จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | แจ้งข่าว + อวดปกค่า (01/08/2020)  (อ่าน 70166 ครั้ง)

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 20




“มึงเลิกอ่านสักทีเถอะสกาย” คนตัวสูงเอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์ในมือผมก่อนจะกดปิดเครื่องแล้วโยนทิ้งไป เก่งกาจเท้าสะเอวจ้องหน้าผมอย่างหงุดหงิด “อ่านอะไรนักหนา”

“อยากรู้” ผมบอกด้วยสีหน้าไม่จริงจังนัก แต่อย่างไรเพื่อนตรงหน้าก็จับความผิดปกติของผมได้อยู่ดี

ผ่านมาสองวันแล้วหลังจากข่าวของผมกับโฬมขึ้นเป็นกระแสบนโลกอินเตอร์เน็ต นักข่าวมากมายติดต่อมาทั้งทางผมโดยตรงและทางค่ายเพลง แต่ผมตกลงกับคนในบริษัทว่าจะเงียบไว้ ประธานเสนอว่าให้เร่งถ่ายทำเอ็มวี เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
เพราะไม่ได้มีแค่กระแสตีกลับเท่านั้น ชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบและช่วยปกป้องพวกเรา รวมถึงเหล่ารักร่วมเพศที่ชื่นชมผลงานเพลงและออกมาช่วยสนับสนุนด้วยการแชร์ต่อและซื้อเพลงบนแอพต่างๆ จนขึ้นติดท็อปเท็นภายในเวลาไม่กี่วัน

ผมเห็นด้วยกับการเร่งปล่อยเอ็มวีจากแผนเดิม ด้วยคิวงานของโฬมและผมที่ไม่ค่อยมีอะไร ทำให้ไม่มีปัญหาถ้าจะรีบเร่งเดินทางไปถ่ายงานที่ระยองในวันพรุ่งนี้ทันที รวมถึงโชคยังเข้าข้างเพราะรีสอร์ทว่างและยินยอมให้เข้าใช้สถานที่ในการถ่ายทำ พรุ่งนี้พวกผมและทีมงานจะออกเดินทางกันตั้งแต่ตีสี่ เพื่อให้ถ่ายทำเสร็จภายในวันพฤหัสเพื่อเลี่ยงบรรดานักท่องเที่ยว

วันนี้ผมจึงมานั่งเล่นที่ห้องของเก่งกาจ เพื่อเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนฟังเพราะเก่งติดต่อหามาหลายครั้งแล้วด้วยความเป็นห่วง
อันที่จริงตัวมันไม่ได้ห่วงผม แต่เป็นห่วงโฬมเสียมากกว่า

“กลับคอนโดไปพักผ่อนได้แล้ว ถ้าหน้าโทรมถ่ายออกมาจะทุเรศ” เก่งกาจผลักหัวผมเบาๆ ขณะใช้ผ้าขนหนูซับน้ำบนร่างกาย “กูจะนอนแล้วด้วย พรุ่งนี้ทำงาน”

ผมไม่ได้ลืมว่าวันนี้วันอังคาร แต่ผมแค่ยังอยากนั่งโง่ๆ ฟังเก่งกาจพล่ามไร้สาระไปเรื่อยอยู่แบบนี้ก่อน

“เก่ง กูกลัว”

เป็นครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกกลัวที่จะทำอะไรแบบนี้

ผมไม่รู้ว่าเอ็มวีที่มีกำหนดปล่อยในคืนวันเสาร์ตอนสี่ทุ่ม ผลลัพธ์มันจะออกมาแบบที่ทางค่ายคาดหวังไว้ไหม เขากะจะให้ภาพหลุดพวกนั้นเป็นหนึ่งในการถ่ายทำเอ็มวี และใช้ผลักดันให้กลายเป็นกระแสคู่จิ้นแทนที่จะป่าวประกาศออกไปว่าคบกันอย่างจริงจัง เพื่อลดความรุนแรงของคำด่าทอและกระแสต่อต้าน

“กลัวอะไรสกาย”

“ไม่รู้ ถ้าเอ็มวีปล่อยออกไปแล้วแย่กว่าเดิมล่ะเก่ง”

“ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นมึงในมุมนี้” คนตัวสูงขยับมานั่งลงข้างๆ ผม โอบแขนรอบหัวไหล่แล้วโยกตัวเบาๆ “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด มึงบอกกูเอง”

ใช่ ผมเคยพูด

ผมเป็นเจ้าของคำพูดนี้ที่ใช้บอกกับเพื่อนอยู่บ่อยๆ

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กังวลไปยังไงมันก็ต้องเกิดอยู่ดี สู้ปล่อยให้มันวิ่งผ่านไป สุดท้ายพอถึงเวลาจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรน่ากังวลอีกแล้วเพราะเรื่องน่ากลัวพวกนั้นมาอยู่ต่อหน้าเราแล้ว

เรากำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ และอีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง

ผมเคยพูดกับเก่งกาจแบบนั้น ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร ขอแค่มันไม่กลัว สุดท้ายก็ไม่มีอะไรทำอะไรมันได้ แต่พอผมต้องมาเผชิญกับตัวเอง หัวใจผมกลับลืมทุกคำพูดสวยหรูที่เคยพร่ำบอกออกไปจนหมด

ผมไม่เคยกลัวอะไร ถ้าผมต้องเผชิญสิ่งนั้นด้วยตัวผมเอง ผมรู้ว่าผมรับมันได้ทุกอย่าง ผมเข้มแข็งพอที่จะต่อกรกับคำด่าทอจากคนทั้งโลก เพราะผมรู้ว่าผมสำคัญ และมีใครอีกหลายคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างผมในวันที่เฮงซวยที่สุด

แต่ผมกลัว... กลัวว่าเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ จะส่งผลกระทบต่อใครบางคนที่ไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะรับมันไหว

แผลของโฬม หัวใจของเขายังเหวอะหวะอยู่มาก ทั้งๆ ที่มันกำลังค่อยๆ เริ่มสมานแล้ว ตัวเขาเองหมั่นเพียรรักษามันมาอย่างยาวนาน โอบประคองมันไว้ด้วยมือของตัวเอง และสุดท้าย คนพวกนั้นก็กำลังกระชากมือของโฬมออกเพื่อทำร้ายหัวใจของเขาอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ผมกลัวว่าสุดท้ายผมจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากหัวใจของโฬม ลภณอีกเลย

“คนเราถ้าเจอเรื่องทำร้ายจิตใจซ้ำๆ จะรับได้แค่ไหนกันอ่ะเก่ง”

“มึงหมายถึง ฬ... พี่โฬม?”

ผมพยักหน้า

“มึงจะไปเครียดแทนเขาให้ได้อะไรวะสกาย มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย” เก่งผลักหัวผมเล่น “เรื่องพวกนี้กูให้คำปรึกษาไม่ได้หรอก มันอยู่ที่ตัวเขาเอง ส่วนมึงก็แค่เป็นมึง เป็นสกายที่คอยอยู่ข้างๆ กูเสมอ และคราวนี้มึงก็แค่อยู่ข้างๆ แฟนมึงแบบนั้น”

“...”

“เอาจริงๆ นะเว้ยสกาย พี่เขาอาจจะเข้มแข็งกว่าที่มึงคิดก็ได้”

ผมสะอึกกับคำพูดของเก่งกาจ

“เขาโตแล้ว เขาผ่านอะไรมาเยอะกว่ามึงด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังยิ้มได้ ยังทำงานที่ตัวเองรักต่อไปโดยไม่สนว่าใครจะว่ายังไง หรืองานจะเข้ามากน้อยแค่ไหน”

ผมหันไปสบตาเพื่อน ที่คราวนี้ดูจะพูดอะไรแทงใจดำจนผมน้ำตาคลอ เก่งกาจหัวเราะเยาะกับสีหน้าเหยเกของผม มันตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะพูดต่อว่า

“อย่าดูถูกคนที่มึงรักสิวะ”

นั่นสินะ ผมไม่ควรดูถูกเขา

จริงๆ แล้วโฬมเข้มแข็งกว่าผมจะตาย

ผมยิ้มให้เก่งกาจ โถมตัวเข้าไปกอดร่างเปลือยๆ ของเพื่อนแน่น ก่อนจะมุดหน้าตัวเองเข้ากับอกแน่นๆ แล้วสูดน้ำมูดฝืดใหญ่

“เพิ่งรู้ว่ามึงพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วย” ผมแซวเพื่อน

“ออกจากห้องกูไปเลยไป๊ แล้วไม่ต้องมากอดกู เดี๋ยวกูซวยอีก” เก่งพยายามดันผมที่กอดแน่นเป็นหมีโคอาล่าออก แต่ผมก็ดื้อไม่ยอมปล่อยมือ

“ทำไมต้องซวย”

“แค่นี้พี่โฬมก็หึงกูจะตายแล้วป่ะ”

“ไม่เห็นน่าหึง”

“ไอ้สกาย ปล่อยกูแล้วกลับคอนโดไปเลย” เก่งกาจออกแรงอุ้มผมตัวลอย แล้วโยนปลิวออกมานอกห้อง ก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แล้วปิดประตูดังปังอัดหน้าผมทันที

“กูงอนแล้วนะ!”

“เรื่องของมึง!”









ผมตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันเพราะต้องเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอที่ระยอง โฬมแวะมารับผมที่คอนโดและค่อยเอารถไปจอดทิ้งไว้ที่ตึกบริษัท งบถ่ายทำไม่ได้มากจึงมีทีมงานไม่กี่คนที่ยัดกันไปในรถตู้คันเดียว ล้อจะหมุนตอนตีสี่ตรง ดังนั้นตอนนี้ผมเลยพาสังขารอันง่วงหงาวหาวนอนมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถโดยมีโฬมเป็นคนขับ

“งีบก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุก” โฬมหันมายิ้มให้เมื่อเห็นผมหาวเป็นรอบที่สี่ ความหวังดีนั้นผมอ้าแขนรับไว้ทันทีไม่รีรอ รีบปิดเปลือกตาลงพร้อมปรับเบาะให้เอนต่ำจะได้นอนสบาย

แต่ก็ไม่ได้หลับไปจริงๆ หรอกครับ เรียกว่าพักสายตามากกว่า

ด้วยความที่คอนโดกับตึกของค่ายเพลงอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่นานโฬมก็เอื้อมตัวมาปลุกผมเสียใกล้ เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งแลกที่เห็นคือเขี้ยวขาวทั้งสองซี่ที่โผล่พ้นริมฝีปากออกมา

“ถึงแล้วครับฟ้า”

“เร็วจัง” ผมพึมพำพลางยืดแขนยืนขาบิดขี้เกียจ แต่เมื่อทำท่าจะเปิดประตูรถลงโฬมกลับคว้าต้นแขนผมไว้ก่อนจะดึงให้ผมหันกลับไปมองเขา “มีอะไรเหรอครับ”

“เมื่อวานไม่ได้เจอฟ้าเลยทั้งวัน” เพราะว่าโฬมติดงานไง ผมเอียงคอด้วยความไม่เข้าใจ “คิดถึงนะครับ”

“...”

คนเรานึกอยากพูดว่าคิดถึงก็พูดออกมาเลยเหรอ

แทนที่คนพูดจะเขิน คนฟังอย่างผมกับหน้าแดงแจ๋และเริ่มวางตัวไม่ถูก จะพูดอะไรตอบไปก็พูดไม่ออก ทำได้แค่สบดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นนิ่งๆ

ฝ่ามืออุ่นทาบลงมาบนแก้มของผมเบาๆ ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามผิวนุ่มแล้วคลี่ยิ้มบางส่งมาให้ โฬมเคลื่อนหน้าเข้าใกล้ ใช้ปลายจมูกถูไถไปกับปลายจมูกของผม

“จูบได้ไหมครับ”

“อ๊ะ... ไม่ดีมั้งครับ” ผมสะดุ้ง ย่นหน้าหนีจนคอขึ้นรอยพับ “พี่ๆ ทีมงานก็มากันแล้ว”

“หอมแก้มก็ได้ครับ”

“พี่โฬมม” ผมเรียกเสียงอ่อย หมดแรงจะต่อรอง ทั้งรอยยิ้ม สีหน้า และดวงตา ล้วนออดอ้อนจนผมต้องเอียงข้างหันแก้มให้แฟนตัวเองกดริมฝีปากลงมา หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเข้าปอดฟอดใหญ่

“สบู่ฟ้าหอมจังนะครับ”

ผมผลักไหล่โฬมให้ออกห่างจากตัว ก่อนจะเปิดประตูวิ่งไปที่หลังรถเพื่อคนสัมภาระโดยปล่อยให้โฬมนั่งหัวเราะอย่างมีความสุขไปคนเดียว

ผมคงคิดมากไปเอง โฬมก็ยังดูมีความสุขดีเหมือนเดิม ไม่เห็นร่องรอยของความกังวลเหมือนผมเลย ให้ตายเถอะ เพิ่งเคยเป็นกังวลกับอะไรมากๆ เป็นครั้งแรก เมื่อคืนผมเลยนอนไม่ค่อยหลับ แต่พอมาเห็นโฬมยังยิ้มยังแกล้งผมเหมือนเดิม ก็ได้คลายความหนักในใจลงไปเยอะเหมือนกัน

เดี๋ยวมันจะผ่านไปได้ด้วยดี ผมย้ำกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะหิ้วกระเป๋าวิ่งเข้าไปหาพี่ๆ ทีมงานที่กำลังขนของขึ้นรถตู้อยู่

“สวัสดีครับ”

“อ้าว สกาย หวัดดีๆ”

รอบนี้มีพี่ทีมงานไปด้วยกันสี่คน เป็นช่างแต่งหน้าหนึ่ง ที่เหลือคือช่างกล้องและลูกมือจัดฉากจัดไฟ ผมยกมือไหว้ทักทายพวกเขาทุกคนเพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันดี โฬมที่ยกของเข้ามาสมทบแนะนำตัวและทำความรู้จักกับทุกคนอย่างเป็นมิตร

จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสี่ คนขับรถของบริษัทที่แวะไปเข้าห้องน้ำก็เดินกลับมาพร้อมสตาร์ทรถและขับเคลื่อนพาหนะคันใหญ่ออกจากลานจอดของบริษัท

“อันนี้คิวถ่ายคร่าวๆ ต้องไปดูหน้างานกันอีกที” พี่ตากล้องยื่นมาให้ เขารับหน้าที่กำกับเอ็มวีด้วยผมเลยได้เข้ามาคุยกับพี่เขาเมื่อวันก่อน หลังจากตกลงเรื่องรายละเอียดเอ็มวีอยู่ครึ่งวันก็ได้สรุปออกมาเป็นกระดาษสองแผ่นในมือของผมกับโฬม

ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนก้มลงอ่านเนื้อหาในกระดาษ เป็นเนื้อเรื่องย่อและคิวถ่ายโดยละเอียด ซึ่งตามแพลนจะถ่ายกันสองวันคือวันนี้และพรุ่งนี้ แบ่งเนื้อเรื่องออกเป็นสามพาร์ท และช่วงไคล์แม็กสุดท้ายจะถ่ายแบบ long take จนจบ ซึ่งคิวในการถ่ายทำนั้นไม่ได้เรียงลำดับตามเนื้อเรื่อง แต่จะอิงจากเวลามืดสว่างของท้องฟ้าและสภาพอากาศ

ถ้างานถ่ายเสร็จเร็วเท่าไหร่ ทีมตัดต่อก็จะมีเวลามากขึ้นเท่านั้น ผมไม่อยากให้ทุกคนหัวปั่นจึงสัญญากับตัวเองว่าจะทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด แม้การแสดงจะเป็นอะไรที่ผมโคตรจะขัดเขินเลย ให้ตาย

“เดี๋ยวไปถึงที่พัก พี่ให้พวกเราพักกันคนละชั่วโมง เสร็จแล้วจะเริ่มถ่ายฉากแรกเลยนะ”

“ได้ครับ” ผมกับโฬมรับคำขึ้นมาพร้อมกัน

ระหว่างเดินทางผมจะเล่าเนื้อหามิวสิควิดีโอให้ฟังคร่าวๆ เนื้อหาของเพลงที่ผมกับโฬมเขียนขึ้นมาสื่อถึงความรักที่ต้องเลิกลากันไปทั้งที่ยังรักกันอยู่ เพียงเพราะกระแสสังคมทั้งจากคนนอกคนในที่ต่อต้านจนคนทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่สุดท้ายความรักก็พาพวกเขากลับมาพบกัน ก่อนที่จะตัดเสียงคนอื่นออกและเลือกใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

มันเหมือนจะเป็นเพลงให้กำลังใจ เป็นเพลงรักหวานๆ ที่จบด้วยแฮปปี้เอนดิ้ง แต่ผมก็จิกกัดสังคมไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ช่วงแรกของเอ็มวีจะเปิดมาด้วยโฬมนั่งมองรูประหว่างเราเงียบๆ มีเสียงก่นด่าของคนในครอบครัว และคนภายนอกเข้ามาเป็นระยะๆ จากนั้นก็จะตัดภาพไปยังตอนที่พวกเรายังคบกันอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ แต่ถึงแม้จะปิดบังไม่บอกใครแต่ทว่าก็มีความสุขมากๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดมีคนจับความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้ และพวกเราถูกบังคับให้เลิกรากันไป แม้จะพยายามฝืนต่อต้าน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จนต้องยอมแยะทางกันไปทั้งยังรัก

ผมบอกช่างกล้องว่าต้องการกดอารมณ์ เน้นช่วงที่โดนกดดัน บีบคั้นจากทั้งทางบ้านและเพื่อนฝูง อัดให้หนักๆ ไปเลยเพราะมันคือสิ่งที่ทำให้ผมเริ่มต้นอยากเขียนเพลงนี้ ผมต้องการสะท้อนให้คนอื่นๆ เห็นว่า คนที่มีความรักที่แปลกจากคนอื่นต้องโดนกระทำมากมายยังไง และต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน และสุดท้ายเนื้อเรื่องเอ็มวีก็จะจบลงที่ผมกับโฬมกลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานที่ที่เคยมีความสุขด้วยกัน เป็นซีนอารมณ์ที่น่าจะยากพอสมควร ก่อนจะตัดไปเป็นภาพสุดท้าย คือรูปถ่ายของพวกเราที่ยิ้มอย่างมีความสุขและโพสต์ลงอินเตอร์เน็ตโดยไม่สนใจเสียงส่อเสียดของใครอีกเลย

ผมหวังว่ามันจะออกมาดีอย่างที่ผมตั้งใจเอาไว้








หลังจากมาถึงพวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปพักในห้องนอน ผมกับโฬมไม่ได้แยกห้องกันเพราะทางค่ายก็รู้ความสัมพันธ์ดีอยู่แล้ว ผมนั่งพูดคุยและซ้อมบทกันระหว่างรอพี่ๆ ทีมงานไปเตรียมฉาก แต่ด้วยความเขินทำให้การซ้อมล่มไปเป็นสิบรอบ จนโฬมส่ายหน้าแล้วบอกให้ผมพอก่อน

“จะรอดไหมครับเนี่ย” ผมโอดครวญ นอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างเซ็งๆ

“อย่าคิดว่ากำลังแสดงอยู่สิครับ”

“ได้ที่ไหนกันครับ กล้องจ่อจะเข้าหน้าอยู่แล้ว” ผมบ่น เอนกายนอนหงายแล้วมองเพดานอย่างเซ็งสุดชีวิต “ปกติแค่ร้องแรปทำท่าเท่ๆ ไป ให้มาแสดงแบบนี้ยากเหมือนกันแหะ”

“ฟ้ามองแค่ผมสิครับ” โฬมขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะโน้มตัวลงมาสบตากัน “มองแค่ผม แล้วจินตนาการว่าเรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเรานะ”

“...ผมทำไม่ได้หรอก”

“ลองดูสิครับ เพลงนี้เป็นเพลงของเราไม่ใช่เหรอ”

“...” ผมมองหน้าคนพูด มองความมั่นใจที่ส่งตรงมาให้ ก่อนจะตัดสินใจพยักหน้าให้เขาและตอบรับคำพูดประโยคนั้นด้วยความแน่วแน่

“ครับ เพลงของเรา”

“ไม่ต้องสนใจกล้อง ฟ้ามองแค่ผมเอาไว้นะ”

ผมพยักหน้าอีกครั้ง โฬมยิ้มกว้าง ลูบศีรษะของผมเบาๆ

“เด็กดี”


___________________
Talk: มาแล้วค่า โค้งงงงง เห้ออออ สต็อคไม่เคยได้เลย ผิดสัญญาตลอดจนเรารู้สึกผิด
ขอโทษจริงๆค่ะ แง้ ทำยังไงดีๆๆๆๆๆ



เจ้าสกายเป็นนิยายที่เราตั้งใจในทุกอย่างเลย อยากให้มันสะท้อนอะไรบางอย่าง
คนเราทุกคนมีบาดแผลในใจ แต่คนที่เข้มแข็งมากๆ อย่างสกายก็มีอยู่จริงบนโลกนะคะ

แต่จะเห็นได้ว่าสกายเริ่มมีการพัฒนาด้านอารมณ์ ทั้งเริ่มกลัว เริ่มกังวลแล้ว เพราะเขาเอาหัวใจไปผูกไว้ที่คนอื่น โฬมจึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก
ในขณะที่โฬมก็พัฒนาเรื่องการต่อสู้กับเรื่องร้ายๆ เขาเข้มแข็งขึ้นมากๆ ไม่ได้จมจ่อมเพราะรู้ว่าเขามีสกายอยู่เคียงข้างแน่นอน

อยากให้เรื่องนี้เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังเจออะไรแย่ๆ ในชีวิตอยู่
อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกับตัวเองในเรื่อง แต่เดี๋ยวทุกอย่างมันจะผ่านไปค่ะ ต่อให้มันผ่านไปแล้วทิ้งบาดแผลไว้มากมายแค่ไหน แต่เราก็ยังมีชีวิตอยู่และผ่านมันมาได้แล้ว สู้ๆ กันนะค้าทุกคนน เลิฟฟฟฟ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
สู้ นะ ทั้ง 2 คน

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :o8:  :-[  :impress2: พี่โฬม อ่อนนุ่มละมุนใจมากกกก  :hao7: น้องก็น่ารัก  :hao3: ไม่รู้จะโดนฟัดเมื่อไหร่  :hao3: แอบรอลุ้นค่ะ  :hao3:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ขอให้การทำงานผ่านไปได้ด้วยดี

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มันจะผ่านไปได้ดี

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 21




หมดช่วงเวลาพักก็ถึงช่วงเวลาทำงานแล้ว ผมกับโฬมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดที่เตรียมมาเอง ก่อนจะไปนั่งนิ่งๆ ให้ช่างแต่งหน้าละเลงรองพื้นกับแป้งลงบนผิว ผมของพวกเราไม่ได้โดนเซ็ตเพียงแค่ไดร์และลูบเจลพอให้เป็นทรง โฬมในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงขาสั้นดูดีราวกับมาถ่ายแบบลงนิตยสาร ในขณะที่ผมอัดพร็อพเยอะเกินจนโดนทีมงานมาถอดออก เหลือแค่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้น แถมแว่นกันแดดห้อยไว้ที่คอเสื้ออีกอันนึงเท่านั้นเอง

“ฉากย้อนอดีตก่อนนะ พี่ขออารมณ์แบบคบกันมานานแล้ว” ตากล้องที่พ่วงตำแหน่งผู้กำกับออกปากสั่งเมื่อพวกเราทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่ชายหาด มีนักท่องเที่ยงจากรีสอร์ทข้างเคียงชะเง้อคอมองมาบ้าง แต่ก็ไกลพอที่จะไม่ได้รับความวุ่นวายใดๆ
ผมมองหน้าทีมงานก่อนจะหันกลับมาสบตาคนข้างๆ โฬมที่เห็นอาการประหม่าของผมคลี่ยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาบีบไหล่กันและกระซิบเบาๆ ว่า

“คิดว่ามีแค่เรานะครับ”

ผมสูดหายใจเข้าปอดก่อนพยักหน้ารับ

แม้ไม่มั่นใจนักทว่ากล้องกำลังจะสั่งเดินอยู่แล้ว ผมกับโฬมจึงทำได้เพียงเดินไปเข้าฉากที่จัดแสงจัดไฟไว้เรียบร้อย โชคดีที่แดดแรงจัดถูกเมฆบังพอให้สบายกายสักนาทีสองนาที พวกเราสองคนต้องเดินจับมือ พูดคุยหยอกล้ออย่างที่คนรักเขากระทำต่อกัน ซึ่งตลอดเวลาถ่ายทำหน้าผมแดงจริงไม่อิงการแสดงแท้ๆ

เพราะคุณนักร้องใหญ่ดันสมบทบาทจนผมทำได้แค่หลบตาหนีด้วยความอาย

“กลับมาที่นี่อีกแล้วนะครับ” คนตัวสูงฉีกยิ้มตาหยีให้ผม มือหนาสอดเข้ามากอบกุมฝ่ามือผมไว้แล้วพาเดินเตะทรายเล่นอย่างช้าๆ กล้องที่คอยขยับตามมาชวนให้ประหม่าไม่น้อยเลย ทั้งซูมเข้าซูมออกใบหน้าจนผมตัดสินใจหันไปมองคลื่นกระทบฝั่งแทนแก้กระดาก

“ฟ้า”

“คะ ครับ”

“เกร็งไปแล้วนะ”

“ผม... ผมทำไม่ได้แน่เลย” ผมเบ้ปาก บอกเขาเสียงอ่อยอย่างกังวล

ตอนนี้มือข้างที่เรากุมกันไว้เต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้งขาที่ควรจะก้าวอย่างสบายกลับแข็งเกร็งไม่ต่างจากทหารเวลาเดินขบวน ผมทื่อไปหมดจนโฬมหัวเราะ

“มานี่ครับ” ร่างสูงออกแรงกระตุกที่มือให้ผมเคลื่อนเข้าไปหา เขาจับบ่าผมหมุนให้เราหันมาเผชิญหน้ากัน ก่อนที่คนตัวใหญ่กว่าจะก้มลงแล้วโอบแขนรอบต้นขาผมอย่างรวดเร็ว

“เหวอ” ผมร้องลั่น ป่ายมือไปกอดคอของโฬมแน่น เพราะร่างทั้งร่างถูกอุ้มลอยในท่าประหลาด หัวของผมเหวี่ยงตกไปด้านล่าง ใยขณะที่ลำตัวช่วงเอวพาดไว้บนบ่ากว้างอย่างหมิ่นเหม่

“พี่โฬม!” ผมแหกปาก ดิ้นรนจะลงยืน แต่เจ้าของชื่อกลับหัวเราะก่อนออกแรงวิ่งไปมาบนชายหาดจนหัวผมหมุนติ้ว

มันเป็นการเล่นนอกบท ทว่าผู้กำกับก็ไม่ได้สั่งคัทอะไร

โฬมวิ่งเล่นได้สักพักก็หอบแฮกและยอมปล่อยผมลง ร่างที่อ่อนปวกเปียกจากแรงกระเด้งกระดอนเมื่อกี้ของผมทรุดลงนอนแผ่ไปกับหาดทรายขาว มองเห็นดาวนับร้อยลอยเคว้งอยู่ในดวงตา

“จะอ้วก” ผมบ่นพึมพำ ทว่าคนแกล้งกลับไม่สำนึก เอาแต่หัวเราะสะใจ

“คัท” ผู้กำกับเมื่อเห็นสภาพผมไม่สู้ดีก็เลยสั่งให้พวกเราไปพักก่อน แต่ได้แค่สิบนาทีเท่านั้นก่อนจะต้องกลับมาจัดการซีนย้อนอดีตให้เสร็จ

ผมค่อนข้างคลายความเกร็งลงไปเยอะ อันที่จริงต้องยกความดีความชอบให้โฬม เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนชวนเล่นแล้ว เขายังพยายามดึงความสนใจผมออกจากกล้องด้วยการหยอกการแกล้งจนผมคล้อยตามอย่างง่ายดาย

ซีนย้อนอดีตผ่านไปอย่างง่ายๆ แต่ก็กินเวลาเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกัน จากนั้นพวกผมก็ย้ายกันเข้าไปในห้องพักที่จองไว้สำหรับถ่ายทำห้องหนึ่ง ด้วยความที่ต้องรอพระอาทิตย์เบาแสงลงกว่านี้เราเลยจะถ่ายภายในห้องนอนกับซีนอารมณ์ก่อน

ฉากต่อไปนี้เป็นฉากการทะเลาะกันและบอกเลิก ผมกับโฬมต้องสาดอารมณ์ใส่กัน ซึ่งความกังวลทั้งหมดหล่นโครมทับหัวผมแบนแตดแต๋ ด้วยว่าผมไม่กล้าตะคอกหรือผลักคนตรงหน้า

“ฟ้ากังวลเหรอครับ” ระหว่างที่รอทีมงานจัดไฟ ผมนั่งเขย่าขากัดริมฝีปากจนโฬมต้องเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง และผมไม่อายเลยที่จะต้องยอมรับความจริงว่าผมกังวล

“ผมจะทะเลาะกับพี่โฬมยังไง”

“อืม... นั่นสิ” โฬมขมวดคิ้วขณะคิด “ฟ้าไม่ชอบเวลาคนอื่นทำอะไรสักอย่างไหม”

“ไม่รู้สิครับ เวลาคนทำไม่ดีด้วยก็ต้องไม่ชอบใจอยู่แล้ว”

“งั้นถ้าคนๆ นั้นเป็นผม?”

เป็นโฬม... ผมคิดภาพไม่ออกเลยแหะ

“ไม่ได้ครับ ไม่รอดแน่ๆ”

“งั้นฟ้ามีช่วงเวลาที่หงุดหงิดไม่พอใจไหม” เขาถามผมต่ออย่างใจเย็น พยายามช่วยเต็มที่แม้ว่าผมจะดูไม่เอาไหนเลยในเรื่องพวกนี้ “หรือเป็นช่วงนี้ก็ได้ครับ”

“ช่วงนี้?”

อ่า... ช่วงที่พวกเราโดนคนด่าน่ะเหรอ

จะว่าไป สถานการณ์ของผมกับโฬมก็ไม่ได้ต่างจากในเอ็มวีเลยสินะ

“เข้าฉากได้ครับ” เสียงตะโกนของทีมงานคนหนึ่งขัดตำพูดที่กำลังจะออกจากปากโฬม คนตัวสูงเลยเลือกไม่พูดต่อแล้วดึงแขนผมให้เดินไปเข้าฉาก

และก่อนที่เสียงตีสเลทจะดัง โฬมโน้มหน้ามากระซิบข้างหูผมเสียงเบาว่า

“ขอโทษนะครับ”

ขอโทษเรื่องอะไรครับ?

ผมอยากถาม แต่เพราะกล้องเริ่มเดินแล้ว เราจึงต้องหยุดทุกอย่างลง และทำอารมณ์กับฉากสุดหินตรงหน้า

ด้วยความที่ยังกังวลและไม่แน่ใจ ระหว่างเราจึงยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงสายตาสองคู่ที่มองสบกันอย่างดูเชิง โฬมหุบรอยยิ้มบนริมฝีปากไปแล้ว เหลือเพียงผู้ชายคนหนึ่งกับสีหน้ากรุ่นโกรธไม่สู้ดีนัก

“ฟ้า”

“!!” ผมสะดุ้ง เพราะน้ำเสียงที่โฬมเรียกออกมาทั้งทุ้มต่ำและเย็นชา

“ฟ้าเห็นคอมเมนท์ในไอจีรึยังครับ”

“อะ...” ผมลิ้นกระตุก ด้วยว่าตามบทไม่ทัน แต่ไม่นานนักผมก็เริ่มจับใจความได้และสานต่อบทสนทนาทันที “เห็นแล้วครับ”

“เห็นที่เขาด่าเราแล้วใช่ไหมครับ”

พอพูดถึงเรื่องนี้หน้าผมก็หดลงเหลือเท่าปลายเล็บ

“ครับ”

“ฟ้าว่า พวกเราเลิกกันดีไหม” ผมนิ่ง มองดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องกันมาอย่างจริงจัง ทั้งน้ำเสียงและท่าทางไม่มีล้อเล่น ราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง หัวใจผมเลยเต้นแผ่วลงอย่างหวาดกลัว "ผมไม่อยากคบกับฟ้าอีกแล้วครับ”

“เดี๋ยว... พี่โฬม” ผมเรียกเสียงสั่น มึนงงไปหมดจนหลงลืมว่าพวกเราอยู่ในการถ่ายทำ ยิ่งอีกฝ่ายพูดย้ำเรื่องคำด่าทอใน
อินเตอร์เน็ตมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งดิ่งลงเหวมากเท่านั้น

“ผมไม่อยากโดนรุมประนามแบบนี้อีกแล้ว” คนตัวสูงเลื่อนสายตาหนีผม ทั้งยังถอยเท้าออกห่างไปหนึ่งก้าว ในขณะที่ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยพุ่งเข้าไปคว้าแขนของโฬมไว้แน่น

“พี่โฬม...”

“ฟ้ารู้ไหมครับ ว่าก่อนหน้านี้ผมเจออะไรมาบ้าง”

“ผม... มะ ไม่รู้”

“ผมกำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวครับ” โฬมบอก ทั้งยังไม่ยอมสบตาผมเลยด้วย “ประกาศวันแสดงและวันจองบัตรไปแล้วครับ ผมซ้อมได้ราวๆ สองเดือน แต่พอมีข่าว งานคอนเสิร์ตครั้งนั้นก็ถูกยกเลิก”

“...”

“ความฝันของผมหายไปพร้อมกับที่ผมถูกปลดออกจากค่าย ต้องมาเป็นศิลปินอิสระ ทั้งยังถูกด่าถูกล้อเลียนในโซเชียลเต็มไปหมด” เสียงของโฬมสั่นระริก “ฟ้าว่าตลกไหมครับ แฟนคลับที่เคยบอกว่ารักว่าชอบ กลับเป็นคนที่ด่าทอ ขุดเรื่องต่างๆ มาใส่ร้ายจนคนเขาเชื่อไปทั่ว”

“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ

ทำได้เพียงขยับไปยืนใกล้ๆ วางมือลงบนบ่าของเขาและพยายามสบดวงตาที่หลุบหนีไม่เลิก

“ผมไม่อยากกลับไปเจอเรื่องแบบนั้นอีกแล้วครับ”

“พี่โฬม ผม...”

“เลิกกันเถอะครับ ก่อนที่ฟ้าจะเป็นคนทำให้ผมหมดอนาคตอีกคน”

“...!”

“...”

“คัท!!”

เสียงสั่งตัดฉาก ไม่ได้ทำให้ผมขยับเขยื้อนตัวออกจากตรงที่ยืนอยู่เลย

ผมมองหน้าโฬมอย่างพิจารณา วินาทีสุดท้ายก่อนเสียงคัทจะดังขึ้น ผมเห็นหยดน้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงมาที่ผิวแก้ม โฬมรีบเช็ดมันออกก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผมเมื่อผู้กำกับสั่งหยุดถ่าย

ทว่าหัวใจผมกลับไม่หยุดชาเลย

“ฟ้า?”

ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่อยู่ๆ น้ำตามากมายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลทะลักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมไม่แม้แต่จะสะอื้นด้วยซ้ำ แค่มองหน้าของเจ้าของคำพูดประโยคหนึ่งซึ่งกระแทกเข้ามาในใจผมอย่างแรง

“เลิกกันเถอะครับ ก่อนที่ฟ้าจะเป็นคนทำให้ผมหมดอนาคตอีกคน”

ผมคิดว่ามันจี้ใจดำจนผมไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงเรื่องหลอกได้อีกแล้ว

“ฟ้า!” ผู้ชายตรงหน้าตกใจเมื่อเห็นผมร้องไห้ไม่หยุด โฬมรีบเข้ามาหาก่อนลากแขนพาผมไปยังห้องพักข้างๆ โดยแวะขออนุญาตพี่ทีมงานแล้วเรียบร้อย

ผมยังคงปล่อยน้ำตาไหลเรื่อยๆ แสดงความอ่อนแอที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ในขณะที่ร่างกายก็ถูกจูงมายังอีกห้องโดยไม่ขัดขืนอะไร โฬมลงกลอนประตูแล้วพาผมไปนั่งลงบนเตียง ดึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำให้ซบลงบนไหล่

“ขอโทษนะครับ”

“ผม... ไม่อยากทำให้โฬมเจอเรื่องแบบนี้อีก ฮึก” ไม่มีคำว่าพี่ ไม่มีสรรพนามอะไรทั้งนั้น

ผมแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป คล้ายกับระบายความผิดบาปมากมาย

ผมเพิ่งรู้ตัวแล้วว่าทำไมตลอดหลายวันมานี้จึงกังวลและนอนไม่หลับ ผมไม่ได้กลัวว่าโฬมจะรับมือสถานการณ์พวกนี้ไม่ได้แบบที่เข้าใจมาตลอด

ผมแค่กลัว ว่าสาเหตุที่ทำให้โฬมต้องเจ็บช้ำครั้งที่สองจะเป็นผม

“ฟ้าครับ ผมขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ” ปลายนิ้วสากจากการเล่นกีตาร์ลูบเช็ดน้ำตาออกให้ เขาประคองใบหน้าผมไว้แล้วส่งสายตารู้สึกผิดมาอย่างจริงจัง “ผมขอโทษที่พูดไม่ดี”

“ฮึก” นานแล้วที่ผมไม่ได้ร้องไห้

แต่เมื่อมีเวลาให้ได้ครุ่นคิด อารมณ์ที่ตีรวนอยู่ในอกของผมก็ค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง น้ำตาหยุดไหลพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ กลับสู่จังหวะปกติ

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดกับฟ้าแบบนั้นนะ” คนตัวสูงโน้มหน้าเข้ามาและใช้ปลายจมูกคลอเคลียกับริมฝีปากผม ก่อนที่โฬมจะแนบเรียลปากลงมามอบจูบปลอบประโลมให้อย่างนุ่มนวล

ผมปล่อยให้อีกคนเคล้าคลึงริมฝีปากเล่น ขณะมือทั้งสองของตัวเองก็ยื่นไปโอบรอบลำคอของเขาไว้ โฬมกระชับผมไว้ในอ้อมแขน ใช้มือซ้ายลูบศีรษะเบาๆ พลางพึมพำขอโทษและกดจูบลงมาซ้ำๆ

“ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสียใจนะครับ”

“แต่พี่โฬมพูดแบบนั้น...”

“ผมพูดแรงไปผมยอมรับ” โฬมบอกทั้งที่ยังไม่เคลื่อนใบหน้าออกห่าง “แต่ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไงกับฉากนี้ดี”

“...” ผมเงียบรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ

“เพราะฟ้าเป็นฟ้า ผมเลยหาเรื่องมาชวนทะเลาะด้วยไม่ได้” โฬมฉีกยิ้มโชว์ฟันเขียวและรอยยุ๋มข้างแก้ม “ผมขอโทษจริงๆ ที่ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจ”

“พี่โฬมคิดแบบนั้นจริงๆ ไหมครับ” ผมถาม ด้วยความเชื่อมั่นว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่เป็นเรื่องโกหก

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องมาที่ผมอย่างจริงจัง แทบไม่ต่างจากในฉากเมื่อสักครู่ ทว่าไม่ได้มีร่องรอยเย็นชาหรือแววเหินห่างเช่นนั้น อีกทั้งความเจ็บปวดราวหัวใจสลายก็ไม่หลงเหลือในแววตาอีกแล้ว

“ไม่เคยคิด”

“จริงเหรอครับ” แต่สุดท้ายผมก็เป็นกังวลอยู่ดี

โฬมหัวเราะเบาๆ ขณะลูบหัวผมไปพลาง เขาโยกตัวผมในอ้อมแขนเล่นขณะอธิบายเรื่องต่างๆ ออกมาเป็นฉากๆ

“ผมไม่เคยมองว่าฟ้าเป็นสาเหตุเลยนะครับ” น้ำเสียงของเขา ทั้งหวาน ทั้งแน่วแน่ “ฟ้าเป็นคนช่วยผมด้วยซ้ำ เป็นคอมฟอร์ทโซนของผมเลยนะ ที่เจอเรื่องคราวนี้แล้วผมยังยิ้มได้ ก็เพราะมีฟ้าอยู่กับผมไง”

“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงมา

“เชื่อผมได้ไหม เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษจริงๆ”

“ผมรู้ครับ ว่าพี่โฬมอยากช่วยส่งอารมณ์ให้” ผมบอกอย่างเข้าใจ ความเจ็บช้ำในใจคลายไปตั้งแต่เขาย้ำอย่างชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเพียงการแสดง “ผมก็ขอโทษที่อินเกินไป”

“ฟ้าไม่ผิดหรอกครับ พี่โฬมผิดเอง”

ผมก้มหน้าลงหลบสายตาที่จ้องมาพร้อมกับคำแทนตนว่า ‘พี่โฬม’

“แต่ว่า... ฉากเมื่อกี้จะใช้ได้เหรอครับ พวกเราไม่ได้เถียงกันเลย”

“ทีมงานบอกว่าใช้ได้แล้วครับ” โฬมยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะรวบตัวผมไปกอดอีกครั้ง “ผมขอโทษฟ้าจริงๆ นะ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ฟ้าร้องไห้ ครั้งนี้ผมคิดน้อยไปจริงๆ”

“ผมไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบปฏิเสธ แต่ก็ยอมให้เขากอดอยู่ดี

“สัญญาแล้วครับว่าพี่โฬมจะไม่ทำตัวไม่ดีแล้ว”

“เป็นคนไม่ดีแล้วเหรอครับ” ผมที่หายจากความซึมเศร้าเมื่อสักครู่พูดเสียงอู้อี้แซวกลับ โฬมหัวเราะ ลูบหัวผมไม่ยอมเลิก

“ครับ ทำฟ้าร้องไห้ก็ต้องเป็นคนไม่ดีสิ”

“ถ้างั้นผมลงโทษได้ไหมครับ”

“หืม?”

“พี่โฬมห้ามจูบจนกว่าเอ็มวีจะปล่อยนะครับ”

หลังประโยคนั้นของผม โฬมก็เพียงแค่หัวเราะโดยไม่ยอมตอบรับอะไร

และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รู้ว่าคำพูดผมไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด เพราะทันทีที่วันพรุ่งนี้มาถึงและเราถ่ายฉากสุดท้าย ผมก็โดนโฬมจูบหน้ากล้องไม่ยั้ง เล่นเอาปากเจ่อจนไม่กล้ามองหน้าใครอีกเลยกระทั่งเดินทางกลับมาถึงคอนโดตัวเอง








เอ็มวีของเราถูกปล่อยออกไปแล้วในคืนวันเสาร์ กระแสตอบรับในแง่ดีมีมากกว่าแง่ลบหลายเท่า เพราะซีนอารมณ์ที่คนตัดต่อไม่ได้ตัดเสียงคุยออก ดังนั้นบทสนทนาตัดพ้อชีวิตของโฬมจึงกลายเป็นที่สนใจในโลกโซเชียลมากมาย แฟนคลับทั้งเก่าและใหม่ของโฬมกำลังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความสงสารและเห็นใจ ชื่อของเขากลับมาขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์ และในเฟสบุ๊คและไอจีก็ยังมีการพูดถึงเอ็มวีนี้อย่างแพร่หลาย

นอกจากนี้แล้ว เรื่องข่าวของพวกเราก็ถูกกลบด้วยกระแสมิวสิควิดีโอ ซึ่งทางค่ายบอกไปว่าเป็นการไปถ่ายทำเอ็มวี แต่ไม่ได้บอกปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ของพวกผมอย่างเด่นชัด คล้ายให้คนอื่นๆ คิดเอาเองว่าตกลงเป็นคู่จริงหรือเพียงคู่หลอก ซึ่งจากผลของการให้ข่าวแบบนี้ กลายเป็นว่าถือกำเนิดกระแสคู่จิ้น ‘โฬมฟ้า’ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมเวลาไปออกงานร่วมกันยังมีแฟนคลับมาเชียร์มากรี๊ดเยอะแยะจนผมตกใจ

ผมเปิดอ่านผลตอบรับด้วยความสบายใจ โดยที่มีผู้ชายที่กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งกำลังนั่งแปรงขนให้แมวอ้วนสองตัวอยู่บนพื้น
โฬมดูอารมณ์ดี เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยทั้งชายและหญิงต่างพากันเข้ามาให้กำลังใจในโซเชียลของเขา เพจดังมากมายหยิบยกประเด็นบูลลี่และเพศทางเลือกขึ้นมาพูด เพื่อรณรงค์ให้คนเลิกหยาบคายและทำลายอนาคตคนอื่นด้วยการหลบอยู่หลังแป้นพิมพ์
ทางด้านงาน ไม่ว่าผมและโฬมต่างก็มีสินค้าติดต่อเข้ามาขอให้เป็นพรีเซนเตอร์ รวมถึงงานแสดงต่างๆ ยังพุ่งประเด็นเข้ามาสนใจ ชักชวนให้พวกเราไปแสดงสดเพลงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ทั้งรายการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่อยากเชิญพวกเราไปพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ

“อารมณ์ดีจังนะครับ” ผมเอ่ยแซวคนที่นั่งแปรงขนแมวมาร่วมชั่วโมง ทั้งยังฮัมเพลงอย่างสบายใจ ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มไม่ยอมหุบ จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“เขาบอกว่าหลังพายุกระหน่ำ ฟ้าจะสวยงาม” โฬมเงยหน้าอิ่มสุขขึ้นมามองผมที่นั่งอยู่บนโซฟา เน้นย้ำคำว่าฟ้าจนเรียกริ้วแดงบนแก้มผมขึ้นมาได้หลายริ้วทีเดียว

“ได้ข่าวว่าค่ายเก่าของพี่โฬมติดต่อมาเหรอ” ผมหัวเราะก่อนจะถามประเด็นที่เพิ่งอ่านเจอมาในเน็ต โฬมพยักหน้า อุ้มแมวบนตักมากอดมาหอมก่อนตอบอย่างอารมณ์ดี

“ใช่ครับ เขามาขอเซ็นสัญญาร่วมอีกครั้ง”

“แล้วพี่โฬมไม่ได้ไปเซ็น?”

“ไม่เอาหรอกครับ” เขาว่าอย่างนั้น “ผมว่าเป็นศิลปินอิสระแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

“ร้ายนะครับเนี่ย” ผมแซว เพราะเห็นหน้าแสนสุขใจของเขาก็เดาได้แล้วว่าที่ไม่ไปเซ็นสัญญาทั้งที่ค่ายนั้นเป็นค่ายใหญ่เพราะอะไร

แต่ถ้าผมเป็นโฬม ผมก็ไม่กลับไปทำงานด้วยอีกแล้วเหมือนกันล่ะครับ

“ฟ้าครับ” ผมที่ไถตัวนอนลงไปกับโซฟาต้องเงยหน้ามองเจ้าของบ้านที่อยู่ๆ ก็ทิ้งแมวแล้วเดินมาหา โฬมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงบนพื้นที่ว่างเท่าที่พอจะเหลือ ใช้ดวงตาสีน้ำตาลของตนจ้องมาอย่างตั้งใจ

“ครับ?”

“ขอบคุณนะครับ”

“เอ๊ะ ขอบคุณเรื่องอะไรครับ?”

“เรื่องที่ฟ้าทำให้ผมกลับมามีวันนี้ไงครับ”

“ผมเปล่า...”

“ฟ้าไม่ได้ทำลายอนาคตผมเลยนะ กลับกัน เป็นฟ้าต่างหากที่สร้างอนาคตให้ผมใหม่อีกครั้ง” โฬมบอก ดูเหมือนเขาจะยังติดใจเรื่องที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกผมในวันนั้นเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ผมลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ แต่โฬมก็เอาแต่คอยย้ำคำขอโทษ ราวกับจะชดใช้ให้กับทุกหยดน้ำตาที่ผมเสียออกไป “ขอบคุณจริงๆ นะครับ”

“ขอบคุณเหมือนกันครับ”

ขอบคุณที่โฬมพยายามอดทนมาตลอด จนเขามีวันนี้ในที่สุด

_______________________
Talk: ไปต่อไม่รอแล้วน้าาา บอกแล้วว่าสองคนนี้ทะเลาะกันไม่ได้
ตอนนี้เขียนยากจังค่ะ แง้  :hao5: :hao5: ลบสองสามรอบจนมาลงเสีย 5 ทุ่มเลย

ฝากคอมเมนต์ติชมด้วยนะคะ
ใครรอวันที่พี่โฬมกลับมาผงาด มันมาถึงแล้ว อุวะฮ่าๆๆๆ
แต่เจ้าสกายไม่ได้จบแค่ตอนนี้ เราอยากส่งทั้งคู่ถึงฝั่งฝันอย่างมีความสุข
เพราะฉะนั้น มาเดินทางด้วยกันต่อไปจนจบเลยนะคะะะะะะ รักทุกคนค่า  :mew1:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
น้องสกายคือฟ้าหลังฝนของพี่โฬมจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 21 [09-Dec-18] P.6
« ตอบ #159 เมื่อ: 09-12-2018 23:39:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ตอนนี้คือดี โฬมควรจะมีความสุขบ้าง ได้ความรักดีดีจากฟ้า กับคนรอบข้าง
ชีวิตจริงๆก็อยากให้เป็นแบบนี้เนาะ

ออฟไลน์ FrozenSnow2019

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ใจหายใจคว่ำ นึกว่าจะมีมาม่าซะแล้วตอนนี้ ^^

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
อบอุ่นค่ะ
ฟ้าเป็นคอมฟอร์ตโซนของพี่โฬม
ส่วนแฟนคลับก็น่าจะคิดได้กันบ้างแล้วซินะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
สวัสดีค่าทุกคนนน แวะมาแจ้งข่าวไว้ค่ะ พร้อมตอบเม้นไปด้วยเลย

11-13 ธันวา เราจะหนีไปเที่ยวเชียงฮายนะคะ
จะกลับมาเจอกันใหม่ ไม่ 14 ก็ 15 เน้ออออออ
รอกันสักนิ๊ดดดด รักทุกคนค่าาาาาาาา  :กอด1: :กอด1:

คนอ่านอย่าพึ่งหายไปไหนน้า








น้องสกายคือฟ้าหลังฝนของพี่โฬมจริงๆ
เป็นท้องฟ้าที่สดใส ไล่เมฆหมอกออกไปหมดเลยค่ะะะ  :hao5: :hao5:



:L2: :L1: :pig4:

ตอนนี้คือดี โฬมควรจะมีความสุขบ้าง ได้ความรักดีดีจากฟ้า กับคนรอบข้าง
ชีวิตจริงๆก็อยากให้เป็นแบบนี้เนาะ
:hao5: :hao5: เน้อออ อยากให้ชีวิตจริงมีฟ้าเป็นของตัวเองจังเลยค่ะะ  :hao5: :hao5:



ใจหายใจคว่ำ นึกว่าจะมีมาม่าซะแล้วตอนนี้ ^^
ต้มน้ำไว้แล้ว แต่พี่โฬมไม่ได้ซื้อเส้นมาม่ามา อดเลยค่ะ 5555



อบอุ่นค่ะ
ฟ้าเป็นคอมฟอร์ตโซนของพี่โฬม
ส่วนแฟนคลับก็น่าจะคิดได้กันบ้างแล้วซินะ
พี่โฬมไม่เคยพูดอะไรมาก่อนเพราะไม่มีโอกาสให้พูด เป็นกำลังใจให้พี่โฬมด้วยค่า  :mew1:



:katai2-1: :katai2-1:
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เซฟโซนของพี่โฬมม


ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ฉากที่พี่โฬมบอกเลิกฟ้ามันอินแทนจนร้องไห้ตามเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ผ่านมันไปได้แล้วนะพี่โฬม  :hao5:

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 22



มีคนยุ่งงานจนไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน ทว่าบนหน้าที่โทรมช้ำจากการอดนอนกลับเต็มไปด้วยร่องรอยของความสุข โฬมทำงานราวกับไม่มีวันเหนื่อย แทบไม่มีงานไหนเลยที่ได้รับการปฏิเสธจากเขา ส่วนผมก็มีรับงานเพิ่มบ้าง แต่ไม่ได้โหมหนักเหมือนอีกคน ด้วยหน้าตา ด้วยบุคลิกและรูปร่าง โฬมไปได้ไกลกว่าผมมาก ทั้งโฆษณา งานแสดง ถ่ายแบบ หรือแม้กระทั่งเป็นพิธีกรรายการวันหยุดนักขัตฤกษ์ เขากลับมาโลดแล่นบนจอโทรทัศน์ รวมถึงป้ายโฆษณาตามตึกสูงและรถไฟฟ้า กลับกลายมาเป็นคนมีชื่อเสียงอีกครั้งหนึ่ง

ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ นับว่ากระแสเรื่องรักร่วมเพศได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น มีหลายรายการทั้งทางทีวีและทางยูทูปได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ รวมถึงเรียกพวกเราทั้งสองคนไปสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะโฬมที่ถูกเชิญไปพูดถึงเรื่องราวของการถูกบูลลี่อย่างหนักจนหมดอนาคตไปช่วงหนึ่ง ตอนแรกผมก็กังวลว่าการถูกขยี้ปมเก่าจะส่งผลร้ายต่อตัวของโฬมเอง แต่เขากลับยิ้มแล้วบอกว่ามันเป็นแค่บทเรียนในอดีต และตอนนี้ตัวเขาสามารถพูดถึงมันได้อย่างง่ายดายแล้ว

ราวกับได้เห็นเด็กชายในไข่หินเติบโตเป็นคนหนุ่มที่แข็งแรง ผมยินดีกับทุกความสำเร็จในวันนี้ของคนรัก แม้มันจะทำให้เวลาระหว่างเราลดลงจนเจอกันเพียงอาทิตย์ละสองครั้ง แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับผมที่ยังคงชอบขลุกตัวอยู่ในสตูดิโอเพื่อเขียนเพลงไปตามกิจวัตร

ผมยังคงเป็นสกาย แรปเปอร์หนุ่มที่รับงานฟีทเจอริ่ง ออกเพลงบ้างประปราย และมีงานพรีเซนเตอร์เข้ามาบ้างพอให้ได้รับเงินก้อนมาใช้จ่ายเล่นตามใจ ส่วนพวกงานแสดงโชว์ตามร้านตามเวทีแสดงก็มีเข้ามาเรื่อยๆ เนื่องจากใกล้สิ้นปีเข้ามาทุกที อย่างวันนี้เฮียเต็มก็เรียกไปขึ้นแสดงอีกครั้ง พร้อมชวนมานั่งกินเลี้ยงฉลองสิ้นปีล่วงหน้า เห็นว่าคืนเคาท์ดาวน์คนคงเต็มไปหมด ไม่น่าว่างมานัดฉลองกันแน่ๆ

โฬมมีงานที่ต่างจังหวัดสามวัน ทำให้เมื่อเช้าผมต้องไปรับเจ้าถุงเงินถุงทองไปหาหมอ และคอยวนรถเข้าไปให้น้ำให้อาหารอยู่บ่อยๆ

พัฒนาการตั้งแต่คบกับโฬมอย่างหนึ่งคือผมสามารถอุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนได้แล้วโดยไม่กลัวถูกกัด แม้จะไม่ได้ไปนั่งเล่นนั่กอดเหมือนที่โฬมทำ แต่ก็นับได้ว่าผมสนิทกับลูกๆ ของเขามากขึ้นพอสมควรเลยนะ

กว่าผมจะจัดการแมวทั้งสองตัวเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปบ่ายแก่ๆ แล้ว ผมต้องวนรถกลับมาที่คอนโดเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและเข้าไปรับเก่งกาจที่หอพักก่อน เฮียเต็มนัดไปเจอตอนสามทุ่มครึ่ง ผมเลยกะจะชวนเพื่อนรักที่หายหน้าหายตาไปติดเด็กที่ไหนไม่รู้ไปดูหนัง
อากาศช่วงปลายพฤศจิกายน เย็นบ้างร้อนบ้าง ไม่ได้หนาวพอจะหาเสื้อแขนยาวมาสวม แต่ก็พอมีลมพัดให้ได้สบายตัว ผมเลือกใส่เสื้อผ้าที่เพิ่งช้อปปิ้งมาเพิ่มเมื่ออาทิตย์ก่อน เป็นเสื้อเบสบอลกับกางเกงขาเดฟสีดำสนิท สีผมตรงบริเวณโคนเริ่มเห็นเป็นสีดำแล้ว ผมมองตัวเองในกระจกพลางคิดว่าจะไปย้อมอีกดีไหม หรือเปลี่ยนสีไปเลยดี

Rrrrrrrrrrr

ยังไม่ทันได้ตัดสินใจกับตัวเองโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา ผมยิ้มเพราะเห็นรายชื่อคนโทรเข้ากับใบหน้าที่ฉายขึ้นมาบนจอ

‘พี่โฬม’

เมื่อก่อนผมเมมเอาไว้ว่า ‘คุณโฬม’ แต่หลังจากคบกันได้ไม่นานเจ้าของเบอร์กลับแอบเอาไปเปลี่ยน แถมบอกว่าถึงจะไม่ชินหูสักทีเวลาผมเรียกเขาว่าพี่ แต่ก็ชอบที่จะฟัง

“ครับพี่โฬม”

[ฟ้าว่างหรือเปล่าครับ]

“ว่างครับ พี่ว่างแล้วเหรอ” ผมเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง บ่ายสองสี่สิบสามนาที ถ้าให้เดาก็น่าจะยังถ่ายรายการกันไม่เสร็จ เห็นบอกว่าเป็นรายการท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเดินทางไปพร้อมทีมงานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และพรุ่งนี้จะถึงกำหนดกลับมาในตอนหัวค่ำ

[พักกันอยู่ครับ] เสียงปลายสายช่างเต็มไปด้วยคามสนุกสนาน [พรุ่งนี้ผมน่าจะถึงดอนเมืองตอนสองทุ่มครึ่ง มีถ่ายรายการต่อตอนสี่ทุ่มตรง ฟ้าสะดวกไปด้วยกันไหมครับ]

“รับงานเยอะขนาดนี้ ติดหนี้ที่ไหนไว้ครับเนี่ย” ผมเอ่ยแซว แต่จริงๆ ก็ชินแล้วกับการโหมงานหนักของเขา ช่วงแรกๆ ที่เพิ่งกลับมามีชื่อเสียงและต้องรับงานเองทีละเยอะๆ โฬมหัวปั่นจนทำอะไรแทบไม่ถูก ผมก็ช่วยได้ไม่มาก เลยซื้อสมุดปฏิทินมาช่วยจดตารางงานไว้ให้คุณเขา พออะไรเริ่มเข้าที่เข้าทางก็วิ่งงานนู้นนี้ได้สบาย

[ติดหนี้ค่าสินสอดฟ้าไง]

“ค่าตัวผมไม่แพงนะ ซื้อทองให้ยายผมเส้นเดียวพอ” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์อย่างอารมณ์ดี เมื่อพูดถึงยายก็คิดได้ว่าคงถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวถ้าโฬมว่างตรงกันก็อาจจะชวนไปพร้อมกัน เมื่อวันก่อนเพิ่งโทรไปหา เห็นว่าเปิดโทรทัศน์แล้วเห็นข่าวผมอยู่บ่อยๆ อยากรู้เรื่องราวบ้างเลยเล่าให้ฟังไปพอสมควร

[คงต้องรีบไปซื้อทองแล้ว] โฬมตอบกลับมาอย่างไม่ยอมเลิกเล่น [แล้วตกลงฟ้าสะดวกไหมครับ ถ้าไม่ผมจะได้บอกให้ทีมงานมารับที่ดอนเมืองเลย]

“สะดวกครับ พรุ่งนี้ผมไม่มีงาน”

[ขอบคุณครับ]

ผมยิ้มแม้จะรู้ว่าปลายสายคงไม่มีทางมองเห็น พวกเราคุยกันอีกแค่ไม่กี่ประโยคก็ต้องวางสายลง เพราะทีมงานเรียกโฬมให้กลับไปถ่ายทำต่อ ผมวางโทรศัพท์ลงก่อนกลับมาแต่งองค์ทรงเครื่องต่อ

ความรักนี่ก็แปลก แค่ได้ยินเสียงไม่กี่นาที กลับทิ้งไอความสุขค้างไว้ได้นานนับชั่วโมง






“เฮียเต็ม สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เจ้าของร้านที่หน้าโหดขึ้นทุกวัน โดยมีเก่งกาจถลาเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาเฮียแกเรียบร้อยแล้ว

“เฮีย วันนี้เลี้ยงทั้งที ขอเหล้าแพงๆ หน่อยนะ”

“ไอ้สกาย วันหลังไม่ต้องเอามันมานะ” คนแก่กว่าใช้กล้ามแขนผลักร่างของเก่งออกจนพุ่งถลาห่างไปเป็นเมตร ผมหัวเราะลั่น ไม่ได้สงสารเห็นใจเพื่อนเลยสักนิด

ช่วงสามทุ่มครึ่งยังถือว่าเป็นเวลาที่ลูกค้าเพิ่งทยอยเข้าร้าน ทำให้บนเวทียังไม่มีใครมาเล่นดนตรี เฮียเต็มอาศัยเปิดเพลงเศร้าฮิตๆ เคล้าบรรยากาศก่อน อีกประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะมีนักร้องขึ้นไปเล่นดนตรีสดให้ได้ฟังกัน

ผมถูกเฮียเต็มกอดคอลากเข้าไปยังที่นั่งประจำ มีคนรู้จักของเฮียอีกสองสามคนนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว ผมรู้จักทว่าก็ไม่ได้สนิทนัก เนื่องจากหาเรื่องคุยกับคนอื่นไม่เก่ง อาศัยมนุษยสัมพันธ์ของเก่งกาจเป็นตัวเชื่อมสถานการณ์เอาเสียมากกว่า ซึ่งมันก็ทำหน้าที่ได้ดีเกินควร เพราะตอนนี้เดินผิวปากตามจังหวะดนตรีเข้าไปนั่งร่วมวงเฮฮากับพี่ๆ กลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้ว

“หวัดดีครับ” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะผมก็ยกมือไหว้รอบวง เลือกนั่งเก้าอี้ข้างๆ เก่งกาจโดยอีกฝั่งเป็นที่ของเฮียเต็มเจ้ามือในวันนี้
หัวข้อสนทนาในวันนี้ไม่ได้มีเรื่องของผมกับโฬม เพราะถูกเค้นคอไปตั้งแต่ข่าวออกมาแรกๆ แล้ว ทุกคนรู้ว่าจริงๆ แล้วพวกผมคบกัน แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนนักเพราะเกรงกระแสตีกลับที่รุนแรง แต่การไม่ได้ปกปิดเวลาไปเที่ยวด้วยกันหรือใช้ของบางอย่างร่วมกัน ทำให้คนทั่วไปก็พอจะเดาออก

ผมก็ไม่เข้าใจนักเหมือนกันว่าทำไมแฟนคลับส่วนมาถึงชอบอะไรที่เป็นความกำกวมมากกว่าการประกาศตัวอย่างชัดเจน ในสถานะที่เป็นคู่จิ้น พวกผมได้รับการสนับสนุนมากมาย ทั้งยังถูกทาบทามให้ไปเล่นซีรีส์วายด้วยกันเลยด้วยซ้ำ ทว่าพวกเราก็ปฏิเสธไปเพราะผมแสดงละครได้ห่วยแตกเกินเยียวยา

ไม่รู้ว่าถ้าบอกออกไปตรงๆ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา กระแสมันจะออกมาดีได้ขนาดนี้ไหม

อีกอย่างโฬมก็ไม่อยากให้เปิดตัวด้วยเช่นกัน เขาบอกว่าเป็นแบบนี้ดีแล้ว ไม่ต้องถูกถามซอกแซกเรื่องชีวิตรัก ให้คนคิดคนจินตนาการไป ดีกว่าการถูกนักข่าวรุมโจมตีและจับตามอง ซึ่งผมพอจะเข้าใจได้ว่า โฬมคงไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
เขาเคยมีประสบการณ์ไม่ดีนัก ทั้งจากแฟนเก่าและนักข่าว โฬมคงไม่อยากเอาความรักของเขากลับเข้าไปในวังวนอุบาทว์แบบนั้นอีก ซึ่งผมก็เข้าใจดี

“สกาย เอ้า อันนี้ข้าเลี้ยงให้กับความสำเร็จของเอ็ง” เฮียเต็มชี้ไปยังแก้วช็อตใบหนึ่งที่บาร์เทนเดอร์ยกมาเสิร์ฟ ภายในแก้วเครื่องดื่มถูกแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายกาแฟ ส่วนตรงกลางเนื้อนวลขาวไม่ต่างจากนมสดที่เทราดเหนือกาแฟรสขม แต่สิ่งที่ดูไม่น่าไว้ใจที่สุดคงเป็นเจ้าของเหลวชั้นบนสุดที่มีเฟลวเพลิงสีฟ้าอ่อนโหมกระพือส่งเสริมความน่ากลัวของมัน เนื้อของเหลวเป็นสีเขียวราวยาพิษ ผมมองแก้วช็อตบนโต๊ะสลับกับเจ้าของร้าน

“อะไรเนี่ยเฮีย”

“B55”

ผมขมวดคิ้ว ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ถ้าที่คุ้นหูสุดก็คงเป็น B52 เครื่องเดิมฮอตฮิตอินกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง

“ยกกระดกเร็ว”

“เฮียกะมอมผมด้วยแก้วเดียวป่ะ” ผมแสดงออกถึงความไม่ไว้ใจ ยิ่งมองหน้าเก่งกาจกับพี่ๆ คนอื่นรอบโต๊ะก็ยิ่งเคร่งเครียด มีแต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับสายตาสะใจ

ไม่กินได้ไหมเนี่ย ให้ตาย

“สกาย แดก!”

ผมเบ้ปาก แต่ก็ยอมคว้าหลอดมาดูดเครื่องดื่มในแก้วช็อตใบเล็กนั้นลงท้องรวดเดียวหมด

รสชาติสุดจะบรรยาย รวมถึงความร้อนที่แผดเผาไปทั้งลำคอ ผมแทบสำลักในคราแรก ไอคอกแคกในลำคออยู่ไม่กี่ครั้งน้ำหูน้ำตาก็ไหล

“เฮียเอาอะไรให้ผมกินเนี่ย” ผมโวยวาย รู้สึกถึงความแรงของแอลกอฮอล์ที่ดื่มได้แปบเดียวก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ร่างกายไม่สามารถตั้งตรงได้เลยต้องเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหมดสภาพ

“ก็เหมือน B52 ที่เอ็งเคยกินละวะ” เฮียเต็มบอกพร้อมตบโต๊ะหัวเราะตอนเห็นสภาพผม

“ไม่เห็นเหมือนเลย” ผมเบ้หน้า ไอ้นี่มันแรงกว่าชัดๆ

“เหล้าอัปแซ็งต์เลยนะเว้ยสกาย มึงได้ลองของเด็ดเลยเนี่ย” เก่งกาจตบมืออย่างมีความสุข ทั้งยังแลบลิ้นหันไปทำตาอ้อนขอลองเครื่องดื่มแบบเดียวกับผมบ้าง ส่วนผมนั้นสภาพเริ่มล่อแล่ลงในทุกวินาทีที่ผ่านไป ราวกับว่าถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ผมต้องตายลงไปแน่ๆ

แค่อึกเดียวเท่านั้น ยาสลบล้มช้างป่าวเนี่ย ผมสงสัย

“อัปแซงต์?” ผมที่เริ่มมึนเมาได้ที่ถามออกไปเสียงยานคาง และเป็นพี่คนอื่นที่นั่งข้างๆ เก่งกาจเป็นคนอธิบายให้ฟัง

“ภูติเขียวในตำนานไง ขวดที่ไอ้เต็มเอามาน่าจะแอลกอฮอล์ 70%”

ผมเบิกตากว้าง ตวัดสายตาไปมองเฮียเต็มที่นั่งยิ้มเต็มแก้มอยู่ข้างๆ แต่พอหันเร็วโลกเลยหวี่ยงให้วุ่น สุดท้ายผมต้องฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างหมดสภาพแบบจริงจัง อาการชาแล่นลิ้วขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า สมองผมทั้งเบลอทั้งล่องลอย คล้ายร่างกายเบาหวิวที่กำลังล่องไปในอากาศ

“เอ่อ... สกายใช่ไหมคะ”

ผมปรือดวงตาฉ่ำน้ำขึ้นไปตามเสียงเรียก ทัศนียภาพทุกอย่างทั้งพร่าทั้งเหวี่ยงไปมา แต่ผมกลับคลี่ยิ้มออกมาจนตายี อยู่ๆ ก็อยากหัวเราะขึ้นมาทั้งๆ ที่ไม่มีเรื่องอะไรให้ขำ

“ฮะ ฮ่าๆๆ ใช่ครับ” ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างโง่ๆ พยักหน้าให้ผู้หญิงสองคนที่เห็นหน้าค่าตากันไม่ชัด เฮียเต็มที่นั่งอยู่ข้างๆ คงสงสารเลยจัดการพูดคุยกับสองคนนั้นให้

“มีอะไรรึเปล่าครับ”

“คือ... พวกหนูอยากถ่ายรูปกับสกายค่ะ” ผมได้ยินประโยคนี้ไม่ค่อยชัด แต่พอจับใจความได้ว่ามีชื่อตัวเอง ก็เลยผงกหัวขึ้นมาฉีกยิ้มตาหยีให้สองคนนั้นอีกครั้งนึง

“ไอ้สกายโว้ย จะตกเก้าอี้อยู่แล้ว” เสียงเก่งกาจดังหึ่งๆ อยู่ไม่ไกล พร้อมกับแขนแข็งแรงของใครสักคนคว้าเข้าที่เอวของผมอย่างแรง ร่างกายที่โงนเงนนั่งไม่ตรงถูกดึงกระชากกลับไปยังอีกฝั่ง นั่นทำให้ผมรับรู้ว่าเมื่อสักครู่หัวตัวเองแทบปักลงบนพื้น

ตัวเบาจนลมพัดจะตกเก้าอี้เลยแหะ

ผมหัวเราะกับความคิดของตัวเอง ได้ยินเสียงเก่งบ่นพึมพำอะไรบางอย่างก่อนกดหัวผมให้พิงไหล่กว้างของมัน

“มันเมา น้องไปยืนข้างเก้าอี้มันแล้วกัน เดี๋ยวพี่ถ่ายให้” ผมไม่รู้แล้วว่าเสียใครเป็นเสียงใคร เพราะคนบนโต๊ะแย่งกันพูดไปหมด หลังจากเสียงงุ้งงิ้งนั้นถกเถียงกันอยู่สักพัก ร่างกายปวกเปียกของผมก็ถูกจับให้นั่งตัวตรงหลังตรง โดยมีเก่งกาจคอยกำชับว่าให้นั่งดีๆ อยู่ตลอด

“หืมม อารายย” ผมโวยวายเพราะไม่เข้าใจสถานการณ์

ผู้หญิงสองคนที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนเดินมายืนขนาบซ้ายขวาผม ก่อนจะฉีกยิ้มให้โทรศัพท์เครื่องหนึ่งที่ยกหันมาทางนี้ ผมขมวดคิ้วทำความเข้าใจกับตัวเองสักพักก่อนจะร้องอ๋อเบาๆ ว่าเขาจะถ่ายรูป

พอคิดได้ผมเลยชูสองนิ้วขึ้นมาแล้วฉีกยิ้มโง่ๆ ให้กล้องไปหนึ่งที

“ขอบคุณนะคะ” เสียงโทนสูงของผู้หญิงทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน ผมหันซ้ายหันขวาไปมองด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณ อึก ค้าบบบ”

“พวกเราเป็นแฟนคลับสกายนะคะ”

“แฟนนนน ครับบบบบ” ผมออกเสียงรอเรือชัดจนตลกตัวเอง เก่งกาจกระชกคอเสื้อด้านหนึ่งของผมเอาไว้เมื่อร่างกายทำท่าจะเอนตกพื้นอีกรอบ

เหล้าเมื่อกี้ทำให้ตัวเบาขนาดนี้ได้ยังไง

ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่ก็ปัดทิ้งไปเมื่อบทสนทนากับเหล่าแฟนคลับยังไม่จบลง

“เพลงสกายกับพี่โฬมเพราะมากเลยค่ะ”

“ใช่ไหมล้า” ผมชูนิ้วโป้งออกมาอย่างภูมิใจ

“สู้ๆ นะคะ พวกเราซัพพอร์ตคู่สกายกับพี่โฬมเสมอเลยค่ะ”

ประโยคหลังนี้ผมเริ่มจับใจความไม่ได้แล้ว แต่พอได้ยินลางๆ ว่าอีกฝ่ายจะสนับสนุนพวกเราสองคน ผมเลยถลาตัวหมายจะเข้าไปกอดขอบคุณเสียหน่อย แต่เก่งกลับยื่นแขนมาล็อคคอผมไว้พร้อมผงกหัวขอบคุณผู้หญิงสองคนนั้นแทน

“ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยที่มันเมาเป็นหมาแบบนี้”

“ไม่เป็นไรค่ะ น่ารักดี”

“ครับ”

“แต่สกายมาคนเดียวเหรอคะ พี่โฬมไม่ได้มาด้วย?”

“ไม่มาค้าบบ ไปถ่ายงาน อึก” ผมชิงตอบคำถามเกี่ยวกับคนรักก่อนที่เก่งจะได้พูดเสียอีก เจ้าของแขนใหญ่ๆ ที่ล็อคคอกันไว้ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“เมาขนาดนี้พี่โฬมรู้ระวังจะโดนโกรธนะคะ”

ผมขมวดคิ้วขณะใช้สมองอืดๆ ของตัวเองประมวลผล

นั่นสิ โฬมต้องโกรธแน่เพราะผมเมาเละเทะ แต่อันที่จริงเมื่อกี้ซดไปแก้วเดียวเองนะ แก้วเดียวก็ไม่น่าเมาจนพี่โฬมโกรธหรอกมั้ง ผมสรุปกับตัวเองอย่างง่ายๆ

“ไม่โกรธหรอกค้าบ” ผมตบอกด้วยความมั่นใจ “ถ้าโกรธ อึก ผมจูบครั้งเดียวก็หาย- อ่อก!”

“ขอโทษนะครับ มันเมาแล้ว ต้องขอตัวพามันกลับบ้านก่อน” อยู่ๆ เก่งกาจก็ยัดกำปั้นเข้ามาในปากผม ก่อนจะยกทั้งร่างให้ลอยขึ้นไปพาดบ่า แอบได้ยินเสียงกรี๊ดกราดจนแสบหู แต่หัวที่หมุนเหวี่ยงราวกับอยู่บนรถไฟเหาะกลับดึงความสนใจผมไว้จนหมด

“เก่งงง มึนหัว”

“หุบปากไปเลยมึง”

“อะไรเล่าาา”

“ไอ้ห่า ขัดอารมณ์แดกเหล้ากูชิบหาย” เก่งกาจบ่นพึมพำก่อนลากผมออกมาจากสถานที่เสียงดังวุ่นวายนั้น จากนั้นไม่นานภาพของผมก็ตัดลงไป โดยไม่รู้เลยว่าคลิปวิดีโอพร้อมภาพตัวเองในคืนนี้ถูกอัพขึ้นโลกอินเตอร์เน็ต และเป็นประเด็นร้อนที่ภายในไม่กี่นาทีก็ติดเทรนด์อันดับหนึ่งในทวิตเตอร์








ผมตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงกว่าๆ ด้วยอาการมึนศีรษะอย่างหนัก เพดานห้องกับเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้นตาบ่งบอกว่านี่เป็นคอนโดของผม แต่มันไม่ปกติเท่าไหร่เพราะมีร่างเก้งก้างของเก่งกาจนอนเปลือยอกอยู่ข้างๆ ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างบากลำบาก ครางเครือในลำคอด้วยความทรมาน

ปวดหัวมากเลยให้ตายเถอะ

ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตัวเองถึงกลับมานอนที่คอนโดได้ ภาพมันตัดไปตั้งแต่ไหนไม่ทราบ แต่เมื่อคว้ามือถือที่กองอยู่ปลายเท้าขึ้นมาดูก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

มิสคอลของโฬมกว่าสิบสาย รวมถึงการแท็กจากคนไม่รู้จักทั้งในทวิตและอินสตราแกรมเป็นร้อยๆ แจ้งเตือน

ผมกดเข้าไปดูด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เลือกเมินมิสคอลของโฬมไว้ก่อนเพราะเขาโทรมาตั้งแต่เมื่อตอนเช้าตรู่ แอพแรกที่ผมกดเข้าไปดูคืออินสตราแกรม หน้าแจ้งเตือนว่ามีคนแท็กรูปและคลิปวิดีโอเข้ามามากมาย และพอกดเข้าไปดูเลยรู้ว่าเมื่อคืนผมทำเรื่องงาหน้าไว้ไม่น้อยเลย

จะร้องไห้แล้ว

ผมเมินคลิปที่ตัวเองคุยกับแฟนคลับด้วยอาการเมาเต็มที่ไป เลือกเข้าแอพทวิตเตอร์เพื่อเช็คกระแสอย่างหวาดกลัว ในแฮซแท็กโฬมฟ้ายังมีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้ หัวใจผมชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อทุกคนไม่ได้ต่อต้านกับประโยคที่ผมหลุดออกไปอย่างจะจูบโฬมเพื่อง้อ แถมบรรดาคนที่เรียกตัวเองว่าสาววายยังกรี๊ดกร๊าดอย่างมีความสุข ข้อความที่ผ่านตาแต่ละอันล้วนเรียกริ้วแดงบนหน้าผมให้ชัดขึ้นทีละนิด และไม่นานทั้งหน้าผมก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน

สิ่งที่ทำให้ผมอยากปาโทรศัพท์ทิ้งที่สุดคงเปนแฟนอาร์ตสิบแปดบวกที่อิงสถานการณ์จากในคลิปนั่น ทั้งยังมีแฟนฟิคที่ผมกดเข้าไปอ่านแล้วต้องปิดออกทันทีด้วยความจั๊กจี๊หัวใจ

ให้ตาย กระแสแบบนี้ไม่รู้ดีหรือแย่กันเนี่ย

ผมกัดปากตัวเองอย่างคิดหนัก ทั้งยังเขินอายจนไม่รู้จะมุดหน้าไปซุกไว้ที่ไหน กว่าจะทำใจลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ก็เกือบชั่วโมง

ไม่กล้าสู้หน้าโฬมเลยครับแบบนี้

Rrrrrrrrr

“เฮ้ย!”

เพิ่งคิดถึง หน้าจอโทรศัพท์ก็โชว์ชื่อ ‘พี่โฬม’ หราเชียว

ไม่รับได้ไหมครับ ให้ตาย


________________________
Talk: มาแล้วค่าาาา
เจ้าสกายใกล้จบแล้ว ที่เรากะไว้ประมาณ 4-5 ตอนน่าจะจบ
จริงๆ ตอนนี้เราเก็บพล็อตที่วางไว้ไม่ครบเลย ฮือออ แต่ต้องตัดแล้วเพราะยาวเกินไป  :hao5: :hao5:
ตอนต่อไปจะรีบมาค่ะ มาเข้าโค้งสุดท้ายกับน้องสกายและพี่โฬมกันนน

ฝากติชมด้วยนะคะ ตรงไหนยืดเยื้อ ตรงไหนไม่ได้ศัพท์มีแต่น้ำเกินไป ก็ติดชมได้นะคะ
รักทุกคนเลยยยยยยย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
แง จะจบแล้วเหรอคะ จริงๆเราว่าเนื้อเรื่องไม่ได้ยาวไปเลยนะคะ อยากอ่านไปเรื่อยๆ แหะๆ เรื่องสนุกมากๆเลยค่ะ ชอบพัฒนาการของตัวละครแล้วก็แง่คิดเรื่องความรักของเพศเดียวกันด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จ ร ด ฟ้ า #เจ้าสกาย | บทที่ 22 [17-Dec-18] P.6
« ตอบ #169 เมื่อ: 17-12-2018 18:35:58 »





ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :-[

เขิลเลย

 :L2: :pig4:

อยากอ่านหลายๆตอนเหมือนกัน

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
รับเถอะ​ :-[  อยากเห็นคนเขิน

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะโดนไรมั้ยน้อออ  :hao7:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โดนฟาดแน่นวลลลล

ออฟไลน์ หะมายด์เอง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-1
บทที่ 23



Rrrrrrrrr

“เฮ้ย!”

ผมสะดุ้งหลุดร้องเสียงหลง แทบทำโทรศัพท์ตกพื้น นิ้วสั่นๆ วางอยู่บนปุ่มรับสายอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็สไลด์เพื่อรับสายแม้หัวใจจะยังไม่พร้อมเผชิญหน้าเลยสักนิด

“คะ ครับ”

[ฟ้าครับ]

เสียงโฬมยังนุ่มนวลเหมือนปกติ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงนั่งหลังตรงแหน่วด้วยความหวั่นเกรง

“พี่โฬม...ว่างแล้วเหรอครับ”

[ฟ้า]

“อ๊ะ ครับ”

[เป็นเด็กดื้ออีกแล้วนะครับ]

มาแบบนี้คือไม่รอดใช่ไหม ผมถามตัวเองอย่างรู้ชะตากรรม

[ฟ้ารู้ใช่ไหมว่าต้องโดนลงโทษ] เสียงปลายสายขรึมขึ้นมาจากปกติ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความอบอุ่นนุ่มนวลอยู่ไม่น้อย ผมก้มหน้าลง แนบคางชิดกับอกพลางเถียงข้างๆ คูๆ ไปอย่างนั้น

“ผมกินไปแก้วเดียวเอง”

[ถ้ากินแล้วเมาเละเทะก็ผิดนะครับ]

“ครับ” เสียงอ่อยลงทันทีเหมือนไม่อยากยอมรับ

[ตามสัญญาครับ ผิดก็ต้องลงโทษ]

ผมเม้มปาก สมองวนคิดไปถึงบทลงโทษที่เคยตกลงกันไว้เมื่อไม่นานมานี้ ถ้าผมหรือโฬมทำผิดจะต้องชดใช้ตามความต้องการของอีกฝ่าย...

ครับ และทันทีที่คนตัวสูงในชุดสบายๆ เดินออกมาจากเกตตอนเวลาสองทุ่มกว่าๆ ผมก็ถูกจับไปลงโทษตามคำสัญญาทันที

“อื้ออ พี่โฬม” ร่างของพวกเราเบียดกันอยู่ในรถเก๋งที่ติดฟิล์มดำสนิท คนที่ควรเหนื่อยล้ากับการทำงานและเดินทางมาตลอดวันกลับมีแรงมากกว่าผมที่กินๆ นอนๆ อยู่ในห้อง โฬมดันผมให้ขึ้นมานั่งซ้อนบนตัก กอดเอวไว้แน่นก่อนใช้สายตาบังคับให้ผมทำตามคำสั่ง

ผมจำเป็นต้องโน้มหน้าลงไปหา แนบริมฝีปากประกบอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาปล่อยให้ผมเป็นฝ่ายชักนำ ไม่ตอบสนองและรุกล้ำเข้ามาก่อน มีเพียงรอยยิ้มเล็กๆ กับดวงตาแพรวพราวอย่างคนอารมณ์ดี อ้อมกอดอุ่นยังรัดกันแน่นไม่มีคลาย ไอร้อนจากกายหนาแทรกผ่านอากาศเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายในรถ เสริมความอบอุ่นให้แก่ร่างกายที่มีเพียงเสื้อผ้าเบาบาง

ผิวปากของเราสัมผัสกันอย่างเชื่องช้า น้อยนักที่ผมจะเป็นฝ่ายขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จากความเขินอายหรือไม่ประสาในทางนี้ นั่นจึงกลายเป็นบทลงโทษที่โฬมเขียนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มพึงใจ ผมต้องไล่ต้อนจนกว่าเขาจะตอบรับจูบไร้เดียงสานี้ไว้ แต่เนิ่นนานจนลมหายในติดขัดโฬมก็ยังนั่งนิ่งเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นผมนั่นเองที่พ่ายแพ้และต้องถอนหน้าตัวเองออกมา

“ใช้ไม่ได้เลยนะครับ”

“ฮื้อ ขอโทษครับ” ถูกดุอย่างไม่พอใจแบบนั้นผมจึงได้แต่พึมพำขอโทษออกไป

โฬมหัวเราะเบาๆ “ไม่แกล้งแล้วครับ”

นิ้วเรียวปัดปอยผมที่ปรกหน้าออกให้ ก่อนจะพยักเพยิดให้กลับไปนั่งที่ให้เรียบร้อย ส่วนตัวโฬมจะเป็นคนขับรถให้เอง เขาช่วยดันสะโพกให้ผมปีนข้ามไปนั่งที่เบาะข้างเคียง ดึงสายรัดมาพาดลำตัวให้อย่างเอาใจใส่ ก่อนจากไปยังไม่วายกดจมูกลงมาหอมแก้มเบาๆ ไปตั้งสองที

ตั้งแต่คบกันก็เรียนรู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้นอกจากขี้หึง ยังชอบฉวยโอกาสอยู่บ่อยๆ

“ไว้ฝึกมาใหม่นะครับ”

“ไม่ทำผิดอีกแล้วล่ะครับ” ผมเถียงไปพลางแกล้งทำเป็นเบ้ปาก โฬมหัวเราะเบาๆ ก่อนกลับมาสนใจพวงมาลัยและทางด้านหน้าแทน

ตัวรถยนต์คล่อยๆ เคลื่อนออกจากสถานที่จอดอย่างนุ่มนวล สามทุ่มแล้วทำให้รถบนถนนพอโล่งขึ้นมาบ้าง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไปถ่ายรายการไม่ทันเนื่องจากสถานที่ถ่ายทำอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ผมไม่มีอะไรทำเพราะนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้แต่หยิบมือถือขึ้นมาไถเล่น

แฮทแท็ก #โฬมฟ้า ยังเป็นประเด็นไม่สร่างสา เพราะตอนที่โฬมลงเครื่องนั้นมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยมารอรับ และทางออกเกตก็มีทางเดียว ผมที่เด่นอยู่แล้วจากการแต่งตัวจึงยิ่งเด่นเข้าไปอีกเพราะเหล่าแฟนๆ ของโฬมผลักให้ผมไปยืนอยู่ด้านหน้าพลางถอยห่างออกไปเป็นเมตรเพื่อช่วยสร้างสถานการณ์ ไอ้ในสนามบินก็มีแค่เสียงกรี๊ดนั่นแหละผมเลยยังยืนอยู่ได้ แต่พอเข้ามาในโลกโซเชียล หน้าผมก็อดร้อนผ่าวไม่ได้หลังจากอ่านทวิตของแต่ละคนในแฮทแท็กนั่น



‘เขามารับกันที่สนาบินด้วยแหละแก #โฬมฟ้า’

‘คนพี่เดินยิ้มออกมาหน้าบานเลยจ้า แถมปกติพี่โฬมต้องยืนคุยยืนถ่ายรูปกับแฟนคลับก่อน แต่คราวนี้พอถึงตัวน้องสกายก็คว้าข้อมือแล้วลากกันออกไปทันที รู้หรอกว่าคิดถึง #โฬมฟ้า’

‘จะมีคนงอนจนได้จูบง้อไหมนะ //แนบคลิปเมื่อคืน #โฬมฟ้า’

‘เรือนี้สบายจังนะ กัปตันเขาพายกันเอง #โฬมฟ้า’

‘น้องฟ้าวันนี้น่ารักจังเลยค่ะ #ทวงคืนน้องสกายจากพี่โฬม #โฬมฟ้า’




ถึงผมจะเขินแต่ผมก็ยังอ่านต่อไป ทั้งยังอดขำไม่ได้กับข้อความล่าสุดที่เห็น ด้วยความสนใจจึงกดเข้าไปในแฮทแท็ก #ทวงคืนน้องสกายจากพี่โฬม กลายเป็นว่ายิ่งอ่านยิ่งขำจนหน้าดำหน้าแดง

“ขำอะไรขนาดนั้นครับฟ้า” โฬมหันมามองด้วยความสนใจ ถ้าไม่ได้อยู่บนรถโฬมคงชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วยแล้ว

“ในทวิตครับ มีแท็กทวงคืนผมจากพี่โฬมด้วย”

“ไหนครับ” คนหลังพวงมาลัยแบมือมาขอโทรศัพท์ แต่ผมรอจนรถชะลอจอกที่ไฟแดงถึงค่อยส่งให้เขาดู โฬมเลื่อนหน้าจอมือถืออยู่พักหนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้างถึงดวงตาออกมา

“ไม่ให้คืนนะครับ หวง”

“มาบอกผมทำไมล่ะครับ” ผมเขินแต่ทำใจกล้าพูดออกไปแบบนั้น โฬมยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์แต่กดบางอย่างยิกๆ อย่างรีบร้อน ต้องรอจนไฟแดงนับถอยหลังจวนเจียนจะหมดผมถึงค่อยได้โทรศัพท์คืนมา

ไม่ต้องสงสัยให้มากความสิ่งบนหน้าจอก็ตอบคำถามผมได้เรียบร้อยแล้ว เพราะโฬม ลภณกดโพสรูปคู่ระหว่างผมกับเขาที่เคยถ่ายเก็บไว้ในเครื่องลงไอจี ก่อนตั้งแคปชั่นว่า ‘ไม่ให้คืน หวง’ ด้วยทั้งๆ ที่เป็นแอคเคาท์อินสตราแกรมของผม และเพียงไม่กี่วินาทีบรรดาแฟนคลับทั้งของผมและของเขาต่างมาถล่มเม้นที่ใต้รูปภาพจนผมต้องกดปิดแจ้งเตือนไปก่อนเครื่องจะค้างใช้งานไม่ได้

หลังจากนั่งเล่นอยู่บนรถได้ราวๆ สามสิบนาทีก็ถึงจุดหมายปลายทาง โฬมตบไฟเลี้ยวเข้าตึกสูงใหญ่ของช่องโทรทัศน์ เมื่อจอดรถเรียบร้อยแล้วผมก็เอี้ยวตัวไปยังเบาะหลังเพื่อควานหาของที่ต้องการ เป็นถุงอาหารจากร้านสะดวกซื้อที่เตรียมไว้ให้คนทำงานหนักกินร้องท้อง อาจจะไม่เยอะมากแต่ก็ดีกว่าต้องหิ้วท้องหิวๆ ไปถ่ายรายการจนดึก

“ขอบคุณครับ” โฬมรับถุงพลาสติกไปเปิดดูก่อนฉีกยิ้มส่งมาให้ เขาฉีกถุงขนมปังออกและรีบยัดลงท้องอย่างต้องการทำเวลา ตามด้วยนมกล่องนึงกับน้ำเปล่าขวดเล็กสำหรับล้างปาก หลังจากจัดการตัวเองเสร็จสิ้นพวกเราก็ลงจากรถและเดินเข้าตึกไปพร้อมกัน ก่อนหน้านั้นโฬมโทรบอกทางรายการแล้วทำให้มีทีมงานหญิงชายสองคนมายืนชะเง้อคอมองอยู่ที่ห้องโถง

“สวัสดีค่ะ/ครับคุณโฬม คุณสกาย”

พวกเราผงกหัวรับคำทักทาย คุยกันได้ไม่กี่ประโยคทีมงานทั้งสองก็พาเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่สิบสอง ซึ่งเป็นตำแหน่งของห้องที่ใช้ถ่ายทำรายการ

“เดี๋ยวคุณสกายนั่งรอทางนี้เลยนะคะ” ทีมงานผู้หญิงคนที่นำทางมาชี้นิ้วไปยังเก้าอี้มุมห้องตัวหนึ่ง มีคนอื่นๆ นั่งอยู่ประปราย ผมฉีกยิ้มเข้าสู้ตอนเดินผ่านทีมงานทุกคนภายในห้อง ส่วนโฬมแยกไปแต่งหน้าแต่งตัวอีกทางแล้ว รายการนี้เป็นรายการที่ถ่ายทอดสดตอนสี่ทุ่มตรงพอดี ทำให้ภายในห้องวิ่งวุ่นกันไม่น้อยเนื่องจากใกล้เวลาเข้ามาทุกที

ผมนั่งกดโทรศัพท์เล่นฆ่าเวลา ไม่นานนักนาฬิกาก็เคลื่อนมาถึงเลข 22.00 น. เสียงเพลงเปิดรายการดังกระหึ่มห้อง จากนั้นพิธีกรที่นั่งบนโซฟาสีครีมกลางห้องจะฉีกยิ้มให้กล้องและเริ่มพูดสคริปต์เพื่อเข้ารายการ

ที่บนเวทีถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย ผนังด้านหลังเป็นโลโก้สปอนเซอร์ มีของตกแต่งอยู่ด้านข้างเล็กๆ น้อยๆ เฟอร์นิเจอร์มีเพียงโซฟาสามตัวกับโต๊ะกระจกสำหรับวางถ้วยชากาแฟตัวหนึ่ง พิธีกรรายการเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งซึ่งนับว่ามีชื่อเสียงไม่น้อยในประเทศ ผมละสายตาจากจอโทรศัพท์เพื่อดูสิ่งตรงหน้าด้วยความสนใจ

“วันนี้แขกรับเชิญเราพิเศษสุดๆ ไปเลยนะคะ”

“ใช่ครับ เพราะเขากำลังโด่งดังจนไม่ว่าใครก็ไม่มีทางไม่รู้จักแน่ๆ”

“อดใจรอไม่ไหวแล้วค่ะ” พิธีกรสาวทำท่าทางตื่นเต้นได้น่ารักจนผมอดยิ้มตามไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้น เชิญคุณโฬม ลภณออกมาทอล์คๆ กันกับเราเลยครับ”

แปะๆๆๆ

เสียงปรบมือจากหน้าม้ากระหึ่มดังทั่วสตูฯ ผมร่วมปรบมือด้วยพลางมองคนตัวสูงในเสื้อผ้าที่ดูดีขึ้นจากตอนแรก ทรงผมถูกเซ็ตขึ้นไปโชว์หน้าผากได้รูปกับใบหน้าที่ได้รับการแต่งจากช่างแต่งหน้ามืออาชีพ อย่างไรก็ตามโฬมยังคงดูดีเสมอ และยิ่งตอนนี้เขาไม่ได้ดูอมทุกข์เหมือนเก่า รอยยิ้มของเขาก็ยิ่งแพร่กระจายความสดใสให้คนทั่วบริเวณเลยทีเดียว

“สวัสดีค่า คุณโฬม”

“สวัสดีครับ”

“เห็นว่าเพิ่งลงเครื่องก็รีบมาถ่ายรายการต่อเลย เหนื่อยแย่เลยนะคะ”

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ ผมชอบทำงาน” โฬมยิ้มให้ทั้งพิธีกรทั้งกล้องที่ขยับไปซูมใบหน้าของเขา หลังจากทักทายถามไถ่พอเป็นกระสัย เนื้อหาของรายการก็เริ่มเข้าประเด็นต่างๆ ตามสคริป

เป็นปกติที่โฬมจะถูกถามเกี่ยวกับประเด็นทางเพศ การเป็นเกย์และความรักของเพศเดียวกัน รวมถึงเหตุผลว่าทำไมถึงทำเพลงนั้นขึ้นมาร่วมกันกับผม เรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตตั้งแต่เพลงออกใหม่ๆ จนตอนนี้เลยทีเดียว โฬมก็เตรียมคำตอบไว้หมดแล้วเลยพูดออกมาคล่องปร๋อ ทั้งยังฝากผลงานเพลงใหม่ที่กำลังจะออกเร็วๆ นี้อีกด้วย

ทางรายการพักเบรกบทสัมภาษณ์ด้วยการเล่นสนุกเล็กๆ น้อยๆ อย่างการทดสอบความสามารถพิเศษของโฬม ให้ร้องเพลงโชว์รวมถึงแสดงละครให้คนดูได้ชมนิดหน่อยด้วย

ผมยิ้มบ้าง หัวเราะบ้างเพราะโฬมเก่งมาก เขาทั้งคุยเก่งทั้งยังสุภาพ ลักยิ้มกับฟันเขี้ยวก็ยังมีเสน่ห์เหมือนเคย ฟีดแบ็กรายการนี้น่าจะออกมาดีไม่น้อย เพราะขนาดผมเห็นเบื้องหลังทั้งหมดยังรู้สึกมีความสุขที่ได้ดูเลย

“เอาล่ะครับ มาถึงช่วงท้ายของรายการแล้ว น่าเสียดายมากจริงๆ”

“ค่ะ ช่วงสุดท้ายแล้วนะคะ จากประเด็นที่ได้ถามทิ้งไว้ในเบรกที่แล้วถึงเรื่องข่าวเก่าๆ ของคุณโฬม ขอทราบได้ไหมคะว่าตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้างที่เจอกระแสแอนตี้รุนแรงแบบนั้น”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โฬมเจอคำถามแบบนี้ เขาเลยยังยิ้มและตอบคำถามอย่างสบายๆ

“ก็แย่เหมือนกันครับตอนนั้น ผมถามตัวเองตลอดเลยว่าทำอะไรผิด แต่สุดท้ายก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำอะไรผิด เลยอดทนต่อไปครับ”

“แล้วที่ว่าถูกให้ออกจากค่ายเพลง และถูกแบนจากหลายบริษัทนี่จริงไหมครับ”

“ผมออกจากค่ายจริงครับ อย่างที่ทุกคนรู้ตอนนี้ผมเป็นศิลปินอิสระ” โฬมยังคงยิ้มไม่มีหลุด ผมรู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบหนักหนากับเขาอีกแล้วเลยนั่งมองต่อไปอย่างเงียบเชียบ “แต่เรื่องโดนแบนไม่เป็นความจริงครับ ตอนนั้นตัวผมเองมีแต่กระแสด้านลบ ทั้งภาพลักษณ์ก็ป่นปี้ไปหมด เป็นเรื่องปกติครับถ้าจะถูกถอดจากพรีเซนเตอร์ ผมเข้าใจและโทษใครในเรื่องนี้”

“แล้วคุณโฬมรู้ตัวว่าเป็นเกย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ พอจะบอกได้ไหม” พิธีกรสาวถามอย่างหยั่งเชิง แต่เมื่อโฬมพยักหน้าเธอเลยปล่อยให้แขกรับเชิญพูดต่อ

“ตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ เคยคบกับผู้หญิงแล้วมันไม่ใช่” เขาหัวเราะเบาๆ “จากนั้นก็ลองมองผู้ชายมาตลอด”

“มีแฟนมาแล้วกี่คนคะเนี่ย หล่อขนาดนี้ถ้าดิฉันเป็นผู้ชายจะจีบคุณโฬมก่อนเลยค่ะ”

“ฮ่าๆ ผมเคยมีแฟนมาแค่คนเดียวครับ” โฬมย้ำคำว่าเคยอย่างต้องการย้ำว่าเป็นความสัมพันธ์เก่าเก็บไม่น่าสนใจ ทว่าคนอื่นกลับไม่คิดแบบนั้น

“เอ๊ะ แฟนคนเดียวนี่คือคนที่เป็นข่าวรึเปล่าคะ”

“ใช่ครับ”

“พูดถึงเรื่องนี้พอดี” คราวนี้เป็นพิธีกรชายที่แทรกประโยคนี้ขึ้นมา “ไม่ทราบว่าคุณโฬมเห็นหรือยังครับ ที่แฟนเก่าของคุณโพสต์สเตตัสบนเฟสบุ๊คส่วนตัวของเขาเมื่อตอนสองทุ่ม”

“ค...ครับ?” มุมปากของโฬมที่ยกสูงค่อยๆ ตกลง รวมถึงผมที่อยู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ

“นี่ครับ เดี๋ยวให้ทีมงานเอาภาพขึ้นให้ดู” พิธีกรยกมือให้สัญญาณ จากนั้นถึงนาทีภาพสเตตัสบนเฟสบุ๊คของคนที่ถูกพูดถึงก็เด้งโชว์ขึ้นมาบนจอโทรทัศน์ข้างๆ ตากล้อง ผมขยับตัวชะโงกหัวไปดูและอ่านข้อความเหล่านั้นอย่างตั้งใจ



หลายเดือนก่อนมาขอคืนดี วันนี้มีข่าวกับคนใหม่
ไม่ยอมรับว่าคบแต่ดูจากดาวอังคารก็รู้ เด็กเลี้ยงแกะ




สเตตัสไม่สั้นไม่ยาวที่ทำเอาสมองผมมึนเบลอไปหมด ส่วนโฬมเขานิ่งไปแล้วหลังจากอ่านข้อความบนหน้าจอจบลง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนแน่น ทั้งริมฝีปากก็ไม่เหลือร่องรอยของรอยยิ้มไว้อีกแล้ว

“ครับ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะปล่อยให้บรรยากาศถูกกดลงจนไม่เหลือความสนุกแบบช่วงต้นรายการ

แต่ดูท่านี่จะเป็นสิ่งที่ต้องการของพิธีกรแล้ว เพราะนอกจากพวกเขาจะไม่พยายามแก้ไขบรรยากาศที่มาคุจนหนาวติดลบ กลับยังพยายามขยี้ประเด็นนี้ต่อไป จอคอมพิวเตอร์ของทีมงานคนหนึ่งฉายจำนวนยอดวิวคนเข้ามาดูไลฟ์สดรายการในแฟนเพจที่พุ่งขึ้นไปเป็นจำนวนมากแล้วผมก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

“จากสเตตัสเก่าของคุณไอซ์ อดีตคนรักของคุณโฬมได้บอกว่าคุณโฬมเคยมีแฟนมาแล้วหนึ่งคน แต่เมื่อสักครู่คุณโฬมบอกเราว่าเคยมีแฟนมาแค่คนเดียว พอจะอธิบายได้ไหมครับ”

“ครับ ที่เคยคบเป็นแฟนมีคนเดียวครับ คนอื่นๆ ก็คุยๆ กันแต่ไม่เคยได้คบ” โฬมตอบโดยที่ใบหน้าบึ้งตึงไปแล้ว ผมเม้มปากแน่นนึกอยากเดินไปกดปิดกล้องแล้วกระชากแขนโฬมวิ่งหนีออกมา แต่เมื่อทำไม่ได้เลยต้องยอมทนให้เขานั่งอยู่ท่ามกลางธนูห่าใหญ่ที่พร้อมพุ่งเข้ามาเสียบร่าง ในจังหวะนี้จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ก็นั่งไม่ติดผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหลบที่มุมห้องอย่างเป็นกังวล

รายการนี้กำลังจะดึงเรตติ้งจะเรื่องคาวๆ ใครจะไม่รู้

ผมก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าเขาจะพูดถึงประเด็นพวกนี้ที่รายการต่างๆ เคยสัมภาษณ์ไปแล้วทำไม ตอนนี้ถึงได้เข้าใจว่ามันคือการเกริ่นนำเพื่อเข้าสู้เนื้อเรื่องจริงๆ ที่พวกเขาต้องการ

“แล้วเรื่องที่ว่าขอคืนดีล่ะคะ”

“ไม่เป็นความจริงครับ”

“คบกับคุณสกายจริงไหมครับ”

“...” โฬมเงียบไปราวกับเป็นคำถามที่ตอบไม่ถูก ผมจะไม่ว่าเลยถ้าเขาปฏิเสธ ด้วยว่าอะไรหลายๆ อย่างทำให้เราเปิดตัวอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ การปฏิเสธไปคงดีที่สุด แต่โฬมกลับทำเพียงเหลือบตามามองผมก่อนปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบแทน

“พอจะบอกได้ไหมคะ ว่าเลิกกับคุณไอซ์ด้วยเรื่องอะไร”

“เรื่องส่วนตัวครับ” สีหน้าโฬมไม่ค่อยดีนัก เขาไม่ยิ้มเหมือนก่อนอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าโมโห มีแต่ความอดกลั้นและข่มความเสียใจมากมายไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งสนิท ผมเม้มปากแน่นกว่าเก่า นึกเจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนอยู่เฉยๆ และมองคนรักโดนรุมยำเละเทะ

“คุณโฬมไม่ค่อยพูดเลยนะคะ”

“ไม่สะดวกจะตอบเรื่องพวกนี้ครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ” พิธีกรสาวฉีกยิ้มใจดี แต่ตอนนี้ผมไม่ยอมถูกรอยยิ้มอาบยาพิษนั้นหลอกอีกแล้ว หัวใจผมกระตกเมื่อบางอย่างย้ำเตือนว่ามันไม่มีทางจบเพียงแค่นี้

และแน่นอน มันไม่ได้จบแค่นี้จริงๆ...

“ทางเรามีแขกรับเชิญพิเศษจะมาตอบคำถามเรื่องพวกนี้แทนคุณโฬม”

มีเสียงปรบมือดงกระหึ่ง พร้อมกับไฟในห้องส่งที่หรี่ลง ก่อนสปอร์ตไลท์จะฉายไปยังฉากด้านหลังโซฟาที่มีใครบางคนเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม

ใครคนนั้นสูงกว่าผมเล็กน้อย แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีแดงลายสก็อตกับกางเกงยีนส์เข้ารูป บนอกมีแว่นกันแดดห้อยอยู่พร้อมใบหน้าที่นับว่าดูดีทีเดียว จมูกโด่งที่ดูออกมาไม่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเสริมให้แขกคนใหม่คนนี้ดูดีขึ้นกว่าในรูปที่ผมเคยเห็น
เขาคนนั้นเดินค้อมตัวเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง ใช้มือลูบผมสีดำตัดสั้นของตัวเองอย่างเขินอาย มองผ่านโฬมราวกับธาตุอากาศก่อนขยับเข้าไปนั่งยังโซฟาที่ถูกเตรียมไว้ให้ตน

“แขกรับเชิญพิเศษของเรานะคะ คุณไอซ์ค่ะ!!”

เสียงปรบมือไม่ว่าจะดังมากเท่าไหร่ แต่คงดังไม่เท่าหัวใจของผมที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้าย

ผมมองคนๆ นั้น สลับกับโฬมที่สีหน้าซีดเซียวไม่สู้ดีนัก นิ้วทั้งสิบแบกออกแล้วกำเข้าตัวอยู่หลายรอบเพราะผมรู้สึกถึงไอความร้อนจากอารมณ์ที่เดือดปุดๆ

พวกเขาเล่นกันถึงขนาดนี้

ถึงขนาดเชิญแฟนเก่าของโฬมมา!


_________________
Talk: วิ่งหลบระเบิดก่อนเลย
มาช้าแลวยังพานังไอซ์มาด้วย ขอโทษค่าาาาาาา
มาเอาใจช่วยให้คุณโฬมผ่านปมสุดท้ายของตัวเองไปได้ด้วยน้าาาา

รักทุกคน จุ้บบบ
เมอร์รี่คริสมาสต์ค่าาาา  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
……

อ่านบทนี้แล้วก้อนึกได้ว่า วงการบันเทิงนี่สวมหน้ากากเข้าหากันเพื่อเรทติ้งและชื่อเสียงกันจริงๆ

เซอร์ไพรส์โฬมแบบเชือดเชือน  ไอซ์มาเพื่อเรียกกระแสให้ตัวเอง เลิกแล้วยังตามจองเวรกัน


 :m16:  :m31:  :fire:  :angry2:  :serius2:  :beat:  :z6:


ฟ้า ยืนให้นิ่งและมั่นคงเพื่อเป็นกำลังใจให้พี่โฬมนะ

แต่คิดว่าด้วยประสบการณ์ของโฬมต้องแก้เหตุการณ์เฉพาะหน้านี้ได้แน่นวลลลล

เชียร์#โฬมฟ้า


 o13  :bye2:   o13  :bye2:   o13  :bye2:   o13  :bye2:







ออฟไลน์ Josett

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รายการช่องอะไรร ชั้นจะไปเผาตึกมันเดี๋ยวนี้ ฟ้านิ่งไว้ลูก เดี๋ยวแม่ไปกระทืบมันเองงง :z6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ง่าาาาา ทำไมใจร้าย

 :o12:

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
รายการบ้าอะไรเนี่ย โคตรงี่เง่าไร้จรรยาบรรณสุดๆไปเลย พี่โฬมกับน้องสกายตั้งสติเอาไว้ดีๆนะคะ แล้วใส่เกียร์สู้มันไปเลยค่ะ โมโหแทนเลยเนี่ย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอโห รายการนี้ต้องถูกแบน

ค้างคาาาาา ฮือออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด