Boy in luv 11
เพราะวันนี้สองสามีภรรยาวัยกลางคน เพิ่งมีเวลาได้พักผ่อนใช้วันหยุดอยู่กับบ้านพร้อมลูกๆทำให้คณิตบ่นอยากกินราดหน้ายอดผัก แต่เพราะวัตถุดิบหลักที่มีในบ้านไม่พอหน้าที่หลักในการซื้อของจึงตกเป็นของเศรษฐพงศ์
"คินไปกับเซ็ทสิจะได้ช่วยกันถือของ"คนเป็นพ่อที่สังเกตเห็นความบึ้งตึงของคนเด็กกว่าโยนไม้ให้ลูกชาย
ถึงแม้ว่าคณิตจะไม่ได้อยู่คลุกคลีกับลูกแต่ใช่ว่าเขาจะไม่สังเกตความเปลี่ยนแปลงของลูกชาย หลังเหตุการณ์ระเบิดภูเขาเผาร้านหมูกะทะตามแบบฉบับอาฉลองแล้วคณินดูมีท่าทีที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แม้คำพูดคำจาจะน่าเอาไม้หน้าสามฟาดปากแต่ก็ไม่ได้หาเรื่องด่าเศรษฐพงศ์อย่างที่เคยทำ
วันนี้ก็เช่นกัน ตลอดทั้งเช้าจนถึงตอนนี้ที่คนเป็นลูกนั่งโขกหมากฮอสเป็นเพื่อนเขาคณินกับเศรษฐพงศ์ยังไม่ปริปากพูดกันซักประโยคเดียว
"ไม่เป็นไรครับลุงผมไปคนเดียวสะดวกกว่า"เศรษฐพงศ์รีบปฏิเสธข้อเสนอของคณิตทันที หากแต่ว่าไอ้คนที่เขาพยายามไม่มองหน้ากลับลุกพรวดโดยไม่อิดออด
"จะไปซื้อของก็รีบมาอย่าลีลา"เศรษฐพงศ์ถอนหายใจพรืดอย่างหงุดหงิดใจ จำใจต้องเดินไปรับใบจดรายการที่ต้องซื้อเข้าบ้านตามที่แม่สั่ง
"โหแม่ ซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"รายการยาวเหยียดทำให้เศรษฐพงศ์ตาเหลือก คนเป็นแม่หัวเราะเสียงใสตีแขนลูกชายเบากับรีแอคชั่นแสนโอเวอร์นั้น
"ก็ของสดมันหมดพอดีซื้อไว้ทำมื้ออื่นๆด้วย"หล่อนยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ลูกชาย ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเพิ่มเสียงบีบแตรรถเร่งจากคณินก็ดังขึ้น
"ไปเร็วๆลูกอย่าให้พี่เขารอนาน"เศรษฐพงศ์ถอนหายใจพรืดอย่างเบื่อหน่าย
ให้ตายเถอะ อยากจะหนีหน้ายังไงก็ไม่พ้นสินะ
เศรษฐพงศ์::
ผมลากเดินลากเท้าไปขึ้นรถที่ไอ้คินมันสตาร์ทรอ หน้าของมันบูดบึ้งราวม้าหมากรุก ทันทีที่ผมขึ้นมานั่งบนรถยังไม่ทันปิดประตูดีด้วยซ้ำไอ้เหี้ยคินก็กระชากรถออกทันที
"จะรีบไปตายโหงที่ไหน!!" ผมหันหน้าไปตวาดมันด้วยเสียงอันดังจนแม้แต่ขี้หูของผมเองยังสั่นระริก
"พูดได้แล้วเหรอนึกว่าถูกกูจูบปิดปากจนพูดอะไรไม่ออก"มันพ่นคำแสลงหูใส่ผมทันทีเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง
"มึงเลิกพูดเรื่องทุเรศแบบนี้ซักทีเถอะ กูขยะแขยง"
"แต่กูชอบนะ"อยู่ๆมันก็สวนกลับมาด้วยคำที่ผมไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"กูรู้วิธีที่จะทำให้มึงหุบปากได้โดยไม่ต้องใช้กำลังได้แล้ว"
"ลองมึงมายุ่งกับกูอีกสิกูเอาเลือดหัวมึงออกแน่"
"นี่มึงท้ากู?"
"กูไม่ได้ท้า กูพูดจริง"
คณิน::
ผมตบไฟเลี้ยวแล้วหักรถเข้าข้างทางทันที ก่อนที่ไอ้เซ็ทจะตั้งตัวผมก็กดล็อคประตูรถแล้วข้ามเบาะไปนั่งคร่อมมันทันที ยื่นมือไปปรับเบาะจนตัวมันเอนไปด้านหลัง เพราะขาที่ยาวของมันติดกับคอนโซลรถทำให้มันขยับไม่สะดวกมันรีบยกมือขึ้นผลักผมแต่ผมก็ตรึงมือมันไว้ได้ทัน
คิดว่าตัวเองแรงเยอะคนเดียวหรือไง
แรงกูก็เยอะเหมือนกัน
"จะทำเหี้ยอะไร มึงกลับไปนั่งที่มึงเลยไอ้สัด"
"กูเพิ่งบอกมึงไปใช่มั้ยว่ากูรู้วิธีปิดปากไม่ให้มึงพูดมากแล้วมึงยังจะท้าทายกู กูก็จะทำตามที่พูดไง"
"ออกไปจากตัวกูไอ้เหี้ย กูไม่เล่น"
"กูก็ไม่เคยเล่นกับมึงอยู่แล้วนี่"ผมมองมันด้วยสายตามาดร้ายมันเองก็ไม่เคยลดราวาศอกยอมลงใหัผมเลยซักนิด ปากแดงๆเนี่ยคอยพ่นคำด่าระคายหูกลับมาได้ตลอดเวลา
ผมอยากปราบพยศให้มันรู้ว่าใครกันที่มันควรจะเกรงกลัว
ใครกันที่มันควรจะยอมลงให้
ผมไม่เปิดโอกาสให้มันอ้าปากด่าซ้ำสิ่งที่ผมทำคือการตะโบมจูบลงไปบนปากของมัน
แต่ครั้งนี้มันไม่ง่ายเลย ไอ้เซ็ททั้งด่าทัังสะบัดหน้าหนีไปทุกทิศทุกทางที่ตัวมันจะทำได้
แต่นั่นถือเป็นกำไรชีวิตของผมในเมื่อมันหลบผมก็พรมจูบทั่วทั้งแก้ม ซอกคอ ผมจูบมันทุกทึ่เท่าที่จะจูบไดัในที่สุดมันก็หนีผมไม่พ้นเมื่อปากของผมกับมันแตะกันผมก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ ผมบีบคางมันล็อคไว้ไม่ให้มันหันหนี ไอ้เซ็ทเม้มปากแน่นแขนข้างที่เป็นอิสระก็ทั้งทุบทั้งตีผมอย่างไม่ออมแรง
แล้วใครสนกันล่ะ ผมสนใจไอ้ปากแดงๆที่เม้มสนิทนี่ต่างหากใบหน้าที่แสดงความรังเกียจเขาอย่างชัดเจนนี่ต่างหากล่ะ ผมบีบกรามมันอย่างไม่ออมมือจนปากมันเผยอ แน่นอนผมที่เชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้มากกว่ามันย่อมหาทางสอดลิ้นเข้าไปในปากของมันได้อยู่แล้ว
ผมจะทำให้มันรู้ว่าจูบของจริงน่ะเป็นยังไง
ปลายลิ้นของผมกวาดต้อนรุกไล่ลิ้นของมันที่พยายามต่อต้านพลางหลบหนี ผมทั้งจูบทั้งดูดจนเกิดเสียง แรงที่มันให้ผลักผมค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ น้ำลายใส่ไหลออกจากมุมปากผมใช้ปลายลิ้นจัดการจนมันหายไป
มองใบหน้าแดงจัดที่โกยเอาอากาศเข้าปาก ริมฝีปากแดงของมันบวมเจ่อเล็กน้อย ผมกระตุกยิ้มเยาะมันก่อนจะกลับมานั่งประจำที่จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่แล้วขับรถมุ่งตรงไปตลาดสด ส่วนไอ้เซ็ทนิ่งเงียบไปตลอดทาง มันหันหน้าออกไปมองข้างทางมือของมันกำแน่นจนเห็นเส้นเลือด มันคงแค้นผมน่าดูและคงเกลียดผมสุดหัวใจ
แต่ใครจะสนล่ะ ผมเองก็เกลียดมันเหมือนกัน
ไอ้เด็กกระจอกแม้แต่จูบยังทำไม่เป็นแต่ริอาจจะมีแฟน
ผมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก ไม่รู้มโนไปเองหรือผมรู้สึกจริงกันแน่ว่าเหมือนมีความหวานติดอยู่ที่ปลายลิ้น
ทั้งที่ผมควรจะรังเกียจที่ต้องมาจูบกับผู้ชายเหมือนกันแต่ผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยซักนิด
ผมชอบจูบที่โดนต่อต้านมันทำให้ผมอยากเอาชนะมันไปเรื่อยๆ
คนอย่างมันไม่มีทางชนะผมได้หรอก
ถ้ามันคิดจะสู้มันก็ต้องแพ้แบบนี้ตลอดไป
ไม่นานเราสองคนก็มาถึงตลาดสดผมก็หาที่จอดก่อนถึงตลาดพอสมควรเพราะในตลาดพื้นที่คับแคบไม่สามารถจอดรถได้ ไอ้เซ็ทออกจากรถไปแถมปิดประตูเสียงดังปังจนรถสะเทือน แต่ไม่เป็นไรวันนี้ผมอารมณ์ดีจากการได้กำไรเล็กๆน้อยๆไปแล้ว จัดการล็อครถก็เดินตามมันเข้าไปในตลาดมันแวะเขียงหมู เห็นมันพลิกชิ้นนั้นชิ้นนี้ก่อนจะชี้หมูก้อนขนาดกลางก้อนหนึ่ง เมื่อได้ยินราคาผมก็ยื่นเงินให้แม่ค้า
"ไม่ต้องแม่ให้เงินมา"น้ำเสียงห้วนของมันดังขึ้นโดยไม่หันมามองผมซักนิด ผมไม่สนยังคงบอกให้แม่ค้ารับเงินจากผมไป เมื่อได้เงินทอนผมก็รีบตามมันไปแผงขายอาหารทะเล มันซื้อกุ้งกับหมึกอย่างละโลผมยื่นเงินจ่ายให้อีก คราวนี้มันหันมาทำตาเขียวใส่แต่ผมก็ยักคิ้วใส่มัน ไอ้เซ็ทรับถุงมาถือแล้วเดินทิ้งผมไปแผงผัก บรรดาผักที่แม่ของมันสั่งถูกมันเลือกทีละอย่างด้วยความรอบคอบซึ่งผมดูแล้วอันไหนก็เหมือนกันมันจะเลือกทำไมเยอะแยะ
"มึงก็หยิบๆไปสิเลือกทำไม"ที่สุดผมก็ทนรำคาญไม่ไหวเมื่อมันเอาแต่พลิกผักคะน้าส่องตั้งแต่ยอดยันโคนต้นผมขยุ้มผักคะน้ากองใหญ่ให้แม่ค้ามันรีบตะครุบกลับ
"เยอะขนาดนี้มึงจะผัดแดกทั้งหมู่บ้านหรือไงไอ้สัด"มันวางกองคะน้าไว้ที่เดิมยังคงเลือกของอย่างใจเย็นบรรดาถุงหมูกับหมึกกุ้งดูจะเกะกะมันไม่น้อยผมเห็นแล้วรำคาญจึงดึงมาถือไว้เองมันไม่ได้ว่าอะไรผ่านไปราว 15 นาทีบรรดาผักที่มันเลือกก็ถูกทยอยใส่ถุงผมหยิบเอาถุงส่วนใหญ่มาถือไว้เองแล้วเดินตามมันไปแวะแผงขายเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นที่สุดท้าย
"หิวน้ำ"ผมส่งเสียงเรียกมันเมื่ออากาศอบอ้าวทำให้ผมคอแห้ง มันหันมามองด้วยสายตาเป็นคำถาม
"แล้วไง?"
"มาซื้อน้ำให้กูแดกหน่อย"มันถอนหายใจก่อนจะเดินมาสั่งน้ำให้ผม
"ป้าครับเอาสไปร์ทแก้วนึงครับ"ผมแอบยิ้มนิดๆเมื่อมันสั่งเครื่องดื่มที่ผมชอบกิน มันจ่ายตังค์แล้วยื่นแก้วมาให้ผม
"อ่ะ ไม่ถือแดกล่ะ"มันยังคงทำเสียงหงุดหงิดใส่ผมไม่หยุด ผมยกถุงของพะรุงพะรังหนักอึ้งให้มันดูเป็นคำตอบมันสบถออกมาเบาก่อนจะยื่นแก้วจนแทบจะกระแทกหน้าของผม ผมงับหลอดดูดน้ำด้วยความพอใจ
อุตส่าห์ยอมหนักได้การปรนนิบัติแบบนี้ก็ถือว่าคุ้ม
ผมลอบมองสองแม่ลูกที่กำลังสาละวนกับการเตรียมวัตถุดิบทำราดหน้าเป็นมื้อกลางวันของพวกเราอยู่ ในมือก็กดเกมส์ไปด้วย เสียงไอ้แดนด่าที่ผมแทบไม่ขยับไปช่วยทีมเลยด้วย
ไอ้เซ็ทกำลังตั้งอกตั้งใจลอกเปลือกแก่ของคะน้าพลางหั่นเฉียงไปตามที่แม่ของมันสั่ง มันแยกก้านกับใบออกไว้คนละฝั่งกันพอเสร็จมันก็จัดการหมักหมูที่แม่มันหั่นไว้ให้ ท่าทางของมันถึงจะไม่ได้แคล่วคล่องเหมือนแม่ของมันแต่ก็ไม่ได้ขัดตา ไม่นานราดหน้ายอดผักหมูหมักก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะอาหารไอ้เซ็ทมันเป็นคนตักเสิร์ฟผมเดินไปล้างมือล้างไม้ในห้องน้ำแล้วจึงกลับมานั่งประจำที่
ผมมองราดหน้าในจานนิ่งไม่ได้ขยับมือขึ้นมาตักกินเป็นน้าลดาที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของผมเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
"อ้าว คิน ไม่ทานเหรอลูก"
"ผมไม่กินก้านคะน้า"ผมตอบกลับเสียงเรียบ สายตามองก้านคะน้าหั่นบางในจานด้วยดวงตาว่างเปล่า
ผมไม่ใช่คนกินยากอะไรผมแค่ไม่กินเผ็ด ไม่กินหนังเป็ดหนังไก่หนังหมูหนังปลา เนื้อหมูต้องไม่ติดมัน ผมไม่กินก้านคะน้าเพราะมันเหม็นเขียว ผมไม่กินมะระ ไม่กินน้ำพริกใส่แมงดา ไม่กินขนมใส่กะทิ เมล่อน แตงไทย แคนตาลูป ผมไม่กิน เห็นมั้ยผมเป็นคนง่ายๆ
"เอ้อ ลุงก็ลืมบอกไปว่าคินมันไม่กินก้านคะน้า"พ่อผมสำทับความกินง่ายอยู่ง่ายของผม
อันที่จริงตอนเด็กๆผมก็เคยกินนะไอ้ก้านคะน้าเนี่ยผมชอบกินผัดคะน้าปลาเค็มแต่พ่อพาไปกินข้าวต้มโต้รุ่งร้านหนึ่งปรากฏว่าคนผัดไม่ได้แยกผัดก้านก่อนค่อยผัดใบตามผัแคะน้าปลาเค็มจานนั้นจึงเหม็นเขียวมาก
"เซ็ทตักก้านออกให้พี่เค้าหน่อยสิลูก"น้าลดาหันไปบอกไอ้เซ็ทที่นั่งก้มหน้าก้มตากินราวตายอดตายอยากมาจากไหน
ผมว่าผมเริ่มชอบน้าลดาแล้วล่ะ
เศรษฐพงศ์ชะงักมือที่กำลังกวาดราดหน้าเข้าปาก เด็กหนุ่มจ้องหน้าคณินราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าอยู่กันเพียงลำพังเศรษฐพงศ์รับรองได้ว่าเขาจะเทราดหน้าร้อนจานนี้ราดหัวคณินแน่ๆ
สารพัดความเรื่องมาก สารพัดที่จะหาเรื่องมาทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจ
แอบกร่นด่าโชคชะตา
ทำไมเขาไม่เกิดก่อนคณิน เพราะอายุที่น้อยกว่าแม่จึงชอบสั่งให้เขาดูแลปรนนิบัติไอ้เด็กโข่งนี่
โตกว่าควายแล้วยังดูแลตัวเองไม่ได้
ไม่กินก็แค่ตักออกมันจะไปยากเย็นอะไรนักหนาวะ
"แกโตแล้วนะคินทำไมไม่หัดทำเอง"คณิตที่รู้สึกว่าลดาจะตามใจลูกชายของตนเองเกินไปเอ่ยเอ็ดลูกชาย เขารู้สึกเห็นใจเศรษฐพงศ์ไม่น้อยที่ต้องตกเป็นลูกไล่ให้กับลูกชายแสนเอาแต่ใจของเขา
"ไม่ได้พ่อ กลิ่นเหม็นเขียวมันลอยเข้าจมูก"คณินหันไปตอบพ่อตามตรง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเหม็นจริงหรือจิตใต้สำนึกมันสั่งให้เขาหลอกตัวเองว่าเหม็นแต่เมื่อไหร่ที่เห็นก้านคะน้าในอาหารเขาก็รู้สึกคลื่นไส้แทบจะทันที
เศรษฐพงศ์ตักก้านคะน้าออกจากจานของคณินมาใส่ในจานของตัวเองจนหมดแล้ววางจานคืนให้จากนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคณินอีกเลย เด็กหนุ่มทำราวกับว่าไม่มีคณินอยู่ในที่นี้
หลังจากอิ่มแล้วเศรษฐพงศ์ก็ช่วยแม่เก็บจานชามไปล้าง คณินเห็นไอ้เด็กนั่นยืนล้างจานกับแม่แล้วหยอกล้อแม่ไปด้วย เสียงหัวเราะนุ่มทุ้มดังแว่วมาเป็นระยะ
ถ้าแม่ของเขายังอยู่บ้านก็คงจะมีเสียงหัวเราะแบบนี้เหมือนกัน
"คิน ทำดีกับน้าลดากับเซ็ทบ้างเถอะ เขาดีแสนดีขนาดไหนแกก็เห็นแล้วนี่"คณินหันไปมองพ่อที่เดินมานั่งเก้าอี้ใกล้เขา
"ทุกวันนี้ผมยังทำไม่ดีด้วยอีกเหรอ?"
"แกทำตัวห่างเหินเหลือเกิน น้าลดาเขาก็รักก็เอ็นดูเหมือนแกเป็นลูกเขา มีใครบนโลกบ้างสอนลูกตัวเองให้ยอมลูกเลี้ยง บอกตรงๆพ่อสงสารเซ็ท"
"สงสาร? มันมีอะไรน่าสงสารเหรอพ่อ?"
"เด็กผู้ชายทุกคนน่ะอีโก้สูง แกเองก็น่าจะเข้าใจ แต่เซ็ทยอมทำตามแม่สั่งถึงจะไม่เต็มใจแกก็ช่วยดีกับน้องมันบ้าง"
"ให้มันยอมผมได้ตลอดเถอะแล้วผมจะรับพิจารณา"คณินเลือกที่จะเดินทิ้งบทสนทนากับพ่อขึ้นห้องไปเขียนแบบที่ค้างไว้ ช่วงบ่ายสามเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น คณินเห็นเศรษฐพงศ์วิ่งตัวกลมๆไปที่ประตูบรรดาเพื่อนๆของเศรษฐพงศ์ยกมือไหว้แม่ของเพื่อนพลางส่งเสียงทักทายกันเซ็งแซ่ คณินเห็นเศรษฐพงศ์กระโดดขึ้นกะบะหลังที่มีตะกร้าต้นไม้วางเรียงราย เมื่อเศรษฐพงศ์ตบข้างรถคนขับก็ถอยรถแล้วขับออกไป คณินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียวยอดฮิตจัดการนัดแนะพวกเพื่อนเพื่อไปสังสรรค์เย็นนี้
อยู่ๆก็อยากไปเดินเล่นถนนคนเดินซะอย่างนั้น
เศรษฐพงศ์::
พวกผมจัดการเรียงต้นไม้ที่เตรียมมาขึ้นชั้นที่ประกอบง่ายๆจากก้อนอิฐและไม้กระดานเรียบร้อยก่อนห้าโมงเย็นนิดหน่อย พอเสร็จไอ้อิ้งค์ก็ไม่รีรอที่จะเดินไปซื้อลูกชิ้นร้านโปรดของมันทันที
ไอ้วีเริ่มเรียกลูกค้าของมันด้วยน้ำเสียงสดใสวันนี้แฝดนรกไม่ได้มาด้วยเพราะแม่มันรับไปทำธุระตั้งแต่เมื่อวาน ไอ้ยิมกับไอ้ย้งนั่งทำรายงานบนฟุตบาธหลังร้าน ผมหยิบเก้าอี้มานั่งเอ่ยทักทายลูกค้าประจำที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย
หากจะให้เข้าข้างตัวเองส่วนหนึ่งที่ลูกค้าเข้าร้านของผมไม่ขาดสายและเป็นพวกผู้หญิงวัยรุ่นนั้นก็เพราะหน้าตาของพวกผมนี่แหล่ะ ผมบรรจงเอาต้นไม้ใส่ถุงใก้ลูกค้าแนะนำวิธีดูแลจนลูกค้าเข้าใจผมจึงเดินไปซื้อน้ำมะพร้าวกิน
พลันสายตาของผมก็เห็นคนกลุ่มหนึ่ง โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่หน้าตาและความสูง มีผู้หญิงเกาะแขนคนในกลุ่มนั้นมาอีก 2-3 คน ที่สะดุดตาสุดคงหนีไม่พ้นไอ้คนที่ทำใบหน้าเรียบเฉยแขนของมันมีผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาจัดว่าสวยเกาะตามมา
"คิน ดูสิต้นไม้น่ารักจังเลย"ผมที่นั่งดูดน้ำมะพร้าวทำไม่รู้ไม่ชี้จำเป็นต้องเดินไปต้อนรับลูกค้า ผู้หญิงคนนั้นดึงมือไอ้คินให้เดินตามเข้าไปเลือกต้นไม้ในร้าน ไอ้ยิมกับไอ้ย้งเงยหน้าขึ้นมองผมผมส่ายหน้าให้มันเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไร ไอ้อิ้งค์กับไอ้วีมองกลุ่มของไอ้คินไม่วางตาไม่มีใครไว้วางใจไอ้พวกนี้ทั้งนั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้พวกเราระวังตัว
"คินว่าโบว์ซื้อไปเลี้ยงแล้วจะรอดมั้ยอ่ะ"
"ไม่รู้สิ รอดมั้ง"สาบานว่านั่นมึงพูดกับแฟน? ทั้งน้ำเสียงเฉยเมินนั้น ทั้งท่าทางเย็นชานั้นถ้าผมเป็นน้องโบว์รักสีดำนั่นคงไม่เอามันทำผัวแน่นอน
นั่นแฟนหรือตอไม้วะ โคตรไร้อารมณ์
"งั้นคินซื้อให้โบว์หน่อยนะ น๊าๆ"ผู้หญิงคนนั้นเขย่าแขนไอ้คินอย่างออดอ้อนไอ้คินถอนหายใจอย่างรำคาญมันพยักหน้าส่งๆไป
น้องโบว์รักสีดำรับกระดี๊กระด๊าเลือกต้นไม้โดยที่ไอ้คินดึงให้เดินตามเรื่อยไป บรรดาเพื่อนของมันก็อยู่ตรงมุมนั้นมีมุมนี้
ไอ้คินมันเริ่มเดินเตร่รอบร้านของผมระหว่างรอแฟนของมัน
"เฮ้ย!!!!"
โครม!!!! อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากไอ้คินตามมาด้วยชั้นวางต้นไม้ของผมโดนปลายตีนของมันเกี่ยวจนแหกจากกันบรรดาต้นไม้ของผมล้มระเนระนาด
ผมเขวี้ยงแก้วน้ำทิ้งก่อนจะถลาไปดันชั้นสูงที่ทำท่าจะล้มใส่มันไว้ได้ทัน เสียงกระถางต้นไม้หล่นดังเปรื่องปร่างไอ้คินหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยไอ้ยิมไอ้ย้งรีบโดดเข้ามาล้อมมันไว้ ไอ้วีรีบไปเก็บกระถางต้นไม้ที่หล่นระเนระนาดส่วนไอ้อิ้งค์เดินไปกันเพื่อนไอ้คินไม่ให้เดินเข้ามา
ผมมองหน้าไอ้คนที่พังร้านของผมด้วยสายตาที่บอกความเบื่อหน่ายในสันดานของมันเต็มทน
"มันเป็นอุบัติเหตุกูไม่ได้ตั้งใจ"
"มึงพาเพื่อนของมึงออกไปจากร้านกูเลย"ผมไม่สนใจฟังคำแก้ตัวของมัน
คนอย่างมันน่ะเหรอจะไม่ตั้งใจ
ผมเชื่อว่ามันน่ะวางแผนมาอย่างดีแล้วด้วยซ้ำมองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแม่งแกล้ง
"ยังจะยืนทำเหี้ยอะไรอยู่อีก ออกไปกูจะเก็บของ"ผมหันไปไล่มันอีกครั้งมันยืนลังเลทำท่าจะพูดอะไรซักอย่างแต่ผมเลือกที่จะเมินใส่มันแล้วผลักชั้นให้ตั้งขึ้นไปตามเดิมมันทำท่าจะมาช่วยผมดันผมหันไปตวาดใส่มันด้วยเสียงอันดัง
"ออกไป!!!"
คณิน::
ผมชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมไปช่วยมันดันชั้นเมื่อมันหนมาตวาดใส่ผม
สารภาพตามตรงด้วยความสัตย์จริงว่าครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆผมแค่จะเดินดูนู่นดูนี่ฆ่าเวลาแต่ปลายเท้าดันไปเกี่ยวเอาอิฐที่พวกมันใช้วางเป็นฐาน บอกตามตรงมันใช้วัสดุที่แย่มากแล้วความซวยก็คือเสือกเป็นผมที่ไปเดินเตะชั้นของมันจนเสียหลักไปดึงเอาชั้นสูงข้างเพื่อประคองตัวไม่ให้ล้ม
ผมรู้สึกเสียหน้าที่ถูกมันตวาดใส่ต่อหน้าผู้หญิงที่ผมควงมาด้วย
แต่ความรู้สึกหน่วงในใจนี่มันคืออะไรผมกลับไม่เข้าใจตัวเองเลยซักนิด
แค่รู้สึกไม่ชอบให้มันไล่ผม...แค่นั้นล่ะมั้ง
"ไงมึงเป็นไรเนี่ยทำหน้าเหมือนหมาโดนเจ้าของทิ้ง"แดนธรรมเอ่ยแซวคณินที่ยกแก้วเหล้าดื่มอย่างไม่สนใจใครแม้กระทั่งหญิงสาวที่นั่งบดเบียดร่างกายจนแทบจะสิงเขาอยู่+แล้ว คณินยื่นแก้วให้พชรพลชงเหล้าให้ตนเองอีกครั้ง
"วันนี้มึงแดกดุมาก เดี๋ยวก็เมาหรอกมึง"ปากบ่นแต่มือก็ชงเหล้าให้ไม่ขาด
"กูไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งมันเลยนะเว้ย"คนที่ยกไปหลายแก้วเริ่มมีน้ำเสียงอ้อแอ้
"มึงก็ช่างมันเถอะอย่าไปคิดมาก"อานุพนธิ์ยื่นแก้วมาชนกับคณินพูดให้คณินไม่ต้องคิดมาก
"มันแม่งไล่กูเหมือนหมา"
"แล้วมึงจะไปแคร์ทำไมวะ ปกติก็ตีกันชิบหายวันนี้มันไม่ต่อยมึงกลับมากูว่าโคตรแปลก"แดนธรรมตั้งคำถามอย่างไม่เข้าใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนที่ปกติเจอเศรษฐพงศ์เมื่อไหร่เป็นต้องได้ฟาดปากกันเมื่อนั้น
"เออ นั่นสิ พักนี้มึงแปลกไปนะไอ้คินปกติเจอน้องมึงได้ที่ไหนวะฟาดกันหัวร้างข้างแตก"
"ทำไมวะแปลกตรงไหน กูก็แค่เบื่อ"
"ปกติมึงไม่ใช่คนแบบนี้ป่าววะ"
"แบบนี้แบบไหนวะ?"
"ปกติมึงไม่ใช่คนที่จะปล่อยเหยื่อง่ายๆไง"แดนธรรมเอ่ยตอบอย่างคนที่รู้จักนิสัยของเพื่อนดี
คณินกระดกเหล้าเข้าปากมุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
"กูแค่เบื่อต่อยตีกับมันกูมีวิธีอื่นจัดการกับมันแล้ว"
รถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดในโรงจอดรถ บ้านทั้งบ้านเงียบกริบมีเพียงแสงไฟส่องสว่าง คณินเดินเซๆเข้ามาในบ้าน นาฬิกาเรือนใหญ่บอกเวลาตีสามกว่าๆ ชายหนุ่มไต่ราวบันไดขึ้นไปข้างบน ร่างสูงหยุดยืนหน้าห้องของคนเด็กกว่าก่อนจะล้วงเอากุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง ไขมันเข้าไปอย่างเงียบกริบ
ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากไฟที่สนามหญ้าส่งเข้ามาให้เห็นภายในห้องอย่างเลือนลาง คณินลากเท้าเข้ามาที่เตียงนอนขนาด 5 ฟุต ที่มีร่างสูงของคนเด็กกว่านอนหลับสนิทอยู่บนนั้น ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนข้างร่างที่หลับสนิทก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในผ้านวมผืนหนารวบร่างของเศรษฐพงศ์มากอดก่อนจะพิจารณาใบหน้าของคนหลับ
ตากลมๆนี่อ่ะเหรอที่คอยใช้มองเขาอย่างเกลียดชัง
ปากแดงๆนี่น่ะเหรอที่ตวาดไล่เขาเมื่อเย็น
"ปากดี...มึงมันเด็กปากดี"ใช้ปลายนิ้วแตะลงบนกลีบปากนุ่มแผ่วเบา
เสียใจรู้มั้ย?
คนเด็กกว่าจะรู้บ้างมั้ยว่าเมื่อหัวค่ำที่เศรษฐพงศ์ไล่เขา เขาเสียใจจนเอาความหงุดหงิดไปลงกับเพื่อนสาว แต่มันกลับหยุดกลางทางเมื่อคณินเอาแต่คิดถึงหน้าของคนตรงหน้าในตอนนี้ ชายหนุ่มพาตัวเองกลับมาบ้านหลังจากถูกโบว์ด่าที่ทำให้เธออารมณ์ค้าง
"มึงมันใจร้ายชิบหายเลยไอ้เซ็ท"คำกล่าวโทษถูกเปล่งออกมาในความมืดก่อนที่ริมฝีปากอุ่นจะหาเศษหาเลยกับคนที่หลับลึก
ริมฝีปากอุ่นค่อยๆละเลียดชิมความหอมหวานจากกลีบปากนุ่มทีละนิด ปลายลิ้นค่อยๆแตะลงเบาๆราวกับกำลังชิมวิปครีมแสนอร่อย รสจูบแสนนุ่มนวลค่อยดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ลมหายใจที่เจือกลิ่นเหล้าจางๆรินรดใส่คนหลับ คณินกดจูบซ้ำๆลงบนริมฝีปากนุ่นั้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยคณินกระชับอ้อมกอดที่รั้งร่างของเศรษฐพงศ์ไว้ให้ร่างกายได้แนบสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม ความปรารถนาบางอย่างตีตื้นขึ้นมาในหัวใจ
ต้องการมากกว่านี้
เขาต้องการมากกว่ารสจูบ ปลายลิ้นสอดเข้าไปสำรวจโพรงปากของเศรษฐพงค์อย่างชำนาญดูดดึงลิ้นลื่นของอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจ ฝ่ามือหนาลูบสะโพกกลมของคนที่เริ่มขยับตัวอย่างคนที่นอนไม่สบายตัว เศรษฐพงศ์รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกำลังจะจมน้ำ ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างทำให้ร่างกายรู้สึกวาบหวามแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันทั้งรู้สึกดีและทรมานไปพร้อมกัน เด็กหนุ่มค่อยเปิดเปลือกตาขึ้น
เขารู้สึกตัวตื่นแล้วแต่ก็ยังมึนเบลอคล้ายล่องลอยอยู่ในความฝัน ความรู้สึกอุ่นชื้นที่ริมฝีปาก เสียงจูบแสนน่าอาย และมีมือใครบางคนกำลังฟอนเฟ้นไปทั่วร่างของเขาทำให้เศรษฐพงศ์ตัวชา เด็กหนุ่มยกแขนกอดร่างโปร่งของคนที่กำลังมัวเมาระดมจูบเขาไว้หลวมๆลูบผ่ามือผ่านเสื้อเนื้อดีราวกับโอนอ่อนตามสัมผัสหวิวนั้น มือเรียบลูบมาเรื่อยๆถึงเอวสอบของร่างที่ผอมบางกว่าเขาก่อนจะเลื่อนลงไปสัมผัสความหนานูนตึงตัวของบางสิ่งบางอย่างกลางหว่างขานั้น คณินส่งเสียงครางเบาๆเมื่อเศรษฐพงศ์ลูบฝ่ามือลงบนแกนกายเขาเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มผ่านความมืดก่อนจะดูดปากบวมเจ่อนั้นแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว ความนุ่มนวลแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนเมื่อเศรษฐพงศ์เพิ่มน้ำหนักมือมากขึ้นหลังจากกอบกุมจนเต็มไม้เต็มมือแล้วจากนั้นก็
"อ๊าก!!!!!!!!!" เสียงทุ้มแหกปากร้องก่อนจะนอนตัวงอกุมเป้าของตัวเอง
"กูจะบีบให้ไข่แตกเลยไอ้สัด เมาแล้วหื่นใช่มั้ยไอ้เหี้ย ตายซะเถอะ!!!"
บอกได้คำเดียวว่าจุกจนต้องร้องขอชีวิต
จุกจนหน้าดำหน้าแดง
บอกได้คำเดียวว่าที่แข็งก็แฟ่บในทันที
ใครก็ได้ช่วยคินด้วย!!!!
.................
สมน้ำหน้าเค้านะคะ เมาแล้วหื่นก็ต้องเจอแบบนี้แหล่ะค่า
เป็นง่อยอ่อพี่คิน หนักจริงหรือมารยา
คนบว้าาาา
คนเลว
คนผีทะเล
คนฉวยโอกาส