แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11  (อ่าน 61431 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่เบิ้มคือนิยามของคำว่า ความรักทำให้คนตาบอด 555555555

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คมสันจอมมาร ท่านได้เล่ห์เหลี่ยมนี้แต่ใดมา น่ากลัวชะมัด.  :laugh:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม


สี่โมงตรง เบิ้มกับคมสันเดินเคียงคู่กันไปที่ลานจอดรถอย่างสง่าผ่าเผย การเดินออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงานท่ามกลางสายตาอิจฉานั้นให้ความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดร้าวรานเท่าสิ่งที่เบิ้มต้องทำหลังจากนี้อีกแล้ว...

“จะรีบไปรีบกลับ” เบิ้มหันมาพูดกับคมสันหลังขับรถจอดห่างจากโรงเรียนนานาชาติไปสองซอย ป้องกันไม่ให้ความแตกว่าแอบตามมาดูเด็กอายุสิบสี่สองคนต่อยกันเพราะโดนเหยียบเท้า...

“ฉันจะรอ” คมสันตอบ ไม่วายคว้าข้อมือเขาไปจับหมับบังคับให้สบตา วินาทีนั้นคล้ายเวลาเคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า ราวกับทั้งโลกนี้มีแต่เรา เบิ้มขยับปาก หมายจะพูดความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่คมสันกลับเอ่ยแทรกเสียก่อน “รอ...นายกลับมากับคุณหนูที่ปลอดภัยไร้บาดแผล”

เบิ้มเหมือนถูกฉุดขึ้นสวรรค์แล้วโดนถีบตกลงมา แต่สัมผัสที่ยังจับแน่นตรงข้อมือที่เริ่มจะกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ นั้นช่วยรั้งสติให้คืนสู่ความเป็นจริง ว่า...หากเขาไม่ปฏิญาณออกไป นอกจากจะโดนถีบตกสวรรค์แล้วอาจจะโดนถีบตกรถด้วย

“ได้ ฉันสัญญา” เบิ้มหวังให้คมสันสบายใจ พูดจบจึงตบหลังมืออีกฝ่ายอีกสองที ลูบเบาๆ อีกสามครั้ง

คมสันคงจะเขิน เลยชักมือกลับ แล้วโบกมือไล่ให้รีบจัดการเรื่องวุ่นวายเสร็จไวๆ จะได้กลับมาสวีตกันต่อ

ให้ตายสิ ทำไมนะทำไม ทั้งที่สวมชุดสูทเหมือนกันเรียบร้อยเนี้ยบเป๊ะติดกระดุมถึงเม็ดบนสุดขนาดนี้ แต่เวลามองคมสัน เบิ้มกลับเห็นอีกฝ่ายเซ็กซี่ยิ่งกว่าผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยซะอีก...

เบิ้มเคลิ้ม

เคลิ้มจนกระทั่งลงจากรถมาแล้วถึงค่อยตาสว่าง

นี่เขา...นายเบิ้ม...สตั้นท์แมนสุดเทพที่อดีตหัวหน้ายังเสียดายฝีมือถูกใช้ให้ไปดูแลเด็กเวร...เวรที่เหยียบเท้าแต่ไม่รู้จักขอโทษนั่นจริงๆ เหรอ!

เบิ้มไม่ได้ฝันใช่มั้ย

ลองยกมือขึ้นดม อืม กลิ่นโคโลญจน์ของคมสัน ไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย

ภารกิจแสนยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมภาระอันใหญ่ยิ่ง เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย แต่เบิ้มนั้น...อับอายสิ้นดี!

เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ!

เป็นประวัติศาสตร์หลุมดำของไอ้เบิ้มที่ต้องฝังลืม!

หลังปรับทัศนคติเสร็จ เบิ้มซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นก็เดินไปคิดไปว่าจะทำยังไงถึงจะปกป้องคุณหนูสุดที่รักของคมสัน พลันหางตาสังเกตเห็นกลุ่มผู้ปกครองที่จับมือลูกแน่นเหมือนกลัวโดนลักพาตัว เพราะแถวโรงเรียนนานาชาติราคาแพงไม่ค่อยจะมีคนสวมสูทใส่แว่นดำมาดเข้มเหมือนหลุดมาจากในละครนัก นี่ขนาดไม่ทันเข้าไปในโรงเรียนก็โดนมองประหนึ่งมาเฟียแล้ว ถ้าเดินเข้าไปมีหวังถูกตำรวจจับแหงแซะ

แต่เบิ้มไม่จำเป็นต้องเข้าไปในโรงเรียน ในเมื่อเด็กทั้งสองนัดต่อยกันหลังโรงเรียน...

พูดถึงตำรวจ เอ๊ะ หรือเขาควรจะโทรเรียกตำรวจมาห้ามทัพดีนะ แต่นั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อาจจะยับยั้งได้ชั่วครู่ วันต่อมาก็คงนัดต่อยกันอยู่ดีในเมื่อเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย...

ศักดิ์ศรีบ้าอะไรบอกขอโทษก็จบแล้วมั้ย!


ไม่ เบิ้มต้องทำใจร่มๆ อย่าไปหาเหตุผลกับเด็กอย่างกิจภัทรที่ถูกเลี้ยงดูโดยคมสัน นั่นคือคนรักนะ จะด่าใครในโลกนี้ก็ได้แต่จะด่าว่าคนรักที่อุตส่าห์ลดตัวมาจีบกันไม่ได้ เบิ้มต้องระงับอารมณ์ไว้ ตั้งสติ คิดแก้ปัญหาให้ตรงจุด...

ก่อนจะปิ๊งไอเดียพิสดารอย่างหนึ่ง

เป็นไอเดียที่เคยเห็นผ่านตาตอนอ่านการ์ตูน ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า แต่ไม่ลอง...ก็ไม่รู้

คิดจบเบิ้มก็ก้มเก็บก้อนกรวดแถวนั้นทันควัน ยิ่งเรียกเสียงซุบซิบนินทาจากเหล่าผู้ปกครองที่มารับลูกหลานของตัวเอง

“ทำไมจู่ๆ ถึงลงไปนั่งเขี่ยพื้นแบบนั้น หรือจะเป็นขอทาน”

“ขอทานอะไรใส่สูท ฉันว่าน่าจะเป็นโจรลักพาตัวมากกว่า”

“โจรลักพาตัวก็ไม่สวมสูทเหมือนกันนั่นแหละ น่าจะเป็นคนสติไม่ดีต่างหาก”

อุตส่าห์คิดว่าถูกมองเป็นมาเฟียว่าเลวร้ายแล้ว ความเป็นจริงยังโหดร้ายกันยิ่งกว่า ขอทานบ้างล่ะ โจรลักพาตัวบ้างล่ะ คนสติไม่ดีบ้างล่ะ...

ไม่มีใครรู้จักบอดี้การ์ดเลยรึไง เขาเป็นบอดี้การ์ดนะ!

แต่ก็คงไม่มีบอดี้การ์ดที่ไหนนั่งยองๆ หันหน้าเข้าหากำแพงคอยเก็บก้อนกรวดหรอกมั้ง...หลังจากลองวิชาแล้วพอไปวัดไปวา เบิ้มก็ทำตามแผนที่คิดไว้โดยการเก็บก้อนกรวดยัดใส่กระเป๋าให้ได้มากที่สุด

“ดูสิ...คงจะสติไม่ดีเผลอซื้อสูทมาใส่ ไม่มีเงินซื้อข้าวกินจนต้องนั่งเก็บกรวดแทะแน่ๆ”

เสียงเวทนาของเหล่าผู้ปกครองนั้นไม่อาจกระแทกโสตประสาทเบิ้มที่รีบร้อนไปยังจุดนัดหมายได้

แต่ด้วยการแต่งตัวที่ค่อนข้างเด่น เบิ้มเลยต้องพยายามหลบตามริมกำแพงกันไม่ให้ไอ้เด็กเวรเห็นเข้าซะก่อน โชคดีที่หลังโรงเรียนนั้นเป็นซอยขนาดเล็กที่ขนาบข้างด้วยกำแพงสูง เลยไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา ท่าทางลับๆ ล่อๆ ของเบิ้มเลยไม่ถูกนินทาให้ปวดกระดองใจอีก

“มาแล้วเหรอ...กิจภัทร!”

ได้ยินเสียงก่อนเห็นตัวซะอีก เบิ้มชะเง้อหน้ามองจากหลังเสาไฟฟ้า เห็นเด็กสองคนยืนประจันหน้ากัน ท่าทางสำอางลูกคุณหนูไม่น่าจะต่อยคนเป็นเหมือนกันเด๊ะ

“ใช่ ฉันมาแล้ว เตรียมตัวแพ้ซะเถอะ!”

ทั้งที่ไม่น่าจะเคยวิวาทกับใครมาก่อน แต่น้ำเสียงดันเชื่อมั่นแบบผิดๆ สุดกู่อย่างน่าเป็นห่วงทั้งคู่ เบิ้มปาดเหงื่อ รีบย่องไปหลบหลังถังขยะที่ค่อนข้างใกล้กับเด็กน้อยทั้งสอง โดยเด็กชายกิจภัทรยืนหันข้างทางซ้าย ขณะที่เด็กอีกคนยืนหันข้างทางขวา

ซึ่งเบิ้มขอบัญญัติต่อแต่นี้ว่าเป็นเด็กชายนายเอ

แต่ก่อนจะเริ่มการวิวาทที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี เบิ้มขออวดสรรพคุณของตัวเองก่อนเพื่อไม่ให้ทุกท่านต้องผิดหวัง เห็นตัวโตล่ำบึกแบบนี้ เบิ้มไม่ได้มีดีแค่ที่กล้ามเนื้อ แต่เขาคือยอดนักสู้! เชี่ยวชาญศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนง นับเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่ว่าจะมุ่งด้านใดก็ล้วนทำได้ดีเลิศจนอาจารย์ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มชื่นชม ไม่เพียงการใช้กำลังเท่านั้น เบิ้มยังเป็นวิชาตัวเบา จึงสามารถย่องเบาเหมือนแมว ไร้ฝีเท้าเหมาะกับการเป็นโจรอย่างยิ่ง

แต่เขาไม่ใช่โจร เบิ้มคือบอดี้การ์ด!

“แล้ว...เราจะเริ่มกันยังไง”

ซึ่งบอดี้การ์ดมือดีคนนั้นกำลังหลบหลังถังขยะ มือถือกรวดพร้อมเล็งด้วยท่วงท่าอนาถสุดกู่

“เอ่อ ฉันก็ไม่เคยท้าต่อยคนมาก่อน เริ่มยังไงดีล่ะ” เด็กชายนายเอตอบ ทั้งที่เป็นฝ่ายโดนเหยียบเท้าแล้วไม่พอใจ นำสู่เหตุการณ์บานปลายเดือดร้อนมาถึงเบิ้ม แต่กลับไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าจะวิวาทยังไง...

“งั้นนับหนึ่ง สอง สาม แล้วเริ่มต่อยกันเลยแล้วกัน”

สุดท้ายจึงจบแบบง่ายๆ ด้วยการนำเสนออย่างปราดเปรื่องของเด็กชายกิจภัทร

“ได้!” เด็กชายนายเอตอบรับทันที สีหน้าจริงจัง มือขวาเงื้อขึ้น หน่วยก้านดูไม่เลว เบิ้มถึงกับสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมรับมือกับการต่อสู้แสนดุดันของเด็กทั้งสอง

“หนึ่ง!”

“สอง”

“สาม!”

“ย๊ากกกก!”

เสียงตะโกนประสานเสียงสร้างความฮึกเหิม พร้อมร่างของเด็กทั้งสองที่ถลาเข้าหากันพร้อมหมัดขวาที่เงื้อขึ้น คาดว่าในมโนสำนึกของทั้งคู่ คงเชื่อว่าท่วงท่านี้จะต้องเท่เหลือกินเหลือใช้เป็นแน่แท้ เท่เรี่ยราด เท่บาดอกบาดใจ เท่เกินจะกล่าว เท่จนสาวๆ ยังต้องกรีดร้อง

แต่ในสายตาของเบิ้ม

...อืม เบิ้มไม่ขอพูด แต่ดีดกรวดในมือให้พุ่งฉิวไม่ต่างกับจรวด

ความเร็วนั้นยิ่งกว่าความเร็วแสง เด็กทั้งสองไม่ทันเห็นแม้แต่น้อย เพียงพริบตา หมัดของเด็กชายนายเอก็พลาดเป้า เพราะข้อศอกถูกวัตถุปริศนากระแทกอย่างจัง สบโอกาสให้เด็กชายกิจภัทรสวนหมัดเข้าเต็มกราม จนร่างนั้นล้มหงายหลังดังโครม

“โอ๊ย!”

แต่คนที่ร้องโอดโอยก่อนกลับเป็นคนต่อย

เด็กชายกิจภัทรสะบัดมือไปมาราวเจ็บปวดเกินจะกล่าว คาดว่านี่คงเป็นการออกหมัดต่อยคนครั้งแรก เมื่อคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ต้องเงื้อมือปะทะกับหนังหน้าและกรามแข็งๆ ของอีกคน จึงเจ็บจี๊ดจนกระโดดเด้งดึ๋งๆ ไปมา ภาพความเท่มลายสิ้นไม่มีเหลือ

“เจ็บชะมัด!”

ก่อนที่วินาทีถัดมา คนถูกต่อยจนหงายหลังจะเพิ่งรู้สึกเจ็บ

เบิ้มมองการวิวาทตรงหน้าแล้ว...ปลง

“หน็อยแน่ เมื่อกี้พลาดไปหน่อย แต่ครั้งนี้ไม่พลาดแน่!” เพราะโดนแค่หมัดเดียว แถมหมัดนั้นก็ไม่ได้หนักอะไร เด็กชายนายเอเลยพลิกฟื้นยันตัวลุกได้เร็วมาก เบิ้มรีบดีดกรวดไปอีกก้อน คราวนี้เล็งที่ข้อพับเข่า ทำเอาคนที่เพิ่งจะยันตัวลุกไม่ทันไรหน้าไถลไปกับพื้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

โดยมีเสียงหัวเราะของคู่กรณีทับถมซ้ำเติม

เสียงหัวเราะนั้นระคายหูมาก จนเบิ้มชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ พอเห็นเด็กชายนายเอยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เลยแสร้งทำเป็นไม่เห็น ปล่อยให้เด็กทั้งสองวิวาทต่อ

แต่แน่นอนว่าเขายอมให้คุณหนูสุดที่รักของคมสันมีแผลไม่ได้

เลยยอมลงแค่เด็กชายนายเอกระชากคอเสื้อคู่กรณีพอหอมปากหอมคอ ให้เสียงหัวเราะปวดประสาทนั้นขาดห้วงเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานอย่างหวาดผวา แค่นี้ก็พอใจแล้ว...เบิ้มยิ้ม ก่อนจะดีดก้อนกรวดออกไป

ภาพที่ปรากฏนั้นค่อนข้างผิดหลักฟิสิกซ์ คนที่กระโจนขึ้นมากระชากเสื้อ แต่จู่ๆ กลับล้มซะเองจนหน้าทิ่มดิน ไม่ว่ามองยังไงก็ผิดปกติ แต่ต้องขอบคุณฟ้าดินสินะ เพราะเด็กชายกิจภัทรนั้นไม่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อสมองนั้นมีแต่คำว่า...

“ฉันชนะแล้ว!”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สน รู้เพียงผลลัพธ์ช่างน่าพอใจเป็นล้นพ้น เบิ้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกโล่งใจที่จะหลุดพ้นจากตรงนี้สักที

แต่เด็กชายนายเอยังไม่ยอมแพ้ ประหนึ่งลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ แม้ต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่หน้าเชิดๆ แสนน่าหมั่นไส้นั้นช่างล่อหมัดเหลือเกิน แม้จะรู้สึกช้ำๆ ตรงศอกและข้อพับขา แต่ด้วยแรงฮึดสู้จึงยันตัวขึ้นมาอีกครั้ง

คนที่กำลังหัวเราะฮ่าๆ ด้วยน้ำเสียงยิ่งใหญ่ราวผู้กล้าแสนเกรียงไกรผงะในทันดล

“ยัง...ยังจะลุกมาอีก!”

“เออสิ!”

ในสายตาของเด็กทั้งสอง การต่อสู้นี้คงเป็นฉากสุดเท่ที่ไม่อาจพ่ายแพ้ง่ายๆ แต่ในสายตาของเบิ้ม...คล้ายจะเห็นมาชเมลโล่มีชีวิตล้มแปะหากัน ดูนุ่มนิ่มไร้พลังสิ้นดี

“โอ๊ย!”

แล้วเด็กชายนายเอที่เพิ่งจะลุกขึ้นก็ทรุดฮวบอีกครั้ง เบิ้มลอบภาวนาในใจว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันเลย ที่ทำไปนั้นเพราะจำใจล้วนๆ คนมีความรักก็แบบนี้แหละ ต่อให้จะผิดหรือถูก ก็จำต้องทำเพื่อให้คนรักยิ้มได้

“เป็นอะไรไป สะดุดลมเหรอ”

“ไม่ใช่! โอ๊ย! อ๊าก! โอ๊ย!”

เสียงกรีดร้องแสนเวทนาดังขึ้นติดๆ กัน เบิ้มเริ่มลงมือโหดเหี้ยมมากขึ้น เพราะเด็กชายนายเอไม่ยอมแพ้สักที เขาวาดหวังให้เหตุการณ์สุดเพลียใจนี้จบลงเร็วๆ จึงดีดกรวดติดต่อกันสามครั้ง ทรงพลังและไร้ที่ติดชนิดที่หากผู้กำกับต่างชาติมาเห็นเป็นต้องทาบทามเบิ้มไปเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์กำลังภายในสักเรื่อง

“หึ ที่แท้ก็เพราะบารมีของฉันมันเจิดจ้าเกินไป นายเลยทนไม่ไหวล้มลงไปเองสินะ”

...ข่มใจไว้เบิ้มเอ๋ย อย่าดีดกรวดผิดไปโดนปากของไอ้เด็กเวรเข้าเชียว!

ภาพฉากสุดท้าย ซึ่งควรจะน่าชื่นชมกับชัยชนะโดยไม่ต้องทำอะไรของเด็กเวร คือภาพของเด็กชายกิจภัทรที่เสยผมแล้วทำหน้าเวทนาที่อันตัวข้านี้หนาช่างหล่อเลิศที่สุดในปฐพี เก่งกาจเหนือใคร เฮ้อ ช่างเป็นบาปต่อมวลมนุษย์แท้ๆ

เบิ้มมือสั่น

เขากำมือแน่นจนก้อนกรวดในมือแหลกละเอียดเป็นผุยผง โชคดีที่เด็กชายนายเอยอมศิโรราบ ไม่ฮึดสู้อีกด้วยสภาพร่างกายที่มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ

“ไว้ครั้งหน้าไปฝึกฝนให้ดีกว่านี้ค่อยมาท้าฉันแล้วกัน” เด็กชายกิจภัทรยืนกอดอก คำพูดนั้นราวกับพระเอกที่เห็นอกเห็นใจตัวร้ายว่าฝีมือต่ำต้อยเกินไป ดูสิ ยังไม่ทันเสียเหงื่อเลย

...ครั้งหน้า...ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ!

อย่างน้อยเบิ้มที่พยายามจะมองข้อดีก็ค้นเจออย่างหนึ่งว่าคุณหนูของคมสันนั้นเป็นเด็กดีจริงดั่งคำอวดอ้าง เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ หากไม่นับหมัดแรกแล้ว เด็กเวรไม่เข้าไปซ้ำคนล้มแม้แต่ครั้งเดียว ยึดถือคติคนล้มห้ามข้าม คนแพ้ห้ามกระทืบ ไม่ยกหมัดตอบโต้ แต่หัวเราะซ้ำอย่างเดียว

เสียงหัวเราะที่น่าจะชวนบาดใจยิ่งกว่าเจ็บทางกายซะอีก!

เมื่อการวิวาทสิ้นสุดหลุด คุณหนูสุดที่รักของคมสันก็โทรไปอวดพี่เลี้ยงทันควัน ใบหน้านั้นเชิดขึ้นนิดๆ คาดว่าก่อนหน้านี้คงโดนคมสันสบประมาทมาเยอะ หาว่าน้ำหน้าอย่างนี้จะสู้ใครเขาได้

เอ่อ...ประโยคหลังนั้นเบิ้มคิดเอาเองนะ อย่าเข้าใจคนรักเขาผิดเชียวว่าจะพูดจาโหดร้ายได้ลงคอ

“สัน! ฉันชนะแล้ว ชนะในหมัดเดียวด้วย เจ๋งมั้ยล่ะ!”

คมสันน่าจะกล่าวชมไปหลายประโยค เพราะใบหน้าเชิดๆ นั้นเชิดคางขึ้นจนแทบจะขนานกับพื้น

“มารับฉันด้วยล่ะ ฉันจะรอที่หน้าโรงเรียน”

ภารกิจสิ้นสุดสักที เบิ้มถอนหายใจ รีบฉวยโอกาสที่เด็กชายกิจภัทรมีน้ำใจ ช่วยพยุงร่างบอบช้ำของเด็กชายนายเอออกจากซอยหลังโรงเรียนผละถอยจากถังขยะ เดินไปยังจุดนัดพบ

เมื่อเปิดประตูรถ รอยยิ้มมุมปากสุดเซ็กซี่ของคมสันก็ทำให้เบิ้มรู้สึกว่าสิ่งที่ยอมทนไปนั้นช่างคุ้มค่าเหลือทน

“ทำได้ดีมาก”

“เพื่อนาย ฉันทำได้อยู่แล้ว” เบิ้มมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ เล่นสตั้นท์แมนบทโหดแค่ไหนก็ผ่านมาแล้ว กับอีแค่ช่วยเด็กต่อยกัน บอกเลยว่าจิ๊บๆ!

“แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณหนูไม่ถูกกระชากคอเสื้อ”

“...”

ไอ้เบิ้มแจกจุด

คมสัน...รู้ได้ยังไงว่าคุณหนูสุดที่รักโดนกระชากคอเสื้อไปหนึ่งที!

และอีกฝ่ายก็ไม่ให้เขาสงสัยนาน คมสันขยับตัวเข้าใกล้ ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจ ปลายนิ้วเรียวสวยเกี่ยวคอเสื้อ ค่อยๆ ลากผ่านเนกไทคล้ายจะช่วยถอดจนเบิ้มกลืนน้ำลาย นึกในใจว่าจะให้รางวัลกันตรงนี้เลยเหรอ ถ้ากล้าทำเบิ้มก็กล้าลุยนะขอบอก

น่าเสียดายที่เขาคิดไกลไปหน่อย

เพราะจุดประสงค์ของคมสัน คือเข็มกลัดเนกไทที่ช่วยติดให้เมื่อเช้า

“ดูสิว่าตรงนี้มีอะไร”

คมสันชี้ที่ปลายเข็มกลัดที่มีจุดกลมๆ เบิ้มเห็นแต่แรกแล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นดีไซน์แปลกใหม่ เพราะรอบๆ เข็มกลัดมีเพชรเม็ดกลมติดอยู่ ทำให้ดูกลมกลืนสวยงามดี

แต่มาตอนนี้...

“กล้อง?”

“ปิ๊งป่อง” คมสันคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่น่ารักเกินทน แต่คำตอบนั้นชวนเหงื่อตกตัวสั่นระริก

ถ้านั่นเป็นกล้อง แสดงว่าภาพการต่อสู้สุดหน่อมแน้มของเด็กชายทั้งสองอยู่ในสายตาคมสันตลอด รวมถึงฉากกระชากคอเสื้อที่เบิ้มแกล้งเผลอให้ไอ้เด็กเวรโดนเล่นงานด้วย!

พริบตา ภาพของคนรักที่ยิ้มหวานให้ก็คล้ายจะเห็นปีกจอมมารกลายๆ

ไม่หรอกเบิ้ม เขาต้องตาฝาดแน่ๆ

“ของรางวัลน่ะ...เหลือแค่นี้ก็แล้วกัน” พลันคมสันเขยิบเข้าใกล้อีกครั้ง พร้อมริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ประทับแนบบนแก้มของเขาเบาๆ

เบาๆ แต่เล่นเอาความคิดฟุ้งซ่านกระเด็นไปไกล

ปีกจอมมารมีที่ไหน มีแต่ปีกนางฟ้า!

“ละ..แล้วจะไปรับเด็กเว...เอ๊ย รับคุณหนูของนายรึยัง”

“ของเราต่างหาก ตอนนี้นายเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนูแล้วนะ”

อืม...คำว่า ‘เรา’ ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ช่างไพเราะเพราะพริ้ง

“หากขับรถจากบริษัทมาที่โรงเรียนจะใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที ถ้าเราไปเร็วคุณหนูจะสงสัย รอที่นี่ก่อนเถอะ”

“คุณหนูไม่น่าจะสงสัยหรอกมั้ง?” เบิ้มเอ่ยเพราะรู้ระดับสติปัญหาของคนที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างดี น่าแปลกที่ครั้งนี้เรียกคุณหนูได้เต็มปากเต็มกว่าเดิมแม้จะสยองๆ ตัวเองบ้างก็ตาม

“แต่ฉันอยากอยู่กับนาย” คมสันช้อนตามอง มุมนี้งามบาดตามากไอ้เบิ้มขอบอก

“ได้เลยครับ ตามบัญชา”

ใจนี้ยวบยาบแทบหลอมละลาย ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็นางฟ้า นางฟ้าชัดๆ!

---------------

ตอนนี้กาวมากค่ะ กาวทั้งพี่เบิ้ม กาวทั้งเด็กเวร 5555

เข้าใจความที่ด็กเวรโตมาเป็นเสี่ยแล้วใช่มั้ยคะ

ดูการเลี้ยงดูของคมสันซะก่อน ปกป้องอย่างดี แค่ต่อยกับเพื่อนยังไม่ให้เจ็บตัว แถมยังฝังความเชื่อผิดๆ ให้เด็ก แล้วจะโตมาเป็นคนปกติได้ยังไง! ไง! ไง! ไง! //เสียงเอคโค่

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่คาดว่าทุกคนน่าจะจำชื่อเสี่ยได้จากตอนนี้...รึเปล่านะ?
Twitter

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คมสันร้ายมากกลโกงเยอะมากพี่เบิ้มก็หลงมารยาล่อลวงจนหัวลีบแล้ว :pig4:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ดีนะที่พี่เบิ้มไม่มือลั่นดีดปากคุณหนูไม่งั้น... :z4: อะไรคือถึงขั้นติดกล้องไว้ที่กระดุม ไม่ใช่แค่คุณหนูติดคมสันอย่างเดียวแล้ว

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รู้สึกสงสรพี่เบิ้มจัง 555555

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เบิ้มจะซึนไปไหน แค่คมสันยิ้มให้หน่อยเดียวก็ละลายแทบเท้าแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
โถ๋ เด็กชาย กิจภัทร กลายเป็นเด็กเวรเฉย

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เด็กเวรในวันนี้คือเสียในอนาคตข้างหน้า
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม...

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เบิ้มแพ้ทางคมสันหนักมากกกกก  :hao6:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
คมสันร้ายมากกก 55555 พี่เบิ้มโดนของใช่มั้ยถึงหน้ามืดไปหลงรักจอมมารได้
ท่าทางเชิ้ดๆและคำพูดสุดแสนจะมั่นใจของเสี่ยนั้น มันน่าปากรวดใส่สักที 5555  เสี่ยนี่ถ้าให้เบิ้มเลี้ยงคนเดียวคงโตมาไม่เป็นแบบนั้นนะ  :laugh:

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew4: ตอนนี้ขอบอกเลยสงสารพี่เบิ้มมากๆ คิดผิดก็กลับตัวไม่ทันแระ

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม



“ทำไมสันถึงต้องจ้างบอดี้การ์ดให้ฉันด้วยล่ะ”

ผ่านมาสามวัน คุณหนูที่รักยิ่งของคมสันเพิ่งจะนึกได้ว่าต้องถาม อันที่จริงเด็กนี่ปรับตัวเก่งทีเดียว ราวเคยชินกับการมีคนแปลกหน้าแวะเวียน แต่ไม่ว่าใครจะมาจะไป ก็เกาะติดกับคมสันเป็นตังเม ราวคนอื่นนั้นไม่ต่างกับเศษฝุ่น ตัวตนที่สูงค่านี้คู่ควรให้คมสันเลี้ยงดูอย่างเดียว

เบิ้ม...ซึ่งเพิ่งกินข้าวอิ่มหมาดๆ กับคมสัน แต่ตอนนี้ต้องมายืนเป็นเสาดูพี่เลี้ยงกล่อมให้เด็กตรงหน้ากินผักลอบกลอกตาหนึ่งที

คิดช้าไปมั้ยไอ้หนู!


ความจริงถ้าจะรู้ตัวช้าขนาดนี้...ไม่ต้องถามยังดูฉลาดกว่า แต่ในเมื่อเอ่ยขึ้นมาแล้ว เหมือนเริ่มรังเกียจว่าเบิ้มเป็นส่วนเกิน คล้ายถูกแย่งเวลาของคมสันไปจากตัวเอง เขาก็ชักจะ...ชอบใจขึ้นมาหน่อยๆ

อันที่จริงเบิ้มก็สงสัย ทั้งที่รักและถนอมเด็กชายกิจภัทรยิ่งกว่าใคร แต่คมสันกลับใจร้ายให้เด็กนี่กินข้าวคนเดียวลงคอ ซึ่งคนรักแสนฉลาดปราดเปรื่องของเขาอธิบายว่าเพราะจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างและฝึกให้คุณหนูแสนรักโตขึ้น แต่เท่าที่ดู...คมสันน่าจะอยากคงมาดพี่เลี้ยงแสนสมบูรณ์แบบต่อหน้าเด็กเวรมากกว่า

เพราะเท่าที่สังเกตตลอดสามวัน คมสันจะปรากฏตัวต่อหน้าเด็กชายต่อเมื่อแต่งกายเรียบร้อย มาดเนี๊ยบ เวลากินข้าวจะปลีกตัวออกไปจัดการก่อน เวลาเข้าห้องน้ำก็จะไม่ให้ใครตามไป ราวต้องการคงภาพลักษณ์ที่ดูดีไว้ตลอดเวลานั่นเอง

ยกเว้นกับ...เบิ้ม

นึกถึงเมื่อคืนวาน ตอนที่คมสันกล่อมคุณหนูสุดที่รักแล้วแวะมาราตรีสวัสดิ์เขาด้วยชุดนอนไม่ได้นอนก็...

เบิ้มกลืนน้ำลาย อย่าแข็งต่อหน้าเด็กเชียวไอ้เบิ้ม! เมื่อคืนมือขวาโลกสวยยังไม่พอรึไง!

อะไรนะ ชุดนอนไม่ได้นอนของคมสันคืออะไรงั้นเหรอ...ไม่ใช่กางเกงขาสั้นหรือเปิดเปลือยหรอก แต่เป็นชุดคลุมอาบน้ำที่วับๆ แวมๆ ชวนเสียวไส้ว่าจะเห็นไปไหนถึงไหนต่อไหนยามก้มมองจากด้านบนแล้วเห็นไหปลาร้าขาวๆ ตามรอยแยกของผ้าต่างหาก...เชือกที่มัดรอบเอวบางๆ นั้นก็ดูเจริญหูเจริญตาโดยแท้ คมสันแต่งตัวค่อนข้างสุภาพ จะหวังให้เห็นเรียวขาเต็มตาย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่โทษเถอะ...แค่ตาตุ่มเปลือยเปล่าก็ล่อเอาเบิ้มใจเต้นรัว

คมสันกล่าวราตรีสวัสดิ์ก็กลับห้องตัวเอง แต่เบิ้มนั้นแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

ให้ตายสิ...คนรักของเขาช่างขยันทำเรื่องเซอร์ไพรส์จริงๆ!

คมสันมักเหนือคาดตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมอบหมายงานสุดประหลาดก็ดี...การกระทำส่อนัยลึกซึ้งก็ดี...

“ว่าไงสัน จะจ้างบอดี้การ์ดให้ฉันทำไม หรือว่า...จะมีคนลักพาตัวฉันไปเรียกค่าไถ่เหมือนในหนัง!”

จินตนาการแสนหวานพังทลายกับอาการโอเวอร์แอคติ้งของเด็กชายที่ยกมือทาบแก้มพร้อมอ้าปากหวอ

“จะมีใครกล้าทำอันตรายคุณได้ยังไงล่ะครับ” คมสันหัวเราะเสียงเย็นด้วยใบหน้าอ่อนโยน ในสายตาของคุณหนูสุดที่รักของพี่เลี้ยงคนเก่ง ย่อมเห็นแต่ใบหน้าที่ยิ้มหวานปลอบโยน แต่ในโสตประสาทของเบิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะชวนยะเยือกนั้นชัดเจนทีเดียว “ผมจ้างบอดี้การ์ดเพราะจะได้ไม่ต้องขับรถ แล้วมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้นไงครับ”

เพียงประโยคเดียว ปัดเป่าความกังวลใจที่กลัวว่าเบิ้มจะมาเป็นตัวแทรกกลางในทันดล

นับว่าคมสันอ่านความรู้สึกขาดมาก และแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น

“อ้อ จริงด้วยนะ ก็สันติดฉันมากเลยนี่นา” เมื่อสบายใจเด็กเวร...เวรของผักที่โดนเขี่ยทิ้งไปใต้จาน ก็ยิ้มหน้าบานแล้วรีบกลบเกลื่อนความผิดด้วยการกระตือรือร้นไปโรงเรียน “รีบไปกันเถอะ ฉันอยากจะไปดูหน้าคนที่ต่อยชนะเมื่อวานหน่อย เกียรติประวัติอันสูงส่งของเด็กชายกิจภัทร ชนะน็อกในหมัดเดียว!”

“อย่าลืมที่รับปากผมนะครับ”

“ฉันรู้น่าสัน ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนฉันก็จะไม่ท้าต่อยใครซี้ซั้ว เพราะจะเป็นการใช้กำลังข่มเหงคนอ่อนแอ ฉันเป็นฮีโร่ผดุงความยุติธรรมที่แสนดีขนาดนี้ จะกระทำการไร้ยางอายอย่างนั้นได้ยังไง ไม่มีทางหรอก!”

คมสันพยักหน้าอย่างพอใจกับเด็กดี...ที่เหมือนจะพูดถูกแต่เบิ้มฟังยังไงก็ชวนตงิด ทั้งที่คิดว่าจะควรจะชินได้แล้ว แต่เวลาได้ยินน้ำเสียงแสนจะมั่นหน้ากับประโยคที่ผิดต่อจรรยาบรรณความเป็นมนุษย์อันสูงส่ง เป็นต้องคิ้วกระตุกยิกๆ ทุกที

สงสารเด็กมั้ยก็สงสาร แต่เบิ้มก็สงสารตัวเอง

อยากประท้วงคนรักชะมัดว่าอย่างน้อยบอกว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี จ้างมาปกป้องคุ้มครองป้องกันเหตุสุดวิสัยหรือเอาเท่ก็ว่าไป ไม่เห็นต้องใจร้ายบอกว่าจ้างมาขับรถเล่นเลย...

เบิ้มเป็นบอดี้การ์ดนะ! อาชีพที่ได้ใช้พรสวรรค์ส่วนตัวกับเรื่องส่วนตน เมื่อวานรึก็เพิ่งสำแดงวิชาได้ยอดเยี่ยม ต้องตีค่าให้ราคาเขามากกว่านี้สิ!

อย่าเข้าใจผิด เบิ้มไม่ได้ดูถูกอาชีพคนขับรถ อย่าลืมสิว่าพ่อของคมสันก็เป็นคนขับรถ เขาจะกล้าดูแคลนได้ยังไง แต่การให้ผู้เยี่ยมยุทธ์มาขับรถ มันออกจะ...ใช้ความสามารถไม่ตรงจุดไปสักหน่อยนะว่ามั้ย

ในใจลอบประท้วง แต่ในความเป็นจริงยามสบตากับคมสันที่จ้องเขม็ง เป็นเชิงว่าให้ไปเตรียมรถได้แล้ว ไอ้เบิ้มผู้นี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบไปสตาร์ทรอเยี่ยงข้าทาสแสนซื่อสัตย์

...ตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วละเบิ้มเอ๋ย

 



ส่งตัวเกะกะเสร็จก็ได้เวลาเข้างาน

เบิ้มดีใจมาก เพราะจะได้แก้ความประทับใจแรกพบแสนติดลบกับแม่ภรรยาสักที เขาเดินตามหลังคมสันด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแต่นอบน้อม พอเจอกับเลขาอาวุโสมาดเนี้ยบไม่ต่างกับคนรัก ก็รีบยกมือไหว้ตัวโน้มต่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงประจบไม่เข้ากับรูปร่างเลยสักนิด

“สวัสดีครับคุณแม่”

ผล...คือแม่ของคมสันที่คุยกับลูกชายตัวเองมองเมินเบิ้ม!

เขาอึ้ง เหลือบมองคนรักข้างตัวอย่างขอความเห็น ซึ่งคมสันเองก็ไม่ตอบอะไร ตั้งอกตั้งใจคุยงานกับเลขาใหญ่ราวแยกแยะว่าคนตรงหน้าคือผู้สอนงาน ไม่ใช่มารดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง เอ่อ...แต่คนที่เพิ่งใช้ฐานะลูกชายเอาเอกสารลาออกของเขาปนไปให้ท่านประธานเซ็นก็คือคมสันนะ แล้วจะมาทำหน้าซื่อตอนนี้ทันได้ยังไง

แล้วเบิ้มกล้าท้วงมั้ย

กล้าก็บ้าแล้ว!


เพราะโดนเมินอย่างสมบูรณ์แบบ เบิ้มเลยได้แต่ยืนกุมมือมองไปรอบๆ พบว่าการพูดคุยของสองแม่ลูกผู้ทรงอิทธิพลในบริษัทนี้นั้นไม่มีใครกล้าแอบฟังหรือเข้าใกล้แม้แต่น้อย จะว่าไป...ทั้งที่เป็นผู้ช่วยเลขาจบใหม่เพิ่งทำงานไม่ถึงปี กลับไม่มีใครกล้าใช้งานคมสันเลยสักนิด วานให้ชงกาแฟ เดินเอกสารหรือก็ไม่ ราวเป็นบุคคลห้ามแตะต้อง

ในแง่...ไม่ค่อยดีนัก

ความจริงแล้วคมสันทำงานเก่งมาก แต่ความเป็นเด็กเส้นดันโดดเด่นกว่าผลงาน

ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นในบริษัทสักเท่าไหร่ เพื่อนต่างวัยยิ่งไม่มี กลายเป็นโดดเดี่ยวเดียวดายในบริษัท

เพียงคิด เบิ้มก็น้ำตาจะไหล

โอ้พระเจ้า เขาสงสารคนรักแสนดีจับใจ

ไม่เป็นไรนะสัน นับแต่นี้ฉันจะอยู่เคียงข้างนายเอง!

เบิ้มปฏิญาณ ระหว่างนั้นก็ตะแคงหูฟังแผนงานในวันนี้คร่าวๆ ของแม่คมสันด้วย แต่ดันฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ช่วยไม่ได้ เขาไม่ถนัดเรื่องงานเอกสารหรือบริหารจัดการแบบสุดกู่

จนเมื่อทั้งคู่คุยเสร็จ เบิ้มก็รีบเดินตามหลังคมสัน มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงแสนงามสง่าด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ดูสิ ภายใต้แผ่นหลังนี้แฝงไปด้วยความเหงาว้าเหว่มากขนาดไหน ทำดีแทบตายแต่ก็โดนหมั่นไส้เพราะเด็กเส้น คนรักของเขาเก่งมากแท้ๆ กลับถูกปฏิบัติเหมือนโดนบอยคอต แม้มักเผยสีหน้านิ่งเรียบไม่รู้สา แต่ในใจจริงๆ แล้วนั้นต้องเจ็บปวดมาก!

น่าแปลก เพราะวูบหนึ่งเขาเห็นแม่คมสันมองมาคล้ายเวทนา...เวทนาในตัวเบิ้ม

แม่ภรรยาไม่ชอบเขามากขนาดนั้นเลย!

เบิ้มเสียใจ แต่ด้วยมาดของเลขาอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ ดูเข้มงวดจริงจังเกินจะชวนคุย เบิ้มเลยทำได้เพียงหดคอ

เพราะตำแหน่งของเบิ้มค่อนข้างพิเศษ ท่านประธานปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง คนอื่นๆ แม้จะสงสัยก็ไม่กล้าถาม มองเบิ้มแบบสงสัยแกมหวาดระแวง พอเดินตามคมสันมาที่โต๊ะทำงาน เบิ้มเลยตัดสินใจลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม เผื่อจะได้ไม่ต้องเผอิญเห็นข้อมูลสำคัญของบริษัท ไม่ต้องดูว่าคมสันกำลังจัดการงานเรื่องอะไรอยู่

คมสันค่อนข้างพอใจกับการเจียมเนื้อเจียมตัวนี้มากทีเดียว อีกฝ่ายดันแว่น...ซึ่งเบิ้มเพิ่งสังเกตว่าเป็นท่าเดียวกับแม่ของคมสันเด๊ะๆ ก่อนจะบอกสั้นๆ ว่ามีประชุมตอนสิบโมง

“ฉันจะรอ” เบิ้มยิ้มให้กำลังใจ สิบโมงตรง คมสันก็เข้าประชุมพร้อมเลขาคนอื่นๆ ทิ้งให้เบิ้มเป็นเงาดำๆ ไม่มีอะไรทำอยู่คนเดียว

ถ้าถามว่าเบิ้มเบื่อมั้ย ตอบแบบถนอมน้ำใจได้เลยว่านิดหน่อย เฮ้อ...สมัยทำงานเป็นสตั้นท์แมน เบิ้มต้องออกกองเป็นประจำ บางทีก็ขึ้นเหนือล่องใต้ ได้เจอกับสารพัดฉากให้ออกกำลังผาดโผน พอต้องมานั่งเฉยๆ ในสำนักงานแล้ว ผู้เก่งกล้ามากวิชาอย่างเบิ้มเลยรู้สึกร่างกายฝืดๆ อยากจะลงไปวิดพื้นเสริมกล้ามเนื้อสักสามร้อยครั้ง

“ใกล้ๆ นี้มีฟิตเนส นายจะไปฆ่าเวลาตรงนั้นก็ได้นะ” พอออกจากห้องประชุม คมสันที่สังเกตเห็นเบิ้มนั่งเหม่อก็เสนอความเห็นโดยไม่มองหน้า เพราะจดจ่อกับเอกสารการประชุมที่เพิ่งเสร็จสิ้นและต้องสรุปส่งให้ท่านประธานโดยย่อ

เบิ้มบอกได้เลย ผู้รู้ใจเขาในโลกนี้คือคมสัน

สมเป็นคู่สร้างคู่สม คู่สวรรค์สร้างโดยแท้!

“หรือจะไปหาครอบครัวก็ได้ ตอนนี้เป็นเวลาอิสระของนาย อย่าลืมล่ะว่าสัญญาว่าจ้างครอบคลุมถึงวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย เท่ากับว่านายไม่มีวันหยุดเหมือนคนปกติหรอกนะ”

จริงอยู่ว่างานนี้ไม่มีวันหยุด แต่เวลาเหลือเฟือช่วงกลางวันก็นับว่าทดแทนกันได้ เบิ้มพยักหน้ารับ ตัดสินใจไปฟิตเนสจะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย หากไม่หมั่นออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะฟีบลงได้ จากซิกแพคอาจจะเหลือแค่วันแพค

แต่...

“พักกลางวันฉันจะส่งข้อความไปหา นายค่อยขับมารับแล้วกัน วันนี้อากาศดี ฉันอยากกินข้าวข้างนอก” คมสันพูดอย่างรู้ทันว่าเบิ้มกำลังจะถามเรื่องอะไร

ในใจหวานซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก คนไม่เคยมีความรักอย่างเบิ้ม เมื่อมีแฟนครั้งแรกก็จะชื่นอกชื่นใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเขาที่สังเกต(ดักเจอ)คมสันมาตลอดสามเดือน นอกจากไม่มีเพื่อนคบแล้วผู้ช่วยเลขาผู้นี้ยังมุ่งมั่นกับงาน มักสั่งอาหารขึ้นมากินชั้นบนคนเดียว

“ได้ครับ”

คนมีความรักก็จะดูเด็กลงไปนิดนึง สำหรับเบิ้มตอนนี้ เขาเหมือนกลับเป็นสิบแปดอีกครั้ง

โลกรอบข้างก็คล้ายจะเป็นสีชมพู ไม่ชมพูธรรมดา ยังเป็นสีชมพูแบบพาสเทลด้วย

แน่นอนว่าก่อนจะขับรถไปฟิตเนส เบิ้มโทรหาครอบครัวก่อน

อะไรนะ เบิ้มไม่เคยเล่าถึงพื้นเพตัวเองมาก่อนเลยงั้นเหรอ

มัวแต่บรรยายว่าคมสันน่ารักอย่างงู้นอย่างงี้ ชวนใจเต้นอย่างงั้นอย่างโง้นใช่มั้ย เอาน่า อย่าหาว่าเบิ้มลำเอียงสิ เขากำลังจะเล่าให้ฟังแล้วนี่ไง

ครอบครัวเบิ้มไม่มีอะไรพิสดาร ประกอบด้วยพ่อ แม่ พี่ชายคนโต และน้องชายคนเล็ก

มาประหลาดตรงที่น้องชายคนเล็ก...ดันเล็กมาก มากขนาดที่ว่าเบิ้มโตจนตัวแทบชนกรอบประตูแล้ว แต่น้องชายเขาเพิ่งอายุหกขวบเท่านั้นเอง...เพราะมีน้องตอนอายุเยอะ หลังคลอดแม่ของเขาเลยร่างกายอ่อนแอ ทำงานหนักๆ มากไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ เบิ้มเลยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัว

แล้วพ่อเบิ้มไปไหน?

พ่อเบิ้มเสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่เบิ้มมีโอกาสได้ไปต่างประเทศเพราะโดนอาจารย์ผลักดัน ฝึกวิชาการต่อสู้จนมีชื่อเสียงและถูกทาบทามจากหลายวงการ ข่าวเศร้าที่มาอย่างกะทันหันนั้นทำให้เบิ้มกลับมาดูใจไม่ทัน เขารู้สึกแย่มาก จึงตัดสินใจทิ้งอนาคตสวยหรูกลับมาที่ประเทศไทย ก่อนจะโดนอดีตหัวหน้าแผนกซึ่งเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันชักชวนมาทำงานเป็นสตั้นท์แมน

เทียบกับชื่อเสียงและเงินเป็นล้าน การได้ส่งท่านในช่วงวาระสุดท้ายสำคัญกับเบิ้มมากกว่า แล้วยังไม่นับที่แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี กับน้องชายที่เพิ่งจะเตรียมตัวเข้าชั้นประถมอีก

แม้เบิ้มจะเป็นคนมัธยัสถ์ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่การที่น้องชายใกล้จะเข้าประถมก็ทำให้เขาเครียดเหมือนกันด้วยเกรงว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้ สัญญาจ้างพ่วงขอแต่งงานของคมสันจึงมาในเวลาที่เหมาะสม และตรงกับที่ต้องการพอดี

เห็นมั้ย เบิ้มไม่ได้หน้ามืดตามัวในรักขนาดนั้นสักหน่อย!

เขายังคิดเผื่อครอบครัว ทำเพราะความจำเป็นด้วยหรอกนะ!!

แต่ก็มีปัญหาอยู่อย่าง...

(( เมื่อไหร่เบิ้มจะพาแฟนมาเปิดตัวที่บ้านสักทีล่ะลูก บิ๊กเองก็อยากเห็นนะ ))

เบิ้มสะอึก การโทรถามสารทุกข์สุกดิบช่วงนี้มักวนเวียนเกี่ยวกับแฟนเบิ้ม แน่ล่ะ ก็เบิ้มไม่เคยมีคนรัก แม่จะสนใจก็ไม่แปลก แม้เขาจะเห็นว่าคนรักตัวเองเพอร์เฟ็คที่สุดในสามโลก ไม่เกี่ยงเรื่องเพศ แต่แม่เขา...จะรับได้มั้ยเนี่ยสิ

เพราะเบิ้มไม่เคยแสดงออกว่าเบี่ยงเบนมาก่อน

ซึ่งอันที่จริงเบิ้มก็ไม่ใช่พวกเบี่ยงเบน เขาเพียงยอมรับได้ทั้งชายและหญิง ขอแค่มีคนเข้าใจก็พอแล้ว

แต่แม่จะเข้าใจหรือไม่นั้นนับเป็นปริศนาธรรม...อาจจะเย็นชาเหมือนกับแม่คมสันที่แม้ไม่คัดค้านแต่แอบห่างเหินก็ได้ โอ๊ย นึกแล้วเบิ้มละเจ็บปวดใจ โดนเด็กเวรเมินยังไม่เท่าโดนแม่ภรรยาเมิน ผู้ชายตัวโตก็ร้าวรานได้เหมือนกัน

“ยังไม่สะดวกเลยครับแม่ ไว้ผมจะบอกอีกทีนะ”

เบิ้มรีบวางสาย อันที่จริงเขาไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวเท่าไหร่ เพราะแต่เด็กก็ชอบออกจากบ้านไปฝากตัวตามค่ายมวย นอนกลางดินกินกลางทราบตามค่ายฝึก เบิ้มหลงใหลศิลปะการต่อสู้แต่เด็ก ความบ้าคลั่งในการจะเรียนรู้ศาสตร์หลายแขนงนั้นทำให้แทบไม่อยู่ติดบ้าน เอะอะเป็นต้องวิ่งโร่ออกข้างนอก เหมือนที่เขาวิ่งมาฟิตเนสให้เหงื่อออกสักนิดถึงจะสบายใจ

เดิมทีครอบครัวไม่สนับสนุน แม่เขาใจจะวายทุกครั้งที่เห็นลูกชายเจ็บตัว แต่สุดท้ายก็ยอมความบ้าของเบิ้ม เริ่มปลงแล้วปล่อย ฉะนั้นแม้เบิ้มจะไม่ค่อยติดบ้านก็ไม่ถึงกับห่างหาย มักโทรศัพท์หาเสมอ ออกแนวตัวห่างแต่ใจยังรัก ฉะนั้นตอนพ่อเสีย เบิ้มถึงเสียใจมาก เขาอยากพูดคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายแต่ไม่มีโอกาส

แม่เองก็ชินกับการอยู่ไม่ติดบ้านของลูกชายคนโต พอเบิ้มบอกว่าจะต้องไปค้างบ้านคนอื่นเพราะได้งานใหม่เป็นบอดี้การ์ด เลยยอมรับได้ง่ายๆ

ก็หวังว่าจะยอมรับคมสันง่ายๆ แบบนี้ด้วยนะ


เบิ้มภาวนาจากเบื้องลึกของจิตใจ

 




“แล้วเจอกันที่บ้านนะสัน ฝากไปรับเจ้าเด็กแสบด้วยละ!”

“ครับท่าน”

แม้เป็นเรื่องปกติที่คมสันจะกลับก่อนเวลาเลิกงาน แต่ที่ไม่ปกติคือท่านประธานเดินมาส่งคมสันด้วยตัวเองอย่างสนิทสนมประหนึ่งเป็นครอบครัวกันมากกว่าลูกน้อง

ท่าทางนั้นยิ่งเรียกสายตาในแง่ลบจากเพื่อนร่วมงานเข้าไปอีก แต่คมสันไม่สะทกสะท้าน ผิดกับเบิ้มที่ขมวดคิ้วมุ่น...สงสัยว่าบ้านหลังที่ว่า...หมายถึงบ้านไหน

“ไว้คุยกัน” คมสันกระซิบ เบิ้มเลยรีบปรับสีหน้า ยกมือไหว้ท่านประธานและแม่คมสันแล้วเดินตามหลังคนรักลงไปลานจอดรถต้อยๆ อย่างเชื่อฟังทั้งที่เป็นบอดี้การ์ดซึ่งควรจะมีมาดโหดเหี้ยมข่มขวัญคน

แหม แต่พออยู่กับคนรักสองต่อสองทีไร เบิ้มวางมาดไม่ออกเลยนี่นา

โลกสีชมพูสดใสกับจิตใจที่ชุ่มช่ำด้วยความรัก เบิ้มรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ บริการอย่างดีเพราะหวังจะเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้สักนิด

แต่คมสันไม่ยิ้ม

หลังรอให้เบิ้มเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ คาดเข็มขัดเรียบร้อย คมสันก็ดันแว่นหนึ่งครั้งก่อนอธิบาย

“ทุกวันศุกร์กับเสาร์ท่านประธานจะไปค้างด้วย เป็นข้อตกลงที่สัญญากับคุณหนู ฉะนั้นเย็นนี้ถ้าเจอท่านประธานก็อย่าตกใจละ”

ไปค้างด้วย...พูดซะอย่างกับว่าไม่ใช่เจ้าของบ้าน

เบิ้มอยากจะถามว่าแล้วปกติท่านประธานไปค้างที่ไหน แต่เมื่อเช้าเพิ่งจะปรามาสเด็กเวรว่าคิดช้า ย้อนกลับมามองตัวเอง...อยู่มาสามวัน เพิ่งฉุกคิดว่าทำไมเจ้าของถึงไม่กลับมานอนบ้าน...นี่มันช้ายิ่งกว่าเต่าจนเกรงจะเข้าตัว เลยตัดสินใจเงียบดีกว่า

แถมพอลองคิดความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ แล้วคำตอบไม่น่าจะเข้าข่ายดีสักเท่าไหร่

ฉะนั้นอย่าปากหาเรื่องเลยนะเบิ้มเอ๊ย

 




“กลับมาแล้วเหรอภัทร”

โชคดีที่คมสันบอกเตือน ฉะนั้นตอนเห็นร่างของท่านประธานยืนรออยู่หน้าประตู เบิ้มเลยไม่ตกใจนัก

เพราะคนที่ตกใจคือไอ้เด็กเวรต่างหาก

เด็กชายมองพ่อตัวเองแล้วเลิกคิ้ว เหมือนประหลาดใจว่าทำไมถึงมายืนอ้าแขนรอให้กอดอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งคมสันก้มกระซิบบอกว่าวันนี้วันศุกร์นั่นแหละ ถึงได้ร้องอ้อ แล้วเดินไปกอดตอบแบบขอไปทีสุดๆ

ขอไปทียังไงน่ะเหรอ

“สัน นายสัญญาแล้วนะว่าจะพาฉันไปว่ายน้ำข้างนอก!”

ขอไปทีขนาดที่ตัวอยู่ในอ้อมกอดพ่อ แต่หน้าดันหันไปพูดกับคมสัน

“ว่ายน้ำที่บ้านก็ได้นี่ครับ”

“ว่ายคนเดียวจะสนุกอะไร สันนะดีทุกอย่าง แต่ดันว่ายน้ำไม่เป็น!”

โอ้ โอ้ โอ้ คาดไม่ถึงว่าคนรักของเขาจะมีจุดอ่อนที่น่ารักขนาดนี้อยู่ด้วย!!

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าคมสันว่ายน้ำไม่เป็น แต่ว่ายน้ำไม่แข็งต่างหาก” ท่านประธานเอ่ยแทรก หวังเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนา เบิ้มว่าเขาไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวแล้วนะ เวลากลับบ้านมักจะมีบรรยากาศประหลาดๆ คล้ายกับตอนนี้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโดนเมินเหมือนเป็นส่วนเกินเท่านี้...“คมสันทำได้ทุกอย่างเลยใช่มั้ยล่ะ แต่เพราะว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง เขาเลยไม่อยากว่ายต่างหาก ไม่ใช่ว่าว่ายน้ำไม่เป็นหรอก”

“งั้นไม่ต้องกลัวนะสัน ฉันเองก็ว่ายไม่ค่อยแข็งเหมือนกัน เราจะได้ว่ายน้ำไปด้วยกันได้ไง” นานครั้งจะเห็นไอ้เด็กเวร...เวรของสวรรค์ที่ส่งมาเกิดเป็นลูกท่านประธานพูดจาน่าฟัง แต่น่าเสียดายเพราะคงไม่รื่นหูคนเพอร์เฟ็คที่มักเผยแต่ด้านดีๆ ให้คุณหนูสุดที่รักได้เห็นสักเท่าไหร่

“ว่ายกับเบิ้มแล้วกันนะครับ”

“ทำไมล่ะสัน” เด็กน้อยทำปากแบะอย่างขัดใจ นานครั้งจะโดนปฏิเสธจากพี่เลี้ยงคนนี้

“เบิ้มน่ะว่ายน้ำเก่งมาก ตีลังกาในน้ำได้สามสิบตลบเลยนะครับ”

“จริงเหรอ!?” จู่ๆ ก็โดนมองด้วยสายตาคาดหวัง เบิ้มถึงกับไปไม่เป็น

คือ...ก็ใช่ว่าทำไม่ได้หรอกนะ แต่เขาอยากสอนคมสันว่ายน้ำมากกว่านี่!!

“ว่ายกับพ่อสิภัทร พ่อว่ายน้ำเก่งมากเลยน้า”

“สรุปว่าพรุ่งนี้ไปว่ายน้ำข้างนอกกันเนอะ สัน ไปช่วยเลือกกางเกงว่ายน้ำกับฉันเร็ว” พูดจบเด็กกตัญญูซะที่ไหนก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พ่อบังเกิดเกล้ายิ้มเก้ออย่างน่าเห็นใจ

คมสันก้มตัวให้เล็กน้อยขณะเดินผ่านท่านประธาน ดูมองเมินพอกันแต่อย่างน้อยก็ยังมีมารยาท ก่อนจะตามหลังคุณหนูสุดที่รักซึ่งออกจะเริงร่ากว่าใคร

ทิ้งให้เบิ้มสบตาปริบๆ กับท่านประธานในระยะประชิดในครั้งแรก

“เอ่อ...ท่านครับ...คือว่า” เขาอยากจะปลอบ ความขัดแย้งของลูกชายจอมแก่นกับพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องปกติในสังคม เบิ้มเองยังมีประสบการณ์เลยเพราะตอนเด็กชอบหาเรื่องเจ็บตัวเสมอ โดนด่าโดนเตือนตั้งมาก เพราะไม่ได้การสนับสนุน เขาเลยขยันออกจากบ้านไปตามหาความฝัน เวลากลับบ้านแต่ละทีเลยค่อนข้างกระอักกระอ่วน ตอนคุยโทรศัพท์ยังพอไหว แต่พอเจอหน้าแล้วบรรยากาศไม่ยักจะกลมเกลียวเท่าที่ควร

เพราะแบบนี้ละมั้งพอได้พบคมสันที่ทุ่มเทให้แถมยังเข้าใจทุกอย่าง เบิ้มเลยตกหลุมอย่างรวดเร็ว

แต่ความหวังดีของเบิ้มถูกปัดทิ้ง

เพราะท่านประธานคร้านจะสนทนากับลูกจ้างอย่างเขา หรือไม่ก็หน้าบาง เพราะดันมาเห็นมุมโดนลูกเมินอย่างนี้

เอาเถอะ เมินมาเบิ้มก็เมินกลับได้ เลิกสนใจท่านประธานแล้วฝันหวานถึงวันพรุ่งนี้

คมสันในชุดว่ายน้ำ! กางเกงรัดรูปตัวเดียว!

อูย...แค่คิดก็กำเดาจะไหล สงสัยต้องเตรียมกระดาษทิชชูไปเยอะๆ แล้ว!!

---------

ตอนนี้ไม่ค่อยกาวมาก เพราะมาเล่าถึงฝั่งเบิ้มกันค่ะ
จะได้เห็นภาพคร่าวๆ เนอะว่าทำไมเบิ้มถึงรักปักใจกับคมสัน เชื่อว่าเป็นนางฟ้าของเบิ้ม แบบว่าหลายๆ อย่างมันพอเหมาะพอเจาะพอดี ก็ไม่รู้ว่าสวรรค์ประทานมา หรือโดนจอมมารจิ้มตัวเลยขัดขืนชะตาไม่ได้กันแน่ 555

ถือเป็นตอนพักยกและปูตัวละคร เริ่มมีปัญหาครอบครัวเข้ามา เพราะจะหาครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวแบบชาวประชาทองคำดีนั้นหายากนะเออ ส่วนตอนหน้า...กาวมา!!!//ซู๊ดดดด

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ชอบชุดนอนไม่ได้นอนของจอมมาร
Twitter : MajaYnaja

ปล.คมสันเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากว่ายน้ำกับเสี่ยนะ แต่เวลาทำอะไรแล้วมันไม่ดีพอ ท่านจอมมารจะไม่ค่อยมั่นใจ ไม่อยากโชว์ให้ใครเห็นค่ะ เห็นมั้ย จอมมารก็มีมุมอ่อนไหวนะ!

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เบิ้ม มีความกามเป็น อาริยะ


ทำเหมือนคนเจียมตัว


แต่นิสัย(สันดาน)แค่เห็นตาตุ่มต่อมหื่นยังทำงานเลย


นี่มันหลอกตายิ่งกว่าท่านเลขาซะอีก

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 ทำไมเราสงสารท่านประธานจังถูกเด็กแสบเมิน :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พี่เบิ้มมมมมม หื่นอ่ะ เดี๋ยวเจอกางเกงว่ายน้ำแบบขายาว :laugh:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
โอเค ไม่แปลกใจล่ะว่ามั้ยเสี่ยจึงโตมาในสภาพนี้นั้น เคลียค่ะ   :m20:
สรุปท่านลาสบอสของพี่เบิ้ม และตัวพี่เบิ้มเองก็ใช่ย่อย สายมโนกันทั้งนั้น ว่าเสี่ยมโนเก่งแล้ว พี่เบิ้มก็ไม่เป็นรองเลย
จิระสายฝอยตกเสี่ย ส่วนบ้านนี้สายมโนล้วนๆ ข้องใจคุณแม่จอมมาร(พี่เบิ้มเห็นเป็นนางฟ้า) ต้องรู้อะไรๆ ในตัวลูกแน่ๆ
เลยมองแบบเวทนาพี่เบิ้ม แต่หารู้ไม่ว่าพี่เบิ้มก็ใช่ย่อยจ้า ถึงคุณสันจะไปตกมากับเกลือแร่ก็เถอะ  :jul3:

     :L1:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสี่ยถึงได้โตมาเป็นแบบนั้น  :เฮ้อ: 

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เป็นนิยายสายมโนมากกก แต่สนุกกก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เบิ้มขี้มโนไม่แพ้คนใดในโลก 55555


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เบิ้มเอ๊ย.............  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ความมโน สูงมาก  :serius2:
แต่ไม่เท่าความหื่นละมั้ง  :z3:

เบิ้ม  จอมมาร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aommyga40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม


ไม่รู้ว่าอยากเอาใจลูกชายรึเปล่า เพราะท่านประธานไม่ได้พามาสระน้ำธรรมดา

แต่เป็นสวนน้ำ!

“ฉันตั้งใจจะฝึกว่ายน้ำแท้ๆ พามาสวนน้ำทำไมเนี่ย” ลูกชายอกตัญญูบ่นพึมพำต่อหน้าบิดาบังเกิดเกล้าแบบไร้ความเกรงอกเกรงใจโดยไม่แยแสต่อสีหน้ายิ้มเจื่อนสักนิดเดียว เบิ้มมีเมตตาพอจะส่งกระดาษทิชชูที่เตรียมมาให้ท่านประธานซับน้ำตา ซึ่งครั้งนี้ได้รับคำขอบคุณเบาๆ พอให้ชุ่มชื่นหัวใจว่าเราพวกเดียวกัน

แต่เบิ้มยอมโดนท่านประธานเมินยังดีกว่า...

“ไปกันเถอะสัน ไปดูเครื่องเล่นตรงนั้นกัน”

“ครับ”

...อดเห็นคมสันสวมกางเกงว่ายน้ำ!

มาสวนน้ำ แต่ไม่ได้สวมกางเกงว่ายน้ำ งั้นคมสันแต่งตัวยังไงน่ะเหรอ

มา เบิ้มจะบรรยายให้ฟังเอง คนรักของเขาไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็ดูดีเสมอ แม้จะเป็นเสื้อวอร์มแขนยาวสีน้ำเงินตัดขาว และกางเกงวอร์มสีเดียวกันแบบคลุมเลยตาตุ่มไปก็ตาม ใต้เสื้อวอร์มยังมีเสื้อยืดสีดำอีกชั้น กะไม่ให้เห็นอะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าเลย กระซิก

เบิ้มยอมรับ ว่าคมสันฉบับไม่สวมสูทนั้นแปลกตาดี ดูสูงส่งงดงามดั่งนางฟ้าในใจเบิ้มไม่เสื่อมคลาย แต่...เขาก็อยากจะเห็นผิวขาวๆ บ้างนี่นา!!

แต่มองไปมองมา สวนน้ำแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก เกิดมีใครเห็นผิวขาวๆ ของคมสันแล้วหลงรักขึ้นมาจะทำยังไง งั้นแต่งตัวมิดชิดก็ดีแล้ว เวรี่กู้ดมายเลิฟ!

เบิ้มยืนซับน้ำตาเคียงคู่ท่านประธานที่วันนี้ติดรถมาด้วย สงสารก็แต่คนแก่อุตส่าห์ตั้งใจทำเซอร์ไพรส์ ลูกชายซึ่งเห็นอยู่ชัดๆ ว่าดีใจมากกลับไม่สนใจแล้วเดินจูงมือลัลล้ากับพี่เลี้ยงซะงั้น

กลายเป็นคนถูกทิ้งสองหน่อ

“เบิ้ม!”

ไม่สิ ถูกทิ้งอยู่หนึ่งหน่อต่างหาก เพราะคมสันหันมาเรียกเขา เหตุเพราะลงน้ำกับคุณหนูสุดที่รักไม่ได้

“ไม่ได้ว่ายน้ำสักหน่อย ทำไมสันถึงเล่นกับฉันไม่ได้ล่ะ”

นานครั้งจะเห็นเด็กมาดเยอะออดอ้อนกึ่งงอแง เบิ้มเห็นแล้วสยองไปทั้งตัว แต่คมสันคงเห็นต่าง เลยเผยยิ้มมุมปากด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างยากนักจะได้ยล

“เล่นกับเบิ้มนะครับ”

“เฮอะ” มองเด็กที่เชิดหน้าอย่างจำใจเบิ้มอยากประท้วงเหลือเกินว่าเขาเองก็ถูกบังคับเหมือนกันนะ

“แล้ว...ท่านประธานล่ะ” พอเดินทันทั้งคู่ที่ต่อคิวรอขึ้นเครื่องเล่นซึ่งเป็นสไลเดอร์สูงหลายเมตร เบิ้มก็กระซิบถามคมสัน ในฐานะลูกจ้าง รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ปล่อยให้นายจ้างยืนเหงาอยู่คนเดียว

“ปล่อยไปเถอะ”

เอ่อ...จะให้ปล่อยไปเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้จริงอ่ะ?

“เมื่อสัปดาห์ก่อนท่านประธานรีบร้อนกลับอีกบ้านไม่ยอมอยู่ค้างด้วยในวันเสาร์ เบี้ยวนัดเที่ยวเล่นกับคุณหนู” คมสันกระซิบตอบ “คุณหนูเลยงอน”

“อ้อ...”

“ที่พามาสวนน้ำเพราะมีชนักติดหลัง หวังทำดีให้ตัวเองสบายใจน่ะสิ”

เบิ้มปิดปากเงียบ ไม่กล้าถามต่อ เพราะน้ำเสียงของคมสันที่กระซิบชิดติดริมหูนั้นไม่ยักจะชวนใจกระตุก แต่กลับเย็นยะเยือกจนขนแขนลุก เหมือนกำลังพูดถึงแผนฆาตกรรมอำพรางชอบกล

“เล่นกับคุณหนูดีๆ ละ ฉันจะไปนั่งรอตรงนั้น” ราวรู้ว่าทำเบิ้มขวัญผวาเข้าแล้ว คมสันเลยบีบบ่าปลอบเบาๆ ด้วยจังหวะเชื่องช้าแสนซาบซ่าน สัมผัสแสนอบอุ่นนั้นเรียกคืนความรักให้โลกนี้เป็นสีชมพูอีกครั้ง เบิ้มเผลอพยักหน้ารับ มองส่งคมสันที่เดินไปนั่งไขว่ห้างหลบอยู่ใต้ร่ม พลางเปิดขวดน้ำดื่มด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่แล้วคิดว่าถ้าคมสันบอกให้สอนเด็กเวรตีลังกาในน้ำเขาก็จะทำ

“นี่...”

อูย ดูนั่นสิ ปลายนิ้วสวยที่เช็ดน้ำบนริมฝีปากแดงฉ่ำน่าจูบ

“เฮ้...”

แล้วยังหยดน้ำที่ไหลลงมาตามต้นคอหายไปในสาบเสื้ออีก

“เบิ้ม!”

เจ้าของชื่อสะดุ้งเพราะโดนเด็กเตะเข้าให้ ไม่ เบิ้มไม่ได้สะดุ้งเพราะเจ็บ แต่เพราะคนเตะลงไปคุกเข่ากุมขาร้องโอดโอย โดยมีสายตาเชือดเฉือนจากที่คนเขาจ้องตาไม่กะพริบจนเสียวสันหลังวาบๆ ต่างหาก

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เบิ้มก้มดูเด็กน้อยที่ช้อนตามองเคืองๆ โธ่...เขาออกกำลังกายทุกวัน ร่างกายฟิตปึ๋งปั๋งแข็งแกร่งดังหินผาขนาดนี้จะไปสะเทือนอะไรกับเด็กชายอายุสิบสี่ที่แสนจะนุ่มนิ่มโดนถนอมประหนึ่งแก้วใสกันล่ะ

“ไม่เป็นไร”

เบิ้มอยากเตือนว่าโกหกได้ไม่เนียน ขาสั่นหงึกๆ ยังบอกไม่เป็นไรอีก

“นี่ นายน่ะไม่ต้องตามติดฉันมากหรอก ฉันรู้ว่าฉันหน้าตาดี ใครเห็นใครก็เอ็นดู”

เบิ้มไม่รู้จะตอบอะไร นอกจากหนึ่งประโยคที่ผุดขึ้นในใจ

ตัวบอบบางเหมือนแก้ว แต่หนังหน้าหนามาก!

“ไปอยู่กับสันเถอะ เดี๋ยวเขาจะเหงา”

เบิ้มนึกขอโทษที่นินทา เพราะแม้จะปากดีไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดีสมราคาคุย

“แล้วคุณไม่เหงาเหรอครับ” กับลูกเจ้านาย (ต่อหน้า)เบิ้มสุภาพเสมอ

“ฉันหล่อเลิศขนาดนี้ใครก็อยากเข้าใกล้ทั้งนั้น แต่ถ้ามีนายมายืนคุม ใครจะกล้าเข้าหาล่ะ นายน่ะมีค่าแค่สอนว่ายน้ำ แต่ถ้าให้เล่นน้ำด้วยละก็ไม่ไหวหรอก!”

...อดทนไว้เบิ้ม อดทนไว้

เขาบอกตัวเองขณะเผยยิ้มฝืดเฝื่อน ตอบตกลงกับเด็กเวรแล้วเดินไปหาคมสันแบบหลุดพ้นสักที

“มาทำไม”

ก่อนจะแทบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นซับน้ำตา ฮึก เบิ้มเสียใจ ทำไมมีแต่คนไล่ เบิ้มผิดตรงไหน

“คุณหนูของ ‘เรา’ บอกให้ฉันมาหานาย กลัวว่านายจะเหงาน่ะ” เบิ้มอธิบายขณะทิ้งตัวนั่งข้างๆ พร้อมเอามือวางบนมือขวาของคมสัน “และคุณหนูของ ‘เรา’ ก็บอกว่าถ้าฉันยืนข้างๆ จะไม่มีใครกล้าเข้าหา เขาคงอยากเล่นน้ำกับเพื่อนวัยเดียวกันมากกว่าผู้ชายตัวใหญ่เบิ้มอย่างฉันที่เพิ่งรู้จักแค่สามวัน”

คมสันที่กำลังจะอ้าปากแย้งแต่โดนเบิ้มพูดต่ออย่างรู้ทันถอนหายใจอย่างจำยอม

“ช่างเถอะ” คมสันแสร้งทำเป็นไม่เห็นมือที่ถูกกุมแบบเนียนๆ “ฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

“คิดมากเรื่องอะไรหรือ” น้ำเสียงของเบิ้มอบอุ่นมาก ชนิดที่เบิ้มเองยังตกใจว่าสามารถพูดละมุนได้ปานนี้เลยเหรอ

ความหงุดหงิดในใจคมสันคล้ายจะผ่อนตามน้ำเสียงนั้น

“ก็เรื่อง....” คมสันเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะหันไปอีกทาง “ท่านประธานหายไปไหนแล้ว”

เบิ้มแทบหัวทิ่ม

อีกนิดจะรู้อยู่แล้วเชียว นี่มันทำให้อยากแล้วจากไปชัดๆ!

แต่พอนึกถึงภาพชุดนอนไม่ได้นอนที่ขยันมาบอกราตรีสวัสดิ์...เบิ้มก็ยอมรับว่าคมสันถนัดเรื่องทำให้อยากแล้วไปสุดๆ!!

“ถ้านายเป็นห่วง ฉันไปดูให้แล้วกัน”

“ฝากด้วยละ”

“ครับผม”

แล้วความสวีตหวานของพวกเขาก็หมดโปรโมชั่นลงเพียงเท่านี้ เบิ้มละมืออย่างเสียดาย ก่อนจะเดินไปหาท่านประธาน ณ จุดที่เริ่มแยกย้าย แน่นอนว่าตรงนั้นไม่มีคนที่ตามหา คาดว่าคงจะร้อนจนหาที่นั่งพักไม่ก็กลับบ้านไปแล้ว

แต่เบิ้มคิดว่าท่านประธานคงไม่ถอดใจเร็วขนาดนั้น ถ้าอ้างอิงจากคมสันที่พยายามทำความดีชดใช้ความผิดด้วยแล้ว...

ฉะนั้นท่านประธานจะต้องเดินหาที่นั่งรอจนกว่าลูกชายจะเล่นจนพอใจแล้วนั่งรถกลับด้วยกันหวังง้อต่อแน่นอน!

และก็เป็นอย่างที่คาด หลังวนหาไม่นาน เบิ้มก็เจอท่านประธานกำลังนั่งคุยโทรศัพท์หน้าเครียดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งที่ตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่แท้ๆ แต่สีหน้าท่าทางกลับดูดุเดือดเลือดพล่านน่าดู

เบิ้มลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปทักดีมั้ย แต่คมสันไม่น่าจะอยากให้สองพ่อลูกพบกันระหว่างที่คุณหนูสุดที่รักเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำ ถ้างั้น...เขาถ่ายรูปเป็นหลักฐานแล้วเดินกลับไปหาสุดที่รักของตัวเองบ้างดีกว่า

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงตะโกนโวยวายก็ดังขึ้น

“ช่วยด้วยค่ะ! มีเด็กจมน้ำ!”

ร่างกายของเบิ้มขยับไปไวกว่าความคิดซะอีก ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนเขาก็วิ่งสุดฝีเท้า เกิดเป็นภาพติดตาวูบหนึ่งก่อนที่ร่างจะพุ่งฉิวไปยังต้นเสียง แทรกผ่านไทยมุงได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดอะแฟลช เขาเห็นหลายคนกระโดดไปช่วยเด็กซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายเจอโดยบังเอิญและช็อกไปแล้วเพราะเด็กไม่หายใจ ตรงนี้เป็นสระผู้ใหญ่ ลึกหลายเมตร มีป้ายเตือนห้ามเด็กลง แต่ดูเหมือนจะมีคนฝ่าฝืน เกิดเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

เบิ้มล็อกเป้า ช่วงเวลาแห่งเป็นตายนี้จะชักช้าไม่ได้ เขากระโดดลงน้ำดังตูม

พลันกลุ่มคนที่ลงไปช่วยก่อนหน้านี้คล้ายรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของน้ำวูบหนึ่ง เมื่อเงยหน้าอีกครั้งก็เห็นชายร่างสูงใหญ่พุ่งฉิวผ่านหน้า นี่มันจรวด! การว่ายน้ำที่เหมือนปล่อยจรวดใต้น้ำ! ทำสถิติแค่ 0.7 วินาทีเท่านั้น!!

ความว่องไวของเบิ้มเรียกเสียงฮือฮาจากรอบด้าน แต่เบิ้มไม่สนใจ ช่วยเด็กสำเร็จก็รีบว่ายกลับ ก่อนจะอุ้มร่างปวกเปียกนั้นวางแผ่กับพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นหน้าชัดๆ...ว่าเด็กคนนี้...คือ...

“เชี่ย เด็กเวร!”

เหล่ากลุ่มคนถึงกับเหลือบมองฮีโร่ที่เพิ่งเปล่งรัศมีเฉิดฉายน่าบูชา เพียงพริบตาดันสบถเรียกเด็กด้วยคำหยาบคาย

แต่เบิ้มไม่สนใจ ทันทีที่เห็นว่าเด็กคนนี้คือคุณหนูสุดที่รักของคมสัน เบิ้มก็บอกกับตัวเองในใจว่าซวยแล้ว เขาต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ไอ้เด็กนี่ปลอดภัยให้ได้ ไม่อย่างนั้น...ชีวิตเขาก็จะไม่ปลอดภัยเช่นกัน

เบิ้มปั๊มหัวใจทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ผายปอด ทำสลับกันสามครั้งเด็กชายที่หน้าซีดถึงเริ่มขยับตัว สำลักน้ำออกมาคำโต

“คุณหนู!”

เบิ้มแทบจะปาดเหงื่อที่คมสันมาทันตอนช่วยชีวิตสำเร็จพอดี

มองใบหน้าคนรักยามเสียขวัญอย่างหาได้ยาก เบิ้มก็รู้สึกอยากจะทะนุถนอมคนคนนี้ขึ้นมา แม้ในใจจะสงสัยว่าคมสันหายไปไหนมาก็ตาม

“ไม่ต้องห่วง เขาปลอดภัยแล้ว” เบิ้มเอ่ยพลางก้มมองเด็กเวร...เวรจริงๆ เพียงพริบตาก็ไปนอนเอ้งเม้งอยู่ในสระผู้ใหญ่ซะงั้น เด็กชายสำลักน้ำดูมึนและอ่อนเพลีย แม้จะได้สติแต่นอนนิ่งไม่ขยับ “เรียกรถพยาบาลเถอะ”

คมสันโทรหาโรงพยาบาลระหว่างก้มมองคุณหนูสุดที่รักหลายครั้ง แม้จะปลอดภัยแต่สภาพสิ้นฤทธิ์เชิดหน้าไม่ได้ก็ทำให้คนเลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิดรู้สึกใจจะวายเอา

เบิ้มช่วยกุมมือปลอบ จนกระทั่งรถโรงพยาบาลมาถึง พวกเขาสองคนก็ขับรถจ่อท้ายเป็นขี้ปลาทองตามไปด้วย

...ลืมท่านประธานซะสนิท

“ภัทรลูกพ่อ!!!”

มารู้ตัวอีกทีก็ตอนท่านประธานวิ่งหน้าตั้งมาโรงพยาบาล แน่นอนว่าคนที่นั่งรอในร้านอาหาร ไม่สนใจว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นนั้นย่อมไม่อาจตรัสรู้ได้ด้วยตัวเองแน่ ฉะนั้นคนที่โทรเรียกจึงเป็นคมสันเอง แม้จะบอกช้าไปหลายชั่วโมงเพราะรอให้หมอยันยืนจนมั่นใจว่าคุณหนูปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม

แค่จมน้ำ แต่ให้เข้าอุโมงค์ตรวจยันเซลล์สมอง แล้วยังไม่นับอีกสารพัดการตรวจที่ไม่จำเป็นสักนิด ชนิดที่หากท่านประธานยังไม่มา คมสันก็คงจะให้ตรวจไปเรื่อยๆ ยันเล็บขบ

ไม่รวยจริง ห่วงจริง คงทำไม่ได้ แต่คมสันนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะพอท่านประธานมาถึงก็ยื่นใบเสร็จหลังรูดบัตรให้ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แล้วคนที่เพิ่งรู้ข่าวจะทำอะไรได้ นอกจากหลับหูหลับตาเซ็นโดยไม่มองเพราะอยากเห็นหน้าลูกชายให้ไวที่สุด

กว่าท่านประธานจะรู้ตัวว่าค่าใช้จ่ายบานตะไทขนาดไหนก็ไม่ทันแล้ว...

เบิ้มถึงกับมองคมสันตาปริบๆ ในช่วงเวลานี้ยังอุตส่าห์กลั่นแกล้งท่านประธานได้ลงคอ ใช่ เบิ้มคิดว่าคมสันตั้งใจแกล้งท่านประธานที่รู้เรื่องช้ากว่าชาวบ้าน ในเมื่อเลี้ยงลูกด้วยเงินก็จงจ่ายจนขนหน้าแข้งร่วงซะเถอะ!

เมื่อบิดาบังเกิดเกล้ามาถึง พวกเขาสองคนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าเด็กเวรที่กำลังนอนหลับ ความจริงแล้วหมอให้กลับบ้านได้ แต่คมสันยืนยันว่าจะต้องนอนค้างคืนเท่านั้น เพราะ...

“เพราะถ้าไม่ให้ค้าง เดี๋ยวท่านประธานจะชิ่งกลับอีกบ้านน่ะสิ”

ความเอาใจใส่คุณหนูระดับล้านเต็มสิบนั้นเบิ้มมิอาจโต้เถียง เพราะเขายังสงสัย...

“นายหายไปไหน ทำไมไม่อยู่เฝ้าเขาล่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงความใคร่รู้ล้วนๆ ไร้ซึ่งคำตำหนิ เพราะในสายตาเบิ้ม คมสันเป็นคนที่เก่งกาจและมีเหตุผล(ลำเอียงเข้าหาคุณหนู)ที่สุดในโลกหล้าแล้ว ถ้าคมสันไม่อยู่เฝ้าแสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน

“มีคนต่างชาติหลงกับลูกมาคุยกับฉัน...เพราะฉันพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เลยช่วยพาไปประกาศหาที่ประชาสัมพันธ์” คมสันอธิบาย สีหน้าไม่ยักกลัดกลุ้มโทษตัวเองอย่างที่เบิ้มคิด ไอ้เราหรือเตรียมปลอบแท้ๆ แต่ทำไมคมสันถึงได้...หลุบตาเหมือนกำลังขบคิดแผนฆาตกรรมอีกแล้วล่ะ! “ตอนนั้นฉันเห็นคุณหนูเล่นกับเด็กวัยเดียวกันตรงสระเล็ก ไม่น่าจะอันตราย แต่ตอนกลับมาอีกทีกลับอยู่ในสระผู้ใหญ่ และบรรดาคนที่มุงก็ไม่มีเด็กคนที่ฉันเห็น ถ้าเล่นด้วยกัน หากเห็นคนจมน้ำก็ควรจะยืนอยู่ด้วยสิ แสดงว่าทั้งคู่โดนแยกกันนานแล้ว”

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำ”

“ฉันจัดการเอง” คมสันเอ่ย พร้อมเหยียดยิ้มมุมปากที่ชวนเสียวสะท้านน้อยๆ...จนชักเสียวคอชอบกล

ทำไมจู่ๆ บรรยากาศเริ่มจะกลายเป็นหนังสยองขวัญขึ้นทุกที ไม่ได้การ เบิ้มต้องทำให้กลับเป็นหนังรัก!

“วันนี้ประธานคงนอนเฝ้าคุณหนูของ ‘เรา’ แล้ว อาการคุณหนูก็ไม่น่าเป็นห่วง ถ้ายังไง...คืนนี้...เรา...”

เบิ้มเอื้อมไปจับมือคมสันแบบแฝงความนัย เชื่อในความชาญฉลาดของคนรักว่าต้องเข้าใจ

อย่าคิดลึก เบิ้มไม่ได้ชวนจ้ำจี้ แค่อยากมีเวลาสองต่อสอง ดินเนอร์ใต้แสงเทียนประมาณนี้ ก็ดูสิ ตั้งแต่เริ่มงานพวกเขามีเวลาด้วยกันน้อยแสนน้อยเหลือเกิน

“อืม กลับไปเก็บเสื้อผ้า แล้วมานอนเฝ้าเป็นเพื่อนท่านประธาน”

“...”

“มีปัญหา?”

เพราะยังรู้สึกเสียวๆ คอหอยอยู่ เบิ้มจึงได้แต่ตอบรับว่า

“ครับผม”

เบิ้มยอมจำนนได้ทั้งน้ำตา เอาเถอะ คมสันคงจะห่วงคุณหนูมาก ต่อให้กลับไปที่คฤหาสน์ซึ่งมีแต่เราก็คงไม่มีอารมณ์สวีตด้วยหรอก

แทนที่จะได้ปลอบคนรัก กลายเป็นเบิ้มที่ต้องปลอบใจตัวเอง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้...

“ฉิบ!” เบิ้มอุทาน เปลี่ยนจากจับมือคมสันมาจับปากตัวเองด้วยสีหน้าเหมือนโดนผีหลอก

“มีอะไร” ท่าทางนั้นทำให้อีกฝ่ายพลอยตกใจตาม

เบิ้มอึกอักเล็กน้อย เห็นคมสันทำหน้าห่วงก็ดีใจอยู่หรอก แต่...

“ฉัน...เสียจูบแรกใปแล้ว”

“...”

”...”

เอิ่ม เรื่องที่เหมือนจะไร้สาระนี้สำคัญกับเบิ้มมากจริงๆ นะ!!

เห็นคนรักยืนมองหน้านิ่ง เบิ้มก็สลด เอาเถอะ ช่วยชีวิตเด็กได้ แถมเด็กคนนั้นเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของคมสัน แลกกับจูบแรกแล้วนับว่าจิ๊บๆ

โธ่ ความบริสุทธิ์ของริมฝีปากที่เก็บไว้ยี่สิบสองปี~

เบิ้มลอบคร่ำครวญกับตัวเองขณะเดินนำไปที่ลานจอดรถ จนกระทั่งกำลังจะเปิดประตูบริการคมสันเยี่ยงสุภาพบุรุษแสนดี เขาก็โดนอีกฝ่ายกระชากแขนให้หันหน้าเข้าหากึ่งโน้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะถูก...ประกบ!

เบิ้มเบิกตาค้าง มองคมสันที่แนบปากตัวเองกับปากเขาด้วยสมองที่ว่างเปล่า

เห็นเบิ้มตัวแข็งทื่อ คมสันก็เริ่มแทรกลิ้นรุกราน มือที่จับแขนเริ่มเลื่อนขึ้นมาจับต้นคอ บังคับให้ก้มหน้ามารับรสสัมผัสโดยสะดวก ไม่พอ คมสันยังเอียงศีรษะน้อยๆ เพื่อให้ริมฝีปากทั้งคู่แนบชิดกันไม่เหลือช่องว่าง

ในโพรงปากของเบิ้มถูกเรียวลิ้นซุกซนก่อกวนไม่หยุดหย่อน ทำเอาสติที่เหลือน้อยอยู่แล้วยิ่งลอยหายไปในอวกาศ

“กับเด็กประถมไม่นับเป็นจูบแรกหรอกนะ”

คมสันเลียริมฝีปากหลังผละออก ดูเอร็ดอร่อยและพึงพอใจกับอาการไปไม่เป็นของเบิ้ม ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นประกายยั่วเย้าเปี่ยมด้วยอารมณ์วาบหวาม

“แบบนี้ต่างหาก...ถึงจะเรียกว่าจูบ”

------

จอมมารคมสันคนขี้ยั่ว!!

แล้วจะไม่ให้พี่เบิ้มตกบ่วงได้ยังไงคะ ทำกันขนาดนี้ ขนาดเรายังใจเต้นเลย ฮือ ท่านจอมมาร ขอกราบกรานถวายตัวเป็นศิษย์

แต่งไปแต่งมา รู้สึกว่าจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องของเล่มนี้ก็หนักพอสมควรเลยนา...แต่เพราะตั้งใจแต่งแบบเฮฮา เลยกาวๆ เหนือมนุษย์ ซึ่งจริงๆ แล้วคาเรคเตอร์พี่เบิ้มที่ออกตั้งแต่เรื่องเสี่ย ก็ตั้งใจให้เหนือมนุษย์แต่แรกค่ะ ทั้งเป็นนินจางี้ ตามติดหนูจิงี้ โดนเอฟเฟคระเบิดแล้วไม่เป็นไรงี้ คือวางไว้แบบนี้แต่แรกแล้ว พอมาเรื่องนี้เลยปกติธรรมดาไม่ได้ ต้องกาวเท่านั้น 555

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ขอเตือนว่าจูบแรกของเสี่ยก็คือพี่เบิ้มนะอย่าลืมกัน..
Twitter

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด