กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก 23 พันธสัญญาของไอ้จ๋า
ปึงๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !!
ไอ้จ๋ายังไม่ทันได้ลิ้มรสหวานซ่านหัวใจ กระจกรถฝั่งตรงข้ามก็ถูกทุบแรงรัวๆ จนคนทั้งสองที่อยู่ข้างในสะดุ้งเฮือก
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะอีน้องไม่รักดี”
“พี่คำแพง! “
“แกจะเข้าบ้านดีๆ หรือให้ฉันลากคอแกเข้าไปเดี่ยวนี้” คำแพงยืนเอามือเท้าเอวบอกน้องด้วยเสียงเกรี้ยวกราด เมื่อน้ำส้มออกมายืนนอกรถตามด้วยไอ้จ๋าที่ออกมายืนข้างกันเงียบๆ
“กล้าดียังไงพาผู้ชายมาพลอดรักกันหน้าบ้านอย่างนี้ ไม่มียางอายก็คิดถึงหน้าฉันกับพ่อบ้าง”
“ส้มขอโทษ”
“ผมผิดเองอย่าว่าน้ำส้ม”
“แกก็เหมือนกันทำอะไรไม่รู้จักละอายบ้างเลยนะ” หันไปชี้หน้าด่าไอ้จ๋าแล้วก็ได้แต่มองมันอ่างเดือดดาล กับสายตาที่มองตอบกลับมานิ่งๆ แม้จะไม่มีแววท้าทายแต่ไอ้จ๋าก็ดูไม่สะทกสะท้านกับคำด่าของคำแพงเลยสักนิด
“มีอะไรกันเหรอ! ” เสียงเข้มดุที่ดังขึ้นเรียกให้ทุกคนหันไปมองทางเจ้าของเสียง ที่ไม่รู้ว่าเดินออกมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“พ่อ! ”
“ถามลูกคนโปรดของพ่อเถอะว่ามันออกมาทำอะไรค่ำ มืดๆ อยู่หน้าบ้าน” คำแพงกอดอกมองน้องและคนของน้องเหยียดๆ น้ำส้มที่ยืนก้มหน้าช้อนดวงตาขึ้นมองพ่อรู้สึกผิด
“เข้าไปคุยกกันในบ้าน” คนเป็นพ่อสั่งเสียงเฉียบขาดก็เดินเข้าบ้าน ทุกคนจึงได้แต่เดินตามหลังกันเข้ามาเงียบๆ คำแพงมีสีหน้าสะใจ แสยะยิ้มเยาะให้น้ำส้มเผื่อแผ่มาถึงไอ้จ๋าด้วย
“เอาล่ะเกิดอะไรขึ้น” ผู้เป็นพ่อถามเมื่อทุกคนเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้ว คำแพงทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาข้างพ่ออย่างอารมณ์ดี ส่วนน้ำส้มยืนเอามือประสานกันอยู่ต่อหน้าพ่อและพี่ มีไอ้จ๋ายืนอยู่ข้างๆ
“พ่อส้มข..”
“ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่ทันคิดครับ” ไอ้จ๋ายกมือไหว้ขอโทษด้วยรู้สึกผิดจริงๆ
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ผมมาหาน้ำส้มแต่..”
“จ๋า! ”
“มาหาแล้วมันก็พากันไปนั่งพลอดรักอยู่ในรถตรงหน้าบ้านนะสิพ่อ” เมื่อทุกคนมัวแต่เรียบเรียงคำพูดกันอยู่ คำแพงจึงบอกออกมาแทน เถ้าแก่สินมองหน้าน้ำส้มที่ก้มหน้าหลบตาพ่อ สลับกับไอ้จ๋าที่มองตอบเถ้าแก่สินด้วยแววตานิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้ดูหยิ่งหรืออวดดี
“ปล่อยไว้ไม่ได้นะพ่อ อีกหน่อยมันได้ใจคงทำอะไรงามหน้ามากกว่านี้แน่ๆ “เถ้าแก่สินไม่ได้สนใจในสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เพราะเขาเอาแต่มอง และพิจารณาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ลูกคนเล็กตรงหน้า ที่ถึงแม้ว่าสายตาที่มันมองตอบกลับมาจะดูนิ่ง และไม่มีแววท้าทายหรืออวดดี ยังไงในฐานะคนเป็นพ่อที่มีลูกชายเป็นแบบน้ำส้ม เขาก็ต้องมองเพราะไม่พอใจและมีความหวงเป็นธรรมดา
“ว่าไง สองคนมีอะไรจะพูดมั้ย” เถ้าแก่สินถามเสียงเข้มลดสายตาลงมองที่มือขาวๆ ของน้ำส้ม ที่ตอนนี้มีมือใหญ่ของไอ้จ๋ากุมเอาไว้ไม่ปล่อย ตั้งแต่ตอนที่คำแพงเริ่มฟ้องพ่อและยุยง และมันทำให้น้ำส้มรู้สึกอบอุ่นจนลืมไปเลยว่ากำลังถูกซักถามเคร่งเครียด แต่ดูเหมือนว่าคนที่เคร่งเครียดมากที่สุดเห็นจะเป็นคำแพง ที่น้ำส้มไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวถึงได้ไม่พอใจมากขนาดนี้
“พ่อ” น้ำส้มเรียกพ่อเสียงสั่นปล่อยมือจากไอ้จ๋าแล้วเดินเข้าไปคุกเข่านั่งลงตรงหน้าพ่อ “ส้มขอโทษ”
“ผมก็ขอโทษด้วยครับ” ไอ้จ๋าคุกเข่าลงข้างหลังของน้ำส้มแล้วยกมือไหว้ขอโทษเถ้าแก่สินอีกครั้ง “ผมผิดเองที่พาน้ำส้มทำแบบนั้น อย่าว่าน้ำส้มเลยนะครับ แต่เรา..”
“แหมออกรับแทนกันดีจริงๆ นะแกสองคนไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ”
“พี่คำแพง! ” ไอ้จ๋ารู้สึกไม่ชอบคำแพงมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทิ้งน้ำส้มเอาไว้ที่บ้ายทุ่งดอกจานแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะทำให้มันได้ใกล้ชิดถึงขนาดที่น้ำส้มได้นอนค้างด้วยกันก็ตามเถอะ แต่ยังไงพี่ก็ไม่ควรทำกับน้องของตัวเองแบบนี้
“ผมกับน้ำส้มเรากำลังคบกันครับ ผมขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาบอกตั้งแต่แรก แต่เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลยถึงขั้นลึกซึ้ง ถ้าพ่อไม่ว่าอะไรผมขอโอกาสคบกับน้ำส้มนะครับ”
“ใครเป็นพ่อแกวะไอ้หนุ่ม”
“เอ่อ..ครับเถ้าแก่” ไอ้จ๋าเปลี่ยนคำเรียกแทบไม่ทัน เมื่อเถ้าแก่สินย้อนถามกลับทันทีที่มันเรียกว่าพ่อ แต่ตามปกติแถวๆ บ้านหากอายุมากหรือเทียบแล้วรุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อแม่ของตัวเอง คนทางนี้เขาก็เรียกกันว่าพ่อแม่ หรือพี่ ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย ได้โดยไม่ถือสา แต่ไม่ใช่ตอนนี้และเวลานี้ โดยเฉพาะสำหรับเถ้าแก่สินคนนี้ที่กำลังหวงลูก
“พ่อ” น้ำส้มเรียกพ่อเสียงเบาเถ้าแก่สินทำเพียงละสายตาจากไอ้จ๋ามามองหน้าลูกดุๆ เพื่อปรามไม่ให้พูดขัด น้ำส้มจึงก้มหน้าหลบตาดุของพ่อที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ทั้งที่ไม่เข้าใจคนเป็นพ่อเลยสักนิด ท่าทางแบบนี้ของพ่อคืออะไรทำไม ทำไมพ่อต้องดุแบบนี้ทั้งที่....
“แกกลับไปได้แล้วไอ้หนุ่ม” เถ้าแก่สินออกปากไล่เสียงเข้ม
“แต่..”
“อย่ามายุ่งกับน้องฉันอีก” คำแพงเสริม
“พี่คำแพง! “ทุกคนหันไปมองคำแพงอย่างตกใจ แม้กระทั่งเถ้าแก่สินที่ควรจะเป็นคนพูดว่าไม่ให้มายุ่งกับลูกของตัวเอง ยังตกใจที่คำแพงพูดออกมาแบบนั้น
“ไม่ให้ผมยุ่งคงไม่ได้หรอกครับ ผมกำลังขออนุญาตเถ้าแก่เพื่อคบกับน้ำส้มนะครับ”
“แกคิดว่าแกมีดีอะไรถึงจะมาคบกับลูกของฉันไอ้หนุ่ม ลูกเต้าเหล่าใครไหนบอกมาซิ”
“พ่อกับแม่ผมไม่ใช่คนใหญ่คนโตมาจากไหนหรอกครับ ก็เป็นแค่ชาวบ้านชาวไร่ชาวนาธรรมดา ผมอยู่บ้านทุ่งดอกจานเรียนปีสุดท้ายที่..” ไอ้จ๋าบอกประวัติตัวเองเพียงสั้นๆ
“อย่าลืมนะว่าลูกฉันมันเป็นผู้ชายถึงมันจะตัวเล็กผอมบางหุ่นเหมือนผู้หญิงก็ตามเถอะ” เถ้าแก่สินเชิดหน้าขึ้นแม้จะรู้ว่าลูกเป็นแบบนี้ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าส้มของพ่อนั้นชอบผู้ชาย แต่ยังไงล่ะ เขามันคนหวงลูก ยิ่งน้ำส้มคือแก้วตาดวงใจตัวแทนสุดที่รักที่จากไปเขายิ่งหวงมากยิ่งกว่าเก่า
“ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วครับว่าน้ำส้มเป็นผู้ชาย”
“แล้วยังไง แกเป็นเกย์?”
“ถ้าผมคบกับน้ำส้มแล้วกลายเป็นเกย์ก็คงต้องยอมรับครับ แต่ผมไม่เคยชอบไม่เคยมองผู้ชายคนไหนมาก่อน “
“นั่นน่าเป็นห่วงนะแกว่ามั้ย ถ้าเกิดแกเปลี่ยนใจกลับไปหาผู้หญิงลูกฉันก็เสียใจสิวะ มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะความรักแบบนี้แกต้องทำความเข้าใจด้วย ฉันไม่อยากให้ลูกฉันต้องมานั่งเสียใจเพราะแกเปลี่ยนใจทีหลัง”
“ผมไม่กล้าบอกว่าผมจะไม่เปลี่ยนใจในอนาคต เพราะเรากำหนดมันไม่ได้ ทุกอย่างมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ผมคบกับน้ำส้มและมีน้ำส้มคนเดียว นั่นคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมจริงจังกับน้ำส้มมากแค่ไหน และมันจะทำให้ผมเปลี่ยนใจได้หรือเปล่า”
“งั้นถ้าฉันให้แกพิสูจน์ตั้งแต่ตอนนี้แกจะทำได้หรือเปล่าล่ะ”
“ผมยอมทำเพื่อน้ำส้ม แต่บอกผมก่อนได้มั้ยครับว่าจะให้ผมทำอะไร”
“แกมีสิทธิ์ต่อรองหรือไง”
“เกิดเถ้าแก่ให้ผมพิสูจน์โดยการไม่ให้มาเจอกันอีกผมคงแย่ครับ” ไอ้จ๋าอยากเกรียนใส่เต็มทีแต่ก็พูดได้เท่านี้ เพราะต้องสำรวมและทำคะแนนกับว่าที่พ่อตา ซึ่งดูเหมือนว่ามันกำลังเจอศึกหนักทีเดียว เถ้าแก่สินนั่งจ้องหน้าไอ้จ๋าตาดุที่มันรู้ทัน ในใจคิดจะให้มันพิสูจน์ตัวเองโดยไม่ต้องเจอหน้ากันสักสามปี ดูซิว่ามันจะทนได้ไหม ที่จะไม่มองหรือมีคนอื่น และไม่เปลี่ยนใจไปจากลูกชายของตัวเอง แต่การคิดเล่นๆ ก็ต้องทิ้งไปเพราะลูกชายตัวเองก็คงแย่เหมือนกัน
“งั้นแกอยากพิสูจน์ตัวเองยังไงดีล่ะไหนเสนอมาซิเผื่อฉันสนใจ” นี่เป็นโจทย์หินสำหรับไอ้จ๋าเลยทีเดียว จะให้มันมาเสนอตัวอวดอ้างข้อดีของตัวเองก็ใช่ที่ แต่จะไม่ให้มันทำอะไรก็คงจะไม่ได้ลูกเขามาครอง เรื่องความเกรียนขี้แกล้งไอ้จ๋าไม่น้อยหน้าใคร เรื่องเรียนเรื่องงานไอ้จ๋าก็ดีเด่นจนเป็นที่ยอมรับ แต่ตอนนี้มันไม่ได้คิดถึงสิ่งเหล่านั้นเลยสักนิด เพราะนั่นมันอยู่ในชีวิตประจำวันปกติของมันอยู่แล้ว
“ผม...” ไอ้จ๋าเม้มปากใช้ความคิดโดยมีน้ำส้มนั่งลุ้นอยู่ใกล้ๆ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะพิสูจน์ตัวเองยังไงเถ้าแก่สินถึงจะยอมรับ
“ว่ายังไงล่ะ แค่นี้แกก็ยังคิดไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรได้วะ”
“ครับผมก็คิดเหมือนกัน ว่าแค่ทำให้ว่าที่พ่อตายอมรับแค่นี้ยังทำไม่ได้แล้วจะไปทำอะไรที่มันใหญ่กว่านี้ได้ยังไง”
“อวดดี! ” คำแพงที่นั่งฟังอยู่นานอดแขวะออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นพ่อผู้ใจดีนิ่งเฉยต่อคำของไอ้จ๋า ยิ่งพอได้ยินไอ้ผู้ชายหัวเกรียนมันพูดว่า ‘ว่าที่พ่อตา’ ยิ่งทำให้รู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ นี่มันจะจริงจังกันถึงขั้นนั้นเลยหรือยังไง ส่วนไอ้จ๋าเหลือบมองพี่สาวของน้ำส้มแต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะต่อปากต่อคำ เพราะมันรู้ดีว่าถ้ามันอ้าปากพูดอะไรโต้ตอบออกมา เรื่องก็คงไม่จบง่ายแน่ ดีไม่ดีอาจจะทำให้มันเสียคะแนนกับว่าที่พ่อตาเอาเลยก็เป็นได้
“ผมยืนยันคำเดิมว่ายังไงผมก็ยอมทำเพื่อน้ำส้มได้ทุกอย่าง ยกเว้นห้ามไม่ให้ผมกับน้ำส้มคบและเจอหน้ากัน”
“หึๆ แกจะเอาอย่างนั้นก็ได้ จะคบกันฉันไม่ห้ามหรอกนะ ลูกชายฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว และฉันก็รู้ว่ามันคงจะไม่หาสะใภ้เข้าบ้านแน่ๆ ล่ะ แต่..” สีหน้าของเถ้าแก่สินแสดงถึงความเจ้าเล่ห์ไม่มีปิดบัง ทำให้น้ำส้มยิ้มบางๆ ออกมาได้เมื่อพ่อพูดออกมาอย่างนั้น ด้วยเป็นลูกย่อมรู้ดีว่าลึกๆ แล้วพ่อก็ไม่ได้จะห้ามปรามอะไรมากมาย แต่การที่พ่อเอามือลูบคางเหมือนกำลังใช้ความคิดนั่นทำให้น้ำส้มหวั่นใจว่าพ่อจะมีแผนอะไรมาแกล้งหรือเปล่า
“พ่อ! ” เป็นเสียงของคำแพงที่เรียกพ่ออย่างไม่พอใจทั้งที่เถ้าแก่สินยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ “พ่อจะยอมให้มันคบกันแล้วมาทำงามหน้าอย่างนี้หรือไง” เถ้าแก่สินเพียงมองหน้าลูกสาวแต่ก็ไม่พูดอะไร ชายวัยกลางคนหันมาทางไอ้จ๋าและลูกคนเล็กของตัวเองก่อนจะพูดต่อ
“แต่แกต้องพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่วันนี้ตอนนี้ จะคบกันก็ได้ฉันไม่ว่า”
“พ่อ/พ่อ! ” เสียงของสองพี่น้องดังขึ้นมาพร้อมๆ กันแต่ต่างความรู้สึก เสียงของน้ำส้มนั้นฟังดูตื่นเต้นเพราะเจ้าตัวกำลังดีใจ แต่เสียงของพี่สาวนอกจากจะดังอย่างตกใจแล้ว ยังมีแววไม่พอใจปนอยู่ด้วย เถ้าแก่สินไม่สนใจสองพี่น้อง แต่หันมาพูดกับไอ้จ๋าต่อ
“แต่...แกต้องหาเวลามาช่วยงานฉันที่นี่ มาเป็นคนงานให้ฉันเพื่อพิสูจน์รักแท้เป็นไง นี่ฉันให้โอกาสแกได้อยู่ใกล้ๆ ลูกฉันเชียวนะแกว่าฉันเป็นคนดีมั้ย” ถึงแม้ไอ้จ๋าจะแอบหนักใจเพราะไม่รู้ว่าจะเอาเวลาไหนมาทำงานที่นี่ แต่มันก็ยังไม่ได้ตอบรับในทันที เพราะรู้ว่าถ้าเถ้าแก่สินยังพูดไม่จบ และหากพูดแบบนี้มันต้องตามมาด้วยสิ่งที่ไอ้จ๋าไม่คาดคิดเป็นแน่แท้ มันจึงทำเพียงแค่มองตอบสายตาของเถ้าแก่สินนิ่งๆ อยู่เช่นเดิมเพื่อรอฟังเท่านั้น
“ที่เงียบนี่แสดงว่าไม่พอใจข้อเสนอของฉันหรือไง”
“เปล่าครับ ผมเพียงแต่คิดว่าข้อเสนอของเถ้าแก่คงยังไม่หมดเท่านี้ใช่มั้ยครับ” เถ้าแก่สินมองหน้าไอ้จ๋าด้วยสายตานิ่งๆ แต่ในใจกลับไม่นิ่งเหมือนท่าทางที่แสดงออกมา เมื่อได้ยินคำพูดคำจาที่ดูจะฉลาดรอบคอบของไอ้หนุ่มหัวเกรียนตรงหน้า ที่ทำให้ชายวัยกลางคนต้องมองคนหนุ่มที่มาขอคบลูกชายตัวเองในมุมใหม่
“ใช่”
“ว่ามาได้เลยครับผมกำลังรอฟัง”
“ฉันให้แกคบกับลูกฉันได้”
“ครับ”
“ฉันอยากให้แกมาช่วยทำงานที่นี่บ้างถ้าว่าง”
“ได้ครับ”
“แกจะได้เจอเจ้าส้มทุกวันถ้ามาทุกวัน”
“ครับ ขอบคุณครับ”
“แต่ห้ามคุยกัน! ”
“ครับ ห๊า!! ” ไอ้จ๋ารู้อยู่แล้วว่าข้อสุดท้ายต้องเป็นอะไรที่มันไม่คาดคิด หรือเป็นข้อห้ามที่ทำให้ลำบากใจอย่างนี้ มันจึงได้แต่อุทานในใจเหมือนตอนนั้น ตอนที่น้ำส้มบอกมันว่าไอ้หน้าตี๋นั่นแอบชอบคนตัวผอมมานานแล้ว มันก็อุทานในใจซะเสียงดังเลย ‘กูว่าแล้ว’ เหมือนในตอนนี้นี่แหละ เพราะมันคิดอยู่แล้วว่ายังไงข้อเสนอและข้อตกลงของเถ้าแก่ก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
“พ่อ” น้ำส้มเรียกพ่อด้วยเสียงกระเง้ากระงอด มีอย่างที่ไหนให้เจอหน้ากันได้ทุกวันแต่ไม่ให้พูดคุยกันนี่นะ แล้วจะเจอทำไมเจอไปเพื่ออะไร แต่ก็ได้แค่คิดเพราะรู้ดีว่าพ่อคงต้องมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้นแน่นอน
“ว่าไงไอ้หนุ่มแกตกลงมั้ย ข้อเสนอง่ายๆ หมาอีด่างข้างบ้านยังทำได้เลย” เถ้าแก่กอดอกยืดตัวขึ้น เอนหลังพิงพนักโซฟาเล็กน้อยแล้วยักเท้าขึ้นมาไขว้ห้างกระดิกอย่างอารมณ์ดี
“ครับได้ครับ เรื่องแค่นี้ถ้าทำไม่ได้ผมคงอายหมามัน และคงไม่คู่ควรกับน้ำส้มแน่ๆ ”
“จ๋า! ตกลงทำไมนี่พ่อไม่ให้เราคุยกันเลยนะ”
“เธอเงียบก่อน” น้ำส้มหน้างอที่เห็นว่าไอ้จ๋าก็ไม่มีท่าทางไม่พอใจหรือประท้วงเลยที่จะไม่ได้คุยกัน แถมยังปรามน้ำส้มแล้วหันไปยืนยันกับเถ้าแก่สินด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอีกด้วย
“ผมตกลงครับ”
“จ๋าถ้าพ่อไม่ให้เราคุยกันตลอดไปล่ะ”
“นั่นสิแกตกลงง่ายๆ อย่างนี้ ถ้าเกิดว่าฉันไม่ให้แกคุยกันตลอดไปแกจะว่ายังไง อ่อแล้วก็อย่าหวังว่าจะได้ไปแอบคุยนะเพราะเวลาแกมา แกหรือน้ำส้มจะต้องมีคนเฝ้า! ”
“พ่อ ทำไมข้อตกลงพ่อทำยากอย่างนี้ล่ะฮะ” ในขณะที่ไอ้จ๋าเงียบไม่ได้พูดประท้วงน้ำส้มกลับโอดครวญเสียยกใหญ่ เมื่อได้ฟังข้อเสนอของพ่อ โดยมีเสียงหัวเราะสะใจของคำแพงดังขึ้นข้างๆ
“ห้ามแอบโทรหากัน ห้ามเขียนจดหมาย ห้ามส่งข้อความ ห้ามทำทุกอย่างที่สรุปออกมาแล้วเป็นการคุยกัน”
“พ่อ” น้ำส้มขอบตาแดงทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ที่พ่อห้ามไปเสียทุกอย่าง แบบนี้มันไม่ต่างอะไรเลยกับการห้ามคบกัน
“ยัยส้มเน่าไม่เป็นไรน่า” ไอ้จ๋าขยับเข้ามาใกล้น้ำส้มขึ้นอีก เอาไหล่สะกิดไหล่บอบบางเบาๆ เมื่อกระซิบปลอบ เสียงปลอบที่เหมือนพูดกันแค่สองคนแต่เถ้าแก่สินก็ยังได้ยินและแอบรู้สึกไม่พอใจ ‘หนอย ไอ้หัวเกรียนบังอาจมาเรียกลูกชายคนเล็กของข้าซะเสียหายหมด ส้มเน่าเนี่ย ฮึ่ย’
“แต่เราจะไม่ได้คุยกันเลยนะจ๋า”
“ไม่นานหรอก”
“เจ้าส้มขึ้นบ้านไปข้อตกลงเริ่มแล้ว”
“พ่อ! “
“ขึ้นบ้านไปสิ แกจะขัดคำสั่งพ่อหรือไง”
“พี่คำแพง! ”
“เออ มานี่เลยสมน้ำหน้าอยากทำอะไรประเจิดประเจ้อดีนัก”
“ส้มเปล่า พ่อส้มไม่ไป”
“เจ้าส้มขึ้นบ้านไปก่อนลูก”
“พ่อ” น้ำส้มเรียกพ่อเสียงอ่อยแล้วหันไปมองหน้าไอ้จ๋า ที่พยักหน้าเป็นการบอกว่าให้ทำตามคำสั่งพ่อ น้ำส้มที่ขัดใจอยู่แล้วเลยพาลไม่พอใจไอ้จ๋าด้วย จึงสะบัดหน้าใส่ไอ้คนหัวเกรียนแล้วเดินตามแรงดึงของพี่สาวขึ้นบ้านไป ไม่หันกลับมามองคนที่ทิ้งไว้เบื้องหลังอีกเลย
“เอาล่ะแกคงรู้คำตอบอยู่แล้วว่าระยะเวลาที่กำหนดตามข้อตกลงนานแค่ไหน”
“ครับ นานเท่าที่ผมจะสามารถทำให้เถ้าแก่พอใจและยอมรับให้ผมเรียกว่าพ่อได้” บ๊ะ! ไอ้หนุ่มนี่มันตรงประเด็นและรู้ทันจริงๆ แต่ก็นั่นล่ะ ต่อไปจะเป็นยังไงก็คงต้อรอดู เถ้าแกสินได้แต่พูดในใจขณะที่ประเมินไอ้หนุ่มตรงหน้า ที่มันกล้าทำให้ชายวัยกลางคนอย่างเขาต้องแปลกใจหลายครั้งตั้งแต่เจอหน้ากันมา นับว่ามันมีดีเหมือนที่เจ้าลูกคนเล็กคุยเอาไว้พอสมควร แต่จากนี้คงต้องดูกันใหม่ให้ดีๆ กว่านี้ว่ามันจะแน่สักแค่ไหน
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้แกกลับไปได้แล้ว ว่างเมื่อไหร่ค่อยมา”
“ครับ” ไอ้จ๋ารับคำพร้อมกับยกมือไหว้ลา เพียงเท่านั้นก็เดินออกจากห้องรับแขกของบ้านมาเงียบๆ มันเปิดประตูหน้าออกมาแล้วปิดไว้ให้อย่างดี
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถไอ้จ๋าก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างแรง กับข้อเสนอง่ายๆ ที่ไม่รู้ว่าหากวันที่มาจริงๆ มันจะทำได้อย่างที่เถ้าแก่สินต้องการหรือเปล่า ตอนนี้ไอ้จ๋าไม่ได้ห่วงตัวเองว่าเถ้าแกจะใช้ให้ทำงานหนักอะไร เพราะหนักยังไงก็ไม่เกินแรงของมันไปได้ สิ่งที่ห่วงที่สุดคือความรู้สึกของน้ำส้มกลัวว่าอีกคนอาจจะเข้าใจผิด ไหนจะตั้งแต่วันนี้มันกับน้ำส้มจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีกเลยจนกว่าเถ้าแก่สินจะยอมรับ นั่นก็หมายความว่ามันจะไม่ได้อธิบายอะไรให้น้ำส้มฟังด้วย เข้าใจผิดยังไงก็คงต้องปล่อยเอาไว้อย่างนั้นไปก่อน ไอ้จ๋าไม่อาจผิดสัญญาและข้อตกลงที่ทำเอาไว้กับเถ้าแก่สิน เพราะได้ออกปากรับคำไปแล้ว และมันจะไม่ยอมทำให้ตัวเองหมดความน่าเชื่อถือและเสียคะแนนจากว่าที่พ่อตาเด็ดขาด
%%%%%%%%%%%%%
เมื่อไอ้จ๋ากลับมาถึงบ้านเวลาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว บ้านจึงเงียบเพราะเป็นเวลาที่พ่อกับแม่เข้านอนกันหมดทั้งสองคน มันจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินไปบ้านใหญ่ ซึ่งเป็นที่นอนประจำของมันเหมือนทุกวัน บ้านหลังใหญ่มองเห็นอยู่ไม่ไกลเกินสิบก้าวเงียบสงบ ดวงไฟสว่างแต่พอให้ไม่ดูมืดมากนัก เพราะเปิดเอาไว้แค่ให้พอมองเห็นตามทางเดินเท่าที่จำเป็น ไอ้จ๋ามองสำรวจรอบๆ ตามความเคยชิน แล้วสาวเท้าตรงเข้าไปยังส่วนที่มันนอน แต่ในขณะที่กำลังเดินเข้ามายังใต้ถุนบ้านเพื่อเข้าไปยังส่วนที่นอนของตัวเองนั้น ไอ้จ๋าให้เกิดรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างเป็นส่วนเกินอยู่ในบริเวณนี้
ไอ้หัวเกรียนกระพริบตาถี่เพื่อให้สายตาปรับชินกับความมืด แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยซึ่งมันรอไม่ได้ ไม้กวาดดอกหญ้าที่วางพิงอยู่ข้างเสา คือสิ่งที่ใกล้มือที่สุดที่มันพอจะนำมาใช้เป็นอาวุธได้ และไม่รอช้าไอ้จ๋าคว้าไม้กวาดขึ้นมาถือเอาไว้ในท่าที่กระชับมั่น สองเท้าค่อยๆ พาตัวเองย่องเข้าไปในความสลัวของพื้นที่คุ้นเคย แม้จะไม่มีแสงสว่างมากนักแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนที่เคยชินอย่างไอ้จ๋า และพอก้าวเข้ามาในส่วนของห้องมืดๆ ได้ มันก็เงื้อไม่หวาดในมือขึ้นสูงเตรียมฟาดทันที