พิมพ์หน้านี้ - แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-10-2018 19:11:49

หัวข้อ: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-10-2018 19:11:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง





--------------

นิยายที่แต่งจบแล้ว
{{ King’s Club }} เพราะเสพติดเซ็กซ์  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47157.0)
{{ Knight's Hour }} เพราะเป็นเจ้านาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52388.0)
{{ Prince's Room }} ระวัง...เขตอันตราย!! [3P] (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56382.0)
{{ I'm Not Him }} เขาให้ผมเป็นดารา  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60933.0)
{{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62107.msg3707544)
{{ Just U,Not US }} เมื่อผมเป็นผู้จัดการดารา  (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66315.msg3795969)


(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/16/9GOStN.jpg)
[Pre-order] แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก!
สั่งจองและแจ้งโอนได้ที่ -> http://majaynaja.lnwshop.com/


ผมชื่อเบิ้ม และผมกำลังโดนจีบ

โดนจีบด้วยเกลือแร่สองขวด ขวดละสิบบาท จากผู้ช่วยเลขาท่านประธาน ที่ไม่ควรจะชายตาแลทีมสตั้นท์แมนธรรมดาๆ อย่างผมได้เลย

ความคิดแรกคือหรือนี่จะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต บันดาลให้เราได้พานพบคู่แท้แสนหวาน

แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้ายนัก เพราะผมโดนจีบด้วยแผนล้ำลึกไร้ต้นทุน! ที่ใช้เกลือแร่สองขวดเป็นเหยื่อล่อ! ชวนเข้าใจผิด! คิดไปเอง! ขุดหลุมพรางให้ผมเซ็นสัญญาทาส!!

สัญญาที่กว่าจะรู้ตัวก็ฉีกทิ้งไม่ได้แล้ว!

ผมได้แต่บอกตัวเองว่าไม่หรอก...ผมไม่ได้หลงกลเขา

แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอกน่า!!!

 

--------------------

และแล้วก็ฤกษ์เปิดประเดิมเรื่องของคู่เบิ้มxสัน นะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามและสนับสนุน ทำให้ได้เปิดเรื่องนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่า 

สารบัญ
ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร
ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม
ตอนที่ 2  : ความลำบากของเบิ้ม
ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3908225#msg3908225)
ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3908852#msg3908852)
ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3909504#msg3909504)
ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3910380#msg3910380)
 ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.60)
ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรกของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3912262#msg3912262)
ตอนที่ 9 : (หรือจะเป็น)ครอบครัวของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3913108#msg3913108)
ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่ของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3915184#msg3915184)
ตอนที่ 11 : เดตแรกที่ไม่ใช่ของเบิ้ม...รึเปล่านะ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3918227#msg3918227)
ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3918640#msg3918640)
ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3920558#msg3920558)
ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3921878#msg3921878)
นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3923236#msg3923236)
นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3924348#msg3924348)
ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใสของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3925603#msg3925603)
ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3929985#msg3929985)
ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3930289#msg3930289)
ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3931207#msg3931207)
ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3931829#msg3931829)
ตอนที่ 20 : ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3932794#msg3932794)
ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3933615#msg3933615)
ตอนส่งท้าย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68654.msg3934369#msg3934369)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - *แก้ไข*
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-10-2018 19:13:23

*แก้ไขมุมมองจาก “ผม” เป็นชื่อ “เบิ้ม” เพื่อความตบมุกให้เฮฮาขึ้นค่ะ
และแก้ช่วงตอนท้ายตอนเกี่ยวกับน้องชายเบิ้มค่ะ*


ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร




เบิ้มกำลังโดนจีบ

เป็นการโดนจีบครั้งแรกในชีวิต จนชวนใจเต้นตึกตัก แต่ว่า...การจีบแบบของถึงมือทุกเช้าเย็น คนให้กลับหายลับไม่โผล่แม้แต่เงาออกจะพิสดารล้ำลึกไปหน่อยมั้ย

แถมของแทนใจดันเป็นขวดเกลือแร่

ครับ เกลือแร่

ทุกเช้าตอนเข้าทำงาน ที่โต๊ะของเบิ้มจะมีเกลือแร่พร้อมข้อความ ‘เติมพลังงานในวันนี้ <3’

ทุกเย็นก่อนเลิกงาน ที่โต๊ะของเบิ้มจะมีเกลือแร่พร้อมข้อความ ‘ห้ามดื่มเกินวันละสองขวด <3’

...ล้ำลึก ล้ำลึกจริงๆ

ใช่ว่าจะไม่เคยดักรอเจ้าของเกลือแร่ แต่พอเจอแล้วอีกฝ่ายไม่ยักพูดอะไร ส่งของให้แล้วรีบร้อนเดินหนีเหมือนไม่อยากจะสานต่อความสัมพันธ์

โอ้ เจ้าเกลือแร่เอ๋ย นายเป็นตัวอะไรกันแน่ เป็นของแทนใจ เป็นของฝากรัก หรือเป็นแค่เกลือแร่...

เจ้าเกลือแร่ขวดละสิบบาท สองขวดตกวันละยี่สิบบาท จีบกันแบบประหยัดซะยิ่งกว่าประหยัด

ถ้าไม่ติดว่ามีรูปหัวใจต่อท้ายข้อความ เบิ้มคงไม่คิดเข้าข้างตัวเองขนาดนี้

เอ๊ะ หรือรูปหัวใจจะไม่มีความนัยแอบแฝง


ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว สงสัยในการกระทำลับๆ ล่อๆ ที่แอบเอาเกลือแร่มาวางบนโต๊ะก่อนเริ่มงานช่วงที่ไม่มีคน และแอบมาวางไว้ก่อนเลิกงานช่วงที่ทีมสตั้นท์แมนไปออกกองกันยกแผนกด้วยความสับสนยิ่งยวด

ถ้านี่เป็นกลยุทธ์ประหลาดหวังให้เบิ้มสนใจในตัวเขาละก็...

เบิ้มยอมรับว่าได้ผลอย่างจัง!

“คมสัน...”

ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่ยี่ห้อเกลือแร่! แต่เป็นชื่อคนให้ต่างหาก!! ที่คิดไม่ตกอีกอย่างคือนอกจากข้อความต่อท้ายด้วยรูปหัวใจแสนซาบซ่านแล้ว คนให้ยังเขียนชื่อสกุลเต็มยศ ตัวหลีกหนีไม่ให้เจอ แต่ไม่คิดจะปิดบังตำแหน่งงานในบริษัทเลยสักนิด

คมสัน ผู้ช่วยเลขาของท่านประธาน

เทียบกับสตั้นท์แมนอย่างเบิ้มแล้ว...โคตรห่างไกลจนไม่น่าจะโคจรมาเจอะมาเจอกันได้

เบิ้มตามสืบ ไม่สิ ให้ถูกคือลองไปถามความเป็นมาของผู้ช่วยเลขาคนนี้จากฝ่ายบุคคล ทำให้รู้ว่าคมสันนั้นเป็นเด็กเส้นของท่านประธาน...ถ้าไม่ใช่เด็กเส้น คงไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาตั้งแต่อายุยี่สิบได้หรอก ฝ่ายบุคคลยกย่องเชิดชูเกียรติประวัติการเรียนสี่จุดศูนย์ศูนย์ จบคณะบริหารธุรกิจภายในสามปี แถมยังพูดได้สี่ภาษาของคมสันแบบออกหน้าออกตา

ก่อนจะจบท้ายว่าช่างน่าเสียดายนัก เพราะผู้ช่วยเลขาคนนี้เคร่งขรึมจริงจังกับงาน แทบไม่พูดเล่นหรือปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเลย มาทำงานเช้าก็เก็บตัวในห้อง แถมยังเลิกงานก่อนเวลา ไม่เคยกินเลี้ยงกับใคร ไม่เคยข้องแวะกับใครเป็นพิเศษ แต่น่าเหลือเชื่อนะ เพราะคมสันจำชื่อพนักงานทุกคนในบริษัทได้แม่นยำ

ก็ไม่แปลกที่จะรู้จักกับไอ้เบิ้มอย่างเขา ทีมสตั้นท์แมนประจำบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ผู้เป็นเจ้าของช่องโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ทำรายการข่าว ละคร วาไรตี้ พ่วงจัดหาดารา

แต่เงยมองเงาตัวเองในกระจกซะก่อน เงาร่างสูงใหญ่บึกบึนผลจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การแต่งกายออกแนวสบายๆ แม้ใส่เสื้อเชิ้ตก็ไม่ได้ผูกเนกไท เทียบกับคมสันที่สวมสูท แต่งตัวเนี้ยบเป๊ะไร้รอยยับย่นของเนื้อผ้า ผมเปิดเสยข้างหนึ่ง สวมแว่นกรอบเหลี่ยม กริยาสง่าก้าวเดินมั่นคง...พวกเขาสองไม่น่าจะเข้ากันได้นะว่ามั้ย

คนหนึ่งเป็นผู้ช่วยเลขา อนาคตไม่พ้นเป็นเลขาคนสนิทท่านประธาน ส่วนเบิ้มเป็นสตั้นท์แมนยังไง...ก็คงเป็นอยู่แค่นี้ เพราะนอกจากการใช้กำลัง อวดลวดลายศิลปะการต่อสู้ที่แตกฉานหลายแขนงแล้ว เบิ้มไม่มีความสามารถการทำงานในบริษัทโดยสิ้นเชิง

แล้วทำไม...คนที่ไม่ควรจะชายตาแลกันถึงทำตัวพิลึกพิลั่น ตามจีบด้วยความงกระดับเกลือแร่สองขวด

โคตรไม่เข้าใจ!

สุดท้ายท้ายสุด หลังดื่มเกลือแร่จนตัวแทบบวมน้ำมาตลอดสามเดือน เบิ้มก็ตัดสินใจดักรอคมสันที่ลานจอดรถ แม้ไม่ถนัดทำงานบริษัท แต่เบิ้มไม่ใช่คนโง่ หลังดักรอแล้วโดนเมินก็เริ่มเข้าใจว่าคมสันคงเขินอาย ไม่อยากแสดงตัวต่อหน้าคนเยอะๆ คมสันเป็นถึงผู้ช่วยเลขาท่านประธาน มาตามจีบสตั้นท์แมนธรรมดาๆ อย่างเบิ้มหากใครรู้เข้าคงไม่ดี

ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ

คิดแล้วเบิ้มก็ตื่นเต้นเมื่อยืนรอคมสันที่รถของอีกฝ่าย โชคดีที่คมสันมักออกจากงานก่อนเวลาเสมอ ทำให้ลานจอดรถยามนี้ไม่ค่อยมีคน เบิ้มเลยรออย่างเปิดเผยโดยไม่ต้องกลัวโดนเข้าใจผิดว่าเป็นโจร

เห็นร่างผอมเพรียวเหมาะกับชุดสูทเข้ารูปเดินอย่างเร่งร้อนตรงมาหา เบิ้มก็ใจเต้นรัว

เอ๊ะ ทำไมเหมือนจะสลับกันชอบกล คนที่เป็นฝ่ายชอบก่อนคือคมสันต่างหาก! เขาจะใจเต้นทำไม!

น่าเสียดายที่ห้ามใจไม่ไหว ก็เบิ้มไม่เคยมีแฟน ไม่เคยโดนตามจีบ แถมประสบการณ์แรกดันมาจากเพศเดียวกันซะงั้น แล้วดูคมสันสิ สะอาดสะอ้าน หน้าตาก็ชวนมอง ไม่อ้อนแอ้นผอมบางเกินไป แต่สุขุมเยือกเย็นชวนสะท้านใจเป็นระยะ แม้การกระทำน่าสงสัย แต่กลับทำให้คิดถึงไม่หยุดมาตลอดสามเดือน...เบิ้มยอมรับ เบิ้มสนใจคมสัน และกึ่งๆ จะชอบอีกฝ่ายเข้าแล้ว!

ตัวเกร็งเริ่มเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น จนหยุดอยู่ข้างประตูรถ ณ ตำแหน่งที่เขายืนเป็นเสาปักหลัก

เบิ้มสูดหายใจเฮือกใหญ่รอรับคำสารภาพรัก

แต่...

คมสันแทบจะไม่ปรายตามอง แถมยังดันอกให้ถอยห่างเพื่อขึ้นไปนั่งบนรถสะดวกๆ เบิ้มอึ้ง ก็ไม่มีคนแล้วไงทำไมยังโดนเมินอีกล่ะ หรือว่าจะเข้าใจผิดไปเองจริงๆ!

“ขึ้นมาสิ”

ก่อนหัวใจที่แห้งเหี่ยวจะพองลม เมื่อคมสันเอี้ยวตัวเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ พลางพยักพเยิดให้เบิ้มเข้ามาในรถด้วยกัน

...ที่แท้คมสันก็เขินอาย ในลานจอดรถไม่ส่วนตัวพอ เลยอยากจะสารภาพรักในรถสินะ!

เบิ้มพยักหน้า กดข่มความตื่นเต้นดีใจ รีบยัดร่างเข้าไปในรถของคมสัน มองหน้าอีกฝ่ายเตรียมตอบตกลงขอคบกัน

แต่...คมสันไม่ชายตาแลอีกครั้ง พอประตูรถปิดสนิทก็ออกตัว ขับออกจากบริษัทไปเลย

มาสำนึกได้เอาตอนนี้

หรือจุดประสงค์ของคมสันจะไม่ใช่การสารภาพรัก

แต่เป็นกับดัก หลอกล่อให้เขาเสนอตัวมาถึงที่เพื่อจะได้ลักพาตัวสะดวกๆ ต่างหาก!!

ความจริงที่เพิ่งค้นพบทำให้เบิ้มเจ็บปวดร้าวรานจิตใจมาก แต่ด้วยความงง เลยยอมนั่งมึนต่อเพราะอยากรู้ว่าคมสันจะลักพาตัวไปที่ไหน

ก่อนที่รถคันหรูจะจอดหน้าโรงเรียนมัธยมนานาชาติค่าเทอมแพงลิบแห่งหนึ่ง

คมสันซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทางเปิดประตูลงไป เบิ้มที่ยังไม่หายงงไม่รู้นึกอุตริอะไรถึงได้ทำตาม แถมยังเดินตามหลังคมสัน สมองประมวลผลไม่หยุดว่าทำไมถึงโดนลักพาตัวมาโรงเรียน...

และคำตอบก็ปรากฏเมื่อจู่ๆ ก็มีเด็กผู้ชายเดินหน้าตึงมาหาคมสัน

“ช้า!”

“ขอโทษครับ” คมสันขอโทษขอโพย ไม่ค่อยจริงจังนักพอๆ กับเด็กผู้ชายที่คล้ายจะพูดแบบขอไปที เบิ้มพิจารณาเด็กคนนี้ละเอียดยิบ หรือว่า...นี่จะเป็นลูกติดคมสัน ที่อีกฝ่ายนั่งนิ่งตลอดทางไม่ยอมสารภาพรัก เพราะเคยมีประวัติแต่งงานมาก่อนเลยกลัวเบิ้มรับไม่ได้ จึงตั้งใจพามาดูสินะ!

โธ่เอ๊ย เรื่องแค่นี้เอง

เบิ้มตบไหล่คมสันเบาๆ เป็นเชิงส่งสัญญาณว่าแม้อีกฝ่ายจะมีภาระ มีลูกติดอีกเป็นโหลก็พร้อมจะศึกษาดูใจ แต่คมสันกลับหันมาเลิกคิ้วใส่เหมือนประหลาดใจ ก่อนจะ...เผยยิ้มเย็นเยียบราวอ่านความคิดพิสดารนี้ออก

เบิ้มค่อยๆ ถอนมือออก แม้ตัวใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ใจหดเหลือสองนิ้ว

ไม่กล้าคิดไกลแล้วครับ

เบิ้มตัดสินใจเลิกใช้สมอง เพราะคมสันดูจะไม่ชอบใจกับจินตนาการกว้างไกล ว่าแต่...ไม่ได้พูดออกมาสักคำ ทำไมถึงเหมือนโดนอ่านใจทะลุปรุโปร่งกันล่ะ คมสันอายุยี่สิบ น้อยกว่าเบิ้มแค่สองปี แต่คล้ายเจนโลกมามากจนชวนสะทกสะท้านไปทั้งใจ

“นี่ใครน่ะสัน”

พลันเด็กหนุ่มกางเกงขาสั้นอันเป็นเครื่องแบบนักเรียนมัธยมเชิดหน้าเย่อหยิ่งมาทางเบิ้ม

“บอดี้การ์ดของคุณครับ” คมสันตอบเต็มปากเต็มคำ สร้างรอยยิ้มบนหน้าของเด็กชายที่ดูจะเชื่อหมดใจ

เดี๋ยวก่อนเด็กน้อย...เจอชายแปลกหน้าตัวโตเป็นหมีควายขนาดนี้ไม่กลัวสักแอะไม่ว่า แต่ดันเชื่อคำของคมสันง่ายๆ แบบนี้โตไปจะแย่เอานะ

เบิ้มเริ่มเป็นห่วงความใสซื่อของเด็กหนุ่มที่แม้จะติดยโสนิดๆ แต่ดันดูซื่อบื้อกว่าที่คาด

หรือควรจะกังวลเรื่องตัวเองก่อนดี

ทำไมจากคนรักกลายเป็นบอดี้การ์ดซะงั้นล่ะ!

พลันคมสันปรายตามองเป็นการรูดซิบปากที่กำลังจะอ้าถามอย่างดีเยี่ยม เบิ้มทำได้เพียงเดินตามหลังอีกฝ่ายต้อยๆ มองคมสันประคบประหงมเด็กหนุ่มที่เดินเชิดหน้าไปนั่งเบาะหลังแล้วเริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นลูกติดหรือลูกเลี้ยงกันแน่

ไอ้ท่าทางไม่เกรงอกเกรงใจ เย่อหยิ่งจองหอง มองยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่บุตรปฏิบัติต่อบิดา

เดี๋ยวๆๆ คมสันอายุยี่สิบ จะมีลูกเรียนมัธยมได้ยังไง! บ้าบอแล้วโว้ย!

เบิ้มโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อตระหนักรู้ถึงความจริงข้อนี้ เดี๋ยวนะ จะโล่งใจไปทำไม หรือว่ายังหวังจะได้ยินคำสารภาพรักอีกงั้นเหรอ...บ้าบอหนักกว่าเดิมอีกนะเบิ้มเอ๋ย

เมื่อขึ้นรถ คมสันกับเบิ้มก็ปิดปากเงียบเหมือนตอนขามา ผิดแปลกกว่าเดิมก็ตรงที่มีเด็กเวร...แคก! เด็กผู้ชายเล่นโทรศัพท์อยู่หลังเบาะ เปิดคลิปเสียงดังไม่รู้จักคำว่าเกรงอกเกรงใจคนกำลังใช้สมาธิ

เบิ้มเริ่มคิดว่าจะยอมให้คมสันหิ้วไปหิ้วมาแบบนี้ต่อไปจะดีหรือ

ขอลงตอนนี้เลยจะได้มั้ยนะ

แต่ไม่รู้ทำไม...เบิ้มถึงไม่กล้าพูดออกไป รู้ตัวอีกทีรถก็มาจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง...หน้าประตูบ้านมีป้ายสีทองสลักตัวอักษรงามวิจิตรว่า...ชาติบดินทร์

คุ้นๆ แฮะ

เฮ้ย! นี่มันนามสกุลเจ้าของบริษัทที่ทำงานอยู่นี่หว่า!


เบิ้มอ้าปากค้าง คำตอบของคำถามว่าเส้นของคมสันใหญ่แค่ไหนอยู่ตรงหน้า ที่แท้...ไอ้เด็กเวร แฮ่ม! เบิ้มหมายถึงเด็กหน้าเชิดที่คมสันไปรับมาก็คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลนี้ ส่วนคมสันซึ่งทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขา ได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าพนักงานคนอื่นในบริษัท...ก็คือพี่เลี้ยงจำเป็นนั่นเอง!

จิกซอร์ค่อยๆ ปะติดประต่อกันอย่างสมบูรณ์ เบิ้มเข้าใจแล้ว...คมสันแอบชอบเบิ้ม แต่ยังสารภาพรักไม่ได้เพราะติดภารกิจรับส่งลูกชายของเจ้านายสินะ มิน่าล่ะถึงมาทำงานก่อนพนักงานคนอื่น และมักชิ่งกลับก่อนเป็นประจำ!

งั้นสิ่งที่เบิ้มต้องรอหลังจากนี้...คือรอให้ไอ้เด็กเวร...เวรกรรมอะไรหนาถึงเกิดมาน่ารักน่าชังเข้านอน ซึ่งนั่นจะหมายถึงช่วงเวลาสองต่อสอง อันเป็นส่วนตัวระหว่างเบิ้มกับคมสันอย่างแท้จริง!

ฉะนั้นเมื่อรถจอด เบิ้มเลยไม่วิ่งหนีกลับบ้าน แต่เดินตามหลังคมสันต้อยๆ อีกครั้ง เฝ้ามองคุณผู้ช่วยเลขาที่สงบเยือกเย็นต่อหน้าเด็กเอาแต่ใจได้อย่างไม่อคติ

มอง...คมสันไล่ต้อนเด็กคนนั้นไปกินข้าวดีๆ คอยสอนไม่ให้เล่นโทรศัพท์ระหว่างรับประทานอาหาร ก่อนจะหลอกล่อให้ไปอาบน้ำ ชักชวนทำการบ้านโดยมีของรางวัลตอบแทน และ...ส่งเข้านอน ห่มผ้า แถมยังยัดหมอนข้างให้กอดอย่างรู้งาน

เมื่อไฟห้องนอนของไอ้เด็กเวร...หมายถึง...เวลานี้หนาได้เวลาของพวกเขาสองคนแล้ว เบิ้มก็เดินตามคมสันไปยังห้องรับแขกด้านล่าง ตื่นเต้นหนักเมื่อในที่สุดก็ได้คุยจริงๆ จังๆ กับคนตรงหน้าสักที

สามเดือนเชียวนะ!

สามเดือนกับการถูกจีบด้วยเกลือแร่!! ในที่สุด...ความสัมพันธ์ก็จะคืบ...หน้า...เอ่อ...

เบิ้มผิดหวังอีกครั้ง

เพราะคมสันส่งกระดาษใบหนึ่งมาให้พร้อมรอยยิ้มมุมปากมีเลศนัย

“นี่คือคำตอบเหรอ” เบิ้มถามเสียงแหบแห้ง เพียงกวาดตามองประโยคแรกก็เห็น ‘สัญญาว่าจ้างบอดี้การ์ดและคนขับรถให้แก่เด็กชายกิจภัทร ชาติบดินทร์’

...นี่แท้ไอ้เด็กเวรก็ชื่อกิจภัทรนี่เอง

คำสารภาพที่วาดหวัง...ถูกกลบด้วยความจริงที่เบิ้มเป็นฝ่ายอับอายเสียเอง

อับอายที่คิดเยอะเกินไป หวังสูงเกินไป แต่...เกลือแร่ตลอดสามเดือนหมายความว่ายังไง!

เบิ้มเงยหน้าคมสันเป็นคำถาม แต่อีกฝ่ายไม่ตอบคำ เพียงวางกระดาษอีกใบด้วยรอยยิ้มชวนเคลิ้ม

เบิ้มเผลอตัวก้มอ่านสัญญาใบที่สองทันที...แล้วก็พบกับ...คำสารภาพรักที่รอคอย!

“สัญญาว่าจ้างบอดี้การ์ดและคนขับรถครอบคลุมถึงสวัสดิการดังนี้

หนึ่ง ที่พักในคฤหาสน์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการทำงาน ซึ่งอยู่ห้องติดกับคมสัน

สอง อาหารทั้งสามมื้อ ซึ่งจะต้องรับประทานพร้อมกับคมสันเท่านั้น

สาม รถส่วนตัว ทุกวันตอนไปรับส่งเด็กชายกิจภัทร จะต้องพาคมสันไปด้วยเสมอ แต่ช่วงระหว่างที่เด็กชายกิจภัทรกำลังเรียนอยู่นั้น สามารถใช้รถในกิจส่วนตัวได้

สี่ หลังรับเด็กชายกิจภัทรแล้ว จะต้องปกป้องคุ้มครอง ดูแลเด็กชายใกล้ชิด อยู่ติดกับคมสันตลอดเวลา...”

เบิ้มรู้สึกเหมือนถูกขอแต่งงาน

ทำได้เพียงจ้องสัญญาที่มีแต่ได้กับได้ด้วยหัวใจเต้นแรง

“ว่าไง” คมสันดันกรอบแว่นพร้อมเผยรอยยิ้มวายร้าย แต่วินาทีนั้น เบิ้มเผลอไผล เห็นเป็นรอยยิ้มหวานจับใจของคนที่แอบรักแต่ไม่กล้าสารภาพรัก เลยดึงเรื่องงานมาปะปนเพื่อจะได้อยู่กับคนที่ชอบทุกวันทุกเวลา

ใจเบิ้มตอบตกลงแน่นอนแล้ว เมื่อดูค่าตอบแทนที่สูงกว่าทำงานสตั้นท์แมนของบริษัทหลายเท่า ก็ไม่ลังเลที่จะเซ็นสัญญาสักนิดเดียว

“พาน้องชายมาอยู่ด้วยได้มั้ย”

“บิ๊กน่ะเหรอ”

เบิ้มสะดุ้ง ก่อนจะกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่เมื่อยืนยันความคิดว่าคมสันแอบชอบกันมานานแล้วจริงๆ ชอบมากถึงขนาดตามสืบประวัติ รู้ว่าเบิ้มมีน้องชายที่หนึ่งคน และเพราะติดที่น้องชายคนนี้ ทำให้เบิ้มซึ่งแตกฉานด้านศิลปะการต่อสู้จนถูกทาบทามไปเป็นสตั้นท์แมนที่ต่างประเทศต้องปฏิเสธ มาจมปลักกับบริษัทที่ประเทศไทย เพราะไม่กล้าทิ้งให้น้องชายที่อายุยังน้อยอยู่กับแม่สองต่อสอง

“ได้สิ ไว้น้องชายนายเรียนจบเมื่อไหร่ ฉันจะจ้างต่อในหน้าที่เดียวกัน จะได้ไม่ต้องลำบากไปหางานที่อื่น”

นะ...นี่มันการขอแต่งงานแบบรับทั้งครอบครัว!

“แต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ น้องชายนายยังไม่ขึ้นชั้นประถมเลยไม่ใช่รึไง”

เบิ้มยิ้ม เขาแค่ลองถามเผื่อก่อนก็เท่านั้น

และดีใจมากที่ได้เจอคนรักแสนดี เข้าอกเข้าใจกันขนาดนี้

หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงกับดักแสนร้ายของจอมมาร...ที่หลอกใช้เบิ้มมาเซ็นสัญญา...หวังให้เข้าใจผิดเพื่อการทำงานแบบถวายหัวด้วยหัวใจและความซื่อสัตย์ แถมยังซื้อหนึ่งได้เพิ่มอีกหนึ่ง คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม


มารู้ตัวเอาภายหลังอยากจะฉีกทิ้งก็ไม่ทันแล้ว!!




----------

มาเปิดเรื่องของจอมมารคมสันที่แสดงอิทธิฤทธิ์ในเรื่องคนอื่นแล้วค่า!

ตอนแรกเราลังเลมาก ว่าจะเขียนมุมคมสันดีรึเปล่า แต่ถ้าเขียนมุมคมสัน คงดูไม่ลับๆ ล่อๆ น่าสงสัยชวนคิดตามและเอาใจช่วยขนาดนี้ เลยตัดสินใจเขียนมุมมองของพี่เบิ้มดีกว่า นานๆ ได้เขียนมุมพระเอกนำ ก็ตลกๆ เฮฮาดีค่ะ เพราะคมสัน...เหมาะกับการเป็นจอมมารในมุมมืด ยิ้มๆ แต่ลงมือทีแทบกระอักมากกว่า!

เรื่องราวในตอนนี้เป็นการขยายความจากตอนพิเศษในเรื่องของเสี่ยค่ะ ใครที่มีหนังสือคงพอจะรู้ที่มาการรู้จักกันของคู่รักพิสดารคู่นี้แล้ว ว่าพี่เบิ้มโดนคมสันจีบมาทำงานด้วยเกลือแร่สองขวดต่อวัน ต้นทุนวันละยี่สิบบาท แต่ได้บอดี้การ์ดมือดีแบบเกินคุ้มสุดๆ

แล้วมาเดาใจคมสันกันนะคะว่าจะหลอกพี่เบิ้มได้อีกนานแค่ไหน

ส่วนนักแสดงกิตติมาศักดิ์ในเรื่องนี้...ก็คือเสี่ยในวัยเด็ก หรือไอ้เด็กเวรในใจพี่เบิ้ม ไม่ว่าเรื่องไหนเสี่ยก็โดนด่าตลอด สงสารเสี่ยเขานะคะ 5555

สรุปอายุนักแสดงในเรื่องนี้

คมสัน 20 / พี่เบิ้ม 22 / เด็กเวร 14

   
เพจนักเขียนที่ไว้อาลัยแก่พี่เบิ้มและเด็กเวร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
แฮชแทคแน่นอนว่าต้องเป็น #จอมมารคมสัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: ฮิ้วฮิ้ว ที่ 13-10-2018 19:36:03
ชอบอ่ะ ไม่เคยเห็นคู่แบบนี้มาก่อน พระเอกน่ารัก คมสันก็น่าสนใจ  :m20:  o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-10-2018 19:47:52
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 13-10-2018 21:36:54
น้ำตาจิไหลในที่สุดคุณจอมมารก็มีเรื่องเป็นของตัวเองสักที อ่านบทนำแค่นี้ยังรู้สึกสงสารพี่เบิ้มเลยค่ะ โถ่พี่คะอยู่ดีๆดันไปถูกใจจอมมารซะได้ คาดว่ากว่าจะจบพระเอกเรื่องนี้คงถูกย่ำยี(?)หนักแน่ๆ ฮ่าๆๆ ส่วนเด็กเวร..แค่ก..เอิ่ม..หมายถึงเสี่ยตอนเด็กน่ะเห็นแค่นี้ยังรู้เลยว่าถูกสปอยล์หนักมากถึงว่าสิโตมาเลยเมากาวขนาดนี้
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-10-2018 23:06:30
ชอบคู่นะ พี่เบิ้มจินตนาการกว้างไกลมากส่วนคุณเลขาคมสันร้ายเหลี่ยมจัดตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยเชียวหลอกพี่เบิ้มให้คิดมากเลยเถิดไป พี่เบิ้มเราก็แสนซื่อจริงๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-10-2018 23:17:55
เริ่มมา พี่เบิ้มก็น่าสงสารแล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 14-10-2018 01:08:24
พี่เบิ้มน่ารักกกกกกก
คมสันนี่จอมมารสุดดดดด
อยากรู้แล้วว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปปปปป
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 14-10-2018 07:43:26
ซื่อเหลือเกินพระเอกเรา
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-10-2018 09:39:27
ในที่สุดคุณเลขาจอมมารก็มีเรื่องของตัวเอง พี่เบิ้มเป็นสตั๊นเก่านี้เอง แถมถูกจีบด้วยเกลือแร่ ร้ายจริงๆจอมมาร รอตอนหน้านะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 15-10-2018 19:16:10
 :o8: จะได้เห็นเสี่ยในไว้เพื่อจะน่ารักกว่าตอนโต ออกน้อยค่าตัวแพงเกิน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 16-10-2018 08:26:35
ท่านจอมมารมาแว๊ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-10-2018 10:38:49
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 16-10-2018 11:16:53
รอติดตาม
พร้อมทั้งเอาใจช่วยพี่เบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - 13/10/1561
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 16-10-2018 11:38:47
พี่เบิ้มน่าสงสารและมโนเก่ง :m20: จอมมารยังไงก็เป็นจอมมารค่ะ เชื่อหนูเถอะพี่ แต่คาดว่าพี่ตกหลุมท่านลาสบอสเป็นที่เรียบร้อย
ถอดตัวไม่ขึ้นล่ะ เฮ้อ... ได้แต่ทำใจ ส่วนเสี่ยคงได้ความมโนมากจากพี่เบิ้มมาด้วย ซึ่งความมโนนี้อาจจะมีอยู่เดิมมากพอสมควร
แต่ แต่ แต่พอมีพี่เบิ้มมาเพิ่มจาก 100% เพิ่มเป็นเท่าทวีคูณ  :jul3: โอ๊ย...ขำ เอาให้กรามค้างไปเลยจ้า จัดม่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 0 : กับดักแรกของจอมมาร - *แก้* 30/10/61
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 01-11-2018 19:26:09


ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม



เบิ้มพาตัวเองมาที่คฤหาสน์ตระกูลชาติบดินทร์ตอนหกโมงตรงตามเวลานัดหมายของคมสัน

ภาพแรกที่ประสบพบเจอเมื่อก้าวผ่านกรอบประตูมาคือไอ้เด็กเวร...เวรกรรมของพื้นมากๆ เพราะตัวต้นเรื่องมัวแต่วิ่งหนีนมจืดในมือคมสันจนสะดุดเท้าตัวเองล้มโครม   

“ไม่เอา ฉันไม่ดื่ม!”

“แต่ดื่มนมแล้วดีต่อสุขภาพนะครับ”

เบิ้มยอมรับ ภาพของคมสันยามไร้มาดเจ้าเล่ห์ พยายามเกลี้ยกล่อมไอ้เด็กนี่มองเพลินดี

“แต่นายบังคับให้ฉันดื่มทุกเช้าและก่อนนอนเลย ดื่มนมๆๆ ดื่มจนรูปร่างฉันจะกลายเป็นขวดนมแล้ว!”

เบิ้มหลุดหัวเราะพรืด และนั่นก็ทำให้ทั้งสองเพิ่งสังเกตว่ามีแขกมาเยือน...ไม่สิ เบิ้มไม่ใช่แขก แต่จะมาเป็นหนึ่งในสมาชิกคนที่สามของบ้านหลังนี้ต่างหาก

คนที่สาม...ทำไมฟังเงียบเหงาวังเวงอะไรอย่างนี้นะ ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ถ้าไม่นับแม่บ้านและคนครัวแล้วมีสมาชิกน้อยนิดจนน่าใจหาย

“ผี!”

“ไม่ใช่ผีครับ บอดี้การ์ดคนใหม่ต่างหาก” คมสันแก้ความเข้าใจผิดให้เจ้านายคนใหม่ของเบิ้มที่เมื่อครู่ยังวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ดันวิ่งไปหลบหลังพี่เลี้ยงซะงั้น

“ตัวใหญ่เท่าเสาบ้านแท้ๆ แต่เขาเดินไม่มีเสียงเลย ต้องเป็นผีแน่ๆ!”

เบิ้มคิ้วกระตุก...ไอ้เด็กนี่...จินตนาการกว้างไกลไปแล้ว!

คมสันเองก็เลิกอธิบาย คงรู้ดีว่าการทะเลาะกับเด็กที่ขวัญผวาบินกระเจิงนั้นเปลืองน้ำลายเปล่า เลยกวักมือเรียกเบิ้มให้เข้าใกล้ด้วยสีหน้าที่แตกต่างกับตอนพูดกับไอ้เด็กเวรราวคนละคน

...แตกต่างขนาดไหนน่ะเหรอ

ก็มากพอทำให้เบิ้มเดินกุมมือไปหาอย่างเรียบร้อยประหนึ่งผ้าพับไว้

“อ้าว คนจริงๆ ด้วย”

หลังโดนไอ้เด็กเวร...เวรเอ๊ยจิ้มแรงไปแล้ว! จิ้มนิ้วจึกๆ จนพอใจว่ามีเลือดเนื้อจริงๆ คมสันก็ยกแก้วขึ้นหมายปฏิบัติหน้าที่ต่อ

“และถ้าคุณดื่มนมทุกเช้าและก่อนนอน โตขึ้นจะสูงเหมือนกับบอดี้การ์ดคนนี้นะครับ”

ไอ้เด็กที่เพิ่งจะทำหน้าหวาดผวาพลันเงยมองส่วนสูงที่เกือบจะชนกรอบประตูด้วยสายตาหลงใหล ราวกับว่าอนาคตจะสูงโปร่งมาดดีน่าเกรงขาม เลยยอมรับนมจืดมาดื่มอึกๆ แต่โดยดี

“ทานข้าวเช้าคนเดียวได้นะครับ” หลอกเด็กสำเร็จ คมสันก็เดินนำไปที่โต๊ะซึ่งจัดเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว

“ได้สิ ฉันโตแล้วนะ! สันอยากจะไปทำอะไรก็ไปเลย” ไอ้เด็กเวร...เวรของเบิ้มที่แสลงตากับท่าทางกอดอกเชิดหน้าเย่อหยิ่ง พูดจบก็เดินไปนั่งที่โต๊ะโดยไม่วายเหลือบมองทางเบิ้มกับคมสันเป็นระยะ และยิ่งถี่มากขึ้นเมื่อเบิ้มโดนคมสันพาเดินเข้าไปด้านในคฤหาสน์จนน่ากลัวว่าคอจะเคล็ด

“น่ารักใช่มั้ยล่ะ...” คมสันเปรยเสียงเบา กล่าวถึงไอ้เด็กที่ทำหน้าสลดทันทีเมื่อเห็นว่าโดนทิ้งคนเดียวจริงๆ

เอ่อ...เบิ้มคันปากยิกๆ...อยากถามว่านั่นน่ารักตรงไหนโปรดตอบที!

แต่สังหรณ์เตือนว่าอย่าปากหาเรื่องตั้งแต่วันแรกจะดีกว่า

“มาทางนี้” พอไร้ซึ่งลูกเจ้านาย คมสันก็กลายเป็นคนละคน ไม่หลงเหลือความอ่อนโยนแกมโอนอ่อนให้เผลอยิ้มอีก เบิ้มเดินตามโดยหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าติดมาด้วย จนมาถึงห้องๆ หนึ่งทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ คมสันก็ชี้นิ้วบอกว่านี่คือห้องของเบิ้มนับจากนี้เป็นต้นไป

เขาวางกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนเตียงนุ่ม ห้องนี้ใหญ่มาก อย่างน้อยก็มากกว่าห้องขนาด 30 ตารางเมตรที่เช่าอยู่กับน้องชายมากโข มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม แถมยังมีห้องน้ำในตัว และ....

“ส่วนนี่คือห้องของฉัน” คมสันเอ่ยหลังเปิดประตูปริศนาข้างๆ กับตู้เสื้อผ้า ซึ่งเชื่อมกับห้องนอนของใครอีกคนหนึ่ง

ใครคนนั้น...คือคนที่กวักมือเชิญชวนให้ไปยังแดนลี้ลับด้วยท่วงท่างามสง่าปานภูติพราย

เบิ้มกลืนน้ำลายเอื๊อก คิดในใจว่าได้เวลาสวีตแล้วสินะ!

ประตูเชื่อมนี้ส่อเจตนาว่าอยากจะไปหาเมื่อไรก็ได้ทุกเมื่อสินะ!

เบิ้มเดินเข้าไปในห้องนอนของคมสัน ซึ่งเนี้ยบเป๊ะดังการแต่งกายของเจ้าตัว ผ้าปูที่นอนเรียบตึง ผ้าห่มพับตรงปลายเตียง โทนห้องออกไปทางสีกรมท่าดูเยือกเย็นตรงกับบุคลิกนิ่งสงบ และมีกลิ่นของโคโลญจน์อ่อนๆ ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัวของอีกฝ่าย แต่ที่สะดุดตา คือชุดสูทตรงตู้กระจกซึ่งดูจะขนาดใหญ่กว่าเจ้าตัวสองเท่า

“ของฉันเหรอ”

“ใช่” คมสันตอบคำถามด้วยการช่วยแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตจนลมหายใจสะดุด

และแทบจะหยุดหายใจเมื่อปลายนิ้วนั้นปัดผ่านกล้ามเนื้อตึงแน่นในร่มผ้า ไล้ตามลอนกล้ามอย่างจงใจ

ภายใต้ความเงียบ ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นประกายชอบใจผิดกับท่าทางเยือกเย็นโดยสิ้นเชิง คมสันผู้ลวนลามกันซึ่งหน้าแต่ทำทีเป็นช่วยแต่งตัวนั้น...ไม่สิ คมสันผู้ช่วยเบิ้มแต่งตัวแต่แอบเนียนลวนลามกันนั้นเคลื่อนไหวคล่องแคล่วไม่ติดขัด ถอดเสื้อเสร็จก็สวมเสื้อใหม่ คลุมทับด้วยชุดสูท และผูกเนกไทจบท้าย

เบิ้มหัวใจจะวายตายเอาให้ได้เมื่อปลายนิ้วสวยซึ่งขยับอย่างชำนาญตั้งแต่ต้นจนจบกลับอ้อยอิ่งอยู่แถวลำคอราวอาลัยอาวรณ์ก็ไม่ปาน

คมสันไม่เคยสารภาพรัก แต่การกระทำกลับส่อแววลึกซึ้งทุกครั้ง

ทั้งตอนให้เกลือแร่

พามาเซ็นสัญญา

แล้วยัง...การช่วยแต่งตัวที่โคตรเร้าอารมณ์นี้อีก!

ระยะห่างระหว่างเบิ้มและคมสันใกล้กันจนชวนวาบหวาม เพราะตัวที่สูงกว่ามากทำให้อีกฝ่ายต้องเงยหน้าผูกเนกไทและนั่นก็ทำให้เบิ้มได้เห็นชัดๆ...ว่าดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นเรียวชี้คมสวยสมชื่อคมสัน แถมยังมีขนตายาว หากไม่เพราะทรงผมเกินวัยกับกรอบแว่นแสนเชยเหมาะกับภาพลักษณ์ผู้ช่วยเลขาแสนสุภาพ คมสันจะเป็นหนุ่มหน้าคมสวยที่ดูร้ายกาจมากทีเดียว

“มองพอหรือยัง”

พลันเบิ้มสะดุ้ง เหมือนเด็กถูกจับผิด แต่คมสันไม่ได้ว่าอะไร เพียงละมือจากเนกไทที่ผูกเสร็จตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้แถมยังกลัดเข็มกลัดอย่างเรียบร้อยแล้วถอยห่างออกมาเพื่อไล่สายตาตั้งแต่หัวจรดเท้าของบอดี้การ์ดคนใหม่

ก่อนจะพยักหน้าพอใจอย่างยิ่งยวด

“ไม่เลว”

ได้ยินคำนั้น เบิ้มก็เงยมองตัวเองในกระจก เห็นชายร่างสูงตัวโตล่ำบึกในชุดสูทที่พอดีตัวอย่างเหลือเชื่อและดูดีเกินคาด แต่ไม่ทันจะพูดอะไร คมสันก็ยัดกางเกงเนื้อผ้าเดียวกับชุดสูทใส่มือ

“ไม่สวมกางเกงให้หรอกเหรอ” เบิ้มถามแกมกวนพ่วงหวังสูง ผลคือคมสันยิ้มมุมปาก เกี่ยวนิ้วกับร่องเข็มขัดเขาเบาๆ

“ฉันอยากดูนายถอดมากกว่า”

...วิญญาณแตกซ่านสมองกระเด็น!

เบิ้มเขินอายซะเองเมื่อต้องถอดกางเกงผ้าหยาบโชว์บ็อกเซอร์ลายสก็อตต่อหน้าคนที่ดันกรอบแว่นอย่างเพ่งพิจารณาราวประเมินสินค้า จนต้องก้มหน้างุดๆ ขณะสวมกางเกงตัวใหม่ให้เข้าชุด และสูดหายใจเข้าลึกเมื่อคนตรงหน้าเผยยิ้มมุมปากขณะจ้องเขม็งตรงส่วนกลางลำตัวของเบิ้มที่ปูดโปนนิดๆ

ควรจะมั่นใจกับขนาดที่ไม่น้อยสินะ แต่ทำไมคลับคล้ายกับการถูกคุกคามชอบกล...

เบิ้มมือสั่นขณะรับเข็มขัดจากมือคมสันหลังสวมกางเกงเสร็จ บรรยากาศในห้องร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก หายใจติดขัด น้ำลายเหนียวคอ สัมผัสที่แตะโดนนิ้วอีกฝ่ายเมื่อครู่โดยไม่ตั้งใจนั้นคล้ายมีกระแสไฟฟ้าช็อต จนเผลอเดินถอยหลัง พอชนเข้ากับเตียงก็ยิ่งเตลิดไปใหญ่ เบิ้มปาดเหงื่อตัวเอง ขยับเนกไทอีกเล็กน้อย บอกกับตัวเองว่าให้ตั้งสติดีๆ อย่าได้ลุ่มหลงกับคนช่างยั่วเด็ดขาด

ใช่ คนช่างยั่ว เพราะคมสันดูจะพอใจกับท่าทางไปไม่เป็นของเบิ้มมาก อีกฝ่ายหลุดหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ด้วยเสียงแหบพร่าที่ชวนให้ใจสั่นยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเขยิบเข้าใกล้ ยื่นกล่องรองเท้าเป็นลำดับถัดไป

ก็อยากจะบอกอยู่หรอกว่าส่งของทุกอย่างมาทีเดียวก็ได้ เดี๋ยวจัดการเอง แต่คมสันคงไม่ยอม ราวกับว่าการช่วยและชมดูเบิ้มค่อยๆ แต่งตัวนั้นเป็นความบันเทิงแสนสุนทรีย์อย่างหนึ่ง ควรจะดีใจสินะที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีได้ขนาดนี้

สรุปแล้วทั้งเนื้อทั้งตัวเบิ้มตอนนี้ นอกจากบ็อกเซอร์ที่ซื้อมาสามตัวร้อยก็เป็นของที่ได้รับจากคมสันหมด

ประหนึ่งอิหนูถูกป๋าเลี้ยง

แต่ดูจากขนาดตัว เบิ้มไม่น่าจะใช่อิหนู และคมสันเองก็ไม่ใช่ป๋ากระเป๋าหนักที่ไหน เพราะเครื่องแต่งกาย ที่อยู่อาศัย รวมทั้งอาหารการกินระบุในสัญญาที่เซ็นเมื่อวานทั้งหมด

ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนถูกขอแต่งงานชัดๆ และนี่ก็เป็นช่วงเวลาข้าวใหม่ปลา ภรรยาช่วยสามีแต่งตัว ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ใช่ เบิ้มไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ!

แม้ว่าเบิ้มจะ...เอ่อ...แต่งเข้าไม่ใช่แต่งออกก็เถอะ

หลังก้มตัวสวมรองเท้าหนังเงาวับ เบิ้มก็ต้องผงะเมื่อคมสันขยับเข้าใกล้อีกครั้งพร้อมสองมือที่เต็มไปด้วยเจลหนืดๆ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร แต่ฉวยจังหวะที่เบิ้มยังไม่เหยียดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงนั้นจัดแต่งทรงผมอย่างช่ำชอง เพียงพริบตา จากทรงผมปล่อยกระเซิงท้าแรงลมก็เข้าทีเข้าทาง ถูกปาดเรียบไปด้านหลัง เผยโครงหน้าหล่อเข้มตามฉบับชายไทย กรามชัด คิ้วเข้มอย่างชัดเจน

“เสร็จแล้ว...ใช่มั้ย?” เบิ้มถามสงสัย ทั้งระแวงและเสียดาย ระแวงเพราะกลัวคมสันจะเข้าใกล้ไม่รู้ตัวให้หวั่นไหว และเสียดายเพราะอดแนบชิดให้ไหวหวั่น

คำตอบที่ได้คือดวงตาใต้กรอบแว่นซึ่งประกายระยับ ราวสนุกสนานและพอใจกับการแต่งตัวตุ๊กตาครั้งนี้มาก

“พกใบขับขี่มารึเปล่า”

“พกมา”

“ดี” คมสันพยักหน้า ก่อนจะเดินนำไปทางห้องนอนของเบิ้ม แล้วเปิดประตูเดินออกมาจากห้องนั้น ราวไม่ต้องการให้ใครในบ้านนี้เห็นว่าเขาพาเบิ้มไปยังดินแดนลี้ลับที่เกือบลืมหัวใจไว้ตรงนั้นมาก่อน

“ช้า!”

พอเดินมาที่หน้าประตู เด็กเวร...เวรแล้วสิทำไมดูน่าเอ็นดูขึ้นทันที สงสัยเบิ้มจะโดนมนต์เสน่ห์ของคมสันทำให้ตาผิดเพี้ยนไปซะแล้วก็ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอย่างหงุดหงิด

“ขอโทษครับ” คมสันตอบสุภาพ ก่อนจะผายมือมาทางเบิ้ม “บอดี้การ์ดคนใหม่ของคุณ เป็นยังไงบ้างครับ”

“ดี เหมือนในหนังเลย!” เด็กชายเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น ก่อนจะลูบคาง วางท่าเหมือนเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่สมองน่าเป็นห่วง “ขาดอะไรไปอย่างรึเปล่าสัน”

“ผมเตรียมแล้วครับ” คมสันคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่หากสังเกตเห็นด้วยความลำเอียงจะใจเต้นแรง แต่ที่ทำให้หัวใจแทบกระดอนจากอก คือคมสันที่เดินมาใกล้เบิ้มอีกครั้ง เงยหน้า ส่งรอยยิ้มงดงามนั้นกระแทกตาจนมึนงง ก่อนที่เบื้องหน้าเบิ้มจะกลายเป็นสีดำ...

“เยี่ยม!” เสียงปรบมือโห่ร้องดังขึ้นขณะเบิ้มยกมือจับของแปลกปลอมบนใบหน้าตัวเอง

...มันคือแว่นตาดำ

เยี่ยม เหมือนบอดี้การ์ดในหนังมาเฟียฮ่องกงจริงๆ ด้วย

แน่นอนว่าไอ้ที่คิดน่ะประชดล้วนๆ

“งั้นขึ้นรถกันเถอะครับ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ” คมสันไล่ต้อนเด็กชายไปที่รถ ช่วยเปิดประตูให้ประหนึ่งพ่อบ้านต้อนรับคุณหนู ซึ่งไอ้เด็กเวร...เวรล่ะจะตาบอดมั้ยเล่นเชิดหน้าไปถึงชั้นฟ้าขนาดนั้นก็สุดแสนจะเคยชินกับการกระทำสุดโอเวอร์และแสนจะตามอกตามใจนี้

“โรงเรียนเมื่อวาน จำได้ใช่มั้ย” แน่นอนว่าคมสันต้องนั่งข้างคนขับ หลังคาดเข็มขัดเรียบร้อยก็หันมากระซิบถาม รอยยิ้มที่แต้มบนมุมปากนั้นยังชวนให้ใจกระเจิดกระเจิงเหมือนเดิม

“ได้” เบิ้มพยักหน้า พยายามเรียกสติในการขับรถออกจากคฤหาสน์ แม้จะเผลอไผลจนเหมือนตกบ่วงเข้าเต็มเปา แต่ยังระลึกได้ว่าทุกการกระทำของคมสันนั้นผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบ และต้องเป็นแผนที่วางล่วงหน้ามาหลายเดือน

หลักฐานชิ้นแรก คือเสื้อสูทที่เบิ้มใส่อยู่ เสื้อสั่งตัดเข้ารูป ยังไงก็ตัดเสร็จไม่ทันในวันเดียว

หลักฐานชิ้นที่สอง ห้องพักที่มีประตูเชื่อม ตอนเดินออกมาหลังโดนจับแต่งตัวเสร็จแล้ว เบิ้มสังเกตเห็นรอยตรงกรอบประตู พบว่าเป็นรอยทุบใส่กรอบใหม่ ผิดกับสภาพห้องที่ค่อนข้างเก่า แสดงว่าเมื่อก่อนไอ้ประตูปริศนาสู่แดนลี้ลับนี้ไม่เคยมี

หลักฐานชิ้นที่สาม คือรถใหม่ป้ายแดงที่กำลังขับอยู่ตอนนี้ รถซึ่งคันใหญ่กว่าคันเมื่อวานที่คมสันใช้ เหมาะกับขนาดตัวของเบิ้ม ทำให้ขับง่ายไม่อึดอัดราวผ่านกระบวนการคิดอย่างใส่ใจ

แล้วยังหลายๆ อย่างที่มาย้อนคิดแล้วคล้ายจะเป็นวังวนกับดักไปซะหมด ทั้งการพาเบิ้มไปหาไอ้เด็กเวรเมื่อวาน เพื่อให้ศึกษาเส้นทางทั้งจากคฤหาสน์ไปโรงเรียน จากโรงเรียนไปบริษัทก็ดี หรือหากย้อนนึกเข้าจริงๆ ไอ้การหลบหน้า ไม่ยอมคุยกันตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มให้เกลือแร่นั้นจะเป็นเพราะยังเตรียมการไม่เสร็จหรือเปล่านะ

เบิ้มเหลือบมองคนข้างกายซึ่งนั่งเช็กเมล์ในโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแล้วนึกเปรียบเทียบกับฉากการแต่งตัวสุดวาบหวิวเมื่อเช้า...นั่น...ก็คงเป็นหนึ่งในแผนเหมือนกัน

แผนที่ทำให้เบิ้มทำงานกระตือรือร้นอย่างลืมตาย

ถ้าถามว่าได้ผลมั้ย

...ได้ผลสิวะปัดโธ่!

---------------

คมสันร้ายมั้ยคะ
ถ้าไม่ร้าย ไม่ช่างวางแผน ก็คงไม่ได้ชื่อว่าจอมมารเนอะ 555

สิ่งที่คมสันถนัดที่สุดคือการวางแผนและชักนำให้เหยื่อเข้าสู่วังวนกับดักด้วยท่าทางไร้พิษภัยชนิดที่รู้ตัวอีกครั้งว่าคมสันคือจอมมารก็ถอนตัวไม่ทันแล้วค่ะ ซึ่งเหล่าครอบครัวทองคำดีก็ได้รู้ซึ้งถึงความสามารถนี้ของท่านจอมมารอย่างแจ่มแจ้งในเรื่องก่อนๆ

ใช่ค่ะ ทุกคนก็รู้กันหมดนั่นแหละยกเว้นเสี่ย! ( ไอ้เด็กเวรในตอนนี้ )
แต่พี่เบิ้มเองก็ไม่ใช่คนโง่
ตอนนี้ตาบอดด้วยรักค่ะ จะตาสว่างเมื่อไหร่นั้นต้องลุ้นกันแล้ว! 555

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่ใจจะวายกับฉากแต่งตัว (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja ( อ่านว่า :มาจะวายนะจ๊ะ ) (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-11-2018 20:25:37
จอมมารมาแล้วววว ค่อยๆชักจูงเหยื่อโดยไม่เอะใจ รู้ตัวอีกทีถอนตัวไม่ทันแล้วจ้า ส่วนพี่เบิ้มนั้น>>>คนโง่ที่รักเธอ :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 01-11-2018 20:59:09
ร้ายมากยั่วยวนพี่เบิ้มจนหลงละเมอทำงานถวายหัวให้
เสี่ยตอนเล็กช่างเอาแต่ใจพูดมากกว่าตอนโตอีก :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-11-2018 21:41:28
เสี่ยตอนเด็กมันน่าเบิ้ดกะโหลกจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-11-2018 22:41:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 01-11-2018 23:08:21
กว่าเบิ้มจะตาสว่าง 555 ตกหลุมถอนตัวไม่ทันแหงๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 02-11-2018 09:14:11
 ท่านจอมมารช่างรอบคอบ และรักเด็ก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 02-11-2018 09:31:02
เราว่าสเบิ้มน่าจะตรงสเปคท่านจอมมารแกด้วยและค่ะ55
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 1 : งานใหม่ของเบิ้ม - Up :1/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2018 19:25:28
จอมมาร ล่อลวงเบิ้มให้หลง   :hao6:
เบิ้ม เต็มใจถูกล่อลวงไปเต็มร้อยแล้ว   :z3: :really2: :-[

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 - Up :3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 03-11-2018 12:30:01
ตอนที่ 2  : ความลำบากของเบิ้ม


“เบิ้ม...นั่นเบิ้มใช่มั้ย!”

เพราะเป็นการลาออกกะทันหัน เพื่อนร่วมแผนกบางคนเลยยังไม่รู้ว่าเบิ้มเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว

หลังไปส่งไอ้เด็กเวรเบิ้มก็เป็นอิสระ ความจริงเขาควรจะประกบติดคมสัน เสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ยิ่งแนบแน่นคุ้นเคย แต่ยังมีเวลาอีกมาก และเบิ้มเองก็กลัวว่าเพื่อนจะตกใจ เลยขอตัวกับคมสันชั่วครู่เพื่อแวะมาที่แผนกสตั้นท์แมน บอกกล่าวกันสักนิดว่ามีแฟนแล้ว เอ๊ย! หมายถึง...มีงานใหม่แล้ว

คมสันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ไม่วายส่งของอย่างหนึ่งให้

นั่นคือเกลือแร่

แม้จะคบกัน แต่การกระทำยังสม่ำเสมอชวนให้อุ่นวาบไปทั้งใจ เบิ้มดื่มเกลือแร่แล้วอดคิดไม่ได้ว่ารสชาติช่างหวานล้ำกว่าปกติ ก่อนจะเดินหน้าบานไปหาเพื่อนสนิทที่ต้องขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกกับการปรากฏตัวที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

“ชุดสูทอะไรวะเนี่ย แล้วใส่แว่นดำอีก เดินอยู่ในบริษัทจะใส่แว่นดำทำเพื่อ? ทำอย่างกับคนตาบอด หรือว่างานสตั้นท์วันนี้จะเป็นยอดฝีมือตาบอดวะ”

“แต่หัวหน้าบอกว่าเบิ้มลาออกแล้วนี่หว่า”

“จดหมายลาออกเพิ่งถึงโต๊ะหัวหน้าเมื่อเช้า ยังไม่ทันเซ็นเลย”

เบิ้มกระแอมไอเรียกความสนใจจากกลุ่มเพื่อนที่เริ่มจะคุยกันเองแต่ไม่ยักจะปลาบปลื้มชื่นชมกับชุดใหม่มาดใหม่กันบ้างเลย เพราะเมื่อวานเซ็นสัญญากับคมสันหลังส่งลูกชายเจ้านายเข้านอน จดหมายลาออกที่คุณผู้ช่วยเลขารับปากว่าจะจัดการให้เลยเพิ่งส่งตรงถึงหัวหน้าแผนกตอนเช้าตรู่ ป่านนี้คงงงเป็นไก่ตาแตก

“มาพอดีเลยเบิ้ม หัวหน้ากำลังจะโทรเรียกพอดี” เพื่อนอีกคนหนึ่งตบบ่าเบาๆ อย่างให้กำลังใจ “ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพวกเราได้นะเว้ย อย่าเดินทางผิด เข้ากับพวกเงินกู้นอกระบบ...”

ไอ้เบิ้มกลุ้มใจเหลือเกิน เพื่อนคนหนึ่งก็หาว่าเหมือนคนตาบอด อีกคนก็บอกว่าเหมือนพวกทวงหนี้นอกระบบ

“อย่าคิดมาก อย่าฟุ้งซ่าน” เบิ้มเลยได้แต่ตบไหล่เพื่อนกลับแปะๆ และอีกหลายแปะกับกลุ่มคนที่เริ่มมุงอย่างสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันครั้งนี้ “ฉันได้งานใหม่เป็นบอดี้การ์ดน่ะ”

พูดจบเบิ้มจับชุดสูทด้วยมาดเคร่งขรึม ตั้งใจอวดว่าชุดนี้ราคาแพงขนาดไหน เข็มกลัดที่ติดตรงเนกไทก็สวยหรูดูดี เรียกเสียงร้องว้าวจากคนรอบข้างจนยิ่งฮึกเหิม

คมสันเป็นคนสวมให้เลยนะเนี่ย ดูสิทุกคน จงมองมาทางนี้!


เมื่อได้การตอบรับที่พอใจ เบิ้มก็ตีหน้าเข้มเดินเข้าไปหาหัวหน้าที่กำลังกุมขมับอยู่พอดี

“ชุดเข้ากับนายนะ” หัวหน้ายิ้มแห้งให้ ท่าทางแปลกๆ ชอบกล “ฉันได้จดหมายลาออกแล้ว มีระบุด้วยว่ามาจากท่านประธานโดยตรงที่ต้องการโยกย้ายคนไปประกบผู้ช่วยเลขา ฉะนั้นคิวงานที่ตกลงกันไว้ถือเป็นโมฆะทั้งหมด นายไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญาจ้างที่ค้างไว้ ฉันจะหาคนมาแทนที่เอง”

“ขอบคุณครับ”

“ยังไงก็...” หัวหน้าเกาแก้มอย่างเก้อกระดาก “เอ่อ...เอาเป็นว่ายินดีด้วยแล้วกัน สมหวังสักทีนะ สามเดือนมานี้ทุกคนก็ลุ้นกันแทบแย่ว่าสุดท้ายจะลงเอยยังไง มาลงเอยแบบนี้ก็ถือว่าแฮปปี้เอนดิ้ง ลูกน้องคนเก่งได้คนรักแถมเจริญก้าวหน้าดี คนเป็นหัวหน้าก็ต้องแสดงความยินดีด้วย!”

แล้วเบิ้มก็เข้าใจกับท่าทางแปลกๆ นั้น...เพราะจดหมายระบุว่าเบิ้มถูกโยกไปประกบผู้ช่วยเลขาท่านประธาน...เหล่าคนในแผนกที่รู้เรื่องการจีบผ่านเกลือแร่ถึงขั้นท้าพนันกันเลยประติดประต่อการลาออกกะทันหันนี้ไปทางผลประโยชน์ส่วนตัว

ซึ่ง...คุณเข้าใจถูกแล้วครับหัวหน้า

เห็นเบิ้มยืนนิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน หัวหน้าที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วนกับลูกน้องฝีมือดีที่ดันติดผู้ชายจนขอลาออกก็ปั้นหน้าไปไม่เป็น โบกมือไล่เบิ้มแบบจะไปไหนก็ไป จนแทบจะเปิดเพลงไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์~

อันที่จริงเบิ้มก็รู้สึกผิด เพราะหัวหน้าสนับสนุนและผลักดันเขามากทีเดียว แต่ไม่ทันไรก็ลาออกซะงั้นด้วยสาเหตุชวนตะลึงอย่างโดนผู้ชายตกไปแบบมึนๆ แถมผู้ชายคนนั้นยังมีอำนาจ เป็นผู้ช่วยเลขาคนสนิท เพียงพริบตาก็ได้ลายเซ็นอนุมัติจากท่านประธานโดยตรง

เอาจริงๆ นะ...เบิ้มยังงงตัวเองเลยว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง

แต่พอนึกภาพว่าจะได้กินข้าวกับคมสันทุกมื้อ ได้ขับรถโดยมีอีกฝ่ายนั่งข้างๆ ได้เฝ้ามองดวงตาแสนสวยนั้นยามช่วยแต่งตัว อยู่ห้องข้างกัน คนที่กำลังหลงละเมอในรักที่เพิ่งสมหวังเป็นครั้งแรกก็เดินตัวลอยออกจากแผนกท่ามกลางสายตางุนงงของอดีตเพื่อนร่วมงาน

แน่นอนว่าทุกภาพฝันนั้นไอ้เด็กเวรเป็นเพียงภาพโมเสกที่ถูกเซนเซอร์ไว้ มีอยู่แต่เหมือนไม่มี

อย่า อย่าคิดว่าเบิ้มหัวอ่อน! ทุกการกระทำของคมสันมีพิรุธ วางแผนอย่างดี ใช่ว่าจะมองไม่ออก แต่คนรักกันชอบกัน จะอยากได้มาครอบครองโดยไม่สนวิธีการก็นับเป็นเรื่องที่พอรับได้ โดยเฉพาะเมื่อใจเราตรงกัน...อะแฮ่ม! อย่าทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เบิ้มเลย ตลอดยี่สิบสองปีมานี้เขาไม่เคยมีคนรัก ไม่เคยถูกสารภาพรัก ประสบการณ์โดนจีบหรือก็ไม่มี พอมาเจอคมสันที่ทุ่มเททำถึงขนาดนี้เลยอดใจอ่อนไม่ได้

เบิ้มไม่ได้ต่อต้านรักร่วมเพศ หรือถ้าให้สารภาพตามตรง...คือมีคนมาจีบก็บุญหัวแล้ว! จะเกี่ยงทำไมเรื่องหญิงชาย ยิ่งคมสันคุณสมบัติดีเลิศทุกด้าน หน้าตาก็ดี การเรียนก็ดี การงานก็ดี แล้วจะหวังสูงอะไรอีก แค่นี้ก็เกินคาดมากแล้ว! บางคนทำบุญสิบชาติยังไม่ได้ดีเท่านี้เลย!

เล่าถึงตรงนี้ หลายคนก็คงพอเข้าใจกันแล้วว่าเบิ้มอ่อนประสบการณ์เรื่องรักมากแค่ไหน

พอมีทั้งทีแถมได้พรีเมียมเกรดเอ เลยเคลิบเคลิ้มหนัก อาการเข้าขั้นน่าเป็นห่วง แม้จะชอบงานสตั้นท์ แต่ก็ทำมาหลายปี แต่คนรักที่หลงผิดตามจีบด้วยเกลือแร่อาจจะมีแค่ครั้งเดียวในชีวิต ไม่รีบคว้าไว้มีหวังเสียใจจนตาย!

แถมคนรักคนนั้นยังแสนดี เสนองานที่ดีกว่าให้ด้วยเงินที่มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

แล้วจะไม่หลงได้ยังไงเบิ้มขอถาม!

อย่า อย่าเพิ่งตอบ อย่าเพิ่งดับฝันหวาน แรกคบกัน ทุกสิ่งทุกอย่างช่างแสนดีและสวยงาม แม้จะตงิดๆ กับการกระทำของคมสันบ้าง แต่เบิ้มยังพอรับได้ ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น ต้องค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัว ฉะนั้นใครจะพูดยังไง...เบิ้มก็ไม่ฟังหรอก!

อยากจะตะโกนด้วยซ้ำว่ามีแฟนแล้วโว้ย!!

รู้ว่าข้างหน้าเป็นกับดักแต่ก็ยังกระโจนลงไป บางทีอาจจะเป็นสภาวะหน้ามืดตามัว เบิ้มสะบัดศีรษะ เรียกสติตัวเองให้เชื่อมั่นกับการตัดสินใจครั้งนี้ ยังไงซะก็ถอยกลับไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องลุยให้ถึงที่สุดเท่านั้นละนะเบิ้มเอ๋ย!

เกลี้ยกล่อมตัวเองเสร็จเบิ้มก็ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องของท่านประธาน ชั้นนี้มีโต๊ะรับแขกและโต๊ะทำงานของบรรดาเลขาไล่เรียงตามลำดับ แต่โต๊ะของคมสันกลับว่างเปล่า เบิ้มเลยเดินไปถามกับเลขาอาวุโสอันเป็นหญิงสูงวัยมาดดีท่านหนึ่งซึ่งดูจะไม่ตกใจกับชายแปลกหน้าสวมชุดสูทและแว่นดำเลยสักนิด

“มาหาคมสันใช่มั้ย ถูกท่านประธานเรียกไปตำหนิอยู่น่ะ”

ภายใต้ภายหน้านิ่งเรียบไร้ความรู้สึกอันเป็นคุณสมบัติของบอดี้การ์ด(ที่คิดเอาเอง) ในใจเบิ้มวิตกมากว่าหรือความรักของเราจะถูกกีดกัน ไม่สิ ท่านประธานเป็นคนเซ็นอนุมัติการลาออก แล้วจะเรียกคมสันมาตำหนิทำไม

เบิ้มตัดสินใจขออนุญาตเข้าพบประธาน แน่นอนว่าเลขาอาวุโสพยายามทัดท้าน แต่เมื่อเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำท่าคล้ายจะเอื้อมไปหยิบอะไรบางอย่างที่ข้างเอว เลขาสูงวัยก็หยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน ทำทีเหมือนยุ่งมากจนหัวฟู สบโอกาสให้เบิ้มเดินไปเปิดประตูอย่างง่ายดาย

“ฉันบอกให้จ้างบอดี้การ์ดตั้งแต่เมื่อไหร่!”

และเจอแจ๊กพ็อตเข้าจังๆ

เดี๋ยวนะ ถ้าท่านประธานไม่รู้เรื่องงั้นลายเซ็นบนจดหมายมาจากไหน!?

“แล้วค่าจ้างนี่มันอะไร สูงเกินราคาบอดี้การ์ดปกติรึเปล่า ยังไม่นับที่กิจภัทรไม่จำเป็นต้องมีบอดี้การ์ดคอยคุมด้วย ตอนเช้าเธอก็ไปส่ง ขากลับเธอก็ไปรับ ที่โรงเรียนมีคนช่วยดูแล จับตาดูตลอดแบบนี้จะเอาบอดี้การ์ดมาทำไม เธอก็รู้ว่ากิจภัทรนิสัยยังไง ช่วงนี้กำลังอยากรู้อยากลอง เกิดไปฟิตกล้ามเลียนแบบ ยิงปืนซี้ซั้วจะยิ่งแย่!”

คมสันก้มหน้าก้มตาไม่หือไม่อือ ถูกท่านประธานบริษัทหรือพ่อบังเกิดเกล้าของเด็กเวร...เวรกรรมหรือจะสู้บุญที่ทำมา ถึงได้มีวาสนาเกิดบนกองเงินกองทองชี้หน้าด่าอย่างไม่พอใจ

“บ้านของฉันไม่ใช่ที่พักของคนอย่าง...อย่าง...อย่างนี้!”

เหมือนตอนแรกจะนึกไม่ออกว่าเรียกยังไงดี พอเบิ้มเดินเข้ามา เลยเป็นเป้าให้ท่านประธานชี้

คมสันหันมองทันที แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเบิ้ม แต่ดูจากสีหน้า ไม่ยักจะสีเผือดตกอกตกใจกับการโดนตำหนิครั้งนี้เท่าไร ด้วยความที่เริ่มจะรู้แกว พอเห็นอีกฝ่ายดันแว่นหนึ่งครั้งเบิ้มจึงมั่นใจว่าจะรับมือได้ ถือโอกาสแนะนำตัวแก่คนจ่ายเงินที่ไม่รู้เรื่องสัญญาจ้างขอแต่งงานซะเลย

“สวัสดีครับ ผมชื่อเบิ้ม”

เบิ้มยกมือไหว้อย่างรู้มารยาท แม้ตัวโตแต่ก้มสี่สิบห้าองศา ให้รู้ว่าอ่อนน้อมถ่อมตนขนาดไหนแม้หน้าจะติดเถื่อนไปหน่อยก็ตาม ความประทับใจแรกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เบิ้มต้องให้คนจ่ายเงินเชื่อถือในฝีมือ ว่าจ่ายแล้วคุ้มค่า โดยไม่ให้ความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเราเปิดเผย เพราะคงจะเป็นที่ชังน้ำหน้า แล้วโดนหาว่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานอย่างที่หัวหน้าแผนกของเบิ้มคิด

“ผมเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกชายของคุณครับ และเป็น...”

เบิ้มตั้งใจจะพูดว่าเป็นคนขับรถ แต่คมสันกลับโพล่งขึ้นมา

“และเป็นคนรักของผมเองครับท่าน”

น้ำเสียงที่แสนจะราบเรียบ กับสีหน้าที่แสนจะเรียบราบ

ทำเอาทั้งเบิ้มและท่านประธานอุทานพร้อมกันว่า “เฮ้ยยย!”

ทันใดนั้น ทุกอย่างตกในความเงียบ

กับอาการที่แสดงออกมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เริ่มจากเบิ้มก่อน เบิ้มค่อนข้างช็อก เลยอยู่ในท่าหันมองคมสันอ้าปากค้าง ส่วนคนที่เพิ่งพูดประโยคสุดตะลึง กลับนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่สะทกสะท้านสักนิดเดียว และท่านประธาน...

ท่านประธานเขม็งมองเบิ้มอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนจะจ้องตาคมสัน คล้ายไม่อยากเชื่อยิ่งกว่า

ทุกคนต้องใช้ความเงียบในการตั้งสติ และเบิ้มก็เริ่มตระหนักได้ถึงความรักลึกซึ้งแสนจริงใจของคมสัน ก่อนจะด่าตัวเองในอีกวินาทีต่อมาว่าเบิ้ม! นายกำลังจะซวยแล้ว ต้องโดนไล่ออกแน่ๆ แม้หัวหน้าแผนกจะยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่ส่วนหนึ่งเพราะพอจะรู้เรื่องเขากับคมสันจีบกันมาร่วมสามเดือน อีกส่วนคือไม่มีอำนาจคัดค้าน แต่ท่านประธานตรงหน้านั้นไม่รู้เรื่องของเราสอง และยังมีอำนาจสั่งการด้วย!

ถ้าเบิ้มโดนเด้งคนเดียวก็ไม่เท่าไร แต่คมสัน...คมสันนั้น...

ผู้ช่วยเลขากระทำการโดยมิชอบ ใช้เหตุผลส่วนตัวปนกับงาน แค่ข้อหานี้ก็ทำให้คมสันโดนไล่ออกด้วยแล้ว!

เบิ้มทำอะไรไม่ถูก เห็นท่านประธานอ้าปากแบบภาพช้า ค่อยๆ พูดพ่นออกมาทีละคำด้วยประโยคสุดสะพรึง

“ถ้างั้นก็แล้วไปเถอะ”

...สะพรึงเกินไปแล้ว!

“ขอบคุณครับ”

และสะพรึงยิ่งกว่าเมื่อคมสันพยักหน้าอย่างรู้อยู่แล้วว่าต้องลงเอยแบบนี้ เบิ้มมองท่านประธาน เห็นว่าท่านกำลังทำหน้ากระอักกระอ่วนไปไม่เป็นเหมือนอดีตหัวหน้าแผนกของเบิ้มไม่มีผิด นี่คือสีหน้าของคนที่จำยอม ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยไป

...เท่ากับว่าคมสันมีอำนาจในการต่อรองสูงกว่าประธานบริษัทอีกงั้นเหรอ!?

เบิ้มทั้งมึนทั้งอึน โดนคมสันใช้สายตากดดันให้เดินตามออกมาด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ คุณผู้ช่วยเลขานั้นเดินเลยโต๊ะทำงานไปยังห้องประชุมเล็ก เมื่อเห็นเบิ้มนั่งประจำที่พร้อมถอดแว่นกันแดดออกแล้วก็กดล็อกประตู

แกร็ก

เสียงล็อกนั้นน่ากลัวแปลกๆ คล้ายหนังสยองขวัญฆาตกรรม

แต่สำหรับเบิ้มนั้นคล้ายเสียงสวรรค์ เพราะเป็นช่วงเวลาสองต่อสองแสนหวานชื่น

“ลองเดาดูมั้ย” คมสันเปิดหัวข้อด้วยคำถามทันที สีหน้าไร้ความกังวลใจ ออกจะสนุกด้วยซ้ำที่เห็นเบิ้มงง

“เดา? เดาอะไรล่ะ หรือว่านายเป็นลูกติดของท่านประธาน...”

คมสันหลุดขำ ไม่ได้หัวเราะปากกว้างน้ำลายกระเซ็น แต่หัวเราะและขยับยิ้มได้น่ามองอย่างมาก

แหม ไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองเลย แต่เวลาคมสันอยู่กับเบิ้มท่าทางจะผ่อนคลาย สบายใจ เป็นตัวของตัวเองได้เป็นธรรมชาติกว่าตอนอยู่กับคนอื่นๆ เพราะตอนทำงานในบริษัท คมสันค่อนข้างจริงจัง จนบางทีถูกมองว่าเย็นชาซะด้วยซ้ำ ต่อหน้าท่านประธานก็สุภาพไม่ค่อยมีปากเสียง กับไอ้เด็กเวรยิ่งแล้วใหญ่ กลายเป็นพี่เลี้ยงแสนดีดูสุภาพอ่อนน้อมซะอย่างนั้น

“นายเห็นเลขาหน้าห้องมั้ย”

“เห็นสิ” เบิ้มตอบ จะลืมได้ยังไงล่ะเอ้อในเมื่อเพิ่งจะทำท่าขู่ไปเอง

“นั่นแม่ฉัน”

พรืด!

เบิ้มแทบเซตกเก้าอี้เมื่อได้ยินความจริงอันแสนโหดร้าย เขา...ขู่แม่ภรรยางั้นเหรอ!!

“ไม่งั้นจะปล่อยนายเข้ามาในห้องประธานได้ยังไง แต่งตัวมีพิรุธอย่างนี้ควรเรียกรปภ.ถึงจะถูก”

คมสันอธิบาย ซึ่งเข้าเค้าและตอบทุกสงสัยพอดิบพอดี

“งั้นแสดงว่า...คุณแม่รู้เรื่องของ...เรา?”

จากเลขาอาวุโสกลายเป็นคุณแม่ในพริบตา เบิ้มก็ปรับตัวเก่งเหมือนกันนะนี่

ดวงตาใต้กรอบแว่นประกายวับวาวมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดติดตลกที่ค่อนไปทางจริงจังมากกว่าขำขัน เห็นแล้วเบิ้มก็อยากจะถอดแว่นอีกฝ่ายเหลือเกิน เจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้มันเครื่องมือทำลายความงามชัดๆ!

“ใช่” คมสันตอบ “แม่ฉันเป็นทั้งพี่เลี้ยงและเลขาคนสนิทของท่านประธาน ทั้งคู่เติบโตมาด้วยกัน เป็นทั้งเพื่อนและครอบครัว แม่ฉันแต่งงานกับคนขับรถของท่าน ซึ่งท่านประธานก็เป็นคนช่วยให้ทั้งคู่สมหวัง ทั้งพ่อและแม่ฉันจึงสนิทกับท่านมาก ตอนฉันเกิด ท่านประธานก็เป็นคนที่เข้ามาอุ้มฉันต่อจากพ่อและแม่”

ความสนิทสนมนั้นตอบโจทย์ของการเป็นเด็กเส้นที่คว้าตำแหน่งผู้ช่วยเลขาในวัยยี่สิบทันที

“กลับกัน...ฉันก็เป็นคนอุ้มคุณหนู ต่อจากพ่อและแม่ของเขาเหมือนกัน”

“คุณ...หนู?”

ถ้าไม่เกรงว่าจะเสียมารยาท เบิ้มล่ะอยากจะตบบ้องหูซะเดี๋ยวนั้นเลย

“ใช่” คมสันเผยยิ้มเจิดจ้า เล่นเอาตาพร่าไปกับความรักที่มีอย่างท่วมท้นขณะเอ่ยถึงคนผู้หนึ่ง “คุณหนู...หรือเด็กชายกิจภัทร ตอนฉันหกขวบเขาก็เกิด ร้องไห้เสียงดังเลยล่ะ ตัวก็เล็กนิดเดียว เพราะในบ้านไม่มีเด็กวัยไล่เลี่ยกัน และท่านประธานกับคุณหญิงมักออกไปทำงาน รวมถึงพ่อและแม่ของฉันด้วย ท่านเลยขอให้ฉันพักอาศัยในคฤหาสน์ ช่วยดูแลคุณหนูกับพี่เลี้ยงอีกคนหนึ่ง”

ฟังแล้วก็ชักเข้าใจว่าทำไมคมสันถึงรักและถนอมไอ้เด็กนั่นขนาดนี้

“ตอนคุณหนูอายุสี่ขวบ ฉันจับได้ว่าพี่เลี้ยงแอบขโมยของในบ้าน จึงโดนท่านประธานไล่ออก ตอนแรกจะหาพี่เลี้ยงคนใหม่ แต่ฉันบอกว่าไม่จำเป็น ฉันจะเลี้ยงคุณหนูเอง”

...แต่ตอนนั้นนายเพิ่งสิบขวบเองนะคมสัน

เบิ้มได้แต่เอ่ยความในใจกับตัวเองด้วยสายตาว่างเปล่า

“นายคงสังเกตว่าคุณหญิงไม่เคยปรากฏตัวที่บริษัทเลย และไม่อยู่ที่คฤหาสน์ด้วย”

ก่อนจะถูกสวนด้วยคำถามที่ไม่ทันตั้งตัว

จะว่าไป...ก็ไม่เคยเห็นคุณหญิงของตระกูลชาติบดินทร์จริงๆ นั่นแหละ เบิ้มทำงานกับที่นี่มาปีครึ่ง ติดตามข่าวสารของทางบริษัทอยู่บ้าง เวลาท่านประธานออกงานก็มักเดินคนเดียว ไม่เคยควงภรรยาเลยทั้งที่เธอเป็นถึงอดีตดาราสาวแสนสวย

ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก ประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์แต่งงานกับดาราในสังกัดตัวเอง!

ตอนนั้นเป็นข่าวดังทีเดียว เบิ้มเองที่ไม่ค่อยสนใจข่าวบันเทิงก็เห็นผ่านหูผ่านตาบ้างเหมือนกัน

“ตอนนี้คุณหญิงอยู่ต่างประเทศ ไม่กลับมาเจ็ดปีเต็มแล้ว” คมสันยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ยักชวนเคลิ้มอย่างเคย ออกจะไปทางไม่พอใจมากกว่า “ความจริงมีรายละเอียดหลายอย่างมากกว่านั้น แต่เอาเป็นว่า...ฉันอาสาจะดูแลคุณหนู และจะดูแลตลอดไปเพราะถ้าไม่ทำก็คงมีคุณหนูแค่คนเดียวอยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น ตอนแรกท่านประธานไม่มั่นใจ จะว่าจ้างพี่เลี้ยงคนอื่น ตอนฉันอายุสิบขวบก็เลยสารภาพความจริงบางอย่าง”

เบิ้มเชื่อว่าความจริงนี้ต้องเป็นประโยคเปลี่ยนชีวิตและสำคัญมาก

“ฉันบอกว่าฉันเป็นเกย์ ชาตินี้คงไม่ได้แต่งงานมีลูกเหมือนครอบครัวอื่น ฉะนั้นเหมาะที่จะดูแลคุณหนูที่สุด”

เบิ้มถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่รู้ทำไมถึงนึกภาพคมสันในวัยสิบขวบประกาศกร้าวต่อหน้าท่านประธานอย่างฉะฉานได้ชัดเจน...ตอนนั้นคนตรงหน้าเขาก็คงใช้สายตาคมกริบนี้จับจ้อง แสดงความมุ่งมั่นไม่อาจละสายตา

“ท่านประธานซึ้งใจกับการเสียสละและการเปิดตัวของฉันมาก เลยให้สัญญาว่าถ้าฉันมีคนรัก จะอนุญาตให้พักด้วยกันในคฤหาสน์ ขอเพียงแค่ฉันพอใจ จะให้คนนั้นมารับตำแหน่งหน้าที่อะไรก็ไม่เกี่ยงเป็นการตอบแทน”

เบิ้ม...อ่า...เบิ้มคิดอะไรไม่ออก

ไม่รู้จะตอบโต้คมสันยังไง แต่ที่รู้ดีแก่ใจอย่างหนึ่ง คือ...เบิ้มเข้าใจท่าทางสุดจำยอมของท่านประธานในวันนี้แล้ว!

เขาว่าตอนนั้นท่านอาจจะไม่ได้คิดจริงจังมากกับเด็กอายุสิบขวบ แต่ช่างบังเอิญเหลือเกิน เพราะเด็กคนนั้นดันทำได้จริงตามคำพูด ดูแลลูกชายให้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง ดูแลได้ดีกว่าพ่อแม่แท้ๆ เมื่อมาทวงคำสัญญา จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

“ถ้าเกิด...ประธานไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน แล้วลายเซ็นบนใบลาออกมาจากไหนกันล่ะ”

“ฉันก็แค่ไหว้วานให้แม่ช่วยแทรกใบนี้ปนไปกับเอกสารอื่นๆ ที่ท่านต้องเซ็นเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วง ถ้าเป็นผลเสียกับท่านประธาน แม่ฉันไม่ยอมทำให้หรอก แต่เพราะเห็นดีเห็นงาม ทุกอย่างเลยราบรื่น”

“ทำไม...ต้องทำให้มันซับซ้อนขนาดนั้นด้วย”

“นายไม่คิดว่าสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กสิบขวบจะน่าเชื่อถือหรอกนะ” คมสันเลิกคิ้ว ประสานมือบนตักขณะนั่งไขว้ห่างด้วยท่าทางแสนสบายคล้ายไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย “ถ้ารู้ก่อน ท่านประธานต้องหาทางแทรกแซงแน่นอน ฉันเลยจัดการทุกอย่างให้เสร็จทั้งหมด แล้วค่อยบอก เพียงเท่านี้ท่านก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจำยอม”

เบิ้มถึงกับเผลอยกมือสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่ท่านประธาน

มันเป็นไปตามสัญชาตญาณน่ะ พอได้ยินคมสันอธิบายราวกับว่าทุกอย่างช่างง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยแล้วอดจะยกมือยอมแพ้ไม่ได้จริงๆ

เวรละ นี่มันอนาคตของคนกลัวเมีย!

“ฉันอยากให้นายรับปากอย่างหนึ่ง”

เบิ้มถึงกับสะดุ้ง เพราะมีบทเรียนจากท่านประธาน เลยรู้สึกว่าการรับปากอะไรกับคมสันนั้นจะต้องไตร่ตรองให้ดี

“อะไรหรือ”

“ฉันอยากให้นายปิดบังความสัมพันธ์ของเรากับคุณหนู”

คำว่า ‘เรา’ ฟังรื่นหูดีจริงๆ แม้จะค่อนข้างขัดใจกับไอ้คำว่าคุณหนูก็เถอะ

“ทำไมล่ะ” เบิ้มขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในการกระทำนี้ คมสันกล้าประกาศตัวต่อหน้าประธานตั้งแต่สิบขวบ แล้วมากลัวอะไรกับเด็กอายุสิบสี่ที่ดูจะไม่ค่อยมีสมองเท่าไหร่

“นายก็คงได้ยินท่านประธานพูด...ตอนนี้คุณหนูอยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง แม้ฉันจะไม่คิดแต่งงานมีครอบครัว แต่ฉันไม่อยากให้คุณหนูเลียนแบบเราแล้วลองคบเพศเดียวกัน ถ้าจะรักชอบฉันไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่การทำตามใคร”

คำว่า ‘เรา’ ยังทำให้เบิ้มชื่นใจเช่นเดิม จึงยิ้มตอบคมสันอย่างว่าง่าย

“ได้สิ ได้ตามที่นายต้องการ”

เพราะเบิ้มเชื่อว่าคุณหนูสุดที่รักของอีกฝ่ายมีสิทธิ์ทำตามสูง...ดูจากการแยกแยะถูกผิดไม่ค่อยเป็นแล้วน่ะนะ

“แต่ขอถามอย่างได้มั้ย” เบิ้มทนไม่ไหวแล้ว ถ้าไม่พูดวันนี้คงอกแตกตายแน่ๆ

“อะไรล่ะ” คมสันเลิกคิ้ว ขยับตัวเข้าใกล้ เอ่อ...แค่จะถามคำถาม ไม่ต้องเอียงหูรอฟังในระยะประชิดขนาดนี้ก็ได้ ทำเอาเบิ้มถึงกับสมองโล่งแทบลืมไปเลยว่าแค้นเคืองเรื่องอะไรอยู่

อ้อ...เรื่องคุณหนูเวร!

“นายคงไม่ได้ชอบคุณหนูในแง่นั้นใช่มั้ย” เบิ้มรู้ว่าเป็นคำถามที่งี่เง่ามาก แต่ทุกครั้งที่คมสันเล่าเรื่องในอดีตแล้วเอ่ยถึงเด็กเวรทีไร เป็นต้องทำหน้ารักลึกซึ้งจนชวนสงสัยทุกที

แล้วไอ้คำสัญญาว่าจะดูแลตลอดไปนั่นอีก

ไม่ว่าจะฟังหูซ้ายหรือหูขวาก็ชวนคิดลึก!

พลันคมสันหัวเราะอีกครั้ง เสียงหัวเราะครั้งนี้ดังกว่าเดิม ชวนให้ใจเบิ้มเต้นรัวเพราะหน้าของเราใกล้กันมากจนเห็นริมฝีปากที่ขยับอย่างยั่วยวนใจในองศาชวนเคลิ้ม

“คุณหนูเป็นเด็กดี แต่ไม่ใช่คนรักที่ดี” คมสันตอบชัดถ้อยชัดคำ “ฉันไม่คิดจะคบกับคนที่ติดพี่เลี้ยงและเอาแต่ใจสุดโต่งแบบนี้หรอก”

...ที่แท้ก็รู้ตัวด้วยเหรอว่าเลี้ยงเด็กแบบผิดๆ น่ะ!

แน่นอนว่าเบิ้มได้แต่คิด จะด่าใครก็ด่าได้ แต่ด่าคุณแฟนที่เคารพไม่ได้

“หมดคำถามแล้วใช่มั้ย”

“เอ่อ มีอีกคำถาม” เบิ้มยกมือเป็นเชิงขอแทรกเพราะคมสันเริ่มเอนหลังพิงพนักในท่าไขว้ห่างแสนสบายอีกครั้ง “ทำไมนายถึงเรียกคุณหนูลับหลังเด็กล่ะ ต่อหน้าไม่เห็นเรียกแบบนี้เลย”

“เพราะคุณหนูไม่ยอมให้ฉันเรียก บอกว่าฟังไม่เท่น่ะ” คมสันเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ สื่อว่าแม้จะโดนห้าม แต่ลับหลังก็ยังจะเรียกเป็นร้อยครั้งพันครั้งด้วยความเอ็นดูอยู่ดี คุณหนูน่ะอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่คำพูด

...คนคนนี้เกินเยียวยาแล้ว

แต่เขาว่ากันว่า Love Me Love My Dog ในเมื่อเบิ้มรักคมสัน เบิ้มก็ต้องรักหมา...แคก! หมายถึงคุณหนูของเขาด้วย

“ถ้าหมดคำถามแล้ว ฉันจะมอบหมายงานให้ทำ”

เบิ้มตื่นตัวทันที นั่งหลังเหยียดตรง แบบที่มักทำเป็นประจำเวลาประชุมงานกับหัวหน้า

“จำหน้าเด็กคนนี้ซะ” คำพูดเชิงสั่ง ทำให้เบิ้มก้มมองรูปถ่ายที่คมสันวางบนโต๊ะอย่างตั้งใจ รูป...ของเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับคุณหนูสุดที่รักของอีกฝ่าย ท่าทางเย่อหยิ่งพอกัน วัดจากใบหน้าที่เชิดขึ้นและรอยยิ้มถือดีแบบ ‘ทุกอย่างที่ข้าต้องการล้วนมีคนประเคนมาให้’ แล้ว...

“จะให้คุ้มครองเด็กคนนี้ด้วยหรือ” เบิ้มถาม เพราะหน้าที่ที่ได้รับคือบอดี้การ์ด ถ้าไม่ให้ปกป้องคุ้มครอง แล้วให้ไปทำอะไรได้อีก

“ไม่ใช่” คมสันเอ่ย ก่อนจะถอนหายใจเฮือก ราวกับว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้นั้นหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าตอนเล่าเรื่องในอดีตซะอีก “เมื่อวันก่อน...คุณหนูเผลอไปเหยียบเท้าเด็กคนนี้แล้วไม่ขอโทษ”

“ฮะ!?” เบิ้มอุทานเสียงดัง แต่คมสันไม่สนใจ เล่าต่อคล้ายไม่เห็นตาที่เกือบถลนของเบิ้ม

“ทั้งคู่ทะเลาะกัน สุดท้ายจบที่ท้าต่อยหลังเลิกเรียน”

“...”

ไอ้เบิ้มโนคอมเม้นต์แล้ว

“ฉันพยายามให้คุณหนูเบี้ยวนัด แต่เขาไม่ยอม บอกว่าเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย”

“...”

ไอ้เบิ้มเอาขามาก่ายหน้าผากจะทันมั้ย

“กำหนดการคือเย็นนี้ตอนห้าโมง คุณหนูให้ฉันสัญญาว่าห้ามแอบตามไปเด็ดขาด จึงต้องส่งนายไปแทน”

“แค่จับตาดูเฉยๆ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่” คมสันเอ่ยน้ำเสียงจริงจังมาก ประหนึ่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ห้ามพลาดพลั้งเป็นอันขาด “จะทำยังไงก็ได้ แต่ห้ามให้คุณหนูบาดเจ็บ!”

“เอ่อ...สองคนนี้ท้าต่อยกัน จะไม่ให้เจ็บเลยได้ยังไง”

เบิ้มไม่เข้าใจ คมสันคิดว่าสองคนนี้นัดกันไปเล่นพ่อแม่ลูกเหรอ

“นั่นเป็นปัญหาของนาย และเป็นหน้าที่ของนายที่ต้องทำให้ได้”

คุณภรรยาที่เคารพรักครับ ภารกิจนี้เกรงจะเกินความสามารถของไอ้เบิ้มแล้ว

...เอ่อ ถ้าในโลกความจริงกล้าพูดได้อย่างที่คิดก็คงดี

“ห้ามให้คุณหนูโดนต่อยเด็ดขาด แต่ก็ห้ามให้คุณหนูรู้สึกเสียศักดิ์ศรี ต้องให้เขาพอใจด้วย”

ข้อแม้เยอะขนาดนี้ให้เบิ้มลักพาตัวคุณหนูไปขังยังง่ายกว่า! ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่โดนต่อยด้วยเอ้า!

“ฉันคาดหวังกันนายนะ”

พลันเบิ้มสะดุ้งเหมือนมีไฟฟ้าสถิต ซึ่งต้นตอของสัมผัสชวนซาบซ่านนั้นก็มาจากนิ้วเรียวที่สะกิดเบาๆ บนมือของเบิ้มที่กำรูปถ่ายเด็กน่าสงสารจนยับย่นด้วยแรงอารมณ์โดยไม่รู้ตัว

เบิ้มพยายามกลั้นใจ ยังไงก็ต้องบอกปัดคมสันให้ได้ว่านี่เป็นภารกิจที่ไม่มีวันทำสำเร็จ

แต่ปลายนิ้วชี้นั้นช่างซุกซนเหลือเกิน จงใจลากยาวบนหลังฝ่ามือเบิ้ม ก่อนจะผลุบหายไปในแขนเสื้อพลางสะกิดตรงข้อมือเบาๆ พร้อมสายตาที่จ้องสะกดคล้ายส่งสัญญาณบางอย่าง

สัญญาณที่แปลความหมายว่าถ้าทำสำเร็จ รางวัลที่ได้รับนั้นจะ...จะ...

เบิ้มกลืนน้ำลาย ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาอยู่กับคมสันที่ใครหลายคนคิดว่าช่างเย็นชา ถึงได้ร้อนรุ่มซะทุกที

“ได้สิ” รู้ตัวอีกทีก็เผลอตอบรับไปซะแล้ว เบิ้มพลิกมือกอบกุมนิ้วแสนซุกซนของคมสัน ยั้งไม่ให้ทำอะไรชวนใจจะวายไปมากกว่านี้ “ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน!”

 

 

 

----------------

เกิดเป็นเบิ้มก็น่าเศร้าแบบนี้ ต้องไปดูแลเด็กโข่งของจอมมาร ชีวิตไม่ง่ายเลยจริงๆ ค่ะ

ตอนนี้เริ่มเปิดเผยว่าทำไมคมสันถึงติดเด็กเวรหรือคุณหนูมาก แต่คนที่เคยอ่านตอนพิเศษในเล่มเสี่ยมาก่อน น่าจะพอเดาออกว่าครอบครัวเสี่ยนั้นมีปัญหากันยังไง แต่ในเรื่องนี้จะยังอุบไว้ก่อน ไว้รู้พร้อมพี่เบิ้มนะคะ

อย่าเพิ่งวางใจ คมสันยังมีหลายอย่างที่ซ่อนไว้อีกเยอะ !!

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่อยากชวนพี่เบิ้มไปทำบุญ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 03-11-2018 14:27:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Cyclopbee ที่ 03-11-2018 15:51:17
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-11-2018 18:39:12
ดีใตหรือสงสารดีเนี่ย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-11-2018 22:06:22
กลัวขึ้นคานทองมากจนยอมตกบ่วงจอมมารเลยนะพี่เบิ้ลแถมเป็นคนแรกในชีวิตที่มาจีบอีก ขำ

หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 03-11-2018 23:23:51
คมสันนี่ร้ายกาจจริงๆ
เอ็นดูเบิ้มคนซื่ออออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-11-2018 07:50:55
พี่เบิ้มคือนิยามของคำว่า ความรักทำให้คนตาบอด 555555555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 2 : ความลำบากของเบิ้ม - Up : 3/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-11-2018 11:46:33
คมสันจอมมาร ท่านได้เล่ห์เหลี่ยมนี้แต่ใดมา น่ากลัวชะมัด.  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 05-11-2018 19:38:55

ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม


สี่โมงตรง เบิ้มกับคมสันเดินเคียงคู่กันไปที่ลานจอดรถอย่างสง่าผ่าเผย การเดินออกจากบริษัทก่อนเวลาเลิกงานท่ามกลางสายตาอิจฉานั้นให้ความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดร้าวรานเท่าสิ่งที่เบิ้มต้องทำหลังจากนี้อีกแล้ว...

“จะรีบไปรีบกลับ” เบิ้มหันมาพูดกับคมสันหลังขับรถจอดห่างจากโรงเรียนนานาชาติไปสองซอย ป้องกันไม่ให้ความแตกว่าแอบตามมาดูเด็กอายุสิบสี่สองคนต่อยกันเพราะโดนเหยียบเท้า...

“ฉันจะรอ” คมสันตอบ ไม่วายคว้าข้อมือเขาไปจับหมับบังคับให้สบตา วินาทีนั้นคล้ายเวลาเคลื่อนผ่านอย่างเชื่องช้า ราวกับทั้งโลกนี้มีแต่เรา เบิ้มขยับปาก หมายจะพูดความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่คมสันกลับเอ่ยแทรกเสียก่อน “รอ...นายกลับมากับคุณหนูที่ปลอดภัยไร้บาดแผล”

เบิ้มเหมือนถูกฉุดขึ้นสวรรค์แล้วโดนถีบตกลงมา แต่สัมผัสที่ยังจับแน่นตรงข้อมือที่เริ่มจะกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ นั้นช่วยรั้งสติให้คืนสู่ความเป็นจริง ว่า...หากเขาไม่ปฏิญาณออกไป นอกจากจะโดนถีบตกสวรรค์แล้วอาจจะโดนถีบตกรถด้วย

“ได้ ฉันสัญญา” เบิ้มหวังให้คมสันสบายใจ พูดจบจึงตบหลังมืออีกฝ่ายอีกสองที ลูบเบาๆ อีกสามครั้ง

คมสันคงจะเขิน เลยชักมือกลับ แล้วโบกมือไล่ให้รีบจัดการเรื่องวุ่นวายเสร็จไวๆ จะได้กลับมาสวีตกันต่อ

ให้ตายสิ ทำไมนะทำไม ทั้งที่สวมชุดสูทเหมือนกันเรียบร้อยเนี้ยบเป๊ะติดกระดุมถึงเม็ดบนสุดขนาดนี้ แต่เวลามองคมสัน เบิ้มกลับเห็นอีกฝ่ายเซ็กซี่ยิ่งกว่าผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยซะอีก...

เบิ้มเคลิ้ม

เคลิ้มจนกระทั่งลงจากรถมาแล้วถึงค่อยตาสว่าง

นี่เขา...นายเบิ้ม...สตั้นท์แมนสุดเทพที่อดีตหัวหน้ายังเสียดายฝีมือถูกใช้ให้ไปดูแลเด็กเวร...เวรที่เหยียบเท้าแต่ไม่รู้จักขอโทษนั่นจริงๆ เหรอ!

เบิ้มไม่ได้ฝันใช่มั้ย

ลองยกมือขึ้นดม อืม กลิ่นโคโลญจน์ของคมสัน ไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย

ภารกิจแสนยิ่งใหญ่ที่มาพร้อมภาระอันใหญ่ยิ่ง เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย แต่เบิ้มนั้น...อับอายสิ้นดี!

เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับ!

เป็นประวัติศาสตร์หลุมดำของไอ้เบิ้มที่ต้องฝังลืม!

หลังปรับทัศนคติเสร็จ เบิ้มซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นก็เดินไปคิดไปว่าจะทำยังไงถึงจะปกป้องคุณหนูสุดที่รักของคมสัน พลันหางตาสังเกตเห็นกลุ่มผู้ปกครองที่จับมือลูกแน่นเหมือนกลัวโดนลักพาตัว เพราะแถวโรงเรียนนานาชาติราคาแพงไม่ค่อยจะมีคนสวมสูทใส่แว่นดำมาดเข้มเหมือนหลุดมาจากในละครนัก นี่ขนาดไม่ทันเข้าไปในโรงเรียนก็โดนมองประหนึ่งมาเฟียแล้ว ถ้าเดินเข้าไปมีหวังถูกตำรวจจับแหงแซะ

แต่เบิ้มไม่จำเป็นต้องเข้าไปในโรงเรียน ในเมื่อเด็กทั้งสองนัดต่อยกันหลังโรงเรียน...

พูดถึงตำรวจ เอ๊ะ หรือเขาควรจะโทรเรียกตำรวจมาห้ามทัพดีนะ แต่นั่นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อาจจะยับยั้งได้ชั่วครู่ วันต่อมาก็คงนัดต่อยกันอยู่ดีในเมื่อเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย...

ศักดิ์ศรีบ้าอะไรบอกขอโทษก็จบแล้วมั้ย!


ไม่ เบิ้มต้องทำใจร่มๆ อย่าไปหาเหตุผลกับเด็กอย่างกิจภัทรที่ถูกเลี้ยงดูโดยคมสัน นั่นคือคนรักนะ จะด่าใครในโลกนี้ก็ได้แต่จะด่าว่าคนรักที่อุตส่าห์ลดตัวมาจีบกันไม่ได้ เบิ้มต้องระงับอารมณ์ไว้ ตั้งสติ คิดแก้ปัญหาให้ตรงจุด...

ก่อนจะปิ๊งไอเดียพิสดารอย่างหนึ่ง

เป็นไอเดียที่เคยเห็นผ่านตาตอนอ่านการ์ตูน ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือเปล่า แต่ไม่ลอง...ก็ไม่รู้

คิดจบเบิ้มก็ก้มเก็บก้อนกรวดแถวนั้นทันควัน ยิ่งเรียกเสียงซุบซิบนินทาจากเหล่าผู้ปกครองที่มารับลูกหลานของตัวเอง

“ทำไมจู่ๆ ถึงลงไปนั่งเขี่ยพื้นแบบนั้น หรือจะเป็นขอทาน”

“ขอทานอะไรใส่สูท ฉันว่าน่าจะเป็นโจรลักพาตัวมากกว่า”

“โจรลักพาตัวก็ไม่สวมสูทเหมือนกันนั่นแหละ น่าจะเป็นคนสติไม่ดีต่างหาก”

อุตส่าห์คิดว่าถูกมองเป็นมาเฟียว่าเลวร้ายแล้ว ความเป็นจริงยังโหดร้ายกันยิ่งกว่า ขอทานบ้างล่ะ โจรลักพาตัวบ้างล่ะ คนสติไม่ดีบ้างล่ะ...

ไม่มีใครรู้จักบอดี้การ์ดเลยรึไง เขาเป็นบอดี้การ์ดนะ!

แต่ก็คงไม่มีบอดี้การ์ดที่ไหนนั่งยองๆ หันหน้าเข้าหากำแพงคอยเก็บก้อนกรวดหรอกมั้ง...หลังจากลองวิชาแล้วพอไปวัดไปวา เบิ้มก็ทำตามแผนที่คิดไว้โดยการเก็บก้อนกรวดยัดใส่กระเป๋าให้ได้มากที่สุด

“ดูสิ...คงจะสติไม่ดีเผลอซื้อสูทมาใส่ ไม่มีเงินซื้อข้าวกินจนต้องนั่งเก็บกรวดแทะแน่ๆ”

เสียงเวทนาของเหล่าผู้ปกครองนั้นไม่อาจกระแทกโสตประสาทเบิ้มที่รีบร้อนไปยังจุดนัดหมายได้

แต่ด้วยการแต่งตัวที่ค่อนข้างเด่น เบิ้มเลยต้องพยายามหลบตามริมกำแพงกันไม่ให้ไอ้เด็กเวรเห็นเข้าซะก่อน โชคดีที่หลังโรงเรียนนั้นเป็นซอยขนาดเล็กที่ขนาบข้างด้วยกำแพงสูง เลยไม่ค่อยมีคนสัญจรไปมา ท่าทางลับๆ ล่อๆ ของเบิ้มเลยไม่ถูกนินทาให้ปวดกระดองใจอีก

“มาแล้วเหรอ...กิจภัทร!”

ได้ยินเสียงก่อนเห็นตัวซะอีก เบิ้มชะเง้อหน้ามองจากหลังเสาไฟฟ้า เห็นเด็กสองคนยืนประจันหน้ากัน ท่าทางสำอางลูกคุณหนูไม่น่าจะต่อยคนเป็นเหมือนกันเด๊ะ

“ใช่ ฉันมาแล้ว เตรียมตัวแพ้ซะเถอะ!”

ทั้งที่ไม่น่าจะเคยวิวาทกับใครมาก่อน แต่น้ำเสียงดันเชื่อมั่นแบบผิดๆ สุดกู่อย่างน่าเป็นห่วงทั้งคู่ เบิ้มปาดเหงื่อ รีบย่องไปหลบหลังถังขยะที่ค่อนข้างใกล้กับเด็กน้อยทั้งสอง โดยเด็กชายกิจภัทรยืนหันข้างทางซ้าย ขณะที่เด็กอีกคนยืนหันข้างทางขวา

ซึ่งเบิ้มขอบัญญัติต่อแต่นี้ว่าเป็นเด็กชายนายเอ

แต่ก่อนจะเริ่มการวิวาทที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรี เบิ้มขออวดสรรพคุณของตัวเองก่อนเพื่อไม่ให้ทุกท่านต้องผิดหวัง เห็นตัวโตล่ำบึกแบบนี้ เบิ้มไม่ได้มีดีแค่ที่กล้ามเนื้อ แต่เขาคือยอดนักสู้! เชี่ยวชาญศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนง นับเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่ว่าจะมุ่งด้านใดก็ล้วนทำได้ดีเลิศจนอาจารย์ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้มชื่นชม ไม่เพียงการใช้กำลังเท่านั้น เบิ้มยังเป็นวิชาตัวเบา จึงสามารถย่องเบาเหมือนแมว ไร้ฝีเท้าเหมาะกับการเป็นโจรอย่างยิ่ง

แต่เขาไม่ใช่โจร เบิ้มคือบอดี้การ์ด!

“แล้ว...เราจะเริ่มกันยังไง”

ซึ่งบอดี้การ์ดมือดีคนนั้นกำลังหลบหลังถังขยะ มือถือกรวดพร้อมเล็งด้วยท่วงท่าอนาถสุดกู่

“เอ่อ ฉันก็ไม่เคยท้าต่อยคนมาก่อน เริ่มยังไงดีล่ะ” เด็กชายนายเอตอบ ทั้งที่เป็นฝ่ายโดนเหยียบเท้าแล้วไม่พอใจ นำสู่เหตุการณ์บานปลายเดือดร้อนมาถึงเบิ้ม แต่กลับไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าจะวิวาทยังไง...

“งั้นนับหนึ่ง สอง สาม แล้วเริ่มต่อยกันเลยแล้วกัน”

สุดท้ายจึงจบแบบง่ายๆ ด้วยการนำเสนออย่างปราดเปรื่องของเด็กชายกิจภัทร

“ได้!” เด็กชายนายเอตอบรับทันที สีหน้าจริงจัง มือขวาเงื้อขึ้น หน่วยก้านดูไม่เลว เบิ้มถึงกับสูดหายใจเข้าลึก เตรียมพร้อมรับมือกับการต่อสู้แสนดุดันของเด็กทั้งสอง

“หนึ่ง!”

“สอง”

“สาม!”

“ย๊ากกกก!”

เสียงตะโกนประสานเสียงสร้างความฮึกเหิม พร้อมร่างของเด็กทั้งสองที่ถลาเข้าหากันพร้อมหมัดขวาที่เงื้อขึ้น คาดว่าในมโนสำนึกของทั้งคู่ คงเชื่อว่าท่วงท่านี้จะต้องเท่เหลือกินเหลือใช้เป็นแน่แท้ เท่เรี่ยราด เท่บาดอกบาดใจ เท่เกินจะกล่าว เท่จนสาวๆ ยังต้องกรีดร้อง

แต่ในสายตาของเบิ้ม

...อืม เบิ้มไม่ขอพูด แต่ดีดกรวดในมือให้พุ่งฉิวไม่ต่างกับจรวด

ความเร็วนั้นยิ่งกว่าความเร็วแสง เด็กทั้งสองไม่ทันเห็นแม้แต่น้อย เพียงพริบตา หมัดของเด็กชายนายเอก็พลาดเป้า เพราะข้อศอกถูกวัตถุปริศนากระแทกอย่างจัง สบโอกาสให้เด็กชายกิจภัทรสวนหมัดเข้าเต็มกราม จนร่างนั้นล้มหงายหลังดังโครม

“โอ๊ย!”

แต่คนที่ร้องโอดโอยก่อนกลับเป็นคนต่อย

เด็กชายกิจภัทรสะบัดมือไปมาราวเจ็บปวดเกินจะกล่าว คาดว่านี่คงเป็นการออกหมัดต่อยคนครั้งแรก เมื่อคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ต้องเงื้อมือปะทะกับหนังหน้าและกรามแข็งๆ ของอีกคน จึงเจ็บจี๊ดจนกระโดดเด้งดึ๋งๆ ไปมา ภาพความเท่มลายสิ้นไม่มีเหลือ

“เจ็บชะมัด!”

ก่อนที่วินาทีถัดมา คนถูกต่อยจนหงายหลังจะเพิ่งรู้สึกเจ็บ

เบิ้มมองการวิวาทตรงหน้าแล้ว...ปลง

“หน็อยแน่ เมื่อกี้พลาดไปหน่อย แต่ครั้งนี้ไม่พลาดแน่!” เพราะโดนแค่หมัดเดียว แถมหมัดนั้นก็ไม่ได้หนักอะไร เด็กชายนายเอเลยพลิกฟื้นยันตัวลุกได้เร็วมาก เบิ้มรีบดีดกรวดไปอีกก้อน คราวนี้เล็งที่ข้อพับเข่า ทำเอาคนที่เพิ่งจะยันตัวลุกไม่ทันไรหน้าไถลไปกับพื้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

โดยมีเสียงหัวเราะของคู่กรณีทับถมซ้ำเติม

เสียงหัวเราะนั้นระคายหูมาก จนเบิ้มชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ พอเห็นเด็กชายนายเอยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง เลยแสร้งทำเป็นไม่เห็น ปล่อยให้เด็กทั้งสองวิวาทต่อ

แต่แน่นอนว่าเขายอมให้คุณหนูสุดที่รักของคมสันมีแผลไม่ได้

เลยยอมลงแค่เด็กชายนายเอกระชากคอเสื้อคู่กรณีพอหอมปากหอมคอ ให้เสียงหัวเราะปวดประสาทนั้นขาดห้วงเปลี่ยนเป็นเสียงอุทานอย่างหวาดผวา แค่นี้ก็พอใจแล้ว...เบิ้มยิ้ม ก่อนจะดีดก้อนกรวดออกไป

ภาพที่ปรากฏนั้นค่อนข้างผิดหลักฟิสิกซ์ คนที่กระโจนขึ้นมากระชากเสื้อ แต่จู่ๆ กลับล้มซะเองจนหน้าทิ่มดิน ไม่ว่ามองยังไงก็ผิดปกติ แต่ต้องขอบคุณฟ้าดินสินะ เพราะเด็กชายกิจภัทรนั้นไม่สงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อสมองนั้นมีแต่คำว่า...

“ฉันชนะแล้ว!”

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สน รู้เพียงผลลัพธ์ช่างน่าพอใจเป็นล้นพ้น เบิ้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกโล่งใจที่จะหลุดพ้นจากตรงนี้สักที

แต่เด็กชายนายเอยังไม่ยอมแพ้ ประหนึ่งลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ แม้ต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่หน้าเชิดๆ แสนน่าหมั่นไส้นั้นช่างล่อหมัดเหลือเกิน แม้จะรู้สึกช้ำๆ ตรงศอกและข้อพับขา แต่ด้วยแรงฮึดสู้จึงยันตัวขึ้นมาอีกครั้ง

คนที่กำลังหัวเราะฮ่าๆ ด้วยน้ำเสียงยิ่งใหญ่ราวผู้กล้าแสนเกรียงไกรผงะในทันดล

“ยัง...ยังจะลุกมาอีก!”

“เออสิ!”

ในสายตาของเด็กทั้งสอง การต่อสู้นี้คงเป็นฉากสุดเท่ที่ไม่อาจพ่ายแพ้ง่ายๆ แต่ในสายตาของเบิ้ม...คล้ายจะเห็นมาชเมลโล่มีชีวิตล้มแปะหากัน ดูนุ่มนิ่มไร้พลังสิ้นดี

“โอ๊ย!”

แล้วเด็กชายนายเอที่เพิ่งจะลุกขึ้นก็ทรุดฮวบอีกครั้ง เบิ้มลอบภาวนาในใจว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันเลย ที่ทำไปนั้นเพราะจำใจล้วนๆ คนมีความรักก็แบบนี้แหละ ต่อให้จะผิดหรือถูก ก็จำต้องทำเพื่อให้คนรักยิ้มได้

“เป็นอะไรไป สะดุดลมเหรอ”

“ไม่ใช่! โอ๊ย! อ๊าก! โอ๊ย!”

เสียงกรีดร้องแสนเวทนาดังขึ้นติดๆ กัน เบิ้มเริ่มลงมือโหดเหี้ยมมากขึ้น เพราะเด็กชายนายเอไม่ยอมแพ้สักที เขาวาดหวังให้เหตุการณ์สุดเพลียใจนี้จบลงเร็วๆ จึงดีดกรวดติดต่อกันสามครั้ง ทรงพลังและไร้ที่ติดชนิดที่หากผู้กำกับต่างชาติมาเห็นเป็นต้องทาบทามเบิ้มไปเป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์กำลังภายในสักเรื่อง

“หึ ที่แท้ก็เพราะบารมีของฉันมันเจิดจ้าเกินไป นายเลยทนไม่ไหวล้มลงไปเองสินะ”

...ข่มใจไว้เบิ้มเอ๋ย อย่าดีดกรวดผิดไปโดนปากของไอ้เด็กเวรเข้าเชียว!

ภาพฉากสุดท้าย ซึ่งควรจะน่าชื่นชมกับชัยชนะโดยไม่ต้องทำอะไรของเด็กเวร คือภาพของเด็กชายกิจภัทรที่เสยผมแล้วทำหน้าเวทนาที่อันตัวข้านี้หนาช่างหล่อเลิศที่สุดในปฐพี เก่งกาจเหนือใคร เฮ้อ ช่างเป็นบาปต่อมวลมนุษย์แท้ๆ

เบิ้มมือสั่น

เขากำมือแน่นจนก้อนกรวดในมือแหลกละเอียดเป็นผุยผง โชคดีที่เด็กชายนายเอยอมศิโรราบ ไม่ฮึดสู้อีกด้วยสภาพร่างกายที่มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ

“ไว้ครั้งหน้าไปฝึกฝนให้ดีกว่านี้ค่อยมาท้าฉันแล้วกัน” เด็กชายกิจภัทรยืนกอดอก คำพูดนั้นราวกับพระเอกที่เห็นอกเห็นใจตัวร้ายว่าฝีมือต่ำต้อยเกินไป ดูสิ ยังไม่ทันเสียเหงื่อเลย

...ครั้งหน้า...ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ!

อย่างน้อยเบิ้มที่พยายามจะมองข้อดีก็ค้นเจออย่างหนึ่งว่าคุณหนูของคมสันนั้นเป็นเด็กดีจริงดั่งคำอวดอ้าง เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ หากไม่นับหมัดแรกแล้ว เด็กเวรไม่เข้าไปซ้ำคนล้มแม้แต่ครั้งเดียว ยึดถือคติคนล้มห้ามข้าม คนแพ้ห้ามกระทืบ ไม่ยกหมัดตอบโต้ แต่หัวเราะซ้ำอย่างเดียว

เสียงหัวเราะที่น่าจะชวนบาดใจยิ่งกว่าเจ็บทางกายซะอีก!

เมื่อการวิวาทสิ้นสุดหลุด คุณหนูสุดที่รักของคมสันก็โทรไปอวดพี่เลี้ยงทันควัน ใบหน้านั้นเชิดขึ้นนิดๆ คาดว่าก่อนหน้านี้คงโดนคมสันสบประมาทมาเยอะ หาว่าน้ำหน้าอย่างนี้จะสู้ใครเขาได้

เอ่อ...ประโยคหลังนั้นเบิ้มคิดเอาเองนะ อย่าเข้าใจคนรักเขาผิดเชียวว่าจะพูดจาโหดร้ายได้ลงคอ

“สัน! ฉันชนะแล้ว ชนะในหมัดเดียวด้วย เจ๋งมั้ยล่ะ!”

คมสันน่าจะกล่าวชมไปหลายประโยค เพราะใบหน้าเชิดๆ นั้นเชิดคางขึ้นจนแทบจะขนานกับพื้น

“มารับฉันด้วยล่ะ ฉันจะรอที่หน้าโรงเรียน”

ภารกิจสิ้นสุดสักที เบิ้มถอนหายใจ รีบฉวยโอกาสที่เด็กชายกิจภัทรมีน้ำใจ ช่วยพยุงร่างบอบช้ำของเด็กชายนายเอออกจากซอยหลังโรงเรียนผละถอยจากถังขยะ เดินไปยังจุดนัดพบ

เมื่อเปิดประตูรถ รอยยิ้มมุมปากสุดเซ็กซี่ของคมสันก็ทำให้เบิ้มรู้สึกว่าสิ่งที่ยอมทนไปนั้นช่างคุ้มค่าเหลือทน

“ทำได้ดีมาก”

“เพื่อนาย ฉันทำได้อยู่แล้ว” เบิ้มมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ เล่นสตั้นท์แมนบทโหดแค่ไหนก็ผ่านมาแล้ว กับอีแค่ช่วยเด็กต่อยกัน บอกเลยว่าจิ๊บๆ!

“แต่จะดีกว่านี้ถ้าคุณหนูไม่ถูกกระชากคอเสื้อ”

“...”

ไอ้เบิ้มแจกจุด

คมสัน...รู้ได้ยังไงว่าคุณหนูสุดที่รักโดนกระชากคอเสื้อไปหนึ่งที!

และอีกฝ่ายก็ไม่ให้เขาสงสัยนาน คมสันขยับตัวเข้าใกล้ ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจ ปลายนิ้วเรียวสวยเกี่ยวคอเสื้อ ค่อยๆ ลากผ่านเนกไทคล้ายจะช่วยถอดจนเบิ้มกลืนน้ำลาย นึกในใจว่าจะให้รางวัลกันตรงนี้เลยเหรอ ถ้ากล้าทำเบิ้มก็กล้าลุยนะขอบอก

น่าเสียดายที่เขาคิดไกลไปหน่อย

เพราะจุดประสงค์ของคมสัน คือเข็มกลัดเนกไทที่ช่วยติดให้เมื่อเช้า

“ดูสิว่าตรงนี้มีอะไร”

คมสันชี้ที่ปลายเข็มกลัดที่มีจุดกลมๆ เบิ้มเห็นแต่แรกแล้ว แต่เขาคิดว่าเป็นดีไซน์แปลกใหม่ เพราะรอบๆ เข็มกลัดมีเพชรเม็ดกลมติดอยู่ ทำให้ดูกลมกลืนสวยงามดี

แต่มาตอนนี้...

“กล้อง?”

“ปิ๊งป่อง” คมสันคลี่ยิ้ม เป็นยิ้มที่น่ารักเกินทน แต่คำตอบนั้นชวนเหงื่อตกตัวสั่นระริก

ถ้านั่นเป็นกล้อง แสดงว่าภาพการต่อสู้สุดหน่อมแน้มของเด็กชายทั้งสองอยู่ในสายตาคมสันตลอด รวมถึงฉากกระชากคอเสื้อที่เบิ้มแกล้งเผลอให้ไอ้เด็กเวรโดนเล่นงานด้วย!

พริบตา ภาพของคนรักที่ยิ้มหวานให้ก็คล้ายจะเห็นปีกจอมมารกลายๆ

ไม่หรอกเบิ้ม เขาต้องตาฝาดแน่ๆ

“ของรางวัลน่ะ...เหลือแค่นี้ก็แล้วกัน” พลันคมสันเขยิบเข้าใกล้อีกครั้ง พร้อมริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ประทับแนบบนแก้มของเขาเบาๆ

เบาๆ แต่เล่นเอาความคิดฟุ้งซ่านกระเด็นไปไกล

ปีกจอมมารมีที่ไหน มีแต่ปีกนางฟ้า!

“ละ..แล้วจะไปรับเด็กเว...เอ๊ย รับคุณหนูของนายรึยัง”

“ของเราต่างหาก ตอนนี้นายเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนูแล้วนะ”

อืม...คำว่า ‘เรา’ ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ช่างไพเราะเพราะพริ้ง

“หากขับรถจากบริษัทมาที่โรงเรียนจะใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที ถ้าเราไปเร็วคุณหนูจะสงสัย รอที่นี่ก่อนเถอะ”

“คุณหนูไม่น่าจะสงสัยหรอกมั้ง?” เบิ้มเอ่ยเพราะรู้ระดับสติปัญหาของคนที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างดี น่าแปลกที่ครั้งนี้เรียกคุณหนูได้เต็มปากเต็มกว่าเดิมแม้จะสยองๆ ตัวเองบ้างก็ตาม

“แต่ฉันอยากอยู่กับนาย” คมสันช้อนตามอง มุมนี้งามบาดตามากไอ้เบิ้มขอบอก

“ได้เลยครับ ตามบัญชา”

ใจนี้ยวบยาบแทบหลอมละลาย ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็นางฟ้า นางฟ้าชัดๆ!

---------------

ตอนนี้กาวมากค่ะ กาวทั้งพี่เบิ้ม กาวทั้งเด็กเวร 5555

เข้าใจความที่ด็กเวรโตมาเป็นเสี่ยแล้วใช่มั้ยคะ

ดูการเลี้ยงดูของคมสันซะก่อน ปกป้องอย่างดี แค่ต่อยกับเพื่อนยังไม่ให้เจ็บตัว แถมยังฝังความเชื่อผิดๆ ให้เด็ก แล้วจะโตมาเป็นคนปกติได้ยังไง! ไง! ไง! ไง! //เสียงเอคโค่

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่คาดว่าทุกคนน่าจะจำชื่อเสี่ยได้จากตอนนี้...รึเปล่านะ? (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-11-2018 20:36:13
 :m20:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-11-2018 21:45:37
คมสันร้ายมากกลโกงเยอะมากพี่เบิ้มก็หลงมารยาล่อลวงจนหัวลีบแล้ว :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-11-2018 23:12:41
ดีนะที่พี่เบิ้มไม่มือลั่นดีดปากคุณหนูไม่งั้น... :z4: อะไรคือถึงขั้นติดกล้องไว้ที่กระดุม ไม่ใช่แค่คุณหนูติดคมสันอย่างเดียวแล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-11-2018 23:59:45
 :laugh:


บิ๋มมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-11-2018 00:52:06
ถึงกับสงสารเด็กชายเอ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-11-2018 04:34:50
รู้สึกสงสรพี่เบิ้มจัง 555555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-11-2018 07:06:01
พี่เบิ้มจะซึนไปไหน แค่คมสันยิ้มให้หน่อยเดียวก็ละลายแทบเท้าแล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 06-11-2018 10:43:41
โถ๋ เด็กชาย กิจภัทร กลายเป็นเด็กเวรเฉย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 06-11-2018 11:54:05
เด็กเวรในวันนี้คือเสียในอนาคตข้างหน้า
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม...
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 06-11-2018 16:25:31
เบิ้มแพ้ทางคมสันหนักมากกกกก  :hao6:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 06-11-2018 19:36:43
คมสันร้ายมากกก 55555 พี่เบิ้มโดนของใช่มั้ยถึงหน้ามืดไปหลงรักจอมมารได้
ท่าทางเชิ้ดๆและคำพูดสุดแสนจะมั่นใจของเสี่ยนั้น มันน่าปากรวดใส่สักที 5555  เสี่ยนี่ถ้าให้เบิ้มเลี้ยงคนเดียวคงโตมาไม่เป็นแบบนั้นนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 06-11-2018 23:09:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 3 : สุดยอดวิชาของเบิ้ม - Up : 5/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 07-11-2018 08:48:32
 :mew4: ตอนนี้ขอบอกเลยสงสารพี่เบิ้มมากๆ คิดผิดก็กลับตัวไม่ทันแระ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 07-11-2018 20:36:54

ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม



“ทำไมสันถึงต้องจ้างบอดี้การ์ดให้ฉันด้วยล่ะ”

ผ่านมาสามวัน คุณหนูที่รักยิ่งของคมสันเพิ่งจะนึกได้ว่าต้องถาม อันที่จริงเด็กนี่ปรับตัวเก่งทีเดียว ราวเคยชินกับการมีคนแปลกหน้าแวะเวียน แต่ไม่ว่าใครจะมาจะไป ก็เกาะติดกับคมสันเป็นตังเม ราวคนอื่นนั้นไม่ต่างกับเศษฝุ่น ตัวตนที่สูงค่านี้คู่ควรให้คมสันเลี้ยงดูอย่างเดียว

เบิ้ม...ซึ่งเพิ่งกินข้าวอิ่มหมาดๆ กับคมสัน แต่ตอนนี้ต้องมายืนเป็นเสาดูพี่เลี้ยงกล่อมให้เด็กตรงหน้ากินผักลอบกลอกตาหนึ่งที

คิดช้าไปมั้ยไอ้หนู!


ความจริงถ้าจะรู้ตัวช้าขนาดนี้...ไม่ต้องถามยังดูฉลาดกว่า แต่ในเมื่อเอ่ยขึ้นมาแล้ว เหมือนเริ่มรังเกียจว่าเบิ้มเป็นส่วนเกิน คล้ายถูกแย่งเวลาของคมสันไปจากตัวเอง เขาก็ชักจะ...ชอบใจขึ้นมาหน่อยๆ

อันที่จริงเบิ้มก็สงสัย ทั้งที่รักและถนอมเด็กชายกิจภัทรยิ่งกว่าใคร แต่คมสันกลับใจร้ายให้เด็กนี่กินข้าวคนเดียวลงคอ ซึ่งคนรักแสนฉลาดปราดเปรื่องของเขาอธิบายว่าเพราะจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างและฝึกให้คุณหนูแสนรักโตขึ้น แต่เท่าที่ดู...คมสันน่าจะอยากคงมาดพี่เลี้ยงแสนสมบูรณ์แบบต่อหน้าเด็กเวรมากกว่า

เพราะเท่าที่สังเกตตลอดสามวัน คมสันจะปรากฏตัวต่อหน้าเด็กชายต่อเมื่อแต่งกายเรียบร้อย มาดเนี๊ยบ เวลากินข้าวจะปลีกตัวออกไปจัดการก่อน เวลาเข้าห้องน้ำก็จะไม่ให้ใครตามไป ราวต้องการคงภาพลักษณ์ที่ดูดีไว้ตลอดเวลานั่นเอง

ยกเว้นกับ...เบิ้ม

นึกถึงเมื่อคืนวาน ตอนที่คมสันกล่อมคุณหนูสุดที่รักแล้วแวะมาราตรีสวัสดิ์เขาด้วยชุดนอนไม่ได้นอนก็...

เบิ้มกลืนน้ำลาย อย่าแข็งต่อหน้าเด็กเชียวไอ้เบิ้ม! เมื่อคืนมือขวาโลกสวยยังไม่พอรึไง!

อะไรนะ ชุดนอนไม่ได้นอนของคมสันคืออะไรงั้นเหรอ...ไม่ใช่กางเกงขาสั้นหรือเปิดเปลือยหรอก แต่เป็นชุดคลุมอาบน้ำที่วับๆ แวมๆ ชวนเสียวไส้ว่าจะเห็นไปไหนถึงไหนต่อไหนยามก้มมองจากด้านบนแล้วเห็นไหปลาร้าขาวๆ ตามรอยแยกของผ้าต่างหาก...เชือกที่มัดรอบเอวบางๆ นั้นก็ดูเจริญหูเจริญตาโดยแท้ คมสันแต่งตัวค่อนข้างสุภาพ จะหวังให้เห็นเรียวขาเต็มตาย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่โทษเถอะ...แค่ตาตุ่มเปลือยเปล่าก็ล่อเอาเบิ้มใจเต้นรัว

คมสันกล่าวราตรีสวัสดิ์ก็กลับห้องตัวเอง แต่เบิ้มนั้นแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

ให้ตายสิ...คนรักของเขาช่างขยันทำเรื่องเซอร์ไพรส์จริงๆ!

คมสันมักเหนือคาดตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมอบหมายงานสุดประหลาดก็ดี...การกระทำส่อนัยลึกซึ้งก็ดี...

“ว่าไงสัน จะจ้างบอดี้การ์ดให้ฉันทำไม หรือว่า...จะมีคนลักพาตัวฉันไปเรียกค่าไถ่เหมือนในหนัง!”

จินตนาการแสนหวานพังทลายกับอาการโอเวอร์แอคติ้งของเด็กชายที่ยกมือทาบแก้มพร้อมอ้าปากหวอ

“จะมีใครกล้าทำอันตรายคุณได้ยังไงล่ะครับ” คมสันหัวเราะเสียงเย็นด้วยใบหน้าอ่อนโยน ในสายตาของคุณหนูสุดที่รักของพี่เลี้ยงคนเก่ง ย่อมเห็นแต่ใบหน้าที่ยิ้มหวานปลอบโยน แต่ในโสตประสาทของเบิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะชวนยะเยือกนั้นชัดเจนทีเดียว “ผมจ้างบอดี้การ์ดเพราะจะได้ไม่ต้องขับรถ แล้วมีเวลาอยู่กับคุณมากขึ้นไงครับ”

เพียงประโยคเดียว ปัดเป่าความกังวลใจที่กลัวว่าเบิ้มจะมาเป็นตัวแทรกกลางในทันดล

นับว่าคมสันอ่านความรู้สึกขาดมาก และแก้ปัญหาได้ตรงประเด็น

“อ้อ จริงด้วยนะ ก็สันติดฉันมากเลยนี่นา” เมื่อสบายใจเด็กเวร...เวรของผักที่โดนเขี่ยทิ้งไปใต้จาน ก็ยิ้มหน้าบานแล้วรีบกลบเกลื่อนความผิดด้วยการกระตือรือร้นไปโรงเรียน “รีบไปกันเถอะ ฉันอยากจะไปดูหน้าคนที่ต่อยชนะเมื่อวานหน่อย เกียรติประวัติอันสูงส่งของเด็กชายกิจภัทร ชนะน็อกในหมัดเดียว!”

“อย่าลืมที่รับปากผมนะครับ”

“ฉันรู้น่าสัน ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนฉันก็จะไม่ท้าต่อยใครซี้ซั้ว เพราะจะเป็นการใช้กำลังข่มเหงคนอ่อนแอ ฉันเป็นฮีโร่ผดุงความยุติธรรมที่แสนดีขนาดนี้ จะกระทำการไร้ยางอายอย่างนั้นได้ยังไง ไม่มีทางหรอก!”

คมสันพยักหน้าอย่างพอใจกับเด็กดี...ที่เหมือนจะพูดถูกแต่เบิ้มฟังยังไงก็ชวนตงิด ทั้งที่คิดว่าจะควรจะชินได้แล้ว แต่เวลาได้ยินน้ำเสียงแสนจะมั่นหน้ากับประโยคที่ผิดต่อจรรยาบรรณความเป็นมนุษย์อันสูงส่ง เป็นต้องคิ้วกระตุกยิกๆ ทุกที

สงสารเด็กมั้ยก็สงสาร แต่เบิ้มก็สงสารตัวเอง

อยากประท้วงคนรักชะมัดว่าอย่างน้อยบอกว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดี จ้างมาปกป้องคุ้มครองป้องกันเหตุสุดวิสัยหรือเอาเท่ก็ว่าไป ไม่เห็นต้องใจร้ายบอกว่าจ้างมาขับรถเล่นเลย...

เบิ้มเป็นบอดี้การ์ดนะ! อาชีพที่ได้ใช้พรสวรรค์ส่วนตัวกับเรื่องส่วนตน เมื่อวานรึก็เพิ่งสำแดงวิชาได้ยอดเยี่ยม ต้องตีค่าให้ราคาเขามากกว่านี้สิ!

อย่าเข้าใจผิด เบิ้มไม่ได้ดูถูกอาชีพคนขับรถ อย่าลืมสิว่าพ่อของคมสันก็เป็นคนขับรถ เขาจะกล้าดูแคลนได้ยังไง แต่การให้ผู้เยี่ยมยุทธ์มาขับรถ มันออกจะ...ใช้ความสามารถไม่ตรงจุดไปสักหน่อยนะว่ามั้ย

ในใจลอบประท้วง แต่ในความเป็นจริงยามสบตากับคมสันที่จ้องเขม็ง เป็นเชิงว่าให้ไปเตรียมรถได้แล้ว ไอ้เบิ้มผู้นี้ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบไปสตาร์ทรอเยี่ยงข้าทาสแสนซื่อสัตย์

...ตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้วละเบิ้มเอ๋ย

 



ส่งตัวเกะกะเสร็จก็ได้เวลาเข้างาน

เบิ้มดีใจมาก เพราะจะได้แก้ความประทับใจแรกพบแสนติดลบกับแม่ภรรยาสักที เขาเดินตามหลังคมสันด้วยใบหน้าเคร่งขรึมแต่นอบน้อม พอเจอกับเลขาอาวุโสมาดเนี้ยบไม่ต่างกับคนรัก ก็รีบยกมือไหว้ตัวโน้มต่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงประจบไม่เข้ากับรูปร่างเลยสักนิด

“สวัสดีครับคุณแม่”

ผล...คือแม่ของคมสันที่คุยกับลูกชายตัวเองมองเมินเบิ้ม!

เขาอึ้ง เหลือบมองคนรักข้างตัวอย่างขอความเห็น ซึ่งคมสันเองก็ไม่ตอบอะไร ตั้งอกตั้งใจคุยงานกับเลขาใหญ่ราวแยกแยะว่าคนตรงหน้าคือผู้สอนงาน ไม่ใช่มารดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง เอ่อ...แต่คนที่เพิ่งใช้ฐานะลูกชายเอาเอกสารลาออกของเขาปนไปให้ท่านประธานเซ็นก็คือคมสันนะ แล้วจะมาทำหน้าซื่อตอนนี้ทันได้ยังไง

แล้วเบิ้มกล้าท้วงมั้ย

กล้าก็บ้าแล้ว!


เพราะโดนเมินอย่างสมบูรณ์แบบ เบิ้มเลยได้แต่ยืนกุมมือมองไปรอบๆ พบว่าการพูดคุยของสองแม่ลูกผู้ทรงอิทธิพลในบริษัทนี้นั้นไม่มีใครกล้าแอบฟังหรือเข้าใกล้แม้แต่น้อย จะว่าไป...ทั้งที่เป็นผู้ช่วยเลขาจบใหม่เพิ่งทำงานไม่ถึงปี กลับไม่มีใครกล้าใช้งานคมสันเลยสักนิด วานให้ชงกาแฟ เดินเอกสารหรือก็ไม่ ราวเป็นบุคคลห้ามแตะต้อง

ในแง่...ไม่ค่อยดีนัก

ความจริงแล้วคมสันทำงานเก่งมาก แต่ความเป็นเด็กเส้นดันโดดเด่นกว่าผลงาน

ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่มีเพื่อนร่วมรุ่นในบริษัทสักเท่าไหร่ เพื่อนต่างวัยยิ่งไม่มี กลายเป็นโดดเดี่ยวเดียวดายในบริษัท

เพียงคิด เบิ้มก็น้ำตาจะไหล

โอ้พระเจ้า เขาสงสารคนรักแสนดีจับใจ

ไม่เป็นไรนะสัน นับแต่นี้ฉันจะอยู่เคียงข้างนายเอง!

เบิ้มปฏิญาณ ระหว่างนั้นก็ตะแคงหูฟังแผนงานในวันนี้คร่าวๆ ของแม่คมสันด้วย แต่ดันฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ช่วยไม่ได้ เขาไม่ถนัดเรื่องงานเอกสารหรือบริหารจัดการแบบสุดกู่

จนเมื่อทั้งคู่คุยเสร็จ เบิ้มก็รีบเดินตามหลังคมสัน มองตามแผ่นหลังเหยียดตรงแสนงามสง่าด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ ดูสิ ภายใต้แผ่นหลังนี้แฝงไปด้วยความเหงาว้าเหว่มากขนาดไหน ทำดีแทบตายแต่ก็โดนหมั่นไส้เพราะเด็กเส้น คนรักของเขาเก่งมากแท้ๆ กลับถูกปฏิบัติเหมือนโดนบอยคอต แม้มักเผยสีหน้านิ่งเรียบไม่รู้สา แต่ในใจจริงๆ แล้วนั้นต้องเจ็บปวดมาก!

น่าแปลก เพราะวูบหนึ่งเขาเห็นแม่คมสันมองมาคล้ายเวทนา...เวทนาในตัวเบิ้ม

แม่ภรรยาไม่ชอบเขามากขนาดนั้นเลย!

เบิ้มเสียใจ แต่ด้วยมาดของเลขาอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ ดูเข้มงวดจริงจังเกินจะชวนคุย เบิ้มเลยทำได้เพียงหดคอ

เพราะตำแหน่งของเบิ้มค่อนข้างพิเศษ ท่านประธานปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง คนอื่นๆ แม้จะสงสัยก็ไม่กล้าถาม มองเบิ้มแบบสงสัยแกมหวาดระแวง พอเดินตามคมสันมาที่โต๊ะทำงาน เบิ้มเลยตัดสินใจลากเก้าอี้มานั่งฝั่งตรงข้าม เผื่อจะได้ไม่ต้องเผอิญเห็นข้อมูลสำคัญของบริษัท ไม่ต้องดูว่าคมสันกำลังจัดการงานเรื่องอะไรอยู่

คมสันค่อนข้างพอใจกับการเจียมเนื้อเจียมตัวนี้มากทีเดียว อีกฝ่ายดันแว่น...ซึ่งเบิ้มเพิ่งสังเกตว่าเป็นท่าเดียวกับแม่ของคมสันเด๊ะๆ ก่อนจะบอกสั้นๆ ว่ามีประชุมตอนสิบโมง

“ฉันจะรอ” เบิ้มยิ้มให้กำลังใจ สิบโมงตรง คมสันก็เข้าประชุมพร้อมเลขาคนอื่นๆ ทิ้งให้เบิ้มเป็นเงาดำๆ ไม่มีอะไรทำอยู่คนเดียว

ถ้าถามว่าเบิ้มเบื่อมั้ย ตอบแบบถนอมน้ำใจได้เลยว่านิดหน่อย เฮ้อ...สมัยทำงานเป็นสตั้นท์แมน เบิ้มต้องออกกองเป็นประจำ บางทีก็ขึ้นเหนือล่องใต้ ได้เจอกับสารพัดฉากให้ออกกำลังผาดโผน พอต้องมานั่งเฉยๆ ในสำนักงานแล้ว ผู้เก่งกล้ามากวิชาอย่างเบิ้มเลยรู้สึกร่างกายฝืดๆ อยากจะลงไปวิดพื้นเสริมกล้ามเนื้อสักสามร้อยครั้ง

“ใกล้ๆ นี้มีฟิตเนส นายจะไปฆ่าเวลาตรงนั้นก็ได้นะ” พอออกจากห้องประชุม คมสันที่สังเกตเห็นเบิ้มนั่งเหม่อก็เสนอความเห็นโดยไม่มองหน้า เพราะจดจ่อกับเอกสารการประชุมที่เพิ่งเสร็จสิ้นและต้องสรุปส่งให้ท่านประธานโดยย่อ

เบิ้มบอกได้เลย ผู้รู้ใจเขาในโลกนี้คือคมสัน

สมเป็นคู่สร้างคู่สม คู่สวรรค์สร้างโดยแท้!

“หรือจะไปหาครอบครัวก็ได้ ตอนนี้เป็นเวลาอิสระของนาย อย่าลืมล่ะว่าสัญญาว่าจ้างครอบคลุมถึงวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย เท่ากับว่านายไม่มีวันหยุดเหมือนคนปกติหรอกนะ”

จริงอยู่ว่างานนี้ไม่มีวันหยุด แต่เวลาเหลือเฟือช่วงกลางวันก็นับว่าทดแทนกันได้ เบิ้มพยักหน้ารับ ตัดสินใจไปฟิตเนสจะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย หากไม่หมั่นออกกำลังกาย กล้ามเนื้อจะฟีบลงได้ จากซิกแพคอาจจะเหลือแค่วันแพค

แต่...

“พักกลางวันฉันจะส่งข้อความไปหา นายค่อยขับมารับแล้วกัน วันนี้อากาศดี ฉันอยากกินข้าวข้างนอก” คมสันพูดอย่างรู้ทันว่าเบิ้มกำลังจะถามเรื่องอะไร

ในใจหวานซาบซ่านอย่างบอกไม่ถูก คนไม่เคยมีความรักอย่างเบิ้ม เมื่อมีแฟนครั้งแรกก็จะชื่นอกชื่นใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเขาที่สังเกต(ดักเจอ)คมสันมาตลอดสามเดือน นอกจากไม่มีเพื่อนคบแล้วผู้ช่วยเลขาผู้นี้ยังมุ่งมั่นกับงาน มักสั่งอาหารขึ้นมากินชั้นบนคนเดียว

“ได้ครับ”

คนมีความรักก็จะดูเด็กลงไปนิดนึง สำหรับเบิ้มตอนนี้ เขาเหมือนกลับเป็นสิบแปดอีกครั้ง

โลกรอบข้างก็คล้ายจะเป็นสีชมพู ไม่ชมพูธรรมดา ยังเป็นสีชมพูแบบพาสเทลด้วย

แน่นอนว่าก่อนจะขับรถไปฟิตเนส เบิ้มโทรหาครอบครัวก่อน

อะไรนะ เบิ้มไม่เคยเล่าถึงพื้นเพตัวเองมาก่อนเลยงั้นเหรอ

มัวแต่บรรยายว่าคมสันน่ารักอย่างงู้นอย่างงี้ ชวนใจเต้นอย่างงั้นอย่างโง้นใช่มั้ย เอาน่า อย่าหาว่าเบิ้มลำเอียงสิ เขากำลังจะเล่าให้ฟังแล้วนี่ไง

ครอบครัวเบิ้มไม่มีอะไรพิสดาร ประกอบด้วยพ่อ แม่ พี่ชายคนโต และน้องชายคนเล็ก

มาประหลาดตรงที่น้องชายคนเล็ก...ดันเล็กมาก มากขนาดที่ว่าเบิ้มโตจนตัวแทบชนกรอบประตูแล้ว แต่น้องชายเขาเพิ่งอายุหกขวบเท่านั้นเอง...เพราะมีน้องตอนอายุเยอะ หลังคลอดแม่ของเขาเลยร่างกายอ่อนแอ ทำงานหนักๆ มากไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ เบิ้มเลยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัว

แล้วพ่อเบิ้มไปไหน?

พ่อเบิ้มเสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน ช่วงที่เบิ้มมีโอกาสได้ไปต่างประเทศเพราะโดนอาจารย์ผลักดัน ฝึกวิชาการต่อสู้จนมีชื่อเสียงและถูกทาบทามจากหลายวงการ ข่าวเศร้าที่มาอย่างกะทันหันนั้นทำให้เบิ้มกลับมาดูใจไม่ทัน เขารู้สึกแย่มาก จึงตัดสินใจทิ้งอนาคตสวยหรูกลับมาที่ประเทศไทย ก่อนจะโดนอดีตหัวหน้าแผนกซึ่งเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันชักชวนมาทำงานเป็นสตั้นท์แมน

เทียบกับชื่อเสียงและเงินเป็นล้าน การได้ส่งท่านในช่วงวาระสุดท้ายสำคัญกับเบิ้มมากกว่า แล้วยังไม่นับที่แม่ของเขาสุขภาพไม่ดี กับน้องชายที่เพิ่งจะเตรียมตัวเข้าชั้นประถมอีก

แม้เบิ้มจะเป็นคนมัธยัสถ์ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่การที่น้องชายใกล้จะเข้าประถมก็ทำให้เขาเครียดเหมือนกันด้วยเกรงว่าเงินเดือนจะไม่พอใช้ สัญญาจ้างพ่วงขอแต่งงานของคมสันจึงมาในเวลาที่เหมาะสม และตรงกับที่ต้องการพอดี

เห็นมั้ย เบิ้มไม่ได้หน้ามืดตามัวในรักขนาดนั้นสักหน่อย!

เขายังคิดเผื่อครอบครัว ทำเพราะความจำเป็นด้วยหรอกนะ!!

แต่ก็มีปัญหาอยู่อย่าง...

(( เมื่อไหร่เบิ้มจะพาแฟนมาเปิดตัวที่บ้านสักทีล่ะลูก บิ๊กเองก็อยากเห็นนะ ))

เบิ้มสะอึก การโทรถามสารทุกข์สุกดิบช่วงนี้มักวนเวียนเกี่ยวกับแฟนเบิ้ม แน่ล่ะ ก็เบิ้มไม่เคยมีคนรัก แม่จะสนใจก็ไม่แปลก แม้เขาจะเห็นว่าคนรักตัวเองเพอร์เฟ็คที่สุดในสามโลก ไม่เกี่ยงเรื่องเพศ แต่แม่เขา...จะรับได้มั้ยเนี่ยสิ

เพราะเบิ้มไม่เคยแสดงออกว่าเบี่ยงเบนมาก่อน

ซึ่งอันที่จริงเบิ้มก็ไม่ใช่พวกเบี่ยงเบน เขาเพียงยอมรับได้ทั้งชายและหญิง ขอแค่มีคนเข้าใจก็พอแล้ว

แต่แม่จะเข้าใจหรือไม่นั้นนับเป็นปริศนาธรรม...อาจจะเย็นชาเหมือนกับแม่คมสันที่แม้ไม่คัดค้านแต่แอบห่างเหินก็ได้ โอ๊ย นึกแล้วเบิ้มละเจ็บปวดใจ โดนเด็กเวรเมินยังไม่เท่าโดนแม่ภรรยาเมิน ผู้ชายตัวโตก็ร้าวรานได้เหมือนกัน

“ยังไม่สะดวกเลยครับแม่ ไว้ผมจะบอกอีกทีนะ”

เบิ้มรีบวางสาย อันที่จริงเขาไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวเท่าไหร่ เพราะแต่เด็กก็ชอบออกจากบ้านไปฝากตัวตามค่ายมวย นอนกลางดินกินกลางทราบตามค่ายฝึก เบิ้มหลงใหลศิลปะการต่อสู้แต่เด็ก ความบ้าคลั่งในการจะเรียนรู้ศาสตร์หลายแขนงนั้นทำให้แทบไม่อยู่ติดบ้าน เอะอะเป็นต้องวิ่งโร่ออกข้างนอก เหมือนที่เขาวิ่งมาฟิตเนสให้เหงื่อออกสักนิดถึงจะสบายใจ

เดิมทีครอบครัวไม่สนับสนุน แม่เขาใจจะวายทุกครั้งที่เห็นลูกชายเจ็บตัว แต่สุดท้ายก็ยอมความบ้าของเบิ้ม เริ่มปลงแล้วปล่อย ฉะนั้นแม้เบิ้มจะไม่ค่อยติดบ้านก็ไม่ถึงกับห่างหาย มักโทรศัพท์หาเสมอ ออกแนวตัวห่างแต่ใจยังรัก ฉะนั้นตอนพ่อเสีย เบิ้มถึงเสียใจมาก เขาอยากพูดคุยกับพ่อครั้งสุดท้ายแต่ไม่มีโอกาส

แม่เองก็ชินกับการอยู่ไม่ติดบ้านของลูกชายคนโต พอเบิ้มบอกว่าจะต้องไปค้างบ้านคนอื่นเพราะได้งานใหม่เป็นบอดี้การ์ด เลยยอมรับได้ง่ายๆ

ก็หวังว่าจะยอมรับคมสันง่ายๆ แบบนี้ด้วยนะ


เบิ้มภาวนาจากเบื้องลึกของจิตใจ

 




“แล้วเจอกันที่บ้านนะสัน ฝากไปรับเจ้าเด็กแสบด้วยละ!”

“ครับท่าน”

แม้เป็นเรื่องปกติที่คมสันจะกลับก่อนเวลาเลิกงาน แต่ที่ไม่ปกติคือท่านประธานเดินมาส่งคมสันด้วยตัวเองอย่างสนิทสนมประหนึ่งเป็นครอบครัวกันมากกว่าลูกน้อง

ท่าทางนั้นยิ่งเรียกสายตาในแง่ลบจากเพื่อนร่วมงานเข้าไปอีก แต่คมสันไม่สะทกสะท้าน ผิดกับเบิ้มที่ขมวดคิ้วมุ่น...สงสัยว่าบ้านหลังที่ว่า...หมายถึงบ้านไหน

“ไว้คุยกัน” คมสันกระซิบ เบิ้มเลยรีบปรับสีหน้า ยกมือไหว้ท่านประธานและแม่คมสันแล้วเดินตามหลังคนรักลงไปลานจอดรถต้อยๆ อย่างเชื่อฟังทั้งที่เป็นบอดี้การ์ดซึ่งควรจะมีมาดโหดเหี้ยมข่มขวัญคน

แหม แต่พออยู่กับคนรักสองต่อสองทีไร เบิ้มวางมาดไม่ออกเลยนี่นา

โลกสีชมพูสดใสกับจิตใจที่ชุ่มช่ำด้วยความรัก เบิ้มรีบเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ บริการอย่างดีเพราะหวังจะเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้สักนิด

แต่คมสันไม่ยิ้ม

หลังรอให้เบิ้มเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ คาดเข็มขัดเรียบร้อย คมสันก็ดันแว่นหนึ่งครั้งก่อนอธิบาย

“ทุกวันศุกร์กับเสาร์ท่านประธานจะไปค้างด้วย เป็นข้อตกลงที่สัญญากับคุณหนู ฉะนั้นเย็นนี้ถ้าเจอท่านประธานก็อย่าตกใจละ”

ไปค้างด้วย...พูดซะอย่างกับว่าไม่ใช่เจ้าของบ้าน

เบิ้มอยากจะถามว่าแล้วปกติท่านประธานไปค้างที่ไหน แต่เมื่อเช้าเพิ่งจะปรามาสเด็กเวรว่าคิดช้า ย้อนกลับมามองตัวเอง...อยู่มาสามวัน เพิ่งฉุกคิดว่าทำไมเจ้าของถึงไม่กลับมานอนบ้าน...นี่มันช้ายิ่งกว่าเต่าจนเกรงจะเข้าตัว เลยตัดสินใจเงียบดีกว่า

แถมพอลองคิดความเป็นไปได้ต่างๆ นาๆ แล้วคำตอบไม่น่าจะเข้าข่ายดีสักเท่าไหร่

ฉะนั้นอย่าปากหาเรื่องเลยนะเบิ้มเอ๊ย

 




“กลับมาแล้วเหรอภัทร”

โชคดีที่คมสันบอกเตือน ฉะนั้นตอนเห็นร่างของท่านประธานยืนรออยู่หน้าประตู เบิ้มเลยไม่ตกใจนัก

เพราะคนที่ตกใจคือไอ้เด็กเวรต่างหาก

เด็กชายมองพ่อตัวเองแล้วเลิกคิ้ว เหมือนประหลาดใจว่าทำไมถึงมายืนอ้าแขนรอให้กอดอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งคมสันก้มกระซิบบอกว่าวันนี้วันศุกร์นั่นแหละ ถึงได้ร้องอ้อ แล้วเดินไปกอดตอบแบบขอไปทีสุดๆ

ขอไปทียังไงน่ะเหรอ

“สัน นายสัญญาแล้วนะว่าจะพาฉันไปว่ายน้ำข้างนอก!”

ขอไปทีขนาดที่ตัวอยู่ในอ้อมกอดพ่อ แต่หน้าดันหันไปพูดกับคมสัน

“ว่ายน้ำที่บ้านก็ได้นี่ครับ”

“ว่ายคนเดียวจะสนุกอะไร สันนะดีทุกอย่าง แต่ดันว่ายน้ำไม่เป็น!”

โอ้ โอ้ โอ้ คาดไม่ถึงว่าคนรักของเขาจะมีจุดอ่อนที่น่ารักขนาดนี้อยู่ด้วย!!

“ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าคมสันว่ายน้ำไม่เป็น แต่ว่ายน้ำไม่แข็งต่างหาก” ท่านประธานเอ่ยแทรก หวังเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนา เบิ้มว่าเขาไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวแล้วนะ เวลากลับบ้านมักจะมีบรรยากาศประหลาดๆ คล้ายกับตอนนี้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโดนเมินเหมือนเป็นส่วนเกินเท่านี้...“คมสันทำได้ทุกอย่างเลยใช่มั้ยล่ะ แต่เพราะว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง เขาเลยไม่อยากว่ายต่างหาก ไม่ใช่ว่าว่ายน้ำไม่เป็นหรอก”

“งั้นไม่ต้องกลัวนะสัน ฉันเองก็ว่ายไม่ค่อยแข็งเหมือนกัน เราจะได้ว่ายน้ำไปด้วยกันได้ไง” นานครั้งจะเห็นไอ้เด็กเวร...เวรของสวรรค์ที่ส่งมาเกิดเป็นลูกท่านประธานพูดจาน่าฟัง แต่น่าเสียดายเพราะคงไม่รื่นหูคนเพอร์เฟ็คที่มักเผยแต่ด้านดีๆ ให้คุณหนูสุดที่รักได้เห็นสักเท่าไหร่

“ว่ายกับเบิ้มแล้วกันนะครับ”

“ทำไมล่ะสัน” เด็กน้อยทำปากแบะอย่างขัดใจ นานครั้งจะโดนปฏิเสธจากพี่เลี้ยงคนนี้

“เบิ้มน่ะว่ายน้ำเก่งมาก ตีลังกาในน้ำได้สามสิบตลบเลยนะครับ”

“จริงเหรอ!?” จู่ๆ ก็โดนมองด้วยสายตาคาดหวัง เบิ้มถึงกับไปไม่เป็น

คือ...ก็ใช่ว่าทำไม่ได้หรอกนะ แต่เขาอยากสอนคมสันว่ายน้ำมากกว่านี่!!

“ว่ายกับพ่อสิภัทร พ่อว่ายน้ำเก่งมากเลยน้า”

“สรุปว่าพรุ่งนี้ไปว่ายน้ำข้างนอกกันเนอะ สัน ไปช่วยเลือกกางเกงว่ายน้ำกับฉันเร็ว” พูดจบเด็กกตัญญูซะที่ไหนก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้พ่อบังเกิดเกล้ายิ้มเก้ออย่างน่าเห็นใจ

คมสันก้มตัวให้เล็กน้อยขณะเดินผ่านท่านประธาน ดูมองเมินพอกันแต่อย่างน้อยก็ยังมีมารยาท ก่อนจะตามหลังคุณหนูสุดที่รักซึ่งออกจะเริงร่ากว่าใคร

ทิ้งให้เบิ้มสบตาปริบๆ กับท่านประธานในระยะประชิดในครั้งแรก

“เอ่อ...ท่านครับ...คือว่า” เขาอยากจะปลอบ ความขัดแย้งของลูกชายจอมแก่นกับพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องปกติในสังคม เบิ้มเองยังมีประสบการณ์เลยเพราะตอนเด็กชอบหาเรื่องเจ็บตัวเสมอ โดนด่าโดนเตือนตั้งมาก เพราะไม่ได้การสนับสนุน เขาเลยขยันออกจากบ้านไปตามหาความฝัน เวลากลับบ้านแต่ละทีเลยค่อนข้างกระอักกระอ่วน ตอนคุยโทรศัพท์ยังพอไหว แต่พอเจอหน้าแล้วบรรยากาศไม่ยักจะกลมเกลียวเท่าที่ควร

เพราะแบบนี้ละมั้งพอได้พบคมสันที่ทุ่มเทให้แถมยังเข้าใจทุกอย่าง เบิ้มเลยตกหลุมอย่างรวดเร็ว

แต่ความหวังดีของเบิ้มถูกปัดทิ้ง

เพราะท่านประธานคร้านจะสนทนากับลูกจ้างอย่างเขา หรือไม่ก็หน้าบาง เพราะดันมาเห็นมุมโดนลูกเมินอย่างนี้

เอาเถอะ เมินมาเบิ้มก็เมินกลับได้ เลิกสนใจท่านประธานแล้วฝันหวานถึงวันพรุ่งนี้

คมสันในชุดว่ายน้ำ! กางเกงรัดรูปตัวเดียว!

อูย...แค่คิดก็กำเดาจะไหล สงสัยต้องเตรียมกระดาษทิชชูไปเยอะๆ แล้ว!!

---------

ตอนนี้ไม่ค่อยกาวมาก เพราะมาเล่าถึงฝั่งเบิ้มกันค่ะ
จะได้เห็นภาพคร่าวๆ เนอะว่าทำไมเบิ้มถึงรักปักใจกับคมสัน เชื่อว่าเป็นนางฟ้าของเบิ้ม แบบว่าหลายๆ อย่างมันพอเหมาะพอเจาะพอดี ก็ไม่รู้ว่าสวรรค์ประทานมา หรือโดนจอมมารจิ้มตัวเลยขัดขืนชะตาไม่ได้กันแน่ 555

ถือเป็นตอนพักยกและปูตัวละคร เริ่มมีปัญหาครอบครัวเข้ามา เพราะจะหาครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวแบบชาวประชาทองคำดีนั้นหายากนะเออ ส่วนตอนหน้า...กาวมา!!!//ซู๊ดดดด

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ชอบชุดนอนไม่ได้นอนของจอมมาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)

ปล.คมสันเป็นพวกเพอร์เฟ็คชั่นนิสค่ะ ไม่ใช่ว่าไม่อยากว่ายน้ำกับเสี่ยนะ แต่เวลาทำอะไรแล้วมันไม่ดีพอ ท่านจอมมารจะไม่ค่อยมั่นใจ ไม่อยากโชว์ให้ใครเห็นค่ะ เห็นมั้ย จอมมารก็มีมุมอ่อนไหวนะ!
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-11-2018 08:18:36
เบิ้ม มีความกามเป็น อาริยะ


ทำเหมือนคนเจียมตัว


แต่นิสัย(สันดาน)แค่เห็นตาตุ่มต่อมหื่นยังทำงานเลย


นี่มันหลอกตายิ่งกว่าท่านเลขาซะอีก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 08-11-2018 09:38:47
รอ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-11-2018 10:24:46
 ทำไมเราสงสารท่านประธานจังถูกเด็กแสบเมิน :mew4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 08-11-2018 11:33:52
พี่เบิ้มมมมมม หื่นอ่ะ เดี๋ยวเจอกางเกงว่ายน้ำแบบขายาว :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-11-2018 16:26:12
โอเค ไม่แปลกใจล่ะว่ามั้ยเสี่ยจึงโตมาในสภาพนี้นั้น เคลียค่ะ   :m20:
สรุปท่านลาสบอสของพี่เบิ้ม และตัวพี่เบิ้มเองก็ใช่ย่อย สายมโนกันทั้งนั้น ว่าเสี่ยมโนเก่งแล้ว พี่เบิ้มก็ไม่เป็นรองเลย
จิระสายฝอยตกเสี่ย ส่วนบ้านนี้สายมโนล้วนๆ ข้องใจคุณแม่จอมมาร(พี่เบิ้มเห็นเป็นนางฟ้า) ต้องรู้อะไรๆ ในตัวลูกแน่ๆ
เลยมองแบบเวทนาพี่เบิ้ม แต่หารู้ไม่ว่าพี่เบิ้มก็ใช่ย่อยจ้า ถึงคุณสันจะไปตกมากับเกลือแร่ก็เถอะ  :jul3:

     :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-11-2018 20:18:07
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเสี่ยถึงได้โตมาเป็นแบบนั้น  :เฮ้อ: 
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 08-11-2018 20:32:07
เป็นนิยายสายมโนมากกก แต่สนุกกก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-11-2018 20:59:40
 :hao7:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-11-2018 07:37:41
พี่เบิ้มขี้มโนไม่แพ้คนใดในโลก 55555

หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-11-2018 09:58:07
เบิ้มเอ๊ย.............  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ความมโน สูงมาก  :serius2:
แต่ไม่เท่าความหื่นละมั้ง  :z3:

เบิ้ม  จอมมาร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 4 : ช่วงพักของเบิ้ม - Up : 7/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 09-11-2018 11:47:33
 o22
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 09-11-2018 20:43:28
ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม


ไม่รู้ว่าอยากเอาใจลูกชายรึเปล่า เพราะท่านประธานไม่ได้พามาสระน้ำธรรมดา

แต่เป็นสวนน้ำ!

“ฉันตั้งใจจะฝึกว่ายน้ำแท้ๆ พามาสวนน้ำทำไมเนี่ย” ลูกชายอกตัญญูบ่นพึมพำต่อหน้าบิดาบังเกิดเกล้าแบบไร้ความเกรงอกเกรงใจโดยไม่แยแสต่อสีหน้ายิ้มเจื่อนสักนิดเดียว เบิ้มมีเมตตาพอจะส่งกระดาษทิชชูที่เตรียมมาให้ท่านประธานซับน้ำตา ซึ่งครั้งนี้ได้รับคำขอบคุณเบาๆ พอให้ชุ่มชื่นหัวใจว่าเราพวกเดียวกัน

แต่เบิ้มยอมโดนท่านประธานเมินยังดีกว่า...

“ไปกันเถอะสัน ไปดูเครื่องเล่นตรงนั้นกัน”

“ครับ”

...อดเห็นคมสันสวมกางเกงว่ายน้ำ!

มาสวนน้ำ แต่ไม่ได้สวมกางเกงว่ายน้ำ งั้นคมสันแต่งตัวยังไงน่ะเหรอ

มา เบิ้มจะบรรยายให้ฟังเอง คนรักของเขาไม่ว่าจะใส่ชุดไหนก็ดูดีเสมอ แม้จะเป็นเสื้อวอร์มแขนยาวสีน้ำเงินตัดขาว และกางเกงวอร์มสีเดียวกันแบบคลุมเลยตาตุ่มไปก็ตาม ใต้เสื้อวอร์มยังมีเสื้อยืดสีดำอีกชั้น กะไม่ให้เห็นอะไรต่อมิอะไรใต้ร่มผ้าเลย กระซิก

เบิ้มยอมรับ ว่าคมสันฉบับไม่สวมสูทนั้นแปลกตาดี ดูสูงส่งงดงามดั่งนางฟ้าในใจเบิ้มไม่เสื่อมคลาย แต่...เขาก็อยากจะเห็นผิวขาวๆ บ้างนี่นา!!

แต่มองไปมองมา สวนน้ำแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก เกิดมีใครเห็นผิวขาวๆ ของคมสันแล้วหลงรักขึ้นมาจะทำยังไง งั้นแต่งตัวมิดชิดก็ดีแล้ว เวรี่กู้ดมายเลิฟ!

เบิ้มยืนซับน้ำตาเคียงคู่ท่านประธานที่วันนี้ติดรถมาด้วย สงสารก็แต่คนแก่อุตส่าห์ตั้งใจทำเซอร์ไพรส์ ลูกชายซึ่งเห็นอยู่ชัดๆ ว่าดีใจมากกลับไม่สนใจแล้วเดินจูงมือลัลล้ากับพี่เลี้ยงซะงั้น

กลายเป็นคนถูกทิ้งสองหน่อ

“เบิ้ม!”

ไม่สิ ถูกทิ้งอยู่หนึ่งหน่อต่างหาก เพราะคมสันหันมาเรียกเขา เหตุเพราะลงน้ำกับคุณหนูสุดที่รักไม่ได้

“ไม่ได้ว่ายน้ำสักหน่อย ทำไมสันถึงเล่นกับฉันไม่ได้ล่ะ”

นานครั้งจะเห็นเด็กมาดเยอะออดอ้อนกึ่งงอแง เบิ้มเห็นแล้วสยองไปทั้งตัว แต่คมสันคงเห็นต่าง เลยเผยยิ้มมุมปากด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างยากนักจะได้ยล

“เล่นกับเบิ้มนะครับ”

“เฮอะ” มองเด็กที่เชิดหน้าอย่างจำใจเบิ้มอยากประท้วงเหลือเกินว่าเขาเองก็ถูกบังคับเหมือนกันนะ

“แล้ว...ท่านประธานล่ะ” พอเดินทันทั้งคู่ที่ต่อคิวรอขึ้นเครื่องเล่นซึ่งเป็นสไลเดอร์สูงหลายเมตร เบิ้มก็กระซิบถามคมสัน ในฐานะลูกจ้าง รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ปล่อยให้นายจ้างยืนเหงาอยู่คนเดียว

“ปล่อยไปเถอะ”

เอ่อ...จะให้ปล่อยไปเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้จริงอ่ะ?

“เมื่อสัปดาห์ก่อนท่านประธานรีบร้อนกลับอีกบ้านไม่ยอมอยู่ค้างด้วยในวันเสาร์ เบี้ยวนัดเที่ยวเล่นกับคุณหนู” คมสันกระซิบตอบ “คุณหนูเลยงอน”

“อ้อ...”

“ที่พามาสวนน้ำเพราะมีชนักติดหลัง หวังทำดีให้ตัวเองสบายใจน่ะสิ”

เบิ้มปิดปากเงียบ ไม่กล้าถามต่อ เพราะน้ำเสียงของคมสันที่กระซิบชิดติดริมหูนั้นไม่ยักจะชวนใจกระตุก แต่กลับเย็นยะเยือกจนขนแขนลุก เหมือนกำลังพูดถึงแผนฆาตกรรมอำพรางชอบกล

“เล่นกับคุณหนูดีๆ ละ ฉันจะไปนั่งรอตรงนั้น” ราวรู้ว่าทำเบิ้มขวัญผวาเข้าแล้ว คมสันเลยบีบบ่าปลอบเบาๆ ด้วยจังหวะเชื่องช้าแสนซาบซ่าน สัมผัสแสนอบอุ่นนั้นเรียกคืนความรักให้โลกนี้เป็นสีชมพูอีกครั้ง เบิ้มเผลอพยักหน้ารับ มองส่งคมสันที่เดินไปนั่งไขว่ห้างหลบอยู่ใต้ร่ม พลางเปิดขวดน้ำดื่มด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่แล้วคิดว่าถ้าคมสันบอกให้สอนเด็กเวรตีลังกาในน้ำเขาก็จะทำ

“นี่...”

อูย ดูนั่นสิ ปลายนิ้วสวยที่เช็ดน้ำบนริมฝีปากแดงฉ่ำน่าจูบ

“เฮ้...”

แล้วยังหยดน้ำที่ไหลลงมาตามต้นคอหายไปในสาบเสื้ออีก

“เบิ้ม!”

เจ้าของชื่อสะดุ้งเพราะโดนเด็กเตะเข้าให้ ไม่ เบิ้มไม่ได้สะดุ้งเพราะเจ็บ แต่เพราะคนเตะลงไปคุกเข่ากุมขาร้องโอดโอย โดยมีสายตาเชือดเฉือนจากที่คนเขาจ้องตาไม่กะพริบจนเสียวสันหลังวาบๆ ต่างหาก

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เบิ้มก้มดูเด็กน้อยที่ช้อนตามองเคืองๆ โธ่...เขาออกกำลังกายทุกวัน ร่างกายฟิตปึ๋งปั๋งแข็งแกร่งดังหินผาขนาดนี้จะไปสะเทือนอะไรกับเด็กชายอายุสิบสี่ที่แสนจะนุ่มนิ่มโดนถนอมประหนึ่งแก้วใสกันล่ะ

“ไม่เป็นไร”

เบิ้มอยากเตือนว่าโกหกได้ไม่เนียน ขาสั่นหงึกๆ ยังบอกไม่เป็นไรอีก

“นี่ นายน่ะไม่ต้องตามติดฉันมากหรอก ฉันรู้ว่าฉันหน้าตาดี ใครเห็นใครก็เอ็นดู”

เบิ้มไม่รู้จะตอบอะไร นอกจากหนึ่งประโยคที่ผุดขึ้นในใจ

ตัวบอบบางเหมือนแก้ว แต่หนังหน้าหนามาก!

“ไปอยู่กับสันเถอะ เดี๋ยวเขาจะเหงา”

เบิ้มนึกขอโทษที่นินทา เพราะแม้จะปากดีไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดีสมราคาคุย

“แล้วคุณไม่เหงาเหรอครับ” กับลูกเจ้านาย (ต่อหน้า)เบิ้มสุภาพเสมอ

“ฉันหล่อเลิศขนาดนี้ใครก็อยากเข้าใกล้ทั้งนั้น แต่ถ้ามีนายมายืนคุม ใครจะกล้าเข้าหาล่ะ นายน่ะมีค่าแค่สอนว่ายน้ำ แต่ถ้าให้เล่นน้ำด้วยละก็ไม่ไหวหรอก!”

...อดทนไว้เบิ้ม อดทนไว้

เขาบอกตัวเองขณะเผยยิ้มฝืดเฝื่อน ตอบตกลงกับเด็กเวรแล้วเดินไปหาคมสันแบบหลุดพ้นสักที

“มาทำไม”

ก่อนจะแทบหยิบกระดาษทิชชูขึ้นซับน้ำตา ฮึก เบิ้มเสียใจ ทำไมมีแต่คนไล่ เบิ้มผิดตรงไหน

“คุณหนูของ ‘เรา’ บอกให้ฉันมาหานาย กลัวว่านายจะเหงาน่ะ” เบิ้มอธิบายขณะทิ้งตัวนั่งข้างๆ พร้อมเอามือวางบนมือขวาของคมสัน “และคุณหนูของ ‘เรา’ ก็บอกว่าถ้าฉันยืนข้างๆ จะไม่มีใครกล้าเข้าหา เขาคงอยากเล่นน้ำกับเพื่อนวัยเดียวกันมากกว่าผู้ชายตัวใหญ่เบิ้มอย่างฉันที่เพิ่งรู้จักแค่สามวัน”

คมสันที่กำลังจะอ้าปากแย้งแต่โดนเบิ้มพูดต่ออย่างรู้ทันถอนหายใจอย่างจำยอม

“ช่างเถอะ” คมสันแสร้งทำเป็นไม่เห็นมือที่ถูกกุมแบบเนียนๆ “ฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

“คิดมากเรื่องอะไรหรือ” น้ำเสียงของเบิ้มอบอุ่นมาก ชนิดที่เบิ้มเองยังตกใจว่าสามารถพูดละมุนได้ปานนี้เลยเหรอ

ความหงุดหงิดในใจคมสันคล้ายจะผ่อนตามน้ำเสียงนั้น

“ก็เรื่อง....” คมสันเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะหันไปอีกทาง “ท่านประธานหายไปไหนแล้ว”

เบิ้มแทบหัวทิ่ม

อีกนิดจะรู้อยู่แล้วเชียว นี่มันทำให้อยากแล้วจากไปชัดๆ!

แต่พอนึกถึงภาพชุดนอนไม่ได้นอนที่ขยันมาบอกราตรีสวัสดิ์...เบิ้มก็ยอมรับว่าคมสันถนัดเรื่องทำให้อยากแล้วไปสุดๆ!!

“ถ้านายเป็นห่วง ฉันไปดูให้แล้วกัน”

“ฝากด้วยละ”

“ครับผม”

แล้วความสวีตหวานของพวกเขาก็หมดโปรโมชั่นลงเพียงเท่านี้ เบิ้มละมืออย่างเสียดาย ก่อนจะเดินไปหาท่านประธาน ณ จุดที่เริ่มแยกย้าย แน่นอนว่าตรงนั้นไม่มีคนที่ตามหา คาดว่าคงจะร้อนจนหาที่นั่งพักไม่ก็กลับบ้านไปแล้ว

แต่เบิ้มคิดว่าท่านประธานคงไม่ถอดใจเร็วขนาดนั้น ถ้าอ้างอิงจากคมสันที่พยายามทำความดีชดใช้ความผิดด้วยแล้ว...

ฉะนั้นท่านประธานจะต้องเดินหาที่นั่งรอจนกว่าลูกชายจะเล่นจนพอใจแล้วนั่งรถกลับด้วยกันหวังง้อต่อแน่นอน!

และก็เป็นอย่างที่คาด หลังวนหาไม่นาน เบิ้มก็เจอท่านประธานกำลังนั่งคุยโทรศัพท์หน้าเครียดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทั้งที่ตากแอร์เย็นฉ่ำอยู่แท้ๆ แต่สีหน้าท่าทางกลับดูดุเดือดเลือดพล่านน่าดู

เบิ้มลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะเข้าไปทักดีมั้ย แต่คมสันไม่น่าจะอยากให้สองพ่อลูกพบกันระหว่างที่คุณหนูสุดที่รักเพลิดเพลินกับการเล่นน้ำ ถ้างั้น...เขาถ่ายรูปเป็นหลักฐานแล้วเดินกลับไปหาสุดที่รักของตัวเองบ้างดีกว่า

แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงตะโกนโวยวายก็ดังขึ้น

“ช่วยด้วยค่ะ! มีเด็กจมน้ำ!”

ร่างกายของเบิ้มขยับไปไวกว่าความคิดซะอีก ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนเขาก็วิ่งสุดฝีเท้า เกิดเป็นภาพติดตาวูบหนึ่งก่อนที่ร่างจะพุ่งฉิวไปยังต้นเสียง แทรกผ่านไทยมุงได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดอะแฟลช เขาเห็นหลายคนกระโดดไปช่วยเด็กซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายเจอโดยบังเอิญและช็อกไปแล้วเพราะเด็กไม่หายใจ ตรงนี้เป็นสระผู้ใหญ่ ลึกหลายเมตร มีป้ายเตือนห้ามเด็กลง แต่ดูเหมือนจะมีคนฝ่าฝืน เกิดเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด

เบิ้มล็อกเป้า ช่วงเวลาแห่งเป็นตายนี้จะชักช้าไม่ได้ เขากระโดดลงน้ำดังตูม

พลันกลุ่มคนที่ลงไปช่วยก่อนหน้านี้คล้ายรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของน้ำวูบหนึ่ง เมื่อเงยหน้าอีกครั้งก็เห็นชายร่างสูงใหญ่พุ่งฉิวผ่านหน้า นี่มันจรวด! การว่ายน้ำที่เหมือนปล่อยจรวดใต้น้ำ! ทำสถิติแค่ 0.7 วินาทีเท่านั้น!!

ความว่องไวของเบิ้มเรียกเสียงฮือฮาจากรอบด้าน แต่เบิ้มไม่สนใจ ช่วยเด็กสำเร็จก็รีบว่ายกลับ ก่อนจะอุ้มร่างปวกเปียกนั้นวางแผ่กับพื้น และนั่นทำให้เขาเห็นหน้าชัดๆ...ว่าเด็กคนนี้...คือ...

“เชี่ย เด็กเวร!”

เหล่ากลุ่มคนถึงกับเหลือบมองฮีโร่ที่เพิ่งเปล่งรัศมีเฉิดฉายน่าบูชา เพียงพริบตาดันสบถเรียกเด็กด้วยคำหยาบคาย

แต่เบิ้มไม่สนใจ ทันทีที่เห็นว่าเด็กคนนี้คือคุณหนูสุดที่รักของคมสัน เบิ้มก็บอกกับตัวเองในใจว่าซวยแล้ว เขาต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ไอ้เด็กนี่ปลอดภัยให้ได้ ไม่อย่างนั้น...ชีวิตเขาก็จะไม่ปลอดภัยเช่นกัน

เบิ้มปั๊มหัวใจทันที เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ผายปอด ทำสลับกันสามครั้งเด็กชายที่หน้าซีดถึงเริ่มขยับตัว สำลักน้ำออกมาคำโต

“คุณหนู!”

เบิ้มแทบจะปาดเหงื่อที่คมสันมาทันตอนช่วยชีวิตสำเร็จพอดี

มองใบหน้าคนรักยามเสียขวัญอย่างหาได้ยาก เบิ้มก็รู้สึกอยากจะทะนุถนอมคนคนนี้ขึ้นมา แม้ในใจจะสงสัยว่าคมสันหายไปไหนมาก็ตาม

“ไม่ต้องห่วง เขาปลอดภัยแล้ว” เบิ้มเอ่ยพลางก้มมองเด็กเวร...เวรจริงๆ เพียงพริบตาก็ไปนอนเอ้งเม้งอยู่ในสระผู้ใหญ่ซะงั้น เด็กชายสำลักน้ำดูมึนและอ่อนเพลีย แม้จะได้สติแต่นอนนิ่งไม่ขยับ “เรียกรถพยาบาลเถอะ”

คมสันโทรหาโรงพยาบาลระหว่างก้มมองคุณหนูสุดที่รักหลายครั้ง แม้จะปลอดภัยแต่สภาพสิ้นฤทธิ์เชิดหน้าไม่ได้ก็ทำให้คนเลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิดรู้สึกใจจะวายเอา

เบิ้มช่วยกุมมือปลอบ จนกระทั่งรถโรงพยาบาลมาถึง พวกเขาสองคนก็ขับรถจ่อท้ายเป็นขี้ปลาทองตามไปด้วย

...ลืมท่านประธานซะสนิท

“ภัทรลูกพ่อ!!!”

มารู้ตัวอีกทีก็ตอนท่านประธานวิ่งหน้าตั้งมาโรงพยาบาล แน่นอนว่าคนที่นั่งรอในร้านอาหาร ไม่สนใจว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นนั้นย่อมไม่อาจตรัสรู้ได้ด้วยตัวเองแน่ ฉะนั้นคนที่โทรเรียกจึงเป็นคมสันเอง แม้จะบอกช้าไปหลายชั่วโมงเพราะรอให้หมอยันยืนจนมั่นใจว่าคุณหนูปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ก็ตาม

แค่จมน้ำ แต่ให้เข้าอุโมงค์ตรวจยันเซลล์สมอง แล้วยังไม่นับอีกสารพัดการตรวจที่ไม่จำเป็นสักนิด ชนิดที่หากท่านประธานยังไม่มา คมสันก็คงจะให้ตรวจไปเรื่อยๆ ยันเล็บขบ

ไม่รวยจริง ห่วงจริง คงทำไม่ได้ แต่คมสันนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะพอท่านประธานมาถึงก็ยื่นใบเสร็จหลังรูดบัตรให้ด้วยสีหน้านิ่งเรียบ แล้วคนที่เพิ่งรู้ข่าวจะทำอะไรได้ นอกจากหลับหูหลับตาเซ็นโดยไม่มองเพราะอยากเห็นหน้าลูกชายให้ไวที่สุด

กว่าท่านประธานจะรู้ตัวว่าค่าใช้จ่ายบานตะไทขนาดไหนก็ไม่ทันแล้ว...

เบิ้มถึงกับมองคมสันตาปริบๆ ในช่วงเวลานี้ยังอุตส่าห์กลั่นแกล้งท่านประธานได้ลงคอ ใช่ เบิ้มคิดว่าคมสันตั้งใจแกล้งท่านประธานที่รู้เรื่องช้ากว่าชาวบ้าน ในเมื่อเลี้ยงลูกด้วยเงินก็จงจ่ายจนขนหน้าแข้งร่วงซะเถอะ!

เมื่อบิดาบังเกิดเกล้ามาถึง พวกเขาสองคนก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าเด็กเวรที่กำลังนอนหลับ ความจริงแล้วหมอให้กลับบ้านได้ แต่คมสันยืนยันว่าจะต้องนอนค้างคืนเท่านั้น เพราะ...

“เพราะถ้าไม่ให้ค้าง เดี๋ยวท่านประธานจะชิ่งกลับอีกบ้านน่ะสิ”

ความเอาใจใส่คุณหนูระดับล้านเต็มสิบนั้นเบิ้มมิอาจโต้เถียง เพราะเขายังสงสัย...

“นายหายไปไหน ทำไมไม่อยู่เฝ้าเขาล่ะ” น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงความใคร่รู้ล้วนๆ ไร้ซึ่งคำตำหนิ เพราะในสายตาเบิ้ม คมสันเป็นคนที่เก่งกาจและมีเหตุผล(ลำเอียงเข้าหาคุณหนู)ที่สุดในโลกหล้าแล้ว ถ้าคมสันไม่อยู่เฝ้าแสดงว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่นอน

“มีคนต่างชาติหลงกับลูกมาคุยกับฉัน...เพราะฉันพูดภาษาฝรั่งเศสได้ เลยช่วยพาไปประกาศหาที่ประชาสัมพันธ์” คมสันอธิบาย สีหน้าไม่ยักกลัดกลุ้มโทษตัวเองอย่างที่เบิ้มคิด ไอ้เราหรือเตรียมปลอบแท้ๆ แต่ทำไมคมสันถึงได้...หลุบตาเหมือนกำลังขบคิดแผนฆาตกรรมอีกแล้วล่ะ! “ตอนนั้นฉันเห็นคุณหนูเล่นกับเด็กวัยเดียวกันตรงสระเล็ก ไม่น่าจะอันตราย แต่ตอนกลับมาอีกทีกลับอยู่ในสระผู้ใหญ่ และบรรดาคนที่มุงก็ไม่มีเด็กคนที่ฉันเห็น ถ้าเล่นด้วยกัน หากเห็นคนจมน้ำก็ควรจะยืนอยู่ด้วยสิ แสดงว่าทั้งคู่โดนแยกกันนานแล้ว”

“เรื่องนี้มีเงื่อนงำ”

“ฉันจัดการเอง” คมสันเอ่ย พร้อมเหยียดยิ้มมุมปากที่ชวนเสียวสะท้านน้อยๆ...จนชักเสียวคอชอบกล

ทำไมจู่ๆ บรรยากาศเริ่มจะกลายเป็นหนังสยองขวัญขึ้นทุกที ไม่ได้การ เบิ้มต้องทำให้กลับเป็นหนังรัก!

“วันนี้ประธานคงนอนเฝ้าคุณหนูของ ‘เรา’ แล้ว อาการคุณหนูก็ไม่น่าเป็นห่วง ถ้ายังไง...คืนนี้...เรา...”

เบิ้มเอื้อมไปจับมือคมสันแบบแฝงความนัย เชื่อในความชาญฉลาดของคนรักว่าต้องเข้าใจ

อย่าคิดลึก เบิ้มไม่ได้ชวนจ้ำจี้ แค่อยากมีเวลาสองต่อสอง ดินเนอร์ใต้แสงเทียนประมาณนี้ ก็ดูสิ ตั้งแต่เริ่มงานพวกเขามีเวลาด้วยกันน้อยแสนน้อยเหลือเกิน

“อืม กลับไปเก็บเสื้อผ้า แล้วมานอนเฝ้าเป็นเพื่อนท่านประธาน”

“...”

“มีปัญหา?”

เพราะยังรู้สึกเสียวๆ คอหอยอยู่ เบิ้มจึงได้แต่ตอบรับว่า

“ครับผม”

เบิ้มยอมจำนนได้ทั้งน้ำตา เอาเถอะ คมสันคงจะห่วงคุณหนูมาก ต่อให้กลับไปที่คฤหาสน์ซึ่งมีแต่เราก็คงไม่มีอารมณ์สวีตด้วยหรอก

แทนที่จะได้ปลอบคนรัก กลายเป็นเบิ้มที่ต้องปลอบใจตัวเอง ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้...

“ฉิบ!” เบิ้มอุทาน เปลี่ยนจากจับมือคมสันมาจับปากตัวเองด้วยสีหน้าเหมือนโดนผีหลอก

“มีอะไร” ท่าทางนั้นทำให้อีกฝ่ายพลอยตกใจตาม

เบิ้มอึกอักเล็กน้อย เห็นคมสันทำหน้าห่วงก็ดีใจอยู่หรอก แต่...

“ฉัน...เสียจูบแรกใปแล้ว”

“...”

”...”

เอิ่ม เรื่องที่เหมือนจะไร้สาระนี้สำคัญกับเบิ้มมากจริงๆ นะ!!

เห็นคนรักยืนมองหน้านิ่ง เบิ้มก็สลด เอาเถอะ ช่วยชีวิตเด็กได้ แถมเด็กคนนั้นเป็นยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจของคมสัน แลกกับจูบแรกแล้วนับว่าจิ๊บๆ

โธ่ ความบริสุทธิ์ของริมฝีปากที่เก็บไว้ยี่สิบสองปี~

เบิ้มลอบคร่ำครวญกับตัวเองขณะเดินนำไปที่ลานจอดรถ จนกระทั่งกำลังจะเปิดประตูบริการคมสันเยี่ยงสุภาพบุรุษแสนดี เขาก็โดนอีกฝ่ายกระชากแขนให้หันหน้าเข้าหากึ่งโน้มตัวลงเล็กน้อย ก่อนที่ริมฝีปากจะถูก...ประกบ!

เบิ้มเบิกตาค้าง มองคมสันที่แนบปากตัวเองกับปากเขาด้วยสมองที่ว่างเปล่า

เห็นเบิ้มตัวแข็งทื่อ คมสันก็เริ่มแทรกลิ้นรุกราน มือที่จับแขนเริ่มเลื่อนขึ้นมาจับต้นคอ บังคับให้ก้มหน้ามารับรสสัมผัสโดยสะดวก ไม่พอ คมสันยังเอียงศีรษะน้อยๆ เพื่อให้ริมฝีปากทั้งคู่แนบชิดกันไม่เหลือช่องว่าง

ในโพรงปากของเบิ้มถูกเรียวลิ้นซุกซนก่อกวนไม่หยุดหย่อน ทำเอาสติที่เหลือน้อยอยู่แล้วยิ่งลอยหายไปในอวกาศ

“กับเด็กประถมไม่นับเป็นจูบแรกหรอกนะ”

คมสันเลียริมฝีปากหลังผละออก ดูเอร็ดอร่อยและพึงพอใจกับอาการไปไม่เป็นของเบิ้ม ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นประกายยั่วเย้าเปี่ยมด้วยอารมณ์วาบหวาม

“แบบนี้ต่างหาก...ถึงจะเรียกว่าจูบ”

------

จอมมารคมสันคนขี้ยั่ว!!

แล้วจะไม่ให้พี่เบิ้มตกบ่วงได้ยังไงคะ ทำกันขนาดนี้ ขนาดเรายังใจเต้นเลย ฮือ ท่านจอมมาร ขอกราบกรานถวายตัวเป็นศิษย์

แต่งไปแต่งมา รู้สึกว่าจริงๆ แล้วเนื้อเรื่องของเล่มนี้ก็หนักพอสมควรเลยนา...แต่เพราะตั้งใจแต่งแบบเฮฮา เลยกาวๆ เหนือมนุษย์ ซึ่งจริงๆ แล้วคาเรคเตอร์พี่เบิ้มที่ออกตั้งแต่เรื่องเสี่ย ก็ตั้งใจให้เหนือมนุษย์แต่แรกค่ะ ทั้งเป็นนินจางี้ ตามติดหนูจิงี้ โดนเอฟเฟคระเบิดแล้วไม่เป็นไรงี้ คือวางไว้แบบนี้แต่แรกแล้ว พอมาเรื่องนี้เลยปกติธรรมดาไม่ได้ ต้องกาวเท่านั้น 555

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ขอเตือนว่าจูบแรกของเสี่ยก็คือพี่เบิ้มนะอย่าลืมกัน.. (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-11-2018 21:44:43
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-11-2018 22:10:50
 :laugh: จูบแรกพี่เบิ้ม เฮ้อ เอาที่สบายใจจ้านางฟ้าของพี่เบิ้ม ขี้ยั่วใช่ย่อย ท่าจะแซ่บ  :z1:
      :L2:    :pig4:    :L1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-11-2018 23:22:30
ไปๆมาๆ ดูเหมือนเบิ้มโดนหลอก แต่อีกมุมก็เหมือนจะรักจริง
เดาใจจอมมารไม่ถูกเลย แต่เบิ้มหลอกง่ายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-11-2018 23:30:23
โถพี่เบิ้มช่างซื่อเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 09-11-2018 23:37:42
ช๊อคไปแล้วมั้งน่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-11-2018 00:00:55
เข้าใจความรู้สึกพี่เบิ้มตอนอยู่กับเสี่ยสุดๆ  :laugh: ท่าทางคำพูดมั่นอกมั่นใจของเสี่ยนั้น มันน่าเบิ้ดกะโหลกจริงๆ 555555 คมสันคงรักเสี่ยมาก ที่ตามใจเสี่ยมากขนาดนั้นอาจจะมาจากครอบครัวของเสี่ยก็ได้น้า ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ ครอบครัวไม่อบอุ่น คมสันเลยโอ๋มาก
พี่เบิ้มคนซื่อ ไม่มีทางทันเล่ห์เหลี่ยมตอมมารแน่นอน วงวารพี่เบิ้มจังงง
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-11-2018 00:48:21
 :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 10-11-2018 03:03:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-11-2018 09:39:54
 :laugh: :laugh: :laugh: ทำไมรู้สึกสงสารปนเอ็นดูพี่เบิ้มจัง
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 10-11-2018 09:54:31
คมสัมขี้ยั่ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 10-11-2018 10:50:29
เบิ้มคงตกหลุมคมสันลึกจนไม่รู้จะลึกยังไงแล้วมั้งเนี่ย  :hao6:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-11-2018 12:10:17
คมสันสุดยอดจอมมาร  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-11-2018 19:54:34
 :laugh: กาวกันต่อไป สนุกดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 10-11-2018 22:28:01
อ่อนต่อโลกเกินไปแล้วพี่เบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 11-11-2018 01:37:07
ปักๆๆๆๆๆๆ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 5 : จูบแรกของเบิ้ม - Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-11-2018 15:58:32
โธ่เด็กชายกิจภัทธเกือบตายซะแล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม- Up : 9/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 11-11-2018 19:34:22

ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นกลางดึกคืนวันอาทิตย์

เบิ้มกลืนน้ำลาย เดาว่าใครอยู่หลังประตูได้ไม่ยาก เพราะหลังออกจากโรงพยาบาล เด็กเวรซึ่งอ่อนเปลี้ยเพลียแรงก็เข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม ส่วนท่านประธานโทรเรียกคนขับรถมารับตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว

อันที่จริงเบิ้มก็ไม่ควรจะคิดอะไรมากมาย เพราะประตูบานที่ถูกเคาะ...คือประตูเชื่อมสู่แดนลี้ลับ ซึ่งนับจากวันแรกที่ได้เหยียบย่างเข้าไปก็ไม่มีโอกาสได้ทัศนาจรอีกเลย จะมีก็แต่คมสันซึ่งมักส่งสัญญาณชวนคิดลึกทุกคืน เปิดออกมาทีไรก็เจอชุดนอนไม่ได้นอน กล่าวราตรีสวัสดิ์ แล้วปิดใส่หน้าทุกที...

แต่วันนี้เบิ้มจะไม่ยอมจบแค่นั้น!

ความสัมพันธ์ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว จากหอมแก้มเป็นจูบดูดดื่ม จนตอนนี้เบิ้มยังอยากจะลิ้มรสสัมผัสนั้นอีกครั้ง ฉะนั้นเบิ้มตัดสินใจว่าถ้าเปิดประตูเห็นชุดนอนไม่ได้นอนเมื่อไหร่ เขาจะโอบเอวคมสันให้เข้ามาใกล้จนพิงซบอกแน่นๆ จากนั้นก็รุกจูบ! เอาคืนจากที่โดนรุกรานจนสติบินตรงลานจอดรถโรงพยาบาลให้ได้!!

“ถอยไป”

น่าเสียดายที่คมสันไม่ยอมให้เขากระทำการเหี้ยมหาญเยี่ยงนั้น

เพราะทันทีที่เปิดประตู เห็นชุดนอนไม่ได้นอนอันเป็นเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มซึ่งยาวกร่อมเท้า มัดเชือกเรียบร้อยเผยให้เห็นแค่รอยแยกช่วงบนตรงไหปลาร้าและช่วงล่างยามก้าวเดินจนเห็นตาตุ่มขาวสวยอยู่รรำไร คมสันก็ยกมือดันอกเบิ้ม แล้วเดินแทรกเข้ามาในห้องก่อนจะนั่งไขว่ห้างบนเตียงของเขา...

เบิ้มถึงกับหายใจติดขัด คมสันถึงกับ...นั่งรอบนเตียงเลยเหรอ!

“มานี่” พอเห็นคนรักตบที่ว่างด้านข้าง เบิ้มก็รีบใช้ความว่องไวไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมทันควัน คมสันเผยความประหลาดใจวูบหนึ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่เบิ้มถึงกับใช้วิชาเคลื่อนไหวดั่งเดอะแฟลชในระยะประชิด

ท่าทางฉงนนั้นช่างน่าเอ็นดูเหลือเกินในสายตาเบิ้ม และช่าง...ยั่วยวนจนสติเตลิดเปิดเปิง คนรักนั่งบนเตียงของเขา ด้วยชุดนอนไม่ได้นอน แล้วยังยกขาไขว้จนรอยแยกที่เห็นแค่ตาตุ่มเลิกขึ้นไปจนถึงน่องขา เบิ้มรู้สึกอยากลูบขึ้นมาทันที

อยากจับ อยากสัมผัส และอยาก...ฝังรอยจูบบนนั้นใจแทบขาด

ผู้ชายเวอร์จิ้นแบบเบิ้ม เจอคนรักยั่วขนาดนี้มีหรือจะไม่สะท้าน เขากลืนน้ำลาย ขยับคอเสื้อชุดนอนของตัวเองซึ่งเป็นชุดเสื้อเชิ้ตลายทางกับกางเกงขายาวที่คมสันซื้อมาให้พร้อมกับเครื่องแบบบอดี้การ์ด เพราะตอนย้ายมาอยู่ที่นี่ ตู้เสื้อผ้าในห้องเขาก็มีเสื้อหลายตัวแขวนอยู่อย่างเป็นระเบียบ

เขาว่ากันว่าซื้อเสื้อผ้าให้แสดงว่าอยากถอด

เบิ้มนึกภาพวันที่คมสันช่วยถอดและสวมเสื้อสูทให้แล้วก็ยิ่งกลืนน้ำลายยากกว่าเดิม

“เรา...”

“ฉันรู้แล้วว่าใครทำให้คุณหนูจมน้ำ”

อารมณ์อีโรติกของเบิ้มหายวับ ก่อนจะนั่งบื้อใบ้ มองคมสันแบบอะไรนะ ขออีกทีซิ

ซึ่งคมสันก็จัดให้ตามประสงค์ แถมยังเปลี่ยนขาที่นั่งไขว่ห้างจากขาซ้ายเป็นขาขวา ทำเอาเบิ้มที่เห็นชายเสื้อคลุมแหวกขึ้นมาจนเกือบถึงต้นขาแล้วกลับไปปิดมิดชิดเหมือนเดิมต่อหน้าต่อตาแทบจะกรีดร้องโหยหวนกับฟีโรโมนที่กำจายไปทั่วทั้งห้อง

เขาสูดหายใจเข้าลึก ตั้งสติเสียใหม่

คมสันเอ่ยเรื่องเด็กเวรอย่างจริงจัง แสดงว่าคืนนี้คงอดสวีตอีกตามเคย

เขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนคลุกวงใน แค่จับมือกอดจูบก็นับว่าฟินมากแล้วสำหรับไอ้เบิ้ม

“ใครหรือ”

“ความจริงฉันก็พอเดาได้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะลงมือไวขนาดนี้” คมสันตอบไม่ตรงคำถาม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ซึ่งถือติดมือมาด้วยส่งให้เบิ้ม หน้าจอปรากฏรูปแอบถ่ายของผู้ชายและผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้ชายคนนั้นคุ้นหน้าคุ้นตามาก...นี่มัน...ท่านประธานนี่หว่า!

“ผู้หญิงคนนี้คือคนรักท่านประธาน ทั้งคู่คบกันมาเกือบสิบปีแล้ว”

ฟังถึงตรงนี้ อารมณ์หวิวก็สลายทันควัน...บรรยากาศชวนเคลิ้มกลายเป็นเคร่งเครียด เบิ้มว่าแล้วเชียว...คิดไม่ผิดว่าท่านประธานต้องมีบ้านเล็กบ้านน้อย เลยแยกบ้านกับลูกชาย!

แต่พอลองประติดประต่อกัน...การที่แม่ของเด็กเวรไปอยู่ต่างประเทศกึ่งถาวรคงจะเป็นเพราะเรื่องนี้แน่ๆ ถ้าเป็นสิบปีก่อน ก็แสดงว่าเป็นช่วงไล่เลี่ยกับที่คมสันจับได้ว่าพี่เลี้ยงขโมยของ แล้วสารภาพว่าตัวเองเป็นเกย์ จะขอดูแลคุณหนูสุดที่รักตลอดไป

...ความมุ่งมั่นอยากจะดูแลนั้นก็ต้องเกี่ยวกับการคบชู้นี้ด้วยแหงแซะ คมสันคงทนไม่ได้ที่จะเห็นเด็กน้อยซึ่งคอยประคบประหงมต้องมารับรู้ความจริงข้อนี้ จึงเป็นฝ่ายของเลี้ยงดูเองซะเลย และนั่นก็ตอบคำถามว่าทำไมท่านประธานถึงให้อภิสิทธิ์กับคมสันมากกว่าลูกจ้างคนอื่นๆ ขนาดวันที่สวนน้ำคมสันเผยท่าทีไม่สุภาพยังไม่กล้าตำหนิ เพราะมีชนักติดหลังเรื่องนี้นี่เอง...

“เห็นแก่คุณหนูที่แทบไม่ได้รับความรักจากพ่อและแม่แท้ๆ ประธานและคุณหญิงจึงตกลงว่าจะหย่ากันหลังคุณหนูบรรลุนิติภาวะแล้วตอนอายุสิบแปดเท่านั้น เพราะถึงตอนนั้นคุณหนูคงยอมรับและทำใจได้ รวมถึงไม่มีปมด้อยจนโดนล้อในโรงเรียนด้วย โดยระหว่างนี้ทั้งคู่จะทำอะไร จะคบกับใครก็ได้ ขอเพียงโทรหาคุณหนู มาหาคุณหนูบ้าง โดยช่วงเวลาหลายปีมานี้ใช้วิธีค่อยๆ ลดจำนวนการอยู่ร่วมกันทีละน้อย จากอยู่บ้านเดียวกันก็เริ่มแยกบ้าน คุณหนูจะได้ปรับตัวได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ”

เบิ้มฟังที่คมสันอธิบายแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่คาด

“และเมื่อคุณหนูอายุครบสิบแปดปี ท่านประธานจะทำการโอนบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ให้คุณหนูเป็นเจ้าของ ซึ่งคุณหนูมีสิทธิ์และอำนาจในการบริหารโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยชื่อหรือรายได้ของพ่อและแม่อีก การที่ฉันเป็นผู้ช่วยเลขาก็เพื่อจะได้เรียนรู้งานและช่วยคุณหนูดูแลบริษัทหลังจากท่านประธานวางมือแล้ว”

แวบแรกที่เบิ้มได้ยินว่าเด็กเวรจะขึ้นเป็นประธานตอนอายุสิบแปด ภาพความวินาศสันตะโรของวงการบันเทิงก็ปรากฏวาบ แต่พอได้ยินว่าคมสันจะเป็นคนกุมบังเหียน ภาพความยิ่งใหญ่ของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ก็เข้าแทรกทันตา

“ข้อตกลงนี้มีการทำลายลักษณ์อักษรและเซ็นสัญญาจากประธานและคุณหญิงก่อนที่ทั้งคู่จะต่างแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งฉันเป็นผู้เก็บสัญญาฉบับนั้นเอาไว้ ทั้งหมดเพื่อผลประโยชน์ของคุณหนู และทั้งคู่ก็เห็นตรงกันว่าควรให้อะไรชดเชยกับลูกชาย อย่างน้อยก็ต้องการันตีว่าอนาคตคุณหนูจะไม่อดตายแน่นอน...เพราะคุณหนูคงจะทำงานหาเลี้ยงตัวเองไม่ไหว”

เบิ้มพยักหน้ารับ นึกชมเชยว่าคมสันรอบคอบมาก

หืม ชมเชยทำไมทั้งที่เป็นสัญญาที่ประธานกับคุณหญิงตกลงกันเองงั้นเหรอ

โปรดอ่านประโยคด้านบนอีกครั้ง คมสันเป็นคนเก็บสัญญาไว้ แสดงว่าข้อตกลงนี้คมสันจะต้องเป็นคนเสนอและช่วยร่างสัญญาอย่างแน่นอน! อะไรนะ ตอนนั้นคมสันเพิ่งอายุสิบขวบ...เด็กสิบขวบที่ประกาศกร้าวว่าเป็นเกย์ และตั้งเป้าจะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไปตลอดชีวิตน่ะไม่ธรรมดาหรอกนะ!

เพราะขนาดคนรักในอนาคตที่ยังไม่ปรากฏตัวยังคิดเผื่อดิบดีว่าจะให้มาอยู่ด้วยกันในตำแหน่งงานที่สนับสนุนเกื้อกูลได้ แล้วกับเด็กเวรที่รักถนอมอย่างดีมีหรือจะไม่วางแผนปูพรมแดง น้อมประเคนบริษัทให้

ไม่-มี-ทาง!

“ตลอดหลายปีมานี้ ทั้งประธานและคุณหญิงล้วนไม่มีปัญหากับสัญญาข้อนี้ แต่มีคนหนึ่งไม่ยินยอม”

“เมียน้อยของประธานสินะ”

“ความจริงจะเรียกเมียน้อยก็ไม่ถูก เพราะทั้งคู่รักกันมานานมาก ตัวประธานและคุณหญิงก็ถือว่าหย่าขาดตามพฤตินัยแล้ว แต่ติดที่คุณหนูยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงยังเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย ฉันไม่ได้รังเกียจผู้หญิงคนนี้ ออกจะเห็นใจด้วยซ้ำ จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ก่อน ประธานผิดสัญญาคุณหนูกลับไปหาเธอกะทันหัน และมาบอกฉันว่าขอหย่าเพื่อจดทะเบียนใหม่ได้หรือไม่”

“อย่าบอกนะว่า...”

“เธอตั้งครรภ์” คมสันสรุปเสียงเรียบ “นายที่มีประสบการณ์พ่อแม่มีลูกหลง คงเข้าใจสินะว่าสำหรับคนมีอายุแล้วเวลามีลูกหลงนั้นเป็นยังไง”

เบิ้มยิ้มเจื่อน เขาเข้าใจดีทีเดียว เพราะตอนน้องชายของเขาเกิด พ่อกับแม่เห่อมาก รักถนอมอย่างดี เรียกว่าไอ้เบิ้มคนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าไปเลย โชคดีที่เขาเองก็ไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเลยไม่ได้น้อยอกน้อยใจอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่มีน้องชายน่ารักเพิ่มมาคนหนึ่ง

“ลูกในท้องเป็นเพศชาย”

...ว่าแต่คมสันไปล้วงลึกขนาดนั้นได้ยังไง เบิ้มละสงสัยจริงๆ

“เมื่อสัปดาห์ก่อนเธอลื่นล้มในบ้าน ต้องไปโรงพยาบาลกะทันหัน ท่านประธานรู้เข้าเลยเบี้ยวนัดคุณหนูไปหาเธอ และเธอก็บอกประธานว่าให้จดทะเบียน เพื่อจะได้เป็นพ่อของเด็กคนนี้ คงเพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกือบเสียเด็ก ท่านประธานเลยมาคุยกับฉัน เพราะการจะหย่าขาดนั้นต้องให้คุณหญิงเห็นด้วย ซึ่งฉันกับคุณหญิงยังติดต่อกันโดยตลอดเรื่องคุณหนู”

“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนบอก ไม่ใช่ประธานคิดอยากจะหย่าเอง”

“เพราะพอฉันบอกปฏิเสธ ท่านประธานก็ไม่ซักไซ้อีก และออกจะเดาไว้อยู่แล้ว ท่านแค่ลองเปรยขึ้นมาดู แสดงว่าไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้จริงจัง และหลังจากนั้นฉันก็สังเกตเห็นหลายครั้งว่าประธานมักรับโทรศัพท์สายหนึ่งแล้วทะเลาะกันเสมอ”

เบิ้มนึกภาพท่านประธานในร้านอาหารที่สวนน้ำวันนี้แล้วพยักหน้ารับ

“ช่วงนี้บริษัทราบรื่นมาก ไม่มีคู่ค้างี่เง่าที่ต้องเจรจาให้หัวเสีย ฉันเลยเดาว่าคนที่โทรมาจะต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นที่อยากให้ประธานจัดการเรื่องนี้ แต่ประธานปฏิเสธ ทั้งคู่เลยทะเลาะกัน”

แม้จะเป็นการคาดเดาซะครึ่ง แต่เบิ้มยอมรับ...ว่าข้อสันนิษฐานนี้ฟังขึ้น

“ประธานจะโมโหก็ไม่แปลก เพราะสัญญาระบุไว้ชัดเจนว่าหลังคุณหนูอายุสิบแปดก็จะหย่าขาดและเป็นอิสระ จะจดทะเบียนตอนนั้นหรือตอนนี้ก็ไม่ต่าง แต่สำหรับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่” พลันคมสันเท้าแขนกับบ่าของเบิ้ม เหยียดยิ้มให้ในระยะประชิดจนอะไรที่สงบลงแล้วเริ่มจะรุ่มร้อนขึ้นมาอีกครั้ง “ลองเดาดูสิ”

“เธออยากได้บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์?”

คมสันยื่นหน้ามาจูบกรามเบิ้มเป็นรางวัล

ถ้ารู้ว่าตอบถูกแล้วได้ของดีของเด็ดอย่างนี้ เบิ้มจะตั้งใจตอบ! ไม่เอาแต่นินทาในใจอยู่นานสองนานหรอก!

“ประธานตั้งใจจะยกบริษัทให้คุณหนู งั้นลูกชายของเธอล่ะ...จะได้อะไร?”

คมสันถามต่อโดยที่ยังเอียงตัวเข้าหาในระยะใกล้เพียงลมหายใจ

พวกเขาจ้องตากันในความเงียบ

เบิ้มอยากตอบใจแทบขาด อยากได้รางวัลอีกครั้ง แต่น่าเสียดาย...เพราะเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเจ้านายเลย

ราวคาดไว้อยู่แล้วว่าเบิ้มตอบไม่ได้ คมสันเลยเผยยิ้มยั่ว ก่อนจะผละตัวออกเล็กน้อยพร้อมเสยผมเบาๆ

“จริงๆ แล้วประธานลงทุนทำธุรกิจอย่างอื่นด้วย แต่ไม่มีธุรกิจไหนจะได้ชื่อว่าเป็นประธานบริษัทและประสบความสำเร็จเท่าเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แต่ก่อนยังไม่ออกลาย พอมีลูกเอาช่วงปลายสุดท้าย สัญชาตญาณของคนเป็นแม่ย่อมอยากจะให้ของที่ดีที่สุดกับลูก ฉันเองก็เข้าใจตรงจุดนี้”

ไม่ คมสัน นายไม่ใช่แม่ของคุณหนูเวรนั่น!

แน่นอนว่าเบิ้มทำได้เพียงเถียงในใจ และคิดในใจว่าทั้งที่คุยกันจริงจังปานนี้ แล้วเหตุไฉนคมสันถึงได้ยั่วเย้ากันจนชวนเตลิดอยู่เรื่อยก็ไม่รู้ คนรักในชุดนอนไม่ได้นอน เสยเรือนผมสีดำขลับตัดกับผิวขาวๆ ที่ปล่อยตามธรรมชาติไม่ได้จัดแต่งเหมือนเคย มองยังไงก็ยากจะตั้งสติให้จดจ่อกับเรื่องที่ฟังอยู่ซะจริง!

“ถ้าขอตรงๆ ประธานไม่มีทางรับได้แน่ แม้เธอจะกำลังท้องลูกชายของท่าน แต่ยังไงคุณหนูก็เป็นลูกชายคนแรก เธอเลยอ้างอ้อมๆ อยากให้ท่านจดทะเบียน ถ้าแค่เรื่องนี้ยังไม่ได้ จะหวังบริษัทก็ยากแล้ว ฉันค่อนข้างเข้าใจความร้อนรนของเธอนะ แต่...” คมสันเหยียดยิ้มอีกครั้ง “เมื่อไม่ได้ความรักจากพ่อ คุณหนูก็สมควรได้บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ส่วนผู้หญิงคนนั้นที่ได้ทั้งความรักจากสามีและได้พ่อของลูกที่ดี ก็ไม่ควรโลภมาก”

วูบหนึ่ง เบิ้มคล้ายๆ จะตาฝาดเห็นปีกจอมมารอีกแล้ว

ไม่หรอกน่า นั่นเป็นปีกนางฟ้า ฟังสิ คมสันบอกว่าเข้าใจและเห็นใจผู้หญิงคนนั้นนะ ไม่มีคำหยาบคายเลย!

“นายคิดว่าระหว่างสิบล้านกับร้อยล้าน ต่างกันแค่ไหน”

พลันเบิ้มหัวหมุน ตั้งตัวไม่ทันว่าจะถูกย้อนถามเรื่องเงินๆ ทองๆ

“เอ่อ...ต่างกันมาก อย่างน้อยแค่ส่วนต่างก็มากเกินกว่าที่ฉันจะใช้ทั้งชีวิตหามาได้”

“แล้วระหว่างร้อยล้านกับพันล้านล่ะ”

“...นั่นก็...มาก มาก มาก เหมือนกัน”

“บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ทำรายได้ทะลุพันล้านต่อปี แต่บริษัทที่ประธานลงทุนโดยไม่ได้ถือครองหุ้นเต็มตัวนั้นมีรายได้เพียงร้อยล้าน...ไม่สิ ไม่ถึงร้อยล้านด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยก็เกินสิบล้านต่อปีแน่นอน” คมสันโยงคำถามเข้าสู่หัวข้อที่ยังพูดค้างอยู่ “ถ้าเป็นนาย จะเลือกอะไร”

เบิ้มไม่ตอบ เพราะรู้ว่าคมสันไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขา แต่อยากให้เล็งเห็นถึงจุดเปลี่ยนสำคัญต่างหาก

“เมื่อก่อนผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมีความคิดจะยื่นมือเข้ามาในเรื่องธุรกิจของประธาน เพราะเธอเรียนไม่จบปริญญาตรี และไม่มีประสบการณ์ทำงานแม้แต่น้อย ฉันไม่เคยดูถูกใครเรื่องนี้ เพราะปกติแล้วเธอเป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ประธานต้องการ และเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านกับคุณหญิงไปกันไม่ได้ คุณหญิงเคยเป็นดาราดังค้างฟ้า มีสังคม มีชื่อเสียง ชอบออกงานรื่นเริง ไปปาร์ตี้กับเพื่อน การให้เธอเป็นแม่บ้านก็คือการทรมานดีๆ นี่เอง”

เบิ้มพยักหน้ารับเป็นเชิงให้คมสันเล่าต่อ พอเข้าประเด็นสำคัญ คนรักก็นั่งประสานมือบนเข่า บรรยากาศซาบซ่านด้วยฟีโรโมนคล้ายจะกดต่ำกะทันหันจนชวนอึดอัด

“นอกจากคุณสมบัติไม่ผ่านแล้ว ทะเบียนสมรสที่ยังไม่หย่าขาดก็ทำให้เธอไม่สามารถออกงานกับประธานได้ เท่ากับว่าเธอไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาก้าวก่ายด้านธุรกิจโดยสิ้นเชิง แต่พอมีลูก...ก็เท่ากับว่าชดเชยสิ่งที่เธอทำไม่ได้ทั้งหมด การศึกษาที่ดี การบ่มเพาะประสบการณ์ การผลักดันให้นั่งตำแหน่งประธาน...” คมสันแค่นหัวเราะ “พอมีลูก...จากผู้หญิงไร้พิษสงก็กลายเป็นงูพิษ”

“นายจะบอกว่าอุบัติเหตุเมื่อวานเป็นฝีมือของ...”

“ถ้าท่านประธานมีลูกชายของเธอเป็นทายาทเพียงคนเดียว ทุกอย่างก็ง่ายดายขึ้นทันตา จริงมั้ย” คมสันถามเสียงเรียบ ด้วยบรรยากาศที่ยักจะสีชมพูเหมือนเคย “ไม่ต้องทะเลาะกัน ไม่ต้องหาข้ออ้างให้วุ่นวาย เพราะท่านประธานจะประเคนทุกอย่างให้ลูกชายเธอเอง”

นิ้วเรียวสวยเคาะกับต้นขาเบาๆ

“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานคือแผนการที่วางมาอย่างดี บางทีอาจจะเริ่มตั้งแต่ให้ประธานพาคุณหนูมาที่สวนน้ำแล้ว เพราะคนไม่ละเอียดอ่อนอย่างท่านประธานไม่มีทางคิดวิธีง้อแบบนี้ได้แน่ ประจวบเหมาะกับคุณหนูอยากว่ายน้ำ ท่านประธานเลยทำตามคำแนะนำนั้น ซึ่งเข้าแผนพอดี เพราะผู้หญิงคนนี้รู้ว่าฉัน...ไม่ชอบว่ายน้ำ”

จากว่ายน้ำไม่เก่งกลายเป็นไม่ชอบว่ายน้ำ เบิ้มตัดสินใจที่จะไม่แย้งให้คมสันเขินอาย

“นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะแยกฉันกับคุณหนูออกจากกันได้ ส่วนสาเหตุที่รู้...ฉันคิดว่าท่านประธานน่าจะเป็นคนเล่าเองแบบไม่คิดอะไร จากนั้นเธอก็จ้างชาวต่างชาติทำทีเป็นหลงกับลูกของความช่วยเหลือ แถวนั้นไม่มีใครพูดภาษาฝรั่งเศสเป็น ยังไงฉันก็ต้องเป็นคนช่วยพาไปประชาสัมพันธ์ พอไม่มีคนจับตามอง ก็ให้คนของเธอเข้ามาแยกคุณหนูกับเด็กที่เล่นด้วยกันออก...คุณหนูเป็นคนที่...ดูใครไม่เป็น และเชื่อคนง่ายมาก แค่อ้างว่าฉันให้มาตามก็จะตามหลังคนแปลกหน้าทันที”

เบิ้มเชื่ออย่างไม่สงสัยในความอ่อนด้อยของเด็กเวรเลย

“หลังล่อคุณหนูไปที่สระผู้ใหญ่ ก็ทำให้คุณหนูสลบ ปล่อยทิ้งไว้ในน้ำจุดที่ลึกที่สุดซึ่งไม่ค่อยมีคนแล้วหนีไป เพียงเท่านี้คุณหนูก็จมน้ำเองโดยไม่อาจตะเกียกตะกายร้องขอความช่วยเหลือ รอบด้านต่างคนต่างเล่นน้ำ ไม่มีใครสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีนี้ กว่าจะมีคนสังเกต คุณหนูก็วิกฤตแล้ว”

“นายรู้ได้ยังไง ถามจากคุณหนูเหรอ”

“ข้อมูลที่ได้จากคุณหนูมีแค่ช่วงที่มีคนอ้างชื่อฉันเรียกตัวไปเท่านั้นแหละ เขานอนอยู่ใต้สระยังไงยังไม่รู้เรื่องเลย”

“งั้น...จากกล้องวงจรปิด?”

“กล้องวงจรปิดเสีย หรือให้ถูกคือถูกลบข้อมูลไปก่อนที่ฉันจะขอดู ฉะนั้นทั้งหมดคือข้อสันนิษฐาน แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะต่างไปจากนี้สักเท่าไหร่ เพราะถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงจะวางแผนประมาณนี้เหมือนกัน”

เบิ้มมองตาค้าง

“ฉันสมมติน่ะนะ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เลวขนาดวางแผนฆ่าคนหรอก” คมสันเผยยิ้ม คลายความกังวลของเบิ้ม “สำหรับฉัน ฆ่าคนเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไร้รสนิยม เหมาะกับคนไร้ความสามารถเท่านั้นแหละ”

เบิ้มรีบพยักหน้าอย่างคล้อยตาม

“คนเก่งจริงไม่นั่งคิดหรอกว่าวันๆ จะวางแผนฆ่ายังไง แต่คิดพัฒนาตัวเองให้เหนือกว่าต่างหาก”

พูดอีกก็ถูกอีก เบิ้มพยักหน้าอีกสามครั้งติด

“อีกอย่าง ฆ่าคนน่ะไม่คุ้มเสียสักนิด สู้ให้อยู่อย่างทรมานยังสะใจกว่า”

...เบิ้มตัวสั่นแล้ว

“ฉันล้อเล่น”

ทำไมเบิ้มถึงไม่คิดว่าคมสันล้อเล่นเลยนะ...แถมปีกจอมมารก็เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ด้วย สงสัยเขาจะง่วงนอนจนสมองเบลอซะแล้ว

“เอาเป็นว่าเพราะรู้ว่าทางนั้นอาจมุ่งเป้ามาที่คุณหนู ฉันเลยว่าจ้างบอดี้การ์ด นายคงไม่คิดว่าฉันจ้างให้นายมาขับรถอย่างเดียวหรอกนะ”

ไม่หรอก ยิ่งรู้จักยิ่งเข้าใจ คมสันไม่มีทางว่าจ้างด้วยความจำเป็นเพียงข้อเดียวแน่นอน

ในเมื่อลงมือทั้งทีต้องมีประสิทธิ์ภาพที่สุด ใช้คนอย่างคุ้มค่า!

“เรื่องเมื่อวาน ขอบคุณมากนะ”

พลันคมสันเอียงตัวซบไหล่ การกระทำที่จู่ๆ ก็คลอเคลียแนบชิดนั้นทำให้เบิ้มถึงกับสะดุ้ง เอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจ

“ผู้หญิงคนนั้นตั้งท้องได้กี่เดือนแล้ว”

“สามเดือนกับอีกสองสัปดาห์”

“...”

เบิ้มคิดว่าเขาไม่ควรคิด ไม่ควรพูด ไม่ควรสงสัยอะไรทั้งนั้น

“ทำไม คิดว่าฉันหลอกใช้งั้นเหรอ” คมสันไม่เบี่ยงตัวหลบ แต่ยังถือโอกาสเอนตัวพิงพร้อมเงยหน้าถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก

ระยะที่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรก็จะประกบปากได้พอดิบพอดีนั้นล่อเอาเบิ้มแทบเคลิ้ม

“ถ้าจะหลอก ฉันไม่เล่าทั้งหมดหรอก เพราะนายจะรู้สึกแย่ และไม่ตั้งใจทำงาน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์กับฉันสักนิด” คมสันดักอย่างรู้ทัน ก่อนที่ดวงตานั้นจะจ้องที่ริมฝีปากเขาอย่างสื่อความนัย

เบิ้มกลืนน้ำลาย

“ถ้าฉันจะหลอก ฉันก็คงไม่ทำ...”

พลันคมสันยืดตัวเล็กน้อย ส่งริมฝีปากแสนหวานประกบแผ่วเบา แม้ไม่ดูดดื่ม แต่ก็เล่นเอาใจสั่น

โดยเฉพาะยามกระซิบเสียงพร่าโดยที่ริมฝีปากยังประชิดใกล้จนปัดผ่านเป็นระยะ

“...อย่างนี้”

คมสันนิ่งมองเบิ้มเล็กน้อย ดวงตาใต้กรอบแว่นนั้นจ้องสะกดคล้ายรู้ว่าเบิ้มกำลังใคร่ครวญชั่งใจอะไรบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะอธิบายเพิ่ม เพียงลุกขึ้นยืน จัดเสื้อคลุมให้เรียบร้อย ก่อนจะหันมากล่าวด้วยประโยคแสนคุ้นเคยในทุกค่ำคืน

“ราตรีสวัสดิ์”

คมสันเดินกลับห้องตัวเองโดยที่เบิ้มเดินตามไปส่ง หลังประตูปิดสนิท เบิ้มก็นิ่งมองประตูนั้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความข้องใจแต่ไม่อยากคิดไกล

บังเอิญเกินไปรึเปล่า

ช่วงเวลาสามเดือนกับอีกสองสัปดาห์ที่ผู้หญิงของท่านประธานท้อง ถ้านับตามจริง คนปกติย่อมไม่รู้ตัวอยู่แล้วว่ามีเด็กจนกระทั่งเข้าช่วงสัปดาห์ที่สอง...

พอดับพอดีกับคมสันเอาเกลือแร่มาจีบ

พิรุธชัดเกินกว่าจะเป็นแผนคมสัน แถมอีกฝ่ายก็บอกว่าถ้าคิดจะหลอกใช้กัน แล้วจะเล่าให้เขาฟังทำไม แสดงว่าคมสันเชื่อใจและไว้ใจไม่ใช่เหรอ

เบิ้มลูบริมฝีปากตัวเองที่ยังร้อนผ่าวเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจส่ายหัวให้เลิกคิดเยอะ อย่าสงสัยคนรัก ไม่งั้นจะนำพาหายนะมาถึงตัว

แม้พอมองประตูเชื่อมสู่แดนลี้ลับความรู้สึกจะเริ่มเปลี่ยนไปก็ตาม

ข้อดีของประตูนี้มีสามอย่าง

อย่างแรก ไว้ปกปิดความสัมพันธ์ของเราสอง ป้องกันไม่ให้ใครเห็นแล้วซุบซิบไปบอกเด็กเวร

อย่างที่สอง ช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ให้ยิ่งตื่นเต้นซาบซ่าน โดยเฉพาะเวลาเห็นคมสันสวมชุดนอนไม่ได้นอนมาทักทายแล้วปิดประตู เล่นเอาเบิ้มตาค้างแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

ส่วนอย่างที่สาม...

ไว้วางแผนลับจัดการคน!!!

 

------------

ค่ะ คมสันไม่ได้หลอกใช้
แต่เรียกใช้แบบไม่ต้องหลอกเลยต่างหาก!

อะแฮ่ม ตอนนี้หนักหน่อยค่ะ เราพยายามเขียนให้เป็นกลางที่สุด ประมาณว่าแต่ละคนก็มีเหตุผลของตัวเองในการจะทำบางสิ่งบางอย่าง มีความเห็นแก่ตัว แม้จะเป็นการหวังเอาชีวิตเด็กที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยอย่างเด็กเวรก็ตาม (ใช่ค่ะ เด็กเวรไม่เคยจะรู้อะไรบ้างเลย ไม่-รู้-อะ-ไร-เล้ยยยยยย )

แน่นอนว่าคนทำชั่วก็ต้องได้รับการตอบสนองจากจอมมาร...แคก! จากผลกรรม
วันคืนหวานชื่นของพี่เบิ้มเองก็เริ่มจะตาสว่างหน่อยๆ แล้ว
เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วค่ะ เอาใจช่วยพี่เบิ้มกันด้วยนะคะ!

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่สาบานว่าจะไม่เป็นศัตรูกับจอมมารเด็ดขาด (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม - Up : 11/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2018 20:45:01
มาให้ชิมนิดกินหน่อยพอให้มีแรงกระตุ้น
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม - Up : 11/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-11-2018 21:50:41
คมสันจอมยั่วจริงๆ 555
ดูๆไปก็เหมาะสมดีนะคะ การที่เด็กเวรผู้อ่อนด๋อยแย่างเสี่ย ได้พี่เลี้ยงเป็นจอมมารคอยดูแล คมสันทั้งเก่งทั้งฉลาด ใหนจะความเจ้าเล่ห์ของนางอีก
สงสารก็แต่พี่เบิ้ม 555555 ไม่ทันเล่เหลี่ยมคมสันหรอก คงเป็นคนเดียวที่เห็นคมสันเป็นนางฟ้า  :laugh: นึกถึงจิระที่เห็นคมสันเป็นจอมมารที่แท้ทรู 5555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม - Up : 11/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-11-2018 23:35:19
พี่เบิ้มสายมโน ดูจะเป็นของเล่นของจอมมารตลอดๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม - Up : 11/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-11-2018 01:05:12
คมสันให้ความรักกับเสี่ยมากทดแทนความรักจากพ่อแม่ที่ไม่ส่งถึงลูกเลยเสี่ยโชคดีได้พี่เลี้ยงแบบคมสันปกป้องผลประโยชน์ให้
แต่ก็นั่นแหละชอบยั่วเบิ้มให้อยากแล้วจากไป จอมมารยั่วสวาทชัดๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 6 : คืนระทึกของเบิ้ม - Up : 11/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 12-11-2018 01:17:36
คมสันเลี้ยงคุณหนูให้ไร้เดียงสามาก แบบไม่น่าเชื่อ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-11-2018 19:54:36

ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม

 

สถานการณ์ราบรื่นดีมาตลอด

จนกระทั่งสองอาทิตย์ผ่านไป

“สัน...”

“ฉันรู้แล้ว”

มีคนรักหูตาว่องไวช่างดีจริงๆ เบิ้มเหลือบมองกระจกหลัง เห็นรถสีดำคันหนึ่งตามตั้งแต่รับคุณหนูสุดที่รักของคมสันจากโรงเรียนนานาชาติร่วมสิบห้านาทีแล้ว แม้จะพยายามเนียนหลบไปคนละเลน ต่อท้ายรถกระบะ หรือแสร้งแซงนำหน้าบ้าง แต่สุดท้ายก็จะมาจ่อหลัง ให้อารมณ์เหมือนมีริดสีดวงที่อยากจะเกาก็เกาไม่ได้ น่าหงุดหงิดจริงๆ

สงสัยภรรยาคนที่สองของท่านประธานจะส่งคนมาจัดการอีกแล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะหาคนรับงานนี้ยาก หรือเพราะยังประหวั่นพรั่นพรึงกับบอดี้การ์ดคนใหม่อย่างเบิ้มกันแน่ถึงเว้นไปนานถึงสองสัปดาห์ เล่นเอาคันยุบยิบในหัวใจ จะให้เล่ายังไงดี...แบบว่า...สถานการณ์ของเขากับคมสันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่

ดูสิ ขนาดมีรถไล่จี้ ผู้ช่วยเลขาพ่วงตำแหน่งพี่เลี้ยงยังไม่สนใจ ให้เบิ้มตัดสินใจเอง

ช่วยไม่ได้ละนะ

เบิ้มขับออกนอกเส้นทางป้องกันไม่ให้โดนตามไปถึงคฤหาสน์ ขณะคุณหนูตัวต้นเรื่องนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หลังรถโดยไม่ได้รู้อะไรกับเขาบ้างเลยว่าเกิดอะไรขึ้น จะเงยหน้ายังไม่เงย จดจ่อกับการเล่นเกมเรียงเพชร นี่ละนะลูกคนรวย จะเล่นเกมทั้งที...ต้องให้หรูหรามีกำลังใจ แต่เบิ้มคิดว่าน่าจะเพราะเล่นเกมบู๊ไม่รอด บุ๋นไม่ได้ เลยต้องนั่งเรียงเพชรง่ายๆ ฆ่าเวลาต่างหาก

“ฉันทำลายสถิติเดิมด้วยล่ะสัน!”

พลันเด็กเวรยื่นโทรศัพท์โชว์พี่เลี้ยงอย่างตื่นเต้นดีใจ

“เก่งมากครับ”

คนจอมโอ๋ก็อุตส่าห์ปรบมือชมเชยอีกแหน่ะ

เบิ้มละเพลีย

ไม่ใช่ว่าอิจฉาที่หนึ่งผู้ใหญ่หนึ่งเด็กยิ้มแย้มคุยกันกระหนุงกระหนิงหรอกนะ ไม่ได้อิจฉา...ไม่เลยจริงๆ!

เอาเถอะ เบิ้มยอมรับก็ได้ว่าแอบอิจฉาหน่อยๆ ช่วยไม่ได้ครับท่านผู้ชม ตั้งแต่คมสันนั่งไขว่ห้างบนเตียงในวันนั้น เล่าเรื่องราวแสนซับซ้อนซ่อนเงื่อนของตระกูลชาติบดินทร์ ไอ้เบิ้มคนนี้ก็เกิดอาการวิตกจริต ไม่สิ ให้ถูกคือเริ่มรู้สึกตงิดในใจว่าเจตนาของคนรักนั้นเกรงว่าจะไม่บริสุทธิ์เหมือนที่ตนมอบให้แบบร้อยเต็มล้าน

และเพราะไอ้ความสงสัยปนระแวงนี่เอง ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคมสันเหมือนมีกำแพงบางใสขวางกั้น คุยกันไม่สนิทใจเหมือนเดิม ในสมองเบิ้มเต็มไปด้วยคำถาม ว่าทุกการกระทำล้วนเป็นแผนการของคมสันหรือไม่ ช่างคับข้องใจ จนสุดท้ายต่างต้องเว้นระยะห่างในที่สุด

แรกเริ่มเดิมที คมสันทำตัวตามปกติ บอกราตรีสวัสดิ์ด้วยชุดนอนไม่ได้นอนทุกคืน แต่พอเห็นเบิ้มเริ่มกระอักกระอ่วน ไม่ได้มองด้วยสายตาหลงใหลเคลิบเคลิ้มเหมือนเดิม คนฉลาดก็จัดให้ตามประสงค์ พูดคุยกันแค่เรื่องงาน ไม่ได้รุกคืบยั่วเย้าระยะประชิดอีก

นับวันพวกเขาสองคนก็เริ่มคุยกันน้อยลงๆ

ขนาดมีรถตามหลัง อยากจะถามความเห็นคนรัก ยังไม่ตอบกันดีๆ เลย!

จากความไม่สบายใจในตอนแรก เริ่มกลายเป็นความน้อยใจ ไอ้เบิ้มคนนี้ก็ช่างเอาใจยากซะจริง เอาน่า เบิ้มด่าตัวเองให้แล้ว ไม่ต้องเดือดร้อนให้คนอื่นช่วยเตือนสติ แต่โปรดเข้าใจกันสักนิด เพราะการกระทำหลายๆ อย่างคมสันน่าสงสัยจริงๆ นี่เออ

เรื่องมันน่าเศร้าตรงที่เบิ้มรักคมสันไปแล้ว ทั้งรักทั้งชอบ เลยเป็นความทรมานอยู่ในอกแบบนี้ พยายามถอยห่างเองแท้ๆ แต่พออีกฝ่ายทำบ้างก็ปวดใจ ไอ้เบิ้มนะไอ้เบิ้ม มองตามตาละห้อยอยู่ได้ เหมือนสุนัขที่โดนตีแต่ยังอยากได้กระดูกจากเจ้าของชัดๆ!

สองอาทิตย์ที่ผ่านมาน่าจะเพียงพอกับบรรยากาศอึมครึมนี้แล้ว

พอกันที! เบิ้มฮึกเหิม หวังโชว์เท่ให้คนรักประทับใจ กลับมาคืนดีกันให้ได้!

พลันไอ้เบิ้มเหยียบคันเร่งขึ้นทางด่วน ขับพาออกนอกกรุงเทพ คมสันเหลือบมองเป็นระยะ คงอยากถามว่าจะพาไปไหน แต่ติดที่ยังมีความบาดหมางในใจ เลยดันแว่นหนึ่งทีแล้วมองวิวนอกกระจก

“วู้ ขับเร็วดีจัง” ที่คึกคักสุดในรถเห็นจะเป็นลูกคุณหนูที่ไม่เคยนั่งรถเร็วขนาดนี้มาก่อน ปกติแล้วเวลารับ-ส่งเด็กเวร เบิ้มจะขับที่เจ็ดสิบถึงแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อความปลอดภัย แต่ตอนนี้เหยียบไปร้อยยี่สิบ เด็กชายที่นั่งเล่นเรียงเพชรเลยเงยหน้าร้องว้าวเป็นระยะ ไม่ได้สำนึกสักนิดว่าโดนพาออกนอกเส้นทาง...

เอาเถอะ จะคาดหวังกับสติปัญญาของเด็กคนนี้เห็นทีจะยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เบิ้มสังเกตรถสีดำที่ยังตามหลังพลางทบทวนแผนในใจ ก่อนจะลงทางด่วน แล้วขับทะลุทางลัดไปยังถนนเส้นยาวซึ่งเป็นวันเวย์ สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า บอกว่าพวกเขาหลุดเขตเมืองหลวงแล้ว

มาถึงตรงนี้ รถสีดำที่พยายามเนียนมาตลอดก็เนียนไม่ไหว ก็ไอ้เบิ้มเล่นพามาทางพิสดาร รกร้างไม่มีเสาไฟแถมไร้คนสัญจร และเพราะขับออกมาไกล เลยกินเวลานานจนพระอาทิตย์เริ่มตกดิน ต่างคนต่างเปิดไฟหน้ารถ กลายเป็นหลักฐานแสดงตัวชัดว่าตลอดถนนทั้งเส้นมีแต่รถสีดำกับรถของเบิ้ม

พลันวิวทิวทัศน์รอบด้านเริ่มเปลี่ยนไป จากเปิดโล่งเห็นต้นไม้ใบหญ้ากลับกลายเป็นกำแพงแตกพุพังคล้ายเคยมีโครงการก่อสร้างแต่หมดงบไปซะก่อน เพราะหลังคาไม่มี ประตูก็ไม่มี มีแต่กำแพงและสังกะสี ประหนึ่งท้าดวลซึ่งหน้าว่าจะทำอะไรก็รีบทำ

แล้วรถสีดำก็ไม่ขัดศรัทธา

“โอ๊ยยย!”

เร่งเครื่องขึ้นชนโครมเข้าให้! แม้จะไม่โดนเต็มๆ แต่ก็เล่นเอาเด็กยุคใหม่ที่ชอบก้มงุดๆ จิ้มโทรศัพท์หน้าทิ่ม ร้องโอดโอยน่าสงสาร

“คาดเข็มขัดด้วยครับ”

“แต่มันอึดอัดนี่” เด็กชายผู้ไม่คาดเข็มขัดอยู่คนเดียวในรถลูบหน้าผากที่เป็นรอยแดงจางๆ

“คาดเข็มขัดเถอะครับ ไม่งั้นผมไม่ให้เล่นเกมนะ”

เพื่อเกมเรียงเพชรที่กำลังทำสถิติใหม่ ต่อให้ไม่อยากคาดสุดท้ายก็จำใจต้องทำ ไม่คิดจะถามสักคำว่าทำไมไม่ถึงบ้านสักที

เบิ้มไม่แปลกใจที่เด็กเวรโง่ แต่แปลกใจมากกว่าที่คมสันไม่ยักจะทักออกมาทั้งที่สถานการณ์สุ่มเสี่ยงจนโดนชนไปหนึ่งที

เบิ้มเลยยอมแพ้ เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน

“ฉันจะ...”

แต่แล้วคำพูดก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก เมื่อคมสันทาบมือบนมือที่กำเกียร์ของเบิ้ม สัมผัสอบอุ่นนั้นซึมซาบไปทั้งใจ แววตาใต้กรอบแว่นนั้นจ้องสบบ่งบอกความเชื่อใจโดยไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ จากปากเบิ้ม

วินาทีนั้นความกังวลความไม่สบายใจทั้งหลายสลายเป็นปลิดทิ้ง

คนรักของเขาช่างแสนดี ชาญฉลาด และอ่านคนเก่งเป็นที่สุด!

เบิ้มพยักหน้าให้คนรักอย่างเชื่องช้าและซาบซึ้ง ระหว่างที่เขากำลังเป็นบ้าเป็นบอระแวงในความรู้สึกของคนรักอยู่นั้น คมสันกลับให้เกียรติ เว้นระยะห่างไม่ให้เขาอึดอัดใจ และในสถานการณ์นี้ ก็ไม่ให้คำแนะนำอะไร แต่ยกการตัดสินใจทั้งหมดให้เบิ้ม เป็นการกระทำที่ไม่ต้องอาศัยคำพูด แต่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่เคยคิดควบคุมบงการไอ้เบิ้มเลย

ซึ้งน้ำตาจะไหล เพื่อไม่ให้คนรักผิดหวัง เบิ้มเลยจัดเต็มทุกฝีมือการขับรถที่มี เร่งเครื่องจนคันหลังตามไม่ทัน ก่อนจะมุ่งสู่เส้นทางมืดมิดเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มคึกคะนอง

“จับที่นั่งให้ดีๆ นะทุกคน!” เบิ้มบอกเตือน ก่อนจะ...ดริฟต์!

“เฮ้ย!”

ทางข้างหน้าเป็นถนนหักเลี้ยว เบิ้มโชว์ดริฟต์แบบไม่เหยียบเบรกจนผู้โดยสารตัวเซชิดติดประตูรถ แต่คนมาดดีอย่างคมสันเตรียมพร้อมอยู่แล้ว จับที่นั่งใต้เบาะทรงตัวไม่ยากเย็น ผิดกับไอ้เด็กเวรที่แทบกลิ้งขลุกๆ แม้มีเข็มขัดคาดก็ไม่ค่อยจะช่วยชะลอการกลิ้งนัก

เบิ้มเหลือบมองกระจกหลัง เห็นแสงไฟจากรถที่ตามไล่อยู่ห่างๆ คาดว่าไม่กล้าพอจะขับรถซิ่งในทางเลี้ยวที่ไม่มีเสาไฟสักต้นในช่วงพระอาทิตย์ตกดินแบบไอ้เบิ้ม เขาหลุดยิ้มอีกครั้ง นานเหลือเกินที่ไม่ได้เหยียบคันเร่งสุดเท้าแบบนี้ ลูกผู้ชายย่อมชื่นชอบความเร็ว อย่างน้อยเด็กเวรที่ไม่กล้าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หันมานั่งดีๆ และเริ่มมองรอบด้านอย่างตื่นตาตื่นใจก็เป็นข้อยืนยัน

“วู้ สนุกสุดยอดเลย เอาอีกๆ”

“ได้ครับคุณหนู” เบิ้มอารมณ์ดีมาก เพราะนานครั้งจะมีความคิดตรงกับเด็กเวร หลังเร่งเครื่องจนถึงทางหักเลี้ยวที่สองก็ดริฟต์โชว์พร้อมเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานของคุณหนูผู้อยู่ในกรอบ สงสัยจะคิดว่าเบิ้มพามาเล่นสนุก ไม่ใช่หนีการไล่ล่า

เลี้ยวโค้งที่สอง แทบจะสลัดห่างจากรถคันหลังโดยสมบูรณ์ แต่ทางวันเวย์แบบนี้ต่อให้สลัดหลุดแล้วจะไปไหนได้ จุดประสงค์ของเบิ้มไม่ใช่การหนีหัวซุกหัวซุนอยู่แล้ว

“โว้!!!”

เด็กเวรร้องลั่นเมื่อไอ้เบิ้มแหกคอก ดริฟต์รถร้อยแปดสิบองศา กลับรถให้หัวหันสวนกับถนน เตรียมประจันหน้ากับรถคู่กรณีเข้าอย่างจัง

“คุณหนู ปิดตาด้วยครับ” พลันคมสันที่เงียบมาตลอดเอ่ยเตือน

“แต่...” เด็กเวรหงอยทันควัน

“ปิดตาด้วยครับ ฉากต่อจากนี้ไม่เหมาะสมกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปี”

“งั้นถ้าฉันอายุถึงสิบแปด พามาเล่นแบบนี้อีกนะ”

“ได้ครับ”

เมื่อพี่เลี้ยงรับปาก เด็กเวรก็ยอมยกมือปิดตาแต่โดยดี เชื่อฟังไม่บิดพลิ้ว สมเป็นเด็กดีที่คมสันชื่นชม

ถึงตาของเบิ้มบ้าง

ทันทีที่เห็นหน้ารถสีดำโผล่จากทางเลี้ยว ไอ้เบิ้มก็เร่งเครื่องชนโครมเข้าที่กลางตัวรถซึ่งกำลังเลี้ยวโค้งจนถอยหนีไม่ทันเข้าอย่างจัง รถสีดำกลิ้งสามตลบก่อนจะตะแคงตกข้างทาง พอดิบพอดีที่ตรงนั้นกำแพงแตกเป็นรู ทำให้รถเข้าไปติดระหว่างช่องว่างปานจับวาง

เบิ้มเดอะแฟลชต่อด้วยเบิ้มเดอะฟาส

ให้รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร!

แน่นอนว่าการใช้ความรุนแรงแบบนี้ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน ไม่ควรทำเยี่ยงอย่างเป็นอันขาด

เบิ้มขับรถไปจอดปิดช่องว่าง เป็นอันดักทางหนีเว้นแต่คนขับรถสีดำจะปีนกำแพง แต่ดูจากสภาพรถที่ยังตะแคงฝั่งคนขับขึ้นแล้ว อย่าว่าแต่ปีนกำแพง จะปีนออกจากรถไหวรึเปล่ายังไม่รู้เลย

เพราะไม่อยากให้ชุดสูทเลอะ เบิ้มเลยถอดเสื้อสูทไว้ในรถ แล้วพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นขณะย่างสามขุมเข้าไปใกล้  คนขับนั้นหัวแตกนิดหน่อย แต่ยังมีสติดี อย่างน้อยเบิ้มก็เห็นชัดเจนว่าหมอนี่ลนลานแทบตายที่จะหลุดจากเข็มขัดให้ได้แต่เหมือนจะติดตัวล็อกจนดึงออกไม่ได้สักที

ท่าทางติดแหงกน่าสงสารนั้นทำให้เบิ้มมีเมตตา

เลยเอื้อมจับกระโปรงรถที่ตะแคงขึ้นอยู่นั้นด้วยมือเดียวให้กลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม

โครม!

“ว๊ากกก”

เสียงกรีดร้องดังพร้อมๆ กับรถที่กลับมาตั้งตรงเหมือนเดิมแรงมหาศาลของเบิ้มจนเกิดเป็นรอยมือตรงฝากระโปรง คนขับรถเงยมองอย่างพรั่นพรึง ราวกับว่าการกระทำนี้น่ากลัวยิ่งกว่าตอนดักรอชนเมื่อครู่ซะอีก ก่อนจะยิ่งถดตัวแทบจมกับเบาะเมื่อเบิ้มลูบกระจกที่เป็นรอยร้าวเล็กน้อยนั้น...แล้วต่อย!

“กรี๊ดดดดดด”

ทำผู้ชายสาวแตกได้บ่งบอกอย่างดีว่าเบิ้มนั้นสร้างความคุกคามน่ากลัวขนาดไหน โปรดทบทวนเหตุการณ์กันอีกครั้ง นักซิ่งคนนี้โดนเบิ้มท้าดวลความเร็วบนถนนวันเวย์ แถมดริฟต์โชว์ต่อหน้าจนทิ้งห่าง ขณะรีบร้อนไล่ตามอยู่นั้นจู่ๆ ก็โดนตลบหลังโดนชนตกถนน ที่น่าทึ่งคือรถตะแคงตกตรงช่องว่างระหว่างกำแพงพอดี ไม่มีความบังเอิญอยู่ในโลก เว้นแต่ว่าเป็นแผนที่เบิ้มวางไว้!

เห็นตัวโตเหมือนพวกใช้กล้ามเนื้อ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นประเภทใช้สมองด้วย!

ยัง ยังไม่จบ ผู้ชายทึกทึนคนนี้ยังจับรถที่ตะแคงขึ้นให้ตั้งตรงด้วยมือเดียวแบบสบายๆ ต่อด้วยต่อยกระจกรถแตก! แถมยัง....กระชากตัวนักซิ่งที่น่าสงสารคนนั้นออกมาจากกระจก ดึงด้วยแรงไม่ธรรมดาจนเข็มขัดหลุดจากตัวล็อกซะดื้อๆ ทั้งที่เมื่อครู่พยายามดึงยังไงก็ไม่ยอมหลุด!

น่ากลัว น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!

ยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ ถ้าเอาไปฉายในโรงทุกคนต้องคิดว่ากำลังดูหนังฆาตกรไล่ล่า!

ความพลิกตลบจากฝ่ายไล่ตามเป็นฝ่ายถูกล่าและความสามารถเหนือมนุษย์นั้นทำให้ผู้ถูกทารุณทางใจน้ำหูน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว สิ่งเดียวที่นักซิ่งซึ่งทิ้งความแมนไปแล้วเลือกกระทำคือ...การพนมมือร้องขอชีวิต

“ปะ...ปล่อยผมไปเถอะ ผมจะบอกทุกอย่าง อย่าต่อยผมคอหัก อย่ากระทืบจนกระดูกป่นเป็นผงเลย ฮือ โฮ”

เบิ้มที่กำลังวางมาดโหดเหี้ยมชะงักทันที ประโยคขอความเมตตามันแปลกๆ นะว่ามั้ย ใครจะบ้าต่อยคนทีคอหัก กระทืบทีเดียวกระดูกป่นเป็นผง สงสัยนักซิ่งคนนี้จะกลัวจนขึ้นสมอง สติสตังไม่เหลือแล้ว

มองไปมองมาเหมือนราชีห์รังแกหนูชอบกล ความตั้งใจแรกที่จะต่อยสักหมัดสองหมัดให้คายความจริงเลยเก็บไป เพราะแค่เงื้อมือขึ้น นักซิ่งก็แทบจะชักดิ้นชักงอ เหมือนขอฆ่าตัวตายให้ไปสบายๆ ยังดีกว่าต้องตายในมือเบิ้ม

เพิ่งเคยเจอสถานการณ์นี้ครั้งแรก บอกตามตรงว่าไปไม่ถูก

“ใครเป็นคนจ้างนายมา”

โชคดีที่คนรักมาได้ถูกจังหวะ สงสัยจะมัวเกลี้ยกล่อมเด็กเวรให้นั่งปิดตานิ่งๆ อย่าตกใจหากในรถไม่เหลือใคร จึงจะวางใจเดินมาสมทบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน

“คนจ้างผมคะ...คือ...สมทรวงครับ ยะ...อย่าฆ่าผมนะ ฮือ”

เห็นนักซิ่งพนมมือร้องไห้น่าสงสาร เบิ้มก็ไม่กล้ากระชากคอเสื้อต่อ พอปล่อยมือร่างนั้นก็ลงไปนอนแผละกับพื้น ไม่กล้าขยับตัวสักนิดเดียว

เขาหันไปสบตาคมสันเป็นเชิงเอายังไงต่อดี เพราะหน้าที่บอดี้การ์ดจบลงแล้ว ได้เวลาส่งไม้ต่อให้จอมมาร...เอ๊ย นางฟ้าของเบิ้ม

“จับตัวไปมัดไว้หลังรถ กลับถึงคฤหาสน์แล้วฉันค่อยเล่าแผนให้ฟัง”

“ได้ครับ”

เบิ้มถกแขนเสื้อขึ้นอีกนิด ก่อนจะค่อยๆ ก้มหาคนที่ดิ้นทุรนทุรายกับพื้นเหมือนไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก

“อย่า อย่าฆ่าผม ม่ายยย”

เบิ้มฉีกเสื้ออีกฝ่ายขาดเป็นชิ้นๆ มองไปมองมาคล้ายลวงมาข่มขืน แต่ความจริงแล้วเบิ้มแค่เอาเศษผ้ายัดปาก ก่อนจะเอาส่วนที่เหลือมามัดมือและเท้าก็เท่านั้นเอง ช่วยไม่ได้ ก็เขาไม่มีเชือก แต่คำสั่งของคุณแฟนสำคัญที่สุด ไม่มีก็ต้องทำให้มี จะมัดก็ต้องมัดให้ได้

คมสันดันแว่นอย่างพอใจเป็นล้นพ้น

เพียงเห็นเบิ้มก็ฮึกเหิม จับร่างที่ดิ้นขลุกขลักนั้นอุ้มขึ้นบ่าด้วยมือเดียวเหมือนหิ้วกระสอบ พอเอาไปวางไว้ท้ายรถ...ก็พบว่านักซิ่งตกใจกลัวจนเป็นลมไปแล้ว ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะกระโดดหนีลงกลางทาง เบิ้มปิดประตูหลังรถแบบไม่สนิท เพื่อให้มีช่องว่างพอหายใจ

จัดการตัวปัญหาเสร็จก็ได้เวลาคืนดีกับแฟน เบิ้มขยับเนกไทเล็กน้อย ความกล้าบ้าบิ่นตอนขับรถเมื่อครู่มลายสิ้นไม่เหลือมาด เหลือเพียงไอ้เบิ้มเชื่องๆ คนหนึ่งที่เดินไปแตะมือกับคมสันเป็นเชิงขอจับนะที่รัก เมื่ออีกฝ่ายไม่ขยับหนี เบิ้มก็จับหมับเข้าเต็มสองมือ ทั้งลูบทั้งกุม คิดถึงสัมผัสอุ่นอวลด้วยไอรักแบบนี้เหลือเกิน

“นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง”

พวกเขาสองคนยืนพิงหลังรถ คุยกันเสียงเบาขณะเงยชมฟ้าด้วยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ราวกับลืมเลือนไปแล้วว่ายังมีเด็กเวรปิดตารอกลับบ้านอยู่

“เคยมาตอนเป็นสตั้นท์แมนน่ะ ทั้งออฟฟิศมีฉันคนเดียวที่ขับรถวิบากเป็น เวลาต้องถ่ายฉากขับรถดริฟต์เลยมาที่นี่บ่อยๆ เพราะเป็นทางวันเวย์ ไม่ค่อยมีคนสวนไปมา รอบข้างก็ไม่มีบ้านคน ไม่รบกวนใครและสะดวกดี” เบิ้มตอบไปอมยิ้มไป คนรักของเขาช่างแสนดีและมีน้ำใจ ไม่ทวงถามย้อนถึงความผิดเบิ้มเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อคมสันเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระเกินกว่าจะเอ่ยถึง เบิ้มก็ยินดีจะเลยตามเลย ลูบมือเนียนๆ นั้นอย่างชื่นอกชื่นใจ

“ถ้าฉันไม่พามาที่นี่ นายจะให้ฉันทำยังไง” ที่ถามนั้นไม่ได้หาเรื่อง แต่เบิ้มอยากรู้ว่าคนที่วางแผนทุกขั้นตอนอย่างคมสันจะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไหน

“ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้คิด”

เบิ้มเบิกตากว้างอย่างตกใจ คมสัน...คมสันเนี่ยนะไม่คิดแผนสำรอง!

“มีนายอยู่ข้างๆ...ฉันต้องคิดเรื่องใช้กำลังจับคนด้วยเหรอ”

คำพูดนั้นหวานหยดยิ่งกว่าคำบอกรักซะอีก

ไอ้เบิ้มหลับฝันดีแล้วคืนนี้

“แล้วถ้าวันนี้ทำไม่สำเร็จล่ะ”

“นายคือคนที่ฉันเลือก ฉันเชื่อใจนาย”

ได้ยินคำพูดนั้นชัดๆ ไอ้เบิ้มรู้สึกตัวเบาสบาย คล้ายจะลอยขึ้นสวรรค์

“ขอบคุณที่เชื่อใจกัน” เบิ้มบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้น กลายเป็นเขาสำนึกผิดซะเองที่ไม่เชื่อใจคมสัน ทำให้หมางเมินกันตั้งสองอาทิตย์ “ฉันก็จะเชื่อใจนาย คมสัน”

“สัน...”

“?”

“เรียกสันเฉยๆ เถอะ”

ช่วงสามวันแรกที่เซ็นสัญญาความสัมพันธ์ของพวกเขาคืบหน้าไวมาก แต่ไม่รู้ทำไม กลับไม่น่าประทับใจเท่าคำพูดแค่ไม่กี่ประโยคในตอนนี้

อาจเพราะตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปหมด ทั้งจับมือครั้งแรก หอมแก้มครั้งแรก จูบครั้งแรก อารมณ์ยั่วเย้ากึ่งฉาบฉวยกรายๆ

นี่สินะความสุขของการมีคนรักที่เชื่อใจและเข้าใจกัน

เบิ้มซึ้งเหลือเกิน ก่อนบรรยากาศโรแมนติกจะหายวับเมื่อได้ยินเสียงโวยวายจากในรถ

“สัน สันหายไปไหนน สันนน!”

พวกเขาสองคนสบตากัน ในแววตาแฝงประกายขำขันก่อนจะพากันปล่อยมือแล้วเดินเข้าไปในรถ

“ผมอยู่นี่ครับ เปิดตาได้แล้วนะ”

“เปิดตาได้แล้วเหรอ” เด็กเวรถามเหมือนไม่แน่ใจ

“ครับ เปิดตาได้แล้ว”

พอเปิดตา ภาพที่เด็กเวรเห็นก็คือไอ้เบิ้มที่เริ่มขับรถกลับบ้านด้วยความเร็วแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง พลันเด็กชายกอดอกทำหน้าบึ้งเหมือนขัดใจ อยากจะลิ้มรสความซิ่งสะท้านปฐพีอีกครั้ง

“เบิ้ม”

“ครับ”

“เมื่อกี้โคตรเท่เลย” นานครั้งจะได้คำชมจากเด็กเวร ไอ้เบิ้มจึงพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ “วันหลังสอนกันบ้างสิ นะนะ เบิ้มนะ”

อยู่กันมาสองอาทิตย์ โดนมองเมินเหมือนเป็นส่วนเกิน วันนี้แค่โชว์เบิ้มเดอะฟาสให้ดูไม่กี่ชั่วโมง ทำเอาเด็กติดในทันตา

“ไม่มีใบขับขี่ขับรถไม่ได้หรอกนะครับ” คมสันรีบเบรก เด็กเวรกำลังอยู่ในช่วงอยากรู้อยากลอง เห็นอะไรก็ตื่นเต้นอยากจะทำไปหมด เลยต้องคอยปรามให้มาก

“สิบแปดอีกแล้วเหรอ”

“ครับ ต้องรออายุสิบแปดก่อนนะครับ”

“อะไรๆ ก็สิบแปด เฮ้อ กว่าจะถึงตอนนั้น ฉันกลัวจะลืมก่อนน่ะสิ”

คมสันไม่ตอบคุณหนูสุดที่รัก แต่หันมาส่งยิ้มให้เบิ้มหนึ่งที

รอยยิ้มนั้นแฝงความหมายสองอย่าง

หนึ่ง หากคุณหนูลืมจริง ก็อย่าริอาจเป็นเบิ้มเดอะฟาสให้ระลึกถึง

สอง หากคุณหนูไม่ลืม ก็จงโกหกไปว่าเบิ้มเดอะฟาสลืมวิชาไปแล้ว

แล้วเขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อคนรักไม่ปลื้มเบิ้มเดอะฟาส งั้นเบิ้มเป็นเดอะแฟลชเหมือนเดิมก็แล้วกัน

อยากได้อะไรก็จัดให้ครับ คุณแฟน

 

------------

คนมีความรักก็จะน่าหมั่นไส้กันนิดนึง

ตอนนี้ยังความกาวไว้กับเบิ้มเดอะฟาสค่ะ ทำเอาเด็กเวรปลื้มพี่เบิ้มเลยทีเดียว ส่วนความสัมพันธ์ของคมสันกับพี่เบิ้มก็กลับมาหวานแหววกันเหมือนเดิม เดิมทีคมสันก็ไม่ใช่คนเน้นพูดมากกว่าทำอยู่แล้ว คำบอกรักแทบไม่เคยมี แต่การกระทำค่อนข้างชัดเจน ซึ่งสำหรับพี่เบิ้มแล้ว...การที่คนอย่างคมสันผู้มากแผนการ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องคิดล่วงหน้าเป็นขั้นเป็นตอน ถึงกับไม่คิดอะไรแล้วยกการตัดสินใจในการจับคนร้ายให้เบิ้มทั้งหมดนั้น นับว่าเป็นอะไรที่สุดยอดมากพอจะคลายความระแวงแล้วค่ะ

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่อยากจะไปซิ่งกับพี่เบิ้มสักครา (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 13-11-2018 20:11:05
ตระกูลสม มาทีไร ฮาทุกที 5555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-11-2018 20:24:21
สันคือนางฟ้าของเบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-11-2018 20:39:10
เบิ้มนี้ให้อารมณ์เหมือนหมาตัวโตๆที่เวลาใช้กำลังทำสิ่่่่งที่่่่เจ้านายต้องการเสร็จแล้ววิ่งมาหมอบกระดิกหางเลย แลดูคิ้วท์ๆ. 555+
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 13-11-2018 20:50:36
สนุกดีค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-11-2018 22:32:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-11-2018 04:02:04
พี่เบิ้มขะ ขะ แข็งแกร่งงง !!
รู้สึกว่าตอนนี้เสี่ยน่ารัก 5555
คมสันนี่มันมาดนางพญาสุด  :z1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2018 05:19:03
ว่านอนสอนง่าย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-11-2018 07:17:52
พี่เบิ้มสายมโน แต่ความสามารถไม่ธรรมดาเลย กลับไปคืนนี้จะมีรางวัลให้มั้ยน้า.  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 14-11-2018 09:11:18
รู้แล้วว่าเสี่ย(ลูก)มโนได้ใคร มีพ่อ(พี่เบิ้ม)ช่างมโน มีแม่(พี่สัน)เป็นจอมมาร เคลียอีกรอบ  :m20:
  :L1:  :pig4:  :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-11-2018 12:31:37
พี่เบิ้มเดอะฟาส ยังไงก็อ่อนให้จอมมารคมสันอยู่ดี ก็คนมันรักไปแล้ว o18
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 14-11-2018 13:30:36
เสี่ยช่างเดียงสาใสๆจริมๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-11-2018 14:15:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 7 : การขับรถของเบิ้ม - Up : 13/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2018 18:47:17
เบิ้ม.....เก่งมากกกกก
เป็นทั้งเดอะแฟลช แอนด์ เดอะฟาสท์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ส่วนเสี่ย...เด็กเวร  เล็กๆก็น่ารักดีกว่าตอนใหญ่นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 - Up : 16/11/18 !!
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 16-11-2018 19:06:27


ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรกของเบิ้ม

 

ถ้าถามว่าเบิ้มกำลังทำอะไรอยู่

‘หมอนั่นหายหัวไปห้าวันแล้ว เราจะทำยังไงดี’

เบิ้มตอบได้เพียง...กำลังแอบดักฟังอยู่

และถ้าถามว่าดักฟังได้ยังไง มา เบิ้มจะเท้าความให้

 

หลังจากปรับความเข้าใจกัน ชุดนอนไม่ได้นอนของคมสันก็มาเยือนเบิ้มทุกคืนให้มือขวาโลกสวยอีกครั้ง

ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า กับความรู้สึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การรุกคืบอย่างไวว่องในช่วงแรก กลายเป็นบรรยากาศละมุนนุ่มนวลลงอย่างไม่น่าเชื่อ คล้ายต่างคนต่างเปิดใจ พยายามจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่าเดิม

แต่ที่ไม่ต่างจากเดิม คือความร้อนฉ่ากับฟีโรโมนของคมสันที่มักนั่งไขว่ห้างบนเตียงเบิ้มด้วยท่วงท่าเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นไขว้ขาซ้ายที ขาขวาทีเนี่ยละ

เล่นเอาร้อนวูบวาบไปหมด

แต่เพราะความสัมพันธ์ที่ค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้ก็ดีแล้ว เบิ้มไม่อยากให้รีบร้อนไวไฟเหมือนแรกเริ่ม ที่เอะอะเดี๋ยวจับเดี๋ยวหอมเดี๋ยวจูบ ทำให้ไม่ได้เข้าใจกันที่ตัวตนจริงๆ เขาจะรอวันที่ต่างคนต่างพร้อม เป็นการร่วมรักที่ไม่ใช่การสนองทางเพศเพียงอย่างเดียว

แหม อย่างแมนอ่ะไอ้เบิ้ม

“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ฉันมีงานให้นายทำ”

“อะไรหรือ” เบิ้มวางมือบนต้นขาคนรัก ไม่ได้คิดอกุศลแต่ขอจับขอทัชสักนิดให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ

“ดักฟัง” พูดจบ คมสันก็ยื่นกล่องซึ่งมีหูฟังอันเล็กๆ ส่งให้เบิ้ม

“แอบไปติดเครื่องดักฟังที่บ้านผู้หญิงคนนั้นมาเหรอสัน?”

“ฉันอยู่กับนายตลอด จะไปได้ยังไง” คมสันอธิบายอย่างใจเย็น คมสันเป็นคนปกติธรรมดามีสองมือสองเท้า แม้เบิ้มจะเหนือมนุษย์ไปบ้าง แต่จะให้คนรักทำอะไรเวอร์ๆ แบบนั้นก็เกินไป “ท่านประธานวานให้ฉันช่วยซื้ออุปกรณ์เกี่ยวกับเด็กเล็ก ท่านอยากเอาใจผู้หญิงคนนั้นหลังทะเลาะกันเรื่องทะเบียนสมรสมาหลายวันแล้วน่ะ ฉันเลยซื้อเตียงเด็ก รถเข็นเด็ก ของเล่นเด็กมาที่นี่ แล้วแอบซ่อนเครื่องดักฟัง”

เบิ้มครางในลำคอ จะว่าไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านประธานก็อาศัยช่วงเด็กเวรเข้านอนแอบขนของขึ้นรถลับๆ ล่อๆ กับคมสัน เบิ้มกะแล้วว่าต้องเกี่ยวกับบ้านเล็กบ้านน้อยเลยไม่กล้าเสนอหน้า เพราะประธานยังไม่รู้ว่าคมสันเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังแล้ว

“เตียงเด็กอยู่ในห้องนอน รถเข็นอยู่ตรงทางเดิน ของเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น น่าจะพอดักฟังได้อะไรดีๆ บ้าง”

มองคนรักที่พูดหน้าตายแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของชาวบ้าน เบิ้มก็ได้แต่รับหูฟังมาเก็บถนอมอย่างดี...อดคิดในใจไม่ได้ว่าคนรักของเขาช่างเก่งกาจเรื่องการวางแผนแบบไม่เปลืองแรงจริงๆ

“นายคอยสรุปแล้วเล่าให้ฉันฟังแค่ประเด็นสำคัญก็พอ”

หมดธุระ คมสันก็ตบมือเบิ้มซึ่งวางบนต้นขาเบาๆ เป็นสัญญาณให้ยกออก จากนั้นก็ลุกขึ้น หันมายิ้มสวยชวนเคลิ้ม

“ราตรีสวัสดิ์”

 

กลับมาปัจจุบัน

ไอ้เบิ้มวิ่งบนลู่ในฟิตเนสไป ก็แอบดักฟังไป

กลมกลืนกับคนอื่นที่ฟังเพลงออกกำลังกายกันเป็นเรื่องปกติ อันที่จริงเบิ้มก็สงสัย ว่าเขาควรจะมีสามัญสำนึกหน่อยมั้ยนะ แต่ในเมื่อรับเงินมาเป็นบอดี้การ์ด การป้องกันความปลอดภัยให้เด็กเวรก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญ แต่พอทบทวนดูดีๆ ไอ้สิ่งที่ทำแต่ละอย่างทั้งขับรถชน ลักพาตัว พ่วงแอบดักฟัง...

คล้ายๆ จะเป็นอาชญากรรมชอบกล

แต่กับฝั่งที่หมายเอาชีวิต เบิ้มก็สมควรจะทิ้งมโนธรรมในใจเพื่อให้ครอบครัวยังเป็นครอบครัว

ไม่ใช่แค่ฝั่งเบิ้ม แต่รวมถึงฝั่งภรรยาคนที่สองของท่านประธานด้วย

เพราะต่อให้เชื่อฟังคมสันยังไง แต่เบิ้มก็ไม่วายต้องถามเพื่อความสบายใจว่าทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี ซึ่งคมสันยืนยันว่าแผนการที่คิดไว้นั้นจะทำให้ออกมาดีกับทุกฝ่าย ประธานจะยังคบหากับผู้หญิงคนนั้น ตัวเธอเองก็จะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย ส่วนเด็กเวรก็จะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ใช้ชีวิตไปวันๆ เหมือนไม่เคยมีใครปองร้าย

ต่างคนจะต่างใช้ชีวิตของตัวเอง ไร้ซึ่งการข้องแวะ และเลิกล้มความคิดอยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรจะได้

ฟังแล้วเหลือเชื่อนะ เบิ้มเองก็รอดูเหมือนกันว่าคมสันจะทำสำเร็จรึเปล่า

เพราะเขาคิดผลสรุปแบบที่ไม่ต้องแตกหักไม่ออกเลย!

‘ใช่ เจ้านั่นหายตัวไป เหลือแต่ซากรถกับรอยเลือด ถ้าไม่โดนลักพาตัวไป...ก็คงโดนฆ่าตายไปแล้ว’

ก็สถานการณ์ตอนนี้เข้าขั้นตึงเครียด อีกฝ่ายไม่ยอมถอยง่ายๆ แน่

‘อย่าคิดว่าผู้ช่วยเลขาคนนั้นไม่กล้าฆ่าคนนะแม่ เห็นหงิมๆ แบบนั้นแต่น่ากลัวจะตาย! คอยจัดแจงทุกอย่างให้ประธานตั้งแต่ตอนที่เขาเริ่มคบกับฉันเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่จองโต๊ะร้านอาหาร ซื้อของขวัญ ซื้อบ้าน ช่วยย้ายที่อยู่ ขนาดวันไหนควรจะกลับบ้านหรือมาหาฉัน ผู้ช่วยเลขายังเป็นคนกำหนดเลย!’

ที่แท้เธอก็คุยโทรศัพท์กับคุณแม่อยู่นี่เอง

‘ตัวเองก็น่ากลัวอยู่แล้ว ยังไปหาตัวประหลาดมาสมทบอีก’

เบิ้มคิ้วกระตุก

‘ก็ไอ้บอดี้การ์ดคนนั้นไงแม่ คนที่ช่วยชีวิตเด็กนั่นทันน่ะ คนปกติที่ไหนจะว่ายน้ำเร็วขนาดนั้น แถมซากรถที่เจอก็มีรอยมือตรงฝากระโปรงด้วย...ทั้งที่จ้างนักซิ่งค่าตัวแพงมาแท้ๆ กลับพลาดท่าไม่เหลือสภาพ ฉันว่ามันต้องไม่ใช่คนแน่ๆ’

ถ้าไม่ติดว่าดักฟังอยู่ เบิ้มก็อยากจะบอกเหลือเกินว่าเบิ้มเป็นคน เป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ อย่ากลัวไปเลย

‘เผลอๆ อาจจะฆ่าแล้วฝังศพอยู่แถวนั้นก็ได้’

เบิ้มถึงกับวิ่งไปวิ่งปาดเหงื่อไป ถ้าไม่ติดว่าดักฟังอยู่ ก็อยากจะติดต่อไปหาภรรยาคนที่สองของท่านประธานโดยตรงว่าเธอเข้าใจผิด เข้าใจผิดอย่างมหันต์เลยด้วย!

นักซิ่งคนนั้นอยู่ไหนน่ะเหรอ ปัดโธ่ ก็อยู่ในคฤหาสน์ไงละ!

แถมยังอยู่ดีกินดี มีอาหารเสิร์ฟสามมื้อ มีเตียง มีห้องน้ำส่วนตัวเพราะโดนพามาขังในห้องรับแขกชั้นสองของคฤหาสน์ ที่เรียกว่าขัง เพราะคมสันไม่อยากปล่อยคนไปหาผู้ว่าจ้าง เลยเป็นการลักพาตัวมาเลี้ยงดูปูเสื่อกรายๆ หลายวันนี้อุดมสมบูรณ์ขึ้นตั้งเยอะ!

ตอนแรกเบิ้มก็กังวลอยู่หรอกว่านักซิ่งคนนั้นจะยอมอยู่ในห้องดีๆ ไม่หาทางหนีออกไปแน่หรือ แต่พอเบิ้มแวะเวียนไปหา นักซิ่งคนนั้นก็กอดขาอ้อนวอนในทันดลว่าขออยู่อย่างนี้ดีกว่าโดนฆ่าตาย โปรดอย่ายกหมัดต่อยจนกะโหลกยุบเลย ได้โปรด!

หลังแวะไปหาสองครั้ง โดนกอดขาทั้งสองครั้ง คมสันก็บอกว่าอย่าไปสร้างความหวาดกลัวให้นักซิ่งคนนี้อีก เกิดสติแตกขึ้นมาจะยุ่ง ไม่อยากเสียเงินจ้างจิตแพทย์มารักษาด้วยหรอกนะ

สรุปแล้วนักซิ่งไม่หนีไปไหนแน่นอนตราบใดที่เบิ้มไม่บอกว่าไปได้ ซึ่งเจ้าตัวก็เริ่มปรับตัวกับชีวิตกินๆ นอนๆ สุขสบายยิ่งกว่าใครหลายคนซะอีก

‘ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการเด็กนั่นไม่ได้ อุตส่าห์ยอมเป็นเมียน้อยทั้งที่เรารักกัน ฉันก็ควรจะได้สิ่งที่ฉันและลูกควรจะได้สิ!’

ฟังความคนละด้าน ความคิดเห็นก็คนละมุม

คมสันคิดว่าคุณหนูที่รักยิ่งควรได้บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เพราะพ่อแม่ต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเอง จึงสมควรทิ้งทรัพย์สมบัติให้ลูกชายคนแรกของทั้งคู่ไว้เลี้ยงตัว

ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็คิดว่าตัวเองควรได้เพราะมีลูกชายและครอบครัวอบอุ่นให้ท่านประธาน ในเมื่อเป็นที่รัก แล้วทำไมถึงไม่ได้บริษัทที่คนรักสร้างมากับมือจนเจริญรุ่งเรือง

ถ้าถามว่าเบิ้มเข้าข้างใคร

แหม ไม่เห็นต้องถามเลย

ก็ต้องเข้าข้างคุณแฟนอยู่แล้ว!

ไม่ใช่ความรักทำให้คนตาบอด แต่เบิ้มยอมรับคนที่คิดฆ่าเด็กซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่ลงต่างหาก

จะอ้างเหตุผล อ้างความคิดตัวเองก็อ้างไป แต่หมายเอาชีวิตคนอื่นเนี่ยยังไงก็ผิดเต็มประตู!

‘ต้องหาวิธีแยกผู้ชายคนนั้นออกจากเด็กนั่นให้ได้ แต่ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว วันก่อนให้คนไปรับเด็กที่โรงเรียนก่อนเวลา ก็โดนปฏิเสธว่าต้องเป็นคมสันเท่านั้น ต่อให้เป็นพ่อแท้ๆ ยังพาเด็กนั่นกลับบ้านเองไม่ได้เลย!’

เบิ้มยิ้มกับความรอบคอบของคนรัก เรื่องนี้เขารู้จากคมสันเพราะทางโรงเรียนโทรมารายงาน โรงเรียนนานาชาติค่าเทอมแพงหูฉี่ ย่อมมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม

‘แล้วแม่รู้มั้ยว่าคนที่ฉันให้ปลอมตัวไปรับ...ก็หายตัวไปในคืนวันนั้นเลย! หลังโทรมารายงานฉันแค่สองชั่วโมง!’

ส่วนที่ว่าคนคนนั้นหายไปไหน...

ตอนนี้กินดีอยู่ดีเป็นเพื่อนนักซิ่ง ซึ่งกำลังเล่าขานตำนานบทใหม่ซึ่งมีชื่อว่าเบิ้มเดอะฮัค

...เดอะแฟลช เดอะฟาส ต่อด้วยเดอะฮัค

เบิ้มไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจกับฉายาต่อท้ายที่เริ่มมากขึ้นทุกที

‘พวกนั้นต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าพวกเราอยู่เบื้องหลัง ถึงได้ทยอยเก็บไปทีละคนสองคน’

นอกจากเสียงสั่นอย่างหวั่นวิตกแล้ว เบิ้มยังได้ยินเสียกัดเล็บอย่างเคร่งเครียดด้วย

‘นั่นสินะแม่ ถ้ารู้ว่าเราทำ แล้วทำไมยังอยู่เฉย ไอ้พวกนั้นอาจโดนฆ่าตายก่อนคายข้อมูลก็ได้’

ใช่ว่าตัวเองคิดฆ่าคนแล้วคนอื่นจะต้องฆ่าคนของเธอด้วยสักหน่อย

เบิ้มวิ่งไปโคลงศีรษะไป ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสารคนท้อง อยากให้เธอปล่อยวางทุกอย่างแล้วตั้งอกตั้งใจดูแลลูก กลัวอะไรไม่กลัว กลัวก็แต่เด็กบริสุทธิ์จะได้ผลกระทบ น่าเสียดายเพราะเธอไม่มีทีท่าว่าจะถอย ขนาดลูกจ้างหายตัวไปสองคนยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าความยังไม่แตก ยังไม่จนมุม ยังลุยต่อได้อีก

ถ้าหยุดแค่ตอนนี้ก็ตั้งใจจะปิดหูปิดตาแล้วแท้ๆ

แต่พอคิดจะเดินหน้าต่อ กลายเป็นว่าเข้าแผนคมสันอย่างจัง

คนรักแสนฉลาดของเขารู้ว่าก่อนจะทิ้งไพ่ให้ศัตรูเห็น ก็ต้องทำให้ศัตรูเผยไพ่ตายสุดท้ายซะก่อน

‘ถ้าแยกเด็กคนนั้นออกมาไม่ได้ งั้นก็ต้องเข้าไปเอง’

และนี่ก็เป็นช่วงเวลาเหมาะสมในการทิ้งไพ่เด็ดแล้ว

 ‘บ้านหลังนั้นใหญ่ซะเปล่า แต่คนรักษาความปลอดภัยไม่ค่อยมี ฉันเคยถามสามี เขาเล่าว่าที่มีห้องพักค้างคืนในคฤหาสน์มีแค่คนครัว แม่บ้านแก่ๆ กับคนเฝ้ายามแค่สามคน ส่วนคนใช้อื่นๆ แวะเวียนมาไม่ได้อยู่ประจำ คมสันกับตัวประหลาดอยู่ปีกซ้ายชั้นสอง ส่วนเด็กนั่นนอนที่ปีกขวาชั้นสอง คนละฝั่งกันพอดี จะลงมือทำอะไรตอนเด็กหลับน่าจะง่ายกว่า’

เบิ้มหยุดวิ่งชั่วคราว ไม่ใช่ว่าเคืองที่โดนเรียกว่าตัวประหลาด แต่เพราะเตรียมจะโทรหาคมสัน

‘ก็ทำเหมือนลักพาตัวแบบไม่มีวันกลับมาเลยไงแม่ ให้กลายเป็นคนหายสาบสูญหาไม่เจอไปซะ เหมือนที่ทางนั้นลงมือกับคนของเรา’

น่าเสียดายที่คมสันติดประชุม เบิ้มดูตารางงานของคนรักจากโน๊ตในโทรศัพท์ ตั้งใจว่าอีกครึ่งชั่วโมงค่อยโทรหา

‘ฝากแม่ติดต่อทีมมืออาชีพที ไม่เอาพวกนักเลงข้างถนนนะ ฉันอยากให้แอบเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่มีใครรู้และไม่มีใครตาย ฉันอยากเล่นงานแค่เด็กนั่น เป็นเด็กที่ไม่มีใครรัก พ่อแม่แท้ๆ ยังไม่อยากได้ ก็ไม่รู้จะอยู่ให้รกโลกทำไม ถือว่าฉันสงเคราะห์ให้แล้วกัน”

เบิ้มเกือบกำโทรศัพท์แตกคามือ ประโยคสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้หากให้คมสันได้ยิน...เกรงว่าจะกลายเป็นโศกนาฏกรรม

อย่าว่าแต่คมสันโมโห ขนาดเบิ้มไม่ค่อยสนิทกับคุณหนู ในใจเรียกเด็กเวรแล้วเด็กเวรอีก ยังรู้สึกไม่ดีและไม่อยากให้ได้ยิน

‘ค่าจ้างไม่ต้องห่วงเลยแม่ ช่วงนี้ฉันท้อง ได้เงินช้อปปิ้งมาเยอะเลย ไว้แม่ตกลงแล้วส่งเลขบัญชีมาก็แล้วกัน เอาเร็วที่สุดเลยนะ คืนนี้ยิ่งดี ฉันอยากให้เรื่องนี้จบไวๆ จะได้เลี้ยงลูกอย่างสบายใจสักที’

เสียงพูดเงียบลงแล้ว คาดว่าคงวางสายสักที แต่เบิ้มยังแอบดักฟังต่อไป เพราะยังไงคมสันก็ยังไม่เลิกประชุม

ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

‘ลูกจ๋า ที่ผ่านมาอะไรยอมได้แม่ก็จะยอม แต่ครั้งนี้แม่จะไม่ยอมให้ลูกด้อยกว่าเด็กคนนั้นเด็ดขาด’

น้ำเสียงที่เอ่ยกับตัวเองคล้ายพยายามกล่อมว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ราวกับคนละคนที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่

‘เราจะเป็นภรรยาและลูกชายที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะได้ในสิ่งที่ควรเป็นของเรากลับคืนนะลูก’

ราวกับเป็นแม่ที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อลูกแม้มือจะแปดเปื้อนเลือดก็ตาม

แต่ไม่คิดจะถามสักนิด...ว่านั่นเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ หรือตัวเองต้องการแล้วอ้างลูกกันแน่

เอาเถอะ เรื่องนี้คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ เพราะมานึกดูดีๆ แล้ว ตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นก็คือ...

ท่านประธาน!

เสียแต่ท่านประธานไม่เคยจะรู้เรื่องอะไรกับใครเขาเลย คมสันเองก็ไม่คิดบอก เพราะพูดไปมีแต่จะยิ่งบานปลายซะเปล่าๆ ในเมื่อความสามารถในการจัดการปัญหาของท่านประธานนั้นเท่ากับศูนย์ วัดจากอาการหูเบาเชื่อภรรยาคนที่สองพาลูกชายไปง้อที่สวนน้ำจนเกิดเหตุ แล้วยังให้ผู้ช่วยเลขาช่วยจัดแจงซื้อของนู้นนี่นั่นให้โดยที่ตัวเองนอนตีพุงอยู่เฉยๆ แล้ว...

เอ๊ะ หรือนี่จะเป็นคุณสมบัติของผู้ชายตระกูลชาติบดินทร์!!

 

------------

 

ทีนี้จะโทษการเลี้ยงดูของคมสันอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะคะ เพราะมันอยู่ที่สายเลือดด้วย! 555
เอาจริงๆ เด็กเวรก็ได้พ่อมาเยอะนะคะตอนโต ทั้งเรื่องชอบคนหน้าตาดีจนกลายเป็นความรักที่ล้มเหลว และสุดท้ายไปติดใจกับคนรักที่มีฝีมือปลายจวักจนเกาะหนึบ ( แต่ในกรณีของเสี่ย คือติดใจคนรักที่มีแม่ทำอาหารอร่อยจนติดใจ 555 )

หลายคนอ่านแล้วอาจจะคิดว่าคมสันน่าจะพูดความจริงไปตรงๆ เลยให้จบเรื่องจบราวซะ
แต่คมสันไม่อยากให้ท่านประธานเลิกกับผู้หญิงคนนี้ค่ะ หรือก็คือ..ไม่อยากให้มีเด็กเวรเป็นคนที่สอง โดนพ่อทิ้ง ไม่ให้ความรักนั่นเอง

 
#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ซึ้งกับความรักเมตตาของจอมมาร(?) (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-11-2018 19:49:14
เบิ้ม เดอะมาเวล แล้วกันฮะ รวมทุกความสามารถ เพื่อรับมือกับจอมมาร 555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-11-2018 20:23:47
คนเรานะ คิดเข้าข้างตัวเองตลอด
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-11-2018 20:43:30
คุณเมียของประธานคนที่สอง  :hao3:
คิดเองเออเองเข้าข้างตัวเองที่ซู้ด
แบบให้เด็กเวรหายสาบสูญ  o22 o22 o22
เพื่อให้ลูกตัวเองมีสิทธิแทนได้อย่างถูกต้อง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
เข้าทางคมสัน จัดการไปเล้ยยยยย  :katai2-1:
        :L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-11-2018 21:54:25
 :z6:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-11-2018 22:01:52
สงสารเด็กสองคน ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่เกิดผิดที่ผิดเวลาเท่านั้นเอง กรรม!!!
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-11-2018 23:05:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-11-2018 02:16:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-11-2018 05:45:08
ตกลงทำเพื่อลูกหรือเพื่อตัวเองกันแน่ :hao3:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-11-2018 22:37:58
แล้วเธอจะได้รู้ว่าเล่นผิดคน :laugh: กล้าแหยมกับไข่ในหินของจอมมารได้ไงงง :z6:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 8 : ประสบการณ์ดักฟังครั้งแรก- Up : 16/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-11-2018 13:11:11
เป็นท่านจอมมารที่เหนื่อยจริงๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 - Up : 18/11/18
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 18-11-2018 19:34:13
ตอนที่ 9 : (หรือจะเป็น)ครอบครัวของเบิ้ม

 

ทุกคนครับ โปรดเบาเสียงหน่อย เพราะเบิ้มกำลังซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า

หืม ตู้เสื้อผ้าของใครน่ะเหรอ

ก็ของเด็กเวรน่ะสิ!

ปกติเวลานี้ไอ้เบิ้มจะต้องได้เจอคมสันในชุดนอนไม่ได้นอน นั่งไขว่ห้างปรึกษาหาทางรับมือภรรยาคนที่สองของท่านประธานแท้ๆ แต่วันนี้ไม่ทันได้เห็นแม้แต่ปลายเสื้อคลุมและตาตุ่มของคนรัก เบิ้มก็ต้องยัดตัวเองอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอับๆ ของเด็กเวร แล้วดูขนาดตัวเขาซะก่อน...ตู้เสื้อผ้าไม่ปริก็ขอบคุณฟ้าดินแล้ว

แต่การยืนเฉยๆ ห้ามขยับตัวก็เป็นอะไรที่ทรมานมากเหมือนกัน โดยเฉพาะการซ่อนตัวอย่างไร้จุดหมาย เพราะทั้งเบิ้มและคมสันต่างไม่รู้ว่าจะมีคนบุกมาตอนไหน เวลาใด รู้เพียงแต่ว่าจะมาคืนนี้อย่างแน่นอน จากการดังฟังครั้งล่าสุดที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับโทรศัพท์จากมารดาว่ามีการตกลงว่าจ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว

‘เป็นไงบ้าง’

แต่พอได้ยินเสียงคนรักลอดผ่านหูฟัง จากอึดอัดก็กลายเป็นจั๊กจี้ เหมือนคมสันมากระซิบข้างหู

“สบายดีสุดๆ เลย” เบิ้มรีบก้มตอบไมค์ซึ่งติดตรงอกเสื้อทันที เพราะแยกย้ายกันปฏิบัติการ เลยต้องอาศัยเครื่องมือสื่อสารเล็กจิ๋วพวกนี้ในการประสานงาน

ไอ้เบิ้มคนนี้เป็นหน่วยบุกทะลุย ส่วนคมสัน...

‘ฉันเห็นเงาในกล้องวงจรปิดแล้ว มากันทั้งหมดหกคน’

เป็นหน่วยวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าในการใช้กำลังจับคนนั้นคมสันไม่ออกความเห็นใดๆ ปล่อยให้เบิ้มเคลื่อนไหวอิสระตามสบาย เชื่อมั่นและไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยม

“ขนมาเยอะจังนะ กับแค่เด็กคนเดียว” และเบิ้มก็มีความสุขมากเวลาคนรักเชื่อใจกัน

“พวกนั้นปีนกำแพงข้ามมาแล้ว คล่องแคล่วไม่เลว’ คมสันรายงานเป็นระยะ ขณะจับจ้องหน้าจอโน๊ตบุ้คซึ่งเชื่อมต่อกับระบบวงจรปิดภายในคฤหาสน์ หากเบิ้มมาเห็นภาพคมสันเอนพิงหัวเตียงโดยมีเจ้าเครื่องนี้วางบนตัก ท่าทางผ่อนคลายจิบไวน์แสนสบาย จะต้องคอแห้งมากแน่นอน

เพราะคมสันนอนอยู่บนเตียงของเบิ้ม

เป็นสิ่งที่เบิ้มวาดฝันแต่ไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองสักที เพราะมาทีไรคมสันก็เอาแต่นั่งไขว่ห้างอยู่ปลายเตียงตลอด

‘เริ่มจัดการกับยามเฝ้าประตูหน้าแล้ว ลงมือฉับไวเน้นต่อสู้ระยะประชิดให้สลบในพริบตา ฝีมือดีสมราคา’

“เทียบกับฉันล่ะ”

‘ฉันจ้างนายเป็นคู่ชีวิต เทียบกับเจ้าพวกนี้ได้ด้วยหรือ’

คำพูดพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ นั้นทำให้เบิ้มหวานในอกจนน้ำตาลยังอาย

‘สองคนจัดการยามประตูหน้า สองคนจัดการยามที่ประตูหลัง อีกสองคนดูต้นทาง พวกนี้ทำงานเป็นทีมเวิร์ก นายระวังตัวด้วย’

“ไม่ต้องห่วงครับสัน การต่อสู้ระยะประชิดฉันไม่เคยแพ้ใคร’

‘แล้วจะรอดู’

ได้ยินคำนั้น เบิ้มที่กำลังตกในห้วงรักก็ตื่นตัวทันที เขาเริ่มปรับลมหายใจและตั้งสมาธิ เตรียมอวดฝีไม้ลายมือ

‘เจ้าพวกนั้นเข้ามาในคฤหาสน์แล้ว กำลังขึ้นบันไดชั้นสอง ไปที่ห้องของคุณหนู’

แม้ราบรื่นสะดวกโยธินสุดๆ แต่อย่าเข้าใจผิด คฤหาสน์หลังนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเลิศ หากมีคนอื่นรุกล้ำเข้ามาจะมีสัญญาณเตือนภัยแจ้งไปหาสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดทันที แต่คมสันปิดระบบนั้น จงใจอำนวยความสะดวกให้ผู้มาเยือนทั้งหก

 ‘เจ้าพวกนั้นไปถึงหน้าห้องแล้ว’

“อืม ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว ขอบคุณนะสัน”

เบิ้มพูดเสียงอบอุ่นอ่อนหวานขณะกล่าวกับคนรัก แต่สีหน้ายามจับจ้องประตูที่เปิดออกช้าๆ ผ่านช่องตู้เสื้อผ้านั้นเคร่งขรึมเต็มไปด้วยกลิ่นอายนักสู้

ผู้บุกรุกมีทั้งหมดหกคน ทุกคนต่างสวมหน้ากากไอ้โม่ง สวมเสื้อผ้าสีดำกลมกลืนกับความมืด ทันทีที่เข้ามาในห้องสำเร็จ สองคนแรกก็ใช้สายตาสำรวจรอบๆ เพื่อหาเป้าหมายทันที จนเมื่อเห็นเตียงขนาดคิงไซส์ที่มีรอยนูนคล้ายคนนอนหลับ ก็ส่งสัญญาณมือให้อีกสี่คนเดินตามเข้ามา

ทีมงานเป็นมืออาชีพจริงๆ ซะด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่มีสัญญาณมือป้องกันไม่ให้เกิดเสียง ฝีเท้ายามย่างก้าวเองก็เบากริบ แบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน สองคนแรกเดินไปเฝ้าทางหน้าต่าง สองคนหลังเฝ้าทางประตู ส่วนอีกสองคนรุกคืบไปที่เตียง คนหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบ อีกคนถือถุงกระสอบพร้อมลักพาตัวเด็ก

เบิ้มกลั้นลมหายใจ เพราะไม่อยากให้ทั้งหกคนนั้นรู้ตัวว่ามีบุคคลอื่นในห้องนี้ คมสันเองก็ไม่พูดอะไรอีกด้วยเกรงจะทำลายสมาธิเบิ้ม

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้าแต่รอบคอบ ไม่เกิดเสียงแม้แต่น้อย จนกระทั่งหนึ่งในสองดึงผ้าห่มออกจึงอุทานออกมา

“ไม่มีเด็ก!”

“ไม่มีเด็กแล้วมีอะไร” สองคนที่เฝ้าตรงหน้าต่างถามสงสัย เพราะปฏิบัติการนี้เกิดจากการว่าจ้างกะทันหัน จ่ายเงินวันนี้ลงมือคืนนี้ แล้วทำไมถึงโดนดักล่วงหน้า หรือว่าจะมีหนอนบ่อนไส้!?

หนอนคนนั้นไม่ใช่ทางฝั่งพวกเขาแน่ แต่น่าจะเป็นจากทางนายจ้างมากกว่า

และถ้าแผนล่ม...ก็เท่ากับว่า...

“มีหมอนข้าง!”

พวกเขาโดนตลบหลังแล้ว!

สิ้นเสียงพูดของพรรคพวก ตู้เสื้อผ้าพลันเปิดพรวดพร้อมการปรากฏกายของผู้ชายคนหนึ่งที่เคลื่อนไหวปานลมกรด พวกเขาทั้งหกเห็นเพียงเงาร่างวูบไหวเท่านั้น ต่างรีบหยิบอาวุธขึ้นมาถือพร้อมปะทะ แต่ไม่ทันจะจับมีดหรือปืนกันให้ดี แรงกระแทกที่แม่นยำราวจับวางก็ทำให้แต่ละคนร้องโอดโอยเผลอปล่อยอาวุธตกพื้นพร้อมเพรียงกัน

สิ่งของที่กระแทกข้อมือเข้าอย่างจังนั้น...คือ...เอ่อ...ไม้แขวนเสื้อ!

พุ่งตัวออกจากตู้เสื้อผ้า ใช้ไม้แขวนเสื้อเป็นอาวุธก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกคือการเหวี่ยงไม้แขวนเสื้อประหนึ่งบูมเมอแรง จัดการคนทั้งหกได้พร้อมๆ กัน วินาทีนั้นพวกเขาต่างตระหนักได้ว่าเจอกับยอดฝีมือเข้าให้แล้ว!

เงาร่างปริศนายังคงปรากฏกายวูบไหวยากจับทาง ทุกคนรีบตั้งสติ แม้จะเจ็บข้อมือแต่คนเรามีมือสองข้าง! ในเมื่อข้อมือขวายังปวดแปลบๆ งั้นก็ใช้มือซ้ายก้มเก็บสิ!

พลันแรงกระแทกหนักหน่วงปรากฏอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ไม้แขวนเสื้อ แต่เป็น...อืม...ลูกเหม็น!

พุ่งตัวจากตู้เสื้อผ้า จะใช้ลูกเหม็นเป็นอาวุธก็ไม่แปลก เดี๋ยวก่อน มันใช่เวลามาคิดเรื่องนี้มั้ย!

แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะทันทีที่ทั้งหกคนข้อมือบวมจนเก็บอาวุธไม่ไหว เงาร่างแสนน่ากลัวของพ่อบ้านใจกล้าที่ใช้อุปกรณ์ในบ้านเป็นอาวุธก็พุ่งจู่โจมคนใกล้ตัวที่สุดทันที

ผัวะ

เสียงกระแทกของหมัดที่ปะทะเข้ากับกกหูจังๆ หนึ่งในหกที่เห็นเพื่อนร่วงต่อหน้าต่อตาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะหมัดเดียว...ล่อซะคนโดนต่อยถึงกับลงไปนอนน้ำลายฟูมปากกับพื้น!

วูบหนึ่งในใจคิดว่าควรจะเข้าไปช่วยเพื่อนดีมั้ย แต่อีกวูบก็บอกตัวเองว่าควรจะกระโดดหน้าต่างหนีไป น่าเสียดาย เพราะความคิดไม่ไวเท่ากับการเคลื่อนไหวของเงาร่างที่พลิกตัวรวดเร็ว เมื่อครู่ต่อยหมัดใส่เพื่อนเขาอยู่แท้ๆ จู่ๆ ก็พลิกตัวหันมาตวัดขาจัดท่าจระเข้ฟาดหางเข้าเต็มคอ!

วินาทีนั้น...ชายผู้เคราะห์ร้ายก็ลงไปนอนแหมะกับพื้น ร่วงง่ายๆ เหมือนใบไม้ปลิวจากขั้ว

ภาพที่เกิดขึ้นน่าสะพรึงกลัวจนผู้เหลือรอดอีกสี่คนตัดสินใจรวมตัวกันดีกว่าจะเกิดผล ก่อนหน้านี้พลาดท่าเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่พวกเขาคือทีมมืออาชีพ! กับอีแค่ต่อสู้ประชิดตัว ตั้งสติเข้าหน่อยแล้วรุมตื้บก็น่าจะรอดแล้ว

แต่ไม่! ความสามัคคีนี้ไม่บังเกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น!

เพราะเพียงถีบเดียวที่ซัดเข้าเต็มหน้าท้องของคนหน้าสุด แรงกระแทกก็กระเทือนไปถึงคนหลังสุด ทั้งสี่คนที่บังเอิญยืนเสียงกันเป็นโดมิโน่ล้มไปพร้อมๆ หมดสภาพพังพาบกับพื้น

อันที่จริง...คนที่สี่ซึ่งอยู่หลังสุดไม่ถึงกับสลบเหมือดตามเพื่อน

แต่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีอย่างนี้ แม้ไม่สลบ ก็ต้องแกล้งสลบ

คร่อก!

ตัดภาพมาที่เบิ้มกันบ้าง ณ ขณะนี้เบิ้มยืนปัดมือเบาๆ ราวเมื่อครู่แค่ตบแมลงวันหกตัว ไม่ได้เหนื่อยหอบอะไรเลย แน่นอนว่าเขาเห็นว่ามีคนหนึ่งแกล้งสลบ ตั้งใจว่าจะจัดการอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าได้รับบัญชาจากสวรรค์ซะก่อน

‘เก็บไม้แขวนเสื้อกับลูกเหม็นด้วย’

“ครับ”

เก่งกาจแค่ไหนแต่เป็นพ่อบ้านใจกล้าก็ทำได้เพียงก้มเก็บไม้แขวนเสื้อกับลูกเหม็นงกๆ กว่าจะหาครบเล่นเอาไอ้เบิ้มปาดเหงื่อ เหนื่อยยิ่งกว่าตอนสู้ซะอีก

‘จับพวกนั้นมัดแล้วลากไปที่ห้องรับแขก’

“ได้ครับ” หมดหน้าที่การใช้กำลัง เบิ้มก็ทำได้เพียงปฏิบัติตามความต้องการของคุณแฟนอย่างตั้งอกตั้งใจ งวดนี้ เขาเตรียมเชือกมาพร้อม ไม่ต้องแสลงตาคอยฉีกเสื้อผ้าผู้ชายมาใช้เหมือนก่อนหน้านี้

เอาละ เริ่มจากมัดคนแรกก่อน...คนที่โดนหมัดเข้าอย่างจัง เห็นมั้ย ก็แค่น้ำลายฟูมปากเอง ไม่ได้กะโหลกบุบบี้หรือคอหักอย่างที่นักซิ่งเข้าใจผิดสักหน่อย เบิ้มน่ะเป็นคนปกติธรรมดานะ

ส่วนคนที่สอง...โดนจระเข้ฟาดหางเข้าไปเลยเฝ้าพระอินทร์ทั้งที่ยังลืมตา สงสัยจะน็อกไวไปหน่อย เลยสลบทั้งที่เบิกตาค้าง มีแต่ตาขาวด้วยตาดำไม่มี

ถึงตามัดคนที่สามบ้าง รายนี้โดนถีบเข้าเต็มท้อง จุกจนตัวงอเป็นกุ้ง แม้สลบก็ไม่วายหดตัวเป็นก้อนกลมๆ เบิ้มเลยมัดทั้งที่ยังเป็นก้อนอย่างนั้นด้วยความมีน้ำใจ

คนที่สี่ รายนี้โดนกระแทกจากคนหน้า ไม่ได้โดนที่ท้อง แต่โดนหัวกระแทกหัว ขนาดสวมหน้ากากไอ้โม่งอยู่ยังเห็นหน้าผากที่ปูดนูนเป็นลูกซาลาเปา หัวโนแบบนี้สงสัยต้องหายาหม่องให้ทาซะแล้วสิ

คนที่ห้า คนนี้ความจริงไม่เป็นหนัก แต่ดันล้มผิดท่าหัวฟาดพื้น เลยสลบตามเพื่อนๆ ไปด้วย เบิ้มสำรวจแผลแล้ว ไม่มีเลือดออก นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องทำความสะอาดห้อง

ส่วนคนที่หก...

แกล้งสลบเห็นๆ แต่เพราะอยากกลับไปหาคมสันเต็มแก่ เบิ้มเลยไม่เปิดโปง จับมัดโยงเข้าด้วยกันแล้วลากออกมาทีเดียวด้วยกำลังกายที่ไม่ธรรมดา แม้เบิ้มคิดว่าธรรมดา การลากผู้ชายหกคนไปกับพื้นเนี่ยไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย

แต่พอเปิดประตูห้องรับแขกปุ๊บ

นักซิ่งและผู้ปกครองปลอมๆ ที่ไปที่โรงเรียนนานาชาติหมายจะรับตัวเด็กเวรก็พากันกอดคอกันกลมดิ๊ก ร้องไห้โฮราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต

เอ่อ เบิ้มเป็นบอดี้การ์ด ไม่ใช่ยมทูต

“ฝากดูแลด้วย” เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนมองอย่างหวาดกลัว เบิ้มเลยคร้านจะอธิบาย เพียงโยนร่างทั้งหกไปกองใกล้ๆ ทั้งคู่แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุด

“ได้เลยครับพี่เบิ้ม อยากให้พวกเราทำอะไรบอกได้เลยครับ!”

ก่อนหน้านี้กอดขาอ้อนวอน มาตอนนี้กอดขาประจบซะงั้น คนหนึ่งกอดขาซ้าย อีกคนกอดขาขวา เบิ้มนวดขมับ รีบหนีออกมาโดยไม่ลืมล็อกประตู

ถ้าถามว่าทำไมต้องขังเจ้าพวกนี้ไว้ด้วยกัน แถมยังเลี้ยงดูอย่างดี เบิ้มตอบเลยว่า ไม่รู้

แต่คมสันบอกว่าเก็บแล้วจะมีประโยชน์ในอนาคต

โบราณว่าเชื่อฟังภรรยาจะเจริญ เบิ้มจึงไม่คัดค้าน

ปฏิบัติงานสำเร็จก็ได้เวลาไปหาคนรักตัวเองซะที เบิ้มเปิดประตูห้องนอน ชื่นอกชื่นใจทันตาเมื่อเห็นคมสันในชุดนอนไม่ได้นอนนั่งอยู่ตรงปลายเตียง ก่อนจะรอยยิ้มจะหุบลง เพราะข้างๆ นั้นคือร่างหลับใหลไม่รู้ไม่ชี้ของเด็กเวร

เตียงของเขา ไม่ทันให้คมสันนอนสบายๆ กลับต้องสละให้เด็กเวรหลับฝันหวานซะงั้น

เบิ้มแสนจะร้าวรานใจ

“อุ้มคุณหนูกลับห้องเถอะ”

แต่คุณแฟนมีบัญชา เขาก็ทำได้เพียงตอบว่า

“ครับ”

เมื่ออุ้มเด็กชายวัยสิบสี่พลันตัวเล็กในทันตาเมื่ออยู่ในอ้อมกอดแน่นๆ ของเบิ้ม วินาทีนั้นเบิ้มพลันรู้สึกว่าเด็กเวรนั้นเป็นเพียงเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่งที่สมควรได้รับการปกป้องดูแล

เพราะหากตัดความมั่นหน้าออกแล้ว เด็กชายกิจภัทรมีชะตากรรมน่าสงสารมากทีเดียว

เด็กที่ไม่มีใครรัก พ่อแม่แท้ๆ ยังไม่เอา

ประโยคแทงใจที่ขนาดเขาไม่ใช่เจ้าตัวยังเจ็บแทน หากไม่มีคมสันคอยอยู่เคียงข้าง เด็กคนนี้จะโตมายังไงก็สุดจะรู้ได้

นึกแล้วเบิ้มก็หันไปมองคมสันซึ่งเดินเคียงข้างกันโดยสายตาชำเลืองมองคุณหนูเป็นระยะ แววตาใต้กรอบแว่นยามทอดมองนิทราหวานของคุณหนูสุดที่รักนั้นเต็มไปเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ลึกซึ้งราวต้องการทดแทนสิ่งที่เด็กนี่ขาดหาย และพร้อมจะปกป้องไม่ให้เรื่องชั่วร้ายใดๆ เข้ามากล้ำกรายสมองน้อยๆ นั่น

เบิ้มเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคมสันก็ตอนนี้

และการอุ้มเด็กเวรไปยังห้องนอน ก็ไม่ยักน่าหงุดหงิดเหมือนเคย

แต่ค่อนไปทางอบอุ่นอ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ นึกอยากปกป้องคุ้มภัย คล้ายกับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน

เดี๋ยวนะ ถ้าคมสันเป็นแม่ เขาเป็นพ่อ งั้นไอ้เด็กเวรนี่ก็...

เบิ้มก้มมองใบหน้าที่แม้จะหลับแต่ไม่วายยกมุมปากแถมเชิดหน้าเย่อหยิ่งแล้วแทบจะโยนทิ้ง

ไม่ ไม่ ไม่ ไอ้เบิ้มคนนี้ไม่มีวันรับเด็กอายุสิบสี่เป็นลูกหรอกน่า!!



----

ตอนนี้พี่เบิ้มก็ยังกาวหลุดโลกเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความเป็นครอบครัวค่ะ
เราชอบตอนจบตอนที่พี่เบิ้มอุ้มเด็กเวรแล้วมีคมสันเดินเคียงข้างมาก อารมณ์พ่อแม่ลูกสุดๆ
แต่พี่เบิ้มคงไม่อยากจะได้ลูกอย่างนี้! 55555

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่อยากจับทั้งสามคนถ่ายรูปครอบครัว (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-11-2018 20:13:13
อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณเป็นคนธรรมดาคะเบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-11-2018 20:56:14
มีความพ่อ แม่ ลูก :laugh: นี่ขนาดมืออาชีพยังทำอะไรพี่เบิ้มไม่ได้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 18-11-2018 21:29:24
โอ้โห พี่เบิ้มเป็นคนจริงๆหรอ 55555 6ต่อ1 ยังไม่ระคายสักนิด
นี่มันยอดมนุษย์ชัดๆ คมสันคิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกพี่เบิ้มเป็นบอดี้กาด ฝีมือหาใครเทียบได้ยาก
ถึงแม้ว่าภายนอกพี่เบิ้มจะดูแข็งแกร่งผิดมนุษย์สักแค่ใหน ข้างในพี่เบิ้มก็มุ้งมิ้งและอ่อนไหวมาก นิ่งเวลาโดนคมสันยั่วด้วยแล้ว ยิ่งหนักเลย  :laugh:
แต่ว่า 'ฉันจ้างนายเป็นคู่ชีวิต เทียบกับเจ้าพวกนี้ได้ด้วยหรือ’ นี่เขินแทนพี่เบิ้มจริงๆ  :-[
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-11-2018 23:21:30
เรามองเบิ้ลแล้วถึงดาราอย่าง อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ โดยเฉพาะฉากบู๊
เก่งเวอร์ กล้ามบึก
คมสันเรานึกถึง. เลสลี่จาง ดาราฮ่องกงที่เสียชีวิตแล้วชีวิตก็เป็นเกย์
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-11-2018 08:04:40
เรามองเบิ้ลแล้วถึงดาราอย่าง อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ โดยเฉพาะฉากบู๊
เก่งเวอร์ กล้ามบึก
คมสันเรานึกถึง. เลสลี่จาง ดาราฮ่องกงที่เสียชีวิตแล้วชีวิตก็เป็นเกย์

คล้ายอย่างที่คิดจริงๆ........
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-11-2018 08:09:22
พี่เบิ้มสุดยอดบอดี้การ์ด. พ่วงตำแหน่งพ่อบ้านใจกล้าอีกหนึ่ง. กำลังจะได้รับคำแหน่งคุณพ่อจำเป็นอีกหนึ่ง  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 21-11-2018 22:15:39
พลาดอ่ะ ไม่รู้ว่าคมสันมาแล้ว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 22-11-2018 09:53:44
ที่พี่เพิ้มมโนไปนะถูกแล้ว มีความพ่อแม่ลูกสูงจ้า :m20:
 :L1:   :pig4:   :L2:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 9 : ครอบครัวของเบิ้ม - Up : 18/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 22-11-2018 22:36:32
เอ็นดูวววว  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกม - Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 23-11-2018 20:35:05
ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่ของเบิ้ม

 

‘ทีมมืออาชีพอะไรของแม่! จ่ายเงินไปตั้งแพง แต่จู่ๆ ก็หายตัวเข้ากลีบเมฆ โดนเล่นงานอีกรายแล้ว!’

เช้าแสนสดใส ไอ้เบิ้มยังคงดักฟังอย่างตั้งใจขณะขับรถ คมสันนั่งอยู่เคียงข้าง ในมือถือเอกสารการประชุม ส่วนเด็กเวรป่านนี้น่าจะนั่งหน้าเชิดอยู่ที่โรงเรียน ก็ไม่รู้ว่ามีเพื่อนสนิทบ้างรึเปล่า หรือจะหัวเดียวกระเทียมลีบ เหมือนพี่เลี้ยงผู้ควบตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของท่านประธาน

ถึงคมสันจะไม่มีคนคบ แต่ตำแหน่งหน้าที่อิสระสุดกู่ จะเข้างานกี่โมงก็ได้ จะเลิกงานกี่โมงก็ได้

อืม...ก็สมควรที่จะไม่มีคนคบจริงๆ อภิสิทธิ์เหนือใครอย่างนี้สมควรให้โดนมองด้วยสายตาร้อนฉ่า หมายถึงอิจฉานะไม่ใช่หลงใหลแบบไอ้เบิ้ม

‘นี่แม่ว่าฉันเหรอ คนที่เห็นด้วยก็แม่นั่นแหละ ผลลัพธ์เป็นแบบนี้แม่จะโทษฉันได้ยังไง!’

“เริ่มทะเลาะกันแล้ว” เบิ้มรายงานคนรัก ขณะที่สายตายังจดจ้องกับถนนตรงหน้า แม้จะขับรถเก่งกาจ ได้ฉายาว่าเดอะฟาสเทพแห่งการดริฟ แต่การขับรถอย่างไม่ประมาทคือการแสดงความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมใช้ถนนที่ดีกว่าการเรียกประกันตอนโดนชนหรือถูกชนเป็นไหนๆ

“อืม” คมสันครางในลำคอไม่สนใจ เพราะไม่ได้หลุดจากที่คาดคิดไว้นัก

ก่อนจะเก็บเอกสารทั้งหมดเพื่อลงจากรถหลังถึงจุดหมาย

อันเป็นบ้านเดี่ยวหนึ่งหลังที่แม้เล็กกว่าคฤหาสน์ชาติบดินทร์แต่ดูอบอุ่นสมเป็นครอบครัว

อะแฮ่ม ก่อนเข้าเรื่อง มาวิเคราะห์กันก่อนดีกว่า

แผนของคนรักของเขาคืออะไรน่ะหรือ

คือการปล่อยให้ฝ่ายนั้นสำแดงเดชอย่างเต็มที่ ใช้สมองขบคิดหาทางเอาชีวิตเด็กเวรทุกวิธีทางจนแทบไม่เหลือวิธี ทำให้ระดับความผิดยิ่งเพิ่มพูน จากแผนแรก...ให้เด็กเวรจมน้ำแบบเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครเห็นผู้ลงมือ ก็เปลี่ยนเป็นหาแพะสักคนมาขับรถชนให้พลิกคว่ำ จากนั้นก็หาแพะคนใหม่เปิดหน้าเปิดตา เดินไปรับเด็กเวรที่โรงเรียนนานาชาติ และเมื่อไม่ได้ผล ก็ถึงขั้นจ้างทีมงานมืออาชีพ บุกรุกคฤหาสน์ วัดดวงกันไปข้าง

ดูสิ นอกจากความผิดจะยิ่งยกระดับ หลักฐานก็ยิ่งรวบรวมง่าย

ตอนจับเด็กจมน้ำเอาผิดไม่ได้งั้นเหรอ ไม่เป็นไร หลังจากนั้นพวกเขามีอัดเสียงตอนดักฟังแล้ว อะไรนะ แค่เสียงยังพลิกลิ้นยกความผิดให้แม่ว่าเป็นคนว่าจ้างได้งั้นเหรอ ไม่เป็นไร พวกเขามีทั้งกล้องหน้ารถตอนเบิ้มเดอะฟาสขับชนนักซิ่ง มีคำยืนยันจากคุณครูที่โรงเรียนนานาชาติ มีกล้องวงจรปิดในคฤหาสน์ และมีจดหมายสารภาพประทับรอยนิ้วมือของทุกคน

คมสันปล่อยให้อีกฝ่ายแสดงฝีมือโดยที่ตัวเองค่อยๆ รวบรวมทุกอย่างแบบใจเย็น รอจนกระทั่งทางนั้นไม่เหลือหนทางไปต่อ เริ่มจนมุม ทำอะไรไม่ถูก เพราะทิ้งไพ่ลงไปหมดหน้าตัก ก็ได้เวลา...

‘เดี๋ยวนะแม่ มีคนกดออด’

เปิดไพ่ฝั่งตัวเองบ้าง!

“สวัสดีครับ”

ฉะนั้นก็ไม่แปลก หากภาพความประทับใจแรกของไอ้เบิ้มยามเห็นภรรยาคนที่สองของท่านประธาน หรือผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานน่ารักแม่บ้านแม่ศรีเรือนไร้พิษภัยนามว่าสมทรวง จะอ้าปากค้างจนแทบทิ้งโทรศัพท์เมื่อเห็นแขกผู้มาเยือน

“สะ...สวัสดีค่ะ”

ตกใจก็ส่วนตกใจ สมทรวงยังฝืนยิ้มแม้จะแทบกรีดร้อง รีบหันหลังเป็นเชิงเชื้อเชิญให้คมสันเข้ามาในบ้าน เพราะสำหรับเธอซึ่งเป็นเพียงภรรยาไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องของท่านประธานแล้ว ไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะขับไล่ผู้ช่วยเลขาผู้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังความสัมพันธ์ลับๆ นี้มาตลอด

คมสันออกจะช่วยเหลือ จัดแจง ดูแลค่าใช้จ่ายบางส่วนซะด้วยซ้ำ!

แม้ว่า...สมทรวงจะไม่เต็มใจก็ตาม

ช่วยไม่ได้จริงๆ ประธานดันไว้ใจผู้ช่วยเลขาคนนี้ว่าจะไม่ปากโป้ง และยังเก็บงำอย่างดี เพราะคมสันให้ความสำคัญกับคุณหนูเป็นที่หนึ่ง จึงต้องการปิดบังความจริงข้อนี้สุดความสามารถเพื่อไม่ให้เด็กชายรู้สึกแย่ที่พ่อไม่มีเวลาให้ตัวเองแต่กลับมีเวลาให้หญิงอื่น

เลยเกิดเป็นความสัมพันธ์สุดซับซ้อนที่เบิ้มขอทำแผนภูมิคร่าวๆ ดังนี้

สมทรวงเกลียดคมสัน

ประธานไว้ใจคมสัน

คมสันรักคุณหนู

คุณหนูสมองว่างเปล่า

บังเกิดเป็นคมสันช่วยประธานกับสมทรวงครองรักกันดีๆ เพื่อจะได้ไม่มาระรานหรือเปิดเผยให้คุณหนูรับรู้นั่นเอง

อะไรนะ ประโยคที่ว่าคุณหนูสมองว่างเปล่าจะใส่มาทำไม อืม...เบิ้มเผลอน่ะ อย่าว่ากัน

“คมสันมาหาถึงนี่มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” สมทรวงกุมมือทั้งสองแน่นขณะทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ส่อพิรุธชัดเจนว่าเธอกำลังประหม่า โทรศัพท์ซึ่งคุยกับมารดาบังเกิดเกล้าก็รีบกดวางสาย

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่มาถามว่าเตียงเด็ก รถเข็นเด็ก และของเล่นเด็กที่ท่านประธานให้ผมเลือกซื้อถูกใจหรือเปล่า เพราะถ้าไม่ชอบ สามารถนำไปเปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้นะครับ” คมสันเอ่ยสุภาพ วางตัวเป็นผู้ช่วยเลขาผู้ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบ แม้คนรักจะนั่งโซฟาตรงข้ามกับสมทรวง แต่เบิ้มเลือกที่จะยืนเป็นยักษ์ปักหลัก สร้างความคุกคามจนคุณผู้หญิงของบ้านเหลือบมองเป็นระยะ

“ไม่เลยจ้ะ ถูกใจฉันมากเลย” สมทรวงเอ่ย ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าของทุกอย่างที่สามีซื้อให้ล้วนผ่านการคัดกรองจากผู้ชายตรงหน้า ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะสามีของเธอคนนี้ไม่ละเอียดอ่อนเรื่องผู้หญิงเอาซะเลย แม้จะเป็นสายเปย์แต่รสนิยมการเลือกของนั้นติดลบ ทั้งที่เธอชอบสีชมพูแต่บางครั้งดันเลือกสีเขียวซะงั้น หนักสุดคือเธอเคยบ่นว่าอยากได้ตุ๊กตา แต่ดันซื้อตุ๊กตาชักกี้มาให้

ฉะนั้นแม้จะไม่ชอบใจคมสันแค่ไหน อย่างน้อยก็วางใจเรื่องการเลือกของได้มากกว่าแน่นอน

“ถ้าคุณชอบก็ดีแล้วครับ” คมสันเอ่ยพลางประสานมือบนตัก หลังเหยียดตรง กริยาสง่างดงามราวกับเจ้านายมาเยี่ยมงานลูกน้อง เพราะสมทรวงเป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง แม้น่ารักอ่อนหวานแต่ไม่ค่อยแต่งตัว ตอนนี้ก็อยู่ในชุดคลุมท้องราบเรียบปล่อยผมธรรมชาติ นั่งห่อไหล่ ขยับตัวขยุกขยิกไม่หยุด “ประธานเป็นห่วงว่าถ้าท้องโตขึ้นจะทำอะไรคงไม่สะดวก ก็เลยให้ผมช่วยหาคนขับรถคอยดูแล คุณจะได้ไม่ต้องออกไปจับจ่ายซื้อของเองคนเดียว”

“ขอบคุณมากเลยจ้ะ” แม้สามีจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่การใช้เงินแก้ปัญหาของเขาก็ทำให้เธอซาบซึ้งใจไม่น้อย

“แล้วก็ให้หาพี่เลี้ยงที่จบด้านจิตวิทยาเด็กมาด้วย เผื่อว่าตอนคลอดคุณจะดูแลไม่ไหว”

สมทรวงยิ้ม

“ตอนนี้คุณหนูมีบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ประธานกลัวคุณจะน้อยใจ ก็เลยให้ผมจัดหาบอดี้การ์ดด้วย วันนี้ผมเลยจะพาทุกคนมาให้ดูตัว เผื่อจะว่าจะได้ตกลงเซ็นสัญญาจ้างวานกันเลย”

“ขอบคุณมากนะจ๊ะที่ช่วยเป็นธุระให้” สมทรวงยิ้มแก้มปริ เธอกำลังกังวลใจกลัวคมสันจะรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป พอเป็นแบบนี้เลยสบายใจ แถมยังโล่งใจกว่าเดิมด้วยซ้ำเพราะมีบอดี้การ์ดยังไงก็ปลอดภัยเห็นๆ ต่อให้คมสันรู้ความจริงหลังจากนี้ก็ยากจะทำร้ายเธอแล้ว

“ไม่เป็นไรครับ” ผู้ช่วยเลขาตอบเสียงเรียบ ก่อนจะชำเลืองมองเบิ้ม

โอ๊ะ ถึงตาของเบิ้มแล้วสินะ

ในสายตาคนภายนอก มักเข้าใจว่าเบิ้มเป็นบอดี้การ์ดที่สุขุมมาดกำยำน่ากลัว เพียงยืนเฉยๆ ก็แลคุกคามหลอกหลอนแล้ว เพราะเบิ้มไม่ค่อยพูด ซึ่งหากย้อนความตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นว่าจะเปิดปากแต่ละทีนั้นน้อยมากจริงๆ แต่ใช่ว่าคนพูดน้อยจะคิดน้อยด้วยนี่นา

เบิ้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรออก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับคมสันเสียงขรึม

“ทุกคนพร้อมแล้วครับ”

“งั้นก็พาเข้ามาเลย”

เมื่อได้รับคำสั่ง เบิ้มก็เดินไปเปิดประตู เชื้อเชิญชายทั้งแปดให้เดินเข้ามาในบ้าน

เพียงเห็นหน้าตาของชายคนแรก สมทรวงก็แทบจะหวีดร้อง

เมื่อเห็นผู้ชายคนที่สอง เธอก็แทบจะหมดสติ

จนกระทั่งคนที่สาม ที่สี่ ห้า หก เจ็ด และแปดเดินเรียงหน้ากระดานอยู่หลังคมสันครบถ้วนสมบูรณ์ สมทรวงก็หน้าซีดตัวสั่นจนเบิ้มนึกห่วงว่าจะกระทบต่อเด็ก

แต่คมสันยังคงดำเนินตามแผนอย่างสุขุมและเยือกเย็น

“คนแรกนี้มีฝีมือขับรถดีมาก ผมเห็นว่าพวกคุณเคยรู้จักกัน น่าจะทำความคุ้นเคยกันได้ดี เลยเลือกมาแค่คนเดียวครับ ถ้าคุณเห็นด้วย ก็สามารถตกลงเซ็นสัญญาได้เลย”

แน่นอนว่าผู้ชายคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักซิ่งที่ร้องกรี๊ดต่อหน้าเบิ้มมาแล้ว

“ส่วนคนที่สองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเด็ก สามารถกล่อมเด็กให้คล้อยตามได้ดี เหมาะกับการช่วยดูแลเด็กเล็ก แม้ค่าตัวจะแพงไปสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าท่านประธานยอมทุ่มให้คนมีฝีมืออย่างแน่นอน”

ส่วนผู้ชายคนที่สอง ก็คือคนที่ไปขอรับตัวเด็กเวรที่โรงเรียนนานาชาติ และเป็นคนเดียวกับที่หลอกล่อที่สวนน้ำด้วย

คนที่กล้าทำร้ายคุณหนูสุดที่รักของคมสันจนเกือบตาย ย่อมไม่ปล่อยออกมาง่ายๆ

ฉะนั้นสมทรวงเลยจ้องหน้าบวมตาปูด มีรอยช้ำจากการโดนกระทืบไปทั้งตัวของผู้ชายคนนี้ราวเห็นสภาพตัวเองในอนาคต

“สำหรับบอดี้การ์ด ถ้าให้ผมเลือกเองคงไม่เหมาะ เพราะเป็นคนที่จะคอยดูแลความปลอดภัยและเกาะติดกับคุณตลอดทั้งวัน จึงควรเป็นคนที่คุณอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ วางใจ รวมถึงมอบความเชื่อใจให้ได้ ผมคัดมาแล้วหกคน เป็นมืออาชีพด้านการต่อสู้ระยะประชิด ถ้าชอบคนไหนก็บอกได้เลยนะครับ”

ผู้ชายทั้งหกซึ่งยืนตัวตรงเป็นระเบียบบ่งบอกว่าผ่านการฝึกอบรมอย่างดียืนหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านแม้จะต้องเผชิญหน้ากับอดีตนายจ้าง จะเป็นใครไปไม่ได้ พวกเขาคือไอ้โม่งที่โดนเบิ้มเดอะฮัคกำราบจนสิ้นฤทธิ์นั่นเอง

ถึงตอนนี้สมทรวงจะเข้าข้างตัวเองว่าคมสันไม่รู้ไม่เห็นคงไม่ได้แล้ว

นับเป็นไพ่ตายที่ลงมาแค่ตาเดียว แต่กินเรียบหมดกระดานจริงๆ!

เบิ้มลอบพยักหน้าหงึกหงักอยู่หลังชายทั้งแปดคน นึกยอมรับนับถือคนรักตัวเองจากใจที่สามารถขบคิดแผนการทั้งหมดได้อย่างรอบคอบหมดจด แม้จะดูง่ายดาย แต่ความจริงละเอียดอ่อนมาก คมสันปล่อยให้สมทรวงเทหมดหน้าตัก ทิ้งช่วงให้ร้อนรนแทบขาดใจแล้วค่อยนำทุกอย่างมาตีแผ่ตรงหน้า ข่มขู่ด้วยรอยยิ้มนิ่มๆ แฝงเชือดเฉือน ที่สื่อว่าการกระทำของเธอโคตรจะไม่มีความหมายต่อหน้าจอมมาร แคก! คมสัน

สำหรับคนใช้กำลังสู้ชีวิตแบบเบิ้ม มักอึ้งเสมอเวลาเห็นคนจัดการปัญหาต่างๆ ลุล่วงได้โดยแทบไม่ลงแรงใดๆ

ดูสิ คมสันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

ปล่อยให้สมทรวงเคลื่อนไหวที ปล่อยเบิ้มไปอาละวาดที แล้วนั่งไขว่ห้างรอเก็บเกี่ยวผลสวยๆ

“ฉัน...ขอเวลาคิดก่อน”

“ได้ครับ” คมสันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย จุดประสงค์ที่มาวันนี้คือการหงายไพ่ตาย ไม่ได้มาเค้นคอให้ใครบางคนกระอักเลือดจนตายจริงๆ “ยังไงพี่เลี้ยงเด็กกับบอดี้การ์ดก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบว่าจ้าง แต่สำหรับคนขับรถ...ท่านประธานเห็นชอบแล้ว ถ้าคุณอยากไปไหนก็เรียกใช้ได้เลย ไม่ต้องห่วง เขาคนนี้จะไม่วุ่นวายในบ้าน แต่จะเฝ้ารถอยู่ด้านนอก”

คมสันดันแว่นหนึ่งครั้ง เผยให้เป็นแววตาเย็นเยียบวูบหนึ่ง

“ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกกันได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

สมทรวงใบ้กินเรียบร้อย เธอนั่งตัวแข็งกับที่ไม่ยอมขยับ ปล่อยให้คมสันหันมาพยักหน้ากับเบิ้ม ไล่ต้อนผู้ชายทั้งแปดคนออกจากบ้าน โดยมีพวกเขาเดินรั้งท้าย

เมื่อประตูปิดลง ผู้ชายแปดคนที่เพิ่งจะตีหน้านิ่งก็พากันยิ้มประจบ

“คุณเบิ้มและคุณสันครับ ถ้ามีอะไรเรียกใช้บริการพวกเราได้เลยนะครับ” เริ่มจากหนึ่งในทีมอาชีพหกคน ผู้เป็นหัวหน้าคือคนที่โดนเบิ้มชกร่วงในหมัดเดียวจนน้ำลายฟูมปาก

“ผมด้วยครับ สามารถเรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ผมไม่คิดค่าบริการสักบาท” ต่อด้วยคนที่หน้าเละตัวช้ำ ถึงอย่างนั้นก็หวังจะสานสัมพันธ์ ไม่คิดจะเป็นศัตรูกับคู่รักหฤโหด

“ส่วนผม...” นักซิ่งซึ่งเกรงอกเกรงใจเบิ้มเป็นพิเศษเหลือบมองพวกเขาอย่างไม่มั่นใจ “ผมต้องคอยเฝ้าผู้หญิงคนนี้แบบไม่มีกำหนดใช่มั้ยครับ”

“ใช่” เบิ้มตอบแทนคนรัก

“ไม่ต้องห่วงเลยครับลูกพี่ ผมจะเฝ้าอย่างดี ถ้ามีอะไรผิดปกติจะรีบโทรรายงานแน่นอน!”

เบิ้มพยักหน้าขอไปที ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้คมสันขึ้นรถ แล้วขับออกไปสองต่อสองทิ้งให้ที่เหลือแยกย้ายกันเอาเอง

“ผู้หญิงคนนั้นจะหยุดแล้วจริงๆ ใช่มั้ย” ขับได้สักพัก เบิ้มก็นึกห่วงว่าเด็กเวรจะโดนปองร้าย

“หยุดแน่นอน ฉันถือหลักฐานความผิดทั้งหมด ถ้าเธอฉลาดพอ จะไม่หาเรื่องให้ฉันเอาหลักฐานไปนำเสนอต่อท่านประธาน” พอจบเรื่อง คมสันก็ดูจะผ่อนคลายขึ้นอย่างชัดเจน คนรักของเขาเท้าแขนกับกระจกหน้าต่าง หันหน้ามองเบิ้มพลางยิ้มมุมปาก “ระหว่างยึดติดกับบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แลกกับการเสียผู้ชายที่เป็นบ่อเงินบ่อทอง เลือกไม่ยากเหมือนตอนให้เลือกระหว่างพันล้านกับสิบล้านให้ใช่มั้ยล่ะ”

“เพราะเธอจะไม่เหลืออะไรเลย”

“ใช่” คมสันเหยียดยิ้มมากขึ้น วูบหนึ่งเบิ้มคล้ายจะเห็นปีกจอมมารอีกแล้ว

อืม...ถ้าไม่นับว่าภรรยาคนที่สองของท่านประธานทำผิดก่อน แผนตลบหลังครั้งนี้ของคมสันก็คลับคล้ายจะเป็นจอมมารอยู่เหมือนกัน

“ทำไมถึงไปสารภาพความจริงให้ท่านประธานรู้ไปเลยล่ะ ถ้าพวกเขาแยกกัน จะดีกับคุณหนูของเรามากกว่าไม่ใช่เหรอ”

“นายไม่รู้จักท่านประธานดีเท่าฉัน” คมสันถอนหายใจ “ถ้าเลิกกับผู้หญิงคนนี้ ประธานก็จะหาผู้หญิงคนใหม่ เขาแก่เกินกว่าจะใช้ชีวิตคนเดียวแล้ว ท่านประธานอยากปักหลักกับผู้หญิงอ่อนหวานอยู่กับบ้านรอต้อนรับ เอาอกเอาใจเก่ง พูดจาน่าฟัง ไม่ใช่คอยดูแลลูกชายที่ไม่เชื่อฟังและเอาแต่ใจ ฉันไม่อยากเสี่ยงหากผู้หญิงคนต่อไปจัดการยากกว่าเดิม”

“...”

“อีกอย่าง...”

“อะไรหรือ”

“ถ้าท่านประธานทิ้งผู้หญิงคนนี้ไป ลูกชายของเธอก็จะเป็นเหมือนคุณหนู...”

เป็นเด็กที่พ่อแม่ไม่อยากเลี้ยงดู

เป็นเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากครอบครัว

“สัน...”

“ตั้งใจขับรถเถอะ” คมสันตัดบท ละสายตาจากเบิ้มแล้วหันไปมองวิวนอกกระจก คล้ายไม่อยากเอ่ยถึง

เพียงพริบตา ปีกจอมมารก็แทนที่ด้วยปีกนางฟ้าอีกครั้ง

ไอ้เบิ้มละซึ้งเหลือเกินที่มีคนรักน้ำใจงามขนาดนี้

หารู้ไม่ว่าทันทีที่คมสันเบือนหน้าหนี เงาสะท้อนบนกระจกรถพลันปรากฏรอยยิ้มวายร้าย

ให้ประธานกลับมาทำร้ายจิตใจคุณหนูแล้วทิ้งอีกงั้นเหรอ สู้ปล่อยให้อยู่กับผู้หญิงร้ายลึกคนนั้นยังดีกว่า อย่าหวังจะกลับมาที่บ้านอีกเลย ฝันไปเถอะ!


 

----------------------

พี่เบิ้มก็จะยังหลงคารมของคมสันอยู่เรื่อยไป

ซึ่งคมสันก็ไม่ได้โกหกนะคะ แค่บอกไม่หมด ซึ่งไอ้เหตุผลสุดท้ายที่ปิดไว้เนี่ยคือเหตุผลหลักจริงๆ ที่คมสันยอมให้ประธานไปรักกับผู้หญิงคนอื่น ไปเลยไปชิ้วๆ 5555

ตอนนี้ก็ได้เห็นความสามารถของจอมมารอีกครั้ง ไม่ลงแรงมาก เพียงพูดนิ่งๆ แต่ทำเอาคนอื่นพูดไม่ออก ได้แต่ยอมจำนน เจอกันมาหมดแล้วไม่ว่าจะจิตริน จิระหรือน้องเจ 5555

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ขอก้มกราบจอมมาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja)
Twitter  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 23-11-2018 20:51:42
คิดถึงมากกกกกก รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-11-2018 21:12:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2018 22:19:19
จอมมารยังไงก็คือจอมมาร
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-11-2018 22:28:17
คมสันนี่มันคมสันจริงๆ #ฉันจะโดนอุ้มไหม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-11-2018 22:41:52
คารวะท่านจอมมารฉลาดล้ำเลิศมากทำทุกอย่างเพื่อคุณหนูผู้แก้วดวงใจได้ดีกว่าพ่อแม่แท้ๆของคุณหนู
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-11-2018 07:22:24
 แด่จอมมาร   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 24-11-2018 09:16:21
ถถถ.  นางฟ้าของพี่เบิ้ม เทิดทูลกันเข้าไป หลงจนไปไหนไม่รอดแล้ว  :m20:
   :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 24-11-2018 09:54:51
คู่รักหฤโหด  :laugh: คนนึงคิดแผนสั่งการ อีกคนใช้กำลังข่มขู่ 55555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-11-2018 15:21:46
กลัวแล้วจร้า กลัวใจท่านจอมมาร
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-11-2018 12:27:28
พี่เบิ้มยังคงเป็นพี่เปิ้มเหมือนเดิม
ส่วนคมสันจอมมารเหนือจอมมารจริงๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: phrase ที่ 26-11-2018 17:36:07
คมสันนี่น่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 10 : วิธีปิดเกมที่ไม่ใช่- Up : 23/11/18 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 27-11-2018 20:50:47
พีคสุดตอนท้าย ความคิดลึกล้ำมาก พี่เบิ้มมมม ตัดแว่นมั๊ยจ๊ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 01-12-2018 11:19:11
ตอนที่ 11 : เดตแรกที่ไม่ใช่ของเบิ้ม...รึเปล่านะ

 

วันดีคืนดี จู่ๆ เด็กเวรก็ถือจดหมายสีชมพูวิ่งมาอวดเบิ้มกับคมสัน

“นี่คืออะไรเหรอครับ” เบิ้มเป็นฝ่ายรับมาถืองงๆ อาจด้วยความเห็นอกเห็นใจกับชะตากรรมที่น่าสงสารของเด็กชายตรงหน้า เขาเลยเปิดใจและสนิทสนมกันมากขึ้น คำพูดประชดประชันล้อเลียนอย่างเด็กเวรแล้วต่อท้ายด้วยเวรอื่นก็แทบไม่มีแล้ว

“ลองเปิดดูสิ” คุณหนูของพวกเขายิ้มกรุ้มกริ่ม นอกจากเบิ้มจะเปิดใจ เด็กคนนี้ก็เปิดใจให้เบิ้มเดอะฟาส หลายครั้งเริ่มมาเกาะติด เพราะกลัวพออายุครบสิบแปดแล้วจะไม่สอนวิธีดริฟให้

คมสันแย่งจดหมายสีชมพูไปเปิดเอง

แล้วพวกเขาก็เห็น...

‘ถึงเด็กชายกิจภัทร ชาติบดินทร์

ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ แต่ไม่กล้าที่จะสารภาพต่อหน้า จึงต้องเขียนจดหมายฉบับนี้

กิจภัทร รอยยิ้มอย่างมั่นใจของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสวยงาม ดวงตามองเชิดของคุณ ทำให้ฉันรู้สึกอยากถูกจับจ้อง ความกล้าท้าทายนั้น ก็ทำให้ฉันอยากเป็นคนรักของคุณ

โปรดคบกับฉันเถอะค่ะ หากตกลง เย็นนี้ฉันจะรอที่ร้าน xxx เวลา 5 โมงเย็น

รอด้วยใจวาดหวัง

จากคนที่แอบรักคุณ’


เอ่อ...เบิ้มควรจะออกความเห็นกับจดหมายฉบับนี้ยังไงดี เขาไม่เข้าใจรสนิยมของผู้หญิงคนนี้สักนิดเดียว และไม่เข้าใจ...ว่าเด็กอายุสิบสี่สมัยนี้ยังเขียนจดหมายสารภาพรัก!

“อย่างน้อยก็เขียนคำถูกต้องน่าชมเชย ภาษาสละสลวยดี” คมสันเปรย “คุณหนูจะตอบตกลงรึเปล่าครับ”

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ” เด็กเวรยักไหล่ และนั่นก็ทำให้เบิ้มตระหนักได้ว่า...เขามาถึงจุดที่ลูกชายปรึกษาปัญหาความรักแล้ว!

“ฉันไม่แน่ใจเพราะความหล่อเหลาของฉันไม่ควรถูกครอบครองด้วยคนเพียงคนเดียว หากมีผู้หญิงคนอื่นที่แอบชอบฉันแต่ไม่กล้าสารภาพอีกล่ะ ถ้าตกลงคบไปคนอื่นจะต้องเสียใจน้ำตานองแน่ๆ ฉันไม่อยากทำให้ผู้หญิงทั้งโลกต้องผิดหวัง”

ตบเด็กหัวทิ่มจะผิดมั้ยนะ

อืม...ตามกฎหมายอาจไม่ผิด แต่ผิดต่อคุณแฟนอย่างแน่นอน

“งั้นไม่ตกลงคบ แต่ลองศึกษาดูใจกันก่อนดีมั้ยครับ” คมสันให้คำแนะนำได้สมเป็นผู้ปกครองยอดเยี่ยม “คุณหนูก็อายุสิบสี่แล้ว แต่ยังไม่มีประสบการณ์ความรักเลย ลองศึกษาดูก็ไม่เสียหายนะครับ”

“งั้นเหรอ” เด็กเวรขมวดคิ้วทันที คล้ายไม่อยากหาเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ไม่อยากขัดใจพี่เลี้ยง “แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าไม่สวย ไม่ถูกใจ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ”

สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน อย่างอื่นเป็นเรื่องรอง หน้าตาเป็นเรื่องหลัก!

“ก็ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติเธอ แล้วค่อยปฏิเสธอย่างสุภาพ” คมสันตอบอย่างใจเย็น “คุณหนูต้องทำได้แน่นอนครับ”

เบิ้มลอบมองคมสัน เดาความคิดอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

พี่เลี้ยงคนนี้กำลังพยายามผลักดันให้คุณหนูรู้จักความรักแบบชาย-หญิง จะได้ไม่นึกอุตริมาเลียนแบบนี่เอง!

 


ห้าโมงตรง เบิ้มถือกล้องส่องทางไกลจากในรถยนต์คันหนึ่งซึ่งจอดเยื้องห่างออกไปจากร้าน xxx

“ไม่เห็นมีเด็กผู้หญิงคนไหนนั่งอยู่ในร้านคนเดียวเลย”

“คุณหนูล่ะ” คมสันถาม เพราะกล้องส่องทางไกลมีอันเดียว เบิ้มจึงได้รับเกียรตินั้น

“ยืนงงอยู่ในร้าน” เบิ้มตอบเสียงอ่อนใจ คุณหนูของพวกเขาก็ช่างซื่อบื้อจริงๆ หรือไม่ก็มั่นหน้ามาก พอไม่เห็นเด็กผู้หญิงนั่งอยู่ในร้านคนเดียว ก็ยืนกอดอกขวางอยู่หน้าประตู เรียกให้คนทั้งร้านหันไปมอง แล้วเจ้าตัวก็หลงนึกว่าโดนมองเพราะหน้าตาดีด้วยสิ

“หรือว่าเธอจะมากับเพื่อน?” เบิ้มสันนิษฐาน

“ไม่หรอก เด็กผู้หญิงที่ส่งจดหมายสารภาพรัก แสดงว่าเป็นคนขี้อาย คงไม่บอกเรื่องนี้กับใคร” คมสันเอ่ยขณะจับหูฟัง “มาแล้ว”

ใช่ มาแล้ว...เพราะภาพที่ปรากฏในกล้องส่องทางไกลของเบิ้ม คือเด็กหญิงถักเปียน่ารักเรียบร้อยสมเป็นกุลศตรี ที่เดินออกมาจากห้องน้ำในร้านแล้วเจอกับเด็กเวรยืนวางท่าหน้าประตูด้วยใบหน้าแดงก่ำ เธอคงจะเขินอายจนไปตั้งสติในห้องน้ำ พวกเบิ้มเลยไม่เห็นในตอนแรก

‘ขอโทษนะคะที่ให้รอ ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาจริงๆ’

เด็กหญิงเอ่ย น้ำเสียงประหม่า ก้มหน้าต่ำงุดๆ

‘อ้าว งั้นจริงๆ แล้วไม่อยากให้มาหรอกเหรอ’

‘ไม่! ไม่ใช่ค่ะ...ฉันอยากให้มา จริงๆ นะคะ’

‘งั้นขอประกาศก่อนแล้วกัน เราจะยังไม่คบหาเป็นคนรัก แต่จะอยู่ในสถานะดูใจก่อน’

‘ค่ะ’

เบิ้มชักจะเขินๆ ขึ้นมา เพราะภาพตรงหน้าเหมือนซีรีส์เกาหลีชอบกล เบิ้มไม่ได้ชอบดูนะ แต่คุณแม่ของเบิ้มติดมาก

ก่อนจะแทบหน้าทิ่ม

‘...แล้วสถานะดูใจต้องทำยังไง’

เมื่อเด็กเวรถามซื่อๆ แบบเซ่อๆ

เบิ้มถึงกับละสายตาจากกล้องส่องทางไกลมามองคมสันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“อย่าพูด”

เสียดายที่คนรักรู้ทัน ไม่ยอมให้เบิ้มเอ่ยประโยคตัดอารมณ์เด็ดขาดเพราะมีเรื่องต้องทำที่สำคัญกว่า

นั่นคือการแอบฟังและแอบมองเดตแรกของเด็กเวร!

ก่อนออกจากบ้าน คมสันแอบใส่เครื่องดักฟังไว้ในกระเป๋าเสื้อของคุณหนูสุดที่รัก เสียงเลยฟังชัดแจ๋ว ครั้งนี้ไม่ได้ใช้หูฟังไร้สาย แต่เป็นสายยาวโยงระหว่างเบิ้มและคมสันซึ่งสวมกันคนละข้าง ทำให้ต้องเอียงตัวเข้าหากันเล็กน้อย

มองเผินๆ เหมือนพวกเขาเป็นคู่รักที่กำลังเดตกันอยู่

แต่ความจริงคือกำลังแอบสตอลเกอร์เดตแรกของเด็กเวรอยู่ต่างหาก!

‘...ไปดูหนังกันมั้ยคะ’

‘ฉันหิวแล้ว’

‘งั้นทานข้าวกันก่อนเถอะค่ะ ร้านนี้อาหารอร่อยนะคะ ฉันจะสั่งอาหารให้ลองชิม’

สงสารก็แต่เด็กหญิงผู้ถูกสั่งสอนมาอย่างเพียบพร้อมพูดจามีมารยาทน่าเอ็นดูที่ต้องมาตกหลุมรักเด็กเวรเหลือเกิน

ตัดภาพมาที่คมสันและไอ้เบิ้ม

พวกเขาเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็น แต่ด้วยภารกิจที่สำคัญยิ่ง ในมือจึงถือแซนวิซคนละชิ้นที่แวะซื้อตอนออกจากที่ทำงาน อนาถาสุดๆ

“ระวังเลอะ” เบิ้มหยิบกระดาษทิชชูที่พกติดตัวตลอดให้คมสันเช็ดมือ

“น้ำมั้ย”

“เอาครับ”

พลันคนรักส่งขวดน้ำและจับหลอดจ่อถึงปาก เพราะมือเบิ้มไม่ว่าง ข้างซ้ายถือแซนวิซ ข้างขวาถือกล้องส่องทางไกล

เป็นครั้งแรกที่ถูกป้อน แม้คนป้อนจะจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ แต่ไอ้เบิ้มเป็นปลื้ม

...การสอดส่องเด็กเวรก็มีเรื่องดีๆ อยู่เหมือนกัน

‘สปาเกตตีคาโบนาร่าสองที่ค่ะ’

กลับมาที่คู่เดตซึ่งน่าเป็นห่วง เด็กผู้หญิงหันไปกล่าวกับพนักงาน ก่อนจะหันมายิ้มให้เด็กชายในดวงใจ ‘นี่เป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านเลยนะคะ’

‘ฉันไม่ชอบกินเส้น’

‘งั้น...สเต๊กดีมั้ยคะ’

‘เอาข้าวหมูอบมาแล้วกัน’

ความเอาแต่ใจที่ไม่ดูสถานการณ์นี้ท่านได้แต่ใดมา เบิ้มคันปากอีกแล้ว เขาหันไปมองคมสัน เห็นคนรักตั้งใจฟังจนคิ้วขมวด ไม่ควรขัดจังหวะอย่างยิ่ง

‘มีงานอดิเรกอะไรที่ชอบหรือเปล่าคะ’

‘ก็ไม่มีเป็นพิเศษนะ ฉันอยากนอนเฉยๆ มากกว่า’

‘งั้น...มีอะไรที่อยากทำมั้ยคะ’

‘ตอนนี้น่ะเหรอ อยากจะขับรถดริฟๆ’

‘...’

พัง พังไปหมดแล้ว เบิ้มกุมขมับ นึกอยากถล่มร้านยุติการดูใจบ้าๆ นี้สักที

สงสารเด็กหญิง!!

แต่ความใจกว้างของเธอนั้นช่างยิ่งใหญ่ ไม่ถือสาหาความกับเด็กเวรแม้แต่น้อย หรือนี่จะเรียกว่าความรักทำให้คนตาบอด...

เอ๊ะ ทำไมเบิ้มคุ้นๆ กับสำนวนนี้ชอบกล

“กินหมดแล้วก็ส่งมานี่” คมสันเอ่ยแทรกขึ้น เรียกสติเบิ้มที่เกือบจะกินพลาสติกห่อแซนวิซ

“ขอบคุณ”

“อิ่มรึเปล่า ยังมีอีกชิ้นนะ” คมสันรับขยะไปขยำรวมกันในถุง ก่อนจะหยิบแซนวิซชิ้นใหม่ขึ้นมา อันที่จริงเบิ้มเอียนแล้ว เพราะเขากินไปทั้งหมดสี่ชิ้นถ้วน แต่เห็นคนรักเป็นห่วงเป็นใย กลัวว่าจะไม่อิ่มท้อง เลยได้แต่ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงกึ่งอ้อนนิดๆ

“แกะให้หน่อย”

คมสันเลิกคิ้ว มองมาด้วยสายตาประหลาด จ้องจนเบิ้มชักจะเขิน แต่สุดท้ายก็ก้มแกะเปลือกห่อด้านนอกแล้วส่งให้อย่างว่าง่ายเกินคาด

“ป้อนหน่อย” ไอ้เบิ้มได้คืบจะเอาศอก เมื่อกี้คนรักป้อนน้ำ เลยอยากให้ป้อนแซนวิซกันบ้าง

“เดี๋ยวเลอะปาก”

“เลอะก็เช็ดสิ ฉันมีกระดาษทิชชูอยู่”

สุดท้ายคมสันยอมลงให้ครึ่งหนึ่ง คือเอาแซนวิซยัดปากเบิ้มหนึ่งคำ ขอย้ำว่า ‘ยัด’ จนสุดท้ายเบิ้มต้องรีบคว้ามากินเองก่อนจะสำลักตาย

กลับมาที่อีกฝั่งกันบ้าง

‘เก็บเงินด้วยค่ะ’

รับประทานอาหารกันเสร็จ เด็กหญิงก็หันไปเรียกพนักงานด้วยรอยยิ้ม

ใบเสร็จมาแล้ว แต่เด็กเวรยังไม่กระดิกตัว

เด็กหญิงยังคงยิ้ม...ยิ้ม...และยิ้ม

‘เอ่อ ขอโทษนะคะ’ เธอกล่าวอย่างกระดากเล็กน้อย ‘มื้อนี้ให้ฉันจ่ายเหรอคะ’

‘ก็แน่อยู่แล้วสิ’ เด็กเวรตอบพลางเชิดหน้า ‘ตั้งแต่เกิดมาเวลากินข้าวข้างนอกฉันไม่เคยจ่ายเงินเองเลย’

เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุด เด็กคนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยคมสัน ประคบประหงมอย่างดี เวลาออกไปข้างนอกมีหรือจะต้องควักเงินจ่าย นั่งรอให้คมสันจัดการน่ะถูกแล้ว!

สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเด็กหญิงที่ต้องควักบัตรเครดิตออกมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

‘เราไปดูหนังกันนะคะ’

‘เอาสิ’

‘แล้วเราจะไปยังไงดี...’

‘อ้าว ไม่มีคนขับรถหรอกเหรอ งั้นเดี๋ยวฉันโทรเรียกเบิ้มให้แล้วกัน’

‘เอ่อ...ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกเองก็ได้’

เบิ้มนับถือความอดทนของเด็กหญิงเหลือเกิน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเธอพยายามเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโชว์ความแมน แต่ไม่เลย...ที่แสดงออกมาไม่มีความแมนใดๆ ให้ฝ่ายหญิงประทับใจเลย!

เบิ้มอดจะหันมามองคมสันอีกครั้งไม่ได้ อยากถาม...อยากถามออกไปชะมัด

“ขับรถตามไปสิ”

“ครับ”

แต่เบิ้มก็ยังไม่ได้ถาม เพราะคมสันหันมาตวัดตาดุ กลัวว่าจะคลาดสายตาจากเด็กเวรและคู่เดต(?)

สถานที่ปรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่คือห้างกลางเมืองแห่งหนึ่ง ในเมื่อใช้กล้องส่องทางไกลไม่ได้ เบิ้มและคมสันเลยจำต้องลงจากรถ และคอยเดินตามห่างๆ โดยมีหูฟังคอยเชื่อมระหว่างเรา

“มีคนมองเต็มเลย” เบิ้มกระซิบกับคมสัน เห็นหลายคนซุบซิบกันเสียงเบา แต่สายตาที่จ้องตรงมาบ่งบอกชัดเจนว่าจุดสนใจคืออะไร คงต้องขอบคุณหนังหน้าของไอ้เบิ้ม ที่ค่อนข้างเข้มดุวางมาดบอดี้การ์ด เลยไม่มีใครกล้านินทาต่อหน้าได้แต่ทำลับหลัง

“ผู้ชายใส่สูทสองคนสวมหูฟังเดินใกล้กัน สมควรโดนมองอยู่หรอก”

“งั้นห่างกันหน่อยมั้ย”

“ห่างแล้วจะดักฟังยังไง เดินมาใกล้ๆ นี่” คมสันเร่งฝีเท้ารีบร้อนตามให้ทันเด็กน้อยทั้งสอง ไอ้เบิ้มตอนแรกที่กลัวคนรักจะอายก็ไม่ขัดศรัทธา ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องลุยให้สุด!

นั่นไง เจอเป้าหมายแล้ว ทั้งคู่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าโปรแกรมหนัง เด็กเวรยังเชิดหน้าเหมือนเดิม รัศมีออร่าลูกคุณหนูแบบข้าแน่ ข้าเจ๋ง ข้าหล่อที่สุดในปฐพีทำให้มีหลายคนมองมาอย่างอิจฉาเด็กหญิงคนนั้นที่ก้มหน้างุดๆ อย่างเขินอาย

‘ดูหนังรักกันมั้ยคะ’

‘ไม่ละ ดูแล้วหลับแน่’

‘งั้น...หนังผี?’

‘เดี๋ยวคืนนี้ก็นอนฝันร้ายกันพอดี’

‘หนังบู๊ฆาตกรรมล่ะคะ’

‘คมสันบอกว่าไม่เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปด’

‘เอ่อ...หนังตลก โอเคมั้ยคะ’

‘ดูทีไรไม่เห็นจะตลก เอาเรื่องนี้ดีกว่า!’

เบิ้มพยายามชะโงกหน้ามองว่าสุดท้ายเด็กเวรเลือกหนังประเภทไหน

‘นะ...นี่มันการ์ตูนดิสนีย์’

‘ทำไม ดูการ์ตูนไม่ได้เหรอ’

‘ไม่หรอกค่ะ...ก็ดูได้...’ เด็กผู้หญิงรีบเอ่ยเสียงอ่อน คงอยากถามเต็มแก่ว่ามาเดตกันบ้านไหนชวนผู้หญิงมาดูการ์ตูนดิสนีย์

‘งั้นก็ไปซื้อตั๋วสิ ฉันจะรอตรงนี้แหละ’

มองเด็กหญิงที่ทำหน้าจะร้องไห้เดินไปซื้อตั่ว เบิ้มก็อดที่จะหันมามองหน้าคมสันไม่ได้

อยากจะถามออกไปเหลือเกิน...ว่า...

“มองทำไม ไปซื้อตั๋วสิ”

“...ครับ”

เบิ้มจำต้องถอดหูฟังออกชั่วคราว แล้วไปต่อคิวหลังเด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่อดูว่าเธอเลือกที่นั่งไหนและรอบไหน จะได้ซื้อตั๋วเรื่องเดียวกันถูก ซึ่งที่นั่งที่เบิ้มเลือกนั้น...ถัดห่างจากตำแหน่งที่เด็กเวรนั่งแค่แถวเดียว

อะไรนะ ไม่ห่วงว่าจะถูกจับได้เลยเหรอ

เอ่อ...เด็กเวรคงไม่ฉลาดขึ้นมาหรอก

ไม่รู้ว่าเพราอยากกลับบ้านเต็มทนรึเปล่า รอบที่เด็กหญิงเลือกจึงพร้อมฉายทันที

เบิ้มและคมสันรีบเข้าโรงหลังเด็กเวรเดินเข้าไปแล้วห้านาที ก่อนจะนั่งอยู่ข้างหลัง แทบไม่ได้ดูหนัง แต่มองทั้งคู่เป็นระยะ

พวกเขาไม่ได้สวมหูฟังแล้ว เพราะกลัวจะตีกับหนัง อีกอย่างหนังประกบแบบนี้จะกลัวอะไร  ที่ตามดูก็เพราะห่วงหรอกไม่ใช่ว่าอยากเผือกอะไรเลย

ปรากฏว่าเด็กเวรมีความสุขกับการ์ตูนมาก สนุก...จนลืมไปเลยว่ามีคนนั่งข้างๆ ด้วยคนหนึ่ง

เบิ้มละอยากสะกิดชะมัด แต่ไม่ทันจะทำ มือของเขาก็ถูกฉวยจับซะก่อน

“สัน...”

คมสันรีบยกมือจรดปาก เป็นเชิงให้เงียบเสียง ก่อนจะจดจ่อกับหนังโดยชำเลืองมองคุณหนูสุดที่รักเป็นระยะ

หนังจบ ตามคาด เด็กผู้หญิงลุกจากที่นั่งโดยไม่ลา คงหมดความอดทนกับเด็กเวรเต็มทีแล้ว

เห็นคุณหนูมองแบบงงๆ ทำหน้าอึ้ง โทรหาให้เบิ้มมารับกลับบ้านแบบไม่รู้ว่าทำอะไรผิด เบิ้มก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน

“สัน...” เบิ้มถาม ตอนนี้พวกเขานั่งแอบอยู่ด้านนอก ต้องเว้นช่วงสักหน่อยค่อยไปรับเด็กเวร “นายไม่คิดว่า...คุณหนูของเรานิสัยมีปัญหารึไง”

ไหนที่สุดก็ได้ถามแล้ว โล่งอกสักที!

“คิด” คมสันตอบทันที ไม่ได้เคืองอย่างที่เบิ้มกังวล “แต่ถ้าคุณหนูไม่เป็นแบบนี้ นายคิดว่าเขาจะยิ้มและหัวเราะ เป็นตัวของตัวเองได้ขนาดนี้ทั้งที่ครอบครัวมีปัญหามั้ยล่ะ”

โดนถามสวนกลับเบิ้มก็เป็นฝ่ายอึ้งไป

ก่อนจะตระหนักได้ว่า...จุดเด่นของเด็กเวร คือความมั่นหน้า ไม่สนใจ ไม่สนโลก เมินรายละเอียดเล็กน้อย สนแต่เรื่องตัวเอง จนกลายเป็นมองข้ามความจริงบางอย่างเช่นพ่อมีภรรยาคนที่สองและเธอคนนั้นกำลังตั้งครรภ์ รวมถึงแม่แท้ๆ ไม่กลับบ้านมาเจ็ดปีแล้ว

หรือคมสันตั้งใจเลี้ยงให้เป็นเด็กมีปัญหาเรื่องอื่นโดยกลบปมด้อยเรื่องนี้กันนะ

เบิ้มรู้สึกนับถือคมสันขึ้นไปอีก แม้ในใจจะลอบตงิดว่าไม่ใช่โว้ย! มันไม่ควรจะยอมรับง่ายๆ!

“ความจริง...ผลลัทธ์วันนี้ก็เกินคาดฉันเหมือนกัน”

ค่อยยังชั่วที่คมสันยังไม่ทำให้เขาคิดว่าตัวเองเพี้ยนไปคนเดียว

“ไว้กลับไปแล้วค่อยๆ ช่วยกันสอนคุณหนูของ ‘เรา’ แล้วกัน”

คำว่า ‘เรา’ ฟังกี่ครั้งก็ช่างสดชื่น

เบิ้มพยักหน้ารับ พอดีกับคมสันก้มดูนาฬิกาข้อมือ

“ได้เวลาแล้ว ไปรับคุณหนูกันเถอะ”

“ครับ”

เพราะกลัวโดนเจอตัว คมสันและเบิ้มเลยแอบอยู่ในร้านกาแฟห่างจากโรงหนังพอสมควร คมสันลุกจากที่นั่ง ก่อนจะจูงมือนำหน้าไปหาเด็กเวรที่ป่านนี้คงจะยืนกอดอกมั่นหน้าเป็นเป้าสายตาอยู่ที่ไหนสักที่

และนั่นทำให้เบิ้มเพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขาจับมือกันตั้งแต่หนังจบจนถึงหนังเลิก

เอ๊ะ...พวกเขามาส่องเดตแรกของเด็กเวรไม่ใช่เหรอ

แต่เหมือนว่าสุดท้ายแล้ว...จะเป็นเดตที่ราบรื่นของเบิ้มและคมสันเองสินะ

 

------ 

ตอนนี้หวานๆ กันก่อนมรสุมจะตามมาค่ะ

ชีวิตประจำวันของพี่เบิ้มกับคมสันก็ได้แต่เวียนว่ายตายเกิดรอบๆ เด็กเวรที่ไม่เคยจะรู้เรื่องราวอะไรค่ะ ขนาดสามัญสำนึกยังไม่รู้จักเลย! โธ่ น้องเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร ไม่น่าตกระกำลำบากถึงเพียงนี้เลย...

 

#จอมมารคมสัน 


เพจนักเขียนที่ชอบโมเม้นท์พี่เบิ้มกับคมสัน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
...อะไรนะ ตอนนี้มีโมเม้นท์เด็กเวรด้วยเหรอ จำไม่ได้เลย!
Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 01-12-2018 12:01:13
สงสารเด็กที่หลงรักเสี่ยจริงๆ 555555
เสี่ยผู้ไม่มีตรงกลาง ถ้าไม่ซื่อบื้อจัด ก็มั่นหน้าสุดๆไปเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 01-12-2018 12:50:14
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-12-2018 12:59:24
พ่อเบิ้ม แม่สัน ตามติดชีวิตลูก(เสี่ย)จริงๆ อ่านไปรู้สึกสงสารแม่สาวน้อยสุดๆ ความเสี่ยมาเต็ม  :m20:
    :L2:  :pig4:   :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2018 13:40:22
 :hao5:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 01-12-2018 19:53:11
จุดำฟตั้งหม้อเตรียมน้ำร้ิอนรอจ้า
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 02-12-2018 09:02:03
เดตแรก :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 11 : เดตแรก - Up : 01/12/18 - P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 02-12-2018 18:44:28
ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม

 
 

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเบิ้มกับคมสันคบกันมาสามเดือนแล้ว

เป็นช่วงเวลาที่ไม่ช้าและไม่เร็ว อย่างช่วงตอนทะเลาะกันสองสัปดาห์นั้นเบิ้มแทบจะขาดใจ ทุกวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน แต่ตอนเผด็จศึกภรรยาคนที่สองของท่านประธานนั้นกลับรวดเร็วฉับไว เพียงพริบตาคมสันก็จัดการอยู่หมัด

พอจบเรื่องปองร้ายหมายชีวิต หลายอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง อย่างความสัมพันธ์ของพวกเขานี่ไง แม้จะมีพัฒนาการอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ซึมลึกซาบซ่าน ดีต่อใจคล้ายผูกพันมายาวนาน เบิ้มเริ่มชินที่จะได้เจอคมสันทุกเช้า นั่งกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ขับรถโดยมีอีกฝ่ายเคียงข้าง คอยบอกเตือนเป็นระยะและวิ่งไล่จับคุณหนู

พูดถึงคุณหนู...อืม เบิ้มยอมรับว่าแม้เด็กเวรจะน่ารำคาญบ้าง น่ากุมขมับบ้าง แต่ก็นับเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิต

เพราะพอไม่มีคนปองร้ายบอดี้การ์ดอย่างเบิ้มก็ไม่ค่อยมีอะไรทำ ส่วนคมสันก็เห็นเด็กเวรเป็นหลัก แทบไม่มีกิจกรรมทำด้วยกัน ฉะนั้นการมีเด็กเวรป้วนเปี้ยน หาเรื่องวุ่นวายให้แก้ไข ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เบิ้มและคมสันร่วมมือร่วมแรง

อย่างไอ้เรื่องการสอนสั่งที่จำเป็นมาก

หลังพยายามอยู่นาน ในที่สุด...พวกเขาก็ทำให้เด็กเวรรู้จักคำว่า ‘สายเปย์’ สำเร็จ!

ตอนแรกเบิ้มไม่คิดว่าจะลงเอยแบบนี้ อยากจะให้เด็กชายเข้าใจว่าการเลี้ยงข้าวผู้หญิงนั้นคือสุภาพบุรุษ แต่เด็กเวรดันไม่อยากเป็นสุภาพบุรุษ อยากให้คนเอาอกเอาใจมาบริการให้แล้วนั่งหน้าเชิดมากกว่า...นี่มัน...โคตรเหมือนท่านประธานที่ไม่ทำอะไรเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคน เมื่อเห็นว่านิสัยนี้ซึมลึกถึงดีเอ็นเอ ไอ้เบิ้มก็ได้แต่ยอมให้คมสันกล่อมเกลาเด็กเวรด้วยวิธีพิสดาร

นั่นคือให้เจ้าเด็กนี่คิดว่าการเป็นสายเปย์โคตรเท่เลยให้ตาย!

“มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการฝึกฝน เด็กเวรเริ่มติดใจกับการกินข้าวนอกบ้านแล้วใช้นิ้วคีบบัตรเครดิตให้พนักงานด้วยท่วงท่าโคตรป๋าทั้งที่อายุแค่สิบสี่ แน่นอนว่าคมสันถือคติไม่กินข้าวร่วมกับเจ้านาย เพราะระหว่างนั้นต้องดูแลเอาใจใส่คอยแกะก้างปลาให้ใครบางคน เลยสั่งมาแค่เครื่องดื่มกับขนมรองท้องทานเป็นเพื่อนเด็กเวรเฉยๆ กลับบ้านแล้วค่อยนั่งกินกับเบิ้มสองต่อสอง

พอพนักงานนำใบเสร็จมาให้เซ็น เด็กเวรก็ตวัดอย่างเชี่ยวชาญประหนึ่งเซ็นเอกสารมาแล้วนับพันฉบับทั้งที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ท่าทางมาดมั่นคึกคักเกินเหตุนั้นทำให้เบิ้มนวดหัวคิ้ว เพราะแค่ดูหน้าเชิดๆ ก็รู้แล้ว...ว่าตอนนี้เด็กเวรต้องคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า การเลี้ยงข้าวคนแล้วรูดบัตรนี่มันช่างเท่เหลือเกิน ทำไมไม่ทำให้มันเร็วกว่านี้นะ

พอกลับถึงบ้าน นั่งกินข้าวเย็นด้วยกันระหว่างรอคุณหนูอาบน้ำ เบิ้มก็ตัดสินใจถามคนรัก

“ปล่อยไปจะดีเหรอสัน อนาคตมีหวังโดนปอกลอกจนหมดตัวแน่ๆ”

เขาเป็นห่วงเด็กเวรหรอกนะถึงได้ถาม! นี่มันวิธีการเลี้ยงแบบผิดๆ!! ชักนำสู่เส้นทางหายนะทางการเงิน!!!

 “ก็แค่คัดกรองคนเข้าหาคุณหนูให้หมด จะยากอะไร”

...คุณแฟนบอกว่าไม่ยาก ไอ้เบิ้มก็ต้องบอกว่าไม่ยากขอรับกระผม

“ฝึกนิสัยนี้ก็ดี พอเป็นประธาน คุณหนูจะได้รู้จักเลี้ยงลูกน้อง อย่างน้อยก็ซื้อใจได้ ไม่ใช่...”

ไม่ใช่ให้ลูกน้องออกเงินแทนสินะ

พอนึกแบบนี้แล้ว เบิ้มก็ชักคล้อยตามคมสัน ในเมื่อมีเงินเยอะงั้นก็ปล่อยให้เปย์ไปแล้วกัน ยังไงมีคนชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียด ดูจากเด็กหญิงที่ความรักทำให้คนตาบอดสิ โดนเลี้ยงข้าวแล้วใช้ไปซื้อตั๋วหนังที จนป่านนี้ยังไม่คิดจะติดต่อเด็กเวรหวังสานสัมพันธ์กันอีกเลย...

ในเมื่อนิสัยของคุณหนูสุดโต่งนัก ก็ต้องเลี้ยงให้หลุดโลก!

เบิ้มปลอบใจตัวเอง ก่อนจะช่วยรินน้ำให้คมสันที่ยื่นแก้วให้ ในใจอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ใช่ว่า

...มันใช่เหรอวะเบิ้ม

 


ประหนึ่งคำถามโลกแตก เพราะไม่ว่าจะพยายามคิดหาหนทางให้เด็กเวรกลายเป็นคนปกติยังไง เบิ้มก็ไม่หาญกล้าพอจะหาเหตุผลใดๆ มาต่อกรกับคมสัน

คนเพิ่งแต่งเข้ามีหรือจะเทียบเท่าพี่เลี้ยงแต่เยาว์วัย

หลังคิดจนสมองแทบแตก เบิ้มก็ตัดสินใจปล่อยความค้างคาใจไปกับสายธาร เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น

“สัน...” เบิ้มเอ่ยเสียงเบา คล้ายประหม่า และนั่นก็เรียกให้ดวงตาคมสวยตวัดมองอย่างสงสัย พวกเขากำลังไปรับเด็กเวรที่โรงเรียน และคาดว่าเย็นนี้ก็ต้องกินข้าวนอกบ้าน ยอมให้เด็กชายใจป๋ารูดบัตรแบบโคตรเท่เหมือนเคย “คือว่า...พรุ่งนี้...ไปบ้านฉันกันมั้ย”

พูดจบเบิ้มก็กระแอมไอแก้เขิน

“แม่อยากเจอน่ะ”

เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนออกกำลังกายที่ฟิตเนสวันนี้ ลูกชายที่แม้ไม่สนิทกับครอบครัวแต่หมั่นโทรหาไม่ขาดโดนมารดาบังเกิดเกล้าคะยั้นคะยอให้พาคุณแฟนมาจนหาข้ออ้างปฏิเสธไม่ได้แล้ว

เดิมทีเบิ้มก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง มีลูกล่อลูกชนหรือชวนให้คนคล้อยตามง่ายๆ อย่างคมสัน โดนจี้เอามากๆ เข้าเลยรับปาก ไม่วายโยนระเบิดดูปฏิกิริยาจากมารดาบังเกิดเกล้าว่ารับลูกสะใภ้เพศชายได้หรือเปล่า

ใช่ เบิ้มสารภาพไปแล้วว่าคุณแฟนสุดเซ็กซี่ของเขานั้นเป็นผู้ชาย แม่เบิ้มถึงกับวางสายไปครู่ใหญ่คล้ายต้องการเวลาตั้งสติ ก่อนจะโทรกลับมาว่าต้องเจอหน้าเท่านั้นถึงจะบอกว่าโอเคหรือไม่โอเค

สถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีแบบนี้เบิ้มก็ไม่อยากจะพาคมสันไปหรอกนะ แต่เพราะค้นพบว่าคนรักของเขาเนี่ยช่างแก้ปัญหาเก่งจริงๆ ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เบิ้มเลยลองชวนดู หากคมสันทำให้เขาหลุดพ้นจากสภาวะกระอักกระอ่วนในครอบครัว ไอ้เบิ้มก็แสนจะสุขี

และเพราะการชวนไปบ้านครั้งนี้ไม่ค่อยบริสุทธิ์ใจนี้เอง ผู้ชายตัวโตๆ อย่างไอ้เบิ้มเลยถามด้วยเสียงกังวล ยิ่งโดนคนรักตวัดจ้อง ก็เล่นเอาความกล้าทั้งหลายละลายไปกับสายน้ำ สายลม และแสงแดด

“ได้สิ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะลางาน” คมสันพูดพลางส่งข้อความไปบอกประธานทันทีว่าจะขอลางานหนึ่งวัน รวดเร็วฉับไวจนเบิ้มตามไม่ทัน

 “สัน...คือว่า...” เบิ้มไม่ใช่คนปิดบังซ้อนเร้นอะไร ตอนชวนก็กะจะบอกความจริงแก่คนรักอยู่แล้ว พอเห็นคมสันรับปากแถมพูดจริงทำจริง คนที่เอาแต่อึกๆ อักๆ ไม่ทันอธิบายให้กระจ่างแจ้งแก่ใจดีก็ยิ่งเหงื่อตก “แม่ฉันอาจจะต้อนรับไม่ดีนะ เพราะท่านไม่คิดว่าฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย”

“อ้อ” คมสันรับคำเบาๆ เริ่มเข้าใจว่าทำไมเบิ้มถึงได้ทำหน้าลำบากใจขนาดนี้ “กลัวโดนกีดกันหรือ”

เบิ้มรีบส่ายหน้า ต่อให้แม่ไม่เห็นด้วย แต่ไอ้เบิ้มที่หัวดื้อหนีออกจากบ้านไปต่อยมวยแต่เด็กไม่เคยฟังคำค้านฉันใด การให้เลิกกับคมสันก็เป็นไปไม่ได้ฉันนั้น

 “ฉันก็ไม่กลัว” คมสันตอบแน่วแน่ ราวกับว่าการเลือกเบิ้มมาเซ็นสัญญา คือการผูกมัดชั่วชีวิตที่ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ทำให้เราสองพรากจากกันไม่ได้

เบิ้มซึ้งน้ำตาจะไหลอีกแล้ว

“ฉันกลัวแม่จะทำให้นายอึดอัด แล้วก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนไม่ถูกกัน”

ถ้าเป็นไปได้ เบิ้มไม่อยากให้แฟนกับแม่ตัวเองเกลียดขี้หน้ากัน คนกลางอย่างเขาโคตรปวดใจ

“ไม่ต้องห่วงหรอก” คมสันเผยยิ้มมุมปาก “ฉันเก่งเรื่องเข้าหาผู้ใหญ่น่ะ”

 


หญิงวัยกลางคนกำลังตำน้ำพริกเสียงดังปักๆๆ

ครกที่เธอใช้มีขนาดใหญ่กว่าปกติสองเท่า สากที่ถือเองก็ขนาดไม่ต่างกัน เพราะมันใหญ่เท่าศอก สั่งทำเป็นพิเศษสำหรับผู้หญิงร่างใหญ่ที่มีกำลังวังชาไม่ธรรมดา

เธอคือแม่ของเบิ้ม

มารดาบังเกิดเกล้าที่คลอดลูกหลงจนร่างกายอ่อนแอ กลายเป็นแม่บ้านอยู่กับบ้าน คอยทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลลูกเล็ก นึกแล้วก็น่าเสียดาย เมื่อก่อนเธอเป็นนักปีนเขา เลยมีกล้ามแขนที่ใหญ่กว่าผู้หญิงปกติ งานแสนรักที่ไม่อาจทำได้กลายเป็นตำน้ำพริกขายแก้เซ็ง ใช่ เวลาว่างๆ แม่ของเบิ้มจะตำน้ำพริกขาย แม้ร่างกายจะไม่แข็งแรงเท่าแต่ก่อนก็ถือว่าเยอะกว่าคนปกติธรรมดายู่ดี...

ปักๆๆ!

พิสูจน์ได้จากเสียงครกกับสากกระทบกัน ดังสนั่นประหนึ่งอุกกาบาตพุ่งชนโลก

วันนี้ลูกชายคนโตของเธอจะพาคนรักมาเจอหน้า แม่เบิ้มเลยจงใจแต่งตัวโทรม นั่งตำน้ำพริกให้กลิ่นติดตัว ไม่ทำความสะอาดบ้าน เพราะรู้ว่าการบังคับใจลูกชายยากแสนยาก วิธีที่ดีที่สุดคือการให้ลูกสะใภ้เป็นฝ่ายยอมถอยไปเอง

อันที่จริงแม่เบิ้มก็ไม่ใช่ผู้หญิงหัวโบราณ วัดจากที่เมื่อก่อนเป็นนักปีนเขา นอนกลางดิน กินกลางทราย นอนร่วมกับผู้ชายหลายคนโดยไม่กระดากอายหรือกลัวถูกนินทา เธอพบรักกับพ่อของเบิ้มซึ่งเป็นนักเพาะกล้ามและมีงานอดิเรกเดียวกันระหว่างตั้งทีมปีนเขาเอเวอเรสต์ อาจเพราะเป็นคนชาติเดียวกัน เลยสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว และเพราะมีกล้ามที่สวยงามน่าหลงใหลเหมือนกัน เลยทำให้กลับมาพวกเขาก็แต่งงานทันที

ออกมาเป็นเบิ้ม

ตอนเกิด เบิ้มตัวใหญ่กว่าเด็กทารกปกติ น้ำหนักไม่ต้องพูดถึง ล่อซะพยาบาลที่อุ้มถึงกับเมื่อยแขน ตอนที่เบิ้มอยู่ไม่ติดบ้าน ขยันออกไปเรียกวิชามวย เธอเลยพอเข้าใจบ้างว่าเป็นที่สายเลือด เพราะทั้งเธอและสามีต่างไม่อยู่นิ่ง ชอบทำกิจกรรมท้าทายไม่ปีนเขาก็ตั้งแคมป์อยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้นหัวอกคนเป็นแม่ เห็นลูกกลับมาตาช้ำหน้าบวม ก็อดห่วงอยากถนอมไม่ได้

ไปๆ มาๆ ลูกชายเลยยิ่งเตลิด บวกกับทั้งพ่อและแม่ของเบิ้มไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยกลายเป็นยิ่งห่างเหินกัน

ครอบครัวนี้รักกันแบบแปลกๆ

ต่างคนต่างไปทำในสิ่งที่ชอบ แล้วค่อยโทรหาเล่าเรื่องราวให้ฟัง มันตลกตรงที่พอมารวมตัวเจอหน้า ดันเกิดเป็นบรรยากาศงงๆ เพราะไม่ค่อยจะอยู่อย่างสงบๆ กันสักเท่าไหร่

เล่ามาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะแปลกใจว่าทำไมแม่เบิ้มถึงอยากไล่ลูกสะใภ้เพศเดียวกับลูกชายตัวเอง

คำตอบนั้นง่ายมาก

เธอ-อยาก-มี-หลาน!

มีแฟนเป็นผู้ชาย แม่ไม่ว่า แต่แม่อยากมีหลานใครเลยจะเข้าใจ ถ้าเบิ้มคบกับแฟนคนนี้ เธอก็ต้องความหวังกับลูกชายคนเล็ก แต่โปรดดูความเป็นจริงซะก่อน บิ๊กหรือน้องชายเบิ้มนั้นตอนนี้เพิ่งหกขวบ เริ่มจะทำตามความฝัน ไปนอนที่ค่ายมวยตามรอยพี่ชายแล้ว กว่าบิ๊กจะโต...กว่าจะแต่งงาน กว่าจะมีลูก...

เธอได้แก่ตายก่อนน่ะสิ!

ฉะนั้นความหวังทั้งหมดเลยอยู่ที่เบิ้ม ความฝันของหญิงแก่ที่อดปีนเขาแล้วต้องตำน้ำพริกอยู่บ้าน มีเพียงหลานตัวน้อยน่ารักเป็นที่พักใจในยามชรา แค่นึกก็เคลิ้มแล้ว

พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น เบิ้มคงมาถึงแล้ว หญิงวัยกลางคนบิดตัวแก้ปวดเมื่อยเล็กน้อย ก่อนจะถือสากออกมาเปิดประตู เป็นไงละ เจอแม่สามีสวมผ้ากันเปื้อนถือสากเปื้อนสีแดง (พริก) กลิ่นแสบฉุนจมูก สยองขวัญจนขวัญบินเลยใช่มั้ย!

อันที่จริงภาพที่ปรากฏนั้นก็น่ากลัวตามที่แม่เบิ้มวาดหวัง เพราะอย่าลืมว่า แม่เบิ้มตัวสูงใหญ่กำยำไม่แพ้ลูกชาย แม้ไม่ค่อยออกกำลังกายแต่กล้ามแขนจากการตำน้ำพริกทุกวันก็ทำให้ท่อนบนบึกบึน แถมสากที่เธอถือก็อันใหญ่เท่าศอก ส่วนปลายเปื้อนเศษสีแดงแหลกเละ มองไปมองมาคลับคล้ายเนื้อคนอยู่ในที คนเห็นไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแล้ว

ถ้าไม่ใช่ว่า...ลูกสะใภ้ของเธอคือคมสัน

คมสันผู้ละเอียดรอบคอบ ตอนสืบประวัติเบิ้มก็รู้อยู่แล้วว่าแม่เบิ้มเป็นยังไง เลยไม่ตกใจกับผู้หญิงตัวโตหัวแทบชนกรอบประตูประหนึ่งยักษ์วัดพระแก้วแม้แต่นิดเดียว อืม...สากนั้นก็เหมือนกระบองยักษ์อยู่เหมือนกันนะ

ฉะนั้นภาพความประทับใจแรกที่มีต่อลูกสะใภ้คนนี้ คือรอยยิ้มสุภาพนอบน้อม ยกมือไหว้สี่สิบห้าองศา โค้งตัวอย่างงดงามท่วงท่าสง่าเสียจนคล้ายโดนลำแสงผู้ดีสาดใส่ เมื่อไหว้เสร็จก็เหยียดหลังตรง ดันแว่นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าคมสวยโดยเฉพาะดวงตาใต้กรอบแว่นที่หางตาชี้ขึ้นบ่งบอกความเฉลียวฉลาด แต่กรอบแว่นนั้นก็ทำให้ดูเรียบร้อยคงแก่เรียน เมื่อรวมกับชุดสูทสีดำที่ทั้งเนี้ยบทั้งสะอาดสะอ้าน ทำให้ลูกสะใภ้เธอคนนี้มีรูปลักษณ์ที่สง่างามแบบสิบเต็มสิบ

จนแม่เบิ้มที่จงใจทำตัวโทรมถึงกับอายตัวเองแทนซะงั้น

ใครเลยจะคาดคิดว่าคนอย่างไอ้เบิ้ม ลูกชายของเธอที่น่าจะตามรอยพ่อกับแม่จะคว้าเอาผู้ชายที่โคตรจะดูดีคนนี้เป็นแฟน ตอนแรกเธอหลงนึกว่าไปคว้าผู้ชายในค่ายมวยที่มีแต่เหงื่อ หรือไม่ก็เพื่อนร่วมงานทีมสตั้นท์แมนที่ชอบสังสรรค์เฮฮากินเหล้ากันซะอีก นี่มันผิดคาดเกินไปแล้ว!

“สวัสดีครับ ผมชื่อคมสัน เป็นคนรักของเบิ้มครับ”

น้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงความสุขุมนุ่มลึกในที มาดดีขนาดนี้ใครจะกล้าทำตัวไร้มารยาทได้ลงคอ

แล้วนั่น มีการส่งนามบัตรมาอีก...อะไรเนี่ย เธอไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย อายุยังน้อยแต่เป็นถึงผู้ช่วยเลขาประธานบริษัทที่ลูกชายเธอทำงานอยู่...นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัด!

แน่นอนว่าดอกฟ้าคือลูกสะใภ้โคตรงานดี ส่วนหมาวัดคือลูกชายเธอเอง

จากตอนแรกที่อยากจะกีดกันเพราะอยากอุ้มหลาน ไปๆ มาๆ กลายเป็นลูกชายเธอเองที่คล้ายไม่คู่ควร

“คุณแม่หนักมั้ยครับ ผมช่วยถือนะครับ”

แถมยังน้ำใจดี! ไม่รังเกียจที่ตัวเธอเหม็นฉุน ถือสากต้อนรับอีกด้วย ช่างเป็นคนหนุ่มที่สุภาพและอ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่โดยแท้ แม้เป็นผู้ช่วยเลขาที่ดูจากหน้าตาแล้วการศึกษาคงยอดเยี่ยม สังคมคนละชั้น แต่ไม่รังเกียจกันสักนิด ทำเอาแม่เบิ้มประทับใจ คล้ายจะเห็นปีกนางฟ้าจากแผ่นหลังของลูกสะใภ้แสนดี

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ แม่กลัวหนูถือไม่ไหว” เธอไม่ได้พูดเล่น สากอันนี้น้ำหนักไม่ธรรมดา...ขืนให้ข้อมือผอมบางนั้นถือเธอล่ะกลัวจะหักไปซะก่อน อันที่จริงคมสันไม่ได้ดูบอบบางอะไร แต่พอยืนเทียบกับเบิ้มและแม่ของเบิ้ม...ก็ตัวเล็กทันตา

“พวกผมมาขัดจังหวะคุณแม่กำลังทำกับข้าวรึเปล่าครับ มาฝากท้องแล้วยังรบกวนอีก ผมช่วยนะครับ”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ หนูแต่งตัวแบบนี้จะเข้าครัวได้ยังไง”

“ถอดเสื้อออกก็ไม่ต้องกลัวเปื้อนแล้วครับ” คมสันเอ่ยเรียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายหนุ่มเผยยิ้มเป็นมิตรพองาม ท่วงท่าสุภาพเป็นกันเองแบบพอเหมาะพอดี ชวนให้ผู้มองรู้สึกเกรงอกเกรงใจและโอนอ่อนให้โดยไม่รู้ตัว “ฝากหน่อยนะเบิ้ม”

พูดจบ คมสันก็ถอดเสื้อสูทส่งให้คนที่แม่ไม่แล สนใจแต่ลูกสะใภ้ นี่เบิ้มเป็นลูกชายแม่หรือเปล่า แม่หันมามองกันหน่อยสิ

“เบิ้ม พาแฟนลูกไปนั่งในบ้านก่อนไป”

คำทักทายแรกของแม่ คือให้พาคมสันไปนั่งในบ้านเช่าทั้งที่เมื่อก่อนอยู่ห้องเช่าขนาดเล็กเพราะด้วยเงินเดือนสตั้นท์แมนไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย แต่เมื่อรับงานบอดี้การ์ด เบิ้มก็ไม่รอช้าให้แม่และน้องชายอยู่สบายขึ้น ด้วยขนาดตัวของครอบครัวเขา ให้อยู่ในห้องแคบๆ ออกจะเป็นการทรมานไปสักหน่อย

เบิ้มงง ตอนแรกหลงนึกว่าแม่จะตั้งตัวเป็นปรปักษ์ ไม่ยอมรับคมสันซะอีก แต่ใครเลยจะรู้ เจอลูกสะใภ้งานดีไร้ที่ติ จะหาจุดตำหนิหรือก็ไม่มี แล้วจะทำใจดำกล้าทำตัวแย่ได้ยังไง

“คุณแม่ทำน้ำพริกกะปิใช่มั้ยครับ ผมช่วยล้างผักแล้วกัน” คมสันเสนอทางเลือกอื่นขณะพับแขนเสื้อขึ้น แค่ท่าพับแขนเสื้อยังน่ามอง ราวได้รับการสั่งสอนมาอย่างดี แม่เบิ้มใจอ่อนยวบ เธอมีลูกชายสองคน ทั้งคู่ต่างอยู่ไม่ติดที่ วันๆ เอาแต่ไปต่อยมวยไม่ก็เรียนศิลปะการต่อสู้ เหมือนลิงทโมนสิ้นดี กลับบ้านมาหน้าตามอมแมมเสื้อขาดวิ่น เธอต้องนั่งซักผ้าเย็บผ้าแล้วยังทำแผลให้อีก แถมยังซื่อบื้อ เอาใจไม่เป็น ใครเลยจะรู้...ว่าในใจแม่นี้แสนจะอยากได้ลูกชายสุภาพอ่อนน้อม รู้จักเข้าหาและยิ้มหวานมากแค่ไหน

“ขอบคุณนะจ๊ะ”

“เรียกสันเถอะครับ”

วิธีการเข้าหาผู้ใหญ่ของคมสันนับว่าประสบความสำเร็จตามคาด

ความจริงก็ไม่นับว่ายากอะไร ใครล่ะจะไม่ชอบเด็กดีมีสัมมาคารวะ รู้จักถามไถ่ใส่ใจ ไม่ลามปามไม่ล่วงเกินแล้วยังให้เกียรติ

เพียงพริบตาไอ้เบิ้มก็โดนทิ้งอยู่หน้าประตู ถือเสื้อสูทคนรัก จากหมาวัดกลายเป็นหมาหัวเน่าในพริบตา

แต่เดี๋ยวก่อน...

“สัน” เบิ้มกระซิบข้างหูคนรักระหว่างแม่เดินนำเข้าไปด้านใน “นายเข้าครัวเป็นด้วยเหรอ”

คมสันหันมายิ้มบางให้เป็นคำตอบ ก่อนจะส่ายหน้าเชื่องช้า...

แม้จะเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แต่คมสันใช่ว่าจะทำเป็นทุกอย่าง เพราะคฤหาสน์ชาติบดินทร์มีทั้งแม่บ้านและคนครัว แค่ไล่จับเด็กเวรให้กินผักก็เหงื่อตกแล้ว ให้เข้าครัวอีกอย่าได้หวัง

ถ้าเข้าครัวไม่เป็น แล้วตอนแรกเสนอตัวทำไม

เบิ้มตั้งใจจะถามแบบนี้ แต่เลือกที่จะเก็บไว้ในใจ เพราะคำตอบของคำถามนั้นเขาตรัสรู้อย่างแจ่มแจ้ง

อะไรนะ คิดว่าเบิ้มโม้งั้นเหรอ มา เขาจะแจกแจงให้ฟัง

การพูดคุยไม่กี่ประโยคนั้นแฝงด้วยแผนลึกล้ำดังนี้

หนึ่ง เสนอตัวช่วยถือสาก เป็นการหยั่งเชิงแม่เบิ้มว่าจะตอบสนองอย่างไร

ผล -> แม่เบิ้มปฏิเสธ ความประทับใจแรกค่อนไปทางบวก ฉะนั้นถ้าเสนอตัวอีกครั้ง ความเป็นไปได้ที่จะปฏิเสธมีเกินเจ็ดสิบเปอร์เซนต์

ทำให้ต่อด้วยประโยคสอง เสนอตัวช่วยเข้าครัว

ผล -> แม่เบิ้มปฏิเสธตามคาด คมสันแต่งตัวดีขนาดนี้ ใครจะกล้าให้มานั่งโขลกน้ำพริก

แน่นอนว่าคมสันเข้าครัวไม่เป็น ที่ถามไปก็เพื่อลดเกราะในใจคู่สนทนา แล้วนำไปสู่คำถามที่สาม

“ดีจังครับ ผมไม่ได้กินน้ำพริกกะปิมานานแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวกินให้เยอะๆ เลยนะลูก”

คือการเสนอตัวช่วยล้างผัก เพื่อให้ตัวเองไปอยู่ในครัวโดยไม่ต้องทำกับข้าว ระหว่างนั้นก็ถือโอกาสชวนคุย ด้วยมาดของคมสัน ทำให้พูดอะไรก็ฟังดูน่าเชื่อถือ แม้ประจบก็คล้ายไม่ประจบ ทำคะแนนตีตื้น สร้างความประทับใจให้เพิ่มพูนทะลุปรอท

กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร)

แต่ล้างผักแล้วตีเกราะแม่เบิ้มจนพังทลายไม่เหลือซาก เกรงว่าน้อยคนนักจะทำได้!

 

------------------------------

 

เมื่อคมสันเข้าหาถูกทาง อะไรๆ ก็ง่ายดายสำหรับจอมมารค่ะ

เอาจริงๆ แล้วจอมมาร แคก! นางฟ้าของเบิ้มเก่งเรื่องการตีเนียนว่าเป็นคนธรรมดาไร้พิษภัย ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็เอ็นดู ใครเห็นใครก็วางใจ เชื่อถือมากทีเดียว ซึ่งถ้าไม่เป็นปรปักษ์กับคมสันก่อน หรือมีเหตุจำเป็นให้ต้องเผยตัว น้อยคนมากค่ะที่จะตาสว่างเห็นว่าคมสันเป็นจอมมาร (ไม่นับน้องเจที่มองโลกในแง่ร้าย เผาทุ่งลาเวนเดอร์เป็นกิจวัตร)

ซึ่งเบิ้มก็ใกล้จะได้เบิกเนตรแล้วค่ะ มาบ้านครั้งนี้มีประเด็นแน่นอน!!

 #จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่เตรียมนับถอยหลังให้พี่เบิ้ม (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-12-2018 19:27:20
คมสัน นายสุดยอดมาก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 02-12-2018 19:34:23
พี่เบิ้มนี่ความแข็งแกร่งอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นแม่สินะ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร) 55555 โถ ยังไม่วายจิกเสี่ย  :laugh: แต่นึกถึงภาพเด็กอายุ 14 นั่งหน้าเชิ่ดติดเพดานคีบบัตรเครดิตมาดป๋าแล้วน่าเบิ้ดกะโหลกสะจริง  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-12-2018 20:05:27
ดีใจที่เสี่ยมีบทบาทมากกว่าในนิยายของตัวเอง  :m20: ขอสารภาพเลยตอนอ่านจำชื่อ-สกุลเสี่ยไม่ได้จริงๆ แทบจะลืมว่าเสี่ยคือพระเอก :jul3:
ภาคองค์นางฟ้าก็ลงมาประทับทำแม่ของพี่เบิ้มหลงไปอีกคน  ดอกฟ้ากะหมาวัดหัวเน่า   :L2:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-12-2018 20:16:47
คมสันชนะมากกก ชนะทุกเรื่อง จอมมารผู้เหนือจอมมาร ชนะทุกคนในสมรภูมิ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 02-12-2018 20:18:18
จอมมารสุดดดดด
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2018 20:45:24
 o13 เรียบร้อยโรงเรียนคมสัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-12-2018 21:57:19
พี่เบิ้มนี่ความแข็งแกร่งอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่รุ่นแม่สินะ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร) 55555 โถ ยังไม่วายจิกเสี่ย  :laugh: แต่นึกถึงภาพเด็กอายุ 14 นั่งหน้าเชิ่ดติดเพดานคีบบัตรเครดิตมาดป๋าแล้วน่าเบิ้ดกะโหลกสะจริง  :laugh:

ขำคิก......เลย ตอนจิกเสี่ยเด็กเวร ฮ่าๆๆๆ
กับอีแค่ล้างผัก ใครๆ ก็ทำเป็น (ไม่นับเด็กเวร)

คมสัน นางฟ้าปีกดำ สุดยอดยอดดดดด

เบิ้ม  สัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-12-2018 00:35:26
ผูกใจว่าที่แม่สามีเรียบร้อยคมสันฉลาดและถนัดแก้อุปสรรค
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-12-2018 00:38:21
กรี๊ด อะไรดลใจให้นิยายมาไว 555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-12-2018 19:40:19
ใครยังไม่ได้โหวตให้คนเขียนเรื่องนี้บ้างงงงง ไปโหวตเร็ว
รอบสุดท้ายแล้ว ผมลุ้นอยู่ นั่งนับคะแนนกันเลยทีเดียว 555

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69065.msg3919006;topicseen

ตอนนี้สถานการณ์ โหวตรอบสุดท้าย หมวด 7
นักเขียนนิยายดาวรุ่ง คุณมาจะกล่าวบทไป กำลังตามอยู่ 2 คะแนน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-12-2018 19:49:22
จอมมารจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-12-2018 23:26:52
เจอแบบนี้ใครก็เห็นเป็นนางฟ้า เก่งเข้าหาผู้ใหญ่จริงๆนั่นแหละ o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 12 : พบแม่ของเบิ้ม - Up : 02/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-12-2018 19:02:56
จากจอมมารกลายเป็นนางฟ้าในชั่วพริบตาเลย. สุดยอดจอมมารจริงๆ.  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 13 : การเบิกเนตร- Up : 07/12/18 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 07-12-2018 19:05:08
ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม


เห็นแม่ปลื้ม ไอ้เบิ้มก็ภูมิใจ

หมาหัวเน่าทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งรอด้วยใบหน้าบานเป็นจานเชิง และยิ่งยิ้มร่าเมื่อคมสันช่วยถือจานออกมาหลังแม่เบิ้มทำกับข้าวเสร็จ วางเป็นระเบียบสวยงาม จัดองศาเท่ากับทุกใบ จนแม่เบิ้มถึงกับออกปากชม

จากนั้นมื้ออาหารก็เริ่มต้น

ตอนแรก ก็ราบรื่นดีอยู่หรอก

แต่นั่งกินไปสักพัก...

“ไหวมั้ย” เบิ้มก็ก้มกระซิบคมสันที่ปากเริ่มแดง เหงื่อซึม แต่ตีเนียนได้เก่งกาจ แสร้งหยิบผักจิ้มน้ำพริกเอาใจคุณแม่ โดยหันมือเข้าหาตัวช่วยบังเหมือนกินเยอะ แต่ความจริงแล้วจิ้มนิดเดียว

แน่นอนว่าเบิ้มไม่คิดเปิดโปงกลเม็ดของคนรัก เขาเป็นห่วงมากกว่า เพราะอยู่ร่วมกันมาหลายเดือน เลยรู้ว่าคมสันกินรสไม่จัดมาก แล้วดูกล้ามแม่เบิ้มซะก่อน โขลกพริกทั้งสวนให้แหลกละเอียดรวมได้ในชามเดียว จิ้มนิดเดียวเผ็ดยันลำไส้ เบิ้มชินแล้ว แต่คมสันดูไม่ค่อยรอด คงคาดไม่ถึงว่าจะเผ็ดร้อนขนาดนี้

ใช่...เผ็ดร้อนมากเชียวล่ะ ปากสีแดงที่เริ่มเจ่อ ยิ่งเซ็กซี่ขยี้ใจไอ้เบิ้มนัก

คมสันไม่ตอบ แต่ตักข้าวเปล่ากินไปหลายคำ เบิ้มเห็นแล้วสงสาร นี่เขาพาคนรักมาทรมานรึเปล่าเนี่ย

โชคดีที่มื้ออาหารจบลงรวดเร็ว เพราะครอบครัวเบิ้มเน้นกินเร็วแล้วแยกย้าย ลับหลังมารดาบังเกิดเกล้าไปล้างจาน เบิ้มก็รีบรินนมสดมาให้คมสันดื่มแก้เผ็ด

“ขอบคุณ”

“ขอบคุณเหมือนกัน” เบิ้มนั่งข้างคมสัน มองคนรักที่อมนมไว้ในปากพลันรู้สึกน่ารักเกินบรรยาย แทบละสายตาจากริมฝีปากแดงๆ นั้นไม่ได้เลย วินาทีนั้น ช่วงเวลาคล้ายเดินช้าลง เบิ้มเล็งเป้าแล้ว ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ตั้งใจช่วยคมสันแก้เผ็ดด้วยรสจูบหวานล้ำซาบซ่านไปทั้งใจ

น่าเสียดาย...

“เบิ้มโว้ย!”

ประตูบ้านถูกเปิดพรวด เบิ้มสะดุ้งโหยงลุกขึ้นต้อนรับแขกผู้มาเยือน ก่อนจะเป็นฝ่ายประหลาดใจซะเอง

“เฮ้ย พี่สมปอง!”

สมปอง คือรุ่นพี่ที่ค่ายมวยที่เบิ้มเคยไปฝากตัวบ่อยๆ อายุมากกว่าเบิ้มสี่ปี แต่รูปร่างฟิตเฟิร์มอย่าบอกใคร หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ แถมยังอัธยาศัยดี ไม่นิ่งเงียบ (แต่ภายนอก) เหมือนเบิ้ม

“น้องชายเอ็งบอกว่าวันนี้จะพาแฟนมาเปิดตัว กูเลยรีบแวบออกมาดูเนี่ย”

เบิ้มฟังแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ สมปองนั้นดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียว ชอบสอดส่องแฟนชาวบ้านเพื่อเอามาเป็นหัวข้อสนทนาล้อเลียนในวงเหล้า จนเพื่อนๆ พากันล้อเลียนด้วยสำนวนที่ว่า ‘สมปองรู้ โลกรู้’

แต่เบิ้มก็ไม่ได้คิดจะปิดเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นสักขีพยานความรักยังเปิดเผยไม่อายใคร กับแม่ผู้เคารพรักก็ผ่านด่านสบายๆ เมื่อสมปองปรากฏตัว เบิ้มเลยยินดีอย่างยิ่งที่จะแนะนำคนรักให้รู้จัก แหม คมสันภาพลักษณ์เลิศล้ำ หน้าตาดี การเงินดี การศึกษาดี ต่อให้เป็นเพศเดียวกันแต่ควงได้อย่างไม่อาย ออกจะภาคภูมิใจนำเสนอ ให้รู้ว่าคนอย่างไอ้เบิ้มนั้นได้ดิบได้ดีแล้ว

เขาไม่สนและไม่ทันได้สังเกต...ไม่เลยแม้แต่นิดเดียวว่าคมสันเผยแววตาผิดแปลกทันทีที่เห็นสมปอง

“นี่แฟนผมครับพี่ ชื่อคมสัน” เบิ้มเบี่ยงตัวเล็กน้อย เพราะเขายืนบังคนรักอยู่ บังซะมิดเลยด้วย “สัน นี่พี่สมปอง รุ่นพี่ที่เคยสอนมวยฉันเอง เก่งมากๆ เลยนะเคยขึ้นชกที่ต่างประเทศด้วย”

ภาพที่เบิ้มคิด คือสมปองและคมสันยิ้มทักทายกัน

แต่ภาพที่ปรากฏออกมา คือสมปองที่มองคมสันตาค้าง ไม่ใช่หลงรัก แต่ออกแนวช็อกแกมตะลึง ส่วนคมสันจ้องกลับสายตาราบเรียบ ไร้ความรู้สึกประทับใจใดๆ จนคล้ายจะเย็นชาในที

ก่อนริมฝีปากนั้นจะขยับยิ้มเชื่องช้า...

เพียงเห็น สมปองก็วิ่งสี่คูณร้อยออกจากบ้าน ทิ้งไอ้เบิ้มเป็นหมาโง่ยืนงงๆ

“อ้าว สมปองมาไม่ใช่เหรอ หายไปไหนแล้วล่ะ” แม่เพิ่งล้างจานเสร็จเดินออกจากครัว ถือถาดผลไม้เพิ่งปอกใหม่

“ไม่รู้สิครับ” เบิ้มเกาหัวงุนงง ไม่ทันทิ้งตัวนั่ง โทรศัพท์พลันดังขึ้น “พี่สมปองโทรมา”

“งั้นก็รับสิลูก” แม่พูดขอไปทีก่อนจะหันไปนำเสนอแตงโมกับสับประรดแก่ลูกสะใภ้ คมสันที่ยังไม่หายเผ็ดน้อมรับน้ำใจนั้นอย่างยินดี

(( ไอ้เบิ้ม! แกลาออกจากทีมสตั้นท์แมนไปเป็นบอดี้การ์ดเหรอวะ! ))

“พี่รู้ได้ไง” เบิ้มเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปยิ้มให้คมสันที่มองมาอย่างผิดปกติ สงสัยจะคิดถึงเบิ้ม อยากมองหน้าเบิ้มนานๆ ละมั้ง

(( เพราะพี่ก็โดนทาบทามเหมือนกันน่ะสิวะ! ตั้งแต่สามเดือ...ไม่สิ หกเดือนก่อน จู่ๆ ก็มีคนส่งของมาให้ชื่อคมสัน ตอนแรกนึกว่าโดนจีบ พอเข้าไปคุยถึงรู้ว่าอยากให้เป็นบอดี้การ์ด แต่โชคดีที่พี่รู้จักเพื่อนเยอะหลายวงการ เลยรู้ว่าคมสันเนี่ย...ส่งของขวัญให้คนหลายคน ทำตัวน่าสงสัยมีพิรุธแบบนี้ พี่ก็ถอยสิวะ! ))

ในหูเบิ้มคล้ายมีเสียงวิ้งๆ ดังก้อง ภาพคมสันก็คล้ายจะพร่าเบลอกะทันหัน

(( แค่เริ่มต้นก็ไม่จริงใจแล้ว ต่อให้เงินเยอะแค่ไหนก็ร่วมงานด้วยไม่ไหวหรอก! ))

 

เบิ้มจำไม่ได้เลยว่าวันนั้นขับรถกลับคฤหาสน์ถูกได้ยังไง

เพราะรู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่ใต้ฝักบัว เปิดน้ำรดหัวตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่ร่วมชั่วโมง

‘แค่เริ่มต้นก็ไม่จริงใจแล้ว ต่อให้เงินเยอะแค่ไหนก็ร่วมงานด้วยไม่ไหวหรอก!’

ประโยคเดียวเปลี่ยนชีวิตคงเป็นแบบนี้นี่เอง...แน่นอนว่าเบิ้มไม่ถึงกับเชื่อทันทีที่ได้ยิน เพราะการกระทำหลายอย่างของคมสันแสดงถึงความเชื่อใจและไว้ใจ แถมการเห็นหน้าสมปองแล้วเปิดช่องให้เขาคุยโทรศัพท์ก็ไม่ได้แตกตื่นลนลานเหมือนคนทำความผิดสักนิด

แต่รุ่นพี่จะโกหกเขาทำไม

ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องทำเลย นอกจากห่วงว่าเขาจะถูกหลอก!

ไม่ได้การ จะยืนเป็นพระเอกเอ็มวีไม่ได้แล้ว ไอ้เบิ้มใส่เสื้อแล้วหยิบกุญแจรถออกไปข้างนอก สวนกับคมสันที่นั่งอยู่ปลายเตียงด้วยชุดนอนไม่ได้นอนพอดี

“ไปไหน”

“ไปหาเพื่อนน่ะ” เบิ้มตอบพร้อมหลบตาคมสัน เพราะเบิ้มโกหกไม่เก่ง แต่จะให้พูดสารภาพตามตรงก็เกรงใจคนรักที่สู้อุตส่าห์สร้างความประทับใจให้แม่ของเขาในวันนี้ ถ้าไม่มั่นใจ เขาก็ไม่กล้าหักหาญน้ำใจเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นหัวข้อทะเลาะ

เพราะตั้งแต่คบหากัน เบิ้มกับคมสันแทบไม่มีปากเสียงกันเลย

ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้แก่คมสัน เพราะเมื่อไหร่ที่เบิ้มเริ่มทำตัวแปลก เริ่มเว้นระยะห่าง คนรักจะไม่มาเซ้าซี้กวนใจ ก้าวก่ายขุดคุ้ยความลับ แต่เลือกที่จะให้เวลาทบทวนตัดสินใจ จนสุดท้ายเบิ้มต้องเป็นฝ่ายมางอนง้อซะเอง

“ขับรถดีๆ แล้วกัน”

“ครับ...”

เบิ้มมองตามคนที่เดินกลับห้องตัวเองด้วยจิตใจว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าไม่หาคำตอบในวันนี้คงอกแตกตายแน่ๆ!

เชื่อใจคมสันมั้ยก็เชื่อ

แต่เชื่อเพื่อนมั้ยก็เชื่ออีก

เลยออกมาเป็นความรู้สึกเกินบรรยาย ต้องรีบแถลงไขโดยด่วน!

ขับรถออกมาได้เขาก็รีบโทรหาสมปอง เพราะเรื่องเมื่อกลางวันนั้นน่าเหลือเชื่อเกินไป รุ่นพี่แสนดีเลยบอกว่าจะนัดคนที่เคยถูกคมสันทาบทามมารวมตัว เอาให้กระจ่างแจ้งเห็นชัด ให้เบิ้มได้สอบสวนเค้นความจริงด้วยตัวเอง

รถคันหรูจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อก่อนตอนอยู่ทีมสตั้นท์แมน เบิ้มก็เป็นอีกคนที่ชอบสังสรรค์เฮฮากับเพื่อนๆ เพราะกลับบ้านก็ไม่มีอะไรทำ แต่พอเซ็นสัญญากับคมสัน เวลาแทบทั้งหมดของเขาก็ถวายไปกับการดูแลเด็กเวรและสวีตหวานกับคนรัก หลายครั้งเบิ้มได้ยินเพื่อนสนิทลอบประณามว่าได้แฟนแล้วทิ้งเพื่อน แน่นอนว่าเป็นแค่การแซวเล่นไม่จริงจัง แถมคนถูกแซวยังยิ้มรับหน้าด้านๆ อีกต่างหาก

ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการเมาหัวราน้ำ เพราะเพื่อนของเบิ้มแทบทุกคนเป็นพวกออกกำลังกายเน้นกล้ามฟิตหุ่น รักษาสุขภาพเป็นหลัก ส่วนใหญ่เลยดื่มพอสนุก ไม่ถึงกับภาพดับ อ้วกพุ่ง เต้นจำบ๊ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าวันนี้...เบิ้มจะได้เลี้ยงส่งความรักหรือเปล่า

“ทางนี้!”

พอเดินเข้าไปในร้าน สมปองก็โบกมือเรียกให้ไปรวมกลุ่มทันที หลายคนพอคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะร่วมอาชีพเดียวกัน แม้จะต่างกลุ่มแต่มีชื่อเสียงพอตัว วงการสตั้นท์แมนกว้างไกลกว่าที่เห็น อย่างน้อยแค่พวกบริษัทฟรีแลนซ์รับงานอิสระก็แทบนับไม่ไหวแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นไม่คุ้นเลย อาจจะเป็นเหมือนสมปองที่โด่งดังตามค่ายมวย หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่ง

“สวัสดีครับ” เพราะแต่ละคนดูล่ำบึกทั้งนั้น เบิ้มเลยแยกไม่ออกว่าใครแก่กว่าใคร ยกมือไหว้มันรอบวงซะเลย

แต่ละคนก็รีบไหว้รับเบิ้ม แม้เบิ้มจะไม่รู้จักทั้งหมด แต่หลายคนรู้จักเบิ้ม อย่างน้อยก็ในฐานะสตั้นท์แมนอายุน้อยที่ได้รับการทาบทามให้ไปร่วมงานต่างประเทศ ฝีไม้ลายมือเข้าขั้นสุดยอด ไม่ว่าจะขับรถ ดำน้ำ เหินฟ้า ต่อยตีหรือกระโดดสูง เบิ้มทำได้หมด แถมยังหมดจดไร้ที่ติ ไม่รู้จักสิแปลก

“ไง ไปทำงานกับคมสันแล้วเหรอ”

“ครับ พวกพี่ๆ ก็เคยโดนทาบทามเหมือนกันเหรอ”

แต่ละคนทำหน้าไปไม่เป็น

“จะบอกว่าโดนทาบทามมั้ยก็...” คนใกล้สุดเกาหัว “เรียกว่าโดนจีบจะดีกว่า”

“เออ ใช่เลย!”

“ของฉันได้ดอกไม้ว่ะ”

“นี่ก็ส่งเนกไทมาทุกวันเลย”

“ฉันได้เข็มกลัด”

“ทางนี้พวงกุญแจว่ะ”

“ฉันได้ไฟแช็กเลยนะโว้ย”

“เด็ดสุดคือการ์ด ลายมือโคตรสวย”

แต่ละคนคุยเฮฮาเหมือนเป็นเรื่องขำขัน แต่กับไอ้เบิ้มนั้น...ไม่ขำเลยสักนิด

เขาได้แค่เกลือแร่สองขวด ขวดละสิบบาท ต้นทุนต่ำสุด!

คล้ายจับได้ถึงความตึงเครียดของเบิ้ม แต่ละคนเลยเริ่มจริงจัง เข้าสู่เนื้อหาตึงเครียดทันที

“ความจริงพี่ก็ไม่รู้จักทุกคนหรอก แต่พอมีคนเตือน ก็เลยเริ่มสืบไล่ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็รวมมาได้เป็นสิบคนนี้เนี่ยล่ะ!” สมปองเปิดประเดิม

“ทุกคนมีชื่อเสียงในวงการ และยังโสด ร่วมถึงมีเกณฑ์เบี่ยงเบน” คนใกล้เบิ้มพูดต่อ

“อายุก็ไล่ๆ กัน ตั้งแต่ช่วง 22-32 ไม่มีใครแก่เกินกว่านี้”

“หน้าตาไปวัดไปวา ไม่มีคนขี้เหร่ระคายตา”

“อย่างกับรจนาเสี่ยงคู่”

พูดถึงตรงนี้เหล่าคนที่หลุดพ้นแล้วก็เริ่มเฮอีกครั้ง ชนแก้วขณะเบิ้มหน้าซีด

“เอ่อ แล้วทำไมแต่ละคนถึงปฏิเสธกันเหรอครับ”

“ก็ไม่น่าไว้ใจนี่หว่า จู่ๆ คนของบริษัทอื่นส่งของมาให้ ก็ต้องคิดก่อนว่าถูกดึงตัวแน่ๆ” คราวนี้หนึ่งในทีมสตั้นท์แมนต่างบริษัทพูด

“ใช่ๆ”

“แถมพอรู้ว่ามีคนอื่นได้เหมือนกัน เลยรีบถอย”

“แต่คมสันคนนั้นก็ร้ายนะ พอรู้ว่าไม่เล่นด้วย ก็ไม่ส่งของมาอีกเลย”

“เออ แต่เดินเข้ามาคุยตรงๆ ว่าจะจ้างบอดี้การ์ด”

“แถมต้องคอยดูแลรับส่งเด็กอีก ไม่เอาหรอก เป็นสตั้นท์แมนสนุกกว่าตั้งเยอะ”

 “แล้วพวกพี่ล่ะ” เบิ้มหันไปถามคนที่เหลือซึ่งประกอบวิชาอาชีพอื่น ที่กล้าเรียกพี่เต็มปากเต็มคำ เพราะทุกคนบอกว่าเองว่าในนี้อายุต่ำสุดคือยี่สิบสอง มากสุดคือสามสิบสอง ฉะนั้นยังไงเบิ้มก็เป็นน้องเล็ก แม้ขนาดตัวจะไล่เลี่ยกันก็ตาม

“เหตุผลคล้ายๆ กัน จู่ๆ มีใครไม่รู้ส่งของมาให้ ยังไงก็ต้องระแวงบ้างล่ะวะ”

สรุปแล้วปัจจัยแรกที่ทำให้เบิ้มตกบ่วงง่ายกว่าคนอื่น...คือเป็นพนักงานร่วมบริษัทกับคมสัน เห็นหน้าค่าตาเป็นประจำเลยไม่ระแวงนั่นเอง

“เอาจริงๆ หลายคนในนี้ก็แอบสนใจอยู่หรอก คนระดับคมสันหาไม่ได้ง่ายๆ เสนอตัวมาเองใครๆ ก็อยากลองทั้งนั้น แต่ก็นั่นแหละ สัญญาตลอดชีพ ใครจะกล้าเซ็นวะ”

เบิ้มน้ำตาตก ไม่กล้าบอกว่าก็เขานี่ไงที่กล้าเซ็น

“แล้ว...ในบรรดาพวกพี่ ใครติดต่อกับคมสันนานสุดเหรอครับ”

“ฉันเอง” ชายหัวเกรียน มาดนิ่งเงียบ ยกมือตอบอย่างสงบคล้ายโดนบังคับมา  “โดนจีบอยู่สองเดือน บอกว่าไม่สนใจแต่ยังส่งของมาให้ จนสุดท้ายไปนั่งกินข้าวด้วยกัน ทางนั้นคงเข้าใจแล้วเลยไม่ส่งของมาอีก”

เบิ้มแทบกระอัก คนคนนี้ถึงกับได้กินข้าวกับคมสัน ขณะที่ตัวเขานั้นต้องเป็นฝ่ายเข้าหา

“เฮ้ย เบิ้ม! ร้องไห้ไมวะ”

“ไม่มีอะไรครับพี่ ผมขอตัวก่อนนะ” เบิ้มรีบเดินหนีออกจากร้าน จะบอกได้ไงว่าเขาโดนหลอกอย่างจัง ถูกปั่นหัว ถูกทรยศความไว้ใจอย่างยับเยินจนลูกผู้ชายถึงกับหลั่งน้ำตา

เบิ้มยังไม่รีบร้อนกลับคฤหาสน์ เขาเพียงนั่งเงียบๆ คนเดียวในรถ พยายามทบทวนเรื่องราวทั้งหมด

รวมถึงทบทวนความรู้สึกของตัวเอง

แย่ชะมัด เขาคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากคำว่า ‘ใจสลาย’

การกระทำแสนพิเศษที่หลงดีใจ สัญญาว่าจ้างที่ไม่ต่างกับการขอแต่งงาน แท้จริงแล้วจะเป็นใครก็ได้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งนี้

เป็นใครก็ได้

ส่วนเบิ้มก็เป็นแค่คนโง่ๆ ที่คมสันให้เกลือแร่สองขวด ขวดละสิบบาทก็เดินตามต้อยๆ

วูบหนึ่ง เบิ้มน้ำตาคลออีกครั้ง

นึกว่าจะมีรักแรกและรักสุดท้ายแสนสวยงาม

...สุดท้ายกลับถูกเหยียบย่ำความรู้สึกอย่างยับเยิน

 

เบิ้มกลับถึงคฤหาสน์ตอนตีหนึ่ง เขาใช้เวลากับตัวเองจนมั่นใจว่าจะไม่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดต่อหน้าคมสัน เพราะเรื่องนี้จะโทษใครได้นอกจากความโง่งมหลงเพ้อละเมอหาของเขาเอง ไอ้เบิ้มก็เป็นคนดีอย่างนี้ ช่วยไม่ได้จริงๆ คนมันรักไปแล้วทำไงได้

ยิ่งคิดว่ารักมาก ทุ่มให้ทั้งใจ ไอ้เบิ้มก็ยิ่งเจ็บ ตอนเก็บข้าวของแล้วเห็นเสื้อที่คมสันซื้อให้ ภาพความหวานแหววในอดีตก็ปรากฏวาบ ไอ้เบิ้มแทบกระอักเลือด ช้ำในยิ่งกว่าสมัยขึ้นชกกับสมปอง เพื่อให้ทุกอย่างจบลงไวๆ เบิ้มเลยกวาดเสื้อส่วนของตัวเองใส่กระเป๋า รูดซิปปิด เตรียมลากออกจากห้อง

ส่วนค่าปรับที่ฉีกสัญญาน่ะเหรอ

ถ้าจำไม่ผิดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง แต่เบิ้มไม่สนใจหรอก ฝีมือระดับเขา ไปเป็นสตั้นท์แมนที่ฮอลลีวู้ดสักปีสองปีก็น่าจะได้ครบแล้ว ใช่ เบิ้มคิดจะไปต่างประเทศ ส่วนแม่กับน้องชายนั้นไม่ต้องห่วง เพราะเขาจะพาไปด้วย ก่อนหน้านี้ติดที่การเรียน เพราะช่วงพ่อของเบิ้มเสียน้องเขาเพิ่งอยู่อนุบาล แต่ตอนนี้กำลังจะเข้าประถมหนึ่งพอดี ย้ายที่เรียนได้ไม่ลำบาก

ใช่ เบิ้มคิดมาดีแล้ว

เขาทบทวนตัวเองและวางแผนเผื่อในอนาคต รวมถึงรู้ด้วยว่าทันทีที่เตรียมก้าวขาออกจากห้อง คมสันจะต้องปรากฏกาย

ประตูสู่แดนลี้ลับเปิดออกในจังหวะที่เบิ้มกำลังหันหลังพอดิบพอดี คมสันในชุดนอนไม่ได้นอนยืนมองเบิ้มด้วยสายตาสงบนิ่งและเยือกเย็น ใบหน้าไร้ความง่วงงุนทั้งที่ได้เวลานอนตามปกติแล้ว

เบิ้มหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายไม่อิดออด เขาไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ หนีหน้าหายหัวไปเฉยๆ

อย่างน้อย...

“เราเลิกกันเถอะ”

ก็ต้องบอกเลิกกันให้จบเรื่องจบราวไม่มีอะไรค้างคาใจ!

------------

ปรบมือต้อนรับให้ตัวประกอบครอบครัวตระกูลสมอีกคนหนึ่งผู้มีชื่อว่าสมปองนะคะ
สมปองมาเพื่อสร้างความร้าวฉานแก่ครอบครัว ทำให้พี่เบิ้มตาสว่าง กับความจริงที่แสนร้าวรานใจผู้ชายตัวโตๆ จนถึงกับหลั่งน้ำตา พี่เบิ้มตั้งความหวังกับรักแรกและรักครั้งนี้มากค่ะ เพราะรักมากเลยเสียใจมาก แล้วยังไม่นับการกระทำของคมสันที่หว่านแหไปทั่วอีก

ตอนหน้าจอมมารจะแก้ตัวยังไง
ขอย้ำว่าเรื่องนี้ไม่มาม่า จอมมารจบเกมไว

 
เพจนักเขียนที่สงสารพี่เบิ้มจับใจ (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
#จอมมารคมสัน
Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-12-2018 19:28:12
รอฟังคำจากฝ่ายจอมมาร
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 07-12-2018 19:30:41
ค้างงงงงงง สงสารพี่เบิ้ม ถึงร่างพี่เบิ้มจะแข็งแกร่งบึกบึน แต่เรื่องจิตใจพี่เบิ้มอ่อนไหวมาก เป็นใครๆจะไม่เสียใจล่ะคมสันเล่นจีบคนมาเป็นบอดี้การ์ดด้วยวิธีเดียวกันหมดแบบนี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 07-12-2018 20:18:46
ตอนหน้าเสียตัว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-12-2018 20:22:52
 :mew4: น้ำตาไหลตามพี่เบิ้มเลยจ้า รอดูคุณคมสันจะทำไงต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KK ก้านแก้ว ที่ 07-12-2018 21:11:02
ปักไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่าน ชอบชื่อเรื่อง ><
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Peterpanmama ที่ 07-12-2018 22:27:31
อ้าววววว สงสารเบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-12-2018 23:32:35
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-12-2018 23:56:07
คมสันจะทำไงทีนี้
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 08-12-2018 01:58:23
สงสารเบิ้มอ่า จุกแทน เจอแบบนี้ใครจะทน
อยากให้เบิ้มใจแข็ง ตัดใจเดินจากมาเถอะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-12-2018 08:38:31
เบิ้มผู้มีใจอ่อนโยน กลับโดนย่ำยีหัวใจ จอมมารจะตะล่อมหรือตัดสัมพันธ์เบิ้มหรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-12-2018 11:10:53
สงสารจอมมาร ต้องวางแผนวางหมาก มากมาย

เพื่อหาคนที่ใว้ใจได้มาอยู่ช่วยดูแลเด็กเวร(เสี่ย)

ที่เป็นยอดดวงใจของ

จอมมารต้องยอมลดตัวเพื่อไปจีบพวกนี้มา

แต่วาสนาพวกมันไม่ดีเหมือนพี่เบิ้ม เลยไม่คลิ๊ก

แต่พี่เบิ้มนั้น แม้ว่า จะได้แค่เกลือแร่ แต่ด้วยบุญพาวาสนาส่ง

เลยได้มาเป็นบอดี้การ์ดคู่บุญให้คุณหนูของคมสัน

ดีจะตายไป จะน้อยใจทำไม

ทำไมไม่ชื่นชมว่าเพื่อเจ้านายตัวน้อยๆที่แสนรัก

คมสันต้องทุ่มเทไปคุยกับพวกนั้น ทั้งที่ไม่ใช่นิสัยของคมสัน

จำใจต้องไปกินข้าวกับคนเหล่านั้นทั้งที่ไม่จำเป็น

คมสันทำเพื่อคุณหนู คมสันผิดตรงใหน

ถ้าเบิ้มใจเสาะ และหูเบานิสัยงี่เง่าแบบนี้ ก็ใสหัวมันไปเถอะคมสัน

 อย่าไปง้อมัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-12-2018 12:38:36
มีคนเข้าข้างคมสันด้วย!
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-12-2018 12:40:48
 :hao5:


สงสารพี่บิ๋ม  !!
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 08-12-2018 12:43:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 13 : การเบิกเนตรของเบิ้ม- Up : 07/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2018 15:23:42
ค้างงงงงงงง......... 
แต่เบิ้ม ไม่น่ารีบบอกเลิกนะ  :really2:
รอฟังคำอธิบาย เหตุผลของอีกฝ่ายก่อนสิ  :hao3:

เบิ้ม   คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 10-12-2018 20:00:44
ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม

 

“เราเลิกกันเถอะ”

ทันทีที่พูดคำนั้น คมสันถามกลับเพียงสองคำ

“ทำไม”

เบิ้มกดหัวคิ้ว พยายามให้สติอยู่เหนืออารมณ์

“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว” เบิ้มเอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่อยากขึ้นเสียงใส่คมสัน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังเป็นคนที่เขารู้สึกชอบพอ แม้จะไม่ลงเอยด้วยดี แต่ก็อยากจะจากกันด้วยดี

เขามีความสุขจริงๆ ยามอีกฝ่ายอยู่ใกล้ หันมายิ้ม หรือแตะตัวกัน เบิ้มไม่เคยใจเต้นกับใครนอกจากคมสัน ไม่เคยยอมลงและนึกรักชอบใครเท่านี้มาก่อน ถึงจะเป็นเพียงการหลอกใช้ แต่ช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน นับเป็นสิ่งมีค่าและทำให้เบิ้มได้เรียนรู้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรักทั้งแบบคนรักและแบบที่มอบให้กับเด็กชายคนหนึ่ง เบิ้มซาบซึ้งเสมอกับสิ่งที่คมสันทำเพื่อเด็กเวร จนนึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันนั้น

แม้สุดท้ายแล้ว...

“วันที่นายส่งเกลือแร่ให้ นายไม่ได้ส่งให้ฉันคนเดียว แต่ยังส่งดอกไม้ ส่งเนกไท ส่งไฟแช็ก ส่งเข็มกลัด และอีกหลายอย่างให้คนอื่นด้วย คมสัน นับตั้งแต่นายรู้ว่าภรรยาคนที่สองของประธานท้อง นายก็เริ่มคิดจะหาบอดี้การ์ดมาดูแลคุณหนูของนายแล้ว ข้ออ้างเรื่องพาคนรักมาอยู่ด้วย ก็แค่ทำให้ท่านประธานตายใจ ยอมให้มาอยู่ที่นี่โดยไม่ติดใจสงสัยว่าคุณหนูโดนปองร้ายจากคนใกล้ตัว”

...ทุกอย่างจะพังทลายในวันนี้

ใช่ คมสันอ้างเหตุคนรักเพื่อบังหน้าท่านประธานเท่านั้นเอง เพราะไม่อยากให้ความชั่วร้ายของภรรยาคนที่สองแตก ไม่อยากให้ทั้งคู่แตกหักกัน แล้วสร้างความวุ่นวายใจแก่คุณหนูที่รักยิ่ง

“ตอนนั้นนายคงร้อนใจ ถึงได้หว่านเมล็ดออกไปหวังว่าเก็บเกี่ยวได้สักคนก็พอแล้ว และในเมื่อจะเลือกคนมาสักคน ก็ต้องเป็นคนที่พร้อมจะถวายหัวเชื่อฟังไปตลอด คนอย่างคมสันคงไม่คิดจะทำดีหวังผลแค่ครั้งเดียว ในเมื่อลงแรงแล้วก็ต้องให้เซ็นสัญญาผูกมัดคนนั้นไปตลอด โดยแสร้งว่ามีใจให้”

ยิ่งพูด เบิ้มก็ยิ่งตาสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ทุกอย่างปะติดปะต่อกันพอดี อย่างมีเหตุมีผลเสียด้วยสิ

“และคนโง่คนนั้นก็คือฉัน...ไอ้เบิ้มคนนี้ที่ตกหลุมรักนายเข้าจริงๆ”

เบิ้มน้ำตาคลออีกแล้ว

รักครั้งแรก...ทุ่มเทให้สุดใจ แต่ได้รับกลับคืนด้วยการทรยศ

เขารีบเช็ดน้ำตา ลูกผู้ชายตัวโตๆ ต่อให้มาบอกเลิกกันก็ไม่ควรทำตัวน่าสมเพช โดยเฉพาะกับคนรักที่เพียงยืนพิงประตูมองนิ่งๆ ไม่คิดจะแก้ตัวอะไร

“พูดมาสิสัน ว่าฉันเดาถูก”

“ใช่ นายเดาถูก”

วินาทีนั้น ยิ่งกว่าฟ้าถล่ม คือไอ้เบิ้มที่แทบลงไปทรุดกับพื้น

ต่อให้รู้แจ้งแก่ใจ ต่อให้คิดความเป็นไปได้มากแค่ไหน แต่ไม่สู้ได้ยินจากปากของคมสันเอง

เขาทำได้เพียงมองคมสันอย่างตัดพ้อ ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้...เพียงเพื่อต้องการคำอธิบาย

“แต่ก็ไม่ทั้งหมด” คมสันเดินไปนั่งปลายเตียง ยกขาไขว่ห้าง เป็นครั้งแรกที่ชุดนอนไม่ได้นอนของคนรักไม่อาจทำให้เบิ้มใจเต้น มีเพียงความเจ็บร้าวลึก ยิ่งอยู่ก็เหมือนยิ่งทรมานตัวเอง “ตั้งแต่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นท้อง ฉันก็สังหรณ์ใจไม่ดี คิดอยากหาบอดี้การ์ดให้คุณหนูจริงๆ ไม่ใช่แค่กลัวโดนปองร้าย แต่เพราะคุณหนูเริ่มโตขึ้น เริ่มเที่ยวเล่น ท้าตีท้าต่อย และออกห่างจากฉันมากขึ้น จะคอยระวังด้วยตัวคนเดียวก็ทำไม่ได้ ฉะนั้นบอดี้การ์ดในที่นี้ จะต้องปกป้องคุ้มครองคุณหนูได้ตลอด ไม่แค่การหมายเอาชีวิต แต่หมายถึงเรื่องส่วนตัวด้วย และไหนๆ ก็ต้องหาบอดี้การ์ดแล้ว จะให้เปลี่ยนหน้าบ่อยๆ คุณหนูคงไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้า จึงต้องหาคนที่เจริญหูเจริญตา อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เข้าขากันได้ดี หรือง่ายๆ ก็คือ...”

พลันคมสันเผยยิ้มหวาน รอยยิ้มที่เคยทำให้เบิ้มเคลิ้มจนไปไม่เป็น

“การเลือกบอดี้การ์ดสำหรับฉันไม่ต่างกับการเลือกคู่”

“คมสัน!”

เบิ้มกัดกราม ตอนนี้นอกจากจะไม่เคลิ้มแล้ว ยังโมโหกับความคิดบ้าๆ นั่นอีกด้วย

“นายไม่เคยมีความรักสินะเบิ้ม” คมสันหัวเราะในลำคอเบาๆ “ฉันเองที่ทั้งชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุณหนู ก็ไม่เคยมีความรักเหมือนกัน”

พลันอีกฝ่ายหลุบตาต่ำ ซ่อนความนัยใต้กรอบแว่น เบิ้มเองก็นิ่งงันทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งคมสันเงยหน้าและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

“ฉันไม่คิดจะรักใครไปมากกว่าคุณหนู เพราะถ้าฉันไม่รักเขาที่สุด ไม่ยกเขาเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง คุณหนูก็คงไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ไม่กลายเป็นเด็กดีอย่างนี้หรอก”

พลันคมสันเปลี่ยนท่า จากนั่งประสานมือบนตัก เป็นเอนหลังเล็กน้อยแล้วใช้มือค้ำ ดูผ่อนคลายแสนสบาย จนเบิ้มลอบกัดฟันว่าเรื่องของเขาเห็นจะไม่เคยสำคัญในความคิดอีกฝ่ายเลย

ซึ่งอาจจะใช่ก็ได้ เพราะพอพ้นจากเรื่องคุณหนูสุดที่รัก คมสันก็เล่าความจริงทุกอย่างด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย

“จะหาบอดี้การ์ดก็ต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดมืออาชีพ ใช่ว่าฉันคิดไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครสนใจ เงื่อนไขของฉันเรียกร้องมากเกิน ทั้งต้องดูแลเด็กตลอดเวลา ทั้งระยะเวลาในสัญญาว่าจ้างที่ไม่มีกำหนด แค่สองข้อนี้ก็ทำให้บอดี้การ์ดมืออาชีพบอกปัดแล้ว และต่อให้มีคนสนใจ ฉันก็ไม่เอาอยู่ดี เพราะฉันไม่ได้ต้องการบอดี้การ์ดยืนหน้าทื่อๆ ตลอดเวลา ฉันต้องการคนที่จะมา...ใช้ชีวิตร่วมกัน”

คมสันขยับตัวเล็กน้อย

“บอดี้การ์ดมืออาชีพแยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างชัดเจน ฉันไม่ต้องการหุ่นยนต์ เลยลองหาอาชีพอื่นที่พอมีวิชาการต่อสู้ติดตัวมาทำหน้าที่นี้แทน ตัวเลือกมีมากมาย แต่เพราะทำงานในบริษัทบันเทิง ฉันเลยมีข้อมูลเกี่ยวกับทีมสตั้นท์แมนเยอะเป็นพิเศษ ฉันหาคนที่รูปร่างหน้าตาไม่เลว โสด มีโอกาสรักชอบผู้ชาย แล้วส่งของไปจีบทุกคน”

คมสันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดันแว่น หันมายิ้มให้เบิ้มอีกครั้ง

“ของขวัญทั้งหมดวานคนอื่นช่วยส่ง เพราะฉันคงแยกร่างทำพร้อมๆ กันไม่ได้ อย่างเกลือแร่ของนาย...แรกๆ ฉันก็ฝากยามหน้าบริษัทที่เฝ้ากะเช้าเป็นคนซื้อแล้ววางบนโต๊ะให้ ส่วนการ์ดก็เขียนตุนไว้ ให้ยามช่วยใส่ในถุงไปด้วยแค่นั้นเอง”

เบิ้มก้มหน้า กำหมัด...ไม่ได้จะต่อยคมสัน เขาเพียงพยายามระงับอารมณ์กับความจริงที่เคยทำให้ตื่นเต้นดีใจ แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการกระทำส่งๆ ที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย

“มีของขวัญส่งให้ทุกวันเช้าเย็น มีหรือจะไม่มีใครใจอ่อนเลย ส่วนใหญ่ก็ต้องดีใจที่เป็นฝ่ายถูกชอบ แถมการกระทำลับๆ ล่อๆ ก็ยิ่งท้าทายกระตุ้นสัญชาตญาณผู้ชายได้ดี อ้อ ของขวัญฉันเลือกตามความชอบของแต่ละคนนะ เห็นแบบนี้ฉันก็ทุ่มเทไม่เบา อย่างนายชอบดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ x ฉันก็ซื้อให้ถูกใช่มั้ยล่ะ”

คมสันเปลี่ยนกลับมานั่งประสานมือบนตักอีกครั้ง

“และนายก็เป็นคนที่มีความคืบหน้าที่สุด อย่างน้อยก็เป็นคนแรกที่ดักเจอฉันจริงจัง อาจเพราะเราอยู่บริษัทเดียวกันด้วยละมั้ง...ถึงได้คืบหน้าไวกว่าคนอื่น” คมสันเว้นช่วงเล็กน้อย “หลังๆ ฉันเลยเริ่มเอาเกลือแร่ไปวางเอง หวังเก็บเกี่ยวผลครั้งนี้ แต่ระหว่างนั้นคนอื่นๆ ก็ติดต่อเข้ามา เพราะอยู่ต่างที่ ฉันเลยเล่นตัวมากไม่ได้น่ะ ส่วนใหญ่ก็จะนัดเจอกันเลย”

พลันคมสันเงียบลงไปอีกครั้ง คล้ายไม่รู้จะเล่าต่ออย่างไรดี เลยเปลี่ยนเป็นฝ่ายตั้งคำถามแทน

“เพื่อนของนายคนที่ติดกับของฉันแล้วปลีกตัวช้าที่สุดคือกี่เดือน”

“สองเดือน”

“ความจริงคือสามเดือน มีคนที่ไม่รู้และนึกสนใจฉันเหมือนนาย เบิ้ม” คมสันเฉลย “แต่วันที่นายมาดักรอฉันที่ลานจอดรถ ยอมขับรถไปโรงเรียน รับคุณหนู แล้วยอมเซ็นสัญญา ก็คือการยุติทุกอย่าง ฉันเลิกส่งของขวัญให้คนอื่นๆ เพราะฉันเลือกนายแล้ว”

“ฟังดูดีนะ”

แต่ไม่น่าดีใจสักนิด

เบิ้มคิด แม้จะไม่ร้องไห้ต่อหน้า แต่ใครจะรู้ว่าในอกเบิ้มนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาท่วมท้นจากความเศร้าเสียใจ

“วันนั้นก็เหมือนการทดลองงาน ถ้านายไม่ผ่านเกณฑ์ ฉันก็ไม่คิดจะหยิบสัญญาให้เซ็นหรอก มีหลายคนที่เข้ามาแล้วปฏิเสธฉันหรือถูกฉันปฏิเสธ เพราะการอยู่ร่วมกับคนอีกคนหนึ่งก็ต้องเลือกให้มากหน่อย จริงมั้ย”

“งั้นตอนที่ให้ไปดูแลคุณหนูท้าต่อยนั่นละ ไม่ใช่ว่า...ต้องการกันหรอกหรือ”

“ต่อให้ไม่มีนายฉันก็จัดการเองได้ อาจจะไม่ใช้วิธีเหนือมนุษย์ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ ฉันห้ามคุณหนูไม่ได้ แต่ฉันห้ามคู่กรณีของคุณหนูไม่ให้ไปตามนัดได้” คมสันยิ้มมุมปาก แต่เบิ้มยิ้มไม่ออกสักนิด “นั่นก็เป็นการทดลองงานเหมือนกัน และนายก็ทำให้ฉันเชื่อว่าถ้ามีคนปองร้ายคุณหนูจริง จะวางใจฝากชีวิตไว้ได้”

คำพูดกึ่งเยินยอนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเลย

ยิ่งฟัง เบิ้มก็ยิ่งดิ่ง ความรู้สึกของเขาเนี่ยล่ะที่ทิ้งดิ่ง แทบจะหมดอาลัยในตัวคมสัน

“แล้วที่กอด ที่จูบล่ะ”

“ฉันทำไปตามสัญชาตญาณ รู้ว่าถ้าทำแล้วนายจะชอบ”

เบิ้มทนไม่ไหวแล้ว

ประโยคนั้นไม่ต่างกับคำตัดสิน เขาคว้ากระเป๋าเตรียมเดินออกจากห้องทันที แต่คมสันกลับรั้งชายเสื้อไว้

“ไม่ฟังให้จบก่อนเหรอ” คนที่นั่งไขว่ห้างอย่างสบายอกสบายใจ จู่ๆ กลับรีบร้อนรั้งชายเสื้อด้วยรอยยิ้มจางที่ชวนให้เบิ้มยิ่งปะทุอารมณ์

“ให้ฟังอะไรอีก ฟังว่าฉันโง่แค่ไหนที่เชื่อใจนายงั้นเหรอสัน!” เบิ้มตะโกนลั่น ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่คะตอกใส่คนคนนี้ แต่การกระทำของคมสันก็ทำให้เขาระงับตัวเองไม่ไหว มันเจ็บที่ใจ มันปวดในอก ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีค่า ไม่มีความหมายอะไรเลย “ปล่อย อย่าให้ต้องใช้กำลัง”

แต่คมสันไม่ปล่อย

“คมสัน!” เบิ้มตะโกนอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจ ในเมื่อไม่มีเยื่อใยแล้วจะรั้งไว้ทำไม

“แค่ฟัง นายทำได้มั้ยเบิ้ม”

น้ำเสียงที่อ่อนลง กับมือที่กำชายเสื้อแน่นจนยับเยิน ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เจ็บแทบใจจะขาด แต่เบิ้มกลับยอมยืนนิ่ง อาจเพราะใจมันไม่รักดี ลึกๆ แล้วยังหวังว่าคมสันจะมีข้อแก้ตัวที่ฟังขึ้น อย่างน้อย...ก็ไม่ถึงกับต้องแตกหัก ให้เรื่องราวที่ผ่านมาพอมีความจริงใจอยู่บ้าง

อย่าว่าแต่เบิ้มที่ประหลาดใจตัวเองที่ยอมอยู่นิ่งๆ คมสันเองก็ประหลาดใจ คนที่ก้มหน้าจับชายเสื้อเหลือบตามองเขาครู่หนึ่งอย่างสับสน ก่อนจะรีบหลุบลงพร้อมเอ่ยเสียงเบาหวิวคล้ายรำพึงรำพัน

“นายเป็นคนแรกที่ขึ้นเสียงแต่ฉันไม่โกรธแถมยังรั้งเสื้อไว้ด้วย”

คำพูดทีเล่นทีจริง ทำให้เบิ้มถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

นี่ไม่ใช่ประโยคที่เขาอยากฟัง

“การเลือกบอดี้การ์ดก็เหมือนการเลือกคู่ และการที่ฉันเลือกนาย แสดงว่านายตรงสเปคที่สุดนะ”

“สรุปว่านายกำลังจะสารภาพรัก?”

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้นายยกเลิกสัญญา”

“ความจริงใจของนายอยู่ที่ไหน สัน!”

“การบอกความจริงทั้งหมด คือความจริงใจของฉัน” คมสันเอ่ยอย่างนิ่งสงบ ราวปรับอารมณ์สับสนเมื่อครู่ได้แล้ว  “อย่าดูถูกความจริงใจของฉันเบิ้ม ความจริงของฉันคนนี้ ขนาดพ่อและแม่แท้ๆ ของฉันยังไม่เคยรู้ว่าฉันคิดยังไงกับอนาคตของคุณหนู ขนาดคุณหนูเองก็ไม่รู้ว่าฉันทุ่มเทให้เขามากแค่ไหน ท่านประธานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรลับหลังท่านบ้าง ไม่มีใคร... ไม่มีใครเคยรู้เลย”

พลันคมสันเงยหน้าจ้องเขาอีกครั้ง เผยยิ้มบางออกมา

“นายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับความจริงใจนี้นะ”

คำพูดหนักแน่นที่ทำเอาเบิ้มอยากจะบ้า

คุยกับคมสันเหนื่อยกว่าที่คิดเยอะเลย

“ฉันจะปิดบังต่อไปก็ได้ แต่ฉันเลือกที่จะพูดออกมา เพราะฉันไม่เคยพูดโกหกกับนายสักครั้ง เบิ้ม”

ใช่ คมสันไม่เคยโกหกเขาจริงๆ แต่ชอบพูดกำกวน เปลี่ยนเรื่อง ไม่ก็ทำให้เข้าใจผิดไปเอง

ถ้าขนาดคำบอกรักยังไม่เคยพูด

ก็แสดงว่าคมสัน...ไม่โกหกจริงๆ นั่นแหละ

เบิ้มเหนื่อยแล้ว

เขาหันหลังอีกครั้ง ครั้งนี้คมสันตกใจมาก ไม่เพียงจับชายเสื้อ แต่ถึงกับถลามากอดเอว

“สรุปแล้วนายรักฉันมั้ย”

ท่าทางที่ผิดปกติของคมสันทำให้เบิ้มกัดฟันถามอีกครั้ง

“...”

คำตอบยังน่าผิดหวังเหมือนเดิม แต่ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่า คือมือซุกซนที่สอดเข้ามาในกางเกงของเบิ้ม

เบิ้มรีบดึงมือนั้นออกทันที มองด้วยสายตาเจ็บปวด

“เห็นฉันเป็นตัวอะไร คนหื่นตันหากลับงั้นเหรอ!” ตาแดงไปหมดแล้ว โกรธที่คมสันคิดจะใช้วิธีบ้าๆ รั้งตัวไว้ เบิ้มไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ “นายเป็นบ้าแล้วรึไง!”

“ทำในสิ่งที่คนรักกันควรทำ ผิดตรงไหน”

“คนรักที่ขนาดคำบอกรักยังพูดไม่ได้น่ะเหรอ” เบิ้มคำรามในคอเบาๆ

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นแตะตัวง่ายๆ รึไง” คมสันถามกลับ แม้น้ำเสียงจะราบเรียนกึ่งเย็นชา แต่แววตาใต้กรอบแว่นนั้นกลับสั่นเครือน้อยๆ จนแทบจับผิดไม่ได้

เพราะมีกรอบแว่นบดบังอยู่

วินาทีนั้นเบิ้มเหมือนถูกอะไรบางอย่างตีหัว เขานิ่งงันไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะวางกระเป๋า แล้วใช้วิชาเดอะแฟลชถอดแว่นคมสันด้วยความไวเสียง

แน่นอนว่าอีกฝ่ายขัดขืน

แต่คมสันหรือจะสู้ไอ้เบิ้มได้ พอเห็นว่าแว่นถูกแย่งไป ก็ตวัดตาจ้องอย่างหงุดหงิดแกมคาดโทษ ถอยห่างออกอัตโนมัติ

“พูดอีกทีสิ ประโยคเมื่อกี้”

“ต้องให้พูดด้วยเหรอ...” พอไร้แว่นบดบัง คมสันก็เสยผมอย่างงุ่นง่าน ท่าทางนั้นไอ้เบิ้มยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ “ที่ผ่านมายังไม่เข้าใจอีกรึไง”

“ไม่ พูดสิ”

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นทำแบบนี้...” นานครั้งคมสันจะเป็นฝ่ายถูกบังคับ และนั่นคงสร้างความไม่ชอบใจแก่อีกฝ่ายมากทีเดียว จากผละถอยอย่างเสียท่าเมื่อครู่ คมสันเลยเปลี่ยนมาจับเชือกผูกเอว ค่อยๆ คลายมันออกช้าๆ ด้วยสีหน้าคล้ายต้องการคุมเชิงที่เหนือกว่า “นอกจากนายด้วยรึไง”

ผิวขาวที่เบิ้มเคยใฝ่ฝันอยากสัมผัสค่อยๆ ปรากฏเบื้องหน้า แต่ไม่ทันได้เปิดเปลือยก็ต้องชะงักเพราะไอ้เบิ้มรีบถลาเข้าไปกุมมือไม่ให้คมสันทำให้บรรยากาศที่ประหลาดอยู่แล้วประหลาดไปกว่าเดิม

ใช่ มาย้อนนึกดูดีๆ การกระทำของคมสันในวันนี้โคตรประหลาด

ผิดแปลกจนเบิ้มยังฉุกใจ แม้จะช้าไปสักนิด...แต่ก็คงไม่สายเกินไป

โธ่ ทุกคนครับ คนโดนหลอกคือเบิ้ม แล้วทำไมไอ้เบิ้มถึงกลายเป็นคนยืนบื้อยื้อยุดได้ เขาก็ยังสงสัยตัวเอง

ยิ่งสบดวงตาซึ่งปราศจากกรอบแว่น แล้วพบว่าภายใต้ใบหน้าเยือกเย็นเหินห่าง แท้จริงแล้วแฝงด้วยอารมณ์มากมายปะทุอยู่ในนั้น เบิ้มก็ยิ่งตาสว่างของตาสว่าง

เขาเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่บอกเลิก เขาแทบไม่สบตาคมสันเลย เพราะกลัว เพราะเสียใจ เพราะอยากจะไปเต็มที

แต่พอจ้องชัดๆ ในตอนนี้ เขาก็เริ่มเห็นอะไรบางอย่าง...

ท่าทางหลุกหลิกลนลาน อยากรั้งใจแทบขาด แต่พยายามแสดงออกภายใต้สีหน้าและน้ำเสียงที่เยือกเย็น

ถ้าลองทบทวนคำพูดของคมสันช้าๆ...

“ฉันไม่เคยพูดโกหกกับนายสักครั้ง”


ใช่ คมสันไม่เคยพูดโกหกกับเบิ้ม ถ้าตัดคำว่ารักออกไป แล้วลองย้อนบทสนทนาของพวกเขาสักนิด

“นายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับความจริงใจนี้นะ”

คมสันกำลังจะบอกว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่นใช่มั้ยนะ

ไหน ลองย้อนไปอีกซิ

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้นายยกเลิกสัญญา”

นี่ก็เป็นประโยคที่ตรงไปตรงมาของคมสัน แต่เขาดันคิดว่าโดนยอกย้อน

“การเลือกบอดี้การ์ดก็เหมือนการเลือกคู่ และการที่ฉันเลือกนาย แสดงว่านายตรงสเปคที่สุดนะ”

คมสันจะบอกว่าถูกตาต้องใจไอ้เบิ้มคนนี้มากไม่ใช่เหรอ

เอ้า ลองย้อนไปอีก

“นายเป็นคนแรกที่ขึ้นเสียงแต่ฉันไม่โกรธแถมยังรั้งเสื้อไว้ด้วย”

เบิ้มเริ่มใจเต้นขึ้นมา

ยิ่งนึกย้อนไปพลางมองตาคมสันซึ่งยังสั่นไหวอย่างทำอะไรไม่ถูกไปพลาง เขาก็คล้ายจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ไหน ลองทวนประโยคต้นเรื่องที่ชวนหัวร้อนซิ

“ฉันทำไปตามสัญชาตญาณ รู้ว่าถ้าทำแล้วนายจะชอบ”

ประโยคนี้ถ้าลองตีความดีๆ...

“สัน”

“อะไร” คนที่โดนจับมือทั้งสภาพเสื้อภาพหลุดลุ่ยไปครึ่งถามเสียงเรียบ ฟังเย็นชาเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดว่าสายตาที่มองเบิ้มนั้นเหมือนจะเกรงๆ กลัวโดนขึ้นเสียง

“เวลาที่นายกอดจูบ ทำไปตามสัญชาตญาณใช่มั้ย ทำเพราะรู้ว่าฉันจะชอบ แล้วนายล่ะ...ชอบมั้ย”

“...”

“ไม่ได้ถามว่าชอบฉันมั้ย หมายถึง...เวลากอดจูบกันน่ะ นายชอบความรู้สึกตอนนั้นมั้ย” เบิ้มรีบอธิบาย เขาเองก็พูดวกวนไม่แพ้อีกฝ่ายเลย

เพราะกำลังตื่นเต้นกับความจริงบางอย่างที่เพิ่งค้นพบ

และคิดว่าเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยพี่ชาย

“ถ้าเรื่องนั้นละก็...ชอบ”

ชัดเลย

ถ้าถามว่าอะไรที่ชัด เบิ้มบอกได้คำเดียวว่า ทุกการกระทำของคมสันเนี่ย ชัดแล้ว!

จุดประสงค์เริ่มต้นของคมสันมีแอบแฝงแน่นอน เจ้าตัวเองก็ยอมรับ ตั้งใจหาบอดี้การ์ดให้คุณหนู อันนี้ผ่าน

การคัดเลือกบอดี้การ์ดที่ออกแนวหว่านแหนั้น แม้จะน่าโมโห แต่สุดท้ายเลือกเบิ้มเพราะว่าถูกใจถูกสเปคที่สุด อันนี้ก็ผ่าน

ต่อมาการยั่วเย้าหลอกล่อให้เบิ้มเต็มใจทำงาน มีส่วนทำให้ตัวคมสันเองก็เริ่มชอบพอด้วย อันนี้ยิ่งผ่าน

สรุปทั้งสามผ่านแล้ว เบิ้มขอรับประกันว่า...คมสันรักเบิ้ม!

แต่เป็นความรักแบบไม่ยอมรับ เป็นความรักที่มีความรักต่อคุณหนูบดบังอยู่ รักแบบที่เห็นคุณหนูสำคัญกว่า เป็นรักที่ไม่คิดจะเรียนรู้ แต่ใช้การกระทำปกป้องของคุณหนูในการสานสัมพันธ์

คนสองคน ต้องตาต้องใจ เคมีเข้ากันได้ อยู่ใกล้กันไม่สปาร์คสิแปลก

เสียก็แต่ใครบางคนปากแข็ง ไม่ยอมพูดความรู้สึกออกมา คงจะรู้สึกผิดกับคุณหนูละมั้ง ก็เพิ่งประกาศชัดไปเองว่าจะรักคุณหนูที่สุด จะรักให้มากกว่าใครนี่นะ...

“นายไม่เคยมีความรักสินะเบิ้ม ฉันเองที่ทั้งชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุณหนู ก็ไม่เคยมีความรักเหมือนกัน”

คีย์เวิร์ดมันอยู่ที่ประโยคแรกๆ ที่คุยกันนี่เอง เบิ้มอยากจะเอาหัวโขกเสา คมสันสารภาพตามตรงไม่อ้อมค้อม เขานั่นแหละที่มัวแต่จิตตกอยู่ได้

โอย ปวดหัวชะมัด แต่คิดไปคิดมา คมสันที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักไม่เลว

อะไรนะ เบิ้มไม่กลัวที่โดนหลอกซ้ำซ้อนอีกเหรอ

ต่อให้คมสันโกหกจริง แต่สายตาคนไม่โกหก

ไม่นับการผวากอดก็ดี ทั้งไอ้การถอดเสื้อ จ้องตาหวั่นๆ ก็ดี นั่นไม่ใช่อาการของคนโกหกแน่นอน

เพราะคมสันเองก็เริ่มจะเย็นไม่อยู่แล้วเหมือนกัน

“เฮ้อ...” วินาทีนั้น ไอ้เบิ้มถอนหายใจหมดปอด ก่อนจะรวบคมสันมากอดทั้งตัว

คนโดนกอดแข็งค้างคล้ายยังปรับอารมณ์ไม่ถูก

“ไม่ไปแล้ว” เบิ้มเอ่ยออกมาในที่สุด ทำให้คนในอ้อมกอดคลายความเกร็งลงทันที

นอกจากเด็กเวรจะน่าสงสารที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง เบิ้มว่าคมสันเองก็น่าสงสารเหมือนกัน

พยายามโตเป็นผู้ใหญ่เพื่อปกป้องเด็กน้อยคนหนึ่งเกินไป จนลืมจะใส่ใจความรู้สึกตัวเอง

“ไปนอนเถอะ” เบิ้มปล่อยคมสัน วันนี้เขาเหนื่อยมาก อยากนอนสบายเต็มแก่

แต่คนที่มักกล่าวราตรีสวัสดิ์กลับไม่ยอมขยับไปไหน

“สัน?”

เจ้าของชื่อมองเบิ้มยังชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวบนเตียง...ของเบิ้ม

เขาหัวใจจะวายแล้ว

ภาพของคนรักในชุดนอนไม่ได้นอน เปิดไหล่หมิ่นเหม่ เชือกรัดเอวหลวมๆ ห่มผ้าห่มของเบิ้ม หนุนหมอนของเบิ้ม...

“ก็แค่กลัวคนแถวนี้จะโกหก แอบหนีกลับลับหลังฉัน”

แล้วยังพูดจาน่ารักแกมตัดพ้อด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยคล้ายต้องการจับผิดไม่ให้เบี้ยวสัญญาว่าจ้างประหนึ่งคนไร้เยื่อใยกันนั้น ทำให้เบิ้มแทบจะลงไปร้องไห้กับพื้น

มีคนรักฉลาดแถมเข้าใจยากก็ต้องทำใจ

เอาเถอะ ถือว่าเป็นบทเรียนให้ต่างเข้าใจกันมากขึ้นก็แล้วกัน!

------------

 

การรับมือของคมสันนั้นง่ายมากค่ะ

‘พูดความจริง’

คมสันสารภาพความจริงทั้งหมด คิดว่าเบิ้มจะเข้าใจ เพราะนี่เป็นการแสดงความจริงใจของคมสัน คำพูดแฝงความรู้สึกเยอะมาก ถ้าตั้งสติฟังดีๆ จะรู้เลยว่าคมสันเนี่ย...ก็ชอบเบิ้มนั่นแหละ บอดี้การ์ดคือการเลือกคู่ การเลือกหลายๆ คนแล้วเจอหน้ากันก็ไม่ต่างกับการนัดดูตัว แล้วคนที่เหลือรอดคนสุดท้ายก็คือเบิ้ม หรือคนที่คมสันชอบที่สุดนั่นเอง

คมสันทำเพื่อคุณหนูจริง แต่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินใจ

แต่คมสันไม่ยอมรับหรอกค่ะ เลยออกมาเป็นการพูดความจริงที่เล่นเอาพี่เบิ้มเข้าใจผิด เกือบเลิกกันแล้วถ้าไม่ติดว่าคมสันยอมวางทิฐิบางส่วนลง แล้วรั้งเบิ้มไว้ พยายามจะพูดให้เข้าใจ ว่านี่คือที่สุดของจอมมารแล้วจริงๆ
เพราะตัวคมสันเองก็ไม่คาคคิดเหมือนกันหรอกคะว่าการเลือกบอดี้การ์ดที่ถูกตาต้องใจอยากอยู่ด้วยเนี่ยจะนำพาไปเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งเข้าจริงๆ ต่างคนต่างเป็นสเปคของกันและกัน นิสัยเองก็เข้ากันได้ พอมาอยู่ใกล้ๆ มีปฏิสัมพันธ์เข้าก็เลยพัฒนาความรู้สึกกันไปไว และเนื่องด้วยอะไรต่อมิอะไรที่เกิดขึ้น ก็ทำให้คมสันกับเบิ้มเริ่มผูกพันกันผ่านปัญหาต่างๆ ของเด็กเวร

จะบอกว่าเด็กชายกิจภัทรเป็นกามเทพที่ไม่ทำอะไรเลย มั่นหน้าอย่างเดียวก็ถูกอยู่
ตอนหน้าจะบรรยายในส่วนของคมสันนะ จะได้เข้าใจความคิดจอมมารกันค่ะ!


เพจนักเขียนที่พอมาเขียนคู่นี้จริงๆ แล้วรู้สึกซับซ้อนกว่าที่คิดจังนะ
Twitter (https://twitter.com/MajaYnaja)
#จอมมารคมสัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Elf_Carat ที่ 10-12-2018 20:23:22
เข้าทำนองอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเองนั่นแหละ เพราะความใกล้ชิดกับรู้ลักษณะนิสัยกันแล้วก็รักกันได้ไม่ยาก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 10-12-2018 20:32:21
ยังไม่เสียตัวอี๊กกกก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-12-2018 20:44:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-12-2018 20:59:18
ชอบความไม่หลุดคาร์แรคเตอร์มากๆเลยค่ะ คมสันก็ยังคงเป็นคมสัน ขนาดตอนรั้งพี่เบิ้มไว้ ไม่มีฟูมฟายใดๆ ไม่เห็นถึงความอ่อนแอใดๆ การใช้คำพูดแสดงความรู้สึก ยังคงเป็นคมสันที่ฉลาดและน่าเกรงขามอยู่เสมอ แต่นี่ก็ยังถือว่านางยอมให้พี่เบิ้มเยอะเลยนะ
ที่รู้ๆโลกนี้ไม่มีใครรักเสี่ยมากเท่าคมสันอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 10-12-2018 21:06:56
จอมมารน่ารักอย่างที่ไม่เคยคิด
เวลามีเบิ้มกับคำว่ารักในประโยคเดียวกันรู้สึกเขินแปลกๆมากเลย5555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: pranliew ที่ 10-12-2018 22:06:54
คมสัน คนซึนนนนนน ชอบก็บอกว่าชอบไปเลย เรื่องที่คมสันบอกนี่ชอบมาก แบบเหมือนเป็นการบอกความจริงไปเลยตรงๆ ดีกว่ามาหาคำโกหกเลี่ยงไปมา// รออ่านต่อนะคะ สนุกมากๆ ชอบความป่วนของเด็กเวรเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-12-2018 22:20:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-12-2018 01:34:50
 o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 11-12-2018 03:05:48
พี่เบิ้มต้องใส่ใจขนาดไหนถึงมองเห็นคำบอกรักที่แฝงอยู่ลึกขนาดนี้ของจอมมารออก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-12-2018 06:00:06
จอมมารรักเบิ้ม แต่พูดให้ต้องคิดตามตลอด   :really2: :เฮ้อ: :-[

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-12-2018 07:19:41
ทีมจอมมาร

จะผิด จะถูก ป้าก็อยู่ข้างจอมมาร
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 14 : การค้นพบของเบิ้ม - Up : 10/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 13-12-2018 16:09:55
จอมมารของข้าน้อยยยยยย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ความในใจของจอมมาร - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 14-12-2018 19:40:52

นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1

 

ข้างกายของคมสัน คือไอ้เบิ้มที่หลับเป็นตายอย่างผ่อนคลายสบายใจจนน่าหมั่นไส้

เป็นครั้งแรกที่พวกเขานอนบนเตียงเดียวกัน...ตะกองกอดกัน คมสันขยับตัวเล็กน้อย หาตำแหน่งเหมาะๆ ให้ตัวเองหนุนบนท่อนแขนแข็งๆ แต่อบอุ่น มุมนี้ทำให้เห็นใบหน้าของคนรักได้ใกล้กว่าที่เคย ได้สำรวจอย่างละเอียด ว่าแม้จะตัวใหญ่บึกบึนทำหน้านิ่งจนน่ากลัวในบางครั้ง แต่ไอ้เบิ้มนั้นช่างตรงสเปคจริงๆ

อันที่จริงคมสันก็ไม่รู้จักสเปคตัวเองหรอก เขาเกาะติดกับคุณหนูตลอด ทั้งชีวิตตั้งเป้าเพื่อทำให้คุณหนูมีความสุขอยู่บนกองเงินกองทองโดยไม่มีใครกล้ามาทำอันตรายหรือมีอุปสรรคมาแผ้วพาน เพราะคมสันรู้...ว่าถ้าปล่อยเด็กชายไว้คนเดียว ท่ามกลางครอบครัวที่แทบไม่เป็นครอบครัว เด็กผู้แสนจะใสซื่อหลอกง่ายคนนั้นจะต้องมีชีวิตที่โคตรจะล้มเหลวถึงขั้นหมดตัวหรือโดนหลอกไปขายแบบสบายๆ

เอาจริงๆ แล้วที่คุณหนูของคมสันสุดโต่งถึงขนาดนั้นไม่ใช่กรรมพันธุ์ทางสายเลือด แต่ยังเป็นการเอาอกเอาใจและสร้างความเชื่อแบบผิดๆ ของตัวเขาเองด้วย แต่ถ้าคมสันไม่ทำแบบนี้ เด็กชายคงเตลิดไปนานแล้ว ที่สำคัญ...คมสันหักใจดุด่าว่ากล่าวแบบตรงๆ ไม่ลง เห็นแบบนี้ แต่คมสันไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่คุณหนูด้วยซ้ำ เพราะรู้เยอะ รู้มาก รู้ว่าเด็กคนนี้น่าสงสารและขาดความอบอุ่นขนาดไหน ต้องการเอาใจใส่จากผู้ให้กำเนิด เสียก็แต่ผู้ให้กำเนิดพากันรักตัวเองมากกว่า ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่มีใจให้กัน ลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลชาติบดินทร์ก็คล้ายถูกทิ้งไว้ตรงกลาง แล้วคมสันจะหักใจทิ้งไปอีกคนได้ยังไง เขามีแต่จะมอบความรักให้แบบสุดความสามารถ

แม่คมสันเองก็เคยถาม ว่าเขาไม่มีความฝันหรือสิ่งที่อยากทำเองบ้างหรือ

เพราะตลอดชีวิตนับตั้งแต่คุณหนูเกิด ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนอำนวยแก่อนาคตของเด็กคนนี้ คมสันขยันเรียนเข้าคณะบริหารธุรกิจ เพื่อจะได้ช่วยส่งต่อบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนท์ให้คุณหนูแบบสวยๆ โดยไม่ล้มละลายไปซะก่อน เขาแทบไม่มีเพื่อนฝูง เพราะตั้งใจเรียนให้จบในสามปี อัดวิชาการเรียนเต็มที่ ระหว่างเข้าเรียนก็ทบทวนวิชาอื่นไปด้วยเพราะตอนเช้าต้องคอยนั่งรถไปส่งเด็กชายไปโรงเรียน ถ้าไม่มีคมสัน คุณหนูจะงอแงไม่ยอมไป พอตอนเย็น คมสันก็ต้องรีบแจ้นไปรับ เพราะถ้าคมสันไม่มา คุณหนูก็จะไม่ยอมกลับ กลับถึงบ้านก็ต้องช่วยสอนการบ้าน จับให้นั่งกินข้าว ไล่ไปอาบน้ำ แล้วส่งเข้านอน

...คมสันไม่เคยเที่ยวเล่นตามประสาวัยรุ่นเลย

ประหนึ่งเป็นพ่อลูกอ่อน ในหัวทั้งวันคิดแต่คุณหนูจะโดนแกล้งมั้ย จะเรียนรู้เรื่องมั้ย วันนี้จะแอบเขี่ยผักอีกรึเปล่า เวลาเดินเล่นนอกบ้าน ก็ต้องคอยจ้องคุณหนูดีๆ ไม่ให้เดินหลง หนังที่ดูเป็นประจำก็คือการ์ตูนดิสนีย์ เพลงที่ฟังบ่อยก็ไม่พ้นพวกเพลงการ์ตูนอนิเมชั่น วันหยุดสุดสัปดาห์ แทนที่จะได้อ่านหนังสือสอบ กลับต้องมานั่งทำสรุปวิชาคณิตศาสตร์ของเด็กชั้นมัธยมต้น เพราะรู้ว่าสมองน้อยๆ นั้นถ้าไม่ทำให้เข้าใจง่ายรับรองสอบไม่ผ่านแน่ๆ

ฉะนั้นพอโดนแม่ถาม คมสันเลยตอบไม่ได้ เพราะขนาดงานอดิเรกที่ชอบ กิจกรรมที่อยากทำ ยังไม่มีเลย

ไม่สิ เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยกินรสจัด แต่พอดูแลเด็กชายเต็มตัวก็กลายเป็นกินรสกลางๆ จนติดไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าจำไม่ผิด คมสันเคยเกลียดมะเขือเทศด้วยซ้ำ แต่เขาจะเลือกกินต่อหน้าเด็กไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องกินให้ดู จากเกลียดก็กลายเป็นพอกินได้ซะงั้น

มานึกดูดีๆ คมสันแทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย

แต่เขาก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจอยากได้เวลาของตัวเองคืน เพราะทุกวันนี้ก็มีความสุขดี การได้เห็นเด็กชายที่แม้ไม่มีสายเลือดเดียวกันเลือกเดินตามหลังเขาต้อยๆ แทนที่จะเป็นพ่อแม่แท้ๆ นั้นทำให้คมสันให้ความสำคัญกับคุณหนูมาก เพราะขนาดเด็ก...ยังรู้เลยว่าใครที่จริงใจและรักมากกว่า

ฉะนั้นพอเรียนจบ คมสันเลยสมัครเป็นผู้ช่วยเลขา คอยเรียนรู้งานจากมารดาบังเกิดเกล้าของตัวเองเพื่อที่จะได้ไปสอนงานกับคุณหนูอีกต่อตอนอีกฝ่ายอายุสิบแปด เขาโดนเพื่อนร่วมงานมองด้วยสายตาทิ่มแทง โดนนินทาลับหลังว่าเป็นเด็กเส้น มีอภิสิทธ์เหนือใคร จะมาเข้างานกี่โมงก็ได้ออกตอนกี่โมงก็ได้ ต่อให้สร้างผลงานมากแค่ไหน แต่ก็ไม่วายโดนด่าอยู่ดี

ใช่ว่าจะไม่เคยเจอ ด้วยผลการเรียนแสนโดดเด่น ทำให้คมสันโดนหมั่นไส้ตั้งแต่ตอนชั้นประถมยันมหาลัยแล้ว แต่เขาไม่คบค้าสมาคมกับใคร เลยเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่คนในบริษัท...คือคนที่จะมาร่วมงานในอนาคต ถ้าเลี่ยงได้ คมสันก็ไม่อยากโดนมองเป็นศัตรู ถ้าคุณหนูรับตำแหน่งประธานเมื่อไหร่เกรงจะยิ่งโดนด่ากว่าเดิม

คมสันเป็นประเภทเน้นทำมากกว่าพูด โชคดี เพราะผลงานที่ผ่านมาทำให้คนนินทาน้อยลง และคมสันเองก็ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ เขาหมั่นซื้อของฝากพี่ๆ น้องๆ ในแผนก เลยพอจะเริ่มมีข่าวลือด้านดีออกไปบ้าง คนปลื้มก็มีไม่น้อย แม้จะไม่มีใครกล้าคบหาอย่างสนิทใจ แต่ก็นับว่าไม่เลวร้ายมากเท่าตอนเพิ่งทำงานแรกๆ

แผนการในอนาคตเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง คมสันเบาใจ อย่างน้อยพออายุสิบแปดคุณหนูก็ไม่ต้องคอยแบมือของเงินจากพ่อแม่ มีรายได้เป็นของตัวเองแบบไม่อดตายแล้ว

แต่...ข่าวร้ายกลับมาเยือนกะทันหัน เมื่อภรรยาคนที่สองของท่านประธานท้อง!

ทันทีที่รู้ข่าว คมสันก็เริ่มวางแผนและลงมือทันที เริ่มโดยที่ภรรยาคนนั้นไม่ทันคิดว่าจะกำจัดคุณหนูเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธออาจไม่ทันคิดเพราะยังดีใจกับลูกชาย แต่อนาคตเมื่อมีผลประโยชน์เข้ามา ก็ใช่ว่าจะไม่คิด ประจวบเหมาะกับคุณหนูเริ่มโต จากที่เชื่อฟังน่ารัก ก็เริ่มจะห่ามๆ สมเป็นวัยรุ่นขึ้นมาแล้ว อย่างวันก่อนก็มาขอเขาไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน คมสันร้อนใจประหนึ่งคุณแม่ยังสาว กลัวเด็กที่เลี้ยงดูมาจะโดนหลอกไปเล่นอะไรแผลงๆ

เขาต้องการ...บอดี้การ์ด!

ถ้าเลือกได้ คมสันก็อยากรู้ทุกการเคลื่อนไหวของคุณหนู แต่เขาไม่ใช่นินจา ไม่ใช่ผู้มากวิชาที่จะแอบตามติดโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว อืม...คุณหนูน่ะอาจไม่รู้ตัว แต่เพื่อนๆ ก็ใช่ว่าจะไม่สงสัยหากมีเขาคอยเดินตามนี่ ถ้าเลือกได้คมสันก็อยากหาผู้เชี่ยวชาญมาแบ่งเบาภาระวัยต่อต้านของเด็กกำลังโต

เขาเล็งผู้ชายในวัยที่ไม่ห่างกับตัวเองมาก มีฝีมือการต่อสู้ดี หน้าตาเจริญหูเจริญตา นิสัยพอเข้ากับตัวเองได้ เอ็นดูเด็ก แล้วเริ่มส่งของขวัญไปจีบ คมสันตั้งเป้าว่าจ้างระยะยาว เพราะด้วยความที่ทั้งโลกมีแต่คุณหนู การจะหาคนมาอยู่ด้วยก็ไม่ควรเปลี่ยนหน้าบ่อยๆ ให้มานั่งทำความรู้จักใหม่ คมสันเองก็ใช่ว่าจะชอบเข้าหาคน ส่วนใหญ่ที่ทำก็เพราะผลประโยชน์ทั้งนั้น นิสัยจริงๆ ของเขาแล้วค่อนข้างเก็บตัวและโลกส่วนตัวสูงมากทีเดียว

เพราะตั้งใจให้คนคนนี้มาในฐานะคนรัก เพื่อตบตาท่านประธานและใช้สิทธิ์ที่เคยขอไว้ตอนเป็นเด็ก คมสันเลยเลือกเข้าหาด้วยวิธีการจีบ

รู้ตัวอีกที...บรรดาคนที่เขาส่งของขวัญไปให้ก็หน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด

คิ้วเข้ม หน้าคม กรามชัด ตัวสูงใหญ่น่าพึ่งพิง คมสันรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ตั้งแต่เด็ก แต่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองชอบคนแนวนี้ก็ตอนที่นั่งคัดบอดี้การ์ด...เพราะเขาไม่เคยสังเกตความชอบส่วนตัวมาก่อนเลย

นี่เรียกว่า...สเปคสินะ

คมสันลอบขำตัวเอง ตลอดยี่สิบปีมานี้ ทั้งชีวิตเขามีแต่คุณหนู ไอ้ที่ส่งของขวัญจีบก็ทำเพื่อคุณหนู ความชอบหลายอย่างก็เปลี่ยนไปตามเด็กชาย แต่ดูเหมือนจะมีแค่เรื่องนี้...ที่เขาหาคำตอบให้ตัวเองได้ชัดเจน

ถ้าการคัดบอดี้การ์ดคือการเลือกคู่

การนัดเจอแล้วบอกกล่าวถึงสัญญาจ้าง...ก็คือการนัดดูตัว

คนแล้วคนเล่าเข้ามาและผ่านไป มีทั้งปฏิเสธคมสัน และคมสันเป็นฝ่ายปฏิเสธ ใครเลยจะคิดว่าการคัดบอดี้การ์ดจะยุ่งยากขนาดนี้ คมสันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ถ้าต้องรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต และทำให้เขาวางใจยอมปล่อยให้ช่วยดูแลคุณหนูได้ ก็ต้องเป็นคนที่เขาเห็นชอบจากใจไม่ใช่แค่คุณสมบัติดีพร้อม

ผ่านไปสามเดือน ผู้เข้ารอบเหลือน้อยแสนน้อย จากจำนวนยี่สิบคนเหลือเพียงห้าคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งที่ถูกตาต้องใจคมสันเป็นพิเศษ คนคนนั้น...คือเบิ้ม

เบิ้มแสดงออกชัดมากว่าชอบเขา เรื่องการทำสัญญาน่าจะไม่เป็นปัญหา แต่ที่เป็นปัญหา คือพวกเราจะเข้ากันได้รึเปล่า

เพราะทำงานบริษัทเดียวกัน เบิ้มเลยเป็นคนเดียวที่คมสันไม่กล้าเข้าหาอย่างโจ่งแจ้งเกินไป เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงขึ้นมาอาจจะเป็นเรื่องซุบซิบในบริษัทได้ ฉะนั้นตอนเห็นเบิ้มมายืนที่ลานจอดรถ คมสันยอมรับ เขาประหลาดใจ แต่ท่ามกลางความประหลาดใจนั้น...

เขาดีใจ

การที่คมสันจะถูกตาต้องใจใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คนคนนั้นดันเข้าหาลำบาก ก็ทำให้คมสันลอบเบื่อหน่ายไม่น้อย พออีกฝ่ายเสนอตัว คมสันก็เริ่มการดูตัวทันที

ขั้นแรก ก็ต้องให้เจอกับคุณหนูก่อน

ปฏิกิริยาของแต่ละคนเวลาพามาพบคุณหนูนั้นแตกต่างกันออกไป คนที่ช็อกก็มีมาก คนที่นิ่งก็มีไม่น้อย แต่คนที่ทั้งช็อก ทั้งนิ่ง แล้วมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจประหนึ่งยินยอมน้อมรับคุณแม่ลูกติดนี่...คมสันไม่เคยเจอ

เบิ้มเงียบมาก แต่ในความเงียบก็มีความใส่ใจ พยายามเก็บข้อมูลผ่านบทสนทนาของเขาและคุณหนูระหว่างอยู่ในรถ พอถึงคฤหาสน์เห็นนามสกุล ก็ทำหน้าตกใจแค่วูบเดียวเท่านั้น เก็บสีหน้าเก่ง วางตัวดี ไม่ทำให้คุณหนูอึดอัด นับว่าการดูตัวนี้ราบรื่นไม่เลว

คมสันเริ่มต้นกิจวัตรของตัวเอง เริ่มจากไล่จับคุณหนูให้นั่งกินข้าวดีๆ พาไปอาบน้ำ สอนการบ้าน แล้วส่งเข้านอน ระหว่างนั้นเบิ้มสังเกตการณ์ด้วยสายตาไม่รังเกียจแม้แต่น้อย แฝงด้วยความรู้สึกอยากช่วยเหลือกรายๆ กับความยากลำบากของเขา นี่คือสิ่งที่คมสันต้องการ...เขาไม่อยากบังคับจิตใจใคร การดูตัวจึงไม่ต่างกับการหยั่งเชิงความคิดว่าจะอยู่ด้วยกันรอดมั้ย และเบิ้มก็แสดงให้เห็นแล้วว่า...รอด

คมสันเลยหยิบสัญญาขึ้นมาให้เบิ้มเซ็น

เป็นสัญญา...ที่มีแค่เบิ้มเท่านั้นที่ได้เห็น

ผู้เข้ารอบคนอื่นๆ อย่างมากก็ถึงแค่ขั้นเจอคุณหนูแล้วนั่งกินข้าวเล่าถึงหน้าที่คร่าวๆ เท่านั้น ยังไม่เคยมีใครทำให้คมสันหยิบสัญญาวางต่อหน้าแบบครบทุกข้อขนาดนี้

แล้วเบิ้มก็เซ็นอย่างไม่ลังเล

ทันทีที่สัญญาเสร็จสมบูรณ์ คมสันก็เพิ่งรู้ตัวว่านับจากนี้ชีวิตของเขาจะมีอีกคนหนึ่งเข้ามาร่วมหัวจมท้ายด้วยแล้ว

หลังส่งเบิ้มกลับ คมสันจึงบอกให้แม่บ้านช่วยทำความสะอาดห้องว่างข้างห้องนอนของเขา ห้องที่ไม่เคยมีใครอาศัย แต่ถูกออกแบบให้มีประตูเชื่อมต่อถึงกัน คมสันสั่งช่างมาทุบกำแพงตั้งแต่สามเดือนก่อน เพื่อจะได้คุยกับบอดี้การ์ดสะดวกๆ เวลาวางแผนลับเกี่ยวกับคุณหนู

เขายืนนิ่งอยู่ในห้องนั้น เมื่อคิดว่าจะมีอีกคนมาอยู่ด้วย...ก็คล้ายจะ...ตื่นเต้น

ตลอดชีวิตของคมสัน เรื่องที่ทำให้เขาตื่นเต้นมีแค่คุณหนูเท่านั้น ตอนที่เด็กชายขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีในงานวันคริสต์มาสตอนประถมหนึ่ง คมสันตื่นเต้นจนมือสั่น กล้องวีดีโอถ่ายไม่ชัดจนโดนล้อ

แต่ตอนนี้...เขากำลังตื่นเต้นเมื่อจะมีอีกคนเคียงข้าง แม้จะเป็นการหาบอดี้การ์ดเพื่อดูแลความปลอดภัยให้คุณหนู แต่คมสันก็ต้องตีบทให้แตก แม้จะเคยใช้เสน่ห์ในการหลอกล่อหาผลประโยชน์บ้าง แต่ก็ไม่เคยต้องทำในสถานการณ์นี้

สถานการณ์ที่ต้องเรียกอีกฝ่ายว่า...คนรัก

วูบหนึ่ง ในอกคมสันวูบไหว ในความตื่นเต้นยังมีความไม่มั่นใจ คมสันเกรงว่าถ้าพออยู่ด้วยกันแล้วไปไม่รอด เขาไม่อยากเล่นบทนี้แล้ว จะทำยังไงต่อไป

การหาบอดี้การ์ดนั้นไม่ง่าย

...เพราะไม่ต่างกับการหาคนรู้ใจนั่นเอง

 

โชคดีที่เบิ้มไม่ทำให้คมสันกังวล ประเดิมงานวันแรกกับการแต่งตัวสุดวาบหวิวในห้องนอนไม่ยักทำให้คมสันรู้สึกรังเกียจอย่างที่คิด หากกลิ่นโคโลจน์ของคมสันทำให้เบิ้มใจเต้นรัว กลิ่นกายของเบิ้มก็ทำให้คมสันสงบ ยามช่วยสวมใส่ชุดสูท เอื้อมมือผูกเนกไท ไล้นิ้วไปตามโครงร่าง คมสันก็นึกอยากจะซบหน้าลงไป

สเปคของเขา...ชอบคนคิ้วเข้ม หน้าคม กรามชัด รูปร่างสูงใหญ่น่าพึ่งพา

สามอย่างแรกน่ะคงเป็นความชอบส่วนตัว แต่อย่างหลังนั้น...คงเป็นความรู้สึกลึกๆ หลังดูแลคุณหนูจนนึกอยากให้มีคนเป็นหลักยึดยามตัวเองอ่อนล้าบ้าง

แต่นี่เป็นแค่วันแรกเท่านั้น คมสันยังไม่ไว้ใจเบิ้มเต็มร้อย จึงต้องพาไปทดสอบกับการปกป้องคุณหนูที่ไปรับคำท้าต่อยโดยไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าแค่ตบยุง ยุงยังไม่ตาย

แล้วเบิ้มก็ไม่ทำให้คมสันผิดหวัง

จริงๆ ต้องบอกว่าดีเกินหวังซะด้วยซ้ำ เบิ้มปกป้องคุณหนูได้ด้วยวิธีพิสดาร แม้จะพลาดให้โดนกระชากคอเสื้อไปหนึ่งที แต่คมสันก็เข้าใจ...ถ้าไม่ใช่คนที่เลี้ยงดูมากับมือ ยากนักจะหาใครเข้ากับนิสัยคุณหนูได้

วันนั้นเป็นวันแรกที่คมสันรู้สึกว่าบ่าทั้งสองข้างเบาลง

ในที่สุดเขาก็สามารถหาคนที่วางใจให้ช่วยดูแลคุณหนู...โดยไม่ต้องแบกรับไว้คนเดียวสักที

 

ด่านคุณหนูนั้นผ่านแล้ว แต่การเข้ากันได้ระหว่างคนสองคนยังต้องรอดูอีกสักพัก

เห็นเบิ้มเหมือนจะเป็นประเภทพวกใช้กล้ามเนื้อ แต่ก็หัวไวไม่แล้ว การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำได้ดี ถ้าไม่เพราะหลงหัวปักหัวปำ คงจับสังเกตคมสันได้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้ว แต่คมสันยอมรับ เขาชอบเวลาเบิ้มมองอย่างชอบพอไม่ปิดบัง หากเบิ้มบอกว่านี่เป็นรักแรกเลยทุ่มให้สุดใจ คมสันก็อยากจะบอกเหมือนกันว่า...นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ในแง่ชู้สาวครั้งแรกที่เขายอมลงให้ทั้งตัว

ยามถูกจับมือ แตะตัว หรือจุมพิต...คมสันไม่รังเกียจแม้แต่น้อย เผลอๆ จะใจเต้นรัวซะด้วยซ้ำ

แม้เบิ้มจะเริ่มห่างเหิน คมสันก็ไม่รีบร้อน เขามองเป็นอีกบททดสอบว่าจะอยู่ด้วยกันได้ยืดยาวหรือไม่

เขาแสดงความจริงใจ...แสดงความเชื่อใจอย่างที่ยากนักจะมีใครได้รับ

และเบิ้มก็ยินยอมน้อมรับพร้อมปรับความเข้าใจ

ไม่มีการทะเลาะหรือแสดงความไม่พอใจต่อหน้าเด็ก แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวชัดเจน แถมยังมีสติ ไม่ใช้อารมณ์เหนือความรู้สึก ยิ่งได้อยู่ด้วยกัน คมสันก็ยิ่งคิดว่าเขาเลือกคนไม่ผิด

อาจเพราะเขาใช้ความรู้สึกเป็นตัวตัดสิน

ใช้...หัวใจเป็นตัวตัดสินตั้งแต่แรกแล้ว

-----------

ในที่สุดก็ได้เขียนพาร์ทจอมมารคมสัน มาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันนะคะ คมสันเนี่ย...ยกคุณหนูเป็นหลักจนตรรกะก็แอบเพี้ยนๆ ไปเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อเด็กเวร เรียกว่าแทบจะไม่เห็นหัวหรือใส่ใจความรู้สึกคนอื่น แต่ที่โหดร้ายกว่านั้น...คือกับตัวเองก็ลืมไปด้วย

การเลือกบอดี้การ์ดที่จำเป็นต้องใช้ชีวิตด้วยกัน เลยไม่ต่างกับการเลือกคู่จริงๆ นั่นแหละ
ตอนหน้าจะเป็นมุมมองจอมมารตอนโดนพี่เบิ้มบอกเลิกค่ะ จะได้รู้ว่าไอ้ที่เห็นพยายามจะเยือกเย็นเนี่ยคิดอะไรบ้าง!

 

เพจนักเขียนที่เตรียมเปิดโปงจอมมาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
 #จอมมารคมสัน
Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-12-2018 20:00:07
เสี่ยจะรู้บ้างมั้ยว่าคมสันอุทิศตนเพื่อเด็กชายกิจภัทรมากขนาดนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: l3loodl2o5e ที่ 14-12-2018 20:11:45
ถ้าเบิ้มรู้ คงดีใจน้ำตาไหล แต่ อย่างจอมมารนะหรอจะบอกเรื่องนี้ออกไป ถ้าเบิ้มไม่ช่างสังเกตุและช่างมโนก็คงเดาไม่ได้หรอก นี่เค้าชมเบิ้มนะคะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-12-2018 20:55:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-12-2018 21:51:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-12-2018 23:28:49
 :pig2:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-12-2018 23:39:08
 :katai2-1:

เป๊ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 15-12-2018 15:08:46
รอพาท2นะคะะ อยากรู้ว่าคมสันคิดอะไรอีก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-12-2018 15:24:48
คมสันท่านจอมมารแสนดีของคุณหนู

 แถมยังเป็นนางฟ้าแสนสวยของพี่เบิ้มอีก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 15-12-2018 16:48:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2018 18:38:08
สเปคคนรักของคนสัน......
...ชอบคนคิ้วเข้ม หน้าคม กรามชัด รูปร่างสูงใหญ่น่าพึ่งพา  :impress2:
สเปคที่ไม่คิดสเปคมาก่อน แต่มาได้ตรงอย่างใจคิด   :o8: :-[

ชอบบบบ ที่คมสันคิดทุกอย่างเพื่อคุณหนู
โดยไม่มีความต้องการของตัวเองเลย
ใครได้คนอย่างคมสันมาเคียงข้าง ดูแล สุดยอดดดดด
คุณหนูเสี่ย โชคดีสุดๆ :katai2-1: :oni2: :110011:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-12-2018 00:39:14
จอมมารก็มีมุมอ่อนไหวกะพี่เบิ้มเหมือนกันนะ.
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 16-12-2018 03:23:53
หึๆ กระชากหน้ากากจอมมารสักทีเหอะพี่เบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-12-2018 13:37:23
ได้อ่านพาร์จอมมารทำให้รู้เลยว่าพี่เค้าเลือกพี่เบิ้มมาแล้วนะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 16-12-2018 14:04:01
คมสันก็ไม่ได้จอมมารขนาดนั้น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 16-12-2018 15:30:59
ขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดดด  :hao6:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 1 - Up : 14/12/18 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2018 19:37:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 17-12-2018 20:11:52

นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2


คมสันไม่คิดจะปิดบังเบิ้มได้ตลอดไป

แต่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าความจะแตกเร็วขนาดนี้

ตอนเห็นสมปอง เขาลอบร้อนใจ ขณะเดียวกันก็บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ตลอดมาเขาจริงใจกับเบิ้ม ในเมื่อเลือกคนไม่ผิดก็ต้องเชื่อใจคนของตัวเอง

ฉะนั้นตอนเบิ้มบอกเลิก คมสันจึงไม่แปลกใจสักนิด เขาเยือกเย็นกว่าปกติ ค่อยๆ พาตัวเองไปนั่งบนเตียง พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อประคองสถานการณ์ให้อยู่หมัด

ตอนแรกคมสันเชื่อว่าเขาจะทำได้ดี แต่คงลืมไป...ว่านี่เป็นการเผชิญหน้าพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความรักครั้งแรก...ความรู้สึกที่คมสันเองก็ไม่เคยรู้จักและไม่คิดจะเรียนรู้ ต่อให้พยายามเยือกเย็นแค่ไหน สุดท้ายก็เผยท่าทีลนลานมาอยู่ดี

ทำไมถึงลนงั้นเหรอ

เพราะสีหน้าเบิ้มดูไม่ดีเลย จนคมสันชักหวั่นใจ

“คมสัน!”

แล้วยังตะคอกใส่เขาเป็นครั้งแรกด้วย

คมสันทำอะไรไม่ถูก วูบหนึ่งนึกขำตัวเองขึ้นมา

“นายไม่เคยมีความรักสินะเบิ้ม” เขาหัวเราะในลำคอเบาๆ ไม่ใช่ว่าอยากเยาะเย้ยคนรัก แต่นึกตลกที่คนอย่างคมสันต้องยอมใครสักคนมากขนาดนี้ “ฉันเองที่ทั้งชีวิตมีเป้าหมายเพื่อคุณหนู ก็ไม่เคยมีความรักเหมือนกัน”

คนอย่างคมสันผู้ไม่เคยยอมลงให้ใครนอกจากคุณหนูที่รักยิ่ง

ตั้งแต่เด็กชายกิจภัทรเกิด อนาคตทุกอย่างของเขาก็ล้วนมีอีกฝ่ายเป็นที่ตั้ง ไม่เคยวาดฝันถึงความต้องการของตัวเองเลย แต่ตอนนี้กลับมีอีกคน...ทำให้เขานึกวาดมันลงไปในความฝันนั้นด้วย

พลันคมสันหลุบตาต่ำ กลัวว่าสักวันจะให้ความสำคัญกับเบิ้มกว่าคุณหนูรึเปล่า การที่ขอให้เบิ้มไม่แสดงความรักต่อหน้าเด็กชาย ปกปิดความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่กลัวเด็กชายทำตาม แต่เพราะเขาไม่อยาก...ให้คุณหนูเห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับใครนอกจากเด็กคนนี้

 “ฉันไม่คิดจะรักใครไปมากกว่าคุณหนู เพราะถ้าฉันไม่รักเขาที่สุด ไม่ยกเขาเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่ง คุณหนูก็คงไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ไม่กลายเป็นเด็กดีอย่างนี้หรอก”

ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่คิดอะไรนั้น ใครเลยจะรู้ว่าคมสันคิดมากแค่ไหน ถ้าเกิดคมสันรักใคร หรือให้ความสำคัญกับใครจนรู้สึกเหมือนถูกแย่งความรักที่เคยได้แบบเต็มร้อยละก็ เชื่อสิว่าคุณหนูจะเสียใจมากแน่นอน

ฉะนั้น...เขาถึงพูดคำนั้นไปไม่ได้

เขาปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้ว

ทั้งที่เชื่อว่าจะทำได้ เขาจะให้คุณหนูเป็นอันดับหนึ่ง แต่เบิ้มก็คล้ายจะเข้ามาเบียดบัง ความจริงข้อนี้ทำให้คมสันเริ่มประหม่า จากนั่งไขว่ห้างเปลี่ยนเป็นเอนหลังเล็กน้อย เพื่อต้องการผ่อนคลายอารมณ์ที่เริ่มสับสนของตัวเอง

เขาพูด...อย่างตั้งใจ

เขาอธิบาย...อย่างจริงใจ

“แล้วที่กอด ที่จูบล่ะ”

“ฉันทำไปตามสัญชาตญาณ รู้ว่าถ้าทำแล้วนายจะชอบ”

แต่เหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่เบิ้มต้องการ

ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายหันหลังหนี รู้ตัวอีกทีคมสันก็รีบคว้าชายเสื้อไว้แล้ว เขาถึงกับบ้าใบ้ไปไม่เป็นครู่หนึ่ง พอเบิ้มหันมาจ้องหน้า จึงเผลอหลุดยิ้มออกมาหวังคลายความประหม่าของตัวเอง

แต่นั่นคงยิ่งทำให้คนรักอารมณ์เสีย

“ปล่อย อย่าให้ต้องใช้กำลัง”

สิ่งที่คมสันเกลียดที่สุดคือการถูกตวาด ขึ้นเสียงใส่อย่างไร้มารยาท เพราะคมสันมักวางตัวดีเสมอ แม้จะทำให้หลายคนเจ็บแค้นใจบ้าง แต่เขามักคุมสถานการณ์อย่างอยู่หมัด ทำให้ไม่เคยต้องตกในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้

คมสันแปลกใจตัวเองมากทีเดียว

อันที่จริงก็ตกใจตั้งแต่ตอนคว้าชายเสื้อเบิ้มแล้ว พอโดนตะโกนใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ยิ่งมั่นใจ

“นายเป็นคนแรกที่ขึ้นเสียงแต่ฉันไม่โกรธแถมยังรั้งเสื้อไว้ด้วย”

...ไม่อยากปล่อยคนคนนี้ไป


หากตั้งแต่แรกเขาเลือกเบิ้มจากเสียงของหัวใจ ตอนนี้คมสันก็เลือกที่จะเชื่อฟังหัวใจตัวเอง

“การเลือกบอดี้การ์ดก็เหมือนการเลือกคู่ และการที่ฉันเลือกนาย แสดงว่านายตรงสเปคที่สุดนะ”

เขาอธิบายด้วยคำที่คิดว่าตรงกับความรู้สึกมากที่สุดเท่าที่จะยอมรับได้แล้ว

“สรุปว่านายกำลังจะสารภาพรัก?”

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้นายยกเลิกสัญญา”

อืม...แม้ว่าจะไม่ค่อยเป็นไปด้วยดีก็ตาม

คมสันยอมรับ ตอนนั้นเขาค่อนข้างสันสนและงงว่าทำไมเบิ้มถึงไม่เข้าใจสักที เขาพูดจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว ทุกอย่างตีแผ่ตรงหน้า แม้การกระทำจะน่าโมโหบ้าง แต่ตลอดเวลาสามเดือนคือความจริงใจล้วนๆ และการที่เขายื้ดยุดฉุดกระชากกันนี้ ก็นับว่าเป็นอะไรที่เกินกว่าคมสันจะเชื่อตัวเองว่าจะยอมทำแล้ว

“นายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ได้รับความจริงใจนี้นะ”

สิ่งที่ทำได้ จึงเป็นการมอบยิ้มหวังประโลมอารมณ์คุกรุ่นนั้น

แต่ดันทำให้เบิ้มยิ่งเป็นบ้า

พอร่างนั้นหันหลังไปอีก คมสันเลยตกใจจนเผลอตัวอีกครั้ง คราวนี้ไม่แค่จับชายเสื้อ เขาถึงกับกอดเอวไม่ยอมปล่อย

ในชีวิตของคมสัน เขาเคยตื่นกลัวหลายครั้ง ทุกครั้งล้วนเกี่ยวกับคุณหนู อย่างตอนที่รู้ว่าประธานกับคุณหญิงจะหย่ากัน เขากลัวแทบคลั่ง กลัวว่าใครคนใดคนหนึ่งจะพาคุณหนูไปอยู่ด้วยแล้วเลี้ยงดูทิ้งขว้าง เพราะคมสันรู้จักทั้งคู่ดีกว่าใคร คุณหญิงรักสนุก ติดงานสังสรรค์ ตอนกลางคืนแทบไม่อยู่บ้าน แล้วใครจะส่งคุณหนูเข้านอน ส่วนประธานนั้นมีแต่คนเอาอกเอาใจ เลยเอาใจใส่ใครไม่เป็น การดูแลเด็กเล็กนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ จนตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณหนูสอบได้เกรดอะไรและถนัดวิชาอะไรมากที่สุด

ครั้งที่สองที่เขาตื่นกลัว คือตอนพูดความจริงกับคุณหนูว่าตั้งแต่นี้ประธานกับคุณหญิงจะสลับกันมาที่บ้าน ทั้งคู่เลิกรากันไม่ดีนัก เลยไม่ค่อยอยากเจอหน้า เวลามาหาลูกชายจึงผลัดกันมาจะได้ไม่ต้องคอยอารมณ์เสียใส่กัน ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ทำให้คมสันกังวลแทบตาย กลายเป็นเด็กชายที่จับมือคมสันแล้วถามเสียงเครียด

‘สันจะไม่ไปไหนใช่มั้ย’

‘ไม่ไปครับ’

‘งั้นก็พอแล้ว’

‘…’

‘แค่สันก็พอแล้ว’


ความผูกพันของคมสันและเด็กชายกิจภัทรลึกซึ้งเกินกว่าจะพรรณนา นั่นเป็นสองครั้งที่คมสันนึกกลัวที่สุดในชีวิต และตอนนี้...ก็เป็นครั้งที่สาม

ใครเลยจะรู้...ว่าชีวิตที่มีแต่คุณหนูของคมสันนั้น เมื่อเปิดใจรับใครอีกคนเข้ามา ก็ใช้ความทุ่มเทมากมายไม่แพ้กับที่เบิ้มทำ

ฉะนั้นเมื่อใกล้จะสูญเสียความเยือกเย็นก็แทบจะไม่มีแล้ว

“สรุปแล้วว่านายรักฉันมั้ย”

“...”

แต่คมสันก็ยังพูดคำนั้นออกไปไม่ได้

เขารู้สึกดีกับเบิ้มมั้ย แน่นอนว่าใช่ เขาอยากอยู่กับเบิ้มมั้ย แน่นอนว่าใช่อีก แต่ถ้าถามว่าคมสันรักเบิ้มมั้ย...

นั่นไม่ต่างกับคำต้องห้ามสำหรับคมสัน ความรักทั้งหมดเขามอบให้คุณหนูไปแล้ว เขาทรยศตัวเองได้ แต่เขาทรยศคุณหนูไม่ได้

ถ้าต้องเลือกระหว่างเบิ้มกับเด็กชายกิจภัทร คมสันย่อมเลือกอย่างหลังไม่ลังเล แต่ถ้าเป็นไปได้...ก็อยากเลือกทั้งสองคน

“นายเป็นบ้าแล้วรึไง!”

“ทำในสิ่งที่คนรักกันควรทำ ผิดตรงไหน” คมสันพูดทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่ากำลังทำบ้าอะไรอยู่เหมือนกัน เขาไม่รังเกียจเบิ้ม แต่ไอ้การจู่ๆ ก็ล้วงกางเกงผู้ชายในสถานการณ์นี้ก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อย ช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนนี้สมองของเขาตีกันไปหมด ไอ้ที่อยากจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว ความจริงทั้งหมด ความในใจทั้งหมด เขาบอกไม่มีกัก แต่เบิ้มก็ยังจะไป แล้วจะให้ทำยังไง

ในเมื่อเบิ้มเสน่หาในตัวเขา งั้นก็ได้แต่ใช้ไม้ตาย

“คนรักที่ขนาดคำบอกรักยังพูดไม่ได้น่ะเหรอ”

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นแตะตัวง่ายๆ รึไง” คมสันถามกลับ พยายามคงความเยือกเย็นแม้จะทำได้ยากเต็มที เบิ้มคิดว่าเขานึกอุตริอยากล้วงกางเกงเล่นๆ รึไง เขาเองก็ลำบากใจ แต่นึกอะไรไม่ออกแล้วเหมือนกัน

ไหวพริบที่เคยมีเหมือนจะเป็นหมันเอาซะดื้อๆ คมสันเงยมองเบิ้มกึ่งตัดพ้อ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยแสดงออกมาเพราะคมสันเห็นว่ามันช่างอ่อนแอเหลือเกิน เขาไม่ชอบความอ่อนแอ เพราะต้องเป็นหลักยึดให้คุณหนู เขาจะอ่อนแอไม่ได้ กลับกัน คมสันชอบเป็นฝ่ายควบคุม ตลอดเวลาที่รู้จักกันจึงมักแสดงท่าทางเหนือกว่ากึ่งออกคำสั่งเสมอ ที่สำคัญ คมสันเกลียดสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ และตอนนี้ก็กำลังเผชิญกับมัน

เบิ้มไม่ไหว คมสันก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เริ่มรู้สึกสมเพชตัวเอง ขณะที่เริ่มคิดว่าหรือควรจะปล่อยมืออยู่นั้น...

เบิ้มกลับถอดแว่นกันซะงั้น!

คมสันผงะ เขาสายตาสั้นมาก พอถอดแว่นภาพตรงหน้าจึงพร่าเบลอ แทบจะเดาสีหน้าเบิ้มไม่ออก สถานการณ์ที่เสียเปรียบอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่กว่าเดิม แต่จะให้ยื้อแย่งกับผู้ชายตัวโตที่มีวิชาต่อสู้ระยะประชิดเก่งฉกาจ คมสันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เขานึกหงุดหงิดจนตวัดตาจ้องเพราะมองไม่เห็น

“พูดอีกทีสิ ประโยคเมื่อกี้”

“ต้องให้พูดด้วยเหรอ...” โดนถามย้ำในสิ่งที่พูดจนปากเปียกปากแฉะ คมสันแสนจะงุ่นง่านอยู่ในใจ แต่เพราะเบิ้มไม่หันหลังหนีอีก เขาเลยกลับมาประหม่าอีกครั้ง เริ่มเสยผมแก้เก้อ รู้สึกไม่มั่นใจเมื่อเห็นภาพไม่ชัดเจน “ที่ผ่านมายังไม่เข้าใจอีกรึไง”

“ไม่ พูดสิ”

“นายคิดว่าฉันยอมให้คนอื่นทำแบบนี้...” โดนซักไซ้มากเข้า คมสันที่หมดไพ่จะหงายแล้วก็เริ่มคลายเชือกคล้องเอวของตัวเอง หากเบิ้มยอมหันกลับมาคุยเพราะโดนล้วงกางเกง งั้นแสดงว่าวิธีสิ้นคิดก่อนหน้านี้ใช้ได้ผล “นอกจากนายด้วยรึไง”

ประโยคที่แสดงออกชัดจนไม่รู้จะชัดยังไง คมสันสื่อว่านอกจากเบิ้มไม่มีวันยอมให้ใครแตะต้องสัมผัสในแง่นี้เด็ดขาด

แต่มือที่กำลังแกะปมเชือกกลับถูกรวบด้วยมือเดียว

คมสันเริ่มงงแล้ว สรุปว่าเบิ้มหันกลับมาเพราะนึกพิศวาส หรือเพราะอะไรกันแน่

“สัน”

“อะไร” เขาพยายามทำหัวให้เย็น ตั้งใจฟังจนน้ำเสียงค่อนไปทางเย็นชา นึกกลัวว่าสถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้นจะพลิกผันอีก

“เวลาที่นายกอดจูบ ทำไปตามสัญชาตญาณใช่มั้ย ทำเพราะรู้ว่าฉันจะชอบ แล้วนายล่ะ...ชอบมั้ย”

จู่ๆ ก็ถูกวกถามในสิ่งที่ไม่เคยคิด คมสันถึงกับนิ่งไป

“ไม่ได้ถามว่าชอบฉันมั้ย หมายถึง...เวลากอดจูบกันน่ะ นายชอบความรู้สึกตอนนั้นมั้ย”

นับเป็นคำถามที่ตรงประเด็นมากทีเดียว

ตรงจนคมสันลอบสะท้านอยู่ในอก การที่เขากอดจูบเบิ้มนั้นทำเพราะอยากทำ ถ้าให้อธิบาย ก็เหมือนว่าพอเห็นคนที่รู้สึกดีอยู่ใกล้ๆ แล้วอยากจะสัมผัสแนบชิด เวลาที่เห็นคนรักทำอะไรให้ ก็อยากจะมอบรางวัลให้ดีใจ

เปรียบเปรยแล้วก็เหมือนกับที่คมสันทำอะไรหลายๆ อย่างให้คุณหนูโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะชอบหรือไม่ แค่อยากเห็นอีกฝ่ายมีความสุข ยิ้มแย้มน่ารักก็พอ

แต่ตอนนี้...เมื่อลองถามตัวเองชัดๆ ดูอีกครั้ง เขาก็พบว่า...

“ถ้าเรื่องนั้นละก็...ชอบ”

นอกจากจะทำเพราะอยากทำ อยากให้อีกฝ่ายนึกชอบ คมสันยังทำเพราะ...เขาชอบเวลาได้กอดจูบเบิ้มด้วย!

เป็นอีกครั้งที่คมสันเพิ่งค้นพบว่าตัวเองมีมุมแบบนี้

เหมือนกับตอนที่ค้นพบว่าตัวเองมีสเปคแบบไหน หลายๆ อย่างที่เขาไม่เคยสนใจ เริ่มถูกขุดคุ้ยเมื่อได้พบกับเบิ้ม

รู้แบบนี้แล้วก็ยิ่งไม่อยากปล่อยอีกฝ่ายไปกว่าเดิม

แต่ไม่ทันจะสรรหาวิธีประหลาดในการฉุดรั้ง ร่างของเขาก็ถูกรวบเข้าไปกอดซะก่อน

“เฮ้อ...” พร้อมเสียงถอนหายใจเฮือกที่เล่นเอาเดาอารมณ์ไม่ถูก

“ไม่ไปแล้ว” ก่อนที่ความตึงเครียดทั้งหมดจะสลายในพริบตา วินาทีนั้นคมสันแทบจะหมดแรง ได้แต่ทิ้งตัวพิงศีรษะซบกับแผ่นอกแน่นๆ ของเบิ้ม

ความอบอุ่นและน่าพึ่งพิงนั้นชวนให้สงบใจเสมอ

“ไปนอนเถอะ”

น่าเสียดายที่อ้อมกอดนั้นปล่อยไวเกินไป

“สัน?”

ไม่เพียงพอให้เขาปลอบประโลมใจจากสถานการณ์แสนหวาดหวั่นเมื่อครู่สักนิด เบิ้มเหนื่อย คมสันเองก็เหนื่อย อยากนอนสบายๆ โดยทิ้งความวุ่นวายไว้ข้างหลัง อยากหลับตาโดยไม่คิดอะไร พักใจในอ้อมกอดที่เกือบเสียไป

คิดจบก็คมสันก็เดินแซงเบิ้มไปทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มทันที

“ก็แค่กลัวคนแถวนี้จะโกหก แอบหนีกลับลับหลังฉัน”

ประโยคนั้นจะเรียกว่าเป็นข้ออ้างก็ได้ ไม่ถึงกับโกหกแต่ก็ไม่ตรงกับใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วยไม่ได้ คมสันเกลียดการแสดงความอ่อนแอ และการพูดว่าตัวเองอยากนอนให้เบิ้มกอดเพื่อพักผ่อนใจอันหนักอึ้งนั้นก็เป็นการแสดงความอ่อนแออย่างหนึ่ง

โชคดีที่เบิ้มพูดน้อย แม้อาจจะคิดไม่น้อย แต่การเดินมาให้คมสันนอนหนุนแขนซุกอกเงียบๆ ก็เป็นอะไรเขาพอใจมาก

คมสันหลับตา หวนนึกถึงอดีตและอนาคตของตัวเองที่แทบจะถวายชีวิตในการปูทางให้คุณหนูเดิน

แทบไม่มีใครสนับสนุนเขา ต่างดูถูกว่าจะทำสำเร็จแน่หรือ แต่สุดท้ายเขาก็มาถึงจุดนี้ จุดที่ทั้งประธานและคุณหญิงยอมรับ พร้อมจะยกบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ให้ ช่วงเวลาหลายปีที่ต่อสู้ฟันฝ่าโดยไม่อาจบ่นเหนื่อย โดยเฉพาะต่อหน้าคุณหนูที่รักยิ่ง

ในที่สุด ณ ตอนนี้ เวลานี้ คมสันก็สามารถพักผ่อนทั้งกายทั้งใจในอ้อมแขนของคนคนหนึ่ง

...คนรักที่พูดคำว่ารักไม่ได้ของเขาเอง

 

-----------

 

จบพาร์ทคมสันแล้วค่ะ น่าจะกระจ่างแจ้งแก่ใจใครหลายๆ คนเนอะ

อย่าลืมว่าตอนนี้คมสันอายุยี่สิบ โดยมีเป้าหมายเป็นเส้นตรงมาตลอด พอมีพี่เบิ้มมาความคิดหลายอย่างปั่นป่วน ก็เลยออกมาเป็นท่าทางของจอมมารที่หาได้ยากมากค่ะ แต่ก็จะมีแค่ตอนนี้เท่านั้นแหละที่จะเห็นจอมมารเผลอ นับเป็นช่วงกอบโกยนะคะ 555

ตอนแรกที่จะแต่งคู่นี้ เราก็กังวลค่ะว่าจะรอดเหรอ เพราะความคิดคมสันแต่ละอย่างเนี่ย...อืม...เอาเป็นว่าพอรู้ๆ กันเนอะ แม้จะเป็นจอมมาร แต่คมสันก็เป็นจอมมารเพื่อปกป้องคุณหนู ส่วนเรื่องตัวเองเนี่ยถือเข้าขั้นน่าเป็นห่วง ถ้าให้คมสันนำเรื่องคงเหนื่อยน่าดู พี่เบิ้มเลยได้อภิสิทธิ์พิเศษ เป็นพระเอกคนแรกในนิยายชุดนี้ที่ได้เดินเรื่อง ทำให้จากไอ้ที่ควรจะเครียดกลายเป็นกาวไป ต้องยกความดีความชอบให้พี่เบิ้มนะคะ

 

เพจนักเขียนที่เขินกับความในใจของจอมมาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

#จอมมารคมสัน

Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-12-2018 21:00:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 17-12-2018 21:24:08
อ่านพาร์ทจอมมาร แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าคมสันก็มีมุมอ่อนไหว มีจุดอ่อนเหมือนกันนะ เพียงแค่ถ้ามองภายนอกนางคุมสติ คุมสถานการณ์ได้เก่ง ดูเหมือนไร้ความรู้สึก แต่ความจริงแล้วเก็บความรู้สึกได้ดีต่างหาก ดีนะที่พี่เบิ้มยังถอดรหัสรักแม้ไม่พูดว่ารักออกมาได้  :laugh:
อยากลากพี่เบิ้มมาอ่านจัง555 พี่เบิ้มจะต้องหัวใจพองโตจนระเบิดไปเลยแน่ๆ ลากเด็กเวรมาอ่านด้วยอีกคน อยากเห็นหน้าตอนที่รับรู้ว่าคมสันอุทิศทั้งชีวิตเพื่อคุณหนู คุณหนูจะรู้สึกแบบใหนนะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-12-2018 21:32:17
สันแทบแย่เลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-12-2018 23:24:14
ดูที่การกระทำไม่ใช่คำพูดเนอะพี่เบิ้ม o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-12-2018 01:35:11
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 18-12-2018 09:49:49
 :try2: เป็นจอมมารนี่ จะรักใครสักทีก็ต้องลุ้นจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2018 10:39:36
ลุ้นตามไปด้วยเลย......... :mew2: :เฮ้อ: :really2:
ก็ถามมา ตอบไป ไม่ตรงกันซะเลย  o22
ชอบที่นอนหนุนแขน ซบอกแน่นๆ ......ได้แค่นี้ ก็ดีแล้ว  :z3:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 18-12-2018 10:45:22
มุมงุ้งงิ้งของคมสันมันช่างหอมหวานเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 18-12-2018 14:30:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - นอกรอบ : ความในใจของจอมมาร 2 - Up : 17/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-12-2018 23:42:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 21-12-2018 19:06:07


ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใสของเบิ้ม

 

“เบิ้ม ซื้อไอติมให้หน่อย”

เช้าที่แสนสดใสของเบิ้มถูกขัดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจของเด็กเวร ทำเอาคนยืนยิ้มมีความสุขกับการได้นอนกอดคนรักทุกคืนชะงักค้าง...ก้มมองเด็กชายซึ่งมองมาตาแป๋วแบบไม่รู้ความผิด

“สันไม่ให้กินไอติมไม่ใช่เหรอครับ” เบิ้มเอ่ยเสียงขรึมแกมดุ ก่อนหน้านี้มีเด็กซนคนหนึ่งเป็นหวัดแล้วออดอ้อนขอกินไอติม แน่นอนว่าพี่เลี้ยงย่อมใจอ่อน ผลคือทำเอาเด็กเวรเจ็บคอ นอนป่วยไปอีกสามวัน

“สันไม่ให้กินแต่ถ้าเบิ้มซื้อก็ไม่เป็นไรหรอก”

แม้ตอนนี้จะหายดีแล้ว แต่คมสันก็ยังไม่วางใจ เกิดคุณหนูสุดที่รักเจ็บคอขึ้นมาอีกจะทำยังไง เวลาไอแต่ละทีเล่นเอาใจคนเห็นแทบขาดรอนๆ ไปด้วย เบิ้มเลยส่ายหน้าปฏิเสธ

วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นคิวที่ประธานต้องมาเล่นกับลูกชาย แต่เพราะมีนัดแทรกกะทันหัน ทำให้พวกเขาต้องมายืนอยู่ที่สนามบินเพื่อรอรับคนสำคัญของครอบครัวชาติบดินทร์ คนสำคัญที่ประธานไม่ได้รับเกียรติให้มารวมกลุ่มด้วย มีเพียงไอ้เบิ้ม คมสัน และเด็กชายกิจภัทรเท่านั้น

ขณะนี้เวลาเก้าโมงตรง คมสันปลีกตัวไปดูว่าเครื่องแลนดิ้งแล้วหรือยัง ทิ้งให้ไอ้เบิ้มถูกเด็กเวรวอแวขอกินไอติม

“บอกว่าลืมก็ได้ คมสันไม่ว่าอะไรนายหรอก ซื้อไอติมให้ฉันเร็ว”

ว่ากันว่าเด็กยิ่งโตก็ยิ่งพยศ เพราะจะจำกัดให้อยู่ในกรอบตลอดย่อมเป็นไปไม่ได้ และเด็กเวรที่เหมือนจะไม่ค่อยมีสมองก็เริ่มจะแสดงออกถึงวัยต่อต้าน เริ่มไม่เชื่อฟังพี่เลี้ยงแล้ว

เบิ้มมองดวงตาใสแป๋วแบบอยากกินจริงๆ นะ แต่ขอคมสันคงไม่ได้เลยมาขอไอ้เบิ้มแทนก็ปลงตก นับตั้งแต่คืนดีกับคนรัก พวกเขาก็ใช้ชีวิตแบบสามคนพ่อแม่ลูกจนตาชักจะฝ้าฟาง เห็นเด็กนี่น่ารักน่าชังขึ้นชอบกล แม้จะไม่ใจอ่อนเท่าคมสัน แต่เบิ้มก็รับมือกับเด็กไม่เก่ง พอโดนตื๊อมากๆ เข้าก็ตัดใจเดินไปซื้อให้

ความซวยอยู่ที่คมสันกลับมาเห็นภาพไอ้เบิ้มส่งไอติมให้เด็กเวรพอดี

ขนแขนถึงกับลุกเกรียว

แล้วดูเจ้าเด็กแก่แดดนี่ซะก่อน กินไอติมโชว์คมสัน ราวรู้อยู่แล้วว่าพี่เลี้ยงไม่กล้าดุด่าซ้ำเติม ใช่ คมสันไม่กล้ากับเด็กเวรหรอก แต่มาไล่บี้กับเขานี่!!

เบิ้มลอบสะดุ้งเฮือกๆ ในใจเมื่อคนรักยิ้มหวานขณะเดินเข้าใกล้

“ฉันไม่ให้คุณหนูกินไอติม นายซื้อทำไม” น้ำเสียงยามเอ่ยราบเรียบไร้อารมณ์ แต่โปรดดูแววตาใต้กรอบแว่นนั่นซะก่อน แฝงความตำหนิไม่ปิดบังจนไอ้เบิ้มลอบละอาย

“อ้าว ยังห้ามกินหรอกเหรอ พอดีลืมน่ะ”

แต่ถึงละอายก็ไม่วายโกหกหน้าตาย แม้จะไม่เนียนสักนิดแต่เรียกเสียงหัวเราะสดใสพร้อมนิ้วโป้งจากเด็กเวรที่เป็นคนเสนอความคิด อาจเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ พอเห็นเด็กเวรหัวเราะเริงร่าคมสันจึงยอมถอย ไม่ซักไซ้เอาผิดไอ้เบิ้ม

หลังจากทะเลาะกันครั้งนั้น หลายๆ อย่างก็ปรับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

อย่างแรก เด็กเวรเริ่มสนิทสนมกับเบิ้มโดยลืมเรื่องดริฟๆ แล้ว กล้าหันมาขอให้ช่วย เอาแต่ใจใส่ ทั้งที่ปกติจะขอกับคมสันแค่คนเดียว

อย่างที่สอง เบิ้มเริ่มกล้าที่จะมีปากมีเสียงมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนรักสั่งอะไรก็ต้องทำตามนั้นไม่บิดพลิ้ว

ส่วนอย่างที่สาม คมสันเริ่มกล้าที่จะแสดงความเป็นตัวเอง แบบที่ไม่ใช่...ปีกนางฟ้าแล้วน่ะนะ

ต่อให้เบิ้มจะรักหลงอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่พอได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ในวันที่เปิดใจกันก็คงจะเห็นคมสันเป็นนางฟ้าไม่ได้แล้ว ซึ่งคมสันเองก็ดูจะผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเบิ้มรับได้ และเริ่มส่งสายตาวาวๆ เป็นเชิงจับผิดแกมตำหนิให้เขาเสียวสันหลังเป็นพักๆ โดยไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเองแล้ว

“เบิ้ม ทิ้งให้หน่อย”

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ทำให้บรรยากาศเวลาพวกเขาอยู่ด้วยกันหลอมรวมกลมเกลียวอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่แน่ๆ เด็กเวรคงชอบใจมาก เพราะอย่างน้อยก็มีคนมาถ่วงดุลกับคมสันคนเข้มงวด ถนอมคุณหนูประหนึ่งแก้วบางใสกลัวแตกร้าว

ถึงจะเป็นเด็กดีและรักคมสันมากแค่ไหน เด็กวัยต่อต้านย่อมอยากแหกกรอบบ้างเป็นธรรมดา

“ครับ” แล้วผลบุญไม่ก็ผลกรรมเลยมาตกแก่ไอ้เบิ้มผู้นี้ รับไม้ไอติมเปล่าๆ ไปทิ้งถังขยะ ก่อนจะเดินมาประกบเด็กเวรข้างขวา โดยมีคมสันประกบข้างซ้าย

“ใกล้จะปิดเทอมแล้ว คุณหนูอยากทำอะไรบ้างครับ” คมสันชวนคุยฆ่าเวลา

“ฉันอยากว่ายน้ำเป็น!”

“ให้เบิ้มสอนที่บ้านก็ได้ครับ”

“ครับ ผมจะสอนให้เอง” เบิ้มรับคำ ลอบคิดในใจว่าอยากสอนคมสันด้วย แต่ไม่รู้คนรักจะตกลงมั้ย “แล้วไม่อยากไปเที่ยวกันบ้างเหรอ ปิดเทอมหลายเดือน น่าจะลองไปต่างประเทศบ้างนะครับ”

พลันคมสันตวัดตาจ้องจนไอ้เบิ้มแทบหยุดหายใจ

เขาทำอะไรผิด!

“น่าสนุก” เด็กเวรรับคำ ก่อนจะเชิดหน้าเย่อหยิ่ง “แต่ฉันไม่เคยเที่ยวไกลๆ ในประเทศยังไม่เคย ข้ามไปต่างประเทศเลยก็เป็นความคิดที่ไม่เลว”

กลายเป็นไอ้เบิ้มที่ตระหนกตกใจแล้ว!

ทั้งที่บ้านรวยมีทั้งเวลาและการเงินเหลือเฟือแต่กลับไม่เคยเที่ยวค้างคืนนอกบ้าน เหลือเชื่อ!

ขณะจะหันไปถามคมสัน พลันเด็กเวรก้าวเดินเร็วๆ ไปหยุดยืนขวางท่ามกลางฝูงคนที่กำลังเดินออกจากเกท และนั่นก็ทำให้เจ้าตัวเป็นเป้าสายตาแสนโดดเด่นจนทำให้ผู้มาเยือนสังเกตเห็นได้รวดเร็ว

“ภัทร!”

คนคนนั้นเป็นผู้หญิงวันกลางคนที่สวยไม่สร่างสมกับเคยเป็นดาราดังในสังกัดเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แม้จะอายุเกือบสี่สิบแต่รูปร่างผอมเพรียวบ่งบอกว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ใบหน้าแทบไร้ริ้วรอย ผมยาวดัดลอนถึงสะโพก สวมเสื้อโค้ตราคาแพงและลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบ

เบิ้มรีบอาสาเข้าไปช่วยถือทันที

“ขอบคุณจ้ะ” หญิงสาวเอ่ยกับเบิ้ม ก่อนจะหันไปหาคมสัน “นี่น่ะเหรอบอดี้การ์ดที่เล่าให้ฟัง”

“ครับ คุณหญิง”

คมสันยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของอีกคนหนึ่งคฤหาสน์ หรือก็คือ...แม่แท้ๆ ของเด็กชายกิจภัทรนั่นเอง!

แม้จะไม่เคยบินกลับมาเจอหน้าลูกชาย แต่เธอหมั่นติดต่อกับคมสันเสมอ ทำให้รู้เรื่องราวหลายอย่างแม้ตัวจะไม่อยู่ก็ตาม น่าตลกตรงที่...ทั้งที่ตัวไม่อยู่ แต่กลับรู้เรื่องของลูกชายดีกว่าพ่อแท้ๆ ซึ่งแวะมาหาทุกอาทิตย์ซะอีก ประธานสมกับเป็นผู้ออกค่าเลี้ยงดูจริงๆ นอกจากให้เงิน ก็แทบทำหน้าที่พ่อที่ดีไม่ได้เลย

เมื่อคืนระหว่างตะกองกอดคนรักในอ้อมอก เบิ้มที่รู้กำหนดการณ์วันนี้ก็ถามว่าทำไมคุณหญิงที่ดูจะรักลูกชายถึงไม่อยู่ด้วยกัน

คำตอบของคมสันคือ...เพราะเธอมีครอบครัวใหม่ที่ต่างประเทศ

หากจะให้เล่าถึงตรงนั้น ก่อนอื่นก็ต้องเกริ่นก่อนว่าประธานและคุณหญิงคบกันและแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ ผู้ชายย่อมชอบของสวยๆ งามๆ ประธานคนเจ้าชู้จึงหลงรักปักใจกับคุณหญิงที่ขณะนั้นเป็นดาราสาวแสนสวยในสังกัดของตัวเอง เมื่อมีประธานตามจีบ มีหรือฝ่ายหญิงจะไม่คล้อยตาม ทั้งคู่ต่างรักหลงในหน้าตาและฐานะของอีกคน ตกลงปลงใจกันโดยไม่รู้สักนิดว่านิสัยเข้ากันไม่ได้

ปีแรกที่แต่งงาน ยังพอประคองรอดเพราะเป็นช่วงแรกรัก ปัญหามาเริ่มต้นเมื่อมีลูกชาย ประธานเลี้ยงเด็กไม่เป็น ดูแลใครไม่เป็น สนใจแต่เรื่องตัวเอง ส่วนคุณหญิงก็เริ่มทนเป็นแม่บ้านไม่ไหว ถ้าแค่คอยดู คอยเล่นกับลูกก็ว่าไปอย่าง แต่ให้เช็ดอึ เช็ดฉี่ รับมือกับเด็กที่เอะอะร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่อยากทำเหมือนกัน การมีลูกชายไม่ต่างกับตรวนล่ามเท้าให้เธอถูกขังอยู่กับที่ ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันมากขึ้น จนกระทั่งคมสันช่วยเกลี้ยกล่อมและหาทางลง

จากนั้นไม่นาน ประธานก็มีคนรักใหม่ที่ตามอกตามใจและเป็นแม่บ้านอย่างที่ต้องการ ส่วนคุณหญิงนั้นเพราะทำอาชีพดาราที่รักที่ชอบไม่ได้แล้วเนื่องจากถ้าจะทำต้องเซ็นสัญญากับบริษัทของสามี เลยเลือกไปเป็นนางแบบที่ต่างประเทศ จนกระทั่งพบรักกับช่างภาพคนหนึ่ง ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงาน แต่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ปัญหามันอยู่ที่...

‘ช่างภาพคนนั้นมีลูกติด’

ตอนคมสันพูดประโยคนี้ น้ำเสียงแฝงความไม่พอใจจนเบิ้มต้องลูบหลังปลอบโยน

สรุปแล้วที่คุณหญิงไม่กลับไทยมาเจ็ดปีเพราะลูกของช่างภาพคนนั้นยังเล็ก เธอเลยต้องคอยดูแลและจัดการเรื่องต่างๆ ภายในบ้าน เพราะช่างภาพเป็นอาชีพอิสระ ฝ่ายชายจึงเป็นคนเลี้ยงลูกซะเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่คุณหญิงใช้ชีวิตได้ตามใจและช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย

ได้ยินแบบนี้เบิ้มก็เข้าใจว่าทำไมคมสันถึงพยายามปกปิดเด็กเวรนัก

พ่อแท้ๆ มีครอบครัวใหม่ และกำลังจะมีลูกชายที่น่ารักอีกคน

ส่วนแม่แท้ๆ ทั้งที่มีลูกรออยู่ประเทศไทย เมื่อไม่ต้องออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ก็มีคนรักใหม่แล้วหาเงินเลี้ยงลูกคนอื่นซะงั้น

ถ้าเด็กเวรรู้เข้าจะเสียใจขนาดไหน คมสันเลยเลือกที่จะปิด ใช้ความรักของตนเข้าทดแทน สร้างครอบครัวใหม่ให้กับเด็กชายเผื่อจะได้ไม่นึกน้อยอกน้อยใจกับพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเอง

“ภัทร มาให้กอดเร็ว” ไม่เจอหน้าลูกชายมานานหลายปี คุณหญิงเองก็คงนึกละอาย เลยรีบอ้าแขนรอลูกชาย

“ไม่เอาหรอก ฉันโตแล้ว เท่แล้ว” เด็กเวรไม่กอดแม่ แต่กอดอกเชิดหน้า

“โตแล้วเท่เกี่ยวอะไรกับที่ไม่ให้แม่กอดล่ะ” คุณหญิงอมยิ้ม เพราะโทรคุยกันเป็นระยะ เลยไม่ถึงกับลืมนิสัยของลูกชาย

“ก็ดูเป็นลูกแหง่ มันไม่เท่น่ะสิ!”

คุณหญิงหัวเราะ ก่อนจะเป็นฝ่ายถลาไปกอดหมับจนลูกชายดิ้นขลุกขลัก

แต่ดิ้นไปแค่สองสามทีก็ยืนนิ่ง ปล่อยให้มารดาบังเกิดเกล้านัวเนียแก้คิดถึงจนพอใจ

ความจริงแล้วเด็กเวรค่อนข้างอ่อนข้อให้คุณหญิงมากกว่าประธานเยอะทีเดียว เพราะถ้าท่านประธานเป็นคนถลามากอด เด็กชายต้องวิ่งหนีมาหลบหลังไอ้เบิ้มแน่ๆ

ขนาดไม่ค่อยมีสมองยังแยกแยะออกว่าใครใส่ใจมากกว่า

เบิ้มมองภาพตรงหน้าพลันซาบซึ้งจุกอกยินดีปนหน่วงอย่างบอกไม่ถูก

“ว่าแต่....ทำไมคุณหนูไม่เคยไปเที่ยวเลยล่ะสัน” ปล่อยสองแม่ลูกกอดรัดฟัดเหวี่ยงซะให้พอ เบิ้มก็ก้มกระซิบถามคมสัน

“นายคิดว่าฉันมีเวลาพอหรือไง” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนคุณหนูอยู่อนุบาล ฉันต้องคอยห้ามประธานและคุณหญิงที่เจอหน้าเป็นทะเลาะกันทุกวัน เพราะช่วงนั้นคุณหนูยังเล็กเกินกว่าจะให้ทั้งคู่จู่ๆ ก็ย้ายออกจากบ้าน พอขึ้นชั้นประถม ฉันก็ต้องจัดตารางให้ประธานกับคุณหญิงแวะเวียนมาหาโดยไม่ให้คุณหนูฉุกใจว่าต่างคนต่างแยกกันออกไป การเที่ยวไกลๆ แบบครอบครัวน่ะตัดทิ้งได้เลย พอคุณหนูขึ้นมัธยม ฉันต้องอ่านหนังสือแทบตายเพื่อจะเรียนมหาลัยให้จบในสามปี แล้วปีนี้เพิ่งรับตำแหน่งผู้ช่วยเลขา กำลังเรียนรู้งานและพยายามจะสร้างผลงานเพื่อไม่ให้คนในบริษัทดูถูกว่าเป็นเด็กเส้น ฉันจะเอาเวลาไหนพาเขาไปเที่ยว”

ประหนึ่งอัดอั้นมานาน ไม่ก็เห็นคุณหญิงแล้วหน้ากากแตก พอได้ทีคมสันเลยระบายออกมารวดเดียวจนเบิ้มตั้งตัวไม่ทัน รีบตบหลังคนรักพร้อมปลอบโยนเสียงเบาโดยไม่ให้คนอื่นสังเกตว่าพวกเขาคือคนรักกัน

โอ๋ๆ

เบิ้มได้แต่คิดในใจ เพราะถ้าพูดคำนั้นออกไปต้องโดนมองแรงแน่ๆ

คมสันน่ะเกลียดการที่มีคนปฏิบัติใส่อย่างสงสารหรือเห็นว่าอ่อนแอที่สุด

เพราะเป็นนิสัยติดตัวที่ทำให้จิตใจแข็งแกร่งจนปัจจุบัน เบิ้มเลยไม่อยากเปลี่ยนสักเท่าไหร่ ได้แต่คล้อยตามให้อีกฝ่ายสบายใจ เวลาอีกฝ่ายเหนื่อยล้าเมื่อไหร่ก็จะหาจังหวะมากอดเขาเอง

สรุปแล้ว ขณะที่คมสันติดแหมะกับเด็กเวร เด็กชายก็ติดแหมะกับคมสันจนแทบไม่ได้เรียนรู้โลกกว้าง

มิน่าล่ะถึงได้โตมาขาดๆ เกินๆ ขนาดนี้




 

“นี่ ฉันรู้แล้วนะว่าเมียอีกคนของคุณท้อง อย่าให้เขามาระรานลูกของเราเชียวนะ ไม่งั้นฉันไม่เอาคุณไว้แน่!”

เบิ้มถึงกับชะงักเมื่อเดินมาได้ยินคุณหญิงของบ้านคุยโทรศัพท์โดยบังเอิญ...หรือไม่บังเอิญ เพราะเขาถูกเรียกตัวให้มาหาที่ห้องรับแขก ขณะที่คมสันกำลังกล่อมเด็กเวรให้นอนหลับ แม้เด็กชายกิจภัทรจะบอกว่าไม่ต้องมาห่มผ้าให้ทุกคืนก็ได้ แต่คมสันไม่วางใจ กลัวเด็กกำลังโตแอบเล่นเกม

“โอ๊ะ คิดว่าฉันจะกลัวเหรอ อยากบอกภัทรก็บอกสิ ฉันก็บอกได้เหมือนกันว่าคุณคิดจะหย่ากับฉันเพราะจะไปจดทะเบียนกับยัยผู้หญิงนั่น!”

เบิ้มกุมขมับ ตัดสินใจเดินวนเวียนแถวบันไดเพราะไม่อยากขัดจังหวะการทะเลาะของสองสามีภรรยาผู้หมดรักแม้จะถือทะเบียนสมรส

“คิดได้ก็ดี อย่าให้เรื่องลามมาถึงลูกเรา และอย่าคิดแผลงๆ จะหย่าก่อนเวลาด้วย เพราะบอกไว้เลยว่าฉันไม่หย่า! ฉันจะหย่าก็ต่อเมื่อบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์เป็นของกิจภัทรตอนอายุสิบแปดเท่านั้น เขาโตพอจะรับกิจการเมื่อไหร่เราจบกัน จำไว้!”

เสียงตะโกนโวยวายสื่อว่าคุณหญิงเป็นคนแรงและไม่ยอมใคร มาเจอท่านประธานที่ให้ใครขัดใจเป็นไม่ได้ ก็เหมือนน้ำมันกับไฟ แทบจะจุดบ้านเผาให้วอดวาย

ยิ่งเห็นก็ยิ่งเข้าใจคมสัน ต่อให้ตอนแรกอาจะไม่รักเด็กเวร แต่พอถึงตอนแตกหักขึ้นมา ก็วางใจไม่ลง

ไม่ว่าจะยกให้พ่อหรือให้แม่ ก็ไม่มีใครเลี้ยงดีเท่าคมสันเลี้ยงเอง

ก็ไม่แปลกที่คมสันจะหวงคุณหนูยิ่งกว่าจงอ่างหวงไข่

“อ้าว สัน เบิ้ม มาพอดี” คุณหญิงวางสายแล้ว ก่อนจะหันมาเรียกเบิ้มกับสันที่คนหลังเพิ่งเดินมาสมทบ วันนี้เด็กเวรนอนเร็วกว่าเคย อาจเพราะก่อนหน้านี้เรียนว่ายน้ำกับไอ้เบิ้มจนเหนื่อย

“มานั่งตรงนี้สิ” พอไม่ได้คุยกับประธาน คุณหญิงก็เป็นไม่ขี้โมโหเหมือนเดิม เธอมีความเป็นตัวเองสูงมาก ใจกล้าและออกจะดื้อแกมหัวรั้น ...เด็กเวรได้นิสัยไม่ดีของพ่อและแม่มาเต็มเปี่ยมเลยนะเนี่ย

“คงตกใจสินะที่ฉันกลับมากะทันหัน พอดีมีสองเหตุผลหลักที่ต้องมาให้ได้น่ะ”

“อะไรหรือครับ” คมสันถามสุภาพ

“เหตุผลแรก ฉันอยากมาดูคนรักของสันด้วยตาตัวเอง” คุณหญิงพูดมามองเบิ้มอย่างสำรวจตั้งแต่หนังหัวยันเล็บขบ เบิ้มพยายามตีหน้าขรึม แม้ในใจจะลอบนินทาไปหลายกระทง “ฉันซาบซึ้งใจทุกวันที่สันช่วยดูแลภัทร เลยอยากมาดูให้มั่นใจว่าจะมีคนดูแลสันได้ดีไม่แพ้กัน”

“ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ” เบิ้มรีบให้คำปฏิญาณ ขณะลอบจับมือคมสันเบาๆ...แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาจะเป็นความลับกับเด็กเวร แต่เปิดเผยต่อหน้าประธานและคุณหญิงผู้ล่วงรู้คำขอร้องของคมสันตั้งแต่อีกฝ่ายสิบขวบ...

“งั้นก็ดีแล้ว” คุณหญิงพยักหน้าพอใจ บางทีเธออาจฉุกคิดได้ว่าถ้าคมสันเลือกแล้ว...ยังไงก็ต้องเลือกได้ดีกว่าสมัยเธอยังสาวแล้วหลงผิดเลือกสามีห่วยๆ มาครองคู่ “เหตุผลที่สอง...ฉันรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้มาหาภัทรตลอดเจ็ดปี แต่เพราะสถานการณ์ที่นั่นค่อนข้างแย่มากจริงๆ ลูกชายของ...เอ่อ...คนรักใหม่ฉันป่วย ต้องใช้เงินจำนวนมาก ฉันรู้สึกผิดกับภัทรตลอด แต่ก็จำเป็นจริงๆ”

คมสันไม่พูดอะไร

“ภัทรใกล้จะปิดเทอมแล้วใช่มั้ย”

“ครับ” ครั้งนี้คมสันยอมตอบแต่โดยดี

“ฉันอยากจะชดเชยช่วงเวลาเจ็ดปีที่หายไป เธอก็รู้นะสัน ว่าฉันเองก็รักลูก แม้จะเลี้ยงเขาไม่เป็นแต่ก็ไม่ถึงกับเอาเงินโยนแบบใครบางคน ตอนนี้ภัทรเองก็โตแล้ว และฉันเองก็ทำงานติดต่อกันจนเหนื่อยแล้ว อยากจะพักบ้าง...”

คุณหญิงยิ้มหวาน ราวดีใจที่ตัวเองได้ชดเชยให้กับลูกชาย

“เลยอยากจะพาเขาไปเรียนภาษาเพิ่มช่วงปิดเทอมที่อเมริกาน่ะ”

 

-----------

กำลังหวานแหววไม่ทันไร ก็มีเรื่องให้ต้องตัดสินใจกันอีกแล้วค่ะ

แน่นอนว่าคมสันไม่มีทางให้ไป แต่กับพี่เบิ้มที่กำลังหาทางเลี้ยงเด็กเวรด้วยวิธีของตัวเองเพื่อไม่ให้โตมาเสียคนนั้น...แอบเข้าทาง

เพราะถ้าอยู่กับคมสัน แม้ในใจจะนึกค้านยังไงก็ปฏิเสธคนรักไม่ได้

แต่ถ้าแอบหนีไปกับเด็กเวร รับรองสนุกสนานแน่นอนค่ะ 5555

 

เพจนักเขียนที่ปวดหัวแทนคมสัน (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)

#จอมมารคมสัน

Twitter : MajaYnaja  (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 21-12-2018 19:19:41
ไอ้เด็กแสบมันก็น่าสงสารอยู่นะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-12-2018 21:16:50
แต่ละคน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-12-2018 22:09:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 21-12-2018 22:22:18
แอบสงสารเด็กเวรแม้จะแอบหมั่นไส้ในบางที  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2018 22:44:06
ดูท่า ครอบครัวพ่อ แม่ ลูก.......
จะได้ไปใช้ชีวิตที่อเมริกา
ตรงกับที่คิดว่าจะไปเที่ยวกันพอดีเลย

บางทีฃีวิตก็ตลกร้ายจริงๆ ........  o22 o22 o22
ต่างคนต่างมีครอบครัวใหม่
ท่านประธาน มีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่ แต่ยังส่งเงินเพื่อเลี้ยงดูลูกเก่า
คุณหญิง มีคนรักใหม่ ให้เงินและดูแลลูกของคนรักใหม่ แต่ไม่ได้ส่งเงิน และเลี้ยงดูลูกตัวเอง  :really2: :serius2: :เฮ้อ:

เบิ้ม  สัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-12-2018 07:27:01
คมสันต้องรู้สึกเหมือนโดนพรากลูกไปแน่เลย แม้จะแค่ไปเรียนภาษาก็เถอะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 23-12-2018 08:11:58
พี่เบิ้มเห็นเงียบๆ แต่เก็บทุกรายละเอียด แถมมีคิดแทนอีก
แล้วเสี่ยจะได้ไปตปทไหม รอลุ้น
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-12-2018 09:39:15
ขอสปอยว่า "เราจำได้ว่าเสี่ยได้ไป ตปท" อุ๊ปส์ ...
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 15 : เช้าที่แสนสดใส - Up : 21/12/18 P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-12-2018 20:28:58
 :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 03-01-2019 20:02:36


ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม



“ฉันไม่ให้ไป”

กลางดึกคืนนั้น เบิ้มกับสันนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากันบนเตียง

เมื่อก่อนเวลาคุยอะไรกันก็มักนั่งคุยตรงปลายเตียง แต่ตอนนี้พัฒนามาเป็นนอนคุยบนเตียงแล้ว

พอหันหน้าตะแคงข้าง สาบเสื้อคลุมของคมสันก็เผยให้เห็นแผ่นอกขาวอยู่รำไร เบิ้มใจเต้นรัว สอดแขนให้อีกฝ่ายนอนหนุน พยายามพูดเกลี้ยกล่อมคนรักที่ชักหน้าตึงและแสดงทีท่าผิดปกติตั้งแต่คุณหญิงกลับมา

บางทีคมสันคงสังหรณ์ใจแต่แรกว่าการมาครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องดี

“แต่คุณหนูก็ควรจะไปศึกษาโลกกว้างบ้างนะสัน”

“ฉันไปไม่ได้ ช่วงนี้...ฉันกำลังดีลงานกับบริษัทจีน ทางนั้นต้องการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ละครไทยไปฉาย หน้าที่ฉันคือพยายามขายให้ได้มากที่สุด”

ภารกิจนี้สำคัญใหญ่หลวง สร้างชื่อและกำไรมหาศาล เพราะประเทศจีนมีจำนวนประชากรมาก หากขายได้เยอะเท่าไหร่ก็เท่ากับแนะนำให้ต่างประเทศได้รู้จักดาราในสังกัดของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์มากเท่านั้น นอกจากจะได้ค่าลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีการดึงตัวไปเป็นพรีเซนเตอร์ ออกอีเวนต์ และรับทรัพย์อีกมากมายที่จีน

“ก็ให้ฉันไปแทนไง” เบิ้มเสนอตัว

คมสันจ้องเขม็ง

“หรือไม่ไว้ใจ”

“คุณหนูไม่ยอมไปหรอกถ้าฉันไม่ไปด้วย” คำพุดที่คล้ายจะพูดกับตัวเองมากกว่า ทำให้เบิ้มทั้งฉุนทั้งขันกับคนรัก

“งั้นไว้พรุ่งนี้ลองถามว่าเขาจะยอมไปรึเปล่า”

คมสันนิ่งไปครู่หนึ่ง เชื่อสิว่าไม่แน่ใจกับไอ้ที่พูดเมื่อกี้นัก

“ตกลงมั้ย”

แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ต้องวัดใจกัน

“ตกลง”







“ไปต่างประเทศเหรอ ไปสิไป! ฉันอยากนั่งเครื่องบิน!!”

เด็กชายอายุสิบสี่แทบจะกระโดดดึ๋งๆ เมื่อรู้ว่ามีโอกาสไปเที่ยวไกลนอกจากในกรุงเทพสักที

“แต่ผมไปด้วยไม่ได้นะครับ” คมสันรีบเอ่ยแทรก ภายใต้ใบหน้าสงบเยือกเย็น ไม่รู้ว่าใจแตกร้าวไปกี่ส่วนกับท่าทีกระดี๊กระด๊าของเด็กที่เฝ้าถนอมมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอย

“อ้าว สันไม่ไปด้วยเหรอ”

พลันเด็กเวนทำหน้าสลด ทำให้คมสันที่ใจแตกร้าวทั้งดีใจทั้งเสียใจคราวเดียวกัน ดีใจที่เด็กเวรเห็นตัวเองสำคัญที่สุดเหมือนที่คมสันยกอีกฝ่ายเป็นอันดับหนึ่งในใจไม่มีใครมาเทียบเทียม แต่ก็เสียใจกับหน้าที่ผู้ปกครองที่ไม่ดีพอ ขนาดพาไปเที่ยวเล่นยังทำไม่ได้

เบิ้มมองพี่เลี้ยงกับเด็กชายที่จ้องตากันจนบรรยากาศอึมครึมแล้วเกาแก้มแก้เก้อ กับเด็กเวรนั้นถ้าไม่มีคมสันไปด้วย แล้วต้องอยู่กับมารดาบังเกิดเกล้าสองต่อสอง เกรงจะทำให้ไอ้ที่นึกสนุกกลายเป็นความอึดอัด แม้จะเปิดใจให้กว่าท่านประธาน แต่ในช่วงคุณหญิงมาพักผ่อนที่ไทย แทบไม่มีเวลาไหนที่เด็กเวรยอมอยู่กับแม่แบบสองต่อสองเลย

ช่วงเวลาเจ็ดปีที่ไม่ได้เจอ ก็ไม่ต่างกับกำแพงสูงใหญ่ที่ขวางกั้น

ต่อให้คุณหญิงจะพยายามยังไงก็เจาะทะลุไม่ได้

“แต่ผมไปได้นะครับ” เบิ้มเอ่ยแทรก ขัดบรรยากาศอึมครึมระหว่างพี่เลี้ยงและเด็กเวรที่หันมามองหน้าเบิ้มอย่างพร้อมเพรียง สำหรับคมสัน มองเป็นเชิงส่งสายตาว่า ‘คุณหนูติดฉันยิ่งกว่าอะไร ไม่ยอมไปกับนายหรอก’ ส่วนเด็กเวรนั้นคล้ายเห็นความหวังใหม่ แต่ก็ไม่กล้าตัดสินใจ ลังเลระหว่างเบิ้มกับคมสัน

ได้เวลาตัดสินแล้ว

ระหว่างความผูกพันสิบสี่ปีกับคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ไม่ถึงห้าเดือน ใครจะชนะ!

“สัน”

คมสันหลุดยิ้มมุมปากทันที

“ฉันอยากไปเที่ยวกับสันนะ สันไปด้วยไม่ได้เหรอ”

ก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อถูกเด็กเวรอ้อนถาม

“ขอโทษด้วยครับ ผมติดงาน ไปไม่ได้จริงๆ”

“ระหว่างงานกับฉัน สันเลือกไม่ได้เหรอ”

คำถามนี้เด็ดมาก เบิ้มถึงกับร้องอู้หูอ้าหาอยู่ในใจ

เด็กเวรไม่เบาเลยจริงๆ

คราวนี้คมสันอึกอัก สร้างความโกรธาสู่เด็กชายที่ตัดสินใจเด็ดขาดทันที

“ฉันจะไปกับเบิ้ม!!”

คำนั้นไม่ต่างกับการประท้วงกลายๆ ในเมื่อความผูกพันสิบสี่ปีแพ้งาน งั้นเด็กเวรก็ขอเลือกสายสัมพันธ์ไม่ถึงห้าเดือนแทน!

เบิ้มถึงกับรีบเอามือไปรองหลังคนรัก เกรงว่าอีกฝ่ายจะหน้ามืด

แต่คมสันไม่ถังกับเป็นลมล้มพับอย่างที่คิด แค่ช็อกค้างไปแล้ว...







การเดินทางกำหนดหลังจากนั้นสองสัปดาห์ พอไปทำวีซ่าอเมริกาเสร็จเด็กเวรก็ตื่นเต้นจนแทบลืมไปแล้วว่าตัดพ้อพี่เลี้ยงยังไงบ้าง

ในหัวคิดแต่จะไปเที่ยว! จะไปเที่ยว!

คมสันมาส่งพวกเขาที่สนามบิน มองเด็กชายที่ฟูมฟักเลี้ยงดูเดินจูงแขนกับแม่แท้ๆ แล้วพูดไม่หยุดว่าจะไปถ่ายรูปกับเทพีเสรีภาพ จะไปเดินบนสะพานโกลเด้นเกท จะฝากรอยมือที่ถนนฮอลลีวูด วอล์ก ออฟ เฟมด้วยใบหน้าจะสุขก็ไม่ใช่จะทุกข์ก็ไม่เชิง

เบิ้มเห็นแล้วสงสารเหลือทน ดูทำหน้าเข้าสิ อย่างกับโดนเฉือนดวงใจอย่างนั้นล่ะ

แต่พอคิดดูดีๆ หลังส่งพวกเขาเสร็จคมสันก็ต้องกลับไปที่คฤหาสน์คนเดียว...คฤหาสน์ที่ไม่เคยเงียบเหงาเพราะมีเสียงเด็กเวรเจื้อแจ้วอยู่เสมอ อีกฝ่ายจะเหงาจับใจขนาดไหนนะในเมื่อทั้งชีวิตแทบจะผูกติดกับเด็กชายตลอดเวลา

“เบิ้ม” พลันคมสันสะกิดเบิ้ม ชี้ชวนให้ปล่อยสองแม่ลูกยืนถ่ายรูปตรงหน้าเคาน์เตอร์ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องจะฝากฝังเบิ้มเลยเดินตามอย่างเชื่อฟัง แม้ว่าเมื่อคืนจะโดนกำชับเกี่ยวกับการดูแลเด็กเวรจนชักจะหลอนหูก็ตาม

มองแผ่นหลังเหยียดตรงอย่างเข้มแข็งตรงหน้า ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เบิ้มก็รู้สึกอยากรวบมากอดปลอบ

แต่ใครเลยจะรู้ว่าทันทีที่ลับตาเด็กเวร คมสันก็หันมากอดเบิ้มทันที

ในอกเต็มไปด้วยความรู้สึกรักใคร่แกมเห็นใจ เบิ้มกอดตอบคมสัน ไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะหยุดมองกับการพรอดรักของผู้ชายสวมสูทสองคน

เขาลูบศีรษะคนรักที่ซุกพิง

“เดินทางปลอดภัย”

คนรักพูดอู้อี้อยู่ในอก ตอนนี้คมสันคงรู้สึกแย่มาก แย่จนไม่อยากจะเงยหน้าสบตา รู้สึกเหว่หว้าจนต้องให้อ้อมกอดเบิ้มเป็นที่สงบอารมณ์

ทำไงดี ชักไม่อยากไปแล้ว

เบิ้มเพิ่งมานึกเสียใจเอาก็ตอนนี้ แม้จะนึกคึก อยากให้เด็กเวรห่างจากคมสันบ้างเพื่อที่จะได้ต่างคนต่างเติบโต  หวังให้เด็กเวรเลิกนิสัยประหลาด เรียนรู้โลกภายนอกไม่ต้องติดอยู่ในกรอบ แต่ดูสิ หากเด็กเวรอยากเรียนรู้โลก โลกทั้งใบของคมสันก็คือเด็กชายกิจภัทร เขาทำเรื่องโหดร้ายลงคอได้ยังไง

“นายพูดถูก ฉันต้องปล่อยคุณหนูบ้าง”

คมสันขัดคำเบิ้มราวรู้จังหวะว่าเขาชักจะอยากจะเททุกอย่างทิ้ง

เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เวลาขึ้นเครื่อง กว่าจะกลับมาอีกครั้ง...ก็อีกสองเดือน

เพียงคิดเบิ้มก็รู้สึกห่วงแสนห่วง สองเดือนนั้นคมสันจะอยู่ยังไง แต่ไม่ทันจะพูดปลอบคมสันก็ผละออก

ปลายนิ้วเรียวสวยกอบกุมมือเบิ้มเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ บีบหนักขึ้นอย่างเชื่องช้า

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูละก็...”

แม้จะเป็นผู้ชายตัวโตๆ แต่โดนบีบง่ามนิ้วก้อยก็เล่นเอาแทบร้องจ๊ากเหมือนกัน เบิ้มมองประกายตาวายร้ายของคนรักแล้วรีบชูสามนิ้วแบบลูกเสือให้คำปฏิญาณ

“จะดูแลอย่างดี ถึงจะไม่ดีเท่านายก็จะทำให้ดีที่สุด”

คมสันยอมปล่อยมือจนได้  ก่อนจะเอามือทาบแก้มเบิ้ม บังคับให้ก้มลงมาเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ประกบจูบ

เพราะอยู่ในสนามบิน แม้จะปลีกออกมายืนริมกำแพงก็มีคนเดินวนเวียนแอบเหลือบมองเป็นระยะ คมสันเลยใช้มือบังระหว่างใบหน้าของพวกเขา ค่อยๆ เม้มปากระหว่างจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างห่วงหาแกมอาวรณ์

“ถึงแล้วติดต่อมาด้วยละ”

“ครับผม”

“เบิ้มเหม่ออะไร”

เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก เพิ่งรู้ตัวว่าตั้งแต่แยกกับคมสันก็เอาแต่ลูบริมฝีปากที่ยังรู้สึกถึงไออุ่น

“ไม่มีอะไรครับ” เบิ้มตอบ มองดูเด็กเวรที่ติดหนึบกับเขา และเริ่มตัวเกร็งเมื่อต้องเดินขึ้นเครื่องบิน เด็กคนนี้...ก่อนหน้านี้ยังโม้กับแม่ตัวเองไม่หยุดว่าจะเก๊กท่าถ่ายรูปไปอวดเพื่อน แต่พอรู้สึกกลัวก็มักเกาะติดคมสันไม่ก็เบิ้มเสมอ

เบิ้มจับมือเล็กที่อีกไม่นานคงตัวโตสูงไล่กับพี่เลี้ยงแล้วจูงขึ้นเครื่องโดยมีคุณหญิงเดินนำ

ถ้าเลือกได้ก็อยากจะหิ้วคมสันมาด้วย

แต่ความยึดติดของคมสันที่มีต่อเด็กเวรนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะงั้นเบิ้มถึงตัดสินใจ

นี่ไม่ใช่แค่ให้เด็กเวรเดินได้ด้วยตัวเอง

ยังเป็นบทเรียนสำหรับให้คมสันยอมปล่อยมือจากคุณหนูเช่นกัน

-------------

มาเติบโตไปพร้อมๆ กันนะคะ  การมาของพี่เบิ้ม นอกจากจะทำให้คมสันเปิดใจยอมรับความรู้สึกส่วนตัวของตัวเองแล้ว ยังทำให้คมสันเริ่มจะปล่อยๆ คุณหนูด้วยเหมือนกัน

ไม่งั้นเดี๋ยวคนจะงงว่าทำไมเสี่ยตอนเด็กดูอ่อนต่อโลกและเชื่อฟังสุดๆ ทั้งที่พอโตไปก็แอบพยศกับคมสันไม่น้อยและคมสันก็ไม่ถึงกับตามติดทุกฝีก้าวขนาดนี้

ทุกเรื่องก็มีที่มาที่ไปและช่วงเวลาให้พัฒนากันค่ะ

มาเพิ่งรู้ตัวว่านิยายแทบทุกเรื่องตัวเอกมักจะมีปัญหา (ไม่นับจิตริน) และเราก็ชอบมากที่จะแต่งว่าแต่ละคนมีความเปลี่ยนแปลงและสุดท้ายแล้วจะรับมือกับปัญหานั้นกันยังไง

พอถึงตอนจบแล้วก็จะดีใจที่ได้ส่งถึงฝั่งฝัน

ซึ่งก็ต้องขอบคุณทุกคนด้วยนะคะที่มาร่วมลุ้นกัน เขียนเหมือนเรื่องจะจบแล้วเลย ยังค่ะ ยังไม่จบ ยังมีอีกหลายตอน เบิ้มกับสันยังไม่บึดจ้ำบึดกันเลย 5555


#จอมมารคมสัน
Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)
เพจนักเขียนที่รอพวกเขาบึดจ้ำบึด (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 03-01-2019 20:19:22
สงสารจอมมารจัง พอต้องแยกกันคมสันอาการหนักกว่าเสี่ยซะอีก แต่พี่เบิ้มคิดถูกแล้วค่ะที่ตัดสินใจแบบนี้ ต้องลองให้2คนนี้อยู่ห่างกันบ้าง ไม่ใช่แค่เสี่ย แต่เพื่อคมสั่นเองด้วย :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 03-01-2019 21:01:44
อ่านแล้วตกใจเลย นึกว่าจะจบแล้ว ฮ่าา จะบอกว่าในบรรดาเซทนี้คือชอบคู่นี้ที่สุดเลย น่ารักก เห็นคมสันมุมนี้แล้วใจละลาย เป็นพี่เบิ้มไปเล้ยย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-01-2019 21:10:39
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2019 21:28:13
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ ค่ะไรท์
ขอให้ไรท์ แข็งแรง สุขภาพดี ประสบแต่สิ่งดีๆ นะคะ  :mew1:

ไม่น่าเชื่อว่าเสี่ยน้อยเลือกไปเที่ยว แม้คมสันไม่ไป  :z3:
แต่ก็จะทำให้ต่างฝ่ายต่างเติบโต   :katai2-1:

เบิ้ม  คมสัน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 03-01-2019 21:43:08
 :L2: :L2: HNYนะคะคนเขียน พึ่งมาติดตามพี่เบิ่มน่ารักมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 03-01-2019 23:29:50
ซึ่งเป็นการแต่งที่ดีมาก และชอบมาก มีเหตุผล
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-01-2019 00:00:24
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 16 : เจตจำนงของเบิ้ม - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-01-2019 12:48:52
คมสันจะทนได้กี่วัน เดี๋ยวต้องรีบเคลียร์งานแล้วตามไปแน่เลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึง- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 04-01-2019 19:40:58
ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม


ทริปเที่ยวคุณหญิงเป็นคนวางตารางทั้งหมด เบิ้มเลยแทบไม่ต้องทำอะไร นอกจากคอยจับตาดูเด็กเวรไม่ให้เดินหลง และ...

“ทำไมภาพเบลอแบบนี้ล่ะเบิ้ม!”

เป็นตากล้องให้สองแม่ลูก

โอ้ละหนอชีวิต เป็นสตั้นท์แมนดีๆ หาเรื่องเป็นบอดี้การ์ด จากนั้นก็โดนใช้เป็นช่างกล้องซะงั้น แล้วโปรดดูความหนาล่ำบึกของเบิ้มซะก่อน คนที่สนใจแต่ศาสตร์การต่อสู้ จะไม่เข้าใจหลักการถ่ายรูปมั้ย เอะอะก็หน้าชัดหลังเบลอ ถ่ายรูปคนสวยอย่างเดียวไม่ได้ต้องถ่ายวิวสวยด้วย ถ้าเด็กเวรเผลอกะพริบตาคนโดนด่าก็เบิ้มอีก แล้วยังคุณหญิงที่เป็นสายแฟชั่นจ๋า ภาพทุกภาพต้องออกมาเก๋ไก๋มีสไตล์ เงาต้องตกกระทบใบหน้าพอดี ภาพถ่ายต้องดูเหมือนเผลอทั้งที่ไม่เผลอ จังหวะลมพัดก็เป็นปัจจัยที่สำคัญ ผมต้องปลิวสลวย แต่ไม่รู้ทำไม เบิ้มถ่ายออกมาทีไรผมปลิวบังหน้าตลอดอย่างกับผี

เที่ยวกันมาเกือบอาทิตย์ ไอ้เบิ้มไม่เคยรู้ไร้ค่าขนาดนี้มาก่อน

ให้ไปดริฟๆ ยังง่ายกว่ากดชัตเตอร์!

“เบิ้ม ทำไมถ่ายสะพานโกลเด้นเกทแหว่งแบบนี้ล่ะ”

นั่น เอาอีกแล้ว พอเป็นเรื่องภาพถ่าย คุณหนูกับคุณหญิงเข้าขากันดีมาก ประหนึ่งว่าเบื้องหลังจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่เรื่องรักษาหน้านั้นยอมไม่ได้ ต่อให้ต้องยิ้มจนเหงือกแห้ง ตากแดดตากลมก็ยอม ขอแค่มีรูปที่สวยที่สุดไปลงอวดบนอินเตอร์เน็ต!

เบิ้มขอแปะมือกับคมสันได้มั้ย

ให้ตามติดดูแลเด็กเวร บังคับให้กินผักน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องถ่ายรูปเนี่ยไอ้เบิ้มขอเถอะ!

ผลคือหลังจากเล่าเรื่องนี้ให้คนรักฟัง คมสันก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เพียงได้ยินใจเหี่ยวๆ ของไอ้เบิ้มจากการโดนด่าของสองแม่ลูกต่างวัยก็พองฟู เพราะตั้งแต่มาเที่ยวต่างประเทศ คมสันก็แทบไม่ยิ้มเลย

พวกเขาคุยกันทุกเช้า เพราะทั้งคุณหญิงและเด็กเวรต่างตื่นสายทั้งคู่ มีแต่ไอ้เบิ้มนั่นแหละที่ฟิตแอนด์เฟิร์ม ถ้ามีเวลาเป็นต้องไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ที่พัก เห็นแบบนี้แต่ที่ต่างประเทศมีสวนเยอะกว่าที่ประเทศไทยซะอีก...

และเพราะเวลาที่ต่างกัน เมื่อเบิ้มตื่น คมสันก็มักอยู่ที่บ้านในห้องนอนเตรียมหลับทุกที

แต่วันนี้มาแปลก

เพราะภาพที่ปรากฏในจอโทรศัพท์ระหว่างพวกเขาวีดีโอคอลอยู่นั้น คือโต๊ะทำงานของผู้ช่วยเลขา

“ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอสัน”

(( มีงานค้างที่อยากสะสางให้เสร็จในวันนี้น่ะ ))

คมสันตอบ ประหนึ่งเป็นพนักงานดีเด่นผู้คร่ำเคร่งกับงาน แต่ไม่ใช่หรอก คมสันอยากตามมาใจจะขาด เลยได้แต่ฝืนตัวเองทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจะได้จบโปรเจ็กต์เร็วๆ

ต่อให้กลับบ้านก็ไม่มีใครอยู่

งั้นสู้ทำงานที่บริษัทยังดีกว่า เพราะบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์นั้นมีห้องพักสำหรับดาราที่ถ่ายละครจนดึกด้วย คมสันสามารถทำเรื่องขอใช้ห้องนั้นในการพักผ่อนชั่วคราวได้ แม้ห้องจะเล็กแคบ ไม่มีห้องน้ำส่วนตัวก็ตาม

ทุกวันเวลาโทรหากัน คมสันแทบจะไม่เล่าเรื่องฟังตัวเอง แต่เป็นผู้ฟังที่ดีเวลาเบิ้มเล่าเรื่องคุณหนู แผนเที่ยวของคุณหญิงคือบินมาที่แคลิฟอร์เนีย พักที่ซานฟรานซิสโก แล้วให้คุณหนูไปเรียนภาษาที่โรงเรียนสอนสำหรับชาวต่างชาติหนึ่งเดือน จากนั้นค่อยไปเที่ยวเล่นกันที่รัฐอื่น อย่างแกรนแคนยอนก็ถูกคุณหนูตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องไปให้ได้

ฉะนั้นในช่วงนี้หลังรอเด็กชายกิจภัทรเลิกเรียน พวกเขาเลยได้แต่เที่ยวเล่นในแถบแคลิฟอร์เนีย โกลเด้นเกทนั้นไปเกือบสิบครั้งแล้ว เป็นสถานที่ฝึกถ่ายรูปของเบิ้ม สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ไม่ต้องพูดถึง คุณหนูโวยวายอยากจะไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่านอนซมเพราะเจ็ตแล็ก สถานที่กินข้าวประจำคือเพียร์ 39 แต่เบิ้มไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อเมริกามีแต่พวกของทอด เบอร์เกอร์ เฟรนฟราย ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่คุณหนูแสนจะเป็นปลื้ม ว่างๆ ก็ไปนั่งตากลมดูแมวน้ำแถวนั้น เพราะที่เพียร์ 39 มีแมวน้ำรวมตัวกันเยอะมาก นกนางนวลยิ่งไม่ต้องพูดถึง...

ยังไงก็ตาม ไอ้เบิ้มปลื้มคุกอันคาทราชเป็นพิเศษ อยากจะพาคมสันมาเที่ยวด้วย เพราะไปกับเด็กเวร...โดนเกาะหนึบแทบยังต้องปลอบเด็กอีก ในโลกที่แสนจะเพอรเฟ็คได้รับการกรองอย่างดีจากคมสัน ทำให้เด็กชายกิจภัทรแทบไม่เคยต้องมาดื่มด่ำกับประวัติดำมืดของคุกที่ได้ชื่อว่ารักษาความปลอดภัยสูงสุดของเกาะกลางน้ำแห่งนี้

อาจเพราะเรียนโรงเรียนนานาชาติ ทักษาการฟังของเด็กเวรเลยไม่เป็นปัญหา ที่ติดขัดอย่างเห็นได้ชัดคือการพูด เพราะเรียนกับเด็กไทย เลยไม่ค่อยจับกลุ่มพูดภาษาอังกฤษเท่าไหร่ การส่งไปเรียนเสริมที่นี่เลยได้ผลดี ส่วนไอ้เบิ้มนั้นไม่ต้องห่วง เขาเคยมาเรียนต่อและเกือบได้ทำงานที่ต่างประเทศ ทั้งทักษะการฟังและพูดผ่านฉลุย แถมยังมีใบขับขี่สากล พาชมรอบเมืองได้สบาย

(( พรุ่งนี้ฉันจะขึ้นเครื่อง ))

“จะไปจีนอีกแล้วเหรอ” เบิ้มถามระหว่างนั่งพักที่สวนสาธารณะเพื่อจะได้จ้องหน้าคนรักให้หายคิดถึง เพราะเมื่ออาทิตย์ก่อนพวกเขาอดติดต่อกันเพราะคมสันต้องบินไปจีนเพื่อคุยงาน เพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่วันนี่เอง

(( ไปหานาย ))

หัวใจไอ้เบิ้มถึงกับเต้นรัว

“ปิดโปรเจ็กต์ได้แล้วเหรอสัน”

(( ใช่ )) คมสันเอ่ยทั้งรอยยิ้มบางชวนให้จับจูบ (( ถ้าไม่คิดว่าจะปิดงานนี้ได้ ฉันไม่เอาสัญญาไปที่จีนด้วยตัวเองหรอก ))

คนรักของเขาเก่งที่สุด แม้ว่า...รอยยิ้มนั้นจะให้อารมณ์ชวนเสียวสันหลัง เกรงว่าการไปจีนที่เบิ้มคิดว่าไปทำงานธรรมดานั้น...จะไม่ธรรมดาสำหรับคนในบริษัทสักเท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ยังเคยพึมพำให้ฟังอยู่แท้ๆ ว่าทางนั้นคุยยาก แต่ไม่ถึงเดือนก็สรุปจบแล้วยังบินสัญญาไปให้เซ็นด้วยตัวเอง ต้องมีอภินิหารกำลังภายในแหงแซะ!

ด้วยความที่เป็นคนรักที่ดี เบิ้มเลยเลือกที่จะไม่ถาม....

((เช้าวันพรุ่งนี้มีประชุมครั้งสุดท้ายเรื่องนี้กับประธาน ส่วนช่วงบ่ายฉันจะไปสนามบิน ขอลาเรียบร้อยแล้ว ))

ที่แท้คมสันนั่งทำงานดึกดื่นก็เพราะจะเคลียร์งานคั่งค้างทั้งหมดในการขอพักยาวนี่เอง

“คิดถึง...” พอรู้ว่าคนรักใกล้จะมาหา ไอ้เบิ้มก็แสดงความในใจไม่ปิดบัง ก่อนหน้านี้ไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะจี้ใจดำ ทำให้คมสันเจ็บช้ำซะเปล่าๆ ที่อยู่คนเดียว

(( คิดถึง... ))

ไอ้เบิ้มใจเต้นแรงอีกครั้ง ยากนักที่คมสันจะพูดคำหวานกับเขา

(( คุณหนู ))

...อืม ก็ไม่ผิดกับที่คิดเท่าไหร่ คมสันแสดงความรักต่อคุณหนูอย่างเปิดเผยทั้งการกระทำและคำพูด แต่กับไอ้เบิ้มเนี่ยต้องหลบๆ ซ่อนๆ จะพูดให้ชื่นใจสักนิดก็ไม่มี

ไอ้เบิ้มชินแล้ว ถ้าไม่ชิน คงไม่คบกันได้ราบรื่นขนาดนี้หรอก

เพราะคมสันที่เป็นแบบนี้ก็น่ารักและชวนให้เขาอยากรักมากๆ

“อย่าหักโหมนะ ใต้ตานายคล้ำแล้ว”

(( ไว้นอนบนเครื่องบิน )) คมสันตอบทันที บ่งบอกว่าคืนนี้อาจจะโต้รุ่ง

เบิ้มถอนหายใจเฮือก คมสันดื้อไม่แพ้เด็กเวรเลย

แต่ถ้าพูดออกไปมีหวังชีวิตจะไม่ยืนยาว

เพื่อการครองรักที่หยั่งยืน เบิ้มเลยเลือกปิดปาก แล้วเตรียมอำลากับคมสันเพราะใกล้เวลาตื่นนอนของเด็กเวร

“จะให้บอกคุณหนูมั้ยว่านายจะมา”

(( ไม่ต้องหรอก ไว้ค่อยเซอร์ไพรส์ ))

เบิ้มยิ้ม ที่ยิ้มเพราะรู้ว่าคมสันไม่ได้ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์หรอก แต่เพราะคิดถึงคุณหนูแทบจะขาดใจ หากบอกเรื่องนี้ให้รู้เด็กชายกิจภัทรจะต้องรีบโทรมาหาแน่ และจะทำให้คมสันที่ตั้งใจโต้รุ่งไม่มีสมาธิทำงาน

คิดจะเป็นเขยแต่งเข้า ก็ต้องยอมรับการเป็นที่สองในใจคมสัน

แต่พอคิดว่าต้องไปแข่งขันกับเด็กเวร...เบิ้มก็...ยอมแพ้ดีกว่า

อนาคตเมื่อโตขึ้นก็ต้องมีคนรัก เมื่อนั้นคมสันคงจะปล่อยๆ บ้าง แล้วพวกเขาก็จะมีชีวิตคู่รักที่หวานซาบซ่านสมใจสักที

...รึเปล่านะ

“แล้วเจอกันครับ”

(( อืม  แล้วเจอกัน ))







เพราะการบินจากไทยมาอเมริกา แทบจะเรียกได้ว่าข้ามวันข้ามคืน เช้าวันต่อมาเบิ้มเลยต้องเก็บความตื่นเต้นไว้เต็มที่ระหว่างพาเด็กเวรไปส่งที่โรงเรียนหลังแวะส่งคุณหญิงไปช้อปปิ้ง ทั้งคู่ไม่รู้เรื่องคมสันจะมา ให้ถูกคือ...เบิ้มเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคมสันจะมาถึงกี่โมง

เสนอตัวไปรับก็ไม่ยอม บอกว่าจะมาเซอร์ไพรส์

แต่โทษเถอะ มีหรือจะปิดเบิ้มได้ เขารู้หรอกว่าทำไม

บางครั้งคมสันก็มีความคิดแปลกๆ อย่างเช่นสภาพตัวเองตอนนั่งหลับบนเครื่องหลายสิบชั่วโมงโดยไม่ได้อาบน้ำนั้นจะไม่ยอมให้ใครเห็นเด็ดขาดเนี่ย...เบิ้มแสนจะอ่อนอกอ่อนใจเหลือเกิน ไม่เห็นต้องทำตัวให้ดูดีเพอร์เฟ็คตลอดเวลาก็ได้นี่นา แต่นั่นคงเป็นศักดิ์ศรีบางอย่างของคมสัน ซึ่งเขายังไม่หาญกล้าพอจะไปแย้งในตอนนี้

“วันนี้มีเรื่องดีๆ  เหรอคะ”

“ครับ?”

เบิ้มยืนส่งเด็กเวรเดินเข้าโรงเรียน เป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าถ้าไม่มองจนมั่นใจว่าเด็กเวรเข้าห้องเรียนถูก เขาก็จะไม่ไปไหน

“ก็เห็นเดินยิ้มมาแต่ไกลเลย”

คู่สนทนาของเขาคือฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์คอยต้อนรับผู้ปกครองและอธิบายรายละเอียดการเรียนแก่ผู้สนใจ แม้คุณหญิงจะเป็นคนหาข้อมูลให้ แต่เบิ้มต้องมาติดต่อแล้วพาเด็กเวรมาดูด้วยตัวเองว่าถูกใจหรือเปล่า ด้วยเหตุนี้เบิ้มเลยค่อนข้างสนิทกับเธอ เพราะต้องถามละเอียดยิบๆ ทั้งเรื่องหลักการสอน สังคมในห้องเรียน ระบบความปลอดภัย และอีกหลายอย่างที่คมสันกำชับไว้...

บางครั้งเวลาไม่รู้จะไปไหนเบิ้มก็จะนั่งรอมันตรงนี้จนกว่าเด็กเวรจะเลิกเรียน หญิงสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์จึงกลายเป็นเพื่อนคุยที่ดี เธอเล่าให้ฟังว่าเพิ่งเลิกกับแฟนที่เจ้าชู้ เลยอยากหาคนใหม่ที่ดูซื่อบื้อจริงใจ ถ้าเบิ้มมีคนรู้จักก็แนะนำได้

แน่นอนว่าเบิ้มไม่ได้แนะนำจริงจังนัก เลยออกไปทางคุยเล่นและลามมาเรื่องงานอดิเรกและความชอบมากกว่า ตอนเธอรู้ว่าเบิ้มเคยถูกทาบทามมาทำงานที่อเมริกาก็ตาวาว ชื่นชมจนไอ้เบิ้มแทบลอย

“วันนี้ก็นั่งเฝ้าเหมือนเดิมเหรอคะ”

“เอ่อ...ครับ” เพราะไม่รู้ว่าคมสันจะมาถึงกี่โมง และมั่นใจว่าที่แรกที่คมสันมาเยือนจะต้องเป็นโรงเรียนที่เด็กเวรเรียนอยู่ เบิ้มเลยตั้งมั่นปักหลักไม่ไปไหนเด็ดขาด

“อีกไม่กี่นาทีก็จะได้เวลาพักฉันแล้ว ไปทานข้าวด้วยกันมั้ยคะ”

“ขอบคุณที่ชวนนะครับ แต่ผมซื้อเบอร์เกอร์มาตุนไว้แล้ว” เบิ้มชูถุงกระดาษที่ใส่เบอร์เกอร์สามชิ้นสำหรับมื้อเที่ยงของตัวเอง ถึงจะไม่ค่อยชอบ แต่ต้องยอมรับว่าสะดวกในการพกและรับประทานจริงๆ

“อีกไม่กี่วันก็จะครบเดือนแล้วนะคะ”

“ครับ” แม้เบิ้มจะไม่ใช่คนพูดมาก แต่ก็ไม่ถึงกับเสียมารยาทกับคู่สนทสนา อย่างน้อยก็ต้องมีอืออาขานตอบบ้างไม่ให้เสียกำลังใจ

“ถ้าครบเดือนแล้วจะไปไหนกันเหรอคะ”

“วางแผนไว้ว่าจะขับรถเที่ยวน่ะครับ ขับรถเลียบถนนชมวิวไปลาสเวกัส ลอสแองเจอลิส แล้วก็ไปแกรนเคนยอน...จากนั้นค่อยนั่งเครื่องบินไปนิวยอร์ค” เบิ้มเล่าแผนการเที่ยวคร่าวๆ ให้ฟัง

“งั้นเราคงไม่เจอกันแล้วสินะคะ”

เบิ้มไม่ตอบ แต่ยิ้มให้

“น่าเสียดายจัง” เธอรำพึง พอดีกับได้เวลาพัก เลยเดินไปเปลี่ยนเวรกับเพื่อนร่วมงานอีกคน ก่อนจะเดินมาตรงหน้าเบิ้ม “จะไม่ไปทานข้าวด้วยกันจริงๆ เหรอคะ”

เบิ้มชูถุงเบอร์เกอร์อีกครั้ง

“งั้นถ้า...ฉันไม่ได้ชวนไปกินข้าว แต่ชวน...” พลันใบหน้านั้นค่อยๆ ยื่นเข้าใกล้ ด้วยสัญชาตญาณของเดอะแฟลช ระยะห่างแค่นี้ทำให้เบิ้มหลบเลี่ยงได้ไม่ยากเย็น แต่ช่างพอดีเหลือเกิน เพราะตอนที่เธอกำลังปรายตาเชิญชวนอยู่นั้น สมาธิทั้งหมดของเบิ้มจดจ่ออยู่แต่ร่างที่ผลักประตูเข้ามา ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งในชุดลำลองพอดีตัว ไม่ได้สวมสูทเหมือนเคยแต่ความสง่านั้นยังเต็มร้อย เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินนั้นตัดกับท่อนแขนขาวผ่อง รองเท้าหนังที่สวมใส่เสมอกลายเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาว เส้นผมสีดำที่มักเปิดเสยข้างหนึ่งด้วยเจลถูกปัดทัดหูลวกๆ ปล่อยให้ส่วนที่เหลือปรกใบหน้า ดูเซ็กซี่ทรงเสน่ห์ สะกดไอ้เบิ้มให้มองตาค้างเข้าอย่างจัง

และก็เปิดโอกาสให้หญิงสาวที่จ้องจะจีบเบิ้มนั้นฉวยโอกาสก้มจูบอย่างว่องไว

แม้ในสายตาของเบิ้มจะมีแต่คมสัน แต่การโดนจู่โจมไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้เขาขยับหลบทันท่วงที แต่ก็ไม่แคล้วโดนจูบข้างแก้มแทนริมฝีปาก วินาทีนั้น ดวงตาใต้กรอบแว่นของคนรักพลันเปล่งประกายเจิดจ้าแทบจะแผดเผาไอ้เบิ้มให้เป็นจุล เขารีบผลักหญิงสาวตรงหน้าออก ก่อนจะเดินตามหลังคมสันที่เพิ่งผลักประตูเข้ามา ก็ผลักกลับออกไป

“สัน!”

เบิ้มลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น

เอาตรงๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคมสันโกรธอะไร เพียงแต่พอเห็นคนรักเดินหนีก็เดินตาม เป็นสัญชาตญาณของพ่อบ้านใจกล้าที่ควรมีติดตัว

“มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วนี่...ไปที่บ้านแล้วสินะ” เบิ้มอมยิ้มเมื่อได้กลิ่นสบู่จากตัวคนรักและเพิ่งสังเกตเส้นผมที่แห้งหมาด คมสันคงถือโอกาสที่ไม่มีใครอยู่บ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วค่อยมาหาที่โรงเรียนสอนภาษา

อย่าแปลกใจทำไมเบิ้มเรียกบ้าน พวกเขามากันหลายคน และทั้งคุณหญิงกับคุณหนูจำเป็นต้องมีห้องส่วนตัว ก็เลยไม่ได้พักที่โรงแรม แต่จองบ้านเช่าแทน

“หอมจัง” ไอ้เบิ้มอยากจะกอดคนรักแทบแย่ อเมริกาเป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดเผย จะมายืนกอดกันตรงข้างถนนก็ไม่เป็นไร ติดก็แต่คมสันเดินขึ้นรถรางว่องไว ทำเอาเบิ้มต้องตามขึ้นไปแทบไม่ทัน

บนนั้นมีคนเบียดเสียดพอสมควร ไอ้ที่คิดอยากจะทำเลยไม่ได้ทำ

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้านพัก เบิ้มที่คิดจะบอกคมสันว่ารถยนต์จอดอยู่ที่โรงเรียนจะขึ้นรถรางทำไมก็ไม่ทันแล้ว ถึงจะบื้อแค่ไหนก็จับอารมณ์สงบนิ่งที่ไม่ธรรมดาของคมสันได้ เบิ้มยืนกุมมือเจี๋ยมเจี้ยมเดินตามหลังอีกฝ่ายที่เดินนำไปที่ห้องนอน...ของเบิ้ม บ้านนี้มีห้องนอนสามห้อง แยกเป็นของคุณหญิง คุณหนู และของเบิ้ม แน่นอนว่าคมสันที่เพิ่งตามมาสมทบนั้นจะไปแย่งที่นอนอีกสองคนไม่ได้ ให้นอนโซฟาก็ไม่มีทาง ฉะนั้นการที่มานอนกับเบิ้มนั้นเหมาะสมดีแล้ว คุณหนูไม่ทันฉุกใจสงสัยแน่

แม้ช่วงหลังมานี้พวกเขามักนอนคุยกันบนเตียง แต่เวลามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน คมสันมักเดินไปนั่งไขว่ห้างตรงปลายเตียง และตอนนี้คนรักของเขาก็ตวัดขาไขว่ห้างในมุมคุ้นตา

“สัน...หรือว่านายโกรธเรื่องฉันโดนหอมแก้ม? ที่นี่ทักทายแบบนั้นเป็นเรื่องปกตินะ”

“อ้อ แสดงว่าทำบ่อยสินะ” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเยือกเย็น แต่ดวงตาใต้กรอบแว่นที่ตวัดจ้องมานั้นเล่นเอาไอ้เบิ้มเสียววาบๆ

“ไม่ใช่แบบนั้น เอ่อ...แต่ก็ใช่”

เบิ้มตอบตามจริง คมสันไม่โกหกกับเขา เบิ้มเลยปฏิญาณว่าจะไม่พูดโกหกกับคนรักเหมือนกัน ที่อเมริกาการกอดจูบเป็นเรื่องปกติ ตอนมาเรียนต่อก็โดนผู้หญิงจูบแก้มผู้ชายโผกอดออกบ่อยไป

ก็ไอ้เบิ้มเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่ใครอยู่ใกล้ก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่นา

“นายบอกว่าไม่เคยโดนจีบ”

“ใช่ครับ”

คมสันหรี่ตาจับผิดกับคำตอบในทันทีทันใดอย่างมั่นใจของเบิ้ม

“ไม่เคยมีใครจีบมาก่อนเลย” เห็นสายตานั้นมองประเมิน เบิ้มเลยยิ้มประจบ “สันจีบคนแรกเลยครับ”

“อย่างนี้นี่เอง”

อะไร ทำไม เบิ้มไม่เข้าใจ แต่คมสันกลับเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว

เรื่องมันง่ายนิดเดียว

ก็แค่คนที่คิดว่าเพิ่งมีรักแรกอย่างเบิ้ม ดันไปสร้างรักแรกหรือไม่ก็รักที่สอง สาม สี่ให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัว!

เบิ้มตัวสูงมาก เรียกได้ว่าเกินร้อยเก้าสิบ รูปร่างกำยำบึกบึน เวลายืนกับผู้หญิงไทยแล้วดูเหมือนยักษ์กับคนแคระ ไม่ใช่ผู้หญิงไทยเตี้ย แต่ด้วยสรีระคนส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเหมาะสมกับเบิ้ม ยิ่งเบิ้มบ้าออกกำลังกาย ออกกองนอกสถานที่จนดำคล้ำ คลุกกับวงการบันเทิงที่มีคนหน้าตาดีตัวเลือกเยอะ ทำให้เวลาเบิ้มอยู่ประเทศไทย ไม่ค่อยมีคนมาจีบหรือถูกตาต้องใจเท่าไหร่

แต่พออยู่อเมริกา ความคมเข้ม ความสูงใหญ่กำยำ กลับโดนใจผู้หญิงที่นี่เข้าอย่างจัง และด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่าง ทำให้ไอ้เบิ้มคนนี้ไม่เคยคิดถึงเรื่องชู้สาว เห็นการกอดจูบเป็นเรื่องธรรมดา จะชวนไปกินข้าวเฮฮาสังสรรค์นั่งเบียดแนบชิดก็ไม่แปลกอะไร

ถ้าไม่รุกซึ่งหน้าแบบคมสัน ยากนักที่จะทำให้เบิ้มรู้ตัว!

และคนไม่รู้ตัวคนนั้นก็กำลังมึนงงกับคนรักที่จู่ๆ ก็ลุกจากปลายเตียง แล้วเดินมากระชากคอเสื้อให้โน้วตัวลงมาประกบจูบ

ความคิดถึง ความคะนึงหา ปรากฏขึ้นมาในวินาทีที่พวกเขาจุมพิตกัน เบิ้มลืมเลือนความขัดแย้งเมื่อครู่แล้วเตรียมจะกอดคนรักเพื่อจุมพิตให้แนบแน่นยิ่งขึ้น แต่ไม่ทันได้ทัน คมสันก็ผลักออกเขาออก

“สัน?”

“มานี่...”

วินาทีนั้น เบิ้มคล้ายโดนสะกด มองคนรักที่เดินไปถอดแว่นวางบนหัวเตียง พลางเสยผมเผยให้เห็นดวงตาเรียวชี้ที่แฝงความร้ายกาจแกมออกคำสั่ง สมองพลันว่างเปล่า เดินตามนิ้วเรียวที่กระดิกเรียกนั้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะใจเต้นถี่เมื่อคมสันผลักอกเขาให้ลงไปนอนหงายกับเตียง พร้อมร่างที่ขึ้นมาคร่อมทับด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์

คมสันค่อยๆ ถอดกระดุมเบิ้มทีละเม็ดจนหมด ปลายนิ้วสวยลูบตามกล้ามเนื้อของเบิ้มแกมหลงใหล ดวงตาที่ปราศจากแว่นปิดบังเปล่งประกาย บั้นท้ายกดทับส่วนกลางลำตัวของเบิ้มที่เริ่มปูดโปน

เบิ้มหายใจติดขัด รู้สึกบรรยากาศเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากจะบีบเคล้นฟ้อนเฟ้นร่างคนตรงหน้า แต่ไม่ทันจะเอื้อมมือสัมผัสสนองความต้องการ คมสันพลันจับมือเบิ้มทั้งสองให้วางนาบกับเตียงแล้วใช้เข่าตัวเองกดทับ พร้อมส่งยิ้มวายร้าย

“ห้ามขยับ”

ในท่านั่งคร่อมที่แยกขาออกเล็กน้อยเพื่อกดทับช่วงแขนของเบิ้ม อีกทั้งปลายนิ้วซุกซนที่เปลี่ยนจากลวนลามกันเป็นถอดกระดุมเสื้อตัวเองบ้าง ทำให้เบิ้มกลืนน้ำลายหนืดคอไม่กล้าขัดขืนคำสั่ง เบิ้มมองตามทุกการกระทำของคมสันไม่กะพริบ ราวกำลังลุ่มหลงในเวทมนตร์ของจอมมาร โดยเฉพาะยามที่อีกฝ่ายแกะกระดุมแค่สามเม็ดก็หยุดมือ แล้วเปลี่ยนไปถอดกางเกงแทน

ถึงตอนนี้ต่อให้โง่แค่ไหนเบิ้มก็รู้แล้วว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกัน แม้อยากจะเป็นฝ่ายพลิกตัวจับร่างตรงหน้ากดกับเตียงก็ยอมอยู่นิ่งแต่โดยดี เพราะภาพตรงหน้าช่างสวยงามยั่วเย้า ไม่ว่าใครต่างก็ยินดีที่จะนอนอย่างศิโรราบเพื่อชมมอง และเบิ้มก็รู้นิสัยคนรัก คมสันชอบเป็นฝ่ายควบคุม แม้จะต้องรองรับความแข็งขืนที่พร้อมประทุของเบิ้ม แต่จะมีความสุขมากเวลาได้คุมจังหวะและคุมเชิงอยู่เหนือร่างกำยำเหมือนตอนนี้

ดูจากรอยยิ้มสนุกสนานนั้นก็รู้แล้ว คมสันรู้วิธีคุมเกมและปั่นอารมณ์ดีเยี่ยม กางเกงถูกถอดออกไป ทำให้เบิ้มเห็นเรียวขาเปลือยเปล่าที่คร่อมทับและแยกออกน้อยๆ ด้วยลมหายใจที่ปั่นป่วน สาบเสื้อที่ปลดกระดุมด้านบนแค่สามเม็ดคลุมทับส่วนกลางลำตัวของอีกฝ่าย แต่คอเสื้อที่เปิดให้เห็นแผ่นอกขาวกับตุ่มไตสีชมพูด้านในก็ทำเอาเบิ้มต้องกำมือแน่น

ถอดกางเกงตัวเองเสร็จ ก็ได้เวลาคมสันถอดกางเกงให้เบิ้มบ้าง ปลายนิ้วที่จงใจละเลยส่วนร้อนรุ่มแข็งขืนแล้วถลกพรวดออกมาทีเดียวจนเหลือแค่กางเกงชั้นในนั้นทำเอาเบิ้มใจกระตุกเป็นระยะ

คมสันหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นเบิ้มกัดฟันอย่างอดกลั้น ก่อนจะโน้มตัวมาด้านหน้าเพื่อมอบจูบดูดดื่มที่แสนจะเซ็กซี่เร่าร้อน เรียวลิ้นของพวกเขาเกาะเกี่ยวรุกไล่อย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่เบิ้มจะเพิ่งสังเกตเห็น ว่าระหว่างคมสันมอบจูบสุดเคลิบเคลิ้มให้นั้นกำลังทำอะไรอยู่...

ร่างกายที่เอนน้ำหนักมาตรงหน้าจำต้องกระดกบั้นท้ายอัตโนมัติ และนั่นก็ทำให้คนรักของเขาเอื้อมมือไปขยายช่องทางได้สะดวกด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่จนไอ้เบิ้มแทบกำเดาพุ่ง

“เอ่อ...โลชั่นมั้ย”

เพราะเห็นว่าการกระทำนั้นไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เบิ้มเลยผละจูบแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คมสันลังเลเล็กน้อย ดวงตาที่จ้องมานั้นแฝงความไม่พอใจหลายส่วน คงเพราะไม่อยากโดนมองว่าพลาดพลั้งกับเรื่องเล็กน้อย แต่พอเบิ้มชะโงกหน้าไปจูบที่ปลายคาง ลำคอ และไหปลาร้า คมสันก็ยอมพยักหน้ารับ

เบิ้มรีบเอื้อมมือไปหยิบโลชั่นจากลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียงทันที พอส่งให้คนรักก็รีบทิ้งตัวนอนนิ่งไม่ขยับเหมือนเคยเยี่ยงข้าทาสแสนซื่อสัตย์ แล้วชมการกระทำสุดเซ็กซี่ราวปีศาจร้ายแสนยั่วอย่างเอาใจช่วย

นี่ต่างเป็นครั้งแรกของพวกเขาสองคน

ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปสินะ

ในที่สุดใบหน้าที่เผลอขมวดคิ้วมุ่นในช่วงแรกก็คลายลง คมสันหยุดเตรียมร่างกาย แล้วหันมาถลกกางเกงในเบิ้มลง ปลดปล่อยสัตว์ร้ายที่รออยู่นานแล้วให้เด้งผงาด

เห็นส่วนนั้นของตัวเองขยายเต็มที่แถมยังมีน้ำใสปริ่มตรงส่วนปลายแล้วเบิ้มก็กลืนน้ำลายฝืดคอ ก่อนจะนิ่วหน้า เพราะคมสันกอบกุมส่วนบิ๊กเบิ้มสมชื่อเจ้าของรูดขึ้นลงคล้ายทำความคุ้นเคยกับขนาด ไม่ก็พยายามกล่อมเกลาให้เชื่อฟัง สีหน้าอึดอัดแทบจะระเบิดของเบิ้มเรียกรอยยิ้มจากคนรัก เป็นรอยยิ้มที่เขาคิดออกอย่างเดียวว่า...

เป็นรอยยิ้มของจอมมาร

(ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - - Up : 3/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 04-01-2019 19:41:28

คิดไม่ทันจบดีคมสันก็ยกสะโพกจ่อกับส่วนนั้นของเขาอย่างไม่รอช้า

เบิ้มถึงกับกัดฟันเมื่อสัตว์ร้ายของตัวเองถูกจอมมารกลืนกินทีละน้อย สัมผัสยามชำแรกลึกในส่วนที่อ่อนนุ่มพ่วงร้อนรุ่มนั้นทำให้เบิ้มแทบละลายตาย แต่คมสันกลับสูดปาก ขมวดคิ้วมุ่นแลเจ็บปวดไม่น้อย ขณะที่เบิ้มจะกระซิบบอกว่าให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่าหักโหมฝืนตัว คนรักพลันขยับสะโพกถดถอย ก่อนจะทิ้งตัวครอบครองสัตว์ร้ายรุนแรง คราวนี้ไอ้เบิ้มถึงกับเป็นฝ่ายสูดปาก ความแข็งขืนของเขาที่ผลุบเข้าไปตามแรงกดตัวกว่าครึ่งหนึ่งแล้วค้างเติ่งนั้น...ทรมานมาก!

เบิ้มกำลังต่อสู้กับตัวเองอีกครั้ง อยากจะจับคมสันในนอนราบกับเตียง จับขาเรียวทั้งสองข้างยกสูง แล้วกระแทกกระทั้นสุดแรงเกิด แต่จอมมารแสนสวยตรงหน้าไม่ยินยอม เพราะค่อยๆ โน้มตัวมาจูบเปลือกตาพร้อมกระซิบแผ่ว

“เป็นเด็กดีนะครับ”

เสียงแหบพร่าเกาหัวใจนั้นไม่ต่างจากมนตร์สะกด ลบความคิดเบิ้มจากสัตว์ร้ายแสนโฉดเป็นสัตว์ร้ายแสนเชื่องทันควัน

มองร่างที่เริ่มขยับขึ้นลงเดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็วบนตัวของเขา ไม่นานคมสันก็ทำสำเร็จ ส่วนอ่อนไหวของจอมมารครอบคลุมสัตว์ประหลาดสุดกล้าแกร่งอย่างหมดจด คนรักหลุดครางออกมาเล็กน้อย ขยับสะโพกวนอีกนิด หยอกล้อสัตว์ร้ายจนไอ้เบิ้มแทบร่ำไห้ อยากปลดปล่อยอยู่หลายคราก็ไม่ได้ปะทุลาวาสักที

หลังเริ่มปรับตัวได้ คมสันก็เริ่มสวนสะโพกขึ้นลงอีกครั้งโดยใช้หน้าขาเบิ้มเป็นหลักยึด ทำให้อีกฝ่ายต้องเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นไม้กายสิทธิ์ของจอมมารที่ชูชันจนสาบเสื้อเลิกเปิดแล้วแกว่งไกวตามจังหวะโยกตัวซึ่งตีกับหน้าท้องอุดมมัดกล้ามของเบิ้ม ส่วนปลายของไม้กายสิทธิ์แดงก่ำ น่าลิ้มรสเหลือเกินถ้าไม่ติดว่าดวงตาเรียวสวยจ้องสะกดให้ไอ้เบิ้มผู้นี้จงนอนนิ่งอย่างเชื่อฟัง

บรรยากาศในห้องร้อนระอุ เคล้าเสียงครางกระเส่าของทั้งจอมมารและเจ้าของสัตว์ร้าย เสียงกระแทกแบบเนื้อแนบเนื้อเริ่มดังถี่ ยามถูกจอมมารคุมเกมอย่างหฤหรรษ์ เบิ้มเหมือนได้ขึ้นสวรรค์และตกนรกไปพร้อมๆ กัน ก่อนเผลอยกมือบีบสะโพกคนรักเมื่ออีกฝ่ายทิ้งตัวมาจนสุดพร้อมขมิบคล้ายจะปลิดชีพสัตว์ร้ายให้มอดม้วยมรณา

“สัน...”

“ไม่ไหวแล้วหรือ” คมสันหัวเราะ เสียงนั้นเซ็กซี่แหบพร่า “สัญญาสิว่าจะไม่ให้ใครแตะตัวอีก”

เบิ้มชะงัก คิดไม่ถึงว่าคนรักจะติดใจเรื่องที่เขาลืมไปแล้ว

“สัญญาสิ”

บางทีที่คมสันเร่าร้อนขนาดนี้ คงจะ...อืม...หึง....สินะ

หึง คำนี้ต้องห้ามไม่ต่างกับคำบอกรัก เบิ้มได้แต่เก็บไว้ในใจขณะยิ้มแฉ่งตอบ

“สัญญา”

คมสันคลี่ยิ้มพอใจ ก่อนจะเริ่มโยกตัวพร้อมครางเสียงหวาน ในเมื่อไม่โดนจ้องดุอีกไอ้เบิ้มก็ได้ใจ สองมือถือโอกาสจับมั่นที่สะโพกอีกฝ่าย เริ่มโยกเอวแล้วเด้งสวน จังหวะกระแทกกระทั้นประหนึ่งการปะทะของจอมมารและสัตว์ร้ายที่โรมรันเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะเป็นคมสันที่แหงนหน้าเกร็งตัว เผยให้เห็นสัดส่วนแสนสวยงามยามบิดเร่าพร้อมไม้กายสิทธิ์ที่พ่นหยาดน้ำขาวขุ่นออกมา

เสียงครางหวานและแรงบีบรัดนั้นทำให้สัตว์ร้ายยอมจำนนพ่นน้ำรักร้อมรุ่มฉีดพุ่งไปในร่างซึ่งเริ่มซบตัวกับอกเบิ้ม เขากดจูบบนหน้าผากของคมสัน ตามด้วยเปลือกตา ใบหู ก่อนจะจบที่ริมฝีปาก เรียวลิ้นรุกแทรกเกี่ยวกวัดอย่างเชื่องช้า คล้ายถ่ายทอดความคิดถึงทั้งหมดผ่านการจุมพิตครั้งนี้

แต่ไหนแต่ไรคนรักของเขาก็ถนัดกระทำมากกว่าพูด ยิ่งจูบก็ยิ่งลึกซึ้ง ยิ่งลึกซึ้งก็ยิ่งเร่าร้อน พอคมสันเริ่มส่ายสะโพกน้อยๆ สัตว์ร้ายที่เพิ่งนอนสงบในร่างของจอมมารก็เริ่มผงกหัวอีกครั้ง

ไอ้เบิ้มทำอะไรไม่ถูก คนรักนั่งเครื่องบินมาสิบกว่าชั่วโมง ตอนนี้เริ่มนอนบนอกเขาตาปรือแล้ว แต่ส่วนล่างที่ยังแสดงความรักใคร่กับสัตว์ร้ายของเขานี่สิหมายความว่ายังไง เพราะรู้นิสัยคมสันดีว่าไม่ชอบเป็นรอง ขนาดครั้งแรกยังขึ้นขยับจับจังหวะอย่างเก่งกล้า ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเบิ้มเลยลังเลว่าจะจับกดดีรึเปล่า

“ฉันเหนื่อยแล้ว นายขยับ”

อืม จับกดนั่นแหละดี!

ได้รับคำอนุญาต เบิ้มก็รีบพลิกร่างคนรักให้นอนกับเตียงอย่างถนอม ใช้มือช่วยช้อนศีรษะวางบนหมอนด้วยความระมัดระวังยิ่ง แม้อยากโถมตัวขย้ำแค่ไหน แต่ความรักใคร่ก็ทำให้เบิ้มปฏิบัติกับคมสันเยี่ยงของล้ำค่า แม้พอเส้นผมสีดำขลับกระจายตัวบนหมอน พร้อมดวงตาเรียวสวยซึ่งปรือน้อยๆ อย่างอ่อนเพลียตวัดมอง จะทำให้ท่อนล่างผงาดล้ำในทันดล

แล้วดูจอมมารของไอ้เบิ้มสิ

พอรู้สึกถึงแรงเสียดสีภายในร่างที่ไม่ธรรมดา สองขาก็ตวัดเกี่ยวกับเอวเบิ้ม

ขนาดหมดแรง ยอมให้เขาคุมเกม ยังไม่วายคล้ายแสดงความเหนือกว่า

เม็ดเหงื่อไหลอาบหน้าไอ้เบิ้มที่ต้องพยายามฝืนตัวสุดฤทธิ์ไม่ให้สัตว์ร้ายตะกละตะกลามเกินไป

เขาแช่ตัวอยู่อย่างนั้น ก่อนจะก้มกระซิบถามเสียงหอบ

“สัญญาสิ ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

คมสันเผยแววตาประหลาดใจวูบหนึ่ง ก่อนจะยกมือคล้องคอเบิ้ม

“สัญญา”

คำนั้นไม่ต่างกับคำอนุญาตให้ปลดปล่อยสัตว์ร้าย เบิ้มเริ่มขยับควบ โถมตัวถล่มจอมมาร เรี่ยวแรงอันไม่ธรรมดาจนได้ฉายาเบิ้มเดอะฮัคได้ประจักษ์ในครานี้ เสียงเตียงโขยกดังไม่แพ้เสียงคราง จังหวะกระแทกกระทั้นหนักหน่วงจนแผ่นหลังและลาดไหล่ไอ้เบิ้มโดนจิกข่วนระบายความเสียวซ่าน แต่กลิ่นคาวเลือดจากปลายเล็บของคนรักกลับยิ่งกระตุ้นเบิ้มเดอะฟาส ลีลาโยกไหวรวดเร็วและรุนแรงรีดพลังจากไม้กายสิทธิ์ถึงสามชั่วโมงเต็ม







เมื่อคมสันลืมตาอีกครั้งก็เกือบสองทุ่มแล้ว ภาพแรกที่ได้เห็นคือดวงตาใสแป๋วของเด็กเวรซึ่งนั่งจ๋องอยู่ข้างเตียง มองพี่เลี้ยงนอนซมด้วยพิษไข้เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน

“คุณ...!”

คมสันรีบปิดปากก่อนจะเผลอเรียกว่าคุณหนู พอจะขยับตัวก็นิ่วหน้าลุกไม่ขึ้น ทำได้เพียงตวัดตาจ้องเบิ้มซึ่งยืนกุมมืออย่างเจี๋ยมเจี้ยมข้างๆ เด็กเวร

แหม...ก็แบบว่าเผลอตัวมากไปนิด สติหลุดอีกหน่อย สามชั่วโมงเต็มของการต่อสู้ระหว่างจอมมารและสัตว์ร้าย ผู้สลบไสลไปก่อนคือจอมมารที่ร่างกายอ่อนเพลียอยู่ก่อนแล้ว ส่วนไอ้เบิ้มที่ปลดปล่อยน้ำรักเต็มที่ก็ปรนนิบัติอย่างดี ช่วยทำความสะอาด ใส่ยา เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วพามานานพักบนเตียง

และเพราะอยากให้คมสันนอนเยอะๆ เขาเลยพาเด็กเวรตระเวนเที่ยวเล่นเถลไถล โชคดีที่คุณหญิงติดปาร์ตี้กับเพื่อน ป่านนี้เลยยังไม่กลับ พอเฉลยว่าคมสันมาเท่านั้นแหละ เด็กเวรก็วิ่งตึงตังมาที่ห้องอย่างดีใจ เห็นคนนอนหลับก็ไม่หวั่น เขย่าตัวหมายจะปลุก ดีนะที่เบิ้มห้ามทัน ต้องอธิบายอยู่นานว่าคมสันเจ็ตแล็กต้องนอนพักสักระยะ

เพราะตอนมาถึงใหม่เด็กเวรก็ปรับเวลาไม่ได้ นอนปวดหัวโอดครวญอยู่นาน เลยมองพี่เลี้ยงอย่างเข้าอกเข้าใจความรู้สึกดี และนั่นคงเป็นครั้งแรกที่คุณหนูสุดที่รักของคมสันรู้สึกว่าได้ลิ้มลองประสบการณ์ก่อนคมสัน เลยวางมาดนั่งรออย่างใจเย็น

แต่สำหรับคมสันที่ชอบแสดงแต่ด้านเพอร์เฟ็คแก่เด็กเวรอาจไม่ชอบสภาพตัวเองตอนนี้นัก รีบยันตัวขึ้นนั่ง แม้สุดท้ายแล้วจะโดนเด็กเวรดันตัวให้นอนลงอยู่ดี

ถ้าไอ้เบิ้มเป็นคนดันให้นอน ป่านนี้คงโดนสายตาคมกริบจ้องจนปอดทะลุแล้ว แต่พอเป็นคุณหนู คมสันเพียงทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ

“ให้ฉันดูแลสันบ้างเถอะนะ”

ก่อนจะกลายเป็นตะลึง

ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยินคำนี้ละสิ

เบิ้มลอบหัวเราะในใจ การมาต่างประเทศโดยไม่มีพี่เลี้ยงเฝ้าระวังทุกฝีก้าวทำให้เด็กเวรเติบโตขึ้นดังคาด อย่างน้อยก็ไอ้อาการเอาแต่ใจที่เริ่มลดลง แล้วเริ่มมีสามัญสำนึกแบบคนปกติบ้างแล้ว

เอ่อ...มั้งนะ

เพราะเด็กเวรทำอย่างที่พูดจริง ทั้งดูทั้งแล จ้องตาปริบๆ จนทั้งเบิ้มและสันอึดอัด

“เล่าให้ผมฟังสิครับว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง”

“เล่าตอนคุยโทรศัพท์แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ผมอยากฟังอีกครับ”

เด็กเวรไม่เคยขัดศรัทธากับวีรกรรมอันห้าวหาญของตัวเองอยู่แล้ว เริ่มขยับปากเจื้อแจ้วทันที เสริมเติมแต่งเวอร์วังไปซะมากโดยเฉพาะการเก๊กท่าถ่ายรูปที่ไม่ว่าใครเป็นต้องเหลีวมอง ก่อนจะตบท้ายด้วยประโยคที่ว่า...

“เฮ้อ คนหน้าตาดีจะทำอะไรก็ผิดจริงๆ”

คมสันถึงกับหลุดหัวเราะ ปกติเวลาฟังเด็กเวรพูดอวดก็มักจะเผลออมยิ้มด้วยความเอ็นดูอยู่แล้ว หายากสุดๆ ที่จะหลุดขำออกมา เพราะกลัวคนพูดจะเสียความมั่นใจ

“เบิ้ม สันหัวเราะด้วยล่ะ” ระดับหนังหน้าของเด็กเวรบรรลุถึงขั้นไหนอย่าดูถูกเด็ดขาด นอกจากจะไม่อายแล้วยังชี้ให้เบิ้มดูคมสันอย่างตื่นตาตื่นใจ เด็กเวรที่มักเจอมาดพี่เลี้ยงสุดเข้มงวด ไล่กวดเช้าไล่กวดเย็น คงไม่เคยเห็นสภาพคมสันที่นอนซมแล้วหลุดหัวเราะมาก่อน

แต่เบิ้มเข้าใจดีเลยล่ะ แม้จะวางมาดเก่งแค่ไหน คมสันที่ไม่เคยอยู่ห่างจากคุณหนูมานานพอได้เจออีกครั้งก็สบายใจ ความเครียดทั้งหลายที่แบกเอาไว้คนเดียวก็ถูก เอิ่ม...กิจกรรมเข้าจังหวะช่วยบรรเทา นี่จึงเป็นครั้งแรกและอาจจะครั้งเดียวที่คมสันยอมนอนนิ่งๆ ให้คุณหนูทั้งดูทั้งแลจนเริ่มดึกค่อยไล่ไปนอน

เบิ้มเป็นคนห่มผ้าให้เด็กเวร หลังมั่นใจว่าหลับสนิทแล้วก็ค่อยเดินกลับห้องตัวเอง คว้าคมสันมากอดให้หายคิดถึง

คนรักขยับตัวเล็กน้อยเพื่อหามุมซุกหน้ากับอกแน่นๆ ของเบิ้มเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ ก่อนจะพึมพำเสียงเบา

“ราตรีสวัสดิ์”

“ราตรีสวัสดิ์ครับ”

-----------------

และแล้วก็มาถึงฉากบึดจ้ำบึดของคู่นี้...

เราชอบการบรรยายฉากเอ็นซีแบบเปรียบเปรยผสมกาวๆ ค่ะ เดี่ยวมังกรมุดถ้ำ เดี๋ยวต้มบะหมี่ เดี๋ยวไส้กรอกชีส มาเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นสัตว์ร้ายกับจอมมาร แต่งไปเขินไปฮาไป ถ้าอ่านแล้วฟินปนบันเทิงก็จะมีความสุขมากค่ะ 5555

เอาจริงๆ แล้วตอนนี้ได้เห็นหลายมุมของจอมมารมาก ทั้งออนท็อปพี่เบิ้มแบบเร่งรีบแล้วยังปล่อยให้พี่เบิ้มจัดต่อ ไม่นับท้ายตอนที่นอนซมให้เด็กเวรทั้งดูทั้งแลอีก ทั้งหมดทั้งมวลมาจากแรงรักแรงคิดถึงที่โดนทิ้งไว้คนเดียวล้วนๆ ค่ะ จอมมารน่ารักใช่ม้า~~

เพจนักเขียนที่อยากตั้งกล้อง แต่จอมมารไม่อนุญาต (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)
#จอมมารคมสัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-01-2019 20:35:10
 :jul1: นอนตายอย่างสงบ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 04-01-2019 20:49:22
ครอบครัวสุขสันต์มากตอนนี้ 555 ยิ่งอ่านก็ยิ่งเอ็นดูทั้งความมึนของพี่เบิ้ม ความชอบเอาชนะของจอมมาร ติดตามตอนต่อไปนะคะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-01-2019 21:29:31
 :hao6:


และในที่สุดดดดดดด
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mijimaria ที่ 04-01-2019 21:30:27
 :jul1: :jul1: คู้นนนจอมม้านนน เร่าร้อนอะไรยังงี้
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 04-01-2019 23:14:22
จอมมารช่างเร่าร้อน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-01-2019 10:04:24
ถ้าจะรอพี่เบิ้ม คงไม่มีทางได้กันแน่  บวกกับความคิดถึงท่านจอมมารรุกเองเลย ช่างร้ายกาจเหลือเกิน

พี่เบิ้มได้ทีก็จัดเต็ม เล่นซะท่านจอมมารหมดมาดเลย.  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-01-2019 11:40:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-01-2019 12:23:55
อื้อหืมมมม ...............  :z3:
ได้อ่านตอนรวมร่างของเบิ้ม จอมมาร
เยี่ยมไปเลยลีลาของจอมมาร   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 05-01-2019 12:48:38
ร้อนแรงงสุดๆ  น้ำตาจะไหลตอนที่เสี่ยพูดว่า ให้ฉันดูแลสันบ้าง  :o12:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-01-2019 13:01:36
จอมมารน่ารักได้ใจเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Narika ที่ 05-01-2019 16:22:12
คมสันแบบเซะซี่มาก มากกว่าที่คิด ฮือ ตอนแรกนึกว่าจะมีที่มาค่อยๆคิดวางแผนไป มาตกม้าตายเพราะพิษรักแรงหึงสินะ กร๊าวใจมากค่ะ :-[ :katai2-1: :jul1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 17 : ความคิดถึงของเบิ้ม- Up : 4/01/2019 P.8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 06-01-2019 11:14:26
น้านน ว่าแล้วต้องตามไปทำไมซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้นะ แต่ที่คาดไม่ถึงคือการได้ปั่มป๊ามกัน โอ้ยยยย เป็นตาแซ่บคักๆ :m25:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของ- Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 06-01-2019 19:34:50

ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม



น่าเสียดายที่การมาของคมสันครั้งนี้มาได้เก้าวันเท่านั้น

อาศัยหยุดช่วงเสาร์-อาทิตย์ชนเสาร์-อาทิตย์ เพื่อจะได้ขอลาแค่ห้าวัน ความจริงแล้วระดับเด็กเส้นก๋วยจั๊บจะลานานก็ได้ แต่เพราะเพิ่งทำผลงาน คมสันเลยไม่อยากให้คนในบริษัทเขม่น เดี๋ยวจะโดนนินทาว่าหลงระเริง

เก้าวันที่สองวันแรกคมสันไปส่งเด็กเวรที่โรงเรียน ก่อนจะสลับกับเบิ้มขับรถเลียบถนนชมวิวไปดูพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จากนั้นก็ไปแกรนแคนยอน เบิ้มกำลังกลุ้มใจพอดีเพราะเส้นทางค่อนข้างโหด มีคมสันช่วยดูช่วยขับแทนบางช่วง เลยราบรื่นปลอดภัย แถมยังได้ตากล้องคนใหม่ถ่ายรูปสวยถูกใจให้คุณหนูและคุณหญิงด้วย

“สันจะไปแล้วเหรอ”

“ครับ”

ครบเก้าวันกับการท่องเที่ยวที่ยังไปไม่ถึงไหน เด็กเวรขัดใจมากทีเดียว แต่พอเห็นพี่เลี้ยงยืนยันอย่างนิ่งสงบ กลับเป็นเด็กชายกิจภัทรที่เริ่มงอแง

“งั้นฉันจะกลับด้วย! ฉันจะไปกับสัน!”

เบิ้มถึงกับหลุดขำกับท่าทางที่คล้ายจะเก็บกดของเด็กเวร แม้จะมีความสุขดีเมื่อไม่มีคนคอยคุมคอยปราม แต่การได้มาเจอกันอีกครั้งก็ทำให้เด็กเวรแสนจะคิดถึงคมสันเหลือเกิน พอต้องจากกันอีกครั้งเลยตัดใจทิ้งเรื่องเที่ยวแล้ว ภาพสวยๆ ก็ได้มาตั้งเยอะ ช่างมันสิ!

“แต่ผมอยากเห็นรูปคุณคู่กับเทพีเสรีภาพนะครับ”

“ถ้าสันว่างั้นละก็...”

นี่มันสลับกันชัดๆ!

เบิ้มขำจนไหล่สันกับพี่เลี้ยงและเด็กเวรที่แตกต่างกับตอนขามาโดยสิ้นเชิง ตอนนั้นคมสันทำหน้าเหมือนจะตาย ขณะที่เด็กเวรกระดี๊กระด๊าดีใจ มาตอนนี้คมสันทำใจและอยากให้เที่ยวเล่นเต็มที่ เด็กเวรกลับทำหน้างอ อยากกลับบ้านด้วยเต็มแก่ ความตื่นตาตื่นใจเริ่มระเหือดหายแล้ว

เกลี้ยกล่อมคุณหนูสุดที่รักเสร็จ คมสันก็กวักมือเรียกเบิ้มให้ไปยืนหลบมุมอีกครั้ง คุณหญิงเองก็รู้งาน ช่วยกันเด็กเวรโดยใช้ไอติมล่อ เปิดโอกาสให้พวกเขาคุยสองต่อสอง

ครั้งนี้เบิ้มเป็นฝ่ายรั้งตัวคมสันมากอดก่อน ขณะคนรักหลับตาซุกหน้าพิงกับแผ่นอกแน่นๆ แสนอบอุ่นของไอ้เบิ้ม

การกอดครั้งนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกรักและคิดถึงล้วนๆ เพราะอะไรที่ควรกำชับก็พูดกันตั้งแต่ช่วงช่วยกันเก็บของเมื่อวานแล้ว คมสันเอากระเป๋ามาน้ำหนักไม่ถึงยี่สิบโล แต่ขากลับต้องขนกลับถึงสามสิบโล เพราะเสื้อผ้าและของเล่นที่เด็กเวรซื้อล้วนๆ

“เดินทางปลอดภัยนะ”

ถ้าเลือกได้ก็อยากจะกอดกันนานๆ แต่พอเห็นเด็กเวรถือไอติมเดินเข้ามาใกล้เบิ้มก็ผละออก อวยพรคมสันเล็กน้อยก่อนจะยืนส่งคนรักจนลับตา

ขากลับ เด็กเวรหงอยอย่างเห็นได้ชัด ขนาดคุณหญิงยังช่วยปลอบไม่สำเร็จ

“ไปกินขนมกันเถอะครับ สันไม่อยู่แบบนี้ต้องแอบกินตุนไว้เยอะๆ เลยนะ”

“จริงด้วยเบิ้ม งั้นไปกันเลย!

เฮ้อ...หลอกเด็กนี่มันง่ายจริงๆ





พวกเขาบินลงแคลิฟอร์เนียก็จริง แต่ขากลับนั้นขึ้นเครื่องที่นิวยอร์ก เด็กเวรได้ถ่ายรูปกับเทพีเสรีภาพสำเร็จ แถมก่อนกลับยังได้ไปชมละครเพลงกับคุณหญิงหลายเรื่องด้วย เบิ้มเริ่มเห็นแววความเป็นท่านประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ก็ตอนนี้ เพราะขณะที่เขาแทบหลับกับโศกนาฏกรรมความรักในเรื่องแฟนท่อม ออฟ ดิโอเปร่า เด็กเวรกลับวิจารณ์อย่างออกรส แถมยังชอบเรื่องรักน้ำเน่ามากทีเดียว

แม้จะเคยทำงานในวงการบันเทิง แต่เบิ้มไม่สันทัดเรื่องละครจริงจัง เขาถนัดแนวบู๊ระห่ำไร้เรื่องรักมาข้องเกี่ยวมากกว่า

เด็กเวรหาว่าเบิ้มหยาบกระด้างไร้รสนิยม

...พอเล่าให้คมสันฟังก็ได้เสียงหัวเราะเย้ยหยันจนได้แต่ทำใจ

ขากลับมีแค่เบิ้มกับเด็กเวรเท่านั้น เพราะคุณหญิงต่อเครื่องไปอีกรัฐหนึ่งเพื่อกลับไปหาครอบครัว...เอ่อ ครอบครัวใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลชาติบดินทร์ ตอนรู้ว่าแม่ไม่ได้กลับด้วยกันนั้นเด็กเวรก็ไม่ได้ว่าอะไร คล้ายเคยชินแล้วที่พ่อกับแม่จะมาทำหน้าที่ผู้ปกครองแบบแวบมาแวบไป

“บอกสันรึยังเบิ้ม เครื่องลงตอนบ่ายสองนะ บอกให้สันลางานด้วย!”

“บอกแล้วครับ”

“ภัทร แม่ไปแล้วนะ” เพราะเครื่องของคุณหญิงบินก่อน เธอเลยหมายจะกอดลูกชายอำลา ติดก็แต่เด็กเวรยุ่งวุ่นวานกับเบิ้มที่แชทคุยกับคมสัน จนสุดท้ายทนไม่ไหวแย่งมากดวีดีโอคอล

“สัน ฉันกำลังจะกลับแล้วนะ!”

เบิ้มหันไปยิ้มปลอบคุณหญิงที่โดนลูกชายมองเมินโดยสิ้นเชิง เธอเองก็ยิ้มอย่างเข้าใจ เดินมาแตะไหล่เด็กเวรเบาๆ คุยกับคมสันอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นเครื่องโดยไม่ได้กอดอย่างที่ตั้งใจไว้

ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะอ้อมกอดของเด็กเวรนั้นรอคอยคนสำคัญคนหนึ่ง

การนั่งเครื่องบินแสนยาวนาน เบิ้มต้องดูการ์ตูนและเล่นเกมเป็นเพื่อนเด็กเวรที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ได้งีบแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และพอมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ...

“เบิ้ม สันมารึยัง”

“มาแล้วครับ รออยู่ด้านนอกนะ”

เบิ้มก็ต้องจับตัวเด็กเวรที่แทบจะวิ่งไปข้างนอกไม่ยอมรอกระเป๋า อืม...กระเป๋าที่งอกขึ้นมาจากสองเป็นห้าใบทั้งที่ให้คมสันขนบางส่วนกลับไปแล้วนะเนี่ย

“เร็วๆ สิเบิ้ม”

ไอ้เบิ้มจะไปเร่งสายพานได้ยังไงเล่า!

กว่าจะได้กระเป๋าครบ เบิ้มโดนเด็กเวรมองเหยียดหยามไปหลายที พอผ่านด่านตรวจเดินออกมาก็เห็นคมสันยืนโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนมารอรับญาติ ทั้งที่มีคนมากมายยืนเบียดกัน แต่เบิ้มหาคมสันเจอเป็นคนแรก คนรักของเขาสวมสูทยืนหลังเหยียดตรงอย่างสง่า เผยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเด็กเวร

“สัน!”

“ยินดีต้อนรับกลับครับ”

เด็กเวรกอดพี่เลี้ยงอย่างแสนคิดถึง แหม เบิ้มก็อยากกอดบ้าง ติดแต่ที่ตรงนั้นยังไม่ใช่เวลาของเบิ้ม

ขากลับคมสันเป็นคนขับแม้เบิ้มจะยืนยันว่าไม่เจ็ตแล็ก ความห่วงใยนี้ทำเอาเบิ้มซาบซึ้งนัก ส่วนเด็กเวร...แน่นอนว่าสลบเหมือด

พอถึงคฤหาสน์ชาติบดินทร์ คมสันพยายามจะอุ้มเด็กน้อยที่สลบไสลปลุกไม่ตื่น แต่คุณหนูอายุสิบสี่แล้ว ตอนนี้ใกล้จะสูงเท่าพี่เลี้ยงเต็มแก่ จะอุ้มแบบเมื่อก่อนก็ไม่ถนัด

“ฉันอุ้มเอง”

เบิ้มอาสาพลางช้อนเด็กเวรขึ้นอุ้มแบบสบายๆ แล้วเดินตามไปที่ห้องนอน พี่เลี้ยงชี้นิ้วบอกให้เบิ้มอย่าเพิ่งวางคุณหนูบนเตียง แต่ให้พาไปที่โซฟาก่อน หลังเปิดแอร์ เปิดไฟ และเตรียมเสื้อผ้าเรียบร้อย คมสันก็เช็ดตัวให้เด็กชายที่ต้องนั่งเครื่องบินนานจนตัวเหนียวเหนอะ เปลี่ยนชุดให้ แล้วบอกเบิ้มให้อุ้มไปนอนบนเตียง จากนั้นคมสันก็ห่มผ้า จัดหมอน ก่อนจะจูงมือคนรักกลับห้องตัวเองบ้าง

“ไม่ง่วงหรือ” คมสันถาม มองเบิ้มที่ฉวยโอกาสจูงมือเพลินๆ แล้วพาลากเข้าห้องน้ำด้วยแววตาประกายวาวอย่างรู้ทัน

“ง่วง แต่คิดถึงมากกว่า”

ได้อยู่สองต่อสองสักที ไอ้เบิ้มที่อดทนอดกลั้นมานานก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาประคองหน้าคมสันเพื่อรับจูบ เรียวลิ้นทักทายส่งความคิดถึงหากัน โดยที่สองมือช่วยกันเปลื้องผ้าคนละไม้คนละมือสุดแสนจะสามัคคี

เบิ้มอุ้มคมสันไปนั่งบนอ่างล้างหน้า ไม่ทันจะได้แสดงความรักสมใจอยากก็โดนคมสันตบอกเป็นเชิงแย้ง

“ไม่เอาตรงนี้ ไปที่อ่าง”

ภรรยาบัญชา ไอ้เบิ้มก็ว่าตาม

เขาอุ้มคมสันไปที่อ่างน้ำซึ่งพอสำหรับคนเดียว แต่ถ้ามีอีกคนนั่งทับด้านบนก็ไม่เป็นปัญหา และคนที่ได้สิทธิ์นั้นก็คือคมสันที่ขยับสะโพกบดเบียดสัตว์ร้ายที่เริ่มตื่นตัว ในเมื่อคนรักชอบทำรักในท่านี้ไอ้เบิ้มก็ไม่ขัดศรัทธา

น้ำอุ่นเปิดวนรอบกาย บรรยากาศเร่าร้อนหอบกระชั้น เสียงครางและลมหายใจประสานกัน ร่างกายพวกเขาขยับควบเพลิดเพลินจำเริญใจ

สู้รบปรบมือกันไปสองยกจนหายคิดถึงก็ช่วยกันอาบน้ำจนไฟเกือบลุกอีกรอบ ไอ้เบิ้มสวมชุดนอนเดินไปที่เตียง เตรียมวางแขนพาดบนหมอนให้คนรักนอนหนุน แต่คมสันซึ่งสวมชุดนอนไม่ได้นอนนั้นกลับหยิบโน๊ตบุ๊ตมาเปิด มือข้างนั้นของเบิ้มเลยเป็นหมัน ทำได้เพียงลูบๆ คลำๆ ช่วงเอวของคนรักที่นั่งพิงหัวเตียง

“รบกวนมั้ย”

“ไม่เป็นไร ฉันนอนหลับง่าย”

“อืม ฉันเชื่อ” คมสันพูดพลางอมยิ้มมุมปาก เพราะเบิ้มชอบหลับเป็นตาย โดยเฉพาะหลังออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นนอกร่มหรือในร่ม มักนอนหลับสนิทมากทีเดียว

“มีงานค้างหรือ”

“อืม วันนี้ลามารับคุณหนู เลยต้องตามงานก่อน”

เบิ้มไม่ว่าอะไร คนรักเลือกนั่งทำงานอยู่ข้างๆ เขาก็นับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

มาสะดุ้งตื่นอีกทีเอาตอนกลางดึกเมื่อคมสันปิดไฟแล้วเขยิบตัวเข้าหาในอ้อมกอด เบิ้มวางมือรออัตโนมัติ เมื่อคมสันหามุมซุกสบายๆ ก็โอบตัวร่างนั้นเข้าใกล้ ก่อนจะหลับตาลง

สุขีจริงๆ ชีวิตไอ้เบิ้ม






เพราะกลับมาวันศุกร์ ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ได้พักแป๊บเดียวเปิดเทอมก็มาเยือน

เป็นครั้งแรกที่เด็กเวรกระตือรือร้นจะไปเรียนโดยไม่ต้องให้พี่เลี้ยงไล่ต้อน

“ฉันจะเอาภาพไปอวดทุกคน!”

ที่แท้ก็อยากอวด เบิ้มส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ขับรถไปส่งเด็กเวร แต่พอก้าวย่างเข้ามาในบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ พลันพบกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

ทำไมเพื่อนร่วมงานที่เคยห่างเหินเย็นชาถึงมองคมสันอย่างเคารพสักหลายส่วน

“คมสัน รายงานวางบนโต๊ะแล้วนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”

เบิ้มมองคนรักเป็นคำถาม คมสันไม่ตอบอะไร เพียงเดินนำไปห้องประชุมเล็กเพื่อความเป็นส่วนตัว

“ไหนๆ ก็มีคนดูแลคุณหนูแล้ว ฉันเลยมีเวลาทำงานเต็มที่” คมสันเกริ่นขณะประสานมือบนเข่า ดวงตาใต้กรอบแว่นประกายวับวาวชวนให้คนเห็นร้อนๆ หนาวๆ “โปรเจ็กต์เสนอกับทางจีนสำเร็จด้วยดี ทางนั้นพอใจมาก แต่ทางนี้กลับมีหลายคนไม่พอใจพยายามจะหาทางแว้งกัด ฉันเลยถือโอกาสนี้นำหลักฐานทุจริตที่เคยตรวจสอบไว้สืบสาวเพิ่มเติม ไล่ไปทุกๆ แผนก ก่อนหน้าที่นายจะกลับมา ฉันรวบรวมหลักฐานยื่นให้ท่านประธาน ไล่คนออกไปสิบสองคน”

“แล้วยอมออกกันง่ายๆ เหรอ”

ส่วนใหญ่คนที่กล้าโกงกินบริษัทมักจะมีตำแหน่งใหญ่พอที่จะกลบเกลื่อนความผิดโดยไม่มีใครกล้าฟ้อง และแทบทุกคนมักจะอายุมากกว่าคมสันเกือบเท่าตัว ก็ไม่แปลกที่จะนึกขัดใจกับผู้ช่วยเลขาคนนี้

“ไม่ยอมหรอก หลายคนพยายามจะโยนความผิดให้ลูกน้อง แต่พอดีฉันยื่นหลักฐานให้ตำรวจด้วย ต่อให้จะอ้างยังไงก็ไม่เป็นผล โดนตำรวจลากออกไปอยู่ดีน่ะ”

เบิ้มกลืนน้ำลาย

คนใหญ่คนโตที่ว่ามักสนิทสนมกับประธาน ต่อให้ทำผิดแต่ก็ทำประโยชน์ให้บริษัทซะมาก ฉะนั้นเวลาเกิดเรื่องส่วนใหญ่มักจะเรียกมาสอบถามแล้วไล่ออกเงียบๆ ไม่ถึงแจ้งตำรวจ เพราะจะเป็นการหักหน้าและทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง

“โปรเจ็กต์ที่เซ็นสัญญากับจีนใหญ่พอจะกลบข่าวทุจริตนี้ และหลายคนก็พร้อมใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะเป็นช่วงขาขึ้นของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ รีบกอบรีบโกยอัดโปรโมต อีกอย่าง...ทางจีนระบุว่าต้องการให้ฉันเป็นคนติดต่อประสานนับจากนี้โดยเฉพาะ ถึงจะทำเกินหน้าที่ไปบ้าง แต่ทุกคนก็เลือกจะสนับสนุนฉันน่ะนะ”

“นายตรวจสอบเรื่องทุจริตตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตั้งแต่แรกที่เข้าทำงาน ประธานมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลลงทุนเก่งก็จริง แต่ไม่สนใจพนักงานทำให้หลายฝ่ายได้ใจเริ่มคดโกง ฉันหาหลักฐานได้ตั้งแต่แรก แต่ติดที่เพิ่งเข้ามาทำงาน จะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวก เลยได้แต่รวบรวมทีละเล็กละน้อย อืม...มีแสร้งปล่อยเหยื่อให้จับบ้าง ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นให้ตำรวจบุกเข้ามาจับคาบริษัทได้หรอก”

“ปล่อยเหยื่อให้จับ?”

“ผู้ช่วยเลขาที่มาคุมโปรเจ็กต์ใหญ่เซ็นสัญญาหลายร้อยล้าน ประมาทเลินเล่อขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสให้คุมด้านค่าลิขสิทธิ์ เข้างานออกงานไม่เป็นเวลา แถมจู่ๆ ก็บินไปต่างประเทศเก้าวัน เป็นโอกาสดีที่จะปลอบแปลงเอกสาร กินส่วนต่างค่าเงินเล็กๆ น้อยๆ เลยไม่ใช่เหรอ”

เบิ้มคิดว่า...เบิ้มควรจะเงียบ

“คนที่โดนตำรวจจับน่ะมีแค่สามคนเท่านั้นแหละ อีกเก้าคนที่เหลือ...คือพวกปลาซิวปลาสร้อยที่พอเห็นหัวหอกโดนจับคาบริษัท พอโดนเรียกไปคุยก็ยอมโดนไล่ออกแต่โดยดี”

“แล้วตำแหน่งที่ว่างลงล่ะ”

“ฉันเสนอชื่อให้ประธานเลือกแล้ว ตลอดหนึ่งปีที่ฉันทำงานไม่ได้เรียนรู้งานเฉยๆ หรอกนะ ฉันสังเกตคน และพยายามหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่จะมาพัฒนาบริษัทนี้ไปด้วยกัน คนที่ฉันเสนอชื่อส่วนใหญ่เคยทำผลงานและเป็นที่รักของลูกน้องอยู่แล้ว การโยกย้ายครั้งใหญ่เลยสำเร็จลงด้วยดี”

“...”

“อีกสี่ปีคุณหนูจะเป็นประธานบริษัทนี้ ฉันจะให้เขาได้สิ่งที่ดีที่สุด”

อืม...คนรักของเขาไม่ใช่นางฟ้า แต่ร้ายกาจเหมือนจอมมาร

วางแผนอย่างใจเย็น ลงดาบฉับไว แถมยังมองการณ์ไกลมากซะด้วย

คิดจัดการกับคนที่ทำงานในบริษัทมานาน แค่หลักฐานทุจริตเล็กๆ น้อยๆ คงเอาผิดไม่ได้ โดยเฉพาะหากคนยื่นเรื่องเป็นผู้ช่วยเลขาที่เข้างานไม่เป็นเวลาจนเพื่อนร่วมงานโดนนินทา นอกจากคมสันจะวางเหยื่อให้งับแล้วโละยกแผงแบบสบายๆ แล้ว ยังเตรียมตัวแทนขึ้นต่อโดยไม่กระทบต่อการบริหารในบริษัท สร้างความหวาดกลัวต่อคนที่เคยนินทาลับหลัง หรือคิดโกงกิน และสร้างความน่าเชื่อถือให้เหล่าคนทำงานไฟแรง เป็นการกำจัดศัตรูแล้วสร้างกำลังพลของตัวเองได้อย่างแนบเนียน

ความน่ากลัวของคมสันอยู่ตรงนี้ ให้คนหลงกับภาพลักษณ์ภายนอกที่สงบนิ่งไร้พิษภัย หลอกให้เผยหลักฐานแล้วรวบรวมอย่างใจเย็น กว่าจะรู้ตัวว่าโดนเล่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างโดนตีแผ่อย่างไร้ช่องโหว่ ทำได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิดไม่อาจท้าทายจอมมาร

เขาควรทักยังไงดีนะ

ไม่เจอกันนาน จอมมารขึ้นนะสัน

ไม่ดีไม่เอา คนอื่นจะว่าคนรักยังไงก็ได้ แต่ไอ้เบิ้มพูดแบบนั้นไม่ได้!

“ไม่เจอกันนาน ทำงานเก่งขึ้นนะสัน”

อืม ประโยคนี้แหละเหมาะสมที่สุด

คมสันดันแว่นเล็กน้อย ก่อนจะเผยยิ้มเย็นเยียบขณะเดินออกจากห้องประชุมพลางเหลือบมองเพื่อนร่วมงานในแผนก เบิ้มเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่ามีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมา และมีบางคนที่หายสาบสูญไป

สายตานั้นไม่ต่างกับการมองประเมินหวังควบอำนาจเบ็ดเสร็จในอีกไม่ช้านาน

“ขอบคุณ”

--------------

เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ ยังมีช่วงไคล์แมกซ์ตอนท้ายอีกนิดหน่อยให้พี่เบิ้มแสดงฝีมือก็จะได้เวลาอำลากันแล้วค่ะ

เรื่องราวของจอมมารคมสันและพี่เบิ้ม เป็นคล้ายๆ เล่มพิเศษที่แต่งแยกออกมาจากเรื่อง I’m Not Him ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กเวรหรือในอนาคตจะถูกเรียกว่าเสี่ยตอนโตค่ะ เราเลยไม่ได้วางเรื่องมายาวมากอยู่แล้ว อยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเสี่ยโดนเลี้ยงมายังไงถึงได้มั่นหน้ามั่นโหนกเหลือเกิน และอยากให้ได้เห็นสายสัมพันธ์น่ารักๆ ของทั้งสามคนไม่ใช่แค่พี่เบิ้มกับคมสันค่ะ

เอ่อ...รวมถึงว่าทำไมอนาคตคมสันถึงกุมอำนาจในบริษัทได้เด็ดขาดด้วย

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่เคารพรักจอมมารเสมอ/ตัวสั่น (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-01-2019 20:07:08
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-01-2019 20:17:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 06-01-2019 22:40:19
ปัจจุบัน(ตอนเสี่ยโตแล้ว)เสี่ยรู้มั้ยคะว่าเบิ้มกับสันเป็นอะไรกัน หรือรู้แค่ว่าเบิ้มเป็นบอดี้การ์ดอย่างเดียว
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 06-01-2019 23:44:00
 :pig4: :pig4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 06-01-2019 23:58:38
ตอนโตนี่เสี่ยน่าจะยังไม่รู้ว่าเบิ้มเป็นแฟนกับสัน-_-  ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือไม่ดีที่เป็นคนแบบนี้555
ต้องเรียกได้ว่าจอมมารเลี้ยงมาดี
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 07-01-2019 00:01:17
ใจหายจังเลย ไม่อยากให้จบ ชอบอ่านชีวิตประจำวันของคู่นี้ อ่านแล้วอินมาก คนเขียนแต่งเก่งมากก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-01-2019 07:45:53
โถ๋ ท่านจอมมารผู้เก่งกาจ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-01-2019 12:12:56
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2019 17:41:23
ขำเด็กเวร..........  :m20: :laugh:
เด็กเวร ก็น่ารักในสไตล์ตัวเอง   :mew1:

เบิ้ม    จอมมาร   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-01-2019 18:22:49
ก็ถ้าท่านจอมมารทุ่มเทขนาดเน้

ยกบริษัทให้เขาไปเถอะเสี่ยจะได้ไม่เหนี่อย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-01-2019 22:35:29
กราบแทบเท้าจอมมาร :sad3:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 18 : การกลับบ้านของเบิ้ม Up : 6/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-01-2019 02:32:11
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 08-01-2019 19:09:28
ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม


“เข้าค่าย?”

เปิดเทอมไม่ทันไร วันดีคืนดี เด็กเวรก็เรียกเบิ้มมาซุบซิบกันสองคน

“ใช่ เข้าค่าย” เด็กชายกิจภัทรพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนยื่นเอกสารที่ต้องมีลายเซ็นผู้ปกครองว่าอนุญาตหรือไม่ให้เบิ้ม

“จะให้ผมเซ็นแทนสันเหรอครับ”

“ไม่ใช่ แต่ให้นายกล่อมสันให้เซ็นต่างหาก” เด็กเวรชักสีหน้าใส่ไอ้เบิ้มที่ไม่เจียมกะลาหัว ริอาจข้ามหน้าข้ามตาผู้ปกครองดีเด่นอย่างคมสันได้ลงคอ “ฝากด้วยนะเบิ้ม!”

บรรลุจุดประสงค์ เด็กเวรที่หมู่นี้เริ่มติดเกมก็หนีขึ้นห้องไปตั้งตี้ลงดันกับเพื่อน เบิ้มเกาหัวเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหาคมสันที่กำลังนั่งทำงานตรงโซฟาห้องนั่งเล่น ช่วงเวลาอิสระในวันว่างที่ต่างคนต่างแยกย้ายทำกิจกรรมส่วนตัว มีเพียงไอ้เบิ้มนี้หนาที่ต้องเป็นกาวเชื่อมประสานใจ

“สัน...”

“อะไร” จอมมาร เอ๊ย คนรักของเขาดันแว่น บรรยากาศเคร่งเครียดอย่างบอกไม่ถูก ความอึมครึมที่ปรากฏนั้นไม่พ้นเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างพี่เลี้ยงกับคุณหนูสุดที่รัก ตั้งแต่เปิดเทอมเด็กเวรก็ติดเกมหนัก เพราะมีเพื่อนๆ ในห้องหลายคนชักชวนกันกลายเป็นแก๊งเด็กติดเกม แล้วมีหรือคมสันจะยอม แต่พอตำหนิ(เบาๆ)หลายครั้งเข้าทั้งทางตรงและทางอ้อม ผลคือ...

โดนเด็กงอน

นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วนับจากคุณหนูสุดที่รักไม่ยอมคุยกับพี่เลี้ยง

เบิ้มไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น เพราะเด็กเวรติดเกมหนักจริงๆ ช่วงวันหยุดแทบจะเล่นทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน วันที่มีเรียนพอกลับบ้านมากินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปเล่นเกม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...คมสันก็มีเวลาให้คุณหนูสุดที่รักน้อยลงเพราะภาระการงานที่มากขึ้น การเป็นหัวหน้าโปรเจ็กต์และถูกระบุตัวจากจีนนั้นทำให้คมสันแทบจะต้องติดต่อประสานงานตลอดเวลา เมื่อไม่ค่อยมีเวลาใช้ร่วมกัน เด็กเวรจะหันไปติดเกมก็ไม่แปลก

“คุณหนูของเราขอไปเข้าค่ายกับโรงเรียนน่ะ”

เบิ้มยื่นเอกสารให้คนรักอ่าน เตรียมใจส่วนหนึ่งว่าต้องโดนปฏิเสธแน่ เพราะคมสันแทบไม่ยอมให้เด็กเวรอยู่ห่างจากสายตาเกินยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่การเข้าค่ายครั้งนี้ไปถึงสามวัน

“คุณหนูอยากไปเหรอ”

“ใช่”

คมสันนวดขมับเล็กน้อย ไอ้เบิ้มเห็นแล้วก็รีบทำหน้าที่สามีที่ดี เข้าไปช่วยคลึงขมับให้คนรักเบาๆ

“ถึงฉันจะไม่ชอบให้ไปเข้าค่ายค้างคืน แต่คนที่ไม่อยากไปยิ่งกว่าก็คือตัวคุณหนูเองนั่นแหละ ไม่มีที่ไหนสบายเท่าบ้านเรา เขามักพูดอย่างนั้นเสมอ”

ฟังคำพูดของคมสันที่คล้ายจะน้อยใจเบิ้มก็แอบร้องเหวอ นี่คุณหนูงอนคมสันหนักขนาดจะหนีออกจากบ้าน เอ๊ย ไปเข้าค่ายประชดเลยเหรอ

“นายไม่ได้อ่านรายละเอียดใช่มั้ย” เห็นหน้าเหวอๆ ของเบิ้ม คมสันก็ส่งเอกสารคืน เบิ้มถึงเพิ่งได้อ่านเต็มสองตาชัดๆ ว่าการเข้าค่ายครั้งนี้คือการไปปลูกป่าชายเลนที่จังหวัดสมุทรปราการ มีการแวะสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารวมถึงทำกิจกรรมเพื่อสังคมหลายอย่าง เป็นอะไรที่...ห่างไกลจากความเย่อหยิ่งของเด็กเวรแบบคนละขั้วโลก

เด็กชายกิจภัทรคนนั้นคิดจะทำความดีเพื่อสังคม ฝันไปเถอะ!!

ฉะนั้นนี่จึงเป็นการวัดใจ ให้พี่เลี้ยงไปตามง้อให้ทะเลาะกันเล่นๆ สักยกสองยกต่างหาก อืม...เด็กคนนั้นงอนไม่ยอมพูดด้วยจนถึงขีดจำกัดแล้วสินะ ถึงต้องหาเรื่องให้คมสันมาคุยก่อนด้วยวิธีเด็กๆ อย่างนี้

“แต่ก็ดี” พลันคมสันคลี่ยิ้มบาง เล่นเอาเบิ้มที่กำลังนวดขมับให้ถึงกับชะงักค้าง กลัวว่าเผลอไปกดโดนสวิตซ์อะไรของคนรักเข้ารึเปล่า “เอาปากกามา”

“จะเซ็นเหรอสัน”

ตอนแรกเบิ้มสนับสนุนเด็กเวร เพราะการไปเข้าค่ายคือการทำกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ได้ดี แต่พอรู้ว่าจุดประสงค์ของเด็กเวรคือการประชด ก็เริ่มไม่อยากจะสนับสนุนแล้ว ไม่นับเรื่องที่หากไปจริงเด็กเวรจะสร้างความเดือดร้อนแก่เพื่อนและคุณครูมากแค่ไหน ต้องบ่นร้อน บ่นเหนื่อย บ่นนู่นนี่นั่นตลอดทางแน่ๆ คมสันเลี้ยงคุณหนูยิ่งกว่าถนอมแก้ว ไม่เคยให้ลำบากมาก่อน

“ใช่”

เอ่อ...บางครั้งเบิ้มก็ไม่ค่อยเข้าใจคมสันเลย

“เดี๋ยวนายก็รู้เอง”





เด็กชายกิจภัทรกำลังนั่งตัวโคลงเคลงบนรถบัสคันหนึ่งซึ่งจุนักเรียนและคุณครูร่วมสามสิบคน

“โอ๊ย เวียนหัวไปหมดแล้ว เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย”

ตอนแรกก็นั่งหลับเพลินๆ ดีอยู่หรอก แต่พอออกต่างจังหวัด เริ่มเจอถนนลูกรัง รถบัสก็โยกไปเยกมา ทำให้เด็กผู้รักสบายอดบ่นออกมาไม่ได้ แม้จะเป็นการบ่นครั้งที่หนึ่งพันห้าร้อยเก้าสิบแปดครั้งก็ตาม

 “ก็นายอยากมาเองไม่ใช่เรอะ” เพื่อนชั้นเดียวกันซึ่งนั่งถัดออกไปหลายแถวตะโกนเย้ย ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าเด็กคนนี้คือเด็กชายนายเอ ผู้โดนเด็กชายกิจภัทรเหยียบเท้าแล้วไม่ขอโทษจนท้าต่อยนั่นเอง แม้วันนั้นจะแพ้ราบคาบ แต่ความหมั่นไส้ที่มีต่อเด็กชายกิจภัทรยังเต็มเปี่ยมล้นเหลือ มีโอกาสเป็นต้องค่อนแคะเหน็บแนม แต่ใครบางคนดันหน้าหนาเกินไป ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา คิดว่าไม่ได้พูดถึงตัวเอง

ใครเลยจะกล้าว่าคนเลิศล้ำอย่างฉันได้ลงคอ!


ใช่ ใครจะกล้าว่าร้ายเด็กชายกิจภัทรได้ นอกจากตัวเด็กชายเองที่นั่งกอดอกเชิดหน้าอย่างหงุดหงิด นึกโทษพี่เลี้ยงที่ยอมเซ็นใบอนุญาตง่ายๆ ตอนเบิ้มเอามาให้เด็กชายถึงกับเหวอ คมสันนะคมสัน รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบร้อน ไม่ชอบเหงื่อออก ไม่ชอบลำบาก แค่นั่งรถโคลงเคลงก็เล่นเอาปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัว ยังส่งมาทรมานกันลงคอ ใครจะอยากมาเข้าค่ายกันล่ะ ไอ้ที่ทำก็แค่การเรียกร้องความสนใจแบบเด็กๆ เท่านั้นเอง ทำไมคมสันถึงไม่เข้าใจ!

เด็กชายกิจภัทรเชิดหน้าเย่อหยิ่งแม้ในใจจะบ่นไม่หยุด ความมั่นหน้ามั่นใจนั้นเป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของเด็กชาย ซึ่งไม่ควรจะเกิดกับเด็กที่ครอบครัวแยกทาง แทบไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับพ่อแม่ ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้คมสัน เพราะแม้ครอบครัวจะมีปัญหา แต่เด็กชายกิจภัทรไม่เคยขาดความอบอุ่นหรือรู้สึกขาดอะไรเลย

ออกจะล้นๆ ซะด้วยซ้ำ!

ยังไงก็ตาม แม้ครั้งนี้คมสันจะใช้ไม้เด็ดดัดนิสัย เด็กชายกิจภัทรก็คิดจะเอาคืนเหมือนกัน นี่เป็นวิวัฒนาการทางสมองที่ยากจะได้ยล

บังอาจเห็นงานสำคัญกว่าฉันเป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ

จะพาตัวเองไปทรมานชนิดสันเห็นแล้วช็อกจนน้ำตาคลอเลยคอยดู!





ขณะนั้น...คนโดนนินทากำลังเดตกับไอ้เบิ้ม

เมื่อปราศจากเด็กเวร ช่วงเย็นหลังเลิกงานก็กลายเป็นเวลาของเราสอง เบิ้มมีความสุขมาก ถ้ารู้ว่าส่งเด็กเวรออกไปแล้วจะสงบหู สุขใจขนาดนี้ คงไม่ลังเลตอนคมสันขอปากกาหรอก

“ไปดูหนังกันมั้ย หนังเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การ์ตูนดิสนีย์น่ะ”

“เอาสิ” คมสันตอบรับอย่างว่าง่าย แม้จะไม่ต้องรับเด็กเวร แต่พวกเขายังคงเลิกงานก่อนเวลาเหมือนเดิม เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เยาวชน แต่โทษเถอะ นานครั้งจะได้อยู่สองต่อสอง ได้ใช้เวลาสวีตหวาน ขอไอ้เบิ้มกอบโกยบ้าง

พวกเขาแวะที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เป็นเป้าสายตา ทั้งเบิ้มและคมสันจึงถอดสูทตัวนอกออกเหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน คมสันยังคงสวมเนกไท แต่ไอ้เบิ้มรูดปมกระชากเนกไทออกด้วยท่วงท่าแสนเท่ แถมยังปลดกระดุมสามเม็ดบนสุดเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นๆ จากมาดเคร่งขรึมบอดี้การ์ด เพียงพริบตากลายเป็นไอ้หนุ่มแบดบอย

“จับมือมั้ย” ได้เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องแต่งตัวเนี้ยบกริบ เบิ้มก็แบมือรอเบื้องหน้าคมสันที่เริ่มปลดกระดุมแขนเสื้อเผยให้เห็นข้อมือผอมเซ็กซี่ขยี้ใจ

“เอาสิ” ขอแค่ไม่ใช่ต่อหน้าคุณหนู คมสันไม่เคยอายจะแสดงความรักแก่เบิ้ม

พวกเขาสองคนเดินจับมือไปชั้นโรงหนัง ไม่สนใจสายตาคนที่มองมา หลังถกเถียงกันก็ตกลงปลงใจดูหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่ง

เบิ้มอยากเห็นคนรักสะดุ้งโหยงเวลาผีโผล่

อืม...ก็ไม่รู้ว่าหวังมากไปหน่อยรึเปล่า จอมมารกับหนังผี ดูยังไงก็เข้ากั๊นเข้ากัน






“เหนื่อย! ร้อน! สกปรกชะมัด! ฉันไม่ทำแล้ว!”

“ไม่ได้นะกิจภัทร”

คุณครูยังสาวรีบเข้ามาปลอบเด็กที่ย่ำโคลนลงไปปลูกป่ากับเพื่อนๆ ไม่ทันไรก็เดินกลับ แถมยังโยนต้นกล้าทิ้งอีกต่างหาก ความเอาแต่ใจเด็กชายของกิจภัทรขึ้นชื่อเป็นที่หนึ่ง เธอเลยคอยเมียงๆ มองๆ อยู่นานแล้วว่าจะอาละวาดเมื่อไหร่

“ไม่ทำแล้ว” เด็กชายที่มักมีรอยยิ้มมั่นหน้าอยู่เสมอยืนยันเสียงแข็ง ดูหน้าแข้งเขาซะก่อน จมลงไปในโคลนตั้งเกือบครึ่ง! อึ๋ย ไม่อยากจะเดินต่อเลย อยากอาบน้ำ อยากล้างตัว อยากนอนเฉยๆ ให้คนมาบริการบีบนวด!

“งั้น...ครูโทรแจ้งผู้ปกครองให้มารับมั้ยจ๊ะ” คุณครูปาดเหงื่อ เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครองทุกคน แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่ได้อภิสิทธิ์ ถูกตั้งเป็นเบอร์ฉุกเฉินพร้อมจะโทรออกได้ทุกเมื่อ

คนคนนั้นคือคมสัน

คนที่โทรมากำชับเธอตั้งแต่ก่อนออกเดินทางว่าให้ช่วยจับตาดูเด็กชายกิจภัทร รวมถึงให้คำแนะนำหากเกิดเหตุแบบนี้ด้วย

แม้ตัวไม่อยู่ แต่จอมมารก็เป็นจอมมาร เพราะเพียงคุณครูถามคำนั้นออกมา เด็กชายกิจภัทรก็เลิกโวยวาย ถ้าอู้แล้วโดนส่งกลับทันที เขาก็อดเห็นคมสันมาง้อน่ะสิ!

“โทรเลย แต่ห้ามให้มารับนะ บอกว่าฉันลุยโคลนอยู่ ลำบากมาก!”

คุณครูมองหน้าเด็กชายแล้วจะยิ้มก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิง

“จ้ะ”





เบิ้มเดินออกจากห้องน้ำ ทันเห็นคมสันเพิ่งวางโทรศัพท์พอดี

“ยิ้มอะไร”

“หนังสนุกดีนะ” คนรักของเขาตอบเลี่ยง ในเมื่อคมสันไม่อยากพูด ไอ้เบิ้มก็ไม่ขัดศรัทธา เพราะภาพติดตาเมื่อครู่ยังสยองอยู่ในใจ

ผลลัพธ์ของการพาจอมมารไปดูหนังผีน่ะเหรอ

คือรอยยิ้มมุมปากชวนขนแขนลุกเวลาผีออกหรือมีใครโดนฆ่าตาย ไอ้เบิ้มล่ะเกรงว่าศพต่อไปจะเป็นตัวเอง เลยตั้งปนิธานว่าเดตครั้งหน้าพาคนรักไปดูหนังโรแมนติกจะดีกว่า แม้เขาจะไม่ชอบดูหนังรักน้ำเน่าก็เถอะ แต่เพื่อให้คืนนี้นอนหลับฝันดี ไอ้เบิ้มต้องยอมแลก

“หิวรึยัง ไปไหนกันต่อดี”

“ไปร้านหนังสือ” คมสันตอบขณะดันแว่น “เปิดเทอมแล้วแต่คุณหนูไม่ตั้งใจเรียน ฉันต้องซื้อหนังสืออ่านเสริมมาทำสรุปให้คุณหนูหน่อย”

“เอาสิ”

หลักการครองเรือนที่ดี หากคมสันพูดถึงคุณหนู ไม่ว่ายังไงก็ห้ามขัด จงคล้อยตามและเสนอแนะ นั่นจึงเป็นการถนอมช่วงเวลาแสนล้ำค่า

โธ่ แต่นี่เป็นเดตของพวกเขานะ!

เอาเถอะ เบิ้มทำใจแล้ว คมสันหายใจเข้าออกเป็นคุณหนู เพื่ออนาคตของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ที่จะมีเด็กเวรนั่งเป็นประธานคนต่อไป เขาควรสนับสนุนให้เด็กชายกิจภัทรมีผลการเรียนที่ดี

พูดถึงเรื่องนี้ก็แปลก เด็กเวรเหมือนจะไร้สมอง แต่ผลการเรียนทุกชั้นปีติดอันดับต้นๆ ตลอด ก็ไม่รู้ว่าคมสันสอนเก่ง ทำสรุปเข้าใจง่าย หรือเพราะเด็กชายกิจภัทรแม้จะขาดอีคิว แต่มีไอคิวดีกันแน่

“แวะร้านเสื้อหน่อยมั้ย ช่วงนี้คุณหนูของเราสูงขึ้นแล้วนะ”

ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพราะระหว่างเดินหาร้านหนังสือ ไอ้เบิ้มก็เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าผู้ชายพอดี เด็กชายกิจภัทรอายุสิบสี่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะสิบห้า เป็นช่วงเด็กกำลังโต ส่วนสูงเพิ่มขึ้นพรวดพราดจนตอนนี้ถึงติ่งหูคมสันแล้ว

“ไว้ให้คุณหนูมาเลือกเองดีกว่า” คมสันเอ่ย แน่วแน่ไปร้านหนังสือ หลังช่วยกันเลือกแบบเรียนที่ต้องการ คมสันก็ลากเบิ้มมาหมวดวรรณกรรมเยาวชน “ช่วงนี้คุณหนูจ้องหน้าจอมากเกินไป ฉันกลัวเขาสายตาเสีย ซื้อหนังสืออ่านเล่นไปไว้ที่บ้านดีมั้ย”

“ดีสิ แต่ที่ถืออยู่นั่นนิยายอะไรน่ะ...รักใสๆ หัวใจสองดวง?”

“คุณหนูชอบอ่านแนวนี้น่ะ”

“ลองพวกสืบสวนสอบสวนวัดไหวพริบบ้างมั้ย” เบิ้มหยิบเชอร์ล็อกโฮล์มขึ้นมา

“เคยให้อ่านแล้ว คุณหนูหลับคาหนังสือหลังเปิดไปสามหน้า”

โอเค เบิ้มเชื่อคมสัน วางเชอร์ล็อกโฮล์มลง

“นายอ่านด้วยเหรอ”

“ไม่เชิงว่าชอบหรอก แต่อ่านฆ่าเวลาก็สนุกดี”

“งั้นเคยอ่านเรื่อง...รึเปล่า”

แล้วการเลือกหนังสือให้คุณหนูก็กลายเป็นการคุยกันถึงรสนิยมการอ่านของคมสันและไอ้เบิ้ม ช่างบังเอิญเหลือเกินที่ชอบเหมือนกันพอดิบพอดีประหนึ่งกิ่งทองใบหยก ค่อยสมเป็นเดตของพวกเราหน่อย เฮ้อ!




“แหวะ อาหารไม่อร่อยเลย”

ตัดฉากจากบรรยากาศหวานแหววสีชมพู เป็นเด็กชายกิจภัทรและผองเพื่อนกับการรับประทานอาหารเย็นที่ค่ายซึ่งเป็นอาหารใส่ถาด ตอนแรกเด็กชายก็ตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะไม่เคยกินอาหารแบบถาดหลุมมาก่อน แต่คงจะคึกเกินไป กว่าจะเดินมานั่งแกงไก่ก็ผสมรวมกับถั่วเขียว รสชาติ...ไม่ขอบรรยายจะดีกว่า

“ขนมปังมั้ย”

เห็นเด็กชายกินไม่กี่คำก็วางช้อน คุณครูผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งดูแลด้านเครื่องดื่มและขนมให้เด็กๆ ก็หยิบขนมปังไส้แซลมอนรมควันของโปรดให้ เด็กหลายคนตาวาว ร้องขอจากคุณครูบ้าง หารู้ไม่ว่านั่นเป็น...

“เอ่อ...มีชิ้นเดียวน่ะ”

...บริการพิเศษที่คมสันฝากฝังต่างหาก!

คุณครูผู้ชายนึกลำบากใจ ก่อนจะหลอกล่อโดยการแจกขนมปังหมูหยองแทน

วินาทีนั้นเด็กชายกิจภัทรรู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษ

กัดขนมปังพลางเชิดหน้ากินท้าทายสายตาผองเพื่อนอย่างสบายอุรา!




“มาแล้ว”

“อะไรมาแล้ว”

เบิ้มชะงักขณะเก็บเงินทอน หลังเลือกหนังสือเสร็จพวกเขาก็แวะรับประทานอาหาร แน่นอนว่าไอ้เบิ้มอาสาจ่ายตามประสาหัวหน้าครอบครัว แม้ว่านับตั้งแต่เซ็นสัญญา แทบจะไม่ได้ควักเงินออกจากกระเป๋าตัวเองเลยก็ตาม

คมสันไม่ตอบ แต่ใช้สายตาเหลือบไปทางมุมเสาที่ถัดจากร้านอาหารออกไปหลายช่วงตัว

แล้วเบิ้มก็ได้เห็นกลุ่มคนที่ดูจะไม่ประสงค์ดีสักเท่าไหร่ อืม...เป็นบอดี้การ์ดแต่ดันรู้ตัวช้ากว่าพี่เลี้ยงอย่างคมสัน เขาควรจะอับอายมั้ยเนี่ย แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพวกเขากำลังเดตกัน แทบจะโดนจ้องมาตลอดทาง เบิ้มเลยตัดประสาทสัมผัส ไม่ได้ใช้สัญชาตญาณหยั่งรู้เหมือนเคย!

“คนรู้จักเหรอสัน”

“ไม่เชิง แต่ฉันรู้จักคนที่ส่งพวกนั้นมาน่ะ” คมสันเอ่ยขณะเช็ดปากอย่างสุภาพ “ก็คนที่โดนตำรวจจับคาบริษัทที่เคยเล่าไง คงเป็นหนึ่งในสาม ไม่ก็ร่วมมือกันจ้างมานั่นแหละ”

เบิ้มชักสังหรณ์ใจไม่ดี

“สัน...หรือที่ชวนมาเดตก็เพราะ...”

“เดตด้วยล่อเจ้าพวกนี้มาจัดการด้วย ไม่ดีหรือ”

เบิ้มจะตอบอะไรได้นอกจากดีครับดี คมสันผู้ฉลาดหลักแหลม เมื่อรู้ตัวว่าโดนเล็งจากกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีเพราะเด้งพนักงานตำแหน่งไม่ธรรมดาออกทีเดียวสามคนด้วยวิธีเอาตำรวจมาลากคอไปดำเนินคดี ไม่ผูกใจเจ็บก็แปลกแล้ว

“งั้นที่ให้คุณหนูไปเข้าค่าย...”

“กันโดนลูกหลงด้วยและไปเรียนรู้ชีวิตด้วย ไม่ดีหรือ”

เบิ้มได้แต่ตอบว่าดีครับดีอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มพับแขนเสื้อเตรียมลุย ชีวิตที่แสนสุขสงบในช่วงหลัง ทำให้ไอ้เบิ้มนึกอยากออกกำลังอยู่พอดี

นับดูแล้วน่าจะยกพวกกันมาสี่คน หึ เจอทีมมืออาชีพหกคนยังไม่คณามือเบิ้ม แล้วสี่คนนี้มีหรือจะเรียกเหงื่อให้เขาได้ อุตส่าห์โชว์ฝีมือต่อหน้าคนรัก เบิ้มก็อยากจะออกท่วงท่าเท่ๆ ให้คมสันประทับใจ

“อย่าต่อยหมัดเดียวสลบอีกล่ะ ฉันอยากเค้นคอเจ้าพวกนี้ก่อน”

“ครับผม”




ถึงที่พัก คุณครูก็เรียกเด็กๆ มารวมกันเพื่อทำกิจกรรมสันทนาการรวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ กิจภัทรจับพลัดจับพลูได้มาอยู่กลุ่มเดียวกับเด็กชายนายเอ ต้องออกไปพรีเซนต์ว่าวันนี้รู้สึกยังไงตอนปลูกป่าชายเลน

“ฉันจะยืนหล่อเฉยๆ นายพูดแล้วกัน”

“ไม่เอา”

“ให้ฉันพูดจะดีเหรอ ถ้าทั้งยืนหล่อด้วยพูดด้วย จะไม่มีใครเห็นนายในสายตาเลยนะ”

“พูดแบบนี้ไปต่อยกันเลยดีกว่า”

“ไม่ล่ะ คมสันสอนว่าอย่ารังแกคนอ่อนแอ”

“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้กิจภัทร เราไปต่อยกัน!”

“เฮ้อ...คนอ่อนแอนี่ช่างเข้าใจยากจริงๆ”





“ขอโทษนะสัน แต่เจ้าพวกนี้อ่อนแอสุดๆ”

เบิ้มยิ้มเจื่อนให้คนรัก เพราะเพียงพริบตา สามในสี่ก็สลบเหมือดด้วยพลังหมัดไม่ธรรมดาของไอ้เบิ้ม ทั้งที่พยายามออมแรงแล้วเชียว แต่ใครจะคิดว่าแค่สะกิดนิดหน่อยจะกระเด็นตัวปลิวขนาดนี้ ดีนะที่พวกเขาล่อมาจัดการที่ลานจอดรถ ไม่อย่างนั้นคงโดนรุมคิดว่ากำลังถ่ายละครกันแล้ว

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เหลือหนึ่งคน และเป็นคนที่ฉันคุ้นหน้าพอดี” คมสันซึ่งปลีกตัวยืนห่างจากวงอาละวาดตั้งแต่ต้นจนจบก้าวเท้าเข้าใกล้ชายหนุ่มผู้น่าสงสารซึ่งขาอ่อนจนลงไปคุกเข่ากับพื้นเพราะเห็นภาพที่น่าสยดสยองเกินไป

“ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าใครส่งมา แต่อยากจะขอยืมโทรศัพท์หน่อยน่ะ” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ ใบหน้าสงบนิ่ง ดูไม่มีพิษมีภัย เว้นแต่ไอ้เบิ้มทำหน้าเหี้ยมอยู่ข้างหลัง ทำให้ชายหนุ่มรีบประเคนส่งโทรศัพท์ตัวเองให้ทันที

คมสันกดเบอร์โทรออกไม่รอช้า

“สวัสดีครับ สบายดีรึเปล่า” คมสันเอ่ยกับปลายสายด้วยน้ำเสียงแฝงความเคารพหลายส่วน “ทำไมถึงใช้เบอร์นี้โทรมาเหรอครับ...อืม ผมลำบากใจที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ลูกน้องของคุณขายคุณให้ผมแล้วล่ะ”

ชายผู้น่าสงสารส่ายหน้าถี่รัว เขาไม่ได้ขาย! แต่จะตะโกนออกไปก็ไม่ได้ เพราะไอ้เบิ้มยังคงยืนขู่อยู่หลังคมสัน

“เขาบอกว่าชื่อสมจิตร ทำงานเป็นมือเป็นเท้าให้คุณมาสี่ปีแล้ว เป็นข้อมูลการขายที่...น่าสนใจมากพอๆ กับคดีความฉ้อโกงเลยนะครับ”

สมจิตร​ผู้น่าสงสารแทบจะเอาหัวโขกกับพื้น รับรู้ชะตากรรมว่าต่อให้เขาจะภักดีต่อเจ้านายแค่ไหน แต่กลับไปงวดนี้คงไม่ได้รับความเชื่อถืออีกแล้ว เผลอๆ จะโดนเขี่ยทิ้งยกแผง! แต่เจ้านายเอ๋ย ตอนนี้ตัวเองก็ติดคดี ถ้าเขี่ยพวกเขาทิ้งอีก ก็แทบจะไม่มีมือเท้าไว้คอยใช้แล้วนะ

อย่าหลงกลเชียว!

สมจิตร​ได้แต่คิด ก่อนจะรีบยิ้มฝืนขณะรับโทรศัพท์คืนจากคมสัน สัญชาตญาณบอกว่าคนมาดดีตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่เห็น

“โชคดีนะ”

คมสันอวยพรอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปหาเบิ้มเตรียมกลับบ้าน ทิ้งสมจิตร​นั่งท้อแท้สิ้นหวัง มองคนหนึ่งที่ตัวสูงใหญ่กำยำ ต่อยคนสลบในพริบตา กับอีกคนที่น้ำนิ่งไหลลึก พูดไม่กี่ประโยคก็พลิกสถานการณ์ในเสี้ยวนาที

เป็นการจับคู่ที่น่าสยดสยองมาก!




กลางดึกคืนนั้น เด็กชายกิจภัทรนอนไม่หลับ

เตียงไม่นุ่มเหมือนที่บ้าน ผ้าห่มก็ไม่มีคนมาคลุมให้! ทุกอย่างช่างไม่ได้ดังใจ ขนาดหมอนข้างไว้กอดนอนยังไม่มี! เด็กชายพลิกตัวไปมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะจ้องตาแทบถลนเมื่อเห็นว่าไม่มีสัญญาณ

เด็กชายฮึดฮัดไม่พอใจ เอาผ้าห่มคลุมโปง

“ร้องไห้เหรอ”

เด็กชายนายเอที่เป็นรูมเมทกันเพราะจับสลากพาซวยเอานิ้วจิ้มก้อนกลมๆ บนเตียงจึกๆ

“เปล่า” เด็กชายกิจภัทรไม่ตอบ แต่เสียงขึ้นจมูกนิดๆ เด็กชายนายเอยักไหล่ ก่อนจะแอบออกไปส่งข้อความหาคมสันนอกห้องที่มีสัญญาณดี เพราะการจับสลากพาซวยนั้นเป็นการเตรียมการล่วงหน้าจากคุณครูฝ่ายสันทนาการ รวมถึงการซื้อใจเด็กด้วยการซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดแลกกับแชทไลน์ของคมสันเพื่อคอยรายงานความเคลื่อนไหวเด็กชายกิจภัทร

ส่งสายสืบใกล้ชิดเป็นคู่กัดเอะอะเป็นท้าต่อย ใครจะสงสัย

โดยเฉพาะกับเด็กสมองน้อยอย่างกิจภัทร ไม่แม้แต่จะสะกิดใจด้วยซ้ำ!

เด็กชาย...ที่ป่านนี้คงกำลังน้ำตานองงอนพี่เลี้ยง หารู้ไม่ว่าแม้จะยอมปล่อยให้คลาดสายตาก็ใช่ว่าจะยอมให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนดูแลสักหน่อย

ขนาดไอ้เบิ้มยังรู้ ถึงจะแอบตงิดในใจว่าคมสันใช้วิธีไหนในการสอดส่องพฤติกรรมก็ตาม

เอาน่า อย่าดูถูกจอมมารเชียว

--------

เราอยากลองแต่งวันสบายๆ ของคมสันกับพี่เบิ้มมาสักพักแล้วค่ะ เลยออกมาเป็นการส่งคุณหนูไปเข้าค่าย เปิดโอกาสให้พี่เบิ้มได้เดตสมใจ แม้จะไม่วายโดนใช้ให้จัดการคนก็ตาม

แต่ในขณะเดียวกัน แม้คมสันจะเริ่มปล่อยๆ ก็ไม่ลืมเตรียมความพร้อมให้คุณหนูไม่ต้องอกแตกตายไปก่อน เราชอบเขียนบรรยายคมสันในมุมเล่าผ่านคนอื่นมาก รู้สึกได้อารมณ์จอมมารดี เพราะถ้าให้คมสันเล่าเองคงไม่ขลังเท่า และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เรื่องนี้ลองเขียนแบบแปลกใหม่ บรรยายแบบไม่ใช่บุคคลที่หนึ่งเหมือนเรื่องอื่นๆ ทำเพราะรักจอมมารล้วนๆ ค่ะ

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ตบบ่าสมจิตรผู้น่าสงสาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
[urlชhttps://twitter.com/MajaYnaja]Twitter : MajaYnaja[/url]
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 08-01-2019 19:30:16
คิดว่าเด็กชายเอจะกลายเป็นหนึ่งแขนขาของคุณหนูในอนาคต
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-01-2019 19:34:05
เรียกจอมมารได้เต็มปากเต็มคำเชียวนะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 08-01-2019 20:27:08
จอมมารช่างน่ากลัวในทุกๆด้าน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 08-01-2019 21:48:54
ชอบนะคะที่ได้อ่านคมสันตากมุมมองของเบิ้ม เหมือนเราได้มองอะไรจากสายตาคนทั่วไป ที่แม้จะค่อนข้างหน้ามืดตามัวอยู่พอสมควร55555555555 อ่านไปก็เอ็นดูคุณหนูไป เด็กหนอเด็ก
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 08-01-2019 21:51:02
ชอบเหมือนกันค่ะ เป็นจอมมารที่ทำทุกอย่างให้ใครสักคนอย่างสุดใจโดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน
ชอบเบิ้มด้วย ที่โดนดักตกมาร่วมขบวนการแบบงงๆ แถมทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด 55555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-01-2019 01:10:57
 :katai2-1:


กำลังเป็นวัยรุ่นเลยยยยย ปวดหัวๆ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-01-2019 02:36:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2019 14:30:36
คมสัน เป็นจอมมาร ที่สุดยอดมากๆ   :katai2-1:
จอมมารสุดที่รักของเบิ้ม   :impress2:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 09-01-2019 22:04:02
โถ วันสบายของพี่เบิ้มก็ยังไม่วายต้องออกแรง จอมมารนี่มันจอมมารจริงๆ  :laugh: สะใจ เอ้ย สงสารที่เด็กชายกิจภัทรต้องไปเข้าค่าย 5555 แม้จะมีคมสันแอบส่งสายช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ดีใจที่เสี่ยจะได้หัดช่วยเหลือตัวเองบ้าง ได้เข้าสังคม ได้เรียนรู้ชีวิต ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆบ้าง อยากให้เสี่ยเข้าค่ายสักเดือนเผื่อความมั่นของนางจะลดลงบ้าง แต่คิดว่าคงไม่เพราะความมั่นหน้ามันเป็นซิกเนเจอร์ของเสี่ย 555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 19 : วันหวานๆ ของเบิ้ม - 8/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-01-2019 22:39:32
นี่ขนาดเป็นวันสบายๆของคมสันกับพี่เบิ้มนะ แต่ที่จริงทุกอย่างคมสันเซตไว้หมดแล้ว จอมมารได้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและจัดการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20 : ได้เวลาออกโรง - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 11-01-2019 20:36:07


ตอนที่ 20 : ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม


อาจเพราะเริ่มทำใจได้ การเข้าค่ายในวันที่สองของเด็กชายกิจภัทรจึงราบรื่นด้วยดี

โดยเฉพาะตอนไปบ้านเด็กกำพร้า เมื่อเห็นว่าเด็กหลายคนโดนพ่อแม่ทิ้ง ไม่ก็เสียครอบครัวไปแต่เด็ก เด็กชายกิจภัทรก็คล้ายจะได้เรียนรู้ชีวิตสมใจพี่เลี้ยง

“พ่อแม่น่ะไม่จำเป็นหรอก!” เด็กชายกิจภัทรให้โอวาทเด็กๆ “จะไปเรียกร้องหาทำไม ไร้สาระ ดูนี่!” พูดจบก็ไปลากแขนพี่เลี้ยงคนหนึ่งซึ่งประจำสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามายืนต่อหน้าเด็กๆ “พี่เลี้ยงทั้งหนุ่มกว่า ดูดีกว่า จะไปวาดฝันถึงพ่อแม่ในจินตนาการทำไม อ้อนคนนี้ให้เยอะๆ สิแล้วจะสบาย เชื่อฉัน ฉันทำมาแล้ว!”

...อืม ก็ไม่รู้ว่าได้เรียนรู้จริงรึเปล่าน่ะนะ

ยังไงก็ตาม หลังออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เด็กชายกิจภัทรที่โวยวายมาตลอดก็เริ่มสงบ ไม่ค่อยบ่นมากแล้ว

รางวัลของเด็กดีคือโทรศัพท์สายสำคัญจากนางฟ้า

“สัน!”

นางฟ้าในใจเด็กชายกิจภัทรน่ะนะ

(( ผมคิดถึงคุณหนูมากเลยครับ ))

“หึ แน่อยู่แล้วสิ แต่ฉันไม่คิดถึงสันหรอกนะ” ถึงจะดีใจแค่ไหนแต่เด็กชายกิจภัทรก็ยังปากแข็งเพราะยังนึกงอนพี่เลี้ยงที่เห็นงานสำคัญกว่าตัวเอง สำหรับคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากครอบครัว ความห่วงใยเอาใจใส่จากคมสัน คือสิ่งเดียวที่เด็กชายยึดเหนี่ยวจนเป็นตัวของตัวเองได้น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ฉะนั้นพอพี่เลี้ยงเริ่มสนใจอย่างอื่นมากกว่า ยุทธวิธีเรียกร้องความสนใจจึงเดินขบวนออกมาเป็นระยะ

เป็นอย่างที่คมสันคิดนั่นแหละ หากเปิดตัวว่าคบกับเบิ้มต่อหน้าเด็กชาย จากความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มมีให้เบิ้มจะกลายเป็นปรปักษ์ทันทีข้อหาแย่งความรักจากคมสันไป

ความเอาแต่ใจแบบสุดโต่งนับเป็นคุณสมบัติของตระกูลชาติบดินทร์

(( ลำบากมั้ยครับ ))

“ลำบากมากกกกก” เด็กชายลากเสียงยาว ตั้งใจให้พี่เลี้ยงรู้สึกผิด

(( ผมเสียใจจัง ))

“อยากมารับฉันแล้วล่ะสิ แต่ฉันไม่ไปหรอก ฉันจะอยู่เข้าค่ายให้ครบสามวัน!” เด็กชายพูดอย่างมาดมั่น หารู้ไม่ว่านั่นเป็นกลลวงของคมสันที่อยากให้ทำตัวดีจนครบกำหนดต่างหาก

(( งั้นพรุ่งนี้ผมจะรีบไปรับนะครับ ))

“แล้วจะนั่งคุยโทรศัพท์ในรถเรื่องงานอีกรึเปล่า”

(( ไม่แล้วครับ ผมจะฟังคุณเล่าถึงความยากลำบากในการเข้าค่ายแทน ))

“ดีมาก!”

ได้คำตอบที่ต้องการเด็กชายกิจภัทรก็ยิ้มแป้น คืนนั้นนอนหลับฝันดี วาดฝันถึงวันพรุ่งนี้ที่พี่เลี้ยงตามง้อสมใจ

แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายขนาดนั้นนี่สิเด็กชายกิจภัทรเอ๋ย...






เช้าวันที่สามขณะขับรถลงเขาเตรียมกลับกรุงเทพ รถบัสพลันเบรกเอี๊ยดจนเหล่าเด็กๆ และคุณครูแทบจะหน้าทิ่มเบาะกันถ้วนหน้า

“มีอะไรเหรอคะ” คุณครูยังสาวชะโงกหน้าถามคนขับ

“มีคนตัดหน้ารถน่ะ เหมือนจะต้องการความช่วยเหลือนะ” คุณครูผู้ชายและฝ่ายสันทนาการเดินลงไปรับชายแปลกหน้าขึ้นมา

“มอเตอร์ไซค์ผมล้มตรงโค้งโน้น” ชายผู้บาดเจ็บหัวแตกเลือดอาบเล่าระหว่างได้รับการปฐมพยาบาลจากคุณครูยังสาว “ขอติดรถไปโรงพยาบาลได้มั้ยครับ”

“ได้ค่ะ เอ้า เด็กๆ เว้นที่ให้พี่เขาหน่อยนะ”

กิจภัทรที่มักนั่งหน้าเป็นนิสัยโดนไล่ แอบไม่ชอบใจนิดหน่อย นึกว่าจะได้กลับไปหาคมสันเร็วๆ แล้วเชียวแต่ติดต้องแวะโรงพยาบาลก่อนอีก แต่เอาเถอะ เขาเกลียดเลือดสีแดงๆ ดูน่ากลัวจัง ลุกก็ลุก...

“อย่าขยับ!”

อ้าว ทำไมลุกแล้วยังไม่ไปไหน เหมือนจะโดนคว้าตัวไปติดแหมะกับบางคน

“กรี๊ด!”

คนคนนั้นคือชายแปลกหน้าที่ทำแผลเสร็จก็หยิบปืนออกมาชี้กราด

“ขับต่อสิวะ ขับไปข้างหน้า แม่งเอ๊ย มอเตอร์ไซค์เสือกล้ม ไม่งั้นกูหนีได้ไกลแล้ว” ชายคนนั้นหันไปตวาดคนขับ ก่อนจะหันมาจ่อปืนเข้าที่หัวกิจภัทร เด็กชายกะพริบตาปริบๆ เพราะเคยดูแต่การ์ตูนดิสนีย์ เลยไม่รู้ว่าไอ้ที่โดนจี้อยู่นี้คือการโดนจับเป็นตัวประกัน

“จอดข้างหน้า! กูรู้น่าว่าเลยไปมีป้อมตำรวจ จอดแค่ตรงนี้พอ จอดสิวะ!” ชายแปลกหน้าอาละวาดโวยวายไม่หยุด เด็กชายกิจภัทรปวดหูมาก แม้เขาจะชอบโวยวายเป็นปกติ แต่ใช่ว่าจะชอบเวลาโดนตะโกนข้างหู “อย่าขยับ!”

แต่ไม่ทันได้ยกมือปิดหู เด็กชายกิจภัทรก็ถูกกระชากลงจากรถไปพร้อมกับชายแปลกหน้าที่ยังยกปืนจ่อ

“กิจภัทร!” คุณครูยังสาวกรีดร้องเพราะคิดไม่ถึงว่าเจ้าโจรจะลากเด็กลงไปด้วย

“กูรู้ว่าลับหลังพวกมึงต้องแจ้งตำรวจ ใครจะโง่โดนจับวะ กูจะพาตัวประกันไปด้วย ดูซิพวกตำรวจมันจะกล้ายิงกูมั้ย”

“แต่เด็กไม่เกี่ยวอะไรเลยนะ”

“ก็เรื่องของมันสิวะ!”

เด็กชายกิจภัทรทำอะไรไม่ถูก เขากะพริบตาปริบอีกหลายที รู้ตัวอีกทีก็โดนโจรลากเข้าป่าแล้ว






ณ ช่วงเวลานั้น ไอ้เบิ้มกำลังจะสอนคนรักว่ายน้ำ

คมสันที่สวมกางเกงรัดรูปตัวเดียวช่างคุ้มค่าแก่การเกลี้ยกล่อมแกมอ้อนวอนของไอ้เบิ้มเหลือเกิน เขายกข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อให้คนรักยอมตกลง ก่อนจะจับหน้าอกตัวเองว่าจะสอนรอดโดยไม่หัวใจวายก่อนรึเปล่า เพราะนอกจากความเซ็กซี่สะท้านทรวงแล้ว เวลาคมสันหรี่ตาเพราะมองไม่เห็นช่างน่ารักเกินจะทานทน

เบิ้มเพิ่งรู้เมื่อเร็วๆ นี้เองว่าคมสันสายตาสั้นมาก เวลาถอดแว่นเลยเผลอหรี่ตาบ่อยๆ นี่อาจเป็นอีกเหตุผลที่ไม่ชอบว่ายน้ำละมั้ง ก็ไอ้ท่าทางแบบนี้ดูไม่สมกับเป็นผู้ช่วยเลขาแสนน่าเกรงขามเลย

แต่สมเป็นคนรักของไอ้เบิ้ม

แหม นึกแล้วก็เขิน เบิ้มสอนคมสันว่ายน้ำต่อดีกว่า ความจริงแล้วคมสันพื้นฐานดีมาก ติดแต่พอถอดแว่นแล้วไม่ค่อยมั่นใจ เลยว่ายแบบเก้ๆ กังๆ เหยียดแขนไม่สุด

พลันเสียงโทรศัพท์ดังแทรกระหว่างเราสอง

คมสันว่ายไปรับโทรศัพท์ซึ่งวางอยู่บนขอบสระว่ายน้ำ เสยผมปรกตาขึ้น ก่อนจะชะงัก

เห็นความผิดปกติ เบิ้มรีบว่ายไปหาคนรักที่ดวงตาเผยแววหวั่นไหว

“สัน...”

ไม่รู้ทำไม แต่ตอนนั้นเบิ้มตัดสินใจกอดคนตรงหน้า

เพราะคมสันดูเปราะบางอย่างบอกไม่ถูก แต่ในพริบตา ความเปราะบางก็แทนที่ด้วยความเกรี้ยวกราด คมสันกำโทรศัพท์แน่น ขณะที่อีกข้างกำมือเบิ้มซึ่งโอบรอบเอว พลังบีบด้วยแรงอารมณ์นั้นถึงกับทำให้ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเบิ้มร้องโอดโอย

“เบิ้ม”

วินาทีนั้นเบิ้มเริ่มคิดว่าการถอดแว่นคมสันนั้นอาจไม่ใช่เรื่องดี

เพราะตอนนี้เขาแทบจะเห็นแววตาชัดๆ ของจอมมารกำลังกริ้ว

“ได้เวลานายออกโรงแล้ว”





กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตอนไอ้เบิ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวบินจากกรุงเทพไปสมุทรปราการ อภิสิทธิ์พิเศษที่ไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน คมสันแค่เล่าสั้นๆ ว่าเป็นของท่านประธาน เอาไว้พาสาวชมวิวกรุงเทพเล่นๆ มามุกนี้ทีไร จีบติดทุกรายรวมถึงคุณหญิงด้วย

ช่างเรื่องอดีตความรักของประธานก่อน เพราะตอนนี้เบิ้มกำลังประชุมกับคมสัน ใครเลยจะนึกว่าแค่ส่งเด็กเวรไปเข้าค่ายทำความดี จะบานปลายถึงขั้นถูกจับเป็นตัวประกันได้ล่ะ พอนึกหน้าซีดเผือดของคมสันตอนรู้ข่าว ไอ้เบิ้มก็รีบจับมือที่สั่นน้อยๆ นั้นอย่างให้กำลังใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันคงทำให้คมสันนึกโทษตัวเองที่สุด

และคาดว่าจะตราตรึงในความทรงจำอีกนาน

หลังจากนี้เด็กเวรเตรียมตัวอดเข้าค่ายตลอดชีวิตแน่!

อืม...แต่เบิ้มก็ไม่คิดว่าคุณหนูสุดที่รักจะกล้าไปค้างที่อื่นอีกเหมือนกัน ต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจเด็กชายด้วย เบิ้มห่วงคมสัน แต่ขณะเดียวกันก็ห่วงเด็กเวรมาก แต่ถ้าไม่มีคนตั้งสติสักคน เกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่

“แล้วจะหาคุณหนูเจอยังไง”

พูดไม่ทันจบประโยคดีคมสันก็ส่งเครื่องที่มีลักษณะคล้ายโทรศัพท์ขนาดจิ๋วให้เบิ้ม บนหน้าจอปรากฏจุดสีแดงเคลื่อนที่

“...”

อืม...มาถึงตอนนี้ก็ไม่ควรแปลกใจ แม้คมสันยอมให้เด็กเวรไปเข้าค่าย มีหรือจะยอมเฉยๆ โดยไม่ใส่เครื่องติดตามตัวไปด้วย

เบิ้มไม่แปลกใจเลยจริงๆ

จริงๆ นะ

“ไม่ส่งพิกัดให้ตำรวจล่ะ” เขารับมาถือ ดูรายละเอียดการเคลื่อนไหวของคนร้ายและเด็กเวรที่ดูเหมือนจะเดินเข้าป่าลึกเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มตกดึก เดินในป่ายามกลางคืนน่ะไม่น่าพิสมัยนักหรอก

“ให้แน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฉันกลัวพวกตำรวจล้อมจับกุมจนคนร้ายคลุ้มคลั่งแล้วทำให้คุณหนูเป็นอันตราย” คมสันเอ่ย แม้จะมือสั่น หน้าซีด แต่ก็พยายามคงสติและความเยือกเย็นไว้ ความเข้มแข็งอันน่านับถือของคนรักนั้นทำให้เบิ้มกำมืออีกฝ่ายแน่นขึ้น “คนที่ฉันเชื่อใจมีแค่นายคนเดียว”

“ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยคุณหนูของเราให้ได้”

เบิ้มดึงมือนั้นมาจุมพิตหลังฝ่ามือ เหมือนอัศวินที่กำลังกล่าวปฏิญาณกับนายเหนือชีวิต

“ฉันสัญญา”






ขณะที่เบิ้มและคมสันกำลังตึงเครียด คนร้ายก็กำลังประสบปัญหาตัวประกันอ่อนแอเกินไป

“เดินเร็วๆ หน่อยสิวะ!”

“ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย”

“อยากตายใช่มั้ย!”

“ก็มันเดินไม่ไหว จะให้ทำยังไง!”

เด็กชายกิจภัทรร้องโวยวายหลังจากโดนลากไปมาหลายชั่วโมง เขาเคยต้องลำบากถึงขนาดนี้ที่ไหน ต่อให้จะต้องลุยโคลน ปลูกต้นไม้ แต่ก็ได้พัก มีคุณครูเอาน้ำมาให้ดื่ม นั่งคุยเล่นกับเพื่อน ทำเสร็จก็ขึ้นรถตากแอร์แสนสบาย ไม่เคยต้องมาย่ำบนหญ้าบนกิ่งไม้ เหงื่อไหลอาบตัว มุ่งตรงเข้าป่าแบบไร้จุดหมายสักหน่อยนี่!

ในใจคนร้ายเห็นตัวประกันไม่กลัวตายก็เริ่มรู้สึกว่าตรรกะของเด็กคนนี้ออกจะเพี้ยนๆ ไปสักหน่อยแล้ว เห็นปืนแต่ไม่กลัว คิดว่าเขาถือเยลลี่จ่ออยู่หรือไง แต่จะให้ยิงทิ้งตรงนี้ก็ไม่ได้ เพราะเขาสังหรณ์ว่าตำรวจใกล้จะตามทันแล้ว ถึงตอนนั้น...หากไม่มีตัวประกัน เขาคงโดนจับง่ายๆ ทั้งที่เกือบจะหนีพ้น!

เรื่องเริ่มต้นจากเมื่อสามชั่วโมงก่อน เขามีปากเสียงกับเพื่อนสนิทเพราะแย่งแฟนกันจนเผลอยิงไปหนึ่งนัดด้วยความเมา แต่ดันเป็นนัดที่เจาะสมองแม่นยำจนไม่ต้องอังจมูกก็รู้ว่าตายแน่ ตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกนอกจากต้องหนี! หนีไปให้ไกลที่สุด! เลยรีบขี่มอเตอร์ไซค์หลบออกมา แต่โชคร้ายเหลือเกิน มอเตอร์ไซค์สะดุดก้อนหินล้มคว่ำกลิ้งขลุกๆ ตรงทางลาดระหว่างลงเขา หัวแตกเลือดอาบ แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดี มีรถโรงเรียนผ่านมา เลยรีบยืนขวางขอความช่วยเหลือ

เมื่อได้ทำแผล คนร้ายก็ใจกล้าจับเด็กเป็นตัวประกันเพื่อทำการหลบหนีต่อ แม้จะไม่รู้ก็ตามว่าไอ้ทางที่กำลังเดินไปเนี่ยจะทะลุออกทางไหน เขาหวังแค่ว่าไม่โดนตำรวจจับก็พอแล้ว อืม...ว่าแต่เด็ก คนร้ายก็ไม่ค่อยจะมีสมองเหมือนกัน ช่วยไม่ได้จริงๆ เขาเมาจนพลั้งมือยิงเพื่อนตาย สติเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางดีนัก ในหัวคิดแต่ว่าต้องหนี! ทำยังไงก็ได้ขอแค่หนีไว้ก่อนส่วนจะรอดมั้ยค่อยว่ากัน!

“ฉันจะพัก!”

แล้วดูเด็กที่กะมาเป็นหลักประกันหากตำรวจตามเจอซะก่อน โวยวายจบก็นั่งกับพื้นทันทีอย่างเอาแต่ใจสุดขีด พอเห็นกางเกงเปื้อนก็ทำหน้าขยะแขยง สงสัยจะจับลูกคุณหนูมาสินะ วินาทีนั้นคนร้ายครุ่นคิดฉับไว หรือว่าเขาควรเอาเด็กนี่มาเรียกค่าไถ่ ขอเงินสักร้อยล้านแล้วบินหนีออกประเทศดี

ความคิดนี้ใช้ได้ แต่ไม่ทันจะถามว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แสงไฟฉายที่ส่องลอดต้นไม้ก็ทำให้คนร้ายตื่นตัว ความกลัวเข้าแทรก รีบกระชากเด็กชายกิจภัทรที่เพิ่งนั่งพักหมาดๆ ให้รีบหนีเข้าป่าลึก

“ฉันจะ...อื้อ!”

คนร้ายปิดปากเด็กเวร แทบจะอุ้มวิ่งเพื่อหนีตำรวจ ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเป็นลูกคนรวยขนาดยอมจ่ายร้อยล้านจริงเขาก็ขอหนีก่อนกว่า ต้องหนี! หนี!!!

---------------

มาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องนี้แล้วนะคะ เมื่อเด็กเวรต้องมารับกรรมด้วยแรงพลังแห่งคำสาปของผู้ถูกลืม จึงกลายเป็นผู้ถูกเลือกโดนลักพาตัวไปด้วยประการฉะนี้ รับรองว่าไม่มีใครลืมแล้วแน่นอน สรุปแล้ว...มาเรื่องคมสันเด็กเวรนั้นมีบทเยอะกว่าเรื่องตัวเองอีก! 5555555

ส่วนพี่เบิ้มกับคมสันนั้น...ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ห่วงคนร้ายดีกว่า!

#จอมมารคมสัน
เพจนักเขียนที่ตบบ่าสมชัยผู้น่าสงสาร (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2019 20:50:44
 :laugh:  ตายแน่
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 11-01-2019 21:09:33
ได้ลุยเกินลิมิตไปเพียบเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 11-01-2019 21:23:41
สยองแทนคนร้าย จะโดนจอมมารจับไปทำไรน้อ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-01-2019 22:14:04
โถ จับใครไม่จับ มาจับเสี่ย สงสารโจรจริงๆ 55555
ว่าแต่พี่เบิ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกทม-สมุทรปราการเนี่ยนะ .... :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Narika ที่ 12-01-2019 02:53:55
เอ็นดูเสี่ยยย :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 12-01-2019 10:15:49
โถ๋ เสี่ย น่ามสาน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-01-2019 10:56:02
เสี่ยดูจะทำดีก็ตอนนี้นะ

สงสารก็แต่โจรสติแตก น่าจะโดนยำเละแน่
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-01-2019 07:21:19
อยากตะโกนบอกคนร้าย จับตัวประกันผิดคนแล้วววว พลาดแล้ววว เดี๋ยวเจ็บตัวแล้วต้องติดคุกอีก สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 20:ได้เวลาออกโรงของเบิ้ม - 11/01/2019 - P.9
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 13-01-2019 10:04:18
จับผิดคนแล้วล่ะ55555555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! -ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม- 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 13-01-2019 19:35:20
ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม

เบิ้มเห็นตำรวจแล้ว

เขาเพิ่งลงจากเฮลิคอปเตอร์เมื่อสามสิบนาทีก่อน แม้จะอยากมาให้เร็วที่สุด แต่บนภูเขาไม่มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ เบิ้มเลยต้องโชว์ฝีมือเดอะฟาสขับรถซิ่งมาที่จุดหมาย ก่อนจะทิ้งรถไว้กลางทางแล้วเดินเข้าป่า ด้วยการเคลื่อนไหวดังเดอะแฟลช ไม่นานก็ทันพวกตำรวจที่จับกลุ่มลงพื้นที่ตามหากันเกือบร้อยชีวิต

เด็กชายกิจภัทรคงไม่รู้ว่ากำลังดังใหญ่แล้ว ลูกชายเจ้าของบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ถูกจับระหว่างไปเข้าค่ายทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เป็นประเด็นข่าวร้อนๆ ที่เรียกให้คนทั้งประเทศเอาใจช่วยด้วยคิดว่าเด็กชายช่างแสนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ เด็กที่บุญรักษาอย่างนี้ไม่ควรต้องเผชิญกับคนร้ายเลย ประธานกับคุณหญิงเองหลังทราบเรื่องก็รีบเดินทางมาให้ไวที่สุด โชคดีที่รายหลังตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมลูกชายพอดี ลงเครื่องจากอเมริกาก็เดินทางมาที่สมุทรปราการต่อได้เลย

เสียงคุยของพวกตำรวจที่กำลังกระจายกำลังตามหาทำให้เบิ้มเลือกเดินเลี่ยงไปอีกทาง ทั้งที่จะเข้าไปขอความร่วมมือก็ได้ แต่เขาเชื่อฟังคมสัน อีกอย่างตำรวจในพื้นที่ไม่ค่อยเจอเหตุการณ์คนร้ายจับตัวประกันนั้นไม่รู้จะรับมือได้ดีแค่ไหน หากยกขโยงไปเยอะๆ แล้วคนร้ายคลั่งจนเผลอฆ่าเด็กจะทำยังไง เบิ้มไม่กล้าเสี่ยง

ก็เพิ่งจะคลั่งฆ่าเพื่อนไปนี่นะ...

คนที่ฉุกใจเรื่องนี้คนแรกคือคมสัน ทันทีที่รู้ว่าคุณหนูโดนจับเป็นตัวประกัน คมสันก็สอบถามตำรวจในพื้นที่ทันทีว่ามีคดีเกิดขึ้นเมื่อเร็ววันนี้หรือไม่ พอรู้ว่ามีการฆ่าคนตายคนร้ายหลบหนีโดยไม่รู้ว่าเป็นใคร คมสันก็แทบจะฟันธงแล้วว่าเป็นคนเดียวกัน พอเอารูปพรรณสันฐานไปถามคุณครูก็ได้คำตอบว่าใช่ ทำให้สองคดีเชื่อมโยงกันอย่างรวดเร็ว เพราะตอนแรกนักข่าวพยายามเล่นประเด็นคนร้ายจงใจขึ้นรถโรงเรียนนานาชาติชื่อดังเพื่อจับเด็กเวรเป็นตัวประกันหวังเรียกค่าไถ่โดยเฉพาะ

ถ้าเลือกได้ ทั้งเบิ้มกับคมสันอยากให้เป็นการเรียกค่าไถ่ยังดีกว่าให้เด็กเวรต้องอยู่ในเงื้อมมือของฆาตกรที่ไม่รู้จะสติแตกเมื่อไหร่

‘เบิ้ม ได้ยินมั้ย’

“ได้ยิน” เบิ้มจับหูฟังไร้สายพลางขมวดคิ้ว ในป่าไม่ค่อยมีสัญญาณ เสียงเลยขาดๆ หายๆ

‘เจอคุณหนูรึยัง’

“ยัง สงสัยเห็นแสงไฟฉายตำรวจเลยวิ่งหนี ตอนนี้ห่างไปไกลกว่าเดิมมาก”

คมสันสบถ หายากสุดๆ สำหรับคนเนี้ยบเป๊ะอย่างคมสันที่จะเผลอหลุดหยาบ

‘ฉันถึงไม่อยากแจ้งตำรวจ ทำไก่ตื่นหมดแล้ว’


เบิ้มเลือกที่จะเงียบเพราะมีจุดยืนเป็นกลางอีกครั้ง แม้การเอาไฟฉายส่องหาจะโจ่งแจ้งเหมือนประกาศให้คนร้ายไหวตัวว่ากำลังจะมาจับแล้วนะเว้ย แต่จะหักใจให้ตำรวจเดินดุ่มๆ เข้าป่าโดยไม่มีแสงนำทางก็อันตรายเกินไป

ใครเลยจะเหมือนเบิ้ม แม้ฟ้าเริ่มมืดก็ไม่หวั่น มองเห็นชัดเจนและเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ขนาดเดินผ่านหลังตำรวจนายหนึ่งไปในระยะประชิด คนนั้นยังไม่รู้ตัวเลย

“ไม่ต้องห่วง คนร้ายวิ่งไปคนละทางกับแสงไฟ ฉันจะพยายามวิ่งไปดัก”

‘จำไว้นะเบิ้ม ความปลอดภัยของคุณหนูมาก่อน’

“ครับ”

เบิ้มวิ่งพลางคิดกังวลไม่หยุดว่าเด็กเวรจะเป็นยังไงบ้าง เจ้าเด็กคนนั้นจะทนลำบากได้มั้ยเนี่ย ปกติต้องนอนบนเตียงปูฟูกนุ่มอย่างดี ขึ้นเครื่องบินก็ต้องเป็นเฟิร์สคลาส อาหารไม่อร่อยก็ไม่ยอมกิน เอาแต่ใจขนาดนั้นโดนลากเข้าป่าไม่รู้จะเป็นลมหรือยัง

ต่อให้คมสันไม่บอก เบิ้มก็ห่วงเด็กเวรแทบบ้าเหมือนกัน!

ด้วยฝีเท้าของเบิ้ม ไม่นานก็ตามสัญญาณสีแดงบนหน้าจอทัน ทั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้ความอ่อนแอของเด็กเวร เพราะเริ่มประท้วงคนร้ายจนโดนทิ้งแหมะให้นั่งพิงต้นไม้อยู่คนเดียว

“เจอคุณหนูแล้ว” เบิ้มรีบรายงานทันที

‘เขาเป็นยังไงบ้าง’

“อืม...ไม่ค่อยดี” เบิ้มตอบตามจริงขณะรีบวิ่งหาเด็กเวรที่นั่งคอพับกับต้นไม้ ไม่รู้ว่าสลบหรือเหนื่อยกันแน่ สภาพสะบักสะบอมชนิดเขาเห็นยังปวดใจ ดูเหมือนที่คนร้ายเลือกทิ้งเด็กเวรไว้เพราะระหว่างวิ่งหนีตำรวจเด็กชายทำรองเท้าหลุด ฝ่าเท้าเลยโดนกิ่งไม้ตำจนทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาว จากตัวประกันกลายเป็นตัวถ่วง

“เบิ้ม!”

 โชคดีที่เด็กเวรไม่ได้สลบ แค่หลับตาพักเหนื่อยเท่านั้น พอเห็นร่างสูงใหญ่ของเบิ้มปรากฏกายก็ไม่ถามสักคำว่ามายังไง แต่ชี้นิ้วไปที่แผลบนเท้า ทำหน้าปวดแสบปวดร้อนทั้งที่โดนตำแค่รูเดียว

แต่ก็เป็นรูเดียวแสนสาหัสสำหรับเด็กชายกิจภัทรที่โดนเลี้ยงอย่างถนอมชนิดยุงจ้องจะกัดยังทำไม่ได้ เบิ้มยกเท้าเด็กชายขึ้นดูขณะเขี่ยเศษกิ่งไม้ที่ยังคาในแผลออก ก่อนจะฉีกเสื้อตัวเองเพื่อพันห้ามเลือด

“ลุกไหวมั้ยครับ”

“ไม่ไหว ไม่อยากเดินแล้ว” เด็กชายบ่นกระปอดกระแปด เบิ้มเลยหันหลังพลางย่อตัวเพื่อให้อีกฝ่ายปีนขึ้นหลัง อืม...สุขภาพจิตยังดีเยี่ยมนะเนี่ย โดนจับเป็นตัวประกันแต่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณที่คมสันเลี้ยงแบบหลุดโลกดี หรือขอบคุณที่สมองเด็กเวรมีปัญหาดี

‘รีบพาเขากลับมา ฉันรออยู่ที่รถตำรวจกับหน่วยพยาบาล’

“ได้” เบิ้มตอบคมสันขณะเด็กเวรปีนขึ้นหลังสำเร็จ แต่ไม่ทันจะลุกขึ้น เสียงยิงปืนก็กระทบโสตประสาทของเบิ้ม เป้าหมายของลูกกระสุนนั้นคือเด็กที่อยู่ข้างหลัง ไอ้เบิ้มรีบพลิกตัวทันที ไม่ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ให้เด็กชายกิจภัทรเจ็บตัวมากไปกว่าโดนกิ่งไม้ตำไม่ได้!

ลูกกระสุนเฉือนหางคิ้วไอ้เบิ้มพอดิบพอดีระหว่างเบี่ยงตัวหลบ เรียกเลือดเป็นทางยาวจนไหลอาบหน้าซีกขวา นับเป็นการเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์ที่ทำให้คนร้ายถึงกับชะงัก เปิดโอกาสให้เบิ้มเตะเท้าปัดปืนในมือคนร้ายให้กระเด็นไกล

ก่อนไอ้เบิ้มจะเคลื่อนไหวดังเดอะแฟลช คว้าปืนนั้นมาจ่อคนร้ายแทน

“ยะ...อย่ายิงนะ!” คนร้ายแทบจะลงไปทรุดกับพื้นด้วยความหวาดกลัว เบิ้มคิดว่าที่คนร้ายย้อนกลับมา น่าจะเพราะรู้ตัวว่าหนีไม่พ้น ในเมื่อตอนนี้ตำรวจเริ่มบีบวงแคบ ในเมื่อหนีด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ เลยกะจะเอาเด็กเวรเป็นตัวประกันอีกครั้ง พอเห็นเงาดำๆ ของเบิ้มก็ตกใจจัด เผลอลั่นไกยิงเปรี้ยงเข้าให้

แต่ภาพต่อจากนั้นดันพิสดารล้ำโลกเกินไป ไอ้เบิ้มพลิกตัวหลบระหว่างกำลังอยู่ในท่าคุกเข่าให้เด็กเวรปีนขึ้นหลัง เตะเท้าแม่นยำทั้งที่หน้าซีกขวาอาบเลือด แล้วยังใช้อีกมือเอื้อมคว้าปืนมายกจ่ออีกต่างหาก ความพลิกผันที่เกิดขึ้นทำเอาคนร้ายอ้าปากค้าง คิดว่าหลงเข้ามาในหนังบู๊สักเรื่อง

หารู้ไม่ว่าไอ้เบิ้มก็ใจหายใจคว่ำน่าดู

“เบิ้ม!”

“ผมไม่เป็นไรครับ” เบิ้มเอ่ยปลอบเด็กเวรที่โอบแขนรอบคอไอ้เบิ้มอย่างเป็นห่วง แถมยังเอาเศษผ้ามากดหัวคิ้วห้ามเลือดให้ ความห่วงใยนี้ทำเขาซาบซึ้งถึงก้นลึกของหัวใจ ถ้าไม่ติดว่าเด็กเวรเอาผ้าที่เขาเพิ่งพันฝ่าเท้าอีกฝ่ายมาใช้น่ะนะ...

การอุ้มเด็กชายใช้มือเดียวก็เพียงพอสำหรับไอ้เบิ้ม แต่จะให้ใช้อีกมือยิงปืนใส่คนร้ายก็เกรงจะเป็นภาพจำที่ไม่ดีของเด็กเวร เบิ้มเลยตัดสินใจ

เขวี้ยง!

แรงขว้างไม่ธรรมดาจากเบิ้มเดอะฮัคสร้างเสียงของแข็งกระแทกกะโหลกดังสนั่นหวั่นไหว คนร้ายล้มโครมทันที พอดีกับแสงไฟฉายเริ่มสาดส่อง

“ทุกคนยกมือขึ้น นี่ตำรวจ!”

สมเป็นนิยายไทย ของแท้ ตำรวจต้องมาช้า

“ตามมาถูกได้ยังไงเหรอครับ” เบิ้มถามขณะใช้สองมือโอบเด็กเวรที่ซุกหน้ากับหลังนิ่งงันผิดวิสัย ทั้งที่ชอบเป็นจุดเด่นจุดสนใจ แต่ถ้าถูกตำรวจหลายสิบคนรุมมองคงไม่นับสินะ

“ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีน่ะ”

เบิ้มเพิ่งรู้ตัวตอนนี้เองว่าตอนพลิกตัวหลบกระสุน เขาเผลอทำหูฟังตก พอคมสันติดต่อไม่ได้เลยแจ้งตำรวจให้ตามสมทบ

กองหนุนที่มาจากคนรักทำให้เบิ้มวางใจ ปล่อยคนร้ายเป็นหน้าที่ของตำรวจ ก่อนจะแบกเด็กเวรเดินออกจากป่า ภาพที่ปรากฏทำเอาแทบจะอ้าปากค้าง เพราะทั้งสำนักข่าว ทั้งรถตำรวจ รถพยาบาล จอดเต็มไปหมด แต่ภาพที่ทำให้เด็กเวรซึ่งนอนซบนิ่งบนหลังเขาขยับตัว ก็คือผู้ใหญ่สามคนยืนรออยู่หลังเส้นกั้นของตำรวจ

คนแรกคือประธาน คนสองคือคุณหญิง คนสามคือคมสัน

เด็กเวรดิ้นขลุกขลักจนเบิ้มต้องรีบย่อตัวเพื่อปล่อยให้เดินเอง วินาทีนั้น คนที่ไม่กลัวอะไร ปากดีเก่งกล้าแถมยังเจ็บเท้าจนเดินกะเผลกก็วิ่งโร่เข้าหา...

“สัน ฮือ คมสันนน”

...คมสัน

เด็กเวรร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกลั้นมานาน เบิ้มสงสัยอยู่แล้วเชียวว่ามีหรือจะไม่กลัวเลยถ้าต้องโดนฉุดกระชากลากเข้าป่า ผลคือกลัว กลัวมาก แต่ก็พยายามเชิดหน้าสู้เข้าไว้ นี่คงเป็นความเข้มแข็งพ่วงทิฐิแบบแปลกๆ ของเด็กชายกิจภัทร และคนที่จะยอมเผยความอ่อนแอออกมานั้น...

ก็มีแค่คมสัน

หากคมสันไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เด็กเวรเห็นเพื่อหวังเป็นหลักยึดที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เด็กเวรก็ไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอนี้นอกจากคมสันเท่านั้นเพื่อเกาะเกี่ยวหลักยึดนั้น

เบิ้มเดินเข้ามาใกล้ภาพความประทับใจพลางใช้รูปร่างสูงใหญ่ของตัวเองบังนักข่าว เพราะนี่เป็นช่วงเวลาแสนซาบซึ้งของพี่เลี้ยงและคุณหนูสุดที่รัก เห็นแล้วก็อดเกาแก้มแก้เก้อไม่ได้ นึกว่าเด็กเวรเปิดใจแล้วเชียว แต่ก็ยังเทียบแม้แต่ครึ่งหนึ่งของพี่เลี้ยงไม่ได้อยู่ดีสินะ

แต่เอาเถอะ เขาก็ไม่คิดจะสู้กับคมสันอยู่แล้ว

เทียบกันแล้ว ประธานกับคุณหญิงที่อ้าแขนรอเก้อยังน่าเห็นใจกว่าอีก

เพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้ คมสันที่โดนเด็กเกาะเป็นลูกลิงเลยจำต้องอุ้มเด็กอายุสิบสี่ขึ้นมา ทุลักทุเลน่าดูจนเบิ้มต้องเข้าไปช่วยประคอง ซ้อนมือรองรับน้ำหนักบางส่วนให้

คมสันพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงขอบคุณ ยามก้มหน้าทอดมองเด็กเวรที่ยังร้องไห้ไม่หยุดสองมือเกาะไม่ปล่อย

สายตานั้นแฝงความอ่อนโยนรักใคร่ยิ่งกว่ายอดดวงใจ

สื่อความหมายว่าไม่มีวันทิ้งเด็กคนนี้เด็ดขาด








“ตอนเด็กๆ ฉันแค่อยากได้รับคำชมเท่านั้น”

กลับมาถึงคฤหาสน์ชาติบดินทร์ คมสันก็พาคุณหนูที่ยังเกาะหนึบไม่ห่างไปอาบน้ำทำแผล ก่อนจะมาปูฟูกนอนอยู่ข้างๆ เพราะไม่ว่ายังไงเด็กชายกิจภัทรที่ตอนนี้หลับไปด้วยความอ่อนเพลียก็ไม่ยอมนอนคนเดียวเด็ดขาด

ไอ้เบิ้มเลยต้องมาฟูกข้างๆ คมสันอีกที ให้นอนเหงาคนเดียวเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน

“เพราะประธานกับคุณหญิงเลี้ยงเด็กไม่เป็น ฉันเลยลองอาสาโดยศึกษาจากพี่เลี้ยง ก็แค่อยากได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้านายของแม่และพ่อน่ะ” คมสันเอ่ยขณะตะแคงข้างเพื่อกระซิบคุยเสียงเบากับเบิ้ม มือเรียวสวยลูบรอยแผลตรงหางคิ้วอย่างอ่อนโยนแกมห่วงใย ทั้งที่โดนลูกกระสุนเฉือน แต่กลับเป็นแค่รอยบาก เย็บไม่กี่เข็มก็หาย แถมไม่มีไข้ ร่างกายแข็งแรงถึกทนสุดขีด “ตอนทั้งคู่เริ่มหมดใจ แอบคบชู้ควงสนุกๆ อยู่ข้างนอกแบบไม่จริงจัง ฉันก็อยากจะถอนตัวอยู่หรอก ใครจะอยากแทรกกลางระหว่างครอบครัวคนอื่นกันล่ะ จริงมั้ย”

เบิ้มพยักหน้า

“ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรเลย แค่อยากรู้ว่าหากวันใดวันหนึ่งประธานกับคุณหญิงหย่าขึ้นมาจริงๆ คุณหนูจะเลือกอยู่กับใคร ก็เลยตะล่อมถามดูจะได้วางตัวหลังจากนั้นถูก”

พลันคมสันเงียบไปอึดใจหนึ่ง

“คุณหนูตอบว่า...”

‘ก็อยู่กับพี่สันไงครับ’

เพราะตอนนั้นคมสันไม่ถึงกับวางตัวเป็นพี่เลี้ยงเต็มตัว พวกผู้ใหญ่เลยให้เด็กชายกิจภัทรเรียกคมสันว่าพี่ พอนึกดูแล้ว...ก็คิดถึงเหมือนกันนะ

“คุณหนูเลือกอยู่กับฉัน แบบไม่ลังเล ตอนนั้นเขาเพิ่งสามขวบ เดินมาพูดกับฉันเสียงดังฉะฉาน...”

คมสันเงียบลงไปอีกครั้ง นึกถึงภาพของเด็กชายกิจภัทรที่มองมาตาใสแป๋วอย่างไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าครอบครัวกำลังระหองระแหง และคมสันก็กำลังคิดจะเลือกฝ่าย

ใครเลยจะรู้ว่าการกระทำที่ไม่เห็นว่าสำคัญสำหรับคมสันจะมีค่ามีความหมายกับเด็กคนหนึ่งมากมายแค่ไหน

“ตั้งแต่นั้น ฉันก็เลยอยู่ข้างคุณหนู” คมสันเอ่ยเสียงเรียบ “พยายามประคับประคองครอบครัวของเขาสุดความสามารถ จนประวิงเวลาออกไปได้อีกสักพัก แต่สุดท้ายประธานกับคุณหญิงก็ทนอยู่ด้วยกันไม่ได้อยู่ดี...”

“นายทำดีที่สุดแล้วสัน” เบิ้มกุมมือคนรักอย่างให้กำลังใจ

“คุณหนูเป็นคนเข้มแข็งมาก” คมสันเล่าต่อ “ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ฉันจะให้เขาค่อยๆ ปรับตัว แต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึก ตอนที่ประธานคุณหญิงเริ่มเก็บของออกจากบ้าน คุณหนูไม่ร้องไห้โวยวายเลย เขาทำเพียงจับมือฉัน แล้วถามว่าจะไม่ไปไหนใช่มั้ย”

คมสันกัดปากเล็กน้อย

“คุณหนูไม่เคยร้องไห้ ทั้งชีวิต ฉันเห็นเขาร้องไห้แค่สองครั้งเท่านั้น”

เบิ้มไม่ตอบอะไร เพราะรู้ว่าคมสันกำลังจมในความทรงจำที่ตราตรึงในใจ

“ครั้งแรก ตอนฉันโดนรถชน นอนห้องไอซียูสองคืน ลืมตามาอีกทีก็เห็นคุณหนูเกาะข้างเตียงไม่ปล่อย ร้องไห้สะอึกสะอื้น”

‘สันอย่าตายนะ  ฮืออออ’


คมสันจำแม่น ตอนนั้นทั้งที่หมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว ประธานกับคุณหญิงพยายามกล่อมให้คุณหนูกลับบ้าน แต่เด็กชายกิจภัทรไม่ยอมกลับ มองพ่อแม่เหมือนคนแปลกหน้า แล้วนั่งเฝ้าคมสันทุกวันชนิดโรงเรียนก็ไม่ยอมไป ไม่ยิ้มไม่หัวเราะ นั่งอยู่อย่างนั้นจนคมสันออกจากโรงพยาบาลถึงค่อยกลับมาเป็นเด็กมั่นหน้าเชิดคางกอดอกอีกครั้ง

“ครั้งที่สองก็คือวันนี้...”

“คุณหนูเข็มแข็งมากจริงๆ เขาไม่กลัวคนร้ายเลย” เบิ้มยืนยัน

“เพราะเขากลัวจะไม่ได้เจอฉันอีก” คมสันเอ่ยต่อ เข้าใจความรู้สึกคุณหนูสุดที่รักไม่ยากนัก “เขา...เห็นฉันเป็นคนสำคัญมาก”

แววตาของจอมมารแฝงน้ำใสคลอหน่วย

“บอกมาสิเบิ้ม ฉันจะทิ้งเด็กคนนี้ลงได้ยังไง”

เบิ้มไม่มีคำตอบ เพราะไม่เคยนึกอยากให้คมสันทิ้งเด็กเวร

...ที่อาจจะไม่ได้เวรมากมายอย่างที่เคยคิด

ตอนนี้เขาเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าทำไมคมสันถึงพูดคำว่ารักออกมาไม่ได้

เพราะคำนั้นสำคัญกับใครอีกคนหนึ่งมากกว่า หากคุณหนูคือโลกทั้งใบของคมสัน คมสันก็คงเป็นหลักยึดเพียงหนึ่งเดียวแสนสำคัญที่ทำให้เชิดหน้ามั่นใจได้ขนาดนี้

ขอแค่มีคมสันอยู่เคียงข้าง ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เพราะจะมีคนให้ท้าย ปกป้องคุ้มครอง มอบความรักให้เป็นอันดับหนึ่งโดยไม่ต้องหวั่นกลัว

“นายเลยต้องหาคนรักที่ยอมแต่งเข้ามาสินะ”

ไม่เพียงยอมแต่งเข้า ใช้ชีวิตด้วยกันกับเด็กเวร ยังต้องยอมรับถึงการเป็นอันดับสองในใจคมสันด้วยอีกกระทง

“ใช่”

เบิ้มเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดคำที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนออกมา

“งั้นมาจัดพิธีกันเถอะ”

คิดจะเป็นพ่อบ้านใจกล้า ขนาดคำว่ารักยังอดได้ยิน งั้นก็ต้องหาหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ สร้างความเชื่อมั่นให้คมสันว่านอกจากอีกฝ่ายจะเกาะติดกับเด็กเวรตลอดไปแล้ว เขาเองไม่มีวันทอดทิ้งทั้งคู่เหมือนกัน!


-----------

ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของจอมมารแล้วนะคะ ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาถึงจุดนี้ เพราะคมสัน เป็นตัวละครที่ตอนแรกเราไม่ได้คิดจะเขียนแยกเรื่องออกมา ด้วยความลึกลับของจอมมาร ที่แก้ปัญหาให้พี่เบิ้มมานำแทน และด้วยต้องย้อนอดีตมาเป็นสมัยเพิ่งเจอกัน แต่พอได้ลองเขียนแล้ว เราไม่เสียใจเลยค่ะ แถมสนุกมากๆ ด้วย

แล้วมาดูฉากสัญญาใจน่ารักๆ ของคู่นี้กันนะคะ แม้จะปิดเป็นความลับ แต่ความรักมีหลักฐานสัญญาเป็นประกัน <3

#จอมมารคมสัน

เพจนักเขียนที่ลุ้นระทึกจนหยดสุดท้าย

Twitter : MajaYnaja (https://twitter.com/MajaYnaja)
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 13-01-2019 20:17:36
ตอนนี้ซึ้งจัง เสี่ยแอบน่ารักเบาๆ เสี่ยตอน3ขวบเรียก พี่สัน คำนี้ทำเอาใจบางเลยค่ะ :o8:
แต่ก็แอบฮาพี่เบิ้ม แข็งแกร่งเกินไปแล้วว พี่แกยังเป็นมนุษย์อยู่ใช่มั้ยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-01-2019 20:18:53
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-01-2019 20:38:41
สนุก คนอ่านก็ไม่ผิดหวังเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-01-2019 21:01:53
ตอนนี้คือน้ำตาซึมเลย สงสารคุณหนู คุณหนูมีแค่สันคนเดียวจริงๆ แล้วสันจะทิ้งคุณหนูได้ไง
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 13-01-2019 21:16:03
ตอน 3ขวบ น่ารักนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 13-01-2019 21:34:22
แฟนพี่เบิ้มไม่ใช่จอมมารจริงๆ ด้วยค่ะ แค่รักและทุ่มเทสุดๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 13-01-2019 22:01:48
เอิ่ม ป้าน้ำตาไหล

ตออนคมสันเล่าเรื่องคุณหนู

หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-01-2019 00:09:09
 o13
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-01-2019 00:30:40
ความจริงชีวิตเสี่ยตอนเด็กก็น่าสงสารนะ ถ้าไม่มีพี่สันซักคนคงไม่ได้เป็นเสี่ยในทุกวันนี้หรอก

พี่เบิ้มอเวนเจอร์แต่งเข้าบ้านนี้ ดูแลเมียและลูก (นอกไส้) ได้ดีที่สุดล่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 14-01-2019 00:40:29
ว้าจะจบซะแล้ว ติดตามเรื่องนี้มาตลอดเลย รอนะคะ อยากอ่านสเปเชี่ยลคู่นี้ตอนที่เสี่ยโตแล้วมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนน5555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนที่ 21 : ครอบครัวของเบิ้ม - 13/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2019 07:21:12
ตลก ปน เศร้าจริงๆ เลย เสี่ยตอนเด็ก   :mew2:
ก็พ่อแม่เป็นแบบนี้ ก็น่าที่จะติดจอมมารมากกว่าอยู่แล้ว  :hao3:

เบิ้ม  คมสัน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 15-01-2019 19:09:51
ตอนส่งท้าย


เบิ้มกับสันกำลังนั่งตรงปลายเตียง

กว่าพวกเขาจะกลับมานอนห้องตัวเองได้ก็ต้องนอนเป็นเพื่อนคุณหนูร่วมสัปดาห์ พิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายสุดขีดเลยโดนเลื่อนมาตลอด ที่เรียบง่ายสุดขีด เพราะขนาดพยานยังไม่มี

แต่ก็ไม่สำคัญ ความรู้สึกของคนสองคน รู้กันเองดีอยู่แล้วจะมีคนอื่นทำไม

โดยเฉพาะกับเด็กชายกิจภัทรที่หลังจบเรื่องแทนที่จะเศร้าสลด กลับกลายเป็นเชิดหน้าเย่อหยิ่งอีกครั้ง เบิ้มเชื่อคมสันเลยว่าเด็กคนนี้เข้มแข็งจริงๆ อารมณ์คล้ายแมลงสาบที่ตบยังไงก็ไม่ตาย ความมั่นหน้านั้นทะลุจุดสูงสุดของมนุษย์ทั่วไปแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือติดเกมน้อยลง เดินวนไปเวียนมารอบๆ คนสันรอให้อีกฝ่ายทัก แน่นอนว่าคมสันเองก็ทัก แต่ทักให้มานั่งดูการทำงานแกมสอนงานไปในตัวอย่างเนียนๆ

อืม...ที่แท้ที่ส่งไปเข้าค่ายไม่ใช่แค่กันลูกหลงจากผู้ไม่ประสงค์ดี แต่ตั้งใจเอาไปดัดสันดา...แคก! ดัดนิสัยสินะ!

เห็นคมสันผู้รู้จักใช้แต่ไม้อ่อนเริ่มหันมาใช้ไม้แข็ง ไอ้เบิ้มก็ปลื้มใจในความพัฒนาของคนรักที่เริ่มจะจอมมา...อืม ไม่ดีไม่เอา เขาจะไม่พูด

กลับมาสู่เรื่องของสองเรากันต่อ

ในเมื่อจดทะเบียนไม่ได้ก็เขียนทะเบียนขึ้นมาเองซะเลย ง่ายดายจะตายเห็นมั้ย สำหรับเบิ้มและคมสัน ทะเบียนสมรสคือสิ่งที่คนสองคนตกลงปลงใจกัน ไม่จำเป็นต้องมีนายอำเภอ ไม่ต้องมีตราประทับราชการการันตี

แค่พวกเขาสองคนก็พอแล้ว

เบิ้มร่างของเบิ้ม

คมสันร่างของคมสัน

พวกเขาวางทะเบียนสมรสที่มีเนื้อความไม่เหมือนกันบนเตียง ก่อนที่ต่างฝ่ายจะอ่านของอีกคน

เริ่มจากของคมสันก่อน เบิ้มถึงกับขมวดคิ้วเพราะตัวอักษรที่เรียงกันแทบเต็มหน้ากระดาษ

ไล่ตั้งแต่เรื่องของสมบัติ ซึ่งไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรเลย นอกจากจงรับเด็กชายกิจภัทรไปเลี้ยงซะดีๆ

อืม...นี่ก็นับเป็นมรดกด้วยเหรอ มอบเด็กให้เลี้ยงเนี่ยนะ

แต่เบิ้มไม่กล้าแย้งคนรักอยู่แล้ว เขาได้แต่กวาดตาไล่อ่านไปเรื่อยๆ คมสันร่างทะเบียนสมรสได้ละเอียดรอบคอบมาก ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเด็กเวรทั้งนั้น ก่อนจะมาสะดุดตาเอาที่ข้อสุดท้าย

99.ถ้านอกใจจะตัดกระเจี๊ยวโยนให้จระเข้กิน

“เอาจริงเหรอ” เบิ้มหลุดขำ คิดว่ามุมนี้ของคนรักช่างน่ารักจังเลย

“คิดว่าเอาจริงมั้ยละ”

ก่อนจะขำไม่ออกเพราะรอยยิ้มของคนรักนั้นชวนสยองมาก

...เอาจริงว่ะ

อ่านจบครบเก้าสิบเก้าข้อ เบิ้มก็พยักพเยิดให้คมสันอ่านสัญญาส่วนของเขาบ้าง เพราะคนรักเล่นจ้องมาตาไม่กะพริบ รอว่าเบิ้มจะแย้งข้อไหนหรือเปล่า แต่โทษที ความรักที่มอบให้เด็กเวรอย่างเต็มเปี่ยมของคมสันเขาเข้าใจและยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

คมสันคล้ายจะโล่งอกโล่งใจไม่น้อย แต่พออ่านส่วนของเบิ้ม ก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“ทะเบียนสมรสและข้อตกลงในการใช้ชีวิตคู่มีดังนี้

หนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการแสดงความรัก คมสันต้องนอนกับเบิ้มทุกคืน

สอง อาหารทั้งสามมื้อ คมสันจะต้องรับประทานพร้อมกับเบิ้มเท่านั้น

สาม ทุกวันตอนไปรับส่งเด็กชายกิจภัทรหรือไม่ว่าจะไปที่ไหน คมสันจะต้องพาเบิ้มไปด้วยเสมอ

สี่ หลังใช้เวลากับเด็กชายกิจภัทรแล้ว ไม่ว่าจะปกป้องคุ้มครอง ดูแลเด็กชายใกล้ชิด คมสันต้องให้เวลากับเบิ้มเท่าเทียมกัน..”

คมสันมองแล้วยิ้ม อาจจะนึกขำกับความมักง่าย เอาสัญญาว่าจ้างมาดัดแปลง

น่าตลกจริงๆ นั่นแหละ เบิ้มไม่เถียง แต่ในความขบขันแฝงด้วยความโรแมนติก หากตอนอ่านสัญญาว่าจ้างเบิ้มรู้สึกเหมือนขอแต่งงาน ตอนนี้พวกเขาก็กำลังจะแต่งงานกันจริงๆ

“เซ็นมั้ยครับ”

คมสันไม่ตอบอะไร แต่ยกปากกาเซ็นคนแรก เบิ้มเห็นอย่างนั้นก็รีบทำตาม ก่อนที่พวกเขาจะสลับทะเบียนสมรสกันเพื่อลงนามให้ครบทั้งสองใบ

สิ้นสุดพิธีการที่ยิ่งกว่าเรียบง่ายคือแทบไม่มีขั้นตอนอะไรเลย พวกเขาถือทะเบียนสมรส ที่แม้รายละเอียดด้านในจะไม่เหมือนกัน แต่ใจความสองประโยคสุดท้ายเหมือนกันเด๊ะ

นับจากนี้พวกเขาสองคนถือเป็นสามีภรรยา ร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่แยกจาก

อืม...ทะเบียนทำเองก็แบบนี้ นึกอยากจะใส่อะไรก็ใส่ ไม่ต่างกับสัญญาใจ

“ฉิบ” พลันไอ้เบิ้มสบถ

“อะไร”

“ลืมซื้อแหวน” เขามองคนรักตาละห้อย เบิ้มวางแผนตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปซื้อแหวนมาแลกกันสวมเป็นการจบท้าย ถึงจะไม่มีพิธีเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ควรจะมีหลักฐานแสดงความรักที่มากกว่าทะเบียนที่พิมพ์เองปริ้นต์เอง แถมยังใช้ทรัพยกรของบริษัทอีกต่างหาก

แต่เขามัวแต่ห่วงสภาพจิตใจเด็กเวรหลังโดนจับเป็นตัวประกันจนลืมซะสนิท

“ไร้สาระน่า” พลันคมสันผลักเบิ้มที่กำลังชื่นชมกับทะเบียนสมรสให้นอนบนเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อมด้วยท่วงท่าสุดเซ็กซี่ “ซื้อมาฉันก็สวมต่อหน้าคุณหนูไม่ได้อยู่ดี”

“ก็จริง” เบิ้มตอบขณะวางสัญญาใจของพวกเขาทั้งสองบนโต๊ะข้างเตียง

“มาทำอย่างอื่นกันดีกว่า” คมสันเริ่มแกะกระดุมเบิ้ม

“ร่วมหอ?”

“ร่วมรัก”

ไอ้เบิ้มไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว เขาช่วยถอดแว่นของคมสันวางบนทะเบียนสมรสที่พิสดารที่สุดในโลก ลูบใบหน้าคนรักพลางใจเต้นกับแววตาประกายวาวทรงเสน่ห์นั้น ก่อนจะหลับตาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับใกล้หมายจุมพิตสาบานรักชั่วนิรันดร์

พลันเสียงโทรศัพท์ของคมสันดังแทรกขึ้นมา

เบิ้มมองคนรักที่เอี้ยวตัวไปรับสายทั้งที่เขาทำปากจู๋อย่างรอคอยด้วยความงุนงง คืนเข้าหอแสนสำคัญ ทำไมคมสันถึงไม่ปิดเสียงล่ะ ขนาดเขายังปิดเครื่องเลยนะ!

“ครับ ขอบคุณครับ”

ค่อยยังชั่วเพราะคมสันรับสายแล้วรีบวางทันที แต่ความผิดปกตินั้นทำให้เบิ้มคันยุบยิบในใจ แม้จะได้รับจุมพินหวานที่รอคอย ก็อดถามออกไปไม่ได้

“มีอะไรเหรอ”

“ตำรวจโทรมาแจ้งน่ะ ว่าคนร้ายที่หลบหนีเมื่อวันก่อนจู่ๆ ก็โดนโยนมานอนกองอยู่หน้าสถานี สภาพถูกกระทืบหนักกระดูกหักแทบทั้งตัว”

“คนร้ายหลบหนีเมื่อวันก่อน? ทำไมฉันไม่เห็นรู้ อื้ม!”

คมสันจูบปิดปาก ก่อนจะขยับสะโพกเหนือสัตว์ร้ายที่โดดเด้งเมื่อเป็นอิสระจากกางเกงที่โดนถลกลง ความเสียดเสียวของสัมผัสอ่อนนุ่มที่ค่อยๆ กลืนกินความแข็งขืนนั้นทำให้เบิ้มถึงกับพูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อโดนจ้องสะกดด้วยแววตาวับวาวแสนร้ายของคนรัก

ท่าทางแบบนี้แสดงว่าห้ามถาม

ถ้าเป็นปกติ เบิ้มคงเชื่อฟัง แต่เรื่องนี้นั้นเบิ้มคาใจเหลือเกิน

“สัน เราต้องคุยกั...อื้ม”

คนรักโน้มตัวจูบ สะกิดนิ้วบนยอดอกเขา เล่นเอาลมหายใจหอบกระชั้นเพราะคนรักเป็นฝ่ายหยอกเย้าด้วยท่าทางแสนเย้ายวน ไม่ว่าชายใดเห็นย่อมห้ามใจไม่อยู่ เบิ้มเองก็เป็นชายชาตรีชาติทหาร เคารพธงชาติตั้งแด่วแถมสัตว์ร้ายยังถูกครอบครองอยู่หมัด ย่อมไม่อาจต้านทานพลังอานุภาพนี้

แต่...

หน้าของคนคนหนึ่งลอยวนเวียน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพูด!

“สัน...”

เพี้ยะ!

เบิ้มตะลึง จริงอยู่ว่าคมสันมักเป็นฝ่ายรุกยั่วขึ้นคร่อมตลอด แต่จู่ๆ ก็ใช้กำลังใส่กันนั้น...ไม่เคยเจอ!

เบิ้มมองหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของตัวเองเป็นรอยแดงก่อนจะสบตาคนรักเชิงถาม เบิ้มทำอะไรผิดหรือท่านจอมมาร แฮ่ม! เบิ้มหมายถึง...กระผมทำอะไรผิดหรือยอดรัก

“ทำให้เร็วกว่านี้!” คำตอบคือน้ำเสียงเกรี้ยวกราดเบาๆ จากคมสันที่นานครั้งจะได้ยิน พร้อมการบิดกายทิ้งสะโพกด้วยท่วงท่าท้าทายกระตุ้นสัญชาตญานดิบของเพศผู้ให้อยากปราบพยศขึ้นมา

มองร่างที่ขึ้นควบพร้อมส่งสายตาว่ามีน้ำยาแค่นี้หรือ เบิ้มก็จับสะโพกที่โยกเคลื่อนบนตัวไม่หยุดนั้นแล้วเริ่มนำจังหวะให้เร็วรี่สมใจจนคมสันร้องคราง

ก่อนจะฉวยจังหวะนี้ถามเรื่องค้างคาใจ

“สัน สภาพคนร้ายอย่าบอกนะว่า...ฝีมือสมจิตร?”

พลันคนรักของเขาคลี่ยิ้ม...เย็นเยียบ จนสัตว์ร้ายของไอ้เบิ้มแทบหด แต่เพราะแรงตอดรัดทำให้ยังผงาดสู้

เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว

คมสันติดสินบนตำรวจ จ้างแก๊งสมจิตรไปขโมยตัวนักโทษมากระทืบแล้วค่อยเอาไปทิ้งไว้หน้าสถานีแก้แค้นสินะ!

“พูดถึงคนอื่นทำไม มาต่อเรื่องของเราดีกว่าน่า”

เมื่อคนรักเริ่มบดสะโพกจมลึก ไอ้เบิ้มก็จัดหนักจัดเต็ม แม้จะสงสัยอยู่เต็มอกว่าสมจิตรที่โดนตัดหางปล่อยวัดนั้นไปเป็นลูกน้องของคมสันได้ยังไง...แต่คิดมากก็ไม่ได้อะไร ถ้าคมสันอยากจะทำก็ทำได้ทั้งนั้นแหละน่า!

เบิ้มไว้อาลัยให้กับคนร้ายคนนั้นก็แล้วกัน

คุณหนูโดนกิ่งไม้ตำเท้า ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นจะโดนกระทืบเละจนเดินได้อีกรึเปล่า

ถึงจะร้ายกาจไปนิด เจ้าเล่ห์ไปหน่อย เข้าใจยากไม่น้อย

แต่แฟนเบิ้มก็ไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก

.........

...จริงๆ นะ!


End

จบกันแล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ แม้จะไม่ยาวเหมือนเรื่องอื่น แต่ก็เป็นเรื่องที่เราตั้งใจแต่งมาก เราสนุกกับการเขียนพี่เบิ้มกาวๆ และอารมณ์หลากหลายของคมสัน เพราะในเรื่องอื่น คมสันแทบจะไม่เผยความรู้สึกออกมาเลย มีแต่ด้านจอมมารและความรักที่มีต่อเด็กเวร เราเลยตั้งใจเขียนให้ทุกคนเห็นว่าทำไมคมสันถึงรักเด็กเวรหรือเสี่ยมากขนาดนี้ รวมถึงมุมความรักลับๆ ของจอมมาร ซึ่งเป็นมุมที่มีแค่พี่เบิ้มเท่านั้นที่ได้ยล

บางทีอ่านเรื่องนี้แล้วย้อนไปอ่านเรื่องหลักอีกครั้ง เวลาเห็นจอมมารกับพี่เบิ้มอยู่ด้วยกัน อาจจะอ่านด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปก็ได้นะคะ ถ้าทำได้จริงก็นับว่าเราประสบความสำเร็จในการเขียนนิยายเรื่องนี้แล้ว

ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามกันจนถึงตอนสุดท้ายนี้
ขอฝากจอมมารด้วยนะคะ เลี้ยงไม่ยาก นิสัยดี ซื้อหนึ่งแถมสองเป็นเด็กเวรกับพี่เบิ้ม คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ (ฮา)

(https://sv1.picz.in.th/images/2019/01/16/9GOStN.jpg)

[Pre-order] แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก!
สั่งจองและแจ้งโอนได้ที่ -> http://majaynaja.lnwshop.com/

ตอนพิเศษไม่ลงเวป 5 ตอน + Secret Note + การ์ตูนสี่ชอง 2 หน้า

ตอนพิเศษ 1 : เมื่อเด็กเวรอายุสิบแปดปี เมื่อจอมมารเรืองอำนาจ
เมื่อเด็กเวรได้ขึ้นเป็นประธาน อะไรจะเกิดขึ้น และเมื่อคมสันได้ตำแหน่งเลขาท่านประธาน อะไรจะหยุดเขาได้! นี่คือช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติ รวมถึงความเป็นมาว่าทำไมถึงต้องเรียกเด็กเวรว่า “เสี่ย” !!!!

ตอนพิเศษ 2 : ปฏิบัติการลับฉบับเบิ้ม
เด็กเวรเรียนมหาลัย ก็ได้เวลาคัดกรองเพื่อนเพื่อไม่ให้เกาะติดท่านประธานยังหนุ่มแถมหลงตัวเองคนนี้จนเดินผิดทาง แล้วคนที่ซวยคือใคร เบิ้มไงจะใครละ!!

ตอนพิเศษ 3 : ฮันนีมูนสุดตะลึง
ในที่สุดก็มีเวลาสวีตหวาน เบิ้มปลื้มใจนัก แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เพราะพวกเขาได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเด็กเวรนั้น...มีรสนิยมตามรอยพี่เลี้ยง!
คมสันจะทำยังไงต่อไป โปรดติดตาม!

ตอนพิเศษ 4 : เมื่อจอมมารไม่สบาย
ยิ่งโต ก็ยิ่งคุมเด็กเวรไม่อยู่ เด็กชายกิจภัทรในวันนั้นกลายเป็นนายกิจภัทรในวันนี้ คำพูดของพี่เลี้ยงไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนเคย ทำให้คมสันกลุ้มใจจนล้มป่วย...เบิ้มแทบช็อก หรือโลกนี้กำลังจะเกิดหายนะ!

ตอนพิเศษ 5 : เกมซ่อนหา
วันหนึ่งเด็กเวรก็นึกพิลึก ชวนเบิ้มกับคมสันเล่นซ่อนแอบ แต่ด้วยสมองของเด็กเวร เบิ้มคงหาไม่ยาก...ถ้าไม่ติดว่าคมสันเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง! เกมซ่อนหานี้ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ!!

ปล.Secret Note คือเรื่องราวหลังจากนั้นคร่าวๆ เพื่อจะไปบรรจบกับ I’M Not Him ค่ะ
ปลล.การ์ตูนสี่ช่องน่ารักมากๆ <3
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-01-2019 19:31:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-01-2019 19:37:59
กราบความรอบคอบ

กราบความเจ้าแผนการ

กราบความเด็ดขาด

กราบความว่องไว

กราบท่านจอมมาร
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Chobreadyaoi ที่ 15-01-2019 20:21:31
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ สนุกมากเลย เราชอบความกาวของเบิ้มมาก หลงนักหลงหนาจอมมาร 555555 อ่านจบแล้วต้องไปอ่านเรื่องเสี่ยใหม่ซ้ำอีกรอบเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 15-01-2019 21:05:47
ตอนพิเศษน่าอ่านทุกตอน เสี่ยยิ่งโตยิ่งร้าย 555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Maleemol ที่ 15-01-2019 21:29:51
ขอบคุณค่ะ
ชอบจอมมาร+เบิ้มและคุณหนู

 :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-01-2019 21:40:37
 :pig4: :กอด1:สนุกมากท่านจอมมารเสียดายอยากให้แอบยาวอีกนิดแต่แค่นี้ก็สรุปได้สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-01-2019 21:45:09
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-01-2019 23:52:39
จบแล้ว คงคิดถึงจอมมารแย่เลย ขอบคุณมากเลยนะคะ ชอบเซ็ทนี้ทุกเรื่องเลยค่ะ ตัวละครคาร์แรคเตอร์แตกต่างกันมาก สนุกมากค่ะ :pig4:
ป.ล.ต้องเปย์เล่มแล้วแบบนี้ ตอนพิเศษน่าอ่านมากเลยค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-01-2019 07:36:56
สุดท้ายจอมมารดูจะกลายเป็นพญามารซะแล้ว โหดมากกระทั่งตอนร่วมหอก็ไม่เว้น   :laugh:

ชอบความกาวของพี่เบิ้ม แต่ก็พยายามเข้าใจความเป็นไปของสัน ขอให้มีความสุขนะคะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: poontriple ที่ 19-01-2019 15:04:51
เห็นแค่ชื่อเรื่องก็ต้องรีบกดตามมาทันที

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-01-2019 22:04:03
 :pig4: ขอบคุณค่ะ สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-01-2019 22:47:08
ใช่พี่เบิ้มแฟนพี่ก็ไม่ได้จอมมารขนาดน้านนนนหรอก แค่พญามารเองจ้า  :hao3:  :laugh:

ขอบคุณค่ะสนุกมากทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 23-01-2019 19:39:15
ขอบคุณเรื่องดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: minicabbage ที่ 24-01-2019 11:41:34
วงวารเสี่ย มีความกากตั้งแต่เด็กเลย   :jul3:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 24-01-2019 17:02:03
สัญญากับไรท์ตรงนี้เลยว่าจะกลับไปอ่านเรื่องหลักอีกครั้งแน่นอน...

รักจอมมารและพี่เบิ้ม
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตอนส่งท้าย - 15/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 25-01-2019 17:59:00
ชอบลุคคมสัน ดูเป็นนางพญา
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.10
เริ่มหัวข้อโดย: มาจะกล่าวบทไป ที่ 29-01-2019 19:18:40
(ตัวอย่าง)ตอนพิเศษ 1

เมื่อเด็กเวรอายุสิบแปดปี เมื่อจอมมารเรืองอำนาจ


 

บางทีเวลาก็ผ่านไปไวจนเบิ้มยังตกใจ

เมื่อวันก่อนไอ้เบิ้มคล้ายจะเพิ่งเล่นวิ่งไล่จับกับเด็กเวรอยู่เลย แต่มาวันนี้...เด็กชายกิจภัทรก็อายุครบสิบแปดแล้ว! ตามกฎหมายนับว่าพ้นผู้เยาว์ แม้จะยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ก็เติบโตจนน่าเชื่อถือแกมฝากฝังบริษัทได้โดยไม่ถูกดูแคลน

และการฉลองในปีนี้ก็แปลกประหลาดมาก

ไม่มีเค้ก ไม่งานเฉลิมฉลอง แต่คือการลากมาเป็นสักขีพยานที่อำเภอ กับการเซ็นใบหย่าของประธานและคุณหญิง!

เบิ้มเหลือบมองเด็กเวรเป็นระยะว่ารู้สึกอะไรมั้ยกับการเห็นพ่อแม่เซ็นใบหย่าในวันเกิดตัวเอง แต่กับเด็กประหลาดที่โดนคนร้ายเอาปืนจ่อขมับลากเข้าป่ายังไม่กลัว นับประสาอะไรกับเรื่องที่เด็กชายกิจภัทรแทบจะไม่สนด้วยซ้ำว่าหย่ากับไม่หย่ามันต่างกันยังไง

นั่นสิ ต่างกันตรงไหน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!

“เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย”

แถมยังมีหน้าไปเร่งอีก!

ประธานกับคุณหญิงที่เหลือบมองลูกชายเป็นระยะว่าร้องไห้ห้ามปรามมั้ยถึงกับปาดเหงื่อ หลังฟังคำเกลี้ยกล่อมของนายอำเภอพอเป็นพิธี ก็ได้เวลาจรดปากกาเซ็น นับแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาทั้งคู่ถือว่าหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา คงเหลือเพียงการเป็นบิดาและมารดาของเด็กชา...ไม่สิ ต้องเรียกว่านายกิจภัทรถึงจะถูก!

“เสร็จแล้วครับ” คมสันซึ่งยืนคุมอยู่ด้านหลังประธานและคุณหญิงหันมากล่าวกับคุณหนูสุดที่รัก ใครเลยจะรู้ ว่าความทุ่มเทสุดกำลังของคมสันประสบความสำเร็จแค่ไหน การให้สองผู้ปกครองค่อยๆ ย้ายออกไปแล้วมาหาเป็นครั้งคราวนั้นสร้างความเคยชินให้เด็กเวรไม่รู้สึกผิดปกติหรือเศร้าโศกเสียใจอย่างที่ควรจะเป็น

เมื่อเวลานี้มาถึง กับช่วงเวลาที่พร้อมขึ้นมหาลัยโดยไม่ต้องมีงานวันแม่ งานวันพ่อ พาผู้ปกครองมาก้มกราบ การรับมือก็ง่ายดายประหนึ่งได้รับภูมิต้านทานมากเพียงพอ

“เสร็จแล้วสินะ”

หลายปีผ่านไป นายกิจภัทรเติบโตอย่างสง่าสมบูรณ์แบบดังที่พี่เลี้ยงพร่ำสอน ยามยืนตัวตรงแผ่นหลังตรงแน่ว การขยับตัวเคลื่อนไหวไม่รีบร้อนแต่ดูสง่าทรงภูมิ นับว่าภาพลักษณ์ภายนอกดูสมเป็นว่าที่ประธานบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ แต่อย่าวัดที่นิสัย เอาแต่ใจยังไง เชิดหน้ายังไง มั่นหน้าขนาดไหน...ก็ยังเหมือนเดิม

“งั้นไปกันเถอะ ฉันอยากเห็นบริษัทของฉันแล้ว”

นายกิจภัทรที่ช่วงปีหลังมานี้โดนคมสันกรอกหูถึงตำแหน่งหน้าที่ประธานบริษัทจนเชื่อมั่นว่าตนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เอ่ยเสียงเคร่งขรึม นี่เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่เบิ้มกับคมสันพยายามพร่ำสอน เอาแต่ใจได้ แต่อย่าโวยวาย เชิดหน้าได้ แต่อย่ามองต่ำ ไม่งั้นวันใดวันหนึ่งอาจจะโดนท้าต่อยข้อหานึกว่าโดนเหยียด

อะไรนะ ทำไมถึงเพิ่งมาสอนเรื่องอย่ามองต่ำ

ก็เมื่อก่อนเด็กเวรตัวกระเปี๊ยก เวลาเชิดหน้าคุยกับใครก็ต้องมองสูง แต่ตอนนี้สูงเลยพี่เลี้ยงไปแล้ว หากเชิดหน้าเลยต้องมองต่ำอัตโนมัติ ในเมื่อแก้นิสัยชอบเชิดหน้าแบบมั่นๆ นั่นไม่ได้ เบิ้มเลยบอกว่างั้นให้มองสูงต่อไปดีแล้ว คุยกับท้องฟ้ายังดีกว่าโดนคนต่อยปาก

อย่าว่าแต่ใครขนาดไอ้เบิ้มยังมือกระตุกเป็นระยะ แม้ว่าเด็กเวรจะสูงถึงแค่ติ่งหูของเบิ้มก็ตาม

เมื่อเสร็จสิ้นการจดใบหย่าในช่วงเช้า เบิ้มก็ขับรถพาเด็กเวรมาที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์โดยมีประธานและคุณหญิงนั่งรถอีกคันตามหลัง ทันทีที่รถคันหรูจอดหน้าบริษัท ไอ้เบิ้มก็รีบลงไปเปิดประตูทันที นายกิจภัทรเชิดหน้าเล็กน้อยขณะเดินลงจากรถ ก่อนจะจับเสื้อสูทท่วงท่ามาดมั่นแม้จะเป็นเด็กอายุสิบแปด ความมั่นใจเกินเหตุของเด็กเวรสัมฤทธิ์ผลในยามนี้ เพราะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับพนักงานอย่างยิ่งยวด

วินาทีนั้นไอ้เบิ้มน้ำตาจะไหล ช่วงเวลาที่เสียไปกับการวิ่งไล่จับเด็กเวรให้ต่อหน้าคนอื่นปิดปากเงียบ เชิดหน้าอย่างเดียว เปล่งรัศมีข้าแน่ข้ารวยนั้นประสบความสำเร็จดีเยี่ยม ดูสิ พนักงานกว่าครึ่งเชื่อหมดใจว่าลูกชายของท่านประธานผู้วางมาดพร้อมรับช่วงต่อจะนำมาซึ่งความรุ่งเรืองแน่นอน!

ปล่อยเด็กเวรเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกับคมสัน ไอ้เบิ้มก็ขับรถไปจอดที่ลานในตึก ก่อนจะขึ้นลิฟต์ส่วนตัวขึ้นชั้นบนสุด โชคดีที่เด็กเวรเพิ่งมาถึงพอดีเพราะน่าจะมัวเดินจงกลมให้พนักงานชมรัศมีความหล่อแบบชัดๆ นายกิจภัทรชอบการเป็นจุดสนใจเสมอ แม้จะมองสูงดูเพดานไม่สบตาใคร แต่เชื่อว่าทุกคนจะต้องชื่นชมตัวเองอยู่แน่นอน!

จบการเปิดตัวว่าที่ประธานเพียงเท่านี้ก่อน เมื่อเห็นเบิ้ม คมสันก็หันไปกระซิบกับเด็กเวรที่คล้ายจะอยากลงไปเดินวนอีกสักสามรอบให้โดนมองมากกว่านี้ว่าต้องเข้าห้องแล้ว

นายกิจภัทรพยักหน้าเชื่องช้า วางมาดได้ยอดเยี่ยมน่าชื่นชม เบิ้มคิดว่าเด็กเวรอาจจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็ได้...การปั้นภาพลักษณ์หลอกลวงผู้คนเนี่ย

ใช่ หลอกลวงเหมือนกับพี่เลี้ยงที่กลบรัศมีจอมมา...แคกๆๆ!

ก่อนที่เบิ้มจะโดนอุ้มฆ่า ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ากันต่อดีกว่า เพราะเมื่อเข้ามาในห้องของประธาน นายกิจภัทรก็ไม่รอช้าที่เดินไปนั่งเก้าอี้ของประธานบริษัท เด็กหนุ่มลูบคลำที่เท้าแขนอย่างชื่นชม ก่อนจะประสานมือบนตัก รอคอยให้คนมาบริการ

ทนายความซึ่งรอในห้องอยู่แล้วรีบวางเอกสารมอบอำนาจทันที

คมสันรับมาเปิดดูก่อน เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยก็ส่งให้เด็กเวร นายกิจภัทรกวาดตาพอเป็นพิธี แต่เชื่อเบิ้มสิว่าไม่ได้อ่านสักประโยค ก่อนจะจรดปากกาหมึกซึมที่เหน็บไว้กับกระเป๋าเสื้อสูทเซ็นด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วสมกับที่ฝึกเซ็นใบเสร็จแต่เด็ก

“เรียบร้อยแล้วครับ”

ประจักษ์พยานในการแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ครั้งนี้มีเพียงไอ้เบิ้ม ประธานคนเก่า คุณหญิง ทนายความ คมสัน แม่ของคมสันที่เป็นเลขา และพ่อของคมสันเท่านั้น

เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เบิ้มได้เห็นพ่อคมสันชัดๆ และพบว่าเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาดูใจดีมาก จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีลูกออกมาเป็นจอมมา...แคก!



-----------ต่อในหนังสือ--------------

สวัสดีค่ะ! วันนี้เรามาลงตัวอย่างตอนพิเศษในเล่ม เพราะคิดว่าหลายคนน่าจะอยากเห็นเสี่ยตอนโต(รึเปล่านะ?)

เห็นเค้าลางเสี่ยในอนาคตใช่มั้ยละคะ! เห็นภาพกันแล้วใช่มั้ยว่าโตขึ้นทำไมถึงกลายเป็นเสี่ยตัวประกอบแบบนั้น ทุกอย่างคือการเสแสร้งแกล้งทำที่บ่มเพาะจากจอมมารล้วนๆ ใจจริงของเสี่ยนั้นแสนจะซื่อบริสุทธิ์(?) แค่มั่นหน้ามั่นใจ เชิดหน้ามองสูงคุยกับฟ้ากับอากาศอย่างน่ารักน่าเอ็นดู(?) เท่านั้นเอง!!!!


ในหนังสือจะมีตอนพิเศษทั้งหมด 5 ตอน + secret note + การ์ตูนสี่ช่องสองหน้านะคะ

ขอฝากเนื้อฝากตัวรับจอมมารไปด้วยหน้า

เพจมาจะกล่าวบทไป (https://www.facebook.com/MajaYnaja/)
Twitter : MajaYnaja
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 29-01-2019 19:43:28
นี่คือที่มาของการที่เสี่ยไม่สบตาคู่สนทนาประหนึ่งว่าคุยกับฟ้าอากาศอย่างที่จิเคยเจอสินะคะ 55555 พี่เบิ้มนี่แอบกัดเสี่ยตั้งแต่เด็กยันโตจริงๆ แต่เค้าก็คิดเหมือนพี่เบิ้มนะ  :laugh:
 ในเรื่องของคมสันอ่านแล้วยิ่งอยากให้เสี่ยเป็นเคะจริงๆ 555 แต่ก็นึกไม่ออกว่าถ้าเสี่ยเคะ เมะจะต้องเป็นคนแบบใหน ปวดหัวแทนน
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 29-01-2019 19:46:10
แหม เสี่ย ไม่ใช่จอมมารซะหน่อง
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-02-2019 07:44:29
เด็กเวรในวันนี้เป็นเสี่ยในวันหน้า
มั่นหน้ามั่นโหนกมากเสี่ย
นะ :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 05-02-2019 10:59:07
ความเสี่ย

ความมั่นหน้า
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 25-02-2019 00:00:52
ถ้าคมสันจะเป็นจอมมาร ก็คงเป็นจอมมารที่น่ารักที่สุดในโลกเลยยย  :-[
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 27-02-2019 15:05:04
สนุกมากค่ะ  ขอบคุนคับ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 28-02-2019 21:05:28
สนุกมากค่ะ ชอบตัวละครหลักทั้งสามเลย สันฉลาดมาก ทุ่มเทให้คุณหนูมาก เบิ้มเก่งและเท่ อ่อนโยนแถมเข้าใจสัน ไม่งี่เง่า เสี่ยตอนเด็กน่าสงสารนะ แต่บางทีก็ตลกซะงั้น 555
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 11-04-2019 07:59:23
 :jul1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 13-04-2019 23:47:06
ขอบคุณมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-04-2019 22:36:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 13-07-2019 11:15:54
ในที่สุดจอมมารเอ๊ย!!คมสันก็มีเรื่องของตัวเองนะค่ะ
เป็นการอ่านนิยายที่สนุกมากอีกเรื่องนึงเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะค่ะ

      ทั้งเบิ้มทั้งคมสันช่างเป็นคู่รักที่ลงตัวสุดๆ :pig2:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 16-07-2019 23:23:29
ชอบคู่นี้ เบิ้มคือหลงจอมมา...เอ่อ คมสักมาก คุณเขาซื่อแต่จริงใจปกป้องได้และน่ารักกับสันมากเลย ชอบอ่านทั้งจากมุมมองของสันและเบิ้มเลย รู้สึกว่าเสี่ยก็มีความนิสัยคล้ายสันอยู่อาจเพราะการเลี้ยงดูแบบคมสันเนี่ยแหละ แต่น่ารักมาก ขอบคุณคนเขียนมากเลย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: สุนิสา ที่ 20-08-2019 09:11:42
มีความประหลาดและสนุกไปด้วยกัน5555 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านน้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: songsa1234 ที่ 23-08-2019 14:29:14
สนุกมากๆเลยค่ะ
คมสัมสมเป็นจอมมารจริงๆเล๊ยยยย
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-08-2019 08:18:26
 :katai2-1: o13 :katai2-1:



 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Carina ที่ 02-09-2019 13:32:12
สนุกมากค่ะ ที่มาของเสี่ยผู้มั่นหน้าคือการเลี้ยงด้วยวิธีนี้ของจอมมารนี่เอง :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MeiHT ที่ 09-09-2019 19:35:24
เพิ่งได้ลองอ่านเรื่องนี้รวดเดียว สนุกมากค่า
หัวข้อ: Re: แฟนผมไม่จอมมารขนาดนั้นหรอก! - ตัวอย่างตอนพิเศษ - 29/01/2019 - P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:34:04
 :pig4: