ตอนที่ 34
เช้านี้ในครัววุ่นวายเพราะมีเด็กผู้ชายตัวโตสองคนเดินให้พล่านอยู่รอบครัว บนโต๊ะมีข้าวของวางไว้ระเกะระกะ เศรษฐพงศ์ง่วนอยู่กับกะทะใบใหญ่หน้าเตา ความร้อนทำให้หน้ามันแผล่บจากเหงื่อโดยมีคณิณคอยวอแวไม่ห่าง
“กูร้อนมึงไปยืนไกลๆดิ๊”คนน้องออกปากไล่เมื่อคณิณยืนเบียดจนแทบจะสิงเขาอยู่รอมร่อ คนพี่บึนปากใส่อย่างขัดใจ นี่ถ้าไม่ติดว่ามีแม่บ้านคอยยืนด้อมๆมองๆอยู่เป็นระยะๆเขาคงอดใจไม่ไหวคว้าเศรษฐพงศ์มาจูบแน่ๆ
เห็นแล้วอยากจะช่วยเลียเหงื่อให้
ฮิฮิ
คณิณกวาดตามองบนโต๊ะ ในกล่องทัพเพอร์แวร์อัดแน่นไปด้วยหมูรวน หมูหวาน ในกะทะใบใหญ่เศรษฐพงศ์กำลังรวนไก่รวนของโปรดของคณิณให้เขาเก็บไว้กินตอนกลับไปอยู่ที่คอนโดตามเดิม
ใช่แล้ว วันนี้คือวันหยุดวันสุดท้าย เย็นนี้เขาต้องกลับกรุงเทพแล้ว และอีก 2 วันเศรษฐพงศ์ก็จะเปิดเทอมแล้วเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว แค่คิดก็แอบใจหาย ตั้งแต่ตกลงคบกันเขาไม่เคยห่างกันเลย มีคณิณที่ไหนมีเศรษฐพงศ์ที่นั่น จริงๆเป็นคณิณมากกว่าที่เอาตัวเข้าไปใกล้ชิดกับเศรษฐพงศ์ในกิจกรรมทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำ
เขายอมรับโดยไม่กระดากใจเลยซักนิดว่าเขาหลงอีกฝ่ายจนถอนตัวไม่ขึ้น
หลงความมีน้ำใจ หลงความเป็นธรรมชาติ หลงความจริงใจที่เศรษฐพงศ์มีให้กับทุกคน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมอยู่ในเศรษฐพงศ์คือความน่าหลงใหล
“ถ้ากินไม่หมดมึงต้องใส่ตู้เย็นไว้นะ”เศรษฐพงศ์ซึ่งไม่รู้เลยว่าคนพี่นั่งท้าวคางจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลังเอาแต่ยิ้มกริ่ม
ทำกับข้าวไว้ให้เหมือนคู่สามีภรรยาเลยเนอะ
อ่า...ฟิน
“มึงจะเอาอะไรไปมั่งอ่ะ”หลังจากจัดการกับอาหารโปรดให้คณิณเรียบร้อยทั้งคู่ก็ขึ้นมาบนห้องนอนของคนพี่ กระเป๋าเดินทางถูกคนน้องลากออกมาวางลงหน้าตู้เสื้อผ้า
“เอามึงได้ป่ะ แค่มึง”คณิณทำหน้ากรุ้มกริ่มพลางยื่นหน้าเข้าไปหาคนน้อง
ผลั่วะ!! เสียงฝ่ามือฟาดลงบนหัวของคณิณดังสนั่น คนพี่ใช้มือลูบกบาลตัวเองป้อยๆ อย่างที่รู้ๆ เศรษฐพงศ์น่ะมือหนักใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ ตบมาแต่ละทีเหมือนสมองจะไหลไปรวมกันด้านใดด้านหนึ่งเลยทีเดียว
“มึงตีกูทำไมเนี่ย อาม่าบอกว่าห้ามตีหัวไม่งั้นเดี๋ยวเยี่ยวรดที่นอนนะ” เศรษฐพงศ์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับความหื่นของคนพี่
เหมือนในหัวจ้องแต่จะกดเขาอยู่ตลอดเวลา ถึงจะเคยอะไรๆข้ามขั้นการสัมผัสฉาบฉวยมาหลายครั้งแล้วยังไงก็ตามแต่เขาก็หน้าร้อนกับความทะลึ่งที่คณิณมีทุกครั้ง
ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าคืนนั้นที่เขาเมาน่ะ มันเกินจากครั้งก่อนๆไปตั้งเท่าไหร่ คือขั้นตอนที่คณิณทำเหลืออีกนิดเดียวก็จะรวมร่างกันอย่างสมบูรณ์แล้วเถอะ
เขาเขินทุกครั้งที่ต้องจูบกัน อายทุกครั้งที่คณิณพาเขาทำเรื่องลามก แต่เพราะรักนั่นแหล่ะถึงยอม
แต่ก็ใช่ว่าจะมาทะลึ่งใส่ตลอดเวลาอย่างนี้
“มึงนี่มันลามกจริงๆ ในหัวคิดแต่เรื่องนั้นเหรอวะไอ้หื่น บ้ากาม โรคจิต วิตถาร”คนน้องเขวี้ยงเสื้อเชิ้ตในมือใส่หน้าคนพี่ คณิณเอาเสื้อออกจากหน้าแล้วยื่นนิ้วไปดีดหน้าผากของเศรษฐพงศ์จนเกิดเสียง
“ใครกันแน่ที่ลามก มึงคิดไปถึงไหนเนี่ย”
“อ๊าว ก็มึงบอกจะเอากู มึงมันหื่น”
“เซ็ท มึงใจเย็นนะ กูไม่ได้หมายความว่ากูจะเอามึงแบบนั้น กูหมายความว่ากูอยากจะจับมึงยัดใส่กระเป๋าเอามึงกลับกรุงเทพด้วย วู้ววววว ใครกันแน่ที่ลามก แน๊”ปลายเสียงลากสูงอย่างหยอกล้อเล่นเอาคนน้องเหวอไปกับความหมายของคำว่า “เอามึง” ของคนพี่
“อ..อ่าว เหรอ กูก็นึกว่ามึงคิดหื่นๆใส่กูนี่”
“ถามจริงๆเถอะ เวลาอยู่กับกูมึงไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ แบบอยากนัวเนียกันตลอดเวลาแบบที่กูอยากทำกับมึงอ่ะ”เศรษฐพงศ์เพิ่งรู้สึกว่าอยากเอาเท้ายันหน้าคณิณหลังจากไม่ได้รู้สึกมานานก็วันนี้แหล่ะ
ดูความหน้าด้านของคนเราสิวะแม่ง ถามอะไรแบบนี้ออกมาได้ไงวะ ไม่มีความกระดากอายเลยซักนิด ต่างกับเขาที่หน้าร้อนแล้วร้อนอีก มือไม้ดูเหมือนจะหาที่วางไม่ได้จนรู้สึกว่าแม่งโคตรจะเกะกะ
“อยู่กับกูมึงไม่ต้องเขินหรอกเซ็ท แฟนกันรักกันมันก็ต้องมีความรู้สึกแบบนั้นอยู่แล้ว ว่าไง รู้สึกกับกูบ้างมั้ย หื้ม??”คณิณแกล้งคลานเข้าไปคร่อมร่างคนน้องไว้จนเศรษฐพงศ์ต้องเอนตัวหลบใช้ศอกยันพื้นเพื่อประคองตัว แก้มใสขึ้นสีเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งมองสายตาหวานๆที่ถูกจ้องมาที่ตนอย่างคาดคั้นหาคำตอบหัวใจพลันก็ทำงานหนักจนกลัวว่าตัวเองจะหัวใจวายตายไปเสียก่อน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงหลบตามองไปตรงอื่น ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่หน้าของคณิณ
“ว่าไง เวลามึงมองหน้ากูมึงมีอารมณ์เหมือนเวลากูมองหน้ามึงมั่งมั้ย?”เศรษฐพงศ์แทบจะเอาหน้ามุดพื้นห้องหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อยากจะถีบคณิณให้กระเด็นทะลุกำแพงออกจากหน้าต่างไปเลยยิ่งดี ใครมันมาถามกันแบบนี้วะ แล้วมือที่เริ่มรุ่มร่ามกับชายเสื้อไต่ขึ้นมาเรื่อยเป็นแมงมุมนั่นมันอะไรกันวะ
แม่ง...ตั้งแต่คบกันมาเขาโคตรจะเปลืองตัว จับมือซุกซนนั้นไว้แน่เมื่อเริ่มจะไต่สูงขึ้นเรื่อยๆจนหวิวๆในช่องท้อง
“มันก็มีบ้างแต่กูรู้จักวิธียับยั้งชั่งใจไงไม่ได้หื่นตลอดเวลาอย่างมึง”เมื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบไม่ได้คนน้องก็ตัดสินใจตอบไปตรงๆ เมื่อได้ฟังคำตอบรอยยิ้มก็กระตุกที่มุมปากอย่างได้ใจ
“แล้วทำไมมึงไม่เห็นมาเกาะแกะกับกูเลย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิดมีแต่กูที่อยากเข้าหามึงอยู่ตลอดเวลา”
“ก...ก็กูเรียนมา”คณิณเลิกคิ้วสูงกับคำตอบนั้น จับใบหน้าของน้องให้หันมามองสบตากับตนตรงๆ
“ยังไง?”
เศรษฐพงศ์จิ๊ปากอย่างขัดใจ ทำไมคณิณโง่จังเลยวะ
“มึงนี่โง่หรือว่าไม่ตั้งใจเรียนวะ ตอน ม.ต้น หนังสือสุขศึกษาก็บอกไว้ว่าถ้ามีอารมณ์ทางเพศให้แก้ไขด้วยการไปออกกำลังกาย”ปากงุ้ยๆตอบคำถามคนพี่ด้วยความหงุดหงิด
เนี่ย คณิณแม่งต้องไม่ตั้งใจเรียนแน่ๆเลยถึงได้ไม่รู้วิธีการจัดการกับอารมณ์ทางเพศของตัวเอง คนพี่พอได้ฟังคำตอบก็หัวเราะลั่นอย่างสุดกลั้น
ใส...เศรษฐพงศ์ใสมาก ใสจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือไอ้เด็กที่ตอบโต้เขาทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ใสจนสงสัยว่ามันมีชีวิตรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ยังไงถึง 19 ปี รอดจนมาถึงปากเขาเนี่ย
“เซ็ทเอ้ย...ทำไมมึงแม่งน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้วะ”คณิณยื่นมือไปยีผมน้องเบาๆจนยุ่งเหยิง เศรษฐพงศ์ซื่อเสียจนเขาเองรู้สึกผิดไปเลยที่หาเศษหาเลยกับน้องประจำ อยากจะห้ามใจแต่ก็เพราะรักมากนั่นแหล่ะจึงโหยหาสัมผัสอยากรักอยากกอดอยากแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของน้องตลอดเวลา เศรษฐพงศ์ยกเท้าถีบอกคนพี่เบาๆแก้เขิน
“เขินเหรอ เขินเหรอครับ เซ็ทเขินพี่คินเหรอครับหื๊ม” ไอ้คนพี่นอกจากไม่โกรธที่โดนน้องถีบแล้วก็ยังแกล้งคร่อมลงไปทั้งตัวแถมใช้จมูกถูไถตรงซอกคอของน้องอย่างหมั่นเขี้ยวอีกต่างหาก เศรษฐพงศ์หดคอหนีเพราะจั๊กจี้ตอหนวดบางๆนั้นยามที่สัมผัสโดนจุดที่ทำให้เขาอ่อนไหวเช่นซอกคอแบบในตอนนี้ ทั้งดันหน้าทั้งดิ้นทั้งถีบสุดท้ายก็จบที่ห้องนอนกลายเป็นเวทีมวยปล้ำชั่วคราวไปซะอย่างนั้น เสียงโวยวายและเสียงหัวเราะดังสลับกันเป็นชั่วโมงก่อนจะหยุดลงเมื่อต่างคนต่างเหนื่อย
“เวลากูไม่อยู่ถ้ามึงอยากใช้เสื้อผ้าตัวไหนของกูมึงก็มาหยิบไปใช้ได้เลยนะ”หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไประยะหนึ่งคณิณก็บอกกับคนน้อง เขาไม่ใช่คนหวงของแม้เสื้อผ้าจะราคาแพงขนาดไหนแต่ถ้าเศรษฐพงศ์อยากหยิบไปใส่เขาก็ยินดีให้น้องทุกเมื่อ ร่างสูงเดินไปเปิดตู้รองเท้าที่เจ้าตัวมีไว้ในห้องนอนกล่องรองเท้าใหม่เอี่ยมสองคู่ เป็นรองเท้า Sneakers ที่เจ้าตัวแอบสั่งมา ลายปักรูปงูด้านข้างสวยสะดุดตา
“อะไรอ่ะ?”
“รองเท้า สั่งมาสองคู่ได้เอาไว้ใส่คู่กันเวลาไปเที่ยว”คณิณตอบก่อนจะยื่นกล่องหนึ่งส่งให้เศรษฐพงศ์
“ซื้อมาเท่าไหร่?”น้ำเสียงจับผิดถูกถามออกมาทันที คณิณกลอกตาเลิกลั่ก เขาลืมไปซะสนิทเลยว่าเศรษฐพงศ์ไม่ชอบให้เขาใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ถ้าบอกราคาที่เกินสองหมื่นของราคารองเท้าไปจ้างให้เศรษฐพงศ์ก็ไม่ยอมหยิบไปใส่แน่ๆ
“270 ซื้อมา 270”
“ตอแหลหรือเปล่า?”ส่งสายตาคมกริบยิ่งกว่ามีดคัทเตอร์ที่เอาไว้เหลาดินสอสองบี
“บ้า กูพูดจริง กูสั่งของก็อปมา”คนพี่รีบตอบปั้นเสียงหนักแน่นใบหน้าไร้พิรุธเศรษฐพงศ์ก็ยิ้มออก
“ดีเลย ไม่แพง งั้นกูเอาไว้ใส่ตอนผสมดินที่หอดีกว่า เปื้อนก็ไม่เสียดาย”
“...............”แดกจุดครับ ณ จุดนี้
ขอโทษด้วยนะ Gucci Snake Ace Sneakers แล้วกูจะคิดถึงความขาวสะอาดและราคาแพงของมึงตลอดไป...ลาก่อย
คณิณ::
ผมช่วยไอ้เซ็ทขนของมาไว้ท้ายรถ บ่ายสามกว่าแล้วผมคงต้องไปแล้ว มองหน้ามันที่ยังคงมีสีหน้าเป็นปกติแล้วก็อยากจัจับมันมาจูบแรงๆแล้วด่ามันซักคำว่าไอ้เด็กใจร้าย
คือในขณะที่ผมไม่อยากไปพยายามยื้อเวลาที่จะใช้ร่วมกับมันให้มากที่สุด แต่ตัวมันกลับไล่ให้ผมรีบเดินทาง
“ยิ่งเย็นรถยิ่งติด”นั่นเป็นเหตุผลที่มันบอกผม กล่องหมูรวนเค็ม หมูหวาน รวมทั้งไก่รวนถูกวางลงในมุมในสุดกระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกยกขึ้นมาใส่ท้ายรถ มันผลักให้ผมเข้าไปนั่งประจำที่คนขับก่อนจะปิดประตูให้
“ขับรถดีๆล่ะ”มันบอกกับผมก่อนจะโบกมือให้น้อยๆ แม่งโคตรไร้เยื่อใย ผมมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นจึงเรียกให้มันเดินเข้ามาหาใกล้ๆ
“มานี่ๆ กูมีอะไรจะบอกเอาหูมาจะกระซิบ”ผมบอกกับมันเมื่อมันยืนนิ่ง ไอ้เซ็ทผู้มีความขี้เสือกพอประมาณก็ยื่นหน้าเข้ามาในรถ ผมไม่รอช้าจับหน้ามันล็อคไว้แล้วกดจูบลงไปแรงๆก่อนจะปล่อยให้มันเป็นอิสระ ไอ้เซ็ททำหน้าตาตื่นหันรีหันขวางเพราะกลัวใครจะมาเห็นก่อนจะซัดผลั่วะเข้ามาที่อกของผมเต็มแรง
ไอ้สัด จุก...
“ทำเหี้ยอะไรถ้าใครมาเห็นทำไง”มันเอ็ดผมแต่หน้านี่แดงแจ๋เชียว
“กูยังไม่ได้บอกมึงเลยนะ”
“จะพูดอะไรก็พูด อย่าหวังจะหลอกกูเป็นรอบที่สอง”
“กูรักมึงนะ”ผมรีบเอ่ยสวนกลับไป ไอ้เซ็ทหลุดยิ้มก่อนจะฮึ๊บกลับไปทำหน้านิ่งตามเดิม
แม่งโคตรน่ารักเลยไอ้เหี้ย กูไม่ไปแล้วได้ป่ะ ไม่เริงไม่เรียนแม่งแล้วได้มั้ย
จะเอาเมีย ปริญญาไม่ได้ก็ช่างแม่งแล้ว ณ จุดนี้
“พูดมากไอ้สัด ไสหัวไปเร็วๆเลยรำคาญ”
น่ะ เขินทีไรหยาบคายกับกูทุกที
“เออไปแล้วๆ” ที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ สตาร์ทรถเตรียมเดินทาง ไอ้เซ็ทจับขอบประตูรถไว้ก่อนจะยื่นหน้ากลับเข้ามาในรถ ริมฝีปากอุ่นนุ่มของมันก็ทาบทับลงมาบนปากของผมแผ่วเบาและรวดเร็ว
“ถึงแล้วโทรกลับมาหากูด้วยนะ”มันว่าเป็นประโยคสุดท้ายแล้วเดินหนีเข้าบ้านไปเลย
กูจะทำยังไงกับความน่ารักพร่ำเพรื่อของมึงดีวะเซ็ท กูหลงมึงจนหาทางกลับไปเป็นคณิณคนเดิมไม่ได้แล้วนะไอ้เด็กเหี้ย
น่ารักเหี้ยๆ...
เศรษฐพงศ์ยืนรอออเดอร์ที่ตัวเองสั่งไว้ นิ้วมือก็สไลด์หน้าจอมือถือไปด้วยก่อนจะทำตาโต ดวงตาเป็นประกายม๊อบแม๊บๆขึ้นมาทันที
"บัตรแรปบิทคอลเลคชั่นใหม่ลายมูมิน มีสี่แบบให้เลือกจับจองเป็นเจ้าของ"ริมฝีปากอิ่มอ่านรายละเอียดไม่กี่บรรทัดนั้นอย่างตื่นเต้น
คืออยากได้อ่ะ คือแบบเนี่ยตอนนี้เขาเป็นผู้นำแฟชั่นของเพื่อนๆในกลุ่มเมื่อตอนที่เขาพาเพื่อนมาแวะแมคโดนัลด์คราวก่อนเศรษฐพงศ์บังเอิญเห็นว่าหน้าเค้าท์เตอร์รับบัตรแรปบิทและมันลด 10% เด็กหนุ่มจึงเอาบัตรใบที่คณิณซื้อให้ตอนไปกรุงเทพมาจ่าย
มันแปลกใหม่มากสำหรับเด็กต่างจังหวัด เพื่อนๆต่างให้ความสนใจกันอย่างล้นหลาม
บอกเลย ตอนนี้เขาน่ะเป็นผู้นำเทรนด์ เป็นผู้นำแฟชั่นการใช้บัตรแรปบิท และตอนนี้ทั้งวิทยาลัยมีเพียงเขาคนเดียวที่มีบัตรแรปบิทไว้ในครอบครอง
ความดีความชอบส่วนหนึ่งก็ต้องยกให้คณิณที่ทั้งซื้อและเติมเงินใส่ไว้ให้
และแน่นอน เศรษฐพงศ์ต้องมีมูมินครบทุกลาย!!!
คณิณ::
“มึง กูอยากได้บัตรแรปบิทลายมูมินนนนน”ผมขมวดคิ้วกับของที่ไอ้เซ็ทอยากได้อีกครั้ง อีบัตรเหี้ยนี่อีกแล้วเหรอวะ คราวก่อนกูก็ซื้อให้แล้วไงวันที่ไปสยามอ่ะ อีบัตรที่มีรูปกระต่ายกากๆอ่ะ แล้วนี่มาร้องเอาลายอะไรนะ มิน พีชญา?
“ลายเหี้ยอะไรนะ เอาดีๆ”ผมกรอกเสียงถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังเข้ามาในสาย เดี๋ยวเถอะนะ ไอ้เด็กเหี้ยนี่พออยู่ไกลกันชักจะเอาใหญ่ นึกว่าด่าผมก็ด่า นึกจะทำเสียงรำคาญก็ทำทีเวลาอยู่ด้วยกันนะทำเสียงแง้วๆยังกับลูกแมวหัดขู่
“มูมินอ่ะ ไม่รู้จักเหรอทำไมไม่อินเทรนด์เลยวะ เนี่ยเพื่อนๆกูยังรู้จักเลย”
“อ่ะ กูนอกจากจะไม่เท่ห์แล้วยังไม่อินเทรนด์ในสายตามึงอีกสินะ กูจะไปแสนรู้แบบมึงได้ยังไงล่ะ รู้จักไปหมด รู้ตั้งแต่เซเลอร์มูนยั้นมูมิน”ผมแขวะมันกลับในเรื่องที่มันเก็บเป็นความลับระหว่างเรา
ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้เด็กที่เคยต่อยตีกับผมจนหัวร้างคางแตกอ่ะแม่งชอบดูเซเลอร์มูน อาโนเนะสัดๆ ถ้ามันไม่มาหาผมเมื่อตอนปิดเทอมผมก็คงไม่รู้หรอกว่ามันชอบอีการ์ตูนแก้ผ้าแปลงร่างนี่
“แล้วมึงจะเอาไปทำไมวะ ใบเดิมกูก็เติมเงินใส่ให้แล้วพันหนึ่งอ่ะ”
“ก็มันน่ารักอ่ะ แล้วแบบหน้ามันเหมือนมึงอ่ะ เดี๋ยวกูส่งูปให้ดู เห็นแล้วนึกถึงมึงเลย น๊ะๆ คินคนดี๊คนดีของน้องเซ็ทซื้อให้น้องเซ็ทหน่อยน๊า” มันทำเสียงเล็กเสียงน้อยเสียงสองใส่ผม ให้เดาตอนนี้คงนอนอยู่ที่หอถึงกล้าทำเสียงอ้อนใส่ผมได้
แล้วเหี้ยอะไรคือแทนตัวเองว่าน้องเซ็ท กูแม่งเหมือนจะตาย หัวใจเต้นหนักมาก หวิวๆเหมือนจะเป็นลม
อาการฟินจนวูบเป็นแบบนี้นี่เองสินะไอ้สัด
คิดว่าตัวเองน่ารักมากนักหรือไง
เออ น่ารักมาก น่ารัก น่ารัก น่ารักมากๆเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย อยากกลับเมืองกาญจน์ไม่อยากเรียนแล้ว อาจารย์ครับได้โปรดสั่งงานให้น้อยลงหน่อย ผมคิดถึงเมีย!!
ได้!! บอกมาเลยว่ามึงจะเอากี่ใบ นี่ใคร คณิณ ลิขิตสกุลกาญจน์ พร้อมเพย์หลบไป เพราะกูน่ะพร้อมเปย์มากบอกเลย
ผมกำลังยืนเคาะนิ้วลงบนเค้าท์เตอร์ร้านสะดวกซื้อ มืออีกข้างก็ถือโทรศัพท์แนบหูในขณะที่พนักงานกำลังนับของที่ผมต้องการไปด้วย
“ทั้งหมด 7960 บาท ค่ะ”พนักงานบอกราคาของที่ผมมาซื้อก่อนยื่นถุงมาให้ผม ผมจัดการจ่ายเงินจำนวนนั้นแล้วเดินออกมาด้านนอก
“ได้ครบมั้ยวะ?”ปลายสายกรอกเสียงถามมาอย่างตื่นเต้น
“ไหนทวนดิ๊มีอะไรมั่ง?”ผมถอนหายใจพรืดใหญ่กับความวอแวของไอ้เด็กที่โทรมารบเร้าให้ผมมาซื้อบัตรแรปบิทให้
“บัตรแรปบิทลายมูมิน 4 ลาย ลายละ 10 ใบ”
“โอเค ถูกต้อง แฟนใครเนี่ยเก่งจังเลย ราคารวมเท่าไหร่เดี๋ยวกูโอนเงินคืนไปให้เย็นๆวันศุกร์”
“ไม่เป็นไรกูไม่เอาไม่ต้องโอนมากูซื้อให้”ผมบอกปัดอย่างไม่เห็นสำคัญเพราะมันไม่ได้แพงอะไรแต่ปลายสายกลับทำเสียงดุแหวกลับมาทันที
“ส้นตีนดิ่ กูฝากมึงซื้อไม่ได้ขอให้มึงซื้อให้ แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่แค่ของกู อีก 9 ชุดเพื่อนกูฝากซื้อ”
“งั้นก็เก็บเงินไว้ที่มึง”ผมตอบกลับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ แค่เจ็ดพันกว่าบาทสำหรับผมก็เหมือนซื้อเสื้อตัวหนึ่ง เอาจริงๆผมไปกินเหล้าบางทียังหมดมากกว่านี้เลย
"งั้นกูเอาเงินนี้ไปฝากธนาคารนะ วันไหนจะใช้ก็บอกแล้วกัน”
“อืม จะเอาไปทำอะไรก็เอาไปเถอะ ว่าแต่นี่มึงได้พิมพ์เขียวจากโยธามายัง”
“ยังเลยแม่ง กูไปที่ดินจังหวัดมา เขาให้กูนั่งรอเป็นครึ่งค่อนวันถึงได้บอกว่าต้องไปขอพิมพ์เขียวที่โยธาตรงเทศบาลหน้าเมือง กูแบบ โคตรเสียเวลาเลยไอ้สัด”ผมฟังไอ้เซ็ทบ่นเรื่องแปลนสวนสาธารณะตรงริมน้ำที่มันต้องทำปัญหาพิเศษส่งปลายเทอม
ระบบราชการไทยก็แบบนี้อ่ะเนอะ เรื่อยๆมาเรียงๆ สรุปไอ้เซ็ทไปนั่งรอครึ่งวันจนหมดเวลาราชการกองโยธาจึงต้องไปใหม่ในวันพรุ่งนี้
“งั้นมึงก็ไปสำรวจพื้นที่ก่อนก็ได้ เอากล้องไปถ่ายแบบพาโนราม่าเก็บไว้ก่อน ไปลงจุดต้นไม้แบบคร่าวๆ ไปดูว่าในพื้นที่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเตรียมไว้ มึงอย่าทำเป็นเล่นนะ แบบเสร็จเล่มไม่เสร็จเจอมาเยอะแล้ว”ผมแนะนำมันตามประสบการณ์ที่เคยผ่านมาเมื่อปีก่อน ของผมโชคดีที่ราบรื่นแต่ของไอ้ว่านเล่นเอาหืดขึ้นคอ
“เออ เนี่ยกูกับไอ้ยิมก็มาแวะที่สวนอยู่ ลืมเรื่องถ่ายรูปไปซะสนิทเลย ขอบใจมากที่เตือน แล้วนี่มึงกลับห้องยัง?”
“ยังกูต้องไปทำงานกลุ่มที่ห้องไอ้อ้น งานแทบจะทับตัวกูตายแล้วเนี่ย”
“งั้นมึงขับรถดีๆนะ ตั้งใจทำงานล่ะ ทำเกรดสวยๆ กูไม่อยากอายเขาถ้ามีแฟนโง่”
“แหม..เซ็ท แหม...นี่ใคร นี่คณิณนะครับ หล่อ รวย เก่ง ใจดี”
“รำค๊าน เบื่อการขิงความรวยของมึงมากกูบอกเลย เออ แค่นี้นะกูทำงานก่อน”
“เดี๋ยวเซ็ท”ผมรีบเรียกมันไว้ก่อนที่มันจะวางสาย
“มีอะไร?”
“รักมึงนะ”ผมบอกคำที่พูดกับมันอยู่ทุกวันไปตามสาย เสียงมันพ่นลมออกจากปากก่อนจะเงียบไปอึดใจใหญ่ๆ
“อือ...รักมึงเหมือนกัน”คำตอบรับกลับมาทำให้ผมชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก ผมยิ้มจนปวดแก้มกับคำบอกรักง่ายๆของมัน
ในยามที่เราต้องห่างไกลกันผมอยากให้มันรู้ว่าผมไม่เคยเอาใจออกห่างจากมันเลยแม้แต่วินาทีเดียว ต่อให้ผมงานยุ่งมากแค่ไหน หรือว่ามันจะเรียนหนักยังไง ทุกวันเราต้องได้คุยกัน แม้ไม่มีเวลาการได้ทักทายหรือไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันในแต่ละวันก็เป็นเหมือนกับยาชูกำลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ผมคิดถึงมันและผมก็มั่นใจว่าเซ็ทก็คิดถึงผมเหมือนกัน
ถึงจะอยากไปหาอยากกลับไปกอดถึงจะคิดถึงตัวนุ่มๆผิวลื่นๆปากนิ่มๆของมันซักแค่ไหน แต่หน้าที่ของผมคือเรียนให้สำเร็จเสียก่อน
ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายที่สถาปัตย์เรียน 5 ปี เพราะฉะนั้นผมก็จะเรียนจบพร้อมไอ้เซ็ทอย่างพอดิบพอดี มันจะดีซักแค่ไหนนะที่เราได้อยู่ในช่วงเวลาประสบความสำเร็จของกันและกัน
ผมอยากให้เซ็ทได้อยู่เคียงข้างกับผมในทุกๆก้าวที่ผมเริ่มก่อร่างสร้างตัว
ผมอยากทำให้มันภูมิใจว่าผมสามารถทำงาน มีกิจการของตัวเอง เลี้ยงดูมันและดูแลครอบครัวของเราได้ ผมวาดฝันชีวิตคู่ของเราไว้อย่างสวยงาม ผมอยากจะหาสิ่งที่ดีที่สุดมากองแทบเท้ามันอยากให้มันเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก อยากให้มันรู้ว่านอกจากพ่อผู้ล่วงลับของมันแล้วก็จะมีผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่ชื่อ คณิณ ลิขิตสกุลกาญจน์ คอยดูแลและเคียงข้างมันไปจนกว่าจะตายจากกันในซักวันหนึ่ง
ผมขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถหน้าหอของไอ้อ้น หิ้วถุงของกินที่แวะซื้อไว้ตุนสำหรับเป็นเสบียงของพวกเราในคืนนี้ติดมือมาด้วย เมื่อขึ้นลิฟท์แล้วจอดที่ชั้น 4 ผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆดังมา อดส่ายหัวให้กับความโหวกเหวกนั้นไม่ได้ แบบนี้สินะหอต่างๆถึงไม่อยากรับเด็กสถาปัตย์ให้เข้าพัก ก็ทั้งเสียงดัง ทั้งของเยอะ หมุนลูกบิดเข้าไปโดยไม่คิดจะเคาะ ไอ้แพรกับไอ้ว่านนอนทำท่าหมดอาลัยตายอยาก ส่วนไอ้แพทกับไอ้อ้นกำลังตัดโมกันด้วยท่าทางคร่ำเคร่ง ไอ้แดนนอนสลบอยู่บนเตียง ผมโยนถุงของกินลงบนโต๊ะไอ้พวกที่ทำท่าซังกะตายก็รีบมารุมทึ้งคล้ายตัวไฮยีน่าที่หิวโซ
“เสี่ย มึงนี่รู้ใจเพื่อนๆมากเลย พวกกูจะตายอยู่แล้ว”ไอ้แพทคว้าแก้วกาแฟยี่ห้อดังไปดูดอย่างหิวกระหาย ส่วนไอ้แดนพอได้กลิ่นของกินก็ทำจมูกฟุดฟิดแล้วรีบเด้งตัวลุกขึ้นมาร่วมวงทันที พวกไอ้แพรกร่นด่าถึงสกิลการกวาดของกินเข้าไปไว้ในส่วนของตัวเองของไอ้แดนดังลั่น ผมไม่ได้พูดอะไร เริ่มลงมือทำงานส่วนของตัวเองไปอย่างเงียบๆ ฟ้าด้านนอกเริ่มมืดครึ้ม ฤดูฝนเริ่มย่างกรายเข้ามาแต่ก็ไม่ได้พาความร้อนไปกลับทำให้อากาศร้อนอบอ้าวกว่าเดิมแถมพาความเหนียวตัวตามมาด้วย ถ้าห้องไม่มีแอร์ผมรับรองได้ว่าผมคงละลายไปกับพื้นห้องแน่ๆ แล้วไอ้ตัวดีของผมล่ะ ตอนนี้จะร้อนแค่ไหนนะ ใส่หมวกหรือเปล่า ผมเป็นห่วงมันจริงๆนะ ไอ้เซ็ทไม่ชอบใส่หมวก ต่อให้แดดร้อนแค่ไหนมันก็มักจะเดินท่อมๆฝ่าแดดร้อนระอุของจังหวัดกาญจนบุรีที่ขึ้นชื่อว่าร้อนที่สุดในประเทศอย่างไม่สะทกสะท้าน ครีมกันแดดซื้อให้มันไม่เคยทา บ่นว่าเหนียว บ่นว่าทาแล้วหน้าวอก
“คนแมนๆที่ไหนเขาทากัน”มันให้เหตุผลเวลาที่ผมบ่นมัน
“มะเร็งผิวหนังจะแดกมึงเข้าซักวัน”ผมบ่นมันจนขี้เกียจบ่นแล้ว ก็ได้แต่คอยเตือนให้มันพกหมวกไปด้วย แต่เด็กดื้ออย่างมันถ้าให้เดาก็คงไม่พกอีกตามเคย
เศรษฐพงศ์::
“ยิม เดี๋ยวมึงมาร์กจุดที่เป็นสิ่งปลูกสร้างกับพวกพื้นที่ว่าง อุปกรณ์ออกกำลังกายนะ ส่วนกูจะไปมาร์กต้นไม้ใหญ่”ผมแบ่งงานก็ไอ้ยิมก่อนจะขยับหมวกออกมาพัดไล่ความร้อน ฝนทำท่าจะตกยิ่งทำให้อากาศร้อนระอุกว่าทุกวัน มองไปบนสนามฟุตซอลแล้วได้แต่ถอนหายใจเฮือก ละอองแดดเต้นพลิ้วไหวอยู่บนอากาศพลิ้วจนตาพร่า ความร้อนสะท้อนจากพื้นซีเมนต์ขึ้นมาพาลให้หงุดหงิด หมวกในมือยิ่งกระพือหนักมากขึ้นกว่าตอนแรก
ป่านนี้ไอ้คินคงกำลังทำงานกลุ่มอยู่สินะ ตั้งแต่เปิดเทอมไอ้หมาของผมเอาแต่บ่นว่าอาจารย์สั่งงานเยอะเหมือนแก้แค้นตอนที่ตัวเองก็งานเยอะแบบนี้ มันชอบบอกให้ผมทาครีมใส่หมวกซึ่งผมไม่ค่อยทำตามที่มันบอกซักเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ผมสามารถเข้าไปหยิบของมันมาใช้ได้อย่างอภิสิทธิ์ หมวกใบเก่งที่มันใส่ไปเชียร์ผมที่ราชบุรีถูกยึดมาไว้กับตัว กลิ่นแชมพูสระผมของมันยังมีอยู่จางๆหรือว่าผมมโนไปเองก็ไม่รู้ หยิบมาเพราะคิดถึงเจ้าของหมวก สุดท้ายก็ยอมใส่ ถ้าเจ้าตัวรู้คงดีใจ
แต่อย่าไปบอกมันเชียวนะครับ เดี๋ยวมันได้ใจ
ผมมองดูลูกหมาสองตัวอายุน่าจะประมาณ 2-3 เดือน เล่นกันก็หลุดหัวเราะออกมา ไอ้ตัวที่เอาแต่ไล่งับนั่นโคตรเหมือนไอ้คินเลยครับ
อ่า...ทำไงดี ผมคิดถึงลูกหมาของผมเหลือเกิน
คิดถึงมากๆ
คิดถึงสุดๆ
................
สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะ นักเขียนไม่ได้คุยกับนักอ่านเลยมาอัพแล้วก็จากไปแต่เราอ่านทุกคอมเม้นท์นะคะแม้จะมีน้อยแต่ก็อ่านทุกอัน
ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ
ฝากพี่คินกับน้องเซ็ทไว้ในซอกใจลึกๆด้วยนะคะ
สามารถพูดคุยกับนักเขียนได้ที่ทวิตเตอร์นะคะ @il_LoVe_li