอ่านประโยคบอกรักบอกคิดถึงด้วยดวงตาที่สั่นไหว

 

อย่าร้องไห้...

 

เขาไม่ได้รักเราจริงก็อย่าไปเสียใจ...

 

บอกตัวเองซ้ำๆ พยายามทำตัวให้เข้มแข็ง

 

แต่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเป็นแค่เด็กน้อย ความผิดหวังเสียใจในครั้งนี้มากมายเสียเหลือเกิน ไม่มีใครอยากถูกคนที่รักและยอมมอบใจให้หักหลัง

 

เจ็บยิ่งกว่าตอนไปบอกเลิกคบกับไอ้อ๋องเสียอีก เด็กน้อยนั่งร้องไห้จนขี้มูกโป่ง ปาดน้ำตาทิ้งป้อยๆใช้หลังมือขยี้จมูกยามหายใจไม่ออกจนจมูกแดง นิ้วเรียวค่อยๆกดบล็อกไลน์ของลลิตภัทร

 

พอกันที...จะไม่เชื่อคำหวานจากคนใจร้ายคนนี้อีกต่อไป









 

            “ชะเง้อมองอะไรนักหนาวะไอ้ลอ”พระลักษณ์เอ่ยถามน้องชายเมื่อเห็นพระลอเอาแต่ชะเง้อบ้างก็หันไปมองตรงท่าน้ำบ่อยๆ

 

            “แปลก”คนน้องไม่ได้ตอบคำถามพี่ชายที่นั่งทำเสียงอ้อแอ้แข่งกับลูกชายหากแต่พึมพำคล้ายบ่นกับตัวเองเสียมากกว่า



            “แปลก? อะไรแปลกวะ?”

 

            “ปกติเจี๊ยบต้องข้ามมาแล้ววันนี้ทำไมยังไม่มาวะพี่มึง ก็นัดกันแล้วว่าวันนี้จะติวคณิตกับเคมี”พระลักษณ์ทำเสียงอ่อในลำคอ ที่แท้ลูกศิษย์ไม่ข้ามมาเรียนพิเศษเลยหงุดหงิดงุ่นง่านนี่เอง

 

ไม่ยักกะรู้ว่าไอ้ลอมันมีความเป็นครูสูงขนาดนี้ ตะก่อนนอกจากเด็กนั่งดริ๊งค์เด็กเอ๊าะๆก็ไม่เห็นมันจะสนใจใคร

 

            “พ่อมันอยู่บ้านมั้งวันนี้ ปกติถ้าพ่อมันอยู่เจี๊ยบกับเจ้าจอมก็ไม่ข้ามมาหรอก”พระลักษณ์ตอบตามความเป็นจริง ปกติถ้าแดนดินอยู่บ้านลูกๆก็จะขลุกอยู่กับพ่อแม่ทั้งวันทำนู่นทำนี่ด้วยกันก็จะไม่ข้ามมาบ้านเขา

 

แต่พระลอรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น

 

ศตายุไม่ตอบไลน์ ตอนแรกก็ยังขึ้นอ่านข้อความหลังๆไร้การเคลื่อนไหวเหมือนเขาโดนเด็กน้อยบล็อก?

 

ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลรบกวนจิตใจของลลิตภัทรไปตลอดวัน แม้ช่วงบ่ายจะขับรถพาพ่อกับแม่ไปทำธุระในเมืองได้พากันไปกินอาหารที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆก็ไม่ทำให้ลลิตภัทรอารมณ์ดีขึ้นมาได้ ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบหลายครั้ง ตอนแรกไม่รับ ต่อมาตัดสาย สุดท้ายปิดเครื่อง

 

มันไม่ปกติ...สำหรับเด็กที่ติดเขาแบบเจี๊ยบการตัดสายแล้วปิดเครื่องใส่แปลว่าเขาต้องไปทำอะไรให้ลูกเจี๊ยบโกรธและงอน ซึ่งลลิตภัทรมั่นใจว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย เมื่อคืนก่อนกลับก็ยังดีๆคุยเล่นนัดแนะกันว่าวันนี้จะติวอะไรกันบ้างเสร็จแล้วอาจจะออกไปหาอะไรทำเพื่อคลายเครียด อยากจะบุกไปคุยถึงที่บ้านแต่ถ้าแดนดินอยู่ก็ไม่สะดวกอยู่ดี รายนั้นยังคงจงเกลียดจงชังเขาอยู่ ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด พอกลับถึงบ้านชายหนุ่มก็ขอตัวเข้าห้องแล้วไม่ออกมาอีกเลย

 

วันจันทร์ผ่านไป ลูกเจี๊ยบไม่ข้ามมาหา เขาเองก็ยุ่งกับงานนอกบ้านทั้งวัน

 

วันอังคารลลิตภัทรต้องไปกินเลี้ยงกับพ่อกว่าจะกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่า เขาส่งข้อความไปหาลูกเจี๊ยบแทนการไลน์ไปหาหากแต่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเงียบ

 

ปัญหาที่เขาไม่รู้สาเหตุค้างคามาสามวันและเขาไม่สบายใจ

 

วันพุธผ่านไปทั้งๆที่อยากข้ามไปหาไปพูดคุยกันให้รู้เรื่องแต่พระลักษณ์ก็วานให้ลลิตภัทรไปทำธุระแทนในช่วงเย็นทำให้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มต้องละทิ้งปัญหาส่วนตัวของตัวเองไปก่อน ลลิตภัทรตั้งใจไว้แล้วว่าในเมื่อลูกเจี๊ยบหนีหน้าเขาเดี๋ยวพรุ่งนี้เขาต้องเข้าเมืองไปเก็บค่าเช่าห้องที่ตลาดให้พ่อ เขาจะไปหาลูกเจี๊ยบหลังเลิกเรียนแล้วคุยกันให้รู้เรื่องเสียที

 

 

            “เจี๊ยบ ไม่สบายหรือเปล่า?”วุ้นใช้หลังมือแตะลงไปบนหน้าผากลูกเจี๊ยบที่นั่งฟุบหน้าหลับตานิ่งอยู่กับโต๊ะเรียน ศตายุส่ายหน้าปฏิเสธ

 

            “แล้วเป็นอะไรเหรอ เราเห็นเจี๊ยบสีหน้าไม่ดีตั้งแต่เช้าแล้ว มีปัญหาอะไรเล่าให้เราฟังได้นะถึงเราจะแนะนำอะไรไม่ได้แต่เราเป็นผู้ฟังที่ดีนะ”ศตายุลืมตามองวุ้นที่จ้องมาอย่างเป็นห่วงเป็นใยแล้วก็ยิ้มออก วุ้นไม่ใช่คนจุ้นจ้าน หลายสัปดาห์ที่คบกันมาวุ้นไม่เคยวุ่นวายหรือชักจูงเจี๊ยบให้ทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควร เรื่องส่วนตัวก็ไม่เคยเอ่ยปากถามจนกว่าเจี๊ยบจะเล่าเอง ศตายุยิ้มเนือยๆให้กับวิชยุตม์ส่งมือไปประสานกับมือเพื่อน วิชยุตม์บีบมือเบาๆเป็นการให้กำลังใจ

 

            “เราน่ะ...”ลูกเจี๊ยบเม้มปากเหมือนกำลังชั่งใจว่าควรเล่าดีมั้ย แต่ตอนนี้เด็กน้อยเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ ความคิดเรื่องที่ลลิตภัทรหลอกใช้ตนหลอกหลอนจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว

 

            “เราน่ะ มีแฟนแล้วนะ”ในที่สุดลูกเจี๊ยบก็ตัดสินใจ เขาควรระบายให้ใครซักคนฟัง ในเมื่อที่บ้านระบายหรือปรึกษากับแม่หรือพ่อก็ไม่ได้ ปกติเวลามีเรื่องอะไรที่ไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ อาลอก็คือคนที่คอยรับฟังและแนะนำเรื่องต่างๆอยู่เสมอ แต่ปัญหาครั้งนี้มันเกี่ยวข้องโยงใยกันไปหมด

 

มันกระทบทุกคนจนลูกเจี๊ยบไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร

 

            “ก็พอรู้อยู่ เห็นคุยไลน์ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง” วิชยุตม์เอ่ยตอบ

 

            “อืม...แต่แฟนเราเป็นผู้ชายนะ”คราวนี้วุ้นตาโตขึ้นมาระดับหนึ่งเด็กน้อยตบหลังมือเพื่อนเบาๆ

 

            “ไม่เป็นไรสมัยนี้เปิดกว้าง”

 

“แล้วเค้าเคยเป็นแฟนเก่าแม่เรา”

 

“......”วุ้นเงียบไปในทันที สีหน้าของเด็กหนุ่มออกจะพิพักพิพ่วนไปทันตา  เขารู้ว่าลูกเจี๊ยบมีแฟน แต่ก็คิดว่าคงเป็นสาวๆซักห้องหรืออาจจะเป็นสาวแถวบ้าน ก็ปกติอยู่ที่โรงเรียนลูกเจี๊ยบค่อนข้างจะเป็นที่นิยมในบรรดาสาวๆ ม.ปลาย((โรงเรียนของลูกเจี๊ยบเป็นชายล้วนแต่ ม.ปลายจะรับนักเรียนหญิงห้องละ 2-3 คน แยกกับฝั่ง EP )) ทั้งเรียนดี เล่นกีฬาเก่ง เป็นนักกิจกรรมเดินไปไหนก็มีแต่คนทักแถมเรียกอาจารย์รามฤทธิ์ว่าลุงอีกต่างหาก เรื่องคบเพศเดียวกันเขาก็พอเข้าใจเพราะเรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าลูกเจี๊ยบจะคบคนที่อายุเยอะกว่ามากแถมยังเป็นแฟนเก่าแม่ตัวเองอีก

 

“ตกใจเหรอ?”

 

“ป่าว แค่คาดไม่ถึงเฉยๆ”

 

“ตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแฟนเก่าแม่เรา รู้แค่เป็นเพื่อนเก่ากัน”

 

“อ้าว แล้วทำไมถึงรู้ล่ะ?”

 

“พ่อเราบอก”

 

“ถามเค้าหรือยัง?”วุ้นถามเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยิน ลูกเจี๊ยบส่ายหน้า สีหน้าหมองลงไปอีกราวกับถูกราหูอม

 

“เราไม่คุยกับเขา เราผิดหวัง”

 

“เจี๊ยบไม่คุยกับเขาแล้วเชื่อได้ยังไงว่าเขาเป็นแฟนเก่าของแม่”

 

“พ่อเราไม่เคยโกหก”หันไปเถียงแทนพ่อทันที วุ้นต้องรีบผงกหัวเชิงขอโทษที่อาจจะพูดให้คิดว่าตนเองกำลังปรามาสพ่อของเพื่อนอยู่

 

“จริงๆเราเองก็เคยสงสัยตอนเขาอยู่กับแม่เขามองแม่ด้วยสายตาแบบเดียวกับที่มองเรา แต่ตอนนั้นเขาบอกไม่มีอะไร จนพ่อมาเล่าให้ฟังว่าเขาจงใจเข้าทางเราเพื่อสานสัมพันธ์ต่อกับแม่ เราก็เสียใจ”พูดจบประโยคก็รู้สึกแสบจมูกและร้อนผ่าวที่ขอบตาลูกเจี๊ยบสูดน้ำมูกพลางซบหน้าลงกับวงแขนตัวเองเพื่อหลบไม่ให้ใครเห็นน้ำตาที่พาลจะไหลออกมา วุ้นนั่งมองอย่างไม่รู้จะปลอบยังไง

 

เขายังไม่เคยมีความรัก จริงๆเรียกได้ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องรักๆใคร่ๆเลยซักครั้งเลยด้วยซ้ำ

 

“เราอยากให้เจี๊ยบคุยกับเขามากกว่า มีอะไรก็พูดก็ถามกันตรงๆดีกว่าจะตัดสินเขาไปเอง”

 

“เราไม่อยากเจอเขาตอนนี้ พอคิดว่าถ้าถามไปแล้วมันเป็นเรื่องจริงใจเราคงพังแน่ๆ”

 

“คนรักกันมีอะไรก็ควรคุยกันสิ”วุ้นว่าเสียงอ่อยๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะให้คำแนะนำอะไร ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตอบกลับอะไรออกมาทำเพียงฟุบหน้านิ่งจนกระทั่งออดเข้าเรียนในช่วงบ่ายดังขึ้นจึงลุกไปล้างหน้าล้างตาแล้วเข้าเรียนตามปกติ

 
((ต่อด้านล่าง))
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๙ ๓o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 30-11-2018 10:23:09

ลลิตภัทรขับรถมาดักลูกเจี๊ยบที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่บ่ายสาม เขาเก็บค่าเช่าห้องเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายแวะไปหากาแฟกินแก้วหนึ่งแล้วก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ โทรไปบอกจิ๊บว่าวันนี้ตนเองจะรับหลานกลับไปด้วยกันเลย ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อเห็นร่างขาวๆแก้มฟูๆที่ดูเหมือนจะซูบลงเดินออกมาจากโรงเรียน เด็กน้อยยืนคุยกับเพื่อนตัวเล็กๆผอมๆซึ่งน่าจะชื่อวุ้นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งคบได้เดือนกว่าๆ ศตายุมองหารถประจำของตนก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางเซื่องซึม ชายหนุ่มลงจากรถแล้วก้าวเร็วๆตรงไปที่รถโดยที่เด็กน้อยไม่รู้ตัว

 

“อ๊ะ”ศตายุที่กำลังนั่งเหม่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อข้อมือถูกจับและดึงอย่างแรงเมื่อหันไปมองก็พบว่าอาลอจับมือตนเองอยู่ท่ามกลางสายตานับสิบของเด็กคนอื่น

 

“ไปกับอา”น้ำเสียงไม่ได้คุกคามแต่ก็ไม่ได้อ่อนหวานดุจเมื่อก่อน ลูกเจี๊ยบต่อต้านด้วยการพยายามบิดข้อมือตัวเองออกแต่ต้องชะงักเมื่อลลิตภัทรไม่ได้ปล่อยตามที่คิดกลับเพิ่มแรงในการบีบข้อมือหลานมากขึ้น ศตายุอ้าปากจะตวาดแต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นของเด็กบนรถ ลลิตภัทรใช้จังหวะนั้นดึงหลานให้เดินตามตนเองลงมาจากบนรถยัดหลานเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างแรง

 

“ลุงเดี๋ยวผมรับหลานกลับบ้านเอง”ชายหนุ่มตะโกนบอกลุงคนขับรถแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปเลย ศตายุหันมามองตาเขียวปั๊ด เด็กน้อยกอดอกเม้มปากแน่น

 

“เป็นอะไรคะ?”เมื่อทำอารมณ์ให้เย็นลงหลังถูกหลานดื้อใส่ลลิตภัทรก็ถามลูกเจี๊ยบทันทีหากแต่คนเด็กทำเหมือนคำถามของเขาไม่มีความหมายด้วยการนั่งคอแข็งมองไปด้านนอก

 

“อาทำอะไรให้หนูโกรธคะ เท่าที่จำได้เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยไม่ใช่เหรอคะ?”พยายามทำใจให้เย็น ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งเอาอกเอาใจเด็กที่ไหนมากนักหรอก ลูกเจี๊ยบหันกลับมามองหน้าเขา ริมฝีปากที่เคยแดงเหมือนเยลลี่นุ่มๆบัดนี้คว่ำราวพระจันทร์เสี้ยว

 

“อาลอกับแม่เคยเป็นแฟนกันเหรอครับ?”เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่จบคำถามนั้น ลูกเจี๊ยบเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งไปของพระลอก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจประเดประดังเข้ามาจนลมหายใจเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆในที่สุดเด็กน้อยก็ระเบิดร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย

 

“ถ้าคุณอยากกลับไปหาแม่คุณจะมาหลอกผมทำไม?”เด็กน้อยทั้งร้องไห้ทั้งสะอึกสะอื้นทั้งตั้งคำถามอย่างร้าวรานใจ ลลิตภัทรปล่อยให้ลูกเจี๊ยบอาละวาดโวยไว้ถีบทึ้งรถตัวเองโดยนั่งเงียบๆ ลลิตภัทรหักพวงมาลัยมาอีกทางไม่ได้มุ่งหน้าไปหมู่บ้านแต่กลับขับมาที่บ้านในเมืองของตนเองเมื่อถึงลลิตภัทรก็หันไปตั้งคำถามกลับให้กับเด็กน้อยที่น้ำหูน้ำตาเปรอะแก้ม

 

“ใครบอกว่าอาจะกลับไปหาแม่เรา? ใครพูด อาบอกหนูเหรอ?

 

“ใครจะพูดก็ช่างเถอะแต่คุณหลอกผม หลอกผมมาตลอด สนุกมากมั้ยเล่นกับใจคนน่ะเห็นผมเป็นเด็กโง่ๆแล้วจะหลอกยังไงก็ได้ใช่มั้ย”ลลิตภัทรขมวดคิ้ว

 

ไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจเลยซักนิดเมื่อศตายุใช้สรรพนามห่างเหินกับเขา เด็กน้อยตระครุบประตูรถเตรียมจะเปิดแล้วหนีกลับหากแต่ลลิตภัทรเร็วกว่า ชายหนุ่มลงจากรถแล้วคว้าเอาเอวบางของหลานไว้ได้ทัน ศตายุทั้งทุบทั้งร้องโวยวายให้เขาปล่อย

 

เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด แต่ครั้งนี้เพราะความโกรธรวมทั้งความเอาแต่ใจก็ทำให้ลูกเจี๊ยบแรงเยอะกว่าเดิมคนเป็นอาจึงย่อตัวลงแล้วแบกหลานขึ้นบ่าจัดการกดล็อครถแล้วเปิดประตูเข้าบ้าน โชคดีที่พระรามกับภรรยาไม่ได้มาพักในวันนี้ลลิตภัทรกดล็อคบ้านในขณะที่ศตายุพยายามดีดขาเพื่อให้พระลอปล่อยตน แต่ชายหนุ่มก็แบกหลานขึ้นมาจนถึงชั้นสองที่เป็นส่วนห้องนอนของตนเมื่อถึงเตียงก็โยนหลานลงบนเตียงแบบไม่ปราณีปราศรัยเลยซักนิดเขาคร่อมหลานแล้วใช้มือของตนเองกดข้อมือของศตายุไว้ ลูกเจี๊ยบถูกทับไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ก็ส่งสายตามองลลิตภัทรอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ผมไม่เคยหลอกคุณเลยนะศตายุ บอกผมมาสิว่าใครบอกคุณ”ในเมื่อลูกเจี๊ยบใช้สรรพนามห่างเหินกับเขาและกล่าวร้ายเขาอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็จะใช้วิธีเดียวกับที่เด็กน้อยตรงหน้านี่ทำเหมือนกัน

 

“ใครจะบอกก็ไม่สำคัญหรอก แต่คุณไม่บอกผม ปล่อยให้ผมไปรู้จากคนอื่น ไม่รู้สึกติดขิดตะขวงใจมั่งเหรอที่ต้องมาคบกับเด็กที่คุณเองก็เคยเกือบทำให้ไม่ได้เกิดน่ะ”ลลิตภัทรเงยหน้าสูดลมหายใจลึกๆอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

 

เขาว่าเขาพอจะรู้แล้วว่าใครบอกลูกเจี๊ยบ

 

ไอ้แดนดิน ไอ้ตัวแสบ...นี่มันเอาความหวังดีของเขาไปคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วสินะ

 

แถมเล่าถูกคนด้วย เล่าให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

อยากจะด่าไอ้ชิบหายเสียเหลือเกิน

 

“ผมเคยคบกับแม่ของคุณจริงแต่นั่นมันนานมาแล้ว และผมไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักแม่คุณ”

 

“ยอมรับแล้วสินะ?”ทำน้ำเสียงเยาะก่อนจะหันหน้าหนี ลลิตภัทรถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะใช้มือดันแก้มหลานให้หันมามองตน ดวงตาของลูกเจี๊ยบเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร สายตาที่มองเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกได้ตลอดเวลา

 

เปราะบางเหลือเกิน...

 

“ฟังอานะคะคนดี...”น้ำเสียงดุกร้าวเมื่อครู่ปรับให้นุ่มนวลหวานหูเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดคุยกัน ลูกเจี๊ยบน้ำตาร่วงลงสองข้างแก้ม ดวงใจอ่อนยวบราวขี้ผึ้งเหลว

 

คิดถึงอาลอ...คิดถึงเหลือเกิน

 

“อาเคยคบกับแม่จิ๊บจริง จนวันหนึ่งอยู่ๆเขาจะแต่งงานทั้งๆที่อาคิดว่าเราคบกันอยู่อาก็เลยผิดหวัง ตอนนั้นอาน่ะคิดแค่ว่าแม่ของหนูทรยศความรักของอา จนวันเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นกลายเป็นความทรงจำ อาถึงรู้ว่าอาน่ะงี่เง่าเองยึดติดมากเกินไปไม่รู้จักปล่อยวาง ที่อาไม่กลับมาส่วนหนึ่งเป็นเพราะอีโก้อาสูง อาสร้างมันขึ้นมากดดันตัวเอง อาอายถ้ากลับมาแล้วมีคนมาแซวมาล้อเลียนอาเลยอยู่กรุงเทพยาว แล้วงานที่นั่นสังคมที่นั่นมันทำให้อาเพลินไม่ใช่เพราะรักแม่เราจนตัดใจไม่ได้ อาไม่เคยคิดจะหลอกใช้หนูเพื่อเข้าหาแม่เราเลยนะคะ”

 

“จริง...จริงเหรอ?”

 

“ที่ผ่านมาหนูไม่เชื่อมั่นความรักที่อามีให้หนูเลยเหรอคะ? อายังรักหนูไม่พอหรือว่าหนูไม่เคยรักอาเลย?”ลลิตภัทรเอ่ยประโยคตัดพ้อไปให้เด็กที่นอนร้องไห้อยู่ใต้ร่างตน

 

“แต่พ่อบอกว่าอาลอใช้หนูเป็นสะพานเพื่อกลับมาหาแม่...”เด็กน้อยกัดปากหลบตาเมื่อรู้ตัวว่าตนเองหลุดพูดถึงพ่อออกไปลลิตภัทรเช็ดน้ำตาให้หลานก่อนจะประคองเด็กน้อยมากอดไว้แนบอก

 

“พ่อเล่าอะไรให้หนูฟังบ้างคะ ไหนบอกอาหน่อย อาสัญญาว่าถ้ามีอะไรที่หนูอยากรู้อาจะบอกหนูให้หมดไม่ปิดบังเลยซักนิด”ชายหนุ่มตะล่อมเด็กน้อย ดวงตาแข็งเม้มปากระงับความโกรธ ลูกเจี๊ยบมีท่าทีลังเลแต่ก็ค่อยๆเล่าสิ่งที่พ่อพูดให้ฟัง

 

ไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา ไอ้คนตอแหล พูดจาเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

 

เลวจริง...เมื่อลูกเจี๊ยบเล่าจบชายหนุ่มก็ดันหลานให้นั่งตัวตรงแล้วจ้องตาหลานโดยไม่หลบ

 

“ที่อาไม่เคยพูดเรื่องระหว่างอากับแม่ก็เพราะมันเกี่ยวโยงถึงพ่อแม่หนูและอา ไม่ใช่เรื่องที่พูดแล้วดี แต่พ่อหนูกลับไม่คิดว่าสิ่งที่พูดไปมันจะเกิดผมกระทบอะไรบ้าง อาไม่อยากให้หนูมีความรู้สึกด้านลบกับพ่อ แต่พ่อเรากลับไม่คิดแบบนั้น อากับแม่จิ๊บเกิดไล่เลี่ยกันตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ด้วยกันตลอดจนเราขึ้นมัธยม แม่ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่อ อาขอร้องให้พ่อของหนูช่วยดูแลแม่ให้อาด้วยเพราะอามาเรียนโรงเรียนเดียวกับหนู แต่วันหนึ่งเขากลับจะแต่งงานกัน ตอนนั้นอาทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ทั้งหมดศรัทธาในความรัก ยิ่งมารู้ว่าจริงๆแล้วจิ๊บไม่ได้รักอาเลยที่ผ่านมาจิ๊บคิดกับอาแค่เพื่อนอายิ่งเสียใจ ตอนนั้นมันพาลไปหมดก็อาเพิ่งจะ 14-15 วันที่เกิดเรื่องที่อาเกือบพลั้งมือทำให้แม่หนูแท้งเพราะว่าพ่อกับแม่ของหนูมาแจกการ์ดที่บ้านแล้วเจออา”ลลิตภัทรลูบผมเด็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือมากุมแก้มซ้ายของหลานไว้อย่างทะนุถนอม

 

“อาเป็นคนเดินไปรับการ์ดจากพ่อแม่หนูเอง อากับพ่อทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ เราสู้กันแม่ของหนูก็เลยเข้ามาแยก ตอนนั้นอากำลังโมโหอาก็เลยผลักแม่เราออกไปจนล้ม อาไม่ได้ตั้งใจนะคะ ตอนนั้นอาก็เสียใจ ยิ่งตอนนี้หนูอยู่กับอา อายิ่งรู้สึกผิดที่เกือบทำให้หนูไม่ได้เกิดมาเป็นที่รักของอา”

 

“พ่อโกหกหนูเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบน้อยเอ่ยถามอย่างสับสน

 

เด็กน้อยไม่อยากจะเชื่อว่าแท้จริงแล้วพ่อของตนเองต่างหากล่ะที่เป็นมือที่สามแย่งแม่มาจากอาลอ

 

“อย่ารู้สึกไม่ดีกับพ่อนะคะ อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อกับแม่แล้วจริงๆ ตั้งแต่เจอหนูอารู้สึกว่าอาโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้แต่งงานกับแม่ของหนู ถ้าหนูเป็นลูกของอาๆคงเสียดายไปตลอดชีวิต ตอนนี้อามีแต่ความรู้สึกขอบคุณที่เขาคลอดเด็กน่ารักๆอย่างหนูมาให้อารัก”

 

“แต่พ่อแย่งแม่มาจากอานะจ๊ะ”

 

“เรื่องของความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ต่อให้อากับแม่ไม่ได้คบกันยังไงเขาเป็นคู่กันแล้วเขาก็ได้คู่กันอยู่ดี พ่อเขารักแม่มากเขาเลยระแวงที่อากลับมา แล้วยิ่งอามารักหนูอาก็ไปมาหาสู่สนิทสนมกับแม่เราอีกพ่อคงกลัวว่าอาจะคิดไม่ซื่อจะแย่งทั้งแม่ทั้งลูกไป จริงๆอาก็มีส่วนผิดที่วันก่อนนู้นไปพูดจาให้เขาระแวง ที่พ่อเขาทำเขาไม่ผิดแต่วิธีมันผิด จริงอยู่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของอากับพ่อไม่ดีเพราะต่างคนต่างก็มีอีโก้ของตัวเองแต่อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อของหนูแล้วจริงๆ หนูโกรธอาโดยที่ไม่บอกไม่พูดกับอาเลยซักนิด มันไม่ยุติธรรมเลย”

 

“หนูขอโทษ หนูขอโทษที่ไม่เชื่อใจอาลอ ไม่ถามอาลอก่อน หนูฟังความข้างเดียว”เด็กน้อยหลุบตาต่ำด้วยไม่กล้าสู้สายตาคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มให้ตนเลยซักนิด

 

กลายเป็นว่าเขาโยนความผิดทุกอย่างให้อาลอโดยไม่ถามไม่ฟังความทั้งสองฝ่าย เอาอารมณ์ของตัวเองตัดสินจนเกือบทำให้เกลียดกัน

 

“ตกลงเราเข้าใจกันหรือยังคะ?”ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดลูบหลังให้หลานเมื่อลูกเจียบยังคงสะอื้นอยู่

 

“เข้าใจแล้วจ้า”เด็กน้อยพยักหน้ารัวพลางสวมกอดอาลอไว้อย่างแสนรัก

 

“สัญญากับอาได้มั้ยคะ ว่าต่อไปถ้ามีอะไรสงสัยหรือไปฟังอะไรจากใครมาเราจะคุยกันก่อนจะไม่คิดเองเออเอง”

 

"สัญญาจ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย น้ำตาเปียกอกเสื้อของลลิตภัทรยามที่ยิ่งซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“อากลัวนะคะ กลัวว่าซักวันหนูจะไม่เหลือความเชื่อใจให้อาอีก กลัวว่าวันหนึ่งเราจะเลิกกันทั้งๆที่อาก็ให้ใจหนูขนาดนี้แล้ว เหมือนความรักที่อามีให้หนูมันไม่มีค่า”

 

"หนูขอโทษ ฮึก...หนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หนูขอโทษที่ดื้อที่ทำให้อาลอเสียใจ ยกโทษให้หนูนะจ๊ะ”

 

“แค่ขอโทษไม่พอหรอกค่ะ หนูทำอาเสียใจมาก ต้องโดนลงโทษ”ลลิตภัทรยิ้มเผล่อย่างคนเจ้าแผนการณ์ชายหนุ่มเชยคางหลานน้อยให้เงยขึ้นแล้วประกบจูบลงบนกลีบปากที่แดงจัดของหลานอย่างคนละโมบ

 

คิดถึงจะตายแล้วเนี่ยไม่ได้จูบตั้ง 4 วัน วันนี้จะจูบให้ปากเปื่อยเลย

 

โชคดีแค่ไหนแล้วที่พรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องไปเรียนไม่งั้นบทลงโทษมันจะไม่แค่จูบหรอกลลิตภัทรสาบานเลย

 


ส่วนไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา เขาจะจัดการมันทีหลังเอง




.......................................


โกรธอะไรกันนาน โกรธกันแล้วในใจของเธอมีความสุขมั้ย ก็ไม่

อาลอไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ปัญหาค้างคา คาใจอะไรก็เคลียร์เลย

กำนันมีบุญเก่าแค่ไหนแล้ว แม้ลลิตภัทรจะโกรธแต่ก็ยังบอกเจี๊ยบว่าไม่ให้โกรธพ่อ ที่พ่อทำนั้นก็เพราะรักแม่รักลูกกลัวจะโดนแย่งไป

กราบผู้ใหญ่บ้านกรู๊ววววววววว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๙ ๓o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 01-12-2018 07:20:48
อย่างนี้ต้องฟ้องแม่จิ๊บ ให้จัดการพ่อกำนัน
เพิ่มโทษนอนนอกห้องแม่จิ๊บสัก1เดือน
 :z6:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๑๙ ๓o พฤศจิกายน ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 01-12-2018 13:29:10
มีแต่จิ้บที่รู้สึกผิด แต่ดินนี่ชั่วจริงๆ ทำกับเค้าไว้ขนาดนั้นไม่รู้สึกผิดไม่พอยังใส่ร้ายเค้าอีก ชั่วววววว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒o วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 01-12-2018 17:21:35
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒o






                “อาลอ...อาลอจ๋า...”ศตายุเชิดคอแอ่นกายรับยามปลายลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดเม็ดบัวเม็ดน้อยกลางอก ความสะท้านแล่นริ้วจนเสียดเสียวไปทั่วสรรพางค์กายก่อนจะแล่นไปรวมกันที่ท้องน้อยไล่วนไปจนถึงกลางกายจนดุนดันเนื้อผ้า ลลิตภัทรไม่ได้ปราณีเด็กน้อยเลยซักนิด คล้ายจะลงโทษหากทว่าแฝงความกลั่นแกล้งอยู่ในที เสื้อนักเรียนสีขาวยับย่นไปกองอยู่ที่ข้อพับแขนยิ่งส่งให้คนเด็กดูเย้ายวน คล้ายดอกไม้แรกแย้มที่ค่อยๆเผยกลีบให้เห็นเกสรด้านในหลอกล่อแมลงภู่ผึ้งให้เข้าไปดอมดมชิมรสน้ำหวานสีใส ลลิตภัทรลูบคลำเค้นคลึงไปทุกสัดส่วน ปลายจมูกสูดดมความหอมของเนื้อเด็ก อดไม่ได้ที่จะตีตราประทับความเป็นเจ้าของที่สีข้างหากทำเพียงรอยจางๆด้วยดึงสติตัวเองกลับมาได้ว่าตนไม่ควรทำให้ลูกเจี๊ยบมีริ้วรอยใดใดทั้งสิ้น

 

                “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”ยืดตัวขึ้นมามอบจูบแสนหอมหวานเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดราวค้นพบรวงผึ้งฉ่ำหวาน ปลายลิ้นเสาะสำรวจราวพรานไพรที่จะไม่ยอมให้ของล้ำค่าลอดสายตาไปได้ ลลิตภัทรลากไล้ริมฝีปากรวบร่างหลานให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักสูดดมความหอมหวานราวเสพติด ลูกเจี๊ยบคล้องคออาลอไว้เพื่อนยึดเหนี่ยวร่างกายที่อ่อนปวกเปียก ดวงตาฉ่ำปรือขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายประคองใบหน้าหล่อเหลาของอาลอไว้ด้วยสองมือของตัวเอง

 

                “หนูก็รักอาลอจ้า อย่าพูดว่าหนูไม่เคยรักอาลออีกนะจ๊ะ หนูรักจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว แค่คิดว่าอาลอไม่รักหนู หนูก็นอนไม่หลับเรียนไม่รู้เรื่องเลย รู้สึกเหมือนจะตายเอาจริงๆ มันน่ากลัวมากเลยรู้มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยจ้องลึกในดวงตาของลลิตภัทรด้วยดวงตาใสแจ๋ว ลลิตภัทรผุดยิ้มด้วยความเอ็นดูชายหนุ่มลูบผิวแก้มใสของหลานด้วยความเบามือ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประคองสองแก้มฟูไว้ด้วยความทะนุถนอม

 

จริงๆแล้วเขาโกรธมาก โกรธแดนดิน แต่เพราะเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบบนตักนี้ อารมณ์เดือดพล่านของเขาจำต้องทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนั่นก็เป็นพ่อของลูกเจี๊ยบ หากเขาพูดกลับตอบโต้ด้วยคำพูดรุนแรงย่อมทำร้ายใจเด็กที่รักและเทิดทูนพ่อเหนือใครบนโลก เขาไม่อยากให้ลูกเจี๊ยบถูกสร้างรอยแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เขารักและอยากปกป้องรอยยิ้มสวยๆนี้ไว้ให้นานที่สุด

 

จริงอยู่ว่าอีกหน่อยลูกเจี๊ยบก็จะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ จะต้องเจออะไรมากมาย หากแต่ว่าถ้าทางเดินในอนาคตของลูกเจี๊ยบจะมีอันตรายสิ่งเหล่านั้นจะต้องผ่านลลิตภัทรไปก่อน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายจมูกของตนเองชนกับปลายจมูกเจ้าเด็กขี้ดื้อ ถูไปมาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้กับคนหลาน บรรยากาศต่างจากตอนที่ทะเลาะกันลิบลับ

 

ลลิตภัทรชอบเวลาที่ศตายุสดใสร่าเริงแบบนี้มากกว่าตอนที่ร้องไห้โวยวายน้ำตานองหน้าแบบเมื่อกี๊

 

                “อาลอ...นั่งนิ่งๆแป๊บนะจ๊ะ” อยู่ๆคนเด็กก็ประคองต้นคอเขานิ่ง ดวงตากลมจับจ้องเขาไม่หลบไปไหนก่อนจะนั่งด้วยเข่าสูงขึ้นจนยอดอกลอยเด่นยั่วยวนอยู่ตรงหน้า อยู่ๆความรู้สึกคันๆบนหัวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

                “หือ...อาลอ”เจ้าลูกเจี๊ยบร้องครางเสียงต่ำก่อนจะนั่งลงจนเสมอกันในปลายนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือเหมือนถืออะไรบางอย่างอยู่

 

                “อะไรคะ?”ส่งเสียงถามอย่างสงสัย ศตายุยื่นมือมาตรงหน้าสิ่งที่เห็นทำให้อารมณ์คึกคักราวม้าศึกห่อเหี่ยวลงทันตา

 

                “ผมหงอกจ้า อาลอมีผมหงอก”ลลิตภัทรล่ะอยากจะจับเจ้าลูกเจี๊ยบคว่ำหน้าพาดกับขาแล้วตีตูดแรงๆนัก

 

มันเป็นยังไงชอบทำตัวขัดเวลากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มตลอด อะไรที่คึกคักโป่งพองก็แฟ่บอย่างน่าอัศจรรย์ ที่สุดตอนแรกว่าจะละเลียดผิวเด็กอีกซักพักก็ถูกเปลี่ยนเป็นสงครามผมหงอกเมื่อเจ้าเจี๊ยบดึงหัวเขาไปสำรวจหาผมหงอกเส้นอื่นๆแล้วบอกให้เขาเตรียมตัวไปหาร้านย้อมสีผมได้เลย

 

เด็กหนอเด็ก มาตื่นเต้นอะไรเอาตอนนี้วะคะ

 

ในที่สุดหลังจากปลุกปล้ำกับหนังหัวของเขาเสร็จลลิตภัทรก็พาเจ้าเด็กขี้งอแงไปกินชาบูแล้วพาไปส่งถึงบ้าน

 

แดนดินยืนถมึงทึงอยู่บนขั้นสุดท้ายของบันไดบ้านหน้าหงิกหน้างอเป็นม้าหมากรุก ส่วนเจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นมีสีหน้าเกรงๆพ่อของตัวเองที่ยืนจ้องลูกชายไม่วางตาอยู่

 

และเขาท้าทายอำนาจมืดด้วยการร้องเรียกชื่อหลานเบาๆ

 

                “เจี๊ยบ พรุ่งนี้ไปติวกับอานะ จะสอบแล้วอาไม่อยากให้ขาดตอน”ลูกเจี๊ยบหันขึ้นไปมองพ่อด้วยท่าทางประหม่าก่อนจะตอบรับ ชายหนุ่มโบกมือลาลูกเจี๊ยบแล้วจึงขับรถกลับบ้าน

 

อย่างน้อยการที่เขาพาหลานมาส่งแดนดินก็คงรู้แล้วว่าแผนปั่นหูของตัวเองนั้นไม่ได้ผล ป่านนี้คงกำลังระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหน จะงัดอะไรขึ้นมาตอบโต้

 

ยังหรอก ยังไม่ถึงเวลาสนุกลลิตภัทรจะปล่อยไปก่อน รอเวลาดีหรือแดนดินมายั่วอารมณ์เขาจะตีให้หมอบจนต้องร้องขอชีวิตเลยล่ะ

 

 

 

 

หลายวันมานี้แดนดินรู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่ค่อยหลับกินข้าวก็ไม่ใคร่อร่อยคล้ายกับว่ามีใครคอยแช่งชักหักกระดูกหรือจับตามองอยู่เรื่อยๆ แม้อากาศจะค่อนข้างเย็นแต่กำนันหนุ่มกลับร้อนอบอ้าว ร้อนอกร้อนใจจนต้องให้แก้วเจ้าจอมลูกรักเอาขันน้ำแช่ช่องฟรีซละลายน้ำใส่กระติกแล้วลอยดอกมะลิกินน้ำเย็นจัดจนเสียวฟันให้ชื่นใจ

 

                “พ่อกำนันจ๋าเป็นอะไรจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นหน้าพ่อไม่ค่อยสเบยก็เอ่ยทักอย่างเป็นห่วงเป็นใยสีหน้ามีแววหนักใจเป็นนักเป็นหนา แก้วเจ้าจอมรักพ่อปกติพ่อจะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่ตลอดเวลาแต่พักนี้พ่อจ๋าทำหน้าเหมือนหมาที่เจ้าของไม่ให้กระดูกแก้วเจ้าจอมก็เป็นห่วง อย่างเช่นตอนนี้ที่พ่อจ๋ามีท่าทางเหม่อลอยนั่นอีกเห็นแล้วก็หนักอกหนักใจ หรือพ่อจ๋าจะปวดท้อง ไขข้อเสื่อมสภาพ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมถอย หรือแม่จ๋าไม่ยอมให้กัดคอพักหลังๆพ่อกับแม่ทำท่าตึงๆใส่กันออกจะบ่อย

 

                “พ่อจ๋า...”ลองหยั่งเชิงเรียกเมื่อเห็นพ่อเอาแต่เขวี้ยงก้อนดินลงในนา เรียกหรือถามอะไรก็ไม่หือไม่อือ มันน่าน้อยใจนัก เหมือนตำแหน่งลูกรักชักจะสั่นคลอน

 

พ่อจ๋าไม่สนใจหนู หนูต้องโตไปเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆเลย

 

หนูต้องติดยา

 

กลายเป็นเด็กแว้น

 

แล้วก็ท้องไม่มีพ่อ

 

เจ้าจอมคิดได้ดังนั้นก็เศร้านัก

 

เจ้าจอมไม่อยากโตไปเป็นเด็กมีปัญหาเป็นขยะสังคมเจ้าจอมจะต้องเรียกร้องความสนใจจากพ่อจ๋าให้จงได้

 

                “พ่อกำนันเมื่อยมั้ยจ๊ะเดี๋ยวจอมนวดให้”ว่าจบก็บีบไหล่พ่อตามแรงที่เด็กพอจะมีได้ อยากเอาอกเอาใจ จอมไม่อยากเห็นพ่อจ๋าเครียดเดี๋ยวพ่อจ๋าเส้นเลือดในสมองแตกจอมต้องมาป้อนข้าวป้อนกล้วยบด คงลำบากพิลึก จอมเคยเห็นย่าโฉมป้อนกล้วยบดน้องคุณเลอะเทอะน่าดูเชียว

 

                “เฮ้อ...”กำนันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

                “เจ้าจอม ถ้าวันใดวันหนึ่งพ่อกับแม่เลิกกันเจ้าจอมจะอยู่กับใคร?”อยู่ๆความคิดนี้ก็แวบเข้ามาในหัว หากแต่ลูกชายคนเล็กส่ายหน้าพรืด

 

                “พ่อจ๋าพูดอะไรไม่เป็นมงคล ใครจะเลิกกันไม่มีทางหรอกหนูไม่ให้เลิก”

 

                “พ่อแค่สมมติ”

 

                “สมมติก็ไม่ได้หนูไม่ชอบเลย “เด็กน้องว่าพลางต่อยไปที่หลังพ่อแรงๆหนึ่งที แดนดินไม่ได้เจ็บเลยซักนิด แรงเท่ามดต่อยชายหนุ่มลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน

 

                “ไม่ทำหน้าหงิกสิ เดี๋ยวแม่มาเห็นจะเอ็ดหาว่าพ่อแกล้งอีก”

 

                “ก็พ่อพูดไม่ดี หนูไม่ชอบฟัง มีอย่างที่ไหนมาสมมติว่าบ้านจะแตก แม่จ๋ารักพ่อกำนัน พี่เจี๊ยบพี่เจ้าขากับเจ้าจอมก็รักพ่อกำนันแบบนี้บ้านเราจะแตกได้ยังไงล่ะจ๊ะ แล้วเรื่องมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นซักหน่อยพ่อจ๋าจะไปคิดทำมไร้สาระจริง”

 

                “พ่อคงคิดมากเกินไป นั่นสิเนอะบ้านเรารักกันจะตาย ต่อให้มีควาย((อย่างไอ้ลอ))มาลากก็ไม่มีทางแตก เจ้าจอมพูดจาดีปลอบใจพ่ออยากได้อะไรก็บอกพ่อมาเดี๋ยวพ่อจะให้”กำนันหนุ่มยิ้มออกมาได้ในรอบหลายวันหลังจากใส่สีตีไข่พระลอให้ลูกเจี๊ยบฟังเมื่อคืนนั้น เขาเองก็ไม่ได้สบายใจเลยซักนิดยิ่งคืนนั้นที่ลลิตภัทรมาส่งลูกเจี๊ยบ เขาอยากถามลูกใจจะขาดว่าทำไมถึงกลับมาพร้อมลลิตภัทรแต่ลูกก็เดินเลี่ยงเข้าห้องแถมล็อกเสร็จสรรพ

 

เขาคิดว่าลูกเจี๊ยบจะไม่ไปข้องแวะกับลลิตภัทรอีก แต่ว่าเขาคิดผิด นอกจากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นลูกเจี๊ยบก็ข้ามกลับไปเรียนพิเศษกับลลิตภัทรตามเดิม เขาจะห้ามก็ไม่ได้เพราะจิ๊บมักจะบอกสมอว่าลูกเรียนจะไม่ทันเพื่อนถ้าพ่ออย่างเขาเอาแต่ขัดขวางด้วยเรื่องงี่เง่า

 

ผิดไปหมด แผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมจะเสียคะแนนแบบเทหน้าตักให้ลลิตภัทรอีกต่างหาก

 

เฮ้อ....กำนันเซ็ง!!!

 

 

 

 



 

                เช้าวันนี้ศตายุไปช่วยลลิตภัทรขนของขึ้นรถตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นพ้นขอบน้ำดี ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีเข้มปล่อยชายออกนอกกางเกงยีนส์ ลูกเจี๊ยบเพิ่งสังเกตว่าหลายเดือนมานี้ที่ลลิตภัทรอยู่บ้าน ไม่มีวันไหนที่ชายหนุ่มจะแต่งตัวไม่ดี

 

กลายเป็นความแปลกแยกในหมู่ชาวบ้านที่ส่วนมากก็ใส่เสื้อที่แถมมากับยาฆ่าแมลงหรือกระป๋องสี ไม่ก็เสื้อแจกยามมีเลือกตั้งอะไรซักอย่าง ลลิตภัทรเหมือนคุณชายที่หลงทางมามากกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านของชนบทแห่งนี้

 

                “ตั้งใจสอบนะคะ เดี๋ยวปิดเทอมหาเวลาว่างๆอาจะพาไปเที่ยวด้วยคอนโดอากว้างมีสระว่ายน้ำสวยๆเจี๊ยบอยากเห็นมั้ยคะ”ชายหนุ่มปิดท้ายรถแล้วหันมาคุยกับหลาน ลูกเจี๊ยบน้อยตาเป็นประกาย ดวงตาซุกซนเป็นประกายแข่งกับเงาระยิบระยับบนผิวน้ำ

 

                “อยากจ้า หนูอยากเห็นที่ๆอาลออยู่ที่กรุงเทพ”น้ำเสียงกระตือรือร้นตอบรับในทันที

 

                “งั้นก็ตั้งใจสอบนะคะ อาไปไม่กี่วันก็กลับมืดๆจะโทรมาหานะคะ”ลลิตภัทรโยกหัวหลานไปมาอย่างเอ็นดู นี่หากอยู่กันเพียงลำพังเขาคงไม่ทำแค่นี้ คงจะรวบร่างนุ่มนิ่มมากอดมาหอมให้แก้มช้ำแล้วค่อยไป

 

                “ขับรถดีๆนะจ๊ะ”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นมองทำให้ลมหายใจคนมองแทบจะขาดห้วง

 

น่ารักน่าชังน่าเอ็นดูน่าดูเอ็นเหลือเกินหนูจ๋า...

 

                “รีบกลับมานะจ๊ะ”เสียงหวานเอ่ยปากฉอเลาะ ริมฝีปากยิ้มเยื้อนอ่อนหวาน

 

                “หนูคิดถึง...”ได้ฟังน้ำคำฉอเลาะลลิตภัทรก็อยากจะโทรไปบอกเพื่อนว่าไม่ไปแล้วได้มั้ยวะ ไม่อยากให้หลานคิดถึง

 

เด็กมันอ้อนเสียเหลือเกิน

 

ลลิตภัทรขับรถถึงกรุงเทพก็เกือบเที่ยงแล้วเพราะแวะนู่นแวะนี่ไปเรื่อยด้วยเพราะไม่เร่งรีบ เขตที่ชายหนุ่มอยู่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจถนนหนทางแออัดไปด้วยรถชายหนุ่มเคาะนิ้วตามทำนองเพลงอย่างระบายความหงุดหงิด พอกลับไปอยู่บ้านนานๆลลิตภัทรก็ติดการใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ไปไหนก็ไม่ต้องเร่งรีบเผื่อเวลามากมายเหมือนยามอยู่ที่กรุงเทพ กว่าจะถึงคอนโดก็เกือบเที่ยง ลลิตภัทรหิ้วของฝากขึ้นมาบนห้องสองถุง เก็บของเสร็จก็เดินไปห้องข้างๆเคาะไม่กี่ทีเจ้าของห้องก็เปิด เป็นครอบครัวพนักงานบริษัทที่มาเช่าอยู่ชายหนุ่มเอาถ่านไม้และกล้วยเบรกแตกที่ให้ชาวบ้านตั้งกลุ่มทำเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปมามอบให้ เอ่ยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกหลายคำก็แวะไปห้องถัดไป เมื่อแจกของฝากเสร็จอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดกับเพื่อนๆลลิตภัทรจึงกลับห้อง ดูความเรียบร้อยของทุกอย่าง ข้าวของอยู่ครบก็โทรหาป้าลำพึงแม่บ้านที่เขาจ้างไว้ดูแลห้องเอ่ยขอบคุณและบอกกล่าวเรื่องของฝากที่เขาเอามาให้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาคนเด็กก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด

 

ห้าโมงเย็นลลิตภัทรอาบน้ำอาบท่าฉีดน้ำหอมจนฟุ้งไปทั่วห้อง เสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำถูกนำมาสวมช่วยส่งให้ผิวขาวจัดของชายหนุ่มยิ่งสว่างชัด พระลอจัดแต่งทรงผมอีกเล็กน้อยก็ส่งยิ้มให้กับเงาของตัวเอง

 

                “ใครวะ หล่อชิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม”จัดการเสยผมอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเห็นสิ่งแปลกปลอมบนหัว

 

                “แม่ง...”สบถออกมาเบาๆก่อนกวาดสายตาหากรรไกรอันเล็กๆบนโต๊ะเครื่องแป้งจัดการตัดผมสีขาวออกให้พ้นไปจากชีวิต

 

 

                “ไงมึงไอ้ผู้ใหญ่บ้าน หายหน้าหายตาไม่เจอกันเลยตั้งแต่ลอยกระทง แดดที่บ้านมึงแรงไม่พอที่จะทำให้มึงดำขึ้นเลยเหรอวะแม่ง”ลลิตภัทรเข้าไปทักทายบรรดาเพื่อนๆที่มารวมตัวกันที่ร้านอาหาร เพื่อนของลลิตภัทรจองห้องวีไอพีเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเพลงดังวุ่นวายจนกลบเสียงคุยจึงมีเพียงการเปิดเพลงคลอเบาๆเท่านั้น  ชายหนุ่มตบหัวไอ้เอ็มเพื่อนสนิทที่เอ่ยทักเสียงดังก่อนจะโดนดันไปนั่งด้านในติดกับอริตาที่นั่งส่งยิ้มกว้างรออยู่ก่อนแล้ว

 

                “แอนรอลอตั้งนานทำไมเพิ่งมาคะ?”หญิงสาวจัดการชงเหล้าให้ลลิตภัทรอย่างรู้งาน ลลิตภัทรส่งยิ้มหวานไปให้ดวงตาแพรวพราวอย่างคนบริหารเสน่ห์หากแต่ในใจไม่ได้มีความคิดพิศวาสลึกซึ้งอะไรแล้ว ตั้งแต่งานคราวก่อนที่แอนไปบ้านแล้วเจ้าตัวน้อยกระเง้ากระงอดจนถึงขั้นถอดเสื้อประชดเขาก็ไม่มีใจแกว่งหรือแบ่งไปให้ใครอีก อริตาพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวสมัยก่อนมาพูดมาคุยกับลลิตภัทรหากแต่ชายหนุ่มทำเหมือนฟังเสียงแมลงหวี่คือฟังหูซ้ายทะลุหูขวา

 

                “ตกลงเรื่องหุ้นของมึงเอาไงวะลอ?”

 

                “กูไม่ขายว่ะ  ยังไงก็เป็นบริษัทที่ร่วมกันทำมาแต่ต้นกูก็อยากร่วมหัวจมท้ายไปกับพวกมึง กูคิดแล้วลงเงินแล้วนอนกินกำไรอยู่กับบ้านก็สบายดีได้มากได้น้อยแต่ก็เงินเหมือนกันมึงก็ช่วยดูแลให้กูด้วย ถ้ามีงานอะไรให้กูทำก็ติดต่อไปกูนั่งทำอยู่กับบ้านก็ได้”

 

                “เออ มึงว่ายังงั้นพวกกูก็สบายใจ เอ้ามาๆชนแก้วๆ”เอ็มเอ่ยเรียกบรรดาเพื่อนๆให้ยกแก้วขึ้นมาชนกับที่พอดีว่าโทรศัพท์ของลลิตภัทรดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอารามรีบร้อนชายหนุ่มก็เผลอทำเหล้าในแก้วหกใส่อาริตาที่ยื่นมาให้อย่างพอดิบพอดี หญิงสาวร้องอย่างตกใจกับพอดีที่ลลิตภัทรกดรับสายลูกเจี๊ยบโดยไม่ทันตั้งใจ

 

                “ลอคะ ลอช่วยแอนหน่อยสิคะ”อาริตาดึงแขนลลิตภัทรที่ยกมือขอโทษขอโพยหล่อนไว้

 

                “แอน แป๊บนะครับผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”

 

                “อย่าเพิ่งไปค่ะ ลอต้องรับผิดชอบที่ทำให้แอนเปียกไปทั้งตัวก่อนสิคะ”ลลิตภัทรมองตามคำว่าเปียกทั้งตัวของอริตาก่อนทำหน้าล้อเลียนว่าเจ้าหล่อนนั้นพูดปดเพราะรอยเปียกมีเพียงตรงอกอวบอึ๋มสะบึมบึ้มเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

 

                “งั้นก่อนไปลอช่วยรูดซิปให้แอนก่อนสิคะ “หญิงสาวยังคงต่อรองเมื่อลลิตภัทรทำท่าจะเดินออกไปจนชายหนุ่มต้องนั่งลงเพื่อช่วยหล่อนตามที่หญิงสาวร้องขอ เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนทำให้อริตาเปียกแหละนะ

 

ศตายุขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ดังเข้ามาในสาย ดวงตาของเด็กน้อยฉายแววกรุ่นโกรธละไม่พอใจเต็มที่

 

ไหนอาลอบอกเจี๊ยบว่าไปคุยงานกับเพื่อนไงจ๊ะ

 

แล้วยัยป้าแอนนมยานไปอยู่กับอาลอได้ยังไง

 

อะไรคือช่วยรูดซิป? ซิปอะไร?

 

อาลอกับป้าแอนกำลังทำอะไรกันอยู่ หรือว่า?...ดวงตาของเด็กน้อยโตเท่าไข่ห่านเมื่อนึกจินตนาการกิจกรรมที่ลลิตภัทรกำลังทำกับอริตา มืออูมกำโทรศัพท์ราวกับจะบี้ให้พังคามือ

 

อาลอนะอาลอ ไหนบอกว่ารักหนูคนเดียวไง แล้วนี่อะไรจ๊ะ ไปนอนกับป้าแอนนมเปลี้ยนั่นได้ยังไง

 

เกลียดนักคนเจ้าชู้!!!

 

ลลิตภัทรหันไปมองอริตาที่กำลังพยายามรูดซิปกระเป๋าสะพายที่ติดแล้วคว้ามาช่วย ชายหนุ่มใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เปิดออกได้ อริตาเอาผ้าเช็ดหน้าซับคราบสุราที่เปียกเนินอกดังชายหนุ่มขอโทษหล่อนอีกครั้งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอดับไปแล้วเดินออกไปด้านนอกร้านกดโทรกลับทันทีที่หามุมสงบได้

 

เสียงสัญญาณดังขึ้นไม่นานลูกเจี๊ยบก็กดรับสาย

 

                “ฮัลโหลค่ะเจี๊ยบขอโทษนะคะที่รับช้าพอดีอาเพิ่งเดินออกมานอกร่ะ...”

 

                “ไม่คุยกับคนเจ้าชู้!!!”ลลิตภัทรยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเสียงลูกเจี๊ยบน้อยที่เกรี้ยวกราดก็ดังสวนกลับมาจากนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป ทิ้งชายหนุ่มไว้กับดินแดนอันแสนเวิ้งว้าง

 

กูทำอะไรผิดวะ?

 

ก้มลงมองหน้าจออีกครั้งอย่างงงๆก่อนจะกดโทรกลับไปอีกครั้งหากแต่คราวนี้ลูกเจี๊ยบปิดเครื่องไปแล้ว

 

อ๊าว...

 

ไรอ่ะ??

 

อะไรวะ

 

งงเด้!!!

 


อาไปเจ้าชู้กับใครตอนไหนคะเนี่ย?!!







     ลลิตภัทรแทบอยากจะเหาะกลับบ้านถ้าไม่ติดว่าอีกวันต้องไปร่วมงานแต่งของเพื่อน ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบอีกหลายครั้งแต่โทรศัพท์ของลูกเจี๊ยบคงโคฟเวอร์เป็นสากกะเบือไปแล้วเพราะมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติให้ได้หงุดหงิดเล่น ชายหนุ่มกลับเข้ามาในร้านมองอริตาอย่างเคืองๆ ยอมรับล่ะว่าเขาพาล



     "ไอ้เอ็มมึงขยับไปนั่งข้างแอนดิ๊"ผลักเพื่อนสนิทเพื่อจะแย่งที่นั่ง อรรถพลงงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆหากแต่ก็ยอมย้ายตูดไปแต่โดยดี แก้วเหล้าถูกเปลี่ยนมาใหม่ตามปกตินิสัยของลลิตภัทรที่หากทิ้งโต๊ะไปแล้วจะไม่ดื่มแก้วเดิม



     "ลอคะทำไมไม่กลับมานั่งที่เดิมล่ะคะ?"อริตาทำเสียงกระเง้ากระงอด ส่ายอกเต่งตึงไปมาราวกับตุ๊กตาลมหน้าปั๊มน้ำมัน



     "นั่งแบบนี้ดีกว่าครับแอนพอดีแฟนลอเค้าขี้หึง"ลลิตภัทรตอบลลิตภัทรตอบเสียงเรียบพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบทำเป็นเมินสายตาที่หันขวับมาจับจ้องเขา เห็นไอ้เอ็มทำหูผึ่งก็นึกขำ



ลลิตภัทรหวงชีวิตโสด  เรื่องนี้เพื่อนๆในกลุ่มรู้ดี  แม้ชายหนุ่มจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งแต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาลลิตภัทรไม่เคยใช้คำว่าแฟนกับใครแม้แต่อริตาที่ดูจะโปรดปรานกว่าคู่นอนคนไหนก็ตาม หญิงสาวที่คิดมาตลอดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นแทบจะลุกขึ้นมากระทืบเท้าเร่าๆแบบในละครหากแต่หล่อนระงับจิตระงับใจตัวเองไว้  หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ

หากหล่อนโวยวายไปตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย



     "มึงไปมีแฟนตอนไหนวะทำไมพวกกูไม่รู้?"เพื่อนคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม ลลิตภัทรมีสายตาเป็นประกายวูบหนึ่งยามนึกถึงแก้มฟูๆที่มีกลิ่นแป้งเด็กติดอยู่ให้ได้ชื่นใจยามฝังปลายจมูก  สายตาที่อริตาไม่เคยได้รับ สายตาที่เพื่อนๆทุกคนไม่เคยเห็น



     "ซักพักแล้วว่ะ"ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี



     "สวยมั้ยวะ?"ใครๆก็รู้ว่าลลอตภัทรไม่เคยควงคนหน้าตาไม่โดดเด่น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เพื่อนของเขาเคยควงแต่ละคนล้วนแล้วแต่หน้าตาดีราวคัดเกรดมาแล้วทั้งนั้น



     "ไม่สวยว่ะ"ชายหนุ่มชายหนุ่มหยุดคิดนิดหนึ่งริมฝีปากกระตุกยิ้มยามนึกถึงเจ้าของปากงุ้ยๆแก้มป่องๆขี้เถียงๆของคนที่กำลังงอนเขาอยๆแ่อนที่จะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข



     "แต่น่ารักชิบหายเลย น่ารักแบบที่กูไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต"





      สามวันต่อมาลลิตภัทรก็กลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มหอบของฝากมาจนเต็มรถ บัวบูชากับบุญรักษาได้ตุ๊กตาคนละตัวเด็กหญิงเด็กชายกระโดดกอดอาหนุ่มอย่างดีอกดีใจจนขวัญชีวาต้องเตือนลูกให้ไหว้ขอบคุณอาลอเสียก่อน



     "ไปกรุงเทพแค่นี้ต้องย้อมผมกลับมาด้วยเหรอวะ"พระลักษณ์เอ่ยเซวน้องชายที่กลับมางวดนี้หล่อขึ้นไปอีกโขด้วยผมที่ตัดมาใหม่และลงทุนไปนั่งให้ช่างรุมทึ้งหลายชัวโมง ตอนแรกช่างจะทำสีเทาไม่ก็บลอนด์สว่างๆให้เขาแต่ชายหนุ่มท้วงไว้เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านเวลามีประชุมจะไปนั่งหัวทองกลางดงผมหงอกก็ดูไม่เหมาะจึงสรุปกันที่น้ำตาลประกายส้มซึ่งยิ่งขับกับผิวขาวจัดของเขาได้เป็นอย่างดี



     "อิจฉาล่ะสิผมทำแล้วหล่อ"ชายหนุ่มยักไหล่ใส่่ชาพี่ชายคนรแงแล้ววางตะกร้าเสื้อผ้าเด็กผู้ชายที่ซื้อมาฝากน้องคุณหลานคนเล็ก



     "มีแต่ของฝากหลานๆแล้วของพ่อๆมันล่ะวะ?"พระรามแกล้งถามเมื่อเห็นแต่ของฝากลูกๆหลานๆ



     "อยู่หน้ารถพี่ นุ่มลิ้นอย่างนี้เลย"ชายชายหนุ่มเดินกลับไปทีไปที่รถกลับมาพร้อมขวดไวน์และเหล้านอกหลายกล่อง พระรามกับพระลักษณ์ตบเข่าฉาดอย่างชอบอกชอบใจที่ไอ้น้องครกษกมันรู้ใจพี่ๆ ลลิตภัทรฝากขวดเหล้าไว้ที่พี่ๆแล้วไปหยิบของของกินต่างๆไปให้แม่ที่นั่งทำกับข้าวกับนิดาและขวัญชีวาในครัว ใบบุญกับใบบัวนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ไม่ห่าง



     "พี่ขวัญครับเดี๋ยวรบกวนหากับแกล้มให้หน่อยนะครับวันนี้ว่าจะดื่มกัน"



     "ได้ๆลออยากได้อะไรพิเศษมั้ยจะได้ทำให้เลย"พี่สะใภ้คนโตเอ่ยถาม



    "งั้นขอแหนมซักจานนะครับ ผมซื้อมาแล้ว"ชายหนุ่มวางถุงของลงหน้าพี่สะใภ้



     "อันนี้ซื้อมาฝากแม่ พอดีเพื่อนเปิดร้านมันลดราคาให้"พระลอยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงให้แม่ เมื่อเปิดออกมาด้านในเป็นกำไลทองฝังเพชรเม็ดเล็กๆกับต่างหู ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบแตก ลลิตภัทรรู้ว่าแม่ชอบทองกับเพชรปกติชายหนุ่มกับพี่ๆจะหุ้นกันซื้อให้แม่ทุกปี



     "ท่าทางจะชอบ"ขวัญชีวาพยักเพยิดกับนิดาเอ่ยแซวแม่สามีย่างเอ็นดูคนแก่ที่เอาของขึ้นไปเก็บด้วยตัวเอง



     "งั้นเดี๋ยวผมแวะเอาของไปฝากบ้านนู้นหน่อยนะครับ"พระลอขอตัวแยกออกไป คิดถึงลูกเจี๊ยบใจจะขาด อยากเจอหน้าจะแย่ หลายวันมานี้เหมือนถูกลูกเจี๊ยบเหวี่ยงออกนอกโลกชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าบ้านแดนดิน จิ๊บโผล่หน้าออกมาดูจากหน้าต่างครัว



     "อ้าว ลอ กลับมาแล้วเหรอ? ขึ้นมานั่งบนบ้านก่อน แล้วนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะ"ลลิตภัทรหิ้วถุงของฝากขึ้นมาบนบ้าน จันทร์เจ้าขายกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่ม



     "เจ้าขา อันนี้อาซื้อมาฝากหนูนะคะ"ลลิตภัทรยื่นถุงกระดาษลายน่ารักให้เด็กสาว จันทร์เจันทร์เจ้าขายกมือไหว้ขอบคุณเมื่อเปิดดูด้านในเป็นชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆสวยหวานน่ารักเหมาะกับเจ้าขา เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจ



     "อันนี้ของจิ๊บ ตัวนี้ใช้ดีมากช่วยบำรุงผิวลดริ้วรอย"



     "ลอว่าเราแก่เหรอ?"จิ๊บรับถุงเครื่องสำอางค์จากลลิตภัทรพลางเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่



     "แหม...เธอก็สามสิบกว่ามันก็ต้องบำรุงกันหน่อยมั้ยครับคุณจิรนันท์ ส่วนนี่น้ำหอม กลิ่นไม่ฉุนมากเราซื้อมาฝากผัวเธอ"จิรนันท์หัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินสรรพนามที่ลลิตภัทรใช้เรียกบุคคลที่สามอย่างแดนดิน



     "ดูพูดเข้า ลอนี่จริงๆเลย"



     "แล้วนี่เจี๊ยบกับเจ้าจอมไปไหนล่ะ?"



     "เจี๊ยบเข้าเมืองไปกับพ่อเค้าน่ะ ส่วนเจ้าจอมไปจับปลากับทิดชัยที่ท้ายนา"หล่อนชี้ไปที่ท้ายนาลิบๆเห็นกลุ่มคนจับปลากันอยู่ไกลๆ



     "งั้นเดี๋ยวเราไปหาหลานก่อน พวกของกินแช่ตู้เย็นจะไว้ได้นานนะ อร่อยดีลองดู"



     "อื้อ ขอบใจนะ อุตส่าห์นึกถึง"



     "ไม่เป็นไร เราไปก่อนนะ"ชานหนุ่มไม่รอให้จิรนันท์ได้ตอบกลับก็ขับรถไปจอดใกล้ๆกับที่เจ้าจอมจับปลาอยู่ เพ่งสายตาดูไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมตัวคลั่กไปด้วยโคลนกำลังจับปลาอย่างสนุกสนาน



     "เจ้าจอม"ลลิตภัทรส่งเสียงร้องเรียก เมื่อเด็กน้อยได้ยินก็รีบเงยหน้าดูก่อนจะยิ้มร่าทิ้งตะข้องที่ใส่ปลาวิ่งมาหาลูกพี่ทันที



     "อาลอ อาลอกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ"เอ่ยทักเสียงอ่อนเสียงหวาน ลลิตภัทรเปิดท้ายรถหยิบกล่องของเล่นกล่องใหญ่ออกมาอย่างรู้งาน

คราวนี้เขาจะใช้ประโยชน์จากแก้วเจ้าจอมของเซ่นไหว้ก็ย่อมต้องไม่ธรรมดา



     "โห!!! อาลอ"แก้วเจ้าจอมตาโตเมื่อเห็นของฝากมือน้อยๆจะ่นไปรับหากแต่คนเป็นอากลับดึงออกให้ห่างมือ



     "อาจะให้ แต่เจ้าจอมต้องช่วยอะไรอาหน่อย"



     "ช่วยอะไรเหรอจ๊ะ บอกมาเลยหนูจะทำสุดความสามารถเลย"



     "ช่วยอาง้อพี่เจี๊ยบหน่อย"ชายหนุ่มตอบพลางกดยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องเอาของเล่นเข้าล่อนี่แหละ













,...................

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒o วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-12-2018 21:18:48
 :laugh:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒o วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 02-12-2018 08:30:52
555=แก้วเจ้าจอมหนูเป็นเด็กขี้มโนเก่งจริงๆเลย
หนูท้องไม่ได้นะลูกเอ๊ย :m20:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 02-12-2018 11:44:16
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๑




        ศตายุปรายตามองแก้วเจ้าจอมที่มานั่งหน้าแป้นอยู่บนเตียงนอนของตนเอง ในมือป้อมๆมีกระปุกครีมยี่ห้อดังๆแพงๆที่เคยเห็นผ่านตาบ่อยครั้งในนิตสารหัวนอก

 

          “เอาไปคืนอาลอ”น้ำเสียงติดจะสะบัดสั่งน้อง แก้วเจ้าจอมที่อาบน้ำปะแป้งตรางูจนลายพร้อยไปทั้งตัวทำหน้าคว่ำ อากาศยามบ่ายนี้ร้อนจนเด็กน้อยอยากเกิดเป็นควายจะได้นอนแช่โคลนแช่ปรักใช้ฉ่ำปอดแบบนังเบลล่านัก

 

          “โธ้...พี่เจี๊ยบ อาลอแกอุตส่าห์มีกะใจซื้อมาฝากจะคืนไปทำไมล่ะจ๊ะ เนี่ยดูสิครีมห๊อมหอมถ้าพี่เจี๊ยบทาต้องหอมมากแน่ๆ”ไม่พูดเปล่าแก้วเจ้าจอมยังปาดครีมสีเหมือนขี้โคลนนั่นมาแปะหน้าตัวเองเบาๆ

 

ห๊อมหอม หอมจนอยากจะควักกิน

 

          “พี่บอกให้เอาไปคืนก็เอาไปคืนสิ ของคนนิสัยไม่ดีไม่อยากได้”

 

          “หนูถามจริงๆนะพี่เจี๊ยบ พี่เจี๊ยบงอนอะไรอาลออ่ะ หนูก็เห็นอาลอแกก็ดี๊ดีตามใจเราทุกอย่าง”ปากเล็กพูดเจื้อยแจ้ว

 

เจ้าจอมชอบอาลอ โดยเฉพาะตอนที่อาลอเอาของเล่นมาให้จากที่อาลอหล่ออยู่แล้ว พอมีของเล่นติดไม้ติดมือมาให้แก้วเจ้าจอมก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าอาลอหล่อจนแสบตา

 

เนี่ย  หล่อขนาดนี้แล้วทำไมพี่เจี๊ยบยังงอนลง จอมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กมั้ยล่ะ?”คนเป็นพี่พูดอย่างรำคาญใจ

 

          “เอาไปคืนเค้าเลย พี่ไม่อยากได้ แล้วบอกด้วยว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้อีก”ลูกเจี๊ยบลุกขึ้นมาฉวยกระปุกครีมปิดฝาแล้วยัดใส่ถุงตามเดิม ดันตัวน้องชายให้ออกจากห้องแล้วปิดประตูอย่างหงุดหงิดใจอดไม่ได้ที่จะมองค้อนไปยังทิศบ้านของลลิตภัทร

 

          “รู้ได้ไงใช้แล้วนุ่ม เคยไปทาให้ใครมารึไง ฮึ๊ย ตาแก่ชีกอ!!”

 

แก้วเจ้าจอมกำลังหงุดหงิดที่ถูกพี่ชายไล่อกมาจากห้องพร้อมของกำนัลที่อาลอฝากมาให้พี่เจี๊ยบ เด็กน้อยเดินมาหยุดที่ปลายนา เพราะยังว่ายน้ำไม่แข็งพ่อกับแม่จึงไม่อนุญาตให้แก้วเจ้าจอมพายเรือเองเวลาจะไปไหนมาไหนถ้าไม่เดินก็ปั่นจักรยานเอา แก้วเจ้าจอมจอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้ ควายสองตัวเคี้ยวหญ้าอย่างสบายอารมณ์

 

ดูเถอะ อุตส่าห์แบกมาให้กลับสั่งให้เอาไปคืนอย่างไม่ใยดี ครีมนี่รึก็ห๊อมหอม อาลอบอกว่าถ้าพี่เจี๊ยบใช้ผิวที่คร้ามแดดจะถูกผลัดออกแล้วจะขาวขึ้น

 

ยังงั้นก็ใช้ทาได้ทั้งตัวสิ?

 

อืม...ช่วงนี้ก็คล้ำๆอยู่พอดีขอใช้บำรุงผิวซักหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวไปบอกอาลอว่าพี่เจี๊ยบใช้แบบพอเป็นพิธีแล้วให้เอามาคืนอาลอจะได้ไม่ผิดหวังว่าเจ้าจอมทำภารกิจไม่สำเร็จ

 

แก้วเจ้าจอมเปิดฝากระปุกครีมก่อนจะบรรจงจกเนื้อครีมนวลเนียนแล้วชโลมลงบนต้นแขนของตัวเอง

 

เนี่ย เพียงแค่แตะลงบนแขนก็รู้สึกเหมือนผิวนุ่มเหมือนตูดน้องคุณลูกลุงลักษณ์แล้ว ยิ่งทายิ่งเพลินกว่าจะรู้ตัวเด็กน้อยก็ทาครีมจนแทบจะทั่วตัว ครีมพร่องลงไปจนเกือบหมด

 

ว๊ายตายแหล๋วววววว!!!!!!

 

ทำยังไงดีจ๊ะพ่อจ๋า

 

แก้วเจ้าจอมที่นั่งฟินกับความหอมของครีมถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นปริมาณเนื้อครีมที่ยังเหลือ เด็กน้อยเพลินมือไปหน่อย ของก็ต้องเอาไปคืนไม่งั้นพี่เจี๊ยบได้ตีน่องแตกแน่ๆ  เห็นใจดีๆแบบนั้นลองได้ถือไม้เรียวตีซักทีเจ็บช้ำระกำใจกว่าโดนแม่ตีหลายเท่านัก จอมไม่กล้าเสี่ยงหลอกจ้า หันซ้ายแลขวาเพื่อหาทางออกก็พบว่าโคลนในแอ่งบริเวณที่ปีเตอร์กับเบลล่ายืนเคี้ยวเอื้องอยู่ช่างนวลตานักสีสันรึก็ละม้ายคล้ายครีมในกระปุก

 

ด้วยความที่แม่จิ๊บเลี้ยงด้วยสารพัดปลาอยู่บ่อยๆทำให้สมองของเจ้าจอมฉลาดนัก เด็กน้อยไม่รอช้า ดวงตากล่อมตวัดมองเพื่อวิเคราะห์อณูของดินว่าตรงไหนละเอียดและนิ่มสุดจัดการใช้มือเล็กๆจ้วงมาวางลงบนใบตองที่เดินไปฉีกมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ขณะที่กำลังจกครีมนังเบลล่าควายตัวโปรดก็ฉี่ออกมาผสมกับดินเสียเต็มเปง

 

ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าอาลอยังคะยั้นคะยอให้เอาไปให้พี่เจี๊ยบเขาก็จะทิ้งแล้วโกหกว่าพี่เจี๊ยบใช้แล้วก็แล้วกัน เด็กน้อยจกครีมที่เหลือในกระปุกมาผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันขี้โคลน ปาดให้เรียบเสมอกันเอาแผ่นพลาสติกเล็กๆที่ใช้ปิดระหว่างฝากับเนื้อครีมปิดทับเป็นอันเสร็จจัดการล้างกระปุกที่มีโคลนติดเลอะจนสะอาดเรียบร้อย ล้างเนื้อล้างตัวกับแอ่งน้ำในนาจนเกลี้ยงแล้วก็นั่งกินลมชมวิวอีกพักใหญ่ให้ตัวแห้งก็พอดีกับที่ประปุกครีมแห้งเช่นเดียวกันจึงได้เก็บใส่ถุงแล้วปั่นจักรยานไปบ้านอาลอ

 

          “ทำไมล่ะ?”เจ้าจอมเห็นสีหน้าผิดหวังของอาลอก็ให้สงสารนัก พอเห็นกระปุกครีมสีหน้าเหมือนไอ้แดงหมาที่วัดที่ระริกระรี้ยามหลวงตาขยำข้าวให้กินก็หดทันทีราวกับไอ้แดงที่เห็นว่าในจานข้าวที่หลวงตาขยำให้นั้นมีเพียงข้าวกับผักต้ม

 

โถ...อาลอคงหวังดีอยากให้พี่เจี๊ยบมีผิวสวยแน่ๆ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติจอมล่ะซึ้งน้ำใจนัก



ดูเอาเถอะอาลอแสนดีขนาดนี้พี่เจี๊ยบยังปฏิเสธได้ลง ใจช่างดำราวอีกาทำคนแก่เสียใจนี่บาปนัก

 

          “พี่เจี๊ยบบอกว่าไม่ต้องเอามาให้อีก”เจ้าจอมทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เจ้าจอมเห็นอาลอทำหน้าสลดลงกว่าเดิมก็ให้สงสารนัก ดวงตากลมมองรีโมทรถบังคับคันเล็กๆที่อาลอถืออยู่ด้วยความเห็นใจ

 

ดูสิมืออาลอใหญ่จะตาย ถ้ามาอยู่ในมือเจ้าจอมคงจะเหมาะมือกว่านี้

 

          “อาลอจ๋า...”เสียงเล็กเอ่ยเรียกเมื่ออาลอทำเหมือนจะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

          “หืม?”

 

          “งอนอะไรกับพี่เจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”ในเมื่อถามพี่เจี๊ยบแล้วไม่ได้คำตอบงั้นถามอาลอก็ได้

 

นี่จอมไม่ใช่เด็กขี้เสือกเลยนะจ๊ะ เพียงแต่ว่าถ้าอยากรู้อะไรแล้วมันไม่ได้คำตอบมันก็จะค้างคาในหัวใจ มันก็จะคิดมากพาลให้กินข้าวไม่อร่อย

 

หากสิ่งที่ได้รับกลับมาจากอาลอกลับทำให้แก้วเจ้าจอมหน้างอยิ่งกว่าเดิม

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”

 

เออ!! ไม่ใช่เรื่องของเด็กแล้วใช้เด็กให้ไปง้อทำไมล่ะ

 

เนี่ย เคืองแล้วนะเนี่ย!!

 

          “ตามใจ แล้วไม่ต้องมาใช้อะไรหนูแล้วนะ ชิ๊”แก้วเจ้าจอมวางถุงครีมลงบนเตียงของลลิตภัทรแล้วเดินกระแทกเท้าปึงๆออกไปนอกห้อง

 

          “เจ้าจอม ไม่เอาเหรอรถอ่ะ”ลลิตภัทรร้องถามเมื่อเห็นเจ้าลูกสมุนทำหน้ายุ่งจนคิ้วแทบจะผูกเป็นโบว์ แก้วเจ้าจอมชะงักก่อนจะย้อนกลับมาหา ยกมือไหว้แล้วคว้ารีโมทบังคับรถบังคับเดินไปอุ้มตัวรถที่มุมห้องแล้วสะบัดหน้าจนแทบจะฟาดกับประตูห้องออกไปเลย

 

สรุปตอนนี้ลลิตภัทรก็ถูกสองพี่น้องงอนเป็นที่เรียบร้อย

 

หมดลูกสมุนที่จะไหว้วานให้ช่วยงานไปในบัดดล

 

จะไปบอกได้ยังไงกันเล่าว่าพี่เจี๊ยบหึงจนพาลมางอนอาลอ มีหวัง เจ้าจอมรู้โลกรู้ไอ้หน้าหมาแดนดินก็ต้องรู้ด้วย

 

ไม่ยอมเสี่ยงหรอกนะจ๊ะ ยังอยากมีชีวิตยาวๆไปคบกับหลานอยู่ ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงหยิบครีมขึ้นมาดู

 

ซื้อมาตั้งแพงหลานกลับไม่ใช้ สงสัยจะดีจริงขนาดไม่ได้เปิดกระปุกยังเหมือนจะได้กลิ่นหอมจางๆ งั้นก็ใช้เองแล้วกัน…









 

 

            เช้านี้ลลิตภัทรเอาบัญชีรายชื่อคนแก่และคนพิการในหมู่บ้านที่ได้รับเบี้ยยังชีพมาดู ชายหนุ่มตรวจทานทีละชื่อโดยมีพ่อนั่งอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มถามถึงคนแก่แต่ละคนอย่างละเอียดและเลือกเอาเฉพาะบ้านที่ยากจนไว้ต่างหาก คัดไปก็เกาแก้มเกาคอตัวเองเบาๆเพราะความคันยุบยิบๆ ผิวแก้มขาวขึ้นตุ่มแดงเล็กๆราวกับเป็นผด

 

            “คัดไปทำไม?”อดีตผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามลูกที่รวบรวมรายชื่อเสร็จเอาในช่วงสาย ลลิตภัทรเก็บรายชื่อที่แยกไว้เข้าแฟ้มไม่ได้รวมกับแฟ้มเดิม

 

            “ผมว่าจะเยี่ยมบ้านลูกบ้านแต่ละคนน่ะครับ”

 

            “ก็เห็นไปเยี่ยมทุกเดือนไม่ใช่เหรอ?”คนเป็นพ่อเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติลลิตภัทรจะออกเยี่ยมลูกบ้านอยู่เรื่อยๆวันละบ้านสองบ้านตามแต่จะสะดวก

 

            “หมู่บ้านเราผู้มีรายได้น้อยแถมบางบ้านทิ้งปู่ย่าตายายให้อยู่ตามลำพังแล้วไปทำงานที่อื่น ผมว่าคนแก่พวกนี้น่าสงสาร แกแก่แล้วจะไปเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำงานเลี้ยงชีพ ตอนนี้ผมเลยสำรวจว่าบ้านไหนที่ฐานะไม่ค่อยดี เงินเดือนของผมๆจะแบ่งแจกให้ชาวบ้าน”

 

            “มันจะดีเหรอ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกนะ”

 

            “ผมคิดดีแล้วพ่อ บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรพ่อก็ยกค่าเช่าตึกแถวในตลาดกับค่าแผงให้ทุกเดือน เงินเดือนจากโรงสีผมก็ได้ แถมผมก็มีเงินจากบริษัทที่เปิดกับเพื่อนบางทีก็ได้เงินก้อนจากหุ้นผมมีพอใช้แล้ว เงินเดือนในฐานะผู้ใหญ่บ้านของผมๆเลยอยากยกให้ชาวบ้านที่ยากจนมากกว่า”

 

            “แต่ถ้าคิดจะให้เอ็งจะมาเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ คนเขาจะว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า น้ำใจคนเรามันไม่เหมือนกัน ใช่ว่าคนที่มีเขาจะไม่อยากได้เงินส่วนที่เอ็งคิดจะให้ ของฟรีต่อให้มั่งมีก็อยากได้มาครอบครองทั้งนั้น ถ้าจะทำก็ต้องให้หมด”ชลิตเอ่ยเตือนลูกของความจริงข้อนี้ เขารู้ดีว่าคนบางคนก็มีความละโมบเกินกว่าจะคิดว่าตัวเองไม่ได้ยากไร้จนต้องมางกกับเงินแค่ร้อยสองร้อย ลลิตภัทรเก็บเอาคำพูดของพ่อไปคิดตาม ชายหนุ่มเริ่มออกเยี่ยมบ้านลูกบ้านหลังจากกินข้าวเช้าอิ่มโดยมีผู้ช่วยตามมาสมทบที่บ้าน ชายหนุ่มพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่อย่างเป็นกันเองพลางจดรายละเอียดต่างๆที่ได้รับฟังคำบอกเล่า คนแก่คนไหนที่มีอาการป่วยก็จดไว้เพื่อประสานงานกับ อสม.ที่อนามัยอีกทีจนเกือบเย็นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างทางชายหนุ่มเห็นเด็กๆกำลังงมหอยขมอยู่ในหนองน้ำ ร่างคุ้นตาของเจ้าเด็กที่ยังงอนไม่ยอมมาหาเขาปรากฏให้เห็นพร้อมแก้วเจ้าจอมโดยมีเด็กผู้หญิงผิวคล้ำรูปร่างผอมบางร่วมวงอยู่ด้วย ลลิตภัทรไม่ทิ้งโอกาสที่จะเข้าไปหาศตายุ

 

            “ทำอะไรกันคะ?”ส่งเสียงอ่อนเสียงหวานทักทาย ศตายุหันขวับกลับมามองแล้วค้อนควักเขาไปซะวงใหญ่แล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตางมหอยต่อไปโดยการใช้ฟันกัดชายเสื้อสำหรับใช้เป็นภาชนะเวลาเก็บหอยขึ้นมาได้ก็ขังไว้ในเสื้อ เอวคอดกิ่วปรากฏเย้ายวนอยู่ตรงหน้าพาลให้เลือดลมไหลเวียนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง

 

            “จับหอยจ้า”แก้วเจ้าจอมที่งมดินเล่นซะมากกว่างมหอยเอ่ยตอบ

 

            “จับไปทำไมคะ?”ยังไม่ละความพยายามที่จะคุยกับศตายุแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งและเช่นเดิมยังคงเป็นแก้วเจ้าจอมที่เต็มอกเต็มใจตอบอย่างเหลือเกิน

 

            “ช่วยพี่แต้วจ้า บ้านพี่แต้วจนเลยต้องมาเก็บของป่ากับหาหอยขาย”

 

            “อาเพิ่งรู้นะว่าแถวนี้มีนกปากเจ็บ พูดไม่ได้”ยังไม่วายที่จะเอ่ยเย้าคนเด็กกว่าที่ทำแก้มอูมยังคงช่วยเด็กหญิงแต้วงมหอยต่อไป

 

            “แก้มอาลอไปโดนอะไรมาจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นบรรยากาศมันอึดอัดแปลกๆก็เอ่ยถามเมื่อเห็นลลิตภัทรลูบผิวหน้าตัวเองเบาๆ รอยแดงบนใบหน้าชัดกว่าเมื่อเช้าจนเห็นได้ชัดยิ่งเวลาโดนแดดโดนเหงื่อยิ่งคัน

 

            “ไม่รู้สิ สงสัยจะแพ้มาร์กหน้า”ลลิตภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจนักหากแต่ปฏิกริยาของศตายุคือคนเด็กกว่าหันมามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงแวบหนึ่ง ลลิตภัทรลอบยิ้มอย่างยินดี

 

เอาวะอย่างน้อยลูกเจี๊ยบก็คงไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก สำออยหน่อยจะเป็นอะไรไป

 

            “โอ้ย...”แกล้งร้องพลางกุมหน้ากุมตา ศตายุหันขวับพร้อมกับแต้วและเจ้าจอมที่ทำสีหน้าแปลกๆ

 

            “อ..อาลอเป็นอะไรจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมรู้สึกถึงลางร้ายที่เริ่มปกคลุม มาร์กหน้าตัวไหนหนอที่อาลอใช้แล้วแพ้ คงไม่ใช่กระปุกที่เอาไปคืนเมื่อวานหรอกใช่มั้ย

 

พุทโธ่ ใครให้อาลอเอาไปใช้กันล่ะจ๊ะ นั่นน่ะมีส่วนผสมของเยี่ยวนังเบลล่าประมาณ 70 % เลยนะจ๊ะ

 

            “อยู่ๆก็ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าน่ะ”แกล้งลงไปนั่งปุ๊กอยู่กับพื้นด้วยความเล่นใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีที่รัชดาลัย แก้วเจ้าจอมรีบกระโจนขึ้นมาบนฝั่งพยายามจะขอดูหากแต่ลลิตภัทรยังร้องโอดโอยไม่ได้หยุดจนศตายุเริ่มใจเสีย เด็กน้อยไม่เคยเห็นอาลองอแงขนาดนี้มาก่อน ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบขึ้นจากน้ำมานั่งข้างๆปล่อยหอยขมให้ตกลงกับพื้นแล้วประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นมาไว้ในฝ่ามือ

 

            “เจ้าจอมไปเอากระติกน้ำมา เอาผ้าเช็ดหน้าของพี่ในกระเป๋าเป้มาด้วย”หันไปสั่งน้องพลางหยิบเอามือคนเป็นอาออก ร่างบางเม้มปากเมื่อเห็นรอยแดงบนผิวแก้มที่เคยขาวสะอาดของอาลอ

 

            “เอาน้ำล้างหน้าก่อนนะจ๊ะ”ประคองร่างหนาให้นั่งโน้มตัวไปด้านหน้าแล้วเทน้ำใส่มือตนเองล้างหน้าเพื่อชำระเหงื่อออกจากผิวแก้มของลลิตภัทรจนสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับให้อย่างแผ่วเบา

 

“แต้ว เดี๋ยวพี่พาอาลอกลับบ้านก่อนนะ อย่ากลับเย็นนักล่ะมืดค่ำไปมันอันตราย แล้วก็เดี๋ยวเย็นๆพี่ไปซื้อหอยที่บ้านเก็บไว้ให้ด้วยนะ”เพราะความเป็นห่วงลูกเจี๊ยบรีบประคองลลิตภัทรขึ้นมุ่งหน้ากลับบ้านไม่วายหันกลับมาสั่งเจ้าจอม

 

“เจ้าจอม เอาจักรยานกลับบ้านแล้วบอกแม่ว่าพี่ไปบ้านย่าโฉมนะ”

 

“ให้หนูไปด้วยสิพี่เจี๊ยบ หนูก็เป็นห่วงอาลอเหมือนกัน”เจ้าจอมงอแงร้องตามราวเด็กเอาแต่ใจจนลลิตภัทรต้องหันมาขยิบตาส่งซิกให้ปริบๆ

 

“อาลอตาเจ็บด้วยเหรอจ๊ะ”แต่เหมือนเจ้าจอมจะไม่เข้าใจ ลลิตภัทรอยากจะดีดไอ้ตัวดีให้ร่วงลงไปในแอ่งน้ำนัก บทจะฉลาดหาเล่ห์เพทุบายหลอกเอาของเล่นจากเขาน่ะก็ฉลาดเป็นกรด บทจะโง่...เอ้ย ซื่อ ก็ซื่อจนน่าถีบ

 

“ให้พี่เจี๊ยบไปคนเดียวพอส่วนเจ้าจอมกลับบ้านไปซะเดี๋ยวแม่จิ๊บเป็นห่วง”เหมือนเป็นประกาศิตของลูกพี่กอรปกับมีชะนักติดหลังอยู่แล้วแก้วเจ้าจอมก็รับคำจ๊ะจ๋าอย่างว่างง่าย ศตายุเดินประคองลลิตภัทรมาตามทาง ลมเย็นพัดมาช่วยคลายความร้อนได้บ้างตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยจนกระทั่งถึงบ้านของลลิตภัทร เด็กน้อยประคองอาหนุ่มเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องปิดสนิทพระลอยืดตัวเดินเต็มความสูง จับมือเรียวของหลานไว้อย่างงอนง้อ

 

“หนูคะ...”ลูกเจี๊ยบชะงักกับคำเรียกนั้น สูดน้ำมูกที่อยู่ๆก็มาทำให้แสบจมูก

 

“อาลอหายเจ็บแล้วเหรอจ๊ะ?”

 

“ยังค่ะ อาลอยังไม่หายเจ็บ จริงๆอาลอไม่ได้เจ็บอะไรที่หน้าหรอกค่ะ แต่อาลอเจ็บที่ใจ”

 

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วงั้นหนูกลับล่ะ”ศตายุดึงมือตัวเองออกหากแต่ลลิตภัทรกลับรวบร่างของหลานไว้ ใบหน้าขาวแนบกับหลังของศตายุอย่างออดอ้อน

 

“อย่าเพิ่งไป หนูต้องฟังอาก่อนสิคะ”

 

“มันมีอะไรที่ต้องฟังอีกเหรอจ๊ะ ก็ได้ยินอยู่”คนเด็กเอ่ยเสียงสะบัด เนี่ยแค่คิดถึงบทสนทนาที่ได้ยินคืนนั้นก็โกรธอีกแล้วเนี่ย

 

“หนูต้องฟังสิคะเพราะหนูกำลังเข้าใจอาผิด ไหนเราเคยคุยกันแล้วไงคะว่ามีอะไรเราจะคุยกันก่อน แต่นี่นอกจากหนูจะเข้าใจอาผิดแล้วหนูยังไม่ยอมฟังอาอีกด้วย”

 

“งั้นอาลอก็บอกมาสิจ๊ะว่าสิ่งที่หนูได้ยินคืออะไร?”เด็กน้อยสะบัดตัวอย่างเจ้าแง่แสนงอนจนทำให้ลลิตภัทรหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“งั้นหนูบอกมาก่อนค่ะว่าได้ยินอะไรบ้าง จนป่านนี้อายังไม่รู้ความผิดของตัวเองเลยนะคะ”ลลิตภัทรดึงคนเด็กกว่าให้นั่งลงบนตักของตัวเองพลางฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มฟูนั้นจนฉ่ำปอด

 

“อื้อ ไม่ต้องมาหอมหนูเลยนะ”เอ็ดเสียงเขียวราวกับลูกแมวตัวน้อยๆที่เอาแต่ขู่ฟ่อๆ ช่างน่ารักน่าชังมากกว่าน่ากลัว

 

“อาลอเจ้าชู้”เด็กน้อยสูดน้ำมูกเบาๆเมื่อความแสบจมูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาและน้ำมูก ตั้งแต่คบกับอาลอมาลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้มากกว่าตอนแรกคลอดเสียอีก ทุกสิ่งที่อย่างที่เป็นอาลอทำให้ใจดวงน้อยอ่อนไหวนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็เข้มแข็งดีแท้ๆ พอมารักกับอาลอไอ้นั่นนิดไอ้นี่หน่อยก็พาลจะทำให้กายเป็นเด็กขี้แยได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน อากัปกริยาแสนน่ารักนั้นทำให้คนเป็นอาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนวลแรงๆอีกฟอด

 

“อาเจ้าชู้ยังไงคะ อาก็มีหนูแค่คนเดียว”

 

“ก็คืนนั้นหนูได้ยินเสียงป้าแอน”เด็กน้อยทำเสียงกระเง้ากระงอดหันกลับไปเถียง ซึ่งคนฉวยโอกาสก็รอเวลามานานแล้วพอหันไปปุ๊บปากงุ้ยๆก็โดนจุ๊บลงมาปั๊บจนต้องทำตาเขียวคาดโทษ

 

“อาไปกินข้าวกับเพื่อนๆนี่คะ แล้วอาแอนก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

 

“แต่หนูได้ยิน..”เด็กน้อยหยุดพูดแล้วเม้มปาก ชักจะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินมาเสียแล้วเพราะดวงตาของอาลอไม่มีแววของความโกหกเลยซักนิดหนึ่ง

 

“ได้ยินว่าอะไรคะ?”ลลิตภัทรถามเสียงแผ่ว เริ่มมั่นใจแล้วว่าลูกเจี๊ยบจะแพ้ในการงอนกันคราวนี้

 

“ก..ก็หนู..หนูได้ยินป้าแอนบอกว่าให้อาลอช่วยรูดซิปให้หน่อย...”

 

“โธ่เอ้ย...เรื่องนี้เองเหรอคะที่ทำให้หนูงอนอาไม่พูดไม่จากับอาเสียหลายวัน”ลลิตภัทรหลุดหัวเราะพรวดออกมาพลางดึงแก้มเจ้าตัวดีอย่างหมั่นเขี้ยวจนศตายุทำปากคว่ำใส่จึงได้ยอมเอามือออก

 

“อาดีใจนะคะที่หนูหึงอา แต่เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”พอรู้สาเหตุที่ทำให้หลานงอนลลิตภัทรก็สบายใจจนอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มงุ้ยๆนั้นอีกฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว

 

“คืนนั้นพอหนูโทรมาอาก็เลยจะออกมารับสายพอดีตอนที่ลุกขึ้นยืนอาชนมืออาแอนที่ถือแก้วอยู่เหล้าเลยหกรดตัวอาแอนค่ะ”

 

แหม...ช่างหกได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆเลยนะจ๊ะ เด็กน้อยค้นปะหลักปะเหลือกค่อนแคะอยู่ในใจ

 

แล้วรูดซิปปะไรกันจ๊ะ?แค่เหล้าหกทำไมต้องรูดซิปกันล่ะจ๊ะทำไมต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนกันด้วยจ๊ะจะทำอะไรกัน”

 

“แก้ผ้าอะไรกันคะ ซิปที่อาแอนพูดหมายถึงซิปกระเป๋าสะพายของอาแอนเขาค่ะ พอดีมันฝืดอาแอนเปิดไม่ออกเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหล้าเฉยๆ”

 

“อ่ะ...อ้าว...แบบนั้นเองเหรอจ๊ะ...แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งให้กับคนแก่กว่า ตอนนี้เหมือนจะมีริ้วแดงแต้มอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อย

 

ศตายุรู้สึกอายในความตีตนไปก่อนไข้ของตัวเองนัก ดูสิอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่เขากับปรักปรำแถมหนีหน้าไม่ยอมรับฟังคำอธิบายของอาลอเลยซักนิดอยากตีตัวเองนัก

 

“หนูขอโทษอาลอนะจ๊ะที่เข้าใจอาลอผิดไปซะใหญ่โต”เด็กน้อยพนมมือไหว้ลงไปบนไหล่ของลลิตภัทรอย่างเสียใจจริงๆ

 

ดูเอาเถอะอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่ลูกเจี๊ยบกลับไปใส่ความจนไม่ได้เจอไม่ได้พูดคุยกันไผเสียหลายวัน เวลาที่จะได้ใช้ด้วยกันเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ นึกแล้วก็อยากตีตัวเองให้หลาบให้จำนัก อาลอก็เคยบอกแล้วว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ซักครั้ง เก็บเอามาคิดเองเออเองเสียใหญ่โตทุกครั้งที่มีปัญหาอาลอเป็นฝ่ายง้อเขาตลอดทั้งๆที่ตนเองเด็กกว่าตั้งหลายปี

 

เป็นเด็กไม่ดีเลยซักนิด

 

“อาไม่ได้โกรธหนูหรอกนะคะ ถ้าโกรธอาคงไม่ตามไปง้อหนู ไม่ต้องรู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดหรอกนะคะ อามีความสุขที่ได้ง้อหนู แต่ถ้าหนูรู้สึกไม่ดีงั้นอาจะงอนกลับนิดหน่อยก็ได้ ฮึ่ คนใจดำ ขออาดูหัวใจหน่อยสิคะว่าดำจริงมั้ย”ลลิตภัทรดันร่างในหลานนอนลงบนเตียงก่อนจะมุดหัวตัวเองเข้าไปในเสื้อยืดตัวโคร่งของหลาน ศตายุเม้มปากใบหน้าขึ้นสีจัดเหมือนผิวกายที่เริ่มแดงระเรื่อจากเลือดที่สูบฉีดในร่างกาย หน้าท้องหดเกร็งยามที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมาแผ่วเบา

 

“อืม....ก็ไม่ดำนี่คะ สีสวยกำลังดีเลย”เสียงพึมพำดังออกมาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบาก่อนสมองของลูกเจี๊ยบจะพร่าเลือนยามโพรงปากอุ่นเข้าครอบครองยอดอกของตนเองขบเม้มพลางดูดดุนสลับจนหลังของลูกเจี๊ยบอยู่ไม่ติดพื้น

 

พุทโธ่เอ๋ย อาลอคนขี้โกงใครเขาดูใจกันอย่างนี้ล่ะจ๊ะ ฮื้อ....







.........................................



อาลอคะอันนั้นไม่ได้เรียกหัวใจค่ะ ที่อมแล้วดูดนั่นเรียกหัวนมเผื่อจะเข้าใจอะไรผิดเนอะ



ตอนนี้ก็ลอจอมไปก่อนนะจ๊ะ ตอนหน้าค่อยลอเจี๊ยบ



หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-12-2018 15:17:52
 :laugh:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-12-2018 21:02:52
จอมเอ้ยย 555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๑ วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 02-12-2018 21:53:53
น้องจอมนี่มีแววว่าจะหาลูกเขยเข้าบ้านให้พ่อกำนันอีกคนใช่ไหมจ๊ะ  555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๒ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 03-12-2018 01:02:55
          วันนี้ลลิตภัทรวุ่นวายแต่เช้า บรรดาลูกบ้านผู้ชายมารวมกันที่ลานหน้าบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น ในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์และอาวุธประจำกายมาคนละอย่างสองอย่าง ในครัววุ่นวายโกลาหลเสียงแม่บ้านพูดคุยกันสนุกสนาน ศตายุเข้าไปช่วยแม่และย่าโฉมเตรียมอาหารให้กับหนุ่มๆข้างนอกเพื่อเตรียมสำหรับมื้อเช้าและเที่ยงที่จะต้องใช้แรงงานกันหนัก ด้วยวันนี้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มรับอาสาสมัครลูกบ้านมาช่วยกันตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่รกเกะกะตามสองข้างทาง ส่วนหนึ่งให้ไปช่วยลอกคลองที่ผักตบชวาเริ่มเข้ามารบกวนจนถึงท่าน้ำท้ายวัด
 
 
                “เดี๋ยวทีมที่ไปลอกคลองให้เก็บผักตบมาตากนะครับเอาไว้มาทำตะกร้าพวกภาชนะต่างๆ ส่วนทีมที่ไปตัดกิ่งไม้เดี๋ยวทางเทศบาลจะส่งรถกระเช้ามาช่วยต้นไม้กิ่งไม้ใหญ่ๆเดี๋ยวเอารถอีแต๋นขนไปบ้านลุงเมี้ยนนะครับเอาไว้ให้แกเผาถ่านแล้วส่งเข้าศุนย์โอทอป เดี๋ยวกินข้าวกินปลาอิ่มแล้วค่อยเริ่มงาน”ลลิตภัทรเดินกระจายงานส่วนต่างๆให้ลูกบ้านแต่ละกลุ่มก่อนจะเข้าไปดูบรรดาแม่ๆที่เตรียมอาหารอยู่ด้านใน เจ้าตัวน้อยของเขาทำหน้าที่ปอกผักอย่างคล่องแคล่วโดยนั่งคุยเล่นกับจันทร์เจ้าขาไปด้วย เด็กสาวอายุ 13 ปีพูดคุยกับผู้ใหญ่อย่างไม่เคอะเขินคำพูดคำจาอ่อนหวานน่าเอ็นดู สมกับเป็นลูกจิ๊บ
 
ถ้าเป็นลูกที่เอานิสัยของไอ้ดินคงไม่น่าเอ็นดูเท่านี้ คงได้นิสัยตอแหลจากพ่อมาไม่มากก็น้อย
 
                “อาลอจ๋า””แก้วเจ้าจอมส่งเสียงเข้ามาก่อนที่ตัวจะมาถึงในครัวเสียอีก ลลิตภัทรกรอกตามองบน
 
นั่นไง ลูกไอ้ดินมาแล้ว นิสัยเสียงอ่อนเสียงหวานตอหลดตอแหลถ่ายทอดมาในดีเอ็นเอจริงจริ๊ง
 
                “ว่าไงครับ?”แม้จะเหน็บแนมเจ้าตัวดีในใจแต่ก็หันไปวางมือลงบนศีรษะกลมราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดา แก้วเจ้าจอมยิ้มแป้นเกาะแขนอาหนุ่มอย่างประจบประแจง
 
                “วันนี้หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”
 
                “อ่าฮะ”แกล้งรับคำเบาๆ เห็นแววเสียของเล่นมาลิบๆล่ะ มาอีหรอบนี้
 
                “หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”เมื่อเห็นคนเป็นอายังคงนิ่งราวทองไม่รู้ร้อนก็ย้ำเสียอีกรอบ เนี่ยหนูอุตส่าห์มีแก่ใจมาช่วยอาลอเลยนะจ๊ะ จะมีสินน้ำใจอะไรให้หนูบ้าง เรือบังคับบนตู้ในห้องนอนนั่นก็น่ารัก อันนั้นก็น่ารักอันนี้ก็น่ารักแบบคุณพี่ป้าสู่ขวัญเลยจ้า
 
                “เจ้าจอมเห็นมั้ย ลุงๆป้าๆพวกนี้ก็มาช่วยอาลอ เขามาช่วยเพราะอะไรรู้มั้ย?”
 
                “เขาอยากให้หมู่บ้านของเราสะอาดเป็นระเบียบจ้า”เจ้าจอมรีบตอบอย่างฉะฉานดวงตากลมมองบรรดาชาวบ้านที่เริ่มตั้งสำรับข้าว หม้อแกงถูกนำไปวางบนแคร่ ปลาตะเพียนแดดเดียวทอดส่งกลิ่นหอมฉุย สีหน้าของทุกคนประดับไปด้วยรอยยิ้ม บทสนทนาดังไม่ได้ขาดปาก ผู้หญิงในครัวจับกลุ่มทำงานไปคุยไปส่วนมากจะเป็นเรื่องลูกหลานและละครฮิตที่กำลังดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
 
                “ใช่ครับ พวกเขามาช่วยอาเพราะอยากให้หมู่บ้านของเราเป็นระเบียบและเจริญขึ้น เขามาช่วยโดยไม่หวังว่าจะได้สิ่งของตอบแทนจากอาเลย เจ้าจอมก็เหมือนกันใช่มั้ยครับ?”เด็กน้อยถึงกับอ้ำอึ้งกับคำถามที่ลลิตภัทรถามกลับมา
 
พุทโธเอ๋ยอาลอนี่ ก็เพราะหวังของเล่นหรอกถึงได้ตามแม่กับพี่เจี๊ยบมาช่วย ถ้าทำแล้วไม่ได้ของเล่นหนูไปจับปูจับปลากับพวกวิชาญในนาไม่ดีกว่าหรือ แก้วเจ้าจอมร้องออดในใจอย่างไม่ใคร่จะชอบใจนัก สีหน้าระรี้ระรื่นเมื่อครู่หงิกราวม้าหมากรุกภายในเสี้ยววินาที ลลิตภัทรย่อตัวลงนั่งจนความสูงเสมอกับหลาน
 
                “เจ้าจอมฟังอานะครับ”จับไหล่หลานที่ทำปากคว่ำให้หันมามองตนโดยมีสายตาของจิ๊บกับลูกเจี๊ยบมองมาอย่างสนใจ คนเป็นแม่รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าน้องน้อยถูกขัดใจเสียแล้ว
 
                “ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการหรอกนะครับ การที่จะทำอะไรให้คนอื่นหรือให้ส่วนรวมเราต้องไม่ทำเพื่อหวังผล ที่นี่เป็นหมู่บ้านของเรา เจ้าจอมเองก็เป็นลูกพ่อ ยิ่งต้องทำประโยชน์ให้กับหมู่บ้านของเราด้วยความเต็มใจให้สมกับเป็นลูกพ่อรู้มั้ยครับ เวลาเดินไปไหนใครๆก็จะชวนกันดูว่านั่นไงลูกชายกำนันแดนดิน เก่งเหมือนพ่อไม่มีผิด แบบนี้หนูจะภูมิใจมั้ยครับ?”แม้ประโยคท้ายๆจะกัดฟันพูดแต่ลลิตภัทรก็ยังใช้น้ำเสียงนุ่มนวลคุยกับหลาน แก้วเจ้าจอมพอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกหัวใจพองฟู
 
เจ้าจอมอยากเก่งเหมือนพ่อ เจ้าจอมอยากเดินไปไหนใครๆก็ชมว่านั่นลูกพ่อกำนันจ๋า
 
เจ้าจอมไม่เอาของเล่นแล้วก็ได้ เด็กน้อยพยักหน้ารับรัวเร็วจนลลิตภัทรกลัวว่าหัวของไอ้เด็กขี้ประจบจะหลุด เด็กน้อยมานั่งคุยประจ๋อประแจ๋อีกพักก็ถูกพระรามเรียกให้ไปร่วมวงสำรับข้าวกับใบบุญ ใบบัวและลูกๆของชาวบ้านอีก 4- 5 คน เมื่อพระอาทิตย์สาดแสงจ้าในช่วงสายทั้งหมดก็ยกโขยงกันไปตามจุดต่างๆที่ตกลงกันไว้ ลลิตภัทรไปคุมตรงถนนช่วยลูกบ้านฟันกิ่งถางหญ้าที่รกจนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่ต่างจากคนอื่นๆ ไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ปีนป่านขึ้นไปบนต้นไม้สูงช่วยลูกบ้านอีกคนตัดกิ่งที่ยื่นไปบนถนน ส่วนแก้วเจ้าจอมกับบรรดาลูกบ้านผู้หญิงช่วยเสิร์ฟน้ำตรงนู้นทีตรงนี้ที นานไปชักเบื่อก็ไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆตามที่ลลิตภัทรคิดไว้ไม่มีผิด หากแต่พระลอก็เข้าใจว่านั่นคือวิสัยเด็กจะให้มาช่วยงานขยันขันแข็งก็ใช่ที่ ได้แต่ร้องบอกให้ไปเล่นกันตรงลานโล่งห่างจากที่ๆผู้ใหญ่ทำงานกันเพราะเกรงจะเกิดอันตรายได้ ชายหนุ่มมองไปยังร่างเพรียวบนต้นไม้สูงก็เดินไปหยุดที่ใต้ต้น
 
                “ระวังลื่นตกลงมานะเจี๊ยบ”เอ่ยบอกเสียงเรียบไร้คำหวานคะขาเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าโอเคมาให้
 
                “อาลอหลบไปยืนตรงอื่นก่อนเถอะจ้า ไม่ต้องห่วงหนู”เด็กน้อยเอ่ยปากไล่คนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ใต้ต้น
 
                “กลัวกิ่งไม้หล่นใส่อาเหรอ?”
 
                “เปล่าจ้า อาลอหล่อเกินหนูแสบตา”พูดจบก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ลลิตภัทรล่ะอยากจะเถียงนัก แต่สิ่งที่ศตายุพูดดันเป็นความจริงเลยเถียงอะไรไม่ได้ ได้แต่แยกกลับไปทำงานส่วนของตัวเองต่อ
 
ก็คนมันหล่อจริงๆอ่ะนะ
 
รู้ๆกันอยู่
 
เฮ้อ
 
แค่ยืนหล่อไปวันๆก็เหนื่อยแล้ว
 
 
                หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันในที่สุดเมื่อตะวันโพล้เพล้เข้าสู่พลบค่ำงานพัฒนาหมู่บ้านก็เสร็จสิ้นลงตามแผนที่วางไว้ ข้างทางสะอาดสะอ้านดูเป็นระเบียบ ต้นไม้กิ่งไม้ที่เคยรกระเกะระกะบัดนี้มองไปทางไหนก็รื่นตาไปหมด  ลูกบ้านที่มาช่วยนั่งเรียงกันที่ศาลาการเปรียญในวัดเพื่อฟังแผนการปฏิบัติงานในวันพรุ่งนี้โดยมีแดนดินมาร่วมประชุมด้วย ลลิตภัทรอธิบายตารางงานอย่างเป็นระบบระเบียบจนแดนดินที่ถึงแม้จะเกลียดผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจับใจก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาผู้ใหญ่บ้านทั้งหมด ลลิตภัทรทำงานมีแบบมีแผนมีขั้นตอนที่สามารถรับฟังและนำไปปฏิบัติตามได้ง่ายที่สุดและมีการติดตามความคืบหน้ามารายงานไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่าทำงานคุ้มเงินเดือนที่หลวงท่านให้มา
 
                “เดี๋ยวบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้เบี้ยยังชีพผมจะยกเงินเดือนของผมให้กับพวกคนแก่นะครับโดยตั้งใจแล้วว่าจะหารแบ่งให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเอาไว้ให้ซื้อหยูกซื้อยาซื้อกับข้าวกินที่พิเศษคือผมจะให้เด็กหญิงแต้วที่อยู่กับตายายด้วยเพราะจากการไปสำรวจมาเด็กเป็นคนขยันและฐานะยากจนมาก ฝากทุกคนที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปบอกด้วยนะครับ”ลลิตภัทรกล่าวปิดท้ายเกิดเสียงพูดคุยฮือฮาดังขึ้นระยะหนึ่ง แดนดินขมวดคิ้วอย่างหมั่นไส้
 
แหม ไอ้ใจบุญ แดนดินเอ่ยค่อนขอดในใจ เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านกลับทำตัวใจบุญราวพระเวชสันดร
 
แต่อย่างมึงน่ะเป็นพระเวชสันดานเสียมากกว่า
 
เฮ๊อะ!!! เบะปากมองบนค้อนประหลักประเหลือกอยู่คนเดียวในขณะที่ลูกบ้านแยกย้ายทยอยกันกลับบ้านจนกระทั่งลูกบ้านกลับออกไปกันจนหมดแล้วแดนดินก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมจนลลิตภัทรอดที่จะส่งเสียงถามด้วยความห่วงใยไม่ได้
 
                “ไง จะนอนวัดหรือไง”อยากจะต่อด้วยเอาโลงมั้ยเดี๋ยวขอหลวงพ่อให้แต่ก็เกรงใจ๊เกรงใจเพราะถึงอย่างไรเสียก็เป็นพ่อของเจี๊ยบ แดนดินยกส้นตีนให้เป็นคำตอบก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านใครบ้านมันบ้านกำนันไม่เกี่ยว
 
ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านบัดนี้เงียบสงบตามที่ควรจะเป็นหากแต่ในครัวยังคงมีเสียงพูดคุยกันอยู่ เมื่อตามเสียงเข้าไปก็พบว่าแม่ นิดาและลูกเจี๊ยบยังคงง่วนอยู่กับการเตรียมกับข้าวกับปลา ชายหนุ่มมองเด็กน้อยที่เหลือบตาขึ้นมาสบตากับเขาด้วยดวงตาใสแจ๋วอยางดีใจ
 
                “อ้าวลอ กลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนไป แม่ชวนลูกเจี๊ยบให้อยู่กินข้าวด้วย รีบอาบจะได้ออกมากินข้าวเด็กๆรออยู่คงหิวกันน่าดูแล้ว วันนี้แม่ทำลูกตาลลอยแก้วที่ลอชอบไว้ให้ด้วย”
 
                “งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนนะจ๊ะย่า เหนียวตัวจะแย่”ลูกเจี๊ยบขยับจะลุกเพื่อกลับบ้าน หากแต่ลลิตภัทรฉวยข้อมือหลานไว้เสียก่น
 
เรื่องอะไรจะปล่อยให้กลับบ้านกันเล่า ขืนกลับไปไอ้แดนหน้าหมาก็ไม่ปล่อยกลับมาน่ะสิ
 
                “อาบที่ห้องอาก็ได้ค่ะ จะข้ามไปข้ามมาทำไม”
 
แหม...ดูอาลอหวังดีกับหนูจังเลยนะจ๊ะ กลัวว่าหนูจะเหนื่อยเหรอจ๊ะ
 
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เลยจ้า
 
ถามว่ารู้ทันมั้ย ก็รู้นะจ๊ะ แต่ถามว่าไปมั้ย
 
                “ก็ได้จ้า”
 
ก็ไปอ่ะจ้า แหะๆ
 
ลลิตภัทรเดินขึ้นบ้านตัวปลิวแทบจะลอยได้ เหนื่อยมาทั้งวันก็อยากอยู่กับลูกเจี๊ยบแบบส่วนตัวๆบ้างอะไรบ้าง เมื่อเข้ามาในห้องกดล็อกเสร็จก็ไม่รอช้าที่จะดึงร่างบอบบางของเจ้าตัวน้อยมาประชิดแล้วกดจูบแผ่วเบาลงบนกลีบปากอิ่มที่เจื้อยแจ้วมาทั้งวี่วัน ศตายุคลี่ยิ้มแม้จะถูกจูบอยู่ ปลายลิ้นชื้นแฉะของคนเป็นอาเลาะละเลียดตามแนวฟันคล้ายจะขออนุญาตเข้าไปด้านในซึ่งคนเด็กกว่าก็เปิดทางให้อย่างรู้งานแผ่นหลังถูกประคองกอดต้นคอถูกกดเข้าแนบชิดริมฝีปากถูกดูดกลืนราวของหวานรสเลิศที่อยากตักตวงให้เต็มคราบ เนิ่นนานจนคนเด็กร้องออเบาๆกำปั้นน้อยทุบลงเบาๆบนอกแกร่งถึงได้ละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วหัวแม่มือยกขึ้นไปคลึงริมฝีปากอิ่มของหลานเบาๆอย่างปลุกปั่น สายตากรุ้มกริ่มมองจ้องอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกใดใดเลยซักนิดริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มก่อนจะกระซิบข้างใบหูของคนหลานให้ได้มีริ้วแดงขึ้นสีบนแก้มฟูว่า
 
                “อาบน้ำกับอานะคะ เดี๋ยวอาจะลูบสบู่ให้ทั่วตัวเลย”
 
               
 
เมื่อได้ยินคำพูดกำกวมนั้นเลือดในกายของศตายุก็ร้อนพล่านราวกับถูกพาตัวไปนั่งอยู่บนแผ่นหินที่วางอยู่บนไฟกองใหญ่ มันทั้งร้อนทั้งวูบวาบจนรู้สึกขนลุกไหนจะสายตาของอาลอที่เหมือนจะถอดเสื้อผ้าของเด็กน้อยได้โดยไม่ต้องใช้มือ แต่ไม่นานเสื้อผ้าบนกายก็ถูกถอดออกอย่างว่องไวจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ลลิตภัทรดันหลังหลานให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ฝักบัวถูกเปิดจนสายน้ำเย็นไหลรดมาบนร่างของคนทั้งคู่ แม้จะรู้สึกกระดากอายที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าลลิตภัทร((อีกแล้ว)) แต่ศตายุก็ยอมยืนนิ่งๆให้คนเป็นอาตอดนิดเล็มหน่อยบนผิวเนื้อเนียน  โดยปกติลลิตภัทรจะระวังมากชายหนุ่มจะไม่ทำรอยบนร่างกายของศตายุแม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม ด้วยเกรงว่ารอยนั้นหากไม่ระวังทั้งตัวเขาเองและทั้งศตายุอาจจะไปทำหลุดสู่สายตาใคร
 
ถามว่าเขากลัวมั้ยว่าใครจะมาล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กน้อย
 
ลลิตภัทรกล้าตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาไม่เคยกลัวเลยซักนิด เพียงแต่ว่าพอพูดถึงเรื่องนี้ศตายุก็จะขอร้องเขาว่าอย่าเพิ่งให้ใครรู้เลย ด้วยวัยของศตายุยังเด็กนักในสายตาใครๆ
 
ศตายุไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีเลยแม้แต่น้อยหากแต่คนเด็กกลับห่วงเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
 
                “หนูไม่อยากให้ใครมามองอาลอด้วยสายตาไม่ดี ไม่อยากให้ใครเข้าใจว่าอาลอมาหลอกหนู ไว้หนูโตบรรลุนิติภาวะโตเป็นผู้ใหญ่ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ถึงตอนนั้นถ้าเรายังรักกันอยู่อาลออยากเปิดหนูก็จะไม่ขัด”
 
ลลิตภัทรใช้ปลายจมูกสูดดมความหอมหวานของวัยแรกแย้มไปจนทั่วทั้งหน้าและต้นคอ ศตายุเอียงคอปรับองศาให้คนแก่กว่าทำรุ่มร่ามกับตนได้ง่ายขึ้น หากพ่อรู้ว่าตนเองทำตัวใจง่ายอย่างนี้ไม่แคล้วจะต้องโดนไม่เรียวฟาดจนน่องแตกแน่ๆ แต่จะทำยังไงได้ก็ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ชอบทุกสัมผัสที่อาลอมอบให้ สายน้ำเย็นที่รินรดไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสำรวจร่างกายของลูกเจี๊ยบตัวน้อยเลยซักนิด หยดน้ำเกาะพราวทั่วกายยิ่งส่งให้ลลิตภัทรดูเซ็กซี่จนลูกเจี๊ยบแทบหยุดหายใจ หลังจากกลับจากกรุงเทพ หลังจากปรับความเข้าใจกันไปแล้วศตายุก็รู้สึกว่าอาลอหล่อขึ้นมากๆ หล่อจนตอนแรกลูกเจี๊ยบเดินตกท้องร่องเลยทีเดียว
 
“อื้อ...”เสียงร้องดังออกมาเบาๆเมื่อลลิตภัทรดูดดึงผิวเนื้อขาวบริเวณต้นขาด้านในเบาๆแต่กลับพาความรู้สึกเสียววาบให้แล่นไปทั่วทั้งกายเมื่อมองลงไปก็พบว่าคนโตกว่ากำลังช้อนตามองขึ้นมา ส่วนอ่อนไหวของลูกเจี๊ยบเริ่มตึงตัวด้วยแรงอารมณ์ลลิตภัทรยืดกายยืนขึ้นฝ่ามือหนาลูบน้ำบนใบหน้าแล้วเสยผมจนน้ำกระจายเบาๆ
 
อาลอหล่อมากๆ หล่อจนเจี๊ยบรู้สึกแสบตาจริงๆ ถ้าหล่อมากกว่านี้เจี๊ยบว่าเจี๊ยบคงตาบอด
 
“อารักหนูนะคะ”อยู่ๆคนแก่กว่าก็เอื้อนเอ่ยคำรักให้เด็กน้อยที่จ้องเขาตาแป๋วได้ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเสียดื้อๆ ชายหนุ่มเชยคางหลานที่ก้มลงกลั้นยิ้มจนแก้มยุ้ยให้เงยขึ้นสบตา
 
“อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆ”พูดจบก็กดจูบลงบนกลีบปากอิ่มย้ำๆเพียงแผ่วเบาแต่กลับตราตรึงและสลักลึกลงบนก้นบึ้งของหัวใจเด็กน้อยอย่างง่ายดาย
 
อยากฟังซ้ำ อยากได้ยินอาลอบอกว่ารักตนทุกวัน มันคงจะมีความสุขมากแน่ๆ
 
ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอนั้นรักตนจากใจจริงมากเพียงใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้อาลอแสดงให้เห็นถึงความรักและความปรารถนาดีที่มอบให้ตนและครอบครัวมากมายจนลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาคนดีๆแบบอาลอได้ที่ไหน ดวงตากลมโตที่เคยจ้องมองเขาใสแจ๋วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันค่อยๆปิดลงพร้อมลำแขนเล็กที่เลื่อนขึ้นมาคล้องคอเขา รสจูบค่อยๆแปรเปลี่ยนจากนุ่มนวลกลับกลายเป็นความเร่าร้อน ลลิตภัทรใช้ฝ่ามือนวดเคล้นสะโพกกลมกลึงของหลานเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ใคร่ให้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เด็กน้อยครางอื้ออึงยามที่ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนจนจนมุม แม้จะพยายามสู้หากแต่ตนเองนั้นยังเด็กเกินอีกทั้งประสบการณ์ด้านนี้ก็ยังน้อยนักเพราะเกิดมา 16 ปี ก็ทำกับอาลอเพียงคนเดียว ลมหายใจถูกช่วงชิงจนเหนื่อยหอบ แม้ไม่อยากจะละจากหากแต่ก็กลัวว่าหลานน้อยจะเหนื่อยเกินไปจึงยอมถอนจูบออก ร่างสูงยิ้มกริ่มยามเห็นความแวววาวบนกลีบปากที่ตนเองเคลือบไว้เอง
 
น่ารักระคนน่ากลั่นแกล้งไปในคราวเดียวกัน  ดวงตาคมสำรวจความเย้ายวนตรงหน้าอย่างแสนรักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดสบู่เหลวมาถือไว้ น้ำเสียงอ่อนหวานเอื้อนเอ่ยกับหลานจนคนฟังร้อนวูบไปทั่วสรรพางค์กาย
   “เดี๋ยวอาถูสบู่ให้นะคะ”ครีมเหลวถูกละเลงไปทั่วตัวจนเกิดฟองฝ่ามือซุกซนลูบไว้เวียนวนก่อนที่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดอกที่ตึงตัวสู้มือจนเด็กน้อยเข่าแทบทรุดได้ได้กอดคอของลลิตภัทรไว้แน่น เชิดหน้าสูดปากส่งเสียงครางเบาๆจนลลิตภัทรย่ามใจ เปลี่ยนจากหน้าอกลูบไล้มาตามแนวซี่โครงก่อนจะสอดลึกลงไปถึงแกนกายจนร่างบางสะดุ้งน้อยๆ

   “ขัดขี้ไคลให้เจี๊ยบน้อยหน่อยนะคะ”

   “อื้อ...หนูขัดเองก็ได้จ้า”ลูกเจี๊ยบน้อยร้องโอดยามฝ่ามือหนาขยับเข้าออกเชื่องช้าจนต้องจิกปลายเท้าลงกับพื้น

   “ขัดเองไม่สะอาดหรอกค่ะ อาขัดให้ดีกว่า รับรองสะอาดทุกหยาดหยด”น้ำเสียงกรุ้มกริ่มรวมทั้งสายตาแพรวพราวที่ตวัดมองทำเอาลูกเจี๊ยบน้อยแทบจะละลาย หากเป็นขี้ผึ้งตอนนี้คงไหลลงท่อไปพร้อมสายน้ำแล้ว แต่ประโยคถัดมาของอาลอนี่สิ ช่างหน้าด้านนัก

   “ถ้าหนูมีเมตตาก็ช่วยขัดขี้ไคลให้ลอน้อยของอาบ้างก็ได้นะคะ”เด็กน้อยทำปากยู่จนลลิตภัทรกดจูบหนักๆอย่างเอ็นดู และลูกเจี๊ยบก็ไม่เคยทำให้ครูคนนี้ผิดหวัง เด็กน้อยค่อยๆไต้นิ้วลงมาจากต้นคอ หน้าอก หยุดหยอกล้อกับหน้าท้องครัดแน่นแล้วค่อยๆเลื่อนลงไปกอบกุมแกนกายที่มีขนาดใหญ่กว่าของตนอย่างช้าๆ ข้อมือก็ขยับเป็นจังหวะ เด็กน้อยส่งยิ้มซุกซนให้พระลอ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้วอย่างซุกซน

   “ลอน้อยตัวใหญ่สงสัยจะต้องขัดนาน”ลลิตภัทรครางอือในลำคอยามข้อมือของศตายุเริ่มเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นร่างสูงสูดปากส่งเสียงครางทุ้มต่ำเบาๆชุดใบหูของศตายุ เขาชอบที่เจี๊ยบเป็นคนหัวไวสอนอะไรไปก็จดจำได้ทุกสิ่งอย่าง ยามที่เขาเร่งเร้าจังหวะเสียงร้องครางก็ดังขึ้น ลมหายใจของเด็กน้อยสะดุดยามปลายนิ้วลูบวนลงบนส่วนปลายทั้งเสียวทั้งทรมานลูกเจี๊ยบน้อยปล่อยมือจากแกนกายของลลิตภัทรมากอดคอไว้ตามเดิมด้วยแข้งขาเริ่มจะอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วมาเกลี่ยที่ริมฝีปากอิ่มนวดเค้นกดคลึงเชื่องช้าก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากเล็กให้เจ้าเจี๊ยบน้อยได้ดูดดึงระบายอารมณ์ซ่านสยิวที่เริ่มบีบรัดจนหน้าท้องหดเกร็งจนต้องยอมปล่อยก้านนิ้วของลลิตภัทรออกจากปากเพื่อส่งเสียงร้อง

   “อื้อ...อาลอจ๊ะ...หนูจะเสร็จ”

   “ทำไมเป็นเด็กไม่มีน้ำอดน้ำทนอย่างนี้ล่ะคะ อายังถูไม่สะอาดเลย”แกล้งว่าด้วยเสียงเย้าพลางใช้ปลายนิ้วกดส่วนปลายไว้อย่างกลั่นแกล้งทำให้เด็กน้อยกระทืบเท้าอย่างขัดใจเมื่อปลายทางแห่งความสุขถูกปิดกั้น

   “อื้อ...อาลออย่าแกล้งหนู”ลลิตภัทรนอกจากไม่ทำตามแล้วยังยื่นมือไปหยิบขวดสบู่เหลวอีกครั้งก่อนจะแกล้งทำขวดสบู่หลุดมือไปด้านหลังลูกเจี๊ยบ

   “อุ้ย...สบู่หล่น หนูช่วยเก็บให้อาหน่อยได้มั้ยคะ?”ลูกเจี๊ยบมองไปที่ขวดสบู่แล้วหันหลังหวังก้มลงไปเก็บ แต่ยังไม่ทันได้จับขวดสบู่เอวบางก็ถูกดึงไปแนบจนติดหน้าท้องของลลิตภัทร ส่วนแข็งตึงบดเบียดบั้นท้ายกลม เด็กน้อยอุทานด้วยความตกใจกับความเร็วของลลิตภัทรจนต้องใช้ฝ่ามือดันกายกับผนังไว้

   “อะ...อาลอจะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก แม้จะเคยเกินเลยกันมาหลายครั้งหลายคราแต่อาลอไม่เคยทำท่าล่อแหลมแบบนี้มาก่อน ใจของเด็กน้อยเต้นโครมครามทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นเต้นผสมปนเปกันไปหมด

หรืออาลอจะทำ?

ถามว่าลูกเจี๊ยบพร้อมมั้ยหากลลิตภัทรจะทำเกินเลย แน่นอนว่ายังไม่พร้อม มันออกจะเร็วไปกับการคบหาไม่กี่เดือน แต่ถามว่าถ้าหากอาลอจะทำจะขัดขืนมั้ย เด็กน้อยก็ตอบคำถามของตนเองว่าไม่

ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ถ้าหากเป็นเรื่องปกติที่คนรักกันจะทำอะไรที่มันเกินเลยไปบ้างมันอาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนรัก

ถ้าอาลอต้องการลูกเจี๊ยบก็จะให้

ลลิตภัทรกดจูบลงบนซอกคอขาว เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะคะ อาจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับหนู เพียงแต่สิ่งที่จะทำต่อไปนี้มันอาจจะคล้าย หนูช่วยอาหน่อยนะคะ”

   “อาลอจ๊ะ...”เด็กน้อยกัดปากอย่างลังเลกับสิ่งที่จะพูดว่าตนควรพูดออกไปมั้ย

   “คะ?”เสียงทุ้มเอ่ยแนบชิดจนขนลุกไปทั้งกาย

   “ถ้าอาลออยากจะทำ...”เพียงแค่นั้นลลิตภัทรก็รู้แล้วว่าศตายุคิดอะไรอยู่ ร่างสูงกอดเอวหลานไว้แน่นกดจูบลงบนกกหูพลางขบเม้มยั่วเย้า

   “ไม่ค่ะ ถ้าอาทำหนูจะเจ็บ อีกอย่างตอนนี้ไม่มีทั้งถุงยางทั้งเจล อาขอบคุณหนูนะคะที่จะให้อาครั้งนี้อาขอแค่ภายนอกไปก่อนแต่ถ้ามีคราวหน้าที่หนูเอ่ยปาก อาก็จะไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปอีกแล้ว อารักหนูนะคะ”

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักมากๆเลย...แล้ว...อาลอจะให้หนูช่วยยังไงจ๊ะ”

   “หนูยกสะโพกสูงๆนะคะแล้วก็หุบขาให้ชิดๆ”พูดพลางดึงสะโพกของศตายุให้สูงขึ้นอีกนิดก่อนจะปลุกปั่นแกนกายของตนเองให้แข็งขืนอีกครั้งชายหนุ่มค่อยๆกดผ่านร่องก้นผ่านลูกบอลก้อนกลมจนไปโผล่ด้านหน้าขยับเอวเข้าออกเชื่องช้ามือหนึ่งช้อนเอวกันหลานจะล้มอีกข้างก็ส่งไปลูบไว้ชักนำแกนกายของหลานให้สอดประสานกับจังหวะสาวเอวของตนเอง

จากเชื่องช้าค่อยๆเร่งจังหวะทั้งกดหนักรัวเร็วมือที่ปรนเปรอร่างบางก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเสียงครางหวานหูดังไม่ได้ขาด แม้จะรู้สึกล้าที่ต้นขาแต่ศตายุก็อยากให้อาลอมีความสุข ยิ่งได้ยินเสียงสูดปากของลลิตภัทรศตายุยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้ต้องเกร็งจนตะคริวกินลูกเจี๊ยบก็ยอม

   “ซี๊ด....หนูน่ารักจังเลยค่ะ”คำพูดชมเชยเอ่ยยามที่ประจุความรู้สึกแล่นปราดมาจุกอยู่ที่ปลายทาง ข้อมือยิ่งปรนเปรอเร็วขึ้นจนศตายุแทบจะล้มทรุดลงไป โชคดีที่ลลิตภัทรช้อนเอวบางพยุงไว้อยู่แล้ว สองมือจิกเกร็งเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านถึงขีดสุดเข้าเล่นงานราวกับฝูงมดที่รุมกัดไปตามตัว อกบางแอ่นสะท้านก่อนเสียงครางราวกับทรมานจะถูกเปล่งออกมาพร้อมร่างกายที่สั่นราวเจ้าเข้าเอวบางกระตุกเกร็งก่อนปลดปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นพร้อมๆกับลลิตภัทรที่สาวเอวเข้าออกช้าๆแต่หนักแน่นอีกหลายครั้ง ลมหายใจหอบแฮ่ก กลิ่นกามคละคลุ้งลลิตภัทรดึงหลานน้อยให้หันหน้ามาหาแล้วกดจูบหนักๆอีกครั้ง

   “เก่งจังเลยค่ะ เจี๊ยบของอาเก่งที่สุดเลย เหนื่อยมั้ยคะ?”
   
   “เหนื่อยจ้า หนูเหนื่อยมากๆเลย”

   “รู้มั้ยถ้าทำจริงๆมันเหนื่อยกว่านี้”ลลิตภัทรเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าหลานเอ่ยบอกด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“รู้มั้ยคะเพราะอะไร?”

ศตายุส่ายหน้าพลางหลบตาด้วยสะท้านกับสายตาของอาลอนัก


   “เพราะอาไม่เคยหยุดที่รอบเดียวค่ะ”



......................................

อิ้วๆ....เอ็นซีเล็กๆน้อยๆ ของจริงหลังจากนี้อีก 3 ตอน...

สำหรับท่านใดที่อยากได้เล่มแต่ไรท์ปิดจองไปแล้ว เพิ่งมาเจอเพิ่งได้อ่าน ติดต่อได้ทางทวิตเตอร์นะคะ

#พระลอตามไก่

@il_LoVe_li
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๒ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-12-2018 10:58:52
 :z1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๒ วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 04-12-2018 00:37:38
ข้าวผัด + โอเลี้ยงพร้อมส่งให้ผู้ใหญ่ลอแล้วจ๊ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๓ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 04-12-2018 12:00:42

                วันนี้ศตายุ จันทร์เจ้าขา  และแก้วเจ้าจอมมีความสุขนัก ศตายุเดินตามพ่อและแม่ด้วยหัวใจพองฟู วันนี้เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าแบบที่วัยรุ่นชอบ จันทร์เจ้าขาใส่ชุดกระโปรงที่ลลิตภัทรซื้อมาฝากเมื่อครั้งกลับจากกรุงเทพ ส่วนแก้วเจ้าจอมใส่กางเกงขา 5 ส่วน รองเท้ารัดส้นดูเปิ๊ดสะก๊าดพร้อมกับเสื้อยืดสีเขียวลายเบนเท็น มีนาฬิกาเบนเท็นที่อาลอซื้อมาฝากเมื่ออาทิตย์ก่อนเข้ากั๊นเข้ากันกับเสื้อที่พ่อกำนันจ๋าซื้อให้อย่างที่สุด เจ้าจอมโปรดนักใส่แทบจะไม่ยอมถอด ไม่มีใครหล่อสู้จอมอีกแล้วจ้าพ่อจ๋า วันนี้จิ๊บแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีชมพูอ่อนและกางเกงสกินนี่ยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีขาวส่งให้จิ๊บดูเหมือนพี่สาวของเด็กๆมากกว่าเป็นแม่ส่วนแดนดินใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีดำแดง ทั้งหมดเดินเข้าร้านบุฟเฟต์ตามคำร้องขอของลูกๆ

 

ดูจากสีหน้าแววตาและรอยยิ้มก็รู้ว่าเด็กๆมีความสุขมาก

 

                “เจ้าขาอยากกินอะไรสั่งมาเลยนะลูก”แดนดินที่นั่งใกล้ลูกสาวมากที่สุดเอี้ยวตัวดูเมนูเล่มเดียวกับลูก เด็กหญิงส่งรออยยิ้มหวานตอบผู้เป็นพ่อ

 

นานเหลือเกินแล้วที่พ่อไม่ได้มีเวลาพาพวกเรามาเที่ยวเล่น เด็กหญิงอ่านเมนูพลางเอ่ยสั่งของที่อยากกินหันไปถามความคิดเห็นพอแม่พี่น้องบ้างแล้วนั่งรอ เด็กหญิงวัยสิบสามปีเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดภาชนะบนโต๊ะแล้วแจกจ่ายคนในครอบครัวจนครบ ส่วนเจ้าจอมน้องน้อยนั้นนั่งอยู่ข้างแม่ริมฝีปากยิ้มจนแทบจะฉีกแก้มแทบจะแตกตาเป็นขีดดูน่าเอ็นดู บรรยากาศมันดีไปเสียหมดดีมากๆจริงๆลูกเจี๊ยบนั่งหัวโต๊ะขนาบพ่อกับแม่ไว้อีกทีดวงตากลมตอนนี้มีประกายของความสุขล้นเคลือบไว้อย่างเห็นได้ชัด ได้ออกมากินข้าวนอกบ้านครบหน้าครอบครัวในแบบที่ไม่ได้มานานแล้ว เด็กน้อยดีใจจนต้องไลน์ไปอวดอาลอ รายนั้นนอกจากไม่งอแงที่วันนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วยังอวยพรขอให้เขาเที่ยวอย่างสนุกอีกด้วย



ลลิตภัทรรู้ดีว่าเด็กๆต้องการพ่อ เพราะฉะนั้นเวลาอันมีค่านี้เขาจะไม่ฉกชิงมาเป็นของตนเองเด็ดขาด

 

                “เตรียมตัวไปอยู่กับหลวงตาหรือยังเจ้าจอม?”แดนดินหันมาหาลูกชายคนเล็กเจ้าจอมพยักหน้าเร็วเป็นคำตอบ

 

                “พร้อมแล้วจ้าพ่อจ๋า”แดนดินลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างรักใคร่

 

                “ไม่ใช่พอบวชแล้วไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ”เอ่ยเย้าลูกคนเล็กอย่างหยอกล้อ แก้วเจ้าจอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกฉับทำปากคว่ำใส่คนเป็นพ่อทันที

 

                “พ่อนี่พูดเหมือนหนูเป็นเด็กเล็กๆ หนูก็บวชมา 2 ปี แล้วมั้ยล่ะ”คนลูกส่งเสียงเถียงเจื้อยแจ้วราวกับตอนเกิดเลี้ยงด้วยนมนกแก้วนกขุนทองพลางส่งค้อนปะหลักปะเหลือกใส่คนเป็นพ่อที่พูดราวกับไม่เชื่อใจความเก่งกล้าสามารถของตน

 

                “จ้าไอ้คนเก่ง บวชปีแรกร้องแงๆจะกลับมานอนบ้านจนพ่อต้องไปนอนเป็นเพื่อน ปีที่แล้วร้องบอกกลัวผี”



กำนันหนุ่มยังไม่เลิกเย้าเจ้าลูกคนเล็กที่หลวงตาจวบให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนตั้งแต่เจ็ดขวบ จิ๊บเห็นดีเห็นงามด้วยที่จะให้เจ้าจอมไปบวชเพราะจะได้สำรวมขึ้น อีกอย่างการให้ลูกบวชก็เพื่อให้แก้วเจ้าจอมได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา จิ๊บอยากให้ลูกเป็นคนจิตใจดี แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กใจร้อนเมื่อก่อนเวลาโดนขัดใจเด็กน้อยจะร้องกรี๊ดๆ จนกระทั่งหลวงตาจวบเอาไปบวชเมื่อลาสิกขาบทออกมาแก้วเจ้าจอมนิ่งขึ้น รู้จักอดทนและรอคอยไม่สำออยเวลาไม่ได้ของเล่นที่อยากได้ อีกอย่างเจ้าจอมกลายเป็นเด็กที่รู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น

 

                “แล้วเจี๊ยบล่ะลูก ปิดเทอมอยากทำอะไรมั้ย?”แดนดินหันไปถามลูกชายคนโตที่นั่งแหย่น้องสาวให้ได้โดนฟาดแขนไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

 

                “หนูอยากไปดูคอนเสิร์ตจ้าพ่อ”แดนดินเริ่มคีบอาหารใส่หม้อพลางขมวดคิ้ว

 

                “คอนอะไรเหรอ”แดนดินถามอย่างสนใจ ไม่ได้แปลกใจนักกับสิ่งที่ลูกบอกเพราะปกติเจะไปเป็นเพื่อนคอยรับคอยส่งลูกที่หน้าสถานที่จัดคอนเสิร์ตอยู่แล้วทุกครั้งที่ศตายุอยากไปแม้จะไม่ได้เข้าไปดูกับลูกก็ตามที เขาไม่คิดว่าการดูมหรสรรพต่างๆนั้นจะเป็นปัญหาอะไรเพราะลูกเรียนหนักมาทั้งปี การขอไปดูคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งก็เหมือนการให้รางวัลให้ลูกได้ไปเติมพลังนั่นเอง

 

                “คอนบรูโน่ มาร์ จ้าพ่อ เพลงที่หนูชอบเปิดบ่อยๆ”แดนดินพยักหน้ารับรู้พลางถามวันที่มีคอนแต่พอลูกเจี๊ยบบอกวันเวลามาแดนดินก็ทำคิ้วขมวด

 

                “วันนั้นพ่อไม่ว่าง ต้องไปงานแต่งลูกลุงพันที่เชียงใหม่ไงลูกจำไม่ได้เหรอ ไปกันทั้งบ้าน”ศตายุหน้าจ๋อยลงไปในทันทีที่พ่อเอ่ยประโยคนั้นมา

 

                “น้องไปคนเดียวก็ได้พ่อ”ยังคงต่อรองแม้ความหวังจะริบหรี่ตั้งแต่ที่พ่อบอกว่าไม่ว่างแล้ว

 

                “จะไปคนเดียวได้ยังไงเจี๊ยบยังเด็ก”

 

                “โธ่ พ่อจ๋า น้องโตแล้ว 16 แล้ว น้องดูแลตัวเองได้นะจ๊ะ พ่อให้น้องไปเถอะ”เกาะแขนพ่อเขย่าอย่างเอาแต่ใจ แดนดินดึงแขนตัวเองหนีลูกเมื่อหมูในตะเกียบสะบัดจนหล่นลงบนโต๊ะ

 

                “ไม่งอแงสิเจี๊ยบ เพิ่งจะ 16  พ่อจะปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ยังไง ไม่ได้ๆ เลิกคุย บรูโน่จะมาไม่มาพ่อไม่สนพ่อไม่ให้น้องไป”แดนดินตัดบทพลางคีบอาหารให้เจ้าจอม

 

                “แม่จ๋า...”เมื่อขอพ่อไม่ได้ผลก็หันไปหาแม่ทันที เพราะอย่างไรเสียคำตัดสินจากแม่ถือเป็นที่สิ้นสุด

 

                “แม่เห็นด้วยกับพ่อ”จิ๊บพูดเรียบๆกับลูกคนโต หล่อนรักและเป็นห่วงลูกน้อยยิ่งกว่าผู้เป็นสามีเสียอีก เรื่องอะไรจะปล่อยลูกอายุเพิ่งจะ 16 ปี ไปเสี่ยงในกรุงเทพคนเดียว

 

จิ๊บดูข่าวคนกรุงเทพใจร้ายใจดำก็ตั้งมากปล้นฆ่าหลอกลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะแท็กซี่ที่ชอบพาเหยื่อไปฆ่าชิงทรัพย์ จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนั้นแต่หากมันเกิดขึ้นกับลูกของหล่อนหัวใจคนเป็นแม่คงแหลกสลายตามลูกไปแน่ๆ

 

                “โธ่...แม่อ่ะ”ศตายุร้องโอดหน้าหงิกหน้างอลงไปทันที

 

หมดกัน ความหวังที่จะได้ไปดูคอนเสิร์ตนักร้องขวัญใจที่ชอบมาหลายปี

 

อีกร้อยปีข้างหน้า พระอาทิตย์ก็ยังตกและขึ้นอยู่เหมือนเดิม แต่คอนบรูโน่ มาร์ มาปีนี้แล้วก็ไปแล้วไปลับจะมาอีกทีปีไหนก็ไม่รู้

 

คิดได้ดังนั้นหัวใจของลูกเจี๊ยบน้อยก็ห่อเหี่ยวนัก ห่อเหี่ยวถึงขนาดกินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว จิ๊บเห็นแล้วก็ให้สงสารลูกนัก ร้อยวันพันปีลูกไม่เคยจะขออะไรหล่อนเลยนอกจากขอเงินซื้อหนังสือที่อยากได้ ปกติหล่อนจะอนุญาตถ้ามีพ่อไปด้วย

 

                “เจี๊ยบ ที่แม่ไม่ให้เพราะแม่เป็นห่วงจริงๆ จะปล่อยลูกไปคนเดียวห่างหูไกลตาแม่ๆก็ห่วง ถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยขดูแลลูกได้แม่จะไม่ห้ามซักคำ แม่มีหนูคนเดียวนะถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่จะไปหาลูกเจี๊ยบแบบน้องจากไหนได้อีก เข้าใจแม่นะลูก”

 

แล้วเจี๊ยบจะพูดอะไรได้ล่ะจ๊ะ นอกจากรับคำหงอยๆ

 

เจี๊ยบเข้าใจดีจ้าว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเจี๊ยบมากขนาดไหน จำได้ตั้งแต่ตอนน้องแอบไปดูหนังแล้ว

 

ไม่เป็นไร ไว้เจี๊ยบโตกว่านี้จนพ่อแม่วางใจว่าเจี๊ยบจะดูแลตัวเองได้เจี๊ยบค่อยไปก็ได้จ้า

 

แต่คำว่าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรสำหรับติ่งคือเรื่องโกหก ลูกเจี๊ยบเก็บอาการนอยด์ไว้ไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ ยิ่งใกล้วันจองบัตรคอนเสิร์ตลูกเจี๊ยบก็ยิ่งกระวนกระวายกินข้าวก็ไม่อร่อย

 

ทำไมนะทำไมลูกลุงพันจะต้องมาแต่งงานช่วงนั้นด้วยเลื่อนไปซักครึ่งเดือนไม่ได้เหรอจ๊ะ ดูสิเจี๊ยบอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบค่าขนมมาตั้งนานรับจ้างทำรายงานให้เพื่อนจนนิ้วแทบจะล็อคเพื่อสะสมเงินไปซื้อบัตรคอนที่แพงที่สุด ดีที่สุดแล้วเจี๊ยบต้องมาอดไปเนี่ย เจี๊ยบจะโทษใครดี โทษลูกลุงพันที่จะมาออกเรือนช่วงนั้นหรือโทษบรูโน่ที่ปีหนึ่งมี 12 เดือน แต่ดันเลือกจะมาคอนเสิร์ตช่วงนี้กันนะ

 

สุดท้ายก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดันเกิดมาช้าไป นี่ถ้าเกิดเร็วกว่านี้ซัก 4 ปี พ่อจ๋ากับแม่จิ๊บคงยอมให้ไป แต่พอมาคิดดูแล้วถ้าตอนนี้เจี๊ยบอายุ 20 ก็เท่ากับว่าแม่จิ๊บต้องท้องเจี๊ยบตอนอายุ 10 ขวบ

 

เอ่อ...คงไม่ดีเนอะ

 

                “เป็นอะไรไปคะ พักนี้หนูดูหงุดหงิด”ลลิตภัทรที่นั่งตกปลาอยู่ข้างหลานตัวน้อยที่เอาแต่เหม่อไม่สนใจทุ่นไม้ที่ขยับยุบยิบในน้ำเลยซักนิดก็ให้แปลกใจ 2-3 วันมานี้ลูกเจี๊ยบผีเข้าผีออก บางทีก็เอาแต่นั่งถอนหายใจ บางทีก็ดูหงุดหงิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จะว่าเมนส์มาลูกเจี๊ยบก็ไม่มีรังไข่และมดลูก ถึงจะมีไข่ก้อนกลมๆน่ารักที่เคยฟัดแต่ก็คงทำให้เมนส์มาไม่ได้แน่ๆ แล้วใยเจ้าตัวน้อยถึงมีท่าทางแบบนี้กันเล่า

 

                “ไม่มีอะไรหรอกจ้า หนูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาลออย่าสนใจเลย”

 

                “มันไม่ปกติค่ะ พักนี้หนูดูอารมณ์ไม่ดี มีอะไรบอกอาได้นะคะเผื่อจะได้ช่วยกันคิด”ลลิตภัทรเอื้อมมือไปสอดประสานกับนิ้วมือป้อมๆแสนน่ารักของหลานพลางกระชับราวกับจะปลอบใจ ความนุ่มนวลและอบอุ่นแล่นเข้าสู่หัวใจเด็กน้อย ศตายุยิ้มได้ในรอบหลายๆวัน แค่มีอาลออยู่ข้างๆความขุ่นมัวในใจก็เหมือนจะคลายลง นึกโมโหตัวเองที่ไม่รู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเอง ดูเอาเถอะอยู่กับอาลอแท้ๆแต่กลับไม่ทำตัวให้มีความสุขจนอาลอเป็นห่วง

 

 

ยังเด็กอย่างที่พ่อแม่บอกจริงๆนั่นแหละศตายุเอ๋ย

 

                “ว่าไงคะ มีปัญหาอะไรเล่าให้อาฟังได้หรือยัง?”

 

ในที่สุดลูกเจี๊ยบก็เล่าปัญหาที่ค้างคาใจของตัวเองให้อาหนุ่มฟัง พระลอพยักหน้าพลางร้องอ๋ออย่างเข้าใจ

 

เขาเข้าใจทั้งแดนดินและจิ๊บที่เป็นห่วงลูก แม้ศตายุจะตัวโตแต่เอาเข้าจริงประสบการณ์ชีวิตก็ยังน้อยนัก ศตายุถ้ายังไม่เจอเขาศตายุก็คือแก้วเนื้อบริสุทธิ์ดีๆนี่แหละ หากเป็นลูกเขาๆก็ไม่ให้ไปเหมือนกัน

 

                “พ่อกับแม่เขาเป็นห่วงหนู ตอนนี้อาจจะเสียใจแต่พอโตไปหนูก็จะรู้ค่ะว่าเขารักเรามากจนไม่กล้าที่จะเอาความมั่นใจของหนูมาเสี่ยง”

 

                “หนูเข้าใจจ้า ตัดใจแล้ว ไม่เป็นไรดูคลิปในยูทูปก็ได้จ้า”เด็กน้อยตอบรับอย่างเข้าใจ พระลอลูบผมหลานอย่างเอ็นดู ศตายุเป็นเด็กพูดง่ายเสมอ ไม่งอแงดื้อรั้นที่จะเอาแต่ใจตัว ถ้าบอกว่าไม่ก็พร้อมจะเข้าใจ ถามว่าเสียใจมั้ย แน่นอน พระลอเคยเป็นเด็กมาก่อนรู้ดีว่าความรู้สึกผิดหวังยามไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้น่ะมันรู้สึกแย่แค่ไหน

 

ดังนั้น

 

 

 

 

คืนนั้นหลังจากส่งลูกเจี๊ยบกลับบ้านเสร็จกินข้าวกินปลาอาบน้ำปะแป้งจนชื่นใจแล้วพระลอก็ต่อสายหาเอ็มเพื่อนสนิททันที

 

                “ฮัลโหล ไอ้เอ็ม กูมีเรื่องจะให้มึงทำให้หน่อยถ้ามึงทำได้กูให้ 5 พัน”

 

                “อะไรวะ เชิญบัญชามาได้เลยเพื่อน”

 

                “หาบัตรคอนบรูโน่ มาร์ให้กู 2 ใบ เอาบัตรแพงสุดที่นั่งดีๆ”

 

                “โอเคเพื่อน มึงเตรียมโอนเงินห้าพันให้กูได้เลย”เอ็มตอบกลับมาอย่างมั่นใจเพราะตนเองมีเส้นสายเยอะเรื่องแค่นี้หมูๆ ถึงหาบัตรจากพรรคพวกไม่ได้ แต่นี่ใคร เทพเจ้าเอ็ม บัตรคอนเกาหลีที่ว่ากดยากกดเย็นพี่ก็กดได้มาแล้ว ทีมงานคุณภาพเน้นๆ

 

เมื่อได้ยินคำรับรองจากเพื่อนลลิตภัทรก็ผิวปากอย่างสบายใจ

 

ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยถึงจะวางใจใช่มั้ย

 

นี่ไง

 

นี่ใคร

 

ลลิตภัทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เชียวนะ

 

ผู้ใหญ่จริงๆเชื่อถือได้

 

ฮี่ๆ





 

 

 

                ลลิตภัทรนั่งเอนกายกับพนักพิงที่ศาลาริมน้ำ อากาศยามเย็นคลายความร้อนลงไปมาก สายลมพัดพลิ้วทำให้กอไผ่เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังเอียดอาด แมงมุมน้ำวิ่งบนผิวน้ำจนเกิดแรงกระเพื่อมวงเล็กๆปลาตัวน้อยตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาฮุบบนผิวน้ำตรงนู้นตรงนี้บ่งบอกว่าระบบนิเวศน์ของลำคลองสายนี้ยังอุดมสมบูรณ์ดีขนาดไหน ธรรมชาติที่หาแทบไม่ได้ในเมืองหลวง ลลิตภัทรสูดลมหายใจรับกลิ่นน้ำเข้าไปจนเต็มปอด มองไปยังท่าน้ำบ้านตรงข้ามไร้วี่แววของเด็กๆที่มักจะมานั่งเล่นกันเป็นประจำทุกเย็นเพราะวันนี้แก้วเจ้าจอมปลงผมเพื่อจะบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในวันพรุ่งนี้ สมาชิกในบ้านคงไปอยู่วัดกันหมดนั่นแหละ  พรุ่งนี้เขาต้องตื่นไปช่วยที่วัดแต่เช้ามืดที่บ้านก็จะไปเปิดโรงทานเพื่อเลี้ยงชาวบ้านด้วย ตอนนี้ในครัวกำลังเตรียมวัตถุดิบที่จะทำอาหารพรุ่งนี้ให้ง่วนไปหมด เขาเองก็เพิ่งกลับมาจากเตรียมสถานที่ พ่อบอกว่าปีนี้มีเณรเยอะกว่าทุกปีคือ 100 กว่าคน ชายหนุ่มนั่งมองกอบัวที่หุบดอกยามเย็นด้วยใจที่สงบ เมื่อก่อนเขาไม่มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ เลิกงานตอนเย็นก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้างก็ไปขลุกอยู่ในฟิตเนส แม้ว่าลลิตภัทรจะไม่นิยมการมีกล้ามล่ำๆแต่ชายหนุ่มก็รักสุขภาพ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบไม่รู้ตัวไปหลายอย่าง อย่างแรกคือเขารู้จักที่จะใจเย็นทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาใจร้อนไม่ชอบรออะไรแต่ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านเขารู้จักการใช้ชีวิตให้ช้าลง อีกอย่างคือตอนนี้เขาเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดแล้วตั้งแต่คบกับลูกเจี๊ยบเด็กน้อยบ่นเขาทุกครั้งที่เวลาจูบกันแล้วปากของเขามีกลิ่นบุหรี่ เขาเรียนรู้ที่จะรู้ว่าเงินทองและสิ่งของที่เราซื้อไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากที่สุดหากแต่เป็นครอบครัวและผู้คนที่อยู่รอบๆกายและคนที่ทำให้เรารู้สึกเต็มอิ่มไปด้วยความรักนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลลิตภัทรมีความสุขอย่างแท้จริง

 

                “นั่งเล่นเอ็มวีอยู่หรือไงวะไอ้ลอ”ลลิตภัทรสะดุ้งเมื่อมือหนักๆของพี่ชายคนกลางตบลงแรงๆบนไหล่ของตน พระลักษณ์ยื่นแก้วเหล้าให้น้องชายพลางจิบแก้วของตัวเองไปด้วย

 

                “ก็พอเข้าใจว่าผมหล่อ แต่ไม่คิดว่าพี่จะมองว่าผมหล่อระดับพระเอกเอ็มวีเลยว่ะ เซอร์ไพร์ทนะเนี่ย”

 

                “มีใครเคยบอกมึงมั้ยวะว่ามึงโคตรหลงตัวเองเลย”พระลักษณ์เอ่ยแขวะเมื่อน้องชายพูดจาเข้าข้างเบ้าหน้าของตัวเอง

 

                “เคยมีแต่คนชมนะพี่ ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาอวยแต่พอกลับบ้านมาส่องกระจก โอ๊ะ หล่อจริงๆด้วย ผมเลยเชื่อว่าคนพวกนั้นเห็นว่าผมหล่อจริงๆ”

 

                “เอาจริงๆนะไอ้ลอ ถ้ามึงไม่ใช่น้องกู กูถีบลงไปให้ชะโดแดกมึงแล้ว คำพูดคำจามั่นหน้าเหลือเกิน”พระลักษณ์ไม่พูดเปล่าคนเป็นพี่เงื้อเท้าจะถีบน้องเอาตามที่พูดจริงๆจนพระลอต้องยกมือทำท่ายอมแพ้อย่างเสแสร้ง สองพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั้งเรื่องกิจการที่บ้านรวมไปทั้งเรื่องปัญหาของลูกบ้านที่ต้องดูแล ไม่นานบรรดาหลานๆและพี่สะใภ้ก็มาสมทบเสียงพูดคุยหยอกล้อดังไปทั่วคุ้งน้ำบ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวนี้มีความสุขมากเพียงใด

 

เป็นครอบครัวในฝันของใครหลายๆคน คนทั้งสามรุ่นอยู่ด้วยกันด้วยความรักและห่วงใยไม่ทอดทิ้ง มื้อกับข้าวตอนเย็นแม้จะประกอบด้วยอาหารง่ายๆพวกน้ำพริกกะปิผักต้มผักสด ปลาทอดและแกงป่าหมูสับแต่กลับทำให้ลลิตภัทรเจริญอาหารอย่างไม่น่าเชื่อ หลังกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีกับพ่อแม่จนสองทุ่มพี่ๆและหลานๆก็แยกกลับไปบ้านตัวเองลลิตภัทรอยู่คุยกับพ่อแม่จนทั้งสองคนเข้านอนชายหนุ่มเดินตรวจตรารอบบ้านอีกครั้งจึงกลับเข้าห้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์ของลูกเจี๊ยบดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยถ่ายรูปเซลฟี่ส่งมาให้เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วบอกว่าจะนอนแล้ว ลลิตภัทรเปิดรูปของลูกเจี๊ยบดูก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นใสกิ๊งไร้เครื่องสำอางรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าเลื่อนสายตาไปที่ลำคอระหงส์ที่เคยฝังจมูกสูดกลิ่นหอมอยู่หลายหนก็ได้แต่กลืนน้ำลายยิ่งไล้สายตาลงไปยังคอเสื้อที่แหวกลึกเป็นตัววีก็ยิ่งคอแห้ง

 

เด็กอะไรมาเป็นภาพนิ่งก็ยังน่ากินได้ขนาดนี้

 

ร้ายจริงๆ

 

ลลิตภัทรขยับกายพิงหัวเตียงก่อนจะหามุมเพื่อถ่ายรูปกลับไปให้ลูกเจี๊ยบบ้าง เมื่อได้มุมชายหนุ่มกดยิ้มมุมปากก่อนจะถ่ายส่งกลับไปหาลูกเจี๊ยบ ศตายุที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงกระเด้งตัวขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู พลันใบหน้าก็ร้อนเห่อเมื่อรูปที่ส่งมาลลิตภัทรไม่ได้ใส่เสื้อ ข้อความที่ส่งมายามลูกเจี๊ยบเปิดอ่านคือ

 

                “คืนนี้อาจะนอนกับหนูนะคะ เจอกันในฝัน”

 

งื้อ...อาลอคนบ้า เสื้อผ้าเสื้อผ่อนไม่ใส่แล้วยังมาพิมพ์อะไรเสี่ยวๆอีก น้องจะขาดใจตายเพราะความเขินแล้วจ้าอาลอจ๋า

 

รุ่งเช้าพระลอและครอบครัวลุกขึ้นมาเตรียมงานตั้งแต่เช้ามืด รถกระบะลำเลียงวัตถุดิบที่จะทำโรงทานไปวัด เต็นท์ถูกกางรอตั้งแต่เมื่อวาน แดนดินและครอบครัวมาถึงวัดเกือบจะพร้อมกับบ้านพระลอ ศตายุช้อนตามองคนรักพลันก็ก้มหน้าหลบสายตาหวานเชื่อมที่มองมอง

 

                “จิ๊บ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อนนะ จิ๊บกับลูกอยู่ตรงนี้ก่อนได้ใช่มั้ย เสร็จแล้วพี่จะรีบกลับมา”แดนดินหิ้วเข่งขนมจีนที่สั่งมาร่วมร้อยกิโลมาวางในเต๊นท์ในขณะที่จิ๊บเริ่มจัดข้าวของ หญิงสาวพยักหน้ารับคำสามีพลางง่วนอยู่กับการเตรียมของโดยมีจัทร์เจ้าขาและศตายุเป็นลูกมือ มีลูกจ้างมาช่วยอีกสามคน

 

                “เดี๋ยวเจี๊ยบกับเจ้าขาเอาผักสดใส่ถาดเตรียมไว้นะลูก แม่จะจัดชุดที่จะถวายพระกับลูกเณรทั้งหลายก่อน”เจ้าขาและเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนแม่และลูกมือเริ่มตั้งเตาทำน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวานไก่ เด็กน้อยหั่นผักเคียงไปก็เหลือบตามองอาลอไป ชายหนุ่มอยู่ช่วยแม่ยกข้าวของลงจากรถเสร็จแล้วก็ตามแดนดินไปเพราะต้องคอยดูแลความสะดวกและไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่มีนับร้อยคน แก้วเจ้าจอมหัวเหม่งในชุดขาวกำลังนั่งเล่นกับเพื่อนๆ 2-3 คน เด็กน้อยรีบวิ่งมาหาผู้เป็นพ่อทันที

 

                “พ่อจ๋า เมื่อคืนจอมไม่ร้องไห้กลัวผีด้วยจอมเก่งมั้ยจ๊ะ”น้ำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนน่ารักพูดยกยอตนเองอย่างอวดๆ แดนดินยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะจุ๊บหัวเหม่งลูกชายอย่างแสนรัก

 

                “เก่งที่สุดเลยลูก เก่งสมกับเป็นลูกชายของพ่อ”

 

                “หนูหิวจังเลยจ้าพ่อ หลวงตาเรียกตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน”เด็กน้อยลูบพุงตัวเองเบาๆ แดนดินโยกหัวเหม่งๆของลูกด้วยความเอ็นดู

 

                “รออีกพักนะลูก วันนี้แม่เขาทำขนมจีนเลี้ยง มีน้ำพริกแบบที่หนูชอบด้วย หนูรอได้ใช่มั้ย เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนนะ”

 

                “ได้จ้าพ่อจ๋า หนูทนได้”ลลิตภัทรพ่นลมออกทางปากด้วยความหมั่นไส้สองพ่อลูกที่จ๊ะจ๋าเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ชายหนุ่มแยกไปช่วยดูเด็กๆคนอื่นๆจนกระทั่งถึงเวลาถวายภัตราหารเช้า บรรดาพ่อแม่ลูกเณรทั้งหลายต่างช่วยกันประเคนอาหารแด่พระสงฆ์และจัดสำรับสำหรับเด็กๆลลิตภัทรอาศัยช่วงชุลมุนไปยืนข้างๆลูกเจี๊ยบที่กำลังช่วยประเคนของถวายพระ

 

                “อาช่วยค่ะ”เอ่ยกระซิบเบาๆพลางช้อนฝ่ามือไปช่วยประคองถาด ลูกเจี๊ยบอมยิ้มน้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าวยามฝ่ามือของอาลอประทับลงฝ่ามือตนทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงช่วยกันถวายของให้พระจนเสร็จแล้วเดินไปช่วยแม่ๆที่เต๊นท์เพื่อเตรียมแจกของให้กับชาวบ้านผู้ร่วมงาน

 

                “เย็นๆไปหาอาที่บ้านนะคะ อามีอะไรจะให้”ลลิตภัทรเอ่ยกระซิบเบาๆข้างหูหลานก่อนจะแยกไปช่วยตักเส้นก๋วยจั๊บใส่ชามโฟมให้ชาวบ้านที่เริ่มมาต่อแถว

 

งานวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นแก้วเจ้าจอมกลายเป็นสามเณรอย่างสมบูรณ์และได้ฉันท์เพลร่วมกับเณรองค์อื่นๆ ชาวบ้านช่วยกันเก็บข้าวของล้างคืนวัด แกงและอาหารรวมทั้งขนมนมเนยที่เหลือก็ถูกตักใส่ถุงแล้วแจกให้เอากลับไปกินที่บ้านกันจนถ้วนทั่ว

 

                “อยู่วัดเป็นเณรแล้วต้องสำรวมนะลูกเณร อย่าวิ่งเล่นซุกซนเข้าใจมั้ยคะ”จิ๊บเอ่ยสอนลูกในตอนที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน

 

                “หนูรู้แล้วจ้าแม่ หนูไม่กล้าซนหรอก ถ้าซนหลวงตาจะฟาดด้วยก้านมะยมหนูก็เจ็บพอดีซี่แม่จ๋า”

 

                “ไม่ซนก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่แล้วก็พี่ๆกลับก่อนนะลูก”แก้วเจ้าจอมลงจากตักผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย เณรน้อยโบกมือลาก่อนจะเดินกลับไปหาหลวงตาที่กุฎิไป

 

เมือกลับมาถึงบ้านเก็บของที่ขนกลับมาจากวัดเสร็จลูกเจี๊ยบก็ขออนุญาตแม่ข้ามไปหาลลิตภัทรโดยไม่ลืมหิ้วน้ำยากะทิ แกงเขียวหวานไก่ และน้ำพริกรวมทั้งเส้นขนมจีนที่จัดแบ่งไว้ไปให้ย่าโฉม นั่งคุยกับย่าโฉมพักหนึ่งก็ขอตัวไปหาลลิตภัทรบนห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกายจนอดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปอย่างชื่นอกชื่นใจไม่ได้ ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งอยู่ทีโต๊ะทำงาน โน๊ตบุ๊คยังเปิดใช้งานอยู่ เมื่อเห็นศตายุชายหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้หลานพลางหันเก้าอี้เข้าหาก่อนจะตบลงเบาๆที่ต้นขาของตัวเองลูกเจี๊ยบเดินไปนั่งลงบนต้นขานั้นพลางใช้มือคล้องคอลลิตภัทรอย่างรู้งาน

 

                “คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”ไม่พูดเปล่าปลายจมูกโด่งก็กดลงบนแก้มนุ่มของหลานพลางเกลี่ยไปมาจนลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “คิดถึงอะไรล่ะจ๊ะ ก็เจอกันทั้งวันอยู่แล้ว”

 

                “ได้เจอแต่ไม่ได้พูดกันไม่ได้หอมแก้มหนูอาใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ”ลลิตภัทรฝังปลายจมูกลงบนต้นคอของหลานจนศตายุต้องหดคอหนี เอวบางถูกรั้งยามที่ฝ่ามือเลื้อยมาผลักอกลลิตภัทรออกเบาๆ

 

                “ฮื้อ อาลออย่าแกล้งหนูสิจ๊ะ ไหนอาลอว่ามีอะไรจะให้หนูไม่ใช่เหรอจ๊ะ”เด็กน้อยรีบเบี่ยงเบนความสนใจของลลิตภัทรเมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือของชายหนุ่มเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อของตัวเองทีละนิดๆ ลลิตภัทรเมื่อได้ยินดังนั้นก็นึกได้ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักด้านข้างก่อนหยิบอะไรบางอย่างออกมา

 

                “วันนี้เพื่อนอาส่งจดหมายมาให้”ลลิตภัทรยื่นมันให้กับเด็กน้อย ศตายุรับมาถือไว้อย่าง งงๆ

 

                “แล้วอาลอเอามาให้หนูทำไมล่ะจ๊ะ อาลอเปิดอ่านเองเถอะจ้าหนูไม่ละลาบละล้วงของๆอาลอดีกว่า”เด็กน้อยยื่นซองจดหมายคืนให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วจุ๊บลงบนมือนุ่มนั้นไปทีหนึ่งจนคนเด็กก้มหน้างุด

 

                “อาลอนี่นะ ฉวยโอกาสกับหนูเรื่อยเลย”บ่นอุบแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้ากลับขึ้นมามอง

 

                “เปิดเถอะค่ะ จดหมายน่ะของอา แต่ข้างในน่ะของหนู”ลลิตภัทรตอบกลับง่ายๆเอนกายพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะออกแรงยกตัวหลานให้นั่งคร่อมหันหน้ามาหาตนเพราะอยากเห็นปฏิกริยาหลังจากนี้ของคนเด็กกว่าให้เต็มตา

 

                “ก็ได้จ้า”ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมที่จะเปิดซอง ศตายุหยิบมีคัทเตอร์บนโต๊ะมากรีดตามความยาวของซองก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นบางๆสองแผ่นออกมา พลันดวงตากลมก็เบิกโพลง ริมฝีปากยิ้มกว้างอ้าค้างอย่างตกตะลึง ศตายุลืมลมหายใจและเสียงของตัวเองไปชั่วขณะก่อนจะสวมกอดลลิตภัทรไว้เต็มอ้อมแขน

 

                “อาลอจ๋า อาลอหามาให้หนูจริงๆเหรอจ๊ะ?”น้ำเสียงที่ปกปิดความปิติยินดีไว้ไม่มิดเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ยืดกายคลายอ้อมแขนพลางเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

 

และทุกอย่างก็ยังคงเดิม

 

บัตรคอนเสิร์ตของบรูโน่ มาร์ ที่อยากไปนักไปหนาแต่พ่อแม่ไม่อนุญาตตอนนี้มาอยู่ในมือของลูกเจี๊ยบแล้ว

 

                “ชอบมั้ยคะ?”น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ยถามเบาๆ เด็กน้อยกดหน้าหงึกหงักแล้วสวมกอดลลิตภัทรอีกครั้งอย่างดีใจ

 

                “ชอบมากเลยจ้า ขอบคุณอาลอมากนะจ๊ะที่หามาให้หนู แต่ว่า...”เด็กน้อยมีท่าทีสลดลงเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พ่อกับแม่เคยบอก

 

                “พ่อกับแม่บอกว่าไม่ให้หนูไปคนเดียวจ้า ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย หนูเคยบอกอาลอแล้วนี่จ๊ะ”

 

อาลอนี่ แก่จนเป็นอัลไซเมอร์แล้วหรือไงจ๊ะ ทำไมถึงจำที่หนูบอกไปแล้วไม่ได้กันล่ะ

 

                “แล้วใครบอกว่าจะให้หนูไปคนเดียวล่ะคะ”

 

                “เอ๊ะ?”

 

                “อาจะไปด้วยค่ะ รับรองพ่อกับแม่ของหนูเถียงไม่ออกแน่ๆ เพราะอายุอาโตมากแล้วสามารถดูแลหนูได้ สองอาเป็นผู้ใหญ่ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิค่ะ พ่อกับแม่ไม่น่าจะเถียงได้”เด็กน้อยอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบของลลิตภัทร เมื่อคิดตามก็เห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม

 

ถูกของอาลอนะจ๊ะ พ่อกับแม่ให้ไปกับผู้ใหญ่

 

นี่ไง อาลอไงจ๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7

 


งื้อ...แฟนใครเนี่ย ทั้งหล่อทั้งฉลาดเลยจ้า





......................................

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๓ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-12-2018 12:30:17
 :katai2-1: :katai2-1:  ลูกเจี๊ยบน่ารัก  ชอบเจ้าจอมด้วยกวนดี
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๓ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Quatree ที่ 05-12-2018 22:57:01
ไม่เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วเป็นเสี่ยลอสายเปย์ 5555  :z1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๔ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 06-12-2018 00:47:21
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๔






        “ไม่ให้ไป!!”เสียงตวาดลั่นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นของกำนันหนุ่มเต้นผางยามลูกชายพาลลิตภัทรมาหาถึงบ้าน

 

หนอย... ไอ้ลอ ไอ้เวรตะไล คนเขาชังน้ำหน้าเป็นนักหนาแล้วยังจะหน้าด้านบุกมาเหยียบถึงเรือน มาไม่พอยังมาขอให้เจี๊ยบไปดูคอนเสิร์ตกับมันอีก

 

ไม่ยอม

 

ไม่ให้ไป

 

            “โธ่ พ่อจ๋า พ่อให้น้องไปเถอะนะ”ลูกเจี๊ยบทำสีหน้าอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ แม้ในใจออกจะหงุดหงิดเมื่อหนึ่งไม่ยอมสองไม่ให้อยู่นั่นแหละ จะไม่ให้ไปทำไมจ๊ะ ก็ตรงตามเงื่อนไขที่พ่อเคยบอกแล้วไง บัตรรึก็มีแล้ว ที่นั่งก็โคตรดีแถมมีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งอายุและตำแหน่งไปด้วยแท้ๆ

 

            “พ่อไม่ให้น้องไปกับไอ้ลอ”

 

            “ทำไม ทำไมมึ..พี่ถึงไม่ให้หลานไปกับผม?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมาขอให้ดีๆแดนดินก็ไม่ยอมอยู่นั่นแหละจนรู้สึกโกรธแทนเจี๊ยบล่ะ

 

            “ไม่มีเหตุผลกูแค่ไม่อยากให้ลูกกูไปไหนมาไหนกับมึง”แดนดินตอบอย่างคนเอาแต่ใจ ลลิตภัทรมองหน้าลูกเจี๊ยบแล้วก็ให้สงสาร

 

            “อย่างี่เง่าสิพี่ เจี๊ยบอยากไปมากและผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้หลานไป”

 

            “เพราะไปกับมึงนี่ไงกูถึงไม่อยากให้ลูกกูไปด้วย อยู่ๆมาซื้อบัตรให้หวังผลอะไรอยู่หรือเปล่า เจี๊ยบก็เหมือนกันไปขอของจากมันทำไมเดี๋ยวเถอะนะเดี๋ยวพ่อจะตีหนู”

 

            “โธ่ พ่อจ๋า...”

 

            “จิ๊บ ดูเอาเถอะ เธอไม่สงสารลูกเหรอ ไหนบอกว่าถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยก็จะอนุญาตไง เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอด ตั้งใจเรียนเราแค่อยากให้รางวัลหลาน อีกอย่างหลานไม่ได้ขออะไรเราเลย เราให้เอง”ในเมื่อขอพ่อแล้วไม่ได้เรื่องลลิตภัทรก็หันไปขอจิ๊บที่นั่งข้างๆสามีแทน

 

            “เด็กน่ะถ้าเขาทำดีเราก็ควรให้รางวัลเขาบ้างแล้วเจี๊ยบก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะช่วยดูแลให้ อีกอย่างตอนนี้มันปิดเทอมเธอควรให้ลูกได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เรากะว่าวันที่เหลือเราจะพาเจี๊ยบไปดูนิทรรศการไปดูสถานที่เรียนพิเศษในกรุงเทพว่ามันดีขนาดไหน นะจิ๊บถือซะว่าให้ลูกได้ไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆบ้าง อยู่แต่กับบ้านก็เห็นอยู่แค่นี้”

 

            “พี่ไม่ให้ไปนะจิ๊บ”แดนดินยังคงไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นภรรยามีท่าทางคิดตามก็รีบขัดขึ้นมาทันที

 

            “มันจะรบกวนลอมากเกินไปหรือเปล่า?”หากแต่จิ๊บกลับไม่สนใจสามีที่ทำตัวงี่เง่างอแง

 

หล่อนสงสารลูก  หล่อนเข้าใจความรู้สึกของลูกดี ลูกเจี๊ยบไม่ใช่เด็กงอแงจะเอาอะไร เมื่อตอนบอกไม่อนุญาตพร้อมเหตุผลแม้ลูกจะซึมลงไปถนัดตาแต่ก็ไม่ได้มาเซ้าซี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกสามารถทำตามเงื่อนไขที่หล่อนบอกได้หมดแล้วทำไมหล่อนจะต้องใจร้ายกับลูก จริงอย่างที่พระลอบอก เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอดอาจจะมีเป๋ไปบ้างตอนที่แอบไปดูหนังแต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความผิดเดียวที่ลูกทำ ในเมื่อลูกประพฤติตนเป็นเด็กดีแล้วการที่หล่อนจะให้ในสิ่งที่ลูกร้องขอทำไมจะทำไม่ได้

 

ลลิตภัทรเองก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาลลิตภัทรดูแลเอาใจใส่ลูกๆของหล่อนอย่างสม่ำเสมอ ดีขนาดที่แก้วเจ้าจอมเชื่อฟังชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วนั่นเถอะ

 

            “ไม่รบกวนเลยจิ๊บ เราจะไปดูอยู่แล้วพอเพื่อนหาบัตรมาให้เราเลยให้หามาสองใบ เราสัญญาว่าจะดูแลเจี๊ยบให้ดีไม่พาไปเถลไถลที่ไหนเด็ดขาด”

 

            “ถ้าลอรับปากเราอย่างนั้นเราก็จะให้ลูกไป”สิ้นคำพูดของจิ๊บแดนดินก็แทบจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่ใต้ถุนเรือนส่วนลูกเจี๊ยบยิ้มกว้างโชว์ฟันซี่เล็กๆพลางก้มลงกราบตักแม่ด้วยความดีใจ

 

ยังไงแม่จ๋าก็มีเหตุมีผลเสมอ คิดถูกจริงๆที่มาขอตอนที่แม่อยู่ด้วย ลลิตภัทรมองภาพเด็กน้อยของเขาที่หันมาส่งยิ้มหวานให้ก็แสนจะมีความสุข นึกขอบคุณภาพลักษณ์ดีๆของตัวเองที่ทำให้จิ๊บวางใจพลางปรายตามองแดนดินที่ทำตัวเป็นหมีควายดีดดิ้นอย่างหมั่นไส้

 

มันน่าเตะให้ตกใต้ถุนเรือนนักไอ้คนขวางโลก รำคาญ!!!

 

หลังจากวันนั้นลูกเจี๊ยบน้อยก็อารมณ์ดีเป็นยิ่งนัก มองอะไรก็สดใสไปหมด ไปเยี่ยมน้องเณรก็อดไม่ได้ที่จะอวดว่าตนเองจะได้เข้ากรุงเทพจนเณรเจ้าจอมทำท่าจะงอแงตามจนจิ๊บต้องดุลูกชายคนโตที่จะมาทำให้น้องเณรตบะแตก

 

            “โอ๋ๆ ไม่งอแงนะเดี๋ยวโยมพี่ซื้อขนมกับของเล่นมาฝากน้องเณรนะครับ”ลูกเจี๊ยบปลอบน้องที่นั่งหันหลังให้พยายามทำท่าน่ารักง้องอนเจ้าตัวดีที่หัวเหม่งนั่งจุ้มปุ๊กเข้ากำแพงอย่างแสนงอน

 

            “พี่เจี๊ยบใจร้าย ไปเที่ยวตอนหนูบวช”คนน้องโอดครวญอย่างตัดพ้อน้ำเสียงรึแสนจะเศร้าสร้อยจนพี่ชายใจกระตุก

 

            “พ่อแม่กับพี่เจ้าขาก็จะไปเที่ยวเชียงใหม่...”คราวนี้คนเป็นพ่อกับแม่และพี่สาวถึงขั้นสะดุ้งต่อ แดนดินรีบเข้าไปโอ๋ลูกเณรน้อยทันที

 

            “ไม่ต้องเสียใจนะลูกเณร เดี๋ยวสึกแล้วพ่อจะพาไปเที่ยวทะเล”คราวนี้เณรน้อยหันขวับดวงตาเป็นประกายวิ้งๆขึ้นมาทันที

 

            “พ่อกำนันพูดจริงนะจ๊ะ ไม่หลอกเณรนะ หลอกเณรเป็นบาปนะจ๊ะ”เอานรกสวรรค์มาขู่ไว้ก่อนยังไงพ่อจ๋าก็ต้องกลัวตกนรกอยู่แล้วล่ะ

 

            “สัญญาสิลูก แต่ว่าพ่อแม่กับพี่ๆจะไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งนะลูกเณรทนเหงาหน่อยนะครับ”

 

            “ได้จ้าพ่อจ๋า ถึงน้องจะเหงาบ้างอะไรบ้างแต่ความเหงาของหนูแก้ได้ด้วยของเล่นนะจ๊ะ”

 

            “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะเณร”จันทร์เจ้าขออดไม่ได้ที่จะปรามน้อง เด็กสาวรู้ทันน้องชายจอมมารยาดี แก้วเจ้าจอมน่ะไม่ได้งอนจริงจังหรอก ทำมารยาสาไถเพื่อจะหลอกเอาของเล่นนั่นแหละ

 

            “แหม ก็ตัวได้ไปเที่ยวนิ หนูต้องอยู่วัดเดินจงกรมกับหลวงตาเหงาจะตาย”

 

 

            “เจี๊ยบเตรียมเสื้อผ้าไปพอหรือเปล่าลูก”จิ๊บเข้ามาหาลูกชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ลลิตภัทรนำมาให้เมื่อช่วงสาย เด็กน้อยหันมายิ้มให้คนเป็นแม่ในขณะที่จิ๊บมาช่วยจัดกระเป๋าด้วยอีกแรง

 

            “น้องว่าครบแล้วจ้าเอาไปแค่ 4-5 ชุดพอ”

 

            “ไปกับอาลอก็ทำตัวดีๆนะลูก อย่าดื้ออย่าซนรู้มั้ยไม่ได้ไปกับพ่อกับแม่ ชุดชั้นในน้องเอาใส่ถุงแยกต่างหากให้เป็นระเบียบดีกว่านะ”จิ๊บสอนลูกพลางเดินไปหยิบถุงมาใส่ชุดชั้นในแล้วใส่ลงไปก้นสุดของกระเป๋า

 

            “น้องไม่ซนหรอกแม่ นี่โตแล้วนะจ๊ะ 16 จะ 17 อยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว”

 

            “แม่รู้ว่าน้องโตแล้ว แต่อาลอเขาเป็นผู้ใหญ่กว่ามากแม่กลัวว่าน้องจะไปเผลอเอาแต่ใจตัวเองเหมือนที่อยู่กับพ่อกับแม่”เจี๊ยบนั่งมองแม่ที่เอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมาพับให้เรียบร้อยก่อนจะวางกลับเข้าไปใหม่ สองแม่ลูกนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งลลิตภัทรขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน แดนดินสะบัดหน้าพรืดเดินลัดคันนาทิ้งไปไม่อยากจะเห็นขี้หน้าของลลิตภัทร

 

            “ฝากลูกด้วยนะลอ”จิ๊บเดินมาส่งลูกที่รถ พระลอที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ดสีน้ำเงินเข้มเซ็ตผมจนหล่อเฟี้ยวพยักหน้ารับก่อนจะรับกระเป๋าของศตายุไปใส่ท้ายรถ

 

            ไม่ต้องห่วงนะจิ๊บเดี๋ยวเราจะดูแลอย่างดีเลย”

 

            “เงินที่แม่ให้เก็บให้ดีๆนะเจี๊ยบ”จิ๊บหันไปสั่งลูกอีกครั้ง เอาเข้าจริงแม้ลูกจะโตและมีลลิตภัทรคอยดูแลหล่อนก็ยังอดห่วงไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะตัวโตสูงใหญ่ขนาดไหนในสายตาของคนเป็นแม่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเป็นน้องน้อยของตนอยู่ดี เจี๊ยบรีบเดินมาสวมกอดแม่พลางหอมแก้มฟอดใหญ่รับคำทุกอย่างที่แม่สอน ในที่สุดท้ายรถของลลิตภัทรก็ลับโค้งถนนไป เป็นการเดินทางโดยไม่มีพ่อแม่ไปด้วยครั้งแรกของลูกเจี๊ยบ บรรยากาศในรถเป็นไปด้วยดี ลลิตภัทรผิวปากตามเสียงเพลงอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มพาคนรักแวะกินข้าวที่นครปฐมก่อนจะตียาวเข้ากรุงเทพยามที่รถติดไฟแดงก็หันไปหยอกล้อกับเด็กน้อยอย่างมีความสุข เสียงเพลงสากลเปิดคลอทำให้ในรถไม่เงียบ สายฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อเข้าเขตกรุงเทพช่างเป็นอากาศที่แปรปรวน ลูกเจี๊ยบน้อยมองทิวทัศน์ข้างทางด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

กรุงเทพตอนฝนตกก็สวยดีเหมือนกันนะจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบยิ้มให้กับภาพของคู่รักที่เดินจับมือกันเคียงข้างในร่มคันเล็ก บ้างก็หลบฝนตาป้ายรถเมล์ที่ดูจะบังอะไรไม่ได้เลยซักนิด การจราจรติดแหงกเมื่อรถมาถึงย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่ลลิตภัทรบอกว่าคอนโดของตนอยู่แถวนี้ อากาศชุ่มชื้นภายนอกและแอร์เย็นในรถทำให้เด็กน้อยห่อตัวด้วยความหนาว พลันฝ่ามือก็อบอุ่นอย่างน่าประหลาดยามที่ลลิตภัทรกอบกุมมือของตนเองไว้ เมื่อหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มที่ลูกเจี๊ยบชอบเสียเหลือเกิน เด็กน้อยยิ้มตอบพลางกระชับนิ้วที่ถูกผสานไว้เบาๆ เพลงยังคงเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งทำนองที่คุ้นหูดังขึ้น ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆแล้วเริ่มร้องตามเบาๆ สายตาหวานเชื่อมกันหันมามองลูกเจี๊ยบน้อยอย่างสื่อความหมาย จนแก้มใสค่อยๆขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินทำให้หัวใจพองฟูแม้จะไม่ได้เพราะราวนักร้องมืออาชีพ บางท่อนก็ร้องเพี้ยนหากแต่เมื่อใช้ใจฟังมันกลับเป็นเพลงที่เพราะที่สุในโลกเพราะยิ่งกว่าเสียงของต้นฉบับที่กำลังเล่นอยู่เสียอีก รถติดไม่น่าเบื่อเลยซักนิดเมื่อได้ฟังเพลงจากศิลปินที่ชอบผ่านน้ำเสียงของคนที่รักไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

beautiful girls all over the world

i could be chasing but my time would be wasted

they got nothing on you baby

nothing on you baby

they might say hi and i might say hey

but you shouldn't worry about what they say

cos they got nothing on you baby

nothing on you baby

 

ใช่...เพราะสำหรับลลิตภัทร ไม่มีใครเทียบเท่าศตายุได้เลยจริงๆ...









 

            หลังจากติดแหงกอยู่บนถนนมานานเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดลลิตภัทรก็พารถมาจอดในลานจอดรถของคอนโดได้ในที่สุด ชายหนุ่มรับอาสาเข็นกระเป๋าเดินทางของหลานและของตัวเขาเดินนำเข้ามาในลิฟท์ คนรู้จักรวมทั้งเพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าเอ่ยทักทายชายหนุ่มยามเดินผ่านล็อบบี้ด้านล่างชายหนุ่มหยุดทักทายเพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวเพราะคิดว่าลูกเจี๊ยบคงจะเพลียจากการเดินทางและรถที่ติด

 

เมื่อลิฟท์พาคนทั้งคู่ขึ้นมายังชั้นที่ 15 ลลิตภัทรก็เดินนำลูกเจี๊ยบมาที่ห้องของตนเอง ศตายุมองลลิตภัทรใช้คีย์การ์ดแตะที่หน้าห้องล็อกประตูก็ปลดออกอย่างตื่นเต้น เมื่อเข้ามาด้านในเด็กน้อยก็ร้องว้าวออกมาอย่างทึ่งๆ ตอนแรกลูกเจี๊ยบคิดว่าห้องของลลิตภัทรคงจะเป็นคอนโดห้องเล็กๆที่มีเพียงห้องนอนกับห้องนั่งเล่น แต่เมื่อเข้ามาความกว้างขวางนั้นใหญ่พอๆกับบ้านของลูกเจี๊ยบเลยด้วยซ้ำ ด้านหน้าเป็นเค้าท์เตอร์บาร์มีชั้นวางขวดเหล้าและไวน์ด้านข้างมีตู้เย็นหลังใหญ่ถัดไปเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครัวครบครันด้านหน้ามีโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาหนังชุดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าโฮมเธียร์เตอร์ใหญ่เท่าจอหนังกลางแปลงที่เจี๊ยบเคยดูตามงานวัด แผ่นหนังและซีดีเพลงเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบติดกำแพงด้านหลังมีตู้โชว์ที่มีพวกโมเดลการ์ตูน รวมทั้งรถบังคับ เรือและเครื่องบินบังคับเรียงอยู่จนเต็ม มองเลยเข้าไปในห้องเล็กด้านข้างน่าจะเป็นห้องทำงานลูกเจี๊ยบมองเห็นตู้ใส่หนังสือหลังใหญ่กับคอมพิมเตอร์ห้องของอาลอตกแต่งเป็นโทนสีขาวเทาไม่ได้ดูเรียบแต่ก็ไม่ดิบจนเกินไป

 

            “เหนื่อยมั้ยคะ หนูหิวหรือเปล่า จะออกไปทานข้างนอกหรือให้อาโทรสั่งขึ้นมาดีคะ”ศตายุละความสนใจจากส่วนต่างๆส่งยิ้มหวานให้คนเป็นอาที่เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอนแล้วเดินออกมา เด็กน้อยหลับตาพริ้มยามที่ร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคอดแล้วกดจูบลงบนหน้าผากเนียนเสียเต็มรัก

 

            “ออกไปรถก็ติดอีกแถมฝนตกด้วยหนูว่าโทรสั่งก็ได้จ้าง่ายดีนะจ๊ะอาลอจะได้พักด้วยขับรถมาตั้งไกล”

 

            “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ดีเหมือนกัน อาก็เหนื่อยๆอยู่พอดี งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ผ้าขนหนูอยู่ในตู้เสื้อผ้าหนูหยิบมาใช้ได้เลยถ้าไม่ได้พกของตัวเองมา สระผมด้วยนะคะถ้าจะเป่าผมมีไดร์เป่าผมอยู่บนตู้ตรงอ่างล้างหน้า เดี๋ยวอาสั่งข้าวไว้รอหนูอยากทานอะไรคะร้านข้างล่างมีทุกอย่างเลย”

 

            “หนูกินอะไรก็ได้จ้า อาลอสั่งมาได้เลย”เด็กน้อยตอบอย่างง่ายๆเพราะตัวเองเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยเอวน้อยๆนั้นให้เป็นอิสระเดินไปหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาร้านข้าวด้านล่าง ศตายุเดินเข้ามาในห้องนอนที่อาลอชี้แล้วก็ได้แต่ทำตาโต ห้องของอาลอตกแต่งด้วยสีเทาอ่อนๆ เตียงนอนคิงส์ไซส์เด่นตระหง่าน ผู้ปูที่นอนหมอนผ้าห่มเป็นสีเทายกชุด ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่สีขาวชิดผนังอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำ เมื่อเปิดดูก็พบกับเสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่แยกเสื้อกางเกงและจัดสีกันอย่างชัดเจนอัดแน่นเต็มตู้ ผ้าขนหนูหลายผืนพับเป็นระเบียบอยู่มุมล่างของตู้ ลูกเจี๊ยบหยิบออกมาผืนหนึ่งตามที่ลลิตภัทรบอกก่อนจะเดินไปที่กระเป๋าเดินทางของตัวเองหยิบเอาเสื้อผ้าที่จะใส่นอนออกมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

 

ศตายุเคยเห็นห้องน้ำแบบนี้ในละครที่บ้านพระเอกนางเอกที่รวยๆมาก็หลายเรื่อง แต่ของจริงนั้นเพิ่งเห็นที่ห้องอาลอเป็นครั้งแรก มุมหนึ่งมีอ่างจากุซซี่ตั้งชิดกับกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองไปเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ รอบอ่างจัดไฟส่องจนเกิดแสงสวยงามโรแมนติก ลูกเจี๊ยบเคยฝันว่าอยากจะลองอาบน้ำในอ่างจากุซซี่ซักครั้งแต่ก็ต้องตัดใจไปเสียเพราะไม่กล้าละลาบละล้วงถือวิสาสะใช้ของๆอาลอ ถัดไปเป็นตู้อาบน้ำที่เป็นกระจกใสห้องน้ำของอาลอแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน

 

            “ทำไมอาลอดูรวยจังเลยนะ อาลอทำงานอะไร?”เกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่งในสมอง แต่ก็สะบัดหน้าขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 15 นาที สายน้ำอุ่นช่วยขับไล่ความเมื่อยล้าได้พอสมควร เมื่ออกมาด้านนอกก็เห็นลลิตภัทรนวดต้นคอตัวเองเบาๆอยู่ปลายเตียง ชายหนุ่มหันมามองเด็กน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีเหลืองตัวย้วยและกางเกงขาสั้นตัวใหญ่อย่างเอ็นดู

 

            “อาลอไปอาบน้ำสิจ๊ะ จะได้สดชื่น”ศตายุเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูมายื่นให้พระลอ ชายหนุ่มยื่นมือไปกุมมือน้อยๆแสนน่ารักนั้นไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไปบนหลังมือคู่นั้นเบาๆ

 

            “หอมจังเลยค่ะ ใช้ครีมอาบน้ำของอาแท้ๆแต่ทำไมมันหอมกว่าทุกครั้ง”

 

            “อาลออย่ามาทำปากหวานเลยจ้า ไปอาบน้ำเถอะ หนู...หนูหิวแล้ว”เด็กน้อยชักมือกลับเมื่อริมฝีปากซุกซนเริ่มเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ ลลิตภัทรยอมละไปอย่างว่าง่ายเพราะเขาเองก็หิวเช่นเดียวกัน

 

            “งั้นเดี๋ยวถ้าเขาเอาข้าวมาส่งหนูเอาเงินในกระเป๋าเงินอาไปจ่ายได้เลยนะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าเดี๋ยวหนูเอาเงินหนูจ่ายให้ก็ได้ เมื่อกลางวันอาลอก็เลี้ยงข้าวหนูแล้ว”ลลิตภัทรที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำชะงักเท้าทันทีก่อนจะก้าวยาวๆกลับมาหาศตายุ ชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้าหาตัวแล้วประกบจูบพลางกัดริมฝีปากล่างของเด็กน้อยจนศตายุรู้สึกเจ็บ

 

            “อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะอาไม่ชอบเลย แฟนทั้งคนอาเลี้ยงได้ทั้งชีวิต”เด็กน้อยก้มหน้างุดซ่อนแก้มแดงให้พ้นสายตาของอาลอทันที ริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกกัดทำโทษเมื่อครู่บัดนี้ถูกเจ้าของกัดเพื่อกลั้นยิ้มสุดความสามารถ

 

อาลอนี่นะ มาทำให้หนูเขินทำไมเนี่ย

 

คนบ้า

 

หลังจากกินข้าวเย็นกันตอนเกือบสองทุ่มศตายุก็จับจองพื้นที่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก่อนจะลงมือเลือกแผ่นหนังที่อยากดูทันที เมื่อได้เรื่องที่ต้องการแล้วก็ยื่นให้ลลิตภัทรที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว เด็กน้อยวิ่งปรู๊ดไปหยิบอ่างใส่ขนมพวกป๊อปคอร์นและขนมถุงที่เทใส่รวมๆกันมานั่งขัดสมาธิอย่างตื่นเต้น ลลิตภัทรเดินกลับมานั่งข้างๆเด็กน้อย ไฟในห้องถูกปิดทำให้บรรยากาศคล้ายว่าทั้งสองคนกำลังนั่งดูหนังในโรงภาพยนต์ไม่มีผิด เมื่อหนังเล่นไปได้ครึ่งเรื่อง ขนมก็หมดชาม ศีรษะของเด็กน้อยก็มาพิงกับไหล่ของลลิตภัทรอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือของคนทั้งคู่ประสานกัน ยังไม่ทันจบเรื่องดีเด็กน้อยของเขาก็โงกไปเสียแล้ว ลลิตภัทรจัดการปิดเครื่องเล่นวีซีดีและทีวีก่อนจะลุกขึ้นแล้วช้อนร่างของเจ้าน้องน้อยที่หลับจนแก้มยู่กับไหล่เขามาไว้ในอ้อมแขน พาหลานเข้ามานอนในห้องวางร่างบางลงอย่างแผ่วเบาขยับผ้าห่มจนคลุมถึงต้นคอลูกเจี๊ยบ ลลิตภัทรมองใบหน้าน่ารักที่หลับสนิทนั้นอย่างแสนรัก อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ตั้งแต่คบกันมาแม้จะเลยเถิดกันไปไกลกว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบคู่อื่นๆ แต่นี่จะเป็นคืนแรกที่เขาได้มีลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาจนถึงรุ่งเช้า ลลิตภัทรเปิดไฟหัวเตียงแล้วเดินไปปิดไฟดวงใหญ่สอดตัวเข้าไปในผ้านวมผืนเดียวกับศตายุ ดึงร่างเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ตัวเขามั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเด็กคนนี้ได้ตลอดชีวิต ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของตนเองให้แน่นขึ้น กายนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือนั้นซุกเข้าหาไออุ่นโดยอัตโนมัติลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบปากอิ่มนั้นแผ่วเบานุ่มนวล

 

            “ฝันดีนะคะ ลูกเจี๊ยบของอา”

 

ลลิตภัทรรู้สึกตัวตื่นในสายของอีกวันเมื่อรู้สึกว่าในอ้อมแขนมีร่างของใครบางคนขยับกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ เมื่อลืมตาก็เห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรากับริมฝีปากอิ่มสีเหมือนเยลลี่ลอยอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเขาดึงหลานให้ขึ้นมานอนบนอกตอนไหน ถึงว่าตอนนอนรู้สึกหนักๆเหมือนผีอำ แต่ตอนนี้ปากงุ้ยๆที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วทั้งวันนั้นกำลังล่อสายตาของเขาอยู่

 

            “อาลอจ๋า สิบโมงแล้วนะจ๊ะ น้องหิวข้าว”ลลิตภัทรนอกจากไม่ลุกไม่คลายอ้อมกอดแล้วยังใช้ความเร็วพลิกร่างของลูกเจี๊ยบตัวน้อยลงไปนอนใต้ร่างของตนเองแทน ปลายจมูกโด่งกดลงบนแก้มนุ่มนั้นพลางขยี้ไปมาเบาๆ ฟัดลามไปถึงซอกคอขาวยั่วตานั้นจนเด็กน้อยที่ดิ้นขลุกขลักใต้ร่างหัวเราะเสียงใสเพราะความจั๊กจี้

 

            “อาลอ ฮื้อ ไม่เอา น้องบอกน้องหิวข้าว”เสียงเล็กร้องท้วงเมื่อปลายนิ้วเริ่มไต่เข้ามาในเสื้อ อาลอนี่ช่างพูดไม่รู้ความเอาเสียเลยหนูบอกว่าหนูหิวข้าวแปลว่าให้พาหนูไปหาอะไรกินหน่อยนะจ๊ะ ไม่ได้หมาความว่าให้อาลอตื่นมากินหนูเสียหน่อย

 

แต่เด็กน้อยก็ต้องเลิกดิ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นคลอเคลียลงมาบนปากของตน

 

ลูกเจี๊ยบชอบจูบของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบความนุ่มนิ่มของริมฝีปากของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบปลายลิ้นของอาลอที่ส่งเข้ามาทักทายกับเรียวลิ้นของตัวเอง

 

จูบแสนเนิบนาบเชื่องช้าค่อยๆดูดกลืนความรู้สึกของศตายุทีละนิด เด็กน้อยจูบตอบอย่างใสซื่อ มันไม่ใช่การจูบแบบตะกละตะกราม อาลอเหมือนกำลังค่อยๆละเมียดชิมความหอมหวานราวกับกำลังชิมวิปครีมบนไอศกรีมถ้วยโปรด

 

ทั้งหอมหวานและน่าหลงใหล

 

ทั้งมัวเมาทำให้เผลอเสพติดโดยไม่รู้ตัว นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ในที่สุดคนโตกว่าก็ยอมละริมฝีปากออก ความเงาวาวจากน้ำหวานสีใสที่เคลือบอยู่บนปากอิ่มของคนใต้ร่างอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มไปให้อย่างเอ็นดู ปลายนิ้วไล้ตามรูปปากเช็ดคราบใสมุมปากให้อย่างอ่อนโยน

 

            “แค่จูบหนูเมื่อกี๊อาก็อิ่มไปทั้งวันแล้วค่ะ อยากตื่นมาแล้วมีหนูอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ทุกเช้าไปจนตลอดชีวิตจัง”

 

            “ฮื้อ...ไม่ปากหวานตอนนี้สิจ๊ะ หนูหิวข้าวแล้วจริงๆ”เด็กน้อยซุกหน้าลงบนอกแกร่งของคนเป็นอาซ่อนความเขินอายและรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไว้จนมิด แสร้งยกประเด็นที่ทำให้ต้องปลุกลลิตภัทรขึ้นมาพูดอีกรอบ ลลิตภัทรหัวเราะอย่างรู้ทันแต่ก็ยอมขยับตัวลุกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพราะสงสารเด็กอนามัยที่มาห้องเขาทั้งทีก็กินข้าวเช้าผิดเวลาไปเสียแล้ว ไม่นานชายหนุ่มและเด็กน้อยก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงที่อุดมไปด้วยร้านอาหารหลากหลาย สถาบันกวดวิชามากมาย ชายหนุ่มพาศตายุเข้าร้านอาหารเกาหลี อาหาร 3-4 อย่างถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับหมูย่างบนเตาที่สุกกำลังกิน ศตายุมองลลิตภัทรที่สาธิตวิธีการกินให้อย่างตั้งใจ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง ลลิตภัทรพาศตายุเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารจากนั้นก็พาเด็กน้อยเข้าร้านบิงซูชื่อดัง ศตายุมีความสุขมาก สุขที่ได้ใช้เวลาดีๆแบบนี้กับลลิตภัทร กินเสร็จก็เดินดูนั่นนี่อีกนิดหน่อย ในที่สุดนาฬิกา จีช็อครุ่นไอร่อนแมนที่อยากได้มานานก็มาประดับอยู่บนข้อมือสวยของศตายุ ส่วนในถุงมีนาฬิกาเบนเทนสำหรับเจ้าจอม และนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลสำหรับจันทร์เจ้าขาเมื่อได้ของที่ต้องการทั้งคู่ก็พากันเอาของที่ซื้อมาเก็บที่ห้อง บ่ายสามก็เดินทางไปสถานที่จัดคอนเสิร์ต บรรดาแฟนเพลงที่มีบัตรเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามา เด็กน้อยชี้ชวนคนเป็นอาให้ไปเดินดูนั่นนี่จนมีสายเรียกเข้าพระลอหยุดเพื่อรับโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ

 

            “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบเห็นอาลอวางสายพลางทำหน้าปู้เลี่ยนๆก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย

 

            “คือ...”

 

            “จ๊ะ?”

 

            “คือบัตรที่เราได้มา เป็นบัตรที่อาแอนหามาให้...”

 

ศตายุแทบจะหมดอารมณ์ดูคอนเสิร์ตทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของลลิตภัทรเด็กน้อยก็แสร้งยิ้มกว้างราวกับไม่ได้คิดอะไรมาก

 

            “ไม่เป็นไรหรอกจ้าหนูไม่ได้คิดอะไร”

 

            “จริงเหรอคะ แล้ว...จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าอาแอนจะมานั่งดูกับเราด้วย”

 

เป็นอะไรหรือเปล่าเจี๊ยบก็ไม่รู้หรอกจ้า

 

รู้แต่ว่าตอนนี้เจี๊ยบอยากกลับบ้านแล้ว

 

บรูโน่ไม่ได้มาคนเดียว ดันมีแอนมาด้วยอีกคน

 


ไม่อยากดูแล้วจ้า

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๓ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 06-12-2018 07:22:11
เป็นนิยายที่สนุกมากเลยค่ะ
นานๆทีถึงเจอนิยายแนวบ้านทุ่ง ดูอบอุ่นดีค่ะ
น้องเจี๊ยบน่ารัก.
น้องจอมก็น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๔ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 06-12-2018 08:19:10
ถึงน้องจะอายุ16ใกล้จะ17แล้ว รออีกแค่ปีเดี๋ยว ฮึ้บไว้จ้ะผู้ใหญ่ลอ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๕ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 06-12-2018 11:43:29
           ศตายุนั่งนับเลขในใจยามเห็นอริตาเกาะแขนอาลอของตน ความไม่พอใจพุ่งพล่านในหัวใจราวกับมีคลื่นยักษ์ซัดสาด แม้ลลติภัทรจะพยายามแกะมือที่เหนียวปานตีนตุ๊กแกนั่นออกหากทว่าเพียงไม่นานก็กลับมาเกาะใหม่จนอ่อนใจ ครั้งแรกที่เจอหน้าหญิงสาวในชุดแซ็กสีแดงสดแต่งหน้าจัดดูสวยเฉี่ยวรีบทรงตัวบนส้นสูงแหลมปรี๊ดเข้ามาหาลลิตภัทรพลางฉวยโอกาสจูบแก้มของชายหนุ่มซ้ายขวาและจุ๊บปากอย่างรวดเร็วไม่สนสายตาใครทั้งนั้น ตอนนั้นลูกเจี๊ยบรู้สึกโกรธจนจะเป็นลม
 
เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของการหึงจนหน้ามืดและหวงของๆตนเองก็วันนี้
 
แต่ลูกเจี๊ยบก็เก็บอาการ ใช่ว่าอาลอจะไม่ขัดขืนแต่ผู้หญิงเขาหน้าไม่อายจะให้ทำยังไงล่ะจ๊ะ แม้จะโมโหจนอยากจะจับอริตาทุ่มลงพื้นแต่ลูกเจี๊ยบก็พยายามสะกดอารมณ์ไว้
 
ลูกเจี๊ยบจะไม่ไร้สติหุนหันพลันแล่นโมโหโกรธาอาลอแบบที่แล้วๆมาอีกแล้ว
 
เด็กน้อยเรียนรู้ที่จะเชื่อใจและประคับประคองความสัมพันธ์แสนเปราะบางนี้ไว้ อาลอเคยบอกเสมอว่าขอให้ลูกเจี๊ยบเชื่อใจ ลูกเจี๊ยบก็จะเชื่อที่อาลอพูด
 
                “แอนนึกว่าลอจะมาดูกับเอ็ม ไม่คิดเลยว่าจะพาเด็กจากบ้านนอกมาดูด้วย ว่าไงคะน้อง ดูเป็นฟังรู้เรื่องเหรอคะ”
 
                “แอน..”ลลิตภัทรกดเสียงต่ำเรียกชื่อหญิงสาวเป็นเชิงปราม ไม่ชอบใจเลยซักนิดกับคำพูดคำจานั้น มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าอริตาจงใจจะใช้คำว่าบ้านนอกกดหัวศตายุ มองใบหน้าใสของหลานที่บัดนี้ขึ้นสีแดง ที่ไม่เหมือนแดงเพราะความเขินอายยามโดนเขาหยอกเอินแต่เป็นความโกรธที่เด็กน้อยเริ่มรู้สึกเหมือนบนหัวมีภูเขาไฟกำลังประทุใกล้ระเบิด ศตายุสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ มองสีหน้าอาลอแล้วให้เห็นใจนัก อาลอเองก็คงจะอึ้งอยู่เหมือนกัน เด็กน้อยระบายยิ้มอ่อนโยนให้คนเป็นอาก่อนจะตวัดสายตาไปมองเจ้าของคำถามพลางส่งยิ้มเย็นให้
 
                “เผื่ออาแอนยังไม่รู้นะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยปากราวกับกำลังคุยถึงเรื่องสภาพดินฟ้าอากาศ อริตามองหน้าเด็กน้อยที่ปรับสีหน้าให้กลายเป็นเด็กนุ่มนิ่มน่ารักอ่อนโยนได้ภายในพริบตา ศตายุส่งยิ้มอีกครั้ง
 
                “บ้านหนูถึงจะเป็นบ้านนอก แต่เรามีโรงเรียนจ้า”
 
                “แล้วไง?”อริตาถามอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่เด็กน้อยกำลังต้องการจะสื่อ
 
                “ก็พอมีโรงเรียนแล้วใช่มั้ยจ๊ะ ก็จะมีคุณครู แล้วพอมีคุณครูก็จะมีวิชาความรู้แล้วโรงเรียนของหนูมีครูสอนภาษาอังกฤษจ้า แม้จะไม่คล่องเท่าเจ้าของภาษาหนูก็ฟังรู้แปลออกจ้าเพราะฉะนั้นอาแอนไม่ต้องห่วงนะจ๊ะว่าหนูจะฟังเพลงไม่รู้เรื่อง”เด็กน้อยเว้นจังหวะก่อนจะคว้าหมับเข้าต้นแขนอีกข้างของอาลอแล้วดึงชายหนุ่มให้มายืนชิดกับตัว รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยผุดขึ้นมาที่มุมปากแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ
 
“ และถึงจะฟังไม่รู้เรื่องหนูก็ยังมีอาลอคอยแปลให้อยู่ทั้งคน ขอบคุณในความห่วงใยนะจ๊ะ”
 
 
ศตายุดูคอนไม่ค่อยรู้เรื่องเลยซักนิดแม้ว่าศิลปินจะโชว์ดีแค่ไหนหรือเพลวงเพราะยังไงก็ตาม สายตาแทนที่จะโฟกัสการแสดงบนเวทีก็คอยแต่จะเหล่มาคนข้างๆที่ถูกเหาฉลามทั้งเกาะทั้งซบ ลลิตภัทรเองก็เหนื่อยที่จะดึงตัวออก น้ำเสียงฉอเลาะดังแว่วๆให้ได้ยินอยู่เป็นระยะๆ
“นึกถึงเมื่อก่อนตอนเราสองคนไปเที่ยวแล้วเค้าเปิดเพลงนี้นะคะ”
 
“เพลงนี้แอนชอบมากเลย จำได้ว่าลอก็ชอบใช่มั้ยคะ”
 
เรื่องสัพเพเหระถูกหยิบยกขึ้นมาพูด น่าแปลกทั้งๆที่เสียงในคอนเสิร์ตออกจะดังแต่อริตากลับไม่ละความพยายามที่จะพูดกับลลิตภัทร  ศตายุได้แต่นั่งนิ่งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่ความจริงความอดทนของเด็กน้อยค่อยๆลดระดับลงทีละนิดๆจนกระทั่ง...
 
“จบคอน ลอจะไปต่อที่ไหนป่าวคะ แอนมีเพื่อนเปิดผับใหม่อยากพาลอไปด้วย”
 
“เอ่อ...คือผมพาลูกเจี๊ยบมาด้วย”เสียงอาลอยกเอาลูกเจี๊ยบไปเป็นข้ออ้าง
 
“ก็พาเด็กนั่นกลับไปนอนที่ห้องก่อน ว่าแต่นี่มากันสองคนเหรอคะ? ถ้างั้นแอนขอไปค้างห้องลอแบบเมื่อก่อนได้มั้ยคะ?”
 
“เอ่อ...”
 
“อาลอจ๊ะ”ก่อนที่ลลิตภัทรจะทันได้ตอบอะไรไปเด็กน้อยก็ยื่นหน้าไปกระซิบเรียกลลิตภัทร ชายหนุ่มละความสนใจในตัวอริตาลงทันที
 
“คะ? “
 
“หนูอยากเข้าห้องน้ำจ้า อาลอพาหนูไปเข้าห้องน้ำทีนะจ๊ะ”
 
“ได้ค่ะ”ลลิตภัทรหันไปบอกอริตาว่าตนเองกับศตายุจะไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวตวัดตามองเด็กน้อยด้วยสายตาไม่พอใจจำต้องปล่อยแขนของลลิตภัทรที่ตนเองนั่งซบนั่งเกาะมาตลอดการแสดงออกอย่างจำใจ ทั้งคู่เดินออกมาด้านนอกก่อนศตายุจะทำสีหน้าเพลียๆ
 
“อาลอจ๋า หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย ข้างในนั้นคนเยอะหนูอึดอัดหายใจไม่ค่อยออกเลยจ้า”ลลิตภัทรยกหลังมือขึ้นแตะหน้าผากศตายุทันทีด้วยความห่วงใย
 
“ไม่สบายหรือเปล่าคะ แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ”
 
“ไม่รู้น่ะจ้า แต่หนูไม่อยากเข้าไปในนั้นแล้ว เรากลับห้องกันเลยได้มั้ยจ๊ะ หนูอยากนอนพักแล้ว”พระลอมองใบหน้าซีดเซียวของหลานก็ให้เป็นห่วง ห่วงจนลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างรีบพยักหน้ารับพลางโอบประคองร่างของเด็กน้อยไปที่ลานจอดรถทันที
 
“ว่าแต่อาลอจ๊ะ”เด็กน้อยที่เข้ามานั่งบนรถร้องเรียกในขณะที่ลลิตภัทรกำลังขับรถมุ่งหน้ากลับคอนโด
 
“คะ”
 
“ไลน์ไปบอกอาแอนแกหน่อยไม่ดีเหรอจ๊ะว่าเรากลับก่อนเดี๋ยวแกจะรอ”
 
“หนูเอาโทรศัพท์ของอาพิมพ์ไปบอกเลยค่ะ อาขอขับรถก่อน”ลลิตภัทรบอกโดยที่ยังจดจ่อกับการขับรถ ศตายุลอบยิ้มก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของลลิตภัทรขึ้นมาเปิดไลน์ ไล่หาชื่อของอริตาอดเบ้ปากไม่ได้เพราะรูปดิสเป็นรูปของหญิงสาวอยู่ในชุดว่ายน้ำหน้าอกหน้าใจทะลักล้น ใช้ความไวในการกวาดตาอ่านข้อความเก่าที่ทั้งสองคนคุยกันก็แอบหัวใจพองฟูไม่ได้ อริตาท่าทางจะหนักขวาน่าดูเพราะข้อความที่เห็นมาจากฝ่ายหญิงเสียส่วนมาก อาลอตอบเพียงไม่กี่คำถามและเป็นคำถามทั่วๆไป ปลายนิ้วเรียวพรมลงบนแป้นพิมพ์บอกไปแต่เพียงว่าขอกลับก่อนเพราะมีธุระด่วน จากนั้นก็กดปิดเครื่องอย่างเนียนๆแล้วเอาโทรศัพท์วางไว้ตามเดิม
 
อาลอเป็นของหนูนะจ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นแก้ม เป็นปาก เป็นไหล่ เป็นแขนหรือหัวใจ  อาลอก็เป็นของหนูคนเดียว หนูจะไม่ยอมให้ป้าแอนเอานมปลอมๆมาแย่งความสนใจอีกแล้ว
 
นมตู้มแล้วไง ป้าแอนมีนม หนูก็มีนมเหมือนกันนะ ฮึ่ย!!
 






 
 
ศตายุลืมตาตื่นขึ้นเมื่อมีแรงสะกิดที่ต้นแขนของตนเองเบาๆ ความอุ่นวาบแตะลงบนผิวแก้ม เด็กน้อยยิ้มบางๆกระชับฝ่ามือของตนเองลงบนมือใหญ่นั้นเบาๆ
 
“ถึงแล้วเหรอจ๊ะ หนูเผลอหลับไปตอนไหนเนี่ย ทิ้งให้อาลอต้องขับรถคนเดียวเลย”ศตายุปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วเดินตามลลิตภัทรที่จูงมือตนเข้ามาในตึก บรรยากาศยามดึกเสียบสงบต่างจากช่วงเย็นลลิตภัทรพาหลานขึ้นมาบนห้องโดนเปิดประตูให้เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยเข้าไปก่อน กะว่าให้หลานได้อาบน้ำอาบท่าจะได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยแต่ทว่าพอล็อกห้องเรียบร้อยแล้ว เมื่อหันกลับมา ศตายุที่ยืนรอท่าอยู่ก่อนแล้วก็เข้าจู่โจมเขาด้วยความเร็ว ริมฝีปากอิ่มประกบลงมาอย่าแก่นแก้ว
 
“เจี๊ยบคะ”ลลิตภัทรที่ยังไม่ทันตั้งตัวกับการจู่โจมนี้ดันร่างหลานออกห่างเพียงนิดพลางเรียกสติลูกเจี๊ยบที่ทำท่าจะกระโจนเข้ามาอีก
 
“ฮึก...”อยู่ๆเจ้าลูกเจี๊ยบก็สะอื้นฮักออกมาจนลลิตภัทรตกใจ ชายหนุ่มรีบเชยคางหลานขึ้นดูก็พบกับทำนบน้ำตาที่ไหลเป็นสาย ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบัดนี้แดงก่ำดูน่าสงสารยิ่งนัก ใจของชายหนุ่มหล่นวูบลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ความร้อนรนตีรื้นขึ้นมาอยู่ในอก
 
“เจี๊ยบ หนูร้องไห้ทำไมคะ อาทำอะไรให้หนูโกรธหรือเปล่า อาขอโทษนะคะคนดี”
 
“ไม่จ้า อาลอไม่ต้องขอโทษน้องเลย น้องต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษ”ศตายุรีบส่ายหน้ายามที่ลลิตภัทรเอ่ยคำขอโทษทั้งๆที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิด เด็กน้อยสวมกอดชายหนุ่มแน่น ความรู้สึกทั้งรักทั้งหวงแหนตีรื้นกลับเข้ามาในจิตใจวงแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นซุกหน้ากับไหล่กว้าง
 
“หนูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอาลอ หนูทำตัวไม่น่ารัก โกหกอาลอ”เด็กน้อยส่งเสียงพูดอู้อี้จนลลิตภัทรอดที่จะหัวเราะขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชายหนุ่มดันร่างหลานออกมายืนสบตากันอีกรอบ ใบหน้าหล่อประดับด้วยรอยยิ้มละมุนที่ไม่ได้มีให้ใครมั่วซั่ว ปลายนิ้วเรียวเช็ดน้ำตาให้เบาๆก่อนจะเลื่อนมาแนบแก้มอุ่นไว้อย่างแสนรัก ลูกเจี๊ยบประคองมือนั้นให้แนบกับแก้มตนมากขึ้นถูไถแก้มไปมาราวลูกแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของไม่มีผิดเพี้ยน
 
“หนูโกหกอะไรอาคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความเอ็นดูสุดๆ บอกตามตรงถึงแม้ศตายุจะโกหกอะไรเขาก็จะไม่โกรธหรอก จะว่าชายหนุ่มเป็นคนไม่มีเหตุผลหรือลำเอียงอะไรก็ตามแต่ แต่เขาเชื่อว่าเด็กตรงหน้าไม่มีวันโกหกด้วยเรื่องร้ายแรงเด็ดขาด หรือถึงแม้เรื่องนั้นจะร้ายแรงพอประมาณเขาก็พร้อมจะให้อภัยลูกเจี๊ยบเสมอ ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าของคนเป็นอาก่อนจะสูดน้ำมูกที่พาลจะทำให้หายใจไม่ออก
 
“หนูไม่ได้ไม่สบายหรอกจ้า”คำสารภาพถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มเย้ายวนนั้นเบาๆ เสหลบตาอาลอก่อนจะตวัดขึ้นสบอีกครั้ง
 
“แต่หนูหึง หึงอาลอมากๆ หึงจนโมโห”น้ำเสียงแข็งขึ้นเมื่อคลื่นอารมณ์เมื่อชั่วโมงก่อนตีรื้นขึ้นมาอีกหน ลลิตภัทรเลิกคิ้วสูงก่อนจะยิ้มกริ่มในใจลิงโลดราวกับกระทิงหนุ่มที่เจอหญ้าอ่อนถูกใจ
 
ลูกเจี๊ยบหึงเขาจนต้องสร้างเล่ห์เพทุบายดึงเขาออกมาจากอริตาอย่างนั้นเหรอ
 
“หนูโกรธที่ป้าแอนมากอดอาลอ อ้อมกอดของอาลอควรเป็นของหนูคนเดียวหนูหวง”เด็กน้อยลูบต้นแขนข้างที่อริตากอดเกาะคนของตนอย่างรังเกียจ
 
“แล้วหนูก็โกรธที่เขามาหอมแก้มของอาลอ จำไว้เลยแก้มของอาลอหนูก็มีสิทธิ์หอมได้คนเดียวคนอื่นห้าม”พูดจบก็ฝังปลายจมูกของตัวเองบนแก้มของลลิตภัทรทั้งสองข้างดังฟอดใหญ่หวังจะลบรอยลบกลิ่นของอริตาออกให้เหลือเพียงรอยของตนเอง
 
“หนูโกรธที่ป้าแอนมาจุ๊บอาลอของหนู หนูโกรธจนอยากจะกระชากเขาออก โกรธมากๆปากของอาลอนอกจากหนูใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาแตะทั้งนั้นรู้มั้ยจ๊ะ”พูดจบศตายุก็ประคองใบหน้าของลลิตภัทรที่ไม่ตอบโต้อะไรตนมาเลยดวงตาคมทำเพียงแต่มองจ้องใบหน้าใสที่บัดนี้แดงจัดของศตายุไว้
 
เขาได้เห็นอีกด้านของศตายุ ด้านหวงของและเอาแต่ใจ แต่ช่างเป็นการเอาแต่ใจที่น่ารักเสียเหลือเกินเมื่อหลานรั้งเขาเข้าไปจูบอย่างบดเบียดเนิ่นนาน เกิดเสียงจ๊วบยามที่ลูกเจี๊ยบละริมฝีปากของตนเองออกมา ดวงตากลมปริ่มน้ำอีกครั้ง
 
“ดูก็รู้ว่าเขาจงใจจะอวดว่าเขาเคยเป็นเจ้าของอาลอหมดแล้วทั้งตัว แต่หนู...ฮึก หนูก็แค่แฟนเด็กที่ยังทำอะไรไม่ได้เลย หนูโกรธที่หนูเกิดมาช้า  หนูเจ็บใจที่หนูสู้เขาไม่ได้ เป็นแฟนอาลอแท้ๆแต่ต้องนั่งนิ่งๆฟังเขารำลึกความหลังกับอาลอสองคน”เด็กน้อยพรั่งพรูความคับแค้นใจที่ทนมาตลอดหลายชั่วโมงให้คนเป็นอาฟัง ลลิตภัทรดึงร่างบางที่สะอื้นฮักมากอดอย่างปลอบประโลม
 
“ไม่ร้องนะคะ อายอมรับว่าอากับอาแอนเคยมีอะไรกันจริง แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ตอนนี้ในใจของอามีหนูแค่คนเดียวหนูอย่าคิดมากนะคะ”
 
“หนูเจ็บใจ หนูแพ้เค้า หนู...”เด็กน้อยเม้มปากแน่นใบหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่อยู่ในใจ
 
“อะไรคะ?”
 
“หนู...”ศตายุช้อนสายตาขึ้นจ้องหน้าลลิตภัทร ดวงหน้าหวานเชิดรั้นอย่างเด็กเอาแต่ใจ
 
“หนูอยากได้อาลอทั้งตัวและหัวใจ อยากครอบครองทุกอย่างที่เป็นของอาลอ จะได้มั้ยจ๊ะ”
 
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”ศตายุชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มเรียบนั้น ใจดวงน้อยแทบจะร่วงหล่นความรู้สึกใจกล้าเมื่อครู่กระเด็นหายไปในทันทีที่สบตาของลลิตภัทร อาลอในยามนี้ไม่มีความขี้เล่นหลงเหลืออยู่ รอยยิ้มจนแก้มบุ๋มแบบที่ชอบหายไป กลายเป็นอาลอที่ดูจริงจังอย่างไม่น่าเชื่อ
 
“หนูรู้...”ตอบรับอย่างเด็กที่มีสติดีพร้อมทุกประการ
 
รู้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดออกไปน่ะหมายความว่ายังไง
 
“อาจำได้ว่าอาเคยบอกกับหนูไปแล้วใช่มั้ยคะว่าถ้าหากหนูอนุญาตอาอีกครั้ง อาจะไม่สนศีลธรรมหรือความถูกต้องใดใดทั้งสิ้นอีกต่อไป”
 
“หนูจำได้จ้า”
 
“หนูนี่มันหาเรื่องเจ็บตัวแท้ๆเลยนะคะ..”ลลิตภัทรรั้งร่างบางดึงให้เข้ามาแนบชิดกับตนทุกสัดส่วน สายตาคมมองปราดไปทั่วร่างราวกับเสือหนุ่มที่กำลังพิจารณาเหยื่อของตัวเอง รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นจนลูกเจี๊ยบใจเต้น ยิ่งประโยคถัดมาคนเด็กกว่าก็แทบจะหยุดหายใจในทันที

 
“.แล้วอย่ามาโทษอาทีหลังก็แล้วกันนะคะถ้าเจ็บจนลุกไม่ขึ้น”






ศตายุเพิ่งรู้ตัวว่าลลิตภัทรคนที่อบอุ่นอ่อนโยนนั้นแท้จริงเป็นดังกองเพลิงที่ซ่อนตัวสงบในกองขี้เถ้าและเด็กน้อยได้เขี่ยขี้เถ้าที่หยุดความร้อนแรงของเปลวเพลิงออกแล้วราดด้วยน้ำมัน ยามที่ร่างถูกดันและกักไว้ภายหลังกรอบประตูบานใหญ่หัวใจของเด็กน้อยก็เต้นรัว
 
ไม่มีแล้วอาลอที่เคยอ่อนโยน ริมฝีปากอุ่นประกบจูบราวอสรพิษร้ายที่เข้าจู่โจมเหยื่อตัวน้อย ลมหายใจถูกช่วงชิง
 
จูบครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่อาลอเคยมอบให้ลูกเจี๊ยบ มันมีหลากหลายความรู้สึก ทั้งต้องการ  เรียกร้อง ละโมบ และเร้าอารมณ์ให้คนอ่อนพรรษากว่าหลงทะยานตามแรงพายุอารมณ์ของอาหนุ่ม สองแขนถูกตรึงเหนือหัว ริมฝีปากถูกจูบจนรู้สึกเจ็บยามฟันคมกัดลงบนปากล่าง ไม่นานเสื้อยืดที่ใส่ก็ถูกดึงถอดผ่านหัวแล้วเหวี่ยงทิ้งแบบไร้ทิศไร้ทาง ศตายุเชิดคอขึ้นเปิดทางให้ลลิตภัทรได้ดอมดมความหอมกรุ่นของเด็กน้อย
 
ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาลลิตภัทรเฝ้าสะกดใจตนเองมาตลอดเพราะอยากถนอมดอกไม้งามดอกนี้ให้ได้แรกแย้มเบ่งบานไปตามวัย แม้จะหมั่นรดน้ำใส่ปุ๋ยอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่ได้หมายจะตัดเอามาปักแจกันเร็วนัก
 
อยากจะให้อยู่เบ่งบานอวดโฉมให้คนทั้งตำบลได้เห็นว่าไม้ดอกนี้แสนสวยและบริสุทธิ์ถึงเพียงไหน แต่ทว่าเด็กน้อยนั้นกลับเสนอตัวให้กับเขาเอง ทั้งๆที่เคยบอกไปหลายครั้งหลายคราเป็นการเตือนแล้วว่าอย่าได้เสนอตัวให้เขาเพราะลลิตภัทรเองก็เป็นผู้ชายที่ยังมีอารมณ์แบบมนุษย์ปุถุชนทั่วไป
 
วันนี้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกทำลายลงไปแล้ว
 
จะต้องตกนรกหรือติดคุกหัวโตอย่างไรเสียวันนี้เขาก็จะไม่ปล่อยศตายุไป
 
รัก...ลลิตภัทรรักเด็กคนนี้เหลือเกิน รักแบบผูกพันลึกซึ้ง ความรู้สึกนี้มากยิ่งกว่าคราวที่เขาเคยรักจิ๊บเสียอีก
 
อยากครอบครองอยากปกป้องอยากดูแล อยากใช้ชีวิตร่วมกันจนถึงบั้นปลายของชีวิต

ลมหายใจร้อนขาดเป็นห้วงๆยามสูดดมกลิ่นหอมจากกายบาง แผ่นอกแบนราบกระเพื่อมตามแรงอารมณ์ยามที่ฝ่ามือร้อนราวเปลวไฟลากไล้ผ่านยอดอกไปสู่กางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ กระดุมโลหะและซิปถูกปลดลงอย่างช้าๆ ศตายุปลดกระดุมเสื้อของคนเป็นอาด้วยมือที่สั่นเทา

ทั้งตื่นเต้นและแอบหวั่นลึกๆในใจอยู่ไม่น้อย

สิ่งที่ทำนี้ถูกผิดคิดดีแล้วหรือ?

เจี๊ยบรักอาลอ รักมากจนรู้สึกว่าชาตินี้คงขาดอาลอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้นความหวั่นเกรงกริ่งกลัวก็ถูกสลัดทิ้งอย่างไม่ใยดีเหมือนเสื้อเชิ้ตราคาแพงที่ถูกปล่อยร่วงลงกับพื้น

ศีลธรรมจรรยา ช่องว่างระหว่างวัย ความเหมาะสมใดใดที่เคยกังวลถูกเขี่ยทิ้งเหมือนขากางเกงที่ติดตรงข้อเท้า

ตอนนี้ในโลกของลลิตภัทรและศตายุมีเพียงเราสองคน สองร่างขยับเข้าหากัน บดเบียดรอยจูบด้วยความรุ่มร้อน ปลายลิ้นชื้นตอบรับสัมผัสกันอย่างโหยหา ราวแม่เหล็กที่ดึงเข้าหากัน สะโพกแน่นครัดแบบเด็กผู้ชายถูกขยำย่างหมั่นเขี้ยว เอวคอดถูกแตะรั้งให้กายเปลือยแนบชิดสัมผัสตัวตนของกันและกันมากยิ่งขึ้น ความร้อนของอุณหภูมิร่างกายคล้ายจะแผดเผาให้มอดไหม้

   “อาลอ...อื้อ”ร่างบางสะท้านยามลลิตภัทรขบเม้มผิวเนื้อเหนือเนินอกน้อยๆนั้นจนเกิดสี

สัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของครั้งแรกปรากฏเป็นรอยจางๆ อยากทำให้ชัดกว่านี้แต่ก็ต้องหักใจ ลลิตภัทรไม่ได้ตอบรับเสียงเรียกนั้น ช้อนร่างของหลานเข้ามาไว้ในอ้อมแขนในท่าเจ้าสาว

วันนี้เขาจะพาศตายุเข้าหอ แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้แต่งงานกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่รอให้ลูกเจี๊ยบโตกว่านี้เขาจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องด้วยตัวของเขาเอง


((ต่อด้านล่าง))
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๕ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 06-12-2018 11:44:24

   “อาบน้ำกันก่อนนะคะ หนูจะได้สบายตัว”ลลิตภัทรวางร่างบางของลูกเจี๊ยบไว้ก่อนจะจัดการผสมน้ำในอ่างจากุซซี่ ไฟในห้องน้ำเปิดเพียงสลัว ไฟข้างอ่างเล่นแสงสวยงามจับตา ลูกเจี๊ยบรู้สึกกายสั่นสะท้านยามที่ลลิตภัทรยื่นมือมาหาชักชวนให้ก้าวลงไปในน้ำที่ไหลวน หน้าต่าง กระจกใสมองเห็นทัศนียภาพภายนอกทำให้อดหวั่นใจไม่ได้

แต่ที่สุดเด็กน้อยก็ลงมาแช่ในน้ำโดยมีลลิตภัทรนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ฟองน้ำนุ่มค่อยๆถูเบาๆไปตามร่างกายของเด็กน้อย พรมจูบจนทั่วแผ่นหลังอย่างโหยหามิรู้เบื่อ ยามลมหายใจร้อนรดต้นคอก็คล้ายพายุที่พัดพาความซ่านสยิวให้มาแตะผิวกายจนร้อนไปทั่วทั้งสรรพางค์

   “อื้อ...”ศตายุร้องครางออกมาเบาๆยามฝ่ามืออุ่นที่เคยถูสบู่เปลี่ยนมากอบกุมแกนร้อนของตนเองพลางขยับข้อมือเบาๆ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นริมฝีปากอิ่มร้องครางยามจังหวะที่เนิบช้าแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น พาอารมณ์พุ่งทะยานก็เหมือนโดนดึงให้ตกลงจากฟ้าลงมาที่หุบเหวลึก ลลิตภัทรปั่นป่วนคนเด็กจนนั่งไม่ติดพื้นอ่างมือข้างหนึ่งเกาะขอบอ่างไว้มั่น อีกข้างก็จิกลงบนต้นขาแกร่งของคนที่กำลังกลั่นแกล้ง ยามความเสียวพุ่งสูงร่างบางก็ยืดตัวขึ้นจนคล้ายจะลอย ยิ่งส่งเสียงครวญครางก็เหมือนลลิตภัทรจะสนุกมือรั้งรูดรัวเร็วจนเด็กน้อยครางระงมก้องห้องน้ำ แสงไฟจากตึกสูงนอกหน้าต่างบัดนี้พร่าเลือนจนมองไม่ออก ดวงตากลมหวานเชื่อม ริมฝีปากแดงอิ่มคล้ายลูกเชอร์รี่เชื่อม ศตายุหันกลับไปร้องขอจูบจากลลิตภัทรยามที่คลื่นอารมณ์ขึ้นสูงสุดความเสียวแล่นพล่านจากสมองสู่จุดกลางกาย ร่างบางกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมาเรี่ยวแรงที่เคยมีคล้ายถูกเวทย์มนต์เสกหายไปในพริบตา ลลิตภัทรดึงเด็กน้อยให้หาหน้ามาหาตนโดยที่ศตายุนั่งคร่อมเขาอยู่ในท่าทางแสนล่อแหลม บางสิ่งใต้น้ำขยายใหญ่พร้อมสำหรับการสำรวจสิ่งใหม่ๆ หากแต่เขายั้งสติของตัวเองไว้ไม่ให้บุ่มบ่ามใจร้อน ลูกเจี๊ยบน้อยของเขายังเด็กนักทั้งยังไม่เคยกับเรื่องอย่างว่าเขาจะทุนุถนอมให้ดอกไม้ดอกนี้ช้ำน้อยที่สุดชายหนุ่มในยามนี้เปรียบเหมือนแม่มดเจ้าเล่ห์ที่หยิบยื่นผลไม้พิษรสหวานให้กับสโนไวท์ผู้อ่อนต่อโลก บริสุทธิ์และไร้เดียงสา ลวงล่อได้โดยง่ายเพียงแค่ใช้จุมพิตหลอกล่อก็ตกลงมาในบ่วงของเขาอย่างง่ายดาย ลูกเจี๊ยบน้อยสะดุ้งเบาๆยามที่ปลายนิ้วซุกซนของลลิตภัทรแตะที่รอยจีบเบื้องล่าง ไล้วนเบาๆก่อนจะค่อยๆสอดแทรกเข้าไปด้านในทีละนิด

   “อื้อ...”ร่างบางสะดุ้งโหยงยามปลายนิ้วที่ควานไปทั่วโพรงอุ่นสัมผัสโดนบางจุดจนทำให้รู้สึกเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้ามาช๊อตเด็กน้อยเด้งตัวขึ้นละริมฝีปากที่ถูกจูบออกส่งเสียงครางหวานให้ได้ยิน ลลิตภัทรย้ำลงไปที่จุดนั้นอีกหลายหนจนมั่นใจว่าเขาเจอจุดที่จะทำให้ศตายุมีความสุขได้ชายหนุ่มใช้นิ้วเบิกช่องทางให้เด็กน้อยอย่างใจเย็น ปรนเปรอจูบหวานเบี่ยงเบนความสนใจจนในที่สุดก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปทีละนิ้วจนครบทั้งสามนิ้ว

   “ไม่..ไม่เอานิ้วแล้วจะได้มั้ยจ๊ะ” เสียงกระท่อนกระแท่นร้องขอยามที่ละริมฝีปากออกจากเขา ลลิตภัทรลูบน้ำออกจากใบหน้าเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูในความใจร้อนของศตายุ

   “อาอยากให้หนูพร้อมก่อนจะใส่ของอาเข้าไปจริงๆไงคะ ถ้าไม่เตรียมให้ดีหนูจะเจ็บ อีกอย่างอาต้องไปเอาถุงยางก่อน”ลลิตภัทรอธิบายอย่างใจเย็น ศตายุหลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากบวมเจ่อเอ่ยถ้อยคำน่ารักออกมาจนชายหนุ่มสติขาดในทันที ถุงเยิงถุงยางไว้คราวหลังก็แล้วกัน

   “หนูอยากเจ็บตัวแล้วนี่จ๊ะ”ขาดคำของลูกเจี๊ยบลลิตภัทรก็ถอนนิ้วออกก่อนจะแทนที่ด้วยแกนกายของตนเองที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วมากนัก มองหน้าเจ้าลูกเจี๊ยบที่จ้องตาไม่ละได้ละอย่างเชิญชวนชายหนุ่มก็ยกเอวบางขึ้นก่อนจะกดลงไปช้าๆ ลูกเจี๊ยบหน้าเปลี่ยนสีในทันที กายแดงราวกับกุ้งต้ม สองแขนผวาเฮือกกอดคอเขาแน่นฟันซี่เล็กกัดลงบนไหล่เขาเพื่อกลั้นความเจ็บ

   “อื้อ...จ...เจ็บ”

   “อาบอกหนูแล้วไงคะว่ามันจะเจ็บ คราวนี้หนูเชื่ออาแล้วหรือยัง?”ลลิตภัทรจงใจกดสะโพกเด็กน้อยลงไปอีกนิดโชคดีที่น้ำในอ่างช่วยให้มันเข้าไปไม่ยากนักแม้จะเป็นการส่งตัวตนของตัวเองเข้าไปทีละนิดก็ตามเถอะ ไม่ใช่ว่าศตายุเจ็บคนเดียวเสียหน่อย เด็กน้อยตอดรัดเขาจนปวดหน่วงไปหมดแล้ว หากแต่ศตายุแทนที่จะกลัวกลับทำตัวเป็นเด็กอวดเก่งเมื่อฟังคำถามอาหนุ่มจบร่างบางก็ทิ้งสะโพกกลืนกินตัวตนของลลิตภัทรไปจนสุดความยาว ปากเล็กอ้าเผยอระบายลมออกมาเพื่อระบายความเจ็บ

   “แฮ่ก...”ลมหายใจหอบสะท้านดังชิดริมหู คนโตกว่าอดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มก้นเนียนนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

   “อื้อ..”เด็กน้อยที่ลองขยับสะโพกอย่างเก้ๆกังๆยู่หน้าเมื่อความคับแน่นทำให้รู้สึกแสบแต่ก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งปะปนกันมาด้วย

   “ซนจริงๆเด็กคนนี้นี่ อยู่เฉยๆนะคะเดี๋ยวอาทำเอง อย่าใจร้อน”ลลิตภัทรจับเอวเด็กน้อยให้ค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้าเสียงครางเบาๆสั้นๆชิดริมหูยามเด็กน้อยซบลงกับไหล่ของตนอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มดึงแกนกายออกจนเกือบสุดแล้วสอดใส่กลับไปใหม่ นุ่มนวลและเนิบช้าจนศตายุเริ่มจับจังหวะได้ เด็กน้อยรั้งศีรษะของลลิตภัทรเข้ามาจูบยามความรู้สึกเจ็บถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน สะโพกอิ่มเริ่มขยับตอบรับจนในที่สุดก็ผสานเป็นจังหวะเดียวกัน แม้จะช้าแต่ก็ลึกและรู้สึกราวกับจะขาดใจเมื่อสัมผัสโดนจุดที่ทำให้รู้สึกเหมือนไฟช๊อตนั้น ศตายุครางเสียงกระเส่าในขณะที่ลลิตภัทรก็แทบจะสำลักความสุข ปลายลิ้นตวัดผ่านยอดอกที่ขยับขึ้นลงไปมาจนกายบางที่ถูกปรนเปรอทั้งบนทั้งล่างบิดเร่า มือเล็กส่งลงไปรูดรั้งแกนกายของตนเองเป็นบางครั้งเมื่อความเสียวเข้าเล่นงาน เด็กน้อยอยากปลดปล่อยหากแต่พอร้องเสียงดังลลิตภัทรก็แกล้งหยุดแล้วก็ทำต่ออย่างนี้ไปเรื่อยๆราวกับจะท้าทายว่าใครจะอดทนได้มากไปกว่ากัน

เป็นของเขาแล้ว ทั้งตัวและหัวใจ เด็กที่กำลังโลดแล่นราวกับม้าหนุ่มที่เพิ่งถูกปลดปล่อยสู่ท่งหญ้าเขียวนี้คือของเขาอย่างสมบูรณ์

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้จะมีเซ็กส์กับคู่นอนมากหน้าหลายตา

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาอยากจะถนอม

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาไม่ใช้เครื่องป้องกัน

ศตายุเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากสัมผัสไปทุกส่วนของร่างกาย ฝ่ามือที่วางลงบนไหล่ของเขาบ้างก็จิกเล็บลงบนผิวเนื้อ บ้างก็คลายพลางขยี้รอยเล็บเมื่อคิดคิดว่าเขาจะเจ็บนั้นช่างน่าเอ็นดู

   “อาลอ...อาลอจ๋า...”น้ำเสียงหวานร้องเรียกยามเด็กน้อยขยับสะโพกเข้าหาอย่างอ้อนวอน

   “คะ?”แกล้งส่งเสียงถามในขณะที่กำลังเลาะเล็มยอดอกชูชันนั้นราวกับเอร็ดอร่อยเสียเต็มประตา สะโพกสอบขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าจนไม่ทันใจเด็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้วมีแต่ความอยากรู้อยากลองเข้ามาแทนที่

มีแต่ความต้องการมากขึ้นทุกขณะ ศตายุก็ไม่ได้ใสจนกระทั่งไม่เคยอ่านนิยายรักๆใคร่ๆ ก็พอจะรู้มาบ้างว่าคนรักกันต้องทำยังไง และถ้ามีอะไรกันก็ไม่ควรอายที่จะบอกความต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้

   “เร็ว...เร็วกว่านี้อีกได้มั้ยจ๊ะ”

   “เอาแต่ใจจังเลยค่ะ”แกล้งว่าก่อนจะจับเด็กหันหน้าไปอีกทางจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

   “ทรงตัวดีๆแล้วก็จับขอบอ่างแน่นๆนะคะ อาจะเอาจริงแล้ว”

อะไรคืออาลอจะเอาจริงกันล่ะจ๊ะ แล้วที่ผ่านมานับสิบนาทีนั่นยังไม่เรียกว่าเอาอีกเหรอจ๊ะ แม้จะมีคำถามแต่ลูกเจี๊ยบก็ได้แต่คิดในใจพลางทำตามที่ลลิตภัทรบอกอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มดึงสะโพกบางเข้ามาชิดแล้วสอดแกนกายกลับเข้าไปอีกครั้ง

และศตายุก็ได้รู้ว่าคำว่าเอาจริงของลลิตภัทรนั้นน่ากลัวขนาดไหน

หากบอกว่าจังหวะเนิบช้าเมื่อครู่ทำเอาเด็กน้อยนั่งไม่ติดขอบอ่างแล้วล่ะก็ จังหวะสาวสะโพกรัวเร็วเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องน้ำในตอนนี้ทำเอาศตายุร้องไม่เป็นภาษา หากความเสียวที่ข้างล่างส่งพลังมาที่ปลายนิ้วมือได้ป่านนี้ขอบอ่างคงถูกจิกจนแตกละเอียด ลลิตภัทรใส่ไม่ยั้งไม่ออมแรงเลยซักนิด ชายหนุ่มแค่อยากจะแกล้งเด็กน้อยที่ทำตัวแก่นแก้วให้รู้เสียบ้างว่าคนที่เป็นผู้นำเกมนี้คือเขา ใบหน้าหวานหลับตาปี๋ยามจุดไวต่อความรู้สึกถูกกระตุ้นราวกับมีลูกธนูนับร้อยดอกยิงเข้าใส่จนหายใจแทบไม่ทัน ลลิตภัทรดึงสะโพกหลานไม่ให้ถอยหนีชายหนุ่มสูดปากระบายลมหายใจกระชั้น บางช่วงก็ส่งเสียงครางประสานกับลูกเจี๊ยบที่เริ่มตาพร่าสติสตังเริ่มเบลอ เดี๋ยวร้องขอเดี๋ยวเรียกชื่อเขาบางจังหวะก็ส่งมือไปรูดรั้งตัวตนของตัวเองอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก แรงขยับทำให้น้ำที่มีฟองสบู่กระเพื่อมจนล้น

   “อ๊ะ...อื้อ...อาลอ...อาลอจ๋า”เสียงหวานร้องเรียกยามหน้าท้องหดเกร็ง ความเสียวที่มากกว่าเดิมแล่นปราดจากหน้าท้องสู่แกนกายสะโพกขาวเด้งรับแรงกระแทกก่อนกายบางจะชะงักเกร็งและปลดปล่อย ลมหายใจสะดุดแข้งขาและแขนอ่อนแรงทันทีจนลลิตภัทรต้องประคองร่างอ่อนปวกเปียกนั้นไว้

   “อย่าเพิ่งหมดแรงสิคะ อายังไม่เสร็จ ชายหนุ่มไสร่างเข้าหาหนักหน่วงและลึกสุดจนเด็กน้อยสะดุ้ง จุดไวต่อความรู้สึกยังคงถูกยั่วยุอย่างต่อเนื่องอีกหลายนาทีจนกระทั่งความเร็วเพิ่มขึ้นในนาทีสุดท้ายร่างบางสั่นคลอนก่อนความรู้สึกอุ่นวาบจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของตนเองลลิตภัทรดึงร่างเด็กน้อยในมาแนบกับอกตัวเอง ขยับเอวออกช้าๆก่อนจะกระแทกเข้าไปสุดอีก 3-4 ครั้งแล้วกดแช่แกนกายของตนเองไว้ ลมหายใจกระเส่าค่อยๆผ่อนลงรวมทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจที่เริ่มเป็นปกติ

“อารักหนูนะคะ...รักมากๆ...รักมากที่สุดในโลกเลย”ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงบนแก้มเรื่อ ศตายุตาปรือพยักหน้ารับ น้ำตาไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง

ไม่ใช่เสียใจที่เสียของสำคัญให้อาลอ

หากแต่ศตายุดีใจ ดีใจเหลือเกินที่ได้เป็นของอาลออย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เสียใจเลยซักนิดแม้การกระทำจะเหมือนเด็กใจง่าย

เหตุผลก็คงเป็นเหมือนอาลอนั่นแหละ

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักที่สุดในโลกเหมือนกัน”

   “ได้อาแล้วก็อย่าทิ้งอย่าขว้างอานะคะ อาแก่แล้วถ้าหนูทิ้งอาคงไปเริ่มใหม่กับใครไม่ได้”
   
   “อย่ามาพูดดีเลยจ้า มีคนรอรับอาลออีกตั้งหลายคน อีกอย่างหนูเอาแต่ใจอาลอจะเบื่อหนูเสียก่อนจะแก่ไปมากกว่านี้น่ะสิจ๊ะ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอาแต่ใจ แต่อาจะเอาแต่หนู ต่อไปนี้ก็เตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วกันนะคะ อาจะเอาจนหนูต้องอ้อนวอนขอชีวิตเลยล่ะ หึหึ”ลลิตภัทรแกล้งกระซิบประโยคท้ายเบาๆก่อนจะงับติ่งหูนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

   “เราล้างตัวกันดีกว่านะจ๊ะ หนูเหนื่อยแล้ว”ศตายุรีบร้องบอกยามเบื้องล่างรู้สึกถึงบางอย่างเริ่มขยายตัวจนจิ้มกับช่องทางที่เพิ่งจะถูกถอดถอนออกได้ไม่นานระหว่างที่คุยลลิตภัทรก็ใช้ปลายนิ้วคว้านเอาสั่งที่ปล่อยเข้าไปในกายเด็กน้อยออกไปด้วย แต่ยิ่งได้สัมผัสร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดอะไรๆมันกลับดึ๋งดั่งปึ๋งปั๋งยิ่งกว่ากินดีหมี ลลิตภัทรขยับสะโพกให้ตัวตนของตนเองถูไถไปกับร่องก้นของศตายุ

   “ฮื้อ...อ...อาลอ หนูไม่เอาแล้วนะจ๊ะ”เด็กน้อยรีบลุกออกจากอ่างเพื่อเข้าไปล้างตัวในตู้อาบน้ำด้วยความเงอะงะ ลลิตภัทรยิ้มกริ่มก่อนจะลุกตามไป ร่างสูงรั้งเอวบางให้แผ่นหลังของลูกเจี๊ยบแนบชิดกับแผงอกของตนเอง น้ำอุ่นถูกเปิดเบาๆรินรดกายของทั้งคู่

   “อาเคยบอกแล้วใช่มั้ยคะว่าอาน่ะ...”เว้นวรรคให้คนฟังใจเต้นรัว


   “ไม่เคยหยุดที่รอบเดียว”




...................................

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๕ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-12-2018 13:33:40
 :mc4: :pighaun: :mc4:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๕ วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 06-12-2018 22:39:56
คุณตำรวจมาจับผู้ร้ายพรากผู้เยาว์ด้วยจ้ะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๖ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 07-12-2018 10:11:34
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๖




         “เป็นอะไรพี่ดินนอนดิ้นอยู่ได้”จิ๊บเอ็ดสามีเมื่อแดนดินเอาแต่พลิกตัวไปมาบ้างก็ผุดลุกผุดนั่ง หญิงสาวกลัวว่าแรงดิ้นของแดนดินจะทำให้จันทร์เจ้าขาที่หลับไปตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางนานกว่าสิบชั่วโมงตื่น แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

            “ไม่รู้สิ ใจมันไม่ค่อยดีเลย เหมือนสังหรณ์ใจแปลกๆ”ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ปกติถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเมียรักหัวถึงหมอนเขาก็หลับเป็นตายแล้ว

 

            “แปลกที่หรือเปล่าพี่ กินนมหรือกินน้ำมั้ยเดี๋ยวจิ๊บไปเทให้”จิ๊บทำท่าจะลุกไปเทนมในตู้เย็นให้สามีตามที่พูดจริงๆแต่แดนดินจับข้อมือไว้

 

            “ไม่ต้องหรอกจ้าพี่คงแปลกที่น่ะพี่แค่รู้สึกเป็นห่วงเจี๊ยบกับเจ้าจอมเฉยๆ เดี๋ยวโทรหาลูกซักหน่อยดีกว่า”แดนดินทำท่าจะกดโทรศัพท์หาลูกเจี๊ยบหากแต่จิ๊บห้ามไว้

 

“มันดึกแล้วน่าพี่ดิน เกรงใจลอเค้าอีกอย่างป่านนี้เจ้าเจี๊ยบคงหลับแล้วล่ะไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาลูกก็ได้”

 

“ยังงั้นก็ได้ ถ้างั้น จิ๊บนอนเถอะเดี๋ยวพี่ออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บหนึ่งเดี๋ยวก็คงง่วง”แดนดินตวัดผ้าห่มออกแล้วขยับคลุมลูกและภรรยาให้ดีก่อนจะเดินออกไปมองแสงสียามค่ำคืนของเชียงใหม่เพื่อให้ใจผ่อนคลายขึ้น ราวๆครึ่งชั่วโมงแดนดินถึงได้กลับเข้าไปนอน พรุ่งนี้เขาต้องพาลูกเมียไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของญาติแต่เช้าถ้าขอบตาคล้ำไปปะเดี๋ยวเขาจะคิดว่าซอมบี้บุกไปกินสมองบ่าวสาวเสียเปล่าๆ

 

 

ลลิตภัทรไล้ปลายนิ้วบนแก้มเนียนของศตายุอย่างเบามือ เด็กน้อยนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วบวมเล็กน้อยแต่ยิ่งขับให้ดวงหน้าดูละมุนขึ้น ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็ช่างเรียบเนียนลื่นมือ บทรักเร่าร้อนยังตรึงจิตตรึงใจ เสียงหวานหูยังดังแว่วอยู่ในหัว ทุกอากัปกริยาฝังลึกอยู่มิรู้คลาย ลลิตภัทรกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

 

เมื่อก่อนเขาคิดว่าการมีเซ็กส์กับใครนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อเสร็จกิจก็แยกย้ายกันไป ไร้ซึ่งความรู้สึกรักใคร่ผูกพันใดใดทั้งสิ้น หากแต่เมื่อใครคนนั้นคือศตายุ ความรู้สึกที่มีในใจกลับไม่เหมือนที่ผ่านเลยซักนิด

 

แน่นอนความรักที่มีต่อตัวเด็กคนนี้เขามีจนล้นใจแต่หลังจากได้ครอบครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มตัวแล้ว ความหวงแหน ห่วงใย ใส่ใจและปรารถนาจะทำทุกอย่างให้ศตายุมีความสุขที่สุดก็ตีรื้นขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ

 

รักจนอยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้

 

รักจนอยากจะมอบแต่ความสุขให้

 

หากมีใครมาตั้งคำถามกับลลิตภัทรในตอนนี้ว่าสำหรับเขาแล้วศตายุคืออะไร ลลิตภัทรก็มีคำตอบไว้ในใจแล้วว่า

 

เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เป็นคนรัก เป็นเจ้าชีวิต เป็นเจ้าของหัวใจ เป็นคู่ชีวิตที่ถ้าเขาต้องพรากจากเด็กคนนี้เขาก็คงไม่เหลือใจไว้เพื่อรักใครอีกต่อไปแล้ว

 

 ไอร้อนจางๆผะผ่าวจากผิวกายน่าจะเป็นไข้จากกิจกรรมต่อเนื่องจากเมื่อคืน ลลิตภัทรจำใจต้องลุกจากที่นอนละจากกายนุ่มนิ่มนั้นเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าให้หลานกินชายหนุ่มกดจูบลงบนแก้มนิ่มเบาๆก่อนจะผละไป เปิดตู้เย็นดูว่าของสดมีอะไรบ้างโชคดีที่แม่บ้านซื้อของสดติดตู้เย็นให้นิดหน่อยตามที่เขาโทรมาบอก ไม่นานข้าวต้มหมูร้อนๆก็เสร็จ ชายหนุ่มโรยต้นหอมคึ่นช่ายตบท้ายเป็นอันเสร็จ เดินกลับเข้าไปดูศตายุในห้องนอนก็พบว่าเด็กน้อยนอนคู้ตัวหน้ายู่คิ้วขมวดอยู่บนเตียง

 

            “เจ็บเหรอคะ?”ทรุดตัวลงนิ่งริมเตียง ศตายุขยับตัวมานอนหนุนตักเขาราวกับลูกแมวตัวฟูๆที่กำลังอ้อน

 

            “เจ็บจ้า อาลอ น้องเจ็บ ปวดเอวด้วย”น้ำเสียงออดอ้อนอู้อี้ดังขึ้นเมื่อเด็กน้อยซุกหน้ากับหน้าท้องของเขา อันที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอก มันก็มีแปล๊บๆบ้างศตายุก็แค่อยากอ้อนอาลอเฉยๆ พระลอหัวเราะเบาๆให้กับความออดอ้อนนั้น พอจะไม่สบายทีไรสรรพนามแทนตัวจากหนูก็กลายเป็นน้องอีกแล้ว

 

            “ลุกขึ้นนั่งสิคะ เดี๋ยวอานวดหลังให้”ชายหนุ่มบอกกับหลานด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง ศตายุเองก็ไม่มีท่าทางแสนซนแบบเมื่อคืนอีกต่อไปลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่ายหันหลังให้คนเป็นอาก่อนจะร้องครางออกมาเบาๆอย่างพึงพอใจยามก้านนิ้วเรียวพรมลงบนบั้นเอวด้วยน้ำหนักพอดีไม่เบาและไม่หนักไป

 

            “เจ็บมากมั้ยคะ?”น้ำเสียงแสนเป็นห่วงเป็นใยพาให้ใจของเด็กน้อยชุ่มชื่นราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำฝน เด็กน้อยส่ายหน้าพลางเอนกายพิงอกอุ่นของอาลอที่ยังคงนวดร่างกายตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยของตัวเองอยู่

 

            “มันไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอกจ้า”

 

            “อาขอโทษนะคะที่ล่วงเกินหนู จริงๆอาน่าจะรอให้หนูโตก่อน”ลลิตภัทรกอดเอวหลานไว้หลวมๆพลางโยกกายไปมาราวกับปลอบขวัญเด็กน้อย ศตายุแหงนหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานให้คนที่เป็นทั้งอาและเจ้าของตนเองอย่างสมบูรณ์ก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนตักของอาลอ สองแขนคล้องคอไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนแก้มของอาหนุ่มฟอดใหญ่

 

            “อาลอไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ หนูเต็มใจเป็นของอาลอเอง สติครบถ้วนทุกอย่าง หนูรักอาลอ เพราะฉะนั้นหนูไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยซักนิด เด็กกว่าแล้วไงเด็กกว่าก็ไม่ได้แปลว่าหนูจะรักอาลอน้อยไปกว่าใครซักหน่อยนี่จ๊ะ กลัวแต่ใจอาลอเท่านั้นแหละ ได้หนูแล้วซักวันก็คงเบื่อแล้วก็ทิ้งหนู”ปลายน้ำเสียงสลดลงเมื่อนึกตามคำพูดตัวเอง ลลิตภัทรเชยคางหลานขึ้นมาให้มองสบตากับตน

 

            “ไม่มีทางค่ะ อาจะไม่มีทางทิ้งหนู อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่ชาตินี้คงรักใครไม่ได้อีก รักจนอยากกลับไปขอหนูกับพ่อแม่หนูให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องเลย”

 

            “พ่อกำนันได้ฆ่าอาลอตายคาบ้านน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งบอกใครเลยเรื่องของเรา เราคบกันไปเรื่อยๆแบบนี้ไปก่อนดีกว่านะจ๊ะ เอาจริงๆหนูก็กลัวพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูอยู่เหมือนกัน แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้ง ตอนทำก็ไม่รู้สึกกลัวอะไรพอทำเสร็จความผิดชอบชั่วดีก็ตีรวนกันให้ยุ่งในหัว ลลิตภัทรเห็นดังนั้นจึงไม่อยากเซ้าซี้หลาน

 

            “งั้นไปกินข้าวนะคะ อาทำข้าวต้มไว้ให้จะได้กิยาแล้วนอนพัก สายๆคงดีขึ้นเดี๋ยวอาพาไปซื้อของเตรียมไปเที่ยวทะเลพรุ่งนี้”

 

            “หือ? ไปทะเลเหรอจ๊ะ?”

 

            “ใช่ค่ะ อาอยากอยู่กับหนูลำพังสองคนแบบไม่มีใครมายุ่งกับเราเหลือเวลาอีกสองวันไปเที่ยวทะเลใกล้ๆกันดีกว่าเนอะ”

 

            “ก็ได้จ้า”เมื่อหลานตอบตกลงลลิตภัทรก็ฟัดแก้มหลานไปอีกหลายฟอดอิดออดแลกจูบกันอยู่หลายนาทีถึงได้พากันมากินข้าวจัดยาแก้ไข้ให้หลานกินแล้วก็นอนคลอเคลียกันบนเตียงจนกระทั่งเคลิ้มหลับกันไปทั้งคู่ในตอนเกือบเที่ยง

 

เป็นชีวิตที่ลลิตภัทรเคยวาดฝันไว้จริงๆ

 

จนกระทั่ง....

 

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น...

 

ลลิตภัทรงัวเงียเดินไปที่ประตูโดยทิ้งให้ศตายุนอนหลับอยู่บนเตียงดังเดิมเพราะคิดว่าป้าแม่บ้านคงมาทำความสะอาดห้องเหมือนทุกครั้ง ลลิตภัทรเดินหัวหัวฟูเดินไปเปิดประตูด้วยความเคยชินแต่พอประตูปลดล็อกปุ๊บแรงโถมใส่อย่างมหาศาลก็ปะทะจนชายหนุ่มเซไปด้านหลังทันที ร่างนุ่นมนิ่มบอบบางแต่นมโตของอริตาบดเบียดกายของลลิตภัทรอย่างถือวิสาสะ

 

            “เซอร์ไพรส์!!”เสียงหวานตะโกนออกมาดังลั่นก่อนจะดันกายของชายหนุ่มจนถอยกรูดลงไปนอนแหมะอยู่บนโซฟากลางห้อง ลลิตภัทรพยายามดันใบหน้าของหญิงสาวออกทำปากขมุบขมิบร้องห้ามเพราะกลัวลูกเจี๊ยบน้อยจะตื่นขึ้นมาเห็นท่าทางล่อแหลมนี้

 

            “อื้อ  ลอคะ ลอจะดันหน้าแอนทำไมคะแอนเจ็บนะ”หญิงสาวร้องโอดแต่ก็ไม่ยอมละความพยายามที่จะปล้นจูบชายหนุ่ม ขยับกายคร่อมบนตัวของชายหนุ่มราวแม่เสือสาวที่พร้อมขย้ำเหยื่อ กระโปรงสั้นร่นจนเห็นกางเกงในจีสตริงที่ใส่มาเพื่อยั่วยวนโดยเฉพาะ เมื่อชายหนุ่มยังไม่ยอมหยุดที่จะผลักหล่อนออกหญิงสาวที่มากเล่ห์เพทุบายก็คว้าหมับเข้าที่แกนกายของลลิตภัทรพลางขยำจนชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกรีบตะปบมือของอริตาทันทีเปิดช่องให้สาวสวยปล้ำจูบได้อย่างง่ายดายปิดบนกลายเป็นเปิดล่าง พอปิดล่างบนก็ถูกจู่โจม ชายหนุ่มล่ะปวดกบาลนัก เมื่อตั้งสติได้ก็ออกแรงพลิกร่างหญิงสาวลงเบื้องล่างเพื่อป้องกันตนเอง อริตารีบคล้องคอชายหนุ่มไว้ทันที

 

ไม่มีอะไรที่หล่อนอยากได้แล้วจะยอมปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย การศึกษาดี แม้จะเป็นเศรษฐีบ้านนอกก็ตามทีเถอะ แต่ทรัพย์สมบัติที่ชายหนุ่มมีน่ะอยู่ได้สบายไปทั้งปีทั้งชาติ

 

            “ลอคะ แอนคิดถึงลอมากๆ มากๆๆๆๆ”หญิงสาวเอ่ยเอื้อนถ้อยคำฉอเลาะพยายามดึงหน้าชายหนุ่มมาจูบจนลิปสติกเประไปทั้งหน้าแดงเถือกไปหมด

 

            “แอน อย่าทำแบบนี้”ชายหนุ่มยื้อยุดกับอริตาจนเหนื่อยหอบ เมื่อคืนเขาเพิ่งออกแรงอย่างหนักหน่วงไปตอนนี้ยังต้องมาสู้รบปรบมือกับชะนีแรงกูปรีย์แบบอริตาอีก บอกตรงๆ ลอเหนื่อย ชายหนุ่มพยายามขืนตัวเองไว้ด้วยการยันแขนกับพื้นโซฟาไว้ แต่เพราะอริตาไม่ยอมผ่อนแรงที่จะดึงเขาเลยซักนิดในที่สุดชายหนุ่มก็พลาดมือลื่นจนทำให้ร่างทั้งร่างหล่นไปนอนทับหญิงสาวเต็มๆ

 

            “ทำอะไรกันน่ะ!!!”น้ำเสียงที่เคยใสเอ่ยคำหวานจ๊ะจ๋ารื่นหูบัดนี้แข็งยิ่งกว่าก้อนหินที่เขวี้ยงหัวหมาข้างทางเสียอีก เมื่อหันกลับไปมองก็พบศตายุยืนจับประตูห้องด้วยตาเขียวปั๊ดจ้องราวกับจะจิกให้ทะลุถึงกระดูก

 

ลลิตภัทรรู้สึกหนาวยะเยือกตั้งแต่หนังหัวยั้นหนังหุ้มไข่เลยทีเดียว



ชายหนุ่มกระเสือกกระสนออกจากอ้อมกอดที่เหนียวราวตีนตุ๊กแกจนกระทั่งหลุดออกมายืนกุมเป้าสำนึกผิดแม้ตัวเองจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตามทีเถอะ อริตาลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวแสร้งจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่หมิ่นเหม่เกือบอนาจารของหล่อนด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน



        "โทษทีนะจ๊ะน้อง พอดีอาแอนลืมไปว่าตอนนี้หนูมาอาศัยลอเค้าอยู่เลยทำอะไรๆด้วยความเคยชิน หนูคงไม่ถือใช่มั้ยจ๊ะ ปกติอาแอนมาหาลอก็ทำแบบนี้กันทุกรอบ"ลลิตภัทรตาเหลือกหันไปมองหญิงสาวที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วแสงมาเกาะแขนเขาอีกรอบ



          "เหรอจ๊ะ  ถ้างั้นจะต่อก็ได้นะ แต่ขอโทษด้วย ห้องนอนหนูไม่อนุญาตเพราะหนูนอนอยู่"เด็กน้อยพูดจบกระกระแทกประตูปิดด้วยเสียงอันดังจนบานกบแทบพัง ถ้าตึกไม่แข็งแรงลลิตภัทรมั่นใจเลยว่าป่านนี้ร้าวยั้นฐานรากแน่ๆ

 

ชิบหายแล้ว

 

 

ชิบหายแน่นอน พระลอคอนเฟิร์ม!!!



 

 

           ลลิตภัทรถึงกับถอนหายใจเฮือกกับสถานการณ์แสนฉุกเฉินนี้ อริตาทำตาจิกตามหลังประตูห้องที่ถูกปิดอย่างสนั่นหวั่นไหวนั้น

 

            “เด็กอาร๊าย มารยาททรามจริง”หล่อนกล่าวคำค่อนขอดออกมาทันที่ที่ประตูบานนั้นปิดสนิท พระลอหันขวับกลับมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

 

อริตามีสิทธิ์อะไรมาว่าลูกเจี๊ยบของเขา

 

            “ไม่รู้พ่อแม่อบรมสั่งสอนมายังไงถึงมาทำกริยาแบบนี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ แถมยังมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณออกนอกหน้านอกตาแบบนี้อีก เป็นลูกเป็นหลานรึก็เปล่าเกี่ยวพันทางสายเลือดก็ไม่ใช่แอนไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องตามใจเด็กนั่นนัก”อริตาพูดอย่างใส่อารมณ์โดยไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าบัดนี้ลลิตภัทรหน้าแดงจนแทบจะกลายเป็นเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยวเสียแล้ว

 

คิดว่าตัวเองเป็นใครอ่ะ?

 

ขนาดเขาที่รักลูกเจี๊ยบปานดวงใจยังไม่เค๊ยไม่เคยดุด่าหรือเอ็ดโดยไม่มีเหตุผลเลยซักครั้ง สองหมัดกำแน่นด้วยความกริ้ว

 

บังอาจว่าเมียสุดที่รักของเขาลลิตภัทรก็ไม่จำเป็นต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดใดทั้งสิ้นแล้ว



ด่าเขาเขาทนได้ แต่มาด่าเมียสุดที่รักพระลอไม่ทนบอกไว้เลย  โดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความสุภาพอะไรนักหรอก เขาแค่อยู่เป็นและรู้จักกาละเทศะ จริงๆแล้วลลิตภัทรเป็นคนโมโหร้ายแถมปากคอเลาะร้ายอยู่พอประมาณ เขาแค่รู้ว่าคำพูดแบบไหนควรใช้กับใคร เวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทสัตว์สารพัดชนิดหรือแม้แต่ให้กล้วยเพื่อนเขาก็ด่าอยู่บ่อยๆ ที่ผ่านมาเขาสุภาพกับอริตามาโดยตลอดเพราะให้เกียรติว่าหญิงสาวนั้นเป็นผู้หญิง แต่มาวันนี้อริตากลับไร้มารยาทเอ่ยบริภาษคนรักของเขาลามไปว่าถึงบุพการีของศตายุที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือร่วมบทสนทนาไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองได้เลยซักนิดมันทำให้เขาโกรธมาก

 

            “ลอคะ”

 

            “ออกไป”อริตาชะงักกึกกับน้ำเสียงกดต่ำของลลิตภัทรที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดจนจบประโยค

 

            “ห๊ะ?”หญิงสาวทำน้ำเสียงอึกอักในลำคออย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก ปกติลลิตภัทรเป็นคนสุภาพกับผู้หญิงมากๆไม่เคยมีซักครั้งที่จะทำให้ต้องระคายเคืองใจ นอกจากเซ็กส์ดุแล้วลลิตภัทรก็ไม่มีอะไรให้ดุอีกเลย แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับไล่หล่อน

 

            “ลอล้อแอนเล่นหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเก้อๆ

 

ลลิตภัทรไม่ได้ล้อเล่น หล่อนรู้ดี ใบหน้าที่ดำไปครึ่งหน้าราวกับถูกราหูอมนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ลลิตภัทรกำลังโกรธ

 

            “ต่อไปอย่ามายุ่งกับผมอีก อย่ามาหาผมอีก แล้วอีกอย่างที่ผมอยากให้คุณรู้ไว้เลยว่าเจี๊ยบมีสิทธิ์หวงผม หวงทุกอย่างที่เป็นของผมในขณะที่คุณไม่มี”

 

            “ทำไมล่ะก็แค่เด็กข้างบ้านทำไมคุณจะต้องไปให้ความสำคัญกับมันด้วย เด็กนั่นสำคัญมากกว่าแอนที่เป็นแฟนคุณด้วยเหรอคะ?”หญิงสาวเชิดหน้าเถียงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ลลิตภัทรทำเสียงเหอะในลำคอก่อนจะกอดอกและทิ้งสะโพกพิงเค้าท์เตอร์ตรงบาร์มองตรงมาที่อริตาด้วยสายตาเหมือนพ่อค้าที่กำลังประเมินราคาสินค้าตรงหน้า

 

            “ถ้าคุณเป็นแฟนผม งั้นคนอื่นๆที่เคยนอนกับผมก็เป็นแฟนผมหมดแหละครับแอน คุณไม่ได้ต่างกับคนพวกนั้นเลยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราต่างใช้เซ็กส์แลกกันก็เท่านั้นจบก้คือจบและตอนนี้ผมก็ไม่คิดต่อกับคุณแล้ว”

 

            “เอ๊ะ ลอคะ ทำไมต้องพูดแบบนี้กับแอนด้วยคะ ถ้าแอนไม่ต่างกับคนพวกนั้นคุณจะควงแอนไปไหนมาไหนด้วยเหรอคะ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าเราคบกัน”หญิงสาวเริ่มลุกขึ้นยืนเถียงเขาด้วยความโมโห ลลิตภัทรถอนหายใจเฮือกกับความเข้าใจอะไรยากของอริตาชายหนุ่มกรอกตามองบนโดยไม่สนมารยาทใดใดทั้งสิ้น ในเมื่ออริตาเลือกที่จะตื้อเขาก็คงต้องพูดตรงๆออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตัดความสันพันธ์กันไป

 

ถ้ามีคนถามว่าระหว่างคู่ขาเก่าอย่างอริตากับคนรักอย่างศตายุเขาจะเลือกใคร ลลิตภัทรก็จะถามกลับไปว่าทำไมต้องเลือกเพราะภายในใจของลลิตภัทรตอนนี้ทั้งสี่ห้องหัวใจวางไว้แทบเท้าเจ้าแก้วตาที่งอนตุ๊บป่องๆในห้องไปจนสิ้นแล้ว

 

            “ที่ผมไม่ตัดความสัมพันธ์กับคุณก็เพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน อีกอย่างตอนนั้นผมไม่ได้มีใครเพราะฉะนั้นการถนอมน้ำใจกันไว้ก็เป็นเรื่องดีเรายังคบหากันได้โดยไม่ต้องมีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คุณกลับคิดมากไปกว่านั้น ผมจะบอกคุณให้ชัดๆอีกครั้งทั้งที่ตอนนั้นผมว่าผมเคยพูดไปแล้วว่าผมมีแฟนแล้ว”ลลิตภัทรหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันดังมากขึ้นกว่าเดิมราวกับจะให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้ไปพร้อมกับอริตาด้วย

 

            “แล้วผมก็รักแฟนของผมมาก มากชนิดว่าชาตินี้ถ้าขาดเขาผมก็คงขาดใจตาย เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาที่นี่อีก แล้วก็เลิกคิดไปเองได้แล้วว่าคุณกับผมคบกัน อีกอย่างคราวหลังอย่าเรียกน้องเจี๊ยบว่ามันและอย่าพูดว่าพ่อแม่เขาไม่อบรมสั่งสอนเจี๊ยบมีสิทธิ์ในตัวผมทุกอย่าง เพราะแฟนของผมก็คือเด็กคนนั้น”

 

            “อะ...อะไรนะคะลอ...คุณกับเด็กนั่น...”

 

ศตายุไม่รู้หรอกว่าภายนอกบรรยากาศจะคุกรุ่นเพียงใด แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเด็กน้อยฉายชัดถึงความสุขกับคำพูดที่อาลอเอ่ยกับอริตาเสียเหลือเกิน รอยยิ้มกว้างชนิดที่ว่าพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลระบายเต็มดวงหน้า

 

เด็กน้อยได้ยินทุกคำที่คนทั้งคู่เอ่ยคุยกัน

 

อาลอไม่เคยแข็งกร้าวอย่างนั้นใส่ตนเลยแม้กระทั่งตอนที่ดุเขาอาลอก็ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังแต่กับอริตานั้นน้ำเสียงสะบัดและกระด้างจัดจนเด็กน้อยนึกกลัว

 

หลังจากประโยคนั้นของลลิตภัทรเกิดความเงียบจนศตายุต้องเอาหูแนบประตูเพื่อฟังว่าด้านนอกพูดอะไรกันอีกมั้ย

 

            “ทุเรศ...ลอคะ คุณอายุตั้งสามสิบกว่าแล้วนะคะ แล้วเด็กนั่นเพิ่งจะ 16-17 เองแท้ๆ คุณ...อี้ ทุเรศ”อริตาเบะปากอย่างขยะแขยง แม้ว่าหล่อนจะเคยได้ยินมาบ้างว่าลลิตภัทรเคยนอนกับผู้ชายแต่หล่อนก็หลอกตัวเองว่ามันไม่จริง

 

กล้าพูดมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนกับเด็กบ้านนอกคอกนานั่น

 

เด็กที่ไม่มีอะไรสู้หล่อนได้ซักอย่าง หญิงสาวตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจใส่ลลิตภัทรก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินกระแทกออกไปเลยแบบไม่พูดไม่จาอะไรอีก

 

หล่อนไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตั้งแต่โตเป็นสาวมาผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาหล่อนไม่เคยมีใครทิ้งหล่อนหรือเอ่ยปฏิเสธเลยซักคน

 

ลลิตภัทรกล้าดียังไงมาฉีกหน้าหล่อนด้วยการออกปากไล่แล้วคว้าเด็กกะโหลกกะลาแบบนั้นมาเดินควง

 

ทุเรศที่สุด

 

ลลิตภัทรกล้าฉีกหน้าหล่อนอย่างนี้ได้ยังไงกัน

 

            “คอยดูนะ ฉันไม่จบง่ายๆแน่พระลอ”หญิงสาวหันไปพูดกับบานประตูที่ถูกเจ้าของห้องดึงเข้าไปปิดอย่างอาฆาต

 

           

เมื่อจัดการกับอริตาได้แล้วลลิตภัทรก็แทบจะหมดแรง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งออกพลางขยับเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

 

ป่านนี้เด็กน้อยของเขาคงงอนตุ๊บป่องรอให้เขาเข้าไปง้ออยู่แน่ๆ อริตานะอริตา จะมาสร้างความร้าวฉานให้สถาบันครอบครัวของเขาทำไมเพิ่งได้อิ๊อ๊ะกันไปเมื่อคืนแท้ๆสงสัยคราวนี้คงอดยาว รวบรวมความกล้าอยู่หลายนาทีก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องอย่างเกรงอกเกรงใจคนด้านใน

 

            “หนูขา...อาขอเข้าไปได้มั้ยคะ?”ลองหยั่งเชิงถามด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน หากแต่ในห้องกลับเงียบเสียเหลือเกิน

 

ไม่ด่ากลับไม่ร้องห้ามแปลว่าอนุญาตสินะคะ

 

            “งั้นอาเข้าไปแล้วนะคะ”ชายหนุ่มกลั้นใจบิดลูกบิดประตูเข้าไป เมื่อประตูเปิดก็รีบยกแขนขึ้นมาบังหน้าหลับตาปี๋เผื่อเด็กน้อยในห้องจะเขวี้ยงอะไรมาใส่หัว กลั้นอกกลั้นใจอยู่สามวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ขยิบตาขึ้นมองศตายุนอนตะแคงหันหลังให้กับเขาโดยไม่หันมามองเลยซักนิด ลอบกลืนน้ำลายหน่อยๆเมื่อชายเสื้อของหลานเปิดจนเห็นเอวคอดๆที่เมื่อคืนเขาทั้งลูบทั้งคลำทั้งขยำไปเสียหลายต่อหลายหน

 

เมื่อหลานไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ซ้ำยังไม่หันมามองชายหนุ่มก็ทำใจดีสู้เสือค่อยๆก้าวทีละก้าวอย่างระมัดระวังแล้วไปนั่งที่ปลายเตียงด้วยความสงบเสงี่ยม

 

            “หนูจ๋า....”ใช้ปลายนิ้วสะกิดหน้าเท้าคนหลานเบาๆ ศตายุสะดุ้งโหยงชักเท้าจะหนีสัมผัสนั้นแต่ลลิตภัทรไวกว่าจับยึดไว้มั่นพลางก้มหน้าลงไปจรดปลายจมูกกับหลังเท้าเนียนนั้นอย่างแสนรัก

 

            “อย่าโกรธอาเลยนะคะ เขามาเองอาไม่ได้เชิญซักหน่อย”พูดจบก็กดจูบลงบนเท้าน้อยๆ((คือถ้าใจเราคิดว่ามันตะมุตะมิแม้จะเป็นเบอร์ 43 ลลิตภัทรก็จะมองว่าเป็นเท้าน้อยๆ))อย่างสเน่หา

 

            “แล้วยอมให้เขากอดยอมให้เขาหอมยอมให้เขาเอานมถูอกทำไมจ๊ะ ชอบเหรอ?”

 

            “โถ้........ใครชอบ ไม่มี๊ อาไม่ได้ชอบซักหน๊อยยยยยย”รีบปฏิเสธเสียงหลงเพราะกลัวว่าคนเด็กกว่าจะโกรธเอาอีกรอบ

 

            “อามีหนูทั้งคนถึงนมจะแบนไม่เด้งสู้มือแต่ก็สู้ปากแค่นี้อาก็พอใจแล้ว”

 

            “อย่ามาทะลึ่ง”เด็กน้อยชักเท้าหนีเมื่อลลิตภัทรส่งปลายลิ้นออกมาโลมเลียจนรู้สึกวูบๆที่ช่องท้อง

 

อาลอนี่นะ เผลอไม่ได้เลย ตอดนิดตอดหน่อยตลอด เด็กน้อยหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยๆเหมือนหมาหงอยของอาลอ ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็นึกรู้ทันทีว่าตอนนี้ลูกเจี๊ยบหาได้โกรธขึ้งบึ้งตึงแบบตอนแรกแล้วความกระลิ้มกระเหลี่ยก็กลับมาในทันที

 

            “จะต้องทำยังไงคะหนูถึงจะหายโกรธหายงอนอาค่าเทอมพอมั้ยคะหนู ค่าขนมพอกินหรือเปล่าคะ อยากกินไอติมมั้ยเดี๋ยวอาเลี้ยงหนูเอง"

 

"ไม่เอา ไม่คุยกับคนแก่ พ่อบอกอาลอไม่น่าไว้ใจน้องเจี๊ยบต้องเชื่อพ่อ อย่ามาทำตัวป๋า อามีเงินเยอะนักหรือไง”แกล้งค่อนขอดคนที่ทำตัวรวยเสียเต็มประดาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ลลิตภัทรล้มตัวลงนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่เอ่ยตอบอย่างภูมิใจ

 

"มีเป็นล้าน เลี้ยงหนูได้ทั้งชาติ"

 

"หัว?เด็กน้อยแกล้งถามทำให้ได้ค้อนปะหลักปะเหลือกจากคนแก่กว่า

 

"เงินสิหนู โถ้ววววววววว”แกล้งทิ้งท้ายประโยคด้วยเสียงสูงปรี๊ดก่อนจะอาศัยจังหวะที่ศตายุนอนหัวเราะคิกคักพลิกขึ้นคร่อมร่างบางทันที ตรึงสองมือของหลานไว้เหนือหัวพลางส่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างหมายมั่นปั้นมือเต็มที่

 

“อ๊ะ...อาลอ จะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตกใจเมื่อลลิตภัทรเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากราวชายหื่นที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเด็กน้อย

 

“อาก็จะง้อเจี๊ยบไงคะ”

 

“ง้อแล้วทำไมต้องคร่อมด้วย หนูอึดอัด”

 

“หนูอึดอัดไม่นานหรอกค่ะ ซักพักเดี๋ยวจะรู้สึกดีแล้วก็รู้สึกโล่งจนตัวเบาเลย เชื่ออานะคะ ไม่สบายหายหรือยังคะ เดี๋ยวอาจะฉีดยาให้หนูดีมั้ยเอ่ย?”พูดจบก็โน้มหน้าเข้าหา ศตายุรีบดันหน้าอกอาลอไว้หลังจากดิ้นจนมือหลุดจากการกอบกุม



"ฉ...ฉีดยาอะไรกันล่ะจ๊ะ ไม่เอาหรอกน้องไม่ชอบเข็มฉีดยา"เด็กน้อยส่ายหน้าดิกปฏิเสธ ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่ารักน่าชังนั้น



"ไม่ต้องกลัวนะคะเข็มของอาลอใหญ่ก็จริงแต่หนูน่าจะชอบ เมื่อคืนก็โดนไปตั้งสองสามเข็ม รับรองอาจะตั้งใจฉีดจนหนูร้องระงมเลยล่ะ" ศตายุดีดดิ้นพอเป็นพิธีสุดท้ายก็โอนอ่อน



หลังจากนั้นอีกราวๆ 20 นาที ก็โล่งตามที่อาลอบอกจริงๆด้วย

 

ทั้งโล่งทั้งเหนื่อยเลยล่ะจ้า

 

อาลอไม่โกหกเลยจริงๆในเรื่องนี้

 

โล่งจนเพลียและหลับแทบจะทันทีที่ขึ้นรถเดินทางไปทะเลเลยล่ะจ้า

 

นี่เจี๊ยบเหนื่อยหรืออาลอวางยากันนะ

 

อืม..น่าจะวางยามากกว่าเหนื่อยเนอะ ก็อาลอเล่นฉีดยาเข็มใหญ่ให้เจี๊ยบไปตั้งหลายเข็ม สงสัยเจี๊ยบจะไม่ป่วยไปเลยตลอดปีแน่ๆ





...............................





ฉีดยา ฉีดยาจับเธอฉีดยา ไม่ต้องมาดิ้นนะ อย่าดินนะ จะฉีดยา แอร๊วววววววววววว



ถ้าเป็นป้าแอนนมปลอมคงแทบแทรกแผ่นดินหนี



คุณเขาหวงเมียปกป้องเมียนะคะ ด่าเขาๆทนได้แต่ห้ามมาแตะเมียที่เคารพรักเด็ดขาด



จรัม!!!
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๗ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 08-12-2018 12:32:30
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๗







       แสงอาทิตย์สีส้มอมแดงฉาบไล้ผืนน้ำ เกลียวคลื่นสาดซัดกระทบเข้ามายังชายหาด ร่างของผู้ชายสองคนที่เดินกุมมือกันชี้ชวนชมนกชมคลื่นบ้างก็หยุดถ่ายรูปกันเป็นระยะจนกระทั่งแสงสุดท้ายสิ้นสุดลง ดวงอาทิตย์ลับผืนน้ำดวงจันทร์ส่องแสงทำหน้าที่ให้แสงสว่างอันน้อยนิดแทน

 

ลลิตภัทรไม่เคยคิดว่าการเปิดใจรักใครใหม่อีกซักครั้งจะทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง ศตายุเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอร์ที่เขาทำหล่นหายไป เมื่อหาเจอภาพของเขาก็สมบูรณ์ เด็กน้อยไม่งอแงและมีเหตุผล ไม่เรียกร้องแต่เต็มใจให้ทุกอย่างที่เขาขอ มือเล็กนั้นไม่เคยปฎิเสธยามที่เขายื่นไปกอบกุมไว้ ศตายุไม่เคยดึงมืออกมีแต่กระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้น แม้ลมทะเลจะเย็นแต่ความอบอุ่นที่เด็กน้อยมอบให้ก็ทำให้ดวงใจที่เคยแห้งแล้งอ่อนล้าของเขากลับมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

          “อื้อ...อาลออ่ะ!! แกล้งหนูเหรอ?”ศตายุร้องเรียกเขาดังลั่นยามที่ลลิตภัทรแกล้งเตะก้นเบาๆแล้ววิ่งหนี เด็กน้อยวิ่งตามเพื่อเอาคืนพลางหัวเราะเสียงใส แม้จะมีอาการเจ็บขัดอยู่บ้างแต่เพราะเป็นเด็กร่างกายแข็งแรงรวมทั้งหลังจากการง้องอนที่คอนโดลลิตภัทรก็ไม่ได้ล่วงเกินลูกเจี๊ยบอีกเลยทั้งยังเฝ้าประคบประหงมหาข้าวหายารวมทั้งคอยทายาให้จึงฟื้นตัวจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับอาหนุ่มได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่มีอาการสำออยอ้อนให้อาหนุ่มต้องคอยประคบประหงมให้ต้องรำคาญใจ ทั้งสองคนวิ่งไล่เตะกันจนเหนื่อยหอบจึงได้หยุดแล้วเปลี่ยนเป็นมานั่งมองเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งแทน ทะเลยามนี้มืดมิด หากแต่ยังมีดวงไฟของเรือหาปลาลอยให้เห็นตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยไม่ต่างอะไรกับดาวบนฟ้าเลยซักนิด ลลิตภัทรกุมมือของศตายุไว้อีกครั้ง

 

            “อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จังเลยค่ะ”หลังจากปล่อยให้ความเงียบทำงานไปซักพักอยู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

 

            “ทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

 

            “เพราะมันมีแค่เราสองคนจริงๆน่ะสิคะ พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไปเจอโลกของความจริงแล้ว ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับหนูสองต่อสองแล้ว”

 

            “โธ่เอ๋ย อาลอจ๋า ปกติเราก็อยู่ด้วยกันเกือบจะทุกวันอยู่แล้วนี่จ๊ะ”เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความเอ็นดูอาหนุ่มที่ดูท่าแล้วจะมีนิสัยเด็กกว่าเขาเสียอีก ศตายุกระชับฝ่ามือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้นราวกับจะสร้างความมั่นใจให้คนที่เริ่มจะงอแงได้มั่นใจว่าตนจะไม่ไปไหน ร่างบางขยับเข้ามานั่งชิดแล้วเอนศีรษะวางพิงบนไหล่หนาของคนรัก

 

            “อย่างอแงเลยนะจ๊ะ แค่นี้หนูก็รักอาลอจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”

 

            “อาอยากอยู่กับหนู อยากเป็นคนดูแล อยากใช้ชีวิตร่วมกันแบบไม่ต้องหลบๆซ่อนๆใคร”ลลิตภัทรโอบไหล่เล็กของหลานไว้หลวมๆ

 

            “รอหนูโตกว่านี้อีกหน่อยนะจ๊ะ ให้หนูเรียนจบมีอาชีพการมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ แล้ววันนั้นหนูจะไปบอกพ่อกับม่เองว่าอาลอเป็นแฟนหนู ช่วยอดทนรอหนูอีกซักหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ระหว่างนี้ถ้าหนูดื้ออาลอก็เอ็ดหนูดุหนูได้เลยนะจ๊ะ ถ้าหนูงอแงอาลอก็ช่วยปรามหนูหน่อย ถ้าหนูพูดไม่รู้ฟังจะตีหนูด้วยก็ได้ แต่อย่าเบื่อหนูอย่าทิ้งหนูก็พอ อาลอบอกว่าไม่ให้หนูทิ้งอาลอเพราะอาลอแก่แล้วคงไปเริ่มกับใครใหม่ไม่ได้อีก หนูก็อยากบอกอาลอว่าถ้าอาลอทิ้งหนู หนูก็คงอยู่ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน “

 

            “ไม่มีทาง อาไม่มีวันทิ้งหนูหรอกค่ะ อย่ากลัวไปเลย อาไม่มีทางเบื่อหนูหรอก”

 

            “ถึงหนูจะยังเด็กแต่หนูก็เข้าใจโลกอยู่นะจ๊ะ คนเรารักกันแรกๆย่อมหวานซึ้งใส่กันแต่พออยู่กันไปนานๆความรักจะกลายเป็นความเคยชิน ถึงเวลานั้นอะไรที่เคยพูดเคยทำให้กันก็จะถูกละเลย หนูขอแค่ว่าให้เวลานั้นของเราอย่าเพิ่งมาถึงเร็วนัก รออาลออายุซัก 80 ก่อนค่อยเบื่อหนูนะจ๊ะ”ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดคำจาน่ารักนั้น ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขารู้ว่าเด็กน้อยคิดมากเพราะความสัมพันธ์แบบนี้มันเปราะบางเกินกว่าคนนอกจะเข้าใจ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนศตายุเองก็ยังเด็กเพราะฉะเจ้าตัวเล็กของเขาจะคิดนู่นคิดนี่ไปล่วงหน้านั้นก็คงไม่แปลก

 

สาเหตุหลักก็คือเด็กคนนี้ยังไม่มั่นใจในความรักของเขาเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวเหมือนหมาหยอกไก่ทีเล่นทีจริงมาตลอด

 

            “อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่สามารถตายแทนหนูได้ อย่ากลัวว่าอาจะเลิกรักหรือเบื่อหนูนะคะ จริงอยู่ว่านานไปการแสดงความรักอาจจะน้อยลงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรักของเราจะจืดจางนี่คะ ดูอย่างปู่ลิตรกับย่าโฉมพ่อแม่ของอาสิคะ ทุกวันนี้แกกอดแกหอมแกบอกรักกันมั้ยก็ไม่แต่เวลาแกมองกันอารับรู้ได้ถึงความรักที่ท่านทั้งสองมีต่อกัน คนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนานๆความผูกพันก็จะเหนียวเหมือนเกลียวเชือกและอาก็จะไม่มีวันปล่อยหนูให้หลุดลอยไปเพราะหนูคือสิ่งที่ดีที่สุดมีค่าที่สุดเท่าที่อาเคยมี  อารักหนูนะคะ”ลลิตภัทรขยับกายให้นั่งหันหน้าหาคนหลานเชยคางมนขึ้นมาสบตาถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลสู่ริมฝีปากสีเชอร์รี่เม้มคลึงราวกับจะให้สลักลงไปในใจของศตายุว่า

 

ลลิตภัทรรักศตายุคนเดียว และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

 

ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกายราวกับมีดาวนับล้านดวงเบ่งแสงอยู่ในนั้นหากแต่ที่สุดเปลือกตาสีอ่อนก็ปิดลงบดบังแสงสกาวนั้นไปเสียสิ้น

 

ว่ากันว่าคนเราไม่สามารถทนมองหน้าคนรักในระยะประชิดได้นาน

 

ไม่จริงเสมอไปซักหน่อย ที่ลูกเจี๊ยบต้องหลับตาลงเพราะอยากใช้หัวใจจำความสุขที่อาลอกำลังมอบให้ต่างหากล่ะ ลูกเจี๊ยบไม่อยากให้อาลอเห็นว่าตอนนี้ตนเองมีความสุขมากแค่ไหน

 

ลลิตภัทรละเลียดกลีบปากนุ่มอยู่เป็นนาทีสัมผัสแผ่วเบาอ่อนหวานไม่จาบจ้วงล่วงเกินและผละออกอย่างอ้อยอิ่ง คนทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันท่ามกลางพระจันทร์ดวงใหญ่ที่ลอยเหนือน้ำ นั่งคุยเล่นกันอีกซักพักในที่สุดคนโตกว่าก็ชวนกลับรีสอร์ท ศตายุลูกขึ้นยืนตามแรงดึงของอาหนุ่มแต่แล้วก็ต้องทำหน้ายู่เมื่อความชาแล่นเข้าเล่นงานตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขา

 

            “อูย...”

 

            “เป็นอะไรคะ?”ลลิตภัทรประคองหลานที่เซไปเล็กน้อยให้ยืนได้ถนัดขึ้น

 

            “สงสัยจะนั่งนานจ้า เหน็บกิน”กำปั้นน้อยทุบต้นขาตนเองเบาๆจนลลิตภัทรต้องรั้งมือนั้นไว้

 

            “อย่าทุบค่ะเดี๋ยวขาช้ำ ขึ้นหลังอามาสิคะเดี๋ยวอาแบกกลับห้องเอง”

 

            “หึ้ย...ไม่เอาหรอก หนูตัวหนักเดี๋ยวอาลอหลังหักกันพอดี”เด็กน้อยรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

 

            “มาเถอะค่ะ หนูไม่หนักซักหน่อย อาก็ลองอุ้มแล้วตอนทำในห้องน้ำไงคะ แค่นี้สบายมาก”คำตอบของลลิตภัทรทำเอาคนเด็กกว่าอยากจะเปลี่ยนกำปั้นที่ทุบขาตัวเองมาทุบปากคนลามกนัก ยกตัวอย่างได้สัปดนจริงๆคนเรา ลูกเจี๊ยบค้อนคนเป็นอาปะหลักปะเหลือกแต่ก็ยอมกอดคอขี่หลังลลิตภัทรไปดีๆ ชายหนุ่มแบกหลานตัวน้อยที่สูงร้อยแปดสิบเดินลัดเลาะริมหาดไปเรื่อยๆ ลมทะเลพัดไอความเค็มเข้ามาประทะจนเหนียวตัวหากแต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยซักนิด เดินไปคุยกันไปฟังเสียงเจ้าตัวน้อยบ่นงุ๊งงิ้งพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็รื่นหูดีจนกระทั่งกลับถึงห้องพักก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกันแล้วก็เข้านอนตอนเกือบห้าทุ่ม ตื่นเช้ามาพาลูกเจี๊ยบออกไปทานอาหารทะเลตบท้ายจากนั้นก็เก็บของเพื่อเดินทางกลับบ้าน เป็นอันจบทริปทดลองฮันนีมูนอย่างสมบูรณ์

 

ชายหนุ่มเหมือนได้พักร้อนและชาร์ตแบตเตอรี่เพิ่มพลังในร่างกายของตนเองจนเต็มเพื่อกลับมารับผิดชอบหน้าที่ของตนเองต่อไป

 

ชีวิตคนเรามันจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกเหรอ มีงาน มีเงิน มีคนรักข้างกาย มีครอบครัวรออยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

ไม่ต้องการแล้วจริงๆ

 

เขาค้นพบความสุขในชีวิต

 

เขารู้แล้วว่าการกลับบ้านแล้วมีคนรอเขาอยู่มันมีความสุขมากแค่ไหน

 

เขารู้แล้วว่าการเดินทางโดยมีคนรักร่วมทางเคียงข้างมันมีความสุขมากเพียงใด

 

ความสุขกระจายรายล้อมโอบรัดกายเขาจนอบอุ่นไปทั้งหัวใจถึงเพียงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทิ้งมันไปตามความคิดที่เคยคิดไว้แต่แรกว่ารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้ครั้งเดียวเขาก็จะหาเรื่องกลับกรุงเทพ

 

ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นถูกปัดหายไปแล้ว

 

เขาจะยึดเอาบ้านเกิดเป็นเรือนตายจะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้วเพราะที่นี่คือศูนย์รวมความสุขของเขาหันไปมองเด็กน้อยที่ยื่นขนมเข้ามาใส่ปากของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้ทั้งวัน

 

ลลิตภัทรเลี้ยวรถเข้ามาทางซอยบ้านของลูกเจี๊ยบเพื่อส่งเด็กน้อยก่อน เขากลับมาถึงหมู่บ้านในตอนเย็นรถของแดนดินจอดอยู่ที่หน้าบ้านบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านรวมทั้งจิ๊บและจันทร์เจ้าขาก็เดินทางกลับจากเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เจ้าเจี๊ยบน้อยวิ่งขึ้นบ้านพลางส่งเสียงร้องเรียกพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วซักพักจิ๊บก็ออกมาพร้อมลูกลิงตัวใหญ่ที่กอดเอวแม่ไม่ยอมห่าง

 

            “ขึ้นบ้านก่อนลอมากินน้ำกินท่า เราซื้อของมาฝากด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะเปิดท้ายรถจัดการเอากระเป๋าเดินทางของศตายุออกมารวมทั้งถุงของฝากหลายใบ ลูกเจี๊ยบรีบวิ่งมาช่วยถือโดยไม่ต้องร้องขอ ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานั่งบนเรือน จิ๊บเอาถุงของฝากเช่นแคปหมู ไส้อั่ว รวมทั้งพวกน้ำพริกเครื่องปรุง ของกินเล่นทางเหนือมายื่นให้อดีตคนรัก

 

            “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”หล่อนหยิบถุงใบใหญ่ที่ลลิตภัทรยื่นให้มาดู ด้านในเป็นอาหารทะเลแห้งเช่นกุ้งแห้ง หอยและหมึกแห้งรวมทั้งที่ศตายุไปเอามาจากท้ายรถเป็นลังโฟมที่บรรจุอาหารทะเลสด จิ๊บเปิดดูก็ยิ้มอย่างพอใจ

 

            “แหม ดีจริงมีปูด้วย พรุ่งนี้จะผัดไปถวายลูกเณรที่วัดป่านนี้งอแงแย่แล้ว ขอบใจลอมากนะที่ช่วยดูแลลูกให้เรา”

 

            “ไม่เป็นไร เราเต็มใจ ยังไงเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะเผื่อเอาของกลับไปทันแม่ทำกับข้าว”

 

            “อื้อ ขอบใจอีกครั้ง”

 

            “เจี๊ยบอาไปก่อนนะคะ อาบน้ำแล้วนอนเร็วๆนะ”หันไปบอกกับเด็กน้อยที่นั่งหน้าแป้นข้างแม่พลางยื่นมือไปยีผมเบาๆแล้วลากลับ พอถึงที่บ้านชายหนุ่มก็ให้คนงานที่นั่งเล่นอยู่โคนต้นไม้หน้าบ้านยกของลงจากท้ายรถตัวเองเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่นั่งเล่นพูดคุยกับพี่ๆและหลานๆซักพักจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว

 

มื้ออาหารแสนอร่อยผ่านไปอย่างเรียบง่าย ลลิตภัทรมองครอบครัวของพี่ชายทั้งสองที่ดูแลซึ่งกันและกันก็อดคิดไม่ได้

 

ในอนาคตถ้าที่นั่งข้างกายของเขามีลูกเจี๊ยบเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวมันจะดีขนาดไหนกันนะ

 

เขาต้องรออีกกี่ปี ถ้าตามที่เจี๊ยบบอกไว้เขาต้องเก็บความลับนี้ไปอีกอย่างน้อย 7 ปีเลยนะ

 

พอถึงวันนั้นเขาก็จะมีอายุ 40 ปีพอดี เมื่อถึงตอนนั้นลูกเจี๊ยบก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว คงไม่มีใครมาขัดขวางความรักที่ผิดธรรมชาติของพวกเขาได้

 

ถ้าลลิตภัทรมีพรวิเศษเขาก็อยากจะขอให้เวลาเดินเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาจะได้เคียงคู่ครองรักกับลูกเจี๊ยบแบบเปิดเผยได้ซักที

หวังว่าพอถึงตอนนั้นจะยังคงเตะปี๊บดังอยู่นะ

 

เดี๋ยวว่างๆต้องไปตรวจสุขภาพเสียหน่อย เพราะลุงพรศักดิ์ ส่องแสงเคยบอกไว้ว่า

 

            “มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย”

 

อิอิ...ไม่ใช่เมียเด็กธรรมดาๆด้วย

 

แต่เป็นเด็กมากกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัวขอบอก

 







 

 

 

          หลังจากกลับจากกรุงเทพลลิตภัทรก็กลับมาหัวหมุนกับงานในหมู่บ้านอีกครั้งเขาต้องวิ่งไปทั้งศูนย์ทำกล้วยและสบู่ถ่าน โชคดีหน่อยตรงที่แดนดินคอยดูแลส่วนของสบู่และผลิตภัณฑ์ถ่านอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้เรื่องกล้วยๆของลลิตภัทรนั้นทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเริ่มมีตัวแทนมารับของเองถึงหมู่บ้านจากตอนแรกที่เริ่มทำชายหนุ่มต้องเอาไปเสนอตามตลาดใหญ่ๆ ลลิตภัทรออกแบบแพคเกจจิ้งให้ดูน่ารักและติดตาได้ง่าย เขาเอาแนวคิดนี้มาจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นเวลาซื้อสินค้าบางครั้งก็หลวมตัวซื้อเพราะห่อสวยแม้ของด้านในไม่อร่อยแต่แพคเกจจิ้งดูดีน่าซื้อหา ลูกเจี๊ยบยังคงมาช่วยงานไม่ได้ขาด หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นแก้วเจ้าจอมก็สึกจากเณรวิ่งหัวเหม่งมาเล่นกับเขาทุกวันติดสอยห้อยตามราวกับเป็นลูก น้ำเสียงเจื้อยแจ้วคอยเอ่ยถามนั่นถามนี่ น่าแปลกที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกรำคาญแบบช่วงแรกๆที่กลับมาอยู่บ้านชายหนุ่มเต็มใจตอบคำถามแม้บางครั้งจะเป็นคำถามที่ไร้สาระ

 

            “อาลอรู้ป่าวจ๊ะ อีกสามวันพ่อกำนันจ๋าจะพาพวกหนูไปเที่ยวทะเลด้วยจ้า”เจ้าจอมเอ่ยอย่างอวดๆ พลางส่งสายตาราวกับสงสารลลิตภัทรเสียเต็มประดา

 

พุทโธเอ๋ย หน้าขาวๆอย่างอาลอเกิดมาคงยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลใช่มั้ยจ๊ะ

 

รอหน่อยนะเดี๋ยวหนูโตมีเงินมีรถโก้ๆขับหนูจะพาอาลอไปเที่ยวบ้าง

 

เด็กน้อยคิดอย่างเวทนาคนเป็นอาจับใจแต่ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบกลับมองตากันพลางอมยิ้มอย่างรู้ความหมาย

 

ช่วงบ่ายลูกเจี๊ยบมาขอพลาสติกที่เหลือจากการทำโรงเรือนคราวก่อนไปพับใหญ่ด้วยความกระตือรือร้นโดยมือแก้วเจ้าจอมเป็นลูกมือคอยช่วยหิ้วกระป๋องอุปกรณ์ที่มองคร่าวๆแล้วก็มีพวกตะปู ค้อน ลวดเส้นไม่ใหญ่นัก พอได้สิ่งที่ต้องการเด็กทั้งสองก็ทำท่าจะเดินลัดทุ่งจากไปจนลลิตภัทรต้องรีบวิ่งตามไป

 

            “เดี๋ยวค่ะ จะหอบของไปไหนกันคะ?”

 

            “ไปบ้านแต้วจ้า”แต้วคือเด็กหญิงที่ลลิตภัทรแบ่งเงินเดือนให้เพราะที่บ้านของเด็กหญิงยากจนมากมีเพียงตากับยายที่แก่ชรา เด็กหญิงอาศัยหานู่นหานี่ไปเดินขายตามบ้านหรือตลาดนัด

 

            “แล้วจะเอาของไปทำอะไรกันคะ?”

 

            “ไปทำหลุมดักแมลงให้แต้วจ้า”เด็กน้อยตอบเสียงใสตามไรผมมีเหงื่อซึมด้วยอากาศเดือนเมษายนช่างร้อนนัก

 

            “งั้นเดี๋ยวอาเอารถกระบะไปส่งดีกว่าค่ะ แดดแรงเดี๋ยวหนูกับน้องจะไม่สบายเอานะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าอาลอหนูเดินลัดทุ่งไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ทางเข้าบ้านแต้วแคบรถอาลอเข้าไม่ได้หรอกจ้า”

 

            “งั้นเจี๊ยบกับเจ้าจอมรออาแป๊บ ขออาไปสั่งงานแป๊บหนึ่งเดี๋ยวไปด้วย”ลลิตภัทรรีบวิ่งกลับไปที่ศูนย์แล้วสั่งงานอีกนิดหน่อย คนที่เป็นหัวหน้าจดงานที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอย่างชัดเจนและละเอียดถี่ถ้วน บรรดาพี่ป้าน้าอาย่ายายที่เข้าร่วมโครงการต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพราะยิ่งขยันกล้วยแปรรูปขายได้มากนั่นหมายถึงเงินปันผลก็จะได้มากตามไปด้วย ทุกคนไว้ใจเรื่องการเงินที่ลลิตภัทรเป็นคนดูแล เชื่อใจว่าผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจะไม่กินนอกกินในกับพวกตนเด็ดขาด เมื่อจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็คว้าเอาพลาสติกหอบใหญ่มาถือไว้เองลูกเจี๊ยบเอ่ยขอบคุณในความช่วยเหลือนั้นเบาๆแล้วจึงแย่งเอากระป๋องของเจ้าจอมมาถือเจ้าน้องน้อยเดินเดินตัวปลิวนำไปก่อน เดินลัดทุ่งผ่านหนองน้ำที่เจอกันคราวก่อนไปอีกเกือบร้อยเมตรก็ถึงบ้านแต้วซึ่งเป็นกระต๊อบเล็กๆค่อนข้างทรุกโทรมฝาบ้านเป็นไม้ไผ่ขัดแตะกันอย่างง่ายๆ ในตัวบ้านไม่ได้เทปูนเป็นพื้นดินที่แข็งตัวมีแคร่ไว้สำหรับนอนและนั่งในชีวิตประจำวัน กองผ้าห่มและหมอนถูกวางไว้มุมในสุด ยังดีหน่อยที่ว่าบ้านนี้ยังมีไฟฟ้าใช้ ห่างจากตัวบ้านไปไม่กี่เมตรเป็นห้องน้ำที่ทำจากสังกะสีเก่าๆ  เด็กหญิงแต้วกำลังก่อไฟในเตาที่ใช้หินสามก้อนเรียงกันหรือที่เรียกว่าก้อนเส้า ควันกลิ่นฉุนคละคลุ้งเนื่องจากวัสดุสำหรับจุดไฟคือไม้แห้งและกาบมะพร้าวชวนให้แสบตาและสำลักแต่เหมือนคนที่อาศัยในบ้านจะชินเพราะยังนั่งบรรจุของที่หามาได้ใส่ถุงแยกเป็นกองๆ

 

            “แต้ว”เจี๊ยบร้องเรียกแต้วอยู่หน้าบ้านเด็กหญิงได้ยินก็รีบวิ่งออกไปหาทันที

 

            “มาแล้วเหรอพี่เจี๊ยบหนูคิดว่าลืมไปแล้ว อ๊ะ ผู้ใหญ่สวัสดีจ้า”เด็กหญิงรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นอาผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านต่างชมนักชมหนาในตลาดให้ได้ยินบ่อยๆ

 

แถมผู้ใหญ่ยังใจดีให้เงินแต้วทุกเดือนด้วย

 

            “ทำอะไรกินล่ะควันคลุ้งเชียว”ลลิตภัทรเอ่ยทักเด็กหญิงวัย 13 ขวบอย่างเป็นกันเองเพื่อที่เด็กจะได้ไม่เขินหรือประหม่าเวลาที่อยู่ใกล้ตน

 

            “กำลังจะหุงข้าวจ้า”เด็กหญิงแต้วตอบตามตรงก่อนจะยิ้มแหยให้เสียทีหนึ่ง อันที่จริงเด็กหญิงไม่คุ้นกับอาผู้ใหญ่มากนัก จะเห็นผู้ใหญ่บ้านก็ตามงานต่างๆที่แต้วไปขายของแต่ก็เห็นแค่แว้บๆ แม้จะเป็นเด็กแต่แต้วก็รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นั้นหล่อที่สุดแล้ว

 

ยายก็เคยชมอยู่บ่อยๆว่า

 

            “ผู้ใหญ่ลอนี่สวยนะ สวยเหมือนพระเอกลิเกสมัยยายสาวๆแม่ยกนี่ติดกันเต็มแลย รูปงามสมกับชื่อพระลอ”

 

            “งั้นแต้วรีบไปหุงข้าวนะพี่กับอาลอแล้วก็เจ้าจอมเอาของมาทำบ่อดักแมลงให้แล้ว”แต้วรับคำอย่างว่างง่าย ลูกเจี๊ยบและลลิตภัทรเข้าไปทักทายพูดคุยกับตายายแป๊บหนึ่งบอกจุดประสงค์ที่จะมาทำในวันนี้ก็แยกออกมาส่วนเจ้าจอมและลลิตภัทรก็เดินตามลูกเจี๊ยบไปหลังบ้านที่เป็นแปลงผักสวนครัวขนาดย่อมมีคูน้ำอยู่ใกล้ๆ ลูกเจี๊ยบเดินไปข้างบ้านหยิบจอบมาสองด้ามอย่างชำนาญราวกับว่านี่เป็นบ้านตน ด้ามหนึ่งก็ยื่นให้ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวเราช่วยกันขุดนะจ๊ะ ทำซัก 5 หลุม ไม่ต้องลึกมากซัก60 เซ็นต์ก็พอ ส่วนความกว้างเอาเท่านี้”ลูกเจี๊ยบทำมือให้ดูว่าต้องการความกว้างขนาดไหน ซึ่งก็ไม่ใหญ่จนเกินไป หลังจากขุดกันซักพักพอให้ได้เหงื่อแต้วกับตาก็ตามมาสมทบ ตาของแต้วแม้จะอายุมากแล้วแต่เพราะตรากตรำทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยรุ่นหนุ่มจึงยังคงแข็งแรงชายชราแย่งเอาจอบจากลูกเจี๊ยบแล้วไปขุดเสียเองลูกเจี๊ยบจึงชวนแต้วกับเจ้าจอมมาขึงพลาสติกกับไม้ที่ผูกกันเป็นสี่เหลี่ยม

 

            “ตาจ๋า หลอดไฟที่เจี๊ยบกับพ่อกำนันเอามาให้เมื่อวันก่อนอยู่ไหนจ๊ะ”

 

            “อยู่ในบ้านเดี๋ยวตาไปเอาให้”เมื่อขุดหลุมเสร็จลลิตภัทรก็หอบแฮ่กราวหมาหอบแดดได้แต่ทรุดนั่งลงกับพื้นดินแข็งๆอย่างไม่สนใจว่ากางเกงหรือเสื้อผ้าจะเปรอะเปื้อน

 

            “เหนื่อยเหรอจ๊ะ ขุดไปแค่สองหลุมเอง”ลลิตภัทรที่นั่งพักอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามคล้ายจะเยาะของศตายุ ชายหนุ่มรีบเก๊กท่าทางให้ขึ้งขังทำราวกับว่าตนเองนั้นสบายๆยิ่งกว่าเพลงของพี่เบิร์ด

 

            “เหนื่อยอาร๊าย!! เหนื่อยที่หน๊าย!! อาสบายมากให้ขุดอีกซัก 10 หลุมยังได้”

 

จ้า ไม่เหนื่อยแต่เสียงสูงปรี๊ด แถมแก้มก็แดงปากก็แดง ไม่เหนื่อยเลยจ้า น่าเอ็นดูจริงๆอาลอนี่

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ค่อนขอดคนปากแข็งในใจ เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วลลิตภัทรก็มาช่วยผูกหลอดไฟเป็นแนวนอนหลังจากตอกเสาลงกับพื้นดินจนแน่นหนาแล้วเอาพลาสติกคลุมหลุมที่ขุดจนครบเด็กๆก็ช่วยกันตักน้ำจากท้องร่องใกล้ๆมาใส่ครึ่งหลุม ลูกเจี๊ยบงัดเอาขวดน้ำมันพืชมาโรยๆใส่น้ำในหลุมจนครบ ตะวันโพล้เพล้พอดีไฟทั้ง 5 ดวงก็ถูกเสียบจนสว่างไปทั่วบริเวณ ผืนพลาสติกที่ถูกกางออกราวจอของหนังกลางแปลงจะเป็นตัวดักแมลงให้หล่นลงไปในน้ำ

 

            “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะมาดูผลงานนะ”ลูกเจี๊ยบบอกกับแต้วหลังเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นั่งคุยกับตายายอีกพักทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนกลับไปที่ศูนย์โอท็อปเพื่อกลับไปเอารถกระบะที่จอดทิ้งไว้ ลลิตภัทรพาเด็กทั้งสองคนไปส่งที่บ้านเอ่ยทักทายจิ๊บกับเจ้าขาแล้วจึงลากลับ ลูกเจี๊ยบยืนแอบตรงมุมบ้านโบกมือบ๊ายบายให้พระลอด้วยใบหน้าทะเล้น เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเพื่อที่จะออกมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่พี่ๆและหลานๆ ระหว่างที่เตรียมผ้าขนหนูเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นชายหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเมื่ออ่านข้อความก็ถึงกับยิ้มขำ

 

            “หายาคลายกล้ามเนื้อกินด้วยนะจ๊ะ แก่แล้วเดี๋ยวเส้นยึด”ชายหนุ่มสายหัวกับสติ๊กเกอร์เจ้าเงาะป่าตด นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคลงไปแล้วกดส่ง ลูกเจี๊ยบที่รอข้อความตอบกลับอยู่แล้วกดอ่านทันที พลันใบหน้าที่มีผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็แดงขึ้นราวมะเขือเทศสุก

 

            “ออกแรงแค่นี้สบายมากค่ะ หนูก็รู้นี่คะ ว่าอาน่ะ ทั้งแข็ง และแรง ขนาดไหน”

 


        “อาลอ คนบ้า คนผีทะเล สาธุขอให้เส้นยึดจะได้เลิกทะลึ่ง”







............................................



ให้อาเขาทำงานทำการเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำงานทำกามใส่เด็กมัน เดี๋ยวจะเปลืองงบแผ่นดิน 55555555555



เหม็นกลิ่นคนขี้ขิงมั้ยคะ



เหม็นมากเลยค่ะ



เขาว่ากินเด็กเป็นอมตะ ไรท์คิดว่าอาลอคงไม่มีวันตายแล้วล่ะเพราะกินเด็กมากกกกกกกกกกกก



เด็กสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ขอสายด่วน 191 หน่อยค่ะ หมั่นไส้ล้วนๆ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๗ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 08-12-2018 20:52:58
คนแก่หลงเมีย(เด็กมว๊ากกก)
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๗ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-12-2018 18:20:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๗ วันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 09-12-2018 20:33:37
เขินเวอร์ แง้ กรุบกริกกรุบกรอบ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๙ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 13-12-2018 16:17:52
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๙

((ตอนที่ 28 เราลืมอัพด้วยความมึนขออนุญาตลงในหน้าสุดท้ายนะคะกดอ่านในสารบัญ))
     













      วันนี้แดนดิน จิ๊บและลูกๆมาวัดตั้งแต่หลังกินข้าวเช้าอิ่ม ในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดรวมทั้งกำจัดวัชพืช เมื่อมาถึงวัดทั้งห้าคนก็เดินตรงไปยังส่วนของป่าช้าที่รายล้อมไปด้วยเจดีย์เก็บอัฐิของบรรพบุรุษ เมื่อมาถึงก็ไม่รอช้าทุกคนต่างช่วยกันทำความสะอาดรอบๆท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวในเดือนเมษายน ทุกปีก่อนสงกรานต์ชาวบ้านจะมาวัดเพื่อทำความสะอาดสถูปหรือเจดีย์ที่เก็บกระดูกของญาติผู้ล่วงลับ รวมทั้งบ้านของลลิตภัทรด้วยที่ทำความสะอาดอยู่ไม่ไกล

 

            “เจ้าจอมอย่าเล่นซุกซนนะลูก สำรวมหน่อย”จิ๊บเอ่ยบอกกับลูกคนเล่นที่เหวี่ยงไม้กวาดสะปะสะปะบ้างก็แกล้งลูกเจี๊ยบบ้างก็แกล้งเจ้าขาให้พี่สาวเอ็ดแหวไปเสียหลายหน เด็กน้อยทำคอย่นทันทีเมื่อแม่ส่งสายตาดุมาให้ก่อนจะกระลิ้มกระเหลี่ยพ่อบ้างพี่บ้างสุดท้ายก็เดินไปหาลลิตภัทรที่ถางหญ้าหน้าที่เก็บกระดูกปู่ย่าตาทวดอยู่ไม่ไกล

 

            “อาลอร้อนมั้ยจ๊ะ”ส่งคำถามแรกไปลองหยั่งอารมณ์อาลอดู ดูเถอะแก้มก็แดงปานชมพู่มะเหมี่ยว สงสัยจะร้อนมาก เสื้อเชิ้ตสีชมพูชุ่มไปด้วยเหงื่อช่างน่าสงสารนัก

 

            “ร้อนสิครับ ไปยืนห่างๆอาเดี๋ยวด้ามจอบโดนหน้า”ลลิตภัทรดันเด็กน้อยที่ทำตัวเป็นเหาฉลามเดินตามติดเขาต้อยๆอย่างนึกห่วง แก้วเจ้าจอมที่หัวเริ่มจะหายเหม่งแล้วยอมถอยไปหลายก้าว

 

            “บ่ายนี้อาลอไปไหนมั้ยจ๊ะ”

 

            “ก็ว่าจะไปดูชาวบ้านขนทรายมาไว้ที่ลานวัดน่ะ ทำไมเหรอ? จะชวนอาไปไหนหรือเปล่า?”ลลิตภัทรถามกลับเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ มาถามว่าเขาว่างมั้ยนี่มีไม่กี่อย่างหรอกถ้าไม่ชวนไปเล่นซนอะไรก็คงชวนไปหาอะไรกิน

 

            “หนูอยากกินไอติมจ้า เห็นในทีวีมีไอติมข้าวเหนียวมะม่วงน่ากิ๊นน่ากิน”

 

นั่นปะไร ซื้อหวยไม่เคยถูก พระลอแอบค่อนขอดแก้วเจ้าจอมในใจ

 

            “ไปกันสองคนเองเหรอ?”แกล้งถามหยั่งเชิง จริงๆจะพาไปเลยก็ได้แต่เขาไม่มีทางพาไปแค่แก้วเจ้าจอมแน่ ตัวขาวๆที่เดินไปเดินมาเก็บเศษหญ้าตรงนู้นต่างหากล่ะที่น่าพาไปที่สุด

 

            “ชวนพ่อกับแม่ไปด้วยก็ได้จ้า”เด็กน้อยตอบประสาซื่อแต่จอบในมือของลลิตภัทรนี่สั่นไปหมดเลยจ้า จิ๊บน่ะเขาพาไปได้ แต่อย่างแดนดินน่ะไม่ควรกินหรอกเสวนเซิงเสวนเซ่น ไอติมรถเข็นก็หรูเกินไปแล้ว

 

อย่างแดนดินเหมาะแก่การทาแป้งหน้าขาวแล้วนอนอมเหรียญเสียมากกว่า

 

            “พ่อเราเขาไม่กินไอติมหรอก”เขาถนัดกินบนเรือนขี้รดบนหลังคามากกว่า ความคิดในใจของลลิตภัทรตอบโต้ไปอีกทาง อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองร่างกายกำยำของแดนดินที่กำลังขนขยะไปทิ้งอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

            “งั้นชวนพี่เจี๊ยบไปด้วยก็ได้”

 

            “โอเคบ่ายๆมาหาอาที่บ้านแล้วกันพอดีเลยต้องเข้าเมืองไปซื้อของเตรียมทำข้าวแช่ถวายพระพรุ่งนี้”ลลิตภัทรตอบรับหลานอย่างทันท่วงทีจนแก้วเจ้าจอมเบะปากใส่

 

หมั่นไส้ตำแหน่งหลานรักที่พี่เจี๊ยบได้จากอาลอนัก ตนเองชักแม่น้ำทั้งห้าจนปากเปียกปากแฉะไม่ตอบรับพอเอ่ยชื่อพี่เจี๊ยบปุ๊บอาลอตอบรับราวกับขึ้นทางด่วน



สองมาตราฐานชัดๆ นี่ถ้าเป็นเรือก็คงล่มล่ะจ้า ลำเอียงเสียขนาดนี้

 

หลังจากจัดการทำความสะอาดเจดีย์เสร็จในช่วงสายๆลลิตภัทรก็ไปดูชาวบ้านช่วยกันขนทรายมาไว้ที่ลานวัด ทรายจำนวนมหึมาถูกขนมาด้วยรถสิบล้อเพื่อเอาไว้ให้ชาวบ้านก่อเจดีย์ทรายในวันพรุ่งนี้กระดาษสีถูกนำมาตกแต่งประดับประดาจนบรรยากาศโดยรอบสดใสขึ้นผิดหูผิดตา ผู้ใหญ่ที่มีฝีมือหน่อยมาขึ้นรูปเจดีย์ทรายองค์ใหญ่เพื่อเป็นประธานลูกเจี๊ยบก็มานั่งดูอยู่ด้วย ร่างบางใส่กางเกงยาวแค่เข่าลลิตภัทรเหลือบไปเห็นหลานนั่งหลบแดดที่แคร่ใต้ต้นไทรก็เดินเข้าไปหา

 

            “ร้อนขามั้ยคะ?”ถอดเสื้อเชิ้ตที่ตัวเองใส่คลุมหน้าตักให้หลาน แม้จะเป็นเด็กผู้ชายแต่ก็เป็นเด็กผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียของเขา ลลิตภัทรหวงไม่อยากให้อีแดดที่โคฟเวอร์ไฟนรกมาแผดเผาโดนผิวเนื้อลอออ่อนของหลานให้ขาคล้ำ หากแต่ศตายุจ้องหน้าเขาตาแทบถลนพลางยัดเสื้อกลับใส่มืออาหนุ่ม

 

มันเรื่องอะไรกันเล่าอาลอถึงมาถอดเสื้อที่ใส่ให้ตน ดูเถอะเหลือแต่เสื้อกล้ามผิวอาลอขาวจัดราวกับจะสะท้อนแสงได้แบบนี้สาวน้อยสาวใหญ่มองกันให้เกรียว แล้วตรงไหปลาร้าน่ะยังมีรอยแดงจางๆจากฝีปากเขาหลงเหลืออยู่เลย

 

            "ใส่เสื้อกลับไปเดี๋ยวนี้นะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยกดเสียงต่ำ

 

            “แต่ขาหนู...”

 

            “ขาหนูมันไม่เป็นอะไรแต่ตรงนี้ของอาลอมันจะโชว์คนอื่น!!”ลูกเจี๊ยบแตะๆให้ลลิตภัทรรู้ตัวว่ารอยที่เขาทำยังจางหายไปไม่หมด ลลิตภัทรจึงยอมใส่เสื้อกลับไปตามเดิม

 

            “บ่ายนี้อย่าลืมมาหาอาที่บ้านนะคะ บอกพ่อกับแม่ว่าย่าโฉมวานให้ไปช่วยซื้อของที่ตลาด”ลลิตภัทรบอกกับหลานก่อนจะเดินไปตามเสียงเรียกของชาวบ้านที่ให้ช่วยดูสถานที่ๆจะใช้สรงน้ำพระ ตอนเที่ยงลูกเจี๊ยบจึงกลับบ้านไปกินข้าวแล้วขออนุญาตแม่ตามที่ลลิตภัทรบอกโดยมีแก้วเจ้าจอมติดสอยห้อยตามมาด้วย  ชายหนุ่มพาหลานทั้งสองมาถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวเมือง แก้วเจ้าจอมเกาะลลิตภัทรแจราวกับกลัวชายหนุ่มหาย เด็กน้อยยึดแขนข้างหนึ่งของอาลอไว้ส่วนมืออีกข้างลลิตภัทรส่งไปจับมือน้อยๆของศตายุ พากันเดินตรงไปยังร้านไอศกรีมที่แก้วเจ้าจอมอยากมา ทั้งสามคนนั่งกินกันไปพลางคุยกันไปโดยส่วนมากจะเป็นเสียงเจื้อยแจ้วของแก้วเจ้าจอมที่คุยอวดทั้งเรื่องที่บวชและเรื่องที่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวครั้งแรก  ทุกสิ่งทุกอย่างบนเครื่องบินช่างน่าตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด

 

            “ไว้หนูโตมีเงินเยอะๆหนูจะพาอาลอนั่งเครื่องบินไปเที่ยวทะเลมั่งนะจ๊ะ อาลออย่าเพิ่งเสียใจไป”พระลอชะงักกับน้ำคำแสนน่ารักของเด็กน้อยวัย 9 ขวบนั้น เขารับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำพูดเด็กๆนั้น แก้วเจ้าจอมพูดกับเขาหลายรอบแล้วเรื่องที่จะพาเขาไปเที่ยวถ้าหากโตขึ้น นั่นหมายความว่าแก้วเจ้าจอมนั้นก็รักเขาเหมือนคนในครอบครัวด้วยใจจริง

 

            “ทำไมถึงอยากพาอาไปด้วยล่ะครับ?”ชายหนุ่มลองถามดูเพื่อความมั่นใจ แม้จะรู้ในคำตอบนั้นอยู่แล้วก็ตามที

 

            “ก็อาลอดีกับหนูนี่จ๊ะหนูรักอาลอ ตอนนี้หนูยังเด็กเงินในกระปุกยังมีไม่เยอะยังพาอาลอไปไม่ได้ แต่พอหนูโตหนูจะหาเงินให้ได้เยอะๆแบบอาลอเลยจ้าแล้วหนูจะพาอาลอไปเที่ยว ว่าแต่อาลอทำยังไงถึงได้มีตังค์เยอะล่ะจ๊ะ”

 

            “อาก็ทำงานไงครับ”

 

            “เป็นผู้ใหญ่บ้านได้เงินเดือนเยอะมากเลยเหรอจ๊ะ”เด็กน้อยถามประสาซื่อ ลลิตภัทรเหลือบขึ้นมาสบตากับลูกเจี๊ยบที่มองมายังเขาด้วยสายตาอยากรู้เช่นกัน

 

ถ้าเจ้าจอมไม่ถามขึ้นมาลูกเจี๊ยบก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลลิตภัทรทำงานอะไรนอกจากกินเงินกงสีจากครอบครัว ลูกเจี๊ยบไม่เคยเอ่ยถามเลยซักครั้ง เหมือนเขาจะรู้จักอาลอดีแต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขารู้จักลลิตภัทรน้อยมากจริงๆ

 

            “อามีบริษัทร่วมกับเพื่อนครับ แล้วอาก็เล่นหุ้นด้วย”

 

            “หือ...เล่นหุ้น เหมือนที่ป้ายุพินเล่นหวยมั้ยจ๊ะ แต่หนูไม่เห็นว่าเขาจะรวยซักหน่อย บ่นแต่ถูกกินทุกรอบ”เด็กน้อยว่าพลางทำหน้าครุ่นคิด พระลอหัวเราะกับน้ำคำใสซื่อนั้นไม่รู้สึกน่ารำคาญเลยซักนิด เขาเองก็อยากให้ลูกเจี๊ยบได้รับรู้ข้อมูลส่วนตัวของเขาบ้าง อย่างน้อยก็ในฐานะภรรยาของเขา

 

            “มันก็เหมือนเล่นหวยนั่นแหละ แต่ว่าหุ้นมันจะมีแนวโน้มให้รู้ว่าจับตัวไหนจะทำเงินได้ เราจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำบางครั้งอาก็ต้องเสี่ยงลงทุนซื้อหุ้นนอกสายตาที่มีแนวโน้มจะทำเงินได้ในอนาคต  อย่างล่าสุดที่อาได้มา อาลงทุนซื้อตัวละ 5 บาท วันดีคืนดีหุ้นตัวนี้ก็ขึ้นอาขายได้ตัวละ 36 บาท อาก็ได้กำไรไงครับ”ลลิตภัทรอธิบายด้วยความใจเย็น

 

            “ยังงี้อาลอก็ได้ตังค์เยอะนะสิ”

 

            “ก็เยอะครับ”

 

            “ได้กี่ร้อยจ๊ะ”

 

            “ยี่สิบ”พระลอตอบเรียบๆพลางตักไอติมเข้าปาก แก้วเจ้าจอมทำหน้ายู่ พุทโธ่เอ๋ย ได้แค่ยี่สิบบาทเจ้าจอมซื้อก๋วยเตี๋ยวกินยังไม่ได้เลยจ้า

 

            “แค่ยี่สิบบาทจะไปทำอะไรได้จ๊ะ เฮ้อ”

 

            “ใครบอกยี่สิบบาทล่ะครับ ยี่สิบล้านต่างหาก”

 

เคร๊ง!!!

 

เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่ลลิตภัทรได้มาช้อนไอติมในมือของลูกเจี๊ยบก็หลุดมือทันที

 

อาลอรวยมาก...

 

อาลอรวยมาก....



และอาลอรวยม๊ากกกกกกก!!!!!

 

ลลิตภัทรหยิบช้อนที่เด็กน้อยทำหล่นในจานใส่มือเจ้าตัวดีที่ทำตาโตอย่างขำๆ แก้วเจ้าจอมยกนิ้วขึ้นมานับจำนวนหน่วยของเงินก่อนจะชูมา 8 นิ้ว

 

            “อาลอมีตังค์ 8 หลักเลยเหรอจ๊ะ”

 

            “ตอนนี้เหลือไม่ถึงแล้ว”ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบๆ แก้วเจ้าจอมยังทำหน้าที่เจ้าหนูจำไมได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

 

            “อ่าว ทำไมล่ะจ๊ะ?”

 

            “ก็ตอนได้เงินมาอาก็เอาไปโปะคอนโดจนหมดแล้วก็ซื้อรถไงครับก็เลยเหลือไม่ถึงสิบล้านแล้วอาก็เอาไปลงทุนกับหุ้นตัวอื่นๆด้วย”

 

            “ก็ดีนะจ๊ะคอนโดอาลอส๊วยสวยดูก็รู้ว่าแพงแล้วอยู่ใจกลางเมืองแบบนั้นด้วย”ลูกเจี๊ยบที่นั่งนิ่งมาตั้งแต่แรกออกความเห็น

 

            “แบบนี้อาลอได้กำไรตลอดเลยมั้ยจ๊ะ?”

 

            “ก็ไม่เสมอไปบางตัวซื้อตั้งนานก็ไม่ขึ้นซักทีก็เทขายไปเท่าทุนบ้างขาดทุนบ้างดีกว่าให้เงินมันไปนิ่งอยู่ตรงนั้น โชคดีที่อามีรายได้หลายทาง เงินเก็บก็เก็บส่วนหนึ่งเงินที่ใช้ก็ใช้ส่วนหนึ่งไม่ปนกันทำบัญชีชัดเจนอามีเป้าของอาว่าเดือนหนึ่งต้องเก็บเท่าไหร่”

 

            “ดีจังหนูไม่เคยเก็บเงินเลยจ้าแม่จ๋าให้ไปเท่าไหร่หนูก็ซื้อหนมกินหมด”เจ้าจอมสารภาพเสียงอ่อย

 

            “เจ้าจอมก็ลองแบ่งหยอดกระปุกดูสิครับปีหนึ่งก็เอาออกมาดูว่าเก็บได้เท่าไหร่แล้วเอาไปฝากธนาคารวันละ 5 บาท 10 บาทก็ได้”

 

            “หนูมีเงินฝากนะจ๊ะพ่อจ๋าเอาเข้าบัญชีให้ทุกเดือน พี่เจี๊ยบกับพี่เจ้าขาก็มี”เจ้าจอมเอ่ยอย่างอวดๆ

 

พ่อกำนันจ๋าของเขาน่ะเจ๋งที่สุดแล้วล่ะอย่างน้อยๆแดนดินก็เอาเงินใส่บัญชีให้ลูกๆเดือนละหนึ่งพันบาทไม่ได้ขาดตั้งแต่ลูกเกิดแล้ว

 

ลลิตภัทรนั่งมองเด็กสองคนกินไอศกรีมไปพูดเจื้อยแจ้วไปอย่างไม่รู้สึกเบื่อ ชายหนุ่มมองลูกเจี๊ยบที่คุยเล่นกับน้องชายด้วยสายตาลึกซึ้ง

 

เขาตั้งใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้เขาเองก็จะเอาเงินฝากเข้าอีกบัญชีหนึ่งไว้ให้ลูกเจี๊ยบ เขารู้สึกว่าเมื่อได้ครอบครองเด็กน้อยคนนี้แล้วเขาก็อยากจะรับผิดชอบและเลี้ยงดูไม่ให้ลูกเจี๊ยบต้องลำบาก อยู่ๆความรู้สึกว่าเขากำลังเป็นหัวหน้าครอบครัวก็เกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ อยากจะดูแลปกป้องและซัพพอร์ตทุกอย่างที่ลูกเจี๊ยบต้องการ ความรู้สึกของการได้มีใครให้ดูแลมันดีแบบนี้นี่เอง



อยากดูแลไปจนชั่วชีวิตจนกว่าแผ่นดินจะกลบหน้าเลยทีเดียว

อ่านต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๙ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 13-12-2018 16:18:26
หลังจากกินไอติมกันเสร็จลลิตภัทรก็พาเด็กทั้งสองมาโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาเลือกจะซื้อของที่แม่สั่งใที่นี่โดยเลือกแต่ของดีๆมีคุณภาพมากกว่าไปเดินตามหาในตลาดที่ค่อนข้างสกปรก วัตถุดิบชั้นดีถูกเลือกใส่ในรถเข็นทีละอย่างด้วยความใจเย็น จริงๆซื้อตามที่แม่สั่งก็ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวแต่เขาอยากมีเวลาอยู่เพียงลำพังกับลูกเจี๊ยบมากกว่าแม้จะมีแก้วเจ้าจอมเป็นตัวแถมก็ตาม ลลิตภัทรให้เด็กๆเลือกของที่อยากได้ใส่รวมไปในรถโดยที่เขาจ่ายเงินให้ลูกเจี๊ยบจะไม่ยอมหยิบอะไรเพราะเกรงใจจนชายหนุ่มต้องกระซิบข้างหูให้เกิดริ้วแดงจางๆที่สองแก้มผ่อง

 

คำพูดคำจาของอาลอช่างหน้าด้านนัก พูดอะไรก็ไม่รู้น่าอายจะตายไป

 

 

 

            “จะเอาอะไรก็หยิบเถอะค่ะ เมียคนเดียวอาเลี้ยงได้”









 

          หลังกลับจากไปกินไอศรีมที่ในเมือง เด็กๆช่วยกันขนของที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในครัว ย่าโฉมตรวจตราสิ่งของที่สั่งเมื่อครบตามความต้องการก็พยักหน้าอย่างพอใจ

 

          "ลอไปเก็บดอกมะลิที่หน้าคลองให้แม่หน่อย แม่จะแช่ทิ้งไว้เป้นน้ำลอยพรุ่งนี้"หญิงชราหันไปสั่งลูกชายคนเล็ก

 

          "เอาเยอะแค่ไหนครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบขันเงินมาถือไว้พลางถามปริมาณ

 

          "เยอะหน่อยก็ดีลูก เลี้ยงพระด้วยเลี้ยงคนมาทำบุญด้วย"

 

          "งั้นเดี๋ยวหนูไปช่วยอาลอเก็บเองจ้าจะได้เสร็จไวๆ"ลูกเจี๊ยบขันอาสาแล้วก็พากันเดินไปที่ศาลาริมคลองที่มีพุ่มมะลิลาออกดอกขาวไสวส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ สองอาหลานช่วยกันเก็บดอกมะลิเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้แวะมาช่วยแม่เตรียมของในครัวส่งเสียงคุยกันวุ่นวายเนื่องจากต้องทำเครื่องเคียงกินคู่กับข้าวแช่ในปริมาณเยอะ

 

          "หอมจังเลยนะคะ"ลลิตภัทรเด็ดดอกมะลิขึ้นมาจรดปลายจมูก สูดกลิ่นเข้าไปจนเต็มปอดสองตาจ้องหน้าลูกเจี๊ยบน้อยไม่ได้ละไปไหน

 

          "แต่หอมสู้แก้มหนูไม่ได้เลยซักนิด"ลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบสีขาวน้ำนมนั้นแผ่วเบาก่อนจะเอามะลิดอกน้อยไปทัดหูให้ลูกเจี๊ยบ สองแก้มฟูขึ้นสีปลั่งจนอยากดึงมาฟัดเสียให้หนำใจ ริมฝีปากอิ่มตึงจากการเม้มอย่างสุดกำลังของเจ้าของปาก ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนจมูกบาน

 

ดูเอาเถิดนี่ขนาดมาเก็บดอกไม้ทำของถวายพระอาลอยังทำอกุศลใส่จนได้ มันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ยืนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากเม้มบ้างคลายบ้างเพราะกลั้นทั้งยิ้มกลั้นทั้งเขิน อยากจะเอ่ยปากด่าแต่ก็กลัวลุงๆป้าๆที่เดินเข้าเดินออกจะได้ยิน คงไม่ดีแน่ ดังนั้นที่ทำได้ก็มีเพียงเก็บดอกมะลิไปเรื่อยๆ แต่เหมือนลลิตภัทรจะไม่ให้ความร่วมมือกับศตายุนักเมื่อมือของหลานยื่นไปเก็บดอกไหนชายหนุ่มก็ตามไปหยิบดอกนั้น ทำทีเป็นบังเอิ๊ญบังเอิญจนหลอกจับมือหลานไปได้เสียหลานหน ร้อนให้เด็กมันส่งสายตาเขียวปั๊ดมาเป็นการเตือนคนแก่กว่าถึงยอมแพ้ เมื่อเก็บได้เยอะแล้วทั้งคู่ก็กลับเข้าไปในครัว แก้วเจ้าจอมที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่บ่ายกำลังนั่งกินแกงบวดฟักทองกับใบบัวและใบบุญกลมกลืนดุจญาติมิตร

 

ถึงว่าไม่ยักจะร้องตามไปเก็บดอกมะลิ มีของกินอุดปากอยู่นี่เอง

 

            “ได้มาเยอะเลย เจี๊ยบช่วยย่าเอาไปล้างแล้วเด็กด้านเขียวๆออกทีนะลูก”ย่าโฉมมอบหมายงานอันใหม่ให้ลูกเจี๊ยบ ใช้เวลาไม่นานเพราะคนเด็กนั้นทำงานคล่องแคล่วดอกมะลิก็พร้อมใช้งาน ย่าโฉมเอาน้ำฝนที่รองเก็บไว้ใช้จากโอ่งดินข้างครัวมาใส่ในหม้อใบใหญ่จากนั้นนำดอกมะลิกับกุหลาบมอญลงไปโรย จุดเทียบสำหรับอบควันเทียนจากนั้นใช้มือปัดจนไฟดับควันสีขาวคละคลุ้งหญิงชราจึงเอาฝาหม้อปิด

 

            “ทำไมต้องอบควันเทียนด้วยล่ะจ๊ะย่า”ลูกเจี๊ยบที่นั่งมองกรรมวิธีเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “น้ำข้าวแช่จะได้หอมชื่นใจไงลูก”หญิงชราตอบกลับเจ้าเจี๊ยบ มือก็ไม่ได้หยุดนิ่ง นั่งช่วยลูกสะใภ้ปอกหอมแดงเพื่อเอาไว้ทำเครื่องเคียงอย่างหอมแดงยัดไส้ ลูกเจี๊ยบนั่งช่วยหญิงชราเตรียมวัตถุดิบจนเสร็จสิ้นยามตะวันโพล้เพล้จึงได้ลากลับ ลลิตภัทรอาสาจะไปส่งลูกเจี๊ยบกับเจ้าจอม

 

            “เดินไปมั้ยคะ?”เอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่เดินเคียงข้างแม้จะอยู่ด้วยกันมาครึ่งวันแล้วแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันไม่พอ ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทั้งสามคนจึงเดินออกมาทางหน้าบ้านที่ผ่านทุ่งนาที่บัดนี้เหลือเพียงตอจากฟางข้าวที่ถูกเกี่ยวไปแล้ว แสงสีสม แดง ชมพู ม่วงบนท้องฟ้างามจับตาราวกับภาพนิรมิตรที่ถูกบรรจงตวัดปลายแปรงจนเป็นภาพที่แสนงดงาม ลมพัดมาจากชายเขาไม่ได้เย็นฉ่ำหากแต่พัดเอาไปร้อนมาด้วย ได้ยินเสียงร้องรำทำเพลงดังมาจากตรงนั้นทีตรงนี้ด้วยบรรดาผู้คนที่เดินทางไปทำงานยังต่างถิ่น ทั้งจากเมืองกรุงและต่างจังหวัดต่างกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ดั่งลูกนกที่บินกลับถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน แก้วเจ้าจอมเดินนำหน้าปร๋อทิ้งห่างผู้เป็นพี่และเป็นอาไปยังดงไมยราพก่อนใช้ปลายเท้าเตะลงไปบนก้านใบจนมันหุบใบเข้าหากัน

 

            “พรุ่งนี้อาลอไปวัดกี่โมงจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบหันไปถามคนเป็นอาที่แอบมากุมมือตัวเองเดินคู่กันไปอย่างเงียบๆ

 

            “น่าจะเช้าเลยค่ะ แม่จะไปสรงน้ำพระด้วย”

 

            “งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่วัดนะจ๊ะ หนูอยากก่อเจดีย์ทรายกับอาลอ”

 

            “ไม่มาช่วยแม่ทำข้าวแช่เหรอคะ?”

 

            “คงไม่ได้ไปจ้า ย่าจะทำตั้งแต่ตี 4 แม่คงไม่ให้ข้ามมามันเช้าไป”

 

            “เสียดายจัง”คนเป็นอาทำเสียงอ่อย

 

            “เสียดายอะไรกันล่ะจ๊ะ?”

 

            “ถ้าหนูมาอาจะได้ตื่นมาเห็นหน้าหนูไงคะ เจอกันแป๊บๆก็ต้องกลับแล้ว อายังไม่หายคิดถึงเลย”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงอ้อน แต่คนเป้นหลานนั้นใจหล่นไปอยู่กับคันนาแล้ว

 

โถ่เอ๋ย อาลอช่างน่าสงสารนัก แม้ว่าเจี๊ยบจะอยากอยู่กับอาลออยากเป็นคู่ร่วมเรียงเคียงหมอนสักเพียงไหนแต่เพราะยังเยาว์นักจึงไม่อาจทำได้ดังใจหวัง อาลอคงเหงาและอ้างว้างมากถึงร่ำร้องอยากจะอยู่กับหนูตลอดเวลาสินะ กล่องความคิดของเด็กน้อยสะท้อนออกมาอย่างเร้าสร้อย แต่ทว่ากล่องความคิดของคนเป็นผู้ใหญ่นั้นอกุศลนัก

 

ทำไมลูกเจี๊ยบโตช้าจังคะ อาจับกินไม่ถนัดเลย เฮ้อออออออออ

 

            รุ่งเช้าเสียงเพลงเกี่ยวกับสงกรานต์ก็ดังไปทั่วหมู่บ้านด้วยเสียงตามสายจากบ้านของลลิตภัทรที่เปิดจนดังสนั่นลั่นทุ่งเป็นการเรียกชาวบ้านให้ได้ตื่นมาเตรียมตัวไปวัดหรือสรงน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ย่าโฉมกับลูกสะใภ้และลูกจ้าง 2-3 คนตื่นมาทำข้าวแช่กันตั้งแต่ตีสาม กลิ่นหอมของเครื่องเคียงฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณบ้าน เมื่อแล้วส่วนที่จะถวายเพลพระแล้วเสร็จในตอนเกือบ 8 โมง ย่าโฉมและคนอื่นๆจึงได้ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปสรงน้ำพระที่วัด ปล่อยให้ลูกจ้างช่วยกันทำส่วนเลี้ยงญาติโยมลูกบ้านตามวิธีทำที่บอกซึ่งก็ไม่ได้เหลือขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรนัก ลลิตภัทรกวาดตามองหาเจ้าเจี๊ยบน้อยจนทั่วลานวัดที่คราค่ำไปด้วยชาวบ้านที่แต่งกายสวยสด บรรดาคนเฒ่าคนแก่ต่างงัดผ้านุ่งผ้าถุงที่ทอจากผ้าไหมลวดลายสวยงามใส่มาประชันกัน เสื้อลูกไม้หลากสีสร้างบรรยากาศสดใสให้กับวัดแม้อายุจะล่วงเลย 60 จนถึง 80 กว่าปี แต่บรรดาแม่ๆทั้งหลายก็เหมือนดรุณีน้อยที่มาคอยรดน้ำพระ แม้ฟันฟางจะร่วงกันเกือบหมดปาก บางคนเหลือซี่เดียวแต่ยามยิ้มแย้มลลิตภัทรก็เห็นว่าน่ารักดี พิธีกรรมทางศาสนาดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เวลาสรงน้ำพระ พระสงฆ์ต่างออกมานั่งให้ประชาชนได้สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล วัยรุ่นบางคนที่เป็นเพื่อนกับพระใหม่ต่างแอบแกล้งพระด้วยการสรงแล้วสรงอีกเพื่อให้หนาวสั่น สร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแม้จะเป็นกริยาที่ไม่สำรวมนักแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็แกล้งมองผ่านๆไปเพราะไม่ได้หนักหนาจนเกินรับได้

 

            “ลอ ลอเอ้ย”ย่าโฉมเรียกลูกชายที่ยังคงชะเง้อจนคอยาวแทบจะกินยอดไทรหน้าศาลาวัดได้แล้ว ลลิตภัทรหันมาให้ความสนใจผู้เป็นแม่

 

            “ครับ”

 

            “กลับไปเอาของที่จะถวายเพลมาได้แล้วลูก จะสิบโมงแล้ว เดี๋ยวจะจัดสำรับไม่ทัน ป่านนี้นิดากับแม่ขวัญเตรียมไว้รอท่าแล้ว”

 

            “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับพ่อกับแม่จะไปนั่งรอบนศาลาเลยมั้ยเดี๋ยวผมพาไป”

 

            “ยังๆ ขอดูเด็กๆเล่นน้ำกันซักแป๊บ น่าสนุก”เมื่อแม่ว่าดังนั้นลลิตภัทรก็ไม่ได้เซ้าซี้ แม้แดดในตอนเกือบสิบโมงเช้าจะเริ่มเจิดจ้าสมกับเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในปี ชายหนุ่มกลับมาที่รถก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อขนหม้อข้าวแช่และเครื่องเคียง เมื่อมาถึงบ้านบรรดาเครื่องเคียงถูกจัดใส่ชามหุ้มพลาสติกวางบนถอดจัดเป็นชุดๆเรียบร้อยแล้ว พระลักษณ์กับพระรามช่วยกันขนส่วนของชาวบ้านขึ้นท้ายรถตัวเองคนละคัน จากนั้นสามพี่น้องก็มุ่งหน้ามาวัดพร้อมกัน บรรดาคนเฒ่าคนแก่ที่คุ้นเคยหน้าเอ่ยทักทายโดยเรียกพระรามว่าอาจารย์ เรียกพระลักษณ์ว่าเถ้าแก่และตัวพระลอชาวบ้านเรียกผู้ใหญ่ ดูเป็นเอกลักษณ์  เมื่อถึงเวลาเพลส่วนมากคนที่ขึ้นไปเลี้ยงพระจะเป็นคนเฒ่าคนแก่และคนที่คุ้นเคยกันเสียมากกว่า บรรดาวัยรุ่นต่างเล่นสาดน้ำปะแป้งกันอยู่ด้านล่าง ในที่สุดเขาก็ได้เจอเจ้าเจี๊ยบเสียที เด็กน้อยขึ้นมาบนศาลาพร้อมพ่อแม่และน้องๆ เสื้อดอกลายพร้อยสีสันสดใสเด่นชัดมาตั้งแต่หัวกระได เมื่อพระใกล้สวดจบลลิตภัทรก็เขยิบเข้าชิดเจ้าคนเด็กที่นั่งอยู่ใกล้คนเป็นพ่อ ทำทีเป็นยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกันแดนดินเบาๆเพื่อให้ต้นแขนชนกับคนเด็กเล็กน้อย

 

นิดๆหน่อยๆก็เอาวะ ชื่นใจ

 

            “พี่เดี๋ยวเชิญไปประเคนข้าวให้พระ จี๊บด้วย”

 

            “เออ”แดนดินทำหน้านิ่งตอบรับคล้ายไม่ใส่ใจแต่ก็แอบรู้สึกดีนิดๆที่ลลิตภัทรมาเชิญด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาประเคนข้าวให้พระแดนดินกับจิ๊บก็เขยิบไปนั่งด้านหน้าพระด้วยกัน

 

            “หนูคะ...”เมื่อปลอดพ่อแม่เด็กแล้วลลิตภัทรก็หันมากระซิบกับลูกเจี๊ยบที่นั่งอยู่

 

            “จ๊ะ?”

 

            “ไปถวายข้าวพระกับอามั้ยคะ ทดลองตักบาตรแต่งงาน”พระลอกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคนเรียกสีแดงขึ้นบนผิวกายเด็กได้อย่างทันท่วงที

 

อาลอนี่นะ ทะลึ่งไม่ดูเวล่ำเวลา ซ้อมตักบาตรแต่งเงินแต่งงานอะไรกันเล่า บ้าบอจริงเชียว

 

แต่ถามว่าไปมั้ย?

 

            “ก็ได้จ้า”

 

ก็ไปอีกแหละจ้า  ซ้อมไว้ก็ดีเหมือนกันเผื่อได้แต่งจริงจะได้ไม่เก้ๆกังๆ

 

หนูแค่มองการณ์ไกลนะจ๊ะอย่าดุหนู

 

หลังพระฉันท์เพลเสร็จบรรดาชาวบ้านก็เข้ามาล้อมวงสำรับกันพร้อมหน้าสำรับข้าวชาหน้าตาน่ารับประทาน เจี๊ยบและครอบครัวได้มานั่งร่วมวงกับครอบครัวของลลิตภัทร ชามข้าวแช่หอมฟุ้งไปด้วยน้ำลอยดอกมะลิ เครื่องเคียงหลายอย่างถูกจัดวางอย่างสวยงามมีทั้งลูกกะปิ หอมยัดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไชโป้วเค็มผัด หมูหวานหมูฝอย มีขมิ้นขาว มะม่วงและผักอื่นๆอีก 2-3 อย่างวางอยู่ด้วยกัน

 

          “เจ้าจอมลูก ตักเครื่องเคียงกินก่อนนะครับแล้วค่อยตักข้าวกินตาม อย่าเอากับลงไปใส่ในชามข้าวกลิ่นคาวมันจะกลบกลิ่นหอม”ย่าโฉมสอนเจ้าจอมที่ทำท่าจะวางลูกกะปิลงในชามข้าวที่ลอยน้ำแข็งอยู่ เป็นการสอนวิธีกินอย่างแนบเนียนให้กับเด็กๆคนอื่นด้วย

 

          “ลูกกะปิกินแนมกับมะม่วงสดจะอร่อยมาก”ลลิตภัทรบอกกับลูกเจี๊ยบพลางหยิบมะม่วงที่พี่สะใภ้อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งนั่งแกะสลักเป็นรูปใบไม้อย่างสวยงามโดยให้เหตุผลว่า

 

         “จะได้เป็นทั้งอาหารตาอาหารปาก”

 

มื้ออาหารแสนชื่นใจที่เป็นอาหารสัญลักษณ์ของฤดูร้อนจบลงอย่างชื่นมื่น เด็กๆช่วยงานผู้ใหญ่ด้วยการไปนั่งล้างจานชามที่ลานด้านหลังศาลา แก้วเจ้าจอมคล้ายจะเป็นตัวป่วนเสียมากกว่าเด็กน้อยแกล้งใบบุญใบบัวสองพี่น้องจนเกือบจะตีกัน จนแดนดินต้องเรียกลูกมาดุแล้วให้เจ้าจอมขอโทษสองพี่น้อง โชคดีที่ยังเด็กกันทั้งสามคนจึงคืนดีกันได้ง่าย ลูกเจี๊ยบไปช่วยลลิตภัทรและพระรามพระลักษณ์ขนของขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  ช่วงบ่ายอาลอสัญญาว่าจะพาไปเล่นน้ำที่ในเมืองดังนั้นเด็กๆจึงรีบกลับมาเตรียมอุปกรณ์เพื่อทำสงครามน้ำถังฟ้าขนาดสองร้อยลิตรถูกขนขึ้นมาไว้บนรถกระบะคันที่มีคอกกั้นเพื่อป้องกันเด็กๆหล่นลงไป ลลิตภัทรไม่อนุญาตให้หลานๆใช้ปืนฉีดน้ำที่มันแรงดันมากเกินไปและให้หลานๆใส่แว่นเพื่อกันการโดนฉีดน้ำเข้าตา

 

          “เจี๊ยบดูแลน้องด้วยนะคะ”

 

          “จ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายโดดขึ้นท้ายกระบะด้วยความคล่องแคล่วแต่ยังไม่ทันที่ลลิตภัทรจะได้เข้าไปประจำที่คนขับเสียงใครบางคนก็ตะโกนเรียกลูกเจี๊ยบมาแต่ไกล

 

          “เจี๊ยบบบบบบบบบ เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยย”ลลิตภัทรถึงขั้นคิ้วกระตุกเมื่อหันไปตามเสียงที่ได้ยิน

 

          ไอ้สองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด มันจะมาทำไมทุกเทศกาลเลยวะ!!!





...........................................



พี่สองคัมแบค 5555555555555555555555555555555



อาลอกลับมาแล้ววววววววววววววว



คราวนี้ก็รู้กันแล้วนะจ๊ะว่าอาลอทำไมมีตังค์เยอะ เรื่องการเล่นหุ้นนี่เราดูจากรายการๆหนึ่งนะคะเลยจำข้อมูลมาเขียน



เราเชื่อว่าคนที่มีความรักทุกคนมันจะมีความรู้สึกแบบอาลอคืออยากดูแลอยากซัพพอร์ตทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากทำอยากได้ แล้วยิ่งอาลออายุมากกว่าเจี๊ยบความอยากดูแลมันย่อมมีมากกว่าความรู้สึกของพวกวัยรุ่นเป็นธรรมดาเนอะ


หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๙ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-12-2018 19:51:06
 :man1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๒๙ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 14-12-2018 02:13:15
ก็คือน้องเจี้ยบเข้าเทศกาลสงกรานต์ก่อนเรื่องใดๆ ตอนนี้มันต้องคริสตร์มาส ผู้ใหญ่มาแกะของขวัญอะไรงี้สิ่ แต่บรรยากาศได้จริง อ่านแล้วรู้สึกอยากเล่นน้ำสงกรานต์แล้ววววว//ถึงไทยจะไม่เคยหลุดพ้นจากหน้าร้อนของสงกรานต์ไปได้ ละลายยย
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๐ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 14-12-2018 18:46:39










          “เจี๊ยบบบบบบบบบบบบบบบ  เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยยยยยยย”ลลิตภัทรมองภาพของสุรศักดิ์ที่วิ่งลัดทุ่งพลางร้องเรียกเด็กของเขาด้วยหัวคิ้วที่กระตุกยิ่งกว่าจังหวะตะลุง

 

มาทำไมวะแม่ง แม้ว่าในใจจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยแต่พอเด็กหนุ่มพี่คนสนิทของเจ้าเจี๊ยบยกมือไหว้สวัสดีลลิตภัทรก็จำต้องเก็บอาการแล้วทักทายคนเด็กกว่าตอบ

 

            “กลับมาทำไม เอ้ย กลับมานานแล้วเหรอสอง”ลลิตภัทรรีบแก้ประโยคคำถามเมื่อศตายุบิดขาเขาหมับเข้าให้ สองที่ไม่ทันฟังแต่แรกก็ตอบอย่างคนที่ไม่รู้สึกอะไร

 

            “เพิ่งกลับมาครับ ถึงแล้วก็บึ่งมาหาไอ้เจี๊ยบมันเลยแต่น้าจิ๊บบอกว่าอยู่บ้านผู้ใหญ่ นี่กำลังจะไปเล่นน้ำในเมืองกันใช่มั้ยครับขอผมติดรถไปด้วยคนได้มั้ย?”

 

            “ได้สิพี่สองไปช่วยกันดูเด็กๆ ไปหลายๆคนสนุกดี”ศตายุรีบตอบลูกพี่อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องถามความคิดเห็นของคนที่ยืนหน้าหงิกเป็นใบผักกูดเลยซักนิด

 

แล้วลลิตภัทรจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเออออห่อหมกไปกับเจ้าคนเด็กที่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกินกับการคัมแบคเสตรจของสุรศักดิ์ในคราวนี้

 

หลังจากช่วยกันขนของขึ้นรถกระบะเรียบร้อยอาวุธครบมือลลิตภัทร์ก็ปิดท้ายตามด้วยเหล็กกั้นกันอันตรายระหว่างทางเข้าเมืองลลิตภัทรบอกให้เด็กๆนั่งให้เรียบร้อยเพราะมีแต่ป่าห่างไกลบ้านคนเขาสามารถเร่งความเร็วได้ ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกหลังบ่อยๆก็เห็นว่าเจ้าลูกเจี๊ยบกำลังคุยกับสุรศักดิ์ปากงุ้ยๆพูดกันไม่หยุด เด็กๆอีกสามคนก็เอาแต่สนใจปืนฉีดน้ำในมือ เห็นเจ้าจอมแกล้งบัวบูชาแว๊บๆด้วยการฉีดน้ำใส่เด็กหญิงแล้วหัวเราะร่า นึกตำหนิในใจหากแต่ครู่เดียวก็เห็นบัวบูชาเอาปืนฉีดน้ำในมือตีหัวแก้วเจ้าจอมไปหนึ่งโป๊ก

 

เก่งมากหลานอาให้มันได้อย่างนี้สิ

 

ยิ่งเข้าเขตตัวเมืองรถกระบะที่มุ่งหน้ามาเล่นน้ำก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กๆที่นั่งมาตลอดทางเริ่มลุกขึ้นยืน น้ำถูกใส่เข้าไปในกระบอก เสียงเพลงจากเครื่องเสียงดังกระหึ่มลอดเข้ามาในตัวรถ ลลิตภัทรตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะลงไปกำชับเด็กๆอีกครั้ง

 

            “เล่นดีๆนะครับอย่ายิงอัดหน้าอัดตาใบบุญกับใบบัวแล้วก็เจ้าจอมใส่แว่นไว้ตลอดห้ามถอดเข้าใจมั้นครับ สองกับเจี๊ยบดูน้องด้วย อันนี้เงินเอาไว้ซื้อแป้งซื้อของกินเจี๊ยบถือไว้นะครับ”ลลิตภัทร์ส่งซองใสกันน้ำใส่เงินที่เต็มไปด้วยแบงค์ 20 และแบงค์ 50 ให้ลูกเจี๊ยบ ปริมาณที่หนาดูก็รู้ว่าคงจะถึงพันบาท จัดว่าลลิตภัทรรอบคอบตรงที่ไปแตกแบงค์ย่อยไว้ให้เด็กๆ เมื่อทุกคนรับคำแล้วลลิตภัทรก็ขึ้นรถแล้วเริ่มไหลตามคันอื่นๆเข้าไปในตัวเมือง บรรยากาศการเล่นน้ำในเมืองสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆและผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเล่นน้ำ เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆดังมาเป็นระยะยามที่ศตายุและสุรศักดิ์ยิงปืนใส่

 

ก็แน่ล่ะ ลูกเจี๊ยบของเขา เวลาอยู่กันสองต่อสองน่ะนุ่มนิ่มยังกับข้าวเหนียวปั้นแต่พออยู่ภายนอกก็คือเด็กผู้ชายหล่อๆคนหนึ่งนั่นแหละ ยิ่งผิวสีน้ำผึ้งบวกกับส่วนสูง 180 นิดๆ ยิ่งส่งให่ดึงดูดสายตาคนอื่นได้ไม่ยาก

 

และแน่นอนพอหล่อในสายตาคนอื่นปุ๊บ สาวๆหนุ่มๆก็กรูกันมาปะแป้งจนเต็มหน้าไปหมด

 

            “ทำไมร้อนวะ”ลลิตภัทรเร่งแอร์ในรถให้แรงขึ้น ในหัวเริ่มเดือดปุดๆล่ะยามที่เห็นทั้งสาวน้อยหนุ่มน้อยและไม่น้อยมาปะแป้งลูกเจี๊ยบของเขา ยิ่งขับเข้าในเขตที่คนเล่นเยอะๆรถก็แทบจะไม่ขยับไปไหน ลูกเจี๊ยบกับสุรศักดิ์เริ่มลงไปซื้อของกินและน้ำมาให้น้องๆกิน ระหว่างยืนรอแน่นอนเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดีก็มีสาวๆเข้ามาปะแป้งฉีดน้ำใส่ บางคนแก่นแก้วหน่อยก็มาเต้นท่าทางยั่วยวนใส่ทั้งสองหนุ่ม แม้ลูกเจี๊ยบน้อยของเขาจะไม่ได้เล่นด้วยมากนักแต่เขาก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

 

ที่ร้อนเนี่ยไม่ใช่อากาศหรอก แต่เป็นหัวเขานี่แหละ

 

ทั้งสองคนลงไปเต้นวาดลวดลายอ้อนตีนเป็นพักๆ ท่าที่เสียงตีนสุดในสายตาลลิตภัทรคงเป็นท่ายกขาขึ้นแล้วเหวี่ยงไปมาอย่างพร้อมเพียง พอมีสาวๆมาขอปะแป้งก็ยื่นหน้าไปให้อย่างคนมนุษยสัมพันธ์ดี

 

ดีจนเกินเหตุ

 

ในที่สุดความอดทนของลลิตภัทรก็สิ้นสุดเมื่อสาวน้อยนางหนึ่งใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงสด หน้าอกหน้าใจล้นทะลักเข้ามาโน้มคอลูกเจี๊ยบของเขาแล้วกดจูบลงบนแก้มที่ปกติมีเพียงเขาที่ครอบครองคนเดียว ลลิตภัทรไม่สนใดใดทั้งสิ้น ชายหนุ่มเปิดประตูรถเดินดุ่มๆไปคว้าแขนลูกเจี๊ยบมาไว้ข้างตัว ดึงกระเป๋าใส่เงินโยนให้สุรศักดิ์

 

            “สอง ฝากดูเด็กๆด้วย เจี๊ยบไปนั่งเป็นเพื่อนอาในรถ”ลลิตภัทรไม่รอให้ลูกเจี๊ยบที่ยังดูงงๆได้ปฎิเสธร่างสูงจับหลานยัดเข้าไปในรถ

 

            “เด็กๆ เย็นแล้ว เดี๋ยวหลุดโค้งนี้อาจะพากลับบ้านเลยนะครับ”ไม่รอฟังเสียงโหยหวนของแก้วเจ้าจอมลลิตภัทรเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับทันทีเมื่อกดล็อกรถเรียบร้อยปแล้วก็โน้มใบหน้าของศตายุมากดจูบแรงๆทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นเพราะเป็นฟิล์มทึบ

 

            “อื้อ อาลอ ทำอะไรอ่ะคนเยอะแยะ”

 

            “อาหึงไงคะ หึงจนอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ยคนที่มาปะแป้งหนูจ้องหนูตาเป็นมันอาไม่ลงไปต่อยให้หน้าแหกก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

 

            “โธ่ อาลออ่ะคิดมาก วันนี้วันเล่นเขาก้เล่นกันไม่คิดอะไรหรอกจ้า”

 

            “ไม่คิดอะไรแล้วทำไมต้องเอานมมาถูแขนหนู จูบแก้มหนูด้วย”

 

            “คุณลลิตภัทรครับคุณจะต้องหึงไปทำไม ต่อให้เขามาแก้ผ้าตรงหน้าผมผมก็ไม่รู้สึกอะไรถ้าคนๆนั้นไม่ใช่คุณ”ศตายุพูดกลั้วเสียงหัวเราะ นึกเอ็นดูคนแก่ที่หึงจนหน้าดำหน้าเขียว ในใจลึกๆแอบดีใจไม่น้อยที่ลลิตภัทรหวงตน คนแก่กว่าพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกความขุ่นข้องเมื่อครู่ราวกับถูกพัดวิเศษพัดปลิวกระเด็นไป

 

            “แต่คุณลลิตภัทรครับ ตอนนี้ผมหนาวมากเลย แอร์เย็นมาก”ศตายุปากคอสั่น เพราะตัวเปียกอยู่แล้วพอเข้ามานั่งในรถที่ลลิตภัทรเร่งแอร์ดับความหัวร้อนก็หนาวจนสั่นไปหมด เจ้าของรถรีบหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปหยิบเสื้อกันหนาวที่เบาะหลังมาคลุมให้คนเด็กกว่าทันที ไม่ทันได้พูดอะไรมากสองก็มาเคาะกระจกรถจนลลิตภัทรจำใจต้องลดกระจกลง

 

            “อ่ะเอาไป กาแฟกับน้ำเปล่าของอาลอนะครับ”สองยื่นของกินที่ไปยืนรอมาในถุงมีลูกชิ้นนับสิบไม้ไก่ย่างข้าวเหรียว ส่วนอีกถุงมีกาแฟกระป๋อง น้ำอัดลมและน้ำเปล่า

 

            “ซื้อให้เด็กๆครบยังสอง เดี๋ยวหลุดโค้งอาว่าจะกลับเลยนะ เย็นแล้วเดี๋ยวเด็กๆไม่สบาย”

 

            “ว่าไงว่าตามกันครับอา”สองตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะปีนกลับขึ้นรถ ลูกเจี๊ยบเริ่มคุ้ยถุงก่อนจะรูดไม้ลูกชิ้นออก จิ้มลูกชิ้นหมูขึ้นมาเป่าๆก่อนยื่นมาจ่อปากอาหนุ่มที่อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง

 

            “อ้าม...”ส่งเสียงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กเล็กๆให้กินกล้วยบด ลลิตภัทรอ้าปากรับอย่างว่าง่าย แตงกวาหั่นถูกป้อนตามก่อนจะเปิดกาแฟแล้วเสียบหลอดป้อนลลิตภัทร อารมณ์ชายหนุ่มดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากเอาลูกเจี๊ยบมานั่งในรถกับตัวเองได้ อย่างน้อยก็ได้มีเวลาคุยกันแม้จะสงสารคนเด็กเวลามองคนด้านนอกเล่นน้ำกันสนุกสนาน

 

            “เสียดายมั้ยคะที่ต้องมานั่งแกร่วกับอาแทนที่จะได้ออกไปเล่นสนุกกับน้องๆ”

 

            “ก็นิดหนึ่งจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามตรงโดยไม่ต้องแอ๊บใส่ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วโอกาสจะเล่นสนุกแบบนี้เหลือน้อยลงทุกที แต่ได้มาอยู่กับอาลอก็ดีไปอย่าง รถติดนานๆเราจะได้มีเวลาด้วยกันมากขึ้น อยู่บ้านหาเวลาอยู่ด้วยกันแทบไม่ได้เลย”น้ำเสียงหงอยๆของคนเด็กทำให้ลลิตภัทรอดที่จะเอื้อมมือไปลูบผมเบาๆไม่ได้

 

ต่อให้รักกันมากแค่ไหนต้องการกันมากเพียงใดแต่ก็ต้องเก็บกลั้นกันไว้ด้วยความอดทน

 

            “ไว้หนูโตกว่านี้เราก็ทำให้มันถูกต้องเถอะนะเจี๊ยบ อาก็อยากเข้าตามตรอกออกตามประตูแล้วเหมือนกัน”

 

            “อื้อ รอถึงวันนั้นอาลอจะทำอะไรหนูจะไม่ห้ามเลย”เด็กน้อยพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง บรรยากาศในรถสดใสขึ้นในพริบตาต่างจากหลังรถลิบลับเมื่อสุรศักดิ์ต้องอยู่กับเด็กๆเพียงลำพัง

 

ไม่สนุกเลยซักนิด

 

 

            ในที่สุดช่วงเวลาของการปิดเทอมใหญ่ก็สิ้นสุดลง เช้านี้ศตายุรีบแต่งตัวก่อนจะถือถาดใส่ข้าวมารอหลวงตาที่ท่าน้ำ ลลิตภัทรโบกมือทักทายมาจากฝั่งบ้านตนเองศตายุส่งยิ้มหวานให้กับคนที่มาดักรอส่งตัวเองไปโรงเรียนแต่เช้า ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงนั่งมองและยิ้มให้กัน ยามเช้าอากาศไม่ร้อนนักมีลมเย็นโชยพัดมาเรื่อยๆ เสียงกอไผ่ลู่ลมดังเอียดอาด นกบินออกจากรังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว บนผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นหลายครั้งยามปลาโดดขึ้นมาฮุบแมลงไม่นานหลวงตาก็พายเรือโผล่พ้นคุ้งน้ำมา ลูกเจี๊ยบรีบยกมือไหว้นิมนต์หลวงตา สองตาหลานคุยกันเช่นทุกวัน

 

            “หลวงตาแก่แล้ว อีกหน่อยคงไม่มาแล้วนะเจี๊ยบเอ้ย”หลวงตาจวบบอกกับหลานชายถึงสุขภาพที่ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ลูกเจี๊ยบยู่หน้ายามที่ผู้เป็นตาพูดถึงเรื่องความเป็นความตาย

 

            “จะรีบพูดทำไมจ๊ะหลวงตา ยังไม่ตายซักหน่อยหลวงตามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยววันหยุดเจี๊ยบไปหาหลวงตาเอง ว่าไปหลวงตาก็อายุเยอะแล้ววันไหนพายเรือทวนน้ำมาหนูก็เป็นห่วง ยังไงเดี๋ยวแม่ก็เอาใส่ปิ่นโตไปถวายที่วัดได้ไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ”

 

            “โตแล้วนะ ลูกเจี๊ยบน้อยของหลวงตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องงอแงให้ตามาแล้วจำได้มั้ย ร้องไห้เสียจนเกือบตกน้ำตกท่า ไปเถอะ หลวงตาจะกลับแล้ว รีบไปกินข้าวกินปลาไปโรงเรียนซะเดี๋ยวรถมาก็รีบตาหูเหลือกอีก” หลวงตาเอ่ยไล่หลานชายคนโตก่อนจะหันหัวเรือเพื่อไปรับบาตรที่ลลิตภัทรมารอใส่ด้วยอีกคน คุยกับชายหนุ่มอีก 2-3 คำก็พายเรือกลับวัดไป

 

ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดต่างๆที่หลวงตาจงบพูด

 

คนเราทุกคนย่อมโตขึ้น

 

ทุกสิ่งล้วนเป็นสัจธรรม

 

อีกไม่กี่ปีลูกเจี๊ยบของเขาก็จะบรรลุนิติภาวะ ในขณะที่ร่างกายของเขาก็จะถดถอยลง อายุรังแต่จะเพิ่มขึ้น

 

ไม่ได้การณ์ล่ะ

 

ถ้าเขาแก่และอ่อนแอก็จะไม่มีแรงกินเด็ก เขาต้องเริ่มออกกำลังกายฟิตหุ่นอย่างจริงจังล่ะ

 

ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเตะปี๊บดังไปยั้นอายุ 80 เลยคอยดู

 





                เงียบเหงา...

 

ชีวิตที่ไม่มีลูกเจี๊ยบน้อยมาคอยส่งเสียงเจื้อแจ้วเรียกอาลอจ๊ะอาลอจ๋ามันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ลลิตภัทรเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเบื่อหน่าย  เพิ่งรู้ว่าการไม่ได้เจอเด็กมันมาจ๊ะจ๋าข้างหูน่ะมันน่าเบื่อขนาดไหน

 

กับข้าวที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

เพลงที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

ใดใดในดลกล้วนน่าเบื่อไปหมด

 

ที่สุดก็เบื่อที่จะกินเลยรวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

 

เนี่ย ขนาดน้ำเปล่าที่กินมาตั้งแต่แม่เริ่มป้อนกล้วยบดยังน่าเบื่อเลย ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ขยุกขยิกก่อนจะกดส่ง

 

                “เมื่อไหร่จะกลับคะ อาคิดถึงแล้วนะ”

 

 

ศตายุที่นั่งงีบหลับบนรถสะดุ้งเมื่อเสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขึ้น วุ้นที่นั่งข้างๆหันมามองยิ้มๆ เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งๆให้กับอาจารย์ที่หันมามองก่อนกดดูแล้วก็หลุดขำออกมาเมื่อเห็นข้อความแสนงอแงของลลิตภัทร

 

                “โธ่ อาลอจ๋า หนูเพิ่งเดินทางยังไม่ถึงครึ่งทางเลยจ้า”ศตายุส่ายหน้ากับความเว่อร์วังของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มที่งอแงตั้งแต่รู้ว่าลูกเจี๊ยบต้องไปเข้าค่ายวิชาการที่โรงเรียนจัดสามวัน

 

                “อาต้องคิดถึงหนูมากแน่ๆเลย”

 

                “หนูไปแค่สามวันเองนะจ๊ะ”

 

                “ตั้งสามวันต่างหาก!!”ผู้ใหญ่บ้านพิมพ์กลับมาทันที นี่ถ้าหากอยู่ติอหน้าคงเห็นคนแก่ส่งค้อนประหลักประเหลือกแน่ๆ  พุทโธ่เอ้ย อาลอหนออาลอ งอแงเสียเหลือเกิน ทำตัวปานเด็กน้อยเพิ่งหัดมีแฟนขนาดลูกเจี๊ยบเป็นเด็กแท้ๆเวลาอาลอต้องเข้ากรุงเทพไปทำธุระตั้งหลายวันลูกเจี๊ยบยังไม่งอแงเลยซักนิด

 

                “ไม่งอแงสิจ๊ะ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะให้รางวัล”เด็กน้อยแก้มขึ้นสียามพิมพ์ประโยคแสนก๋ากั่นนั้นลงไป ลลิตภัทรส่งสติ๊กเกอร์คำว่าโอเคกลับมาแต่ยังคงงอแงอีกนิดหน่อยจนศตายุต้องบอกว่าตนนั่งรถไปพิมพ์ไปไม่สะดวกรู้สึกเวียนหัว

 

                “หนูแพ้ท้องลูกของเราเหรอจ๊ะ?”

 

                “ลูกของเราแท้งตั้งแต่หนูอึแล้วจ้า”ศตายุหัวเราะคิกคักก่อนจะเก็บโทรศัพท์

 

                “น่าอิจฉาจังน๊าคนมีความรักเนี่ย”วุ้นที่นั่งมองเพื่อนหัวเราะเบาๆพลางคุยกับคนทางนู้นอดที่จะแซวไม่ได้

 

                “อย่าแซวดิ่ เขินนะเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ไว้ค่อยคุยกัน”

 

                ศตายุอ้าปากหาวหวอดในขณะที่นั่งเรียงแถวฟังการบรรยายที่ไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดของอาจารย์ บรรดานักเรียนคนอื่นๆบ้างก็สัปหงก บ้างก็หันไปคุยกันเบาๆมีอาจารย์คอยตรวจแถว

 

กิจกรรมแสนน่าเบื่อดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีเว้นช่วงให้กิจกรรมสันทนาการเป็นระยะพอให้เด็กๆคลายความเบื่อลงไปได้บ้างเช่นการเล่นเกมส์เล็กๆน้อยๆจนสามทุ่มถึงปล่อยให้นักเรียนเข้าที่พัก ซึ่งก็เป็นโรงแรมที่จองไว้ให้นักเรียนนอนรวมกันห้องละ 5 คน ลูกเจี๊ยบเป็นคนเข้าไปอาบน้ำก่อนคนอื่นๆ ตาปรือใกล้จะปิดอยู่รอมร่อตามด้วยวุ้นและต่อด้วยเพื่อนคนอื่นๆจนครบ เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายด้วยความเพลียจากการเดินทางและกิจกรรมที่อัดเข้ามาไม่ยั้งโดยลืมไปซะสนิทว่าสัญญาจะโทรหาคนแก่งอแงที่มิสคอลมาเกือบร้อยสายในคืนนั้น

 

               

รอ...สองทุ่มผ่านไป

 

สามทุ่มผ่านไป

 

จนตอนนี้ลลิตภัทรจ้องตัวเลขที่หน้าจอด้วยหัวใจอันปวดร้าว

 

ลูกเจี๊ยบไม่อ่านไม่ตอบ  ชายหนุ่มยกผ้าห่มขึ้นมากัดกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาไหลหยดลงหมอนอย่างร้าวราน

 

ลูกเจียบทิ้งเขาอีกแล้ว

 

สูดขี้มูกดังปึ๊ดใหญ่ คอยดูนะ จะไม่สนใจแล้ว จะไม่ไลน์หาจะไม่โทรไป เจ้าเด็กใจร้ายชอบหลอกให้รอเก้อ

 

                “อ่ะฮึ่ก”สะอื้นเล็กน้อยพอเป็นพิธี ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น

 

ไม่รู้ทำไมพอคบเด็กมันแล้วหัวจิตหัวใจของเขาก็เปราะบางเสียเหลือเกิน

 

 

                รุ่งเช้าศตายุและนักเรียนคนอื่นๆถูกปลุกตั้งแต่ตีห้า อาจารย์ให้เวลาล้างหน้าแปรงฟันราวครึ่งชั่วโมงก็มาจัดแถวกายบริหารทั้งวิ่งและยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารท่าต่างๆรวมทั้งยืนระเบียบฟังที่อาจารย์พูดจนถึง 8 โมงเช้าจึงได้รับประทานอาหารเช้า

 

กิจกรรมต่างๆยุ่งเสียจนไม่ได้จับโทรศัพท์เลยซักครั้ง ทั้งเข้าฐาน ทั้งทำงานกลุ่มแล้วออกไปอภิปราย ทั้งเรียนวิชาที่ถูกจัดโปรแกรมมาจากรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่มาสอนการเก็งข้อสอบให้น้องๆพอสี่โมงเย็นจึงไปทำกิจกรรมเข้าฐานที่ริมทะเล เด็กๆค่อยรู้สึกผ่อนคลายสนุกสนานขึ้นมาได้บ้างจนถึงมื้อเย็นกินข้าวกันอย่างเร่งรีบแล้วก็เข้ากิจกรรมวนลูปเหมือนเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน

 

และเช่นเดิม...ศตายุลืมโทรศัพท์ไปเสียสิ้น

 

                “มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”พระลักษณ์ที่นั่งกินข้าวใกล้น้องชายเอ่ยถามอย่างหงุดหงิดใจ เขาอยู่กับลลิตภัทรทุกวันเวลาอยู่ที่โรงสีพระลอก็หงุดหงิดฟึดฟัดอยู่คนเดียว ทำงานก็หัวเสียลูกจ้างเข้าหน้าไม่ติด แถมเวลาออกไปดูงานที่ทำร่วมกับลูกบ้านก็เผลอไปเอ็ดลูกน้องเสียใหญ่โตยกใหญ่ แล้วเย็นนี้มีลูกบ้านมาซื้อพันธุ์ข้าวและพวกปุ๋ยพวกยาเยอะจนทำให้แม่ต้องส่งปิ่นโตมาให้กินถึงที่โรงสี

 

                “ไม่ได้เป็นอะไร”หากแต่เจ้าน้องชายคนเล็กก็ปฏิเสธด้วยคำพูดเดิมๆ

 

                “กูถามจริงๆเลยนะไอ้ลอ”พระลักษณ์จ้องหน้าน้องชายนิ่งอย่างกดดันจนคนเป็นน้องรู้สึกขนหัวลุกแบบแปลกๆ

 

สมัยที่ยังเป็นทนายว่าความพี่ชายของเขานั้นก็ขึ้นชื่อว่าต้อนลูกความจนจนมุมมาหลายรายแล้ว ชายหนุ่มนั่งตัวตรงอย่างประหม่า

 

                “อะไร?...พี่จะถามอะไรผม?”

 

                “มึงมีแฟนใช่มั้ย?”นั่นไง สั้นๆตรงประเด็นโคตรๆ

 

อยากจะประกาศให้โลกรู้จะตายชักอยู่แล้วแต่ติดที่เจ้าลูกเจี๊ยบขอร้องไว้

 

ปากนี่คันยิบๆยังกะทาลิปสติกผสมหมามุ่ย

 

                “บ้า...ไม่มี๊”

 

                “อย่ามาตอแหล มึงลุกลี้ลุกลนขนาดนี้เดาว่ามึงติดต่อแฟนไม่ได้”

 

                “ใครลุกลี้ลุกลน พี่อ่ะคิดมาก”ลลิตภัทรทำหน้าทำตาที่พระลักษณ์ถึงกับเบ้ปากเป็นรูปตีน

 

                “กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่เด็กมึงเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้ บอกกูมาได้มั้ยว่าใครลูกบ้านหรือเพื่อนที่กรุงเทพวะ?”

 

                “บอกไม่ได้ว่ะ”

 

อ่าว ชิบหาย ว่าจะไม่บอกเสือกหลุดปาก โธ่ ไอ้ลอ ไอ้คว๊ายยยยยย

 

                “แสดงว่ากูรู้จัก?”

 

                “พี่มึงอย่าถามเลย ยังบอกไม่ได้จริงๆ”

 

                “ลูกสาวบ้านไหนวะ มึงบอกกูได้นะสองหัวดีกว่าหัวเดียวเว้ยมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยมึงคิดได้”ลลิตภัทรมีสีหน้าพิพักพิพ่วนขึ้นมาทันที แสร้งทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบหลบสายตาที่จ้องนิ่งจนในที่สุดพี่ชายก็เป็นฝ่ายยอมแพ้

 

                “ตามใจ ไม่อยากบอกกูก็จะไม่รบเร้าแต่ถ้าอยากเล่าก็บอกกูได้เสมอนะ”พี่ชายหันมาแกะปลาทูทอดโยนใส่จานข้าวของน้องชายให้ราวกับว่าตนเองนั้นจะไม่เซ้าซี้

 


แต่เขาสาบานเลยว่าจะต้องรู้ให้ได้!!!





...............................................

มีคนแก่งอนเด็กอีกแล้วจย้าาาา
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๐ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 15-12-2018 18:52:51
คิดถึงเมียเด็กมากขนาดนั้นเลยเหรอจ้ะผู้ใหญ่ลอ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๐ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 15-12-2018 21:44:55
จุดนี้ก็คือลุงลอล้อกแล้กแล้วววววว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๐ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 15-12-2018 21:45:40
อ่านเรื่องนี้ทีไรรู้สึกไม่สบายทุกที เจ็บคอมากๆ ! คุก! คุก! คุก! คุก   :m29: :m29:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 17-12-2018 00:24:03
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๑






            “เป็นอะไรเหรอเจี๊ยบ”วุ้นเอ่ยปากถามยามเห็นลูกเจี๊ยบจ้องหน้าจอมือถือที่อาจารย์เพิ่งคืนให้แล้วกัดปากอย่างกำลังใช้ความคิด

 

            “อาลอน่ะสิตั้งแต่วันแรกโทรมาเป็นร้อยสายเลย แล้วเนี่ยวันที่สองเราก็ยุ่งตกเย็นอาจารย์สั่งริบโทรศัพท์ไปหมดทุกคนพอวันที่สามนี่ไม่โทรไม่ทักไลน์มาแล้ว น่าจะโกรธเราแล้วอ่ะ”ลูกเจี๊ยบยื่นหน้าจอให้กับเพื่อนสนิทดู

 

ใครอาจจะไม่รู้ว่าอาลอของเขาน่ะเจ้าแง่แสนงอนเป็นที่หนึ่ง ยิ่งพอลึกซึ้งกันแล้วคนแก่น่ะขี้ระแวงหนักกว่าเก่าอีก

 

            “ก็อากลัวหนูทิ้งอานี่คะ”เป็นประโยคที่ศตายุได้ยินคนแก่กว่าพูดอยู่บ่อยครั้ง

 

เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาลอสั่นคลอนเพราะช่วงวัยแม้ลูกเจี๊ยบจะพยายามเน้นย้ำทุกครั้งให้ลลิตภัทรมั่นใจว่าตนเองจะรักอาลอคนเดียวยังไงก็ตาม  การที่อาลอไม่โทรและไม่ส่งไลน์มาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนแก่กว่าเข้าสู่กระบวนการงอนอย่างเต็มรูปแบบ

 

            “เขาโกรธก็โทรไปง้อสิ”วุ้นเสนอทางออกอย่างง่ายๆหากแต่ลูกเจี๊ยบกลับส่ายหน้า

 

            “รายนั้นน่ะป่านนี้เขวี้ยงโทรศัพท์ไปไว้ไหนซักที่แล้วมั้ง โทรไปก็ไม่รับหรอก”ศตายุตอบอย่างคนที่รู้นิสัยของลลิตภัทรดี เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์เมื่ออาจารย์เรียกรวมเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ลูกเจี๊ยบน้อยเงียบขรึมมาตลอดทางผิดจากขามาลิบลับ วุ้นเองก็ไม่กล้ากวนจนทั้งสองแยกย้ายกันเมื่อแดนดินเป็นคนขับรถมารับลูกที่โรงเรียนแทนที่ลูกเจี๊ยบจะกลับรถประจำเนื่องจากเป็นเย็นวันอาทิตย์

 

            “เจ้าจอมๆ”แก้วเจ้าจอมที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ชานเรือนหันไปตามเสียงเรียกของพี่ชาย ลูกเจี๊ยบกวักมือเรียกให้น้องเข้ามาหาที่ห้องเมื่อร่างเล็กของน้องเข้ามาลูกเจี๊ยบก็รีบปิดประตูห้องทันทีเพื่อไม่ให้แม่จิ๊บที่กำลังทำกับข้าวกับจันทร์เจ้าขาเห็น

 

            “อะไรพี่เจี๊ยบ?”

 

            “เจ้าจอมได้แวะไปบ้านฟากขะนู้นมั่งมั้ย?”

 

            “ก็ไปนะไปเล่นกับใบบุญ”เจ้าเด็กลูกเล็กของบ้านตอบโดยที่มือก็หยิบหุ่นยนต์ของพี่ชายมาดัดแขนดัดขาเล่น

 

            “แล้วเจออาลอมั้ย?”

 

            “เจอซี่”

 

            “อาลอถามหาพี่บ้างมั้ย?”ลูกเจี๊ยบหลอกถามอย่างตื่นเต้น แก้วเจ้าจอมกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดพลางทำเสียงอืมในลำคอ

 

            “อืมมมมมมมมม”

 

            “ว่าไง ถามหาพี่มั่งมั้ย?”

 

            “วันแรกก็ถามหานะ วันที่สองก็บ่นๆว่าพี่เจี๊ยบไม่ยอมรับสาย ส่วนวันที่สามหนูชวนคุยอาลอบอกไม่คุยกับน้องของคนใจร้าย”ถ้อยคำที่ถูกถ่ายทอดจากปากน้องชายทำเอาศตายุร้อนอกร้อนใจเสียเหลือเกิน หากแต่ตอนนี้จะไปหาก็ไม่ได้เพราะใกล้จะกินข้าวแล้วถ้าไปตอนนี้แม่คงเอ็ดแถมพ่อกำนันก็อยู่ที่ใต้ถุนบ้าน

 

อยากไปหาอาลอใจจะขาดแล้ว

 

            “พี่เจี๊ยบๆ”ลูกเจี๊ยบหลุดจากภวังค์เมื่อเจ้าน้องชายตีที่แขนเบาๆ

 

            “หืม??”

 

            “ตัวนี้หนูขอนะ”ว่าพลางชูหุ่นยนต์ในมือให้พี่ชายดู ศตายุมองของเล่นในมือน้องอย่างเสียดายเพราะเป็นตัวโปรดหากแต่สมองอันชาญฉลาดก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว เสียหุ่นยนต์ 1 ตัว เพื่อการใช้งานในภายภาคหน้าอาจจะดีกว่า

 

            “เอาไปสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

 

            “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรอ่ะ”

 

          “ถ้าพี่ขอให้เจ้าจอมทำอะไรเจ้าจอมจะต้องทำตามที่พี่บอกเข้าใจมั้ย?”

 

            “โอ้ย เรื่องง่ายๆหนูก็ทำตามที่พี่เจี๊ยบบอกมาตลอดอยู่แล้วนี่นาขออะไรที่มันยากๆกว่านี้หน่อย”

 

          “เออน่า ทำตามที่พี่บอกก็พอ”

 

          “แล้วพี่เจี๊ยบจะให้หนูทำอะไรล่ะ”

 

            “ถ้าแม่เรียกให้ไปเอากับข้าวไปให้ย่าโฉมเจ้าจอมต้องบอกให้พี่ไปแทนหรือไม่ก็ไปด้วย โอเคป่าว”

 

            “ก็ด๊ะ”เจ้าจอมยักไหล่พลางเอาหุ่นยนต์ของพี่ชายออกจากห้องไปนั่งเล่นที่ชานเรือน ไม่นานจิ๊บก็ร้องเรียกลูกชายคนเล็กให้เข้าไปในครัว

 

            “เจ้าจอมเอ้ย มาหาแม่หน่อยลูก”

 

            “จ้าแม่”เด็กน้อยวางหุ่นยนต์ในมือลงก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ที่ในครัว

 

            “เอาสายบัวต้มกะทิไปให้บ้านย่าโฉมทีลูก ถือหม้ออวยดีๆอย่าเดินแกว่งมากนะเดี๋ยวมันจะหก”

 

            “อ้าว แล้วทำไมแม่ไม่ให้พี่เจี๊ยบไปล่ะจ๊ะ”เจ้าจอมร้องท้วงทันทีที่ถูกแม่ใช้ใบหน้าหงิกงอราวยอดผักกูด

 

            “ก็พี่เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

 

            “โธ่แม่จ๋า ตัวหนูก็เล็กแค่นี้ มือหนูก็เล็กนิดเดียว หม้ออวยใบเบ้อเร่อหนูจะถือไหวได้ยังไงล่ะจ๊ะ ให้พี่เจี๊ยบเอาไปเถอะหนูหิ้วไม่ไหวหรอก”แก้วเจ้าจอมทำปากบึนใส่ผู้เป็นแม่ ชูมือชูไม้ให้ดูว่ามันเล็กๆอุ๋งๆขนาดไหน

 

            “เอ๊ะเจ้าจอมนี่ก็แม่บอกว่า...”

 

            “เดี๋ยวหนูเอาไปให้บ้านฟากขะนู้นเองจ้าแม่ หม้ออวยดูจะหนักจริงๆแหละจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบขันอาสากับแม่ทันที จิ๊บจิ๊ปากส่ายหน้าใส่ลูกคนเล็กก่อนจะยื่นหม้ออวยที่ใส่สายบัวต้มกะทิไว้ครึ่งหม้อให้ลูกคนโต

 

            รีบไปรีบกลับล่ะอย่ามัวแต่เถลไถลพ่อเขารอกินข้าวอยู่”ลูกเจี๊ยบรับคำแม่ก่อนจะเดินออกจากครัว

 

อย่าเรียกว่าเดินเลยเพราะลูกเจี๊ยบไปเร็วราวกับเหาะ แดนดินจะทักยังไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อลงเรือได้ก็จ้วงสุดแขนข้ามไปถึงบ้านของลลิตภัทรภายในเวลาครึ่งนาที

 

            “อะไรมันจะรีบขนาดนั้น”แดนดินอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้

 

            “สงสัยจะคิดถึงย่าโฉมมั้งจ๊ะ”จันทร์เจ้าขาที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วบอกกับพ่อ

 

            “ติดย่าบ้านนู้นจริงๆทำยังกะเป็นลูกเป็นหลานเขา”

 

            “ก็ย่าโฉมแกเลี้ยงพี่เจี๊ยบมาตั้งแต่เกิดห่างไปหลายวันก็คงคิดถึงหนูว่าพ่อไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมกินข้าวเถอะจ้าพี่เจี๊ยบกลับมาจะได้กินข้าวกัน”

 

 

            ศตายุขึ้นจากเรือคว้าหม้ออวยสีน้ำเงินเข้มที่บรรจุสายบัวต้มกะทิกับปลาทูเค็มได้ก็แทบจะวิ่งตรงไปที่เรือนใหญ่หากแต่ก็ต้องรักษากริยาไว้เลยต้องเดินด้วยระดับปกติเข้าไปในครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน กลิ่นอาหารหอมฟุ้งควีนไฟลอยอ้อยอิ่งเหมือนเช่นทุกครั้งบ่งบอกว่าบ้านนี้ก็ทำกับข้าวเสร็จแล้วเช่นกัน ลูกเจี๊ยบวางหม้ออวยลงตรงหน้าของย่าโฉมที่อ้าแขนรับอ้อมกอดของหลานด้วยความดีใจซึ่งลูกเจี๊ยบเองก็สวมกอดแถมหอมอีกสองฟอดที่แก้มเหลวๆของย่าโฉมอย่าเอาอกเอาใจ

 

            คิดถึงย่าจังเลยจ้า”

 

            “ปากหวานเชียวเด็กคนนี้ กลับมาเมื่อไหร่”

 

            “เพิ่งกลับมาเมื่อเย็นจ้าพ่อขับรถไปรับมา ย่าทำกับข้าวเสร็จแล้วเหรอจ๊ะหอมเชียว”

 

            “เสร็จแล้ว วันนี้มีฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน เจี๊ยบอยู่กินข้าวด้วยกันกับย่ามั้ย”คนแก่กว่าเอ่ยชักชวนเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

            “ไม่ได้หรอกจ้า หนูแวะเอาสายบัวต้มกะทิมาให้แล้วเดี๋ยวต้องกลับแล้วพ่อกำนันรอกินข้าวอยู่”

 

            “งั้นรอเดี๋ยว  เดี๋ยวย่าตักแบ่งให้”ย่าโฉมจัดแจงลุกเพื่อจะตักฉู่ฉฉี่ในกระทะให้

 

            “เอ่อ ย่าจ๋า อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยชะเง้อมองไปตามคันนา ปกติเวลาเย็นลลิตภัทรจะชอบไปวิ่งออกกำลังกายแต่บัดนี้ว่างเปล่า

 

            “ไม่อยู่หรอก พ่อลอไปนอนที่โรงสีสองวันแล้ว”

 

พุทโธ่...อุตส่าห์มาหากลับไปนอนที่โรงสีเสียนี่ อาลอนะอาลอมันน่าจับบิดให้หูขาดแท้เชียว

 

ตั้งใจจะมาง้อแล้วแท้ๆเชียว

 

ลูกเจี๊ยบเดินคอตกกลับขึ้นบ้านมาพร้อมจานใส่ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนที่ย่าโฉมแบ่งมาให้ สำรับข้าวถูกจัดเตรียมพร้อมแล้วลูกชายคนโตของบ้านเข้ามานั่งประจำที่ อาหารบ้านๆเรียบง่ายพ่อแม่ลูกพูดคุยกันถามไถ่ถึงเรื่องเรียนและเรื่องต่างๆ บางครั้งจิ๊บกับสามีก็คุยกันในเรื่องที่ลูกๆไม่เข้าใจ เจ้าจอมยังเป็นตัวป่วนของพี่ๆเช่นเดิม เมื่ออิ่มแล้วเจี๊ยบก็จัดแจงเก็บสำรับและเช็ดถูพื้นที่มีเศษอาหารหกอยู่อย่างเรียบร้อย เจ้าขารับหน้าที่ล้างถ้วยชามส่วนเจ้าจอมเอาขับทองเหลืองตักน้ำใส่ครึ่งขันนำไปแช่ช่องฟรีซเพื่อทำเป็นน้ำแข็งใช้ลอยน้ำกินในวันพรุ่งนี้ จิ๊บกับเจ้าขายังคงจับจองพื้นที่หน้าทีวีไม่ต่างจากทุกวัน มือก็ไม่ได้ว่างเอานู่นเอานี่มาทำไม่ได้ขาด เจ้าจอมเอาสมุดระบายสีมานอนระบายเล่นอยู่ตรงชานเรือน ลมเย็นโชยมาเบาๆหอบเอากลิ่นของต้นข้าวที่เพิ่งลงแปลงไม่นานมาให้ชื่นใจ แสงแปลบปลาบที่โค้งขอบฟ้าลิบๆทั้งน่าเกรงขามและดึงดูด เจี๊ยบมีท่าทีละล้าละลังก่อนจะค่อยๆกระเถิบมานั่งข้างๆแม่

 

            “แม่จ๋า...หนูไปร้านค้าแป๊บนะจ๊ะ”

 

            “ไปทำไม มันมืดแล้วนะ”

 

            “หนูจะไปเติมเงินโทรศัพท์น่ะจ้า เดี๋ยวต้องคอลไลน์กับวุ้นทำรายงาน นะแม่นะไปแป๊บเดียว”

 

            “รีบไปรีบกลับแล้วกัน ลมหอบไอฝนมาแล้ว”จิ๊บพยักหน้าบอกลูก ลูกเจี๊ยบเมื่อได้ยินคำอนุญาตก็วิ่งปร๋อลงจากเรือนคว้าจักรยานคนโปรดปั่นออกไปทันที ออกไปโดยไม่ได้พกเงินไปซักบาท และแทนที่จะไปร้านค้าตามที่บอกแม่หัวรถกลับเบนไปทางโรงสีของบ้านลลิตภัทรซะอย่างนั้น



ไม่ว่าพายุจะมาหรือฟ้าจะถล่มดินจะทลายวันนี้ยังไงซะลูกเจี๊ยบก็ต้องได้ง้ออาลอ!!





 

            เพราะใกล้ค่ำแล้ว บริเวณโรงสีจึงเงียบสงบคนงานกลับบ้านไปแล้วเหลือเพียงยามที่นั่งดูรายการประกวดร้องเพลงอยู่ที่ป้อม ลูกเจี๊ยบลงจากจักรยานจูงไปใกล้ๆ

           

            “อ้าวลูกเจี๊ยบมาทำอะไรมืดๆค่ำๆ”

 

            “หนูมาหาอาลอน่ะจ้า ย่าโฉมบอกอาลอมานอนนี่”

 

            “อ่อ ผู้ใหญ่อยู่ในห้องน่ะจะให้ไปเรียกให้มั้ย”

 

            “อ่ะ...ไม่ต้องจ้าเดี๋ยวหนูเข้าไปหาอาลอเองดีกว่า”ลูกเจี๊ยบรีบปฎิเสธความหวังดีของลุงยามก่อนจะฉีกยิ้มให้

 

            “งั้นก็เดินไปจนสุดทางเลี้ยวขวาจะเจอบ้านพักผู้ใหญ่อยู่ห้องทางขาวมือนะ”ลุงยามบอกพลางทำไม้ทำมือประกอบทาง ลูกเจี๊ยบรีบของคุณแล้วจูงจักรยานเข้ามาจอดด้านใน ขายาวก้าวไปตามทาง มือสองข้างถูกันไปมาอย่างประหม่า

 

ปกติงอนแค่ไหนก็ไม่เคยหนีมานอนโรงสีเลยซักครั้ง ลูกเจี๊ยบแนบหูฟังเสียงด้านในกับประตูห้อง มีเสียงก่อกแก่กดังมาแว่วๆแปลว่าอาลอยังไม่นอน มือเล็กเคาะบานประตูเบาๆ ในอดจะเต้นตึกตักไม่ได้ สายลมหอบเอาไอฝนพร้อมละอองหยดเล็กมาด้วย

 

ฝนจะตกแล้ว ลูกเจี๊ยบต้องรีบง้อแล้วรีบกลับ

 

ลูกเจี๊ยบแทบกลั้นหายใจเมื่อมีเสียงปลดกลอนจากในห้อง บานประตูเปิดออกแล้ว พระลอมองเด็กที่ยิ้มแต้อยู่หน้าห้องด้วยดวงตาเรียบนิ่ง

 

            “อา...”

 

            “มาทำไมกลับบ้านไป”ไม่รอให้คนเด็กได้เรียกด้วยซ้ำลลิตภัทรปิดประตูล็อคกลอนอีกรอบ ลูกเจี๊ยบรู้สึกหน้าม้านขึ้นมาทันที

 

อะไรจะโกรธกันจนไม่ยอมฟังอย่างนี้นะ

 

คนแก่งี่เง่าเอ้ย ถึงใจจะด่าแต่ก๋ยังส่งเสียงอ่อนหวานไปให้คนภายใน

 

            “อาลอจ๋า เรามาคุยกันดีๆเถอะนะจ๊ะ หนูอธิบายได้นะ”

 

            “กลับบ้านไปอาไม่อยากฟังอะไรตอนนี้”

 

            “แต่อาลอต้องฟังหนูนะจ๊ะไม่งั้นจะรู้เรื่องได้ยังไง”ในห้องเงียบเสียงไปแล้ว ลลิตภัทรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงแคบ ให้พูดตามตรงเขายอมรับว่าแวบแรกที่เห็นหน้าของลูกเจี๊ยบเขาดีใจแทบบ้า แต่พอนึกถึงที่เจ้าเด็กไม่ยอมติดต่อกลับมาทั้งๆที่รู้ว่าเขานั้นทั้งรักทั้งห่วงทั้งหวงก็ยังเมินเฉย มันน่าจับมาพาดตะกแล้วตีให้ตูดลายเสียจริงๆ

 

            “อาลอจ๋า...ฝนตกแล้วเนี่ย ดูสิจ๊ะ จะไม่เปิดประตูให้หนูเข้าไปจริงๆเหรอจ๊ะ”น้ำเสียงออดอ้อนดังมาจากหน้าประตู ทั้งๆที่เขาปล่อยให้ยืนอยู่ข้างนอกนับสิบนาทีแล้วก็ยังไม่ไป แสงฟ้าพาดผ่านแนวเขาเสียงฝนกระทบสังกะสีดังซ่าหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

            “เนี่ย หนูโกหกแม่ว่าจะมาเติมเงินโทรศัพท์ถ้าแม่รู้ว่าหนูแอบมาหาอาลอแม่อาจจะตีหนูก็ได้นะจ๊ะ แต่ถึงจะโดนตีก็ไม่เป็นไรถ้าอาลอยอมคุยกับหนู”เด็กน้อยยังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว มือก็ลูบหน้าที่ละอองฝนเริ่มสาดเข้ามาใส่

 

            “อาลอจ๋า หนูรู้นะจ๊ะว่าอาลอโกรธที่หนูไม่รับสายไม่ตอบกลับ แต่หนูอธิบายได้จริงๆนะจ๊ะ ก็อาจารย์น่ะสิ ริบโทรศัพท์ของทุกคนไปหมดเลย หนูคิดถึงอาลอใจจะขาดแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อโทรศัพท์ไม่อยู่กับหนู กิจกรรมก็เยอะมากๆเลย หนูวิ่งเข้าฐานจนน่องแทบปูด อาลออยากดูมั้ยจ๊ะเนี่ยก่อนกลับหนูล้มเข่าถลอกเป็นแผลเลย”ลูกเจี๊ยบส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดด้วยรู้ว่ายังไงเสียอาลอก็นั่งฟังตนเองอยู่ในห้องนั่นแหละ

 

            “อาลอจ๋า ฝนเปียกหนูแล้ว พรุ่งนี้หนูต้องไม่สบายแน่ๆเลยจ้า แค่กๆ”ลลิตภัทรเด้งตัวพรวดลุกจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงลูกเจี๊ยบไอ ชายหนุ่มก้าว 3 ก้าวก็ถึงประตูห้อง ดวงใจร้อนรนรีบเปิดก่อนจะผงะไปด้านหลังเมื่อร่างอวบๆเนื้อนุ่มๆพุ่งเข้ามาสวมกอดโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

            “อาลอหายโกรธหนูนะจ๊ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะเมินอาลอจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยพอได้โทรศัพท์คืนหนูก็รีบโทรหาอาลอทันทีเลย แต่หนูก็รู้ว่าอาลอคงโกรธจนเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว”

 

            “อาคิดว่าหนูคงเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน คงคุยกันถูกคอ คุยกันเรื่องอนาคตว่าอยากเรียนอะไรอยากทำอะไร อนาคตตรงนั้นที่อาเข้าไปนั่งวางแผนด้วยไม่ได้”ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นราวกับว่ากลัวลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาจะหายไป

 

            “ไม่มีทางจ้า ไม่มีทางที่อนาคตของหนูจะไม่มีอาลอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะจ๊ะ หนูรักอาลอคนเดียวเมื่อไหร่อาลอจะเชื่อใจหนูซักทีล่ะจ๊ะ หนูก็ให้อาลอไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ ถ้าอาลอจะเอาชีวิตด้วยหนูก็ให้อาลอได้”ลลิตภัทรแตะปลายนิ้วลงบนกลีบปากอิ่มของคนหลาน ดวงตาหวานซึ้งตวัดขึ้นมองก่อนจะหลับพริ้มแนบหน้ากับอุ้งมือที่เลื่อนขึ้นมาประคองไว้

 

            “หนูรักอาลอ แค่อาลอคนเดียว ไม่ว่าอาลอจะงอนหนูอีกกี่รอบหนูก็จะตามมาง้อ แต่อย่าโกรธหนูบ่อยเลยนะจ๊ะ ถ้าหนูผิดจะตีจะด่าหนูก็ยอมแต่อย่าหนีกัน อาลอก็รู้ว่าหนูตามอาไปทุกที่ไม่ได้”ลูกเจี๊ยบปล่อยหยดน้ำตาให้รินไหล

 

แค่คิดว่าหากวันหนึ่งอาลอหนีไปไกลแล้วตัวเองไปตามหาไม่ได้ใจดวงน้อยก็เจ็บเจียนตายแล้ว ลลิตภัทรเชยปลายคางของศตายุให้เงยหน้าขึ้น สบตาที่ฉายชัดทั้งความรักความจริงใจที่มีให้อย่างไม่ซ่อนเร้น

 

            “อาขอโทษนะคะที่งี่เง่าใส่หนูทั้งๆที่ใจก็รู้อยู่แล้วว่าหนูยุ่งกับกิจกรรม”กดจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบา

 

            “ทั้งๆที่บอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังคิดบ้าคิดบอไปต่างๆนานา”กดจูบลงบนเปลือกตาบางอย่างทะนุถนอม

 

            “ขอโทษนะคะที่ทำให้หนูไม่สบายใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจหนูแต่อาไม่เชื่อใจคนอื่น”เลื่อนมาใช้ลมหายใจเดียวกันแล้วกดจูบลงบนกลีบปากนุ่ม บดเบียดคลอเคลียเชื่องช้ากระชับเอวกลมให้แนบชิดดันแผ่นหลังบางให้นาบกับผนังห้อง

 

ความร้อนแรงค่อยๆไล่ระดับขึ้นเรื่อยๆ เรียวลิ้นตวัดพันกันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนจะผละจูบออกอย่างเสียดาย ริมฝีปากอิ่มเผยอระเรื่อน่ารังแก

 

            “เราดีกันแล้วใช่มั้ยจ๊ะ อาลอหนีหนูมาแบบนี้หนูไม่สบายใจเลยจ้า”

 

            “ดีรึเปล่านะ คิดก่อน ถ้ายอมดีด้วยจะมีอะไรมาแลก”ลลิตภัทรแกล้งหันหละงกอดอกให้คนเด็กกว่า ศตายุรีบเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังอย่างออดอ้อนทันที

 

            “ดีกันแล้วสิจ๊ะ อย่างอนนานเลยจ้า เดี๋ยวหนูถอนผมหงอกไถ่โทษดีมั้ยจ๊ะ”

 

            “โธ่ หนูจ๋า ใครจะอยากให้มาถอนผมหงอกให้กันเล่า เด็กนี่”ลลิตภัทรหันมาทำเสียงออดใส่คนเด็ก ลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกอย่างขบขันกับอาการฟึดฟัดของอาลอ

 

            “ก็อยากจะให้อะไรที่มันมากกว่าอยู่หรอกนะจ๊ะ แต่ขอติดไว้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวหนูต้องรีบกลับบ้านป่านนี้แม่รอแล้ว”

 

            “งั้นเดี่ยวอาเอาจักรยานขึ้นท้ายกระบะไปส่งดีกว่า ฝนตกอันตราย งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะ”ลลิตภัทรเสนอ

 

            “จะมีงูตัวไหนน่ากลัวกว่างูบนหัวอาลออีกเหรอจ๊ะ”เมื่อบรรยากาศดีขึ้นลูกเจี๊ยบก็กล้าที่จะหยอกล้อคนรัก ลลิตภัทรกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะคว้ามือของหลานให้มาแปะที่กลางเป้าของตัวเอง

 

            “งูตัวนี้สิคะน่ากลัวสุดเพราะเวลามันฉกแต่ละทีเล่นเอาจุกจนลุกไม่ขึ้นหนูก็น่าจะรู้ดี”ลูกเจี๊ยบชักมือออกทันทีราวกับจับของร้อน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน

 

            “อาลอบ้า ลามกที่สุด หนูไม่คุยด้วยแล้วจะกลับบ้าน”ลูกเจี๊ยบวิ่งปร๋อออกจากห้องนอนของลลิตภัทรลงไปรอด้านล่างจนชายหนุ่มต้องรีบตามออกมาเพราะกลัวหลานจะเปียกฝนจนป่วย ร่างสูงแบกจักรยานขึ้นนอนที่ท้ายกระบะก่อนจะขับพาลูกเจี๊ยบกลับมาบ้าน

 

            “อ้าวลอ ไปเจอลูกเจี๊ยบที่ไหนน่ะ พ่อเค้าขับรถออกไปตามไม่เจอ”จิ๊บกางร่มลงมารับลูกในขณะที่ลลิตภัทรวิ่งอ้อมไปด้านท้ายยกรถจักรยานลงมาให้

 

            “คือหนูปั่นกลับมาแล้วฝนตกเลยแวะไปหลบฝนที่โรงสีจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบเอาร่มอีกคันที่แม่หยิบมาให้กางให้ลลิตภัทร

 

            “รบกวนลออีกแล้วขอบใจนะ”

 

            ไม่เป็นไร จิ๊บกับลูกรีบขึ้นบ้านเถอะ ฝนตกหนักแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย”ลลิตภัทรรีบไล่ให้สองแม่ลูกกลับขึ้นเรือน เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่นไปทั่ว

 

            “คืนนี้ท่าทางจะตกหนักลูกเจี๊ยบปิดหน้าต่างให้แน่นหนานะเดี๋ยวโดนละอองฝนจะไม่สบาย ก่อนนอนก็อาบน้ำเช็ดหัวให้แห้งเข้าใจมั้ยคะ”

 

            จ้า เข้าใจแล้วจ้า อาลอรีบกลับบ้านอาบน้ำนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบร้องบอกด้วยความเป็นห่วง ลลิตภัทรพยักหน้ารับพลางจ้องตาหลานราวกับจะบอกรักให้รู้กันสองคน มุมปากสวยยกขึ้นน้อยๆก่อนจะขึ้นรถถอยออกไป พระลอไม่ได้กลับไปนอนที่โรงสี วันนี้เขาอารมณ์ดีแล้วจึงกลับมาที่บ้าน บนเรือนปิดไฟกลางชานแล้วแต่ย่าโฉมที่ได้ยินเสียงรถเปิดประตูห้องออกมาดู

 

            “ลอเหรอลูก”

 

            “ครับแม่”ชายหนุ่มตอบรับ

 

            “กินข้าวหรือยังล่ะลูก”คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใยทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง

 

            “แม่ไม่ต้องออกมาครับเดี๋ยวโดนละอองฝน ผมกินแล้วครับจะอาบน้ำนอนแล้ว”

 

            “อ่อ งั้นแม่กลับไปนอนนะ ถ้าหิวในครัวมีข้าวโพดต้มแม่ขวัญเขาต้มทิ้งไว้เอามากินนะลูกนะ”ชายหนุ่มตอบรับผู้เป็นแม่ ย่าโฉมจึงเดินกลับเข้าห้องนอนไป ลลิตภัทรทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม นึกถึงรสปากหวานๆของลูกเจี๊ยบที่โหยหามาหลายวันแล้วก็คว้าหมอนข้างมาฟัดอย่างมีความสุข

 


ถ้าเป็นเจ้าตัวนิ่มๆมาให้นอนกอดจริงๆคงจะดีกว่านี้เยอะเลย







.....................................................





งอนทีไรพ่อผู้ใหญ่ได้กำไรทู้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที



โถ....พ่อผู้ใหญ่ค่าตัวแพงเนอะครึ่งนี้มาแค่ชื่อครึ่งหน้ามาทั้งตัวนะ เอ้วววววววววววววววววววววววววววววว



หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-12-2018 23:56:10
 :laugh:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 18-12-2018 00:40:03
อาลอยังไม่แก่เลย ทำไมหัวล้านแล้ววว
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 20-12-2018 08:01:50
คนแก่อ้อนเมียเด็ก :hao6:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๑ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-12-2018 20:45:43
มาจิ้ม มา +1 ค่ะ ยังไม่สามารถเข้ามาอ่านจริงๆ จังๆ ได้สักที

นุ้งเจี๊ยบรอพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งยอมผู้ใหญ่ลอมากเกินไปนะ

พี่ขอไปทำหาพวกก่อน แง้
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๒ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 13-01-2019 03:03:43
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๒





     




            “พ่อไปแค่สองวันเดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบกลับ”แดนดินกำลังปลอบใจเจ้าจอมลูกเล็กที่ซบหน้ากับไหล่หนาของพ่ออย่างออดอ้อน

 

            “พ่อกำนันไปตั้งสองวันแหนะแบบนี้หนูก็ต้องกำพร้าพ่อตั้งสองวัน”ไอ้เด็กมันทำปากยื่นปากยาวว่าพ่อ ด้วยคำที่ลูกใช้อดทำให้แดนดินยิ้มแห้งไม่ได้

 

คำตั้งมากมายไม่ใช้ดันมาใช้คำว่าลูกกำพร้ามันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

พ่อแค่ไปธุระไม่ได้ไปตาย ปัดโธ่เอ๋ยไอ้ลูกคนนี้นี่ปากมันเป็นมงคลเหมือนใครกันนะ

 

            “พอได้แล้วเจ้าจอม เสียเวลาพ่อเดินทาง”ลูกเจี๊ยบที่ทนความออเซาะของน้องไม่ไหวเอ่ยปรามเมื่อเจ้าน้องน้อยเอาแต่เกาะพ่อกำนันจ๋าปานลูกลิงลูกค่าง

 

กอลิล่ายักษ์อุ้มลิงแสมชัดๆ

 

ดูเถอะพ่อกำนันจ๋าตัวยังกับยักษ์ปักหลั่น แขนพ่อจ๋าข้างเดียวฟาดเบาๆก็อาจคอหักตายได้แต่กำลังประคองร่างจ่อยๆของเจ้าจอมช่างน่าขันนัก

 

            “เดี๋ยวก่อนกลับพ่อซื้อไอร่อนแมนตัวใหญ่มาให้”นั่นแหละไอ้ลูกคนเล็กถึงยอมลงจากบ่าพ่อมานั่งยิ้มอย่างประจบประแจงแป้นแล้นจนจิ๊บอดหมั่นไส้ไม่ได้

 

ไอ้รักพ่อนั่นน่ะก็รักจริงแหละแต่อาการอาลัยอาวรณ์ดูก็รู้ว่ามารยาสาไถแต่พ่อที่ทั้งรักทั้งหลงลูกน่ะหาดูออกไม่

 

ตกหลุมที่ลูกขุดอย่างตื้นๆเสียเต็มเปา  แดนดินลูบผมลูกน้อยเบาๆอย่างที่คนภายนอกอาจจะไม่คิดว่ากำนันหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ขนาดนี้จะอ่อนโยนกับเด็กได้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆภรรยาคนสวยที่นั่งพับเพียบพับกลีบดอกบัวเพื่อถวายพระอยู่กับจันทร์เจ้าขา

 

            “เจ้าขาล่ะลูกอยากได้ของฝากอะไรมั้ย”

 

            เจ้าขาไม่อยากได้อะไรหรอกจ้า”เด็กหญิงวัยสิบสี่ปีตอบพ่ออย่างอ่อนหวาน เป็นลูกสาวที่พูดน้อยและมักน้อยไม่เคยร่ำร้องอยากได้อะไรจากพ่อแม่เลยซักนิด

 

            “งั้นเดี๋ยวพ่อเห็นอะไรที่เหมาะกับเจ้าขาพ่อจะซื้อมาให้นะลูก”

 

            “เจ้าขาแล้วแต่พ่อจ้า”เด็กหญิงตอบรับโดยง่ายตามแบบฉบับของเจ้าหล่อน เด็กหญิงหันกลับไปจดจ่อกับดอกบัวในมือต่อ แดนดินจึงหันไปถามจิ๊บว่าอยากได้อะไรมั้ยซึ่งภรรยาคนสวยก็ยิ้มพลางส่ายหน้า

 

            “จิ๊บก็ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร ที่มีก็พอแล้ว”

 

            “ไม่ต้องถามเจี๊ยบนะจ๊ะ เจี๊ยบก็ไม่อยากได้อะไรเหมือนกัน”ลูกคนโตเอ่ยขัดออกมาเมื่อคนเป็นพ่อหันหน้ามาเตรียมจะถาม ที่บ้านของศตายุไม่เคยขาดอะไรเลย ไม่ว่าลูกเอ่ยปากอยากได้อะไรไม่นานพ่อจะหามาให้อย่างลูกเจี๊ยบชอบอ่านหนังสือ เมื่อพ่อมีเวลาว่างพ่อก็จะพาลูกเมียเข้าไปเที่ยวห้างในเมืองแล้วจะให้เงินลูกเจี๊ยบไปซื้อหนังสือที่อยากได้แบบไม่จำกัด ยิ่งหลังๆมานี่ตั้งแต่ที่คบกับอาลอไม่ว่าหนังสือที่อยากได้จะหายากหรือเป็นหนังสือต่างประเทศอาลอก็จะเป็นคนจัดหามาให้

 

            “แค่พ่อเดินทางปลอดภัยก็พอแล้วจ้า”คนเป็นพ่อได้ยินคำพูดของลูกๆก็ให้ชื่นใจนัก แดนดินอยากจะรวบลูกมากอดทั้งสามคนเสียเหลือเกินแต่ก็ติดว่าลูกนั่งกันคนละมุมบ้านเลยถือโอกาสกอดร่างนุ่มนิ่มของเมียเสียเลย

 

            “แน๊...พี่ดิน มากอดจิ๊บทำไมเนี่ยอายลูกมันบ้าง”จิ๊บว่าพลางพยายามเอี้ยวตัวออกจากวงแขนล่ำของสามีแต่แดนดินก็กระชับมันให้แน่นขึ้น

 

            “ก็พี่มีความสุขนี่ ลูกเมียน่ารัก”ไม่พูดเปล่ายังใช้ปลายจมูกหอมแก้มเมียรักเสียฟอดใหญ่ เรียกสีแดงระเรื่อมาประดับพวงแก้มของจิรนันท์ได้อย่างทันที หญิงสาวมองสายตาแพรวพราวกับการอมยิ้มของลูกๆแล้วให้อายนักเลยแก้เขินด้วยการเอาดอกบัวในมือฟาดหัวสามีไปเสียทีหนึ่งแก้เขินจากนั้นจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นให้กับทุกคน เจ้าขารวบดอกบัวที่พับเสร็จใส่ถาดเอาไปไว้หลังตู้อย่างเรียบร้อยแล้วตามแม่กับลูกเจี๊ยบเข้าไปในครัว แดนดินเมื่อถูกทิ้งไว้กับเจ้าลูกคนเล็กก็ชวนกันไปดูข้าวในนาที่เพิ่งดำได้ไม่นานฆ่าเวลา

 

            หลังจากกินข้าวเย็นและนั่งเล่นรับลมกับที่ชานเรือนจนถึงเวลาลูกๆเข้านอน อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จแดนดินที่นุ่งโสร่งตัวเดียวก็นั่งดูจิรนันท์จัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กเพื่อให้เขานำติดตัวไปประชุมที่กรุงเทพ ใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ จิ๊บเป็นคนทำงานมีระบบทุกอย่างที่หยิบจับมาจากการคิดไว้แล้ว เป็นข้อดีอีกหนึ่งอย่าง

 

            พี่ไม่อยู่สองวันเดี๋ยวให้ละไมกับทิดอ่ำมานอนเฝ้า”

 

            “ไม่ต้องก็ได้พี่รบกวนเขา”จิ๊บเอ่ยปฏิเสธ เป็นปกติที่แดนดินจะเรียกลูกจ้างให้มานอนเป็นเพื่อนเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ลูกกับเมียเหมือนที่ทำมาตลอด แต่จิ๊บเห็นว่าตอนนี้ลูกๆของหล่อนก็โตแล้วสามารถดูแลกันเองได้

 

            พี่จ้างมาแล้ว เอาตามที่ว่าแหละ อย่าให้พี่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”แดนดินตัดบทก่อนจะดึงร่างบอบบางของเมียรักมานั่งลงบนตัก กดจูบลงบนต้นแขนเรียวเล็กของเมียรัก ตรงนั้นก็หอมตรงนี้ก็หอม

 

            “ขอพี่ชื่นใจก่อนไปหน่อยนะจิ๊บ”พูดขอไปอย่างนั้นแหละไม่เคยรอให้คนเป็นเมียเอ่ยปากอนุญาตซักครั้งร่างบางก็ถูกวางลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้ว

 

โชคดีนักที่หลังคลอดเจ้าจอมแล้วจิ๊บก็ให้หมอทำหมันไม่อย่างนั้นป่านนี้คงมีลูกเป็นครอกเหมือนปลาช่อนแน่ๆ

 

 

            “แล้วอย่ากวนอาลอกันนะเด็กๆ”จิ๊บร้องบอกลูกๆที่ลลิตภัทรกำลังต้อนขึ้นรถเพื่อพาไปดูหนังในเมืองเด็กๆขานรับคำแม่อย่างพร้อมเพียงกัน ลูกเจี๊ยบนั่งเบาะหน้าคู่กับลลิตภัทรโดยมีเจ้าขาและเจ้าจอมนั่งที่เบาะหลัง ลลิตภัทรขับรถตามพี่ชายและพี่สะใภ้เข้าเมืองหลังจากตกลงกันตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันก่อนว่าจะพาเด็กๆไปดูหนังแอนนิเมชั่นเรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าโรงและแน่นอนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ลืมที่จะชวนลูกบ้านฟากขะนู้นให้ไปด้วยกัน

 

            “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะ”พระลอหันไปบอกเด็กๆหลังจากวนหาที่จอดรถได้แล้ว เด็กๆพร้อมใจกันตอบรับโดยไม่อิดออดเพราะใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ลลิตภัทรโทรหาพี่ชายคนโตเพื่อสอบถามว่าจะให้ไปเจอกันที่ร้านไหน

 

            “เจอกันร้านสุกี้เลย ใบบุญกับใบบัวอยากกินสุกี้”

 

            “ครับ อีกแป๊บหนึ่งผมเพิ่งได้ที่จอดรถ”ลลิตภัทรตอบรับก่อนจะจูงมูลูกเจี๊ยบโดยที่พี่คนโตก็จูงน้องๆเพื่อข้ามเข้าไปในห้าง

 

            “อาลอจ๋า ปล่อยมือเถอะจ้าคนเยอะ”ลูกเจี๊ยบน้อยกระซิบบอกอาหนุ่มเบาๆ

 

            “ก็เพราะคนเยอะไงคะเลยต้องจับมือกันไว้ เดี๋ยวหนูหลงหายไปอาเสียใจแย่เลย”

 

บ้าจริงหนูมาจนหลับตาเดินได้แล้วจะไปหลงได้ยังไงกัน อาลอนี่นะน่าตีจริงเชียว  ลูกเจี๊ยบน้อยค้อนอาหนุ่มไปทีหนึ่งก่อนจะยอมเดินตามมาแต่โดยดี

 

 

            กรุงเทพมหานคร

 

            “ไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะกำนัน”

 

            “ครับ ถึงแล้วโทรบอกเดี๋ยวผมขับรถไปรับ”แดนดินพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วนัดแนะว่าจะพาไปชมการเกษตรแบบผสมผสานที่ตำบลในอาทิตย์หน้าอีกพักจึงแยกย้ายกัน กำนันหนุ่มเดินดูของตามร้านต่างๆในห้างสายตาสอดส่ายร้านนู้นร้านนี้ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ชายหนุ่มใช้เวลาในการเลือกเดรสสีขาวเรียบๆแต่ดูดีเพื่อเป็นของฝากภรรยาสาว เขาพลิกปพลิกมาดูดีเทลของชุด นึกถึงเครื่องประดับที่ภรรยามีว่าอันไหนจะเข้ากับชุดนี้ ปฏิเสธการช่วยเหลือของพนักงานที่จะเข้ามาให้คำแนะนำ

 

เขาเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้กับจิ๊บเพราะเสื้อผ้าออกงานของจิรนันท์ส่วนใหญ่นั้นเขามีส่วนออกความคิดเห็นและช่วยเลือกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อดูจนพึงพอใจแล้วเขาจึงยื่นเดรสชุดนั้นให้กับพนักงาน เสร็จจากของเมียรักก็แวะเข้าไปซื้อชุดกระโปรงสำหรับจันทร์เจ้าขา เด็กหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยสาวนั้นชอบสีชมพูอ่อนแดนดินจึงเลือดชุดเสื้อกับกระโปรงสีขาว-ชมพู ให้กับลูกสาว และเข้าร้านของเล่นเพื่อซื้อหุ่นไอร่อนแมนตามที่รับปากกับแก้วเจ้าจอมไว้  เวลาเกือบสองชั่วโมงชายหนุ่มก็มีถุงพะรุงพะรังอยู่ในมือ แดนดินกะว่าจะฝากท้องมื้อเย็นกับร้านปิ้งย่างแต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปยังร้านที่หมายตา เสียงแหลมเล็กของใครบางคนก็ฉุดรั้งให้เขาหันไปมอง

 

            “สวัสดีค่ะกำนันแดนดิน”แดนดินมองหญิงสาวในชุดเว้าลึกจนเห็นร่องอก ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มอย่างเสแสร้ง ดวงตากลมมีแววเยาะหยันอย่างเห็นได้ชัด

 

            “จำฉันไม่ได้เหรอคะ?”อริตาแสร้งถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

 

            “ขอโทษนะครับ ผมคุ้นๆหน้าแต่จำไม่ได้”

 

            “ฉันอริตาแฟนของพระลอไงคะเราเคยเจอกันเมื่อปีที่แล้วตอนลอยกระทง”แดนดินถึงกับร้องอ๋อแล้วส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างเป็นมิตร เขามองหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื้อ

 

เท่าที่รู้จักกันมาลลิตภัทรนั้นชอบผู้หญิงน่ารักและค่อนข้างเรียบร้อย อริตานั้นห่างไกลจากสเป็คของพระลอไปมากโข แต่เพราะมาอยู่เมืองกรุงนานความชอบของพระลออาจจะเปลี่ยนไป

 

            “ลูกชายคนโตของกำนันสยบายดีมั้ยคะ”หล่อนถามถึงลูกเจี๊ยบด้วยความไหลรื่น ใบหน้าสวยระบายรอยยิ้มอยู่ตลอดจนแดนดินไม่ได้เอะใจอะไรเลยซักนิดว่าภายใต้ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ฉาบรอยยิ้มไว้นั้นภายในใจของอริตานั้นร้อนราวมีกองเพลิงเผาไหม้อยู่

 

หล่อนแค้นใจไม่เคยลืม หาทางที่จะแยกลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบมานานนับเดือน ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะได้เจอแดนดินที่กรุงเทพ

 

            “ลูกเจี๊ยบเหรอครับ สบายดีครับ”

 

            “เห็นเขาสบายดีดิฉันก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะ แล้วนี่ซื้ออะไรเยอะแยะเลยคะ”หล่อนปรายตามองถุงในมือของแดนดิน กำนันหนุ่มยกมือตัวเองเป็นคำถาม

 

            “นี่เหรอครับ ของฝากลูกกับเมียผมเองครับ”

 

            “กำนันนี่ดูรักลูกรักเมียดีนะคะ”

 

            “ก็ต้องรักสิครับ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอีกอย่างนั่นก็ลูกๆผมทั้งนั้นไม่ซื้อให้ลูกจะซื้อให้ใครได้”แดนดินตอบกลับประสาซื่อ ออกจะแปลกๆกับคำพูดอริตาแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร หากแต่ใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มของหญิงสาวกลับเปลี่ยนไปในทันที

 

            “ถ้ารักลูกมากอย่างนั้นก็รบกวนอบรมสั่งสอนลูกของกำนันให้ดีๆหน่อยนะคะ อย่าให้เที่ยวไปทำตัวขี้ลักขี้ขโมยของๆคนอื่น กำนันบอกว่ากำนันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดฉันก็อยากถามหน่อยว่ากำนันเลี้ยงลูกยังไงคะให้เที่ยวมาฉกแฟนของคนอื่น”

 

            “คุณพูดถึงอะไร?”แดนดินที่ตอนนี้ใบหน้าไร้รอยยิ้มมีเพียงสีหน้าเรียบตึงเอ่ยถามเสียงห้วน อริตาเบะปากราวนางร้ายในละคร

 

            “ก็พระลอแฟนของฉัน ถูกลูกของคุณแย่งไปแล้วไงคะ ไม่ต้องแก้ตัวแทนลูกของกำนันด้วย ฉันไปเห็นสองคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาจากห้องนอนตอนที่ลอพาลูกคุณมาดูคอนเสิร์ต  สอนลูกดีนะคะให้เอาตัวเข้าแลก”อริตาไม่รอคำตอบของแดนดินหล่อนเหยียดยิ้มแล้วเดินจากมาอย่างสะใจ

 

บัญชีแค้นของหล่อนจะได้ถูกชำระในวันนี้แล้ว

 

ในเมื่อแยกสองคนนั้นออกจากกันไม่ได้ อย่างนั้นหล่อนก็จะยืมมือแดนดินนี่แหละสะบั้นความรักของลลิตภัทร

 

อย่าหวังว่าจะได้รักกันอย่างสมหวังเลย









 

            แดนดินไม่รู้ว่าหลังจากประโยคนั้นของอริตาตนเองขึ้นมาอยู่บนรถแล้วขับกลับบ้านด้วยความเร็วสูงได้ยังไง หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมาเขาก็ขับเข้าเขตจังหวัด ใจของเขาร้อนรุ่มจนแทบจะเผารถราบนถนนที่กีดขวางเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง

 

จริงอยู่ที่เขาควรกลับบ้านไปถามลูกก่อนแต่ในใจลึกๆเขาก็กลัว

 

กลัวคำตอบของลูกรักจะทำให้เขาผิดหวัง

 

แต่ที่เขาโกรธที่สุดก็คือลลิตภัทร ไอ้เวรตะไลนั่นกลับเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวที่แสนสว่างสดใสของเขาต้องมัวหมอง

 

กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ชื่อของมันเข้ามาเป็นชื่อแรกๆที่ลูกกับเมียของเขาพูดถึง กลายเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างมันกับเขา

 

เจ้าจอมเองก็เคยเปรยๆว่าลลิตภัทรเองก็มีงานยุ่งทั้งงานหลวงงานราษฎร์แต่ลลิตภัทรกลับมีเวลาพาเจ้าจอมและพี่กับแม่ไปเที่ยวได้จากจากแดนดินที่นานๆทีถึงจะมีเวลาให้ลูก

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าระยะห่างระหว่างเขากับลูกนั้นเกิดจากการแบ่งเวลาไม่เป็นของตัวเอง

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าตนต้องรักษาตำแหน่งของกำนันไว้ให้ได้นานที่สุด ต้องดูแลลูกบ้านให้ดี

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าเขาต้องหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อซัพพอร์ตลูกเมีย

 

เจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นอยากเป็นหมอ ค่าเล่าเรียนก็คงหลักล้าน อนาคตลูกต้องเข้าเรียนที่กรุงเทพเขาต้องเก็บเงินกันไว้ในส่วนนี้เพื่อการศึกษาของลูก จันทร์เจ้าขาอยากเรียนพยาบาลไหนจะเจ้าจอมอีก เลี้ยงลูกสามคนใช้เงินทั้งนั้น

 

เขาอยากให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีมีหน้ามีตาในหมู่บ้านอยากให้ใครที่มาเจอก็เอาไปโจษกันทั้งบางว่ากำนันแดนดินนั้นสร้างเนื้อสร้างตัวได้เก่งจริงๆ ทั้งๆที่จบแค่ ม.6

 

แล้วนี่คืออะไร??

 

อะไรคือการที่เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งมายืนชี้หน้าด่าว่าเขาสอนให้ลูกไปแย่งแฟนคนอื่น

 

แดนดินไม่รู้ว่าสิ่งที่อริตาพูดนั้นจริงหรือไม่จริงแต่ลูกที่เขาทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยเลี้ยงดูตั้งแต่ยังไม่คลอดต้องมาแปดเปื้อนมัวหมองเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้

 

เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ลอคนเดียว!!

 

แดนดินเหยียบรถจนในที่สุดก็ห้ามล้อที่ลานหน้าบ้าน แก้วเจ้าจอมที่กำลังทำการบ้านอยู่ชะเง้อมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อเจ้าลูกเล็กก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาพ่อทันที จิ๊บ ลูกเจี๊ยบและเจ้าขาที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวชะเง้อมองอย่างตกใจ

 

ปกติแดนดินไม่ขับรถอันตรายขนาดนี้ ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปถามไถ่ให้รู้ความจิ๊บก็เห็นแดนดินผลักเจ้าจอมที่จะกระโดดกอดออกจนลูกคนเล็กล้มตุ่บลงกับลานดิน เจ้าเด็กน้อยทำหน้ายู่คลำตูดป้อยๆแต่แดนดินเดินลงส้นจนพื้นเรือนดังตึงๆขึ้นมาบนเรือนก่อนจะไปคว้าปืนลูกซองที่แขวนไว้ทีข้างฝา จิ๊บถึงกับวิ่งถลาไปคว้าแขนสามีไว้ด้วยความตกใจ

 

ใบหน้าของแดนดินในยามนี้เหมือนคนถูกราหูกลืนกินไปแล้วทั้งหน้า

 

            “พี่ เป็นอะไรไปโกรธใครมา”จิ๊บยื้อสามีที่ดึงดันจะเดินไปหยิบกล่องกระสุนในห้องนอน ลูกเจี๊ยบรีบเข้ามาช่วยแม่จับพ่อไว้อีกคน เมื่อเห็นหน้าลูกแดนดินก็สะบัดลูกออกก่อนจะเดินไปหยิบไม้เรียวที่จิ๊บเหลาไว้ขู่เจ้าจอมตรงฝาบ้านเดินดุ่มเข้ามาหาลูกชายคนโตก่อนจะหวดลงบนเนื้อเนียนอย่างไม่ออมแรง

 

ลูกเจี๊ยบรวมทั้งจิ๊บและเจ้าขาเจ้าจอมร้องอย่างตกใจ

 

ผิวกายผ่องแสบปลาบยามเรียวไม้กระทบผิวเนื้อ น้ำตาไหลทะลักยามที่พ่อฟาดลงมาอีกครั้ง เด็กน้อยหมอบลงกับพื้นทั้งเจ็บทั้งแสบและเสียขวัญ แดนดินงื้อมือจะฟาดลูกอีกหนแต่คราวนี้จิ๊บกับเจ้าขาเข้ามายื้อมือของแดนดินไว้หากแต่แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนหรือจะสู้แดนดินที่ตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นได้ แค่สะบัดเบาๆทั้งจิ๊บและเจ้าขาก็ล้มไปคนละทาง กำนันหนุ่มงื้อมือแล้วฟาดลงมาอีกครั้งเสียงไม้กระทบผิวเนื้อดังควับใหญ่หากแต่คราวนี้คนที่ร้องไห้จ้ากลับกลายเป็นแก้วเจ้าจอมที่กระโดดมากอดร่างของพี่คนโตไว้ แดนดินตกใจทิ้งไม้ลงกับพื้น ลูกเจี๊ยบแม้จะเจ็บกายหากแต่พอไม้ที่สามไม่โดนตัวเองแต่กลายเป็นเจ้าน้องเล็กมารับแทนก็ตกใจแทบสิ้นสติ

 

ตั้งแต่น้องเกิดมาลูกเจี๊ยบไม่เคยตีน้องซักครั้งอย่างมากก็แค่หยิกเบาๆให้ได้ร้องโอดโดยแต่คราวนี้แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าน้ำตาเม็ดใสร่วงพรูสองข้างแก้ม แดนดินรีบอุ้มลูกเล็กขึ้นมาปลอบอย่างตกใจ

 

            “พี่เป็นบ้าอะไรพี่ดิน”จิ๊บทุบลงบนแขนของสามีอย่างโกรธจัด เจ้าขาเข้าไปประคองพี่ชายคนโตที่คุกเข่าร้องไห้อยู่อย่างสงสาร

 

            “พี่น่ะเหรอเป็นบ้า จิ๊บ ทำไมพี่ถึงเป็นบ้ารู้มั้ย”แดนดินมองหน้าภรรยา ก่อนตวัดสายตามองลูกเจี๊ยบที่จ้องหน้าตนอยู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ

 

            “รู้มั้ยวันนี้พี่ไปเจอใครมา? พี่ไปเจอแฟนไอ้ลอ เขาเข้ามาทักพี่แล้วเขาพูดว่าอะไรรู้มั้ย”แดนดินวางเจ้าจอมลงกับพื้นแล้วสาวเท้าไปหยุดยืนที่หน้าลูกเจี๊ยบ

 

            “เขาพูดว่าลูกเราแย่งแฟนเขามาโดยการเอาตัวเข้าแลกกับบัตรคอนเสิร์ต ตั้งแต่เกิดมาพี่ไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้มาก่อนเลยจิ๊บ”แดนดินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ลูกเจี๊ยบก้มหน้าหลบตาเขา

 

            “หลบตาพ่อทำไม น้องบอกพ่อมาสิว่าน้องไม่ได้ทำเหมือนที่เขาพูด”แดนดินคาดคั้นลูกน้อยที่กำลังสั่นกลัว

 

ลูกเจี๊ยบจิกเล็บตัวเองอย่างกดดัน อาการพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียนสร้างความทรมานให้กับเด็กน้อย

 

กลัว...ลูกเจี๊ยบกลัวพ่อกำนันในยามนี้เหลือเกิน หากโกหกพ่อคงจะโกรธและผิดหวังมาก แต่ถ้าบอกความจริงลูกเจี๊ยบก็กลัวว่าอาลอจะต้องลำบากเพราะตน เด็กน้อยไม่สามารถเลือกทางไหนได้เลย

 

            “เจี๊ยบ ลูกทำอย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่า?”จิ๊บเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามลูกเองกับปาก

 

หล่อนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟังไม่น้อย

 

ลลิตภัทรกับลูกชายของหล่อนนะหรือที่จะมีสัมพันธ์เกินเลยอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง

 

หากแต่ลูกเจี๊ยบยังคงเงียบ นั่นยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเดือดดาลยิ่งขึ้น ส่วนจิ๊บที่เลี้ยงลูกมากับมือก็รู้ได้ในทันทีว่าลูกรักของหล่อนนั้นทำตัวออกนอกลู่นอกทางไปเสียแล้ว

 

            “ทำไมล่ะน้อง ทำไมไม่พูดอะไรออกมาเลย แก้ตัวกับพ่อซักนิดก็ยังดี น้องเงียบอย่างนี้มันคือการยอมรับว่าน้องทำอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเขาว่ามากับพ่อจริงๆ เขาพูดว่ายังไงน้องรู้มั้ย?”แดนดินมองหน้าลูกที่เผลอเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาของลูกเจี๊ยบไหลเป็นสายอย่างน่าสงสาร

 

            “เขาบอกว่าพ่อเลี้ยงลูกยังไงให้เที่ยวไปฉกแฟนชาวบ้าน พ่อเจ็บเหมือนถูกเขาเอาตีนมาเหยียบหน้า นี่เหรอการตอบแทนความไว้ใจที่พ่อมีให้กับน้อง น้องทำให้พ่อทั้งผิดหวังทั้งช้ำใจแบบนี้ได้ยังไง พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูเจ้ามาให้อยู่ในร่องในรอย คำน้อยไม่เคยว่าให้ช้ำใจ จะตีซักครั้งยังไม่กล้าแล้วน้องเอาตัวเองไปถวายให้มันทำแบบนั้นไม่นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เลยเหรอ”

 

            “ฮึก...พ่อจ๋าแม่จ๋า น้องขอโทษ...”ลูกเจี๊ยบน้อยสะอึกสะอื้นก่อนจะพนมมือก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อและแม่ที่ทำให้ทั้งสองคนผิดหวัง แดนดินชาไปทั้งร่าง คำขอโทษแค่คำเดียวก็เท่ากับลูกยอมรับทุกอย่างแล้วจริงๆ ชายหนุ่มหมุนตัวผลุนผลันลงจากเรือนไป จิ๊บกับลูกๆทั้งสามรีบร้องเรียกและวิ่งตามสามีไปหากแต่ในยามนี้แดนดินเหมือนมีไฟเผาอยู่บนหัว ชายหนุ่มก้าวเร็วลัดคันนามุ่งตรงไปยังบ้านของลลิตภัทร เมื่อไปถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงก้าวขึ้นเรือนตึงตังลลิตภัทรกำลังยืนรดน้ำกล้วยไม้ที่นอกระเบียงหันไปอย่างตกใจเมื่อแดนดินเข้ามาประชิดตัวแล้วฟาดหมัดเข้าเต็มซีกหน้าของผู้ใหญ่บ้านหนุ่ม

 

            “มึงตายเสียเถอะไอ้ลอ ไอ้ชาติหมา”

 

            “ว้าย!!! กำนัน นี่มันอะไรกัน!!”ย่าโฉมที่ออกมาจากครัวเดินมาดูตรงตีนบันไดร้องถามอย่างตกอกตกใจ แดนดินหน้ามืดเกินกว่าจะตอบกลับหญิงชรา ชายหนุ่มกระโจนเข้าหาลลิตภัทรง้างเท้าจะกระทืบลงบนตัวของหนุ่มรุ่นน้องหากแต่ลูกเจี๊ยบที่ตามมาทันถลาเอาตัวปกป้องอาลอของตนไว้ในขณะที่จิ๊บกับลูกอีกสองคนก็มาช่วยดึงร่างของแดนดิน ลูกเจี๊ยบประคองลลิตภัทรเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจยามเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของอาลอ พนมมือไหว้อย่างขอความเมตตาจากผู้เป็นพ่อ

 

            “พ่อจ๋า พ่อพอแล้ว อย่าทำอาลอเลยนะจ๊ะ ถ้าจะตีพ่อก็ตีน้องเถอะ น้องเป็นคนเสนอตัวให้อาลอเอง ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะน้องใจง่ายเอง”

 

            “เจี๊ยบพูดอะไรคะ? ลลิตภัทรรีบรั้งร่างอันสั่นเทาของหลานเข้ามากอดปลอบ เขาพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

 

แดนดินรู้เรื่องความสัมพันธ์ต้องห้ามของเขากับเจี๊ยบแล้วชายหนุ่มขยับออกมาบังร่างหลานไว้

 

            “พี่ อย่าทำอะไรเจี๊ยบเลย ความผิดทั้งหมดผมรับไว้เอง ผมอยากจะขอรับผิดชอบเจี๊ยบ”ลลิตภัทรแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองหากแต่ยังพูดไม่ทันจะจบเท้าหนักๆของแดนดินก็ยันโครมเข้าที่อกของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจนหน้าหงายพร้อมกับคำพูดประกาศกร้าวจนเรือนสะเทือน

 

            “กูไม่ให้!!!”กำนันหนุ่มตั้งท่าจะกระทืบซ้ำหากแต่พระลักษณ์ที่ได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาขวางไว้ซะก่อนที่น้องชายจะได้กินตีนไปมากกว่านี้

 

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะกำนัน จะทำอะไรถ้าไม่เห็นแก่หัวดำก็เห็นแก่หัวหงอกของแม่กูบ้าง มึงขึ้นมาทำร้ายร่างกายน้องกูถึงเรือนไม่เกรงใจแม่กูเลยเหรอ”พระลักษณ์จ้องตาของกำนันอย่างโกรธจัดเห็นสภาพน้องชายที่เลือดกลบปากไม่ยอมสู้กับแม่วัยชราที่ร้องห้ามเสียงหลงแทบเป็นลมเป็นแล้งก็นึกชังน้ำหน้ากำนันหนุ่มนัก

 

            “ทีน้องพี่ล่ะมันทำอะไรเห็นหัวผมบ้างมั้ย?”แดนดินเองก็สวนกลับไปอย่างแข็งกร้าวไม่ต่างกัน

 

            “ไอ้ลอมันไปทำอะไรให้มึง ที่ผ่านมามันก็ดีกับลูกกับเมียมึงมาตลอด”

 

            “พี่ก็ถามมันสิ ว่ามันทำอะไรลูกผม มันพาลูกผมไปนอนกกที่กรุงเทพทั้งๆที่ตัวมันก็มีแฟนอยู่แล้ว ลูกผมก็ยังเด็ก มันทำได้ยังไง”

 

            “ห๊ะ!!!”คราวนี้คนทั้งบ้านฟากขะนี้ร้องออกมาพร้อมกันจนเสียงหลง พระลักษณ์ถึงขั้นยกมือขึ้นกุมขมับ ส่วนย่าโฉมถึงขั้นลมจับเข่าอ่อนร้อนถึงลูกสะใภ้กลางต้องประคองไปปฐมพยาบาลที่แคร่ใต้เรือน

 

            “ผมยินดีรับผิดชอบเจี๊ยบนะพี่”พระลอยังคงยืนยันคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มกุมมือของหลานไว้ สายตาเหลือบไปเห็นที่ขาของหลานมีรอยแผลเป็นแนวยาวเลือดซิบก็ปวดใจ ยื่นมือไปหมายจะแตะปลอบหากแต่ร่างบางกลับถูกผู้เป็นพ่อกระชากอย่างแรงจนปลิวตามมือไปยืนอยู่ใต้อาณัติของผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนลลิตภัทรสงสารจับใจ

 


            "มึงไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรลูกกู ต่อไปนี้ห้ามมึงมายุ่งวุ่นวายกับลูกกูอีก ถ้ามึงยังไม่ฟังกูจะแจ้งตำรวจจับมึงข้อหาพรากผู้เยาว์”แดนดินทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ลากลูกคนโตที่ลลิตภัทรพยายามเอื้อมมือคว้ามือหลานที่ยื่นเข้ามาหา หากแต่เขาจับรั้งหลานไว้ไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บเพราะพระลักษณ์เข้ามาขวางเขาไว้ ลลิตภัทรได้แต่ฟังเสียงหลานที่ร้องเรียกพร้อมกับร่างที่ถูกลากหายลับไปด้วยความเจ็บร้าวในหัวใจ





..............................



น้องถูกตี!!!!



น้องต้องเจ็บมากแน่ๆ อุปสรรคชิ้นใหญ่มาแล้ววววว



น้องจะทำยังไงจะแก้ปัญหานี้ยังไงหรือว่าจะต้องเลิกกัน!!
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๒ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-01-2019 10:09:21
 :a5:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๒ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 14-01-2019 07:42:45
โอ้ยยย น่าสงสารลูกเจี้ยบที่สุดเลย
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๒ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 14-01-2019 10:52:02
สงสารลูกเจี๊ยบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๒ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 14-01-2019 18:05:36
  :sad4:  :sad4:
สงสารน้องเจี๊ยบ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 26-01-2019 15:45:52
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๓


T
B





            จิรนันท์เดินเข้ามาในห้องของลูกเจี๊ยบ เด็กน้อยนั่งกอดเข่าซุกหน้ากับเข่าของตัวเองอยู่มุมห้องจุดที่เป็นช่องว่างข้างตู้เสื้อผ้า ขาเรียวขาวของลูกปรากฏรอยหวายและเลือดที่ซึมออกมาได้แห้งกรังลงไปแล้ว



หากแต่ลูกน้อยของหล่อนยังคนไม่หยุดสะอึกสะอื้น



ถามว่าผิดหวังมั้ยกับสิ่งที่ลูกกับพระลอทำ



แน่นอนจิรนันท์ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา



ถามว่าโกรธมั้ย จิรนันท์ก็ตอบเลยว่าไม่



เพราะขนาดหล่อนเองที่เป็นแม่ก็ยังเคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางจนเกิดเจ้าเจี๊ยบน้อยมาหนึ่งคนตอนอายุ 14 เลย นับประสาอะไรกับเจ้าน้องน้อยของหล่อนที่กำลังอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลอง



แต่จิรนันท์ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่มีลูกเขย



หล่อนพร่ำอบรมให้ลูกรู้สติอยู่เสมอเพราะไม่อยากให้ไปพลาดพลั้งทำสาวที่ไหนท้องแต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายของหล่อนกลับมีคนรักเป็นผู้ชายมิหนำซ้ำคนๆนั้นคือพระลอคนที่แดนดินรู้สึกมาเสมอว่าได้แย่งหล่อนมาจากพระลอ



แม้แดนดินจะไม่เคยเอ่ยปากหากแต่หล่อนที่อยู่กับสามีมาตลอดรับรู้ความในใจนั้นดี



หล่อนเสียใจที่พระลอไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ทำอะไรๆให้มันถูกต้อง ความสัมพันธ์ของพระลอและลูกเจี๊ยบนั้นออกจะข้ามขั้นไปไกลโขจนกู่กลับมาไม่ได้



เห็นเจ้าน้องน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ให้คนเป็นแม่ทอดถอนใจ หญิงสาวมาหยุดยืนตรงหน้าลูก เจ้าเจี๊ยบน้อยเงยหน้าขึ้นมองยิ่งเห็นแม่ก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม สองมือค่อยๆประสานกันก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ริมฝีปากที่เคยเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วพร่ำพูดแต่คำว่าหนูขอโทษอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ จิ๊บเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ได้แต่สงสาร



หัวอกของคนเป็นแม่นั้นอ่อนกว่าพ่อนักด้วยเฝ้าถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์จนเติบใหญ่ หล่อนจะทำอะไรได้นอกจากย่อกายลงแล้วดึงลูกให้ลุกขึ้นเดินมานั่งลงบนเตียงมือเรียวที่เคยป้อนข้าวป้อนนมลูบลงบนเรียวขาของลูกแผ่วเบา



            “เจ็บมากมั้ย?”หล่อนเริ่มใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดแผลให้ลูกด้วยความเบามือ



ตั้งแต่เล็กจนโตหลายครั้งที่ลูกไปเล่นซนจนได้แผลกลับมาก็มีแต่หล่อนนี่แหละที่คอยประคบประหงมทำแผลไปปลอบไป



            “เจ็บจ้า แต่หนูเจ็บไม่เท่ากับใจของพ่อกับแม่ที่ผิดหวังในตัวหนูหรอกหนูรู้ดี”



            “รู้แล้วทำไมยังทำ”



            “เพราะหนูกับอาลอรักกันจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามซื่อ จิ๊บชะงักมือที่แต้มยาสมานแผลให้ลูก คำว่ารักของลูกสะกิดใจหล่อนนัก ลูกเจี๊ยบจะมั่นใจได้ยังไงว่าความรู้สึกที่มีต่อลลิตภัทรนั้นคือความรักจริงๆ



            “ระหว่างรักกับหลงน่ะ บางทีความรู้สึกมันก็แยกกันไม่ออกหรอกนะเจี๊ยบ”



            “แม่กำลังจะบอกว่าระหว่างหนูกับอาลอมันคือความลุ่มหลงเหรอจ๊ะ”



            “แม่ไม่ได้จะหมายความอย่างนั้นไม่ได้จะดูถูกความรักของลูก แต่แม่เคยผ่านช่วงวัยเท่าลูกมาแล้ว ตอนแม่กับพ่อรักกันน่ะมันมีทั้งความรักและความหลง เรารักกันและต้องการจะอยู่ด้วยกันจนทำผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ลูกเองยังเด็กอาจจะแยกความรู้สึกนั้นไม่ออก”จิ๊บแปะผ้าก๊อซเป็นอันดับสุดท้ายก่อนจะฉวยเอาอุปกรณ์ทำแผลแล้วลุกขึ้นยืน



            “แม่จ๋า..เจี๊ยบรักอาลอ รักมากจริงๆ ถึงเจี๊ยบจะยังเด็กในสายตาของพ่อกับแม่แต่เจี๊ยบก็รู้ใจตัวเองดีว่ามันไม่ใช่ความหลงแน่ๆ”จิรนันท์มองลูกชายที่ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง สรรพนามแทนตัวจากที่เคยแทนว่าน้องหรือหนูก็กลายเป็นเรียกชื่อตัวเองบ่งบอกว่าลูกของหล่อนกำลังจริงจังในคำพูด



            “แต่สิ่งที่ลูกกับอาลอทำมันผิด ลอเองก็เหมือนกันเป็นผู้ใหญ่แทนที่จะยับยั้งชั่งใจแต่กลับพากันไปเลยเถิด”



            “เรื่องนี้อาลอไม่ผิดเลยแม่ เจี๊ยบเป็นคนเริ่มเอง เจี๊ยบรักอาลอ แม่ให้เจี๊ยบกับอาลอคบกันเถอะนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยถลามาจับแขนแม่เอ่ยคำเว้าวอนอย่างน่าสงสาร แม้โบราณจะบอกว่าน้ำเชี่ยวอาเอาเรือไปขวางหากแต่คนที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจครั้งนี้กลับไม่ใช่หล่อน



            “เรื่องนี้แม่แล้วแต่พ่อ”ลูกเจี๊ยบทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง



ถ้าเรื่องนี้แล้วแต่พ่อเจี๊ยบก็มองไม่เห็นทางที่เราจะไปต่อได้เลยจ่ะอาลอจ๋า...

 

            รุ่งเช้าลูกเจี๊ยบตื่นตั้งแต่เช้ามืดดังเดิม เด็กน้อยเข้ามาช่วยแม่ทำกับข้าวเช่นทุกวัน แผลขาขารู้สึกตึงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ใส่ใจนัก บรรยากาศที่เคยอบอุ่นบัดนี้มีแต่ความเงียบจนเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งนับพันตัน แม่ที่เคยพูดคุยก็เงียบขรึมลง

มันเป็นเพราะเจี๊ยบคนเดียว เจี๊ยบรู้ดี เรื่องราวมันยังสดใหม่เกินกว่าที่ทุกคนจะทำตัวเหมือนเช่นเคยได้ เมื่อเตรียมอาหารเสร็จจิ๊บก็ตักข้าวใส่ขันเพื่อเตรียมไว้ให้หลวงตาจวบเช่นทุกวัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยลูกเจี๊ยบก็เตรียมจะหยิบสำรับขันใส่บาตรไปท่าท่าน้ำหากแต่แดนดินเดินตึงๆออกมาจากห้องแล้วแย่งออกจากมือลูก



            “พ่อจ๋า?”ลูกเจี๊ยบร้องท้วงเมื่อของในมือถูกแย่งไป



            “ต่อไปนี้ไม่ต้องไปตักบาตรหลวงตาอีก เดี๋ยวพ่อจะบอกหลวงตาว่าไม่ต้องพายเรือมาแล้ว อย่าคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ไปเจอหน้าไอ้ลอได้อีก”แดนดินพูดจบก็หมุนตัวลงจากเรือนไป และกำนันหนุ่มทำตามที่พูดจริงๆ เขาบอกกับหลวงตาว่าที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยอีกทั้งหลวงตาก็ชรามากแล้วจึงขอให้เลิกพายเรือมาบิณฑบาตทุกเช้าเขาจะเป็นคนนำปิ่นโตไปถวายที่วัดเอง ซึ่งหลวงตาจวบก็เข้าใจแดนดินเดินกลับขึ้นมาบนเรือนแล้วร่วมวงกินข้าวกับลูกๆแก้วเจ้าจอมที่เคยออดอ้อนฉอเลาะผู้เป็นพ่อพอเห็นแดนดินหน้าตึงก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แรงหวายเมื่อวานยังตราตรึงเข้าใจในหัวใจแม้ว่าแม่จะช่วยทายาให้แล้วจอมก็ยังเจ็บอยู่เลย แม่จ๋าถามจอมว่าจอมเข้าไปรับไม้แทนพี่ทำไม จอมก็ตอบได้แค่ว่าจอมไม่รู้ ขามันไปเอง

จอมแค่อยากปกป้องพี่เจี๊ยบ



            “กินข้าวกันเร็วๆเดี๋ยวพ่อจะไปส่งที่โรงเรียน”แดนดินเอ่ยเสียงเรียบ หลังจากทานข้าวเสร็จจิ๊บก็ให้ลูกๆไปเตรียมกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน ลูกเจี๊ยบคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายพร้อมกับอุปกรณ์การเรียนอื่นๆที่ต้องใช้วันนี้ เด็กน้อยออกมายืนรอรถหน้าบ้านเช่นทุกวัน หกโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าบ้านแต่ยังไม่ทันที่ลูกเจี๊ยบจะก้าวขึ้นรถแดนดินก็มาดึงลูกไว้แล้วเดินมาเคาะกระจกด้านคนขับ ชายวัยกลางคนเจ้าของรถเลื่อนกระจกลงทันที



            “ลุง ต่อไปนี้ไม่ต้องมารับเจี๊ยบแล้วนะผมจะไปส่งลูกเอง อันนี้เงินค่ารถของเดือนนี้ผมให้เต็มจำนวนเลย”แดนดินยื่นเงินค่ารถของเดือนนี้ให้กับลุงเจ้าของรถ ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รถแล่นออกไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นคละคลุ้ง เด็กน้อยเม้มปากแน่น



พ่อกับลังทำทุกวิถีทางที่จะกันไม่ให้เจี๊ยบกับอาลอได้พบกัน เด็กน้อยกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นเข้าไปในอกทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเดินตามพ่อไปขึ้นรถที่พ่อจะใช้ไปส่งตนที่โรงเรียน



แดนดินใช้เวลาไม่นานก็มาส่งจันทร์เจ้าขากับแก้วเจ้าจอมที่โรงเรียนเด็กทั้งสองสวัสดีพ่อก่อนลงจากรถไปอย่างเรียบร้อย ลูกเจี๊ยบยิ้มให้น้องทั้งสองหลังจากนั้นบนรถก็เงียบกริบต่างคนต่างไม่พูดจากัน แดนดินก็เงียบใส่ลูกส่วนลูกเจี๊ยบเองก็ยังสู้หน้าพ่อไม่ได้เด็กน้อยทำเพียงหันออกไปมองวิวข้างนอกดวงตาคู่สวยเหม่อลอยบางคราก็มีน้ำตาคลอหน่วยแต่เจ้าตัวก็กระพริบไล่มันออกไปอย่างรวดเร็ว เจ็ดโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนลูกเจี๊ยบปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างโล่งอก



            “สี่โมงเย็นรอพ่อที่หน้าโรงเรียน พ่อจะมารับ”



            “ครับ”ลูกเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย



            “แล้วอย่าคิดว่าจะไปเถลไถลที่ไหนได้นะเจี๊ยบ อย่าทำให้พ่อผิดหวังซ้ำซาก”ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตอบกลับอะไรพ่อ ตอนนี้ใจของเด็กน้อยมันตื้อไปหมดทำได้เพียงยกมือไหว้ลาพ่อเงียบๆ ศตายุเดินเข้าโรงเรียนด้วยท่าทางเหม่อลอย



ป่านนี้อาลอจะเป็นยังไงนะ จะโดนปู่ลิตกับย่าโฉมดุด่าหรือเปล่า



จะนอนร้องไห้ทั้งคืนเหมือนหนูมั้ย



แผลที่ปากของอาลอจะเจ็บมากหรือเปล่า



ความรักของเราจะต้องถึงทางตันจริงๆเหรอจ๊ะ



ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูคงต้องขาดใจตายแน่ๆเลยจ้าอาลอจ๋า



หนูคิดถึงอาลอจังเลยจ้า

 

 

 

            ลลิตภัทรนั่งกอดเข่าอยู่ตรงเสาเรือน แดนดินถูกลูกเมียลากกลับไปแล้วโดยที่คนเป็นพ่อฉุดกระชากลากถูดวงใจดวงน้อยๆของเขากลับไปด้วย

 

ลูกเจี๊ยบร้องไห้จนตัวโยน เขาก้าวจะไปดึงหลานไว้หากแต่พระลักษณ์ดึงเขาไว้ก่อนที่จะทันได้ทำตามใจ

 

            “มึงจะทำอะไร ปล่อยเขาไป”

 

            “แต่...”ลลิตภัทรจำต้องเงียบหุบปากที่กำลังจะเถียงอย่างดื้อรั้นลงเมื่อเห็นสายตาเอาจริงของพี่คนรอง แรงยื้อที่แขนถูกผ่อนลงก่อนไหล่กว้างที่เคยผึ่งผายจะห่อลง

 

ลลิตภัทรกลับไปเป็นเด็กชายวัยสิบสี่ปีอีกครั้ง แม้จะอยากเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนแต่ในส่วนลึกลลิตภัทรก็ยังมีความเกรงพี่ๆอยู่

 

            “เรามีเรื่องต้องคุยกันไอ้ลอ”พระลักษณ์ปล่อยมือน้องก่อนเดินไปนั่งลงใกล้แม่ที่มีนิดาคอยบีบนวดให้อยู่ เกิดความเงียบอย่างน่าอึดอัด

 

ไม่นานชลิตรวมทั้งพระรามก็กลับเข้าบ้านเพราะนิดาโทรไปตาม ทุกคนมองจำเลยของบ้านด้วยสายตาทั้งเป็นห่วงและผิดหวัง

 

หัวอกคนเป็นพ่อก็อยากให้ลูกมีความสุขสมหวังในความรัก

 

แต่ไม่ได้เตรียมใจสำหรับมารับรู้ว่าลูกของตัวเองไปมีอะไรกับเด็กผู้ชาย แม้ตอนแรกที่ทราบเรื่องอยากจะกระทืบเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่ไหนหากแต่ลลิตภัทรในวันนี้กลับดูน่าสงสารจนความครุกรุ่นที่มีจางหายลงเหลือเพียงความผิดหวังและหนักใจ

 

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ลอ?”ในที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามหลังจากปล่อยให้แต่ละคนได้ใช้เวลาจมอยู่กับตัวเองมาซักพัก เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ด้วยเพราะเป็นคนรู้จักมักคุ้นและเจ้าเจี๊ยบเองก็เป็นหลานรักเหมือนหลานแท้ๆเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

 

เขาเดาไม่ออกถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยของทั้งคู่เลยซักนิด เท่าที่เขาเห็นจริงอยู่ว่าลลิตภัทรเอ็นดูเจ้าเจี๊ยบแต่เขาก็มองว่าลลิตภัทรรักหลานเพราะว่าหลานมันนิสัยดีไม่คิดเลยว่าน้องชายจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด

 

            “เจี๊ยบมันยังเด็กอยู่เลยนะไอ้ลอ อีกอย่างนั่นน่ะลูกแฟนเก่าของมึงพ่อกับแม่รวมทั้งพวกกูก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน มึงเองก็โตเป็นควายแล้วยังไม่รู้จักแยกแยะอีกเหรอวะ กูถามจริงๆมึงทำไปเพราะเห็นเจี๊ยบเป็นตัวแทนจิ๊บหรือเปล่า?”

 

            “ไม่ใช่!!”ลลิตภัทรโพล่งออกมาทันทีที่พี่ชายพูดประโยคนั้น

 

เขาเหนื่อยที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้เหลือเกิน

 

            “เจี๊ยบก็คือเจี๊ยบ เจี๊ยบไม่ใช่ตัวแทนของใครผมรักเจี๊ยบเพราะเจี๊ยบเป็นเด็กดีนิสัยน่ารักผมไม่ได้เอาเขามาเป็นตัวแทนของจิ๊บ”

 

            “แต่มึงเป็นแฟนเก่าจิ๊บมันควรแล้วเหรอที่ไปมีอะไรกับลูกเขา”

 

            “แล้วความรักมันห้ามกันได้เหรอ ผมไม่ได้คิดหรอกว่าจะเป็นลูกใครรักก็คือรัก”

 

            “มึงทำตัวเป็นเด็กว่ะไอ้ลอ”

 

            “ผมแค่รักเจี๊ยบแล้วมันผิดตรงไหน”

 

            “ผิดตรงที่ความรักของมึงมันไม่ได้มีแค่มึงไง มันมีหน้าพ่อหน้าแม่ มึงจะให้เขามาถอนหงอกให้เขาสิ้นเคารพพ่อแม่เหรอไอ้ลอ แล้วอีกอย่างมึงเป็นผู้ชาย เจี๊ยบก็ผู้ชายรู้ไปถึงไหนคงได้เอาปี๊บคลุมหัวเดินพ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน”

 

            “ลักษณ์เอ้ย พอเถอะ เลิกว่าน้องซักที”ย่าโฉมที่หายจากการเป็นลมแล้วโบกมือใส่ลูกชายคนกลาง ดวงตาร่วงโรยของหญิงชราทอดมองร่างห่อเหี่ยวของลูกชายคนเล็กแล้วให้นึกเวทนา

 

พระลอนั้นรูปงามกว่าใครในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน

 

ตั้งแต่เกิดมาหล่อนก็คอยประคบประหงมด้วยเพราะเป็นลูกหลง ถ้าจะถามหาคนผิดหล่อนเองก็มีส่วนเพราะรักและตามใจทูนหัวทูนเกล้าให้กับลูกคนเล็กไปเสียหมดสิ้น

 

ใครๆก็รู้ว่าลลิตภัทรนั้นเอาแต่ใจตัวเองพอดู

 

อยากได้อะไรก็ต้องได้ นิสัยนี้จึงติดตัวจนอายุเลยเลขสามไปแล้วแม้จะเบาบางลงเพราะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ก็ใช่ว่าจะหายไปไหน

 

ลลิตภัทรแค่กดมันไว้ด้วยบุคลิกสุภาพอ่อนโยน

 

            “บอกแม่ได้มั้ยว่ากับหลานน่ะจริงจังแค่ไหน”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

            “ถ้าคิดว่าจะเล่นๆก็ตัดใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจี๊ยบยังเด็กในอนาคตยังเจอใครได้อีกมาก อย่าเอาหลานมาเป็นของเล่น”

 

            “ผมจริงจังครับแม่”ลลิตภัทรตอบกลับอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงที่เคยนุ่มทุ้มชวนฟังบัดนี้ขึงขัง สายตาคมที่มักจะทอประกายวาวระยิบราวคนขี้เล่นบัดนี้แข็งกร้าวจริงจัง

 

            “จริงจังแบบไหน?”คราวนี้พระรามเป็นคนเอ่ยถาม ลลิตภัทรสบตาทุกคนในครอบครัวก่อนจะเอ่ยประโยคที่หนักแน่นและชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยพูดออกมาในชีวิต

 

            “จริงจังแบบอยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับเจี๊ยบ อยากมีเจี๊ยบเป็นคนในครอบครัวของเราเหมือนพี่ขวัญกับพี่นิดา”

 

            “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนจะได้ช่วยกันคิด ตอนนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเอ็งจะแก้ไขปัญหายังไง?”ชลิตถามคนเป็นลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

 

            “ผมอยากบอกับทุกคนว่าผมรักเจี๊ยบแต่หลานขอไว้ เขาอยากให้ปิดเป็นความลับจนกว่าจะเรียนจบ”

 

            แล้วมึงก็ตามใจหลานเนี่ยนะ ถึงว่าตัวติดกันเป็นตังเม ถามว่าไปชอบลูกสาวบ้านไหนก็ไม่บอกที่แท้ไปชอบลูกบ้านฟากขะนู้นให้เขาบุกมากระทืบ งามหน้ามั้ย”

 

            “เอ้...พ่อลักษณ์นี่ก็แม่บอกให้พอ เลิกว่าน้องเสียทีเถอะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาดุด่ากัน ข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปแล้วตอนนี้คือต้องหาวิธีแก้ไข เอาอย่างนี้มั้ยลอ ให้พ่อกับแม่ไปช่วยพูดให้”ย่าโฉมหันมาหาลูกชายพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

 

หัวอกคนเป็นแม่ มีใครที่ไหนจะไม่อยากให้ลูกมีความสุข

 

ลลิตภัทรเป็นคนรักใครรักจริงข้อนี้ทุกคนในบ้านทราบดี ดังนั้นการที่ลลิตภัทรบอกว่าอยากมีชีวิตบั้นปลายอยู่ร่วมกับศตายุ นั่นแปลว่าลูกชายของหล่อนนั้นรักลูกเจี๊ยบด้วยใจจริงดังนั้นหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือช่วยส่งเสริมให้ลูกได้ในสิ่งที่หวัง

 

ยังดีที่คนที่ลูกชายรักคือลูกเจี๊ยบที่รับประกันถึงนิสัยที่ดีได้แม้จะตะขิดตะขวงใจเพราะเป็นเด็กผู้ชายแต่ถ้านั่นคือคนรักของลูกชาย หล่อนก็ยอม

 

ลลิตภัทรคลานมาหาพ่อกับแม่ก่อนจะพนมมือก้มลงกราบคนทั้งคู่ ชายหนุ่มกราบลงบนตักของแม่อย่างนุ่มนวล เมื่อยืดกายขึ้นมาดวงตาที่เคยระยิบระยับกลับนิ่งสนิทมั่นคงและจริงจัง

 

            “ผมจะไปคุยกับไอ้...พี่แดนกับจิ๊บเอง ผมจะไปขอดูแลลูกเจี๊ยบด้วยตัวเองครับ”

 

 

 

            ลลิตภัทรนอนไม่หลับ...ชายหนุ่มพลิกกายกระสับกระส่ายไปมาก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ความกลุ้มอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ

 

ห่วงลูกเจี๊ยบเหลือเกิน เขาเห็นรอยแผลเป็นแนวยาวที่ขาขาวๆของหลานก็รู้ได้ในทันที่ว่าแดนดินตีน้องน้อยของเขาเข้าให้แล้ว

 

เจ็บมากใช่มั้ยคะคนดี

 

อาขอโทษ ขอโทษที่ทำให้หนูต้องถูกตี

 

ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หนูต้องร้องไห้

 

ปวดหัวใจยิ่งนัก ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบแม้จะรู้ดีว่าแดนดินคงยึดเครื่องมือสื่อสารของลูกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่ชวนให้ง่วงเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรแทบจะนับทุกวินาทีจนกระทั่งเสียงไก่ขันในตอนเช้ารุ่ง เสียงพระตีระฆังดังมาจากท้ายคุ้งน้ำเป็นเวลาตีสี่ ทุกชีวิตดำเนินไปตามปกติของวันหากแต่ลลิตภัทรยังคงนอนนิ่ง

 

หลังจากปล่อยลมหายใจทิ้งไปค่อนคืนเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงลอดผ่านหน้าต่างที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเปิดทิ้งไว้ชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน

 

ลูกเจี๊ยบต้องออกมาตักบาตรตอนเช้า นั่นเป็นโอกาสที่เขาจะได้เจอหน้าหลานเป็นระยะเวลาสั้นๆ ลลิตภัทรสวมเสื้อยืดขาวและกางเกงเลแบบลวกๆก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องตรงดิ่งไปที่ศาลาริมน้ำ แอบซุ่มรอตรงพุ่มมะลิลาพุ่มใหญ่ที่เคยร่วมเก็บกับเจ้าน้องน้อย รออย่างมีความหวัง แต่ทว่า ร่างหนาเหมือนหมีควายที่เดินถือถาดใส่ขันข้าวและปิ่นโตที่เดินท่อมๆมาที่ศาลาริมน้ำนั้นไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอ ลลิตภัทรพยายามชะเง้อมองหาลูกเจี๊ยบแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของหลานกลับได้ยินประโยคสนทนาสั้นๆที่ว่าต่อไปนี้ที่บ้านจะเอาภัตราหารไปถวายที่วัดเอง

 

แดนดินปิดกั้นการได้พบเจอของเขากับเจี๊ยบอย่างสมบูรณ์เมื่อในตอนสายหลังจากกลับจากส่งลูกเจี๊ยบในเมือง ลูกจ้างชาย 4-5 คนก็ขนเอาไม้และสังกะสีแผ่นใหญ่หลายสิบแผ่นมากั้นตั้งแต่หน้าบ้านยั้นท้ายบ้านรวมทั้งปิดศาลาริมน้ำของบ้านฝั่งตนด้วย

 

พระลอได้แต่กำหมัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธที่สุมอก

 

เป็นไงเป็นกัน

 

ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ

 

ลลิตภัทรจะบุกไปชิงลูกเสือของเขาด้วยตัวเอง!!!

.................................

ไป!!! ไปเอาเมียเราคืนมา!!!

 

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 26-01-2019 22:57:32
ขอให้แดนดินเห็นใจอาลอกับน้องเจี๊ยบด้วยเถิด :m15:
สงสารน้องเจี๊ยบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-01-2019 23:48:53
 o18


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 27-01-2019 00:10:44
แดนดินคือคนที่แก่ตัวที่สุดในเรื่องนี้ เป็นคนที่นิสัยไม่ดีที้สุด ไปแย่งแฟนพระลอมา แล้วก็ด่าเค้า แล้วก็ตั้งแง่กับเค้าต่างๆนาๆ นี่ก็ยังมากีดกันความรักของลูกอีก คือต้องมีความคิดแบบไหนกันอะ เกลียดมันจริงๆ :z6:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-01-2019 10:01:01
 :เฮ้อ:
เกลียดแดนดิน เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๓ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 28-01-2019 22:10:49
ไปตามน้องเจี๊ยบกลับมาให้ได้นะพระลอ!!!!
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 01-02-2019 17:05:35
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๔


   แผนการบุกถ้ำเสือของลลิตภัทรเป็นอันต้องพับไปก่อนเมื่อผู้ช่วยมาแจ้งว่าต้องจัดการเกี่ยวกับงบประมาณของหมู่บ้านเพื่อส่งให้หลวง รวมทั้งต้องประชุมผู้ใหญ่บ้านในตอนเย็น แม้ใจจะโลดแล่นไปบ้านฟากขะนู้นวันละร้อยหนแต่ลลิตภัทรก็ต้องทำงานของตัวเองก่อน
ทำงานไปด้วยใจที่เจ็บเจียนจะขาดรอนๆ

   “ปากไปโดนอะไรมาน่ะผู้ใหญ่”ชาวบ้านตาดีเอ่ยทักยามผู้ใหญ่บ้านออกไปเซ็นรับรองให้เด็กที่มาขอลายเซ็นใบขอรับทุนจังหวัด ลลิตภัทรไม่ได้ตอบทำเพียงยิ้มจางๆแล้วตัดบท

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอกลับไปทำงบของหมู่บ้านก่อนนะครับ จะได้เบิกจ่ายอะไรให้มันเสร็จ”ผู้ใหญ่บ้านที่มักมีรอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่เสมอบัดนี้ไม่มีแววใจดีหรือขี้เล่นให้เด็กสาวและแม่ของเธอได้โยกโย้ดังนั้นทั้งสองจึงลากลับไป ลลิตภัทรกลับเข้าไปคีย์ข้อมูลลูกบ้านในห้องโดยบอกแม่ไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวน ยามนั่งบนเก้าอี้ที่เคยมีเจ้าตัวน้อยคลอเคลียไม่ห่างในหัวอกก็ให้สะอื้น
ป่านนี้เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะร้องไห้จนตาบวมเป็นนกกระปูดแบบเขาหรือเปล่าหนอ

   ทางด้านลูกเจี๊ยบเมื่อลงจากรถที่พ่อขับมาส่งด้วยบรรยากาศอึดอัดตลอดทางก็เดินเข้าโรงเรียน ไหล่บางห่อและตกอย่างน่าสงสาร วุ้นที่มองเห็นรีบเดินมาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

   “เจี๊ยบเป็นอะไรทำไมตาบวมแบบนี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเราพาไปห้องพยาบาลมั้ย”ลูกเจี๊ยบน้อยสูดน้ำมูกฟึดใหญ่จ้องตาของวุ้นถ่ายทอดความเศร้าผ่านดวงตาจนวุ้นรู้สึกได้

   “มีอะไรอยากเล่าให้เราฟังมั้ย?”

   วุ้นได้แต่ลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักยามที่ลูกเจี๊ยบกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ลูกเจี๊ยบที่เป็นคนร่าเริงเสมอบัดนี้กลับเศร้าสร้อยเสียจนน่าสงสาร

อายุก็เพิ่งจะแค่นี้แต่กลับต้องพบเจอปัญหาที่หนักหนาเสียเหลือเกิน

ตัววุ้นเองก็ยังเป็นเด็กเกิดมาดูโลกพอๆกับลูกเจี๊ยบ วุ้นไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะต้องพูดปลอบยังไงเพื่อนถึงจะรู้สึกดีขึ้น

   “ไม่ต้องร้องนะเจี๊ยบ เราเชื่อว่าถ้าอาลอรักเจี๊ยบจริง เขาจะแก้ไขปัญหานี้ได้”

   “เราคิดถึงอาลอ เราเป็นห่วงอาลอ”

   “ตอนนี้เจี๊ยบทำอะไรไม่ได้หรอก พ่อของเจี๊ยบยังโกรธมากถ้าเกิดดื้อดึงหรือทำอะไรลงไปคนที่ลำบากจะเป็นเจี๊ยบกับอาลอ เราแนะนำให้เจี๊ยบอยู่นิ่งๆไปก่อนจะดีกว่า ความแตกก็ดีเหมือนกันนะเจี๊ยบ”วุ้นพูดพลางส่งยิ้มให้กับลูกเจี๊ยบที่ทำหน้าไม่เจ้าใจ

   “ถ้าอาลอกับเจี๊ยบผ่านปัญหานี้ไปได้จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆไง บอกกับใครต่อใครได้ว่าอาลอกับเจี๊ยบเป็นแฟนกัน ไม่ดีเหรอ?”

   “แล้วถ้าอาลอกับเราผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ล่ะ?”ลูกเจี๊ยบถามกลับหน้าเสีย

   “ยังไงเราก็มั่นใจว่าได้ เจี๊ยบอย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายๆสิ เชื่อมั่นในตัวอาลอหน่อย ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรที่เราช่วยได้เราก็จะช่วย”

ทางด้านพระลอหลังจากวุ่นกับการทำเอกสารและรายชื่อลูกบ้านมาทั้งวันในที่สุดก็มีเวลาได้พักในตอนพลบค่ำ ชายหนุ่มลุกเดินออกจากห้องในตอนที่แม่กับพี่สะใภ้กำลังจัดเตรียมสำรับมื้อเย็น

   “อ้าวลอ จะไปไหนลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว หรือหรือยังเมื่อกลางวันก็ไม่ได้กินข้าว”

   “ไปศาลาแป๊บหนึ่งครับ”ลลิตภัทรตอบเสียงเบา ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเปล่งประกายบัดนี้เศร้าหมอง ย่าโฉมวางสาบบัวต้มกะทิลงพลางถอนใจ

   “ไปก็ไม่เห็นหลานหรอกลูกเอ้ย พ่อเขาให้คนมาปิดเสียขนาดนั้น”

   “ผมรู้ครับแม่ว่าไม่เห็น แต่ผมคิดถึงหลานจริงๆ”ลลิตภัทรกระพริบตาไล่หยาดน้ำที่วาบขึ้นมาที่ขอบตา ส่งยิ้มเนือยๆให้ผู้เป็นแม่ ยิ่งเห็นกะทิต้มสายบัวก็ให้คิดถึงเจ้าตัวน้อยที่เคยว่ายแหวกลำคลองชี้ชวนกันเก็บสายบัวมาให้กับแม่ของเขา คิดถึงตอนแอบหอมแก้มผ่องโดยใช้กอบัวเป็นที่พลอดรัก

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเขาล้วนมาความทรงจำร่วมกับเจ้าลูกเจี๊ยบไปเสียทุกอย่าง

ในหัวอกเจ็บเสียดเจียนจะขาดใจตาย

   “ถ้าอยากไปก็ไปเถอะลูกแล้วรีบกลับมากินข้าวเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”ผู้เป็นแม่ร้องบอกอย่างเข้าใจ

ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี

หล่อนไม่รู้หรอกว่าลลิตภัทรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง  หล่อนรู้แต่ว่าหล่อนเชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูด

พระลอรักลูกเจี๊ยบ รักมากเหมือนตอนที่รักจิ๊บ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะคราวที่อกหักจากจิ๊บพระลอเอาแต่จะหนีท่าเดียว

แต่กับลูกเจี๊ยบแล้วพระลอตั้งท่าจะสู้เพื่อชิงเอาความรักที่ถูกพรากไปจากคนๆเดิมอีกครั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้ย่าโฉมก็ให้นึกเคืองแดนดินนัก  ไม่รู้ชาติก่อนพระลอของหล่อนไปพรากของรักอะไรของแดนดินมาชาตินี้ถึงตามมาพรากของรักของลลิตภัทรไปถึงสองครั้งสองคราถึงแม้คราหลังจะเป็นลูกของแดนดินก็เถอะ

   ลลิตภัทรถอนหายใจพรืดใหญ่ เขาเกลียดแนวรั้วสังกะสีที่ทอดยาวไปยั้นสุดแนวต้นไผ่ท้ายนาของแดนดินมันปิดกั้นไม่ให้เขาสอดส่ายสายตาหาเจ้าตัวน้อยได้ ภาพลูกเจี๊ยบน้อยนั่งทำการบ้านในศาลา ภาพลูกเจี๊ยบน้อยใช้หนังสติ๊กยิงมะม่วงดิบกับแก้วเจ้าจอมไหลกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง

ศาลาริมน้ำก็ยังคงเดิม มะม่วงต้นใหญ่ที่แตกกิ่งก้านก็ยังอยู่ที่เดิม กอบัวสายที่ออกดอกสล้างเต็มมลำคลองก็ยังเป็นกอเดิม กิ่งไผ่ลั่นเอียดอาดตามแรงลมก็ยังเป็นกอเดิม

ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือเจ้าน้องน้อยยาใจของเขาถูกขังอยู่บนหอคอย แม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบ เจ็บปวดใจจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเหมือนหนังกำลังภายในของจีน

ภาพลูกเจี๊ยบตัวขาวถอดเสื้อโยนกับพื้นแล้วนั่งอวดเรือนร่างต่อสายตานับสิบคู่ในตอนนั้นวกกลับมาให้ได้ยิ้มเอ็นดู

น่ารัก

ไม่ว่าจะคำพูดคำจาหรือกริยาท่าทางทั้งแสนซน อ่อนหวาน ช่างออดอ้อนฉอเลาะทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นลูกเจี๊ยบนั้นน่ารักเหลือเกิน

ความรักของเขากับลูกเจี๊ยบควรจะราบรื่นไปจนกว่าจะถึงวันที่ลูกเจี๊ยบเรียนจบและบรรลุนิติภาวะได้แล้วแท้ๆถ้าไม่มีมารมาขวาง

ใช่สิ...

ลลิตภัทรลืมไปเสียสนิทเลยว่าต้นเหตุที่ทำให้ความรักของเขาพบเจอกับอุปสรรคครั้งนี้เป็นใคร

ต้นเหตุที่ทำให้ผิวผ่องของเจ้าตัวน้อยต้องเป็นรอยจากคมหวายนั้นคงกำลังทำตัวเฉิดฉายอยู่ที่กรุงเทพ

อริตาควรได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้

เขา...จะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงสกปรกคนนั้นให้ลอยตัวเหนือปัญหาทั้งปวงเด็ดขาด

อริตาต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้!!


   ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียงโดยไม่ได้ออกไปกินข้าวเย็นเหมือนเช่นเคย ร่างบางสะอื้นน้อยๆ

ศตายุกำลังผิดหวัง...

เด็กน้อยหวังลึกๆในใจว่าหลังจากวันนั้นอาลอจะบุกมาหาที่บ้าน มาแสดงความรักที่มีต่อลูกเจี๊ยบว่ามีมากเพียงใด

หากแต่สามวันล่วงผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบ

หรืออาลอจะไม่ได้รักน้อยจริงดังคำที่เคยเอื้อนเอ่ยหวานหูยามเราสองแนบชิด

ใจดวงน้อยปวดยอกราวกับถูกกรีดด้วยมีดแหลมคม ดวงตากลมที่เคยทอประกายสดใสหม่นแสง ขอบตาบวมช้ำเพราะร้องไห้จนหลับทุกค่ำคืน  ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้าหนักๆที่ไม่ต้องเงยหน้ามองก้รู้ว่าเป็นใคร

แดนดินมองสภาพลูกชายคนโตแล้วได้แต่ถอนใจหนัก ลูกเจี๊ยบไม่เคยเศร้าขนาดนี้

เขาเข้าใจดีว่าอารมณ์รักของวัยรุ่นนั้นมันยิ่งใหญ่

เขาไม่เคยคิดห้ามลูกเลยหากลูกจะมีแฟน

จะเป็นเพศไหนเขาก็รับได้เพราะจากการเลี้ยงดูของจิ๊บลูกเจี๊ยบจะเบี่ยงเบนเขาก็ไม่ว่า

   “ทำไมต้องเป็นไอ้ลอล่ะลูกเอ้ย”ลูบหัวลูกอย่างอ่อนใจ ลูกเจี๊ยบสะอื้นจนตัวโยนไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อ

   “หักใจจากมันเถอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้รักลูกจริง ไอ้ลอมันขี้ขลาดเกินจะมาดูแลชีวิตลูกได้ ที่มันเข้าหาลูกก็เพราะมันหวังจะแก้แค้นพ่อ น้องยังเด็กไม่ทันเล่ห์ไอ้คนชั่วนั่นหรอก”

   “แต่...”ลูกเจี๊ยบน้อยช้อนตาขึ้นมองพ่อ คำพูดที่ลลิตภัทรเคยบอกไหลเข้ามาในกล่องความทรงจำ

   “อาลอบอกว่าอาลอรักหนู”แดนดินถอนหายใน ดวงตาวาวขึ้นน้ำเสียงที่พูดกับลูกก็เข้มขึ้น

   “แล้วไหนล่ะไอ้คนที่มันบอกว่ารักน้อง ทำไมสามวันแล้วมันไม่โผล่หัวมาซักครั้งเลยล่ะ คนขี้ขลาดแบบนี้น่ะเหรอที่น้องจะฝากชีวิตไว้กับมัน ลืมมันซะแล้วที่ผ่านมาพ่อจะยกโทษให้”แดนดินเดินลงส้นเท้าแล้วกระชากประตูห้องของลูกปิดจนเรือนสะเทือน กำนันหนุ่มเดินหัวเสียผ่านจิรนันท์และลูกๆกลับเข้าห้องนอน จิ๊บส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

สงสารทั้งลูกเห็นใจทั้งสามี และไม่เข้าใจลลิตภัทรที่ไม่ข้ามมาหามาพูดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

ปัญหาทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้คาราคาซัง

สงสารแต่เจ้าเจี๊ยบที่นอนร้องไห้ยนตัวโยนทุกคืน ทำเวรทำกรรมใดไว้หนอลูกน้อยของหล่อนถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้

หล่อนเกลียดสิ่งศักดิ์สิทธิ์นัก

   “แม่จ๋า เสียงพี่เจี๊ยบร้องไห้อีกแล้ว”แก้วเจ้าจอมสะกิดแม่พลางร้องบอกเบาๆ เด็กชายวัยสิบขวบมองประตูห้องของพี่คนโตด้วยดวงตาแสดงความเป็นห่วงชัดเจน

   “หนูอยากไปหาอาลอ อยากไปบอกอาลอให้มาปลอบพี่เจี๊ยบ”แก้วเจ้าจอมก็พูดไปตามประสาซื่อของเด็กที่ยังไม่รู้ถึงปัญหาที่ทุกคนเผชิญอยู่

   “ไปไม่ได้หรอกลูก พ่อกับอาลอเขาโกรธกันอยู่เจ้าจอมก็เห็น ถ้าอาลอเขาอยากมา เขาคงมาไปนานแล้ว เรื่องนี้เจ้าจอมอย่าเข้ามายุ่งเลยนะให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป อาลอกับพี่เจี๊ยบทำเรื่องไม่สมควรเขาต้องแก้ไขปัญหากันเอง ดึกแล้วเจ้าจอมไปนอนเถอะพรุ่งนี้จะไปเรียนสาย”หล่อนดึงชายเสื้อของลูกลงหลังจากทายาให้เสร็จแล้ว แก้วเจ้าจอมยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย

จิรนันท์นั่งฟังลูกร้องไห้ด้วยใจที่เจ็บปวด

ถ้าพระลอรักลูกเจี๊ยบจริงก็ช่วยทำอะไรให้ชัดเจนทีเถอะ

หล่อนจะไม่ขัดเลยซักคำ...




   อริตาเดินเฉิดฉายอย่างมั่นใจเข้ามาในร้านอาหารด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้ม


สุดท้ายพระลอก็ต้องมาหาหล่อน อริตาไม่สนใจหรอกว่าคำพูดวันนั้นจะทำร้ายใครยังไงบ้าง หล่อนรู้แค่ว่าวันนี้หล่อนชนะ ลลิตภัทรเป็นฝ่ายโทรหาและนัดพบหล่อนเองโดยไม่มีเด็กนั่นมาอยู่ด้วยให้ขวางหูขวางตา


   “รอนานมั้ยคะลอ ขอโทษทีพอดีรถติด”หญิงสาวก้มลงจูบแก้มชายหนุ่มก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

   “นึกยังไงเข้ากรุงเทพมาหาแอนได้ล่ะคะ”หล่อนยังคงทำหน้าใสซื่อราวกับไม่รู้ไม่เห็นกับอะไรที่ทำลงไปทั้งสิ้น ลลิตภัทรกระตุกยิ้มก่อนจะทำสายตาแพรวพราวใส่อย่างที่เคยทำใส่ผู้หญิงคนอื่นๆ

   “คิดถึงมั้งครับ ไม่ได้เจอกันนาน”

   “จำได้ว่าคราวก่อนคุณไล่แอน”หล่อนแสร้งคนน้ำแข็งในแก้วพลางยกมือขึ้นจับปอยผมที่ระลงมาเกะกะทัดหู ลลิตภัทรส่งยิ้มกริ่มจนใจสั่นให้ก่อนจะเอื้อมตัวไปทัดผมที่เก็บไม่หมดให้หล่อน

   “จำเมื่อก่อนได้มั้ยคะ ลอชอบทัดผมให้แอนเสมอตอนที่เรา...”หล่อนแสร้งทิ้งจังหวะแล้วยิ้มอย่างสื่อความหมาย ปลายเท้าเขี่ยขาของลิตภัทรที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างยั่วยวน

   “ผมว่าเราสั่งอาหารกันเถอะครับ ดูท่าแอนคงจะหิว...”ลลิตภัทรตวัดสายตามองอริตาตั้งแต่หน้าจนถึงหน้าอก เน้นคำว่าหิวด้วยเสียงที่หนักกว่าคำอื่น อริตายิ้มพรายเต็มดวงหน้า

หล่อนชอบลลิตภัทรที่ดูทันกันกับหล่อนไปเสียทุกอย่าง เห็นทีคืนนี้อาจจะมีเรื่องราวดีๆให้ได้ทำสนุกๆกันสองคน


   “เสร็จจากนี่เราไปรำลึกความหลังกันที่คอนโดคุณมั้ยคะ?”อริตายกผ้าขึ้นมาซับปากเมื่อมื้ออาหารแสนอร่อยจบลง ลลิตภัทรเหลือบตาขึ้นมามองหน้าหล่อนก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ชายหนุ่มเล่นกับผ้าเช็ดปากบนโต๊ะก่อนจะเปิดปากพูด


   “ผมไม่มีคอนโดแล้วล่ะครับ”อริตาขมวดคิ้วให้กับคำตอบของลลิตภัทรทันที

   “หมายความว่าไงคะ ลอขายคอนโดไปแล้วหรือคะ?”

   “เปล่าครับผมไม่ได้ขาย แต่ผมเซ็นยกให้ลูกเจี๊ยบไปแล้ว”อริตาขมวดคิ้วฉับอย่างไม่เข้าใจ

   “หมายความว่ายังไงคะที่ว่าคุณยกคอนโดให้เด็กนั่น?”

   “ก็หมายความตามที่พูดครับ ตอนนี้คอนโดของผมเป็นของลูกเจี๊ยบแล้ว ผมยกให้ลูกเจี๊ยบหลังจากกลับจากดูคอนเสิร์ตคราวนั้น เงินฝากในบัญชีของผมก็โอนให้ลูกเจี๊ยบไปหมดแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่ทำอย่างนั้นป่านนี้ผมคงติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ไปแล้ว ส่วนรถของผม ผมกำลังจะขาย หลังจากวันนี้ผมก็จะมีแต่ตัว”อริตากลอกตาไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

ลลิตภัทรจะบ้าไปแล้วหรือไงที่อยู่ๆยกสมบัติทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับเด็กคนนั้น

   “คุณจะเหลือแต่ตัวได้ยังไงคะในเมื่อบ้านคุณมีทั้งที่นากับตลาด”

   “ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพ่อแม่ของผมนี่ครับแอน เพราะแอนไปบอกกับกำนันแดนดินเรื่องผมกับเจี๊ยบกำนันไปโวยวายที่บ้านพ่อของผมโกรธมากเลยตัดผมออกจากกองมรดกบอกว่าสมบัติทั้งหมดถ้าพ่อตายก็จะยกให้พี่ๆทั้งสองคนแบ่งกัน ผมยอมเสียทรัพย์สินส่วนตัวทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้กับกำนันเพราะผมไม่อยากติดคุก ตอนนี้ผมย้ายออกมานอนที่โรงสีแล้ว ทั้งร้อนทั้งคับแคบลำบากมากเลยครับ ผมอายุ 33 แล้วก็อยากจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับใครซักคนที่พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผม”ลลิตภัทรคว้ามือของอริตาไปกุมไว้ ส่งสายตาสื่อความหมายมาให้

   “และผมมองไม่เห็นใครที่รักและจริงใจกับผมเท่าคุณอีกแล้ว คุณเต็มใจจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกห่างไกลความเจริญทำไร่ทำนาหาปูหาปลากับผมมั้ยครับแอน”อริตาต้องตาของลลิตภัทรเพื่อค้นหาความจริงและผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ได้หลบตาหล่อน ใจของหญิงสาวหล่นวูบ

จะให้หล่อนไปทำนาหาปูหาปลาอยู่แบบไม่มีอะไรแบบคนบ้านนอกน่ะเหรอ ขอบอกกันตรงนี้เลยว่าหล่อนไม่เอาด้วยหรอก

   “หรือแอนอยากให้ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพครับ ผมย้ายมาได้นะ แต่คุณอาจจะต้องลำบากเลี้ยงผมหน่อยเพราะตอนนี้ผมขายหุ้นให้พวกไอ้เอ็มไปหมดแล้วจะไปสมัครงานใหม่ก็คงไม่มีใครรับแล้ว เงินเดือนของแอนตั้งหลายหมื่นใช้แบบประหยัดๆหน่อยน่าจะอยู่ไหว”อริตาที่นั่งเงียบอยู่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของลลิตภัทรทันที

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะลอ แอนไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ”

   “มันไม่ใช่เรื่องบ้า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมก็เป็นเพราะแอน ตอนนี้ผมไม่มีพันธะอะไรแล้วทรัพย์สมบัติก็ไม่มี ผมพร้อมจะมาใช้ชีวิตกับแอนได้ทุกเมื่อแอนไม่ดีใจหรอกเหรอครับ?”

   “แอนนึกได้ว่าแอนมีนัดกับเพื่อน ยังไงแอนขอตัวกลับก่อนนะคะ”อริตาผุดลุกขึ้นยืนตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

ใครจะโง่ไปกัดก้อนเกลือกินกับลลิตภัทรล่ะ

ถึงจะหล่อแต่ถังแตกหล่อนก็ขอบาย อริตารักความสุขสบาย อริตารักเงินทอง หน้าตานั้นเป็นผลพลอยได้ หญิงสาวหมุนตัวเตรียมหันหลังกลับหากแต่ลลิตภัทรร้องเรียกเสียก่อน

   “เดี๋ยวสิครับแอน”หญิงสาวหันมามองอย่างไม่ชอบใจ

คิดจะรั้งหล่อนไว้เหรอ

จ้างให้หล่อนก็ไม่กลับมาแลคนจนๆอย่างลลิตภัทรอีกแล้วล่ะ

สาวๆสวยๆอย่างหล่อนยังหาผู้ชายที่เพียบพร้อมได้อีกมากมาย

หากแต่ประโยคที่ลลิตภัทรพูดออกมาทำเอาอริตาแทบจะกรี๊ดใส่

   “จ่ายค่าอาหารด้วยครับ หารครึ่งกันก็ได้ แพงขนาดนี้ผมไม่มีเงินจ่ายหรอก”

ลลิตภัทร

ไอ้คนทุเรศ!!

หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบแบงค์พันขึ้นมาวางลงบนโต๊ะสองใบก่อนจะจ้องหน้าชายหนุ่ม

   “หลังจากนี้ไม่ต้องนัดแอนออกมาแล้วนะคะ แล้วก็แอนไม่ได้รักคุณถ้าที่ผ่านมาแอนทำให้คุณคิดไปเองแอนก็ขอโทษด้วย ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหรือติดต่อแอนอีกนะคะ”

   “ใจร้ายจังครับ ไม่เห็นนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อนเลย เพราะตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วใช่มั้ยครับคุณถึงจะรีบผลักผมออกจากชีวิต ผมก็นึกอยู่แล้วว่าผู้หญิงอย่างคุณเงินเป็นใหญ่ ถ้าคุณไม่เอาเรื่องของผมกับเจี๊ยบไปพูดตอนนี้ผมก็ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ จะไม่รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำไว้หน่อยเหรอครับ”ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบเงินบนโต๊ะมาเคาะเล่น อริตามองท่าทางนั้นอย่างนึกรังเกียจ

แค่ค่าอาหารสองพันกว่าบาทยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยแล้วยังจะมาทำตัวติดหรู

กระจอกที่สุด

   “ก็นี่ไงคะลอ ฉันยอมออกจากชีวิตคุณให้อย่างง่ายๆแล้วไงคะ ต่อไปนี้จะไปรักจะไปชอบจะไปมั่วกับเด็กนั่นยังไงก็แล้วแต่คุณ เสียเวลามามากแล้วแอนขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก หรือต่อให้เจอก็ไม่ต้องมาทักนะคะ”

อริตาไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงลลิตภัทรที่นั่งแค่นยิ้มอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มยกไวน์ขึ้นมาดื่มทิ้งท้ายก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

   “นี่เป็นค่าอาหารนะครับ ส่วนสองพันนี้เป็นทิป”ลลิตภัทรหยิบเงินค่าอาหารวางลงบนถาดแล้ววางเงินสองพันของอริตาให้กับพนักงานเป็นทิป ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากจัดการอริตาให้ออกไปจากชีวิตของเขาได้แล้ว

แม้ใจจริงอยากจะด่าหรือทำรุนแรงกับหญิงสาว

แต่ลลิตภัทรเป็นสุภาพบุรุษพอ

ผู้หญิงหิวเงินรักสบายอย่างอริตาไม่มีทางรักใครจริง ถ้าไม่มีเงินอริตาก็ละความสนใจจากเขา หล่อนยังมีเหยื่อรายใหม่ไว้ให้สูบเลือดสูบเนื้ออีกมากมาย

แม้จะอยากกระชากคอมาต่อยให้ปากแตกโทษฐานที่ทำให้ลูกเจี๊ยบของเขาต้องโดนตี

แต่ลลิตภัทรก็ข่มใจ

เขาจะไม่ยอมมีประวัติเสื่อมเสียให้ลูกเจี๊ยบต้องอายว่ามีคนรักเป็นพวกใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

หลังจากนี้เขาจะเดินหน้ารุกเพื่อชิงเจ้าเจี๊ยบน้อยให้มาอยู่ในอ้อมอกให้ได้

แดนดินจะต้องยกลูกให้เขาด้วยความเต็มใจ เพราะเขาจะวางเดิมพันทุกอย่างที่มีให้กับเกมส์รักครั้งนี้

รออาหน่อยนะคะหนูจ๋า อากำลังกลับไปหาลูกเจี๊ยบ

ไปหาดวงใจของอา....


.......................................

ติดแท็กเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้นะคะ

#พระลอตามไก่
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 01-02-2019 17:24:24
ทำไมอาลอไม่ไปหาน้องก่อนอ่ะ!!! ป้าแอนไม่เห็นต้องให้ค่าเบอร์นั้นเลย น้องร้องไห้รออาลอจนตาบวมแล้วนะ!
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-02-2019 19:42:02
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 01-02-2019 20:56:42
สงสารอาลอ สงสารลูกเจี๊ยบ ถ้าอาลอไปบุกแม่จิ๊บต้องเป็นแบ็คให้นะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-02-2019 10:04:58
อาลอไปง้อน้องเจี๊ยบเร็วววๆๆๆ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 04-02-2019 20:35:32
ตอนที่ ๓๕


T
B



                ลลิตภัทรนั่งมองบรรดาเด็กนักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างใจเย็น เขาเห็นเจ้าน้องน้อยถูกพ่อมารับตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ลูกเจี๊ยบของเขามีสีหน้าเศร้าหมองจนน่าสงสาร หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะไปดึงมากอดให้จมอกแล้วปลอบให้คลายเศร้า

 

แต่ในตอนนี้ ลลิตภัทรจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้เด็กขาด

 

แดนดินนั้นหัวรั้นและอารมณ์ร้าย ยิ่งมีประเด็นกับเขาด้วยแล้วแดนดินยิ่งเพิ่มเลเวลความดุร้ายเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าเปรียบเป็นหมาตอนนี้แดนดินคือพันธุ์ผสมระหว่างล็อตไวเวอร์ผสมบางแก้ว เอาแต่แยกเขี้ยวทั้งวัน ไม่รู้ว่าจิ๊บนั้นเลี้ยงผัวด้วยน้ำผึ้งรึไงถึงได้ดุแท้



ได้แต่ภาวนาว่าแก่ตัวไปเจ้าเจี๊ยบน้อยจะไม่ดุร้ายเหมือนพ่อ ไม่งั้นลลิตภัทรคงตายคาเท้าลูกเจี๊ยบแน่ๆ

 

ปัญหาของเขากับลูกเจี๊ยบน้องต้องค่อยเป็นค่อยไปทุกอย่างต้องใจเย็นแม้ในอกของเขาจะร้อนราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ก็ตาม ชายหนุ่มหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวเป็นแผ่นที่ห้า เคาะปลายนิ้วเรียวกับพวงมาลัยรถแก้เบื่อ

 

เกือบห้าโมงเย็นคนที่เขารอคอยก็เดินออกมาจากรั้วโรงเรียนและกำลังเดินมาทางนี้ เมื่อเป้าหมายใกล้เข้ามาลลิตภัทรก็ไม่รอช้า ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงไปดักหน้าเด็กคนนั้นทันที

 

               " วุ้นใช่มั้ยครับ นี่อาลอเองนะครับรบกวนไปกับอาหน่อย”วิชยุตม์จ้องหน้าลลิตภัทรก่อนจะพยักหน้ารับ เพราะลูกเจี๊ยบเคยเปิดรูปอาลอให้ดูเด็กหนุ่มจึงจำได้ ร่างเล็กก้าวขึ้นรถที่ลลิตภัทรเปิดประตูให้อย่างสุภาพ เด็กหนุ่มลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ตั้งใจขับรถแล้วนึกชมไม่ได้จากรูปที่ลูกเจี๊ยบเปิดให้ดูว่าหล่อแล้วพอมาเจอตัวจริงรูปถ่ายพวกนั้นเทียบกับลลิตภัทรตัวเป็นๆไม่ได้เลยซักนิด

 

                “วุ้นต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ?”วิชยุตม์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆลลิตภัทรก็หันมาถาม เด็กน้อยรีบส่ายหน้าก่อนจะนึกได้ว่าเป็นกริยาที่ไม่สมควร

 

                “ไม่รีบครับ”

 

                “พอดีอามีเรื่องอยากคุยด้วย วุ้นเป็นเพื่อนสนิทของเจี๊ยบน่าจะรู้แล้วใช่มั้ยครับ?”

 

                “ครับ เจี๊ยบเล่าให้ผมฟังแล้วครับ”ลลิตภัทรพยักหน้าเบาๆ

 

                “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะค่อยคุยกัน”ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเข้ามายังห้างใหญ่ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้าง

 

                “วุ้นอยากกินอะไรมั้ยครับ?”



                “อะไรก็ได้ครับ”เด็กหนุ่มไม่ค่อยรู้หรอกว่าร้านอะไรน่ากิน กับเด็กฐานะแบบเขาปกติหนูสุดก็ไก่ทอดเจ้าดังมื้ออื่นๆก็อาหารข้างทางปกติธรรมดา ลลิตภัทรจึงเดินนำเพื่อนของคนรักเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น

 

                “วุ้นทานปลาดิบได้มั้ยครับ?”

 

                “เอ่อ...ผมไม่ค่อยถนัดน่ะครับ”เด็กหนุ่มตอบด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก

 

                “งั้นสั่งมาลองนะครับเผื่อชอบ วุ้นสั่งที่อยากทานมาเลยครับไม่ต้องเกรงใจ”ลลิตภัทรมองเด็กตรงหน้าด้วยดวงตาของคนใจดี มองก็พอจะรู้ว่าฐานะของวุ้นนั้นไม่ได้ดีมาก การจะได้ทานอาหารอร่อยราคาค่อนข้างแพงจึงเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ลลิตภัทรรอให้อาหารมาเสิร์ฟจนครบชายหนุ่มบอกให้วิชยุตม์กินก่อนเดี๋ยวค่อยคุย แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องเจ้าเจี๊ยบจนแทบทะลุออกนอกอกยังไงแต่เขาจะไม่ผลีผลาม

 

ทุกอย่างต้องใจเย็นและรอเวลาแดนดืนเป็นคนหัวรั้นแค่ไหนลลิตภัทรรู้จักดี



วิชยุตม์ยกมือไหว้ขอบคุณยามลลิตภัทรคีบปลาดิบมาใส่จานให้เด็กน้อยมองอย่างชั่งใจก่อนจะทำตามที่ลลิตภัทรสอนว่าต้องกินยังไง กลั้นอกกลั้นใจเอาเข้าปากเคี้ยวแม้มันจะลื่นๆลิ้นแต่ใจของวิชยุตม์ดันไปนึกถึงว่าตนเองกินของดิบอยู่จึงเกือบอ้วกออกมา ลลิตภัทรรีบหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้



             "ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะ"ลลิตภัทรเลื่อนจานอาหารอย่างอื่นให้โดยเอาปลาดิบมาไว้ด้านหน้าของตนเองแทน



           "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ใช่ใครทุกคนจะกินปลาดิบเป็น อย่างลูกเจี๊ยบนะรายนั้นหัดตั้งนานกว่าจะกินได้"ลลิตภัทรเล่าถึงคนรักด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม วุ้นมองแววตาของคนแก่กว่าแล้วก็พลอยยิ้มตามไม่ได้



อาลอรักลูกเจี๊ยบมากจริงๆ การมีคนรักที่จดจำรายละเอียดทุกอย่างของเราได้นั้นถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง



หากวิชยุตม์มีคนรักก็อยากให้เหมือนกับอาลอเพราะไม่ว่าจะทำหรือพูดอะไรก็มักจะมีชื่อของลูกเจี๊ยบออกจากปากเสมอ



เขาอยากช่วย อยากสนับสนุนความรักของลูกเจี๊ยบ



แม้แรงกายแรงใจของเด็กอย่างเขาจะน้อยแต่การที่พระลอเลือกที่จะมาหาเขานั้นก็แสดงว่าตัวเองยังมีประโยชน์กับคนอื่นอยู่บ้าง

 

                “อาลอมีอะไรจะให้ผมช่วยเหรอครับ”วุ้นเอ่ยปากหลังจากทานไปได้ซักระยะ จะเรียกว่าเขากินอยู่ฝ่ายเดียวก็เป็นได้เพราะลลิตภัทรเอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยอาหารในจานไปมาพลอยทำให้เขาเกร็งไปด้วย

 

                “เจี๊ยบป็นยังไงบ้าง แผลที่ขาหายหรือยัง?”เขาเอ่ยคำถามที่ค้างคาในใจมาร่วมสัปดาห์ วิชยุตม์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่ปิดบัง

 

                “แผลตกสะเก็ดแล้วล่ะครับเจี๊ยบทายาทุกวันย่าจะไม่มีแผลเป็น แต่เจี๊ยบเศร้าทุกวันเลย ทำไมอาลอไม่ไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เป็นเรื่องเป้นราวล่ะครับ”วิชยุตม์เอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงคนเด็กกว่าก็แอบเคืองที่ลลิตภัทรหายหน้าหายตาไม่ยอมไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เรียบร้อย ลลิตภัทรตวัดสายตามองหน้าเด็กตรงหน้าจนวิชยุตม์รู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำกริยาไม่ดีใส่คนเป้นผู้ใหญ่ไป

 

                “ขอโทษครับ”

 

                “อาอยากไปหาลูกเจี๊ยบ แต่วุ้นคิดตามอานะ ตอนนี้กำนันกำลังโกรธเพราะเรื่องมันยังสดใหม่  พ่อของลูกเจี๊ยบภายนอกดูเป็นคนใจดีก็จริงแต่เวลาโมโหน่ะเขาไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหมอะไรทั้งนั้น รอยหวายที่ขาเจี๊ยบนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ อาถึงไม่กล้าผลีผลามไป อันที่จริงอาเคยคิดว่าจะบุกไปบ้านเจี๊ยบโชคดีที่งานทางอบต.เร่งมาทำให้อามีเวลาทบทวนและคิดว่าอาควรทำยังไงต่อไป  ถ้าไปหาเลยแล้วผลที่ออกมามันแย่กว่าเดิมอย่างกำนันแดนดินน่ะโทรกริ๊งเดียวเขาก็แยกน้องเจี๊ยบให้ห่างจากอาโดยที่อาคงหาเจี๊ยบไม่เจอ ดังนั้นสิ่งที่อาทำได้ในตอนนี้คือเคลียร์ตัวเอง”

 

                “เคลียร์ตัวเอง?”วิชยุตม์ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ”

 

                “ใช่ อาต้องเคลียร์ตัวเองว่าตอนนี้ ณ เวลานี้ อามีแค่เจี๊ยบคนเดียวและต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครมาชี้หน้าด่าได้ว่าเจี๊ยบแย่งอามาจากใคร ทั้งที่อาไม่จำเป็นต้องไปจัดการอะไรพวกนั้นเลยแต่เพื่อเจี๊ยบอายอมทิ้งศักดิ์ศรียอมให้คนที่ทำลายเราดูถูก ที่อาทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจี๊ยบ เพราะฉะนั้นอาอยากขอความช่วยเหลือจากวุ้น”

 

                “อาลอจะให้ผมช่วยอะไรครับ ถ้ามันทำให้เจี๊ยบหายเศร้าผมก็จะช่วย”

 

                “อาอยากเจอเจี๊ยบ...”

 

 

                “หลังจากได้ฟังวุ้นเล่าเหตุการณ์เมื่อวานใจของลูกเจียบก็สั่นโครมครามอย่างตื่นเต้น

 

อาลอไม่ได้เมินเฉยต่อปัญหาแต่กลับพยายามแก้ปัญหานั้นด้วยตัวคนเดียว แม้ใจของลูกเจี๊ยบก่อนหน้านี้จะเศร้าสลดแต่เมื่อได้รู้ความจริงแบบคร่าวๆอารมณ์โกรธและแง่งอนก็ปลิวหายราวกับลลิตภัทรหอบเอาลมเย็นมาช่วยปัดเป่า

 

                “อาลออยากเจอเจี๊ยบ”ลูกเจี๊ยบหลุดยิ้มดีใจออกมพลันก็หุบยิ้มทันทีเหมือนต้นไมยราพที่ถูกลูบผ่าน ความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจและเสียดาย

 

                “จะเจอได้ยังไงล่ะถ้าอาลอหาเจี๊ยบที่บ้านพ่อได้เอาปืนมาไล่ยิงแน่ๆ เรายังไม่อยากให้อาลอตาย”ลูกเจี๊ยบบอกตามซื่อ ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนี้อีกแต่ลูกเจี๊ยบรู้ดีว่าพ่อนะไม่มีทางยอมอภัยให้กับความผิดจากการทำตัวเหลวไหลของลูกเจี๊ยบง่ายๆแน่

 

เมื่อใดที่มีอะไรไปสะกิดใจแดนดินก็พร้อมจะระเบิดอีกรอบ อย่างเช่นเมื่อวันก่อนที่เจ้าจอมเอารถบังคับที่ลลิตภัทรให้มาเล่นพอแดนดินรู้ว่าของเล่นชิ้นนั้นเป็นของใครรถบังคับก็แปลงร่างเป็นเครื่องบินลอยละลิ่วลงไปกองที่ใต้ถุนบ้าน แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าด้วยเพราะเป็นของเล่นชิ้นโปรดสุดหวงแสนรักจนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมคุยกับพ่อเลยด้วยซ้ำ

 

               
                “ทำตามที่เราบอกก็พอ”

 

 

                แดนดินหรี่ตามองหาลูกชายยามเมื่อคาบสุดท้ายสิ้นสุดลง บรรดาเด็กนักเรียนต่างพากันทยอยเดินออกมานอกรั้วโรงเรียน ไม่นานลูกเจี๊ยบก็สะพายเป้ใบใหญ่ออกมา แต่วันนี้แปลกตรงมีเพื่อนของเจี๊ยบที่ตัวเล็กกว่าลูกชายของเขาเดินตามออกมาด้วย แดนดินลดกระจกลงเมื่อลูกเดินมาถึงรถ

 

                “พ่อจ๋านี่วุ้นเพื่อนน้องที่น้องเคยเล่าให้ฟังจ้า”เจี๊ยบแนะนำเพื่อนให้พ่อรู้จัก แดนดินส่งยิ้มใจดีให้กับเพื่อนของลูกเจี๊ยบแล้วรับไหว้วุ้นที่ยกมือไหว้เขาอย่างเรียบร้อย

 

                “สวัสดีครับพ่อ”

 

                “ไหว้พระเถอะลูก วันนี้ทำไมมาพร้อมลูกเจี๊ยบได้ล่ะทุกวันพ่อเห็นเจี๊ยบออกมาคนเดียว”

 

                “พอดีวันนี้วุ้นไม่มีทำเวรกับช่วยอาจารย์น่ะครับเลยออกมาด้วยได้ วุ้นจะมาขออนุญาตพ่อให้เจี๊ยบมาทำรายงานกับวุ้นพรุ่งนี้ด้วยน่ะครับ”วุ้นบอกจุดประสงค์ที่เดินออกมาพร้อมลูกเจี๊ยบให้กับแดนดิน กำนันหนุ่มขมวดคิ้วทันที

 

                “รายงานอะไร?”

 

                “เคมีครับอาจารย์ให้จับกลุ่มกันทำวุ้นทำกับเจี๊ยบแล้วมันเยอะมากก็เลยมาขออนุญาตพ่อก่อน”

 

                “วุ้นไปทำที่บ้านพ่อไม่ดีกว่าเหรอ พ่อไม่ค่อยอยากให้น้องห่างบ้านเลย”

 

                “คือมันต้องหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตน่ะจ้าพ่อ บ้านเราไม่ได้ติดเน็ต”ลูกเจี๊ยบรีบบอกกับพ่อ เด็กสองคนลอบมองแดนดินที่ทำท่าใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้า

 

                “ก็ได้ แล้วต้องมากี่โมงพ่อจะได้มาส่ง”

 

                “ซัก 9 โมงพ่อสะดวกมั้ยครับ พอดีเนื้อหาที่ต้องหาข้อมูลมันเยอะถ้ามาสายกลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน”

 

                “ได้ เดี๋ยวพ่อพาเจี๊ยบมาส่ง ว่าแต่เจี๊ยบรู้จักบ้านเพื่อนแล้วใช่มั้ย”แดนดินหันไปถามลูก ลูกเจี๊ยบรีบพยักหน้ารับ

 

                “รู้จักแล้วจ้า พ่อมาส่งเจี๊ยบที่โลตัสก็ได้จ้าเราต้องซื้อหนังสือเพิ่ม”

 

                “งั้นก็ได้ ให้พ่อไปส่งที่บ้านมั้ยวุ้น?”

 

                “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยววุ้นต้องไปรับน้องที่โรงเรียนก่อน งั้นสวัสดีตรงนี้นะครับ”วุ้นยกมือไหว้แดนดินก่อนจะโบกมือบ๊ายบายลูกเจี๊ยบ เจ้าเจี๊ยบน้อยยิ้มหวานให้กับเพื่อนก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ วันนี้ลูกเจี๊ยบอารมณ์ดีเพราะพรุ่งนี้จะได้เจออาลอแล้ว

 

                “ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดี”แดนดินที่สังเกตลูกอยู่ถึงกับเอ่ยปากถามเพราะตลอด 8 วันที่ผ่านมาลูกเจี๊ยบพูดแทบจะนับคำได้ข้าวปลาก็แทบจะไม่ยอมออกมากินเวลาเผลอก็แอบนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆแต่วันนี้เจ้าเจี๊ยบน้อยของเขากลับมีรอยยิ้มแต้มที่ริมฝีปาก

 

                “วันนี้คะแนนสอบย่อยของน้องได้ดีน่ะจ้าน้องเลยอารมณ์ดี”ลูกเจี๊ยบปดผู้เป็นพ่อก่อนจะดึงหน้าตัวเองให้กลับไปเรียบขรึมเช่นหลายวันที่ผ่านมา แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่สงสารลูกยิ่งลูกมึนตึงใส่หัวใจคนเป็นพ่อเหมือนถูกเหยียบ

 

แต่เขาจะทำยังไงได้

 

นี่น่ะยอดดวงใจของเขาทั้งคน

 

                “ที่พ่อทำไปทั้งหมดก็ขอให้รู้ไว้นะเจี๊ยบว่าพ่อรักหนู”ลูกเจี๊ยบน้อยเม้มปากกลั้นน้ำตาที่พาลจะไหล รู้สึกตัวเองเป็นลูกที่แย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

เจี๊ยบรู้ว่าพ่อรักเจี๊ยบ แต่เจี๊ยบก็โตพอจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้วนะจ๊ะพ่อจ๋า

 

เจี๊ยบก็รักพ่อ รักแม่ รักน้อง รักโรงเรียน รักปลา รักซากุระ

 

และที่สำคัญ

 

เจี๊ยบก็รักอาลอมากเช่นกัน

 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะฝ่าฝืนความรักความหวังดีของพ่อในวันพรุ่งนี้

 

เจี๊ยบจะไม่เสียใจ

 

ไม่เสียใจเลยซักนิด...





 

 

                ลูกเจี๊ยบพยายามเก็บอาการมาตลอดตั้งแต่เย็น พอถึงตอนเช้าก็ออกมาช่วยแม่ทำกับข้าวกับปลาเหมือนเช่นทุกวัน จิ๊บมองลูกที่ใจลอยอยู่บ่อยครั้งแล้วก็ให้หนักใจเพราะคิดว่าลูกยังคงเศร้ากับเรื่องที่ถูกกีดกันไม่ให้พบกับพระลออีก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาตามใจกันได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นจากตัวเอง แทนที่จะได้ร่ำเรียนสูงๆสุดท้ายก็จบแค่มัธยมต้น

 

                “เจี๊ยบ ถ้าไม่สบายก็ไม่ต้องช่วยแม่หรอก ไปเตรียมตัวเถอะกินข้าวเสร็จพ่อเขาจะได้ไปส่งเลย”หล่อนฉวยทัพพีที่ลูกถือมาไว้ในมือก่อนจะช้อนฟองในต้มจืดออก

 

                “น้องไม่ได้เป็นไรจ้าแม่ แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย”

 

                “คิดถึงลอเหรอ”ลูกเจี๊ยบน้อยชะงักเมื่อแม่เอ่ยปากถามออกมา ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก

 

                “อยู่กับแม่คุยได้”จิ๊บหันมาลูบแก้มของลูกเบาๆ

 

                “คิดถึงจ้า”

 

                “พ่อกับแม่รักเจี๊ยบนะ ที่พ่อทำไปก็เพราะรักมากหวงมาก หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะห่วงอนาคตลูกที่สุด วันนี้ที่พ่อเขาตีน้อง เขาก็รู้สึกผิด แต่จะให้ย้อนเวลากลับไปพ่อก็ตีน้องอยู่ดีเพราะพ่อเขาอยากให้น้องรู้ว่าสิ่งที่น้องกับลอทำลงไปเหมือนมีดที่กรีดใจพ่อแม่ ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่เกินเลยกันไปมันก็ไม่ถูกไม่ควร ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่พูดน้องจะปิดพ่อแม่อีกถึงเมื่อไหร่?”จิ๊บไม่ได้ใช้น้ำเสียงจริงจังกับลูก หล่อนเพียงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ทุกคำตรงเข้าไปถึงแก่นในหัวใจลูก ลูกเจี๊ยบมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

                “อันที่จริง...”เด็กน้อยเม้มปากคล้ายกำลังใช้ความคิดกับสิ่งที่ตัวเองจะพูด

 

                “อันที่จริงอาลออยากจะบอกพ่อกับแม่ว่าเราคบกัน แต่เป็นน้องเองที่ห้ามไว้”

 

                “เขาบังคับน้องหรือเปล่า...”ลูกเจี๊ยบน้อยส่ายหน้า ศตายุรู้ว่าแม่หมายถึงเรื่องไหน

 

                “หนูเป็นคนให้อาลอเองจ้า  หลายครั้งที่มันเกือบจะเกินเลยอาลอห้ามตัวเองไว้เสมอ อาลอบอกว่าน้องยังเด็ก อาลอสอนแต่สิ่งดีๆให้น้องทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องที่พ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาให้เรา  แม่จ๋า ที่ผ่านมาแม่ก็เห็นว่าอาลอเขาดีกับเราแค่ไหน  เป็นหนูเองที่เสนอตัวให้อาลอเพราะหนูหึงป้าแอน อาลอปฏิเสธหนูแล้วแต่หนูยืนยันที่อยากจะเป็นของอาลอเอง หนูรักอาลอและหนูจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป”

 

                “น้องยังเด็กแต่ลอน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว...”

 

                เรื่องความรักกับอารมณ์แบบนี้มันแยกเด็กแยกผู้ใหญ่ด้วยเหรอจ๊ะแม่ หนูอยากให้พ่อกับแม่ให้โอกาสอาลอ...”

 

                “เรื่องนั้นเจี๊ยบอย่ามาพูดให้อาลอเลย  เจี๊ยบรู้มั้ยตอนพ่อกับแม่เกินเลยกัน พ่อของเจี๊ยบเดินเข้ามาขอขมาตากับยายด้วยตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะสามารถดูแลปกป้องแม่และลูกที่อยู่ในท้องได้ และเขาก็ทำได้ดีเสมอมา แล้วอาลอล่ะตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะเดี๋ยวพ่อกลับจากนาก็กินข้าวแล้วไปทำรายงานกับเพื่อนได้เลยแม่ใส่เงินไว้ให้น้องในกระเป๋าแล้วถ้าไม่พอน้องก็กดเอานะลูก”จิ๊บหันไปให้ความสำคัญกับต้มจืดในหม้อต่อ

 

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแดนดินก็ขับรถมาส่งลูกที่หน้าห้าง เขาต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องงบหมู่บ้านที่ อบต.ชายหนุ่มดึงมือลูกไว้ก่อนสำทับ

 

                “พ่อจะมารับตอนห้าโมงเย็นนะ อย่าเถลไถล”

 

                “ครับ”ศตายุรับคำก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ แดนดินมองลูกที่เดินจากไปอย่างปวดใจ

 

ไร้เสียงจ๊ะจ๋ามานานกี่วันแล้วหนอ

 

ความสัมพันธ์พ่อลูกจะต้องมึนตึงแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาก็เหมือนพ่อแม่มือใหม่ทั่วๆไปที่เรียนรู้การเป็นพ่อแม่จากการเจริญเติบโตของลูกน้อย

 

ตอนนี้ลูกเจี๊ยบกำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ  เขาไม่อยากให้ลูกออกนอกกรอบที่กำหนดไว้

 

แต่มันก็ยากเหลือเกิน การมีลูกน่ะง่ายแต่การเลี้ยงเขาให้โตมาอย่างมีคุณภาพนั้นยากยิ่งนัก

 

เพราะขนาดเขาเลี้ยงดูลูกอบรมสั่งสอนอย่างดีเด็กที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างเจี๊ยบยังทำเรื่องออกนอกลู่นอกทางได้นั่นแปลว่าเขาล้มเหลว

 

เขาแค่อยากให้ลูกก้าวเดินไปอย่างช้าๆและมั่นคงมีการศึกษาที่ดี

 

ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นทุกคนที่หลงมัวเมาในเรื่องเพศจะได้ดีทุกคน

 

ลูกกำลังต่อต้านสิ่งที่เขาทำแดนดินรู้ดี แต่ทั้งหมดที่ทำลงไปนั้นล้วนแล้วแต่เพื่อลูก เพื่อลูกน้อยของเขาทั้งนั้น

 

 

                วุ่นชะเง้อมองเพื่อนตัวสูงที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คน ร่างบางกวักมือเรียกให้ศตายุที่กวาดตามองหาเห็น เด็กหนุ่มก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดที่หน้าร้านไก่ทอด

 

                “วุ้นกินข้าวมาหรือยัง?”วุ้นไม่ได้ตอบแต่กลับดึงมือเจี๊ยบให้ตามตนเข้าไปในโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากเดินลัดเลาะไม่นานสายตาของลูกเจี๊ยบก็สะดุดกับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงโซนขายโทรศัพท์ ดวงตากลมกระพริบไล่หยาดน้ำตาเร็ว วุ้นปล่อยให้ศตายุเดินเข้าไปหาลลิตภัทรด้วยตัวเอง

 

ชายหนุ่มหันมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนยืนมองอยู่ข้างหลัง

 

หัวใจที่คล้ายว่าเต้นช้าลงเกือบสิบวันที่ผ่านมาพลันเต้นรัว ลลิตภัทรหันกลับไปมองด้านหลังก็พบว่าเจ้าตัวน้อยยืนจ้องเขาอยู่ไม่ได้วางตา

 

ต่างคนต่างจ้องกันโดยไม่มีคำพูดใดใด

 

เพราะมีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากเขาเราสองคนอยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยซักนิด ลลิตภัทรดึงมือหลานมากุมไว้ก่อนจะจูงเดินกลับมาหาวุ้น

 

                “วุ้นกลับบ้านไปก่อนนะครับเดี๋ยวสี่โมงอาจะเอาเจี๊ยบมาส่งที่นี่”ลลิตภัทรหยิบกระเป๋าเงินออกมาดึงธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่งโดยไม่ได้สนใจจำนวนแล้วยื่นให้วุ้น วิชยุตม์มองเงินจำนวนนั้นก่อนจะดันกลับไป

 

                “ไม่ต้องให้อะไรผมหรอกครับผมแค่อยากให้อาลอกับเจี๊ยบเจอกัน”

 

                “รับไว้เถอะ อาอยากให้ ผู้ใหญ่ให้ไม่ควรปฏิเสธรู้มั้ย กระเป๋าเป้ของวุ้นเก่าจนสายจะขาดแล้วเอาไปซื้อใบใหม่นะ วันก่อนที่อาไปส่งที่บ้านน้องๆของวุ้นอยากได้หนังสือนิทานกับของเล่นไม่ใช่เหรอ ถือว่าเป็นของขวัญจากอาก็แล้วกัน”วิชยุตม์มองหน้าคู่รักต่างวัยแล้วได้แต่ถอนหายใจ ลูกเจี๊ยบเพื่อนรักทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อแถมมือของทั้งสองที่จับกันแน่นนั้นถ้าขืนเขามัวแต่ปฏิเสธคนทั้งคู่ก็คงต้องเสียเวลาอยุ่ตรงนี้ไม่ได้ไปพูดคุยกันเสียที วิชยุตม์จึงยกมือไหว้ขอบคุณ ลลิตภัทรกล่าวลาเด็กหนุ่มก่อนจะจูงลูกเจี๊ยบออกไปขึ้นรถที่จอดไว้หลังห้าง  ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งนิ่ง ส่วนเขาเองก็อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดคุยดังนั้นเขาจึงไม่ได้ชวนหลานคุยทำเพียงขับรถไปตามตรอกซอกซอยเรื่อยๆ

 

ถนนหนทางที่คุ้นตาทำให้ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอจะพาตนไปที่ไหน

 

                “บ้านในเมืองของลลิตภัทรกับพี่ๆที่ลูกเจี๊ยบเคยมาแล้วถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อพูดคุย ลลิตภัทรเดินไปปิดประตูรั้วด้วยตนเองหลังจากเอารถเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้ว ลูกเจี๊ยบเดินตามลลิตภัทรเข้ามาในบ้าน ทันทีที่ประตูปิดกำปั้นเล็กก็ทุบลงบนอกคนเป็นอาทันที

 

                “ปไหนมา!! อาลอหายไปไหนมา!!ฮืออออออ”ลลิตภัทรกัดฟันยอมให้หลานทุบจนพอใจ ก่อนจะรวบร่างบอบบางในไว้ในอ้อมกอด

 

ตัวของลูกเจี๊ยบสั่นเหมือนลูกนกที่เปียกฝน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นก็น่าสงสาร

 

 

                “หนูกลัวแทบแย่ กลัวว่าอาลอจะทิ้งหนู”ร่างบางตัดพ้ออู้อี้กับแผงอกที่ลลิตภัทรกอดตนไว้ สูดกลิ่นหอมจางๆจากกายอาลออย่างโหยหา ลำแขนยกขึ้นมาโอบกอดเอวสอบไว้อย่างแสนรัก

 

                “อาจะทิ้งหัวใจของอาไปได้ยังไงล่ะคะ”

 

                “แต่อาหายไปอาลอไม่มาหาหนู หนูรออาลอทุกวัน ฮึก...พ่อไม่ให้เจี๊ยบออกนอกบ้านเลย โทรศัพท์ก็โดนยึด ศาลาริมน้ำก็ถูกปิด หนูไม่รู้ว่าอาลอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง หนูห่วงไปหมด หนูกลัวด้วยแล้วหนูก็รอให้อาลอไปหาหนูที่บ้านแต่อาลอก็ไม่มา”ศตายุปล่อยโฮหลังพูดจบจนลลิตภัทรต้องลูบหลังปลอบ

 

เขาไม่ว่าหลานที่หลานเอ่ยตัดพ้อ ชายหนุ่มลูบผมนุ่มแผ่วเบา

 

                “อาอยากไปหาหนูใจจะขาด อยากรู้ว่าหนูเป็นยังไง แต่อากลัวว่าถ้าไปตอนนั้นพ่อกำลังโกรธด้วยนิสัยของเขาแล้วเขาไม่ยอมให้เราพบกันแน่ พาลจะโกรธหนักกว่าเดิม อาเลยไปกรุงเทพไปเคลียร์กับอาแอน ตอนนี้เขาจะไม่กลับมายุ่งกับเราแล้วนะลูกเจี๊ยบดีใจมั้ย?”

 

                “หนูเกลียดอาแอน “เด็กน้อยคุดหน้ากับอกแกร่ง

 

เด็กไม่ดี ลูกเจี๊ยบรู้ว่าตอนนี้ตนเองเป็นเด็กไม่ดี แต่เขาเกลียดอริตาที่มาทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดอู้อี้นั้นก่อนจะขยับตัวดันร่างบางของหลานให้ห่างตัวเพื่อสำรวจเจ้าตัวน้อย

 

                “ซูบไปนะคะ กินข้าวบ้างมั้ย?”ลูบแก้มเจ้าตัวน้อยแผ่วเบาราวกับกลัวว่าลูกเจี๊ยบที่แสนเปราะบางจะแตกสลาย ศตายุเอียงแก้มรับสัมผัสอุ่นจากผ่ามือของลลิตภัทร

 

                “หนูกินไม่ลงเป็นห่วงอาลอ”

 

                “วันนี้กลับบ้านไปหนูต้องกินข้าวเยอะๆรู้มั้ยคะ อย่าปล่อยให้ตัวเองอด”

 

                “อาลอก็ซูบลงเหมือนกันนี่จ๊ะ อาลอก็ต้องกินข้าวให้เยอะๆเหมือนกันนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบลูบแก้มของอาลอที่ตอบลงไปอย่างเห็นได้ชัดน้ำตาเม็ดใสกลิ้งหล่นจากตา ลลิตภัทรยิ้มให้กับหลานก่อนจะโน้มตัวไปกดจูบริมฝีปากนุ่มที่เคยเคล้าคลอไม่ขาด

 

รสจูบหวานจับใจไร้อารมณ์ที่แสดงถึงราคะ หากแต่เป็นจูบที่แสดงความคิดถึงและโหยหา

 

                “หนูรออานะคะ พรุ่งนี้อาจะไปหาที่บ้าน อาจะไปจัดการเรื่องของเราให้จบเสียที”

 

                แต่พ่อ...”ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อด้วยความหวั่นใจ ลลิตภัทรใช้ปลายนิ้วคลึงริมฝีปากนุ่มนั้นไว้ ดวงตาคมฉายความมั่นใจไว้เต็มเปี่ยม

 

                “หนูไม่ต้องห่วงนะคะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาเอง เชื่อแค่อานะคะ”

 

                “จ้า  หนูจะเชื่อแค่อาลอ แค่อาลอคนเดียว”



................................


ตอนหน้าบุกถ้ำเสือกันค่ะ

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 04-02-2019 21:17:16
น้องวุ้นน่ารักที่สุดเล้ยย.

อยากได้ลูกเจี๊ยบต้องบุกถ้ำเสือนะคะอาลอ :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: แก้มกลม ที่ 04-02-2019 22:02:47
สงสัยงานนี้ผู้ใหญ่ลอจะโดนว่าที่พ่อตายิงแน่ๆ
แต่เอาเถอะ พิสูจน์รักแท้ก็ต้องโดนสักแผลหล่ะนะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-02-2019 22:35:47
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-02-2019 22:40:59
ชอบคำว่าจ้าของลูกเจี้ยบจริงๆ 55555 มันน่ารักดีอะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 05-02-2019 01:20:22
นี่เป็นแดนดินจะโกรธให้มากกว่าเดิม มีอย่างที่ไหนแอบมาเจอลูกเขาทั้งที่ยังไม่เคลียร์อ่ะ ก็คือควรเอาพานมาขอขมาที่บ้านไม่ใช่แอบนัดเจอสิ่!!
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 05-02-2019 11:44:21
น้องวุ้นน่ารักที่ซู๊ดดดดด
หวังว่าอาลอจะบุกถ้ำเสือได้สำเร็จนะ.
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 06-02-2019 03:34:52
พระลอตามไก่

ตอนจบ

   อยู่ไม่สุข...ลูกเจี๊ยบน้อยกำลังอยู่ไม่สุข ดวงตากลมคอยแต่จะมองไปทางถนนหน้าบ้าน จากปกติที่เอาแต่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่ในห้องเด็กน้อยก็หอบเอาการบ้านและหนังสือเรียนออกมานั่งอ่านที่นอกชาน แดนดินเห็นลูกออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกห้องนอนบ้างก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ลูกเจี๊ยบยอมคุยกับเขามากกว่าเดิมหลังจากทำรายงานเสร็จเมื่อวานโดยที่คนเป็นพ่อไม่ได้สังเกตขอบตาบวมที่ผ่านการร้องไห้มาเพราะตลอดระยะเวลาเกือบสิบวันลูกชายของเขาแอบร้องไห้ในห้องนอนจึงกลายเป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว

   “เจี๊ยบกินฟักทองแกงบวดก่อนลูก”จิ๊บที่ยกหม้อฟักทองแกงบวดมาวางกลางบ้านร้องเรียกลูกชายที่นั่งทำการบ้านโดยการหันหน้าออกด้านนอก ลูกเจี๊ยบลุกไปอย่างอิดออดรับชามแกงบวดที่แม่ตักให้มานั่งกินอย่างเงียบๆ

   “เป็นอะไรลูกดูลุกลี้ลุกลน”จิ๊บอดถามไม่ได้เมื่อเจ้าเจี๊ยบน้อยมีท่าทางผิดปกติ ลูกเจี๊ยบที่กำลังใช้ช้อนเขี่ยไข่ไปมารีบเก็บอาการทำท่าทางปกติทันที

   “เปล่าจ้าแม่ ไม่มีอะไร”

   “ไม่มีอะไรก็กินไปกำลังร้อนๆแม่ใส่ไข่แบบที่เจี๊ยบชอบด้วย”หล่อนว่าพลางยื่นชามให้เจ้าจอม หลังจากนั่งรอจนสายก็ยังไม่มีวี่แววของพระลอหนังสือก็อ่านเสร็จหมดแล้วจึงเก็บของเข้าไปอยู่ในห้องนอนตามเดิม

ออกจะโมโหนิดหน่อยที่อาลอทิ้งเวลาให้เนิ่นนานจนเสียงพระตีระฆังตอนเพลไปแล้วอาลอก็ยังไม่มา ลูกเจี๊ยบทิ้งตัวลงนอนอย่างหงุดหงิด

   “ไหนบอกว่าจะรีบมาไง อาลอโกหก!!”เตะหมอนข้างจนปลิวพอดีกับที่แก้วเจ้าจอมเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

   “โอ้ย!! พี่เจี๊ยบ”เด็กน้อยกุมหน้าป้อยๆเพราะถูกหมอนข้างปลิวมาอัดเต็มหน้า ลูกเจี๊ยบผุดลุกไปดูน้องทันที

   “เจ็บมั้ยเจ้าจอม พี่เจี๊ยบขอโทษพี่เจี๊ยบไม่ได้ตั้งใจเตะใส่นะ”

   “หายแล้ว แม่ให้มาตามไปกินข้าว”ลูกเจี๊ยบตั้งท่าจะบอกว่าไม่กินคำพูดของลลิตภัทรก็แวบเข้ามาในหัว เด็กน้อยจึงพยักหน้ารับแล้วเดินตามน้องเล็กออกไป จิ๊บกับเจ้าขาจัดสำรับกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แดนดินนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ๆ กับข้าวมื้อเที่ยงไม่ได้มีอะไรแปลกไปจากมื้อเช้าจิ๊บตำน้ำพริกกะปิกินแกล้มกับผักสดและผักต้มเพิ่มกับเจียวไข่ให้ลูกอีกอย่างก็เป็นอันเสร็จ ห้าคนพ่อแม่ลูกล้อมวงกินข้าวโดยมีเจ้าจอมคอยพูดนู่นพูดนี่กับคนทั้งบ้านไม่ได้หยุด บางครั้งก็หันไปเถียงกับจันทร์เจ้าขาจนโดนคนพี่หยิกเข้าให้ก็มี แดนดินแกะปลาทูวางใส่จานให้ลูกๆโดยเฉพาะลูกเจี๊ยบที่เขาคอยตักนู่นตักนี่ให้ลูกไม่หยุด ลูกเจี๊ยบใจเหลวเป็นน้ำกับการกระทำของพ่อที่คล้ายจะง้อลูก เด็กน้อยตักไข่เจียววางใส่จานให้พ่อก่อนจะยิ้มหวานให้ไปหนึ่งที

   “พ่อกินเยอะๆนะจ๊ะ ไม่ต้องแกะปลาให้น้องแล้วน้องพอแล้ว”แดนดินมองหน้าลูกก่อนจะฉีกยิ้มกว้างตักไข่เจียวที่ลูกตักให้เข้าปากคำโต

อร่อย...ไข่เจียวที่ลูกตักให้อร่อยที่สุดในโลกเลย

บรรยากาศในบ้านที่อึมครึมมาครบสิบวันดีขึ้นทันตา จิ๊บยิ้มให้กับการกระทำเล็กๆน้อยๆของสองพ่อลูก แดนดินรักลูกมากดังนั้นการที่ลูกโกรธเคืองใส่ใจคนเป็นพ่อเจ็บแสนเจ็บ วันแรกๆที่มีเรื่องกำนันหนุ่มถึงขั้นนอนไม่หลับร้องไห้สะอึกสะอื้นใส่คนเป็นภรรยาจนจิ๊บต้องคอยปลอบใจ ส่วนเจ้าลูกน้อยก็เอาแต่ร้องไห้ แม้ว่าหล่อนเหนื่อยแสนเหนื่อยที่ต้องปลอบทั้งลูกทั้งผัวแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นหล่อนอยากให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาในการทบทวนว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นถูกต้องหรือเปล่า มื้อกลางวันจบลงด้วยความเรียบง่าย ลูกๆต่างแยกย้ายกันไปทำงานอดิเรกของตัวเองแก้วเจ้าจอมหอบเอาของเล่นเข้าไปเล่นในห้องของลูกเจี๊ยบ ส่วนจันทร์เจ้าขานั่งทำดอกไม้จากผ้าใยบัวอย่านอกชานบ่ายสองเสียงหมาหน้าบ้านเห่าจันทร์เจ้าขามองออกไปก็พบว่ามีรถยนต์คุ้นตาเข้ามาจอด เด็กสาววางมือจากงานแล้วหันไปมองหน้าแม่กับพ่อ

   “ใครมาน่ะเจ้าขา?”แดนดินถามลูก จันทร์เจ้าขากลืนน้ำลายดังเอื๊อกใหญ่

   “อาลอมาจ้า...”เพียงได้ยินชื่อของลลิตภัทรแดนดินก็ลุกพรวดเดินลงส้นตึงๆไปคว้าเอาปืนลูกซองที่แขวนอยู่มาบรรจุกระสุนทันที จิ๊บรีบไปฉุดแขนสามีไว้ เสียงปิดประตูรถยิ่งทำให้แดนดินอยากจะกระโจนไปเป่าหัวพระลอให้สมองไหลกับพอดีที่ลูกเจี๊ยบเปิดประตูห้องออกมาหน้าตาตื่น

อาลอมาแล้วใช่มั้ยพ่อกำนันจ๋าถึงมีท่าทางแบบนี้ลูกเจี๊ยบน้อยแทบจะวิ่งไปหาถ้าไม่ติดเสียงดังดุจฟ้าผ่าของพ่อห้ามไว้

   “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ถ้าน้องวิ่งไปหามันพ่อจะยิงมันให้ตายเลย”แดนดินวาดปืนไปทางลูกจนลูกเจี๊ยบต้องหยุดอยู่กับที่ สายตาของพ่อเอาจริงจนเจี๊ยบไม่กล้าที่จะดื้อใส่ แก้วเจ้าจอมจับมือพี่แน่นด้วยความกลัว แดนดินเดินลงส้นโครมๆพร้อมขึ้นนกปืนไปด้วย

   “มึงกล้าดีมากนะไอ้ลอที่มาเหยียบบ้านกู...อ่ะ...”ปืนในมือจ่อลงตรงหน้าผากคนที่ก้าวขึ้นเรือนมาพอดีแดนดินถึงกับชะงักที่ไม่ใช่หน้าผากของพระลอหากแต่

   “อะไรกันละโยม โกรธเคืองกันขนาดต้องใช้ปืนผาหน้าไม้เลยเหรอ”พระประจวบยืนนิ่งบนบันไดขั้นสุดท้ายโดยที่ลลิตภัทรเดินตามหลังมากลั้นขำสุดพลังยามเห็นแดนดินทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ปืนลูกซองแฝดค่อยๆลดระดับลงก่อนที่กำนันหนุ่มจะยกมือไหว้พระพ่อตาอย่างนอบน้อม

   “นิมนต์หลวงพ่อขึ้นบ้านก่อนครับ”แดนดินหลบทางให้พระประจวบเดินขึ้นบ้านในขณะที่ลลิตภัทรที่ถือธูปเทียนแพก็ตามขึ้นมาติดๆ

   ใครให้มึงขึ้นบ้านกูไอ้ลอ”แดนดินร้องขัดทันทีทำท่าจะยกปืนขึ้นขู่อีก

   “ขอบิณฑบาตเถอะนะกำนัน”หลวงตาจวบหันมาพูดด้วยน้ำเสียงปราณี จิ๊บรีบเอาเบาะมาวางให้หลวงพ่อนั่ง ลูกเจี๊ยบมองตากับลลิตภัทรส่งยิ้มให้กันบางๆก่อนจะผละเข้าไปเตรียมน้ำให้หลวงตาและลลิตภัทร เจ้าจอมรีบวิ่งไปลากพัดลมตัวใหญ่มาเปิดให้หลวงตาอย่างรู้งาน

   “เจ้าขากับเจ้าจอมเข้าห้องไปก่อนลูก”จิ๊บไล่ลูกเล็กสองคนให้กลับเข้าห้อง แม้ว่าอยากจะอยู่ฟังเพียงใดแต่เด็กทั้งสองก็ทำตามแต่โดยดี แม้จะกลับเข้าไปอยู่ในห้องแต่ต่างก็เอาหูแนบประตูฟังบทสนทนาด้านนอกอย่างอยากรู้

   “หลวงตาจ๋า น้ำจ้า”เจี๊ยบวางโอวันตินร้อนและน้ำเย็นให้กับหลวงตา ส่วนลลิตภัทรเป็นขันน้ำเย็นลอยดอกมะลิหอมชื่นใจ แม้จะไม่มีคำพูดแต่ทั้งสองคนก็รู้ว่าต่างดีใจขนาดไหนที่วันนี้ลลิตภัทรรักษาสัญญาตามที่พูดจริงๆ

   “หลวงพ่อมาได้ยังไงครับ”

   “ผู้ใหญ่เขาไปหา บอกมีเรื่องให้ช่วย เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้หลวงพ่อฟังแล้ว”

   “ผมว่าเรื่องนี้หลวงพ่ออย่าเข้ามาข้องเกี่ยวจะดีกว่าครับ ยังไงซะเจี๊ยบก็เป็นหลานแท้ๆของหลวงพ่อ”แดนดินตัดบทอย่างไม่ใยดี

   “ตอนนั้น...วันที่กำนันมาหาหลวงพ่อที่บ้าน หลวงพ่อจำได้เราก็นั่งคุยกันที่ตรงนี้”หลวงพ่อเอ่ยถึงความหลังที่แดนดินกับจิ๊บรู้ดีว่าคือวันไหน

   “กำนันมาขอรับผิดชอบจิ๊บ สารภาพผิดกับสิ่งที่ทำลงไปและสัญญาว่าจะรักและดูแลลูกสาวของหลวงพ่อเป็นอย่างดี ตอนนั้นน่ะอาตมาโกรธแสนโกรธที่กำนันทำให้ลูกสาวของอาตมาท้องทั้งๆที่อายุเพิ่งจะ 14 วันนี้ผู้ใหญ่ก็ไปหาหลวงพ่อสารภาพกับสิ่งที่ทำไป รู้มั้ยว่าทำไมหลวงพ่อถึงยอมมาทั้งๆที่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์”หลวงตาจวบจ้องหน้ากำนันหนุ่มนิ่งก่อนจะคลี่ยิ้มใจดีให้กับลูกเขย

   “เพราะตอนที่ผู้ใหญ่พูดน่ะ ดวงตาของเขาไม่ต่างจากกำนันในวันนั้นเลย ทั้งจริงใจและหนักแน่น”

   “แต่หลวงพ่อครับเจี๊ยบเป็นเด็กผู้ชาย”

   “โลกมันไปยั้นไหนแล้วกำนัน  ถามลูกแล้วหรือยังว่ารักเขามั้ย ถ้าต้องถูกจับแยกกันจะเป็นยังไง ตอนที่เขาคบกันการเรียนเจี๊ยบตกมั้ยหรือทำพฤติกรรมไม่ดีกับพ่อแม่”

   “แต่ไอ้ลอมันเคยรักจิ๊บมาก่อน”แดนดินยังคงเถียง

   “ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับจิ๊บมานานแล้วพี่”คราวนี้ลลิตภัทรเป็นคนพูดออกมาหลังจากนิ่งฟังมานาน

   “ตอนนี้มึงอยากได้ลูกกูมึงก็พูดได้สิ ถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับจิ๊บทำไมมึงไม่กลับมาที่นี่เลยเกือบยี่สิบปี”

   “ก็เพราะผมอายไง กลัวคนจะพูดถึงเรื่องเก่าๆขึ้นมาอีก ตอนนั้นเราต่างคนต่างก็ยังเด็กจิ๊บเป็นรักครั้งแรกของผมถ้ามันจะฝังใจบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ผมเพิ่งจะ 14-15 ยังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่เป็นผมถึงไป แต่ตอนนี้ระหว่างผมกับจิ๊บเราคือเพื่อนกันเพื่อนที่ถูกเลี้ยงมาพร้อมกัน ถ้าพี่ยังแคลงใจเรื่องนี้ผมสาบานเลยว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับจิ๊บแล้วนอกการความเป็นเพื่อนสนิท แต่กับเจี๊ยบ ด้วยวัยของผมผมโตแล้วผมรู้ว่านี่คือรัก รักที่เกิดจากความรู้สึกจริงๆ รักที่อยากจะดูแล อยากปกป้อง อยากเห็นเจี๊ยบเติบโตไปในทางที่ดี ที่ผ่านมาผมอาจจะกวนตีนพี่ไปบ้างนั่นเป็นเพราะว่าเราต่างก็สร้างกำแพงขึ้นมาเราไม่เคยเปิดอกพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจังซักครั้ง ทั้งผมกับพี่เราต่างวิ่งหนีปัญหาข้อนี้ ผมเองก็ปฏิเสธไมตรีจากพี่ในวันแรกที่กลับมานั่นทำให้ผมรู้สึกผิดมาตลอด แต่พี่ดิน ผมขอ ขอโอกาสให้ผมได้ปรับปรุงตัว ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลลูกเจี๊ยบได้มั้ยพี่ ผมสัญญาว่าผมจะรักเขาไม่ให้น้อยไปกว่าพี่ จะดูแลเขาให้ดีมากเท่าที่พี่เคยดูแลหลาน”

   “กูไม่ให้ เจี๊ยบเป็นลูกกู กูเลี้ยงกูรักกูถนอมของกูมากูไม่ยอมยกลูกกูให้มึงหรอก ตอนนี้ยังใหม่มึงก็พูดได้ว่ามึงรัก เดี๋ยวอีกหน่อยลูกกูโตเต็มที่ไม่จิ้มลิ้มน่ารักโตแบบเด็กผู้ชายที่โตเป็นหนุ่มใหญ่มึงก็จะเบื่อจะทิ้งลูกกู ถึงวันนั้นใครจะรับประกันได้บ้างว่าลูกกูจะไม่เสียใจจะไม่เสียตัวฟรีๆ ตั้งแต่วันแรกที่กูรู้ว่ากูมีเขา กูเฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ย นั่นเพราะเขาเป็นยอดดวงใจของกู ถ้ามึงชอบลูกกูเพราะลูกกูน่ารักมึงกลับไปเถอะไอ้ลอ  ที่ผ่านมากูจะถือว่าให้ทานหมามันกิน”

   “ไม่ ผมมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อกลับไปมือเปล่า ผมมาเพื่อมาขอขมาพี่กับจิ๊บและมาเพื่อขอเจี๊ยบ ต่อให้อนาคตเจี๊ยบจะโตเป็นหนุ่ม จะล่ำจะแข็งแรงจะตัวใหญ่กว่าผม ผมก็ยังยืนยันว่าผมจะรักเจี๊ยบ ต่อให้หลานสูง 190 เจี๊ยบก็ยังจะเป็นเจ้าน้องน้อยสำหรับผมตลอดไป ผมรักลูกของพี่จริงๆนะพี่ดิน”ลลิตภัทรยกมือไหว้ร้องขอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แดนดินมองตาของอดีตเพื่อนรุ่นน้องที่เคยสนิทแล้วให้หงุดหงิด

   “ถ้ามึงรักลูกกูจริง มึงกล้ากราบตีนกูกับจิ๊บขอให้กูสองคนยกลูกให้มึงมั้ยล่ะ”แดนดินลุกขึ้นยืนแล้วยื่นเท้าไปตรงหน้าพระลอทันที

   “พี่ดิน มันจะไปกันใหญ่แล้ว จิ๊บไม่เอาด้วยหรอกนะ”จิ๊บร้องเอ็ดสามีอย่างไม่ชอบใจแต่ลลิตภัทรกลับคุกเข้าแล้วก้มลงกราบเท้าของแดนดินทันที เจี๊ยบที่นั่งมองอยู่น้ำตาไหลพรากเด็กน้อยขยับมานั่งข้างลลิตภัทรแล้วก้มลงกราบเคียงข้างกับคนรัก ไหล่บางสั่นไหวด้วยแรงสะอื้นอย่างน่าสงสาร

   “ผมกราบขอโทษพี่กับจิ๊บในฐานะที่เป็นพ่อแม่ของลูกเจี๊ยบ กราบขอโทษที่ผมเคยล่วงเกิน กราบขอโทษที่ผมไม่หักห้ามใจทำให้หลานต้องแปดเปื้อน ผมกราบขอขมาขอให้พี่อโหสิกรรมให้ผม และผมกราบขอร้องขอให้พี่ยกเจี๊ยบให้ผม ผมสัญญาว่าผมจะรักและดูแลเจี๊ยบให้ดีที่สุด พี่ดินพี่ยกหลานให้ผมเถอะนะครับ”พระลอยกพานธูปเทียนแพยื่นให้กับแดนดินที่ยืนกัดฟันกรอด กำนันหนุ่มมองเจ้าตัวน้อยที่นั่งน้ำตาร่วงเผลาะก่อนจะยื่นมือไปลูบผมลูก

   “รักเขามากมั้ยลูก?”น้ำเสียงทอดอ่อนเอ่ยถามเจ้าตัวน้อย ลูกเจี๊ยบพยักหน้าในทันที

   “รัก...รักจ้า รักมากๆเลย”

   “รักมันเท่าพ่อกับแม่มั้ย?”คราวนี้เจ้าเจี๊ยบน้อยส่ายหัวทันที

   “ไม่จ้าน้องไม่มีวันรักใครมากกว่าพ่อกับแม่อยู่แล้ว”แดนดินยิ้มให้กับคำตอบของลูก

   “เด็กดี...ถ้าวันไหนมันทำลูกเจ็บช้ำน้ำใจ...พ่อจะยึดเจ้าคืน เข้าใจมั้ย?”ลูกเจี๊ยบนิ่งฟังและนั่งคิดตามคำพูดของพ่อเหมือนกับที่พระลอกำลังตีความในประโยคของแดนดิน

   “ยังไม่รีบกราบขอบคุณพ่ออีกล่ะเจี๊ยบ พ่อยอมยกหนูให้อาลอแล้วไงลูก”เป็นหลวงตาที่เอ่ยเตือนหลานชาย ความปิติยินดีแล่นวาบไปทั่วร่างเมื่อตีความตามคำพูดของแดนดินได้ ลูกเจี๊ยบและลลิตภัทรหันมามองหน้ากันยิ้มให้กันอย่างดีใจ แดนดินรับพานดอกไม้ธูปเทียนอย่างเสียไม่ได้ ลลิตภัทรและลูกเจี๊ยบก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่อีกครั้งโดยที่จิ๊บพยายามร้องห้ามเพราะอย่างไรเสียตนก็อ่อนเดือนกว่าพระลอ

   “ลออย่ากราบเรา”

   “ไม่เป็นไร เรากราบจิ๊บเพราะจิ๊บคือแม่ของลูกเจี๊ยบ ขอบคุณมากพี่ดิน ขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ดูแลเจี๊ยบ”

   “มึงไม่ต้องมาทำหน้าดีใจไป กูไม่ได้ยกลูกให้มึง กูแค่อนุญาตให้มึงคบกับลูกกูเพราะกูสงสารที่ลูกกูร้องไห้ทุกวันข้าวปลาไม่กินกูอยากได้ลูกเจี๊ยบตัวน้อยของกูคืนมา คนที่จะทำให้ลูกกูกลับมาร่าเริงได้อีกครั้งก็คงมีแค่มึง แต่ไอ้ลอ มึงจำใส่หัวมึงเอาไว้ วันไหนมึงทำลูกกูเสียใจร้องไห้กูจะยึดลูกกูคืนต่อให้มึงกราบจนกระดานบ้านกูสึกกูก็จะไม่มีทางยกลูกให้มึงอีกแล้ว มึงมันเจ้าเล่ห์นักไอ้หน้าหมาเขาทางตรงไม่ได้ก็ไปรบกวนพระสงฆ์องค์เจ้าไอ้นรก”แดนดินด่ากับความเจ้าเล่ห์ของพระลอที่ไปนิมนต์หลวงตาจวบมา

   “ส่วนที่มึงบอกว่ามึงจะรับผิดชอบลูกกูมึงเอาอะไรมารับประกัน?”แดนดินนั่งลงกับพื้นเรือนตามเดิมเอ่ยปากถาม

   “มึงได้ลูกกูไปแล้ว ลูกกูมีแต่เสียกับเสีย”

   “คอนโดผมที่กรุงเทพผมจะยกให้เจี๊ยบ  ตอนที่ผมชอบเจี๊ยบผมก็เปิดบัญชีไว้ให้หลานแล้ว เงินในบัญชีของผมๆก็จะยกให้เจี๊ยบเหมือนกัน ค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายของเจี๊ยบผมจะเป็นคนจ่ายเอง”

   “ลูกกูกูจ่ายเองได้”

   “แต่ผมอยากดูแลเจี๊ยบ แบ่งเบาภาระของพี่ ต่อให้เจี๊ยบอยากเรียนจนจบปริญญาเอกผมก็จะส่งเสียให้เรียนเอง เจี๊ยบอยากเรียนอะไรผมก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผมไปดูโรงเรียนสอนพิเศษให้เจี๊ยบมาแล้วเพราะเจี๊ยบอยากเรียนหมอลำพังตัวผมเองคงติวให้หลานทุกวิชาไม่ได้”

   “ก็ดีนะพี่ดิน ไหนๆเขารักกันเราห้ามไม่ได้แล้วก็ให้เขาส่งเสริมกันไปในทางที่ดีเถอะ”

   “แต่..”

   “เอาตามนี้แหละ เราตกลงนะลอ จากนี้ฝากน้องด้วย น้องดื้อน้องไม่เชื่อฟัง ลอก็ช่วยดุน้องบ้างอย่าตามใจจนเสียเด็ก”จิ๊บตัดบทสามีก่อนจะหันมาพูดกับพระลอ

   “ได้เราจะดูแลหลานให้ดีที่สุด ขอบคุณมากที่ให้โอกาสเรา”พระลอคว้ามือลูกเจี๊ยบมาจับอย่างแสนรัก

เพี๊ยะ!!

แดนดินที่คิ้วกระตุกฟาดฝ่ามือลงบนหลังมือของลลิตภัทรอย่างแรงจนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มนิ่วหน้า

   “อย่ามาจับเนื้อต้องตัวลูกกูให้กูเห็นนะ”คนหวงลูกตวาดแว้ด

   “แล้วก็ห้ามทำประเจิดประเจ้อใส่ลูกกู ห้ามจูบห้ามหอมห้ามทำอะไรลูกกูจนกว่าจะเรียนจบเด็ดขาด ถ้าทำไม่ได้กลับบ้านมึงไปเลย!!”

   “โห...”ลลิตภัทรร้องท้วงก่อนจะหุบปากฉับยามแดนดินถลึงตาใส่

   “เอาแต่พอควรเถอะพี่คนรักกันชอบกันมันก็ต้องมีบ้าง”เป็นจีบอีกนั่นแหละที่เข้าข้างลูกกับพระลอ พระลอรีบยิ้มหวานประจบจิ๊บในฐานะว่าที่แม่ยายดีเด่น

   “ยังไมทันไรเลยจิ๊บก็ให้ท้ายมันกับลูก พี่มันไม่สำคัญเป็นหมาหัวเน่าแล้วนี๊”กำนันตัดพ้อด้วยน้ำเสียงสะบัดก่อนจะกราบหลวงตาจวบแล้วเดินตึงตังเข้าห้องปิดประตูดังโครมใหญ่ จิ๊บหันมายิ้มแห้งให้กับหลวงพ่อ

   “งอนน่ะจ้าหลวงพ่อ เดี๋ยวง้อก็หาย”

   “หมดเรื่องแล้วหลวงพ่อกลับวัดดีกว่า หลวงพ่อขยับตัวหยิบย่ามแต่ต้องหยุดเมื่อลูกเจี๊ยบน้อยคลานเข้ามากราบตัก

   “น้องกราบขอบคุณหลวงตานะจ๊ะที่มาช่วยพูดให้”น้ำเสียงงุ้งงิ้งเอ่ยเบาๆในขณะที่แนบแก้มกับตักผู้เป็นตา

   “ตาสงสารเจ้า จากนี้ไปก็ทำตัวดีๆอย่าดื้อกับพ่อแม่นะลูกนะ”

   “น้องไม่ได้ดื้อซักหน่อย”

   “น้องไม่ดื้อแต่ก็ไม่เชื่อฟังไง เรื่องถึงเป็นแบบนี้ ต้องยอมรับด้วยว่าตัวเองก็ผิด”หลวงตาเขกลงบนหัวเจ้าหลานรักเบาๆพลางสอน

   “พ่อแม่เขารักเขาหวังดีกับเจ้า ตั้งแต่เกิดมาคนที่รักเจ้ามากกว่าใครคือพ่อพูดกับเขาดีๆอย่าเจ้าแง่แสนงอนใส่เขา กำนันน่ะใจอ่อนจะตาย รู้หลักหน่อยอ้อนหน่อยง้อหน่อยเดี๋ยวเขาก็หาย จากนี้ไปเจ้าสองคนก็รักกันให้ดีๆล่ะอย่าทำให้หลวงตาที่ต้องแจ้นมาจากวัดผิดหวัง”ทั้งลิตภัทรและศตายุต่างรับคำหลวงตา  ลูกเจี๊ยบเดินมาส่งหลวงตากับอาลอที่รถดวงตากลมจ้องมองลลิตภัทรไม่วางตาต่างส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

   “เดี๋ยวตอนเย็นอามารับไปกินข้าวที่บ้านะคะ ย่าโฉมคิดถึง”

   “หนูต้องบอกพ่อก่อนจ้า”

   “แล้วอาจะมารับนะคะ”ลลิตภัทรว่าแค่นั้นก่อนจะขับรถออกไปลูกเจี๊ยบน้อยกลั้นยิ้มอย่างมีความสุข เมฆหมอกครึ้มดำที่ปกคลุมบ้านมาหลายวันพลันกระจายหายเหลือเพียงแสงจากดวงอาทิตย์ที่ส่อสว่าง มองรถของอาลอที่ลับโค้งไปด้วยความตื้นตัน ดีใจที่เรื่องทุกอย่างผ่านไปอย่างง่ายดาย ง่ายกว่าที่คิดจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

เป็นเพราะความรัก...

เพราะพ่อรักลูกเจี๊ยบมากนั่นเองถ้าการรักอาลอคือความสุขของลูกเจี๊ยบพ่อกำนันจึงยอม ลูกเจี๊ยบน้อยเดินกลับขึ้นไปบนเรือนจุดหมายคือห้องนอนของพ่อกับแม่

ก็ต้องง้อเขาหน่อยล่ะ งอนเป็นกอลิล่าหงอยขนาดนั้น



ต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 06-02-2019 03:36:22


   ลลิตภัทรปั่นจักรยานมาบ้านของลูกเจี๊ยบในตอนเย็น ชายหนุ่มเดินขึ้นบ้านของแดนดินด้วยท่าทางสบายๆแต่เจ้าของบ้านกลับทำหน้าหงิกอย่างกับม้าหมากรุก

   “มาทำไมอีก มึงคิดว่าการที่กูยอมให้มึงคบกับลูกกูแล้วจะเข้านอกออกในยังไงก็ได้งั้นเหรอไอ้ลอ”

   “แม่ให้มาพาเจี๊ยบไปกินข้าวที่บ้าน”

   “บ้านกูข้าวมีกินทำไมต้องให้ลูกกูไปกินข้าวที่บ้านมึงด้วย”กำนันแดนดินยังรวนไม่เลิกจิ๊บได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจ

   “เจี๊ยบอาลอมารับแล้วลูก”หล่อนไม่สนใจผู้เป็นสามีร้องเรียกลูกชายที่ยังอยู่ในห้อง เสียงตึงๆน่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยวิ่งมาเปิดประตูทำให้แดนดินยิ่งเหม็นขี้หน้าว่าที่ลูกเขย แถมเมียรักก็ไม่เข้าข้างกันซักนิด ทำไมใครๆก็เข้าข้างไอ้หน้าขาวนี่หมดนะไม่เข้าใจ

   “น้องจะไม่อยู่กินข้าวกับพ่อจริงๆเหรอ?”ในเมื่อเมียไม่เข้าข้างก็หันไปออดอ้อนลูกทันทีลูกเจี๊ยบมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

   “ให้หลานไปกับผมเถอะพี่ แม่แกบ่นคิดถึง แกบอกแกเลี้ยงของแกมาตั้งแต่เล็กปกติต้องข้ามไปหากันประจำนี่แกก็ชะเง้อคอยมองทุกวัน”แดนดินทำท่าฟึดฟัดอย่างน่าถีบให้ตกใต้ถุนเรือน

   “ห้ามกลับเกินสองทุ่มพ่อจะนั่งรอน้องตรงนี้ ถ้าเกินคราวหลังจะไม่ให้ไปอีก”

   “คุยกับแม่เสร็จผมจะพามาส่งไม่ต้องห่วงนะพี่”

   “กูห่วงก็เพราะลูกกูไปกับมึงนี่แหละไอ้สันขวาน”แดนดินตอกกลับทันทีแต่นั่นกลับทำให้ลลิตภัทรหัวเราะก๊ากขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพาหลานซ้อนจักรยานปั่นกลับมาที่บ้าน ลูกเจี๊ยบยืนเก้ๆกังๆไม่กล้าเข้าไปหาย่าโฉมในครัวเหมือนเช่นทุกครั้ง

   “ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ลูกเจี๊ยบละล้าละลังอึกอักอย่าน่าสงสาร

   คือหนู...หนู...”

   “หนูไม่กล้าเข้าไปหาย่าเค้าเหรอคะ?”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับ

   “หนูกลัว”

   “ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ย่ายังรักหนูเหมือนเดิม นี่บ่นอาทุกวันที่ทำให้หนูไม่ได้ข้ามมาหา ไปเถอะค่ะไปช่วยย่าเขาทำกับข้าวป่านนี้ใกล้เสร็จแล้วมั้ง เป็นสะใภ้บ้านนี้ต้องทำกับข้าวเก่งรู้มั้ยคะ”

   “มาสะเพิ้งสะใภ้อะไรกันล่ะจ๊ะ ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันซักหน่อย”

   “แล้วอยากย้ายมาอยู่กับอามั้ยล่ะคะ?”

   “พ่อได้ตีตาย ค่อยๆคบกันไปก่อนเถอะจ้ารอหนูเรียนจบดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ตามแผนเดิมของเราดีกว่านะจ๊ะ”

   “อาก็ไม่ได้จะเร่งรัดอะไรหนูหรอกค่ะก็ลองถามดูแต่ถ้าได้ก็ดี ไปเถอะค่ะเข้าไปข้างในกันป่านนี้แม่บ่นแล้วว่าอาทำไมมาช้า”ลลิตภัทรดันหลานให้เดินเข้าไปในครัว ทันทีที่ลูกเจี๊ยบปรากฏตัวย่าโฉมก็ทักเสียงดังลั่นพลางโผหาเจ้าตัวน้อยด้วยความคิดถึง

   “ลูกเจี๊ยบของย่า ย่าคิดถึงจริงๆ”

ลูกเจี๊ยบกำลังประหม่า ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป ลลิตภัทรเองก็รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวน้อยไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม ชายหนุ่มเพียรตักอาหารใส่จานให้หลานเจ้าตัวน้อยก็เอาแต่สงบปากสงบคำ

   “หนู...”เอ่ยเรียกหลานเบาๆ เจ้าแก้มกลมหันมามองพลางเม้มปาก

   “มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหนูทำตัวปกติเถอะค่ะ”

   “เป็นอะไรลูก กลัวย่าไปแล้วหรือไง?”ย่าโฉมเองก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

มีเพียงลูกเจี๊ยบที่กังวลอยู่คนเดียว ด้วยสถานะที่ถูกเปิดเผยลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าสมาชิกในครอบครัวของลลิตภัทรจะยังให้การต้อนรับตนเหมือนเดิมมั้ย พระรามกับพระลักษณ์เงยหน้ามองหลานด้วยดวงตานิ่งๆนั่นยิ่งทำให้ลูกเจี๊ยบประหม่า

   “พี่มองหลานจนหลานมันกลัวแล้ว”พระลอกระแอมบอกพี่ๆที่นั่งจ้องหน้าหลานตาไม่กระพริบ

   “เจี๊ยบ”พระลักษณ์เอ่ยเรียกหลานด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “จ...จ๋าลุงลักษณ์”

   “หนีไปตอนนี้ยังทันนะ ไปมีอนาคตดีๆกับคนดีๆเถอะ”พระลักษณ์บอกหลานด้วยน้ำเสียงจริงจังจนพระรามที่นั่งฟังอยู่หัวเราะพรืดในขณะที่ลลิตภัทรอ้าปากด่าพี่ชายทันที

   “พี่ลักษณ์พี่พูดแบบนี้ได้ไงวะถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่จะถีบให้ตกเรือนเลยมายุให้ผัวเมียเขาตีกัน”พระรามกับพระลักษณ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีเมื่อน้องคนเล็กออกฤทธิ์

   “ขี้ตู่ว่ะคนเรามาเรียกหลานว่าเมียแต่งก็ยังไม่ได้แต่งเนอะเจี๊ยบเนอะ”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับเจ้าตัวน้อยจนลูกเจี๊ยบที่หน้าแดงไปยั้นลำคอยิ่งอายม้วนต้วน บรรยากาศในวงข้าวดีขึ้นทันตา ลูกเจี๊ยบหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อลลิตภัทรเอ่ยแซวไม่ยอมหยุด ย่าโฉมกับปู่ชลิตก็พลอยขำไปกับพวกเด็กๆ

   “เข้ามาหาย่าสิเจี๊ยบเอ้ย ลอด้วยมาหาพ่อกับแม่””ย่าโฉมเรียกลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตน ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบค่อยๆคลานเข้าหาผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งเก้าอี้อยู่ตรงชานบ้าน ปู่ชลิตหยิบฝ้ายผูกข้อมือขึ้นมาก่อนจะผูกให้กับลูกเจี๊ยบ

   “อยู่เย็นเป็นสุขอายุมั่นขวัญยืนนะลูกนะ ปู่ดีใจที่อย่างน้อยคู่ของไอ้ลอก็เป็นเด็กดีอย่างเจี๊ยบเลี้ยงกันมาเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”เจี๊ยบกราบลงบนตักของปู่ชลิตใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มให้กับผู้อาวุโสของบ้านจนปู่ชลิตอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ย่าโฉมผูกข้อมือให้หลานเป็นคนต่อไป

   “ยังเล็กนัก คบกันรักกันก็ใช้เหตุผลให้มากๆ ลอต้องเข้าใจหลานถ้าหลานงอแงดูแลกันและกันให้ดีๆ เจี๊ยบเองก็อย่าเจ้าแง่แสนงอนอายุต่างกันมากยิ่งต้องถนอมน้ำใจกันรู้มั้ยลูก รอให้หนูโตย่าจะเปลี่ยนจากฝ้ายผูกแขนเป็นสร้อยข้อมือให้นะ”

   ไม่ต้องหรอกจ้าย่า แค่ปู่ย่ากับลุงๆยอมรับหนู หนูก็ดีใจแล้วจ้า”เจ้าตัวน้อยตอบกลับด้วยความจริงใจ

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ต้องการทองหยองของมีค่าเพราะลูกเจี๊ยบได้ของมีค่าที่สุดของครอบครัวนี้มาแล้วคือลลิตภัทรและความรักที่ทุกคนมีให้

   “สะใภ้บ้านนี้ได้กันทุกคน”ย่าโฉมว่าพลางทำตาระยิบระยับใส่อย่างหยอกล้อเรียกเลือดฝาดให้มาประดับดวงหน้าของลูกเจี๊ยบอีกหน ลูกเจี๊ยบกอดย่าโฉมพลางหอมแก้มเหี่ยวย่นที่คุ้นเคยอย่างแสนรัก

   “จะสองทุ่มแล้วเดี๋ยวผมพาหลานกลับบ้านก่อนนะครับ"ลลิตภัทรขยับตัวลุกขึ้นเห็นเจ้าตัวน้อยทำตาแดงๆคล้ายกำลังกลั้นน้ำตาก็ให้นึกเอ็นดู เพิ่งทุ่มครึ่งอันที่จริงให้นั่งเล่นที่บ้านเขาก่อนก็ได้แต่ลลิตภัทรอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับหลานก่อนไปส่งบ้านจึงดึงหลานออกมาก่อน

   “เดินกลับกันนะคะ”เขาบอกหลานเสียงแผ่ว ลมเย็นพัดเอากลิ่นต้นข้าวมาให้ได้ดมจนชื่นใจ สองคนเดินเคียงกันอย่างเชื่องช้าตามทางเดินอาศัยเพียงแสงจันทร์จากข้างขึ้นส่องสว่างนำทาง

   “เจี๊ยบคะ”ลลิตภัทรดึงมือหลานเมื่อเดินผ่านโค้งบ้านจนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าบ้านหลาน

   “จ๋า...”เจ้าตัวน้อยรับคำเสียงแผ่วเมื่อถูกดึงเข้าไปหาอ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคย

   “ดีใจมั้ยคะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยพยักหน้ากับไหล่ของอาลอ จะเรียกว่ากอดจมอกก็ไม่ได้เพราะเจ้าน้องน้อยนั้นเตี้ยกว่าเขาไม่ถึงสิบเซ็น

   “ดีใจจ้า”

   “ต่อไปนี้อาดูแลหนูได้เต็มที่แล้วนะคะ”

   “หนูโตแล้วดูแลตัวเองได้ โตไปเรียนจบหนูก็ดูแลพ่อแม่น้องๆปู่กับย่าโฉมรวมทั้งอาลอได้ด้วยเหมือนกัน”เจ้าตัวดีพูดอย่างอวดๆจนลลิตภัทรหัวเราะเบาๆในลำคำ

   “เอาเป็นว่าเราจะดูแลซึ่งกันและกันใช่มั้ยคะ แล้วหลังจากนี้บอกใครต่อใครได้ยังว่าเราเป็นแฟนกัน”

   “เราจำเป็นต้องป่าวประกาศบอกคนอื่นด้วยเหรอจ๊ะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบยืดตัวเต็มความสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย

   “คนอื่นจะได้รู้ไงว่าเรารักกัน”

   สำหรับหนูเรารักกันเงียบๆก็ได้นี่จ๊ะ รู้กันเฉพาะแค่คนในครอบครัวไม่ดีกว่าเหรอ?”

   “หนูอายเหรอคะที่จะบอกใครว่าเรารักกัน”ลลิตภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขรึมลง ลูกเจี๊ยบคว้ามือของคนเป็นอามากุมไว้ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงที่หลังมืออาลอเบาๆอย่างง้องอน

   “หนูไม่ได้อายหรอกจ้า เพียงแต่ว่าหนูไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเราเป็นอะไรกัน ปล่อยให้การกระทำและความสัมพันธ์เป็นตัวพูดให้ชาวบ้านรู้ด้วยตัวเองดีกว่าจ้า อาลอกับพ่อยังต้องทำงานให้หมู่บ้านหนูไม่เห็นประโยชน์ของการที่เอาเรื่องส่วนตัวของเราไปให้คนพูดกันเลยซักนิด แค่เรารู้ว่าเรารักกันที่บ้านของเราเห็นชอบก็พอแล้ว”

   “หนูไม่กลัวชาวบ้านเอาลูกสาวมาเสนอให้เป็นเมียอาลอหรอกเหรอจ๊ะ วันก่อนก็มีมาคนหนึ่งเอาส้มโอมาให้ลูกเบ้อเริ่มเลย”

   “ส้มโอหรือนมจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบแกล้งพูดถามไปเร็วๆ

   “นมจ้า...ว๊าย!!! ส้มโอสิจ๊ะลลิตภัทรรีบแก้คำพูดของตัวเองเมื่อเจ้าตัวน้อยหยิกหมับเข้าที่หน้าท้องจนสะดุ้ง

   “มีหนูแล้วห้ามไปมองนมคนอื่นนะจ๊ะไม่งั้นหนูเอาตาย”

   “อยากให้เอาจะแย่แล้วจ้า”

   “อาลอพูดอะไรนะจ๊ะหนูฟังไม่ถนัด”

   “อาพูดว่าไม่กล้าหรอกจ้าอาชอบนมตุ่ยๆไม่ต้องตู้มมากอันที่จริงคือชอบแค่นมของหนู”

   “ทำเป็นปากดีไปอีกไม่กี่ปีอาจจะเบื่อหนู”

   “อีกร้อยปีก็ไม่มีทางเบื่อค่ะ อาเป็นคนรักเดียวใจเดียว”

   “ให้มันจริงนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพอน้องโตตัวใหญ่ล่ำบึ้กแบบพ่อกำนันก็จะทิ้งหนู”

   “อาไม่มีวันยอมให้หนูร่างควายเท่าพ่อหนูหรอกจ้า”

   “อาลอจ๊ะร่างควายที่พูดถึงนั่นก็พ่อน้องนะ”

   “อาหมายถึงรูปร่างบึกบึนสมชายชาตรีน่ะค่ะ แต่ถึงหนูจะรูปร่างเหมือนกอลิล่าขอแค่เป้นหนูยังไงอาก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เจี๊ยบเชื่อมั่นในตัวอานะคะ อะไรที่อาพูดออกไปแล้วอาจะไม่มีวันคืนคำ” ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดอีกรอบโยกตัวเจ้าตัวน้อยไปมาเหมือนกำลังเล่นกับเด็ก

   “รวมถึงคอนโดที่บอกจะให้น้องด้วยใช่มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบกระซิบถามกลั้วหัวเราะ

   “แน่นอนจ้าอาพร้อมโอนให้หนูทุกเมื่ออยากต่อเติมอะไรเพิ่มบอกอาได้เลยนะคะ"

   “อยากได้อ่างที่มันใหญ่ๆจ้า”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยหัวเราะคิกก่อนจะดันตัวเองหนีจากกรงเล็บเสื้อโคร่งของลลิตภัทร

   “ร้ายนักนะเรารู้ว่าอาทำอะไรไม่ได้ก็มาพูดแบบนี้ ฉุดเข้าเถียงนาข้างทางดีมั้ย”แกล้งพูดขณะวิ่งตามไปรวบเอวเล็กของหลานไว้ได้ทันพลางกดจมูกฝังลงแก้มนุ่มสูดกลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่ลูกเจี๊ยบใช้จนเต็มปอด

   “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”

   “ฮื่อ...หนูรู้แล้ว อาลอบอกรักหนูทั้งวันแล้วอ่ะ”

   “อาบอกแล้วหนูล่ะคะบอกอาหรือยัง?”

   “หนูก็บอกไปบ่อยแล้วนี่นา”

   “อยากฟังอีกรอบได้มั้ยคะ”

   “......”เจ้าตัวน้อยเม้มปากแน่นเมื่ออ้อมแขนรัดร่างตัวเองแน่นขึ้น

   “......?.....”ลลิตภัทรใช้ความเงียบในการกดดันลูกเจี๊ยบที่ถ้ามีแสงไฟตอนนี้ก็คงเห็นแก้มใสแดงปลั่งเป็นลูกพีชแน่ๆ

   “ฮื่อ....รักจ้า น้องรักอาลอมากๆ”พูดจบก็ก้มหน้างุดแต่ลลิตภัทรกลับยิ้มกว้าง ต้นขาวในนาไหววูบยามลมเย็นพัดมาอีกครา แสงจันทร์สาดแสงนวลผ่องยวนตายิ่งอาบไว้ให้ผิวของเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยในอ้อมแขนสวยยวนตา ลลิตภัทรดึงให้หลานหันหน้าเข้ามาหาก่อนจะประกบริมฝีปากแตะผะแผ่วกับปากหลาน ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนแก้มป่องก่อนจะหลับตาลงรับรอยจูบที่ประกบลงมาแนบสนิทถ่ายทอดความรักซึ่งกันและกันโดยมีต้นข้าวและแสงจันทร์เป็นพยาน

ลลิตภัทรอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้เขาไม่ได้ลงเอยกับจิ๊บและอยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลูกเจี๊ยบลงมาเกิดเพื่อมาครองคู่กับเขา

ในวรรณคดีพระเพื่อนพระแพงปล่อยไก่ฟ้าจำแลงเพื่อมาหลอกล่อให้พระลอตามไปเพื่อพบสองนางดรุณี แต่ในชีวิตจริงแดนดินกลับทำให้เขาพบเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่แสนไร้เดียงสาและน่ารัก

เขาสัญญาว่าเขาจะฟูมฟักเจ้าเจี๊ยบน้อยให้กลายเป็นไก่ฟ้าแสนงามให้เป็นที่รักของใครหลายๆคนที่เกี่ยวข้องในชีวิต ดูแลด้วยความรักของเขาตลอดไปตราบลมหายใจจะสิ้น...



จบบริบูรณ์



..............................

จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเม้นท์นะคะ

ฝากเรื่องอื่นๆให้ติดตามด้วยนะ

บ๊ายบาย
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 06-02-2019 05:22:46
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ จะติดตามต่อไปแน่นอน

น้อลลเจี๊ยบน่ารักมากลูก ติดคำว่าว่าจ้าของน้องไปแล้วค่ะ แต่คิดตามอาลอที่บอกว่าถ้าน้องสูง190เราว่าไม่ดีมั้งคะอาลอ

ดีใจกับอาลอด้วยนะคะได้มีครอบครัวกับเขาสักที

 :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-02-2019 09:30:05
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 10-02-2019 15:28:58
แยากเห็นตอนหนูเจี๊ยบโตแล้วจังเลย โธ่คงทำให้คนแก่หึงได้น่าดู
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: oiw08 ที่ 11-02-2019 18:17:52
ดีใจกับอาลอและหนูเจี๊ยบด้วยนะจ๊ะ
ในที่สุดก็พ่อกำนันก็ใจอ่อนสักที
ขอบคุณคนแต่งนะคะ เป็นเรื่องที่สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-02-2019 20:38:21
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ เรื่องนี้สนุกมากน้องเจี๊ยบน่ารักน่าเอ็นดูมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 18-02-2019 18:17:27
น้องลูกเจี๊ยบกับอาลอน่ารักมากๆเลยค่า  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 25-02-2019 23:07:53



พระลอตามไก่


ตอนที่ ๑












                ลลิตภัทรหรือพระลอชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาคมสันหักพวงมาลัยเข้ามาบนถนนดินแคบๆที่แยกตัวจากถนนใหญ่อย่างระมัดระวัง ฝุ่นสีเทาคลุ้งบนอากาศยามชายหนุ่มเร่งความเร็ว สองข้างทางมีรูปของเขาเด่นหราพร้อมสโลแกนที่พ่อของเขาไปจ้างร้านทำป้ายทำมาซะยิ่งใหญ่อลังการ ชายหนุ่มกวาดตามองต้นข้าวเขียวขจีที่ไหวลู่ตามแรงลมเป็นภาพสวยงามที่เขาทิ้งไป 16 ปีเต็มอย่างหลงใหล ลดกระจกลงกลิ่นข้าวที่เริ่มตั้งท้องหอมระรื่นตามกระแสลม ชายหนุ่มสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดอย่างโหยหา  เด็กนักเรียนหลายคนเดินกลับบ้านตามขอบทางอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นมีรถเก๋งคันหรูแล่นเข้ามาหลายคนยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

ก็แน่ล่ะ ส่วนมากรถในหมู่บ้านนี้จะเป็นรถกระบะไม่ก็อีแต๋นอีแต๊กไปตามเรื่อง ควายตัวอ้วนพียืนเคี้ยวหญ้าอยู่ใกล้เถียงนาที่เจ้าของผูกไว้อย่างสบายอารมณ์ บางตัวนอนกินลมชมวิวอยู่ในบ่อโคลนอย่างชิลสุดๆ ตรงไหนที่เป็นแอ่งน้ำใหญ่หน่อยเด็กเล็กๆราว 4-5 ขวบ ก็นั่งเล่นนั่งแช่กันอย่างไม่กลัวเชื้อโรค มืออูมๆช้อนลูกอ๊อดลูกปลาเล่นอย่างสนใจใคร่รู้  ตามริมคลองมีชาวบ้านมาหว่านแห ยกยอหาปลา เด็กชายวัยกำลังก๋ากั่นบางคนต่างพากันโดดน้ำเสียงดังตูมๆจนโดนคนหาปลาด่าแทรกกับเสียงหัวเราะใสๆนั้นเป็นภาพที่เรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากสวยได้รูปนั้นอย่างไม่ยาก

 

บรรยากาศที่เขาห่างหายไปเสียเนิ่นนาน  พ่อของลลิตภัทรเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นี้มาเนิ่นนานหลายสิบปี ผู้คนต่างนับหน้าถือตาเพราะไม่ได้กินตำแหน่งไปวันๆ พ่อพยายามพัฒนาหมู่บ้านของเขาให้เจริญแต่ก็ยังคงรณรงค์ให้ชาวบ้านอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบชนบทไว้



บ้านของพระลอมีลูกชายทั้งหมด 3 คน คือพระราม พระลักษณ์และพระลอ พระรามกับพระลักษณ์นั้นได้ผิวจากทางพ่อมาทั้งคู่คือผิวค่อนข้างคล้ำมีเพียงพระลอเท่านั้นที่ได้ผิวจากทางแม่มาเต็มๆ



เด็กชายลลิตภัทรเกิดมาตัวขาวผ่องเป็นยองใย หน้าตารึก็น่ารักน่าเอ็นดูตั้งแต่แรกเกิด

 

พ่อแม่ของเขาภูมิใจนักล่ะตอนที่แม่คลอดเขาออกมาเป็นผู้ชายตั้งชื่อเล่นให้ซะงดงามน่ารักว่าพระลอเพราะหล่อเหมือนพระเอกในวรรณคดี

 

                “โตไปสาวๆต้องวิ่งตามมันจนหัวกระไดบ้านไม่แห้ง”เขาเคยได้ยินคำนี้ในวงเหล้าที่พ่อกับเพื่อนๆนั่งก๊งกันในตอนเย็น

 

                “หล่อเหมือนพ่อแต่ผิวขาวเหมือนแม่”นับเป็นส่วนผสมดีๆที่พ่อแม่มอบให้เขา พระลอถูกเลี้ยงดูอุ้มชูราวไข่ในหิน การเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่เกิดห่างจากพระรามพี่ชายคนโต 10  ปี พระลักษณ์พี่ชายคนกลาง 7 ปี ทำให้พระลอถูกเลี้ยงมาอย่างเอาอกเอาใจ พระรามและพระลักษณ์ที่แต่งงานแยกบ้านไปแล้วทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกับน้องชายไม่ได้ขาด ยามที่เข้ากรุงเทพก็หอบของกินของฝากจากทางบ้านไปให้ราวกับจะไปเปิดบูธขายงานโอทอปธงฟ้า ทั้งข้าวหอมมะลิที่ปลูกเอง ไข่ไก่ พืชผักต่างๆ พระรามพี่ชายคนโตเป็นอาจารย์สอนในโรงเรียนประจำจังหวัด ภรรยาของพระรามก็เป็นอาจารย์อยู่ที่เดียวกันมีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคน 7 ขวบกับ 4 ขวบ วัยกำลังน่ารัก ส่วนพระลักษณ์ดูแลโรงสีข้าวรวมทั้งกิจการต่างๆให้ครอบครัวพระลักษณ์พอใจที่จะกลับมาอยู่บ้านนอกมากกว่าทำงานหัวหมุนในกรุงเทพแม้ว่าจะเรียนจบปริญญาโทด้านนิติศาสตร์รวมทั้งสอบเนติผ่านว่าความได้เรียบร้อย เขาพับความฝันที่อยากเป็นอัยการเพราะอยากให้น้องชายได้ใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็นในกรุงเทพ พี่ชายคนรองของเขาเพิ่งแต่งงานได้ 2 ปีกับพยาบาลสาวที่พบรักกันตอนพระลักษณ์ไส้ติ่งแตกเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้พี่สะใภ้คนรองท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที

 

เดิมทีพ่อตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้พระลอเป็นคนดูแลโรงสี ที่นาและคอกสัตว์เพราะพระลอชอบไปออกนากับพ่อตั้งแต่เล็กๆแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็พังลงก่อนที่ลูกชายคนเล็กจะเรียนจบ ม.3 เพียงไม่กี่เดือน

 

พระลอมีเพื่อนสนิทเป็นลูกสาวของป้าประไพกับลุงประจวบ จิ๊บเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักเกิดไล่เลี่ยกับพระลอ แม่โฉมของเขากับป้าประไพก็เป็นเกลอเก่ากันมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นเวลากลางวันว่างจากงานบ้านงานเรือนสองแม่ก็มักจะมานั่งทำขนม บางครั้งก็เอาเสื้อคอกระเช้ามานั่งถักคอเสื้อแน่นอนว่าลูกๆก็ถูกเอามาเลี้ยงคู่กัน ตั้งแต่จำความได้พระลอกับจิ๊บก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอด

 

เข้าอนุบาลพร้อมกัน นั่งร้องไห้หาแม่ด้วยกันในวันที่ถูกพาไปโรงเรียนวันแรก จนโตพอรู้ความพ่อก็บอกให้พระลอเดินไปโรงเรียนกับจิ๊บตามลำพัง เด็กน้อย ป.1 ชายหญิงสองคนเดินจูงมือลัดคันนาไปโรงเรียนประถมใกล้บ้านและกลับมาพร้อมกันทุกวันในตอนเย็น วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จิ๊บจะมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในละแวกบ้านมาเล่นด้วย

 

และแน่นอนพระลอก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่บรรดาเพื่อนๆกลับมีแต่เด็กผู้หญิงเวลาเล่นพ่อแม่ลูกพระลอก็ได้รับบทบาทคุณพ่อส่วนจิ๊บก็เป็นคุณแม่คนสวย มีลูกสาวอีกขโยงใหญ่ แม้จะเบื่อแสนเบื่อแค่ไหนแต่พอจิ๊บมาเกาะแขนพระลอก็สามารถเล่นบทเดิมๆได้ทุกวัน

 

เด็กชายลลิตภัทรของเด็กหญิงจีรนันท์เป็นแฟนกลางงานวันเด็กแห่งชาติในตอนที่เด็กทั้งคู่อยู่ ป.4 เด็กชายลลิตภัทรรู้สึกว่าแม้จะเป็นเด็กแต่ความรักของพวกเขาก็จริงจังมาก ทุกพักกลางวันพระลอจะเป็นคนเดินไปซื้อข้าวกลางวันให้จิ๊บ เจียดเงินค่าขนมซื้อเฉาก๊วยใส่น้ำแข็งให้จิ๊บสลับกับไอติมทุเรียนร้านป้าโสภา วันไหนมีลูกชิ้นทอดเขาก็ซื้อให้จิ๊บวันละ 2 ไม้ทุกวัน ถ้ามีของเล่นใหม่ๆโฆษณาทางทีวีพระลอก็เขียนจดหมายไปบอกพระรามกับพระลักษณ์ที่เรียนและทำงานที่กรุงเทพให้ส่งพัสดุมาให้

 

ในหมู่บ้านของเล่นใหม่ๆเสื้อผ้าโก้ๆขนมแปลกๆมีเพียงพระลอคนเดียวที่นำแฟชั่น พระลอเลยกลายเป็นคนเพื่อนเยอะในโรงเรียนพอๆกับจิ๊บ แต่ไม่ว่าจะมีเพื่อนเยอะเพียงใดพระลอก็ชอบจิ๊บที่สุด

 

พระลอชอบแก้มอ้วนๆของจิ๊บ ชอบปากสีชมพูของจิ๊บ ชอบเวลาที่จิ๊บเรียกชื่อเขา

 

อีกอย่างที่สำคัญพระลอชอบที่จิ๊บแบ่งการบ้านให้ลอกทุกวัน ความรักของเด็ก ป.4 โคตรยิ่งใหญ่แบบที่คิดว่า บ่มีอีหยังมาพังทลายความฮักของสองเฮาได้...

 

จนกระทั่งพระลอและจิ๊บเรียนจบชั้นประถมพระลอถูกส่งไปเรียนโรงเรียนชายล้วนในตัวเมืองที่ทั้งบ้านของเขาเป็นศิษญ์เก่าทั้งบ้าน ความห่างของระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคความรักของพระลอกับจิ๊บเลย จิ๊บเรียนโรงเรียนสหที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ส่วนพระลอต้องนั่งรถประจำไปเรียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ดังนั้นเด็กสองคนจะได้เจอกันก็ตอนเย็นกับเสาร์อาทิตย์

 

ยิ่งนานวันพระลอก็รู้สึกว่าจิ๊บน่ารักขึ้นทุกวัน ผิวขาวแก้มตึงใสปากสีชมพูถูกแต้มสีสันด้วยอุทัยทิพย์ วันหยุดแต่งตัวน่ารักๆรอเขาขับมอเตอร์ไซค์มารับไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านป้าแช่มตอนเที่ยงๆ

 

จนกระทั่งเด็กทั้งคู่ขึ้นมัธยมปีที่ 3

 

จิ๊บเริ่มเปลี่ยนไป เย็นๆเริ่มกลับบ้านช้าลง เสาร์-อาทิตย์มักจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน หลังๆเวลาคุยกันมักมีชื่อของใครบางคนโผล่เข้ามาในบทสนทนา

 

                “พี่ดินเขาเก่งมากเลยนะลอ เนี่ยวันก่อนเขาแข่งบาสทีมเขาอ่ะตามอยู่ 10 กว่าแต้ม แต่พี่ดินก็ทำแต้มแล้วชู๊ต 3 แต้มสุดท้ายก่อนหมดเวลาเลยชนะสีแดงไปเลย”

 

                “พี่ดินเรียนเก่งมากเลยลอ เนี่ยจิ๊บทำการบ้านเลขไม่ได้พี่ดินมาช่วยติวให้จิ๊บก็เข้าใจเลยอ่ะ สอนสนุกเข้าใจง่ายกว่าครูอีก”พระลอกลายเป็นผู้ฟังที่ดีคอยฟังจิ๊บชื่นชมพี่ดิน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นลูกชายกำนันแดง แดนดินแก่กว่าพวกเขา 3 ปี ตอนนี้เรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกับจิ๊บ แถมยังสนิทกับพระลอพอสมควร ตอนแรกพระลอก็ไม่เอะใจอะไรเพราะแดนดินก็รู้ว่าพระลอกับจิ๊บคบกันอยู่ เด็กหนุ่มยังเคยบอกกับรุ่นพี่เลยว่ากับจิ๊บเขารักจริงคิดไว้ถึงขั้นเรียนจบปริญญาแล้วก็จะไปสู่ขอจิ๊บแต่งงาน พระลอฝากฝังจิ๊บให้แดนดินช่วยดูแลเวลาไปโรงเรียนคอยกันไม่ให้ใครมาจีบจิ๊บซึ่งแดนดินก็รับปากเขาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาไม่ไว้ใจใครนอกจากแดนดินที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งจิ๊บหลบหน้าเขาและไม่ยอมไปไหนมาไหนกับเขาเหมือนเก่า พระลอทนความอึดอัดนานนับสัปดาห์จนกระทั่งทนไม่ไหวเด็กหนุ่มพายเรือข้ามคลองไปบ้านจิ๊บตอนทุ่มกว่าๆไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเพราะคลองกั้นบ้านเด็กทั้งสองไม่ได้กว้างมากนัก หลายครั้งตอนเย็นๆทั้งจิ๊บและพระลอยังมานั่งคุยกันที่ตีนท่าอยู่ประจำ หน้าบ้านของจิ๊บมีรถกระบะจอดอยู่ บนบ้านมีคนนั่งกันอยู่ 4-5 คน ที่สะดุดตาคือแดนดินกับกำนันแดงและแม่ของแดนดิน มีพ่อแม่ของจิ๊บนั่งอยู่สีหน้าไม่ดีนัก ส่วนจิ๊บได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆแม่

 

                “ไหนๆเรื่องมันก็เกินเลยไปถึงขั้นนี้แล้ว ฉันก็อยากจะทำให้มันถูกต้องตามขนบธรรมเนียมไปซะ นังหนูจิ๊บก็เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกฉันก็ยินดีจะมาสู่ขอตบแต่งเป็นสะใภ้ เรื่องสินสอดทองหมั้นพ่อจวบกับแม่ไพจะเรียกเท่าไหร่ก็สุดแล้วแต่เลย รีบแต่งกันซะก่อนที่ท้องจะโตมากไปกว่านี้”

 

                เหมือนมีน้ำเย็นผสมน้ำร้อนราดรดลงบนหัวของพระลอ เด็กหนุ่มนิ่งฟังคำสนทนาของคนบนบ้านด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ความผิดหวังซัดเข้ามาราวกับคลื่นสึนามิ

 

อะไรคือรีบแต่งกันก่อนที่ท้องจะโตไปกว่านี้วะ

 

                “ถ้าเด็กมันรักมันชอบกันฉันก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร เสียแต่ว่ามันจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน จิ๊บมันก็ยังไม่เต็ม 15 ดีเลยด้วยซ้ำ ทำไมชิงสุกก่อนห่ามกันแบบนี้ ฉันก็อยากจะโกรธอยู่หรอกดีว่าดินมันมากราบขอขมาก่อนหน้านี้ กลัวแต่ว่าพอแต่งกันไปพอเบื่อพอโตมากขึ้นก็จะเบื่อลูกสาวฉันทิ้งมันหอบผ้าหอบผ่อนขึ้นมาคนอายคือทางนี้นะ”

 

                “ผมรักจิ๊บจริงๆครับ รักมาได้ 2 ปี แล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะรักและดูแลจิ๊บเป็นอย่างดี”พระลอไม่รู้หรอกว่าคนโดนฟ้าผ่าน่ะมันเจ็บยังไง แต่ในตอนนี้ใจของเด็กหนุ่มเหมือนจะขาด จิ๊บเป็นรักแรกและคิดว่าจะเป็นรักสุดท้าย เหมือนพระลอรักจิ๊บมาทั้งชีวิตแต่จิ๊บกลับแปรเปลี่ยนไปรักคนอื่น เด็กหนุ่มกุมอกข้างซ้ายของตัวเอง น้ำตาค่อยๆไหลออกมาอย่างช้าๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่จิ๊บห่างหายจากเขาไปเรื่อยๆ

 

นี่สินะสาเหตุที่พักหลังๆแดนดินเริ่มคุยเล่นสนิทกับเขาน้อยลง

 

เพราะคนสองคนที่เขารักและไว้ใจที่สุดหักหลังเขาอย่างร้ายกาจแบบนี้นี่เอง

 

เขาผิดอะไร แม้พระลอจะยังเป็นเด็กอายุ 15 แต่พระลอเรียนรู้การให้เกียรติฝ่ายหญิง มากสุดสำหรับพระลอคือการจับมือจิ๊บและหอมแก้มไปเพียงแค่ครั้งเดียวเพราะพระลอกลัวคนจะมองจิ๊บในทางไม่ดี

 

แล้วไอ้แดนดินมันคือใคร

 

มันบอกว่ามันรักจิ๊บแต่มันก็ทำเรื่องชิงสุกก่อนห่าม

 

แบบนี้สินะที่เขาบอกว่าพระลอทำตัวเหมือนมดแดงได้แต่คอยหวงมะม่วงลูกสวยสุดท้ายแมลงวันทองอย่างแดนดินก็มาเจาะเนื้อในกินอย่างอร่อยปาก

 

เด็กหนุ่มพาร่างกายและจิตใจที่บอบช้ำกลับมาที่บ้านแม้ว่าแม่จะเรียกกินข้าวเย็นพระลอก็ไม่สนใจปิดประตูห้องดังปังใหญ่ ไม่นานเสียงโครมครามจากในห้องพร้อมกับเสียงร้องไห้โฮของพระลอก็ดังขึ้น แม่เคาะประตูห้องเรียกเขาอย่างร้อนใจ ส่วนพ่อที่เพิ่งกลับบ้านได้แต่บอกแม่ว่าให้ปล่อยให้ลูกชายคนเล็กอาละวาดให้สมใจแล้วค่อยเรียกมาคุย

 

แน่นอนเสียงโวยวายและร้องไห้ของพระลอดังไปถึงบ้านจิ๊บ

 

หลังจากวันนั้นพระลอก็กลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบ จิ๊บพยายามมาหาพระลอที่บ้านอยู่หลายครั้งแต่พระลอก็ไม่ออกมาพบเด็กหนุ่มเลือกเก็บตัวอยู่ในห้องฟังเสียงพูดคุยระหว่างจิ๊บกับแม่

 

                “จิ๊บฝากแม่คืนแหวนให้ลอด้วยนะจ๊ะ ฝากขอโทษลอที่จิ๊บไม่หนักแน่นพอ แต่จิ๊บยังอยากเป็นเพื่อนลอจริงๆนะจ๊ะ จิ๊บอาจจะผิดเองที่ไม่พูดกับลอไปตั้งแต่แรกว่าจริงๆแล้วจิ๊บรักลอแบบเพื่อนไม่ใช่แฟน ไม่ว่าลอจะเกลียดจิ๊บยังไงจิ๊บก็ยังอยากให้ลอเป็นเพื่อนกับจิ๊บตลอดไปนะจ๊ะ”

 

และนั่นคือความจริงอีกอย่างคือที่ผ่านมาจิ๊บไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลยนอกจากเพื่อน

 

ความรักของเขาเป็นรักข้างเดียวรักแบบคิดไปเอง

 

หลังจากสอบปลายภาคเสร็จไม่ถึงอาทิตย์เสียงแห่ขันหมากก็ดังไปทั่งคุ้งน้ำพระลอปิดหน้าต่างห้องแน่นสนิท นอนบนเตียงแล้วตลบผ้าห่มมาคลุมโปงราวกับว่ามันจะช่วยให้เขาปิดกั้นเสียงเหล่านั้นได้

 

แต่เปล่าเลย ยิ่งหนี เสียงกลับยิ่งดัง เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าตามบ้านนอกเวลามีงานบุญอะไรแต่ละครั้งบรรดาเครื่องไฟจะเปิดกันให้กระหึ่มตั้งแต่ ตี 5 เพื่อเรียกแม่ครัวมาช่วยงานรวมทั้งแขกเหรื่อ จิ๊บและแดนดินเอาการ์ดแต่งงานมาให้พี่บ้านของเขาเมื่อเดือนก่อน โชคร้ายที่วันนั้นพระลอก็อยู่บ้านด้วย เด็กหนุ่มนอนทอดอารมณ์บนเปลยวนอยู่ใต้ถุนบ้าน พอเห็นแดนกับจิ๊บพระลอก็ลุกหนี

 

                “เด็กว่ะมึงไอ้ลอ แพ้ก็ให้รู้จักแพ้สิวะ มาทำมึนทำตึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย มึงจะโกรธจะงอนก็เปลี่ยนความจริงที่จิ๊บกับกูกำลังจะแต่งงานกำลังจะมีลูกด้วยกันไม่ได้หรอก”

 

                “พี่ดิน!!”จิ๊บส่งเสียงดุคนรักที่ตะโกนด่าพระลอ เด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดบ้านหันมามองอดีตคนรักและพี่ที่สนิทก่อนจะกระโจนพรวดเข้าใส่แดนดิน หมัดหนักๆถูกประเคนใส่หน้าคนพี่ในขณะที่แดนดินไม่ได้ต่อสู้ตอบโต้ทำเพียงปัดป้องเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนหมัดปะทะตรงๆเท่านั้น

 

                “ลอ พอเถอะลอ อย่าทำพี่ดิน”จิ๊บรีบเข้ามาดึงพระลอแต่เด็กหนุ่มในตอนนี้ไม่มีสติพอเสียแล้ว พระลอผลักจิ๊บจนกระเด็นล้มลงกับพื้น แดนดินเห็นดังนั้นถึงกับโมโหเลือดขึ้นหน้าคนโตกว่าเหวี่ยงหมัดเต็มแรงเข้าซีกหน้าของพระลอจนเด็กหนุ่มเห็นดาว

 

                “ทำเหี้ยอะไรของมึงจิ๊บท้องอยู่นะไอ้สัตว์”แดนดินรีบเข้าไปประคองจิ๊บพลางสอบถามคนรักว่าเป็นอะไรมั้ย ลลิตภัทรมองใบหน้าซีดๆของจิ๊บถึงรู้ตัวว่าตัวเองทำแรงเกินไปรีบเข้าไปช่วยประคองจีรนันท์ให้ยืนขึ้น

 

                “จิ๊บ เป็นอะไรมั้ย ลอขอโทษ ลอไม่ได้ตั้งใจ”

 

                ไม่เป็นไร ไม่ได้ล้มแรง”

 

                “มึงไม่ต้องมาจับเมียกู พ่อกับแม่มึงอยู่มั้ยถ้าไม่อยู่กูฝากการ์ดแต่งงานให้ด้วย ส่วนมึงก็ควรรู้ตัวว่าต่อไปนี้มึงไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกับจิ๊บอีกต่อไปแล้ว จิ๊บเป็นเมียกูแล้ว เข้าใจไว้ด้วย”

 

นั่นแหล่ะ ความสัมพันธ์ของจิ๊บ แดนดิน และพระลอ ก็ขาดสะบั้นลงอย่างสมบูรณ์

 

งานแต่งของแดนดินและจิ๊บผ่านไปได้ 1 อาทิตย์ พระลอก็บอกกับพ่อว่าตนเองจะสอบเข้าไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ  ผู้ใหญ่ชลิตเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีของพระลอทั้งทางด้านสภาพจิตใจและการศึกษา ยังไงเสียเรียนในกรุงเทพพระลอก็จะมีโอกาสมากกว่าโรงเรียนตามบ้านนอกเขาเองก็ไม่ต้องห่วงอะไร พระรามเองก็ใกล้จบปริญญาโทแล้วลูกชายคนโตจะกลับมาเป็นอาจารย์ที่บ้านเกิด พระลอก็ไปอยู่กับพระลักษณ์พี่ชายคนกลาง

 

แต่เหมือนผู้ใหญ่ชลิตจะคิดผิดตรงที่ว่าลูกชายไปเรียนแล้วคงจะกลับมาทำงานที่บ้านเหมือนพี่ๆจนกระทั่งชายหนุ่มเรียนจบปริญญาโทก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาแถมยังบอกว่าตอนนี้งานของตนกำลังไปได้ดี

 

พระลอไม่เคยก้าวเท้ากลับมาที่บ้านอีกเลย มีเพียงคนเป็นพ่อแม่ที่ไปหาลูกชายอยู่ทุกเดือน

 

พระลอเป็นคนจำฝังใจ รักแรงเกลียดแรง

 

ขนาดพี่ชายเข้าโรงพยาบาลลูกชายคนเล็กของเขามาเยี่ยมแต่ไม่กลับมานอนที่บ้าน ชายหนุ่มไปเปิดโรงแรมนอนในตัวเมือง เยี่ยมเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานต่อ

 

                “กลับมาบ้านได้แล้วไอ้ลอ เอ็งไปอยู่กรุงเทพนานเกินไปแล้ว กลับมาช่วยกันพัฒนาหมู่บ้านของเราสิวะ พ่อจะหมดวาระแล้วลงชื่อสมัครผู้ใหญ่บ้านให้เอ็งแล้วยังไงก็ได้ตำแหน่งแน่นอน”นั่นคือสายด่วนของผู้เป็นพ่อโทรมาหาเขาตอนที่พระลอกำลังไปท่องราตรีกับเพื่อนๆในคืนวันเสาร์ที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในวันอาทิตย์

 

ชายหนุ่มค้านหัวชนฝาที่จะไม่กลับไป

 

ใครจะอยากเป็นผู้ใหญ่บ้าน เขาอยากอยู่กรุงเทพมากกว่า คอนโดก็เพิ่งผ่อนหมดจะให้เขากลับไปอยู่บ้านนอกทำไม

 

                “พ่อก็ให้พี่ลักษณ์สมัครสิทำไมต้องผมด้วยอ่ะ”

 

                “พี่มึงเขาดูโรงสีกับงานที่บ้านก็ยุ่งพอแล้ว เหลือแค่มึงนี่แหล่ะที่ยังว่าง”พอเริ่มโมโหภาษาพ่อขุนก็เริ่มมาทีละน้อย

 

                “ผมก็ไม่ว่างป่าวเนี่ยงานก็กำลังไปได้สวย”

 

                มึงไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่เลยไอ้ลอ มึงจะหนีนังจิ๊บไปทั้งชีวิตไม่ได้ จนเขามีลูก 2-3 คนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้วมึงยังไม่เลิกทิฐิ สงสารแม่มึงเหอะจะตรอมใจเพราะคิดถึงมึงอยู่แล้ว”พระลอนิ่งเงียบไปหลังจากพ่อพูดแทงใจดำ  ชื่อของจิ๊บยังคงเป็นหนามยอกอกเขานานนับ 16 ปี แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่าเมื่อก่อนแต่ความเคืองในใจก็ยังมีอยู่

 

เขาเหมือนโดนหักหน้า ชาวบ้านใกล้เคียงต่างพูดกันราวกับเรื่องของเขาเป็นลิเกโรงใหญ่ตั้งหลายเดือน แม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปทุกคนต่างลืมเลือนเหตุการณ์นี้ คนเฒ่าคนแก่หลายคนล้มหายตายจากไปบ้างแล้ว แต่พระลอก็ยังคงไม่ลืม

 

ชายหนุ่มตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธพ่อคอเป็นเอ็นสุดท้ายพ่อก็ขู่เขาว่าจะไม่ยกสมบัติให้ซักกะแดงเดียว ส่วนของเขาจะถวายวัดให้หมด

 

พระลอยอมไม่ได้ เงินทั้งนั้น!!!

