บุหรงเริงไฟ +บทที่ ๑๑ เจ้าพ่อคาสิโน+ // 07.07.2562 (P.4)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บุหรงเริงไฟ +บทที่ ๑๑ เจ้าพ่อคาสิโน+ // 07.07.2562 (P.4)  (อ่าน 12106 ครั้ง)

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
โท่!เอวานอย่างน้อยก็ทำความเข้าใจกับกลิ่นแก้วก่อนได้ไหมว่ารู็สึกยังใงต่อกันไม่ใช่พอเด็กมางอแล้วจะจับกินแบบนี้ไม่ได้  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
หายไปนานเลยคิดถึงกลิ่นแก้วค่ะ :z10:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ระวังตัวหน่อยน้ากิ่งแก้ว อันตรายมากนายคนนี้
ยังไม่เคลียร์อะไรเลย  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
โดนจับกินแน่ๆเลย

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
มาแล้วๆๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ชื่อเรื่องกับเนื้อเรื่องคือแบบยังไง แต่พอเข้ามาอ่านแล้วติดจ้า หลงเจ้าหนูกลิ่นแก้วเต็มๆ น่ารักใสๆ เอวานยอมรับกับตัวเองได้แล้วว่าคิดอะไรกับน้อง จูบมาหลายทีแล้วนะ นี่ขนาดชวนอาบน้ำ ตอนเด็กไม่เท่าไหร่แต่ตอนโตนี่ซิ ความหื่นมันจะเผยมาให้น้องกลัวมะ :laugh:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z3: :z3: :z3:  ค้างคาในความรู้สึกกับการแสดงออกของคู่นี่

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5
บุหรงเริงไฟ

บทที่ ๑๑ เจ้าพ่อคาสิโน


“ถอดสิ”

ดวงตาที่ฉายแววปรารถนาแบบที่ไม่คุ้นเคยทำให้กลิ่นแก้วสั่นขึ้นมาดื้อ ๆ เพราะกลัวหรือเพราะอะไรก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ในเวลานี้ เมื่ออีกคนก้มลงมาหา ยิ่งสบเข้ากับดวงตาคู่คมราวถูกสะกดตรึง ริมฝีปากเผยอขึ้นรับจูบที่แตะแผ่วเหมือนยั่วเย้า ค่อยกดเบา ๆ ราวล่อหลอกให้ตามติดเมื่อถอยห่าง ก่อนครอบครองทั้งหมดเมื่อเผลอไผล

รสจูบที่ได้รับมันช่างต่างจากทุกครั้ง แม้แต่จูบเมื่อกลางวันยังไม่เทียมเท่า เมื่อผนวกกับสัมผัสจากมือสากที่ลูบไล้ผิวกาย ยิ่งปลุกความรู้สึกในส่วนลึกขึ้นมาจนยากจะห้ามไหว

มือหนาลูบขึ้นมาตามแนวแขน กุมไหล่มนแล้วดันร่างแบบบางให้หันกลับมาหา ริมฝีปากยังตามติดเมื่อดันตัวอีกฝ่ายชิดผนังห้องอาบน้ำเย็นชืด แขนเรียวยกขึ้นคล้องกอดคอเขาตามสัญชาตญาณ ทั้งบดเบียดร่างกายเข้าหา มือเขาละลงมาจับช่วงเอว รั้งให้ชิดกับกายตนมากขึ้น ขณะที่ริมฝีปากของพวกเขายังคงบดจูบหนักหน่วง

ลิ้นร้อนตวัดรัด ไล่ต้อน ทั้งปาดชิมความหวาน ตะกรุมตะกรามราวนักเดินทางกลางทะเลทรายผู้หิวกระหาย เมื่อได้ดื่มน้ำหวานล้ำจนพอใจถึงได้ผละมาข้างแก้มเนียน ไถลเลยมายังใบหูทั้งลมหายใจกระเส่าซ่าน ใบหน้าเรียวเบี่ยงหลบให้ได้กดจูบซุกไซ้

“เอวาน...”

เสียงพร่าสั่นนั้นเหมือนโลกทั้งใบถูกเหวี่ยงกลับ เวลาอาจหยุดหมุนไปชั่วขณะเมื่อเอวานชะงักอยู่เพียงซอกคออุ่น ท่ามกลางความเงียบพวกเขานิ่งอยู่เป็นนาน กระทั่งเสียงลมหายใจหอบกระชั้นค่อยเบาลงจนกลับมาเป็นปรกติ

เอวานเสยผมที่ยังเปียกหมาด ก้าวถอยไปเล็กน้อยอย่างตัดใจ แขนที่คล้องกอดคอเขาค่อยละลงมาข้างตัวอย่างน่าใจหาย ใบหน้าเรียวนั้นเบือนหลบ ทำให้เขาต้องปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระแล้วห่างออกมาอีกนิด

“อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”

กลิ่นแก้วยังคงยืนพิงผนังห้องน้ำนิ่ง ค่อยยกแขนขึ้นกอดอกราวปกป้องตัวเองจากความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น มองแผ่นหลังของเอวานที่ก้าวเข้าไปใต้ฝักบัวแล้วเปิดน้ำชำระกายโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะคว้าผ้าขนหนูมาพันเอวเมื่ออาบน้ำเสร็จ

“ให้ช่วยรึเปล่า?”

สติที่เลื่อนลอยดูเหมือนจะกลับเข้าร่างเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยถาม กลิ่นแก้วส่ายหน้าเบา หันหลังให้คนถามแล้วถอดชุดที่สวมใส่ รู้ว่าอีกคนกำลังมองอยู่ แต่ไม่อยากอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนี้นานนัก ซึ่งฝ่ายนั้นก็คงเข้าใจถึงได้ผละออกไปให้เขาหายใจหายคอได้คล่องขึ้นอีกนิด



บนเตียงภายในห้องนอน เอวานที่สวมเพียงกางเกงนอนตัวเดียวเป็นปรกตินั่งเอนหลังพิงหัวเตียง มองเด็กที่สวมชุดนอนตัวโตของตนยืนเคว้งอยู่กลางห้องหลังอาบน้ำเสร็จ ก่อนตบที่นอนข้าง ๆ ให้ก้าวมาหา ซึ่งเด็กของเขาก็ว่าง่าย ยอมขึ้นเตียงมานั่งข้างเขาเงียบ ๆ

“โกรธเหรอ?” เอ่ยถามเมื่อเด็กข้างกายเงียบผิดปรกติ มันก็น่าโกรธอยู่หรอก เล่นอะไรเลยเถิดแบบนั้น “ฉันขอโท...”

นิ้วเรียวแตะริมฝีปากทำให้เอวานชะงักคำ

“อย่าขอโทษได้ไหม?”

“.........”

“อย่าทำเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นแค่ความผิดพลาด”

ดวงตาคู่โตที่เคยเต็มไปด้วยความสดใสกลับต้องมีแววเจ็บร้าวเช่นนั้น เล่นเอาหน่วงไปทั้งใจ เอวานคว้าเด็กข้างกายมากอด จะทำเป็นหลับหูหลับตาต่อไปอีกได้อย่างไร ทั้งความรู้สึกของเด็กในอ้อมแขนและของตัวเขาเอง ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะทบทวนมันอย่างจริงจังเสียที

“ที่อยากขอโทษ ไม่ใช่เพราะมันคือความผิดพลาด แต่เพราะกลัวเธอจะไม่พอใจ” เขาอธิบายช้า ๆ อยากให้เข้าใจตรงกัน “ถ้าเธอไม่ชอบ ไม่อยากทำ ฉันก็ไม่ควรบังคับ การที่เธอยอมให้ฉันทำอะไรตามแต่ใจ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะคิดอะไรมากไปกว่าแค่อยากตามใจฉัน เหมือนที่เคยเป็น”

“.........”

ดันตัวอีกฝ่ายออกมา มองสบสายตาด้วยแววจริงจัง “ฉันไม่ควรเอาเปรียบเธอแบบนี้ เธอเองก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเองเพื่อฉัน เธอโตแล้ว มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่อยากทำ...”

คำพูดที่มีสะดุดลงเมื่อเด็กตรงหน้าดันตัวขึ้นมาแตะจูบ ดวงตาทั้งคู่สบกันระยะใกล้

“ผมไม่ได้ฝืนใจตัวเอง ไม่ได้แค่อยากเอาใจคุณ ถ้าผมไม่อยากทำ ผมจะบอกคุณเอง”

“กลิ่นแก้ว...” เอวานคราง มันจะห้ามตัวเองไม่อยู่ก็เพราะอีกคนก็ช่างรู้เห็นเป็นใจ

กายผอมถูกดันลงไปนอนบนเตียงนุ่ม ตากลมเบิกโตมองคนที่ขยับขึ้นคร่อมอยู่เหนือกาย ทั้งเท้าแขนกักตัวไว้เสียอีก แววตาแปลก ๆ นั้นกลับมาอีกหน ทำเอากลิ่นแก้วหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย

“เอวาน...” มันใช่เสียงเขาแน่ใช่ไหม ทำไมถึงสั่นแบบนี้ไม่รู้

“หืม?”

ใจจะกระดอนออกมานอกอก แค่การขานรับธรรมดาเองกลิ่นแก้ว ใจเย็น ๆ “ผม... ผม...”

“กลัวเหรอ?”

ความไม่มั่นใจปรากฏให้เห็นในแววตา แต่เจ้าตัวก็ยังส่ายหน้าปฏิเสธ “ผมแค่รู้สึกแปลก ๆ...”

“หึ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่รู้สึก...”

ใบหน้าคร้ามคมโน้มก้มลงใกล้ มือเรียวถูกรั้งไปวางแนบอกเปลือย นัยน์ตาสีควันบุหรี่นั้นสะกดอีกฝ่ายนิ่ง

“ฉันรู้สึกมากกว่าเธอเสียอีก”

ริมฝีปากอิ่มเผยอรับจูบร้อนเมื่อสิ้นเสียงกระซิบแผ่ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเย้าหยอกหลอกล่อไปทิศทางใดก็คล้อยตามไปเสียหมด มือเรียวลูบไล้แผงอกแน่นตึง เลื่อนเลื้อยลงสู่เบื้องล่างตามแรงรั้งจากอุ้งมือใหญ่ ลูบวนไม่รู้เบื่อก่อนจะสัมผัสกับบางสิ่งที่ไม่ควร ดวงตากลมเบิกโต มองหน้าคนด้านบนด้วยความพรึงเพริด

“เห็นไหม?”

เสียงนั้นออกจะแปร่งหูอยู่สักหน่อย ขณะที่ใบหน้าเด็กใต้ร่างเห่อร้อนเมื่อสิ่งที่มือสัมผัสมันกำลังตื่นตัว อาจเพราะอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ก่อนแล้ว เพียงถูกกระตุ้นจึงพร้อมรบเช่นนี้ กลิ่นแก้วอยากจะถอยมือกลับ แต่เพียงขยับเอวานก็สูดปากเบา พาเอาอยากร้องไห้บอกไม่ถูก

เห็นแววหวาดหวั่นในดวงตาคู่นั้นแล้วเอวานก็จำต้องข่มใจ ถึงแม้กลิ่นแก้วจะพูดราวเปิดทาง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องตระหนักเอาไว้ถึงความไม่ประสาที่อีกฝ่ายมี เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนมันออกช้า ๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับความกำหนัดที่เกิดขึ้น

“นอนเถอะ” จูบหน้าผากอุ่นเบา ๆ ก่อนผละพลิกกายลงนอนข้าง

ความเงียบโอบล้อมรอบกายคนทั้งคู่ ขณะที่จังหวะหัวใจกลิ่นแก้วยังเต้นรัวไร้หนทางสงบ ต้องปล่อยให้เวลาที่มันเดินอย่างเชื่องช้านั้นปลอบประโลม

“เอวาน...” เอ่ยเรียกคนข้างกายเมื่อผ่านไปครู่ใหญ่

“ไม่เป็นไร”

“.........”

กายผอมตะแคงมาหาคนที่นอนทับแขนหลับตานิ่ง แขนเรียวพาดกอดพลางขยับตัวขึ้นไปนอนอิงอกแกร่ง เอวานกำลังอดทน เขารู้ แต่สิ่งที่เด็กโง่ ๆ อย่างเขาไม่รู้ก็คือ ในสถานการณ์เช่นนี้ควรทำอย่างไร

หลุบสายตาลงมองคนที่นอนอิงอกแล้วเอวานก็พรูลมหายใจ ละแขนข้างที่ใช้หนุนนอนมากอดไว้ แค่ได้เชยได้ชมแต่เพียงน้อยนิด ก็เหมือนก้าวขาเข้าตารางไปข้างหนึ่งแล้ว เขาเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ยิ่งของยั่วใจอยู่ใกล้มือ ยิ่งยากจะดึงตัวเองกลับมาได้ทุกครั้ง หากวันใดที่ยั้งใจไว้ไม่อยู่ เขาคงไม่ต่างอะไรกับตาเฒ่าโรคจิตอย่างริชาร์ด พาร์เลอร์



บ่ายวันต่อมา เอวานพาเด็กมาส่งเจฟเฟอร์สันตามที่ได้บอกกับมารดาของตนเอาไว้ ก่อนที่จะเลยไปสนามบินเพื่อเดินทางไปทำธุระยังต่างแดน เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ กลิ่นแก้วก็เอี้ยวตัวเปิดประตู แต่มือที่เอื้อมมาแตะแขนทำให้ต้องหันกลับมา บอดีการ์ดสองนายที่เบาะหน้าเองก็เหลือบสายตาขึ้นมองกระจกโดยไม่ได้นัดหมายเช่นกัน

“Goodbye kiss ล่ะ?”

“........” คำถามนั้นทำเอากลิ่นแก้วอ้าปากหวอ ขณะที่สองบอดีการ์ดรีบเบือนสายตามองนอกหน้าต่างรถด้วยความเร็วแสง

“ล้อเล่นน่ะ” เอวานยิ้มขำ

กลิ่นแก้วเม้มปาก ถึงเอวานจะบอกว่าล้อเล่น แต่เขาก็อยากทำ ตากลมเหลือบมองบอดีการ์ด เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงจุ๊บแก้มเอวานเบา ๆ แล้วยิ้มให้

“เดินทาง...”

ยังไม่ทันจะจบประโยคดี มือหนาก็สอดมารั้งหลังคอพร้อมฉกจูบกลีบปากนุ่ม กดหนัก ๆ ให้พอรู้สึกก่อนถอยออกมา เพียงแค่นั้นก็ทำเอาคนที่เพิ่งทำใจกล้าจุ๊บแก้มคนอื่นไปเมื่อครู่หน้าร้อนวูบวาบ

เอวานค่อยเลื่อนมือมากุมแก้มเด็กตรงหน้า นิ้วหัวแม่มือปัดไล้ริมฝีปากที่เผยอน้อย ๆ นั้น ก่อนก้มลงหาแล้วกดจูบอีกรอบ ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่เพียงกดแนบ แต่ค่อยเลาะเล็มช้า ๆ พาให้ใจสั่น ครู่หนึ่งถึงได้ถอนจูบ

“เดินทางปลอดภัยครับ” เอ่ยบอกเสียงเบาราวกระซิบ ก่อนเปิดประตูลงรถไป

คนพูดลงจากรถไปแล้ว แต่คนบนรถยังคงยิ้มเมื่อมองตามร่างนั้นเดินเข้าตัวคฤหาสน์ไป กระทั่งหันมาแล้วเห็นว่าบอดีการ์ดของตนรีบหลบสายตากันพัลวัน หัวคิ้วเข้มก็มุ่นเล็กน้อย

“มองอะไรกัน?”

“เปล่าครับ” บอดีการ์ดหนุ่มทั้งสองนายรีบปฏิเสธราวนัดกันมา

เอวานไม่ได้สนใจอะไรไปมากกว่านั้น ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อเอนหลังพิงเบาะ ประสานมือบนหน้าตักด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ขณะที่รถค่อยเคลื่อนออกจากหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ไป


.........


ห้างสรรพสินค้าของเกวน ช่วงเย็นวันสุดท้ายของการทำงานเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน บ้างก็มาหย่อนใจ จับจ่ายซื้อของ หรือแม้แต่รวมกลุ่มสังสรรค์ตามร้านรวงที่เปิดให้บริการมากมาย

ฟรานเชสโก้ก้าวออกมาจากฝั่งสำนักงานพร้อมลูกน้องผู้ภักดี ปรกติคนแบบเขามักไม่อยู่ในที่สว่าง ใครต้องการพบก็ต้องเข้าไปในถิ่นของเขา แต่ช่วงนี้กำลังมองธุรกิจด้านสว่างเพื่อขยับขยายงานอยู่ สัตว์ล่าเนื้อเช่นเขาจึงต้องออกจากถ้ำมาเช่นนี้

“พุงจะแตก”

ลอยน์ลูบท้องตนเองเพื่อประกอบคำพูด ขณะที่ตนกับกลิ่นแก้วและคาร์เตอร์ สามเพื่อนซี้เดินออกจากร้านอาหารในตัวห้างสรรพสินค้ามา

“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อใหญ่” ลอยน์ว่าพลางฉีกยิ้ม

วันนี้กลิ่นแก้วเป็นเจ้ามือ นาน ๆ ทีเจ้าเพื่อนตัวเล็กจะควักกระเป๋า ทำตัวสมถะเสียยิ่งกว่าอะไร จนคิดว่าจะเก็บเงินไว้สร้างคฤหาสน์หลังใหญ่แข่งกับพี่ชายอย่างเอวาน เวสส์ หรือเปล่า

ว่าไปแล้วมีเพื่อนเป็นลูกหลานเจ้าของห้างฯก็ดีไปอย่าง ได้ส่วนลดร้านในเครือด้วย นักเรียนอย่างพวกเขาไส้แห้งมาตั้งนาน เพราะอยากใช้ชีวิตด้วยตัวเอง จะกินจะใช้เกินกำลังก็ไม่ได้ นอกจากจะกลับไปอ้อนที่บ้านถึงจะได้กินของดี ๆ สักทีหนึ่ง

“คนเยอะเหมือนกันนะ” คาร์เตอร์เปรยเมื่อมองรอบ ๆ ตอนอยู่ในร้านอาหารก็รอนานเหมือนกัน ดีที่กลิ่นแก้วมีอภิสิทธิ์ เลยไม่ต้องรอจนรากงอก

“ปรกติ แถวนี้คนพลุกพล่าน” กลิ่นแก้วว่า

พวกเขาลงบันไดเลื่อนแล้วเดินออกมาลานหน้าห้างสรรพสินค้าด้วยกันพอให้อาหารย่อย วันนี้กลิ่นแก้วแค่พาเพื่อนแวะมาหาอะไรกินกันเท่านั้น ช่วงวันหยุดถึงจะมาช่วยมาดามที่นี่ ตอนนี้มาดามคงกำลังอยู่ในสำนักงาน เอวานก็ยังไม่กลับ เขาคงต้องกลับไปนั่งเหงาที่บ้านคนเดียวอีกแล้วสิ

“อะไร?” คาร์เตอร์เอ่ยถามเมื่ออยู่ ๆ กลิ่นแก้วก็หยุดเดิน ทำให้ลอยน์ต้องหยุดแล้วหันมามองด้วยอีกคน

กลิ่นแก้วที่สะดุดตากับใครบางคนจนต้องเหลียวหลังยังไม่ตอบคำถามเพื่อน แต่รังสีอันตรายที่แผ่ออกมาจากคนกลุ่มนั้นก็ทำให้ลอยน์ถึงกับทำท่าขนลุก พลางสะกิดคาร์เตอร์ให้ดู

“แค่มาเฟียมาเที่ยวห้างฯ น่าสนใจตรงไหน?” คาร์เตอร์ว่า

แม้ว่าเพื่อนจะละความสนใจไปแล้ว แต่กลิ่นแก้วกลับยังคงมอง คิ้วเขาเริ่มขมวด ก่อนที่ขาจะก้าวออกไปโดยอัตโนมัติ

“เฮ้ย จะไปไหนวะ?”

ไม่รู้ล่ะว่าเพื่อนไปไหน แต่เด็กหนุ่มอีกสองคนก็วิ่งตามกันมา ก่อนจะพากันตะลึงตาค้างเมื่อตัวผอม ๆ นั้นกระโดดถีบกลางหลังบุคคลต้องสงสัยจนถลาไปหาคนของมาเฟียใหญ่ที่คาร์เตอร์เพิ่งพูดถึง ด้วยระยะประชิดทำให้เกิดการประมือกันชุลมุน ผู้คนรายรอบต่างแตกตื่นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ฟรานเชสโก้ถูกกันให้ถอยห่างจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่จะเลี่ยงออกไปเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจอย่างเงียบเชียบกลับต้องหยุดความคิดนั้น เมื่อร่างที่ถูกคนของตนฟาดจนล้มฟุบไปนั้นผุดลุกขึ้นมาคว้าตัวเด็กหนุ่มคนหนึ่งไว้ พร้อมมีดที่ชักออกมาจี้คอหอย ภาพตรงหน้าทำให้ฟรานเชสโก้ยืนนิ่ง ยกมือขึ้นหยุดลูกน้องที่เร่งให้ไปจากที่นี่ ดวงตาคมจับจ้องอย่างประเมิณสถานการณ์

ปลายมีดที่จ่อคอทำให้กลิ่นแก้วแทบไม่กล้ากลืนน้ำลาย ขยับเพียงนิดมีสิทธิ์เลือดกระฉูด เรื่องป้องกันตัวหรือเอาตัวรอดในกรณีฉุกเฉินเขาเคยแต่เรียนในห้องซ้อม พอได้มาเจอสถานการณ์จริงแบบนี้ความรู้สึกมันช่างต่างกันลิบลับ ข่มใจให้สงบไม่ได้เลยจริง ๆ

ขณะที่คนร้ายลากตัวประกันให้ถอยห่างเหล่าชายฉกรรจ์ด้านหน้าไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เอะใจเลยว่ามีใครเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ฝ่ายนั้นอาศัยจังหวะเผลอพุ่งเข้าชาร์จ อารามตกใจทำให้ปลายมีดตวัด ก่อนจะกระเด็นไปไกลเมื่อถูกคว้าแขนแล้วบิดแรงจนร้องโอดโอย

ร่างสันทัดนั้นถูกทุ่มลงพื้นไม่ปรานีปราศรัย คนของฟรานเชสโก้เข้ามาช่วย ก่อนจะจัดการทุกอย่างต่อเมื่อผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข้ามาระงับเหตุ ขณะที่คาร์เตอร์และลอยน์รีบเข้าไปช่วยพยุงเพื่อนขึ้นมา ทั้งตรวจดูเนื้อตัวด้วยความห่วงใยระคนตกใจไม่หาย

เมื่อสถานการณ์สงบลงกลิ่นแก้วก็หันไปขอบคุณคนของเอวาน เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องเข้ามาช่วย แค่รอจังหวะเท่านั้น ออกจะรู้สึกผิดที่ทำให้ต้องลำบาก เพราะโดยปรกติคนคนนี้มีหน้าที่เพียงติดตามดูความเคลื่อนไหวและคุ้มกันเขาจากอันตรายที่อาจจะเข้ามาหา ไม่ใช่เขากระโจนเข้าหาอันตรายเองแบบนี้

เอวานไม่เคยบอกเรื่องให้คนตามเขา และเขาเองก็ไม่พูดเรื่องที่รู้ว่ามีคนคอยตามประกบ เพราะรู้ว่ามันมาจากความหวังดีของเอวาน จึงเลือกที่จะเงียบและใช้ชีวิตเป็นปรกติ มีวันนี้ละที่เขาใช้ประโยชน์จากคนของเอวาน แถมยังเสี่ยงมากด้วย

“บาดเจ็บตรงไหนไหม?”

เสียงถามไถ่ที่ดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามหันมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร กลิ่นแก้วก็ถึงกับนิ่งไป ก่อนส่ายหน้าเบา

“ไม่ครับ”

“ไม่อะไรวะ เลือดออกขนาดนี้” คาร์เตอร์โวย เมื่อเห็นอยู่คาตาว่าเลือดมันไหลจากแผลที่คอจนเพื่อนต้องกดไว้

คิ้วฟรานเชสโก้ขมวด มองเด็กที่ขึงตาใส่เพื่อนไม่ให้พูดมากแล้วว่า “ไปที่รถ ฉันจะพาไปโรงพยาบาล”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรจริง ๆ เดี๋ยวเลือดหยุดแล้วล้างแผลนิดหน่อย...”

“ไม่ได้”

“.......”

“ฉันคงไม่ใจจืดใจดำให้คนที่เข้ามาช่วยจนได้รับบาดเจ็บต้องไปทำแผลเองหรอก ติดเชื้อขึ้นมาจะลำบาก” สายตาคมปรายมองคาร์เตอร์และลอยน์ พลางสั่ง “พาเพื่อนไปที่รถ”

คนสั่งก้าวนำไปก่อนแล้ว ขณะที่เด็กหนุ่มทั้งสามคนยังยืนมองหน้ากันว่าจะเอาอย่างไรดี ก่อนที่คาร์เตอร์จะพยักหน้าส่ง ๆ ว่าเอาอย่างไรก็เอาเถอะ ให้ฝ่ายนั้นได้รับผิดชอบบ้าง แค่นี้ขนหน้าแข้งมาเฟียใหญ่ไม่ร่วงหรอก



โรงพยาบาลเอกชนที่ผู้เข้ารับการรักษาต้องติดต่อล่วงหน้า หากกรณีฉุกเฉินก็ต้องรอตามลำดับก่อนหลัง เว้นแต่จะใช้อภิสิทธิ์ส่วนตัวเช่นเจ้าพ่อคาสิโนอย่างฟรานเชสโก้ ไรท์ ทำให้กลิ่นแก้วได้รับการรักษาทันทีทันใดที่ไปถึง

คาร์เตอร์และลอยน์นั่งรอเพื่อนทำแผลอยู่หน้าห้อง ขณะที่มาเฟียใหญ่ยืนกอดอกเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่หน้าประตู ถ้าไม่เกรงใจหมอสักหน่อยคงได้เข้าไปนั่งในห้องทำแผลด้วยแน่ ๆ ทีเดียว

แผลของกลิ่นแก้วไม่ถึงต้องกับต้องเย็บ แค่ปลายมีดมันบาดผิวทำให้ปริเป็นทางยาวเท่านั้น ดูแลรักษาความสะอาดรอให้แผลสมานกันดี หากไม่ติดเชื้อก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“แน่ใจนะว่าจะไม่นอนดูอาการสักคืน?” ฟรานเชสโก้เอ่ยถามเด็กที่นั่งหน้าซีด ขณะส่งถุงยาให้

“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ หมอก็บอกอยู่ว่าไม่เป็นอะไรมาก” กลิ่นแก้วรับถุงยามา พลางว่าด้วยความเกรงใจ

“ยา กินให้ตรงเวลาด้วย” อีกฝ่ายกำชับ

“ขอบคุณครับ”

“บัตรนัดทำแผลครั้งต่อไปอยู่ในถุง มาคราวหน้าก็เข้ามาหาหมอได้เลย ไม่ต้องรอคิว”

“ครับ”

จบบทสนทนานั้นแล้วทั้งสองคนก็เงียบไป บรรยากาศพากระอักกระอวนแปลก ๆ

“เอ่อ...”

“กลับเถอะ ฉันจะไปส่ง”

“.........” มองคนสั่งแล้วกะพริบตาปริบ แต่ไม่อยากจะขัดอะไรเพราะเริ่มเจ็บแผลหนึบ ๆ ขึ้นมาแล้ว จึงตอบรับอย่างว่าง่าย “ครับ”

ลอยน์กับคาร์เตอร์ถูกส่งขึ้นรถประจำทางไปแล้วช่วงที่กลิ่นแก้วรอรับยาอยู่ ทำให้เวลานี้กลิ่นแก้วต้องนั่งรถกลับเจฟเฟอร์สันพร้อมฟรานเชสโก้และลูกน้อง การที่ต้องมานั่งข้างกันในรถมันชวนอึดอัดบอกไม่ถูก กลิ่นแก้วรู้ว่าเขาเป็นใคร และเขาก็คงรู้ว่ากลิ่นแก้วเป็นใคร แต่ไม่ได้พูดหรือทำอะไรเหมือนโอลิเวอร์ ไรท์คนนั้นเคยทำ เลยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เขาจะกลับเมื่อไร?”

อยู่ ๆ คนข้างกายก็เอ่ยถามขึ้นมา ทำให้กลิ่นแก้วต้องหันมอง

“ครับ?”

“เอวาน เวสส์จะกลับมาเมื่อไร?” อีกฝ่ายทวนถามพร้อมขยายความ

“... พรุ่งนี้ครับ”

บอกไปเช่นนั้นแล้วเหมือนจะได้ยินเหมือนเสียงหึในลำคอแว่วมา แต่กลิ่นแก้วก็ไม่กล้าถามอะไร ไม่อยากต่อความ อยากให้ถึงเจฟเฟอร์สันเร็ว ๆ เสียมากกว่า

เมื่อกลับมาถึงเจฟเฟอร์สัน ดูเหมือนมาดามเจฟเฟอร์สันจะรู้เรื่องจากคนของเอวานแล้วจึงได้มายืนรอถึงหน้าคฤหาสน์ ท่านบอกให้เขาขึ้นไปพักแล้วเรียกฟรานเชสโก้ ไรท์เข้าไปคุยด้านใน ตามศักดิ์แล้วทั้งสองเป็นน้ากับหลาน ทำให้ฟรานเชสโก้ดูจะเกรงมาดามของเขามากอยู่

กลิ่นแก้วไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน เพราะพอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่มาดามสั่ง ออกมาแกะยากินเพราะปวดแผลแล้วก็ขึ้นเตียงนอน ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย


..........
ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ wanmai

  • ★รักใสปิ๊ง★(>_<)
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 936
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1195/-5

เอวานมาถึงเจฟเฟอร์สันก่อนกำหนดเดิมเมื่อได้รับรายงานจากคนของตนว่าเกิดเรื่อง และกลิ่นแก้วก็เจ็บตัวถึงขั้นได้เลือด แต่เพียงก้าวเข้าคฤหาสน์มา คนเจ็บก็วิ่งมากอด ทำเอาอารมณ์ที่กรุ่นตั้งแต่ขึ้นเครื่องจนมาถึงบ้านลดลงไปเสียเกือบครึ่ง

“เด็กโง่ ทำไมไม่ระวังตัวขนาดนี้” เขาต่อว่าทั้งกอดตัวบาง ๆ นั้นแน่น

กลิ่นแก้วยิ้มจาง พร้อมบอกให้คลายกังวล “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แผลเล็กนิดเดียวเอง”

“แล้วต้องรอให้เป็นมากก่อนหรือไง?” ดันตัวผอม ๆ นั้นออกมาสำรวจตรวจตราพลางดุ

“มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่ครับ อยู่ในสถานการณ์แบบนั้นมันไม่มีเวลาให้คิด ก็เลย...”

ขณะที่เด็กของเขาหาข้อแก้ตัว สายตาคมก็เลื่อนลงมามองผ้าปิดแผลที่คอ ถึงจะบอกว่าแผลมันเล็กนิดเดียว แต่เล่นเอาเขาปวดใจ มือหนายกขึ้นมาแตะผ้าปิดแผลที่คอเบา ๆ นั่นทำให้กลิ่นแก้วชะงัก ช้อนมองเอวานแล้วก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความเสี่ยง

“เจ็บมากไหม?”

กลิ่นแก้วน้ำตาคลอ ส่ายหน้าเบา “ผมขอโทษ...”

“ชู่ว”

“.......”

“ฉันจะไม่ดุเรื่องที่ทำอะไรเสี่ยง ๆ แบบนั้น แต่อย่าให้มีอีก เพราะถึงจะมีคนคอยช่วยก็อย่าวางใจ เข้าใจไหม?” หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลิ่นแก้วคงรู้แล้วว่าเขาให้คนตามเฝ้า

“ก็มันประจวบเหมาะ จะทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้นี่ครับ” แก้ตัวเสียงออด

“แถมช่วยถูกคนซะด้วยนะ”

ถูกย้อนมาแบบนั้นกลิ่นแก้วก็ยิ้มแห้ง เรื่องนี้ก็พาให้อึดอัดใจเหมือนกัน ฟรานเชสโก้ ไรท์ นั่น

เอวานถอนใจ “ยิ่งอยากให้หนีห่าง ก็ยิ่งได้พบเจอ ฉันจะเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหนดี?”

ราวรำพึงรำพันกับตัวเองเสียมากกว่าจะถามความเห็น ทำไมคนพวกนั้นถึงเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเด็กของเขาไม่หยุดหย่อน คนนี้ผ่านไป คนนั้นก็เข้ามา เมื่อไรจะหมดเสียที

ปลายนิ้วที่ยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มทำให้กลิ่นแก้วช้อนมองก่อนยิ้มบาง “ไม่เห็นต้องซ่อน ผมบอกแล้วไงว่าจะอยู่กับคุณ ต่อให้คุณไล่ ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น”

“ให้มันจริง”

เอวานบีบจมูกเด็กช่างเอาใจด้วยความมันเขี้ยว ก่อนกำชับให้ระวังตัวให้มากกว่านี้ เพราะถึงมีคนตามเฝ้า แต่ใช่ว่าจะปลอดภัยหากเอาตัวเข้าไปอยู่ในอันตรายเสียเอง ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบรับปากเร็วไวไม่ให้ต้องกังวล


.........


Ace Casino

ฟรานเชสโก้เปิดไฟล์ภาพที่ได้มาจากนักสืบ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพที่ออกจะเป็นส่วนตัว ไม่รู้ว่านักสืบที่เขาจ้างทำงานดีมากจนถึงขนาดว่าตึกที่มีความปลอดภัยสูงยังหาวิธีเก็บรูปมาให้ได้ หรือที่จริงความปลอดภัยที่โครงการนั่นโฆษณามันแค่ราคาคุยกันแน่

“ฟราน”

สายตาคมตวัดมองผู้ที่โผล่เข้ามาในห้องทำงานของตนโดยไม่ได้รับอนุญาต กดออกจากหน้าไฟล์ภาพแล้วงับปิดเครื่องช้า ๆ ขณะที่อีกฝ่ายมองอาการนั้นด้วยความสงสัย

“ทำอะไร?”

“เข้ามาทำไม?” เลือกที่จะไม่ตอบแต่ถามกลับ สีหน้ายังนิ่งเฉยไม่ให้จับอะไรได้

โอลิเวอร์กอดอก หรี่ตาจับพิรุธ แต่เมื่อมีเรื่องสำคัญมากกว่าอะไรก็ตามที่ผู้เป็นพี่ชายพยายามปกปิดเลยเลิกใส่ใจ แล้วหันมาพูดธุระของตนแทน

“ได้ข่าวว่าไปร่วมผจญภัยกับหลานชายสุดที่รักมา”

“.........”

“ไม่คิดว่าคนอย่างนายจะต้องให้เด็กเมื่อวานซืนเข้ามาช่วย” อีกคนยังว่า

“ฉันก็ไม่คิด”

“หือ?” คิ้วมาเฟียหนุ่มเลิกสูงเมื่อพี่ชายตอบมาเช่นนั้น

“เด็กนั่นโดดเข้ามาช่วยแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ทั้งที่ตัวเองไม่มีอาวุธในมือสักอย่าง”

“เด็กนั่นคงได้ใจนายไปโขเลยสิ”

ดวงตาคมเหลือบขึ้นมองน้อง “จะพูดอะไรกันแน่?”

ผู้เป็นน้องไหวไหล่ “เปล่า ก็แค่คิดว่านายมันชอบพวกลุย ๆ แบบนี้เป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งเด็กนั่นเป็นสายเลือดเดียวกันกับเรา นายคงยิ่งให้ความสนใจ”

“นายคงไม่ได้มาหาฉันแค่เพราะเรื่องนี้หรอกนะ” ฟรานเชสโก้เบี่ยงประเด็น หยิบแฟ้มงานมาเปิดเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับผู้เป็นน้องชายมากนัก

โอลิเวอร์เดาะลิ้น พี่ชายของเขานี่ก็ช่างรู้ดีไปเสียหมด จุดประสงค์ที่มาไม่ใช่เพราะเรื่องเด็กนั่นหรอก เพราะหลังจากที่ฟรานเชสโก้เอากิจการทั้งหมดที่ยึดจากตาเฒ่าริชาร์ด พาร์เลอร์ มาแลก เขาก็ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอีก

“นายจัดการเจ้านั่นยังไง?”

“หมายถึง?”

“คนที่จะเข้ามาทำร้ายนาย”

ชะงักมือที่กำลังเปิดแฟ้ม ก่อนบอกเสียงเรียบ “ส่งให้ตำรวจจัดการไปแล้ว”

“ตำรวจ?” โอลิเวอร์เสียงดัง “นายบอกว่าส่งให้ตำรวจ พระเจ้า!”

“มีปัญหาอะไรหรือไง?” ผู้เป็นพี่ชายย้อนถาม

“สมองนายมีปัญหาเหรอ ฟราน?”

“.........”

“นายก็รู้ว่าคนที่ทำธุรกิจแบบเราเคยญาติดีกับตำรวจที่ไหน แล้วนี่นายดันยกเจ้านั่นให้ตำรวจจัดการ คราวนี้ได้วุ่นวายกันแน่” ถึงจะพูดอะไรไป พี่ชายเขาก็เฉยจนน่าหมั่นไส้ โอลิเวอร์เลยได้แต่ถอนใจแรง ก่อนถาม “แล้วนายรู้ไหมมันเป็นพวกไหน?”

“ก็แค่พวกเศษสวะ”

“เหอะ ระวังมันจะย้อนกลับมาพันคอนายแล้วกัน” เขาหมั่นไส้มันจริง ๆ นะ ให้ตายเถอะ

“หมดธุระของนายแล้วหรือยัง?”

“ยัง”

“........”

“มากาเร็ต วิลล์สัน กำลังจะแต่งงานใหม่” โอลิเวอร์เข้าประเด็น

“เป็นเรื่องที่น่ายินดี” ฟรานเชสโก้ว่าอย่างนั้น

“ดูนายไม่ร้อนใจ”

“แล้วทำไมต้องร้อนใจ?”

“ก็ถ้ายายนั่นแต่งงานใหม่ สามีของหล่อนต้องเข้ามาวุ่นวายกับธุรกิจเราแน่ แล้วก็คงต่อยอดไปถึงลูกถึงหลาน จากที่ Ace เคยเป็นแค่ของเรา ได้กลายเป็นสาธารณะไปแน่ ๆ” โอลิเวอร์สาธยายถึงปัญหาที่จะตามมาหลังจากนั้น

“มันไม่ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก” ผู้เป็นพี่ชายยังใจเย็น

“ทำไม่จะไม่ร้ายแรง...”

“ก็ถ้ากลัวว่าเขาแต่งงานมีลูกมีหลานแล้วที่นี่จะกลายเป็นหุ้นสาธารณะ นายก็แต่งบ้างสิ มีลูกมีหลาน เอามาคานอำนาจมากาเร็ตซะ ดีไหม?”

“.........” มองอีกฝ่ายเหมือนเห็นตัวประหลาด คนอย่างฟรานเชสโก้ที่ครองความโสดมาจนป่านนี้พูดเรื่องแต่งงานกับเขานี่นะ?

“ถ้าไม่หวงความโสด แม่สาวตระกูลเทย์เลอร์ก็น่าสนใจไม่หยอก หรือนายว่าไง?” ฟรานเชสโก้ชี้ทาง

วาเนสซ่า เทย์เลอร์กับโอลิเวอร์รู้จักกันมานาน นานเสียยิ่งกว่าคู่รักตามข่าวในปัจจุบันเช่นเอวาน เวสส์ เสียอีก นอกจากความสวยแล้วเธอยังได้ชื่อว่าเป็นหญิงเก่งคนหนึ่ง บริหารธุรกิจได้ ชาติตระกูลก็ดี มีหน้ามีตาในสังคม เรียกได้ว่าครบเครื่อง

“เป็นความคิดที่ไม่เลว” โอลิเวอร์ว่า “ถ้าเธอไม่ได้มีเอวาน เวสส์อยู่ก่อนแล้วน่ะนะ”

“นายกลัว?”

“แค่ไม่อยากมีปัญหากับคนกันเอง” หนุ่มตัวโตไหวไหล่

“หึ สาวเจ้าไม่เล่นด้วยมากกว่ามั้ง”

“.........” ทำเป็นรู้ทัน

“ถ้านายอยากลงหลักปักฐานกับใครสักคน เรื่องเที่ยวสนุกก็ควรจะลดลงบ้าง เอาเวลาไปใส่ใจเธอให้มาก ไม่แน่ เธออาจจะหันมามองนายบ้างก็ได้”

โอลิเวอร์ทำเสียงเหอะ “ทำไมฉันต้องให้คนที่ไม่เคยมีความรักแบบนายมาสอนด้วย?”

“..........”

“คนบูชาครอบครัวแบบนาย ชาตินี้จะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าธุรกิจกับชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไหมถามจริง ๆ ?”

ว่าจบก็หมุนตัวกลับ ตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป ทำให้พี่ชายร้องถาม

“จะไปไหน?”

“ทำงาน”

“มาแค่นี้?”

“เออ”

คิ้วฟรานเชสโก้ขมวดเมื่อมองตามหลังน้องชายจนพ้นประตูไป จะไปจะมาแล้วแต่อารมณ์พ่อเจ้าประคุณเขาจริง ๆ เขาส่ายหน้าหน่ายใจเบา ๆ ก่อนลุกไปล็อคประตูแล้วกลับมาที่โต๊ะเพื่อเปิดรูปในโน้ตบุ๊กดูอีกครั้งด้วยสีหน้าเครียดเคร่ง

อะไรที่สำคัญมากไปกว่าธุรกิจและชื่อเสียงวงศ์ตระกูลอย่างนั้นหรือ...?


........


จุดรอรถหน้าโรงเรียนของกลิ่นแก้วในช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังเลิกเรียน รถติดฟิล์มกันกระสุนคันหนึ่งแล่นมาจอดลงตรงหน้า กลุ่มของกลิ่นแก้วที่กำลังคุยกันอยู่ต้องเงียบเสียง เมื่อกระจกด้านหลังค่อยเลื่อนลงให้เห็นว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวคือใคร คาร์เตอร์ก็กอดอกมอง รู้สึกรำคาญที่คนคนนี้เข้ามาวุ่นวายกับเพื่อนของตนไม่เลิก

“ขึ้นรถสิ”

คำบอกเล่าหรือคำสั่งไม่อาจแน่ใจ กลิ่นแก้วทำหน้างง ฝ่ายนั้นจึงต้องขยายความ

“จะพาไปทำแผล”

นั่นไม่ได้ทำให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดมากขึ้นแม้แต่น้อย กลับงงหนักกว่าเดิมเสียมากกว่า ฟรานเชสโก้ ไรท์ มาเฟียใหญ่แห่ง Ace Casino มาหาเขาถึงหน้าโรงเรียนเพื่อที่จะพาไปทำแผล อย่างนั้นหรือ?

“หมอนัดดูแผลวันนี้ไม่ใช่หรือไง?”

มันก็จริง แต่ออกจะแปลกใจอยู่ที่อีกฝ่ายจำได้ว่าตนมีนัดวันนี้ ขณะที่เพื่อนอย่างคาร์เตอร์กลอกตาหน่าย ๆ พลางว่า

“บอกเขาไปสิว่านายไปเองได้”

ลอยน์รีบกระตุกแขนคาร์เตอร์ที่พูดไม่คิด นั่นมาเฟียใหญ่เลยนะ ดูสายตาเขาตวัดมองมาสิ ทำเอาต้องกลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจเลย อย่าเพิ่งเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยการขัดคอมาเฟียแบบนี้เลยน่า คาร์เตอร์

“ขอบคุณนะครับ แต่ไม่รบกวนดีกว่า...”

“เธอเจ็บตัวเพราะฉัน ถึงต้องรับผิดชอบ” ฟรานเชสโก้แทรก

“แค่คุณพาผมไปส่งโรงพยาบาลวันนั้นก็พอแล้วล่ะครับ แผลเล็ก ๆ แค่นี้อย่าใส่ใจเลย”

“จะเล็กจะใหญ่ ต้นเหตุก็มาจากฉัน มันคงติดค้างในใจถ้าไม่ดูแลจนเธอหายดี เพราะถึงยังไงเธอก็เป็น...” คำพูดของฟรานเชสโก้หยุดลงเมื่อในบริเวณนี้ไม่ได้มีเพียงเขาและเด็กตรงหน้า

“ผมขอบคุณน้ำใจดีของคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้เลย ผมดูแลตัวเองได้”

“หรือเธอกลัวที่ต้องไปกับฉัน?”

กลิ่นแก้วมุ่นคิ้ว รู้สึกยุ่งยากใจที่ถูกดักมาแบบนั้น “จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ครับ ถึงผมจะบอกว่าดูแลตัวเองได้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงทั้งที่ไม่รู้ว่าลึก ๆ คุณมาดีหรือมาร้าย ผมไม่อยากให้เอวานต้องเป็นห่วงหรือเดือดร้อนจากการกระทำไม่คิดหน้าคิดหลังของผมอีก”

“ดูเธอเป็นห่วงความรู้สึกเขาจริงนะ” ฟรานเชสโก้ว่าเสียงเรียบ

“เพราะเขาทำทุกอย่างเพื่อผมมาโดยตลอด คงไม่แปลกอะไรถ้าผมจะเป็นห่วงความรู้สึกเขามากกว่าใคร”

“หึ”

สิ้นเสียงนั้น ฟรานเชสโก้ก็ปรายมองคนของตน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็กรูลงจากรถ คาร์เตอร์กับลอยน์พากันแตกตื่น ขณะที่กลิ่นแก้วเบิกตาโตเมื่อกลุ่มชายตัวใหญ่ยักษ์จะเข้ามาจับตัว

คนของเอวานที่ซุ่มดูอยู่แถวนั้นพุ่งมาขวาง ปากกระบอกปืนจากคนของฟรานเชสโก้ชักออกมาเล็งจ่อขณะที่คนของเอวานก็ไวพอกัน ทำให้กลายเป็นว่าทั้งสองฝั่งต่างประจันหน้าพร้อมอาวุธในมือ สร้างความแตกตื่นให้เด็กนักเรียนบริเวณนั้นจนเกิดความอลม่านย่อม ๆ ขึ้นมา

“ขึ้นรถ” คนในรถสั่งมาเสียงเข้ม

กลิ่นแก้วเม้มปาก ไม่คิดว่าจะมาไม้นี้ ทั้งที่คิดว่าจะดีกว่าน้องชายอย่างโอลิเวอร์ ที่แท้ก็ไว้ใจไม่ได้พอกัน ในเวลานี้ถ้าเขาขัดขืนคงได้เจ็บตัวกันอีก ที่ห่วงมากกว่าตัวเองก็คนของเอวานและเพื่อนที่อาจจะโดนลูกหลง แต่ถ้าเขายอมไปตามคำสั่งก็ยังพอยืดเวลาได้อีกนิด อาจจะคิดหาทางรอดออก ตอนนี้มันจวนตัว คิดอะไรไม่ทัน แต่ที่แน่ ๆ ฟรานเชสโก้คงไม่พาเขาไปฆ่าไปแกงในตอนนี้ ทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้มันเหมือนประกาศตัวเป็นศัตรูกับเอวานและมาดามเจฟเฟอร์สันแบบชัดเจนมากจนเกินไป

เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้วกลิ่นแก้วจึงยอมขึ้นรถ คาร์เตอร์กับลอยน์พากันตกใจที่เพื่อนทำอะไรแบบนั้น คนของฟรานเชสโก้ลดปืนในมือลงเพื่อเข้าประจำที่ในรถ ขณะที่คนของเอวานรีบถลามาหากลิ่นแก้ว

“เขาแค่จะพาไปทำแผล” กลิ่นแก้วบอก ก่อนหันไปทางฟรานเชสโก้ “ใช่ไหมครับ?”

ไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย แววตาดุ ๆ นั่นเพียงปรายมอง ขณะที่รถเคลื่อนตัวออกไป ปล่อยให้คนของเอวานได้แต่เจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะโทรรายงานเรื่องนี้ให้ผู้เป็นนายทราบ






TBC

บวกขอบคุณทุกท่านค่ะ  :pig4:


ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เอวานตอนนี้เหมือนจะชัดเจนยิ่งกว่า 4k 5555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ถึงจะมาตอนละไตรมาส แต่ละตอนก็คุ้มค่าการรอคอย จำตอนเดิมไม่ได้จนต้องกลับไปอ่านตอนก่อน เค้าสองคนรู้ใจกันก็ดีแล้ว รอเด็กโตก่อนนะเอวาน

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เอวานยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้วสินะ o18 o18 o18

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอเขาสารภาพอยู่นะ :hao7:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
เกือบลืมแล้วนะเนี่ย

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กำลังเข้มข้นได้ที่่่่เลย o13

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รออยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ toonsora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่มาต่อแล้วหรอคะ หายไปนานมากกกกกก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด