ช่วงบ่ายวันต่อมา กลิ่นแก้วลงมาหาเกวนที่ศาลาในสวนของเจฟเฟอร์สัน เธอกำลังถักไหมพรม มันช่วยฝึกสมาธิ เวลาว่าง ๆ เกวนมักจะทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยเปื่อย วันไหนเจ้าตัวเล็กไม่ได้ไปโรงเรียนก็ชอบมาขลุกอยู่กับเธอ บางทีเธอก็พาไปตรวจงานที่ห้างสรรพสินค้าด้วย บางวันก็นั่งทำของจุกจิกกันสองคน ก็เพลินไปอีกแบบ
แม่บ้านยกขนมกับน้ำชายามบ่ายมาให้ กลิ่นแก้วเข้าไปช่วยรินน้ำชาให้มาดามเจฟเฟอร์สัน ก่อนกลับมานั่งลงฝั่งตรงข้าม ดูเธอถักไหมพรมด้วยความสนอกสนใจต่อ
“สนใจเหรอ?” เกวนเอ่ยทัก เจ้าตัวเล็กก็ยิ้มน่าเอ็นดู “อยากลองทำไหม?”
“เท่าที่ดู คงไม่ไหวครับ” กลิ่นแก้วยิ้มแหย มันงานละเอียด แค่ดูก็ยากแล้ว
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงกัน” เกวนว่า
อันที่จริงเพราะกลิ่นแก้วชอบอะไรพวกนี้ พวกของชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือพวกงานฝีมือที่ต้องใช้สมาธิจดจ่อ เพราะแบบนั้นถึงอยู่กับเกวนได้ แต่เรื่องถัก ๆ ทอ ๆ เกวนยังไม่เคยให้หัดทำ เด็กผู้ชายส่วนใหญ่คงไม่มานั่งหลังขดหลังแข็งทำอะไรพวกนี้ มันไม่ใช่วิสัย และคงอายถ้าถูกเพื่อนล้อ
“ถ้าอยากลองก็หยิบเข็มถักขึ้นมา เดี๋ยวจะสอนให้”
กลิ่นแก้วหยิบเข็มถักจากตะกร้าไหมพรมขึ้นมาตามที่เกวนบอก แม้ตอนแรกจะยังดูเงอะงะ พอค่อยสอนไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเป็นงาน แต่พอทำเป็นแล้วก็ดูจะตั้งใจเกินเหตุ เมื่อมันไม่สวยเหมือนที่เกวนทำก็หน้ามุ่ย จนเกวนยิ้มขำ
“ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ แรก ๆ ก็แบบนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยชินมือก็จะดีขึ้น” เกวนเอ่ยแนะ
กลิ่นแก้วยิ้มแหย มันจะดีขึ้นจริงหรือ ตอนแรกคิดว่าถ้าทำเป็นก็อยากถักเสื้อให้เอวาน แต่มาตอนนี้คงเป็นความคาดหวังที่สูงเกินไป แค่ถักที่รองแก้วยังเบี้ยวเลย จะไหวไหมนี่
เสียงรถเอวานดังแว่วมาทำให้เกวนหันไปมอง วันนี้เป็นวันหยุด แต่เอวานมีธุระต้องไปจัดการแทนบิดา เกวนมักจะบ่นที่พอลใช้งานลูกมากไป วันหยุดก็ไม่ได้หยุด คนของตัวเองมีเยอะแยะก็ไม่ใช้ ไม่รู้ว่าเอวานเป็นลูกหรือพนักงานกินเงินเดือนในบริษัทกันแน่ ใช้เสียคุ้มเลย
ไม่นานนักเอวานก็มาปรากฏตัวที่ศาลา เด็กยังง่วนอยู่กับการถักที่รองแก้ว กายสูงใหญ่ก้าวไปนั่งลงข้าง ๆ มองท่าทางตั้งอกตั้งใจนั้นแล้วเอ่ยถามยิ้ม ๆ
“ทำอะไร?”
กลิ่นแก้วเงยมามองแล้วยิ้มบอก “มาดามสอนถักไหมพรมครับ แต่มันยากจัง”
“พยายามเข้า ถ้าถักเป็นแล้วขอเสื้อสักตัว”
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มของเจ้าตัวเล็กสดใสขึ้นมาอีกระดับ ตั้งอกตั้งใจถักต่ออย่างอารมณ์ดี เกวนที่มองสถานการณ์อยู่ถึงกับส่ายหน้า เข้าใจหลอกล่อเด็กนะพ่อคุณ
“ลูกมาก็ดีแล้ว แม่มีเรื่องจะคุยด้วยอยู่พอดี”
เกวนเอ่ยขึ้นเมื่อวางถ้วยน้ำชาในมือลงแล้วขยับนั่งในท่าที่สบาย ขณะที่เอาวานมองผู้เป็นมารดาอย่างมีคำถาม
“ได้ข่าวว่าเมื่อคืนนี้ควงสาวที่ไหนออกงานนะ?”
เป็นกลิ่นแก้วเสียอีกที่ชะงักกับคำถามนั้น ขณะที่เอวานเพียงยิ้มบาง อะไรมันจะถึงหูมาดามมาเฟียไวขนาดนี้
“สาวที่ไหนกันล่ะครับ” ชายหนุ่มทำไขสือ ไม่ยอมรับออกไปในทันที
“ก็นั่นน่ะสิ” ผู้เป็นมารดาลากเสียงทั้งยิ้มล้อในสีหน้า
ความจริงอายุขนาดเอวานก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยที่ไหนแล้ว วัยนี้พอจะเป็นฝั่งเป็นฝา พอจะมีครอบครัวได้แล้ว แต่เอวานเคยบอกว่าไม่รีบ ซึ่งเกวนก็ไม่ได้ก้าวก่ายในส่วนนั้น แล้วแต่ความพอใจของลูก ส่วนเรื่องควงสาวออกงานได้ยินมาจากวงสนทนาในงานสัมมนาที่เธอไปเมื่อเช้านี้ บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่ต่างจับกลุ่มคุยกัน ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไรจึงได้มาถามไถ่ดู
“ลูกสาวเพื่อนปาครับ” เอวานบอกยิ้ม ๆ ดูมารดาจะสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาพูดถึงบิดา “ปากับพ่อของเธอมีธุรกิจร่วมกัน เธอชื่อวาเนสซ่า เทย์เลอร์ ครับ”
วาเนสซ่า เทย์เลอร์... กลิ่นแก้วทวนชื่อนั้นในใจ เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ที่ไหนกันนะ?
“กับคนนี้คือจริงจังแล้วรึยัง?” เกวนเอ่ยถามต่อ
“เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ”
“แต่ท่าทางผู้หญิงเขาจะไม่ได้คิดว่าลูกเป็นแค่เพื่อนที่ดีนะ เอวาน ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็อย่าไปให้ความหวังเขาจะดีกว่า” ผู้เป็นมารดาเอ่ยเตือน เพราะเท่าที่ฟังสาว ๆ เขาคุยกัน ฝั่งผู้หญิงก็ดูจะมีใจให้ลูกชายของเธออยู่
“อย่าคิดมากเลยครับ มัม มันก็แค่ข่าวซุบซิบที่เขาใส่สีตีไข่กันมาแล้วทั้งนั้น”
“เพราะแบบนั้นแหละ ฝั่งผู้หญิงเขาจะเสียหายเอา”
เกวนค่อนข้างเป็นพวกหัวโบราณเล็ก ๆ ถึงแม้สมัยนี้จะไม่ได้ถือเรื่องความสัมพันธ์ทางกายโดยไร้ซึ่งเสน่หากันแล้ว แต่เธอก็ยังยึดความถูกต้องมากกว่าถูกใจแบบที่มีความสัมพันธ์กันเพียงฉาบฉวยเท่านั้นอยู่ดี
“ผมจะระวัง” เอวานว่าอย่างนั้น
“ไม่ต้องมาบอกว่าจะระวัง จะระวังทำไม ถ้ารักกันชอบกันก็เปิดเผยไปสิ หนุ่มวัยนี้เขาสร้างครอบครัวเป็นหลักเป็นฐานก็เยอะแยะ แม่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ทำเป็นมาบอกแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน แบบนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลยนะ”
เสียงสนทนาระหว่างแม่ลูกยังคงดังมาเข้าหู กลิ่นแก้วหยุดมือที่กำลังถักที่รองแก้วอย่างตั้งใจนั่นไปแล้ว รู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก เอวานชอบผู้หญิงคนนั้นหรือ? จะแต่งงานกับเธอด้วยใช่ไหม? ไม่รู้ทำไมจิตใจถึงได้ห่อเหี่ยวแบบนี้กันนะ ไม่ชอบเลย
......
โรงยิมภายในโรงเรียนเอกชน กลิ่นแก้วมานั่งรอเพื่อนซ้อมบาสเกตบอลบนอัฒจันทร์ คาร์เตอร์ ลอยน์ และเพื่อนอีกสองสามคนในห้องลงคัดตัวนักกีฬาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่กลิ่นแก้วชอบกิจกรรมนันทนาการมากกว่าจึงไม่ได้ลงคัดตัวกับเพื่อน แต่ก็โดนลากมาเฝ้าทุกทีที่ซ้อมอยู่ดี
เสียงเด็กนักเรียนหญิงรอบข้างซุบซิบกันพลางหัวเราะคิกคักทำให้กลิ่นแก้วหันไปมองด้วยความสงสัย เหมือนว่าคาร์เตอร์จะเป็นจุดสนใจเอามาก ๆ ในวันนี้ กลิ่นแก้วก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน จนกระทั่งเพื่อน ๆ พากันซ้อมเสร็จแล้วลงไปหาที่ด้านล่างถึงได้เข้าใจ
ชุดเสื้อกล้ามนักกีฬาที่คาร์เตอร์ใส่เปิดให้เห็นช่วงคอลงมาถึงอก ผิวคาร์เตอร์ขาวแบบชาวตะวันตก มีกระประปราย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่อยากพูดถึง เพราะจุดสนใจของกลิ่นแก้วมันอยู่ที่รอยตามคอลามลงมาถึงช่วงไหปลาร้านั่น เป็นจ้ำแดงเหมือนของเอวานเลย ไปโดนยุงที่ไหนกัดมา?
“คอนายเป็นอะไร ยุงกัดเหรอ?” กลิ่นแก้วเอ่ยถาม เมื่อเช้าคาร์เตอร์ใส่ชุดนักเรียน เขาถึงไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ
คาร์เตอร์ยิ้มกริ่ม พยักพเยิดให้เพื่อนในกลุ่มตอบแทน
“ยุงที่ไหนกันล่ะ สาวต่างหาก”
กลิ่นแก้วตาโต “ใครกัด?”
คาร์เตอร์บอกว่าเป็นสาวรุ่นพี่ เมื่อวานไปเที่ยวห้องเธอมา อยู่โรงเรียนเธอออกจะคงแก่เรียนหน่อย ๆ แต่ตัวจริงนี่ร้อนแรงใช่เล่น
“ทำไมเขาต้องกัดนายด้วย นายรังแกเขาเหรอ?” กลิ่นแก้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“รังแก?”
เพื่อนในกลุ่มร้องออกมาพร้อมกันแล้วหัวเราะลั่นจนกลิ่นแก้วงง ตลกตรงไหน?
“ฉันไม่ได้รังแกอะไรเขา แล้วรอยนี่ก็ไม่ใช่รอยกัด แต่เป็นรอยดูดต่างหาก คิสมาร์กน่ะ รู้จักไหม?”
“คิสมาร์ก?”
เป็นอีกครั้งที่กลุ่มเพื่อนหัวเราะปฏิกิริยาของกลิ่นแก้ว ขณะที่คาร์เตอร์ก็ทำเป็นมองแล้วถอนใจ
“เฮ้อ พูดกับนายไปก็ไม่มีประโยชน์ เด็กน้อยจริง ๆ”
กลิ่นแก้วออกจะหมั่นไส้ที่คาร์เตอร์ทำหน้าทำตาเหมือนรู้ดี โตกว่าเขาเท่าไรกันเชียว “ฉันกับนายก็อายุพอ ๆ กัน”
“อายุเท่ากัน แต่ดูนายสิ ยังไม่โตเลย ยิ่งเรื่องพวกนี้นะ ฉันว่าคงอีกนาน” พอคาร์เตอร์พูดจบ เพื่อนในกลุ่มก็พากันหัวเราะหึ ๆ
“อีกนานอะไร เรื่องอะไร?” มาทำยึก ๆ ยัก ๆ อมพะนำอยู่นั่น ยิ่งสายตาที่เหมือนมองเด็กน้อยแบบนั้น เขาไม่ชอบเลย
“อย่าอยากรู้เลย เสียเด็กเปล่า ๆ” คาร์เตอร์ว่าพร้อมรอยยิ้มดูเหนือกว่าแบบที่กลิ่นแก้วไม่ชอบใจนัก
ทุกคนทำเหมือนรู้ดีกันไปหมด ทำเหมือนเขาเป็นคนโง่เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่ม มันน่าหงุดหงิดจนเกินไปแล้ว!
ความหงุดหงิดใจถูกพกกลับมาที่เจฟเฟอร์สันด้วย ที่พึ่งหนึ่งเดียวของเขาคือเอวาน เขาโทรไปอ้อนขอนอนที่คอนโดมิเนียมด้วย เพราะไม่ใช่วันหยุด เอวานไม่กลับมานอนที่เจฟเฟอร์สันแน่หากไม่จำเป็น แล้วแบบนี้เขาจะปรึกษาใครได้
เมื่อถูกอ้อนมา เอวานจึงให้ทอมัสบึ่งรถมารับ ขณะที่เอวานเข้าไปอาบน้ำในห้อง บอดีการ์ดทั้งสองก็กำลังหาอะไรกินอยู่ในครัว กลิ่นแก้วที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินมาเกาะเคาน์เตอร์กั้นห้องครัว มองสองหนุ่มตัวโตเดินไปเดินมาแล้วตัดสินใจเอ่ยถาม
“มิสเตอร์ทอมัส”
“หือ?” ทอมัสที่กำลังรินน้ำใส่แก้วหันมาเมื่อถูกเรียก ก่อนยกน้ำขึ้นดื่ม
“คุณเคยถูกผู้หญิงดูดคอไหม?”
คำถามแสนตรงไปตรงมานั่นทำเอาบอดีการ์ดตัวโตสำลักน้ำทั้งไอโขลก แมกซ์เวลส่งกล่องทิชชูให้เช็ดปาก ขณะที่กลิ่นแก้วยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนเองถามอะไรผิดไปหรือ?
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?” หลังจากหยุดไอจากการสำลักน้ำแล้ว ทอมัสก็เอ่ยถามเด็กหน้าซื่อที่ยังยืนเกาะขอบเคาน์เตอร์ไม่รู้เรื่องรู้ราว
“คุณเคยถูกผู้หญิงดูดคอรึเปล่า?”
กลิ่นแก้วย้ำคำถามอย่างพาซื่อ เพียงเท่านั้นบอดีการ์ดหนุ่มก็รีบจ้ำมารั้งแขนให้ไปนั่งด้วยกันที่โซฟา เรียกได้ว่าแทบจะจับเข่าคุย ขณะที่แมกซ์เวลให้ความสนใจอยู่ห่าง ๆ
“อย่าบอกนะว่านายถูกใครดูดคอมา?”
คำถามจากบอดีการ์ดหนุ่มทำให้กลิ่นแก้วส่ายหน้า “เปล่า ไม่ใช่ผม คาร์เตอร์ต่างหาก วันนี้คอเขามีรอยแดง ๆ ผมนึกว่ายุงกัด พวกเพื่อน ๆ ผมหัวเราะกันใหญ่ บอกไม่ใช่ยุงแต่เป็นผู้หญิง”
ทอมัสทำหน้าประหลาดเมื่อฟังที่เด็กของนายเล่า เด็กพวกนี้อายุเท่าไรกันเชียว สิบสี่หรือสิบห้า? ถ้าอิงจากเด็กของนายก็ยังอยู่มัธยมต้นกันอยู่เลย ไวไฟเกินเด็กไปแล้ว
“พวกเขาบอกว่าผมไม่เข้าใจหรอกเรื่องพวกนี้ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจริง ๆ คาร์เตอร์ดูภูมิใจมากที่ถูกทำแบบนั้น มันเพราะอะไรกัน แล้วทำไมเขาต้องมาดูดคอกันด้วย?”
ทอมัสสูดลมหายใจเข้าลึก จะอธิบายอย่างไรดี “คือ...”
มองเด็กที่ท่าทางจะไม่รู้อะไรจริง ๆ แล้วก็ถอนหายใจด้วยความหนักอก เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ อีกหน่อยพอกลิ่นแก้วโตขึ้นก็ต้องเจอ อธิบายให้รู้ให้เข้าใจก็น่าจะดีกว่าให้ไปลองเองแล้วพลาดพลั้งไป แต่มาถามตาใสแบบนี้ก็ค่อนข้างพูดกันยากอยู่ เจ้าเด็กคาร์เตอร์นี่มันยังไงกัน เอาอะไรมาใส่หัวเด็กของนายเขานี่
“ว่ายังไงครับ มิสเตอร์ทอมัส?” กลิ่นแก้วเอ่ยเร่ง ยิ่งอ้ำอึ้งมันยิ่งน่าสงสัย เป็นเรื่องที่บอกไม่ได้เลยหรือ?
“จะให้พูดยังไงดี อันที่จริงแล้ว...” ทอมัสพยายามอธิบายให้มันดูกลาง ๆ ไม่เป็นการชี้นำมากจนเกินไป แค่ให้รู้ว่ามันคืออะไร พูดไปก็สังเกตปฏิกิริยาเด็กไป
“เซ็กซ์?” กลิ่นแก้วทวนคำอย่างเลื่อนลอยเมื่อฟังที่อีกฝ่ายสรุปความในตอนท้าย
พอเห็นว่าเด็กเป็นแบบนั้น ทอมัสก็ไปต่อไม่ถูก ถ้าเจ้าหนูนี่โตกว่านี้อีกหน่อย เกเรอีกนิด คงกอดคอคุยกันได้ นี่มาแบบหน้าซื่อ ๆ ตาใส ๆ เขาไม่กล้าป้อนข้อมูลอะไรให้เลย ให้ตายสิ
กลิ่นแก้วพอจะเข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามอธิบาย เขารู้เรื่องเพศสัมพันธ์หรือเซ็กซ์ตามทฤษฎี เพราะที่โรงเรียนก็สอนเรื่องเพศศึกษา พอเข้าใจว่ามันเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง แม้ไม่รู้อะไรที่ลึกซึ้งไปกว่านี้ก็ตาม รอยที่คอคาร์เตอร์เกิดมาจากเหตุนั้น แล้วรอยบนตัวเอวานล่ะ คืนนั้นเอวานไปทำอะไรกับใครมา?
“อ้าว จ๋อยเลย เป็นอะไรอีก?” ทอมัสเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กดูซึมไป
กลิ่นแก้วส่ายหน้าว่าไม่ได้เป็นอะไร คว้าหมอนอิงมากอดแล้วนั่งซึมอยู่อย่างนั้น บอดีการ์ดหนุ่มเลยได้แต่เกาหัวเพราะตามอารมณ์ไม่ถูก
เอวานออกมาจากห้องหลังอาบน้ำเสร็จ บรรยากาศแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้หันไปมองแมกซ์เวล ทางนั้นจึงส่งสายตาไปที่ทอมัส ทำให้ดวงตาคมดุตวัดมอง คนถูกมองยกมือเสมอไหล่แล้วส่ายหน้าเบา ๆ เขาไม่ได้ทำอะไรเจ้าตัวเล็กนี่นะ ไม่ได้ทำอะไรเลย
ทอมัสลุกจากโซฟาแล้วเลี่ยงออกไปเมื่อผู้เป็นนายก้าวเข้ามา สายตาดุ ๆ นั่นยังมองมาอย่างคาดโทษ ทำเอาบอดีการ์ดหนุ่มเหงื่อแตกซิก ไม่น่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเด็กของนายเลย ให้ตายเถอะ
เอวานนั่งลงข้างเด็กที่นั่งกอดหมอนซบหน้านิ่งอยู่ กลิ่นสบู่หลังอาบน้ำทำให้กลิ่นแก้วก้มหน้าซุกหมอนมากขึ้น กลิ่นวันนั้นไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมที่เอวานชอบใช้ด้วย
“ไหน วันนี้มีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังไหม?”
“......” เหลือบมองเอวานแล้วถอนหายใจ
เอวานขำ “เป็นอะไร?”
กลิ่นแก้วเอาหมอนออกไปวางข้างกายก่อนกระเถิบเข้าไปกอดอีกคนอ้อน ๆ แม้จะไม่เข้าใจว่ามาอารมณ์ไหน แต่เอวานก็วาดแขนกอดตอบ
“คาร์เตอร์มีแฟนแล้ว” เจ้าตัวเล็กบอก
“หืม?” เอวานเลิกคิ้วแปลกใจ
“พวกเขามีเซ็กซ์กันแล้วด้วย”
“เจ้าเด็กนั่นน่ะเหรอ ไวไฟอะไรขนาดนั้น” เอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะนึกขึ้นได้ ดันตัวเด็กออกจากอ้อมแขนแล้วเอ่ยถามระคนตกใจ “เดี๋ยว... เมื่อกี้พูดเรื่องเซ็กซ์?”
“......” กลิ่นแก้วพยักหน้า
“รู้หรือไงว่ามันหมายถึงอะไร?” รู้เลยว่าคิ้วเขากำลังขมวด
“รู้สิ ก็มิสเตอร์ทอมัสบอก”
“อ้าว”
เอวานตวัดสายตามองทอมัสที่ร้องอ้าวขึ้นมาเมื่อถูกพาดพิงถึง ก็เจ้าหนูมันถามมา เขาก็ตอบไป เขาผิดอะไร
“มันใช่เรื่องไหม?” ผู้เป็นนายว่า
“ก็... เจ้าตัวเล็กมันถาม ผมก็ตอบไป เท่านั้นเอง ไม่ได้จะชี้นำอะไรสักหน่อย...” ไม่กล้ามองตานาย ดุยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เลยมั้งน่ะ
ก็เข้าใจว่าสมัยนี้เด็กมันโตเร็ว ทั้งสื่อต่าง ๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และสภาพแวดล้อมที่เด็กอยู่ก็มีส่วนทำให้เป็นไป แต่กลิ่นแก้วของเขาโตพอจะเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้วหรือ เขาคงต้องมองเจ้าเด็กคาร์เตอร์นั่นใหม่เสียแล้ว ทีแรกนึกว่าเป็นพวกหัวก้าวหน้า มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่ ที่ไหนได้ โตแต่ข้างล่างเสียมากกว่ากระมัง
“เรื่องอะไรที่ไม่เป็นสาระก็อย่าไปสนใจมันมาก” เอวานว่า
“มัธยมก็ได้เรียนเพศศึกษาแล้วนะครับ” แย้งไปตามข้อเท็จจริงที่ได้เรียนมา
“เรียนเพื่อป้องกัน ไม่ใช่นำไปลองผิดลองถูก”
“มันก็จริง แต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ?”
“เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ไม่ควรหมกมุ่น”
“ไม่ได้หมกมุ่นสักหน่อย” นี่ก็เถียงอุบ ๆ อิบ ๆ ไปตามเรื่อง
เอวานมองเด็กของตนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามขึ้นมา “แล้วรู้สึกยังไงที่คาร์เตอร์มีแฟน?”
“ก็ไม่รู้สึกยังไง”
“ไม่นึกอยากมีแบบเขาบ้าง?”
“ถ้าผมอยากมี คุณจะอนุญาตไหม?”
ยิ่งกว่าหมัดเด็ดมวยเจ็ดสี ถามเองก็จุกเอง นี่ลูกชายกำลังขออนุญาตมีรักในวัยเรียนหรืออย่างไร?
“เพิ่งบอกไปว่าอย่าหมกมุ่น” เขาดุ
“อ้าว ก็คุณถาม...”
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กใครให้มีแฟนเร็วขนาดนั้น ไปดื่มนมแล้วนอนไป” ว่าแล้วก็ลุกหนีไปเลย
กลิ่นแก้วอ้าปากค้าง ก็เอวานเป็นคนถามเองว่าอยากมีแบบคาร์เตอร์ไหม พอเขาถามว่าจะอนุญาตหรือเปล่าก็มาเป็นเสียแบบนี้ เอวานนี่อะไรไม่รู้ เอาใจยากจริง
กลิ่นแก้วลุกตามเอวานเข้าไปในห้อง บนเตียงนอน เอวานเปิดไฟหัวเตียงอ่านหนังสือแบบที่ชอบทำ สายตาคมมองเด็กที่เดินเข้ามาหา ร่างน้อยปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วนั่งทับขาเสียเรียบร้อย
“มีอะไร?” เอ่ยถามเด็กที่มานั่งมองไม่พูดไม่จา ขณะที่มือก็เปิดหนังสืออ่านไปพลาง
“คุณไม่อยากให้ผมมีแฟนเหรอครับ?”
คำถามนั้นทำให้มือที่กำลังเปิดหนังสือชะงัก ก่อนละสายตาจากหน้ากระดาษมาดุเด็กพูดไม่รู้เรื่อง “บอกแล้วใช่ไหมไม่ให้พูดเรื่องนี้ เป็นเด็กเป็นเล็ก”
“คนอื่นเขามีกันเยอะแยะ รุ่นน้องที่โรงเรียนยังมีแล้วเลย” ไม่ได้จะเถียง แค่ยกตัวอย่างให้ฟัง
“อิจฉาเขา?” เอวานว่า
“เปล่าอิจฉาครับ แค่เล่าให้ฟังว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว”
“เลยอยากมีกับเขาบ้าง?”
“แล้ว... ถ้าผมอยากมี คุณจะอนุญาตไหม?”
“ไม่” ตอบกลับมาโดยไม่ต้องหยุดคิด
“ทำไมล่ะครับ? เพราะผมยังเด็กเหรอ?”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง”
“......” สีหน้าเด็กดูไม่เข้าใจ เอวานบอกว่าแค่ส่วนหนึ่ง แสดงว่ายังมีเหตุผลอื่นอีกหรือ?
“เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ไปนอน” เอวานตัดบท ไล่ไปนอนก่อนจะมีคำถามอื่นตามมาอีก
“คุณพูดส่วนที่เหลือมาก่อนสิครับ เหตุผลที่ไม่อนุญาตให้มีแฟน แบบนี้มันค้างคาใจ ผมนอนไม่หลับหรอก” เจ้าตัวเล็กไม่ยอม
“หัดมีข้อแม้นะเดี๋ยวนี้”
ฉีกยิ้มก่อนรบเร้า “บอกหน่อยสิครับ มันคาใจจริง ๆ”
เอวานถอนใจ “อีกเหตุผลหนึ่งคือ...”
“.....?”
“ไม่มีเหตุผล”
“อ้าว” เห็นไหม บอกแล้วว่าเอวานเข้าใจยาก
“ไปนอนได้แล้ว อย่าให้ได้ยินพูดถึงเรื่องนี้อีก”
“......” กลิ่นแก้วหน้าเง้า โดนดุอีกแล้ว อะไรไม่รู้
ตัวผอม ๆ นั้นคลานไปปลายเตียงก่อนก้าวลงไป เดินลากขาเซ็ง ๆ จะออกจากห้อง แต่นึกอะไรขึ้นได้เลยหยุด หันกลับแล้วเดินมาที่เตียง ยืดตัวไปจูบแก้มเอวานเบา ๆ
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ว่าแล้วก็จะผละไป แต่เอวานเรียกไว้
“เดี๋ยว มานี่ก่อน”
เมื่อเจ้าตัวเล็กหันกลับมา เอวานก็รั้งให้เข้ามาใกล้ กดจูบหน้าผากพร้อมบอกราตรีสวัสดิ์เช่นทุกที ก่อนปล่อยให้กลับไปนอนที่ห้อง เพียงบานประตูปิดลงเอวานก็ถอนหายใจเสียยืดยาว นี่เจ้าตัวเล็กมันถึงวัยมีรักแรกหรืออะไรแบบนั้นแล้วหรือ เขาก็รู้ว่าในฐานะผู้ปกครองต้องปรับตัวให้เข้ากับทุกช่วงวัยของเด็ก ต้องทำความเข้าใจให้มาก แต่เรื่องนี้เขาไม่อยากเข้าใจเลย เจ้าตัวเล็กของเขาจะมีคนรักนี่นะ ให้ตายเถอะ อย่างไรก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ
......
“เอวาน เร็วสิครับ ผมจะไปสายแล้วนะ”
เสียงกลิ่นแก้วดังมาเร่งคนตัวโตให้ไปขึ้นรถกันเสียที วันนี้ช่วงเย็นเขามีนัดกับคาร์เตอร์ อีกฝ่ายชวนไปงานวันเกิดซึ่งยากที่จะปฏิเสธ เพราะชวนไปไหนก็ปฏิเสธมาหลายทีแล้วเลยออกจะเกรงใจเพื่อน เมื่อมาขออนุญาต เกวนก็อนุญาตให้ไปโดยจะให้คนไปส่งแล้วรอรับกลับด้วย กระทั่งเอวานกลับมาแล้วรู้เรื่องนั้นจึงอาสาว่าจะพาไปเอง เพราะอยากเจอเด็กคาร์เตอร์นั่นเหมือนกัน
ความจริงแล้วจุดประสงค์ของเอวานคืออยากรู้ว่าเด็กของตนคบเพื่อนแบบไหน เรื่องพวกนี้เขาไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรมาก แต่ถ้าเพื่อนของเจ้าตัวเล็กดูไม่เข้าทีก็จะได้เตือนเอาไว้บ้าง อยากมีสังคมดี ๆ การคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงก็เป็นเรื่องสำคัญ คบเพื่อนแบบไหน ย่อมพากันไปสู่สังคมแบบนั้น
“จะรีบไปไหน ยังมีเวลา” เอวานว่าขณะถูกลากมาที่รถ ตื่นเต้นเกินไปแล้วเจ้าหนู
“จริง ๆ คุณให้คนไปส่งผมก็พอ ไม่ต้องไปด้วยก็ได้ ผมไม่อยากกวน” กลิ่นแก้วออกจะเกรงใจ เอวานทำงานมาเหนื่อย ๆ ยังต้องตามไปเฝ้าเขาที่งานวันเกิดเพื่อนอีก
“ไม่อยากกวนหรือไม่อยากให้ไป?”
“......”
“กลัวฉันไปแล้วจะทำงานกร่อยหรือไง?”
“เปล่าสักหน่อย...” ตัวเล็กปฏิเสธอุบอิบ คนก็บอกอยู่ว่าเกรงใจ
เอวานขึ้นรถโดยมีเด็กตามขึ้นไป ก่อนที่จะพากันมุ่งตรงไปยังบ้านของคาร์เตอร์ งานวันเกิดจัดในสวนสวยของบ้านซึ่งทอดไปถึงริมสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศดีไปอีกแบบ
เมื่อกลิ่นแก้วและเอวานไปถึง กลุ่มเพื่อนของคาร์เตอร์ก็ทยอยมากันบ้างแล้ว เด็กชายให้ของขวัญเพื่อน ก่อนจะแนะนำให้รู้จักกับกับเอวานในฐานะพี่ชายของตน คาร์เตอร์ที่ได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนาม พอมาเจอตัวจริงของพี่ชายเพื่อนแบบนี้ก็ออกจะเกร็งไม่น้อย
“เอวานคะ”
เสียงทายทักที่ออกจะคุ้นหูทำให้กลิ่นแก้วหันไปมอง สีหน้าดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงคือผู้หญิงที่เคยเจอกันในร้านอาหารเมื่อนานมาแล้ว แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่กลิ่นแก้วก็จำเธอได้
“สวัสดีครับ วาเนสซ่า” เอวานทักกลับ สัมผัสมมือเธอตามมารยาทอันดี
วาเนสซ่า? ใช่ ชื่อของเธอคือวาเนสซ่า... วาเนสซ่า เทย์เลอร์ เขาจำได้แล้ว นอกจากเคยเจอกันที่ร้านอาหารเมื่อครั้งกระโน้น กลิ่นแก้วยังได้ยินชื่อของเธอบ่อย ๆ ในช่วงนี้ ไม่นึกว่าจะเป็นคนเดียวกัน
กลิ่นแก้วหันมามองเอวานที่ไม่แสดงอาการแปลกใจให้เห็น ทั้งยังส่งยิ้มให้หญิงสาวที่เข้ามาทายทัก หูได้ยินคาร์เตอร์แนะนำว่าเธอเป็นน้าสาว แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เมื่อสายตามันคอยแต่จะมองปฏิกิริยาของเอวานอยู่อย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้เองสินะ...
แสงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้า ไฟประดับภายในสวนจึงถูกเปิดสร้างบรรยากาศ กลิ่นแก้วบอกกับคาร์เตอร์ไว้ตั้งแต่อีกฝ่ายชวนมางานวันเกิดแล้วว่าอยู่จนดึกไม่ได้ เกรงใจที่บ้าน อยากให้คาร์เตอร์เข้าใจ ซึ่งคาร์เตอร์ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เพื่อนไม่ปฏิเสธให้เสียหน้าอีกก็ดีแล้ว
บริเวณสระว่ายน้ำมีซุ้มอาหารและเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่ติดตามเด็กมาในวันนี้ เกวนให้แม่บ้านจัดแจงเครื่องดื่มกับอาหารไปให้ตนและเอวานที่โต๊ะสีขาวริมสระ
“ไม่คิดว่าคาร์เตอร์กับน้องชายคุณจะเป็นเพื่อนกัน” วาเนสซ่าเอ่ยขึ้นขณะมองดูเด็ก ๆ มีความสุขกับการกินและพูดคุยหยอกล้อกันอยู่กลางสวนสวย โลกมันกลมยิ่งกว่าที่คิด “พวกเขาดูสนิทกันนะคะ”
“ครับ” เอวานตอบกลับไป สายตาคมมองตามเด็กของตนที่ผละไปหาอะไรกินที่ซุ้ม โดยมีเจ้าเด็กคาร์เตอร์ตามอยู่ไม่ห่าง
“ตอนแรกฉันก็กังวลนะคะ กลัวคาร์เตอร์จะคบเพื่อนไม่ดี แต่เท่าที่ดูวันนี้กลุ่มเพื่อนของคาร์เตอร์เป็นเด็กน่ารักทีเดียว ยิ่งพอรู้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นน้องชายของคุณแบบนี้ ฉันก็ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ”
“......” เอวานยิ้มบาง ไม่ได้ขัดอะไรเธอ
“หวังว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะคะ”
“ผมก็หวังเช่นนั้น”
ดูท่าผู้ใหญ่จะพูดคุยกันถูกคอ มองความสนิทสนมระหว่างเอวานกับวาเนสซ่าแล้ว กลิ่นแก้วก็ซึมไป คาร์เตอร์ที่สังเกตปฏิกิริยาของเพื่อนอยู่ตลอดจึงกระแซะถาม
“ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาคบกันอยู่ จริงไหม?”
“ไปได้ยินมาจากไหน?” กลิ่นแก้วย้อนถามกลับไป สายตายังคงจับจ้องสองหนุ่มสาวข้างสระว่ายน้ำนั่น
“ก็เคยได้ยินผู้ใหญ่คุยกัน ฉันว่าพวกเขาก็เหมาะสมกันดีนะ หรือนายว่าไง?”
เบือนสายตากลับมามองคาร์เตอร์ ถ้าสองคนนั้นคบหากันจริง เขาจะว่าอย่างไรได้ เขาไม่มีสิทธิ์ไม่พอใจ เพราะอย่างไรเอวานก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง มีคนรัก มีครอบครัว มันเป็นเรื่องปรกติธรรมดา หากพวกเขารักกัน มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมิใช่หรือ
“นี่อย่าบอกนะว่านอกจากเป็นพวกติดพี่แล้ว นายยังหวงพี่ด้วย?” คาร์เตอร์เอ่ยเย้ากลั้วหัวเราะ
“ไม่เคยพูด” กลิ่นแก้วว่า
“นายไม่เคยพูด แต่ดูหน้านายสิ ไม่อยากให้พวกเขาคบกันใช่ไหมล่ะ กลัวถูกแย่งความรักหรือไง?” ท่าทางจะคิดถูก เพราะอีกคนหน้ามุ่ยไปเรียบร้อย “ฉันถึงบอกว่านายมันติดพี่มากเกินไป ถ้าฉันเป็นพี่ชายนายคงอึดอัดตาย”
“เอวานไม่เคยบอกว่าอึดอัด” นี่ก็เถียงกลับไป เพราะเอวานบอกว่าอย่าคิดเองเออเอง ในเมื่อเอวานไม่ได้พูดก็แสดงว่าไม่ได้คิดแบบนั้น
“เรื่องแบบนี้บางทีก็ไม่ต้องรอให้เจ้าตัวเขาพูดออกมาหรอก นายน่าจะรู้สึกได้เองนะว่ามันควรหรือเปล่า” คาร์เตอร์ยังว่า
“ไม่คุยกับนายแล้ว หงุดหงิด!” แยกเขี้ยวใส่ก่อนเดินหนีไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นแถวสระว่ายน้ำ
“อะไร เถียงไม่สู้แล้วเดินหนีเหรอ?” คาร์เตอร์ร้องตามหลัง วางแก้วน้ำไว้ที่โต๊ะก่อนวิ่งตามไปตอแย “เพราะนายเป็นแบบที่ฉันพูดจริง ๆ ใช่ไหมเลยเถียงไม่ออก?”
“บอกว่าไม่คุยด้วยไง” กลิ่นแก้วปิดหู จ้ำหนีคนกวนใจ
ไม่ได้จะเอนเอียงไปตามคำพูดของคาร์เตอร์ แต่ว่ากันตามจริงเอวานก็ผู้ชายคนหนึ่ง จะรักจะชอบผู้หญิงสักคนก็เป็นเรื่องปรกติ บางทีเอวานอาจอยากสร้างครอบครัวแบบที่มาดามเจฟเฟอร์สันเคยพูดก็ได้ แต่การมีเขาเกาะติดอยู่แบบนี้ เอวานจะอึดอัดใจบ้างไหมนะ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้วใจดวงน้อยก็พลันห่อเหี่ยว ถ้าเอวานมีครอบครัวแล้วเขาจะเป็นอย่างไรนะ ถ้าวันนั้นมาถึง เขาจะยังอยู่กับเอวานแบบนี้ต่อไปได้ไหมนะ...?
TBCบวกขอบคุณทุกท่านค่ะ