◑
คุ ณ ไ ม่ ต ร ง ป ก
ตอนที่ 22 : กำลังใจ
_________
ภัทรคงต้องยอมรับว่าการออกไปกับคีรติทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลยด้วยซ้ำ มีเพียงการกินข้าวและดูหนังที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง
ร่างเล็กทิ้งตัวลงยังโซฟากลางห้องโถง เปิดโทรทัศน์ไว้แก้เหงาก่อนจะเคาะนิ้วไปตามจังหวะที่ใจนึกคิด ในเวลาแบบนี้มีสิ่งที่สำคัญกับเขาอยู่ไม่กี่อย่าง เรื่องของบิดาที่ต้องสอบถามเพื่อหาวันว่างให้ตรงกัน เรื่องงานของวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง และสุดท้าย
เรื่องของคีรติที่เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง
และดูเหมือนมันจะเลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับที่ต้องพิจารณาก่อนด้วยเวลาอันรวดเร็ว
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เขาก็เลือกที่จะจัดการเรื่องของบิดาเป็นสิ่งแรก ภัทรตรวจสอบตารางงานของเขาในโทรศัพท์มือถือ กล่องข้อความและโน้ตที่ถูกปักไว้ต่างซ้อนกันจนยุ่งเหยิง แถมตัวหนังสือแน่นเอี๊ยดก็ทำให้รู้ว่าหลังจากนี้เขาคงจะยุ่งไม่น้อย มือเรียวพัลวันกับหน้าจออยู่สักพักก่อนจะส่งสรุปแบบคร่าวๆไปให้เลขาส่วนตัวของบิดาในเวลานี้ รู้ดีว่าค่อนข้างจะเสียมารยาทกับพี่หน่อยเพราะเป็นเวลาพักผ่อน แต่อีกฝ่ายคงไม่ถือสาอะไรเพราะบ่อยครั้งที่เราจะคุยงานกันจนดึก
ภัทรแทบไม่คิดว่าแผนการที่แกล้งคีรติก่อนหน้าจะส่งผลถึงตัวเองไม่น้อย ตารางงานของเขาอัดแน่นกันขึ้นอีกหลังจากการเจรจาในห้องประชุม ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้เขาต้องทำสรุปไปให้แผนกอื่นๆ รวมถึงผู้ใหญ่ที่ดูแลให้รับทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า ร่างโปร่งถอนหายใจออกมา ร่ายแผนงานคร่าวๆในเวลาที่ตัวเองไม่มีผู้ช่วยอย่างพี่สาคอยอยู่เคียงข้าง ถึงแม้จะเคยทำงานเป็นเลขามาบ้างแต่ภัทรก็รู้สึกว่าตำแหน่งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
รายการยาวเหยียดถูกบันทึกลงในคอมพิวเตอร์เครื่องเล็ก ปากกาลูกลื่นหมุนควงในมือเมื่อเจ้าตัวกำลังใช้ความคิด ภัทรเพิ่มหัวข้อลงไปอีกสองสามบรรทัดก่อนที่เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์จะดังขัด
เป็นแจ้งเตือนที่บ่งบอกว่ามีข้อความส่งมา
จากใครบางคนที่เราเพิ่งบอกลากันเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ความลังเลเกิดขึ้นชั่วครู่เมื่อเขาสับสนว่าทำไมคีรติถึงทักมาในเวลาแบบนี้ ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นเวลาพักผ่อนของอีกฝ่ายแล้วด้วยซ้ำ ปากกาในมือถูกตวัดไปด้านซ้ายหนึ่งรอบ— ภัทรเอียงศีรษะใช้ความคิด —
ปากกาตวัดกลับมาทางด้านขวาอีกหนึ่งรอบ, จากนั้นเขาก็ตัดสินใจกดเข้าไปอ่านใจความของเนื้อหา
BOSS : นอนหรือยังครับ?เป็นการส่งข้อความจากหมายเลขโทรศัพท์ที่มีอยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ มันอาจจะดูคลาสสิคไม่น้อยเมื่อเทียบกับยุคสมัยเพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครก็ต้องมีแอปพลิเคชันไลน์กันทั้งนั้น การส่งความเช่นนี้ออกจะล้าหลังและไม่เป็นที่นิยมไปเสียหน่อย แต่ก็ไม่แปลกที่คีรติจะส่งมาให้ ก็ในเมื่อเราเคยติดต่อกันที่ไหนนอกจากการโทรคุยเมื่อจำเป็น
ชื่อที่อยู่ด้านบนทำเอายิ้มที่มีกว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะมันเป็นชื่อเฉพาะที่เขาใช้เรียกอีกฝ่ายเพียงแค่คนเดียว
และเพราะคำว่า
BOSS ของภัทร สื่อความหมายถึง
ใครคนนั้นได้เป็นอย่างดี
เขาจำได้ว่าตัวเองกดบันทึกชื่อนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหน ครั้งแรกที่เห็นเบอร์ของอีกฝ่ายก็รีบยกโทรศัพท์และบันทึกมันแทบจะทันที ถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่ได้เป็นเลขาของคีรติ แต่ตัวเองก็เชื่อมั่นว่าสักวันแผนการของเขาจะดำเนินลุล่วงจนสำเร็จ
เพื่อที่เขาจะได้เป็น
เลขาคนใหม่ที่แสร้งทำว่าเรานั้นเพิ่งรู้จักกันครั้งแรก
‘ยังครับ’เขาตอบรับด้วยข้อความง่ายๆ ไม่เกินนาทีที่ส่งไปสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นจนต้องหัวเราะออกมา
ใจร้อนสมเป็นคุณเขาเลย
“ครับ”
ภัทรเลื่อนสัมภาระที่อยู่ใกล้ๆ ไปไว้ยังโต๊ะกลางด้านหน้า ลดเสียงโทรทัศน์ที่ฉายรายการต่างๆ ลงหนึ่งระดับ เอนตัวไปด้านหลังเพื่อหาความสบายบนเบาะนุ่ม ก่อนที่ปลายสายจะตอบกลับมา
(ทำอะไรอยู่หรอถึงยังไม่นอน?)
“คิดเรื่องงานนิดหน่อยครับ”
(...) คีรติเงียบไป
“คุณคีมีอะไรไหมครับ?”
(ถ้าโทรมาตอนนี้...จะรบกวนภัทรรึเปล่า?)
“ไหนบอกจะโทรมาพรุ่งนี้ไม่ใช่หรอครับ?”
(รอพรุ่งนี้ไม่ไหว)
โชคดีที่คีรติไม่ได้อยู่ตรงหน้า ไม่งั้นก็คงจะเห็นรอยยิ้มที่ระบายไปกับใบหน้าหวาน ไม่รู้ทำไมวันนี้อีกฝ่ายถึงได้ทำคะแนนเก่งจนภัทรแทบจะตั้งรับไว้ไม่ทัน
(ว่าไงครับ?...ผมโทรมารบกวนภัทรไหม?)
“เปล่าครับ”
ภัทรเอ่ยปฏิเสธ งานเขาเพิ่งเสร็จไปก่อนหน้าที่คีรติจะโทรมาด้วยซ้ำ และเรื่องสุดท้ายที่เขาวางแผนจะทำหลังจากนั้นคือการทวนคิดเรื่องของอีกฝ่าย
และดูเหมือนเจ้าตัวจะรู้เวลาดีเสียด้วย
(อืม)
คีรติตอบกลับมาสั้นๆ เพราะน้ำเสียงที่แปลกไปตั้งแต่ประโยคแรกทำให้ต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ดื่มอยู่หรอครับ?”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังให้ได้ยิน ก่อนที่อีกคนจะยอมรับมันแต่โดยดี
(นิดหน่อย)
ภาพของคีรติที่ถือแก้วไวน์ฉายชัดอยู่ในความคิด ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าแต่ภัทรก็สามารถจินตนาการได้ว่ามันจะดูดีแค่ไหน รูปร่างสูงใหญ่ มีไหล่กว้างตามประสาลูกผู้ชาย ร่างกายมีมัดกล้ามฉบับคนดูแลตัวเองอย่างดี และมากกว่านั้น ก็คงจะเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่พร้อมจะดึงดูดเขาให้เข้าหาอยู่ตลอด
และยิ่งคิด ภัทรก็ยิ่งไม่สามารถห้ามจินตนาการของตัวเองได้เลย
ทั้งๆ ที่คิดว่าคีรติจะไม่สามารถเล่นงานเขาได้แล้วแท้ๆ
“ภัทรว่า...ถัทรคงต้องขอตัวไปอาบน้ำ”
การพยายามระงับอารมณ์ที่ปะทุขึ้นจึงเป็นการหลีกเลี่ยงไปทำธุระส่วนตัวเสียแทน แต่ดูเหมือนคีรติจะยังไม่ยอมให้แต่โดยง่าย เพราะอีกฝ่ายถามกลับมาอีกรอบ
“...แล้ว...หลังอาบน้ำ?”
เสียงทุ้มอ้อยอิ่ง ลิ้นร้อนแลบเลียริมฝีปากบาง สุดท้ายเขาก็เอาใจคนที่รอฟังคำตอบด้วยข่าวดี
“ถ้าคุณคีรอได้ ก็อีกสิบห้านาทีนะครับ”
#คุณไม่ตรงปก
[/b]
โทรศัพท์ในมือถูกจ้องมองอยู่ชั่วครู่แม้มันจะมืดสนิทหลังจากวางสาย ไม่รู้ทำไม ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่สิ่งของที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับเป็นใบหน้าหวานที่อ้อนออเซาะเข้ากับไหล่เสียแทน
คนตัวสูงยกยิ้มมุมปาก วางเครื่องสีดำลงกับโซฟาด้านข้างอย่างไม่แยแส ใช้แรงจากข้อมือวนไวน์ในแก้วแผ่วเบา จากนั้นก็ยกมันขึ้นจรดริมฝีปากพร้อมกับมองภาพวิวของเมืองใหญ่ในยามค่ำคืน ไฟหลากสีของมันทำเอาหลงใหลได้อยู่ชั่วครู่ ก่อนของเหลวสีแดงก่ำจะหมดลงพร้อมกับการขยับกายหลังจากนิ่งไปหลายนาที
ชุดนอนผ้าซาตินพละพลิ้วไปตามการเคลื่อนไหว เผยให้เห็นแผงอกแกร่งเมื่อเจ้าของมันไม่ได้สนใจจะติดกระดุมสองเม็ดบนเท่าไหร่นัก เกิดเสียงสลิปเปอร์กระทบกับพื้นเป็นจังหวะเมื่อเจ้าตัวเบี่ยงไปทางห้องนอน ไม่ได้เร่งรีบ แต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าจนน่ารำคาญใจ
เป็นความเร็วที่สามารถฆ่าเวลาเพื่อรอใครสักคนได้อีกอึดใจหนึ่ง
หลังจากออกจากห้องน้ำคีรติก็ทิ้งตัวลงบนเตียง เอนเข้ากับพนักด้านหลังโดยมีหมอนอีกหนึ่งใบวางไว้คั่น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมองและพบว่าตอนนี้นั้นเพิ่งผ่านไปได้แค่สิบนาที
นั่นหมายความว่าเหลืออีกห้านาทีเท่านั้น
ที่การรอคอยของเขาจะสิ้นสุดลงเสียที
แสงไฟในห้องถูกหรี่ลงจนเกือบมืด ความสลัวที่เกิดขึ้นทำเอาเจ้าของห้องหลับตาลงก่อนจะวนไล้นิ้วชี้บนฟูกนุ่ม ไม่ได้เป็นรูปร่างอะไรที่สลักสำคัญ แค่วาดมันไปตามสิ่งที่นึกคิด บางจังหวะก็หยุดลงและเคาะมันเสียแทน
ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ววนซ้ำ
จนกว่าที่เขาจะมองนาฬิกาอีกรอบและพบว่าตอนนี้เลยเวลาที่ต้องการมาแล้วนิดหน่อย
คีรติไม่คาดคิดว่าฤทธิ์แอลกอฮอลล์เพียงหยิบมือจะเล่นงานตัวเองได้ ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนคออ่อนอะไร แทบจะเป็นนักดื่มมืออาชีพเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมวันนี้มันกลับเล่นงานจนเขาล่องลอยแบบน่าประหลาด
อาจเพราะประกอบกับที่เขาไม่ได้เจอหน้าภัทรเป็นเวลานาน ทำให้ความคิดถึงยิ่งทวีคูณต่อจากนั้นแม้เราจะใช้เวลาร่วมกันนานหลายชั่วโมง
แต่ใครเป็นคนรับประกันล่ะว่าเวลาแค่นั้นมันจะเพียงพอ
(ครับ)
อีกคนตอบกลับสั้นๆหลังจากรับโทรศัพท์ เสียงเจ้าตัวดูสดใสมากกว่าเดิมเล็กน้อย มีเสียงการเคลื่อนไหวเบาๆดังลอดให้ได้ยิน
“อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ?”
(เสร็จแล้วครับ แต่ผมยังเปียกอยู่เลย)
“ไปเป่าก่อนไหม?”
(ภัทรเป่ามาแล้ว แต่มันก็ยังไม่แห้งสนิท)
“ค่อยนอนตอนมันแห้งล่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
(เป็นห่วงภัทรหรอ?) อีกฝ่ายเย้าหยอกจนต้องหัวเราะในลำคอ อาจเพราะเขาเคยชินกับเล่ห์เหลี่ยมของภัทรเลยทำให้การรับมือนั้นไม่ยากเท่าไหร่
หรืออาจเพราะเขาก็ใช่ว่าจะถอดเขี้ยวไปซะก่อน
ทั้งหมดเลยกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะตอบโต้กลับไปโดยที่ไม่ตกหลุมพรางหลุมใหญ่
“ภัทรทั้งคนจะไม่ให้ห่วงได้ไง”
(อืม...นั่นสิเนาะ) คล้ายกับอีกคนกำลังใช้ความคิด
“...”
(แล้วภัทรทั้งคนนี่...สำคัญจนทำให้ห่วงขนาดนั้นเลยหรอไงครับ?) ภัทรเน้นและเว้นจังหวะกับคำว่า
สำคัญที่ตัวเองพูด
“ไม่สำคัญผมก็คงไม่รอคุณอาบน้ำเพื่อจะได้คุยไม่กี่ประโยคหรอก”
คราวนี้ปลายสายเงียบไปนาน นานจนคีรติต้องเรียกซ้ำกลัวว่าจะหายไปซะก่อน ภัทรตอบรับกลับมาเสียงแหบ บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังรอฟังที่เขาพูดอยู่ตลอดและไม่ได้หายไปไหน
“พรุ่งนี้ผมมีประชุมต่อรองราคากับฮ่องกงช่วงบ่าย ช่วยอวยพรให้โปรเจคนี้ผ่านการอนุมัติทีสิ”
(อายุขนาดนี้แล้วคุณคียังต้องพึ่งโชคอีกหรอ?)
คีรติหัวเราะเมื่ออีกคนสวนด้วยคำถาม ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะพลาดท่าเข้าซะแล้ว
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ”
(...)
“เขาเรียกขอกำลังใจต่างหาก”
(อ่า...)
“ภัทรพูดเหมือนผมแก่ไปได้”
คราวนี้ภัทรหัวเราะ ดูจะชอบอกชอบใจไม่น้อยที่ทำเขาหัวเสียได้ บรรยากาศระหว่างเราเลยดูผ่อนคลายมากกว่าเก่า ไม่บ่อยครั้งนักที่อีกคนจะยอมเป็นตัวกับตัวเองกับเขาจนเราไม่ต้องอึดอัด และเมื่อไหร่ที่ภัทรเป็นแบบนั้น เจ้าตัวก็ดูจะอ่อนหวานขึ้นเท่าตัว
(ภัทรให้กำลังใจไม่เก่ง ทำยังไงดีล่ะครับทีนี้)
“งั้นไม่เป็นไร”
(เสียใจไหม?)
“ก็...นิดหน่อยล่ะมั้ง”
เป็นอย่างที่ภัทรบอก เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่รอโชคลาภให้มาหล่นทับ ถึงแม้จะไม่มีคำอวยพรของอีกฝ่ายยังไงเขาก็สามารถทำทุกอย่างให้มันผ่านพ้นไปได้เสมอ ดังนั้นกำลังใจที่ไม่ได้รับจึงเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการที่ได้รู้ว่ามีใครสักคนอยู่เคียงข้าง
คีรติต้องการแบบนั้นต่างหาก
(กำลังใจมีให้นะครับ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้)
เป็นอีกรอบที่ปลายสายพูดกำกวม เขาเลยถามกลับเมื่อต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากเจ้าตัว
“แล้วจะเป็นตอนไหน?”
ภัทรไม่ตอบ...แต่คีรติก็รู้ได้เมื่อเวลาผ่านพ้นล่วงเลยจนถึงเช้าตรู่
จากใครสักคนที่ยืนพิงกับขอบโต๊ะ ดวงตากลมโตเลื่อนจากของตกแต่งในมือแล้วจ้องมาที่เขา ริมฝีปากบางยกยิ้มจางเมื่อเห็นว่าคนที่รอคอยมาถึงเป็นที่เรียบร้อย แท่นหินสีดำขนาดเล็กในมือถูกวางไว้ตรงที่เก่า อีกฝ่ายกอดอกยามมองเขาที่ระยะห่างระหว่างเราเริ่มลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ
สายตาสองคู่สบประสานแต่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
จนกว่าที่คีรติจะเข้าประชิด ภัทรก็ยิ้มหวานพร้อมกับทักทายด้วยประโยคเดิมที่มักจะใช้
“อรุณสวัสดิ์ครับ...คุณคี”
เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก เมื่อเป็นแบบนั้นจึงสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายที่รินรด ภัทรเอียงหน้าลงเพื่อช้อนตามอง การทำแบบนั้นมันช่างยั่วยุเขาเสียเต็มประดา
“เล่นแบบนี้เลยหรอ?”
“ก็คิดว่าคุณคีไม่น่าจะชอบอะไรที่ได้มา
ง่ายๆ”
คีรติยักไหล่ ก่อนจะพินิจพิจารณาอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนแบบที่ชอบทำ ผมสีดำที่มีความยาวพอปรกตาตอนนี้ถูกเซตขึ้น แก้มใสเนียนเรียบน่าสัมผัส ริมฝีปากสีชมพูอ่อนขยับไปตามการพูดคุยของเจ้าของ ลำคอระหงชวนทิ้งรอยไว้เพื่อตีตรา ถ้าอยู่ภายใต้อาณัติของเขา คีรติมั่นใจว่าตัวเองจะทำให้มันเปื้อนสีช้ำเป็นแน่ เสื้อเชิ้ตสีขาวขับให้เจ้าตัวดูดีอย่างที่เคย ทุกอย่างไม่ต่างจากตอนที่ภัทรยังดำรงตำแหน่งเลขาให้เขาไม่ผิดเพี้ยน
ก็มีแต่ผมที่เซตขึ้น และแว่นตาหนาเตอะที่ตอนนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
“ภัทรกลับเลยดีไหม คุณไม่เห็นจะดีใจที่ภัทรมาหาเลย” อีกคนประชดเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเดินไปอีกทาง ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้ามากนัก แต่ก็ยังเชิดคางขึ้นคล้ายกับว่าไม่ยอมใคร
และคล้ายกับกำลังชั่งใจในความอดทนของเขาอยู่
“ผมบอกหรอว่าไม่ดีใจ?” คีรติหันกลับ หยุดยืนตรงหน้าภัทรที่เดิม
“...”
“ภัทรอย่าคิดเองสิ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
ริทฝีปากบางเบ้ขึ้น และทันเท่าความคิด คีรติก็รวบเอวของคนอายุน้อยกว่าเข้าหาอย่างรวดเร็ว ตักตวงความหวานจากลิ้นร้อนที่แลกกันไปมา คราวนี้ภัทรไม่ได้หลีกหนี เจ้าตัวตวัดลิ้นตอบพร้อมกับครางฮือและใช้มือโอบรอบใบหน้าเขาเอาไว้ คีรติพยายามหักห้ามใจไม่ให้มือใหญ่ลูบไล้ไปบนร่างกายอีกฝ่ายมากนัก เพราะกลัวว่าเสื้อผ้าของเราทั้งคู่จะยับตั้งแต่หัววันโดยที่ยังไม่ทันได้ทำอะไร
“อืออ”
“แบบนี้เรียกว่าดีใจได้หรือยัง?”
ภัทรถูกดันชิดโต๊ะอีกครั้ง มีร่างกายแกร่งที่เข้าแทรกขาทั้งสองข้างจนมันอ้ากางอยู่ในท่าที่ไม่ปลอดภัย ร่างเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อาจเพราะส่วนล่างของเรากำลังเสียดสีกันบางจังหวะจนต้องขยับถอย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าบิดเร่าเพราะพันธนาการจากคีรติที่ยังล่ามเอาไว้
เขาไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องอย่างว่า
ยังไม่ใช่ตอนนี้ ห้องทำงานของคีรติยังไม่ปลอดภัยให้เราเล่นบทรักกันอย่างหนักหน่วงเสียหน่อย
“คนฉวยโอกาส”
นิ้วชี้ไล้ตั้งแต่ข้างแก้ม จนมันหยุดลงที่ริมฝีปาก
“มาหาผมถึงถิ่น คิดว่าเจ้าบ้านจะห้ามใจตัวเองชิมเนื้อได้หรอ?”
“...” เขาไม่ตอบ สุดท้ายก็ต้องรับสัมผัสจากริมฝีปากหยักที่ข้างแก้มส่งท้าย อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ เอี้ยวตัวเดินไปนั่งยังโซฟาแล้วจัดการกองงานที่วางอยู่ตรงหน้า ถามคำถามแม้จะยังไม่หันมามอง
“ภัทรมารอผมนานหรือยัง?”
“สักพักครับ”
“วันนี้ผมเข้าสาย ทำไมคุณไม่บอกก่อนว่าจะเข้ามา จะได้ไม่ต้องมารอกันแบบนี้”
ภัทรไม่ได้สนใจคำถาม แต่กลับสำรวจบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ เท้าเล็กก้าวไปตามใจหมาย จนสุดท้ายก็มาหยุดยืนด้านข้างคนที่ยังไม่ทันได้สังเกต
“งานเยอะจังเลยนะครับ”
คีรติเงยมอง วางซ้อนเอกสารเป็นปึกเข้าด้วยกัน
“แปลกหรอ?”
“ก็...เหมือนจะเยอะกว่าตอนที่ภัทรเคยช่วย”
“คงเป็นแบบนั้น...”
“...”
“...ช่วงนี้ผมกำลังตั้งใจเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวอยู่” คีรติเว้นช่วง ใช้ดวงตาเรียวรีจ้องมองยามที่พูด “อยากจะแต่งงานแบบคนอื่นเขาซะที”
ฟันคมขบกัดริมฝีปากบาง ภัทรยืนซ้อนด้านหลังเก้าอี้แล้วโน้มตัวเข้าหาร่างสูง สองแขนโอบไว้ยังบริเวณลำคอ ก้มตัวลงกระซิบข้างหูอย่างวาบหวิว
“อะไรกัน จะทิ้งภัทรไปแต่งกับคนอื่นแล้วงั้นหรอ?”
ไม่พอแค่นั้น มือเล็กก็ยังซุกซนไปตามร่างกายแกร่งจนเริ่มหวาดหวั่น มันวนไล้ไปกับไหล่กว้าง กางฝ่ามือแล้วทาบทับบริเวณอก ไล่ลงไปยังหน้าท้อง จนสุดท้ายเคลื่อนตัวลงมาถึงขอบกางเกง
“แบบนี้เสียใจแย่เลยนะ”
นิ้วเรียวเริ่มแทรกตัวหายไปทีละนิด จังหวะการหายใจของคีรติขาดห้วง
“ไม่ชอบภัทรตรงไหนบอกกันตรงๆเลยดีกว่า”
แต่สุดท้ายเขาก็ถอนมือออกแต่ทาบไปยังด้านบนผ่านเนื้อผ้าเสียแทน แต่ดูเหมือนผลลัพธ์จะไม่ต่าง เพราะแก่นกายของคีรตินั้นขยับขยายจนตึงเครียดไปหมด
“อ๊ะ!”
ร่างเล็กถูกตวัดให้นั่งคร่อม เป็นท่าที่ไม่ปลอดภัยตลอดที่คนตัวสูงมักจะมอบให้ คราวนี้ภัทรยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าการเล่นงานของเขาได้ผล แต่มีหรือที่คนขี้แกล้งจะหยุดแค่นั้นโดยเฉพาะยังมีโอกาสให้ได้ยั่วยุ
“อยากให้ผมไปแต่งกับคนอื่นมากนักหรอ? อืมม...”
คีรติเอ่ยถาม แต่ก็ต้องกัดฟันส่งเสียงครางเมื่อภัทรขยับเบื้องล่างให้ถูไถไปกับตรงนั้น...อย่างจงใจ
“...ก็ลองดูสิครับ” ภัทรประทับจูบเบาๆ บนริมฝีปากหยักยามกดเสียงต่ำ ก่อนจะหยุดการกระทำลงเมื่อไม่อยากให้อีกคนทรมานไปมากกว่านี้
“...”
“ถ้าไม่ใช่ภัทร อย่ามาเสียใจทีหลังอีกแล้วกัน”
การขู่เป็นไปได้ด้วยดีเมื่อคีรติไม่ได้โต้เถียง เขาลูบแขนอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมอารมณ์คุกรุ่นให้ค่อยๆดับลง จัดเสื้อผ้าอีกคนยามที่ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยจุดประสงค์ของการมาหา
“ถ้าอยากเล่นกับภัทร เอาไว้วันหลังน่าจะดีกว่า วันนี้ภัทรมาหาเพื่อให้กำลังใจ...”
“...”
“...ยังไงก็ขอให้เป็นวันที่ดีของคุณนะครับ”
“...”
“...”
“ขอบคุณครับ” เสียงอีกฝ่ายแหบแห้ง โชคดีที่คีรติระงับอารมณ์ไวกว่าที่คิด อาจเพราะถึงเวลาที่ต้องออกไปเจอกับนัดหมายที่สำคัญ ภัทรเลยไม่ต้องจัดการอะไรให้มากความตามที่ตัวเองคิด
“ภัทรคงต้องลาแล้ว”
“นึกว่าจะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อย”
“ที่จริงภัทรมาเพราะมีธุระต่างหาก”
รอยยิ้มหวานถูกส่งให้เป็นการรั้งท้าย ก่อนที่ภัทรจะชี้ไปยังถุงที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง เป็นของบางอย่างที่เขาเตรียมการเอาไว้ก่อน
ก่อนที่อีกคนจะย้ำสถานะของเราทั้งสองด้วยซ้ำ
“...ถ้าคุณคีมั่นใจว่าจะแต่งภัทร เย็นพรุ่งนี้ก็สวมชุดนั้นแล้วมารับภัทรที่คอนโดด้วยนะครับ”
“ครับ?”
“งานวันเกิดคุณลุงน่ะครับ หวังว่าคุณคีจะไม่ทำให้ภัทรผิดหวังแล้วกันนะ”
ถ้าคีรติไม่ยอมเริ่มก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเขาก็ตั้งใจจะรุกอยู่แล้ว
เท้าเล็กก้าวไปยังประตูหน้าห้องเมื่อเสร็จธุระ แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกคนเอ่ยขัดเอาไว้ซะก่อน
ด้วยประโยคคำถาม
“แสดงว่าภัทรก็ยอมแต่งกับผมแล้วสินะ”
ที่ทำเอาภัทรเบ้ปาก และตอบกลับไปจนเรียกรอยยิ้มจากอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
“ได้กันตั้งหลายรอบ”“...”
“ภัทรไม่เป็นอย่างอื่นหรอกนอกจากจะเป็นเมีย” #คุณไม่ตรงปก
031019
before30october