 

แม้จะไม่เต็มใจอยากกลับมาที่บ้านเกิดซักเท่าไหร่แต่การที่พ่อบอกว่าจะตัดเขาออกจากกองมรดกและยกทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทองรวมทั้งตึกแถวห้องเช่าที่ปล่อยให้เช่าในตลาดสดใจกลางตัวเมืองถวายวัดทั้งหมดทำให้ชายหนุ่มต้องทิ้งงานที่กำลังไปได้สวยในกรุงเทพกลับมายังบ้านเกิด

 

ทั้งๆที่คิดว่าชาตินี้จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกจนกว่าจะแต่งงานแต่งการมีครอบครัวบั้นปลายชีวิตค่อยกลับมาแต่พ่อของเขากลับทำพังไปซะหมดเลย

 

ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านนะไม่ใช่ตะขาบของคุณยายวรนาถถึงจะคายให้ทายาทได้

 

คือให้คนดีๆมีความรู้ความสามารถกว่าเขาเขาทำไปก็ได้มั้ยอ่ะ

 

พระลอเหม่อลอยยามคิดถึงอดีตเมื่อ 16 ปีก่อนโดยไม่ทันได้สังเกตว่าถึงสามแยกที่ลัดริมคลองเข้าบ้าน กว่าจะได้สติก็ได้ยินเสียงกริ่งจากจักรยานดังรัวพร้อมกับเสียงเด็กผู้ชายร้องเสียงหลงดังมาแว่วๆ พอดึงสติกลับมาวัตถุบางอย่างก็พุ่งเข้ามาหาหน้ารถเขาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

                “เหวอออออออออออออออออ”

 

          “พี่เจี๊ยบ เบรคคคคคค เอาตีนเบรคเลย!!!!”

 

โครม!!!!

 

ร่างของใครบางคนลอยละลิ่วจากจักรยานคันเก่าที่พุ่งจูบกระโปรงรถของลลิตภัทรด้วยความเร็วก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะถลาลงมาแหม่ะบนกระจกรถของเขา เด็กผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาแปะแหมะลงบนกระจกหน้าจ้องตากับความเหงากับพระลอราว 30 วินาทีก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆลื่นราวกับขี้ผึ้งหล่นไปด้านหน้ารถ สภาพไม่ต่างจากจิ้งจกตกจากที่สูงแล้วจุกจนคลานไปไหนไม่ได้ ลลิตภัทรร้องเรียกเสียงหลงด้วยความตกใจก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยลงไปดูซากรถกับสภาพเด็กชายวัยรุ่นคนนั้นด้วยความรวดเร็ว ชายหนุ่มรีบเข้าไปประคองร่างบอบบางทีนอนหน้าเขียวหน้าเหลืองอยู่บนพื้นอย่างเป็นห่วง แพขนตาสวยบนเปลือกตาหนาปิดสนิทจนน่าใจหาย

 

                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

               







.............................................................





หวังว่าจะชอบบรรยากาศท้องทุ่งและวิถีชนบทนะคะ



โบราณว่ากินเด็กเป็นอมตะ เด็กกว่าซัก 15-16 ปีนี่จะเป็นอมตะจริงหรือเปล่าน๊า



ชอบถูกใจก็เม้นท์ให้ไรท์หรือติดแท็กในทวิตให้หน่อยนะคะ



#พระลอตามไก่
ถ้าเราเป็นพระลอเราก็โกรธ โดนคนที่ไว้ใจหักหลังพร้อมกันแบบนี้ แต่พระลอนี่สายเปย์นะเออ5555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 25-02-2019 23:11:23

พระลอตามไก่


ตอนที่ ๒







                “เฮ้ย ไอ้หนู ตายป่าววะ!!!”

 

ชายหนุ่มเขย่าร่างบอบบางในอ้อมแขนเบาๆก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างนั้นขึ้นอุ้มเดินกลับไปที่รถของตัวเองโดยไม่สนสภาพมอมแมมของคนในอ้อมแขน เขาเป็นห่วงเด็กนี่มากกว่าจะกลัวรถเปื้อน ชายหนุ่มเปิดประตูแล้วยัดเด็กคนนั้นเข้าไปนั่งข้างในตั้งใจจะพาไปส่งโรงพยาบาล จัดการลากซากจักรยานที่นอนล้อบิดระทดระทวยให้พ้นทาง ซากกระป๋องพลาสติกที่ใส่ปลาหมอปลาซิวปลาช่อนแตกปลาหลายตัวพยายามกระดื๊บๆหาทางเอาชีวิตรอด แต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มีจิตเมตตากับสัตว์โลกตัวไหนทั้งนั้นนอกจากเด็กตัวผอมที่ยังคงหลับตานิ่งสนิทบนรถชายหนุ่มเดินอ้อมกลับมาทางประตูด้านคนขับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงเรียก

 

                “ลุงๆ ลุงจะพาพี่หนูไปไหน เป็นพวกตาแก่โรคจิตที่จับเด็กไปขายใช่ป่าว หนูจะไปฟ้องพ่อ”เสียงเด็กชายวัย 9  ขวบ ที่ร้องบอกให้พี่ชายตัวเองใช้เท้าเบรกกับพื้นตอนที่รถจักรยานของคนพี่พุ่งใส่รถของลลิตภัทรร้องถามขึ้นอย่างตกใจ

 

ต้องเป็นพวกแก็งค์รถตู้ปลอมตัวมาจับเด็กไปตัดมือตัดเท้าแล้วส่งไปขอทานแถวพัทยาแบบที่พ่อกำนันของเขาสอนมาแน่ๆ

 

พ่อแดนดินสอนเจ้าจอมเสมอว่าห้ามไว้ใจคนแปลกหน้า ใครมาชวนขึ้นรถห้ามไปด้วยเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรคิ้วกระตุกยิกยักพอๆกับนิ้วเท้าเมื่อได้ยินสรรพนามที่ไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกนั่นเรียกเขา เจ้าของสรรพนามว่าลุงหันไปมองไอ้เด็กนั่นที่เพิ่งปั่นจักรยานมาจอดข้างๆเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

 

คือเขาเพิ่งจะ 32 เองป่าววะ จริงๆไม่ควรโดนใครเรียกลุงทั้งนั้น ก็เพิ่งพ้นช่วงวัยรุ่นตอนปลายได้ไม่เท่าไหร่ป่าวเอง

 

ยังไม่ทันจะเอ่ยปากด่าอะไรไอ้เด็กนั่นก็ออกตัวล้อฟรีปั่นไปกลับไปทางเดิมด้วยสเต็ปสี่คูณร้อย

 

ต้องรีบไปฟ้องพ่อ เรื่องนี้ต้องถึงหูพ่อกำนัน!!!

 

ถ้ามีใครได้หน้าคนๆนั้นต้องเป็นแก้วเจ้าจอมคนนี้!!!

 

                “อ้าว เฮ้ยไอ้หนูจะไปไหน กลับมาก่อน”ลลิตภัทรโบกมือร้องเด็กไอ้เด็กตัวแกรนที่ปั่นจักรยานลัดโค้งทุ่งหวังจะถามว่าบ้านอยู่ไหนมันก็ไปนู่นแล้วแบบไม่เห็นฝุ่น

 

                “อูย....”ยังไม่ทันจะได้แหกปากเรียกไอ้เด็กแปลกคนนั้นดีเสียงคนบนรถก็ร้องโอดโอยขึ้นเบาๆเรียกความสนใจของพระลอ ชายหนุ่มก้มตัวลงไปมองเด็กหนุ่มที่เริ่มขยับตัวเบาๆเลยตัดสินใจปิดประตูรถแล้วอ้อมกลับมาประจำที่คนขับ ศตายุค่อยๆลืมตาขึ้นหลังจากคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว

 

นี่เขาคงทำบุญไว้เยอะสินะ ตายแล้วก็เจอเทวดาเลย หล่อด้วย แถมขับรถส๊วยสวย

 

เอ๊ะ...ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

                “เฮ้ย ลุง เป็นใครอ่ะ มาพาขึ้นรถทำไมวะ เป็นโจรขโมยเด็กใช่ป่ะ ไม่ก็พวกจับเด็กไปขายทัวร์วิปริตใช่มั้ย ต้องใช่แน่ๆเลย เนี่ยเจี๊ยบรู้พ่อสอนมา ปล่อยเจี๊ยบลงเลยนะไอ้แก่ไอ้หื่นกามไอ้วิปริตไอ้ลามก”ศตายุหันไปทุบคนที่ทำหน้าเหรอหราอยู่ข้างๆ ลลิตภัทรที่โดนด่าเป็นชุดแถมถูกประทุษร้ายได้แต่ยกแขนขึ้นป้องกันหน้าตาและร่างกายส่วนอื่นของตนเองอย่างไม่มีช่องว่างให้ตอบโต้และต่อสู้เลยซักนิด ศตายุยิ่งได้ใจเมื่อเห็นคนแก่กว่าไม่มีทางสู้เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าบนเบาะรถแคบๆหันไปทุบลลิตภัทรอย่างเต็มตัวแต่เพราะความแคบกับร่างกายที่ยังเจ็บอยู่ขณะที่ลลิตภัทรจับแขนเขาเพื่อดึงให้หยุดการทุบตีร่างบางก็เสียหลักล้มลงไปหาคนตรงหน้าทันที

 

                “อ๊ะ!!!”เด็กน้อยตาเหลือกเมื่อหน้าผากของตัวเองโขกเข้ากับปลายจมูกของลลิตภัทรแบบเต็มๆรีบดึงตัวออกเมื่อได้ยินเสียงคนแก่กว่าร้องลั่น

 

                “โอ้ย....วันซวยอะไรของกูวะเนี่ย เลือดกำเดาไหลเลย!!”พระลอจับแขนไอ้เด็กแสบที่บังอาจทำเขาเจ็บตัวกระชากกลับมาอย่างแรงจนศตายุที่กำลังจะเปิดกระจกหนีร้องลั่น

 

มันไม่ใช่ฉากโรแมนติกแบบละครที่นางเอกเสียหลักไปปากชนปากหรือปากชนแก้มกับพระเอกแล้วจะเขินอาย ตอนนี้เหมือนศตายุกำลังอยู่ในหนังสยองขวัญเมื่อเด็กน้อยดันฟาดมือไปโดนหน้าลลิตภัทรเข้าอีกผลั่วะอย่างแรงจนลลิตภัทรหน้าหัน นั่นแหล่ะคนแก่กว่าก็จับเขานอนพาดลงบนตักแล้วฟาดฝ่ามือลงบนก้นงอนๆของคนเด็กรัวๆ 3 ทีซ้อน  ศตายุแหกปากร้องลั่นด้วยความเจ็บใช้มือปิดก้นตัวเองไว้เมื่อตาลุงหื่นกามวิปริตแปลกหน้าทำท่าจะฟาดลงมาอีก

 

ต้องเป็นพวกซาดิสม์แน่ๆ

 

                “แง้ๆๆๆๆๆๆ ลุงอย่าทำอะไรหนูเลยหนูกลัวแล้ว ถ้าไม่ปล่อยหนูถ้าพ่อหนูมาเจอลุงตายแน่ รู้มั้ยหนูลูกใคร”ในเมื่อคนตรงหน้าที่ทำหน้าดุใส่จ้องหน้าเขม็งแถมง้างมือค้างไว้รอเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆก็ขอใช้บารมีพ่อมาข่มหน่อยเถอะ  ศตายุเวลาตกใจจนลืมตัวมักจะใช้สรรพนามแทนตัวว่าหนูเหมือนเวลาคุยกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ในตอนนี้ก็เช่นกัน ลลิตภัทรแอบขำกับความเด็กน้อยนั้นแต่ก็ยังเก๊กหน้าขรึมตอบด้วยเสียงดึงตึงเต็มที่

 

                “ไม่รู้!!”

 

                “พ่อหนูเป็นกำนันนะ ชื่อกำนันแดนดิน ดุมากด้วยรีบปล่อยหนูไปเลยนะไม่งั้นถ้าเจ้าจอมไปฟ้องพ่อ พ่อมาพ่อจะเอาปืนไล่ยิงลุง”

 

นี่!!! กลัวมั้ย พ่อเค้าๆๆๆ ออฟชันเสริมเป็นปืนลูกซองแฝดด้วยนะ ปีที่แล้วมีโจรมาขโมยควายที่คอก พ่อกำนันของเขาใช้ไล่ยิงโจรจนวิ่งไปโดดลงคลองหน้าบ้านโดนจับได้ทั้งสองคนเลยนะ

 

                “แดนดิน?”ชายหนุ่มทวนชื่อแสลงหูนั่นอีกครั้ง เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยเห็นท่าทางนิ่งไปก็ใจชื่น รีบยืนยันเพราะคิดว่าตาลุงนี่น่าจะกลัวพ่อของเขาอยู่พอสมควร รีบลุกขึ้นนั่งขลุกขลักบนตักของลลิตภัทรทันทีเพื่อจะทำสีหน้าของผู้ชนะให้ลุงแปลกหน้านี่ดูได้เต็มที่

 

พ่อดินของเจี๊ยบน่ะ ดังที่สุดในตำบลเลยด้วย

 

                “ใช่ พ่อกำนันแดนดิน”

 

                “แม่ชื่ออะไร ชื่อจิ๊บหรือเปล่า”

 

                “แหน่ะ ลุง ทำไมรู้จักแม่จิ๊บของหนูอ่ะ แอบสืบประวัติบ้านหนูเพื่อจะยกพวกมาปล้นใช่มั้ย”  เหวออออ!!!!” ศตายุยังไม่ทันจะพูดจบก็ต้องใช้มือคล้องคอของลลิตภัทรไว้แน่นเมื่อชายหนุ่มออกรถอย่างแรง

 

                “ลุ๊งงงงงงงงงง จะพาหนูไปไหน หนูจะกลับบ้าน!!!”

 

เสี่ยงห้ามล้อดังเอี๊ยดสนั่นลั่นหน้าบ้านทำให้แม่โฉมที่กำลังเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายคนเล็กกับนิดาลูกสะใภ้คนรองต้องรีบชะโงกหน้าออกมามองอย่างตกใจ รถยุโรปคันสวยสีดำเงาวับมีรอยบุบที่กันชนและกระโปรงรถจอดสนิทก่อนที่จะมีสองร่างยื้อยุดฉุดกระชากกันออกมาจากในรถ เสียงโหวกเหวกโวยวายเรียกให้พระลักษณ์และผู้ใหญ่ชลิตที่อยู่ในนาใกล้บ้านต้องรีบสาวเท้ายาวๆออกมาดู

 

                “ปล่อยหนู หนูจะกลับบ้าน แง้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”เสียงเด็กชายยังคงหลับหูหลับตาแหกปากโวยวาย สองมือก็เกาะขอบประตูรถแน่นในขณะที่ตัวก็ถูกลลิตภัทรอุ้มออกมาจนพ้นตัวรถแล้วแท้ๆ

 

เด็กเวรเอ๊ย ทำไมมันแรงเยอะขนาดนี้ แน่ใจนะว่านี่คือเด็กที่มันเพิ่งลอยละลิ่วเป็นจิ้งจกตกตกเมื่อไม่ถึง 20 นาทีที่แล้ว

 

                “ตายแล้วๆๆๆๆๆ พ่อลอ ทำอะไรน่ะลูก”แม่โฉมรีบเดินลงบันไดมาดูอย่างตกอกตกใจ ศตายุเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูก็รีบเปิดเปลือกตาขึ้นทันที

 

                “ย่าโฉม ย่าโฉมจ๋าช่วยเจี๊ยบด้วยไอ้โรคจิตนี่จะจับเจี๊ยบไปขาย  มันจงใจขับรถพุ่งชนหนูเพื่อที่จะให้หนูสลบแล้วลักพาตัวไปขายแน่ๆ”เจ้าเจี๊ยบน้อยพอเห็นใบหน้าของคนคุ้นตาก็ปล่อยประตูรถอย่างรวดเร็วแล้วดิ้นขลุกขลักหนีจากอ้อมแขนของลลิตภัทรเข้าไปกอดเอวแอบหลังหญิงชราทันที ปากงุ้ยๆเอ่ยฟ้องอย่างไม่ติดเบรก

 

                “เดี๋ยวๆ โรคจิตที่ไหนกันลูกนั่นอาลอลูกชายคนเล็กของย่าเอง ที่ย่าเคยเล่าให้ฟัง ที่ปู่ลิตจะให้กลับมาสมัครผู้ใหญ่บ้าน แล้วทำไมเนื้อตัวมอมแมมอย่างนี้”ย่าโฉมพลิกเนื้อพลิกตัวหลานชายเพื่อนสนิทก็พบว่าเจี๊ยบเนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยคราบฝุ่นแถมยังมีโคลนติดตามเนื้อตามตัวอีกด้วย แก้มที่เคยใสสะอาดบัดนี้มีโคลนติดเป็นปื้นใหญ่เพราะก่อนหน้านี้ศตายุกับแก้วเจ้าจอมไปจับปลาตกคลักในนาเล่นตั้งแต่บ่ายแก่ๆ แถมแขนก็มีรอยเลือดซิบๆตรงข้อศอก พระลอมองแม่กับเด็กขี้โวยวายคุยกันแบบไม่ได้หันมาสนใจเขาอีกก็ยืนกอดอกมองอย่างเซ็งๆ

 

ไหนว่าแม่คิดถึงเขาจนแทบตรอมใจตายแล้วนี่คืออะไร ห่วงไอ้เด็กเวรนั่นจนลืมเขาเนี่ยนะ

 

เหอะ

 

มันน่าขับรถกลับกรุงเทพชิบเป๋งเลยว่ะ

 

                “ลอทำไมหลานมอมแมมแบบนี้ล่ะลูก”หลังโอ๋เอ๋ปลอบใจกันไปได้ซักพักย่าโฉมก็เหมือนจะนึกได้ว่าลูกชายก็ยืนหัวโด่อยู่ที่เดิม

 

                “ใครหลานผม นอกจากลูกพี่รามพี่ลักษณ์ผมก็ไม่มีหลานที่ไหนแล้วนะ”ลลิตภัทรยกมือไหว้แม่รวมไปทั้งพ่อและพี่ชายพี่สะใภ้ที่เดินมาสมทบทีหลัง

 

                “แล้วก็ไอ้เด็กนี่ปั่นจักรยานมาพุ่งชนรถของผมเอง ผมเลยจะพามาให้พี่นิดาทำแผลแต่โวยวายหาว่าผมจะเอาไปขาย”ลลิตภัทรเอ่ยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “แถมยังออกฤทธิ์จนผมได้เลือดเนี่ย พ่อมันไม่เคยสั่งสอนหรือไง”

 

                “สอนโว้ย กูสอนลูกกูตลอดแหล่ะ ไหนขอดูหน้าไอ้โจรลักพาตัวเด็กหน่อยซิ๊ เจ้าจอมไอ้คนไหนที่มันลักพาตัวพี่เอ็งมา” อยู่ๆเสียงทุ้มห้าวจากบุคคลที่สามก็ดังขึ้นด้านหลังพร้อมๆกับเสียงขึ้นรังปืนลูกซอง

 

                “ไอ้ลุงสูงๆนั่นเลยพ่อมันอุ้มพี่เจี๊ยบขึ้นรถ”

 

                “มึงยกมือขึ้นสูงๆเลย แหยมกับใครไม่แหยมเสือกมาแหยมในถิ่นกำนันแดนดิน เงาหัวมึงหาไม่แล้ว”ลลิตภัทรเบะปากจนลักยิ้มที่แก้มซ้ายเป็นรอยบุ๋มลึกแล้วค่อยๆยกมือขึ้นเสมอหัว ศตายุมองภาพนั้นอย่างลืมตัว

 

เชี่ย โคตรหล่ออ่ะ...

 

ทันทีที่ร่างสูงหันไปเผชิญหน้า แดนดินถึงกับตะลึง

 

                “ไอ้ลอ!!!”

 

                “เออ...กูเอง ไม่ใช่โจรที่ไหน”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อชายหนุ่มทั้งสองคนเดินมายืนประจันหน้ากัน แดนดินมองหน้าลลิตภัทรอย่างพิจารณา ลลิตภัทรคนตรงหน้าเปลี่ยนไปมาก สูงมากกว่าเขาทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาสูงกว่าแท้ๆ ใบหน้าหล่อคมสันเครื่องหน้าได้รูป ดวงตารีเรียวเหมือนอัลมอนด์จมูกโด่งคมสันรับกับริมฝีปากได้รูป ผิวขาวละเอียดอย่างคนดูแลตัวเองมาอย่างดีรูปร่างสมส่วนดูภูมิฐาน

 

บอกเลยว่าการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้พระลอจะได้คะแนนก็จากพวกสาวๆนี่แหล่ะ

 

                “ไม่ได้เจอกันนานนะสบายดีมั้ย”แดนดินทำใจกล้าเอ่ยทักทายไปก่อน

 

เขาคิดว่าเรื่องในอดีตมันก็ผ่านมา 16 ปีแล้ว บางทีพระลออาจจะลืมมันไปแล้ว

 

                “เกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ นั่นลูกชายมึงใช่มั้ย ปั่นจักรยานมาชนรถกู เตรียมค่าซ่อมด้วยล่ะ แพงซะด้วยสิ”ลลิตภัทรพูดจบก็หมุนตัวเดินขึ้นบ้านไปทันทีไม่ได้หันกลับไปมองแดนดินอีก ไม่ได้สนลูกของศัตรูหัวใจที่ยกมือไหว้ขอโทษเขาด้วยซ้ำ

 

                “เจี๊ยบ กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!! แม่ ผมพาลูกกลับบ้านก่อนนะครับ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ไอ้ตัวดีมาทำให้วุ่นวาย”แดนดินยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองรวมทั้งพระลักษณ์ที่พยักหน้ารับอย่างคนคุ้นกัน

 

คือความสัมพันธ์ของทั้งสองบ้านนี่น่ะ ทุกคนสนิทสนมไปมาหาสู่กันดีตามปกติ ที่ไม่ปกติก็มีแค่พระลอคนเดียวเท่านั้น ศตายุกอดย่าโฉมอีกครั้งก่อนจะเดินตามพ่อตัวเองกลับบ้าน

 

คือจริงๆที่บ้านมีรถแต่กำนันแดนดินด้วยอารามห่วงลูกเลยวิ่งลัดทุ่งมาลืมรถซะสนิท สามพ่อลูกจึงได้แต่พากันเดินกลับ

 

                “เจอลูกมั้ยพี่ดิน”จิ๊บเอ่ยถามสามีทันทีที่แดนดินขึ้นมาบนบ้าน ผู้เป็นสามีไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่บุ้ยปากไปทางด้านหลัง ภาพลูกชายคนโตที่เปื้อนคลั่กไปด้วยโคลนแข็งๆกำลังจะก้าวขึ้นบ้านทำให้จิ๊บรีบร้องห้ามเสียงหลง

 

                “หยุดเลยเจี๊ยบ เจ้าจอมด้วยหยุดอยู่ตรงนั้น ไปอาบน้ำที่คลองเลยอย่าขึ้นมาบนบ้านเจ้าขาเพิ่งถูบ้านไป”คนเป็นแม่เดินเข้าไปในห้องนอนของลูกชายหยิบเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูที่จะให้ลูกชายใช้ผลัดเปลี่ยนยื่นให้เจ้าจอมลูกชายคนเล็กเอาไปให้คนพี่ที่เดินดุ่มๆหายไปทางศาลาริมคลองหลังบ้าน ศตายุค่อยๆหย่อนกายลงในน้ำเย็น แผลที่ข้อศอกแสบหน่อยๆจนต้องยู่ปากเด็กหนุ่มค่อยๆล้างคราบโคลนที่แห้งกรังติดตามเนื้อตัวออกโดยมีเจ้าจอมตามมาอาบข้างๆ สองพี่น้องช่วยกันล้างตัวก่อนที่เจ้าจอมจะขอขึ้นบ้านก่อนเพราะมีการบ้านที่ต้องทำ

 

                “แม่ ทำไมน้ำมันไม่ไหลล่ะครับ”ลลิตภัทรโผล่หน้าออกมาจากห้องนอนเก่าของตัวเอง ชายหนุ่มจะอาบน้ำล้างตัวให้คลายความเหนียวแต่กลับพบว่าน้ำในห้องน้ำไม่ไหล

 

                “เครื่องปั๊มน้ำมันเสียน่ะ ลอรีบอาบมั้ยลูก ต้องให้รามมาแก้ให้ ถ้าลออยากอาบน้ำก็ไปอาบที่คลองก่อนไปลูก น้ำยังสะอาดไม่มีใครทำสกปรก”

 

                “งั้นเดี๋ยวลอไปอาบที่คลองก็ได้ ดีเหมือนกันไม่ได้เล่นน้ำคลองมานานแล้ว”ชายหนุ่มตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะจัดการหยิบอุปกรณ์อาบน้ำใส่ตะกร้าใบเล็กผลัดผ้านุ่งเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียว

 

คลองที่เคยเป็นคลองหน้าบ้านบัดนี้กลายเป็นคลองหลังบ้านไปแล้วเพราะเมื่อ 5  ปีก่อนพี่ชายทั้งสองได้ปรับปรุงบ้านใหม่โดยหันหน้าบ้านให้ออกสู่ถนนที่ตัดเข้าบ้าน การเดินทางทางเรือถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา พระลอนั่งมองบรรยากาศโดยรอบ ศาลาริมน้ำของบ้านตรงข้ามที่เขาเคยนั่งเล่นพูดคุยกับจิ๊บก็ยังอยู่เช่นเดิมบัดนี้เงียบเหงา ภาพวันคืนเก่าๆผุดขึ้นมาในความทรงจำ พระลอค่อยๆพาร่างกายลงไปว่ายในสายน้ำเย็น น้ำในคลองสะอาดจนทำให้รู้สึกสดชื่น ความขุ่นข้องกับเหตุการณ์เมื่อเย็นถูกลืมเลือนไปจนสิ้นชายหนุ่มแหวกว่ายราวกับมัจฉาหนุ่มโตเต็มวัยที่โลดแล่นในท้องน้ำ โดยไม่รู้สึกตัวถึงภัยมืดที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เลยซักนิด

 

                “เฮ้ย!!! อะไรวะ!!!”ลลิตภัทรสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆร่างใครบางคนก็ทะลึ่งพรวดขึ้นสู่ผิวน้ำด้านหลังของเขาก่อนที่จะมีฝ่ามือซุกซนคว้าหมับเข้ากับชายผ้าขาวม้าแล้วกระตุกพรึ่บจนผ้าชิ้นบางหลุดตามมือไป

 

เสียงหัวเราะใสอย่างสะใจคุ้นหูดังขึ้นพร้อมเสียงน้ำที่แตกกระเซ็น ช่วงล่างที่ว่าเย็นเพราะสายน้ำบัดนี้กลับเย็นวาบยิ่งกว่าเดิมเมื่อไม่มีอะไรปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว

 

                “อุ้ย ผ้าขาวม้าใครเนี่ย ติดมือหนูมาได้ยังไงกันน๊า เอาไปฝากพ่อดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”ศตายุที่มีดีกรีแชมป์ว่ายน้ำประจำจังหวัดแกว่งผ้าขาวม้าผืนบางในมือพลางหัวเราะลั่นอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนแก่กว่า เขาเห็นพระลอตั้งแต่แรกแล้ว เด็กน้อยที่ว่ายน้ำเล่นรีบดำน้ำหลบสายตาของพระลอตรงกอบัวสายแล้วค่อยๆว่ายเข้าหาโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ระวังตัวเลยซักนิด เมื่อได้ของที่ต้องการเด็กน้อยก็จ้วงกรรเชียงกลับมาฝั่งบ้านของตัวเองทันที

 

                “เจี๊ยบ!! เอาผ้าคืนอาเดี๋ยวนี้!!” ชายหนุ่มตะโกนบอกเจ้าเด็กแสบที่ปีนบันไดคลองบ้านตัวเองขึ้นไปนั่งตีขาลอยหน้าลอยตายั่วเขาแล้วก็ต้องชะงัก  ศตายุในตอนนี้อยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมก็จริง แต่คราบโคลนที่ติดตามตัวถูกล้างออกไปจนสะอาดแล้ว ใบหน้าที่เขาเห็นคือใบหน้าของเด็กผู้ชายที่มีแววหวานดวงตากลมมีแววซุกซน ผิวที่คิดว่าคล้ำแต่จริงๆแล้วแม้ไม่ได้ขาวจัดแต่กลับเนียนตา ริมฝีปากอิ่มรับกับแก้มฟูๆยามยกยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆที่เรียงตัวสวยภายใต้กลีบปากสีแดงเรื่อหัวเราะทำเอาใจคนแก่กว่ากระตุก

 

ศตายุมีส่วนคล้ายจิ๊บจนน่าใจหาย

 

ไม่ใช่เด็กผู้ชายที่จะมองว่าหล่อได้เลยซักนิด ในสายตาของลลิตภัทรตอนนี้คำที่ผุดมาในหัวกับภาพที่เห็นตรงหน้าคือ

 

ศตายุนั้น...น่ารัก

 

                “อ้าว เหม่ออะไรอยู่อ่ะอาลอ ไม่รีบขึ้นจากน้ำระวังปลาตอดนะ ในคลองนี้มีปลาชะโดด้วยอาลอรู้ป่าว ยิ่งช่วงนี้มันมีลูกครอกดุน่าดู เดี๋ยวอะไรๆของอาโดนแม่ปลากัดขาดโทษหนูไม่ได้นะ” เด็กแสบยังคงแกว่งผ้าในมือไปมาอย่างสนุกสนาน พระลอที่ลืมหยิบผ้ามาผลัดทำอะไรไม่ได้นอกจากดำลงไปในน้ำ ศตายุมองการกระทำนั้นอย่างนึกขำ แต่พระลอกลับหายลงไปในน้ำนานจนศตายุใจเสียเมื่อพระลอไม่โผล่ขึ้นมาซักที เด็กน้อยเริ่มกวาดตามองหาคนแก่กว่าด้วยสายตาเลิ่กลัก

 

                “อาลอ...ไม่เล่นแบบนี้สิ เจี๊ยบคืนผ้าให้ก็ได้อาลอขึ้นมาเถอะ"

 

หันซ้ายแลขวา ก็ยังไร้วี่แววของพระลอ แต่ยังไม่ทันจะได้ร้องเรียกร่างของคนที่ตามหาก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาอยู่กลางหว่างขาของเขาซะแล้ว ศตายุที่ไม่ทันตั้งตัวถูกพระลอดึงลงน้ำทันที เด็กน้อยตาลีตาเหลือกทะยานตัวขึ้นผิวน้ำมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากผ้าขาวม้าเจ้าปัญหา และพระลอก็ไม่ยอมแพ้ที่จะแย่งคืน สองร่างกอดรัดฟัดเหวี่ยงแย่งผ้ากันในน้ำ เนื้อแนบเนื้อโดยไม่รู้ตัวพระลอประคองเอวบางของคนเด็กไว้เพื่อไม่ให้หลานจมลงไปมืออีกข้างก็พยายามคว้าผ้าผืนน้อยนั้นที่ศตายุเอี้ยวตัวหนีอยู่เรื่อยๆศตายุไม่กล้าโวยวายเสียงดังเพราะถ้าพ่อกับแม่ได้ยินเขาจะต้องโดนดุแน่ๆที่ไปแกล้งพระลอก่อน ศตายุแค่อยากทำความรู้จักกับพระลอไว้เพราะตนเองก็สนิทกับลุงรามลุงลักษณ์แล้ว เคยได้ยินแค่คำบอกเล่าว่าลุงทั้งสองมีน้องชายอยู่ที่กรุงเทพแต่ศตายุก็ไม่เคยเห็นอาคนนี้ซักที จนกระทั่งเมื่อเย็นนั่นแหล่ะ แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะไม่ค่อยน่าประทับใจนัก ศตายุอยากขอโทษแต่ตอนนั้นบรรยากาศกลับไม่เป็นใจ แถมตอนตนยกมือไหว้พระลอกลับไม่เห็นซะด้วย เอวบางถูกประคองเบาๆบางครั้งก็แตะลงบนสะโพกกลมกลึงอย่างไม่รู้ตัว

 

เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งคนๆนี้  แต่แล้วเพราะความใกล้ชิดอะไรๆบางอย่างของพระลอก็ถูไถไปกับต้นขาขาวอย่างไม่ได้ตั้งใจศตายุรู้สึกจั๊กจี้เลยเอามือลงไปปัดก็พบว่าตนเองนั้นปัดโดนอะไรๆของลลิตภัทรไปเต็มๆ

 

เพราะพระลอไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

 

ศตายุคิดว่าพระลอมีกางเกงในใส่ไว้อีกชั้น

 

ใบหน้าขาวใสขึ้นสีเรื่อลามไปยั้นใบหูและลำคอและพระลอเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อร่างบางที่พยายามดิ้นหนีมาตลอดเริ่มนิ่ง

 

                “ฮื้ออออ...อาลอ...ปล่อยหนูเลยนะ เอาผ้าของตัวเองไปเลยหนูไม่เล่นแล้ว”คนเด็กกว่าปาผ้าขาวม้าใส่หน้าพระลอก่อนจะผลักร่างหนาออกจากตัว

 

                “อ่า...สงสัยปลาชะโดมันตอดขาหนูสินะคะ แก้มแดงเชียว น้ำก็เย็นดีนะทำไมหนูหน้าแดงล่ะ”คนแก่กว่าเมื่อเห็นคนเด็กลนลานปีนขึ้นบันไดก็เอ่ยแซ็วทันที

 

                “ปลาตัวใหญ่ดีมั้ยคะหนู อาลอจับขึ้นมาให้ดูดีมั้ยเอ่ย?”

 

                “คนบ้า กลับบ้านไปเลยนะ ลามกจริงๆด้วย”ศตายุคว้าผ้าขนหนูมาคลุมตัวหยิบเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนวิ่งหนีกลับบ้านไป พระลอมองก้อนกลมๆที่หายเข้าไปในบ้านแล้วก็ได้แต่หัวเราะขำ

 

                “สนุกพอหรือยังไอ้ลอ ถ้าสนุกพอแล้วก็ขึ้นบ้านซักที พ่อกับแม่รอกินข้าวอยู่พี่รามกับพี่ขวัญมาแล้วด้วย” เสียงของพี่ชายคนรองดังมาจากศาลาท่าน้ำจนคนเป็นน้องต้องหันไปมองแล้วรีบว่ายน้ำกลับมาฝั่งบ้านตัวเอง พระลักษณ์ที่จะมาล้างมือล้างเท้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่พระลอดำน้ำแล้วไปแอบใต้ศาลาบ้านของแดนดิน โชคดีที่แถวนี้มีแค่บ้านของเขากับบ้านของแดนดินแค่สองหลัง ถ้ามีคนอื่นมาเห็นภาพเมื่อกี๊คงได้เอาไปลือกันทั้งบางแน่ๆ

 

                “นั่นน่ะลูกแฟนเก่ามึงนะไอ้ลอ ทำอะไรระวังหน่อย แล้วเจี๊ยบน่ะมันเด็กผู้ชาย มึงทำเหมือนกำลังหยอกเล่นกับเด็กผู้หญิง พ่อมันหวงยังกับอะไรดี ระวังจะมองหน้ากันไม่ติดอีก”

 

                “ก็ไม่ได้คิดอะไร เด็กมันมาแกล้งผมก่อนนะพี่”พระลอยักไหล่ในขณะที่ใช้สบู่ถูตัวลวกๆ

 

                “แต่ว่าลูกชายมันก็น่ารักดี"





.......................................................





ปลาชะโดเหรอ นึกว่าปลาดุกอุ๊ย...เอ้ย อุย อย่าจับแรงเดี๋ยวเงี่ยงทิ่มมือ



รักเจี๊ยบหลงเจี๊ยบเม้นท์เยอะๆให้กำลังใจได้ทั้งหน้าฟิคและในแท็กนะคะ



#พระลอตามไก่
พระลอให้ความรู้สึกแปลกๆอธิบายไม่ถูกอะ ทีแรกนึกว่าพระลอจะเคะด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละพระเอกอะพระเอกพระเอกที่จะติดคุกเพราะกินเด็ก เตาะเก่งปากหวานถ้าเป็นสาวๆนี่ละลายไปหมดแร้ววววแพ้ผู้ชายพูดคะพูดขา แต่เจี๊ยบน่ารักดื้อๆซนๆจนเกือบโดนปลาชะโดตอดเอาซะแล้ว55555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 25-02-2019 23:17:26
พระลอตามไก่ ตอนที่ ๓


              หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วพระลอก็ขึ้นบ้านมาแต่งตัวเป็นชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเลแบบที่ชอบใส่ ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เช็คไลน์ บรรดาเพื่อนๆทั้งที่บริษัทและเพื่อนสนิทต่างส่งข้อความไต่ถามมานับร้อยข้อความ พระลอกดตอบกลับไปแค่ว่าถึงบ้านแล้วปลอดภัยดีและกำลังจะออกไปกินข้าวกับพ่อแม่และพี่ๆ เสียงเด็กเล่นกันดังแว่วเข้ามา พระลอหยิบโทรศัพท์ติดมือออกมาพร้อมถุงของฝากที่ซื้อมาให้สมาชิกในบ้าน

 

                ทันทีที่ประตูห้องของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทคนเล็กของบ้านเปิดออกเด็กสองคนที่ยังคงไม่ได้เปลี่ยนชุดนักเรียนก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างดีใจ เด็กหญิงบัวบูชาและเด็กชายบุญรักษาแข่งกันเรียกอาคนโปรดเสียงดังเซ็งแซ่ แม้ว่าพระลอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ชายหนุ่มนั้นสนิทกับหลานๆพอสมควร เกือบทุกวันที่เขาว่างชายหนุ่มจะวีดีโอคอลคุยกับพี่ชายและหลานตลอด

 

                “อาลอมานานยังคะบัวคิดถึงอาลอที่สุดเลย”เด็กหญิงบัวบูชาหรือใบบัวคนพี่กอดคออาหนุ่มพลางซบหน้าเล็กๆกับไหล่ของอา มือเล็กๆนั้นก็คล้องคอไว้อย่างอออดอ้อน ส่วนเด็กชายบุญรักษาหรือเจ้าใบบุญไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลยกระโดดเกาะเอวอาทันทีที่พระลอลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือหนึ่งก็อุ้มหลานสาวอีกมือก็ประคองร่างหลานชายที่เกาะแน่นราวกับลูกลิง

 

                “อ้าวเด็กๆทำไมไปเกาะอาลอเค้าอย่างนั้นล่ะลูก ลงมาเลยอาเค้าหนักนะ”ขวัญชีวาเดินมารับลูกสาวออกจากอ้อมแขนของผู้เป็นอาพร้อมกับดึงเจ้าลูกชายตัวแสบให้ลงมายืนดีๆ พระลอยกมือไหว้พี่สะใภ้คนโต ขวัญชีวาเป็นหญิงสาวร่างระหงสูงเพรียวเกินมาตราฐานหญิงไทยโดยเฉลี่ย หญิงสาวสูง 175 เซ็นติเมตร ใบหน้าสะสวยผิวสีน้ำผึ้งเนียนตาอย่างสาวไทยแท้ บ้านของขวัญชีวารับราชการกันทั้งบ้านเมื่อแต่งงานกับรามฤทธิ์ก็แยกมาปลูกบ้านอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันกับพ่อแม่ของเขา พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองต่างแยกบ้านของตัวเองเป็นสัดส่วนโดยมีเรือนไทยโบราณหลังใหญ่ของพ่อแม่อยู่ตรงกลาง

 

                “พี่ขวัญ เห็นพี่บ่นอยากได้น้ำหอมผมไปซื้อมาฝากแล้วนะ”ขวดน้ำหอมแบรนด์เนมราคาแพงพอประมาณถูกส่งมอบให้กับพี่สะใภ้คนโต

 

                “แหม เธอนี่รู้ใจพี่เสียจริง เข้าเมืองทุกวันแต่ไม่มีเวลาเดินห้างเลย”ขวัญชีวาเปิดฝาขวดออกดมกลิ่นอย่างชื่นชม พระลอเป็นผู้ชายที่มีรสนิยมดี เธอรู้จักกับน้องสามีตั้งแต่ยังเรียนปริญญาโทที่กรุงเทพแล้ว พระรามเป็นคนรักน้องมากเพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวที่ไหนก็มักพาน้องๆไปด้วยเลยทำให้เธอสนิทกับพระลอและพระลักษณ์ไปโดยปริยายตั้งแต่ก่อนที่จะแต่งงาน

 

                “คราวหน้าถ้าอยากได้อะไรพี่ส่งรูปเข้าไลน์ผมได้เลยนะเดี๋ยวให้เพื่อนๆที่กรุงเทพซื้อส่งมาให้ ส่วนนี่ของพี่นิดาครับ”พระลอแจกจ่ายของฝากให้สมาชิกในบ้านของพี่ชายคนโตนั้นเขาซื้อเสื้อเชิ้ตสีเรียบๆให้ครึ่งโหลกับเน็คไทด์อีก 3 เส้น ส่วนพระลักษณ์พี่ชายคนกลางได้ไวน์ราคาแพงที่พระลอฝากเพื่อนซื้อมากจากฝรั่งเศส ใบบัวและใบบุญได้ของเล่นที่หลานเคยบอกว่าอยากได้ ส่วนพ่อกับแม่ได้ถุงสีแดงเล็กๆด้านหน้ามีโลโก้ห้างทองชื่อดังแถวเยาวราช ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบจะปริรีบเอาไปเก็บไว้ในห้อง

 

                “มานี่มาพระลอมาใกล้ๆพ่อกับแม่”ผู้ใหญ่ชลิตเอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กให้มานั่งใกล้ๆ ก่อนจะหยิบฝ่ายเส้นเล็กขึ้นมาผูกข้อมือให้ลูกชาย

 

                “กลับมาอยู่บ้านเรานะลูกนะ ให้อายุมั่นขวัญยืน กลับมาทำประโยชน์ให้หมู่บ้านเรา”ผู้ใหญ่ลูบหัวลูกชายเบาๆหลังจากผูกฝ้ายที่ข้อมือของพระลอเสร็จ ชายหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่กระบอกตาแต่ก็รีบกระพริบตาไล่ความพร่ามัวชั่วขณะนั้นออกไปแล้วกราบลงบนหลังเท้าของพ่อ จากนั้นก็ค่อยๆใช้เข่าคลานเข้าไปหาคนเป็นแม่ที่รอผูกแขนอยู่ก่อนแล้ว

 

                “ขวัญเอ้ยขวัญมานะลูกนะ กลับมาอยู่กับแม่นะลอ แม่คิดถึงไม่อยากให้ไปไหนไกลแล้ว อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นอดีตไปนะลูกอย่าไปยึดติดกับมันนักเลย”แม่ลูบผมพระลออย่างรักใคร่คิดถึง ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าแม่ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปกอดและฝังจมูกลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาของแม่ไว้ เห็นความคิดถึงและหยาดน้ำตาเล็กๆของแม่แล้วเขาก็ได้แต่นึกด่าตัวเองในใจ ตลอดเวลา 16 ปีที่เขากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวทิ้งให้พี่ๆดูแลพ่อและแม่ที่วัยชราค่อยๆคืบคลานเข้ามากัดกินความกระฉับกระเฉงของคนทั้งสองแล้วตัวเองอยู่อย่างสุขสบาย บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้ต่างก็ผลัดกันผูกฝ้ายรับขวัญน้องชายคนเล็กของบ้านจนครบรวมทั้งใบบุญใบบัวที่ขอมีส่วนร่วมด้วย สมาชิกครอบครัวกลับมารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งบรรยากาศบนโต๊ะอาหารชื่นมื่นเสียงพูดคุยหยอกล้อหัวเราะกันดังแว่วมาจนถึงบ้านของกำนันแดนดิน

 

                “วันนี้บ้านปู่ลิตครึกครื้นจังเลยนะจ๊ะแม่จ๋า”เจี๊ยบที่ช่วยแม่ล้างจานอยู่ในครัวเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาแว่วๆ

 

                “ปู่กับย่าคงมีความสุขน่ะลูก อาลอเค้าไม่ได้กลับบ้านมา 16 ปีแล้ว” จิ๊บที่บัดนี้กลายเป็นแม่ของลูกน่ารักๆถึงสามคนเดินมายืนข้างลูกชะเง้อมองไปทางเรือนไทยหลังใหญ่ที่เปิดไฟสว่างไสว

 

                “เค้าไปอยู่ไหนมาเหรอจ๊ะแม่ทำไมใจร้ายไม่ยอมกลับมาอยู่กับย่าโฉมเลย เนี่ยเจี๊ยบไปเล่นกับย่าทีไรย่าโฉมชอบเล่าให้ฟังว่าอาลอดีอย่างนู้นอาลอดีอย่างนี้ ถ้าดีจริงแล้วทิ้งพ่อทิ้งแม่ไปทำไมล่ะจ๊ะ”

 

                “เจี๊ยบ ไม่น่ารักเลยนะลูก แม่สอนแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปวิจารณ์ใครถ้าเราไม่รู้จักเค้าดีพอ”แม่จิ๊บหันไปดุลูกที่วิจารณ์พระลอทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้รู้จักพระลอเลยซักนิด

 

จิ๊บรู้คำตอบที่ถูกถามดีว่าอะไรทำให้พระลอต้องทิ้งบ้านเกิดและพ่อแม่ที่เริ่มแก่เฒ่าไว้เบื้องหลัง

 

ศตายุเมื่อถูกแม่ดุใบหน้าหวานก็สลดลงทันที เด็กน้อยนึกอยากตบปากตัวเองที่พูดอะไรแบบนั้นออกไป พ่อและแม่คอยพร่ำสอนตลอดไม่ให้พูดถึงคนอื่นถ้ามันไมเกี่ยวกับเราศตายุท่องจำคำสั่งสอนของพ่อแม่อย่างขึ้นใจแต่ก็มาหลุดจนได้ จิรนันท์เลี้ยงลูกคนโตมาอย่างประคบประหงม คราวที่ลูกเกิดศตายุเหมือนตุ๊กตาตัวน้อยๆของหล่อน เพราะต้องทิ้งช่วงเวลาในวัยรุ่นวุ่นอยู่กับการเลี้ยงลูกทำให้เธอที่อยากได้ลูกสาวเลี้ยงเจี๊ยบมาแบบลูกสาวจริงๆต่างจากแดนดินที่พยายามปลูกฝังความเป็นเด็กผู้ชายให้ลูก เจี๊ยบเลยมีคำพูดคำจาอ่อนหวานน่ารักจ๊ะจ๋าจนคนเฒ่าคนแก่เอ็นดูแต่ก็ซนเหมือนลิงทะโมนตามแบบฉบับของเด็กผู้ชายทั่วไปเช่นกัน จริงๆตอนเกิดเจี๊ยบไม่ได้ชื่อเจี๊ยบ เพราะจิ๊บอยากให้ลูกมีชื่อที่ต่างจากบ้านอื่นๆจะได้เป็นเอกลักษณ์เธอตั้งชื่อลูกชายคนโตว่าเจ้านายแต่ว่าเด็กน้อยกลับเลี้ยงยากสามวันดีสี่วันไข้ร้องไห้โยเยไม่ได้หยุดจนกระทั่งประไพผู้เป็นยายที่เป็นกำลังหลักสำคัญในการเลี้ยงหลานส่งเสียงเรียกหลานอย่างปลอบโยน

 

                “ร้องโยเยเป็นลูกเจี๊ยบเลยนะ เปลี่ยนชื่อดีมั้ยเป็นลูกเจี๊ยบเอามั้ย เจี๊ยบเอ้ย เจ้าเจี๊ยบคนเก่งของยาย”และเหมือนปาฏิหาริย์เจ้านายที่ร้องจนตัวแดงก็หยุดร้องแล้วจ้องหน้ายายตาแป๋ว เมื่อไหร่ที่ถูกเรียกว่าลูกเจี๊ยบเด็กน้อยจะคุยอ้อแอ้ได้ตลอดชื่อเจ้านายจึงถูกกลืนหายไปในที่สุดแล้วก็กลายเป็นเด็กชายลูกเจี๊ยบถึงแม้ตอนแรกจิ๊บจะไม่ชอบนักแต่พอลูกเลี้ยงง่ายไม่ป่วยไม่ไข้หล่อนก็ทำใจว่าลูกจะต้องมีชื่อซ้ำกับคนในหมู่บ้านอีก 3-4 คน แรกๆใครๆก็เรียกลูกเจี๊ยบๆหลังๆก็เหลือแค่เจี๊ยบเป็นขวัญใจของบ้านหลังจากนั้นจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอมก็มาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของบ้านตามลำดับ

 

ลูกชายของหล่อนอายุ 15 ปี แต่ศตายุชอบบอกว่าตนเองอายุ 16 เพราะจะนับเวลาที่อยู่ในท้องแม่รวมด้วย

 

                “เจี๊ยบอยากโตไวๆ”นั่นคือสิ่งที่ลูกบอกไว้

 

                “หนูขอโทษจ้าแม่ คราวหลังจะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว”

 

                “ดีแล้วลูก ยิ่งเราโตคำพูดคำจาอะไรก็ยิ่งต้องระวัง อย่าไปตัดสินใคร อาลอเป็นคนดีนี่คือความจริง ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดก็จะกลายเป็นนายเราไปเถอะรีบล้างจานให้เสร็จ”

 

                “จ้าแม่”

 

 

                เช้านี้พระลอวิ่งวุ่นกับการไปเยี่ยมคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านตามคำสั่งของพ่อ นามบัตรที่มีใบหน้าของชายหนุ่มพร้อมสโลแกนหาเสียงเบอร์ประจำตัวถูกแจกจ่ายให้กับทุกคนที่พบเจอ พระลอรู้สึกว่าวันนี้ตนเองยกมือไหว้มากกว่าที่เคยไหว้มาทั้งชีวิตซะอีกหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะเป็นเพื่อนเก่ากันเข้ามาทักทายเขาอย่างดีใจ พระลอจำได้บ้างไม่ได้บ้างเพราะไม่ได้เจอนานและเพื่อนบางคนแปลกตาไปจนน่าตกใจ

 

                “โหยไอ้ลอไปอยู่กรุงเทพสิบกว่าปีหล่อได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ”เพื่อนคนหนึ่งออกปากชมเอาอย่างตรงไปตรงมาในขณะที่พระลอใส่เสื้อเชิ๊ตปลดกระดุมสองเม็ดเพื่อนของเขาก็ใส่เสื้อลายสก็อตเก่าๆสีเขรอะๆเพราะกรำแดดทำนาทำไร่มาตั้งแต่เริ่มโต พระลอแวะคุยตามแต่จะมีคนเรียก การกลับมาของเขาสร้างความตื่นเต้นให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างพากันส่งยิ้มบ้างก็ทำท่าเอียงอาย

 

พระลอก็มองว่าบางคนก็สวยดี แต่ก็ไม่รู้ผู้หญิงผิวเนียนๆสวยๆในกรุงเทพไม่ได้ หลังจากเยี่ยมตามบ้านทำคะแนนเสียงจนบ่ายพระลอก็ไปส่งพ่อที่วัดเพราะพ่อจะไปคุยเรื่องเปลี่ยนหลอดไฟในโบสถ์ต่อส่วนชายหนุ่มก็ขับรถกลับมาบ้านทักทายแม่ที่นั่งทำขนมอยู่ที่บ้านพระลักษณ์กับพี่สะใภ้แล้วก็ขอตัวกลับขึ้นเรือนใหญ่เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดและกางเกงบอลง่ายๆหยิบโดรนบังคับของเล่นใหม่ที่เอากลับมาด้วย เขากะว่าจะเอาไปลองบินเล่นอีกหน่อยจะติดกล้องแล้วถ่ายคลิปมุมสูงมาดูว่าจะทำอะไรกับที่ดินของที่บ้านได้บ้าง ชายหนุ่มบังคับโดรนให้ค่อยๆบินขึ้นรอบบ้านก่อนจะบังคับให้บินไปที่ศาลาริมน้ำกะว่าจะเก็บภาพของคลองไว้ด้วย โดรนตัวนี้เขาซื้อมาในราคาเกือบสองหมื่นบาท เพราะเพิ่งหัดเล่นกะว่าคล่องมือแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตัวที่แพงขึ้นแล้วจะไปทำใบอนุญาตในภายหลัง

 

                อีกฝั่งของคลองแก้วเจ้าจอมเด็กชายวัย 9 ขวบ กำลังเพ่งสมาธิกับลูกมะม่วงลูกโตที่อยู่สูง ต้นมะม่วงทอดกิ่งย้อยลงไปในคลองข้างๆไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ง้างหนังสติ๊กจนสุดแขนสมาธิแน่วแน่หยีตาลงหนึ่งข้างเพื่อเล็งก่อนจะปล่อยกระสุนดินเหนียวที่จะจกจากในนามาปั้นเป็นก้อนกลมเท่าเหรียญบาทแล้วตากแห้งมาสามแดดไปอย่างมั่นใจ

 

ฟึ่บ!!!

 

เคร้ง!!

 

จ๋อม!!

 

                “เฮ้ย!!!///เฮ้ย!!!”

 

ใครๆต่างก็ชมว่าลูกเจี๊ยบน่ะยิงหนังสติ๊กแม่นมาก เล็งอะไรไว้ไม่เคยพลาด วันนี้ลูกเจี๊ยบพิสูจน์คำกล่าวขวัญนั้นด้วยมะม่วงลูกละ 15490 บาท เลยล่ะ

 

                “แย่แล้ว!!!”ลูกเจี๊ยบที่อาวุธสังหารยังคงคาอยู่ในมือรีบวิ่งไปที่ริมตลิ่ง โดรนที่เคยบินฉวัดเฉวียนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลงจมลงไปในน้ำที่กลางคลองอย่างช้าๆโดยที่คนบังคับเพิ่งจะวิ่งมาถึงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

เมื่อตาต่อตามาประสาน ป๊ะเท่งเท่ง...

 

หนังสติ๊กในมือของศตายุก็หล่นตุ่บลงข้างๆเท้าที่คีบรองเท้าแตะช้างดาวในทันใด

 

โดรนค่อยๆจมลงไปในน้ำเหมือนกับใจของพระลอที่บัดนี้กำลังถูกแทนที่ด้วยไฟโกรธ ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าเด็กนักแม่นปืนตาเขียวปั๊ด เขียวยิ่งกว่าตะไคร่น้ำที่เกาะตรงตีนบันไดไม้ที่ยื่นลงไปในน้ำซะอีก เจี๊ยบน้อยทำตาปริบๆ ส่วนเจ้าจอมก็ใช้คาถาพรางตัวแอบอยู่หลังต้นมะม่วงอย่างแนบเนียน

 

จะไม่มีใครเห็นเจ้าจอมเด็ดขาด

 

พี่เจี๊ยบซี่ที่ยิงเจ้าจอมแค่เล็งเป็นเพื่อนเฉยๆนา..เรื่องเอาหน้าเป็นที่หนึ่ง แต่ถ้าเรื่องทำผิดจอมก็หลบเก่งเช่นกันนาจ๊ะ

 

                “อาลอหนูขอโทษ...”เสียงอ่อยๆจากเด็กซนพร้อมกับมือพนมราวกับดอกบัวตูมนั้นไม่ได้ทำให้พระลอใจอ่อนลงเลย ชายหนุ่มปาคันบังคับทิ้งก่อนจะกวักมือเรียกให้เด็กแสบข้ามมาหาตน

 

                “ไม่ไปได้มั้ยอ่า ไอ้อันนั้นของอาลอมันเท่าไหร่เดี๋ยวเจี๊ยบแคะกระปุกเอาตังค์มาใช้คืนให้”เด็กน้อยหน้าเสียเมื่อคนฟากขะนู้นกวักมือเรียกหน้าหงิก กวักเหมือนลุงตำรวจจราจรที่โบกรถหน้าโรงเรียนตอนเช้าๆของเจี๊ยบเลย

 

                “ในกระปุกหนูมีเงินเท่าไหร่คะ ไหนบอกอาลอซิ๊จะได้รู้ว่าพอมั้ย”

 

                “น่าจะซัก...”ลูกเจี๊ยบกรอกตาพลางคำนวณจำนวนเงินคร่าวๆ เขาเก็บเงินจากค่าขนมทุกวันหยอดใส่กระปุกทีละ 10-20 บาท ตอนนี้ก็น่าจะมีซัก....

 

                “น่าจะมี 2-3 พัน หนูหยอดไว้ซื้อ G Shock ironman”พระลออยากจะแหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าให้ฟันร่วงลงคอไปซะ

 

                “จะพายเรือข้ามมาดีๆหรือจะให้อาลอไปฟ้องแม่ว่าหนูทำของอาพังอีกแล้ว เจอกันสองวันหรือทำรถอาเป็นรอยกับยิงโดรนของอาตกน้ำ เมจิกแฮนด์จริงๆเลยนะคะ”

 

เมจิกแฮนด์=จับอะไรกับชิบหาย

 

                “ไม่เอานะ เมื่อวานเจี๊ยบก็โดนแม่ดุเป็นชั่วโมงถ้าวันนี้อาลอฟ้องแม่ต้องตีเจี๊ยบแน่เลย”

 

                “ถ้างั้นก็ข้ามมาค่ะอย่าให้อาต้องพูดซ้ำ” ที่สุดแล้วเด็กที่มีความผิดก็จำยอมพาร่างขึ้นเรือแล้วพายข้ามมา พระลอยื่นมือไปให้หลานจับเพื่อพยุงตัวขึ้นมาบนฝั่ง

 

                “ฮื้อ...อาลออย่าฟ้องแม่นะ เจี๊ยบไม่อยากโดนแม่ดุ”

 

                “ถ้างั้นจะให้อาลอตีกี่ทีคะ?”พระลอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าตัวเองทำไมจะต้องใจเย็นกับเด็กที่ทำตัวลีบๆตรงหน้า ยิ่งคำพูดคะขาที่ปกติเขาจะใช้กับผู้หญิงสวยๆที่เคยควงเล่นที่กรุงเทพ แต่พอเป็นเด็กตรงหน้าคำลงท้ายคะขาก็ดูเหมาะกับลูกเจี๊ยบตัวโตนี่ดีเหมือนกัน

 

                “ตีเลยเหรอ...”ลูกเจี๊ยบทำหน้าแหยๆ มืออาลอหนักน้อยไปซะเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อวานที่อาลอเอาเขาพาดตักแล้วตีในรถอ่ะ ก้นเขาเป็นรอยนิ้วของอาลอเลยนะ ตอนนี้ก็ยังไม่จางเลย

 

                “ก็ตีสิคะ หนูเล่นซนจนข้าวของอาเสียหายนี่นา”

 

                “แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะอา ปกติหนูก็ยิงมะม่วงกินตลอดแล้วอาเอาไอ้นั่นมาเล่นตรงนี้ทำไมอ่ะ”

 

                “นี่หนูเถียงผู้ใหญ่เหรอคะ แม่จิ๊บรู้หรือเปล่าว่าเป็นเด็กขี้เถียง?”

 

                “หนูป่าว...ฮึ่ย!!”ว่าแล้วเด็กแสบก็ทำปากคว่ำกระทืบเท้าทีหนึ่งแล้วหันหนีไม่มองพระลออีก

 

อ่าว...งอนว่ะ

 

อยู่ๆมางอนเฉยเลย มันไม่ใช่ป่าววะ

 

                เงยหน้ามองอา”

 

                “หนูไม่อยากคุยกับอาลอแล้ว จะทำอะไรก็ทำ”ลูกเจี๊ยบหันหลังให้พระลอพลางกอดอก

 

                “พูดจาไม่น่ารัก หนูทำผิดอยู่นะคะ”พระลอไม่เคยรู้สึกว่าตนเองจะต้องใช้ความใจเย็นกับเด็กที่ทำความผิด ขนาดใบบัวกับใบบุญเขายังไม่เคยต้องใจเย็นแบบนี้มาก่อน ดึงตัวคนเด็กกว่าให้หันกลับมาหาตนใช้ปลายนิ้วเชยคางของร่างบางให้แหงนขึ้นมาสบตากับตน แต่นั่นแหล่ะ เด็กขี้งอนก็ยังหลบตามองไปทางอื่น

 

                “เจี๊ยบ...โดรนอันนั้นราคาเกือบหมื่นหก”

 

                “ห๊ะ!!”คราวนี้เด็กขี้งอนหันมามองหน้าเขาอย่างรู้สึกผิด แก้มอูมๆดูน่าเอ็นดูยามเจ้าตัวเม้มปากกอดอกหลับตาแน่น

 

                งั้นอาลอตีหนูเลย หนูทำของแพงๆพัง”

 

                “ต้องตีซักกี่ทีถึงจะคุ้มเนี่ย”พระลอทำท่าครุ่นคิดพลางลอบสังเกตท่าทางของศตายุไปด้วย ร่างบางเป็นเด็กสูงโปร่ง แขนไร้กล้ามแบบเด็กผู้ชาย เรียวขาเพรียวระหง ช่วงเอวคอดหน้าท้องแบนราบอย่างเด็กที่เพิ่งยืดตัวไม่นาน ทั้งเนื้อทั้งตัวคงมีแค่แก้มนั่นแหล่ะที่อ้วนสุดๆ คงจะนุ่มน่าดู

 

                “ไม่รู้...”

 

                “คงจะเกินสิบทีแน่ๆ งั้นไม่ใช้มือตีล่ะ เจ็บมือ เมื่อวานที่ตีหนูไปก็เจ็บรอตรงนี้นะอาลอไปหาไม้ก่อน”

 

ฮื้อ...อาลอจะตีหนูจริงๆเหรอเนี่ย ลูกเจี๊ยบน้อยร้องประท้วงอยู่ในใจ สายตามองตามพระลอที่เดินไปในดงกระถินเริ่มหักกิ่งกระถินต้นยาวรูดใบทิ้งแล้วเดินกลับมาหาผู้ต้องหาตัวน้อยสูงประมาณ 180 คือถ้าใจเราคิดว่าเด็กมันตัวเล็กต่อให้ลูกเจี๊ยบสูงกว่าเขาพระลอก็จะมองว่าแป็นตะเร้กตะน้อยอยู่ดีใครจะทำไม แกล้งตวัดข้อมือให้ไม้เรียวในมือหวดอากาศดังควับๆเป็นการข่มขวัญ

 

ตาย...หวดยังกับวงสวิงไม้กอล์ฟถ้าตีลงมานี่ตูดแหกแน่ๆเจี๊ยบเอ๊ย

 

                “อ..อาลอ จะตีหนูจริงๆเหรอ”ศตายุเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ อาลอไม่มีทีท่าว่าจะออมมือแน่ๆ

 

                “จริงสิคะ เด็กทำผิดต้องโดนลงโทษ ว่าไงคิดได้ยังว่าจะให้ตีกี่ที”

 

                “ไม่ตีได้มั้ยอ่ะ เมื่อวานที่อาตีหนูๆยังเจ็บอยู่เลย รอยเก่ายังไม่หายอาลอจะตีหนูได้ลงคอเหรอจ๊ะ”คนเด็กกว่าช้อนตาขึ้นมองอ้อนๆ พระลอแทบจะปล่อยไม้เรียวให้ร่วงจากมือ ขนตางอนๆนั่นกับตากลมๆนั่นใครจะไปตีลงละคะ ปั๊ดโธ่!!!

 

พระลอมองกวาดตาไปรอบๆอย่างละเอียด ก่อนรอยยิ้มร้ายจะผุดขึ้นบนหน้าหล่อๆเมื่อคนเด็กเผลอก้มหน้าลง

 

                “เอางี้อาลอไม่ตีแล้วก็ได้ แต่เจี๊ยบต้องชดใช้ให้อาลอด้วยอย่างอื่น”

 

                “อะไรเหรอ อาลอเอาตังค์มั้ยเดี๋ยวเจี๊ยบข้ามไปเอากระปุกมาให้”เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยทำท่าจะก้าวไปที่เรือแต่ว่าพระลอก็คว้าแขนหลานไว้ได้ก่อน

 

                “เก็บเงินเจี๊ยบไว้เถอะค่ะเอาไว้ซื้อของที่อยากได้อาขออย่างอื่น”

 

                “แล้วอาลอจะเอาอะไรอ่ะ”

 

                “หอมแก้มอาลอครั้งละ 2000 หักลบกัน”

 

                “ฮื้อ...มันใช่เหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อค่าเสียหายมันแปลกๆ

 

                “หรือจะให้อาตีคะ หอมแก้มอาแล้วอาหอมแก้มหนู 2 ทีเป็นอันจบ เอามั้ย ถ้าไม่เอาอาก็จะตีแล้วนะ เสียเวลาเนี่ย”แกล้งขยับไม้อีก 2-3 ที จนเกิดเสียงแหวกอากาศ ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าครุ่นคิด ไม่เป้นไรหรอกมั้ง เจี๊ยบก็หอมแก้มพ่อกับแม่ออกจะบ่อย หอมแก้มอาลออีกคนคงไม่เป็นไร

 

คิดได้ดังนั้นร่างบางก็ยืดตัวขึ้นสูงแล้วกดปลายจมูกหอมแก้มซ้ายขวาของพระลอรัวๆไป 4 ครั้ง หักหนี้ไปแล้วนะ 8000 พระลอยิ้มกับสัมผัสที่ผิวหน้านั้นแม้จะเป็นการหอมแบบเร็วๆแต่ก็ทำเอาเขาใจเต้นแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาจับข้อมือสองข้างของหลานไว้ศตายุมองหน้าพระลอที่ยิ้มกริ่มก็รู้สึกร้อนๆที่ผิวแก้ม ใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพระลอค่อยๆโน้มหน้าลงจนกระทั่งปลายจมูกแตะลงบนแก้มนุ่มนั้นละเลียดสูดกลิ่นเด็กเข้าไปจนเต็มปอดจนเกิดเสียงดังฟอดใหญ่

 

อ่า...ชื่นนนนนนนนน.....จายยยยยยย

 

กลิ่นเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อสาว(?)มันหอมได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ

 

 แก้มใสขึ้นสีแดงจัดราวกับมะเขือเทศที่ค่อยๆสุกยิ่งทำให้น่าลิ้มน่าลองมากขึ้น ริมฝีปากอวบอิ่มที่ถูกกัดไว้ขึ้นสีแดงจัดอย่างเด็กสุขภาพดี

 

เขิน...ลูกเจี๊ยบรู้สึกเขินจนตัวจะแตกอยู่แล้ว

 

ทำไมพ่อแดนดินกับแม่จิ๊บหอมแก้มเจี๊ยบยังไม่รู้สึกแบบนี้เลยล่ะ

 

พระลอฝังจมูกลงบนแก้มอีกข้างและทำอย่างเดียวกันอ้อยอิ่งและนุ่มนวลโดยไม่เห็นเลยว่าฝั่งตรงข้ามร่างเล็กๆของแก้วเจ้าจอมวิ่งปรู๊ดกลับขึ้นบ้านไปแล้ว

 

                “พ่อจ๋าพ่อกำนัน อาลอกินแก้มพี่เจี๊ยบ!!!”

 

บอกแล้วว่าเรื่องเอาหน้าอ่ะแก้วเจ้าจอมคือนัมเบอร์วัน!!

 







................................................



หอมกลิ่นโอเลี้ยงกับข้าวผัดแปลกๆ



เม้นท์ได้ตามอัธยาศรัยจ้า แบ่งฝั่งมาเลย ขอเสียงทีมคนคุกหน่อยจ้า แหนบถอนผมหงอกในมือสั่นไปหมดแล้วจ้า



หลอกเด็กๆๆๆๆๆๆๆๆ



#พระลอตามไก่
พี่พระลอใจเย็นๆจ้า เจอน้องไม่เท่าไหร่จับเจี๊ยบฟัดแล้ว แล้วเจ้าเล่ห์นักนะ อยากอยู่ใกล้น้องทำเป็นหาข้ออ้างโน่นนั่น หลงเด็กละเหรอ เต๊าะนิดเต๊าะหน่อยก็เอานะเอ๊ะยังไงนี่ เริ่มชอบรึแค่หมาหยอกไก่อะ เจี๊ยบน่ารักขนาดนี้จะทำร้ายน้องจริงเหรอแถมซนมากอีกตางหาก แต่เจ้าจอมนี่แสบใช่เล่นถ้าจะเข้าหาเจี๊ยบต้องซื้อเจ้าจอมให้ได้ก่อนนะ55555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 25-02-2019 23:29:36


พระลอลตามไก่ ตอนที่ ๕



          พระลอมองดูเด็กที่ง่วนอยู่กับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับทำไก่อบฟางอย่างเพลิดเพลิน มีบางครั้งที่ลูกเจี๊ยบขอให้เขาหยิบของให้ คนแก่กว่าก็ยอมทำตามโดยง่าย ลูกเจี๊ยบตำพริกไทยกระเทียมและรากผักชีเข้าด้วยกัน ถึงแม้จะไม่ได้ดูคล่องแคล่วมากนักแต่ก็ไม่ได้ดูเงอะงะจนน่ารำคาญ ศตายุปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และรสดีแบบไม่มีสูตรตายตัว แก้วเจ้าจอมที่ตามมาทีหลังเป็นผู้ช่วยที่ไม่ค่อยดีนักเมื่อเจ้าตัวดูจะมาป่วนและมาเกะกะซะมากกว่า ลลิตภัทรมองเจ้าเด็กยุ่งนั่นด้วยความรู้สึกอยากจับเด็กถ่วงน้ำทุก 2 นาที แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กพูดมากและมีสายตาเหมือนหมาจิ้งจอกคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา ยามใดที่เขาเข้าไปใกล้ลูกเจี๊ยบแก้วเจ้าจอมก็จะเสนอหน้าเอาตัวแห้งๆเข้ามาแทรกกลางซะทุกครั้งไป


คำว่าก้างขวางคอไม่ได้ดูเกินจริงเลยซักนิดถ้าจะมอบตำแหน่งนี้ให้กับเจ้าเด็กที่มีผมม้าเต่อคิ้วบางและรอยยิ้มน่าเตะให้คอหลุด


           “ทำไมใส่เกลือเยอะล่ะไม่เค็มเหรอ?”


          “เดาๆเอา”คนเด็กว่าเมื่อเขาท้วงตอนที่ลูกเจี๊ยบซัดเกลือลงไปหยิบมือหนึ่ง


กินเสร็จอาจจะต้องไปเช็คไตว่าเสื่อมระดับไหน พระลอผูกลวดกับไม้ที่เอามาทำหลัก ลูกเจี๊ยบบอกให้เขาทำเป็นรูปไม้กางเขนเพื่อจะใช้พยุงตัวไก่ที่จะเสียบลงไปแถมหุ้มฟรอยด์สวยหรู ดูเป็นไก่อบฟางที่น่าจะมีชาติมีตระกูลพอสมควรจัดการตอกหลักลงบนพื้นดินข้างบ้านที่ไกลจากวัตถุไวไฟทั้งปวงเป็นที่โล่งพอให้ควบคุมได้ ปี๊บที่แม่เก็บไว้ตอนที่ซื้อน้ำตาลปี๊บมาให้ล้างสะอาดเตรียมพร้อมสำหรับการแปลงร่างเป็นเตาอบ ลูกเจี๊ยบหอบเอากาบมะพร้าวที่เก็บไว้ใต้ถุนบ้านออกมากองใหญ่ ไก่ตัวโตถูกเสียบไว้บนหลังแล้วใช้ปี๊บครอบลงไปจนมิด ลูกเจี๊ยบจัดการเอากาบมะพร้าวมาสุมถึงครึ่งปี๊บหันซ้ายแลขวาตบๆกระเป๋ากางเกงแล้วพบว่าตัวเองลืมหยิบไฟแช็คมา


           “อาลอมีไฟแช็คมั้ย หนูลืมหยิบมา”ลลิตภัทรล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบ lighter ออกมาพร้อมกับซองบุหรี่ที่สูบ ลูกเจี๊ยบยู่หน้าอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นบุหรี่


          “อาลอสูบด้วยเหรอ?”


          “ก็สูบแต่ไม่ได้สูบบ่อย”


          “ติดหรือเปล่า?”


           “ไม่นะไม่สูบก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”


          “เลิกได้ก็เลิกนะมันไม่ดีกับสุขภาพ อีกอย่างครูบอกว่าสูบบุหรี่ปากจะดำเหงือกจะดำหนูชอบที่อาลอปากแดงเหงือกแดงมากกว่า”ลูกเจี๊ยบพูดจบก็เดินกลับไปที่กองกาบมะพร้าวโดยไม่ได้สนใจคนแก่กว่าที่ยืนนิ่งอยู่ รอยยิ้มค่อยๆเผยขึ้นทีละนิดจนเต็มดวงหน้า


เขาไม่รู้หรอกว่าเด็กมันพูดตามประสาซื่อ พูดแบบไม่คิดหรือว่าอะไร


แต่เขาชอบประโยคหลังสุดนั่นมากๆ ฟังแล้วใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


ควันไฟลอยอ้อยอิ่งแบบกวนส้นตีนพระลอเป็นที่สุด เขาพยายามเดินหลบควันสีขาวที่คละคลุ้งพวกนั้นไปทางซ้ายทีทางขวาที แต่ก็เหมือนอีควันนรกพวกนั้นจะเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพระลอเพราะพอมันมาทางขวาที่เขายืนอยู่พระลอก็ย้ายที่ไปยืนทางซ้ายและเช่นกันอีควันเวรนั่นก็ลอยแบบเสนอหน้ามาทางซ้ายรมเขาเช่นเดิม พอย้ายไปอีกฝั่งอีควันนรกก็ม้วนตัวพัดมาทางเขาจนชายหนุ่มแสบจมูกไปหมด




ไก่น่ะอบฟางแต่กูน่ะอบควัน



ส่วนสองพี่น้องจอมแสบก็ช่วยกันโรยฟางเป็นระยะๆ กลิ่นหอมลอยออกมาจากในปี๊บจนอดน้ำลายสอไม่ได้ ในหัวของลลิตภัทรตอนนี้เหมือนเห็นแจ็คสันวง GOT7 ยืนแหกปากกู่ร้องอยู่บนยอดตึก Jeddah’s Kingdom tower นั่นคือเขาคาดหวังสูงมาก


           “เอาล่ะได้เวลาเปิดปี๊บ”หลังจากใช้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง เชฟปี๊บเหล็กก็ประกาศกร้าวกองไฟมอดลงไปเหลือแค่ขี้เถ้าศตายุใช้ผ้าเก่าๆจับปี๊บให้เปิดออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ทั้งพระลอ ลูกเจี๊ยบ และแก้วเจ้าจอมตะลึงงัน


          “ลาก่อย...”แก้วเจ้าจอมบอกลาแล้วเดินลัดทุ่งกลับบ้านไปทันที ส่วนลลิตภัทรก็หันหลังหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านแบบไม่พูดไม่จาโดยที่ลูกเจี๊ยบไม่เห็นว่าคนแก่กว่ากลั้นขำจนแก้มแทบแตก


จะไม่ให้ขำได้ยังไงล่ะก็ไก่อบฟางของศตายุดำปี๋เป็นตอตะโกผิดจากภาพที่คิดไว้โข


ถ้าจะให้เดาคงไหม้ยั้นกระดูกอ่ะ


           “ฮือ...อาลอ...กลับมาช่วยหนูก่อน”คนเด็กกว่าทิ้งปี๊บดังโครมแล้วกระทืบเท้าอย่างเอาแต่ใจ


อายก็อายเสียดายก็เสียดาย เสียหน้าด้วยอ่ะ คุยไว้เยอะ สุดท้ายลูกเจี๊ยบก็ได้แต่เก็บของเงียบๆเอาไก่ไปโยนทิ้งข้างทางแล้วกลับบ้านไปอย่างหงอยๆ








           เสียงไก่ขันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง พระลอลืมตาตื่นอย่างเคยชิน ตอนตี 5 เสียงพระย่ำระฆังกับกลองดังมาจนถึงที่บ้านเป็นเสียงที่คุ้นชินมาตั้งแต่เกิด เพราะการทำงานในกรุงเทพต้องเร่งรีบแทบทุกวันทำให้ชายหนุ่มเป็นคนตื่นเช้า เขาคัดจมูกนิดหน่อยเนื่องจากเมื่อคืนฝนตกลงมาปรอยๆทำให้บรรยากาศโดยรอบชุ่มชื้น เสียงตำน้ำพริกดังมาจากครัวด้านล่างแปลว่าแม่ของเขาตื่นแล้ว


พระลอจำได้เมื่อสมัยเด็กๆแม่จะตื่นมาเตรียมหุงหาอาหารสำหรับตักบาตรและให้พ่อกินก่อนไปทำนารวมทั้งเตรียมไว้ให้ลูกๆกินก่อนไปโรงเรียนตั้งแต่ตี 4 ชายหนุ่มล้างหน้าล้างตาจนรู้สึกสดชื่นก็ลงไปหาแม่ที่ในครัว แม่ไม่ได้ทำกับข้าวเพียงคนเดียวบ้านเขามีลูกของลูกพี่ลูกน้องอยู่ด้วยแต่พระลอไม่ค่อยได้คลุกคลีด้วย เด็กสาวมีหน้าที่ทำงานบ้านและช่วยดูแลแม่ของเขาพอตกสายเธอก็จะมีหน้าที่ในไร่ตามแต่ที่พี่ชายของเขาจะมอบหมายให้


           “ทำแกงอะไรครับแม่”พระลอเดินไปโน้มตัวสวมกอดแม่ไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนผิวแก้มเหี่ยวย่นอย่างเอาใจ


          “เห็นลอบ่นอยากกินแกงส้มชะอมไข่ เมื่อวานตอนเย็นๆลูกเจี๊ยบแวะเอาผักกระเฉดมาให้ยอดอ๊วบอวบกับปลาช่อนตัวเบ้อเริ่มพ่อดินเค้าไปยิงมาจากท้ายห้วย แม่เลยทำแกงส้มให้ลอกินดีมั้ยลูก”


          “อ้าว เจี๊ยบมาตอนไหนเหรอครับทำไมผมไม่เจอ”พระลอถามอย่างแปลกใจ เมินชื่อของแดนดินไปสนใจกับชื่อของคนลูกมากกว่า เขาไม่เจอเจ้าลูกเจี๊ยบมา 2-3 วันแล้วเพราะออกไปหาเสียงกับพ่อทุกวัน ยิ่งใกล้เลือกตั้งพระลอก็แทบจะไม่ได้อยู่ติดบ้านเลย


          “มาตอนเกือบค่ำแหล่ะกลับจากโรงเรียนก็ข้ามมาหา ลอไปกับพ่อเลยไม่เจอ เห็นบ่นการบ้านเยอะแล้วก็ยากพ่อกับแม่ก็สอนไม่เป็น ลักษณ์มันก็ไม่ว่างมาสอนให้เลยต้องรีบกลับไม่ได้อยู่ซนแบบทุกที ถ้าอยากเจอหลานตอน 6 โมงหน่อยๆไปที่ศาลาสิเจี๊ยบมาตักบาตรหลวงตาทุกวัน”


          “งั้นเดี๋ยวผมออกไปวิ่งซักพักนะครับ เช้าๆอากาศดี ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันร่างกายชักจะเฉื่อย”


          “ไปเถอะลูกแต่ระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอนะเมื่อคืนฝนตกงูกับตะขาบชอบออกมาเพ่นพ่าน”แม่ยังไงก็ยังเป็นแม่อยู่วันยันค่ำถึงแม้ลูกชายจะโตเป็นหนุ่มใหญ่แล้วแต่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี พระลอหอมแก้มแม่แรงๆอีกรอบแล้วกลับขึ้นไปหยิบรองเท้าวิ่ง ชายหนุ่มออกวิ่งไปตามคันนาแม้จะต้องใช้ความระมัดระวังอยู่บ้างเพราะพื้นยังค่อนข้างเปียกหยาดน้ำเกาะพราวบนปลายหญ้าเสียงกบเขียดร้องกันระงม โชคดีที่ฝนไม่ได้ตกแรงนักข้าวในนาจึงไม่ได้ล้ม พระลอวิ่งไปจนเกือบรอบแล้ววกกลับมาแสงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าระบายสีหลากหลายเหมือนภาพวาดสีน้ำของจิตกรเลื่องชื่อ สีส้ม แดง ม่วง ชมพูค่อยๆจางลงเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงจ้า พระลอก็วิ่งกลับมาถึงบ้านพอดีชายหนุ่มเดินเลยตัวบ้านไปยังท่าน้ำกะจะไปวักน้ำล้างหน้าแต่ภาพที่เห็นก็คือหลวงลุงประจวบกำลังพายเรือเข้าไปจอดเทียบท่าน้ำบ้านของตนโดยมีร่างขาวๆที่คุ้นตาอยู่ในชุดนักเรียนกางเกงสีกากีสั้นเลยเข่าขึ้นมานิดหน่อยยกมือไหว้นิมนต์พระหลวงตาของตนให้เข้ามารับบาตร ศตายุเอ่ยทักทายหลวงตาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้ยินเสียงสนทนาแว่วๆ


           “วันนี้หลวงตามาช้า”มือเรียวหยิบทัพพีตักข้าวใส่ลงไปในบาตร กับข้าวใส่ปิ่นโตเถาเล็กถวายให้หลวงตาตามด้วยช่อดอกไม้ที่ดูก็รู้ว่าทำเองแล้วรับศีลรับพร


           “รีบกลับเข้าบ้านไปเถอะ เดี๋ยวรถมาจะไปสาย”

 
           “ถ้าหนูไปสายหลวงตาก็พายเรือไปส่งหนูสิ”


           “กว่าจะพายไปถึงท่าน้ำในเมืองหลวงตาก็ตายก่อนพอดี”สองตาหลานพูดคุยกันอีกซักพักหลวงตาจวบก็พายเรือกลับวัดไป ศตายุเก็บของเตรียมจะกลับเข้าบ้านพลันสายตาก็เหลือบเห็นคนตัวขาวๆที่อยู่อีกฝั่ง เด็กน้อยยิ้มกว้างโบกมือให้กับพระลอทันที ชายหนุ่มรู้สึกว่าพระอาทิตย์ที่กำลังเปล่งแสงน่ะยังสดใสได้น้อยกว่าลูกเจี๊ยบซะอีก


           “อาลอไปไหนมาจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยถาม


           “อาไปวิ่งมา ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ”


            “ฮื่อ ก็อาลอไม่อยู่บ้านนี่ เจี๊ยบก็ไปบ้านอาลอทุกวัน”


           “ก็อาต้องออกไปหาเสียงทุกวัน อดเจอกันเลยเนอะ”


           “ทำไมอ่ะ อาลอคิดถึงหนูเหรอ”คนเด็กทำหน้าทะเล้นถามกลับมา พระลอกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องใช้สมองไตร่ตรองอะไรเลยซักนิด



           “อืม อาลอคิดถึงหนู”



เคร้งงงงงง


ทันทีที่พระลอพูดจบศตายุก็ทำขันทองเหลืองลงหินที่อยู่ในมือหล่นทันที


            “อ้าว เป็นอะไรคะหนู มือไม้อ่อนหิวข้าวหรือไง ให้อาลอไปช่วยเก็บมั้ยคะ”ศตายุที่กำลังลนลานตามไปเก็บทัพพีที่กระเด็นอยากจะเขวี้ยงขันใส่หน้าคนปากเก่งฟากขะนู้นนัก ดูเถอะเห็นเขาเงอะงะก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากเข้าไปใหญ่


อาลอนิสัยไม่ดีอ่ะ


           "อ้าว จะรีบไปไหนคะ ไม่อยู่คุยกับอาให้หายคิดถึงหน่อยเหรอ”


            “ไม่เอา หนูจะไปโรงเรียนแล้ว อาลอนิสัยไม่ดี”พูดจบศตายุก็วิ่งปรู้ดกลับบ้านไปทันที พระลอนั่งเล่นที่ท่าน้ำอีกพักก็กลับเข้าบ้านไป ที่นอกชานอาหารถูกนำมาวางเตรียมไว้รอแล้ว พระรามกับขวัญชีวารวมทั้งลูกๆทั้งสองเดินมาจากบ้านตัวเองเพื่อมากินข้าวที่เรือนใหญ่ ส่วนพระลักษณ์กับนิดาก็มานั่งรออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน


            “ไปไหนมาวะ เห็นกลับมาได้ซักพักแล้วไอ้ลอ”พี่ชายคนโตเอ่ยถามหลังจากจัดการตักอาหารให้ลูกๆเรียบร้อยแล้ว พระลออ้าแขนรับหลานสาวที่วิ่งเข้าไปกอดก่อนจะอุ้มกลับมาส่งคืนพี่สะใภ้


             “แวะไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำมาน่ะพี่ อากาศดี เอ้อ พี่ราม เจี๊ยบเรียนโรงเรียนเดียวกับเราเหรอ”

 
            “ไปเจอหลานมาเหรอ?”คราวนี้พระลักษณ์เป็นคนถามในขณะที่รับจานข้าวจากภรรยา พ่อแม่เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเงียบๆโดนที่พระลอเป็นคนคอยตักกับข้าวให้


            “พอดีเจี๊ยบตักบาตรหลวงลุงอยู่เลยได้คุยกันนิดหน่อย”


            “ดินมันส่งไปเรียนตั้งแต่ ม.1 แล้ว”


          “ปีนี้ก็ ม.3 แล้วสิ”พระลอถามเหมือนถามไปเรื่อยๆแต่ในหัวกลับบันทึกไว้อย่างแม่นยำ


          “ปีนี้อยู่ ม.4 แล้ว เจี๊ยบมันเรียนเร็วกว่ารุ่นเดียวกัน พอดีมันเกิดต้นปีเลยก่อนเกณฑ์”


          “อืม เก่ง “พระลอตัดบทสนทนาเพียงเท่านั้นหลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องเลือกตั้งที่จะมาถึงในต้นเดือนหน้า มื้ออาหารในตอนเช้าจบลงตอน 7 โมง นิดๆ พระรามและขวัญชีวาพาลูกๆขึ้นรถโดยมีลลิตภัทรขับรถของตัวเองตามไปด้วยเพราะจะเอารถไปเข้าอู่ซ่อมกันชนที่เป็นรอยนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ไปนั่งแกร่วในห้างเพื่อรอเวลารับรถในตอน 4 โมงเย็น ถนนที่ผ่านตามหน้าโรงเรียนต่างๆคลาคล่ำไปด้วยรถของผู้ปกครองที่มารับลูกๆรวมไปทั้งรถรับส่งนักเรียน ร่างบางของเด็กที่คุ้นตาทำให้ลลิตภัทรตบไฟเลี้ยวไปจอดด้านหน้าก่อนจะเดินไปที่ท้ายรถสองแถวที่มีเด็กๆอัดกันแน่น


          “เจี๊ยบ”แรงสะกิดพร้อมเสียงเรียกด้านหลังทำให้ศตายุที่นั่งเสียบหูฟัง ฟังเพลงอยู่เอาหูฟังออกจากหูแล้วหันมาอย่างแปลกใจ


          “อ้าว อาลอ มาทำอะไรอ่ะ”


           “อาเอารถมาซ่อม กำลังจะกลับบ้าน เจี๊ยบกลับกับอามั้ย”


          “ไม่เป็นไรๆ อาลอกลับเลย เจี๊ยบกลับรถประจำทุกวัน”


           “ไปกับอาก็ได้ รถแน่น แล้วนี่กว่ารถจะออกกี่โมงเนี่ย”


           “ก็ต้องรอให้คนครบก่อนน่ะ  5 โมงครึ่งก็กลับแล้ว”


          “อีกเป็นชั่วโมง ไปบอกคนขับว่าจะกลับกับอาเร็วๆอย่าดื้อ”


           “หนูไม่ได้ดื้อซักหน่อย อาลอนั่นแหล่ะเอาแต่ใจ”


           "ลงมาเร็วๆเจี๊ยบ อย่าให้อาต้องขึ้นไปลากเราลงมา”ที่สุดศตายุก็ได้แต่เดินลงส้นหนักๆลงมาจากบนรถแล้วอ้อมไปบอกกับคนขับ โชคดีที่คนขับรู้จักพ่อของพระลอจึงเอาลูกเจี๊ยบมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้โดยง่ายและเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้ห้างอีกแห่งหนึ่งพระลอจึงพาศตายุแวะเข้ามาโดยที่คนเด็กก็มองอย่างไม่เข้าใจ


           “พอดีหิว”และเหมือนลลิตภัทรจะรู้คำถามในใจเด็กเป็นอย่างดีจึงหันมาบอกระหว่างหาที่จอดรถ สองอาหลานเดินลงมาจากรถก่อนที่พระลอจะเลือกเข้าร้านสุกี้ชื่อดังที่ราคาแพงแต่ของในถาดมีอย่างละกระจึ๋ง


           “อยากกินอะไรสั่งเลยนะ”พระลอบอกกับลูกเจี๊ยบเมื่ออีกฝ่ายนั่งมองเมนูนิ่ง


            “ไม่เป็นไรอาลอสั่งเถอะหนูกินอะไรก็ได้”


           “คนเราชอบกินไม่เหมือนกัน อาพาหนูมาเลี้ยงหนูอยากกินอะไรหนูก็สั่งเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”


          “เอางั้นเหรอ งั้นหนูสั่งแล้วนะ”เจ้าตัวแสบเมื่อเห็นอาอนุญาตก็พลิกเมนูทันที


           “พี่ครับ วากาเมะ 5 ถาด กุ้ง 5 หมึก 5 ตับหมู 2 สาหร่ายทรงเครื่อง 2 เต้าหู้ 1 ไข่ 1 อ๊ะๆ เอาหมูทรงเครื่อง 1 แมงกะพรุน 3 คุโรบุตะสไลด์ 4 อาลอกินเนื้อวัวมั้นฮะ”คนเด็กเงยหน้าจากเมนูมาถามพระลอที่นั่งอึ้งกับการสั่งสไตล์แร๊พเปอร์ของศตายุ


           “สั่งเลยค่ะ อากินได้ทุกอย่าง”


            “งั้นเอาเนื้อวัว 3แล้วก็เกี๊ยวปลา 4 ผักกาดขาว ข้าวโพดอ่อน เห็ดออริจิกับห็ดเข็มทองอย่างละถาดฮะ   แล้วก็เป็ดย่างจานใหญ่ 1 บะหมี่หยก 2 เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่มครับ”


           “ห๊ะ!!”พระลอถึงกับร้องเสียงหลงกับประโยคสุดท้ายจนศตายุเงยหน้าขึ้นมองอย่าง งงๆ


           “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”


          “อ๋อ เปล่าค่ะ เห็นเจี๊ยบเจริญอาหารเลี้ยงง่ายอาก็ดีใจ”


           “เจี๊ยบไม่อยากกินเยอะอ่ะเดี๋ยวกลับไปกินข้าวเย็นไม่ลง”


อื้อหือ นี่ไม่เยอะ ขนาดเขาไปกินกับเพื่อนสามคนยังสั่งไม่เยอะขนาดนี้เลย เจ้าลูกเจี๊ยบมันสั่งเพราะอยากหรืออะไร เขาไม่เชื่อว่าจะกินกันหมดแน่ๆ


ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงเด็กนี่จนโตมาได้ถึงขนาดนี้กันนะ


ระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟลลิตภัทรก็ได้แต่คิดวนๆในใจ จนกระทั่งถาดอาหารเริ่มมาวางบนโต๊ะ มันวางเรียงรายเต็มโต๊ะเกินกว่าที่คนสองคนจะกิน แต่ศตายุกลับจัดการเทของพวกนั้นลงหม้ออย่างมีลำดับขั้นตอน


          “อาลอกินเลยๆ”คีบอาหารในหม้อใส่จานให้กับลลิตภัทรจากนั้นเครื่องจักรสังหารก็ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ศตายุเหมือนหลุมดำที่สูบอาหารเข้าปากแบบนันสต๊อป อาหารคำใหญ่คำแล้วคำเล่าถูกยัดเข้าปากไม่ได้หยุด กินไปด้วยคุยไปด้วย น้ำเสียงที่เล่านู่นเล่านี้ดังจ้อทำให้ลลิตภัทรหัวเราะออกมาได้หลายต่อหลายครั้งกับมุกตลกของเด็กๆ โดยไม่รู้ตัวอาหารในหม้อก็ยุบหายจนเหลือเพียงน้ำซุป ลลิตภัทรคิดว่าถ้ามีแข่งกินจุชิงรางวัลเขาจะส่งลูกเจี๊ยบไปแข่ง พระลอจ่ายเงินค่าสุกี้เสร็จแล้วก็หันมาถามคนที่เดินข้างๆ


          “กินไอติมมั้ยคะ”ชี้มือไปยังร้านไอติมที่อยู่ตรงข้ามกับร้านสุกี้


           “ง่า ไม่เอาดีกว่า เจี๊ยบเกรงใจ”




หนูเลยคำนั้นไปตั้งแต่ที่กินสุกี้แล้วค่ะ



นั่นเป็นเพียงความคิดที่อยู่ในใจ ลลิตภัทรจับมือหลานจูงเข้าไปในร้านโดยไม่ได้พูดอะไร

 
          “อยากกินอะไรหนูสั่งเลยนะคะ”


          "งั้นพี่ครับผมเอาบานาน่าสปริทนะครับ ไอติมเอาสตรอเบอรี่ สติ๊กกี้ชูวี่ แล้วก็มิ้นท์ เพิ่มเชอร์รี่ด้วยฮะ”


          “ผมไม่เอาครับพาหลานมากินเฉยๆ”พระลอเอ่ยปฎิเสธเมื่อพนักงานสาวหันมาถามเมนูจากเขา หญิงสาวเก็บเมนูพลางเอาออเดอร์ไปส่งพระลอนั่งไขว่ห้างมองเด็กที่หันมายิ้มหวานให้เขา แค่รอยยิ้มน้อยๆที่ส่งมาให้พระลอก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ตนเองไม่จำเป็นต้องกินของหวานชนิดไหนบนโลกอีกแล้ว ไม่นานไอศกรีมของศตายุก็มาส่งเด็กน้อยตักไอติมเข้าปากมองเขาอย่างลังเล


           “อาลอไม่กินจริงๆเหรอ กินกับเจี๊ยบก็ได้นะ”


           “กินเถอะค่ะ อาชอบมองเวลาหนูกินมากกว่า”ชายหนุ่มตอบหลานด้วยดวงตายิ้มๆ


เลี้ยงให้อ้วนๆมือเนื้อมีหนังค่อยจับกินทีหลังก็ยังไม่สาย


            “อาลอ อ้ามมมม”เด็กน้อยที่ไม่รับรู้ความคิดด้านมืดของพระลอตักไอติมจ่อมาที่ปากของลลิตภัทร ชายหนุ่มมองใบหน้าใสของหลานกระตุกยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนจะอ้าปากรับไอติมเข้าปาก


หวาน...ไม่ใช่เพราะไอติมหรอก แต่เป็นเพราะได้กินไอติมช้อนเดียวกับที่หลานใช้ต่างหากล่ะ


ช้อนยังหวานขนาดนี้ แล้วปากที่อมช้อนไปตั้งหลายทีจะหวานขนาดไหนกันนะ


อยากชิมจังเลย...







..........................

ขับเลยห้างไปอีกประมาณ 2-3 กม. ก็ถึงโรงพัก สภอ.เมือง พอดีค่ะอาลอ

1 เม้น 1 แท็ก 1 กำลังใจนะคะ



#พระลอตามไก่
พระลอคิดไม่ซื่อนี่เอง กะขุนให้อวบพอดีคำแล้วจับกินใช่มั้ย แล้วเจี๊ยบนี่ยังไงชอบอาลอแบบไหนอะถึงเขินเวลาอาลอหยอด แต่น้องยังเด็กอาจจะสับสนอยู่อาลอรีบทำให้น้องคิดได้ดิ แต่ระปืนพ่อน้องด้วยนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 06:28:13

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๖


         พระลอนั่งมองลูกเจี๊ยบตักไอติมเข้าปากด้วยความเพลินเพลิน ริมฝีปากอิ่มอมลูกเชอร์รี่สีแดงมันวาวมีก้านยาวโผล่ออกมา ดวงตาของเด็กน้อยมีความสุขกับสิ่งที่กินอยู่จนพระลออดที่จะขำไม่ได้ ชายหนุ่มโน้มตัวไปใกล้ๆก่อนจะดึงก้านเชอร์รี่ออกจากปากหลาน


                “ฮื้อ อาลอ”เด็กน้อยร้องท้วงเมื่อคนเป็นอาเอาก้านเชอรี่ออกจากปากตนไปถือ


                “รู้มั้ยคะว่าอาลอน่ะ ใช้ลิ้นพันก้านเชอรี่ได้ด้วย”พระลอเอ่ยประโยคบอกเล่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ


                “แล้วจะต้องไปพันมันทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความซื่อ ดวงตาเป็นประกายอยากรู้แต่สีหน้าก็ยังแสดงออกว่าไม่เชื่อที่คนแก่กว่าบอกซักเท่าไหร่


                “ก็ถ้าใครเอาลิ้นพันก้านเชอรี่ได้แปลว่าใช้ลิ้นเก่ง”พระลอจ้องตากับลูกเจี๊ยบด้วยสายตาที่สื่อความนัยบางอย่าง ลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าสายตาแบบนั้นมันไม่ปลอดภัยแต่ก็น่าเข้าใกล้อย่างประหลาด เด็กน้อยรู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง พระลอค่อยๆส่งก้านเชอรี่ที่เพิ่งดึงออกจากปากหลานเข้าไปในปาก ชั่วครู่ปลายลิ้นก็ยื่นก้านเชอรี่ที่มัดกันเป็นปมออกมาหยิบวางลงบนกระดาษทิชชู่ ศตายุปรบมือให้กับความสามารถพิเศษนั้น


                “อาลอเก่งจังเลย หนูอยากใช้ลิ้นเก่งแบบอาลอมั่งจัง”


                “มาฝึกกับอาสิ ไว้อาจะสอน รับรองไม่ถึงเดือนหนูจะใช้ลิ้นเก่งมากๆแบบอาแน่ๆ หนูนั่งกินไปก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”ศตายุยุยิ้มรับแล้วเอาเชอรี่อีกลูกเข้าปาก นั่งรอจนพระลอกลับมาแล้วไปจ่ายเงินเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน พนักงานเดินมาเก็บโต๊ะ บนโต๊ะปรากฏก้านเชอรี่ที่ถูกพันปมวางไว้ 2 ก้าน

 

                ตั้งแต่เกิดมาพระลอก็เจอของขาวระยะประชิดมาก็เยอะ แต่ขาขาวๆที่มีกางเกงนักเรียนขาสั้นสูงเหนือเข่าไปเป็นคืบแบบนี้พระลอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก สมาธิในการขับรถถูกรบกวนเสมอยามที่หางตาไม่รักดีมันชอบวอกแวกกลับมามองขาอ่อนของลูกเจี๊ยบน้อยจอมคุย พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคอเป็นระยะๆ มองจากสายตายังขาวยังเนียนขนาดนี้ ถ้าลองจับลองลูบลองเลียจะนุ่มมือนุ่มลิ้นขนาดไหน


คิดอะไรอยู่วะ

 
ทำไมศตายุถึงมาทำให้จิตใจด้านมืดของเขามันออกสีเข้มข้นได้มากขนาดนี้

 
จริงอยู่ว่าพระลอก็ผ่านเรื่องอย่างว่ามาเยอะ สังคมในเมืองหลวงทั้งด้านดีด้านมืดเขาเคยลองมาหมดแล้ว และชายหนุ่มควบคุมตัวเองได้เสมอมา บางอย่างก็แค่ลองให้รู้แล้วก็หยุด เรื่องเซ็กส์เขาก็มีตามความต้องการแต่ไม่เคยจริงจังกับใครเลยซักครั้ง ตั้งแต่ผิดหวังจากจิ๊บเขาก็คิดว่าการรอหรือถนอมอะไรซักอย่างมันไม่ตอบโจทย์ คำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานมันแม่งไม่มีจริง อดเปรี้ยวรอกินตอนหวานสุดท้ายหมาคาบไปแดก

 
แต่นั่นแหล่ะ เขาไม่เคยถูกใจใครจนเสียจริตมากขนาดนี้ นอกจากจิ๊บแล้วทุกคนที่ผ่านมาเป็นแค่ของแก้เหงา จนกระทั่งมาเจอลูกเจี๊ยบ

 
แน่นอน ตอนแรกเขาเอ็นดู ลูกเจี๊ยบน่ารัก สดใส ช่างพูดช่างเจรจา อยู่ด้วยแล้วไม่เหงา

 
แต่ยิ่งอยู่ใกล้จากความเอ็นดูก็เปลี่ยนเป็นอยากดูเอ็นหลานไปซะอย่างนั้น ลอบมองเนื้อตัวหลานตอนที่รถติดไฟแดงแล้วก็คอแห้งก็เจ้าลูกเจี๊ยบบ่นว่าร้อนตอนเดินกลับมาที่รถเจ้าตัวเลยปลดกระดุมเสื้อออกเม็ดหนึ่ง ดึงชายเสื้อออกนอกกางเกง เวลาขยับตัวเนื้อขาวๆก็โผล่ให้เห็นรำไร ไหนจะขาที่สั่นไปมายั่วตานั่นอีก

 
เด็กนี่จะรู้มั้ยว่าคนที่นั่งใกล้ๆคิดบาปไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พระลอเร่งแอร์ให้เย็นมากขึ้น

 
                “ฮื้อ...แอร์แรงจังเลยอาลอ”ผ่านไปซักพักเจ้าตัวเล็กถึงเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ได้รับ

 
                “หนูหนาวเหรอคะ?”

 
                “หนาวสิ เสื้อนักเรียนหนูบางกางเกงก็ขาสั้นโดนแอร์เต็มๆเลยอ่ะ”คนเด็กยู่ปากพลางปรับทิศทางแอร์ให้ไปทางอื่น

 
                “ไหนขออาดูหน่อยว่าตัวเย็นมั้ย”พระลออาศัยจังหวะนั้นวางมือลงบนต้นขาขาวๆของหลานแล้วลูบเบาๆ

 
เชี่ย...นุ่มจริงๆด้วย เนียนมืออีกต่างหาก


                “เย็นจริงๆด้วย” เลื่อนมือขึ้นไปคลำเนื้อส่วนที่โผล่พ้นกระดุมเสื้อเบาๆจนคนหลานนั่งตัวแข็งทื่อราวโดนสาป


                “หนาวมากมั้ยคะ เดี๋ยวอาหรี่แอร์ให้นะ”ทำเนียนกลับมาหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปที่เบาะหลังหยิบเสื้อวอร์มที่ทิ้งติดรถไว้เมื่อเช้ามาคลุมให้หลานเหมือนหวังดี

 
แต่จริงๆลลิตภัทรกำลังทำเพื่อตัวเอง

 
ขืนนั่งมองไปเรื่อยๆได้ขับรถตกเขาตายกันทั้งอาทั้งหลานนี่แหล่ะ

 
ลูกเจี๊ยบรับเสื้อวอร์มไปคลุมขาพลางติดกระดุมเข้าที่ ขยับตัวไปนั่งชิดกับประตูรถอย่างอายๆ ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างรบกวนจิตใจเด็กน้อยจนน่าสงสาร

 
ฮือ...อาลออ่ะ ทำเหมือนไม่คิดอะไร แต่ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวด้วยล่ะ แล้วทำไมต้องลูบด้วย เขินไปหมดแล้ว

 

 

เกือบ 6 โมงเย็นรถของพระลอก็มาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ จิ๊บที่สอนการบ้านให้แก้วเจ้าจอมเดินออกมาดูก็เห็นลูกชายคนโตเดินลงมาจากรถยนต์คันคุ้นตา เมื่อพระลอลงจากรถมาหล่อนจึงเดินออกมาทักทาย

 
                “อ้าวลอ ทำไมพาลูกเจี๊ยบกลับมาได้ล่ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือไหว้ผู้เป็นแม่ จิ๊บรับกระเป๋านักเรียนแสนหนักของลูกมือถือไว้อย่างเคยชิน

 
                “พอดีลอเอารถไปทำในเมืองมาน่ะแล้วขากลับเจอเจี๊ยบนั่งบนรถรอกลับเลยพาหลานกลับมาพร้อมกันเลย”

 
                “ขอบใจมากนะ แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังกินข้าวเย็นกับเรามั้ย”

 
                “ไม่เป็นไรพอดีกินอะไรเล่นๆกันมาแล้ว งั้นเดี๋ยวลอกลับก่อนนะ แล้วเจอกันนะเจี๊ยบ”เด็กน้อยก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา ความรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่างยังคงหลงเหลืออยู่ ได้แต่พยักหน้ารับแบบส่งๆ พระลอไม่ได้เซ้าซี้วุ่นวายอะไรกับศตายุอีก วันนี้เขาเล่นกับเหยื่อมากพอสมควรแล้ว ถ้าเล่นมากไปกว่านี้เกรงว่าเหยื่อจะรู้ตัวแล้วหนีไปซะก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงเฉาแย่ ลลิตภัทรขับรถกลับบ้าน อันที่จริงบ้านของจิ๊บเดินกลับได้แม้จะมีคลองกั้นอยู่ แต่ก็มีสะพานข้ามไปที่ฝั่งนู้นเพียงแต่ก็จะอ้อมไกลหน่อย เวลาแก้วเจ้าจอมมาตามศตายุที่บ้านเด็กน้อยจะเดินหรือไม่ก็ปั่นจักรยานข้ามมา แต่ถ้าเป็นศตายุมาบ้านเขาเจ้าลูกเจี๊ยบจะพายเรือข้ามมาเพราะถือเป็นการเดินทางที่ใกล้ที่สุด ลลิตภัทรชะลอรถทักทายพี่ชายที่เพิ่งกลับจากโรงสีที่ตั้งอยู่ท้ายทุ่ง พระลักษณ์กำลังดูความเรียบร้อยของคนงานที่เก็บอุปกรณ์พ่นยาสองพี่น้องคุยกันนิดหน่อยแล้วตกลงจะกลับไปคุยรายละเอียดงานที่จะให้พระลอช่วยทำ

 
หลังอาหารค่ำจบไปอย่างเรียบง่ายพระลอก็เดินมานั่งเล่นที่ท่าน้ำ แสงไฟนีออนที่ศาลาริมน้ำบ้านของจิ๊บติดอยู่ ร่างของศตายุยังคงอยู่ในชุดนักเรียนเหมือนเมื่อเย็นนั่งทำการบ้านด้วยสีหน้ายุ่งๆ การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ยากมากมีโจทย์หลายข้อที่เด็กน้อยไม่เจ้าใจ ศตายุอยากเรียนพิเศษแต่ว่าเพราะบ้านไกลทำให้ไม่สามารถเรียนในตอนเย็นได้ และพ่อกำนันก็ไม่ได้เรียนเก่งถึงขนาดมาสอนลูกที่เรียนห้องวิทย์-คณิต อย่างเขาได้ แดนดินแม้จะจบ ม.6 แต่จบมาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด พอรับใบรับรองก้าวเท้าออกนอกรั้วปุ๊บความรู้ที่เรียนมาแดนดินก็คืนครูไปทั้งหมด อีกทั้งแดนดินกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดค่ำชายหนุ่มถ้าไม่อยู่ในนาก็อยู่ที่ทำการกำนันคอยรับเรื่องจากชาวบ้าน วนเวียนอยู่ที่ทำการกับ อบต. บางครั้งก็ต้องไปช่วยงานบุญบ้านนั้นทีบ้านนี้ที แดนดินรับตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเพราะบารมีกำนันแดงหนุนลูกไว้ ชายหนุ่มกลายเป็นพ่อลูกสามตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เพราะความมีน้ำใจและอัธยาศัยดีก็ซื้อใจลูกบ้านได้ไม่ยาก  ส่วนจิ๊บเองพอจบ ม.3 ก็ต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน เรื่องเรียนต่อเป็นอันต้องพับโครงการไป

 
                “เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้ายุ่งแบบนั้นล่ะ”ลูกเจี๊ยบสะดุ้งเมื่อได้ยินคนฝั่งนู้นตะโกนถามมา เมื่อหันไปดูก็พบพระลอที่ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเลผ้าแพรยืนยิ้มมาให้

 
                “การบ้านยากจ้า หนูพยายามแก้โจทย์แล้วแต่ทำไม่ได้”


                “ให้อาลอสอนมั้ย อาลอเรียนเก่งนะ”((ตอแหล))

 
                “จริงเหรอ อาลอสอนได้จริงๆเหรอจ๊ะ”สีหน้าของศตายุดีขึ้นมาทันที ท่าทางกระตือรือร้นนั้นทำให้พระลอส่งยิ้มกว้างกลับไปให้

 
                “อาลอจะหลอกหนูทำไมล่ะคะ ไปบอกแม่ไปว่าจะมาทำการบ้านที่บ้านอาลอ เดี๋ยวเสร็จจะกลับ”

 
                “งั้นอาลอรอหนูแป๊บนะจ๊ะ”ศตายุลุกพรวดเตรียมจะวิ่งกลับบ้าน พระลอเหมือนนึกอะไรได้รีบเรียกหลานไว้ก่อน

 
                “เดี๋ยวเจี๊ยบ มาคนเดียวนะไม่ต้องให้เจ้าจอมตามมาด้วย”

 
                “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ”

 
                “เดี๋ยวอาไม่มีสมาธิสอน เลขมันต้องใช้สมาธิเยอะ”

 
                “งั้นก็ได้จ้า”ศตายุตอบรับแล้ววิ่งปรู้ดเข้าบ้านไปหาแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่กับจันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอม ข้างหน้ามีกะละมังใส่ข้าวโพดต้มที่หักมาจากในไร่เมื่อตอนเย็น

 
                “อ้าวเจี๊ยบ ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอลูก?”

 
                “ยังจ้าแม่ เจี๊ยบจะมาขอแม่ข้ามไปบ้านฟากขะนู้น”

 
                “ไปทำไมลูก ไปกวนเขามันไม่ดีนะ มืดแล้วด้วย”

 
                “หนูทำการบ้านไม่ได้ อาลอบอกจะช่วยสอนให้จ้า ให้หนูไปนะจ๊ะแม่ เนี่ยทำเองไม่เสร็จแน่ เพื่อนๆเขาเรียนพิเศษกันแต่หนูไม่ได้เรียนมันยากมากๆเลยแม่”


                “เอางั้นก็ได้ แต่ตั้งใจเรียนล่ะอย่าเอาแต่ซน ไปรบกวนเขามืดๆค่ำๆมันไม่ดี”


                “ได้จ้าหนูจะรีบทำเสร็จแล้วจะรีบกลับ”ลูกเจี๊ยบยิ้มรับคำพูดของแม่ แก้วเจ้าจอมรีบคว้าข้าวโพดมาถือไว้แล้วลุกขึ้นยืนทันที

 
                “ไปด้วย”น้องคนเล็กรีบเสนอหน้าทันที แก้วเจ้าจอมเป็นลูกพ่อ พ่อสั่งไว้ว่าถ้าพี่ลูกเจี๊ยบหรือพี่เจ้าขาไปไหนมืดๆค่ำๆหรือไปเล่นไกลบ้านให้แก้วเจ้าจอมไปด้วยทุกที่

 
เจ้าจอมจะทำตามที่พ่อสั่งอย่างเคร่งครัด

 
                “ไม่ต้องไป ตัวไปก็ไปกวน พี่จะรีบทำการบ้านให้เสร็จ มีทั้งเลขทั้งวิทย์ ไปเรียนไม่ได้ไปเล่น”

 
                “แต่พ่อสั่งไว้ว่าถ้าไปไหนให้หนูไปด้วย”เจ้าคนน้องกอดอกฉับอย่างเอาแต่ใจ

 
                “แต่พี่ไม่ให้ไป แม่ ไม่ให้เจ้าจอมไปนะเดี๋ยวไปกวน”ลูกเจี๊ยบหันไปขออำนาจแม่ในการตัดสิน อำนาจพ่อหรือจะสู้บารมีแม่ ในที่สุดเจี๊ยบน้อยก็หอบกระเป๋าเรียนพายเรือข้ามไปบ้านพระลอเพียงลำพังโดยมีเสียงเจ้าจอมร้องไห้งอแงตามมาข้างหลังแว่วๆจับใจความได้ว่า

 
                “พ่อมาหนูจะฟ้องพ่อ”

 

พระลอรับกระเป๋าหนังสือของหลานมาถือไว้แล้วเดินนำลูกเจี๊ยบขึ้นมาบนบ้าน นอกชานไม่มีใครอยู่แล้วเพราะแม่ของเขาเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระ ส่วนพระลักษณ์ก็กลับบ้านของตนเองไปแล้วตั้งแต่กินข้าวเสร็จ

 
               “ย่าโฉมนอนแล้วเหรอจ๊ะ”

 
                “อยู่ในห้องพระน่ะ แต่เดี๋ยวสองทุ่มก็คงนอน เข้าไปทำการบ้านในห้องอากันค่ะ ข้างนอกยุงเยอะ ร้อนด้วย”พระลอเดินนำศตายุเข้าไปในห้องนอน ไฟถูกเปิดให้สว่างขึ้น เด็กน้อยเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย พระลอปิดหน้าต่างและประตูแล้วเปิดแอร์ไม่นานความเย็นฉ่ำก็ครอบคลุมในห้อง ศตายุยิ้มอย่างชอบใจ บ้านของลูกเจี๊ยบไม่ได้ติดแอร์ ลูกเจี๊ยบเป็นเด็กขี้ร้อนดังนั้นเขาจึงชอบไปนั่งทำการบ้านที่ศาลาริมน้ำอาศัยลมเย็นช่วยคลายความร้อน พระลอนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวในห้อง

 
                “ไหนคะ มีการบ้านอะไรบ้าง เอามาให้อาดูหน่อยสิคะ”คนแก่กว่าถือโอกาสดึงข้อมือเล็กของหลานให้เดินมาใกล้

 
                “มีเก้าอี้ตัวเดียวเหรออาลอ แล้วจะให้เจี๊ยบนั่งไหนอ่ะ”เด็กน้อยกวาดตามองรอบๆห้องเก้าอี้ที่มีเพียงตัวเดียวก็ถูกเจ้าของห้องจับจองไปแล้ว

 
                “นี่ไงก็นั่งตัวเดียวกัน แบ่งกันนั่ง”พระลอหมุนเก้าอี้เก้าอี้หนังไปมา


                “ฮื้อ ไม่เอาหรอก ถ้าหักทำไง”ลูกเจี๊ยบมองเก้าอี้ที่ดูท่าทางไม่น่าจะรับน้ำหนักตัวของผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนได้

 
                “น่า นั่งเถอะไม่ต้องกลัวเก้าอี้อาแข็งแรงทนแรงกระแทกได้ดีด้วย ไหนว่าจะรีบทำไง ชักช้าโอ้เอ้เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี”พระลอไม่รอให้คนเด็กกว่าได้คิดอะไรมากนักกระตุกข้อมือจนร่างของคนเด็กวางก้นแหมะลงบนหน้าขาของตัวเองอย่างพอดิบพอดี


                “หนูนั่งพื้นก็ได้นะอาลอ”ลูกเจี๊ยบก้มหน้างุดเมื่อพระลอเอาคางมาเกยกับไหล่ของตนเอง ทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่หลานบอก

 
                “ไหนคะ ไม่เข้าใจตรงไหน ศตายุกัดปากนิ่งคิด


บางทีอาลออาจจะไม่ได้คิดอะไร เขาอาจจะคิดไปเองว่าท่าทางมันล่อแหลม อาลออาจจะเห็นว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆเหมือนใบบุญและใบบัว คิดได้ดังนั้นเด็กน้อยจึงขยับท่านั่ง ลลิตภัทรอ้าขาตัวเองให้เกิดช่องว่างให้ศตายุหย่อนก้นนั่งลงบนพื้นเก้าอี้ที่เหลือได้มือหนาจับเอวหลานให้ขยับนั่งได้ถนัดขึ้นปลายจมูกก็ปัดผ่านผิวแก้มหลานเพียงเฉียดๆสอนการบ้านข้อที่หลานไม่เข้าใจอย่างใจเย็นจน บางครั้งปลายนิ้วร้อนที่วางบนหน้าท้องของหลานก็เกลี่ยเบาๆจนศตายุตัวสั่น เด็กน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับใครมากมายขนาดนี้มาก่อน หัวใจเต้นแรงอย่างน่ากลัวแต่เมื่อหันไปมองลลิตภัทรก็ไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรที่มากไปกว่านั้นศตายุจึงคิดเอาว่าอาลออาจจะเผลอลูบหน้าท้องเขาแบบที่เคยทำเป็นนิสัยจึงได้แต่นั่งนิ่งใจโครมครามอยู่คนเดียว

 
พระลอลอบยิ้มกับท่าทางสับสนนั้นของคนเด็ก ศตายุไม่ได้เบี่ยงตัวหลบหรือโวยวาย เด็กน้อยเพียงแค่ตัวสั่น หลายครั้งที่ลมหายใจสะดุดเพราะเขาแกล้งลูบเบาๆที่หน้าท้อง ยิ่งตอนไหนที่เขาหันไปอธิบายใกล้ใบหูศตายุได้แต่ย่นคอหนีเบาๆเขายิ่งสนุก

 
เล่นให้ชินมือ ให้เหมือนลูกแมวที่เจ้าของลูบคลำทุกวัน เขาเชื่อว่าซักวันหนึ่งศตายุจะเสพติดสัมผัสของเขา

 
เด็กมันใสจนเขาอยากจะค่อยๆสอนสัมผัสทางกายต่างๆทีละนิด ยิ่งเด็กไม่โวยวายตามไม่ทันแบบนี้สัญชาติญาณของผู้ล่าของเขายิ่งพลุ่งพล่าน

 

ยอมรับก็ได้ว่าเป็นคนบาป เข้าข่ายภัยสังคม แต่ลูกเจี๊ยบน่ารักจนเขาไม่คิดที่จะห้ามใจ

 
เพราะเคยห้ามมาแล้วไง  ห้ามจนมีลูกเจี๊ยบมา 1 คน ตัวนิ่มๆให้เขาละเลียดเล่น

 
นึกขอบใจแดนดินที่มาทำให้จิ๊บท้องไม่งั้นเขาคงไม่ได้เจอความนุ่มนุ่มฟูๆแบบศตายุในวันนี้แน่ๆ

 
ถ้าศตายุต้องเป็นลูกของเขาพระลอคงเสียดายแย่

 
รอดจากการเป็นลูกมาเป็นเมียอา อาก็คิดว่ามันก็ไม่เสียของนะหนูนะ

 
พระลอไม่ใช่คนใจเย็น แต่กับศตายุเขาชอบเด็กนี่ ถูกใจ เพราะฉะนั้นจะเล่นด้วยนานหน่อยก็ไม่เป็นไร

 
ยังมีเวลาให้เล่นอีกเยอะ

 
มีเวลาทั้งชีวิตล่ะ

 

 

                แดนดินกลับถึงบ้านตอนสามทุ่มกว่า เจ้าจอมกับเจ้าขาเข้านอนไปแล้วเหลือเพียงจิ๊บที่นั่งถักโครเชต์รอสามีและลูกคนโตอยู่เพียงลำพัง หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาสามีรับข้าวของที่แดนดินถือมา ใบหน้าหวานขึ้นสียามที่กำนันหนุ่มเห็นว่าปลอดจากลูกๆก็หอมแก้มนวลนั้นฟอดใหญ่

 
                “ลูกๆนอนกันหมดแล้วเหรอจิ๊บ”

 
                “เจ้าขากับเจ้าจอมเข้านอนแล้วจ้า”

 
                “แล้วลูกเจี๊ยบล่ะ?”


                “เจี๊ยบไปบ้านฟากขะนู้นยังไม่กลับ”

 
                “ไปทำไม นี่มันดึกแล้วนะ ไม่รู้เวลาร่ำเวลาหรือไง”แดนดินว่าอย่างไม่ชอบใจ เขาไม่เคยว่าลูกที่จะไปเล่นที่บ้านนู้นเพราะย่าโฉมช่วยเลี้ยงลูกเจี๊ยบมาตอนยายประไพยังไม่ตาย เด็กจึงสนิทกับคนบ้านนู้นผู้ใหญ่ชลิตและภรรยารักเจ้าลูกชายคนโตของเขาราวกับเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ แต่การที่ลูกไปบ้านนู้นตอนมืดค่ำแดนดินก็เห็นว่ามันไม่สมควร

 
                “พอดีลูกมาขอ บอกว่าทำการบ้านไม่ได้แล้วลอจะช่วยสอนให้จิ๊บเห็นว่ายังไงจิ๊บก็สอนหนังสือลูกเองไม่ได้ ก็เลยให้ไปน่ะ เดี๋ยวทำเสร็จก็คงจะกลับมา”

 
                “แล้วปล่อยให้ลูกไปคนเดียวเนี่ยนะ จิ๊บ พี่บอกตรงๆ พี่ไม่ไว้ใจไอ้ลอเลย”แดนดินเดินตามภรรยาเข้าห้อง จิ๊บชวยปลดกระดุมและถอดเสื้อให้กับสามีตามความเคยชินที่เคยทำ หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆให้กับความอคติของสามี

 
                “จิ๊บก็ไม่เห็นว่าลอเค้าจะมีอะไรเลยนะพี่ดิน ดีซะออก เขาเอ็นดูลูกเรา ไอ้ที่เคยขุ่นข้องหมองใจกันเขาก็ไม่เอามาพูดอีก เมื่อเย็นยังไปรับเจี๊ยบมันกลับมาด้วย”

 
                ไม่รู้สิ พี่รู้สึกเวลามันมองลูกเรา มันมีสายตาแปลกๆ มันคงไม่ได้ตีสนิทกับลูกเราให้ลูกเราตายใจแล้วจับลูกเราฆ่าถ่วงน้ำล้างแค้นนะ”


                “โอ้ย พี่ดิน คิดอะไรพิลึกคน ดูละครมากไปป่าวเนี่ย ไปไป๊ ไปอาบน้ำจะได้ดับความฟุ้งซ่าน จิ๊บว่าลอน่ะคงเห็นว่าลูกเราน่าเอ็นดู เมื่อก่อนลอเกลียดเด็กจะตาย แต่มาเอ็นดูลูกเราทั้งๆที่เจี๊ยบเป็นเด็กที่ลอควรจะเกลียดที่สุดด้วยซ้ำ จิ๊บก็ดีใจนะ เด็กๆน่ะมีความน่ารักน่าเอ็นดู ผู้ใหญ่ที่เคืองๆกันส่วนมากก็มาดีกันเพราะความไร้เดียงสาของเด็กนี่แหล่ะ ยิ่งลอเค้าเป็นคนพูดไม่เก่งมาเจอเจ้าเจี๊ยบลูกของเราคงหายเหงาพี่ก็อย่าไปคิดมากเลย อย่างเจี๊ยบเนี่ยใครจะมาทำอะไรได้ แสบจะตาย”

 
                “ไม่รู้แหล่ะ ยังไงๆจิ๊บก็คอยดูๆลูกไว้บ้างก็แล้วกัน”แดนดินยังไม่คลายห่วงลูก ชายหนุ่มคิดว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างพระลอน่ะหรือจะมาหายโกรธได้ในเวลาเพียงอาทิตย์กว่าๆ


หรือว่า พระลอจะเข้าทางลูกแล้วมาเขี่ยถ่านไฟเก่ากันนะ


มันอาจจะมีแผนมาแย่งเมียรักของเขาไปก็ได้

 
ไม่ได้การณ์ล่ะ เขาต้องทำอะไรซักอย่างแล้วเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เดี๋ยวว่างต้องเรียกลูกชายคนโตมาคุยซักหน่อยล่ะ

 

                “เสร็จแล้วววว”ศตายุร้องอย่างดีใจเมื่อการบ้านข้อสุดท้ายเสร็จสิ้นลง เด็กน้อยหันไปยกมือไหว้พระลอที่นั่งยิ้มกริ่มโดยที่ฝ่ามือวางแหม่ะอยู่บนต้นขาขาวๆของศตายุโดยที่คนเด็กเองก็ไม่ได้สนใจ ก็อาลอน่ะจับตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยตลอด

 
                “เจี๊ยบก็เรียนเก่งนี่นา อาสอนนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว ทำไมถึงทำเองไม่ได้ล่ะ”

 
                “ก็หนูสับสนว่าต้องเอาตัวไหนแทนค่าอะไร พออาลออธิบายหนูก็เข้าใจไงถ้าหนูได้เรียนพิเศษกับเพื่อนก็น่าจะเข้าใจแหล่ะ ขอบคุณอาลอมากๆนะจ๊ะ”


                “งั้นตอนเย็นๆเจี๊ยบมาเรียนพิเศษกับอามั้ยคะ เดี๋ยวอาสอนให้”

 
                “จริงเหรอ เนี่ย เจี๊ยบให้ลุงรามกับป้าขวัญสอนให้แต่เขาไม่ค่อยว่าง ถ้าอาลอสอนหนูๆจะได้ขอพ่อกับแม่มา อาลอคิดค่าสอนเท่าไหร่จ๊ะ”


                “อาลอไม่เอาค่าสอนหรอก ให้หนูเป็นเด็กดีพูดง่ายๆก็พอ แล้วก็ไม่เอาเจ้าจอมมาวุ่นวายกับอาแค่นี้ทำได้มั้ย?”


                “ได้จ้า ดีจังเลย งั้นเดี๋ยวเจี๊ยบกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ จะสี่ทุ่มแล้วเดี๋ยวแม่เป็นห่วง”


               "โอเคเดี๋ยวอาเดินไปส่ง แต่ว่าวันนี้จะไม่จ่ายค่าสอนอาหน่อยเหรอคะ หืม?”

 
                “อ่า...อาลอจะเอาอะไรล่ะ เจี๊ยบไม่ได้พกตังค์มาหรอกนะ คิดว่าจะสอนฟรี”

 
                “ตังค์อาลอมีเยอะแล้ว อาลอไม่เอาของหนูหรอกค่ะ”

 
                “งั้นอาลอจะเอาอะไรล่ะ?”พระลอดึงเอวหลานให้ศตายุขยับมานั่งบนหน้าขาหันข้างเข้าหาตน รอยยิ้มกริ่มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา


                “หอมแก้มอาลอสิคะ แค่นั้นก็พอแล้ว”

 
                “ฮื้อ...ไม่เอาหรอก อาลอขี้โกงนี่” คนเด็กย่นจมูกใส่ มีอย่างที่ไหนมาขอค่าสอนเป็นการหอมแก้ม

 
                “ขี้โกงตรงไหน ก็หอมแบบหลานหอมอา ใบบุญกับใบบัวก็ทำแบบนี้เสมอเวลาอาสอนการบ้าน เร็วๆ ไม่ทำไม่ให้กลับบ้านนะ พระลอเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองเบาๆพลางทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้าหาหลาน ศตายุที่กอดคอพระลอไว้ได้แต่กำมือเข้าหากันเพราะความเขิน

 
อาลออ้อนยังกับพวกพระเอกละครหลังข่าว

 
แล้วความรู้สึกนี้ของศตายุมันคืออะไรกันนะ ทำไมต้องยิ้มจนแก้มแทบแตกกับท่าทางน่ารักๆของอาลอด้วย ทำไมรู้สึกโหวงๆในช่องท้องลามไปจนถึงปลายนิ้วเท้ากันนะ


ศตายุมองแก้มป่องๆที่ลอยอยู่ตรงหน้าก่อนจะตัดสินใจจรดริมฝีปากลงไปบนผิวแก้มของพระลอเบาๆ


                “หอมแล้ว หนูกลับบ้านก่อนนะจ๊ะ” เด็กน้อยดีดตัวลงจากตักของพระลอ รีบรวบข้าวของแล้วเดินออกไปจากห้องทันที พระลอหัวเราะเบาๆกับความสำเร็จขั้นแรกที่ได้รับนี้ ชายหนุ่มเดินตามหลังหลานอย่างอารมณ์ดีเพื่อไปส่งศตายุกลับบ้าน

 
                “พายดีๆนะหนู อย่าเอาแต่ยิ้มจนแก้มเบียดลูกกะตาจนพายเรือคว่ำตกน้ำตกท่าไปนะ อาขี้เกียจตามไปงม”


                “พูดมากกลับขึ้นบ้านไปเลยไป”ศตายุสาบานเลยถ้าอาลออายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ศตายุจะตบด้วยพายให้อาลอหัวทิ่มตกน้ำไปเลย


คนนิสัยไม่ดี...คนฉวยโอกาส

 
ทั้งๆที่รู้ว่าโดนคนแก่กว่าหลอกลวนลาม แต่ทำไมลูกเจี๊ยบน้อยกลับรู้สึกชอบกันนะ ปล่อยให้เขาลูบขาลูบพุงโดยไม่ห้ามเลยซักนิด

 
ฮือ...จะไปปรึกษาใครได้บ้าง ลูกเจี๊ยบสับสนกับความรู้สึกของตัวเองจังเลย





...............................



สนใจมาเรียนพิเศษกับอาลอมั้ยคะ แอร์เย็น เบาะนุ่ม เตียงนอนคิงส์ไซส์ ห้องเก็บเสียงได้



คติพจน์ของอาลอ : ช้าๆหมาคาบเอาไปแดรก



อาลอภัยสังคมของแท้ ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย สุภาพบุเริงบุรุษอะไรไม่มีหรอกค่ะ



เพราะเคยรอแล้วไม่ได้อะไร ครั้งนี้อาลอจึงไม่รอค่ะ อยากได้ต้องได้



#ทีมคนคุก กด 1

#ทีมเด็ก กด 2



#พระลอตามไก่
พระลอร้ายอะ หวังฟันน้องจริงด้วย เป็นพระเอกจริงปะเนี่ย แบบนี้เจี๊บก็ไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ตอนที่อยู่ร้ายไอติมนี่ก็ร้ายแต่เจี๊ยบร้ายกว่าเรียนร฿เร็วขนาดนี้พระลอหลงตายแน่

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 06:48:52


หลังจากคำพูดประโยคนั้นศตายุไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเขาอีก เด็กน้อยผละกายออกจากการกอดของเขา มือไม้คล้ายจะเกะกะไปหมด ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดสลับกันจนกระทั่งเหมือนเจ้าตัวไม่รู้จะทำอะไรดีก็พุ่งตัวลงน้ำว่ายกลับไปกลับมาเสีย 4-5 รอบ จนลลิตภัทรหัวเราะลั่นด้วยความขำ

 

ศตายุเขินจนไม่รู้จะระบายด้วยวิธีไหนเด็กน้อยจึงใช้วิธีว่ายน้ำหนีเขาไปมา แม้จะพยายามว่ายตามแต่เขากลับว่ายไม่ทันเด็กนั่น

 

                “อาลอ กินสายบัวต้มกะทิกัน”เมื่อปรับอารมณ์ในอกได้ศตายุก็ว่ายไปตรงกลุ่มบัวสายสีแดงอมม่วงกอใหญ่ น้ำลึกมิดหัวแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้กลัว

 

เขาเกิดและโตมากับสายน้ำนี้ และศตายุเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เพียงแต่ตอนนี้เลิกแล้วเพราะปีที่แล้วบาดเจ็บและซ้อมหนักเกินไป ดังนั้นศตายุจึงไม่กลัวน้ำและว่ายน้ำได้คล่องราวกับปลา เด็กน้อยดึงเอาบัวสายขึ้นมาทีละต้น ลลิตภัทรที่ว่ายตามมาทีหลังก็ช่วยกันเก็บโดยลอบสังเกตดวงหน้าหวานนั้นไปด้วย เขาไม่ได้รุกอะไรคนเด็กกว่าอีกเมือได้สายบัวจำนวนพอเหมาะและล้างเนื้อล้างตัวเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ขึ้นมาผลัดผ้าบนฝั่ง ศตายุต้องก้มหน้างุดอีกครั้งเมื่อลลิตภัทรเปลี่ยนกางเกงต่อหน้าเขา ร่างสูงพันเอวด้วยผ้าขาวม้าเก่าๆแต่กลับทำอะไรกับความดูดีของลลิตภัทรไม่ได้เลย ผิวขาวตัดกับผ้าลายตารางสีแดงดำนั้นอย่างลงตัว รูปร่างของลลิตภัทรแม้ไม่ได้มีซิกแพ็คก้อนใหญ่เด่นชัดแบบพวกนายแบบที่เคยเห็นในทีวีแต่ชายหนุ่มก็มีพอให้เห็นเป็นรูปเป็นรอยสวย กล้ามแขนพอมีให้เห็นตามแบบฉบับของคนที่ออกกำลังกายดูแลรูปร่างตัวเองอยู่บ้าง แผงอกครัดตึงจนคนมองใจสั่นแปลกๆ

 

                “ขึ้นไปเปลี่ยนผ้าบนบ้านไป”ชายหนุ่มหยิบผ้าเปียกของตัวเองมาถือแล้วจูงมือหลานให้เดินตามขึ้นมาบนห้อง หยิบเสื้อยืดของตัวเองและกางเกงเลชายหนุ่มเปิดลิ้นชักหยิบกางเกงในแพคใหม่ให้หลานเปลี่ยน ศตายุเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำอีกรอบแล้วออกมาด้วยเสื้อผ้าที่เขาให้เมื่อออกมาก็พบว่าลลิตภัทรยังนั่งอยู่ในผ้าขาวม้าตัวเดิม

 

                “เอาผ้าเปียกใส่ตะกร้าไว้เดี๋ยวค่อยเอาลงไปซัก”

 

                “หนูเอาไปซักที่บ้านก็ได้จ้า”

 

                “จะข้ามไปข้ามมาทำไมล่ะ ป่านนี้แม่ล้างปลาเสร็จแล้วมั้ง”

 

                “งั้นเดี๋ยวหนูลงไปช่วยย่าโฉมทำกับข้าวก่อนนะจ๊ะเดี๋ยวจะช้า”ศตายุเดินเตรียมตัวจะออกไปจากห้องแต่คนที่เดาทางไว้ถูกอยู่แล้วก็ฉวยข้อมือเล็กนั้นไว้ออกแรงดึงเพียงนิดเดียวหลานก็ล้มลงมานั่งบนตักเสียแล้ว

 

                “อาลอ ปล่อยหนู หนูจะรีบลงไปช่วยย่า”

 

                “ฟังอา แป๊บเดียว ที่อาบอกว่าชอบหนูอาพูดจริงนะคะไม่ได้พูดเล่น”

 

                “ฮื่อ...ได้ยินแล้ว”คนเด็กก้มหน้างุดไม่ยอมสบตากับเขาอีกแล้ว

 

                “แล้วหนูชอบอาบ้างมั้ยคะ อารู้ว่าหนูเป็นเด็กฉลาด น่าจะพอรู้ว่าที่ผ่านมาอาคิดยังไง”

 

                “ก็...พอรู้ แต่หนูไม่มั่นใจ มันเร็วไป”

 

                “สำหรับอามันไม่ได้เร็วไปเลยค่ะ อายุอาเยอะแล้วความรู้สึกที่มีมันชัดเจน อาไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะมารู้สึกกับใครเล่นๆ และอาจะไม่บังคับหนู อาเข้าใจ หนูอายุยังน้อยตัวเลือกก็คงจะมีหลายคนเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่โรงเรียนหน้าตาดีๆนิสัยดีๆคงจะมากถ้าหนูชอบอาก็แค่คนแก่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ยังไงก็สู้คนพวกนั้นไม่ได้”

 

                “มันไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย หนูไม่ได้คิดอย่างนั้น”คนเด็กเงยหน้าขึ้นท้วงทันที

 

                “เอาเถอะอาจะยังไม่เอาคำตอบในตอนนี้ อาอยากให้หนูได้เก็บเอาไปคิดว่ารู้สึกยังไงกับอา สิ่งที่อาบอกไปหนูอาจจะไม่ชอบหรือไม่ได้รู้สึกอะไร พรุ่งนี้อาจะรอคำตอบ ถ้าหนูก็ชอบอาเหมือนกันก็ให้พายเรือมาหาอา อาจะไปรอที่ท่าน้ำ แต่ถ้าไม่ชอบไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันให้หนูปั่นจักรยานมานะแล้วอาจะเป็นอาที่ดี จะไม่ถูกเนื้อต้องตัวหนูอีก จะยังสอนพิเศษหนูต่อไป แต่คงไม่สนิทสนมแบบเดิมแล้ว โอเคมั้ย?”

 

                “ไว้ค่อยคุยกันเถอะจ้า หนูลงไปช่วยย่าโฉมก่อนนะจ๊ะ” ร่างบางดิ้นขลุกขลักออกจากตักของเขาลงไปด้านล่าง เสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยกับแม่ของเขาดังมาให้ได้ยิน ชายหนุ่มรีบแต่งตัวลวกๆแล้วตามลงไปในครัว

 

                “ลอมาพอดีเลยลูก เดินไปตัดใบกล้วยให้แม่ซัก 2-3 ใบสิลูก”ย่าโฉมที่ขยี้เอาขี้ปลาออกจากตัวปลาเสร็จแล้วกำลังเอาพริกแห้ง ข่าหั่น ผิวมะกรูด ตะไคร้หั่น กระชายหั่น หอมแดง กระเทียม กะปิ และข้าวสารนิดหน่อยรวมทั้งเกลือหยิบมือหนึ่งใส่ลงไปในครกหินที่มีศตายุนั่งประจำที่เตรียมตำ ชายหนุ่มคว้ามีดที่เหน็บอยู่ไม่ไกลออกไปหลังบ้านตัดใบตองกลับมาตามที่แม่สั่งแล้วนั่งดูคนเด็กกว่าตำพริกแกงเงียบๆ

 

ศตายุในตอนนี้มีสีหน้านิ่งแบบที่เขาไม่เคยเห็นเด็กน้อยแม้จะพูดคุยเจรจากับแม่เขาดีแต่พระลอรู้ดีว่าในใจของศตายุกำลังคิดตามเรื่องที่เขาพูดอยู่

 

เขายอมวัดใจกับเด็กนี่เพราะคิดว่าการรอโดยไม่มีจุดหมายมันเปล่าประโยชน์

 

แต่ถ้าเด็กมันไม่มีใจเขาจะได้รู้แต่ก็อย่าหวังว่าเขาจะตัดใจ เขาก็จะหาทางทำให้ศตายุชอบเขาให้ได้อยู่ดีนั่นแหล่ะ

 

กว่า 10 นาทีที่ศตายุตำพริกแกงในที่สุดส่วนผสมทั้งหมดก็ละเอียดแม่ของเขาจัดการเอาพริกแกงเทใส่ลงไปในเนื้อปลาและกุ้งที่เตรียมไว้ ไข่ไก่ถูกตอกใส่ลงไป 1 ฟองตามด้วยใบมะกรูดหั่นฝอยและในบกระเพราปรุงรสด้วยน้ำปลาและรสดีเล็กน้อยจึงนำไปห่อใส่ใบตองและย่างกับตะแกรงที่หนีบกันหล่นได้ ระหว่างที่รองบสุกศตายุกับพระลอก็ช่วยกันลอกเปลือกบัวสายเพื่อเตรียมไว้ทำกะทิสายบัว ทั้งสองคนทำงานไปเงียบๆแต่ลลิตภัทรก็รู้ว่าคนเด็กแอบมองตนเป็นระยะๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่นานงบก็ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ศตายุปฏิเสธคำชวนให้กินข้าวเย็นด้วยกัน เด็กหนุ่มกลับบ้านไปพร้อมงบย่างและสายบัวต้มกะทิ วันนี้เขามีเรื่องให้ต้องคิดมากจนไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้าวเย็นแสนอร่อยกับของที่ชอบก็ดูจะไม่รู้รสลูกเจี๊ยบผู้เจริญอาหารกินข้าวได้น้อยจนจิ๊บสังเกตได้

 

                “เป็นอะไรหรือเปล่าลูก?”

 

                “เปล่าจ้าแม่”

 

                “เปล่าแล้วทำไมดูซึมๆล่ะ”

 

                “วันนี้ไปเล่นทั้งวันแดดร้อนหนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า”เด็กน้อยไม่ได้ปดแม่นะ แดดร้อนจริงๆ และเขาก็ปวดหัวจริงๆเพียงแต่ไม่ได้เป็นเพราะแดดหรอก เป็นเพราะคำพูดของลลิตภัทรต่างหากล่ะ จิ๊บใช้หลังมืออังหน้าผากลูกเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนะ แต่เดี๋ยวกินยาดักไว้ซัก 2 เม็ดนะลูก”ศตายุพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปรับยาพาราที่แม่ลุกไปหยิบให้กรอกเข้าปาก

 

                “หนูขอไปนอนพักก่อนนะแม่”เมื่อช่วยแม่ล้างจานเสร็จแล้วลูกเจี๊ยบก็ขอตัวเข้าห้องไป เด็กน้อยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างคิดไม่ตก

 

เขาอายุเพิ่งจะ 15 เองนะ นอกจากพ่อแม่และน้องๆศตายุก็ไม่รู้จักความรักในรูปแบบอื่นเลยด้วยซ้ำ

 

แต่ศตายุก็อยากคุยกับอาลอ อยากเล่นกับอาลอ อาลอใจดี คุยสนุก อาลอพูดเพราะ อาลอเป็นคนอ่อนโยน ถ้าถามว่าชอบมั้ย แน่นอน ศตายุกล้าตอบได้เต็มปากเลยว่าศตายุก็ชอบอาลอเหมือนกัน

 

แต่มันจะใช่คำว่าชอบในแบบที่อาลออยากให้เป็นมั้ยอันนี้ศตายุก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลยซักนิด

 


ปัญหาที่ตีรวนในหัวทำเอาเด็กน้อยนอนไม่หลับไปค่อนคืนเลยทีเดียว





 ......................................


ติดแท็กได้ในทวิตเตอร์นะคะ #พระลอตามไก่
พระลอเอ็งพระเอกจริงปะเนี้ยโคตรร้าย พระลอเองไม่ได้เหมือนโรคจิตหมกมุ่น เอ็งเป็นแบบนั้นจริง ๆ กดดันเจี๊ยบเกินไปมั้ยน้องยังเด็กแถมเพิ่งเจอกันไม่นานด้วย แล้วที่บอกชอบน้องนี่ชอบแบบไหนอะ ชอบแบบรักอยากดูแล รึชอบแค่หวังฟัน ฮึ้ยยยห่วงเจี๊ยบ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 07:01:53


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๘


   ศตายุไม่มา...

ไม่ว่าจะทางน้ำหรือทางบกก็ไร้วี่แววของศตายุ

ปกติลูกเจี๊ยบจะมานั่งทำการบ้านไม่ก็มานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ วันนี้ทุกอย่างว่างเปล่า  ไม่เห็นทั้งเงาของศตายุและแก้วเจ้าจอม  ลลิตภัทรที่หอบหัวใจอันเต็มเปี่ยมด้วยความหวังไปช่วยงานพี่ชายที่โรงสีและรีบกลับมาเมื่อตะวันใกล้จะตกดินรู้สึกห่อเหี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ

จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็ค่อยๆถูกแต่งแต้มสีทีละนิดๆ ผีตากผ้าอ้อมค่อยๆจางหายความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาจนกลืนกินไปทั่วท้องฟ้า เสียงจักจั่นร้องดังระงมไปจนสุดคุ้งน้ำ ความร้อนอบอ้าวที่มีมาตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเที่ยงแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างวาบที่ยอดเขา ฟ้าส่งเสียงร้องครืนครั่นไม่ต่างจากเสียงในใจของเขาเลยซักนิด

หลากหลายอารมณ์สุมรุมอยู่ภายในใจคล้ายปีศาจร้ายที่ถูกกักขังไว้เนิ่นนานเริ่มร้องประท้วง

เด็กนั่นคิดว่าเขาพูดเล่นหรือยังไง คิดว่าเขาจะใจดีได้ตลอดไปเหรอถึงมาเล่นกับใจของเขาอย่างนี้ พระลอยังคงรอจวบฟ้ามืดสนิทละอองฝนค่อยๆร่วงลงมีทีละนิดจนกระทั่งฝนลงเม็ดหนักจนมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า

ร่างบางแสนนุ่มนิ่มที่เคยกอดเคยหอมก็ไม่มา ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา

คล้ายที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพมายาล่อลวงให้หลงใหลแล้วก็สลายไปคล้ายกลุ่มควันบางเบา

“ไอ้ลอ มึงจะนั่งทำห่าอะไรตรงนั้นวะ ฝนตกแล้วเนี่ย เข้าบ้านแม่ให้มาเรียก ทำตัวเป็นพรเอกมิวสิควีดีโออยู่ได้ไอ้ห่า รู้แล้วว่าหล่อ” เสียงพระลักษณ์ที่ตะโกนมาทำให้พระลอรู้สึกตัว เขาละสายตาจากบ้านของกำนันแดนดินพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีลูกเจี๊ยบอาจจะยังไม่พร้อม เขาอาจจะใจร้อนและเร่งรัดหลานเกินไป

แต่ว่า มาไม่มาหรือยังไง โผล่หน้ามาให้เห็นก็ยังดี นี่เล่นหายไปเลยไม่มานั่งที่ท่าน้ำให้เห็นหน้าค่าตากันเลยซักนิด มันจะใจร้ายเกินไปป่าววะ

คิดถึง...คิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย

คิดถึงน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยถามนู่นถามนี่ตลอด

คิดถึงแก้มนุ่มๆที่ยิ่งฝังจมูกก็ยิ่งติดใจ

คิดถึงตัวสั่นๆยามที่เขาลูบไล้ไปบนผิวเนื้อ

คิดถึงกลิ่นหอมๆยามฝังจมูกลงบนต้นคอเบาๆ

คิดถึงก้นนุ่มๆที่นั่งบดเบียดอยู่บนตัก

เขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นศตายุ

พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องมานะ ไม่ว่าจะทางไหนยังไงพรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องมาหาอานะคะ…อาจะรอ





รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น พระลอไม่ได้ออกไปวิ่งตามปกติ ชายหนุ่มยังคงนอนโง่ๆอยู่บนเตียง เขานอนไม่หลับเลยซักนิด ตลอดคืนเอาแต่คิดถึงเรื่องของศตายุ

กลัว...พระลอกลัวว่าหลานจะเกลียดหรือกลัวจนหลบหน้าเขา ความมั่นใจที่เคยมีบัดนี้พังทลายไม่มีชิ้นดี

ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าศตายุปั่นจักรยานมา เขาจะทิ้งห่างความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าเดิมซักหน่อยแล้วค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่านี้

เขาดูออกว่าศตายุเองก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่เด็กนั่นอาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะวางความรู้สึกของตนที่มีไว้ตรงจุดไหน ชอบแบบหลานที่มีอาใจดีๆหรือชอบในรูปแบบของคนที่จะรักกัน

ชายหนุ่มดึงตัวเองให้ลุกออกจากที่นอนเมื่อนึกได้ว่าศตายุต้องมาใส่บาตรหลวงตาทุกเช้า คิดได้ดังนั้นจึงสวมกางเกงอย่างลวกๆเดินลงจากบ้านตรงดิ่งไปยังศาลาริมน้ำ แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องผิดหวังเมื่อคนที่กำลังตักบาตรกลับไม่ใช่ศตายุกลายเป็นแดนดินกับจิ๊บกำลังช่วยกันใส่บาตรด้วยท่าทางสงบมีจันทร์เจ้าขาคอยหยิบของให้พ่อกับแม่ใกล้ๆ พระลอถอนหายใจหนักแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป

วันนี้ทั้งวันพระลักษณ์สังเกตได้ถึงความหัวเสียของพระลอ น้องชายคนเล็กของเขาทำงานไปถอนหายใจไปแถมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พาลทำให้อ็อกซิเจนรอบตัวเขาสกปรกไปกับอารมณ์ของพระลอด้วย

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย มานั่งถอนหายใจอยู่ได้”ที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามซะเอง เขากับพระลอแม้อายุจะห่างกัน 7 ปี แต่ก็สนิทกันมาก ก็พระลักษณ์น่ะเลี้ยงพระลอตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเจ้าตัวดีช้ำรักหนีไปเลียแผลใจที่กรุงเทพก็ได้เขานี่แหล่ะคอยดูแลน้องมา แล้วมานั่งทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้แบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์ไหน

เหมือนหมาที่โดนเอาผ้าเน่าไปซ่อนไม่มีผิด

“เปล่า”ตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

“เปล่าห่าอะไร ตั้งแต่เช้ามึงนั่งถอนหายใจไปร้อยกว่ารอบแล้วมีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย?”

“มันก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆพี่ เพียงแต่ผมเบื่อ ช่วงนี้มันเงียบๆ”บอกปัดแบบผ่านๆ พระลักษณ์พยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เข้าใจนักก็ตาม

“มึงคงชินกับชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยแสงสีแบบในกรุงเทพสินะ แบบถ้าไม่ได้รับเลือกจะทำยังไงต่อคิดไว้ยัง?”

“ตอนแรกก็กะว่าจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม บริษัทก็อยากให้กลับไป แต่ตอนนี้มาคิดๆดู อยู่บ้านก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรรีบๆแบบอยู่กรุงเทพ แต่มันก็เหงาแหล่ะเพื่อนๆอยู่นู่นหมด”

“กูไม่เห็นมึงจะดูเหงาอะไร เด็กบ้านนู้นติดมึงแจยิ่งกว่ามันติดพ่อมันอีก เออ ว่าแต่ทำไมเมื่อวานไม่เห็นเจี๊ยบกับเจ้าจอมมาเลยวะ”นั่น...พระลอแอบเหล่มองหน้าพี่ชาย  หรือมันไปรู้อะไรมาวะ แต่หน้าตาก็เฉยๆนี่หว่า ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอมความลับอะไรไว้ ไม่ได้ดูว่าจะมาหลอกถาม

“ไม่รู้สิ”ทำเป็นยักไหล่ราวกับไม่สนใจ

“สงสัยจะเบื่อมึงแล้วมั้ง”พระลักษณ์แกล้งพูด ในขณะที่เริ่มเก็บของบนโต๊ะเพราะได้เวลาเลิกงาน คำพูดที่หยอกเล่นๆกลับแล่นเข้ามาปะทะใจคนฟังอย่างจัง ไอ้หน้าที่หงิกอยู่แล้วกลับยิ่งบึ้งมากกว่าเดิมเข้าไปอีก และพระลอก็แบกความหงุดหงิดกลับบ้านไม่พูดไม่จากับใคร ทำเพียงทักทายแม่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งที่ท่าน้ำ





เหมือนเมื่อวาน...ศตายุไม่มา ไม่โผล่และไม่เฉียดกรายมาให้เห็นแม้แต่เงา ชายหนุ่มนั่งไหล่ห่อราวกับเป็นคนแก่อายุซัก 60 ปี ชะเง้อมองก็แล้วเงี่ยหูฟังก็แล้ว ลูกเจี๊ยบน้อยๆก็ไม่ส่งเสียงหรือเดินมาให้เห็นเลยซักนิด

เป็นอีก 1 วันที่พระลอขึ้นบ้านพร้อมความเหงาหงอยในใจ

ตอนแรกเขาคิดว่าลูกเจี๊ยบน่ะติดเขา แต่ตอนนี้พระลอคงต้องคิดใหม่ อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ติดเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนั้น

เรียกว่าติดยังคงเบาไปด้วยซ้ำ เขาน่ะหลงเจ้าลูกเจี๊ยบจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วต่างหากล่ะ

คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว...

เช้าวันที่ 3 พระลอรีบลงมาที่ท่าน้ำเพื่อดักรอลูกเจี๊ยบ แต่วันนี้ก็ยังคงเป็นจิ๊บกับเจ้าขาที่มาใส่บาตร วิวค่อยดีขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีแดนดินมาอยู่ในกรอบสายตา แม้จะไม่คิดอะไรแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้าอยู่นิดๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้หลวงลุงจวบเอ่ยคุยกับภิกษุชรา 2-3 ประโยคสั้นๆ เมื่อพระไปแล้วที่สุดพระลอก็เอ่ยปากคุยกับจิ๊บ

“จิ๊บ ลูกเจี๊ยบไปไหนเหรอ ทำไมไม่เห็นมาเรียนพิเศษกับเราเลยล่ะ”

“อ้อ ขอโทษทีนะลอ เราลืมไปบอก เจี๊ยบกับเจ้าจอมไม่สบายน่ะ กลับมาวันนั้นตอนกลางคืนไข้ขึ้นเลยต้องหยุดเรียนไปก่อน ส่วนเจ้าจอมหายแล้ววันนี้ไปโรงเรียนได้”พอได้ยินคำตอบของจิ๊บ ใจของพระลอที่เหมือนกระเด็นลงน้ำก็กลับฟื้นคืนราวทศกัณฐ์ที่ถอดดวงใจไปฝากพระฤษีไว้

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าเขา

หลานไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะไปตากแดดมาทั้งวันแล้วตอนเย็นก็มาลงน้ำอีก

“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า ลอไม่รู้เลย นึกว่าหลานเบื่อจะมาเรียนแล้วซะอีก”

“วันแรกก็นอนซมกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละ ต้องคอยเช็ดตัวกันทั้งคืนเลย เจี๊ยบแข็งแรงก็จริงแต่พอป่วยแล้วก็จะหนักกว่าคนอื่น”

“ลอข้ามไปเยี่ยมหลานได้มั้ย?”

"ได้สิ มาตอนไหนก็ได้ เจี๊ยบคงดีใจ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากจิ๊บ ถามหาอาลอไม่ขาดปากเลย แปลกนะ ปกติลูกเราไม่ค่อยติดใครมากนอกจากย่าโฉมกับปู่ลิต นี่มาติดลออีกคน เอาอะไรเลี้ยงลูกเราเนี่ย”

“ก็ไม่ได้ทำอะไร  งั้นเดี๋ยวบ่ายๆเรากลับมาเยี่ยมหลานนะ วันนี้ต้องไปกับพ่อ โค้งสุดท้ายแล้ว”

“ยังไงลอมาช่วงบ่ายสามก็ได้ จิ๊บจะอาศัยฝากลูกไว้หน่อยต้องไปรับเจ้าจอมกับเจ้าขาที่โรงเรียน พี่ดินเข้าเมืองค่ำๆนั่นแหล่ะถึงจะกลับ”

“อื้อ ได้ๆ งั้นเดี๋ยวบ่ายสามเราข้ามไป”





พระลักษณ์มองพระลอที่เดินไปเดินมายกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นพักๆอย่างเวียนหัว วันนี้แม้จะไม่ได้มานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งแต่พระลอเอาแต่จ้องนาฬิกาไม่หยุด

“ถามจริงๆเถอะไอ้ลอ มึงไปติดสาวบ้านไหนมาป่าววะ?”

“อะไร?”คนน้องหันมาทำหน้างงใส่พี่ชายคนรอง

“เนี่ย ที่มึงเป็นอยู่เนี่ยเหมือนมึงติดสาวเลย มึงชอบลูกสาวบ้านไหนบอกกูนะ กูรู้จักเกือบทุกบ้านแหละ”

“ผมไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละพี่ เออ บ่ายสองแล้ว ขอกลับบ้านก่อนนะ”พระลอไม่ได้รอให้พี่ชายเอ่ยคำอนุญาตด้วยซ้ำ เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าเฉยๆ ร่างสูงขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านก็ปรี่เข้าไปในครัวทันที ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปถึงข้อศอกจัดการหยิบหม้อใบเล็กมาตักข้าวสารใส่ลงไปแล้วซาว

“ทำอะไรเหรอลอเอ้ย” ย่าโฉมเดินตามเข้ามาในครัวมองลูกชายซาวข้าวด้วยท่าทางคล่องแคล่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“หิวข้าวเหรอ กับข้าวในตู้ก็มีนะลูก”

“เปล่าครับ ลอจะต้มข้าวต้มเฉยๆ”ชายหนุ่มหันไปตอบแม่แล้วเอาข้าวขึ้นไปตั้งบนเตาจุดแก๊สเสร็จก็เริ่มค้นตู้เย็น

“แม่ครับ ปลาสลิดอยู่ตรงไหนน่ะ”หญิงชราเดินมายืนข้างหลังลูกชายแล้วแตะไหล่ให้ลูกชายหลบไปส่วนตนเองก้มๆเงยๆชั่วครู่กล่องใส่ปลาสลิดตัวโตก็ถูกหยิบออกมา

“นึกยังไงจะกินข้าวต้มกับปลาสลิด”

“ไม่ได้กินเองหรอกครับ ทำไปให้ลูกเจี๊ยบน่ะ จิ๊บบอกว่าหลานไม่สบาย”

“อ้าว ตายจริง ถึงว่าไม่มาที่บ้านเลย งั้นลอไปตรียมเครื่องยำให้แม่ที เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด ทอดไปเฉยๆหลานไม่ค่อยกินหรอก นอกจากปลาสด”เป็นอีกข้อหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากแม่

ลูกเจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด และชอบกินปลาสดทอดเท่านั้น หญิงชราล้างปลาแล้วผึ่งจนสะเด็ดน้ำจึงตั้งกระทะทอดปลา ไหนๆก็ทำแล้วจึงทอดเผื่อไว้เป็นอาหารเย็นของคนในบ้านด้วยเลยทีเดียว ส่วนพระลอรับหน้าที่จัดเตรียมเครื่องยำโดยการซอยพริกขี้หนูสวน หอมแดง ต้นหอมคึ่นฉ่าย รวมทั้งซอยมะม่วงที่ไปสอยมาจากต้นข้างบ้าน ย่าโฉมจัดการเลาะก้างปลาออกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆจากนั้นจึงนำไปทอดในไฟแรงจนกรอบทั่วกันหมดแล้วปรุงน้ำยำราด ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย ใส่ส่วนผสมที่ลูกชายเตรียมไว้ลงไปคลุกแล้วนำเนื้อปลาเทใส่อย่างคล่องแคล่ว

“แม่ทำกับข้าวเก่งจังเลยครับ” พระลอที่รับจานยำปลาสลิดจานใหญ่จากแม่มาถืออดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ ตอนนี้กับข้าวในมือพร้อมหม้ออวยใบเล็กใส่ข้าวต้มพร้อมเยี่ยมคนป่วย ชายหนุ่มเดินมาท่าน้ำหลังบ้านพายเรือข้ามไปที่บ้านจิ๊บ

เขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานมากแล้ว

หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านไม้หลังเล็กๆกลายเป็นก่ออิฐถือปูนขยายใหญ่กว่าเดิม ใต้ถุนบ้านเทปูนมีอุปกรณ์การเกษตรวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านข้างตัวบ้านมีคอกควายฝูงใหญ่ราวๆ 10 ตัว บ้านทั้งหลังเงียบสงบจนชายหนุ่มรู้สึกประหม่า จิ๊บนั่งถักไหมพรมอยู่ที่ชานเรือน

“จิ๊บ” ส่งเสียงเรียกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว จิ๊บหันมามองแล้วยิ้มรับเขาไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยซักนิด

ยังคงอ่อนหวานและสวยงามเหมือนเดิม ความสาวสะพรั่งงดงามมากกว่าสมัยที่ยังเด็กๆซะอีก หญิงสาวเก็บไหมพรมใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยชวนให้ชายหนุ่มขึ้นมาข้างบน

“หลานเป็นไงบ้าง?”

“ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่งอแงเหลือเกิน อ้อนจนเราเหนื่อย นี่หลับไปตั้งแต่บ่ายยังไม่ตื่นเลย”

“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปดูหลานหน่อยนะ”

“ดีเลย เดี๋ยวเราไปรับลูกที่โรงเรียนก่อนยังไงก็ฝากลูกด้วยถ้างอแงมากก็ตีได้เลย”

“บ้าเถอะ ใครจะไปตีลง จิ๊บไปเถอะ ขับรถดีๆไม่ต้องรีบเดี๋ยวเราดูลูกให้เอง”เราจะดูแลลูกจิ๊บให้อย่างดีเลยล่ะ

“ห้องลูกเจี๊ยบอยู่ริมสุดเลยนะ แล้วนี่ทำอะไรมาเหรอ”

“ต้มข้าวต้มมาให้น่ะ แม่ทำยำปลาสลิดมาฝากด้วย”

“ป้าโฉมรู้ใจหลาน เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด เพิ่งบ่นๆอยู่เมื่อเช้า ลาภปากจริง ยังไงเราไปรับลูกก่อน ลอก็อยู่เล่นกับเจี๊ยบไปก่อนแล้วกันนะ”

เออ จิ๊บไปรับลูกซักทีเถอะ ยำจะเซ็งแล้วเนี่ย

“โอเค เราจะรอจนกว่าจิ๊บจะกลับมาแล้วกันนะ”

เสียงมอเตอร์ไซค์ของจิ๊บค่อยๆหายไปเรื่อยๆจนบัดนี้บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท พระลอสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดของศตายุ หน้าประตูมีสติ๊กเกอร์แปะชื่อเจ้าตัวบอกไว้อย่างชัดเจน พระลอถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างแผ่วเบา

ลูกเจี๊ยบของเขานอนหลับอยู่บนเตียง เหงื่อโทรมกายแม้จะมีพัดลมเปิดพัดความร้อนอยู่ที่ปลายเท้าก็ตามที ชายหนุ่มวางของเยี่ยมลงบนโต๊ะหนังสือแล้วนั่งลงบนของเตียงใช้หลังมืออังกับหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นเบาๆ ไอความร้อนแล่นเข้าสู่หลังมือของเขาทันทีที่แตะสัมผัส ริมฝีปากของหลานแดงเพราะพิษไข้

“เจี๊ยบครับ”ส่งเสียงเรียกเบาๆแตะแก้มหลานเพียงผะแผ่วแต่เจ้าของห้องยังคงจมสู่ห้วงนิทรา ชายหนุ่มเดินออกไปด้านนอกหากะละมังแล้วรองน้ำจากในห้องน้ำเข้ามาอีกหน เปิดตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักเรียนและเสื้อผ้าของเจ้าตัว ค้นหาผ้าที่พอจะเช็ดตัวให้หลานได้จนเจอผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ในลิ้นชัก

ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่อความเย็นถูกแตะลงมาบนผิวแก้ม เด็กน้อยที่นอนไม่สบายตัวนักเพราะความร้อนทั้งจากอากาศและพิษไข้ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรคุ้นตาลอยอยู่ตรงหน้า

ฝัน...

หนูฝันเห็นอาลออีกแล้ว

“เป็นยังไงบ้างคะ ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวอาพาไป”

วันนี้ฝันดีจัง อาลอคุยกับเขาด้วย

เด็กน้อยยิ้มซีดเซียวพลางกุมมือที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดหน้าของตนอยู่

“วันนี้หนูฝันดีจัง”

“ฝันว่าอะไรคะ?”คนแก่กว่าคุยตามน้ำไปกับเด็ก

“ฝันว่าอาลอมาหาหนู มานั่งคุยกับหนู”

“แล้วชอบมั้ยคะที่อามาหาหนูในฝัน”

“ชอบสิจ๊ะ หนูอยากเจออาลอ”

“แล้วในฝันกับตัวจริงหนูชอบอาลอคนไหนมากกว่ากันคะ?”

“ฮื้อ...หนูต้องเลือกด้วยเหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงกับคำถามนั้นกัดปากอย่างใช้ความคิดคิ้วขมวดจนพระลอรู้สึกขำ

“หนูเลือกไม่ได้หรอก...”ที่สุดหลังจากเงียบไปซักพักศตายุก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ





“เพราะไม่ว่าจะเป็นอาลอในฝันหรืออาลอตัวจริงหนูก็ชอบเหมือนๆกัน”





ท่านผู้ชมครับ นายลลิตภัทรได้ตายไปแล้ว ที่เห็นอยู่นี่คือกายทิพย์ที่อิ่มสุขมากๆ



“ชอบอาจริงๆเหรอคะ ชอบมากมั้ย?”ยังคงหลอกถามเด็กที่เหมือนจะยังเบลอๆอยู่ก่อนจะค่อยๆซับผ้าลงบนต้นคอหลานให้คนป่วยย่นคอหนีเล่น

เอ๊ะ...

เดี๋ยวนะ ทำไมหนูฝันเหมือนจริงอะไรอย่างนี้ ทั้งกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของอาลออีกล่ะ มองดูปลายนิ้วที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ดๆแล้วก็เริ่มประมวลผลในสมอง

ไหน หยิกตัวเองดูซิ๊

“โอ้ย...”เด็กน้อยร้องเสียงดังเมื่อลองหยิกต้นขาตัวเองแล้วมันเจ็บ

ไม่ได้ฝันนี่หว่า

“อ๊ะ อาลอ...”เด็กน้อยร้องทันทีที่สาบเสื้อถูกดึงออกมือเล็กพยายามคว้ามาปิดไว้ สีหน้าคนแก่จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม

“เอามือออกค่ะ อาจะเช็ดตัวให้ เหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว”

“ไม่เอา เดี๋ยวหนูรอแม่จิ๊บมาเช็ดให้ก็ได้”

“อาก็เช็ดให้ได้เหมือนกัน หนูไม่ต้องอายหรอกค่ะ ผู้ชายเหมือนกัน มาเร็วค่ะเด็กดี ว่าง่ายๆโตไวๆเช็ดตัวเสร็จจะได้กินข้าว อาลอต้มข้าวต้มกับยำปลาสลิดมาให้ด้วยนะ”เด็กน้อยพอได้ยินคำว่ายำปลาสลิดก็หูผึ่งยืดตัวมองหาทันที เมื่อเห็นเป้าหมายวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ทำท่าจะเดินไปหาแต่ลลิตภัทรกดไหล่เอาไว้ก่อน

“ว่าไงคะ จะให้อาเช็ดตัวให้ดีๆหรือให้อายกกับข้าวกลับ”

“ฮื้อ...ไม่ยกกลับ น้องอยากกิน”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นสบด้วยสีหน้าอ้อนๆ แล้วอะไรคือแทนตัวเองว่าน้อง

ตาย...ลลิตภัทรที่เห็นตอนนี้คือสสาร เพราะแม้แต่กายทิพย์ก็ดับสลายไปแล้ว

“งั้นคนเก่งถอดเสื้อนะคะ อาจะเช็ดตัวให้”

“ก็ได้ อาลอเช็ดเร็วๆนะ หนูหิวแล้ว”

ค่ะ หนูหิว อาก็หิวเหมือนกัน...อาหิวหนูเนี่ย อยากจะกลืนกินไปทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น ขอยืมเพลงพี่แจ้มาร้องหน่อยนะครับ

แล้วเนี่ย...ตายๆๆๆ พอถอดเสื้อหลานแล้วความขาวก็กระแทกตามาเต็มๆ

หนูขา หนูใช้อะไรอาบน้ำคะ โอโม่หรือบรีสเอ็กเซลคะ ทำไมขาวเนียนไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ

โอ้ย...มือสั่น...เย็นไว้ไอ้ลอ  เอาผ้าชุบน้ำสิไอ้เหี้ย มึงหยุดมองเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวเด็กกลัว

แต่มึง แป๊บนึง

นม...นมเด็ก

โอ้ย...กูขอบรรยายหน่อยเถอะ

ยอดอกสีเนื้ออ่อนอมแดงเด่นหราสองจุดแต้มบนเนินอกที่นูนนิดๆ คือน่าบีบมาก นมไม่แบนเรียบแบบเด็กผู้ชายแห้งๆอ่ะ หลานมีเนื้อมีหนังเพราะกินเก่ง แต่ว่าเอวบางร่างน้อย ที่ฟูก็มีแก้มกับนมนี่แหละ

กินอกไก่ผสมเวย์โปรตีนมาเหรอคะ

อยากจับ อยากลูบ อยากบีบ อยากอมมากๆ อยากลิ้มรสแต่ต้องข่มใจ



ยุบหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ…



เหี้ย มึงจะเอาแต่พองไม่ได้ มึงต้องยุบบ้าง



ลลิตภัทรพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมไม่ให้มือของตัวเองสั่นยามที่ลากผ้าบิดหมาดนั้นลงบนตัวหลาน ศตายุหลับตาปี๋ยามความเย็นลากไล้ทั่วแผ่นอก เด็กน้อยตัวสั่นยามที่ปลายผ้าปัดผ่านยอดอก มันค่อยๆตึงตัวตามกลไกของธรรมชาติเม็ดทับทิมสวยปรากฏสู่สายตาจนคนมองแทบจะเลือดกำเดากระฉูด

ตายๆ กูต้องตายวันละกี่หน ชายหนุ่มแทบจะละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้เลย ห้ามใจไม่ให้เผลอไปสะกิดที่ปลายยอดอกสวยนั้นลากผ้ามาที่หน้าท้องก็พอดีกับที่เจ้าตัวหดท้องหนีสองมือกำปลายหมอนหนุนแน่น ลลิตภัทรพยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมาไม่ให้ความขาวและความเย้ายวนมาทำให้ไขว้เขว ชายหนุ่มชุบผ้าอีกหนก่อนจะประคองตัวหลานให้ลุกขึ้นนั่ง โอบร่างเล็กไว้ทั้งร่างแล้วเช็ดแผ่นหลังให้จนทั่ว ศตายุที่เหมือนถูกโอบกอดอยู่กลายๆลอบสูดดมกลิ่นของคนเป็นอาไว้อย่างโหยหา

คิดถึง...คิดถึงอาลอที่สุดเลย

"เสร็จแล้ว เดี๋ยวอาเอาเสื้อตัวใหม่ให้เปลี่ยนนะคะ”พระลอวางผ้าลงบนกะละมังหลังจากเช็ดตัวให้หลานเสร็จแล้ว ลูกเจี๊ยบนั่งรอนิ่งๆไม่ได้ส่งเสียงถามอะไรออกไปตามนิสัยแม้แต่น้อย เสื้อยืดสีเหลืองจ๋อยถูกสวมลงบนตัวให้อย่างเรียบร้อยชายหนุ่มหยิบแป้งเด็กบนโต๊ะมาทาแก้มให้หลานก่อนจะฉวยโอกาสหอมลงมาบนผิวแก้มร้อนผ่าวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดให้สมกับที่คิดถึงแต่ติดว่าเด็กยังป่วยอยู่ พระลอพาคนป่วยมานั่งที่เก้าอี้แล้วเดินไปหยิบชามกับช้อนในครัวมาตักข้าวต้มให้หลานกิน

ศตายุกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะยำปลาสลิดมันอร่อยหรือเพราะมีอาลอมานั่งป้อนกันแน่

รู้แต่ว่าถ้ามีพยาบาลดีแบบนี้เขาคงหายป่วยแล้วไปวิ่งเล่นได้ในเร็ววันแน่ๆ
เกือบสงสารพระลอแล้วถ้าไม่ติดว่าหื่นใส่เจี๊ยบตลอด แต่เจี๊ยบคงรู้ตัวเองแล้วสิว่าชอบอาลอแบบไหน ถึงขั้นเก็บไปฝันถึงนี่ก็คิดว่าชอบมากแล้วแน่ๆ พระลอใจเย็นก่อนนะให้น้องปรับตัวก่อนอย่าพึ่งเร่งเร้าน้อง

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 08:55:53


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๙


          เช้านี้พระลอตื่นมาวิ่งได้ตามปกติ เมื่อวานกว่าจะกลับจากบ้านของจิ๊บก็เกือบ 6 โมงเย็น หลังจากจิ๊บรับลูกกลับมาแล้วเวลาที่จะอยู่กันเพียงลำพังก็ถูกขโมยไปโดยแก้วเจ้าจอมตัวแสบ หลังจากรู้จักพี่คนโตกับน้องคนเล็กมาระยะหนึ่งเมื่อวานพระลอก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับจันทร์เจ้าขาซักที เด็กหญิงวัย 13 ปีเป็นคนพูดน้อยและขี้อาย ออกจะติดแม่มากกว่าเจ้าเจี๊ยบของเขาซะอีก จันทร์เจ้าขามักจะนั่งหลบอยู่ข้างหลังแม่เสมอ ถ้าหากว่าเจ้าเจี๊ยบเหมือนแม่มากแล้วล่ะก็จันทร์เจ้าขาคือร่างแยกของจิ๊บดีๆนี่เอง
   

          “มะรืนจะเลือกตั้งแล้ว ตื่นเต้นมั้ยลอ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเขาหลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อย พระลอชงกาแฟมาวางให้พ่อที่โต๊ะไม้นอกชาน ชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้บนหน้าตักด้วยท่าทางสบายๆ


          “ไม่ตื่นเต้นครับ”ตอบไปตามตรง อาการตื่นเต้นมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่ต้องออกไปพบปะพวกคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เขาคุ้นชินกับคนในหมู่บ้านพอสมควรแล้ว เวลาออกไปข้างนอกชาวบ้านเริ่มทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บางครั้งพระลอออกไปสำรวจหมู่บ้านก็จะได้กับข้าวกับปลาติดมือกลับบ้านมาเสมอ


สังคมชนบทคือสังคมแห่งการแบ่งปันโดยแท้ การแบ่งปันโดยไม่หวังผลประโยชน์แบบนี้เขาหาไม่ได้ที่กรุงเทพ นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกับมาตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งทำงาน


          “นอบน้อมถ่อมตนไว้นะลูก เป็นคนดีให้ชาวบ้านเขาเอาไปพูดถึงกันว่าลูกผู้ใหญ่ชลิตดีได้พ่อได้แม่มา อย่าไปทำตัวเกกมะเหรกเกเรที่ไหน”


          "ครับพ่อ"


          “แล้วก็พรุ่งนี้งานบวชลูกทิดอ่ำท้ายวัดตอนเย็นกินเลี้ยงเขาทำเลี้ยงกันเองแม่เอ็งว่าจะทำฟักทองสังขยาไปช่วยเดี๋ยวให้คนงานตัดในไร่ซัก 20 ลูก เลี้ยงแขกตอนเย็นเลี้ยงพระตอนเช้า”


          “ได้ครับ จะให้เอาไปตอนไหนก็บอกแล้วกัน”


          “แล้ววันนี้จะไปไหนหรือเปล่า ไปวัดกับพ่อมั้ย จบเลือกตั้งพ่อว่าจะเปลี่ยนไฟในโบสถ์ให้วัด เผื่อเอ็งมีคำแนะนำอะไรจะได้ใส่ลงไปในรายละเอียดได้เลย”


          “ไปก็ได้ครับ ดีเหมือนกันได้แวะไปคุยกับหลวงลุงซักหน่อย เวลาท่านมารับบาตรตอนเช้าไม่ค่อยได้คุยเลย”





สรุปว่าวันนั้นทั้งวันพระลอไปตะลอนเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้หลังเพลก็แวะเข้าไปในวัด สภาพวัดนั้นเก่าและทรุดโทรมพอสมควร ตรงกุฎิกลางหลังคาผุตามกาลเวลา เมื่อตอนเด็กๆเคยอยู่ยังไงตอนนี้ก็ยังอยู่อย่างนั้น ในโบสถ์สายไฟไม่เป็นระเบียบนัก ไฟบางดวงก็ดับๆติดๆ พระลอจดรายละเอียดต่างๆลงในสมุดพกเล่มเล็กที่มักจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา พอตกเย็นก็เดินไปดูคนงานตัดฟักทอง เลือกลูกที่แก่จัด แม่ของเขาสั่งให้ตัดลูกเล็กที่สามารถนึ่งทั้งลูกได้เลย ฟักทอง 20 ลูก ถูกขนขึ้นรถกะบะแล้วขับไปที่บ้านงานในตอนเกือบมืด แม่ของเขาติดรถไปบ้านงานด้วยเพราะจะช่วยกันทำบายศรี


         “คืนนี้แม่จะกลับมั้ยครับผมจะได้ขับรถไปรับ”ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วพอประมาณหันไปถามมารดาที่นั่งคู่กันมา


         "ไม่ต้องรับลูก แม่นอนค้างนั่นเลย พรุ่งนี้จะได้ทำครัวเลี้ยงพระเช้ากับเพลไปเลย”


          “อย่าหักโหมนะแม่ อายุมากแล้ว เหนื่อยก็พัก”


          “รู้แล้วน่ารู้แล้ว ลอนี่นับวันจะขี้บ่นเหมือนพ่อนะ”


          “ก็ผมรักแม่ห่วงแม่นี่นา แล้วนี่บายศรีต้นเขาจะทำกันกี่ชั้นครับ”


          “น่าจะห้าชั้นนะ แล้วก็บายศรีปากชามอีก 3 หวีมั้ง เดี๋ยวถึงงานค่อยถามเขาอีกที ส่วนมากก็ทำ 5 แต่บ้านทิดอ่ำเขามีเงินอาจจะทำ 7 ชั้น”แม่ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อถึงบ้านงานลลิตภัทรก็ถอยกระบะเข้าไปตรงเต็นท์ที่ตั้งเป็นครัว บรรดาแม่ครัวและญาติๆของนาคมาช่วยกันขนของลง นอกจากฟักทองแล้วยังมีผักอื่นๆที่แม่ให้คนงานเก็บใส่ตะเข่งมาช่วยอีกหลายชนิด


          “แหมพี่โฉม วันนี้พาลูกชายคนเล็กมาเปิดตัวเหรอพี่”แม่ของนาคเอ่ยปากแซวลลิตภัทรยกมือไหว้บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักบางคนคุ้นหน้าแต่กลับนึกชื่อไม่ออก ชายหนุ่มจึงได้แต่กวาดยิ้มให้กับมุกคนแทนคำทักทาย


         “พามารู้จักพี่ป้าน้าอาหน่อย อย่าลืมนะเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านรอบนี้ฝากพ่อลอเขาด้วย ถือซะว่าเป็นลูกเป็นหลานแล้วกันนะ”


           “โอ้ย ไม่ต้องห่วง ยังไงบ้านฉันก็เลือกพ่อลออยู่แล้ว มาๆนั่งพักกินน้ำกินท่ากันก่อน ข้างบนกำลังทำบายศรีกันอยู่พอดี เดี๋ยวค่อยขึ้นไปสมทบ”พระลอและแม่ถูกลากไปนั่งคุยอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มตอบคำถามที่บรรดาแม่ย่าแม่ยายถามกันมาไม่ได้ขาด และคำที่ได้ยินบ่อยๆคือ


           “ลูกพี่โฉมนี่หล่อสมชื่อจริงๆ มีคู่หมั้นคู่หมายหรือยังจ๊ะ”


          “ยังครับ”


           “เนี่ยเลือกๆเอาซักคนสิมีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ชอบคนไหนบอกได้เลยนะ พวกแม่ๆยินดียกให้ ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพี่ลิตพี่โฉมใครๆก็อยากได้”


           “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องมีครอบครัวเลยครับ”


           “อะไร๊ อายุก็ 30 กว่าแล้วไม่ใช่เหรอพี่โฉม ทำไมยังไม่มีเมีย เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก รีบหาเมียให้ลูกซักคนสิพี่”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับย่าโฉม พระลออยากจะกรอกตามองบนวนเป็นเลข 8 แบบฮะจิบังราเมนแต่จำต้องนิ่งเงียบและส่งยิ้มบางๆแจกจ่ายให้พี่ป้าน้าอาอย่างทั่วถึง ย่าโฉมหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของคู่สนทนา


           “เรื่องคู่ครองฉันจะไปบังคับลูกได้ยังไงล่ะ คนที่จะอยู่กับเขาเขาก็ต้องเลือกเอง พ่อแม่เลือกให้ก็แค่ถูกใจพ่อแม่ แต่เขาต้องอยู่กันทั้งชีวิตถ้าไม่รักไม่ชอบไม่ถูกใจกันอยู่ไปก็ไม่มีความสุข สงสารลูก”


           “เนี่ย พี่โฉมล่ะก็ตามใจลูกแบบนี้ ลูกถึงได้ไปอยู่กรุงเทพซะเกือบ 20 ปี เพราะเลือกคนผิดไง”พอจบประโยคที่เจ้าของบ้านพูดก็เกิดอาการเดธแอร์ขึ้นชั่วขณะ พระลอเหลือบตามองเจ้าของประโยคด้วยสีหน้าเรียบนิ่งติดจะตึงๆ รอยยิ้มละมุนเมื่อครู่จางหายไปเหมือนเทน้ำลงบนพื้นผิวของทะเลทราย หายวูบไปในพริบตา ส่วนคนอื่นๆในวงสนทนาที่หัวเราะกันคิกคักพอหันมาเจอสีหน้าของชายหนุ่มก็ค่อยๆเงียบกันไปทีละคน


บอกเลยว่างานกร่อยแบบสุดๆ


           “ขอโทษทีนะพ่อลอ น้าปากไวไปหน่อย”เจ้าของงานลูบมือลงบนต้นแขนของลลิตภัทรเบาๆพลางเอ่ยขอโทษขอโพย 


           “ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แต่ขอแก้ข่าวนิดหนึ่งนะครับที่ผมอยู่กรุงเทพนานก็เพราะผมเรียนหนังสือ ทั้ง ม.ปลาย ปริญญาตรี แล้วก็ต่อปริญญาโท พอจบผมก็ได้งานทำ เงินเดือนมันดีแล้วผมก็สนุกกับงานเลยไม่ได้กลับไม่ใช่เพราะเรื่องเก่าตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ตอนนี้ผมกับจิ๊บก็ยังคุยกันได้ดีอยู่ในฐานะเพื่อน อะไรที่มันผ่านไปแล้วผมไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง”ลลิตภัทรพูดยาวที่สุดตั้งแต่มานั่งคุยกับพวกแม่ๆ ถึงแม้ว่าเขาไม่กลับมาก็เพราะช้ำรักจริงๆ แต่แบบมาพูดแบบนี้เหมือนฉีกหน้ากัน ขอบอกเลยว่าไม่ยอม ย่าโฉมรู้ดีว่าลูกชายกำลังไม่พอใจและกำลังข่มเมียทิดอ่ำอยู่ในทีหญิงชราแตะต้นแขนลูกพลางใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยกับพระลอเบาๆ


           “จะสองทุ่มแล้ว ลอกลับบ้านไปเถอะลูก ถนนมันไม่มีไฟข้างทาง”


           “งั้นผมกลับเลยแล้วกันนะครับ ฝากดูแม่ด้วย แล้วก็ถ้ามีอะไรแม่โทรหาลอได้เลยนะครับ”


          “ได้ลูกขัยรถดีๆนะ”พระลอก้มลงจูบแก้มแม่ก่อนจะลาพวกผู้ใหญ่ ระหว่างทางเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก มีเรื่องเดียวนี่แหล่ะที่คนบ้านนอกก็ไม่ต่างจากคนเมืองกรุงคือพร้อมจะขุดเรื่องของคนอื่นมาพูดได้อย่างสนุกปาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่คิดอะไรกับจิ๊บแล้วก็ตามแต่ทุกคนก็ยังมองเป็นภาพจำว่าพระลออกหักจากจิ๊บ


อยากจะลบความเชื่อพวกนั้นออกไปซะจะต้องทำยังไง เปิดตัวเลยมั้ยว่าตอนนี้มีคนในใจแล้ว แถมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ลูกชายคนโตของจิ๊บนั่นแหล่ะ


พระลอรู้สึกตัวตื่นตอนตี 4 เมื่อโทรศัพท์บนหัวเตียงส่งเสียงดังขึ้น เมื่อมองหน้าจอปรากฏเบอร์ของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วกดรับสาย


          “ครับแม่”


           “ลอตื่นยังลูก”


           “ตื่นแล้วครับ”ชายหนุ่มกรอกเสียงตอบผู้เป็นแม่ มองนาฬิกาเพิ่งจะตี 4


            “ลอช่วยขับรถเข้าเมืองไปซื้อของให้ทีได้มั้ยลูก พอดีคนขับรถมันเมาลุกไม่ขึ้น”


           “อ่อ ได้ครับ แม่จะซื้ออะไรบ้างจดใส่กระดาษไว้นะครับ อีก 20 นาทีผมถึง”ลลิตภัทรลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบลูกหยิบมาสวมเช็คความเรียบร้อยเล็กน้อยก็คว้ากุญแจรถออกจากห้องมา ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงบ้านงานที่ตอนนี้เหล่าแม่ครัวเริ่มลงมือหั่นของเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระและแขกในงาน ชายหนุ่มสะดุดตากับร่างบางของใครบางคนที่กำลังช่วยแม่ของเขาหั่นฟักทองอยู่ในเต็นท์


            “อ้าว ลอมาแล้วเหรอลูก”


           “อาลอ...”ลูกเจี๊ยบน้อยที่เมื่อวานเขามัวแต่ยุ่งจนไม่เห็นหน้าเลยทั้งวันหันมาส่งยิ้มให้เขาจนตาหยี พระลอรู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นมาทันทีทันใดแม้จะเป็นเวลาตีสี่ครึ่ง วางมือลงศีรษะของหลานแล้วโยกไปมาอย่างหยอกล้อ


           “ว่าไงเรา หายดีแล้วเหรอคะ แล้วนี่มายังไงเนี่ย”


           “หายดีแล้วจ้า หนูมากับแม่ แม่อยู่ข้างบนช่วยจัดบายศรีอยู่  วันนี้หนูจะมาเป็นลูกมือย่าโฉม”


           “อย่างนี้กับข้าวจะกินได้แน่เหรอ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านจะไม่ท้องเสียใช่มั้ยคะ?”ส่งเสียงเย้าคนเป็นหลานกลั้วเสียงหัวเราะจนศตายุยู่ปากทำท่าจะงอน


            “อาลออย่ามาดูถูกหนูนะ หนูทำกับข้าวเป็นเหอะ”คนแก่กว่าต้องรีบง้อก่อนที่จะโดนลูกเจี๊ยบจิกตาแตก


           “โอ๋ๆ ไม่งอนดิ่ อาล้อเล่น แล้วนี่จะให้ผมไปซื้ออะไรครับแม่?”


            “เดี๋ยวลอไปตลาดนะลูก ของน่ะทางนี้เขาสั่งไว้แล้วไปถึงก็เอาขึ้นรถได้เลยแม่จดชื่อร้านไว้แล้ว ลูกเจี๊ยบรู้จักร้านดีเดี๋ยวหลานไปด้วย เจี๊ยบถือเงินให้ดีนะลูกระวังอย่าไปทำหล่น”


            “รับทราบจ้าเจี๊ยบจะถืออย่างดีไม่ให้หล่นซักบาท”


            “เช็คของให้ดีนะลูกอย่าให้ขาด”


            “ได้ครับ งั้นไปก่อนนะเดี๋ยวสาย ไปตัวแสบ”พระลอดึงมือลูกเจี๊ยบให้ลุกตามตนเองมา ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้หลานเข้าไปนั่งและปิดให้เรียบร้อย ลูกเจี๊ยบแอบยิ้มกับการดูแลนี้ของคนเป็นอา


อาลอน่ารัก


แล้วไปตลาดแค่นี้ทำไมต้องแต่งตัวหล่อด้วยอ่ะ ถ้ามีคนมองเยอะแล้วมาชอบอาลอจะทำยังไง ความคิดเห็นแก่ตัวอยากจะหวงอาลอไว้กับตัวคนเดียวผุดขึ้นมากินจิตใจให้เผยด้านมืดทีละน้อย พระลอเห็นหลานนั่งจ้องตัวเองมาตลอดทางก็รู้สึกแปลกๆจนต้องหันไปมองหลาน


           “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


           “คราวหลังไม่ต้องแต่งตัวหล่อแบบนี้ได้มั้ยอาลอ”


           “อาก็แต่งตัวปกตินะ”ชายหนุ่มหัวเราะในคอเบาๆเมื่อคนเด็กทำปากขมุบขมิบ


           “จะบอกว่าหล่อเป็นปกติงี้อ่อ หนูไม่ชอบเลย”


            "อ่าว ทำไมล่ะคะ อาลอหล่อๆแบบนี้ทำไมหนูไม่ชอบล่ะ ใครๆก็ชอบกันทั้งนั้น”

           
            “ก็เพราะใครๆก็ชอบนั่นแหล่ะหนูถึงไม่ชอบ”คนเด็กกว่าว่าเสียงเอาแต่ใจ กอดอกหมับหันหน้าหนีทำเป็นมองข้างทาง ไม่ได้จะกวนประสาทอาลอนะ แต่เนี่ย หล่อแบบนี้ไปไหนใครๆก็มองอ่ะ


            “ไหนบอกอาลอสิคะทำไมถึงไม่ชอบ”


            “ก็หนูหวง อาลอหล่อเดี๋ยวสาวๆมาติดแล้วทำไงล่ะ?”คนเด็กหลุดปากหันไปแง้วๆใส่ แต่ประโยคที่พูดทำเอาพระลอยิ้มกว้างขึ้นทันที ชายหนุ่มอยากจะจอดรถข้างทางแล้วฟัดแก้มเจ้าแมวดื้อนี่ซะจริงๆ


รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา รู้มั้ยว่าคำพูดและหน้าตาท่าทางแบบนั้นอ่ะ มันหมายความว่ายังไง


หมายความว่าลูกเจี๊ยบหึงเขาได้มั้ยนะ?


จอดรถข้างทางแล้วจับปล้ำทำเมียได้มั้ยเนี่ย อยากกินเด็ก เด็กจะได้รู้ว่าเขาจะไม่ไปกินใครแน่นอน





           ลลิตภัทรเดินตามศตายุเข้าร้านนู้ออกร้านนี้ ตะเข่งผักรวมทั้งถุงพลาสติกที่ใส่อาหารหลากหลายชนิดถูกลำเลียงขึ้นมาไว้ท้ายกะบะจนเต็ม บรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหมู ปลา ไก่ เนื้อ รวมทั้งไข่เป็ดไข่ไก่ถูกวางเรียงไว้อย่างระมัดระวัง ศตายุตรวจตรารายการของอีกครั้งเมื่อเห็นว่าครบถ้วนจึงชวนชายหนุ่มกลับเมื่อตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง


           “อาลอ แวะตรงนั้นแป๊บหนึ่ง”มือน้อยๆเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้านหน้าคือรถเข็นที่แม่ค้ากำลังหยดขนมครกอยู่อย่างขะมักเขม้น คนเด็กเปิดประตูรถตรงดิ่งไปยังรถเข็นคันนั้น แน่นอนลลิตภัทรตามลงมาด้วย


           “เอาปนกันกระทงละ 20 เอา 5 กระทงครับ” คนเด็กสั่งอย่างแคล่วคล่องพลางยืนรอถุงที่แม่ค้ากำลังจับคู่ขนมครกอย่างใจเย็น กระเป๋าสตางค์ถูกดึงออกมาเตรียมจ่ายค่าขนมแต่ลลิตภัทรก็รั้งไว้ซะก่อน


           “เอาที่อา”ศตายุย่นจมูกใส่ เพราะรู้จักพระลอมาร่วมเดือนแล้วเด็กน้อยรู้ดีว่าพระลอไม่ชอบให้ขัดใจ หากสิ่งไหนคนแก่กว่าบอกก็จงทำตามซะ ศตายุกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณยามที่รับถุงขนมครกมาถิอไว้ เด็กน้อยนำมันวางไว้เบาะหลังกะดูแล้วว่าคงจะไม่หล่นลงมาหากลลิตภัทรเบรกรถหรือเลี้ยวแรงๆ ปีนกลับขึ้นมานั่งบาะหน้าดังเดินตั้งใจจะกินขนมเจ้าอร่อยก็พอดีกับที่ลลิตภัทรเอื้อมมือมาโอบรอบเอวของเขาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างเพียงคืบ ดวงตากลมช้อนขึ้นสบอย่างตกใจ


           “คาดเข็มขัดด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย”ลมหายใจสะอาดปัดผ่านผิวแก้มราวกับแสงแดดที่ทอดลงมาสู่ทุ่งหญ้ากว้าง ศตายุลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะเมื่อดึงสติกลับมาได้จึงเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงแหบพร่า


เขิน...


แม้จะเคยใกล้ชิดอาลอมาหลายครั้งแต่ศตายุก็ยังคงเขินอาลอเหมือนเช่นทุกครั้ง เขินและไม่เคยจะชิน เด็กน้อยนั่งนิ่งไม่ได้ชวนคุยจนลลิตภัทรแปลกใจ เมื่อแอบหันไปมองก็เห็นศตายุเอาแต่บี้ขนมครกในมือเล่น


          “ไปบี้มันเล่นให้เลอะมือทำไมล่ะค่ะ ทำไมไม่ทานเข้าไป?”ศตายุสะดุ้งเฮือก เขาเอาแต่คิดอะไรเพลินๆ เด็กน้อยเหลือบมองเสี้ยวหน้าขาวๆของอาลอที่เริ่มเด่นชัดจากแสงสว่างด้านนอก ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าและคลายออกอย่างคนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง


          “อาลอ...”ที่สุดก็ยอมเปิดปากเอ่ยเรียกคนข้างๆเสียงแผ่ว


           “คะ?”


          “กินมั้ยจ๊ะ”มือเล็กยื่นถุงขนมครกไปให้คนที่ทำหน้าที่สารถี พระลอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ อันที่จริงเขาไม่ชอบกินขนมที่ใส่กะทิซักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไม่อยู่ๆวันนี้ก็นึกอยากกินซะอย่างนั้น


          “อาลอขับรถอยู่ค่ะ”ลอบสังเกตกริยาเด็กอ้วนๆฟูๆแล้วเกือบจะหลุดขำ ลูกเจี๊ยบทำหน้าเหมือนกำลังตบตีกับความคิดบางอย่างในใจของตัวเอง


          “แต่ถ้าเจี๊ยบจะใจดีป้อนอา อาก็จะดีใจมาก”



ป้อนอาหน่อย อาอ่อยนานแล้ว ติดแฮชแท็กด้วยได้มั้ย



          “งั้นเดี๋ยวหนูป้อนอาลอนะ”เด็กก็คือเด็กวันยันค่ำ หลอกง๊ายง่าย มันน่าหลอกไปทำอย่างอื่นที่ตื่นเต้นๆอ่ะเนอะ


มือเล็กยื่นขนมครกมาจ่อปากคนเป็นอา พระลอมองปลายนิ้วสะอาดนั้นก่อนจะอ้าปากรับขนมครกโดยทำเนียนดูดเอานิ้วมือหลานเข้าไปด้วย เสียงดังจ๊วบพร้อมความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากคนที่ขึ้นชื่อว่าอาทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบอย่างรุนแรง


          “หวานจังเลยค่ะ”ไม่เว้นวรรคให้คนเด็กคลายความเขินสายตาหวานหยาดเยิ้มก็มองจ้องราวคนหน้าด้าน ศตายุอมยิ้มจนแก้มแทบแตก


ขนมครกที่ไหนจะมาหวานกันเล่า อาลอขี้ตู่จริงเชียว ศตายุป้อนขนมเข้าปากตนเองกับพระลอสลับกันไปจนชายหนุ่มบอกพอเพราะปกติไม่กินขนมที่มีกะทิมากนัก หันมาให้ความสนใจกับคนเด็กที่ยังคงนั่งกินขนมครกอย่างเอร่ดอร่อยอยู่คนเดียวแทน


         “หนูหายไม่สบายดีแล้วจริงๆเหรอคะ”คนแก่กว่าเหมือนนึกได้เอ่ยถามอย่างห่วงใจ เจ้าเจี๊ยบน้อยที่กำลังหย่อนขนมครกเข้าปากพยักหน้ารับหงึกหงัก แก้มฟูยิ่งอูมเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้าตัวยัดขนมอีกฝาเข้าปากตามไปติดๆ


          “หายดีแล้วจ้า สบายมากๆเลยตอนนี้”


          “หายดีก็ดีแล้ว...”ลลิตภัทรหันไปมองหลายคำพูดที่จะพูดต่อถูกกลืนหายไปในลำคอทันที เพราะศตายุยัดขนมเข้าปากไป 2 อันติด คราบกระทิจึงเล็ดมาเปื้อนริมฝีปาก และศตายุกำลังใช้ลิ้นกวาดคราบขาวของกะทิออก


เด็กน่ะ มันไม่คิดอะไรหรอก แต่อิ่ผู้ใหญ่นี่สิ ใจอกุศลคิดเป็นฉาก 18+ ไปเรียบร้อยแล้ว


          “อาลอเป็นอะไรจ๊ะ หน้าแดงๆ”ศตายุที่กวาดเอากระทิเข้าปากไปเรียบร้อยแล้วหันมาเจอพระลอหน้าแดงไปยั้นหูยั้นคอได้แต่เอียงคอถามอย่างแปลกใจ


ให้ตายเหอะ ขอหูกระต่ายกับถุงน่องตาข่ายให้ลลิตภัทรซักชุดแล้วจะไม่ลืมพระคุณเลย


          “ป่ะ..เปล่าค่ะ สงสัยอากาศจะร้อน”


          “หกโมงเช้าเนี่ยนะ หนูก็ว่าอากาศกำลังดีนะ ไม่เห็นจะร้อนเลย”คนเด็กว่าพลางเปิดหน้าต่างรถเพื่อเช็คสภาพอากาศ ก็เย็นดีนี่นา แล้วอาลอร้อนอะไรตรงไหนเนี่ย


แปลกคน...



           เกือบ 7 โมงเช้า รถกระบะของพระลอก็เข้ามาจอดเทียบ บรรดาพ่อครัวแม่ครัวเข้ามาช่วยกันยกของลงจากรถใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ พวกของสดถูกน้ำไปแช่ในถังน้ำแข็งใบใหญ่ ผักสารพัดชนิดที่ไม่ต้องแช่ถูกนำไปวางไว้มุมครัวบางส่วนถูกแบ่งออกมาเพื่อเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระเพล  สำรับสำหรับเลี้ยงพระเช้าถูกจัดเตรียมไว้แล้วทั้งคาวหวานรวมถึงผลไม้หลากหลายชนิด พิธีตอนเช้าเริ่มต้นขึ้นหลังจากพระขึ้นไปบนเรือน ศตายุและพระลอนั่งคู่กันพนมมือฟังพระอย่างสงบ ลูกเจี๊ยบไม่มีกริยายุกยิกซุกซนเหมือนที่เคยเลยซักนิด เมื่อพระสงฆ์สวดจบบรรดาแม่ครัวก็ทยอยกันยกอาหารขึ้นไปประเคนพระ ศตายุยื่นจานอาหารหลากหลายให้พระลอส่งต่อกันไปให้คนบนบ้าน ปลายนิ้วแตะกันเพียงน้อยแต่ทำเอาคนเด็กแก้มแดงปลั่ง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็อมยิ้มอย่างชอบใจ


หลังพระฉันท์เช้าเสร็จบรรดาแม่ๆก็ร้องเรียกให้แขกและผู้มาช่วยงานล้อมวงกินข้าว ศตายุตักข้าวให้ย่าโฉมและพระลอส่วนตนเองนั่งตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคอยตักกับข้าวให้ทั้งย่าโฉมและพระลอไม่ได้ขาด


          “แหม ปรนนิบัติพัดวีดีแบบนี้ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงฉันเป็นพี่โฉมฉันจะไปขอมาหมั้นมาหมายกับพ่อลอเลยเนี่ย”ผู้หญิงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับย่าโฉมเอ่ยทัก ศตายุนั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรพระลอเห็นหลานก้มหน้างุดก็ตักปลาทอดให้ลูกเจี๊ยบเงียบๆ


          “กินข้าวเถอะ”


          “เด็กมันนิสัยดี เจี๊ยบนี่ฉันก็เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ก็ไม่แปลกหรอกที่หลานมันจะช่างเอาอกเอาใจ รักเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ”ยังไม่ทันที่จะมีบทสนทนาอื่นใด้เพิ่มเติมร่างของศตายุก็โอนโอบกอดจากทางด้านหลัง


          “โอ๊ะ!!”


           “ลูกเจี๊ยบของเฮียยยยยย”เสียงทักทายด้านหลังทำให้ศตายุหันไปมองก็พบกับรุ่นพี่ที่สนิทกันมากกำลังกอดตนเองจากทางด้านหลัง


          “พี่สอง!! กลับมาตอนไหนทำไมเจี๊ยบไม่เห็นอ่ะ”สอง หรือสรุศักดิ์ลูกชายคนรองของทิดอ่ำยกมือไหว้ผู้ใหญ่รอบโต๊ะ ชายหนุ่มตีรถกลับมาร่วมงานบวชของพี่ชายคนโตหลังสอบเสร็จ บรรดาคนแก่ต่างเอ่ยทักกันเกรียวกราวแสดงถึงความโซฮอตของเจ้าตัว


เมื่อก่อนมีเจี๊ยบที่ไหนมีสองที่นั่น


เป็นคู่หูกันมาตั้งแต่เจี๊ยบยังเด็ก


          “กลับมาเมื่อกี๊เอ็งเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวถึงไม่รู้ว่าพี่มา น่าน้อยใจชิบหาย”


          “แล้วกินข้าวยังเนี่ยพ่อกับแม่พี่อยู่ข้างบนไปหามาแล้วหรือยัง”


          “เดี๋ยวค่อยไปหา มาหามึงก่อนคิดถึงชิบหายมาให้พี่ฟัดแก้มหน่อยซิ๊ไม่เจอปีเดียวทำไมแก้มฟูจังวะ”


           “งื้อ...หนูโตแล้วนะพี่สองจะมาหอมแก้มได้ไงอายคนเขา”คนตัวเล็กดันหน้าของพี่ที่สนิทออกไปทันที พระลอมองเด็กสองคนหยอกล้อกันแล้วก็รู้สึกหัวร้อนแปลกๆ


คือไอ้สองไอ้สามสี่ห้าหกเจ็ดแปดนี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ แต่มันมาแป๊บเดียวมันทั้งกอดทั้งลูบลูกเจี๊ยบของเขาได้มากพอๆกับที่เขาทำมาตลอดเดือนเลยทีเดียว แถมมันทำได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆในขณะที่เขาต้องแอบๆทำ



ไม่ยุติธรรม!!


หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อยแล้ว แม่ครัวก็เริ่มเตรียมกับข้าวสำหรับเลี้ยงเพล พระลอกับสองโดนมอบหมายให้ช่วยหั่นผักเตรียมของต่างๆไว้เพื่อปรุง ส่วนศตายุไปนั่งช่วยย่าโฉมหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อทำสังขยาฟักทอง แยกไว้ 5 ลูกเพื่อทำแบบทั้งลูก


          “ย่าจ๋าแกะสลักฟักทองไปด้วยเลยมั้ยเพื่อความสวยงาม”ศตายุเงยหน้าไปถามย่าโฉมที่กำลังตอกไข่เป็ดใส่กะละมังใบใหญ่


         “หนูจะแกะเป็นรูปอะไรล่ะ?”


           “โปเกม่อน!!”


          “งั้นไม่ต้องแกะหรอกพระน่าจะไม่ฉันท์ตัวการ์ตูน”พระลอเอ่ยแซวจนศตายุทำปากยู่ใส่


เนี่ย...ทำอะไรก้น่ารักน่าเอ็นดูน่าบดจูบตลอดอ่ะ


          “เดี๋ยวหั่นของเสร็จไปเอาแห้วในถังน้ำแข็งมาหั่นนะลูก เย็นจะทำทับทิมกรอบเมื่อเช้าบ้านตาเฉียบเอามะพร้าวกะทิมาให้สิบกว่าลูก”


          “ดีจังหนูอยากกิน”


           “ตะกละนะมึงไอ้เจี๊ยบ”สองโยนมะเขือเปราะใส่น้อง


           “แล้วตัวเองไม่ชอบกินหรือไงล่ะ”เถียงเก่ง พระลอมองเด็กสองคนเถียงกันพลางซอยใบมะกรูดที่จะใส่ในหอยดองอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่นานทุกสิ่งที่ต้องเตรียมก็เสร็จพระลอจำใจต้องขอตัวกลับบ้านเพราะพระลักษณ์โทรมาตามให้ไปช่วยที่โรงสี แม้จะเอ่ยปากชวนลูกเจี๊ยบให้กลับด้วยกันแต่เด็กน้อยบอกว่าตนเองต้องกลับพร้อมแม่ พระลอรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆเมื่อลูกเจี๊ยบดูจะให้ความสนใจกับรุ่นพี่คนนั้นมากกว่าตน  ย่าโฉมจึงถือโอกาสกลับมาบ้านนอนเอนหลังแล้วอาบน้ำอาบท่ากลับไปบ้านงานอีกครั้งในตอนเย็นที่มีกินเลี้ยงครั้งนี้ย่าโฉมไปบ้านงานพร้อมสามีพระลอที่หงุดหงิดกลับมาจึงไม่ได้ตามไปส่ง เขาไม่รู้ว่าป่านนี้ศตายุกลับมาแล้วหรือยังชายหนุ่มเข้านอนในตอนสามทุ่ม




          เสียงไก่ขันในรุ่งเช้าพระลอตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกเดินไปดูนาและแปลงผักที่อยู่ข้างบ้าน คนงานเริ่มทยอยมากันตอนเจ็ดโมงครึ่ง เอ่ยทักทายพูดคุยแล้วกลับเข้าบ้านในตอนสาย เสียงหมอทำขวัญนาคดังแว่วมาให้ได้ยิน ทำนองหวานเสนาะพูดถึงบุญคุณน้ำนมของแม่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ให้มาตั้งแต่แรกคลอด หน้าที่ๆลูกผู้ชายควรทำ นึกถึงสมัยตนเองบวชพระลอเลือกที่จะบวชเงียบๆในวัดที่กรุงเทพมีเพียงพ่อแม่พี่น้องญาติๆและเพื่อนสนิทเท่านั้น ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปรอที่วัดตอนเขาแห่นาคเข้าโบสถ์ เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพระลอก็ต้องหยุดเมื่อขบวนแห่นาคเดินมาถึงก่อน  พวกนักเต้นต่างออกลวดลายตามจังหวะแตรวงอย่างเมามันโดยที่ตัวนาคเองก็โดนเขย่าไปตามจังหวะเพลงด้วย สารพัดเพลงถูกเล่นในจังหวะเร้าใจ เสียงโห่ฮิ้วดังมาเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของลลิตภัทรก็ไปสะดุดกับใครบางคน


ใครบางคนที่มีแก้มฟูๆในชุดเสื้อยืดสีเหลืองอ๋อย กางเกงยีนส์สีซีดยาวแค่เข่า ที่สำคัญบนใบหน้าปรากฏแว่นตาดำกำลังออกสเต็ปกับคนที่ชื่อสองอย่างเมามันส์ ท่าเต้นที่เห็นนั้นเป็นท่าที่อ้อนตีนเป็นที่สุด ทั้งยกแข้งยกขาโบกมือไปมาถอยหน้าถอยหลังเหมือนคนเมาก็ไม่ปาน หากไปเต้นตอนสงกรานต์ท่าเต้นเหล่านี้เป็นท่าเต้นของเด็กแว๊นซ์ดีๆนี่เอง  เสียงเพลงขอใจแลกเบอร์โทรดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อถึงจังหวะเอิ้วๆร่างบางนั้นก็เด้งนมเข้าใส่สุรศักดิ์อย่างสู้ตาย


พระลอคิดมาตลอดว่าศตายุเป็นเด็กเรียบร้อย จนกระทั่งมาเห็นคนเด็กกว่าออกสเต็ปอยู่หน้าขบวนแห่นาคนี่เอง...


นักเต้นเท้าไฟประจำหมู่บ้านสินะ...


ลลิตภัทรจะเป็นลม....



ดิ้นเก่งเต้นเก่งจังเลยนะคะหนู มันน่าจะให้มาดิ้นใต้ร่างอาซะจริงๆเลย



..................................................

ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไปใจให้เก็บรักษา เอิ๊วๆๆๆๆๆๆ

เต้นหน้านาคนี่เป็นการประกาศศักดาว่าข้านี่น่ะนักเต้นตีนทองแห่งท้องทุ่งเลยแหล่ะ ใครเต้นเก่งดูได้จากงานนี้
พระลอหึงเจี๊ยบด้วย ว่าแต่หึงไปเขารู้ตัวมั้ยว่าหึงอะ แล้วสองคือใคร จะมาเป็นขวากหนามชิ้นใหญ่ของพระลอรึไม่ต้องลุ้น แต่มีสองก็ดีพระลอจะได้รู้ว่ามีคู่แข่งจะมาเอาแต่ใจตัวเองมากไม่ได้เดี๋ยวเด็กไม่เลือกตัวเองหึ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 09:54:08

(https://scontent.fbkk22-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/31590054_2069028329791998_7427511623301988352_n.jpg?_nc_cat=103&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.fna&oh=87bf55df03c47c7d6ce12132da3b620b&oe=5C7846EE)

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑o




                ในที่สุดวันเลือกตั้งก็มาถึง พระลอถูกผู้ใหญ่ชลิตลากไปสังเกตการณ์ที่ศาลาวัดตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มหลบมุมปลีกตัวจากผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามานั่งสวดมนต์ในโบสถ์อย่างเงียบๆ
 
ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นพระลอก็จะกลายเป็นคนโกหก แม้ใจจะไม่ได้อยากได้อยากดีกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่เขาก็ยังแอบหวังลึกๆว่าชาวบ้านจะเลือกเขาไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนตัวเอง
 
ความคิดขัดแย้งกันในหัวจนอดที่จะทุบกำปั้นลงบนศีรษะตัวเองไม่ได้
 
                “หัวมันเป็นอะไรล่ะจ๊ะอาลอ ไปตีมันทำไม? ตีซะแรงไม่เจ็บหรอกหรือจ๊ะ”พระลอหยุดมือที่เขกหัวตัวเองโป๊กๆเมื่อได้ยินน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของคนที่เดินเข้ามานั่งเคียงข้าง ศตายุกราบพระประธานในโบสถ์ก่อนจะจรดมือที่พนมไหว้แตะหน้าผากหลังกราบพระเสร็จ ร่างเล็กของคนเด็กกว่าหันมายิ้มให้เขาตาใสแจ๋ว
 
                “มาทำอะไรคะ อายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะเลือกตั้งซักหน่อย”
 
                “หนูก็มาให้กำลังใจอาลอไงจ๊ะ”ตอบกลับไปตามจริง พระลอส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ภาพจิ๊กโก๋เต้นหน้านาคเมื่อวานยังติดตาเขาไม่น้อย ศตายุสนุกสนานอยู่กับสุรศักดิ์จนไม่ได้สังเกตการมีตัวตนอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ เต้นแอ่นหน้าแอ่นหลังโยงโย่โยงหยกจนแห่นาครอบโบสถ์ครบสามรอบ แถมยังตั้งตัวเป็นหัวโจกแย่งเหรียญโปรยทานกับบรรดาเด็กๆอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำ
 
ถ้าอยากได้เงินมากนักทำไมไม่บอกอาคะ จะไปแย่งเหรียญบาทเหรียญสองบาททำไม แบงค์พันอามีเป็นฟ่อนเกิดไปมีเรื่องกับใครควักออกมาปึกหนึ่งตบฟันร่วงได้เลยเพราะเงินของอาหนามาก
 
                “หนูจะมาให้กำลังใจอาทำไมล่ะ ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นกับนายสองอะไรนั่นล่ะคะ ดูจะสนิทกันมาก”อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ ก็หลังจากนาคเข้าโบสถ์ไปแล้วเขาก็ไม่เห็นว่าศตายุกับสุรศักดิ์จะแยกกันซักนาทีเดียว ตัวติดกันยังกับแฝดสยาม เขาเหมือนถูกเหวี่ยงออกจากวงโคจรของคนเด็กกว่า
 
                “ก็หนูรู้ว่าอาลอต้องตื่นเต้น โอ๋ๆไม่ตองกลัวนะไม่ว่าผลจะเป็นยังไงอาลอก็ต้องเข้มแข็งรู้ป่าวจ๊ะ”
 
                “แล้วถ้าหนูเลือกตั้งได้หนูจะเลือกใครคะ?”
 
                “หนูก็ต้องเลือกอาลอสิ จะไปเลือกคนอื่นทำไม อีกอย่างวันนี้คนที่ควรเป็นตัวเด่นคืออาลอ พี่สองน่ะหนูไปเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้”
 
                “กับอาจะเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกันนะคะ”เอ่ยตอบออกไปด้วยความปากไว
 
เขาอิจฉาสุรศักดิ์ อิจฉาเหมือนเด็กขี้อิจฉาที่โดนแย่งของเล่นที่มีชิ้นเดียวแล้วใครอีกคนก็ไม่รู้มาแย่งไป
 
                “กับอาลอจะเล่นหัวแบบที่เล่นกับพี่สองได้ยังไงล่ะ อาลอเป็นผู้ใหญ่ กับพี่สองน่ะหนูเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พี่สองเป็นหัวหน้ากลุ่มส่วนหนูเป็นรอง แต่ตอนนี้น่ะหนูเลื่อนมาเป็นหัวหน้าแล้วนะ พี่สองเป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนสนิทของหนูเลย มาย เบส เฟรนด์ อาลอรู้จักป่าว”
 
                “จริงนะ เป็นแค่เพื่อนจริงๆน่ะเหรอ”เอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ศตายุเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วร้องฮื่อเบาๆ
 
                “ดีใจจัง”คนแก่กว่าพูดออกมาตอนนี้ในใจของพระลอนั้นพองฟูยิ่งกว่าแป้งโดที่กำลังขึ้นฟูเพราะได้ยีสต์ดี เขาเชื่อที่ศตายุพูด ที่ผ่านมาเจี๊ยบเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะซื่อตรงสิ่งที่คนเด็กกว่าพูดออกมาเชื่อถือได้แทบทั้งสิ้น
 
เป็นเขาที่บ้าบอหึงหวงไปเอง
 
ใช่ พระลอรู้ตัวดีว่าเขานั้นหึงคนเด็กกว่ากับรุ่นพี่คนนั้น ความรู้สึกของเขาชัดเจนเข้มข้นขึ้นทุกวัน ศตายุเป็นเพียงเด็กอายุแค่ 15-16 ที่เข้ามามีอิทธิพลในใจของเขาอย่างรวดเร็ว ยามกินก็นึกถึงหน้า ยามจะนอนก็คิดถึงกลิ่นหอมๆที่ติดตามเนื้อนวลของหลาน ใจของพระลอนั้นฟุ้งซ่านราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองมาหลายอาทิตย์แล้ว
 
ศตายุช่างร้ายนัก มาล้อเล่นลวงกลกับใจเขา ทั้งๆที่คิดว่าใจของเขามันตายด้านไม่รู้สึกรู้สากับความรักไปนานแล้ว บัดนี้มันกลับเต้นตุบร่ำร้องเรียกหาความรักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
 
และเขาเองก็มั่นใจว่าหลานเองก็รู้สึกดีๆกับเขา แม้ว่าลลิตภัทรจะยังไม่ได้คำตอบที่เคยถามหลานไปก็ตามที
 
เพราะตั้งแต่วันนั้นศตายุยังไม่ได้มาที่บ้านเขาอีกเลย มีเพียงเขาที่พายเรือข้ามไปหา
 
ช่างใจง่ายใจดายเสียจริงพระลอเอ้ย
 
ศตายุไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกลับมาอีกเด็กน้อยทำเพียงนั่งเงียบๆเคียงคู่เขาจนกระทั่งเที่ยงถึงออกไปหาอะไรกินกัน พ่อแม่พี่ๆหลานๆของลลิตภัทรนั่งอยู่ด้านนอกศาลาวัด ทุกคนมีท่าทางนิ่งสงบแต่ดวงตานั้นฉายชัดว่าตื่นเต้น
 
เป็นการเสี่ยงอยู่ที่ให้ลลิตภัทรที่จากบ้านเกิดไปนานเกือบ 20 ปี มาสมัครตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่ทุกคนก็เชื่อว่าอย่างน้อยด้วยชื่อเสียงของผู้ใหญ่ชลิตที่สั่งสมมาหลายสิบปีจะช่วยการันตีให้ลูกชายได้ว่าลลิตภัทรก็จะทำประโยชน์ให้หมู่บ้านได้ดีเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดรวมทั้งศตายุกลับมาล้อมวงกินข้าวที่บ้านแล้วกลับไปที่จุดเลือกตั้งอีกครั้งในตอนปิดหีบเลือกตั้ง การนับคะแนนเป็นไปอย่างสนุกสนาน คะแนนของลลิตภัทรตอนแรกตีคู่มากับคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านอีกคนที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งมา 2-3 ครั้งแล้ว แต่ในที่สุดการนับคะแนนก็เสร็จสิ้นลงในตอนเย็น
 
ลลิตภัทรชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
 
ได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ไปอย่างสวยงาม แดนดินที่มาสังเกตการณ์การเลือกตั้งเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่คนใหม่ตามมารยาท
 
                “หวังว่าต่อจากนี้ไปจะร่วมมือกันทำงานและพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปนะพระลอ”แม้ว่าในใจจะยังมีทิฐิหลงเหลืออยู่บ้างแต่เมื่อตอนนี้มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและต้องใช้ความร่วมมือกันพระลอก็ยอมสลัดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าแดนดินทิ้งไป
 
                “ขอบคุณ”พระลอจำใจต้องยื่นมือไปจับมือกับแดนดินตามมารยาท เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงได้พากันกลับบ้าน ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าพ่อและแม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจโดยมีพี่ๆนั่งล้อมวงอยู่ไม่ห่าง
 
                “ต่อไปจะทำอะไรเห็นแก่ส่วนรวมมากๆนะลูก เป็นปากเป็นเสียงเป็นสมองแทนชาวบ้านที่เขาเป็นเพียงแค่ตาสีตาสา รักชาวบ้านให้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับเรา”
 
                “ครับ ผมยังไม่รู้อะไรเลย หลังจากนี้คงต้องขอให้พ่อคอยบอกคอยสอนไปก่อนนะครับ”
 
                “พ่อคงให้ได้แค่คำแนะนำ แต่เรื่องการดูแลชาวบ้านต่อจากนี้ลอต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าลอสามารถดูแลพวกเขาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่ถูกพ่อชักใยอยู่เบื้องหลัง”
 
                “ครับพ่อ แต่ผมก็กลัวนะว่าจะทำได้ไม่ดีพอกับที่ชาวบ้านให้ความไว้ใจ”
 
                “ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปเอาความรู้ที่ไปร่ำเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เอาของสมัยใหม่เข้ามาแต่ก็อนุรักษ์ของเก่าไว้ไม่ให้สูญหายไปน่าจะดีที่สุดสำหรับคนในหมู่บ้านเรา”
 
                “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำแต่คงต้องค่อยๆ อย่างหนึ่งที่สำคัญคืองบประมาณ ต่อให้อยากทำให้ดีแต่ถ้างบไม่ถึงมันก็ยาก”
 
                “อย่างนั้นก็ต้องไปคุยกับกำนันว่าจะจัดสรรงบประมาณยังไง คืนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน พระลอเดินเล่นมาที่ท่าน้ำ ทางฟากนู้นไฟที่ศาลาริมน้ำเปิดสว่างศตายุนั่งเล่นอยู่กับสองและเจ้าจอมหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของศตายุสดใสเช่นเคยเด็กน้อยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขายืนมองอยู่
 
บางทีอายุของเขาอาจจะมากเกินไป มากจนเกือบจะเป็นพ่อของศตายุได้เลยด้วยซ้ำ
 
หรือว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่เหมาะสมกันนะ ปล่อยให้เด็กได้มีช่วงวัยแห่งความรักกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันมันจะดีกว่านี้มั้ยนะ
 
ถ้าตัดใจตอนนี้จะทันมั้ย รักหลานให้สมกับที่เป็นอาหลานกันจริงๆจะดีหรือเปล่านะ
 
 
                ช่วงสายของวันเสาร์บ้านของพระลอก็คึกคักเนื่องจากมีแขกมาจากกรุงเทพ ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างเมื่อบรรดาเพื่อนๆทยอยลงมาจากรถ จับไม้จับมือกอดทักทายกันเสียงดังขรมไปหมด หญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวยลงมาจากรถยนต์อีกคัน หล่อนรีบเดินปรี่มาหาพระลอเอ่ยทักทายพลางสวมกอดและจูบที่ข้างแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้าง ศตายุที่นั่งเจียนหมากให้ย่าโฉมถึงกับชะงักมือทันที
 
ใจเดือดปุดๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
 
ทำไมต้องกอดอ่ะ
 
แล้วทำไมต้องจูบแก้มกัน
 
เป็นอะไรกันเหรอทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นด้วยอ่ะ
 
แล้วดูอาลอสิ กับเขาอ่ะ 2-3 วันมานี้ทำนิ่งทำขรึมไม่หยอกเย้าเหมือนเช่นเคย แต่พอผู้หญิงเข้าหานี่ยิ้มจนตาหยีเหงือกนี่บานโต้ลมจนจะแห้งอยู่แล้ว น่าเอาหมากเขวี้ยงกบาลนัก
 
มีอะไรให้ถูกอกถูกใจกันนักหนานะ
 
อารมณ์ไม่ดีสุดๆแล้วนะตอนนี้
 
                “ลอ ไม่ได้เจอกันนาน ผอมลงมั้ยคะเนี่ย”น้ำเสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วพลางจับชายหนุ่มหมุนซ้ายหมุนขวา
 
ผอมเผิมอะไรกันตอนมาตัวเท่าไหนตอนนี้ก็ยังตัวเท่านั้นเหมือนเดิมแหละ ยัยผู้หญิงคิดไปเอง
 
                “ลอผอมเพราะไม่มีคนคอยป้อนข้าวให้กินไงครับ”ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ บรรดาเพื่อนผู้ชายทำเสียงแหวะราวกับจะอ้วก
 
อะไร?? อาลอเป็นง่อยอ่อ ต้องมีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ
 
                “ไปๆ ขึ้นไปบนบ้านไปไหว้พ่อไหว้แม่กูกันก่อน”พระลอหันไปชวนเพื่อนๆอีก 4-5 คนที่เหลือให้ขึ้นมาบนบ้าน ที่ท่อนแขนแกร่งถูกมือเรียวของหญิงสาวหนึ่งเดียวในคณะเกาะแจ ศตายุขยับตัวไปนั่งด้านหลังย่าโฉมเมื่อกลุ่มเพื่อนๆของลลิตภัทรขึ้นมาไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของบ้าน
 
                "ไหว้พระกันเถอะจ้า พ่อลอบอกอยู่ว่าเพื่อนจะมาเที่ยวหาฉลองที่ได้รับตำแหน่ง”
 
                “แหม เห็นลอเค้าพูดถึงคุณแม่บ่อยๆ ตัวจริงยังสาวยังสวยกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะคะ ไม่เห็นจะแก่เลย ลอน่ะหลอกแอน”หญิงสาวว่าพลางตีลงบนต้นแขนของชายหนุ่มอย่างสัพยอกหยอกเย้า นัยหนึ่งคล้ายจะแสดงถึงความสัมพันธ์ที่มากเกินกว่าเพื่อนทั่วไป
 
                “แล้วน้องหน้าตาน่ารักนี่ใครวะลอ”เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยที่นั่งทำสีหน้าแปลกๆอยู่ข้างหลังแม่ของเพื่อน
 
                “อ่อ นี่ลูกเจี๊ยบลูกของเพื่อนบ้านอยู่ฟากนู้นน่ะ เจี๊ยบนี่เพื่อนๆอานะคะ”ชายหนุ่มหันไปแนะนำลูกเจี๊ยบให้เพื่อนๆรู้จัก เด็กน้อยยกมือไหว้เพื่อนๆของพระลอทุกคนแม้จะรู้สึกไม่อยากจะไหว้ผู้หญิงชื่อแอนอะไรนั่นนักก็ตาม
 
ใจตอนนี้ร้อนรนและรู้สึกเดือดแปลกๆ
 
ลูกเจี๊ยบกำลังอารมณ์ไม่ดีและอยากจะจิกใครซักคน ทนนั่งเป็นส่วนเกินได้ไม่นานลูกเจี๊ยบก็ขอลากลับบ้านตัวเอง พระลอไม่ได้สนใจตนเองซักน้อยยังคงนั่งคุยหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนโดยมีปลิงนมโตเกาะอยู่ไม่ห่าง
 
ยืนเองโดยไม่เกาะจะตายเหรอหรือกลัวล้มเพราะหนักนม??
 
พาล ตอนนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าลูกเจี๊ยบพาลมาก เด็กน้อยนั่งตีขาในน้ำด้วยความหงุดหงิด
 
และเหมือนวันนี้จะเป็นวันแห่งความหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพระลอและเพื่อนๆหอบเอาเหล้ายาปลาปิ้งมานั่งกินกันที่ศาลา ทุกคนใส่เพียงกางเกงขาสั้นท่อนบนเปลือยเพราะกะจะมาเล่นน้ำกัน จะไม่อะไรเลยถ้าผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มนุ่งบิกินี่โดยมีผ้าผืนบางพันท่อนล่างมาด้วย
 
อะไรดลจิตดลใจล่ะแม่คุณเอ๊ย นี่น้ำคลองนะไม่ใช่สวนสยาม
 
แล้วดูดิ่ ใส่ทูพีชสีดำสวยคล้องคอ เลือกไซส์ผิดเหรอทำไมนมปลิ้นซะขนาดนั้นล่ะ แล้วดูสายตาอาลอสิ มองไม่วางตาเลยมันน่าควักลูกตาออกมาเหยียบๆๆๆซะจริงๆเลย
 
หญิงสาวแก้ปมผ้าที่คลุมท่อนล่างออกเผยผิวขาวเนียนโยนลงบนพื้นศาลาแล้วก้าวลงน้ำด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่ ลลิตภัทรก็ผู้ชายปกติไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่มีของขาวมาล่อตาล่อใจแล้วจะไม่มอง อีกอย่างตอนอยู่กรุงเทพเขากับอริตาก็วัวเคยขาม้าเคยขี่กันมาก่อนการจะมองเรือนร่างขาวอร่ามนั้นก็ไม่ได้แปลกเลยซักนิด มากกว่านี้ก็เคยมองมาแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าฟากนู้นมีร่างของใครคนหนึ่งนั่งหัวโด่มองมาที่เขาตาเขียวปั้ด ชายหนุ่มรับแก้วเหล้าจากเพื่อนดื่มไปหันไปคะขากับหญิงสาวตามที่หล่อนเรียกไป ร่างบางว่ายวนราวกับนางเงือกสาวดำลงน้ำแล้วทะยานขึ้นมาจนหยาดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว บรรดาเพื่อนๆต่างก็รู้ดีว่าอริตานั้นชอบพระลอมากขนาดไหน ไม่ต้องมีใครเอ่ยปากพูดก็รู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังอ่อยพระลออยู่ เนินอกขาวผ่องลอยเด่นเหนือผิวน้ำ พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตั้งแต่กลับมาบ้านเขาก็ห่างหายจากกิจกรรมอย่างว่าไปเลย ความรู้สึกเสียวๆที่ท้องน้อยเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด จิบเหล้าเข้าปากอย่างใจเย็น ยังมีเวลาให้เล่นกันอีกเยอะปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยปากออดอ้อนให้เขาลงมาเล่นน้ำด้วยกันไม่ขาดปาก
 
                “ลอขา ลงมาเล่นน้ำกับแอนสิคะ น้ำเย๊นเย็น”หญิงสาวเกาะกระดานพื้นศาลาเอ่ยเสียงหวานซึ่งชายหนุ่มก็ก้มหน้าไปคุยจนเกือบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
 
                “แอนเล่นไปก่อนเลยครับขอลอกินเหล้ากับไอ้พวกนี้อีกหน่อย”
 
                “ไอ้เหี้ย....แม่ง”อยู่ๆเสียงเพื่อนที่นั่งข้างๆก็ดังขึ้น คนอื่นๆพลอยทำเสียงฮือฮาไปด้วยพระลอที่ยกเหล้าขึ้นจิบหันไปมองตามสายตาเพื่อนๆก็พบกับ
 
 
พรวดดดดดดดดด!!!!!!!
 
ศตายุยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างบางค่อยๆถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกแล้วปล่อยให้หลุดมือลงกับพื้น ยืดตัวบิดขึ้เกียจจนรูปร่างฉายชัดถึงสัดส่วนได้รูปพอดีตัว กายขาวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องมาพอดี ยอดอกแต้มสีระเรือรำไรเผยให้เห็นรับกับเนินเนื้อน้อยๆ หน้าท้องแบนราบและหลุมสะดือสวยรับกับเอวคอดกิ่ว กางเกงขาสั้นที่ใส่บัดนี้ขอบกางเกงร่นลงต่ำอย่างหมิ่นเหม่จนเห็นขอบกางเกงชั้นในสีขาว ยามบิดตัวสะโพกกลมกลึงก็อวดโฉมสู่สายตานับสิบคู่ พระลอถึงขั้นสำลักเหล้าที่กำลังดื่มเข้าปาก เขาไอจนหน้าดำหน้าแดง ศตายุไม่ได้ลงเล่นน้ำหากแต่กลับนั่งลงกันพื้นศาลาแล้วเอาเท้าแกว่งในน้ำเช่นเคย
 
                “เหี้ย เด็กผู้ชายอะไรวะทำไมหุ่นเซี๊ยะขนาดนี้”
 
                “นี่ขนาดถอดแค่เสื้อยังโซฮอต ถ้าถอดทั้งตัวนะมึงเอ้ย โด่ไม่รุ้ล้มแน่ๆ” เพื่อนๆของเขาจ้องเจ้าลูกเจี๊ยบไม่วางตา จ้องไปก็พูดจาสองแง่สองง่ามใส่เด็กที่นั่งเอามือท้าวพื้นด้านหลังจนหน้าอกแอ่นขึ้นเล็กน้อย
 
และโดยที่ยังไม่ทันคิดอะไรเสียงของหนักก็หล่นลงไปในน้ำ ผิวน้ำเกิดแรงกระเพื่อมกว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวพระลอก็โผล่ขึ้นมากลางลำคลองไปเสียแล้ว แขนยาววาดวงกว้างเพื่อส่งตัวเองให้ไปถึงฝั่งนู้นไวๆ
 
                “ทำไมมาถอดเสื้อแบบนี้คะ”เมื่อถึงอีกฝั่งก็คร่อมขาของหลานไว้ เอ่ยเสียงดุ
 
                “จะมาสนใจหนูทำไมล่ะจ๊ะ ไปสนใจป้าคนนั้นเถอะ คนที่นมโตๆน่ะ”เด็กน้อยว่าพลางบุ้ยปากไปให้ผู้หญิงที่ทำหน้ากระเง้ากระงอดอยู่ฝั่งนู้น เสียงเพื่อนๆโห่แซวมาหากแต่พระลอกลับไม่สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแต่เจ้าเด็กนี่ที่ทำหน้าตึงใส่เขาเสียมากกว่า
 
                “เป็นอะไรคะทำไมวันนี้ทำตัวไม่น่ารักเลย?”
 
                “หนูจะทำตัวยังไงมันก็เรื่องของหนูนี่จ๊ะ ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารักสิ อาลอจะมาสนใจหนูทำไมล่ะ”
 
                “ใส่เสื้อแล้วกลับเข้าบ้านไปค่ะ อย่าให้อาลอต้องดุ” ชายหนุ่มกดเสียงให้ต่ำเพื่อจะบอกกับลูกเจี๊ยบให้รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้พูดเล่น จับเท้าของหลานที่ยังแกว่งในน้ำไว้แน่นจนหลานจำเป็นต้องหยุดแกว่ง สายตาของคนทั้งคู่จ้องกันราวกับจะฟาดฟันสู้รบ
 
                “อาลออย่ามาเอาแต่ใจ 2-3 วันที่ผ่านมาก็ไม่สนใจหนูอยู่แล้วนี่”น้ำเสียงที่เปล่งออกบ่งบอกถึงความน้อยใจที่มี ดวงตากลมพลันปรากฏน้ำใสคลออยู่จางๆ
 
                “อาไม่สนใจหนูตรงไหนคะ”
 
                “ก็อาลอไม่เล่นไม่คุยกับหนูเหมือนเดิม อาลอคงเบื่อจะคุยกับหนูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ หนูมันไม่เสียงอ่อนเสียงหวานแบบป้าคนนั้นนี่”
 
                “หนูงอนอาเหรอคะ?”เอ่ยถามเสียงเย้าเมื่อเริ่มจับความรู้สึกของคนเด็กได้ มือก็ส่งเสื้อให้หลานสายตายังเจือแววดุแต่ไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว ศตายุขยับเท้าเตะน้ำใส่หน้าคนแก่กว่าอย่างลืมตัว ซึ่งพระลอเองก็ไม่ได้คิดโกรธ กลับหัวเราะน้อยๆอย่างชอบอกชอบใจ ฝ่ามือหนาลูบขาหลานเบาๆอย่างถือวิสาสะ
 
                “ใครจะไปงอน ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยอย่ามามั่ว”
 
                “ถ้าไม่ได้งอนงั้นก็แปลว่าหึง หนูหึงอาลอกับอาแอนใช่มั้ยคะ?”
 
                “อย่ามาโมเม ใครจะไปหึงไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย”คนเด็กผลักหน้าของอาที่ฉวยโอกาสจุ๊บลงมาบนหลังเท้าของตัวเอง เพราะหันหลังเพื่อนๆจึงไม่เห็นการกระทำนั้นหากแต่คนเด็กกลับสะท้านไปทั้งอก ยอดอกที่ตอนแรกตุ่ยๆกลับกลายเป็นขึ้นเม็ดล่อตาล่อใจ
 
                "ก็พายเรือข้ามมาหาอาซักทีสิคะ จะได้มีสิทธิ์หึงอาซักที”ชายหนุ่มลูบปลีน่องของหลานเบาๆ
 
                “ฮื้อ...ปล่อยหนูนะไม่ต้องมาลูบเลย”เบี่ยงขาหนีเมื่อรู้สึกแปลกๆหากแต่ลลิตภัทรยังคงจับให้หลานหันกลับมาทางเดิม
 
                “อายังรอคอยคำตอบของเจี๊ยบอยู่นะคะ ที่ 2-3 วันมานี้ไม่คุยเล่นกับหนูเหมือนเคยก็เพราะอาคิดว่าหนูคงไม่ชอบคนรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของหนูอย่างอา อาอยากให้หนูคิดพิจารณาความรู้สึกของตัวเอง ถ้าหนูชอบอาใจตรงกันกับอา อาก็จะดีใจมาก แต่ตอนนี้คนดีใส่เสื้อก่อนนะคะ ไอ้พวกเพื่อนอามันมองไปยั้นไหนๆแล้ว บอกตรงๆอาหวง”
 
                “งั้นอาลอก็อย่าไปมองนมป้าคนนั้นสิจ๊ะ หนูเห็นนะว่าอาลอมองไม่วางตาเลย แล้วก็เป็นอะไรกันทำไมป้าเขาต้องเกาะแขนเกาะขาอาลอตลอดด้วยหนูไม่ชอบเลย”
 
                “หนูโกรธเหรอคะ?”
 
                “ฮื่อ...หนูไม่รู้ รู้แค่ไม่ชอบ อาลอห้ามให้เขาเกาะแกะอีกได้มั้ย?”
 
                “ได้สิคะถ้าหนูไม่ชอบอาจะไม่ยุ่งกับเขาอีก”
 
                “อื้อ หนูไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆเลย อาลอมองนมเขาด้วยหนูเห็น หนูอยากจะจิกตาอาลอให้บอดเลย อยากมองมากนักเหรอจ๊ะ”คนเด็กยังหาเรื่องว่าเขาต่อ ลลิตภัทรเงยหน้าขึ้นหัวเราะเบาๆพลางช้อนสายตามองมายังหน้าอกของเด็กน้อย ริมฝีปากกระตุกยิ้มก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้คนเด็กหน้าร้อนจนแทบจะไหม้
 
                “อาไม่มองแล้วก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้นมที่อยู่ข้างหน้าอาน่ามองกว่าตั้งเยอะ”ศตายุรู้สึกร้อนวูบเมื่อพระลอพูดพลางมองมองจ้องมาที่หน้าอกของตนแถมยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากทำให้รู้สึกสะท้านวูบ เด็กน้อยรีบคว้าเสื้อมาปิดร่างกายของตัวเองไว้พลางขยับลุกขึ้นยืน
 
                “อาลอทะลึ่ง หนู...หนูขึ้นบ้านก็ได้”
 
                “อ้าว นึกว่าจะดื้อต่อ ไม่ลงมาเล่นน้ำกับอาเหรอคะ อาจะได้ช่วยขัดขี้ไคลให้ทั้งตัวเลย”
 
                “หนูไม่คุยกับอาลอแล้ว กลับบ้านตัวเองไปเลยไป”ศตายุออกปากไล่ก่อนจะสวมเสื้อกลับตามเดิม เด็กน้อยก้าวฉับๆกลับบ้านไปโดยไม่หันมามองพระลออีกเลย ชายหนุ่มหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางเขินๆนั้นของหลานแต่เมื่อหันกลับจะว่ายน้ำกลับบ้านก็พบว่าบรรดาเพื่อนๆจ้องมองเขาเขม็ง ส่วนอริตานั้นขึ้นไปนั่งบนศาลาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวใบหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
 
หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะตามไปง้องอนเพื่อหวังผลทางกายแต่เมื่อเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับน้ำเสียงเง้างอดของลูกเจี๊ยบน้อยแล้วชายหนุ่มก็ละความสนใจจากหญิงสาวไปทันที
 
อดเปรี้ยวไว้กินหวานอีกครั้งจะดีกว่า
 
แถมของหวานยังเนื้ออ่อนๆนุ่มๆซะด้วยสิ
 
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
 


........................................

อดเปรี้ยวไว้กินข้าวแดงในคุก

ชะนีนุ่งบิกีนี่เล่นน้ำคลองมีจริงๆนะคะ ไรท์เจอมากับตา ตอนนั้นไปตกปลาแรดที่คลองแยกไม่ออกเลยว่าระหว่างปลากับชะนีคนนั้นอะไรมันจะแรดกว่ากัน 5555555555555

คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

1 เม้นท์ 1 แท็ก เท่ากับล้านกำลังใจนะคะ

#พระลอตามไก่
บอกเลยตอนนี้โกรธพระลอมาก ถ้าตัวเองจะเว้นระยะห่างทำไมไม่บอกเจี๊ยบด้วย คิดเองเอเองแบบนี้ถ้านี่เป็นเจี๊ยบนี่จะโกรธนานๆเลย แถมกับผู้หญิงคนนั้นออกนอกหน้านอกตามาก ถ้าอยากขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาอ่อยเจี๊ยบ รู้แหละว่าเด็กไม่คิดมากแต่อยากให้เจี๊ยบโกรธนานๆ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 10:24:05




 

            พระลออยากจะถอดรองเท้าเขวี้ยงหัวคนเชียร์รำวงนัก เมื่อเพลงที่เขาชวนศตายุออกมารำอยู่ๆก็เปลี่ยนจังหวะไปเป็นสามช่า แถมเป็นเพลงของอาชาย เมืองสิงห์ ที่จังหวะโจ๊ะฝุดๆไปเลย




 

มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา หัวใจชายว่างขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา

 มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
มาลัยลอยวน เคยคล้องจนล้นคอชาย
มาลัยน้ำใจของแฟนเคยให้ล้นหลาม
เรารักกันจริง จะทอดจะทิ้งลงก็ตาม
อย่าเพิ่งใจดำ เป็นแฟนประจำ เถิดหวานตา
บ้านใกล้เรือนเคียง เคยฟังแต่เสียงชายครวญ
เคยชมชื่นชวน ไม่น่ามาด่วนตัดสัมพันธ์
เอารักมาคืน ไปรักคนอื่นทำไมกัน
นาวาสวรรค์ มารับจอมขวัญแล้วกานดา
ลืมหนุ่มหน้ามน อย่าพึ่งลืมคนชื่อชาย
เดี๋ยวนี้เป็นหม้าย เพราะแฟนมาหน่ายมาแหนง
ชาติจะดี ไม่ต้องทาสีก็คงแดง ค่าตัวไม่แพง
เพราะไม่เคยแข่งราคา คุณปู่คุณย่า คุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยาย
ลืมแล้วหรือไร หรือมีหลานใหม่เดี๋ยวนี้
พาร์ตเนอร์ที่รัก อย่าพึ่งรีบผลักไมตรี
ลองมารักพี่สักที เดี๋ยวนี้มีดีไม่แหกตา
...มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา
 หัวใจชายว่าง ขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา
มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
เป็นหม้ายมาหลายเวลา เพราะขาดคู่ขา ประจำ
ทนทุกข์ระกำ ไม่มีแฟนพร่ำนอนเพ้อ
ใครรักชายจริง รับรองไม่ทิ้งทอดเธอ
จะซื่อจนเซ่อ ชะโอละเหนอ ชะโอละชา
ขอบคุณแฟนแฟน ที่ยังเหนียวแน่นเป็นแฟนพี่ชาย
ด้วยความเต็มใจ สงสารพ่อหม้ายเอาบุญ
เพราะทุกข์จิปาถะ สงสารพี่นะจะขอบคุณ
ช่วยรับการุณ อย่าให้ขาดทุน เรื่องสีกา
มาซีมาซี มาเป็นแฟนพี่ไม่มีขาดทุน
หญิงใดใจบุญช่วยทำให้อุ่นหัวใจ หน้าชื่นตาบาน
ถ้าแฟนสงสารพี่ชาย หากพี่ดังอีกวันใด
รีบหมายใจและหมายตา เมียพี่มีชู้วงการเขารู้กันดี
เขาไม่ปราณี นักร้องอย่างพี่บุญน้อย
มัวร้องเพลงเพลิน คู่รักเลยเหินลมลอย
ผีซ้ำด้ามพลอย สงสารพี่หน่อยนะกานดา




 

          มันมาอีกแล้วครับ วิญญาณแว้นซ์ท้ายคลอง ศตายุออกเสเต็ปเทพใส่ลลิตภัทรอย่างลืมตัว ทำนองสามช่าโจ๊ะๆพาลให้แข้งขาขยับ เต้นยับแบบไม่สนโจงกระเบนที่ใส่ เสียงโห่ฮิ้วดังเชียร์เป็นระยะให้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเต้นสู้เจ้าเด็กที่ปกติเวลาแตะนิดหอมหน่อยตัวก็แดงเป็นกุ้ง ลลิตภัทรค่อยๆจับจังหวะเปลี่ยนจากรำมาเต้นย๊อกแย๊กสู้กับคนหลานผู้เฒ่าผู้แก่พากันล้อมวงจนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มกับลูกชายกำนันได้เต้นเด่นตรงกลาง แก้วเจ้าจอมปรบมือสลับกับหัวเราะราวกับพี้ใบกระท่อมมา  สองเต้นกระแย๊กๆถัดขาเข้าไปแจมแต่ลลิตภัทรก็เต้นกันพลางส่งสายตาเรียกแก้วเจ้าจอมให้เข้ามากั้น เด็กน้อยที่ฉลาดเฉลียวก็แถแถ่ดๆเข้ามาเต้นกันสุรศักดิ์ออกไปจากศตายุ พระลอมองภาพเด็กน้อยของเขาออกเสต็ปแบบลืมตายแล้วอยากจะร้องไห้สลับกับหัวเราะไปในคราวเดียวกัน ศตายุยืดแขนสูงทิ้งสะโพกพ้อยด์เท้าเมื่อทำนองสุดท้ายจบลง เสียงปรบมือกันเกรียวกราวบรรดานักเต้นต่างออกไปนอกวงแล้วเริ่มซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาเต้นในรอบต่อไป

 

            “อาเพิ่งรู้นะคะว่าเจี๊ยบเต้นเก่งขนาดนี้”ลลิตภัทรแกล้งชมเผื่อศตายุจะรู้ตัวบ้างว่าตัวเองนั้นดีดเสียเหลือเกิน

 

            “ฮื่อ หนูชอบเต้น อยู่ที่โรงเรียนเพื่อนก็ชอบให้เต้น ว่าแต่อาลอเถอะ...”คนเด็กมองมาที่เขาพลางอมยิ้มน้อยๆ

 

            ทำไมคะ อาทำไมเหรอ?”

 

            “อาลอเต้นแบบ...”เด็กน้อยทิ้งจังหวะคำพูดให้ได้ลุ้น

 

            “แบบอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอียงคอมอง

 

            “อาลอเต้นเหมือนลุงไขข้อเสื่อมกับเจ็บเอวเลยจ้า”

 

เฟล เฟลเหี้ยๆ นี่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นพูดลลิตภัทรสาบานได้เลยว่าจะเตะให้กระเด็น แต่นี่เป็นศตายุเจ้าเด็กยอดดวงใจของเขา พระลอจะม่ายโกด รอถึงเวลาอันพอเหมาะจะได้รู้ว่าอาลอน่ะ เข่าดีเอวเด้งขนาดไหน

 

            ยิ่งดึกขึ้นเรื่อยๆบรรยากาศในงานก็ยิ่งคึกคัก บรรดาเพื่อนๆของลลิตภัทรไม่ได้สนใจจะลอยกระทงมากนักแต่กลับไปยืนตามรำวงและเคลื่อนขบวนมาชมการประกวดนางนพมาศเมื่อตอนสามทุ่ม บรรดาสาวงามจากหลายหมู่บ้านทั้งพวกที่เดินสายประกวดและมือสมัครเล่นต่างขึ้นมาประชันโฉมกันพลางฉีกยิ้มและกลายร่างเป็นสาวมารยาทงามย่อตัวลงไหว้ทีจนคางแทบจะชิดไข่พิธีกรเพื่อหวังคะแนนจากกรมการและมาลัยที่ช่วยเพิ่มคะแนนให้ได้รับตำแหน่งมากยิ่งขึ้น ถ้วยรางวัลวางเด่นเป็นสง่า เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะคือหนึ่งหมื่นบาท อาจจะไม่ได้มากมายนักแต่หากใครได้ตำแหน่งจะกลายเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ลลิตภัทรจำเป็นต้องมานั่งใกล้แดนดินกับจิ๊บโดยมีอริตาตามติดเป็นเหาฉลามมานั่งหน้าแป้นอยู่ด้านหน้าตรงโต๊ะประธาน

 

ศตายุเบะปากให้กับภาพนั้นแล้วแยกตัวออกไปดูหนังกลางแปลงด้วยจิตใจขุ่นๆ ส่วนแก้วเจ้าจอมเมื่อได้พวงมาลัยขนมก็ตามไปนั่งช่วยจันทร์เจ้าขาขายกระทงที่เต๊นท์สุรศักดิ์ที่เป็นคู่หูคู่ฮาก็ไม่ได้ปล่อยให้น้องได้อยู่คนเดียว เมื่อก่อนเขากับลูกเจี๊ยบไปหัวหกก้นขวิดตะลอนกันทั่วหมู่บ้าน กลับมาครั้งนี้ก็ขอเล่นซนกันให้สมกับที่คิดถึงซักหน่อยเพราะหลังจากนี้เขาคงไม่ได้มาเที่ยวเล่นเป็นเด็กๆกับลูกเจี๊ยบแบบเมื่อก่อนแล้ว

 

สุรศักดิ์รู้ดีว่าตนเองต้องก้าวข้ามวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่การวางตัวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

 

            “เจี๊ยบกินลูกชิ้นปิ้งป่าวเดี๋ยวพี่เลี้ยง”ชายหนุ่มหันไปหาน้องน้อยที่ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงนั่งดูหนังกลางแปลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ศตายุหันมาพยักหน้าเร็วๆเป็นคำตอบ

 

            “เอาไส้กรอกอีสานด้วยนะพี่สองแล้วก็โค้กถุงหนึ่ง เอาปลาหมึกย่างด้วย 10 ไม้ เดี๋ยวๆเอาข้าวโพดคลุกเนยด้วยแก้วหนึ่ง”

 

            “จำได้ว่าถามว่ากินลูกชิ้นปิ้งมั้ยอย่างเดียวนะ”สุรศักดิ์ยันหัวคนน้องที่พอเปิดช่องเรื่องของกินก็สั่งราวกับคิดเมนูไว้แล้ว

 

            “ไรอ่ะ แค่นี้เลี้ยงน้องไม่ได้อ่อ”คนเด็กทำปากยู่อย่างขัดใจ

 

            “เออๆเดี๋ยวซื้อให้ รอแป๊บ”ศตายุหันกลับไปดูหนังต่อไม่นานที่นั่งข้างๆก็มีคนมานั่งด้วย

 

            “กลับมาเร็วจังล่ะพี่สอง...อ้าว อาลอ...”ศตายุปรับสีหน้าให้นิ่งเมื่อคนที่นั่งข้างๆไม่ใช่รุ่นพี่คนสนิทแต่เป็นผู้ใหญ่บ้านหน้าแฉล้มที่ถูกปลิงนมโตเกาะไม่ปล่อย

 

            “มานั่งนี่ทำไมจ๊ะแล้วป้าแอนก็ตามหาหรอก”

 

            “อาหนีมาน่ะ อยากนั่งกับลูกเจี๊ยบมากกว่า”กระแซะหัวไหล่กับแขนเด็กอย่างออดอ้อนงอนง้อเพราะรู้ดีว่าที่คนเด็กมานั่งทำท่ามึนตึงเกิดมาจากสาเหตุไหน ดูก็รู้ว่าศตายุกำลังงอน คนเด็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จ้องมองจอหนังตาแป๋วราวกับว่าหนังเรื่องนั้นมันสนุกนักหนาแต่อันที่จริงแล้วตอนนี้เด็กน้อยดูหนังไม่รู้เรื่องเลยซักนิด เพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาลอแตะมาโดนก็ร้อนวาบราวกับจับไข้

 

            “อาไม่ได้อยากให้เขามาเกาะติดนะคะ แต่อาปฏิเสธเขาไม่ได้ ยังไงเขาก็ผู้หญิง”

 

            “ใครถามจ๊ะ ไม่เห็นอยากรู้”

 

            “ก็มีคนงอนอานี่คะ ไม่พูดไม่คุยกับอาหนีมานั่งดูหนังกับคนอื่นปล่อยให้อาชะเง้อจนมอบรางวัลให้ผู้เข้าประกวดผิดๆถูกๆ”

 

            “แล้วนี่หนีเขามาได้ยังไงล่ะจ๊ะก็เห็นเกาะติดยังกับทากาวซะขนาดนั้น”แม้ว่าใจจะอ่อนยวบลงไปมากโขกับคำอธิบายแต่ก็ไม่วายจะถามหาใครอีกคนที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

 

            “ให้ไอ้พลพากลับบ้านพร้อมพ่อกับแม่อาไปแล้ว อยากเดินเที่ยวกับเด็กน่ารักๆ”

 

            งั้นอาลอคงต้องไปเดินกับเจ้าจอมเพราะหนูโตแล้ว”

 

            “ก็อยากเดินกับพี่ชายเจ้าจอมไม่ได้เหรอคะ จะเที่ยงคืนแล้วไปลอยกระทงกับอานะคะ ดีกันนะ นะๆ นะคะ ดีกัน อามาง้อแล้วนี่ไงคะ”ปลายนิ้วก้อยถูกส่งไปข้างหน้าคนเด็กพร้อมเสียงสองเสียงสามแสนงุ้งงิ้งขัดอายุ

 

            “ก็ได้ ดีด้วยก็ได้”ที่สุดเมื่อโดนคนแก่กว่างอนง้อ ศตายุก็หลุดยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นิ้วก้อยอูมๆส่งมาเกี่ยวกับนิ้วของลลิตภัทรที่รอท่าอยู่แล้ว ข้อมือเล็กถูกดึงให้ลุกขึ้นเดินตามตนเองไปยังซุ้มขายกระทง สุรศักดิ์ที่กำลังจะเดินกลับไปยังที่ฉายหนังปรี่เข้ามาหาศตายุ ลลิตภัทรทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะจ่ายเงินซื้อกระทงที่เจ้าลูกเจี๊ยบคุยอวดว่านี่เป็นของตนทำเอง แม้จะไม่สวยเท่าใบอื่นแต่ลลิตภัทรก็เลือกใบนั้นมาถือไว้พลางกุมมือหลานดึงให้เดินตาม สุรศักดิ์คว้าใบที่ใกล้มือที่สุดมาถือจ่ายเงินโดยไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวตามไปติดๆ

 

            “อาลอ...”ข้อมือที่ลลิตภัทรกุมอยู่กระตุกเบาๆ ชายหนุ่มหันไปเลิกคิ้วเป็นคำถาม

 

            “คือหนูไม่มีกระทงนะ อาลอรีบดึงหนูมาทำไมล่ะ”

 

            “ก็นี่ไงคะกระทง”พระลอยกกระทงในมือให้เด็กน้อยดู

 

            “ก็นั่นมันของอาลอนี่จ๊ะไม่ใช่ของหนูซักหน่อย”

 

            “ลอยด้วยกันค่ะ อาลออยากลอยกระทงกับหนู”ร่างสูงขยับเข้าไปชิดพลางกระซิบที่ข้างหูของเด็กน้อย

 

            “อาลออยากลอยกระทงครั้งแรกในรอบ 16 ปีกับหนูคนเดียว อาลออยากลอยกันแฟน” สิ้นประโยคน่าอายนั้นพลันปรากฏสีแดงเรื่อที่พวงแก้ม ศตายุกลั้นยิ้มขวยเขิน ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มที่ตอนนี้ส่องประกายแพรวพราวไม่รู้ว่ามันระยิบระยับเพราะกลั่นอารมณ์มาจากใจหรือเป็นเพราะแสงเทียนกันแน่

 

            “มั่วแล้ว ใครเป็นแฟนอาลอ ไม่ได้ตกลงด้วยซักหน่อย”ปากปฏิเสธแต่ก็ยอมนั่งลงช่วยเอามือป้องลมกันเทียนดับแต่โดยดี ลลิตภัทรอมยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มไม่ต่างกับศตายุที่แอบยิ้มจนแทบจะปวดแก้ม

 

            “อาลอผมยืมไฟแช็คมั่งดิ่ จะลอยด้วย”สุรศักดิ์ที่ตามมาทันแทรกกลางพรวดเข้ามาในทันที ลลิตภัทรอยากจะกระโดดถีบให้ไอ้เด็กมารหัวใจนี่ตกน้ำไปซะจริงๆเลย แต่ด้วยฐานะผู้ใหญ่บ้านและวัยที่มากกว่าทำให้เขาไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด ร่างสูงยื่นไฟแช็คให้กับสุรศักดิ์แล้วยกกระทงขึ้นอธิฐานโดยจับมือของศตายุไว้ด้วย

 

          “อาลออธิฐานอะไรจ๊ะนานจัง”

 

            “ขอให้เจี๊ยบรับรักอาซักทีนะคะ”

 

            “ฮื้อ...ใครเขาอธิฐานอย่างนี้กันจ๊ะ อาลอนี่เพ้อเจ้อ รีบๆลอยเลยอยากกลับบ้านแล้ว”ลลิตภัทรไม่ได้หยอดต่อทำเพียงช่วยกันประคองกระทงลงน้ำ กระทงใบน้อยไหลไปตามสายน้ำตามใบอื่นๆไป ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนเพื่อหันหลังกลับโดยไม่ทันเห็นว่าสุรศักดิ์กำลังจะเดินมาหย่อนกระทงของตัวเองบ้าง ไหล่กว้างชนเต็มๆกับคนที่กำลังจะนั่งลง ส่งผลให้ร่างของสุรศักดิ์เสียหลักตกโครมลงไปในน้ำจมทั้งคนทั้งกระทง

 

อุ๊ยตาย...แอมซอรี่นะสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด ดวงคนมันจะตกน้ำอะเนอะ ขอขำก่อนเดี๋ยวค่อยช่วย


คิกค้ากกกกกกกกกกก
 

 

 


 



.................................



อาลอไม่ได้ผลักนะเออพี่สองตกลงไปเอง อันนี้อาลอไม่ผิด 5555555



วืด คือคำกริยา แปลว่านก อด  ว๊ายยยยยยยยยย



1 เม้นท์ 1 แท็ก 1 กำลังใจ ขอได้มั้ยเบเบ๋ ม๊วฟๆ



ไปรำวงกับอาลอล่อลวงกันเถอะเรา ปล่อยปลาแรดเขาวืดต่อไปเย๊เฮ
พระลอไม่น่ารักเลย ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลย ถึงจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่แต่บางเรื่องก็ทำตัวไม่เหมาะสมอะ คีพลุคพระเอกแต่ในใจนี่มันตัวร้ายชัด จะให้คิดว่าจริงจังกับเจี๊ยบได้ไง ยุให้สองจีบเจี๊ยบเลยนี่

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 11:07:50



หัวใจของชายหนุ่มพลันอุ่นวาบขึ้นมาอย่างเต็มตื้น

 

ศตายุมาหาเขาแล้วหลังจากปล่อยให้เขารอคอยอย่างมีความหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กดล็อคประตูห้องด้วยความเคยชิน ยืนมองร่างขาวๆที่หลับสนิทแล้วค่อยๆคลานขึ้นเตียงช้าๆหยิบสมุดการบ้านของหลานขึ้นมาตรวจศตายุทำจนเสร็จแล้วและทำถูกต้องสมบูรณ์ดี ลลิตภัทรรวบสมุดและหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียงจากนั้นล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหลานใช้มือรองศีรษะตัวเองไว้ใช้สายตาพิจารณาเด็กน้อยอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

ศตายุไม่ได้ขาวผ่องแต่ก็ไม่ได้ดำคร้าม โครงหน้าได้รูปเริ่มฉายชัดว่าหากโตกว่านี้จะยิ่งน่ารักและมีเสน่ห์ แก้มนุ่มฟูเหมือนมาชเมลโล่ที่เขาชอบอาจจะหายไปตามกาลเวลา ริมฝีปากอิ่มที่เขาอยากสัมผัสมาตลอดเผยอเล็กน้อยจนอดที่จะยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสไม่ได้

 

นุ่มและอุ่นมาก

 

ทั้งๆที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะยับยั้งชั่งใจ จะไม่ล่วงเกินศตายุมากไปกว่าการกอดและหอมแก้ม แต่เมื่อหลานมาหาเขา และแน่นอนศตายุมาทางเรือเพราะเขาไม่เห็นจักรยาน ความยับยั้งที่มีมาทั้งหมดก็สูญสลาย

 

ตามที่เขาเคยบอกกับศตายุไว้ อายุเขามากเกินกว่าจะมาคุยเล่นๆกับใครแล้ว ลลิตภัทรอายุ 32 ปีแล้ว ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาในใจในเวลาเดือนกว่าๆนี้มันคือของจริง

 

เขาไม่ได้มีเวลามาเล่นๆกับใครอีก เมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นรักเด็กคนนี้เขาก็บอกไปตามตรง และเพราะศตายุยังเด็กมากเสียเหลือเกิน เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยวันๆเล่นซนอยู่กับแค่แก้วเจ้าจอมและเพื่อนๆที่ส่วนมากจะเด็กกว่าตนเพราะอยากเป็นหัวหน้าแก็งค์ศตายุจึงมีความคิดแบบเด็กๆจนเขาต้องชักจูงหลอกล่อทีละน้อย เพื่อที่จะให้คนเด็กกว่าได้รู้ใจตัวเองซักทีว่าคิดยังไงกับเขา

 

เขาเสี่ยงมากเหลือเกินกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ในครั้งนี้ หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นอาจจะไม่มีปัญหาอะไร คุณสมบัติของเขานั้นไม่ว่าไปสู่ขอลูกสาวบ้านไหนเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ

 

แต่กับเด็กคนนี้มันไม่ง่ายเลย ศตายุมีแม่เป็นอดีตคนรักเก่าของเขา ความสัมพันธ์ของลลิตภัทรกับแดนดินก็ไม่ค่อยดีนัก หากย้อนเวลากลับไปวันที่เขาเพิ่งกลับมาบ้านได้เขาอยากจะย้อนกลับไปแล้วพูดจาดีๆกับแดนดิน

 

แต่นั่นแหละสายน้ำย่อมไม่ไหลกลับ การกระทำที่ทำลงไปแล้วด้วยทิฐินั้นก็แก้ไขไม่ได้เช่นเดียวกัน หากอยากเริ่มต้นใหม่กับเด็กคนนี้ เขาคงต้องปรับความเข้าใจและเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับคนบ้านฟากขะนู้น

 

ลลิตภัทรใช้หลังมือเกลี่ยแก้มกลมของศตายุเบาๆ ความเย็นจากผิวแก้มนวลทำให้อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

 

“แก้มเย็นจังเลยค่ะ”ชายหนุ่มยืดตัวไปกดจูบที่ผิวแก้มนุ่มนั้นอย่างถือวิสาสะ

 

“อุ่นขึ้นมั้ยคะ”กระซิบเบาๆข้างหูแล้วจูบลงบนติ่งหูนิ่มนั้นเบาๆ

 

หอมกลิ่นแป้ง หอมกลิ่นเนื้อนวล หอมจนจิตใจรัญจวน อยากลองลิ้มให้มากกว่าที่เคย เป้าหมายจึงแปรเปลี่ยนจากพวงแก้มนุ่มเป็นริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่สัมผัสไปเมื่อครู่ ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กดจูบลงไปบนแพขนตาสวยแล้วเลื่อนมาที่สันจมูกโด่งของหลาน ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันยามไออุ่นรินรด

 

เขาควรทำมันหรือไม่นะ ควรจะจูบศตายุมั้ย เพราะถ้าทำไปความสัมพันธ์ของเขากับเด็กคนนี้จะถอยกลับมาเป็นอาหลานกันแบบเดิมอีกไม่ได้อีกต่อไป

 

“อาลอ...”และเหมือนว่าเขาจะคิดนานไป ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจอะไร เด็กในอ้อมกอดก็รู้สึกตัวตื่นเสียแล้ว ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามากอดจนร่างบางแทบจะจมเข้าไปในอก ศตายุเองก็ไม่ได้ขัดขืนกับสัมผัสนั้นเด็กน้อยคล้องแขนกับเอวสอบถูไถใบหน้ากับอกของคนเป็นอาอย่างออดอ้อน



"คิดถึงหนูจังค่ะ"

 

“อาลอมาช้า หนูรออาลอกลับมาสอนการบ้านตั้งนาน”คนเด็กกล่าวว่าเขาด้วยน้ำเสียงเง้างอด ดวงตากลมภายใต้ขอบตาที่คล้ำกว่าทุกวันช้อนขึ้นมามองอย่างคาดโทษ เด็กน้อยประหม่ากับสถานการณ์แบบนี้ กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่ พอตี 5 ก็ต้องตื่นมาเตรียมตัวไปโรงเรียน

 

ไม่เคยมีใครมาทำให้หัวใจของลูกเจี๊ยบต้องทำงานหนักจนนอนไม่หลับขนาดนี้เลย วันทั้งวันวิชาความรู้ที่อาจารย์พร่ำสอนกลับไม่เข้าหัวเลยซักนิด เด็กน้อยเก็บเอาความรู้สึกที่มีไปคิดวนเวียนในหัวทั้งวัน ศตายุกลัวว่าสิ่งที่อาลอบอกจะเป็นเหมือนขนมหวานที่เอามาหลอกเด็กให้หลงไปกับความหอมหวาน ศตายุรู้ดีว่าความรักของมนุษย์ย่อมมีวันจืดจาง หากตนเองกระโดดลงไปในหลุมที่อาลอขุดไว้ วันหนึ่งเมื่ออาลอทนความงอแงเอาแต่ใจแบบเด็กๆของตัวเองไม่ไหวอาลอจะทิ้งเขาไว้ตามลำพัง ถ้าตนเองตอบตกลงเป็นแฟนกับอาลอวันหนึ่งเมื่อโตขึ้น หัวใจของเขาจะยังมั่นคงอยู่กับอาลอมั้ย ชีวิตยังต้องเจอคนอีกมากมาย ลูกเจี๊ยบเองก็กลัวว่าวันหนึ่งตนเองอาจจะทำให้ลลิตภัทรเสียใจ อาลอไม่ใช่วัยรุ่นแบบตนที่ถ้าเลิกกันก็จะหาคนที่รักได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากตกลงคบกันไปแล้วสุดท้ายถ้าต้องเลิกรากันลลิตภัทรจะต้องเศร้าแค่ไหน

 

เพียงแค่คิดว่าตนเองอาจทำให้ลลิตภัทรเสียใจ ดวงใจดวงน้อยๆของศตายุก็เต้นรัว อ้อมแขนกระชับกอดเอวสอบมากขึ้น ใบหน้าซุกเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“กอดหนูหน่อย หนูหนาว”ลลิตภัทรยิ้มให้กับท่าทางออดอ้อนนั้น ชายหนุ่มโอบกอดร่างบอบบางนั้นไว้จรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มของหลาน

 

“อาไปประชุมเพิ่งกลับมา จริงๆไม่คิดว่าจะเจอหนูแล้วด้วยซ้ำ แต่พอเปิดประตูเข้ามาเห็นหนูนอนหลับอยู่ อาก็หายเหนื่อยทันทีเลยค่ะ”

 

“จริงเหรอจ๊ะ แล้วทำไมอาไม่ปลุกหนูล่ะ”

 

“อาอยากมองหนูนานๆ ทั้งตอนหลับและตอนตื่น อยากเห็นหนูวนเวียนในชีวิตของอาทุกวันเลย วันนี้หนูมาตอบคำถามอาแล้วใช่มั้ยคะ”

 

“อื้อ...”คนเด็กตอบกลับมาเสียงอู้อี้ ลลิตภัทรใจเต้นแรงกับคำตอบนั้นแต่ก็ยังอยากแกล้งหลานอยู่จึงดันร่างหลานที่บัดนี้หน้าแดงก่ำเพราะความเขินออกห่างตัว ความเงียบทำให้ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น

 

ศตายุก็ใจเต้นแรงไม่แพ้กับเขาเช่นกัน

 

“วันนี้หนูมาหาอาทางไหนคะ?”ลลิตภัทรแกล้งถามราวกับไม่รู้ คนเด็กกว่าเมื่อได้ยินคำถามที่ชวนอายก็ฟาดฝ่ามือใส่อกของอาหนุ่มทันที พระลอไม่ปล่อยให้หลานได้เอามือออกไปชายหนุ่มจบมือน้อยๆของศตายุให้แนบลงมาบนหน้าอกข้างซ้ายที่เต้นรัวของตน

 

“จะถามไปทำไมเล่า ก็หนูตอบว่าอือๆแล้วไง แต่ไม่ว่าหนูจะมาทางเรือหรือปั่นจักรยานมาคำตอบของหนูก็คือชอบอาลออยู่ดี”คนเด็กกว่าเถียงด้วยปากงุ้ยๆ พลันคำพูดก็ชะงักลงพร้อมลมหายใจเมื่อเกิดเสียงจุ๊บพร้อมความนุ่มหยุ่นแสนอบอุ่นทาบทับมาที่ริมฝีปากตนเบาๆแล้วผละออก

 

ตายแล้ว...ศตายุรู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะวาย

 

“อ..อาลอ..จูบหนูทำไมเล่า?”

 

“แบบนั้นเค้าไม่ได้เรียกว่าจูบซักหน่อยค่ะ แบบนั้นเค้าเรียกว่าจุ๊บ ถ้าจูบน่ะ มันต้องแบบนี้ต่างหาก”ลลิตภัทรไม่ปล่อยให้ศตายุได้ตั้งตัวหรือเตรียมใจเลยซักนิด ชายหนุ่มดึงหลานเข้ามาใกล้แล้วจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปใหม่อีกครั้ง คราวนี้เนิบช้าและนุ่มนวล เด็กน้อยหลับตาปี๋ด้วยไม่อาจทนสบสายตาคมที่จ้องมองตนอย่างลึกซึ้งได้แม้อีกวินาทีเดียว ใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น มือที่เลื่อนมาดันอกแปรเปลี่ยนเป็นขยุ้มอกเสื้อของอาหนุ่มยามที่กลีบปากถูดดูดดึงขบเม้มทั้งบนล่าง ความรู้สึกหวิวหวามแบบที่ไม่เคยสัมผัสถูกปรนเปรอ ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ แม้จะเคยดูละครมาบ้างพอจะรู้ว่าคนรักกันเรื่องกอดจูบกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ศตายุไม่เคยรู้เลยก็คือเมื่อจูบกันแล้วจะต้องรู้สึกยังไง เด็กน้อยหวามไปทั้งร่างสั่นไปทั้งใจและกาย อยากจะต่อต้านและกลับเรียกร้องขยับหัวตามเมื่อลลิตภัทรถอนจูบออก

 

ไม่พอ

 

ยังอยากได้เพิ่ม

 

และเหมือนลลิตภัทรจะรู้ใจคนเด็กรสจูบหวานถูกส่งมอบอีกครั้ง ทั้งละมุนและรสหวานชื่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุนดันเรียกร้องด้วยการใช้ปลายลิ้นไล่เลียที่แนวฟันอ้อนขอให้คนเด็กเปิดปากยอมรับความควานล้ำยิ่งกว่าเดิมเข้าไป

 

แม้จะยังไม่ประสาแต่ศตายุก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายชักพา

 

ราวกับท้องฟ้าที่สดใสพลันมืดมัวด้วยลมพายุที่เข้าโหม กายบางถูกคร่อมทับก่อนที่จะโดนตะโบมจูบ ทั้งดุดันและหนักหน่วง ลิ้นเล็กหลบหนียามถูกปลายลิ้นของอีกฝ่ายไล่ต้อนจนจนมุม สุดท้ายจึงยอมใช้ปลายลิ้นทักทายอย่างไร้เดียงสา รสจูบแบบเด็กน้อยไม่ประสากลับทำให้ลลิตภัทรรู้สึกชอบใจ ค่อยๆไล่เก็บเกี่ยวดูดดึงน้ำหวานสีใจจนพอใจ เกิดเสียงดังจ๊วบยามที่ถอนจูบออกจากกลีบปากล่างที่ถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ

 

“อื้อ...”เสียงครางเบาๆยามลลิตภัทรกดจูบลงบนต้นคอหอมในอกวูบหวามราวกับตกจากที่สูง กระดุดเสื้อนักเรียนถูกปลดออกเพื่อที่จะได้สูดดมกลิ่นกายและประทับรอยจูบตีตราความเป็นเจ้าของลงไป ศตายุแอ่นกายจนหลังลอยจากพื้นยามความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นมาประจุอยู่ตรงไหปลาร้า

 

“อา...อื้อ  ลาลอ..”มือเล็กขยุ้มลงบนกลุ่มผมสอดนิ้วมือแล้วกำแน่นเมื่อปลายลิ้นร้อนตวัดลงบนยอดอกของตัวเอง

 

จะตายแล้ว ศตายุจะตายแล้ว ความรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งหวาม ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นมาประเดประดังกันเต็มไปหมด ดวงตาพร่าเลือน สมองเบลอจนแทบจะเห็นดาว น้ำสีใสไหลลงจากหางตา ลลิตภัทรกดจูบลงบนเม็ดทับทิมเม็ดเล็กนั้นอีกครั้งแล้วจึงเลื่อนกายขึ้นมาสบตากับหลานตัวน้อยที่สั่นราวลูกนก

 

“ไม่ร้องนะคะ อาไม่ได้จะล่วงเกินถ้าหนูไม่พร้อม อาแค่อยากจะสอนว่าคนเป็นแฟนกัน เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ และหนูทำกับอาได้คนเดียว ร่างกายและหัวใจของอาเป็นของหนูทุกอย่าง หนูอยากจะหวง อยากจะแตะ อยากจะทำอะไร มันเป็นสิทธิ์ของหนูคนเดียวนับจากนี้ เหมือนที่อาทำกับหนูเข้าใจมั้ยคะ...อารักหนูนะ รักที่แปลว่ารักจริงๆ ไม่ใช่แค่ชอบ”

 

“หนูกลัวว่าวันหนึ่งหนูจะทำให้อาลอเสียใจ”

 

“มันไม่เป็นไรเลย ถ้าวันหนึ่งหนูเลิกชอบอาแล้ว ก็ให้มาบอกอาตรงๆ อาอาจจะเหนี่ยวรั้งขอร้องหนูไว้ แต่ถ้าหนูจะไปอาก็จะปล่อย จะไม่บังคับ อาเข้าใจหนูยังเด็กยังต้องเจอใครอีกมากมาย ในขณะที่อาแก่ตัวลงทุกวัน แต่อาเชื่อว่าอาจะทำให้หนูรักและเอ็นดูอาจนอยากจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่าได้แน่ๆ”

 

“แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ล่ะจ๊ะ ถ้าพ่อกับแม่ ถ้าปู่ลิตย่าโฉมไม่เห็นด้วยกับเรา...”

 

“เรื่องนั้นอาจะจัดการเอง หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยมีอาอยู่ในนั้นด้วยก็พอ โอเคมั้ยคะ”

 

“อาลอ...”

 

“คะ?”

 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ ในใจของหนูมันเรียกว่าชอบหรือรัก แต่...ต่อไปนี้รักหนูให้มากๆนะจ๊ะ ห้ามไปมองใครอีก ห้ามไปมองนมใครด้วย หนูหวง”ท้ายประโยคคนเด็กชี้หน้าแถมทำปากคว่ำใส่เมื่อนึกถึงวันที่ลลิตภัทรจ้องนมของอริตาแบบไม่วางตา ลลิตภัทรส่งเสียงหัวเราะลั่นก่อนจะงับนิ้วนั้นเข้าปาก ดูดจนคนเด็กหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

 

“อาจะต้องไปมองนมคนอื่นอีกทำไมคะ นมเด็กแถวนี้น่ามองกว่าตั้งเยอะ”พูดจบก็ใช้ปลายจมูกถูไถหน้าอกของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“แง้ อาลออย่า...อ๊ะ...อื้อ...ไม่เอา ห้ามดูดนะ หนูจะฟ้องพ่อ อาลอทะลึ่ง...แง้...”ศตายุได้แต่ร้องห้ามเมื่อพระลอเอาแต่ฟัดไปแทบจะทั่วทั้งร่างของตัวเอง สามทุ่มกว่าคนเด็กก็มีสภาพสะบักสะบอมเพราะเหนื่อยจากการถูกปล้ำหอมปล้ำฟัดกลับบ้านอย่างอ่อนแรง

 

ไปเรียนพิเศษวันนี้ เหนื่อยเป็นพิเศษ ส่วนติวเตอร์ก็ฟินเป็นพิเศษเอาแต่เลียริมฝีปากจนหลับเช่นเดียวกัน

 

กลิ่นคุกหรือจะมาหอมเท่ากลิ่นเนื้อเด็ก

 

เด็ก 15-16 ด้วยนะ

 


อ่า....ฟิน





...............................


ยิ๊ฮิ้ววววววววววววววววววว น้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อย่าให้คนแก่เล็มมากลูกกกกกกกกก

อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของดวงชีวัน
อยู่เคียงคู่กันแบบนี้ ให้ร่วงโรยเป็นธุลี
กลับสู่ธรณี ฝังร่างนี้ไปพร้อมกัน
กลิ่นคุกช่างหอมหวาน นานๆจะเห็นมุมพระลอมีสาระบ้าง เราเชื่อว่าพระลอจะจัดการเรื่องนี้กับสองครอบครัวได้ อย่าทำให้เจี๊ยบเสียใจนะ อ่อเด็กมันยังเล็กยังไม่โตมากยังไม่ประสีประสาแต่ต่อจากนี้ไปอาจจะแซ่บจนคนบางคนคงหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ จะมีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกายนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 11:55:06




 

            ลลิตภัทรเข้าใจแล้วว่าความสวยคือภาพมายา ชายหนุ่มร้องโอดโอยอยู่ในใจ

 

หลังและบั้นเอวของเขาเริ่มร้องประท้วงเมื่อเขาก้มตัวเกี่ยวข้าวมาได้ซักระยะหนึ่ง บรรดาคนงานและคนเฒ่าคนแก่ต่างเกี่ยวกันได้อย่างรวดเร็วนำหน้าเขาไปไกลโขไม่เว้นแม้แต่ลูกเจี๊ยบที่เคยคิดว่าความรักของเราจะเคียงข้างกันตลอดไปจะอยู่ด้วยกันไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข แต่นู่น เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยของเขาตามรุ่นปู่รุ่นย่าไปติดๆแสดงให้เห็นทักษะเกี่ยวข้าวอันดีเยี่ยม

 

            “ไหวมั้ยผู้ใหญ่”เสียงยายผันบ้านท้ายคลองตะโกนถามแถมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแหลมอย่างตลกกับท่าทางผู้ใหญ่หนุ่มที่หน้าเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆแต่ท่าทางตอนนี้เหมือนตาแก่อายุซัก 70

 

            ไหวกะผีอะไรล่ะป้า เอวกับหลังจะหักแล้ว เสียงในใจร่ำร้องราวผีบ้า

 

            “โอ้ย....สบายๆ”แต่ในความเป็นจริงเขาจะตอบอะไรได้นอกจากปั้นหน้าทำราวกำลังสดชื่นรักน้ำรักปลารักนาข้าวใส่ไปเรื่อยๆ ศตายุที่หันมามองเขาส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ

 

อาลอขี้โม้ หน้าเหมือนกำลังจะตายขนาดนั้นยังทำเก่ง ดูสินั่นขยับแต่ละทีเหมือนเครื่องจักรที่ไม่ได้หยอดน้ำมันมา

 

กว่าจะเที่ยงลลิตภัทรก็แทบจะคลานออกจากแปลงนา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงโดยที่ลูกเจี๊ยบกำลังจัดสำรับออกมาวางบนพื้นกับข้าวง่ายๆคือน้ำพริกกะปิและผักสด ไข่ทอดชะอมหั่นเป็นชิ้น ปลาเค็มทอดที่แยกพริกกับหอมแดงซอย มีมะนาวหั่นซีกให้บีบราดบนตัวปลาและแกงส้มมะละกอ แก้วเจ้าจอมเอางอบมาโบกลมพัดให้พระลออย่างสงสารอาหนุ่มที่หน้าซีด ลมหนาวเมื่อเช้าก็คล้ายลมตด พัดมาวูบเดียวก็หายยิ่งสายแดดยิ่งร้อน บรรดาลุงป้าย่ายายต่างเอากับข้าวออกมาวางแล้วล้อมวงร่วมกินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยไม่ได้จางไปจากวงสนทนา บ้างก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบ บ้างก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆในหมู่บ้าน เช่นลูกของพระลักษณ์เป็นเด็กผู้ชาย จะโกนผมไฟเมื่อไหร่ ลูกสาวบ้านท้ายไร่จะแต่งงานวันไหน ปีใหม่จะมาสวดมนต์ข้ามปีกันมั้ย นั่งคุยนั่งกินกันเพลินๆข้าวและกับข้าวที่เตรียมมาก็หายเกลี้ยงเก็บปิ่นโตวางไว้ใต้ต้นไม้ กระติกน้ำที่ย่าโฉมเตรียมไว้ให้โรยดอกมะลิจนหอมกรุ่น น้ำแข็งที่แช่ทั้งขันทำหน้าที่ได้อย่างดีน้ำในกระติกเย็นฉ่ำดื่มคลายร้อนชื่นใจ

 

            “อูย...”แก้วเจ้าจอมที่ดื่มน้ำเย็นจัดเร็วเกินไปร้องออกมาพลางนวดขมับตัวเอง

 

            “เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ”เจี๊ยบช่วยนวดขมับให้น้อง เพราะกินน้ำเร็วเกินไปความเย็นทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิในร่างกายทำให้ปวดหัวกะทันหัน ลลิตภัทรหัวเราะขำเมื่อเห็นเจ้าจอมทำหน้าเหยเก ศตายุขมุบขมิบว่าอาหนุ่ม

 

            “คนนิสัยไม่ดี หัวเราะเด็ก”พระลอแบมือกับอากาศราวกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย  เสียงพ่อเพลงเอื้อนเอ่ยคำกลอนเพลงเกี่ยวข้าวพร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้น ตาจรัญกับยายผันออกไปรำแต้ที่คันนา ในมือถือเคียวและรวงข้าวร้องเพลงแก้กันไปมาโดยมีคนอื่นๆเป็นลูกคู่ทำให้ช่วงพักเที่ยงไม่น่าเบื่อ ลลิตภัทรมองศตายุที่สนุกสนานไปกับคนเฒ่าคนแก่ไปด้วย ด้วยความเอ็นดู รุ่นเก่าอาจจะเหมือนไม้ใบแห้งที่รอวันร่วงโรยแต่เด็กรุ่นใหม่อย่างศตายุก็เหมือนใบอ่อนที่เริ่มผลิออกมาจากกิ่ง เขาหวังว่าเด็กๆรุ่นหลังจะซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ในใจไม่ละทิ้งและสืบทอดไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน หลังจากพักผ่อนให้คลายเหนื่อยการเกี่ยวข้าวยามบ่ายก็เริ่มขึ้น และลลิตภัทรร่างกายก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าช่วงเช้า กว่าจะเสร็จงานในตอนเย็นเขาก็แทบจะคลานกลับบ้าน ย่าโฉมหัวเราะจนพุงกระเพื่อมเมื่อเห็นสภาพลูกชายคนเล็กไม่ต่างจากพระลักษณ์ที่นั่งคอยเป็นลูกมือช่วยแม่อาบน้ำให้กับน้องคุณหรือเด็กชายคุณธรรมที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ศตายุและแก้วเจ้าจอมรีบเข้าไปนั่งดูใกล้ๆเพราะเห็นว่าน้องเล็กนั้นน่าเกลียดน่าชังน่าเล่นด้วย

 

            “ไงมึงเดี้ยงมาเลยเหรอ บอกแล้วว่าให้เอารถไปเกี่ยววันเดียวก็เสร็จ ไปเกี่ยวเองให้ลำบากลำบน”

 

            “ก็อยากเห็นบรรยากาศเก่าๆ”

 

            “แล้วคุ้มมั้ย?”

 

            “คุ้มสิ อย่างน้อยคนแก่ๆเขาก็ได้มาเจอกัน ใครอยากได้เงินก็จ่ายค่าแรง ใครอยากแรงเดี๋ยวก็ไปช่วยแบบนี้ดีจะตาย”

 

            “โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว สังคมมันขับเคลื่อนด้วยเงินไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจแบบสมัยก่อน”พระลักษณ์ว่าอย่างคนที่เห็นโลกมามาก

 

            “ผมก็จะทำให้เห็นอยู่นี่ไงว่าน้ำใจสำคัญกว่าเงิน เราไม่ต้องใช้เงินทุกอย่างก็ได้”

 

            “โลกสวย”คนพี่ว่าค่อนขอดเข้าให้

 

            “ย่าจ๋าหนูเคยเห็นตอนเจ้าจอมเล็กๆยายไพเอาใบมะขามกับหอมแดงต้มน้ำให้น้องอาบทำไมน้องคุณไม่อาบแบบนั้นล่ะจ๊ะ”ศตายุเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “ตอนนี้น้องคุณยังเล็กผิวยังบางอยู่ลูกรอน้องได้ซัก 2-3 เดือนค่อยให้อาบ”

 

            “มันช่วยอะไรเหรอจ๊ะย่า”

 

            “ใบมะขามมีรสเปรี้ยวช่วยล้างเสมหะ ส่วนหัวหอมแดงไล่หวัด ขับลมแก้ท้องอืด น้องจะได้ไม่ปวดท้องไงลูก”

 

            “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ศตายุส่งผ้าขนหนูให้ย่าโฉมเมื่อย่าเอาน้องขึ้นจากน้ำแล้วยื่นให้พระลักษณ์

 

            “อย่าทาแป้งจนเยอะเกินนะลูกเดี๋ยวจะเป็นภูมิแพ้ แล้วก็แม่ทำแกงเลียงไว้ให้แล้วยกไปให้นิดากินนะ”พระลักษณ์รับลูกชายตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านไป ก่อนจะกลับมารับปิ่นโตกลับไปทานข้าวที่บ้านของตัวเอง

 

            “อาลอ...”แก้วเจ้าจอมที่นั่งมองลลิตภัทรคุยกับพระลักษณ์มาระยะหนึ่งแล้วดึงชายเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มเบาๆ

 

            “หนูช่วยงานเสร็จแล้ว”ประโยคบอกเล่าเปล่งออกมาเสียงอ่อย ลลิตภัทรหัวเราะกับท่าทางที่อยากจะประจบแต่ก็ขัดเขินของเจ้าจอมนั้นอย่างเอ็นดู

 

อันที่จริงมันก็น่ารักแหละ แต่ติดจะเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ ลลิตภัทรลุกขึ้นยืนเต็มความสูงช่วยแม่เก็บกะละมังอาบน้ำหลานก่อนจะขอตัวพาเด็กๆขึ้นมาบนห้องนอน แก้วเจ้าจอมวิ่งไปทั่วห้องของลลิตภัทรอย่างตื่นตาตื่นใจ

 

ในตู้กระจกมุมริมหน้าต่างถัดจากตู้หนังสือมีของเล่นหลายอย่าง นอกจากรถบังคับแล้วลลิตภัทรยังสะสมพวกเรือและเครื่องบินบังคับอีกด้วย ลำใหญ่สุดคือเฮลิคอปเตอร์ที่วางไว้บนสุด

 

            “โห อาลอ อาลอมีของเล่นเยอะจังเลย”ลลิตภัทรเดินไปเปิดตู้เย็นที่ตนเองซื้อมาใส่ของกินไว้ในห้องหยิบช็อกโกแลตมาโยนให้แก้วเจ้าจอมเด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณสายตามองบรรดาขนมนมเนยที่แช่ไว้อย่างตื่นเต้น ยังกับตู้เย็นในโฆษณา แก้วเจ้าจอมไม่รู้หรอกว่าของ 99% นั้นน่ะลลิตภัทรซื้อมาแช่ให้ศตายุกินเวลามาเรียนพิเศษส่วนของเขามีเพียงน้ำเปล่าแช่เย็นเท่านั้น เพราะทั้งสองคนจะไม่ออกจากห้องไปไหนเลยจนกว่าจะเรียนเสร็จดังนั้นจึงต้องมีเสบียงเตรียมไว้หลอกล่อเด็กให้อิ่มท้องจะได้ไม่ต้องรีบกลับบ้านเร็ว ส่วนเขาก็กินศตายุอีกทอดหนึ่ง

 

เนี่ย ลลิตภัทรเป็นคนรอบคอบจะตาย

 

            “สัญญากับอาลอก่อนได้มั้ยครับว่าถ้าให้ไปแล้วเจ้าจอมจะรักษาของ จะเล่นอย่างระมัดระวัง”ชายหนุ่มวางรถบังคับสีแดงคันเมื่อเช้าลงต่อหน้าหลาน แก้วเจ้าจอมพยักหน้าหงึกหงักทันที ลลิตภัทรดึงตัวบังคับกลับ

 

            “ผู้ใหญ่ถามให้ตอบครับไม่ใช่พยักหน้า”

 

            “หนูสัญญาจ้าว่าจะดูแลอย่างดีไม่เล่นพัง”

 

            “ถ้าเจ้าจอมไม่รักษาของอาลอจะไม่ให้อะไรเจ้าจอมอีก เข้าใจมั้ยครับ”ชายหนุ่มวางมือลงบนหัวทุยของหลานโยกเบาๆ แก้วเจ้าจอมรับคำแล้วรับคันบังคับที่ลลิตภัทรยื่นให้อย่างดีใจ

 

            “ตอนนี้เจ้าจอมก็กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวได้แล้วนะครับ แล้วบอกแม่จิ๊บด้วยว่าวันนี้พี่เจี๊ยบจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม อาลอจะสอนส่วนที่พี่เจี๊ยบยังไม่เข้าใจต่อรู้เรื่องมั้ยครับ?”

 

            “เข้าใจจ้า งั้นหนูกลับบ้านก่อนนะ”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายกอดประคองรถบังคับคันใหญ่วิ่งปร๋อออกไปนอกห้อง

 

            “ใครบอกอาลอว่าหนูจะเรียนด้วยกันจ๊ะ”ศตายุลุกขึ้นยืนพลางเอ็ดคนโมเมเบาๆ

 

            “อาปวดหลังมากเลยค่ะหนูจะไม่อยู่นวดหลังให้อาลอหน่อยเหรอคะ”ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อน

 

            “งั้นอาลอรอก่อนนะจ๊ะเดี๊๋ยวหนูพายเรือไปส่งเจ้าจอมกับแวะอาบน้ำก่อนแล้วจะมานวดให้”

 

            “งั้นก็ได้ค่ะ รีบไปรีบมานะคะ”ลลิตภัทรทิ้งจังหวะในการพูดลงก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหลานตัวน้อย

 

            “อาคิดถึง”

 

            “หนูเกลียดอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ”ศตายุเขินจนอยากจะกระโดดเตะคนที่ช่างหยอดให้คอหลุดเสียจริงๆ

 

            “ไม่ทันแล้วค่ะ เพราะอารู้ว่าหนูก็คิดถึงอาเหมือนกัน”

 

เนี่ย ก็ยังจะหน้าด้านหยอด ศตายุไม่รู้จะตอบโต้ยังไงแล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งหัวเราะคิกคักกับมุกจีบเสี่ยวๆของตัวเองพลางล้มตัวลงนอนดีดดิ้นเมื่อรู้สึกเขินซะเองแต่ก็ต้องกระตุกหลังทำหน้าเหยเก

 

            “อูย....ปวดหลังชิบหายเลยแม่ง”

 

อย่าให้ใครรู้นะว่ากำนันลอหมู่ 7 เจ้าของฉายา หล่อเด็ดเตะปี๊บดัง จะมานอนหลังเดี้ยงเหมือนหมาถูกเขวี้ยงอย่างเดียวดายแบบนี้

 

อายตายห่าเลย

 

               

 

...................................................................





ไม้อ่อนดัดง่าย คำๆนี้ยังใช้ได้เสมอ การที่อาลอสอนแก้วเจ้าจอมให้เป็นเด็กมีน้ำใจนั่นคือความหวังดีที่มีต่อหลานที่เป็นว่าที่น้องเมีย จริงๆแล้วอาลอเอ็นดูแก้วเจ้าจอมนะคะ ในใจแม้จะประทุษร้ายหลานต่างๆนาๆแต่ลลิตภัทรไม่เคยทำร้ายเจ้าจอมจริงๆซักที การที่ให้เด็กรู้จักทำงานก่อนที่จะให้อะไรเป็นการสอนเขาอย่างหนึ่งว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ถ้าหากอาลอให้ของเล่นกับเจ้าจอมเอง เจ้าจอมก็อาจจะเห่อเล่นแค่แรกๆแล้วทิ้งขว้างในที่สุด แต่ถ้าอะไรที่ได้มายากและต้องทำงานแลกมาของสิ่งนั้นก็จะมีค่านานขึ้น



ลูกเจี๊ยบคือเด็กที่เป็นวัยรุ่นแล้ว การตื่นเต้นเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เริ่มโต ไม่ได้ใจแตกหรอก มันปกติธรรมดาของเด็กที่กำลังอยากรู้อยากลอง



คนที่ต้องด่าก็คืออีลุงที่รู้ว่าต้องทำยังไงเด็กถึงจะติดมือ จับมันเลยค่ะคุณตำหนวด เจอตาแก่หื่นกาม 1 อัตรา



เช่นเดิมค่ะ 1 เม้นท์ 1 แท็ก ล้านกำลังใจ ไม่ได้ขู่เข็ญแต่ถ้าเม้นท์เยอะแท็กแยะก็อัพไวมาก 55555555



#พระลอตามไก่

 







             
ตอนนี้พระลอหล่อยเลยนะ แต่ยังคงความกากไว้นิดๆให้เด็กแซวเล่น ด่านน้องผ่านแล้วก็เหลือด่านพ่อแม่เจี๊ยบแล้วแหละ จะว่าไปพระลอก็เสี่ยงนะที่ชอบเด็กเนี้ย ถ้าเกิดคบๆไปเจี๊ยบมารู้ความต้องการตัวเองตอนโต พระลอจะทำไง มีเมียเด็กต้องมีไม่เด็ดไว้จัดการนะหุหุ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 13:10:38
รู้ทั้งรู้ว่ามาทำอะไรแต่ก็ยังจะตามมา ทันทีที่ศตายุก้าวเท้าเข้ามาในห้องลลิตภัทร์กดล็อคประตูเสร็จร่างบางก็ถูกดึงเข้ามากดจูบแรงๆทันที

“อื้อ...”ส่งเสียงร้องอย่างตกใจในคราวแรกก่อนจะค่อยๆตอบรับด้วยการส่งปลายลิ้นไปสู้กับคนเป็นอา

คิดถึง

โหยหา

อยากให้อาลอสัมผัสไปมากกว่านี้ ศตายุคล้องแขนกับลำคอของอาลอปรับเอียงศีรษะเพื่อให้ริมฝีปากบดเบียดกันได้แนบแน่นขึ้น ลลิตภัทรขยำสะโพกกลมอย่างลืมตัว ชายหนุ่มดันร่างของหลานให้ถอยมาจนถึงเตียงนอน ศตายุถูกดันจนร่างกายเอนลงบนที่นอนนุ่ม ลำคอถูกรุกรานด้วยปลายจมูกจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“อยู่ห้องอารู้สึกยังไงหนูร้องได้เต็มที่เลยนะคะ”

“อื้อ...อาลอ...หนูเสียว”เด็กน้อยร้องบอกเสียงพร่ายามที่ยอดอกถูกขบเม้มผ่านเนื้อผ้าจนเปียกชุ่ม ลลิตภัทรไม่ได้เบาแรงลงเลยซักนิด เขาชอบกัดให้ศตายุสะดุ้งแล้วค่อยเลียปลอบให้ตายใจ

“ถอดเสื้อออกนะคะ ร้อน”แกล้งพูดทั้งๆที่แอร์เย็นฉ่ำ มือก็ไวพูดจบปุ๊บเสื้อก็ถูกเขวี้ยงลงข้างเตียงปั๊บ ศตายุร้องเสียงหลงเมื่อลลิตภัทรไม่หยุดแค่เสื้อมือหนาดึงกางเกงเอวยางยืดที่หลานใส่แล้วเขวี้ยงทิ้งตามเสื้อไป ร่างกายเปล่าเปลือยเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วปกปิดอยู่ พระลอพรมจูบไปทั่วร่างราวกับนักสำรวจที่เพิ่งค้นพบสถานที่แสนวิเศษตักตวงลองลิ้มชิมรสจนพอใจแล้วจึงใช้สายตาโลมเลียไปยังส่วนสำคัญใต้ร่มผ้าชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่บนร่างหลาน

“อื้อ...อาลอ...”เด็กน้อยร้องฮือยกมือขึ้นปิดส่วนสงวน แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความเขินอายก็สั่งให้หาอะไรปิดไปก่อนและก็จริงดังคาด ลลิตภัทรดึงมือเด็กน้อยออกด้วยสีหน้ายิ้มๆพลางพูดกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ

“จะปิดทำไมคะ อาก็เห็นมาหลายครั้งแล้ว ไหนมาให้อาจูบรับขวัญหน่อยสิคะ”ขอบกางเกงในถูกร่นลงไปเผยตัวตนขนาดกะทัดรัดที่เจ้าของกำลังหน้าแดงปลั่งด้วยความอายแต่ดวงตากลมก็จ้องการกระทำของพระลอไม่วางตา

ตื่นเต้นจนตัวจะแตกตายอยู่แล้ว ยิ่งยามที่ริมฝีปากสีแดงสวยของอาลอกดจูบลงบนตัวตนของเขายิ่งเหมือนประจุไฟฟ้านับแสนโวลต์แล่นเข้ามาช็อตลูกเจี๊ยบจนชาไปทั้งร่าง เด็กน้อยพยายามเอามือปิดอีกครั้งแต่กลับถูกดึงออก สายตาเจ้าเล่ห์มีแววสนุกกับสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยเขินจนตัวแดงราวลูกตำลึงสุก ห้องเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของศตายุ เด็กน้อยทั้งอายทั้งตื่นเต้น ปกติพระลอไม่เคยใช้อวัยวะส่วนอื่นกับแกนกายนอกจากมือ แต่ตอนนี้ริมฝีปากสวยของอาลออยู่ใกล้กับเจี๊ยบน้อยไม่ถึง 5 เซ็นต์ด้วยซ้ำ ลมหายใจอุ่นรินรดลงมาแต่กลับทหให้เด็กน้อยรู้สึกหนาวยะเยือก ขนอ่อนทั่วสรรพางค์กายลุกซู่จนเห็นได้ชัด

“คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”

“อื้อ...อาลอ อย่าจ้า...”ร้องห้ามพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้

จุ๊บ...ชายหนุ่มจุ๊บลงบนแกนกายที่เริ่มตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่พ่อกำนันที่ฟัดจุ๊ดจู๋น้อยๆยามที่เขาเพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนแม่จิ๊บบอกว่าตอนนั้นเจี๊ยบฉี่ใส่หน้าพ่อจนพ่อ แล้วนี่อาลอทำยิ่งกว่าที่พ่อเคยทำ

“อารอทุกวันเลยนะคะว่าเมื่อไหร่หนูจะเริ่มกับอาก่อนบ้างแต่หนูใจร้ายจังไม่เคยเข้ามานัวเนียอาก่อนเลยซักนิดปล่อยให้อารอเก้อมาได้ตั้งหลายวัน”

จุ๊บ...จูบลงไปอีกครั้งจนคนหลานต้องคว้าหมอนมาปิดหน้ากั้นความอาย นอนหมดเรี่ยวหมดแรงให้คนโตกว่าทำตามใจ

“หนูทำให้อารอทุกวัน อย่างนี้ต้องโดนทำโทษนะคะ”ศตายุแปลกใจกับคำพูดนั้น เอาหมอนออกจากหน้าเพื่อจะถามว่าทำโทษอะไรก็พอดีกับที่ความอุ่นร้อนเข้าครอบครองตัวตนของตนเอง

“อ...อาลอ ทำอะไรอ่ะ อื้อ...เด็กน้อยร้องเสียงหลงขาที่ถูกจับแยกโดยไม่รู้ตัวพยายามจะหุบเข้าหากันแต่ก็ติดร่างกายสูงใหญ่ของลลิตภัทรกั้นเอาไว้ เอวบางบิดเร่ายามที่ปลายลิ้นร้อนเลียวนจนความเสียวแล่ววาบขึ้นจากแกนกายสู่สมอง ร่างบางกระตุกเร่าบางครั้งก็กระถดหนีบางทีก็แอ่นรับคล้ายกับเด็กที่สับสนว่าตนเองควรจะห้ามหรือควรจะให้ความร่วมมือ ตัวเองอยากหนีหรือว่าอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วไปเกลี่ยริมฝีปากอิ่มช้ำที่เกิดจากการที่เจ้าตัวกัดปากตัวเองทุกครั้งเมื่อพยายามกลั้นเสียงร้องน่าอายของตนเอง ปลายลิ้นชื้นส่งออกมาเลียก่อนจะรับเข้าปากอย่างไม่ประสา เด็กน้อยใช้ปลายลิ้นเกี่ยวก้านนิ้วบางครั้งก็ดูดดึงจนเกิดเสียง ช่วงล่างถูกปรนเปรอทั้งปากและมือ

ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ เด็กน้อยเพิ่งเคยสัมผัสประสบการณ์เข้าใกล้การมีเพศสัมพันธ์ไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้เป็นครั้งแรก

“อื้อ อาลอ หนู...แฮ่ก...”เด็กน้อยหอบจัดส่ายหน้าไปมาเมื่อความวูบโหวงกระตุ้นเร้าไล่ตั้งแต่ท้องน้อยไปถึงปลายท่อและโดยไม่ทันตั้งตัว สมองของศตายุขาวโพลนราวกับกำลังวิ่งบนหิมะ

“อื้อ...”เด็กน้อยปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขเข้าไปเต็มๆในโพรงปากอุ่นของลลิตภัทรอย่างกลั้นไม่อยู่ บางส่วนไหลเปรอะที่ริมฝีปากหากแต่ลลิตภัทรกลับใช้ปลายลิ้นกวาดเก็บทุกหยดหยาดจนเด็กน้อยต้องร้อมห้าม

“อาลอ จะกินเข้าไปทำไมจ๊ะ ถุยออกมานะมันสกปรก”ศตายุลุกขึ้นนั่งใช้ฝ่ามือพยายามง้างปากของคนเป็นอาให้คายสิ่งที่กลืนเข้าไปออกลลิตภัทรนอกจากจะไม่ทำตามแล้วซ้ำยังกลืนให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วส่งเสียงหัวเราะยามฝ่ามืออูมฟาดลงมาบนอกแกร่งของตนเองอย่างโมโหที่คนแก่กว่านั้นดื้อรั้นเสียเหลือเกิน รวบร่างบางมากอดแนบอกแล้วลูบหลังลูบหัวอย่างปลอบใจ

“ไม่เห็นสกปรกตรงไหนเลยค่ะ ออกจะอร่อยทั้งหอมทั้งหวานไปทั้งตัวเลย”

“ฮื้อ...ไม่พูดนะจ๊ะ หนูอาย”คนเด็กกว่าใช้ปลายนิ้วปิดคำพูดน่าอายนั้นไว้ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มนั้น

“แล้วอาลอ...เอ่อ...”เด็กน้อยเอ่ยคำพูดออกมาแล้วก็หยุดพูดเสียกลางคัน ดวงตากลมหลุบลงต่ำมองดูส่วนกลางกายที่ดุนดันผ่านเนื้อผ้าของลลิตภัทรแล้วทำหน้าปู้เลี่ยนจนน่าสงสาร

“ทำไมคะ?” สงสารเสียเมื่อไหร่ ยิ่งแกล้งถามเมื่อพอจะรู้ว่าหลานนั้นเป็นห่วงตนแต่คงอายที่จะพูด

“ป...ปวดมั้ยจ๊ะ อึดอัดหรือเปล่า?”หากสีหน้ามีเสียงลลิตภัทรคงจะได้ยินเสียงฉ่าที่เกิดจากอาการหน้าไหม้ของเด็กในอ้อมกอด ศตายุเมื่อถามแล้วก็ยิ่งซุกหน้ากับอกแกร่งของคนเป็นอาด้วยไม่กล้าสู้หน้ากับคำถามที่ถามออกไปนัก

“ปวดสิคะ มันอยากให้หนูปลอบใจจะแย่”

“ฮื้อ...หนูจะปลอบยังไงล่ะจ๊ะ มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอก” ขนาดเขินยังต่อปากต่อคำได้นะเด็กนี่ ลลิตภัทรจับมือน้อยๆของหลานก่อนจะชักนำให้ล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของตน ศตายุรีบหดมือหนีเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกนำให้จับกับอะไร

“ทำไมล่ะคะ? หนูไม่รักไม่สงสารอาเหรอ มันอยากให้หนูลูบหัวปลอบใจจะแย่”

“แต่หนูอาย...”

“ไม่มีอะไรต้องอายเลย คนรักกันใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น”

“แต่หนูไม่เคยทำให้ใครนี่จ๊ะ หนูทำไม่เป็นหรอก”

“มาสิ อาจะสอน หนูหัวไวเข้าใจง่ายอยู่แล้ว”ลลิตภัทรดึงมือของศตายุให้ล้วงเข้าไปในกางเกงของตนเอง เด็กน้อยกลัวๆกล้าๆ ทันทีที่มือแตะโดนส่วนแข็งขืนนั้นลูกเจี๊ยบก็อยากระเบิดตัวเองให้สลายไปเสียให้พ้นจากที่ตรงนี้ ท่อนเนื้อแข็งตึงทำปฏิกิริยากับมือของเขาทันที มันกระตุกได้...คล้ายจะกระโดดโลดเต้นเมื่อเจอคนที่กำลังจะมาช่วยปลดปล่อย

“ลองรูดดูสิคะ แบบที่อาทำให้หนูบ่อยๆ”กระซิบชิดใบหูแดงก่ำของหลานเบาๆ ศตายุกลั้นใจจับตัวตนของลลิตภัทรจนเต็มมือแล้วเริ่มขยับข้อมือช้าๆ

“อ่า....ซี๊ด....ดีมากค่ะ แบบนั้นแหล่ะ...ใช้ปลายนิ้วคลึงตรงปลายสิคะ”ลลิตภัทรถอดกางเกงของตนเองพร้อมชั้นในออกไปไว้ที่ปลายเท้า ศตายุไม่เคยเห็นส้วนนั้นของคนเป็นอาเลยซักครั้งถึงขั้นหลับตาปี๋ จับก็รู้ว่าใหญ่แล้ว พอเห็นกับตานี่ยิ่งตอกย้ำว่าอาลอนั้นพ่อรักมากพ่อให้มาเยอะ ฮื่อ....เจี๊ยบกลัวล่วงหน้าได้มั้ย ถ้า...งื้อ...นั่นแหล่ะ ถ้าถึงขั้นนั้นเจี๊ยบตายแน่ๆ

“ลองชิมดูสิคะ”

“ไม่เอาอ่ะ...”เด็กน้อยปฏิเสธทันที ใบหน้าหวานส่ายดิก

“ไม่อยากรู้เหรอคะว่ารสชาติมันเป็นยังไง”

อยากรู้มันก็อยากรู้อยู่ล่ะจ้า แต่หนูอาย เด็กน้อยเถียงคนเป็นอาในใจ

“ดูสิ ของอามันน้อยใจแล้ว หนูรังเกียจมัน”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงราวกับคนกำลังงอน ศตายุใจแกว่งลงไปวูบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นปลายเตียง ลลิตภัทรก็รู้งานขยับตัวมานั่งห้อยขาเพื่อให้ง่ายต่อการทำอะไรๆได้สะดวกขึ้น ลูกเจี๊ยบจับแท่งร้อนไว้ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เลียริมฝีปากที่แห้งผากด้วยความประหม่าแล้วจึงค่อยๆส่งเอ็นร้อนนั้นเข้าปากช้าๆ ท่าทางเงอะงะรวมถึงริมฝีปากนุ่มนั้นทำให้ความเสียวพุ่งขึ้นสูงจนต้องส่งเสียงออกมา ศตายุมองภาพพระลอหลับตาเชิดหน้าสูดปากแล้วก็ให้รู้สึกดี ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดจนรอบเร้าวนตรงส่วนปลายแบบที่ลลิตภัทรทำให้ตนเมื่อครู่ แม้จะไม่ชำนาญแต่ก็ทำให้รู้สึกดีได้จนต้องเอ่ยปากชม คำพูดหยาบดลนถูกเปล่งออกมาคล้ายตัวกระตุ้นให้คนเด็กกว่าย่ามใจ

“ห่อปากระวังอย่าให้ฟันครูดนะคะ ขยับเร็วอีกนิด นั่นแหล่ะค่ะ เด็กดี เก่งมากค่ะ อืม...”ลลิตภัทรจับศีรษะที่ขยับไปมาให้เร่งจังหวะเร็วขึ้น ศตายุช้อนตาขึ้นมาส่งค้อนเมื่อแกนกายใหญ่คับปากกระแทกเข้ามาจนแทบสำลัก น้ำลายเปรอะริมฝีปากเพราะความคับพองในปาก มือเล็กขยับรูกใสส่วนที่ตัวเองใช้ปากครอบลงไปไม่หมดหูก็คอยฟังสิ่งที่ลลิตภัทรคอยบอกด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

ลูกเจี๊ยบชอบหน้าของอาลอในตอนนี้

ริมฝีปากแดงๆของอาลอส่งเสียงครางด้วยความพอใจ

ดวงตาทรงเสน่ห์ของอาลอมองมาเพียงเขาคนเดียวนั้นมีมนตร์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้จ้องจอบไม่หลบหนี
น้ำเสียงทุ้มของอาลอหวานหูล่อลวงให้เขาย่ามใจยิ่งอาลอชมว่าเก่งเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยก็ยิ่งเพิ่มจังหวะ ลิ้นเล็กไล่ละเลงไปจนทั่ว บางครั้งก็ดูดแรงๆตรงส่วนปลายตามคำสอน ลลิตภัทรเด้งเอวสวนเข้าไปในปากของหลานเมื่อประจุความรู้สึกเสียวซ่านเข้าเล่นงาน ธาวขาวอุ่นกระฉูดเข้าไปในโพรงปากหลานจนศตายุสำลักไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง เด็กน้อยคายน้ำที่อัดเข้ามาเต็มโพรงปากออกบางส่วนถูกกลืนไปแล้วทำเอาคนเด็กหน้าตาเหยเก

“เป็นไงคะ อร่อยมั้ยเอ่ย?”

“ฮื้อ...อาลอโกหก ไม่เห็นอร่อยไม่เห็นหวานเลย”เด็กน้อยใช้หลังมือปาดคราบที่มุมปากทิ้ง ลลิตภัทรดึงตัวหลานขึ้นมาบดจูบแล้วละเลียดเก็บกวาดคราบคาวของตนเองจนหมด เสียงจูบน่าอายจบลงเมื่อคนแก่กว่าเอ่ยเอื้อนคำที่ทำให้ลูกเจี๊ยบอายเป็นรอบที่ร้อย

“ของอาไม่หวานหรอกค่ะ แต่ของเจี๊ยบหวานมาก หวานจนอาอยากกินให้มากกว่านี้”

 

“ฮื้อ..อาลอ น้องยังเด็กนะจ๊ะ”เด็กน้อยดันอกคนที่ทำท่าจะฉวยจูบตนอีกรอบ

 

“อาไม่ได้จะทำไปมากกว่านี้ซักหน่อย แค่อยากจูบหนูอีกนิดชดเชยที่เราไม่ได้จูบกันตั้งหลายวัน”

 

“แค่จูบจริงๆนะจ๊ะ”

 

“แค่จูบจริงๆค่ะ อะไรถ้าหนูไม่ยินยอมอาจะไม่ทำ”ชายหนุ่มลูบแก้มกลมนั้นอย่างเบามือ ดวงตากรุ้มกริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที

 

“แต่ถ้าวันไหนหนูไม่ห้ามหรือเอ่ยคำอนุญาต อาก็จะไม่สนด้วยว่าหนูจะบรรลุนิติภาวะหรือยัง อาจะรักหนูให้สมกับที่ต้องรอเลยล่ะ เข้าใจมั้ยคะ”

 

................................................



อายุมากก็ใช่ว่าจะยับยั้งชั่งใจได้เสมอไป พระลอคือผู้ชายที่ยังมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ในเรื่องเพศอยู่ พระเอกเรื่องนี้ไม่ใช่พระเอกในละครไทยที่จะต้องข่มจิตข่มใจราวกับถือศีลแข่งกับพระ



แต่ใช่ว่าอาลอจะหลอกล่อ ตัวเจี๊ยบเองก็ยังคงเป็นเด็กที่เริ่มอยากรู้อยากลอง อย่างน้อยหากเป็นชีวิตจริงมันคงไม่หยุดแค่ที่เค้าทำกันแน่ๆ มาถึงขนาดนี้แล้วอ่ะเนอะ



ฉากนี้เขียนยากมากเพราะตอนแรกที่คิดไว้คือจะให้เค้าทำๆกันที่ห้องลูกเจี๊ยบ แต่สามัญสำนึกของไรท์มันขวางตลอดเลยว่าทำไม่ได้นะเว้ย แม่กับน้องเขาก็อยู่ อีกอย่างพระลอดูจะเป็นคนเลวเกินไปบุกไปลวนลามลูกเค้ายั้นบ้านของเค้า
เห็นด้วยกับที่ทอล์คเลยค่ะ พระลอยังมีความเห็นแกตัวอยู่มาก ขนาดจิ๊บอยู่บ้านกล้าทำขนาดนี้ไม่ค่อยเข้าใจนะบบความคิดพระลอเลย เหมือนยังไม่เป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าถ้าเกินเลยไปจริงพระลอคงรับผิดชอบอยู่ แต่เหมือนหลอกเด็กอะสอนน้องแต่ละอย่างกามๆทั้งน้านนนน ห่วงเจี๊ยบ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 15:00:18
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๕





                “แกว่งให้มันแรงๆกว่านี้ดิ๊”ลลิตภัทรที่นออนตีพุงสบายบนเปลญวนใต้ต้นมะม่วงเอ่ยบอกกับลูกสมุนมือหนึ่งที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเสื่อผืนใหญ่ แก้วเจ้าจอมยื่นมือผอมๆมาจับขอบเปลแล้วเพิ่มความแรงในการแกว่งแกว่งทีหนึ่งก็หันไปต่อเลโก้อันที่ลูกเจี๊ยบเกลียดนักเกลียดหนาเพราะอาลอเอาแต่สนใจมันเมื่อหลายวันก่อน

 

                “คอแห้งอ่ะเจ้าจอม”ทำเสียงแหบๆให้หลานรู้ว่าตนเองนั้นกระหายน้ำมาก แก้วเจ้าจอมเบะปากนิดหนึ่งคิ้วขมวดเข้าหากันแต่ก็ยอมวางของเล่นแล้วลุกวิ่งปร๋อเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกระบอกน้ำเย็นฉ่ำมายื่นให้ ลลิตภัทรไม่ได้รับไปกลับเลิกคิ้วสูงทำหน้าเหมือนแปลกใจอะไรซักอย่าง พาลให้แก้วเจ้าจอมเลิกคิ้วสูงตามไปด้วย

 

                “มืออาไม่ว่างเนี่ยเล่นโทรศัพท์อยู่”

 

                “แหม อาลอจ๊ะ อีกนิดก็จะเป็นง่อยแล้วจ้า”ไม่ใช่เสียงของแก้วเจ้าจอมแต่เป็นเสียงของศตายุที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อนั่นแหละ

 

ดูก็รู้ว่าอาลอจงใจแกล้งเจ้าจอมให้ได้วิ่งไปวิ่งมาจนหัวหมุน จากเจ้าเด็กกลายร่างมาเป็นเบ๊หมายเลข 1 ในชั่วพริบตาเพียงอาลอมีของเล่นใหม่ๆมาหลอกล่อ

 

                “พี่เจี๊ยบอย่าไปว่าอาลอซี้ เนี่ยอาลอแก่แล้วกระดูกกระเดี้ยวก็ไม่ดีเป็นธรรมดา หนูยังเด็กหนูวิ่งได้ จริงมั้ยจ๊ะอาลอจ๋า”เด็กน้อยรินน้ำไปออกปากแก้แทนท่านหัวหน้าหมายเลข 1 ที่ยกมาแทนที่ตำแหน่งของพี่เจี๊ยบท้ายประโยคหันไปฉอเลาะกับอาลอโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าไอ้คำว่าแก่นั้นทำเอาคนถูกปกป้องถึงขั้นคิ้วกระตุก

 

เจอกันครั้งแรกเรียกเขาว่าลุง พอสนิทกันบอกว่าเขาแก่ จับกระทืบแล้วถ่วงน้ำในคลองดีมั้ย แล้วนั่นน่ะคืออะไรไอ้เด็กตูดงอนๆที่นอนอ่านหนังสือจะกลั้นขำอะไรขนาดนั้นอยู่กันในห้องสองต่อสองจะเล่นให้เปลี่ยนจากกลั้นขำเป็นกลั้นเสียงครางหน้าหน้าดำหน้าแดงเลยคอยดู

 

                “ร้อนอ่ะ”เอ่ยปากบ่นและโดยไม่ต้องร้องขอแรงลมที่กระพือเบาๆทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างเอ็นดู แก้วเจ้าจอมใช้ฝากล่องของเล่นพัดให้เขาโดยไม่ได้ร้องขอ

 

บางทีมันก็น่ารักแหล่ะแต่ชอบพูดจากวนประสาท

 

                “นี่เดือนธันวายังร้อนขนาดนี้ หน้านี้หน้าหนาวจริงๆเหรอ”ชายหนุ่มบ่นเบาๆก่อนจะคิดอะไรออก

 

                “ไปกินไอติมกันมั้ย?”หันไปถามเด็กทั้งคู่อย่างไม่เจาะจง แต่ผลตอบรับดีเกินคาดเมื่อสองพี่น้องตอบกลับมาพร้อมเพรียงกันในทันที

 

                “ไปจ้า!!!”

 

                “งั้นไปชวนแม่กับเจ้าขาไปด้วยอยู่บ้านกันแค่สองคนนี่ เดี๋ยวอาไปชวนใบบัวกับใบบุญ เราจะไปกินในเมืองอีกครึ่งชั่วโมงอาจะไปรับที่บ้าน”

 

                “เย้ อาลอใจดีจังเลย”เจ้าจอมกระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจรีบเก็บเลโก้ใส่กล่องรวมทั้งของเล่นที่อาลอยกให้ใส่กล่องพลาสติกกล่องใหญ่วิ่งปรู๊ดเอากลับเข้าไปเก็บในห้องนอนของลลิตภัทร เจ้าจอมถือเป็นแขกวีไอพีที่สามารถวิ่งเข้าวิ่งออกห้องของพระลอได้อย่างสะดวกเสรี วันหยุดมักจะมาขลุกตัวอยู่ที่บ้านของพระลอ หากวันไหนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ว่างก็จะมานั่งเล่นนอนเล่นคุยกับย่าโฉมไม่ได้เหงาดังนั้นจึงเป็นภาพชินตาของคนในบ้านไปซะแล้ว

 

ใครจะไปคิดล่ะว่าพระลอจะเข้าขาได้ดีกับลูกชายของอดีตคนรัก เด็กสองคนวิ่งปร๋อไปที่ศาลาริมน้ำลงเรือแล้วจ้วงบึ๊ดๆกลับบ้านไปชวนแม่

 

                “จะดีเหรอลูกไม่รบกวนอาลอเขาเหรอ”

 

                “ไม่หรอกจ้า อาลอเอาใบบุญกับใบบัวไปด้วย”ศตายุรีบบอกกับแม่ จิ๊บมีท่าทางหนักใจมองไปที่ลูกสาว เจ้าขาที่ปกติไม่ค่อยตื่นเต้นกับอะไรนักก็มองแม่ด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

                “เจ้าขาอยากไปมั้ยลูก”หญิงสาวลูบผมยาวสลวยของลูกสาวอย่างอ่อนโยน

 

                “ถ้าแม่ไม่ไปเจ้าขาไม่ไปก็ได้จ้า”เด็กหญิงไม่ได้ตอบว่าอยากไปหรือไม่อยากไปยกการตัดสินใจครั้งนี้ให้กับแม่

 

                “งั้นไปแต่งตัวไปลูก เจี๊ยบไปตามป้าละไมมาดูบ้าน ดีเหมือนกันจะได้ซื้อของจากในเมืองเข้าบ้านด้วยของใช้หมดแล้วพ่อเราก็งานหลวงงานราษฎร์ยุ่งจนไม่มีเวลาพาแม่ไปเลย”

 

                “เย้!!!”สามพี่น้องประสานเสียงกันด้วยความดีใจ จิรนันท์มองลูกๆที่กระตือรือร้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำ ไม่นานสี่คนแม่ลูกก็นั่งรออยู่หน้าบ้านโดยมีหญิงวัยกลางลูกจ้างในไร่คนมาเฝ้าบ้านให้

 

                “พี่ละไมถ้าพี่ดินกลับมาบอกว่าเดี่ยวซื้อของเสร็จจะกลับจิ๊บไปกับบ้านฟากขะนู้นนะจ๊ะ”หญิงสาวหันไปบอกกับลูกจ้างวัยกลางคนระหว่างรอก็ไม่วายจะเดินกลับไปตรวจตรากุญแจห้องว่าล็อกเรียบร้อยดีหรือยัง เสียงรถมาจอดหน้าบ้านลลิตภัทรขับมาเพียงคนเดียวไม่มีใบบุญและใบบัวมาด้วย

 

                “อ้าวแล้วบุญกับบัวล่ะ?”

 

                “พี่รามกับพี่ขวัญพาไปหาอากงอาม่าที่นครปฐมน่ะ”พระลอลงมาเปิดประตูรถให้กับจิ๊บและเด็กๆ ศตายุชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพระลอเปิดประตูหน้าให้แม่ส่วนตนเองแก้เก้อด้วยการเข้าไปนั่งในแคปหลังกับน้อง

 

เขาเคยชินกับการนั่งหน้ารถไปกับอาลอเอง

 

ระหว่างทางเด็กสามคนเล่นเกมส์เล่นคำบางครั้งก็ร้องเพลงตามๆกันไป จันทร์เจ้าขาเมื่ออยู่กับบรรดาพี่ๆน้องๆก็ดูน่ารักสมวัยและช่างพูดพอสมควร ศตายุแม้จะเล่นกับน้องแต่สายตาคอยชำเลืองมองพระลออยู่เป็นระยะๆ พระลอคุยกับจิ๊บถึงเรื่องสมัยเด็กๆอย่างสนิทสนม ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความผูกพันบางอย่างที่คนทั้งคู่มีให้กันหากแม่จิ๊บไม่ใช่เมียพ่อกำนันบรรยากาศตอนนี้ไม่ได้ต่างจากตอนที่ลูกเจี๊ยบและน้องๆไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่เลยซักนิด

 

ใช้เวลาราวๆ 40 นาที ในที่สุดรถกระบะก็แล่นเข้ามาจอดในลาดจอดรถห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ม่ถึง 10 ปี

 

                “จะกินไอติมเลยหรือไปกินพิซซ่าก่อน?”

 

                “อาลอจะให้กินพิซซ่าด้วยเหรอจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมถามด้วยดวงตาโตเท่าไข่ห่าน

 

                “จริงสิ หรือจะกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้นะ”

 

                “ไม่เอาอาหารญี่ปุ่นค่ะ”จันทร์เจ้าขารีบปฏิเสธทันที

 

                “ทำไมล่ะคะ?”ลลิตภัทรย่อตัวถามหลานสาวด้วยความเอ็นดู แต่ศตายุกลับชะงักไปนิดหน่อยกับคำท้ายประโยค คำลงท้ายที่อาลอใช้กับเขาคนเดียวตอนนี้อาลอแบ่งให้จันทร์เจ้าขาอีกคนหนึ่งแล้ว

 

รู้สึกแย่แบบแปลกๆ

 

                “พ่อเคยพามากินค่ะแล้วเจ้าจอมอ้วกตอนกินปลาดิบจิ้มวาซาบิ”

 

                “งั้นให้เลือกพิซซ่า ชาบู กับเคเอฟซี”

 

                “พิซซ่า”สามเสียงประสานพร้อมกันในทันทีดังนั้นร่างสูงจึงต้อนเด็กๆเข้าไปในร้านพิซซ่าที่อยู่ตรงข้ามกับร้านไอศกรีม

 

                “เลือกเลยว่าจะเอาแบบไหน”พระลอยื่นเมนูไปให้จิ๊บและสามพี่น้อง ส่วนตนเองสั่งพวกเฟร้นฟรายด์และไก่ทอดรวมทั้งสลัดจานใหญ่มาเป็นของกินเล่น

 

                “อาลอ หนูกินได้กี่ถาดเหรอ”แก้วเจ้าจอมเงยหน้าขึ้นมาถามลูกพี่หมายเลข 1

 

                “อยากกินกี่ถาดก็สั่งมาเถอะ”

 

                “อย่าตามใจหลานสิลอ เคยตัว สั่งแค่เท่าที่จะกินหมดพอลูก”จิ๊บหันไปพูดกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

 

                “แต่หนูอยากกินคนละแบบกับพี่เจ้าขาพี่เจี๊ยบนี่”แก้วเจ้าจอมเริ่มชักสีหน้าและงอแงตามประสาลูกคนเล็ก

 

                “งั้นก็เอาของพี่เจี๊ยบกับพี่เจ้าขาถาดใหญ่ส่วนของเจ้าจอมเอาถาดกลางก็พอโอเคมั้ย?”

 

                “เนี่ยลอตามใจลูกเราจนจะเสียเด็กแล้วนะ”จิ๊บหันไปว่าไม่จริงไม่จังนัก ดวงหน้าหวานระบายยิ้มพราวเต็มใบหน้า ลลิตภัทรหันไปทำหน้าราวกับสำนึกผิด สองคนคุยเล่นกันโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของลูกชายคนโตมองอยู่อย่างสับสน

 

เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เหมือนจะมี

 

ความรู้สึกในใจของตนตอนนี้คืออะไรศตายุก็ไม่รู้ มันทั้งหวง ทั้งน้อยใจปนเปกันไปหมด ยิ่งปกติอาลอจะคุยเล่นกับตนมากกว่าใครแต่ตอนนี้อาลอคุยแต่กับแม่ เรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็กของคนทั้งคู่ถูกพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

 

เกือบครึ่งชีวิตของอาลอมีแม่รวมอยู่ด้วย ส่วนตนเองเพิ่งมามีส่วนร่วมเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว

 

ต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

                “แม่ เดี๋ยวน้องไปเข้าห้องน้ำก่อนนะจ๊ะ”ศตายุไม่ได้รอว่าแม่จะอนุญาตมั้ยเด็กน้อยเดินออกไปจากร้านในทันที ลลิตภัทรสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น อันที่จริงเขารู้สึกตั้งแต่บนรถแล้วว่าศตายุพูดน้อยลงแม้จะเล่นกับน้องแต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนเช่นเคย

 

                “จิ๊บเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำกับหลานนะ จะไปล้างมือ”

 

                “อ่อ...อื้อ ฝากดูหลานด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับชายหนุ่มรีบสาวเท้าตามร่างบางของศตายุที่เดินตรงไปทางห้องน้ำ ท่าทางเดินห่อไหล่แบบนั้นมันไม่ใช่ลูกเจี๊ยบของเขาเลยซักนิด เมื่อตามมาทันในห้องน้ำก็พบว่ามันว่างไม่มีใครเลยนอกจากเด็กน้อยที่ยืนล้างมืออยู่ที่อ่าง

 

                “หนู...”ลูกเจี๊ยบที่กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนที่เพิ่งหลบหน้ามา

 

                “อ..อาลอ...ทำอะไรเดี๋ยวใครมาเห็น”ลูกเจี๊ยบแกะแขนที่โอบเอวของตัวเองพลางเบี่ยงหน้าหนีเมื่อลลิตภัทรเอาคางมาเกยบนไหล่ตน

 

                “หนูเป็นอะไรคะ ทำไมดูไม่ร่าเริงเลย”

 

                “หนูปวดหัวนิดหน่อยจ้า ไม่มีอะไรหรอก”ศตายุเอ่ยปดเพราะไม่อยากให้อาลอมองว่าตนเป็นเด็กงี่เง่า ทั้งๆที่ในใจอยากจะเรียกร้องเหลือเกินว่าอย่าพูดคะขากับใครนอกจากตน

 

อย่าให้ความสนิทสนมใครมากกว่าตนแม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นแม่ของตัวเองก็ตามเถอะ

 

แต่ดูเหมือนพระลอจะไม่รู้ความคิดนั้นเลย มือนุ่มยกขึ้นมาแตะหน้าผากหลานเบาๆ

 

                “ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ ก่อนมาก็ยังดีๆอยู่เลย บอกอามาตามตรงสิคะว่าหนูงอนอะไรอาหรือเปล่า?”

 

                “หนูเปล่า...”

 

                “เคยมีใครบอกมั้ยคะว่าหนูโกหกไม่เก่งเลย ตาของหนูมันบอกหมดเลยว่าตอนนี้หนูรู้สึกยังไง ไหนเด็กดีบอกอาสิคะว่าอาทำอะไรให้หนูไม่พอใจ?”

 

                “หนูไม่รู้ว่าหนูเป็นอะไร อยู่ๆพอไม่ได้นั่งรถข้างอาลอหนูก็รู้สึกไม่พอใจ พออาลอคุยคะขากับน้องหนูก็หวง หนูแค่รู้สึกว่าความพิเศษนั้นมันต้องเป็นของหนูคนเดียว หนูเป็นเด็กงี่เง่าแม้แต่อาลอคุยกับแม่หนูก็ไม่อยากให้คุย ในใจหนูมันมีแต่คำถามว่าทำไมต้องมองตากัน ทำไมต้องหัวเราะให้กัน หนูไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้เลย หนูรู้สึกแย่กับตัวเอง”ลลิตภัทรนิ่งฟังสิ่งที่หลานพูดก่อนจะดึงเด็กที่กดคางจนแทบจะชิดอกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดกดศีรษะของคนเด็กกว่าให้แนบอก รอยยิ้มละมุนที่มีให้กับศตายุเพียงคนเดียวผุดพราวเต็มใบหน้า

 

หัวใจพองอย่างห้ามไม่อยู่

 

                “หนูหึงอาเหรอคะ?”ลูบหลังบางเบาๆราวกับปลอบโยน เด็กน้อยซุกหน้ากับอกคนเป็นอาพลางถูไถไปมาเบาๆ

 

                “หนูไม่รู้”คำตอบด้วยน้ำเสียงอู้อี้ดังมาให้ลลิตภัทรหัวเราะได้

 

เด็กหนอเด็ก ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเองเลยซักนิด

 

หึงเขาหวงเขาจนเก็บอาการไม่อยู่ซะขนาดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอาการนี้คืออารมณ์หึงหวง

 

                “อาดีใจจังที่หนูหึงอา แต่เจี๊ยบคะ หนูจะหึงอากับใครก็ได้มันคือสิทธิ์ของหนูที่เป็นแฟนอา แต่อย่าหึงอากับแม่กับน้องเลยนะคะ อากับแม่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เกิด ส่วนที่พูดกับเจ้าขาเหมือนที่พูดกับหนูก็เพราะน้องเป็นผู้หญิง อารักหนู รักแบบคนรักกัน รักแค่หนูคนเดียว ความรู้สึกนี้ของอามีให้แค่หนูไม่ได้เผื่อให้คนอื่น เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อใจอาได้มั้ยคะหายงอนนะแล้วออกไปกินข้าวกัน นะคะ”ศตายุเม้มปากเข้าหากันแน่นอย่างรู้สึกผิด เด็กน้อยเชื่อคำที่อาลอพูดทุกคำ อาลอรักลูกเจี๊ยบมากขนาดนี้แต่ลูกเจี๊ยบกลับไม่เชื่อใจอาลอ หึงหวงงี่เง่าจนอาต้องมาง้อแบบนี้

 

ไม่น่ารักเลยซักนิด

 

ถ้าเป็นแบบนี้อีกหน่อยอาลอคงเบื่อ

 

อาลอเป็นผู้ใหญ่แล้วจะมาทนนิสัยเด็กๆแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน เงยหน้าช้อนตามองใบหน้าที่ระบายยิ้มน้อยๆนั้นอย่างแสนรัก กดจูบลงบนคางของคนเป็นอาอย่างเอาใจ

 

                “อาลอจ๋า หนูขอโทษนะจ๊ะที่มางี่เง่าเอาตอนนี้ ให้เวลาหนูหน่อย หนูจะพยายามโตเป็นผู้ใหญ่ให้ทันอาลอนะวันนี้หนูอาจจะงี่เง่า แต่หนูสัญญาต่อไปหนูจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง”เด็กน้อยกระชับอ้อมแขนของตัวเองกับเอวสอบแน่นขึ้น

 

                “ไม่ต้องโตให้ทันอาหรอกค่ะโตให้สมวัยของหนูไปอย่างนี้แหละค่ะอาจะลดอายุไปหาหนูเอง”

 

                “อาลอน่ารักจังเลย หนูหายงอนแล้ว ป่ะ ออกไปหาแม่กับน้องๆกันเถอะจ้า หิวแล้วเนี่ย”เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมายิ้มแต้โชว์ฟันซี่เล็กๆน่าเอ็นดูให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยีผมนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู

 

ศตายุยังเด็กเหลือเกิน บริสุทธิ์และไร้เดียงสามากเสียจนเขาอยากจะจับปั้นๆแล้วกลืนลงท้องเพราะไม่อยากให้ใครมาเห้นเด็กน้อยในมุมนี้ซะเลย

 

เด็กที่งอแงเพราะหึงเขา

 

น่ารักน่าให้รางวัลจนน้ำตาปริ่มซะจริงจริง

 

ตอนนี้ออกไปกินพิซซ่าก่อน ตอนเย็นค่อยกินกันเองสองต่อสอง

 









 

 

          “กำนันนั่นลูกเมียกำนันหรือเปล่า?”ปลัดอำเภอสูงวัยเอ่ยถามแดนดินเมื่อเดินผ่านร้านไอศกรีมชื่อดัง แดนดินหันไปมองเห็นลูกและเมียของตัวเองอยู่ครบในร้านนั้นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นครอบครัวของตนเข้ามาอยู่ในเมืองกันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่พลันคิ้วก็ขมวดเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาในร้านและก้าวเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะพลางพลิกเมนูดูกับลูกๆและเมียรักของเขา

 

ไอ้ลอ?...

 

ชายหนุ่มทำหน้าเรียบนิ่งอย่างกำลังระงับอารมณ์บางอย่างในใจ

 

            “มากับใครน่ะ?”ปลัดอำเภอยังไม่ละความสนใจเรียกได้ว่ายืนจ้องอย่างใส่ใจจนแดนดินลอบทำหน้าเอือม

 

            “ผู้ใหญ่ลลิตภัทรน่ะครับ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7”แดนดินตอบคำถามอย่างเสียไม่ได้ ปลัดอำเภอหัวเราะลั่นพลางกล่าวสรรพยอกอย่างไม่คิดอะไร

 

            “อ๊อ .ผมจำได้แล้ว เคยเห็นเขาเมื่อตอนอบรมคราวก่อน คนหนุ่มไฟแรงหน้าตาหล่อเหลา ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่บ้านดูแลลูกบ้านดีขนาดนี้เลยนะกำนัน ดูแลลูกเมียชาวบ้านก็ได้ด้วย ดีๆ”แดนดินสูดหายใจลึกๆพยายามไม่เอาใจไปคิดตามคำพูดไร้มารยาทของคนสูงทั้งอายุ การศึกษาและหน้าที่การงาน แต่เขาสาบานเลยว่าหากเป็นคนรุ่นเดียวกันคงได้มีการฟาดปากกันซักหมัดสองหมัด

 

เขายังคงเชื่อใจจิ๊บและลูกๆ แต่เรื่องวันนี้กลับบ้านคงต้องเคลียร์กันซักหน่อย แดนดินเดินตามคณะอบรมไปเข้าร้านอาหารที่พากันยกโขยงมากิน อาหารมื้อนั้นไม่รู้รสเลยซักนิด ในใจของเขาแทบจะวิ่งไปดึงลูกเมียกลับบ้านแต่ติดที่ว่าบ่ายนี้เขายังต้องเข้าอบรมอีกลากยาวไปถึงเย็น

 

            “เดี๋ยวเราขอแวะไปซื้อของเข้าบ้านก่อนได้มั้ยลอ”จิ๊บหันไปถามลลิตภัทรที่นั่งละเลียดไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วงถ้วยเดียวกับลูกเจี๊ยบ ในขณะที่คนอื่นก็มีของตัวเองคนละถ้วย ลลิตภัทรให้เหตุผลว่าตนเองนั้นกินไม่เยอะและก็ชอบรสเดียวกับศตายุ คนอื่นๆไม่ได้ติดใจอะไรแต่เด็กน้อยที่นั่งชิดกับลลิตภัทรนั้นหัวใจเต้นรัว แม้จะทำอะไรเอิกเกริกไม่ได้แต่หลังจากคุยกันแล้วออกมาจากห้องน้ำ ลลิตภัทรก็เทคแคร์ลูกเจี๊ยบมากกว่าเดิมอย่างเนียนๆ

 

ไอติมถ้วยแรกของลูกเจี๊ยบกับอาลอแม้มะม่วงเชอร์เบทจะอมเปรี้ยวมอมหวานแต่ในความรู้สึกของเจี๊ยบตอนนี้มันหอมหวานยิ่งกว่ามะม่วงอกร่องทั้งสวนมาหล่นทับตัวเขาเสียอีก

 

            “ได้สิ ซื้อตามสบายเลยไม่ต้องรีบ”ลลิตภัทรเอ่ยออนุญาตด้วยท่าทางสบายๆ

 

            “งั้นเดี๋ยวลอจะไปด้วยหรือจะไปเดินดูอะไรก่อนมั้ย? เราเลือกของนานเดี๋ยวลอจะเบื่อ”

 

            “เดี๋ยวเราไปเดินดูหนังสือก็ได้ มีหนังสือที่อยากได้อยู่พอดี”

 

            “แม่จ๋า หนูขอไปดูหนังสือกับอาลอได้มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบรีบเอ่ยปากขอแม่ซึ่งจิ๊บก็ตอบตกลงพลางยื่นเงินให้ลูกโดยง่าย หล่อนไม่ติดใจอะไรที่ศตายุจะอยากไปร้านหนังสือเพราะปกติเวลามาห้างสรรพสินค้าศตายุมักแยกตัวไปหาซื้อหนังสืออ่านอยู่แล้ว ศตายุรักหนังสือมากจนภายในห้องอัดแน่นไปทั้งนิยาย วรรณกรรม หนังสือแบบเรียน วิชาการ เรียกได้ว่ามีครบทุกแนว หลังจากกินไอติมและนัดแนะกันเสร็จจิ๊บ เจ้าจอมและเจ้าขาก็แยกตัวออกไปทางซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบก็เดินแยกไปอีกทาง เมื่อลับสายตาแล้วฝ่ามือหนาก็จับมือเล็กของหลานไว้ทันที ศตายุก้มหน้าแอบยิ้มกับการกระทำแสนอบอุ่นของอาลอเด็กน้อยเดินตามคนที่กุมมือและหัวใจของตนเองไว้อย่างเงียบๆ ทั้งคู่ชี้ชวนกันดูหนังสือบนชั้นราวกับโลกนี้มีเพียงเราสอง ลลิตภัทรเลือกหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวชายหนุ่มบอกกับเด็กน้อยว่าหากมีเวลาว่างและลูกเจี๊ยบปิดเทอมเขาอยากพาศตายุไปเที่ยวที่ไกลๆเพื่อเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่อาจจะต้องเที่ยวในประเทศไปก่อนเพราะลูกเจี๊ยบของเขาอายุยังน้อยหากจะพาไปต่างประเทศก็ต้องไปทำพาสสปอร์ตซึ่งต้องให้พ่อแม่เซ็นเอกสารให้ ลลิตภัทรคิดว่ามันยุ่งยากแต่ก็ยังสัญญากับหลานว่าเมื่อถึงวัยอันควรเขาจะให้เด็กน้อยเลือกว่าอยากไปท่องโลกกว้างที่ประเทศไหนก็ได้ตามแต่ที่ศตายุต้องการ และเด็กน้อยก็บอกกับเขาว่าตนเองนั้นอยากไปญี่ปุ่น อยากไปเห็นดอกซากุระกับตาตนเองซักครั้ง ลลิตภัทรยังเดินไปเลือกหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยา รวมทั้งหนังสือคู่มือชาวบ้านอีกหลายเล่ม ส่วนศตายุนั้นขลุกอยู่ในหมวดวรรณกรรมเด็กน้อยลังเลใช้เวลาอยู่ในหมวดนิยายแปลนานจนลลิตภัทรสังเกตได้

 

            “มีอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ศตายุที่ไม่มัวแต่เอาใจจดจ่อกับหนังสือถึงกับสะดุ้ง เด็กน้อยละล่ำละลักเอ่ยปฏิเสธเสียงแผ่ว

 

            “ม่ะ..ไม่มีจ้า”

 

            “ดูหนังสือเรื่องอะไรอยู่คะ ทำไมหยุดตรงนี้นานจัง”ลลิตภัทรทำท่าจะหยิบหนังสือตรงหน้าที่ศตายุดูอยู่ แต่เด็กน้อยกลับรีบรุนหลังของเขาให้ออกไปจากตรงนั้น

 

            “ใกล้ถึงเวลาที่แม่นัดแล้วเราไปจ่ายตังค์กันเถอะจ้า หนูหิวน้ำด้วย”เมื่อเห็นเด็กน้อยงอแงหิวน้ำลลิตภัทรจึงพาลูกเจี๊ยบไปจ่ายเงินชายหนุ่มดึงมือลูกเจี๊ยบที่กำลังจะยื่นเงินของตัวเองจ่ายในหยุด

 

            “เดี๋ยวอาจ่ายให้ค่ะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้า แม่ให้เงินหนูมาพอซื้อ”

 

            “อาจะจ่ายให้ค่ะ”ลลิตภัทรทำเสียงเข้มจนลูกเจี๊ยบต้องจำยอม เมื่อจ่ายเงินค่าหนังสือเสร็จลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบมาซื้อน้ำดื่มแล้วเดินไปตามหาจิ๊บที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตมองหาไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมกับเจ้าขาเข็นรถอยู่ไกลๆ

 

            “เดี๋ยวเจี๊ยบไปอยู่กับแม่ก่อนนะคะ อาขอไปเข้าห้องน้ำอีกรอบ”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไปหาแม่และน้อง ไม่นานยังไม่ทันจะคิดเงินเสร็จดีลลิตภัทรก็กลับมา ชายหนุ่มไปช่วยจิ๊บและเด็กๆเข็นรถเข็นที่อัดแน่นไปทั้งของสดและของแห้งลำเลียงใส่ท้ายรถกระบะ ดวงตะวันโพล้เพล้รถของลลิตภัทรก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของจิ๊บ ชายหนุ่มลงไปช่วยหิ้วของขึ้นบ้านให้จิ๊บ เด็กๆเอ่ยขอบคุณอาลอที่พาไปกินของอร่อยลลิตภัทรสัญญาว่าคราวหน้าถ้าหากตนว่างจะพาไปอีก ชายหนุ่มกล่าวลาก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้

 

            “อ่อ เจี๊ยบตามอามาที่รถทีค่ะ หนูลืมของไว้”

 

            “ของ?”ศตายุทำหน้าแปลกใจว่าตนไปลืมอะไรไว้บนรถแต่ก็เดินตามชายหนุ่มไปอย่างว่าง่าย ลลิตภัทรเปิดประตูรถก่อนจะก้มลงไปหยิบถุงที่มีตราของร้านหนังสือที่เพิ่งไปกันมาวันนี้

 

เจี๊ยบขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าเขาถือถุงหนังสือกลับไปเก็บในห้องแล้วนี่นา แล้วความหนาของถุงนั้นมากกว่าหนังสือที่เจี๊ยบซื้อมา ลลิตภัทรจับมือหลานให้รับถุงหนังสือนั้นก่อนจะเอี้ยวตัวมากระซิบข้างๆหูของศตายุ

 

            “คราวหลังอยากได้อะไรแต่ไม่กล้าก็บอกอานะคะ ส่วนเรื่องนี้ อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”เด็กน้อยไม่ได้พูดตอบกลับอะไรไป หากทว่าผิวแก้มใสกลับขึ้นสีเรื่ออย่างน่ารักน่าชังจนลลิตภัทรต้องสูดหายใจลึกๆห้ามจิตห้ามใจตัวเองไม่ให้รวบร่างอวบนั้นมากอดแล้วฟัดให้จมูกจมลงไปในแก้มนุ่มที่คุ้นเคย ชายหนุ่มมองภาพศตายุที่กัดปากกลั้นความเขินอย่างเอ็นดูแล้วก็จำใจต้องลากลับ รถยนต์ของอาลอแล่นไกลออกไปแล้ว แต่ดวงใจน้อยๆของศตายุกลับไม่สงบลงเลยซักนิด เด็กน้อยรีบก้าวยาวๆกลับเข้าไปในห้อง หนังสือหนาๆในถุงถูกหยิบออกมา พลันใบหน้าก็เห่อร้อนราวถูกเปลวเพลิงโลมเลีย

 

แม้จะคาดไว้แล้วว่าด้านในคือหนังสือเล่มใดก็อดสะท้านอายไม่ได้

 

อาลอช่างสังเกตอีกทั้งช่างเอาอกเอาใจ

 

ตัวเขาแม้จะอยากอ่านเพียงใดแต่ก็ไม่กล้าที่จะหยิบนิยายแปลขายดีเล่มนี้ออกมาอีกทั้งมันยังจัดเรทสำหรับคนอ่าน แน่นอน

 

นวนิยายจากปลายปากกาของ อี.แอล.เจมส์ เรื่องราวของมหาเศรษฐีหนุ่มและนักศึกษาสาวเอกวรรณกรรม ปลายนิ้วเรียวสวยลูบลงบนหน้าปกนิยายชุดทั้งสามเล่มที่ชื่อว่า

 

fifty shades

 

            “อ่านจบแล้วเอาไปลองทำกับอานะคะ”

 

พลันคำพูดที่ลลิตภัทรทิ้งท้ายก็ทำเอาคนเด็กถึงกับทิ้งตัวลงไปนอนบิดผ้าปูที่นอนจนยับย่นด้วยความเขิน





 


ลองทำกับอาอะไรกันล่ะ อาลอคนลามก ฮื่ออออออ









        "ได้ครับ นายท่าน..."







โอ้ย....แค่คิดก็เขินตัวจะแตกแล้ว อาลอคนบ้า บ้าที่สุดเลย





............................................







อยากทำอย่างนั้นกับเธอออออออออออออออออ



คนเรามันก็ต้องงี่เง่ากันบ้างอะไรบ้าง น้องยังเด็กอาลอคือคนรักคนแรกความรักครั้งแรก



แม้จะรู้ว่าไม่ควรหึงมั่วซั่วแต่ใจคนอ่ะบางทีมันก็ห้ามความคิดมากแบบนี้ไม่ได้หรอก



อารมณ์แบบความพิเศษที่คนรักมีให้เราควรเป็นของเราคนเดียวหวงทุกอย่างที่เป็นของเรา เบาะหน้า คำพูดพิเศษๆ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเขา เราหวงทุกสิ่งอย่าง



เจี๊ยบก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ หรือบางทีก็อาจจะมีเซ้นต์บางอย่างมันบอกว่าที่อาลอกับแม่คุยกันมันมีบางอย่างพิเศษ
เจี๊ยบนี่น่าเอ็นดูจริงๆ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้นน่ารัก ๆๆๆๆ ความจริงเราชอบผู้ชายพูดคะ ขา มากเลยพอเป็นพระลอทำไมถึงมองไม่เห็นความละมุนมีแต่ความหื่นอะ แล้วทำไมไม่ซื้อวายให้น้องอ่าน น้องต้องอ่านวายสิถึงจะทำตามได้ ว่าแต่แดนดินจะโกรธจนไม่ให้ครอบครัวยุ่งกับพระลอมั้ยอะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 17:07:20






 

 

            ตลอดทางศตายุถูกความเงียบกดดันจนรู้สึกอึดอัด อาลอที่เคยขี้เล่นช่างหยอกในตอนนี้ไม่มีอีกแล้วเหลือเพียงอาลอที่เอาแต่เงียบและไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่ลูกเจี๊ยบเลย

 

กลัว...

 

ลูกเจี๊ยบกลัวอาลอในโหมดนี้

 

ขนาดเจอกันครั้งแรกที่เขาโดนอาลอตีอาลอยังไม่น่ากลัวเท่านี้เลยซักนิด

 

            “อาลอจ๋า...”ทำใจกล้าเรียกอาลอหากแต่อีกฝ่ายทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ ลูกเจี๊ยบน้อยเริ่มใจเสีย

 

            “อาลอ...”

 

            “อายังไม่อยากพูดกับเราตอนนี้”น้ำเสียงเรียบขรึมเอ่ยตอบกลับมา ไร้คำคะขา สรรพนามการเรียกก็เปลี่ยนไปจนใจแป้ว ศตายุรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

 

            “อาลอโกรธเจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”รู้ทั้งรู้ว่าอาลอโกรธก็ยังถามคำนั้นออกไป พูดแล้วก็อยากตบปากตัวเองนัก หน้าตึงซะขนาดนี้จะไม่โกรธได้ยังไง

 

ส่วนลลิตภัทรเมื่อได้ยินคำถามไม่เข้าหูนั้นความโมโหที่พยายามกักเก็บไว้ในใจก็ปะทุทันที ชายหนุ่มหักรถเข้าข้างทางกะทันหันจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

            “อาลอ...”

 

            “เจี๊ยบถามออกมาได้ยังไงว่าอาโกรธเจี๊ยบเหรอ เป็นใครจะไม่โกรธนี่มันกี่ทุ่มแล้ว คิดว่าตัวเองโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้วใช่มั้ยถึงทำอะไรโดยไม่คิดถึงใจใครเลย ถ้าแม่ไม่ไปถามหาเจี๊ยบที่บ้านอาป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง จะได้กลับบ้านหรือยัง แล้วถ้าได้กลับบ้านจะถึงบ้านมั้ย ทำไมเจี๊ยบทำอะไรไม่คิดถึงใจคนอื่นเลย ไม่คิดถึงอาก็คิดถึงใจแม่เราบ้าง”ลูกเจี๊ยบถึงกับหน้าเสียเมื่อคำที่ลลิตภัทรพูดมาแทงลงกลางใจทุกคำเด็กน้อยเม้มปาก กุมมือตัวเองพลางบีบจนแน่นด้วยความกลัว

 

          “อาเห็นว่าเจี๊ยบทำตัวดีมาตลอดไม่เคยออกนอกลู่นอกรอย อาไม่เข้าใจทำไมวันนี้เจี๊ยบถึงมาดูหนังกับเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่าบ้านเราไม่มีรถผ่านตอนกลางคืนก็ยังจะไป”

 

            “หนู...”ลูกเจี๊ยบกดหน้าลงจนแทบจะชิดอก

 

ใช่ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีรถประจำทางหรือรถรับจ้างอะไรที่จะวิ่งผ่านหมู่บ้านหลังหกโมงเย็นแต่ลูกเจี๊ยบก็ยังจะไป

 

            “แล้วอยากจะดูหนังทำไมไม่บอกอา วันหยุดวันว่างอาก็พามาได้ ทำไมต้องไปกับเพื่อน”

 

            “ก็อ๋องบอกว่าหนังจะออกวันพุธนี้แล้ว หนูชอบหนังเรื่องนี้มากก็เลยไป”

 

            “ชอบมากจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตัวเองเลยเหรอ?”ศตายุถึงกับใจเหี่ยวทันใดเมื่อได้ยินประโยคนั้น

 

            “หนูขอโทษ”

 

            “ถ้าแม่ไม่ไปหาอา ถ้าอาไม่รู้ ป่านนี้เจี๊ยบจะเป็นยังไง ข่าวจี้ปล้นมีให้เห็นทุกวัน ถ้าเจอพวกคนใจทรามหลอกเจี๊ยบไปฆ่าชิงทรัพย์คิดบ้างมั้ยพ่อแม่รวมทั้งอาทั้งคนที่รักเจี๊ยบจะเสียใจแค่ไหน คิดบ้างมั้ย”

 

เกิดความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ลูกเจี๊ยบเอาแต่ก้มหน้านิ่ง ลลิตภัทรอยากจะตีให้เนื้อแตก ยิ่งเด็กน้อยเก็บปากไม่ตอบคำถามก็ยิ่งโมโห

 

โดยเนื้อแท้เขาไม่ใช่คนใจดีนักหรอกติดจะเผด็จการเสียด้วยซ้ำไป แต่เมื่อมาคบกับเด็กเขาก็ยอมสะกดอีกมุมของตัวเองไว้เพื่อไม่ให้เจี๊ยบกลัว

 

แต่นี่อะไร ทำผิดพอโดนดุทำมาเป็นเก็บปากเก็บคำไม่หือไม่อือไม่ขานรับ มันน่าจับตีให้เนื้อแตกนัก

 

            “อาถามทำไมไม่ตอบ?”ชายหนุ่มถามเสียงดังจนลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง

 

            “...”

 

อาลอน่ากลัว...

 

            “จะไม่พูดกันใช่มั้ยครับ จะเอาแบบนี้เหรอ ถ้างั้นต่อไปไม่ต้องมาคุยกับอาอีก”ลูกเจี๊ยบเงยหน้ามองอาลอทันที

 

หมายความว่ายังไง?

 

อาลอจะเลิกกับเขาเหรอ

 

เขารู้ว่าตัวเองผิด แต่ความผิดมันร้ายแรงถึงขั้นเลิกรักกันเลยเหรอ  เด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะทันที เสียงสะอื้นน้อยๆทำให้ลลิตภัทรใจแป้วลงไปโข เขาไม่ได้อยากดุลูกเจี๊ยบแรงนัก แต่ถ้าไม่ปรามกันเสียบ้างอีกหน่อยคงมีครั้งที่สอง แล้วใครจะรับประกันว่าครั้งที่สองเจี๊ยบจะปลอดภัย ถ้าหากเจี๊ยบเป็นอะไรไปเขาคงขาดใจตายแน่ๆ

 

จริงอยู่ว่าตอนเขาวัยรุ่นเขาเองก็ขับรถไปเที่ยวคนเดียวออกจะบ่อยตั้งแต่ยังไม่เต็ม 15 ดี

 

แต่เจี๊ยบไม่ใช่เด็กผู้ชายแมนๆอย่างเขา แม้จะมีมุมที่ขี้เล่นแก่นแก้วบ้าง แต่เพราะแม่และพ่อเลี้ยงดูราวไข่ในหินเด็กคนนี้ยังอ่อนต่อโลกมากนัก หัวอ่อนชักจูงง่าย

 

ครั้งนี้แค่ไปดูหนังโดยไม่บอก แล้วคราวหน้าถ้าเพื่อนชวนไปเที่ยวสถานที่อโคจรขึ้นมาล่ะ

 

ชวนกินเหล้าเมายาขึ้นมาล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบของเขาจะเสียคนมั้ยใครจะมารับประกัน เวลาเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทันเพื่อนๆพวกนั้นที่มาชักจูงลูกเจี๊ยบจะมาช่วยแก้ปัญหามั้ย

 

ก็ไม่...คนที่จะต้องอยู่กับปัญหานั้นคือพ่อแม่และครอบครัว หากเกิดอันตรายไปถ้าตาย คนที่เสียใจที่สุดคงไม่พ้นแดนดินและจิรนันท์ เพิ่มมาอีกคนก็คือเขาเอง

 

ลูกเจี๊ยบยังเด็กนัก คิดอะไรง่ายๆแบบเด็กๆเอาความสนุกและความพอใจของตัวเองเป็นที่ตั้งหากครั้งนี้เขาไม่ดุไม่ตำหนิมันต้องมีครั้งหน้าตามมาแน่ๆ

 

            “ไม่เอา...ฮึก...ไม่เอาแบบนี้สิอาลอ”เสียงสั่นเครือเจือเสียงสะอื้นทำลายความเงียบนับนาทีลงพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด มืออูมๆที่ลลิตภัทรชอบยกขึ้นมาจูบบีบต้นแขนของเขาอย่างเว้าวอน ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบริมฝีปากแดงเรื่อเพราะเจ้าตัวเม้มมันเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น

 

อยากจะรั้งร่างบางที่กำลังขวัญเสียของศตายุมากอด แต่ถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่ต้องการจะสั่งสอนเด็กน้อยคงไม่มีความหมาย ลลิตภัทรถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะแกะมือน้อยๆนั้นออกจากแขน จ้องหน้าเด็กน้อยด้วยสายตานิ่งสนิท นิ่งเหมือนน้ำยามไร้คลื่นลม นิ่งจนไม่สามารถเดาความลึกของแม่น้ำนั้นได้

 

            “เจี๊ยบจะมาเอาแต่ใจตัวเองไปซะทุกเรื่องไม่ได้หรอก ครั้งนี้เจี๊ยบผิดใช่มั้ยครับ”

 

            “ใช่จ้า...”เด็กน้อยสะอึกสะอื้นตอบรับ

 

            “สิ่งที่เจี๊ยบทำรู้มั้ยครับว่ามันไม่ดี ที่อาดุเพราะว่าอาเป็นห่วง ถ้าเจี๊ยบเป็นอะไรไปอาจะทำยังไง คิดบ้างหรือเปล่าครับ พ่อแม่พี่น้องจะเสียใจแค่ไหนรู้บ้างหรือเปล่า จะไปดูหนังทำไมไม่โทรบอกแม่”

 

            “หนู..ฮึก...หนูจะโทรแล้ว แต่อ๋อง...อ๋องบอกว่าไม่ให้โทร ให้ไปเลยเดี๋ยวจะอยู่เป็นเพื่อนหารถกลับบ้านให้”

 

            “แล้วเขาอยู่เป็นเพื่อนเจี๊ยบมั้ย?”เด็กน้อยส่ายหน้า น้ำหูน้ำตาไหลเปรอะ

 

            “รู้มั้ยว่าแม่ห่วงเรามาก ในโลกนี้น่ะ ต่อให้ใครบอกว่ารักเจี๊ยบมากแค่ไหนก็ไม่มีทางมากเท่ากับที่แม่รักเรา แม้แต่อาเองที่บอกว่ารักหนูก็ยังสู้ความรักของแม่ไม่ได้ แล้วเพื่อนพวกนั้นน่ะเขาอยากให้เจี๊ยบตามเขาไปเขาจะรับปากพล่อยๆอะไรก็ได้ สุดท้ายพอดูหนังเสร็จก็ไม่มีใครอยากจะยืนแกร่วไปกับเจี๊ยบหรอก เพื่อนแบบนี้น่ะเหรอที่หนูยังจะคบอีก คราวนี้ชวนไปดูหนังคราวหน้าจะชวนไปทำอะไร เจี๊ยบเป็นเด็กฉลาดน่าจะคิดเองได้นะว่าเพื่อนแบบไหนควรคบเพื่อนแบบไหนควรปล่อยไป กลับไปถึงบ้าน กราบขอโทษแม่ซะแล้วอย่าทำแบบวันนี้อีก”

 

            “ได้จ้า เจี๊ยบก็กะว่าจะไปขอโทษแม่อยู่แล้ว ถ้าแม่จะดุจะตีหนู หนูก็จะยอม แต่อาลอ อย่าโกรธหนูได้มั้ย อย่าเมินหนูอีก อย่าทำเหมือนจะเลิกกับหนูได้มั้ยจ๊ะ หนูกลัว”

 

            “ถ้ากลัวก็อย่าทำอีก อยากไปไหนขอให้บอกอา เจี๊ยบก็รู้ว่าอาพาเจี๊ยบไปได้ทุกที่ อีกอย่างคราวหลังถ้าอยากดูหนังเรื่องอะไรก็บอกอาแล้วขออนุญาตแม่ ดีกว่าแอบไปเอง ที่อาดุเพราะอารัก อาเป็นห่วงอยากให้เจี๊ยบรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี เจี๊ยบยังเด็กถึงแม้จะดูแลตัวเองได้แต่เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดได้เสมอ”

 

            “เข้าใจแล้วจ้า หนูขอโทษจริงๆนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบยกมือพนมไหว้ขอโทษ เขารู้ดีว่าอาลอนั้นเป็นห่วงดูได้จากการขับรถมาตามหาทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไปไหนแท้ๆ

 

            “เจี๊ยบทำผิดแล้วยอมรับผิดอาจะยกโทษให้ แต่อาก็จะทำโทษเจี๊ยบเหมือนกัน”

 

            “อาลอจะตีหนูจะดุหนูอีกก็ได้จ้า หนูยอมทุกอย่างเลย”เด็กน้อยรีบรับปากโดนทำโทษก็ยังดีกว่าโดนอาลอเมินแบบเมื่อกี๊

 

            “งดเรียนพิเศษ 1 อาทิตย์ ไม่ต้องมาหาอาที่บ้าน ทบทวนความผิดของตัวเองไป”

 

            “ห๊ะ...อาทิตย์หนึ่งเลยเหรอจ๊ะ...สามวันไม่ได้เหรอ?”เด็กน้อยทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบหากแต่ลลิตภัทรดึงหน้าจนตึงอีกครั้งจนศตายุหดคออย่างเกรงๆ

 

            “อาทิตย์หนึ่งก็อาทิตย์หนึ่งจ้า แต่หนูคงคิดถึงอาลอมากแน่ๆเลย”ลลิตภัทรเกือบจะหลุดยิ้มเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายแต่จำเป็นต้องฮึ๊บไว้สุดพลัง

 

ไม่ไดนะมึงไอ้ลอ ถ้ามึงใจอ่อนคราวนี้มึงจะปกครองเด็กมันไม่ได้นะเว้ย คีพลุคไว้ ห้ามหลุดเด็ดขาด

 

          เกือบสามทุ่มในที่สุดลลิตภัทรก็พาลูกเจี๊ยบกลับมาส่งถึงบ้าน รถกระบะของแดนดินจอดอยู่ในโรงรถเป็นสัญญาณว่ากำนันหนุ่มกลับมาถึงบ้านแล้ว ศตายุเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวลีบๆ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ พ่อกับแม่รวมทั้งน้องทั้งสองพากันเดินลงบันไดมา

 

            “ไปไหนมา!!” เสียงตวาดลั่นของแดนดินทำเอาศตายุสะดุ้งโหยงเด็กน้อยหลับตากลั้นหายใจด้วยความกลัวแต่ก็ยังเดินไปหยุดยืนหน้าพ่อกับแม่

 

            “น้อง...น้องไปดูหนังกับเพื่อนมาจ้า”

 

            “พ่อกับแม่ไม่เคยสอนให้ลูกทำตัวเหลวไหลแบบนี้ใช่มั้ยเจี๊ยบ”แดนดินยังคงเสียงดังใส่ลูก เขาทั้งโกรธทั้งห่วงทั้งโมโหเมื่อกลับบ้านมาแล้วพบว่าลูกชายยังไม่กลับจากโรงเรียนและติดต่อไม่ได้ ใจคิดกลัวไปสารพัด กลัวลูกจะประสบอุบัติเหตุกลัวใครมาหลอกลูกไปจนนั่งไม่ติด ข้าวปลาก็กินไม่ลง

 

            “พ่อจ๋า แม่จ๋า น้องขอโทษ ต่อไปน้องจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว”ยกมือไหว้ขอโทษพ่อกับแม่ด้วยร่างกายสั่นไหวเพราะแรงสะอื้นเด็กน้อยน้ำตาร่วงเผลาะอีกรอบ แม้จะทำใจไว้แล้วว่ากลับมาคงโดนพ่อกับแม่ดุ แต่ตั้งแต่ลูกเจี๊ยบเกิดมา ตีซักแปะดุซักคำก็ไม่เคย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แดนดินดุลูก ลลิตภัทรอดสงสารลูกเจี๊ยบไม่ได้ ระหว่างทางเขาก็ดุเด็กน้อยมาเยอะแล้ว

 

            “ใจเย็นก่อนเถอะพี่ หลานสำนึกผิดแล้ว”ชายหนุ่มอดรนทนไม่ไหวเดินไปโอบไหล่ปลอบหลาน

 

            “เรื่องในครอบครัวคนนอกไม่ต้องมายุ่งได้ป่ะ”เหมือนแดนดินจะเก็บเอาเรื่องขุ่นเคืองใจหลายอย่างมาพาลจนจิรนันท์ต้องดึงมือสามีไว้ไม่ให้พูดจาไม่ดีใส่ลลิตภัทร ลลิตภัทรโบกมืออย่างไม่ถือสา

 

            “คุยกันดีๆแล้วกัน จิ๊บเรากลับบ้านก่อนนะ”ลลิตภัทรหันไปกล่าวลากับจิรนันท์ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณที่พระลอเป็นธุระไปตามหาลูกให้หล่อน เมื่อรถของลลิตภัทรแล่นออกไปแล้วหล่อนก็หันมามองลูกที่ยืนนิ่งก้มหน้าร้องไห้แล้วถอนหายใจอย่างดล่งอก

 

ยังไงลูกก็กลับมาแล้ว

 

การดุด่าหรือเฆี่ยนตีไม่ได้ช่วยให้เด็กหลาบจำ

 

ตีไปก็ตายเปล่า

 

            “กินข้าวมาหรือยังล่ะลูก หิวมั้ยเดี๋ยวแม่อุ่นกับข้าวให้”น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยถามลูกที่ไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ ศตายุเงยหน้าขึ้นสบตากับแม่ ดวงตากลมที่เคยซุกซนบัดนี้สั่นไหว

 

ถ้าแม่ดุเขาหรือตีเขาลูกเจี๊ยบจะไม่รู้สึกผิดถึงขนาดนี้เลย

 

นี่ขนาดเขาทำผิดสิ่งที่แม่พูดออกมามีแต่ความห่วงใย นั่นแหล่ะเสียงร้องไห้โฮก็ดังขึ้นเด็กน้อยโผเข้ากอดแม่ปากก็พร่ำเอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ

 

            “น้องขอโทษนะพ่อจ๋าแม่จ๋า น้องจะไม่ทำตัวเหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว”คำสัญญาถูกเอ่ยให้พ่อกับแม่ฟัง แดนดินถอนหายใจเฮือกแล้วลูบผมลูกเบาๆ

 

            “ช่างเถอะ ครั้งนี้ถือว่าผิดครั้งแรก พ่อจะไม่ทำโทษเจ้า แต่ต่อไปถ้าทำอีก พ่อจะตีน้อง จะตีให้เนื้อแตกเอาน่องลายๆไปอวดเพื่อนเลย รู้มั้ย”พูดพลางก็ประคองใบหน้าลูกน้อยไว้แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ลูกอย่างอ่อนโยน แต่กลายเป็นว่ายิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหล

 

เข็ดแล้ว ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เจี๊ยบจะไม่ทำอีกแล้วจำจนตายเลยจ้า



.......................................................

น้องผิดจริงๆ อาลอโกรธจริงๆเลยเผยร่างแท้ออกมา โดยเนื้อแท้แล้วอาลอไม่ใช่คนใจดีขี้เล่นอะไรนัก ที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากจูนตัวเองให้ตรงกับเจี๊ยบ



เด็กทำผิดผู้ใหญ่ต้องดุต้องสอนเป็นปกติ



ครั้งนี้อาลอจริงจังมากเพราะรักและหวังดีกับน้องจริงๆ



ถ้าเอาแต่ให้ท้ายอีกหน่อยจะเสียเด็ก เด็กวัยรุ่นพอโตแล้วก้คิดว่าตัวเองสามารถดูแลตัวเองได้ไม่ต้องการการดูแลโอบอุ้มจากพ่อแม่แล้ว



แต่ในสายตาของพ่อแม่ต่อให้ลูกโตซักแค่ไหนแต่ในใจของพ่อแม่ก็ยังเป็นไอ้หนูน้อยๆของพ่อแม่อยู่ดี



อยากบอกน้องๆที่อ่านด้วยว่าทุกครั้งที่หนูก้าวออกจากบ้าน หนูเอาหัวใจของพ่อแม่ติดไปด้วยเสมอ กลับบ้านผิดเวลาเขาอาจจะบ่นจะดุจะว่านั่นเป็นเพราะเขารักและเป็นห่วงพวกหนูมากๆนั่นเอง



อย่ารำคาญความรักของพ่อแม่เลย วันหนึ่งเขาไม่อยู่รักหนูแล้วหนูจะเสียใจ
รอบนี้เจี๊ยบผิดจริง แต่โชคดีที่ยังปลอดภัยกลับมา เจี๊ยบเห็นอีกด้านพระลอแล้วยังไม่เลิกรักก็ถือว่าดีแล้ว เป็นใครก็ต้องดุแบบพระลอนี่แหละตอนนี้พระลอสมกับอายุเลยเลขสามแล้วนะแต่แดนดินนี่เผลอพูดหรือจงใจอะ ยังเคืองเรื่องบนห้างเหรอ น้องเจี๊ยบอย่าทำอีกนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 17:32:32
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๗





                ดูเหมือนบทลงโทษที่งดเรียนพิเศษหนึ่งอาทิตย์จะทำพิษเข้าให้แล้ว พิษงูเห่าที่ว่าร้ายยังไม่แรงเท่าพิษรักที่กำลังเผชิญเลยซักนิด ลูกเจี๊ยบน้อยกระสับกระส่ายสอดส่ายสายตาชะเง้อหาอาลอจนคอแทบหลุดทั้งเช้าและเย็นแต่อาลอไม่เยี่ยมหน้ามาให้เห็นเลยซักนิด

 

ทั้งๆที่บ้านก็ห่างแค่คลองกั้นแต่เหมือนความคิดถึงของลูกเจี๊ยบจะส่งไปไม่ถึงอาลอ

 

คืนนั้นหลังจากขึ้นบ้านขึ้นช่องแม่จิ๊บก็บอกให้ลูกเจี๊ยบไปอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินข้าว

 

เป็นครั้งแรกที่ลูกเจี๊ยบกินข้าวทั้งน้ำตายิ่งแม่พูดปลอบให้คลายความกลัวยิ่งแม่อ่อนโยนทำดีมากเท่าไหร่น้ำตาก็ยิ่งไหลจนพ่อกำนันเอ็ดเข้าอีกหนึ่งคำรบนั่นแหล่ะถึงได้หยุดร้องได้

 

พอกลับเข้ามาในห้องนอนเสียบสายชาร์จแล้วเปิดเครื่องถึงได้เห็นว่ามีข้อความว่าใครพยายามติดต่อตนเองบ้าง 1 เบอร์ที่มากที่สุดคือเบอร์ของแม่ แต่อีก 1 เบอร์แปลกนั้นไม่ต้องเดาเลย

 

                “เบอร์อาลอ”ลูกเจี๊ยบรีบเมมเบอร์นั้นไว้ในเครื่องทันที แถมยังจดใส่สมุดบันทึกไว้ด้วย ลังเลอยู่นานว่าตนเองจะกดโทรออกไปหาอาลอดีมั้ยในเวลาสี่ทุ่มเศษ แต่พอนึกถึงสีหน้าเย็นชากับดวงตาดุๆของอาลอก็ให้หวั่นในใจ

 

ตั้งแต่รู้จักอาลอมาก็เพิ่งจะมีครั้งนี้ที่อาลอไม่เหมือนอาลอคนเดิมเลย ราวกับคนละคน เจี๊ยบชอบอาลอที่ใจดีมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าให้อาลอร่างดุโผล่มาอีกเลย

 

ใครจะว่ากร๊าวใจก็ว่าไปเลยจ้าลูกเจี๊ยบไม่เอาด้วยหรอก เข็ดจนวันตาย

 

วันรุ่งขึ้นเมื่อศตายุไปโรงเรียนเจออ๋องกับพวกพี่มิ่งนั่งอยู่ในโรงอาหารอ๋องรีบกวักมือเรียกแต่ลูกเจี๊ยบนึกถึงคำที่อาลอพูด

 

เพื่อนที่เวลาอยากได้อะไรกับเราก็สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ พอได้ตามความต้องการแล้วก็ไม่อาลัยใยดีตนซักนิดเวลาโดนดุลูกเจี๊ยบก็โดนดุเพียงคนเดียวส่วนอ๋องยังคงกินข้าวได้อร่อย หัวเราะได้เสียงดัง ส่วนตัวเองได้แต่นั่งซีดแล้วซีดอีกให้อาลอดุ

 

ไม่คุ้มเลยซักนิด เด็กน้อยหันหลังเดินไปนั่งอีกโต๊ะทำให้อ๋องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ

 

ก็ทุกวันลูกเจี๊ยบจะมานั่งกับกลุ่มตนแต่ทำไมวันนี้ถึงแยกไปหรือว่าจะงอนที่พวกเขาทิ้งให้รอรถเองเมื่อคืน อ๋องเดินมานั่งกับเจี๊ยบยกแขนขึ้นพาดไหล่เพื่อนอย่างถือวิสาสะ

 

                “เฮ้ยเจี๊ยบมานั่งทำไมตรงนี้วะไมไม่ไปนั่งกับพวกกู”ศตายุจับแขนของอ๋องออกจากไหล่ของตนเองแล้วกินข้าวต่ออย่างไม่สนใจ

 

                “เฮ้ย มึง งอนพวกกูเหรอ กูไม่ได้ตั้งใจทิ้งมึงนะเว้ยแต่แม่กูโทรตามอ่ะกูเลยต้องกลับก่อน”อ๋องรีบแก้ตัวไปเองก่อนเพราะถ้าลูกเจี๊ยบจะโกรธก็คงจะเป็นเรื่องที่ตนเองรับปากจะอยู่รอรถเป็นเพื่อนนั่นแหล่ะ

 

                “แม่มึงโทรตามทำไมเหรอ”คราวนี้ศตายุเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

                “อ้าว แม่กูเขาก็เป็นห่วงเห็นว่ามืดแล้วยังไม่กลับบ้านอ่ะ”

 

                “ตอนแม่มึงโทรตามมึงเพราะเป็นห่วงมึง แม่กูก็พยายามโทรหากูเพราะเป็นห่วงกูเหมือนกัน”ศตายุตอบกลับเสียงเรียบ อ๋องหน้าเจื่อนลงแต่ก้ทำเสียงดังกลบเกลื่อนความผิดที่ศตายุโยนมาให้

 

                “แหมเจี๊ยบ มึงก็ทำซีเรียสไปได้ โตยังกะควายแล้วยังทำตัวเป็นลูกแหง่ของแม่อยู่อีกเหรอวะ ถามจริงก่อนนอนมึงยังต้องดูดนมจากเต้าแม่มึงอยู่หรือเปล่าวะ”พูดจบอ๋องก็รู้สึกเจ็บชาที่ซีกแก้มทันที กลิ่นสนิมเหล็กคละคลุ้มเต็มกระพุ้งแก้ม เด็กหนุ่มกุมหน้าตัวเองร้องโอดยามถ่มน้ำลายลงพื้นก็พบว่ามันปนเลือดสีแดงออกมาด้วย

 

                “ไอ้เจี๊ยบมึงต่อยกูเหรอ”บรรดาเพื่อนๆต่างกรูกันเข้ามาห้ามเมื่ออ๋องทำท่าจะกระโจนเข้าหาเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบแอบสะบัดมือตัวเองเร่าๆที่ด้านหลังหากแต่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มเชิดหน้าอย่างท้าทาย

 

                “เออ กุต่อยมึง มีอะไรมั้ย ต่อยที่มึงทิ้งกู ไม่รักษาคำพูดไอ้เพื่อนเหี้ย”

 

                “มึงมันลูกแหง่ กูไม่อยากคบกับไอ้พวกกระจอกนักหรอก ถุ้ย ทำอะไรก็กลัวแม่ดุ ไปเอาผ้านุ่งแม่มึงมาใส่ไปอย่าใส่เลยกางเกง มึงกล้าต่อกู ต่อไปนี้มึงกับกูไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกัน”

 

                “เออ ไม่ต้องรอให้มึงมาตัดเพื่อนกับกูหรอก กูก็ตั้งใจจะเลิกคบมึงเหมือนกัน”ศตายุเชิดหน้าเถียงอย่างไม่เกรงกลัวคำขู่นั้นซักนิด

 

                “พวกมึงฟังกูนะ ถ้าใครไปคุยกับไอ้เจี๊ยบกูจะเลิกคบแม่งให้หมดแล้วคืนเงินที่ยืมกูไปคืนมาด้วย มีกูต้องไม่มีมัน”อ๋องประกาศกร้าวกลางโรงอาหาร เป็นอันสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่มีมาหลายปี เพื่อนคนอื่นๆมองหน้าเจี๊ยบอย่างกระอักกระอ่วนแต่สุดท้ายก็เดินตามอ๋องออกไปทีละคนจนในที่สุดศตายุก็ยืนอยู่เพียงเดียวดาย

 

หลังเคารพธงชาติศตายุก็เดินแถวขึ้นมาบนห้อง เด็กน้อยชะงักเมื่อกระเป๋านักเรียนของตนเองหล่นอยู่หน้าห้อง โต๊ะเรียนที่ตนเองเคยนั่งบัดนี้มีเพื่อนคนอื่นมานั่งแทนแล้วโดยมีอ๋องนั่งกระดิกเท้าทำหน้าอ้อนตีนอยู่ข้างๆ เพื่อนคนอื่นก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ราวกับมองไม่เห็นเขาเสียอย่างนั้น

 

ศตายุเก็บกระเป๋าตนเองขึ้นมาปัดเศษชอล์คออกกวาดสายตามองหาที่นั่งใหม่ก็ไปสะดุดกับโต๊ะท้ายห้องที่มีเพื่อนชื่อวุ้นนั่งอยู่ วุ้นเป็นเด็กชายตัวเล็กมักจะก้มหน้าไม่สู้สายตาใคร เป็นเพื่อนที่เพื่อนๆในห้องพากันมองข้ามเพราะวุ้นเรียนไม่เก่ง กีฬาก็ไม่ได้ แถมยังติดจะเงียบขรึมไม่สุงสิงกับใคร วุ้นขยับแว่นกรอบหนาของตัวเองอย่างประหม่าและโดยไม่ทันมีใครคิด เสียงที่ติดประหม่าก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากทุกคน

 

                “จ...เจี๊ยบ มานั่งข้างเราก็ได้...”ศตายุส่งยิ้มสดใสไปให้เพื่อนท้ายห้องก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆ เด็กน้อยเอียงคอเพื่อมองเพื่อนใหม่ข้างๆให้เต็มตา

 

                “ขอบใจนะที่ชวนเรามานั่งด้วยไม่งั้นเราคงเก้อแย่เลย”

 

                “อื้อ...ไม่เป็นไร เพื่อนกัน”ศตายุยิ้มกว้างกับคำพูดนั้น

 

การโดนเพื่อนเทบางทีก็ไม่ได้แย่นัก

 

 

 

 

                “พี่เจี๊ยบ ไม่ขึ้นบ้านเหรอ?”แก้วเจ้าจอมเอ่ยถามพี่ชายเมื่อเห็นว่ามืดแล้วแต่ศตายุก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน

 

                “ยังไม่อยากขึ้น อยากรอก่อน”

 

                “รอใคร?”แก้วเจ้าจอมเพ่งสายตามองไปยังจุดเดียวกับพี่ชายก็ไม่เห็นมีอะไร

 

                “รออาลอ”

 

                “รอทำไมอ่ะ ไม่ข้ามไปหาล่ะ?”แก้วเจ้าจอมถามอย่างแปลกใจ ก็ปกติพี่เจี๊ยบก็พายเรือข้ามไปหาอาลออยู่ทุกวัน ทำไมวันนี้ต้องมารอด้วยล่ะ?

 

                “ไม่เอาหรอก ไปก็โดนโกรธสิอาลอโกรธพี่อยู่”

 

                “แต่เวลาแม่โกรธพ่อกำนัน พ่อกำนันก็ตื๊อนะพี่เจี๊ยบ พ่อกำนันบอกหนูว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก เวลาพ่อกำนันง้อแม่พ่อกำนันจะกัดคอแม่ หนูเห็นแป๊บเดียวแม่ก็ใจอ่อน”แก้วเจ้าจอมให้คำแนะนำพี่ชายตามที่พ่อกำนันจ๋าสอนมาเดี๊ยะๆ

 

 เนี่ยเห็นพี่เจี๊ยบซึมมา 2-3 วัน แก้วเจ้าจอมก็สงสารไง ไม่รู้อาลองอนอะไรพี่เจี๊ยบ พอพี่เจี๊ยบไม่ไปหาอาลอ เจ้าจอมเลยไม่ได้ข้ามไปหาลูกพี่อันดับหนึ่งเช่นกัน เนี่ยวันก่อนนู้นอาลอบอกว่าจะให้เจ้าจอมเล่นเรือบังคับ

 

ขืนยังงอนกันแบบนี้ไปเรื่อยๆเจ้าจอมก็อดเล่นของเล่นสิ

 

อยากให้คืนดีกันจริงๆ ของเล่นแค่ผลพลอยได้จริงจริ๊ง

 

                “กัดคอ? พ่อเนี่ยนะกล้ากัดคอแม่”เจี๊ยบทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ อย่างพ่อกำนันเนี่ยนะจะกล้าทำให้แม่จิ๊บเจ็บ ขนาดยุงกัดแม่พ่อยังแค่ปัดจนยุงบินออกจากผิวเนื้อของแม่แล้วพ่อค่อยตบไม่ก็เอาที่ช๊อตๆจนตายนั่นแหล่ะ

 

                “จริงๆพี่เจี๊ยบ หนูเห็นพ่อกัดคอแม่ แล้วก็กัดปากแม่ บางทีก็กัดแก้มแม่”ลูกเจี๊ยบนึกภาพตามที่น้องบอกพลันภายในกายก็ร้อนวูบ

 

มันไม่ใช่การกัดแล้วมั้ยเจ้าจอม

 

แบบนั้นน่ะ เขาเรียกว่า...จูบต่างหากล่ะเด็กบ้าเอ้ย

 

ฮื้อ....ถ้าไปง้ออาลอแบบนั้นอาลอจะหายโกรธมั้ยนะ

 





 

 

 

                “ไม่สบายหรือเปล่าลอเอ้ย ทำไมพักนี้กินข้าวได้น้อย”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายคนเล็กที่วางช้อนลงหลังจากกินข้าวได้นิดเดียว  ชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

 

                “ไม่ได้เป็นอะไรครับแม่ แค่ช่วงนี้เบื่อๆข้าว”

 

                “อยากกินอะไรมั้ยแม่จะทำให้”คนเป็นแม่เอ่ยถามอย่างห่วงใย ตั้งแต่พระลอกลับมาอยู่บ้านอยากกินอะไรหล่อนก็สรรหาทำให้ตลอด เอาอกเอาใจด้วยกลัวว่าลูกจะเกิดโหยหาชีวิตสะดวกสบายที่กรุงเทพ มา 2-3 วันนี้ ลลิตภัทรกินข้าวกินปลาได้น้อยลงใจหล่อนก็แป้วลงไปโข

 

                “ไม่ได้อยากอะไรพิเศษครับแม่ ผมแค่เหนื่อยจนกินอะไรไม่ลง”

 

จริงๆอยากกินลูกเจี๊ยบมากกว่าแม่หาให้ลอได้มั้ย ลูกเจี๊ยบแก้มฟูๆตัวนิ่มๆน่ะครับ

 

ภายในใจของชายหนุ่มร่ำร้องงอแงต่อคำถามของผู้เป็นแม่

 

ไอ้ลอเอ๋ยไอ้ลอ ทำเป็นเข้มลงโทษเด็ก สุดท้ายตัวเองนั่นแหละที่กินไม่อิ่มนอนไม่หลับกระสับกระส่าย อยากไปแอบมองหลานที่ท่าน้ำจะแย่แต่ต้องฮึ๊บไว้เพราะกลัวใจอ่อน ได้กลิ่นอะไรก็ไม่หอมเท่ากลิ่นแป้งที่ติดตรึงสองแก้มฟู กินขนมนมเนยอะไรก็ไม่อร่อยเท่าริมฝีปากนุ่มๆของลูกเจี๊ยบ

 

ใจจะขาดแล้วเอ้ยยยยยยยยย........ใจจะขาดแล้วเอย

 

                “ผมขอเข้าห้องก่อนนะครับรู้สึกเพลียๆ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกกับพ่อแม่และพี่ๆก่อนจะแยกตัวเข้าห้อง

 

                “มันทำเหมือนคนอกหัก”พระลักษณ์เปรยเบาๆ มื้ออาหารค่ำยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆซักพักก็ปรากฏร่างเจ้าเจี๊ยบที่หายหน้าหายตาไปซะหลายวัน ย่าโฉมเอ่ยทักด้วยความคิดถึง

 

                “อ้าวเจี๊ยบ กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะลูก”ลูกเจี๊ยบนั่งลงไหว้ปู่ลิตกับย่าโฉมรวมทั้งลุงๆป้าๆ ใจอยากจะแล่นไปหาลลิตภัทรในห้องจะแย่แต่จำต้องรักษามารยาท

 

                “กินมาแล้วจ้า”

 

                “แล้วหายไปไหนมาลูกไม่มาตั้งหลายวัน”ลูกเจี๊ยบน้อยได้แต่ยิ้มแหยๆเป็นคำตอบ

 

                “เมื่อวานเห็นอาจารย์ฉวีบอกว่าเราไปต่อยเพื่อนกลางโรงอาหารเหรอ?”พระรามเอ่ยถามอย่างอยากรู้

 

                “ทะเลาะกันนิดหน่อยจ้า แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว คือ...อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”

 

                “เข้าไปนอนซักพักแล้วเห็นบอกว่าเพลีย”

 

                “งั้นหนูขอเข้าไปดูอาลอหน่อยนะจ๊ะ”เด็กน้อยรอให้เจ้าของบ้านอนุญาตจากนั้นก็เดินเร็วจนแทบจะเหาะไปที่ห้องของพระลอที่อยู่ริมสุด เคาะเบาๆหากแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา ศตายุถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปข้างใน โชคดีเหลือเกินที่อาลอไม่ได้ล็อคห้อง อาจจะด้วยความเคยชินที่คนบ้านนี้ไม่มีใครก้าวก่ายกันและกันถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ไม่มีความจำเป็นต้องล็อคห้องเลยซักนิด เมื่อเข้ามาในห้องนอนของพระลอแล้วความเย็นเฉียบจากแอร์ก็ปะทะผิวจนเย็นวูบ ศตายุไม่ลืมที่จะล็อคห้องอย่างน้อยกันไว้ก็ดีกว่าแก้ พอหันหน้ากลับมาในห้องเด็กน้อยก็ถึงกับหน้าแดง อาลอนอนตะแคงกอดหมอนข้างไว้หลวมๆหลับอยู่บนเตียงแผ่นอกเปล่าเปลือยสะดุดตาก่อนเป็นอย่างแรก ศตายุไม่เคยเห็นตอนที่ลลิตภัทรนอนจึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มติดนิสัยนอนถอดเสื้อแก้ผ้าเป็นปกติโชคดีที่ชายหนุ่มห่มผ้าห่มไว้แม้มันจะปิดหมิ่นเหม่อยู่ตรงช่วงเอวก็ตามเถอะ

 

ฮื่อ...อาลอใส่กางเกงมั้ยนะ

 

น้องกลับบ้านดีหรือเปล่า ไหนๆอาลอก็หลับแล้ว

 

อะไรกัน ปกติ 4 ทุ่มตายังใสราวตั๊กแตนตำข้าว นี่เพิ่งสองทุ่มกว่าอาลอทำไมนอนเร็วจังล่ะจ๊ะ หรือว่าอาลอจะไม่สบาย

 

ต้องใช่แน่ๆ อาลอป่วยเหรอจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบน้อยค่อยๆย่องมายืนข้างๆเตียงแล้วใช้หลังมือน้อยๆแตะลงบนหน้าผากของลลิตภัทร

 

ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงด้านหลังของคนที่คิดถึงสุดหัวใจแตะต้นแขนเบาๆ ตัวก็แค่อุ่นๆ

 

                “มาทำไม?”เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบทำเอาลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง หากแต่ไม่ได้ลุกหนีไปไหนทำเพียงนั่งแกะมือตัวเองเล่นอย่างประหม่า

 

                “อาลอไม่ได้หลับเหรอจ๊ะ”

 

                “อาถามว่ามาทำไม?”ลลิตภัทรไม่ได้ตอบคำถามหากแต่ถามกลับไปเพื่อเอาคำตอบ เด็กน้อยยิ่งกดหน้างุดมากกว่าเดิม ริมฝีปากถูกเม้มเข้าหากันจนกลายเป็นสีซีดสลับแดง

 

                “หนู...”

 

                “อาบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ต้องมาที่นี่อาทิตย์หนึ่ง”

 

                “หนูจำได้จ้า”

 

                “จำได้แล้วมาทำไม?”

 

                “หนูคิดถึงอาลอ...”คำว่าคิดถึงแทบจะกลืนไปกับอากาศหากแต่เสียงอกข้างซ้ายของคนทั้งคู่กลับดังผสานจนเป็นจังหวะเดียวกัน

 

อาก็คิดถึงหนูเหมือนกันค่ะ ลลิตภัทรกรีดร้องในใจคำว่าคิดถึงถูกเก็บไว้ในอก แม้อยากจะยิ้มแต่จำต้องคีพขรึมนอนหลับตาเฉยไม่หือไม่อือกับถ้อยคำแสนน่ารักนั้น

 

ลูกเจี๊ยบใจแป้วลงไปอักโขเมื่ออาลอไม่ไหวไม่ติงยังคงนอนหันหลังให้ตนอยู่อย่างนั้น

 

หากเป็นเวลาปกติแล้วป่านนี้คงจัดการฟัดเขาลงไปจมบนเตียงแล้วแท้ๆ

 

คิดถึงการหยอกเย้านั้นเหลือเกิน

 

                “กลับบ้านไปซะอาจะนอน”ประโยคตัดรอนเอ่ยออกมาอีกคำรบ ลูกเจี๊ยบแอบค้อนใส่อาลอไปทีหนึ่ง

 

ทำเป็นเข้มนะคนเรา จะงอนจะโกรธไปจนถึงเมื่อไหร่หนอ น้องมาง้อจนถึงที่แล้วไงทำไมไม่หันมามองหน้ากันซักนิด เดี๋ยวก็งอนกลับซะเลยนี่ เด็กน้อยแอบค่อนขอดในใจอย่างเอาแต่ใจ ในสมองพยายามคิดวิธีง้ออย่างเนียนๆ ถ้าทำแบบกระโตกกระตากและตรงจนเกินไปกลัวจะโดนอาลอมองไม่ดี ยังไงวันนี้ลูกเจี๊ยบก็อยากปรับความเข้าใจกับอาลอให้รู้เรื่อง สามวันมานี้เหมือนตนเองว่ายอยู่ในแม่น้ำแล้วถูกพืชใต้น้ำรัดขาจนเกือบจมอยู่รอมร่อ มันเหนื่อยจนหายใจไม่ออก

 

เมื่อก่อนเจี๊ยบไม่เคยมีเรื่องความรักอยู่ในหัวเลย เด็กน้อยมีความสุขตามอัตภาพ ครั้นพออาลอก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิต โลกสีขาวของเจี๊ยบก็เปลี่ยนไป มันจะเทาก็ไม่เทา จะขาวก็ไม่ใช่ โลกที่มีเพียงพ่อแม่ น้องๆ คนบ้านฟากขะนี้ก็มีอาลอเพิ่มเข้ามาด้วย

 

เจี๊ยบชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาลอ

 

ชอบจนเหมือนจะเสพติดไปซะแล้ว

 

คิดถึงทุกอย่างที่อาลอเคยทำให้

 

                “อย่าไล่หนูเลย...เพราะคิดถึงใจจะขาดหนูถึงยอมหน้าด้านข้ามมาหา”เด็กน้อยนอนซ้อนด้านหลังของลลิตภัทรสวมกอดพลางซบหน้าลงบนท่อนแขนครัดแน่นของคนเป็นอา ริมฝีปากอิ่มจูบลงบนท่อนแขนนั้นอย่างงอนง้อ

 

                “หายโกรธหนูเถอะนะจ๊ะ หนูมาง้อแล้ว”

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด.........ลูกเจี๊ยบจูบแขน ลลิตภัทรใจไหววาบในแผ่นอกอยากจะพลิกตัวเข้าไปคว้าร่างนุ่มนิ่มที่นาบอยู่ติดแผ่นหลังมาฟัดเสียให้หนำใจ นิ่งไว้ไอ้ลอ นิ่งไว้ หากมึงใจอ่อนตอนนี้มันจะเสียการปกครอง อีกหน่อยขู่อะไรไปเด็กมันจะรู้หลักเล่นกลสะเดาะห์ความโกรธจากใจเขาได้

 

                “อาลอไม่คิดถึงหนูเหรอจ๊ะ”

 

                “โอ๊ย คิดถึงเจียนจะขาดใจตายแล้วหนูจ๋า”เอ่ยตอบโต้ในใจทันที

 

ศตายุค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไล่จากกระดูกสันหลังขึ้นไปเรื่อยๆ จูบหนึ่งครั้งก็พร่ำพูดคำว่าคิดถึงและขอโทษเสียหนึ่งหนจนกระทั่ง

 

จุ๊บ

 

รอยจูบผะแผ่วที่หลังต้นคนเล่นเอาลลิตภัทรร้อนวูบราวกับจะจับไข้

 

ลูกเจี๊ยบไปเอาวิธีง้อแบบนี้มาจากไหน เขาต้องสะกดอารมณ์ตัวเองสุดความสามารถจนอึดอัดไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวแล้ว

 

                “หันมามองหน้ากันหน่อยสิจ๊ะ หนูคิดถึงอาลอม๊ากมาก”เด็กน้อยใช้ปลายนิ้วดันให้ไหล่แกร่งหันมาทางตนเอง เมื่อดวงตาของคนทั้งคู่สบกันก็คล้ายมีกระแสไฟแล่นทั่วร่างของลูกเจี๊ยบ สายตาอาลอไม่ได้มึนตึงแบบวันนั้นแล้วแปลว่าวิธีการง้อแบบที่เจ้าจอมบอกนั้นได้ผลจริง ลูกเจี๊ยบยืดตัวขึ้นไปจรดปลายจมูกและริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวจัดของอาลอเบาๆ

 

                “ดีกันนะจ๊ะ ต่อไปหนูจะไม่ดื้อ จะไม่หนีเที่ยวจะเชื่อฟังอาลอทุกอย่างเลย หนูสำนึกผิดจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยอาลอดูสิ หนูต่อยปากไอ้อ๋อง เจ็บมือไปหมดเลย เพื่อนๆทั้งกลุ่มก็เทหนูเพราะว่ากลัวจะโดนไอ้อ๋องตี หนูเลิกคบกันมันแล้วนะเพราะหนูเอาสิ่งที่อาลอสั่งสอนไปคิดตาม หนูยังเด็กผิดพลั้งอะไรไปอาลอรักหนูหวังดีกับหนูก็ค่อยๆสอนหนูนะจ๊ะ หนูจะเชื่อฟังไม่ดื้อไม่ซนจริงๆ บทลงโทษ 7 วันมันนานไป อาลอไม่คิดถึงหนูจริงๆเหรอ ถ้าวันนี้อาลอยังไม่คุยกับหนูอีกหนูคงกลับบ้านไปนอนร้องไห้แงๆแน่ๆเลย”

 

                “ขนาดนั้นเชียว?”ในที่สุดลลิตภัทรก็เผลอตอบโต้กับหลาน ใบหน้ามีรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้งที่คุยกัน ศตายุเห็นดังนั้นก็ดีใจเป็นนักหนา อาลอยอมคุยด้วย อาลอยิ้มให้ แปลว่าตื้ออีกนิดความสัมพันธ์ก็จะกลับมาดีเหมือนเดิม เด็กน้อยรีบซบลงบนแผ่นอกเปลือยนั้น ลูบเบาๆอย่างเพลินมือใบหน้าน่ารักนั้นถูไถไปมาอย่างออดอ้อน

 

                “จริงสิจ๊ะ เนี่ยหนูอยากโทรหาอาลอแต่หนูกลัวอาลอจะดุอีก เราอย่าโกรธกันอีกเลยนะจ๊ะ หนูไม่สบายใจเลย หนูผิดหนูก็ยอมรับผิดอาลอจะไม่ให้อภัยหนูได้ลงเหรอจ๊ะ”

 

                “ช่างพูด คราวหลังก็อย่าทำอีกก็แล้วกัน คราวนี้จะยกโทษให้”คนแก่กว่าลูบไหล่หลานเบาๆ ปากก็ว่าให้เด็กอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก

 

อันที่จริงหายโกรธตั้งแต่ที่หลานจูบต้นคอแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่นตัวอีกหน่อยก็แล้วกัน

 

                “แต่อายังไม่หายโกรธหรอกนะ”

 

                “อ้าว...”เด็กน้อยร้องโอดเมื่อได้ยินประโยคเรียบๆนั้น ลลิตภัทรดึงกายหลานให้นอนคร่อมตัวเองแล้วมาจ้องหน้ากันตรงๆ ดวงตาพราวระยิบราวกับมีดวงดาวมาส่องแสงสุกสกาวอยู่ในนั้น

 

                “พิสูจน์ให้อาดูก่อนสิคะว่าหนูอยากง้อให้อาหายโกรธจริงๆ”เพียงสิ้นคำริมฝีปากอิ่มของลูกเจี๊ยบก็แนบประทับลงบนริมฝีปากของลลิตภัทรในทันที รสจูบหอมหวานที่ใฝ่หาถูกเติมเต็มแนบสนิทศตายูงับริมฝีปากล่างของลลิตภัทรเบาๆกัดน้อยๆราวกับขอบัตรผ่านเพื่อเปิดทางให้ได้เข้าไปสำรวจด้านใน ลลิตภัทรเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียอมเปิดปากให้เด็กเก่งที่เขาสอนวิชาให้เพียงครั้งสองครั้งก็สามารถจำไปทำตามได้อย่างดี เกลียวลิ้นชื้นแฉะแตะสำรวจก่อนจะตวัดยั่วยุอย่างฮึกเหิม เด็กน้อยกำลังได้ใจคิดว่าตนเองนั้นคุมเกมส์ครั้งนี้ได้ทว่าลลิตภัทรก็สอดมือขึ้นมาประคองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มพลางแลกจูบกับเขาอย่างดูดดื่มก่อนจะพลิกกายขึ้นมาคร่อมร่างบางนั้นไว้อย่างรวดเร็ว รสจูบบดเบียดเร่งเร้าราวคนเอาแต่ใจจนน้ำใสไหลเปรอะมุมปากของคนทั้งคู่ ไม่มีคำพูดใดเปล่งออกมาอีกนอกจากใช้จูบบอกเล่าความคิดถึงและโหยหาที่มีในใจส่งผ่านให้แก่กันและกันจนในที่สุดลลิตภัทรก็ถอนจูบออกมาอย่างเสียดายเมื่อหลานตัวน้อยทุบลงบนอกของเขาเบาๆ ลลิตภัทรถอนหายใจเอาความหนักอกออกไป ลูบใบหน้าแดงระเรื่อนั้นอย่างอ่อนโยนรักใคร่

 

คิดถึงเหลือเกิน

 

คิดถึงมากๆ

 

“ต่อไปเราสองคนอย่าได้โกรธเคืองกันอีกเลยนะจ๊ะอาลอ”น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยออดอ้อนจนใจอ่อน ชายหนุ่มพยักหน้ารับ สายตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสซื่อนั้น

 

“อาไม่ได้โกรธหนู อาแค่เป็นห่วง ถ้าหนูเป็นอะไรไปหรือได้รับอันตราย อาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นขอเถอะนะ อย่าทำอะไรให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงอานึกถึงพ่อแม่กับน้องๆบ้าง เจี๊ยบอาจจะไม่รู้ว่าอารักเจี๊ยบมากแค่ไหน แต่สำหรับอา อาสามารถตายแทนหนูได้จริงๆนะคะ รู้บ้างมั้ย”ศตายุรู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ใบหน้าของลลิตภัทรพร่าเลือนก่อนจะกระพริบตาเร็วๆเพื่อไล่ม่านน้ำนั้นให้เลือนหายไป ยกมือลูบสันกรามของคนที่ตัวเองมอบใจให้ไปทั้งดวงก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำพูดที่ทำให้ลลิตภัทรหัวใจพองฟูจนแทบจะระเบิด

 

                “ฮื้อ...อาลอ หนูจะร้องไห้แล้วนะจ๊ะ หนูรู้แล้วจ้า ต่อไปหนูจะไม่เหลวใหลแบบนั้นอีกแล้ว หนูรักอาลอ รักมากๆ หนูไม่รู้ว่าคนรักกันต้องรักกันมากแค่ไหนถึงจะเรียกว่ารัก แต่นอกจากพ่อแม่กับน้องแล้ว อาลอก็คือคนที่อยู่ในความคิดของหนูตลอดเวลา หนูรักอาลอ รักมากๆจริงๆนะจ๊ะ”

 

                “อาก็รักหนู รักมากๆเท่าชีวิต ลงโทษหนูไปตัวเองก็ทรมานเอง รู้มั้ยคะสามวันมานี่อากินข้าวแทบไม่ได้เลย ปากไม่รับรสเลยซักนิดหนูต้องรับผิดชอบอานะคะ”

 

                “รับผิดชอบ? รับผิดชอบยังไงจ๊ะ?”เด็กน้อยถามตามประสาซื่อ ลลิตภัทรอมยิ้มหลุบตามมองต่ำมาที่อกเสื้อของหลานที่มีรูปร่างของเม็ดบัวเล็กๆดันนูนผ่านเนื้อผ้า

 


                “อาหิวค่ะ...อยากกินนม”







..............................................



ดื่มนมกันเถอะ มาดื่มเยอะๆ ดื่มนมกันเถอะ รับรอง "แข็ง" แรง



เจ้าจอมอยากได้อะไรคะ คิดไว้หรือยัง เดี๋ยวอาลอเขาจะสมนาคุณให้ อิอิ



คนมันรักมันคิดถึงอ่ะเนอะ ครั้งนี้อภัยให้ก็ได้แต่อย่ามีครั้งหน้าอีก คิดว่าลูกเจี๊ยบคงเข็ดแล้วล่ะ



เชื่อกุนซือเจ้าจอมได้เลยพี่เจี๊ยบ เอาวิธีนี้แหล่ะ กัดคออาลอเลย พอกัดเสร็จมันก็จะเป็นรอยแดงๆอ่ะนะ



ตอนนี้ลูกเจี๊ยบดูห้าวมาก หนึ่งเพราะโกรธแหล่ะที่เพื่อนทิ้งตัวเอง



สองเพราะลูกเจี๊ยบคิดตามที่อาลอสอนแล้วว่าการคบเพื่อนแบบนี้ควรวางตัวอยู่ในระดับไหน พื่อนสนิทหรือแค่คนเคยรู้จักกัน



ความจริงการก้าวออกจากอะไรเดิมๆมันก็ไม่ได้แย่



บางทีเราไปตลาดเห็นผลไม้รูปร่างไม่สวยแต่พอได้ชิมเนื้อในอาจจะหวานจนต้องซื้อกลับมากินที่บ้าน



เพื่อนก็เหมือนกัน บางทีคนที่เราไม่เคยคุยด้วยอาจจะเป็นกัลญาณมิตรก็เป็นได้
เจี๊ยบ! ใครสอนให้ใช้วิธีนี้ลูกรู้มั้ยว่าถ้าอาลอหน้ามืดมามันจะไม่จบแค่จูบ นี่เจี๊ยบยัง15เองนะถ้าโตขึ้นจะแซ่บขนาดไหน คนแก่แถวนี้คงดิ้นตายแน่ถ้าถึงตอนนั้น มีเมียเด็กก็ดีตรงนี้แต่สงสารพระลอรอเลยเช็กกำลังวังชาตัวเองบ้างนะ55555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 17:46:52
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๘







                วันนี้ลลิตภัทรเหมือนโดนสูบพลังเมื่อแดนดินเรียกประชุมผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่ มีหนังสือราชการส่งตรงมาที่อำเภอเนื่องจากเกิดการระบาดของยาเสพติด

 

                “อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทางการเพ่งเล็งมาที่หมู่บ้านของเราเพราะหลายเดือนมานี้จำนวนผู้เสพยามากขึ้นจนน่าตกใจและเริ่มสร้างความเดือดร้อนเช่นการลักเล็กขโมยน้อย ลักอุปกรณ์การเกษตรเช่นปั๊มสูบน้ำ หลายบ้านถูกลักควายไปขายรวมทั้งส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน ที่เราจับก็ได้แค่ผู้เสพตัวการกลุ่มผู้ค้ายาเรายังสาวไปไม่ถึงตัวดังนั้นผมอยากให้ผู้ใหญ่และผู้ช่วย ช่วยกันสอดส่องลูกบ้านในหมู่ของตัวเองพบเจอใครเป็นผู้ค้าทั้งรายใหญ่และรายย่อยขอให้แจ้งทางการเพื่อเข้าจับกุมต่อไป”วาระในที่ประชุมถูกหยิบยกออกมาพูดต่ออีก 2-3 เรื่องก่อนจะเลิกประชุมเอาในตอนเย็น บรรดาผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยต่างทยอยกันออกจากศาลาวัดที่ใช้เป็นสถานที่ประชุม ลลิตภัทรเองก็เก็บของอันได้แก่สมุดเล่มเล็กๆจดใจความสำคัญและปากกาคู่ใจใส่กระเป๋า แดนดินเดินมาหยุดตรงหน้าของลลิตภัทร คนอ่อนอาวุโสกว่าเลิกคิ้วเป็นคำถามถึงการมายืนตรงหน้าตน

 

                “อาทิตย์ก่อนกูเห็นมึงพาลูกเมียกูไปกินข้าวที่ห้าง”ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไรที่แดนดินรู้ ชายหนุ่มทำเพียงนั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางประสานมือกันหลวมๆวางอยู่บนเข่าตัวเอง รอยยิ้มปรากฏน้อยๆที่มุมปากราวกับฟังเรื่องดินฟ้าอากาศ

 

                “ใช่ ทำไมเหรอ?”ลลิตภัทรไม่ได้จะกวนนะแต่พอเห็นท่าทางฟึดฟัดของแดนดินก็ให้นึกสนุก

 

อ่า...แกล้งหยอกให้แดนดินโมโหเล่นก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

 

                “ก็ไม่ทำไมหรอก แต่จิ๊บเป็นเมียกู ลูกๆทั้งสามคนก็ลูกๆกู ดูแลแค่ในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็พอเพราะถึงยังไงต่อให้อยากทำให้มากกว่านั้นมึงก็ไม่มีสิทธิ์”ลลิตภัทรเหยียดยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้แดนดินจะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ หากแต่เมื่อเทียบกันแล้วลลิตภัทรกลับสูงใหญ่กว่าเล็กน้อยชายหนุ่มเหยียดยิ้มใส่อย่างยั่วโมโห ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูของแดนดิน

 





                “ถ้าไม่อยากให้ผมไปยุ่งกับเมียพี่ก็ช่วยมีเวลาดูแลเขาหน่อยสิครับ ไม่งั้นผมจะไปทำหน้าที่นั้นแทนให้เอง”







 

ลลิตภัทรรู้ดีว่าแดนดินน่ะเป็นคนยั่วง่าย แค่พูดจาไม่เข้าหูนิดหน่อยก็อาจจะปากแตกได้ และครั้งนี้ก็เช่นกันคอเสื้อเชิ้ตราคาแพงของลลิตภัทรถูกแดนดินกระชากเข้ามาหาตัวอย่างแรง สายตาวาวโรจน์ราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชติดูน่าเกรงขามหากแต่ลลิตภัทรกลับนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

สนุกจัง ยั่วให้อดีตมารหัวใจโกรธได้นี่ก็ถือว่าเย็นนี้กลับบ้านไปก็กินข้าวอร่อยล่ะ

 

                “นี่กูมาเตือนมึงดีๆนะไอ้ลอ มึงกับจิ๊บจบกันไปนานแล้ว มึงเองก็เห็นว่ากูรักกันดี อย่าคิดว่าจะกลับมาปั่นประสาทกูได้”

 

                “ปั่นได้ไม่ได้ตอนนี้พี่ก็เหมือนหมาบ้าอยู่ว่ะ ลูกเมียน่ะให้เวลากับเขาบ้างเถอะ แบ่งเวลาน่ะทำเป็นมั้ย ถามตัวเองเถอะว่าทุกวันนี้เห็นหน้าลูกวันละกี่นาที ไหนพี่มึงเคยพูดไงวะมึงดูและพวกเขาได้ดี”

 

                “ลูกเมียกูเขาเข้าใจ มึงไม่ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายไม่งั้นกูไม่เอามึงไว้แน่”แดนดินกระชับคอเสื้อของลลิตภัทรให้แน่นกว่าเดิม ลลิตภัทรไม่ได้มีท่าทีว่าโกรธเคืองหรือจะทำร้ายกลับชายหนุ่มทำเพียงพลางแกะมือแดนดินออกจากคอเสื้อของตน กระตุกยิ้มที่มุมปากยั่วอีกทีแกล้งปัดไหล่ของแดนดินราวกับมีฝุ่นผงติดอยู่แล้วหันหลังยักไหล่จากไป สร้างความหงุดหงิดให้กับแดนดินแต่จะตามไปทำร้ายร่างกายลลิตภัทรก็ไม่ได้ ยังไงฐานะหน้าที่การงานรวมทั้งสถานที่ก็ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ถ้าลลิตภัทรยังไม่เลิกยั่วโมโหเขาไม่นานคงได้ฟาดปากกันซักครั้ง

 

เขาจะไม่ยอมคืนจิ๊บให้ลลิตภัทรแน่ๆ เพราะจิ๊บน่ะมีเพียงคนเดียวบนโลก ถ้าถูกแย่งไปต่อให้พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก็หาศรีภรรยาดีๆแบบนี้ไม่ดีอีกแล้ว

 

ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านในตอนพลบค่ำ พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้รวมทั้งหลานๆนั่งคุยกันอยู่บนบ้านเพื่อรอกินข้าวเย็นด้วยกัน

 

เขามองพ่อกับแม่ที่นั่งไม่ไกลกันแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้ที่แดนดินหวงจิ๊บมากก็เพราะจิ๊บเป็นผู้หญิงที่ดี เหมือนที่พ่อของเขารักแม่ คนเป็นคู่ชีวิตกันมานานความหวานมันอาจจะเบาบางลงไปบ้างแต่ความรักไม่เคยเสื่อมคลายจากกัน สิ่งที่เขาพูดกับแดนดินไปเพียงแค่อยากให้แดนดินเก็บไปคิด ในเมื่อหวงแหนนักก็ควรรักษาไว้ให้ได้ แดนดินแบ่งเวลาไม่เป็นไม่รู้ว่าเวลาไหนควรสวมบทกำนันเพื่อลูกบ้านเวลาไหนควรสวมบทสามีและพ่อที่ดีของลูกๆ ไม่ว่ามีงานอะไรแดนดินไม่เคยปฎิเสธเลย จันทร์เจ้าขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอกเพราะเด็กผู้หญิงมักจะสนิทกับแม่มากกว่าพ่ออยู่แล้ว แต่ที่มีปัญหาและเขาสังเกตมาซักพักแล้วคือเจ้าลูกเจี๊ยบของเขากับแก้วเจ้าจอมนั่นแหล่ะ

 

ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อบ่อยแต่ก็จะมีประโยคที่ตัดพ้อเรื่องที่พ่อไม่มีเวลาให้อยู่บ่อยครั้ง เจ้าตัวไม่รู้ตัวหรอกว่าตัดพ้อคนเป็นพ่อบ่อยแค่ไหน แก้วเจ้าจอมที่เมื่อก่อนพูดถึงพ่อแทบไม่ขาดปากเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นมาติดเขาแทนที่จะติดพ่อ เด็กวัยนี้พ่อคือฮีโร่คือแบบอย่างแต่แดนดินกลับไม่อยู่เป็นแบบอย่างให้ลูกแล้วเด็กมันจะไปเอาต้นแบบมาจากไหนรอให้โตกว่านี้ค่อยมีเวลาให้ลูก ลูกก็โตเกินกว่าจะมาปรึกษาพูดคุยอะไรกับพ่อแล้ว

 

แดนดินช่างโง่เขลาเหลือเกินที่ไม่รู้ว่าควรให้ความสำคัญกับอะไรก่อนหรือหลัง



 หลังมื้ออาหารจบลงไม่นานลูกเจี๊ยบก็ข้ามมาหา วันนี้เด็กน้อยมีการบ้านถึงสามวิชา เขาปล่อยให้หลานทำการบ้านไปเงียบๆจุดไหนที่ลูกเจี๊ยบไม่เข้าใจก็จะถามเขาซักครั้งหนึ่ง ลลิตภัทรมองแผ่นหลังบางของศตายุแล้วให้สงสาร เด็กคนนี้เหมือนจะเป็นเด็กร่าเริงและคิดบวกแต่บ่อยครั้งลูกเจี๊ยบมักจะนั่งเหม่อ เขารู้ว่าลูกเจี๊ยบน่ะจริงๆแล้วเป็นเด็กขี้เหงาขนาดไหนเมื่อก่อนลูกเจี๊ยบก็น่าจะติดพ่อมากเหมือนแก้วเจ้าจอม แต่พอแดนดินมีภาระหน้าที่ข้างนอกมากเข้าก็ห่างจากพ่อไปโดยปริยายและพอดีกับที่เขาเข้ามามีบทบาทในชีวิตเจ้าเจี๊ยบน้อยทันเวลาพอดี แดนดินโชคดีเหลือเกินที่ได้ลูกๆที่น่ารักถึงสามคน วัยอย่างเจี๊ยบถ้าจะทำตัวมีปัญหาจริงๆทำไมจะทำไม่ได้ โชคดีเจี๊ยบเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ดีเจี๊ยบรักพ่อแม่และรักตัวเองจึงไม่พาตัวเองไปสู่ที่ต่ำ ชายหนุ่มเดินมายืนด้านหลังหลานแล้ววางมือลงบนกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆ ศตายุหันมาเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มหวานให้จนอดไม่ได้ที่จะจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่มนั้นแรงๆเสียทีหนึ่ง

 

                “ฮื้อ...มาจูบหนูทำไมจ๊ะ”เด็กน้อยร้องโอดใส่หันหน้าหนีแต่ก็แอบยิ้ม อาลอชอบทำให้ใจเต้นแรงเจี๊ยบว่าเจี๊ยบจะหัวใจวายตายเอาซักวันหนึ่ง

 

                “ก็หนูน่ารักนี่คะ อาก็อยากจะรักบ่อยๆ”ลลิตภัทรเดินไปนั่งที่ปลายเตียงปล่อยให้เด็กน้อยได้ทำการบ้านจนเสร็จ

 

                “เสร็จแล้วเหรอคะ?”เอ่ยถามเมื่อเห็นศตายุปิดปลอกปากกา

 

                “จ้า”

 

                “งั้นมาหาอาสิคะ”ลลิตภัทรเอ่ยบอกด้วยสายตาระยิบระยับ ลูกเจี๊ยบลุกแล้วเดินมาหาอย่างไม่อิดออด

 

รู้ว่าอาลอจะเรียกมาทำอะไร แต่ก็เดินมาหาอย่างไม่ลังเลเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรดึงมือของลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตนจนเด็กน้อยนั่งคร่อมเขาด้วยท่าทางล่อแหลม ลลิตภัทรลูบแผ่นหลังบางก่อนจะประคองต้นคอของศตายุแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากอิ่มราวหิวกระหาย ลลิตภัทรรู้ว่าสิ่งที่ทำกับศตายุไม่ใช่เรื่องดีนัก เหมือนเขาล่อลวงเด็ก ลักกินขโมยกินกับลูกชาวบ้าน แต่เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้เลยซักครั้งที่จะแตะต้องเด็กคนนี้

 

ศตายุเหมือนเป็นของหวานที่เขาใช้เติมพลังยามเหนื่อยล้า ประคองกรอบหน้าของเด็กที่เริ่มจูบเก่งสอดลิ้นเข้าไปรุกรานเกี่ยวกระหวัดรุกล้ำจนคนเด็กตัวสั่น สะโพกตึงเริ่มมีปฏิกิริยาบดเบียดกับหน้าท้องของเขาจนรับรู้ถึงความตึงตัว เพราะยังเด็กจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ศตายุจึงแสดงมันออกมาอย่างชัดเจน ลลิตภัทรไม่เคยล่วงเกินศตายุมากจนถึงขนาดลึกซึ้งขั้นสุดท้ายเขายั้งใจไว้เสมอเพราะเห็นถึงความไม่สมควร

 

เจี๊ยบยังเด็กนักเขาไม่ควรฉวยโอกาสตอนที่เด็กควบคุมอารมณ์ไม่ได้

 

แต่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะยังคงมีศีลธรรมอันน้อยนิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ในเมื่อเนื้อนิ่มช่างเย้ายวนเสียเหลือเกิน

 

                “อาลอ...”เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อเขาละริมฝีปากออก ความฉ่ำวาวจากน้ำลายเคลือบริมฝีปากแดงเจ่อให้ดูเย้ายวนมากยิ่งขึ้นเจ้าเจี๊ยบน้อยแก้มแดงปลั่งอย่างเด็กสุขภาพดี

 

                “คะ?”ตอบรับพลางใช้ปลายนิ้วไล้ตามกรอบหน้าไล่ลงไปถึงลำคอของศตายุ เด็กน้อยเอียงหน้ารับพลางสูดลมหายใจลึกด้วยแรงอารมณ์ที่ซ่านอยู่ภายในกาย สองแขนคล้องคอคนเป็นอาหลวมๆ รอยยิ้มน่ารักถูกมอบมาให้พร้อมคำพูดหวานๆที่ลลิตภัทรไม่เคยเบื่อที่จะฟังเลยซักครั้ง

 

                “หนูรักอาลอนะจ๊ะ”ลลิตภัทรประคองใบหน้าน่ารักนั้นไว้ รอยยิ้มอบอุ่นที่เห็นกี่ครั้งจิตใจก็อุ่นวาบอย่างประหลาดถูกส่งมาให้และศตายุไม่เคยเบื่อที่จะรับมัน

 

รักอาลอ รักมากเหลือเกิน

 

ลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าในชาตินี้ตนเองจะมีความรักที่สวยงามแบบนี้ให้กับใครได้อีก

 

อยากให้อาลอเป็นรักครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของตนเหลือเกิน...

 

                “อาก็รักหนูค่ะ”คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มหวานมาประดับบนใบหน้าของศตายุได้อีกครั้ง เด็กน้อยกดจูบแผ่วเบาแต่ทว่าลึกซึ้งอ่อนหวานย้ำๆซ้ำๆราวกับจะสลักคำนั้นให้อยู่ที่ริมฝีปากของลลิตภัทรตลอดไป

 

                “พูดว่ารักหนูบ่อยๆนะจ๊ะ หนูชอบฟัง”

 

                “อาจะบอกจนเบื่อเลยล่ะค่ะ อย่ารีบทิ้งอาไปไหนก็แล้วกัน”

 

                “งั้นอยู่ฟังจนกว่าจะตายจากกันเลยเป็นไงจ๊ะ?”เด็กน้อยเอียงคอทำท่าน่ารักจนเขาอดไม่ได้ที่จะพลิกร่างบางให้นอนลงบนเตียง ชายหนุ่มเลิกเสื้อยืดตัวโคร่งของหลานขึ้นไปจนเหนือราวนมแล้วฟัดหน้าท้องของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยวจนเด็กน้อยหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “ถ้าไม่ขาดใจตายก่อนอาก็จะบอกจนกว่าเจี๊ยบจะเบื่อเลยดีมั้ย?”

 

                “ฮื้อ...เลิกฟัดท้องหนูก่อนสิจ๊ะ หนูจั๊กจี้”

 

          “ไม่ให้ฟัดท้องงั้นก็เลือกมาว่าจะให้ฟัดอะไรระหว่างนมกับ....”ลลิตภัทรแกล้งเลื่อนสายตาลงต่ำไปยังกลางกายฝ่ามือร้อนก็ลูบต้นขาเนียนอย่างเร้าอารมณ์เด็กน้อยร้องโวยวายเมื่อคนแก่ไม่ยอมรอฟังคำตอยเลยซักนิด

 

สุดท้ายเขาก็โดนอาลอฟัด”ทั้งตัว”อยู่ดี

 


แล้วจะให้เลือกทำไมจ๊ะ อาลอนี่ขี้โกงจริงๆเลย ให้ตายสิ!!!





 

 

 

            วันนี้แก้วเจ้าจอมมีความสุข ความสุขพุ่งล้นจนแทบทะลุลูกกระเดือกออกมาเลยล่ะจ้าพี่จ๋า ก็วันนี้พ่อกำนันไม่มีงานเลี้ยงข้างนอก แก้วเจ้าจอมเลยกลายร่างเป็นหมอนวดจำเป็นเหยียบหลังให้พ่อกำนันอย่างตั้งอกตั้งใจ

 

ใครก็ทำไม่ได้อย่างเขาหรอก พ่อกำนันต้องมานอนสยบใต้แทบเท้าทั้งสองของเจ้าจอมแบบนี้เป็นภาพที่หาได้ยากนัก

 

จอมผู้ฆ่ายักษ์

 

ไม่ใช่ยักษ์ทำมะดาด้วยนะจอมจะบอกให้ ก็พ่อกำนันของจอมน่ะ อกผาย ไหล่ผึ่ง หลังตึง กล้ามเป็นมัดๆ มองไกลๆคล้ายลิงกอลิล่าเวลาเดินคู่กับแม่จิ๊บของจอม เหมือนกอลิล่าเคียงข้างแมวเหมียว น่าเกรงขามมาก โตไปเจ้าจอมก็อยากตัวใหญ่เหมือนกรูปรีแบบนี้บ้าง จอมไม่อยากเป็นลิงเดี๋ยวจะไปทับทางพ่อกำนันจ๋าซะก่อน

 

            “เอ้อ....ดีมาก ตรงนั้นแหละลูก ลงส้นเลย”แดนดินร้องครางอย่างพอใจเมื่อเจ้าจอมเหยียมโดนตรงจุดที่ปวดตึง แก้วเจ้าจอมจัดการขยี้เส้นอย่างรู้ใจ เนี่ย ไม่อยากจะคุย ในบรรดาสามคนพี่น้องน่ะ เจ้าจอมนวดเก่งที่สุด จิ๊บที่ทำกับข้าวเสร็จแล้วก็เดินนำจันทร์เจ้าขาออกมาจากในครัว ในมือมีกับข้าวหอมฉุยวางลงบนโต๊ะ 3-4 อย่าง

 

            “เจ้าเจี๊ยบไปไหนซะล่ะจิ๊บ ตั้งแต่พี่ออกมาจากห้องยังไม่เห็นลูกเลย”

 

            “ข้ามไปบ้านลอน่ะจ้าพี่”จิ๊บตอบอย่างไม่คิดอะไรทว่าคนเป็นพ่อทะลึ่งพรวดลุกขึ้นจนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มุ่งมั่นกับการเหยียบหลังถึงกับลอยละลิ่วหล่นมาจากหลังจนตูดกระแทกกับกระดานเรือนเสียงดังสนั่นจนจิ๊บคิดว่ากระดูกตูดของลูกชายจะหัก

 

            “ทำอะไรเนี่ยพี่ดิน ลูกหล่นเลยเห็นมั้ย” เจ้าจอมเมื่อเห็นแม่เข้ามาลูบหัวลูบตูดก็ให้สำออยทำร้องโอดโอยราวกับว่าเจ็บนักเจ็บหนา

 

            “อูย...เจ็บตูดจังเลยจ้าแม่จ๋า”

 

            “ไปๆ ลุกไปนั่งที่โต๊ะไป”จิ๊บไม่ได้เอ่ยปลอบลูกเพราะรู้ถึงมารยาเจ้าน้องน้อยของบ้านดีว่าได้พ่อมาขนาดไหน เจ้าจอมยู่หน้าเล็กน้อยอย่างขัดใจ

 

ดูเถอะ เล่นใหญ่รัชดาลัยขนาดนี้แล้วนะแม่จ๋ายังไม่โอ๋ปลอบซักนิด

 

ใจดำหยั่งก๊ะอีกาช่างเหมาะสมกับพ่อกำนันนัก สมกันเหมือนกอลิล่ากับอีกา เฮ๊อะ

 

เด็กน้อยคลำตูดป้อยๆแล้วไปนั่งประจำที่ของตัวเอง จันทร์เจ้าขาแลบลิ้นเย้าน้องเล็กอย่างนึกขำจนแก้วเจ้าจอมยิ่งหน้าบูดเข้าไปใหญ่ เห็นทีข้าวเย็นวันนี้ไม่อร่อยเสียแล้ว รู้งี้ตามพี่เจี๊ยบไปเล่นบ้านอาลอดีกว่า

 

ไปเก็บผ้าเก็บผ่อนหนีไปหาอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ

 

            “ไปทำอะไรบ้านมันบ่อยๆ เย็นย่ำไม่กลับมากินข้าวกินปลา”แดนดินเสียงตึงอย่างไม่พอใจ คนอย่างไอ้ลอ เจ้าคิดเจ้าแค้นล่ะที่หนึ่ง แถมวันก่อนยังพูดจาสื่อความนัยให้ได้ขบคิดจนจิตใจห่อเหี่ยว

 

ดูทีมันคงเข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลูกๆของเขาเพื่อจะเป็นสะพานข้ามมาหาจิ๊บแน่ๆ

 

            “ลูกจะสอบแล้วเลยต้องไปติวน่ะ พี่เป็นอะไรอีกล่ะนี่มาชักสีหน้าใส่ฉันทำไม”จิ๊บเอ็ดสามีอย่างอ่อนใจเมื่อแดนดินทำหน้างอเป็นจวักหัวคิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์ แดนดินรู้ตัวว่าทำกริยาไม่งามใส่ภรรยาก็รีบคลายปมคิ้วแล้วยิ้มใส่อย่างประจบ แม้ดูเหมือนเขาจะเป็นใหญ่ที่สุดในบ้านนี้ แต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าคนที่กุมอำนาจสูงสุดน่ะคือใคร

 

            “เปล่าจ้าจิ๊บ พี่ไม่ได้ชักสีหน้าใส่จิ๊บเลยนะจ๊ะ พี่แค่ไม่ชอบใจที่ลูกเราไปสนิทกับไอ้ลอ แถมเย็นแล้วยังไม่กลับมากินข้าวกินปลา มันรบกวนบ้านนู้นเขา”

 

            “ก็ลูกมันจะสอบแล้ว วิชาที่ลูกเรียนจิ๊บก็สอนไม่เป็น พี่ดินเองก็เถอะไม่รู้จะสอนได้มั้ย ลอเค้าเก่งอีกอย่างบ้านนู้นก็รักเจ้าเจี๊ยบ นี่ลูกมันก็โทรมาบอกว่าป้าแกชวนกินข้าวด้วย เจี๊ยบมันโตแล้วมันรู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร”

 

            “แต่ยังไงพี่ก็ไม่อยากให้ลูกต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับไอ้ลออยู่ดี มันจะมาดีมาร้ายยังไงก็ไม่รู้เกิดมันมากเล่ห์เพทุบายขึ้นมาหลอกใช้ลูกเพื่อมาหา...”

 

            “พี่ดิน!!!”ยังไม่ทันจะพูดจบจิ๊บก็เอ็ดเข้าให้จนแดนดินต้องรีบหุบปาก ตวัดตามองภรรยาก็พบว่าจิ๊บจ้องมาตาเขียวปั๊ด เป็นนางสุวรรณมาลีอยู่ดีๆแท้ๆไหงจิ๊บกลายร่างเป็นนางผีเสื้อสมุทรไวจังล่ะจ๊ะถึงแม้กายพี่จะบึกบึนดั่งหินผาแต่ใจพี่นั้นบางยิ่งกว่ากระดาษ จิ๊บหันกลับไปมองลูกๆที่ช่วยกันตักข้าวแล้วก็หันมาค้อนสามีอีกวงใหญ่ หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นทำเพียงเดินไปรินน้ำใส่แก้ววางให้แต่ละคนเงียบๆ

 

เกิดบรรยากาศอึมครึมราวกับมีมนต์ดำครอบคลุมหลังคาเรือเสียอย่างนั้น

 

อยู่กินกันมานานจนจะ 17 ขวบปีอยู่แล้วแดนดินยังไม่เลิกคิดเรื่องที่ว่าลลิตภัทรจะกลับมาแย่งตนกลับไป

 

เป็นสาวอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้นที่อยู่กันมานานนมจนลูกเต้าโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วผัวยังรักผัวยังหลงแต่ไม่ใช่กับจิรนันท์ หล่อนรู้ดีว่าลลิตภัทรนั้นหาได้มีจิตพิศวาสกับตนเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้ว หล่อนเชื่ออย่างนั้นเพราะยามที่ได้พูดคุยกันสายตาของลลิตภัทรไม่เหมือนเมื่ 16 ปีก่อนแม้แต่น้อย

 

จริงอยู่ว่าลลิตภัทรนั้นมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ลลิตภัทรนั้นเมื่อตัดใจหรือไม่มีสิ่งใดติดค้างในใจแล้วเขาก็พร้อมที่จะโบนความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่แบกมาตลอดสิบกว่าปีทิ้งไป

 

มีแต่ผัวของหล่อนนี่แหล่ะ อาจเพราะมีชนักติดหลังแดนดินถึงระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะโดนอดีตเพื่อนรุ่นน้องมาทวงคืน

 

ไฟมันมอดจนเหลือเพียงขี้เถ้าแล้วก็ยังมิวายจะคิดมาก

 

คิดมากไม่พอยังพูดมากจนเกือบหลุดเรื่องนั้นออกมาให้ลูกๆรู้อีก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกร่อยกว่าทุกครั้งที่แดนดินอยู่บ้าน แม่จิ๊บนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าว บางครั้งก็ตักกับข้าวที่รสไม่จัดให้เจ้าจอม ส่วนเจ้าขานั้นนานๆจะตอบคำถามของพ่อเรื่องการเรียนรวมทั้งของที่อยากได้ซักที เด็กสาวไม่ได้เป็นคนพูดมากอยู่แล้ว

 

รู้งี้ตั้งชื่อให้ชื่อพิกุลทองก็ดี

 

หลายครั้งแดนดินก็มีความคิดแบบนี้ในหัว ส่วนเจ้าจอมเมื่อเห็นพ่อกับแม่ตึงๆใส่กันเด็กน้อยผู้อยู่เป็นก็เลยพลอยเงียบไปกับเขาด้วยจนจบมื้ออาหารนั่งดูทีวีกันแบบอึมครึม กินของว่างกันแบบอึมครึม สามทุ่มก็เลยแยกย้ายกันเข้าห้องอย่างอึมครึมเช่นกัน

 

บรรยากาศน่าอึดอัดนัก ยิ่งเข้ามาในห้องแล้วจิ๊บก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำโดยไม่พูดไม่จาด้วยกับสามี แดนดินได้แต่นั่งจ๋อย กะว่ารอให้ภรรยาอาบน้ำอาบท่าให้ใจเย็นลงก่อนเขาก็จะง้องอนเสียหน่อยเมื่อจิรนันท์อาบน้ำเสร็จนุ่งเพียงกระโจมอกออกมาหญิงสาวก็ไปนั่งทาครีมทาแป้งที่โต๊ะเครื่องแป้ง

 

และเช่นเดิม

 

หล่อนกลายเป็นพระเตมีย์ใบ้ไม่พูดไม่จากับสามี แดนดินคว้าผ้าโสร่งเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ระหว่างอาบน้ำก็คิดคำพูดดีๆไว้ขอโทษภรรยา เขารู้ดีว่าพลั้งปากจนเกือบพูดเรื่องอดีตให้ลูกได้ยินแต่จิ๊บเองก็ไม่เห็นต้องโกรธออะไรแบบนี้เลยนี่นา ไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิจะมาตะบึงตะบอนแง่งอนเขาไปทำไม นานนับสิบนาทีที่กำนันหนุ่มอาบน้ำล้างเหงื่อไคล เมื่ออกมาจากห้องน้ำจิรนันท์ก็ยัดของใส่มือแดนดิน เมื่อหลุบตาลงมองก็พบกับหมอนและผ้าห่ม

 

            “โธ่...จิ๊บจ๋า...”ผัวหนุ่มร้องโอดเมื่อรู้ว่าคืนนี้ที่นอนของเขาไม่ใช่เตียงนุ่ม หมอนข้างใบใหญ่ถูกวางทับลงมาอีกใบ กอดคืนนี้ก็ไม่ใช่เนื้อนุ่มๆอุ่นๆอีกต่างหาก

 

            “พี่ผิดไปแล้วจ่ะเมียจ๋า หายโกรธหายงอนพี่เถอะนะ”แดนดินทิ้งผ้าห่มกับหมอนลงพื้นแล้วคว้าร่างบอบบางของเมียรักมาไว้ในอ้อมกอด กลิ่นแป้งหอมที่จิ๊บมักปะพรมตัวก่อนนอนรัญจวนใจยิ่งนัก แดนดินคิดว่าจิ๊บนั้นคงจะไม่ได้โกรธขึงอะไรตนนักก็คิดว่าจะใช้มุกคลุกวงในแบบที่เคยทำ ปลายจมูกโด่งเตรียมฝังลงบนเนื้อนวลหากแต่จิ๊บกลับดึงตัวเองออกจากอ้อมแขนของสามี

 

            “ผิดแต่ไม่คิดว่าจะปรับปรุง เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะพี่ดิน จิ๊บบอกแล้วว่าระหว่างจิ๊บกับลอมันไม่มีทางกลับไปคบกันได้อีกแต่พี่ก็ยังจัรื้อฟื้น พี่ก็รู้ว่าจิ๊บไม่อยากให้ลูกๆด้มารับรู้ว่าเมื่อก่อนจิ๊บกับลอเคยคบกัน เมื่อไหร่พี่จะรู้จักปล่อยวางซักที ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองบ้านก็ดีขึ้นไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจแบบเมื่อก่อนมันไม่ดีหรอกเหรอ”

 

            “ก็พี่รักจิ๊บรักลูกนี่จ๊ะ พี่ถึงไม่อยากให้ไอ้ลอมันมายุ่งกับพวกเราอีก รู้มั้ยวันก่อนมันพูดอะไรกับพี่มันบอกว่าถ้าพี่ดูแลลูกเมียไม่ดีมันจะมาทำแทนแบบนี้จะไม่ให้พี่ระแวงมันได้ยังไง”

 

            “ลอเขาเข้ามาพูดกับพี่เองแบบนั้นเลยเหรอ?”คราวนี้แดนดินอึกอัก สายตาเลิ่กลักเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบในส่วนนี้มา ถ้าหากบอกว่าเขาเป็นคนเดินเข้าไปหาเรื่องลลิตภัทรก่อนเห็นทีคงไม่ใช่แค่นอนนอกห้องแต่จิ๊บคงไล่ออกจากบ้านเป็นแน่แท้

 

            “เอ่อ...คือ..โธ่ จะพูดยังไงตอนไหนก็ช่างเถอะแต่คือมันพูดไงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ”

 

            “พูดจบแล้วใช่มั้ยพี่ดิน”จิ๊บไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไรหญิงสาวทำเพียงถามเสียงเรียบ แดนดินรีบยิ้มประจบ

 

            “จบแล้วจ้าเมียจ๋า”

 

            “จบแล้วก็ออกไปจิ๊บจะนอน”แดนดินหน้าจ๋อยลงไปทันทีก่อนจะเดินตัวลีบถ้าค้อมหลังผ่านจิ๊บได้แบบที่เดินผ่าผู้อาวุโสกว่าแดนดินก็คงทำไปแล้ว

 

ไม่มีประโยชน์ที่จะดันทุรังในยามที่จิ๊บกำลังอารมณ์ไม่ดีเพราะจะยิ่งทำให้เมียรักโกรธมากขึ้นไปอีก ประตูห้องนอนถูกปิดและลงกลอนจนเสียงดังออกมาด้านนอก แดนดินทำหน้าปลงตกก่อนจะคิดว่าคืนนี้จะเอายังไงดี อากาศในเดือนมกราคมหนาวจับกระดูกเสียอย่างนี้ก็พอดีกับลูกชายคนโตเดินขึ้นมาบนเรือนพร้อมกระเป๋านักเรียนที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ วันนี้เป็นวันที่ศตายุกับอาลอติวหนังสือกันจริงๆ มีเพียงจูบส่งท้ายก่อนจะพาเขามาส่งที่ท่าน้ำนั่นแหละ อาลอให้เหตุผลที่ทำให้ลูกเจี๊ยบรู้สึกถึงความมีเหตุผลความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของอาลอว่า

 

            “อาอยากให้หนูโฟกัสกับเรื่องเรียนเป็นอันดับหนึ่ง แยกว่าอะไรสำคัญก่อนหลังให้ได้นะคะ อามีเวลารักหนูทั้งชีวิตเลยตอนนี้ต้องตั้งใจอ่านหนังสือสอบก่อน สอบเสร็จอาจะให้รางวัลนะคะ”นั่นแหละเจี๊ยบน้อยถึงไม่งอแงหรือคิดฟุ้งซ่าน

 

            “อ้าวพ่อ ทำไมหอบหมอนหอบผ้าห่มออกมาล่ะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยทักพ่อที่เดินหน้าแห้งออกมา

 

            “ทะเลาะกับแม่เหรอจ๊ะ”มีไม่กี่อย่างหรอกที่พ่อกำนันจ๋าจะต้องระเห็จออกมานอนนอกห้อง

 

            “อืม  แล้วนี่ทำไมกลับซะมืดค่ำล่ะเจี๊ยบ?”กำนันถามลูกชายเมื่อเหลือบไปมองเวลาที่ลูกกลับเข้าบ้าน เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้วลูกชายเพิ่งถึงบ้าน

 

            “มีบางวิชาหนูไม่ค่อยเข้าใจน่ะจ้าเลยช้าหน่อยอาลอไม่อยากสอนอัดเลยต้องค่อยเป็นค่อยไป”ลูกเจี๊ยบเล่าด้วยดวงตาเป็นประกายจนแดนดินนึกหมั่นไส้ไอ้เจ้าของชื่อนั้น ลมหนาวพัดเรื่อมาจนทำให้ขนอ่อนบนกายลุกลูกเจี๊ยบกอดอกตัวเองโดยอัตโนมัติ

 

            “น้องว่าพ่อไปนอนห้องน้องก็ได้จ้า อย่านอนข้างนอกเลย หนาวจะตาย”ลูกเจี๊ยบช่วยพ่อถือเครื่องนอนแล้วเดินนำเข้าห้องของตัวเองไปให้พ่อนอนบนเตียงส่วนตัวเองเอาฟูกสำรองมาปูข้างเตียง

 

            “พ่อนอนไปก่อนเลยนะจ๊ะเดี๋ยวน้องอาบน้ำก่อน”

 

            “อืม อาบเร็วๆนะลูกอากาศมันหนาวเดี๋ยวจะเป็นหวัดไม่สบาย ถ้ายังไม่ง่วงพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”

 

            “ได้จ้างั้นพ่อรอน้องแป๊บน้องอาบไม่นานเดี๋ยวน้องมา”ลูกเจี๊ยบฉวยชุดนอนและผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำ เสียงฝักบัวดังออกมาแว่วๆ แดนดินตั้งใจแล้ว ในเมื่อพระลอเข้าทางลูกๆของเขา เขาก็จะเป่าหูลูกๆด้วยการเล่าอดีตอันแสนขมขื่นให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

นี่ล่ะบทลงโทษของมึงที่ทำให้กูโดนเมียไล่ออกมานอนนอกห้อง

 

 

...................................

ปิดจองเล่มพรุ่งนี้นะคะ
เอ๊ะอะจับ เอ๊ะอะจูบ ลูกเขามีพ่อมีแม่นะไปขอลูกเขาก่อนสิ ว่าแต่ถ้าเล่าเรื่องนั้นเจี๊ยบจะมองหน้าพระลอแบบเดิมได้มั้ยอะยิ่งอยู่ในช่วงสอบด้วย หึ้ยยย

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 18:05:08

ลลิตภัทรขับรถมาดักลูกเจี๊ยบที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่บ่ายสาม เขาเก็บค่าเช่าห้องเสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายแวะไปหากาแฟกินแก้วหนึ่งแล้วก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ โทรไปบอกจิ๊บว่าวันนี้ตนเองจะรับหลานกลับไปด้วยกันเลย ชายหนุ่มขยับตัวเมื่อเห็นร่างขาวๆแก้มฟูๆที่ดูเหมือนจะซูบลงเดินออกมาจากโรงเรียน เด็กน้อยยืนคุยกับเพื่อนตัวเล็กๆผอมๆซึ่งน่าจะชื่อวุ้นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งคบได้เดือนกว่าๆ ศตายุมองหารถประจำของตนก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางเซื่องซึม ชายหนุ่มลงจากรถแล้วก้าวเร็วๆตรงไปที่รถโดยที่เด็กน้อยไม่รู้ตัว

 

“อ๊ะ”ศตายุที่กำลังนั่งเหม่อสะดุ้งสุดตัวเมื่อข้อมือถูกจับและดึงอย่างแรงเมื่อหันไปมองก็พบว่าอาลอจับมือตนเองอยู่ท่ามกลางสายตานับสิบของเด็กคนอื่น

 

“ไปกับอา”น้ำเสียงไม่ได้คุกคามแต่ก็ไม่ได้อ่อนหวานดุจเมื่อก่อน ลูกเจี๊ยบต่อต้านด้วยการพยายามบิดข้อมือตัวเองออกแต่ต้องชะงักเมื่อลลิตภัทรไม่ได้ปล่อยตามที่คิดกลับเพิ่มแรงในการบีบข้อมือหลานมากขึ้น ศตายุอ้าปากจะตวาดแต่ก็ชะงักไปเมื่อเห็นสายตาสอดรู้สอดเห็นของเด็กบนรถ ลลิตภัทรใช้จังหวะนั้นดึงหลานให้เดินตามตนเองลงมาจากบนรถยัดหลานเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างแรง

 

“ลุงเดี๋ยวผมรับหลานกลับบ้านเอง”ชายหนุ่มตะโกนบอกลุงคนขับรถแล้วก้าวขึ้นรถขับออกไปเลย ศตายุหันมามองตาเขียวปั๊ด เด็กน้อยกอดอกเม้มปากแน่น

 

“เป็นอะไรคะ?”เมื่อทำอารมณ์ให้เย็นลงหลังถูกหลานดื้อใส่ลลิตภัทรก็ถามลูกเจี๊ยบทันทีหากแต่คนเด็กทำเหมือนคำถามของเขาไม่มีความหมายด้วยการนั่งคอแข็งมองไปด้านนอก

 

“อาทำอะไรให้หนูโกรธคะ เท่าที่จำได้เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยไม่ใช่เหรอคะ?”พยายามทำใจให้เย็น ปกติเขาไม่ใช่คนที่จะมานั่งเอาอกเอาใจเด็กที่ไหนมากนักหรอก ลูกเจี๊ยบหันกลับมามองหน้าเขา ริมฝีปากที่เคยแดงเหมือนเยลลี่นุ่มๆบัดนี้คว่ำราวพระจันทร์เสี้ยว

 

“อาลอกับแม่เคยเป็นแฟนกันเหรอครับ?”เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่จบคำถามนั้น ลูกเจี๊ยบเมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งไปของพระลอก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่พ่อพูดเป็นความจริง น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ความรู้สึกทั้งผิดหวังและเสียใจประเดประดังเข้ามาจนลมหายใจเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆในที่สุดเด็กน้อยก็ระเบิดร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย

 

“ถ้าคุณอยากกลับไปหาแม่คุณจะมาหลอกผมทำไม?”เด็กน้อยทั้งร้องไห้ทั้งสะอึกสะอื้นทั้งตั้งคำถามอย่างร้าวรานใจ ลลิตภัทรปล่อยให้ลูกเจี๊ยบอาละวาดโวยไว้ถีบทึ้งรถตัวเองโดยนั่งเงียบๆ ลลิตภัทรหักพวงมาลัยมาอีกทางไม่ได้มุ่งหน้าไปหมู่บ้านแต่กลับขับมาที่บ้านในเมืองของตนเองเมื่อถึงลลิตภัทรก็หันไปตั้งคำถามกลับให้กับเด็กน้อยที่น้ำหูน้ำตาเปรอะแก้ม

 

“ใครบอกว่าอาจะกลับไปหาแม่เรา? ใครพูด อาบอกหนูเหรอ?

 

“ใครจะพูดก็ช่างเถอะแต่คุณหลอกผม หลอกผมมาตลอด สนุกมากมั้ยเล่นกับใจคนน่ะเห็นผมเป็นเด็กโง่ๆแล้วจะหลอกยังไงก็ได้ใช่มั้ย”ลลิตภัทรขมวดคิ้ว

 

ไม่ชอบใจ ไม่ชอบใจเลยซักนิดเมื่อศตายุใช้สรรพนามห่างเหินกับเขา เด็กน้อยตระครุบประตูรถเตรียมจะเปิดแล้วหนีกลับหากแต่ลลิตภัทรเร็วกว่า ชายหนุ่มลงจากรถแล้วคว้าเอาเอวบางของหลานไว้ได้ทัน ศตายุทั้งทุบทั้งร้องโวยวายให้เขาปล่อย

 

เหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด แต่ครั้งนี้เพราะความโกรธรวมทั้งความเอาแต่ใจก็ทำให้ลูกเจี๊ยบแรงเยอะกว่าเดิมคนเป็นอาจึงย่อตัวลงแล้วแบกหลานขึ้นบ่าจัดการกดล็อครถแล้วเปิดประตูเข้าบ้าน โชคดีที่พระรามกับภรรยาไม่ได้มาพักในวันนี้ลลิตภัทรกดล็อคบ้านในขณะที่ศตายุพยายามดีดขาเพื่อให้พระลอปล่อยตน แต่ชายหนุ่มก็แบกหลานขึ้นมาจนถึงชั้นสองที่เป็นส่วนห้องนอนของตนเมื่อถึงเตียงก็โยนหลานลงบนเตียงแบบไม่ปราณีปราศรัยเลยซักนิดเขาคร่อมหลานแล้วใช้มือของตนเองกดข้อมือของศตายุไว้ ลูกเจี๊ยบถูกทับไว้จนไม่สามารถขยับหนีได้ก็ส่งสายตามองลลิตภัทรอย่างโกรธเกรี้ยว

 

“ผมไม่เคยหลอกคุณเลยนะศตายุ บอกผมมาสิว่าใครบอกคุณ”ในเมื่อลูกเจี๊ยบใช้สรรพนามห่างเหินกับเขาและกล่าวร้ายเขาอย่างไม่มีเหตุผล เขาก็จะใช้วิธีเดียวกับที่เด็กน้อยตรงหน้านี่ทำเหมือนกัน

 

“ใครจะบอกก็ไม่สำคัญหรอก แต่คุณไม่บอกผม ปล่อยให้ผมไปรู้จากคนอื่น ไม่รู้สึกติดขิดตะขวงใจมั่งเหรอที่ต้องมาคบกับเด็กที่คุณเองก็เคยเกือบทำให้ไม่ได้เกิดน่ะ”ลลิตภัทรเงยหน้าสูดลมหายใจลึกๆอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

 

เขาว่าเขาพอจะรู้แล้วว่าใครบอกลูกเจี๊ยบ

 

ไอ้แดนดิน ไอ้ตัวแสบ...นี่มันเอาความหวังดีของเขาไปคิดอะไรแปลกๆอีกแล้วสินะ

 

แถมเล่าถูกคนด้วย เล่าให้ลูกเจี๊ยบฟัง

 

อยากจะด่าไอ้ชิบหายเสียเหลือเกิน

 

“ผมเคยคบกับแม่ของคุณจริงแต่นั่นมันนานมาแล้ว และผมไม่ได้ตั้งใจที่จะผลักแม่คุณ”

 

“ยอมรับแล้วสินะ?”ทำน้ำเสียงเยาะก่อนจะหันหน้าหนี ลลิตภัทรถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะใช้มือดันแก้มหลานให้หันมามองตน ดวงตาของลูกเจี๊ยบเต็มไปด้วยน้ำตา ดูน่าสงสาร สายตาที่มองเหมือนแก้วที่พร้อมจะแตกได้ตลอดเวลา

 

เปราะบางเหลือเกิน...

 

“ฟังอานะคะคนดี...”น้ำเสียงดุกร้าวเมื่อครู่ปรับให้นุ่มนวลหวานหูเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดคุยกัน ลูกเจี๊ยบน้ำตาร่วงลงสองข้างแก้ม ดวงใจอ่อนยวบราวขี้ผึ้งเหลว

 

คิดถึงอาลอ...คิดถึงเหลือเกิน

 

“อาเคยคบกับแม่จิ๊บจริง จนวันหนึ่งอยู่ๆเขาจะแต่งงานทั้งๆที่อาคิดว่าเราคบกันอยู่อาก็เลยผิดหวัง ตอนนั้นอาน่ะคิดแค่ว่าแม่ของหนูทรยศความรักของอา จนวันเวลาผ่านไปความรู้สึกนั้นกลายเป็นความทรงจำ อาถึงรู้ว่าอาน่ะงี่เง่าเองยึดติดมากเกินไปไม่รู้จักปล่อยวาง ที่อาไม่กลับมาส่วนหนึ่งเป็นเพราะอีโก้อาสูง อาสร้างมันขึ้นมากดดันตัวเอง อาอายถ้ากลับมาแล้วมีคนมาแซวมาล้อเลียนอาเลยอยู่กรุงเทพยาว แล้วงานที่นั่นสังคมที่นั่นมันทำให้อาเพลินไม่ใช่เพราะรักแม่เราจนตัดใจไม่ได้ อาไม่เคยคิดจะหลอกใช้หนูเพื่อเข้าหาแม่เราเลยนะคะ”

 

“จริง...จริงเหรอ?”

 

“ที่ผ่านมาหนูไม่เชื่อมั่นความรักที่อามีให้หนูเลยเหรอคะ? อายังรักหนูไม่พอหรือว่าหนูไม่เคยรักอาเลย?”ลลิตภัทรเอ่ยประโยคตัดพ้อไปให้เด็กที่นอนร้องไห้อยู่ใต้ร่างตน

 

“แต่พ่อบอกว่าอาลอใช้หนูเป็นสะพานเพื่อกลับมาหาแม่...”เด็กน้อยกัดปากหลบตาเมื่อรู้ตัวว่าตนเองหลุดพูดถึงพ่อออกไปลลิตภัทรเช็ดน้ำตาให้หลานก่อนจะประคองเด็กน้อยมากอดไว้แนบอก

 

“พ่อเล่าอะไรให้หนูฟังบ้างคะ ไหนบอกอาหน่อย อาสัญญาว่าถ้ามีอะไรที่หนูอยากรู้อาจะบอกหนูให้หมดไม่ปิดบังเลยซักนิด”ชายหนุ่มตะล่อมเด็กน้อย ดวงตาแข็งเม้มปากระงับความโกรธ ลูกเจี๊ยบมีท่าทีลังเลแต่ก็ค่อยๆเล่าสิ่งที่พ่อพูดให้ฟัง

 

ไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา ไอ้คนตอแหล พูดจาเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น

 

เลวจริง...เมื่อลูกเจี๊ยบเล่าจบชายหนุ่มก็ดันหลานให้นั่งตัวตรงแล้วจ้องตาหลานโดยไม่หลบ

 

“ที่อาไม่เคยพูดเรื่องระหว่างอากับแม่ก็เพราะมันเกี่ยวโยงถึงพ่อแม่หนูและอา ไม่ใช่เรื่องที่พูดแล้วดี แต่พ่อหนูกลับไม่คิดว่าสิ่งที่พูดไปมันจะเกิดผมกระทบอะไรบ้าง อาไม่อยากให้หนูมีความรู้สึกด้านลบกับพ่อ แต่พ่อเรากลับไม่คิดแบบนั้น อากับแม่จิ๊บเกิดไล่เลี่ยกันตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ด้วยกันตลอดจนเราขึ้นมัธยม แม่ไปเรียนโรงเรียนเดียวกับพ่อ อาขอร้องให้พ่อของหนูช่วยดูแลแม่ให้อาด้วยเพราะอามาเรียนโรงเรียนเดียวกับหนู แต่วันหนึ่งเขากลับจะแต่งงานกัน ตอนนั้นอาทั้งผิดหวัง ทั้งเสียใจ ทั้งหมดศรัทธาในความรัก ยิ่งมารู้ว่าจริงๆแล้วจิ๊บไม่ได้รักอาเลยที่ผ่านมาจิ๊บคิดกับอาแค่เพื่อนอายิ่งเสียใจ ตอนนั้นมันพาลไปหมดก็อาเพิ่งจะ 14-15 วันที่เกิดเรื่องที่อาเกือบพลั้งมือทำให้แม่หนูแท้งเพราะว่าพ่อกับแม่ของหนูมาแจกการ์ดที่บ้านแล้วเจออา”ลลิตภัทรลูบผมเด็กน้อยก่อนจะเลื่อนมือมากุมแก้มซ้ายของหลานไว้อย่างทะนุถนอม

 

“อาเป็นคนเดินไปรับการ์ดจากพ่อแม่หนูเอง อากับพ่อทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ เราสู้กันแม่ของหนูก็เลยเข้ามาแยก ตอนนั้นอากำลังโมโหอาก็เลยผลักแม่เราออกไปจนล้ม อาไม่ได้ตั้งใจนะคะ ตอนนั้นอาก็เสียใจ ยิ่งตอนนี้หนูอยู่กับอา อายิ่งรู้สึกผิดที่เกือบทำให้หนูไม่ได้เกิดมาเป็นที่รักของอา”

 

“พ่อโกหกหนูเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบน้อยเอ่ยถามอย่างสับสน

 

เด็กน้อยไม่อยากจะเชื่อว่าแท้จริงแล้วพ่อของตนเองต่างหากล่ะที่เป็นมือที่สามแย่งแม่มาจากอาลอ

 

“อย่ารู้สึกไม่ดีกับพ่อนะคะ อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อกับแม่แล้วจริงๆ ตั้งแต่เจอหนูอารู้สึกว่าอาโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้แต่งงานกับแม่ของหนู ถ้าหนูเป็นลูกของอาๆคงเสียดายไปตลอดชีวิต ตอนนี้อามีแต่ความรู้สึกขอบคุณที่เขาคลอดเด็กน่ารักๆอย่างหนูมาให้อารัก”

 

“แต่พ่อแย่งแม่มาจากอานะจ๊ะ”

 

“เรื่องของความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ต่อให้อากับแม่ไม่ได้คบกันยังไงเขาเป็นคู่กันแล้วเขาก็ได้คู่กันอยู่ดี พ่อเขารักแม่มากเขาเลยระแวงที่อากลับมา แล้วยิ่งอามารักหนูอาก็ไปมาหาสู่สนิทสนมกับแม่เราอีกพ่อคงกลัวว่าอาจะคิดไม่ซื่อจะแย่งทั้งแม่ทั้งลูกไป จริงๆอาก็มีส่วนผิดที่วันก่อนนู้นไปพูดจาให้เขาระแวง ที่พ่อเขาทำเขาไม่ผิดแต่วิธีมันผิด จริงอยู่ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของอากับพ่อไม่ดีเพราะต่างคนต่างก็มีอีโก้ของตัวเองแต่อาไม่ได้โกรธแค้นอะไรพ่อของหนูแล้วจริงๆ หนูโกรธอาโดยที่ไม่บอกไม่พูดกับอาเลยซักนิด มันไม่ยุติธรรมเลย”

 

“หนูขอโทษ หนูขอโทษที่ไม่เชื่อใจอาลอ ไม่ถามอาลอก่อน หนูฟังความข้างเดียว”เด็กน้อยหลุบตาต่ำด้วยไม่กล้าสู้สายตาคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มให้ตนเลยซักนิด

 

กลายเป็นว่าเขาโยนความผิดทุกอย่างให้อาลอโดยไม่ถามไม่ฟังความทั้งสองฝ่าย เอาอารมณ์ของตัวเองตัดสินจนเกือบทำให้เกลียดกัน

 

“ตกลงเราเข้าใจกันหรือยังคะ?”ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดลูบหลังให้หลานเมื่อลูกเจียบยังคงสะอื้นอยู่

 

“เข้าใจแล้วจ้า”เด็กน้อยพยักหน้ารัวพลางสวมกอดอาลอไว้อย่างแสนรัก

 

“สัญญากับอาได้มั้ยคะ ว่าต่อไปถ้ามีอะไรสงสัยหรือไปฟังอะไรจากใครมาเราจะคุยกันก่อนจะไม่คิดเองเออเอง”

 

"สัญญาจ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย น้ำตาเปียกอกเสื้อของลลิตภัทรยามที่ยิ่งซุกหน้าเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“อากลัวนะคะ กลัวว่าซักวันหนูจะไม่เหลือความเชื่อใจให้อาอีก กลัวว่าวันหนึ่งเราจะเลิกกันทั้งๆที่อาก็ให้ใจหนูขนาดนี้แล้ว เหมือนความรักที่อามีให้หนูมันไม่มีค่า”

 

"หนูขอโทษ ฮึก...หนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว หนูขอโทษที่ดื้อที่ทำให้อาลอเสียใจ ยกโทษให้หนูนะจ๊ะ”

 

“แค่ขอโทษไม่พอหรอกค่ะ หนูทำอาเสียใจมาก ต้องโดนลงโทษ”ลลิตภัทรยิ้มเผล่อย่างคนเจ้าแผนการณ์ชายหนุ่มเชยคางหลานน้อยให้เงยขึ้นแล้วประกบจูบลงบนกลีบปากที่แดงจัดของหลานอย่างคนละโมบ

 

คิดถึงจะตายแล้วเนี่ยไม่ได้จูบตั้ง 4 วัน วันนี้จะจูบให้ปากเปื่อยเลย

 

โชคดีแค่ไหนแล้วที่พรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องไปเรียนไม่งั้นบทลงโทษมันจะไม่แค่จูบหรอกลลิตภัทรสาบานเลย

 


ส่วนไอ้แดนดิน ไอ้หน้าหมา เขาจะจัดการมันทีหลังเอง




.......................................


โกรธอะไรกันนาน โกรธกันแล้วในใจของเธอมีความสุขมั้ย ก็ไม่

อาลอไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้ปัญหาค้างคา คาใจอะไรก็เคลียร์เลย

กำนันมีบุญเก่าแค่ไหนแล้ว แม้ลลิตภัทรจะโกรธแต่ก็ยังบอกเจี๊ยบว่าไม่ให้โกรธพ่อ ที่พ่อทำนั้นก็เพราะรักแม่รักลูกกลัวจะโดนแย่งไป

กราบผู้ใหญ่บ้านกรู๊ววววววววว
แดนดินนี่นิสัยเด็กมาก แต่ก็ว่าไม่ได้พอถึงเวลาจวรตัวใครๆก็เผลอทำเรื่องเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น ครั้งนี้โชคดีที่พระลอคุยกีบเจี๊ยบเข้าใจ ก็ต้องเข้าใจเจี๊ยบนะเพราะน้องยังเด็ก พระลอต้องใจเย็นค่อยๆสอนน้องไปนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 18:49:04
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒o






                “อาลอ...อาลอจ๋า...”ศตายุเชิดคอแอ่นกายรับยามปลายลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดเม็ดบัวเม็ดน้อยกลางอก ความสะท้านแล่นริ้วจนเสียดเสียวไปทั่วสรรพางค์กายก่อนจะแล่นไปรวมกันที่ท้องน้อยไล่วนไปจนถึงกลางกายจนดุนดันเนื้อผ้า ลลิตภัทรไม่ได้ปราณีเด็กน้อยเลยซักนิด คล้ายจะลงโทษหากทว่าแฝงความกลั่นแกล้งอยู่ในที เสื้อนักเรียนสีขาวยับย่นไปกองอยู่ที่ข้อพับแขนยิ่งส่งให้คนเด็กดูเย้ายวน คล้ายดอกไม้แรกแย้มที่ค่อยๆเผยกลีบให้เห็นเกสรด้านในหลอกล่อแมลงภู่ผึ้งให้เข้าไปดอมดมชิมรสน้ำหวานสีใส ลลิตภัทรลูบคลำเค้นคลึงไปทุกสัดส่วน ปลายจมูกสูดดมความหอมของเนื้อเด็ก อดไม่ได้ที่จะตีตราประทับความเป็นเจ้าของที่สีข้างหากทำเพียงรอยจางๆด้วยดึงสติตัวเองกลับมาได้ว่าตนไม่ควรทำให้ลูกเจี๊ยบมีริ้วรอยใดใดทั้งสิ้น

 

                “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”ยืดตัวขึ้นมามอบจูบแสนหอมหวานเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยดราวค้นพบรวงผึ้งฉ่ำหวาน ปลายลิ้นเสาะสำรวจราวพรานไพรที่จะไม่ยอมให้ของล้ำค่าลอดสายตาไปได้ ลลิตภัทรลากไล้ริมฝีปากรวบร่างหลานให้ขึ้นมานั่งคร่อมตักสูดดมความหอมหวานราวเสพติด ลูกเจี๊ยบคล้องคออาลอไว้เพื่อนยึดเหนี่ยวร่างกายที่อ่อนปวกเปียก ดวงตาฉ่ำปรือขึ้นก่อนจะเป็นฝ่ายประคองใบหน้าหล่อเหลาของอาลอไว้ด้วยสองมือของตัวเอง

 

                “หนูก็รักอาลอจ้า อย่าพูดว่าหนูไม่เคยรักอาลออีกนะจ๊ะ หนูรักจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว แค่คิดว่าอาลอไม่รักหนู หนูก็นอนไม่หลับเรียนไม่รู้เรื่องเลย รู้สึกเหมือนจะตายเอาจริงๆ มันน่ากลัวมากเลยรู้มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยจ้องลึกในดวงตาของลลิตภัทรด้วยดวงตาใสแจ๋ว ลลิตภัทรผุดยิ้มด้วยความเอ็นดูชายหนุ่มลูบผิวแก้มใสของหลานด้วยความเบามือ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประคองสองแก้มฟูไว้ด้วยความทะนุถนอม

 

จริงๆแล้วเขาโกรธมาก โกรธแดนดิน แต่เพราะเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบบนตักนี้ อารมณ์เดือดพล่านของเขาจำต้องทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยนั่นก็เป็นพ่อของลูกเจี๊ยบ หากเขาพูดกลับตอบโต้ด้วยคำพูดรุนแรงย่อมทำร้ายใจเด็กที่รักและเทิดทูนพ่อเหนือใครบนโลก เขาไม่อยากให้ลูกเจี๊ยบถูกสร้างรอยแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เขารักและอยากปกป้องรอยยิ้มสวยๆนี้ไว้ให้นานที่สุด

 

จริงอยู่ว่าอีกหน่อยลูกเจี๊ยบก็จะต้องโตเป็นผู้ใหญ่ จะต้องเจออะไรมากมาย หากแต่ว่าถ้าทางเดินในอนาคตของลูกเจี๊ยบจะมีอันตรายสิ่งเหล่านั้นจะต้องผ่านลลิตภัทรไปก่อน ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายจมูกของตนเองชนกับปลายจมูกเจ้าเด็กขี้ดื้อ ถูไปมาเรียกเสียงหัวเราะคิกคักให้กับคนหลาน บรรยากาศต่างจากตอนที่ทะเลาะกันลิบลับ

 

ลลิตภัทรชอบเวลาที่ศตายุสดใสร่าเริงแบบนี้มากกว่าตอนที่ร้องไห้โวยวายน้ำตานองหน้าแบบเมื่อกี๊

 

                “อาลอ...นั่งนิ่งๆแป๊บนะจ๊ะ” อยู่ๆคนเด็กก็ประคองต้นคอเขานิ่ง ดวงตากลมจับจ้องเขาไม่หลบไปไหนก่อนจะนั่งด้วยเข่าสูงขึ้นจนยอดอกลอยเด่นยั่วยวนอยู่ตรงหน้า อยู่ๆความรู้สึกคันๆบนหัวก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

                “หือ...อาลอ”เจ้าลูกเจี๊ยบร้องครางเสียงต่ำก่อนจะนั่งลงจนเสมอกันในปลายนิ้วชี้กับนิ้วหัวแม่มือเหมือนถืออะไรบางอย่างอยู่

 

                “อะไรคะ?”ส่งเสียงถามอย่างสงสัย ศตายุยื่นมือมาตรงหน้าสิ่งที่เห็นทำให้อารมณ์คึกคักราวม้าศึกห่อเหี่ยวลงทันตา

 

                “ผมหงอกจ้า อาลอมีผมหงอก”ลลิตภัทรล่ะอยากจะจับเจ้าลูกเจี๊ยบคว่ำหน้าพาดกับขาแล้วตีตูดแรงๆนัก

 

มันเป็นยังไงชอบทำตัวขัดเวลากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มตลอด อะไรที่คึกคักโป่งพองก็แฟ่บอย่างน่าอัศจรรย์ ที่สุดตอนแรกว่าจะละเลียดผิวเด็กอีกซักพักก็ถูกเปลี่ยนเป็นสงครามผมหงอกเมื่อเจ้าเจี๊ยบดึงหัวเขาไปสำรวจหาผมหงอกเส้นอื่นๆแล้วบอกให้เขาเตรียมตัวไปหาร้านย้อมสีผมได้เลย

 

เด็กหนอเด็ก มาตื่นเต้นอะไรเอาตอนนี้วะคะ

 

ในที่สุดหลังจากปลุกปล้ำกับหนังหัวของเขาเสร็จลลิตภัทรก็พาเจ้าเด็กขี้งอแงไปกินชาบูแล้วพาไปส่งถึงบ้าน

 

แดนดินยืนถมึงทึงอยู่บนขั้นสุดท้ายของบันไดบ้านหน้าหงิกหน้างอเป็นม้าหมากรุก ส่วนเจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นมีสีหน้าเกรงๆพ่อของตัวเองที่ยืนจ้องลูกชายไม่วางตาอยู่

 

และเขาท้าทายอำนาจมืดด้วยการร้องเรียกชื่อหลานเบาๆ

 

                “เจี๊ยบ พรุ่งนี้ไปติวกับอานะ จะสอบแล้วอาไม่อยากให้ขาดตอน”ลูกเจี๊ยบหันขึ้นไปมองพ่อด้วยท่าทางประหม่าก่อนจะตอบรับ ชายหนุ่มโบกมือลาลูกเจี๊ยบแล้วจึงขับรถกลับบ้าน

 

อย่างน้อยการที่เขาพาหลานมาส่งแดนดินก็คงรู้แล้วว่าแผนปั่นหูของตัวเองนั้นไม่ได้ผล ป่านนี้คงกำลังระแวงว่าเขาจะมาไม้ไหน จะงัดอะไรขึ้นมาตอบโต้

 

ยังหรอก ยังไม่ถึงเวลาสนุกลลิตภัทรจะปล่อยไปก่อน รอเวลาดีหรือแดนดินมายั่วอารมณ์เขาจะตีให้หมอบจนต้องร้องขอชีวิตเลยล่ะ

 

 

 

 

หลายวันมานี้แดนดินรู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่ค่อยหลับกินข้าวก็ไม่ใคร่อร่อยคล้ายกับว่ามีใครคอยแช่งชักหักกระดูกหรือจับตามองอยู่เรื่อยๆ แม้อากาศจะค่อนข้างเย็นแต่กำนันหนุ่มกลับร้อนอบอ้าว ร้อนอกร้อนใจจนต้องให้แก้วเจ้าจอมลูกรักเอาขันน้ำแช่ช่องฟรีซละลายน้ำใส่กระติกแล้วลอยดอกมะลิกินน้ำเย็นจัดจนเสียวฟันให้ชื่นใจ

 

                “พ่อกำนันจ๋าเป็นอะไรจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นหน้าพ่อไม่ค่อยสเบยก็เอ่ยทักอย่างเป็นห่วงเป็นใยสีหน้ามีแววหนักใจเป็นนักเป็นหนา แก้วเจ้าจอมรักพ่อปกติพ่อจะมีรอยยิ้มประดับใบหน้าอยู่ตลอดเวลาแต่พักนี้พ่อจ๋าทำหน้าเหมือนหมาที่เจ้าของไม่ให้กระดูกแก้วเจ้าจอมก็เป็นห่วง อย่างเช่นตอนนี้ที่พ่อจ๋ามีท่าทางเหม่อลอยนั่นอีกเห็นแล้วก็หนักอกหนักใจ หรือพ่อจ๋าจะปวดท้อง ไขข้อเสื่อมสภาพ สมรรถภาพทางเพศเสื่อมถอย หรือแม่จ๋าไม่ยอมให้กัดคอพักหลังๆพ่อกับแม่ทำท่าตึงๆใส่กันออกจะบ่อย

 

                “พ่อจ๋า...”ลองหยั่งเชิงเรียกเมื่อเห็นพ่อเอาแต่เขวี้ยงก้อนดินลงในนา เรียกหรือถามอะไรก็ไม่หือไม่อือ มันน่าน้อยใจนัก เหมือนตำแหน่งลูกรักชักจะสั่นคลอน

 

พ่อจ๋าไม่สนใจหนู หนูต้องโตไปเป็นเด็กมีปัญหาแน่ๆเลย

 

หนูต้องติดยา

 

กลายเป็นเด็กแว้น

 

แล้วก็ท้องไม่มีพ่อ

 

เจ้าจอมคิดได้ดังนั้นก็เศร้านัก

 

เจ้าจอมไม่อยากโตไปเป็นเด็กมีปัญหาเป็นขยะสังคมเจ้าจอมจะต้องเรียกร้องความสนใจจากพ่อจ๋าให้จงได้

 

                “พ่อกำนันเมื่อยมั้ยจ๊ะเดี๋ยวจอมนวดให้”ว่าจบก็บีบไหล่พ่อตามแรงที่เด็กพอจะมีได้ อยากเอาอกเอาใจ จอมไม่อยากเห็นพ่อจ๋าเครียดเดี๋ยวพ่อจ๋าเส้นเลือดในสมองแตกจอมต้องมาป้อนข้าวป้อนกล้วยบด คงลำบากพิลึก จอมเคยเห็นย่าโฉมป้อนกล้วยบดน้องคุณเลอะเทอะน่าดูเชียว

 

                “เฮ้อ...”กำนันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

                “เจ้าจอม ถ้าวันใดวันหนึ่งพ่อกับแม่เลิกกันเจ้าจอมจะอยู่กับใคร?”อยู่ๆความคิดนี้ก็แวบเข้ามาในหัว หากแต่ลูกชายคนเล็กส่ายหน้าพรืด

 

                “พ่อจ๋าพูดอะไรไม่เป็นมงคล ใครจะเลิกกันไม่มีทางหรอกหนูไม่ให้เลิก”

 

                “พ่อแค่สมมติ”

 

                “สมมติก็ไม่ได้หนูไม่ชอบเลย “เด็กน้องว่าพลางต่อยไปที่หลังพ่อแรงๆหนึ่งที แดนดินไม่ได้เจ็บเลยซักนิด แรงเท่ามดต่อยชายหนุ่มลูบหัวลูกชายอย่างอ่อนโยน

 

                “ไม่ทำหน้าหงิกสิ เดี๋ยวแม่มาเห็นจะเอ็ดหาว่าพ่อแกล้งอีก”

 

                “ก็พ่อพูดไม่ดี หนูไม่ชอบฟัง มีอย่างที่ไหนมาสมมติว่าบ้านจะแตก แม่จ๋ารักพ่อกำนัน พี่เจี๊ยบพี่เจ้าขากับเจ้าจอมก็รักพ่อกำนันแบบนี้บ้านเราจะแตกได้ยังไงล่ะจ๊ะ แล้วเรื่องมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นซักหน่อยพ่อจ๋าจะไปคิดทำมไร้สาระจริง”

 

                “พ่อคงคิดมากเกินไป นั่นสิเนอะบ้านเรารักกันจะตาย ต่อให้มีควาย((อย่างไอ้ลอ))มาลากก็ไม่มีทางแตก เจ้าจอมพูดจาดีปลอบใจพ่ออยากได้อะไรก็บอกพ่อมาเดี๋ยวพ่อจะให้”กำนันหนุ่มยิ้มออกมาได้ในรอบหลายวันหลังจากใส่สีตีไข่พระลอให้ลูกเจี๊ยบฟังเมื่อคืนนั้น เขาเองก็ไม่ได้สบายใจเลยซักนิดยิ่งคืนนั้นที่ลลิตภัทรมาส่งลูกเจี๊ยบ เขาอยากถามลูกใจจะขาดว่าทำไมถึงกลับมาพร้อมลลิตภัทรแต่ลูกก็เดินเลี่ยงเข้าห้องแถมล็อกเสร็จสรรพ

 

เขาคิดว่าลูกเจี๊ยบจะไม่ไปข้องแวะกับลลิตภัทรอีก แต่ว่าเขาคิดผิด นอกจากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหลังจากนั้นลูกเจี๊ยบก็ข้ามกลับไปเรียนพิเศษกับลลิตภัทรตามเดิม เขาจะห้ามก็ไม่ได้เพราะจิ๊บมักจะบอกสมอว่าลูกเรียนจะไม่ทันเพื่อนถ้าพ่ออย่างเขาเอาแต่ขัดขวางด้วยเรื่องงี่เง่า

 

ผิดไปหมด แผนที่วางไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมจะเสียคะแนนแบบเทหน้าตักให้ลลิตภัทรอีกต่างหาก

 

เฮ้อ....กำนันเซ็ง!!!

 

 

 

 



 

                เช้าวันนี้ศตายุไปช่วยลลิตภัทรขนของขึ้นรถตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นพ้นขอบน้ำดี ชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีเข้มปล่อยชายออกนอกกางเกงยีนส์ ลูกเจี๊ยบเพิ่งสังเกตว่าหลายเดือนมานี้ที่ลลิตภัทรอยู่บ้าน ไม่มีวันไหนที่ชายหนุ่มจะแต่งตัวไม่ดี

 

กลายเป็นความแปลกแยกในหมู่ชาวบ้านที่ส่วนมากก็ใส่เสื้อที่แถมมากับยาฆ่าแมลงหรือกระป๋องสี ไม่ก็เสื้อแจกยามมีเลือกตั้งอะไรซักอย่าง ลลิตภัทรเหมือนคุณชายที่หลงทางมามากกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านของชนบทแห่งนี้

 

                “ตั้งใจสอบนะคะ เดี๋ยวปิดเทอมหาเวลาว่างๆอาจะพาไปเที่ยวด้วยคอนโดอากว้างมีสระว่ายน้ำสวยๆเจี๊ยบอยากเห็นมั้ยคะ”ชายหนุ่มปิดท้ายรถแล้วหันมาคุยกับหลาน ลูกเจี๊ยบน้อยตาเป็นประกาย ดวงตาซุกซนเป็นประกายแข่งกับเงาระยิบระยับบนผิวน้ำ

 

                “อยากจ้า หนูอยากเห็นที่ๆอาลออยู่ที่กรุงเทพ”น้ำเสียงกระตือรือร้นตอบรับในทันที

 

                “งั้นก็ตั้งใจสอบนะคะ อาไปไม่กี่วันก็กลับมืดๆจะโทรมาหานะคะ”ลลิตภัทรโยกหัวหลานไปมาอย่างเอ็นดู นี่หากอยู่กันเพียงลำพังเขาคงไม่ทำแค่นี้ คงจะรวบร่างนุ่มนิ่มมากอดมาหอมให้แก้มช้ำแล้วค่อยไป

 

                “ขับรถดีๆนะจ๊ะ”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นมองทำให้ลมหายใจคนมองแทบจะขาดห้วง

 

น่ารักน่าชังน่าเอ็นดูน่าดูเอ็นเหลือเกินหนูจ๋า...

 

                “รีบกลับมานะจ๊ะ”เสียงหวานเอ่ยปากฉอเลาะ ริมฝีปากยิ้มเยื้อนอ่อนหวาน

 

                “หนูคิดถึง...”ได้ฟังน้ำคำฉอเลาะลลิตภัทรก็อยากจะโทรไปบอกเพื่อนว่าไม่ไปแล้วได้มั้ยวะ ไม่อยากให้หลานคิดถึง

 

เด็กมันอ้อนเสียเหลือเกิน

 

ลลิตภัทรขับรถถึงกรุงเทพก็เกือบเที่ยงแล้วเพราะแวะนู่นแวะนี่ไปเรื่อยด้วยเพราะไม่เร่งรีบ เขตที่ชายหนุ่มอยู่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจถนนหนทางแออัดไปด้วยรถชายหนุ่มเคาะนิ้วตามทำนองเพลงอย่างระบายความหงุดหงิด พอกลับไปอยู่บ้านนานๆลลิตภัทรก็ติดการใช้ชีวิตแบบสโลวไลฟ์ไปไหนก็ไม่ต้องเร่งรีบเผื่อเวลามากมายเหมือนยามอยู่ที่กรุงเทพ กว่าจะถึงคอนโดก็เกือบเที่ยง ลลิตภัทรหิ้วของฝากขึ้นมาบนห้องสองถุง เก็บของเสร็จก็เดินไปห้องข้างๆเคาะไม่กี่ทีเจ้าของห้องก็เปิด เป็นครอบครัวพนักงานบริษัทที่มาเช่าอยู่ชายหนุ่มเอาถ่านไม้และกล้วยเบรกแตกที่ให้ชาวบ้านตั้งกลุ่มทำเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปมามอบให้ เอ่ยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอีกหลายคำก็แวะไปห้องถัดไป เมื่อแจกของฝากเสร็จอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดกับเพื่อนๆลลิตภัทรจึงกลับห้อง ดูความเรียบร้อยของทุกอย่าง ข้าวของอยู่ครบก็โทรหาป้าลำพึงแม่บ้านที่เขาจ้างไว้ดูแลห้องเอ่ยขอบคุณและบอกกล่าวเรื่องของฝากที่เขาเอามาให้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความหาคนเด็กก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด

 

ห้าโมงเย็นลลิตภัทรอาบน้ำอาบท่าฉีดน้ำหอมจนฟุ้งไปทั่วห้อง เสื้อเชิ้ตและกางเกงสีดำถูกนำมาสวมช่วยส่งให้ผิวขาวจัดของชายหนุ่มยิ่งสว่างชัด พระลอจัดแต่งทรงผมอีกเล็กน้อยก็ส่งยิ้มให้กับเงาของตัวเอง

 

                “ใครวะ หล่อชิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม”จัดการเสยผมอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อสายตาเห็นสิ่งแปลกปลอมบนหัว

 

                “แม่ง...”สบถออกมาเบาๆก่อนกวาดสายตาหากรรไกรอันเล็กๆบนโต๊ะเครื่องแป้งจัดการตัดผมสีขาวออกให้พ้นไปจากชีวิต

 

 

                “ไงมึงไอ้ผู้ใหญ่บ้าน หายหน้าหายตาไม่เจอกันเลยตั้งแต่ลอยกระทง แดดที่บ้านมึงแรงไม่พอที่จะทำให้มึงดำขึ้นเลยเหรอวะแม่ง”ลลิตภัทรเข้าไปทักทายบรรดาเพื่อนๆที่มารวมตัวกันที่ร้านอาหาร เพื่อนของลลิตภัทรจองห้องวีไอพีเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเพลงดังวุ่นวายจนกลบเสียงคุยจึงมีเพียงการเปิดเพลงคลอเบาๆเท่านั้น  ชายหนุ่มตบหัวไอ้เอ็มเพื่อนสนิทที่เอ่ยทักเสียงดังก่อนจะโดนดันไปนั่งด้านในติดกับอริตาที่นั่งส่งยิ้มกว้างรออยู่ก่อนแล้ว

 

                “แอนรอลอตั้งนานทำไมเพิ่งมาคะ?”หญิงสาวจัดการชงเหล้าให้ลลิตภัทรอย่างรู้งาน ลลิตภัทรส่งยิ้มหวานไปให้ดวงตาแพรวพราวอย่างคนบริหารเสน่ห์หากแต่ในใจไม่ได้มีความคิดพิศวาสลึกซึ้งอะไรแล้ว ตั้งแต่งานคราวก่อนที่แอนไปบ้านแล้วเจ้าตัวน้อยกระเง้ากระงอดจนถึงขั้นถอดเสื้อประชดเขาก็ไม่มีใจแกว่งหรือแบ่งไปให้ใครอีก อริตาพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวสมัยก่อนมาพูดมาคุยกับลลิตภัทรหากแต่ชายหนุ่มทำเหมือนฟังเสียงแมลงหวี่คือฟังหูซ้ายทะลุหูขวา

 

                “ตกลงเรื่องหุ้นของมึงเอาไงวะลอ?”

 

                “กูไม่ขายว่ะ  ยังไงก็เป็นบริษัทที่ร่วมกันทำมาแต่ต้นกูก็อยากร่วมหัวจมท้ายไปกับพวกมึง กูคิดแล้วลงเงินแล้วนอนกินกำไรอยู่กับบ้านก็สบายดีได้มากได้น้อยแต่ก็เงินเหมือนกันมึงก็ช่วยดูแลให้กูด้วย ถ้ามีงานอะไรให้กูทำก็ติดต่อไปกูนั่งทำอยู่กับบ้านก็ได้”

 

                “เออ มึงว่ายังงั้นพวกกูก็สบายใจ เอ้ามาๆชนแก้วๆ”เอ็มเอ่ยเรียกบรรดาเพื่อนๆให้ยกแก้วขึ้นมาชนกับที่พอดีว่าโทรศัพท์ของลลิตภัทรดังขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอารามรีบร้อนชายหนุ่มก็เผลอทำเหล้าในแก้วหกใส่อาริตาที่ยื่นมาให้อย่างพอดิบพอดี หญิงสาวร้องอย่างตกใจกับพอดีที่ลลิตภัทรกดรับสายลูกเจี๊ยบโดยไม่ทันตั้งใจ

 

                “ลอคะ ลอช่วยแอนหน่อยสิคะ”อาริตาดึงแขนลลิตภัทรที่ยกมือขอโทษขอโพยหล่อนไว้

 

                “แอน แป๊บนะครับผมขอรับโทรศัพท์ก่อน”

 

                “อย่าเพิ่งไปค่ะ ลอต้องรับผิดชอบที่ทำให้แอนเปียกไปทั้งตัวก่อนสิคะ”ลลิตภัทรมองตามคำว่าเปียกทั้งตัวของอริตาก่อนทำหน้าล้อเลียนว่าเจ้าหล่อนนั้นพูดปดเพราะรอยเปียกมีเพียงตรงอกอวบอึ๋มสะบึมบึ้มเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

 

                “งั้นก่อนไปลอช่วยรูดซิปให้แอนก่อนสิคะ “หญิงสาวยังคงต่อรองเมื่อลลิตภัทรทำท่าจะเดินออกไปจนชายหนุ่มต้องนั่งลงเพื่อช่วยหล่อนตามที่หญิงสาวร้องขอ เพราะยังไงซะเขาก็เป็นคนทำให้อริตาเปียกแหละนะ

 

ศตายุขมวดคิ้วฉับเมื่อได้ยินเสียงสนทนาที่ดังเข้ามาในสาย ดวงตาของเด็กน้อยฉายแววกรุ่นโกรธละไม่พอใจเต็มที่

 

ไหนอาลอบอกเจี๊ยบว่าไปคุยงานกับเพื่อนไงจ๊ะ

 

แล้วยัยป้าแอนนมยานไปอยู่กับอาลอได้ยังไง

 

อะไรคือช่วยรูดซิป? ซิปอะไร?

 

อาลอกับป้าแอนกำลังทำอะไรกันอยู่ หรือว่า?...ดวงตาของเด็กน้อยโตเท่าไข่ห่านเมื่อนึกจินตนาการกิจกรรมที่ลลิตภัทรกำลังทำกับอริตา มืออูมกำโทรศัพท์ราวกับจะบี้ให้พังคามือ

 

อาลอนะอาลอ ไหนบอกว่ารักหนูคนเดียวไง แล้วนี่อะไรจ๊ะ ไปนอนกับป้าแอนนมเปลี้ยนั่นได้ยังไง

 

เกลียดนักคนเจ้าชู้!!!

 

ลลิตภัทรหันไปมองอริตาที่กำลังพยายามรูดซิปกระเป๋าสะพายที่ติดแล้วคว้ามาช่วย ชายหนุ่มใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เปิดออกได้ อริตาเอาผ้าเช็ดหน้าซับคราบสุราที่เปียกเนินอกดังชายหนุ่มขอโทษหล่อนอีกครั้งแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอดับไปแล้วเดินออกไปด้านนอกร้านกดโทรกลับทันทีที่หามุมสงบได้

 

เสียงสัญญาณดังขึ้นไม่นานลูกเจี๊ยบก็กดรับสาย

 

                “ฮัลโหลค่ะเจี๊ยบขอโทษนะคะที่รับช้าพอดีอาเพิ่งเดินออกมานอกร่ะ...”

 

                “ไม่คุยกับคนเจ้าชู้!!!”ลลิตภัทรยังไม่ทันจะพูดจบประโยคเสียงลูกเจี๊ยบน้อยที่เกรี้ยวกราดก็ดังสวนกลับมาจากนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป ทิ้งชายหนุ่มไว้กับดินแดนอันแสนเวิ้งว้าง

 

กูทำอะไรผิดวะ?

 

ก้มลงมองหน้าจออีกครั้งอย่างงงๆก่อนจะกดโทรกลับไปอีกครั้งหากแต่คราวนี้ลูกเจี๊ยบปิดเครื่องไปแล้ว

 

อ๊าว...

 

ไรอ่ะ??

 

อะไรวะ

 

งงเด้!!!

 


อาไปเจ้าชู้กับใครตอนไหนคะเนี่ย?!!







     ลลิตภัทรแทบอยากจะเหาะกลับบ้านถ้าไม่ติดว่าอีกวันต้องไปร่วมงานแต่งของเพื่อน ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบอีกหลายครั้งแต่โทรศัพท์ของลูกเจี๊ยบคงโคฟเวอร์เป็นสากกะเบือไปแล้วเพราะมีแต่เสียงตอบรับอัตโนมัติให้ได้หงุดหงิดเล่น ชายหนุ่มกลับเข้ามาในร้านมองอริตาอย่างเคืองๆ ยอมรับล่ะว่าเขาพาล



     "ไอ้เอ็มมึงขยับไปนั่งข้างแอนดิ๊"ผลักเพื่อนสนิทเพื่อจะแย่งที่นั่ง อรรถพลงงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมากๆหากแต่ก็ยอมย้ายตูดไปแต่โดยดี แก้วเหล้าถูกเปลี่ยนมาใหม่ตามปกตินิสัยของลลิตภัทรที่หากทิ้งโต๊ะไปแล้วจะไม่ดื่มแก้วเดิม



     "ลอคะทำไมไม่กลับมานั่งที่เดิมล่ะคะ?"อริตาทำเสียงกระเง้ากระงอด ส่ายอกเต่งตึงไปมาราวกับตุ๊กตาลมหน้าปั๊มน้ำมัน



     "นั่งแบบนี้ดีกว่าครับแอนพอดีแฟนลอเค้าขี้หึง"ลลิตภัทรตอบลลิตภัทรตอบเสียงเรียบพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบทำเป็นเมินสายตาที่หันขวับมาจับจ้องเขา เห็นไอ้เอ็มทำหูผึ่งก็นึกขำ



ลลิตภัทรหวงชีวิตโสด  เรื่องนี้เพื่อนๆในกลุ่มรู้ดี  แม้ชายหนุ่มจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยคนหนึ่งแต่สิบกว่าปีที่ผ่านมาลลิตภัทรไม่เคยใช้คำว่าแฟนกับใครแม้แต่อริตาที่ดูจะโปรดปรานกว่าคู่นอนคนไหนก็ตาม หญิงสาวที่คิดมาตลอดว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นแทบจะลุกขึ้นมากระทืบเท้าเร่าๆแบบในละครหากแต่หล่อนระงับจิตระงับใจตัวเองไว้  หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ

หากหล่อนโวยวายไปตอนนี้มีแต่เสียกับเสีย



     "มึงไปมีแฟนตอนไหนวะทำไมพวกกูไม่รู้?"เพื่อนคนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถาม ลลิตภัทรมีสายตาเป็นประกายวูบหนึ่งยามนึกถึงแก้มฟูๆที่มีกลิ่นแป้งเด็กติดอยู่ให้ได้ชื่นใจยามฝังปลายจมูก  สายตาที่อริตาไม่เคยได้รับ สายตาที่เพื่อนๆทุกคนไม่เคยเห็น



     "ซักพักแล้วว่ะ"ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี



     "สวยมั้ยวะ?"ใครๆก็รู้ว่าลลอตภัทรไม่เคยควงคนหน้าตาไม่โดดเด่น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เพื่อนของเขาเคยควงแต่ละคนล้วนแล้วแต่หน้าตาดีราวคัดเกรดมาแล้วทั้งนั้น



     "ไม่สวยว่ะ"ชายหนุ่มชายหนุ่มหยุดคิดนิดหนึ่งริมฝีปากกระตุกยิ้มยามนึกถึงเจ้าของปากงุ้ยๆแก้มป่องๆขี้เถียงๆของคนที่กำลังงอนเขาอยๆแ่อนที่จะเอ่ยประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงเปี่ยมสุข



     "แต่น่ารักชิบหายเลย น่ารักแบบที่กูไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต"





      สามวันต่อมาลลิตภัทรก็กลับมาถึงบ้าน ชายหนุ่มหอบของฝากมาจนเต็มรถ บัวบูชากับบุญรักษาได้ตุ๊กตาคนละตัวเด็กหญิงเด็กชายกระโดดกอดอาหนุ่มอย่างดีอกดีใจจนขวัญชีวาต้องเตือนลูกให้ไหว้ขอบคุณอาลอเสียก่อน



     "ไปกรุงเทพแค่นี้ต้องย้อมผมกลับมาด้วยเหรอวะ"พระลักษณ์เอ่ยเซวน้องชายที่กลับมางวดนี้หล่อขึ้นไปอีกโขด้วยผมที่ตัดมาใหม่และลงทุนไปนั่งให้ช่างรุมทึ้งหลายชัวโมง ตอนแรกช่างจะทำสีเทาไม่ก็บลอนด์สว่างๆให้เขาแต่ชายหนุ่มท้วงไว้เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านเวลามีประชุมจะไปนั่งหัวทองกลางดงผมหงอกก็ดูไม่เหมาะจึงสรุปกันที่น้ำตาลประกายส้มซึ่งยิ่งขับกับผิวขาวจัดของเขาได้เป็นอย่างดี



     "อิจฉาล่ะสิผมทำแล้วหล่อ"ชายหนุ่มยักไหล่ใส่่ชาพี่ชายคนรแงแล้ววางตะกร้าเสื้อผ้าเด็กผู้ชายที่ซื้อมาฝากน้องคุณหลานคนเล็ก



     "มีแต่ของฝากหลานๆแล้วของพ่อๆมันล่ะวะ?"พระรามแกล้งถามเมื่อเห็นแต่ของฝากลูกๆหลานๆ



     "อยู่หน้ารถพี่ นุ่มลิ้นอย่างนี้เลย"ชายชายหนุ่มเดินกลับไปทีไปที่รถกลับมาพร้อมขวดไวน์และเหล้านอกหลายกล่อง พระรามกับพระลักษณ์ตบเข่าฉาดอย่างชอบอกชอบใจที่ไอ้น้องครกษกมันรู้ใจพี่ๆ ลลิตภัทรฝากขวดเหล้าไว้ที่พี่ๆแล้วไปหยิบของของกินต่างๆไปให้แม่ที่นั่งทำกับข้าวกับนิดาและขวัญชีวาในครัว ใบบุญกับใบบัวนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ไม่ห่าง



     "พี่ขวัญครับเดี๋ยวรบกวนหากับแกล้มให้หน่อยนะครับวันนี้ว่าจะดื่มกัน"



     "ได้ๆลออยากได้อะไรพิเศษมั้ยจะได้ทำให้เลย"พี่สะใภ้คนโตเอ่ยถาม



    "งั้นขอแหนมซักจานนะครับ ผมซื้อมาแล้ว"ชายหนุ่มวางถุงของลงหน้าพี่สะใภ้



     "อันนี้ซื้อมาฝากแม่ พอดีเพื่อนเปิดร้านมันลดราคาให้"พระลอยื่นกล่องกำมะหยี่สีแดงให้แม่ เมื่อเปิดออกมาด้านในเป็นกำไลทองฝังเพชรเม็ดเล็กๆกับต่างหู ย่าโฉมยิ้มแก้มแทบแตก ลลิตภัทรรู้ว่าแม่ชอบทองกับเพชรปกติชายหนุ่มกับพี่ๆจะหุ้นกันซื้อให้แม่ทุกปี



     "ท่าทางจะชอบ"ขวัญชีวาพยักเพยิดกับนิดาเอ่ยแซวแม่สามีย่างเอ็นดูคนแก่ที่เอาของขึ้นไปเก็บด้วยตัวเอง



     "งั้นเดี๋ยวผมแวะเอาของไปฝากบ้านนู้นหน่อยนะครับ"พระลอขอตัวแยกออกไป คิดถึงลูกเจี๊ยบใจจะขาด อยากเจอหน้าจะแย่ หลายวันมานี้เหมือนถูกลูกเจี๊ยบเหวี่ยงออกนอกโลกชายหนุ่มขับรถมาจอดหน้าบ้านแดนดิน จิ๊บโผล่หน้าออกมาดูจากหน้าต่างครัว



     "อ้าว ลอ กลับมาแล้วเหรอ? ขึ้นมานั่งบนบ้านก่อน แล้วนั่นหอบอะไรมาเยอะแยะ"ลลิตภัทรหิ้วถุงของฝากขึ้นมาบนบ้าน จันทร์เจ้าขายกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่ม



     "เจ้าขา อันนี้อาซื้อมาฝากหนูนะคะ"ลลิตภัทรยื่นถุงกระดาษลายน่ารักให้เด็กสาว จันทร์เจันทร์เจ้าขายกมือไหว้ขอบคุณเมื่อเปิดดูด้านในเป็นชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆสวยหวานน่ารักเหมาะกับเจ้าขา เด็กสาวยิ้มกว้างอย่างถูกอกถูกใจ



     "อันนี้ของจิ๊บ ตัวนี้ใช้ดีมากช่วยบำรุงผิวลดริ้วรอย"



     "ลอว่าเราแก่เหรอ?"จิ๊บรับถุงเครื่องสำอางค์จากลลิตภัทรพลางเอ่ยกระเซ้าเย้าแหย่



     "แหม...เธอก็สามสิบกว่ามันก็ต้องบำรุงกันหน่อยมั้ยครับคุณจิรนันท์ ส่วนนี่น้ำหอม กลิ่นไม่ฉุนมากเราซื้อมาฝากผัวเธอ"จิรนันท์หัวเราะเสียงใสเมื่อได้ยินสรรพนามที่ลลิตภัทรใช้เรียกบุคคลที่สามอย่างแดนดิน



     "ดูพูดเข้า ลอนี่จริงๆเลย"



     "แล้วนี่เจี๊ยบกับเจ้าจอมไปไหนล่ะ?"



     "เจี๊ยบเข้าเมืองไปกับพ่อเค้าน่ะ ส่วนเจ้าจอมไปจับปลากับทิดชัยที่ท้ายนา"หล่อนชี้ไปที่ท้ายนาลิบๆเห็นกลุ่มคนจับปลากันอยู่ไกลๆ



     "งั้นเดี๋ยวเราไปหาหลานก่อน พวกของกินแช่ตู้เย็นจะไว้ได้นานนะ อร่อยดีลองดู"



     "อื้อ ขอบใจนะ อุตส่าห์นึกถึง"



     "ไม่เป็นไร เราไปก่อนนะ"ชานหนุ่มไม่รอให้จิรนันท์ได้ตอบกลับก็ขับรถไปจอดใกล้ๆกับที่เจ้าจอมจับปลาอยู่ เพ่งสายตาดูไม่นานก็เห็นแก้วเจ้าจอมตัวคลั่กไปด้วยโคลนกำลังจับปลาอย่างสนุกสนาน



     "เจ้าจอม"ลลิตภัทรส่งเสียงร้องเรียก เมื่อเด็กน้อยได้ยินก็รีบเงยหน้าดูก่อนจะยิ้มร่าทิ้งตะข้องที่ใส่ปลาวิ่งมาหาลูกพี่ทันที



     "อาลอ อาลอกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ"เอ่ยทักเสียงอ่อนเสียงหวาน ลลิตภัทรเปิดท้ายรถหยิบกล่องของเล่นกล่องใหญ่ออกมาอย่างรู้งาน

คราวนี้เขาจะใช้ประโยชน์จากแก้วเจ้าจอมของเซ่นไหว้ก็ย่อมต้องไม่ธรรมดา



     "โห!!! อาลอ"แก้วเจ้าจอมตาโตเมื่อเห็นของฝากมือน้อยๆจะ่นไปรับหากแต่คนเป็นอากลับดึงออกให้ห่างมือ



     "อาจะให้ แต่เจ้าจอมต้องช่วยอะไรอาหน่อย"



     "ช่วยอะไรเหรอจ๊ะ บอกมาเลยหนูจะทำสุดความสามารถเลย"



     "ช่วยอาง้อพี่เจี๊ยบหน่อย"ชายหนุ่มตอบพลางกดยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย

ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องเอาของเล่นเข้าล่อนี่แหละ













,...................
เห็นเจี๊ยบงอนบ่อยๆก็ปวดหัวแทนพระลอ แต่เจี๊ยบมันก็เด็กเนอะ อดทนนะพ่อเพลย์บอยกลับใจ งานนี้จะง้อกันถึงไหนอ่าาา

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 19:01:42
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๑




        ศตายุปรายตามองแก้วเจ้าจอมที่มานั่งหน้าแป้นอยู่บนเตียงนอนของตนเอง ในมือป้อมๆมีกระปุกครีมยี่ห้อดังๆแพงๆที่เคยเห็นผ่านตาบ่อยครั้งในนิตสารหัวนอก

 

          “เอาไปคืนอาลอ”น้ำเสียงติดจะสะบัดสั่งน้อง แก้วเจ้าจอมที่อาบน้ำปะแป้งตรางูจนลายพร้อยไปทั้งตัวทำหน้าคว่ำ อากาศยามบ่ายนี้ร้อนจนเด็กน้อยอยากเกิดเป็นควายจะได้นอนแช่โคลนแช่ปรักใช้ฉ่ำปอดแบบนังเบลล่านัก

 

          “โธ้...พี่เจี๊ยบ อาลอแกอุตส่าห์มีกะใจซื้อมาฝากจะคืนไปทำไมล่ะจ๊ะ เนี่ยดูสิครีมห๊อมหอมถ้าพี่เจี๊ยบทาต้องหอมมากแน่ๆ”ไม่พูดเปล่าแก้วเจ้าจอมยังปาดครีมสีเหมือนขี้โคลนนั่นมาแปะหน้าตัวเองเบาๆ

 

ห๊อมหอม หอมจนอยากจะควักกิน

 

          “พี่บอกให้เอาไปคืนก็เอาไปคืนสิ ของคนนิสัยไม่ดีไม่อยากได้”

 

          “หนูถามจริงๆนะพี่เจี๊ยบ พี่เจี๊ยบงอนอะไรอาลออ่ะ หนูก็เห็นอาลอแกก็ดี๊ดีตามใจเราทุกอย่าง”ปากเล็กพูดเจื้อยแจ้ว

 

เจ้าจอมชอบอาลอ โดยเฉพาะตอนที่อาลอเอาของเล่นมาให้จากที่อาลอหล่ออยู่แล้ว พอมีของเล่นติดไม้ติดมือมาให้แก้วเจ้าจอมก็รู้สึกได้ทันทีเลยว่าอาลอหล่อจนแสบตา

 

เนี่ย  หล่อขนาดนี้แล้วทำไมพี่เจี๊ยบยังงอนลง จอมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กมั้ยล่ะ?”คนเป็นพี่พูดอย่างรำคาญใจ

 

          “เอาไปคืนเค้าเลย พี่ไม่อยากได้ แล้วบอกด้วยว่าไม่ต้องเอาอะไรมาให้อีก”ลูกเจี๊ยบลุกขึ้นมาฉวยกระปุกครีมปิดฝาแล้วยัดใส่ถุงตามเดิม ดันตัวน้องชายให้ออกจากห้องแล้วปิดประตูอย่างหงุดหงิดใจอดไม่ได้ที่จะมองค้อนไปยังทิศบ้านของลลิตภัทร

 

          “รู้ได้ไงใช้แล้วนุ่ม เคยไปทาให้ใครมารึไง ฮึ๊ย ตาแก่ชีกอ!!”

 

แก้วเจ้าจอมกำลังหงุดหงิดที่ถูกพี่ชายไล่อกมาจากห้องพร้อมของกำนัลที่อาลอฝากมาให้พี่เจี๊ยบ เด็กน้อยเดินมาหยุดที่ปลายนา เพราะยังว่ายน้ำไม่แข็งพ่อกับแม่จึงไม่อนุญาตให้แก้วเจ้าจอมพายเรือเองเวลาจะไปไหนมาไหนถ้าไม่เดินก็ปั่นจักรยานเอา แก้วเจ้าจอมจอดจักรยานไว้ใต้ร่มไม้ ควายสองตัวเคี้ยวหญ้าอย่างสบายอารมณ์

 

ดูเถอะ อุตส่าห์แบกมาให้กลับสั่งให้เอาไปคืนอย่างไม่ใยดี ครีมนี่รึก็ห๊อมหอม อาลอบอกว่าถ้าพี่เจี๊ยบใช้ผิวที่คร้ามแดดจะถูกผลัดออกแล้วจะขาวขึ้น

 

ยังงั้นก็ใช้ทาได้ทั้งตัวสิ?

 

อืม...ช่วงนี้ก็คล้ำๆอยู่พอดีขอใช้บำรุงผิวซักหน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวไปบอกอาลอว่าพี่เจี๊ยบใช้แบบพอเป็นพิธีแล้วให้เอามาคืนอาลอจะได้ไม่ผิดหวังว่าเจ้าจอมทำภารกิจไม่สำเร็จ

 

แก้วเจ้าจอมเปิดฝากระปุกครีมก่อนจะบรรจงจกเนื้อครีมนวลเนียนแล้วชโลมลงบนต้นแขนของตัวเอง

 

เนี่ย เพียงแค่แตะลงบนแขนก็รู้สึกเหมือนผิวนุ่มเหมือนตูดน้องคุณลูกลุงลักษณ์แล้ว ยิ่งทายิ่งเพลินกว่าจะรู้ตัวเด็กน้อยก็ทาครีมจนแทบจะทั่วตัว ครีมพร่องลงไปจนเกือบหมด

 

ว๊ายตายแหล๋วววววว!!!!!!

 

ทำยังไงดีจ๊ะพ่อจ๋า

 

แก้วเจ้าจอมที่นั่งฟินกับความหอมของครีมถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นปริมาณเนื้อครีมที่ยังเหลือ เด็กน้อยเพลินมือไปหน่อย ของก็ต้องเอาไปคืนไม่งั้นพี่เจี๊ยบได้ตีน่องแตกแน่ๆ  เห็นใจดีๆแบบนั้นลองได้ถือไม้เรียวตีซักทีเจ็บช้ำระกำใจกว่าโดนแม่ตีหลายเท่านัก จอมไม่กล้าเสี่ยงหลอกจ้า หันซ้ายแลขวาเพื่อหาทางออกก็พบว่าโคลนในแอ่งบริเวณที่ปีเตอร์กับเบลล่ายืนเคี้ยวเอื้องอยู่ช่างนวลตานักสีสันรึก็ละม้ายคล้ายครีมในกระปุก

 

ด้วยความที่แม่จิ๊บเลี้ยงด้วยสารพัดปลาอยู่บ่อยๆทำให้สมองของเจ้าจอมฉลาดนัก เด็กน้อยไม่รอช้า ดวงตากล่อมตวัดมองเพื่อวิเคราะห์อณูของดินว่าตรงไหนละเอียดและนิ่มสุดจัดการใช้มือเล็กๆจ้วงมาวางลงบนใบตองที่เดินไปฉีกมาเพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะ ขณะที่กำลังจกครีมนังเบลล่าควายตัวโปรดก็ฉี่ออกมาผสมกับดินเสียเต็มเปง

 

ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ถ้าอาลอยังคะยั้นคะยอให้เอาไปให้พี่เจี๊ยบเขาก็จะทิ้งแล้วโกหกว่าพี่เจี๊ยบใช้แล้วก็แล้วกัน เด็กน้อยจกครีมที่เหลือในกระปุกมาผสมจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันขี้โคลน ปาดให้เรียบเสมอกันเอาแผ่นพลาสติกเล็กๆที่ใช้ปิดระหว่างฝากับเนื้อครีมปิดทับเป็นอันเสร็จจัดการล้างกระปุกที่มีโคลนติดเลอะจนสะอาดเรียบร้อย ล้างเนื้อล้างตัวกับแอ่งน้ำในนาจนเกลี้ยงแล้วก็นั่งกินลมชมวิวอีกพักใหญ่ให้ตัวแห้งก็พอดีกับที่ประปุกครีมแห้งเช่นเดียวกันจึงได้เก็บใส่ถุงแล้วปั่นจักรยานไปบ้านอาลอ

 

          “ทำไมล่ะ?”เจ้าจอมเห็นสีหน้าผิดหวังของอาลอก็ให้สงสารนัก พอเห็นกระปุกครีมสีหน้าเหมือนไอ้แดงหมาที่วัดที่ระริกระรี้ยามหลวงตาขยำข้าวให้กินก็หดทันทีราวกับไอ้แดงที่เห็นว่าในจานข้าวที่หลวงตาขยำให้นั้นมีเพียงข้าวกับผักต้ม

 

โถ...อาลอคงหวังดีอยากให้พี่เจี๊ยบมีผิวสวยแน่ๆ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติจอมล่ะซึ้งน้ำใจนัก



ดูเอาเถอะอาลอแสนดีขนาดนี้พี่เจี๊ยบยังปฏิเสธได้ลง ใจช่างดำราวอีกาทำคนแก่เสียใจนี่บาปนัก

 

          “พี่เจี๊ยบบอกว่าไม่ต้องเอามาให้อีก”เจ้าจอมทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เจ้าจอมเห็นอาลอทำหน้าสลดลงกว่าเดิมก็ให้สงสารนัก ดวงตากลมมองรีโมทรถบังคับคันเล็กๆที่อาลอถืออยู่ด้วยความเห็นใจ

 

ดูสิมืออาลอใหญ่จะตาย ถ้ามาอยู่ในมือเจ้าจอมคงจะเหมาะมือกว่านี้

 

          “อาลอจ๋า...”เสียงเล็กเอ่ยเรียกเมื่ออาลอทำเหมือนจะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

 

          “หืม?”

 

          “งอนอะไรกับพี่เจี๊ยบเหรอจ๊ะ?”ในเมื่อถามพี่เจี๊ยบแล้วไม่ได้คำตอบงั้นถามอาลอก็ได้

 

นี่จอมไม่ใช่เด็กขี้เสือกเลยนะจ๊ะ เพียงแต่ว่าถ้าอยากรู้อะไรแล้วมันไม่ได้คำตอบมันก็จะค้างคาในหัวใจ มันก็จะคิดมากพาลให้กินข้าวไม่อร่อย

 

หากสิ่งที่ได้รับกลับมาจากอาลอกลับทำให้แก้วเจ้าจอมหน้างอยิ่งกว่าเดิม

 

          “ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า”

 

เออ!! ไม่ใช่เรื่องของเด็กแล้วใช้เด็กให้ไปง้อทำไมล่ะ

 

เนี่ย เคืองแล้วนะเนี่ย!!

 

          “ตามใจ แล้วไม่ต้องมาใช้อะไรหนูแล้วนะ ชิ๊”แก้วเจ้าจอมวางถุงครีมลงบนเตียงของลลิตภัทรแล้วเดินกระแทกเท้าปึงๆออกไปนอกห้อง

 

          “เจ้าจอม ไม่เอาเหรอรถอ่ะ”ลลิตภัทรร้องถามเมื่อเห็นเจ้าลูกสมุนทำหน้ายุ่งจนคิ้วแทบจะผูกเป็นโบว์ แก้วเจ้าจอมชะงักก่อนจะย้อนกลับมาหา ยกมือไหว้แล้วคว้ารีโมทบังคับรถบังคับเดินไปอุ้มตัวรถที่มุมห้องแล้วสะบัดหน้าจนแทบจะฟาดกับประตูห้องออกไปเลย

 

สรุปตอนนี้ลลิตภัทรก็ถูกสองพี่น้องงอนเป็นที่เรียบร้อย

 

หมดลูกสมุนที่จะไหว้วานให้ช่วยงานไปในบัดดล

 

จะไปบอกได้ยังไงกันเล่าว่าพี่เจี๊ยบหึงจนพาลมางอนอาลอ มีหวัง เจ้าจอมรู้โลกรู้ไอ้หน้าหมาแดนดินก็ต้องรู้ด้วย

 

ไม่ยอมเสี่ยงหรอกนะจ๊ะ ยังอยากมีชีวิตยาวๆไปคบกับหลานอยู่ ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงหยิบครีมขึ้นมาดู

 

ซื้อมาตั้งแพงหลานกลับไม่ใช้ สงสัยจะดีจริงขนาดไม่ได้เปิดกระปุกยังเหมือนจะได้กลิ่นหอมจางๆ งั้นก็ใช้เองแล้วกัน…









 

 

            เช้านี้ลลิตภัทรเอาบัญชีรายชื่อคนแก่และคนพิการในหมู่บ้านที่ได้รับเบี้ยยังชีพมาดู ชายหนุ่มตรวจทานทีละชื่อโดยมีพ่อนั่งอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มถามถึงคนแก่แต่ละคนอย่างละเอียดและเลือกเอาเฉพาะบ้านที่ยากจนไว้ต่างหาก คัดไปก็เกาแก้มเกาคอตัวเองเบาๆเพราะความคันยุบยิบๆ ผิวแก้มขาวขึ้นตุ่มแดงเล็กๆราวกับเป็นผด

 

            “คัดไปทำไม?”อดีตผู้ใหญ่บ้านเอ่ยถามลูกที่รวบรวมรายชื่อเสร็จเอาในช่วงสาย ลลิตภัทรเก็บรายชื่อที่แยกไว้เข้าแฟ้มไม่ได้รวมกับแฟ้มเดิม

 

            “ผมว่าจะเยี่ยมบ้านลูกบ้านแต่ละคนน่ะครับ”

 

            “ก็เห็นไปเยี่ยมทุกเดือนไม่ใช่เหรอ?”คนเป็นพ่อเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติลลิตภัทรจะออกเยี่ยมลูกบ้านอยู่เรื่อยๆวันละบ้านสองบ้านตามแต่จะสะดวก

 

            “หมู่บ้านเราผู้มีรายได้น้อยแถมบางบ้านทิ้งปู่ย่าตายายให้อยู่ตามลำพังแล้วไปทำงานที่อื่น ผมว่าคนแก่พวกนี้น่าสงสาร แกแก่แล้วจะไปเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำงานเลี้ยงชีพ ตอนนี้ผมเลยสำรวจว่าบ้านไหนที่ฐานะไม่ค่อยดี เงินเดือนของผมๆจะแบ่งแจกให้ชาวบ้าน”

 

            “มันจะดีเหรอ ไม่มีใครเขาทำกันหรอกนะ”

 

            “ผมคิดดีแล้วพ่อ บ้านเราก็ไม่ได้ลำบากอะไรพ่อก็ยกค่าเช่าตึกแถวในตลาดกับค่าแผงให้ทุกเดือน เงินเดือนจากโรงสีผมก็ได้ แถมผมก็มีเงินจากบริษัทที่เปิดกับเพื่อนบางทีก็ได้เงินก้อนจากหุ้นผมมีพอใช้แล้ว เงินเดือนในฐานะผู้ใหญ่บ้านของผมๆเลยอยากยกให้ชาวบ้านที่ยากจนมากกว่า”

 

            “แต่ถ้าคิดจะให้เอ็งจะมาเลือกที่รักมักที่ชังไม่ได้ คนเขาจะว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า น้ำใจคนเรามันไม่เหมือนกัน ใช่ว่าคนที่มีเขาจะไม่อยากได้เงินส่วนที่เอ็งคิดจะให้ ของฟรีต่อให้มั่งมีก็อยากได้มาครอบครองทั้งนั้น ถ้าจะทำก็ต้องให้หมด”ชลิตเอ่ยเตือนลูกของความจริงข้อนี้ เขารู้ดีว่าคนบางคนก็มีความละโมบเกินกว่าจะคิดว่าตัวเองไม่ได้ยากไร้จนต้องมางกกับเงินแค่ร้อยสองร้อย ลลิตภัทรเก็บเอาคำพูดของพ่อไปคิดตาม ชายหนุ่มเริ่มออกเยี่ยมบ้านลูกบ้านหลังจากกินข้าวเช้าอิ่มโดยมีผู้ช่วยตามมาสมทบที่บ้าน ชายหนุ่มพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่อย่างเป็นกันเองพลางจดรายละเอียดต่างๆที่ได้รับฟังคำบอกเล่า คนแก่คนไหนที่มีอาการป่วยก็จดไว้เพื่อประสานงานกับ อสม.ที่อนามัยอีกทีจนเกือบเย็นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างทางชายหนุ่มเห็นเด็กๆกำลังงมหอยขมอยู่ในหนองน้ำ ร่างคุ้นตาของเจ้าเด็กที่ยังงอนไม่ยอมมาหาเขาปรากฏให้เห็นพร้อมแก้วเจ้าจอมโดยมีเด็กผู้หญิงผิวคล้ำรูปร่างผอมบางร่วมวงอยู่ด้วย ลลิตภัทรไม่ทิ้งโอกาสที่จะเข้าไปหาศตายุ

 

            “ทำอะไรกันคะ?”ส่งเสียงอ่อนเสียงหวานทักทาย ศตายุหันขวับกลับมามองแล้วค้อนควักเขาไปซะวงใหญ่แล้วก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตางมหอยต่อไปโดยการใช้ฟันกัดชายเสื้อสำหรับใช้เป็นภาชนะเวลาเก็บหอยขึ้นมาได้ก็ขังไว้ในเสื้อ เอวคอดกิ่วปรากฏเย้ายวนอยู่ตรงหน้าพาลให้เลือดลมไหลเวียนสูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง

 

            “จับหอยจ้า”แก้วเจ้าจอมที่งมดินเล่นซะมากกว่างมหอยเอ่ยตอบ

 

            “จับไปทำไมคะ?”ยังไม่ละความพยายามที่จะคุยกับศตายุแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งและเช่นเดิมยังคงเป็นแก้วเจ้าจอมที่เต็มอกเต็มใจตอบอย่างเหลือเกิน

 

            “ช่วยพี่แต้วจ้า บ้านพี่แต้วจนเลยต้องมาเก็บของป่ากับหาหอยขาย”

 

            “อาเพิ่งรู้นะว่าแถวนี้มีนกปากเจ็บ พูดไม่ได้”ยังไม่วายที่จะเอ่ยเย้าคนเด็กกว่าที่ทำแก้มอูมยังคงช่วยเด็กหญิงแต้วงมหอยต่อไป

 

            “แก้มอาลอไปโดนอะไรมาจ๊ะ?”แก้วเจ้าจอมเห็นบรรยากาศมันอึดอัดแปลกๆก็เอ่ยถามเมื่อเห็นลลิตภัทรลูบผิวหน้าตัวเองเบาๆ รอยแดงบนใบหน้าชัดกว่าเมื่อเช้าจนเห็นได้ชัดยิ่งเวลาโดนแดดโดนเหงื่อยิ่งคัน

 

            “ไม่รู้สิ สงสัยจะแพ้มาร์กหน้า”ลลิตภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจนักหากแต่ปฏิกริยาของศตายุคือคนเด็กกว่าหันมามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงแวบหนึ่ง ลลิตภัทรลอบยิ้มอย่างยินดี

 

เอาวะอย่างน้อยลูกเจี๊ยบก็คงไม่ได้โกรธอะไรมากหรอก สำออยหน่อยจะเป็นอะไรไป

 

            “โอ้ย...”แกล้งร้องพลางกุมหน้ากุมตา ศตายุหันขวับพร้อมกับแต้วและเจ้าจอมที่ทำสีหน้าแปลกๆ

 

            “อ..อาลอเป็นอะไรจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมรู้สึกถึงลางร้ายที่เริ่มปกคลุม มาร์กหน้าตัวไหนหนอที่อาลอใช้แล้วแพ้ คงไม่ใช่กระปุกที่เอาไปคืนเมื่อวานหรอกใช่มั้ย

 

พุทโธ่ ใครให้อาลอเอาไปใช้กันล่ะจ๊ะ นั่นน่ะมีส่วนผสมของเยี่ยวนังเบลล่าประมาณ 70 % เลยนะจ๊ะ

 

            “อยู่ๆก็ปวดแสบปวดร้อนที่หน้าน่ะ”แกล้งลงไปนั่งปุ๊กอยู่กับพื้นด้วยความเล่นใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีที่รัชดาลัย แก้วเจ้าจอมรีบกระโจนขึ้นมาบนฝั่งพยายามจะขอดูหากแต่ลลิตภัทรยังร้องโอดโอยไม่ได้หยุดจนศตายุเริ่มใจเสีย เด็กน้อยไม่เคยเห็นอาลองอแงขนาดนี้มาก่อน ด้วยความเป็นห่วงจึงรีบขึ้นจากน้ำมานั่งข้างๆปล่อยหอยขมให้ตกลงกับพื้นแล้วประคองใบหน้าหล่อเหลานั้นมาไว้ในฝ่ามือ

 

            “เจ้าจอมไปเอากระติกน้ำมา เอาผ้าเช็ดหน้าของพี่ในกระเป๋าเป้มาด้วย”หันไปสั่งน้องพลางหยิบเอามือคนเป็นอาออก ร่างบางเม้มปากเมื่อเห็นรอยแดงบนผิวแก้มที่เคยขาวสะอาดของอาลอ

 

            “เอาน้ำล้างหน้าก่อนนะจ๊ะ”ประคองร่างหนาให้นั่งโน้มตัวไปด้านหน้าแล้วเทน้ำใส่มือตนเองล้างหน้าเพื่อชำระเหงื่อออกจากผิวแก้มของลลิตภัทรจนสะอาดแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าซับให้อย่างแผ่วเบา

 

“แต้ว เดี๋ยวพี่พาอาลอกลับบ้านก่อนนะ อย่ากลับเย็นนักล่ะมืดค่ำไปมันอันตราย แล้วก็เดี๋ยวเย็นๆพี่ไปซื้อหอยที่บ้านเก็บไว้ให้ด้วยนะ”เพราะความเป็นห่วงลูกเจี๊ยบรีบประคองลลิตภัทรขึ้นมุ่งหน้ากลับบ้านไม่วายหันกลับมาสั่งเจ้าจอม

 

“เจ้าจอม เอาจักรยานกลับบ้านแล้วบอกแม่ว่าพี่ไปบ้านย่าโฉมนะ”

 

“ให้หนูไปด้วยสิพี่เจี๊ยบ หนูก็เป็นห่วงอาลอเหมือนกัน”เจ้าจอมงอแงร้องตามราวเด็กเอาแต่ใจจนลลิตภัทรต้องหันมาขยิบตาส่งซิกให้ปริบๆ

 

“อาลอตาเจ็บด้วยเหรอจ๊ะ”แต่เหมือนเจ้าจอมจะไม่เข้าใจ ลลิตภัทรอยากจะดีดไอ้ตัวดีให้ร่วงลงไปในแอ่งน้ำนัก บทจะฉลาดหาเล่ห์เพทุบายหลอกเอาของเล่นจากเขาน่ะก็ฉลาดเป็นกรด บทจะโง่...เอ้ย ซื่อ ก็ซื่อจนน่าถีบ

 

“ให้พี่เจี๊ยบไปคนเดียวพอส่วนเจ้าจอมกลับบ้านไปซะเดี๋ยวแม่จิ๊บเป็นห่วง”เหมือนเป็นประกาศิตของลูกพี่กอรปกับมีชะนักติดหลังอยู่แล้วแก้วเจ้าจอมก็รับคำจ๊ะจ๋าอย่างว่างง่าย ศตายุเดินประคองลลิตภัทรมาตามทาง ลมเย็นพัดมาช่วยคลายความร้อนได้บ้างตลอดทางไม่มีเสียงพูดคุยจนกระทั่งถึงบ้านของลลิตภัทร เด็กน้อยประคองอาหนุ่มเข้ามาในห้อง เมื่อประตูห้องปิดสนิทพระลอยืดตัวเดินเต็มความสูง จับมือเรียวของหลานไว้อย่างงอนง้อ

 

“หนูคะ...”ลูกเจี๊ยบชะงักกับคำเรียกนั้น สูดน้ำมูกที่อยู่ๆก็มาทำให้แสบจมูก

 

“อาลอหายเจ็บแล้วเหรอจ๊ะ?”

 

“ยังค่ะ อาลอยังไม่หายเจ็บ จริงๆอาลอไม่ได้เจ็บอะไรที่หน้าหรอกค่ะ แต่อาลอเจ็บที่ใจ”

 

“ถ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วงั้นหนูกลับล่ะ”ศตายุดึงมือตัวเองออกหากแต่ลลิตภัทรกลับรวบร่างของหลานไว้ ใบหน้าขาวแนบกับหลังของศตายุอย่างออดอ้อน

 

“อย่าเพิ่งไป หนูต้องฟังอาก่อนสิคะ”

 

“มันมีอะไรที่ต้องฟังอีกเหรอจ๊ะ ก็ได้ยินอยู่”คนเด็กเอ่ยเสียงสะบัด เนี่ยแค่คิดถึงบทสนทนาที่ได้ยินคืนนั้นก็โกรธอีกแล้วเนี่ย

 

“หนูต้องฟังสิคะเพราะหนูกำลังเข้าใจอาผิด ไหนเราเคยคุยกันแล้วไงคะว่ามีอะไรเราจะคุยกันก่อน แต่นี่นอกจากหนูจะเข้าใจอาผิดแล้วหนูยังไม่ยอมฟังอาอีกด้วย”

 

“งั้นอาลอก็บอกมาสิจ๊ะว่าสิ่งที่หนูได้ยินคืออะไร?”เด็กน้อยสะบัดตัวอย่างเจ้าแง่แสนงอนจนทำให้ลลิตภัทรหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“งั้นหนูบอกมาก่อนค่ะว่าได้ยินอะไรบ้าง จนป่านนี้อายังไม่รู้ความผิดของตัวเองเลยนะคะ”ลลิตภัทรดึงคนเด็กกว่าให้นั่งลงบนตักของตัวเองพลางฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มฟูนั้นจนฉ่ำปอด

 

“อื้อ ไม่ต้องมาหอมหนูเลยนะ”เอ็ดเสียงเขียวราวกับลูกแมวตัวน้อยๆที่เอาแต่ขู่ฟ่อๆ ช่างน่ารักน่าชังมากกว่าน่ากลัว

 

“อาลอเจ้าชู้”เด็กน้อยสูดน้ำมูกเบาๆเมื่อความแสบจมูกกลั่นออกมาเป็นน้ำตาและน้ำมูก ตั้งแต่คบกับอาลอมาลูกเจี๊ยบรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้มากกว่าตอนแรกคลอดเสียอีก ทุกสิ่งที่อย่างที่เป็นอาลอทำให้ใจดวงน้อยอ่อนไหวนัก ทั้งที่เมื่อก่อนก็เข้มแข็งดีแท้ๆ พอมารักกับอาลอไอ้นั่นนิดไอ้นี่หน่อยก็พาลจะทำให้กายเป็นเด็กขี้แยได้ง่ายดายเสียเหลือเกิน อากัปกริยาแสนน่ารักนั้นทำให้คนเป็นอาอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนวลแรงๆอีกฟอด

 

“อาเจ้าชู้ยังไงคะ อาก็มีหนูแค่คนเดียว”

 

“ก็คืนนั้นหนูได้ยินเสียงป้าแอน”เด็กน้อยทำเสียงกระเง้ากระงอดหันกลับไปเถียง ซึ่งคนฉวยโอกาสก็รอเวลามานานแล้วพอหันไปปุ๊บปากงุ้ยๆก็โดนจุ๊บลงมาปั๊บจนต้องทำตาเขียวคาดโทษ

 

“อาไปกินข้าวกับเพื่อนๆนี่คะ แล้วอาแอนก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง”

 

“แต่หนูได้ยิน..”เด็กน้อยหยุดพูดแล้วเม้มปาก ชักจะไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยินมาเสียแล้วเพราะดวงตาของอาลอไม่มีแววของความโกหกเลยซักนิดหนึ่ง

 

“ได้ยินว่าอะไรคะ?”ลลิตภัทรถามเสียงแผ่ว เริ่มมั่นใจแล้วว่าลูกเจี๊ยบจะแพ้ในการงอนกันคราวนี้

 

“ก..ก็หนู..หนูได้ยินป้าแอนบอกว่าให้อาลอช่วยรูดซิปให้หน่อย...”

 

“โธ่เอ้ย...เรื่องนี้เองเหรอคะที่ทำให้หนูงอนอาไม่พูดไม่จากับอาเสียหลายวัน”ลลิตภัทรหลุดหัวเราะพรวดออกมาพลางดึงแก้มเจ้าตัวดีอย่างหมั่นเขี้ยวจนศตายุทำปากคว่ำใส่จึงได้ยอมเอามือออก

 

“อาดีใจนะคะที่หนูหึงอา แต่เรื่องนั้นมันไม่มีอะไรเลยจริงๆ”พอรู้สาเหตุที่ทำให้หลานงอนลลิตภัทรก็สบายใจจนอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มงุ้ยๆนั้นอีกฟอดใหญ่อย่างหมั่นเขี้ยว

 

“คืนนั้นพอหนูโทรมาอาก็เลยจะออกมารับสายพอดีตอนที่ลุกขึ้นยืนอาชนมืออาแอนที่ถือแก้วอยู่เหล้าเลยหกรดตัวอาแอนค่ะ”

 

แหม...ช่างหกได้พอเหมาะพอเจาะจริงๆเลยนะจ๊ะ เด็กน้อยค้นปะหลักปะเหลือกค่อนแคะอยู่ในใจ

 

แล้วรูดซิปปะไรกันจ๊ะ?แค่เหล้าหกทำไมต้องรูดซิปกันล่ะจ๊ะทำไมต้องแก้ผ้าแก้ผ่อนกันด้วยจ๊ะจะทำอะไรกัน”

 

“แก้ผ้าอะไรกันคะ ซิปที่อาแอนพูดหมายถึงซิปกระเป๋าสะพายของอาแอนเขาค่ะ พอดีมันฝืดอาแอนเปิดไม่ออกเขาจะเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหล้าเฉยๆ”

 

“อ่ะ...อ้าว...แบบนั้นเองเหรอจ๊ะ...แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งให้กับคนแก่กว่า ตอนนี้เหมือนจะมีริ้วแดงแต้มอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อย

 

ศตายุรู้สึกอายในความตีตนไปก่อนไข้ของตัวเองนัก ดูสิอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่เขากับปรักปรำแถมหนีหน้าไม่ยอมรับฟังคำอธิบายของอาลอเลยซักนิดอยากตีตัวเองนัก

 

“หนูขอโทษอาลอนะจ๊ะที่เข้าใจอาลอผิดไปซะใหญ่โต”เด็กน้อยพนมมือไหว้ลงไปบนไหล่ของลลิตภัทรอย่างเสียใจจริงๆ

 

ดูเอาเถอะอาลอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยซักนิดแต่ลูกเจี๊ยบกลับไปใส่ความจนไม่ได้เจอไม่ได้พูดคุยกันไผเสียหลายวัน เวลาที่จะได้ใช้ด้วยกันเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ นึกแล้วก็อยากตีตัวเองให้หลาบให้จำนัก อาลอก็เคยบอกแล้วว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ซักครั้ง เก็บเอามาคิดเองเออเองเสียใหญ่โตทุกครั้งที่มีปัญหาอาลอเป็นฝ่ายง้อเขาตลอดทั้งๆที่ตนเองเด็กกว่าตั้งหลายปี

 

เป็นเด็กไม่ดีเลยซักนิด

 

“อาไม่ได้โกรธหนูหรอกนะคะ ถ้าโกรธอาคงไม่ตามไปง้อหนู ไม่ต้องรู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดหรอกนะคะ อามีความสุขที่ได้ง้อหนู แต่ถ้าหนูรู้สึกไม่ดีงั้นอาจะงอนกลับนิดหน่อยก็ได้ ฮึ่ คนใจดำ ขออาดูหัวใจหน่อยสิคะว่าดำจริงมั้ย”ลลิตภัทรดันร่างในหลานนอนลงบนเตียงก่อนจะมุดหัวตัวเองเข้าไปในเสื้อยืดตัวโคร่งของหลาน ศตายุเม้มปากใบหน้าขึ้นสีจัดเหมือนผิวกายที่เริ่มแดงระเรื่อจากเลือดที่สูบฉีดในร่างกาย หน้าท้องหดเกร็งยามที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมาแผ่วเบา

 

“อืม....ก็ไม่ดำนี่คะ สีสวยกำลังดีเลย”เสียงพึมพำดังออกมาให้ได้ยินเพียงแผ่วเบาก่อนสมองของลูกเจี๊ยบจะพร่าเลือนยามโพรงปากอุ่นเข้าครอบครองยอดอกของตนเองขบเม้มพลางดูดดุนสลับจนหลังของลูกเจี๊ยบอยู่ไม่ติดพื้น

 

พุทโธ่เอ๋ย อาลอคนขี้โกงใครเขาดูใจกันอย่างนี้ล่ะจ๊ะ ฮื้อ....







.........................................



อาลอคะอันนั้นไม่ได้เรียกหัวใจค่ะ ที่อมแล้วดูดนั่นเรียกหัวนมเผื่อจะเข้าใจอะไรผิดเนอะ



ตอนนี้ก็ลอจอมไปก่อนนะจ๊ะ ตอนหน้าค่อยลอเจี๊ยบ
เจ้าจอมนี่โคตรแสบ เล่นอะไรไม่รู้เรื่องถ้าพระลอรู้ต้องโดนลงโทษอีกแน่ๆ ส่วนเจี๊ยบนี่หลายกระทงแล้วนะดีที่พระลอใจเย็นไม่งั้นก็โกธรกันจนเผลอๆเลิกกันไปแล้ว หลังๆมาพระลอโตขึ้นเยอะนะเนี้ยแต่ก็นั่นแหละวกกลับมากามตลอดหึ้ยยย

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 19:22:49
          วันนี้ลลิตภัทรวุ่นวายแต่เช้า บรรดาลูกบ้านผู้ชายมารวมกันที่ลานหน้าบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้น ในมือแต่ละคนมีอุปกรณ์และอาวุธประจำกายมาคนละอย่างสองอย่าง ในครัววุ่นวายโกลาหลเสียงแม่บ้านพูดคุยกันสนุกสนาน ศตายุเข้าไปช่วยแม่และย่าโฉมเตรียมอาหารให้กับหนุ่มๆข้างนอกเพื่อเตรียมสำหรับมื้อเช้าและเที่ยงที่จะต้องใช้แรงงานกันหนัก ด้วยวันนี้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มรับอาสาสมัครลูกบ้านมาช่วยกันตัดกิ่งไม้ต้นไม้ที่รกเกะกะตามสองข้างทาง ส่วนหนึ่งให้ไปช่วยลอกคลองที่ผักตบชวาเริ่มเข้ามารบกวนจนถึงท่าน้ำท้ายวัด
 
 
                “เดี๋ยวทีมที่ไปลอกคลองให้เก็บผักตบมาตากนะครับเอาไว้มาทำตะกร้าพวกภาชนะต่างๆ ส่วนทีมที่ไปตัดกิ่งไม้เดี๋ยวทางเทศบาลจะส่งรถกระเช้ามาช่วยต้นไม้กิ่งไม้ใหญ่ๆเดี๋ยวเอารถอีแต๋นขนไปบ้านลุงเมี้ยนนะครับเอาไว้ให้แกเผาถ่านแล้วส่งเข้าศุนย์โอทอป เดี๋ยวกินข้าวกินปลาอิ่มแล้วค่อยเริ่มงาน”ลลิตภัทรเดินกระจายงานส่วนต่างๆให้ลูกบ้านแต่ละกลุ่มก่อนจะเข้าไปดูบรรดาแม่ๆที่เตรียมอาหารอยู่ด้านใน เจ้าตัวน้อยของเขาทำหน้าที่ปอกผักอย่างคล่องแคล่วโดยนั่งคุยเล่นกับจันทร์เจ้าขาไปด้วย เด็กสาวอายุ 13 ปีพูดคุยกับผู้ใหญ่อย่างไม่เคอะเขินคำพูดคำจาอ่อนหวานน่าเอ็นดู สมกับเป็นลูกจิ๊บ
 
ถ้าเป็นลูกที่เอานิสัยของไอ้ดินคงไม่น่าเอ็นดูเท่านี้ คงได้นิสัยตอแหลจากพ่อมาไม่มากก็น้อย
 
                “อาลอจ๋า””แก้วเจ้าจอมส่งเสียงเข้ามาก่อนที่ตัวจะมาถึงในครัวเสียอีก ลลิตภัทรกรอกตามองบน
 
นั่นไง ลูกไอ้ดินมาแล้ว นิสัยเสียงอ่อนเสียงหวานตอหลดตอแหลถ่ายทอดมาในดีเอ็นเอจริงจริ๊ง
 
                “ว่าไงครับ?”แม้จะเหน็บแนมเจ้าตัวดีในใจแต่ก็หันไปวางมือลงบนศีรษะกลมราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดา แก้วเจ้าจอมยิ้มแป้นเกาะแขนอาหนุ่มอย่างประจบประแจง
 
                “วันนี้หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”
 
                “อ่าฮะ”แกล้งรับคำเบาๆ เห็นแววเสียของเล่นมาลิบๆล่ะ มาอีหรอบนี้
 
                “หนูมาช่วยอาลอนะจ๊ะ”เมื่อเห็นคนเป็นอายังคงนิ่งราวทองไม่รู้ร้อนก็ย้ำเสียอีกรอบ เนี่ยหนูอุตส่าห์มีแก่ใจมาช่วยอาลอเลยนะจ๊ะ จะมีสินน้ำใจอะไรให้หนูบ้าง เรือบังคับบนตู้ในห้องนอนนั่นก็น่ารัก อันนั้นก็น่ารักอันนี้ก็น่ารักแบบคุณพี่ป้าสู่ขวัญเลยจ้า
 
                “เจ้าจอมเห็นมั้ย ลุงๆป้าๆพวกนี้ก็มาช่วยอาลอ เขามาช่วยเพราะอะไรรู้มั้ย?”
 
                “เขาอยากให้หมู่บ้านของเราสะอาดเป็นระเบียบจ้า”เจ้าจอมรีบตอบอย่างฉะฉานดวงตากลมมองบรรดาชาวบ้านที่เริ่มตั้งสำรับข้าว หม้อแกงถูกนำไปวางบนแคร่ ปลาตะเพียนแดดเดียวทอดส่งกลิ่นหอมฉุย สีหน้าของทุกคนประดับไปด้วยรอยยิ้ม บทสนทนาดังไม่ได้ขาดปาก ผู้หญิงในครัวจับกลุ่มทำงานไปคุยไปส่วนมากจะเป็นเรื่องลูกหลานและละครฮิตที่กำลังดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง
 
                “ใช่ครับ พวกเขามาช่วยอาเพราะอยากให้หมู่บ้านของเราเป็นระเบียบและเจริญขึ้น เขามาช่วยโดยไม่หวังว่าจะได้สิ่งของตอบแทนจากอาเลย เจ้าจอมก็เหมือนกันใช่มั้ยครับ?”เด็กน้อยถึงกับอ้ำอึ้งกับคำถามที่ลลิตภัทรถามกลับมา
 
พุทโธเอ๋ยอาลอนี่ ก็เพราะหวังของเล่นหรอกถึงได้ตามแม่กับพี่เจี๊ยบมาช่วย ถ้าทำแล้วไม่ได้ของเล่นหนูไปจับปูจับปลากับพวกวิชาญในนาไม่ดีกว่าหรือ แก้วเจ้าจอมร้องออดในใจอย่างไม่ใคร่จะชอบใจนัก สีหน้าระรี้ระรื่นเมื่อครู่หงิกราวม้าหมากรุกภายในเสี้ยววินาที ลลิตภัทรย่อตัวลงนั่งจนความสูงเสมอกับหลาน
 
                “เจ้าจอมฟังอานะครับ”จับไหล่หลานที่ทำปากคว่ำให้หันมามองตนโดยมีสายตาของจิ๊บกับลูกเจี๊ยบมองมาอย่างสนใจ คนเป็นแม่รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าน้องน้อยถูกขัดใจเสียแล้ว
 
                “ไม่มีใครได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการหรอกนะครับ การที่จะทำอะไรให้คนอื่นหรือให้ส่วนรวมเราต้องไม่ทำเพื่อหวังผล ที่นี่เป็นหมู่บ้านของเรา เจ้าจอมเองก็เป็นลูกพ่อ ยิ่งต้องทำประโยชน์ให้กับหมู่บ้านของเราด้วยความเต็มใจให้สมกับเป็นลูกพ่อรู้มั้ยครับ เวลาเดินไปไหนใครๆก็จะชวนกันดูว่านั่นไงลูกชายกำนันแดนดิน เก่งเหมือนพ่อไม่มีผิด แบบนี้หนูจะภูมิใจมั้ยครับ?”แม้ประโยคท้ายๆจะกัดฟันพูดแต่ลลิตภัทรก็ยังใช้น้ำเสียงนุ่มนวลคุยกับหลาน แก้วเจ้าจอมพอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกหัวใจพองฟู
 
เจ้าจอมอยากเก่งเหมือนพ่อ เจ้าจอมอยากเดินไปไหนใครๆก็ชมว่านั่นลูกพ่อกำนันจ๋า
 
เจ้าจอมไม่เอาของเล่นแล้วก็ได้ เด็กน้อยพยักหน้ารับรัวเร็วจนลลิตภัทรกลัวว่าหัวของไอ้เด็กขี้ประจบจะหลุด เด็กน้อยมานั่งคุยประจ๋อประแจ๋อีกพักก็ถูกพระรามเรียกให้ไปร่วมวงสำรับข้าวกับใบบุญ ใบบัวและลูกๆของชาวบ้านอีก 4- 5 คน เมื่อพระอาทิตย์สาดแสงจ้าในช่วงสายทั้งหมดก็ยกโขยงกันไปตามจุดต่างๆที่ตกลงกันไว้ ลลิตภัทรไปคุมตรงถนนช่วยลูกบ้านฟันกิ่งถางหญ้าที่รกจนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่ต่างจากคนอื่นๆ ไม่ไกลกันลูกเจี๊ยบก็ปีนป่านขึ้นไปบนต้นไม้สูงช่วยลูกบ้านอีกคนตัดกิ่งที่ยื่นไปบนถนน ส่วนแก้วเจ้าจอมกับบรรดาลูกบ้านผู้หญิงช่วยเสิร์ฟน้ำตรงนู้นทีตรงนี้ที นานไปชักเบื่อก็ไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆตามที่ลลิตภัทรคิดไว้ไม่มีผิด หากแต่พระลอก็เข้าใจว่านั่นคือวิสัยเด็กจะให้มาช่วยงานขยันขันแข็งก็ใช่ที่ ได้แต่ร้องบอกให้ไปเล่นกันตรงลานโล่งห่างจากที่ๆผู้ใหญ่ทำงานกันเพราะเกรงจะเกิดอันตรายได้ ชายหนุ่มมองไปยังร่างเพรียวบนต้นไม้สูงก็เดินไปหยุดที่ใต้ต้น
 
                “ระวังลื่นตกลงมานะเจี๊ยบ”เอ่ยบอกเสียงเรียบไร้คำหวานคะขาเพราะอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลูกเจี๊ยบน้อยทำท่าโอเคมาให้
 
                “อาลอหลบไปยืนตรงอื่นก่อนเถอะจ้า ไม่ต้องห่วงหนู”เด็กน้อยเอ่ยปากไล่คนที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่ใต้ต้น
 
                “กลัวกิ่งไม้หล่นใส่อาเหรอ?”
 
                “เปล่าจ้า อาลอหล่อเกินหนูแสบตา”พูดจบก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ลลิตภัทรล่ะอยากจะเถียงนัก แต่สิ่งที่ศตายุพูดดันเป็นความจริงเลยเถียงอะไรไม่ได้ ได้แต่แยกกลับไปทำงานส่วนของตัวเองต่อ
 
ก็คนมันหล่อจริงๆอ่ะนะ
 
รู้ๆกันอยู่
 
เฮ้อ
 
แค่ยืนหล่อไปวันๆก็เหนื่อยแล้ว
 
 
                หลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวันในที่สุดเมื่อตะวันโพล้เพล้เข้าสู่พลบค่ำงานพัฒนาหมู่บ้านก็เสร็จสิ้นลงตามแผนที่วางไว้ ข้างทางสะอาดสะอ้านดูเป็นระเบียบ ต้นไม้กิ่งไม้ที่เคยรกระเกะระกะบัดนี้มองไปทางไหนก็รื่นตาไปหมด  ลูกบ้านที่มาช่วยนั่งเรียงกันที่ศาลาการเปรียญในวัดเพื่อฟังแผนการปฏิบัติงานในวันพรุ่งนี้โดยมีแดนดินมาร่วมประชุมด้วย ลลิตภัทรอธิบายตารางงานอย่างเป็นระบบระเบียบจนแดนดินที่ถึงแม้จะเกลียดผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจับใจก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาผู้ใหญ่บ้านทั้งหมด ลลิตภัทรทำงานมีแบบมีแผนมีขั้นตอนที่สามารถรับฟังและนำไปปฏิบัติตามได้ง่ายที่สุดและมีการติดตามความคืบหน้ามารายงานไม่ขาดตกบกพร่อง เรียกได้ว่าทำงานคุ้มเงินเดือนที่หลวงท่านให้มา
 
                “เดี๋ยวบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่ได้เบี้ยยังชีพผมจะยกเงินเดือนของผมให้กับพวกคนแก่นะครับโดยตั้งใจแล้วว่าจะหารแบ่งให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเอาไว้ให้ซื้อหยูกซื้อยาซื้อกับข้าวกินที่พิเศษคือผมจะให้เด็กหญิงแต้วที่อยู่กับตายายด้วยเพราะจากการไปสำรวจมาเด็กเป็นคนขยันและฐานะยากจนมาก ฝากทุกคนที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตายายไปบอกด้วยนะครับ”ลลิตภัทรกล่าวปิดท้ายเกิดเสียงพูดคุยฮือฮาดังขึ้นระยะหนึ่ง แดนดินขมวดคิ้วอย่างหมั่นไส้
 
แหม ไอ้ใจบุญ แดนดินเอ่ยค่อนขอดในใจ เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านกลับทำตัวใจบุญราวพระเวชสันดร
 
แต่อย่างมึงน่ะเป็นพระเวชสันดานเสียมากกว่า
 
เฮ๊อะ!!! เบะปากมองบนค้อนประหลักประเหลือกอยู่คนเดียวในขณะที่ลูกบ้านแยกย้ายทยอยกันกลับบ้านจนกระทั่งลูกบ้านกลับออกไปกันจนหมดแล้วแดนดินก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมจนลลิตภัทรอดที่จะส่งเสียงถามด้วยความห่วงใยไม่ได้
 
                “ไง จะนอนวัดหรือไง”อยากจะต่อด้วยเอาโลงมั้ยเดี๋ยวขอหลวงพ่อให้แต่ก็เกรงใจ๊เกรงใจเพราะถึงอย่างไรเสียก็เป็นพ่อของเจี๊ยบ แดนดินยกส้นตีนให้เป็นคำตอบก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน บ้านใครบ้านมันบ้านกำนันไม่เกี่ยว
 
ลลิตภัทรขับรถกลับมาถึงบ้านบัดนี้เงียบสงบตามที่ควรจะเป็นหากแต่ในครัวยังคงมีเสียงพูดคุยกันอยู่ เมื่อตามเสียงเข้าไปก็พบว่าแม่ นิดาและลูกเจี๊ยบยังคงง่วนอยู่กับการเตรียมกับข้าวกับปลา ชายหนุ่มมองเด็กน้อยที่เหลือบตาขึ้นมาสบตากับเขาด้วยดวงตาใสแจ๋วอยางดีใจ
 
                “อ้าวลอ กลับมาแล้วเหรอลูก ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อนไป แม่ชวนลูกเจี๊ยบให้อยู่กินข้าวด้วย รีบอาบจะได้ออกมากินข้าวเด็กๆรออยู่คงหิวกันน่าดูแล้ว วันนี้แม่ทำลูกตาลลอยแก้วที่ลอชอบไว้ให้ด้วย”
 
                “งั้นเดี๋ยวหนูกลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนนะจ๊ะย่า เหนียวตัวจะแย่”ลูกเจี๊ยบขยับจะลุกเพื่อกลับบ้าน หากแต่ลลิตภัทรฉวยข้อมือหลานไว้เสียก่น
 
เรื่องอะไรจะปล่อยให้กลับบ้านกันเล่า ขืนกลับไปไอ้แดนหน้าหมาก็ไม่ปล่อยกลับมาน่ะสิ
 
                “อาบที่ห้องอาก็ได้ค่ะ จะข้ามไปข้ามมาทำไม”
 
แหม...ดูอาลอหวังดีกับหนูจังเลยนะจ๊ะ กลัวว่าหนูจะเหนื่อยเหรอจ๊ะ
 
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เลยจ้า
 
ถามว่ารู้ทันมั้ย ก็รู้นะจ๊ะ แต่ถามว่าไปมั้ย
 
                “ก็ได้จ้า”
 
ก็ไปอ่ะจ้า แหะๆ
 
ลลิตภัทรเดินขึ้นบ้านตัวปลิวแทบจะลอยได้ เหนื่อยมาทั้งวันก็อยากอยู่กับลูกเจี๊ยบแบบส่วนตัวๆบ้างอะไรบ้าง เมื่อเข้ามาในห้องกดล็อกเสร็จก็ไม่รอช้าที่จะดึงร่างบอบบางของเจ้าตัวน้อยมาประชิดแล้วกดจูบแผ่วเบาลงบนกลีบปากอิ่มที่เจื้อยแจ้วมาทั้งวี่วัน ศตายุคลี่ยิ้มแม้จะถูกจูบอยู่ ปลายลิ้นชื้นแฉะของคนเป็นอาเลาะละเลียดตามแนวฟันคล้ายจะขออนุญาตเข้าไปด้านในซึ่งคนเด็กกว่าก็เปิดทางให้อย่างรู้งานแผ่นหลังถูกประคองกอดต้นคอถูกกดเข้าแนบชิดริมฝีปากถูกดูดกลืนราวของหวานรสเลิศที่อยากตักตวงให้เต็มคราบ เนิ่นนานจนคนเด็กร้องออเบาๆกำปั้นน้อยทุบลงเบาๆบนอกแกร่งถึงได้ละจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ปลายนิ้วหัวแม่มือยกขึ้นไปคลึงริมฝีปากอิ่มของหลานเบาๆอย่างปลุกปั่น สายตากรุ้มกริ่มมองจ้องอย่างไม่ปิดบังความรู้สึกใดใดเลยซักนิดริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มก่อนจะกระซิบข้างใบหูของคนหลานให้ได้มีริ้วแดงขึ้นสีบนแก้มฟูว่า
 
                “อาบน้ำกับอานะคะ เดี๋ยวอาจะลูบสบู่ให้ทั่วตัวเลย”
 
               
 
เมื่อได้ยินคำพูดกำกวมนั้นเลือดในกายของศตายุก็ร้อนพล่านราวกับถูกพาตัวไปนั่งอยู่บนแผ่นหินที่วางอยู่บนไฟกองใหญ่ มันทั้งร้อนทั้งวูบวาบจนรู้สึกขนลุกไหนจะสายตาของอาลอที่เหมือนจะถอดเสื้อผ้าของเด็กน้อยได้โดยไม่ต้องใช้มือ แต่ไม่นานเสื้อผ้าบนกายก็ถูกถอดออกอย่างว่องไวจนเหลือเพียงกายเปลือยเปล่า ลลิตภัทรดันหลังหลานให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ ฝักบัวถูกเปิดจนสายน้ำเย็นไหลรดมาบนร่างของคนทั้งคู่ แม้จะรู้สึกกระดากอายที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าลลิตภัทร((อีกแล้ว)) แต่ศตายุก็ยอมยืนนิ่งๆให้คนเป็นอาตอดนิดเล็มหน่อยบนผิวเนื้อเนียน  โดยปกติลลิตภัทรจะระวังมากชายหนุ่มจะไม่ทำรอยบนร่างกายของศตายุแม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม ด้วยเกรงว่ารอยนั้นหากไม่ระวังทั้งตัวเขาเองและทั้งศตายุอาจจะไปทำหลุดสู่สายตาใคร
 
ถามว่าเขากลัวมั้ยว่าใครจะมาล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กน้อย
 
ลลิตภัทรกล้าตอบได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเขาไม่เคยกลัวเลยซักนิด เพียงแต่ว่าพอพูดถึงเรื่องนี้ศตายุก็จะขอร้องเขาว่าอย่าเพิ่งให้ใครรู้เลย ด้วยวัยของศตายุยังเด็กนักในสายตาใครๆ
 
ศตายุไม่ได้กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีเลยแม้แต่น้อยหากแต่คนเด็กกลับห่วงเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
 
                “หนูไม่อยากให้ใครมามองอาลอด้วยสายตาไม่ดี ไม่อยากให้ใครเข้าใจว่าอาลอมาหลอกหนู ไว้หนูโตบรรลุนิติภาวะโตเป็นผู้ใหญ่ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ ถึงตอนนั้นถ้าเรายังรักกันอยู่อาลออยากเปิดหนูก็จะไม่ขัด”
 
ลลิตภัทรใช้ปลายจมูกสูดดมความหอมหวานของวัยแรกแย้มไปจนทั่วทั้งหน้าและต้นคอ ศตายุเอียงคอปรับองศาให้คนแก่กว่าทำรุ่มร่ามกับตนได้ง่ายขึ้น หากพ่อรู้ว่าตนเองทำตัวใจง่ายอย่างนี้ไม่แคล้วจะต้องโดนไม่เรียวฟาดจนน่องแตกแน่ๆ แต่จะทำยังไงได้ก็ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ชอบทุกสัมผัสที่อาลอมอบให้ สายน้ำเย็นที่รินรดไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสำรวจร่างกายของลูกเจี๊ยบตัวน้อยเลยซักนิด หยดน้ำเกาะพราวทั่วกายยิ่งส่งให้ลลิตภัทรดูเซ็กซี่จนลูกเจี๊ยบแทบหยุดหายใจ หลังจากกลับจากกรุงเทพ หลังจากปรับความเข้าใจกันไปแล้วศตายุก็รู้สึกว่าอาลอหล่อขึ้นมากๆ หล่อจนตอนแรกลูกเจี๊ยบเดินตกท้องร่องเลยทีเดียว
 
“อื้อ...”เสียงร้องดังออกมาเบาๆเมื่อลลิตภัทรดูดดึงผิวเนื้อขาวบริเวณต้นขาด้านในเบาๆแต่กลับพาความรู้สึกเสียววาบให้แล่นไปทั่วทั้งกายเมื่อมองลงไปก็พบว่าคนโตกว่ากำลังช้อนตามองขึ้นมา ส่วนอ่อนไหวของลูกเจี๊ยบเริ่มตึงตัวด้วยแรงอารมณ์ลลิตภัทรยืดกายยืนขึ้นฝ่ามือหนาลูบน้ำบนใบหน้าแล้วเสยผมจนน้ำกระจายเบาๆ
 
อาลอหล่อมากๆ หล่อจนเจี๊ยบรู้สึกแสบตาจริงๆ ถ้าหล่อมากกว่านี้เจี๊ยบว่าเจี๊ยบคงตาบอด
 
“อารักหนูนะคะ”อยู่ๆคนแก่กว่าก็เอื้อนเอ่ยคำรักให้เด็กน้อยที่จ้องเขาตาแป๋วได้ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเสียดื้อๆ ชายหนุ่มเชยคางหลานที่ก้มลงกลั้นยิ้มจนแก้มยุ้ยให้เงยขึ้นสบตา
 
“อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆ”พูดจบก็กดจูบลงบนกลีบปากอิ่มย้ำๆเพียงแผ่วเบาแต่กลับตราตรึงและสลักลึกลงบนก้นบึ้งของหัวใจเด็กน้อยอย่างง่ายดาย
 
อยากฟังซ้ำ อยากได้ยินอาลอบอกว่ารักตนทุกวัน มันคงจะมีความสุขมากแน่ๆ
 
ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอนั้นรักตนจากใจจริงมากเพียงใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้อาลอแสดงให้เห็นถึงความรักและความปรารถนาดีที่มอบให้ตนและครอบครัวมากมายจนลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาคนดีๆแบบอาลอได้ที่ไหน ดวงตากลมโตที่เคยจ้องมองเขาใสแจ๋วอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันค่อยๆปิดลงพร้อมลำแขนเล็กที่เลื่อนขึ้นมาคล้องคอเขา รสจูบค่อยๆแปรเปลี่ยนจากนุ่มนวลกลับกลายเป็นความเร่าร้อน ลลิตภัทรใช้ฝ่ามือนวดเคล้นสะโพกกลมกลึงของหลานเพื่อปลุกปั่นอารมณ์ใคร่ให้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ เด็กน้อยครางอื้ออึงยามที่ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไล่ต้อนจนจนมุม แม้จะพยายามสู้หากแต่ตนเองนั้นยังเด็กเกินอีกทั้งประสบการณ์ด้านนี้ก็ยังน้อยนักเพราะเกิดมา 16 ปี ก็ทำกับอาลอเพียงคนเดียว ลมหายใจถูกช่วงชิงจนเหนื่อยหอบ แม้ไม่อยากจะละจากหากแต่ก็กลัวว่าหลานน้อยจะเหนื่อยเกินไปจึงยอมถอนจูบออก ร่างสูงยิ้มกริ่มยามเห็นความแวววาวบนกลีบปากที่ตนเองเคลือบไว้เอง
 
น่ารักระคนน่ากลั่นแกล้งไปในคราวเดียวกัน  ดวงตาคมสำรวจความเย้ายวนตรงหน้าอย่างแสนรักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดสบู่เหลวมาถือไว้ น้ำเสียงอ่อนหวานเอื้อนเอ่ยกับหลานจนคนฟังร้อนวูบไปทั่วสรรพางค์กาย
   “เดี๋ยวอาถูสบู่ให้นะคะ”ครีมเหลวถูกละเลงไปทั่วตัวจนเกิดฟองฝ่ามือซุกซนลูบไว้เวียนวนก่อนที่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดอกที่ตึงตัวสู้มือจนเด็กน้อยเข่าแทบทรุดได้ได้กอดคอของลลิตภัทรไว้แน่น เชิดหน้าสูดปากส่งเสียงครางเบาๆจนลลิตภัทรย่ามใจ เปลี่ยนจากหน้าอกลูบไล้มาตามแนวซี่โครงก่อนจะสอดลึกลงไปถึงแกนกายจนร่างบางสะดุ้งน้อยๆ

   “ขัดขี้ไคลให้เจี๊ยบน้อยหน่อยนะคะ”

   “อื้อ...หนูขัดเองก็ได้จ้า”ลูกเจี๊ยบน้อยร้องโอดยามฝ่ามือหนาขยับเข้าออกเชื่องช้าจนต้องจิกปลายเท้าลงกับพื้น

   “ขัดเองไม่สะอาดหรอกค่ะ อาขัดให้ดีกว่า รับรองสะอาดทุกหยาดหยด”น้ำเสียงกรุ้มกริ่มรวมทั้งสายตาแพรวพราวที่ตวัดมองทำเอาลูกเจี๊ยบน้อยแทบจะละลาย หากเป็นขี้ผึ้งตอนนี้คงไหลลงท่อไปพร้อมสายน้ำแล้ว แต่ประโยคถัดมาของอาลอนี่สิ ช่างหน้าด้านนัก

   “ถ้าหนูมีเมตตาก็ช่วยขัดขี้ไคลให้ลอน้อยของอาบ้างก็ได้นะคะ”เด็กน้อยทำปากยู่จนลลิตภัทรกดจูบหนักๆอย่างเอ็นดู และลูกเจี๊ยบก็ไม่เคยทำให้ครูคนนี้ผิดหวัง เด็กน้อยค่อยๆไต้นิ้วลงมาจากต้นคอ หน้าอก หยุดหยอกล้อกับหน้าท้องครัดแน่นแล้วค่อยๆเลื่อนลงไปกอบกุมแกนกายที่มีขนาดใหญ่กว่าของตนอย่างช้าๆ ข้อมือก็ขยับเป็นจังหวะ เด็กน้อยส่งยิ้มซุกซนให้พระลอ ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยเจื้อยแจ้วอย่างซุกซน

   “ลอน้อยตัวใหญ่สงสัยจะต้องขัดนาน”ลลิตภัทรครางอือในลำคอยามข้อมือของศตายุเริ่มเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นร่างสูงสูดปากส่งเสียงครางทุ้มต่ำเบาๆชุดใบหูของศตายุ เขาชอบที่เจี๊ยบเป็นคนหัวไวสอนอะไรไปก็จดจำได้ทุกสิ่งอย่าง ยามที่เขาเร่งเร้าจังหวะเสียงร้องครางก็ดังขึ้น ลมหายใจของเด็กน้อยสะดุดยามปลายนิ้วลูบวนลงบนส่วนปลายทั้งเสียวทั้งทรมานลูกเจี๊ยบน้อยปล่อยมือจากแกนกายของลลิตภัทรมากอดคอไว้ตามเดิมด้วยแข้งขาเริ่มจะอ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วมาเกลี่ยที่ริมฝีปากอิ่มนวดเค้นกดคลึงเชื่องช้าก่อนจะสอดเข้าไปในโพรงปากเล็กให้เจ้าเจี๊ยบน้อยได้ดูดดึงระบายอารมณ์ซ่านสยิวที่เริ่มบีบรัดจนหน้าท้องหดเกร็งจนต้องยอมปล่อยก้านนิ้วของลลิตภัทรออกจากปากเพื่อส่งเสียงร้อง

   “อื้อ...อาลอจ๊ะ...หนูจะเสร็จ”

   “ทำไมเป็นเด็กไม่มีน้ำอดน้ำทนอย่างนี้ล่ะคะ อายังถูไม่สะอาดเลย”แกล้งว่าด้วยเสียงเย้าพลางใช้ปลายนิ้วกดส่วนปลายไว้อย่างกลั่นแกล้งทำให้เด็กน้อยกระทืบเท้าอย่างขัดใจเมื่อปลายทางแห่งความสุขถูกปิดกั้น

   “อื้อ...อาลออย่าแกล้งหนู”ลลิตภัทรนอกจากไม่ทำตามแล้วยังยื่นมือไปหยิบขวดสบู่เหลวอีกครั้งก่อนจะแกล้งทำขวดสบู่หลุดมือไปด้านหลังลูกเจี๊ยบ

   “อุ้ย...สบู่หล่น หนูช่วยเก็บให้อาหน่อยได้มั้ยคะ?”ลูกเจี๊ยบมองไปที่ขวดสบู่แล้วหันหลังหวังก้มลงไปเก็บ แต่ยังไม่ทันได้จับขวดสบู่เอวบางก็ถูกดึงไปแนบจนติดหน้าท้องของลลิตภัทร ส่วนแข็งตึงบดเบียดบั้นท้ายกลม เด็กน้อยอุทานด้วยความตกใจกับความเร็วของลลิตภัทรจนต้องใช้ฝ่ามือดันกายกับผนังไว้

   “อะ...อาลอจะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก แม้จะเคยเกินเลยกันมาหลายครั้งหลายคราแต่อาลอไม่เคยทำท่าล่อแหลมแบบนี้มาก่อน ใจของเด็กน้อยเต้นโครมครามทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นเต้นผสมปนเปกันไปหมด

หรืออาลอจะทำ?

ถามว่าลูกเจี๊ยบพร้อมมั้ยหากลลิตภัทรจะทำเกินเลย แน่นอนว่ายังไม่พร้อม มันออกจะเร็วไปกับการคบหาไม่กี่เดือน แต่ถามว่าถ้าหากอาลอจะทำจะขัดขืนมั้ย เด็กน้อยก็ตอบคำถามของตนเองว่าไม่

ลูกเจี๊ยบรักอาลอ ถ้าหากเป็นเรื่องปกติที่คนรักกันจะทำอะไรที่มันเกินเลยไปบ้างมันอาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนรัก

ถ้าอาลอต้องการลูกเจี๊ยบก็จะให้

ลลิตภัทรกดจูบลงบนซอกคอขาว เสียงแหบพร่ากระซิบเบาๆ

“ไม่ต้องกลัวนะคะ อาจะไม่ทำอะไรเกินเลยกับหนู เพียงแต่สิ่งที่จะทำต่อไปนี้มันอาจจะคล้าย หนูช่วยอาหน่อยนะคะ”

   “อาลอจ๊ะ...”เด็กน้อยกัดปากอย่างลังเลกับสิ่งที่จะพูดว่าตนควรพูดออกไปมั้ย

   “คะ?”เสียงทุ้มเอ่ยแนบชิดจนขนลุกไปทั้งกาย

   “ถ้าอาลออยากจะทำ...”เพียงแค่นั้นลลิตภัทรก็รู้แล้วว่าศตายุคิดอะไรอยู่ ร่างสูงกอดเอวหลานไว้แน่นกดจูบลงบนกกหูพลางขบเม้มยั่วเย้า

   “ไม่ค่ะ ถ้าอาทำหนูจะเจ็บ อีกอย่างตอนนี้ไม่มีทั้งถุงยางทั้งเจล อาขอบคุณหนูนะคะที่จะให้อาครั้งนี้อาขอแค่ภายนอกไปก่อนแต่ถ้ามีคราวหน้าที่หนูเอ่ยปาก อาก็จะไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ไปอีกแล้ว อารักหนูนะคะ”

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักมากๆเลย...แล้ว...อาลอจะให้หนูช่วยยังไงจ๊ะ”

   “หนูยกสะโพกสูงๆนะคะแล้วก็หุบขาให้ชิดๆ”พูดพลางดึงสะโพกของศตายุให้สูงขึ้นอีกนิดก่อนจะปลุกปั่นแกนกายของตนเองให้แข็งขืนอีกครั้งชายหนุ่มค่อยๆกดผ่านร่องก้นผ่านลูกบอลก้อนกลมจนไปโผล่ด้านหน้าขยับเอวเข้าออกเชื่องช้ามือหนึ่งช้อนเอวกันหลานจะล้มอีกข้างก็ส่งไปลูบไว้ชักนำแกนกายของหลานให้สอดประสานกับจังหวะสาวเอวของตนเอง

จากเชื่องช้าค่อยๆเร่งจังหวะทั้งกดหนักรัวเร็วมือที่ปรนเปรอร่างบางก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนเสียงครางหวานหูดังไม่ได้ขาด แม้จะรู้สึกล้าที่ต้นขาแต่ศตายุก็อยากให้อาลอมีความสุข ยิ่งได้ยินเสียงสูดปากของลลิตภัทรศตายุยิ่งรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้ต้องเกร็งจนตะคริวกินลูกเจี๊ยบก็ยอม

   “ซี๊ด....หนูน่ารักจังเลยค่ะ”คำพูดชมเชยเอ่ยยามที่ประจุความรู้สึกแล่นปราดมาจุกอยู่ที่ปลายทาง ข้อมือยิ่งปรนเปรอเร็วขึ้นจนศตายุแทบจะล้มทรุดลงไป โชคดีที่ลลิตภัทรช้อนเอวบางพยุงไว้อยู่แล้ว สองมือจิกเกร็งเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านถึงขีดสุดเข้าเล่นงานราวกับฝูงมดที่รุมกัดไปตามตัว อกบางแอ่นสะท้านก่อนเสียงครางราวกับทรมานจะถูกเปล่งออกมาพร้อมร่างกายที่สั่นราวเจ้าเข้าเอวบางกระตุกเกร็งก่อนปลดปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นพร้อมๆกับลลิตภัทรที่สาวเอวเข้าออกช้าๆแต่หนักแน่นอีกหลายครั้ง ลมหายใจหอบแฮ่ก กลิ่นกามคละคลุ้งลลิตภัทรดึงหลานน้อยให้หันหน้ามาหาแล้วกดจูบหนักๆอีกครั้ง

   “เก่งจังเลยค่ะ เจี๊ยบของอาเก่งที่สุดเลย เหนื่อยมั้ยคะ?”
   
   “เหนื่อยจ้า หนูเหนื่อยมากๆเลย”

   “รู้มั้ยถ้าทำจริงๆมันเหนื่อยกว่านี้”ลลิตภัทรเกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าหลานเอ่ยบอกด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

“รู้มั้ยคะเพราะอะไร?”

ศตายุส่ายหน้าพลางหลบตาด้วยสะท้านกับสายตาของอาลอนัก


   “เพราะอาไม่เคยหยุดที่รอบเดียวค่ะ”



......................................

อิ้วๆ....เอ็นซีเล็กๆน้อยๆ ของจริงหลังจากนี้อีก 3 ตอน...

สำหรับท่านใดที่อยากได้เล่มแต่ไรท์ปิดจองไปแล้ว เพิ่งมาเจอเพิ่งได้อ่าน ติดต่อได้ทางทวิตเตอร์นะคะ

#พระลอตามไก่

@il_LoVe_li
เจี๊ยบน่ารักจัง ไม่ให้อาลอรักอาลอหลงยังไงไหว แต่เรื่องที่พระอยกเงินเดือนให้ชาวบ้านจะมีผลกระทบตามมาทีหลังมั้ยอะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 19:47:54

                วันนี้ศตายุ จันทร์เจ้าขา  และแก้วเจ้าจอมมีความสุขนัก ศตายุเดินตามพ่อและแม่ด้วยหัวใจพองฟู วันนี้เด็กหนุ่มใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาดเข่าแบบที่วัยรุ่นชอบ จันทร์เจ้าขาใส่ชุดกระโปรงที่ลลิตภัทรซื้อมาฝากเมื่อครั้งกลับจากกรุงเทพ ส่วนแก้วเจ้าจอมใส่กางเกงขา 5 ส่วน รองเท้ารัดส้นดูเปิ๊ดสะก๊าดพร้อมกับเสื้อยืดสีเขียวลายเบนเท็น มีนาฬิกาเบนเท็นที่อาลอซื้อมาฝากเมื่ออาทิตย์ก่อนเข้ากั๊นเข้ากันกับเสื้อที่พ่อกำนันจ๋าซื้อให้อย่างที่สุด เจ้าจอมโปรดนักใส่แทบจะไม่ยอมถอด ไม่มีใครหล่อสู้จอมอีกแล้วจ้าพ่อจ๋า วันนี้จิ๊บแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ตสีชมพูอ่อนและกางเกงสกินนี่ยีนส์สีเข้มรองเท้าผ้าใบสีขาวส่งให้จิ๊บดูเหมือนพี่สาวของเด็กๆมากกว่าเป็นแม่ส่วนแดนดินใส่เสื้อยืดทับด้วยเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีดำแดง ทั้งหมดเดินเข้าร้านบุฟเฟต์ตามคำร้องขอของลูกๆ

 

ดูจากสีหน้าแววตาและรอยยิ้มก็รู้ว่าเด็กๆมีความสุขมาก

 

                “เจ้าขาอยากกินอะไรสั่งมาเลยนะลูก”แดนดินที่นั่งใกล้ลูกสาวมากที่สุดเอี้ยวตัวดูเมนูเล่มเดียวกับลูก เด็กหญิงส่งรออยยิ้มหวานตอบผู้เป็นพ่อ

 

นานเหลือเกินแล้วที่พ่อไม่ได้มีเวลาพาพวกเรามาเที่ยวเล่น เด็กหญิงอ่านเมนูพลางเอ่ยสั่งของที่อยากกินหันไปถามความคิดเห็นพอแม่พี่น้องบ้างแล้วนั่งรอ เด็กหญิงวัยสิบสามปีเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดภาชนะบนโต๊ะแล้วแจกจ่ายคนในครอบครัวจนครบ ส่วนเจ้าจอมน้องน้อยนั้นนั่งอยู่ข้างแม่ริมฝีปากยิ้มจนแทบจะฉีกแก้มแทบจะแตกตาเป็นขีดดูน่าเอ็นดู บรรยากาศมันดีไปเสียหมดดีมากๆจริงๆลูกเจี๊ยบนั่งหัวโต๊ะขนาบพ่อกับแม่ไว้อีกทีดวงตากลมตอนนี้มีประกายของความสุขล้นเคลือบไว้อย่างเห็นได้ชัด ได้ออกมากินข้าวนอกบ้านครบหน้าครอบครัวในแบบที่ไม่ได้มานานแล้ว เด็กน้อยดีใจจนต้องไลน์ไปอวดอาลอ รายนั้นนอกจากไม่งอแงที่วันนี้จะไม่ได้เจอกันแล้วยังอวยพรขอให้เขาเที่ยวอย่างสนุกอีกด้วย



ลลิตภัทรรู้ดีว่าเด็กๆต้องการพ่อ เพราะฉะนั้นเวลาอันมีค่านี้เขาจะไม่ฉกชิงมาเป็นของตนเองเด็ดขาด

 

                “เตรียมตัวไปอยู่กับหลวงตาหรือยังเจ้าจอม?”แดนดินหันมาหาลูกชายคนเล็กเจ้าจอมพยักหน้าเร็วเป็นคำตอบ

 

                “พร้อมแล้วจ้าพ่อจ๋า”แดนดินลูบหัวลูกชายคนเล็กอย่างรักใคร่

 

                “ไม่ใช่พอบวชแล้วไปนอนร้องไห้ขี้มูกโป่งนะ”เอ่ยเย้าลูกคนเล็กอย่างหยอกล้อ แก้วเจ้าจอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้กอดอกฉับทำปากคว่ำใส่คนเป็นพ่อทันที

 

                “พ่อนี่พูดเหมือนหนูเป็นเด็กเล็กๆ หนูก็บวชมา 2 ปี แล้วมั้ยล่ะ”คนลูกส่งเสียงเถียงเจื้อยแจ้วราวกับตอนเกิดเลี้ยงด้วยนมนกแก้วนกขุนทองพลางส่งค้อนปะหลักปะเหลือกใส่คนเป็นพ่อที่พูดราวกับไม่เชื่อใจความเก่งกล้าสามารถของตน

 

                “จ้าไอ้คนเก่ง บวชปีแรกร้องแงๆจะกลับมานอนบ้านจนพ่อต้องไปนอนเป็นเพื่อน ปีที่แล้วร้องบอกกลัวผี”



กำนันหนุ่มยังไม่เลิกเย้าเจ้าลูกคนเล็กที่หลวงตาจวบให้บวชสามเณรภาคฤดูร้อนตั้งแต่เจ็ดขวบ จิ๊บเห็นดีเห็นงามด้วยที่จะให้เจ้าจอมไปบวชเพราะจะได้สำรวมขึ้น อีกอย่างการให้ลูกบวชก็เพื่อให้แก้วเจ้าจอมได้ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา จิ๊บอยากให้ลูกเป็นคนจิตใจดี แก้วเจ้าจอมเป็นเด็กใจร้อนเมื่อก่อนเวลาโดนขัดใจเด็กน้อยจะร้องกรี๊ดๆ จนกระทั่งหลวงตาจวบเอาไปบวชเมื่อลาสิกขาบทออกมาแก้วเจ้าจอมนิ่งขึ้น รู้จักอดทนและรอคอยไม่สำออยเวลาไม่ได้ของเล่นที่อยากได้ อีกอย่างเจ้าจอมกลายเป็นเด็กที่รู้จักแบ่งปันให้กับผู้อื่น

 

                “แล้วเจี๊ยบล่ะลูก ปิดเทอมอยากทำอะไรมั้ย?”แดนดินหันไปถามลูกชายคนโตที่นั่งแหย่น้องสาวให้ได้โดนฟาดแขนไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้

 

                “หนูอยากไปดูคอนเสิร์ตจ้าพ่อ”แดนดินเริ่มคีบอาหารใส่หม้อพลางขมวดคิ้ว

 

                “คอนอะไรเหรอ”แดนดินถามอย่างสนใจ ไม่ได้แปลกใจนักกับสิ่งที่ลูกบอกเพราะปกติเจะไปเป็นเพื่อนคอยรับคอยส่งลูกที่หน้าสถานที่จัดคอนเสิร์ตอยู่แล้วทุกครั้งที่ศตายุอยากไปแม้จะไม่ได้เข้าไปดูกับลูกก็ตามที เขาไม่คิดว่าการดูมหรสรรพต่างๆนั้นจะเป็นปัญหาอะไรเพราะลูกเรียนหนักมาทั้งปี การขอไปดูคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งก็เหมือนการให้รางวัลให้ลูกได้ไปเติมพลังนั่นเอง

 

                “คอนบรูโน่ มาร์ จ้าพ่อ เพลงที่หนูชอบเปิดบ่อยๆ”แดนดินพยักหน้ารับรู้พลางถามวันที่มีคอนแต่พอลูกเจี๊ยบบอกวันเวลามาแดนดินก็ทำคิ้วขมวด

 

                “วันนั้นพ่อไม่ว่าง ต้องไปงานแต่งลูกลุงพันที่เชียงใหม่ไงลูกจำไม่ได้เหรอ ไปกันทั้งบ้าน”ศตายุหน้าจ๋อยลงไปในทันทีที่พ่อเอ่ยประโยคนั้นมา

 

                “น้องไปคนเดียวก็ได้พ่อ”ยังคงต่อรองแม้ความหวังจะริบหรี่ตั้งแต่ที่พ่อบอกว่าไม่ว่างแล้ว

 

                “จะไปคนเดียวได้ยังไงเจี๊ยบยังเด็ก”

 

                “โธ่ พ่อจ๋า น้องโตแล้ว 16 แล้ว น้องดูแลตัวเองได้นะจ๊ะ พ่อให้น้องไปเถอะ”เกาะแขนพ่อเขย่าอย่างเอาแต่ใจ แดนดินดึงแขนตัวเองหนีลูกเมื่อหมูในตะเกียบสะบัดจนหล่นลงบนโต๊ะ

 

                “ไม่งอแงสิเจี๊ยบ เพิ่งจะ 16  พ่อจะปล่อยให้ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ยังไง ไม่ได้ๆ เลิกคุย บรูโน่จะมาไม่มาพ่อไม่สนพ่อไม่ให้น้องไป”แดนดินตัดบทพลางคีบอาหารให้เจ้าจอม

 

                “แม่จ๋า...”เมื่อขอพ่อไม่ได้ผลก็หันไปหาแม่ทันที เพราะอย่างไรเสียคำตัดสินจากแม่ถือเป็นที่สิ้นสุด

 

                “แม่เห็นด้วยกับพ่อ”จิ๊บพูดเรียบๆกับลูกคนโต หล่อนรักและเป็นห่วงลูกน้อยยิ่งกว่าผู้เป็นสามีเสียอีก เรื่องอะไรจะปล่อยลูกอายุเพิ่งจะ 16 ปี ไปเสี่ยงในกรุงเทพคนเดียว

 

จิ๊บดูข่าวคนกรุงเทพใจร้ายใจดำก็ตั้งมากปล้นฆ่าหลอกลวงกันไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะแท็กซี่ที่ชอบพาเหยื่อไปฆ่าชิงทรัพย์ จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเจอเรื่องเลวร้ายอะไรแบบนั้นแต่หากมันเกิดขึ้นกับลูกของหล่อนหัวใจคนเป็นแม่คงแหลกสลายตามลูกไปแน่ๆ

 

                “โธ่...แม่อ่ะ”ศตายุร้องโอดหน้าหงิกหน้างอลงไปทันที

 

หมดกัน ความหวังที่จะได้ไปดูคอนเสิร์ตนักร้องขวัญใจที่ชอบมาหลายปี

 

อีกร้อยปีข้างหน้า พระอาทิตย์ก็ยังตกและขึ้นอยู่เหมือนเดิม แต่คอนบรูโน่ มาร์ มาปีนี้แล้วก็ไปแล้วไปลับจะมาอีกทีปีไหนก็ไม่รู้

 

คิดได้ดังนั้นหัวใจของลูกเจี๊ยบน้อยก็ห่อเหี่ยวนัก ห่อเหี่ยวถึงขนาดกินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว จิ๊บเห็นแล้วก็ให้สงสารลูกนัก ร้อยวันพันปีลูกไม่เคยจะขออะไรหล่อนเลยนอกจากขอเงินซื้อหนังสือที่อยากได้ ปกติหล่อนจะอนุญาตถ้ามีพ่อไปด้วย

 

                “เจี๊ยบ ที่แม่ไม่ให้เพราะแม่เป็นห่วงจริงๆ จะปล่อยลูกไปคนเดียวห่างหูไกลตาแม่ๆก็ห่วง ถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยขดูแลลูกได้แม่จะไม่ห้ามซักคำ แม่มีหนูคนเดียวนะถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่จะไปหาลูกเจี๊ยบแบบน้องจากไหนได้อีก เข้าใจแม่นะลูก”

 

แล้วเจี๊ยบจะพูดอะไรได้ล่ะจ๊ะ นอกจากรับคำหงอยๆ

 

เจี๊ยบเข้าใจดีจ้าว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงเจี๊ยบมากขนาดไหน จำได้ตั้งแต่ตอนน้องแอบไปดูหนังแล้ว

 

ไม่เป็นไร ไว้เจี๊ยบโตกว่านี้จนพ่อแม่วางใจว่าเจี๊ยบจะดูแลตัวเองได้เจี๊ยบค่อยไปก็ได้จ้า

 

แต่คำว่าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรสำหรับติ่งคือเรื่องโกหก ลูกเจี๊ยบเก็บอาการนอยด์ไว้ไม่อยู่เลยด้วยซ้ำ ยิ่งใกล้วันจองบัตรคอนเสิร์ตลูกเจี๊ยบก็ยิ่งกระวนกระวายกินข้าวก็ไม่อร่อย

 

ทำไมนะทำไมลูกลุงพันจะต้องมาแต่งงานช่วงนั้นด้วยเลื่อนไปซักครึ่งเดือนไม่ได้เหรอจ๊ะ ดูสิเจี๊ยบอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบค่าขนมมาตั้งนานรับจ้างทำรายงานให้เพื่อนจนนิ้วแทบจะล็อคเพื่อสะสมเงินไปซื้อบัตรคอนที่แพงที่สุด ดีที่สุดแล้วเจี๊ยบต้องมาอดไปเนี่ย เจี๊ยบจะโทษใครดี โทษลูกลุงพันที่จะมาออกเรือนช่วงนั้นหรือโทษบรูโน่ที่ปีหนึ่งมี 12 เดือน แต่ดันเลือกจะมาคอนเสิร์ตช่วงนี้กันนะ

 

สุดท้ายก็ได้แต่โทษตัวเองที่ดันเกิดมาช้าไป นี่ถ้าเกิดเร็วกว่านี้ซัก 4 ปี พ่อจ๋ากับแม่จิ๊บคงยอมให้ไป แต่พอมาคิดดูแล้วถ้าตอนนี้เจี๊ยบอายุ 20 ก็เท่ากับว่าแม่จิ๊บต้องท้องเจี๊ยบตอนอายุ 10 ขวบ

 

เอ่อ...คงไม่ดีเนอะ

 

                “เป็นอะไรไปคะ พักนี้หนูดูหงุดหงิด”ลลิตภัทรที่นั่งตกปลาอยู่ข้างหลานตัวน้อยที่เอาแต่เหม่อไม่สนใจทุ่นไม้ที่ขยับยุบยิบในน้ำเลยซักนิดก็ให้แปลกใจ 2-3 วันมานี้ลูกเจี๊ยบผีเข้าผีออก บางทีก็เอาแต่นั่งถอนหายใจ บางทีก็ดูหงุดหงิดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จะว่าเมนส์มาลูกเจี๊ยบก็ไม่มีรังไข่และมดลูก ถึงจะมีไข่ก้อนกลมๆน่ารักที่เคยฟัดแต่ก็คงทำให้เมนส์มาไม่ได้แน่ๆ แล้วใยเจ้าตัวน้อยถึงมีท่าทางแบบนี้กันเล่า

 

                “ไม่มีอะไรหรอกจ้า หนูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อาลออย่าสนใจเลย”

 

                “มันไม่ปกติค่ะ พักนี้หนูดูอารมณ์ไม่ดี มีอะไรบอกอาได้นะคะเผื่อจะได้ช่วยกันคิด”ลลิตภัทรเอื้อมมือไปสอดประสานกับนิ้วมือป้อมๆแสนน่ารักของหลานพลางกระชับราวกับจะปลอบใจ ความนุ่มนวลและอบอุ่นแล่นเข้าสู่หัวใจเด็กน้อย ศตายุยิ้มได้ในรอบหลายๆวัน แค่มีอาลออยู่ข้างๆความขุ่นมัวในใจก็เหมือนจะคลายลง นึกโมโหตัวเองที่ไม่รู้จักจัดการอารมณ์ของตัวเอง ดูเอาเถอะอยู่กับอาลอแท้ๆแต่กลับไม่ทำตัวให้มีความสุขจนอาลอเป็นห่วง

 

 

ยังเด็กอย่างที่พ่อแม่บอกจริงๆนั่นแหละศตายุเอ๋ย

 

                “ว่าไงคะ มีปัญหาอะไรเล่าให้อาฟังได้หรือยัง?”

 

ในที่สุดลูกเจี๊ยบก็เล่าปัญหาที่ค้างคาใจของตัวเองให้อาหนุ่มฟัง พระลอพยักหน้าพลางร้องอ๋ออย่างเข้าใจ

 

เขาเข้าใจทั้งแดนดินและจิ๊บที่เป็นห่วงลูก แม้ศตายุจะตัวโตแต่เอาเข้าจริงประสบการณ์ชีวิตก็ยังน้อยนัก ศตายุถ้ายังไม่เจอเขาศตายุก็คือแก้วเนื้อบริสุทธิ์ดีๆนี่แหละ หากเป็นลูกเขาๆก็ไม่ให้ไปเหมือนกัน

 

                “พ่อกับแม่เขาเป็นห่วงหนู ตอนนี้อาจจะเสียใจแต่พอโตไปหนูก็จะรู้ค่ะว่าเขารักเรามากจนไม่กล้าที่จะเอาความมั่นใจของหนูมาเสี่ยง”

 

                “หนูเข้าใจจ้า ตัดใจแล้ว ไม่เป็นไรดูคลิปในยูทูปก็ได้จ้า”เด็กน้อยตอบรับอย่างเข้าใจ พระลอลูบผมหลานอย่างเอ็นดู ศตายุเป็นเด็กพูดง่ายเสมอ ไม่งอแงดื้อรั้นที่จะเอาแต่ใจตัว ถ้าบอกว่าไม่ก็พร้อมจะเข้าใจ ถามว่าเสียใจมั้ย แน่นอน พระลอเคยเป็นเด็กมาก่อนรู้ดีว่าความรู้สึกผิดหวังยามไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้น่ะมันรู้สึกแย่แค่ไหน

 

ดังนั้น

 

 

 

 

คืนนั้นหลังจากส่งลูกเจี๊ยบกลับบ้านเสร็จกินข้าวกินปลาอาบน้ำปะแป้งจนชื่นใจแล้วพระลอก็ต่อสายหาเอ็มเพื่อนสนิททันที

 

                “ฮัลโหล ไอ้เอ็ม กูมีเรื่องจะให้มึงทำให้หน่อยถ้ามึงทำได้กูให้ 5 พัน”

 

                “อะไรวะ เชิญบัญชามาได้เลยเพื่อน”

 

                “หาบัตรคอนบรูโน่ มาร์ให้กู 2 ใบ เอาบัตรแพงสุดที่นั่งดีๆ”

 

                “โอเคเพื่อน มึงเตรียมโอนเงินห้าพันให้กูได้เลย”เอ็มตอบกลับมาอย่างมั่นใจเพราะตนเองมีเส้นสายเยอะเรื่องแค่นี้หมูๆ ถึงหาบัตรจากพรรคพวกไม่ได้ แต่นี่ใคร เทพเจ้าเอ็ม บัตรคอนเกาหลีที่ว่ากดยากกดเย็นพี่ก็กดได้มาแล้ว ทีมงานคุณภาพเน้นๆ

 

เมื่อได้ยินคำรับรองจากเพื่อนลลิตภัทรก็ผิวปากอย่างสบายใจ

 

ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วยถึงจะวางใจใช่มั้ย

 

นี่ไง

 

นี่ใคร

 

ลลิตภัทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เชียวนะ

 

ผู้ใหญ่จริงๆเชื่อถือได้

 

ฮี่ๆ





 

 

 

                ลลิตภัทรนั่งเอนกายกับพนักพิงที่ศาลาริมน้ำ อากาศยามเย็นคลายความร้อนลงไปมาก สายลมพัดพลิ้วทำให้กอไผ่เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังเอียดอาด แมงมุมน้ำวิ่งบนผิวน้ำจนเกิดแรงกระเพื่อมวงเล็กๆปลาตัวน้อยตัวใหญ่โผล่ขึ้นมาฮุบบนผิวน้ำตรงนู้นตรงนี้บ่งบอกว่าระบบนิเวศน์ของลำคลองสายนี้ยังอุดมสมบูรณ์ดีขนาดไหน ธรรมชาติที่หาแทบไม่ได้ในเมืองหลวง ลลิตภัทรสูดลมหายใจรับกลิ่นน้ำเข้าไปจนเต็มปอด มองไปยังท่าน้ำบ้านตรงข้ามไร้วี่แววของเด็กๆที่มักจะมานั่งเล่นกันเป็นประจำทุกเย็นเพราะวันนี้แก้วเจ้าจอมปลงผมเพื่อจะบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในวันพรุ่งนี้ สมาชิกในบ้านคงไปอยู่วัดกันหมดนั่นแหละ  พรุ่งนี้เขาต้องตื่นไปช่วยที่วัดแต่เช้ามืดที่บ้านก็จะไปเปิดโรงทานเพื่อเลี้ยงชาวบ้านด้วย ตอนนี้ในครัวกำลังเตรียมวัตถุดิบที่จะทำอาหารพรุ่งนี้ให้ง่วนไปหมด เขาเองก็เพิ่งกลับมาจากเตรียมสถานที่ พ่อบอกว่าปีนี้มีเณรเยอะกว่าทุกปีคือ 100 กว่าคน ชายหนุ่มนั่งมองกอบัวที่หุบดอกยามเย็นด้วยใจที่สงบ เมื่อก่อนเขาไม่มีเวลาดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ เลิกงานตอนเย็นก็ไปกินเหล้ากับเพื่อนบ้างก็ไปขลุกอยู่ในฟิตเนส แม้ว่าลลิตภัทรจะไม่นิยมการมีกล้ามล่ำๆแต่ชายหนุ่มก็รักสุขภาพ ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบไม่รู้ตัวไปหลายอย่าง อย่างแรกคือเขารู้จักที่จะใจเย็นทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาใจร้อนไม่ชอบรออะไรแต่ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่บ้านเขารู้จักการใช้ชีวิตให้ช้าลง อีกอย่างคือตอนนี้เขาเลิกบุหรี่ได้เด็ดขาดแล้วตั้งแต่คบกับลูกเจี๊ยบเด็กน้อยบ่นเขาทุกครั้งที่เวลาจูบกันแล้วปากของเขามีกลิ่นบุหรี่ เขาเรียนรู้ที่จะรู้ว่าเงินทองและสิ่งของที่เราซื้อไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขมากที่สุดหากแต่เป็นครอบครัวและผู้คนที่อยู่รอบๆกายและคนที่ทำให้เรารู้สึกเต็มอิ่มไปด้วยความรักนั่นคือสิ่งที่ทำให้ลลิตภัทรมีความสุขอย่างแท้จริง

 

                “นั่งเล่นเอ็มวีอยู่หรือไงวะไอ้ลอ”ลลิตภัทรสะดุ้งเมื่อมือหนักๆของพี่ชายคนกลางตบลงแรงๆบนไหล่ของตน พระลักษณ์ยื่นแก้วเหล้าให้น้องชายพลางจิบแก้วของตัวเองไปด้วย

 

                “ก็พอเข้าใจว่าผมหล่อ แต่ไม่คิดว่าพี่จะมองว่าผมหล่อระดับพระเอกเอ็มวีเลยว่ะ เซอร์ไพร์ทนะเนี่ย”

 

                “มีใครเคยบอกมึงมั้ยวะว่ามึงโคตรหลงตัวเองเลย”พระลักษณ์เอ่ยแขวะเมื่อน้องชายพูดจาเข้าข้างเบ้าหน้าของตัวเอง

 

                “เคยมีแต่คนชมนะพี่ ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาอวยแต่พอกลับบ้านมาส่องกระจก โอ๊ะ หล่อจริงๆด้วย ผมเลยเชื่อว่าคนพวกนั้นเห็นว่าผมหล่อจริงๆ”

 

                “เอาจริงๆนะไอ้ลอ ถ้ามึงไม่ใช่น้องกู กูถีบลงไปให้ชะโดแดกมึงแล้ว คำพูดคำจามั่นหน้าเหลือเกิน”พระลักษณ์ไม่พูดเปล่าคนเป็นพี่เงื้อเท้าจะถีบน้องเอาตามที่พูดจริงๆจนพระลอต้องยกมือทำท่ายอมแพ้อย่างเสแสร้ง สองพี่น้องนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั้งเรื่องกิจการที่บ้านรวมไปทั้งเรื่องปัญหาของลูกบ้านที่ต้องดูแล ไม่นานบรรดาหลานๆและพี่สะใภ้ก็มาสมทบเสียงพูดคุยหยอกล้อดังไปทั่วคุ้งน้ำบ่งบอกให้รู้ว่าครอบครัวนี้มีความสุขมากเพียงใด

 

เป็นครอบครัวในฝันของใครหลายๆคน คนทั้งสามรุ่นอยู่ด้วยกันด้วยความรักและห่วงใยไม่ทอดทิ้ง มื้อกับข้าวตอนเย็นแม้จะประกอบด้วยอาหารง่ายๆพวกน้ำพริกกะปิผักต้มผักสด ปลาทอดและแกงป่าหมูสับแต่กลับทำให้ลลิตภัทรเจริญอาหารอย่างไม่น่าเชื่อ หลังกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีกับพ่อแม่จนสองทุ่มพี่ๆและหลานๆก็แยกกลับไปบ้านตัวเองลลิตภัทรอยู่คุยกับพ่อแม่จนทั้งสองคนเข้านอนชายหนุ่มเดินตรวจตรารอบบ้านอีกครั้งจึงกลับเข้าห้องอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนโดยไม่ลืมหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์ของลูกเจี๊ยบดูแล้วก็ไม่ผิดหวังเมื่อเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยถ่ายรูปเซลฟี่ส่งมาให้เมื่อสิบนาทีก่อนแล้วบอกว่าจะนอนแล้ว ลลิตภัทรเปิดรูปของลูกเจี๊ยบดูก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นใสกิ๊งไร้เครื่องสำอางรอยยิ้มน้อยๆปรากฏบนใบหน้าเลื่อนสายตาไปที่ลำคอระหงส์ที่เคยฝังจมูกสูดกลิ่นหอมอยู่หลายหนก็ได้แต่กลืนน้ำลายยิ่งไล้สายตาลงไปยังคอเสื้อที่แหวกลึกเป็นตัววีก็ยิ่งคอแห้ง

 

เด็กอะไรมาเป็นภาพนิ่งก็ยังน่ากินได้ขนาดนี้

 

ร้ายจริงๆ

 

ลลิตภัทรขยับกายพิงหัวเตียงก่อนจะหามุมเพื่อถ่ายรูปกลับไปให้ลูกเจี๊ยบบ้าง เมื่อได้มุมชายหนุ่มกดยิ้มมุมปากก่อนจะถ่ายส่งกลับไปหาลูกเจี๊ยบ ศตายุที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงกระเด้งตัวขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู พลันใบหน้าก็ร้อนเห่อเมื่อรูปที่ส่งมาลลิตภัทรไม่ได้ใส่เสื้อ ข้อความที่ส่งมายามลูกเจี๊ยบเปิดอ่านคือ

 

                “คืนนี้อาจะนอนกับหนูนะคะ เจอกันในฝัน”

 

งื้อ...อาลอคนบ้า เสื้อผ้าเสื้อผ่อนไม่ใส่แล้วยังมาพิมพ์อะไรเสี่ยวๆอีก น้องจะขาดใจตายเพราะความเขินแล้วจ้าอาลอจ๋า

 

รุ่งเช้าพระลอและครอบครัวลุกขึ้นมาเตรียมงานตั้งแต่เช้ามืด รถกระบะลำเลียงวัตถุดิบที่จะทำโรงทานไปวัด เต็นท์ถูกกางรอตั้งแต่เมื่อวาน แดนดินและครอบครัวมาถึงวัดเกือบจะพร้อมกับบ้านพระลอ ศตายุช้อนตามองคนรักพลันก็ก้มหน้าหลบสายตาหวานเชื่อมที่มองมอง

 

                “จิ๊บ เดี๋ยวพี่ไปดูลูกก่อนนะ จิ๊บกับลูกอยู่ตรงนี้ก่อนได้ใช่มั้ย เสร็จแล้วพี่จะรีบกลับมา”แดนดินหิ้วเข่งขนมจีนที่สั่งมาร่วมร้อยกิโลมาวางในเต๊นท์ในขณะที่จิ๊บเริ่มจัดข้าวของ หญิงสาวพยักหน้ารับคำสามีพลางง่วนอยู่กับการเตรียมของโดยมีจัทร์เจ้าขาและศตายุเป็นลูกมือ มีลูกจ้างมาช่วยอีกสามคน

 

                “เดี๋ยวเจี๊ยบกับเจ้าขาเอาผักสดใส่ถาดเตรียมไว้นะลูก แม่จะจัดชุดที่จะถวายพระกับลูกเณรทั้งหลายก่อน”เจ้าขาและเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย ส่วนแม่และลูกมือเริ่มตั้งเตาทำน้ำยากะทิ น้ำยาป่า แกงเขียวหวานไก่ เด็กน้อยหั่นผักเคียงไปก็เหลือบตามองอาลอไป ชายหนุ่มอยู่ช่วยแม่ยกข้าวของลงจากรถเสร็จแล้วก็ตามแดนดินไปเพราะต้องคอยดูแลความสะดวกและไปช่วยดูแลพวกเด็กๆที่มีนับร้อยคน แก้วเจ้าจอมหัวเหม่งในชุดขาวกำลังนั่งเล่นกับเพื่อนๆ 2-3 คน เด็กน้อยรีบวิ่งมาหาผู้เป็นพ่อทันที

 

                “พ่อจ๋า เมื่อคืนจอมไม่ร้องไห้กลัวผีด้วยจอมเก่งมั้ยจ๊ะ”น้ำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนน่ารักพูดยกยอตนเองอย่างอวดๆ แดนดินยิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะจุ๊บหัวเหม่งลูกชายอย่างแสนรัก

 

                “เก่งที่สุดเลยลูก เก่งสมกับเป็นลูกชายของพ่อ”

 

                “หนูหิวจังเลยจ้าพ่อ หลวงตาเรียกตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน”เด็กน้อยลูบพุงตัวเองเบาๆ แดนดินโยกหัวเหม่งๆของลูกด้วยความเอ็นดู

 

                “รออีกพักนะลูก วันนี้แม่เขาทำขนมจีนเลี้ยง มีน้ำพริกแบบที่หนูชอบด้วย หนูรอได้ใช่มั้ย เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนนะ”

 

                “ได้จ้าพ่อจ๋า หนูทนได้”ลลิตภัทรพ่นลมออกทางปากด้วยความหมั่นไส้สองพ่อลูกที่จ๊ะจ๋าเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ชายหนุ่มแยกไปช่วยดูเด็กๆคนอื่นๆจนกระทั่งถึงเวลาถวายภัตราหารเช้า บรรดาพ่อแม่ลูกเณรทั้งหลายต่างช่วยกันประเคนอาหารแด่พระสงฆ์และจัดสำรับสำหรับเด็กๆลลิตภัทรอาศัยช่วงชุลมุนไปยืนข้างๆลูกเจี๊ยบที่กำลังช่วยประเคนของถวายพระ

 

                “อาช่วยค่ะ”เอ่ยกระซิบเบาๆพลางช้อนฝ่ามือไปช่วยประคองถาด ลูกเจี๊ยบอมยิ้มน้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าวยามฝ่ามือของอาลอประทับลงฝ่ามือตนทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงช่วยกันถวายของให้พระจนเสร็จแล้วเดินไปช่วยแม่ๆที่เต๊นท์เพื่อเตรียมแจกของให้กับชาวบ้านผู้ร่วมงาน

 

                “เย็นๆไปหาอาที่บ้านนะคะ อามีอะไรจะให้”ลลิตภัทรเอ่ยกระซิบเบาๆข้างหูหลานก่อนจะแยกไปช่วยตักเส้นก๋วยจั๊บใส่ชามโฟมให้ชาวบ้านที่เริ่มมาต่อแถว

 

งานวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นแก้วเจ้าจอมกลายเป็นสามเณรอย่างสมบูรณ์และได้ฉันท์เพลร่วมกับเณรองค์อื่นๆ ชาวบ้านช่วยกันเก็บข้าวของล้างคืนวัด แกงและอาหารรวมทั้งขนมนมเนยที่เหลือก็ถูกตักใส่ถุงแล้วแจกให้เอากลับไปกินที่บ้านกันจนถ้วนทั่ว

 

                “อยู่วัดเป็นเณรแล้วต้องสำรวมนะลูกเณร อย่าวิ่งเล่นซุกซนเข้าใจมั้ยคะ”จิ๊บเอ่ยสอนลูกในตอนที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน

 

                “หนูรู้แล้วจ้าแม่ หนูไม่กล้าซนหรอก ถ้าซนหลวงตาจะฟาดด้วยก้านมะยมหนูก็เจ็บพอดีซี่แม่จ๋า”

 

                “ไม่ซนก็ดีแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่แล้วก็พี่ๆกลับก่อนนะลูก”แก้วเจ้าจอมลงจากตักผู้เป็นพ่ออย่างว่าง่าย เณรน้อยโบกมือลาก่อนจะเดินกลับไปหาหลวงตาที่กุฎิไป

 

เมือกลับมาถึงบ้านเก็บของที่ขนกลับมาจากวัดเสร็จลูกเจี๊ยบก็ขออนุญาตแม่ข้ามไปหาลลิตภัทรโดยไม่ลืมหิ้วน้ำยากะทิ แกงเขียวหวานไก่ และน้ำพริกรวมทั้งเส้นขนมจีนที่จัดแบ่งไว้ไปให้ย่าโฉม นั่งคุยกับย่าโฉมพักหนึ่งก็ขอตัวไปหาลลิตภัทรบนห้อง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกายจนอดที่จะสูดลมหายใจเข้าไปอย่างชื่นอกชื่นใจไม่ได้ ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งอยู่ทีโต๊ะทำงาน โน๊ตบุ๊คยังเปิดใช้งานอยู่ เมื่อเห็นศตายุชายหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้หลานพลางหันเก้าอี้เข้าหาก่อนจะตบลงเบาๆที่ต้นขาของตัวเองลูกเจี๊ยบเดินไปนั่งลงบนต้นขานั้นพลางใช้มือคล้องคอลลิตภัทรอย่างรู้งาน

 

                “คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”ไม่พูดเปล่าปลายจมูกโด่งก็กดลงบนแก้มนุ่มของหลานพลางเกลี่ยไปมาจนลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกด้วยความจั๊กจี้

 

                “คิดถึงอะไรล่ะจ๊ะ ก็เจอกันทั้งวันอยู่แล้ว”

 

                “ได้เจอแต่ไม่ได้พูดกันไม่ได้หอมแก้มหนูอาใจจะขาดอยู่แล้วค่ะ”ลลิตภัทรฝังปลายจมูกลงบนต้นคอของหลานจนศตายุต้องหดคอหนี เอวบางถูกรั้งยามที่ฝ่ามือเลื้อยมาผลักอกลลิตภัทรออกเบาๆ

 

                “ฮื้อ อาลออย่าแกล้งหนูสิจ๊ะ ไหนอาลอว่ามีอะไรจะให้หนูไม่ใช่เหรอจ๊ะ”เด็กน้อยรีบเบี่ยงเบนความสนใจของลลิตภัทรเมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือของชายหนุ่มเริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อของตัวเองทีละนิดๆ ลลิตภัทรเมื่อได้ยินดังนั้นก็นึกได้ ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักด้านข้างก่อนหยิบอะไรบางอย่างออกมา

 

                “วันนี้เพื่อนอาส่งจดหมายมาให้”ลลิตภัทรยื่นมันให้กับเด็กน้อย ศตายุรับมาถือไว้อย่าง งงๆ

 

                “แล้วอาลอเอามาให้หนูทำไมล่ะจ๊ะ อาลอเปิดอ่านเองเถอะจ้าหนูไม่ละลาบละล้วงของๆอาลอดีกว่า”เด็กน้อยยื่นซองจดหมายคืนให้ลลิตภัทร ชายหนุ่มยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วจุ๊บลงบนมือนุ่มนั้นไปทีหนึ่งจนคนเด็กก้มหน้างุด

 

                “อาลอนี่นะ ฉวยโอกาสกับหนูเรื่อยเลย”บ่นอุบแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้ากลับขึ้นมามอง

 

                “เปิดเถอะค่ะ จดหมายน่ะของอา แต่ข้างในน่ะของหนู”ลลิตภัทรตอบกลับง่ายๆเอนกายพิงพนักเก้าอี้ก่อนจะออกแรงยกตัวหลานให้นั่งคร่อมหันหน้ามาหาตนเพราะอยากเห็นปฏิกริยาหลังจากนี้ของคนเด็กกว่าให้เต็มตา

 

                “ก็ได้จ้า”ในที่สุดเด็กน้อยก็ยอมที่จะเปิดซอง ศตายุหยิบมีคัทเตอร์บนโต๊ะมากรีดตามความยาวของซองก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นบางๆสองแผ่นออกมา พลันดวงตากลมก็เบิกโพลง ริมฝีปากยิ้มกว้างอ้าค้างอย่างตกตะลึง ศตายุลืมลมหายใจและเสียงของตัวเองไปชั่วขณะก่อนจะสวมกอดลลิตภัทรไว้เต็มอ้อมแขน

 

                “อาลอจ๋า อาลอหามาให้หนูจริงๆเหรอจ๊ะ?”น้ำเสียงที่ปกปิดความปิติยินดีไว้ไม่มิดเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ยืดกายคลายอ้อมแขนพลางเอากระดาษแผ่นนั้นมาดูอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

 

และทุกอย่างก็ยังคงเดิม

 

บัตรคอนเสิร์ตของบรูโน่ มาร์ ที่อยากไปนักไปหนาแต่พ่อแม่ไม่อนุญาตตอนนี้มาอยู่ในมือของลูกเจี๊ยบแล้ว

 

                “ชอบมั้ยคะ?”น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ยถามเบาๆ เด็กน้อยกดหน้าหงึกหงักแล้วสวมกอดลลิตภัทรอีกครั้งอย่างดีใจ

 

                “ชอบมากเลยจ้า ขอบคุณอาลอมากนะจ๊ะที่หามาให้หนู แต่ว่า...”เด็กน้อยมีท่าทีสลดลงเมื่อนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่พ่อกับแม่เคยบอก

 

                “พ่อกับแม่บอกว่าไม่ให้หนูไปคนเดียวจ้า ต้องมีผู้ใหญ่ไปด้วย หนูเคยบอกอาลอแล้วนี่จ๊ะ”

 

อาลอนี่ แก่จนเป็นอัลไซเมอร์แล้วหรือไงจ๊ะ ทำไมถึงจำที่หนูบอกไปแล้วไม่ได้กันล่ะ

 

                “แล้วใครบอกว่าจะให้หนูไปคนเดียวล่ะคะ”

 

                “เอ๊ะ?”

 

                “อาจะไปด้วยค่ะ รับรองพ่อกับแม่ของหนูเถียงไม่ออกแน่ๆ เพราะอายุอาโตมากแล้วสามารถดูแลหนูได้ สองอาเป็นผู้ใหญ่ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิค่ะ พ่อกับแม่ไม่น่าจะเถียงได้”เด็กน้อยอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำตอบของลลิตภัทร เมื่อคิดตามก็เห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม

 

ถูกของอาลอนะจ๊ะ พ่อกับแม่ให้ไปกับผู้ใหญ่

 

นี่ไง อาลอไงจ๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7

 


งื้อ...แฟนใครเนี่ย ทั้งหล่อทั้งฉลาดเลยจ้า





......................................
จะพาน้องไปดูคอนอย่างเดียวจริงๆใช่มั้ย แต่ทางสะดวกละนะพ่อไปงานแต่งแม่ก็ต้องไปด้วยอย่างนี้เจี๊ยบก็ว่างอยู่คนเดียวด้วน ไหนใครบอกจะพาน้องไปคอนโดที่กรุงเทพที่มีสระว่ายน้ำด้วยนะถ้าน้องเล่นน้ำด้วยละ อาลอสะกดจิตสะกดใจตัวเองไว้นะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 20:00:26
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๔






        “ไม่ให้ไป!!”เสียงตวาดลั่นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นของกำนันหนุ่มเต้นผางยามลูกชายพาลลิตภัทรมาหาถึงบ้าน

 

หนอย... ไอ้ลอ ไอ้เวรตะไล คนเขาชังน้ำหน้าเป็นนักหนาแล้วยังจะหน้าด้านบุกมาเหยียบถึงเรือน มาไม่พอยังมาขอให้เจี๊ยบไปดูคอนเสิร์ตกับมันอีก

 

ไม่ยอม

 

ไม่ให้ไป

 

            “โธ่ พ่อจ๋า พ่อให้น้องไปเถอะนะ”ลูกเจี๊ยบทำสีหน้าอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ แม้ในใจออกจะหงุดหงิดเมื่อหนึ่งไม่ยอมสองไม่ให้อยู่นั่นแหละ จะไม่ให้ไปทำไมจ๊ะ ก็ตรงตามเงื่อนไขที่พ่อเคยบอกแล้วไง บัตรรึก็มีแล้ว ที่นั่งก็โคตรดีแถมมีผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ทั้งอายุและตำแหน่งไปด้วยแท้ๆ

 

            “พ่อไม่ให้น้องไปกับไอ้ลอ”

 

            “ทำไม ทำไมมึ..พี่ถึงไม่ให้หลานไปกับผม?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อมาขอให้ดีๆแดนดินก็ไม่ยอมอยู่นั่นแหละจนรู้สึกโกรธแทนเจี๊ยบล่ะ

 

            “ไม่มีเหตุผลกูแค่ไม่อยากให้ลูกกูไปไหนมาไหนกับมึง”แดนดินตอบอย่างคนเอาแต่ใจ ลลิตภัทรมองหน้าลูกเจี๊ยบแล้วก็ให้สงสาร

 

            “อย่างี่เง่าสิพี่ เจี๊ยบอยากไปมากและผมก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้หลานไป”

 

            “เพราะไปกับมึงนี่ไงกูถึงไม่อยากให้ลูกกูไปด้วย อยู่ๆมาซื้อบัตรให้หวังผลอะไรอยู่หรือเปล่า เจี๊ยบก็เหมือนกันไปขอของจากมันทำไมเดี๋ยวเถอะนะเดี๋ยวพ่อจะตีหนู”

 

            “โธ่ พ่อจ๋า...”

 

            “จิ๊บ ดูเอาเถอะ เธอไม่สงสารลูกเหรอ ไหนบอกว่าถ้ามีผู้ใหญ่ไปด้วยก็จะอนุญาตไง เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอด ตั้งใจเรียนเราแค่อยากให้รางวัลหลาน อีกอย่างหลานไม่ได้ขออะไรเราเลย เราให้เอง”ในเมื่อขอพ่อแล้วไม่ได้เรื่องลลิตภัทรก็หันไปขอจิ๊บที่นั่งข้างๆสามีแทน

 

            “เด็กน่ะถ้าเขาทำดีเราก็ควรให้รางวัลเขาบ้างแล้วเจี๊ยบก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะช่วยดูแลให้ อีกอย่างตอนนี้มันปิดเทอมเธอควรให้ลูกได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เรากะว่าวันที่เหลือเราจะพาเจี๊ยบไปดูนิทรรศการไปดูสถานที่เรียนพิเศษในกรุงเทพว่ามันดีขนาดไหน นะจิ๊บถือซะว่าให้ลูกได้ไปเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆบ้าง อยู่แต่กับบ้านก็เห็นอยู่แค่นี้”

 

            “พี่ไม่ให้ไปนะจิ๊บ”แดนดินยังคงไม่ยอมแพ้เมื่อเห็นภรรยามีท่าทางคิดตามก็รีบขัดขึ้นมาทันที

 

            “มันจะรบกวนลอมากเกินไปหรือเปล่า?”หากแต่จิ๊บกลับไม่สนใจสามีที่ทำตัวงี่เง่างอแง

 

หล่อนสงสารลูก  หล่อนเข้าใจความรู้สึกของลูกดี ลูกเจี๊ยบไม่ใช่เด็กงอแงจะเอาอะไร เมื่อตอนบอกไม่อนุญาตพร้อมเหตุผลแม้ลูกจะซึมลงไปถนัดตาแต่ก็ไม่ได้มาเซ้าซี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ลูกสามารถทำตามเงื่อนไขที่หล่อนบอกได้หมดแล้วทำไมหล่อนจะต้องใจร้ายกับลูก จริงอย่างที่พระลอบอก เจี๊ยบเป็นเด็กดีทำตัวดีมาตลอดอาจจะมีเป๋ไปบ้างตอนที่แอบไปดูหนังแต่นั่นก็เป็นแค่เพียงความผิดเดียวที่ลูกทำ ในเมื่อลูกประพฤติตนเป็นเด็กดีแล้วการที่หล่อนจะให้ในสิ่งที่ลูกร้องขอทำไมจะทำไม่ได้

 

ลลิตภัทรเองก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาลลิตภัทรดูแลเอาใจใส่ลูกๆของหล่อนอย่างสม่ำเสมอ ดีขนาดที่แก้วเจ้าจอมเชื่อฟังชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างรวดเร็วนั่นเถอะ

 

            “ไม่รบกวนเลยจิ๊บ เราจะไปดูอยู่แล้วพอเพื่อนหาบัตรมาให้เราเลยให้หามาสองใบ เราสัญญาว่าจะดูแลเจี๊ยบให้ดีไม่พาไปเถลไถลที่ไหนเด็ดขาด”

 

            “ถ้าลอรับปากเราอย่างนั้นเราก็จะให้ลูกไป”สิ้นคำพูดของจิ๊บแดนดินก็แทบจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่ใต้ถุนเรือนส่วนลูกเจี๊ยบยิ้มกว้างโชว์ฟันซี่เล็กๆพลางก้มลงกราบตักแม่ด้วยความดีใจ

 

ยังไงแม่จ๋าก็มีเหตุมีผลเสมอ คิดถูกจริงๆที่มาขอตอนที่แม่อยู่ด้วย ลลิตภัทรมองภาพเด็กน้อยของเขาที่หันมาส่งยิ้มหวานให้ก็แสนจะมีความสุข นึกขอบคุณภาพลักษณ์ดีๆของตัวเองที่ทำให้จิ๊บวางใจพลางปรายตามองแดนดินที่ทำตัวเป็นหมีควายดีดดิ้นอย่างหมั่นไส้

 

มันน่าเตะให้ตกใต้ถุนเรือนนักไอ้คนขวางโลก รำคาญ!!!

 

หลังจากวันนั้นลูกเจี๊ยบน้อยก็อารมณ์ดีเป็นยิ่งนัก มองอะไรก็สดใสไปหมด ไปเยี่ยมน้องเณรก็อดไม่ได้ที่จะอวดว่าตนเองจะได้เข้ากรุงเทพจนเณรเจ้าจอมทำท่าจะงอแงตามจนจิ๊บต้องดุลูกชายคนโตที่จะมาทำให้น้องเณรตบะแตก

 

            “โอ๋ๆ ไม่งอแงนะเดี๋ยวโยมพี่ซื้อขนมกับของเล่นมาฝากน้องเณรนะครับ”ลูกเจี๊ยบปลอบน้องที่นั่งหันหลังให้พยายามทำท่าน่ารักง้องอนเจ้าตัวดีที่หัวเหม่งนั่งจุ้มปุ๊กเข้ากำแพงอย่างแสนงอน

 

            “พี่เจี๊ยบใจร้าย ไปเที่ยวตอนหนูบวช”คนน้องโอดครวญอย่างตัดพ้อน้ำเสียงรึแสนจะเศร้าสร้อยจนพี่ชายใจกระตุก

 

            “พ่อแม่กับพี่เจ้าขาก็จะไปเที่ยวเชียงใหม่...”คราวนี้คนเป็นพ่อกับแม่และพี่สาวถึงขั้นสะดุ้งต่อ แดนดินรีบเข้าไปโอ๋ลูกเณรน้อยทันที

 

            “ไม่ต้องเสียใจนะลูกเณร เดี๋ยวสึกแล้วพ่อจะพาไปเที่ยวทะเล”คราวนี้เณรน้อยหันขวับดวงตาเป็นประกายวิ้งๆขึ้นมาทันที

 

            “พ่อกำนันพูดจริงนะจ๊ะ ไม่หลอกเณรนะ หลอกเณรเป็นบาปนะจ๊ะ”เอานรกสวรรค์มาขู่ไว้ก่อนยังไงพ่อจ๋าก็ต้องกลัวตกนรกอยู่แล้วล่ะ

 

            “สัญญาสิลูก แต่ว่าพ่อแม่กับพี่ๆจะไม่อยู่อาทิตย์หนึ่งนะลูกเณรทนเหงาหน่อยนะครับ”

 

            “ได้จ้าพ่อจ๋า ถึงน้องจะเหงาบ้างอะไรบ้างแต่ความเหงาของหนูแก้ได้ด้วยของเล่นนะจ๊ะ”

 

            “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะเณร”จันทร์เจ้าขออดไม่ได้ที่จะปรามน้อง เด็กสาวรู้ทันน้องชายจอมมารยาดี แก้วเจ้าจอมน่ะไม่ได้งอนจริงจังหรอก ทำมารยาสาไถเพื่อจะหลอกเอาของเล่นนั่นแหละ

 

            “แหม ก็ตัวได้ไปเที่ยวนิ หนูต้องอยู่วัดเดินจงกรมกับหลวงตาเหงาจะตาย”

 

 

            “เจี๊ยบเตรียมเสื้อผ้าไปพอหรือเปล่าลูก”จิ๊บเข้ามาหาลูกชายที่กำลังจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กที่ลลิตภัทรนำมาให้เมื่อช่วงสาย เด็กน้อยหันมายิ้มให้คนเป็นแม่ในขณะที่จิ๊บมาช่วยจัดกระเป๋าด้วยอีกแรง

 

            “น้องว่าครบแล้วจ้าเอาไปแค่ 4-5 ชุดพอ”

 

            “ไปกับอาลอก็ทำตัวดีๆนะลูก อย่าดื้ออย่าซนรู้มั้ยไม่ได้ไปกับพ่อกับแม่ ชุดชั้นในน้องเอาใส่ถุงแยกต่างหากให้เป็นระเบียบดีกว่านะ”จิ๊บสอนลูกพลางเดินไปหยิบถุงมาใส่ชุดชั้นในแล้วใส่ลงไปก้นสุดของกระเป๋า

 

            “น้องไม่ซนหรอกแม่ นี่โตแล้วนะจ๊ะ 16 จะ 17 อยู่ไม่กี่วันนี้แล้ว”

 

            “แม่รู้ว่าน้องโตแล้ว แต่อาลอเขาเป็นผู้ใหญ่กว่ามากแม่กลัวว่าน้องจะไปเผลอเอาแต่ใจตัวเองเหมือนที่อยู่กับพ่อกับแม่”เจี๊ยบนั่งมองแม่ที่เอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมาพับให้เรียบร้อยก่อนจะวางกลับเข้าไปใหม่ สองแม่ลูกนั่งคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งลลิตภัทรขับรถยนต์มาจอดหน้าบ้าน แดนดินสะบัดหน้าพรืดเดินลัดคันนาทิ้งไปไม่อยากจะเห็นขี้หน้าของลลิตภัทร

 

            “ฝากลูกด้วยนะลอ”จิ๊บเดินมาส่งลูกที่รถ พระลอที่แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ๊ดสีน้ำเงินเข้มเซ็ตผมจนหล่อเฟี้ยวพยักหน้ารับก่อนจะรับกระเป๋าของศตายุไปใส่ท้ายรถ

 

            ไม่ต้องห่วงนะจิ๊บเดี๋ยวเราจะดูแลอย่างดีเลย”

 

            “เงินที่แม่ให้เก็บให้ดีๆนะเจี๊ยบ”จิ๊บหันไปสั่งลูกอีกครั้ง เอาเข้าจริงแม้ลูกจะโตและมีลลิตภัทรคอยดูแลหล่อนก็ยังอดห่วงไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะตัวโตสูงใหญ่ขนาดไหนในสายตาของคนเป็นแม่ลูกเจี๊ยบก็ยังคงเป็นน้องน้อยของตนอยู่ดี เจี๊ยบรีบเดินมาสวมกอดแม่พลางหอมแก้มฟอดใหญ่รับคำทุกอย่างที่แม่สอน ในที่สุดท้ายรถของลลิตภัทรก็ลับโค้งถนนไป เป็นการเดินทางโดยไม่มีพ่อแม่ไปด้วยครั้งแรกของลูกเจี๊ยบ บรรยากาศในรถเป็นไปด้วยดี ลลิตภัทรผิวปากตามเสียงเพลงอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มพาคนรักแวะกินข้าวที่นครปฐมก่อนจะตียาวเข้ากรุงเทพยามที่รถติดไฟแดงก็หันไปหยอกล้อกับเด็กน้อยอย่างมีความสุข เสียงเพลงสากลเปิดคลอทำให้ในรถไม่เงียบ สายฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเมื่อเข้าเขตกรุงเทพช่างเป็นอากาศที่แปรปรวน ลูกเจี๊ยบน้อยมองทิวทัศน์ข้างทางด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

กรุงเทพตอนฝนตกก็สวยดีเหมือนกันนะจ๊ะ

 

ลูกเจี๊ยบยิ้มให้กับภาพของคู่รักที่เดินจับมือกันเคียงข้างในร่มคันเล็ก บ้างก็หลบฝนตาป้ายรถเมล์ที่ดูจะบังอะไรไม่ได้เลยซักนิด การจราจรติดแหงกเมื่อรถมาถึงย่านธุรกิจใจกลางเมืองที่ลลิตภัทรบอกว่าคอนโดของตนอยู่แถวนี้ อากาศชุ่มชื้นภายนอกและแอร์เย็นในรถทำให้เด็กน้อยห่อตัวด้วยความหนาว พลันฝ่ามือก็อบอุ่นอย่างน่าประหลาดยามที่ลลิตภัทรกอบกุมมือของตนเองไว้ เมื่อหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มที่ลูกเจี๊ยบชอบเสียเหลือเกิน เด็กน้อยยิ้มตอบพลางกระชับนิ้วที่ถูกผสานไว้เบาๆ เพลงยังคงเล่นไปเรื่อยๆจนกระทั่งทำนองที่คุ้นหูดังขึ้น ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆแล้วเริ่มร้องตามเบาๆ สายตาหวานเชื่อมกันหันมามองลูกเจี๊ยบน้อยอย่างสื่อความหมาย จนแก้มใสค่อยๆขึ้นสีมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงนุ่มทุ้มที่ได้ยินทำให้หัวใจพองฟูแม้จะไม่ได้เพราะราวนักร้องมืออาชีพ บางท่อนก็ร้องเพี้ยนหากแต่เมื่อใช้ใจฟังมันกลับเป็นเพลงที่เพราะที่สุในโลกเพราะยิ่งกว่าเสียงของต้นฉบับที่กำลังเล่นอยู่เสียอีก รถติดไม่น่าเบื่อเลยซักนิดเมื่อได้ฟังเพลงจากศิลปินที่ชอบผ่านน้ำเสียงของคนที่รักไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

beautiful girls all over the world

i could be chasing but my time would be wasted

they got nothing on you baby

nothing on you baby

they might say hi and i might say hey

but you shouldn't worry about what they say

cos they got nothing on you baby

nothing on you baby

 

ใช่...เพราะสำหรับลลิตภัทร ไม่มีใครเทียบเท่าศตายุได้เลยจริงๆ...









 

            หลังจากติดแหงกอยู่บนถนนมานานเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดลลิตภัทรก็พารถมาจอดในลานจอดรถของคอนโดได้ในที่สุด ชายหนุ่มรับอาสาเข็นกระเป๋าเดินทางของหลานและของตัวเขาเดินนำเข้ามาในลิฟท์ คนรู้จักรวมทั้งเพื่อนบ้านที่คุ้นหน้าเอ่ยทักทายชายหนุ่มยามเดินผ่านล็อบบี้ด้านล่างชายหนุ่มหยุดทักทายเพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวเพราะคิดว่าลูกเจี๊ยบคงจะเพลียจากการเดินทางและรถที่ติด

 

เมื่อลิฟท์พาคนทั้งคู่ขึ้นมายังชั้นที่ 15 ลลิตภัทรก็เดินนำลูกเจี๊ยบมาที่ห้องของตนเอง ศตายุมองลลิตภัทรใช้คีย์การ์ดแตะที่หน้าห้องล็อกประตูก็ปลดออกอย่างตื่นเต้น เมื่อเข้ามาด้านในเด็กน้อยก็ร้องว้าวออกมาอย่างทึ่งๆ ตอนแรกลูกเจี๊ยบคิดว่าห้องของลลิตภัทรคงจะเป็นคอนโดห้องเล็กๆที่มีเพียงห้องนอนกับห้องนั่งเล่น แต่เมื่อเข้ามาความกว้างขวางนั้นใหญ่พอๆกับบ้านของลูกเจี๊ยบเลยด้วยซ้ำ ด้านหน้าเป็นเค้าท์เตอร์บาร์มีชั้นวางขวดเหล้าและไวน์ด้านข้างมีตู้เย็นหลังใหญ่ถัดไปเป็นครัวที่มีอุปกรณ์ครัวครบครันด้านหน้ามีโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ตั้งอยู่ กลางห้องเป็นห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาหนังชุดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้าโฮมเธียร์เตอร์ใหญ่เท่าจอหนังกลางแปลงที่เจี๊ยบเคยดูตามงานวัด แผ่นหนังและซีดีเพลงเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบติดกำแพงด้านหลังมีตู้โชว์ที่มีพวกโมเดลการ์ตูน รวมทั้งรถบังคับ เรือและเครื่องบินบังคับเรียงอยู่จนเต็ม มองเลยเข้าไปในห้องเล็กด้านข้างน่าจะเป็นห้องทำงานลูกเจี๊ยบมองเห็นตู้ใส่หนังสือหลังใหญ่กับคอมพิมเตอร์ห้องของอาลอตกแต่งเป็นโทนสีขาวเทาไม่ได้ดูเรียบแต่ก็ไม่ดิบจนเกินไป

 

            “เหนื่อยมั้ยคะ หนูหิวหรือเปล่า จะออกไปทานข้างนอกหรือให้อาโทรสั่งขึ้นมาดีคะ”ศตายุละความสนใจจากส่วนต่างๆส่งยิ้มหวานให้คนเป็นอาที่เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องนอนแล้วเดินออกมา เด็กน้อยหลับตาพริ้มยามที่ร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคอดแล้วกดจูบลงบนหน้าผากเนียนเสียเต็มรัก

 

            “ออกไปรถก็ติดอีกแถมฝนตกด้วยหนูว่าโทรสั่งก็ได้จ้าง่ายดีนะจ๊ะอาลอจะได้พักด้วยขับรถมาตั้งไกล”

 

            “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ดีเหมือนกัน อาก็เหนื่อยๆอยู่พอดี งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ผ้าขนหนูอยู่ในตู้เสื้อผ้าหนูหยิบมาใช้ได้เลยถ้าไม่ได้พกของตัวเองมา สระผมด้วยนะคะถ้าจะเป่าผมมีไดร์เป่าผมอยู่บนตู้ตรงอ่างล้างหน้า เดี๋ยวอาสั่งข้าวไว้รอหนูอยากทานอะไรคะร้านข้างล่างมีทุกอย่างเลย”

 

            “หนูกินอะไรก็ได้จ้า อาลอสั่งมาได้เลย”เด็กน้อยตอบอย่างง่ายๆเพราะตัวเองเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยเอวน้อยๆนั้นให้เป็นอิสระเดินไปหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาร้านข้าวด้านล่าง ศตายุเดินเข้ามาในห้องนอนที่อาลอชี้แล้วก็ได้แต่ทำตาโต ห้องของอาลอตกแต่งด้วยสีเทาอ่อนๆ เตียงนอนคิงส์ไซส์เด่นตระหง่าน ผู้ปูที่นอนหมอนผ้าห่มเป็นสีเทายกชุด ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่สีขาวชิดผนังอยู่ใกล้กับประตูห้องน้ำ เมื่อเปิดดูก็พบกับเสื้อผ้าของเจ้าของห้องที่แยกเสื้อกางเกงและจัดสีกันอย่างชัดเจนอัดแน่นเต็มตู้ ผ้าขนหนูหลายผืนพับเป็นระเบียบอยู่มุมล่างของตู้ ลูกเจี๊ยบหยิบออกมาผืนหนึ่งตามที่ลลิตภัทรบอกก่อนจะเดินไปที่กระเป๋าเดินทางของตัวเองหยิบเอาเสื้อผ้าที่จะใส่นอนออกมาแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ

 

ศตายุเคยเห็นห้องน้ำแบบนี้ในละครที่บ้านพระเอกนางเอกที่รวยๆมาก็หลายเรื่อง แต่ของจริงนั้นเพิ่งเห็นที่ห้องอาลอเป็นครั้งแรก มุมหนึ่งมีอ่างจากุซซี่ตั้งชิดกับกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองไปเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ รอบอ่างจัดไฟส่องจนเกิดแสงสวยงามโรแมนติก ลูกเจี๊ยบเคยฝันว่าอยากจะลองอาบน้ำในอ่างจากุซซี่ซักครั้งแต่ก็ต้องตัดใจไปเสียเพราะไม่กล้าละลาบละล้วงถือวิสาสะใช้ของๆอาลอ ถัดไปเป็นตู้อาบน้ำที่เป็นกระจกใสห้องน้ำของอาลอแยกส่วนเปียกส่วนแห้งออกจากกันอย่างชัดเจน

 

            “ทำไมอาลอดูรวยจังเลยนะ อาลอทำงานอะไร?”เกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่งในสมอง แต่ก็สะบัดหน้าขับไล่ออกไปอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 15 นาที สายน้ำอุ่นช่วยขับไล่ความเมื่อยล้าได้พอสมควร เมื่ออกมาด้านนอกก็เห็นลลิตภัทรนวดต้นคอตัวเองเบาๆอยู่ปลายเตียง ชายหนุ่มหันมามองเด็กน้อยที่ใส่เสื้อยืดสีเหลืองตัวย้วยและกางเกงขาสั้นตัวใหญ่อย่างเอ็นดู

 

            “อาลอไปอาบน้ำสิจ๊ะ จะได้สดชื่น”ศตายุเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบผ้าขนหนูมายื่นให้พระลอ ชายหนุ่มยื่นมือไปกุมมือน้อยๆแสนน่ารักนั้นไว้แล้วจรดริมฝีปากลงไปบนหลังมือคู่นั้นเบาๆ

 

            “หอมจังเลยค่ะ ใช้ครีมอาบน้ำของอาแท้ๆแต่ทำไมมันหอมกว่าทุกครั้ง”

 

            “อาลออย่ามาทำปากหวานเลยจ้า ไปอาบน้ำเถอะ หนู...หนูหิวแล้ว”เด็กน้อยชักมือกลับเมื่อริมฝีปากซุกซนเริ่มเลื้อยขึ้นมาเรื่อยๆ ลลิตภัทรยอมละไปอย่างว่าง่ายเพราะเขาเองก็หิวเช่นเดียวกัน

 

            “งั้นเดี๋ยวถ้าเขาเอาข้าวมาส่งหนูเอาเงินในกระเป๋าเงินอาไปจ่ายได้เลยนะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าเดี๋ยวหนูเอาเงินหนูจ่ายให้ก็ได้ เมื่อกลางวันอาลอก็เลี้ยงข้าวหนูแล้ว”ลลิตภัทรที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำชะงักเท้าทันทีก่อนจะก้าวยาวๆกลับมาหาศตายุ ชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้าหาตัวแล้วประกบจูบพลางกัดริมฝีปากล่างของเด็กน้อยจนศตายุรู้สึกเจ็บ

 

            “อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะอาไม่ชอบเลย แฟนทั้งคนอาเลี้ยงได้ทั้งชีวิต”เด็กน้อยก้มหน้างุดซ่อนแก้มแดงให้พ้นสายตาของอาลอทันที ริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกกัดทำโทษเมื่อครู่บัดนี้ถูกเจ้าของกัดเพื่อกลั้นยิ้มสุดความสามารถ

 

อาลอนี่นะ มาทำให้หนูเขินทำไมเนี่ย

 

คนบ้า

 

หลังจากกินข้าวเย็นกันตอนเกือบสองทุ่มศตายุก็จับจองพื้นที่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องก่อนจะลงมือเลือกแผ่นหนังที่อยากดูทันที เมื่อได้เรื่องที่ต้องการแล้วก็ยื่นให้ลลิตภัทรที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว เด็กน้อยวิ่งปรู๊ดไปหยิบอ่างใส่ขนมพวกป๊อปคอร์นและขนมถุงที่เทใส่รวมๆกันมานั่งขัดสมาธิอย่างตื่นเต้น ลลิตภัทรเดินกลับมานั่งข้างๆเด็กน้อย ไฟในห้องถูกปิดทำให้บรรยากาศคล้ายว่าทั้งสองคนกำลังนั่งดูหนังในโรงภาพยนต์ไม่มีผิด เมื่อหนังเล่นไปได้ครึ่งเรื่อง ขนมก็หมดชาม ศีรษะของเด็กน้อยก็มาพิงกับไหล่ของลลิตภัทรอย่างไม่รู้ตัว ฝ่ามือของคนทั้งคู่ประสานกัน ยังไม่ทันจบเรื่องดีเด็กน้อยของเขาก็โงกไปเสียแล้ว ลลิตภัทรจัดการปิดเครื่องเล่นวีซีดีและทีวีก่อนจะลุกขึ้นแล้วช้อนร่างของเจ้าน้องน้อยที่หลับจนแก้มยู่กับไหล่เขามาไว้ในอ้อมแขน พาหลานเข้ามานอนในห้องวางร่างบางลงอย่างแผ่วเบาขยับผ้าห่มจนคลุมถึงต้นคอลูกเจี๊ยบ ลลิตภัทรมองใบหน้าน่ารักที่หลับสนิทนั้นอย่างแสนรัก อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้ ตั้งแต่คบกันมาแม้จะเลยเถิดกันไปไกลกว่าการเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบคู่อื่นๆ แต่นี่จะเป็นคืนแรกที่เขาได้มีลูกเจี๊ยบตัวน้อยๆนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาจนถึงรุ่งเช้า ลลิตภัทรเปิดไฟหัวเตียงแล้วเดินไปปิดไฟดวงใหญ่สอดตัวเข้าไปในผ้านวมผืนเดียวกับศตายุ ดึงร่างเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งที่ตัวเขามั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเด็กคนนี้ได้ตลอดชีวิต ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของตนเองให้แน่นขึ้น กายนุ่มนิ่มเต็มไม้เต็มมือนั้นซุกเข้าหาไออุ่นโดยอัตโนมัติลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบปากอิ่มนั้นแผ่วเบานุ่มนวล

 

            “ฝันดีนะคะ ลูกเจี๊ยบของอา”

 

ลลิตภัทรรู้สึกตัวตื่นในสายของอีกวันเมื่อรู้สึกว่าในอ้อมแขนมีร่างของใครบางคนขยับกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ เมื่อลืมตาก็เห็นใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มพริ้มเพรากับริมฝีปากอิ่มสีเหมือนเยลลี่ลอยอยู่ใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเขาดึงหลานให้ขึ้นมานอนบนอกตอนไหน ถึงว่าตอนนอนรู้สึกหนักๆเหมือนผีอำ แต่ตอนนี้ปากงุ้ยๆที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วทั้งวันนั้นกำลังล่อสายตาของเขาอยู่

 

            “อาลอจ๋า สิบโมงแล้วนะจ๊ะ น้องหิวข้าว”ลลิตภัทรนอกจากไม่ลุกไม่คลายอ้อมกอดแล้วยังใช้ความเร็วพลิกร่างของลูกเจี๊ยบตัวน้อยลงไปนอนใต้ร่างของตนเองแทน ปลายจมูกโด่งกดลงบนแก้มนุ่มนั้นพลางขยี้ไปมาเบาๆ ฟัดลามไปถึงซอกคอขาวยั่วตานั้นจนเด็กน้อยที่ดิ้นขลุกขลักใต้ร่างหัวเราะเสียงใสเพราะความจั๊กจี้

 

            “อาลอ ฮื้อ ไม่เอา น้องบอกน้องหิวข้าว”เสียงเล็กร้องท้วงเมื่อปลายนิ้วเริ่มไต่เข้ามาในเสื้อ อาลอนี่ช่างพูดไม่รู้ความเอาเสียเลยหนูบอกว่าหนูหิวข้าวแปลว่าให้พาหนูไปหาอะไรกินหน่อยนะจ๊ะ ไม่ได้หมาความว่าให้อาลอตื่นมากินหนูเสียหน่อย

 

แต่เด็กน้อยก็ต้องเลิกดิ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นคลอเคลียลงมาบนปากของตน

 

ลูกเจี๊ยบชอบจูบของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบความนุ่มนิ่มของริมฝีปากของอาลอ

 

ลูกเจี๊ยบชอบปลายลิ้นของอาลอที่ส่งเข้ามาทักทายกับเรียวลิ้นของตัวเอง

 

จูบแสนเนิบนาบเชื่องช้าค่อยๆดูดกลืนความรู้สึกของศตายุทีละนิด เด็กน้อยจูบตอบอย่างใสซื่อ มันไม่ใช่การจูบแบบตะกละตะกราม อาลอเหมือนกำลังค่อยๆละเมียดชิมความหอมหวานราวกับกำลังชิมวิปครีมบนไอศกรีมถ้วยโปรด

 

ทั้งหอมหวานและน่าหลงใหล

 

ทั้งมัวเมาทำให้เผลอเสพติดโดยไม่รู้ตัว นานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ในที่สุดคนโตกว่าก็ยอมละริมฝีปากออก ความเงาวาวจากน้ำหวานสีใสที่เคลือบอยู่บนปากอิ่มของคนใต้ร่างอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มไปให้อย่างเอ็นดู ปลายนิ้วไล้ตามรูปปากเช็ดคราบใสมุมปากให้อย่างอ่อนโยน

 

            “แค่จูบหนูเมื่อกี๊อาก็อิ่มไปทั้งวันแล้วค่ะ อยากตื่นมาแล้วมีหนูอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้ทุกเช้าไปจนตลอดชีวิตจัง”

 

            “ฮื้อ...ไม่ปากหวานตอนนี้สิจ๊ะ หนูหิวข้าวแล้วจริงๆ”เด็กน้อยซุกหน้าลงบนอกแกร่งของคนเป็นอาซ่อนความเขินอายและรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุขไว้จนมิด แสร้งยกประเด็นที่ทำให้ต้องปลุกลลิตภัทรขึ้นมาพูดอีกรอบ ลลิตภัทรหัวเราะอย่างรู้ทันแต่ก็ยอมขยับตัวลุกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเพราะสงสารเด็กอนามัยที่มาห้องเขาทั้งทีก็กินข้าวเช้าผิดเวลาไปเสียแล้ว ไม่นานชายหนุ่มและเด็กน้อยก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงที่อุดมไปด้วยร้านอาหารหลากหลาย สถาบันกวดวิชามากมาย ชายหนุ่มพาศตายุเข้าร้านอาหารเกาหลี อาหาร 3-4 อย่างถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมกับหมูย่างบนเตาที่สุกกำลังกิน ศตายุมองลลิตภัทรที่สาธิตวิธีการกินให้อย่างตั้งใจ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าอาหารบนโต๊ะก็หมดเกลี้ยง ลลิตภัทรพาศตายุเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารจากนั้นก็พาเด็กน้อยเข้าร้านบิงซูชื่อดัง ศตายุมีความสุขมาก สุขที่ได้ใช้เวลาดีๆแบบนี้กับลลิตภัทร กินเสร็จก็เดินดูนั่นนี่อีกนิดหน่อย ในที่สุดนาฬิกา จีช็อครุ่นไอร่อนแมนที่อยากได้มานานก็มาประดับอยู่บนข้อมือสวยของศตายุ ส่วนในถุงมีนาฬิกาเบนเทนสำหรับเจ้าจอม และนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลสำหรับจันทร์เจ้าขาเมื่อได้ของที่ต้องการทั้งคู่ก็พากันเอาของที่ซื้อมาเก็บที่ห้อง บ่ายสามก็เดินทางไปสถานที่จัดคอนเสิร์ต บรรดาแฟนเพลงที่มีบัตรเริ่มหลั่งไหลกันเข้ามา เด็กน้อยชี้ชวนคนเป็นอาให้ไปเดินดูนั่นนี่จนมีสายเรียกเข้าพระลอหยุดเพื่อรับโทรศัพท์ก่อนจะทำหน้าเจื่อนๆ

 

            “มีอะไรเหรอจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบเห็นอาลอวางสายพลางทำหน้าปู้เลี่ยนๆก็เอ่ยถามอย่างห่วงใย

 

            “คือ...”

 

            “จ๊ะ?”

 

            “คือบัตรที่เราได้มา เป็นบัตรที่อาแอนหามาให้...”

 

ศตายุแทบจะหมดอารมณ์ดูคอนเสิร์ตทันทีที่ได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของลลิตภัทรเด็กน้อยก็แสร้งยิ้มกว้างราวกับไม่ได้คิดอะไรมาก

 

            “ไม่เป็นไรหรอกจ้าหนูไม่ได้คิดอะไร”

 

            “จริงเหรอคะ แล้ว...จะเป็นอะไรมั้ยคะถ้าอาแอนจะมานั่งดูกับเราด้วย”

 

เป็นอะไรหรือเปล่าเจี๊ยบก็ไม่รู้หรอกจ้า

 

รู้แต่ว่าตอนนี้เจี๊ยบอยากกลับบ้านแล้ว

 

บรูโน่ไม่ได้มาคนเดียว ดันมีแอนมาด้วยอีกคน

 


ไม่อยากดูแล้วจ้า
พระลอกับแดนดินนี่จะไมาญาติดีกันแล้วใช่มั้ย พรอลอก็จริงๆเลยอยากได้ลูกเขาแท้ๆดันชอบไปกวนประสาทเขาอยู่บ่อยๆ ว่าแต่คอนบรูโน่ท่าจะไม่สนุกแล้วสิ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 20:22:49

   “อาบน้ำกันก่อนนะคะ หนูจะได้สบายตัว”ลลิตภัทรวางร่างบางของลูกเจี๊ยบไว้ก่อนจะจัดการผสมน้ำในอ่างจากุซซี่ ไฟในห้องน้ำเปิดเพียงสลัว ไฟข้างอ่างเล่นแสงสวยงามจับตา ลูกเจี๊ยบรู้สึกกายสั่นสะท้านยามที่ลลิตภัทรยื่นมือมาหาชักชวนให้ก้าวลงไปในน้ำที่ไหลวน หน้าต่าง กระจกใสมองเห็นทัศนียภาพภายนอกทำให้อดหวั่นใจไม่ได้

แต่ที่สุดเด็กน้อยก็ลงมาแช่ในน้ำโดยมีลลิตภัทรนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ฟองน้ำนุ่มค่อยๆถูเบาๆไปตามร่างกายของเด็กน้อย พรมจูบจนทั่วแผ่นหลังอย่างโหยหามิรู้เบื่อ ยามลมหายใจร้อนรดต้นคอก็คล้ายพายุที่พัดพาความซ่านสยิวให้มาแตะผิวกายจนร้อนไปทั่วทั้งสรรพางค์

   “อื้อ...”ศตายุร้องครางออกมาเบาๆยามฝ่ามืออุ่นที่เคยถูสบู่เปลี่ยนมากอบกุมแกนร้อนของตนเองพลางขยับข้อมือเบาๆ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นริมฝีปากอิ่มร้องครางยามจังหวะที่เนิบช้าแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น พาอารมณ์พุ่งทะยานก็เหมือนโดนดึงให้ตกลงจากฟ้าลงมาที่หุบเหวลึก ลลิตภัทรปั่นป่วนคนเด็กจนนั่งไม่ติดพื้นอ่างมือข้างหนึ่งเกาะขอบอ่างไว้มั่น อีกข้างก็จิกลงบนต้นขาแกร่งของคนที่กำลังกลั่นแกล้ง ยามความเสียวพุ่งสูงร่างบางก็ยืดตัวขึ้นจนคล้ายจะลอย ยิ่งส่งเสียงครวญครางก็เหมือนลลิตภัทรจะสนุกมือรั้งรูดรัวเร็วจนเด็กน้อยครางระงมก้องห้องน้ำ แสงไฟจากตึกสูงนอกหน้าต่างบัดนี้พร่าเลือนจนมองไม่ออก ดวงตากลมหวานเชื่อม ริมฝีปากแดงอิ่มคล้ายลูกเชอร์รี่เชื่อม ศตายุหันกลับไปร้องขอจูบจากลลิตภัทรยามที่คลื่นอารมณ์ขึ้นสูงสุดความเสียวแล่นพล่านจากสมองสู่จุดกลางกาย ร่างบางกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมาเรี่ยวแรงที่เคยมีคล้ายถูกเวทย์มนต์เสกหายไปในพริบตา ลลิตภัทรดึงเด็กน้อยให้หาหน้ามาหาตนโดยที่ศตายุนั่งคร่อมเขาอยู่ในท่าทางแสนล่อแหลม บางสิ่งใต้น้ำขยายใหญ่พร้อมสำหรับการสำรวจสิ่งใหม่ๆ หากแต่เขายั้งสติของตัวเองไว้ไม่ให้บุ่มบ่ามใจร้อน ลูกเจี๊ยบน้อยของเขายังเด็กนักทั้งยังไม่เคยกับเรื่องอย่างว่าเขาจะทุนุถนอมให้ดอกไม้ดอกนี้ช้ำน้อยที่สุดชายหนุ่มในยามนี้เปรียบเหมือนแม่มดเจ้าเล่ห์ที่หยิบยื่นผลไม้พิษรสหวานให้กับสโนไวท์ผู้อ่อนต่อโลก บริสุทธิ์และไร้เดียงสา ลวงล่อได้โดยง่ายเพียงแค่ใช้จุมพิตหลอกล่อก็ตกลงมาในบ่วงของเขาอย่างง่ายดาย ลูกเจี๊ยบน้อยสะดุ้งเบาๆยามที่ปลายนิ้วซุกซนของลลิตภัทรแตะที่รอยจีบเบื้องล่าง ไล้วนเบาๆก่อนจะค่อยๆสอดแทรกเข้าไปด้านในทีละนิด

   “อื้อ...”ร่างบางสะดุ้งโหยงยามปลายนิ้วที่ควานไปทั่วโพรงอุ่นสัมผัสโดนบางจุดจนทำให้รู้สึกเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้ามาช๊อตเด็กน้อยเด้งตัวขึ้นละริมฝีปากที่ถูกจูบออกส่งเสียงครางหวานให้ได้ยิน ลลิตภัทรย้ำลงไปที่จุดนั้นอีกหลายหนจนมั่นใจว่าเขาเจอจุดที่จะทำให้ศตายุมีความสุขได้ชายหนุ่มใช้นิ้วเบิกช่องทางให้เด็กน้อยอย่างใจเย็น ปรนเปรอจูบหวานเบี่ยงเบนความสนใจจนในที่สุดก็เพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไปทีละนิ้วจนครบทั้งสามนิ้ว

   “ไม่..ไม่เอานิ้วแล้วจะได้มั้ยจ๊ะ” เสียงกระท่อนกระแท่นร้องขอยามที่ละริมฝีปากออกจากเขา ลลิตภัทรลูบน้ำออกจากใบหน้าเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูในความใจร้อนของศตายุ

   “อาอยากให้หนูพร้อมก่อนจะใส่ของอาเข้าไปจริงๆไงคะ ถ้าไม่เตรียมให้ดีหนูจะเจ็บ อีกอย่างอาต้องไปเอาถุงยางก่อน”ลลิตภัทรอธิบายอย่างใจเย็น ศตายุหลุบตาลงต่ำก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง ริมฝีปากบวมเจ่อเอ่ยถ้อยคำน่ารักออกมาจนชายหนุ่มสติขาดในทันที ถุงเยิงถุงยางไว้คราวหลังก็แล้วกัน

   “หนูอยากเจ็บตัวแล้วนี่จ๊ะ”ขาดคำของลูกเจี๊ยบลลิตภัทรก็ถอนนิ้วออกก่อนจะแทนที่ด้วยแกนกายของตนเองที่มีขนาดใหญ่กว่านิ้วมากนัก มองหน้าเจ้าลูกเจี๊ยบที่จ้องตาไม่ละได้ละอย่างเชิญชวนชายหนุ่มก็ยกเอวบางขึ้นก่อนจะกดลงไปช้าๆ ลูกเจี๊ยบหน้าเปลี่ยนสีในทันที กายแดงราวกับกุ้งต้ม สองแขนผวาเฮือกกอดคอเขาแน่นฟันซี่เล็กกัดลงบนไหล่เขาเพื่อกลั้นความเจ็บ

   “อื้อ...จ...เจ็บ”

   “อาบอกหนูแล้วไงคะว่ามันจะเจ็บ คราวนี้หนูเชื่ออาแล้วหรือยัง?”ลลิตภัทรจงใจกดสะโพกเด็กน้อยลงไปอีกนิดโชคดีที่น้ำในอ่างช่วยให้มันเข้าไปไม่ยากนักแม้จะเป็นการส่งตัวตนของตัวเองเข้าไปทีละนิดก็ตามเถอะ ไม่ใช่ว่าศตายุเจ็บคนเดียวเสียหน่อย เด็กน้อยตอดรัดเขาจนปวดหน่วงไปหมดแล้ว หากแต่ศตายุแทนที่จะกลัวกลับทำตัวเป็นเด็กอวดเก่งเมื่อฟังคำถามอาหนุ่มจบร่างบางก็ทิ้งสะโพกกลืนกินตัวตนของลลิตภัทรไปจนสุดความยาว ปากเล็กอ้าเผยอระบายลมออกมาเพื่อระบายความเจ็บ

   “แฮ่ก...”ลมหายใจหอบสะท้านดังชิดริมหู คนโตกว่าอดไม่ได้ที่จะฟาดฝ่ามือลงบนแก้มก้นเนียนนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

   “อื้อ..”เด็กน้อยที่ลองขยับสะโพกอย่างเก้ๆกังๆยู่หน้าเมื่อความคับแน่นทำให้รู้สึกแสบแต่ก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งปะปนกันมาด้วย

   “ซนจริงๆเด็กคนนี้นี่ อยู่เฉยๆนะคะเดี๋ยวอาทำเอง อย่าใจร้อน”ลลิตภัทรจับเอวเด็กน้อยให้ค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้าเสียงครางเบาๆสั้นๆชิดริมหูยามเด็กน้อยซบลงกับไหล่ของตนอย่างอ่อนแรง ชายหนุ่มดึงแกนกายออกจนเกือบสุดแล้วสอดใส่กลับไปใหม่ นุ่มนวลและเนิบช้าจนศตายุเริ่มจับจังหวะได้ เด็กน้อยรั้งศีรษะของลลิตภัทรเข้ามาจูบยามความรู้สึกเจ็บถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่าน สะโพกอิ่มเริ่มขยับตอบรับจนในที่สุดก็ผสานเป็นจังหวะเดียวกัน แม้จะช้าแต่ก็ลึกและรู้สึกราวกับจะขาดใจเมื่อสัมผัสโดนจุดที่ทำให้รู้สึกเหมือนไฟช๊อตนั้น ศตายุครางเสียงกระเส่าในขณะที่ลลิตภัทรก็แทบจะสำลักความสุข ปลายลิ้นตวัดผ่านยอดอกที่ขยับขึ้นลงไปมาจนกายบางที่ถูกปรนเปรอทั้งบนทั้งล่างบิดเร่า มือเล็กส่งลงไปรูดรั้งแกนกายของตนเองเป็นบางครั้งเมื่อความเสียวเข้าเล่นงาน เด็กน้อยอยากปลดปล่อยหากแต่พอร้องเสียงดังลลิตภัทรก็แกล้งหยุดแล้วก็ทำต่ออย่างนี้ไปเรื่อยๆราวกับจะท้าทายว่าใครจะอดทนได้มากไปกว่ากัน

เป็นของเขาแล้ว ทั้งตัวและหัวใจ เด็กที่กำลังโลดแล่นราวกับม้าหนุ่มที่เพิ่งถูกปลดปล่อยสู่ท่งหญ้าเขียวนี้คือของเขาอย่างสมบูรณ์

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครแม้จะมีเซ็กส์กับคู่นอนมากหน้าหลายตา

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาอยากจะถนอม

ศตายุเป็นคนแรกที่เขาไม่ใช้เครื่องป้องกัน

ศตายุเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากสัมผัสไปทุกส่วนของร่างกาย ฝ่ามือที่วางลงบนไหล่ของเขาบ้างก็จิกเล็บลงบนผิวเนื้อ บ้างก็คลายพลางขยี้รอยเล็บเมื่อคิดคิดว่าเขาจะเจ็บนั้นช่างน่าเอ็นดู

   “อาลอ...อาลอจ๋า...”น้ำเสียงหวานร้องเรียกยามเด็กน้อยขยับสะโพกเข้าหาอย่างอ้อนวอน

   “คะ?”แกล้งส่งเสียงถามในขณะที่กำลังเลาะเล็มยอดอกชูชันนั้นราวกับเอร็ดอร่อยเสียเต็มประตา สะโพกสอบขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าจนไม่ทันใจเด็กน้อยที่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บแล้วมีแต่ความอยากรู้อยากลองเข้ามาแทนที่

มีแต่ความต้องการมากขึ้นทุกขณะ ศตายุก็ไม่ได้ใสจนกระทั่งไม่เคยอ่านนิยายรักๆใคร่ๆ ก็พอจะรู้มาบ้างว่าคนรักกันต้องทำยังไง และถ้ามีอะไรกันก็ไม่ควรอายที่จะบอกความต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้

   “เร็ว...เร็วกว่านี้อีกได้มั้ยจ๊ะ”

   “เอาแต่ใจจังเลยค่ะ”แกล้งว่าก่อนจะจับเด็กหันหน้าไปอีกทางจนศตายุร้องออกมาด้วยความตกใจ

   “ทรงตัวดีๆแล้วก็จับขอบอ่างแน่นๆนะคะ อาจะเอาจริงแล้ว”

อะไรคืออาลอจะเอาจริงกันล่ะจ๊ะ แล้วที่ผ่านมานับสิบนาทีนั่นยังไม่เรียกว่าเอาอีกเหรอจ๊ะ แม้จะมีคำถามแต่ลูกเจี๊ยบก็ได้แต่คิดในใจพลางทำตามที่ลลิตภัทรบอกอย่างเชื่อฟัง ชายหนุ่มดึงสะโพกบางเข้ามาชิดแล้วสอดแกนกายกลับเข้าไปอีกครั้ง

และศตายุก็ได้รู้ว่าคำว่าเอาจริงของลลิตภัทรนั้นน่ากลัวขนาดไหน

หากบอกว่าจังหวะเนิบช้าเมื่อครู่ทำเอาเด็กน้อยนั่งไม่ติดขอบอ่างแล้วล่ะก็ จังหวะสาวสะโพกรัวเร็วเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องน้ำในตอนนี้ทำเอาศตายุร้องไม่เป็นภาษา หากความเสียวที่ข้างล่างส่งพลังมาที่ปลายนิ้วมือได้ป่านนี้ขอบอ่างคงถูกจิกจนแตกละเอียด ลลิตภัทรใส่ไม่ยั้งไม่ออมแรงเลยซักนิด ชายหนุ่มแค่อยากจะแกล้งเด็กน้อยที่ทำตัวแก่นแก้วให้รู้เสียบ้างว่าคนที่เป็นผู้นำเกมนี้คือเขา ใบหน้าหวานหลับตาปี๋ยามจุดไวต่อความรู้สึกถูกกระตุ้นราวกับมีลูกธนูนับร้อยดอกยิงเข้าใส่จนหายใจแทบไม่ทัน ลลิตภัทรดึงสะโพกหลานไม่ให้ถอยหนีชายหนุ่มสูดปากระบายลมหายใจกระชั้น บางช่วงก็ส่งเสียงครางประสานกับลูกเจี๊ยบที่เริ่มตาพร่าสติสตังเริ่มเบลอ เดี๋ยวร้องขอเดี๋ยวเรียกชื่อเขาบางจังหวะก็ส่งมือไปรูดรั้งตัวตนของตัวเองอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูก แรงขยับทำให้น้ำที่มีฟองสบู่กระเพื่อมจนล้น

   “อ๊ะ...อื้อ...อาลอ...อาลอจ๋า”เสียงหวานร้องเรียกยามหน้าท้องหดเกร็ง ความเสียวที่มากกว่าเดิมแล่นปราดจากหน้าท้องสู่แกนกายสะโพกขาวเด้งรับแรงกระแทกก่อนกายบางจะชะงักเกร็งและปลดปล่อย ลมหายใจสะดุดแข้งขาและแขนอ่อนแรงทันทีจนลลิตภัทรต้องประคองร่างอ่อนปวกเปียกนั้นไว้

   “อย่าเพิ่งหมดแรงสิคะ อายังไม่เสร็จ ชายหนุ่มไสร่างเข้าหาหนักหน่วงและลึกสุดจนเด็กน้อยสะดุ้ง จุดไวต่อความรู้สึกยังคงถูกยั่วยุอย่างต่อเนื่องอีกหลายนาทีจนกระทั่งความเร็วเพิ่มขึ้นในนาทีสุดท้ายร่างบางสั่นคลอนก่อนความรู้สึกอุ่นวาบจะพุ่งเข้าสู่ร่างกายของตนเองลลิตภัทรดึงร่างเด็กน้อยในมาแนบกับอกตัวเอง ขยับเอวออกช้าๆก่อนจะกระแทกเข้าไปสุดอีก 3-4 ครั้งแล้วกดแช่แกนกายของตนเองไว้ ลมหายใจกระเส่าค่อยๆผ่อนลงรวมทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจที่เริ่มเป็นปกติ

“อารักหนูนะคะ...รักมากๆ...รักมากที่สุดในโลกเลย”ริมฝีปากอุ่นกดจูบลงบนแก้มเรื่อ ศตายุตาปรือพยักหน้ารับ น้ำตาไหลออกจากขอบตาทั้งสองข้าง

ไม่ใช่เสียใจที่เสียของสำคัญให้อาลอ

หากแต่ศตายุดีใจ ดีใจเหลือเกินที่ได้เป็นของอาลออย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เสียใจเลยซักนิดแม้การกระทำจะเหมือนเด็กใจง่าย

เหตุผลก็คงเป็นเหมือนอาลอนั่นแหละ

   “หนูก็รักอาลอจ้า รักที่สุดในโลกเหมือนกัน”

   “ได้อาแล้วก็อย่าทิ้งอย่าขว้างอานะคะ อาแก่แล้วถ้าหนูทิ้งอาคงไปเริ่มใหม่กับใครไม่ได้”
   
   “อย่ามาพูดดีเลยจ้า มีคนรอรับอาลออีกตั้งหลายคน อีกอย่างหนูเอาแต่ใจอาลอจะเบื่อหนูเสียก่อนจะแก่ไปมากกว่านี้น่ะสิจ๊ะ”

   “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเอาแต่ใจ แต่อาจะเอาแต่หนู ต่อไปนี้ก็เตรียมร่างกายให้พร้อมแล้วกันนะคะ อาจะเอาจนหนูต้องอ้อนวอนขอชีวิตเลยล่ะ หึหึ”ลลิตภัทรแกล้งกระซิบประโยคท้ายเบาๆก่อนจะงับติ่งหูนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว

   “เราล้างตัวกันดีกว่านะจ๊ะ หนูเหนื่อยแล้ว”ศตายุรีบร้องบอกยามเบื้องล่างรู้สึกถึงบางอย่างเริ่มขยายตัวจนจิ้มกับช่องทางที่เพิ่งจะถูกถอดถอนออกได้ไม่นานระหว่างที่คุยลลิตภัทรก็ใช้ปลายนิ้วคว้านเอาสั่งที่ปล่อยเข้าไปในกายเด็กน้อยออกไปด้วย แต่ยิ่งได้สัมผัสร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดอะไรๆมันกลับดึ๋งดั่งปึ๋งปั๋งยิ่งกว่ากินดีหมี ลลิตภัทรขยับสะโพกให้ตัวตนของตนเองถูไถไปกับร่องก้นของศตายุ

   “ฮื้อ...อ...อาลอ หนูไม่เอาแล้วนะจ๊ะ”เด็กน้อยรีบลุกออกจากอ่างเพื่อเข้าไปล้างตัวในตู้อาบน้ำด้วยความเงอะงะ ลลิตภัทรยิ้มกริ่มก่อนจะลุกตามไป ร่างสูงรั้งเอวบางให้แผ่นหลังของลูกเจี๊ยบแนบชิดกับแผงอกของตนเอง น้ำอุ่นถูกเปิดเบาๆรินรดกายของทั้งคู่

   “อาเคยบอกแล้วใช่มั้ยคะว่าอาน่ะ...”เว้นวรรคให้คนฟังใจเต้นรัว


   “ไม่เคยหยุดที่รอบเดียว”




...................................
เจี๊ยบเอ้ยเจี๊ยบลูกกกกกก ยอมเขาไปหมดอ่อยเขาเองด้วย หวงเนื้อห่วงตัวหน่อยก็ไม่มีแบบนี้จะได้ลุกจากเตียงมั้ยคะ พระลอก็ใจเย็นๆนี่มันครั้งแรกของน้องถนอมน้องหน่อยจะมาซ้ำเอาๆไม่ได้น้องช้ำหมดแร้ววววว ปล.ncละมุนมากเลยค่ะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 20:38:33
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๖




         “เป็นอะไรพี่ดินนอนดิ้นอยู่ได้”จิ๊บเอ็ดสามีเมื่อแดนดินเอาแต่พลิกตัวไปมาบ้างก็ผุดลุกผุดนั่ง หญิงสาวกลัวว่าแรงดิ้นของแดนดินจะทำให้จันทร์เจ้าขาที่หลับไปตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางนานกว่าสิบชั่วโมงตื่น แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

            “ไม่รู้สิ ใจมันไม่ค่อยดีเลย เหมือนสังหรณ์ใจแปลกๆ”ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็ห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ปกติถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเมียรักหัวถึงหมอนเขาก็หลับเป็นตายแล้ว

 

            “แปลกที่หรือเปล่าพี่ กินนมหรือกินน้ำมั้ยเดี๋ยวจิ๊บไปเทให้”จิ๊บทำท่าจะลุกไปเทนมในตู้เย็นให้สามีตามที่พูดจริงๆแต่แดนดินจับข้อมือไว้

 

            “ไม่ต้องหรอกจ้าพี่คงแปลกที่น่ะพี่แค่รู้สึกเป็นห่วงเจี๊ยบกับเจ้าจอมเฉยๆ เดี๋ยวโทรหาลูกซักหน่อยดีกว่า”แดนดินทำท่าจะกดโทรศัพท์หาลูกเจี๊ยบหากแต่จิ๊บห้ามไว้

 

“มันดึกแล้วน่าพี่ดิน เกรงใจลอเค้าอีกอย่างป่านนี้เจ้าเจี๊ยบคงหลับแล้วล่ะไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาลูกก็ได้”

 

“ยังงั้นก็ได้ ถ้างั้น จิ๊บนอนเถอะเดี๋ยวพี่ออกไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บหนึ่งเดี๋ยวก็คงง่วง”แดนดินตวัดผ้าห่มออกแล้วขยับคลุมลูกและภรรยาให้ดีก่อนจะเดินออกไปมองแสงสียามค่ำคืนของเชียงใหม่เพื่อให้ใจผ่อนคลายขึ้น ราวๆครึ่งชั่วโมงแดนดินถึงได้กลับเข้าไปนอน พรุ่งนี้เขาต้องพาลูกเมียไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของญาติแต่เช้าถ้าขอบตาคล้ำไปปะเดี๋ยวเขาจะคิดว่าซอมบี้บุกไปกินสมองบ่าวสาวเสียเปล่าๆ

 

 

ลลิตภัทรไล้ปลายนิ้วบนแก้มเนียนของศตายุอย่างเบามือ เด็กน้อยนอนหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของเขา ริมฝีปากที่ชอบพูดเจื้อยแจ้วบวมเล็กน้อยแต่ยิ่งขับให้ดวงหน้าดูละมุนขึ้น ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็ช่างเรียบเนียนลื่นมือ บทรักเร่าร้อนยังตรึงจิตตรึงใจ เสียงหวานหูยังดังแว่วอยู่ในหัว ทุกอากัปกริยาฝังลึกอยู่มิรู้คลาย ลลิตภัทรกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น

 

เมื่อก่อนเขาคิดว่าการมีเซ็กส์กับใครนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เป็นการปลดปล่อยอารมณ์ใคร่ของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อเสร็จกิจก็แยกย้ายกันไป ไร้ซึ่งความรู้สึกรักใคร่ผูกพันใดใดทั้งสิ้น หากแต่เมื่อใครคนนั้นคือศตายุ ความรู้สึกที่มีในใจกลับไม่เหมือนที่ผ่านเลยซักนิด

 

แน่นอนความรักที่มีต่อตัวเด็กคนนี้เขามีจนล้นใจแต่หลังจากได้ครอบครองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างเต็มตัวแล้ว ความหวงแหน ห่วงใย ใส่ใจและปรารถนาจะทำทุกอย่างให้ศตายุมีความสุขที่สุดก็ตีรื้นขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ

 

รักจนอยากจะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดให้

 

รักจนอยากจะมอบแต่ความสุขให้

 

หากมีใครมาตั้งคำถามกับลลิตภัทรในตอนนี้ว่าสำหรับเขาแล้วศตายุคืออะไร ลลิตภัทรก็มีคำตอบไว้ในใจแล้วว่า

 

เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เป็นคนรัก เป็นเจ้าชีวิต เป็นเจ้าของหัวใจ เป็นคู่ชีวิตที่ถ้าเขาต้องพรากจากเด็กคนนี้เขาก็คงไม่เหลือใจไว้เพื่อรักใครอีกต่อไปแล้ว

 

 ไอร้อนจางๆผะผ่าวจากผิวกายน่าจะเป็นไข้จากกิจกรรมต่อเนื่องจากเมื่อคืน ลลิตภัทรจำใจต้องลุกจากที่นอนละจากกายนุ่มนิ่มนั้นเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าให้หลานกินชายหนุ่มกดจูบลงบนแก้มนิ่มเบาๆก่อนจะผละไป เปิดตู้เย็นดูว่าของสดมีอะไรบ้างโชคดีที่แม่บ้านซื้อของสดติดตู้เย็นให้นิดหน่อยตามที่เขาโทรมาบอก ไม่นานข้าวต้มหมูร้อนๆก็เสร็จ ชายหนุ่มโรยต้นหอมคึ่นช่ายตบท้ายเป็นอันเสร็จ เดินกลับเข้าไปดูศตายุในห้องนอนก็พบว่าเด็กน้อยนอนคู้ตัวหน้ายู่คิ้วขมวดอยู่บนเตียง

 

            “เจ็บเหรอคะ?”ทรุดตัวลงนิ่งริมเตียง ศตายุขยับตัวมานอนหนุนตักเขาราวกับลูกแมวตัวฟูๆที่กำลังอ้อน

 

            “เจ็บจ้า อาลอ น้องเจ็บ ปวดเอวด้วย”น้ำเสียงออดอ้อนอู้อี้ดังขึ้นเมื่อเด็กน้อยซุกหน้ากับหน้าท้องของเขา อันที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอก มันก็มีแปล๊บๆบ้างศตายุก็แค่อยากอ้อนอาลอเฉยๆ พระลอหัวเราะเบาๆให้กับความออดอ้อนนั้น พอจะไม่สบายทีไรสรรพนามแทนตัวจากหนูก็กลายเป็นน้องอีกแล้ว

 

            “ลุกขึ้นนั่งสิคะ เดี๋ยวอานวดหลังให้”ชายหนุ่มบอกกับหลานด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง ศตายุเองก็ไม่มีท่าทางแสนซนแบบเมื่อคืนอีกต่อไปลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่ายหันหลังให้คนเป็นอาก่อนจะร้องครางออกมาเบาๆอย่างพึงพอใจยามก้านนิ้วเรียวพรมลงบนบั้นเอวด้วยน้ำหนักพอดีไม่เบาและไม่หนักไป

 

            “เจ็บมากมั้ยคะ?”น้ำเสียงแสนเป็นห่วงเป็นใยพาให้ใจของเด็กน้อยชุ่มชื่นราวกับต้นไม้ที่ได้น้ำฝน เด็กน้อยส่ายหน้าพลางเอนกายพิงอกอุ่นของอาลอที่ยังคงนวดร่างกายตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยของตัวเองอยู่

 

            “มันไม่ได้เจ็บจนลุกไม่ขึ้นหรอกจ้า”

 

            “อาขอโทษนะคะที่ล่วงเกินหนู จริงๆอาน่าจะรอให้หนูโตก่อน”ลลิตภัทรกอดเอวหลานไว้หลวมๆพลางโยกกายไปมาราวกับปลอบขวัญเด็กน้อย ศตายุแหงนหน้าขึ้นไปส่งยิ้มหวานให้คนที่เป็นทั้งอาและเจ้าของตนเองอย่างสมบูรณ์ก่อนจะขยับขึ้นไปนั่งบนตักของอาลอ สองแขนคล้องคอไว้หลวมๆแล้วกดจูบลงบนแก้มของอาหนุ่มฟอดใหญ่

 

            “อาลอไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ หนูเต็มใจเป็นของอาลอเอง สติครบถ้วนทุกอย่าง หนูรักอาลอ เพราะฉะนั้นหนูไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปเลยซักนิด เด็กกว่าแล้วไงเด็กกว่าก็ไม่ได้แปลว่าหนูจะรักอาลอน้อยไปกว่าใครซักหน่อยนี่จ๊ะ กลัวแต่ใจอาลอเท่านั้นแหละ ได้หนูแล้วซักวันก็คงเบื่อแล้วก็ทิ้งหนู”ปลายน้ำเสียงสลดลงเมื่อนึกตามคำพูดตัวเอง ลลิตภัทรเชยคางหลานขึ้นมาให้มองสบตากับตน

 

            “ไม่มีทางค่ะ อาจะไม่มีทางทิ้งหนู อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่ชาตินี้คงรักใครไม่ได้อีก รักจนอยากกลับไปขอหนูกับพ่อแม่หนูให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องเลย”

 

            “พ่อกำนันได้ฆ่าอาลอตายคาบ้านน่ะสิจ๊ะ อย่าเพิ่งบอกใครเลยเรื่องของเรา เราคบกันไปเรื่อยๆแบบนี้ไปก่อนดีกว่านะจ๊ะ เอาจริงๆหนูก็กลัวพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวหนูอยู่เหมือนกัน แห่ะๆ”เด็กน้อยส่งยิ้มแห้ง ตอนทำก็ไม่รู้สึกกลัวอะไรพอทำเสร็จความผิดชอบชั่วดีก็ตีรวนกันให้ยุ่งในหัว ลลิตภัทรเห็นดังนั้นจึงไม่อยากเซ้าซี้หลาน

 

            “งั้นไปกินข้าวนะคะ อาทำข้าวต้มไว้ให้จะได้กิยาแล้วนอนพัก สายๆคงดีขึ้นเดี๋ยวอาพาไปซื้อของเตรียมไปเที่ยวทะเลพรุ่งนี้”

 

            “หือ? ไปทะเลเหรอจ๊ะ?”

 

            “ใช่ค่ะ อาอยากอยู่กับหนูลำพังสองคนแบบไม่มีใครมายุ่งกับเราเหลือเวลาอีกสองวันไปเที่ยวทะเลใกล้ๆกันดีกว่าเนอะ”

 

            “ก็ได้จ้า”เมื่อหลานตอบตกลงลลิตภัทรก็ฟัดแก้มหลานไปอีกหลายฟอดอิดออดแลกจูบกันอยู่หลายนาทีถึงได้พากันมากินข้าวจัดยาแก้ไข้ให้หลานกินแล้วก็นอนคลอเคลียกันบนเตียงจนกระทั่งเคลิ้มหลับกันไปทั้งคู่ในตอนเกือบเที่ยง

 

เป็นชีวิตที่ลลิตภัทรเคยวาดฝันไว้จริงๆ

 

จนกระทั่ง....

 

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น...

 

ลลิตภัทรงัวเงียเดินไปที่ประตูโดยทิ้งให้ศตายุนอนหลับอยู่บนเตียงดังเดิมเพราะคิดว่าป้าแม่บ้านคงมาทำความสะอาดห้องเหมือนทุกครั้ง ลลิตภัทรเดินหัวหัวฟูเดินไปเปิดประตูด้วยความเคยชินแต่พอประตูปลดล็อกปุ๊บแรงโถมใส่อย่างมหาศาลก็ปะทะจนชายหนุ่มเซไปด้านหลังทันที ร่างนุ่นมนิ่มบอบบางแต่นมโตของอริตาบดเบียดกายของลลิตภัทรอย่างถือวิสาสะ

 

            “เซอร์ไพรส์!!”เสียงหวานตะโกนออกมาดังลั่นก่อนจะดันกายของชายหนุ่มจนถอยกรูดลงไปนอนแหมะอยู่บนโซฟากลางห้อง ลลิตภัทรพยายามดันใบหน้าของหญิงสาวออกทำปากขมุบขมิบร้องห้ามเพราะกลัวลูกเจี๊ยบน้อยจะตื่นขึ้นมาเห็นท่าทางล่อแหลมนี้

 

            “อื้อ  ลอคะ ลอจะดันหน้าแอนทำไมคะแอนเจ็บนะ”หญิงสาวร้องโอดแต่ก็ไม่ยอมละความพยายามที่จะปล้นจูบชายหนุ่ม ขยับกายคร่อมบนตัวของชายหนุ่มราวแม่เสือสาวที่พร้อมขย้ำเหยื่อ กระโปรงสั้นร่นจนเห็นกางเกงในจีสตริงที่ใส่มาเพื่อยั่วยวนโดยเฉพาะ เมื่อชายหนุ่มยังไม่ยอมหยุดที่จะผลักหล่อนออกหญิงสาวที่มากเล่ห์เพทุบายก็คว้าหมับเข้าที่แกนกายของลลิตภัทรพลางขยำจนชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกรีบตะปบมือของอริตาทันทีเปิดช่องให้สาวสวยปล้ำจูบได้อย่างง่ายดายปิดบนกลายเป็นเปิดล่าง พอปิดล่างบนก็ถูกจู่โจม ชายหนุ่มล่ะปวดกบาลนัก เมื่อตั้งสติได้ก็ออกแรงพลิกร่างหญิงสาวลงเบื้องล่างเพื่อป้องกันตนเอง อริตารีบคล้องคอชายหนุ่มไว้ทันที

 

ไม่มีอะไรที่หล่อนอยากได้แล้วจะยอมปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด

 

ลลิตภัทรนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย การศึกษาดี แม้จะเป็นเศรษฐีบ้านนอกก็ตามทีเถอะ แต่ทรัพย์สมบัติที่ชายหนุ่มมีน่ะอยู่ได้สบายไปทั้งปีทั้งชาติ

 

            “ลอคะ แอนคิดถึงลอมากๆ มากๆๆๆๆ”หญิงสาวเอ่ยเอื้อนถ้อยคำฉอเลาะพยายามดึงหน้าชายหนุ่มมาจูบจนลิปสติกเประไปทั้งหน้าแดงเถือกไปหมด

 

            “แอน อย่าทำแบบนี้”ชายหนุ่มยื้อยุดกับอริตาจนเหนื่อยหอบ เมื่อคืนเขาเพิ่งออกแรงอย่างหนักหน่วงไปตอนนี้ยังต้องมาสู้รบปรบมือกับชะนีแรงกูปรีย์แบบอริตาอีก บอกตรงๆ ลอเหนื่อย ชายหนุ่มพยายามขืนตัวเองไว้ด้วยการยันแขนกับพื้นโซฟาไว้ แต่เพราะอริตาไม่ยอมผ่อนแรงที่จะดึงเขาเลยซักนิดในที่สุดชายหนุ่มก็พลาดมือลื่นจนทำให้ร่างทั้งร่างหล่นไปนอนทับหญิงสาวเต็มๆ

 

            “ทำอะไรกันน่ะ!!!”น้ำเสียงที่เคยใสเอ่ยคำหวานจ๊ะจ๋ารื่นหูบัดนี้แข็งยิ่งกว่าก้อนหินที่เขวี้ยงหัวหมาข้างทางเสียอีก เมื่อหันกลับไปมองก็พบศตายุยืนจับประตูห้องด้วยตาเขียวปั๊ดจ้องราวกับจะจิกให้ทะลุถึงกระดูก

 

ลลิตภัทรรู้สึกหนาวยะเยือกตั้งแต่หนังหัวยั้นหนังหุ้มไข่เลยทีเดียว



ชายหนุ่มกระเสือกกระสนออกจากอ้อมกอดที่เหนียวราวตีนตุ๊กแกจนกระทั่งหลุดออกมายืนกุมเป้าสำนึกผิดแม้ตัวเองจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตามทีเถอะ อริตาลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเด็กน้อยที่ทำหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวแสร้งจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่หมิ่นเหม่เกือบอนาจารของหล่อนด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน



        "โทษทีนะจ๊ะน้อง พอดีอาแอนลืมไปว่าตอนนี้หนูมาอาศัยลอเค้าอยู่เลยทำอะไรๆด้วยความเคยชิน หนูคงไม่ถือใช่มั้ยจ๊ะ ปกติอาแอนมาหาลอก็ทำแบบนี้กันทุกรอบ"ลลิตภัทรตาเหลือกหันไปมองหญิงสาวที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วแสงมาเกาะแขนเขาอีกรอบ



          "เหรอจ๊ะ  ถ้างั้นจะต่อก็ได้นะ แต่ขอโทษด้วย ห้องนอนหนูไม่อนุญาตเพราะหนูนอนอยู่"เด็กน้อยพูดจบกระกระแทกประตูปิดด้วยเสียงอันดังจนบานกบแทบพัง ถ้าตึกไม่แข็งแรงลลิตภัทรมั่นใจเลยว่าป่านนี้ร้าวยั้นฐานรากแน่ๆ

 

ชิบหายแล้ว

 

 

ชิบหายแน่นอน พระลอคอนเฟิร์ม!!!



 

 

           ลลิตภัทรถึงกับถอนหายใจเฮือกกับสถานการณ์แสนฉุกเฉินนี้ อริตาทำตาจิกตามหลังประตูห้องที่ถูกปิดอย่างสนั่นหวั่นไหวนั้น

 

            “เด็กอาร๊าย มารยาททรามจริง”หล่อนกล่าวคำค่อนขอดออกมาทันที่ที่ประตูบานนั้นปิดสนิท พระลอหันขวับกลับมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

 

อริตามีสิทธิ์อะไรมาว่าลูกเจี๊ยบของเขา

 

            “ไม่รู้พ่อแม่อบรมสั่งสอนมายังไงถึงมาทำกริยาแบบนี้กับผู้หลักผู้ใหญ่ แถมยังมาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณออกนอกหน้านอกตาแบบนี้อีก เป็นลูกเป็นหลานรึก็เปล่าเกี่ยวพันทางสายเลือดก็ไม่ใช่แอนไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องตามใจเด็กนั่นนัก”อริตาพูดอย่างใส่อารมณ์โดยไม่ได้สังเกตเลยซักนิดว่าบัดนี้ลลิตภัทรหน้าแดงจนแทบจะกลายเป็นเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยวเสียแล้ว

 

คิดว่าตัวเองเป็นใครอ่ะ?

 

ขนาดเขาที่รักลูกเจี๊ยบปานดวงใจยังไม่เค๊ยไม่เคยดุด่าหรือเอ็ดโดยไม่มีเหตุผลเลยซักครั้ง สองหมัดกำแน่นด้วยความกริ้ว

 

บังอาจว่าเมียสุดที่รักของเขาลลิตภัทรก็ไม่จำเป็นต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดใดทั้งสิ้นแล้ว



ด่าเขาเขาทนได้ แต่มาด่าเมียสุดที่รักพระลอไม่ทนบอกไว้เลย  โดยปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความสุภาพอะไรนักหรอก เขาแค่อยู่เป็นและรู้จักกาละเทศะ จริงๆแล้วลลิตภัทรเป็นคนโมโหร้ายแถมปากคอเลาะร้ายอยู่พอประมาณ เขาแค่รู้ว่าคำพูดแบบไหนควรใช้กับใคร เวลาอยู่กับเพื่อนที่สนิทสัตว์สารพัดชนิดหรือแม้แต่ให้กล้วยเพื่อนเขาก็ด่าอยู่บ่อยๆ ที่ผ่านมาเขาสุภาพกับอริตามาโดยตลอดเพราะให้เกียรติว่าหญิงสาวนั้นเป็นผู้หญิง แต่มาวันนี้อริตากลับไร้มารยาทเอ่ยบริภาษคนรักของเขาลามไปว่าถึงบุพการีของศตายุที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้หรือร่วมบทสนทนาไม่สามารถปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองได้เลยซักนิดมันทำให้เขาโกรธมาก

 

            “ลอคะ”

 

            “ออกไป”อริตาชะงักกึกกับน้ำเสียงกดต่ำของลลิตภัทรที่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดจนจบประโยค

 

            “ห๊ะ?”หญิงสาวทำน้ำเสียงอึกอักในลำคออย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก ปกติลลิตภัทรเป็นคนสุภาพกับผู้หญิงมากๆไม่เคยมีซักครั้งที่จะทำให้ต้องระคายเคืองใจ นอกจากเซ็กส์ดุแล้วลลิตภัทรก็ไม่มีอะไรให้ดุอีกเลย แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับไล่หล่อน

 

            “ลอล้อแอนเล่นหรือเปล่าคะ?”หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเก้อๆ

 

ลลิตภัทรไม่ได้ล้อเล่น หล่อนรู้ดี ใบหน้าที่ดำไปครึ่งหน้าราวกับถูกราหูอมนั้นยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ลลิตภัทรกำลังโกรธ

 

            “ต่อไปอย่ามายุ่งกับผมอีก อย่ามาหาผมอีก แล้วอีกอย่างที่ผมอยากให้คุณรู้ไว้เลยว่าเจี๊ยบมีสิทธิ์หวงผม หวงทุกอย่างที่เป็นของผมในขณะที่คุณไม่มี”

 

            “ทำไมล่ะก็แค่เด็กข้างบ้านทำไมคุณจะต้องไปให้ความสำคัญกับมันด้วย เด็กนั่นสำคัญมากกว่าแอนที่เป็นแฟนคุณด้วยเหรอคะ?”หญิงสาวเชิดหน้าเถียงด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ลลิตภัทรทำเสียงเหอะในลำคอก่อนจะกอดอกและทิ้งสะโพกพิงเค้าท์เตอร์ตรงบาร์มองตรงมาที่อริตาด้วยสายตาเหมือนพ่อค้าที่กำลังประเมินราคาสินค้าตรงหน้า

 

            “ถ้าคุณเป็นแฟนผม งั้นคนอื่นๆที่เคยนอนกับผมก็เป็นแฟนผมหมดแหละครับแอน คุณไม่ได้ต่างกับคนพวกนั้นเลยผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราต่างใช้เซ็กส์แลกกันก็เท่านั้นจบก้คือจบและตอนนี้ผมก็ไม่คิดต่อกับคุณแล้ว”

 

            “เอ๊ะ ลอคะ ทำไมต้องพูดแบบนี้กับแอนด้วยคะ ถ้าแอนไม่ต่างกับคนพวกนั้นคุณจะควงแอนไปไหนมาไหนด้วยเหรอคะ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าเราคบกัน”หญิงสาวเริ่มลุกขึ้นยืนเถียงเขาด้วยความโมโห ลลิตภัทรถอนหายใจเฮือกกับความเข้าใจอะไรยากของอริตาชายหนุ่มกรอกตามองบนโดยไม่สนมารยาทใดใดทั้งสิ้น ในเมื่ออริตาเลือกที่จะตื้อเขาก็คงต้องพูดตรงๆออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวตัดความสันพันธ์กันไป

 

ถ้ามีคนถามว่าระหว่างคู่ขาเก่าอย่างอริตากับคนรักอย่างศตายุเขาจะเลือกใคร ลลิตภัทรก็จะถามกลับไปว่าทำไมต้องเลือกเพราะภายในใจของลลิตภัทรตอนนี้ทั้งสี่ห้องหัวใจวางไว้แทบเท้าเจ้าแก้วตาที่งอนตุ๊บป่องๆในห้องไปจนสิ้นแล้ว

 

            “ที่ผมไม่ตัดความสัมพันธ์กับคุณก็เพราะเห็นว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาก่อน อีกอย่างตอนนั้นผมไม่ได้มีใครเพราะฉะนั้นการถนอมน้ำใจกันไว้ก็เป็นเรื่องดีเรายังคบหากันได้โดยไม่ต้องมีเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่คุณกลับคิดมากไปกว่านั้น ผมจะบอกคุณให้ชัดๆอีกครั้งทั้งที่ตอนนั้นผมว่าผมเคยพูดไปแล้วว่าผมมีแฟนแล้ว”ลลิตภัทรหยุดพูดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันดังมากขึ้นกว่าเดิมราวกับจะให้คนที่อยู่ในห้องรับรู้ไปพร้อมกับอริตาด้วย

 

            “แล้วผมก็รักแฟนของผมมาก มากชนิดว่าชาตินี้ถ้าขาดเขาผมก็คงขาดใจตาย เพราะฉะนั้นกรุณาอย่ามาที่นี่อีก แล้วก็เลิกคิดไปเองได้แล้วว่าคุณกับผมคบกัน อีกอย่างคราวหลังอย่าเรียกน้องเจี๊ยบว่ามันและอย่าพูดว่าพ่อแม่เขาไม่อบรมสั่งสอนเจี๊ยบมีสิทธิ์ในตัวผมทุกอย่าง เพราะแฟนของผมก็คือเด็กคนนั้น”

 

            “อะ...อะไรนะคะลอ...คุณกับเด็กนั่น...”

 

ศตายุไม่รู้หรอกว่าภายนอกบรรยากาศจะคุกรุ่นเพียงใด แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเด็กน้อยฉายชัดถึงความสุขกับคำพูดที่อาลอเอ่ยกับอริตาเสียเหลือเกิน รอยยิ้มกว้างชนิดที่ว่าพยายามกลั้นแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลระบายเต็มดวงหน้า

 

เด็กน้อยได้ยินทุกคำที่คนทั้งคู่เอ่ยคุยกัน

 

อาลอไม่เคยแข็งกร้าวอย่างนั้นใส่ตนเลยแม้กระทั่งตอนที่ดุเขาอาลอก็ใช้น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังแต่กับอริตานั้นน้ำเสียงสะบัดและกระด้างจัดจนเด็กน้อยนึกกลัว

 

หลังจากประโยคนั้นของลลิตภัทรเกิดความเงียบจนศตายุต้องเอาหูแนบประตูเพื่อฟังว่าด้านนอกพูดอะไรกันอีกมั้ย

 

            “ทุเรศ...ลอคะ คุณอายุตั้งสามสิบกว่าแล้วนะคะ แล้วเด็กนั่นเพิ่งจะ 16-17 เองแท้ๆ คุณ...อี้ ทุเรศ”อริตาเบะปากอย่างขยะแขยง แม้ว่าหล่อนจะเคยได้ยินมาบ้างว่าลลิตภัทรเคยนอนกับผู้ชายแต่หล่อนก็หลอกตัวเองว่ามันไม่จริง

 

กล้าพูดมาได้ยังไงว่าเป็นแฟนกับเด็กบ้านนอกคอกนานั่น

 

เด็กที่ไม่มีอะไรสู้หล่อนได้ซักอย่าง หญิงสาวตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจใส่ลลิตภัทรก้มลงหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินกระแทกออกไปเลยแบบไม่พูดไม่จาอะไรอีก

 

หล่อนไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตั้งแต่โตเป็นสาวมาผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาหล่อนไม่เคยมีใครทิ้งหล่อนหรือเอ่ยปฏิเสธเลยซักคน

 

ลลิตภัทรกล้าดียังไงมาฉีกหน้าหล่อนด้วยการออกปากไล่แล้วคว้าเด็กกะโหลกกะลาแบบนั้นมาเดินควง

 

ทุเรศที่สุด

 

ลลิตภัทรกล้าฉีกหน้าหล่อนอย่างนี้ได้ยังไงกัน

 

            “คอยดูนะ ฉันไม่จบง่ายๆแน่พระลอ”หญิงสาวหันไปพูดกับบานประตูที่ถูกเจ้าของห้องดึงเข้าไปปิดอย่างอาฆาต

 

           

เมื่อจัดการกับอริตาได้แล้วลลิตภัทรก็แทบจะหมดแรง ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งออกพลางขยับเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง

 

ป่านนี้เด็กน้อยของเขาคงงอนตุ๊บป่องรอให้เขาเข้าไปง้ออยู่แน่ๆ อริตานะอริตา จะมาสร้างความร้าวฉานให้สถาบันครอบครัวของเขาทำไมเพิ่งได้อิ๊อ๊ะกันไปเมื่อคืนแท้ๆสงสัยคราวนี้คงอดยาว รวบรวมความกล้าอยู่หลายนาทีก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องอย่างเกรงอกเกรงใจคนด้านใน

 

            “หนูขา...อาขอเข้าไปได้มั้ยคะ?”ลองหยั่งเชิงถามด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน หากแต่ในห้องกลับเงียบเสียเหลือเกิน

 

ไม่ด่ากลับไม่ร้องห้ามแปลว่าอนุญาตสินะคะ

 

            “งั้นอาเข้าไปแล้วนะคะ”ชายหนุ่มกลั้นใจบิดลูกบิดประตูเข้าไป เมื่อประตูเปิดก็รีบยกแขนขึ้นมาบังหน้าหลับตาปี๋เผื่อเด็กน้อยในห้องจะเขวี้ยงอะไรมาใส่หัว กลั้นอกกลั้นใจอยู่สามวินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ขยิบตาขึ้นมองศตายุนอนตะแคงหันหลังให้กับเขาโดยไม่หันมามองเลยซักนิด ลอบกลืนน้ำลายหน่อยๆเมื่อชายเสื้อของหลานเปิดจนเห็นเอวคอดๆที่เมื่อคืนเขาทั้งลูบทั้งคลำทั้งขยำไปเสียหลายต่อหลายหน

 

เมื่อหลานไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ซ้ำยังไม่หันมามองชายหนุ่มก็ทำใจดีสู้เสือค่อยๆก้าวทีละก้าวอย่างระมัดระวังแล้วไปนั่งที่ปลายเตียงด้วยความสงบเสงี่ยม

 

            “หนูจ๋า....”ใช้ปลายนิ้วสะกิดหน้าเท้าคนหลานเบาๆ ศตายุสะดุ้งโหยงชักเท้าจะหนีสัมผัสนั้นแต่ลลิตภัทรไวกว่าจับยึดไว้มั่นพลางก้มหน้าลงไปจรดปลายจมูกกับหลังเท้าเนียนนั้นอย่างแสนรัก

 

            “อย่าโกรธอาเลยนะคะ เขามาเองอาไม่ได้เชิญซักหน่อย”พูดจบก็กดจูบลงบนเท้าน้อยๆ((คือถ้าใจเราคิดว่ามันตะมุตะมิแม้จะเป็นเบอร์ 43 ลลิตภัทรก็จะมองว่าเป็นเท้าน้อยๆ))อย่างสเน่หา

 

            “แล้วยอมให้เขากอดยอมให้เขาหอมยอมให้เขาเอานมถูอกทำไมจ๊ะ ชอบเหรอ?”

 

            “โถ้........ใครชอบ ไม่มี๊ อาไม่ได้ชอบซักหน๊อยยยยยย”รีบปฏิเสธเสียงหลงเพราะกลัวว่าคนเด็กกว่าจะโกรธเอาอีกรอบ

 

            “อามีหนูทั้งคนถึงนมจะแบนไม่เด้งสู้มือแต่ก็สู้ปากแค่นี้อาก็พอใจแล้ว”

 

            “อย่ามาทะลึ่ง”เด็กน้อยชักเท้าหนีเมื่อลลิตภัทรส่งปลายลิ้นออกมาโลมเลียจนรู้สึกวูบๆที่ช่องท้อง

 

อาลอนี่นะ เผลอไม่ได้เลย ตอดนิดตอดหน่อยตลอด เด็กน้อยหลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยๆเหมือนหมาหงอยของอาลอ ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็นึกรู้ทันทีว่าตอนนี้ลูกเจี๊ยบหาได้โกรธขึ้งบึ้งตึงแบบตอนแรกแล้วความกระลิ้มกระเหลี่ยก็กลับมาในทันที

 

            “จะต้องทำยังไงคะหนูถึงจะหายโกรธหายงอนอาค่าเทอมพอมั้ยคะหนู ค่าขนมพอกินหรือเปล่าคะ อยากกินไอติมมั้ยเดี๋ยวอาเลี้ยงหนูเอง"

 

"ไม่เอา ไม่คุยกับคนแก่ พ่อบอกอาลอไม่น่าไว้ใจน้องเจี๊ยบต้องเชื่อพ่อ อย่ามาทำตัวป๋า อามีเงินเยอะนักหรือไง”แกล้งค่อนขอดคนที่ทำตัวรวยเสียเต็มประดาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ลลิตภัทรล้มตัวลงนอนกอดร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ก่อนจะหอมแก้มฟอดใหญ่เอ่ยตอบอย่างภูมิใจ

 

"มีเป็นล้าน เลี้ยงหนูได้ทั้งชาติ"

 

"หัว?เด็กน้อยแกล้งถามทำให้ได้ค้อนปะหลักปะเหลือกจากคนแก่กว่า

 

"เงินสิหนู โถ้ววววววววว”แกล้งทิ้งท้ายประโยคด้วยเสียงสูงปรี๊ดก่อนจะอาศัยจังหวะที่ศตายุนอนหัวเราะคิกคักพลิกขึ้นคร่อมร่างบางทันที ตรึงสองมือของหลานไว้เหนือหัวพลางส่งยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างหมายมั่นปั้นมือเต็มที่

 

“อ๊ะ...อาลอ จะทำอะไรจ๊ะ?”เอ่ยถามอย่างตกใจเมื่อลลิตภัทรเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากราวชายหื่นที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเด็กน้อย

 

“อาก็จะง้อเจี๊ยบไงคะ”

 

“ง้อแล้วทำไมต้องคร่อมด้วย หนูอึดอัด”

 

“หนูอึดอัดไม่นานหรอกค่ะ ซักพักเดี๋ยวจะรู้สึกดีแล้วก็รู้สึกโล่งจนตัวเบาเลย เชื่ออานะคะ ไม่สบายหายหรือยังคะ เดี๋ยวอาจะฉีดยาให้หนูดีมั้ยเอ่ย?”พูดจบก็โน้มหน้าเข้าหา ศตายุรีบดันหน้าอกอาลอไว้หลังจากดิ้นจนมือหลุดจากการกอบกุม



"ฉ...ฉีดยาอะไรกันล่ะจ๊ะ ไม่เอาหรอกน้องไม่ชอบเข็มฉีดยา"เด็กน้อยส่ายหน้าดิกปฏิเสธ ลลิตภัทรหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่ารักน่าชังนั้น



"ไม่ต้องกลัวนะคะเข็มของอาลอใหญ่ก็จริงแต่หนูน่าจะชอบ เมื่อคืนก็โดนไปตั้งสองสามเข็ม รับรองอาจะตั้งใจฉีดจนหนูร้องระงมเลยล่ะ" ศตายุดีดดิ้นพอเป็นพิธีสุดท้ายก็โอนอ่อน



หลังจากนั้นอีกราวๆ 20 นาที ก็โล่งตามที่อาลอบอกจริงๆด้วย

 

ทั้งโล่งทั้งเหนื่อยเลยล่ะจ้า

 

อาลอไม่โกหกเลยจริงๆในเรื่องนี้

 

โล่งจนเพลียและหลับแทบจะทันทีที่ขึ้นรถเดินทางไปทะเลเลยล่ะจ้า

 

นี่เจี๊ยบเหนื่อยหรืออาลอวางยากันนะ

 

อืม..น่าจะวางยามากกว่าเหนื่อยเนอะ ก็อาลอเล่นฉีดยาเข็มใหญ่ให้เจี๊ยบไปตั้งหลายเข็ม สงสัยเจี๊ยบจะไม่ป่วยไปเลยตลอดปีแน่ๆ





...............................





ฉีดยา ฉีดยาจับเธอฉีดยา ไม่ต้องมาดิ้นนะ อย่าดินนะ จะฉีดยา แอร๊วววววววววววว



ถ้าเป็นป้าแอนนมปลอมคงแทบแทรกแผ่นดินหนี



คุณเขาหวงเมียปกป้องเมียนะคะ ด่าเขาๆทนได้แต่ห้ามมาแตะเมียที่เคารพรักเด็ดขาด



จรัม!!!
เจี๊ยบดีตรงที่คิดยังไงก็พูดออกไปพระลอเลยง้อได้ง่ายนี่แหละ แอนนี่ก็หน้าด้านเกิ้น รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขาไม่เล่นด้วยยังจะเสนออยู่นั่น อยากรู้จริงๆว่าพระลอทำงานอะไรถึงรวยจนแอนไม่อยากปล่อยไปขนาดนี้ ว่าแต่พอได้น้องแล้วย่ามใจนะคะเจี๊ยบช้ำไปหมดแล้ว

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 20:51:34
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๒๗







       แสงอาทิตย์สีส้มอมแดงฉาบไล้ผืนน้ำ เกลียวคลื่นสาดซัดกระทบเข้ามายังชายหาด ร่างของผู้ชายสองคนที่เดินกุมมือกันชี้ชวนชมนกชมคลื่นบ้างก็หยุดถ่ายรูปกันเป็นระยะจนกระทั่งแสงสุดท้ายสิ้นสุดลง ดวงอาทิตย์ลับผืนน้ำดวงจันทร์ส่องแสงทำหน้าที่ให้แสงสว่างอันน้อยนิดแทน

 

ลลิตภัทรไม่เคยคิดว่าการเปิดใจรักใครใหม่อีกซักครั้งจะทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่นขึ้นอีกครั้ง ศตายุเหมือนชิ้นส่วนจิ๊กซอร์ที่เขาทำหล่นหายไป เมื่อหาเจอภาพของเขาก็สมบูรณ์ เด็กน้อยไม่งอแงและมีเหตุผล ไม่เรียกร้องแต่เต็มใจให้ทุกอย่างที่เขาขอ มือเล็กนั้นไม่เคยปฎิเสธยามที่เขายื่นไปกอบกุมไว้ ศตายุไม่เคยดึงมืออกมีแต่กระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้น แม้ลมทะเลจะเย็นแต่ความอบอุ่นที่เด็กน้อยมอบให้ก็ทำให้ดวงใจที่เคยแห้งแล้งอ่อนล้าของเขากลับมีชีวิตชีวามากขึ้น

 

          “อื้อ...อาลออ่ะ!! แกล้งหนูเหรอ?”ศตายุร้องเรียกเขาดังลั่นยามที่ลลิตภัทรแกล้งเตะก้นเบาๆแล้ววิ่งหนี เด็กน้อยวิ่งตามเพื่อเอาคืนพลางหัวเราะเสียงใส แม้จะมีอาการเจ็บขัดอยู่บ้างแต่เพราะเป็นเด็กร่างกายแข็งแรงรวมทั้งหลังจากการง้องอนที่คอนโดลลิตภัทรก็ไม่ได้ล่วงเกินลูกเจี๊ยบอีกเลยทั้งยังเฝ้าประคบประหงมหาข้าวหายารวมทั้งคอยทายาให้จึงฟื้นตัวจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับอาหนุ่มได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่มีอาการสำออยอ้อนให้อาหนุ่มต้องคอยประคบประหงมให้ต้องรำคาญใจ ทั้งสองคนวิ่งไล่เตะกันจนเหนื่อยหอบจึงได้หยุดแล้วเปลี่ยนเป็นมานั่งมองเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งแทน ทะเลยามนี้มืดมิด หากแต่ยังมีดวงไฟของเรือหาปลาลอยให้เห็นตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อยไม่ต่างอะไรกับดาวบนฟ้าเลยซักนิด ลลิตภัทรกุมมือของศตายุไว้อีกครั้ง

 

            “อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จังเลยค่ะ”หลังจากปล่อยให้ความเงียบทำงานไปซักพักอยู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

 

            “ทำไมล่ะจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

 

            “เพราะมันมีแค่เราสองคนจริงๆน่ะสิคะ พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับไปเจอโลกของความจริงแล้ว ไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับหนูสองต่อสองแล้ว”

 

            “โธ่เอ๋ย อาลอจ๋า ปกติเราก็อยู่ด้วยกันเกือบจะทุกวันอยู่แล้วนี่จ๊ะ”เด็กน้อยร้องออกมาด้วยความเอ็นดูอาหนุ่มที่ดูท่าแล้วจะมีนิสัยเด็กกว่าเขาเสียอีก ศตายุกระชับฝ่ามือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้นราวกับจะสร้างความมั่นใจให้คนที่เริ่มจะงอแงได้มั่นใจว่าตนจะไม่ไปไหน ร่างบางขยับเข้ามานั่งชิดแล้วเอนศีรษะวางพิงบนไหล่หนาของคนรัก

 

            “อย่างอแงเลยนะจ๊ะ แค่นี้หนูก็รักอาลอจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”

 

            “อาอยากอยู่กับหนู อยากเป็นคนดูแล อยากใช้ชีวิตร่วมกันแบบไม่ต้องหลบๆซ่อนๆใคร”ลลิตภัทรโอบไหล่เล็กของหลานไว้หลวมๆ

 

            “รอหนูโตกว่านี้อีกหน่อยนะจ๊ะ ให้หนูเรียนจบมีอาชีพการมีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ แล้ววันนั้นหนูจะไปบอกพ่อกับม่เองว่าอาลอเป็นแฟนหนู ช่วยอดทนรอหนูอีกซักหน่อยได้มั้ยจ๊ะ ระหว่างนี้ถ้าหนูดื้ออาลอก็เอ็ดหนูดุหนูได้เลยนะจ๊ะ ถ้าหนูงอแงอาลอก็ช่วยปรามหนูหน่อย ถ้าหนูพูดไม่รู้ฟังจะตีหนูด้วยก็ได้ แต่อย่าเบื่อหนูอย่าทิ้งหนูก็พอ อาลอบอกว่าไม่ให้หนูทิ้งอาลอเพราะอาลอแก่แล้วคงไปเริ่มกับใครใหม่ไม่ได้อีก หนูก็อยากบอกอาลอว่าถ้าอาลอทิ้งหนู หนูก็คงอยู่ต่อไปไม่ไหวเหมือนกัน “

 

            “ไม่มีทาง อาไม่มีวันทิ้งหนูหรอกค่ะ อย่ากลัวไปเลย อาไม่มีทางเบื่อหนูหรอก”

 

            “ถึงหนูจะยังเด็กแต่หนูก็เข้าใจโลกอยู่นะจ๊ะ คนเรารักกันแรกๆย่อมหวานซึ้งใส่กันแต่พออยู่กันไปนานๆความรักจะกลายเป็นความเคยชิน ถึงเวลานั้นอะไรที่เคยพูดเคยทำให้กันก็จะถูกละเลย หนูขอแค่ว่าให้เวลานั้นของเราอย่าเพิ่งมาถึงเร็วนัก รออาลออายุซัก 80 ก่อนค่อยเบื่อหนูนะจ๊ะ”ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดคำจาน่ารักนั้น ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขารู้ว่าเด็กน้อยคิดมากเพราะความสัมพันธ์แบบนี้มันเปราะบางเกินกว่าคนนอกจะเข้าใจ ความรักมันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนศตายุเองก็ยังเด็กเพราะฉะเจ้าตัวเล็กของเขาจะคิดนู่นคิดนี่ไปล่วงหน้านั้นก็คงไม่แปลก

 

สาเหตุหลักก็คือเด็กคนนี้ยังไม่มั่นใจในความรักของเขาเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวเหมือนหมาหยอกไก่ทีเล่นทีจริงมาตลอด

 

            “อารักหนูจริงๆนะคะ รักมากๆรักแบบที่สามารถตายแทนหนูได้ อย่ากลัวว่าอาจะเลิกรักหรือเบื่อหนูนะคะ จริงอยู่ว่านานไปการแสดงความรักอาจจะน้อยลงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรักของเราจะจืดจางนี่คะ ดูอย่างปู่ลิตรกับย่าโฉมพ่อแม่ของอาสิคะ ทุกวันนี้แกกอดแกหอมแกบอกรักกันมั้ยก็ไม่แต่เวลาแกมองกันอารับรู้ได้ถึงความรักที่ท่านทั้งสองมีต่อกัน คนเรายิ่งอยู่ด้วยกันนานๆความผูกพันก็จะเหนียวเหมือนเกลียวเชือกและอาก็จะไม่มีวันปล่อยหนูให้หลุดลอยไปเพราะหนูคือสิ่งที่ดีที่สุดมีค่าที่สุดเท่าที่อาเคยมี  อารักหนูนะคะ”ลลิตภัทรขยับกายให้นั่งหันหน้าหาคนหลานเชยคางมนขึ้นมาสบตาถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลสู่ริมฝีปากสีเชอร์รี่เม้มคลึงราวกับจะให้สลักลงไปในใจของศตายุว่า

 

ลลิตภัทรรักศตายุคนเดียว และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

 

ดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกายราวกับมีดาวนับล้านดวงเบ่งแสงอยู่ในนั้นหากแต่ที่สุดเปลือกตาสีอ่อนก็ปิดลงบดบังแสงสกาวนั้นไปเสียสิ้น

 

ว่ากันว่าคนเราไม่สามารถทนมองหน้าคนรักในระยะประชิดได้นาน

 

ไม่จริงเสมอไปซักหน่อย ที่ลูกเจี๊ยบต้องหลับตาลงเพราะอยากใช้หัวใจจำความสุขที่อาลอกำลังมอบให้ต่างหากล่ะ ลูกเจี๊ยบไม่อยากให้อาลอเห็นว่าตอนนี้ตนเองมีความสุขมากแค่ไหน

 

ลลิตภัทรละเลียดกลีบปากนุ่มอยู่เป็นนาทีสัมผัสแผ่วเบาอ่อนหวานไม่จาบจ้วงล่วงเกินและผละออกอย่างอ้อยอิ่ง คนทั้งคู่ส่งยิ้มให้กันท่ามกลางพระจันทร์ดวงใหญ่ที่ลอยเหนือน้ำ นั่งคุยเล่นกันอีกซักพักในที่สุดคนโตกว่าก็ชวนกลับรีสอร์ท ศตายุลูกขึ้นยืนตามแรงดึงของอาหนุ่มแต่แล้วก็ต้องทำหน้ายู่เมื่อความชาแล่นเข้าเล่นงานตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขา

 

            “อูย...”

 

            “เป็นอะไรคะ?”ลลิตภัทรประคองหลานที่เซไปเล็กน้อยให้ยืนได้ถนัดขึ้น

 

            “สงสัยจะนั่งนานจ้า เหน็บกิน”กำปั้นน้อยทุบต้นขาตนเองเบาๆจนลลิตภัทรต้องรั้งมือนั้นไว้

 

            “อย่าทุบค่ะเดี๋ยวขาช้ำ ขึ้นหลังอามาสิคะเดี๋ยวอาแบกกลับห้องเอง”

 

            “หึ้ย...ไม่เอาหรอก หนูตัวหนักเดี๋ยวอาลอหลังหักกันพอดี”เด็กน้อยรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

 

            “มาเถอะค่ะ หนูไม่หนักซักหน่อย อาก็ลองอุ้มแล้วตอนทำในห้องน้ำไงคะ แค่นี้สบายมาก”คำตอบของลลิตภัทรทำเอาคนเด็กกว่าอยากจะเปลี่ยนกำปั้นที่ทุบขาตัวเองมาทุบปากคนลามกนัก ยกตัวอย่างได้สัปดนจริงๆคนเรา ลูกเจี๊ยบค้อนคนเป็นอาปะหลักปะเหลือกแต่ก็ยอมกอดคอขี่หลังลลิตภัทรไปดีๆ ชายหนุ่มแบกหลานตัวน้อยที่สูงร้อยแปดสิบเดินลัดเลาะริมหาดไปเรื่อยๆ ลมทะเลพัดไอความเค็มเข้ามาประทะจนเหนียวตัวหากแต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญเลยซักนิด เดินไปคุยกันไปฟังเสียงเจ้าตัวน้อยบ่นงุ๊งงิ้งพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ก็รื่นหูดีจนกระทั่งกลับถึงห้องพักก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกันแล้วก็เข้านอนตอนเกือบห้าทุ่ม ตื่นเช้ามาพาลูกเจี๊ยบออกไปทานอาหารทะเลตบท้ายจากนั้นก็เก็บของเพื่อเดินทางกลับบ้าน เป็นอันจบทริปทดลองฮันนีมูนอย่างสมบูรณ์

 

ชายหนุ่มเหมือนได้พักร้อนและชาร์ตแบตเตอรี่เพิ่มพลังในร่างกายของตนเองจนเต็มเพื่อกลับมารับผิดชอบหน้าที่ของตนเองต่อไป

 

ชีวิตคนเรามันจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกเหรอ มีงาน มีเงิน มีคนรักข้างกาย มีครอบครัวรออยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ชายหนุ่มไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

 

ไม่ต้องการแล้วจริงๆ

 

เขาค้นพบความสุขในชีวิต

 

เขารู้แล้วว่าการกลับบ้านแล้วมีคนรอเขาอยู่มันมีความสุขมากแค่ไหน

 

เขารู้แล้วว่าการเดินทางโดยมีคนรักร่วมทางเคียงข้างมันมีความสุขมากเพียงใด

 

ความสุขกระจายรายล้อมโอบรัดกายเขาจนอบอุ่นไปทั้งหัวใจถึงเพียงนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทิ้งมันไปตามความคิดที่เคยคิดไว้แต่แรกว่ารับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านครั้งนี้ครั้งเดียวเขาก็จะหาเรื่องกลับกรุงเทพ

 

ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นถูกปัดหายไปแล้ว

 

เขาจะยึดเอาบ้านเกิดเป็นเรือนตายจะไม่หนีหายไปไหนอีกแล้วเพราะที่นี่คือศูนย์รวมความสุขของเขาหันไปมองเด็กน้อยที่ยื่นขนมเข้ามาใส่ปากของเขาก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มได้ทั้งวัน

 

ลลิตภัทรเลี้ยวรถเข้ามาทางซอยบ้านของลูกเจี๊ยบเพื่อส่งเด็กน้อยก่อน เขากลับมาถึงหมู่บ้านในตอนเย็นรถของแดนดินจอดอยู่ที่หน้าบ้านบ่งบอกว่าเจ้าของบ้านรวมทั้งจิ๊บและจันทร์เจ้าขาก็เดินทางกลับจากเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว เจ้าเจี๊ยบน้อยวิ่งขึ้นบ้านพลางส่งเสียงร้องเรียกพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงใสเจื้อยแจ้วซักพักจิ๊บก็ออกมาพร้อมลูกลิงตัวใหญ่ที่กอดเอวแม่ไม่ยอมห่าง

 

            “ขึ้นบ้านก่อนลอมากินน้ำกินท่า เราซื้อของมาฝากด้วยนะ”ลลิตภัทรพยักหน้ารับก่อนจะเปิดท้ายรถจัดการเอากระเป๋าเดินทางของศตายุออกมารวมทั้งถุงของฝากหลายใบ ลูกเจี๊ยบรีบวิ่งมาช่วยถือโดยไม่ต้องร้องขอ ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานั่งบนเรือน จิ๊บเอาถุงของฝากเช่นแคปหมู ไส้อั่ว รวมทั้งพวกน้ำพริกเครื่องปรุง ของกินเล่นทางเหนือมายื่นให้อดีตคนรัก

 

            “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”หล่อนหยิบถุงใบใหญ่ที่ลลิตภัทรยื่นให้มาดู ด้านในเป็นอาหารทะเลแห้งเช่นกุ้งแห้ง หอยและหมึกแห้งรวมทั้งที่ศตายุไปเอามาจากท้ายรถเป็นลังโฟมที่บรรจุอาหารทะเลสด จิ๊บเปิดดูก็ยิ้มอย่างพอใจ

 

            “แหม ดีจริงมีปูด้วย พรุ่งนี้จะผัดไปถวายลูกเณรที่วัดป่านนี้งอแงแย่แล้ว ขอบใจลอมากนะที่ช่วยดูแลลูกให้เรา”

 

            “ไม่เป็นไร เราเต็มใจ ยังไงเดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะเผื่อเอาของกลับไปทันแม่ทำกับข้าว”

 

            “อื้อ ขอบใจอีกครั้ง”

 

            “เจี๊ยบอาไปก่อนนะคะ อาบน้ำแล้วนอนเร็วๆนะ”หันไปบอกกับเด็กน้อยที่นั่งหน้าแป้นข้างแม่พลางยื่นมือไปยีผมเบาๆแล้วลากลับ พอถึงที่บ้านชายหนุ่มก็ให้คนงานที่นั่งเล่นอยู่โคนต้นไม้หน้าบ้านยกของลงจากท้ายรถตัวเองเดินเข้าไปกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่นั่งเล่นพูดคุยกับพี่ๆและหลานๆซักพักจึงขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นแบบพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว

 

มื้ออาหารแสนอร่อยผ่านไปอย่างเรียบง่าย ลลิตภัทรมองครอบครัวของพี่ชายทั้งสองที่ดูแลซึ่งกันและกันก็อดคิดไม่ได้

 

ในอนาคตถ้าที่นั่งข้างกายของเขามีลูกเจี๊ยบเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวมันจะดีขนาดไหนกันนะ

 

เขาต้องรออีกกี่ปี ถ้าตามที่เจี๊ยบบอกไว้เขาต้องเก็บความลับนี้ไปอีกอย่างน้อย 7 ปีเลยนะ

 

พอถึงวันนั้นเขาก็จะมีอายุ 40 ปีพอดี เมื่อถึงตอนนั้นลูกเจี๊ยบก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว คงไม่มีใครมาขัดขวางความรักที่ผิดธรรมชาติของพวกเขาได้

 

ถ้าลลิตภัทรมีพรวิเศษเขาก็อยากจะขอให้เวลาเดินเร็วกว่านี้อีกหน่อย เขาจะได้เคียงคู่ครองรักกับลูกเจี๊ยบแบบเปิดเผยได้ซักที

หวังว่าพอถึงตอนนั้นจะยังคงเตะปี๊บดังอยู่นะ

 

เดี๋ยวว่างๆต้องไปตรวจสุขภาพเสียหน่อย เพราะลุงพรศักดิ์ ส่องแสงเคยบอกไว้ว่า

 

            “มีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย”

 

อิอิ...ไม่ใช่เมียเด็กธรรมดาๆด้วย

 

แต่เป็นเด็กมากกกกกกกกกกก กอไก่ล้านตัวขอบอก

 







 

 

 

          หลังจากกลับจากกรุงเทพลลิตภัทรก็กลับมาหัวหมุนกับงานในหมู่บ้านอีกครั้งเขาต้องวิ่งไปทั้งศูนย์ทำกล้วยและสบู่ถ่าน โชคดีหน่อยตรงที่แดนดินคอยดูแลส่วนของสบู่และผลิตภัณฑ์ถ่านอย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้เรื่องกล้วยๆของลลิตภัทรนั้นทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเริ่มมีตัวแทนมารับของเองถึงหมู่บ้านจากตอนแรกที่เริ่มทำชายหนุ่มต้องเอาไปเสนอตามตลาดใหญ่ๆ ลลิตภัทรออกแบบแพคเกจจิ้งให้ดูน่ารักและติดตาได้ง่าย เขาเอาแนวคิดนี้มาจากตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นเวลาซื้อสินค้าบางครั้งก็หลวมตัวซื้อเพราะห่อสวยแม้ของด้านในไม่อร่อยแต่แพคเกจจิ้งดูดีน่าซื้อหา ลูกเจี๊ยบยังคงมาช่วยงานไม่ได้ขาด หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นแก้วเจ้าจอมก็สึกจากเณรวิ่งหัวเหม่งมาเล่นกับเขาทุกวันติดสอยห้อยตามราวกับเป็นลูก น้ำเสียงเจื้อยแจ้วคอยเอ่ยถามนั่นถามนี่ น่าแปลกที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกรำคาญแบบช่วงแรกๆที่กลับมาอยู่บ้านชายหนุ่มเต็มใจตอบคำถามแม้บางครั้งจะเป็นคำถามที่ไร้สาระ

 

            “อาลอรู้ป่าวจ๊ะ อีกสามวันพ่อกำนันจ๋าจะพาพวกหนูไปเที่ยวทะเลด้วยจ้า”เจ้าจอมเอ่ยอย่างอวดๆ พลางส่งสายตาราวกับสงสารลลิตภัทรเสียเต็มประดา

 

พุทโธเอ๋ย หน้าขาวๆอย่างอาลอเกิดมาคงยังไม่เคยไปเที่ยวทะเลใช่มั้ยจ๊ะ

 

รอหน่อยนะเดี๋ยวหนูโตมีเงินมีรถโก้ๆขับหนูจะพาอาลอไปเที่ยวบ้าง

 

เด็กน้อยคิดอย่างเวทนาคนเป็นอาจับใจแต่ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบกลับมองตากันพลางอมยิ้มอย่างรู้ความหมาย

 

ช่วงบ่ายลูกเจี๊ยบมาขอพลาสติกที่เหลือจากการทำโรงเรือนคราวก่อนไปพับใหญ่ด้วยความกระตือรือร้นโดยมือแก้วเจ้าจอมเป็นลูกมือคอยช่วยหิ้วกระป๋องอุปกรณ์ที่มองคร่าวๆแล้วก็มีพวกตะปู ค้อน ลวดเส้นไม่ใหญ่นัก พอได้สิ่งที่ต้องการเด็กทั้งสองก็ทำท่าจะเดินลัดทุ่งจากไปจนลลิตภัทรต้องรีบวิ่งตามไป

 

            “เดี๋ยวค่ะ จะหอบของไปไหนกันคะ?”

 

            “ไปบ้านแต้วจ้า”แต้วคือเด็กหญิงที่ลลิตภัทรแบ่งเงินเดือนให้เพราะที่บ้านของเด็กหญิงยากจนมากมีเพียงตากับยายที่แก่ชรา เด็กหญิงอาศัยหานู่นหานี่ไปเดินขายตามบ้านหรือตลาดนัด

 

            “แล้วจะเอาของไปทำอะไรกันคะ?”

 

            “ไปทำหลุมดักแมลงให้แต้วจ้า”เด็กน้อยตอบเสียงใสตามไรผมมีเหงื่อซึมด้วยอากาศเดือนเมษายนช่างร้อนนัก

 

            “งั้นเดี๋ยวอาเอารถกระบะไปส่งดีกว่าค่ะ แดดแรงเดี๋ยวหนูกับน้องจะไม่สบายเอานะคะ”

 

            “ไม่เป็นไรจ้าอาลอหนูเดินลัดทุ่งไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ทางเข้าบ้านแต้วแคบรถอาลอเข้าไม่ได้หรอกจ้า”

 

            “งั้นเจี๊ยบกับเจ้าจอมรออาแป๊บ ขออาไปสั่งงานแป๊บหนึ่งเดี๋ยวไปด้วย”ลลิตภัทรรีบวิ่งกลับไปที่ศูนย์แล้วสั่งงานอีกนิดหน่อย คนที่เป็นหัวหน้าจดงานที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอย่างชัดเจนและละเอียดถี่ถ้วน บรรดาพี่ป้าน้าอาย่ายายที่เข้าร่วมโครงการต่างทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เพราะยิ่งขยันกล้วยแปรรูปขายได้มากนั่นหมายถึงเงินปันผลก็จะได้มากตามไปด้วย ทุกคนไว้ใจเรื่องการเงินที่ลลิตภัทรเป็นคนดูแล เชื่อใจว่าผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจะไม่กินนอกกินในกับพวกตนเด็ดขาด เมื่อจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยชายหนุ่มก็คว้าเอาพลาสติกหอบใหญ่มาถือไว้เองลูกเจี๊ยบเอ่ยขอบคุณในความช่วยเหลือนั้นเบาๆแล้วจึงแย่งเอากระป๋องของเจ้าจอมมาถือเจ้าน้องน้อยเดินเดินตัวปลิวนำไปก่อน เดินลัดทุ่งผ่านหนองน้ำที่เจอกันคราวก่อนไปอีกเกือบร้อยเมตรก็ถึงบ้านแต้วซึ่งเป็นกระต๊อบเล็กๆค่อนข้างทรุกโทรมฝาบ้านเป็นไม้ไผ่ขัดแตะกันอย่างง่ายๆ ในตัวบ้านไม่ได้เทปูนเป็นพื้นดินที่แข็งตัวมีแคร่ไว้สำหรับนอนและนั่งในชีวิตประจำวัน กองผ้าห่มและหมอนถูกวางไว้มุมในสุด ยังดีหน่อยที่ว่าบ้านนี้ยังมีไฟฟ้าใช้ ห่างจากตัวบ้านไปไม่กี่เมตรเป็นห้องน้ำที่ทำจากสังกะสีเก่าๆ  เด็กหญิงแต้วกำลังก่อไฟในเตาที่ใช้หินสามก้อนเรียงกันหรือที่เรียกว่าก้อนเส้า ควันกลิ่นฉุนคละคลุ้งเนื่องจากวัสดุสำหรับจุดไฟคือไม้แห้งและกาบมะพร้าวชวนให้แสบตาและสำลักแต่เหมือนคนที่อาศัยในบ้านจะชินเพราะยังนั่งบรรจุของที่หามาได้ใส่ถุงแยกเป็นกองๆ

 

            “แต้ว”เจี๊ยบร้องเรียกแต้วอยู่หน้าบ้านเด็กหญิงได้ยินก็รีบวิ่งออกไปหาทันที

 

            “มาแล้วเหรอพี่เจี๊ยบหนูคิดว่าลืมไปแล้ว อ๊ะ ผู้ใหญ่สวัสดีจ้า”เด็กหญิงรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นอาผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านต่างชมนักชมหนาในตลาดให้ได้ยินบ่อยๆ

 

แถมผู้ใหญ่ยังใจดีให้เงินแต้วทุกเดือนด้วย

 

            “ทำอะไรกินล่ะควันคลุ้งเชียว”ลลิตภัทรเอ่ยทักเด็กหญิงวัย 13 ขวบอย่างเป็นกันเองเพื่อที่เด็กจะได้ไม่เขินหรือประหม่าเวลาที่อยู่ใกล้ตน

 

            “กำลังจะหุงข้าวจ้า”เด็กหญิงแต้วตอบตามตรงก่อนจะยิ้มแหยให้เสียทีหนึ่ง อันที่จริงเด็กหญิงไม่คุ้นกับอาผู้ใหญ่มากนัก จะเห็นผู้ใหญ่บ้านก็ตามงานต่างๆที่แต้วไปขายของแต่ก็เห็นแค่แว้บๆ แม้จะเป็นเด็กแต่แต้วก็รู้ว่าผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นั้นหล่อที่สุดแล้ว

 

ยายก็เคยชมอยู่บ่อยๆว่า

 

            “ผู้ใหญ่ลอนี่สวยนะ สวยเหมือนพระเอกลิเกสมัยยายสาวๆแม่ยกนี่ติดกันเต็มแลย รูปงามสมกับชื่อพระลอ”

 

            “งั้นแต้วรีบไปหุงข้าวนะพี่กับอาลอแล้วก็เจ้าจอมเอาของมาทำบ่อดักแมลงให้แล้ว”แต้วรับคำอย่างว่างง่าย ลูกเจี๊ยบและลลิตภัทรเข้าไปทักทายพูดคุยกับตายายแป๊บหนึ่งบอกจุดประสงค์ที่จะมาทำในวันนี้ก็แยกออกมาส่วนเจ้าจอมและลลิตภัทรก็เดินตามลูกเจี๊ยบไปหลังบ้านที่เป็นแปลงผักสวนครัวขนาดย่อมมีคูน้ำอยู่ใกล้ๆ ลูกเจี๊ยบเดินไปข้างบ้านหยิบจอบมาสองด้ามอย่างชำนาญราวกับว่านี่เป็นบ้านตน ด้ามหนึ่งก็ยื่นให้ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวเราช่วยกันขุดนะจ๊ะ ทำซัก 5 หลุม ไม่ต้องลึกมากซัก60 เซ็นต์ก็พอ ส่วนความกว้างเอาเท่านี้”ลูกเจี๊ยบทำมือให้ดูว่าต้องการความกว้างขนาดไหน ซึ่งก็ไม่ใหญ่จนเกินไป หลังจากขุดกันซักพักพอให้ได้เหงื่อแต้วกับตาก็ตามมาสมทบ ตาของแต้วแม้จะอายุมากแล้วแต่เพราะตรากตรำทำงานหนักมาตั้งแต่สมัยรุ่นหนุ่มจึงยังคงแข็งแรงชายชราแย่งเอาจอบจากลูกเจี๊ยบแล้วไปขุดเสียเองลูกเจี๊ยบจึงชวนแต้วกับเจ้าจอมมาขึงพลาสติกกับไม้ที่ผูกกันเป็นสี่เหลี่ยม

 

            “ตาจ๋า หลอดไฟที่เจี๊ยบกับพ่อกำนันเอามาให้เมื่อวันก่อนอยู่ไหนจ๊ะ”

 

            “อยู่ในบ้านเดี๋ยวตาไปเอาให้”เมื่อขุดหลุมเสร็จลลิตภัทรก็หอบแฮ่กราวหมาหอบแดดได้แต่ทรุดนั่งลงกับพื้นดินแข็งๆอย่างไม่สนใจว่ากางเกงหรือเสื้อผ้าจะเปรอะเปื้อน

 

            “เหนื่อยเหรอจ๊ะ ขุดไปแค่สองหลุมเอง”ลลิตภัทรที่นั่งพักอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินคำถามคล้ายจะเยาะของศตายุ ชายหนุ่มรีบเก๊กท่าทางให้ขึ้งขังทำราวกับว่าตนเองนั้นสบายๆยิ่งกว่าเพลงของพี่เบิร์ด

 

            “เหนื่อยอาร๊าย!! เหนื่อยที่หน๊าย!! อาสบายมากให้ขุดอีกซัก 10 หลุมยังได้”

 

จ้า ไม่เหนื่อยแต่เสียงสูงปรี๊ด แถมแก้มก็แดงปากก็แดง ไม่เหนื่อยเลยจ้า น่าเอ็นดูจริงๆอาลอนี่

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ค่อนขอดคนปากแข็งในใจ เมื่อพักจนหายเหนื่อยแล้วลลิตภัทรก็มาช่วยผูกหลอดไฟเป็นแนวนอนหลังจากตอกเสาลงกับพื้นดินจนแน่นหนาแล้วเอาพลาสติกคลุมหลุมที่ขุดจนครบเด็กๆก็ช่วยกันตักน้ำจากท้องร่องใกล้ๆมาใส่ครึ่งหลุม ลูกเจี๊ยบงัดเอาขวดน้ำมันพืชมาโรยๆใส่น้ำในหลุมจนครบ ตะวันโพล้เพล้พอดีไฟทั้ง 5 ดวงก็ถูกเสียบจนสว่างไปทั่วบริเวณ ผืนพลาสติกที่ถูกกางออกราวจอของหนังกลางแปลงจะเป็นตัวดักแมลงให้หล่นลงไปในน้ำ

 

            “เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะมาดูผลงานนะ”ลูกเจี๊ยบบอกกับแต้วหลังเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นั่งคุยกับตายายอีกพักทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนกลับไปที่ศูนย์โอท็อปเพื่อกลับไปเอารถกระบะที่จอดทิ้งไว้ ลลิตภัทรพาเด็กทั้งสองคนไปส่งที่บ้านเอ่ยทักทายจิ๊บกับเจ้าขาแล้วจึงลากลับ ลูกเจี๊ยบยืนแอบตรงมุมบ้านโบกมือบ๊ายบายให้พระลอด้วยใบหน้าทะเล้น เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเพื่อที่จะออกมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่พี่ๆและหลานๆ ระหว่างที่เตรียมผ้าขนหนูเสียงแจ้งเตือนไลน์ก็ดังขึ้นชายหนุ่มเดินไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูเมื่ออ่านข้อความก็ถึงกับยิ้มขำ

 

            “หายาคลายกล้ามเนื้อกินด้วยนะจ๊ะ แก่แล้วเดี๋ยวเส้นยึด”ชายหนุ่มสายหัวกับสติ๊กเกอร์เจ้าเงาะป่าตด นิ้วเรียวพิมพ์ประโยคลงไปแล้วกดส่ง ลูกเจี๊ยบที่รอข้อความตอบกลับอยู่แล้วกดอ่านทันที พลันใบหน้าที่มีผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆนั้นก็แดงขึ้นราวมะเขือเทศสุก

 

            “ออกแรงแค่นี้สบายมากค่ะ หนูก็รู้นี่คะ ว่าอาน่ะ ทั้งแข็ง และแรง ขนาดไหน”

 


        “อาลอ คนบ้า คนผีทะเล สาธุขอให้เส้นยึดจะได้เลิกทะลึ่ง”







............................................



ให้อาเขาทำงานทำการเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำงานทำกามใส่เด็กมัน เดี๋ยวจะเปลืองงบแผ่นดิน 55555555555



เหม็นกลิ่นคนขี้ขิงมั้ยคะ



เหม็นมากเลยค่ะ



เขาว่ากินเด็กเป็นอมตะ ไรท์คิดว่าอาลอคงไม่มีวันตายแล้วล่ะเพราะกินเด็กมากกกกกกกกกกกก



เด็กสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



ขอสายด่วน 191 หน่อยค่ะ หมั่นไส้ล้วนๆ
อ่านมาถึงตอนนี้รู้สึกว่าพระลอโตขึ้นมากจากคอนแรกๆเลย ตอนนั้นหมั่นใส้มากนี่พระเอกจริงเรอะ ปากคอเราะร้ายถึงแม้จะด่าในใจก็ตาม แต่พอคลื่นลมสงบมันก็ชักระแวงแล้วสิ กลัวได้กินมาม่าชามโต

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 21:07:28
หลังจากกินไอติมกันเสร็จลลิตภัทรก็พาเด็กทั้งสองมาโซนซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาเลือกจะซื้อของที่แม่สั่งใที่นี่โดยเลือกแต่ของดีๆมีคุณภาพมากกว่าไปเดินตามหาในตลาดที่ค่อนข้างสกปรก วัตถุดิบชั้นดีถูกเลือกใส่ในรถเข็นทีละอย่างด้วยความใจเย็น จริงๆซื้อตามที่แม่สั่งก็ใช้เวลาเพียงแป๊บเดียวแต่เขาอยากมีเวลาอยู่เพียงลำพังกับลูกเจี๊ยบมากกว่าแม้จะมีแก้วเจ้าจอมเป็นตัวแถมก็ตาม ลลิตภัทรให้เด็กๆเลือกของที่อยากได้ใส่รวมไปในรถโดยที่เขาจ่ายเงินให้ลูกเจี๊ยบจะไม่ยอมหยิบอะไรเพราะเกรงใจจนชายหนุ่มต้องกระซิบข้างหูให้เกิดริ้วแดงจางๆที่สองแก้มผ่อง

 

คำพูดคำจาของอาลอช่างหน้าด้านนัก พูดอะไรก็ไม่รู้น่าอายจะตายไป

 

 

 

            “จะเอาอะไรก็หยิบเถอะค่ะ เมียคนเดียวอาเลี้ยงได้”









 

          หลังกลับจากไปกินไอศรีมที่ในเมือง เด็กๆช่วยกันขนของที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในครัว ย่าโฉมตรวจตราสิ่งของที่สั่งเมื่อครบตามความต้องการก็พยักหน้าอย่างพอใจ

 

          "ลอไปเก็บดอกมะลิที่หน้าคลองให้แม่หน่อย แม่จะแช่ทิ้งไว้เป้นน้ำลอยพรุ่งนี้"หญิงชราหันไปสั่งลูกชายคนเล็ก

 

          "เอาเยอะแค่ไหนครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบขันเงินมาถือไว้พลางถามปริมาณ

 

          "เยอะหน่อยก็ดีลูก เลี้ยงพระด้วยเลี้ยงคนมาทำบุญด้วย"

 

          "งั้นเดี๋ยวหนูไปช่วยอาลอเก็บเองจ้าจะได้เสร็จไวๆ"ลูกเจี๊ยบขันอาสาแล้วก็พากันเดินไปที่ศาลาริมคลองที่มีพุ่มมะลิลาออกดอกขาวไสวส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ สองอาหลานช่วยกันเก็บดอกมะลิเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน บรรดาพี่ชายและพี่สะใภ้แวะมาช่วยแม่เตรียมของในครัวส่งเสียงคุยกันวุ่นวายเนื่องจากต้องทำเครื่องเคียงกินคู่กับข้าวแช่ในปริมาณเยอะ

 

          "หอมจังเลยนะคะ"ลลิตภัทรเด็ดดอกมะลิขึ้นมาจรดปลายจมูก สูดกลิ่นเข้าไปจนเต็มปอดสองตาจ้องหน้าลูกเจี๊ยบน้อยไม่ได้ละไปไหน

 

          "แต่หอมสู้แก้มหนูไม่ได้เลยซักนิด"ลลิตภัทรกดจูบลงบนกลีบสีขาวน้ำนมนั้นแผ่วเบาก่อนจะเอามะลิดอกน้อยไปทัดหูให้ลูกเจี๊ยบ สองแก้มฟูขึ้นสีปลั่งจนอยากดึงมาฟัดเสียให้หนำใจ ริมฝีปากอิ่มตึงจากการเม้มอย่างสุดกำลังของเจ้าของปาก ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนจมูกบาน

 

ดูเอาเถิดนี่ขนาดมาเก็บดอกไม้ทำของถวายพระอาลอยังทำอกุศลใส่จนได้ มันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

ลูกเจี๊ยบได้แต่ยืนใจเต้นไม่เป็นส่ำ ริมฝีปากเม้มบ้างคลายบ้างเพราะกลั้นทั้งยิ้มกลั้นทั้งเขิน อยากจะเอ่ยปากด่าแต่ก็กลัวลุงๆป้าๆที่เดินเข้าเดินออกจะได้ยิน คงไม่ดีแน่ ดังนั้นที่ทำได้ก็มีเพียงเก็บดอกมะลิไปเรื่อยๆ แต่เหมือนลลิตภัทรจะไม่ให้ความร่วมมือกับศตายุนักเมื่อมือของหลานยื่นไปเก็บดอกไหนชายหนุ่มก็ตามไปหยิบดอกนั้น ทำทีเป็นบังเอิ๊ญบังเอิญจนหลอกจับมือหลานไปได้เสียหลานหน ร้อนให้เด็กมันส่งสายตาเขียวปั๊ดมาเป็นการเตือนคนแก่กว่าถึงยอมแพ้ เมื่อเก็บได้เยอะแล้วทั้งคู่ก็กลับเข้าไปในครัว แก้วเจ้าจอมที่ติดสอยห้อยตามมาตั้งแต่บ่ายกำลังนั่งกินแกงบวดฟักทองกับใบบัวและใบบุญกลมกลืนดุจญาติมิตร

 

ถึงว่าไม่ยักจะร้องตามไปเก็บดอกมะลิ มีของกินอุดปากอยู่นี่เอง

 

            “ได้มาเยอะเลย เจี๊ยบช่วยย่าเอาไปล้างแล้วเด็กด้านเขียวๆออกทีนะลูก”ย่าโฉมมอบหมายงานอันใหม่ให้ลูกเจี๊ยบ ใช้เวลาไม่นานเพราะคนเด็กนั้นทำงานคล่องแคล่วดอกมะลิก็พร้อมใช้งาน ย่าโฉมเอาน้ำฝนที่รองเก็บไว้ใช้จากโอ่งดินข้างครัวมาใส่ในหม้อใบใหญ่จากนั้นนำดอกมะลิกับกุหลาบมอญลงไปโรย จุดเทียบสำหรับอบควันเทียนจากนั้นใช้มือปัดจนไฟดับควันสีขาวคละคลุ้งหญิงชราจึงเอาฝาหม้อปิด

 

            “ทำไมต้องอบควันเทียนด้วยล่ะจ๊ะย่า”ลูกเจี๊ยบที่นั่งมองกรรมวิธีเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “น้ำข้าวแช่จะได้หอมชื่นใจไงลูก”หญิงชราตอบกลับเจ้าเจี๊ยบ มือก็ไม่ได้หยุดนิ่ง นั่งช่วยลูกสะใภ้ปอกหอมแดงเพื่อเอาไว้ทำเครื่องเคียงอย่างหอมแดงยัดไส้ ลูกเจี๊ยบนั่งช่วยหญิงชราเตรียมวัตถุดิบจนเสร็จสิ้นยามตะวันโพล้เพล้จึงได้ลากลับ ลลิตภัทรอาสาจะไปส่งลูกเจี๊ยบกับเจ้าจอม

 

            “เดินไปมั้ยคะ?”เอ่ยถามเจ้าตัวเล็กที่เดินเคียงข้างแม้จะอยู่ด้วยกันมาครึ่งวันแล้วแต่ชายหนุ่มก็รู้สึกว่ามันไม่พอ ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ทั้งสามคนจึงเดินออกมาทางหน้าบ้านที่ผ่านทุ่งนาที่บัดนี้เหลือเพียงตอจากฟางข้าวที่ถูกเกี่ยวไปแล้ว แสงสีสม แดง ชมพู ม่วงบนท้องฟ้างามจับตาราวกับภาพนิรมิตรที่ถูกบรรจงตวัดปลายแปรงจนเป็นภาพที่แสนงดงาม ลมพัดมาจากชายเขาไม่ได้เย็นฉ่ำหากแต่พัดเอาไปร้อนมาด้วย ได้ยินเสียงร้องรำทำเพลงดังมาจากตรงนั้นทีตรงนี้ด้วยบรรดาผู้คนที่เดินทางไปทำงานยังต่างถิ่น ทั้งจากเมืองกรุงและต่างจังหวัดต่างกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ดั่งลูกนกที่บินกลับถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน แก้วเจ้าจอมเดินนำหน้าปร๋อทิ้งห่างผู้เป็นพี่และเป็นอาไปยังดงไมยราพก่อนใช้ปลายเท้าเตะลงไปบนก้านใบจนมันหุบใบเข้าหากัน

 

            “พรุ่งนี้อาลอไปวัดกี่โมงจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบหันไปถามคนเป็นอาที่แอบมากุมมือตัวเองเดินคู่กันไปอย่างเงียบๆ

 

            “น่าจะเช้าเลยค่ะ แม่จะไปสรงน้ำพระด้วย”

 

            “งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่วัดนะจ๊ะ หนูอยากก่อเจดีย์ทรายกับอาลอ”

 

            “ไม่มาช่วยแม่ทำข้าวแช่เหรอคะ?”

 

            “คงไม่ได้ไปจ้า ย่าจะทำตั้งแต่ตี 4 แม่คงไม่ให้ข้ามมามันเช้าไป”

 

            “เสียดายจัง”คนเป็นอาทำเสียงอ่อย

 

            “เสียดายอะไรกันล่ะจ๊ะ?”

 

            “ถ้าหนูมาอาจะได้ตื่นมาเห็นหน้าหนูไงคะ เจอกันแป๊บๆก็ต้องกลับแล้ว อายังไม่หายคิดถึงเลย”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงอ้อน แต่คนเป้นหลานนั้นใจหล่นไปอยู่กับคันนาแล้ว

 

โถ่เอ๋ย อาลอช่างน่าสงสารนัก แม้ว่าเจี๊ยบจะอยากอยู่กับอาลออยากเป็นคู่ร่วมเรียงเคียงหมอนสักเพียงไหนแต่เพราะยังเยาว์นักจึงไม่อาจทำได้ดังใจหวัง อาลอคงเหงาและอ้างว้างมากถึงร่ำร้องอยากจะอยู่กับหนูตลอดเวลาสินะ กล่องความคิดของเด็กน้อยสะท้อนออกมาอย่างเร้าสร้อย แต่ทว่ากล่องความคิดของคนเป็นผู้ใหญ่นั้นอกุศลนัก

 

ทำไมลูกเจี๊ยบโตช้าจังคะ อาจับกินไม่ถนัดเลย เฮ้อออออออออ

 

            รุ่งเช้าเสียงเพลงเกี่ยวกับสงกรานต์ก็ดังไปทั่วหมู่บ้านด้วยเสียงตามสายจากบ้านของลลิตภัทรที่เปิดจนดังสนั่นลั่นทุ่งเป็นการเรียกชาวบ้านให้ได้ตื่นมาเตรียมตัวไปวัดหรือสรงน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ย่าโฉมกับลูกสะใภ้และลูกจ้าง 2-3 คนตื่นมาทำข้าวแช่กันตั้งแต่ตีสาม กลิ่นหอมของเครื่องเคียงฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณบ้าน เมื่อแล้วส่วนที่จะถวายเพลพระแล้วเสร็จในตอนเกือบ 8 โมง ย่าโฉมและคนอื่นๆจึงได้ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปสรงน้ำพระที่วัด ปล่อยให้ลูกจ้างช่วยกันทำส่วนเลี้ยงญาติโยมลูกบ้านตามวิธีทำที่บอกซึ่งก็ไม่ได้เหลือขั้นตอนที่ยุ่งยากอะไรนัก ลลิตภัทรกวาดตามองหาเจ้าเจี๊ยบน้อยจนทั่วลานวัดที่คราค่ำไปด้วยชาวบ้านที่แต่งกายสวยสด บรรดาคนเฒ่าคนแก่ต่างงัดผ้านุ่งผ้าถุงที่ทอจากผ้าไหมลวดลายสวยงามใส่มาประชันกัน เสื้อลูกไม้หลากสีสร้างบรรยากาศสดใสให้กับวัดแม้อายุจะล่วงเลย 60 จนถึง 80 กว่าปี แต่บรรดาแม่ๆทั้งหลายก็เหมือนดรุณีน้อยที่มาคอยรดน้ำพระ แม้ฟันฟางจะร่วงกันเกือบหมดปาก บางคนเหลือซี่เดียวแต่ยามยิ้มแย้มลลิตภัทรก็เห็นว่าน่ารักดี พิธีกรรมทางศาสนาดำเนินไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้เวลาสรงน้ำพระ พระสงฆ์ต่างออกมานั่งให้ประชาชนได้สรงน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล วัยรุ่นบางคนที่เป็นเพื่อนกับพระใหม่ต่างแอบแกล้งพระด้วยการสรงแล้วสรงอีกเพื่อให้หนาวสั่น สร้างเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานแม้จะเป็นกริยาที่ไม่สำรวมนักแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็แกล้งมองผ่านๆไปเพราะไม่ได้หนักหนาจนเกินรับได้

 

            “ลอ ลอเอ้ย”ย่าโฉมเรียกลูกชายที่ยังคงชะเง้อจนคอยาวแทบจะกินยอดไทรหน้าศาลาวัดได้แล้ว ลลิตภัทรหันมาให้ความสนใจผู้เป็นแม่

 

            “ครับ”

 

            “กลับไปเอาของที่จะถวายเพลมาได้แล้วลูก จะสิบโมงแล้ว เดี๋ยวจะจัดสำรับไม่ทัน ป่านนี้นิดากับแม่ขวัญเตรียมไว้รอท่าแล้ว”

 

            “ได้ครับ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับพ่อกับแม่จะไปนั่งรอบนศาลาเลยมั้ยเดี๋ยวผมพาไป”

 

            “ยังๆ ขอดูเด็กๆเล่นน้ำกันซักแป๊บ น่าสนุก”เมื่อแม่ว่าดังนั้นลลิตภัทรก็ไม่ได้เซ้าซี้ แม้แดดในตอนเกือบสิบโมงเช้าจะเริ่มเจิดจ้าสมกับเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในปี ชายหนุ่มกลับมาที่รถก่อนจะมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อขนหม้อข้าวแช่และเครื่องเคียง เมื่อมาถึงบ้านบรรดาเครื่องเคียงถูกจัดใส่ชามหุ้มพลาสติกวางบนถอดจัดเป็นชุดๆเรียบร้อยแล้ว พระลักษณ์กับพระรามช่วยกันขนส่วนของชาวบ้านขึ้นท้ายรถตัวเองคนละคัน จากนั้นสามพี่น้องก็มุ่งหน้ามาวัดพร้อมกัน บรรดาคนเฒ่าคนแก่ที่คุ้นเคยหน้าเอ่ยทักทายโดยเรียกพระรามว่าอาจารย์ เรียกพระลักษณ์ว่าเถ้าแก่และตัวพระลอชาวบ้านเรียกผู้ใหญ่ ดูเป็นเอกลักษณ์  เมื่อถึงเวลาเพลส่วนมากคนที่ขึ้นไปเลี้ยงพระจะเป็นคนเฒ่าคนแก่และคนที่คุ้นเคยกันเสียมากกว่า บรรดาวัยรุ่นต่างเล่นสาดน้ำปะแป้งกันอยู่ด้านล่าง ในที่สุดเขาก็ได้เจอเจ้าเจี๊ยบเสียที เด็กน้อยขึ้นมาบนศาลาพร้อมพ่อแม่และน้องๆ เสื้อดอกลายพร้อยสีสันสดใสเด่นชัดมาตั้งแต่หัวกระได เมื่อพระใกล้สวดจบลลิตภัทรก็เขยิบเข้าชิดเจ้าคนเด็กที่นั่งอยู่ใกล้คนเป็นพ่อ ทำทีเป็นยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกันแดนดินเบาๆเพื่อให้ต้นแขนชนกับคนเด็กเล็กน้อย

 

นิดๆหน่อยๆก็เอาวะ ชื่นใจ

 

            “พี่เดี๋ยวเชิญไปประเคนข้าวให้พระ จี๊บด้วย”

 

            “เออ”แดนดินทำหน้านิ่งตอบรับคล้ายไม่ใส่ใจแต่ก็แอบรู้สึกดีนิดๆที่ลลิตภัทรมาเชิญด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาประเคนข้าวให้พระแดนดินกับจิ๊บก็เขยิบไปนั่งด้านหน้าพระด้วยกัน

 

            “หนูคะ...”เมื่อปลอดพ่อแม่เด็กแล้วลลิตภัทรก็หันมากระซิบกับลูกเจี๊ยบที่นั่งอยู่

 

            “จ๊ะ?”

 

            “ไปถวายข้าวพระกับอามั้ยคะ ทดลองตักบาตรแต่งงาน”พระลอกระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคนเรียกสีแดงขึ้นบนผิวกายเด็กได้อย่างทันท่วงที

 

อาลอนี่นะ ทะลึ่งไม่ดูเวล่ำเวลา ซ้อมตักบาตรแต่งเงินแต่งงานอะไรกันเล่า บ้าบอจริงเชียว

 

แต่ถามว่าไปมั้ย?

 

            “ก็ได้จ้า”

 

ก็ไปอีกแหละจ้า  ซ้อมไว้ก็ดีเหมือนกันเผื่อได้แต่งจริงจะได้ไม่เก้ๆกังๆ

 

หนูแค่มองการณ์ไกลนะจ๊ะอย่าดุหนู

 

หลังพระฉันท์เพลเสร็จบรรดาชาวบ้านก็เข้ามาล้อมวงสำรับกันพร้อมหน้าสำรับข้าวชาหน้าตาน่ารับประทาน เจี๊ยบและครอบครัวได้มานั่งร่วมวงกับครอบครัวของลลิตภัทร ชามข้าวแช่หอมฟุ้งไปด้วยน้ำลอยดอกมะลิ เครื่องเคียงหลายอย่างถูกจัดวางอย่างสวยงามมีทั้งลูกกะปิ หอมยัดไส้ พริกหยวกสอดไส้ ไชโป้วเค็มผัด หมูหวานหมูฝอย มีขมิ้นขาว มะม่วงและผักอื่นๆอีก 2-3 อย่างวางอยู่ด้วยกัน

 

          “เจ้าจอมลูก ตักเครื่องเคียงกินก่อนนะครับแล้วค่อยตักข้าวกินตาม อย่าเอากับลงไปใส่ในชามข้าวกลิ่นคาวมันจะกลบกลิ่นหอม”ย่าโฉมสอนเจ้าจอมที่ทำท่าจะวางลูกกะปิลงในชามข้าวที่ลอยน้ำแข็งอยู่ เป็นการสอนวิธีกินอย่างแนบเนียนให้กับเด็กๆคนอื่นด้วย

 

          “ลูกกะปิกินแนมกับมะม่วงสดจะอร่อยมาก”ลลิตภัทรบอกกับลูกเจี๊ยบพลางหยิบมะม่วงที่พี่สะใภ้อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งนั่งแกะสลักเป็นรูปใบไม้อย่างสวยงามโดยให้เหตุผลว่า

 

         “จะได้เป็นทั้งอาหารตาอาหารปาก”

 

มื้ออาหารแสนชื่นใจที่เป็นอาหารสัญลักษณ์ของฤดูร้อนจบลงอย่างชื่นมื่น เด็กๆช่วยงานผู้ใหญ่ด้วยการไปนั่งล้างจานชามที่ลานด้านหลังศาลา แก้วเจ้าจอมคล้ายจะเป็นตัวป่วนเสียมากกว่าเด็กน้อยแกล้งใบบุญใบบัวสองพี่น้องจนเกือบจะตีกัน จนแดนดินต้องเรียกลูกมาดุแล้วให้เจ้าจอมขอโทษสองพี่น้อง โชคดีที่ยังเด็กกันทั้งสามคนจึงคืนดีกันได้ง่าย ลูกเจี๊ยบไปช่วยลลิตภัทรและพระรามพระลักษณ์ขนของขึ้นรถเพื่อกลับบ้าน  ช่วงบ่ายอาลอสัญญาว่าจะพาไปเล่นน้ำที่ในเมืองดังนั้นเด็กๆจึงรีบกลับมาเตรียมอุปกรณ์เพื่อทำสงครามน้ำถังฟ้าขนาดสองร้อยลิตรถูกขนขึ้นมาไว้บนรถกระบะคันที่มีคอกกั้นเพื่อป้องกันเด็กๆหล่นลงไป ลลิตภัทรไม่อนุญาตให้หลานๆใช้ปืนฉีดน้ำที่มันแรงดันมากเกินไปและให้หลานๆใส่แว่นเพื่อกันการโดนฉีดน้ำเข้าตา

 

          “เจี๊ยบดูแลน้องด้วยนะคะ”

 

          “จ้า”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายโดดขึ้นท้ายกระบะด้วยความคล่องแคล่วแต่ยังไม่ทันที่ลลิตภัทรจะได้เข้าไปประจำที่คนขับเสียงใครบางคนก็ตะโกนเรียกลูกเจี๊ยบมาแต่ไกล

 

          “เจี๊ยบบบบบบบบบ เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยย”ลลิตภัทรถึงขั้นคิ้วกระตุกเมื่อหันไปตามเสียงที่ได้ยิน

 

          ไอ้สองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด มันจะมาทำไมทุกเทศกาลเลยวะ!!!





...........................................



พี่สองคัมแบค 5555555555555555555555555555555



อาลอกลับมาแล้ววววววววววววววว



คราวนี้ก็รู้กันแล้วนะจ๊ะว่าอาลอทำไมมีตังค์เยอะ เรื่องการเล่นหุ้นนี่เราดูจากรายการๆหนึ่งนะคะเลยจำข้อมูลมาเขียน



เราเชื่อว่าคนที่มีความรักทุกคนมันจะมีความรู้สึกแบบอาลอคืออยากดูแลอยากซัพพอร์ตทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากทำอยากได้ แล้วยิ่งอาลออายุมากกว่าเจี๊ยบความอยากดูแลมันย่อมมีมากกว่าความรู้สึกของพวกวัยรุ่นเป็นธรรมดาเนอะ
พระลอรวยขนาดนี้นี่เองแอนถึงไม่อยากปล่อย มิน่าถึงเป็นสายเปย์ตลอด เจี๊ยบเอ้ยโชคดีแล้วลูกมีผัวรวยขนาดนี้ ว่าแต่เห็นไม่ค่อยอยู่ด้วยกันแล้วทำไมถึงมีรอยบนตัวพระลอได้ละคะ ร้ายนักนะลูกเจี๊ยบ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 21:22:40










          “เจี๊ยบบบบบบบบบบบบบบบ  เจี๊ยบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอด้วยยยยยยยยยยยยยย”ลลิตภัทรมองภาพของสุรศักดิ์ที่วิ่งลัดทุ่งพลางร้องเรียกเด็กของเขาด้วยหัวคิ้วที่กระตุกยิ่งกว่าจังหวะตะลุง

 

มาทำไมวะแม่ง แม้ว่าในใจจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยแต่พอเด็กหนุ่มพี่คนสนิทของเจ้าเจี๊ยบยกมือไหว้สวัสดีลลิตภัทรก็จำต้องเก็บอาการแล้วทักทายคนเด็กกว่าตอบ

 

            “กลับมาทำไม เอ้ย กลับมานานแล้วเหรอสอง”ลลิตภัทรรีบแก้ประโยคคำถามเมื่อศตายุบิดขาเขาหมับเข้าให้ สองที่ไม่ทันฟังแต่แรกก็ตอบอย่างคนที่ไม่รู้สึกอะไร

 

            “เพิ่งกลับมาครับ ถึงแล้วก็บึ่งมาหาไอ้เจี๊ยบมันเลยแต่น้าจิ๊บบอกว่าอยู่บ้านผู้ใหญ่ นี่กำลังจะไปเล่นน้ำในเมืองกันใช่มั้ยครับขอผมติดรถไปด้วยคนได้มั้ย?”

 

            “ได้สิพี่สองไปช่วยกันดูเด็กๆ ไปหลายๆคนสนุกดี”ศตายุรีบตอบลูกพี่อันดับหนึ่งโดยไม่ต้องถามความคิดเห็นของคนที่ยืนหน้าหงิกเป็นใบผักกูดเลยซักนิด

 

แล้วลลิตภัทรจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเออออห่อหมกไปกับเจ้าคนเด็กที่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกินกับการคัมแบคเสตรจของสุรศักดิ์ในคราวนี้

 

หลังจากช่วยกันขนของขึ้นรถกระบะเรียบร้อยอาวุธครบมือลลิตภัทร์ก็ปิดท้ายตามด้วยเหล็กกั้นกันอันตรายระหว่างทางเข้าเมืองลลิตภัทรบอกให้เด็กๆนั่งให้เรียบร้อยเพราะมีแต่ป่าห่างไกลบ้านคนเขาสามารถเร่งความเร็วได้ ชายหนุ่มเหลือบมองกระจกหลังบ่อยๆก็เห็นว่าเจ้าลูกเจี๊ยบกำลังคุยกับสุรศักดิ์ปากงุ้ยๆพูดกันไม่หยุด เด็กๆอีกสามคนก็เอาแต่สนใจปืนฉีดน้ำในมือ เห็นเจ้าจอมแกล้งบัวบูชาแว๊บๆด้วยการฉีดน้ำใส่เด็กหญิงแล้วหัวเราะร่า นึกตำหนิในใจหากแต่ครู่เดียวก็เห็นบัวบูชาเอาปืนฉีดน้ำในมือตีหัวแก้วเจ้าจอมไปหนึ่งโป๊ก

 

เก่งมากหลานอาให้มันได้อย่างนี้สิ

 

ยิ่งเข้าเขตตัวเมืองรถกระบะที่มุ่งหน้ามาเล่นน้ำก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กๆที่นั่งมาตลอดทางเริ่มลุกขึ้นยืน น้ำถูกใส่เข้าไปในกระบอก เสียงเพลงจากเครื่องเสียงดังกระหึ่มลอดเข้ามาในตัวรถ ลลิตภัทรตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะลงไปกำชับเด็กๆอีกครั้ง

 

            “เล่นดีๆนะครับอย่ายิงอัดหน้าอัดตาใบบุญกับใบบัวแล้วก็เจ้าจอมใส่แว่นไว้ตลอดห้ามถอดเข้าใจมั้นครับ สองกับเจี๊ยบดูน้องด้วย อันนี้เงินเอาไว้ซื้อแป้งซื้อของกินเจี๊ยบถือไว้นะครับ”ลลิตภัทร์ส่งซองใสกันน้ำใส่เงินที่เต็มไปด้วยแบงค์ 20 และแบงค์ 50 ให้ลูกเจี๊ยบ ปริมาณที่หนาดูก็รู้ว่าคงจะถึงพันบาท จัดว่าลลิตภัทรรอบคอบตรงที่ไปแตกแบงค์ย่อยไว้ให้เด็กๆ เมื่อทุกคนรับคำแล้วลลิตภัทรก็ขึ้นรถแล้วเริ่มไหลตามคันอื่นๆเข้าไปในตัวเมือง บรรยากาศการเล่นน้ำในเมืองสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กๆและผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้ามาเล่นน้ำ เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆดังมาเป็นระยะยามที่ศตายุและสุรศักดิ์ยิงปืนใส่

 

ก็แน่ล่ะ ลูกเจี๊ยบของเขา เวลาอยู่กันสองต่อสองน่ะนุ่มนิ่มยังกับข้าวเหนียวปั้นแต่พออยู่ภายนอกก็คือเด็กผู้ชายหล่อๆคนหนึ่งนั่นแหละ ยิ่งผิวสีน้ำผึ้งบวกกับส่วนสูง 180 นิดๆ ยิ่งส่งให่ดึงดูดสายตาคนอื่นได้ไม่ยาก

 

และแน่นอนพอหล่อในสายตาคนอื่นปุ๊บ สาวๆหนุ่มๆก็กรูกันมาปะแป้งจนเต็มหน้าไปหมด

 

            “ทำไมร้อนวะ”ลลิตภัทรเร่งแอร์ในรถให้แรงขึ้น ในหัวเริ่มเดือดปุดๆล่ะยามที่เห็นทั้งสาวน้อยหนุ่มน้อยและไม่น้อยมาปะแป้งลูกเจี๊ยบของเขา ยิ่งขับเข้าในเขตที่คนเล่นเยอะๆรถก็แทบจะไม่ขยับไปไหน ลูกเจี๊ยบกับสุรศักดิ์เริ่มลงไปซื้อของกินและน้ำมาให้น้องๆกิน ระหว่างยืนรอแน่นอนเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดีก็มีสาวๆเข้ามาปะแป้งฉีดน้ำใส่ บางคนแก่นแก้วหน่อยก็มาเต้นท่าทางยั่วยวนใส่ทั้งสองหนุ่ม แม้ลูกเจี๊ยบน้อยของเขาจะไม่ได้เล่นด้วยมากนักแต่เขาก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

 

ที่ร้อนเนี่ยไม่ใช่อากาศหรอก แต่เป็นหัวเขานี่แหละ

 

ทั้งสองคนลงไปเต้นวาดลวดลายอ้อนตีนเป็นพักๆ ท่าที่เสียงตีนสุดในสายตาลลิตภัทรคงเป็นท่ายกขาขึ้นแล้วเหวี่ยงไปมาอย่างพร้อมเพียง พอมีสาวๆมาขอปะแป้งก็ยื่นหน้าไปให้อย่างคนมนุษยสัมพันธ์ดี

 

ดีจนเกินเหตุ

 

ในที่สุดความอดทนของลลิตภัทรก็สิ้นสุดเมื่อสาวน้อยนางหนึ่งใส่เสื้อสายเดี่ยวสีแดงสด หน้าอกหน้าใจล้นทะลักเข้ามาโน้มคอลูกเจี๊ยบของเขาแล้วกดจูบลงบนแก้มที่ปกติมีเพียงเขาที่ครอบครองคนเดียว ลลิตภัทรไม่สนใดใดทั้งสิ้น ชายหนุ่มเปิดประตูรถเดินดุ่มๆไปคว้าแขนลูกเจี๊ยบมาไว้ข้างตัว ดึงกระเป๋าใส่เงินโยนให้สุรศักดิ์

 

            “สอง ฝากดูเด็กๆด้วย เจี๊ยบไปนั่งเป็นเพื่อนอาในรถ”ลลิตภัทรไม่รอให้ลูกเจี๊ยบที่ยังดูงงๆได้ปฎิเสธร่างสูงจับหลานยัดเข้าไปในรถ

 

            “เด็กๆ เย็นแล้ว เดี๋ยวหลุดโค้งนี้อาจะพากลับบ้านเลยนะครับ”ไม่รอฟังเสียงโหยหวนของแก้วเจ้าจอมลลิตภัทรเดินกลับมานั่งประจำที่คนขับทันทีเมื่อกดล็อกรถเรียบร้อยปแล้วก็โน้มใบหน้าของศตายุมากดจูบแรงๆทันทีโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็นเพราะเป็นฟิล์มทึบ

 

            “อื้อ อาลอ ทำอะไรอ่ะคนเยอะแยะ”

 

            “อาหึงไงคะ หึงจนอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ยคนที่มาปะแป้งหนูจ้องหนูตาเป็นมันอาไม่ลงไปต่อยให้หน้าแหกก็บุญเท่าไหร่แล้ว”

 

            “โธ่ อาลออ่ะคิดมาก วันนี้วันเล่นเขาก้เล่นกันไม่คิดอะไรหรอกจ้า”

 

            “ไม่คิดอะไรแล้วทำไมต้องเอานมมาถูแขนหนู จูบแก้มหนูด้วย”

 

            “คุณลลิตภัทรครับคุณจะต้องหึงไปทำไม ต่อให้เขามาแก้ผ้าตรงหน้าผมผมก็ไม่รู้สึกอะไรถ้าคนๆนั้นไม่ใช่คุณ”ศตายุพูดกลั้วเสียงหัวเราะ นึกเอ็นดูคนแก่ที่หึงจนหน้าดำหน้าเขียว ในใจลึกๆแอบดีใจไม่น้อยที่ลลิตภัทรหวงตน คนแก่กว่าพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกความขุ่นข้องเมื่อครู่ราวกับถูกพัดวิเศษพัดปลิวกระเด็นไป

 

            “แต่คุณลลิตภัทรครับ ตอนนี้ผมหนาวมากเลย แอร์เย็นมาก”ศตายุปากคอสั่น เพราะตัวเปียกอยู่แล้วพอเข้ามานั่งในรถที่ลลิตภัทรเร่งแอร์ดับความหัวร้อนก็หนาวจนสั่นไปหมด เจ้าของรถรีบหรี่แอร์แล้วเอื้อมไปหยิบเสื้อกันหนาวที่เบาะหลังมาคลุมให้คนเด็กกว่าทันที ไม่ทันได้พูดอะไรมากสองก็มาเคาะกระจกรถจนลลิตภัทรจำใจต้องลดกระจกลง

 

            “อ่ะเอาไป กาแฟกับน้ำเปล่าของอาลอนะครับ”สองยื่นของกินที่ไปยืนรอมาในถุงมีลูกชิ้นนับสิบไม้ไก่ย่างข้าวเหรียว ส่วนอีกถุงมีกาแฟกระป๋อง น้ำอัดลมและน้ำเปล่า

 

            “ซื้อให้เด็กๆครบยังสอง เดี๋ยวหลุดโค้งอาว่าจะกลับเลยนะ เย็นแล้วเดี๋ยวเด็กๆไม่สบาย”

 

            “ว่าไงว่าตามกันครับอา”สองตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะปีนกลับขึ้นรถ ลูกเจี๊ยบเริ่มคุ้ยถุงก่อนจะรูดไม้ลูกชิ้นออก จิ้มลูกชิ้นหมูขึ้นมาเป่าๆก่อนยื่นมาจ่อปากอาหนุ่มที่อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง

 

            “อ้าม...”ส่งเสียงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กเล็กๆให้กินกล้วยบด ลลิตภัทรอ้าปากรับอย่างว่าง่าย แตงกวาหั่นถูกป้อนตามก่อนจะเปิดกาแฟแล้วเสียบหลอดป้อนลลิตภัทร อารมณ์ชายหนุ่มดีขึ้นเรื่อยๆหลังจากเอาลูกเจี๊ยบมานั่งในรถกับตัวเองได้ อย่างน้อยก็ได้มีเวลาคุยกันแม้จะสงสารคนเด็กเวลามองคนด้านนอกเล่นน้ำกันสนุกสนาน

 

            “เสียดายมั้ยคะที่ต้องมานั่งแกร่วกับอาแทนที่จะได้ออกไปเล่นสนุกกับน้องๆ”

 

            “ก็นิดหนึ่งจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามตรงโดยไม่ต้องแอ๊บใส่ลลิตภัทร

 

            “เดี๋ยวหนูก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วโอกาสจะเล่นสนุกแบบนี้เหลือน้อยลงทุกที แต่ได้มาอยู่กับอาลอก็ดีไปอย่าง รถติดนานๆเราจะได้มีเวลาด้วยกันมากขึ้น อยู่บ้านหาเวลาอยู่ด้วยกันแทบไม่ได้เลย”น้ำเสียงหงอยๆของคนเด็กทำให้ลลิตภัทรอดที่จะเอื้อมมือไปลูบผมเบาๆไม่ได้

 

ต่อให้รักกันมากแค่ไหนต้องการกันมากเพียงใดแต่ก็ต้องเก็บกลั้นกันไว้ด้วยความอดทน

 

            “ไว้หนูโตกว่านี้เราก็ทำให้มันถูกต้องเถอะนะเจี๊ยบ อาก็อยากเข้าตามตรอกออกตามประตูแล้วเหมือนกัน”

 

            “อื้อ รอถึงวันนั้นอาลอจะทำอะไรหนูจะไม่ห้ามเลย”เด็กน้อยพยักหน้ารับก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง บรรยากาศในรถสดใสขึ้นในพริบตาต่างจากหลังรถลิบลับเมื่อสุรศักดิ์ต้องอยู่กับเด็กๆเพียงลำพัง

 

ไม่สนุกเลยซักนิด

 

 

            ในที่สุดช่วงเวลาของการปิดเทอมใหญ่ก็สิ้นสุดลง เช้านี้ศตายุรีบแต่งตัวก่อนจะถือถาดใส่ข้าวมารอหลวงตาที่ท่าน้ำ ลลิตภัทรโบกมือทักทายมาจากฝั่งบ้านตนเองศตายุส่งยิ้มหวานให้กับคนที่มาดักรอส่งตัวเองไปโรงเรียนแต่เช้า ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทำเพียงนั่งมองและยิ้มให้กัน ยามเช้าอากาศไม่ร้อนนักมีลมเย็นโชยพัดมาเรื่อยๆ เสียงกอไผ่ลู่ลมดังเอียดอาด นกบินออกจากรังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว บนผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นหลายครั้งยามปลาโดดขึ้นมาฮุบแมลงไม่นานหลวงตาก็พายเรือโผล่พ้นคุ้งน้ำมา ลูกเจี๊ยบรีบยกมือไหว้นิมนต์หลวงตา สองตาหลานคุยกันเช่นทุกวัน

 

            “หลวงตาแก่แล้ว อีกหน่อยคงไม่มาแล้วนะเจี๊ยบเอ้ย”หลวงตาจวบบอกกับหลานชายถึงสุขภาพที่ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ลูกเจี๊ยบยู่หน้ายามที่ผู้เป็นตาพูดถึงเรื่องความเป็นความตาย

 

            “จะรีบพูดทำไมจ๊ะหลวงตา ยังไม่ตายซักหน่อยหลวงตามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยววันหยุดเจี๊ยบไปหาหลวงตาเอง ว่าไปหลวงตาก็อายุเยอะแล้ววันไหนพายเรือทวนน้ำมาหนูก็เป็นห่วง ยังไงเดี๋ยวแม่ก็เอาใส่ปิ่นโตไปถวายที่วัดได้ไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ”

 

            “โตแล้วนะ ลูกเจี๊ยบน้อยของหลวงตา ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องงอแงให้ตามาแล้วจำได้มั้ย ร้องไห้เสียจนเกือบตกน้ำตกท่า ไปเถอะ หลวงตาจะกลับแล้ว รีบไปกินข้าวกินปลาไปโรงเรียนซะเดี๋ยวรถมาก็รีบตาหูเหลือกอีก” หลวงตาเอ่ยไล่หลานชายคนโตก่อนจะหันหัวเรือเพื่อไปรับบาตรที่ลลิตภัทรมารอใส่ด้วยอีกคน คุยกับชายหนุ่มอีก 2-3 คำก็พายเรือกลับวัดไป

 

ชายหนุ่มนึกถึงคำพูดต่างๆที่หลวงตาจงบพูด

 

คนเราทุกคนย่อมโตขึ้น

 

ทุกสิ่งล้วนเป็นสัจธรรม

 

อีกไม่กี่ปีลูกเจี๊ยบของเขาก็จะบรรลุนิติภาวะ ในขณะที่ร่างกายของเขาก็จะถดถอยลง อายุรังแต่จะเพิ่มขึ้น

 

ไม่ได้การณ์ล่ะ

 

ถ้าเขาแก่และอ่อนแอก็จะไม่มีแรงกินเด็ก เขาต้องเริ่มออกกำลังกายฟิตหุ่นอย่างจริงจังล่ะ

 

ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเตะปี๊บดังไปยั้นอายุ 80 เลยคอยดู

 





                เงียบเหงา...

 

ชีวิตที่ไม่มีลูกเจี๊ยบน้อยมาคอยส่งเสียงเจื้อแจ้วเรียกอาลอจ๊ะอาลอจ๋ามันช่างเงียบเหงาเสียเหลือเกิน ลลิตภัทรเขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างเบื่อหน่าย  เพิ่งรู้ว่าการไม่ได้เจอเด็กมันมาจ๊ะจ๋าข้างหูน่ะมันน่าเบื่อขนาดไหน

 

กับข้าวที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

เพลงที่เคยชอบก็น่าเบื่อ

 

ใดใดในดลกล้วนน่าเบื่อไปหมด

 

ที่สุดก็เบื่อที่จะกินเลยรวบช้อนส้อมแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

 

เนี่ย ขนาดน้ำเปล่าที่กินมาตั้งแต่แม่เริ่มป้อนกล้วยบดยังน่าเบื่อเลย ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ขยุกขยิกก่อนจะกดส่ง

 

                “เมื่อไหร่จะกลับคะ อาคิดถึงแล้วนะ”

 

 

ศตายุที่นั่งงีบหลับบนรถสะดุ้งเมื่อเสียงแจ้งเตือนของไลน์ดังขึ้น วุ้นที่นั่งข้างๆหันมามองยิ้มๆ เด็กน้อยส่งยิ้มแห้งๆให้กับอาจารย์ที่หันมามองก่อนกดดูแล้วก็หลุดขำออกมาเมื่อเห็นข้อความแสนงอแงของลลิตภัทร

 

                “โธ่ อาลอจ๋า หนูเพิ่งเดินทางยังไม่ถึงครึ่งทางเลยจ้า”ศตายุส่ายหน้ากับความเว่อร์วังของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มที่งอแงตั้งแต่รู้ว่าลูกเจี๊ยบต้องไปเข้าค่ายวิชาการที่โรงเรียนจัดสามวัน

 

                “อาต้องคิดถึงหนูมากแน่ๆเลย”

 

                “หนูไปแค่สามวันเองนะจ๊ะ”

 

                “ตั้งสามวันต่างหาก!!”ผู้ใหญ่บ้านพิมพ์กลับมาทันที นี่ถ้าหากอยู่ติอหน้าคงเห็นคนแก่ส่งค้อนประหลักประเหลือกแน่ๆ  พุทโธ่เอ้ย อาลอหนออาลอ งอแงเสียเหลือเกิน ทำตัวปานเด็กน้อยเพิ่งหัดมีแฟนขนาดลูกเจี๊ยบเป็นเด็กแท้ๆเวลาอาลอต้องเข้ากรุงเทพไปทำธุระตั้งหลายวันลูกเจี๊ยบยังไม่งอแงเลยซักนิด

 

                “ไม่งอแงสิจ๊ะ เดี๋ยวกลับไปแล้วจะให้รางวัล”เด็กน้อยแก้มขึ้นสียามพิมพ์ประโยคแสนก๋ากั่นนั้นลงไป ลลิตภัทรส่งสติ๊กเกอร์คำว่าโอเคกลับมาแต่ยังคงงอแงอีกนิดหน่อยจนศตายุต้องบอกว่าตนนั่งรถไปพิมพ์ไปไม่สะดวกรู้สึกเวียนหัว

 

                “หนูแพ้ท้องลูกของเราเหรอจ๊ะ?”

 

                “ลูกของเราแท้งตั้งแต่หนูอึแล้วจ้า”ศตายุหัวเราะคิกคักก่อนจะเก็บโทรศัพท์

 

                “น่าอิจฉาจังน๊าคนมีความรักเนี่ย”วุ้นที่นั่งมองเพื่อนหัวเราะเบาๆพลางคุยกับคนทางนู้นอดที่จะแซวไม่ได้

 

                “อย่าแซวดิ่ เขินนะเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ไว้ค่อยคุยกัน”

 

                ศตายุอ้าปากหาวหวอดในขณะที่นั่งเรียงแถวฟังการบรรยายที่ไม่มีทีท่าจะสิ้นสุดของอาจารย์ บรรดานักเรียนคนอื่นๆบ้างก็สัปหงก บ้างก็หันไปคุยกันเบาๆมีอาจารย์คอยตรวจแถว

 

กิจกรรมแสนน่าเบื่อดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีเว้นช่วงให้กิจกรรมสันทนาการเป็นระยะพอให้เด็กๆคลายความเบื่อลงไปได้บ้างเช่นการเล่นเกมส์เล็กๆน้อยๆจนสามทุ่มถึงปล่อยให้นักเรียนเข้าที่พัก ซึ่งก็เป็นโรงแรมที่จองไว้ให้นักเรียนนอนรวมกันห้องละ 5 คน ลูกเจี๊ยบเป็นคนเข้าไปอาบน้ำก่อนคนอื่นๆ ตาปรือใกล้จะปิดอยู่รอมร่อตามด้วยวุ้นและต่อด้วยเพื่อนคนอื่นๆจนครบ เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายด้วยความเพลียจากการเดินทางและกิจกรรมที่อัดเข้ามาไม่ยั้งโดยลืมไปซะสนิทว่าสัญญาจะโทรหาคนแก่งอแงที่มิสคอลมาเกือบร้อยสายในคืนนั้น

 

               

รอ...สองทุ่มผ่านไป

 

สามทุ่มผ่านไป

 

จนตอนนี้ลลิตภัทรจ้องตัวเลขที่หน้าจอด้วยหัวใจอันปวดร้าว

 

ลูกเจี๊ยบไม่อ่านไม่ตอบ  ชายหนุ่มยกผ้าห่มขึ้นมากัดกลั้นเสียงสะอื้น น้ำตาไหลหยดลงหมอนอย่างร้าวราน

 

ลูกเจียบทิ้งเขาอีกแล้ว

 

สูดขี้มูกดังปึ๊ดใหญ่ คอยดูนะ จะไม่สนใจแล้ว จะไม่ไลน์หาจะไม่โทรไป เจ้าเด็กใจร้ายชอบหลอกให้รอเก้อ

 

                “อ่ะฮึ่ก”สะอื้นเล็กน้อยพอเป็นพิธี ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น

 

ไม่รู้ทำไมพอคบเด็กมันแล้วหัวจิตหัวใจของเขาก็เปราะบางเสียเหลือเกิน

 

 

                รุ่งเช้าศตายุและนักเรียนคนอื่นๆถูกปลุกตั้งแต่ตีห้า อาจารย์ให้เวลาล้างหน้าแปรงฟันราวครึ่งชั่วโมงก็มาจัดแถวกายบริหารทั้งวิ่งและยืดเส้นยืดสายด้วยท่ากายบริหารท่าต่างๆรวมทั้งยืนระเบียบฟังที่อาจารย์พูดจนถึง 8 โมงเช้าจึงได้รับประทานอาหารเช้า

 

กิจกรรมต่างๆยุ่งเสียจนไม่ได้จับโทรศัพท์เลยซักครั้ง ทั้งเข้าฐาน ทั้งทำงานกลุ่มแล้วออกไปอภิปราย ทั้งเรียนวิชาที่ถูกจัดโปรแกรมมาจากรุ่นพี่มหาวิทยาลัยที่มาสอนการเก็งข้อสอบให้น้องๆพอสี่โมงเย็นจึงไปทำกิจกรรมเข้าฐานที่ริมทะเล เด็กๆค่อยรู้สึกผ่อนคลายสนุกสนานขึ้นมาได้บ้างจนถึงมื้อเย็นกินข้าวกันอย่างเร่งรีบแล้วก็เข้ากิจกรรมวนลูปเหมือนเมื่อวานไม่ผิดเพี้ยน

 

และเช่นเดิม...ศตายุลืมโทรศัพท์ไปเสียสิ้น

 

                “มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออก”พระลักษณ์ที่นั่งกินข้าวใกล้น้องชายเอ่ยถามอย่างหงุดหงิดใจ เขาอยู่กับลลิตภัทรทุกวันเวลาอยู่ที่โรงสีพระลอก็หงุดหงิดฟึดฟัดอยู่คนเดียว ทำงานก็หัวเสียลูกจ้างเข้าหน้าไม่ติด แถมเวลาออกไปดูงานที่ทำร่วมกับลูกบ้านก็เผลอไปเอ็ดลูกน้องเสียใหญ่โตยกใหญ่ แล้วเย็นนี้มีลูกบ้านมาซื้อพันธุ์ข้าวและพวกปุ๋ยพวกยาเยอะจนทำให้แม่ต้องส่งปิ่นโตมาให้กินถึงที่โรงสี

 

                “ไม่ได้เป็นอะไร”หากแต่เจ้าน้องชายคนเล็กก็ปฏิเสธด้วยคำพูดเดิมๆ

 

                “กูถามจริงๆเลยนะไอ้ลอ”พระลักษณ์จ้องหน้าน้องชายนิ่งอย่างกดดันจนคนเป็นน้องรู้สึกขนหัวลุกแบบแปลกๆ

 

สมัยที่ยังเป็นทนายว่าความพี่ชายของเขานั้นก็ขึ้นชื่อว่าต้อนลูกความจนจนมุมมาหลายรายแล้ว ชายหนุ่มนั่งตัวตรงอย่างประหม่า

 

                “อะไร?...พี่จะถามอะไรผม?”

 

                “มึงมีแฟนใช่มั้ย?”นั่นไง สั้นๆตรงประเด็นโคตรๆ

 

อยากจะประกาศให้โลกรู้จะตายชักอยู่แล้วแต่ติดที่เจ้าลูกเจี๊ยบขอร้องไว้

 

ปากนี่คันยิบๆยังกะทาลิปสติกผสมหมามุ่ย

 

                “บ้า...ไม่มี๊”

 

                “อย่ามาตอแหล มึงลุกลี้ลุกลนขนาดนี้เดาว่ามึงติดต่อแฟนไม่ได้”

 

                “ใครลุกลี้ลุกลน พี่อ่ะคิดมาก”ลลิตภัทรทำหน้าทำตาที่พระลักษณ์ถึงกับเบ้ปากเป็นรูปตีน

 

                “กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่เด็กมึงเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้ บอกกูมาได้มั้ยว่าใครลูกบ้านหรือเพื่อนที่กรุงเทพวะ?”

 

                “บอกไม่ได้ว่ะ”

 

อ่าว ชิบหาย ว่าจะไม่บอกเสือกหลุดปาก โธ่ ไอ้ลอ ไอ้คว๊ายยยยยย

 

                “แสดงว่ากูรู้จัก?”

 

                “พี่มึงอย่าถามเลย ยังบอกไม่ได้จริงๆ”

 

                “ลูกสาวบ้านไหนวะ มึงบอกกูได้นะสองหัวดีกว่าหัวเดียวเว้ยมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยมึงคิดได้”ลลิตภัทรมีสีหน้าพิพักพิพ่วนขึ้นมาทันที แสร้งทำเป็นหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบหลบสายตาที่จ้องนิ่งจนในที่สุดพี่ชายก็เป็นฝ่ายยอมแพ้

 

                “ตามใจ ไม่อยากบอกกูก็จะไม่รบเร้าแต่ถ้าอยากเล่าก็บอกกูได้เสมอนะ”พี่ชายหันมาแกะปลาทูทอดโยนใส่จานข้าวของน้องชายให้ราวกับว่าตนเองนั้นจะไม่เซ้าซี้

 


แต่เขาสาบานเลยว่าจะต้องรู้ให้ได้!!!





...............................................

มีคนแก่งอนเด็กอีกแล้วจย้าาาา
อะไรจะขนาดนั้นอะพระลอ น้องแค่ไปเข้าค่ายแค่นี้น้อยใจจนต้องร้องไห้เลยเหรอตลกอะ55555555555

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 21:34:44
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๑






            “เป็นอะไรเหรอเจี๊ยบ”วุ้นเอ่ยปากถามยามเห็นลูกเจี๊ยบจ้องหน้าจอมือถือที่อาจารย์เพิ่งคืนให้แล้วกัดปากอย่างกำลังใช้ความคิด

 

            “อาลอน่ะสิตั้งแต่วันแรกโทรมาเป็นร้อยสายเลย แล้วเนี่ยวันที่สองเราก็ยุ่งตกเย็นอาจารย์สั่งริบโทรศัพท์ไปหมดทุกคนพอวันที่สามนี่ไม่โทรไม่ทักไลน์มาแล้ว น่าจะโกรธเราแล้วอ่ะ”ลูกเจี๊ยบยื่นหน้าจอให้กับเพื่อนสนิทดู

 

ใครอาจจะไม่รู้ว่าอาลอของเขาน่ะเจ้าแง่แสนงอนเป็นที่หนึ่ง ยิ่งพอลึกซึ้งกันแล้วคนแก่น่ะขี้ระแวงหนักกว่าเก่าอีก

 

            “ก็อากลัวหนูทิ้งอานี่คะ”เป็นประโยคที่ศตายุได้ยินคนแก่กว่าพูดอยู่บ่อยครั้ง

 

เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอาลอสั่นคลอนเพราะช่วงวัยแม้ลูกเจี๊ยบจะพยายามเน้นย้ำทุกครั้งให้ลลิตภัทรมั่นใจว่าตนเองจะรักอาลอคนเดียวยังไงก็ตาม  การที่อาลอไม่โทรและไม่ส่งไลน์มาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนแก่กว่าเข้าสู่กระบวนการงอนอย่างเต็มรูปแบบ

 

            “เขาโกรธก็โทรไปง้อสิ”วุ้นเสนอทางออกอย่างง่ายๆหากแต่ลูกเจี๊ยบกลับส่ายหน้า

 

            “รายนั้นน่ะป่านนี้เขวี้ยงโทรศัพท์ไปไว้ไหนซักที่แล้วมั้ง โทรไปก็ไม่รับหรอก”ศตายุตอบอย่างคนที่รู้นิสัยของลลิตภัทรดี เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์เมื่ออาจารย์เรียกรวมเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ลูกเจี๊ยบน้อยเงียบขรึมมาตลอดทางผิดจากขามาลิบลับ วุ้นเองก็ไม่กล้ากวนจนทั้งสองแยกย้ายกันเมื่อแดนดินเป็นคนขับรถมารับลูกที่โรงเรียนแทนที่ลูกเจี๊ยบจะกลับรถประจำเนื่องจากเป็นเย็นวันอาทิตย์

 

            “เจ้าจอมๆ”แก้วเจ้าจอมที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ชานเรือนหันไปตามเสียงเรียกของพี่ชาย ลูกเจี๊ยบกวักมือเรียกให้น้องเข้ามาหาที่ห้องเมื่อร่างเล็กของน้องเข้ามาลูกเจี๊ยบก็รีบปิดประตูห้องทันทีเพื่อไม่ให้แม่จิ๊บที่กำลังทำกับข้าวกับจันทร์เจ้าขาเห็น

 

            “อะไรพี่เจี๊ยบ?”

 

            “เจ้าจอมได้แวะไปบ้านฟากขะนู้นมั่งมั้ย?”

 

            “ก็ไปนะไปเล่นกับใบบุญ”เจ้าเด็กลูกเล็กของบ้านตอบโดยที่มือก็หยิบหุ่นยนต์ของพี่ชายมาดัดแขนดัดขาเล่น

 

            “แล้วเจออาลอมั้ย?”

 

            “เจอซี่”

 

            “อาลอถามหาพี่บ้างมั้ย?”ลูกเจี๊ยบหลอกถามอย่างตื่นเต้น แก้วเจ้าจอมกรอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดพลางทำเสียงอืมในลำคอ

 

            “อืมมมมมมมมม”

 

            “ว่าไง ถามหาพี่มั่งมั้ย?”

 

            “วันแรกก็ถามหานะ วันที่สองก็บ่นๆว่าพี่เจี๊ยบไม่ยอมรับสาย ส่วนวันที่สามหนูชวนคุยอาลอบอกไม่คุยกับน้องของคนใจร้าย”ถ้อยคำที่ถูกถ่ายทอดจากปากน้องชายทำเอาศตายุร้อนอกร้อนใจเสียเหลือเกิน หากแต่ตอนนี้จะไปหาก็ไม่ได้เพราะใกล้จะกินข้าวแล้วถ้าไปตอนนี้แม่คงเอ็ดแถมพ่อกำนันก็อยู่ที่ใต้ถุนบ้าน

 

อยากไปหาอาลอใจจะขาดแล้ว

 

            “พี่เจี๊ยบๆ”ลูกเจี๊ยบหลุดจากภวังค์เมื่อเจ้าน้องชายตีที่แขนเบาๆ

 

            “หืม??”

 

            “ตัวนี้หนูขอนะ”ว่าพลางชูหุ่นยนต์ในมือให้พี่ชายดู ศตายุมองของเล่นในมือน้องอย่างเสียดายเพราะเป็นตัวโปรดหากแต่สมองอันชาญฉลาดก็ประมวลผลอย่างรวดเร็ว เสียหุ่นยนต์ 1 ตัว เพื่อการใช้งานในภายภาคหน้าอาจจะดีกว่า

 

            “เอาไปสิ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”

 

            “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรอ่ะ”

 

          “ถ้าพี่ขอให้เจ้าจอมทำอะไรเจ้าจอมจะต้องทำตามที่พี่บอกเข้าใจมั้ย?”

 

            “โอ้ย เรื่องง่ายๆหนูก็ทำตามที่พี่เจี๊ยบบอกมาตลอดอยู่แล้วนี่นาขออะไรที่มันยากๆกว่านี้หน่อย”

 

          “เออน่า ทำตามที่พี่บอกก็พอ”

 

          “แล้วพี่เจี๊ยบจะให้หนูทำอะไรล่ะ”

 

            “ถ้าแม่เรียกให้ไปเอากับข้าวไปให้ย่าโฉมเจ้าจอมต้องบอกให้พี่ไปแทนหรือไม่ก็ไปด้วย โอเคป่าว”

 

            “ก็ด๊ะ”เจ้าจอมยักไหล่พลางเอาหุ่นยนต์ของพี่ชายออกจากห้องไปนั่งเล่นที่ชานเรือน ไม่นานจิ๊บก็ร้องเรียกลูกชายคนเล็กให้เข้าไปในครัว

 

            “เจ้าจอมเอ้ย มาหาแม่หน่อยลูก”

 

            “จ้าแม่”เด็กน้อยวางหุ่นยนต์ในมือลงก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ที่ในครัว

 

            “เอาสายบัวต้มกะทิไปให้บ้านย่าโฉมทีลูก ถือหม้ออวยดีๆอย่าเดินแกว่งมากนะเดี๋ยวมันจะหก”

 

            “อ้าว แล้วทำไมแม่ไม่ให้พี่เจี๊ยบไปล่ะจ๊ะ”เจ้าจอมร้องท้วงทันทีที่ถูกแม่ใช้ใบหน้าหงิกงอราวยอดผักกูด

 

            “ก็พี่เขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ”

 

            “โธ่แม่จ๋า ตัวหนูก็เล็กแค่นี้ มือหนูก็เล็กนิดเดียว หม้ออวยใบเบ้อเร่อหนูจะถือไหวได้ยังไงล่ะจ๊ะ ให้พี่เจี๊ยบเอาไปเถอะหนูหิ้วไม่ไหวหรอก”แก้วเจ้าจอมทำปากบึนใส่ผู้เป็นแม่ ชูมือชูไม้ให้ดูว่ามันเล็กๆอุ๋งๆขนาดไหน

 

            “เอ๊ะเจ้าจอมนี่ก็แม่บอกว่า...”

 

            “เดี๋ยวหนูเอาไปให้บ้านฟากขะนู้นเองจ้าแม่ หม้ออวยดูจะหนักจริงๆแหละจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบขันอาสากับแม่ทันที จิ๊บจิ๊ปากส่ายหน้าใส่ลูกคนเล็กก่อนจะยื่นหม้ออวยที่ใส่สายบัวต้มกะทิไว้ครึ่งหม้อให้ลูกคนโต

 

            รีบไปรีบกลับล่ะอย่ามัวแต่เถลไถลพ่อเขารอกินข้าวอยู่”ลูกเจี๊ยบรับคำแม่ก่อนจะเดินออกจากครัว

 

อย่าเรียกว่าเดินเลยเพราะลูกเจี๊ยบไปเร็วราวกับเหาะ แดนดินจะทักยังไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เมื่อลงเรือได้ก็จ้วงสุดแขนข้ามไปถึงบ้านของลลิตภัทรภายในเวลาครึ่งนาที

 

            “อะไรมันจะรีบขนาดนั้น”แดนดินอดที่จะบ่นลูกชายไม่ได้

 

            “สงสัยจะคิดถึงย่าโฉมมั้งจ๊ะ”จันทร์เจ้าขาที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วบอกกับพ่อ

 

            “ติดย่าบ้านนู้นจริงๆทำยังกะเป็นลูกเป็นหลานเขา”

 

            “ก็ย่าโฉมแกเลี้ยงพี่เจี๊ยบมาตั้งแต่เกิดห่างไปหลายวันก็คงคิดถึงหนูว่าพ่อไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมกินข้าวเถอะจ้าพี่เจี๊ยบกลับมาจะได้กินข้าวกัน”

 

 

            ศตายุขึ้นจากเรือคว้าหม้ออวยสีน้ำเงินเข้มที่บรรจุสายบัวต้มกะทิกับปลาทูเค็มได้ก็แทบจะวิ่งตรงไปที่เรือนใหญ่หากแต่ก็ต้องรักษากริยาไว้เลยต้องเดินด้วยระดับปกติเข้าไปในครัวที่อยู่ใต้ถุนบ้าน กลิ่นอาหารหอมฟุ้งควีนไฟลอยอ้อยอิ่งเหมือนเช่นทุกครั้งบ่งบอกว่าบ้านนี้ก็ทำกับข้าวเสร็จแล้วเช่นกัน ลูกเจี๊ยบวางหม้ออวยลงตรงหน้าของย่าโฉมที่อ้าแขนรับอ้อมกอดของหลานด้วยความดีใจซึ่งลูกเจี๊ยบเองก็สวมกอดแถมหอมอีกสองฟอดที่แก้มเหลวๆของย่าโฉมอย่าเอาอกเอาใจ

 

            คิดถึงย่าจังเลยจ้า”

 

            “ปากหวานเชียวเด็กคนนี้ กลับมาเมื่อไหร่”

 

            “เพิ่งกลับมาเมื่อเย็นจ้าพ่อขับรถไปรับมา ย่าทำกับข้าวเสร็จแล้วเหรอจ๊ะหอมเชียว”

 

            “เสร็จแล้ว วันนี้มีฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน เจี๊ยบอยู่กินข้าวด้วยกันกับย่ามั้ย”คนแก่กว่าเอ่ยชักชวนเหมือนเช่นทุกครั้ง

 

            “ไม่ได้หรอกจ้า หนูแวะเอาสายบัวต้มกะทิมาให้แล้วเดี๋ยวต้องกลับแล้วพ่อกำนันรอกินข้าวอยู่”

 

            “งั้นรอเดี๋ยว  เดี๋ยวย่าตักแบ่งให้”ย่าโฉมจัดแจงลุกเพื่อจะตักฉู่ฉฉี่ในกระทะให้

 

            “เอ่อ ย่าจ๋า อาลออยู่มั้ยจ๊ะ”เด็กน้อยชะเง้อมองไปตามคันนา ปกติเวลาเย็นลลิตภัทรจะชอบไปวิ่งออกกำลังกายแต่บัดนี้ว่างเปล่า

 

            “ไม่อยู่หรอก พ่อลอไปนอนที่โรงสีสองวันแล้ว”

 

พุทโธ่...อุตส่าห์มาหากลับไปนอนที่โรงสีเสียนี่ อาลอนะอาลอมันน่าจับบิดให้หูขาดแท้เชียว

 

ตั้งใจจะมาง้อแล้วแท้ๆเชียว

 

ลูกเจี๊ยบเดินคอตกกลับขึ้นบ้านมาพร้อมจานใส่ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อนที่ย่าโฉมแบ่งมาให้ สำรับข้าวถูกจัดเตรียมพร้อมแล้วลูกชายคนโตของบ้านเข้ามานั่งประจำที่ อาหารบ้านๆเรียบง่ายพ่อแม่ลูกพูดคุยกันถามไถ่ถึงเรื่องเรียนและเรื่องต่างๆ บางครั้งจิ๊บกับสามีก็คุยกันในเรื่องที่ลูกๆไม่เข้าใจ เจ้าจอมยังเป็นตัวป่วนของพี่ๆเช่นเดิม เมื่ออิ่มแล้วเจี๊ยบก็จัดแจงเก็บสำรับและเช็ดถูพื้นที่มีเศษอาหารหกอยู่อย่างเรียบร้อย เจ้าขารับหน้าที่ล้างถ้วยชามส่วนเจ้าจอมเอาขับทองเหลืองตักน้ำใส่ครึ่งขันนำไปแช่ช่องฟรีซเพื่อทำเป็นน้ำแข็งใช้ลอยน้ำกินในวันพรุ่งนี้ จิ๊บกับเจ้าขายังคงจับจองพื้นที่หน้าทีวีไม่ต่างจากทุกวัน มือก็ไม่ได้ว่างเอานู่นเอานี่มาทำไม่ได้ขาด เจ้าจอมเอาสมุดระบายสีมานอนระบายเล่นอยู่ตรงชานเรือน ลมเย็นโชยมาเบาๆหอบเอากลิ่นของต้นข้าวที่เพิ่งลงแปลงไม่นานมาให้ชื่นใจ แสงแปลบปลาบที่โค้งขอบฟ้าลิบๆทั้งน่าเกรงขามและดึงดูด เจี๊ยบมีท่าทีละล้าละลังก่อนจะค่อยๆกระเถิบมานั่งข้างๆแม่

 

            “แม่จ๋า...หนูไปร้านค้าแป๊บนะจ๊ะ”

 

            “ไปทำไม มันมืดแล้วนะ”

 

            “หนูจะไปเติมเงินโทรศัพท์น่ะจ้า เดี๋ยวต้องคอลไลน์กับวุ้นทำรายงาน นะแม่นะไปแป๊บเดียว”

 

            “รีบไปรีบกลับแล้วกัน ลมหอบไอฝนมาแล้ว”จิ๊บพยักหน้าบอกลูก ลูกเจี๊ยบเมื่อได้ยินคำอนุญาตก็วิ่งปร๋อลงจากเรือนคว้าจักรยานคนโปรดปั่นออกไปทันที ออกไปโดยไม่ได้พกเงินไปซักบาท และแทนที่จะไปร้านค้าตามที่บอกแม่หัวรถกลับเบนไปทางโรงสีของบ้านลลิตภัทรซะอย่างนั้น



ไม่ว่าพายุจะมาหรือฟ้าจะถล่มดินจะทลายวันนี้ยังไงซะลูกเจี๊ยบก็ต้องได้ง้ออาลอ!!





 

            เพราะใกล้ค่ำแล้ว บริเวณโรงสีจึงเงียบสงบคนงานกลับบ้านไปแล้วเหลือเพียงยามที่นั่งดูรายการประกวดร้องเพลงอยู่ที่ป้อม ลูกเจี๊ยบลงจากจักรยานจูงไปใกล้ๆ

           

            “อ้าวลูกเจี๊ยบมาทำอะไรมืดๆค่ำๆ”

 

            “หนูมาหาอาลอน่ะจ้า ย่าโฉมบอกอาลอมานอนนี่”

 

            “อ่อ ผู้ใหญ่อยู่ในห้องน่ะจะให้ไปเรียกให้มั้ย”

 

            “อ่ะ...ไม่ต้องจ้าเดี๋ยวหนูเข้าไปหาอาลอเองดีกว่า”ลูกเจี๊ยบรีบปฎิเสธความหวังดีของลุงยามก่อนจะฉีกยิ้มให้

 

            “งั้นก็เดินไปจนสุดทางเลี้ยวขวาจะเจอบ้านพักผู้ใหญ่อยู่ห้องทางขาวมือนะ”ลุงยามบอกพลางทำไม้ทำมือประกอบทาง ลูกเจี๊ยบรีบของคุณแล้วจูงจักรยานเข้ามาจอดด้านใน ขายาวก้าวไปตามทาง มือสองข้างถูกันไปมาอย่างประหม่า

 

ปกติงอนแค่ไหนก็ไม่เคยหนีมานอนโรงสีเลยซักครั้ง ลูกเจี๊ยบแนบหูฟังเสียงด้านในกับประตูห้อง มีเสียงก่อกแก่กดังมาแว่วๆแปลว่าอาลอยังไม่นอน มือเล็กเคาะบานประตูเบาๆ ในอดจะเต้นตึกตักไม่ได้ สายลมหอบเอาไอฝนพร้อมละอองหยดเล็กมาด้วย

 

ฝนจะตกแล้ว ลูกเจี๊ยบต้องรีบง้อแล้วรีบกลับ

 

ลูกเจี๊ยบแทบกลั้นหายใจเมื่อมีเสียงปลดกลอนจากในห้อง บานประตูเปิดออกแล้ว พระลอมองเด็กที่ยิ้มแต้อยู่หน้าห้องด้วยดวงตาเรียบนิ่ง

 

            “อา...”

 

            “มาทำไมกลับบ้านไป”ไม่รอให้คนเด็กได้เรียกด้วยซ้ำลลิตภัทรปิดประตูล็อคกลอนอีกรอบ ลูกเจี๊ยบรู้สึกหน้าม้านขึ้นมาทันที

 

อะไรจะโกรธกันจนไม่ยอมฟังอย่างนี้นะ

 

คนแก่งี่เง่าเอ้ย ถึงใจจะด่าแต่ก๋ยังส่งเสียงอ่อนหวานไปให้คนภายใน

 

            “อาลอจ๋า เรามาคุยกันดีๆเถอะนะจ๊ะ หนูอธิบายได้นะ”

 

            “กลับบ้านไปอาไม่อยากฟังอะไรตอนนี้”

 

            “แต่อาลอต้องฟังหนูนะจ๊ะไม่งั้นจะรู้เรื่องได้ยังไง”ในห้องเงียบเสียงไปแล้ว ลลิตภัทรไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงแคบ ให้พูดตามตรงเขายอมรับว่าแวบแรกที่เห็นหน้าของลูกเจี๊ยบเขาดีใจแทบบ้า แต่พอนึกถึงที่เจ้าเด็กไม่ยอมติดต่อกลับมาทั้งๆที่รู้ว่าเขานั้นทั้งรักทั้งห่วงทั้งหวงก็ยังเมินเฉย มันน่าจับมาพาดตะกแล้วตีให้ตูดลายเสียจริงๆ

 

            “อาลอจ๋า...ฝนตกแล้วเนี่ย ดูสิจ๊ะ จะไม่เปิดประตูให้หนูเข้าไปจริงๆเหรอจ๊ะ”น้ำเสียงออดอ้อนดังมาจากหน้าประตู ทั้งๆที่เขาปล่อยให้ยืนอยู่ข้างนอกนับสิบนาทีแล้วก็ยังไม่ไป แสงฟ้าพาดผ่านแนวเขาเสียงฝนกระทบสังกะสีดังซ่าหนักขึ้นเรื่อยๆ

 

            “เนี่ย หนูโกหกแม่ว่าจะมาเติมเงินโทรศัพท์ถ้าแม่รู้ว่าหนูแอบมาหาอาลอแม่อาจจะตีหนูก็ได้นะจ๊ะ แต่ถึงจะโดนตีก็ไม่เป็นไรถ้าอาลอยอมคุยกับหนู”เด็กน้อยยังส่งเสียงเจื้อยแจ้ว มือก็ลูบหน้าที่ละอองฝนเริ่มสาดเข้ามาใส่

 

            “อาลอจ๋า หนูรู้นะจ๊ะว่าอาลอโกรธที่หนูไม่รับสายไม่ตอบกลับ แต่หนูอธิบายได้จริงๆนะจ๊ะ ก็อาจารย์น่ะสิ ริบโทรศัพท์ของทุกคนไปหมดเลย หนูคิดถึงอาลอใจจะขาดแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อโทรศัพท์ไม่อยู่กับหนู กิจกรรมก็เยอะมากๆเลย หนูวิ่งเข้าฐานจนน่องแทบปูด อาลออยากดูมั้ยจ๊ะเนี่ยก่อนกลับหนูล้มเข่าถลอกเป็นแผลเลย”ลูกเจี๊ยบส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดด้วยรู้ว่ายังไงเสียอาลอก็นั่งฟังตนเองอยู่ในห้องนั่นแหละ

 

            “อาลอจ๋า ฝนเปียกหนูแล้ว พรุ่งนี้หนูต้องไม่สบายแน่ๆเลยจ้า แค่กๆ”ลลิตภัทรเด้งตัวพรวดลุกจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงลูกเจี๊ยบไอ ชายหนุ่มก้าว 3 ก้าวก็ถึงประตูห้อง ดวงใจร้อนรนรีบเปิดก่อนจะผงะไปด้านหลังเมื่อร่างอวบๆเนื้อนุ่มๆพุ่งเข้ามาสวมกอดโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

            “อาลอหายโกรธหนูนะจ๊ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะเมินอาลอจริงๆนะจ๊ะ เนี่ยพอได้โทรศัพท์คืนหนูก็รีบโทรหาอาลอทันทีเลย แต่หนูก็รู้ว่าอาลอคงโกรธจนเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งไปแล้ว”

 

            “อาคิดว่าหนูคงเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน คงคุยกันถูกคอ คุยกันเรื่องอนาคตว่าอยากเรียนอะไรอยากทำอะไร อนาคตตรงนั้นที่อาเข้าไปนั่งวางแผนด้วยไม่ได้”ลลิตภัทรกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นราวกับว่ากลัวลูกเจี๊ยบตัวน้อยของเขาจะหายไป

 

            “ไม่มีทางจ้า ไม่มีทางที่อนาคตของหนูจะไม่มีอาลอ ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะจ๊ะ หนูรักอาลอคนเดียวเมื่อไหร่อาลอจะเชื่อใจหนูซักทีล่ะจ๊ะ หนูก็ให้อาลอไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจ ถ้าอาลอจะเอาชีวิตด้วยหนูก็ให้อาลอได้”ลลิตภัทรแตะปลายนิ้วลงบนกลีบปากอิ่มของคนหลาน ดวงตาหวานซึ้งตวัดขึ้นมองก่อนจะหลับพริ้มแนบหน้ากับอุ้งมือที่เลื่อนขึ้นมาประคองไว้

 

            “หนูรักอาลอ แค่อาลอคนเดียว ไม่ว่าอาลอจะงอนหนูอีกกี่รอบหนูก็จะตามมาง้อ แต่อย่าโกรธหนูบ่อยเลยนะจ๊ะ ถ้าหนูผิดจะตีจะด่าหนูก็ยอมแต่อย่าหนีกัน อาลอก็รู้ว่าหนูตามอาไปทุกที่ไม่ได้”ลูกเจี๊ยบปล่อยหยดน้ำตาให้รินไหล

 

แค่คิดว่าหากวันหนึ่งอาลอหนีไปไกลแล้วตัวเองไปตามหาไม่ได้ใจดวงน้อยก็เจ็บเจียนตายแล้ว ลลิตภัทรเชยปลายคางของศตายุให้เงยหน้าขึ้น สบตาที่ฉายชัดทั้งความรักความจริงใจที่มีให้อย่างไม่ซ่อนเร้น

 

            “อาขอโทษนะคะที่งี่เง่าใส่หนูทั้งๆที่ใจก็รู้อยู่แล้วว่าหนูยุ่งกับกิจกรรม”กดจูบลงบนหน้าผากมนแผ่วเบา

 

            “ทั้งๆที่บอกกับตัวเองอย่างนั้นแล้วแท้ๆแต่ก็ยังคิดบ้าคิดบอไปต่างๆนานา”กดจูบลงบนเปลือกตาบางอย่างทะนุถนอม

 

            “ขอโทษนะคะที่ทำให้หนูไม่สบายใจ ไม่ใช่ไม่เชื่อใจหนูแต่อาไม่เชื่อใจคนอื่น”เลื่อนมาใช้ลมหายใจเดียวกันแล้วกดจูบลงบนกลีบปากนุ่ม บดเบียดคลอเคลียเชื่องช้ากระชับเอวกลมให้แนบชิดดันแผ่นหลังบางให้นาบกับผนังห้อง

 

ความร้อนแรงค่อยๆไล่ระดับขึ้นเรื่อยๆ เรียวลิ้นตวัดพันกันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนจะผละจูบออกอย่างเสียดาย ริมฝีปากอิ่มเผยอระเรื่อน่ารังแก

 

            “เราดีกันแล้วใช่มั้ยจ๊ะ อาลอหนีหนูมาแบบนี้หนูไม่สบายใจเลยจ้า”

 

            “ดีรึเปล่านะ คิดก่อน ถ้ายอมดีด้วยจะมีอะไรมาแลก”ลลิตภัทรแกล้งหันหละงกอดอกให้คนเด็กกว่า ศตายุรีบเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังอย่างออดอ้อนทันที

 

            “ดีกันแล้วสิจ๊ะ อย่างอนนานเลยจ้า เดี๋ยวหนูถอนผมหงอกไถ่โทษดีมั้ยจ๊ะ”

 

            “โธ่ หนูจ๋า ใครจะอยากให้มาถอนผมหงอกให้กันเล่า เด็กนี่”ลลิตภัทรหันมาทำเสียงออดใส่คนเด็ก ลูกเจี๊ยบหัวเราะคิกอย่างขบขันกับอาการฟึดฟัดของอาลอ

 

            “ก็อยากจะให้อะไรที่มันมากกว่าอยู่หรอกนะจ๊ะ แต่ขอติดไว้ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวหนูต้องรีบกลับบ้านป่านนี้แม่รอแล้ว”

 

            “งั้นเดี่ยวอาเอาจักรยานขึ้นท้ายกระบะไปส่งดีกว่า ฝนตกอันตราย งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะ”ลลิตภัทรเสนอ

 

            “จะมีงูตัวไหนน่ากลัวกว่างูบนหัวอาลออีกเหรอจ๊ะ”เมื่อบรรยากาศดีขึ้นลูกเจี๊ยบก็กล้าที่จะหยอกล้อคนรัก ลลิตภัทรกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะคว้ามือของหลานให้มาแปะที่กลางเป้าของตัวเอง

 

            “งูตัวนี้สิคะน่ากลัวสุดเพราะเวลามันฉกแต่ละทีเล่นเอาจุกจนลุกไม่ขึ้นหนูก็น่าจะรู้ดี”ลูกเจี๊ยบชักมือออกทันทีราวกับจับของร้อน ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน

 

            “อาลอบ้า ลามกที่สุด หนูไม่คุยด้วยแล้วจะกลับบ้าน”ลูกเจี๊ยบวิ่งปร๋อออกจากห้องนอนของลลิตภัทรลงไปรอด้านล่างจนชายหนุ่มต้องรีบตามออกมาเพราะกลัวหลานจะเปียกฝนจนป่วย ร่างสูงแบกจักรยานขึ้นนอนที่ท้ายกระบะก่อนจะขับพาลูกเจี๊ยบกลับมาบ้าน

 

            “อ้าวลอ ไปเจอลูกเจี๊ยบที่ไหนน่ะ พ่อเค้าขับรถออกไปตามไม่เจอ”จิ๊บกางร่มลงมารับลูกในขณะที่ลลิตภัทรวิ่งอ้อมไปด้านท้ายยกรถจักรยานลงมาให้

 

            “คือหนูปั่นกลับมาแล้วฝนตกเลยแวะไปหลบฝนที่โรงสีจ้า”ลูกเจี๊ยบรีบเอาร่มอีกคันที่แม่หยิบมาให้กางให้ลลิตภัทร

 

            “รบกวนลออีกแล้วขอบใจนะ”

 

            ไม่เป็นไร จิ๊บกับลูกรีบขึ้นบ้านเถอะ ฝนตกหนักแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบาย”ลลิตภัทรรีบไล่ให้สองแม่ลูกกลับขึ้นเรือน เสียงฟ้าร้องดังครืนครั่นไปทั่ว

 

            “คืนนี้ท่าทางจะตกหนักลูกเจี๊ยบปิดหน้าต่างให้แน่นหนานะเดี๋ยวโดนละอองฝนจะไม่สบาย ก่อนนอนก็อาบน้ำเช็ดหัวให้แห้งเข้าใจมั้ยคะ”

 

            จ้า เข้าใจแล้วจ้า อาลอรีบกลับบ้านอาบน้ำนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบร้องบอกด้วยความเป็นห่วง ลลิตภัทรพยักหน้ารับพลางจ้องตาหลานราวกับจะบอกรักให้รู้กันสองคน มุมปากสวยยกขึ้นน้อยๆก่อนจะขึ้นรถถอยออกไป พระลอไม่ได้กลับไปนอนที่โรงสี วันนี้เขาอารมณ์ดีแล้วจึงกลับมาที่บ้าน บนเรือนปิดไฟกลางชานแล้วแต่ย่าโฉมที่ได้ยินเสียงรถเปิดประตูห้องออกมาดู

 

            “ลอเหรอลูก”

 

            “ครับแม่”ชายหนุ่มตอบรับ

 

            “กินข้าวหรือยังล่ะลูก”คนเป็นแม่ถามด้วยความห่วงใยทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง

 

            “แม่ไม่ต้องออกมาครับเดี๋ยวโดนละอองฝน ผมกินแล้วครับจะอาบน้ำนอนแล้ว”

 

            “อ่อ งั้นแม่กลับไปนอนนะ ถ้าหิวในครัวมีข้าวโพดต้มแม่ขวัญเขาต้มทิ้งไว้เอามากินนะลูกนะ”ชายหนุ่มตอบรับผู้เป็นแม่ ย่าโฉมจึงเดินกลับเข้าห้องนอนไป ลลิตภัทรทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่ม นึกถึงรสปากหวานๆของลูกเจี๊ยบที่โหยหามาหลายวันแล้วก็คว้าหมอนข้างมาฟัดอย่างมีความสุข

 


ถ้าเป็นเจ้าตัวนิ่มๆมาให้นอนกอดจริงๆคงจะดีกว่านี้เยอะเลย







.....................................................





งอนทีไรพ่อผู้ใหญ่ได้กำไรทู้กกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที



โถ....พ่อผู้ใหญ่ค่าตัวแพงเนอะครึ่งนี้มาแค่ชื่อครึ่งหน้ามาทั้งตัวนะ เอ้วววววววววววววววววววววววววววววว
เพราะว่าอายุต่างกันมากเลยมีช่องว่างระหว่างวัยเยอะตามไปด้วย แถมพระลอเนี้ยพอได้เขาเป็นเมียนี่อาการหนักขึ้นทุกวัน สงสารเจี๊ยบเลยง้อทีก็หาจังหวะยาก รีบๆโตเร็วเจี๊ยบอาลออยากเปิดตัวจะแย่แล้ว

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 21:52:03
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๒





     




            “พ่อไปแค่สองวันเดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบกลับ”แดนดินกำลังปลอบใจเจ้าจอมลูกเล็กที่ซบหน้ากับไหล่หนาของพ่ออย่างออดอ้อน

 

            “พ่อกำนันไปตั้งสองวันแหนะแบบนี้หนูก็ต้องกำพร้าพ่อตั้งสองวัน”ไอ้เด็กมันทำปากยื่นปากยาวว่าพ่อ ด้วยคำที่ลูกใช้อดทำให้แดนดินยิ้มแห้งไม่ได้

 

คำตั้งมากมายไม่ใช้ดันมาใช้คำว่าลูกกำพร้ามันน่าหยิกให้เนื้อเขียวนัก

 

พ่อแค่ไปธุระไม่ได้ไปตาย ปัดโธ่เอ๋ยไอ้ลูกคนนี้นี่ปากมันเป็นมงคลเหมือนใครกันนะ

 

            “พอได้แล้วเจ้าจอม เสียเวลาพ่อเดินทาง”ลูกเจี๊ยบที่ทนความออเซาะของน้องไม่ไหวเอ่ยปรามเมื่อเจ้าน้องน้อยเอาแต่เกาะพ่อกำนันจ๋าปานลูกลิงลูกค่าง

 

กอลิล่ายักษ์อุ้มลิงแสมชัดๆ

 

ดูเถอะพ่อกำนันจ๋าตัวยังกับยักษ์ปักหลั่น แขนพ่อจ๋าข้างเดียวฟาดเบาๆก็อาจคอหักตายได้แต่กำลังประคองร่างจ่อยๆของเจ้าจอมช่างน่าขันนัก

 

            “เดี๋ยวก่อนกลับพ่อซื้อไอร่อนแมนตัวใหญ่มาให้”นั่นแหละไอ้ลูกคนเล็กถึงยอมลงจากบ่าพ่อมานั่งยิ้มอย่างประจบประแจงแป้นแล้นจนจิ๊บอดหมั่นไส้ไม่ได้

 

ไอ้รักพ่อนั่นน่ะก็รักจริงแหละแต่อาการอาลัยอาวรณ์ดูก็รู้ว่ามารยาสาไถแต่พ่อที่ทั้งรักทั้งหลงลูกน่ะหาดูออกไม่

 

ตกหลุมที่ลูกขุดอย่างตื้นๆเสียเต็มเปา  แดนดินลูบผมลูกน้อยเบาๆอย่างที่คนภายนอกอาจจะไม่คิดว่ากำนันหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ขนาดนี้จะอ่อนโยนกับเด็กได้ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆภรรยาคนสวยที่นั่งพับเพียบพับกลีบดอกบัวเพื่อถวายพระอยู่กับจันทร์เจ้าขา

 

            “เจ้าขาล่ะลูกอยากได้ของฝากอะไรมั้ย”

 

            เจ้าขาไม่อยากได้อะไรหรอกจ้า”เด็กหญิงวัยสิบสี่ปีตอบพ่ออย่างอ่อนหวาน เป็นลูกสาวที่พูดน้อยและมักน้อยไม่เคยร่ำร้องอยากได้อะไรจากพ่อแม่เลยซักนิด

 

            “งั้นเดี๋ยวพ่อเห็นอะไรที่เหมาะกับเจ้าขาพ่อจะซื้อมาให้นะลูก”

 

            “เจ้าขาแล้วแต่พ่อจ้า”เด็กหญิงตอบรับโดยง่ายตามแบบฉบับของเจ้าหล่อน เด็กหญิงหันกลับไปจดจ่อกับดอกบัวในมือต่อ แดนดินจึงหันไปถามจิ๊บว่าอยากได้อะไรมั้ยซึ่งภรรยาคนสวยก็ยิ้มพลางส่ายหน้า

 

            “จิ๊บก็ไม่รู้ว่าจะอยากได้อะไร ที่มีก็พอแล้ว”

 

            “ไม่ต้องถามเจี๊ยบนะจ๊ะ เจี๊ยบก็ไม่อยากได้อะไรเหมือนกัน”ลูกคนโตเอ่ยขัดออกมาเมื่อคนเป็นพ่อหันหน้ามาเตรียมจะถาม ที่บ้านของศตายุไม่เคยขาดอะไรเลย ไม่ว่าลูกเอ่ยปากอยากได้อะไรไม่นานพ่อจะหามาให้อย่างลูกเจี๊ยบชอบอ่านหนังสือ เมื่อพ่อมีเวลาว่างพ่อก็จะพาลูกเมียเข้าไปเที่ยวห้างในเมืองแล้วจะให้เงินลูกเจี๊ยบไปซื้อหนังสือที่อยากได้แบบไม่จำกัด ยิ่งหลังๆมานี่ตั้งแต่ที่คบกับอาลอไม่ว่าหนังสือที่อยากได้จะหายากหรือเป็นหนังสือต่างประเทศอาลอก็จะเป็นคนจัดหามาให้

 

            “แค่พ่อเดินทางปลอดภัยก็พอแล้วจ้า”คนเป็นพ่อได้ยินคำพูดของลูกๆก็ให้ชื่นใจนัก แดนดินอยากจะรวบลูกมากอดทั้งสามคนเสียเหลือเกินแต่ก็ติดว่าลูกนั่งกันคนละมุมบ้านเลยถือโอกาสกอดร่างนุ่มนิ่มของเมียเสียเลย

 

            “แน๊...พี่ดิน มากอดจิ๊บทำไมเนี่ยอายลูกมันบ้าง”จิ๊บว่าพลางพยายามเอี้ยวตัวออกจากวงแขนล่ำของสามีแต่แดนดินก็กระชับมันให้แน่นขึ้น

 

            “ก็พี่มีความสุขนี่ ลูกเมียน่ารัก”ไม่พูดเปล่ายังใช้ปลายจมูกหอมแก้มเมียรักเสียฟอดใหญ่ เรียกสีแดงระเรื่อมาประดับพวงแก้มของจิรนันท์ได้อย่างทันที หญิงสาวมองสายตาแพรวพราวกับการอมยิ้มของลูกๆแล้วให้อายนักเลยแก้เขินด้วยการเอาดอกบัวในมือฟาดหัวสามีไปเสียทีหนึ่งแก้เขินจากนั้นจึงเดินเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเย็นให้กับทุกคน เจ้าขารวบดอกบัวที่พับเสร็จใส่ถาดเอาไปไว้หลังตู้อย่างเรียบร้อยแล้วตามแม่กับลูกเจี๊ยบเข้าไปในครัว แดนดินเมื่อถูกทิ้งไว้กับเจ้าลูกคนเล็กก็ชวนกันไปดูข้าวในนาที่เพิ่งดำได้ไม่นานฆ่าเวลา

 

            หลังจากกินข้าวเย็นและนั่งเล่นรับลมกับที่ชานเรือนจนถึงเวลาลูกๆเข้านอน อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จแดนดินที่นุ่งโสร่งตัวเดียวก็นั่งดูจิรนันท์จัดเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเล็กๆน้อยๆใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กเพื่อให้เขานำติดตัวไปประชุมที่กรุงเทพ ใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ จิ๊บเป็นคนทำงานมีระบบทุกอย่างที่หยิบจับมาจากการคิดไว้แล้ว เป็นข้อดีอีกหนึ่งอย่าง

 

            พี่ไม่อยู่สองวันเดี๋ยวให้ละไมกับทิดอ่ำมานอนเฝ้า”

 

            “ไม่ต้องก็ได้พี่รบกวนเขา”จิ๊บเอ่ยปฏิเสธ เป็นปกติที่แดนดินจะเรียกลูกจ้างให้มานอนเป็นเพื่อนเป็นการรักษาความปลอดภัยให้ลูกกับเมียเหมือนที่ทำมาตลอด แต่จิ๊บเห็นว่าตอนนี้ลูกๆของหล่อนก็โตแล้วสามารถดูแลกันเองได้

 

            พี่จ้างมาแล้ว เอาตามที่ว่าแหละ อย่าให้พี่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง”แดนดินตัดบทก่อนจะดึงร่างบอบบางของเมียรักมานั่งลงบนตัก กดจูบลงบนต้นแขนเรียวเล็กของเมียรัก ตรงนั้นก็หอมตรงนี้ก็หอม

 

            “ขอพี่ชื่นใจก่อนไปหน่อยนะจิ๊บ”พูดขอไปอย่างนั้นแหละไม่เคยรอให้คนเป็นเมียเอ่ยปากอนุญาตซักครั้งร่างบางก็ถูกวางลงบนที่นอนเรียบร้อยแล้ว

 

โชคดีนักที่หลังคลอดเจ้าจอมแล้วจิ๊บก็ให้หมอทำหมันไม่อย่างนั้นป่านนี้คงมีลูกเป็นครอกเหมือนปลาช่อนแน่ๆ

 

 

            “แล้วอย่ากวนอาลอกันนะเด็กๆ”จิ๊บร้องบอกลูกๆที่ลลิตภัทรกำลังต้อนขึ้นรถเพื่อพาไปดูหนังในเมืองเด็กๆขานรับคำแม่อย่างพร้อมเพียงกัน ลูกเจี๊ยบนั่งเบาะหน้าคู่กับลลิตภัทรโดยมีเจ้าขาและเจ้าจอมนั่งที่เบาะหลัง ลลิตภัทรขับรถตามพี่ชายและพี่สะใภ้เข้าเมืองหลังจากตกลงกันตั้งแต่เมื่อ 2-3 วันก่อนว่าจะพาเด็กๆไปดูหนังแอนนิเมชั่นเรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าโรงและแน่นอนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ลืมที่จะชวนลูกบ้านฟากขะนู้นให้ไปด้วยกัน

 

            “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะ”พระลอหันไปบอกเด็กๆหลังจากวนหาที่จอดรถได้แล้ว เด็กๆพร้อมใจกันตอบรับโดยไม่อิดออดเพราะใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ลลิตภัทรโทรหาพี่ชายคนโตเพื่อสอบถามว่าจะให้ไปเจอกันที่ร้านไหน

 

            “เจอกันร้านสุกี้เลย ใบบุญกับใบบัวอยากกินสุกี้”

 

            “ครับ อีกแป๊บหนึ่งผมเพิ่งได้ที่จอดรถ”ลลิตภัทรตอบรับก่อนจะจูงมูลูกเจี๊ยบโดยที่พี่คนโตก็จูงน้องๆเพื่อข้ามเข้าไปในห้าง

 

            “อาลอจ๋า ปล่อยมือเถอะจ้าคนเยอะ”ลูกเจี๊ยบน้อยกระซิบบอกอาหนุ่มเบาๆ

 

            “ก็เพราะคนเยอะไงคะเลยต้องจับมือกันไว้ เดี๋ยวหนูหลงหายไปอาเสียใจแย่เลย”

 

บ้าจริงหนูมาจนหลับตาเดินได้แล้วจะไปหลงได้ยังไงกัน อาลอนี่นะน่าตีจริงเชียว  ลูกเจี๊ยบน้อยค้อนอาหนุ่มไปทีหนึ่งก่อนจะยอมเดินตามมาแต่โดยดี

 

 

            กรุงเทพมหานคร

 

            “ไว้เจอกันอาทิตย์หน้านะกำนัน”

 

            “ครับ ถึงแล้วโทรบอกเดี๋ยวผมขับรถไปรับ”แดนดินพูดคุยกับรุ่นพี่ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศแล้วนัดแนะว่าจะพาไปชมการเกษตรแบบผสมผสานที่ตำบลในอาทิตย์หน้าอีกพักจึงแยกย้ายกัน กำนันหนุ่มเดินดูของตามร้านต่างๆในห้างสายตาสอดส่ายร้านนู้นร้านนี้ก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมร้านหนึ่ง ชายหนุ่มใช้เวลาในการเลือกเดรสสีขาวเรียบๆแต่ดูดีเพื่อเป็นของฝากภรรยาสาว เขาพลิกปพลิกมาดูดีเทลของชุด นึกถึงเครื่องประดับที่ภรรยามีว่าอันไหนจะเข้ากับชุดนี้ ปฏิเสธการช่วยเหลือของพนักงานที่จะเข้ามาให้คำแนะนำ

 

เขาเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้กับจิ๊บเพราะเสื้อผ้าออกงานของจิรนันท์ส่วนใหญ่นั้นเขามีส่วนออกความคิดเห็นและช่วยเลือกอยู่บ่อยครั้ง เมื่อดูจนพึงพอใจแล้วเขาจึงยื่นเดรสชุดนั้นให้กับพนักงาน เสร็จจากของเมียรักก็แวะเข้าไปซื้อชุดกระโปรงสำหรับจันทร์เจ้าขา เด็กหญิงที่เริ่มเข้าสู่วัยสาวนั้นชอบสีชมพูอ่อนแดนดินจึงเลือดชุดเสื้อกับกระโปรงสีขาว-ชมพู ให้กับลูกสาว และเข้าร้านของเล่นเพื่อซื้อหุ่นไอร่อนแมนตามที่รับปากกับแก้วเจ้าจอมไว้  เวลาเกือบสองชั่วโมงชายหนุ่มก็มีถุงพะรุงพะรังอยู่ในมือ แดนดินกะว่าจะฝากท้องมื้อเย็นกับร้านปิ้งย่างแต่ยังไม่ทันที่จะเดินไปยังร้านที่หมายตา เสียงแหลมเล็กของใครบางคนก็ฉุดรั้งให้เขาหันไปมอง

 

            “สวัสดีค่ะกำนันแดนดิน”แดนดินมองหญิงสาวในชุดเว้าลึกจนเห็นร่องอก ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มอย่างเสแสร้ง ดวงตากลมมีแววเยาะหยันอย่างเห็นได้ชัด

 

            “จำฉันไม่ได้เหรอคะ?”อริตาแสร้งถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

 

            “ขอโทษนะครับ ผมคุ้นๆหน้าแต่จำไม่ได้”

 

            “ฉันอริตาแฟนของพระลอไงคะเราเคยเจอกันเมื่อปีที่แล้วตอนลอยกระทง”แดนดินถึงกับร้องอ๋อแล้วส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างเป็นมิตร เขามองหล่อนอย่างไม่อยากจะเชื้อ

 

เท่าที่รู้จักกันมาลลิตภัทรนั้นชอบผู้หญิงน่ารักและค่อนข้างเรียบร้อย อริตานั้นห่างไกลจากสเป็คของพระลอไปมากโข แต่เพราะมาอยู่เมืองกรุงนานความชอบของพระลออาจจะเปลี่ยนไป

 

            “ลูกชายคนโตของกำนันสยบายดีมั้ยคะ”หล่อนถามถึงลูกเจี๊ยบด้วยความไหลรื่น ใบหน้าสวยระบายรอยยิ้มอยู่ตลอดจนแดนดินไม่ได้เอะใจอะไรเลยซักนิดว่าภายใต้ใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ฉาบรอยยิ้มไว้นั้นภายในใจของอริตานั้นร้อนราวมีกองเพลิงเผาไหม้อยู่

 

หล่อนแค้นใจไม่เคยลืม หาทางที่จะแยกลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบมานานนับเดือน ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะได้เจอแดนดินที่กรุงเทพ

 

            “ลูกเจี๊ยบเหรอครับ สบายดีครับ”

 

            “เห็นเขาสบายดีดิฉันก็ไม่แปลกใจหรอกค่ะ แล้วนี่ซื้ออะไรเยอะแยะเลยคะ”หล่อนปรายตามองถุงในมือของแดนดิน กำนันหนุ่มยกมือตัวเองเป็นคำถาม

 

            “นี่เหรอครับ ของฝากลูกกับเมียผมเองครับ”

 

            “กำนันนี่ดูรักลูกรักเมียดีนะคะ”

 

            “ก็ต้องรักสิครับ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอีกอย่างนั่นก็ลูกๆผมทั้งนั้นไม่ซื้อให้ลูกจะซื้อให้ใครได้”แดนดินตอบกลับประสาซื่อ ออกจะแปลกๆกับคำพูดอริตาแต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร หากแต่ใบหน้าที่ฉาบรอยยิ้มของหญิงสาวกลับเปลี่ยนไปในทันที

 

            “ถ้ารักลูกมากอย่างนั้นก็รบกวนอบรมสั่งสอนลูกของกำนันให้ดีๆหน่อยนะคะ อย่าให้เที่ยวไปทำตัวขี้ลักขี้ขโมยของๆคนอื่น กำนันบอกว่ากำนันเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดฉันก็อยากถามหน่อยว่ากำนันเลี้ยงลูกยังไงคะให้เที่ยวมาฉกแฟนของคนอื่น”

 

            “คุณพูดถึงอะไร?”แดนดินที่ตอนนี้ใบหน้าไร้รอยยิ้มมีเพียงสีหน้าเรียบตึงเอ่ยถามเสียงห้วน อริตาเบะปากราวนางร้ายในละคร

 

            “ก็พระลอแฟนของฉัน ถูกลูกของคุณแย่งไปแล้วไงคะ ไม่ต้องแก้ตัวแทนลูกของกำนันด้วย ฉันไปเห็นสองคนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาจากห้องนอนตอนที่ลอพาลูกคุณมาดูคอนเสิร์ต  สอนลูกดีนะคะให้เอาตัวเข้าแลก”อริตาไม่รอคำตอบของแดนดินหล่อนเหยียดยิ้มแล้วเดินจากมาอย่างสะใจ

 

บัญชีแค้นของหล่อนจะได้ถูกชำระในวันนี้แล้ว

 

ในเมื่อแยกสองคนนั้นออกจากกันไม่ได้ อย่างนั้นหล่อนก็จะยืมมือแดนดินนี่แหละสะบั้นความรักของลลิตภัทร

 

อย่าหวังว่าจะได้รักกันอย่างสมหวังเลย









 

            แดนดินไม่รู้ว่าหลังจากประโยคนั้นของอริตาตนเองขึ้นมาอยู่บนรถแล้วขับกลับบ้านด้วยความเร็วสูงได้ยังไง หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อมาเขาก็ขับเข้าเขตจังหวัด ใจของเขาร้อนรุ่มจนแทบจะเผารถราบนถนนที่กีดขวางเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง

 

จริงอยู่ที่เขาควรกลับบ้านไปถามลูกก่อนแต่ในใจลึกๆเขาก็กลัว

 

กลัวคำตอบของลูกรักจะทำให้เขาผิดหวัง

 

แต่ที่เขาโกรธที่สุดก็คือลลิตภัทร ไอ้เวรตะไลนั่นกลับเข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวที่แสนสว่างสดใสของเขาต้องมัวหมอง

 

กี่ครั้งกี่หนแล้วที่ชื่อของมันเข้ามาเป็นชื่อแรกๆที่ลูกกับเมียของเขาพูดถึง กลายเป็นข้อเปรียบเทียบระหว่างมันกับเขา

 

เจ้าจอมเองก็เคยเปรยๆว่าลลิตภัทรเองก็มีงานยุ่งทั้งงานหลวงงานราษฎร์แต่ลลิตภัทรกลับมีเวลาพาเจ้าจอมและพี่กับแม่ไปเที่ยวได้จากจากแดนดินที่นานๆทีถึงจะมีเวลาให้ลูก

 

เขาไม่เคยคิดเลยว่าระยะห่างระหว่างเขากับลูกนั้นเกิดจากการแบ่งเวลาไม่เป็นของตัวเอง

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าตนต้องรักษาตำแหน่งของกำนันไว้ให้ได้นานที่สุด ต้องดูแลลูกบ้านให้ดี

 

แดนดินคิดแต่เพียงว่าเขาต้องหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อซัพพอร์ตลูกเมีย

 

เจ้าเจี๊ยบน้อยนั้นอยากเป็นหมอ ค่าเล่าเรียนก็คงหลักล้าน อนาคตลูกต้องเข้าเรียนที่กรุงเทพเขาต้องเก็บเงินกันไว้ในส่วนนี้เพื่อการศึกษาของลูก จันทร์เจ้าขาอยากเรียนพยาบาลไหนจะเจ้าจอมอีก เลี้ยงลูกสามคนใช้เงินทั้งนั้น

 

เขาอยากให้ลูกเมียอยู่ดีกินดีมีหน้ามีตาในหมู่บ้านอยากให้ใครที่มาเจอก็เอาไปโจษกันทั้งบางว่ากำนันแดนดินนั้นสร้างเนื้อสร้างตัวได้เก่งจริงๆ ทั้งๆที่จบแค่ ม.6

 

แล้วนี่คืออะไร??

 

อะไรคือการที่เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งมายืนชี้หน้าด่าว่าเขาสอนให้ลูกไปแย่งแฟนคนอื่น

 

แดนดินไม่รู้ว่าสิ่งที่อริตาพูดนั้นจริงหรือไม่จริงแต่ลูกที่เขาทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยเลี้ยงดูตั้งแต่ยังไม่คลอดต้องมาแปดเปื้อนมัวหมองเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้

 

เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ลอคนเดียว!!

 

แดนดินเหยียบรถจนในที่สุดก็ห้ามล้อที่ลานหน้าบ้าน แก้วเจ้าจอมที่กำลังทำการบ้านอยู่ชะเง้อมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อเจ้าลูกเล็กก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาพ่อทันที จิ๊บ ลูกเจี๊ยบและเจ้าขาที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวชะเง้อมองอย่างตกใจ

 

ปกติแดนดินไม่ขับรถอันตรายขนาดนี้ ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปถามไถ่ให้รู้ความจิ๊บก็เห็นแดนดินผลักเจ้าจอมที่จะกระโดดกอดออกจนลูกคนเล็กล้มตุ่บลงกับลานดิน เจ้าเด็กน้อยทำหน้ายู่คลำตูดป้อยๆแต่แดนดินเดินลงส้นจนพื้นเรือนดังตึงๆขึ้นมาบนเรือนก่อนจะไปคว้าปืนลูกซองที่แขวนไว้ทีข้างฝา จิ๊บถึงกับวิ่งถลาไปคว้าแขนสามีไว้ด้วยความตกใจ

 

ใบหน้าของแดนดินในยามนี้เหมือนคนถูกราหูกลืนกินไปแล้วทั้งหน้า

 

            “พี่ เป็นอะไรไปโกรธใครมา”จิ๊บยื้อสามีที่ดึงดันจะเดินไปหยิบกล่องกระสุนในห้องนอน ลูกเจี๊ยบรีบเข้ามาช่วยแม่จับพ่อไว้อีกคน เมื่อเห็นหน้าลูกแดนดินก็สะบัดลูกออกก่อนจะเดินไปหยิบไม้เรียวที่จิ๊บเหลาไว้ขู่เจ้าจอมตรงฝาบ้านเดินดุ่มเข้ามาหาลูกชายคนโตก่อนจะหวดลงบนเนื้อเนียนอย่างไม่ออมแรง

 

ลูกเจี๊ยบรวมทั้งจิ๊บและเจ้าขาเจ้าจอมร้องอย่างตกใจ

 

ผิวกายผ่องแสบปลาบยามเรียวไม้กระทบผิวเนื้อ น้ำตาไหลทะลักยามที่พ่อฟาดลงมาอีกครั้ง เด็กน้อยหมอบลงกับพื้นทั้งเจ็บทั้งแสบและเสียขวัญ แดนดินงื้อมือจะฟาดลูกอีกหนแต่คราวนี้จิ๊บกับเจ้าขาเข้ามายื้อมือของแดนดินไว้หากแต่แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนหรือจะสู้แดนดินที่ตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นได้ แค่สะบัดเบาๆทั้งจิ๊บและเจ้าขาก็ล้มไปคนละทาง กำนันหนุ่มงื้อมือแล้วฟาดลงมาอีกครั้งเสียงไม้กระทบผิวเนื้อดังควับใหญ่หากแต่คราวนี้คนที่ร้องไห้จ้ากลับกลายเป็นแก้วเจ้าจอมที่กระโดดมากอดร่างของพี่คนโตไว้ แดนดินตกใจทิ้งไม้ลงกับพื้น ลูกเจี๊ยบแม้จะเจ็บกายหากแต่พอไม้ที่สามไม่โดนตัวเองแต่กลายเป็นเจ้าน้องเล็กมารับแทนก็ตกใจแทบสิ้นสติ

 

ตั้งแต่น้องเกิดมาลูกเจี๊ยบไม่เคยตีน้องซักครั้งอย่างมากก็แค่หยิกเบาๆให้ได้ร้องโอดโดยแต่คราวนี้แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าน้ำตาเม็ดใสร่วงพรูสองข้างแก้ม แดนดินรีบอุ้มลูกเล็กขึ้นมาปลอบอย่างตกใจ

 

            “พี่เป็นบ้าอะไรพี่ดิน”จิ๊บทุบลงบนแขนของสามีอย่างโกรธจัด เจ้าขาเข้าไปประคองพี่ชายคนโตที่คุกเข่าร้องไห้อยู่อย่างสงสาร

 

            “พี่น่ะเหรอเป็นบ้า จิ๊บ ทำไมพี่ถึงเป็นบ้ารู้มั้ย”แดนดินมองหน้าภรรยา ก่อนตวัดสายตามองลูกเจี๊ยบที่จ้องหน้าตนอยู่ด้วยสายตาไม่เข้าใจ

 

            “รู้มั้ยวันนี้พี่ไปเจอใครมา? พี่ไปเจอแฟนไอ้ลอ เขาเข้ามาทักพี่แล้วเขาพูดว่าอะไรรู้มั้ย”แดนดินวางเจ้าจอมลงกับพื้นแล้วสาวเท้าไปหยุดยืนที่หน้าลูกเจี๊ยบ

 

            “เขาพูดว่าลูกเราแย่งแฟนเขามาโดยการเอาตัวเข้าแลกกับบัตรคอนเสิร์ต ตั้งแต่เกิดมาพี่ไม่เคยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้มาก่อนเลยจิ๊บ”แดนดินจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของลูก ลูกเจี๊ยบก้มหน้าหลบตาเขา

 

            “หลบตาพ่อทำไม น้องบอกพ่อมาสิว่าน้องไม่ได้ทำเหมือนที่เขาพูด”แดนดินคาดคั้นลูกน้อยที่กำลังสั่นกลัว

 

ลูกเจี๊ยบจิกเล็บตัวเองอย่างกดดัน อาการพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียนสร้างความทรมานให้กับเด็กน้อย

 

กลัว...ลูกเจี๊ยบกลัวพ่อกำนันในยามนี้เหลือเกิน หากโกหกพ่อคงจะโกรธและผิดหวังมาก แต่ถ้าบอกความจริงลูกเจี๊ยบก็กลัวว่าอาลอจะต้องลำบากเพราะตน เด็กน้อยไม่สามารถเลือกทางไหนได้เลย

 

            “เจี๊ยบ ลูกทำอย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่า?”จิ๊บเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามลูกเองกับปาก

 

หล่อนตกใจกับสิ่งที่ได้ฟังไม่น้อย

 

ลลิตภัทรกับลูกชายของหล่อนนะหรือที่จะมีสัมพันธ์เกินเลยอย่างที่ถูกกล่าวหาจริง

 

หากแต่ลูกเจี๊ยบยังคงเงียบ นั่นยิ่งทำให้คนเป็นพ่อเดือดดาลยิ่งขึ้น ส่วนจิ๊บที่เลี้ยงลูกมากับมือก็รู้ได้ในทันทีว่าลูกรักของหล่อนนั้นทำตัวออกนอกลู่นอกทางไปเสียแล้ว

 

            “ทำไมล่ะน้อง ทำไมไม่พูดอะไรออกมาเลย แก้ตัวกับพ่อซักนิดก็ยังดี น้องเงียบอย่างนี้มันคือการยอมรับว่าน้องทำอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเขาว่ามากับพ่อจริงๆ เขาพูดว่ายังไงน้องรู้มั้ย?”แดนดินมองหน้าลูกที่เผลอเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตาของลูกเจี๊ยบไหลเป็นสายอย่างน่าสงสาร

 

            “เขาบอกว่าพ่อเลี้ยงลูกยังไงให้เที่ยวไปฉกแฟนชาวบ้าน พ่อเจ็บเหมือนถูกเขาเอาตีนมาเหยียบหน้า นี่เหรอการตอบแทนความไว้ใจที่พ่อมีให้กับน้อง น้องทำให้พ่อทั้งผิดหวังทั้งช้ำใจแบบนี้ได้ยังไง พ่อแม่เฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูเจ้ามาให้อยู่ในร่องในรอย คำน้อยไม่เคยว่าให้ช้ำใจ จะตีซักครั้งยังไม่กล้าแล้วน้องเอาตัวเองไปถวายให้มันทำแบบนั้นไม่นึกถึงหน้าพ่อหน้าแม่เลยเหรอ”

 

            “ฮึก...พ่อจ๋าแม่จ๋า น้องขอโทษ...”ลูกเจี๊ยบน้อยสะอึกสะอื้นก่อนจะพนมมือก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อและแม่ที่ทำให้ทั้งสองคนผิดหวัง แดนดินชาไปทั้งร่าง คำขอโทษแค่คำเดียวก็เท่ากับลูกยอมรับทุกอย่างแล้วจริงๆ ชายหนุ่มหมุนตัวผลุนผลันลงจากเรือนไป จิ๊บกับลูกๆทั้งสามรีบร้องเรียกและวิ่งตามสามีไปหากแต่ในยามนี้แดนดินเหมือนมีไฟเผาอยู่บนหัว ชายหนุ่มก้าวเร็วลัดคันนามุ่งตรงไปยังบ้านของลลิตภัทร เมื่อไปถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงก้าวขึ้นเรือนตึงตังลลิตภัทรกำลังยืนรดน้ำกล้วยไม้ที่นอกระเบียงหันไปอย่างตกใจเมื่อแดนดินเข้ามาประชิดตัวแล้วฟาดหมัดเข้าเต็มซีกหน้าของผู้ใหญ่บ้านหนุ่ม

 

            “มึงตายเสียเถอะไอ้ลอ ไอ้ชาติหมา”

 

            “ว้าย!!! กำนัน นี่มันอะไรกัน!!”ย่าโฉมที่ออกมาจากครัวเดินมาดูตรงตีนบันไดร้องถามอย่างตกอกตกใจ แดนดินหน้ามืดเกินกว่าจะตอบกลับหญิงชรา ชายหนุ่มกระโจนเข้าหาลลิตภัทรง้างเท้าจะกระทืบลงบนตัวของหนุ่มรุ่นน้องหากแต่ลูกเจี๊ยบที่ตามมาทันถลาเอาตัวปกป้องอาลอของตนไว้ในขณะที่จิ๊บกับลูกอีกสองคนก็มาช่วยดึงร่างของแดนดิน ลูกเจี๊ยบประคองลลิตภัทรเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจยามเห็นเลือดไหลออกมาจากมุมปากของอาลอ พนมมือไหว้อย่างขอความเมตตาจากผู้เป็นพ่อ

 

            “พ่อจ๋า พ่อพอแล้ว อย่าทำอาลอเลยนะจ๊ะ ถ้าจะตีพ่อก็ตีน้องเถอะ น้องเป็นคนเสนอตัวให้อาลอเอง ความผิดทั้งหมดเป็นเพราะน้องใจง่ายเอง”

 

            “เจี๊ยบพูดอะไรคะ? ลลิตภัทรรีบรั้งร่างอันสั่นเทาของหลานเข้ามากอดปลอบ เขาพอเดาเหตุการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้

 

แดนดินรู้เรื่องความสัมพันธ์ต้องห้ามของเขากับเจี๊ยบแล้วชายหนุ่มขยับออกมาบังร่างหลานไว้

 

            “พี่ อย่าทำอะไรเจี๊ยบเลย ความผิดทั้งหมดผมรับไว้เอง ผมอยากจะขอรับผิดชอบเจี๊ยบ”ลลิตภัทรแสดงเจตนารมณ์ของตัวเองหากแต่ยังพูดไม่ทันจะจบเท้าหนักๆของแดนดินก็ยันโครมเข้าที่อกของผู้ใหญ่บ้านหนุ่มจนหน้าหงายพร้อมกับคำพูดประกาศกร้าวจนเรือนสะเทือน

 

            “กูไม่ให้!!!”กำนันหนุ่มตั้งท่าจะกระทืบซ้ำหากแต่พระลักษณ์ที่ได้ยินเสียงเอะอะรีบวิ่งออกจากบ้านตัวเองมาขวางไว้ซะก่อนที่น้องชายจะได้กินตีนไปมากกว่านี้

 

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะกำนัน จะทำอะไรถ้าไม่เห็นแก่หัวดำก็เห็นแก่หัวหงอกของแม่กูบ้าง มึงขึ้นมาทำร้ายร่างกายน้องกูถึงเรือนไม่เกรงใจแม่กูเลยเหรอ”พระลักษณ์จ้องตาของกำนันอย่างโกรธจัดเห็นสภาพน้องชายที่เลือดกลบปากไม่ยอมสู้กับแม่วัยชราที่ร้องห้ามเสียงหลงแทบเป็นลมเป็นแล้งก็นึกชังน้ำหน้ากำนันหนุ่มนัก

 

            “ทีน้องพี่ล่ะมันทำอะไรเห็นหัวผมบ้างมั้ย?”แดนดินเองก็สวนกลับไปอย่างแข็งกร้าวไม่ต่างกัน

 

            “ไอ้ลอมันไปทำอะไรให้มึง ที่ผ่านมามันก็ดีกับลูกกับเมียมึงมาตลอด”

 

            “พี่ก็ถามมันสิ ว่ามันทำอะไรลูกผม มันพาลูกผมไปนอนกกที่กรุงเทพทั้งๆที่ตัวมันก็มีแฟนอยู่แล้ว ลูกผมก็ยังเด็ก มันทำได้ยังไง”

 

            “ห๊ะ!!!”คราวนี้คนทั้งบ้านฟากขะนี้ร้องออกมาพร้อมกันจนเสียงหลง พระลักษณ์ถึงขั้นยกมือขึ้นกุมขมับ ส่วนย่าโฉมถึงขั้นลมจับเข่าอ่อนร้อนถึงลูกสะใภ้กลางต้องประคองไปปฐมพยาบาลที่แคร่ใต้เรือน

 

            “ผมยินดีรับผิดชอบเจี๊ยบนะพี่”พระลอยังคงยืนยันคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มกุมมือของหลานไว้ สายตาเหลือบไปเห็นที่ขาของหลานมีรอยแผลเป็นแนวยาวเลือดซิบก็ปวดใจ ยื่นมือไปหมายจะแตะปลอบหากแต่ร่างบางกลับถูกผู้เป็นพ่อกระชากอย่างแรงจนปลิวตามมือไปยืนอยู่ใต้อาณัติของผู้เป็นพ่อนิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนลลิตภัทรสงสารจับใจ

 


            "มึงไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรลูกกู ต่อไปนี้ห้ามมึงมายุ่งวุ่นวายกับลูกกูอีก ถ้ามึงยังไม่ฟังกูจะแจ้งตำรวจจับมึงข้อหาพรากผู้เยาว์”แดนดินทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ลากลูกคนโตที่ลลิตภัทรพยายามเอื้อมมือคว้ามือหลานที่ยื่นเข้ามาหา หากแต่เขาจับรั้งหลานไว้ไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บเพราะพระลักษณ์เข้ามาขวางเขาไว้ ลลิตภัทรได้แต่ฟังเสียงหลานที่ร้องเรียกพร้อมกับร่างที่ถูกลากหายลับไปด้วยความเจ็บร้าวในหัวใจ





..............................



น้องถูกตี!!!!



น้องต้องเจ็บมากแน่ๆ อุปสรรคชิ้นใหญ่มาแล้ววววว



น้องจะทำยังไงจะแก้ปัญหานี้ยังไงหรือว่าจะต้องเลิกกัน!!
ว่าแล้วว่ามันเงียบไป มาม่าชามใหญ่มาแล้ว ไม่แปลกหรอกที่แดนดินจะโกรธ แล้วพระลอจะทำไงต่อ พ่อเขาไม่ให้รับผิดชอบด้วย จะยังไงก็ช่างจัดการเรื่องนี้แล้วไปจัดการนังแอนด้วย อิงูพิษ!!

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 22:02:42
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๓


T
B





            จิรนันท์เดินเข้ามาในห้องของลูกเจี๊ยบ เด็กน้อยนั่งกอดเข่าซุกหน้ากับเข่าของตัวเองอยู่มุมห้องจุดที่เป็นช่องว่างข้างตู้เสื้อผ้า ขาเรียวขาวของลูกปรากฏรอยหวายและเลือดที่ซึมออกมาได้แห้งกรังลงไปแล้ว



หากแต่ลูกน้อยของหล่อนยังคนไม่หยุดสะอึกสะอื้น



ถามว่าผิดหวังมั้ยกับสิ่งที่ลูกกับพระลอทำ



แน่นอนจิรนันท์ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา



ถามว่าโกรธมั้ย จิรนันท์ก็ตอบเลยว่าไม่



เพราะขนาดหล่อนเองที่เป็นแม่ก็ยังเคยทำตัวออกนอกลู่นอกทางจนเกิดเจ้าเจี๊ยบน้อยมาหนึ่งคนตอนอายุ 14 เลย นับประสาอะไรกับเจ้าน้องน้อยของหล่อนที่กำลังอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลอง



แต่จิรนันท์ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่มีลูกเขย



หล่อนพร่ำอบรมให้ลูกรู้สติอยู่เสมอเพราะไม่อยากให้ไปพลาดพลั้งทำสาวที่ไหนท้องแต่กลับกลายเป็นว่าลูกชายของหล่อนกลับมีคนรักเป็นผู้ชายมิหนำซ้ำคนๆนั้นคือพระลอคนที่แดนดินรู้สึกมาเสมอว่าได้แย่งหล่อนมาจากพระลอ



แม้แดนดินจะไม่เคยเอ่ยปากหากแต่หล่อนที่อยู่กับสามีมาตลอดรับรู้ความในใจนั้นดี



หล่อนเสียใจที่พระลอไม่เข้าตามตรอกออกตามประตูไม่ทำอะไรๆให้มันถูกต้อง ความสัมพันธ์ของพระลอและลูกเจี๊ยบนั้นออกจะข้ามขั้นไปไกลโขจนกู่กลับมาไม่ได้



เห็นเจ้าน้องน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ให้คนเป็นแม่ทอดถอนใจ หญิงสาวมาหยุดยืนตรงหน้าลูก เจ้าเจี๊ยบน้อยเงยหน้าขึ้นมองยิ่งเห็นแม่ก็ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม สองมือค่อยๆประสานกันก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของแม่ริมฝีปากที่เคยเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วพร่ำพูดแต่คำว่าหนูขอโทษอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ จิ๊บเห็นลูกอยู่ในสภาพนี้ได้แต่สงสาร



หัวอกของคนเป็นแม่นั้นอ่อนกว่าพ่อนักด้วยเฝ้าถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่ลูกอยู่ในครรภ์จนเติบใหญ่ หล่อนจะทำอะไรได้นอกจากย่อกายลงแล้วดึงลูกให้ลุกขึ้นเดินมานั่งลงบนเตียงมือเรียวที่เคยป้อนข้าวป้อนนมลูบลงบนเรียวขาของลูกแผ่วเบา



            “เจ็บมากมั้ย?”หล่อนเริ่มใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดแผลให้ลูกด้วยความเบามือ



ตั้งแต่เล็กจนโตหลายครั้งที่ลูกไปเล่นซนจนได้แผลกลับมาก็มีแต่หล่อนนี่แหละที่คอยประคบประหงมทำแผลไปปลอบไป



            “เจ็บจ้า แต่หนูเจ็บไม่เท่ากับใจของพ่อกับแม่ที่ผิดหวังในตัวหนูหรอกหนูรู้ดี”



            “รู้แล้วทำไมยังทำ”



            “เพราะหนูกับอาลอรักกันจ้า”ลูกเจี๊ยบตอบตามซื่อ จิ๊บชะงักมือที่แต้มยาสมานแผลให้ลูก คำว่ารักของลูกสะกิดใจหล่อนนัก ลูกเจี๊ยบจะมั่นใจได้ยังไงว่าความรู้สึกที่มีต่อลลิตภัทรนั้นคือความรักจริงๆ



            “ระหว่างรักกับหลงน่ะ บางทีความรู้สึกมันก็แยกกันไม่ออกหรอกนะเจี๊ยบ”



            “แม่กำลังจะบอกว่าระหว่างหนูกับอาลอมันคือความลุ่มหลงเหรอจ๊ะ”



            “แม่ไม่ได้จะหมายความอย่างนั้นไม่ได้จะดูถูกความรักของลูก แต่แม่เคยผ่านช่วงวัยเท่าลูกมาแล้ว ตอนแม่กับพ่อรักกันน่ะมันมีทั้งความรักและความหลง เรารักกันและต้องการจะอยู่ด้วยกันจนทำผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ลูกเองยังเด็กอาจจะแยกความรู้สึกนั้นไม่ออก”จิ๊บแปะผ้าก๊อซเป็นอันดับสุดท้ายก่อนจะฉวยเอาอุปกรณ์ทำแผลแล้วลุกขึ้นยืน



            “แม่จ๋า..เจี๊ยบรักอาลอ รักมากจริงๆ ถึงเจี๊ยบจะยังเด็กในสายตาของพ่อกับแม่แต่เจี๊ยบก็รู้ใจตัวเองดีว่ามันไม่ใช่ความหลงแน่ๆ”จิรนันท์มองลูกชายที่ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง สรรพนามแทนตัวจากที่เคยแทนว่าน้องหรือหนูก็กลายเป็นเรียกชื่อตัวเองบ่งบอกว่าลูกของหล่อนกำลังจริงจังในคำพูด



            “แต่สิ่งที่ลูกกับอาลอทำมันผิด ลอเองก็เหมือนกันเป็นผู้ใหญ่แทนที่จะยับยั้งชั่งใจแต่กลับพากันไปเลยเถิด”



            “เรื่องนี้อาลอไม่ผิดเลยแม่ เจี๊ยบเป็นคนเริ่มเอง เจี๊ยบรักอาลอ แม่ให้เจี๊ยบกับอาลอคบกันเถอะนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยถลามาจับแขนแม่เอ่ยคำเว้าวอนอย่างน่าสงสาร แม้โบราณจะบอกว่าน้ำเชี่ยวอาเอาเรือไปขวางหากแต่คนที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจครั้งนี้กลับไม่ใช่หล่อน



            “เรื่องนี้แม่แล้วแต่พ่อ”ลูกเจี๊ยบทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างหมดแรง



ถ้าเรื่องนี้แล้วแต่พ่อเจี๊ยบก็มองไม่เห็นทางที่เราจะไปต่อได้เลยจ่ะอาลอจ๋า...

 

            รุ่งเช้าลูกเจี๊ยบตื่นตั้งแต่เช้ามืดดังเดิม เด็กน้อยเข้ามาช่วยแม่ทำกับข้าวเช่นทุกวัน แผลขาขารู้สึกตึงๆแต่ลูกเจี๊ยบก็ไม่ได้ใส่ใจนัก บรรยากาศที่เคยอบอุ่นบัดนี้มีแต่ความเงียบจนเหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งนับพันตัน แม่ที่เคยพูดคุยก็เงียบขรึมลง

มันเป็นเพราะเจี๊ยบคนเดียว เจี๊ยบรู้ดี เรื่องราวมันยังสดใหม่เกินกว่าที่ทุกคนจะทำตัวเหมือนเช่นเคยได้ เมื่อเตรียมอาหารเสร็จจิ๊บก็ตักข้าวใส่ขันเพื่อเตรียมไว้ให้หลวงตาจวบเช่นทุกวัน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยลูกเจี๊ยบก็เตรียมจะหยิบสำรับขันใส่บาตรไปท่าท่าน้ำหากแต่แดนดินเดินตึงๆออกมาจากห้องแล้วแย่งออกจากมือลูก



            “พ่อจ๋า?”ลูกเจี๊ยบร้องท้วงเมื่อของในมือถูกแย่งไป



            “ต่อไปนี้ไม่ต้องไปตักบาตรหลวงตาอีก เดี๋ยวพ่อจะบอกหลวงตาว่าไม่ต้องพายเรือมาแล้ว อย่าคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ไปเจอหน้าไอ้ลอได้อีก”แดนดินพูดจบก็หมุนตัวลงจากเรือนไป และกำนันหนุ่มทำตามที่พูดจริงๆ เขาบอกกับหลวงตาว่าที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อยอีกทั้งหลวงตาก็ชรามากแล้วจึงขอให้เลิกพายเรือมาบิณฑบาตทุกเช้าเขาจะเป็นคนนำปิ่นโตไปถวายที่วัดเอง ซึ่งหลวงตาจวบก็เข้าใจแดนดินเดินกลับขึ้นมาบนเรือนแล้วร่วมวงกินข้าวกับลูกๆแก้วเจ้าจอมที่เคยออดอ้อนฉอเลาะผู้เป็นพ่อพอเห็นแดนดินหน้าตึงก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แรงหวายเมื่อวานยังตราตรึงเข้าใจในหัวใจแม้ว่าแม่จะช่วยทายาให้แล้วจอมก็ยังเจ็บอยู่เลย แม่จ๋าถามจอมว่าจอมเข้าไปรับไม้แทนพี่ทำไม จอมก็ตอบได้แค่ว่าจอมไม่รู้ ขามันไปเอง

จอมแค่อยากปกป้องพี่เจี๊ยบ



            “กินข้าวกันเร็วๆเดี๋ยวพ่อจะไปส่งที่โรงเรียน”แดนดินเอ่ยเสียงเรียบ หลังจากทานข้าวเสร็จจิ๊บก็ให้ลูกๆไปเตรียมกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน ลูกเจี๊ยบคว้ากระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายพร้อมกับอุปกรณ์การเรียนอื่นๆที่ต้องใช้วันนี้ เด็กน้อยออกมายืนรอรถหน้าบ้านเช่นทุกวัน หกโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าบ้านแต่ยังไม่ทันที่ลูกเจี๊ยบจะก้าวขึ้นรถแดนดินก็มาดึงลูกไว้แล้วเดินมาเคาะกระจกด้านคนขับ ชายวัยกลางคนเจ้าของรถเลื่อนกระจกลงทันที



            “ลุง ต่อไปนี้ไม่ต้องมารับเจี๊ยบแล้วนะผมจะไปส่งลูกเอง อันนี้เงินค่ารถของเดือนนี้ผมให้เต็มจำนวนเลย”แดนดินยื่นเงินค่ารถของเดือนนี้ให้กับลุงเจ้าของรถ ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ รถแล่นออกไปทิ้งไว้เพียงฝุ่นคละคลุ้ง เด็กน้อยเม้มปากแน่น



พ่อกับลังทำทุกวิถีทางที่จะกันไม่ให้เจี๊ยบกับอาลอได้พบกัน เด็กน้อยกลั้นอารมณ์ที่คุกรุ่นเข้าไปในอกทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเดินตามพ่อไปขึ้นรถที่พ่อจะใช้ไปส่งตนที่โรงเรียน



แดนดินใช้เวลาไม่นานก็มาส่งจันทร์เจ้าขากับแก้วเจ้าจอมที่โรงเรียนเด็กทั้งสองสวัสดีพ่อก่อนลงจากรถไปอย่างเรียบร้อย ลูกเจี๊ยบยิ้มให้น้องทั้งสองหลังจากนั้นบนรถก็เงียบกริบต่างคนต่างไม่พูดจากัน แดนดินก็เงียบใส่ลูกส่วนลูกเจี๊ยบเองก็ยังสู้หน้าพ่อไม่ได้เด็กน้อยทำเพียงหันออกไปมองวิวข้างนอกดวงตาคู่สวยเหม่อลอยบางคราก็มีน้ำตาคลอหน่วยแต่เจ้าตัวก็กระพริบไล่มันออกไปอย่างรวดเร็ว เจ็ดโมงครึ่งรถก็มาจอดที่หน้าโรงเรียนลูกเจี๊ยบปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างโล่งอก



            “สี่โมงเย็นรอพ่อที่หน้าโรงเรียน พ่อจะมารับ”



            “ครับ”ลูกเจี๊ยบรับคำอย่างว่าง่าย



            “แล้วอย่าคิดว่าจะไปเถลไถลที่ไหนได้นะเจี๊ยบ อย่าทำให้พ่อผิดหวังซ้ำซาก”ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตอบกลับอะไรพ่อ ตอนนี้ใจของเด็กน้อยมันตื้อไปหมดทำได้เพียงยกมือไหว้ลาพ่อเงียบๆ ศตายุเดินเข้าโรงเรียนด้วยท่าทางเหม่อลอย



ป่านนี้อาลอจะเป็นยังไงนะ จะโดนปู่ลิตกับย่าโฉมดุด่าหรือเปล่า



จะนอนร้องไห้ทั้งคืนเหมือนหนูมั้ย



แผลที่ปากของอาลอจะเจ็บมากหรือเปล่า



ความรักของเราจะต้องถึงทางตันจริงๆเหรอจ๊ะ



ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูคงต้องขาดใจตายแน่ๆเลยจ้าอาลอจ๋า



หนูคิดถึงอาลอจังเลยจ้า

 

 

 

            ลลิตภัทรนั่งกอดเข่าอยู่ตรงเสาเรือน แดนดินถูกลูกเมียลากกลับไปแล้วโดยที่คนเป็นพ่อฉุดกระชากลากถูดวงใจดวงน้อยๆของเขากลับไปด้วย

 

ลูกเจี๊ยบร้องไห้จนตัวโยน เขาก้าวจะไปดึงหลานไว้หากแต่พระลักษณ์ดึงเขาไว้ก่อนที่จะทันได้ทำตามใจ

 

            “มึงจะทำอะไร ปล่อยเขาไป”

 

            “แต่...”ลลิตภัทรจำต้องเงียบหุบปากที่กำลังจะเถียงอย่างดื้อรั้นลงเมื่อเห็นสายตาเอาจริงของพี่คนรอง แรงยื้อที่แขนถูกผ่อนลงก่อนไหล่กว้างที่เคยผึ่งผายจะห่อลง

 

ลลิตภัทรกลับไปเป็นเด็กชายวัยสิบสี่ปีอีกครั้ง แม้จะอยากเอาแต่ใจตัวเองมากแค่ไหนแต่ในส่วนลึกลลิตภัทรก็ยังมีความเกรงพี่ๆอยู่

 

            “เรามีเรื่องต้องคุยกันไอ้ลอ”พระลักษณ์ปล่อยมือน้องก่อนเดินไปนั่งลงใกล้แม่ที่มีนิดาคอยบีบนวดให้อยู่ เกิดความเงียบอย่างน่าอึดอัด

 

ไม่นานชลิตรวมทั้งพระรามก็กลับเข้าบ้านเพราะนิดาโทรไปตาม ทุกคนมองจำเลยของบ้านด้วยสายตาทั้งเป็นห่วงและผิดหวัง

 

หัวอกคนเป็นพ่อก็อยากให้ลูกมีความสุขสมหวังในความรัก

 

แต่ไม่ได้เตรียมใจสำหรับมารับรู้ว่าลูกของตัวเองไปมีอะไรกับเด็กผู้ชาย แม้ตอนแรกที่ทราบเรื่องอยากจะกระทืบเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแค่ไหนหากแต่ลลิตภัทรในวันนี้กลับดูน่าสงสารจนความครุกรุ่นที่มีจางหายลงเหลือเพียงความผิดหวังและหนักใจ

 

            “ตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ลอ?”ในที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามหลังจากปล่อยให้แต่ละคนได้ใช้เวลาจมอยู่กับตัวเองมาซักพัก เรื่องนี้จะปล่อยให้ผ่านเลยไปไม่ได้ด้วยเพราะเป็นคนรู้จักมักคุ้นและเจ้าเจี๊ยบเองก็เป็นหลานรักเหมือนหลานแท้ๆเห็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

 

เขาเดาไม่ออกถึงความสัมพันธ์ที่เกินเลยของทั้งคู่เลยซักนิด เท่าที่เขาเห็นจริงอยู่ว่าลลิตภัทรเอ็นดูเจ้าเจี๊ยบแต่เขาก็มองว่าลลิตภัทรรักหลานเพราะว่าหลานมันนิสัยดีไม่คิดเลยว่าน้องชายจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด

 

            “เจี๊ยบมันยังเด็กอยู่เลยนะไอ้ลอ อีกอย่างนั่นน่ะลูกแฟนเก่าของมึงพ่อกับแม่รวมทั้งพวกกูก็รักเหมือนลูกเหมือนหลาน มึงเองก็โตเป็นควายแล้วยังไม่รู้จักแยกแยะอีกเหรอวะ กูถามจริงๆมึงทำไปเพราะเห็นเจี๊ยบเป็นตัวแทนจิ๊บหรือเปล่า?”

 

            “ไม่ใช่!!”ลลิตภัทรโพล่งออกมาทันทีที่พี่ชายพูดประโยคนั้น

 

เขาเหนื่อยที่จะต้องอธิบายเรื่องนี้เหลือเกิน

 

            “เจี๊ยบก็คือเจี๊ยบ เจี๊ยบไม่ใช่ตัวแทนของใครผมรักเจี๊ยบเพราะเจี๊ยบเป็นเด็กดีนิสัยน่ารักผมไม่ได้เอาเขามาเป็นตัวแทนของจิ๊บ”

 

            “แต่มึงเป็นแฟนเก่าจิ๊บมันควรแล้วเหรอที่ไปมีอะไรกับลูกเขา”

 

            “แล้วความรักมันห้ามกันได้เหรอ ผมไม่ได้คิดหรอกว่าจะเป็นลูกใครรักก็คือรัก”

 

            “มึงทำตัวเป็นเด็กว่ะไอ้ลอ”

 

            “ผมแค่รักเจี๊ยบแล้วมันผิดตรงไหน”

 

            “ผิดตรงที่ความรักของมึงมันไม่ได้มีแค่มึงไง มันมีหน้าพ่อหน้าแม่ มึงจะให้เขามาถอนหงอกให้เขาสิ้นเคารพพ่อแม่เหรอไอ้ลอ แล้วอีกอย่างมึงเป็นผู้ชาย เจี๊ยบก็ผู้ชายรู้ไปถึงไหนคงได้เอาปี๊บคลุมหัวเดินพ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน”

 

            “ลักษณ์เอ้ย พอเถอะ เลิกว่าน้องซักที”ย่าโฉมที่หายจากการเป็นลมแล้วโบกมือใส่ลูกชายคนกลาง ดวงตาร่วงโรยของหญิงชราทอดมองร่างห่อเหี่ยวของลูกชายคนเล็กแล้วให้นึกเวทนา

 

พระลอนั้นรูปงามกว่าใครในบรรดาพี่น้องทั้งสามคน

 

ตั้งแต่เกิดมาหล่อนก็คอยประคบประหงมด้วยเพราะเป็นลูกหลง ถ้าจะถามหาคนผิดหล่อนเองก็มีส่วนเพราะรักและตามใจทูนหัวทูนเกล้าให้กับลูกคนเล็กไปเสียหมดสิ้น

 

ใครๆก็รู้ว่าลลิตภัทรนั้นเอาแต่ใจตัวเองพอดู

 

อยากได้อะไรก็ต้องได้ นิสัยนี้จึงติดตัวจนอายุเลยเลขสามไปแล้วแม้จะเบาบางลงเพราะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแต่ก็ใช่ว่าจะหายไปไหน

 

ลลิตภัทรแค่กดมันไว้ด้วยบุคลิกสุภาพอ่อนโยน

 

            “บอกแม่ได้มั้ยว่ากับหลานน่ะจริงจังแค่ไหน”ย่าโฉมเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

            “ถ้าคิดว่าจะเล่นๆก็ตัดใจกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ เจี๊ยบยังเด็กในอนาคตยังเจอใครได้อีกมาก อย่าเอาหลานมาเป็นของเล่น”

 

            “ผมจริงจังครับแม่”ลลิตภัทรตอบกลับอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงที่เคยนุ่มทุ้มชวนฟังบัดนี้ขึงขัง สายตาคมที่มักจะทอประกายวาวระยิบราวคนขี้เล่นบัดนี้แข็งกร้าวจริงจัง

 

            “จริงจังแบบไหน?”คราวนี้พระรามเป็นคนเอ่ยถาม ลลิตภัทรสบตาทุกคนในครอบครัวก่อนจะเอ่ยประโยคที่หนักแน่นและชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยพูดออกมาในชีวิต

 

            “จริงจังแบบอยากใช้ชีวิตบั้นปลายกับเจี๊ยบ อยากมีเจี๊ยบเป็นคนในครอบครัวของเราเหมือนพี่ขวัญกับพี่นิดา”

 

            “แล้วทำไมไม่บอกกันก่อนจะได้ช่วยกันคิด ตอนนี้มันเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วเอ็งจะแก้ไขปัญหายังไง?”ชลิตถามคนเป็นลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

 

            “ผมอยากบอกับทุกคนว่าผมรักเจี๊ยบแต่หลานขอไว้ เขาอยากให้ปิดเป็นความลับจนกว่าจะเรียนจบ”

 

            แล้วมึงก็ตามใจหลานเนี่ยนะ ถึงว่าตัวติดกันเป็นตังเม ถามว่าไปชอบลูกสาวบ้านไหนก็ไม่บอกที่แท้ไปชอบลูกบ้านฟากขะนู้นให้เขาบุกมากระทืบ งามหน้ามั้ย”

 

            “เอ้...พ่อลักษณ์นี่ก็แม่บอกให้พอ เลิกว่าน้องเสียทีเถอะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาดุด่ากัน ข้าวสารมันกลายเป็นข้าวสุกไปแล้วตอนนี้คือต้องหาวิธีแก้ไข เอาอย่างนี้มั้ยลอ ให้พ่อกับแม่ไปช่วยพูดให้”ย่าโฉมหันมาหาลูกชายพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

 

หัวอกคนเป็นแม่ มีใครที่ไหนจะไม่อยากให้ลูกมีความสุข

 

ลลิตภัทรเป็นคนรักใครรักจริงข้อนี้ทุกคนในบ้านทราบดี ดังนั้นการที่ลลิตภัทรบอกว่าอยากมีชีวิตบั้นปลายอยู่ร่วมกับศตายุ นั่นแปลว่าลูกชายของหล่อนนั้นรักลูกเจี๊ยบด้วยใจจริงดังนั้นหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็คือช่วยส่งเสริมให้ลูกได้ในสิ่งที่หวัง

 

ยังดีที่คนที่ลูกชายรักคือลูกเจี๊ยบที่รับประกันถึงนิสัยที่ดีได้แม้จะตะขิดตะขวงใจเพราะเป็นเด็กผู้ชายแต่ถ้านั่นคือคนรักของลูกชาย หล่อนก็ยอม

 

ลลิตภัทรคลานมาหาพ่อกับแม่ก่อนจะพนมมือก้มลงกราบคนทั้งคู่ ชายหนุ่มกราบลงบนตักของแม่อย่างนุ่มนวล เมื่อยืดกายขึ้นมาดวงตาที่เคยระยิบระยับกลับนิ่งสนิทมั่นคงและจริงจัง

 

            “ผมจะไปคุยกับไอ้...พี่แดนกับจิ๊บเอง ผมจะไปขอดูแลลูกเจี๊ยบด้วยตัวเองครับ”

 

 

 

            ลลิตภัทรนอนไม่หลับ...ชายหนุ่มพลิกกายกระสับกระส่ายไปมาก่อนจะยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ความกลุ้มอัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ

 

ห่วงลูกเจี๊ยบเหลือเกิน เขาเห็นรอยแผลเป็นแนวยาวที่ขาขาวๆของหลานก็รู้ได้ในทันที่ว่าแดนดินตีน้องน้อยของเขาเข้าให้แล้ว

 

เจ็บมากใช่มั้ยคะคนดี

 

อาขอโทษ ขอโทษที่ทำให้หนูต้องถูกตี

 

ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หนูต้องร้องไห้

 

ปวดหัวใจยิ่งนัก ชายหนุ่มพยายามโทรหาลูกเจี๊ยบแม้จะรู้ดีว่าแดนดินคงยึดเครื่องมือสื่อสารของลูกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม เสียงเข็มนาฬิกาเดินไปอย่างเป็นจังหวะสม่ำเสมอไม่ชวนให้ง่วงเลยซักนิด

 

ลลิตภัทรแทบจะนับทุกวินาทีจนกระทั่งเสียงไก่ขันในตอนเช้ารุ่ง เสียงพระตีระฆังดังมาจากท้ายคุ้งน้ำเป็นเวลาตีสี่ ทุกชีวิตดำเนินไปตามปกติของวันหากแต่ลลิตภัทรยังคงนอนนิ่ง

 

หลังจากปล่อยลมหายใจทิ้งไปค่อนคืนเมื่อพระอาทิตย์ทอแสงลอดผ่านหน้าต่างที่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเปิดทิ้งไว้ชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัน

 

ลูกเจี๊ยบต้องออกมาตักบาตรตอนเช้า นั่นเป็นโอกาสที่เขาจะได้เจอหน้าหลานเป็นระยะเวลาสั้นๆ ลลิตภัทรสวมเสื้อยืดขาวและกางเกงเลแบบลวกๆก่อนจะเดินตึงตังออกจากห้องตรงดิ่งไปที่ศาลาริมน้ำ แอบซุ่มรอตรงพุ่มมะลิลาพุ่มใหญ่ที่เคยร่วมเก็บกับเจ้าน้องน้อย รออย่างมีความหวัง แต่ทว่า ร่างหนาเหมือนหมีควายที่เดินถือถาดใส่ขันข้าวและปิ่นโตที่เดินท่อมๆมาที่ศาลาริมน้ำนั้นไม่ใช่คนที่เขาอยากเจอ ลลิตภัทรพยายามชะเง้อมองหาลูกเจี๊ยบแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของหลานกลับได้ยินประโยคสนทนาสั้นๆที่ว่าต่อไปนี้ที่บ้านจะเอาภัตราหารไปถวายที่วัดเอง

 

แดนดินปิดกั้นการได้พบเจอของเขากับเจี๊ยบอย่างสมบูรณ์เมื่อในตอนสายหลังจากกลับจากส่งลูกเจี๊ยบในเมือง ลูกจ้างชาย 4-5 คนก็ขนเอาไม้และสังกะสีแผ่นใหญ่หลายสิบแผ่นมากั้นตั้งแต่หน้าบ้านยั้นท้ายบ้านรวมทั้งปิดศาลาริมน้ำของบ้านฝั่งตนด้วย

 

พระลอได้แต่กำหมัดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธที่สุมอก

 

เป็นไงเป็นกัน

 

ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ

 

ลลิตภัทรจะบุกไปชิงลูกเสือของเขาด้วยตัวเอง!!!

.................................

ไป!!! ไปเอาเมียเราคืนมา!!!
พระลอเอ้ยถึงจะหมะนใส้มาหลายตอนแต่ตอนนี้เป็นกำลังใจให้นะเว้ย ตัวเองผิดด้วยก็ยอมๆว่าที่พ่อตาหน่อยละ เดี๋ยววางมาวยกันอีกรอบนี้ลูกเจี๊ยบได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นแน่

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 22:13:56
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๓๔


   แผนการบุกถ้ำเสือของลลิตภัทรเป็นอันต้องพับไปก่อนเมื่อผู้ช่วยมาแจ้งว่าต้องจัดการเกี่ยวกับงบประมาณของหมู่บ้านเพื่อส่งให้หลวง รวมทั้งต้องประชุมผู้ใหญ่บ้านในตอนเย็น แม้ใจจะโลดแล่นไปบ้านฟากขะนู้นวันละร้อยหนแต่ลลิตภัทรก็ต้องทำงานของตัวเองก่อน
ทำงานไปด้วยใจที่เจ็บเจียนจะขาดรอนๆ

   “ปากไปโดนอะไรมาน่ะผู้ใหญ่”ชาวบ้านตาดีเอ่ยทักยามผู้ใหญ่บ้านออกไปเซ็นรับรองให้เด็กที่มาขอลายเซ็นใบขอรับทุนจังหวัด ลลิตภัทรไม่ได้ตอบทำเพียงยิ้มจางๆแล้วตัดบท

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอกลับไปทำงบของหมู่บ้านก่อนนะครับ จะได้เบิกจ่ายอะไรให้มันเสร็จ”ผู้ใหญ่บ้านที่มักมีรอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่เสมอบัดนี้ไม่มีแววใจดีหรือขี้เล่นให้เด็กสาวและแม่ของเธอได้โยกโย้ดังนั้นทั้งสองจึงลากลับไป ลลิตภัทรกลับเข้าไปคีย์ข้อมูลลูกบ้านในห้องโดยบอกแม่ไว้ว่าห้ามให้ใครรบกวน ยามนั่งบนเก้าอี้ที่เคยมีเจ้าตัวน้อยคลอเคลียไม่ห่างในหัวอกก็ให้สะอื้น
ป่านนี้เจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะร้องไห้จนตาบวมเป็นนกกระปูดแบบเขาหรือเปล่าหนอ

   ทางด้านลูกเจี๊ยบเมื่อลงจากรถที่พ่อขับมาส่งด้วยบรรยากาศอึดอัดตลอดทางก็เดินเข้าโรงเรียน ไหล่บางห่อและตกอย่างน่าสงสาร วุ้นที่มองเห็นรีบเดินมาหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง

   “เจี๊ยบเป็นอะไรทำไมตาบวมแบบนี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเราพาไปห้องพยาบาลมั้ย”ลูกเจี๊ยบน้อยสูดน้ำมูกฟึดใหญ่จ้องตาของวุ้นถ่ายทอดความเศร้าผ่านดวงตาจนวุ้นรู้สึกได้

   “มีอะไรอยากเล่าให้เราฟังมั้ย?”

   วุ้นได้แต่ลูบหลังปลอบใจเพื่อนรักยามที่ลูกเจี๊ยบกลั้นสะอื้นจนตัวโยน ลูกเจี๊ยบที่เป็นคนร่าเริงเสมอบัดนี้กลับเศร้าสร้อยเสียจนน่าสงสาร

อายุก็เพิ่งจะแค่นี้แต่กลับต้องพบเจอปัญหาที่หนักหนาเสียเหลือเกิน

ตัววุ้นเองก็ยังเป็นเด็กเกิดมาดูโลกพอๆกับลูกเจี๊ยบ วุ้นไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะต้องพูดปลอบยังไงเพื่อนถึงจะรู้สึกดีขึ้น

   “ไม่ต้องร้องนะเจี๊ยบ เราเชื่อว่าถ้าอาลอรักเจี๊ยบจริง เขาจะแก้ไขปัญหานี้ได้”

   “เราคิดถึงอาลอ เราเป็นห่วงอาลอ”

   “ตอนนี้เจี๊ยบทำอะไรไม่ได้หรอก พ่อของเจี๊ยบยังโกรธมากถ้าเกิดดื้อดึงหรือทำอะไรลงไปคนที่ลำบากจะเป็นเจี๊ยบกับอาลอ เราแนะนำให้เจี๊ยบอยู่นิ่งๆไปก่อนจะดีกว่า ความแตกก็ดีเหมือนกันนะเจี๊ยบ”วุ้นพูดพลางส่งยิ้มให้กับลูกเจี๊ยบที่ทำหน้าไม่เจ้าใจ

   “ถ้าอาลอกับเจี๊ยบผ่านปัญหานี้ไปได้จะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆไง บอกกับใครต่อใครได้ว่าอาลอกับเจี๊ยบเป็นแฟนกัน ไม่ดีเหรอ?”

   “แล้วถ้าอาลอกับเราผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้ล่ะ?”ลูกเจี๊ยบถามกลับหน้าเสีย

   “ยังไงเราก็มั่นใจว่าได้ เจี๊ยบอย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายๆสิ เชื่อมั่นในตัวอาลอหน่อย ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรที่เราช่วยได้เราก็จะช่วย”

ทางด้านพระลอหลังจากวุ่นกับการทำเอกสารและรายชื่อลูกบ้านมาทั้งวันในที่สุดก็มีเวลาได้พักในตอนพลบค่ำ ชายหนุ่มลุกเดินออกจากห้องในตอนที่แม่กับพี่สะใภ้กำลังจัดเตรียมสำรับมื้อเย็น

   “อ้าวลอ จะไปไหนลูก แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว หรือหรือยังเมื่อกลางวันก็ไม่ได้กินข้าว”

   “ไปศาลาแป๊บหนึ่งครับ”ลลิตภัทรตอบเสียงเบา ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเปล่งประกายบัดนี้เศร้าหมอง ย่าโฉมวางสาบบัวต้มกะทิลงพลางถอนใจ

   “ไปก็ไม่เห็นหลานหรอกลูกเอ้ย พ่อเขาให้คนมาปิดเสียขนาดนั้น”

   “ผมรู้ครับแม่ว่าไม่เห็น แต่ผมคิดถึงหลานจริงๆ”ลลิตภัทรกระพริบตาไล่หยาดน้ำที่วาบขึ้นมาที่ขอบตา ส่งยิ้มเนือยๆให้ผู้เป็นแม่ ยิ่งเห็นกะทิต้มสายบัวก็ให้คิดถึงเจ้าตัวน้อยที่เคยว่ายแหวกลำคลองชี้ชวนกันเก็บสายบัวมาให้กับแม่ของเขา คิดถึงตอนแอบหอมแก้มผ่องโดยใช้กอบัวเป็นที่พลอดรัก

ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวเขาล้วนมาความทรงจำร่วมกับเจ้าลูกเจี๊ยบไปเสียทุกอย่าง

ในหัวอกเจ็บเสียดเจียนจะขาดใจตาย

   “ถ้าอยากไปก็ไปเถอะลูกแล้วรีบกลับมากินข้าวเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”ผู้เป็นแม่ร้องบอกอย่างเข้าใจ

ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาก็ยังดี

หล่อนไม่รู้หรอกว่าลลิตภัทรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง  หล่อนรู้แต่ว่าหล่อนเชื่อในสิ่งที่ลูกชายพูด

พระลอรักลูกเจี๊ยบ รักมากเหมือนตอนที่รักจิ๊บ อาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำเพราะคราวที่อกหักจากจิ๊บพระลอเอาแต่จะหนีท่าเดียว

แต่กับลูกเจี๊ยบแล้วพระลอตั้งท่าจะสู้เพื่อชิงเอาความรักที่ถูกพรากไปจากคนๆเดิมอีกครั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้ย่าโฉมก็ให้นึกเคืองแดนดินนัก  ไม่รู้ชาติก่อนพระลอของหล่อนไปพรากของรักอะไรของแดนดินมาชาตินี้ถึงตามมาพรากของรักของลลิตภัทรไปถึงสองครั้งสองคราถึงแม้คราหลังจะเป็นลูกของแดนดินก็เถอะ

   ลลิตภัทรถอนหายใจพรืดใหญ่ เขาเกลียดแนวรั้วสังกะสีที่ทอดยาวไปยั้นสุดแนวต้นไผ่ท้ายนาของแดนดินมันปิดกั้นไม่ให้เขาสอดส่ายสายตาหาเจ้าตัวน้อยได้ ภาพลูกเจี๊ยบน้อยนั่งทำการบ้านในศาลา ภาพลูกเจี๊ยบน้อยใช้หนังสติ๊กยิงมะม่วงดิบกับแก้วเจ้าจอมไหลกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง

ศาลาริมน้ำก็ยังคงเดิม มะม่วงต้นใหญ่ที่แตกกิ่งก้านก็ยังอยู่ที่เดิม กอบัวสายที่ออกดอกสล้างเต็มมลำคลองก็ยังเป็นกอเดิม กิ่งไผ่ลั่นเอียดอาดตามแรงลมก็ยังเป็นกอเดิม

ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือเจ้าน้องน้อยยาใจของเขาถูกขังอยู่บนหอคอย แม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบ เจ็บปวดใจจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดเหมือนหนังกำลังภายในของจีน

ภาพลูกเจี๊ยบตัวขาวถอดเสื้อโยนกับพื้นแล้วนั่งอวดเรือนร่างต่อสายตานับสิบคู่ในตอนนั้นวกกลับมาให้ได้ยิ้มเอ็นดู

น่ารัก

ไม่ว่าจะคำพูดคำจาหรือกริยาท่าทางทั้งแสนซน อ่อนหวาน ช่างออดอ้อนฉอเลาะทั้งหมดทั้งมวลที่เป็นลูกเจี๊ยบนั้นน่ารักเหลือเกิน

ความรักของเขากับลูกเจี๊ยบควรจะราบรื่นไปจนกว่าจะถึงวันที่ลูกเจี๊ยบเรียนจบและบรรลุนิติภาวะได้แล้วแท้ๆถ้าไม่มีมารมาขวาง

ใช่สิ...

ลลิตภัทรลืมไปเสียสนิทเลยว่าต้นเหตุที่ทำให้ความรักของเขาพบเจอกับอุปสรรคครั้งนี้เป็นใคร

ต้นเหตุที่ทำให้ผิวผ่องของเจ้าตัวน้อยต้องเป็นรอยจากคมหวายนั้นคงกำลังทำตัวเฉิดฉายอยู่ที่กรุงเทพ

อริตาควรได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้

เขา...จะไม่มีทางปล่อยผู้หญิงสกปรกคนนั้นให้ลอยตัวเหนือปัญหาทั้งปวงเด็ดขาด

อริตาต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้!!


   ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งกอดเข่าอยู่ข้างเตียงโดยไม่ได้ออกไปกินข้าวเย็นเหมือนเช่นเคย ร่างบางสะอื้นน้อยๆ

ศตายุกำลังผิดหวัง...

เด็กน้อยหวังลึกๆในใจว่าหลังจากวันนั้นอาลอจะบุกมาหาที่บ้าน มาแสดงความรักที่มีต่อลูกเจี๊ยบว่ามีมากเพียงใด

หากแต่สามวันล่วงผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเงียบ

หรืออาลอจะไม่ได้รักน้อยจริงดังคำที่เคยเอื้อนเอ่ยหวานหูยามเราสองแนบชิด

ใจดวงน้อยปวดยอกราวกับถูกกรีดด้วยมีดแหลมคม ดวงตากลมที่เคยทอประกายสดใสหม่นแสง ขอบตาบวมช้ำเพราะร้องไห้จนหลับทุกค่ำคืน  ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมเสียงฝีเท้าหนักๆที่ไม่ต้องเงยหน้ามองก้รู้ว่าเป็นใคร

แดนดินมองสภาพลูกชายคนโตแล้วได้แต่ถอนใจหนัก ลูกเจี๊ยบไม่เคยเศร้าขนาดนี้

เขาเข้าใจดีว่าอารมณ์รักของวัยรุ่นนั้นมันยิ่งใหญ่

เขาไม่เคยคิดห้ามลูกเลยหากลูกจะมีแฟน

จะเป็นเพศไหนเขาก็รับได้เพราะจากการเลี้ยงดูของจิ๊บลูกเจี๊ยบจะเบี่ยงเบนเขาก็ไม่ว่า

   “ทำไมต้องเป็นไอ้ลอล่ะลูกเอ้ย”ลูบหัวลูกอย่างอ่อนใจ ลูกเจี๊ยบสะอื้นจนตัวโยนไม่ได้ตอบคำถามของผู้เป็นพ่อ

   “หักใจจากมันเถอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่ามันไม่ได้รักลูกจริง ไอ้ลอมันขี้ขลาดเกินจะมาดูแลชีวิตลูกได้ ที่มันเข้าหาลูกก็เพราะมันหวังจะแก้แค้นพ่อ น้องยังเด็กไม่ทันเล่ห์ไอ้คนชั่วนั่นหรอก”

   “แต่...”ลูกเจี๊ยบน้อยช้อนตาขึ้นมองพ่อ คำพูดที่ลลิตภัทรเคยบอกไหลเข้ามาในกล่องความทรงจำ

   “อาลอบอกว่าอาลอรักหนู”แดนดินถอนหายใน ดวงตาวาวขึ้นน้ำเสียงที่พูดกับลูกก็เข้มขึ้น

   “แล้วไหนล่ะไอ้คนที่มันบอกว่ารักน้อง ทำไมสามวันแล้วมันไม่โผล่หัวมาซักครั้งเลยล่ะ คนขี้ขลาดแบบนี้น่ะเหรอที่น้องจะฝากชีวิตไว้กับมัน ลืมมันซะแล้วที่ผ่านมาพ่อจะยกโทษให้”แดนดินเดินลงส้นเท้าแล้วกระชากประตูห้องของลูกปิดจนเรือนสะเทือน กำนันหนุ่มเดินหัวเสียผ่านจิรนันท์และลูกๆกลับเข้าห้องนอน จิ๊บส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

สงสารทั้งลูกเห็นใจทั้งสามี และไม่เข้าใจลลิตภัทรที่ไม่ข้ามมาหามาพูดคุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที

ปัญหาทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้คาราคาซัง

สงสารแต่เจ้าเจี๊ยบที่นอนร้องไห้ยนตัวโยนทุกคืน ทำเวรทำกรรมใดไว้หนอลูกน้อยของหล่อนถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้

หล่อนเกลียดสิ่งศักดิ์สิทธิ์นัก

   “แม่จ๋า เสียงพี่เจี๊ยบร้องไห้อีกแล้ว”แก้วเจ้าจอมสะกิดแม่พลางร้องบอกเบาๆ เด็กชายวัยสิบขวบมองประตูห้องของพี่คนโตด้วยดวงตาแสดงความเป็นห่วงชัดเจน

   “หนูอยากไปหาอาลอ อยากไปบอกอาลอให้มาปลอบพี่เจี๊ยบ”แก้วเจ้าจอมก็พูดไปตามประสาซื่อของเด็กที่ยังไม่รู้ถึงปัญหาที่ทุกคนเผชิญอยู่

   “ไปไม่ได้หรอกลูก พ่อกับอาลอเขาโกรธกันอยู่เจ้าจอมก็เห็น ถ้าอาลอเขาอยากมา เขาคงมาไปนานแล้ว เรื่องนี้เจ้าจอมอย่าเข้ามายุ่งเลยนะให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไป อาลอกับพี่เจี๊ยบทำเรื่องไม่สมควรเขาต้องแก้ไขปัญหากันเอง ดึกแล้วเจ้าจอมไปนอนเถอะพรุ่งนี้จะไปเรียนสาย”หล่อนดึงชายเสื้อของลูกลงหลังจากทายาให้เสร็จแล้ว แก้วเจ้าจอมยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนอย่างว่าง่าย

จิรนันท์นั่งฟังลูกร้องไห้ด้วยใจที่เจ็บปวด

ถ้าพระลอรักลูกเจี๊ยบจริงก็ช่วยทำอะไรให้ชัดเจนทีเถอะ

หล่อนจะไม่ขัดเลยซักคำ...




   อริตาเดินเฉิดฉายอย่างมั่นใจเข้ามาในร้านอาหารด้วยใบหน้าฉาบรอยยิ้ม


สุดท้ายพระลอก็ต้องมาหาหล่อน อริตาไม่สนใจหรอกว่าคำพูดวันนั้นจะทำร้ายใครยังไงบ้าง หล่อนรู้แค่ว่าวันนี้หล่อนชนะ ลลิตภัทรเป็นฝ่ายโทรหาและนัดพบหล่อนเองโดยไม่มีเด็กนั่นมาอยู่ด้วยให้ขวางหูขวางตา


   “รอนานมั้ยคะลอ ขอโทษทีพอดีรถติด”หญิงสาวก้มลงจูบแก้มชายหนุ่มก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

   “นึกยังไงเข้ากรุงเทพมาหาแอนได้ล่ะคะ”หล่อนยังคงทำหน้าใสซื่อราวกับไม่รู้ไม่เห็นกับอะไรที่ทำลงไปทั้งสิ้น ลลิตภัทรกระตุกยิ้มก่อนจะทำสายตาแพรวพราวใส่อย่างที่เคยทำใส่ผู้หญิงคนอื่นๆ

   “คิดถึงมั้งครับ ไม่ได้เจอกันนาน”

   “จำได้ว่าคราวก่อนคุณไล่แอน”หล่อนแสร้งคนน้ำแข็งในแก้วพลางยกมือขึ้นจับปอยผมที่ระลงมาเกะกะทัดหู ลลิตภัทรส่งยิ้มกริ่มจนใจสั่นให้ก่อนจะเอื้อมตัวไปทัดผมที่เก็บไม่หมดให้หล่อน

   “จำเมื่อก่อนได้มั้ยคะ ลอชอบทัดผมให้แอนเสมอตอนที่เรา...”หล่อนแสร้งทิ้งจังหวะแล้วยิ้มอย่างสื่อความหมาย ปลายเท้าเขี่ยขาของลิตภัทรที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างยั่วยวน

   “ผมว่าเราสั่งอาหารกันเถอะครับ ดูท่าแอนคงจะหิว...”ลลิตภัทรตวัดสายตามองอริตาตั้งแต่หน้าจนถึงหน้าอก เน้นคำว่าหิวด้วยเสียงที่หนักกว่าคำอื่น อริตายิ้มพรายเต็มดวงหน้า

หล่อนชอบลลิตภัทรที่ดูทันกันกับหล่อนไปเสียทุกอย่าง เห็นทีคืนนี้อาจจะมีเรื่องราวดีๆให้ได้ทำสนุกๆกันสองคน


   “เสร็จจากนี่เราไปรำลึกความหลังกันที่คอนโดคุณมั้ยคะ?”อริตายกผ้าขึ้นมาซับปากเมื่อมื้ออาหารแสนอร่อยจบลง ลลิตภัทรเหลือบตาขึ้นมามองหน้าหล่อนก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ชายหนุ่มเล่นกับผ้าเช็ดปากบนโต๊ะก่อนจะเปิดปากพูด


   “ผมไม่มีคอนโดแล้วล่ะครับ”อริตาขมวดคิ้วให้กับคำตอบของลลิตภัทรทันที

   “หมายความว่าไงคะ ลอขายคอนโดไปแล้วหรือคะ?”

   “เปล่าครับผมไม่ได้ขาย แต่ผมเซ็นยกให้ลูกเจี๊ยบไปแล้ว”อริตาขมวดคิ้วฉับอย่างไม่เข้าใจ

   “หมายความว่ายังไงคะที่ว่าคุณยกคอนโดให้เด็กนั่น?”

   “ก็หมายความตามที่พูดครับ ตอนนี้คอนโดของผมเป็นของลูกเจี๊ยบแล้ว ผมยกให้ลูกเจี๊ยบหลังจากกลับจากดูคอนเสิร์ตคราวนั้น เงินฝากในบัญชีของผมก็โอนให้ลูกเจี๊ยบไปหมดแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่ทำอย่างนั้นป่านนี้ผมคงติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ไปแล้ว ส่วนรถของผม ผมกำลังจะขาย หลังจากวันนี้ผมก็จะมีแต่ตัว”อริตากลอกตาไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ

ลลิตภัทรจะบ้าไปแล้วหรือไงที่อยู่ๆยกสมบัติทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับเด็กคนนั้น

   “คุณจะเหลือแต่ตัวได้ยังไงคะในเมื่อบ้านคุณมีทั้งที่นากับตลาด”

   “ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของพ่อแม่ของผมนี่ครับแอน เพราะแอนไปบอกกับกำนันแดนดินเรื่องผมกับเจี๊ยบกำนันไปโวยวายที่บ้านพ่อของผมโกรธมากเลยตัดผมออกจากกองมรดกบอกว่าสมบัติทั้งหมดถ้าพ่อตายก็จะยกให้พี่ๆทั้งสองคนแบ่งกัน ผมยอมเสียทรัพย์สินส่วนตัวทุกอย่างเพื่อชดใช้ให้กับกำนันเพราะผมไม่อยากติดคุก ตอนนี้ผมย้ายออกมานอนที่โรงสีแล้ว ทั้งร้อนทั้งคับแคบลำบากมากเลยครับ ผมอายุ 33 แล้วก็อยากจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวกับใครซักคนที่พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับผม”ลลิตภัทรคว้ามือของอริตาไปกุมไว้ ส่งสายตาสื่อความหมายมาให้

   “และผมมองไม่เห็นใครที่รักและจริงใจกับผมเท่าคุณอีกแล้ว คุณเต็มใจจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกห่างไกลความเจริญทำไร่ทำนาหาปูหาปลากับผมมั้ยครับแอน”อริตาต้องตาของลลิตภัทรเพื่อค้นหาความจริงและผู้ใหญ่บ้านหนุ่มไม่ได้หลบตาหล่อน ใจของหญิงสาวหล่นวูบ

จะให้หล่อนไปทำนาหาปูหาปลาอยู่แบบไม่มีอะไรแบบคนบ้านนอกน่ะเหรอ ขอบอกกันตรงนี้เลยว่าหล่อนไม่เอาด้วยหรอก

   “หรือแอนอยากให้ผมย้ายมาอยู่กรุงเทพครับ ผมย้ายมาได้นะ แต่คุณอาจจะต้องลำบากเลี้ยงผมหน่อยเพราะตอนนี้ผมขายหุ้นให้พวกไอ้เอ็มไปหมดแล้วจะไปสมัครงานใหม่ก็คงไม่มีใครรับแล้ว เงินเดือนของแอนตั้งหลายหมื่นใช้แบบประหยัดๆหน่อยน่าจะอยู่ไหว”อริตาที่นั่งเงียบอยู่ดึงมือออกจากการเกาะกุมของลลิตภัทรทันที

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันคะลอ แอนไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ”

   “มันไม่ใช่เรื่องบ้า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมก็เป็นเพราะแอน ตอนนี้ผมไม่มีพันธะอะไรแล้วทรัพย์สมบัติก็ไม่มี ผมพร้อมจะมาใช้ชีวิตกับแอนได้ทุกเมื่อแอนไม่ดีใจหรอกเหรอครับ?”

   “แอนนึกได้ว่าแอนมีนัดกับเพื่อน ยังไงแอนขอตัวกลับก่อนนะคะ”อริตาผุดลุกขึ้นยืนตัดบทอย่างไร้เยื่อใย

ใครจะโง่ไปกัดก้อนเกลือกินกับลลิตภัทรล่ะ

ถึงจะหล่อแต่ถังแตกหล่อนก็ขอบาย อริตารักความสุขสบาย อริตารักเงินทอง หน้าตานั้นเป็นผลพลอยได้ หญิงสาวหมุนตัวเตรียมหันหลังกลับหากแต่ลลิตภัทรร้องเรียกเสียก่อน

   “เดี๋ยวสิครับแอน”หญิงสาวหันมามองอย่างไม่ชอบใจ

คิดจะรั้งหล่อนไว้เหรอ

จ้างให้หล่อนก็ไม่กลับมาแลคนจนๆอย่างลลิตภัทรอีกแล้วล่ะ

สาวๆสวยๆอย่างหล่อนยังหาผู้ชายที่เพียบพร้อมได้อีกมากมาย

หากแต่ประโยคที่ลลิตภัทรพูดออกมาทำเอาอริตาแทบจะกรี๊ดใส่

   “จ่ายค่าอาหารด้วยครับ หารครึ่งกันก็ได้ แพงขนาดนี้ผมไม่มีเงินจ่ายหรอก”

ลลิตภัทร

ไอ้คนทุเรศ!!

หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบแบงค์พันขึ้นมาวางลงบนโต๊ะสองใบก่อนจะจ้องหน้าชายหนุ่ม

   “หลังจากนี้ไม่ต้องนัดแอนออกมาแล้วนะคะ แล้วก็แอนไม่ได้รักคุณถ้าที่ผ่านมาแอนทำให้คุณคิดไปเองแอนก็ขอโทษด้วย ไม่จำเป็นไม่ต้องโทรหรือติดต่อแอนอีกนะคะ”

   “ใจร้ายจังครับ ไม่เห็นนุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อนเลย เพราะตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้วใช่มั้ยครับคุณถึงจะรีบผลักผมออกจากชีวิต ผมก็นึกอยู่แล้วว่าผู้หญิงอย่างคุณเงินเป็นใหญ่ ถ้าคุณไม่เอาเรื่องของผมกับเจี๊ยบไปพูดตอนนี้ผมก็ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ จะไม่รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำไว้หน่อยเหรอครับ”ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบเงินบนโต๊ะมาเคาะเล่น อริตามองท่าทางนั้นอย่างนึกรังเกียจ

แค่ค่าอาหารสองพันกว่าบาทยังไม่มีปัญญาจ่ายเลยแล้วยังจะมาทำตัวติดหรู

กระจอกที่สุด

   “ก็นี่ไงคะลอ ฉันยอมออกจากชีวิตคุณให้อย่างง่ายๆแล้วไงคะ ต่อไปนี้จะไปรักจะไปชอบจะไปมั่วกับเด็กนั่นยังไงก็แล้วแต่คุณ เสียเวลามามากแล้วแอนขอตัวก่อนนะคะ หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก หรือต่อให้เจอก็ไม่ต้องมาทักนะคะ”

อริตาไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงลลิตภัทรที่นั่งแค่นยิ้มอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มยกไวน์ขึ้นมาดื่มทิ้งท้ายก่อนจะเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

   “นี่เป็นค่าอาหารนะครับ ส่วนสองพันนี้เป็นทิป”ลลิตภัทรหยิบเงินค่าอาหารวางลงบนถาดแล้ววางเงินสองพันของอริตาให้กับพนักงานเป็นทิป ชายหนุ่มมุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากจัดการอริตาให้ออกไปจากชีวิตของเขาได้แล้ว

แม้ใจจริงอยากจะด่าหรือทำรุนแรงกับหญิงสาว

แต่ลลิตภัทรเป็นสุภาพบุรุษพอ

ผู้หญิงหิวเงินรักสบายอย่างอริตาไม่มีทางรักใครจริง ถ้าไม่มีเงินอริตาก็ละความสนใจจากเขา หล่อนยังมีเหยื่อรายใหม่ไว้ให้สูบเลือดสูบเนื้ออีกมากมาย

แม้จะอยากกระชากคอมาต่อยให้ปากแตกโทษฐานที่ทำให้ลูกเจี๊ยบของเขาต้องโดนตี

แต่ลลิตภัทรก็ข่มใจ

เขาจะไม่ยอมมีประวัติเสื่อมเสียให้ลูกเจี๊ยบต้องอายว่ามีคนรักเป็นพวกใช้ความรุนแรงเด็ดขาด

หลังจากนี้เขาจะเดินหน้ารุกเพื่อชิงเจ้าเจี๊ยบน้อยให้มาอยู่ในอ้อมอกให้ได้

แดนดินจะต้องยกลูกให้เขาด้วยความเต็มใจ เพราะเขาจะวางเดิมพันทุกอย่างที่มีให้กับเกมส์รักครั้งนี้

รออาหน่อยนะคะหนูจ๋า อากำลังกลับไปหาลูกเจี๊ยบ

ไปหาดวงใจของอา....


.......................................

ติดแท็กเป็นกำลังใจให้คนเขียนได้นะคะ

#พระลอตามไก่
หายไปตั้งหลายวันจนเจี๊ยบเข้าใจผิดหมดแล้ว พ่อแม่เขาโกรธกว่าเดิมด้วย แต่ก็ดีที่สลัดงูพิษออกไปได้ รีบๆไปขอลูกเขาเลยเดี๋ยวเขาก็ไม่ยกให้จริงๆหรอก

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 22:26:44
ตอนที่ ๓๕


T
B



                ลลิตภัทรนั่งมองบรรดาเด็กนักเรียนเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างใจเย็น เขาเห็นเจ้าน้องน้อยถูกพ่อมารับตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว ลูกเจี๊ยบของเขามีสีหน้าเศร้าหมองจนน่าสงสาร หากเป็นเวลาปกติเขาคงจะไปดึงมากอดให้จมอกแล้วปลอบให้คลายเศร้า

 

แต่ในตอนนี้ ลลิตภัทรจะทำอะไรผลีผลามไม่ได้เด็กขาด

 

แดนดินนั้นหัวรั้นและอารมณ์ร้าย ยิ่งมีประเด็นกับเขาด้วยแล้วแดนดินยิ่งเพิ่มเลเวลความดุร้ายเพิ่มขึ้นมาอีก ถ้าเปรียบเป็นหมาตอนนี้แดนดินคือพันธุ์ผสมระหว่างล็อตไวเวอร์ผสมบางแก้ว เอาแต่แยกเขี้ยวทั้งวัน ไม่รู้ว่าจิ๊บนั้นเลี้ยงผัวด้วยน้ำผึ้งรึไงถึงได้ดุแท้



ได้แต่ภาวนาว่าแก่ตัวไปเจ้าเจี๊ยบน้อยจะไม่ดุร้ายเหมือนพ่อ ไม่งั้นลลิตภัทรคงตายคาเท้าลูกเจี๊ยบแน่ๆ

 

ปัญหาของเขากับลูกเจี๊ยบน้องต้องค่อยเป็นค่อยไปทุกอย่างต้องใจเย็นแม้ในอกของเขาจะร้อนราวกับมีไฟแผดเผาอยู่ก็ตาม ชายหนุ่มหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยวเป็นแผ่นที่ห้า เคาะปลายนิ้วเรียวกับพวงมาลัยรถแก้เบื่อ

 

เกือบห้าโมงเย็นคนที่เขารอคอยก็เดินออกมาจากรั้วโรงเรียนและกำลังเดินมาทางนี้ เมื่อเป้าหมายใกล้เข้ามาลลิตภัทรก็ไม่รอช้า ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงไปดักหน้าเด็กคนนั้นทันที

 

               " วุ้นใช่มั้ยครับ นี่อาลอเองนะครับรบกวนไปกับอาหน่อย”วิชยุตม์จ้องหน้าลลิตภัทรก่อนจะพยักหน้ารับ เพราะลูกเจี๊ยบเคยเปิดรูปอาลอให้ดูเด็กหนุ่มจึงจำได้ ร่างเล็กก้าวขึ้นรถที่ลลิตภัทรเปิดประตูให้อย่างสุภาพ เด็กหนุ่มลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่ตั้งใจขับรถแล้วนึกชมไม่ได้จากรูปที่ลูกเจี๊ยบเปิดให้ดูว่าหล่อแล้วพอมาเจอตัวจริงรูปถ่ายพวกนั้นเทียบกับลลิตภัทรตัวเป็นๆไม่ได้เลยซักนิด

 

                “วุ้นต้องรีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ?”วิชยุตม์สะดุ้งเมื่ออยู่ๆลลิตภัทรก็หันมาถาม เด็กน้อยรีบส่ายหน้าก่อนจะนึกได้ว่าเป็นกริยาที่ไม่สมควร

 

                “ไม่รีบครับ”

 

                “พอดีอามีเรื่องอยากคุยด้วย วุ้นเป็นเพื่อนสนิทของเจี๊ยบน่าจะรู้แล้วใช่มั้ยครับ?”

 

                “ครับ เจี๊ยบเล่าให้ผมฟังแล้วครับ”ลลิตภัทรพยักหน้าเบาๆ

 

                “เดี๋ยวกินข้าวกันก่อนเนอะค่อยคุยกัน”ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเข้ามายังห้างใหญ่ก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้าง

 

                “วุ้นอยากกินอะไรมั้ยครับ?”



                “อะไรก็ได้ครับ”เด็กหนุ่มไม่ค่อยรู้หรอกว่าร้านอะไรน่ากิน กับเด็กฐานะแบบเขาปกติหนูสุดก็ไก่ทอดเจ้าดังมื้ออื่นๆก็อาหารข้างทางปกติธรรมดา ลลิตภัทรจึงเดินนำเพื่อนของคนรักเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น

 

                “วุ้นทานปลาดิบได้มั้ยครับ?”

 

                “เอ่อ...ผมไม่ค่อยถนัดน่ะครับ”เด็กหนุ่มตอบด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก

 

                “งั้นสั่งมาลองนะครับเผื่อชอบ วุ้นสั่งที่อยากทานมาเลยครับไม่ต้องเกรงใจ”ลลิตภัทรมองเด็กตรงหน้าด้วยดวงตาของคนใจดี มองก็พอจะรู้ว่าฐานะของวุ้นนั้นไม่ได้ดีมาก การจะได้ทานอาหารอร่อยราคาค่อนข้างแพงจึงเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ ลลิตภัทรรอให้อาหารมาเสิร์ฟจนครบชายหนุ่มบอกให้วิชยุตม์กินก่อนเดี๋ยวค่อยคุย แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องเจ้าเจี๊ยบจนแทบทะลุออกนอกอกยังไงแต่เขาจะไม่ผลีผลาม

 

ทุกอย่างต้องใจเย็นและรอเวลาแดนดืนเป็นคนหัวรั้นแค่ไหนลลิตภัทรรู้จักดี



วิชยุตม์ยกมือไหว้ขอบคุณยามลลิตภัทรคีบปลาดิบมาใส่จานให้เด็กน้อยมองอย่างชั่งใจก่อนจะทำตามที่ลลิตภัทรสอนว่าต้องกินยังไง กลั้นอกกลั้นใจเอาเข้าปากเคี้ยวแม้มันจะลื่นๆลิ้นแต่ใจของวิชยุตม์ดันไปนึกถึงว่าตนเองกินของดิบอยู่จึงเกือบอ้วกออกมา ลลิตภัทรรีบหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้



             "ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนนะ"ลลิตภัทรเลื่อนจานอาหารอย่างอื่นให้โดยเอาปลาดิบมาไว้ด้านหน้าของตนเองแทน



           "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ใช่ใครทุกคนจะกินปลาดิบเป็น อย่างลูกเจี๊ยบนะรายนั้นหัดตั้งนานกว่าจะกินได้"ลลิตภัทรเล่าถึงคนรักด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม วุ้นมองแววตาของคนแก่กว่าแล้วก็พลอยยิ้มตามไม่ได้



อาลอรักลูกเจี๊ยบมากจริงๆ การมีคนรักที่จดจำรายละเอียดทุกอย่างของเราได้นั้นถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง



หากวิชยุตม์มีคนรักก็อยากให้เหมือนกับอาลอเพราะไม่ว่าจะทำหรือพูดอะไรก็มักจะมีชื่อของลูกเจี๊ยบออกจากปากเสมอ



เขาอยากช่วย อยากสนับสนุนความรักของลูกเจี๊ยบ



แม้แรงกายแรงใจของเด็กอย่างเขาจะน้อยแต่การที่พระลอเลือกที่จะมาหาเขานั้นก็แสดงว่าตัวเองยังมีประโยชน์กับคนอื่นอยู่บ้าง

 

                “อาลอมีอะไรจะให้ผมช่วยเหรอครับ”วุ้นเอ่ยปากหลังจากทานไปได้ซักระยะ จะเรียกว่าเขากินอยู่ฝ่ายเดียวก็เป็นได้เพราะลลิตภัทรเอาแต่นั่งเหม่อเขี่ยอาหารในจานไปมาพลอยทำให้เขาเกร็งไปด้วย

 

                “เจี๊ยบป็นยังไงบ้าง แผลที่ขาหายหรือยัง?”เขาเอ่ยคำถามที่ค้างคาในใจมาร่วมสัปดาห์ วิชยุตม์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่ปิดบัง

 

                “แผลตกสะเก็ดแล้วล่ะครับเจี๊ยบทายาทุกวันย่าจะไม่มีแผลเป็น แต่เจี๊ยบเศร้าทุกวันเลย ทำไมอาลอไม่ไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เป็นเรื่องเป้นราวล่ะครับ”วิชยุตม์เอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงคนเด็กกว่าก็แอบเคืองที่ลลิตภัทรหายหน้าหายตาไม่ยอมไปคุยกับพ่อแม่เจี๊ยบให้เรียบร้อย ลลิตภัทรตวัดสายตามองหน้าเด็กตรงหน้าจนวิชยุตม์รู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำกริยาไม่ดีใส่คนเป้นผู้ใหญ่ไป

 

                “ขอโทษครับ”

 

                “อาอยากไปหาลูกเจี๊ยบ แต่วุ้นคิดตามอานะ ตอนนี้กำนันกำลังโกรธเพราะเรื่องมันยังสดใหม่  พ่อของลูกเจี๊ยบภายนอกดูเป็นคนใจดีก็จริงแต่เวลาโมโหน่ะเขาไม่สนหน้าอิฐหน้าพรหมอะไรทั้งนั้น รอยหวายที่ขาเจี๊ยบนั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ อาถึงไม่กล้าผลีผลามไป อันที่จริงอาเคยคิดว่าจะบุกไปบ้านเจี๊ยบโชคดีที่งานทางอบต.เร่งมาทำให้อามีเวลาทบทวนและคิดว่าอาควรทำยังไงต่อไป  ถ้าไปหาเลยแล้วผลที่ออกมามันแย่กว่าเดิมอย่างกำนันแดนดินน่ะโทรกริ๊งเดียวเขาก็แยกน้องเจี๊ยบให้ห่างจากอาโดยที่อาคงหาเจี๊ยบไม่เจอ ดังนั้นสิ่งที่อาทำได้ในตอนนี้คือเคลียร์ตัวเอง”

 

                “เคลียร์ตัวเอง?”วิชยุตม์ทวนคำอย่างไม่เข้าใจ”

 

                “ใช่ อาต้องเคลียร์ตัวเองว่าตอนนี้ ณ เวลานี้ อามีแค่เจี๊ยบคนเดียวและต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครมาชี้หน้าด่าได้ว่าเจี๊ยบแย่งอามาจากใคร ทั้งที่อาไม่จำเป็นต้องไปจัดการอะไรพวกนั้นเลยแต่เพื่อเจี๊ยบอายอมทิ้งศักดิ์ศรียอมให้คนที่ทำลายเราดูถูก ที่อาทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจี๊ยบ เพราะฉะนั้นอาอยากขอความช่วยเหลือจากวุ้น”

 

                “อาลอจะให้ผมช่วยอะไรครับ ถ้ามันทำให้เจี๊ยบหายเศร้าผมก็จะช่วย”

 

                “อาอยากเจอเจี๊ยบ...”

 

 

                “หลังจากได้ฟังวุ้นเล่าเหตุการณ์เมื่อวานใจของลูกเจียบก็สั่นโครมครามอย่างตื่นเต้น

 

อาลอไม่ได้เมินเฉยต่อปัญหาแต่กลับพยายามแก้ปัญหานั้นด้วยตัวคนเดียว แม้ใจของลูกเจี๊ยบก่อนหน้านี้จะเศร้าสลดแต่เมื่อได้รู้ความจริงแบบคร่าวๆอารมณ์โกรธและแง่งอนก็ปลิวหายราวกับลลิตภัทรหอบเอาลมเย็นมาช่วยปัดเป่า

 

                “อาลออยากเจอเจี๊ยบ”ลูกเจี๊ยบหลุดยิ้มดีใจออกมพลันก็หุบยิ้มทันทีเหมือนต้นไมยราพที่ถูกลูบผ่าน ความดีใจแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจและเสียดาย

 

                “จะเจอได้ยังไงล่ะถ้าอาลอหาเจี๊ยบที่บ้านพ่อได้เอาปืนมาไล่ยิงแน่ๆ เรายังไม่อยากให้อาลอตาย”ลูกเจี๊ยบบอกตามซื่อ ถึงแม้พ่อจะไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องนี้อีกแต่ลูกเจี๊ยบรู้ดีว่าพ่อนะไม่มีทางยอมอภัยให้กับความผิดจากการทำตัวเหลวไหลของลูกเจี๊ยบง่ายๆแน่

 

เมื่อใดที่มีอะไรไปสะกิดใจแดนดินก็พร้อมจะระเบิดอีกรอบ อย่างเช่นเมื่อวันก่อนที่เจ้าจอมเอารถบังคับที่ลลิตภัทรให้มาเล่นพอแดนดินรู้ว่าของเล่นชิ้นนั้นเป็นของใครรถบังคับก็แปลงร่างเป็นเครื่องบินลอยละลิ่วลงไปกองที่ใต้ถุนบ้าน แก้วเจ้าจอมร้องไห้จ้าด้วยเพราะเป็นของเล่นชิ้นโปรดสุดหวงแสนรักจนป่านนี้ก็ยังไม่ยอมคุยกับพ่อเลยด้วยซ้ำ

 

               
                “ทำตามที่เราบอกก็พอ”

 

 

                แดนดินหรี่ตามองหาลูกชายยามเมื่อคาบสุดท้ายสิ้นสุดลง บรรดาเด็กนักเรียนต่างพากันทยอยเดินออกมานอกรั้วโรงเรียน ไม่นานลูกเจี๊ยบก็สะพายเป้ใบใหญ่ออกมา แต่วันนี้แปลกตรงมีเพื่อนของเจี๊ยบที่ตัวเล็กกว่าลูกชายของเขาเดินตามออกมาด้วย แดนดินลดกระจกลงเมื่อลูกเดินมาถึงรถ

 

                “พ่อจ๋านี่วุ้นเพื่อนน้องที่น้องเคยเล่าให้ฟังจ้า”เจี๊ยบแนะนำเพื่อนให้พ่อรู้จัก แดนดินส่งยิ้มใจดีให้กับเพื่อนของลูกเจี๊ยบแล้วรับไหว้วุ้นที่ยกมือไหว้เขาอย่างเรียบร้อย

 

                “สวัสดีครับพ่อ”

 

                “ไหว้พระเถอะลูก วันนี้ทำไมมาพร้อมลูกเจี๊ยบได้ล่ะทุกวันพ่อเห็นเจี๊ยบออกมาคนเดียว”

 

                “พอดีวันนี้วุ้นไม่มีทำเวรกับช่วยอาจารย์น่ะครับเลยออกมาด้วยได้ วุ้นจะมาขออนุญาตพ่อให้เจี๊ยบมาทำรายงานกับวุ้นพรุ่งนี้ด้วยน่ะครับ”วุ้นบอกจุดประสงค์ที่เดินออกมาพร้อมลูกเจี๊ยบให้กับแดนดิน กำนันหนุ่มขมวดคิ้วทันที

 

                “รายงานอะไร?”

 

                “เคมีครับอาจารย์ให้จับกลุ่มกันทำวุ้นทำกับเจี๊ยบแล้วมันเยอะมากก็เลยมาขออนุญาตพ่อก่อน”

 

                “วุ้นไปทำที่บ้านพ่อไม่ดีกว่าเหรอ พ่อไม่ค่อยอยากให้น้องห่างบ้านเลย”

 

                “คือมันต้องหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตน่ะจ้าพ่อ บ้านเราไม่ได้ติดเน็ต”ลูกเจี๊ยบรีบบอกกับพ่อ เด็กสองคนลอบมองแดนดินที่ทำท่าใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้า

 

                “ก็ได้ แล้วต้องมากี่โมงพ่อจะได้มาส่ง”

 

                “ซัก 9 โมงพ่อสะดวกมั้ยครับ พอดีเนื้อหาที่ต้องหาข้อมูลมันเยอะถ้ามาสายกลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน”

 

                “ได้ เดี๋ยวพ่อพาเจี๊ยบมาส่ง ว่าแต่เจี๊ยบรู้จักบ้านเพื่อนแล้วใช่มั้ย”แดนดินหันไปถามลูก ลูกเจี๊ยบรีบพยักหน้ารับ

 

                “รู้จักแล้วจ้า พ่อมาส่งเจี๊ยบที่โลตัสก็ได้จ้าเราต้องซื้อหนังสือเพิ่ม”

 

                “งั้นก็ได้ ให้พ่อไปส่งที่บ้านมั้ยวุ้น?”

 

                “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยววุ้นต้องไปรับน้องที่โรงเรียนก่อน งั้นสวัสดีตรงนี้นะครับ”วุ้นยกมือไหว้แดนดินก่อนจะโบกมือบ๊ายบายลูกเจี๊ยบ เจ้าเจี๊ยบน้อยยิ้มหวานให้กับเพื่อนก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ วันนี้ลูกเจี๊ยบอารมณ์ดีเพราะพรุ่งนี้จะได้เจออาลอแล้ว

 

                “ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดี”แดนดินที่สังเกตลูกอยู่ถึงกับเอ่ยปากถามเพราะตลอด 8 วันที่ผ่านมาลูกเจี๊ยบพูดแทบจะนับคำได้ข้าวปลาก็แทบจะไม่ยอมออกมากินเวลาเผลอก็แอบนั่งเช็ดน้ำตาป้อยๆแต่วันนี้เจ้าเจี๊ยบน้อยของเขากลับมีรอยยิ้มแต้มที่ริมฝีปาก

 

                “วันนี้คะแนนสอบย่อยของน้องได้ดีน่ะจ้าน้องเลยอารมณ์ดี”ลูกเจี๊ยบปดผู้เป็นพ่อก่อนจะดึงหน้าตัวเองให้กลับไปเรียบขรึมเช่นหลายวันที่ผ่านมา แดนดินถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่สงสารลูกยิ่งลูกมึนตึงใส่หัวใจคนเป็นพ่อเหมือนถูกเหยียบ

 

แต่เขาจะทำยังไงได้

 

นี่น่ะยอดดวงใจของเขาทั้งคน

 

                “ที่พ่อทำไปทั้งหมดก็ขอให้รู้ไว้นะเจี๊ยบว่าพ่อรักหนู”ลูกเจี๊ยบน้อยเม้มปากกลั้นน้ำตาที่พาลจะไหล รู้สึกตัวเองเป็นลูกที่แย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

เจี๊ยบรู้ว่าพ่อรักเจี๊ยบ แต่เจี๊ยบก็โตพอจะรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้แล้วนะจ๊ะพ่อจ๋า

 

เจี๊ยบก็รักพ่อ รักแม่ รักน้อง รักโรงเรียน รักปลา รักซากุระ

 

และที่สำคัญ

 

เจี๊ยบก็รักอาลอมากเช่นกัน

 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะฝ่าฝืนความรักความหวังดีของพ่อในวันพรุ่งนี้

 

เจี๊ยบจะไม่เสียใจ

 

ไม่เสียใจเลยซักนิด...





 

 

                ลูกเจี๊ยบพยายามเก็บอาการมาตลอดตั้งแต่เย็น พอถึงตอนเช้าก็ออกมาช่วยแม่ทำกับข้าวกับปลาเหมือนเช่นทุกวัน จิ๊บมองลูกที่ใจลอยอยู่บ่อยครั้งแล้วก็ให้หนักใจเพราะคิดว่าลูกยังคงเศร้ากับเรื่องที่ถูกกีดกันไม่ให้พบกับพระลออีก แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาตามใจกันได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นจากตัวเอง แทนที่จะได้ร่ำเรียนสูงๆสุดท้ายก็จบแค่มัธยมต้น

 

                “เจี๊ยบ ถ้าไม่สบายก็ไม่ต้องช่วยแม่หรอก ไปเตรียมตัวเถอะกินข้าวเสร็จพ่อเขาจะได้ไปส่งเลย”หล่อนฉวยทัพพีที่ลูกถือมาไว้ในมือก่อนจะช้อนฟองในต้มจืดออก

 

                “น้องไม่ได้เป็นไรจ้าแม่ แค่คิดอะไรเพลินนิดหน่อย”

 

                “คิดถึงลอเหรอ”ลูกเจี๊ยบน้อยชะงักเมื่อแม่เอ่ยปากถามออกมา ใบหน้านวลขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก

 

                “อยู่กับแม่คุยได้”จิ๊บหันมาลูบแก้มของลูกเบาๆ

 

                “คิดถึงจ้า”

 

                “พ่อกับแม่รักเจี๊ยบนะ ที่พ่อทำไปก็เพราะรักมากหวงมาก หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่น่ะห่วงอนาคตลูกที่สุด วันนี้ที่พ่อเขาตีน้อง เขาก็รู้สึกผิด แต่จะให้ย้อนเวลากลับไปพ่อก็ตีน้องอยู่ดีเพราะพ่อเขาอยากให้น้องรู้ว่าสิ่งที่น้องกับลอทำลงไปเหมือนมีดที่กรีดใจพ่อแม่ ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่ที่เกินเลยกันไปมันก็ไม่ถูกไม่ควร ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่พูดน้องจะปิดพ่อแม่อีกถึงเมื่อไหร่?”จิ๊บไม่ได้ใช้น้ำเสียงจริงจังกับลูก หล่อนเพียงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ทุกคำตรงเข้าไปถึงแก่นในหัวใจลูก ลูกเจี๊ยบมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

                “อันที่จริง...”เด็กน้อยเม้มปากคล้ายกำลังใช้ความคิดกับสิ่งที่ตัวเองจะพูด

 

                “อันที่จริงอาลออยากจะบอกพ่อกับแม่ว่าเราคบกัน แต่เป็นน้องเองที่ห้ามไว้”

 

                “เขาบังคับน้องหรือเปล่า...”ลูกเจี๊ยบน้อยส่ายหน้า ศตายุรู้ว่าแม่หมายถึงเรื่องไหน

 

                “หนูเป็นคนให้อาลอเองจ้า  หลายครั้งที่มันเกือบจะเกินเลยอาลอห้ามตัวเองไว้เสมอ อาลอบอกว่าน้องยังเด็ก อาลอสอนแต่สิ่งดีๆให้น้องทั้งเรื่องเรียนเรื่องเพื่อนเรื่องที่พ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาให้เรา  แม่จ๋า ที่ผ่านมาแม่ก็เห็นว่าอาลอเขาดีกับเราแค่ไหน  เป็นหนูเองที่เสนอตัวให้อาลอเพราะหนูหึงป้าแอน อาลอปฏิเสธหนูแล้วแต่หนูยืนยันที่อยากจะเป็นของอาลอเอง หนูรักอาลอและหนูจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป”

 

                “น้องยังเด็กแต่ลอน่ะเป็นผู้ใหญ่แล้ว...”

 

                เรื่องความรักกับอารมณ์แบบนี้มันแยกเด็กแยกผู้ใหญ่ด้วยเหรอจ๊ะแม่ หนูอยากให้พ่อกับแม่ให้โอกาสอาลอ...”

 

                “เรื่องนั้นเจี๊ยบอย่ามาพูดให้อาลอเลย  เจี๊ยบรู้มั้ยตอนพ่อกับแม่เกินเลยกัน พ่อของเจี๊ยบเดินเข้ามาขอขมาตากับยายด้วยตัวเอง พิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะสามารถดูแลปกป้องแม่และลูกที่อยู่ในท้องได้ และเขาก็ทำได้ดีเสมอมา แล้วอาลอล่ะตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน เราเลิกพูดเรื่องนี้เถอะเดี๋ยวพ่อกลับจากนาก็กินข้าวแล้วไปทำรายงานกับเพื่อนได้เลยแม่ใส่เงินไว้ให้น้องในกระเป๋าแล้วถ้าไม่พอน้องก็กดเอานะลูก”จิ๊บหันไปให้ความสำคัญกับต้มจืดในหม้อต่อ

 

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแดนดินก็ขับรถมาส่งลูกที่หน้าห้าง เขาต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องงบหมู่บ้านที่ อบต.ชายหนุ่มดึงมือลูกไว้ก่อนสำทับ

 

                “พ่อจะมารับตอนห้าโมงเย็นนะ อย่าเถลไถล”

 

                “ครับ”ศตายุรับคำก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อ แดนดินมองลูกที่เดินจากไปอย่างปวดใจ

 

ไร้เสียงจ๊ะจ๋ามานานกี่วันแล้วหนอ

 

ความสัมพันธ์พ่อลูกจะต้องมึนตึงแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาก็เหมือนพ่อแม่มือใหม่ทั่วๆไปที่เรียนรู้การเป็นพ่อแม่จากการเจริญเติบโตของลูกน้อย

 

ตอนนี้ลูกเจี๊ยบกำลังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ  เขาไม่อยากให้ลูกออกนอกกรอบที่กำหนดไว้

 

แต่มันก็ยากเหลือเกิน การมีลูกน่ะง่ายแต่การเลี้ยงเขาให้โตมาอย่างมีคุณภาพนั้นยากยิ่งนัก

 

เพราะขนาดเขาเลี้ยงดูลูกอบรมสั่งสอนอย่างดีเด็กที่เคยเชื่อฟังมาตลอดอย่างเจี๊ยบยังทำเรื่องออกนอกลู่นอกทางได้นั่นแปลว่าเขาล้มเหลว

 

เขาแค่อยากให้ลูกก้าวเดินไปอย่างช้าๆและมั่นคงมีการศึกษาที่ดี

 

ไม่ใช่ว่าวัยรุ่นทุกคนที่หลงมัวเมาในเรื่องเพศจะได้ดีทุกคน

 

ลูกกำลังต่อต้านสิ่งที่เขาทำแดนดินรู้ดี แต่ทั้งหมดที่ทำลงไปนั้นล้วนแล้วแต่เพื่อลูก เพื่อลูกน้อยของเขาทั้งนั้น

 

 

                วุ่นชะเง้อมองเพื่อนตัวสูงที่โดดเด่นท่ามกลางผู้คน ร่างบางกวักมือเรียกให้ศตายุที่กวาดตามองหาเห็น เด็กหนุ่มก้าวยาวๆเพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดที่หน้าร้านไก่ทอด

 

                “วุ้นกินข้าวมาหรือยัง?”วุ้นไม่ได้ตอบแต่กลับดึงมือเจี๊ยบให้ตามตนเข้าไปในโซนซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากเดินลัดเลาะไม่นานสายตาของลูกเจี๊ยบก็สะดุดกับร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงโซนขายโทรศัพท์ ดวงตากลมกระพริบไล่หยาดน้ำตาเร็ว วุ้นปล่อยให้ศตายุเดินเข้าไปหาลลิตภัทรด้วยตัวเอง

 

ชายหนุ่มหันมาเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนยืนมองอยู่ข้างหลัง

 

หัวใจที่คล้ายว่าเต้นช้าลงเกือบสิบวันที่ผ่านมาพลันเต้นรัว ลลิตภัทรหันกลับไปมองด้านหลังก็พบว่าเจ้าตัวน้อยยืนจ้องเขาอยู่ไม่ได้วางตา

 

ต่างคนต่างจ้องกันโดยไม่มีคำพูดใดใด

 

เพราะมีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยมากเขาเราสองคนอยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้เลยซักนิด ลลิตภัทรดึงมือหลานมากุมไว้ก่อนจะจูงเดินกลับมาหาวุ้น

 

                “วุ้นกลับบ้านไปก่อนนะครับเดี๋ยวสี่โมงอาจะเอาเจี๊ยบมาส่งที่นี่”ลลิตภัทรหยิบกระเป๋าเงินออกมาดึงธนบัตรออกมาจำนวนหนึ่งโดยไม่ได้สนใจจำนวนแล้วยื่นให้วุ้น วิชยุตม์มองเงินจำนวนนั้นก่อนจะดันกลับไป

 

                “ไม่ต้องให้อะไรผมหรอกครับผมแค่อยากให้อาลอกับเจี๊ยบเจอกัน”

 

                “รับไว้เถอะ อาอยากให้ ผู้ใหญ่ให้ไม่ควรปฏิเสธรู้มั้ย กระเป๋าเป้ของวุ้นเก่าจนสายจะขาดแล้วเอาไปซื้อใบใหม่นะ วันก่อนที่อาไปส่งที่บ้านน้องๆของวุ้นอยากได้หนังสือนิทานกับของเล่นไม่ใช่เหรอ ถือว่าเป็นของขวัญจากอาก็แล้วกัน”วิชยุตม์มองหน้าคู่รักต่างวัยแล้วได้แต่ถอนหายใจ ลูกเจี๊ยบเพื่อนรักทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อแถมมือของทั้งสองที่จับกันแน่นนั้นถ้าขืนเขามัวแต่ปฏิเสธคนทั้งคู่ก็คงต้องเสียเวลาอยุ่ตรงนี้ไม่ได้ไปพูดคุยกันเสียที วิชยุตม์จึงยกมือไหว้ขอบคุณ ลลิตภัทรกล่าวลาเด็กหนุ่มก่อนจะจูงลูกเจี๊ยบออกไปขึ้นรถที่จอดไว้หลังห้าง  ลูกเจี๊ยบน้อยนั่งนิ่ง ส่วนเขาเองก็อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดคุยดังนั้นเขาจึงไม่ได้ชวนหลานคุยทำเพียงขับรถไปตามตรอกซอกซอยเรื่อยๆ

 

ถนนหนทางที่คุ้นตาทำให้ลูกเจี๊ยบรู้ว่าอาลอจะพาตนไปที่ไหน

 

                “บ้านในเมืองของลลิตภัทรกับพี่ๆที่ลูกเจี๊ยบเคยมาแล้วถูกใช้เป็นสถานที่เพื่อพูดคุย ลลิตภัทรเดินไปปิดประตูรั้วด้วยตนเองหลังจากเอารถเข้ามาจอดเรียบร้อยแล้ว ลูกเจี๊ยบเดินตามลลิตภัทรเข้ามาในบ้าน ทันทีที่ประตูปิดกำปั้นเล็กก็ทุบลงบนอกคนเป็นอาทันที

 

                “ปไหนมา!! อาลอหายไปไหนมา!!ฮืออออออ”ลลิตภัทรกัดฟันยอมให้หลานทุบจนพอใจ ก่อนจะรวบร่างบอบบางในไว้ในอ้อมกอด

 

ตัวของลูกเจี๊ยบสั่นเหมือนลูกนกที่เปียกฝน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นก็น่าสงสาร

 

 

                “หนูกลัวแทบแย่ กลัวว่าอาลอจะทิ้งหนู”ร่างบางตัดพ้ออู้อี้กับแผงอกที่ลลิตภัทรกอดตนไว้ สูดกลิ่นหอมจางๆจากกายอาลออย่างโหยหา ลำแขนยกขึ้นมาโอบกอดเอวสอบไว้อย่างแสนรัก

 

                “อาจะทิ้งหัวใจของอาไปได้ยังไงล่ะคะ”

 

                “แต่อาหายไปอาลอไม่มาหาหนู หนูรออาลอทุกวัน ฮึก...พ่อไม่ให้เจี๊ยบออกนอกบ้านเลย โทรศัพท์ก็โดนยึด ศาลาริมน้ำก็ถูกปิด หนูไม่รู้ว่าอาลอจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง หนูห่วงไปหมด หนูกลัวด้วยแล้วหนูก็รอให้อาลอไปหาหนูที่บ้านแต่อาลอก็ไม่มา”ศตายุปล่อยโฮหลังพูดจบจนลลิตภัทรต้องลูบหลังปลอบ

 

เขาไม่ว่าหลานที่หลานเอ่ยตัดพ้อ ชายหนุ่มลูบผมนุ่มแผ่วเบา

 

                “อาอยากไปหาหนูใจจะขาด อยากรู้ว่าหนูเป็นยังไง แต่อากลัวว่าถ้าไปตอนนั้นพ่อกำลังโกรธด้วยนิสัยของเขาแล้วเขาไม่ยอมให้เราพบกันแน่ พาลจะโกรธหนักกว่าเดิม อาเลยไปกรุงเทพไปเคลียร์กับอาแอน ตอนนี้เขาจะไม่กลับมายุ่งกับเราแล้วนะลูกเจี๊ยบดีใจมั้ย?”

 

                “หนูเกลียดอาแอน “เด็กน้อยคุดหน้ากับอกแกร่ง

 

เด็กไม่ดี ลูกเจี๊ยบรู้ว่าตอนนี้ตนเองเป็นเด็กไม่ดี แต่เขาเกลียดอริตาที่มาทำให้เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมด ลลิตภัทรหัวเราะให้กับคำพูดอู้อี้นั้นก่อนจะขยับตัวดันร่างบางของหลานให้ห่างตัวเพื่อสำรวจเจ้าตัวน้อย

 

                “ซูบไปนะคะ กินข้าวบ้างมั้ย?”ลูบแก้มเจ้าตัวน้อยแผ่วเบาราวกับกลัวว่าลูกเจี๊ยบที่แสนเปราะบางจะแตกสลาย ศตายุเอียงแก้มรับสัมผัสอุ่นจากผ่ามือของลลิตภัทร

 

                “หนูกินไม่ลงเป็นห่วงอาลอ”

 

                “วันนี้กลับบ้านไปหนูต้องกินข้าวเยอะๆรู้มั้ยคะ อย่าปล่อยให้ตัวเองอด”

 

                “อาลอก็ซูบลงเหมือนกันนี่จ๊ะ อาลอก็ต้องกินข้าวให้เยอะๆเหมือนกันนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบลูบแก้มของอาลอที่ตอบลงไปอย่างเห็นได้ชัดน้ำตาเม็ดใสกลิ้งหล่นจากตา ลลิตภัทรยิ้มให้กับหลานก่อนจะโน้มตัวไปกดจูบริมฝีปากนุ่มที่เคยเคล้าคลอไม่ขาด

 

รสจูบหวานจับใจไร้อารมณ์ที่แสดงถึงราคะ หากแต่เป็นจูบที่แสดงความคิดถึงและโหยหา

 

                “หนูรออานะคะ พรุ่งนี้อาจะไปหาที่บ้าน อาจะไปจัดการเรื่องของเราให้จบเสียที”

 

                แต่พ่อ...”ลูกเจี๊ยบพูดถึงพ่อด้วยความหวั่นใจ ลลิตภัทรใช้ปลายนิ้วคลึงริมฝีปากนุ่มนั้นไว้ ดวงตาคมฉายความมั่นใจไว้เต็มเปี่ยม

 

                “หนูไม่ต้องห่วงนะคะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาเอง เชื่อแค่อานะคะ”

 

                “จ้า  หนูจะเชื่อแค่อาลอ แค่อาลอคนเดียว”



................................


ตอนหน้าบุกถ้ำเสือกันค่ะ
สู้เขานะผู้ใหญ่ไม่เข้าถ้ำเสือไม่ได้ลูกเสือเว้ย ถ้าได้รอบนี้ก็คบแบบเปิดเผยได้แล้ว แต่ต้องอดทนมากนะผู้ใหญ่ ถึงแดนดินจะพูดไม่ดีใส่ก็ต้องอดทนเพราะนั่นคือพ่อตาของตัวเองละนะ

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gardenia ที่ 26-02-2019 22:43:04


   ลลิตภัทรปั่นจักรยานมาบ้านของลูกเจี๊ยบในตอนเย็น ชายหนุ่มเดินขึ้นบ้านของแดนดินด้วยท่าทางสบายๆแต่เจ้าของบ้านกลับทำหน้าหงิกอย่างกับม้าหมากรุก

   “มาทำไมอีก มึงคิดว่าการที่กูยอมให้มึงคบกับลูกกูแล้วจะเข้านอกออกในยังไงก็ได้งั้นเหรอไอ้ลอ”

   “แม่ให้มาพาเจี๊ยบไปกินข้าวที่บ้าน”

   “บ้านกูข้าวมีกินทำไมต้องให้ลูกกูไปกินข้าวที่บ้านมึงด้วย”กำนันแดนดินยังรวนไม่เลิกจิ๊บได้แต่ส่ายหน้าด้วยความหน่ายใจ

   “เจี๊ยบอาลอมารับแล้วลูก”หล่อนไม่สนใจผู้เป็นสามีร้องเรียกลูกชายที่ยังอยู่ในห้อง เสียงตึงๆน่าจะเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยวิ่งมาเปิดประตูทำให้แดนดินยิ่งเหม็นขี้หน้าว่าที่ลูกเขย แถมเมียรักก็ไม่เข้าข้างกันซักนิด ทำไมใครๆก็เข้าข้างไอ้หน้าขาวนี่หมดนะไม่เข้าใจ

   “น้องจะไม่อยู่กินข้าวกับพ่อจริงๆเหรอ?”ในเมื่อเมียไม่เข้าข้างก็หันไปออดอ้อนลูกทันทีลูกเจี๊ยบมีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด

   “ให้หลานไปกับผมเถอะพี่ แม่แกบ่นคิดถึง แกบอกแกเลี้ยงของแกมาตั้งแต่เล็กปกติต้องข้ามไปหากันประจำนี่แกก็ชะเง้อคอยมองทุกวัน”แดนดินทำท่าฟึดฟัดอย่างน่าถีบให้ตกใต้ถุนเรือน

   “ห้ามกลับเกินสองทุ่มพ่อจะนั่งรอน้องตรงนี้ ถ้าเกินคราวหลังจะไม่ให้ไปอีก”

   “คุยกับแม่เสร็จผมจะพามาส่งไม่ต้องห่วงนะพี่”

   “กูห่วงก็เพราะลูกกูไปกับมึงนี่แหละไอ้สันขวาน”แดนดินตอกกลับทันทีแต่นั่นกลับทำให้ลลิตภัทรหัวเราะก๊ากขึ้นมาทันที ชายหนุ่มพาหลานซ้อนจักรยานปั่นกลับมาที่บ้าน ลูกเจี๊ยบยืนเก้ๆกังๆไม่กล้าเข้าไปหาย่าโฉมในครัวเหมือนเช่นทุกครั้ง

   “ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ลูกเจี๊ยบละล้าละลังอึกอักอย่าน่าสงสาร

   คือหนู...หนู...”

   “หนูไม่กล้าเข้าไปหาย่าเค้าเหรอคะ?”ลูกเจี๊ยบพยักหน้ารับ

   “หนูกลัว”

   “ไม่มีอะไรต้องกลัวเลย ย่ายังรักหนูเหมือนเดิม นี่บ่นอาทุกวันที่ทำให้หนูไม่ได้ข้ามมาหา ไปเถอะค่ะไปช่วยย่าเขาทำกับข้าวป่านนี้ใกล้เสร็จแล้วมั้ง เป็นสะใภ้บ้านนี้ต้องทำกับข้าวเก่งรู้มั้ยคะ”

   “มาสะเพิ้งสะใภ้อะไรกันล่ะจ๊ะ ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันซักหน่อย”

   “แล้วอยากย้ายมาอยู่กับอามั้ยล่ะคะ?”

   “พ่อได้ตีตาย ค่อยๆคบกันไปก่อนเถอะจ้ารอหนูเรียนจบดูแลรับผิดชอบตัวเองได้ตามแผนเดิมของเราดีกว่านะจ๊ะ”

   “อาก็ไม่ได้จะเร่งรัดอะไรหนูหรอกค่ะก็ลองถามดูแต่ถ้าได้ก็ดี ไปเถอะค่ะเข้าไปข้างในกันป่านนี้แม่บ่นแล้วว่าอาทำไมมาช้า”ลลิตภัทรดันหลานให้เดินเข้าไปในครัว ทันทีที่ลูกเจี๊ยบปรากฏตัวย่าโฉมก็ทักเสียงดังลั่นพลางโผหาเจ้าตัวน้อยด้วยความคิดถึง

   “ลูกเจี๊ยบของย่า ย่าคิดถึงจริงๆ”

ลูกเจี๊ยบกำลังประหม่า ด้วยสถานะที่เปลี่ยนไป ลลิตภัทรเองก็รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวน้อยไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม ชายหนุ่มเพียรตักอาหารใส่จานให้หลานเจ้าตัวน้อยก็เอาแต่สงบปากสงบคำ

   “หนู...”เอ่ยเรียกหลานเบาๆ เจ้าแก้มกลมหันมามองพลางเม้มปาก

   “มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหนูทำตัวปกติเถอะค่ะ”

   “เป็นอะไรลูก กลัวย่าไปแล้วหรือไง?”ย่าโฉมเองก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงใจดีเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

มีเพียงลูกเจี๊ยบที่กังวลอยู่คนเดียว ด้วยสถานะที่ถูกเปิดเผยลูกเจี๊ยบไม่รู้ว่าสมาชิกในครอบครัวของลลิตภัทรจะยังให้การต้อนรับตนเหมือนเดิมมั้ย พระรามกับพระลักษณ์เงยหน้ามองหลานด้วยดวงตานิ่งๆนั่นยิ่งทำให้ลูกเจี๊ยบประหม่า

   “พี่มองหลานจนหลานมันกลัวแล้ว”พระลอกระแอมบอกพี่ๆที่นั่งจ้องหน้าหลานตาไม่กระพริบ

   “เจี๊ยบ”พระลักษณ์เอ่ยเรียกหลานด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

   “จ...จ๋าลุงลักษณ์”

   “หนีไปตอนนี้ยังทันนะ ไปมีอนาคตดีๆกับคนดีๆเถอะ”พระลักษณ์บอกหลานด้วยน้ำเสียงจริงจังจนพระรามที่นั่งฟังอยู่หัวเราะพรืดในขณะที่ลลิตภัทรอ้าปากด่าพี่ชายทันที

   “พี่ลักษณ์พี่พูดแบบนี้ได้ไงวะถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่จะถีบให้ตกเรือนเลยมายุให้ผัวเมียเขาตีกัน”พระรามกับพระลักษณ์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีเมื่อน้องคนเล็กออกฤทธิ์

   “ขี้ตู่ว่ะคนเรามาเรียกหลานว่าเมียแต่งก็ยังไม่ได้แต่งเนอะเจี๊ยบเนอะ”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับเจ้าตัวน้อยจนลูกเจี๊ยบที่หน้าแดงไปยั้นลำคอยิ่งอายม้วนต้วน บรรยากาศในวงข้าวดีขึ้นทันตา ลูกเจี๊ยบหลุดหัวเราะออกมาจนได้เมื่อลลิตภัทรเอ่ยแซวไม่ยอมหยุด ย่าโฉมกับปู่ชลิตก็พลอยขำไปกับพวกเด็กๆ

   “เข้ามาหาย่าสิเจี๊ยบเอ้ย ลอด้วยมาหาพ่อกับแม่””ย่าโฉมเรียกลูกเจี๊ยบให้เข้ามาหาตน ลลิตภัทรกับลูกเจี๊ยบค่อยๆคลานเข้าหาผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งเก้าอี้อยู่ตรงชานบ้าน ปู่ชลิตหยิบฝ้ายผูกข้อมือขึ้นมาก่อนจะผูกให้กับลูกเจี๊ยบ

   “อยู่เย็นเป็นสุขอายุมั่นขวัญยืนนะลูกนะ ปู่ดีใจที่อย่างน้อยคู่ของไอ้ลอก็เป็นเด็กดีอย่างเจี๊ยบเลี้ยงกันมาเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก”เจี๊ยบกราบลงบนตักของปู่ชลิตใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มให้กับผู้อาวุโสของบ้านจนปู่ชลิตอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ย่าโฉมผูกข้อมือให้หลานเป็นคนต่อไป

   “ยังเล็กนัก คบกันรักกันก็ใช้เหตุผลให้มากๆ ลอต้องเข้าใจหลานถ้าหลานงอแงดูแลกันและกันให้ดีๆ เจี๊ยบเองก็อย่าเจ้าแง่แสนงอนอายุต่างกันมากยิ่งต้องถนอมน้ำใจกันรู้มั้ยลูก รอให้หนูโตย่าจะเปลี่ยนจากฝ้ายผูกแขนเป็นสร้อยข้อมือให้นะ”

   ไม่ต้องหรอกจ้าย่า แค่ปู่ย่ากับลุงๆยอมรับหนู หนูก็ดีใจแล้วจ้า”เจ้าตัวน้อยตอบกลับด้วยความจริงใจ

ลูกเจี๊ยบไม่ได้ต้องการทองหยองของมีค่าเพราะลูกเจี๊ยบได้ของมีค่าที่สุดของครอบครัวนี้มาแล้วคือลลิตภัทรและความรักที่ทุกคนมีให้

   “สะใภ้บ้านนี้ได้กันทุกคน”ย่าโฉมว่าพลางทำตาระยิบระยับใส่อย่างหยอกล้อเรียกเลือดฝาดให้มาประดับดวงหน้าของลูกเจี๊ยบอีกหน ลูกเจี๊ยบกอดย่าโฉมพลางหอมแก้มเหี่ยวย่นที่คุ้นเคยอย่างแสนรัก

   “จะสองทุ่มแล้วเดี๋ยวผมพาหลานกลับบ้านก่อนนะครับ"ลลิตภัทรขยับตัวลุกขึ้นเห็นเจ้าตัวน้อยทำตาแดงๆคล้ายกำลังกลั้นน้ำตาก็ให้นึกเอ็นดู เพิ่งทุ่มครึ่งอันที่จริงให้นั่งเล่นที่บ้านเขาก่อนก็ได้แต่ลลิตภัทรอยากมีเวลาส่วนตัวอยู่กับหลานก่อนไปส่งบ้านจึงดึงหลานออกมาก่อน

   “เดินกลับกันนะคะ”เขาบอกหลานเสียงแผ่ว ลมเย็นพัดเอากลิ่นต้นข้าวมาให้ได้ดมจนชื่นใจ สองคนเดินเคียงกันอย่างเชื่องช้าตามทางเดินอาศัยเพียงแสงจันทร์จากข้างขึ้นส่องสว่างนำทาง

   “เจี๊ยบคะ”ลลิตภัทรดึงมือหลานเมื่อเดินผ่านโค้งบ้านจนถึงสามแยกที่จะเลี้ยวเข้าบ้านหลาน

   “จ๋า...”เจ้าตัวน้อยรับคำเสียงแผ่วเมื่อถูกดึงเข้าไปหาอ้อมกอดอุ่นที่คุ้นเคย

   “ดีใจมั้ยคะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยพยักหน้ากับไหล่ของอาลอ จะเรียกว่ากอดจมอกก็ไม่ได้เพราะเจ้าน้องน้อยนั้นเตี้ยกว่าเขาไม่ถึงสิบเซ็น

   “ดีใจจ้า”

   “ต่อไปนี้อาดูแลหนูได้เต็มที่แล้วนะคะ”

   “หนูโตแล้วดูแลตัวเองได้ โตไปเรียนจบหนูก็ดูแลพ่อแม่น้องๆปู่กับย่าโฉมรวมทั้งอาลอได้ด้วยเหมือนกัน”เจ้าตัวดีพูดอย่างอวดๆจนลลิตภัทรหัวเราะเบาๆในลำคำ

   “เอาเป็นว่าเราจะดูแลซึ่งกันและกันใช่มั้ยคะ แล้วหลังจากนี้บอกใครต่อใครได้ยังว่าเราเป็นแฟนกัน”

   “เราจำเป็นต้องป่าวประกาศบอกคนอื่นด้วยเหรอจ๊ะ?”เจ้าลูกเจี๊ยบยืดตัวเต็มความสูงเอ่ยถามอย่างสงสัย

   “คนอื่นจะได้รู้ไงว่าเรารักกัน”

   สำหรับหนูเรารักกันเงียบๆก็ได้นี่จ๊ะ รู้กันเฉพาะแค่คนในครอบครัวไม่ดีกว่าเหรอ?”

   “หนูอายเหรอคะที่จะบอกใครว่าเรารักกัน”ลลิตภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ขรึมลง ลูกเจี๊ยบคว้ามือของคนเป็นอามากุมไว้ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงที่หลังมืออาลอเบาๆอย่างง้องอน

   “หนูไม่ได้อายหรอกจ้า เพียงแต่ว่าหนูไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเราเป็นอะไรกัน ปล่อยให้การกระทำและความสัมพันธ์เป็นตัวพูดให้ชาวบ้านรู้ด้วยตัวเองดีกว่าจ้า อาลอกับพ่อยังต้องทำงานให้หมู่บ้านหนูไม่เห็นประโยชน์ของการที่เอาเรื่องส่วนตัวของเราไปให้คนพูดกันเลยซักนิด แค่เรารู้ว่าเรารักกันที่บ้านของเราเห็นชอบก็พอแล้ว”

   “หนูไม่กลัวชาวบ้านเอาลูกสาวมาเสนอให้เป็นเมียอาลอหรอกเหรอจ๊ะ วันก่อนก็มีมาคนหนึ่งเอาส้มโอมาให้ลูกเบ้อเริ่มเลย”

   “ส้มโอหรือนมจ๊ะ?”ลูกเจี๊ยบแกล้งพูดถามไปเร็วๆ

   “นมจ้า...ว๊าย!!! ส้มโอสิจ๊ะลลิตภัทรรีบแก้คำพูดของตัวเองเมื่อเจ้าตัวน้อยหยิกหมับเข้าที่หน้าท้องจนสะดุ้ง

   “มีหนูแล้วห้ามไปมองนมคนอื่นนะจ๊ะไม่งั้นหนูเอาตาย”

   “อยากให้เอาจะแย่แล้วจ้า”

   “อาลอพูดอะไรนะจ๊ะหนูฟังไม่ถนัด”

   “อาพูดว่าไม่กล้าหรอกจ้าอาชอบนมตุ่ยๆไม่ต้องตู้มมากอันที่จริงคือชอบแค่นมของหนู”

   “ทำเป็นปากดีไปอีกไม่กี่ปีอาจจะเบื่อหนู”

   “อีกร้อยปีก็ไม่มีทางเบื่อค่ะ อาเป็นคนรักเดียวใจเดียว”

   “ให้มันจริงนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าพอน้องโตตัวใหญ่ล่ำบึ้กแบบพ่อกำนันก็จะทิ้งหนู”

   “อาไม่มีวันยอมให้หนูร่างควายเท่าพ่อหนูหรอกจ้า”

   “อาลอจ๊ะร่างควายที่พูดถึงนั่นก็พ่อน้องนะ”

   “อาหมายถึงรูปร่างบึกบึนสมชายชาตรีน่ะค่ะ แต่ถึงหนูจะรูปร่างเหมือนกอลิล่าขอแค่เป้นหนูยังไงอาก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ เจี๊ยบเชื่อมั่นในตัวอานะคะ อะไรที่อาพูดออกไปแล้วอาจะไม่มีวันคืนคำ” ลลิตภัทรดึงหลานเข้ามากอดอีกรอบโยกตัวเจ้าตัวน้อยไปมาเหมือนกำลังเล่นกับเด็ก

   “รวมถึงคอนโดที่บอกจะให้น้องด้วยใช่มั้ยจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบกระซิบถามกลั้วหัวเราะ

   “แน่นอนจ้าอาพร้อมโอนให้หนูทุกเมื่ออยากต่อเติมอะไรเพิ่มบอกอาได้เลยนะคะ"

   “อยากได้อ่างที่มันใหญ่ๆจ้า”เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยหัวเราะคิกก่อนจะดันตัวเองหนีจากกรงเล็บเสื้อโคร่งของลลิตภัทร

   “ร้ายนักนะเรารู้ว่าอาทำอะไรไม่ได้ก็มาพูดแบบนี้ ฉุดเข้าเถียงนาข้างทางดีมั้ย”แกล้งพูดขณะวิ่งตามไปรวบเอวเล็กของหลานไว้ได้ทันพลางกดจมูกฝังลงแก้มนุ่มสูดกลิ่นหอมจากแป้งเด็กที่ลูกเจี๊ยบใช้จนเต็มปอด

   “อารักหนูนะคะ รักมากๆ”

   “ฮื่อ...หนูรู้แล้ว อาลอบอกรักหนูทั้งวันแล้วอ่ะ”

   “อาบอกแล้วหนูล่ะคะบอกอาหรือยัง?”

   “หนูก็บอกไปบ่อยแล้วนี่นา”

   “อยากฟังอีกรอบได้มั้ยคะ”

   “......”เจ้าตัวน้อยเม้มปากแน่นเมื่ออ้อมแขนรัดร่างตัวเองแน่นขึ้น

   “......?.....”ลลิตภัทรใช้ความเงียบในการกดดันลูกเจี๊ยบที่ถ้ามีแสงไฟตอนนี้ก็คงเห็นแก้มใสแดงปลั่งเป็นลูกพีชแน่ๆ

   “ฮื่อ....รักจ้า น้องรักอาลอมากๆ”พูดจบก็ก้มหน้างุดแต่ลลิตภัทรกลับยิ้มกว้าง ต้นขาวในนาไหววูบยามลมเย็นพัดมาอีกครา แสงจันทร์สาดแสงนวลผ่องยวนตายิ่งอาบไว้ให้ผิวของเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยในอ้อมแขนสวยยวนตา ลลิตภัทรดึงให้หลานหันหน้าเข้ามาหาก่อนจะประกบริมฝีปากแตะผะแผ่วกับปากหลาน ลูกเจี๊ยบกลั้นยิ้มจนแก้มป่องก่อนจะหลับตาลงรับรอยจูบที่ประกบลงมาแนบสนิทถ่ายทอดความรักซึ่งกันและกันโดยมีต้นข้าวและแสงจันทร์เป็นพยาน

ลลิตภัทรอยากจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลบันดาลให้เขาไม่ได้ลงเอยกับจิ๊บและอยากขอบคุณอะไรก็ตามที่ส่งลูกเจี๊ยบลงมาเกิดเพื่อมาครองคู่กับเขา

ในวรรณคดีพระเพื่อนพระแพงปล่อยไก่ฟ้าจำแลงเพื่อมาหลอกล่อให้พระลอตามไปเพื่อพบสองนางดรุณี แต่ในชีวิตจริงแดนดินกลับทำให้เขาพบเจ้าลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่แสนไร้เดียงสาและน่ารัก

เขาสัญญาว่าเขาจะฟูมฟักเจ้าเจี๊ยบน้อยให้กลายเป็นไก่ฟ้าแสนงามให้เป็นที่รักของใครหลายๆคนที่เกี่ยวข้องในชีวิต ดูแลด้วยความรักของเขาตลอดไปตราบลมหายใจจะสิ้น...



จบบริบูรณ์



..............................

จบแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและมาเม้นท์นะคะ

ฝากเรื่องอื่นๆให้ติดตามด้วยนะ

บ๊ายบาย
จบแล้ววววเนื้อเรื่องน่ารักมาก เราชอบการบรรยายมากเลย อ่านแล้วอยากกลับบ้านนอกแต่บ้านนอกไม่มีผู้ใหญ่หล่อรวยสายเปย์แบบพระลอด้วยสิ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ อ่านเพลินเลย

Sent from my SM-A710F using Tapatalk

หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-02-2019 15:36:05
อยากเจอลูกเจี๊ยบตอนโต..คงโดนอาลอจับกินทุกวันแน่ ๆ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 27-02-2019 19:59:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 03-03-2019 17:05:22
ควรเปลี่ยนชืือเรื่องเป็น โคตรคนคุกค่ะ 55555555555

อยากอ่านตอนเจ้าเจี๊ยบโตแล้วจัง
อยากเห็นความชราภาพของอาลอ
55555555555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 04-03-2019 15:56:27
สนุกมากครับ ชื่นชมผู้แต่งครับ เก่งมาก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 04-03-2019 17:04:12
แค่บทแรกก็รู้สึกถึงความสนุกแล้ว


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 04-03-2019 17:20:55
โอโหหหหหหห แค่นี้ก็แซ่บกรุบๆ แล้วค่ะคุณ -.,-


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 04-03-2019 17:36:47
เจ้าจอมน่าจะโดนตีมากกว่าเจี๊ยบอีก 55555 ขี้ฟ้องจริงๆ


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 04-03-2019 17:57:45
พระลอร้ายกาจมากกกกกกก แอบลามกนิดๆ อ่ะ 55555


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 05-03-2019 15:03:36
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 10-03-2019 00:18:41
อ่านจบแล้วววว  o13

อาลอทำใจบางมากเลยอ่ะ มิน่าถึงชื่อพระลอ แถวล่อลวงเด็กเก่งอีกตั้งหาก  :hao7: :hao7:

น้องเจี๊ยบที่ตัวไม่เปี๊ยกก็ดูตะมุตะมิมากเลยลูก อะไรจะใสซื่อขนาดนั้นนนน ตามอาลอคนหื่นไม่ทันเลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 16-03-2019 22:49:44
น้องโดนแทะโลมใหญ่แล้ววว อาลอร้ายกาจจจจ เขาได้จูบกันแล้วจ้ะแม่จ๋าาาาา


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-03-2019 22:15:00
แม้ว่าจะรู้สึกว่าบาปมากๆทุกตอนแต่ก็สู้มาได้จนจบโดยไม่โดนจับก่อน เด็กเจี๊ยบน่ารักน่าบีบ พูดจาเจื้อยแจ้งมากค่ะ เพราะแบบนี้อาลอถึงชอบเสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง  :hao7:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: thanatcha ที่ 19-03-2019 15:34:47

ตอนที่ ๒๘


               









                   ลลิตภัทรเพิ่งรู้ว่าชีวิตที่ไม่มีลูกเจี๊ยบมาวนเวียนมันช่างเงียบเหงาและน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มใช้ชีวิตช่วงที่ลูกเจี๊ยบไปเที่ยวกับครอบครัวด้วยการลุยงานในหมู่บ้าน  ได้เวลายื่นเสียภาษีที่ดินแล้วพวกเขาและกลุ่มผู้ช่วยก็วิ่งวุ่นกับการไปวัดที่ดินให้ตรงกับโฉนด ชายหนุ่มวิ่งวุ่นบ้านนู้นทีบ้านนี้ทีตากแดดจนหัวแดงก็ไม่มีทีท่าว่าจะแล้วเสร็จภายในวันสองวัน ทั้งยังต้องเซ็นชื่อให้กับชาวบ้านที่มายื่นเรื่องเสียภาษีที่ดินมือเป็นระวิง

 

ถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านลลิตภัทรก็คิดว่าตัวเองเป็นไอดอลชื่อดังเช่นไลควานลินเป็นต้น กว่าจะหมดวันชายหนุ่มก็ลากร่างเหี่ยวๆกลับบ้าน ไม่มีกำลังใจเอาเสียเลยเพราะเจ้าตัวน้อยก็แทบจะไม่ได้ติดต่อมา

 

ไอ้หน้าหมาแดนดินมันพาลูกเมียไปเที่ยวทะเลที่ไหนของมันวะ กระบี่หรือเกาะตะรุเตาทำไมหายจ้อยไปกันหมด ปกติก่อนนอนถ้าไม่โทรคุยกันก็ยังไลน์หากันได้ แต่นี่อะไร ลูกเจี๊ยบทำเหมือนโลกนี้ไม่มีสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าโทรศัพท์ นี่ก็วันที่ 2 เข้าไปแล้วโทรหาก็ไม่รับสายไลน์ไปก็ไม่เปิดอ่าน ใจร้ายที่สุด

 

หรือลูกเจี๊ยบจะเป็นดังคำโบราณที่ว่า สามวันจากนารีเป็นอื่น นี่ยังไม่ทันจะสามวันเลยเพิ่งจะสองวัน หรือเป็นเพราะเจ้าเจี๊ยบไม่ใช่นารีหากแต่เป็นบุรุษความรักของเราจึงจืดจางไวนัก

 

ฮรึก...คิดแล้วเศร้า ก้อนสะอื้นที่กลั้นไว้ก็พลันไหลออกมา

 

เธอจะทิ้งฉันแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็ห้ามไม่ได้

 

ลลิตภัทรดึงหมอนข้างเข้ามากอดพลางร้องไห้กระซี้กระซิกเพียงคนเดียวภายในห้องนอนเย็นเฉียบของตัวเอง

 

 

                “เป็นอะไรน่ะเจี๊ยบดูลุกลี้ลุกลนจังลูก”จิ๊บเอ่ยถามลูกชายที่นั่งถอนหายใจไม่ได้สนุกไปกับอาหารตรงหน้าที่ลงทุนแบกเตามานั่งย่างกันที่ชายหาดเลยซักนิด

 

                “หนูหงุดหงิดตัวเองน่ะจ้าแม่ ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมเอาโทรศัพท์มาด้วย”

                “เจี๊ยบจะโทรหาใครล่ะลูกเอาของพ่อเค้าไปโทรก่อนก็ได้”จิ๊บออกปากหากแต่ลูกเจี๊ยบยู่ปาก จะไม่อะไรเล๊ย ทุกครั้งที่ลูกเจี๊ยบยืมโทรศัพท์พ่อกำนันมาใช้แดนดินจะยืนฟังอยู่ข้างๆด้วยราวกับกลัวว่าเขาจะเชิดเอาโทรศัพท์หนีไป ขืนเอามาโทรหาอาลอมีหวังอาลอโดนพ่อกำนันจ๋าเอาลูกซองแฝดไปยิงกรอกปากยั้นบ้านแน่ๆ

 

                “ไม่เอาดีกว่าจ้า เดี๋ยวกลับบ้านค่อยโทรหนูแค่จะโทรหาวุ้น”

 

                “อย่างงั้นก็ได้ลูกแต่ถ้าจะใช้ก็บอกนะเดี๋ยวแม่ขอพ่อให้”

 

                “จ้าแม่”เจี๊ยบน้อยรับคำแม่แกนๆ ใจตอนนี้ไม่สนุกกับอาหารและท้องทะเลเสียเลยไม่เหมือนกับตอนที่ไปกับอาลอซักนิด ตอนนั้นแค่เดินคุยกันไปจนสุดหาดก็ยังสนุก นั่งมองเจ้าขากับเจ้าจอมแย่งกุ้งตัวใหญ่กันดูแม่ที่ปรนนิบัติพ่อไม่ได้ขาดตกบกพร่องใจเด็กน้อยก็ยิ่งห่อเหี่ยวไปอีก อีกตั้งสองวันกว่าจะได้กลับบ้าน สงสัยน้ำหนักเจี๊ยบคงลดแน่ๆเลยจ้าอาลอจ๋าเพราะเจี๊ยบกินไม่ได้นอนไม่หลับด้วยความคิดถึงอาลอ

 

                “มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ทำหน้าเหมือนราหูอมจันทร์”พระลักษณ์เอ่ยทักเมื่อน้องชายทำหน้าเป็นม้าหมากรุกมาได้ 2-3 วันแล้ว ลลิตภัทรแทบจะไม่คุยเล่นกับใครเหมือนเช่นทุกวันเลยด้วยซ้ำ แม้แต่ข้าวเช้ากับเย็นก็เหมือนกินไปงั้นๆให้จบมื้อไปจนแม่เอ่ยบ่นอย่างหนักใจ

 

                “ลอมันทำเหมือนตอนที่อกหักจากแม่จิ๊บอีกแล้ว”

 

                “กูถามจริงๆ มึงไปชอบลูกบ้านไหนอยู่หรือเปล่า?”พระลักษณ์เหล่ตามองน้องชาย ลลิตภัทรทำสายตาล่อกแล่กชั่วครู่ก่อนจะทำเสียงดังกลบเกลื่อน

 

                “ชอบเชิบะไรล่ะ โว๊ะพี่นี่ก็เดาไปเรื่อง อย่าเอานิสัยทนายมาใช้กับผมเลย ทำงานเถอะ งานเยอะชิบหายทั้งงานหลวงงานราษฎร์”ว่าพลางก็เอาบัญชีโรงสีมาดูแต่ตัวเลขทั้งหลายไม่เข้าหัวเลยซักนิด

 

วันที่ 5 ที่ศตายุไม่ติดต่อกลับมา จากความคิดถึงเปลี่ยนเป็นความเป็นห่วง จากความเป็นห่วงกลายเป็นความไม่พอใจ จนกระทั่งวันนี้วันที่ 5 ที่เจี๊ยบไม่ติดต่อกลับมาความไม่พอใจเปลี่ยนเป็นความน้อยใจ

 

ไปเที่ยวมันสนุกขนาดนั้นเลยเหรอสนุกจนกระทั่งไม่ติดต่อกลับมาเลยซักครั้ง

 

ไหนบอกว่าได้อาแล้วจะไม่ทิ้งไม่ขว้างไงคะ นี่อะไรทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้

 

เด็กอะไรใจร้ายใจดำเหลือเกิน ลูกเจี๊ยบไม่เคยรู้เลยซักนิดว่าตอนนี้เขาเป็นยังไง เพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านชายหนุ่มออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้าตากแดดตากลมอย่างวันนี้ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยต้นม้ใหญ่หักโค่นแถวข้างวัดเขาและลูกบ้านผู้ชายไปช่วยกันตัดเสียเป็นนาน

 

ยามกินก็กินไม่ลงทุกสิ่งอย่างล้วนฝืดคอ ยามนอนก็ได้แต่นอนน้ำตาไหลตกหมอน ลลิตภัทรถูกพิษรักเล่นงานจนเสียศูนย์ไม่คิดเลยซักนิดว่าเด็กที่พร่ำพูดคำหวานจะใจร้ายได้ถึงเพียงนี้

 

ได้  ไม่โทรก็ไม่โทร

 

ไม่ตอบไลน์ก็ไม่ต้องตอบ

 

ลลิตภัทรหยิบมือถือมาบล็อกเบอร์ของลูกเจี๊ยบแถมบล็อกไลน์ด้วยเสร็จสรรพโทรศัพท์เครื่องหรูถูกเขวี้ยงไปไว้ตรงหัวเตียงอย่างไม่ใยดี

 

จะเขวี้ยงทิ้งอีก 10 เครื่องก็ได้เพราะว่ารวยมาก

 

ฮึ่ย!!!

 

 

                รถยนต์ของแดนดินแล่นเข้าสู่ปากทางเข้าบ้านลูกเจี๊ยบอยากจะขอลงมันหน้าปากทางนั่นแหละ เด็กน้อยนั่งแทบไม่ติดเบาะ ยิ่งรถแล่นเข้าใกล้บ้านเท่าไหร่ใจก็เต้นแรงมากเท่านั้น ป่านนี้อาลอจะเป็นยังไงนะ ป่านนี้จะเป็นห่วงเจี๊ยบหรือจะงอนตุ๊บป่องไปแล้วก็ไม่รู้ ยิ่งขี้งอนขี้น้อยใจอยู่ด้วย ทันทีที่รถจอดสนิทลูกเจี๊ยบก็รีบเปิดประตูรถหิ้วกระเป๋าข้าวของราวกับนักกล้ามเพื่อจะให้มันเสร็จไวๆจากนั้นไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้าห้องแล้วล็อกทันที เด็กน้อยรีบเดินไปหยิบเครื่องมือสื่อสารที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือริมหน้าต่าง

 

                “บ้าจริง แบตหมด”ศตายุจิ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อโทรศัพท์เปิดไม่ติด เด็กน้อยค้นกระเป๋าอย่างร้อนรนหาสายชาร์จที่พกไปทะเลมาเสียบทันที ศตายุหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

 

                “เจี๊ยบลูกเป็นอะไรหรือเปล่า”จิ๊บที่เห็นท่าทางรีบร้อนของลูกมาเคาะประตูเรียก ลูกเจี๊ยบรีบปรับน้ำเสียงก่อนจะตะโกนตอบออกไปเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง

 

                “ไม่ได้เป็นไรจ้าแม่หนูปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำเฉยๆจ้า”เด็กน้อยยกมือไหว้เป็นการขอโทษขอโพยแม่ที่พูดปด ลูกเจี๊ยบถอนหายใจเฮือกใหญ่ในเมื่อตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ก็ขออาบน้ำให้สดชื่นก่อนก็แล้วกัน ลูกเจี๊ยบใช้เวลาอาบน้ำประมาณ 15 นาทีก็เสร็จ สีหน้าอิดโรยจากการเดินทางฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด กลับมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูก็ชาร์จได้หลายเปอร์เซ็นต์จึงเปิดเครื่องแล้วรีบต่อสายถึงลลิตภัทร หากแต่ว่า

 

                “อ่าว...”เด็กน้อยกดโทรซ้ำก็ยังไม่สามารถติดต่อได้จึงเข้าไลน์แล้วพิมพ์ข้อความหา

 

                “ไม่อ่าน?”เกิดคำถามขึ้นมาในใจ ปกติลลิตภัทรตอบเร็วจะตาย นี่นั่งรอมาซักพักพยายามส่งทักไปเรื่อยๆก็ไม่มีการอ่านเลย

 

อาลอเป็นอะไรหรือเปล่า? ความรู้สึกห่วงใยตีรื้นขึ้นมาท่วมท้นหัวใจดวงน้อย ก่อนที่จะกดโทรไลน์หาลลิตภัทรเสียงแม่จิ๊บก็ร้องเรียกจากด้านนอก เมื่อออกมาก็เจอแค่แม่กับเจ้าขานั่งอยู่กับกองของฝากเพียงสองคน

 

                “อ้าว แล้วพ่อกับเจ้าจอมล่ะจ๊ะ?”

 

                “เอาของฝากไปให้ปู่กับย่าน่ะดึกๆคงกลับ เจี๊ยบช่วยเอาของฝากไปให้บ้านนู้นทีลูกแม่จัดใส่ถุงไว้ให้แล้ว”ไม่ต้องรอให้แม่สั่งซ้ำเจ้าเจี๊ยบรีบรวมถุงของฝากมาไว้ในมือทันทีก่อนจะวิ่งลงจากบ้านก็ไม่วายหันมาบอกแม่

 

                “น้องอาจกลับช้าหน่อยนะจ๊ะ อยากอยู่คุยกับ อ...เอ่อ ย่าโฉมนานๆ คิดถึง”

 

                “อย่าดึกเกินนะลูกรบกวนเค้า”ลูกเจี๊ยบรับคำแม่โดยง่ายก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่ศาลาริมน้ำ เรือลำเก่าวันนี้โคฟเวอร์สปีดโบ๊ทเมื่อคนพายจ้วงราวกับกำลังแข่งเรือยาวประเพณี ลูกเจี๊ยบปรับลมหายใจของตัวเองให้สม่ำเสมอก่อนจะเดินไปหาย่าโฉมที่นั่งอยู่บนบ้าน เพราะตอนนี้ทุ่มกว่าแล้วสำรับเพิ่งถูกเก็บสมาชิกในบ้านต่างแยกย้ายกลับบ้านไปแล้วเหลือปู่ชลิตกับย่าโฉมนั่งรับลมอยู่เพียงสองคน ทีวีกลางบ้านถูกปิดแปลว่าออีกไม่นานทั้งสองคนก็จะกลับเข้าห้องไปเอนหลังตามแบบฉบับคนแก่ตามชนบทที่เข้านอนไว

 

และไร้เงาของอาลอ...เด็กน้อยกวาดตามองหาคนที่สุดแสนจะคิดถึงแต่ก็ไม่เจอ เดินไปนั่งลงหน้าผู้ใหญ่ทั้งคู่ยกมือไหว้สวัสดีตามปกติที่เคยทำ ย่าโฉมยิ้มรับอย่างดีใจ

 

                “กลับมาแล้วเหรอลูก ไปเสียหลายวัน แล้วนี่หอบอะไรมาเยอะแยะ”

 

                “เพิ่งกลับถึงบ้านเมื่อซักพักนี่เองจ้า แม่จิ๊บให้หนูเอาของฝากมาให้ย่าโฉมจ้า”ศตายุเลื่อนถุงของฝากให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ดวงตากลมล่อกแล่กจ้องไปที่ประตูห้องของลลิตภัทรอย่างร้อนใจ

 

อยากไปหาใจจะขาดอยู่แล้ว แต่ต้องรักษามารยาทเมื่อย่าโฉมซักถามถึงสถานที่ๆไปเที่ยว คนแก่ทั้งสองตื่นเต้นที่แดนดินพาลูกเมียขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวถึงกระบี่ เจี๊ยบเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเพราะรู้ว่าปู่ลิตกับย่าโฉมไม่เคยไป

 

                “เอาไว้พ่อเอารูปที่ถ่ายไปล้างเดี๋ยวหนูเอามาให้ปู่กับย่าดูนะจ๊ะ ว่าแต่ อาลออยู่มั้ยจ๊ะ หนูไม่เห็นอาลอเลย”

 

                “อ่อ ลอไม่สบายน่ะลูกข้าวปลาไม่อยากกินนอนซมอยู่ในห้อง ถ้าพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นลักษณ์จะพาไปหาหมอล่ะ รายนั้นดื้อเหลือเกินจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอมนิดาเลยจัดยาให้”

 

                “ไม่สบายมากเลยเหรอจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ใจตอนนี้ลอยไปหาอาลอในห้องแล้ว อยากจะไปเห้นกับตาว่าเจ็บหนักป่วยไข้ถึงเพียงไหนแต่ก็ไปไม่ได้

 

                “ก็หนักอยู่ไปตากแดดตากลมทุกวันกลับมาข้าวปลาก็ไม่กิน ใครไปวุ่นวายมากๆก็หงุดหงิดใส่ ย่าก็ไม่รู้จะทำยังไงพ่อลอเขาหัวแข็งเหลือเกิน”ย่าโฉมบ่นอย่างอ่อนใจ ใครๆต่างก็รู้ดีว่าลลิตภัทรน่ะภายใต้ท่าทางสุภาพนั้นจริงๆเป็นคนดื้อรั้นเพียงใด อะไรที่ชายหนุ่มบอกว่าไม่เอา ไม่ยอม ไม่ทำใครก็ไม่สามารถไปบังคับได้ ยิ่งถ้าไปเซ้าซี้ชายหนุ่มก็จะดึงตึงใส่ทันที เช่นวันนี้ที่พระลักษณ์เอาข้าวต้มเข้าไปให้ลลิตภัทรก็ไม่ยอมกินบอกอยากนอนจนพี่ชายได้แต่วางถาดข้าวที่ย่าโฉมจัดเตรียมไว้ให้ทิ้งไว้บนโต๊ะ

 

                “มันโตแล้วแม่ ชีวิตมันๆยังไม่ห่วงก็ปล่อยมันนอนตายในห้องไป รำคาญลูกตา”พระลักษณ์เอ่ยด่าหน้าห้องให้คนป่วยได้ยินแล้วไม่สนใจน้องชายจอมเอาแต่ใจอีก

 

อายุก็ตั้ง 32 แล้ว แต่งอแงราวเด็ก 17-18 เขาล่ะเชื่อเลย

 

                “งั้นหนูขอเข้าไปดูอาลอหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”

 

                “ไปสิแต่ย่าไม่รู้นะว่าลอหลับไปหรือยัง”

 

                “ถ้าหลับหนูจะไม่กวนนานหรอกจ้า”เด็กน้อยรีบบอกเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เข้าไปหาอาลอ

 

                “งั้นก็ถ้าจะกลับแล้วฝากเจี๊ยบปิดไฟกลางบ้านให้ย่าด้วยนะเดี๋ยวปู่กับย่าจะเข้านอนแล้ววันนี้ร้อนเหลือเกิน”

 

                “ได้จ้าเดี๋ยวหนูปิดให้นะจ๊ะ”เด็กน้อยรีบรับปากอย่างว่าง่าย สองสามีภรรยาจึงได้แยกกลับเข้าห้องนอนไป ศตายุรีบเดินไปที่ห้องของลลิตภัทรทันที เด็กน้อยเคาะประตูเบาๆหากแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจึงลองบิดลูกบิดประตู เป้นเพราะย่าแมบอกกับลลิตภัทรไว้ว่าไม่ให้ล็อกเพราะเผื่อลลิตภัทรไข้ขึ้นกลางดึกจะได้เข้ามาดูได้ทัน เด็กน้อยค่อยๆเบียดตัวเข้ามาในห้อง ถาดข้าวต้มยังวางอยู่บนโต๊ะหน้าคอมพ์ส่วนตัวคนป่วยหลับสนิทอยู่บนเตียงสีหน้าแดงเพราะพิษไข้ ศตายุเดินด้วยปลายเท้าเพื่อที่ไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนคนป่วย นั่งลงตรงขอบเตียงแล้วยื่นมือไปแตะแก้มของอาลออย่างแสนคิดถึง

 

ตัวอาลอร้อนเหลือเกิน ไอร้อนผ่าวจากผิวกายของลลิตภัทรถ่ายทอดเข้าสู่ฝ่ามือของศตายุ เด็กน้อยลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วกลับมาพร้อมกะละมังน้ำเปิดตู้แล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบแล้วบิดจนหมาด เด็กน้อยปลดกระดุมเสื้อของอาลอแล้วใช้ผ้าซับตามผิวกายแกร่งที่เคยสัมผัสจนถ้วนทั่ว ลลิตภัทรปรือตามองคนที่กำลังเช็ดตัวให้ตนเอง กระพริบตาหลายครั้งเมื่อภาพที่เห็นพร่ามัวจนมองไม่ชัด

 

                “ใคร?”เสียงแหบแห้งเอ่ยถามพลางกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ศตายุหันไปเทน้ำจากกระบอกที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วประคองลลิตภัทรให้นั่งอยู่ในอ้อมกอดตนเองจ่อแก้วน้ำให้คนป่วยได้ดื่มได้ง่ายขึ้น

 

                “น้องเองจ้าอาลอจ๋า”เด็กน้อยตอบกลับคำถามนั้น ร่างของคนที่อยู่ในอ้อมกอดชะงักลลิตภัทรหันไปมองหน้าคนที่ประคองตนอีกครั้ง วูบหนึ่งหัวใจตีตื้นด้วยความดีใจแต่พอนึกได้ว่าตอนนี้ตนโกรธที่อีกคนทิ้งให้รอไม่ติดต่อมาซักนิดก็ขืนตัวออกแล้วเลื่อนตัวลงนอนหันหลังให้ศตายุทันที



เข้าสู่โหมดแง่งอนอย่างเต็มรูปแบบ











 

 

            พุทโธ่เอ๋ย....งอนอะไรกันล่ะเนี่ย อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วมาทำงอนตุ๊บป่องราวรุ่นราวคราวเดียวกับแก้วเจ้าจอมไปได้ ลูกเจี๊ยบน้อยได้แต่ถอนหายใจเบาๆเพราะขืนถอนหายใจแรงอาลอคงได้งอนหนักกว่าเดิมเป็นแน่แท้

 

อะไรกันนั่งรถกลับมาเหนื่อยๆก็อยากจะได้พูดได้คุยกันให้พอชื่นอกชื่นใจก่อนนอนให้สมกับที่คิดถึงมาหลายวัน

 

แต่ดูอาลอสิจ๊ะ ทำแง่งอนสะบัดสะบิ้งเสียจนน่าตี นี่ถ้าไม่เห็นว่าป่วยเจี๊ยบจะฟาดให้ซักป้าบข้อหาสะดีดสะดิ้งเกินงาม ลูกเจี๊ยบน้อยลองใช้ปลายนิ้วสะกิดแขนคนเป็นอาที่โผล่ออกมานอกผ้าห่ม แต่ลลิตภัทรทำราวโดนของร้อนสะบัดออกแล้วตวัดผ้าห่มคลุมปิดไหล่ไม่หือไม่อือไม่ไหวติงใดใดทั้งสิ้นศตายุแอบเบะปากใส่เบาๆ

 

หัวก็ไม่ล้านซักหน่อยแต่ทำไมขี้งอนอย่างนี้

 

ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งหายไปเสียหน่อย

 

            “อาลอจ๋า...จะไม่หันมาคุยกันจริงๆเหรอจ๊ะ”ส่งเสียงถามเบาๆอย่างหยั่งเชิง ร่างร้อนผ่าวที่นอนราวกับไม่ได้ยินก็ยังคงนอนเฉย ศตายุตัดสินใจเอนตัวลงนอนซ้อนด้านหลังคนเป็นอาสวมกอดไว้หลวมๆแกล้งยื่นหน้าไปมองคนป่วยที่พอเห็นเขายื่นหน้าไปก็ทำหลับตานิ่งราวกับหลับสนิท

 

ขี้งอนไม่พอยังมารยาสาไถอีกด้วยเหรอจ๊ะ เห็นอยู่นะว่าหลุดยิ้ม แบบนี้ก็ง้อไม่ยากเย็นนักหรอก

 

            “อย่างอนหนูเลย หนูไม่ได้ตั้งใจจะขาดการติดต่ออาลอเลยซักนิดนะจ๊ะ”

 

เช๊อะ...พูดมาได้ว่าไม่ตั้งใจ ไม่ต้องมาเสียงอ่อนเสียงหวานหรอก ไม่ใจอ่อนง่ายๆเด็ดขาด

 

ไม่รักไม่ต้องมาแคร์ไม่ต้องมาดีกับฉัน

ไม่รักไม่ต้องมาหวงไม่ต้องมาห่วงใยฉัน

ไม่รักไม่ต้องมาทำอะไรอะไรทั้งนั้น

เพราะใจฉันยังอ่อนแอ

 

ลลิตภัทรเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเมื่อศตายุเบียดร่างกายเข้ามาแนบแผ่นหลังของเขามากขึ้น เด็กน้อยกดจูบที่ท้ายทอยของคนขี้งอนเกิดเสียงจุ๊บจนคนถูกจูบถึงกับใจแกว่ง

 

ฉันนั้นพยายามจะตัด

แต่เธอก็พยายามจะติด

คิดบ้างไหมว่ามันผิด

ที่เธอยังมีเยื่อใย

             

เนื้อร้องเพลงของนักร้องสาวดูโอ้คู่ดังลอยแว่วมาในหัวของลลิตภัทรตลอด

 

            “อาลอจ๋า”

 

จุ๊บ

 

            “อาลอ..”

 

จุ๊บ

 

            “หนูมาง้อแล้วไงจ๊ะ”

 

จุ๊บ

 

            “หันมาคุยกันน๊า ไม่คิดถึงหนูเหรอ”

 

จุ๊บ

 

            “หนูคิดถึงอาลอจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”เด็กน้อยกดจูบซ้ำๆลงบนต้นคอด้านหลังของคนแก่แสนจะขี้งอน

 

            “หนูไม่ได้จะเมินเฉยหรือไม่รับโทรศัพท์อานะจ๊ะ แต่หนูลืมเอาโทรศัพท์ไป หนูเจ็บใจตัวเองจะแย่แล้วที่ลืมของสำคัญไปได้”

 

            “จริงเหรอ?”น้ำเสียงแหบแห้งของคนป่วยเอ่ยถามเสียงแผ่ว ใจอ่อนยวบยิ่งกว่าขี้ผึ้ง ศตายุดีใจนักที่อาลอยอมพูดเด็กน้อยดึงร่างคนรักให้หันมาหาตน ลลิตภัทรที่หน้าตาซีดเซียวไม่ได้หลบลี้หนีหน้าหันไปอีกทางอีกแล้ว ดวงตาที่เคยคมคายนั้นบัดนี้พร่างพราวด้วยหยาดน้ำจนศตายุใจหายวูบ

 

อาลอไม่เคยอ่อนแอให้เขาเห็นเลยซักนิด มาตอนนี้ผู้ชายตัวโตสูงราวยักษ์ปักหลั่นกลับมานอนร้องไห้น้ำตาหยดแหมะให้เห็น ใจของคนเด็กกว่าก็เหมือนถูกบีบ เด็กน้อยเช็ดน้ำตาให้ลลิตภัทรแผ่วเบา

 

            “จริงสิจ๊ะ กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปก็อีกจังหวัดแล้ว จะวกกลับมาเอาก็คงไม่ได้ แต่หนูคิดถึงอาลอทุกวันเลยนะจ๊ะ ไปเที่ยวไม่สนุกเลย กินอะไรก็ไม่อร่อย นอนก็ไม่หลับเพราะคิดถึงอาลอมากๆ”

 

เด็กน้อยกดจูบลงบนริมฝีปากสีซีดนั้นกดนิ่งเนิ่นนานแล้วผละออก

 

            “พอรู้ว่าอาลอป่วยใจหนูแทบจะหล่นรีบมาหาด้วยความเป็นห่วงแต่ดูสิ แทนที่จะได้กอดได้จูบกันให้สมกับที่คิดถึงอาลอก็มาทำบึ้งตึงใส่หนู หนูเสียใจนะจ๊ะ อยากจะงอนกลับแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้เพราะคราวนี้หนูเป็นฝ่ายผิด”

 

โธ่...ไอ้ลอ  ไอ้โง่ หลานลืมเอาโทรศัพท์ไปมึงก็ฟูมฟายเสียเหมือนกับว่าหลานหนีตามชู้ มึงนี่มันตีตนก่อนไข้แล้วไงแง่งอนใส่หลานจนเสียเวลาที่จะได้พูดคุยกัน

 

โตเป็นควายแต่ช่างโง่เขลานัก

 

ชายหนุ่มกร่นด่าตัวเองในใจด้วยความรู้สึกผิด

 

            “ไม่ค่ะ หนูไม่ผิดเลย อางี่เง่าเอง อานึกว่าหนูไปเจอคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ทะเลเจอคนที่คุยเรื่องที่ชอบเหมือนกันสนุกจนลืมอา ไม่ใช่แค่หนูหรอกค่ะที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ อาก็เป็นเหมือนกัน เพราะไม่อยากฟุ้งซ่านอาเลยออกไปทำงานจนป่วย อาร้องไห้คิดถึงหนูทุกคืนเลยรู้มั้ยคะ”

 

โถ...อาลอผู้น่าสงสาร นี่ในใจของอาลอคงกลัวจะโดนหนูทิ้งมากๆเลยใช่มั้ยจ๊ะ

 

น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ใครมันจะไปทิ้งลง ศตายุลูบผมคนแก่กว่าเบาๆอย่างปลอบโยน ลลิตภัทรซุกใบหน้ากับอกบางที่แสนคิดถึงลูกเจี๊ยบสัมผัสได้ถึงความอุ่นชื้นที่อกเสื้อของตน

 

            “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะจ๊ะ หนูก็กลับมาแล้วไง หิวข้าวมั้ยจ๊ะ ย่าโฉมบอกว่าอาลอไม่ยอมกินข้าว ดูสิกับข้าวน่ากิ๊นน่ากิน”

 

            “ไม่มีแรง...”คนป่วยว่าอย่างอ้อนๆซ้ำยังไม่เลิกที่จะซุกไซร้นมคนเด็กกว่า

 

            “เดี๋ยวหนูป้อนเอามั้ยจ๊ะ?”

 

            “ไม่อยากกินข้าว”

 

            “อ่าว...ถ้าไม่อยากกินข้าวอาลอจะกินอะไรจ๊ะเดี๋ยวหนูทำให้”

 

            “อยากกินนม...”ไม่พูดเปล่าคนป่วยก็ดูดดึงเม็ดบัวเม็ดเล็กที่แต้มอยู่บนอกซ้ายของหลานผ่านเนื้อผ้าจนลูกเจี๊ยบสะดุ้งโหยง

 

มันใช่เวลามาหื่นซะที่ไหนกันเล่าตาแก่นี่

 

            “อื้อ..”แม้อยากจะร้องห้ามแต่พอเปิดปากเสียงที่ออกก็กลายเป็นเสียงครางเล็กๆความวูบไหวทำให้กอดรัดหัวอาลอให้แนบกับอกตนเองมากขึ้น ปล่อยให้คนป่วยดูดเม้มจนอกเสื้อชุ่มน้ำลายจนพอใจลลิตภัทรก็กัดเบาๆแล้วดึงจากนั้นจึงยอมปล่อย

 

เขาป่วย ไม่มีแรงทำมากกว่านี้หรอก เด็กน้อยหอบแฮ่ก แก้มแดงปากแดงไปหมด พอร่างกายเป็นอิสระก็ทุบลงไปบนต้นแขนของคนป่วยเบาๆเสียทีหนึ่ง

 

            “หื่น”

 

            “กินนมร่างกายแข็งแรงไงคะ อาจะได้หายป่วยไวๆ”

 

            “อยากหายป่วยไวๆอาลอต้องกินข้าวนะจ๊ะ มาจ้าลุกขึ้นนั่งนะเดี๋ยวหนูป้อนเองจ้า”เด็กน้อยกุลีกุจอประคองร่างซูบๆของอาลอให้นั่งพิงหัวเตียงเอาหมอนหนุนมารองที่หลังให้

 

            “ข้าวไม่ร้อนแล้ว อุ่นมั้ยจ๊ะเดี๋ยวหนูลงไปอุ่นให้”เด็กน้อยทำหน้ายู่เมื่ออาหารในถาดเย็นชืดจากอากาศเย็นฉ่ำในห้องแอร์

 

            “ไม่ต้องค่ะอากินได้ อาอยากอยู่กับหนูมากกว่า”ลลิตภัทรส่ายหน้า ตอนนี้แม้แต่ข้าวเขาก็ไม่รู้สึกหิวเลยซักนิด อยากอยู่อยากนั่งฟังเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยๆพูดจ้อให้ฟังเสียมากกว่า ศตายุประคองถาดข้าวมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ข้าวข้าวต้มเปล่าถูกยกมาถือ กับข้าวมียำข่เค็ม กับหมูหยอง รวมทั้งผักกาดดองใส่ถ้วยเล็กๆไว้ให้ดูน่ากิน

 

            “หนูเพิ่งรู้ว่าอาลอกินหมูหยองกับข้าวต้มด้วย”เด็กน้อยตักหมูหยองวางลงบนข้าวต้มแล้วตักข้าวใส่ช้อนจ่อมาที่ปากของอาหนุ่ม ลลิตภัทรยอมอ้าปากรับข้าวอย่างว่านอนสอนง่ายต่างจากตอนที่พระลักษณ์มาคะยั้นคะยอให้กินราวหน้ามือกับหลังตีน

 

นี่ถ้าพี่ชายคนรองมาเห็นคงด่าเปิดเปิงกับความสองมาตรฐานนี้ ลูกเจี๊ยบป้อนเขาสลับกับข้าวไปมาพร้อมกับเอ่ยเล่าว่าไปไหนมาบ้างตามที่ชายหนุ่มเอ่ยถาม ในประโยคมักจะแทรกคำว่าไม่สนุกเลยเพราะมัวแต่พะวงเรื่องโทรศัพท์

 

            “หนูคิดไว้แล้วว่าอาลอต้องงอนแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าอาลอจะป่วย อาลอต้องหายไวๆนะจ๊ะ อย่าป่วยเพราะหนูอีกเลย”

 

            “อาเป็นไข้ใจต้องให้หนูมาคอยดูแลถึงจะหายไวๆ”

 

            “นี่ป่วยอยู่นะจ๊ะอย่ามาปากหวานเลย อ้าปาก กินข้าวเยอะๆจะได้กินยาก่อนกลับหนูจะเช็ดตัวให้อีกรอบอาลอจะได้นอนสบายๆ”ลลิตภัทรได้ยินท้ายประโยคก็ให้ใจหายชายหนุ่มจับมือที่ยื่นช้อนมาจ่อปากตัวเองไว้เกลี่ยเบาๆพอให้รู้สึกใจหวิว

 

            “ไม่อยากให้กลับเลย...”น้ำเสียงเว้าวอนเอ่ยอ้อน ลูกเจี๊ยบใจกระตุกวูบ อยากจะใจอ่อนอยู่หรอกแต่หากไม่กลับบ้านมีหวังพ่อได้ข้างฟากมาตามถึงนี่แน่ๆ

 

            “อย่างอแงสิจ๊ะ อาก็รู้ว่าถึงหนูอยากจะอยู่ด้วยก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวหนูก็ต้องกลับแล้วเพราะแม่สั่งไว้ว่าห้ามกลับดึก อาลอรีบกินข้าวนะจ๊ะ ไว้พรุ่งนี้พอพ่อออกจากบ้านหนูจะรีบมาหาเลยนะจ๊ะ”

 

            “สัญญานะ?”คนป่วยร้องขอคำสัญญา

 

            “สัญญาจ้า”ศตายุส่งยิ้มหวานให้กับลลิตภัทรที่เหมือนลดวัยไปมากโข เมื่อได้รับคำยืนยันชายหนุ่มก็กดจูบลงบนหลังมือนิ่มนั้นแล้วก็ยอมกินข้าวกินยาจนหมดเสร็จ นั่งให้ลูกเจี๊ยบเช็ดตัวทาแป้งจนหอมฟุ้ง ศตายุโน้มตัวลงจูบปากที่เริ่มมีสีขึ้นนิดหน่อยเบาๆ จุ๊บๆกันอีกพักจึงได้ลากลับ ไม่ลืมที่จะปิดไฟตามที่ย่าโฉมสั่งไว้

 

ภายในห้องที่ไฟปิดเหลือเพียงไฟสลัวบนหัวเตียงคนป่วยคว้าหมอนข้างที่ใช้ซับน้ำตาเสียหลายวันมากอดอย่างมีความสุข ริมฝีปากจุ๊บๆกับหมอนราวกับนั่นคือลูกเจี๊ยบที่เพิ่งจะลากลับไป

 

คืนนี้คงนอนหลับฝันดีไม่ต้องตื่นมานั่งหงุดหงิดกลางดึกอีกต่อไปแล้ว  ไม่นานเปลือกตาสีอ่อนก็ค่อยๆปิดลงด้วยฤทธิ์ยา

 

มุมปากสวยยกยิ้มราวกับว่ากำลังฝันดี

 

อยากให้ลูกเจี๊ยบโตไวๆจังถ้าเปลี่ยนจากหมอนเป็นตัวนิ่มๆคงจะกอดอุ่นกว่านี้เยอะเลย

 


 



............................





น้อวววววววววววววววว



งอนว่ะ............





เราเชื่อว่าต้องมีคนเป็นแบบเจี๊ยบอย่างน้อย 10 คน คือเวลาเดินทางไปต่างจังหวัด เราเตรียมทุกอย่างจ้า สายชาร์จเอย หูฟังเอย พาวเวอร์แบงค์เอย แต่พอรถออกหรือไปถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว อ่าวโทรศัพท์กูล่ะ



หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: angelninae ที่ 01-04-2019 23:12:32
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากๆค่ะ
อาลอหื่นมากกก น้องเจี๊ยบก็น่ารักมากๆเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: pwmd ที่ 08-04-2019 12:38:56
อหห เพิ่งอ่านไปสามตอน กร๊าวใจมากเวลาอาใช้คะ ขากะน้อง แงงงงงงง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 08-04-2019 16:27:27
 o13
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 27-04-2019 10:23:10
 :3123:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 28-04-2019 14:22:05
 :L2: น้องเจี๊ยบน่ารัก สนุกมากจ้าและก็รักเจ้าจอมตัวแสบด้วย  ป่วนและแสบขนาดนี้จะมีเรื่องราวเป็นของตัวเองมั้ยน๊า  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 08-05-2019 13:43:51
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 09-07-2019 21:56:15
ไอ...คุก คุก คุก
555555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 09-07-2019 21:57:07
ใจเย็นๆนะ พระลอนะ ลูกเจี๊ยบยังเด็กอยู่ 555555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 10-07-2019 00:24:28
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน หรือ ไว้รอกินข้าวแดงในคุกคะคุณ 5555555
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: m_ilk_y ที่ 19-07-2019 11:28:31
 :katai1: ไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งได้อ่านเนี่ยยย
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบภายใน 2 วัน
งานการไม่ทำ ห้าๆๆ
เดินเรื่องมีอุปสรรคหลายอย่างให้ได้พิสูจน์การเติบโตของตัวละคร
มีมุกตลกแทรกเป็นระยะ มันกลมกล่อมมาก
อ่านแบบไม่อยากให้จบเลย
 :mew1:
และถ้าถามตอนนี้จะช้าไปรึเปล่าก็ไม่รู้
คืออยากได้รวมเล่มต้องหาซื้อจากได้
ไรเตอร์ยังพอมีให้สต๊อกให้ได้เป็นเจ้าของอยู่มั้ยอ่ะคะ?
กระซิกๆๆ
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:48:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 19-09-2020 12:10:48
อยากอ่านภาคต่อตอนเจี๊ยบโตขึ้นจัง
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 25-11-2020 20:57:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 09-12-2020 15:26:50
สนุกน่ารักดีค่ะ
ชอบเจี๊ยบ
อ่านแล้วไม่อยากให้จบเลย
อยากอ่านภาคโตของเจี๊ยบจังเลยค่ะ