“พ่อเดี่ยวนี่เอง” เสียงคุณยายทักทายแทรกลึกเข้าไปในห้วงความคิด ตันกล้าเขารู้สึกตัวขยับเข้าไปหาคุณยาย เชิดหน้าให้คนมาใหม่
“ครับคุณยาย ขอโทษที่กลับมารบกวนคุณยายอีกนะครับ”
“ไม่เป็นไร ๆ คนกันเองอย่าคิดมาก รบกงรบกวนอะไรล่ะลูก ดีเสียอีกยายจะได้มีเพื่อนคุยหลาย ๆ คน เข้ามาก่อนมา” คุณยายพยักหน้ารับไหว้เด็ดเดี่ยวปฏิเสธความเกรงใจ มือเหี่ยวย่นยกขึ้นกวักเรียกคนมาใหม่ให้นั่งคุยกัน
“อุตส่าห์ไปส่งแล้วย้อนกลับมาทำไมอีก ไม่มีที่ไปแล้วหรือไง” ต้นกล้าถามเสียงลอดไรฟัน เพราะความกรุ่นโกรธยังระอุอยู่มาก โดยลืมไปเลยว่าคุณยายก็อยู่ด้วย และ..
“เจ้ากล้า พูดกับพี่เขาอย่างนั้นได้ยังไง” เสียงดุของคุณยายเรียกสติคนเป็นหลานให้กลับมาสู่ตัว ถือว่าเป็นคนโปรดของคุณยายสินะถึงได้ยิ้มระรื่น
ต้นกล้าค่อนขอดในใจแล้วแบะปากที่ยังบวมเจ่อให้ นั่นทำให้เด็ดเดี่ยวพึ่งสังเกตเห็น ว่าริมฝีปากสีระเรื่อของคนตัวเล็กกว่ามีรอยเขียวช้ำ รู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้ว
นี่เขาจูบรุนแรงขนาดนั้นเลยหรือ ปากสวยถึงได้ช้ำมากขนาดนี้!
“ไอ้จ๋าชวนลูกพี่เดี่ยวมาเองครับ” เสียงไอ้จ๋าดังแทรกขึ้นเพราะมันเดินตามเด็ดเดี่ยวมาติด ๆ “ไอ้จ๋ากลับมาจากในเมือง เห็นลูกพี่เดี่ยวเดินโต๋เต๋อยู่ข้างทางเหมือนเด็กหนีออกจากบ้านไม่มีที่ไป เลยชวนขึ้นรถมาด้วยครับ แหะ ๆ ” มันบอกหน้าซื่อตาใสตบท้ายด้วยการหัวเราะแห้ง ๆ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรน่าขำสักนิด ซ้ำยังสาธยายจนเด็ดเดี่ยวเสียภาพพจน์ เด็กหนีออกจากบ้านนี่นะ เขาแค่เดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแค่นั้นเอง ลูกชายกำนันส่ายหัวให้กับคำรายงานของไอ้จ๋า ที่คลานเข้ามานั่งข้าง ๆ
พอได้นอนคิดเงียบ ๆ คนเดียว เห็นว่าตัวเองทำกับคนตัวเล็กกว่าเกินไป เด็ดเดี่ยวเลยอยากตามมาขอโทษ จึงเดินย้อนกลับออกมาทางเก่า เพื่อออกมายังถนนเส้นเดิม คิดว่าจะขอติดรถใครสักคนให้มาส่งบ้านคุณยาย แล้วฟ้าก็เป็นใจส่งไอ้จ๋ามาพอดี เมื่อรถกระบะตอนเดียวคันเก่าฝุ่นเกาะเขรอะ อันเป็นรถประจำตำแหน่งของมัน วิ่งมาด้วยความเร็วเกินเพศสภาพภายนอก จอดลงข้างทางรับเขามาด้วยกัน
“เมื่อกี้กำลังคุยอะไรกันอยู่ครับ” ไอ้จ๋าถามพลางคลานเข้ามานั่งพับเพียบเรียบแต้ ข้างเก้าอีกหวายตัวยาวของคุณยาย อันเป็นที่นั่งประจำของมัน จะได้หยิบจับอะไรให้คุณยายได้ง่ายเมื่อถูกใช้สอย
คำถามของไอ้จ๋าทำให้ต้นกล้าตกเป็นเป้าสายตาทันที จึงเลือกเมินมองไปอีกทาง เด็ดเดี่ยวคิดว่าต้นกล้าคงยังโกรธเรื่องจูบ แต่ความจริงที่ต้นกล้าไม่อยากมองหน้ามึน ๆ นี่ เพราะว่ามองทีไรมันพาลแต่จะให้รู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้า และรู้สึกร้อนผ่าว ๆ ที่กลีบปากยังไงก็ไม่รู้
“ถ้าฉันไม่อยู่แกจะดูแลที่นี่ไหวไหมจ๋า”
“ที่คุณยายจะไปกรุงเทพน่ะเหรอครับ” ใบหน้าทะเล้นของไอ้จ๋าดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่น้ำเสียงของมันก็หนักแน่นเมื่อตอบคำถาม “ไหวสิครับคุณยายยังไงก็มีลูกพี่กล้าอยู่ด้วยทั้งคน”
“แล้วถ้าลูกพี่ตัวดีของแกไม่อยู่อีกคนล่ะจะว่ายังไง”
“อ้าว!” ไอ้จ๋าหันขวับไปมองลูกพี่ใหญ่ของมันทันทีด้วยสีหน้ามีคำถาม คิ้วขมวดมุ่นแทบชิดกัน “ทำไมล่ะครับลูกพี่ ลูกพี่จะไปกะคุณยายด้วยเหรอครับ”
“เขาไม่อยู่หรอกก็คงจะไปกันหมดนี่แหละ คงต้องเป็นหน้าที่แกแล้วนะจ๋า ฉันไว้ใจแกกับพ่อแม่แกที่สุด” คุณยายบอกด้วยเสียงที่อ่อนลงเหมือนกำลังน้อยใจ จนคนฟังทั้งสามรู้สึกได้ “ว่าแต่แกจะไหวหรือเปล่าทั้งงานไร่งานนา ทั้งเรียนหนังสือ” ถามแล้วเอื้อมมือลูบหัวไอ้จ๋าอย่างเอ็นดู นอกจากต้นกล้าที่เป็นหลานในไส้ ก็มีไอ้จ๋าที่เลี้ยงมันมาตั้งแต่เล็กจนโตนี่แหละ ที่เป็นหลานในไส้อีกคน ถ้าไม่มีลูกมีหลานเป็นทายาทโดยตรง มรดกทั้งหมดเห็นทีจะไม่พ้นยกให้ไอ้จ๋ามันคนเดียว คิดว่ามันคงดูแลแทนได้ ถึงมันจะซื่อแต่มันก็ไม่ได้โง่จึงไว้เนื้อเชื่อใจ คนอย่างไอ้จ๋ามันเอาตัวรอดได้สบาย
“ไหวสิครับคุณยายไม่ต้องห่วงหรอกไอ้จ๋าทำได้คนงานก็มี” ไอ้จ๋ารับคำเป็นมั่นเหมาะให้คุณยายสบายใจ ทั้งที่ลึก ๆ แอบเสียดายที่จะไม่ได้ลุยงานนางานไร่กับลูกพี่ใหญ่ของมัน
“แล้วคนที่เขาบอกว่าจะอยู่ดูแลแทนล่ะครับคุณยาย” เด็ดเดี่ยวพูดขึ้นหลังจากสบตากับคุณยายเหมือนรู้กันเป็นนัยอะไรสักอย่าง
“เขาคงไม่อยากอยู่แล้วล่ะเห็นบอกอยากกลับพร้อมกันพรุ่งนี้” คุณยายตอบเสียงเครือจนคนเป็นหลานแท้ ๆ ได้ยินก็เริ่มใจเสีย แต่ยังคงรักษาฟอร์มเอาไว้มั่น ต้นกล้าเชิดหน้าหยิ่งพยายามเก็บอาการหวั่นไหว หากไม่มีแขกไม่ได้รับเชิญอย่างเด็ดเดี่ยวอยู่ด้วย ป่านนี้เขาคงเข้าไปกอดอ้อนคุณยายไม่ให้น้อยใจแล้ว
“แย่จังเลยนะครับคุณยาย ที่พูด ๆ ไว้คงแค่ราคาคุยไปอย่างนั้นเองใช่ไหมครับ” ต้นกล้ารู้ว่าถูกถากถาง แต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรทั้งที่ในใจคิดหนัก สงสารคุณยายที่ต้องผิดหวังในตัวเขา อีกใจเริ่มหงุดหงิดที่โดนสบประมาท
“คนกรุงก็อย่างนี้ล่ะครับไม่มีความอดทนหรอก นี่ถ้าคุณยายจะขายที่ทั้งหมดแล้วย้ายไปอยู่กรุงเทพเลย บอกได้นะครับผมจะรับซื้อให้ทั้งหมดเลย” อวดรวย! ต้นกล้านึกหมั่นไส้เด็ดเดี่ยว จึงปรายหางตามองคนตัวโตแล้วเหยียดปากหมิ่น ๆ
“เข้าท่าดีนะพ่อเดี่ยว เก็บไว้ก็คงไม่มีใครทำขายทิ้งมันเลยดีกว่าจริงไหมจ๋า”
“ถึงจะเสียดาย แต่ก็แล้วแต่คุณยายครับ” ไอ้จ๋าให้รู้สึกใจหาย สีหน้าของคุณยายกับลูกพี่เดี่ยวจริงจังกันเหลือเกิน
ต้นกล้ามองคุณยายทีมองไอ้จ๋าที แต่เลี่ยงที่จะมองหน้ามึน ๆ ของคนตัวโต ได้ยินคุณยายบอกจะขายที่ทั้งหมด อันเป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ ทำไมต้นกล้ารู้สึกไม่ดีทั้งที่ไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ไม่ได้นึกชอบ ไม่มีความรู้สึกผูกพัน ไม่นึกอยากได้อยากเป็นเจ้าของ แต่กลับรู้สึกผิดและใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าไงเจ้ากล้าขายที่นี่ให้พ่อเดี่ยวเขาท่าจะดีนะ ว่าแต่ยายคงไม่เรียกราคาให้แพงนักหรอก ขายให้คนกันเองนะพ่อเดี่ยวนะ” คุณยายหันไปหาเด็ดเดี่ยว ชายหนุ่มก็ยิ้มร่าเออออห่อหมก ท่ามกลางสายตาอีกสองคู่ที่มองต่างความรู้สึก “งั้นยายว่าเรามาคุยเรื่องราคากันไว้ดีกว่า”
“ก็ถ้าคนไร้ความสามารถเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเขาเห็นด้วยที่จะขาย ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับคุณยาย ขายเท่าไหร่ก็จะซื้อ” อวดรวย! พูดจาแบบนี้จะให้ความหมายเป็นอื่นไปได้อย่างไร ถ้าไม่หมายถึงต้นกล้า พูดจาอวดรวยไม่เข้าหูไม่พอ ยังมองกันอย่างท้าทาย แล้วคนอย่างไอ้กล้านี่นะจะยอมให้คนอื่นมาหยามเล่นได้ง่าย ๆ
“กล้าไม่ให้ขายนะครับคุณยาย ถ้าคุณตารู้เข้าต้องโกรธมากแน่ ๆ ”
“ตาแกเสียไปหลายปีแล้วเขาไม่ว่าหรอกเจ้ากล้า แล้วถ้าไม่ขายใครจะดูให้ยายล่ะ ยายก็แก่แล้วดูไม่ไหวหรอก นี่ไอ้จ๋ามันก็ยุ่งเรื่องเรียน ใกล้จบแล้วด้วยใช่ไหมจ๋า” คุณยายหาข้ออ้างแต่ไอ้จ๋ามันพาซื่อ
“ไม่เป็นไรครับไอ้จ๋าสบายมากเพราะเทอมนี้ก็จบแล้ว ไม่ต้องห่วงครับคุณยายไม่ไหวไอ้จ๋าจะเหมาทำให้หมด เรื่องเรียนก็ไม่มีปัญหาไอ้จ๋ามันเรียนเก่งคุณยายก็รู้” ใช่เรื่องไอ้จ๋าเรียนเก่งคุณยายนั้นรู้ดีแต่นี่ไม่ใช่ประเด็น!
คุณยายส่งสายตาดุปรามไม่ให้มันพูดมาก จนคนโดนปรามสะดุ้งโหย่ง
“กล้าจะทำให้คุณยายเองครับ!” ต้นกล้าบอกน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง กลัวตัวเองเสียฟอร์มจนลืมเรื่องที่ตัดสินใจไปก่อนหน้านี้สิ้น “คุณยายไม่ต้องเป็นห่วง แล้วก็ห้ามขายที่นี่นะครับ” ต้นกล้าขยับเข้าไปหาคุณยายประจบเอาใจ รู้สึกผิดที่ทำให้คุณยายรู้สึกไม่ดี สองแขนจึงโอบกอดร่างหญิงชราแน่น
ทั้งที่กอดและซบแก้มอยู่กับไหล่คุณยาย ต้นกล้ายังเหลือบมองเด็ดเดี่ยว ปากบวมเจ่อแสยะยิ้มเยาะอวดดี ก็ให้มันรู้ไปสิว่าคนอย่างต้นกล้าจะเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เหมือนที่คนตัวโตว่าจริง ๆ ถึงจะมาจากเมืองกรุงแต่เขาก็มีเลือดชาวนาจากแม่อยู่ครึ่งหนึ่ง ยังไงก็ต้องลองสู้กันดูสักตั้งล่ะวะ คนอย่างไอ้กล้าฆ่าได้หยามไม่ได้โว้ย!
“ได้ยินอย่างนี้ยายก็มีความสุขแล้วละลูก” คุณยายหอมแก้มหลานชายฟอดใหญ่แล้วกอดไว้แน่น อีกมือลูบหัวเบา ๆ ต้นกล้าสบตาเด็ดเดี่ยวเย้ยหยัน คิดจะฮุบที่ดินของคุณยายนะฝันไปเถอะ ถึงอยากซื้อแต่ต้นกล้าไม่มีวันยอมให้คุณยายขายแน่นอน
คนที่ถูกตราหน้าว่าหน้ามึนอมยิ้มสมใจ เหลือบมองคุณยายที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วยิ้มรู้กัน เป็นอันว่าแผนที่ไม่ได้วางกันไว้ล่วงหน้า สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์!
*****************
เช้าวันใหม่ คุณนภากับไอ้จ๋ากำลังช่วยกันจัดของขึ้นรถเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพ ถึงมันจะเศร้าใจที่คุณยายจะต้องไปแล้ว แต่ไอ้จ๋าก็ดีใจที่ลูกพี่กล้าของมันยังอยู่ที่นี่ มือมันจัดข้าวจัดของปากมันก็พูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยไม่หยุด จนคุณยายประไพศรีต้องปราม ไม่นานมันก็หาหัวข้อใหม่ขึ้นมาพูดอีกจนได้ แต่ก็โดนใครสักคนที่อยู่ตรงนั้นขัดอีกเป็นที่ตลกขบขันของทุกคน
“เรียงดี ๆ วางชิด ๆ กันจะได้เป็นระเบียบมีที่เก็บของเพิ่มอีก”
“ครับ” ไอ้จ๋ารับคำมือก็จัดของไปด้วย ทั้งกระเป๋าใบใหญ่ ลังใส่ผลหมากรากไม้และชะลอมของฝาก
“ป้านภาครับว่าง ๆ ไอ้จ๋าขอไปเที่ยวกรุงเทพบ้างนะครับ” ตัวไอ้จ๋าเองยังไม่เคยไปเห็นเมืองฟ้าอมรแห่งนั้นเลยสักครั้งตั้งแต่เกิด พอพูดถึงกรุงเทพมันเลยออกจะตื่นเต้นอยู่สักหน่อย “ไอ้จ๋าอยากไปเห็นกรุงเทพสักครั้ง ว่ามันจะสวยโสภาน่าอยู่ขนาดไหน”
“ได้สิ อยากไปเมื่อไหร่บอกป้าก็แล้วกัน”
“อย่าไปเลยจ๋าเอ๊ย มันจะหลงแสงสีเปล่า ๆ ” คุณยายปรามไอ้จ๋าไม่จริงจังนัก มีคุณกวินนั่งหัวเราะขำอยู่ข้าง ๆ
“โธ่คุณยายครับไอ้จ๋าก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างไรบ้าง ได้ไปดูไปเห็นจะได้เอามาคุยกับพวกไอ้ดำไอ้ว่าวมัน ว่าครั้งหนึ่งไอ้จ๋าก็เคยไปเหยียบเมืองกรุงเมืองหลวงกะเขามาแล้ว ใช่ว่าไอ้จ๋าจะไปหาแต่แสงสีนะครับ”
“คุยอะไรกันอยู่ครับคุณยาย” ต้นกล้าถามเดินเข้ามากอดคุณยายประจบประแจง
“ก็ไอ้จ๋านะสิ ริอ่านอยากไปเที่ยวกรุงเทพกะเขาด้วย” คุณยายบอกคนในอ้อมกอด พลางยกมือขึ้นมาขยี้กลุ่มผมสีแดงของต้นกล้าอย่างเอ็นดู “ยายว่ามันคงไม่ไหวหรอกได้หลงทางก่อนพอดี” ว่าจบคุณยายก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอารมณ์ดี ไอจ๋าได้แต่มองค้อนปะหลับปะเหลือก ทำปากจู๋ให้ก่อนหันไปทำงานต่อ
“จะไปจริงเหรอวะ”
“โธ่ลูกพี่ครับ ไอ้จ๋าแค่อยากไปดูเฉย ๆ แหละ ว่ากรุงเทพมันจะเหมือนอย่างที่คนเขาคุยกันหรือเปล่า ยังไงไอ้จ๋าก็ไม่ทิ้งบ้านเกิดหรอก ไอ้จ๋ามันสำนึกรักบ้านเกิดมากนะครับ นี่พูดเลย”
“เอ็งแน่ใจเหรอวะจ๋าสาวเมืองกรุงนะ สวย ๆ ทั้งนั้นนะเว้ย ขาวสวยหมวยเอ็กซ์เซ็กสะบึ้มนี่เยอะเลย ขี้คร้านแกไปเห็นแล้วจะไม่อยากกลับ” คุณกวินเสริมแล้วหัวเราะเสียงดังจนคุณนภาหันมามองตาดุ เล่นเอาหนุ่มใหญ่แทบสะดุ้ง
“โธ่คุณลุงครับ สาวที่ไหนจะมองคนอย่างไอ้จ๋าล่ะครับ ใจจริงไอ้จ๋าแค่อยากไปส่งคุณยาย การเที่ยวเมืองกรุงก็แค่ผลพลอยได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จะได้ไม่เสียเที่ยวไงครับ” ไอ้จ๋าชูคอบอกมีมาดทรง ตัวมันนั้นแสนจะภูมิอกภูมิใจในตัวเอง ที่ได้เกิดเป็นลูกหลานชาวไร่ชาวนาที่นี่อยู่แล้ว การไปเห็นบ้านเห็นเมืองใหญ่ ๆ แค่ไปหาประสบการณ์
“คุณนี่พูดอะไรก็ไม่รู้ จะไปเรียนที่นั่นเลยก็ได้นะจ๋า”
“ไม่เอาหรอกครับไอ้จ๋าเรียนที่บ้านนี่แหละ เลิกเรียนมาจะได้ดูไร่ดูนาให้คุณยายด้วย”
“พอแล้ว ๆ ไปขนของขึ้นรถไป”
“ครับ”
“ไอ้จ๋าถึงมันจะขาด ๆ ล้น ๆ ก็วางใจมันได้นะ อายุแค่นี้รับผิดชอบงานได้ทุกอย่าง ยายไม่อยู่เจ้ากล้าวางใจไอ้จ๋าได้นะลูก” คุณยายมองตามไอ้จ๋าวิ่งขึ้นเรือนพลางส่ายหน้าตามหลังมัน
“คุณยายครับกล้าก็รับผิดชอบได้น่า” เจ้าหลานตัวดีแค่พูดเอาใจคุณยายเท่านั้นแหละ จริง ๆ แล้วยังหวั่นกับการตัดสินใจของตัวเอง แต่หากว่าด้วยเรื่องของศักดิ์ศรีที่แม้มันจะกินเข้าไปไม่ได้ เป็นตายยังไงก็ต้นกล้าไม่ยอมให้ใครมาหยาม โดยเฉพาะคนหน้ามึน ๆ คนนั้น!
“ยายจะคอยดู” คุณยายกระชับอ้อมแขนรัดร่างหลานชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างแสนรัก หวังว่าการตัดสินใจให้ต้นกล้ามาอยู่บ้านทุ่งดอกจานครั้งนี้ จะเปลี่ยนเจ้าหลานตัวแสบไปในทางที่ดีขึ้น ถึงต้นกล้าจะเป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นงานไร่งานนาบ้างคงจะดีไม่น้อย
“เชื่อมือต้นกล้าได้เลยครับคุณยาย” แม้งานที่ต้องรับผิดชอบจะเป็นงานไม่ถนัด และไม่เคยทำมาก่อน แต่เพราะเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะคำสบประมาท ต้นกล้าจึงคิดจะลองดูสักตั้ง ความสำเร็จอยู่ที่ไหนความพยายามอยู่ที่นั่น นี่คือคติประตัวของต้นกล้า เพราะคนเรามันต้องมองเห็นความสำเร็จรออยู่สิ มันถึงจะมีความพยายามที่จะก้าวเดินไปหา
ต้นกล้าหมายมาดในความคิดของตัวเอง แต่ความรู้สึกฮึกเหิมล้นปรี่ที่ลอยฟูฟ่องอยู่ในใจ กลับโดนสกัดให้หล่นวูบลงสู่พื้นดิน ราวกับเชือกที่แขวนความฮึดสู้ขาดสะบั้นลง เมื่อเสียงของคุณยายดังแทรกเข้ามาในความคิด
“นั่นรถพ่อเดี่ยวใช่ไหมเจ้ากล้าดูให้ยายหน่อยสิใช่รถพี่เขาไหมลูก” ต้นกล้าไม่รู้ว่าทำไมคุณยายประไพศรี ถึงได้ปลื้มอกปลื้มใจกับคนหน้ามึนคนนี้นัก หากคุณยายเป็นสาวรุ่นอันนั้นคงเข้าใจได้ไม่อยาก เพราะคนคนนี้ก็หน้าตาดีน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ..หือ?
ต้นกล้าชะงักกับความคิดตัวเอง รีบเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็ว เอาเป็นว่าหน้าตาพอดูได้ก็แล้วกัน แต่นี่คุณยายของเขาชรามากแล้ว เรื่องนั้นจึงตัดทิ้งไปได้เลย แม้จะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณยายถึงได้ดูตื่นเต้นเหลือเกิน ที่เห็นคนหน้ามึน หรือว่า...เฮ้ย ปึก!
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรเจ้ากล้า” คุณยายหันมาถามเพราะอยู่ดี ๆ ต้นกล้าก็ยกมือขึ้นเขกหัวตัวเองอย่างแรง แล้วร้องออกมาเสียงดัง ก็จะอะไรเสียอีกถ้าไม่ใช่เป็นการลงโทษตัวเอง ที่มีความคิดบ้า ๆ แบบนั้นในหัว
“เปล่าครับคุณยาย”
พอหันกลับมาอีกทีรถกระบะสี่ประตูสีขาว ก็วิ่งเข้ามาจอดในมุมหนึ่งของลานหน้าบาน เด็ดเดี่ยวในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มพับแขนเสื้อเหนือข้อศอก เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงยีนสีซีดขนาดพอดีตัว ที่อวดความแข็งแกร่งของร่างกายให้เห็นได้อย่างชัดเจน ช่วงขายาวก้าวลงมาจากรถพร้อมกับเจ้าตัวที่ส่งรอยยิ้มสดใส เผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงซี่สวย ราวกับเขาเป็นนายแบบโฆษณายาสีฟันก็ไม่ปาน
“สวัสดีครับ” เด็ดเดี่ยวยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน แล้วหันมายิ้มให้ต้นกล้าที่ยืนหน้าตึงอยู่ข้างหลังคุณยาย
“จ้า ไปไหนมาล่ะลูก”
“ผมตั้งใจมาส่งคุณยายครับ”
“อ๋อ ขอบใจนะลูกนี่ก็จัดของเสร็จพอดี เดี๋ยวคงออกเดินทางกันได้แล้วใช่ไหมพ่อกวิน” คุณยายประไพศรีบอกเด็ดเดี่ยว แล้วหันไปถามความพร้อมจากลูกเขยที่เพียงหันมาพยักหน้าตอบรับ
“ครับ”
“คุณอาครับพ่อกำนันฝากของมาให้ด้วย นี่ครับ” เด็ดเดี่ยวบอกแล้วหันกลับไปเปิดประตูตอนหลังของรถ เพื่อหยิบของฝากที่รับหน้าที่เอามาให้คุณนภาถึงมือ กำนันอาจหาญอยากเอามาให้ด้วยตัวเองแต่ติดธุระ เลยต้องฝากให้ลูกชายมาเป็นตัวแทน
“ขอบใจจ้ะ ฝากอะไรมาเยอะแยะล่ะนี่”
“เอามานี่” ได้ยินว่ากำนันอาจหาญฝากของมาให้ศรีภรรยา คุณกวินไม่พอใจเดินมารับของตัดหน้า ก่อนที่คุณนภาจะยื่นมือออกไปเอา เด็ดเดี่ยวทำหน้าไม่ถูกเลยได้แต่ยิ้มเจื่อน แต่พอเหลือบไปเห็นรอยยิ้มเยาะ ที่ยกขึ้นทางมุมปากสวยของคนหัวแดง ใบหน้าหล่อคมคร้ามก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม แถมยังยักคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยให้ต้นกล้าเป็นการทักทาย
“มาพ่อเดี่ยวเข้าไปคุยกับยายตรงโน้นก่อนไปดีกว่า” คุณยายประไพศรีชวน หันไปเกี่ยวแขนหลานชายหัวแก้วหัวแหวนให้เดินเข้าไปด้วยกัน เหมือนรู้ทันว่าต้นกล้ากำลังหาทางชิ่งหนี
คุณยายประไพศรีผูกขาดการคุยกับเด็ดเดี่ยวเพียงสองคน โดยมีต้นกล้านั่งทำหน้าเนือยอยู่ข้าง ๆ จะเลี่ยงออกไปก็ไม่ได้ เพราะขยับตัวเมื่อไหร่ คุณยายเป็นได้หันมองดึงเขาเข้าสู่บทสนทนาด้วยทุกที ใบหน้าหล่อใสในแบบเกาหลีเลยบึ้งตึงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาที่ต้องจากกันมาถึง
“จัดของเสร็จแล้วจ้ะแม่” คุณนภาเป็นคนเดินมาบอก
“ยายคงต้องไปจริง ๆ แล้วสินะใจหายจัง” คุณยายประไพศรีหันมาบอกหลานชายที่เกาะแขน เอียงแก้มซบลงบนไหล่อบอุ่นของนาง
“ต้นกล้าไม่อยากให้คุณยายไปเลยครับ” คุณยายยิ้ม ยามอยากออดอยากอ้อนต้นกล้ามักแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเต็ม ๆ เสมอ
“จ้ะ ดูแลบ้านดี ๆ นะลูก ดูแลคนงานด้วย ทำอย่างที่ยายบอกไว้นั่นแหละ”
“ครับคุณยาย” ต้นกล้าอ้อนคุณยายประไพศรีก่อนจาก ทั้งกอดทั้งหอมแก้มซ้ายขวา เท่านั้นเหมือนจะไม่หนำใจ จึงกอดแล้วกอดอีกอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายซบลงตรงไหล่นางกอดไว้แน่น จนคุณยายต้องจับหลานชายให้ถอยห่าง
“พอแล้วเจ้ากล้าเดี๋ยวยายก็ไม่ต้องไปไหนกันพอดี”
“กล้าไม่อยากให้คุณยายไปนี่ครับ” น้ำเสียงและใบหน้าเหมือนเด็กอ้อนอยากได้ของเล่น แสดงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ต้นกล้าลืมว่ามีบุคคลที่ไม่ควรได้เห็นช่วงเวลาแบบนี้ของเขาอยู่ด้วย แต่ในเมื่อเขาลืมไปแล้ว คนคนนั้นเลยได้มีส่วนร่วมในการเฝ้ามอง
“ไว้ยายจะรีบกลับมา”
“ครับ”
“ยายฝากดูน้องด้วยนะพ่อเดี่ยว”
“..”
“พ่อเดี่ยว!”
“หา ครับ ๆ ”
“เป็นอะไรไปลูก”
“เอ่อ เปล่าครับคุณยายว่ายังไงนะครับ” ใช่มันไม่มีอะไรหรอก เด็ดเดี่ยวจะไม่เป็นอะไรเลย หากเขาไม่เอาแต่เฝ้ามองทุกอิริยาบถ ที่คนตัวเล็กปฏิบัติต่อคุณยาย ทั้งกอดทั้งหอมแก้มซ้ายขวาทั้งซบไหล่ มองเพลินจนเผลอคิดไปว่า ถ้าอีกคนมาทำแบบนั้นกับตัวเองจะรู้สึกดีมากแค่ไหน มองจนเผลอไผลคิดไปไกล หากไม่มีเสียงคุณยายเรียกเขาก็คงไม่รู้สึกตัว
“ยายฝากน้องด้วย”
“ได้ครับคุณยายไม่ต้องห่วงนะครับ”
“กล้าดูแลตัวเองได้ครับ ไม่เห็นต้องฝากฝังกับคนอื่นเลย”
“ยายเป็นห่วงนี่ ยังไงถ้าพ่อเดี่ยวว่าง ๆ ก็แวะมาบ้างนะลูกถือว่ายายขอ”
“ได้ครับ” คุณยายไม่ขอเด็ดเดี่ยวก็ยินดีมา
“แล้วก็...”
“ครับคุณยายมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“คือน้อง..” สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ช่างเถอะคงไม่เป็นไรหรอก ว่าง ๆ พ่อเดี่ยวก็แวะมาบ้างก็แล้วกัน”
“ครับ ถ้าว่างผมจะเข้ามาดูให้ คุณยายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ขอบใจจ้ะ”
“ไปเถอะจ้ะแม่สายมากแล้ว” ต้นกล้าช่วยพยุงคุณยายประไพศรีให้ลุกขึ้น แล้วพากันเดินออกไปยังลานหน้าบ้าน ที่รถตู้คันใหญ่สีดำเงางามเปิดประตูรออยู่ ไอ้จ๋ายืนยิ้มแฉ่งอยู่ข้างประตูรถ
***************
“ลูกพี่ครับ”
“...”
“ลูกพี่ครับ”
“..”
“ลูกพี่กล้าครับ!”
“อะไร” ต้นกล้าหันกลับมาตามที่ไอ้จ๋ามันเรียก เพราะเอาแต่ใจลอยมองส่งจนรถตู้คันใหญ่จนลับตา
“วันนี้เราจะทำอะไรกันก่อนดีครับ”
“ก็ อ่า เอ่อ มีอะไรให้ทำบ้างล่ะ”
“ก็มีงานในนากับที่ไร่มันที่ยังไม่เสร็จ แต่ที่ไร่ก็เหลือไม่เยอะครับ ไอ้จ๋าแบ่งคนงานไปช่วยแล้วจะเอาให้เสร็จวันนี้เลย”
“อ๋อเหรอ แล้วแกว่าฉันควรจะไปช่วยทางไหนก่อนดี”
“ลูกพี่ไปดำนาไหมล่ะครับ คนเยอะสนุกดีนะครับ” ดำนา! ต้นกล้าก็นึกสนุกอยู่หรอก แต่พอคิดถึงไอ้ตัวอ้วนดำที่เกาะขาวันนั้น ก็ให้รู้สึกขยะแขยงจนขนลุก!
“ว่าไงครับลูกพี่”
“เอาเป็นว่าวันนี้ฉันไปดูไร่มันดีกว่าว่ะ”
“อ๋อ..เอาอย่างนั้นเหรอครับ ตามใจลูกพี่ก็แล้วกันครับ” ต้นกล้าพยักหน้าเออออ ไม่มีทางบอกหรอก ว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากไปดำนา โดยเฉพาะตอนที่มีคนตัวโตหน้ามึนยืนฟังอยู่ ฝันไปเถอะว่าจะได้ยินอะไรแบบนั้นจากปากเขา ถ้าขั้นตอนการปักดำเป็นไปตามที่กำนันอาจหาญบอก ต้นกล้าไม่เอาด้วยแน่ ๆ ที่จะต้องลุยน้ำลุยโคลน ถ้าเจอไอ้ตัวอ้วนดำมากัดเข้าให้ ต้นกล้าคงได้แหกปากลั่นทุ่งอีกเป็นแน่แท้ แบบนั้นมันต้องเสียฟอร์มมากแน่และต้นกล้าจะไม่ยอม!
“อ้าวลูกพี่เดี่ยวยังอยู่เหรอครับ แหมไอ้จ๋าลืมไปเลยนะเนี่ยแหะ ๆ ” ไอ้จ๋าทักเมื่อหันมาเห็นเด็ดเดี่ยวยืนกอดอกจังก้าเท่ ๆ ฟังมันคุยกับต้นกล้าอยู่
“เออ”
“แล้วลูกพี่เดี่ยวจะทำอะไรครับวันนี้”
“ว่าง มีอะไรให้ช่วยก็บอก” เด็ดเดี่ยวว่างเสมอเพื่อจะได้มีโอกาสแกล้งใครบางคน ที่เขาเพิ่งจะยักคิ้วข้างเดียวให้ไปสองจึ๊ก
“งั้นดีเลยครับ ถ้าลูกพี่เดี่ยวจะกรุณาช่วยออกไปดูไร่มันกับลูกพี่กล้าได้ไหมล่ะครับ”
“ได้สิ/ไม่ต้อง!”
“อ้าว” คำตอบที่สวนทาง ทำไอ้จ๋าหน้าเกือบหงาย
ต้นกล้าปรามเสียงดุ “อย่าไปไหว้วานคนอื่นแบบนั้นสิวะจ๋า มันไม่ดีนะเว้ย”
“เออนั่นสินะงั้นไอ้จ๋าไม่รบกวนล่ะครับลูกพี่ขอโทษครับ” มันยกมือไหว้เด็ดเดี่ยวปลก ๆ ขอโทษขอโพย
เด็ดเดี่ยวหันไปแย้งต้นกล้า “จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะคุณยายก็ฝากที่นี่ไว้กับพี่เหมือนกัน”
“เราไม่มีพี่ แล้วเราก็ไม่ได้เป็นน้องใคร”
“ตายห่า!” สองหนุ่มหันขวับไปทางไอ้จ๋า มันร้องเสียงหลงขัดสองทัพใหญ่ ที่กำลังจะเริ่มเปิดศึกด้วยคำอุทานเสียงดัง จนลูกพี่ทั้งสองอ้าปากค้าง
“อะไรวะ”
“ไอ้จ๋าต้องรีบลงนาแล้วครับลูกพี่ พ่อบอกว่าส่งคุณยายแล้วให้รีบลงไปดูน้ำที่ปล่อยเข้านาฝั่งโน่นแหนะ ไอ้จ๋าไปนะครับเดี๋ยวน้ำจะล้น ตาย ๆ ลืมไปได้ไงวะ”
“เฮ้ย! ไอ้จ๋าเดี๋ยวสิ อะไรของมันวะ” ต้นกล้าเรียกแต่ไอ้จ๋ามันโกยแนบไม่เหลียวหลัง คนเรียกจึงได้แต่อ้าปากค้างถอนหายใจยาว มองตามจนมันวิ่งลับโค้ง แต่พอหันกลับมาก็ต้องผงะถอยแทบไม่ทัน
“เฮ้ย อะไรวะ!”
“หึ ๆ จะไปรึยัง”
“จะไปไหนก็ไปสิ”
“ตามมา”
“...” เด็ดเดี่ยวเดินผ่านหน้าต้นกล้า ไปทางรถกระบะสี่ประตูสีขาวที่จอดไว้ไม่ไกล โดยมีคนหัวแดงยืนมอง ปากสีสดที่หายเจ่อแล้วแบะออกเหยียด ๆ โดยไม่ได้ก้าวขาตามไปอย่างที่อีกคนบอกแม้แต่ก้าวเดียว
“จะไปหรือไม่ไป” แทนที่จะตอบคำถามดี ๆ ต้นกล้าแบะปากยักไหล่ให้ เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าไม่มีทาง
ไม่มีทางเดินตามก้นคนหน้ามึนต้อย ๆ
ต้นกล้าเดินผิวปากขึ้นเรือน ตรงดิ่งไปที่เก้าอี้ยาวตัวโปรดของคุณยาย ตอนนี้คุณยายไม่อยู่ต้นกล้าจะถือโอกาสครอบครองมันเอง ล้มตัวลงนอนช้า ๆ ท่าทางเกียจคร้านแต่อารมณ์นั้นดีเป็นพิเศษ เพราะยกนี้ต้นกล้าชนะขาด คนหัวแดงอมยิ้มหลับตาพริ้มลง ลมเย็นพัดมากระทบผิวให้รู้สึกสบายทั้งกายใจ ไม่นานก็ผล็อยหลับไปอย่างสุขี
เด็ดเดี่ยวมองตามหลังต้นกล้า อ่อนใจในความอยากเอาชนะโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังยิ้ม จนขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยรถแล้ว ยังยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนเป็นบ้า..
เฮ้ย! พอรู้ตัวแล้วหุบยิ้มแทบไม่ทัน ใบหน้าหล่อคร้ามคมสันเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง นิ่งได้ไม่นานคิ้วเข้มกลับขมวดมุ่น ในหัวคิดว่าตัวเองควรกลับบ้านไปแต่ใจช่างไม่รักดี จะกลับไปได้อย่างไรในเมื่อรับปากคุณยายไว้เป็นมั่นเหมาะ คุณยายไปยังไม่ทันพ้นหมู่บ้านดีด้วยซ้ำ จะละเลยต่อสิ่งที่ได้รับมอบหมายมันก็ไม่ใช่เด็ดเดี่ยวคนนี้แล้ว
สายลมอ่อนยามสายของวันพัดมาเอื่อย ๆ กล่อมคนหลับให้ยิ่งหลับสบายขึ้น แต่เพราะเป็นกลางวันที่แสงส่องสว่าง ถึงจะนอนสบายแค่ไหนไม่นานก็รู้สึกตัว เปลือกตาบางปรือเปิดขึ้นช้า ๆ กะพริบปริบ ๆ ปรับการมองเห็น ตาสวยยังสะลึมสะลือเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม แต่พอขยับพลิกตัวนอนตะแคงเป็นต้องชะงักไปกับภาพเบื้องหน้า
ข้างเก้าอี้ยาวที่ต้นกล้าใช้นอนเล่นจนงีบหลับ คือร่างกายสูงใหญ่ของคนหน้ามึน ที่นอนเหยียดยาวประสานมือไว้บนอก ตาที่เคยมองกันด้วยแววแปลก ๆ หลับพริ้มดูไร้พิษสง สันจมูกคมอย่างไทยแท้โด่งสูงเป็นธรรมชาติ
และ...ริมฝีปากบางหยักได้รูปที่..
ต้นกล้าให้รู้สึกวูบวาบผะผ่าวตามใบหน้าขึ้นมาเสียเฉย ๆ โดยเฉพาะริมฝีปากที่เผลอเม้มแน่น รู้สึกเหมือนวันเสียจูบแรก เหมือนเพิ่งถูกคนหน้ามึนจูบไปหยก ๆ ต้นกล้าโกรธ โกรธมากจนไม่อยากญาติดีกัน แต่นอกจากโกรธแล้วยังใจเต้นแรงแทบคุมไม่อยู่
หลับสบายเลยสินะ
พอวาดขาจะลงจากเก้าอี้ ถึงพึ่งสังเกตคนหลับชัด ๆ ว่าคงเอนตัวลงนอนบนพื้นแข็ง ๆ เลยไม่มีแม้แต่เบาะหรือผ้าปูรองหลัง หมอนสักใบก็ไม่หยิบมาหนุน ทั้งที่บนเก้าอีกรอบตัวมีหมอนอิงไว้หนุนยามนอนเล่นตั้งหลายใบ
“เหอะ” ต้นกล้าแบะปากให้คนหลับ ทั้งที่ความจริงจะปลุกก็ได้แต่กลับไม่ทำ แล้วทำไมไม่ปลุกล่ะ ไม่มีใครรู้ว่าต้นกล้าคิดอะไรอยู่ถึงได้ไม่ปลุกเด็ดเดี่ยว หนำซ้ำพอลุกขึ้นแล้ว กำลังจะก้าวขาข้ามร่างใหญ่โตที่นอนขวางดันชะงัก
“เฮ้อ” ถอดหายใจยาวแล้วกลอกตามองบน แต่ก็เอื้อมมือไปหยิบหมอนที่ตัวเองใช้หนุนนอนมาถือไว้ ตอนนี้ร่างสมส่วนตามมาตรฐานชายไทย ที่ยังไงก็ตัวเล็กกว่าลูกชายกำนันอาจหาญ กำลังยืนจังก้าคร่อมร่างที่นอนราบไปกับพื้น ในมือมีหมอนใบขนาดพอดีน่าหนุนสบายถือไว้
ต้นกล้าแทบกลั้นหายใจ ขณะค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งทั้งที่ยังคร่อมร่างหนาอยู่อย่างนั้น เข่าข้างหนึ่งยันไว้ที่พื้นส่วนอีกข้างยกขึ้น วางหมอนลงข้างศีรษะคนหลับ มืออีกข้างสอดรองท้ายทอยยกขึ้น ดันหมอนใบนุ่มเข้าไปรอง แต่ขณะที่กำลังวางศีรษะเด็ดเดี่ยวลงกับหมอน พลันดวงตาที่ปิดสนิทก็ดันเปิดขึ้นมาโดยไม่บอกกล่าว
“ลูกพี่!!”
o.O
***********

จูบๆๆๆ