ตอนที่ 29
เศรษฐพงศ์กำลังรู้สึกว่าการตัดสินใจมาง้อคณิณที่กรุงเทพเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
เพราะการไม่มีคณิณมาคอยวอแวกวนใจกว่าสองสัปดาห์ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มพิจารณาความรู้สึกของหัวใจตัวเอง
เศรษฐพงศ์เหงาเวลาที่ไม่มีคณิณมาคอยกวนใจ เศรษฐพงศ์หงุดหงิดทุกครั้งเวลามองโทรศัพท์แต่ไร้สายเรียกเข้าของคณิณ อารมณ์ขึ้นๆลงๆของเด็กหนุ่มถูกเผื่อแผ่ไปยังบรรดาเพื่อนๆจนโดนเพื่อนบ่นไปหลายครั้ง แม้ใจอยากจะโทรหาคณิณก่อนมากแค่ไหน แต่เศรษฐพงศ์ก็ยังคงมั่นในว่าเดี๋ยวคณิณก็จะเป็นฝ่ายโทรหาเขาเองแบบทุกครั้ง
จนกระทั่งผ่านไป 1 อาทิตย์ คณิณก็ไม่โทรกลับมา
วันเสาร์ที่เคยเจอกันทุกอาทิตย์ก็ไร้เงาคณิณ
ไลน์ที่เคยส่งข้อความมากวนประสาทเศรษฐพงศ์ก็อ่านข้อความเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนจำได้ขึ้นใจ
แล้วเศรษฐพงศ์ก็รู้ได้ในตอนนั้นแหล่ะว่าการที่ชีวิตขาดคณิณไปมันเหงามากแค่ไหน
ตอนแรกเศรษฐพงศ์มั่นใจอยู่เสมอว่าไม่ว่าจะยังไง ไม่ว่าตัวเองจะทำตัวงี่เง่าไม่ชัดเจนซักแค่ไหนยังไงคณิณก็จะยอมได้
เศรษฐพงศ์ลืมคิดไปว่าคนเรามีขีดจำกัด เมื่อวันที่คณิณหายไปจากชีวิตมันไม่ใช่แค่ความเหงา แต่มันมีความรู้สึกที่พิเศษลึกซึ้งมากกว่านั้น
อยากได้ยินเสียง อยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคนหนึ่ง
ความรู้สึกนั้นทวีคูณมากขึ้นทุกวันจนกระทั่งเศรษฐพงศ์ก็ให้คำตอบอาการของตัวเองได้ว่า
“คิดถึง”เสียงหอบกระเส่าของคณิณดังขึ้นเรียกสติที่เริ่มกระเจิดกระเจิงของเศรษฐพงศ์ให้กลับมา เด็กหนุ่มเอียงคอให้คนพี่ได้ฝังจมูกโด่งลงบนซอกคอของตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ริมฝีปากบวมเจ่อจากการถูกกดจูบและดูดดึงซ้ำแล้วซ้ำอีก ดวงตาปรือปรอยฉ่ำน้ำด้วยความรู้สึกแปลกๆที่เริ่มก่อตัวมวนวนอยู่ที่ช่องท้องน้อย รอยระเรื่อสีแดงจางๆถูกแต่งแต้มจนทั่วลำคอแขนสองข้างถูกตรึงกับกำแพงเย็นเฉียบในขณะที่คณิณเอาแต่ฟัดเขาไปทั่วใบหน้าลำคอจนถึงแผงอก
“ค...คิน..หยุดก่อน”เสียงสั่นร้องขอคนที่จับตัวเองฟัดตั้งแต่ปิดประตูห้องแล้ว แต่คณิณเหมือนกำลังเมากลิ่นของคนน้อง
ตรงนั้นก็หอม ตรงนี้ก็หอม หอมจนอยากจะจับแก้ผ้าแล้วดมทั้งตัว แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาอยากกลืนกินไปทั้งตัวได้ยังไง คณิณใช้จมูกฟัดซอกคออุ่นๆของเศรษฐพงศ์อย่างหมั่นเขี้ยว
“คิน ไอ้คิน พอก่อน นะ กูเหนื่อย ขอพักก่อนได้มั้ย”
“พูดกับกูเพราะๆก่อนสิ แล้วจะปล่อย”คณิณเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาคนน้องที่ตัวแดงเป็นกุ้งด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เศรษฐพงศ์อยากจะต่อยให้ตาแตกแต่ติดที่ว่าคณิณกดแขนเขาไว้แน่นหนาจนแทบจะขยับไม่ได้ เด็กหนุ่มหุบปากสนิทเป็นเชิงค้านคำขอของคนพี่
บ้าบอ...จะให้มาพูดเพริ้งพูดเพราะอะไรตอนนี้ กระดากปากชิบหาย หลบสายตาที่จ้องจนผิวหน้าแทบจะมอดไหม้เสไปมองตู้เก็บรองเท้าแทนที่จะมองหน้าคนพี่
“ว่าไงครับ เซ็ทจะพูดเพราะๆกับพี่ได้มั้ยครับ หื๊ม?”
พ่อง!!! มาทำเสียงอ่อนเสียงละมุนแทนตัวเองว่าพี่แบบนี้ได้ยังไงวะ รุนแรงกับใจมากอ่ะพูดเลย เศรษฐพงศ์รู้สึกหวิวๆคล้ายตัวเองจะเป็นลมซะให้ได้ คนเขินยิ่งเขินเข้าไปใหญ่
“ไม่”แต่นั่นแหล่ะ เศรษฐพงศ์ก็ยังคงเป็นเศรษฐพงศ์อยู่วันยันค่ำ
“ดื้อหว่ะ”คนพี่เอ่ยว่าคนน้องที่เม้มปากแน่นอย่างไม่จริงจัง
“รู้มั้ยเด็กดื้อเด็กปากหนักต้องเจออะไร?”เศรษฐพงศ์ตกใจสุดขีดเมื่อคณิณก้มตัวลงใช้ไหล่ดันเอวเขาจนลำตัวพาดกับไหล่กว้างของคนพี่ ปลายเท้าลอยหวือพ้นพื้นห้อง ทั้งๆที่ขนาดร่างกายของเศรษฐพงศ์ไม่ได้ต่างจากคณิณเท่าไหร่นัก แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้คณิณมีกำลังเหนือกว่าเขาจนตามไม่ทันซะอย่างนั้น
“ทำอะไรของมึงเนี่ย ปล่อยกูนะ กูไม่อยู่กับมึงแล้วกูจะกลับบ้าน”ใช้ฝ่ามือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพทุบลงไปบนแผ่นหลังของคณิณไม่นานร่างทั้งร่างก็ถูกโยนลงบนเตียงนอนหลังใหญ่และก่อนที่จะพลิกตัวหนีได้ทันคณิณก็ตามขึ้นมาคร่อมร่างบางๆของคนน้องไว้ราวเสือที่เข้าตะครุบลูกกวางตัวน้อย
“เด็กดีไม่ดื้อ เด็กดื้อไม่ดี เด็กดื้อถูกตี...รู้มั้ย หื๊ม? กูจะลงโทษมึงโทษฐานที่มึงแม่งใจร้ายทำกูเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก กูจะตีมึงด้วยปากให้ปากมึงระบมจนกินข้าวไม่อร่อยเลยไอ้เด็กเหี้ย”คณิณโน้มใบหน้าลงไปกดจูบพลางขยี้เบาๆจนเศรษฐพงศ์จั๊กจี้ เด็กหนุ่มใช้มือดันไหล่คนหน้าด้านที่ปล้ำจูบเบาๆไม่จริงจังนักเมื่อคนพี่เปลี่ยนมาเป็นจูบที่ค่อยๆลึกล้ำขึ้นไม่ได้ทีเล่นทีหยอกแบบเมื่อซักครู่ ริมฝีปากอุ่นค่อยๆกดจูบดูดดึงไปทั่วปากอิ่มของคนน้องอย่างเอาแต่ใจ จากที่แค่แตะๆกลับค่อยๆเพิ่มความคิดถึงความโหยหาใส่ลงไปในรสจูบนั้น เศรษฐพงศ์เผลอเผยอริมฝีปากเมื่อคณิณไซร้เบาๆอย่างออดอ้อน
“คิดถึง”ปากพร่ำพูดแต่คำว่าคิดถึงซ้ำๆจนคนฟังใจกระตุก มือที่เกาะไหล่กว้างไว้ก็เปลี่ยนมาคล้องคอไว้แบบไม่รู้ตัว คณิณกดจูบย้ำๆแบบที่ชอบทำกับเศรษฐพงศ์บ่อยๆเพราะรู้ดีว่าต้องจูบยังไงเศรษฐพงศ์ถึงจะยอมโอนอ่อน ดูดดึงกลีบปากทั้งบนและล่างอย่างโหยหา คลื่นความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบจากริมฝีปากกระจายไปทั่วตัวจนรู้สึกขนลุก มือหนาลูบเบาๆตรงเอวบางของคนเป็นน้อง เศรษฐพงศ์รู้สึกใจโหวงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งคราที่ลิ้นชื้นสอดเข้าไปกวาดต้อนเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของตัวเองข่องท้องก็รู้สึกวูบโหวงจนต้องเกร็งตัว
“อือ...”เสียงครางเบาๆดังออกมาจากลำคอ เศรษฐพงศ์ตอบรับจูบที่เริ่มดุดันขึ้นเรื่อยๆของคณิณอย่างไม่รู้ตัว ปลายลิ้นโรมรันหลอกล่อจนคนด้อยประสบการณ์เวียนหัว แต่ก็อยากจะเอาชนะในคราเดียวกับ ปลายนิ้วที่คล้องคอไว้ก็เลื่อนมาสอดขยุ้มกลุ่มผมบริเวณท้ายทอยอย่างไม่รู้ตัว คณิณประคองหลังคนน้องให้ลอยขึ้นมารับจูบตัวเองได้มากขึ้น ดูดกลืนดื่มด่ำกับน้ำหวานเลิศรสที่ตักตวงอย่างไม่รู้เบื่อจนเศรษฐพงศ์ขยำกลุ่มผมตนเองแรงยิ่งขึ้นเพราะหายใจไม่ทันนั่นแหล่ะ คณิณถึงถอนจูบและฟัดแก้มพองๆนั้นอย่างแสนเสียดาย ยกฝ่ามือขึ้นมาเกลี่ยริมฝีปากบวมเจ่อของคนน้องที่เผยอหอบหายใจเล็กๆนั้นอย่างหลงใหล
" กูอยากจะกินมึงทั้งตัวเลยว่ะเซ็ท ทำไงดี กูไม่ปล่อยมึงไปให้ใครแล้วนะต่อไปนี้น่ะ มึงเป็นคนพูดเองนะว่ากูเป็นแฟนมึง เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ต่อให้โกรธกันหรือไม่พอใจอะไร กูจะไม่หนีมึง หรือถึงมึงโกรธอยากจะหนีกูยังไงมึงก็หนีไม่พ้นเข้าใจมั้ย?”
“......”คนที่นอนจ้องใต้ร่างด้วยดวงตาแป๋วนั้นไม่ตอบอะไรกลับมา นั่นยิ่งทำให้คณิณอยากจะแกล้ง ชายหนุ่มทำท่าเหมือนจะจูบลงไปอีกครั้งแต่คราวนี้เศรษฐพงศ์รีบผลักอกแกร่งนั้นไว้ ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดจนลามไปถึงใบหูและลำคอที่โผล่พ้นเสื้อที่ยับย่นเพราะร่างกายที่ถูกริมฝีปากแทะโลมเมื่อซักครู่
“พอก่อนได้มั้ยคิน เซ็ทเหนื่อย นะครับ เซ็ทอยากนอนเนี่ยเซ็ทสอบเสร็จก็ขึ้นรถมาหาคินเลยน๊า ถ้าไม่ยอมเซ็ทจะงอแงแล้วด้วย”น้ำเสียงออดอ้อนพร้อมสายตาเว้าวอนที่พยายามทำให้ดีที่สุด ออดอ้อนที่สุดถูกส่งออกไปอย่างขัดเขินแต่กลับได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อคนฟังสตั๊นท์ไปในทันที
“แม่งเอ้ย มึงมันร้าย ไอ้เซ็ท มึงร้ายกาจมาก”
ยกที่ 1 เศรษฐพงศ์ชนะน็อค เพราะคณิณสบถออกมาเบาๆก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนข้างเตียงราวคนสติหลุด
“มึงนอนไปเลยนะ กูไปเข้าห้องน้ำก่อน”คนพี่ยีหัวอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านก่อนจะคว้ากล่องทิชชู่ติดมือเข้าไปในห้องน้ำด้วย เสียงบานประตูปิดปัง ไม่นานเสียงบางอย่างที่หลุดลอดออกมาก็ทำให้เศรษฐพงศ์ที่นอนแผ่หราอยู่บนเตียงถึงกับหน้าแดงแปร๊ดด้วยความอายทันที
“เซ็ท....อ่า....เซ็ท...”
เขาก็ผู้ชาย ทำไมจะไม่รู้ว่าเสียงที่ดังออกมาน่ะไอ้คนลามกกำลังทำอะไรกับตัวเองอยู่ เศรษฐพงศ์คว้าเอาหมอนใบโตขึ้นมาปิดหน้าปิดหูหนีเสียงครางกระเส่านั่นในทันที
“ไอ้บ้า...ไอ้ลามก”
ฮือ...แม่ครับ เซ็ทจะรอดปลอดภัยตลอดปิดเทอมนี้ใช่มั้ยครับแม่
หนีกลับบ้านทันมั้ยวะ??
“เสร็จหรือยัง มันสายแล้วนะ”คณิณรีบจัดทรงผมเมื่อเสียงคนรอด้านนอกเริ่มจะขุ่นอย่างหงุดหงิด เศรษฐพงศ์มาอยู่กับเขาได้สองวันแล้ว เมื่อวานเขาพาคนน้องไปท่องสยามมาเพราะเศรษฐพงศ์ไม่เคยไป พาตระเวนกินอาหารทั้งเกาหลี และญี่ปุ่นจนแทบจะร้องไฮ้ แต่กว่าจะหมดวันกับสยามคณิณก็โดนคนน้องด่าจนหูชาเพราะทั้งคู่ตัดสินใจใช้บริการรถสาธารณะเช่นแอร์พอร์ตลิ้งค์จากนั้นคณิณก็พาน้องมาต่อบีทีเอสที่พญาไทเพื่อต่อรถไปสยาม ขาไปราบรื่นจนคณิณกระหยิ่มยิ้มย่อง ตัวเขาเองไม่ค่อยได้ใช้บริการรถสาธารณะเท่าไหร่นักเพราะชายหนุ่มชอบที่จะขับรถไปไหนมาไหนเองมากกว่า
“อยากนั่งรถไฟฟ้า”แค่ประโยคเดียวคณิณก็โยนกุญแจรถทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนแล้วพาคนน้องดั้นด้นมาถึงสยามแหล่งรวมวัยรุ่น หลังจากพาน้องกินนู่นกินนี่คณิณก็เสนอ
“ไปไหว้พระพรหม พระพิฆเณศวรกับพระตรีมูรติที่เซนทรัลเวิลด์กันมั้ย?”
“เอาดิ่”เศรษฐพงศ์ตอบรับทันที เพราะยังไงซะเด็กที่เรียนศิลปะยังไงก็เคารพพระพิฆเณศวรกันอยู่แล้วไม่มากก็น้อย คณิณจึงพาน้องเดินขึ้นสกายวอร์ค เด็กหนุ่มทั้งสองไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม คนพี่อธิฐานเกี่ยวกับเรื่องความรักยาวเหยียดจนคนน้องบ่นว่าจะขอพรอะไรนักหนา
เสร็จจากการตรงนั้นแล้วบริเวณลานใกล้ๆมีซุ้มขายอาหารและคอนเสิร์ตจากค่ายดังค่ายหนึ่ง แม้จะเป็นงานเก
บค่าเข้าชมแต่ก็มีจอให้ดูด้านนอก เศรษฐพงศ์หยุดดูด้วยความสนใจราวๆครึ่งชั่วโมงคณิณก็ชวนเข้าไปเดินเล่นด้านใน นั่นคือจุดเริ่มต้นที่คณิณโดนด่า เพราะชายหนุ่มพาเศรษฐพงศ์เดินหลงในเซนทรัลเวิลด์...
“คราวหลังไม่ต้องพามาแล้วนะ เดินบ้าเดินบออะไรหลงกลับมาแต่ที่เดิม”เสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งดังขึ้นไม่หยุดปากเมื่อเขาพาเศรษฐพงศ์เดินวนในห้างเกือบสองชั่วโมงก็ยังหาร้านที่ต้องการไม่เจอ ถุงนับสิบใบที่หิ้วอยู่ก็เหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆจนข้อนิ้วเริ่มเขียว นั่นแหล่ะถึงได้ตกลงจะเดินทางกลับ
และคณิณก็ทำพลาดเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มพาเศรษฐพงศ์ไปต่อแถวเพื่อแลกเหรียญ
“ไม่มีบัตรแรบบิทเหรอ?”เศรษฐพงศ์เคยเห็นในเน็ตว่าคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าส่วนมากจะใช้บัตรแรบบิท คณิณทำหน้างงๆ มันเอาไว้ทำอะไรวะ?
“ไม่เท่ห์เลย...”เสียงบ่นมุบมิบเบาๆดังแว่วๆมา
ไหน อีบัตรเหี้ยนั่นมันขายตรงไหน ใบละเท่าไหร่ เดี๋ยวกูซื้อ 100 ใบเลย จะได้รู้ว่ากูเนี่ยโคตรเท่ห์โคตรคูลเหมาะจะเป็นผัวมึงได้เนี่ย!!!
คณิณได้แต่คิดในใจเพราะถ้าพูดออกไปคงโดนคนตรงหน้าที่ทำหน้าผิดหวังเล็กๆที่เขาไม่มีบัตรแรบบิทต่อยปากแตก
“คือเซ็ทบัตรนั่นมันไว้ให้คนที่เขาใช้รถไฟฟ้าบ่อยๆใช้เว้ย อย่างกูไม่ค่อยได้ขึ้นก็ไม่จำเป็น”
“แต่กูอยากได้เป็นที่ระลึก”เศรษฐพงศ์พูดอย่างเสียดาย สายตามองคนที่ถือบัตรแรบบิทด้วยดวงตาละห้อย
ก็ที่เมืองกาญจน์มันไม่มีนี่หว่า
ที่สุดเศรษฐพงศ์ก็ยิ้มจนหน้าบานเมื่อในมือมีบัตรแรบบิทวางแหม่ะโดยคนที่เดินไปซื้อมาให้
“พอใจยัง”คนพี่หันมาถามอย่างเอือมๆ อยากได้อะไรไม่อยากเสือกมาอยากได้บัตรแรบบิท เห้อมมมมมม
“อื้อ...”เศรษฐพงศ์พยักหน้ารัวๆเหมือนเด็กที่ได้ของที่ถูกใจ
โอเค กูยอม ยอมแล้วทูนหัวอยากได้สีอื่นเพิ่มมั้ยเดี๋ยวกูเปย์เอง
สายตาคมจ้องมองชื่อสถานีที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ หัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันโดยคนที่ยืนสไลด์โทรศัพท์ไม่ทันได้สังเกต
“ไอ้คิน...”
“หืม?”
“เรากำลังจะไปไหนกัน?”
“กลับบ้านไง”
“เราต้องลงสถานีไหนเหรอ?”
“ก็พญาไทไง”
“แต่นี่มันวงเวียนใหญ่?”
“ห๊ะ!!”คณิณเงยหน้าจากโทรศัพท์ทันทีที่ได้ยินชื่อสถานี
“มึงพากูหลงเหรอ?
ชิบหาย...เขาพาไอ้เซ็ทขึ้นรถไฟฟ้าผิดฝั่ง
ไม่ได้ๆ จะบอกมันว่าพาหลงไม่ได้
“ไม่ใช่เว้ย คือมันต้องต่อรถ”ตอแหลไปก่อน พอประตูเปิดคณิณก็ฉวยข้อมือของคนน้องแล้วลากลงทันที ชายหนุ่มลากน้องมาหยุดที่อีกฝั่งเพื่อรอรถขบวนถัดไป
เศรษฐพงศ์จ้องรายชื่อสถานีตาไม่กระพริบ
นั่นไง มันย้อนกลับเพื่อมุ่งหน้าไปพญาไทตามแบบขามาเป๊ะๆ แล้วยังจะตอแหลว่าไม่ได้พาหลง กะจะอ้าปากด่าก็พอดีกับที่รถไฟฟ้ามาถึงสยามอีกครั้ง คณิณไม่พูดไม่จาเหมือนๆกับคนบนรถส่วนมากที่พอประตูเปิดปุ๊บก็กรูกันวิ่งไปขึ้นรถฝั่งตรงข้าม เศรษฐพงศ์ถูกดึงมือให้วิ่งตามมาด้วยเช่นกัน
“ยังไง?”หันไปถามไอ้คนที่ยิ้มแห้ง
“นี่ไง มาต่อรถ”
“เอาความจริง”
“พาขึ้นผิดฝั่ง แห่ะๆ”
“มึงนี่แม่ง...จริงๆเล้ย!!!”
เศรษฐพงศ์::
ผมนั่งรอไอ้คินแต่งตัวจนรู้สึกหงุดหงิด คือแค่จะไปเที่ยวสวนสนุกทำไมต้องแต่งตัวนาน ผมใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็เป็นอันจบแล้ว คือเราควรรีบออกแต่เช้าป่าววะจะได้มีเวลาเล่นเครื่องเล่นได้นานๆ หลังจากคำว่าแป๊บหนึ่งของมันผ่านไปราว 10 นาที ประตูห้องน้ำก็เปิดออก ไอ้คินออกมาในชุดเสื้อผ้าที่แบบว่า
“จะไปเดินแบบที่ไหนเหรอ?”ผมอดที่จะแซะมันไม่ได้ ก็ไอ้คินแม่งเล่นใส่เดนิม แจ็คเก็ตราคาเบาๆแค่ 62,000 บาท กับกางเกงยีนส์ Giorgio Armani ผมจำได้เพราะมันเพิ่งพาผมเข้าไปซื้อเมื่อวาน ซึ่งทั้งเสื้อและกางเกงราคารวมกันทำเอาผมแทบเป็นลม ยังไม่รวมรองเท้าที่มันเลือกมาใส่ในวันนี้ยี่ห้อ LOUIS VUITTON
“ไปสวนสนุกแค่นี้มึงแต่งตัวเรือนแสน...”
“ออกจากบ้านทั้งทีก็ต้องดูดีเล็กน้อย”มันโยนกระเป๋าเป้มาให้ผมสะพาย คือแทบไม่อยากจับกลัวทำของมันเสียหายราคาแสนสองอาจทำมาจากหนังไดโนเสาร์ จำได้ว่าหลังจากเดินเข้าชอปแบรนด์เนมที่พารากอนเมื่อวานผมถามมันว่าทำไมต้องซื้อแต่ของแพงๆดีๆมียี่ห้อด้วย ผมเสียดายเงิน
“ของมันต้องมี พี่สู่ขวัญสอนไว้”มันตอบออกมาหน้าตาเฉย ผมนี่ถึงกับอึ้งแดกไปแป๊บหนึ่งก่อนที่มันจะหัวเราะก๊ากใหญ่ ไอ้คินยื่นมือมาลูบหัวของผมหัวเราะจนตาปิด
“ของแบรนด์เนมอ่ะ วัสดุที่เขาเอามาทำขายอ่ะมันดี ใส่ได้นานใช้ได้ทน กูซื้อทีหนึ่งก็ใส่ได้เป็นปีๆ อีกอย่างถ้าเบื่อแล้วพอเป็นของแบรนด์เนมมันจะมีคุณค่าในตัวมันเอง เราเก็บรักษาดูแลให้สภาพมันดีอยู่เสมอวันหนึ่งก็เอามาขายต่อได้โดยราคายังไม่ตกมากนัก”ผมฟังมันอธิบายแล้วก็ได้แต่แหม...เบาๆในใจ
อย่างมึงคงขายล่ะเห็นตู้เสื้อผ้าขยับขยายมาอีก 2 หลัง หลังจากมาส่งมันเข้าหอคราวที่แล้ว
เรามาถึงสวนสนุกตอนเกือบ 11 โมง หลังจากซื้อบัตรเรียบร้อยแล้วไอ้คินก็พาผมเข้ามาด้านใน ผู้คนต่างพากันพาลูกหลานมาเที่ยวกันหนาตาอาจจะเป็นเพราะเป็นวันหยุดปิดเทอมด้วย ผมเดินตามไอ้คินเข้ามาด้านในเครื่องเล่นหลายอย่างละลานตาจนอดตื่นเต้นไม่ได้
“อยากเล่นอะไร?”ไอ้คินยืนอ่านรายละเอียดในบัตร เราซื้อแบบวีไอพีมาราคาแพงกว่าบัตรธรรมดาที่สามารถเล่นเครื่องเล่นได้อย่างละรอบแต่ที่ไอ้คินซื้อมาคือเราสามารถเล่นกี่รอบก็ได้ ผมหันไปมองตามเสียงกรี๊ดด้านหลังก่อนจะชี้ให้ไอ้คินดู
“มึงๆ เล่นอันนั้น”
คณิณ:
ผมหันหน้ามองสิ่งที่ไอ้เซ็ทชี้ยิกๆ ภาพกลุ่มคนที่ถูกตรึงติดกับที่นั่งถูกเฮริเคนหมุนไปหมุนมาปรากฏชัดในกรอบสายตา
ชิบหาย...อย่างแรกมึงก็ชี้อีนี่เลยเหรอไอ้เซ็ท ไม่คิดจะนั่งรถเฟิงรถไฟชมวิวให้อุ่นใจก่อนหรือไงวะ
“เล่นอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ มึงเล่นครั้งแรกเดี่ยวก็อ้วกแตกหรอก เวียนหัวจะตาย”ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงหว่านล้อม เนี่ยผมห่วงมันจริงๆนะ
“ไม่เอา กูจะเล่นอันนี้ นะๆ เล่นอันนี้ก่อน”
“เดี๋ยวถ้าอ้วกแตกอ้วกแตนขึ้นมากูไม่เดินด้วยนา เกิดกลัวจนกรี๊ดแตกขึ้นมานี่อายเขา”
“เออน่ากูไม่อ้วกหรอก”มันรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ สุดท้ายผมก็ต้องยอมตามใจมันอยู่ดี เราถูกล็อคด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องเล่น ไอ้เซ็ทหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูประหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนจะรีบเก็บล็อคใส่กระเป๋าอย่างดี และทันทีที่เครื่องเล่นทำงาน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!”
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!”
เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นแบบไล่ระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมหัวหมุนราวกับตัวเองกลายเป็นลูกข่าง เหมือนนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ในที่สุดมันก็จบลง เสียงหัวเราะลั่นด้วยความสะใจก็ดังขึ้น ในตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ตอบโต้ใดใดทั้งนั้น ขาของผมสั่นพั่บๆราวกับเป็นพาร์กินสัน
“ไหนหมาตัวไหนมันบอกกูไม่ให้กรี๊ดไง แต่เท่าที่กูเห็นมึงกรี๊ดดังกว่าน้องผู้หญิงข้างหลังอีกไอ้เหี้ย ฮ่าๆๆๆๆๆ”
อ่ะ ทับถมกูเข้าไป มึงมีความสุขกูก็ดีใจ
ผมนั่งพักได้ไม่กี่นาทีไอ้เด็กเวรข้างๆก็เริ่มสะกิดผมยิกๆอีกแล้ว
นี่ถ้าเปลี่ยนสถานที่จากสวนสนุกเป็นบนเตียงนอนเด้งๆของผมได้ก็คงจะดี
“มึง เล่นอันนั้นกัน ดูไม่น่าเวียนหัวเท่าไหร่”ผมมองตามนิ้วเรียวๆที่ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปด้านหลัง เรือยักษ์ถูกเหวียงไปมา
เออ เข้าท่า อันนี้ดูไม่น่ากลัว ผมเลือกที่จะตามใจมันด้วยการไปต่อแถวเพื่อขึ้นเล่นไวกิ้ง ไอ้เซ็ทดูกระตือรือร้นจนผมอดเอ็นดูไม่ได้ รอบนี้มีเด็กๆมาเล่นด้วยหลายคนผู้ปกครองส่วนมากจะเป็นคุณพ่อขึ้นมาดูแลลูกๆของตนเอง ในที่สุดตัวเรือก็ค่อยๆถูกเหวี่ยงไปมา
สูงขึ้น...สูงขึ้น...สูงขึ้น...จนกระทั่งมันเหวี่ยงจนตัวผมเป็นระนาบไปกับพื้นด้านล่าง
แรงขึ้น...เร็วขึ้น...จนรู้สึกมวนในช่องท้อง
ยิ่งไวกิ้งเหวี่ยงแรงเท่าไหร่ เสียยงกรี๊ดของผมก็ดังมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อไหร่จะหมดรอบวะ...ได้โปรดหยุดซักที นะๆขอร้อง ช่วยหมดรอบซักทีเถอะอีเหี้ย
จะไม่ไหวแล้วนะ....ฮึบไว้คณิณฮึ๊บไว้ มึงจะอ้วกไม่ได้ อายเค้า กลืนมันเข้าไปอีก้อนที่มาจุกที่คอยหอย กลืนมันลงไปเดี๋ยวนี้ กลืนมันลงไป นั่นแหล่ะ มึงทำดีแล้วคณิณ มึงทำดีมาก
ได้โปรด หยุดซักที...อ่าๆ จะหยุดแล้วใช่มั้ย ใช่ไม่ใช่ ใช่เถอะ หยุดเถอะ หยุดก่อนที่กูจะอ้วกรดหัวอีเด็กข้างหน้านั่น...
ในที่สุด ช่วงเวลานรกแตกสำหรับผมก็หมดสิ้นลง ผมแทบจะคลานลงมาจากไวกิ้งก่อนจะพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงไปหาถังขยะโก่งคออ้วกเอาข้าวเช้าที่แวะกินก่อนมาทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ไอ้เซ็ทเดินมาช่วยลูบหลังผมเบาๆก่อนจะยื่นขวดน้ำให้ผมกลั้วปาก
กูเข้าใจความรู้สึกของเด็กเล็กที่หลับเวลาโดนไกวเปลแล้ว
ถ้าเด็กมันพูดได้ เด็กมันอาจจะบอกแม่มันว่าที่กูหลับกูไม่ได้ง่วงกูแค่เวียนหัวเว้ยแม่ ก็เป็นได้
ในที่สุดหลังจากที่ไอ้เซ็ทพาผมเล่นเครื่องนู้นเครื่องนี้จนผมอ้วกแตกและกรี๊ดจนคอแห้งเราก็มานั่งเล่นตรงทะเลสาป สายลมเย็นๆที่เข้ามาปะทะหน้าช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นผมมองภาพคู่รักที่ถีบจักรยานน้ำด้วยกันหลายคู่ก็หันไปมองหน้าไอ้เซ็ท แต่ว่า อ่ะ...อ้าว
ไอ้เซ็ทหายไปไหนวะ กวาดตามองรอบๆก็พบว่ามันเดินไปกับเด็กผู้ชายน่าจะซักประมาณ ป.6 มันพาเด็กเดินไปต่อแถวซื้อบัตรเล่นจักรยานน้ำแล้วลงเรือเป็ดไปกับไอ้เด็กนั่น
อะไรวะ ทำไมไปไหนไม่บอก แล้วนั่นมึงไปเล่นกับไอ้เด็กเวรนั่นทำไม ทีของแบบนี้ล่ะไม่ชวนกูเล่น
ไวเท่าความคิดผมก้าวพรวดๆไปซื้อตั๋วเล่นมั่งกะว่าจะถีบเป็ดตามมัน
“คนเดียวเหรอคะ?”พนักงานฉีกบัตรส่งให้ผม ผมพยักหน้ารับก่อนจะก้าวพรวดๆขึ้นบนเรือลำหนึ่ง ไอ้เซ็ทกับเด็กนั่นพากันถีบเป็ดไปจนถึงกลางทะเลสาบแล้ว ผมใส่สปีดเต็มที่หวังจะตามมัน แต่เหมือนไอ้เซ็ทจะไม่ได้รับรู้การแล่นเรือของผมเลย เพราะเมื่อผมถีบมาจนถึงพวกมัน ไอ้เซ็ทกับเด็กนั่นก็ถีบกลับเข้าฝั่งไปแล้ว
อ่า...แล้วนี่กูจะกลับยังไง เลี้ยวยังไงวะ ต้องหันหัวแบบไหน คืออีตอนปั่นมาผมก็ปั่นทางตรงตลอดไงจนมันมาถึงกลางสระ ผมพยายามมองหาพวงมาลัย เผื่อมันจะใช้บังคับแบบรถยนต์ แต่คือมันไม่มีไง
ชิบหายล่ะ...เกิดมากูก็เพิ่งเคยถีบมั๊ยอีเรือเหี้ยนี่ ผมยังคงปั่นไปเรื่อยๆพลางขยับตูดเบี่ยงตัวเผื่อมันจะใช้ระบบเซนเซอร์ แต่เรือก็ไปข้างหน้าอย่างเดียวเลยหว่ะ จนตอนนี้เรือของผมโดดออกมาจากคนอื่นแล้ว
แม่จ๋า ช่วยคินด้วย จะทำยังไงดี ผมเห็นไอ้เซ็ทเริ่มมองหาผมทางนู้นทีทางนี้ทีแล้วด้วยอ่ะ
หรือจะร้องให้คนช่วยดีวะ แล้วนั่นมึงจะไปไหนไอ้เซ็ท หยุดอยู่ตรงนั้นเลย กูกำลังหาทางกลับฝั่งไปหามึงอยู่ ผมร่ำร้องในใจเมื่อไอ้เซ็ททำท่าจะเดินออกไปจากบริเวณนี้ สติจะแตกเพราะอีเรือเหี้ยนี่มันไม่วกกลับซักที มันต้องมีวิธีสิวะ!!!