แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11  (อ่าน 61440 ครั้ง)

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
คมสันนี่มันคมสันจริงๆ #ฉันจะโดนอุ้มไหม

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คารวะท่านจอมมารฉลาดล้ำเลิศมากทำทุกอย่างเพื่อคุณหนูผู้แก้วดวงใจได้ดีกว่าพ่อแม่แท้ๆของคุณหนู

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ถถถ.  นางฟ้าของพี่เบิ้ม เทิดทูลกันเข้าไป หลงจนไปไหนไม่รอดแล้ว  :m20:
   :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
คู่รักหฤโหด  :laugh: คนนึงคิดแผนสั่งการ อีกคนใช้กำลังข่มขู่ 55555

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
กลัวแล้วจร้า กลัวใจท่านจอมมาร

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พี่เบิ้มยังคงเป็นพี่เปิ้มเหมือนเดิม
ส่วนคมสันจอมมารเหนือจอมมารจริงๆ

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คมสันนี่น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เลย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พีคสุดตอนท้าย ความคิดลึกล้ำมาก พี่เบิ้มมมม ตัดแว่นมั๊ยจ๊ะ :laugh:

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 11 : เดตแรกที่ไม่ใช่ของเบิ้ม...รึเปล่านะ

 

วันดีคืนดี จู่ๆ เด็กเวรก็ถือจดหมายสีชมพูวิ่งมาอวดเบิ้มกับคมสัน

“นี่คืออะไรเหรอครับ” เบิ้มเป็นฝ่ายรับมาถืองงๆ อาจด้วยความเห็นอกเห็นใจกับชะตากรรมที่น่าสงสารของเด็กชายตรงหน้า เขาเลยเปิดใจและสนิทสนมกันมากขึ้น คำพูดประชดประชันล้อเลียนอย่างเด็กเวรแล้วต่อท้ายด้วยเวรอื่นก็แทบไม่มีแล้ว

“ลองเปิดดูสิ” คุณหนูของพวกเขายิ้มกรุ้มกริ่ม นอกจากเบิ้มจะเปิดใจ เด็กคนนี้ก็เปิดใจให้เบิ้มเดอะฟาส หลายครั้งเริ่มมาเกาะติด เพราะกลัวพออายุครบสิบแปดแล้วจะไม่สอนวิธีดริฟให้

คมสันแย่งจดหมายสีชมพูไปเปิดเอง

แล้วพวกเขาก็เห็น...

‘ถึงเด็กชายกิจภัทร ชาติบดินทร์

ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ แต่ไม่กล้าที่จะสารภาพต่อหน้า จึงต้องเขียนจดหมายฉบับนี้

กิจภัทร รอยยิ้มอย่างมั่นใจของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสวยงาม ดวงตามองเชิดของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกอยากถูกจับจ้อง ความกล้าท้าทายนั้น ก็ทำให้ฉันอยากเป็นคนรักของคุณ

โปรดคบกับฉันเถอะค่ะ หากตกลง เย็นนี้ฉันจะรอที่ร้าน xxx เวลา 5 โมงเย็น

รอด้วยใจวาดหวัง

จากคนที่แอบรักคุณ’


เอ่อ...เบิ้มควรจะออกความเห็นกับจดหมายฉบับนี้ยังไงดี เขาไม่เข้าใจรสนิยมของผู้หญิงคนนี้สักนิดเดียว และไม่เข้าใจ...ว่าเด็กอายุสิบสี่สมัยนี้ยังเขียนจดหมายสารภาพรัก!

“อย่างน้อยก็เขียนคำถูกต้องน่าชมเชย ภาษาสละสลวยดี” คมสันเปรย “คุณหนูจะตอบตกลงรึเปล่าครับ”

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ” เด็กเวรยักไหล่ และนั่นก็ทำให้เบิ้มตระหนักได้ว่า...เขามาถึงจุดที่ลูกชายปรึกษาปัญหาความรักแล้ว!

“ฉันไม่แน่ใจเพราะความหล่อเหลาของฉันไม่ควรถูกครอบครองด้วยคนเพียงคนเดียว หากมีผู้หญิงคนอื่นที่แอบชอบฉันแต่ไม่กล้าสารภาพอีกล่ะ ถ้าตกลงคบไปคนอื่นจะต้องเสียใจน้ำตานองแน่ๆ ฉันไม่อยากทำให้ผู้หญิงทั้งโลกต้องผิดหวัง”

ตบเด็กหัวทิ่มจะผิดมั้ยนะ

อืม...ตามกฎหมายอาจไม่ผิด แต่ผิดต่อคุณแฟนอย่างแน่นอน

“งั้นไม่ตกลงคบ แต่ลองศึกษาดูใจกันก่อนดีมั้ยครับ” คมสันให้คำแนะนำได้สมเป็นผู้ปกครองยอดเยี่ยม “คุณหนูก็อายุสิบสี่แล้ว แต่ยังไม่มีประสบการณ์ความรักเลย ลองศึกษาดูก็ไม่เสียหายนะครับ”

“งั้นเหรอ” เด็กเวรขมวดคิ้วทันที คล้ายไม่อยากหาเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ไม่อยากขัดใจพี่เลี้ยง “แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”

สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน อย่างอื่นเป็นเรื่องรอง หน้าตาเป็นเรื่องหลัก!

“ก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติเธอ แล้วค่อยปฏิเสธอย่างสุภาพ” คมสันตอบอย่างใจเย็น “คุณหนูต้องทำได้แน่นอนครับ”

เบิ้มลอบมองคมสัน เดาความคิดอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

พี่เลี้ยงคนนี้กำลังพยายามผลักดันให้คุณหนูรู้จักความรักแบบชาย-หญิง จะได้ไม่นึกอุตริมาเลียนแบบนี่เอง!

 


ห้าโมงตรง เบิ้มถือกล้องส่องทางไกลจากในรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดเยื้องห่างออกไปจากร้าน xxx

“ไม่เห็นมีเด็กผู้หญิงคนไหนนั่งอยู่ในร้านคนเดียวเลย”

“คุณหนูล่ะ” คมสันถาม เพราะกล้องส่องทางไกลมีอันเดียว เบิ้มจึงได้รับเกียรตินั้น

“ยืนงงอยู่ในร้าน” เบิ้มตอบเสียงอ่อนใจ คุณหนูของพวกเขาก็ช่างซื่อบื้อจริงๆ หรือไม่ก็มั่นหน้ามาก พอไม่เห็นเด็กผู้หญิงนั่งอยู่ในร้านคนเดียว ก็ยืนกอดอกขวางอยู่หน้าประตู เรียกให้คนทั้งร้านหันไปมอง แล้วเจ้าตัวก็หลงนึกว่าโดนมองเพราะหน้าตาดีด้วยสิ

“หรือว่าเธอจะมากับเพื่อน?” เบิ้มสันนิษฐาน

“ไม่หรอก เด็กผู้หญิงที่ส่งจดหมายสารภาพรัก แสดงว่าเป็นคนขี้อาย คงไม่บอกเรื่องนี้กับใคร” คมสันเอ่ยขณะจับหูฟัง “มาแล้ว”

ใช่ มาแล้ว...เพราะภาพที่ปรากฏในกล้องส่องทางไกลของเบิ้ม คือเด็กหญิงถักเปียน่ารักเรียบร้อยสมเป็นกุลศตรี ที่เดินออกมาจากห้องน้ำในร้านแล้วเจอกับเด็กเวรยืนวางท่าหน้าประตูด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอคงจะเขินอายจนไปตั้งสติในห้องน้ำ พวกเบิ้มเลยไม่เห็นในตอนแรก

‘ขอโทษนะคะที่ให้รอ ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ’

เด็กหญิงเอ่ย น้ำเสียงประหม่า ก้มหน้าต่ำงุดๆ

‘อ้าว งั้นจริงๆ แล้วไม่อยากให้มาหรอกเหรอ’

‘ไม่! ไม่ใช่ค่ะ...ฉันอยากให้มา จริงๆ นะคะ’

‘งั้นขอประกาศก่อนแล้วกัน เราจะยังไม่คบหาเป็นคนรัก แต่จะอยู่ในสถานะดูใจก่อน’

‘ค่ะ’

เบิ้มชักจะเขินๆ ขึ้นมา เพราะภาพตรงหน้าเหมือนซีรีส์เกาหลีชอบกล เบิ้มไม่ได้ชอบดูนะ แต่คุณแม่ของเบิ้มติดมาก

ก่อนจะแทบหน้าทิ่ม

‘...แล้วสถานะดูใจต้องทำยังไง’

เมื่อเด็กเวรถามซื่อๆ แบบเซ่อๆ

เบิ้มถึงกับละสายตาจากกล้องส่องทางไกลมามองคมสันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“อย่าพูด”

เสียดายที่คนรักรู้ทัน ไม่ยอมให้เบิ้มเอ่ยประโยคตัดอารมณ์เด็ดขาดเพราะมีเรื่องต้องทำที่สำคัญกว่า

นั่นคือการแอบฟังและแอบมองเดตแรกของเด็กเวร!

ก่อนออกจากบ้าน คมสันแอบใส่เครื่องดักฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อของคุณหนูสุดที่รัก เสียงเลยฟังชัดแจ๋ว ครั้งนี้ไม่ได้ใช้หูฟังไร้สาย แต่เป็นสายยาวโยงระหว่างเบิ้มและคมสันซึ่งสวมกันคนละข้าง ทำให้ต้องเอียงตัวเข้าหากันเล็กน้อย

มองเผินๆ เหมือนพวกเขาเป็นคู่รักที่กำลังเดตกันอยู่

แต่ความจริงคือกำลังแอบสตอลเกอร์เดตแรกของเด็กเวรอยู่ต่างหาก!

‘...ไปดูหนังกันมั้ยคะ’

‘ฉันหิวแล้ว’

‘งั้นทานข้าวกันก่อนเถอะค่ะ ร้านนี้อาหารอร่อยนะคะ ฉันจะสั่งอาหารให้ลองชิม’

สงสารก็แต่เด็กหญิงผู้ถูกสั่งสอนมาอย่างเพียบพร้อมพูดจามีมารยาทน่าเอ็นดูที่ต้องมาตกหลุมรักเด็กเวรเหลือเกิน

ตัดภาพมาที่คมสันและไอ้เบิ้ม

พวกเขาเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็น แต่ด้วยภารกิจที่สำคัญยิ่ง ในมือจึงถือแซนวิซคนละชิ้นที่แวะซื้อตอนออกจากที่ทำงาน อนาถาสุดๆ

“ระวังเลอะ” เบิ้มหยิบกระดาษทิชชูที่พกติดตัวตลอดให้คมสันเช็ดมือ

“น้ำมั้ย”

“เอาครับ”

พลันคนรักส่งขวดน้ำและจับหลอดจ่อถึงปาก เพราะมือเบิ้มไม่ว่าง ข้างซ้ายถือแซนวิซ ข้างขวาถือกล้องส่องทางไกล

เป็นครั้งแรกที่ถูกป้อน แม้คนป้อนจะจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ แต่ไอ้เบิ้มเป็นปลื้ม

...การสอดส่องเด็กเวรก็มีเรื่องดีๆ อยู่เหมือนกัน

‘สปาเกตตีคาโบนาร่าสองที่ค่ะ’

กลับมาที่คู่เดตซึ่งน่าเป็นห่วง เด็กผู้หญิงหันไปกล่าวกับพนักงาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เด็กชายในดวงใจ ‘นี่เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านเลยนะคะ’

‘ฉันไม่ชอบกินเส้น’

‘งั้น...สเต๊กดีมั้ยคะ’

‘เอาข้าวหมูอบมาแล้วกัน’

ความเอาแต่ใจที่ไม่ดูสถานการณ์นี้ท่านได้แต่ใดมา เบิ้มคันปากอีกแล้ว เขาหันไปมองคมสัน เห็นคนรักตั้งใจฟังจนคิ้วขมวด ไม่ควรขัดจังหวะอย่างยิ่ง

‘มีงานอดิเรกอะไรที่ชอบหรือเปล่าคะ’

‘ก็ไม่มีเป็นพิเศษนะ ฉันอยากนอนเฉยๆ มากกว่า’

‘งั้น...มีอะไรที่อยากทำมั้ยคะ’

‘ตอนนี้น่ะเหรอ อยากจะขับรถดริฟๆ’

‘...’

พัง พังไปหมดแล้ว เบิ้มกุมขมับ นึกอยากถล่มร้านยุติการดูใจบ้าๆ นี้สักที

สงสารเด็กหญิง!!

แต่ความใจกว้างของเธอนั้นช่างยิ่งใหญ่ ไม่ถือสาหาความกับเด็กเวรแม้แต่น้อย หรือนี่จะเรียกว่าความรักทำให้คนตาบอด...

เอ๊ะ ทำไมเบิ้มคุ้นๆ กับสำนวนนี้ชอบกล

“กินหมดแล้วก็ส่งมานี่” คมสันเอ่ยแทรกขึ้น เรียกสติเบิ้มที่เกือบจะกินพลาสติกห่อแซนวิซ

“ขอบคุณ”

“อิ่มรึเปล่า ยังมีอีกชิ้นนะ” คมสันรับขยะไปขยำรวมกันในถุง ก่อนจะหยิบแซนวิซชิ้นใหม่ขึ้นมา อันที่จริงเบิ้มเอียนแล้ว เพราะเขากินไปทั้งหมดสี่ชิ้นถ้วน แต่เห็นคนรักเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าจะไม่อิ่มท้อง เลยได้แต่ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนนิดๆ

“แกะให้หน่อย”

คมสันเลิกคิ้ว มองมาด้วยสายตาประหลาด จ้องจนเบิ้มชักจะเขิน แต่สุดท้ายก็ก้มแกะเปลือกห่อด้านนอกแล้วส่งให้อย่างว่าง่ายเกินคาด

“ป้อนหน่อย” ไอ้เบิ้มได้คืบจะเอาศอก เมื่อกี้คนรักป้อนน้ำ เลยอยากให้ป้อนแซนวิซกันบ้าง

“เดี๋ยวเลอะปาก”

“เลอะก็เช็ดสิ ฉันมีกระดาษทิชชูอยู่”

สุดท้ายคมสันยอมลงให้ครึ่งหนึ่ง คือเอาแซนวิซยัดปากเบิ้มหนึ่งคำ ขอย้ำว่า ‘ยัด’ จนสุดท้ายเบิ้มต้องรีบคว้ามากินเองก่อนจะสำลักตาย

กลับมาที่อีกฝั่งกันบ้าง

‘เก็บเงินด้วยค่ะ’

รับประทานอาหารกันเสร็จ เด็กหญิงก็หันไปเรียกพนักงานด้วยรอยยิ้ม

ใบเสร็จมาแล้ว แต่เด็กเวรยังไม่กระดิกตัว

เด็กหญิงยังคงยิ้ม...ยิ้ม...และยิ้ม

‘เอ่อ ขอโทษนะคะ’ เธอกล่าวอย่างกระดากเล็กน้อย ‘มื้อนี้ให้ฉันจ่ายเหรอคะ’

‘ก็แน่อยู่แล้วสิ’ เด็กเวรตอบพลางเชิดหน้า ‘ตั้งแต่เกิดมาเวลากินข้าวข้างนอกฉันไม่เคยจ่ายเงินเองเลย’

เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยคมสัน ประคบประหงมอย่างดี เวลาออกไปข้างนอกมีหรือจะต้องควักเงินจ่าย นั่งรอให้คมสันจัดการน่ะถูกแล้ว!

สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเด็กหญิงที่ต้องควักบัตรเครดิตออกมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

‘เราไปดูหนังกันนะคะ’

‘เอาสิ’

‘แล้วเราจะไปยังไงดี...’

‘อ้าว ไม่มีคนขับรถหรอกเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันโทรเรียกเบิ้มให้แล้วกัน’

‘เอ่อ...ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกเองก็ได้’

เบิ้มนับถือความอดทนของเด็กหญิงเหลือเกิน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอพยายามเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโชว์ความแมน แต่ไม่เลย...ที่แสดงออกมาไม่มีความแมนใดๆ ให้ฝ่ายหญิงประทับใจเลย!

เบิ้มอดจะหันมามองคมสันอีกครั้งไม่ได้ อยากถาม...อยากถามออกไปชะมัด

“ขับรถตามไปสิ”

“ครับ”

แต่เบิ้มก็ยังไม่ได้ถาม เพราะคมสันหันมาตวัดตาดุ กลัวว่าจะคลาดสายตาจากเด็กเวรและคู่เดต(?)

สถานที่ปรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือห้างกลางเมืองแห่งหนึ่ง ในเมื่อใช้กล้องส่องทางไกลไม่ได้ เบิ้มและคมสันเลยจำต้องลงจากรถ และคอยเดินตามห่างๆ โดยมีหูฟังคอยเชื่อมระหว่างเรา

“มีคนมองเต็มเลย” เบิ้มกระซิบกับคมสัน เห็นหลายคนซุบซิบกันเสียงเบา แต่สายตาที่จ้องตรงมาบ่งบอกชัดเจนว่าจุดสนใจคืออะไร คงต้องขอบคุณหนังหน้าของไอ้เบิ้ม ที่ค่อนข้างเข้มดุวางมาดบอดี้การ์ด เลยไม่มีใครกล้านินทาต่อหน้าได้แต่ทำลับหลัง

“ผู้ชายใส่สูทสองคนสวมหูฟังเดินใกล้กัน สมควรโดนมองอยู่หรอก”

“งั้นห่างกันหน่อยมั้ย”

“ห่างแล้วจะดักฟังยังไง เดินมาใกล้ๆ นี่” คมสันเร่งฝีเท้ารีบร้อนตามให้ทันเด็กน้อยทั้งสอง ไอ้เบิ้มตอนแรกที่กลัวคนรักจะอายก็ไม่ขัดศรัทธา ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องลุยให้สุด!

นั่นไง เจอเป้าหมายแล้ว ทั้งคู่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าโปรแกรมหนัง เด็กเวรยังเชิดหน้าเหมือนเดิม รัศมีออร่าลูกคุณหนูแบบข้าแน่ ข้าเจ๋ง ข้าหล่อที่สุดในปฐพีทำให้มีหลายคนมองมาอย่างอิจฉาเด็กหญิงคนนั้นที่ก้มหน้างุดๆ อย่างเขินอาย

‘ดูหนังรักกันมั้ยคะ’

‘ไม่ละ ดูแล้วหลับแน่’

‘งั้น...หนังผี?’

‘เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนฝันร้ายกันพอดี’

‘หนังบู๊ฆาตกรรมล่ะคะ’

‘คมสันบอกว่าไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปด’

‘เอ่อ...หนังตลก โอเคมั้ยคะ’

‘ดูทีไรไม่เห็นจะตลก เอาเรื่องนี้ดีกว่า!’

เบิ้มพยายามชะโงกหน้ามองว่าสุดท้ายเด็กเวรเลือกหนังประเภทไหน

‘นะ...นี่มันการ์ตูนดิสนีย์’

‘ทำไม ดูการ์ตูนไม่ได้เหรอ’

‘ไม่หรอกค่ะ...ก็ดูได้...’ เด็กผู้หญิงรีบเอ่ยเสียงอ่อน คงอยากถามเต็มแก่ว่ามาเดตกันบ้านไหนชวนผู้หญิงมาดูการ์ตูนดิสนีย์

‘งั้นก็ไปซื้อตั๋วสิ ฉันจะรอตรงนี้แหละ’

มองเด็กหญิงที่ทำหน้าจะร้องไห้เดินไปซื้อตั่ว เบิ้มก็อดที่จะหันมามองหน้าคมสันไม่ได้

อยากจะถามออกไปเหลือเกิน...ว่า...

“มองทำไม ไปซื้อตั๋วสิ”

“...ครับ”

เบิ้มจำต้องถอดหูฟังออกชั่วคราว แล้วไปต่อคิวหลังเด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่อดูว่าเธอเลือกที่นั่งไหนและรอบไหน จะได้ซื้อตั๋วเรื่องเดียวกันถูก ซึ่งที่นั่งที่เบิ้มเลือกนั้น...ถัดห่างจากตำแหน่งที่เด็กเวรนั่งแค่แถวเดียว

อะไรนะ ไม่ห่วงว่าจะถูกจับได้เลยเหรอ

เอ่อ...เด็กเวรคงไม่ฉลาดขึ้นมาหรอก

ไม่รู้ว่าเพราอยากกลับบ้านเต็มทนรึเปล่า รอบที่เด็กหญิงเลือกจึงพร้อมฉายทันที

เบิ้มและคมสันรีบเข้าโรงหลังเด็กเวรเดินเข้าไปแล้วห้านาที ก่อนจะนั่งอยู่ข้างหลัง แทบไม่ได้ดูหนัง แต่มองทั้งคู่เป็นระยะ

พวกเขาไม่ได้สวมหูฟังแล้ว เพราะกลัวจะตีกับหนัง อีกอย่างหนังประกบแบบนี้จะกลัวอะไร  ที่ตามดูก็เพราะห่วงหรอกไม่ใช่ว่าอยากเผือกอะไรเลย

ปรากฏว่าเด็กเวรมีความสุขกับการ์ตูนมาก สนุก...จนลืมไปเลยว่ามีคนนั่งข้างๆ ด้วยคนหนึ่ง

เบิ้มละอยากสะกิดชะมัด แต่ไม่ทันจะทำ มือของเขาก็ถูกฉวยจับซะก่อน

“สัน...”

คมสันรีบยกมือจรดปาก เป็นเชิงให้เงียบเสียง ก่อนจะจดจ่อกับหนังโดยชำเลืองมองคุณหนูสุดที่รักเป็นระยะ

หนังจบ ตามคาด เด็กผู้หญิงลุกจากที่นั่งโดยไม่ลา คงหมดความอดทนกับเด็กเวรเต็มทีแล้ว

เห็นคุณหนูมองแบบงงๆ ทำหน้าอึ้ง โทรหาให้เบิ้มมารับกลับบ้านแบบไม่รู้ว่าทำอะไรผิด เบิ้มก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

“สัน...” เบิ้มถาม ตอนนี้พวกเขานั่งแอบอยู่ด้านนอก ต้องเว้นช่วงสักหน่อยค่อยไปรับเด็กเวร “นายไม่คิดว่า...คุณหนูของเรานิสัยมีปัญหารึไง”

ไหนที่สุดก็ได้ถามแล้ว โล่งอกสักที!

“คิด” คมสันตอบทันที ไม่ได้เคืองอย่างที่เบิ้มกังวล “แต่ถ้าคุณหนูไม่เป็นแบบนี้ นายคิดว่าเขาจะยิ้มและหัวเราะ เป็นตัวของตัวเองได้ขนาดนี้ทั้งที่ครอบครัวมีปัญหามั้ยล่ะ”

โดนถามสวนกลับเบิ้มก็เป็นฝ่ายอึ้งไป

ก่อนจะตระหนักได้ว่า...จุดเด่นของเด็กเวร คือความมั่นหน้า ไม่สนใจ ไม่สนโลก เมินรายละเอียดเล็กน้อย สนแต่เรื่องตัวเอง จนกลายเป็นมองข้ามความจริงบางอย่างเช่นพ่อมีภรรยาคนที่สองและเธอคนนั้นกำลังตั้งครรภ์ รวมถึงแม่แท้ๆ ไม่กลับบ้านมาเจ็ดปีแล้ว

หรือคมสันตั้งใจเลี้ยงให้เป็นเด็กมีปัญหาเรื่องอื่นโดยกลบปมด้อยเรื่องนี้กันนะ

เบิ้มรู้สึกนับถือคมสันขึ้นไปอีก แม้ในใจจะลอบตงิดว่าไม่ใช่โว้ย! มันไม่ควรจะยอมรับง่ายๆ!

“ความจริง...ผลลัทธ์วันนี้ก็เกินคาดฉันเหมือนกัน”

ค่อยยังชั่วที่คมสันยังไม่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเพี้ยนไปคนเดียว

“ไว้กลับไปแล้วค่อยๆ ช่วยกันสอนคุณหนูของ ‘เรา’ แล้วกัน”

คำว่า ‘เรา’ ฟังกี่ครั้งก็ช่างสดชื่น

เบิ้มพยักหน้ารับ พอดีกับคมสันก้มดูนาฬิกาข้อมือ

“ได้เวลาแล้ว ไปรับคุณหนูกันเถอะ”

“ครับ”

เพราะกลัวโดนเจอตัว คมสันและเบิ้มเลยแอบอยู่ในร้านกาแฟห่างจากโรงหนังพอสมควร คมสันลุกจากที่นั่ง ก่อนจะจูงมือนำหน้าไปหาเด็กเวรที่ป่านนี้คงจะยืนกอดอกมั่นหน้าเป็นเป้าสายตาอยู่ที่ไหนสักที่

และนั่นทำให้เบิ้มเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขาจับมือกันตั้งแต่หนังจบจนถึงหนังเลิก

เอ๊ะ...พวกเขามาส่องเดตแรกของเด็กเวรไม่ใช่เหรอ

แต่เหมือนว่าสุดท้ายแล้ว...จะเป็นเดตที่ราบรื่นของเบิ้มและคมสันเองสินะ

 

------ 

ตอนนี้หวานๆ กันก่อนมรสุมจะตามมาค่ะ

ชีวิตประจำวันของพี่เบิ้มกับคมสันก็ได้แต่เวียนว่ายตายเกิดรอบๆ เด็กเวรที่ไม่เคยจะรู้เรื่องราวอะไรค่ะ ขนาดสามัญสำนึกยังไม่รู้จักเลย! โธ่ น้องเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร ไม่น่าตกระกำลำบากถึงเพียงนี้เลย...

 

#จอมมารคมสัน 


เพจนักเขียนที่ชอบโมเม้นท์พี่เบิ้มกับคมสัน
...อะไรนะ ตอนนี้มีโมเม้นท์เด็กเวรด้วยเหรอ จำไม่ได้เลย!
Twitter : MajaYnaja

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สงสารเด็กที่หลงรักเสี่ยจริงๆ 555555
เสี่ยผู้ไม่มีตรงกลาง ถ้าไม่ซื่อบื้อจัด ก็มั่นหน้าสุดๆไปเลย  :laugh:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
พ่อเบิ้ม แม่สัน ตามติดชีวิตลูก(เสี่ย)จริงๆ อ่านไปรู้สึกสงสารแม่สาวน้อยสุดๆ ความเสี่ยมาเต็ม  :m20:
    :L2:  :pig4:   :กอด1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จุดำฟตั้งหม้อเตรียมน้ำร้ิอนรอจ้า

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม

 
 

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเบิ้มกับคมสันคบกันมาสามเดือนแล้ว

เป็นช่วงเวลาที่ไม่ช้าและไม่เร็ว อย่างช่วงตอนทะเลาะกันสองสัปดาห์นั้นเบิ้มแทบจะขาดใจ ทุกวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่ตอนเผด็จศึกภรรยาคนที่สองของท่านประธานนั้นกลับรวดเร็วฉับไว เพียงพริบตาคมสันก็จัดการอยู่หมัด

พอจบเรื่องปองร้ายหมายชีวิต หลายอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง อย่างความสัมพันธ์ของพวกเขานี่ไง แม้จะมีพัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ซึมลึกซาบซ่าน ดีต่อใจคล้ายผูกพันมายาวนาน เบิ้มเริ่มชินที่จะได้เจอคมสันทุกเช้า นั่งกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ขับรถโดยมีอีกฝ่ายเคียงข้าง คอยบอกเตือนเป็นระยะและวิ่งไล่จับคุณหนู

พูดถึงคุณหนู...อืม เบิ้มยอมรับว่าแม้เด็กเวรจะน่ารำคาญบ้าง น่ากุมขมับบ้าง แต่ก็นับเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิต

เพราะพอไม่มีคนปองร้ายบอดี้การ์ดอย่างเบิ้มก็ไม่ค่อยมีอะไรทำ ส่วนคมสันก็เห็นเด็กเวรเป็นหลัก แทบไม่มีกิจกรรมทำด้วยกัน ฉะนั้นการมีเด็กเวรป้วนเปี้ยน หาเรื่องวุ่นวายให้แก้ไข ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เบิ้มและคมสันร่วมมือร่วมแรง

อย่างไอ้เรื่องการสอนสั่งที่จำเป็นมาก

หลังพยายามอยู่นาน ในที่สุด...พวกเขาก็ทำให้เด็กเวรรู้จักคำว่า ‘สายเปย์’ สำเร็จ!

ตอนแรกเบิ้มไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้ อยากจะให้เด็กชายเข้าใจว่าการเลี้ยงข้าวผู้หญิงนั้นคือสุภาพบุรุษ แต่เด็กเวรดันไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษ อยากให้คนเอาอกเอาใจมาบริการให้แล้วนั่งหน้าเชิดมากกว่า...นี่มัน...โคตรเหมือนท่านประธานที่ไม่ทำอะไรเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคน เมื่อเห็นว่านิสัยนี้ซึมลึกถึงดีเอ็นเอ ไอ้เบิ้มก็ได้แต่ยอมให้คมสันกล่อมเกลาเด็กเวรด้วยวิธีพิสดาร

นั่นคือให้เจ้าเด็กนี่คิดว่าการเป็นสายเปย์โคตรเท่เลยให้ตาย!

“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการฝึกฝน เด็กเวรเริ่มติดใจกับการกินข้าวนอกบ้านแล้วใช้นิ้วคีบบัตรเครดิตให้พนักงานด้วยท่วงท่าโคตรป๋าทั้งที่อายุแค่สิบสี่ แน่นอนว่าคมสันถือคติไม่กินข้าวร่วมกับเจ้านาย เพราะระหว่างนั้นต้องดูแลเอาใจใส่คอยแกะก้างปลาให้ใครบางคน เลยสั่งมาแค่เครื่องดื่มกับขนมรองท้องทานเป็นเพื่อนเด็กเวรเฉยๆ กลับบ้านแล้วค่อยนั่งกินกับเบิ้มสองต่อสอง

พอพนักงานนำใบเสร็จมาให้เซ็น เด็กเวรก็ตวัดอย่างเชี่ยวชาญประหนึ่งเซ็นเอกสารมาแล้วนับพันฉบับทั้งที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ท่าทางมาดมั่นคึกคักเกินเหตุนั้นทำให้เบิ้มนวดหัวคิ้ว เพราะแค่ดูหน้าเชิดๆ ก็รู้แล้ว...ว่าตอนนี้เด็กเวรต้องคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า การเลี้ยงข้าวคนแล้วรูดบัตรนี่มันช่างเท่เหลือเกิน ทำไมไม่ทำให้มันเร็วกว่านี้นะ

พอกลับถึงบ้าน นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันระหว่างรอคุณหนูอาบน้ำ เบิ้มก็ตัดสินใจถามคนรัก

“ปล่อยไปจะดีเหรอสัน อนาคตมีหวังโดนปอกลอกจนหมดตัวแน่ๆ”

เขาเป็นห่วงเด็กเวรหรอกนะถึงได้ถาม! นี่มันวิธีการเลี้ยงแบบผิดๆ!! ชักนำสู่เส้นทางหายนะทางการเงิน!!!

 “ก็แค่คัดกรองคนเข้าหาคุณหนูให้หมด จะยากอะไร”

...คุณแฟนบอกว่าไม่ยาก ไอ้เบิ้มก็ต้องบอกว่าไม่ยากขอรับกระผม

“ฝึกนิสัยนี้ก็ดี พอเป็นประธาน คุณหนูจะได้รู้จักเลี้ยงลูกน้อง อย่างน้อยก็ซื้อใจได้ ไม่ใช่...”

ไม่ใช่ให้ลูกน้องออกเงินแทนสินะ

พอนึกแบบนี้แล้ว เบิ้มก็ชักคล้อยตามคมสัน ในเมื่อมีเงินเยอะงั้นก็ปล่อยให้เปย์ไปแล้วกัน ยังไงมีคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียด ดูจากเด็กหญิงที่ความรักทำให้คนตาบอดสิ โดนเลี้ยงข้าวแล้วใช้ไปซื้อตั๋วหนังที จนป่านนี้ยังไม่คิดจะติดต่อเด็กเวรหวังสานสัมพันธ์กันอีกเลย...

ในเมื่อนิสัยของคุณหนูสุดโต่งนัก ก็ต้องเลี้ยงให้หลุดโลก!

เบิ้มปลอบใจตัวเอง ก่อนจะช่วยรินน้ำให้คมสันที่ยื่นแก้วให้ ในใจอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ใช่ว่า

...มันใช่เหรอวะเบิ้ม

 


ประหนึ่งคำถามโลกแตก เพราะไม่ว่าจะพยายามคิดหาหนทางให้เด็กเวรกลายเป็นคนปกติยังไง เบิ้มก็ไม่หาญกล้าพอจะหาเหตุผลใดๆ มาต่อกรกับคมสัน

คนเพิ่งแต่งเข้ามีหรือจะเทียบเท่าพี่เลี้ยงแต่เยาว์วัย

หลังคิดจนสมองแทบแตก เบิ้มก็ตัดสินใจปล่อยความค้างคาใจไปกับสายธาร เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น

“สัน...” เบิ้มเอ่ยเสียงเบา คล้ายประหม่า และนั่นก็เรียกให้ดวงตาคมสวยตวัดมองอย่างสงสัย พวกเขากำลังไปรับเด็กเวรที่โรงเรียน และคาดว่าเย็นนี้ก็ต้องกินข้าวนอกบ้าน ยอมให้เด็กชายใจป๋ารูดบัตรแบบโคตรเท่เหมือนเคย “คือว่า...พรุ่งนี้...ไปบ้านฉันกันมั้ย”

พูดจบเบิ้มก็กระแอมไอแก้เขิน

“แม่อยากเจอน่ะ”

เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนออกกำลังกายที่ฟิตเนสวันนี้ ลูกชายที่แม้ไม่สนิทกับครอบครัวแต่หมั่นโทรหาไม่ขาดโดนมารดาบังเกิดเกล้าคะยั้นคะยอให้พาคุณแฟนมาจนหาข้ออ้างปฏิเสธไม่ได้แล้ว

เดิมทีเบิ้มก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง มีลูกล่อลูกชนหรือชวนให้คนคล้อยตามง่ายๆ อย่างคมสัน โดนจี้เอามากๆ เข้าเลยรับปาก ไม่วายโยนระเบิดดูปฏิกิริยาจากมารดาบังเกิดเกล้าว่ารับลูกสะใภ้เพศชายได้หรือเปล่า

ใช่ เบิ้มสารภาพไปแล้วว่าคุณแฟนสุดเซ็กซี่ของเขานั้นเป็นผู้ชาย แม่เบิ้มถึงกับวางสายไปครู่ใหญ่คล้ายต้องการเวลาตั้งสติ ก่อนจะโทรกลับมาว่าต้องเจอหน้าเท่านั้นถึงจะบอกว่าโอเคหรือไม่โอเค

สถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีแบบนี้เบิ้มก็ไม่อยากจะพาคมสันไปหรอกนะ แต่เพราะค้นพบว่าคนรักของเขาเนี่ยช่างแก้ปัญหาเก่งจริงๆ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เบิ้มเลยลองชวนดู หากคมสันทำให้เขาหลุดพ้นจากสภาวะกระอักกระอ่วนในครอบครัว ไอ้เบิ้มก็แสนจะสุขี

และเพราะการชวนไปบ้านครั้งนี้ไม่ค่อยบริสุทธิ์ใจนี้เอง ผู้ชายตัวโตๆ อย่างไอ้เบิ้มเลยถามด้วยเสียงกังวล ยิ่งโดนคนรักตวัดจ้อง ก็เล่นเอาความกล้าทั้งหลายละลายไปกับสายน้ำ สายลม และแสงแดด

“ได้สิ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะลางาน” คมสันพูดพลางส่งข้อความไปบอกประธานทันทีว่าจะขอลางานหนึ่งวัน รวดเร็วฉับไวจนเบิ้มตามไม่ทัน

 “สัน...คือว่า...” เบิ้มไม่ใช่คนปิดบังซ้อนเร้นอะไร ตอนชวนก็กะจะบอกความจริงแก่คนรักอยู่แล้ว พอเห็นคมสันรับปากแถมพูดจริงทำจริง คนที่เอาแต่อึกๆ อักๆ ไม่ทันอธิบายให้กระจ่างแจ้งแก่ใจดีก็ยิ่งเหงื่อตก “แม่ฉันอาจจะต้อนรับไม่ดีนะ เพราะท่านไม่คิดว่าฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย”

“อ้อ” คมสันรับคำเบาๆ เริ่มเข้าใจว่าทำไมเบิ้มถึงได้ทำหน้าลำบากใจขนาดนี้ “กลัวโดนกีดกันหรือ”

เบิ้มรีบส่ายหน้า ต่อให้แม่ไม่เห็นด้วย แต่ไอ้เบิ้มที่หัวดื้อหนีออกจากบ้านไปต่อยมวยแต่เด็กไม่เคยฟังคำค้านฉันใด การให้เลิกกับคมสันก็เป็นไปไม่ได้ฉันนั้น

 “ฉันก็ไม่กลัว” คมสันตอบแน่วแน่ ราวกับว่าการเลือกเบิ้มมาเซ็นสัญญา คือการผูกมัดชั่วชีวิตที่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้เราสองพรากจากกันไม่ได้

เบิ้มซึ้งน้ำตาจะไหลอีกแล้ว

“ฉันกลัวแม่จะทำให้นายอึดอัด แล้วก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนไม่ถูกกัน”

ถ้าเป็นไปได้ เบิ้มไม่อยากให้แฟนกับแม่ตัวเองเกลียดขี้หน้ากัน คนกลางอย่างเขาโคตรปวดใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอก” คมสันเผยยิ้มมุมปาก “ฉันเก่งเรื่องเข้าหาผู้ใหญ่น่ะ”

 


หญิงวัยกลางคนกำลังตำน้ำพริกเสียงดังปักๆๆ

ครกที่เธอใช้มีขนาดใหญ่กว่าปกติสองเท่า สากที่ถือเองก็ขนาดไม่ต่างกัน เพราะมันใหญ่เท่าศอก สั่งทำเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงร่างใหญ่ที่มีกำลังวังชาไม่ธรรมดา

เธอคือแม่ของเบิ้ม

มารดาบังเกิดเกล้าที่คลอดลูกหลงจนร่างกายอ่อนแอ กลายเป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน คอยทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลลูกเล็ก นึกแล้วก็น่าเสียดาย เมื่อก่อนเธอเป็นนักปีนเขา เลยมีกล้ามแขนที่ใหญ่กว่าผู้หญิงปกติ งานแสนรักที่ไม่อาจทำได้กลายเป็นตำน้ำพริกขายแก้เซ็ง ใช่ เวลาว่างๆ แม่ของเบิ้มจะตำน้ำพริกขาย แม้ร่างกายจะไม่แข็งแรงเท่าแต่ก่อนก็ถือว่าเยอะกว่าคนปกติธรรมดายู่ดี...

ปักๆๆ!

พิสูจน์ได้จากเสียงครกกับสากกระทบกัน ดังสนั่นประหนึ่งอุกกาบาตพุ่งชนโลก

วันนี้ลูกชายคนโตของเธอจะพาคนรักมาเจอหน้า แม่เบิ้มเลยจงใจแต่งตัวโทรม นั่งตำน้ำพริกให้กลิ่นติดตัว ไม่ทำความสะอาดบ้าน เพราะรู้ว่าการบังคับใจลูกชายยากแสนยาก วิธีที่ดีที่สุดคือการให้ลูกสะใภ้เป็นฝ่ายยอมถอยไปเอง

อันที่จริงแม่เบิ้มก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณ วัดจากที่เมื่อก่อนเป็นนักปีนเขา นอนกลางดิน กินกลางทราย นอนร่วมกับผู้ชายหลายคนโดยไม่กระดากอายหรือกลัวถูกนินทา เธอพบรักกับพ่อของเบิ้มซึ่งเป็นนักเพาะกล้ามและมีงานอดิเรกเดียวกันระหว่างตั้งทีมปีนเขาเอเวอเรสต์ อาจเพราะเป็นคนชาติเดียวกัน เลยสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และเพราะมีกล้ามที่สวยงามน่าหลงใหลเหมือนกัน เลยทำให้กลับมาพวกเขาก็แต่งงานทันที

ออกมาเป็นเบิ้ม

ตอนเกิด เบิ้มตัวใหญ่กว่าเด็กทารกปกติ น้ำหนักไม่ต้องพูดถึง ล่อซะพยาบาลที่อุ้มถึงกับเมื่อยแขน ตอนที่เบิ้มอยู่ไม่ติดบ้าน ขยันออกไปเรียกวิชามวย เธอเลยพอเข้าใจบ้างว่าเป็นที่สายเลือด เพราะทั้งเธอและสามีต่างไม่อยู่นิ่ง ชอบทำกิจกรรมท้าทายไม่ปีนเขาก็ตั้งแคมป์อยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นหัวอกคนเป็นแม่ เห็นลูกกลับมาตาช้ำหน้าบวม ก็อดห่วงอยากถนอมไม่ได้

ไปๆ มาๆ ลูกชายเลยยิ่งเตลิด บวกกับทั้งพ่อและแม่ของเบิ้มไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยกลายเป็นยิ่งห่างเหินกัน

ครอบครัวนี้รักกันแบบแปลกๆ

ต่างคนต่างไปทำในสิ่งที่ชอบ แล้วค่อยโทรหาเล่าเรื่องราวให้ฟัง มันตลกตรงที่พอมารวมตัวเจอหน้า ดันเกิดเป็นบรรยากาศงงๆ เพราะไม่ค่อยจะอยู่อย่างสงบๆ กันสักเท่าไหร่

เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะแปลกใจว่าทำไมแม่เบิ้มถึงอยากไล่ลูกสะใภ้เพศเดียวกับลูกชายตัวเอง

คำตอบนั้นง่ายมาก

เธอ-อยาก-มี-หลาน!

มีแฟนเป็นผู้ชาย แม่ไม่ว่า แต่แม่อยากมีหลานใครเลยจะเข้าใจ ถ้าเบิ้มคบกับแฟนคนนี้ เธอก็ต้องความหวังกับลูกชายคนเล็ก แต่โปรดดูความเป็นจริงซะก่อน บิ๊กหรือน้องชายเบิ้มนั้นตอนนี้เพิ่งหกขวบ เริ่มจะทำตามความฝัน ไปนอนที่ค่ายมวยตามรอยพี่ชายแล้ว กว่าบิ๊กจะโต...กว่าจะแต่งงาน กว่าจะมีลูก...

เธอได้แก่ตายก่อนน่ะสิ!

ฉะนั้นความหวังทั้งหมดเลยอยู่ที่เบิ้ม ความฝันของหญิงแก่ที่อดปีนเขาแล้วต้องตำน้ำพริกอยู่บ้าน มีเพียงหลานตัวน้อยน่ารักเป็นที่พักใจในยามชรา แค่นึกก็เคลิ้มแล้ว

พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น เบิ้มคงมาถึงแล้ว หญิงวัยกลางคนบิดตัวแก้ปวดเมื่อยเล็กน้อย ก่อนจะถือสากออกมาเปิดประตู เป็นไงละ เจอแม่สามีสวมผ้ากันเปื้อนถือสากเปื้อนสีแดง (พริก) กลิ่นแสบฉุนจมูก สยองขวัญจนขวัญบินเลยใช่มั้ย!

อันที่จริงภาพที่ปรากฏนั้นก็น่ากลัวตามที่แม่เบิ้มวาดหวัง เพราะอย่าลืมว่า แม่เบิ้มตัวสูงใหญ่กำยำไม่แพ้ลูกชาย แม้ไม่ค่อยออกกำลังกายแต่กล้ามแขนจากการตำน้ำพริกทุกวันก็ทำให้ท่อนบนบึกบึน แถมสากที่เธอถือก็อันใหญ่เท่าศอก ส่วนปลายเปื้อนเศษสีแดงแหลกเละ มองไปมองมาคลับคล้ายเนื้อคนอยู่ในที คนเห็นไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแล้ว

ถ้าไม่ใช่ว่า...ลูกสะใภ้ของเธอคือคมสัน

คมสันผู้ละเอียดรอบคอบ ตอนสืบประวัติเบิ้มก็รู้อยู่แล้วว่าแม่เบิ้มเป็นยังไง เลยไม่ตกใจกับผู้หญิงตัวโตหัวแทบชนกรอบประตูประหนึ่งยักษ์วัดพระแก้วแม้แต่นิดเดียว อืม...สากนั้นก็เหมือนกระบองยักษ์อยู่เหมือนกันนะ

ฉะนั้นภาพความประทับใจแรกที่มีต่อลูกสะใภ้คนนี้ คือรอยยิ้มสุภาพนอบน้อม ยกมือไหว้สี่สิบห้าองศา โค้งตัวอย่างงดงามท่วงท่าสง่าเสียจนคล้ายโดนลำแสงผู้ดีสาดใส่ เมื่อไหว้เสร็จก็เหยียดหลังตรง ดันแว่นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าคมสวยโดยเฉพาะดวงตาใต้กรอบแว่นที่หางตาชี้ขึ้นบ่งบอกความเฉลียวฉลาด แต่กรอบแว่นนั้นก็ทำให้ดูเรียบร้อยคงแก่เรียน เมื่อรวมกับชุดสูทสีดำที่ทั้งเนี้ยบทั้งสะอาดสะอ้าน ทำให้ลูกสะใภ้เธอคนนี้มีรูปลักษณ์ที่สง่างามแบบสิบเต็มสิบ

จนแม่เบิ้มที่จงใจทำตัวโทรมถึงกับอายตัวเองแทนซะงั้น

ใครเลยจะคาดคิดว่าคนอย่างไอ้เบิ้ม ลูกชายของเธอที่น่าจะตามรอยพ่อกับแม่จะคว้าเอาผู้ชายที่โคตรจะดูดีคนนี้เป็นแฟน ตอนแรกเธอหลงนึกว่าไปคว้าผู้ชายในค่ายมวยที่มีแต่เหงื่อ หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานทีมสตั้นท์แมนที่ชอบสังสรรค์เฮฮากินเหล้ากันซะอีก นี่มันผิดคาดเกินไปแล้ว!

“สวัสดีครับ ผมชื่อคมสัน เป็นคนรักของเบิ้มครับ”

น้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความสุขุมนุ่มลึกในที มาดดีขนาดนี้ใครจะกล้าทำตัวไร้มารยาทได้ลงคอ

แล้วนั่น มีการส่งนามบัตรมาอีก...อะไรเนี่ย เธอไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย อายุยังน้อยแต่เป็นถึงผู้ช่วยเลขาประธานบริษัทที่ลูกชายเธอทำงานอยู่...นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัด!

แน่นอนว่าดอกฟ้าคือลูกสะใภ้โคตรงานดี ส่วนหมาวัดคือลูกชายเธอเอง

จากตอนแรกที่อยากจะกีดกันเพราะอยากอุ้มหลาน ไปๆ มาๆ กลายเป็นลูกชายเธอเองที่คล้ายไม่คู่ควร

“คุณแม่หนักมั้ยครับ ผมช่วยถือนะครับ”

แถมยังน้ำใจดี! ไม่รังเกียจที่ตัวเธอเหม็นฉุน ถือสากต้อนรับอีกด้วย ช่างเป็นคนหนุ่มที่สุภาพและอ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่โดยแท้ แม้เป็นผู้ช่วยเลขาที่ดูจากหน้าตาแล้วการศึกษาคงยอดเยี่ยม สังคมคนละชั้น แต่ไม่รังเกียจกันสักนิด ทำเอาแม่เบิ้มประทับใจ คล้ายจะเห็นปีกนางฟ้าจากแผ่นหลังของลูกสะใภ้แสนดี

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ แม่กลัวหนูถือไม่ไหว” เธอไม่ได้พูดเล่น สากอันนี้น้ำหนักไม่ธรรมดา...ขืนให้ข้อมือผอมบางนั้นถือเธอล่ะกลัวจะหักไปซะก่อน อันที่จริงคมสันไม่ได้ดูบอบบางอะไร แต่พอยืนเทียบกับเบิ้มและแม่ของเบิ้ม...ก็ตัวเล็กทันตา

“พวกผมมาขัดจังหวะคุณแม่กำลังทำกับข้าวรึเปล่าครับ มาฝากท้องแล้วยังรบกวนอีก ผมช่วยนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ หนูแต่งตัวแบบนี้จะเข้าครัวได้ยังไง”

“ถอดเสื้อออกก็ไม่ต้องกลัวเปื้อนแล้วครับ” คมสันเอ่ยเรียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มเผยยิ้มเป็นมิตรพองาม ท่วงท่าสุภาพเป็นกันเองแบบพอเหมาะพอดี ชวนให้ผู้มองรู้สึกเกรงอกเกรงใจและโอนอ่อนให้โดยไม่รู้ตัว “ฝากหน่อยนะเบิ้ม”

พูดจบ คมสันก็ถอดเสื้อสูทส่งให้คนที่แม่ไม่แล สนใจแต่ลูกสะใภ้ นี่เบิ้มเป็นลูกชายแม่หรือเปล่า แม่หันมามองกันหน่อยสิ

“เบิ้ม พาแฟนลูกไปนั่งในบ้านก่อนไป”

คำทักทายแรกของแม่ คือให้พาคมสันไปนั่งในบ้านเช่าทั้งที่เมื่อก่อนอยู่ห้องเช่าขนาดเล็กเพราะด้วยเงินเดือนสตั้นท์แมนไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย แต่เมื่อรับงานบอดี้การ์ด เบิ้มก็ไม่รอช้าให้แม่และน้องชายอยู่สบายขึ้น ด้วยขนาดตัวของครอบครัวเขา ให้อยู่ในห้องแคบๆ ออกจะเป็นการทรมานไปสักหน่อย

เบิ้มงง ตอนแรกหลงนึกว่าแม่จะตั้งตัวเป็นปรปักษ์ ไม่ยอมรับคมสันซะอีก แต่ใครเลยจะรู้ เจอลูกสะใภ้งานดีไร้ที่ติ จะหาจุดตำหนิหรือก็ไม่มี แล้วจะทำใจดำกล้าทำตัวแย่ได้ยังไง

“คุณแม่ทำน้ำพริกกะปิใช่มั้ยครับ ผมช่วยล้างผักแล้วกัน” คมสันเสนอทางเลือกอื่นขณะพับแขนเสื้อขึ้น แค่ท่าพับแขนเสื้อยังน่ามอง ราวได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี แม่เบิ้มใจอ่อนยวบ เธอมีลูกชายสองคน ทั้งคู่ต่างอยู่ไม่ติดที่ วันๆ เอาแต่ไปต่อยมวยไม่ก็เรียนศิลปะการต่อสู้ เหมือนลิงทโมนสิ้นดี กลับบ้านมาหน้าตามอมแมมเสื้อขาดวิ่น เธอต้องนั่งซักผ้าเย็บผ้าแล้วยังทำแผลให้อีก แถมยังซื่อบื้อ เอาใจไม่เป็น ใครเลยจะรู้...ว่าในใจแม่นี้แสนจะอยากได้ลูกชายสุภาพอ่อนน้อม รู้จักเข้าหาและยิ้มหวานมากแค่ไหน

“ขอบคุณนะจ๊ะ”

“เรียกสันเถอะครับ”

วิธีการเข้าหาผู้ใหญ่ของคมสันนับว่าประสบความสำเร็จตามคาด

ความจริงก็ไม่นับว่ายากอะไร ใครล่ะจะไม่ชอบเด็กดีมีสัมมาคารวะ รู้จักถามไถ่ใส่ใจ ไม่ลามปามไม่ล่วงเกินแล้วยังให้เกียรติ

เพียงพริบตาไอ้เบิ้มก็โดนทิ้งอยู่หน้าประตู ถือเสื้อสูทคนรัก จากหมาวัดกลายเป็นหมาหัวเน่าในพริบตา

แต่เดี๋ยวก่อน...

“สัน” เบิ้มกระซิบข้างหูคนรักระหว่างแม่เดินนำเข้าไปด้านใน “นายเข้าครัวเป็นด้วยเหรอ”

คมสันหันมายิ้มบางให้เป็นคำตอบ ก่อนจะส่ายหน้าเชื่องช้า...

แม้จะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่คมสันใช่ว่าจะทำเป็นทุกอย่าง เพราะคฤหาสน์ชาติบดินทร์มีทั้งแม่บ้านและคนครัว แค่ไล่จับเด็กเวรให้กินผักก็เหงื่อตกแล้ว ให้เข้าครัวอีกอย่าได้หวัง

ถ้าเข้าครัวไม่เป็น แล้วตอนแรกเสนอตัวทำไม

เบิ้มตั้งใจจะถามแบบนี้ แต่เลือกที่จะเก็บไว้ในใจ เพราะคำตอบของคำถามนั้นเขาตรัสรู้อย่างแจ่มแจ้ง

อะไรนะ คิดว่าเบิ้มโม้งั้นเหรอ มา เขาจะแจกแจงให้ฟัง

การพูดคุยไม่กี่ประโยคนั้นแฝงด้วยแผนลึกล้ำดังนี้

หนึ่ง เสนอตัวช่วยถือสาก เป็นการหยั่งเชิงแม่เบิ้มว่าจะตอบสนองอย่างไร

ผล -> แม่เบิ้มปฏิเสธ ความประทับใจแรกค่อนไปทางบวก ฉะนั้นถ้าเสนอตัวอีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่จะปฏิเสธมีเกินเจ็ดสิบเปอร์เซนต์

ทำให้ต่อด้วยประโยคสอง เสนอตัวช่วยเข้าครัว

ผล -> แม่เบิ้มปฏิเสธตามคาด คมสันแต่งตัวดีขนาดนี้ ใครจะกล้าให้มานั่งโขลกน้ำพริก

แน่นอนว่าคมสันเข้าครัวไม่เป็น ที่ถามไปก็เพื่อลดเกราะในใจคู่สนทนา แล้วนำไปสู่คำถามที่สาม

“ดีจังครับ ผมไม่ได้กินน้ำพริกกะปิมานานแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวกินให้เยอะๆ เลยนะลูก”

คือการเสนอตัวช่วยล้างผัก เพื่อให้ตัวเองไปอยู่ในครัวโดยไม่ต้องทำกับข้าว ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสชวนคุย ด้วยมาดของคมสัน ทำให้พูดอะไรก็ฟังดูน่าเชื่อถือ แม้ประจบก็คล้ายไม่ประจบ ทำคะแนนตีตื้น สร้างความประทับใจให้เพิ่มพูนทะลุปรอท

กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร)

แต่ล้างผักแล้วตีเกราะแม่เบิ้มจนพังทลายไม่เหลือซาก เกรงว่าน้อยคนนักจะทำได้!

 

------------------------------

 

เมื่อคมสันเข้าหาถูกทาง อะไรๆ ก็ง่ายดายสำหรับจอมมารค่ะ

เอาจริงๆ แล้วจอมมาร แคก! นางฟ้าของเบิ้มเก่งเรื่องการตีเนียนว่าเป็นคนธรรมดาไร้พิษภัย ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็เอ็นดู ใครเห็นใครก็วางใจ เชื่อถือมากทีเดียว ซึ่งถ้าไม่เป็นปรปักษ์กับคมสันก่อน หรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องเผยตัว น้อยคนมากค่ะที่จะตาสว่างเห็นว่าคมสันเป็นจอมมาร (ไม่นับน้องเจที่มองโลกในแง่ร้าย เผาทุ่งลาเวนเดอร์เป็นกิจวัตร)

ซึ่งเบิ้มก็ใกล้จะได้เบิกเนตรแล้วค่ะ มาบ้านครั้งนี้มีประเด็นแน่นอน!!

 #จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่เตรียมนับถอยหลังให้พี่เบิ้ม

Twitter : MajaYnaja

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่เบิ้มนี่ความแข็งแกร่งอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นแม่สินะ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร) 55555 โถ ยังไม่วายจิกเสี่ย  :laugh: แต่นึกถึงภาพเด็กอายุ 14 นั่งหน้าเชิ่ดติดเพดานคีบบัตรเครดิตมาดป๋าแล้วน่าเบิ้ดกะโหลกสะจริง  :laugh:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ดีใจที่เสี่ยมีบทบาทมากกว่าในนิยายของตัวเอง  :m20: ขอสารภาพเลยตอนอ่านจำชื่อ-สกุลเสี่ยไม่ได้จริงๆ แทบจะลืมว่าเสี่ยคือพระเอก :jul3:
ภาคองค์นางฟ้าก็ลงมาประทับทำแม่ของพี่เบิ้มหลงไปอีกคน  ดอกฟ้ากะหมาวัดหัวเน่า   :L2:  :pig4:  :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
คมสันชนะมากกก ชนะทุกเรื่อง จอมมารผู้เหนือจอมมาร ชนะทุกคนในสมรภูมิ

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 o13 เรียบร้อยโรงเรียนคมสัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่เบิ้มนี่ความแข็งแกร่งอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นแม่สินะ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร) 55555 โถ ยังไม่วายจิกเสี่ย  :laugh: แต่นึกถึงภาพเด็กอายุ 14 นั่งหน้าเชิ่ดติดเพดานคีบบัตรเครดิตมาดป๋าแล้วน่าเบิ้ดกะโหลกสะจริง  :laugh:

ขำคิก......เลย ตอนจิกเสี่ยเด็กเวร ฮ่าๆๆๆ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร)

คมสัน นางฟ้าปีกดำ สุดยอดยอดดดดด

เบิ้ม  สัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ผูกใจว่าที่แม่สามีเรียบร้อยคมสันฉลาดและถนัดแก้อุปสรรค

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
กรี๊ด อะไรดลใจให้นิยายมาไว 555

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ใครยังไม่ได้โหวตให้คนเขียนเรื่องนี้บ้างงงงง ไปโหวตเร็ว
รอบสุดท้ายแล้ว ผมลุ้นอยู่ นั่งนับคะแนนกันเลยทีเดียว 555

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69065.msg3919006;topicseen

ตอนนี้สถานการณ์ โหวตรอบสุดท้าย หมวด 7
นักเขียนนิยายดาวรุ่ง คุณมาจะกล่าวบทไป กำลังตามอยู่ 2 คะแนน

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เจอแบบนี้ใครก็เห็นเป็นนางฟ้า เก่งเข้าหาผู้ใหญ่จริงๆนั่นแหละ o13

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
จากจอมมารกลายเป็นนางฟ้าในชั่วพริบตาเลย. สุดยอดจอมมารจริงๆ.  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด