แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11  (อ่าน 61436 ครั้ง)

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม


เห็นแม่ปลื้ม ไอ้เบิ้มก็ภูมิใจ

หมาหัวเน่าทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอด้วยใบหน้าบานเป็นจานเชิง และยิ่งยิ้มร่าเมื่อคมสันช่วยถือจานออกมาหลังแม่เบิ้มทำกับข้าวเสร็จ วางเป็นระเบียบสวยงาม จัดองศาเท่ากับทุกใบ จนแม่เบิ้มถึงกับออกปากชม

จากนั้นมื้ออาหารก็เริ่มต้น

ตอนแรก ก็ราบรื่นดีอยู่หรอก

แต่นั่งกินไปสักพัก...

“ไหวมั้ย” เบิ้มก็ก้มกระซิบคมสันที่ปากเริ่มแดง เหงื่อซึม แต่ตีเนียนได้เก่งกาจ แสร้งหยิบผักจิ้มน้ำพริกเอาใจคุณแม่ โดยหันมือเข้าหาตัวช่วยบังเหมือนกินเยอะ แต่ความจริงแล้วจิ้มนิดเดียว

แน่นอนว่าเบิ้มไม่คิดเปิดโปงกลเม็ดของคนรัก เขาเป็นห่วงมากกว่า เพราะอยู่ร่วมกันมาหลายเดือน เลยรู้ว่าคมสันกินรสไม่จัดมาก แล้วดูกล้ามแม่เบิ้มซะก่อน โขลกพริกทั้งสวนให้แหลกละเอียดรวมได้ในชามเดียว จิ้มนิดเดียวเผ็ดยันลำไส้ เบิ้มชินแล้ว แต่คมสันดูไม่ค่อยรอด คงคาดไม่ถึงว่าจะเผ็ดร้อนขนาดนี้

ใช่...เผ็ดร้อนมากเชียวล่ะ ปากสีแดงที่เริ่มเจ่อ ยิ่งเซ็กซี่ขยี้ใจไอ้เบิ้มนัก

คมสันไม่ตอบ แต่ตักข้าวเปล่ากินไปหลายคำ เบิ้มเห็นแล้วสงสาร นี่เขาพาคนรักมาทรมานรึเปล่าเนี่ย

โชคดีที่มื้ออาหารจบลงรวดเร็ว เพราะครอบครัวเบิ้มเน้นกินเร็วแล้วแยกย้าย ลับหลังมารดาบังเกิดเกล้าไปล้างจาน เบิ้มก็รีบรินนมสดมาให้คมสันดื่มแก้เผ็ด

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณเหมือนกัน” เบิ้มนั่งข้างคมสัน มองคนรักที่อมนมไว้ในปากพลันรู้สึกน่ารักเกินบรรยาย แทบละสายตาจากริมฝีปากแดงๆ นั้นไม่ได้เลย วินาทีนั้น ช่วงเวลาคล้ายเดินช้าลง เบิ้มเล็งเป้าแล้ว ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ตั้งใจช่วยคมสันแก้เผ็ดด้วยรสจูบหวานล้ำซาบซ่านไปทั้งใจ

น่าเสียดาย...

“เบิ้มโว้ย!”

ประตูบ้านถูกเปิดพรวด เบิ้มสะดุ้งโหยงลุกขึ้นต้อนรับแขกผู้มาเยือน ก่อนจะเป็นฝ่ายประหลาดใจซะเอง

“เฮ้ย พี่สมปอง!”

สมปอง คือรุ่นพี่ที่ค่ายมวยที่เบิ้มเคยไปฝากตัวบ่อยๆ อายุมากกว่าเบิ้มสี่ปี แต่รูปร่างฟิตเฟิร์มอย่าบอกใคร หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แถมยังอัธยาศัยดี ไม่นิ่งเงียบ (แต่ภายนอก) เหมือนเบิ้ม

“น้องชายเอ็งบอกว่าวันนี้จะพาแฟนมาเปิดตัว กูเลยรีบแวบออกมาดูเนี่ย”

เบิ้มฟังแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ สมปองนั้นดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว ชอบสอดส่องแฟนชาวบ้านเพื่อเอามาเป็นหัวข้อสนทนาล้อเลียนในวงเหล้า จนเพื่อนๆ พากันล้อเลียนด้วยสำนวนที่ว่า ‘สมปองรู้ โลกรู้’

แต่เบิ้มก็ไม่ได้คิดจะปิดเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นสักขีพยานความรักยังเปิดเผยไม่อายใคร กับแม่ผู้เคารพรักก็ผ่านด่านสบายๆ เมื่อสมปองปรากฏตัว เบิ้มเลยยินดีอย่างยิ่งที่จะแนะนำคนรักให้รู้จัก แหม คมสันภาพลักษณ์เลิศล้ำ หน้าตาดี การเงินดี การศึกษาดี ต่อให้เป็นเพศเดียวกันแต่ควงได้อย่างไม่อาย ออกจะภาคภูมิใจนำเสนอ ให้รู้ว่าคนอย่างไอ้เบิ้มนั้นได้ดิบได้ดีแล้ว

เขาไม่สนและไม่ทันได้สังเกต...ไม่เลยแม้แต่นิดเดียวว่าคมสันเผยแววตาผิดแปลกทันทีที่เห็นสมปอง

“นี่แฟนผมครับพี่ ชื่อคมสัน” เบิ้มเบี่ยงตัวเล็กน้อย เพราะเขายืนบังคนรักอยู่ บังซะมิดเลยด้วย “สัน นี่พี่สมปอง รุ่นพี่ที่เคยสอนมวยฉันเอง เก่งมากๆ เลยนะเคยขึ้นชกที่ต่างประเทศด้วย”

ภาพที่เบิ้มคิด คือสมปองและคมสันยิ้มทักทายกัน

แต่ภาพที่ปรากฏออกมา คือสมปองที่มองคมสันตาค้าง ไม่ใช่หลงรัก แต่ออกแนวช็อกแกมตะลึง ส่วนคมสันจ้องกลับสายตาราบเรียบ ไร้ความรู้สึกประทับใจใดๆ จนคล้ายจะเย็นชาในที

ก่อนริมฝีปากนั้นจะขยับยิ้มเชื่องช้า...

เพียงเห็น สมปองก็วิ่งสี่คูณร้อยออกจากบ้าน ทิ้งไอ้เบิ้มเป็นหมาโง่ยืนงงๆ

“อ้าว สมปองมาไม่ใช่เหรอ หายไปไหนแล้วล่ะ” แม่เพิ่งล้างจานเสร็จเดินออกจากครัว ถือถาดผลไม้เพิ่งปอกใหม่

“ไม่รู้สิครับ” เบิ้มเกาหัวงุนงง ไม่ทันทิ้งตัวนั่ง โทรศัพท์พลันดังขึ้น “พี่สมปองโทรมา”

“งั้นก็รับสิลูก” แม่พูดขอไปทีก่อนจะหันไปนำเสนอแตงโมกับสับประรดแก่ลูกสะใภ้ คมสันที่ยังไม่หายเผ็ดน้อมรับน้ำใจนั้นอย่างยินดี

(( ไอ้เบิ้ม! แกลาออกจากทีมสตั้นท์แมนไปเป็นบอดี้การ์ดเหรอวะ! ))

“พี่รู้ได้ไง” เบิ้มเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปยิ้มให้คมสันที่มองมาอย่างผิดปกติ สงสัยจะคิดถึงเบิ้ม อยากมองหน้าเบิ้มนานๆ ละมั้ง

(( เพราะพี่ก็โดนทาบทามเหมือนกันน่ะสิวะ! ตั้งแต่สามเดือ...ไม่สิ หกเดือนก่อน จู่ๆ ก็มีคนส่งของมาให้ชื่อคมสัน ตอนแรกนึกว่าโดนจีบ พอเข้าไปคุยถึงรู้ว่าอยากให้เป็นบอดี้การ์ด แต่โชคดีที่พี่รู้จักเพื่อนเยอะหลายวงการ เลยรู้ว่าคมสันเนี่ย...ส่งของขวัญให้คนหลายคน ทำตัวน่าสงสัยมีพิรุธแบบนี้ พี่ก็ถอยสิวะ! ))

ในหูเบิ้มคล้ายมีเสียงวิ้งๆ ดังก้อง ภาพคมสันก็คล้ายจะพร่าเบลอกะทันหัน

(( แค่เริ่มต้นก็ไม่จริงใจแล้ว ต่อให้เงินเยอะแค่ไหนก็ร่วมงานด้วยไม่ไหวหรอก! ))

 

เบิ้มจำไม่ได้เลยว่าวันนั้นขับรถกลับคฤหาสน์ถูกได้ยังไง

เพราะรู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำรดหัวตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ร่วมชั่วโมง

‘แค่เริ่มต้นก็ไม่จริงใจแล้ว ต่อให้เงินเยอะแค่ไหนก็ร่วมงานด้วยไม่ไหวหรอก!’

ประโยคเดียวเปลี่ยนชีวิตคงเป็นแบบนี้นี่เอง...แน่นอนว่าเบิ้มไม่ถึงกับเชื่อทันทีที่ได้ยิน เพราะการกระทำหลายอย่างของคมสันแสดงถึงความเชื่อใจและไว้ใจ แถมการเห็นหน้าสมปองแล้วเปิดช่องให้เขาคุยโทรศัพท์ก็ไม่ได้แตกตื่นลนลานเหมือนคนทำความผิดสักนิด

แต่รุ่นพี่จะโกหกเขาทำไม

ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องทำเลย นอกจากห่วงว่าเขาจะถูกหลอก!

ไม่ได้การ จะยืนเป็นพระเอกเอ็มวีไม่ได้แล้ว ไอ้เบิ้มใส่เสื้อแล้วหยิบกุญแจรถออกไปข้างนอก สวนกับคมสันที่นั่งอยู่ปลายเตียงด้วยชุดนอนไม่ได้นอนพอดี

“ไปไหน”

“ไปหาเพื่อนน่ะ” เบิ้มตอบพร้อมหลบตาคมสัน เพราะเบิ้มโกหกไม่เก่ง แต่จะให้พูดสารภาพตามตรงก็เกรงใจคนรักที่สู้อุตส่าห์สร้างความประทับใจให้แม่ของเขาในวันนี้ ถ้าไม่มั่นใจ เขาก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นหัวข้อทะเลาะ

เพราะตั้งแต่คบหากัน เบิ้มกับคมสันแทบไม่มีปากเสียงกันเลย

ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้แก่คมสัน เพราะเมื่อไหร่ที่เบิ้มเริ่มทำตัวแปลก เริ่มเว้นระยะห่าง คนรักจะไม่มาเซ้าซี้กวนใจ ก้าวก่ายขุดคุ้ยความลับ แต่เลือกที่จะให้เวลาทบทวนตัดสินใจ จนสุดท้ายเบิ้มต้องเป็นฝ่ายมางอนง้อซะเอง

“ขับรถดีๆ แล้วกัน”

“ครับ...”

เบิ้มมองตามคนที่เดินกลับห้องตัวเองด้วยจิตใจว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าไม่หาคำตอบในวันนี้คงอกแตกตายแน่ๆ!

เชื่อใจคมสันมั้ยก็เชื่อ

แต่เชื่อเพื่อนมั้ยก็เชื่ออีก

เลยออกมาเป็นความรู้สึกเกินบรรยาย ต้องรีบแถลงไขโดยด่วน!

ขับรถออกมาได้เขาก็รีบโทรหาสมปอง เพราะเรื่องเมื่อกลางวันนั้นน่าเหลือเชื่อเกินไป รุ่นพี่แสนดีเลยบอกว่าจะนัดคนที่เคยถูกคมสันทาบทามมารวมตัว เอาให้กระจ่างแจ้งเห็นชัด ให้เบิ้มได้สอบสวนเค้นความจริงด้วยตัวเอง

รถคันหรูจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อก่อนตอนอยู่ทีมสตั้นท์แมน เบิ้มก็เป็นอีกคนที่ชอบสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนๆ เพราะกลับบ้านก็ไม่มีอะไรทำ แต่พอเซ็นสัญญากับคมสัน เวลาแทบทั้งหมดของเขาก็ถวายไปกับการดูแลเด็กเวรและสวีตหวานกับคนรัก หลายครั้งเบิ้มได้ยินเพื่อนสนิทลอบประณามว่าได้แฟนแล้วทิ้งเพื่อน แน่นอนว่าเป็นแค่การแซวเล่นไม่จริงจัง แถมคนถูกแซวยังยิ้มรับหน้าด้านๆ อีกต่างหาก

ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการเมาหัวราน้ำ เพราะเพื่อนของเบิ้มแทบทุกคนเป็นพวกออกกำลังกายเน้นกล้ามฟิตหุ่น รักษาสุขภาพเป็นหลัก ส่วนใหญ่เลยดื่มพอสนุก ไม่ถึงกับภาพดับ อ้วกพุ่ง เต้นจำบ๊ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้...เบิ้มจะได้เลี้ยงส่งความรักหรือเปล่า

“ทางนี้!”

พอเดินเข้าไปในร้าน สมปองก็โบกมือเรียกให้ไปรวมกลุ่มทันที หลายคนพอคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะร่วมอาชีพเดียวกัน แม้จะต่างกลุ่มแต่มีชื่อเสียงพอตัว วงการสตั้นท์แมนกว้างไกลกว่าที่เห็น อย่างน้อยแค่พวกบริษัทฟรีแลนซ์รับงานอิสระก็แทบนับไม่ไหวแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นไม่คุ้นเลย อาจจะเป็นเหมือนสมปองที่โด่งดังตามค่ายมวย หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง

“สวัสดีครับ” เพราะแต่ละคนดูล่ำบึกทั้งนั้น เบิ้มเลยแยกไม่ออกว่าใครแก่กว่าใคร ยกมือไหว้มันรอบวงซะเลย

แต่ละคนก็รีบไหว้รับเบิ้ม แม้เบิ้มจะไม่รู้จักทั้งหมด แต่หลายคนรู้จักเบิ้ม อย่างน้อยก็ในฐานะสตั้นท์แมนอายุน้อยที่ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมงานต่างประเทศ ฝีไม้ลายมือเข้าขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะขับรถ ดำน้ำ เหินฟ้า ต่อยตีหรือกระโดดสูง เบิ้มทำได้หมด แถมยังหมดจดไร้ที่ติ ไม่รู้จักสิแปลก

“ไง ไปทำงานกับคมสันแล้วเหรอ”

“ครับ พวกพี่ๆ ก็เคยโดนทาบทามเหมือนกันเหรอ”

แต่ละคนทำหน้าไปไม่เป็น

“จะบอกว่าโดนทาบทามมั้ยก็...” คนใกล้สุดเกาหัว “เรียกว่าโดนจีบจะดีกว่า”

“เออ ใช่เลย!”

“ของฉันได้ดอกไม้ว่ะ”

“นี่ก็ส่งเนกไทมาทุกวันเลย”

“ฉันได้เข็มกลัด”

“ทางนี้พวงกุญแจว่ะ”

“ฉันได้ไฟแช็กเลยนะโว้ย”

“เด็ดสุดคือการ์ด ลายมือโคตรสวย”

แต่ละคนคุยเฮฮาเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่กับไอ้เบิ้มนั้น...ไม่ขำเลยสักนิด

เขาได้แค่เกลือแร่สองขวด ขวดละสิบบาท ต้นทุนต่ำสุด!

คล้ายจับได้ถึงความตึงเครียดของเบิ้ม แต่ละคนเลยเริ่มจริงจัง เข้าสู่เนื้อหาตึงเครียดทันที

“ความจริงพี่ก็ไม่รู้จักทุกคนหรอก แต่พอมีคนเตือน ก็เลยเริ่มสืบไล่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็รวมมาได้เป็นสิบคนนี้เนี่ยล่ะ!” สมปองเปิดประเดิม

“ทุกคนมีชื่อเสียงในวงการ และยังโสด ร่วมถึงมีเกณฑ์เบี่ยงเบน” คนใกล้เบิ้มพูดต่อ

“อายุก็ไล่ๆ กัน ตั้งแต่ช่วง 22-32 ไม่มีใครแก่เกินกว่านี้”

“หน้าตาไปวัดไปวา ไม่มีคนขี้เหร่ระคายตา”

“อย่างกับรจนาเสี่ยงคู่”

พูดถึงตรงนี้เหล่าคนที่หลุดพ้นแล้วก็เริ่มเฮอีกครั้ง ชนแก้วขณะเบิ้มหน้าซีด

“เอ่อ แล้วทำไมแต่ละคนถึงปฏิเสธกันเหรอครับ”

“ก็ไม่น่าไว้ใจนี่หว่า จู่ๆ คนของบริษัทอื่นส่งของมาให้ ก็ต้องคิดก่อนว่าถูกดึงตัวแน่ๆ” คราวนี้หนึ่งในทีมสตั้นท์แมนต่างบริษัทพูด

“ใช่ๆ”

“แถมพอรู้ว่ามีคนอื่นได้เหมือนกัน เลยรีบถอย”

“แต่คมสันคนนั้นก็ร้ายนะ พอรู้ว่าไม่เล่นด้วย ก็ไม่ส่งของมาอีกเลย”

“เออ แต่เดินเข้ามาคุยตรงๆ ว่าจะจ้างบอดี้การ์ด”

“แถมต้องคอยดูแลรับส่งเด็กอีก ไม่เอาหรอก เป็นสตั้นท์แมนสนุกกว่าตั้งเยอะ”

 “แล้วพวกพี่ล่ะ” เบิ้มหันไปถามคนที่เหลือซึ่งประกอบวิชาอาชีพอื่น ที่กล้าเรียกพี่เต็มปากเต็มคำ เพราะทุกคนบอกว่าเองว่าในนี้อายุต่ำสุดคือยี่สิบสอง มากสุดคือสามสิบสอง ฉะนั้นยังไงเบิ้มก็เป็นน้องเล็ก แม้ขนาดตัวจะไล่เลี่ยกันก็ตาม

“เหตุผลคล้ายๆ กัน จู่ๆ มีใครไม่รู้ส่งของมาให้ ยังไงก็ต้องระแวงบ้างล่ะวะ”

สรุปแล้วปัจจัยแรกที่ทำให้เบิ้มตกบ่วงง่ายกว่าคนอื่น...คือเป็นพนักงานร่วมบริษัทกับคมสัน เห็นหน้าค่าตาเป็นประจำเลยไม่ระแวงนั่นเอง

“เอาจริงๆ หลายคนในนี้ก็แอบสนใจอยู่หรอก คนระดับคมสันหาไม่ได้ง่ายๆ เสนอตัวมาเองใครๆ ก็อยากลองทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ สัญญาตลอดชีพ ใครจะกล้าเซ็นวะ”

เบิ้มน้ำตาตก ไม่กล้าบอกว่าก็เขานี่ไงที่กล้าเซ็น

“แล้ว...ในบรรดาพวกพี่ ใครติดต่อกับคมสันนานสุดเหรอครับ”

“ฉันเอง” ชายหัวเกรียน มาดนิ่งเงียบ ยกมือตอบอย่างสงบคล้ายโดนบังคับมา  “โดนจีบอยู่สองเดือน บอกว่าไม่สนใจแต่ยังส่งของมาให้ จนสุดท้ายไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ทางนั้นคงเข้าใจแล้วเลยไม่ส่งของมาอีก”

เบิ้มแทบกระอัก คนคนนี้ถึงกับได้กินข้าวกับคมสัน ขณะที่ตัวเขานั้นต้องเป็นฝ่ายเข้าหา

“เฮ้ย เบิ้ม! ร้องไห้ไมวะ”

“ไม่มีอะไรครับพี่ ผมขอตัวก่อนนะ” เบิ้มรีบเดินหนีออกจากร้าน จะบอกได้ไงว่าเขาโดนหลอกอย่างจัง ถูกปั่นหัว ถูกทรยศความไว้ใจอย่างยับเยินจนลูกผู้ชายถึงกับหลั่งน้ำตา

เบิ้มยังไม่รีบร้อนกลับคฤหาสน์ เขาเพียงนั่งเงียบๆ คนเดียวในรถ พยายามทบทวนเรื่องราวทั้งหมด

รวมถึงทบทวนความรู้สึกของตัวเอง

แย่ชะมัด เขาคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากคำว่า ‘ใจสลาย’

การกระทำแสนพิเศษที่หลงดีใจ สัญญาว่าจ้างที่ไม่ต่างกับการขอแต่งงาน แท้จริงแล้วจะเป็นใครก็ได้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้

เป็นใครก็ได้

ส่วนเบิ้มก็เป็นแค่คนโง่ๆ ที่คมสันให้เกลือแร่สองขวด ขวดละสิบบาทก็เดินตามต้อยๆ

วูบหนึ่ง เบิ้มน้ำตาคลออีกครั้ง

นึกว่าจะมีรักแรกและรักสุดท้ายแสนสวยงาม

...สุดท้ายกลับถูกเหยียบย่ำความรู้สึกอย่างยับเยิน

 

เบิ้มกลับถึงคฤหาสน์ตอนตีหนึ่ง เขาใช้เวลากับตัวเองจนมั่นใจว่าจะไม่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดต่อหน้าคมสัน เพราะเรื่องนี้จะโทษใครได้นอกจากความโง่งมหลงเพ้อละเมอหาของเขาเอง ไอ้เบิ้มก็เป็นคนดีอย่างนี้ ช่วยไม่ได้จริงๆ คนมันรักไปแล้วทำไงได้

ยิ่งคิดว่ารักมาก ทุ่มให้ทั้งใจ ไอ้เบิ้มก็ยิ่งเจ็บ ตอนเก็บข้าวของแล้วเห็นเสื้อที่คมสันซื้อให้ ภาพความหวานแหววในอดีตก็ปรากฏวาบ ไอ้เบิ้มแทบกระอักเลือด ช้ำในยิ่งกว่าสมัยขึ้นชกกับสมปอง เพื่อให้ทุกอย่างจบลงไวๆ เบิ้มเลยกวาดเสื้อส่วนของตัวเองใส่กระเป๋า รูดซิปปิด เตรียมลากออกจากห้อง

ส่วนค่าปรับที่ฉีกสัญญาน่ะเหรอ

ถ้าจำไม่ผิดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่เบิ้มไม่สนใจหรอก ฝีมือระดับเขา ไปเป็นสตั้นท์แมนที่ฮอลลีวู้ดสักปีสองปีก็น่าจะได้ครบแล้ว ใช่ เบิ้มคิดจะไปต่างประเทศ ส่วนแม่กับน้องชายนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเขาจะพาไปด้วย ก่อนหน้านี้ติดที่การเรียน เพราะช่วงพ่อของเบิ้มเสียน้องเขาเพิ่งอยู่อนุบาล แต่ตอนนี้กำลังจะเข้าประถมหนึ่งพอดี ย้ายที่เรียนได้ไม่ลำบาก

ใช่ เบิ้มคิดมาดีแล้ว

เขาทบทวนตัวเองและวางแผนเผื่อในอนาคต รวมถึงรู้ด้วยว่าทันทีที่เตรียมก้าวขาออกจากห้อง คมสันจะต้องปรากฏกาย

ประตูสู่แดนลี้ลับเปิดออกในจังหวะที่เบิ้มกำลังหันหลังพอดิบพอดี คมสันในชุดนอนไม่ได้นอนยืนมองเบิ้มด้วยสายตาสงบนิ่งและเยือกเย็น ใบหน้าไร้ความง่วงงุนทั้งที่ได้เวลานอนตามปกติแล้ว

เบิ้มหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายไม่อิดออด เขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ หนีหน้าหายหัวไปเฉยๆ

อย่างน้อย...

“เราเลิกกันเถอะ”

ก็ต้องบอกเลิกกันให้จบเรื่องจบราวไม่มีอะไรค้างคาใจ!

------------

ปรบมือต้อนรับให้ตัวประกอบครอบครัวตระกูลสมอีกคนหนึ่งผู้มีชื่อว่าสมปองนะคะ
สมปองมาเพื่อสร้างความร้าวฉานแก่ครอบครัว ทำให้พี่เบิ้มตาสว่าง กับความจริงที่แสนร้าวรานใจผู้ชายตัวโตๆ จนถึงกับหลั่งน้ำตา พี่เบิ้มตั้งความหวังกับรักแรกและรักครั้งนี้มากค่ะ เพราะรักมากเลยเสียใจมาก แล้วยังไม่นับการกระทำของคมสันที่หว่านแหไปทั่วอีก

ตอนหน้าจอมมารจะแก้ตัวยังไง
ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่มาม่า จอมมารจบเกมไว

 
เพจนักเขียนที่สงสารพี่เบิ้มจับใจ
#จอมมารคมสัน
Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ค้างงงงงงง สงสารพี่เบิ้ม ถึงร่างพี่เบิ้มจะแข็งแกร่งบึกบึน แต่เรื่องจิตใจพี่เบิ้มอ่อนไหวมาก เป็นใครๆจะไม่เสียใจล่ะคมสันเล่นจีบคนมาเป็นบอดี้การ์ดด้วยวิธีเดียวกันหมดแบบนี้  :laugh:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :mew4: น้ำตาไหลตามพี่เบิ้มเลยจ้า รอดูคุณคมสันจะทำไงต่อ  :pig4:

ออฟไลน์ KK ก้านแก้ว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ปักไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่าน ชอบชื่อเรื่อง ><

ออฟไลน์ Peterpanmama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
สงสารเบิ้มอ่า จุกแทน เจอแบบนี้ใครจะทน
อยากให้เบิ้มใจแข็ง ตัดใจเดินจากมาเถอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เบิ้มผู้มีใจอ่อนโยน กลับโดนย่ำยีหัวใจ จอมมารจะตะล่อมหรือตัดสัมพันธ์เบิ้มหรือเปล่าน้า

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
สงสารจอมมาร ต้องวางแผนวางหมาก มากมาย

เพื่อหาคนที่ใว้ใจได้มาอยู่ช่วยดูแลเด็กเวร(เสี่ย)

ที่เป็นยอดดวงใจของ

จอมมารต้องยอมลดตัวเพื่อไปจีบพวกนี้มา

แต่วาสนาพวกมันไม่ดีเหมือนพี่เบิ้ม เลยไม่คลิ๊ก

แต่พี่เบิ้มนั้น แม้ว่า จะได้แค่เกลือแร่ แต่ด้วยบุญพาวาสนาส่ง

เลยได้มาเป็นบอดี้การ์ดคู่บุญให้คุณหนูของคมสัน

ดีจะตายไป จะน้อยใจทำไม

ทำไมไม่ชื่นชมว่าเพื่อเจ้านายตัวน้อยๆที่แสนรัก

คมสันต้องทุ่มเทไปคุยกับพวกนั้น ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของคมสัน

จำใจต้องไปกินข้าวกับคนเหล่านั้นทั้งที่ไม่จำเป็น

คมสันทำเพื่อคุณหนู คมสันผิดตรงใหน

ถ้าเบิ้มใจเสาะ และหูเบานิสัยงี่เง่าแบบนี้ ก็ใสหัวมันไปเถอะคมสัน

 อย่าไปง้อมัน

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ค้างงงงงงงง......... 
แต่เบิ้ม ไม่น่ารีบบอกเลิกนะ  :really2:
รอฟังคำอธิบาย เหตุผลของอีกฝ่ายก่อนสิ  :hao3:

เบิ้ม   คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม

 

“เราเลิกกันเถอะ”

ทันทีที่พูดคำนั้น คมสันถามกลับเพียงสองคำ

“ทำไม”

เบิ้มกดหัวคิ้ว พยายามให้สติอยู่เหนืออารมณ์

“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว” เบิ้มเอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่อยากขึ้นเสียงใส่คมสัน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังเป็นคนที่เขารู้สึกชอบพอ แม้จะไม่ลงเอยด้วยดี แต่ก็อยากจะจากกันด้วยดี

เขามีความสุขจริงๆ ยามอีกฝ่ายอยู่ใกล้ หันมายิ้ม หรือแตะตัวกัน เบิ้มไม่เคยใจเต้นกับใครนอกจากคมสัน ไม่เคยยอมลงและนึกรักชอบใครเท่านี้มาก่อน ถึงจะเป็นเพียงการหลอกใช้ แต่ช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน นับเป็นสิ่งมีค่าและทำให้เบิ้มได้เรียนรู้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักทั้งแบบคนรักและแบบที่มอบให้กับเด็กชายคนหนึ่ง เบิ้มซาบซึ้งเสมอกับสิ่งที่คมสันทำเพื่อเด็กเวร จนนึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันนั้น

แม้สุดท้ายแล้ว...

“วันที่นายส่งเกลือแร่ให้ นายไม่ได้ส่งให้ฉันคนเดียว แต่ยังส่งดอกไม้ ส่งเนกไท ส่งไฟแช็ก ส่งเข็มกลัด และอีกหลายอย่างให้คนอื่นด้วย คมสัน นับตั้งแต่นายรู้ว่าภรรยาคนที่สองของประธานท้อง นายก็เริ่มคิดจะหาบอดี้การ์ดมาดูแลคุณหนูของนายแล้ว ข้ออ้างเรื่องพาคนรักมาอยู่ด้วย ก็แค่ทำให้ท่านประธานตายใจ ยอมให้มาอยู่ที่นี่โดยไม่ติดใจสงสัยว่าคุณหนูโดนปองร้ายจากคนใกล้ตัว”

...ทุกอย่างจะพังทลายในวันนี้

ใช่ คมสันอ้างเหตุคนรักเพื่อบังหน้าท่านประธานเท่านั้นเอง เพราะไม่อยากให้ความชั่วร้ายของภรรยาคนที่สองแตก ไม่อยากให้ทั้งคู่แตกหักกัน แล้วสร้างความวุ่นวายใจแก่คุณหนูที่รักยิ่ง

“ตอนนั้นนายคงร้อนใจ ถึงได้หว่านเมล็ดออกไปหวังว่าเก็บเกี่ยวได้สักคนก็พอแล้ว และในเมื่อจะเลือกคนมาสักคน ก็ต้องเป็นคนที่พร้อมจะถวายหัวเชื่อฟังไปตลอด คนอย่างคมสันคงไม่คิดจะทำดีหวังผลแค่ครั้งเดียว ในเมื่อลงแรงแล้วก็ต้องให้เซ็นสัญญาผูกมัดคนนั้นไปตลอด โดยแสร้งว่ามีใจให้”

ยิ่งพูด เบิ้มก็ยิ่งตาสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ทุกอย่างปะติดปะต่อกันพอดี อย่างมีเหตุมีผลเสียด้วยสิ

“และคนโง่คนนั้นก็คือฉัน...ไอ้เบิ้มคนนี้ที่ตกหลุมรักนายเข้าจริงๆ”

เบิ้มน้ำตาคลออีกแล้ว

รักครั้งแรก...ทุ่มเทให้สุดใจ แต่ได้รับกลับคืนด้วยการทรยศ

เขารีบเช็ดน้ำตา ลูกผู้ชายตัวโตๆ ต่อให้มาบอกเลิกกันก็ไม่ควรทำตัวน่าสมเพช โดยเฉพาะกับคนรักที่เพียงยืนพิงประตูมองนิ่งๆ ไม่คิดจะแก้ตัวอะไร

“พูดมาสิสัน ว่าฉันเดาถูก”

“ใช่ นายเดาถูก”

วินาทีนั้น ยิ่งกว่าฟ้าถล่ม คือไอ้เบิ้มที่แทบลงไปทรุดกับพื้น

ต่อให้รู้แจ้งแก่ใจ ต่อให้คิดความเป็นไปได้มากแค่ไหน แต่ไม่สู้ได้ยินจากปากของคมสันเอง

เขาทำได้เพียงมองคมสันอย่างตัดพ้อ ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้...เพียงเพื่อต้องการคำอธิบาย

“แต่ก็ไม่ทั้งหมด” คมสันเดินไปนั่งปลายเตียง ยกขาไขว่ห้าง เป็นครั้งแรกที่ชุดนอนไม่ได้นอนของคนรักไม่อาจทำให้เบิ้มใจเต้น มีเพียงความเจ็บร้าวลึก ยิ่งอยู่ก็เหมือนยิ่งทรมานตัวเอง “ตั้งแต่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นท้อง ฉันก็สังหรณ์ใจไม่ดี คิดอยากหาบอดี้การ์ดให้คุณหนูจริงๆ ไม่ใช่แค่กลัวโดนปองร้าย แต่เพราะคุณหนูเริ่มโตขึ้น เริ่มเที่ยวเล่น ท้าตีท้าต่อย และออกห่างจากฉันมากขึ้น จะคอยระวังด้วยตัวคนเดียวก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นบอดี้การ์ดในที่นี้ จะต้องปกป้องคุ้มครองคุณหนูได้ตลอด ไม่แค่การหมายเอาชีวิต แต่หมายถึงเรื่องส่วนตัวด้วย และไหนๆ ก็ต้องหาบอดี้การ์ดแล้ว จะให้เปลี่ยนหน้าบ่อยๆ คุณหนูคงไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า จึงต้องหาคนที่เจริญหูเจริญตา อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เข้าขากันได้ดี หรือง่ายๆ ก็คือ...”

พลันคมสันเผยยิ้มหวาน รอยยิ้มที่เคยทำให้เบิ้มเคลิ้มจนไปไม่เป็น

“การเลือกบอดี้การ์ดสำหรับฉันไม่ต่างกับการเลือกคู่”

“คมสัน!”

เบิ้มกัดกราม ตอนนี้นอกจากจะไม่เคลิ้มแล้ว ยังโมโหกับความคิดบ้าๆ นั่นอีกด้วย

“นายไม่เคยมีความรักสินะเบิ้ม” คมสันหัวเราะในลำคอเบาๆ “ฉันเองที่ทั้งชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุณหนู ก็ไม่เคยมีความรักเหมือนกัน”

พลันอีกฝ่ายหลุบตาต่ำ ซ่อนความนัยใต้กรอบแว่น เบิ้มเองก็นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งคมสันเงยหน้าและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ฉันไม่คิดจะรักใครไปมากกว่าคุณหนู เพราะถ้าฉันไม่รักเขาที่สุด ไม่ยกเขาเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง คุณหนูก็คงไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ไม่กลายเป็นเด็กดีอย่างนี้หรอก”

พลันคมสันเปลี่ยนท่า จากนั่งประสานมือบนตัก เป็นเอนหลังเล็กน้อยแล้วใช้มือค้ำ ดูผ่อนคลายแสนสบาย จนเบิ้มลอบกัดฟันว่าเรื่องของเขาเห็นจะไม่เคยสำคัญในความคิดอีกฝ่ายเลย

ซึ่งอาจจะใช่ก็ได้ เพราะพอพ้นจากเรื่องคุณหนูสุดที่รัก คมสันก็เล่าความจริงทุกอย่างด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย

“จะหาบอดี้การ์ดก็ต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดมืออาชีพ ใช่ว่าฉันคิดไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจ เงื่อนไขของฉันเรียกร้องมากเกิน ทั้งต้องดูแลเด็กตลอดเวลา ทั้งระยะเวลาในสัญญาว่าจ้างที่ไม่มีกำหนด แค่สองข้อนี้ก็ทำให้บอดี้การ์ดมืออาชีพบอกปัดแล้ว และต่อให้มีคนสนใจ ฉันก็ไม่เอาอยู่ดี เพราะฉันไม่ได้ต้องการบอดี้การ์ดยืนหน้าทื่อๆ ตลอดเวลา ฉันต้องการคนที่จะมา...ใช้ชีวิตร่วมกัน”

คมสันขยับตัวเล็กน้อย

“บอดี้การ์ดมืออาชีพแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน ฉันไม่ต้องการหุ่นยนต์ เลยลองหาอาชีพอื่นที่พอมีวิชาการต่อสู้ติดตัวมาทำหน้าที่นี้แทน ตัวเลือกมีมากมาย แต่เพราะทำงานในบริษัทบันเทิง ฉันเลยมีข้อมูลเกี่ยวกับทีมสตั้นท์แมนเยอะเป็นพิเศษ ฉันหาคนที่รูปร่างหน้าตาไม่เลว โสด มีโอกาสรักชอบผู้ชาย แล้วส่งของไปจีบทุกคน”

คมสันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดันแว่น หันมายิ้มให้เบิ้มอีกครั้ง

“ของขวัญทั้งหมดวานคนอื่นช่วยส่ง เพราะฉันคงแยกร่างทำพร้อมๆ กันไม่ได้ อย่างเกลือแร่ของนาย...แรกๆ ฉันก็ฝากยามหน้าบริษัทที่เฝ้ากะเช้าเป็นคนซื้อแล้ววางบนโต๊ะให้ ส่วนการ์ดก็เขียนตุนไว้ ให้ยามช่วยใส่ในถุงไปด้วยแค่นั้นเอง”

เบิ้มก้มหน้า กำหมัด...ไม่ได้จะต่อยคมสัน เขาเพียงพยายามระงับอารมณ์กับความจริงที่เคยทำให้ตื่นเต้นดีใจ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการกระทำส่งๆ ที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย

“มีของขวัญส่งให้ทุกวันเช้าเย็น มีหรือจะไม่มีใครใจอ่อนเลย ส่วนใหญ่ก็ต้องดีใจที่เป็นฝ่ายถูกชอบ แถมการกระทำลับๆ ล่อๆ ก็ยิ่งท้าทายกระตุ้นสัญชาตญาณผู้ชายได้ดี อ้อ ของขวัญฉันเลือกตามความชอบของแต่ละคนนะ เห็นแบบนี้ฉันก็ทุ่มเทไม่เบา อย่างนายชอบดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ x ฉันก็ซื้อให้ถูกใช่มั้ยล่ะ”

คมสันเปลี่ยนกลับมานั่งประสานมือบนตักอีกครั้ง

“และนายก็เป็นคนที่มีความคืบหน้าที่สุด อย่างน้อยก็เป็นคนแรกที่ดักเจอฉันจริงจัง อาจเพราะเราอยู่บริษัทเดียวกันด้วยละมั้ง...ถึงได้คืบหน้าไวกว่าคนอื่น” คมสันเว้นช่วงเล็กน้อย “หลังๆ ฉันเลยเริ่มเอาเกลือแร่ไปวางเอง หวังเก็บเกี่ยวผลครั้งนี้ แต่ระหว่างนั้นคนอื่นๆ ก็ติดต่อเข้ามา เพราะอยู่ต่างที่ ฉันเลยเล่นตัวมากไม่ได้น่ะ ส่วนใหญ่ก็จะนัดเจอกันเลย”

พลันคมสันเงียบลงไปอีกครั้ง คล้ายไม่รู้จะเล่าต่ออย่างไรดี เลยเปลี่ยนเป็นฝ่ายตั้งคำถามแทน

“เพื่อนของนายคนที่ติดกับของฉันแล้วปลีกตัวช้าที่สุดคือกี่เดือน”

“สองเดือน”

“ความจริงคือสามเดือน มีคนที่ไม่รู้และนึกสนใจฉันเหมือนนาย เบิ้ม” คมสันเฉลย “แต่วันที่นายมาดักรอฉันที่ลานจอดรถ ยอมขับรถไปโรงเรียน รับคุณหนู แล้วยอมเซ็นสัญญา ก็คือการยุติทุกอย่าง ฉันเลิกส่งของขวัญให้คนอื่นๆ เพราะฉันเลือกนายแล้ว”

“ฟังดูดีนะ”

แต่ไม่น่าดีใจสักนิด

เบิ้มคิด แม้จะไม่ร้องไห้ต่อหน้า แต่ใครจะรู้ว่าในอกเบิ้มนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาท่วมท้นจากความเศร้าเสียใจ

“วันนั้นก็เหมือนการทดลองงาน ถ้านายไม่ผ่านเกณฑ์ ฉันก็ไม่คิดจะหยิบสัญญาให้เซ็นหรอก มีหลายคนที่เข้ามาแล้วปฏิเสธฉันหรือถูกฉันปฏิเสธ เพราะการอยู่ร่วมกับคนอีกคนหนึ่งก็ต้องเลือกให้มากหน่อย จริงมั้ย”

“งั้นตอนที่ให้ไปดูแลคุณหนูท้าต่อยนั่นละ ไม่ใช่ว่า...ต้องการกันหรอกหรือ”

“ต่อให้ไม่มีนายฉันก็จัดการเองได้ อาจจะไม่ใช้วิธีเหนือมนุษย์ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ ฉันห้ามคุณหนูไม่ได้ แต่ฉันห้ามคู่กรณีของคุณหนูไม่ให้ไปตามนัดได้” คมสันยิ้มมุมปาก แต่เบิ้มยิ้มไม่ออกสักนิด “นั่นก็เป็นการทดลองงานเหมือนกัน และนายก็ทำให้ฉันเชื่อว่าถ้ามีคนปองร้ายคุณหนูจริง จะวางใจฝากชีวิตไว้ได้”

คำพูดกึ่งเยินยอนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย

ยิ่งฟัง เบิ้มก็ยิ่งดิ่ง ความรู้สึกของเขาเนี่ยล่ะที่ทิ้งดิ่ง แทบจะหมดอาลัยในตัวคมสัน

“แล้วที่กอด ที่จูบล่ะ”

“ฉันทำไปตามสัญชาตญาณ รู้ว่าถ้าทำแล้วนายจะชอบ”

เบิ้มทนไม่ไหวแล้ว

ประโยคนั้นไม่ต่างกับคำตัดสิน เขาคว้ากระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้องทันที แต่คมสันกลับรั้งชายเสื้อไว้

“ไม่ฟังให้จบก่อนเหรอ” คนที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอกสบายใจ จู่ๆ กลับรีบร้อนรั้งชายเสื้อด้วยรอยยิ้มจางที่ชวนให้เบิ้มยิ่งปะทุอารมณ์

“ให้ฟังอะไรอีก ฟังว่าฉันโง่แค่ไหนที่เชื่อใจนายงั้นเหรอสัน!” เบิ้มตะโกนลั่น ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่คะตอกใส่คนคนนี้ แต่การกระทำของคมสันก็ทำให้เขาระงับตัวเองไม่ไหว มันเจ็บที่ใจ มันปวดในอก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย “ปล่อย อย่าให้ต้องใช้กำลัง”

แต่คมสันไม่ปล่อย

“คมสัน!” เบิ้มตะโกนอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่มีเยื่อใยแล้วจะรั้งไว้ทำไม

“แค่ฟัง นายทำได้มั้ยเบิ้ม”

น้ำเสียงที่อ่อนลง กับมือที่กำชายเสื้อแน่นจนยับเยิน ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เจ็บแทบใจจะขาด แต่เบิ้มกลับยอมยืนนิ่ง อาจเพราะใจมันไม่รักดี ลึกๆ แล้วยังหวังว่าคมสันจะมีข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้น อย่างน้อย...ก็ไม่ถึงกับต้องแตกหัก ให้เรื่องราวที่ผ่านมาพอมีความจริงใจอยู่บ้าง

อย่าว่าแต่เบิ้มที่ประหลาดใจตัวเองที่ยอมอยู่นิ่งๆ คมสันเองก็ประหลาดใจ คนที่ก้มหน้าจับชายเสื้อเหลือบตามองเขาครู่หนึ่งอย่างสับสน ก่อนจะรีบหลุบลงพร้อมเอ่ยเสียงเบาหวิวคล้ายรำพึงรำพัน

“นายเป็นคนแรกที่ขึ้นเสียงแต่ฉันไม่โกรธแถมยังรั้งเสื้อไว้ด้วย”

คำพูดทีเล่นทีจริง ทำให้เบิ้มถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

นี่ไม่ใช่ประโยคที่เขาอยากฟัง

“การเลือกบอดี้การ์ดก็เหมือนการเลือกคู่ และการที่ฉันเลือกนาย แสดงว่านายตรงสเปคที่สุดนะ”

“สรุปว่านายกำลังจะสารภาพรัก?”

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้นายยกเลิกสัญญา”

“ความจริงใจของนายอยู่ที่ไหน สัน!”

“การบอกความจริงทั้งหมด คือความจริงใจของฉัน” คมสันเอ่ยอย่างนิ่งสงบ ราวปรับอารมณ์สับสนเมื่อครู่ได้แล้ว  “อย่าดูถูกความจริงใจของฉันเบิ้ม ความจริงของฉันคนนี้ ขนาดพ่อและแม่แท้ๆ ของฉันยังไม่เคยรู้ว่าฉันคิดยังไงกับอนาคตของคุณหนู ขนาดคุณหนูเองก็ไม่รู้ว่าฉันทุ่มเทให้เขามากแค่ไหน ท่านประธานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรลับหลังท่านบ้าง ไม่มีใคร... ไม่มีใครเคยรู้เลย”

พลันคมสันเงยหน้าจ้องเขาอีกครั้ง เผยยิ้มบางออกมา

“นายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับความจริงใจนี้นะ”

คำพูดหนักแน่นที่ทำเอาเบิ้มอยากจะบ้า

คุยกับคมสันเหนื่อยกว่าที่คิดเยอะเลย

“ฉันจะปิดบังต่อไปก็ได้ แต่ฉันเลือกที่จะพูดออกมา เพราะฉันไม่เคยพูดโกหกกับนายสักครั้ง เบิ้ม”

ใช่ คมสันไม่เคยโกหกเขาจริงๆ แต่ชอบพูดกำกวน เปลี่ยนเรื่อง ไม่ก็ทำให้เข้าใจผิดไปเอง

ถ้าขนาดคำบอกรักยังไม่เคยพูด

ก็แสดงว่าคมสัน...ไม่โกหกจริงๆ นั่นแหละ

เบิ้มเหนื่อยแล้ว

เขาหันหลังอีกครั้ง ครั้งนี้คมสันตกใจมาก ไม่เพียงจับชายเสื้อ แต่ถึงกับถลามากอดเอว

“สรุปแล้วนายรักฉันมั้ย”

ท่าทางที่ผิดปกติของคมสันทำให้เบิ้มกัดฟันถามอีกครั้ง

“...”

คำตอบยังน่าผิดหวังเหมือนเดิม แต่ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่า คือมือซุกซนที่สอดเข้ามาในกางเกงของเบิ้ม

เบิ้มรีบดึงมือนั้นออกทันที มองด้วยสายตาเจ็บปวด

“เห็นฉันเป็นตัวอะไร คนหื่นตันหากลับงั้นเหรอ!” ตาแดงไปหมดแล้ว โกรธที่คมสันคิดจะใช้วิธีบ้าๆ รั้งตัวไว้ เบิ้มไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ “นายเป็นบ้าแล้วรึไง!”

“ทำในสิ่งที่คนรักกันควรทำ ผิดตรงไหน”

“คนรักที่ขนาดคำบอกรักยังพูดไม่ได้น่ะเหรอ” เบิ้มคำรามในคอเบาๆ

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นแตะตัวง่ายๆ รึไง” คมสันถามกลับ แม้น้ำเสียงจะราบเรียนกึ่งเย็นชา แต่แววตาใต้กรอบแว่นนั้นกลับสั่นเครือน้อยๆ จนแทบจับผิดไม่ได้

เพราะมีกรอบแว่นบดบังอยู่

วินาทีนั้นเบิ้มเหมือนถูกอะไรบางอย่างตีหัว เขานิ่งงันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะวางกระเป๋า แล้วใช้วิชาเดอะแฟลชถอดแว่นคมสันด้วยความไวเสียง

แน่นอนว่าอีกฝ่ายขัดขืน

แต่คมสันหรือจะสู้ไอ้เบิ้มได้ พอเห็นว่าแว่นถูกแย่งไป ก็ตวัดตาจ้องอย่างหงุดหงิดแกมคาดโทษ ถอยห่างออกอัตโนมัติ

“พูดอีกทีสิ ประโยคเมื่อกี้”

“ต้องให้พูดด้วยเหรอ...” พอไร้แว่นบดบัง คมสันก็เสยผมอย่างงุ่นง่าน ท่าทางนั้นไอ้เบิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ “ที่ผ่านมายังไม่เข้าใจอีกรึไง”

“ไม่ พูดสิ”

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นทำแบบนี้...” นานครั้งคมสันจะเป็นฝ่ายถูกบังคับ และนั่นคงสร้างความไม่ชอบใจแก่อีกฝ่ายมากทีเดียว จากผละถอยอย่างเสียท่าเมื่อครู่ คมสันเลยเปลี่ยนมาจับเชือกผูกเอว ค่อยๆ คลายมันออกช้าๆ ด้วยสีหน้าคล้ายต้องการคุมเชิงที่เหนือกว่า “นอกจากนายด้วยรึไง”

ผิวขาวที่เบิ้มเคยใฝ่ฝันอยากสัมผัสค่อยๆ ปรากฏเบื้องหน้า แต่ไม่ทันได้เปิดเปลือยก็ต้องชะงักเพราะไอ้เบิ้มรีบถลาเข้าไปกุมมือไม่ให้คมสันทำให้บรรยากาศที่ประหลาดอยู่แล้วประหลาดไปกว่าเดิม

ใช่ มาย้อนนึกดูดีๆ การกระทำของคมสันในวันนี้โคตรประหลาด

ผิดแปลกจนเบิ้มยังฉุกใจ แม้จะช้าไปสักนิด...แต่ก็คงไม่สายเกินไป

โธ่ ทุกคนครับ คนโดนหลอกคือเบิ้ม แล้วทำไมไอ้เบิ้มถึงกลายเป็นคนยืนบื้อยื้อยุดได้ เขาก็ยังสงสัยตัวเอง

ยิ่งสบดวงตาซึ่งปราศจากกรอบแว่น แล้วพบว่าภายใต้ใบหน้าเยือกเย็นเหินห่าง แท้จริงแล้วแฝงด้วยอารมณ์มากมายปะทุอยู่ในนั้น เบิ้มก็ยิ่งตาสว่างของตาสว่าง

เขาเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่บอกเลิก เขาแทบไม่สบตาคมสันเลย เพราะกลัว เพราะเสียใจ เพราะอยากจะไปเต็มที

แต่พอจ้องชัดๆ ในตอนนี้ เขาก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่าง...

ท่าทางหลุกหลิกลนลาน อยากรั้งใจแทบขาด แต่พยายามแสดงออกภายใต้สีหน้าและน้ำเสียงที่เยือกเย็น

ถ้าลองทบทวนคำพูดของคมสันช้าๆ...

“ฉันไม่เคยพูดโกหกกับนายสักครั้ง”


ใช่ คมสันไม่เคยพูดโกหกกับเบิ้ม ถ้าตัดคำว่ารักออกไป แล้วลองย้อนบทสนทนาของพวกเขาสักนิด

“นายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับความจริงใจนี้นะ”

คมสันกำลังจะบอกว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นใช่มั้ยนะ

ไหน ลองย้อนไปอีกซิ

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้นายยกเลิกสัญญา”

นี่ก็เป็นประโยคที่ตรงไปตรงมาของคมสัน แต่เขาดันคิดว่าโดนยอกย้อน

“การเลือกบอดี้การ์ดก็เหมือนการเลือกคู่ และการที่ฉันเลือกนาย แสดงว่านายตรงสเปคที่สุดนะ”

คมสันจะบอกว่าถูกตาต้องใจไอ้เบิ้มคนนี้มากไม่ใช่เหรอ

เอ้า ลองย้อนไปอีก

“นายเป็นคนแรกที่ขึ้นเสียงแต่ฉันไม่โกรธแถมยังรั้งเสื้อไว้ด้วย”

เบิ้มเริ่มใจเต้นขึ้นมา

ยิ่งนึกย้อนไปพลางมองตาคมสันซึ่งยังสั่นไหวอย่างทำอะไรไม่ถูกไปพลาง เขาก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ไหน ลองทวนประโยคต้นเรื่องที่ชวนหัวร้อนซิ

“ฉันทำไปตามสัญชาตญาณ รู้ว่าถ้าทำแล้วนายจะชอบ”

ประโยคนี้ถ้าลองตีความดีๆ...

“สัน”

“อะไร” คนที่โดนจับมือทั้งสภาพเสื้อภาพหลุดลุ่ยไปครึ่งถามเสียงเรียบ ฟังเย็นชาเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดว่าสายตาที่มองเบิ้มนั้นเหมือนจะเกรงๆ กลัวโดนขึ้นเสียง

“เวลาที่นายกอดจูบ ทำไปตามสัญชาตญาณใช่มั้ย ทำเพราะรู้ว่าฉันจะชอบ แล้วนายล่ะ...ชอบมั้ย”

“...”

“ไม่ได้ถามว่าชอบฉันมั้ย หมายถึง...เวลากอดจูบกันน่ะ นายชอบความรู้สึกตอนนั้นมั้ย” เบิ้มรีบอธิบาย เขาเองก็พูดวกวนไม่แพ้อีกฝ่ายเลย

เพราะกำลังตื่นเต้นกับความจริงบางอย่างที่เพิ่งค้นพบ

และคิดว่าเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยพี่ชาย

“ถ้าเรื่องนั้นละก็...ชอบ”

ชัดเลย

ถ้าถามว่าอะไรที่ชัด เบิ้มบอกได้คำเดียวว่า ทุกการกระทำของคมสันเนี่ย ชัดแล้ว!

จุดประสงค์เริ่มต้นของคมสันมีแอบแฝงแน่นอน เจ้าตัวเองก็ยอมรับ ตั้งใจหาบอดี้การ์ดให้คุณหนู อันนี้ผ่าน

การคัดเลือกบอดี้การ์ดที่ออกแนวหว่านแหนั้น แม้จะน่าโมโห แต่สุดท้ายเลือกเบิ้มเพราะว่าถูกใจถูกสเปคที่สุด อันนี้ก็ผ่าน

ต่อมาการยั่วเย้าหลอกล่อให้เบิ้มเต็มใจทำงาน มีส่วนทำให้ตัวคมสันเองก็เริ่มชอบพอด้วย อันนี้ยิ่งผ่าน

สรุปทั้งสามผ่านแล้ว เบิ้มขอรับประกันว่า...คมสันรักเบิ้ม!

แต่เป็นความรักแบบไม่ยอมรับ เป็นความรักที่มีความรักต่อคุณหนูบดบังอยู่ รักแบบที่เห็นคุณหนูสำคัญกว่า เป็นรักที่ไม่คิดจะเรียนรู้ แต่ใช้การกระทำปกป้องของคุณหนูในการสานสัมพันธ์

คนสองคน ต้องตาต้องใจ เคมีเข้ากันได้ อยู่ใกล้กันไม่สปาร์คสิแปลก

เสียก็แต่ใครบางคนปากแข็ง ไม่ยอมพูดความรู้สึกออกมา คงจะรู้สึกผิดกับคุณหนูละมั้ง ก็เพิ่งประกาศชัดไปเองว่าจะรักคุณหนูที่สุด จะรักให้มากกว่าใครนี่นะ...

“นายไม่เคยมีความรักสินะเบิ้ม ฉันเองที่ทั้งชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุณหนู ก็ไม่เคยมีความรักเหมือนกัน”

คีย์เวิร์ดมันอยู่ที่ประโยคแรกๆ ที่คุยกันนี่เอง เบิ้มอยากจะเอาหัวโขกเสา คมสันสารภาพตามตรงไม่อ้อมค้อม เขานั่นแหละที่มัวแต่จิตตกอยู่ได้

โอย ปวดหัวชะมัด แต่คิดไปคิดมา คมสันที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักไม่เลว

อะไรนะ เบิ้มไม่กลัวที่โดนหลอกซ้ำซ้อนอีกเหรอ

ต่อให้คมสันโกหกจริง แต่สายตาคนไม่โกหก

ไม่นับการผวากอดก็ดี ทั้งไอ้การถอดเสื้อ จ้องตาหวั่นๆ ก็ดี นั่นไม่ใช่อาการของคนโกหกแน่นอน

เพราะคมสันเองก็เริ่มจะเย็นไม่อยู่แล้วเหมือนกัน

“เฮ้อ...” วินาทีนั้น ไอ้เบิ้มถอนหายใจหมดปอด ก่อนจะรวบคมสันมากอดทั้งตัว

คนโดนกอดแข็งค้างคล้ายยังปรับอารมณ์ไม่ถูก

“ไม่ไปแล้ว” เบิ้มเอ่ยออกมาในที่สุด ทำให้คนในอ้อมกอดคลายความเกร็งลงทันที

นอกจากเด็กเวรจะน่าสงสารที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง เบิ้มว่าคมสันเองก็น่าสงสารเหมือนกัน

พยายามโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อปกป้องเด็กน้อยคนหนึ่งเกินไป จนลืมจะใส่ใจความรู้สึกตัวเอง

“ไปนอนเถอะ” เบิ้มปล่อยคมสัน วันนี้เขาเหนื่อยมาก อยากนอนสบายเต็มแก่

แต่คนที่มักกล่าวราตรีสวัสดิ์กลับไม่ยอมขยับไปไหน

“สัน?”

เจ้าของชื่อมองเบิ้มยังชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียง...ของเบิ้ม

เขาหัวใจจะวายแล้ว

ภาพของคนรักในชุดนอนไม่ได้นอน เปิดไหล่หมิ่นเหม่ เชือกรัดเอวหลวมๆ ห่มผ้าห่มของเบิ้ม หนุนหมอนของเบิ้ม...

“ก็แค่กลัวคนแถวนี้จะโกหก แอบหนีกลับลับหลังฉัน”

แล้วยังพูดจาน่ารักแกมตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคล้ายต้องการจับผิดไม่ให้เบี้ยวสัญญาว่าจ้างประหนึ่งคนไร้เยื่อใยกันนั้น ทำให้เบิ้มแทบจะลงไปร้องไห้กับพื้น

มีคนรักฉลาดแถมเข้าใจยากก็ต้องทำใจ

เอาเถอะ ถือว่าเป็นบทเรียนให้ต่างเข้าใจกันมากขึ้นก็แล้วกัน!

------------

 

การรับมือของคมสันนั้นง่ายมากค่ะ

‘พูดความจริง’

คมสันสารภาพความจริงทั้งหมด คิดว่าเบิ้มจะเข้าใจ เพราะนี่เป็นการแสดงความจริงใจของคมสัน คำพูดแฝงความรู้สึกเยอะมาก ถ้าตั้งสติฟังดีๆ จะรู้เลยว่าคมสันเนี่ย...ก็ชอบเบิ้มนั่นแหละ บอดี้การ์ดคือการเลือกคู่ การเลือกหลายๆ คนแล้วเจอหน้ากันก็ไม่ต่างกับการนัดดูตัว แล้วคนที่เหลือรอดคนสุดท้ายก็คือเบิ้ม หรือคนที่คมสันชอบที่สุดนั่นเอง

คมสันทำเพื่อคุณหนูจริง แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินใจ

แต่คมสันไม่ยอมรับหรอกค่ะ เลยออกมาเป็นการพูดความจริงที่เล่นเอาพี่เบิ้มเข้าใจผิด เกือบเลิกกันแล้วถ้าไม่ติดว่าคมสันยอมวางทิฐิบางส่วนลง แล้วรั้งเบิ้มไว้ พยายามจะพูดให้เข้าใจ ว่านี่คือที่สุดของจอมมารแล้วจริงๆ
เพราะตัวคมสันเองก็ไม่คาคคิดเหมือนกันหรอกคะว่าการเลือกบอดี้การ์ดที่ถูกตาต้องใจอยากอยู่ด้วยเนี่ยจะนำพาไปเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งเข้าจริงๆ ต่างคนต่างเป็นสเปคของกันและกัน นิสัยเองก็เข้ากันได้ พอมาอยู่ใกล้ๆ มีปฏิสัมพันธ์เข้าก็เลยพัฒนาความรู้สึกกันไปไว และเนื่องด้วยอะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้น ก็ทำให้คมสันกับเบิ้มเริ่มผูกพันกันผ่านปัญหาต่างๆ ของเด็กเวร

จะบอกว่าเด็กชายกิจภัทรเป็นกามเทพที่ไม่ทำอะไรเลย มั่นหน้าอย่างเดียวก็ถูกอยู่
ตอนหน้าจะบรรยายในส่วนของคมสันนะ จะได้เข้าใจความคิดจอมมารกันค่ะ!


เพจนักเขียนที่พอมาเขียนคู่นี้จริงๆ แล้วรู้สึกซับซ้อนกว่าที่คิดจังนะ
Twitter
#จอมมารคมสัน

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เข้าทำนองอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ เพราะความใกล้ชิดกับรู้ลักษณะนิสัยกันแล้วก็รักกันได้ไม่ยาก

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ชอบความไม่หลุดคาร์แรคเตอร์มากๆเลยค่ะ คมสันก็ยังคงเป็นคมสัน ขนาดตอนรั้งพี่เบิ้มไว้ ไม่มีฟูมฟายใดๆ ไม่เห็นถึงความอ่อนแอใดๆ การใช้คำพูดแสดงความรู้สึก ยังคงเป็นคมสันที่ฉลาดและน่าเกรงขามอยู่เสมอ แต่นี่ก็ยังถือว่านางยอมให้พี่เบิ้มเยอะเลยนะ
ที่รู้ๆโลกนี้ไม่มีใครรักเสี่ยมากเท่าคมสันอีกแล้ววว

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
จอมมารน่ารักอย่างที่ไม่เคยคิด
เวลามีเบิ้มกับคำว่ารักในประโยคเดียวกันรู้สึกเขินแปลกๆมากเลย5555

ออฟไลน์ pranliew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คมสัน คนซึนนนนนน ชอบก็บอกว่าชอบไปเลย เรื่องที่คมสันบอกนี่ชอบมาก แบบเหมือนเป็นการบอกความจริงไปเลยตรงๆ ดีกว่ามาหาคำโกหกเลี่ยงไปมา// รออ่านต่อนะคะ สนุกมากๆ ชอบความป่วนของเด็กเวรเลยค่ะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
พี่เบิ้มต้องใส่ใจขนาดไหนถึงมองเห็นคำบอกรักที่แฝงอยู่ลึกขนาดนี้ของจอมมารออก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จอมมารรักเบิ้ม แต่พูดให้ต้องคิดตามตลอด   :really2: :เฮ้อ: :-[

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ทีมจอมมาร

จะผิด จะถูก ป้าก็อยู่ข้างจอมมาร

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
จอมมารของข้าน้อยยยยยย

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1

 

ข้างกายของคมสัน คือไอ้เบิ้มที่หลับเป็นตายอย่างผ่อนคลายสบายใจจนน่าหมั่นไส้

เป็นครั้งแรกที่พวกเขานอนบนเตียงเดียวกัน...ตะกองกอดกัน คมสันขยับตัวเล็กน้อย หาตำแหน่งเหมาะๆ ให้ตัวเองหนุนบนท่อนแขนแข็งๆ แต่อบอุ่น มุมนี้ทำให้เห็นใบหน้าของคนรักได้ใกล้กว่าที่เคย ได้สำรวจอย่างละเอียด ว่าแม้จะตัวใหญ่บึกบึนทำหน้านิ่งจนน่ากลัวในบางครั้ง แต่ไอ้เบิ้มนั้นช่างตรงสเปคจริงๆ

อันที่จริงคมสันก็ไม่รู้จักสเปคตัวเองหรอก เขาเกาะติดกับคุณหนูตลอด ทั้งชีวิตตั้งเป้าเพื่อทำให้คุณหนูมีความสุขอยู่บนกองเงินกองทองโดยไม่มีใครกล้ามาทำอันตรายหรือมีอุปสรรคมาแผ้วพาน เพราะคมสันรู้...ว่าถ้าปล่อยเด็กชายไว้คนเดียว ท่ามกลางครอบครัวที่แทบไม่เป็นครอบครัว เด็กผู้แสนจะใสซื่อหลอกง่ายคนนั้นจะต้องมีชีวิตที่โคตรจะล้มเหลวถึงขั้นหมดตัวหรือโดนหลอกไปขายแบบสบายๆ

เอาจริงๆ แล้วที่คุณหนูของคมสันสุดโต่งถึงขนาดนั้นไม่ใช่กรรมพันธุ์ทางสายเลือด แต่ยังเป็นการเอาอกเอาใจและสร้างความเชื่อแบบผิดๆ ของตัวเขาเองด้วย แต่ถ้าคมสันไม่ทำแบบนี้ เด็กชายคงเตลิดไปนานแล้ว ที่สำคัญ...คมสันหักใจดุด่าว่ากล่าวแบบตรงๆ ไม่ลง เห็นแบบนี้ แต่คมสันไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่คุณหนูด้วยซ้ำ เพราะรู้เยอะ รู้มาก รู้ว่าเด็กคนนี้น่าสงสารและขาดความอบอุ่นขนาดไหน ต้องการเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิด เสียก็แต่ผู้ให้กำเนิดพากันรักตัวเองมากกว่า ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใจให้กัน ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลชาติบดินทร์ก็คล้ายถูกทิ้งไว้ตรงกลาง แล้วคมสันจะหักใจทิ้งไปอีกคนได้ยังไง เขามีแต่จะมอบความรักให้แบบสุดความสามารถ

แม่คมสันเองก็เคยถาม ว่าเขาไม่มีความฝันหรือสิ่งที่อยากทำเองบ้างหรือ

เพราะตลอดชีวิตนับตั้งแต่คุณหนูเกิด ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนอำนวยแก่อนาคตของเด็กคนนี้ คมสันขยันเรียนเข้าคณะบริหารธุรกิจ เพื่อจะได้ช่วยส่งต่อบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนท์ให้คุณหนูแบบสวยๆ โดยไม่ล้มละลายไปซะก่อน เขาแทบไม่มีเพื่อนฝูง เพราะตั้งใจเรียนให้จบในสามปี อัดวิชาการเรียนเต็มที่ ระหว่างเข้าเรียนก็ทบทวนวิชาอื่นไปด้วยเพราะตอนเช้าต้องคอยนั่งรถไปส่งเด็กชายไปโรงเรียน ถ้าไม่มีคมสัน คุณหนูจะงอแงไม่ยอมไป พอตอนเย็น คมสันก็ต้องรีบแจ้นไปรับ เพราะถ้าคมสันไม่มา คุณหนูก็จะไม่ยอมกลับ กลับถึงบ้านก็ต้องช่วยสอนการบ้าน จับให้นั่งกินข้าว ไล่ไปอาบน้ำ แล้วส่งเข้านอน

...คมสันไม่เคยเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นเลย

ประหนึ่งเป็นพ่อลูกอ่อน ในหัวทั้งวันคิดแต่คุณหนูจะโดนแกล้งมั้ย จะเรียนรู้เรื่องมั้ย วันนี้จะแอบเขี่ยผักอีกรึเปล่า เวลาเดินเล่นนอกบ้าน ก็ต้องคอยจ้องคุณหนูดีๆ ไม่ให้เดินหลง หนังที่ดูเป็นประจำก็คือการ์ตูนดิสนีย์ เพลงที่ฟังบ่อยก็ไม่พ้นพวกเพลงการ์ตูนอนิเมชั่น วันหยุดสุดสัปดาห์ แทนที่จะได้อ่านหนังสือสอบ กลับต้องมานั่งทำสรุปวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กชั้นมัธยมต้น เพราะรู้ว่าสมองน้อยๆ นั้นถ้าไม่ทำให้เข้าใจง่ายรับรองสอบไม่ผ่านแน่ๆ

ฉะนั้นพอโดนแม่ถาม คมสันเลยตอบไม่ได้ เพราะขนาดงานอดิเรกที่ชอบ กิจกรรมที่อยากทำ ยังไม่มีเลย

ไม่สิ เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยกินรสจัด แต่พอดูแลเด็กชายเต็มตัวก็กลายเป็นกินรสกลางๆ จนติดไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าจำไม่ผิด คมสันเคยเกลียดมะเขือเทศด้วยซ้ำ แต่เขาจะเลือกกินต่อหน้าเด็กไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกินให้ดู จากเกลียดก็กลายเป็นพอกินได้ซะงั้น

มานึกดูดีๆ คมสันแทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย

แต่เขาก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจอยากได้เวลาของตัวเองคืน เพราะทุกวันนี้ก็มีความสุขดี การได้เห็นเด็กชายที่แม้ไม่มีสายเลือดเดียวกันเลือกเดินตามหลังเขาต้อยๆ แทนที่จะเป็นพ่อแม่แท้ๆ นั้นทำให้คมสันให้ความสำคัญกับคุณหนูมาก เพราะขนาดเด็ก...ยังรู้เลยว่าใครที่จริงใจและรักมากกว่า

ฉะนั้นพอเรียนจบ คมสันเลยสมัครเป็นผู้ช่วยเลขา คอยเรียนรู้งานจากมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเองเพื่อที่จะได้ไปสอนงานกับคุณหนูอีกต่อตอนอีกฝ่ายอายุสิบแปด เขาโดนเพื่อนร่วมงานมองด้วยสายตาทิ่มแทง โดนนินทาลับหลังว่าเป็นเด็กเส้น มีอภิสิทธ์เหนือใคร จะมาเข้างานกี่โมงก็ได้ออกตอนกี่โมงก็ได้ ต่อให้สร้างผลงานมากแค่ไหน แต่ก็ไม่วายโดนด่าอยู่ดี

ใช่ว่าจะไม่เคยเจอ ด้วยผลการเรียนแสนโดดเด่น ทำให้คมสันโดนหมั่นไส้ตั้งแต่ตอนชั้นประถมยันมหาลัยแล้ว แต่เขาไม่คบค้าสมาคมกับใคร เลยเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่คนในบริษัท...คือคนที่จะมาร่วมงานในอนาคต ถ้าเลี่ยงได้ คมสันก็ไม่อยากโดนมองเป็นศัตรู ถ้าคุณหนูรับตำแหน่งประธานเมื่อไหร่เกรงจะยิ่งโดนด่ากว่าเดิม

คมสันเป็นประเภทเน้นทำมากกว่าพูด โชคดี เพราะผลงานที่ผ่านมาทำให้คนนินทาน้อยลง และคมสันเองก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ เขาหมั่นซื้อของฝากพี่ๆ น้องๆ ในแผนก เลยพอจะเริ่มมีข่าวลือด้านดีออกไปบ้าง คนปลื้มก็มีไม่น้อย แม้จะไม่มีใครกล้าคบหาอย่างสนิทใจ แต่ก็นับว่าไม่เลวร้ายมากเท่าตอนเพิ่งทำงานแรกๆ

แผนการในอนาคตเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง คมสันเบาใจ อย่างน้อยพออายุสิบแปดคุณหนูก็ไม่ต้องคอยแบมือของเงินจากพ่อแม่ มีรายได้เป็นของตัวเองแบบไม่อดตายแล้ว

แต่...ข่าวร้ายกลับมาเยือนกะทันหัน เมื่อภรรยาคนที่สองของท่านประธานท้อง!

ทันทีที่รู้ข่าว คมสันก็เริ่มวางแผนและลงมือทันที เริ่มโดยที่ภรรยาคนนั้นไม่ทันคิดว่าจะกำจัดคุณหนูเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออาจไม่ทันคิดเพราะยังดีใจกับลูกชาย แต่อนาคตเมื่อมีผลประโยชน์เข้ามา ก็ใช่ว่าจะไม่คิด ประจวบเหมาะกับคุณหนูเริ่มโต จากที่เชื่อฟังน่ารัก ก็เริ่มจะห่ามๆ สมเป็นวัยรุ่นขึ้นมาแล้ว อย่างวันก่อนก็มาขอเขาไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน คมสันร้อนใจประหนึ่งคุณแม่ยังสาว กลัวเด็กที่เลี้ยงดูมาจะโดนหลอกไปเล่นอะไรแผลงๆ

เขาต้องการ...บอดี้การ์ด!

ถ้าเลือกได้ คมสันก็อยากรู้ทุกการเคลื่อนไหวของคุณหนู แต่เขาไม่ใช่นินจา ไม่ใช่ผู้มากวิชาที่จะแอบตามติดโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว อืม...คุณหนูน่ะอาจไม่รู้ตัว แต่เพื่อนๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สงสัยหากมีเขาคอยเดินตามนี่ ถ้าเลือกได้คมสันก็อยากหาผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งเบาภาระวัยต่อต้านของเด็กกำลังโต

เขาเล็งผู้ชายในวัยที่ไม่ห่างกับตัวเองมาก มีฝีมือการต่อสู้ดี หน้าตาเจริญหูเจริญตา นิสัยพอเข้ากับตัวเองได้ เอ็นดูเด็ก แล้วเริ่มส่งของขวัญไปจีบ คมสันตั้งเป้าว่าจ้างระยะยาว เพราะด้วยความที่ทั้งโลกมีแต่คุณหนู การจะหาคนมาอยู่ด้วยก็ไม่ควรเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ให้มานั่งทำความรู้จักใหม่ คมสันเองก็ใช่ว่าจะชอบเข้าหาคน ส่วนใหญ่ที่ทำก็เพราะผลประโยชน์ทั้งนั้น นิสัยจริงๆ ของเขาแล้วค่อนข้างเก็บตัวและโลกส่วนตัวสูงมากทีเดียว

เพราะตั้งใจให้คนคนนี้มาในฐานะคนรัก เพื่อตบตาท่านประธานและใช้สิทธิ์ที่เคยขอไว้ตอนเป็นเด็ก คมสันเลยเลือกเข้าหาด้วยวิธีการจีบ

รู้ตัวอีกที...บรรดาคนที่เขาส่งของขวัญไปให้ก็หน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด

คิ้วเข้ม หน้าคม กรามชัด ตัวสูงใหญ่น่าพึ่งพิง คมสันรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่เด็ก แต่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบคนแนวนี้ก็ตอนที่นั่งคัดบอดี้การ์ด...เพราะเขาไม่เคยสังเกตความชอบส่วนตัวมาก่อนเลย

นี่เรียกว่า...สเปคสินะ

คมสันลอบขำตัวเอง ตลอดยี่สิบปีมานี้ ทั้งชีวิตเขามีแต่คุณหนู ไอ้ที่ส่งของขวัญจีบก็ทำเพื่อคุณหนู ความชอบหลายอย่างก็เปลี่ยนไปตามเด็กชาย แต่ดูเหมือนจะมีแค่เรื่องนี้...ที่เขาหาคำตอบให้ตัวเองได้ชัดเจน

ถ้าการคัดบอดี้การ์ดคือการเลือกคู่

การนัดเจอแล้วบอกกล่าวถึงสัญญาจ้าง...ก็คือการนัดดูตัว

คนแล้วคนเล่าเข้ามาและผ่านไป มีทั้งปฏิเสธคมสัน และคมสันเป็นฝ่ายปฏิเสธ ใครเลยจะคิดว่าการคัดบอดี้การ์ดจะยุ่งยากขนาดนี้ คมสันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ถ้าต้องรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต และทำให้เขาวางใจยอมปล่อยให้ช่วยดูแลคุณหนูได้ ก็ต้องเป็นคนที่เขาเห็นชอบจากใจไม่ใช่แค่คุณสมบัติดีพร้อม

ผ่านไปสามเดือน ผู้เข้ารอบเหลือน้อยแสนน้อย จากจำนวนยี่สิบคนเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ถูกตาต้องใจคมสันเป็นพิเศษ คนคนนั้น...คือเบิ้ม

เบิ้มแสดงออกชัดมากว่าชอบเขา เรื่องการทำสัญญาน่าจะไม่เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหา คือพวกเราจะเข้ากันได้รึเปล่า

เพราะทำงานบริษัทเดียวกัน เบิ้มเลยเป็นคนเดียวที่คมสันไม่กล้าเข้าหาอย่างโจ่งแจ้งเกินไป เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องซุบซิบในบริษัทได้ ฉะนั้นตอนเห็นเบิ้มมายืนที่ลานจอดรถ คมสันยอมรับ เขาประหลาดใจ แต่ท่ามกลางความประหลาดใจนั้น...

เขาดีใจ

การที่คมสันจะถูกตาต้องใจใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนคนนั้นดันเข้าหาลำบาก ก็ทำให้คมสันลอบเบื่อหน่ายไม่น้อย พออีกฝ่ายเสนอตัว คมสันก็เริ่มการดูตัวทันที

ขั้นแรก ก็ต้องให้เจอกับคุณหนูก่อน

ปฏิกิริยาของแต่ละคนเวลาพามาพบคุณหนูนั้นแตกต่างกันออกไป คนที่ช็อกก็มีมาก คนที่นิ่งก็มีไม่น้อย แต่คนที่ทั้งช็อก ทั้งนิ่ง แล้วมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจประหนึ่งยินยอมน้อมรับคุณแม่ลูกติดนี่...คมสันไม่เคยเจอ

เบิ้มเงียบมาก แต่ในความเงียบก็มีความใส่ใจ พยายามเก็บข้อมูลผ่านบทสนทนาของเขาและคุณหนูระหว่างอยู่ในรถ พอถึงคฤหาสน์เห็นนามสกุล ก็ทำหน้าตกใจแค่วูบเดียวเท่านั้น เก็บสีหน้าเก่ง วางตัวดี ไม่ทำให้คุณหนูอึดอัด นับว่าการดูตัวนี้ราบรื่นไม่เลว

คมสันเริ่มต้นกิจวัตรของตัวเอง เริ่มจากไล่จับคุณหนูให้นั่งกินข้าวดีๆ พาไปอาบน้ำ สอนการบ้าน แล้วส่งเข้านอน ระหว่างนั้นเบิ้มสังเกตการณ์ด้วยสายตาไม่รังเกียจแม้แต่น้อย แฝงด้วยความรู้สึกอยากช่วยเหลือกรายๆ กับความยากลำบากของเขา นี่คือสิ่งที่คมสันต้องการ...เขาไม่อยากบังคับจิตใจใคร การดูตัวจึงไม่ต่างกับการหยั่งเชิงความคิดว่าจะอยู่ด้วยกันรอดมั้ย และเบิ้มก็แสดงให้เห็นแล้วว่า...รอด

คมสันเลยหยิบสัญญาขึ้นมาให้เบิ้มเซ็น

เป็นสัญญา...ที่มีแค่เบิ้มเท่านั้นที่ได้เห็น

ผู้เข้ารอบคนอื่นๆ อย่างมากก็ถึงแค่ขั้นเจอคุณหนูแล้วนั่งกินข้าวเล่าถึงหน้าที่คร่าวๆ เท่านั้น ยังไม่เคยมีใครทำให้คมสันหยิบสัญญาวางต่อหน้าแบบครบทุกข้อขนาดนี้

แล้วเบิ้มก็เซ็นอย่างไม่ลังเล

ทันทีที่สัญญาเสร็จสมบูรณ์ คมสันก็เพิ่งรู้ตัวว่านับจากนี้ชีวิตของเขาจะมีอีกคนหนึ่งเข้ามาร่วมหัวจมท้ายด้วยแล้ว

หลังส่งเบิ้มกลับ คมสันจึงบอกให้แม่บ้านช่วยทำความสะอาดห้องว่างข้างห้องนอนของเขา ห้องที่ไม่เคยมีใครอาศัย แต่ถูกออกแบบให้มีประตูเชื่อมต่อถึงกัน คมสันสั่งช่างมาทุบกำแพงตั้งแต่สามเดือนก่อน เพื่อจะได้คุยกับบอดี้การ์ดสะดวกๆ เวลาวางแผนลับเกี่ยวกับคุณหนู

เขายืนนิ่งอยู่ในห้องนั้น เมื่อคิดว่าจะมีอีกคนมาอยู่ด้วย...ก็คล้ายจะ...ตื่นเต้น

ตลอดชีวิตของคมสัน เรื่องที่ทำให้เขาตื่นเต้นมีแค่คุณหนูเท่านั้น ตอนที่เด็กชายขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในงานวันคริสต์มาสตอนประถมหนึ่ง คมสันตื่นเต้นจนมือสั่น กล้องวีดีโอถ่ายไม่ชัดจนโดนล้อ

แต่ตอนนี้...เขากำลังตื่นเต้นเมื่อจะมีอีกคนเคียงข้าง แม้จะเป็นการหาบอดี้การ์ดเพื่อดูแลความปลอดภัยให้คุณหนู แต่คมสันก็ต้องตีบทให้แตก แม้จะเคยใช้เสน่ห์ในการหลอกล่อหาผลประโยชน์บ้าง แต่ก็ไม่เคยต้องทำในสถานการณ์นี้

สถานการณ์ที่ต้องเรียกอีกฝ่ายว่า...คนรัก

วูบหนึ่ง ในอกคมสันวูบไหว ในความตื่นเต้นยังมีความไม่มั่นใจ คมสันเกรงว่าถ้าพออยู่ด้วยกันแล้วไปไม่รอด เขาไม่อยากเล่นบทนี้แล้ว จะทำยังไงต่อไป

การหาบอดี้การ์ดนั้นไม่ง่าย

...เพราะไม่ต่างกับการหาคนรู้ใจนั่นเอง

 

โชคดีที่เบิ้มไม่ทำให้คมสันกังวล ประเดิมงานวันแรกกับการแต่งตัวสุดวาบหวิวในห้องนอนไม่ยักทำให้คมสันรู้สึกรังเกียจอย่างที่คิด หากกลิ่นโคโลจน์ของคมสันทำให้เบิ้มใจเต้นรัว กลิ่นกายของเบิ้มก็ทำให้คมสันสงบ ยามช่วยสวมใส่ชุดสูท เอื้อมมือผูกเนกไท ไล้นิ้วไปตามโครงร่าง คมสันก็นึกอยากจะซบหน้าลงไป

สเปคของเขา...ชอบคนคิ้วเข้ม หน้าคม กรามชัด รูปร่างสูงใหญ่น่าพึ่งพา

สามอย่างแรกน่ะคงเป็นความชอบส่วนตัว แต่อย่างหลังนั้น...คงเป็นความรู้สึกลึกๆ หลังดูแลคุณหนูจนนึกอยากให้มีคนเป็นหลักยึดยามตัวเองอ่อนล้าบ้าง

แต่นี่เป็นแค่วันแรกเท่านั้น คมสันยังไม่ไว้ใจเบิ้มเต็มร้อย จึงต้องพาไปทดสอบกับการปกป้องคุณหนูที่ไปรับคำท้าต่อยโดยไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าแค่ตบยุง ยุงยังไม่ตาย

แล้วเบิ้มก็ไม่ทำให้คมสันผิดหวัง

จริงๆ ต้องบอกว่าดีเกินหวังซะด้วยซ้ำ เบิ้มปกป้องคุณหนูได้ด้วยวิธีพิสดาร แม้จะพลาดให้โดนกระชากคอเสื้อไปหนึ่งที แต่คมสันก็เข้าใจ...ถ้าไม่ใช่คนที่เลี้ยงดูมากับมือ ยากนักจะหาใครเข้ากับนิสัยคุณหนูได้

วันนั้นเป็นวันแรกที่คมสันรู้สึกว่าบ่าทั้งสองข้างเบาลง

ในที่สุดเขาก็สามารถหาคนที่วางใจให้ช่วยดูแลคุณหนู...โดยไม่ต้องแบกรับไว้คนเดียวสักที

 

ด่านคุณหนูนั้นผ่านแล้ว แต่การเข้ากันได้ระหว่างคนสองคนยังต้องรอดูอีกสักพัก

เห็นเบิ้มเหมือนจะเป็นประเภทพวกใช้กล้ามเนื้อ แต่ก็หัวไวไม่แล้ว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำได้ดี ถ้าไม่เพราะหลงหัวปักหัวปำ คงจับสังเกตคมสันได้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว แต่คมสันยอมรับ เขาชอบเวลาเบิ้มมองอย่างชอบพอไม่ปิดบัง หากเบิ้มบอกว่านี่เป็นรักแรกเลยทุ่มให้สุดใจ คมสันก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า...นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ในแง่ชู้สาวครั้งแรกที่เขายอมลงให้ทั้งตัว

ยามถูกจับมือ แตะตัว หรือจุมพิต...คมสันไม่รังเกียจแม้แต่น้อย เผลอๆ จะใจเต้นรัวซะด้วยซ้ำ

แม้เบิ้มจะเริ่มห่างเหิน คมสันก็ไม่รีบร้อน เขามองเป็นอีกบททดสอบว่าจะอยู่ด้วยกันได้ยืดยาวหรือไม่

เขาแสดงความจริงใจ...แสดงความเชื่อใจอย่างที่ยากนักจะมีใครได้รับ

และเบิ้มก็ยินยอมน้อมรับพร้อมปรับความเข้าใจ

ไม่มีการทะเลาะหรือแสดงความไม่พอใจต่อหน้าเด็ก แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจน แถมยังมีสติ ไม่ใช้อารมณ์เหนือความรู้สึก ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน คมสันก็ยิ่งคิดว่าเขาเลือกคนไม่ผิด

อาจเพราะเขาใช้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสิน

ใช้...หัวใจเป็นตัวตัดสินตั้งแต่แรกแล้ว

-----------

ในที่สุดก็ได้เขียนพาร์ทจอมมารคมสัน มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะคะ คมสันเนี่ย...ยกคุณหนูเป็นหลักจนตรรกะก็แอบเพี้ยนๆ ไปเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อเด็กเวร เรียกว่าแทบจะไม่เห็นหัวหรือใส่ใจความรู้สึกคนอื่น แต่ที่โหดร้ายกว่านั้น...คือกับตัวเองก็ลืมไปด้วย

การเลือกบอดี้การ์ดที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยกัน เลยไม่ต่างกับการเลือกคู่จริงๆ นั่นแหละ
ตอนหน้าจะเป็นมุมมองจอมมารตอนโดนพี่เบิ้มบอกเลิกค่ะ จะได้รู้ว่าไอ้ที่เห็นพยายามจะเยือกเย็นเนี่ยคิดอะไรบ้าง!

 

เพจนักเขียนที่เตรียมเปิดโปงจอมมาร
 #จอมมารคมสัน
Twitter : MajaYnaja

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด