บทที่ 21
หมดช่วงเวลาพักก็ถึงช่วงเวลาทำงานแล้ว ผมกับโฬมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดที่เตรียมมาเอง ก่อนจะไปนั่งนิ่งๆ ให้ช่างแต่งหน้าละเลงรองพื้นกับแป้งลงบนผิว ผมของพวกเราไม่ได้โดนเซ็ตเพียงแค่ไดร์และลูบเจลพอให้เป็นทรง โฬมในชุดเสื้อเชิ้ตขาวกับกางเกงขาสั้นดูดีราวกับมาถ่ายแบบลงนิตยสาร ในขณะที่ผมอัดพร็อพเยอะเกินจนโดนทีมงานมาถอดออก เหลือแค่เสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้น แถมแว่นกันแดดห้อยไว้ที่คอเสื้ออีกอันนึงเท่านั้นเอง
“ฉากย้อนอดีตก่อนนะ พี่ขออารมณ์แบบคบกันมานานแล้ว” ตากล้องที่พ่วงตำแหน่งผู้กำกับออกปากสั่งเมื่อพวกเราทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่ชายหาด มีนักท่องเที่ยงจากรีสอร์ทข้างเคียงชะเง้อคอมองมาบ้าง แต่ก็ไกลพอที่จะไม่ได้รับความวุ่นวายใดๆ
ผมมองหน้าทีมงานก่อนจะหันกลับมาสบตาคนข้างๆ โฬมที่เห็นอาการประหม่าของผมคลี่ยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะเอื้อมมือมาบีบไหล่กันและกระซิบเบาๆ ว่า
“คิดว่ามีแค่เรานะครับ”
ผมสูดหายใจเข้าปอดก่อนพยักหน้ารับ
แม้ไม่มั่นใจนักทว่ากล้องกำลังจะสั่งเดินอยู่แล้ว ผมกับโฬมจึงทำได้เพียงเดินไปเข้าฉากที่จัดแสงจัดไฟไว้เรียบร้อย โชคดีที่แดดแรงจัดถูกเมฆบังพอให้สบายกายสักนาทีสองนาที พวกเราสองคนต้องเดินจับมือ พูดคุยหยอกล้ออย่างที่คนรักเขากระทำต่อกัน ซึ่งตลอดเวลาถ่ายทำหน้าผมแดงจริงไม่อิงการแสดงแท้ๆ
เพราะคุณนักร้องใหญ่ดันสมบทบาทจนผมทำได้แค่หลบตาหนีด้วยความอาย
“กลับมาที่นี่อีกแล้วนะครับ” คนตัวสูงฉีกยิ้มตาหยีให้ผม มือหนาสอดเข้ามากอบกุมฝ่ามือผมไว้แล้วพาเดินเตะทรายเล่นอย่างช้าๆ กล้องที่คอยขยับตามมาชวนให้ประหม่าไม่น้อยเลย ทั้งซูมเข้าซูมออกใบหน้าจนผมตัดสินใจหันไปมองคลื่นกระทบฝั่งแทนแก้กระดาก
“ฟ้า”
“คะ ครับ”
“เกร็งไปแล้วนะ”
“ผม... ผมทำไม่ได้แน่เลย” ผมเบ้ปาก บอกเขาเสียงอ่อยอย่างกังวล
ตอนนี้มือข้างที่เรากุมกันไว้เต็มไปด้วยเหงื่อ ทั้งขาที่ควรจะก้าวอย่างสบายกลับแข็งเกร็งไม่ต่างจากทหารเวลาเดินขบวน ผมทื่อไปหมดจนโฬมหัวเราะ
“มานี่ครับ” ร่างสูงออกแรงกระตุกที่มือให้ผมเคลื่อนเข้าไปหา เขาจับบ่าผมหมุนให้เราหันมาเผชิญหน้ากัน ก่อนที่คนตัวใหญ่กว่าจะก้มลงแล้วโอบแขนรอบต้นขาผมอย่างรวดเร็ว
“เหวอ” ผมร้องลั่น ป่ายมือไปกอดคอของโฬมแน่น เพราะร่างทั้งร่างถูกอุ้มลอยในท่าประหลาด หัวของผมเหวี่ยงตกไปด้านล่าง ใยขณะที่ลำตัวช่วงเอวพาดไว้บนบ่ากว้างอย่างหมิ่นเหม่
“พี่โฬม!” ผมแหกปาก ดิ้นรนจะลงยืน แต่เจ้าของชื่อกลับหัวเราะก่อนออกแรงวิ่งไปมาบนชายหาดจนหัวผมหมุนติ้ว
มันเป็นการเล่นนอกบท ทว่าผู้กำกับก็ไม่ได้สั่งคัทอะไร
โฬมวิ่งเล่นได้สักพักก็หอบแฮกและยอมปล่อยผมลง ร่างที่อ่อนปวกเปียกจากแรงกระเด้งกระดอนเมื่อกี้ของผมทรุดลงนอนแผ่ไปกับหาดทรายขาว มองเห็นดาวนับร้อยลอยเคว้งอยู่ในดวงตา
“จะอ้วก” ผมบ่นพึมพำ ทว่าคนแกล้งกลับไม่สำนึก เอาแต่หัวเราะสะใจ
“คัท” ผู้กำกับเมื่อเห็นสภาพผมไม่สู้ดีก็เลยสั่งให้พวกเราไปพักก่อน แต่ได้แค่สิบนาทีเท่านั้นก่อนจะต้องกลับมาจัดการซีนย้อนอดีตให้เสร็จ
ผมค่อนข้างคลายความเกร็งลงไปเยอะ อันที่จริงต้องยกความดีความชอบให้โฬม เพราะนอกจากเขาจะเป็นคนชวนเล่นแล้ว เขายังพยายามดึงความสนใจผมออกจากกล้องด้วยการหยอกการแกล้งจนผมคล้อยตามอย่างง่ายดาย
ซีนย้อนอดีตผ่านไปอย่างง่ายๆ แต่ก็กินเวลาเป็นชั่วโมงอยู่เหมือนกัน จากนั้นพวกผมก็ย้ายกันเข้าไปในห้องพักที่จองไว้สำหรับถ่ายทำห้องหนึ่ง ด้วยความที่ต้องรอพระอาทิตย์เบาแสงลงกว่านี้เราเลยจะถ่ายภายในห้องนอนกับซีนอารมณ์ก่อน
ฉากต่อไปนี้เป็นฉากการทะเลาะกันและบอกเลิก ผมกับโฬมต้องสาดอารมณ์ใส่กัน ซึ่งความกังวลทั้งหมดหล่นโครมทับหัวผมแบนแตดแต๋ ด้วยว่าผมไม่กล้าตะคอกหรือผลักคนตรงหน้า
“ฟ้ากังวลเหรอครับ” ระหว่างที่รอทีมงานจัดไฟ ผมนั่งเขย่าขากัดริมฝีปากจนโฬมต้องเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง และผมไม่อายเลยที่จะต้องยอมรับความจริงว่าผมกังวล
“ผมจะทะเลาะกับพี่โฬมยังไง”
“อืม... นั่นสิ” โฬมขมวดคิ้วขณะคิด “ฟ้าไม่ชอบเวลาคนอื่นทำอะไรสักอย่างไหม”
“ไม่รู้สิครับ เวลาคนทำไม่ดีด้วยก็ต้องไม่ชอบใจอยู่แล้ว”
“งั้นถ้าคนๆ นั้นเป็นผม?”
เป็นโฬม... ผมคิดภาพไม่ออกเลยแหะ
“ไม่ได้ครับ ไม่รอดแน่ๆ”
“งั้นฟ้ามีช่วงเวลาที่หงุดหงิดไม่พอใจไหม” เขาถามผมต่ออย่างใจเย็น พยายามช่วยเต็มที่แม้ว่าผมจะดูไม่เอาไหนเลยในเรื่องพวกนี้ “หรือเป็นช่วงนี้ก็ได้ครับ”
“ช่วงนี้?”
อ่า... ช่วงที่พวกเราโดนคนด่าน่ะเหรอ
จะว่าไป สถานการณ์ของผมกับโฬมก็ไม่ได้ต่างจากในเอ็มวีเลยสินะ
“เข้าฉากได้ครับ” เสียงตะโกนของทีมงานคนหนึ่งขัดตำพูดที่กำลังจะออกจากปากโฬม คนตัวสูงเลยเลือกไม่พูดต่อแล้วดึงแขนผมให้เดินไปเข้าฉาก
และก่อนที่เสียงตีสเลทจะดัง โฬมโน้มหน้ามากระซิบข้างหูผมเสียงเบาว่า
“ขอโทษนะครับ”
ขอโทษเรื่องอะไรครับ?
ผมอยากถาม แต่เพราะกล้องเริ่มเดินแล้ว เราจึงต้องหยุดทุกอย่างลง และทำอารมณ์กับฉากสุดหินตรงหน้า
ด้วยความที่ยังกังวลและไม่แน่ใจ ระหว่างเราจึงยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงสายตาสองคู่ที่มองสบกันอย่างดูเชิง โฬมหุบรอยยิ้มบนริมฝีปากไปแล้ว เหลือเพียงผู้ชายคนหนึ่งกับสีหน้ากรุ่นโกรธไม่สู้ดีนัก
“ฟ้า”
“!!” ผมสะดุ้ง เพราะน้ำเสียงที่โฬมเรียกออกมาทั้งทุ้มต่ำและเย็นชา
“ฟ้าเห็นคอมเมนท์ในไอจีรึยังครับ”
“อะ...” ผมลิ้นกระตุก ด้วยว่าตามบทไม่ทัน แต่ไม่นานนักผมก็เริ่มจับใจความได้และสานต่อบทสนทนาทันที “เห็นแล้วครับ”
“เห็นที่เขาด่าเราแล้วใช่ไหมครับ”
พอพูดถึงเรื่องนี้หน้าผมก็หดลงเหลือเท่าปลายเล็บ
“ครับ”
“ฟ้าว่า พวกเราเลิกกันดีไหม” ผมนิ่ง มองดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องกันมาอย่างจริงจัง ทั้งน้ำเสียงและท่าทางไม่มีล้อเล่น ราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง หัวใจผมเลยเต้นแผ่วลงอย่างหวาดกลัว "ผมไม่อยากคบกับฟ้าอีกแล้วครับ”
“เดี๋ยว... พี่โฬม” ผมเรียกเสียงสั่น มึนงงไปหมดจนหลงลืมว่าพวกเราอยู่ในการถ่ายทำ ยิ่งอีกฝ่ายพูดย้ำเรื่องคำด่าทอใน
อินเตอร์เน็ตมากเท่าไหร่ หัวใจผมยิ่งดิ่งลงเหวมากเท่านั้น
“ผมไม่อยากโดนรุมประนามแบบนี้อีกแล้ว” คนตัวสูงเลื่อนสายตาหนีผม ทั้งยังถอยเท้าออกห่างไปหนึ่งก้าว ในขณะที่ผมตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยพุ่งเข้าไปคว้าแขนของโฬมไว้แน่น
“พี่โฬม...”
“ฟ้ารู้ไหมครับ ว่าก่อนหน้านี้ผมเจออะไรมาบ้าง”
“ผม... มะ ไม่รู้”
“ผมกำลังจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวครับ” โฬมบอก ทั้งยังไม่ยอมสบตาผมเลยด้วย “ประกาศวันแสดงและวันจองบัตรไปแล้วครับ ผมซ้อมได้ราวๆ สองเดือน แต่พอมีข่าว งานคอนเสิร์ตครั้งนั้นก็ถูกยกเลิก”
“...”
“ความฝันของผมหายไปพร้อมกับที่ผมถูกปลดออกจากค่าย ต้องมาเป็นศิลปินอิสระ ทั้งยังถูกด่าถูกล้อเลียนในโซเชียลเต็มไปหมด” เสียงของโฬมสั่นระริก “ฟ้าว่าตลกไหมครับ แฟนคลับที่เคยบอกว่ารักว่าชอบ กลับเป็นคนที่ด่าทอ ขุดเรื่องต่างๆ มาใส่ร้ายจนคนเขาเชื่อไปทั่ว”
“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ
ทำได้เพียงขยับไปยืนใกล้ๆ วางมือลงบนบ่าของเขาและพยายามสบดวงตาที่หลุบหนีไม่เลิก
“ผมไม่อยากกลับไปเจอเรื่องแบบนั้นอีกแล้วครับ”
“พี่โฬม ผม...”
“เลิกกันเถอะครับ ก่อนที่ฟ้าจะเป็นคนทำให้ผมหมดอนาคตอีกคน”
“...!”
“...”
“คัท!!”
เสียงสั่งตัดฉาก ไม่ได้ทำให้ผมขยับเขยื้อนตัวออกจากตรงที่ยืนอยู่เลย
ผมมองหน้าโฬมอย่างพิจารณา วินาทีสุดท้ายก่อนเสียงคัทจะดังขึ้น ผมเห็นหยดน้ำตาหยดหนึ่งกลิ้งลงมาที่ผิวแก้ม โฬมรีบเช็ดมันออกก่อนจะหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผมเมื่อผู้กำกับสั่งหยุดถ่าย
ทว่าหัวใจผมกลับไม่หยุดชาเลย
“ฟ้า?”
ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร แต่อยู่ๆ น้ำตามากมายที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลทะลักแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมไม่แม้แต่จะสะอื้นด้วยซ้ำ แค่มองหน้าของเจ้าของคำพูดประโยคหนึ่งซึ่งกระแทกเข้ามาในใจผมอย่างแรง
“เลิกกันเถอะครับ ก่อนที่ฟ้าจะเป็นคนทำให้ผมหมดอนาคตอีกคน”
ผมคิดว่ามันจี้ใจดำจนผมไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริงเรื่องหลอกได้อีกแล้ว
“ฟ้า!” ผู้ชายตรงหน้าตกใจเมื่อเห็นผมร้องไห้ไม่หยุด โฬมรีบเข้ามาหาก่อนลากแขนพาผมไปยังห้องพักข้างๆ โดยแวะขออนุญาตพี่ทีมงานแล้วเรียบร้อย
ผมยังคงปล่อยน้ำตาไหลเรื่อยๆ แสดงความอ่อนแอที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น ในขณะที่ร่างกายก็ถูกจูงมายังอีกห้องโดยไม่ขัดขืนอะไร โฬมลงกลอนประตูแล้วพาผมไปนั่งลงบนเตียง ดึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำให้ซบลงบนไหล่
“ขอโทษนะครับ”
“ผม... ไม่อยากทำให้โฬมเจอเรื่องแบบนี้อีก ฮึก” ไม่มีคำว่าพี่ ไม่มีสรรพนามอะไรทั้งนั้น
ผมแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป คล้ายกับระบายความผิดบาปมากมาย
ผมเพิ่งรู้ตัวแล้วว่าทำไมตลอดหลายวันมานี้จึงกังวลและนอนไม่หลับ ผมไม่ได้กลัวว่าโฬมจะรับมือสถานการณ์พวกนี้ไม่ได้แบบที่เข้าใจมาตลอด
ผมแค่กลัว ว่าสาเหตุที่ทำให้โฬมต้องเจ็บช้ำครั้งที่สองจะเป็นผม
“ฟ้าครับ ผมขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ” ปลายนิ้วสากจากการเล่นกีตาร์ลูบเช็ดน้ำตาออกให้ เขาประคองใบหน้าผมไว้แล้วส่งสายตารู้สึกผิดมาอย่างจริงจัง “ผมขอโทษที่พูดไม่ดี”
“ฮึก” นานแล้วที่ผมไม่ได้ร้องไห้
แต่เมื่อมีเวลาให้ได้ครุ่นคิด อารมณ์ที่ตีรวนอยู่ในอกของผมก็ค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง น้ำตาหยุดไหลพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ กลับสู่จังหวะปกติ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้คิดกับฟ้าแบบนั้นนะ” คนตัวสูงโน้มหน้าเข้ามาและใช้ปลายจมูกคลอเคลียกับริมฝีปากผม ก่อนที่โฬมจะแนบเรียลปากลงมามอบจูบปลอบประโลมให้อย่างนุ่มนวล
ผมปล่อยให้อีกคนเคล้าคลึงริมฝีปากเล่น ขณะมือทั้งสองของตัวเองก็ยื่นไปโอบรอบลำคอของเขาไว้ โฬมกระชับผมไว้ในอ้อมแขน ใช้มือซ้ายลูบศีรษะเบาๆ พลางพึมพำขอโทษและกดจูบลงมาซ้ำๆ
“ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เสียใจนะครับ”
“แต่พี่โฬมพูดแบบนั้น...”
“ผมพูดแรงไปผมยอมรับ” โฬมบอกทั้งที่ยังไม่เคลื่อนใบหน้าออกห่าง “แต่ผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไงกับฉากนี้ดี”
“...” ผมเงียบรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“เพราะฟ้าเป็นฟ้า ผมเลยหาเรื่องมาชวนทะเลาะด้วยไม่ได้” โฬมฉีกยิ้มโชว์ฟันเขียวและรอยยุ๋มข้างแก้ม “ผมขอโทษจริงๆ ที่ต้องพูดจาทำร้ายจิตใจ”
“พี่โฬมคิดแบบนั้นจริงๆ ไหมครับ” ผมถาม ด้วยความเชื่อมั่นว่าคำตอบที่ได้รับจะไม่เป็นเรื่องโกหก
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องมาที่ผมอย่างจริงจัง แทบไม่ต่างจากในฉากเมื่อสักครู่ ทว่าไม่ได้มีร่องรอยเย็นชาหรือแววเหินห่างเช่นนั้น อีกทั้งความเจ็บปวดราวหัวใจสลายก็ไม่หลงเหลือในแววตาอีกแล้ว
“ไม่เคยคิด”
“จริงเหรอครับ” แต่สุดท้ายผมก็เป็นกังวลอยู่ดี
โฬมหัวเราะเบาๆ ขณะลูบหัวผมไปพลาง เขาโยกตัวผมในอ้อมแขนเล่นขณะอธิบายเรื่องต่างๆ ออกมาเป็นฉากๆ
“ผมไม่เคยมองว่าฟ้าเป็นสาเหตุเลยนะครับ” น้ำเสียงของเขา ทั้งหวาน ทั้งแน่วแน่ “ฟ้าเป็นคนช่วยผมด้วยซ้ำ เป็นคอมฟอร์ทโซนของผมเลยนะ ที่เจอเรื่องคราวนี้แล้วผมยังยิ้มได้ ก็เพราะมีฟ้าอยู่กับผมไง”
“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยปล่อยให้ความเงียบโรยตัวลงมา
“เชื่อผมได้ไหม เรื่องเมื่อกี้ผมขอโทษจริงๆ”
“ผมรู้ครับ ว่าพี่โฬมอยากช่วยส่งอารมณ์ให้” ผมบอกอย่างเข้าใจ ความเจ็บช้ำในใจคลายไปตั้งแต่เขาย้ำอย่างชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเพียงการแสดง “ผมก็ขอโทษที่อินเกินไป”
“ฟ้าไม่ผิดหรอกครับ พี่โฬมผิดเอง”
ผมก้มหน้าลงหลบสายตาที่จ้องมาพร้อมกับคำแทนตนว่า ‘พี่โฬม’
“แต่ว่า... ฉากเมื่อกี้จะใช้ได้เหรอครับ พวกเราไม่ได้เถียงกันเลย”
“ทีมงานบอกว่าใช้ได้แล้วครับ” โฬมยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะรวบตัวผมไปกอดอีกครั้ง “ผมขอโทษฟ้าจริงๆ นะ ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ฟ้าร้องไห้ ครั้งนี้ผมคิดน้อยไปจริงๆ”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว” ผมตอบปฏิเสธ แต่ก็ยอมให้เขากอดอยู่ดี
“สัญญาแล้วครับว่าพี่โฬมจะไม่ทำตัวไม่ดีแล้ว”
“เป็นคนไม่ดีแล้วเหรอครับ” ผมที่หายจากความซึมเศร้าเมื่อสักครู่พูดเสียงอู้อี้แซวกลับ โฬมหัวเราะ ลูบหัวผมไม่ยอมเลิก
“ครับ ทำฟ้าร้องไห้ก็ต้องเป็นคนไม่ดีสิ”
“ถ้างั้นผมลงโทษได้ไหมครับ”
“หืม?”
“พี่โฬมห้ามจูบจนกว่าเอ็มวีจะปล่อยนะครับ”
หลังประโยคนั้นของผม โฬมก็เพียงแค่หัวเราะโดยไม่ยอมตอบรับอะไร
และหลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้รู้ว่าคำพูดผมไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด เพราะทันทีที่วันพรุ่งนี้มาถึงและเราถ่ายฉากสุดท้าย ผมก็โดนโฬมจูบหน้ากล้องไม่ยั้ง เล่นเอาปากเจ่อจนไม่กล้ามองหน้าใครอีกเลยกระทั่งเดินทางกลับมาถึงคอนโดตัวเอง
เอ็มวีของเราถูกปล่อยออกไปแล้วในคืนวันเสาร์ กระแสตอบรับในแง่ดีมีมากกว่าแง่ลบหลายเท่า เพราะซีนอารมณ์ที่คนตัดต่อไม่ได้ตัดเสียงคุยออก ดังนั้นบทสนทนาตัดพ้อชีวิตของโฬมจึงกลายเป็นที่สนใจในโลกโซเชียลมากมาย แฟนคลับทั้งเก่าและใหม่ของโฬมกำลังพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความสงสารและเห็นใจ ชื่อของเขากลับมาขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์ และในเฟสบุ๊คและไอจีก็ยังมีการพูดถึงเอ็มวีนี้อย่างแพร่หลาย
นอกจากนี้แล้ว เรื่องข่าวของพวกเราก็ถูกกลบด้วยกระแสมิวสิควิดีโอ ซึ่งทางค่ายบอกไปว่าเป็นการไปถ่ายทำเอ็มวี แต่ไม่ได้บอกปฏิเสธเรื่องความสัมพันธ์ของพวกผมอย่างเด่นชัด คล้ายให้คนอื่นๆ คิดเอาเองว่าตกลงเป็นคู่จริงหรือเพียงคู่หลอก ซึ่งจากผลของการให้ข่าวแบบนี้ กลายเป็นว่าถือกำเนิดกระแสคู่จิ้น ‘โฬมฟ้า’ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมเวลาไปออกงานร่วมกันยังมีแฟนคลับมาเชียร์มากรี๊ดเยอะแยะจนผมตกใจ
ผมเปิดอ่านผลตอบรับด้วยความสบายใจ โดยที่มีผู้ชายที่กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งกำลังนั่งแปรงขนให้แมวอ้วนสองตัวอยู่บนพื้น
โฬมดูอารมณ์ดี เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยทั้งชายและหญิงต่างพากันเข้ามาให้กำลังใจในโซเชียลของเขา เพจดังมากมายหยิบยกประเด็นบูลลี่และเพศทางเลือกขึ้นมาพูด เพื่อรณรงค์ให้คนเลิกหยาบคายและทำลายอนาคตคนอื่นด้วยการหลบอยู่หลังแป้นพิมพ์
ทางด้านงาน ไม่ว่าผมและโฬมต่างก็มีสินค้าติดต่อเข้ามาขอให้เป็นพรีเซนเตอร์ รวมถึงงานแสดงต่างๆ ยังพุ่งประเด็นเข้ามาสนใจ ชักชวนให้พวกเราไปแสดงสดเพลงที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ทั้งรายการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่อยากเชิญพวกเราไปพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ
“อารมณ์ดีจังนะครับ” ผมเอ่ยแซวคนที่นั่งแปรงขนแมวมาร่วมชั่วโมง ทั้งยังฮัมเพลงอย่างสบายใจ ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มไม่ยอมหุบ จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“เขาบอกว่าหลังพายุกระหน่ำ ฟ้าจะสวยงาม” โฬมเงยหน้าอิ่มสุขขึ้นมามองผมที่นั่งอยู่บนโซฟา เน้นย้ำคำว่าฟ้าจนเรียกริ้วแดงบนแก้มผมขึ้นมาได้หลายริ้วทีเดียว
“ได้ข่าวว่าค่ายเก่าของพี่โฬมติดต่อมาเหรอ” ผมหัวเราะก่อนจะถามประเด็นที่เพิ่งอ่านเจอมาในเน็ต โฬมพยักหน้า อุ้มแมวบนตักมากอดมาหอมก่อนตอบอย่างอารมณ์ดี
“ใช่ครับ เขามาขอเซ็นสัญญาร่วมอีกครั้ง”
“แล้วพี่โฬมไม่ได้ไปเซ็น?”
“ไม่เอาหรอกครับ” เขาว่าอย่างนั้น “ผมว่าเป็นศิลปินอิสระแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“ร้ายนะครับเนี่ย” ผมแซว เพราะเห็นหน้าแสนสุขใจของเขาก็เดาได้แล้วว่าที่ไม่ไปเซ็นสัญญาทั้งที่ค่ายนั้นเป็นค่ายใหญ่เพราะอะไร
แต่ถ้าผมเป็นโฬม ผมก็ไม่กลับไปทำงานด้วยอีกแล้วเหมือนกันล่ะครับ
“ฟ้าครับ” ผมที่ไถตัวนอนลงไปกับโซฟาต้องเงยหน้ามองเจ้าของบ้านที่อยู่ๆ ก็ทิ้งแมวแล้วเดินมาหา โฬมยิ้มกว้างแล้วนั่งลงบนพื้นที่ว่างเท่าที่พอจะเหลือ ใช้ดวงตาสีน้ำตาลของตนจ้องมาอย่างตั้งใจ
“ครับ?”
“ขอบคุณนะครับ”
“เอ๊ะ ขอบคุณเรื่องอะไรครับ?”
“เรื่องที่ฟ้าทำให้ผมกลับมามีวันนี้ไงครับ”
“ผมเปล่า...”
“ฟ้าไม่ได้ทำลายอนาคตผมเลยนะ กลับกัน เป็นฟ้าต่างหากที่สร้างอนาคตให้ผมใหม่อีกครั้ง” โฬมบอก ดูเหมือนเขาจะยังติดใจเรื่องที่พูดจาทำร้ายความรู้สึกผมในวันนั้นเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ผมลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ แต่โฬมก็เอาแต่คอยย้ำคำขอโทษ ราวกับจะชดใช้ให้กับทุกหยดน้ำตาที่ผมเสียออกไป “ขอบคุณจริงๆ นะครับ”
“ขอบคุณเหมือนกันครับ”
ขอบคุณที่โฬมพยายามอดทนมาตลอด จนเขามีวันนี้ในที่สุด
_______________________
Talk: ไปต่อไม่รอแล้วน้าาา บอกแล้วว่าสองคนนี้ทะเลาะกันไม่ได้
ตอนนี้เขียนยากจังค่ะ แง้
ลบสองสามรอบจนมาลงเสีย 5 ทุ่มเลย
ฝากคอมเมนต์ติชมด้วยนะคะ
ใครรอวันที่พี่โฬมกลับมาผงาด มันมาถึงแล้ว อุวะฮ่าๆๆๆ
แต่เจ้าสกายไม่ได้จบแค่ตอนนี้ เราอยากส่งทั้งคู่ถึงฝั่งฝันอย่างมีความสุข
เพราะฉะนั้น มาเดินทางด้วยกันต่อไปจนจบเลยนะคะะะะะะ รักทุกคนค่า