จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)  (อ่าน 79987 ครั้ง)

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สกายคนชอบอ่อย 2018 อิอิ

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
สกายน่ารัก และโฬมก็แสนดี ชอบทั้งคู่เลยฮะ เก่งและเฮียเต็มด้วย
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ ยิ้มทุกครั้งที่ได้อ่าน ไม่เอาดราม่านะฮะ ได้โปรดดดดดดดด
และรอออออออ ตอนต่อไปคร้าบบบบ

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 17


“ตรงนี้ขอเสียงสูงกว่านี้หน่อยนะครับ” พี่ยุทธบอกนักร้องในห้องที่เข้าไปในนั้นได้ราวๆ ครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมนั่งรออยู่ข้างนอก คุยเล่นกับพี่เมฆและพี่อ้อยที่วันนี้ไม่ยอมทำงาน โดดมานั่งมองหน้า ‘ประเด็น’ อย่างโฬม ลภณพร้อมวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก

“หล่อมากๆ เลยสกาย”

“จริง พี่โบกครีมขนาดนี้ ผิวยังเนียนไม่สู้โฬมเลย” ผมมองพี่อ้อยที่ดูจะอวยเกินจริง โฬมขาวและหน้าใสก็จริง แต่ถ้าถามว่าผิวดีไหม ก็ต้องตอบว่าผิวของคนที่ผ่านเครื่องบำรุงและวิธีการมากมายอย่างพี่อ้อย ยังไงก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว

“พี่ยุทธเวอร์ชั่นเครียดๆ แบบนี้ยังไงผมก็ไม่ชิน” ผมเปลี่ยนเรื่องเป็นครั้งที่สิบสองของวัน พยายามลากให้ไกลจากหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับโฬมทั้งหมด เพราะพี่ๆ เขามักวกเข้ามาถามคำถามที่ผมก็ตอบไม่ถูก แถมยังใจเต้นจนน่ารำคาญ

“สกายไม่ค่อยโดนพี่แกด่านี่หว่า” พี่เมฆเบ้หน้าเบ้ปาก เหลือบมองไปทางคนตัวใหญ่ที่นั่งปรับเสียงนู่นนี่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน ในขณะที่โฬมก็กำลังร้องแก้ท่อนที่พลาดอยู่ในห้องอัดเสียง

ผมที่อัดส่วนของตัวเองไปแล้วนั่งรอโฬมอยู่ไม่นานทุกอย่างก็เสร็จสิ้น เป็นการอัดเพลงที่น่าจะเร็วที่สุดในชีวิตแล้วมั้ง ด้วยความที่ว่าทั้งโฬมและผมเป็นคนแต่งเพลงเอง อัดเดโม่เอง จึงไม่ต้องเสียเวลาปรับจูนเสียงหรือจังหวะทำนอง

ผมบิดตัวคลายความขี้เกียจ ยิ้มรับคนตัวสูงที่เดินออกมาจากห้องอัดด้วยใบหน้ามีความสุข

โฬมเดินมานั่งข้างๆ ผม คว้าขวดน้ำบนพื้นมาแกะดื่มด้วยความกระหาย ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะพี่ยุทธที่เดินเข้ามาร่วมวงเป็นคนสุดท้ายกำลังเปิดบทสนทนาเรื่องใหม่ขึ้นมา

“ประธานฯ บอกให้ปล่อยออดิโอ้ไปก่อน เอ็มวีค่อยปล่อยหลังจากนั้นเดือนนึง” ร่างอวบอ้วนทิ้งตัวลงเบียดพี่เมฆจนหน้าแทบคะมำ แว่วเสียงโวยวายขึ้นมาขัด แต่เสียงหัวเราะร่วนของคนในห้องกลับดังยิ่งกว่า “แล้วตกลงเอ็งจะไปถ่ายเอ็มวีที่ไหน”

“เนี่ยพี่ อาทิตย์หน้าพวกผมจะไปดูสถานที่แล้ว” ผมตอบ พร้อมกับส่งห่อขนมปังให้คนข้างตัว โฬมยิ้มรับ ผงกหัวขอบคุณ

“ที่ไหนๆ” พี่อ้อยยื่นหน้าเข้ามาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ระยองมั้งครับ”

“ไปกันสองคนเหรอ”

ผมพยักหน้า

รอยยิ้มกรุ้มกริ่มปรากฎบนริมฝีปากของทุกคน ขนาดโฬมยังไม่เว้น ผมที่เพิ่งสำนึกได้ว่าพูดออกไปเต็มปากต้องยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เก้อ

ถึงจะโดนล้อมาเป็นอาทิตย์ ยังไงก็ไม่ชินสักที

“คบๆ ไปให้จบๆ ไป รำคาญ!” พี่ยุทธทำน้ำเสียงรำคาญอย่างที่ปากว่า แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่การกลั่นแกล้ง เพราะมืออวบๆ ยื่นมาผลักหัวผมแล้วดันให้มุดเข้าไปในหน้าอกของโฬมจนจมูกผมบี้ไปหมด

“อี้ อ่อยอมๆๆๆ (พี่ ปล่อยผมๆๆๆ)” ผมโวยวาย ตะเกียดตะกายจะดันหัวออก โฬมโอบแขนรอบตัวผมเนื่องจากท่านั่งผมมันพิสดารขึ้นทุกครั้งที่ขยับตัว สุดท้ายก็ได้รับอิสระโดยที่ทั้งเสื้อผ้า และเส้นผมยุ่งเหยิงไปหมด

“แล้วสกายคิดเนื้อเรื่องเอ็มวียัง” พี่อ้อยโพล่งขึ้นมาเมื่อสถานการณ์ค่อยๆ สงบลง

“ยังเลยพี่”

“โฬมมีไอเดียไหมครับ”

“ไม่มีเลยครับ”

“ผมมี!” พี่เมฆยกมือแห้งๆ ของตัวเองขึ้นสุดแขน

“อ่ะ เชิญญ”

“ขอถามก่อนนะ สกายกับโฬมจะเล่นเอ็มวีเองเลยไหม”

“...” ผมเงียบ โฬมก็เงียบ

พวกเราหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันผ่านสายตาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี

“จริงๆ เพลงนี้มันต้องเป็นพวกรักร่วมเพศอยู่แล้วใช่ม้ะ พี่ไม่อยากให้จำกัดแค่เกย์อ่ะ มันมีอื่นๆ อีกเยอะเลย” พี่เมฆทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา

“น่าสนใจอ่ะเมฆ” คนเจ้าสำอางค์ที่สุดหันไปชูนิ้วโป้งให้

แต่ผมกลับสองจิตสองใจ ไม่ได้คล้อยตามไปง่ายๆ เพราะความคิดบางอย่างตกตะกอนอยู่ในหัวผมมันสักพัก ตอนแรกก็กะจะทิ้งไปเพราะมันออกจะไร้สาระไม่น้อย แต่นานวันมันก็ยังวนเวียนไม่เลิก

เพลงนี้... ผมอยากให้มันมีแค่เรา

ไร้สาระไหมละครับ ทั้งๆ ที่ความตั้งใจแรกคือจะทำเพลงรักสะท้อนสังคมเกี่ยวกับรักร่วมเพศ แต่ไปๆ มา ผมแค่อยากให้เพลงนี้เป็นเพลงของโฬม

เพลงที่เขาจะใช้พูดคุยกับคนอื่น ว่าการที่เขารักเพศเดียวกัน เขาไม่ผิด

การที่เขามีคนรักเป็นผู้ชาย มันไม่ใช่สิ่งบาปหนาที่คนอื่นจะนำมันมาทิ่มแทงและจมตัวเขาให้อยู่กับโลกอันเน่าเฟะจากคำดูถูกดูแคลนพวกนั้น

คนทุกคนมีสิทธิที่จะรักใครก็ตามที่พวกเขาเลือก ไม่ใช่คนอื่นๆ มาเลือกให้

“ว่าไงสกาย”

“อ๊ะ ครับ”

ผมไม่ได้ฟังที่พี่เมฆกับพี่อ้อยพูดเพราะมัวแต่จมกับความคิดของตัวเอง พอสะดุ้งขึ้นมาอีกทีก็พบว่าทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว

“กะ ก็ดีครับพี่”

“ได้ฟังป่ะเนี่ย”

“...ผม”

“ไม่สบายเหรอครับฟ้า”

ผมที่ละลำละลักตอบไม่ถูกโดนชะงักด้วยเสียงนุ่มกับฝ่ามืออุ่นที่ทาบลงมาบนหน้าผาก โฬมยิ้มบางๆ ให้แต่คิ้วเขากลับขมวดยุ่งด้วยความเป็นห่วง

“เนี่ย กูถึงบอกให้คบๆ กันไป” พี่ยุทธบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่เสียงไม่ได้เบาเลยสักนิด

ผมรู้ พี่เขาจงใจให้ได้ยิน

หน้าผมแดงเถือกไปหมด พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นเพราะโฬมเอาแต่ลูบหน้าลูบหัวไปแคร์สายตาล้อเลียนกับอากัปกรอกตาอย่างเบื่อหน่ายของพี่ใหญ่สุดในห้อง

ผมดึงมือของอีกคนพลางส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร ก่อนจะกลับไปคุยประเด็นเดิมต่อ จริงๆ คืออยากหลบเลี่ยงกับคำแซวที่อีกสักพักคงพรูกันเข้ามาอย่างไม่มีหยุด

รับไม่ไหวครับ แค่โฬมหยอดทุกวันหัวใจก็จะพังอยู่แล้ว

“ผมว่าจะเล่นเอ็มวีเอง”

“หืม” ทุกคนส่งเสียงขึ้นจมูกด้วยความสนใจใคร่รู้

แต่ผมเลือกเบี่ยงบ่ายด้วยการบ่นว่าหิวแล้วลากคนตัวสูงข้างๆ ออกมาเลย ไหว้สวัสดีแล้วจรลีออกมา ไม่เผื่อเวลาให้ใครได้คาดคั้นทั้งนั้น

ความคิดมันออกจะ...น่าอายไปสักหน่อย

เอาไว้เอ็มวีเสร็จแล้วผมค่อยเอามาให้พี่ๆ เขาดูแล้วกัน จะได้เขินไปทีเดียวไปเลย!

ผมลากโฬมดุ่มๆ มาที่รถ วันนี้เป็นผมที่ขับมาและวนไปรับโฬมตอนเช้าด้วย ถุงเงินถุงทองยังไม่สนใจผมเหมือนเดิม ส่วนผมก็กระโดดหนีไม่เข้าใกล้ไม่ต่างกัน

“เรื่องเอ็มวี...” พอเข้ามาในรถ โฬมก็เปิดประเด็นทันที

ผมเม้มปาก หัวเราะแหะๆ แต่ก็ยอมบอกคร่าวๆ ออกไป ยังไงถ้าผมจะเล่นเอ็มวีเอง โฬมก็ไม่พ้นต้องมาเล่นกับผมอยู่แล้ว

“โฬมไม่สบายใจที่จะเล่นเอ็มวีเองรึเปล่าครับ”

“ไม่ครับ แค่อยากรู้ว่าฟ้าคิดอะไรอยู่”

“...” ผมกลืนน้ำลายลงคอ ถ่วงเวลาด้วยการหันไปสตาร์ทรถแล้วถอยออกจากซองจอด รอจนรถเข้าสู้ท้องถนนได้เต็มตัวผมถึงกลับมามีเสียงพูดอีกครั้ง

“จริงๆ ผมมีเนื้อเรื่องคร่าวๆ ไว้เหมือนกัน”

“เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ”

ผมคลี่ยิ้มตอบกลับรอยยิ้มบุ๋มลึกที่ส่งมาให้

“ไว้ไปเล่าให้ฟังที่ระยองนะครับ”

ขอเวลาทำใจเดี๋ยวเดียว ไม่นาน...









ผมมองตัวเองในกระจก สำรวจหูที่สัมผัสได้ว่าแผลแห้งแล้ว เวลาผ่านมาพอสมควรและผมคิดว่าผมสามารถเปลี่ยนมาใส่ห่วงสีดำที่ได้มาตอนนั้นได้แล้ว

มันเป็นความตื่นเต้นเอามากๆ ผสมกับอาการตื่นกลัวตอนที่ยื่นมือไปปลดต่างหูที่สวมไว้ออก แต่ผมก็ไม่กล้าดึงแรงอยู่ ขยับนิดๆ หน่อยๆ ก็เสียววาบขึ้นเพราะสัมผัสได้ถึงก้านที่คว้านอยู่ในหู ผมยอมละมืออกมาด้วยหน้าหงอยๆ ให้คนอื่นใส่ให้น่าจะดีกว่า
ผมขยับตัวออกมาหลังจากยื่นหน้าเข้าไปแทบชิดกระจก มองสำรวจเสื้อผ้าหน้าผมเป็นครั้งสุดท้าย หัวสีบลอนด์ที่ทำมาช่วยทำให้เวลาผมหยิบแว่นไร้เลนซ์มาสวมมันดูน่ารักมากขึ้นกว่าปกติ

จำได้เลยว่าครั้งแรกที่โฬมเห็นผมในลุคใหม่นี้ เขาถึงกับขอถ่ายรูปเก็บไว้ ต่างจากเก่งกาจที่เอาแต่มองนิ่งๆ และบ่นพึมพำว่าผมไม่ใช่สกายที่มันรู้จัก อะไรก็ไม่รู้ แต่ส่วนมากฟีดแบ็คก็ล้วนบอกว่ามันเข้ากับผมเอามากๆ ช่วงนี้เสื้อผ้าบนตัวเลยออกโทนสดใสสว่างๆ หน่อย เพื่อให้เข้ากันทั้งตัว

วันนี้ผมใส่เสื้อฮาวายสีน้ำเงินลายผลไม้ ตัวใหญ่โอเวอร์ไซซ์เหมือนเดิม กางเกงก็เป็นเอวยางยืดขาสั้นสีดำ วันนี้กะจะลากแตะไปให้เข้ากับอีเวนท์

ใช่แล้วครับทุกคน ผมกำลังจะไประยองฮิ!

กระเป๋าเป้ตุงๆ หน่อยนั่นรวมเสื้อผ้าและของใช้มากมายเท่าที่จะยัดไปได้ ด้วยความที่ผมไม่มีงานช่วงนี้เพราะเก็บตัวก่อนปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ รวมถึงโฬมก็ว่างงานอยู่เหมือนกัน พวกเราเลยกะไปเที่ยวสักห้าวันสี่คืน อาจจะย้ายที่นอนไปเรื่อยจนกว่าจะได้เจอสถานที่ถูกใจ

Rrrrrrrr

“ครับ” ผมรับสายของคนที่น่าจะรู้กันดีว่าใคร

[ผมจอดรออยู่ที่เดิมนะครับ]

“ได้ครับ” ผมตอบรับแล้วกดตัดสายทิ้งไป หมุนตัวไปคว้ากระเป๋ามาสะพายบ่า สำรวจอีกครั้งว่าไม่ลืมอะไรอีกแล้วจึงเดินฉับๆ ออกมาจากห้อง

ตอนเช้าแม้แดดแรงแต่ยังไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ผมดันหมวดแก๊ปที่สวมมาด้วยให้เลื่อนลงมาบังสายตา รถของโฬมจอดอยู่ข้างรั้วที่ประจำ ผมโยนกระเป๋าไปไว้เบาะหลังก่อนจะกระโดดเข้ามานั่งในที่ข้างคนขับ

“หวัดดีครับ” ผมทัก หันไปมองเจ้าของรถที่ส่งยิ้มไว้รออยู่แล้ว

ยังหล่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแว่นกันแดดเสริมความเท่

ผมข่มความอิจฉาปนปลาบปลื้มในใจ แอบใช้สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางร้องอื้อหือในใจ

กางเกงขาสั้นสีครีม เสื้อเชิ้ตขาวพับแขนเสื้อ ทรงผมที่เซ็ตมาอย่างดีพร้อมแว่นเรย์แบนสีชาบนใบหน้า ยิ่งผนวกกับฟันเขี้ยวและลักยิ้มสวยๆ ผมก็ไม่อาจถอนสายตาออกมาได้โดยง่าย

“มองแบบนี้ผมเขินแย่เลย”

ผมหัวเราะเพราะโฬมไม่ได้จริงจังกับคำพูดนั้น

เขาคงจะชินแล้วกับการที่ผมชอบมองหน้าเขาค้างอยู่บ่อยๆ

“เดี๋ยวครึ่งทางสลับกันขับนะครับ” ผมบอก ถึงจะไม่เคยไปแต่โทรศัพท์มือถือก็มีจีพีเอส ผมไม่อยากให้โฬมขับรถคนเดียวเพราะก็ถือว่าไกลอยู่เหมือนกัน แถมกว่าจะวนหาที่พักได้ก็น่าจะกินเวลาอีกสักพัก

ทริปนี้พวกผมกะไปตายเอาดาบหน้าจริงๆ เพราะไม่ได้จองที่พักกันไว้ แค่เล็งว่าจะไปมีรีสอร์ทอยู่ตรงไหนบ้างแล้วค่อยๆ ขับไปเพื่อสำรวจสถานที่

ผมเอื้อมมือไปเปิดเพลง ปรับเบาะให้เอนลงเพื่อความสบาย หันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ขับรถอย่างตั้งใจ ก่อนจะสังเกตุเห็นบางอย่างที่สะดุดตา

ต่างหูห่วงดำกับกางเขนเล็กๆ ห้อยเอาไว้ประดับอยู่บนติ่งหูของโฬม

ตั้งแต่เมื่อไหร่...

“โฬมใส่ต่างหูแล้วเหรอครับ”

“อ๋อ ครับ เพิ่งใส่เมื่อเช้าเอง” เขาหันมาสบตากับผมแปบนึงก่อนกลับไปมองถนนต่อ “ฟ้าไม่ใส่เหรอครับ แผลน่าจะแห้งแล้ว”

“ผมใส่ไม่เป็น” ผมเลือกเลี่ยงคำว่าไม่กล้าไป

“เดี๋ยวถึงรีสอร์ทผมใส่ให้นะ”

“ก็ดีครับ” ผมยิ้ม

บทสนทนาของพวกเราหยุดลงไว้แค่นั้น มีเพียงผมที่ฮัมทำนองเพลงตามดนตรีที่ดังออกมาจากลำโพง วิทยุช่วงนี้เปิดเพลงสากลที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ ตามร้านกาแฟ ผมโยกหัวเบาๆ มองลอดออกไปนอกกระจก

ความเงียบไม่ได้ทำให้พวกเราอึดอัด

ผมจะเป็นพวก ถึงชอบหมกตัวทำเพลงเงียบๆ ทั้งวัน แต่ถ้าต้องเข้าสังคม หัวผมจะหมุนติ้วเพื่อหาเรื่องมาคุยกับอีกฝ่ายแก้อึดอัด แต่กับโฬมผมไม่จำเป็นต้องสรรกาเรื่องราวร้อยแปดมาชวนคุย เพราะแค่เรานั่งอยู่ข้างกันเงียบๆ หัวใจผมก็เบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อย่างนี้เรียกว่ารักได้หรือยัง

ผมถามใครไม่ได้ เก่งกาจก็ตอบไม่ได้ จะให้ถามโฬมเหรอก็ไม่กล้าพอ ผมถึงทำได้แค่ค่อยๆ ถามตัวเองแล้วหาคำตอบอย่างช้าๆ
ผมรู้ว่าผมชอบโฬมนะ และมันมากขึ้นในทุกๆ ครั้งที่พวกเราค่อยๆ รู้จักกัน

ข่าวของผมกับโฬมยังมีกระแสเรื่อยๆ และคนข้างๆ ผมก็มีอาการไม่อยากรับรู้ทุกครั้งที่เห็นมันผ่านหน้าไทม์ไลน์ ผมมองเห็นความอ่อนแอของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันผมก็เห็นความเข้มแข็งของเขามากขึ้นเช่นกัน

แววเศร้าๆ ในดวงตาของเขามันจางลงไปเยอะมากทีเดียว รวมถึงรอยยิ้มของเขาก็สวยมากกว่าครั้งแรกที่เราเจอกันมากทีเดียว
ผมหลงใหลโฬมในมุมที่ทั้งอ่อนแอและเข้มแข็ง

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องรู้สึกมากแค่ไหนถึงเรียกว่ารัก แต่แค่นี้หัวใจผมก็บวมเป่งจนแทบปริแตก อีกนิดมันก็จวนจะเก็บเอาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว

“โฬม...”

“ว่าไงครับ”

“...”

“ครับ?”

“หิวแล้วครับ”

“อะ เดี๋ยวผมแวะปั้มข้างหน้าให้นะครับ”

จะมาบอกอะไรตอนนี้วะไอ้สกาย มันใช่เวลาที่ไหน

ให้ตายเถอะ!







ผมได้รีสอร์ทแล้วครับ!

ผมขับรถวนอยู่เป็นชั่วโมง พวกที่สถานที่สวยๆ ก็ล้วนเต็มหมดแล้ว หรือบางทีรีสอร์ทสวยแต่ชายหาดด้านหน้าแคบไปหน่อย ผมก็เปลี่ยนไปเป็นที่อื่นทันที กว่าจะได้ที่ที่ทั้งผมและโฬมถูกใจก็สี่โมงเย็นไปแล้ว

ผมเช็คอินเข้าห้องพัก ขอวิวที่ดีที่สุดเพราะอยากเสพบรรยากาศ พวกเราจองห้องพักเดียวกันแบบเตียงเดี่ยว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจองห้องแยกหรือแบบเตียงคู่ เพราะยังไงก็ทำมากกว่านอนกอดกันไปแล้ว

หมายถึงจูบนะ!

“ฟ้าจะเล่นทะเลไหมครับ”

ผมฟังคำถามแล้วมองออกนอกหน้าต่าง แดดยังแรงอยู่เลยแหะ

“สักห้าโมงแล้วกันครับ ยังร้อนอยู่เลย”

โฬมพยักหน้า พวกเราผลัดกันเข้าไปล้างขาล้างหน้าก่อนจะกระโดดขึ้นนอนแผ่กันเต็มเตียง แขนและขาของพวกเราก่ายกันไปมา ในขณะที่ดวงตาจับจ้องเพดานสีขาวอย่างเหม่อลอย

คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมเห็นเขาอัพรูปที่ถ่ายเมื่อตอนถึงรีสอร์ทใหม่ๆ ลงไอจี ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยขยับหัวเข้าไปกระแซะอย่างโจ่งแจ้ง

โฬมหัวเราะ แต่ก็ยอมให้ผมอ่านแคปชั่นของเขาที่ยังไม่ได้กดอัพรูป


ท้องฟ้ากับทะเล


ผมยิ้มเขิน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท้องฟ้าที่ว่านั่นหมายถึงอะไร

ก็ช่วงหลังๆ แคปชั่นแทบจะทุกรูปที่โฬมลง ไม่ว่าจะถ่ายติดท้องฟ้าหรือไม่ เขาก็ยังจะบรรยายทุกสิ่งด้วยคำว่าท้องฟ้าอยู่ดี

“ไม่เห็นมีทะลหรือท้องฟ้าเลยนี่ครับ” ถึงจะรู้ ผมก็ยังแซวออกไปแก้อาการเขิน

เพราะรูปที่โฬมถ่ายมันคือป้ายรีสอร์ทกับดอกไม้หลากสีเป็นพุ่มด้านล่าง

“มีท้องฟ้านะครับ”

“หืม ไหนครับ” ผมคิ้วขมวด เพ่งมองรูปนั้นด้วยความตั้งใจ

ไม่เห็นอะไรเลยสักนิด จนกระทั่งโฬมจิ้มนิ้วชี้ลงบนมุมขวาของภาพ ซึ่งนั่นทำให้หน้าผมแดงเถือกพร้อมกับลมหายใจติดขัด
เป็นมือของผมที่ติดเข้ามาในเฟรม

เห็นแค่นิ้วก้อยกับนิ้วนางด้วยซ้ำ ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าจะเขินทำไม

ผมแกล้งหัวเราะ ทำท่าจะพลิกตัวตะแคงข้างหนี แต่โฬมกลับคว้าไหล่ผมไว้ก่อนจะขยับร่างกายท่อนบนมาคร่อมผมเอาไว้

“ฟ้าหน้าแดง”

ผมไม่ตอบ เบื่อจะอ้างว่าอากาศร้อนแล้ว เพราะอ้างบ่อยจนบางทีก็กระดากปาก

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนแสงแดดจนวาววับ มองไม่สามารถสบมันได้นานเกินห้าวิจึงต้องเบนศีรษะหนี โฬมหัวเราะเบาๆ เขาแกล้งผมพอสนุกๆ ก่อนจะยอมผละลำตัวออกไป

“มาครับ ผมใส่ต่างหูให้”

ผมโดนดึงแขนให้ลุกขึ้นจากที่นอน ยอมเดินไปหยิบกล่องต่างหูมายื่นให้อีกคนก่อนจะขยับตัวไปนั่งนิ่งๆ ที่หน้ากระจก โฬมใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์เช็ดต่างหู ทำความสะอาดมันตามขั้นตอนจนพอใจ จิวหูเดิมถูกถอดออกอย่างช้าๆ มันไม่เจ็บอย่างที่คิด แต่ผมก็กลัวอยู่ดีเลยหลับตาปี๋

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเพราะมันแค่แปบเดียวเสียงทุ้มก็บอกว่าเสร็จ ผมค่อยๆ ลืมตามองตัวเองในกระจก ติ่งหูมีห่วงสีดำปะดับไว้ทั้งสองข้าง ไม่ต่างจากของโฬมเลยสักนิดเพราะเขาขอของผมไป

อย่างกับต่างหูคู่เลยแหะ

“ขอบคุณครับ” ผมพูดพลางยื่นหน้าไปใกล้กระจก สำรวจสภาพตัวเองก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

โคตรเท่เลยตอนนี้

ขนาดผมสีบลอนด์สว่างยังดับความเท่ลงไปไม่ได้เลย

ผมหัวเราะกับความคิดยกยอตัวเอง หันไปมองคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ ยื่นโทรศัพท์ให้เขาก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ

“ถ่ายรูปให้หน่อยสิครับ”

ผมเก๊กท่าเป็นนายแบบอยู่สองสามท่า แต่ส่วนมากคือเน้นไปที่หูที่มีสิ่งแปลกปลอมสวมเข้ามาเรียบร้อยทั้งสองข้าง ผมรับโทรศัพท์มาตกแต่งรูปนิดหน่อย ก่อนจะกดเข้าแอพอินสตราแกรมแล้วโพสรูปลง โดยมีแคปชั่นใต้ภาพว่า


ชอบมากๆ เลย


ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองหมายถึงใคร

ระหว่างต่างหู กับคนถ่ายรูป



______________________
Talk: มาแล้ววววววว กลับมาแล้วววว จะกลับมาลง 3-4 วันเหมือนเดิมแล้วค่า
โปรเจคโดนสั่งแก้ยับ แต่เดดไลน์คืออาทิตย์หน้า เศร้าใจ
ยังมีคนรออยู่ไหมค้าาาาาาาา

เจ้าสกายเป็นคนที่ไม่งี่เง่าใดๆ เพราะชัดเจนในความรู้สึกตัวเองมากๆ
ไม่รู้เลยว่าสองคนนี้จะทะเลาะกันยังไง 5555555555

เอ็นดูน้องและนังพี่ด้วยนะคะะะะะ
รักทุกๆ คนตะเหมออออ จุ้บ

ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สองคนนี้ไม่เหมาะแก่การทะเลาะกันอย่างยิ่ง เขาเหมาะแก่การได้กัน แค่กๆๆๆ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
รอฟังเพลงรักค่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :o8: :-[

เขิลไปทีเดียวเลย

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อร๊ายยย หวานกว่านี้ก็น้ำผึ้งเดือนห้าแล้วล่ะ  ^^

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
สกายเป็นท้องฟ้าที่สดใส
โฬมอย่าทำให้ท้องฟ้ามีเมฆมาบดบังน้าาาา

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 o13 รออ่านอยู่ทุกวันเลยค่ะ  :a5:น้องน่ารักน่าฟัดมากกกก  :hao7: คนพี่ก็อบอุ่นไปอี๊กกกกกกก   :hao3:  สู้ๆค่ะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 17 [16-Nov-18] P.5
« ตอบ #129 เมื่อ: 16-11-2018 21:35:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เมื่อไหร่จะคบกันจ๊ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เขินไปหมดแล้วคุณโร๊มมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เป็นแฟนกันสักทีเถอะ

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 18



แดดตอนห้าโมงเย็นก็ถือว่าแรงใช้ได้ แต่ไม่ได้แสบผิวเหมือนตอนกลางวัน

ผมสวมกางเกงขาสั้นหลากสี มัดเชือกที่เอวจนแน่น ถือโอกาสเปลือยท่อนบนแมนๆ เท่ๆ คูลๆ ไปเลย ในขณะที่โฬมเลือกใส่เสื้อผ้ามิดชิด กางเกงขาสั้นที่ยาวเกือบเท่าเข่ากับเสื้อยืดสีกรมท่า

“สวมเสื้อทับหน่อยไหมครับ แดดแรงนะ” คนตัวสูงชูเสื้อฮาวายของตัวเองขึ้น แต่ผมส่ายหน้าดิก

ถึงจะมีพุงกะทิน้อยๆ แต่ถ้าใจเราผอม เราก็จะผอมนะครับ

“ไปกันยังครับ” ผมออกปากชวน ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวไปเลยสักอย่างเพราะกะลงทะเล ส่วนอีกคนก็พกแค่โทรศัพท์กลับซองพลาสติกห้อยคออันนึง พวกเราฝากกุญแจห้องไว้ที่เคาท์เตอร์ ช่วงข้างหน้ารีสอร์ทจะเป็นถนนสองเลน เลยถนนไปก็เป็นชายหาดกว้างกับน้ำทะเลสีใส

ฝั่งหนึ่งของชายหาดมีโต๊ะเก้าอี้ไม่กี่ตัวไว้รองรับสำหรับคนที่ต้องการทานมื้อเย็นริมทะเล แต่ผมเมินกับของกินก่อนเพราะเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังอยู่ไม่ไกลนัก หูตาของผมกระดิกริกๆ ด้วยความตื่นเต้น

โฬมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพพร้อมสเนปไอจีสตอรี่ ผมได้ทีแกล้งคนติดโซเชียลด้วยการยื่นหน้าเข้าไปในกล้องจนเห็นแค่จมูกและกระจับปากด้านบน

คนตัวสูงหัวเราะ แต่ก็ยังกดอัพคลิปประหลาดๆ นั่นลงอยู่ดี

“หาดกว้างดีนะครับ ถ่ายที่นี่ก็น่าจะสะดวก” โฬมที่กวาดตามองสำรวจเอ่ยแสดงความคิดเห็น ผมพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะชี้ไปตรงต้นไม้ใหญ่กับชิงช้าไม้อันหนึ่ง

“ตรงนั้นถ่ายออกมาน่าจะสวย”

“แล้วตกลงฟ้าคิดเนื้อเรื่องว่ายังไงบ้าง”

ผมยิ้ม แต่ไม่ตอบ

ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะเล่าเรื่องน่าอายแบบนั้นตอนนี้

ผมถือวิสาสะคว้าข้อมือแกร่ง ดึงร่างสูงโปร่งให้เดินฝ่าทรายสีขาวละเอียดไปที่ทะเลกว้าง พวกเราถอดรองเท้าไว้ใต้ต้นไม้ที่มีชิงช้าต้นนั้น โฬมรูดปิดซองพลาสติกอย่างดีเพื่อกันโทรศัพท์เปียก ก่อนที่ผมจะพุ่งทะยานพาตัวเองกระโดดลงน้ำก่อนใครเพื่อน

ตู้ม!

ผมเดินฝ่ากระแสน้ำมาจนระดับมันสูงถึงเอว ก่อนจะย่อตัวกระโดดเอาหัวมุดลงไปใต้น้ำ ดำผุดดำว่ายจดเส้นผมสีสว่างเปียกลู่แนบไปกับกรอบหน้า พอเงยศีรษะขึ้นมาอีกทีก็พบว่ามีคนหันกล้องมาถ่ายผมอย่างเงียบๆ อยู่คนหนึ่ง

“แอบถ่ายเหรอครับ” ผมถามอย่างกวนๆ แต่โฬมกลับพยักหน้าแล้วกวักมือให้เข้าไปดู

มันเป็นวิดีโอที่ยังไม่ได้อัพโหลดลงอินสตราแกรม เล่นวนไปวนมาตั้งแต่ฉากที่ผมกระโดดตัวลอยก่อนจะพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้ง แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาพอดีทำให้ผิวเปลือยเปล่าช่วงอกกับหัวไหล่ของผมพราวระยับราวกับมีใครเอากากเพชรมาติด

“ส่งให้ผมด้วยสิครับ” ผมบอก ยิ้มอย่างพอใจเพราะภาพเคลื่อนไหวที่เห็นออกมาสวยมาก

โฬมจิ้มโทรศัพท์อยู่สักพักก็เลิกสนใจ เขาทิ้งแขนขาปล่อยให้ตัวเองลอยอยู่กลางทะเลไปเรื่อยๆ ต่างจากผมที่ว่ายไปมาอย่างกับคนไม่เคยเจอทะเลมาก่อน

เอาจริงๆ ก็ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เวลาว่างไม่ตรงกับเพื่อน ก็ไม่รู้ว่าจะมาเที่ยวคนเดียวทำไม

“โฬมครับ” ผมเรียกคนที่นอนมองฟ้าอย่างเงียบๆ ให้หันมาสนใจ “ช่วยหน่อยได้ไหม”

“ครับ?”

“ผมอยากเล่นแบบนั้น”

ผมชี้นิ้วไปที่กลุ่มวัยรุ่นผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก แต่เสียงหัวเราะเฮฮาก็ดังจนได้ยินแทบทุกประโยชน์ มีผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งยืนจังก้าอยู่กลางทะเล ใช้มือประสานกันไว้แล้วให้เพื่อนขึ้นมาเหยียบ ก่อนจะออกแรงส่งให้ตัวเพื่อนคนนั้นลอยละลิ่วไปในอากาศ คล้ายๆ การกระโดดน้ำจากสปริงบอร์ดที่ข้างสระ

โฬมพยักหน้า เขากดช่วงล่างให้จมลงในทะเล ยันเท้าลงบนพื้นทรายด้านล่างแล้วประสานมือเป็นที่เหยียบให้ผม ผมเดินเข้าไปใกล้ คว้าหัวไหล่ของโฬมเอาไว้เพื่อทรงตัว สอดขาขวาเข้าไปในฝ่ามือทั้งสองนั้นก่อนจะโหย่งตัวเตรียมกระโดด

“หนึ่ง...สอง...ซั่ม!”

ตู้มมม!

ช่วงจังหวะที่ร่างกายกระทบผิวน้ำทะเล ผมรู้สึกดีโคตรๆ เลย ให้ตาย

แรงน้ำกระเซ็นหนักกว่าที่ผมกระโดดด้วยขาตัวเอง และตัวผมก็จมลงไปลึกจนหัวเข่าชนกับพื้นด้านล่าง ผมมุดอยู่ใต้น้ำสักพักก็ยันตัวขึ้นมาหัวเราะเสียงดัง

“ลองไหมครับ” ผมชักชวน แต่โฬมกลับส่ายหน้าแล้วบอกให้ผมมากระโดดอีกรอบ

ตัวผมลอยในอากาศอยู่สามครั้งก่อนที่จะมึนหัวจนต้องหยุดพัก หอบแฮกๆ หายใจไม่ทันเลยทีเดียว แถมตากับลำคอก็แสบไม่น้อยจากความเค็มของน้ำทะเล

และรอยยิ้มบนใบหน้าของโฬมที่คราวนี้ผมมองว่าสวยกว่าปกติก็ทำให้ไฟกล้าในใจโหมกระพือหนักหน่วง ผมตีขาพาตัวเองเข้าไปหาคนที่ยืนหันหลังมองทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา โอบแขนรอบลำคอแล้วซบหน้าไปที่บ่าแข็งแรง

“อ๊ะ ฟ้า?”

ปกติผมไม่ได้จะเข้ามาสกินชิพเขาบ่อยๆ ร่างสูงเลยสะดุ้งด้วยความตกใจ ผมหัวเราะ บอกให้โฬมเดินไปเรื่อยๆ เพราะผมขี้เกียจตีขาว่ายแล้ว เลยกลายเป็นว่าผมถูกลากไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องออกแรงเอง

โฬมพาผมเดินมาลึกจนน้ำท่วมถึงคอ แสงแดดจางลงไปมาก บัดนี้เหลือเพียงลมโชยเบาๆ กับสายน้ำที่เริ่มเย็นลงแล้วหลังจากฟ้าเริ่มมืดลง คนที่เล่นทะเลอยู่ก็ทยอยกันขึ้นฝั่ง แต่ผมยังไม่อยากขึ้นเลยชวนอีกคนนอนลอยคอมองฟ้าเล่นไปเรื่อย โชคดีที่คลื่นลมไม่แรงนักเราเลยสามารถออกมาไกลจากชายฝั่งได้พอสมควร แต่พอฟ้าเริ่มครึ้มมากขึ้น ก็เป็นโฬมที่ชวนผมขึ้นฝั่งเพราะถ้าเล่นน้ำต่อคงไม่เหมาะ

เสื้อผ้าเปียกๆ ทำให้เดินเหินยากไม่น้อย ยิ่งตอนที่ลมเย็นโชยมาปะทะ ผมก็หนาวสั่นไปทั้งตัว ช่วงบนเปลือยเปล่ามองเห็นชัดเลยว่าเส้นขนทั้งร่างพร้อมใจกันลุกชัน ผมรีบวิ่งไปใต้ฝักบัวที่รีสอร์ทจัดไว้ให้ล้างตัว โดยไม่ลืมลากแขนโฬมให้วิ่งมาด้วยกัน

“หนาวๆๆ” ผมบ่นไปกระโดดไป

“ฟ้าไม่ยอมใส่เสื้อนี่ครับ”

“มาทะเลทั้งที จริงๆ ถ้าถอดกางเกงแบบเด็กๆ ได้ ผมก็คงถอดไปแล้ว” ผมบอกขณะยีผมตัวเองใต้สายน้ำ

“ไม่ให้ถอดนะครับ”

“...ครับ?”

“ไม่ให้ฟ้าถอดกางเกงนะ ผมหวง”

“...”

ฉ่าาา

ให้ตายเถอะ!

หน้าผมจะไหม้เพราะคนที่ยืนอาบน้ำอยู่ข้างๆ ยื่นหัวมาใกล้พร้อมรอยยิ้มจริงจัง ผมหลุบตากลับ งับริมฝีปากตั้งอกตั้งใจขัดถูร่างกายก่อนจะรีบเดินออกมาเพราะลำคอตีบตันชั่วคราว

พอเข้าห้องพักมาได้ผมก็แย่งเข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อน รีบทำเวลาด้วยความเกรงใจ ก่อนจะออกมาด้วยเสื้อผ้าสบายๆ อย่างเสื้อคอวีตัวใหญ่กับกางเกงผ้าขาบานๆ หน่อย พอลมตีก็กระพือดังพั่บๆ แบบที่ผมชอบ

“รีสอร์ทเขาแจ้งมาว่าจัดโต๊ะไว้ให้เราแล้ว” โฬมบอกตอนที่ผมขยี้หัวกับผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ

“เราจองโต๊ะอาหารไว้ด้วยเหรอครับ”

“ผมจองเอง”

“อ๋อ ขอบคุณครับ” ผมฉีกยิ้มตาปิด พอนึกถึงกุ้งเผากับหมึกย่างท้องก็ชักร้องโครมคราม

โฬมลูบหัวผมผ่านผ้าก่อนจะเดินสวนเข้าห้องน้ำไป

ไม่นานเราก็ออกมานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่ริมชายหาด มีเครื่องเสียงกับดนตรีสดเบาๆ เล่นคลอสร้างบรรยากาศไปด้วย ต้นไม้ใหญ่สองต้นเชื่อมกันด้วยไฟหลากสี มีเตาย่างอาหารทะเลกับโต๊ะยาวสำหรับตักอาหารด้วยตนเอง

โต๊ะอาหารของพวกเราเป็นแบบเล็กหน่อยเพราะมากันแค่สองคน อยู่ไกลออกมาจากเวทีพอประมาณ โฬมอาสาเดินไปตักอาหารมาให้ ส่วนผมเป็นคนจัดการเรื่องเครื่องดื่ม

ที่นี่มีเบียร์และน้ำหวานบริการ แต่แอลกอฮอลล์อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มสักเล็กน้อย

ผมยื่นแบงค์ห้าร้อยให้พนักงาน รับเงินทอดมาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินถือถังน้ำแข็งกับแก้วสองใบกลับมาที่โต๊ะ พนักงานหิ้วขวดเบียร์ห้าขวดกับน้ำเปล่าขวดลิตรมาเสิร์ฟให้ถึงที่

“ดื่มไหมครับ” ผมถามคนร่วมโต๊ะ แต่ถามไปอย่างนั้น เพราะสั่งโปรใหญ่มาแบบนี้ โฬมก็คงต้องดื่มนั่นแหละ

แต่อันที่จริงถ้าเขาไม่ดื่ม ผมจัดการเองก็ได้นะ แค่นี้สบายมาก

“โห กุ้ง”

“มีเมี่ยงปลาเผาด้วยนะครับ ไม่รู้ฟ้าทานหรือเปล่า”

“ผมกินได้หมดเลยครับ เป็นปลาเทศบาล” หมายถึงปลาในคลองเทศบาลที่ใครโยนอะไรลงมาก็กินดะไปทั่วนั่นแหละครับ ผมฉีกยิ้ม หยิบอาวุธขึ้นมาแล้วจ้วงอาหารเข้าปากอย่างรวดเร็ว

รสชาติเบียร์หลังทานอาหารมันออกจะเฝื่อนปากไปหน่อย แต่พอนานๆ เข้าก็ชินจนซดแทนน้ำเปล่าได้ง่ายๆ

“ฟ้าเอากุ้งเพิ่มไหม”

“ผมไปตักเองๆ โฬมเอาอะไรอีกไหมครับ”

“ขอปลาหมึกแล้วกันครับ”

ผมพยักหน้ารับ หยิบจานที่ว่างเปล่ามาถือไว้แล้วเดินดุ่มๆ ไปที่โต๊ะอาหารกับเตาย่าง พวกเราผลัดกันเดินผลัดกันนั่งจนไม่นานท้องก็ป่องเป็นลูกแตงโม

ผมกินอะไรไม่ไหวอีกแล้ว แต่โฬมยังเลือกหยิบผลไม้มาตบเป็นของล้างปาก

ดนตรีสดยังเล่นต่อเนื่องจนกว่าจะหมดเวลาที่ทางรีสอร์ทแจ้งไว้ ผมหยิบแก้วเบียร์มาดื่มพลางจับจ้องสายตาไปยังเวทีตรงกลางลาน แขกคนอื่นๆ ตอนนี้ก็นั่งดื่มนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย มีบ้างทีกลับห้องพักไปแล้ว

“จะหมดเหรอครับ” โฬมถามขึ้นมา เรียกสายตาของผมให้หันกลับไปมอง

นิ้วยาวชี้ไปที่ขวดเบียร์ซึ่งยังเหลืออยู่อีกสามขวดเต็มๆ ในขณะที่น้ำเปล่าหมดเกลี้ยง เพราะรสฝาดทำให้อาหารเสียรสชาติไม่น้อย ทั้งผมและโฬมเลยเลือกวางแอลกอฮอลล์เอาไว้ก่อน

“หมดสิครับ รีสอร์ทเขาให้นั่งต่อได้เรื่อยๆ เลย แค่อย่าเสียงดังหลังสี่ทุ่ม”

โฬมพยักหน้ารับรู้

พอเวลาล่วงเลยมาจนสามทุ่มพนักงานก็เข้ามาเก็บจานทำความสะอาดโต๊ะ ผมตัดสินใจคว้าขวดเบียร์ที่เหลืออยู่สองขวดแล้วชวนโฬมไปนั่งเล่นที่ชิงช้าซึ่งใหญ่พอให้ผู้ชายสองคนนั่งด้วยกันได้ พวกเราไม่ได้หยิบแก้วมาเพราะเกรงใจพนักงาน เลยตัดสินใจว่าจะยกกระดกกันคนละขวด หมดแล้วค่อยกลับห้องพัก

ผมทรุดตัวนั่งลงบนที่นั่งไม้ก่อน ชิดร่างกายไปด้านขวาเผื่อแผ่ที่นั่งให้คนตัวสูง ลมในเวลานี้ทั้งเย็นสบายทั้งเหนียวตัวเล็กน้อย ผมถอดแตะคีบให้เท้าสัมผัสกับผิวทรายละเอียด กระดกเบียร์ไปพลางฟังเสียงคลื่นซัดไปพลาง

“โฬมครับ”

“ว่าไงครับ”

“ผมถามได้ไหม... เรื่องอายุ”

“อายุผม?”

ผมพยักหน้า

จริงๆ ก็พอรู้ แค่พิมพ์ชื่อลงกูเกิ้ลก็เจอแล้ว

แต่ผมก็ยังสับสนปนกระดากปากเวลาเรียกชื่อเขาห้วนๆ ในขณะที่เก่งกาจเรียกอีกคนว่าพี่

“ยี่สิบเจ็ดแล้วครับ”

“โห...” ผมหลุดร้องออกมา

จริงก็เดาเอาไว้ว่าพี่สักปีสองปี นี่สามเลยแหะ

“ผมลามปามแล้ว ขอโทษครับ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ” คนที่อายุมากกว่าหันมายิ้มให้ เขาเอามือมาลูบหัวก่อนจะเลื่อนมาโอบไหล่กันแบบเนียนๆ แต่ถึงรู้ผมก็ไม่ได้ขยับออก “ฟ้าจะเรียกผมว่าอะไรก็ได้”

“ไม่กล้าเรียกชื่อห้วนๆ แล้วครับ”

“แล้วจะเรียกว่า...?”

“พี่...”

“ครับ”

พี่โฬม

“...”

ผมเพิ่งเห็นคนหน้าแดงหูแดงก็วันนี้

โฬม อ๊ะ ไม่สิ พี่โฬมหันหน้าหนีผมไปอีกทาง แต่หูของเขาแดงแจ๋จนแม้กระทั่งความมืดก็กลับไม่ได้ ผมหัวเราะ ยกแอลกอฮอลล์ขึ้นซดเสริมความกล้าก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่ยังไม่ยอมหันกลับมามองกัน

“พี่โฬมครับ”

“...ฟ้า” เสียงของเขาสั่นไปหมดเลย

ให้ตายเถอะ คนเราสามารถมองคนที่หล่อมากๆ ในฟิลเตอร์น่ารักได้ไหม

ผมพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วว่าได้

“พี่โฬม...”

“ฟ้าครับ พอแล้วครับ”

“ทำไมครับ”

“ผมหวั่นไหว”

ให้ตายๆๆๆๆ

ผมไม่รู้ว่าโฬมจะหันมาตอบคำถามนั้น ใบหน้าได้รูปเคลื่อนมาหากันจนสันจมูกเราชนดังปั่ก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนอยู่ใกล้จนผมเห็นไปถึงแววอารมณ์มากมายในนัยน์ตาคู่นั้น

“หัวใจผมจะหลุดออกมาแล้วนะครับ”

“อะ เอ่อ”

โฬมคว้ามือผมไปทาบหน้าอกข้างซ้ายของเขา

และใช่ หัวใจของอีกคนเต้นแรงมากจริงๆ และมันส่งผลให้อวัยวะเดียวกันในร่างกายของผมเต้นหนักหน่วงมากขึ้นไปด้วย

กลิ่นแอลกอฮอลล์จากลมหายใจ มัวเมาให้ผมเผลอหลุบตาลงไปมองริมฝีปากของเขา

เราไม่ได้จูบกันมาสักพักใหญ่ๆ

ผมน่าจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าสัมผัสเวลาที่ริมฝีปากทาบทับแลกลมหายใจกันมันเป็นยังไง

และเหมือนว่าโฬมจะคิดเหมือนกันกับผม เพราะดวงตาของเขาก็หลุบลงมองเช่นกัน ขวดเบียร์ในมือถูกทิ้งลงบนพื้นทราย ไม่มีใครสนใจอีกแล้วว่ามันจะหกเลอะจนน่าเสียดายแค่ไหน

แรงดึงดูดระหว่างกันหรืออะไรก็ชั่ง สั่งให้ผมขยับตัวเข้าไปหาอีกคนข้างกาย

มือหน้าทาบลงบนแก้มซ้ายของผม ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยลูบเบาๆ อีกนิดริมฝีปากทั้งสองก็จะประกบกันอยู่แล้ว แต่ทั้งผมทั้งเขากลับไม่มีใครหลับตาลง พวกเราจ้องตากันราวกับไม่สามารถละสายตาออกไปได้ คล้ายโลกใบนี้ได้หยุดหมุนไปแล้ว ยิ่งตอนที่โฬมอ้าปากกระซิบบางอย่างออกมา

โลกของผมก็หยุดเคลื่อนที่ไปอย่างสมบูรณ์

“ฟ้าครับ... พี่โฬมขอจูบนะครับ”

หลังจากนั้น ทุกอย่างสำหรับผมก็ขาวโพลนไปหมด ก่อนที่สีชมพูจะถูกสาดเข้ามาจนมึนเบลอเมื่อจูบอุ่นร้อนกดเข้ามาแนบแน่น
ผมขยุ้มเสื้อของเขา เผยอปากตอบรับให้ลิ้นชื้นเข้ามาแทรกแทรงภายใน

เปลือกตาปิดลง ตั้งอกตั้งใจเกี่ยวกระหวัดสัมผัสที่โยกซ้ายทีขวาที โฬมทั้งขบเม้ม ทั้งดูดดึงผิวปากของผมจนมันน่าจะบวมเจ่อ และผมก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

มันเกิดการเรียนรู้ หลังจากที่โฬมรุกไร้ผมมาสักพัก ผมก็กระทำกลับคืนไปในแบบเดียวกัน

จากที่คอยตอบรับสัมผัส ก็กลายเป็นฝ่ายชักนำให้อีกคนเคลื่อนที่ตามมา ผมแทรกลิ้นเข้าไปในโพลงปากของโฬม แตะลงบนไรฟันและเกี่ยวรับน้ำหวานสีใสเข้ามาในปาก

“อืออ” ผมได้ยินเสียงตัวเองครางเครือในลำคอ

และไม่นานผมก็สามารถสร้างเสียงฮึมฮัมจากโฬมได้เช่นกัน

กว่าสัมผัสทุกอย่างจะสิ้นสุด ก็ตอนที่ลมหายใจผมขาดห้วงไปได้สักพักนึงแล้ว

ผมเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกมาก่อน แต่พวกเราก็ยังใช้สันจมูกคลอเคลียกันไปมาไม่ห่าง บรรยากาศรอบกายส่งอารมณ์ร่วมทุกอย่าง ผมถึงได้ช้อนตาหวานเยิ้มของตัวเองขึ้นมองคนที่นวดผิวแก้มผมเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

“โฬ- พี่โฬม...”

“เรียกเหมือนเดิมก็ได้นะครับ”

ผมยิ้ม แต่เลือกที่จะเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ตามที่ตั้งใจ

“พี่ใฬม”

“ครับฟ้า”

“พล็อตเอ็มวีที่ผมคิดไว้น่ะ ผม...” ผมเงียบไปแวบนึง ตอนแรกว่าจะขยับตัวออกห่าง แต่สายตาของโฬมก็ดันดึงผมไว้ให้อยู่กับที่ ลมหายใจกลิ่นเบียร์คละเคล้ากันไปหมด “ผมคิดเอาไว้ว่า อยากให้มีแค่ผมกับโฬม”

“ดีสิครับ”

“มันเป็นเพลงรักของ... เรา”

ผมเห็น ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจและไม่มั่นใจ

“ฟ้า...?”

“ผมอยากให้มาถ่ายที่ทะเล เหมือน Vlog* (*ไดอารี่ที่อยู่ในรูปแบบวีดีโอ) เที่ยวของคู่รัก แต่ก็ต้องปิดบัง หลบซ่อนจากสังคมเหมือนกัน แต่ช่วงหลังก็จะต้องห่างกันไปตามเนื้อเพลง แต่สุดท้ายก็ได้กลับมาคบกันอีกครั้ง ผมคิดไว้ประมาณนี้...”

“...”

“พี่โฬม”

“คะ ครับ” ประกายสับสนยังมีอยู่เต็มไปหมด

หัวใจของผมเต้นแรงและชาวาบในบางครั้งด้วยความกลัว แต่สุดท้ายผมก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนจะเอ่ยทุกอย่างออกไปจากใจ

“ในเพลงมันเป็นเรื่องของคนรัก ผมเลยอยากถามพี่ว่า...”

“...”

“คบกับผมนะ”

“...!!”

“คบกับฟ้านะครับ พี่โฬม”


__________________
Talk: ใครว่าเจ้าสกายขี้อ่อย
ไม่มีหรอกกกกก คนอย่างสกายน่ะ ไม่อ่อยแล้ว!!!
ฮี่ๆๆๆ แอบมาอัพแล้วไปปั่นเจคต่อก่อนค่า ฮือ แก้ยับเลย ว่าจะรีบมาต่อก็ไม่ได้มาสักที ร้องไห้

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[ :L2: :pig4:
น้องฟ้าเป็นสายรุก   ครึครึ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
โอ้ยยยย น้องฟ้า เอางี้เลยหรอ สายรุกมากกก  :hao7:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
น้องฟ้าาาาาาาา​  รีบนะเรา​555

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ฟ้าเล่นแบบนี้ ช็อตนี้พี่โฬมตายไปเลยจ้า

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ตอบตกลงเร็วค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ยัยน้องงงงงงมาเร็วเคลมเร็วมากเด้อ
แต่ปลายทางผลลัพธ์ก็คงเหมือนกันแหละเนอะ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 18 [22-Nov-18] P.5
« ตอบ #139 เมื่อ: 22-11-2018 16:52:44 »





ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยัยน้องงงง มาให้ตีเดี๋ยวเน้!!!
จุดนี้พี่โฬมก็ตายไปแล้วจ้าาา :katai1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ยัยน้องฟ้าร้ายกาจมาก ตอนแรกคิดว่าพี่โฬมจะเป็นคนขอน้องเป็นแฟนซะอีก ที่ไหนได้น้องดันตัดหน้าชิงขอพี่เป็นแฟนซะก่อน ร้าย!!!!

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอ้ยยย น้องงงงงง อย่าว่าแต่โฬม ตายย

อินี่น๊อคไปแล้วตั้งแต่พี่โฬมแล้ว อินยังกับโดนเรียกเอง

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 19




“คบกับฟ้านะครับ พี่โฬม”

“ฟะ ฟ้า...?”

โฬมเรียกผมเสียงสั่น เขาจ้องหน้าผมแบบไม่ยอมกระพริบตา ทั้งแผ่นหลังก็ตั้งตรงจนผิดปกติ พวกเรายังอยู่ใกล้กันเหมือนเดิม ท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบฝั่งกับชิงช้าที่โยกไหวเบาๆ แต่ทว่าราวกับโลกกำลังหยุดหมุน นาฬิกาได้ค้างไว้ในวินาทีเดิมและไม่ขยับเดินต่อไปไหน

ผมคลี่ยิ้มบาง แม้สีหน้าจะยังคงความมุ่งมั่นตั้งใจเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าหัวใจผมเต้นแรงแค่ไหน มันวูบวาบและทำให้ร่างกายสั่นระริก แต่ผมก็พยายามฮึบไม่แสดงอาการออกมา เพราะดูท่าคนที่สติแตกที่สุดหน้าจะเป็นผู้ชายตัวสูงที่นั่งข้างๆ ผมอยู่คนนี้

“พี่โฬมครับ” ผมเรียกเขา เสียงทั้งสั่นและติดอยู่ในลำคอ ทว่าผมก็ยังทำเป็นไม่สนใจมัน “ตกลงว่าคบกับผมนะครับ”

“...อะ...” เขาอ้าปากพะงาบๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไร้เสียงใดๆ เปล่งออกมา

ผมเก็บเสียงหัวเราะไว้ในใจ เพิ่งเคยเห็นโฬมเสียอาการมากขนาดนี้ ผมตัดสินใจคว้าแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นมาแล้ววางทาบลงไปบนอกข้างซ้าย ตำแหน่งเดียวกับหัวใจที่ยังเต้นรัวแรงอยู่

“ผมชอบพี่นะ”

“ฟ้า... คือ”

“ผมยังไม่รู้ว่ารักคืออะไร แต่พี่สอนผมได้ไหม”

“...”

“ช่วยสอนผมด้วยนะครั- อื้อ”

ผมไม่สามารถพูดได้จบประโยค ริมฝีปากก็ถูกคนที่นิ่งมานานพุ่งเข้ามาบดขยี้อย่างไม่ทันตั้งตัว โฬมคว้าท้ายทอยของผมเอาไว้ เบียดผิวปากเข้ามาก่อนจะแทรกเรียวลิ้นหยอกเย้าไรฟันของผม

ผมถูกรวบกอดเอาไว้แนบอก ในท่าที่ไม่ค่อยสบายนัก แต่ทุกอย่างก็เกินกำลังจะต่อต้าน ผมถูกโฬมจูบครั้งแล้วครั้วเล่า เขารัดเอวผมไว้แน่นราวกับไม่ยอมเชื่อว่านี่คือความจริง ดวงตาสีน้ำตาลไม่ได้ปิดลงแม้เราจะจูบกันอย่างหวานซึ้ง เขาเอาแต่มองหน้าผม ไม่ละสายตาไปไหน ไม่ยอมแม้กระทั่งกระพริบตาบ่อยๆ ตามปกติ

“ฟ้าครับ...”

ผมหอบหายใจอยู่เลยไม่ได้ตอบรับเสียงเรียกนั้น

โฬมกดจมูกหอมแก้มผมฟอดใหญ่ รัดร่างผมและกดหน้าให้ซุกลงที่บ่าของเขา ก่อนจะโยกตัวเบาๆ ส่งผลให้ชิงช้าแกว่งไกวไปด้วย

“ผมไม่ได้เมาแล้วฝันไปใช่ไหม” เสียงทุ้มต่ำพึมพำกับตัวเอง แต่ผมได้ยินชัดทุกถ้อยคำ เลยเผลอหัวเราะก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยืนยันกับเขาด้วยตัวเอง

“ความจริงสิครับ”

“ใจผมเต้นแรงมากเลยนะฟ้า ได้ยินไหม”

ผมพยักหน้า ขนาดหูอยู่ตรงหัวไหล่ผมยังได้ยินเสียงหัวใจของโฬมเต้นเลย เชื่อแล้วว่าเต้นแรงมากจริงๆ

“ไม่คิดมาก่อนเลยว่าฟ้าจะเป็นคนขอคบ”

“ทำไมล่ะครับ”

“ผมอุตส่าห์วางแผนไว้ว่าวันสุดท้ายของทริปนี้...” โฬมเว้นช่องว่างไว้พลางใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมของผมเบาๆ “ผมกะว่าจะจัดดินเนอร์หรูๆ ใต้แสงจันทร์เสียหน่อย”

“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ขอฟ้าเป็นแฟนทั้งทีนะ”

ผมหัวเราะร่วน “งี้แผนพี่โฬมก็พังหมดเลยสิ”

“เพราะใครกันล่ะ”

“ผมเอง” ผมฉีกยิ้มกว้าง ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิด “แล้วตกลงพี่โฬมจะคบกับผมไหมครับ ไม่เห็นให้คำตอบเลย”

“ต้องให้คำตอบด้วยเหรอครับ” โฬมเบนหน้าหลบสายตาของผม เขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองสุดๆ ทั้งแก้มทั้งหูก็แดงแจ๋จนผมกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้ ถึงจะเขินแค่ไหนก็ยังตั้งหน้าตั้งตารุกอีกฝ่ายต่อไป

พอได้เห็นโฬมเป็นแบบนี้ หัวใจผมมันคันยุบยิบ รู้สึกมีความสุขเกินเหตุไปหน่อยแหะ ให้ตาย

“ต้องให้สิครับ”

“นึกว่าฟ้าจะรู้อยู่แล้วซะอีก”

ผมส่ายหน้า ฉีกยิ้มอย่างรั้งรอ แม้ว่าร่างกายจะยังอยู่ในอ้อมแขนของอีกคนจนเริ่มปวดเอวหน่อยๆ แล้วก็ตาม

“คบสิครับ”

ผมยิ้มกว้าง

“เป็นแฟนกันแล้วนะ”

“ครับ!” ผมรับคำอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะมุดหัวออกมาจากอ้อมแขนที่ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยกันง่ายๆ ความเหนียวเหนอะบนผิวสั่งให้ผมกระโดดลงมาจากชิงช้า แล้วกันไปชวนแฟนหมาดๆ ให้กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องแทน

“กลับห้องกันเถอะครับ เหนียวตัวแล้ว”

“ไปสิ”

โฬมลงมาจากชิงช้าอย่างง่ายดายเพราะขาที่ยาวกว่า พวกเราเดินเคียงคู่กันไปตามชายหาดนุ่มเท้า มีทรายไม่น้อยหลุดเข้ามาในรองเท้าแตะจนไม่ต่างอะไรกับการเดินเท้าเปล่า ผมสะบัดๆ ขาเมื่อขึ้นมายืนบนคอนกรีตริมถนน แอบลอบมองฝ่ามือหนาที่กวัดแกว่งอยู่ไม่ไกล

พอได้จังหวะทีเผลอผมก็สอดมือเข้าไปกอบกุมมือที่สากไม่น้อยจากการเล่นเครื่องดนตรี ใบหน้าทำเป็นเมินไม่มองคนที่หันมาจ้องกันอย่างตกใจ

วันนี้ผมรุกโฬมไปไม่น้อยเลย

อาจจะต้องขอบคุณเบียร์สามขวดที่อยู่ในท้อง มันช่วยเสริมความกล้าขึ้นมาเป็นทวีคูณ ถ้าเวลาปกติผมคงไม่กล้าเข้าหาอีกฝ่ายขนาดนี้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผมเมา ผมต้องใจให้มันเป็นแบบนั้น

และที่ทำแบบนี้ เพราะความรู้สึกผมบอกให้ทำ

ก็ในเมื่อผมว่าผมชัดเจนกับตัวเองมาขนาดนี้แล้ว ผมก็ควรชัดเจนกับอีกคนที่ผูกความรู้สึกไว้กับตัวผมเหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น จะมีน้ำตาหรือความเสียใจอะไรไหม ผมจะทำให้โฬมเศร้าหรือเปล่า หรือสุดท้ายเราอาจทะเลาะแล้วจบด้วยการแยกทางกัน

ผมไม่แคร์อนาคตอะไรทั้งนั้น เพราะวันนี้เวลานี้ผมได้เลือกสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุดแล้ว

ต่อให้สุดท้ายมันจะเป็นซุ้มดอกไม้หรือหนามกุหลาบ ก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้เก็บความทรงจำร่วมกันมาตลอดทาง

“วันนี้ฟ้าแปลกๆ นะ” โฬมทักขึ้นมาขัดความเงียบที่รายล้อมระหว่างเรา ผมที่คิดอะไรเพลินๆ หันไปมองคนข้างกายที่ยังไม่ยอมหันหน้ามาสบตากัน ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง

ปวดแก้มชะมัดเลยวันนี้

“แปลกยังไงครับ”

“มัน... ไม่ปกติเท่าไหร่”

ผมหัวเราะ รู้อยู่หรอกว่าโฬมหมายถึงอะไร

ผมรุกหนักจนอายตัวเองเหมือนกัน

“ผมก็ว่าตัวเองไม่ปกติเหมือนกัน”

แล้วสุดท้ายพวกเราก็จบด้วยเสียงหัวเราะอย่างเขินๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวเข้านอน

จบไปหนึ่งวัน... กับบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล





วันต่อมาผ่านไปอย่างกระอักกระอวนเล็กน้อย เพราะต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูก รวมถึงผมด้วยที่ออกจะขัดเขินกับสถานะใหม่อยู่ไม่น้อยเลย

การเป็นแฟนกันนี่ต้องทำตัวยังไงนะ

ผมไม่เคยมี ก็เลยไม่รู้ว่ามันต้องเปลี่ยนอะไรจากที่เป็นอยู่นี่อีกไหม

พวกเราตื่นสายหน่อย ออกมาทานข้าวที่ซุ้มอาหารของรีสอร์ทก่อนจะชักชวนกันออกไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในระยอง รวมถึงเข้าสวนผลไม้เพื่อชิมผลไม้สดๆ จากต้น จนกระทั่งฟ้ามืดผมก็ชวนโฬมกลับมายังที่พัก พวกเราตกลงกันว่าจะกลับกรุงเทพฯ กันพรุ่งนี้ วันนี้เลยพกกล้องตัวเล็กของโฬมออกมาสำรวจสถานที่ถ่ายทำกันอย่างจริงจัง

แต่ไม่รู้ทำไม ผมได้รูปตัวเองมาไว้อัพลงไอจีอีกเป็นร้อยๆ รูปเลย

“ถ่ายตรงนี้กันครับ” ผมชี้ไปที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ ที่ที่มองแล้วภาพความทรงจำไหลย้อนเข้ามาจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก โฬมเกาแก้มเขินๆ แต่ก็พยักหน้า

ผมเข้าไปนั่งเป็นนายแบบก่อน จากนั้นก็บังคับให้โฬมเข้าไปนั่งในที่เดียวกัน รูปที่ออกมาเลยไม่ต่างจากรูปคู่เท่าไหร่ จริงๆ คือผมตั้งใจนั่นแหละ

เก็บไว้เป็นความทรงจำครับ กับสถานที่สำคัญที่หนึ่งในชีวิต

พูดเองก็เขินเอง ให้ตาย

สุดท้ายวันที่สองที่ระยองก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกผมเข้านอนกันเร็วหน่อยเพราะพรุ่งนี้ต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ อีกหลายชั่วโมง
สถานการณ์บนเตียงก็ไม่ต้องพูดถึง ผมอยากขำก็ขำไม่ออก เพราะตัวเองก็เก้กังไม่ต่างกัน

คนตัวสูงหลังจากอาบน้ำเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที แถมยังตะแคงหันหลังให้ผมด้วยนะ ถ้าไม่เห็นใบหูแดงแจ๋ของเขา ผมคงคิดว่าโฬมง่วงจนอยากรีบนอนเร็วๆ

“พี่โฬม”

“...”

เงียบซะด้วย

“นอนไกลจังครับ” ผมแซว อดอยากแกล้งไม่ได้เลย

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าช่องสนทนากับเก่งกาจ ปล่อยให้คนที่ตัวเริ่มแดงไม่ต่างจากหูหลับไปเงียบๆ ในขณะที่ตัวเองกำลังระบายความอายที่ข่มเอาไว้ไปลงกับเพื่อนจนหมด


สกายครับ: เก่งงงงงง
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: อะไร จะเล่นเกม
สกายครับ: กูขอคบไปแล้ว


   จอสนทนาขึ้นคำว่าอ่านแล้วอยู่สักพักใหญ่ๆ จนผมกดแป้นพิมพ์ลงไปอย่างต้องการระบายวามอัดอั้นทั้งหมดออกจากหัวใจ อยู่กับโฬมผมไม่กล้าโวยวายให้อีกคนรู้ว่าผมเขินมากๆ เพราะถ้าโฬมยิ้มล้อมาครั้งเดียว ผมได้ตายลงตรงนั้นแน่ๆ


สกายครับ: เก่ง คุยกับกูหน่อย
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มึงว่าอะไรนะสกาย
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: ขอคบ?

สกายครับ: ใช่!
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: ใครขอใครคบ
สกายครับ: กูขอโฬมคบ
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มึง?
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มึง!!!?
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มึงเนี่ยนะ!!!!!!!!



แล้วเก่งกาจก็รัวสติกเกอร์ใส่ผมจนเครื่องเกือบค้าง...


สกายครับ: ใจเย็น
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: สกาย ทำไมมึงเป็นคนขอคบวะ
สกายครับ: อ้าว ก็กูชอบ...
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มันใช่เหรอวะ กูว่ามันไม่ใช่
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: แล้วคือตกลงนี่คบกันแล้ว

สกายครับ: ก็... คบแล้ว
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: ตั้งแต่เมื่อไหร่
สกายครับ: เมื่อวานอ่ะ
สกายครับ: เก่งงงง กูทำตัวไม่ถูก
สกายครับ: แฟนกันต้องทำตัวยังไงวะ
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: อยากได้คำตอบแบบไหน


ทำไมผมรู้สึกว่าประโยคนี้ของเก่งกาจไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ เหมือนลางสังหรณ์บอกว่าห้ามถามเรื่องนี้ต่ออีก ไม่งั้นผมได้ช็อคตายแน่ๆ


สกายครับ: เอาแบบดีๆ
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: ก็ทำตัวเหมือนเดิม
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: แต่มึงแค่ได้อภิสิทธิ์มากขึ้น
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: เวลาอยากไปหาก็ไม่ต้องหาข้ออ้าง เวลาหึงก็บอกได้เลยว่าหึง
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: คิดถึงก็บอกได้ว่าคิดถึง หรือถ้ามึงอยากจูบ...

สกายครับ: ...
เก่งไม่เก่งมาลองสิ: มึงก็จูบได้เลยไง ไม่เห็นยาก


ผมหน้าแดงแปร๊ด ไม่รู้จะพิมพ์อะไรตอบเก่งกาจอีกเลยกดส่งสติกเกอร์ฝันดีแล้วหนีด้วยการโยนโทรศัพท์ทิ้งไปข้างเตียงทันที
ทำไมต้องพูดถึงเรื่องจูบวะเก่ง มันจี้ใจดำ...

สุดท้ายผมก็สรุปกับตัวเองไปอย่างโง่ๆ ว่าเป็นแฟนกันไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ก็แค่ทำตัวเหมือนเดิมแบบที่ผ่านๆ มา แค่เวลาที่ผมอยากจูบ ผมก็ไม่จำเป็นต้องไปโวยวายใส่เก่งกาจอีกแล้ว

เพราะผมมีสิทธิ์จูบโฬมได้เลย...

นี่ผมคิดอะไรของผมเนี่ย ให้ตาย!




พวกเรากลับกทม. มาได้แค่สามชั่วโมง อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจ

มีคนแอบถ่ายรูปผมกับโฬมตอนที่พวกเราจูบกันที่ชายหาดในคืนแรก รูปชัดจนเห็นได้ชัดว่าใครเป็นใคร แถมภาพมันออกจะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไปไม่น้อย

ผมเพิ่งเคยรู้สึกหงุดหงิดมากขนาดนี้ก็วันนี้

ใต้คอมเมนท์คลิปเพลงที่ผมลงไปในแชนแนลของค่าย มีหลายคนมาต่อว่าอยู่หลายคำ ทั้งเพลงเกย์ พวกเกย์ น่าเกลียดต้องทำเพลงออกมาประกาศให้โลกรู้ ทั้งที่ในตอนแรกกระแสตอบรับก็ออกมาในแง่บวกไม่น้อย

ผมไม่ได้อะไรมากกับการมีคนด่า เราไม่สามารถทำอะไรให้ถูกใจใครได้ทุกคน แต่ที่มันน่าหนักใจคือกลุ่มคนที่ชอบกับไม่ชอบด่ากันเละเทะ กระแสคนชื่นชอบคู่ของผมกับโฬมก็ออกมาด่าทอคอมเมนต์ที่ว่าพวกผม รุกลามพอสมควรเลย

แต่ที่แย่กว่านั้นคือไอจีของโฬมถูกโจมตีจากพวกขี้เหยียดอีกแล้ว

ทุกอย่างเหมือนจะซ้ำรอยเดิม...

ผมที่เพิ่งแยกจากโฬมรีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วพาสารร่างปวดเมื่อยขับรถมาที่บ้านของแฟนคนแรกในชีวิต คนตัวสูงนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน มีแมวตัวอ้วนนอนขนาบข้างทั้งสองฝั่ง เมื่อเขาเห็นผมก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“มาได้ยังไงครับ”

“เป็นห่วงพี่” ผมบอกไปตรงๆ ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้าไปในบริเวณบ้านเอง

“ฟ้าเห็นข่าวแล้วเหรอ” เจ้าของลักยิ้มฉีกมุมปากให้ผมอย่างอ่อนโยน เขาขยับที่ให้ผมเข้าไปนั่งข้างๆ ไม่ลืมไล่เจ้าแมวอ้วนทั้งสองให้ลงไปที่พื้นเพราะรู้ว่าผมไม่ค่อยถูกกับสัตว์ที่มีเขี้ยวคม

“เห็นแล้วครับ ปิดคอมเมนต์ในไอจีดีไหมครับ”

“ปิดไปในแฮชแท็กทวิตเตอร์ก็ยังมีเต็มไปหมดอยู่ดี”

เขาดูเศร้าๆ เหมือนจะปลงจนทำใจได้ แต่จริงๆ ก็แค่กำแพงที่ฉาบไว้อย่างกลวงๆ เท่านั้นเอง ผมเอนศีรษะพิงไหล่กว้างของโฬมก่อนจะพ่นลมหายใจเบาๆ

“เราก็แค่ไม่ต้องไปอ่านมัน” โฬมบอกแบบนั้น

แต่ถึงเราไม่อ่าน เราก็รู้อยู่ดีว่าตอนนี้คนเกือบทั้งประเทศกำลังพูดถึงข่าวเรื่องนี้กันอยู่

ในไอจีผมก็ใช่ว่าจะไม่มี

ทั้งอีตุ๊ด อีกะเทย รุกหรือรับ โบ๋แล้วหรือยัง

ถ้อยคำพวกนี้เต็มใต้รูปผมไปหมด รวมถึงไดเรคแมสแสจที่ส่งเข้ามาหาจนผมต้องปิดแจ้งเตือนแอพทิ้งไป

จริงๆ มันก็แค่สามชั่วโมงเองนะ หลังจากที่ผมมีความสุขสงบอยู่ที่ระยอง พอกลับมาสู่กรุงเทพฯ ก็เหมือนโดนลากเข้าสู่โลกความจริง ที่พอเป็นบุคคลสาธารณะ อะไรๆ มันก็ยากไปหมด

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” ผมปลอบใจโฬม

และโฬมก็ส่งยิ้มปลอบใจมาให้ผมเหมือนกัน

_____________________________
Talk: มาแล้วค่าาาา  :katai5: :katai5: :katai5:
จะมาตั้งแต่เมื่อคืน เขียนไม่จบ หลับเสียก่อน 5555

โปรเจคผ่านแล้วค่าทุกคลลล เหลือแค่ทำเล่มแล้ว แฮปปรี้  :hao7:

เจ้าสกายเดินทางมาไกลแล้ว จริงๆ ก็ใกล้จะจบแล้วเหมือนกัน แต่ถ้านับเป็นตอนก็หลายตอนอยู่ 555
ขอบคุณที่ร่วมเดินทางกันมาถึงตอนนี้นะคะ รักทุกคนเลย จุ้บ

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สงสารฟ้ากับพี่โฬม  :o12:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จับมือกันแน่นๆ ผ่านปัญหาไปด้วยกันนะค๊ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
คนหลายๆคนก็มีความสุขกับการเสพความทุกข์ของคนอื่น

อ่านพาร์ทนี้แล้วก็เศร้าใจ

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สู้ ๆ น้าาาาา พวกเหยียดเพศ อย่าสนใจมัน !!!

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สกายกับพี่โฬมสู้ๆนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะผ่านกันไปได้นะทั้งสองคน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด