14
“พี่เท็น”
“...”
“พี่เท็น” ผมเรียกคนที่ตอนนี้หลับตาพริ้มนอนกอดผมอย่างสบายใจเบาๆ แม้จะเกรงใจคนหลับอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่ายังไงก็ต้องเรียกเขาขึ้นมาให้ได้ “พี่เท็นๆๆ”
“อะไร”
ริมฝีปากหยักสวยที่ขยับเป็นคำพูดทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอหลังจากที่มองทั้งริมฝีปากและลูกกระเดือกของอีกฝ่ายขยับ และมันก็ดึงดูดสายตาผมได้มากจริงๆ
ผมควรจะตั้งสติ !
“พี่ไม่ไปทำงานจริงๆ เหรอ”
“อืม ไม่ไป”
“ทำไมล่ะพี่ งั้นผมไปได้มั้ย”
“กูเหนื่อย และมึงก็เหนื่อย เพราะฉะนั้นนอน อย่าพูดมาก”
“ผมไม่เหนื่อยสักหน่อย !”
“แน่ใจ” อยู่ๆ คนที่ตอนแรกหลับตาพูดก็ลืมตาขึ้นมองผมด้วยสายตาแพรวพราวทันที และผมก็รู้ตัวแล้วว่าตัวเองพลาดไปเต็มๆ
“มะ...ไม่จริง เหนื่อยมาก แต่ยังทำงานไหว เฉพาะงานนะ อย่างอื่นไม่เกี่ยว...”
“ไม่ต้องไป กูเหนื่อย มึงต้องคอยรับใช้กู นี่แหล่ะงานมึงวันนี้”
“แต่...”
“อย่าพูดเยอะไอ้ตั๊บ กูง่วง” ไม่พูดเปล่าพี่มันขยับเข้ามาจูบที่ริมฝีปากของผมเบาๆ ก่อนจะเข้ามากอดแล้วซุกหัวลงบนหน้าอกของผมอีกต่างหาก ตอนนี้เลยกลายเป็นผมที่พักพิงจำเป็นของพี่มันแล้ว
เดี๋ยวนะ คนเหนื่อยคนเพลียมันต้องกูไม่ใช่เหรอวะ...
ไอ้พี่เท็นนี่ !
ผมที่พยายามขยับออกจากคนตรงหน้าทีละน้อย สุดท้ายก็ต้องตัดใจเมื่อพี่เท็นไม่ยอมปล่อยให้ผมห่างตัวเลย ก่อนจะก้มมองกลุ่มเส้นผมสีดำที่ตอนนี้กองอยู่ที่หน้าอกแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาพลางเอื้อมมือขยุ้มเส้นผมตรงหน้าเบาๆ และก็ต้องแปลกใจกับความนุ่มลื่นที่สัมผัสกับนิ้วทั้งห้า พอเอื้อมมือไปจับเส้นผมของตัวเองดูก็รู้ชัดเจนว่าผมของพี่เท็นนั้นสภาพดีกว่าของผมเยอะ
ฮื่ม...แชมพูแพงสินะ ผมถึงได้นุ่มลื่นขนาดนี้
ถ้าดมหัวพี่มันจะด่ามั้ยวะ...
ขอนิดนึง !
ผมที่อดใจไม่ไหวก็ฝังจมูกลงบนเส้นผมนุ่มลื่นตรงหน้าก่อนจะรีบถอยออกมา และกลิ่นเฉพาะที่ผมไม่คุ้นนักว่าเป็นแชมพูยี่ห้ออะไร แต่คิดว่าน่าจะเป็นขวดที่ดูแล้วราคาแพงในห้องน้ำนั่นล่ะ ถ้าถามว่าผมไม่ใช้กับเขาเหรอ ผมบอกเลยว่าไม่กล้า ผมยังซื้อของถูกทั่วๆ ไปมาใช้อยู่ ซึ่งกลิ่นของพี่เท็นนั้นมันไม่ได้หอมมาก แต่ก็ไม่เหม็น แต่ผมรู้สึกว่าชอบนะ...
ผมที่พิจารณากลิ่นที่เพิ่งได้รับไปก็ได้แต่ขมวดคิ้ว เพราะผมไม่คุ้นจริงๆ ก่อนจะก้มไปดมเส้นผมของอีกฝ่ายใหม่ และคราวนี้ก็เลือกที่จะฝังใบหน้าลงบนเส้นผมดำขลับตรงหน้าไว้แบบนั้น
อืม...ทั้งนุ่มทั้งหอม...
“กระทำชำเราผมกูอยู่เหรอ...” เสียงเบาๆ ที่ฟังดูอู้อี้สุดๆ ทำให้ผมหัวเราะออกมา
“อืม ผมพี่น่ารักกว่าพี่เยอะเลย”
“ชมผมกูก็เหมือนชมกูแหละ”
“มั่วละพี่เท็น ไม่เหมือนเลยเถอะ”
“เหมือน”
“เถียงว่ะ”
“พูดจาไม่เพราะ” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ คนที่ซุกหน้ากับหน้าอกของผมก็กัดเข้ามากัดที่ก้อนเนื้อเล็กแรงๆ จนตัวเองต้องถดตัวถอยหนี และแน่นอนว่าไม่รอดพ้นมืออีกฝ่ายอยู่ดี “ทำโทษ”
“ไอ้พี่เท็นนี่ เจ็บนะเว้ย !”
“พูดไม่เพราะอีกละ มึงนี่สอนไม่จำเลยนะไอ้ตั๊บ” คนตรงหน้าว่าด้วยน้ำเสียงตำหนิ แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจว่าผมหรอก เพราะจากการกัดเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นเลีย จนผมที่ตอนแรกเล่นผมเขาอยู่ ตอนนี้ต้องหาวิธีหนีจากคนหื่นแทน
ให้ตายสิ
“พอก่อนพี่เท็น จั๊กจี้ !”
“งืม...”
มางงมางืม แต่ไม่ถอยเลยนี่นะ
ผมดันหัวของเขาออกสุดแรง ก่อนจะรีบขยับตัวลุกขึ้น ซึ่งพอทำได้สำเร็จก็ต้องพบกับสายตาไม่เป็นมิตรจากคนที่โดนขัดใจทันที ทำให้ผมได้แต่หัวเราะแฮะๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ
แน่นอนว่าพี่มันก็จับมือผมทันที
“จะกล่อมไงพี่ จะได้หลับเนอะ”
“มึงนี่มันวอนโดนดีจริงๆ”
“โธ่พี่เท็น ผมสงบเสงี่ยมกับพี่สุดละ”
“หึ...”
ผมหลุดขำออกมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือผมออกแถมยังเอาไปหนุนด้วย จนผมไม่รู้ว่าเขาหงุดหงิดจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่หาเรื่องแกล้งผมเท่านั้น
เพราะเชื่อเถอะ อยู่ท่านี้ผมก็เมื่อยเหมือนกัน
Rrrrrrrrr ~
หืม...
ผมที่ตอนแรกกับวุ่นวายอยู่กับพี่เท็นก็หันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบมา เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาผมก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติน้อยครั้งนักที่ผมกับเขาจะติดต่อกัน ยกเว้นมีเรื่องสำคัญจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าช่วงนี้เขามาอยู่ใกล้ๆ ตลอด
‘พี่ภาค’
“ใครโทรมา”
“พี่ภาคอ่ะ”
“โทรมาทำไม” พี่เท็นที่ตอนแรกนอนกัดมือผมเล่นก็เงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ผมส่ายหัวเบาๆ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าพี่เขาโทรมาทำไม อาจจะมีธุระสำคัญเหมือนตอนที่ผมโทรไปฝากเขาลางานก็ได้มั้ง
แต่...ไม่อยากรับเลยว่ะ...
“ไม่ต้องรับ”
“แต่เขาอาจจะมีธุระสำคัญ...”
“ธุระอะไร”
“อาจจะเรื่องงาน”
“...”
“เอาน่าพี่เท็น ผมกับพี่ภาคไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย ขนาดตอนผมป่วยผมยังโทรหาเขาเลย ตอนนี้พี่ภาคอาจจะต้องการความช่วยเหลือก็ได้” ผมพูดพลางส่งยิ้มไปให้คนที่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง ดูแล้วพี่เท็นไม่เหมือนคนง่วงสักนิด เพราะนี่เพิ่งบ่ายกว่าๆ พี่แกแค่อยากนอนเล่นเท่านั้นแหละ “งั้นผมรับสายเขาแล้วนะ”
“แล้วแต่มึง”
คนที่ดูท่าจะไม่เห็นด้วยก็ฟุบหน้าลงบนมือของผมเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะเลือกดรับสายของพี่ภาคแม้ในใจจะแอบขอให้เขาวางสายไปไวๆ ก็เถอะ
สุดท้ายผมก็ได้คุยกับเขาจนได้ล่ะนะ
“สวัสดีครับพี่ภาค”
{ตั๊บ...}
“ครับ”
{ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว จะมาทำงานหรือยัง พี่ว่าจะฝากซื้อยาทาแก้ปวดให้หน่อย พี่ข้อเท้าพลิก}
“อ้าว เป็นไรมากมั้ยพี่ แล้วตอนนี้อยู่ไหน”
{อยู่ที่ทำงานแล้ว}
“อ่า...เดี๋ยวผม...โอ๊ย !” ผมที่กำลังเผลอรับปากก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่หน้าท้องโดนมือใหญ่ของคนที่นอนอยู่บิดเข้าแรงๆ
เจ็บนะเว้ย !
{เป็นอะไรหรือเปล่าตั๊บ}
“ปะ...เปล่าพี่ แค่มดกัด...” ผมว่าพลางขมวดคิ้วมองกลุ่มเส้นผมสีดำตรงหน้า แม้คนที่ทำร้ายผมจะไม่เงยหน้าขึ้นมามอง แต่ตอนนี้มือของเขาก็ยังวนเวียนอยู่ที่หน้าท้องของผมจนผมรู้ตัวว่าถ้ายังพูดจาไม่เข้าหูพี่เท็นคงได้โดนทำร้ายอีกแน่ๆ “เอ่อ...พี่ภาค คือวันนี้ผมไม่ได้ไปทำงานอ่ะพี่...”
{หยุดอีกแล้วเหรอ} คำถามจากคนในสายทำให้ผมตอบไม่ถูก และแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายเปลี่ยนไป {เป็นอะไรหรือเปล่า ป่วยหนักเหรอ แล้วบอกพี่เท็นหรือยัง}
“อ่า...ครับ ผมบอกพี่เท็นแล้ว” ผมตอบกลับไป และก็รู้ว่าพี่ภาคเขารู้ว่าผมโกหก เมื่อก่อนต่อให้ป่วยขนาดไหนผมก็ไปทำงาน และที่สำคัญ พนักงานหยุดขนาดนี้พี่เท็นคงไม่เอาไว้แน่ๆ
ให้ตายสิ ผมต้องแกล้งไม่รับรู้ต่อไปล่ะนะ แม้ต่อไปผมจะรู้ก็เถอะว่าคงไม่ใช่แค่พี่ภาคที่จะสงสัยเรื่องของผม
หรือจะเอาไอ้พี่เท็นขึ้นมาบังหน้าอย่างที่พี่มันเต็มใจดี...
{พี่เท็นไม่ว่าเหรอ ตั๊บหยุดบ่อยแล้วนะ}
“พี่เท็นเข้าใจน่ะ พี่ภาคก็รู้ว่าพี่เท็นใจดีกับพนักงานจะตาย...”
{เหรอ}
ผมที่ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดีก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมา ผมรู้ว่าพี่ภาครู้มากกว่าที่ผมคิด เขาอาจจะรู้เรื่องของผมกับพี่เท็นแล้วก็ได้ และเขาก็ควรจะรู้ว่าผมไม่ต้องการให้เขามายุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่คำพูดและน้ำเสียงหรือการกระทำของเขาบางครั้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่าต้องยอมรับกับอีกฝ่ายไปโต้งๆ ว่าผมยุ่งกับพี่เท็นหรือ ผมนอนกับพี่เท็นอยู่นะ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องของเขาสักนิด
แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากยืดอกยอมรับกับใครเรื่องนี้หรอก ผมรู้ว่าพี่เท็นไม่ได้แย่ แต่เป็นตัวผมเองต่างหากที่อาจจะทำให้คนอื่นคิดว่าผมนอนกับเขาเพื่อแลกอะไรบางอย่าง
คนเคยมั่ว ยังไงมันก็ดูมั่วไปทั่วอยู่วันยังค่ำ...
“ไอ้ตั๊บ มานอนได้แล้ว กูจะกอด” ผมที่ตอนแรกนั่งคิดคำพูดกับพี่ภาคอยู่ก็ต้องสะดุ้งเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆ คนที่นอนเงียบลูบหน้าท้องผมอยู่จะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์ในมือของผมไปแนบหูของตัวเองพลางพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียราวกับคนไม่เต็มใจพูดนัก “วันนี้ไอ้ตั๊บไม่ไปทำงาน เจ้านายมันอนุญาตเอง แค่นี้นะ”
“ฮะ...เฮ้ย...” ผมที่เบิกตากว้างแล้วมองพี่เท็นที่ตอนนี้กดตัดสายเรียบร้อยแล้วโยนโทรศัพท์ของผมทิ้งไว้อีกฝั่งของเตียง “พะ...พี่ทำอะไรเนี่ย พี่ภาคเขาก็รู้สิว่าผมอยู่กับพี่...!”
“แล้วไง”
“ก็...!”
“มึงยังคิดจะปิดอีกเหรอ ถึงมึงไม่บอก แต่ถ้ามีคนมาถามกู กูก็บอกอยู่ดี”
“พี่แม่ง...”
“แม่งอะไร”
“แม่งไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงวะ ถึงตอนนี้ผมจะอยู่กับพี่ก็เถอะ แต่เมื่อก่อนผมมั่วจะตาย คนทั้งร้านเขาก็รู้กันหมด...”
“อืม กูก็รู้ ว่าแต่มึงมีโรคหรือเปล่า”
“ไม่มีเถอะ ตรวจตลอด ใส่ถุงยางด้วย !” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อเจอสีหน้าตายๆ ของพี่เท็นถามมาแบบนั้น แม้ผมจะมั่วไปทั่วแต่ก็มั่นใจว่าไม่มีโรคแน่นอน !
อย่างน้อยผมก็ไม่คิดสั้นขนาดนั้น ยังมีแม่กับน้องให้รับผิดชอบอยู่จะมาป่วยตายแบบโง่ๆ ไม่ได้
“งั้นก็ดี ไม่มีปัญหาอะไร”
“ห๊ะ”
“กูไม่อายใคร จบมั้ย เลิกพูดมากแล้วมานอนได้แล้ว” พี่เท็นว่าโดยที่สีหน้าเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรจริงๆ สุดท้ายผมก็ยอมผู้ชายคนนี้จนได้ ผมคบกับพี่เขาผมไม่อายหรอก ผมกลัวพี่เขาโดนพูดจาไม่ดีใส่มากกว่า
แต่ผมก็ลืมคิดไปว่าพี่มันคงไม่ให้ใครมาพูดหรือทำอะไรง่ายๆ
“ไม่ง่วง”
“นอนกอดกันเฉยๆ”
“พี่เป็นเด็กหรือไงเนี่ย”
“มานอน” ผมมองคนเอาแต่ใจที่ตอนนี้ยังยืนกรานเหมือนเดิม สุดท้ายก็ได้แต่ทิ้งตัวลงนอนแล้วเป็นผมบ้างที่กอดและเข้าไปซุกใบหน้าอยู่ที่อกแกร่งของพี่เท็นแทน “กูอยากซุกนมมึง อุ่นกว่า”
“ผลัดกันสิ ผมก็อยากอุ่นเหมือนกัน”
“ได้ ให้สิบนาที” พี่เท็นพูดเพียงแค่นั้น ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงแรงกดหนักๆ บนหัวตัวเอง และนั่นมันก็ทำให้ผมยิ่งซุกใบหน้าลงบนหน้าอกของเขาแน่นขึ้นโดยที่ไม่คิดจะเงยหน้าไปมองอีกคนแม้แต่น้อย
‘นอนกอดกันเฉยๆ’
โคตรชอบความรู้สึกตอนนี้เลย...
“เด็กพี่สิบ ไม่มีอะไรกินบ้างเหรอ”
“คิดว่าไม่...”
“โธ่...”
ผมที่ตอนนี้หนีมายืนหลบอยู่ที่มุมห้องโดยที่โซฟาถูกจับจองโดยเด็กสองคนที่เคยมาป่วนอยู่ครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้ทั้งคู่มาในชุดนักเรียน ม.ปลายดูหน้าเอ็นดูไม่น้อย และผมคงจะพิศวาสพวกมันมากว่านี้ถ้าไม่ติดว่าไอ้เด็กสองคนนี้มันเรียกผมว่า ‘เด็กพี่สิบ’
แม่ง เด็กเดิกอะไร ไม่เท่เลย !
“หิวก็สั่งอะไรมากิน มานั่งบ่นทำไม ไม่งั้นก็กลับบ้านกันไป”
“ไม่เอา วันนี้อยากอยู่กับพี่สิบอ่ะ ไม่อยากกลับบ้าน ป้าขี้บ่น”
“พวกมึงทำอะไรให้เขาบ่นสิ”
“เปล่าสักหน่อย” ไอ้เด็กที่ชื่อสองมีไฝใต้ตาสองเม็ดพูดแล้วยู่ปากไปด้วย ส่วนอีกคนที่ชื่อหนึ่งมีไฝใต้ตาหนึ่งเม็ดตอนนี้ก็กำลังนั่งเล่นเกมโทรศัพท์ไม่คุยกับใคร พอเกมจบลงอีกคนก็เริ่มส่งเสียงขึ้นมา
“พี่สิบ หิวอ่ะ”
“หิวก็ไปหาอะไรกิน ไม่ก็สั่งมากิน”
“ให้เด็กพี่สิบไปซื้อให้หน่อยสิ เหมือนจะว่าง” ผมที่โดนลากไปเอี่ยวในบทสนทนาก็ต้องมองเด็กสองคนที่ตอนนี้พยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับความคิดเมื่อสักครู่
“ไอ้ตั๊บไม่ใช่พ่อพวกมึง ทำไมมันต้องไปหาอะไรมาประเคนพวกมึงด้วย”
“โห่ อะไรอ่ะพี่สิบ ป๊าไม่เคยหาอะไรมาประเคนให้สักหน่อย”
“ใช่ๆ ไม่เคยๆ”
ผมมองเด็กสองคนที่คนหนึ่งพูดอีกคนเห็นดีเห็นงามด้วยก็รู้สึกปวดหัวแปลกๆ ถ้าไม่มองเวลาทั้งคู่ขยับปากพูดคงจะไม่รู้เลยว่าใครกำลังพูดอยู่กันแน่
และสัญชาตญาณผมก็บอกว่าให้ดีดตัวออกห่างจากไอ้สองคนนี้เป็นการดีที่สุด ถึงพวกมันจะเป็นน้องพี่เท็นก็ตาม
แค่คนพี่ผมก็จะเป็นบ้าแล้ว ถ้าเจอคู่แสบพี่น้องด้วยคงปวดหัวตาย
“เด็กพี่สิบไปซื้อข้าวให้หน่อยดิ”
“ไอ้สอง”
“ผมเอาด้วยๆ หิวอ่ะ”
“เดี๋ยวเถอะพวกมึงสองคน จะโดนถีบส่งออกจากห้อง” พี่เท็นที่ตอนนี้กำลังยืนทำหน้าดุเด็กสองคนก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา จะบอกว่าพี่มันหน้าบึ้งตั้งแต่ที่โดนบุกรุกห้องเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ซึ่งหลังจากที่พวกเรากำลัง ‘นอนกอดกันเฉยๆ’ อยู่ ประตูห้องนอนก็โดนถล่มโดยเด็กแฝดนรกที่มาไม่บอกไม่กล่าว ทำเอาเจ้าของห้องหน้ามุ่ยตั้งแต่นั้นมา
ฮ่า...แอบขำในใจแล้วกัน
“จะกินอะไรกัน เดี๋ยวลงไปซื้อให้ก็ได้ ไปได้แค่ร้านอาหารข้างล่างนี้นะ”
“นั่นไง เด็กพี่สิบใจดีว่ะ !” หนึ่งพูดพร้อมกับชี้มาทางผม
“ผมอยากกินก๋วยจั๊บ”
“ไม่มี”
“ต้มจืดหมูปั้น”
“ไม่”
“ไข่เจียวชะอม”
“ไม่มี สั่งอะไรกันง่ายๆ หน่อยสิวะ เด็กแฝดนี่” ผมที่ขมวดคิ้วตามเมนูของทางนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะร้านด้านล่างนั้นดูท่าจะเป็นร้านอาหารที่ไม่ใช่สัญชาติไทยแน่นอน และร้านที่มีเมนูแบบที่ทั้งคู่สั่งมาคงไม่ได้มาตั้งในละแวกคอนโดหรูแบบนี้
“ก็ง่ายสุดแล้วนะ เด็กพี่สิบว่ายากตรงไหน อาหารทั่วไปชัดๆ”
“พี่ชื่อตั๊บ เลิกเรียกเด็กพี่สิบเถอะ”
“ได้ๆ เรียกพี่ตั๊บก็ได้ แต่เด็กพี่สิบก็เท่ดีออก”
“นั่นสิ เท่จะตาย”
ผมมองไอ้เด็กสองคนที่พูดจ้อ บางทีก็อยากปิดหูปิดตาไม่รับรู้ว่าใครเป็นคนพูด เพราะต้องมานั่งแยกว่าอ่อ ไอ้นี่เด็กชื่อหนึ่งนะ ส่วนไอ้ที่พูดอยู่นี่ชื่อสอง
ปวดหัวเว้ย !
“พอๆ ไอ้ตั๊บไม่ต้องลงไปซื้อให้พวกมัน ถ้าหิวก็สั่งอะไรมากินเอา” พี่เท็นที่พูดหยุดเหตุการณ์ที่น่าปวดหัวนี้ไว้จนผมอยากจะเข้าไปขอบคุณเขาให้ได้ และอยากจะหนีไปจากตรงนี้ด้วย ไอ้เด็กสองคนนี้มันจะดูปกติมากถ้ามันไม่กวนประสาทเหมือนพี่มัน
ได้เชื้อกันมาเต็มๆ !
“เฮ้อ ทำการบ้านดีกว่า...”
ในที่สุดทั้งคู่ก็สงบลงจนได้ ผมที่หนีออกมาอยู่ห่างๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่สามารถทำตัวปกติได้เพราะตอนนี้พื้นที่โดยรอบโดนครอบครองโดยเด็กทั้งสองคนแล้ว จะขยับไปไหนก็เกร็งๆ ปกติจะอยู่กับพี่เท็นแค่สองคนเท่านั้น ก่อนที่คนที่ผมนึกถึงจะเดินเข้ามาหาแล้วจับแขนของผมดึงให้เดินตาม ในขณะที่เด็กสองคนที่มาเยือนที่ห้องตอนนี้เปิดกระเป๋าเอาหนังสือขึ้นมาเปิดอยู่คนละมุมโต๊ะ
“พะ...พี่...”
“เข้าห้องกัน รอพวกมันกลับแล้วค่อยออกมา”
“ห๊ะ...”
“กูยังนอนกอดมึงไม่อิ่มเลย”
“...”
“ป้ะ” ผมที่โดนเจ้าของห้องลากกลับเข้าห้องนอนอย่างงงๆ พอหันไปมองอีกสองสิ่งมีชีวิตตอนนี้ทั้งคู่ก็ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือไม่สนใจพวกผมสักนิด จนในที่สุดผมและพี่เท็นก็เข้ามาในห้องนอนจนได้ เจ้าของห้องจัดการล็อกประตู ก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออก ไม่นานร่างที่เหลือเพียงกางเกงซับในก็ก้าวขึ้นเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน โดยที่ไม่ลืมตบที่ข้างๆ เพื่อเป็นการเรียกผมด้วย “ก่อนขึ้นมาแก้ผ้าด้วย”
“...”
“คราวนี้ถึงทีกูซบนมมึงบ้างละ”
คำพูดที่ออกมาจากใบหน้าตายๆ ที่ตอนนี้กำลังตบเตียงปุๆ เพื่อเรียกให้ผมขึ้นไป ทำให้ตัวเองได้แต่ขมวดคิ้วแน่นเพราะไม่ค่อยจะเข้าใจในความคิดไอ้พี่เท็นเท่าไหร่ สรุปวันนี้ผมต้องนอนแก้ผ้ากอดกับไอ้พี่เท็นอย่างเดียวสินะ
เฮ้อ...
สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินแก้ผ้าขึ้นเตียง...