พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พระลอตามไก่ ตอนจบ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒  (อ่าน 57136 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :m26: คุณตำหนวดดดด ช่วยด้วยค่าาา มีคนลวนลามเด็ก

มีคนจะพรากผู้เยาว์ค่าคุณตำหนวดขาา

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุก คุก คุก คุก หนูทำใจพี่ไม่ดีเลยหนูลูกกกกก  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๙


          เช้านี้พระลอตื่นมาวิ่งได้ตามปกติ เมื่อวานกว่าจะกลับจากบ้านของจิ๊บก็เกือบ 6 โมงเย็น หลังจากจิ๊บรับลูกกลับมาแล้วเวลาที่จะอยู่กันเพียงลำพังก็ถูกขโมยไปโดยแก้วเจ้าจอมตัวแสบ หลังจากรู้จักพี่คนโตกับน้องคนเล็กมาระยะหนึ่งเมื่อวานพระลอก็ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับจันทร์เจ้าขาซักที เด็กหญิงวัย 13 ปีเป็นคนพูดน้อยและขี้อาย ออกจะติดแม่มากกว่าเจ้าเจี๊ยบของเขาซะอีก จันทร์เจ้าขามักจะนั่งหลบอยู่ข้างหลังแม่เสมอ ถ้าหากว่าเจ้าเจี๊ยบเหมือนแม่มากแล้วล่ะก็จันทร์เจ้าขาคือร่างแยกของจิ๊บดีๆนี่เอง
   

          “มะรืนจะเลือกตั้งแล้ว ตื่นเต้นมั้ยลอ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเขาหลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อย พระลอชงกาแฟมาวางให้พ่อที่โต๊ะไม้นอกชาน ชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้บนหน้าตักด้วยท่าทางสบายๆ


          “ไม่ตื่นเต้นครับ”ตอบไปตามตรง อาการตื่นเต้นมีแค่ช่วงแรกๆเท่านั้นที่ต้องออกไปพบปะพวกคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน แต่ตอนนี้เขาคุ้นชินกับคนในหมู่บ้านพอสมควรแล้ว เวลาออกไปข้างนอกชาวบ้านเริ่มทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ บางครั้งพระลอออกไปสำรวจหมู่บ้านก็จะได้กับข้าวกับปลาติดมือกลับบ้านมาเสมอ


สังคมชนบทคือสังคมแห่งการแบ่งปันโดยแท้ การแบ่งปันโดยไม่หวังผลประโยชน์แบบนี้เขาหาไม่ได้ที่กรุงเทพ นอกจากกลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกับมาตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งทำงาน


          “นอบน้อมถ่อมตนไว้นะลูก เป็นคนดีให้ชาวบ้านเขาเอาไปพูดถึงกันว่าลูกผู้ใหญ่ชลิตดีได้พ่อได้แม่มา อย่าไปทำตัวเกกมะเหรกเกเรที่ไหน”


          "ครับพ่อ"


          “แล้วก็พรุ่งนี้งานบวชลูกทิดอ่ำท้ายวัดตอนเย็นกินเลี้ยงเขาทำเลี้ยงกันเองแม่เอ็งว่าจะทำฟักทองสังขยาไปช่วยเดี๋ยวให้คนงานตัดในไร่ซัก 20 ลูก เลี้ยงแขกตอนเย็นเลี้ยงพระตอนเช้า”


          “ได้ครับ จะให้เอาไปตอนไหนก็บอกแล้วกัน”


          “แล้ววันนี้จะไปไหนหรือเปล่า ไปวัดกับพ่อมั้ย จบเลือกตั้งพ่อว่าจะเปลี่ยนไฟในโบสถ์ให้วัด เผื่อเอ็งมีคำแนะนำอะไรจะได้ใส่ลงไปในรายละเอียดได้เลย”


          “ไปก็ได้ครับ ดีเหมือนกันได้แวะไปคุยกับหลวงลุงซักหน่อย เวลาท่านมารับบาตรตอนเช้าไม่ค่อยได้คุยเลย”





สรุปว่าวันนั้นทั้งวันพระลอไปตะลอนเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้หลังเพลก็แวะเข้าไปในวัด สภาพวัดนั้นเก่าและทรุดโทรมพอสมควร ตรงกุฎิกลางหลังคาผุตามกาลเวลา เมื่อตอนเด็กๆเคยอยู่ยังไงตอนนี้ก็ยังอยู่อย่างนั้น ในโบสถ์สายไฟไม่เป็นระเบียบนัก ไฟบางดวงก็ดับๆติดๆ พระลอจดรายละเอียดต่างๆลงในสมุดพกเล่มเล็กที่มักจะพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา พอตกเย็นก็เดินไปดูคนงานตัดฟักทอง เลือกลูกที่แก่จัด แม่ของเขาสั่งให้ตัดลูกเล็กที่สามารถนึ่งทั้งลูกได้เลย ฟักทอง 20 ลูก ถูกขนขึ้นรถกะบะแล้วขับไปที่บ้านงานในตอนเกือบมืด แม่ของเขาติดรถไปบ้านงานด้วยเพราะจะช่วยกันทำบายศรี


         “คืนนี้แม่จะกลับมั้ยครับผมจะได้ขับรถไปรับ”ชายหนุ่มขับรถด้วยความเร็วพอประมาณหันไปถามมารดาที่นั่งคู่กันมา


         "ไม่ต้องรับลูก แม่นอนค้างนั่นเลย พรุ่งนี้จะได้ทำครัวเลี้ยงพระเช้ากับเพลไปเลย”


          “อย่าหักโหมนะแม่ อายุมากแล้ว เหนื่อยก็พัก”


          “รู้แล้วน่ารู้แล้ว ลอนี่นับวันจะขี้บ่นเหมือนพ่อนะ”


          “ก็ผมรักแม่ห่วงแม่นี่นา แล้วนี่บายศรีต้นเขาจะทำกันกี่ชั้นครับ”


          “น่าจะห้าชั้นนะ แล้วก็บายศรีปากชามอีก 3 หวีมั้ง เดี๋ยวถึงงานค่อยถามเขาอีกที ส่วนมากก็ทำ 5 แต่บ้านทิดอ่ำเขามีเงินอาจจะทำ 7 ชั้น”แม่ตอบอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อถึงบ้านงานลลิตภัทรก็ถอยกระบะเข้าไปตรงเต็นท์ที่ตั้งเป็นครัว บรรดาแม่ครัวและญาติๆของนาคมาช่วยกันขนของลง นอกจากฟักทองแล้วยังมีผักอื่นๆที่แม่ให้คนงานเก็บใส่ตะเข่งมาช่วยอีกหลายชนิด


          “แหมพี่โฉม วันนี้พาลูกชายคนเล็กมาเปิดตัวเหรอพี่”แม่ของนาคเอ่ยปากแซวลลิตภัทรยกมือไหว้บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในงาน มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักบางคนคุ้นหน้าแต่กลับนึกชื่อไม่ออก ชายหนุ่มจึงได้แต่กวาดยิ้มให้กับมุกคนแทนคำทักทาย


         “พามารู้จักพี่ป้าน้าอาหน่อย อย่าลืมนะเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านรอบนี้ฝากพ่อลอเขาด้วย ถือซะว่าเป็นลูกเป็นหลานแล้วกันนะ”


           “โอ้ย ไม่ต้องห่วง ยังไงบ้านฉันก็เลือกพ่อลออยู่แล้ว มาๆนั่งพักกินน้ำกินท่ากันก่อน ข้างบนกำลังทำบายศรีกันอยู่พอดี เดี๋ยวค่อยขึ้นไปสมทบ”พระลอและแม่ถูกลากไปนั่งคุยอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มตอบคำถามที่บรรดาแม่ย่าแม่ยายถามกันมาไม่ได้ขาด และคำที่ได้ยินบ่อยๆคือ


           “ลูกพี่โฉมนี่หล่อสมชื่อจริงๆ มีคู่หมั้นคู่หมายหรือยังจ๊ะ”


          “ยังครับ”


           “เนี่ยเลือกๆเอาซักคนสิมีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ชอบคนไหนบอกได้เลยนะ พวกแม่ๆยินดียกให้ ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกพี่ลิตพี่โฉมใครๆก็อยากได้”


           “ผมยังไม่ได้คิดเรื่องมีครอบครัวเลยครับ”


           “อะไร๊ อายุก็ 30 กว่าแล้วไม่ใช่เหรอพี่โฉม ทำไมยังไม่มีเมีย เดี๋ยวก็มีลูกไม่ทันใช้หรอก รีบหาเมียให้ลูกซักคนสิพี่”ท้ายประโยคหันไปพยักเพยิดกับย่าโฉม พระลออยากจะกรอกตามองบนวนเป็นเลข 8 แบบฮะจิบังราเมนแต่จำต้องนิ่งเงียบและส่งยิ้มบางๆแจกจ่ายให้พี่ป้าน้าอาอย่างทั่วถึง ย่าโฉมหัวเราะน้อยๆกับท่าทางของคู่สนทนา


           “เรื่องคู่ครองฉันจะไปบังคับลูกได้ยังไงล่ะ คนที่จะอยู่กับเขาเขาก็ต้องเลือกเอง พ่อแม่เลือกให้ก็แค่ถูกใจพ่อแม่ แต่เขาต้องอยู่กันทั้งชีวิตถ้าไม่รักไม่ชอบไม่ถูกใจกันอยู่ไปก็ไม่มีความสุข สงสารลูก”


           “เนี่ย พี่โฉมล่ะก็ตามใจลูกแบบนี้ ลูกถึงได้ไปอยู่กรุงเทพซะเกือบ 20 ปี เพราะเลือกคนผิดไง”พอจบประโยคที่เจ้าของบ้านพูดก็เกิดอาการเดธแอร์ขึ้นชั่วขณะ พระลอเหลือบตามองเจ้าของประโยคด้วยสีหน้าเรียบนิ่งติดจะตึงๆ รอยยิ้มละมุนเมื่อครู่จางหายไปเหมือนเทน้ำลงบนพื้นผิวของทะเลทราย หายวูบไปในพริบตา ส่วนคนอื่นๆในวงสนทนาที่หัวเราะกันคิกคักพอหันมาเจอสีหน้าของชายหนุ่มก็ค่อยๆเงียบกันไปทีละคน


บอกเลยว่างานกร่อยแบบสุดๆ


           “ขอโทษทีนะพ่อลอ น้าปากไวไปหน่อย”เจ้าของงานลูบมือลงบนต้นแขนของลลิตภัทรเบาๆพลางเอ่ยขอโทษขอโพย 


           “ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องมันผ่านไปนานแล้ว แต่ขอแก้ข่าวนิดหนึ่งนะครับที่ผมอยู่กรุงเทพนานก็เพราะผมเรียนหนังสือ ทั้ง ม.ปลาย ปริญญาตรี แล้วก็ต่อปริญญาโท พอจบผมก็ได้งานทำ เงินเดือนมันดีแล้วผมก็สนุกกับงานเลยไม่ได้กลับไม่ใช่เพราะเรื่องเก่าตั้งแต่ครั้งยังเด็ก ตอนนี้ผมกับจิ๊บก็ยังคุยกันได้ดีอยู่ในฐานะเพื่อน อะไรที่มันผ่านไปแล้วผมไม่เก็บมาคิดให้รกสมอง”ลลิตภัทรพูดยาวที่สุดตั้งแต่มานั่งคุยกับพวกแม่ๆ ถึงแม้ว่าเขาไม่กลับมาก็เพราะช้ำรักจริงๆ แต่แบบมาพูดแบบนี้เหมือนฉีกหน้ากัน ขอบอกเลยว่าไม่ยอม ย่าโฉมรู้ดีว่าลูกชายกำลังไม่พอใจและกำลังข่มเมียทิดอ่ำอยู่ในทีหญิงชราแตะต้นแขนลูกพลางใช้น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยกับพระลอเบาๆ


           “จะสองทุ่มแล้ว ลอกลับบ้านไปเถอะลูก ถนนมันไม่มีไฟข้างทาง”


           “งั้นผมกลับเลยแล้วกันนะครับ ฝากดูแม่ด้วย แล้วก็ถ้ามีอะไรแม่โทรหาลอได้เลยนะครับ”


          “ได้ลูกขัยรถดีๆนะ”พระลอก้มลงจูบแก้มแม่ก่อนจะลาพวกผู้ใหญ่ ระหว่างทางเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก มีเรื่องเดียวนี่แหล่ะที่คนบ้านนอกก็ไม่ต่างจากคนเมืองกรุงคือพร้อมจะขุดเรื่องของคนอื่นมาพูดได้อย่างสนุกปาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่คิดอะไรกับจิ๊บแล้วก็ตามแต่ทุกคนก็ยังมองเป็นภาพจำว่าพระลออกหักจากจิ๊บ


อยากจะลบความเชื่อพวกนั้นออกไปซะจะต้องทำยังไง เปิดตัวเลยมั้ยว่าตอนนี้มีคนในใจแล้ว แถมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ลูกชายคนโตของจิ๊บนั่นแหล่ะ


พระลอรู้สึกตัวตื่นตอนตี 4 เมื่อโทรศัพท์บนหัวเตียงส่งเสียงดังขึ้น เมื่อมองหน้าจอปรากฏเบอร์ของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วกดรับสาย


          “ครับแม่”


           “ลอตื่นยังลูก”


           “ตื่นแล้วครับ”ชายหนุ่มกรอกเสียงตอบผู้เป็นแม่ มองนาฬิกาเพิ่งจะตี 4


            “ลอช่วยขับรถเข้าเมืองไปซื้อของให้ทีได้มั้ยลูก พอดีคนขับรถมันเมาลุกไม่ขึ้น”


           “อ่อ ได้ครับ แม่จะซื้ออะไรบ้างจดใส่กระดาษไว้นะครับ อีก 20 นาทีผมถึง”ลลิตภัทรลุกขึ้นไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์สีซีด รองเท้าผ้าใบลูกหยิบมาสวมเช็คความเรียบร้อยเล็กน้อยก็คว้ากุญแจรถออกจากห้องมา ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงบ้านงานที่ตอนนี้เหล่าแม่ครัวเริ่มลงมือหั่นของเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระและแขกในงาน ชายหนุ่มสะดุดตากับร่างบางของใครบางคนที่กำลังช่วยแม่ของเขาหั่นฟักทองอยู่ในเต็นท์


            “อ้าว ลอมาแล้วเหรอลูก”


           “อาลอ...”ลูกเจี๊ยบน้อยที่เมื่อวานเขามัวแต่ยุ่งจนไม่เห็นหน้าเลยทั้งวันหันมาส่งยิ้มให้เขาจนตาหยี พระลอรู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นมาทันทีทันใดแม้จะเป็นเวลาตีสี่ครึ่ง วางมือลงศีรษะของหลานแล้วโยกไปมาอย่างหยอกล้อ


           “ว่าไงเรา หายดีแล้วเหรอคะ แล้วนี่มายังไงเนี่ย”


           “หายดีแล้วจ้า หนูมากับแม่ แม่อยู่ข้างบนช่วยจัดบายศรีอยู่  วันนี้หนูจะมาเป็นลูกมือย่าโฉม”


           “อย่างนี้กับข้าวจะกินได้แน่เหรอ พระสงฆ์องค์เจ้าท่านจะไม่ท้องเสียใช่มั้ยคะ?”ส่งเสียงเย้าคนเป็นหลานกลั้วเสียงหัวเราะจนศตายุยู่ปากทำท่าจะงอน


            “อาลออย่ามาดูถูกหนูนะ หนูทำกับข้าวเป็นเหอะ”คนแก่กว่าต้องรีบง้อก่อนที่จะโดนลูกเจี๊ยบจิกตาแตก


           “โอ๋ๆ ไม่งอนดิ่ อาล้อเล่น แล้วนี่จะให้ผมไปซื้ออะไรครับแม่?”


            “เดี๋ยวลอไปตลาดนะลูก ของน่ะทางนี้เขาสั่งไว้แล้วไปถึงก็เอาขึ้นรถได้เลยแม่จดชื่อร้านไว้แล้ว ลูกเจี๊ยบรู้จักร้านดีเดี๋ยวหลานไปด้วย เจี๊ยบถือเงินให้ดีนะลูกระวังอย่าไปทำหล่น”


            “รับทราบจ้าเจี๊ยบจะถืออย่างดีไม่ให้หล่นซักบาท”


            “เช็คของให้ดีนะลูกอย่าให้ขาด”


            “ได้ครับ งั้นไปก่อนนะเดี๋ยวสาย ไปตัวแสบ”พระลอดึงมือลูกเจี๊ยบให้ลุกตามตนเองมา ชายหนุ่มเปิดประตูรถให้หลานเข้าไปนั่งและปิดให้เรียบร้อย ลูกเจี๊ยบแอบยิ้มกับการดูแลนี้ของคนเป็นอา


อาลอน่ารัก


แล้วไปตลาดแค่นี้ทำไมต้องแต่งตัวหล่อด้วยอ่ะ ถ้ามีคนมองเยอะแล้วมาชอบอาลอจะทำยังไง ความคิดเห็นแก่ตัวอยากจะหวงอาลอไว้กับตัวคนเดียวผุดขึ้นมากินจิตใจให้เผยด้านมืดทีละน้อย พระลอเห็นหลานนั่งจ้องตัวเองมาตลอดทางก็รู้สึกแปลกๆจนต้องหันไปมองหลาน


           “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”


           “คราวหลังไม่ต้องแต่งตัวหล่อแบบนี้ได้มั้ยอาลอ”


           “อาก็แต่งตัวปกตินะ”ชายหนุ่มหัวเราะในคอเบาๆเมื่อคนเด็กทำปากขมุบขมิบ


           “จะบอกว่าหล่อเป็นปกติงี้อ่อ หนูไม่ชอบเลย”


            "อ่าว ทำไมล่ะคะ อาลอหล่อๆแบบนี้ทำไมหนูไม่ชอบล่ะ ใครๆก็ชอบกันทั้งนั้น”

           
            “ก็เพราะใครๆก็ชอบนั่นแหล่ะหนูถึงไม่ชอบ”คนเด็กกว่าว่าเสียงเอาแต่ใจ กอดอกหมับหันหน้าหนีทำเป็นมองข้างทาง ไม่ได้จะกวนประสาทอาลอนะ แต่เนี่ย หล่อแบบนี้ไปไหนใครๆก็มองอ่ะ


            “ไหนบอกอาลอสิคะทำไมถึงไม่ชอบ”


            “ก็หนูหวง อาลอหล่อเดี๋ยวสาวๆมาติดแล้วทำไงล่ะ?”คนเด็กหลุดปากหันไปแง้วๆใส่ แต่ประโยคที่พูดทำเอาพระลอยิ้มกว้างขึ้นทันที ชายหนุ่มอยากจะจอดรถข้างทางแล้วฟัดแก้มเจ้าแมวดื้อนี่ซะจริงๆ


รู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา รู้มั้ยว่าคำพูดและหน้าตาท่าทางแบบนั้นอ่ะ มันหมายความว่ายังไง


หมายความว่าลูกเจี๊ยบหึงเขาได้มั้ยนะ?


จอดรถข้างทางแล้วจับปล้ำทำเมียได้มั้ยเนี่ย อยากกินเด็ก เด็กจะได้รู้ว่าเขาจะไม่ไปกินใครแน่นอน





           ลลิตภัทรเดินตามศตายุเข้าร้านนู้ออกร้านนี้ ตะเข่งผักรวมทั้งถุงพลาสติกที่ใส่อาหารหลากหลายชนิดถูกลำเลียงขึ้นมาไว้ท้ายกะบะจนเต็ม บรรดาเนื้อสัตว์ทั้งหมู ปลา ไก่ เนื้อ รวมทั้งไข่เป็ดไข่ไก่ถูกวางเรียงไว้อย่างระมัดระวัง ศตายุตรวจตรารายการของอีกครั้งเมื่อเห็นว่าครบถ้วนจึงชวนชายหนุ่มกลับเมื่อตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง


           “อาลอ แวะตรงนั้นแป๊บหนึ่ง”มือน้อยๆเขย่าแขนเขาเบาๆ ด้านหน้าคือรถเข็นที่แม่ค้ากำลังหยดขนมครกอยู่อย่างขะมักเขม้น คนเด็กเปิดประตูรถตรงดิ่งไปยังรถเข็นคันนั้น แน่นอนลลิตภัทรตามลงมาด้วย


           “เอาปนกันกระทงละ 20 เอา 5 กระทงครับ” คนเด็กสั่งอย่างแคล่วคล่องพลางยืนรอถุงที่แม่ค้ากำลังจับคู่ขนมครกอย่างใจเย็น กระเป๋าสตางค์ถูกดึงออกมาเตรียมจ่ายค่าขนมแต่ลลิตภัทรก็รั้งไว้ซะก่อน


           “เอาที่อา”ศตายุย่นจมูกใส่ เพราะรู้จักพระลอมาร่วมเดือนแล้วเด็กน้อยรู้ดีว่าพระลอไม่ชอบให้ขัดใจ หากสิ่งไหนคนแก่กว่าบอกก็จงทำตามซะ ศตายุกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณยามที่รับถุงขนมครกมาถิอไว้ เด็กน้อยนำมันวางไว้เบาะหลังกะดูแล้วว่าคงจะไม่หล่นลงมาหากลลิตภัทรเบรกรถหรือเลี้ยวแรงๆ ปีนกลับขึ้นมานั่งบาะหน้าดังเดินตั้งใจจะกินขนมเจ้าอร่อยก็พอดีกับที่ลลิตภัทรเอื้อมมือมาโอบรอบเอวของเขาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างเพียงคืบ ดวงตากลมช้อนขึ้นสบอย่างตกใจ


           “คาดเข็มขัดด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัย”ลมหายใจสะอาดปัดผ่านผิวแก้มราวกับแสงแดดที่ทอดลงมาสู่ทุ่งหญ้ากว้าง ศตายุลืมวิธีหายใจไปชั่วขณะเมื่อดึงสติกลับมาได้จึงเอ่ยขอบคุณด้วยเสียงแหบพร่า


เขิน...


แม้จะเคยใกล้ชิดอาลอมาหลายครั้งแต่ศตายุก็ยังคงเขินอาลอเหมือนเช่นทุกครั้ง เขินและไม่เคยจะชิน เด็กน้อยนั่งนิ่งไม่ได้ชวนคุยจนลลิตภัทรแปลกใจ เมื่อแอบหันไปมองก็เห็นศตายุเอาแต่บี้ขนมครกในมือเล่น


          “ไปบี้มันเล่นให้เลอะมือทำไมล่ะค่ะ ทำไมไม่ทานเข้าไป?”ศตายุสะดุ้งเฮือก เขาเอาแต่คิดอะไรเพลินๆ เด็กน้อยเหลือบมองเสี้ยวหน้าขาวๆของอาลอที่เริ่มเด่นชัดจากแสงสว่างด้านนอก ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าและคลายออกอย่างคนกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง


          “อาลอ...”ที่สุดก็ยอมเปิดปากเอ่ยเรียกคนข้างๆเสียงแผ่ว


           “คะ?”


          “กินมั้ยจ๊ะ”มือเล็กยื่นถุงขนมครกไปให้คนที่ทำหน้าที่สารถี พระลอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ อันที่จริงเขาไม่ชอบกินขนมที่ใส่กะทิซักเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไม่อยู่ๆวันนี้ก็นึกอยากกินซะอย่างนั้น


          “อาลอขับรถอยู่ค่ะ”ลอบสังเกตกริยาเด็กอ้วนๆฟูๆแล้วเกือบจะหลุดขำ ลูกเจี๊ยบทำหน้าเหมือนกำลังตบตีกับความคิดบางอย่างในใจของตัวเอง


          “แต่ถ้าเจี๊ยบจะใจดีป้อนอา อาก็จะดีใจมาก”



ป้อนอาหน่อย อาอ่อยนานแล้ว ติดแฮชแท็กด้วยได้มั้ย



          “งั้นเดี๋ยวหนูป้อนอาลอนะ”เด็กก็คือเด็กวันยันค่ำ หลอกง๊ายง่าย มันน่าหลอกไปทำอย่างอื่นที่ตื่นเต้นๆอ่ะเนอะ


มือเล็กยื่นขนมครกมาจ่อปากคนเป็นอา พระลอมองปลายนิ้วสะอาดนั้นก่อนจะอ้าปากรับขนมครกโดยทำเนียนดูดเอานิ้วมือหลานเข้าไปด้วย เสียงดังจ๊วบพร้อมความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากคนที่ขึ้นชื่อว่าอาทำให้ใจดวงน้อยกระตุกวูบอย่างรุนแรง


          “หวานจังเลยค่ะ”ไม่เว้นวรรคให้คนเด็กคลายความเขินสายตาหวานหยาดเยิ้มก็มองจ้องราวคนหน้าด้าน ศตายุอมยิ้มจนแก้มแทบแตก


ขนมครกที่ไหนจะมาหวานกันเล่า อาลอขี้ตู่จริงเชียว ศตายุป้อนขนมเข้าปากตนเองกับพระลอสลับกันไปจนชายหนุ่มบอกพอเพราะปกติไม่กินขนมที่มีกะทิมากนัก หันมาให้ความสนใจกับคนเด็กที่ยังคงนั่งกินขนมครกอย่างเอร่ดอร่อยอยู่คนเดียวแทน


         “หนูหายไม่สบายดีแล้วจริงๆเหรอคะ”คนแก่กว่าเหมือนนึกได้เอ่ยถามอย่างห่วงใจ เจ้าเจี๊ยบน้อยที่กำลังหย่อนขนมครกเข้าปากพยักหน้ารับหงึกหงัก แก้มฟูยิ่งอูมเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้าตัวยัดขนมอีกฝาเข้าปากตามไปติดๆ


          “หายดีแล้วจ้า สบายมากๆเลยตอนนี้”


          “หายดีก็ดีแล้ว...”ลลิตภัทรหันไปมองหลายคำพูดที่จะพูดต่อถูกกลืนหายไปในลำคอทันที เพราะศตายุยัดขนมเข้าปากไป 2 อันติด คราบกระทิจึงเล็ดมาเปื้อนริมฝีปาก และศตายุกำลังใช้ลิ้นกวาดคราบขาวของกะทิออก


เด็กน่ะ มันไม่คิดอะไรหรอก แต่อิ่ผู้ใหญ่นี่สิ ใจอกุศลคิดเป็นฉาก 18+ ไปเรียบร้อยแล้ว


          “อาลอเป็นอะไรจ๊ะ หน้าแดงๆ”ศตายุที่กวาดเอากระทิเข้าปากไปเรียบร้อยแล้วหันมาเจอพระลอหน้าแดงไปยั้นหูยั้นคอได้แต่เอียงคอถามอย่างแปลกใจ


ให้ตายเหอะ ขอหูกระต่ายกับถุงน่องตาข่ายให้ลลิตภัทรซักชุดแล้วจะไม่ลืมพระคุณเลย


          “ป่ะ..เปล่าค่ะ สงสัยอากาศจะร้อน”


          “หกโมงเช้าเนี่ยนะ หนูก็ว่าอากาศกำลังดีนะ ไม่เห็นจะร้อนเลย”คนเด็กว่าพลางเปิดหน้าต่างรถเพื่อเช็คสภาพอากาศ ก็เย็นดีนี่นา แล้วอาลอร้อนอะไรตรงไหนเนี่ย


แปลกคน...



           เกือบ 7 โมงเช้า รถกระบะของพระลอก็เข้ามาจอดเทียบ บรรดาพ่อครัวแม่ครัวเข้ามาช่วยกันยกของลงจากรถใช้เวลาไม่นานก็แล้วเสร็จ พวกของสดถูกน้ำไปแช่ในถังน้ำแข็งใบใหญ่ ผักสารพัดชนิดที่ไม่ต้องแช่ถูกนำไปวางไว้มุมครัวบางส่วนถูกแบ่งออกมาเพื่อเตรียมทำกับข้าวเลี้ยงพระเพล  สำรับสำหรับเลี้ยงพระเช้าถูกจัดเตรียมไว้แล้วทั้งคาวหวานรวมถึงผลไม้หลากหลายชนิด พิธีตอนเช้าเริ่มต้นขึ้นหลังจากพระขึ้นไปบนเรือน ศตายุและพระลอนั่งคู่กันพนมมือฟังพระอย่างสงบ ลูกเจี๊ยบไม่มีกริยายุกยิกซุกซนเหมือนที่เคยเลยซักนิด เมื่อพระสงฆ์สวดจบบรรดาแม่ครัวก็ทยอยกันยกอาหารขึ้นไปประเคนพระ ศตายุยื่นจานอาหารหลากหลายให้พระลอส่งต่อกันไปให้คนบนบ้าน ปลายนิ้วแตะกันเพียงน้อยแต่ทำเอาคนเด็กแก้มแดงปลั่ง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็อมยิ้มอย่างชอบใจ


หลังพระฉันท์เช้าเสร็จบรรดาแม่ๆก็ร้องเรียกให้แขกและผู้มาช่วยงานล้อมวงกินข้าว ศตายุตักข้าวให้ย่าโฉมและพระลอส่วนตนเองนั่งตรงกลางระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคอยตักกับข้าวให้ทั้งย่าโฉมและพระลอไม่ได้ขาด


          “แหม ปรนนิบัติพัดวีดีแบบนี้ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงฉันเป็นพี่โฉมฉันจะไปขอมาหมั้นมาหมายกับพ่อลอเลยเนี่ย”ผู้หญิงวัยรุ่นราวคราวเดียวกับย่าโฉมเอ่ยทัก ศตายุนั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรพระลอเห็นหลานก้มหน้างุดก็ตักปลาทอดให้ลูกเจี๊ยบเงียบๆ


          “กินข้าวเถอะ”


          “เด็กมันนิสัยดี เจี๊ยบนี่ฉันก็เลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ก็ไม่แปลกหรอกที่หลานมันจะช่างเอาอกเอาใจ รักเหมือนลูกเหมือนหลานแท้ๆ”ยังไม่ทันที่จะมีบทสนทนาอื่นใด้เพิ่มเติมร่างของศตายุก็โอนโอบกอดจากทางด้านหลัง


          “โอ๊ะ!!”


           “ลูกเจี๊ยบของเฮียยยยยย”เสียงทักทายด้านหลังทำให้ศตายุหันไปมองก็พบกับรุ่นพี่ที่สนิทกันมากกำลังกอดตนเองจากทางด้านหลัง


          “พี่สอง!! กลับมาตอนไหนทำไมเจี๊ยบไม่เห็นอ่ะ”สอง หรือสรุศักดิ์ลูกชายคนรองของทิดอ่ำยกมือไหว้ผู้ใหญ่รอบโต๊ะ ชายหนุ่มตีรถกลับมาร่วมงานบวชของพี่ชายคนโตหลังสอบเสร็จ บรรดาคนแก่ต่างเอ่ยทักกันเกรียวกราวแสดงถึงความโซฮอตของเจ้าตัว


เมื่อก่อนมีเจี๊ยบที่ไหนมีสองที่นั่น


เป็นคู่หูกันมาตั้งแต่เจี๊ยบยังเด็ก


          “กลับมาเมื่อกี๊เอ็งเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวถึงไม่รู้ว่าพี่มา น่าน้อยใจชิบหาย”


          “แล้วกินข้าวยังเนี่ยพ่อกับแม่พี่อยู่ข้างบนไปหามาแล้วหรือยัง”


          “เดี๋ยวค่อยไปหา มาหามึงก่อนคิดถึงชิบหายมาให้พี่ฟัดแก้มหน่อยซิ๊ไม่เจอปีเดียวทำไมแก้มฟูจังวะ”


           “งื้อ...หนูโตแล้วนะพี่สองจะมาหอมแก้มได้ไงอายคนเขา”คนตัวเล็กดันหน้าของพี่ที่สนิทออกไปทันที พระลอมองเด็กสองคนหยอกล้อกันแล้วก็รู้สึกหัวร้อนแปลกๆ


คือไอ้สองไอ้สามสี่ห้าหกเจ็ดแปดนี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ แต่มันมาแป๊บเดียวมันทั้งกอดทั้งลูบลูกเจี๊ยบของเขาได้มากพอๆกับที่เขาทำมาตลอดเดือนเลยทีเดียว แถมมันทำได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆในขณะที่เขาต้องแอบๆทำ



ไม่ยุติธรรม!!


หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อยแล้ว แม่ครัวก็เริ่มเตรียมกับข้าวสำหรับเลี้ยงเพล พระลอกับสองโดนมอบหมายให้ช่วยหั่นผักเตรียมของต่างๆไว้เพื่อปรุง ส่วนศตายุไปนั่งช่วยย่าโฉมหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อทำสังขยาฟักทอง แยกไว้ 5 ลูกเพื่อทำแบบทั้งลูก


          “ย่าจ๋าแกะสลักฟักทองไปด้วยเลยมั้ยเพื่อความสวยงาม”ศตายุเงยหน้าไปถามย่าโฉมที่กำลังตอกไข่เป็ดใส่กะละมังใบใหญ่


         “หนูจะแกะเป็นรูปอะไรล่ะ?”


           “โปเกม่อน!!”


          “งั้นไม่ต้องแกะหรอกพระน่าจะไม่ฉันท์ตัวการ์ตูน”พระลอเอ่ยแซวจนศตายุทำปากยู่ใส่


เนี่ย...ทำอะไรก้น่ารักน่าเอ็นดูน่าบดจูบตลอดอ่ะ


          “เดี๋ยวหั่นของเสร็จไปเอาแห้วในถังน้ำแข็งมาหั่นนะลูก เย็นจะทำทับทิมกรอบเมื่อเช้าบ้านตาเฉียบเอามะพร้าวกะทิมาให้สิบกว่าลูก”


          “ดีจังหนูอยากกิน”


           “ตะกละนะมึงไอ้เจี๊ยบ”สองโยนมะเขือเปราะใส่น้อง


           “แล้วตัวเองไม่ชอบกินหรือไงล่ะ”เถียงเก่ง พระลอมองเด็กสองคนเถียงกันพลางซอยใบมะกรูดที่จะใส่ในหอยดองอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่นานทุกสิ่งที่ต้องเตรียมก็เสร็จพระลอจำใจต้องขอตัวกลับบ้านเพราะพระลักษณ์โทรมาตามให้ไปช่วยที่โรงสี แม้จะเอ่ยปากชวนลูกเจี๊ยบให้กลับด้วยกันแต่เด็กน้อยบอกว่าตนเองต้องกลับพร้อมแม่ พระลอรู้สึกหงุดหงิดใจเล็กๆเมื่อลูกเจี๊ยบดูจะให้ความสนใจกับรุ่นพี่คนนั้นมากกว่าตน  ย่าโฉมจึงถือโอกาสกลับมาบ้านนอนเอนหลังแล้วอาบน้ำอาบท่ากลับไปบ้านงานอีกครั้งในตอนเย็นที่มีกินเลี้ยงครั้งนี้ย่าโฉมไปบ้านงานพร้อมสามีพระลอที่หงุดหงิดกลับมาจึงไม่ได้ตามไปส่ง เขาไม่รู้ว่าป่านนี้ศตายุกลับมาแล้วหรือยังชายหนุ่มเข้านอนในตอนสามทุ่ม




          เสียงไก่ขันในรุ่งเช้าพระลอตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกเดินไปดูนาและแปลงผักที่อยู่ข้างบ้าน คนงานเริ่มทยอยมากันตอนเจ็ดโมงครึ่ง เอ่ยทักทายพูดคุยแล้วกลับเข้าบ้านในตอนสาย เสียงหมอทำขวัญนาคดังแว่วมาให้ได้ยิน ทำนองหวานเสนาะพูดถึงบุญคุณน้ำนมของแม่การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ให้มาตั้งแต่แรกคลอด หน้าที่ๆลูกผู้ชายควรทำ นึกถึงสมัยตนเองบวชพระลอเลือกที่จะบวชเงียบๆในวัดที่กรุงเทพมีเพียงพ่อแม่พี่น้องญาติๆและเพื่อนสนิทเท่านั้น ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปรอที่วัดตอนเขาแห่นาคเข้าโบสถ์ เมื่อขับรถมาถึงทางแยกพระลอก็ต้องหยุดเมื่อขบวนแห่นาคเดินมาถึงก่อน  พวกนักเต้นต่างออกลวดลายตามจังหวะแตรวงอย่างเมามันโดยที่ตัวนาคเองก็โดนเขย่าไปตามจังหวะเพลงด้วย สารพัดเพลงถูกเล่นในจังหวะเร้าใจ เสียงโห่ฮิ้วดังมาเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน พลันสายตาของลลิตภัทรก็ไปสะดุดกับใครบางคน


ใครบางคนที่มีแก้มฟูๆในชุดเสื้อยืดสีเหลืองอ๋อย กางเกงยีนส์สีซีดยาวแค่เข่า ที่สำคัญบนใบหน้าปรากฏแว่นตาดำกำลังออกสเต็ปกับคนที่ชื่อสองอย่างเมามันส์ ท่าเต้นที่เห็นนั้นเป็นท่าที่อ้อนตีนเป็นที่สุด ทั้งยกแข้งยกขาโบกมือไปมาถอยหน้าถอยหลังเหมือนคนเมาก็ไม่ปาน หากไปเต้นตอนสงกรานต์ท่าเต้นเหล่านี้เป็นท่าเต้นของเด็กแว๊นซ์ดีๆนี่เอง  เสียงเพลงขอใจแลกเบอร์โทรดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อถึงจังหวะเอิ้วๆร่างบางนั้นก็เด้งนมเข้าใส่สุรศักดิ์อย่างสู้ตาย


พระลอคิดมาตลอดว่าศตายุเป็นเด็กเรียบร้อย จนกระทั่งมาเห็นคนเด็กกว่าออกสเต็ปอยู่หน้าขบวนแห่นาคนี่เอง...


นักเต้นเท้าไฟประจำหมู่บ้านสินะ...


ลลิตภัทรจะเป็นลม....



ดิ้นเก่งเต้นเก่งจังเลยนะคะหนู มันน่าจะให้มาดิ้นใต้ร่างอาซะจริงๆเลย



..................................................

ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากหัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไปใจให้เก็บรักษา เอิ๊วๆๆๆๆๆๆ

เต้นหน้านาคนี่เป็นการประกาศศักดาว่าข้านี่น่ะนักเต้นตีนทองแห่งท้องทุ่งเลยแหล่ะ ใครเต้นเก่งดูได้จากงานนี้

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:


55 เด็กแนว

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องเจี๊ยบบบบบบบต้องมีฉากวิ่งเก็บเหรียญโปรยทานแล้ววว

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
น้องเจี๊ยบบบบบ เป็นแม่บ้านแม่เรือนดีมากเลยเด้อ น่ารักด้วย

ทำไงดีอยากมีเจี๊ยบเป็นของตัวเอง แง้ ป.ล. พระลอท่าจะต้อง

หัวร้อนหนักล่ะทีนี้  :laugh: เอ็งกระอักเลือดแน่ๆ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑o




                ในที่สุดวันเลือกตั้งก็มาถึง พระลอถูกผู้ใหญ่ชลิตลากไปสังเกตการณ์ที่ศาลาวัดตั้งแต่เช้า ชายหนุ่มหลบมุมปลีกตัวจากผู้หลักผู้ใหญ่เข้ามานั่งสวดมนต์ในโบสถ์อย่างเงียบๆ
 
ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นพระลอก็จะกลายเป็นคนโกหก แม้ใจจะไม่ได้อยากได้อยากดีกับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่เขาก็ยังแอบหวังลึกๆว่าชาวบ้านจะเลือกเขาไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนตัวเอง
 
ความคิดขัดแย้งกันในหัวจนอดที่จะทุบกำปั้นลงบนศีรษะตัวเองไม่ได้
 
                “หัวมันเป็นอะไรล่ะจ๊ะอาลอ ไปตีมันทำไม? ตีซะแรงไม่เจ็บหรอกหรือจ๊ะ”พระลอหยุดมือที่เขกหัวตัวเองโป๊กๆเมื่อได้ยินน้ำเสียงเจื้อยแจ้วของคนที่เดินเข้ามานั่งเคียงข้าง ศตายุกราบพระประธานในโบสถ์ก่อนจะจรดมือที่พนมไหว้แตะหน้าผากหลังกราบพระเสร็จ ร่างเล็กของคนเด็กกว่าหันมายิ้มให้เขาตาใสแจ๋ว
 
                “มาทำอะไรคะ อายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะเลือกตั้งซักหน่อย”
 
                “หนูก็มาให้กำลังใจอาลอไงจ๊ะ”ตอบกลับไปตามจริง พระลอส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ภาพจิ๊กโก๋เต้นหน้านาคเมื่อวานยังติดตาเขาไม่น้อย ศตายุสนุกสนานอยู่กับสุรศักดิ์จนไม่ได้สังเกตการมีตัวตนอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ เต้นแอ่นหน้าแอ่นหลังโยงโย่โยงหยกจนแห่นาครอบโบสถ์ครบสามรอบ แถมยังตั้งตัวเป็นหัวโจกแย่งเหรียญโปรยทานกับบรรดาเด็กๆอย่างสนุกสนานด้วยซ้ำ
 
ถ้าอยากได้เงินมากนักทำไมไม่บอกอาคะ จะไปแย่งเหรียญบาทเหรียญสองบาททำไม แบงค์พันอามีเป็นฟ่อนเกิดไปมีเรื่องกับใครควักออกมาปึกหนึ่งตบฟันร่วงได้เลยเพราะเงินของอาหนามาก
 
                “หนูจะมาให้กำลังใจอาทำไมล่ะ ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นกับนายสองอะไรนั่นล่ะคะ ดูจะสนิทกันมาก”อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ ก็หลังจากนาคเข้าโบสถ์ไปแล้วเขาก็ไม่เห็นว่าศตายุกับสุรศักดิ์จะแยกกันซักนาทีเดียว ตัวติดกันยังกับแฝดสยาม เขาเหมือนถูกเหวี่ยงออกจากวงโคจรของคนเด็กกว่า
 
                “ก็หนูรู้ว่าอาลอต้องตื่นเต้น โอ๋ๆไม่ตองกลัวนะไม่ว่าผลจะเป็นยังไงอาลอก็ต้องเข้มแข็งรู้ป่าวจ๊ะ”
 
                “แล้วถ้าหนูเลือกตั้งได้หนูจะเลือกใครคะ?”
 
                “หนูก็ต้องเลือกอาลอสิ จะไปเลือกคนอื่นทำไม อีกอย่างวันนี้คนที่ควรเป็นตัวเด่นคืออาลอ พี่สองน่ะหนูไปเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้”
 
                “กับอาจะเล่นด้วยเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกันนะคะ”เอ่ยตอบออกไปด้วยความปากไว
 
เขาอิจฉาสุรศักดิ์ อิจฉาเหมือนเด็กขี้อิจฉาที่โดนแย่งของเล่นที่มีชิ้นเดียวแล้วใครอีกคนก็ไม่รู้มาแย่งไป
 
                “กับอาลอจะเล่นหัวแบบที่เล่นกับพี่สองได้ยังไงล่ะ อาลอเป็นผู้ใหญ่ กับพี่สองน่ะหนูเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก พี่สองเป็นหัวหน้ากลุ่มส่วนหนูเป็นรอง แต่ตอนนี้น่ะหนูเลื่อนมาเป็นหัวหน้าแล้วนะ พี่สองเป็นทั้งพี่ทั้งเพื่อนสนิทของหนูเลย มาย เบส เฟรนด์ อาลอรู้จักป่าว”
 
                “จริงนะ เป็นแค่เพื่อนจริงๆน่ะเหรอ”เอ่ยถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ศตายุเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแล้วร้องฮื่อเบาๆ
 
                “ดีใจจัง”คนแก่กว่าพูดออกมาตอนนี้ในใจของพระลอนั้นพองฟูยิ่งกว่าแป้งโดที่กำลังขึ้นฟูเพราะได้ยีสต์ดี เขาเชื่อที่ศตายุพูด ที่ผ่านมาเจี๊ยบเป็นเด็กที่ค่อนข้างจะซื่อตรงสิ่งที่คนเด็กกว่าพูดออกมาเชื่อถือได้แทบทั้งสิ้น
 
เป็นเขาที่บ้าบอหึงหวงไปเอง
 
ใช่ พระลอรู้ตัวดีว่าเขานั้นหึงคนเด็กกว่ากับรุ่นพี่คนนั้น ความรู้สึกของเขาชัดเจนเข้มข้นขึ้นทุกวัน ศตายุเป็นเพียงเด็กอายุแค่ 15-16 ที่เข้ามามีอิทธิพลในใจของเขาอย่างรวดเร็ว ยามกินก็นึกถึงหน้า ยามจะนอนก็คิดถึงกลิ่นหอมๆที่ติดตามเนื้อนวลของหลาน ใจของพระลอนั้นฟุ้งซ่านราวกับไม่เป็นตัวของตัวเองมาหลายอาทิตย์แล้ว
 
ศตายุช่างร้ายนัก มาล้อเล่นลวงกลกับใจเขา ทั้งๆที่คิดว่าใจของเขามันตายด้านไม่รู้สึกรู้สากับความรักไปนานแล้ว บัดนี้มันกลับเต้นตุบร่ำร้องเรียกหาความรักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
 
และเขาเองก็มั่นใจว่าหลานเองก็รู้สึกดีๆกับเขา แม้ว่าลลิตภัทรจะยังไม่ได้คำตอบที่เคยถามหลานไปก็ตามที
 
เพราะตั้งแต่วันนั้นศตายุยังไม่ได้มาที่บ้านเขาอีกเลย มีเพียงเขาที่พายเรือข้ามไปหา
 
ช่างใจง่ายใจดายเสียจริงพระลอเอ้ย
 
ศตายุไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกลับมาอีกเด็กน้อยทำเพียงนั่งเงียบๆเคียงคู่เขาจนกระทั่งเที่ยงถึงออกไปหาอะไรกินกัน พ่อแม่พี่ๆหลานๆของลลิตภัทรนั่งอยู่ด้านนอกศาลาวัด ทุกคนมีท่าทางนิ่งสงบแต่ดวงตานั้นฉายชัดว่าตื่นเต้น
 
เป็นการเสี่ยงอยู่ที่ให้ลลิตภัทรที่จากบ้านเกิดไปนานเกือบ 20 ปี มาสมัครตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน แต่ทุกคนก็เชื่อว่าอย่างน้อยด้วยชื่อเสียงของผู้ใหญ่ชลิตที่สั่งสมมาหลายสิบปีจะช่วยการันตีให้ลูกชายได้ว่าลลิตภัทรก็จะทำประโยชน์ให้หมู่บ้านได้ดีเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดรวมทั้งศตายุกลับมาล้อมวงกินข้าวที่บ้านแล้วกลับไปที่จุดเลือกตั้งอีกครั้งในตอนปิดหีบเลือกตั้ง การนับคะแนนเป็นไปอย่างสนุกสนาน คะแนนของลลิตภัทรตอนแรกตีคู่มากับคนเก่าคนแก่ของหมู่บ้านอีกคนที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งมา 2-3 ครั้งแล้ว แต่ในที่สุดการนับคะแนนก็เสร็จสิ้นลงในตอนเย็น
 
ลลิตภัทรชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย
 
ได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ไปอย่างสวยงาม แดนดินที่มาสังเกตการณ์การเลือกตั้งเข้าไปแสดงความยินดีกับผู้ใหญ่คนใหม่ตามมารยาท
 
                “หวังว่าต่อจากนี้ไปจะร่วมมือกันทำงานและพัฒนาหมู่บ้านให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปนะพระลอ”แม้ว่าในใจจะยังมีทิฐิหลงเหลืออยู่บ้างแต่เมื่อตอนนี้มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบและต้องใช้ความร่วมมือกันพระลอก็ยอมสลัดความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าแดนดินทิ้งไป
 
                “ขอบคุณ”พระลอจำใจต้องยื่นมือไปจับมือกับแดนดินตามมารยาท เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นถึงได้พากันกลับบ้าน ชายหนุ่มก้มลงกราบเท้าพ่อและแม่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจโดยมีพี่ๆนั่งล้อมวงอยู่ไม่ห่าง
 
                “ต่อไปจะทำอะไรเห็นแก่ส่วนรวมมากๆนะลูก เป็นปากเป็นเสียงเป็นสมองแทนชาวบ้านที่เขาเป็นเพียงแค่ตาสีตาสา รักชาวบ้านให้เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกับเรา”
 
                “ครับ ผมยังไม่รู้อะไรเลย หลังจากนี้คงต้องขอให้พ่อคอยบอกคอยสอนไปก่อนนะครับ”
 
                “พ่อคงให้ได้แค่คำแนะนำ แต่เรื่องการดูแลชาวบ้านต่อจากนี้ลอต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าลอสามารถดูแลพวกเขาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่ถูกพ่อชักใยอยู่เบื้องหลัง”
 
                “ครับพ่อ แต่ผมก็กลัวนะว่าจะทำได้ไม่ดีพอกับที่ชาวบ้านให้ความไว้ใจ”
 
                “ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปเอาความรู้ที่ไปร่ำเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เอาของสมัยใหม่เข้ามาแต่ก็อนุรักษ์ของเก่าไว้ไม่ให้สูญหายไปน่าจะดีที่สุดสำหรับคนในหมู่บ้านเรา”
 
                “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำแต่คงต้องค่อยๆ อย่างหนึ่งที่สำคัญคืองบประมาณ ต่อให้อยากทำให้ดีแต่ถ้างบไม่ถึงมันก็ยาก”
 
                “อย่างนั้นก็ต้องไปคุยกับกำนันว่าจะจัดสรรงบประมาณยังไง คืนนี้ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน พระลอเดินเล่นมาที่ท่าน้ำ ทางฟากนู้นไฟที่ศาลาริมน้ำเปิดสว่างศตายุนั่งเล่นอยู่กับสองและเจ้าจอมหัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มของศตายุสดใสเช่นเคยเด็กน้อยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขายืนมองอยู่
 
บางทีอายุของเขาอาจจะมากเกินไป มากจนเกือบจะเป็นพ่อของศตายุได้เลยด้วยซ้ำ
 
หรือว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันไม่เหมาะสมกันนะ ปล่อยให้เด็กได้มีช่วงวัยแห่งความรักกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันมันจะดีกว่านี้มั้ยนะ
 
ถ้าตัดใจตอนนี้จะทันมั้ย รักหลานให้สมกับที่เป็นอาหลานกันจริงๆจะดีหรือเปล่านะ
 
 
                ช่วงสายของวันเสาร์บ้านของพระลอก็คึกคักเนื่องจากมีแขกมาจากกรุงเทพ ชายหนุ่มส่งยิ้มกว้างเมื่อบรรดาเพื่อนๆทยอยลงมาจากรถ จับไม้จับมือกอดทักทายกันเสียงดังขรมไปหมด หญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาสะสวยลงมาจากรถยนต์อีกคัน หล่อนรีบเดินปรี่มาหาพระลอเอ่ยทักทายพลางสวมกอดและจูบที่ข้างแก้มชายหนุ่มทั้งสองข้าง ศตายุที่นั่งเจียนหมากให้ย่าโฉมถึงกับชะงักมือทันที
 
ใจเดือดปุดๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
 
ทำไมต้องกอดอ่ะ
 
แล้วทำไมต้องจูบแก้มกัน
 
เป็นอะไรกันเหรอทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นด้วยอ่ะ
 
แล้วดูอาลอสิ กับเขาอ่ะ 2-3 วันมานี้ทำนิ่งทำขรึมไม่หยอกเย้าเหมือนเช่นเคย แต่พอผู้หญิงเข้าหานี่ยิ้มจนตาหยีเหงือกนี่บานโต้ลมจนจะแห้งอยู่แล้ว น่าเอาหมากเขวี้ยงกบาลนัก
 
มีอะไรให้ถูกอกถูกใจกันนักหนานะ
 
อารมณ์ไม่ดีสุดๆแล้วนะตอนนี้
 
                “ลอ ไม่ได้เจอกันนาน ผอมลงมั้ยคะเนี่ย”น้ำเสียงหวานเอ่ยเจื้อยแจ้วพลางจับชายหนุ่มหมุนซ้ายหมุนขวา
 
ผอมเผิมอะไรกันตอนมาตัวเท่าไหนตอนนี้ก็ยังตัวเท่านั้นเหมือนเดิมแหละ ยัยผู้หญิงคิดไปเอง
 
                “ลอผอมเพราะไม่มีคนคอยป้อนข้าวให้กินไงครับ”ชายหนุ่มตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ บรรดาเพื่อนผู้ชายทำเสียงแหวะราวกับจะอ้วก
 
อะไร?? อาลอเป็นง่อยอ่อ ต้องมีคนป้อนข้าวป้อนน้ำ
 
                “ไปๆ ขึ้นไปบนบ้านไปไหว้พ่อไหว้แม่กูกันก่อน”พระลอหันไปชวนเพื่อนๆอีก 4-5 คนที่เหลือให้ขึ้นมาบนบ้าน ที่ท่อนแขนแกร่งถูกมือเรียวของหญิงสาวหนึ่งเดียวในคณะเกาะแจ ศตายุขยับตัวไปนั่งด้านหลังย่าโฉมเมื่อกลุ่มเพื่อนๆของลลิตภัทรขึ้นมาไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของบ้าน
 
                "ไหว้พระกันเถอะจ้า พ่อลอบอกอยู่ว่าเพื่อนจะมาเที่ยวหาฉลองที่ได้รับตำแหน่ง”
 
                “แหม เห็นลอเค้าพูดถึงคุณแม่บ่อยๆ ตัวจริงยังสาวยังสวยกว่าที่คิดไว้เสียอีกนะคะ ไม่เห็นจะแก่เลย ลอน่ะหลอกแอน”หญิงสาวว่าพลางตีลงบนต้นแขนของชายหนุ่มอย่างสัพยอกหยอกเย้า นัยหนึ่งคล้ายจะแสดงถึงความสัมพันธ์ที่มากเกินกว่าเพื่อนทั่วไป
 
                “แล้วน้องหน้าตาน่ารักนี่ใครวะลอ”เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นเจ้าลูกเจี๊ยบน้อยที่นั่งทำสีหน้าแปลกๆอยู่ข้างหลังแม่ของเพื่อน
 
                “อ่อ นี่ลูกเจี๊ยบลูกของเพื่อนบ้านอยู่ฟากนู้นน่ะ เจี๊ยบนี่เพื่อนๆอานะคะ”ชายหนุ่มหันไปแนะนำลูกเจี๊ยบให้เพื่อนๆรู้จัก เด็กน้อยยกมือไหว้เพื่อนๆของพระลอทุกคนแม้จะรู้สึกไม่อยากจะไหว้ผู้หญิงชื่อแอนอะไรนั่นนักก็ตาม
 
ใจตอนนี้ร้อนรนและรู้สึกเดือดแปลกๆ
 
ลูกเจี๊ยบกำลังอารมณ์ไม่ดีและอยากจะจิกใครซักคน ทนนั่งเป็นส่วนเกินได้ไม่นานลูกเจี๊ยบก็ขอลากลับบ้านตัวเอง พระลอไม่ได้สนใจตนเองซักน้อยยังคงนั่งคุยหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนโดยมีปลิงนมโตเกาะอยู่ไม่ห่าง
 
ยืนเองโดยไม่เกาะจะตายเหรอหรือกลัวล้มเพราะหนักนม??
 
พาล ตอนนี้บอกได้คำเดียวเลยว่าลูกเจี๊ยบพาลมาก เด็กน้อยนั่งตีขาในน้ำด้วยความหงุดหงิด
 
และเหมือนวันนี้จะเป็นวันแห่งความหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อพระลอและเพื่อนๆหอบเอาเหล้ายาปลาปิ้งมานั่งกินกันที่ศาลา ทุกคนใส่เพียงกางเกงขาสั้นท่อนบนเปลือยเพราะกะจะมาเล่นน้ำกัน จะไม่อะไรเลยถ้าผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวของกลุ่มนุ่งบิกินี่โดยมีผ้าผืนบางพันท่อนล่างมาด้วย
 
อะไรดลจิตดลใจล่ะแม่คุณเอ๊ย นี่น้ำคลองนะไม่ใช่สวนสยาม
 
แล้วดูดิ่ ใส่ทูพีชสีดำสวยคล้องคอ เลือกไซส์ผิดเหรอทำไมนมปลิ้นซะขนาดนั้นล่ะ แล้วดูสายตาอาลอสิ มองไม่วางตาเลยมันน่าควักลูกตาออกมาเหยียบๆๆๆซะจริงๆเลย
 
หญิงสาวแก้ปมผ้าที่คลุมท่อนล่างออกเผยผิวขาวเนียนโยนลงบนพื้นศาลาแล้วก้าวลงน้ำด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่ ลลิตภัทรก็ผู้ชายปกติไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่มีของขาวมาล่อตาล่อใจแล้วจะไม่มอง อีกอย่างตอนอยู่กรุงเทพเขากับอริตาก็วัวเคยขาม้าเคยขี่กันมาก่อนการจะมองเรือนร่างขาวอร่ามนั้นก็ไม่ได้แปลกเลยซักนิด มากกว่านี้ก็เคยมองมาแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำว่าฟากนู้นมีร่างของใครคนหนึ่งนั่งหัวโด่มองมาที่เขาตาเขียวปั้ด ชายหนุ่มรับแก้วเหล้าจากเพื่อนดื่มไปหันไปคะขากับหญิงสาวตามที่หล่อนเรียกไป ร่างบางว่ายวนราวกับนางเงือกสาวดำลงน้ำแล้วทะยานขึ้นมาจนหยาดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว บรรดาเพื่อนๆต่างก็รู้ดีว่าอริตานั้นชอบพระลอมากขนาดไหน ไม่ต้องมีใครเอ่ยปากพูดก็รู้ว่าเจ้าหล่อนกำลังอ่อยพระลออยู่ เนินอกขาวผ่องลอยเด่นเหนือผิวน้ำ พระลอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ตั้งแต่กลับมาบ้านเขาก็ห่างหายจากกิจกรรมอย่างว่าไปเลย ความรู้สึกเสียวๆที่ท้องน้อยเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด จิบเหล้าเข้าปากอย่างใจเย็น ยังมีเวลาให้เล่นกันอีกเยอะปล่อยให้หญิงสาวเอ่ยปากออดอ้อนให้เขาลงมาเล่นน้ำด้วยกันไม่ขาดปาก
 
                “ลอขา ลงมาเล่นน้ำกับแอนสิคะ น้ำเย๊นเย็น”หญิงสาวเกาะกระดานพื้นศาลาเอ่ยเสียงหวานซึ่งชายหนุ่มก็ก้มหน้าไปคุยจนเกือบจะจูบกันได้อยู่แล้ว
 
                “แอนเล่นไปก่อนเลยครับขอลอกินเหล้ากับไอ้พวกนี้อีกหน่อย”
 
                “ไอ้เหี้ย....แม่ง”อยู่ๆเสียงเพื่อนที่นั่งข้างๆก็ดังขึ้น คนอื่นๆพลอยทำเสียงฮือฮาไปด้วยพระลอที่ยกเหล้าขึ้นจิบหันไปมองตามสายตาเพื่อนๆก็พบกับ
 
 
พรวดดดดดดดดด!!!!!!!
 
ศตายุยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูง ร่างบางค่อยๆถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกแล้วปล่อยให้หลุดมือลงกับพื้น ยืดตัวบิดขึ้เกียจจนรูปร่างฉายชัดถึงสัดส่วนได้รูปพอดีตัว กายขาวสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องมาพอดี ยอดอกแต้มสีระเรือรำไรเผยให้เห็นรับกับเนินเนื้อน้อยๆ หน้าท้องแบนราบและหลุมสะดือสวยรับกับเอวคอดกิ่ว กางเกงขาสั้นที่ใส่บัดนี้ขอบกางเกงร่นลงต่ำอย่างหมิ่นเหม่จนเห็นขอบกางเกงชั้นในสีขาว ยามบิดตัวสะโพกกลมกลึงก็อวดโฉมสู่สายตานับสิบคู่ พระลอถึงขั้นสำลักเหล้าที่กำลังดื่มเข้าปาก เขาไอจนหน้าดำหน้าแดง ศตายุไม่ได้ลงเล่นน้ำหากแต่กลับนั่งลงกันพื้นศาลาแล้วเอาเท้าแกว่งในน้ำเช่นเคย
 
                “เหี้ย เด็กผู้ชายอะไรวะทำไมหุ่นเซี๊ยะขนาดนี้”
 
                “นี่ขนาดถอดแค่เสื้อยังโซฮอต ถ้าถอดทั้งตัวนะมึงเอ้ย โด่ไม่รุ้ล้มแน่ๆ” เพื่อนๆของเขาจ้องเจ้าลูกเจี๊ยบไม่วางตา จ้องไปก็พูดจาสองแง่สองง่ามใส่เด็กที่นั่งเอามือท้าวพื้นด้านหลังจนหน้าอกแอ่นขึ้นเล็กน้อย
 
และโดยที่ยังไม่ทันคิดอะไรเสียงของหนักก็หล่นลงไปในน้ำ ผิวน้ำเกิดแรงกระเพื่อมกว่าที่ทุกคนจะรู้ตัวพระลอก็โผล่ขึ้นมากลางลำคลองไปเสียแล้ว แขนยาววาดวงกว้างเพื่อส่งตัวเองให้ไปถึงฝั่งนู้นไวๆ
 
                “ทำไมมาถอดเสื้อแบบนี้คะ”เมื่อถึงอีกฝั่งก็คร่อมขาของหลานไว้ เอ่ยเสียงดุ
 
                “จะมาสนใจหนูทำไมล่ะจ๊ะ ไปสนใจป้าคนนั้นเถอะ คนที่นมโตๆน่ะ”เด็กน้อยว่าพลางบุ้ยปากไปให้ผู้หญิงที่ทำหน้ากระเง้ากระงอดอยู่ฝั่งนู้น เสียงเพื่อนๆโห่แซวมาหากแต่พระลอกลับไม่สนใจ ตอนนี้เขาสนใจแต่เจ้าเด็กนี่ที่ทำหน้าตึงใส่เขาเสียมากกว่า
 
                “เป็นอะไรคะทำไมวันนี้ทำตัวไม่น่ารักเลย?”
 
                “หนูจะทำตัวยังไงมันก็เรื่องของหนูนี่จ๊ะ ไม่น่ารักก็ไม่ต้องมารักสิ อาลอจะมาสนใจหนูทำไมล่ะ”
 
                “ใส่เสื้อแล้วกลับเข้าบ้านไปค่ะ อย่าให้อาลอต้องดุ” ชายหนุ่มกดเสียงให้ต่ำเพื่อจะบอกกับลูกเจี๊ยบให้รู้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้พูดเล่น จับเท้าของหลานที่ยังแกว่งในน้ำไว้แน่นจนหลานจำเป็นต้องหยุดแกว่ง สายตาของคนทั้งคู่จ้องกันราวกับจะฟาดฟันสู้รบ
 
                “อาลออย่ามาเอาแต่ใจ 2-3 วันที่ผ่านมาก็ไม่สนใจหนูอยู่แล้วนี่”น้ำเสียงที่เปล่งออกบ่งบอกถึงความน้อยใจที่มี ดวงตากลมพลันปรากฏน้ำใสคลออยู่จางๆ
 
                “อาไม่สนใจหนูตรงไหนคะ”
 
                “ก็อาลอไม่เล่นไม่คุยกับหนูเหมือนเดิม อาลอคงเบื่อจะคุยกับหนูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ หนูมันไม่เสียงอ่อนเสียงหวานแบบป้าคนนั้นนี่”
 
                “หนูงอนอาเหรอคะ?”เอ่ยถามเสียงเย้าเมื่อเริ่มจับความรู้สึกของคนเด็กได้ มือก็ส่งเสื้อให้หลานสายตายังเจือแววดุแต่ไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว ศตายุขยับเท้าเตะน้ำใส่หน้าคนแก่กว่าอย่างลืมตัว ซึ่งพระลอเองก็ไม่ได้คิดโกรธ กลับหัวเราะน้อยๆอย่างชอบอกชอบใจ ฝ่ามือหนาลูบขาหลานเบาๆอย่างถือวิสาสะ
 
                “ใครจะไปงอน ไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อยอย่ามามั่ว”
 
                “ถ้าไม่ได้งอนงั้นก็แปลว่าหึง หนูหึงอาลอกับอาแอนใช่มั้ยคะ?”
 
                “อย่ามาโมเม ใครจะไปหึงไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย”คนเด็กผลักหน้าของอาที่ฉวยโอกาสจุ๊บลงมาบนหลังเท้าของตัวเอง เพราะหันหลังเพื่อนๆจึงไม่เห็นการกระทำนั้นหากแต่คนเด็กกลับสะท้านไปทั้งอก ยอดอกที่ตอนแรกตุ่ยๆกลับกลายเป็นขึ้นเม็ดล่อตาล่อใจ
 
                "ก็พายเรือข้ามมาหาอาซักทีสิคะ จะได้มีสิทธิ์หึงอาซักที”ชายหนุ่มลูบปลีน่องของหลานเบาๆ
 
                “ฮื้อ...ปล่อยหนูนะไม่ต้องมาลูบเลย”เบี่ยงขาหนีเมื่อรู้สึกแปลกๆหากแต่ลลิตภัทรยังคงจับให้หลานหันกลับมาทางเดิม
 
                “อายังรอคอยคำตอบของเจี๊ยบอยู่นะคะ ที่ 2-3 วันมานี้ไม่คุยเล่นกับหนูเหมือนเคยก็เพราะอาคิดว่าหนูคงไม่ชอบคนรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของหนูอย่างอา อาอยากให้หนูคิดพิจารณาความรู้สึกของตัวเอง ถ้าหนูชอบอาใจตรงกันกับอา อาก็จะดีใจมาก แต่ตอนนี้คนดีใส่เสื้อก่อนนะคะ ไอ้พวกเพื่อนอามันมองไปยั้นไหนๆแล้ว บอกตรงๆอาหวง”
 
                “งั้นอาลอก็อย่าไปมองนมป้าคนนั้นสิจ๊ะ หนูเห็นนะว่าอาลอมองไม่วางตาเลย แล้วก็เป็นอะไรกันทำไมป้าเขาต้องเกาะแขนเกาะขาอาลอตลอดด้วยหนูไม่ชอบเลย”
 
                “หนูโกรธเหรอคะ?”
 
                “ฮื่อ...หนูไม่รู้ รู้แค่ไม่ชอบ อาลอห้ามให้เขาเกาะแกะอีกได้มั้ย?”
 
                “ได้สิคะถ้าหนูไม่ชอบอาจะไม่ยุ่งกับเขาอีก”
 
                “อื้อ หนูไม่ชอบ ไม่ชอบมากๆเลย อาลอมองนมเขาด้วยหนูเห็น หนูอยากจะจิกตาอาลอให้บอดเลย อยากมองมากนักเหรอจ๊ะ”คนเด็กยังหาเรื่องว่าเขาต่อ ลลิตภัทรเงยหน้าขึ้นหัวเราะเบาๆพลางช้อนสายตามองมายังหน้าอกของเด็กน้อย ริมฝีปากกระตุกยิ้มก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไปที่ทำให้คนเด็กหน้าร้อนจนแทบจะไหม้
 
                “อาไม่มองแล้วก็ได้ค่ะ เพราะตอนนี้นมที่อยู่ข้างหน้าอาน่ามองกว่าตั้งเยอะ”ศตายุรู้สึกร้อนวูบเมื่อพระลอพูดพลางมองมองจ้องมาที่หน้าอกของตนแถมยังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากทำให้รู้สึกสะท้านวูบ เด็กน้อยรีบคว้าเสื้อมาปิดร่างกายของตัวเองไว้พลางขยับลุกขึ้นยืน
 
                “อาลอทะลึ่ง หนู...หนูขึ้นบ้านก็ได้”
 
                “อ้าว นึกว่าจะดื้อต่อ ไม่ลงมาเล่นน้ำกับอาเหรอคะ อาจะได้ช่วยขัดขี้ไคลให้ทั้งตัวเลย”
 
                “หนูไม่คุยกับอาลอแล้ว กลับบ้านตัวเองไปเลยไป”ศตายุออกปากไล่ก่อนจะสวมเสื้อกลับตามเดิม เด็กน้อยก้าวฉับๆกลับบ้านไปโดยไม่หันมามองพระลออีกเลย ชายหนุ่มหัวเราะเอ็นดูกับท่าทางเขินๆนั้นของหลานแต่เมื่อหันกลับจะว่ายน้ำกลับบ้านก็พบว่าบรรดาเพื่อนๆจ้องมองเขาเขม็ง ส่วนอริตานั้นขึ้นไปนั่งบนศาลาเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวใบหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
 
หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะตามไปง้องอนเพื่อหวังผลทางกายแต่เมื่อเห็นท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับน้ำเสียงเง้างอดของลูกเจี๊ยบน้อยแล้วชายหนุ่มก็ละความสนใจจากหญิงสาวไปทันที
 
อดเปรี้ยวไว้กินหวานอีกครั้งจะดีกว่า
 
แถมของหวานยังเนื้ออ่อนๆนุ่มๆซะด้วยสิ
 
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
 


........................................

อดเปรี้ยวไว้กินข้าวแดงในคุก

ชะนีนุ่งบิกีนี่เล่นน้ำคลองมีจริงๆนะคะ ไรท์เจอมากับตา ตอนนั้นไปตกปลาแรดที่คลองแยกไม่ออกเลยว่าระหว่างปลากับชะนีคนนั้นอะไรมันจะแรดกว่ากัน 5555555555555

คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

1 เม้นท์ 1 แท็ก เท่ากับล้านกำลังใจนะคะ

#พระลอตามไก่


ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องเจี๊ยบของแม่ แง้

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อื้อหือออ น้องเจี๊ยบของพี่  :hao6: ป.ล. อัพเร็วมากค่ะเหมือนเมื่อเช้าจะมาไปแล้วตอนหนึ่ง +1 ไปโล้ด o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
คอนเฟิร์มอีกเสียงว่ามีจริงๆๆๆ แถมเป็นบิกินี่สีแดงแปร๊ด ดีที่ปลิงไม่กัด...

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๑








                วันนี้บ้านของลลิตภัทรครึกครื้นกว่าที่เคยเป็นเพราะบรรดาเพื่อนๆที่กำลังจับกลุ่มคุยกันไปฉีกใบตองกันไปอย่างออกรสออกชาติ วีรกรรมสมัยที่พระลออยู่กรุงเทพถูกหยิบยกเอามาบอกเล่าจนย่าโฉมหัวร่องอหายเสียจนเหนื่อย หลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่เคยรู้ก็ได้รู้เอาเสียวันนี้นี่เอง

 

ลูกชายของหล่อนไม่ใช่หนุ่มเรียบร้อย ออกจะเป็นคนโผงผางและมีมุกตลกยามอยู่กับเพื่อน และดูเหมือนจะเจ้าชู้อยู่นิดๆแต่ไม่ได้จริงจังกับใคร

 

เมื่ออยู่กับเพื่อนฝูงลลิตภัทรก็เหมือนชายหนุ่มทั่วๆไปที่มีพูดทะลึ่งและหลุดคำหยาบอยู่บ้าง

 

ต้นกล้วยหลายต้นถูกนำมาวางไว้ให้ลลิตภัทรและเพื่อนอีก 2-3 คนมีหน้าที่ใช้มีดเล่มคมๆหั่นชำแหละให้เป็นแว่นๆ ใบตองถูกนำมาฉีกขนาดเท่าๆกัน ดอกไม้จำพวกกุหลาบ ดาวเรือง มะลิ กล้วยไม้ ถูกตัดเก็บมาเตรียมไว้ ดอกไม้ธูปเทียนที่ย่าโฉมและนิดาช่วยกันพันกับกระดาษย่นจนเป็นดอกกุหลาบปักอยู่บนแผ่นโฟมแผ่นใหญ่ อริตานั่งเช็ดใบกล้วยด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเมื่อไม่สามารถเข้าไปประจ๋อประแจ๋กับลลิตภัทรได้อย่างที่ตั้งใจ

 

วันนี้เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ที่วัดจัดงานลอยกระทงโดยมีชาวบ้านช่วยกันทำกระทงไปถวายวัดเพื่อจำหน่ายให้กับสาธุชนที่ไปร่วมงานบุญกับทางวัด และเช่นเดียวกับชาวบ้านบ้านอื่นๆ บ้านของพระลอก็เข้าร่วมงานบุญนี้ด้วย หล่อนและเพื่อนๆของลลิตภัทรถูกปลุกตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมาช่วยกันฉีกใบตองตัดต้นกล้วย

 

ไหนล่ะที่เคยวาดฝันไว้ว่าจะได้สวีทหวานกับลลิตภัทรสองต่อสองแบบเนื้อแนบเนื้อท้องชนกันแบบตอนอยู่กรุงเทพ ตั้งแต่เมื่อเย็นวานที่เล่นน้ำลลิตภัทรก็เหมือนจะกั้นพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาทันที ไม่คุยหวานๆกับหล่อนอีก แม้จะพยายามเข้าหาทุกวิถีทางแต่ชายหนุ่มก็หลบเลี่ยงหล่อนตลอดจนกระทั่งถึงเวลานอน ถ้าเป็นตอนอยู่กรุงเทพหล่อนไปนอนค้างอ้างแรมกับชายหนุ่มที่คอนโดได้ตลอด แต่เมื่อคืนลลิตภัทรให้อริตานอนในห้องพักแขกแล้วลากเพื่อนสนิทอย่างโอม กับพลเข้าไปนอนในห้องด้วย ส่วนเพื่อนอีก 5-6 คนที่เหลือกางมุ้งนอนที่นอกชาน

 

อะไรทำให้ลลิตภัทรเปลี่ยนไป

 

ไม่อยากจะคิดในแง่ลบหรอกนะ แต่เด็กคนนั้นคนที่พอลลิตภัทรเห็นถอดเสื้อปุ๊บก็กระโดดลงน้ำแล้วว่ายข้ามคลองไปหานั่นน่ะไม่น่าไว้ใจเลยซักนิด ทั้งๆที่หล่อนชวนแทบตายลลิตภัทรไม่ยอมลงมาเล่นด้วยแต่เพียงแค่เด็กคนนั้นถอดเสื้อ ไม่ได้พูดอะไรซักคำ ผู้ชายของหล่อนก็โดดน้ำว่ายไปหาแล้ว

 

นั่นแค่ลูกเพื่อนเองนะ ทำไมต้องไปเจ้ากี้เจ้าการให้ใส่เสื้อแล้วขึ้นบ้านไป

 

ทำเหมือนคนหวงของ

 

ตอนแรกหล่อนคิดว่าลลิตภัทรจะแนะนำกับครอบครัวว่าหล่อนเป็นคนพิเศษ เป็นแฟน หรือใช้คำว่ากำลังดูๆกันอยู่ก็ได้ แต่ลลิตภัทรกลับแนะนำและวางหล่อนไว้ในฐานะเพื่อนไม่ต่างจากคนอื่นๆที่มามันทำให้หล่อนหน้าขาไปเล็กน้อย ก็เข้าใจอยู่ว่าลลิตภัทรไม่อยากผูกมัดกับใคร ที่ผ่านมาชายหนุ่มมีสัมพันธ์ทางกายแบบวันไนท์แสตนมาตลอดยกเว้นกับหล่อนที่ยังคงติดต่อกันเรื่อยๆ

 

แต่ตอนนี้ลลิตภัทรทำเหมือนที่ผ่านมามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่มีการคุยเล่นสองแง่สองง่ามแบบที่ชอบทำ วางตัวได้นิ่งสนิทจนใจไม่ดี

 

หรือจะเบื่อกันแล้ว...

 

                “หนูแอนลูก...”เสียงหญิงชราที่ดังอยู่ใกล้ๆเรียกสติของหล่อนให้กลับมา

 

                “คะ...คุณแม่”

 

         “ใบตองน่ะหนูต้องเช็ดเบามือหน่อยนะจ๊ะ ไม่งั้นมันจะช้ำกว่าจะถึงตอนเย็นเดี๋ยวดำหมด”ย่าโฉมเอ่ยเตือนเมื่อหญิงสาวลงแรงกระแทกกระทั้นใส่กับใบตองจนช้ำ อริตาได้แต่พยักหน้ารับคำแล้วเช็ดใบตองต่อแม้จะไม่ชอบใจซักเท่าไหร่

 

                “แปลก...”อยู่ๆลลิตภัทรก็พูดขึ้นมาลอยๆ

 

                “อะไรแปลกหรือพ่อลอ?”

 

                “ปกติเวลามีงานอะไรลูกเจี๊ยบจะต้องมาช่วยแม่ทำนี่ครับ ทำไมวันนี้ไม่เห็นมาหายทั้งพี่ทั้งน้อง”

 

คิดถึง  อยากเห็นหน้า  มีแก้วเจ้าจอมมาด้วยก็ได้ อยากได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของลูกเจี๊ยบขี้เถียง

 

                “ถ้าเป็นลอยกระทงเจี๊ยบต้องช่วยพ่อกับแม่ทำกระทงที่บ้านน่ะ  บ้านนู้นเขาก็ร่วมด้วยเหมือนกัน น่าจะลากยาวยั้นเย็นนั่นแหล่ะ”ลลิตภัทรพยักหน้าแสดงความเข้าใจ

 

เป็นปกติที่บ้านของแดนดินจะช่วยงานกับทางวัดค่อนข้างเยอะ นอกจากตำแหน่งกำนันแล้ว หลวงตาจวบก็จำวัดอยู่ที่นี่ตั้งแต่ยายประไพตายเมื่อ 5-6 ปีก่อน ประจวบผู้เป็นสามีก็บวชอุทิศให้กับภรรยาแล้วก็บวชยาวมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นไม่ว่าที่วัดจะมีงานบุญหรืองานใดใดให้ช่วยทางบ้านของแดนดินจะให้ความร่วมมือเสมอ

 

กระทงเกือบสามสิบใบถูกลำเลียงใส่ท้ายรถแล้วพาไปส่งยังโต๊ะที่จะจัดวางจำหน่ายแด่ประชาชนที่จะมาร่วมงาน ตามทางเดินผูกด้วยผ้าหลากสีเป็นดอกไม้อันใหญ่ๆลากยาวไปถึงตีนท่า ไฟหลากสีถูกประดับประดาสวยงาม ด้านหน้าโบสถ์คณะรำวงกำลังจัดเตรียมเวทีสำหรับแสดงคืนนี้ ถัดออกมาตรงลานกว้างใกล้ริมน้ำที่ตอนเย็นๆเด็กวัดมักจะมาเตะตะกร้อถูกจัดเป็นเวทีสวยงามสำหรับประกวดนางนพมาศ ด้านตรงข้ามมีจอหนังกลางแปลงที่ทิดอ่ำจ้างมาฉายให้คนดูฉลองที่ลูกชายบวชเป็นพระใหม่ที่วัดนี้ ส่วนเวทีด้านหน้าวัดมีโรงลิเกตั้งไว้รอท่าตั้งแต่เมื่อวานแดนดินเป็นคนจ้างมาเล่นให้คนเฒ่าคนแก่และเด็กๆที่ชอบดูการแสดงพื้นบ้านได้ดูกัน บริเวณโดยรอบมีร้านค้ามาตั้งแผงกันอย่างคึกคักเครื่องไฟถูกเปิดลองเสียงเพื่อจะใช้ในค่ำคืนนี้ ลลิตภัทรเดินตรวจตราความเรียบร้อยก่อนจะกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆอย่างพอใจกับภาพรวมของงาน ชายหนุ่มเห็นเจ้าขากำลังจัดเรียงกระทงลงบนโต๊ะพร้อมด้วยจิ๊บส่วนแดนดินคุยกับหลวงตาจวบอยู่อีกทางโดยมีเจ้าจอมนั่งเล่นลูกแก้วอยู่ข้างๆ

 

ลูกเจี๊ยบของเขาหายไปไหน?

 

ลลิตภัทรกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบกับร่างสูงโปร่งคุ้นตากำลังยืนคุยอยู่กับคนชื่อสอง เสียงหัวเราะใสดังลั่นยามที่อีกฝ่ายทำท่าตลกใส่

 

คือยังไง ไหนว่ายังเรียนอยู่ทำไมเสร็จงานบวชพี่ชายแล้วไม่กลับไปร่ำไปเรียนวะ มาเกาะแกะกับลูกเจี๊ยบของเขาอยู่นั่นแหละ อยากเรียนซ้ำชั้นหรือสอบตกมากนักเหรอวะ

 

แล้วนั่นลูกเจี๊ยบทำไมต้องกระโดดขี่หลังแนบชิดไอ้เด็กสองนั่นขนาดนั้นด้วยเนื้อแนบเนื้อไปยั้นไหนๆแล้วทำไมไม่รู้จักระมัดระวังตัวสำรวมกริยามั่ง

 

หวงตัวเป็นป่าววะ มันน่าจับมาตีให้ตูดลายเลยพับผ่าสิ

 

                “อาลอ”แรงเขย่าที่ข้อมือทำให้ลลิตภัทรต้องละสายตาจากเจ้าลูกเจี๊ยบก้มลงไปมองมือเล็กๆที่กำข้อมือของเขาไว้

 

ก้างหมายเลขหนึ่งมองมาที่เขาตาแป๋ว

 

                “ว่าไงครับเจ้าจอม”ชายหนุ่มวางมือลงบนหัวหลานพลางปรับน้ำเสียงไม่ให้หงุดหงิดใส่เด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

 

                “พ่อกำนันให้หนูมาบอกให้อาลอขึ้นไปคุยเรื่องเปลี่ยนไฟวัดจ้า”

 

                “โอเคเดี๋ยวอาขึ้นไป”ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันดีเป็นมิตรสุดๆ พลันลลิตภัทรก็นึกอะไรออกมือหนาคว้าแขนเด็กน้อยไว้แล้วก้มลงกระซิบเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน

 

                “เจ้าจอม อยากได้รถบังคับมั้ย คันที่อาลอเคยบอก”เด็กน้อยตาโตแสดงความสนใจขึ้นมาทันที ใบหน้าเล็กพยักหน้าหงึกหงักตอบรับ

 

                “อยากได้จ้า”

 

                “ถ้างั้นเจ้าจอมช่วยอะไรอาอย่างหนึ่งได้มั้ยครับ”

 

                “อาลอจะให้หนูช่วยอะไรจ๊ะ?”

 

                “ช่วยไปแยกพี่เจี๊ยบกับพี่สองหน่อยได้มั้ย เล่นกันในวัดในวาบาปกรรม”อ้างบุญบาปไว้ก่อน เด็กมันไม่รู้หรอก

 

                “บาปตรงไหนอ่ะ?”อ่าว เสือกจะมาสงสัยอะไรตอนนี้อีกวะ

 

                “ก็มันไม่สำรวมไง อยู่ในวัดต้องสำรวมกริยา”

 

                “เร๊อะ?? ทำไมไม่เคยรู้เลยอ่ะ”เจ้าหนูจำไมทำสีหน้างงๆ

 

                “เออ นี่ก็รู้ไว้ไง อาบอกอยู่เนี่ย จะเอามั้ยรถถ้าเอาก็ไปทำตามที่อาบอก แต่อย่าให้ใครรู้นะว่าอาสั่ง”

 

                “ก็ด๊ะ...เห็นแก่พี่เจี๊ยบหรอกนะ หนูกลัวพี่เจี๊ยบจะบาปไม่ได้เห็นแก่รถบังคับซักกะติ๊ดเดียว” ถ้าเป็นเวลาอื่นลลิตภัทรก็อยากจะด่าแก้วเจ้าจอมว่าไอ้เด็กกลับกลอก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ที่เขาต้องพึ่งพาความสาระแนของแก้วเจ้าจอมลลิตภัทรทำได้เพียงลูบหัวหลานเบาๆทั้งที่ในใจอยากจะกระชากให้หัวหลุดติดมือเสียเหลือเกิน

 

แล้วแก้วเจ้าจอมก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เมื่อเขาขึ้นไปคุยเรื่องเปลี่ยนหลอดไฟในโบสถ์กับแดนดินและเจ้าอาวาส พอมองลงไปที่ลูกเจี๊ยบก็พบว่าแก้วเจ้าจอมคอยเดินแทรกกลาง คอยขัดขวางไม่ให้สุรศักดิ์ได้ใกล้ชิดกับศตายุแม้ซักนิดเดียว

 

แก้วเจ้าจอมเธอเก่งมาก เธอเก่งที่สุด ฉันประทับใจ ฉันภูมิใจในตัวเธอสุดๆ #ทำเสียงแบบเซนเซย์ยูกิแล้วปรบมือด้วยความประทับใจรัวๆ

 

                เสียงเพลงประจำประเพณีลอยกระทงเริ่มต้นขึ้นในช่วงหกโมงเย็น ร้านค้าร้านรวงต่างๆเริ่มคึกคัก กลิ่นข้าวโพดคั่วที่กำลังแตกอยู่ในถังอบอวลผสมกับกลิ่นไก่ย่าง ลูกชิ้นปิ้งที่ถูกชโลมด้วยน้ำจิ้มเข้มข้นแข่งกับปลาหมึกย่างที่หมักขมิ้นจนกลายเป็นสีเหลือง ถัดไปมีซุ้มปาโป่งที่บรรดาวัยรุ่นเริ่มเข้ามาใช้บริการ เสียงโห่ฮายามที่อีกคนปาพลาดเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนที่ยืนมองได้จนทั่ว

 

บริเวณซุ้มขายกระทงถูกจัดแต่งอย่างสวยงามด้วยใบมะพร้าวที่เอามาสานเป็นประตูซุ้ม  จันทร์เจ้าขาถูกจับแต่งชุดไทยเสื้อแขนกระบอกสีชมพูอ่อนพาดทับด้วยสไบปักดิ้นทองทำให้เด็กสาวสวยหวานน่ารัก เด็กสาวๆอีกหลายคนที่แต่งชุดแบบเดียวกันแต่คนละสีนั่งคุยเล่นกันอยู่ในซุ้ม จิ๊บตรวจดูความเรียบร้อยของลูกด้วยสีหน้าพึงพอใจ พระลอมองภาพแม่ลูกแต่งตัวให้กันแล้วอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ ดูท่าทางจิ๊บจะชอบลูกสาวจริงๆ เจ้าหล่อนดูมีความสุขที่ได้แต่งตัวให้ลูกราวตุ๊กตาที่ชอบเล่นในตอนเด็กๆ ไม่ไกลกันแก้วเจ้าจอมที่อยู่ในชุดไทยแบบเดียวกับคนเป็นพ่อก็กำลังงอแงจะเอาอะไรบางอย่างจากแดนดิน เขาลอบมองอากัปปกริยาของแดนดิน รายนั้นดูรักและตามใจลูกเสียเหลือเกินหากแต่ว่าถึงแม้จะตามใจแต่แดนดินไม่ได้ให้ทุกอย่างที่ลูกร้องจะเอา ชายหนุ่มถามหาเหตุผลกับสิ่งของที่ลูกอยากได้เมื่อแก้วเจ้าจอมตอบไม่ได้หรือคำตอบไม่ถูกใจคนเป็นพ่อจึงเอ่ยปฏิเสธจนเจ้าลูกชายตัวเล็กทำหน้างอแงใส่ ชาวบ้านริ่มทยอยมาเที่ยวชมงาน ธีมงานของวันนี้ลลิตภัทรบอกเสียงตามสายไปแล้วว่าให้แต่งตัวด้วยชุดไทยเท่าที่มีชายหนุ่มจะให้เพื่อนๆมาอัดวีดีโอและถ่ายรูปเพื่อใช้ทำแผนงานส่งเสริมวัฒนธรรมประจำหมู่บ้านต่อไป บรรดาคนเฒ่าคนแก่หลายๆคนมาด้วยเสื้อคอกระเช้านุ่งผ้าโจงกระเบน บ้างก็นุ่งโจง เสื้อแขนกระบอกห่มสไบแบบตอนมาวัด ที่สาวๆหน่อยก็ครีเอทชุดมาหลากหลายทั้งห่มสไบกับโจงแต่งหน้าแต่งตามาประชันกันเต็มที่ พระลอเองก็มาในชุดเสื้อพระราชทานปกสองชั้นและนุ่งโจงสีเปลือกมังคุดเข้าชุดกันยิ่งส่งให้ผิวขาวสว่างขึ้นไปอีกจนคนมองกันทั้งงาน เพื่อนๆของพระลอมาในชุดเสื้อลายดอกผ้าต่วนง่ายๆเท่าที่จะหาได้ส่วนท่อนล่างเป็นผ้าโจงหลากสีเป็นผ้าเก่าที่ย่าโฉมเก็บไว้ อริตาลงทุนขับรถไปเช่าชุดจากในเมืองชุดของหญิงสาวเป็นชุดไทยจักพรรดิ์ ตัวสไบสีแดงด้านนอกเป็นสไบดิ้นทองดูหรูหราราวกับจะมาประกวดนางนพมาศเสียเอง หญิงสาวยามเดินเคียงคู่กับพระลอให้ความรู้สึกเหมือนบ่าวสาวก็มิปาน ใครๆต่างก็มองแล้วคิดว่านี่คงเป็นคู่ตุนาหงันของผู้ใหญ่บ้านคนใหม่แน่ๆ ก็เจ้าหล่อนเล่นเกาะแขนชายหนุ่มแจพลางส่งยิ้มหวานระคนเหยียดๆใส่ลูกบ้านสาวๆที่เข้ามาทักทายผู้ใหญ่บ้านหนุ่มอีกต่างหาก

 

แล้วคนโตไปไหน? พระลอไม่ได้สนใจหญิงสาวโฉมสครวญข้างๆเลยด้วยซ้ำสายตาเอาแต่สอดส่ายหาเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนิ่มจนไปสะดุดเข้ากับร่างคุ้นตา ศตายุยืนคุยหัวเราะคิกคักอยู่กับก้างหมายเลขสอง เด็กหนุ่มสวมเสื้อพระราชทานแขนสั้นสีเหลืองแบบเดียวกับสุรศักดิ์ที่รายนั้นใส่สีชมพูแปร๊ดแถมบนใบหน้ายังประดับด้วยแว่นตาดำอันเดียวกับที่ใส่เมื่อวันเต้นหน้านาค โจงกระเบนสีน้ำตาลแดงไม่ได้ทำให้ดูเรียบร้อยกลับดูเหมือนจิ๊กโก๋สมัยรัชกาลที่ห้ากลับชาติมาเกิดก็มิปาน เด็กน้อยของเขายืนกอดอกอีกมือยกขึ้นมาลูบคางนั่งมองนางรำที่กำลังสาละวนอยู่กับการจัดเก้าอี้หน้าเวที

 

เสียงโฆษกเอ่ยชวนพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาลูกเล็กเด็กแดงให้เข้ามาเล่นรำวงดังลั่นวัดรวมทั้งเชิญผู้ใหญ่แดนดินและภรรยาให้เป็นประธานเปิดงาน แดนดินควักกระเป๋าจ่ายเหมารำวงรอบแรกเพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าไปร่วมสนุกกันได้ฟรีๆ กำนันหนุ่มโค้งให้กับภรรยาสาวแล้วออกไปรำเปิดฟลอร์โดยมีลูกๆหัวเราะคิกคักยามเห็นพ่อแม่ทำหวานใส่กัน แม้จะอยู่ใช้ชีวิตร่วมกันมาถึง 16 ปีแล้วแต่แดนดินไม่ได้รักจิรนันท์ลดลงเลยซักนิดสามีหนุ่มเอาอกเอาใจภรรยาไม่เคยขาด เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันนั้นแทบจะไม่มีให้เคืองใจนอกจากเถียงกันเล็กๆน้อยๆเรื่องของลูก จิรนันท์ส่งรอยยิ้มให้สามีดวงตาหวานเปล่งประกายของความสุข สุขจนลลิตภัทรเก็บมาคิดในใจว่าถ้าหากตอนนั้นจิรนันท์ไม่รักกับแดนดินและยังคบกับเขาจนแต่งงานมีลูกมีเต้าเขาจะทำให้จิรนันท์มีความสุขได้เหมือนกันที่แดนดินทำมั้ย

 

เขาอาจจะทำให้จิรนันท์ร้องไห้

 

เขาอาจทำให้จิรนันท์ไม่มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่แบบทุกวันนี้ก็ได้

 

รำวงรอบกำนันจบลงพระลอจึงเดินไปแจ้งความจำนงค์ว่าตนเองจะเหมารอบต่อไปให้ชาวบ้านได้เข้าไปร่วมสนุกอีกรอบ เสียงชาวบ้านร้องเฮกันดังลั่นเมื่อดนตรีเริ่มทั้งผู้เฒ่าผู้แก่คนหนุ่มคนสาวไม่เว้นแม้แต่เด็กๆก็เข้าไปโค้งนางรำซึ่งก็ไม่ใช่ใครเลยเป็นเด็กสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านนั่นแหล่ะให้ออกไปรำเป็นคู่ๆ อริตายิ้มแก้มปริเมื่อพระลอเดินตรงมาที่ตน หล่อนจัดชุดให้เข้าที่ความประหม่าและตื่นเต้นฉายชัดบนใบหน้า หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้และเอื้อมมือมาข้างหน้า อริตายื่นมือตัวเองไปหมายจะวางลงบนฝ่ามือของลลิตภัทรหากแต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านหล่อนไปด้านหลัง

 

ศตายุที่ยืนคุยกับสุรศักดิ์อยู่ด้านหลังอริตาหันมามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางงงๆ ชานอ้อยที่เคี้ยวอยู่ในปากถึงขั้นร่วงลงพื้นเมื่อลลิตภัทรเอ่ยพูดกับตนด้วยประโยคสั้นๆ

 

                “ให้เกียรติรำวงกับอาซักเพลงได้มั้ยคะ?”

 







 

 ((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2




 

            พระลออยากจะถอดรองเท้าเขวี้ยงหัวคนเชียร์รำวงนัก เมื่อเพลงที่เขาชวนศตายุออกมารำอยู่ๆก็เปลี่ยนจังหวะไปเป็นสามช่า แถมเป็นเพลงของอาชาย เมืองสิงห์ ที่จังหวะโจ๊ะฝุดๆไปเลย




 

มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา หัวใจชายว่างขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา

 มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
มาลัยลอยวน เคยคล้องจนล้นคอชาย
มาลัยน้ำใจของแฟนเคยให้ล้นหลาม
เรารักกันจริง จะทอดจะทิ้งลงก็ตาม
อย่าเพิ่งใจดำ เป็นแฟนประจำ เถิดหวานตา
บ้านใกล้เรือนเคียง เคยฟังแต่เสียงชายครวญ
เคยชมชื่นชวน ไม่น่ามาด่วนตัดสัมพันธ์
เอารักมาคืน ไปรักคนอื่นทำไมกัน
นาวาสวรรค์ มารับจอมขวัญแล้วกานดา
ลืมหนุ่มหน้ามน อย่าพึ่งลืมคนชื่อชาย
เดี๋ยวนี้เป็นหม้าย เพราะแฟนมาหน่ายมาแหนง
ชาติจะดี ไม่ต้องทาสีก็คงแดง ค่าตัวไม่แพง
เพราะไม่เคยแข่งราคา คุณปู่คุณย่า คุณลุงคุณป้าคุณตาคุณยาย
ลืมแล้วหรือไร หรือมีหลานใหม่เดี๋ยวนี้
พาร์ตเนอร์ที่รัก อย่าพึ่งรีบผลักไมตรี
ลองมารักพี่สักที เดี๋ยวนี้มีดีไม่แหกตา
...มามาซีหละมาเป็นแฟนพี่ เถิดมาน้องมา เร็วเร็วไวไว
เรามารักกันใหม่อย่าเพิ่งระอา
 หัวใจชายว่าง ขอเชิญร้อยชั่งมานั่งตีลังกา
มาได้มาเสีย มาเป็นมายเดียร์ของพี่ก็มา
เป็นหม้ายมาหลายเวลา เพราะขาดคู่ขา ประจำ
ทนทุกข์ระกำ ไม่มีแฟนพร่ำนอนเพ้อ
ใครรักชายจริง รับรองไม่ทิ้งทอดเธอ
จะซื่อจนเซ่อ ชะโอละเหนอ ชะโอละชา
ขอบคุณแฟนแฟน ที่ยังเหนียวแน่นเป็นแฟนพี่ชาย
ด้วยความเต็มใจ สงสารพ่อหม้ายเอาบุญ
เพราะทุกข์จิปาถะ สงสารพี่นะจะขอบคุณ
ช่วยรับการุณ อย่าให้ขาดทุน เรื่องสีกา
มาซีมาซี มาเป็นแฟนพี่ไม่มีขาดทุน
หญิงใดใจบุญช่วยทำให้อุ่นหัวใจ หน้าชื่นตาบาน
ถ้าแฟนสงสารพี่ชาย หากพี่ดังอีกวันใด
รีบหมายใจและหมายตา เมียพี่มีชู้วงการเขารู้กันดี
เขาไม่ปราณี นักร้องอย่างพี่บุญน้อย
มัวร้องเพลงเพลิน คู่รักเลยเหินลมลอย
ผีซ้ำด้ามพลอย สงสารพี่หน่อยนะกานดา




 

          มันมาอีกแล้วครับ วิญญาณแว้นซ์ท้ายคลอง ศตายุออกเสเต็ปเทพใส่ลลิตภัทรอย่างลืมตัว ทำนองสามช่าโจ๊ะๆพาลให้แข้งขาขยับ เต้นยับแบบไม่สนโจงกระเบนที่ใส่ เสียงโห่ฮิ้วดังเชียร์เป็นระยะให้ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มเต้นสู้เจ้าเด็กที่ปกติเวลาแตะนิดหอมหน่อยตัวก็แดงเป็นกุ้ง ลลิตภัทรค่อยๆจับจังหวะเปลี่ยนจากรำมาเต้นย๊อกแย๊กสู้กับคนหลานผู้เฒ่าผู้แก่พากันล้อมวงจนผู้ใหญ่บ้านหนุ่มกับลูกชายกำนันได้เต้นเด่นตรงกลาง แก้วเจ้าจอมปรบมือสลับกับหัวเราะราวกับพี้ใบกระท่อมมา  สองเต้นกระแย๊กๆถัดขาเข้าไปแจมแต่ลลิตภัทรก็เต้นกันพลางส่งสายตาเรียกแก้วเจ้าจอมให้เข้ามากั้น เด็กน้อยที่ฉลาดเฉลียวก็แถแถ่ดๆเข้ามาเต้นกันสุรศักดิ์ออกไปจากศตายุ พระลอมองภาพเด็กน้อยของเขาออกเสต็ปแบบลืมตายแล้วอยากจะร้องไห้สลับกับหัวเราะไปในคราวเดียวกัน ศตายุยืดแขนสูงทิ้งสะโพกพ้อยด์เท้าเมื่อทำนองสุดท้ายจบลง เสียงปรบมือกันเกรียวกราวบรรดานักเต้นต่างออกไปนอกวงแล้วเริ่มซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาเต้นในรอบต่อไป

 

            “อาเพิ่งรู้นะคะว่าเจี๊ยบเต้นเก่งขนาดนี้”ลลิตภัทรแกล้งชมเผื่อศตายุจะรู้ตัวบ้างว่าตัวเองนั้นดีดเสียเหลือเกิน

 

            “ฮื่อ หนูชอบเต้น อยู่ที่โรงเรียนเพื่อนก็ชอบให้เต้น ว่าแต่อาลอเถอะ...”คนเด็กมองมาที่เขาพลางอมยิ้มน้อยๆ

 

            ทำไมคะ อาทำไมเหรอ?”

 

            “อาลอเต้นแบบ...”เด็กน้อยทิ้งจังหวะคำพูดให้ได้ลุ้น

 

            “แบบอะไรคะ?”ลลิตภัทรเอียงคอมอง

 

            “อาลอเต้นเหมือนลุงไขข้อเสื่อมกับเจ็บเอวเลยจ้า”

 

เฟล เฟลเหี้ยๆ นี่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นพูดลลิตภัทรสาบานได้เลยว่าจะเตะให้กระเด็น แต่นี่เป็นศตายุเจ้าเด็กยอดดวงใจของเขา พระลอจะม่ายโกด รอถึงเวลาอันพอเหมาะจะได้รู้ว่าอาลอน่ะ เข่าดีเอวเด้งขนาดไหน

 

            ยิ่งดึกขึ้นเรื่อยๆบรรยากาศในงานก็ยิ่งคึกคัก บรรดาเพื่อนๆของลลิตภัทรไม่ได้สนใจจะลอยกระทงมากนักแต่กลับไปยืนตามรำวงและเคลื่อนขบวนมาชมการประกวดนางนพมาศเมื่อตอนสามทุ่ม บรรดาสาวงามจากหลายหมู่บ้านทั้งพวกที่เดินสายประกวดและมือสมัครเล่นต่างขึ้นมาประชันโฉมกันพลางฉีกยิ้มและกลายร่างเป็นสาวมารยาทงามย่อตัวลงไหว้ทีจนคางแทบจะชิดไข่พิธีกรเพื่อหวังคะแนนจากกรมการและมาลัยที่ช่วยเพิ่มคะแนนให้ได้รับตำแหน่งมากยิ่งขึ้น ถ้วยรางวัลวางเด่นเป็นสง่า เงินรางวัลสำหรับผู้ชนะคือหนึ่งหมื่นบาท อาจจะไม่ได้มากมายนักแต่หากใครได้ตำแหน่งจะกลายเป็นสาวงามประจำหมู่บ้าน ลลิตภัทรจำเป็นต้องมานั่งใกล้แดนดินกับจิ๊บโดยมีอริตาตามติดเป็นเหาฉลามมานั่งหน้าแป้นอยู่ด้านหน้าตรงโต๊ะประธาน

 

ศตายุเบะปากให้กับภาพนั้นแล้วแยกตัวออกไปดูหนังกลางแปลงด้วยจิตใจขุ่นๆ ส่วนแก้วเจ้าจอมเมื่อได้พวงมาลัยขนมก็ตามไปนั่งช่วยจันทร์เจ้าขาขายกระทงที่เต๊นท์สุรศักดิ์ที่เป็นคู่หูคู่ฮาก็ไม่ได้ปล่อยให้น้องได้อยู่คนเดียว เมื่อก่อนเขากับลูกเจี๊ยบไปหัวหกก้นขวิดตะลอนกันทั่วหมู่บ้าน กลับมาครั้งนี้ก็ขอเล่นซนกันให้สมกับที่คิดถึงซักหน่อยเพราะหลังจากนี้เขาคงไม่ได้มาเที่ยวเล่นเป็นเด็กๆกับลูกเจี๊ยบแบบเมื่อก่อนแล้ว

 

สุรศักดิ์รู้ดีว่าตนเองต้องก้าวข้ามวัยเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่การวางตัวให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ

 

            “เจี๊ยบกินลูกชิ้นปิ้งป่าวเดี๋ยวพี่เลี้ยง”ชายหนุ่มหันไปหาน้องน้อยที่ทำหน้าบูดเป็นตูดลิงนั่งดูหนังกลางแปลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ศตายุหันมาพยักหน้าเร็วๆเป็นคำตอบ

 

            “เอาไส้กรอกอีสานด้วยนะพี่สองแล้วก็โค้กถุงหนึ่ง เอาปลาหมึกย่างด้วย 10 ไม้ เดี๋ยวๆเอาข้าวโพดคลุกเนยด้วยแก้วหนึ่ง”

 

            “จำได้ว่าถามว่ากินลูกชิ้นปิ้งมั้ยอย่างเดียวนะ”สุรศักดิ์ยันหัวคนน้องที่พอเปิดช่องเรื่องของกินก็สั่งราวกับคิดเมนูไว้แล้ว

 

            “ไรอ่ะ แค่นี้เลี้ยงน้องไม่ได้อ่อ”คนเด็กทำปากยู่อย่างขัดใจ

 

            “เออๆเดี๋ยวซื้อให้ รอแป๊บ”ศตายุหันกลับไปดูหนังต่อไม่นานที่นั่งข้างๆก็มีคนมานั่งด้วย

 

            “กลับมาเร็วจังล่ะพี่สอง...อ้าว อาลอ...”ศตายุปรับสีหน้าให้นิ่งเมื่อคนที่นั่งข้างๆไม่ใช่รุ่นพี่คนสนิทแต่เป็นผู้ใหญ่บ้านหน้าแฉล้มที่ถูกปลิงนมโตเกาะไม่ปล่อย

 

            “มานั่งนี่ทำไมจ๊ะแล้วป้าแอนก็ตามหาหรอก”

 

            “อาหนีมาน่ะ อยากนั่งกับลูกเจี๊ยบมากกว่า”กระแซะหัวไหล่กับแขนเด็กอย่างออดอ้อนงอนง้อเพราะรู้ดีว่าที่คนเด็กมานั่งทำท่ามึนตึงเกิดมาจากสาเหตุไหน ดูก็รู้ว่าศตายุกำลังงอน คนเด็กทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จ้องมองจอหนังตาแป๋วราวกับว่าหนังเรื่องนั้นมันสนุกนักหนาแต่อันที่จริงแล้วตอนนี้เด็กน้อยดูหนังไม่รู้เรื่องเลยซักนิด เพียงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาลอแตะมาโดนก็ร้อนวาบราวกับจับไข้

 

            “อาไม่ได้อยากให้เขามาเกาะติดนะคะ แต่อาปฏิเสธเขาไม่ได้ ยังไงเขาก็ผู้หญิง”

 

            “ใครถามจ๊ะ ไม่เห็นอยากรู้”

 

            “ก็มีคนงอนอานี่คะ ไม่พูดไม่คุยกับอาหนีมานั่งดูหนังกับคนอื่นปล่อยให้อาชะเง้อจนมอบรางวัลให้ผู้เข้าประกวดผิดๆถูกๆ”

 

            “แล้วนี่หนีเขามาได้ยังไงล่ะจ๊ะก็เห็นเกาะติดยังกับทากาวซะขนาดนั้น”แม้ว่าใจจะอ่อนยวบลงไปมากโขกับคำอธิบายแต่ก็ไม่วายจะถามหาใครอีกคนที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด

 

            “ให้ไอ้พลพากลับบ้านพร้อมพ่อกับแม่อาไปแล้ว อยากเดินเที่ยวกับเด็กน่ารักๆ”

 

            งั้นอาลอคงต้องไปเดินกับเจ้าจอมเพราะหนูโตแล้ว”

 

            “ก็อยากเดินกับพี่ชายเจ้าจอมไม่ได้เหรอคะ จะเที่ยงคืนแล้วไปลอยกระทงกับอานะคะ ดีกันนะ นะๆ นะคะ ดีกัน อามาง้อแล้วนี่ไงคะ”ปลายนิ้วก้อยถูกส่งไปข้างหน้าคนเด็กพร้อมเสียงสองเสียงสามแสนงุ้งงิ้งขัดอายุ

 

            “ก็ได้ ดีด้วยก็ได้”ที่สุดเมื่อโดนคนแก่กว่างอนง้อ ศตายุก็หลุดยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ นิ้วก้อยอูมๆส่งมาเกี่ยวกับนิ้วของลลิตภัทรที่รอท่าอยู่แล้ว ข้อมือเล็กถูกดึงให้ลุกขึ้นเดินตามตนเองไปยังซุ้มขายกระทง สุรศักดิ์ที่กำลังจะเดินกลับไปยังที่ฉายหนังปรี่เข้ามาหาศตายุ ลลิตภัทรทำหน้าเหนื่อยหน่ายก่อนจะจ่ายเงินซื้อกระทงที่เจ้าลูกเจี๊ยบคุยอวดว่านี่เป็นของตนทำเอง แม้จะไม่สวยเท่าใบอื่นแต่ลลิตภัทรก็เลือกใบนั้นมาถือไว้พลางกุมมือหลานดึงให้เดินตาม สุรศักดิ์คว้าใบที่ใกล้มือที่สุดมาถือจ่ายเงินโดยไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวตามไปติดๆ

 

            “อาลอ...”ข้อมือที่ลลิตภัทรกุมอยู่กระตุกเบาๆ ชายหนุ่มหันไปเลิกคิ้วเป็นคำถาม

 

            “คือหนูไม่มีกระทงนะ อาลอรีบดึงหนูมาทำไมล่ะ”

 

            “ก็นี่ไงคะกระทง”พระลอยกกระทงในมือให้เด็กน้อยดู

 

            “ก็นั่นมันของอาลอนี่จ๊ะไม่ใช่ของหนูซักหน่อย”

 

            “ลอยด้วยกันค่ะ อาลออยากลอยกระทงกับหนู”ร่างสูงขยับเข้าไปชิดพลางกระซิบที่ข้างหูของเด็กน้อย

 

            “อาลออยากลอยกระทงครั้งแรกในรอบ 16 ปีกับหนูคนเดียว อาลออยากลอยกันแฟน” สิ้นประโยคน่าอายนั้นพลันปรากฏสีแดงเรื่อที่พวงแก้ม ศตายุกลั้นยิ้มขวยเขิน ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มที่ตอนนี้ส่องประกายแพรวพราวไม่รู้ว่ามันระยิบระยับเพราะกลั่นอารมณ์มาจากใจหรือเป็นเพราะแสงเทียนกันแน่

 

            “มั่วแล้ว ใครเป็นแฟนอาลอ ไม่ได้ตกลงด้วยซักหน่อย”ปากปฏิเสธแต่ก็ยอมนั่งลงช่วยเอามือป้องลมกันเทียนดับแต่โดยดี ลลิตภัทรอมยิ้มจนลักยิ้มบุ๋มไม่ต่างกับศตายุที่แอบยิ้มจนแทบจะปวดแก้ม

 

            “อาลอผมยืมไฟแช็คมั่งดิ่ จะลอยด้วย”สุรศักดิ์ที่ตามมาทันแทรกกลางพรวดเข้ามาในทันที ลลิตภัทรอยากจะกระโดดถีบให้ไอ้เด็กมารหัวใจนี่ตกน้ำไปซะจริงๆเลย แต่ด้วยฐานะผู้ใหญ่บ้านและวัยที่มากกว่าทำให้เขาไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด ร่างสูงยื่นไฟแช็คให้กับสุรศักดิ์แล้วยกกระทงขึ้นอธิฐานโดยจับมือของศตายุไว้ด้วย

 

          “อาลออธิฐานอะไรจ๊ะนานจัง”

 

            “ขอให้เจี๊ยบรับรักอาซักทีนะคะ”

 

            “ฮื้อ...ใครเขาอธิฐานอย่างนี้กันจ๊ะ อาลอนี่เพ้อเจ้อ รีบๆลอยเลยอยากกลับบ้านแล้ว”ลลิตภัทรไม่ได้หยอดต่อทำเพียงช่วยกันประคองกระทงลงน้ำ กระทงใบน้อยไหลไปตามสายน้ำตามใบอื่นๆไป ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นยืนเพื่อหันหลังกลับโดยไม่ทันเห็นว่าสุรศักดิ์กำลังจะเดินมาหย่อนกระทงของตัวเองบ้าง ไหล่กว้างชนเต็มๆกับคนที่กำลังจะนั่งลง ส่งผลให้ร่างของสุรศักดิ์เสียหลักตกโครมลงไปในน้ำจมทั้งคนทั้งกระทง

 

อุ๊ยตาย...แอมซอรี่นะสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปด ดวงคนมันจะตกน้ำอะเนอะ ขอขำก่อนเดี๋ยวค่อยช่วย


คิกค้ากกกกกกกกกกก
 

 

 


 



.................................



อาลอไม่ได้ผลักนะเออพี่สองตกลงไปเอง อันนี้อาลอไม่ผิด 5555555



วืด คือคำกริยา แปลว่านก อด  ว๊ายยยยยยยยยย



1 เม้นท์ 1 แท็ก 1 กำลังใจ ขอได้มั้ยเบเบ๋ ม๊วฟๆ



ไปรำวงกับอาลอล่อลวงกันเถอะเรา ปล่อยปลาแรดเขาวืดต่อไปเย๊เฮ

 

 

 

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ว๊าย ชะนีหน้าแหกเก็บเศษเร็วๆ ค่ะ โน่นรีบกลับป่าคอนกรีตไปเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
แกล้งเด็กได้อีก

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๒





                หลังจากถูกดึงขึ้นมาจากน้ำสุรศักดิ์ก็เปียกเกินกว่าจะเดินเล่นด้วยได้แล้ว หยาดน้ำไหลจ๊อกๆแถมอากาศก็เย็นเด็กหนุ่มจึงลากลับไปทันที ลลิตภัทรขอโทษขอโพยสุรศักดิ์ไปหลายต่อหลายคำแม้ในใจจะแอบหัวเราะจนแทบเก็บอาการไม่มิด เด็กหนุ่มวัย 19 ไม่มีทางรู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่อุบัตเหตุอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ ไอ้การบังเอิญหันมาชนกันน่ะเรื่องจริง แต่โดยธรรมชาติแล้วเวลาคนโดนชนจากทางด้านหน้าจะเสียหลักถอยไปด้านหลัง และแน่นอนสุรศักด์ควรจะถอยไปข้างหลังหากไม่ใช่ว่าพระลอฉวยจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังตกใจใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีใช้มือกระชากชายเสื้อเด็กหนุ่มมาด้านหน้าแล้วดึงตัวเองเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ผลคือสุรศักดิ์ได้เล่นน้ำฉลองงานลอยกระทงโดยที่ไม่มีใครจับได้แม้แต่เจ้าตัวคนที่ตกน้ำเอง แถมยังขอบคุณเขายกใหญ่ที่ช่วยดึงขึ้นมาจากน้ำอีกต่างหาก 



สุรศักดิ์ช่างเป็นคนชื่อๆ



ซื๊อ...ซื่อ

 

ซื่อบื้อ...

 



ลลิตภัทรพาศตายุกลับมาที่ซุ้มขายกระทงที่ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันเก็บของเพราะกระทงหมดแล้ว แก้วเจ้าจอมหลับโดยมีแดนดินอุ้มอยู่มองดูแล้วก็คล้ายลูกลิงอุรังอุตังกับพ่อลิงจ่าฝูงที่ตัวใหญ่ราวควายไบซัน ส่วนจันทร์เจ้าขาก็ตาปรอยเต็มทีแล้ว ปกติเด็กหญิงจะเข้านอนตอนสี่ทุ่ม จิ๊บเอ่ยลาทุกคนเพื่อเตรียมตัวพาลูกกลับบ้าน

 

                “อาลอหนูต้องกลับบ้านแล้วนะจ๊ะ”ลูกเจี๊ยบน้อยหันมาร่ำลาลลิตภัทรในขณะที่จิ๊บเดินมาหาลูกชายคนโตพอดี แดนดินแอบเหล่มองภรรยากับอดีตคนรักของจิ๊บนิดๆ



แม้จะรู้ว่าจิ๊บนั้นไม่ได้คิดอะไรกับลลิตภัทรแต่เขายังไม่ไว้ใจอดีดแฟนหนุ่มของภรรยาเท่าไหร่นัก

 

                “อ้าวลอ ยังไม่กลับอีกเหรอ?”

 

                “อื้อ จะกลับแล้ว”

 

                “แล้วนี่กลับยังไง เราเห็นเพื่อนลอเอารถกลับบ้านไปแล้วนี่”จิ๊บเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เพราะเมื่อเกือบสี่ทุ่มบรรดาเพื่อนๆของลลิตภัทรเป็นคนขับรถของชายหนุ่มกลับบ้านพร้อมพ่อและแม่ของลลิตภัทร

 

                “เดี๋ยวคงโบกรถกลับไม่ก็เดินกลับน่ะ”พระลอตอบอย่างสบายๆ ระยะทางแค่ 2 กิโลเมตรกว่าๆชายหนุ่มคิดว่าตัวเองเดินกลับได้อย่างสบายๆ จริงๆจะโทรให้เพื่อนขับรถกลับมารับก็ได้แต่เขากลัวว่าพ่อแม่ที่หลับไปแล้วจะสะดุ้งเพราะเสียงสตาร์ทรถ

 

                “บ้าสิ มืดค่ำดึกดื่นจะเดินกลับยังไง งูเงี้ยวเขี้ยวขอเยอะแยะ”จิ๊บเอ็ดอย่างไม่ชอบใจนัก

 

                “พี่ดินให้ลอกลับกับเรานะจ๊ะ”ที่สุดจิ๊บก็หันไปบอกกับสามีที่อุ้มลูกอยู่ แดนดินสะดุ้งฮือกก่อนจะทำฟันเหยินใส่แสดงออกว่าไม่ชอบใจกับคำพูดนั้นของภรรยา

 

                “แต่รถเราเต็มแล้วนะจ๊ะจิ๊บ เจ้าจอมก็หลับแล้วด้วยอัดข้างหลังไปเดี๋ยวลูกนั่งไม่สบาย”อ้างลูกไว้ก่อนยังไงสัญชาติญาณคนเป็นแม่ย่อมต้องเอาความสะดวกสบายของลูกที่สุด

 

                “ไม่เป็นไรจ้าพ่อเดี๋ยวให้เจ้าขานั่งแล้วให้เจ้าจอมหนุนตัก แล้วหนูไปนั่งท้ายกะบะกับอาลอเอง”แต่แดนดินลืมไปว่าลูกเขาเป็นคนตัดสินใจอะไรว่องไว...ไวจนไม่รู้ใจพ่อเลยลูกเอ๋ย มันน่าตีให้ตูดลายนัก

 

พระลอแอบกระตุกยิ้มวูบหนึ่งก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการหันไปยิ้มประจบให้จิ๊บ หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชาย

 

                “เอาตามที่ลูกว่าก็ได้พี่ดิน”

 

                “แต่ว่าจิ๊บ...”แดนดินเอ่ยขัดหากแต่จีรนันท์ตัดสินใจเด็ดขาดจนผู้เป็นสามีต้องหุบปากฉับด้วยเป็นคนรักและเคารพภรรยายิ่งชีพ นี่ถ้าทำได้จะเอาดอกไม้ธูปเทียนแพไหว้บูชาเมียก่อนนอนทุกวันไปแล้ว

 

                “ไปเถอะพี่เจ้าขาง่วงจะแย่แล้วเนี่ย”จิ๊บตัดบทก่อนจะเดินนำออกมาด้านนอกวัดที่จอดรถไว้อยู่ แดนดินหันไปทำปากขมุบขมิบใส่พระลอแต่ผู้ใหญ่บ้านหนุ่มทำลอยหน้าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย แล้วกำนันพ่อลูกดกจะทำอะไรได้นอกจากเดินตามภรรยาและลูกสาวไปขึ้นรถปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านหน้าใหม่เดินตามมาพร้อมกับลูกชายคนโต จีรนันท์เปิดประตูด้านหลังให้จันทร์เจ้าขาเข้าไปนั่งก่อนจากนั้นแดนดินถึงอุ้มเจ้าจอมตามเข้าไป ชายหนุ่มวางลูกชายคนเล็กอย่างทะนุถนอมจากนั้นอ้อมมานั่งด้านคนขับที่มีจีรนันท์นั่งรออยู่ด้านคู่คนขับ ลลิตภัทรเดินไปบอกว่าให้ส่งเขาตรงทางแยกของบ้านตนเองกับแดนดินเผื่อที่จะได้ไม่ต้องวนรถกลับไปกลับมา ศตายุปีนขึ้นกะบะหลังพร้อมกับลลิตภัทร เด็กน้อยกับอาหนุ่มนั่งหันหลังคู่กัน ในขณะที่รถค่อยๆแล่นไปข้างหน้ามืออุ่นของลลิตภัทรก็ค่อยๆเคลื่อนมากอบกุมมืออูมๆน้อยๆของหลานที่วางไว้บนเข่าไว้ ความมืดช่วยพรางตาไม่ให้คนด้านในตัวรถมองเห็นได้

 

                “อาลอ...เดี๋ยวเจ้าขาเห็น”ศตายุทำท่าจะหันไปมองด้านหลังเพราะกลัวจะมีใครเห็นร่างบางตั้งใจจะดึงมือออกหากแต่ลลิตภัทรดึงยื้อไว้

 

                “อย่าหันไปมองไม่มีใครเห็นหรอกเชื่ออา”เกิดความเงียบโอบล้อมขึ้นมาชั่วขณะ ศตายุพูดอะไรไม่ออกเด็กน้อยกดหน้านิ่งในขณะที่ลลิตภัทรดึงมือน้อยไปกุมไว้ที่อกตัวเอง ดวงตาคมมองเหม่อไปบนท้องฟ้าที่ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสีทองอร่ามท่ามกลางกลุ่มเมฆจางๆราวภาพวาดในวรรณคดี

 

                “อายังรอคำตอบของหนูอยู่นะคะ รอคอยอยู่ทุกวัน หนูอาจจะยังไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง แต่ลองเอาเก็บไปคิดดูนะคะว่าเวลาไม่เจออาหนูคิดถึงอามั้ย เวลากินอะไรอร่อยๆหนูนึกถึงอาบ้างหรือเปล่า เวลาอากอดหนู หนูรังเกียจหรือเปล่า แล้วเวลาอาหอมแก้มหนู หนูโกรธมั้ย?  อาจจะเป็นเพราะหนูยังเด็กถึงได้ยังลังเลไม่มั่นใจว่าความรู้สึกที่มีให้อามันคืออะไร แต่อาอยากบอกหนูไว้ว่าสิ่งที่อาทำให้หนูอาไม่เคยทำให้ใครมาก่อน หนูไม่มั่นใจความรู้สึกนี้เพราะหนูยังเด็ก แต่อามั่นใจความรู้สึกของอาเพราะอาเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

                “ผู้ใหญ่บ้าน?”

 

เนี่ย...ก็เป็นเด็กแบบนี้ กำลังซึ้งๆก็มาตัดฟีลกัน ถ้าเป็นเจ้าจอมพูดขัดพ่อจะถีบให้กระเด็นตกคันนาไปเลย แต่พอเป็นศตายุพูดพระลอก็ได้แต่ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน

 

                “โธ่ หนูจ๋า อาหมายถึงอายุอามากแล้ว เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่มีคืออะไรอามั่นใจไงคะ”

 

                “ฮื่อ...รู้แล้วๆ หนูหยอกเล่น...”

 

                “พรุ่งนี้อาจะรอคำตอบนะคะ พรุ่งนี้กลับจากโรงเรียนแล้วมาหาอานะคะ ไม่ว่าหนูจะเลือกทางไหนอาจะเคารพการตัดสินใจของหนู”ปากบอกไปอย่างนั้นแหล่ะราวกับให้คนเด็กกว่าได้เป็นคนเลือก แต่เอาเข้าจริงถ้าศตายุปั่นจักรยานมาเขาก็จะเปลี่ยนวิธีใหม่ที่จะทำให้เด็กน้อยเปิดใจรับเขาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตอยู่ดี

 

เขาโตพอที่จะเดาใจออกว่าลูกเจี๊ยบเองก็มีใจให้ตนอยู่บ้างไม่มากก็น้อยดูได้จากที่ศตายุไม่เคยหลบเลี่ยงสัมผัสจากเขาซักครั้ง

 

หากไม่รักใคร่ชอบพอกันการถูกเขาลวนลามอยู่เรื่อยๆนั้นคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ ลลิตภัทรอาจจะโดนเด็กต่อยปากแตกหรือไม่ก็คงวิ่งไปฟ้องพ่อให้เอาปืนมายิงเขาแบบวันแรกที่เจอกัน  ชายหนุ่มไม่ได้พูดจากดดันอะไรอีกทำเพียงใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือคลึงบนหลังมือเด็กน้อยเบาๆ ไร้การคุกคามจนกระทั่งรถชะลอตัวพระลอจำต้องละมือออกมาอย่างจำใจ ก่อนที่รถจะหยุดตัวลงลลิตภัทรก็พูดประโยคสุดท้ายของค่ำคืนนี้

 

                “มานะคะ มาหาอา อาจะรอ”

 







                ตีสองกว่าแล้ว ทั้งๆที่อากาศด้านนอกเย็นสบาย สายลมฤดูหนาวพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างให้ผิวเนื้อสะท้านวูบหากแต่ในใจของศตายุกลับร้อนรุ่มแปลกๆ

 

เด็กน้อยนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง กลิ่นข้าวโชยมาตามลมทั้งๆที่เมื่อก่อนเป็นกลิ่นที่ศตายุชอบบัดนี้กลับไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่น้อยลูบมือลงบนผิวเนื้อจุดที่อาลอจับไว้มื่อตอนนั่งรถกลับบ้านพลันใจก็ร้อนวูบแปลกๆ

 

ศตายุรู้ดีว่าความรู้สึกที่ตนเองมีให้กับอาหนุ่มนั้นมันพิเศษกว่าคนอื่น

 

แต่แบบนั้นคือรักเหรอ?

 

“เวลาไม่เจออาหนูคิดถึงอามั้ย”

 

                “คิดถึงสิ หนูคิดถึงอาลออยากเจออาลอทุกวัน...”

 

                “เวลากินอะไรอร่อยๆหนูนึกถึงอาบ้างหรือเปล่า”

 

            “นึกถึงสิจ๊ะ เวลาเจอของอร่อยๆหนูก็อยากให้อาลอมากินด้วย”

 

“เวลาอากอดหนู หนูรังเกียจหรือเปล่า”

 

“ไม่เลยซักนิด หนูชอบให้อาลอกอด”

 

“แล้วเวลาอาหอมแก้มหนู หนูโกรธมั้ย? “

 

“ไม่โกรธเลยจ้า วันไหนอาลอไม่หอมแก้มหนูสิหนูจะโกรธ”

 

เด็กน้อยตอบคำถามที่อยู่ในหัวของตนเองทีละข้อ พลันหัวใจก็เต้นรัวเร็วราวกับพระย่ำกลองตอนวันพระ

 

ศตายุยกมือขึ้นมากุมอกตัวเองด้วยความตื่นเต้น...เด็กน้อยได้คำตอบที่พระลอถามแล้ว...จริงอยู่ที่ลูกเจี๊ยบเพิ่งจะอายุ 15 ปี แต่เขาก็ไม่ได้เด็กจนจัดการกับความรู้สึกแปลกใหม่ไม่ได้ แม้จะเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ศตายุก็รู้อะไรๆมากพอที่เด็กวัยรุ่นทั่วๆไปพึงจะรู้

 

 

                รุ่งเช้าพระลอตื่นไปวิ่งตามกิจวัตร พอหกโมงก็กลับเข้าบ้าน ต่างออกไปคือชายหนุ่มเข้าครัวแล้วเอาขันทองเหลืองลงหินของเก่าของแก่ออกมาจากชั้นเก็บตักข้าวสวยหอมฟุ้งลงไปแล้วตักกับข้าวที่แม่เพิ่งทำเสร็จใส่ถุง เปิดตู้เย็นหยิบถุงส้มเขียวหวานมา 4-5 ใบ น้ำเปล่าที่เป็นแพ็คๆข้างตู้เย็นถูกนำมาวางไว้ใกล้กัน ชายหนุ่มหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่แล้วยกถาดของที่เตรียมไว้เดินตรงมาที่ท่าน้ำ แวะเด็ดกล้วยไม้ของพ่อที่หวงนักหวงหนามา 1 ช่อจากนั้นก็ไปนั่งรอพระ ไม่นานร่างบางของลูกชายบ้านตรงข้ามในชุดนักเรียนก็ปรากฏให้เห็น เจี๊ยบเม้มปากด้วยความประหม่าเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มตอบกลับมาเมื่อเขายิ้มไปให้

 

                “อาลอทำอะไรจ๊ะ?”ศตายุส่งเสียงทักเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆนั้น ดวงตากลมมองถาดในมือของพระลอด้วยสีหน้าประหลาดใจ ปลาในคลองโดดขึ้นฮุบน้ำเกิดแรงกระเพื่อมจนพระลอหลุดหัวเราะ

 

                “มาตักบาตรค่ะ”

 

                “ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะอยากใส่บาตร”คนเด็กเอ่ยเย้าเสียงใส

 

                “พอดีคนที่ชอบเขาชอบตักบาตรจ้า ตักบาตรร่วมขันไม่ได้ก็ขอตักบาตรพระเดียวกันก็แล้วกัน”ตอบกลับหน้าตาเฉย แต่คนฟังถึงกับหน้าร้อน

 

อาลอเปลี่ยนจากเป็นผู้ใหญ่บ้านไปขายขนมครกดีมั้ยจ๊ะ

 

หยอดเก่งเหลือเกิ๊น

 

เนี่ย เขินจนอยากจะเอาขันข้าวเขวี้ยงใส่หัวอาลอแล้วเนี่ย







 

 

 

 

วันนี้ทั้งวันลลิตภัทรก็ยังคงลุกลี้ลุกลนจนน่ารำคาญพระลักษณ์มองน้องชายที่ดูดโอเลี้ยงที่ใช้ให้ลูกคนงานเดินไปซื้อมาให้กระติกใหญ่สลับกับข้าวผัดที่สั่งแบบพิเศษอย่างรำคาญตา

 

                “แดกยังกับพวกขี้คุก”

 

พรวด!!!

 

โอเลี้ยงเข้มๆที่กำลังดูดผ่านลำคอพรวดออกจากปากและจมูก ลลิตภัทรไอจนหน้าดำหน้าแดงชายหนุ่มวิ่งไปสั่งน้ำมูกและเสลดในห้องน้ำก่อนจะเดินหน้าเปียกกลับมามองค้อนพี่ชาย

 

“มึงเป็นอะไรของมึงวะไอ้ลอ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

 

“ไม่ได้เป็นไรหรอกน่าพี่อ่ะคิดมาก”เอ่ยปากปฏิเสธราวกับไม่มีเรื่องอะไรสลักสำคัญทั้งที่ในใจเร่งวันเร่งคืนรอให้ถึงหกโมงเย็นไวๆ ช่วงบ่ายลลิตภัทรออกไปประชุมเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในหมู่บ้านโดยมีผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่มาร่วมประชุม แดดินเป็นประธานในการประชุม วาระต่างๆรวมถึงการจัดสรรงบที่จะให้แต่ละหมู่บ้านถูกแจกแจง

 

“สำหรับงบกองทุนหมู่บ้านรบกวนผู้ใหญ่ทุกหมู่ไปให้ความรู้กับลูกบ้านของตัวอง รวบรวมรายชื่อลูกบ้านที่จะทำการกู้ยืมมาส่งที่บ้านผมภายในอาทิตย์นี้นะครับ ส่วนเรื่อง 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ผมอยากรู้ว่าพวกผู้ใหญ่มีข้อเสนออะไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะจำ” เกิดความเงียบเมื่อพูดถึงโครงการที่ต้องทำร่วมกัน เสียงหันไปพูดคุยกับดังพอประมาณหากแต่กลับไม่มีใครเสนออะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอันเลยซักคน

 

“ผมขอเสนอความคิดเห็นครับ”ในที่สุดชายหนุ่มก็ทนนั่งอึดอัดโดยที่ไม่ทำอะไรไม่ได้แล้ว แดนดินมองผู้ใหญ่บ้านหน้าใหม่อย่างไม่อยากเชื่อสายตาว่าลลิตภัทรจะมีข้อเสนออะไรมาพูดในที่ประชุมได้ เพราะจากการประชุมมา 2 ครั้ง ลลิตภัทรเลือกที่จะนั่งฟังเงียบๆบางครั้งก็มีท่าทางเบื่อหน่ายซะด้วยซ้ำ ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องอดีตคนรักของภรรยาอยากจะเสนอเขาก็จะสนองให้

 

“เชิญผู้ใหญ่หมู่ 7 ครับ”

 

“ครับผมผู้ใหญ่ลอหมู่ 7 อยากขอเสนอผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถ่านครับ เนื่องจากว่าหมู่บ้านของเรามีสวนยูคาลิปตัสที่ปล่อยให้ขึ้นกันรกร้างไร้การดูแลค่อนข้างมาก ดังนั้นผมคิดว่าเราสอนชาวบ้านให้ทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถ่านครับ”

 

“แต่คนก็ทำกันเยอะแล้วนะมันจะดีเหรอ”ผู้ใหญ่บ้านชราที่ดำรงตำแหน่งมาหลายสมัยเอ่ยท้วงขึ้น ลลิตภัทรยิ้มบางๆแล้วอธิบายอย่างใจเย็น

 

“ส่วนมากเจ้าอื่นจะทำผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ไผ่และยูคาลิปตัส แต่ถ้าเราทำต่างออกไป เราจะทำถ่านแตกตางกันไป สรรพคุณของไมแต่ละชนิดก็ต่างกันเราสามารถสร้างซิกเนอเจอร์ของเราได้ เช่นถ่านจากฝักบัว ถ่านจากขนุน ถ่านจากมังคุด ถ่านจากไม้ต่างๆ สามาถทำน้ำส้มควันไฟ ทำที่ดูดกลิ่น ทำยาสระผมหรือครีมพอกหน้าได้ ตอนนี้คนในประเทศค่อนข้างตื่นตัวกับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ อะไรที่เลี่ยงสารพิษได้ลูกค้าจะสนใจมาก”

 

“แต่ขั้นตอนการทำมันจะไม่ยุ่งยากเหรอ งบประมาณอีก”คราวนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เอ่ยถาม

 

“ในส่วนของขั้นตอนการทำเราสามารถเชิญอาจารย์จากวิทยาลัยมาทำการอบรมสอนชาวบ้านได้ครับ งบประมาณไม่ถึงแสนแน่นอนเพราะที่ต้องลงทุนก้อนใหญ่สุดก็คือเครื่องบดถ่าน ส่วนขั้นตอนการผลิตอื่นๆเราจะใช้แรงงานคนแล้วนำเสนอว่าเป็นงานแฮนด์เมดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ส่วนที่ผมอยากให้ความสำคัญคือแพคเกจจิ้งมากกว่า”

 

“คืออะไร?”

 

“แพคเกจจิ้งคือการบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์นั้นๆให้น่ารัก ยกตัวอย่างนะครับเคยดูพวกสารคดีญี่ปุ่นมั้ยครับ ของฝากของที่นั่นบางอย่างก็ไม่ได้เห็นแล้วอยากได้ แต่สิ่งที่ดึงดูดให้น่าซื้อก็คือการห่อของเขามันน่ารัก มันสวยงามน่าซื้อ”ลลิตภัทรอธิบายอย่างใจเย็น เขาเห็นโลกกว้างมามากกว่าที่คนเก่าๆพวกนี้เคยเห็นดังนั้นการจะทำให้คนอื่นเห็นด้วยนั้นไม่ได้ยากอะไรสำหรับชายหนุ่มซักเท่าไหร่

 

“ถ้าหากผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ดูจะยากไปเราก็เปลี่ยนมาแปรรูปของที่มีมากในหมู่บ้านของเราเช่นแปรรูปกล้วยให้เมีความหลากหลาย...”การประชุมดำเนินไปจนถึงเย็นหลังจากชายหนุ่มนำร่องเสนอแนะบรรดาผู้ใหญ่บ้านหมู่อื่นก็เริ่มมีไอเดียกว่าจะเลิกประชุมก็เกือบทุ่ม ชายหนุ่มกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ลลิตภัทรมองหาผู้เป็นแม่ที่มักจะนั่งรอเขาที่ชานบ้านหากแต่วันนี้กลับไม่พบ มีเพียงญาติที่คอยเป็นลูกมือช่วยแม่นั่งดูทีวีอยู่ใต้ถุนบ้านคนเดียว

 

“อ้าวพี่เรียม หายไปไหนกันหมดล่ะ?”

 

“ไปโรงพยาบาลกันหมด นิดาจะคลอดลูกป้าแกสั่งไว้ให้มาคอยบอกผู้ใหญ่ ไม่ต้องตามไปคอยดูบ้านไว้”ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เมื่อเจ้าของบ้านกลับมาเรียบร้อยแล้วพี่เรียมก็ปิดทีวีแล้วเดินกลับบ้านของตัวเองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พระลอเดินเข้าครัวเพื่อดูว่าวันนี้แม่ทำอะไรไว้ให้กินบ้าง จากนั้นจึงตักข้าวแล้วราดด้วยแกงมานั่งกินเงียบๆจนอิ่ม ชายหนุ่มนั่งให้ข้าวย่อยอีกราวๆ 10 นาทีจึงเดินขึ้นมาบนบ้าน ตั้งใจว่าจะอาบน้ำและอ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้รอจนกว่าพ่อกับแม่รวมทั้งพระรามจะกลับบ้านค่อยเข้านอน หากแต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับก้อนขาวๆนอนหลับอยู่บนเตียงของเขาพร้อมกับสมุดการบ้านที่ทำค้างไว้ รวมทั้งหนังสือเรียนที่มีโจทย์วางระเกะระกะอยู่

 

((ต่อด้านล่างค่ะ))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



หัวใจของชายหนุ่มพลันอุ่นวาบขึ้นมาอย่างเต็มตื้น

 

ศตายุมาหาเขาแล้วหลังจากปล่อยให้เขารอคอยอย่างมีความหวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กดล็อคประตูห้องด้วยความเคยชิน ยืนมองร่างขาวๆที่หลับสนิทแล้วค่อยๆคลานขึ้นเตียงช้าๆหยิบสมุดการบ้านของหลานขึ้นมาตรวจศตายุทำจนเสร็จแล้วและทำถูกต้องสมบูรณ์ดี ลลิตภัทรรวบสมุดและหนังสือวางลงบนโต๊ะข้างเตียงจากนั้นล้มตัวนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาหลานใช้มือรองศีรษะตัวเองไว้ใช้สายตาพิจารณาเด็กน้อยอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

ศตายุไม่ได้ขาวผ่องแต่ก็ไม่ได้ดำคร้าม โครงหน้าได้รูปเริ่มฉายชัดว่าหากโตกว่านี้จะยิ่งน่ารักและมีเสน่ห์ แก้มนุ่มฟูเหมือนมาชเมลโล่ที่เขาชอบอาจจะหายไปตามกาลเวลา ริมฝีปากอิ่มที่เขาอยากสัมผัสมาตลอดเผยอเล็กน้อยจนอดที่จะยื่นปลายนิ้วไปสัมผัสไม่ได้

 

นุ่มและอุ่นมาก

 

ทั้งๆที่เคยบอกกับตัวเองไว้ว่าจะยับยั้งชั่งใจ จะไม่ล่วงเกินศตายุมากไปกว่าการกอดและหอมแก้ม แต่เมื่อหลานมาหาเขา และแน่นอนศตายุมาทางเรือเพราะเขาไม่เห็นจักรยาน ความยับยั้งที่มีมาทั้งหมดก็สูญสลาย

 

ตามที่เขาเคยบอกกับศตายุไว้ อายุเขามากเกินกว่าจะมาคุยเล่นๆกับใครแล้ว ลลิตภัทรอายุ 32 ปีแล้ว ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นมาในใจในเวลาเดือนกว่าๆนี้มันคือของจริง

 

เขาไม่ได้มีเวลามาเล่นๆกับใครอีก เมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นรักเด็กคนนี้เขาก็บอกไปตามตรง และเพราะศตายุยังเด็กมากเสียเหลือเกิน เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยวันๆเล่นซนอยู่กับแค่แก้วเจ้าจอมและเพื่อนๆที่ส่วนมากจะเด็กกว่าตนเพราะอยากเป็นหัวหน้าแก็งค์ศตายุจึงมีความคิดแบบเด็กๆจนเขาต้องชักจูงหลอกล่อทีละน้อย เพื่อที่จะให้คนเด็กกว่าได้รู้ใจตัวเองซักทีว่าคิดยังไงกับเขา

 

เขาเสี่ยงมากเหลือเกินกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ในครั้งนี้ หากเป็นลูกสาวบ้านอื่นอาจจะไม่มีปัญหาอะไร คุณสมบัติของเขานั้นไม่ว่าไปสู่ขอลูกสาวบ้านไหนเขาก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าคงไม่มีใครปฏิเสธ

 

แต่กับเด็กคนนี้มันไม่ง่ายเลย ศตายุมีแม่เป็นอดีตคนรักเก่าของเขา ความสัมพันธ์ของลลิตภัทรกับแดนดินก็ไม่ค่อยดีนัก หากย้อนเวลากลับไปวันที่เขาเพิ่งกลับมาบ้านได้เขาอยากจะย้อนกลับไปแล้วพูดจาดีๆกับแดนดิน

 

แต่นั่นแหละสายน้ำย่อมไม่ไหลกลับ การกระทำที่ทำลงไปแล้วด้วยทิฐินั้นก็แก้ไขไม่ได้เช่นเดียวกัน หากอยากเริ่มต้นใหม่กับเด็กคนนี้ เขาคงต้องปรับความเข้าใจและเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับคนบ้านฟากขะนู้น

 

ลลิตภัทรใช้หลังมือเกลี่ยแก้มกลมของศตายุเบาๆ ความเย็นจากผิวแก้มนวลทำให้อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

 

“แก้มเย็นจังเลยค่ะ”ชายหนุ่มยืดตัวไปกดจูบที่ผิวแก้มนุ่มนั้นอย่างถือวิสาสะ

 

“อุ่นขึ้นมั้ยคะ”กระซิบเบาๆข้างหูแล้วจูบลงบนติ่งหูนิ่มนั้นเบาๆ

 

หอมกลิ่นแป้ง หอมกลิ่นเนื้อนวล หอมจนจิตใจรัญจวน อยากลองลิ้มให้มากกว่าที่เคย เป้าหมายจึงแปรเปลี่ยนจากพวงแก้มนุ่มเป็นริมฝีปากนุ่มหยุ่นที่สัมผัสไปเมื่อครู่ ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามาไว้ในอ้อมกอด กดจูบลงไปบนแพขนตาสวยแล้วเลื่อนมาที่สันจมูกโด่งของหลาน ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันยามไออุ่นรินรด

 

เขาควรทำมันหรือไม่นะ ควรจะจูบศตายุมั้ย เพราะถ้าทำไปความสัมพันธ์ของเขากับเด็กคนนี้จะถอยกลับมาเป็นอาหลานกันแบบเดิมอีกไม่ได้อีกต่อไป

 

“อาลอ...”และเหมือนว่าเขาจะคิดนานไป ยังไม่ทันจะได้ตัดสินใจอะไร เด็กในอ้อมกอดก็รู้สึกตัวตื่นเสียแล้ว ลลิตภัทรดึงตัวหลานเข้ามากอดจนร่างบางแทบจะจมเข้าไปในอก ศตายุเองก็ไม่ได้ขัดขืนกับสัมผัสนั้นเด็กน้อยคล้องแขนกับเอวสอบถูไถใบหน้ากับอกของคนเป็นอาอย่างออดอ้อน



"คิดถึงหนูจังค่ะ"

 

“อาลอมาช้า หนูรออาลอกลับมาสอนการบ้านตั้งนาน”คนเด็กกล่าวว่าเขาด้วยน้ำเสียงเง้างอด ดวงตากลมภายใต้ขอบตาที่คล้ำกว่าทุกวันช้อนขึ้นมามองอย่างคาดโทษ เด็กน้อยประหม่ากับสถานการณ์แบบนี้ กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีสี่ พอตี 5 ก็ต้องตื่นมาเตรียมตัวไปโรงเรียน

 

ไม่เคยมีใครมาทำให้หัวใจของลูกเจี๊ยบต้องทำงานหนักจนนอนไม่หลับขนาดนี้เลย วันทั้งวันวิชาความรู้ที่อาจารย์พร่ำสอนกลับไม่เข้าหัวเลยซักนิด เด็กน้อยเก็บเอาความรู้สึกที่มีไปคิดวนเวียนในหัวทั้งวัน ศตายุกลัวว่าสิ่งที่อาลอบอกจะเป็นเหมือนขนมหวานที่เอามาหลอกเด็กให้หลงไปกับความหอมหวาน ศตายุรู้ดีว่าความรักของมนุษย์ย่อมมีวันจืดจาง หากตนเองกระโดดลงไปในหลุมที่อาลอขุดไว้ วันหนึ่งเมื่ออาลอทนความงอแงเอาแต่ใจแบบเด็กๆของตัวเองไม่ไหวอาลอจะทิ้งเขาไว้ตามลำพัง ถ้าตนเองตอบตกลงเป็นแฟนกับอาลอวันหนึ่งเมื่อโตขึ้น หัวใจของเขาจะยังมั่นคงอยู่กับอาลอมั้ย ชีวิตยังต้องเจอคนอีกมากมาย ลูกเจี๊ยบเองก็กลัวว่าวันหนึ่งตนเองอาจจะทำให้ลลิตภัทรเสียใจ อาลอไม่ใช่วัยรุ่นแบบตนที่ถ้าเลิกกันก็จะหาคนที่รักได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากตกลงคบกันไปแล้วสุดท้ายถ้าต้องเลิกรากันลลิตภัทรจะต้องเศร้าแค่ไหน

 

เพียงแค่คิดว่าตนเองอาจทำให้ลลิตภัทรเสียใจ ดวงใจดวงน้อยๆของศตายุก็เต้นรัว อ้อมแขนกระชับกอดเอวสอบมากขึ้น ใบหน้าซุกเข้าหาอกอุ่นมากขึ้น

 

“กอดหนูหน่อย หนูหนาว”ลลิตภัทรยิ้มให้กับท่าทางออดอ้อนนั้น ชายหนุ่มโอบกอดร่างบอบบางนั้นไว้จรดริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มของหลาน

 

“อาไปประชุมเพิ่งกลับมา จริงๆไม่คิดว่าจะเจอหนูแล้วด้วยซ้ำ แต่พอเปิดประตูเข้ามาเห็นหนูนอนหลับอยู่ อาก็หายเหนื่อยทันทีเลยค่ะ”

 

“จริงเหรอจ๊ะ แล้วทำไมอาไม่ปลุกหนูล่ะ”

 

“อาอยากมองหนูนานๆ ทั้งตอนหลับและตอนตื่น อยากเห็นหนูวนเวียนในชีวิตของอาทุกวันเลย วันนี้หนูมาตอบคำถามอาแล้วใช่มั้ยคะ”

 

“อื้อ...”คนเด็กตอบกลับมาเสียงอู้อี้ ลลิตภัทรใจเต้นแรงกับคำตอบนั้นแต่ก็ยังอยากแกล้งหลานอยู่จึงดันร่างหลานที่บัดนี้หน้าแดงก่ำเพราะความเขินออกห่างตัว ความเงียบทำให้ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น

 

ศตายุก็ใจเต้นแรงไม่แพ้กับเขาเช่นกัน

 

“วันนี้หนูมาหาอาทางไหนคะ?”ลลิตภัทรแกล้งถามราวกับไม่รู้ คนเด็กกว่าเมื่อได้ยินคำถามที่ชวนอายก็ฟาดฝ่ามือใส่อกของอาหนุ่มทันที พระลอไม่ปล่อยให้หลานได้เอามือออกไปชายหนุ่มจบมือน้อยๆของศตายุให้แนบลงมาบนหน้าอกข้างซ้ายที่เต้นรัวของตน

 

“จะถามไปทำไมเล่า ก็หนูตอบว่าอือๆแล้วไง แต่ไม่ว่าหนูจะมาทางเรือหรือปั่นจักรยานมาคำตอบของหนูก็คือชอบอาลออยู่ดี”คนเด็กกว่าเถียงด้วยปากงุ้ยๆ พลันคำพูดก็ชะงักลงพร้อมลมหายใจเมื่อเกิดเสียงจุ๊บพร้อมความนุ่มหยุ่นแสนอบอุ่นทาบทับมาที่ริมฝีปากตนเบาๆแล้วผละออก

 

ตายแล้ว...ศตายุรู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังจะวาย

 

“อ..อาลอ..จูบหนูทำไมเล่า?”

 

“แบบนั้นเค้าไม่ได้เรียกว่าจูบซักหน่อยค่ะ แบบนั้นเค้าเรียกว่าจุ๊บ ถ้าจูบน่ะ มันต้องแบบนี้ต่างหาก”ลลิตภัทรไม่ปล่อยให้ศตายุได้ตั้งตัวหรือเตรียมใจเลยซักนิด ชายหนุ่มดึงหลานเข้ามาใกล้แล้วจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปใหม่อีกครั้ง คราวนี้เนิบช้าและนุ่มนวล เด็กน้อยหลับตาปี๋ด้วยไม่อาจทนสบสายตาคมที่จ้องมองตนอย่างลึกซึ้งได้แม้อีกวินาทีเดียว ใจดวงน้อยเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยความตื่นเต้น มือที่เลื่อนมาดันอกแปรเปลี่ยนเป็นขยุ้มอกเสื้อของอาหนุ่มยามที่กลีบปากถูดดูดดึงขบเม้มทั้งบนล่าง ความรู้สึกหวิวหวามแบบที่ไม่เคยสัมผัสถูกปรนเปรอ ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ แม้จะเคยดูละครมาบ้างพอจะรู้ว่าคนรักกันเรื่องกอดจูบกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ศตายุไม่เคยรู้เลยก็คือเมื่อจูบกันแล้วจะต้องรู้สึกยังไง เด็กน้อยหวามไปทั้งร่างสั่นไปทั้งใจและกาย อยากจะต่อต้านและกลับเรียกร้องขยับหัวตามเมื่อลลิตภัทรถอนจูบออก

 

ไม่พอ

 

ยังอยากได้เพิ่ม

 

และเหมือนลลิตภัทรจะรู้ใจคนเด็กรสจูบหวานถูกส่งมอบอีกครั้ง ทั้งละมุนและรสหวานชื่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นดุนดันเรียกร้องด้วยการใช้ปลายลิ้นไล่เลียที่แนวฟันอ้อนขอให้คนเด็กเปิดปากยอมรับความควานล้ำยิ่งกว่าเดิมเข้าไป

 

แม้จะยังไม่ประสาแต่ศตายุก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายชักพา

 

ราวกับท้องฟ้าที่สดใสพลันมืดมัวด้วยลมพายุที่เข้าโหม กายบางถูกคร่อมทับก่อนที่จะโดนตะโบมจูบ ทั้งดุดันและหนักหน่วง ลิ้นเล็กหลบหนียามถูกปลายลิ้นของอีกฝ่ายไล่ต้อนจนจนมุม สุดท้ายจึงยอมใช้ปลายลิ้นทักทายอย่างไร้เดียงสา รสจูบแบบเด็กน้อยไม่ประสากลับทำให้ลลิตภัทรรู้สึกชอบใจ ค่อยๆไล่เก็บเกี่ยวดูดดึงน้ำหวานสีใจจนพอใจ เกิดเสียงดังจ๊วบยามที่ถอนจูบออกจากกลีบปากล่างที่ถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ

 

“อื้อ...”เสียงครางเบาๆยามลลิตภัทรกดจูบลงบนต้นคอหอมในอกวูบหวามราวกับตกจากที่สูง กระดุดเสื้อนักเรียนถูกปลดออกเพื่อที่จะได้สูดดมกลิ่นกายและประทับรอยจูบตีตราความเป็นเจ้าของลงไป ศตายุแอ่นกายจนหลังลอยจากพื้นยามความรู้สึกเจ็บจี๊ดแล่นมาประจุอยู่ตรงไหปลาร้า

 

“อา...อื้อ  ลาลอ..”มือเล็กขยุ้มลงบนกลุ่มผมสอดนิ้วมือแล้วกำแน่นเมื่อปลายลิ้นร้อนตวัดลงบนยอดอกของตัวเอง

 

จะตายแล้ว ศตายุจะตายแล้ว ความรู้สึกแปลกใหม่ ทั้งหวาม ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้นมาประเดประดังกันเต็มไปหมด ดวงตาพร่าเลือน สมองเบลอจนแทบจะเห็นดาว น้ำสีใสไหลลงจากหางตา ลลิตภัทรกดจูบลงบนเม็ดทับทิมเม็ดเล็กนั้นอีกครั้งแล้วจึงเลื่อนกายขึ้นมาสบตากับหลานตัวน้อยที่สั่นราวลูกนก

 

“ไม่ร้องนะคะ อาไม่ได้จะล่วงเกินถ้าหนูไม่พร้อม อาแค่อยากจะสอนว่าคนเป็นแฟนกัน เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ และหนูทำกับอาได้คนเดียว ร่างกายและหัวใจของอาเป็นของหนูทุกอย่าง หนูอยากจะหวง อยากจะแตะ อยากจะทำอะไร มันเป็นสิทธิ์ของหนูคนเดียวนับจากนี้ เหมือนที่อาทำกับหนูเข้าใจมั้ยคะ...อารักหนูนะ รักที่แปลว่ารักจริงๆ ไม่ใช่แค่ชอบ”

 

“หนูกลัวว่าวันหนึ่งหนูจะทำให้อาลอเสียใจ”

 

“มันไม่เป็นไรเลย ถ้าวันหนึ่งหนูเลิกชอบอาแล้ว ก็ให้มาบอกอาตรงๆ อาอาจจะเหนี่ยวรั้งขอร้องหนูไว้ แต่ถ้าหนูจะไปอาก็จะปล่อย จะไม่บังคับ อาเข้าใจหนูยังเด็กยังต้องเจอใครอีกมากมาย ในขณะที่อาแก่ตัวลงทุกวัน แต่อาเชื่อว่าอาจะทำให้หนูรักและเอ็นดูอาจนอยากจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่าได้แน่ๆ”

 

“แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ล่ะจ๊ะ ถ้าพ่อกับแม่ ถ้าปู่ลิตย่าโฉมไม่เห็นด้วยกับเรา...”

 

“เรื่องนั้นอาจะจัดการเอง หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยมีอาอยู่ในนั้นด้วยก็พอ โอเคมั้ยคะ”

 

“อาลอ...”

 

“คะ?”

 

“หนูไม่รู้ว่าตอนนี้ ในใจของหนูมันเรียกว่าชอบหรือรัก แต่...ต่อไปนี้รักหนูให้มากๆนะจ๊ะ ห้ามไปมองใครอีก ห้ามไปมองนมใครด้วย หนูหวง”ท้ายประโยคคนเด็กชี้หน้าแถมทำปากคว่ำใส่เมื่อนึกถึงวันที่ลลิตภัทรจ้องนมของอริตาแบบไม่วางตา ลลิตภัทรส่งเสียงหัวเราะลั่นก่อนจะงับนิ้วนั้นเข้าปาก ดูดจนคนเด็กหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม

 

“อาจะต้องไปมองนมคนอื่นอีกทำไมคะ นมเด็กแถวนี้น่ามองกว่าตั้งเยอะ”พูดจบก็ใช้ปลายจมูกถูไถหน้าอกของศตายุอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“แง้ อาลออย่า...อ๊ะ...อื้อ...ไม่เอา ห้ามดูดนะ หนูจะฟ้องพ่อ อาลอทะลึ่ง...แง้...”ศตายุได้แต่ร้องห้ามเมื่อพระลอเอาแต่ฟัดไปแทบจะทั่วทั้งร่างของตัวเอง สามทุ่มกว่าคนเด็กก็มีสภาพสะบักสะบอมเพราะเหนื่อยจากการถูกปล้ำหอมปล้ำฟัดกลับบ้านอย่างอ่อนแรง

 

ไปเรียนพิเศษวันนี้ เหนื่อยเป็นพิเศษ ส่วนติวเตอร์ก็ฟินเป็นพิเศษเอาแต่เลียริมฝีปากจนหลับเช่นเดียวกัน

 

กลิ่นคุกหรือจะมาหอมเท่ากลิ่นเนื้อเด็ก

 

เด็ก 15-16 ด้วยนะ

 


อ่า....ฟิน





...............................


ยิ๊ฮิ้ววววววววววววววววววว น้อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน อย่าให้คนแก่เล็มมากลูกกกกกกกกก

อยู่กับฉันได้ไหม ให้แก่เฒ่าเป็นตายาย
ในบั้นปลายสุดท้ายของดวงชีวัน
อยู่เคียงคู่กันแบบนี้ ให้ร่วงโรยเป็นธุลี
กลับสู่ธรณี ฝังร่างนี้ไปพร้อมกัน

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องลอตั้ลล้าคคคคคค

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Fahsang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น่ารักมากๆๆๆ  เชียร์สุดใจเลยจ้า

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :z6: คูมตำหนวดดดดด มีผู้ใหญ่บ้านลวนลามเด็กค่าาา ////

ไม่ใช่ว่ารอยที่ทำไว้จะทำให้โดนจับได้นะจ๊ะพ่อผู้ใหญ่จ๋า

ออฟไลน์ แก้มกลม

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผู้ใหญ่ลอเริ่มจะส่งเสียงไอดัง คุกๆๆๆ แล้วนะคะเนี่ย :z1:

ออฟไลน์ zenesty

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เตรียมเหมาร้านเจ้สายโอเลี้ยง ไว้ให้แล้วนะจ๊ะอาละ~~~~~ เดี๋ยวจะฝากจ่าชวดไปให้วันละถุงนะจ๊ะ~~~~   o16 o16

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๓


     



 

 

 

                  “พ่อจ๋า รถไฟฟ้าคืออะไรจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมหันไปถามพ่อกำนันที่นั่งเปลือยอกเอกเขนกอยู่นกชาน ในทีวีมีข่าวการปรับขึ้นค่าโดยสาร ภาพความแออัดในชั่วโมงเร่งด่วย จิ๊บนั่งปักผ้าโดยมีเจ้าขานั่งดูอยู่ใกล้ๆผุดรอยยิ้มขำเมื่อเห็นสามีเกาหัวแกร่กๆ

 

                “มันก็รถไฟนี่แหล่ะลูก แค่วิ่งบนรางที่มันลอยข้างบนเหนือถนน”

 

                “ยังงี้มันก็ใช้น้ำมันเหมือนรถไฟบ้านเราใช่มั้ยจ๊ะพ่อจ๋า”

 

                “ก็น่าจะยังงั้น”

 

                “อ๊าว ถ้างั้นทำไมเขาต้องขึ้นค่ารถด้วยล่ะพ่อ”

 

                “...”

 

                “...??”

 

แก้วเจ้าจอมมองหน้าพ่ออย่างรอคำตอบในขณะที่แดนดินกำลังคิดคำตอบในหัวใจยุ่งไปหมด คือจะให้ตอบลูกยังไงดีที่ลูกจะไม่ผิดหวังในตัวพ่อที่ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าเลยซักครั้ง อย่าว่าแต่ขึ้นเลยเขาไม่เคยเห็นของจริงเลยซักกะติ๊ด เวลาเข้ากรุงเทพเขาขับรถไปเองตลอด แล้วก็ไปทำแต่ธุระ เช่นประชุม หรือไปอบรมอะไรซักอย่างที่ต้นสังกัดจัดขึ้น วันๆวนเวียนอยู่แต่ในโรงแรม

 

                “ช่างซักช่างไซร้จริงเชียวลูกคนนี้ การบ้านน่ะทำเสร็จแล้วหรือยัง”จิ๊บที่รู้ดีว่าสามีหาคำตอบให้ลูกไม่ได้ก็เอ่ยเบี่ยงเบนความสนใจของลูก แก้วเจ้าจอมหันมายิ้มแหยให้แม่ การบ้านเลขเพิ่งทำได้แค่ 4 ข้อ เด็กน้อยละความสนใจจากรถไฟฟ้ามาให้ความสำคัญกับการบวกลบคูณหารในหนังสือมากกว่า แดนดินเงยหน้าไปส่งยิ้มให้ภรรยา สายตาคมส่งความละมุนไปให้อย่างแสนรัก

 

ภรรยาของเขาอาจจะไม่ได้ฉลาดมากไปกว่าผู้หญิงในหมู่บ้านนี้แต่จิ๊บเป็นคนแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี เธอรู้ว่าสามีนั้นอยากเป็นฮีโร่ของลูก อยากแสดงแต่ด้านที่เท่ห์ๆให้ลูกได้เห็น แก้วเจ้าจอมรักและศรัทธาในตัวพ่อมากดังนั้นกำนันหนุ่มจึงไม่อยากให้ลูกรู้สึกผิดหวังแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตามที แดนดินนั่งสอนการบ้านลูกชายคนเล็กจนในที่สุดแก้วเจ้าจอมก็ทำการบ้านเสร็จ กำนันให้ลูกเข้าไปนอนตอนสามทุ่มครึ่ง จันทร์เจ้าขาและแก้วเจ้าจอมเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายโดยเฉพาะกับพ่อสองพี่น้องเก็บของส่วนจองตัวเองจนเรียบร้อยก็แยกกันไปนอนห้องของตัวเองโดยไม่มีการอิดออด แดนดินนั้นถึงแม้จะรักและใจดีกับลูกมากแต่ก็เป็นคนเจ้าระเบียบพอสมควร เขาคิดว่าเด็กเล็กไม่ควรนอนดึก แดนดินไม่ซื้อโทรศัพท์ให้แก้วเจ้าจอมและจันทร์เจ้าขาเพราะคิดว่ามันไม่ใช่ของจำเป็น ลูกๆไม่ได้ห่างจากเขาไปไกล จันทร์เจ้าขาและเจ้าจอมเรียนโรงเรียนในหมู่บ้าน จริงๆอยากจะส่งเจ้าขาไปเรียนในเมืองแต่ลูกสาวของเขานั้นนุ่มนิ่มเรียบร้อยเกินกว่าจะต้องลำบากลำบนตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถประจำเข้าไปเรียนในเมือง เจ้าขาพอใจที่จะเรียนโรงเรียนใกล้บ้านมากกว่า เด็กสาวติดแม่มาก ส่วนแก้วเจ้าจอมยังเล็กเกินเช่นกัน รอให้โตพอจะดูแลตัวเองได้เขาก็จะให้เรียนโรงเรียนเดียวกับศตายุ สองสามีภรรยานั่งดูทีวีอีกพักก็กลับเข้าไปในห้องนอน แดนดินคอยแต่เงี่ยหูฟังว่าลูกคนโตจะกลับมาบ้านแล้วหรือยังด้วยความเป็นห่วง อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าเดินออกเพื่อรอลูก

 

                “ว่าแต่ลูกเจี๊ยบทำไมยังไม่กลับจะสี่ทุ่มแล้วนะ”ชะเง้อมองไปหน้าบ้าน ลูกชายของเขากลับจากโรงเรียนไม่ทันได้เปลี่ยนชุดก็หอบกระเป๋านักเรียนพายเรือข้ามไปบ้านฟากขะนู้นเสียแล้ว เอ่ยทักทายพ่อที่นานๆจะเจอตอนเย็นก่อนตะวันตกดินซักทีแค่ 2-3 คำก็ไปซะแล้ว

 

                “นู่นแหล่ะ กว่าจะกลับ 4 ทุ่มไปแล้วนั่นแหล่ะ เห็นลูกบ่นๆการบ้านยากครูก็ให้เยอะ ยังดีว่าลออาสาสอนให้ เราให้ลูกไปเรียนพิเศษแบบเพื่อนไม่ได้ก็ต้องอาศัยเค้านั่นแหล่ะ”

 

                “บอกตามตรงนะจิ๊บ พี่ยังไม่ไว้ใจไอ้ลอมันหรอก เข้ามาตีสนิทกับลูกเราทำไมวันแรกที่เจอกันพี่อุตส่าห์พูดกับมันดีๆแต่มันน่ะตัดไมตรีแบบไม่ไว้หน้าเลย ขนาดเจี๊ยบยกมือไหว้มันยังไม่มอง แต่ดูตอนนี้สิสนิทกับลูกเราแจเลย”แดนดินเดินมาฉวยผ้าขนหนูผืนเล็กที่จิ๊บซับผมที่เพิ่งสระไปถือไว้แล้วลงมือเช็ดผมให้ภรรยาสาวอย่างแผ่วเบา สายตาคมจ้องเงาในกระจกแสดงถึงความรักที่มีให้กับจิรนันท์อย่างไม่เสื่อมคลาย

 

เคยรักยังไง วันนี้แม้จะมีลูกสามคนแล้วแต่เขาก็ยังรักผู้หญิงคนนี้

 

แดนดินรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีเสียเหลือเกินที่ได้จิ๊บมาเป็นศรีภรรยา แม้ว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อกันจะเกิดจากความผิดพลาด แต่จิรนันท์ก็ดูแลปรนนิบัติพ่อและแม่ของเขาด้วยดีเป้นศรีสะใภ้ที่แม้ว่าตอนแรกจะมีคนนินทามากมายส่วนหนึ่งเป้นเพราะอายุยังน้อย ส่วนสำคัญคือใครๆก็รู้ว่าจิ๊บกับพระลอนั้นคบกันตั้งแต่เด็กใครๆก็พูดถึงว่าพ่อแม่ตั้งใจให้ดองกันตั้งแต่เกิด

 

เขาแย่งจิรนันท์มาจากลลิตภัทร จะเรียกว่าแย่งซะทั้งหมดก็ไม่ได้ แดนดินแค่ใช้ความใกล้ชิดค่อยๆเกี่ยวเอาใจของจิรนันท์มาไว้ที่ตนทีละนิด

 

ระหว่างจิรนันท์กับพระลอนั้นมันไม่ใช่ความรัก เป็นความผูกพันเสียมากกว่าโดยที่ตอนนั้นจิรนันท์เองก็เด็กเกินกว่าจะแยกออกว่าอันไหนคือความรัก

 

จิรนันท์สบตาสามีผ่านกระจกเงา แววตาเหม่อๆของแดนดินนั้นหล่อนรู้ดีว่าสามีกำลังคิดหนัก แดนดินระแวงกลัวว่าลลิตภัทรจะกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับตนหล่อนจับมือสามีที่กำลังเช็ดผมมาแนบแก้ม

 

                “พี่ก็คิดไปไกล จิ๊บว่าลอเขาไม่ได้คิดแค้นเรื่องในอดีตแล้ว ที่เขาดีกับลูกเรามันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ อย่างเจี๊ยบน่ะเป็นเด็กฉลาดพี่ก็รู้ เป็นเด็กช่างเอาอกเอาใจใครเห็นก็รักก็เอ็นดู ขนาดพี่ลักษณ์ที่ว่าแข็งๆยังเอาเจี๊ยบไปเลี้ยงเล่นอุ้มชูอยู่บ่อยๆ ลอน่ะเนื้อแท้เป็นคนจิตใจดีอ่อนโยน จะรักจะเอ็นดูลูกเราก็ไม่แปลกซักหน่อย”

 

                “พี่แค่ห่วง ลูกเรายังเล็กนักจะไปทันเล่ห์เหลี่ยมใครได้ถ้ามันคิดไม่ซื่อหลอกใช้เจี๊ยบขึ้นมาจะทำไง”

 

                “แต่จิ๊บเชื่อว่าลอไม่ได้คิดอะไรกับจิ๊บแล้ว อีกอย่างถึงลอจะคิด”แดนดินมีปฎิกริยาทันทีเมื่อภรรยาพูดอย่างนี้ ชายหนุ่มเผลอบีบไหล่ภรรยาอย่างลืมตัว จิ๊บหันหน้าไปหาสามีจับมือทั้งสองข้างของแดนดินไว้ ดวงตากลมหวานที่เหมือนรวบรวมเอาดวงดาวทั้งจักรวาลไว้ในนั้นพราวระยิบ

 

                “แต่จิ๊บไม่ได้คิดมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จิ๊บรักพี่ รักลูกรักครอบครัวของเรา พี่เชื่อจิ๊บมั้ยจ๊ะ”แดนดินคุกเข่าต่อหน้าภรรยา ชายหนุ่มสวมกอดเอวบางไว้อย่างแสนรัก

 

                “เชื่อสิจ๊ะ ถ้าจิ๊บบอกว่าไม่ได้คิดอะไรพี่ก็จะเชื่อที่จิ๊บพูด”

 

                “แบบนั้นก็ดีจ้า จิ๊บไม่อยากให้เราต้องมาระแวงกัน ไม่อยากให้สองบ้านต้องกินแหนงแคลงใจกัน บ้านฟากขะนู้นเขาก็ดีกับเรามากรักลูกเราเอ็นดูลูกเรา เจ้าเจี๊ยบนั่นเขาก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด”

 

                “งั้นเรามาทำลูกไปให้เขาช่วยเลี้ยงอีกซักคนดีมั้ยจ๊ะ แก้วเจ้าจอมเริ่มโตแล้วพี่อยากเลี้ยงลูกเล็กๆอีกซักคน”แดนดินพูดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ปลายนิ้วไต่เข้าไปในเสื้อของภรรยาสาวตอนไหนจิ๊บเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว

 

“อะไรกันเล่าจ๊ะ อายุก็ปูนนี้แล้วจะมีอีกคนมันจะไหวเหรอ”

 

“ไหวสิ แรงพี่ยังดียังทำได้อีกเยอะ จิ๊บก้รู้พี่ชอบเลี้ยงเด็กเล็กๆ นะจ๊ะ ขอลูกให้พี่อีกซักคน ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้”หญิงสาวหน้าแดงเมื่อฝ่ามือร้อนลูบแผ่นหลังตนเองเบาๆ ร่างบางลอยหวือยามที่สามีหนุ่มช้อนตัวขึ้นอุ้มแล้วพาเดินไปที่เตียงนอน

 

หล่อนไม่เคยขัดใจสามี จิรนันท์ทำหน้าที่ภรรยาได้ดีเลิศทั้งงานบ้านงานเรือนและงานบนเตียง และครั้งนี้หล่อนก็ยังทำได้ดีเช่นเคย

 

 

 

 

                “อื้อ...อ...อาลอ....”ศตายุสั่นไปทั้งตัวยามที่ฝ่ามือร้อนของลลิตภัทรลูบต้นขาด้านในของตน เด็กน้อยตัวอ่อนราวขี้ผึ้ง เรียวขาถูกหัวเข่าของลลิตภัทรแหวกจนอ้ากว้าง แผ่นหลังแนบกับอกแกร่ง สะดุ้งยามปลายนิ้วของมืออีกข้างลูบหน้าท้องของตนเองเบาๆ

 

ลลิตภัทรชอบที่จะรังแกเด็กน้อย เขาชอบใบหน้ายามที่ศตายุมีความรู้สึก ปากอิ่มกลายเป็นสีแดงยามถูกดูดดึง ผิวแก้มฟูๆนั้นก็แดงเรื่อ

 

น่ารัก น่ารังแกในคราวเดียวกัน

 

                “อาลอ...การบ้านหนู...”เด็กน้อยร้องครวญยามที่มือไร้เรี่ยวแรงจะจับปากกา ปากกาด้ามน้อยถูกปล่อยทิ้งเมื่อเจ้าตัวรีบเอามือมายึดมือของลลิตภัทรที่เริ่มเลื่อนขึ้นไปเกลี่ยหน้าอกของตน

 

                “อาลอ...ไม่เอา”

 

                “ทำไมล่ะคะ ขอจับหน่อยไม่ได้เหรอ เนื้อหนูนิ่ม อาช๊อบชอบค่ะ”กดจูบลงบนติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า

 

ศตายุล่ะเกลียดนัก ไอ้เสียงอ่อนเสียงหวานนี่น่ะร้ายนัก ลลิตภัทรกำลังแกล้งตน เรียวขาขาวหดวูบหากแต่ถูกเข่าของลลิตภัทรต้านไว้ปลายนิ้วไล้เข้าลึกเข้าไปในขากางเกงลึกขึ้นเรื่อยๆ และร่างกายของศตายุก็สั่นมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

 

                “ขออาจับดูหน่อยนะคะว่าหนูโตแค่ไหนแล้ว”กระซิบชิดใบหูก่อนจะล้วงเข้าไปแตะกับเนื้อนูน ศตายุแทบหยุดหายใจ

 

เกินไปแล้ว...การติววิชาของอาลอเข้มข้นเกินไปแล้ว เกินจนตัวจะแตก

 

อยากจะร้องห้ามแต่กลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรง หายใจให้เป็นจังหวะยังยากแล้วเด็กน้อยจะทำอะไรได้ ได้แต่ร้องไม่เป็นภาษายามที่ปลายนิ้วแทรกผ่านเนื้อผ้าไปแตะต้องตัวตนของตนเอง

 

ศตายุยังเด็กนักจึงถูกมอมเมาได้ไม่ยากเลย ลลิตภัทรหลอกล่อให้ตายใจสัมผัสแผ่วเบาคล้ายจะไม่รุกเร้าหากแต่พอยอมปล่อยใจเตลิดกับแปรเปลี่ยนเป็นเร่งเร้ายุเย้าจนศตายุสะดุ้งเป็นพักๆ ยามเมื่อใกล้ถึงฝั่งก็กลั่นแกล้งหยุดมือจนต้องออดอ้อนร้องขอ สมองพร่าเลือนจิตใจสับสน

 

ร้องขออย่างออดอ้อนจนคนแก่กว่าต้องประกบจูบกั้นเสียงร้องนั้นอย่างดูดดื่มหลอกล่อ

 

กว่าจะรู้ตัวศตายุก็รู้จักการปลดปล่อยเป็นครั้งแรกคามือของลลิตภัทรนี่เอง

 

ลลิตภัทรกดจูบลงบนขมับที่ชื้นเหงื่อของศตายุ

 

                “หนูเก่งจังเลยค่ะ”เอ่ยชมพลางกดจูบลงบนซอกคอจนคนเด็กที่หอบหายใจอย่างหมดแรงต้องย่นคอหนี

 

                “อาลอนิสัยไม่ดี หนูจะไม่มาเรียนกับอาลอแล้ว”ศตายุซักหน้าหนีภาพที่ลลิตภัทรกำลังใช้กระดาษทิชชูเช็ดคราบของตัวเองด้วยความอับอาย ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาโดนกระทำน่าอายแบบนี้ อาลอลามกขึ้นทุกวัน บทเรียนเข้มข้นขึ้นทุกทีตั้งแต่ตกลงคบกันชายหนุ่มก็แตะนั่นนิดนี่หน่อยมากขึ้นเรื่อยๆ

 

                “จริงเหรอคะ จะไม่มาจริงๆเหรอคะ”ลลิตภัทรกดยิ้มร้าย เขารู้ว่ายังไงศตายุก็ต้องมาหาเขาอยู่ดีแหละ เด็กน้อยติดสัมผัสจากเขา มือเล็กทุบอั่กลงบนอกของคนรัก แก้มแดงราวผลชมพู่มะเหมี่ยว

 

ปากบอกจะไม่มาทุกวัน สุดท้ายลูกเจี๊ยบน้อยก็มาอยู่ในกำมือของลลิตภัทรทุกวันอยู่ดี

 

นึกด่าตนเองอยู่ทุกวันว่าตนเองนั้นเป็นเด็กใจแตกเสียแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เจี๊ยบรักอาลอ อาลอบอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกัน  เจี๊ยบก็จะเชื่อตามที่อาลอบอกนั่นแหล่ะ อันที่จริงแล้ว ศตายุชอบทุกบทเรียนที่อาลอสอนให้จริงๆ











            เช้าวันเสาร์แก้วเจ้าจอมและศตายุมาที่บ้านของพระลอตั้งแต่เช้า บรรดาคนงานนั่งจับกลุ่มกันอยู่ วันนี้ศตายุใส่กางเกงวอร์มตัวใหญ่ รองเท้าบูทยาวครึ่งแข้ง  สวมเสื้อแขนยาวทับเสื้อยืดไว้ข้างใน แก้วเจ้าจอมเองก็มาในเสื้อผ้าแบบเดียวกับพี่ชายเด๊ะๆต่างแค่สีรองเท้าที่เด็กน้อยใส่สีเขียวที่พ่อซื้อมาให้เมื่อวานซืน

 

            “อ่าว สองคนมาแต่เช้าเลยลูก”ย่าโฉมเรียกเด็กสองคนให้ขึ้นไปบนเรือน สำรับกับข้าวถูกตั้งวางไว้เรียบร้อย ปู่ชลิตดึงเอาแก้วเจ้าจอมไปเหวี่ยงเล่นราวตุ๊กตาล้มลุก

 

            “ไอ้เจ้าตัวแสบ พักนี้ไม่ค่อยมาหาปู่เลย”

 

            “แม่จิ๊บบอกเจ้าจอมมากวนเวลาเรียนพิเศษพี่เจี๊ยบให้มาได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์จ้าปู่”เด็กช่างประจบตอบอย่างเอาอกเอาใจพลางช่วยรับจานข้าวที่ย่าโฉมตักมาวางไว้ให้ปู่

 

            “กินข้าวกินปลากันซะก่อน ย่ารู้ว่าเจ้าจอมจะมาย่าทำหมูทอดกระเทียมพริกไทยไว้รอเลยนะ”

 

            “ดีจ้า งั้นหมูจานนี้ของหนู หนูไม่ให้อาลอกินหรอก”เด็กน้อยยื่นมือไปหยิบเอาหมูทอดกระเทียมพริกไทยจานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพระลอมาไว้หน้าตนเองทันที พระลอทำหน้าเอือมๆใส่แล้วลุกเดินเข้าไปในห้อง ศตายุหันมาหยิกเอวน้องหมับเข้าให้เพราะคิดว่าลลิตภัทรไม่พอใจ

 

            “เจ้าจอมทำน่าเกลียด ทำแบบนี้ได้ยังไงตัวมาอาศัยกินข้าวบ้านเค้ายังจะหวงกับเจ้าของบ้าน”

 

            “อูย พี่เจี๊ยบ หนูแค่หยอกอาลอเล่นเฉยๆ”เด็กน้อยใช้ฝ่ามือขยี้ตรงจุดที่โดนหยิกยิกๆปานลูกลิง  แต่แล้วเสียงของบางสิ่งบางอย่างก็ดังขึ้นมาให้ละความสนใจจากจานหนูทอด เด็กน้อยมองไปที่ต้นเสียงพลันรถบังคับคันใหญ่สีแดงก็แล่นฉวัดเฉวียนออกมาจากห้องของลลิตภัทร เจ้าของห้องออกมาพร้อมตัวบังคับในมือ ชายหนุ่มบังคับรถอย่างเซียนจนแก้วเจ้าจอมตาโต

 

            “อาลอ อันนี้ใช่ป่าวที่บอกจะให้หนู”เด็กน้อยวิ่งตามรถบังคับที่ชายหนุ่มบังคับหนีไปทางนู้นทางนี้ที

 

            “ตอนแรกก็ว่าจะให้ แต่เมื่อกี๊เจ้าจอมหวงอาลอแม้กระทั่งหมูทอด อาลอบังคับให้มันหล่นระเบียงไปเลยดีมั้ยนะ”ไม่พูดเปล่าลลิตภัทรก็บังคับให้รถพุ่งไปทางระเบียง แก้วเจ้าจอมหน้าเสียรีบวิ่งไปกันไว้ก็พอดีกับที่ลลิตภัทรบังคับให้รถถอยกลับมาหาตนเด็กน้อยทำหน้าโล่งใจก่อนจะทำหน้าหงอยลงไปถนัดเมื่อลลิตภัทรกลับไปนั่งที่สำรับกับข้าวอีกครั้ง

 

            “ลอก็ไปแกล้งหลาน”ย่าโฉมเอ็ดลูกชายไม่จริงไม่จังนัก

 

            “เด็กดื้อต้องดัดนิสัยครับแม่  อ้าว จะนั่งตรงนั้นอีกนานมั้ยรีบมากินข้าวสิเจ้าจอมเดี๋ยวสายแดดจะร้อนนะ”ลลิตภัทรทำไม่รู้ไม่ชี้ตักข้าวกินหน้าตาเฉย

 

            “อาลอขี้โกง บอกจะให้หนูตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ให้”แก้วเจ้าจอมเบะคล้ายจะร้องไห้แล้วหันหลังให้ทุกคน เพราะเป็นลูกคนเล็กน้องคนเล็กยามโกรธหรือน้อยใจอะไรมุกนี้มักถูกนำมาใช้เพราะรู้ว่าพ่อกับพี่นั้นตามใจตนขนาดไหน ศตายุเมื่อเห็นอากัปกริยานั้นของน้องน้อยก็จะลุกไปโอ๋หากแต่ลลิตภัทรดึงมือไว้ไม่ให้ไป

 

            “แต่...”ศตายุเงียบเสียงลงเมื่อลลิตภัทรส่ายหน้าห้าม

 

            “จะนั่งตรงนั้นก็นั่งไปเลยนะ บ้านนี้ไม่มีใครโอ๋ และถ้าไม่รีบมากินข้าวอาจะโยนรถคันนี้ทิ้งไปจริงๆด้วย อาไม่อยากให้มันไปอยู่กับเด็กเจ้าแง่แสนงอนไม่มีเหตุผล”แก้วเจ้าจอมที่นั่งกอดเข่าเป็นก้อนกลมยืดตัวขึ้นมาทันที

 

            “ตอนแรกก็ว่าจะให้หลังจากช่วยกันเกี่ยวข้าวเสร็จ แต่ตอนนี้คงไม่อยากได้แล้วสินะ งั้นเดี๋ยวเอาไปให้พวกจ่อยก็ได้มั้ง”

 

            “ไม่ได้นะ อาลอบอกจะยกให้หนูแล้วนี่จ๊ะ”เด็กน้อยหัวขวับมาเถียงทันที ลลิตภัทรแอบยิ้มก่อนจะตีหน้าขรึมอีกครั้ง

 

            “แล้วจะมากินข้าวได้หรือยัง ปู่กับย่ารออยู่นะ”

 

            “ก็ได้”ลุกมานั่งที่เดิมลลิตภัทรแกล้งดึงกับข้าวอย่างอื่นพวกต้มจืดปลาทอดและผัดผักเหลือไว้ให้แค่หมูทอดกระเทียมพริกไทยไว้ให้แก้วเจ้าจอมจานเดียว

 

            “อาลอยกกับข้าวหนีหนูทำไมอ่ะ หนูก็ชอบกินปลาทอดแบบพี่เจี๊ยบนะ”

 

            “อ้าว อาลอนึกว่าเจ้าจอมจะกินแค่หมูทอดกระเทียมพริกไทยอย่างเดียว เพราะเมื่อกี๊เจ้าจอมหวงหมูทอดกับอาลอนี่ครับ”

 

            “ไม่ใช่ซักหน่อย ต้มจืดหนูก็ชอบกิน ปลาทอดหนูก็ชอบกิน”

 

            “แต่เมื่อกี๊หนูจะเก็บหมูไว้กินคนเดียวไม่แบ่งอานี่ครับ เพราะฉะนั้นกับข้าวพวกนี้อาลอชอบอาลอจะแบ่งให้ปู่กับย่าแล้วก็พี่เจี๊ยบกินเท่านั้นอาลอไม่แบ่งให้เจ้าจอมกินหรอก อ่ะเจี๊ยบลองชิมต้มจืดดูสิคะอร๊อยอร่อย”ว่าจบลลิตภัทรก็ตักหมูบะช่อก้อนใหญ่ใส่จานให้ศตายุ เจ้าจอมทำหน้าละห้อยมองพี่ตักหมูเข้าปากอย่างอิจฉาสุดๆ เด็กน้อยกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่

 

            “หนูก็อยากกินต้มจืดแบบพี่เจี๊ยบมั่งนะอาลอ”

 

            “เจ้าจอมจะได้กินแค่หมูทอดครับ เพราะเจ้าจอมไม่มีน้ำใจให้กับคนอื่น หมูทอดมีเต็มจานแต่เจ้าจอมกลัวที่จะหมด มันไม่น่ารักรู้มั้ยครับ กินข้าวก็กินด้วยกัน เด็กที่หวงของจะไม่มีใครอยากแบ่งของอื่นให้ “

 

            “หนูแค่จะแกล้งอาลอเล่นไม่ได้จะหวงจริงซักหน่อย”เจ้าตัวเล็กแก้ตัวเสียงเบา

 

            “แต่อาจะสอนเจ้าจอมจริงๆ คราวหลังไม่ทำตัวไม่น่ารักแบบนี้อีกแล้วนะครับ คราวนี้อาลอจะยอมแบ่งกับข้าวให้ก็ได้ ดีกันเนอะ”ว่าจบก็ตักต้มจืดใส่จานให้หลานแก้วเจ้าจอมยิ้มร่าขึ้นมาทันที นั่นแหละสงครามเย็นระยะสั้นจึงสิ้นสุดลง ใช้เวลาในการกินข้าวไม่นานอาหลานทั้งสามคนก็ไปสมทบกับคนงานและเพื่อนบ้านที่มาช่วยลงแขกเกี่ยวข้าว เจ้าจอมวิ่งลงไปในนาทันทีเมื่อพบเพื่อนวัยเดียวกัน ลมเย็นในเดือนธันวาคมพัดพลิ้วจนรู้สึกตึงผิวกาย

 

ท้องทุ่งสีทองก่อคลื่นเล็กๆลลิตภัทรมองภาพความสวยงามนั้นด้วยหัวใจที่ตื้นตันชายหนุ่มจับมือศตายุที่อย่างไม่รู้ตัว

 

            “บ้านของเรา สวยจังเลยนะเจี๊ยบ”

 

            “อื้อ...บ้านของเรา แผ่นดินของเรา สวยไม่มีใครเทียบ ทั้งสวย ทั้งสงบสุข”

 

            “อาไม่น่าทิ้งไปตั้งนานเลย ไปขวนขวายมีชีวิตที่ถูกล้อมรอบด้วยตึกระฟ้าตั้งนาน ทั้งๆที่นี่มีครอบครัว มีบ้าน มีความรักมากมายรออยู่”

 

            “แต่ตอนนี้อาลอก็กลับมาแล้วนี่จ๊ะ อาลอจะไม่ไปไหนแล้วใช่มั้ย?”ท้ายประโยคคนเด็กหันไปมองหน้าอาหนุ่ม ดวงตากลมโตมีแววหวั่นใจในคำตอบที่จะได้รับฟัง ศตายุกลัวว่าความสำนึกรักบ้านเกิดของลลิตภัทรจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของคนที่จากบ้านไปนาน พอวันหนึ่งที่ความรู้สึกนั้นอิ่มตัว ความแปลกใหม่หายไปคงไว้แค่ความธรรมดาแล้วลลิตภัทรก็จะจากไป ลลิตภัทรบีบมือนุ่มของหลานเบาๆ รอยยิ้มอบอุ่นที่มักจะมอบให้เสมอถูกส่งมอบมาให้อีกครั้ง หัวใจที่รู้สึกหนาวเมื่อครู่คล้ายจะอุ่นขึ้น ฝ่ามือหนายกขึ้นวางลงบนศีรษะกลมของหลานเบาๆ

 

            “อามีคนสำคัญอยู่ที่นี่แล้วไงคะ จะไปไหนได้”

 

((ต่อด้านล่าง))

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2




 

            ลลิตภัทรเข้าใจแล้วว่าความสวยคือภาพมายา ชายหนุ่มร้องโอดโอยอยู่ในใจ

 

หลังและบั้นเอวของเขาเริ่มร้องประท้วงเมื่อเขาก้มตัวเกี่ยวข้าวมาได้ซักระยะหนึ่ง บรรดาคนงานและคนเฒ่าคนแก่ต่างเกี่ยวกันได้อย่างรวดเร็วนำหน้าเขาไปไกลโขไม่เว้นแม้แต่ลูกเจี๊ยบที่เคยคิดว่าความรักของเราจะเคียงข้างกันตลอดไปจะอยู่ด้วยกันไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข แต่นู่น เจ้าลูกเจี๊ยบน้อยของเขาตามรุ่นปู่รุ่นย่าไปติดๆแสดงให้เห็นทักษะเกี่ยวข้าวอันดีเยี่ยม

 

            “ไหวมั้ยผู้ใหญ่”เสียงยายผันบ้านท้ายคลองตะโกนถามแถมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะแหลมอย่างตลกกับท่าทางผู้ใหญ่หนุ่มที่หน้าเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆแต่ท่าทางตอนนี้เหมือนตาแก่อายุซัก 70

 

            ไหวกะผีอะไรล่ะป้า เอวกับหลังจะหักแล้ว เสียงในใจร่ำร้องราวผีบ้า

 

            “โอ้ย....สบายๆ”แต่ในความเป็นจริงเขาจะตอบอะไรได้นอกจากปั้นหน้าทำราวกำลังสดชื่นรักน้ำรักปลารักนาข้าวใส่ไปเรื่อยๆ ศตายุที่หันมามองเขาส่ายหน้าพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ

 

อาลอขี้โม้ หน้าเหมือนกำลังจะตายขนาดนั้นยังทำเก่ง ดูสินั่นขยับแต่ละทีเหมือนเครื่องจักรที่ไม่ได้หยอดน้ำมันมา

 

กว่าจะเที่ยงลลิตภัทรก็แทบจะคลานออกจากแปลงนา ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงโดยที่ลูกเจี๊ยบกำลังจัดสำรับออกมาวางบนพื้นกับข้าวง่ายๆคือน้ำพริกกะปิและผักสด ไข่ทอดชะอมหั่นเป็นชิ้น ปลาเค็มทอดที่แยกพริกกับหอมแดงซอย มีมะนาวหั่นซีกให้บีบราดบนตัวปลาและแกงส้มมะละกอ แก้วเจ้าจอมเอางอบมาโบกลมพัดให้พระลออย่างสงสารอาหนุ่มที่หน้าซีด ลมหนาวเมื่อเช้าก็คล้ายลมตด พัดมาวูบเดียวก็หายยิ่งสายแดดยิ่งร้อน บรรดาลุงป้าย่ายายต่างเอากับข้าวออกมาวางแล้วล้อมวงร่วมกินข้าวกลางวันด้วยกันอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยไม่ได้จางไปจากวงสนทนา บ้างก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบ บ้างก็คุยกันถึงเรื่องต่างๆในหมู่บ้าน เช่นลูกของพระลักษณ์เป็นเด็กผู้ชาย จะโกนผมไฟเมื่อไหร่ ลูกสาวบ้านท้ายไร่จะแต่งงานวันไหน ปีใหม่จะมาสวดมนต์ข้ามปีกันมั้ย นั่งคุยนั่งกินกันเพลินๆข้าวและกับข้าวที่เตรียมมาก็หายเกลี้ยงเก็บปิ่นโตวางไว้ใต้ต้นไม้ กระติกน้ำที่ย่าโฉมเตรียมไว้ให้โรยดอกมะลิจนหอมกรุ่น น้ำแข็งที่แช่ทั้งขันทำหน้าที่ได้อย่างดีน้ำในกระติกเย็นฉ่ำดื่มคลายร้อนชื่นใจ

 

            “อูย...”แก้วเจ้าจอมที่ดื่มน้ำเย็นจัดเร็วเกินไปร้องออกมาพลางนวดขมับตัวเอง

 

            “เป็นอะไร ปวดหัวเหรอ”เจี๊ยบช่วยนวดขมับให้น้อง เพราะกินน้ำเร็วเกินไปความเย็นทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิในร่างกายทำให้ปวดหัวกะทันหัน ลลิตภัทรหัวเราะขำเมื่อเห็นเจ้าจอมทำหน้าเหยเก ศตายุขมุบขมิบว่าอาหนุ่ม

 

            “คนนิสัยไม่ดี หัวเราะเด็ก”พระลอแบมือกับอากาศราวกับตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย  เสียงพ่อเพลงเอื้อนเอ่ยคำกลอนเพลงเกี่ยวข้าวพร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้น ตาจรัญกับยายผันออกไปรำแต้ที่คันนา ในมือถือเคียวและรวงข้าวร้องเพลงแก้กันไปมาโดยมีคนอื่นๆเป็นลูกคู่ทำให้ช่วงพักเที่ยงไม่น่าเบื่อ ลลิตภัทรมองศตายุที่สนุกสนานไปกับคนเฒ่าคนแก่ไปด้วย ด้วยความเอ็นดู รุ่นเก่าอาจจะเหมือนไม้ใบแห้งที่รอวันร่วงโรยแต่เด็กรุ่นใหม่อย่างศตายุก็เหมือนใบอ่อนที่เริ่มผลิออกมาจากกิ่ง เขาหวังว่าเด็กๆรุ่นหลังจะซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมเหล่านี้ไว้ในใจไม่ละทิ้งและสืบทอดไปอีกชั่วลูกชั่วหลาน หลังจากพักผ่อนให้คลายเหนื่อยการเกี่ยวข้าวยามบ่ายก็เริ่มขึ้น และลลิตภัทรร่างกายก็ย่ำแย่ยิ่งกว่าช่วงเช้า กว่าจะเสร็จงานในตอนเย็นเขาก็แทบจะคลานกลับบ้าน ย่าโฉมหัวเราะจนพุงกระเพื่อมเมื่อเห็นสภาพลูกชายคนเล็กไม่ต่างจากพระลักษณ์ที่นั่งคอยเป็นลูกมือช่วยแม่อาบน้ำให้กับน้องคุณหรือเด็กชายคุณธรรมที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน ศตายุและแก้วเจ้าจอมรีบเข้าไปนั่งดูใกล้ๆเพราะเห็นว่าน้องเล็กนั้นน่าเกลียดน่าชังน่าเล่นด้วย

 

            “ไงมึงเดี้ยงมาเลยเหรอ บอกแล้วว่าให้เอารถไปเกี่ยววันเดียวก็เสร็จ ไปเกี่ยวเองให้ลำบากลำบน”

 

            “ก็อยากเห็นบรรยากาศเก่าๆ”

 

            “แล้วคุ้มมั้ย?”

 

            “คุ้มสิ อย่างน้อยคนแก่ๆเขาก็ได้มาเจอกัน ใครอยากได้เงินก็จ่ายค่าแรง ใครอยากแรงเดี๋ยวก็ไปช่วยแบบนี้ดีจะตาย”

 

            “โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว สังคมมันขับเคลื่อนด้วยเงินไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจแบบสมัยก่อน”พระลักษณ์ว่าอย่างคนที่เห็นโลกมามาก

 

            “ผมก็จะทำให้เห็นอยู่นี่ไงว่าน้ำใจสำคัญกว่าเงิน เราไม่ต้องใช้เงินทุกอย่างก็ได้”

 

            “โลกสวย”คนพี่ว่าค่อนขอดเข้าให้

 

            “ย่าจ๋าหนูเคยเห็นตอนเจ้าจอมเล็กๆยายไพเอาใบมะขามกับหอมแดงต้มน้ำให้น้องอาบทำไมน้องคุณไม่อาบแบบนั้นล่ะจ๊ะ”ศตายุเอ่ยถามอย่างสงสัย

 

            “ตอนนี้น้องคุณยังเล็กผิวยังบางอยู่ลูกรอน้องได้ซัก 2-3 เดือนค่อยให้อาบ”

 

            “มันช่วยอะไรเหรอจ๊ะย่า”

 

            “ใบมะขามมีรสเปรี้ยวช่วยล้างเสมหะ ส่วนหัวหอมแดงไล่หวัด ขับลมแก้ท้องอืด น้องจะได้ไม่ปวดท้องไงลูก”

 

            “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”ศตายุส่งผ้าขนหนูให้ย่าโฉมเมื่อย่าเอาน้องขึ้นจากน้ำแล้วยื่นให้พระลักษณ์

 

            “อย่าทาแป้งจนเยอะเกินนะลูกเดี๋ยวจะเป็นภูมิแพ้ แล้วก็แม่ทำแกงเลียงไว้ให้แล้วยกไปให้นิดากินนะ”พระลักษณ์รับลูกชายตัวน้อยมาไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านไป ก่อนจะกลับมารับปิ่นโตกลับไปทานข้าวที่บ้านของตัวเอง

 

            “อาลอ...”แก้วเจ้าจอมที่นั่งมองลลิตภัทรคุยกับพระลักษณ์มาระยะหนึ่งแล้วดึงชายเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มเบาๆ

 

            “หนูช่วยงานเสร็จแล้ว”ประโยคบอกเล่าเปล่งออกมาเสียงอ่อย ลลิตภัทรหัวเราะกับท่าทางที่อยากจะประจบแต่ก็ขัดเขินของเจ้าจอมนั้นอย่างเอ็นดู

 

อันที่จริงมันก็น่ารักแหละ แต่ติดจะเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้ ลลิตภัทรลุกขึ้นยืนเต็มความสูงช่วยแม่เก็บกะละมังอาบน้ำหลานก่อนจะขอตัวพาเด็กๆขึ้นมาบนห้องนอน แก้วเจ้าจอมวิ่งไปทั่วห้องของลลิตภัทรอย่างตื่นตาตื่นใจ

 

ในตู้กระจกมุมริมหน้าต่างถัดจากตู้หนังสือมีของเล่นหลายอย่าง นอกจากรถบังคับแล้วลลิตภัทรยังสะสมพวกเรือและเครื่องบินบังคับอีกด้วย ลำใหญ่สุดคือเฮลิคอปเตอร์ที่วางไว้บนสุด

 

            “โห อาลอ อาลอมีของเล่นเยอะจังเลย”ลลิตภัทรเดินไปเปิดตู้เย็นที่ตนเองซื้อมาใส่ของกินไว้ในห้องหยิบช็อกโกแลตมาโยนให้แก้วเจ้าจอมเด็กน้อยยกมือไหว้ขอบคุณสายตามองบรรดาขนมนมเนยที่แช่ไว้อย่างตื่นเต้น ยังกับตู้เย็นในโฆษณา แก้วเจ้าจอมไม่รู้หรอกว่าของ 99% นั้นน่ะลลิตภัทรซื้อมาแช่ให้ศตายุกินเวลามาเรียนพิเศษส่วนของเขามีเพียงน้ำเปล่าแช่เย็นเท่านั้น เพราะทั้งสองคนจะไม่ออกจากห้องไปไหนเลยจนกว่าจะเรียนเสร็จดังนั้นจึงต้องมีเสบียงเตรียมไว้หลอกล่อเด็กให้อิ่มท้องจะได้ไม่ต้องรีบกลับบ้านเร็ว ส่วนเขาก็กินศตายุอีกทอดหนึ่ง

 

เนี่ย ลลิตภัทรเป็นคนรอบคอบจะตาย

 

            “สัญญากับอาลอก่อนได้มั้ยครับว่าถ้าให้ไปแล้วเจ้าจอมจะรักษาของ จะเล่นอย่างระมัดระวัง”ชายหนุ่มวางรถบังคับสีแดงคันเมื่อเช้าลงต่อหน้าหลาน แก้วเจ้าจอมพยักหน้าหงึกหงักทันที ลลิตภัทรดึงตัวบังคับกลับ

 

            “ผู้ใหญ่ถามให้ตอบครับไม่ใช่พยักหน้า”

 

            “หนูสัญญาจ้าว่าจะดูแลอย่างดีไม่เล่นพัง”

 

            “ถ้าเจ้าจอมไม่รักษาของอาลอจะไม่ให้อะไรเจ้าจอมอีก เข้าใจมั้ยครับ”ชายหนุ่มวางมือลงบนหัวทุยของหลานโยกเบาๆ แก้วเจ้าจอมรับคำแล้วรับคันบังคับที่ลลิตภัทรยื่นให้อย่างดีใจ

 

            “ตอนนี้เจ้าจอมก็กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวได้แล้วนะครับ แล้วบอกแม่จิ๊บด้วยว่าวันนี้พี่เจี๊ยบจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม อาลอจะสอนส่วนที่พี่เจี๊ยบยังไม่เข้าใจต่อรู้เรื่องมั้ยครับ?”

 

            “เข้าใจจ้า งั้นหนูกลับบ้านก่อนนะ”เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายกอดประคองรถบังคับคันใหญ่วิ่งปร๋อออกไปนอกห้อง

 

            “ใครบอกอาลอว่าหนูจะเรียนด้วยกันจ๊ะ”ศตายุลุกขึ้นยืนพลางเอ็ดคนโมเมเบาๆ

 

            “อาปวดหลังมากเลยค่ะหนูจะไม่อยู่นวดหลังให้อาลอหน่อยเหรอคะ”ทำเสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อน

 

            “งั้นอาลอรอก่อนนะจ๊ะเดี๊๋ยวหนูพายเรือไปส่งเจ้าจอมกับแวะอาบน้ำก่อนแล้วจะมานวดให้”

 

            “งั้นก็ได้ค่ะ รีบไปรีบมานะคะ”ลลิตภัทรทิ้งจังหวะในการพูดลงก่อนจะช้อนตาขึ้นมองหลานตัวน้อย

 

            “อาคิดถึง”

 

            “หนูเกลียดอาลอตอนนี้ทันมั้ยจ๊ะ”ศตายุเขินจนอยากจะกระโดดเตะคนที่ช่างหยอดให้คอหลุดเสียจริงๆ

 

            “ไม่ทันแล้วค่ะ เพราะอารู้ว่าหนูก็คิดถึงอาเหมือนกัน”

 

เนี่ย ก็ยังจะหน้าด้านหยอด ศตายุไม่รู้จะตอบโต้ยังไงแล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องทิ้งให้ชายหนุ่มนั่งหัวเราะคิกคักกับมุกจีบเสี่ยวๆของตัวเองพลางล้มตัวลงนอนดีดดิ้นเมื่อรู้สึกเขินซะเองแต่ก็ต้องกระตุกหลังทำหน้าเหยเก

 

            “อูย....ปวดหลังชิบหายเลยแม่ง”

 

อย่าให้ใครรู้นะว่ากำนันลอหมู่ 7 เจ้าของฉายา หล่อเด็ดเตะปี๊บดัง จะมานอนหลังเดี้ยงเหมือนหมาถูกเขวี้ยงอย่างเดียวดายแบบนี้

 

อายตายห่าเลย

 

               

 

...................................................................





ไม้อ่อนดัดง่าย คำๆนี้ยังใช้ได้เสมอ การที่อาลอสอนแก้วเจ้าจอมให้เป็นเด็กมีน้ำใจนั่นคือความหวังดีที่มีต่อหลานที่เป็นว่าที่น้องเมีย จริงๆแล้วอาลอเอ็นดูแก้วเจ้าจอมนะคะ ในใจแม้จะประทุษร้ายหลานต่างๆนาๆแต่ลลิตภัทรไม่เคยทำร้ายเจ้าจอมจริงๆซักที การที่ให้เด็กรู้จักทำงานก่อนที่จะให้อะไรเป็นการสอนเขาอย่างหนึ่งว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ถ้าหากอาลอให้ของเล่นกับเจ้าจอมเอง เจ้าจอมก็อาจจะเห่อเล่นแค่แรกๆแล้วทิ้งขว้างในที่สุด แต่ถ้าอะไรที่ได้มายากและต้องทำงานแลกมาของสิ่งนั้นก็จะมีค่านานขึ้น



ลูกเจี๊ยบคือเด็กที่เป็นวัยรุ่นแล้ว การตื่นเต้นเรื่องเพศเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เริ่มโต ไม่ได้ใจแตกหรอก มันปกติธรรมดาของเด็กที่กำลังอยากรู้อยากลอง



คนที่ต้องด่าก็คืออีลุงที่รู้ว่าต้องทำยังไงเด็กถึงจะติดมือ จับมันเลยค่ะคุณตำหนวด เจอตาแก่หื่นกาม 1 อัตรา



เช่นเดิมค่ะ 1 เม้นท์ 1 แท็ก ล้านกำลังใจ ไม่ได้ขู่เข็ญแต่ถ้าเม้นท์เยอะแท็กแยะก็อัพไวมาก 55555555



#พระลอตามไก่

 







               

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องเจี้ยบบบบบบบบบบ หนูกำฃังโดนล่อลวง หนีไปปปปป

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


พระลอตามไก่

ตอนที่ ๑๔






                ศตายุกำลังแปลกใจ เด็กน้อยนั่งทำการบ้านคณิตศาสตร์พลางแอบมองลลิตภัทรที่นั่งต่อเลโก้อยู่บนพื้นโดยไม่มาเกาะแกะลวนลามเขาอย่างเคย

 

มันผิดปกติของอาลอมากๆ เพราะทุกวันถ้าเขามาไม่เคยมีซักวันที่อาลอจะปล่อยให้เขาได้นั่งทำการบ้านอย่างสงบสุข ก่อนอื่นเลยลลิตภัทรจะต้องมานัวเนียกอดและหอมแก้มบางทีเพลินก็จูบกันซักระยะหนึ่งจึงปล่อยให้เขานั่งทำการบ้านที่อาจารย์ให้ แต่ก็นั่นแหล่ะต้องนั่งทำบนตักของเจ้าตัว ลลติภัทรต้องทำให้เขาตัวแดงเป็นกุ้งหายใจหอบถี่แก้มแดงปากแดงจนพอใจนั่นแหล่ะถึงจะยอมสอนให้ดีๆได้

 

                “สมองจะได้โล่งไงคะ”ข้ออ้างแบบหน้าด้านๆถูกตอบเสมอยามเด็กน้อยถามว่าอาลอลวนลามเขาทำไม

 

                “อาลอจ๊ะ”เด็กน้อยเอ่ยเรียกอาหนุ่มที่ยังคงคร่ำเคร่งกับเลโก้ราวกับกำลังออกแบบก่อสร้างราชวังที่แวร์ซาย

 

                “คะ?”ตอบรับแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

 

                “หนูไม่เข้าใจข้อนี้จ้า”เอียงคอทำหน้าตาบ้องแบ๊วเอ่ยตอบเสียงหวาน

 

                “ไหนอธิบายโจทย์มาสิคะ”ลลิตภัทรไม่ได้ลุกมาดูอย่างแนบชิดเหมือนทุกวัน ชายหนุ่มทำเพียงนั่งอยู่ที่เดิมต่อของเล่นโง่ๆนั่นต่อไป ศตายุถอนหายใจอย่างรู้สึกหงุดหงิด ไม่รูว่าตัวเองจะหงุดหงิดทำไม อ่านโจทย์ไปก็หน้าตึงมากขึ้นเรื่อยๆ ลลิตภัทรอธิบายโจทย์ข้อนั้นให้ศตายุฟังมือก็ยังบรรจงต่อเลโก้อย่างใจเย็นจนในที่สุดเด็กน้อยก็เก็บสมุดการบ้านเข้ากระเป๋า     

 

                “ทำเสร็จแล้วเหรอคะ?”ลลิตภัทรเอ่ยถามเมื่อเห็นหลานเก็บของเรียบร้อยลุกออกจากโต๊ะหนังสือ เจ้าเจี๊ยบน้อยพยักหน้าเนือยๆไม่ช่างพูดช่างคุยเหมือนทุกวัน เก็บเปลือกขนมที่กินเสร็จทิ้งใส่ถังขยะจนเรียบร้อย

 

                “กลับเลยหรือเปล่าคะเดี๋ยวอาเดินไปส่งที่เรือ” ศตายุนิ่งไปกับคำถามก่อนจะพยักหน้าเนือยๆ

 

                “ถ้าอาลอไม่มีอะไรแล้วกลับเลยก็ได้จ้า”ลลิตภัทรลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเปิดประตูให้ศตายุได้เดินออกไปก่อน ตลอดทางไม่มีคำพูดใดใดเอ่ยออกมาจากคนทั้งคู่จนกระทั่งถึงศาลาท่าน้ำ

 

                “กลับดีๆ แล้วก็คืนนี้ฝันดีนะคะ”ลลิตภัทรลูบศีรษะหลานเบาๆ ศตายุเม้มปากคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบแล้วพยักหน้ารับ

 

                “ฝันดีเหมือนกันนะจ๊ะอาลอ”ลลิตภัทรโบกมือบ๊ายบายหลานยืนมองจนเด็กน้อยของเขาพายเรือกลบไปถึงฝั่งบ้าน ทันทีที่เจี๊ยบน้อยเดินลับตาไปแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ

 

ดูก็รู้ว่าเจ้าเจี๊ยบน้อยของเขาหงุดหงิดน่าดูที่เขาทำเฉยเมยใส่

 

ทั้งๆที่อยากจับหลานขย้ำแทบตาย ต้องนั่งสงบจิตสงบใจทำเป็นไม่สนใจเรียวขาขาวๆที่หลานหมุนเก้าอี้ไปมาล่อตาล่อใจเขา ทำเป็นหูทวนลมใส่เสียงหวานอย่างออดอ้อนทั้งที่ใจจริงอยากจับหลานขย้ำให้จมเตียง

 

เขาหลอกล่อศตายุให้ติดสัมผัสที่มอบให้ และตอนนี้เขากำลังล่อลวงให้ศตายุโหยหาและเรียกร้องออกมาด้วยตัวเอง

 

บอกอาสิคะว่าหนูต้องการอา แล้วอาจะตอบแทนให้ถึงใจ

 

ถ้ามอบตำแหน่งภัยสังคมให้ผม งั้นก็คงต้องขอน้อมรับด้วยความยินดี





 

                จิ๊บมองลูกชายที่กลับขึ้นมาบนบ้านด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างแปลกใจ มองนาฒิกาเพิ่งจะสามทุ่ม ปกติเวลานี้ศตายุจะยังเรียนพิเศษไม่เสร็จ ดังนั้นวันนี้จึงถือว่ากลับเร็วกว่าปกติ

 

                “อ้าวเจี๊ยบ เรียนเสร็จแล้วเหรอลูก?”ศตายุชะงักเท้าที่กำลังจะเดินตรงเข้าห้องเลี้ยวกลับมานั่งข้างๆแล้วเลื่อนตัวเป็นนอนหนุนตักแม่แทน

 

                “เสร็จแล้วจ้า วันนี้การบ้านไม่ยากอะไรจ้าแม่ อาลอเขาดูไม่ค่อยว่างด้วยเลยกลับดีกว่า”เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆจนจิ๊บสังเกตได้ถึงความไม่ร่าเริงเหมือนทุกครั้งที่พูดถึงอาลอของลูก

 

                “เป็นอะไรลูก ทำไมดูเหนื่อยๆ”หล่อนวางไหมกับเข็มโครเชต์ที่ถักลงในตะกร้าก่อนจะลูบผมลูกเบาๆ

 

                “แม่จ๋า แม่กับพ่อตั้งแต่แรกคบกันจนตอนนี้ พ่อยังเสมอต้นเสมอปลายกับแม่อยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”เด็กน้อยเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามแม่แต่กลับถามคำถามกลับ จิ๊บส่งยิ้มหวานสายตามองเหม่อไปในความมืดเบื้องหน้า

 

                “พ่อเราน่ะเมื่อก่อนตอนจีบแม่เป็นยังไง ตอนนี้ก้ยังเป้นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน ติดจะขี้ใจน้อยเอาแต่ใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทำไมเหรอลูก”

 

                “หนูอิจฉาแม่ที่มีคนดีๆแบบพ่อมารัก”

 

                “อะไรกันเจ้าเด็กคนนี้นี่อยู่ๆมาอิจฉาพ่ออิจฉาแม่ ทำไม ไปแอบมีแฟนแล้วแฟนไม่เหมือนเดิมหรือไง?”จิ๊บถามแบบหยอกๆลูกแต่คนที่มีชนักติดหลังกลับทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด

 

                “มีที่ไหนกันเล่าแม่ก้อ น้องแค่ถามดูเฉยๆเห็นพ่อกับแม่รักกันดีน้องก็ดีใจ”ลูกเจี๊ยบน้อยรีบแก้ตัวจนลิ้นแทบพัน ยันตัวเองขึ้นนั่งก่อนจะตัดบทเปลี่ยนเรื่อง

 

                “น้องเหนื่อยแล้ว เหนียวตัวด้วย น้องไปอาบน้ำนอนก่อนนะจ๊ะ”ไม่รอให้แม่อนุญาตเจ้าลูกเจี๊ยบก็ชิ่งกลับเข้าห้องของตัวเองทันที ท่าทางสดใสเมื่อครู่พลันจางหายเหลือเพียงลูกเจี๊ยบห่อเหี่ยวเหมือนไก่เด็กที่เฉามือทันที ศตายุทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงนอน

 

                “พ่อกับแม่รักกันมา 16 ปี ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แล้วทำไมอาลอเพิ่งบอกรักหนูได้เดือนกว่าๆถึงเปลี่ยนไปล่ะจ๊ะ หรือว่าอาลอเบื่อน้องแล้วอ่ะ ฮื่อ...ไม่เอานะ ไม่ให้เบื่อ อาลอใจร้าย ห้ามเบื่อน้องนะ ไหนบอกว่ารักน้องก็ต้องห้ามเบื่อน้องสิ”ศตายุตบตีกับหมอนหนุนใบใหญ่อยู่คนเดียวจนดึกแล้วก็หลับไปทั้งชุดนักเรียนนั่นแหล่ะ

 

เด็กน้อยสับสนและเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ที่มีต่อกันเพียงเพราะลลิตภัทรไม่มาวุ่นวายกันตัวเอง

 

ศตายุไม่เคยมีคนรักจึงไม่รู้ว่าการเป็นคนรักกันการไม่มีสัมพันธ์ทางกายเหมือนทุกวันไม่ได้แปลว่าความรักนั้นจะลดน้อยถอยลง เพียงแต่เด็กมันกำลังโดนตาเฒ่าหลอกนั่นเอง

 

 

                ลลิตภัทรเดินไปทางนู้นทีทางนี้ทีโดยมีแก้วเจ้าจอมเดินตามต้อยๆ โรงเรือนคลุมพลาสติกใสทั้งหลังถูกสร้างขึ้นหลังจากประชุมกับลูกบ้านแล้วว่าจะทำอะไรเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของหมู่บ้าน อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ยกที่ดินด้านหน้าถนนให้ลูกชายทำเป็นศูนย์กลางเพื่อให้ชาวบ้านมารวมตัวกันทำงาน ศตายุยกหม้อข้าวต้มเครื่องที่ย่าโฉมลงมือปรุงด้วยตัวเองมาวางบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นไม้ใหญ่ คนงานต่างช่วยกันอย่างขะมักเขม้นท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง

 

                “อาลอ ทำไมต้องทำโรงเรือนด้วยเหรอจ๊ะ”แก้วเจ้าจอมถามอาหนุ่มที่เดินดูงานตั้งแต่เช้าอย่างไม่รู้สึกเบื่อ แม้จะเป็นลูกของกำนันแดนดินแต่ผู้เป็นพ่อไม่เคยพาเขาไปดูงานที่พ่อทำเลยซักนิดเพราะแดนดินกลัวลูกจะลำบากจะร้อน แต่แดนดินไม่รู้เลยว่าจิ๊บนั้นปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้การทำงานโดยปล่อยให้ลูกไปตามย่าโฉมและพระลักษณ์มาระยะหลังนี่แก้วเจ้าจอมเข้ากันได้ดีกับลลิตภัทร นิสัยบางอย่างของลูกชายที่เปลี่ยนไปแดนดินก็คิดว่านั่นเป็นเพราะแก้วเจ้าจอมโตขึ้นและภรรยาอบรมอย่างดีโดยไม่รู้เลยซักนิดว่าคนที่เป็นต้นแบบและคอยสั่งสอนแก้วเจ้าจอมนั้นส่วนหนึ่งก็คือลลิตภัทรนั่นเอง

 

“ก็เราจะใช้ตากกล้วยใช่มั้ยครับเราก็ต้องทำให้มันถูกสุขลักษณะถูกหลักอนามัย โรงเรือนจะช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกที่จะปลิวมาเกาะผิวกล้วยของเราไงครับ”ลลิตภัทรที่กำลังช่วยคนงานขึงพลาสติกตอบคำถามหลานโดยไม่ได้หันมามอง

 

“ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นต้องมีโรงเรือนเลยล่ะอาลอ ย่าโฉมยังเคยตากกล้วยในกระด้งวางไว้นอกชานเลย”

 

“ก็อันนั้นเราตากไว้กินเอง แต่อันนี้เราตากเพื่อทำไปขายคนอื่นไง ถ้าของสกปรกเจ้าจอมจะยอมเสียเงินซื้อไปกินมั้ยครับ ถ้านกมาขี้ใส่เงี๊ยะเจ้าจอมจะกินหรือเปล่า?”

 

“ไม่เอาอ่ะ”

 

“นั่นแหล่ะคนอื่นเขาก็อยากกินของสะอาดเหมือนกัน”

 

“แล้วทำไมต้องทำของกล้วยๆด้วยอ่ะอาลอ”

 

“ก็หมู่บ้านเรากล้วยเยอะจนไร้ค่าไงครับ”ของกล้วยๆคือชื่อผลิตภัณฑ์ที่ลลิตภัทรคิดขึ้น ชายหนุ่มสำรวจหมู่บ้านก็พบว่าทุกบ้านปลูกกล้วยเอาไว้แบบทิ้งๆขว้างๆตามขอบบ้าน ท้ายไร่ บางบ้านปลูกเยอะเป็นดงแต่ก็ปล่อยสุกให้นกกินเพราะกล้วยเยอะเกินทำให้เป็นการมีอยู่ที่ไร้มูลค่า ดังนั้นเมื่อประชุมกันทาง อบจ.จะจัดสรรงบเพื่อสร้างรายได้ให้หมู่บ้านลลิตภัทรจึงเรียกประชุมลูกบ้านเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันจนมาสรุปที่ว่าพวกเขาจะแปรรูปกล้วยโดยคนงานที่จะมาทำคือผู้หญิงในหมู่บ้านหรือคนที่ว่าง ชายหนุ่มรับซื้อกล้วยจากทุกบ้านโดยมีราคากลาง เมื่อได้งบมาก็แบ่งเป็นค่าก่อสร้างโรงเรือน ค่าวัตถุดิบ ค่าสร้างศาลาเพื่อเป็นจุดที่เอาไว้ทำงาน ค่าแรงนั้นไม่ต้องเสียเพราะบรรดาผู้ชายในหมู่บ้านมาช่วยกันทำ ชายหนุ่มเองก็ทุ่มเวลาเต็มตัวมาร่วมมือร่วมใจกับชาวบ้านด้วย แบบร่างโครงสร้างต่างๆถูกวาดออกมาเพื่ออธิบายให้คนงานได้เข้าใจง่ายๆ ชายหนุ่มชวนหลานตัวน้อยเดินมาหาศตายุที่เริ่มตักข้าวต้มแจกคนงาน

 

“จะอยู่ท้องมั้ยคะเนี่ย”ลลิตภัทรอดเป็นห่วงไม่ได้เมื่อเห็นว่าอาหารกลางวันคือข้าวต้มเครื่อง

 

“ย่าบอกว่ากินไปก่อนจ้า เดี๋ยวบ่ายย่าจะให้คนเอาข้าวกับผัดกะเพรามาให้ มีขนมหวานเป็นลอดช่องน้ำกะทิแตงไทย”

 

“เลี้ยงดีจริง”เอ่ยแซวคนเป็นแม่แล้วรับชามข้าวที่ศตายุตักยื่นให้ ไม่ลืมที่จะจับลงบนมือนุ่มแล้วลูบเบาๆให้เด็กมันเขินเล่น ศตายุสะดุ้งราวกับถูกของร้อน ตั้งแต่วันนั้นก็หลายวันแล้วที่พระลอไม่ได้มานัวเนียเด็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พระลอจับเนื้อต้องตัวเขา เล่นเอาใจสั่นจนรู้สึกได้ ศตายุแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาหวานๆและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นหันไปตักข้าวยื่นให้น้องเล็กของบ้าน แก้วเจ้าจอมรับชามข้าวแล้วไปนั่งกับอาลอ

 

บอกตรงๆตอนนี้อาลอเหมือนหัวหน้าแก็งค์ อาลอพาไปเล่นของสนุกๆหลายอย่าง อาลอเล่าเรื่องที่กรุงเทพให้ฟัง อาลอเคยบอกว่าจะพาเจ้าจอมไปดูปลาที่มันว่ายอยู่บนหัวได้ด้วย

 

เนี่ย อาลอใจดีกว่าที่คิดไว้ซะอีกทำไมพ่อกำนันชอบบอกว่าอาลอเป็นพวกเชื่อถือไม่ได้กันนะ


ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
 

ศตายุไม่มาที่บ้านในตอนเย็น เด็กน้อยของเขาหายไปเหมือนตอนนั้นที่ไม่สบาย พระลอร้อนใจเมื่อเลยเวลาที่จะต้องเรียนพิเศษแต่คนรักของเขายังไม่มาจนต้องพายเรือไปหาเองตอนเข็มนาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มเศษ

 

เป็นอะไรหรือเปล่านะ เมื่อกลางวันยังดีๆอยู่เลย             

 

“จิ๊บ”ลลิตภัทรส่งเสียงเรียกอดีตคนรักที่กำลังนั่งดูทีวีกับจันทร์เจ้าขา

 

“อ้าว ลอ มีอะไรเหรอ? ขึ้นมาก่อนสิ”

 

“เรามาดูเจี๊ยบกับเจ้าจอมน่ะเห็นหายไปตั้งแต่เย็น เจี๊ยบไม่ไปเรียนพิเศษด้วยไม่สบายหรือเปล่าจิ๊บ?”ลลิตภัทรไม่เสรยเวลามาอารัมภบทถามหาเด็กน้อยของเขาทันที ใจนี่เป็นห่วงจนแทบจะพุ่งไปหาหาศตายุที่ห้องอยู่รอมร่อแต่ต้องห้ามใจไว้

 

“เจ้าจอมเข้าเมืองไปกินเลี้ยงกับพ่อเค้าน่ะกว่าจะกลับคงสี่ห้าทุ่มส่วนเจี๊ยบบอกกับจิ๊บว่าวันนี้งดไม่ไปเพราะการบ้านง่ายทำเองได้ เรานึกว่าคุยกันแล้วเลยไม่ได้ถามอะไรกินข้าวเสร็จก็เข้าห้องไปเลย”

 

“หนูว่าพี่เจี๊ยบเหมือนอารมณ์ไม่ดี”จันทร์เจ้าขาบอกกับแม่เธอสังเกตเห็นพี่ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดมาหลายวันแล้ว ปกติศตายุจะไม่ทำหน้ายุ่งอย่างนั้นนอกจากโดนพ่อแดนดินดุหรืองอนกับเพื่อนที่โรงเรียน

 

“งั้นก็คงงอนเรานี่แหล่ะ”ลลิตภัทรตอบเสียงอ่อยๆ

 

“อ้าว เจี๊ยบจะงอนลอเรื่องอะไรล่ะ แสดงว่าตามใจกันจนเสียนิสัยใช่มั้ยเนี่ย?”จิ๊บหรี่ตามองอดีตคนรักแกล้งทำเสียงเข้ม

 

“เฮ้ย เราไม่ได้ตามใจอะไรหลานเลย น่าจะทำให้งอนโดยไม่รู้ตัวมากกว่า”

 

“ให้เราเรียกลูกออกมาหามั้ยล่ะ?” พระลอรีบยกมือห้ามทันที บ้าหรอมมมมม เรื่องแบบนี้จะออกมาคุยในที่รโหฐานได้ไง ลลิตภัทรคิดในใจอย่างรวดเร็ว

 

“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเราขอเข้าไปคุยกับหลานเองได้มั้ย เผื่อถ้ายังไงเดี๋ยวเราสอนพิเศษหลานที่บ้านเลยแล้วกัน”

 

“เอางั้นก็ได้ ดีเหมือนกัน มีอะไรกันก็คุยกันซะให้รู้เรื่องนะ”จิ๊บพยักหน้ารับเป็นคำอนุญาตพระลอแทบจะวิ่งไปหาลูกเจี๊ยบที่ห้องแต่ต้องคีพลุคไว้ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วค่อยๆเดินไปที่หน้าห้องของศตายุที่อยู่ริมสุด ยกมือขึ้นเคาะเบาๆโดยไม่ได้เอ่ยเรียก

 

ในห้องลูกเจี๊ยบนอนคว่ำหน้ากับหมอนใบใหญ่ตอบรับเสียงเนือย

 

“แม่เหรอจ๊ะ เข้ามาได้เลยจ้าน้องไม่ได้ล็อคห้อง” เสียงประตูถูกเปิดเข้ามาตามด้วยเสียงล็อคหากแต่เจ้าของห้องไม่ได้เอะใจอะไรยังคงนอนคว่ำอยู่อย่างนั้น ลลิตภัทรเลียริมฝีปากเขารู้สึกปากแห้งคล้ายคนกระหายน้ำชายหนุ่มมองเรียวขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นลากสายตาเลื้อยไปที่สะโพกของเด็กก็ยิ่งคอแห้ง ศตายุรู้สึกว่าแม่เงียบไม่ยอมพูดซักทีก็เริ่มเอะใจ แต่นั่นแหล่ะ เหยื่อที่ไม่ระวังตัวย่อมถูกเสือจับกินได้ง่ายๆ พอลูกเจี๊ยบพลิกตัวขึ้นมาก็พอดีกับที่พระลอก้าวยาวๆมาคร่อมบนตัวหลานทันทีเช่นเดียวกัน ปลายจมูกฟัดลงบนแก้มยุ้ยๆของหลานทันทีอย่างคนกระหายกลิ่นเนื้อเด็กมาหลายวัน

 

“อาลอ!!”ลูกเจี๊ยบน้อยเอ็ดเสียงดุทันทีหากแต่ลลิตภัทรกลับทำเสียงชู่ว ใส่เป็นสัญญาณว่าไม่ให้เด็กมันส่งเสียงดัง

 

“อย่าเสียงดังสิคะเดี๋ยวแม่จิ๊บได้ยินหรอก”

 

“ลุกออกไปเลยนะ”เด็กน้อยลดเสียงลงพลางใช้มือดันอกคนที่คร่อมตัวเองอยู่แรงๆหากแต่ลลิตภัทรก้ยังคงไม่เคลื่อนกายออกไปไหน เด็กน้อยจึงเลิกผลักแล้วนอนนิ่งหันหน้าหนีไปทางอื่น

 

“ไหนคนเก่งงอนอะไรอาลอคะ บอกอาซิ๊?” เมื่อเห็นหลานนิ่งไปไม่ผลักแถมไม่พูดคนแก่กว่าก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยการทำเสียงอ่อนหวานใส่หมายจะเอาใจ

 

“ใครงอน หนูจะไปงอนอาลอทำไม” ไม่งอนเลยซักนิดแต่เสียงแข็งมาก ลลิตภัทรแอบขำในใจ ชายหนุ่มแกล้งนอนทับหลานซุกจมูกลงบนซอกคอหอมๆนั่นของเด็กที่ดูเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน

 

“ไม่งอนอาลอแล้วทำไมไม่ไปเรียนพิเศษล่ะคะ เนี่ย อาคิดถึง ถ้างอนอะไรอาก็มาง้อแล้วนะคะหายงอนนะคนดีของอา”พูดจบก็ส่ายหน้าไปมาจนปลายจมูกปัดผ่านลำคอให้ต้องย่นคอหนี

 

“ก็หนูเห็นอาลอตั้งอกตั้งใจต่อเลโก้นี่จ๊ะ ก็ไปทำให้มันเสร็จๆไปเถอะ เรียนพิเศษก็เลิกๆไปเลยก็ได้จ้ะหนูอ่านทบทวนเอาเองก็ได้ ถ้าทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจเดี๋ยวค่อยไปถามเพื่อนเอา”

 

“อย่าบอกนะคะว่าหนูหึงอากับเลโก้”ลลิตภัทรแสร้งเลิกคิ้วสูงราวกับแปลกใจเป็นเหตุให้คนเด็กทนหมั่นไส้ไม่ไหวทุบอั่กลงกลางหลัง

 

“คนบ้าที่ไหนจะมาหึงเลโก้ล่ะจ๊ะ อาลอไม่ต้องมาทำตลกหนูไม่ขำ”

 

“โอ๋ๆ งั้นบอกอาลอมาสิคะว่าหนูงอนอะไรอา”คราวนี้ลลิตภัทรเลิกแกล้งแล้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าหลานออกสายตาที่มองศตายุนั้นทั้งรักใคร่และอ่อยโยนจนคนเด็กกว่าที่มองตอบใจสั่น

 

“ก็...เดี๋ยวนี้อาลอน่ะ...เบื่อหนูแล้วใช่มั้ยจ๊ะ?”ท้ายประโยคคำถามนั้นอดห้ามไม่ให้เสียงสั่นไม่ได้ คลื่นความน้อยใจขึ้นสูงยิ่งกว่ามวลความกดอากาศที่แผ่กระจายครอบคลุมทั่วพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ตอนนี้ในใจของสตายุราวกับมีคลื่นทะเลสูงสองเมตรและลลิตภัทรควรเลิกมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะขบขันเสียที

 

“ไปเอาที่ไหนมาพูดคะว่าอาเบื่อหนู อาน่ะรักหนูจะตายอยู่แล้ว”

 

“ก็...ก็อาลอแปลกไป”น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยตอบพลันใบหน้าก็เปลี่ยนสีเดี่ยวซีดเดี๋ยวแดง ดูก็รู้ว่าคงกำลังนึกถึงสิ่งที่เคยทำๆกันมาก่อน ลลิตภัทรเห็นท่าทางน่ารักนั้นก็ยิ่งอยากแกล้งชายหนุ่มฟัดแก้มหลานก่อนจะจุ๊บลงไปแรงๆที่ริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

 

“อาแปลกไปยังไงคะไหนอธิบายหน่อย”เกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆด้วยปลายนิ้ว ศตายุเม้มปากเหมือนทุกครั้งที่ชอบทำเวลาเจ้าตัวรู้สึกประหม่า

 

อาลอบ้า บ้ามากๆ ใครมันจะไปกล้าพูดล่ะว่าแปลกไปยังไง

 

ถ้าพูดไปน้องจะกลายเป็นเด็กลามกมั้ยนะ

 

จะดูเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า

 

อาลอจะดุน้องมั้ย

 

ความคิดมากมายส่วนมากจะเป็นไปในเชิงลบตีรวนในหัวจนยุ่งเหยิงส่งผ่านสีหน้าให้คนรอฟังสังเกตเห็น

 

“พูดออกมาเถอะค่ะ อะไรที่อยู่ในใจขอให้หนูบอกอา เรารักกันไม่ใช่เหรอคะถ้ารักกันมันก็ต้องคุยกันได้ทุกเรื่องสิคะ จริงมั้ย หื๊ม เด็กดี”

“ก็อาลอแปลกไป”เด็กน้อยยังคงยืนยันคำพูดเดิมของตัวเองอีกครั้ง

 

“ก็แปลกไปยังไงล่ะคะ?”

 

“อาลอไม่รักหนูเหมือนเดิม”

 

“ไม่จริงซักหน่อยอารักหนูจะแย่”

 

“ถ้างั้นทำไมอาลอไม่กอดหนู ไม่ทำกับหนูเหมือนที่เคยทำล่ะจ๊ะ”

 

“อ๊าว หนูคิดมากเรื่องนี้เหรอคะ”คนเป็นอาส่งเสียงเย้าพลางยิ้มกว้างจนตาหยี

 

“ไม่ต้องมายิ้มเลย หนูไม่อวบอึ๋มนมบึ้มแบบป้าแอนใช่มั้ยจ๊ะ จับไปชิมไปก็เหมือนไม้กระดานแบนๆอาเลยเบื่อ”

 

“ไหนใครบอกหนูนมแบนคะ เท่าที่เคยชิมก็พอมีเนื้อมีหนังให้ขบอยู่นะคะ เอ๊ะหรือว่าอาตาฝาด แบบนี้ต้องเปิดดูอีกซักรอบ"มือไวเท่าคำพูดชายหนุ่มเลิกชุดนอนของศตายุขึ้นแล้วครอบปากลงบนเนินเนื้อหนั่นเล็กๆนั้นจนศตายุหลุดเสียงร้องออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัว เด็กน้อยรีบยกมืออุดปากเมื่อคนที่กำลังดูดดึงหน้าอกของตัวเองช้อนตาขึ้นมองอย่างล้อเลียน

 

“อื้อ...อาลอ...ไม่เอา เดี๋ยวแม่ได้ยิน”

 

“ถ้ากลัวแม่ได้ยินงั้นหนูก็เก็บเสียงดีๆนะคะเพราะเดี๋ยวอาจะทำให้หนูรู้ว่าอาน่ะคิดถึงหนูตลอดไม่เคยเบื่อเลยซักครั้ง”ลลิตภัทรเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายจนศตายุรู้สึกขนลุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 


ตายแน่  เขาต้องโดนอาลอสูบวิญญาณจนตายคาบ้านแน่ๆ









 

ศตายุผวาเฮือกยามที่ลลิตภัทรกดจูบลงบนหน้าท้องนิ่ม ร่างทั้งร่างพลันร้อนวาบราวกับถูกเปลวไฟแผดเผาฝ่ามือหนาสอดเข้าไปในตัวเสื้อแล้วรวบถอดออกจากตัวเด็กที่ตอนนี้กลั้นเสียงร้องตัวเองอย่างสุดความสามารถ

 

แม้จะรู้ว่าห้องไม่กั้นเสียงเพราะเป็นเรือนไม้ทั้งหลังแต่ศตายุกลับไม่คิดจะร้องห้ามการกระทำอุกอาจของอาลอเลยซักนิด

 

เด็กน้อยคิดถึงและโหยหาสัมผัสของลลิตภัทร มือเรียวรีบยกหมอนข้างใกล้ตัวมากัดกลั้นเสียงร้องยามที่ปลายลิ้นร้อนตวัดใส่ยอดอกสลับขบเบาๆแล้วดูดดึงจนแผ่นหลังลอยจากพื้นเตียงเพราะความซ่านสยิวที่ได้รับ

 

“อ๊ะ...อื้อ...”ศตายุสอดปลายนิ้วขยุ้มเส้นผมของลลิตภัทรยามที่ปลายลิ้นเลียวนพลางกัดหัวนมนิ่มจนตึงติดปาก มันทั้งเจ็บและเสียวในคราวเดียวกัน มืออีกข้างขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับย่น

 

มากกว่าทุกครั้งที่เคยสัมผัสกัน ปกติลลิตภัทรจะทำเพียงแค่จูบนิดจูบหน่อยส่วนมากจะใช้มือสัมผัสมากกว่า แต่วันนี้เหมือนเป็นอีกบทเรียนหนึ่งที่ยากมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ยากต่อใจของศตายุ ทรมานเหลือเกินกับการที่ขีดอารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ต้องพยายามเก็บกลั้นเสียงเพราะกลัวแม่จะได้ยิน

 

กึ่ก...ความรู้สึกของศตายุสะดุดเมื่อนึกถึงแม่ พอดีกับเสียงแม่จิ๊บหัวเราะดังลอดเข้ามาให้ได้ยิน ร่างกายของเด็กน้อยหยุดลงทันทีไม่มีปฏิกริยาตอบโต้จนลลิตภัทรที่กำลังละเลงปลายลิ้นกับแอ่งสะดือสวยต้องหยุดกิจกรรมที่กำลังทำแล้วมองหน้าเด็กน้อยของเขาอย่างสงสัย

 

“เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม?”ยืดตัวขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้อย่างตกใจ ฝ่ามือหนาลูบผิวแก้มอย่างเอาใจ ลูกเจี๊ยบเอียงแก้มเข้าซบในใจสับสนไปหมด อยากให้อาลอสัมผัสมากกว่านี้แต่ก็ไม่อยากให้แม่ต้องมาเสียใจกับพฤติกรรมไม่ดีของตนเอง ความสับสนฉายชัดในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มนี้

 

“ไม่ได้ อาลอ เราทำแบบนี้ไม่ได้ แม่รู้แม่จะโกรธจะเสียใจมั้ยจ๊ะ?”ความกังวลถูกส่งต่อมาด้วยประโยคคำถาม เรียกสติของลลิตภัทรกลับมาในทันที

 

โชคดีเหลือเกินที่ศตายุรู้ตัวได้ทัน ในขณะที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่ากลับมัวเมาไปกับรสชาติหอมหวานของเรื่องเพศ

 

“ถ้างั้นเราหยุด...”ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบเด็กน้อยก็ผวาเข้ามากอดเขาไว้ราวกับกลัวว่าเขาจะทิ้งไป

 

“ไม่อาลอ...อย่าเมินหนูอีก หนูต้องการอาลอ”ลลิตภัทรพยายามหาทางออกให้กับขีดอารมณ์ของทั้งตนเองและเด็กน้อยที่ตอนนี้ดูท่าอารมณ์ที่ลดลงไปเมื่อครู่จะยังไม่จางหาย ปลายจมูกเด็กน้อยคลอเคลียที่ต้นคอของเขาจนความรู้สึกที่สะดุดเมื่อครู่ตีตื้นกลับมาใหม่

 

“ถ้างั้นใส่เสื้อนะคะคนดีแล้วไปบ้านอากัน”

 

จิรนันท์หันมามองเมื่อลลิตภัทรเดินนำลูกชายคนโตของหล่อนออกมาจากห้องหลังเข้าไปได้ไม่นาน ศตายุเดินก้มหน้าตามมา ผิวแก้มของลูกชายเห่อแดงจนต้องเอ่ยปากถาม

 

“เป็นอะไรลูกทำไมหน้าแดงๆ?”

 

“คือในห้องร้อนน่ะ ลอเลยจะขอพาเจี๊ยบไปเรียนที่บ้าน พอร้อนแล้วมันหงุดหงิดสอนไม่ออก เดี๋ยวเสร็จแล้วจะมาส่งนะ”

 

“อ้อ เออ เราก็ลืมไปว่าลอขี้ร้อน งั้นก็ไปเถอะ เจี๊ยบอย่าดื้อกับอาลอนะลูก อาลอสอนอะไรก็จำอย่าเอาแต่เถียงแต่กวนอาเค้านะ”จิ๊บพูดกับลูกที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังลลิตภัทรเด็กน้อยรับคำแม่เบาๆแล้วเดินตามอาหนุ่มลงมาจากบนเรือน เมื่อลับตาคนฝ่ามือหนาก็กุมมือเล็กไว้บีบกระชับพาขึ้นเรือพายข้ามมายังบ้านของตน ศตายุอดแปลกใจไม่ได้เมื่อวันนี้ไม่เห็นน่าโฉมและปู่ชลิต

 

“ไปกินเลี้ยงในเมืองกันหมด น่าจะงานเดียวกับที่พ่อหนูไป”ลลิตภัทรหันมาพูดกับคนเด็กที่กวาดตามองทั่วบ้าน ศตายุเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่อาลอรู้ความคิดของตน เสียงชายหนุ่มหัวเราะเบาๆกับท่าทางน่าเอ้นดูนั้น เดินผ่านชานเรือนมาที่หน้าห้องของตน ศตายุใจเต้นรัวเมื่อรู้ว่าตนเองตามอาลอมาทำไม

 


เด็กไม่ดี นิสัยไม่ดี เด็กโลภ เด็กน้อยกร่นด่าตัวเองซ้ำไปซ้ำมาในใจ




ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
รู้ทั้งรู้ว่ามาทำอะไรแต่ก็ยังจะตามมา ทันทีที่ศตายุก้าวเท้าเข้ามาในห้องลลิตภัทร์กดล็อคประตูเสร็จร่างบางก็ถูกดึงเข้ามากดจูบแรงๆทันที

“อื้อ...”ส่งเสียงร้องอย่างตกใจในคราวแรกก่อนจะค่อยๆตอบรับด้วยการส่งปลายลิ้นไปสู้กับคนเป็นอา

คิดถึง

โหยหา

อยากให้อาลอสัมผัสไปมากกว่านี้ ศตายุคล้องแขนกับลำคอของอาลอปรับเอียงศีรษะเพื่อให้ริมฝีปากบดเบียดกันได้แนบแน่นขึ้น ลลิตภัทรขยำสะโพกกลมอย่างลืมตัว ชายหนุ่มดันร่างของหลานให้ถอยมาจนถึงเตียงนอน ศตายุถูกดันจนร่างกายเอนลงบนที่นอนนุ่ม ลำคอถูกรุกรานด้วยปลายจมูกจนรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“อยู่ห้องอารู้สึกยังไงหนูร้องได้เต็มที่เลยนะคะ”

“อื้อ...อาลอ...หนูเสียว”เด็กน้อยร้องบอกเสียงพร่ายามที่ยอดอกถูกขบเม้มผ่านเนื้อผ้าจนเปียกชุ่ม ลลิตภัทรไม่ได้เบาแรงลงเลยซักนิด เขาชอบกัดให้ศตายุสะดุ้งแล้วค่อยเลียปลอบให้ตายใจ

“ถอดเสื้อออกนะคะ ร้อน”แกล้งพูดทั้งๆที่แอร์เย็นฉ่ำ มือก็ไวพูดจบปุ๊บเสื้อก็ถูกเขวี้ยงลงข้างเตียงปั๊บ ศตายุร้องเสียงหลงเมื่อลลิตภัทรไม่หยุดแค่เสื้อมือหนาดึงกางเกงเอวยางยืดที่หลานใส่แล้วเขวี้ยงทิ้งตามเสื้อไป ร่างกายเปล่าเปลือยเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วปกปิดอยู่ พระลอพรมจูบไปทั่วร่างราวกับนักสำรวจที่เพิ่งค้นพบสถานที่แสนวิเศษตักตวงลองลิ้มชิมรสจนพอใจแล้วจึงใช้สายตาโลมเลียไปยังส่วนสำคัญใต้ร่มผ้าชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่บนร่างหลาน

“อื้อ...อาลอ...”เด็กน้อยร้องฮือยกมือขึ้นปิดส่วนสงวน แม้จะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรแต่ความเขินอายก็สั่งให้หาอะไรปิดไปก่อนและก็จริงดังคาด ลลิตภัทรดึงมือเด็กน้อยออกด้วยสีหน้ายิ้มๆพลางพูดกลั้วด้วยเสียงหัวเราะ

“จะปิดทำไมคะ อาก็เห็นมาหลายครั้งแล้ว ไหนมาให้อาจูบรับขวัญหน่อยสิคะ”ขอบกางเกงในถูกร่นลงไปเผยตัวตนขนาดกะทัดรัดที่เจ้าของกำลังหน้าแดงปลั่งด้วยความอายแต่ดวงตากลมก็จ้องการกระทำของพระลอไม่วางตา

ตื่นเต้นจนตัวจะแตกตายอยู่แล้ว ยิ่งยามที่ริมฝีปากสีแดงสวยของอาลอกดจูบลงบนตัวตนของเขายิ่งเหมือนประจุไฟฟ้านับแสนโวลต์แล่นเข้ามาช็อตลูกเจี๊ยบจนชาไปทั้งร่าง เด็กน้อยพยายามเอามือปิดอีกครั้งแต่กลับถูกดึงออก สายตาเจ้าเล่ห์มีแววสนุกกับสิ่งที่ทำให้เด็กน้อยเขินจนตัวแดงราวลูกตำลึงสุก ห้องเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของศตายุ เด็กน้อยทั้งอายทั้งตื่นเต้น ปกติพระลอไม่เคยใช้อวัยวะส่วนอื่นกับแกนกายนอกจากมือ แต่ตอนนี้ริมฝีปากสวยของอาลออยู่ใกล้กับเจี๊ยบน้อยไม่ถึง 5 เซ็นต์ด้วยซ้ำ ลมหายใจอุ่นรินรดลงมาแต่กลับทหให้เด็กน้อยรู้สึกหนาวยะเยือก ขนอ่อนทั่วสรรพางค์กายลุกซู่จนเห็นได้ชัด

“คิดถึงหนูจังเลยค่ะ”

“อื้อ...อาลอ อย่าจ้า...”ร้องห้ามพลางทำสีหน้าคล้ายจะร้องไห้

จุ๊บ...ชายหนุ่มจุ๊บลงบนแกนกายที่เริ่มตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ เด็กน้อยหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย ตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่พ่อกำนันที่ฟัดจุ๊ดจู๋น้อยๆยามที่เขาเพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนแม่จิ๊บบอกว่าตอนนั้นเจี๊ยบฉี่ใส่หน้าพ่อจนพ่อ แล้วนี่อาลอทำยิ่งกว่าที่พ่อเคยทำ

“อารอทุกวันเลยนะคะว่าเมื่อไหร่หนูจะเริ่มกับอาก่อนบ้างแต่หนูใจร้ายจังไม่เคยเข้ามานัวเนียอาก่อนเลยซักนิดปล่อยให้อารอเก้อมาได้ตั้งหลายวัน”

จุ๊บ...จูบลงไปอีกครั้งจนคนหลานต้องคว้าหมอนมาปิดหน้ากั้นความอาย นอนหมดเรี่ยวหมดแรงให้คนโตกว่าทำตามใจ

“หนูทำให้อารอทุกวัน อย่างนี้ต้องโดนทำโทษนะคะ”ศตายุแปลกใจกับคำพูดนั้น เอาหมอนออกจากหน้าเพื่อจะถามว่าทำโทษอะไรก็พอดีกับที่ความอุ่นร้อนเข้าครอบครองตัวตนของตนเอง

“อ...อาลอ ทำอะไรอ่ะ อื้อ...เด็กน้อยร้องเสียงหลงขาที่ถูกจับแยกโดยไม่รู้ตัวพยายามจะหุบเข้าหากันแต่ก็ติดร่างกายสูงใหญ่ของลลิตภัทรกั้นเอาไว้ เอวบางบิดเร่ายามที่ปลายลิ้นร้อนเลียวนจนความเสียวแล่ววาบขึ้นจากแกนกายสู่สมอง ร่างบางกระตุกเร่าบางครั้งก็กระถดหนีบางทีก็แอ่นรับคล้ายกับเด็กที่สับสนว่าตนเองควรจะห้ามหรือควรจะให้ความร่วมมือ ตัวเองอยากหนีหรือว่าอยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ ลลิตภัทรส่งปลายนิ้วไปเกลี่ยริมฝีปากอิ่มช้ำที่เกิดจากการที่เจ้าตัวกัดปากตัวเองทุกครั้งเมื่อพยายามกลั้นเสียงร้องน่าอายของตนเอง ปลายลิ้นชื้นส่งออกมาเลียก่อนจะรับเข้าปากอย่างไม่ประสา เด็กน้อยใช้ปลายลิ้นเกี่ยวก้านนิ้วบางครั้งก็ดูดดึงจนเกิดเสียง ช่วงล่างถูกปรนเปรอทั้งปากและมือ

ศตายุสั่นไปทั้งร่างทั้งใจ เด็กน้อยเพิ่งเคยสัมผัสประสบการณ์เข้าใกล้การมีเพศสัมพันธ์ไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัวแบบนี้เป็นครั้งแรก

“อื้อ อาลอ หนู...แฮ่ก...”เด็กน้อยหอบจัดส่ายหน้าไปมาเมื่อความวูบโหวงกระตุ้นเร้าไล่ตั้งแต่ท้องน้อยไปถึงปลายท่อและโดยไม่ทันตั้งตัว สมองของศตายุขาวโพลนราวกับกำลังวิ่งบนหิมะ

“อื้อ...”เด็กน้อยปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขเข้าไปเต็มๆในโพรงปากอุ่นของลลิตภัทรอย่างกลั้นไม่อยู่ บางส่วนไหลเปรอะที่ริมฝีปากหากแต่ลลิตภัทรกลับใช้ปลายลิ้นกวาดเก็บทุกหยดหยาดจนเด็กน้อยต้องร้อมห้าม

“อาลอ จะกินเข้าไปทำไมจ๊ะ ถุยออกมานะมันสกปรก”ศตายุลุกขึ้นนั่งใช้ฝ่ามือพยายามง้างปากของคนเป็นอาให้คายสิ่งที่กลืนเข้าไปออกลลิตภัทรนอกจากจะไม่ทำตามแล้วซ้ำยังกลืนให้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้วส่งเสียงหัวเราะยามฝ่ามืออูมฟาดลงมาบนอกแกร่งของตนเองอย่างโมโหที่คนแก่กว่านั้นดื้อรั้นเสียเหลือเกิน รวบร่างบางมากอดแนบอกแล้วลูบหลังลูบหัวอย่างปลอบใจ

“ไม่เห็นสกปรกตรงไหนเลยค่ะ ออกจะอร่อยทั้งหอมทั้งหวานไปทั้งตัวเลย”

“ฮื้อ...ไม่พูดนะจ๊ะ หนูอาย”คนเด็กกว่าใช้ปลายนิ้วปิดคำพูดน่าอายนั้นไว้ดวงตากลมช้อนขึ้นสบกับสายตากรุ้มกริ่มนั้น

“แล้วอาลอ...เอ่อ...”เด็กน้อยเอ่ยคำพูดออกมาแล้วก็หยุดพูดเสียกลางคัน ดวงตากลมหลุบลงต่ำมองดูส่วนกลางกายที่ดุนดันผ่านเนื้อผ้าของลลิตภัทรแล้วทำหน้าปู้เลี่ยนจนน่าสงสาร

“ทำไมคะ?” สงสารเสียเมื่อไหร่ ยิ่งแกล้งถามเมื่อพอจะรู้ว่าหลานนั้นเป็นห่วงตนแต่คงอายที่จะพูด

“ป...ปวดมั้ยจ๊ะ อึดอัดหรือเปล่า?”หากสีหน้ามีเสียงลลิตภัทรคงจะได้ยินเสียงฉ่าที่เกิดจากอาการหน้าไหม้ของเด็กในอ้อมกอด ศตายุเมื่อถามแล้วก็ยิ่งซุกหน้ากับอกแกร่งของคนเป็นอาด้วยไม่กล้าสู้หน้ากับคำถามที่ถามออกไปนัก

“ปวดสิคะ มันอยากให้หนูปลอบใจจะแย่”

“ฮื้อ...หนูจะปลอบยังไงล่ะจ๊ะ มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอก” ขนาดเขินยังต่อปากต่อคำได้นะเด็กนี่ ลลิตภัทรจับมือน้อยๆของหลานก่อนจะชักนำให้ล้วงเข้าไปในขอบกางเกงของตน ศตายุรีบหดมือหนีเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกนำให้จับกับอะไร

“ทำไมล่ะคะ? หนูไม่รักไม่สงสารอาเหรอ มันอยากให้หนูลูบหัวปลอบใจจะแย่”

“แต่หนูอาย...”

“ไม่มีอะไรต้องอายเลย คนรักกันใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น”

“แต่หนูไม่เคยทำให้ใครนี่จ๊ะ หนูทำไม่เป็นหรอก”

“มาสิ อาจะสอน หนูหัวไวเข้าใจง่ายอยู่แล้ว”ลลิตภัทรดึงมือของศตายุให้ล้วงเข้าไปในกางเกงของตนเอง เด็กน้อยกลัวๆกล้าๆ ทันทีที่มือแตะโดนส่วนแข็งขืนนั้นลูกเจี๊ยบก็อยากระเบิดตัวเองให้สลายไปเสียให้พ้นจากที่ตรงนี้ ท่อนเนื้อแข็งตึงทำปฏิกิริยากับมือของเขาทันที มันกระตุกได้...คล้ายจะกระโดดโลดเต้นเมื่อเจอคนที่กำลังจะมาช่วยปลดปล่อย

“ลองรูดดูสิคะ แบบที่อาทำให้หนูบ่อยๆ”กระซิบชิดใบหูแดงก่ำของหลานเบาๆ ศตายุกลั้นใจจับตัวตนของลลิตภัทรจนเต็มมือแล้วเริ่มขยับข้อมือช้าๆ

“อ่า....ซี๊ด....ดีมากค่ะ แบบนั้นแหล่ะ...ใช้ปลายนิ้วคลึงตรงปลายสิคะ”ลลิตภัทรถอดกางเกงของตนเองพร้อมชั้นในออกไปไว้ที่ปลายเท้า ศตายุไม่เคยเห็นส้วนนั้นของคนเป็นอาเลยซักครั้งถึงขั้นหลับตาปี๋ จับก็รู้ว่าใหญ่แล้ว พอเห็นกับตานี่ยิ่งตอกย้ำว่าอาลอนั้นพ่อรักมากพ่อให้มาเยอะ ฮื่อ....เจี๊ยบกลัวล่วงหน้าได้มั้ย ถ้า...งื้อ...นั่นแหล่ะ ถ้าถึงขั้นนั้นเจี๊ยบตายแน่ๆ

“ลองชิมดูสิคะ”

“ไม่เอาอ่ะ...”เด็กน้อยปฏิเสธทันที ใบหน้าหวานส่ายดิก

“ไม่อยากรู้เหรอคะว่ารสชาติมันเป็นยังไง”

อยากรู้มันก็อยากรู้อยู่ล่ะจ้า แต่หนูอาย เด็กน้อยเถียงคนเป็นอาในใจ

“ดูสิ ของอามันน้อยใจแล้ว หนูรังเกียจมัน”ลลิตภัทรแสร้งทำเสียงราวกับคนกำลังงอน ศตายุใจแกว่งลงไปวูบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนตัวลงไปนั่งที่พื้นปลายเตียง ลลิตภัทรก็รู้งานขยับตัวมานั่งห้อยขาเพื่อให้ง่ายต่อการทำอะไรๆได้สะดวกขึ้น ลูกเจี๊ยบจับแท่งร้อนไว้ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เลียริมฝีปากที่แห้งผากด้วยความประหม่าแล้วจึงค่อยๆส่งเอ็นร้อนนั้นเข้าปากช้าๆ ท่าทางเงอะงะรวมถึงริมฝีปากนุ่มนั้นทำให้ความเสียวพุ่งขึ้นสูงจนต้องส่งเสียงออกมา ศตายุมองภาพพระลอหลับตาเชิดหน้าสูดปากแล้วก็ให้รู้สึกดี ลิ้นเรียวเกี่ยวกระหวัดจนรอบเร้าวนตรงส่วนปลายแบบที่ลลิตภัทรทำให้ตนเมื่อครู่ แม้จะไม่ชำนาญแต่ก็ทำให้รู้สึกดีได้จนต้องเอ่ยปากชม คำพูดหยาบดลนถูกเปล่งออกมาคล้ายตัวกระตุ้นให้คนเด็กกว่าย่ามใจ

“ห่อปากระวังอย่าให้ฟันครูดนะคะ ขยับเร็วอีกนิด นั่นแหล่ะค่ะ เด็กดี เก่งมากค่ะ อืม...”ลลิตภัทรจับศีรษะที่ขยับไปมาให้เร่งจังหวะเร็วขึ้น ศตายุช้อนตาขึ้นมาส่งค้อนเมื่อแกนกายใหญ่คับปากกระแทกเข้ามาจนแทบสำลัก น้ำลายเปรอะริมฝีปากเพราะความคับพองในปาก มือเล็กขยับรูกใสส่วนที่ตัวเองใช้ปากครอบลงไปไม่หมดหูก็คอยฟังสิ่งที่ลลิตภัทรคอยบอกด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

ลูกเจี๊ยบชอบหน้าของอาลอในตอนนี้

ริมฝีปากแดงๆของอาลอส่งเสียงครางด้วยความพอใจ

ดวงตาทรงเสน่ห์ของอาลอมองมาเพียงเขาคนเดียวนั้นมีมนตร์เสน่ห์บางอย่างที่ทำให้จ้องจอบไม่หลบหนี
น้ำเสียงทุ้มของอาลอหวานหูล่อลวงให้เขาย่ามใจยิ่งอาลอชมว่าเก่งเจ้าเจี๊ยบตัวน้อยก็ยิ่งเพิ่มจังหวะ ลิ้นเล็กไล่ละเลงไปจนทั่ว บางครั้งก็ดูดแรงๆตรงส่วนปลายตามคำสอน ลลิตภัทรเด้งเอวสวนเข้าไปในปากของหลานเมื่อประจุความรู้สึกเสียวซ่านเข้าเล่นงาน ธาวขาวอุ่นกระฉูดเข้าไปในโพรงปากหลานจนศตายุสำลักไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดง เด็กน้อยคายน้ำที่อัดเข้ามาเต็มโพรงปากออกบางส่วนถูกกลืนไปแล้วทำเอาคนเด็กหน้าตาเหยเก

“เป็นไงคะ อร่อยมั้ยเอ่ย?”

“ฮื้อ...อาลอโกหก ไม่เห็นอร่อยไม่เห็นหวานเลย”เด็กน้อยใช้หลังมือปาดคราบที่มุมปากทิ้ง ลลิตภัทรดึงตัวหลานขึ้นมาบดจูบแล้วละเลียดเก็บกวาดคราบคาวของตนเองจนหมด เสียงจูบน่าอายจบลงเมื่อคนแก่กว่าเอ่ยเอื้อนคำที่ทำให้ลูกเจี๊ยบอายเป็นรอบที่ร้อย

“ของอาไม่หวานหรอกค่ะ แต่ของเจี๊ยบหวานมาก หวานจนอาอยากกินให้มากกว่านี้”

 

“ฮื้อ..อาลอ น้องยังเด็กนะจ๊ะ”เด็กน้อยดันอกคนที่ทำท่าจะฉวยจูบตนอีกรอบ

 

“อาไม่ได้จะทำไปมากกว่านี้ซักหน่อย แค่อยากจูบหนูอีกนิดชดเชยที่เราไม่ได้จูบกันตั้งหลายวัน”

 

“แค่จูบจริงๆนะจ๊ะ”

 

“แค่จูบจริงๆค่ะ อะไรถ้าหนูไม่ยินยอมอาจะไม่ทำ”ชายหนุ่มลูบแก้มกลมนั้นอย่างเบามือ ดวงตากรุ้มกริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที

 

“แต่ถ้าวันไหนหนูไม่ห้ามหรือเอ่ยคำอนุญาต อาก็จะไม่สนด้วยว่าหนูจะบรรลุนิติภาวะหรือยัง อาจะรักหนูให้สมกับที่ต้องรอเลยล่ะ เข้าใจมั้ยคะ”

 

................................................



อายุมากก็ใช่ว่าจะยับยั้งชั่งใจได้เสมอไป พระลอคือผู้ชายที่ยังมีความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ในเรื่องเพศอยู่ พระเอกเรื่องนี้ไม่ใช่พระเอกในละครไทยที่จะต้องข่มจิตข่มใจราวกับถือศีลแข่งกับพระ



แต่ใช่ว่าอาลอจะหลอกล่อ ตัวเจี๊ยบเองก็ยังคงเป็นเด็กที่เริ่มอยากรู้อยากลอง อย่างน้อยหากเป็นชีวิตจริงมันคงไม่หยุดแค่ที่เค้าทำกันแน่ๆ มาถึงขนาดนี้แล้วอ่ะเนอะ



ฉากนี้เขียนยากมากเพราะตอนแรกที่คิดไว้คือจะให้เค้าทำๆกันที่ห้องลูกเจี๊ยบ แต่สามัญสำนึกของไรท์มันขวางตลอดเลยว่าทำไม่ได้นะเว้ย แม่กับน้องเขาก็อยู่ อีกอย่างพระลอดูจะเป็นคนเลวเกินไปบุกไปลวนลามลูกเค้ายั้นบ้านของเค้า


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด