โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 14 ; (25/12/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 14 ; (25/12/61)  (อ่าน 26013 ครั้ง)

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #60 เมื่อ26-10-2018 05:51:08 »

น้องพู่...น้องมโนไปไกลแล้วนะคะ..เรื่องกำลังจะดีอยู่แล้วเนี้ย....แต่ไม่เป้นไร...ให้อิพี่ครามมันง้อหนักๆเดินหน้าง้อให้สุดๆ...น้องพู่จะทนรับไหวม่ะล่ะ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #61 เมื่อ26-10-2018 08:20:51 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #62 เมื่อ26-10-2018 11:06:19 »

สนุกจ้า  ติดตามค่ะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #63 เมื่อ26-10-2018 11:28:07 »

พี่ปัถย์ กินแห้วสินะคะ กรีดร้อง แงงงงง
แต่ถ้าครามชัดเจนกับความรู้สึก เจ๊ก็โอเคนะ เจ๊มันคนใจง่าย
ใครรักน้องเราก็ดีด้วย
แต่ตอนนี้ แก้ปัญหาเข้าใจผิดก่อนนนนนนน

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #64 เมื่อ27-10-2018 07:06:31 »

ผู้อาจจะไปหาพี่ปัต แล้วมันก้จะสายไปแล้วไงอิพี่คราม

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 09 ; (25/10/61)
«ตอบ #65 เมื่อ27-10-2018 23:21:14 »

เรื่องมันอิรุงตุงนังไปหมด ครามได้ง้อหนักแน่เพราะความไม่ชัดเจนของตัวเองเลยจ้า

ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #66 เมื่อ03-11-2018 21:53:11 »

10
strangers again


//


“ถึงแล้วเหรอครับ” พู่กันกรอกเสียงลงไปทันทีเมื่อกดรับสายของพี่ปัถย์ ความจริงอีกฝ่ายบอกเขาว่าจะไปเชียงใหม่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่เพราะการดีลงานกับลูกค้าผ่านไปได้อย่างฉลุยก็เลยรีบบินกลับมา “พี่รอผมแป๊บนึง”

แน่นอนว่าเขาถามเหตุผลของพี่ปัถย์แล้วว่าทำไมถึงไม่อยู่เที่ยวให้ครบอาทิตย์ก่อนค่อยกลับก็ได้ความมาว่า ‘อยากเอาของฝากกลับมาให้เร็วๆ’ แต่นั่นเป็นเหตุผลรอง ส่วนเหตุผลหลักนั่นก็...

(ให้ไวครับ อยากเจอ) นี่แหละส่วนสำคัญที่พี่ปัถย์ส่งมาบอกเขาตั้งแต่วันที่ไปถึงเชียงใหม่ ขนาดเพิ่งไปถึงก็รีบทักมาบ่นว่าอยากกลับไปเจอแล้ว พู่กันหัวเราะเบาๆ กับความช่างหยอดของคนพี่ อันที่จริงเรานัดเจอกันตอนเย็นของวันนี้ แต่เพราะอีกฝ่ายต้องไปรับคุณแม่ที่เลื่อนไฟล์ทกลับมาจากเวียดนามกะทันหัน นัดของพวกเขาก็เลยล่มไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็แก้ไขด้วยการเปลี่ยนเวลาการเจอกันให้เร็วขึ้น

พู่กันกดเปิดแอพพลิเคชั่นแชทแล้วกดซ่อนแชทที่เคยอยู่บนปักหมุดของเขาเพื่อให้แจ้งเตือนสีแดงนั้นหายไป ตั้งแต่ครามเข้าโรงพยาบาลตอนนี้ก็หลายวันแล้วที่ไม่ได้คุยกัน เขาตั้งใจหลบหน้าและตัดขาดการติดต่อเสมือนเราไม่เคยอยู่ในวงโคจรของกันและกัน

เขาไม่ไปเยี่ยมครามตามแบบที่พูดแม้ว่าน้ำเงินจะมาบอกว่าครามอยากเจอ ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่เหตุผลก็อาจคงไม่พ้นเรื่องของพี่นับ เพราะข้อความที่ได้รับซ้ำๆ ติดต่อกันคือคำถามที่ว่า ‘โกรธเหรอ’ หรือ ‘เป็นอะไรทำไมไม่ตอบ’ และประโยคบอกเล่าที่พร่ำบอก ‘ขอโทษ’ กับ ‘ตอบหน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย’

เช่นนั้นเวลาที่กลุ่มเพื่อนจะไปหาครามเขาก็อ้างกับน้ำเงินว่าต้องกลับไปช่วยแม่ทำขนม แต่ก็ยังถามไถ่อาการอยู่บ้างจนได้รู้ว่าอีกฝ่ายกลับบ้านมาได้เมื่อวาน ถามว่าเป็นอย่างไรกับการที่ไม่ได้คุย ก็มีความรู้สึกแปลกๆ แล้วเหมือนจะร้องไห้ออกมาทุกครั้งที่เห็นว่าครามทักหรือโทรเข้ามา เขาเป็นคนใจแข็งแม้ว่าส่วนหนึ่งจะมาจากการพยายามแสดงออกให้เป็นอย่างนั้น

แต่พู่กันก็ต้องทำเพื่อจบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนลงเสียที

“มึงเดี๋ยวกูมานะ” เขาหันไปบอกเพลิงที่กำลังนั่งเท้าคางแบบตาจะปิด หนังสือเล่มใหญ่ตรงหน้าก็เป็นเพียงพร็อบบังคับ ถ้าคนอย่างไอ้เพลิงอ่านหนังสือก็เหมือนบอกว่าหมิงเหมยจะไม่ทะเลาะกัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้

“ไปไหนวะ” คนตาปรืออ้าปากหาววอดๆ พร้อมคำถามนั่นทำให้พู่กันต้องเอื้อมไปตบแก้มเพื่อเรียกสติ “สัด จะฟ้องหมิง”

“ทำตัวเป็นเด็กเลยห่า ขี้ฟ้อง”

“ตกลงมึงจะไปไหน” เพลิงถามย้ำอีกครั้งขณะมองเพื่อนตัวจ้อยเก็บเครื่องเขียนลงกระเป๋า “อ้อ หรือไปหาพี่ปัถย์”

“เออ พอใจมึงแล้วนะ กูไปละ เดี๋ยวมา” ไม่รอให้อีกฝ่ายขานตอบเขาก็รีบชิงลุกออกมาทั้งที่ยังเก็บของไม่เสร็จ ขืนอยู่ต่อคงได้โดนแซว เพราะเพลิงน่าจะโดนหมิงเสี้ยมสอนให้กวนตีนมาเยอะเช่นกัน

ร่างบางเดินลิ่วๆ ลงมาจากชั้นบนโดยไม่ได้มองแวดล้อมรอบด้าน ก่อนข้อมือเล็กจะถูกคว้าด้วยความรวดเร็วจากคนที่ดักรออยู่และเป็นคนที่พู่กันไม่อยากเจอมากที่สุด

“เฮ้ย!”

“มึงหลบหน้ากูทำไม” คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าถ้าได้เจอกันต้องไม่พ้นคำถามนี้ เจ้าของร่างเล็กไม่แม้แต่หันหน้ากลับไปมอง เพราะเพียงแค่ได้ยินเสียงความเข้มแข็งที่เคยมีก็พังทลายลงเสียแล้ว “พู่กัน”

“ปล่อย” เขากัดฟันตอบก่อนจะสะบัดข้อมือเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ

“มึงโกรธที่กูปิดเครื่องเหรอ” ครามพูดเสียงเบาเพราะไม่รู้แน่ชัดว่าไปทำให้น้องโกรธเรื่องใด “กูขอโทษ”

“ช่างเหอะ” เสียงหวานกำลังจะสั่นไหวในอีกไม่ช้าหากครามยังคงอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาไม่ต้องการที่จะได้ยินอะไรทั้งนั้น

“โกรธกูมากเลยเหรอพู่กัน” ยิ่งได้ยินคำถามก็ยิ่งได้รู้ว่าจริงๆ แล้วครามก็ไม่ได้รู้อะไรเลยสักอย่าง “มึงไม่ไปหากูเลย ทำไม”

“ผมมีธุระ” เขาตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้า ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแบบไม่รู้ตัวเมื่อเห็นว่าตรงศีรษะของอีกฝ่ายมีผ้าก๊อซปิดอยู่ อยากถามเช่นกันว่าเจ็บมากไหม แต่ภาพของวันนั้นกลับทำให้เขาพูดออกไปได้เพียงแค่... “ก็หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“กูมีเรื่องจะคุยด้วย” ครามคิดเอาไว้แล้วว่าถ้าได้เจอกันจะต้องพูดเรื่องที่เขาชอบน้องสักที ไม่อยากปล่อยให้ค้างคาแต่พอสถานการณ์ระหว่างเราเป็นแบบนี้ก็ทำให้เขาเลือกที่จะเก็บเอาไว้ก่อน เพราะการสารภาพรักทั้งที่ยังตึงกันอยู่คงไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่

“เรื่อง?” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วยุ่งแต่พออีกฝ่ายทำทีอ้ำอึ้งก็รีบตัดบท “ถ้าไม่มีอะไร ผมไปนะ รีบ”

ไม่รู้หรอกว่าเรื่องของครามคืออะไรและสำคัญแค่ไหน แต่ใจเขาตอนนี้ไม่พร้อมที่จะรับฟังเรื่องอะไรทั้งนั้น พู่กันพยายามจะชักมือของตัวเองออกจากการจับกุมแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของครามได้

“พู่ กูไม่ได้ตั้งใจ” เพราะคำว่าไม่ตั้งใจทำให้นึกย้อนไปถึงความผิดพลาดครั้งแรกที่เกิดขึ้นและมันไม่มีใครตั้งใจให้เกิด ครั้งที่สองก็ยังคงยกข้ออ้างนั้นจนทุกอย่างมันเลยเถิด ไม่ว่าจะลงลึกมากแค่ไหนแต่ก็ยังคงได้ยินคำว่าไม่ตั้งใจจากปากของครามอยู่ดี

“กี่ทีๆ พี่ก็บอกแต่ไม่ตั้งใจ” ครามสะดุ้งเฮือกเมื่อเด็กตรงหน้าใช้น้ำเสียงเชิงหงุดหงิด “ถามจริงเหอะ กับผมพี่เคยตั้งใจทำอะไรบ้างวะ”

“ตั้งใจมาง้ออยู่นี่ไง”

“...”

“กูตั้งใจมาง้อมึงจริงๆ”

“แต่ผมไม่อยากให้พี่ง้อ ...ไม่ต้องมาง้อผมแล้ว” พู่กันจำใจต้องพูดออกไปด้วยความฝืน แม้ลึกๆ จะพาลหัวใจกระตุกวูบตอนที่ครามบอกว่าตั้งใจมาง้อ ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีตอนที่ได้ยินเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่อยากเข้าไปติดกับดักของนายพรานอีกแล้ว ...เพราะนายพรานไม่เคยใจดีกับเขาหรอก

“หมายความว่าอะไร”

“ผมไม่อยากยุ่งกับพี่แล้วว่ะ” ร่างสูงเริ่มหน้าซีด หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของพู่กันทำให้ภาพความทรงจำครั้งเก่าหวนกลับคืนมา สิ่งที่เขากลัวคือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ครามกำลังจะเอ่ยปากบอกว่าอย่าพูดคำนั้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน “เลิกยุ่งกันได้ไหม”

“เดี๋ยวดิ มึงโกรธกูมากเลยเหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธ แต่...”

“ไม่อยากยุ่งกับกูแล้ว” ชายหนุ่มขานตอบประโยคถัดมาจากนั้นที่เขารู้เพราะเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง และในตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้นอีก ครามไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ “ทำไมวะพู่”

“...”

“ถ้าเรื่องที่กูปิดเครื่อง กูอธิบายได้”

“มันไม่ใช่แค่เรื่องนี้ดิ” ครามขมวดคิ้วยุ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น

“มึงเป็นอะไรก็บอก ไม่พูดกูจะรู้ไหม”

“ผมพูดจริงๆ นะคราวนี้” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ หากยังคุยกันอยู่อย่างนี้มีหวังเขาต้องได้ร้องไห้ต่อหน้าครามแน่ๆ “เลิกยุ่งกันเถอะนะ ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ถ้าพี่เจอผมเมินกันไปเลย ไม่ต้องทัก ไม่ต้องมอง ไม่ต้องให้น้ำเงินมาช่วยคุย”

“...”

“ให้เรากลายเป็นคนแปลกหน้า ให้มัน... เป็นเหมือนตอนนั้น” ประโยคสุดท้ายพู่กันพูดออกไปอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกเจ็บตรงหัวใจก่อตัวขึ้นซ้ำอีกครั้ง เขาเจ็บ... เจ็บที่เป็นคนสร้างโซ่เส้นนี้ขึ้นมากับมือทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายต้องเจ็บปวด

“กูไม่เข้าใจว่ะพู่ กูทำอะไรผิดวะ”

“ไม่ผิดที่พี่หรอก”

“ถ้าไม่ผิดที่กูแล้วทำไม...”

“มันผิดที่ผม”

“...”

“ผิดที่ผมไม่อยากอยู่ข้างพี่แล้วจริงๆ” พู่กันตอบเสียงผะแผ่วก่อนจะแกะข้อมือของตัวเองออก แต่ครามก็ยังคงดึงดันที่จะจับเอาไว้และออกแรงมากขึ้น “ปล่อยผมดิพี่”

“กูไม่ปล่อย มึงต้องพูดให้กูเข้าใจก่อน” เขาไม่เข้าใจว่าทำไมน้องถึงได้อยากจะเลิกยุ่งกันและเพราะไอ้ความไม่เข้าใจทำให้เขาเผลอบีบข้อมือพู่กันแรงขึ้นจนเด็กตรงหน้าท้วงออกมา

“เจ็บ! พี่ครามผมเจ็บไง!”

“เฮีย!”  ข้อมือเล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อได้ยินเสียงตะโกนขัดจังหวะ พู่กันหันไปมองเพื่อนสนิทที่วิ่งเข้ามาหาหน้าตาตื่นพร้อมกับเหมยที่เดินตามมาติดๆ ถามว่าเป็นโชคดีไหมก็ตอบได้ไม่เต็มปากนัก เพราะน้ำเงินดันเข้ามาเห็นตอนเขาทะเลาะกับครามแบบนี้

“พู่ กู...” ครามกำลังจะเอ่ยปากขอโทษที่เผลอบีบข้อมือแรงเกินไปเมื่อครู่แต่ก็โดนขัดจังหวะอีกครั้ง สาบานได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้องเจ็บเลยแม้แต่นิด

“ทะเลาะอะไรกันเหรอ”

“เปล่า” พู่กันชิงตอบก่อนเขาจะหันไปมองเหมย ซึ่งเพื่อนตัวโย่งอีกคนก็พยักหน้าให้เป็นเชิงรู้กัน “แค่ไม่เข้าใจกัน”

“แล้ว...”

“น้ำ” ครามหันไปหาน้องชายเพื่อหวังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร พู่กันก็พูดตัดบทขึ้นมาเสียดื้อๆ

“กูไปก่อนนะ พี่ปัถย์รออยู่”

ครามได้แต่มองแผ่นหลังของพู่กันที่วิ่งไกลออกไป แค่คำว่าขอโทษก็ยังไม่ทันจะได้พูด จากสายตาที่มองตามเจ้าของร่างเล็กจำต้องกลับมามองหน้าน้องชายเพราะถูกสองมือประคองหน้าให้หันกลับมา ในตอนนี้เหลือเพียงแค่เขากับน้ำเงินเพราะเหมยเดินตามพู่กันไป

“เมื่อกี้เฮียทำอะไร” น้ำเงินถามด้วยความกังวล ก็รู้ว่าทั้งสองไม่ถูกกันแต่เมื่อกี้ที่เห็นมันดูรุนแรงมากกว่าการจิกกัดเหมือนอย่างเคย และเขาสังเกตเห็นความผิดปกติของพู่กันตั้งแต่วันแรกที่ไปหาพี่ครามแล้วขอตัวกลับก่อน อันที่จริงก็คิดว่าจะไม่ถามเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาคงปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว “มีอะไรจะเล่าให้เราฟังไหม”

“ไม่มีครับ”

“เราถามอีกที” น้องชายย้ำอีกครั้งและการกระทำนั้นทำให้ครามต้องหลบสายตาไปทางอื่น “มีอะไรจะเล่าไหม”

“ไม่...”

“ถ้าเฮียพูดจริง เฮียจะไม่หลบตาเรา” ครามตวัดสายตากลับมามองอีกครั้ง เขาไม่เคยปิดบังอะไรน้ำเงินได้เลยแม้แต่นิด

“เฮียแค่...”

“เรายังเป็นคอมฟอร์ดโซนของเฮียอยู่ไหม”

น้ำเสียงเจือความน้อยใจที่หลุดออกมาจากปากของน้ำเงินทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ครามดึงคนเป็นน้องชายเข้ามากอดแน่นๆ และเจ้าเด็กตัวเล็กนั่นรู้ว่าต้องทำอย่างไร สองแขนเล็กยกขึ้นโอบแล้วกอดเอาไว้ สัมผัสแผ่วเบาลูบหลังเขาเสมือนอยากปลอบประโลม ครามปล่อยให้น้องกลายเป็นที่พังพิกให้อย่างนั้น

เพราะตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน

*

ควันสีหม่นพ่นออกมาอย่างหนักหน่วงขณะสายตาคมยังคงจับจ้องอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ข้อความนับร้อยที่ส่งไปหายังไม่ได้รับการตอบกลับหรือแม้กระทั่งเปิดอ่าน  ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะโยนมวนบุหรี่ในมือทิ้งลงบนพื้นแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า คาดว่าอย่างไรก็คงไม่เปิดอ่านเหมือนหลายวันที่ผ่านมา

ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันยิ่งกว่าคำว่าแย่เพราะไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไป แต่ที่เป็นอย่างนี้ก็ไม่โทษใคร ถ้าไม่ใช่เรื่องที่ปิดเครื่องเขาก็ต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ครามคงปล่อยให้เรากลายเป็นคนแปลกหน้าไม่ได้

เขาชอบน้อง ชอบจริงๆ แบบที่ปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย

“เฮีย พอก่อนดีไหม” เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะตอนกำลังจะจุดไฟแช็กให้เผาไหม้บุหรี่มวนใหม่ที่คาบไว้ในปาก เขาหันไปมองก่อนจะต้องโยนมันทิ้งลงบนพื้นแม้จะยังไม่ได้จุดแต่ก็ไม่เสียดาย หากนับรวมกับที่อยู่บนพื้นตอนนี้เขาก็อัดมันเข้าไปมากกว่าเจ็ดตัวแล้ว

“ครับ” เขาขานตอบแล้วทิ้งตัวเองลงนั่งบนพื้นโดยที่ไม่กลัวว่าจะเลอะ พื้นที่ใช้สอยหลังบ้านกลายเป็นสถานที่พักพิงและทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น “พู่รับโทรศัพท์ไหม”

“ไม่ครับ”

“แย่มากเลยใช่ไหมครับ” คนเป็นพี่ชายแค่นเสียงถามด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเอง “เฮียน่ะ”

“ถ้าเรื่องพู่กัน ...ก็ใช่ เราไม่เห็นด้วยที่เฮียทำแบบนี้” ครามพยักหน้ารับรู้ แม้จะเป็นพี่น้องกันและน้ำเงินรักเขามากแต่ก็ไม่เคยเห็นด้วยในเวลาที่เขาทำผิด ถ้าทำแบบนี้แล้วน้องไม่โอเคก็จะพูดให้เขาได้รับรู้

น้ำเงินเป็นคอมฟอร์ดโซนของเขาเสมอแต่ที่ไม่เล่าอะไรให้ฟังเพราะไม่อยากให้ต้องมาเครียดไปด้วยกับเรื่องที่เขาผูกขึ้นมา แต่สุดท้ายวันนี้ครามก็ทำหน้าที่พี่ชายผิดพลาดพ่วงไปกับหน้าที่ของคนกำลังจะสารภาพรัก

ผิดพลาดทุกอย่าง

“เฮียขอโทษครับ”

“คนที่เฮียต้องขอโทษไม่ใช่เรา” คนเป็นน้องเดินเข้ามาหาแม้จะไม่ชอบกลิ่นบุหรี่เหมือนๆ กับพู่กันก็ตาม “แต่เป็นพู่กัน”

หลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้ำเงินฟัง น้องก็โกรธพอสมควรและบอกว่าเขาไม่ควรสร้างความสัมพันธ์ซับซ้อนนี้ให้เกิดขึ้น ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าพู่กันเป็นอะไรก็ตาม

“เฮียบอกแล้ว”

“...”

“แต่ก็เป็นแบบที่หนูเห็น” คำว่าหนูถูกดึงกลับมาใช้อีกครั้งหลังจากที่อีกฝ่ายยกสรรพนามนี้ให้เป็นขององศาเพราะครามกำลังอ่อนแอถึงที่สุดและไม่มีใครรับฟังเขาได้นอกจากน้ำเงินอีกแล้ว “เฮียไม่เคยรู้สึกแย่เท่าวันนี้เลยหนู”

“อื้อ เราก็พอจะรู้” น้ำเงินขานตอบเสียงแผ่ว ยามเห็นพี่ชายยกมือขึ้นลูบใบหน้าเสมือนคนหมดแรงก็ยิ่งทำให้ความเป็นห่วงทวีคูณมากขึ้น สำหรับเขาครามเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดมาตลอดในทุกเรื่อง ไม่เคยทำอะไรขาดตกบกพร่อง ไม่เคยก้าวก่ายและวุ่นวายในเรื่องส่วนตัว ความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเรื่องความรักของพี่ชาย แต่เห็นทีวันนี้เขาอาจจะต้องขอละเมิดความเป็นส่วนตัวนั้นบ้าง

“เหมือนจะเก่ง แต่เฮียไม่เก่งเลยว่ะ”

“...”

“เฮียผูกเอง แต่แก้เองไม่ได้”

“เฮียจะโกรธเราไหม” คนหมดแรงเงยหน้าขึ้นมาน้องชายด้วยสายตาเชิงสงสัย “ถ้าวันนี้เราจะขอยุ่งกับความรักของเฮียสักนิดนึง”

ครามเพียงแค่ยิ้มจางๆ ก่อนส่ายหน้าแทนคำตอบ น้ำเงินจึงเอื้อมไปกุมมือพี่ชายเอาไว้หลวมๆ เขาเป็นห่วงครามมาก แม้ตอนที่รู้เรื่องจะโกรธอยู่ไม่น้อยก็ตามเพราะพู่กันก็เป็นเพื่อนที่เขารักมากๆ คนหนึ่งเช่นกัน แต่คนกลางอย่างเขาทำอะไรได้ไม่มากนัก  แถมยังไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนตั้งกฎเกณฑ์ในความสัมพันธ์ไว้แบบไหน แล้วพู่กันเป็นอะไรไปถึงได้ขอเลิกยุ่งกัน จะว่าเป็นเพราะมีพี่ปัถย์ก็คงไม่น่าจะใช่ เพราะตั้งแต่วันที่ครามเข้าโรงพยาบาลพู่กันก็ดูซึมๆ มาตลอด

สิ่งที่น้ำเงินทำได้ในตอนนี้คือการถามครามให้แน่ชัดเรื่องของความรู้สึกที่มีต่อพู่กัน เขาต้องฟังความทั้งสองข้างจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยอมรับว่าแอบคิดว่าเพื่อนเขาต้องชอบพี่ครามบ้างเหมือนกัน จากข้อความของพู่กันที่ส่งมาหลังจากโทรเข้าไปแล้วไม่ยอมรับว่า ‘เงิน กูขอโทษแต่ตอนนี้กูยังไม่พร้อมคุยว่ะ ขอเวลากูหน่อยนะ ถ้าพี่มึงเล่าอะไรให้ฟังก็อย่าไปโกรธนะ เข้าใจไหม มันไม่ได้ผิดที่พี่มึงคนเดียว’  ถ้าไม่ใช่เพราะครามคนเดียว พู่กันก็ต้องมีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน แล้วอะไรล่ะที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองผิด

“เฮียทำอะไรผิดยังไม่รู้เลย”

“คิดดีแล้วหรือยังครับ”

“ดีแล้ว ถ้าพู่บอกว่าเฮียทำอะไรผิดมันอาจจะ...”

“เรื่องที่เฮียทำผิด ก็ผิดตั้งแต่ที่เริ่มความสัมพันธ์แบบนี้แล้วไงครับ” น้ำเงินเอ่ยออกมาเสียงเบา “พู่ชอบเฮียหรือเปล่า”

“คงจะไม่... ไม่รู้ดิหนู เฮียไม่รู้เลย พู่กันไม่เคยไปไหน ไม่เคยปล่อยให้เฮียอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่เคยบอกว่าคิดอะไร ...เฮียเดาไม่ออก” ครามอยากคิดเข้าข้างตัวเองเช่นกันว่าที่น้องไม่เคยไปไหนเพราะชอบเขา แต่ในบางครั้งก็ไม่รู้ว่าที่พู่กันยังอยู่ด้วยนั่นเพราะสงสารหรือเปล่า

“ไม่เคยบอกว่าคิดอะไร แล้วไม่เคยแสดงออกให้เห็นเลยเหรอครับ หรือแสดงออกแล้วแต่เฮียไม่ได้สังเกต” ครามเหมือนจะเก่งในเรื่องความรักแต่จริงๆ แล้วก็ไม่ ...ไม่เลยสักนิด รายนี้ไม่เคยสังเกตสิ่งรอบตัวจนกว่ามันจะเปลี่ยนแปลงจนเห็นได้ชัด ที่น้ำเงินพูดแบบนี้ได้เพราะสถานการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเขา แสดงออกแล้ว ชัดเจนแล้ว แต่เป็นเราที่ไม่เคยสังเกตหรือไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเอง “ขนาดความรู้สึกเฮียยังต้องมีคนมากระตุ้นเลย”

“หนูคิดว่าเพื่อนหนูชอบเฮียเหรอ” เสียงทุ้มถามติดประหม่า หากแต่น้ำเงินกลับส่ายหน้าให้แทนคำตอบ

“พู่เคยบอกเราว่า ห้ามคิดแทนใคร เราไม่รู้ว่าพู่คิดอะไร แต่เฮียคิดว่ามันเป็นไปได้จริงๆ เหรอ มีเซ็กส์กันแต่จะไม่คิดอะไร ถ้าเป็นคนที่เขารักสนุก มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พู่กันไม่ใช่นะเฮีย เท่าที่เรารู้จักมา พู่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครเลย... สักคน”

“...”

“แค่เราเผลอไปจูบพี่ศาตอนเมา เรายังคิดไกลเลย อีกอย่างขนาดเฮียที่ว่าชอบพี่นับมากๆ ยังเปลี่ยนมาชอบพู่ได้เลยนะ”

“...”

“แล้วเฮียว่าพู่จะไม่รู้สึกอะไรจริงๆ เหรอ”

ครามผ่อนลมหายใจออกก่อนทิ้งตัวไปพิงกับไหล่น้องชาย มันกลายเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่และในสิ่งที่เขาทำมันก็แย่จนหาคำอธิบายไม่ได้ น้ำเงินทำให้ความสับสนและรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ถ้าพู่กันชอบเขามันก็ผิดที่เขาไม่เคยสังเกต มันผิดตรงที่เขาเอาแต่พุ่งความสนใจไปที่นับจนลืมมองคนใกล้ตัว ความรู้สึกปวดหนึบที่ใจก่อตัวซ้ำๆ และมันมากยิ่งกว่าตอนที่เขาโดนนับปฎิเสธครั้งแรก

มากกว่า... มากกว่าจริงๆ

“ทำผิดอีกแล้ว”

“ถ้ารู้ว่าผิดก็แก้สิครับ” ฝ่ามือเล็กถือวิสาสะวางลงบนเรือนผมของพี่ชายเบาๆ องศาตั้งใจมาส่งเขาไว้ที่บ้านวันนี้เพราะอยากให้อยู่กับคราม เราต่างรู้ดีว่าเวลาครามเสียศูนย์แล้วจะเป็นแบบไหน “เราถามจริงๆ นะ เฮียเคลียร์ความรู้สึกที่มีกับพี่นับได้แล้วเหรอ”

“ได้แล้วครับ” เสียงทุ้มที่ตอบกลับแบบไม่ต้องคิดนั่นทำให้น้ำเงินได้รู้ว่าครามไม่ได้โกหก เพราะปกติแล้วหากยังไม่มั่นใจอะไรอีกฝ่ายจะใช้เวลาคิดพักหนึ่งก่อนจะตอบออกมา “เฮียชอบเพื่อนหนู”

“...”

“มากๆ”

“ตอนแรกเราตั้งใจจะบอกเฮียว่าไม่ยุ่งกับพู่กันได้ไหม ถ้าเฮียยังชอบพี่นับอยู่ เรารักพู่กันมากนะ” น้ำเงินรู้ดีว่าที่พูดออกไปนั่นคือความใจร้าย “แต่เราก็รักเฮียเหมือนกัน ถ้าเฮียจะชอบพู่ต้องแน่ใจจริงๆ นะว่ามันไม่เกิดขึ้นเพราะเฮียผิดหวังมาจากพี่นับ”

เจ้าของร่างเล็กผละคนเป็นพี่ชายให้ออกห่างเพราะอยากจะมองหน้า นัยน์ตาคมสั่นไหวราวกับว่าทุกอย่างกำลังจะดับวูบ เคยอ่านมาจากที่ไหนสักแห่ง ที่บอกเอาไว้ว่าความรู้สึกสามารถรับรู้ได้ผ่านทางสายตา น้ำเงินรู้ดีว่าครามกำลังสับสนและความเข้มแข็งกำลังเริ่มพังทลายลง

“ครับ” ครามพยักหน้าลงอีกครั้งก่อนถอนหายใจออกมา แม้จะยังไม่แน่ใจว่าที่พู่กันขอให้เลิกยุ่งกันเป็นเพราะชอบเขาเข้าแล้วหรือไม่ แต่ถ้าเขารู้ตัวเร็วกว่านี้สักนิดคงได้พูดออกไปก่อนจะทะเลาะกัน ทั้งที่ได้อยู่ใกล้กันมากขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่กลับรักษาเอาไว้ไม่ได้

โลกเหวี่ยงให้น้องเข้ามาอยู่ใกล้เขาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะเหวี่ยงออกไปแล้วเวียนซ้ำกลับมาหา แรงเหวี่ยงของโลกสามารถเหวี่ยงใครเข้ามาและเหวี่ยงใครออกไปก็ได้ เคยคิดว่าในครั้งนั้นคงเป็นเพราะแรงเหวี่ยงของโลกที่พาให้น้องหลุดออกไปจากวงโคจร แต่ในวันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะรู้แล้วว่าคนที่เหวี่ยงน้องออกไป

คือตัวเขาเอง

“เฮีย”

“หืม”

“...พู่กันเป็นคนใจแข็งมากๆ” น้ำเงินออกแรงบีบฝ่ามือใหญ่เบาๆ ขณะที่พี่ชายรอฟังแบบไม่พูดอะไร คงจะเป็นอย่างสุดท้ายที่เขาจะสามารถเข้ามายุ่งได้ “ถ้าชอบ ก็อย่าท้อก่อนนะ”

“...”

“ถ้ามีโอกาสนั้นอีกครั้งก็อย่าทำผิดอีกนะครับ เพราะมันอาจจะไม่มีครั้งต่อไป”

“แล้วถ้าเกิดว่า... ไม่มีแม้กระทั่งครั้งแรกล่ะหนู” น้ำเสียงของครามแผ่วลงจนคนฟังอดใจหายไม่ได้ “เฮียจะทำยังไงดีครับ”

ถ้าพู่กันชอบครามเขาคิดว่าเปอร์เซ็นต์ความสมหวังก็มีอยู่แล้ว อย่างไรก็คงต้องถามอีกทีเพราะอยากจะรู้คำตอบของพู่ แต่ถ้าไม่ชอบแล้วทำไมต้องตีตัวออกห่าง... และเขาแน่ใจว่ายังไงก็ไม่ใช่เพราะพี่ปัถย์แน่ๆ

“ต้องถามตัวเองสิครับ ถ้าเฮียถามเรา ...เราก็จะตอบได้แต่ความคิดเราสิ”

“เผื่อเฮียจะทำตามหนูได้”

“สำหรับเรา ...ถ้าหมดหนทางแล้วยังเลิกชอบไม่ได้ ก็เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน จะได้ไม่ทำพลาดอีก” ครามพยักหน้าลงเพราะเขาคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ในส่วนนี้ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังเขาก็จะไม่ทำพลาดอีกแล้ว แต่ประโยคถัดมาของน้ำเงินทำให้เขาต้องฟุบหน้าลงไปอีกครั้งเพราะมันยากเกินกว่าที่จะทำได้ “ส่วนเขา... จะเก็บไว้ในใจหรือความทรงจำ”

“...”

“ก็ขึ้นอยู่ที่จะเลือกแล้วครับ”

.

ต่อด้านล่างนะคะ

ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #67 เมื่อ03-11-2018 21:53:33 »

*

“ครับพี่ปัถย์ อยู่สนามบินแล้วเหรอ” พู่กันกรอกเสียงลงไปเมื่อคนที่เพิ่งเจอกันตอนบ่ายโทรเข้ามา

(อยู่แล้วครับ แม่พี่น่าจะเลท) อีกฝ่ายตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง (แล้วเรา ...โอเคหรือยัง)

“ผมโอเคแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้พี่ตกใจด้วยนะ” แทบอยากจะขอโทษอีกพันครั้งเพราะหลังจากทะเลาะกับครามแล้ววิ่งไปหาพี่ปัถย์ที่รออยู่เขาก็ตบะแตกใส่ทันที พู่กันฟูมฟายจนอีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน ยังดีที่เหมยเดินตามหลังไปช่วยปลอบ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงได้อึ้งไปยกใหญ่เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร

(ไม่เป็นไร พี่ถามเพราะห่วง ...นี่พู่กัน)

“หือ ครับ”

(พี่ถามได้หรือเปล่า)

“ถามอะไรครับ”

(พี่ยังจีบเราได้อยู่ไหม) คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อย ไม่ได้คิดว่าพี่ปัถย์จะถามอะไรแบบนี้ตอนที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน พู่กันไม่ค่อยชอบคุยเรื่องความรู้สึกแบบนี้ตอนที่ไม่ได้เจอ แม้เราจะรู้น้ำเสียงแต่ก็ไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายแสดงท่าทางแบบไหน เพราะงั้นก็อยากที่จะคุยต่อหน้ามากกว่า แต่ในบางเรื่องมันก็ยากเกินไปหากเราจะคุยกันแบบเห็นหน้า

“พี่ปัถย์...” เสียงใสแผ่วลงกว่าเดิม เพราะจากการทำความรู้จักกันมา เขาไม่สามารถทำให้พี่ปัถย์มาอยู่ในสถานะคนรักได้ “ผมไม่อยากให้ความหวังพี่เลยครับ”

แม้ว่าอีกฝ่ายจะดีกับเขามากแค่ไหนก็ตามแต่เขาก็ไม่อยากให้ต้องมาปักอยู่กับเขาแบบที่ไม่มีความหวัง พู่กันไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอีกแล้ว แถมคำพูดของน้ำเงินคราวเรื่ององศายังย้อนกลับเข้ามาในสมองอีก

ไม่ใช่ทุกคนจะชอบคนที่ดีกับตัวเองได้ วันนี้เขาเข้าใจคำพูดของน้ำเงินแล้ว เข้าใจดีทุกอย่างเลย

(พี่เข้าใจ) น้ำเสียงของพี่ปัถย์ไม่ได้ขุ่นเคืองแถมยังทำให้เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจจริงๆ (ถ้ามีคนในใจ แล้วไม่เป็นไรนะ)

“ผม... ผมขอโทษครับ”

(ขอโทษทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย) พี่ปัถย์พูดเจือหัวเราะ (เราชัดเจนตลอด ขอบคุณนะครับ)

“...พี่ปัถย์”

(อย่ากังวลเลยครับ)

“...”

(พี่ยังอยากมีน้องชายแบบเราอยู่)

เสมือนว่าสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจในวันนี้มันได้รับการปลดล็อคทุกอย่าง อีกฝ่ายเป็นคนดีและดีมากๆ แบบที่พู่กันไม่เคยได้เจอ คนที่ชอบแต่ไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน เอาเข้าจริงๆ พี่ปัถย์ก็คงจะเป็นตัวแทนของเหมยเลยด้วยซ้ำ

“ขอบคุณนะครับ” เขาตอบเสียงแผ่วทั้งที่ใจยังคงรู้สึกผิด แต่ก็เป็นความรู้สึกสับสนเพราะเขากำลังหักอกคนที่ดีกับตัวเองมาตลอด

(ถ้าเป็นพี่น้องกัน ยังจะไปกินข้าวด้วยกันได้หรือเปล่า)

“ได้ครับ”

(งั้นพรุ่งนี้ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่ไปรับ)

“ครับ ...พี่ปัถย์” เขาเรียกชื่อปลายสายอีกครั้งจนอีกฝ่ายขานตอบเบาๆ “พรุ่งนี้ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

(ได้ครับ ตอนนี้ยังได้เลย)

“ไม่เอา เกรงใจพี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันผมค่อยเล่าให้ฟัง ถ้าพี่ไม่ลำบากใจนะ” พู่กันยังคงเกรงใจอยู่เนืองๆ เขาหักอกพี่ปัถย์ไปไม่ถึงนาทีแล้วก็กำลังจะยัดเยียดเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ แต่ในเวลานี้เขาต้องการที่ปรึกษา แม้ว่าจะมีเหมยอยู่แล้วแต่เขากลับรู้สึกว่าอยากจะฟังคำพูดของพี่ปัถย์มากกว่า ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน

(ไม่ลำบากหรอก ถ้าเป็นเรื่องคนที่ทำให้เราวิ่งร้องไห้มาหาพี่ ...พี่ก็ยินดีรับฟังครับ)

“ทำไมพี่ต้องดีกับผมขนาดนี้ด้วยเนี่ย รู้สึกผิดแล้วนะ” พู่กันว่าพลางหัวเราะก่อนจะโดนขัดขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกอุ่นใจทุกครั้ง “ผมเป็นเด็กเห็นแก่ตัวเลย หักอกพี่แล้วก็ยังจะให้พี่มารับรู้เรื่องของผมอีก”

(ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ พี่บอกเราตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ได้คาดหวัง ไม่ติดก็ไม่เป็นไร)

“...”

(มีน้องชายแบบเรา ก็ดีเหมือนกัน)

“จะดีเกินไปแล้วจริงๆ นะ พี่ไม่เหมาะกับคนแบบผมหรอกนะเนี่ย ผมเป็นเด็กน่ารักให้พี่ไม่ได้หรอกครับ” พู่กันเม้มปากแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ความรู้สึกที่ตัวเองมีพี่ชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนมันไม่ได้แย่ แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เป็นอะไรจริงๆ ตามปากพูดไหม

(แค่นี้ก็พอแล้ว อย่าน่ารักกว่านี้เลยครับ)

“...”

(เดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจไม่อยากเป็นพี่ชาย)

“โหย พี่อะ” ไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเขาเองก็อยากจะรักพี่ปัถย์ให้ได้ในฐานะแบบนั้น แต่เมื่อรู้ว่ามันไม่ได้เขาก็ไม่อยากจะรั้งหรือให้ความหวัง “ผมขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ ครับ”

(พอแล้วครับ เอาเป็นเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะ)

“ครับ กี่โมงพี่ปัถย์บอกผมอีกทีนะ เพราะพรุ่งนี้ผมว่างทั้งวันอะ”

(ได้ครับ เดี๋ยวพี่โทรหา เราอย่าคิดมากนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเป็นที่ปรึกษาให้ครับ)

“อื้อ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

พู่กันกดวางสายก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะบอกเล่ากับน้ำเงินอย่างไร แถมพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดคาดว่ากว่าจะได้เจอกันก็น่าจะเป็นวันจันทร์ทีเดียว ก็รู้สึกผิดเช่นกันที่ปฏิเสธน้ำเงินไปอย่างนั้น

แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรจริงๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ผิดที่ครามคนเดียวแต่เป็นเพราะเขาเองที่หักใจไม่ได้ เพราะงั้นเขาก็เลยคิดอยู่ว่าควรจะเริ่มเล่าตั้งแต่จุดไหนแต่ที่แน่ๆ คือครามต้องเล่าให้ฟังบ้างแล้ว

และเขาก็คงโกหกอะไรไม่ได้อีก

*

เจ้าของร่างบางยืนเลือกเสื้อเชิ้ตมานานกว่าสิบนาทีแล้ว ไม่ว่าจะหยิบตัวไหนออกมาผลสุดท้ายก็ต้องจับมันใส่ไม้แขวนแล้วเอาไว้ที่เดิม เขาจะไม่เครียดเรื่องชุดขนาดนี้หากว่าพี่ปัถย์พาไปกินข้าวแบบสบายๆ แต่เมื่อยี่สิบนาทีที่ผ่านมาคนพี่โทรมาบอกว่าจองร้านอาหารที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งไว้ เนื่องจากเมื่อตอนบ่ายมีนัดกับลูกค้าแล้วเห็นว่าอาหารอร่อยก็เลยจะพาเขาไปลองชิม

ก็แน่นอนว่าคนที่แต่งเสื้อยืดโคร่งๆ กับกางเกงขาสามส่วนต้องรีบแจ้นขึ้นมาบนห้องเพื่อหาเสื้อเชิ้ตที่ใส่แล้วดูมีความเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย เขาบอกให้พี่ปัถย์เข้ามารับที่บ้านเพราะไม่อยากขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปร้าน ตอนแรกก็นึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมแต่ที่ไหนได้บอกให้ส่งบ้านเลขที่ไปเพราะจะได้บอกยามหน้าหมู่บ้านถูก

พู่กันเลือกเชิ้ตสีสว่างออกมาจากในตู้และเป็นแบรนด์ของพี่องศา ซึ่งตัวนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่น้ำเงินหอบมาฝากหลังจากเปิดตัวร้านหลักได้ประมาณหนึ่งเดือน ขณะที่กำลังติดกระดุมเสื้อก็ต้องชะงักเพราะพี่ปัถย์โทรมาอีกครั้ง ร่างบางคว้ามากดรับสายก่อนเดินไปชะโงกหน้าดูตรงหน้าต่าง

(อยู่หน้าบ้านนะ)

“โหยพี่ ผมเพิ่งเลือกเสื้อได้” ปลายสายหัวเราะทันทีที่เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงตระหนกเพราะกำลังวิ่งลงมาจากข้างบนทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จ “แป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวออกไป”

(ไม่ต้องรีบ พี่รอ)

พู่กันขานตอบก่อนจะกดวางสายแล้วยืนติดกระดุมให้เรียบร้อย รวมไปถึงไล่ปิดไฟในบ้านให้หมดแล้วเหลือเพียงหน้าบ้านไว้ดวงเดียว เขารีบเดินจ้ำออกมาจากบ้านเพราะพี่ปัถย์ออกมายืนพิงรถรออยู่แล้ว

“นอนน้อยเหรอครับ” คำทักทายแรกทำให้พู่กันพยักหน้าลงเบาๆ เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดว่าจะพูดกับน้ำเงินอย่างไรตอนเจอหน้ากัน จะทำอย่างไรหากต้องเจอครามอีกครั้ง แต่เรื่องของความรู้สึกที่ตั้งใจเอาไว้คือจะตัดใจจากครามให้ได้ “ไหวไหม”

ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากพูดอะไร แสงสว่างของไฟหน้ารถคันใหม่ก็จอดต่อท้าย พู่กันหันไปมองก่อนจะสบถกับตัวเองเบาๆ เมื่อคนที่ลงมาจากรถคือสีคราม

“พี่มา...” และยังไม่ทันจะได้ถามจนจบประโยค ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาก็แทรกขึ้นขณะเดินมาประชิดตัวเขา

“ขอพี่คุยด้วยหน่อย”

“เดี๋ยวพี่ไปรอบนรถนะครับ” ปัถย์จำต้องเสียมารยาทเพราะดูท่าแล้วเด็กคนนี้น่าจะเป็นคนที่ทำให้พู่กันวิ่งร้องไห้มาหาเขา ไม่รู้ว่าผิดใจอะไรกันมาแต่ดูท่าแล้วผู้มาใหม่ก็น่าจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่พอสมควร เพราะฝ่ายนั้นยกมือขึ้นสวัสดีทั้งที่เราไม่รู้จักกัน เขาก็เลยต้องยกมือรับไหว้มาแบบงงๆ

“แต่พี่ปัถย์...” พู่กันหันไปท้วงแต่กลับโดนคนตัวสูงนั่นยกมือขึ้นวางบนศีรษะ

“รอได้ครับ” ปัถย์ยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนผงกหัวให้กับเด็กนักศึกษาแบบไม่ถือตัว ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มให้เสมือนจะขอบคุณที่ยอมเสียเวลาและเปิดโอกาสให้ได้คุยกับพู่กัน

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่แล้ว” พู่กันตัดบทหลังจากพี่ปัถย์ขึ้นไปบนรถแล้ว เขาไม่อยากสาวความยาวต่อความยืดอะไรทั้งนั้น “พี่กลับไปเหอะ”

เจ้าของร่างเล็กกำลังจะหมุนตัวกลับแต่ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ รวมถึงถูกรั้งให้ยืนอยู่ที่เดิมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ได้ยินทีไรก็แทบจะหลุดร้องไห้ออกมาเสียทุกครั้ง หเหตุการณ์เดิมๆ วนลูปจนเหมือนเป็นฝันร้ายที่เขาอยากจะตื่นขึ้นมาสักที

“พี่ขอเวลานิดเดียว”

พู่กันยืนมองหน้าครามนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่แต่สายตาที่ครามมองเขามันเป็นสายตาอ้อนวอนที่นานครั้งถึงจะได้พบ ถ้าครั้งล่าสุดก็น่าจะตั้งแต่ตอนที่ครามเคยถามว่าจะทำอย่างไรหากเราเผลอชอบกันขึ้นมา ยอมรับว่าเพียงแค่เห็นหน้าก็ทำให้เขาแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก็ต้องฝืนทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด

“ผม...”

“นะครับ”

“อือ สิบนาที”

tbc
ฉากเรียกนั้มตามาในตอนสุดท้าย เป็นกำลังใจให้เฮียด้วยนะคะ ฮรุก /ส่วนทีมน้องพู่พี่ปัถย์ ยื่นผ้าเช็ดหน้าค่ะ T___T
ฝากคอมเมนต์ให้กำลังใจกันได้ หรือแปะแท็ก #โซ่สีคราม พูดคุยกันได้นะคะ
ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยฮับ ♥

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #68 เมื่อ03-11-2018 22:14:22 »

โอ่ยยยยยย  :hao5:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #69 เมื่อ04-11-2018 08:05:04 »

อยากเห้นตอนมุ้งมิ้งๆของคู่นี้จังเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
« ตอบ #69 เมื่อ: 04-11-2018 08:05:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #70 เมื่อ04-11-2018 10:43:43 »

พี่ปัถย์ เซมาทางนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าพี่มีสกิลพระเอก พี่จะชนะ
ฮือ
คราม สู้นะ ในเมื่อรู้ความต้องการของตัวเองแล้ว อย่าท้อล่ะ

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #71 เมื่อ04-11-2018 21:14:02 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #72 เมื่อ05-11-2018 16:49:35 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 10 ; (03/11/61)
«ตอบ #73 เมื่อ06-11-2018 21:57:22 »

หาคู่ให้พี่ปัถย์ทีค่ะะ พี่ปัถย์คนดีของน้อง  :sad4:

ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #74 เมื่อ09-11-2018 21:00:58 »

11
silent tears

//


“โกรธอะไรพี่” ครามใช้น้ำเสียงอ่อนโยน ไม่มีอีกแล้วสรรพนามมึงกูที่เคยใช้และเข้าสู่ประเด็นที่ตัวเองคาใจทันทีเพราะเกรงว่าถ้าลีลาน้องจะไม่อยากคุยด้วยเสียก่อน “บอกพี่ได้ไหม”

“ผมนึกว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว”

“ไม่ พี่ไม่เข้าใจ”

“มีอะไรที่พี่ไม่เข้าใจ อย่างเดียวที่ผมขอก็แค่เราเลิกยุ่งกัน”

“คุยกันดีๆ ได้ไหม”

“ผมคุยดีกับพี่ตั้งแต่วันแรกแล้ว” เราสบตากันในเสี้ยววินาทีก่อนพู่กันจะเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี “ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว”

น้ำเสียงแผ่วเบาทำเอาครามใจกระตุกวูบ ภาพเก่าๆ ฉายซ้ำอีกครั้งตอนที่น้องกำลังหมุนตัวไปเพื่อขึ้นรถของบุคคลที่สาม ร่างสูงโปร่งได้แต่คว้าข้อมือเอาไว้แต่ก็โดนสะบัดออกเสมือนเรากลายเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกันเพราะมันไม่มีทางจะดึงดูดเข้าหากันได้อีก

“พี่ทำอะไรผิด” พู่กันถอนหายใจเมื่ออีกฝ่ายยังคงตั้งแต่คำถามเดิมๆ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

“ผมบอกพี่ไปหมดแล้วนะ” สุดท้ายแล้วพู่กันก็ต้องหันมาเผชิญหน้ากับครามอีกครั้ง นัยน์ตาคมที่เขาเคยมองในวันนี้ดูสั่นไหวกว่าที่ผ่านมา ครามกำลังเล่นตลกอะไรกันแน่ ทำไมต้องมาตามเทียวไล้เทียวขื่อกับเขาอยู่แบบนี้ “เรื่องของเรามันจบแล้วพี่คราม”

“แต่พี่ไม่จบ จะให้เลิกยุ่งทั้งที่ยังไม่รู้ว่าทำอะไรผิดจริงๆ เหรอ”

“แต่ผมจบ ถ้าพี่ไม่จบมันก็เรื่องของพี่”

“...”

“อย่ามายุ่งกับผมได้ไหม”

“ก็ถึงได้ถามอยู่นี่ไงว่าทำไม พี่ไม่เข้าใจอะไรเลยพู่ อยู่ดีๆ ก็มาระเบิดใส่” เขาพูดจริงๆ ว่ายังคงไม่เข้าใจ ตั้งแต่วันที่ออกจากโรงพยาบาลมาน้องก็ระเบิดใส่แบบที่เขาตั้งรับไม่ทัน แน่นอนว่าพยายามจะมาพูดหรืออธิบายแล้วแต่น้องก็ไม่ยอมฟังและยืนยันอย่างเดียวว่าจะจบกัน

อย่าว่าแต่จะบอกชอบแค่หน้าเขาน้องยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ และเขาไม่อยากให้การสารภาพรักของตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่มันตึงด้วยกันทั้งคู่ ภาพในหัวที่คิดว่าจะบอกกับพู่กันว่าชอบมันไม่ใช่แบบนี้เลยสักนิด

“มันไม่มีอะไรนอกจากผมไม่อยากยุ่งกับพี่แล้วไง” พู่กันรู้ว่าคำพูดของเขาสร้างความไม่สบอารมณ์ให้กับครามมากขนาดไหน เพราะอีกฝ่ายเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจจนเห็นได้ชัด

“แค่บอกพี่มันยากตรงไหน” น้องอยากจบทั้งๆ ที่ความรู้สึกของเขามันเพิ่งเริ่มต้นจะให้เขารู้สึกแบบไหนวะ “แค่บอกว่าเป็นอะไร พี่ทำอะไรให้โกรธ ไม่พอใจเรื่องไหนก็พูด”

“...”

“อย่าทำให้มันยากได้ไหม”

“มันต้องยากดิ”

“แล้วทำไมต้องทำให้ยาก แค่พูดมันก็จบแล้วพู่”

“พี่คิดว่ามันจบเหรอวะ ทำไมพี่คิดตื้นจังอะ”

“พี่ไม่เข้าใจว่ะ” ครามพูดเสียงดุ แน่นอนว่าท่าทางที่แสดงออกมองครู่เดียวก็รู้ว่าไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน แต่คนพี่ก็ยังทำได้ดีตรงที่ไม่หลุดตะคอกเขามาเลยสักครั้งแค่โทนเสียงที่ใช้มันดุกว่าตอนแรกเป็นโทนที่ครามมักจะใช้ดุเวลาเขาดื้อ

“ไม่ต้องมาเข้าใจหรอก แค่เราเลิกยุ่งกันก็พอ” พู่กันแกะมือของครามออกอีกครั้งและคาดหวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้หันกลับมา ขอเพียงแค่ครามอย่าพูดอะไรและปล่อยให้เขาเดินต่อไป แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่อคนด้านหลังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“ทำไมใจร้ายจังวะ” คำพูดของครามเป็นผลให้เขาหยุดชะงัก ความอึดอัดที่มีอยู่มันเหมือนจะทะลักออกมาแบบที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไป พู่กันจำต้องหันกลับไปแล้วท้วงถามด้วยความรู้สึกที่อยู่ในใจ

“ใจร้ายเหรอวะ พี่พูดออกมาได้ไง พี่แม่งไม่รู้อะไรแล้วมาบอกผมร้ายใจเหรอ”

“ก็พี่บอกให้พูดพู่ก็ไม่พูด บอกให้จบกันท่าเดียว ฟังก่อนได้ไหมว่าพี่คิดอะไร นี่พู่ไม่ฟังพี่สักอย่าง”

“...”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ไม่เข้าใจเลยว่ะ พู่จะทำให้มัน...”

“ก็ที่แม่งเป็นแบบนี้เพราะผมชอบพี่ไง ผมชอบพี่ ชอบพี่ พี่ได้ยินปะวะ!” ไม่แม้แต่จะรอให้ครามได้พูดจบ ความอดกลั้นเฮือกสุดท้ายระเบิดออกมาราวกับภูเขาไฟปะทุ จากคำพูดที่ครามกรอกหูอยู่เมื่อครู่ว่าควรจะพูดออกไปทำให้พู่กันควบคุมสติตัวเองไม่อยู่เพียงแต่คิดว่าที่มันต้องเป็นแบบนี้เพราะความรู้สึกไม่รักดีของตัวเอง แน่นอนว่าคำพูดของเขาทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอึ้งไป

“เดี๋ยวดิ... พู่ชอบพี่เหรอ ชอบพี่จริงเหรอพู่” ครามไม่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงสีหน้าแบบไหนก่อน ตอนนี้เขาทั้งประหม่า ตกใจและดีใจแต่มันก็ใจเสียอยู่เพราะเรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง “ถ้าชอบพี่แล้วทำไมต้องเลิกยุ่งกัน”

“พี่จะให้ผมทำไง จะให้ผมอยู่ตรงไหน ผมไม่ได้เก่งมากพอที่จะชอบพี่ทั้งๆ ที่พี่ชอบคนอื่นนะเว้ย ผมก็ต้องเซฟใจตัวเองไหม แล้วพี่มาบอกว่าผมใจร้ายได้ไงวะ” พู่กันเหมือนคนสติแตกเขาพูดทุกอย่างคิดและเพิ่งรู้ตัวว่าพูดมากจนเกินไปแล้ว “พี่เลิกยุ่งกับผมเหอะ”

“...”

“ผมไม่อยากเจ็บ”

“ใครบอกว่าพี่ไม่ชอบพู่กัน” เจ้าของร่างเล็กชะงักทันที สมองที่ประมวลผลอยู่เมื่อครู่เริ่มรวนและปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ “เรื่องที่พี่อยากคุยด้วยคือเรื่องนี้”

“มัน... เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใจดวงเล็กสั่นระรัวกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน ความรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ก่อตัวขึ้นอย่างง่ายดาย “พี่อย่ามาเล่นกับความรู้สึกผม”

“ไม่ได้เล่น พี่พูดจริงๆ”

“พูดจริงเหรอ ...” เขากัดฟันแน่นพยายามนึกว่าตรงไหนที่เป็นความจริง “พูดจริงแล้วไอ้ที่จูบกับพี่นับวันนั้นคืออะไรวะพี่”

“เดี๋ยววันไหน” ครามอึ้งไปเล็กน้อยและพยายามทบทวนว่าเขาไปทำอย่างนั้นเมื่อไหร่

“วันแรกที่พี่เข้าโรง’บาลไง ผมไปหาพี่ แต่ไปถึงแล้วเจอพี่จูบกับพี่นับ” พู่กันตอบเสียงแข็งแต่อีกฝ่ายยังดูไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด “หรือพี่จะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ”

“วันแรกที่น้ำเงินบอกพู่มีธุระด่วนใช่ไหม” ครามถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ พอน้องพยักหน้าเขาจึงรู้ว่าน้องคงจะเข้าใจอะไรผิด เพราะมากสุดวันนั้นที่เขาทำคือกอด “ถ้าวันนั้นพี่แค่กอดนับ แต่ถ้าจูบพี่ไม่ได้ทำ”

“แต่ผมเห็น” จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าแค่กอด ก็เขาเห็นเต็มสองตา แม้จะเห็นเพียงแค่ด้านหลังแต่ท่าทางแบบนั้นมันก็คิดไปแค่จูบได้อย่างเดียวไม่ใช่เหรอ “หน้าพี่นับเขาก็อยู่ใกล้พี่ ท่าทางแม่งก็จูบกันชัดๆ จะมาโกหกผมให้ได้อะไรวะ”

“พู่ไปหาพี่กี่โมง”

“ห้าโมง”

“เดี๋ยวดิพู่ เข้าใจผิดแล้ว” ครามท้วงเพราะเริ่มนึกออกแล้วว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในช่วงไหน ถ้าอยู่ใกล้เขาก็มีแต่ตอนที่ขอคำปรึกษาเรื่องพู่กัน ซึ่งเพื่อนก็ให้คำแนะนำมาแต่ครามก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะทำได้ตามแบบที่พูดไหม นับก็เลยประคองหน้าเขาแล้วให้กำลังใจ กับคนอื่นก็คงคิดว่ามันไม่สมควรที่จะทำแต่ครามชินเสียแล้ว เพราะเวลานับต้องการจะให้กำลังใจใครก็มักจะทำประคองหน้าเพื่อบังคับให้มองไปที่ตัวเอง แน่นอนว่านับทำแบบนี้กับเพื่อนทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะองศาหรือยิ้มก็โดนนับให้กำลังแบบนี้เสมอ คนที่จะได้สิทธิพิเศษจากการประคองหน้าแล้วจูบก็มีเพียงเข็มทิศแค่คนเดียว และที่สำคัญหากมองด้านข้างหน้าเขากับนับก็ไม่ได้ใกล้กันเลยด้วยซ้ำ

“เข้าใจอะไรผิด”

“พี่ไม่เคยจูบนับ จะวันก่อนหรือก่อนหน้าก็ไม่เคย ถ้าวันนั้นที่เห็นนับอยู่ใกล้พี่ มันแค่ให้กำลังใจเรื่องที่พี่จะมาบอกชอบพู่ นับมันเป็นแบบนี้กับทุกคน กับไอ้ศาไอ้ยิ้มมันก็เป็น ไม่มีอะไรมากกว่านั้นเลยพู่”

“จะให้ผมเชื่อได้ยังไง”

“พี่เคยโกหกพู่สักครั้งไหม” คนถูกถามนิ่งงันไปเพราะนึกย้อนไปแล้วครามก็ไม่เคยโกหกจริงๆ ครามกำลังทำให้เขาสับสน ทั้งที่คิดว่าทำได้แล้ว ตัดใจได้แน่ๆ พอเจอแบบนี้ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาใหม่ก็พังทลายลงทั้งหมด “พี่ไม่เคยจูบนับ พี่จูบแต่พู่กัน”

“...”

“คนเดียว”

 “พี่คราม” พู่กันกลั้นใจเรียกชื่อคนตรงหน้าออกไป “ผมขอโทษนะ”

“เรื่อง...” ครามใจเต้นระรัวเพราะไม่รู้ว่าน้องขอโทษเขาในเรื่องไหน เรื่องที่เข้าใจผิดหรือว่าเรื่องอื่น ยังไม่ทันจะได้ถามจนจบพู่กันก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ผมไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว มันผิดตั้งแต่ผมแหกกฎที่ตัวเองตั้งขึ้นมาแล้ว เรื่องของเรามันไม่ควรเกิดขึ้นเลย ...มันเป็นไปไม่ได้” ครามทำให้เขาต้องเริ่มต้นใหม่ในการก่ออิฐเพื่อขังตัวเองไว้ภายใน คนตัวเล็กหมุนตัวก่อนจะเตรียมเดินไปหาพี่ปัถย์และจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ เพราะพู่กันจะไม่หันไปอีกแล้ว


“ถ้าเราชอบกันแล้วทำไมมันถึงเป็นไปไม่ได้” เจ้าของร่างบางหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดนั้น หัวใจดวงเล็กสั่นอย่างรุนแรงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกใด เพราะความตั้งใจที่จะไม่หันไปทำให้ครามเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายพู่กันก็ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เพียงเพราะอ้อมกอดที่คุ้นเคย หยาดน้ำใสเอ่อล้นขอบตาและมันร้อนผ่าวจนน่ารำคาญ “พู่กัน”

“ใจผมรับไม่ไหวแล้ว” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามกลั้นสะอื้นเพื่อไม่ให้ครามรู้ว่าใจเขามันร้องไห้ออกมาแค่ไหน แรงกอดกระชับแน่นขึ้นและพู่กันไม่สามารถสะบัดหรือเดินหนีเมื่อครามซุกใบหน้าลงตรงต้นคอ “ผมเชื่อพี่ไม่ลงเลย”

“พี่ชอบพู่ จริงๆ” ยิ่งอีกฝ่ายพูดย้ำในคำว่าชอบก็ยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ ยอมรับว่าใจเขามันไม่อยากจะกลับไปอยู่ในที่เดิมอีกแล้ว เขาไม่สามารถเชื่อครามได้เลยจริงๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยโกหกกัน แต่เมื่อประมวลเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วเขาก็คิดว่าอย่างไรมันก็เป็นไปไม่ได้ “ไม่งั้นจะตามง้อขนาดนี้ทำไม”

“อย่างพี่จะมาชอบผมได้ไง ใจพี่แม่งไม่เคยมองผมเลย... สักครั้งพี่ก็ไม่เคยมอง” ร่างเล็กตัวสั่นกับการฝืนกลั้นน้ำตาเพื่อไม่ให้ไหลไปมากกว่านี้ สองข้างแก้มเปียกปอนไปด้วยหยาดน้ำที่ไหลออกมาแบบควบคุมไม่อยู่ เขาสับสนและสับสนมากๆ เพียงเพราะคนที่ทำให้เขาตกหลุมรักเป็นคราม คนที่ทำให้เขาพังกฎของตัวเองในทุกอย่าง เป็นคนต้องห้ามที่เขาไม่ควรเผลอไปรักตั้งแต่แรก “พี่เลิกรักพี่นับไม่ได้”

“พี่ไม่ได้รักนับแบบนั้นแล้ว” ยิ่งได้ยินน้ำเสียงทุ้มต่ำบอกเล่าความรู้สึกก็ยิ่งทำให้ตัวเขาสะอื้นไห้ออกมา จากการพยายามกลั้นน้ำตาในตอนนี้มันไม่สามารถห้ามเอาไว้ได้อีกแล้ว  เขายอมรับว่ามันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะชอบกัน ทั้งที่ยังเพ้อถึงนับอยู่ในก่อนหน้านั้น มันจะกลายมาเป็นเขาได้ยังไง

“พี่คราม” คนตัวเล็กกัดฟันแน่น เขาไม่สามารถพาตัวเองเข้าไปติดบ่วงของนายพรานได้อีก อย่างที่รู้กันว่านายพรานไม่เคยใจดีกับเขา ในเมื่อพยายามดิ้นออกมาก็ไม่สมควร... ไม่สมควรที่จะกลับไปเลย “ผมไม่อยากอยู่ข้างพี่แล้ว ...จริงๆ นะ ผมเจ็บว่ะพี่”

“ไม่เอาดิพู่” ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่พู่กันรู้สึกว่าเสียงของครามสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้ แต่มันคงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเท่าที่รู้จักกันมา เท่าที่เป็นที่ปรึกษาให้เรื่องพี่นับ อย่างมากครามก็แค่เมาแต่ไม่เคยร้องไห้ให้เขาเห็นเลยสักครั้ง “อยู่ข้างกันเหมือนเดิมได้ไหมครับ”

“ม...ไม่”

“ไหนบอกว่าถ้าพี่ขอให้อยู่... แล้วพู่จะอยู่กับพี่ไง” ครามรู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปมีแต่ความเห็นแก่ตัว แต่เขาไม่สามารถปล่อยให้น้องไปไหนได้ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่น้องบอกว่าชอบเขา “พู่กัน...”

“พี่แค่หวั่นไหวไปกับเรื่องของเรา” ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงไปในลำคอ พู่กันไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาแบบไม่ขาดสาย เขาทำได้เพียงกอดตัวเองเอาไว้แน่นๆ ด้วยแรงทั้งหมดที่มีทั้งที่ครามเองก็ยังกอดเขาไว้ “...พี่อย่าลืมดิ”

“...”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาหยุดตรงหน้าผม ...ตั้งแต่แรก”

“เป็นปัจจุบันได้ไหมพู่ ตอนนี้”

“คงไม่ได้... ไม่ได้แล้ว”

“ทำไม”

“พี่จำได้ไหม” สองมือเล็กพยายามจะจับแขนแกร่งที่กอดเอวตัวเองให้ออกไปให้พ้น เขาไม่สามารถที่จะดันทุรังให้บทสนทนาที่เราต่างคนต่างสร้างขึ้นมาได้ดำเนินต่อ “ที่พี่บอกว่า... ถ้าผมมีแฟน พี่จะปล่อยให้ผมไป”

พู่กันแน่ใจแล้ว แน่ใจมากจริงๆ ที่จะจบความสัมพันธ์นี้ลง เพราะเราไม่ควรมีกันตั้งแต่แรกกำแพงที่พังลงเมื่อครู่บัดนี้จึงก่อตัวขึ้นอีกครั้ง โซ่สีครามกำลังถูกเขาดึงให้ขาดต่อให้เจ็บเจียนตายแค่ไหน ตอนนี้เขาก็จะทำเพื่อให้มันสะบั้นออกจากกัน

“ไม่เป็นแบบนี้ได้ไหมพู่ อย่าโกหกพี่”

“แล้วเรื่องที่พี่เคยถามว่าผมจะบอกพี่เป็นคนแรกไหมถ้ามีแฟน” เสมือนว่าโสตการรับรู้ของพู่กันจะไม่ได้รับฟังเสียงของครามอีกต่อไปแล้ว เขาเพียงแต่คิดว่าต้องพูดออกไปเพื่อให้เรื่องราวบ้าๆ นี้มันจบลง “ตอนนี้ผมตอบได้แล้วนะ”

“ไม่ดิ...”

“วันนี้”

“พี่ไม่อยากได้ยินแล้วพู่... ไม่อยากรู้แล้ว” ครามกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม “อย่าบอกพี่”

“ผมคบกับพี่ปัถย์แล้ว” เสมือนโลกของครามพังทลายเมื่อได้ยินคำตอบ ชายหนุ่มขบฟันแน่น ความอ่อนแอที่สะสมมาทะลักจนแทบล้น ไม่มีอีกแล้วเช่นกันครามคนที่เคยเข้มแข็ง ใจของเขาเหมือนโดนบีบให้แตกสลายจนกลายเป็นเพียงผุยผง “พี่เป็นคนแรก ...คนแรกที่ผมบอกให้รู้”

ชายหนุ่มฝังใบหน้าลงที่ซอกคอ ผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้าเสมือนว่าอากาศที่กำลังใช้อยู่ในตอนนี้กำลังจะหมดลง ครามกอดน้องเอาไว้แน่น ...แนบแน่นแบบที่กลัวว่าจะน้องหายไปไหน

“พี่คราม”

“ไม่เอาแบบนี้ พู่ชอบพี่ ...พู่จะไปคบคนอื่นได้ยังไง อย่าโกหกได้ไหมพู่”

“แต่มันเป็นไปแล้ว... ผมคบกับพี่ปัถย์แล้ว ปล่อยผมไปเถอะนะ”

“แต่พี่ชอบพู่ ชอบจริงๆ”

“เราเลิกยุ่งกัน... มันดีที่สุดแล้ว” ไม่ปฏิเสธเลยว่าคำพูดของพู่กันทำให้ใจเขากระตุกวูบ เจ็บยิ่งกว่าเหมือนโดนมีดกรีดหัวใจซ้ำๆ  พู่กันพยายามแกะแขนของเขาออกจากตัวและนั่นยิ่งทำให้เขาเจ็บเสมือนใจจะขาด แต่ครามจะไม่ยอม... ไม่ยอมให้น้องหลุดจากอ้อมกอดไปง่ายๆ

แต่มันคงเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะในความเป็นจริงน้องหลุดออกจากอ้อมกอดเขาไปแล้ว

“พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้”

“ผมขอร้องนะพี่คราม เลิกยุ่งกันเถอะนะครับ”

“พี่โคตรเจ็บเลยครับ เจ็บกว่าตอนที่โดนนับปฏิเสธอีก”

“ผมไม่อยากรู้ ...ฮึก ไม่อยากรู้แล้ว” พู่กันพยายามกลั้นสะอื้นอีกครั้งเพราะไม่อยากให้คนที่กอดเขาอยู่ได้รับรู้ว่าตอนนี้ใจของเขาเจ็บมากแค่ไหน มันเป็นครั้งแรกที่อ้อมกอดระหว่างเราทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนจะขาดใจ “ผมมีแฟนแล้ว ...พี่ปล่อยผมไปได้แล้ว”

“พู่กัน” เจ้าของชื่อพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ใจเขามันไม่อยากอยู่ในอ้อมกอดของครามอีกต่อไปเพียงแค่วินาทีเดียวก็ไม่อยากเพราะเขาจะขาดใจอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดกับพังทลายเพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่เอ่ยขอขึ้นมา “ขอพี่กอดแบบนี้อีกสักพักได้ไหม”

“...”

“ขอเป็นครั้งสุดท้าย นะ... ครับ”

“อือ” พู่กันขานตอบเสียงแผ่ว ได้แต่ยืนนิ่งและปล่อยให้ครามกอดอยู่อย่างนั้นเพราะมันจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างเรา แม้จะไม่มีเสียงสะอื้นดังให้น่าใจหายเหมือนเมื่อครู่ แต่การร้องไห้โดยพยายามกลั้นเอาไว้จนร่างกายสั่นเทิ้มก็บ่งบอกให้รู้ว่าเขาเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว

โซ่เส้นหนาที่พันธนาการกันไว้ขาดสะบั้นลงที่ตรงนี้ สีครามของโซ่กำลังถูกชะล้างจากหยาดน้ำตาจนไม่มีเหลือและกลายเป็นเพียงโซ่ธรรมดา ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกำลังจะจบลงจริงๆ เราจะไม่มีกันอีกแล้ว

“พี่ขอให้เขาดูแลเราดีๆ นะ” ครามกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงแผ่วเพราะมันขัดแย้งกับความรู้สึก เขาไม่อยากให้น้องมีแฟน ตอนนี้เขาคงเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากขอในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เป็น ไม่ใช่ว่าอยากเป็นพระเอก ไม่ใช่ว่าไม่อยากตื๊อ แต่ครามทำไม่ได้ เขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเอาแต่ใจตัวเองได้อีกแล้ว สิ่งที่น้ำเงินบอกว่าพู่กันเป็นคนใจแข็งวันนี้เขารับรู้และได้เจอกับตัวเองแล้ว

ความเป็นจริงครามก็จะไม่เชื่อคำพูดของน้องเลย เพราะหากน้องชอบเขาจะหนีไปมีแฟนได้อย่างไร แต่การที่พู่กันพูดย้ำหลายหนและขอให้เราจบกัน อีกอย่างภาพมันก็ยังมาชัดตรงที่เขาคนนั้นก็รอพู่กันอยู่บนรถ ...มันชัดเจนเช่นกันว่าครามรู้สึกตัวช้าเกินไป เพราะน้องไม่ได้หยุดรอเขาอยู่ที่เดิม ...จริงๆ ก็คงไม่มีใครที่จะหยุดอยู่ที่เดิมได้ตลอดหากที่ตรงนั้นมันทำให้เจ็บปวด ครามเป็นคนที่ทำให้พู่กันเสียใจและทำให้น้องตัดสินใจเดินออกมาจากวงโคจรของเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะคราม ...เพราะเขาคนเดียว

“พี่คราม...” เสมือนทุกอย่างมันกำลังแตกสลาย แม้อ้อมกอดจะยังแน่นแต่กลับรู้สึกว่าเรากำลังยิ่งห่างไกลกันออกไปเรื่อยๆ

“อย่าดื้อ อย่าโหมทำขนมดึกๆ แล้วพี่ก็... ขอบคุณนะครับ”

“...”

“ขอบคุณที่ทำให้พี่รู้ ...รู้ว่าจริงๆ แล้วพี่คงไม่ได้แค่ชอบ”

“พ... พอ เถอะครับ” พยายามเอ่ยปากห้ามแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เพราะไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของครามได้ทำให้พู่กันต้องยกแขนขึ้นกอดตัวเองแน่น จากความพยายามจะเข้มแข็งและกลั้นน้ำตาเอาไว้พังเละไม่เป็นท่า เขาไม่เคยอ่อนแอมากขนาดนี้จนกระทั่งได้รู้จักคราม และเพิ่งรู้ว่าตัวเองร้องไห้อย่างหนักก็ตอนที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพูดขึ้นมาเบาๆ

“แต่พี่ครามรักพู่กัน” อ้อมกอดแน่นขึ้นทุกครั้งยามที่ครามผ่อนจังหวะการหายใจ แนบแน่นขึ้นทุกครั้งที่เขาเอื้อยเอ่ยความรู้สึกหวังเพียงน้องจะรับรู้ “พี่รักพู่กัน... ไปแล้ว”

“…”

“รัก... พี่รักเราจริงๆ”

เป็นอ้อมกอดที่จบความสัมพันธ์ทุกอย่าง เป็นอ้อมกอดที่ทำให้เราได้พูดความรู้สึกที่อยู่ภายในใจแต่มันกลับช้าเกินไปทำให้กลายเป็นอ้อมกอดสุดท้ายระหว่างเรา แต่มันคงจะเป็นอ้อมกอดแรกตลอดระยะเวลาที่เราได้รู้จักกันมา

เพราะเป็นครั้งแรก...

ครั้งแรกที่ครามร้องไห้ทั้งที่ยังกอดเขาอยู่


*
ต่อด้านล่างฮับ

ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #75 เมื่อ09-11-2018 21:01:36 »



“ผมขอโทษนะ” พู่กันเอ่ยเสียงแผ่วหลังจากปล่อยให้บรรยากาศระหว่างเขากับพี่ปัถย์มันอึมครึมมาตั้งแต่ตอนก้าวขาขึ้นรถทั้งน้ำตา รวมไปถึงขอโทษในเรื่องที่ยกไปอ้างว่าเป็นแฟนกับเขาด้วย

ซึ่งตอนที่ครามปล่อยให้เป็นอิสระ เขาก็รีบเดินจ้ำมาขึ้นรถโดยไม่หันกลับไปมองอีก แถมยังมาเอาแต่ใจกับพี่ปัถย์โดยสั่งให้ออกรถทันทีแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทีลังเลแต่สุดท้ายก็ยอมเพราะเขาขอร้อง ระหว่างทางก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้คนพี่ฟังทั้งหมด อาจจะพูดไม่รู้เรื่องไปบ้างเพราะเขาเล่าไปร้องไห้ไปแต่อีกฝ่ายก็จับใจความได้ เป็นเพราะเขาที่ทำให้แพลนการไปกินข้าวในโรงแรมห้าดาวต้องถูกเปลี่ยนเป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวข้างทาง เนื่องจากพี่ปัถย์กลัวเขาอึดอัดใจหากจะต้องขึ้นไปเจอผู้คนมากหน้าหลายตาทั้งที่ตาบวมเป่งแบบนี้

“ไม่เป็นไรครับ” พี่ปัถย์ตอบเสียงนุ่มก่อนวางตะเกียบลงบนชาม “เราโอเคหรือยัง”

พู่กันได้แต่ส่ายหน้าแทนคำตอบ เอาเข้าจริงตอนแรกก็กลัวจะโดนว่าเช่นกันว่าทำไมเขาถึงยกไปอ้างทั้งที่มันไม่เป็นความจริงแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น พี่ปัถย์ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแต่ถามว่าแน่ใจแล้วใช่ไหมที่อยากให้ครามเข้าใจอย่างนั้น

“ผมขอโทษจริงๆ นะ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก” อีกฝ่ายมองหน้าเขานิ่งๆ ก่อนเอาสองมือขึ้นมาประสานกันไว้ใต้คาง “แต่ถ้าชอบเขาแล้วจะปล่อยให้เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอครับ”

“...ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก ผมแค่อยากจบความสัมพันธ์บ้าๆ” พู่กันเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไร ก่อนคนตรงข้ามจะพยักหน้าลงเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าพูดต่อมาได้เลย “ผมไม่อยากเจ็บแล้ว ผมกับเขามัน... ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเขาคงแค่หวั่นไหวกับเรื่องของเรา เพราะความสัมพันธ์มันฉาบฉวยมาตั้งแต่แรกแล้ว”

“แต่เขาก็บอกเราแล้วหรือเปล่าว่าไม่ได้คิดอะไรกับคนนั้นแล้ว”

“ครับ แต่ผม...”

“ไม่เชื่อเขาใช่ไหมครับ” คนถูกถามพยักหน้าลงเบาๆ “ที่ผ่านมาเขาเคยโกหกเราไหม”

“ไม่ครับ”

“แล้วครั้งนี้ที่ไม่เชื่อ เพราะเขาทำให้ไม่น่าเชื่อ หรือเป็นเพราะเราปักใจว่าจะไม่เชื่อครับ” เด็กตรงหน้านิ่งงันทันทีที่ได้ยินคำถาม ปัถย์จำต้องถามตรงๆ เพราะเรื่องแบบนี้ต้องใช้ความรู้สึกจริงๆ เท่านั้น เขาอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ใช่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก และที่ถามก็เพราะอยากรู้ว่าพู่กันมีความคิดเห็นแบบไหน

เนื่องจากตอนที่เขานั่งอยู่บนรถแล้วมองสถานการณ์ผ่านกระจกข้างแม้อาจจะเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะมองออกอยู่บ้างว่าที่คุยกันมันคงไม่ราบรื่นเท่าไหร่ ตอนแรกก็คิดว่าจะลงไปช่วยคุยแต่สถานการณ์นั้นกลับบอกเขาเพียงแค่ว่าไม่ควรแม้แต่จะก้าวเข้าไปยุ่ง

พู่กันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ชายจริงๆ ก็ตอนที่วิ่งขึ้นมาบนรถทั้งน้ำตาแถมสะอื้นจนตัวโยนจนเขาใจสั่น ซึ่งในจังหวะที่เขาขับรถออกมาก็ยังมองกระจกหลังอยู่เพราะอยากจะรู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นอย่างไรบ้างกับการปรับความเข้าใจที่ไม่เป็นไม่สวยสักเท่าไหร่

เขาเห็นเด็กคนนั้นทรุดตัวลงนั่งกับพื้น แม้จะไม่เห็นสีหน้าแต่ก็พอเดาได้ว่ามันเป็นอาการของคนหมดแรง จากท่าทางและการยกมือขึ้นลูบใบหน้านั่นคงไม่ใช่เช็ดเพราะอากาศร้อนแต่อย่างใด ใช่ว่าเป็นผู้ชายแล้วจะร้องไห้ไม่เป็น ใครๆ ก็มีความอ่อนแอด้วยกันทั้งนั้น เขาก็เลยคิดว่าสิ่งที่เด็กนั่นแสดงออกก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ได้กำลังเล่นตลกกับความรู้สึก

เพียงแต่ก้าวผ่านกำแพงของพู่กันมาไม่ได้

“...มันยิ่งกว่าฝันอีกครับพี่ปัถย์ ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยมีท่าทีว่าชอบผมเลย เขาคิดถึงแต่คนนั้นมันจะมาเป็นผมได้จริงๆ เหรอ”

“เป็นได้สิ”

“…”

“รู้ตัวช้า พี่ว่าเขาเป็นแบบนั้น”

“เขาเลิกรักกันไม่ได้หรอกครับ” พู่กันตอบเสียงแผ่ว การกระทำทุกอย่างของครามย้อนกลับเข้ามาในระบบความคิด มันใช่ตรงที่อีกฝ่ายไม่เคยโกหกเขาสักครั้ง แต่เขาก็ยังทำใจเชื่อไม่ได้อยู่ดี ครามชอบนับมาเป็นปีจะหันมาชอบเขาที่เพิ่งสนิทกันไม่กี่เดือนได้อย่างไร

“เรารู้ได้ยังไง เราเองก็ไม่ใช่เขา” หลายครั้งที่คำถามของปัถย์ทำให้พู่กันฉุกคิด ทั้งที่เขาเป็นคนที่พูดประโยคนี้อยู่บ่อยครั้งแล้วแท้ๆ แต่กลับทำไม่ได้เองเสียอย่างนั้น “อย่าคิดถึงแต่ด้านตัวเองสิครับ พี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเชื่อเขาทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาแสดงออก พี่ว่าเขาก็ชัดเจนเหมือนกัน”

“...”

“ถ้าต่างคนต่างรัก ก็อย่าปฏิเสธเลยครับ เสียใจเพราะกระทบกระทั่งกันบ้าง ยังไงมันก็ดีกว่าเสียใจเพราะเห็นเขาอยู่กับคนอื่น”

“...”

“เพราะถ้าเขามีคนใหม่เราจะไม่มีสิทธิ์อะไรอีกแล้ว”

“...”

“โอกาสยังมีอยู่ ลองทบทวนใหม่ดูนะครับ”


*

“แดกให้หมด” คนถูกสั่งเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงของหมิงขณะเขี่ยข้าวในจานตัวเองไปมา ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับครามก็เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน จากตอนแรกเพื่อนไม่รู้ถึงปัญหาแต่หลังจากวันนั้นเขาจำต้องเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทฟังรวมถึงน้ำเงิน แน่นอนว่าเขาไม่ได้รับคำก่นด่าหรือคำพูดใดให้แคลงใจ มีแต่คำพูดให้กำลังใจทั้งที่พวกมันเป็นคนกลางที่ต้องลำบากใจแท้ๆ “มึงจะทำตัวตายซากแบบนี้เหรอ”

“กูไม่หิวอะ” ก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมความอยากอาหารถึงได้ไม่มีเหลืออยู่เลย มันรู้สึกเบื่อ ไม่อยากกิน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เหมยได้แต่มองหน้าเขาก่อนยื่นขนมปังไส้ถั่วแดงให้ พู่กันก็ทำเพียงแค่รับมาและวางมันไว้ข้างตัวเฉยๆ

พู่กันจำได้ว่าวันสุดท้ายก่อนจะตัดความสัมพันธ์อย่างจริงจัง เขาร้องไห้จนคุมสติไม่อยู่และบอกครามไปว่าชอบและตัดสินใจบล็อคทุกช่องทางที่อีกฝ่ายจะสามารถติดต่อมาได้ เพราะอยากจะจบมันจริงๆ เขาเสียใจที่ทำให้อีกฝ่ายร้องไห้แถมยังไม่เคยคิดมาก่อนด้วยว่าคนอย่างเขาจะทำให้ครามร้องไห้หนักขนาดนั้น

แม้ว่าสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในใจคือคำถามว่าตั้งแต่วันนั้นครามหายไปไหน สิ่งที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวคือเสียงสะอื้นของครามที่หลอกหลอนจนกลายเป็นมากกว่าฝันร้าย และพอนึกถึงก็ทำให้เขาร้องไห้ออกมาอีกหลายหน

แต่ความพยายามจะไม่คิดถึงก็ถูกทำลายด้วยการนึกถึงอยู่เสมอเพราะไม่สามารถลืมได้ลง

“กินข้าวบ้าง” เหมยเอ่ยปากเบาๆ เขาไม่รู้จะช่วยยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากเพื่อนในกลุ่มรู้เรื่องทั้งหมดแม้พู่กันจะไม่ได้ทะเลาะกับน้ำเงิน แต่เขาก็รู้ว่าเพื่อนตัวเล็กทั้งสองคนไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากันเหมือนเมื่อก่อน

“กูกินไม่ลง”

“...”

“จริงๆ”

“ไอ้เงิน ทางนี้เว้ย!” หมิงเป็นฝ่ายตะโกนเรียกทำให้เจ้าของชื่อได้แต่หันมามองแล้วเดินเข้ามาหา โรงอาหารวันนี้คนเยอะเป็นพิเศษน้ำเงินเลยอาจจะมองไม่เห็น

“นั่งดิมึง กินข้าวมายัง” คำถามของพู่กันทำเอาเพื่อนอีกคนเม้มปากแน่นก่อนส่ายหน้าให้แทนคำตอบ “กินกับกูไหมอะ”

“เรา...” พู่กันรู้ดีว่าสถานการณ์ของเขากับน้ำเงินมันยากเกินกว่าจะอธิบาย “พู่”

“ลงมานั่ง ช่วยกูกินข้าวหน่อย” ไม่ว่าเปล่าเขายังคว้าข้อมือเพื่อนสนิทลงมานั่งข้างกัน “แต่นมปั่นไม่มีนะ ร้านป้ามึงไม่เปิด”

“คุยกันไปก่อน” เหมยแทรกขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนาที่มีแต่ความอึดอัด ความจริงเขาก็อยากจะนั่งฟังอยู่หรอกแต่ติดตรงที่โทรศัพท์ในมือของเขาดันสั่นขึ้นมาเสียก่อน แถมจะไม่รับก็ไม่ได้เนื่องจากคนที่โทรเข้ามาในเบอร์เขาคือพี่ปัถย์

“ไปไหนวะ” พู่กันหันมาถาม

“หาอะไรกิน” ไม่ว่าเปล่าเหมยยังลากคอน้องชายออกมาด้วยกัน ก็เลยถือให้เป็นโอกาสให้น้ำเงินกับพู่กันได้พูดคุยกันไปด้วยเลย ส่วนเขาก็คงต้องปลีกตัวไปคุยโทรศัพท์กับพี่ปัถย์ก่อน

“พู่...” น้ำเงินเรียกเสียงแผ่ว น้ำเงินไม่รู้ว่าควรจะวางตัวแบบไหนในเมื่ออีกฝั่งหนึ่งก็เป็นเพื่อนที่ตัวเองรักมากๆ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นพี่ชายที่รักมากเช่นกัน พอทั้งสองคนถึงขั้นแตกหักแบบมองหน้ากันไม่ติดก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะทำยังไง พูดตรงๆ ว่าเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับพู่กัน แม้กระทั่งกับพี่ชายตัวเองยังไม่กล้าเลย “ไม่หิวอีกแล้วเหรอ”

“เออ ไม่ค่อยอยากว่ะ แต่กูกินขนมปังไปแล้วนะ” เขาจำต้องโกหกเพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ แถมยังรู้สึกว่าตัวเองทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตเกินกว่าจะหันกลับไปแก้ไข “มึงไม่หิวเหรอ”

พูดตรงๆ ว่าเขาไม่ได้โกรธน้ำเงินเลยแม้แต่นิดและไม่ได้อยากให้เพื่อนต้องรู้สึกผิดแทนพี่ชาย แต่น้ำเงินคือน้ำเงิน คือคนที่อ่อนไหวและคิดมาก

“ไม่หิวหรอก แต่พู่...”

“กูกินขนมปังไปแล้วไง ส่วนมึงอะต้องกินข้าว ถ้าผอมพี่องศาจะมาเพ่นกบาลกู” เขาแสร้งพูดพลางหันไปตักข้าวขึ้นมาก่อนยื่นไปหาเพื่อนตรงหน้าที่ตาบวมช้ำมาหลายวันแถมยังเริ่มมีหยาดน้ำใสเอ่อขึ้นมาจนพู่กันรู้สึกผิด “มึง อย่าร้องไห้ดิ”

“ก็เรา... ฮึก เราขอโทษแทนเฮียได้ไหม” พู่กันวางช้อนลงที่เดิมแล้วผ่อนลมหายใจออกเบาๆ พยายามตั้งสติและสั่งตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาเช่นกัน

“อย่าขอโทษแทนใครเลยน้ำเงิน กูบอกแล้วว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ผิดที่พี่มึงคนเดียว อีกอย่างควรจะเป็นกูมากกว่าไหมที่ต้องขอโทษ ถ้ากูห้ามใจได้ตั้งแต่แรกมันก็ไม่เกิด”

“เรื่องความรักห้ามใจมันลำบากนะ ...”

“เฮ้อ กูทำให้มึงร้องไห้อีกแล้วเนี่ย” ไม่ว่าเปล่ายังยกมือไปลูบศีรษะเพื่อนเบาๆ “ทั้งมึงทั้งพี่มึงร้องไห้เพราะกูหมดเลย”

“เราขอโทษ” น้ำเงินรีบเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ เพราะเขากำลังจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้พู่กันคิดมาก “ขอโทษแทนเฮียด้วย”

“ไม่ต้อง”

“...”

“เขาขอโทษกูมาพอแล้ว มึงไม่ต้องขอโทษแทน”

“เราถามได้ไหม...” พู่กันมองหน้าเพื่อนสนิทนิ่งเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะถามอะไร แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบไปเพราะมาถึงจุดนี้แล้วคงไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่จะตอบ “พู่ไม่รักเฮียเราแล้วเหรอ”

คนถูกถามชะงักไปทันทีที่ได้รับคำถามอย่างตรงไปตรงมา น้ำเงินรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นแฟนกับพี่ปัถย์ รู้เรื่องทุกอย่างที่เขาบอกให้รู้ แต่คนที่ไม่รู้อะไรเลยนั่นคือครามเพราะเขาขอร้องเอาไว้ว่าอย่าบอก ก็รู้ว่ามันแย่ที่ทำให้น้ำเงินต้องโกหกพี่ชายตัวเองไปด้วย ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปแล้ว

“ถ้ากูบอกไปแล้วมึงจะว่ากูไหม”

“ไม่ว่าหรอก เราแค่อยากรู้”

“กูยังรักพี่มึงอยู่ แล้วกูก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเลิกรักพี่มึงได้ไหม”

“…”

“...กูขอโทษที่เห็นแก่ตัว กูใจร้ายแค่เพราะกูไม่อยากเจ็บ” พู่กันกัดริมฝีปากแน่นเพราะเขากำลังจะทำให้เพื่อนร้องไห้อีกครั้งรวมถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน “กูขอโทษจริงๆ เงิน”

“พู่ไม่ต้องขอโทษ... เราไม่เคยคิดจะว่า ที่จริงเราไม่อยากเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ เรา... เราแค่ไม่อยากให้พู่กับเฮียต้องเป็นแบบนี้ แต่มันเป็นความรักของพู่ ไม่ว่าจะเป็นเราหรือเฮียก็ต้องยอมรับในตัดสินใจ ...พู่อย่าร้องไห้”

“กูเสียใจ ...ฮึก” มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งเวลาที่เป็นเรื่องของคราม ต่อให้พยายามเข้มแข็งมากเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ “กูพยายามแล้ว แต่มันยากมากเลยเงิน มันยากที่จะเชื่อว่าพี่มึงรักกู ... โคตรใจร้ายเลยใช่ไหม”

“อย่าคิดแบบนั้น”

“ไม่คิดไม่ได้หรอก จริงๆ ...กูรักพี่มึง เขาเองก็บอกว่ารักกู แต่เป็นกูที่ไม่เชื่อ กูพังทุกอย่างด้วยตัวเอง กูทำเขาร้องไห้ ...กูรู้ว่ากูแม่งโคตรใจร้ายเลยแต่กูแค่อยากเซฟใจตัวเอง กูไม่รู้ว่าจะทำยังไงว่ะ” มือเล็กยกขึ้นมาเกลี่ยหยาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นและปรับโทนเสียงให้เป็นปกติที่สุด “น้ำเงิน ถ้าคนใจร้ายอย่างกูจะขอให้มึงช่วย ...”

“…” น้ำเงินไม่ตอบแต่ก็พยักหน้าลงเพื่อบอกให้เพื่อนสนิทรู้ว่าเขายินดีจะช่วยอย่างเต็มที่หากต้องการ

“ช่วยดูพี่ครามให้หน่อย อย่าให้เขาไปกินเหล้าแล้วน็อคเหมือนคราวนั้น อย่าให้สูบบุหรี่เยอะ อย่าโหมงาน อย่าให้ป่วย ให้เขา ...ดูแลตัวเองดีๆ นะ” หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้ร่วงบนอีกหน เขาเจ็บที่ทำได้เพียงแค่ขอแม้ว่าใจจริงจะอยากไปดูแลเองมากแค่ไหน แต่เขาก็ทำไม่ได้... มันยากเกินไปสำหรับเขา “อีกเรื่อง...”

“…”

“อย่าให้พี่ครามร้องไห้อีกได้ไหม ...กูไม่ชอบเลย”

tbc
สำหรับตอนนี้ก็ยกเพลง รักไม่ได้ มาเลยค่ะ ฮรุก อยากให้ฟังเพลงนี้จริงๆ ลองหาเนื้อเพลงดูได้นะคะ เราชอบ 55555555555
ฝากคอมเมนต์ให้กำลังใจกันได้ หรือแปะแท็ก #โซ่สีคราม พูดคุยกันได้นะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยฮับ ♥

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #76 เมื่อ09-11-2018 22:59:41 »

โอ้ยๆๆๆ....น้ำตาท่วมนองไปหมดแล้ว...มันบีบใจเสียเหลือเกิน ไรท์ต้าตอนหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วนะคะ ใจเจ้มันรับแรงบีบคั้นไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #77 เมื่อ12-11-2018 20:07:30 »

ตอนนี้อ่านไปจิ๊ดๆ ในใจตลอดเวลา
เข้าใจพู่กันเลย มันเชื่อยากมากเลยเพราะพู่กันฝังหัวไปแล้วว่าครามชอบนับ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #78 เมื่อ13-11-2018 01:04:58 »

ดราม่าเกินไปแล้ว ใจรับไม่ไหวขอยาดskipผ่านไปเลยได้มั้ย แงๆ ไว้จะอ่านตอนเขากลับมาดีกันนะคะ ไม่ชอบดราม่าเลย สงสารพี่ครามเจ็บซ้ำเจ็บซ้อนพ่อคุณ

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
«ตอบ #79 เมื่อ16-11-2018 00:46:13 »

อยากเห็นตอนที่พี่ครามจะข้ามกำแพงไปหาพู่ได้สักที ดราม่ากันจนใจพังหมดแล้ว :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 11 ; (09/11/61)
« ตอบ #79 เมื่อ: 16-11-2018 00:46:13 »





ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #80 เมื่อ19-11-2018 21:39:59 »

12
missing you


//


(กี่วันแล้วนะ) เสียงปลายสายถามด้วยความสงสัยเจือเป็นห่วง

“เก้า” องศาเหลือบสายตาไปมองเพื่อนสนิทที่เมาหัวราน้ำตั้งแต่วันที่มันไปดักเจอน้องหน้าบ้านแล้วปรับความเข้าใจกันไม่ได้ พู่กันตัดขาดช่องทางการติดต่อและหลบหน้าแบบเห็นได้ชัด

(น้ำเงินไม่บ่นเหรอวะ) ยิ้มท้วงเพราะห่วงก็เลยโทรมาเช็กข่าวคราว เขาเห็นเพื่อนเพ้ออยู่ในเฟซด้วยการโพสต์เพลงอกหักเมื่อหลายวันก่อนแล้วก็หายไปจากโลกโซเชียลแบบไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย ก็พอรู้เรื่องมาบ้างว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้ถามรายละเอียดทั้งหมดเพราะเขาเองก็ไม่ค่อยว่างช่วงนี้

“บ่น แต่ทำอะไรไม่ได้” เขาถอนหายใจเบาๆ เพราะปัญหาใจมันยากที่จะช่วย ทำได้เพียงให้คำแนะนำก็เท่านั้น “แล้วญี่ปุ่นเป็นไง”

(มึงหมายถึงที่มาอยู่ หรือหมายถึงน้องกูล่ะ) อีกฝ่ายหัวเราะออกมา เพราะญี่ปุ่นที่องศาถามตีความหมายได้ทั้งประเทศที่ยิ้มไปอยู่และชื่อของลูกพี่ลูกน้องของมัน

“น้องมึง”

(ก็ดีขึ้น อีกสามสี่วันกูน่าจะกลับแล้ว จะไปดูอาการเพื่อนมึงต่อ)

“อืม มาช่วยที”

(เออ ...พี่ยิ้มมม ปุ่นอยากกินชาอะ ออกไปซื้อได้ไหม หรือว่า—) คำว่าเออนั่นยิ้มตอบเขา ส่วนไอ้ประโยคหลังก็ไม่พ้นน้องชายตัวแสบที่เสียงเจื้อยแจ้วดังเข้าแทรกเข้ามาจนเขาหลุดหัวเราะ (กูไปซื้อเอง มึงยังไม่ค่อยหาย เดี๋ยวออกไปซุ่มซ่ามกูไม่ต้องกลับไทยกันพอดี)

“ไปดูลูกก่อน”

(สัดศา เดี๋ยวกูกลับไปโดดถีบ เออมึง ไอ้ปุ่นฝากบอกน้ำเงินว่าไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง จริงๆ มันก็ดีขึ้นเยอะแล้วแหละ แต่กูยังไม่อยากให้เล่นโทรศัพท์)

“โอเค”

(เออ งั้นกูวางละ เดี๋ยวโทรไปใหม่)

“อืม เจอกัน” องศาตอบก่อนกดวางสาย ตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นกลับมาเที่ยวไทยครั้งก่อนก็ขอแอดไอดีน้ำเงินไว้เพราะอยากมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน จากที่ฟังๆ ดูก็เห็นว่าสนิทกันพอสมควร

ร่างสูงเดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านก่อนจะกระชากแก้วเหล้าในมือออกแล้ววางลงบนโต๊ะ ครามตวัดสายตามามองทันทีเหมือนโกรธเคืองที่เขาขัดใจ

“เอาให้กู”

“มึงจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่” องศาถามเสียงแข็ง เขาคงทนให้มันยัดเข้าไปแบบนี้ไม่ได้ ถามว่าห่วงเพื่อนไหมก็ห่วงเพราะเท่ากับว่าครามล้มเหลวถึงสองรอบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นว่าการอัดแอลกอฮอล์เข้าร่างกายหนักๆ นี่จะเป็นผลดี “น้ำเงินห่วงมึง”

“อืม”

“มึงต้องตั้งสติ”

“ตั้งแล้วได้อะไรวะ” ครามหันหน้าไปมองก่อนผ่อนลมหายใจออกมา “กูทำพลาดทุกอย่างเลยศา น้องมีคนดูแลแล้ว กูจะทำเหี้ยอะไรได้”

“ศา” ไม่ทันที่องศาจะตอบอะไร เสียงของผู้มาใหม่กลับทำให้ทั้งเขาและครามต้องหันกลับไปสนใจพร้อมกัน นับเงินเดินเข้ามาด้วยสภาพอิดโรย “กูคุยเอง”

“กลับมาตอนไหน” องศาถามอย่างเป็นห่วง เพราะนับไปดูงานที่สิงคโปร์กับเข็มทิศมาหลายวัน คาดว่าคงจะยังไม่ได้พักเพราะไฟล์ทกำหนดถึงไทยตอนแปดโมง นี่เพิ่งจะเก้าโมงกว่าแปลว่าพอลงเครื่องแล้วก็มาหาเลย

“เพิ่งถึงแล้วก็รีบมา” ชายหนุ่มพยักหน้า ไม่ถามอะไรต่อและเดินออกมาจากห้องรับแขกเพื่อให้นับได้คุยกับครามตามที่ต้องการ “คราม”

“ถ้ามึงรู้เรื่องแล้วก็อย่าบ่นกูนับ” ครามพรูลมหายใจก่อนคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกจนหมด

นับเงินไม่พูดอะไรสักคำ เขารู้เรื่องตั้งแต่วันแรกที่ครามทะเลาะกับพู่กัน แต่กลับทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการรับฟังเพราะไม่สามารถทิ้งงานกลับมาได้จริงๆ เพราะงั้นวันนี้พอลงเครื่องก็เลยรีบถ่อมาแถมยังปล่อยให้พี่เข็มทิศรออยู่หน้าบ้าน เขารู้ว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ความรักของทั้งสองคนพังไม่เป็นท่าก็มาจากตัวเองด้วย

“คราม”

“กูเจ็บสัดๆ เลยนับ กูแม่งรู้สึกโคตร... เหี้ย” ถ้อยคำสุดท้ายแผ่วเบาจนเพื่อนสนิทถึงกับเม้มปากแน่น “กูรู้ตัวช้า กูช้ากว่าน้อง ไม่ใช่แค่ก้าวเดียวแต่เป็นสิบๆ เก้า”

“มันก็ผิดที่กูด้วยเหมือนกัน” นับเงินพูดออกไปตามความจริงก่อนถือวิสาสะดึงแก้วเหล้าจากมือครามออกมาถือเอาไว้ เพราะเพื่อนตัวโย่งนั้นกินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว “กูขอโทษ”

“ขอโทษทำไม มันไม่ได้เกี่ยวกับมึงแล้วนับ” ครามตอบตามความรู้สึก “มันเป็นเรื่องของกูกับน้อง”

“แต่ที่น้องเป็นแบบนี้เพราะคิดว่ามึงเลิกรักกูไม่ได้ไง” นับว่าพลางเอื้อมมือไปแตะไหล่ครามแล้วออกแรงบีบเบาๆ “มึง”

“อะไร”

“กูไปคุยกับน้องให้ไหม” ครามหันมามองทันทีที่เขาพูดจบ นับไม่ได้อยากจะเป็นตัวปัญหาให้กับความรักของใคร เขาทำใจครามพังมาแล้วรอบหนึ่งและเพื่อนเขาไม่สมควรจะเจ็บอีก ตอนนี้ที่ครามกำลังเจ็บมันก็เป็นผลมาจากตัวเขา นั่นหมายถึงนับเงินเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆ ความเจ็บปวดของคราม

“ไม่ต้องหรอก”

“ทำไม”

“น้องมีแฟนไปแล้วนับ น้องรักกูไม่ได้แล้ว”

“แล้วมึงไม่รักน้องแล้วเหรอ” คนถูกถามชะงัก “ยอมแพ้แล้วจริงๆ เหรอวะคราม กูไม่ได้อยากจะเปรียบ แต่กับกูทำไมมึงสู้ไม่ถอยทั้งที่กูไม่เคยรักมึงแบบนั้นเลย”

“...”

“แต่กับน้อง มึงรู้ทั้งรู้ว่าน้องรักมึงแบบไหน ทำไมมึงถึงถอยง่ายๆ”

“มึงจะให้กูทำยังไง ให้กูไปแย่งน้องกลับมาเหรอวะ กูรักน้องแค่ไหน กูรู้ตัว กูก็ไม่ได้อยากถอยเลย”

“...”

“แต่กูจำเป็นต้องถอย กูเป็นความทุกข์ให้น้องมาตลอด กูก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอวะถ้าน้องมีแฟน เขาดูแลน้องได้ เขาน่าจะทำได้ดีกว่ากูด้วยซ้ำ”

“...”

“อีกอย่างเขาคงไม่ทำให้น้องเสียใจเหมือนที่กูทำ”

“แต่...” ไม่ทันที่นับได้พูดท้วงในสิ่งที่คิด ครามกลับละความสนใจไปจากเขาแล้วมุ่งเป้าไปยังโทรศัพท์เครื่องบางที่อยู่บนโต๊ะแทน

ชายหนุ่มหยิบมาถือเอาไว้ก่อนพิจารณาเบอร์ที่โทรเข้ามาเพราะไม่คุ้นตา แบตเตอรี่เหลืออยู่หกเปอร์เซ็นต์เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จะเพียงพอต่อการพูดคุยมากแค่ไหนก็ไม่อาจทราบแต่ครามก็เลือกที่จะกดรับ

(อ่า นึกว่าจะไม่รับ) ครามขมวดคิ้วยุ่งเพราะน้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินแต่นึกไม่ออก (ได้ยินไหมครับ)

“ใครครับ”

(พี่ปัถย์) เด็กหนุ่มเผลอกลั้นหายใจไปเสี้ยววินาทีเมื่อความทรงจำในวันนั้นหวนกลับคืนมา วันที่น้องบอกว่ามีแฟนแล้วและเป็นชื่อนี้ (น้องครามใช่ไหม)

“ครับ”

(พี่มีเรื่องอยากจะคุยด้วย เราสะดวกออกมาเจอพี่หรือเปล่า)

“เรื่องอะไรครับ” แม้จะไม่ชอบที่อีกฝ่ายเป็นแฟนของพู่กัน แต่เขาก็ไม่สามารถทำกิริยาที่ไม่ดีใส่ได้ “ถ้าไม่สำคัญผมคงไม่ไป”

(เรื่องน้องพู่)

“...”

(พี่คิดว่าน่าจะสำคัญนะ)

“พี่มีอะไร” บทสนทนาของเขาอยู่ในสายตาของเพื่อนสนิทอย่างนับเงิน

(ครามควรออกมาเจอพี่นะครับ)

“เรื่องที่พี่จะพูดมันพูดในโทรศัพท์ไม่ได้หรือไง”

(ไม่ครับ อ่า... เอาแบบนี้)

“...”

(ถ้าครามอยากจะรู้เรื่องของน้อง วันนี้ตอนห้าโมงมาเจอกัน พี่จะส่งโลไปทิ้งไว้ให้)

“ผมไม่เข้าใจ”

(พี่จะรอถึงห้าโมงครึ่ง)

“ทำไมต้องห้าโมงครึ่งครับ”

(หยุดตั้งคำถามครับ ถ้าอยากรู้ให้มา)

“แล้ว...”

(แค่นี้นะครับ)

“เดี๋ยวดิ ...อะไรวะ” ครามสบถด้วยความไม่เข้าใจ คิดจะโทรกลับไปซ้ำอีกหนก็ไม่ได้เพราะคำตอบที่จะได้รับก็คงไม่พ้นแบบเมื่อครู่ “นับ”

“อะไร”

“แฟนน้องโทรมา”

“แล้ว?”

“นัดกูออกไปเจอ บอกจะคุยกับกูเรื่องของน้อง เขาจะรอถึงแค่ห้าโมงครึ่ง ถ้ากูไม่ไปเขาจะทำไมไม่รู้”

“เอ้า อะไรวะ” นับสบถออกมาคำเดียวกับคราม เริ่มตงิดใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “มึงจะไปหรือเปล่า”

“ไม่รู้ว่ะ”

“คราม”

“กูสับสน แม่งเหี้ยอะไรวะเนี่ย” ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมฝ่ายนั้นถึงได้โทรมาหา หรืออยากจะคุยเรื่องที่เขากอดน้องในวันนั้น แต่มันก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์กว่าแล้ว “มึงว่ากูควรจะไปดีไหมวะ”

“ถ้าถามกูมันก็สมควร ลองไปเจอดูเหอะ”

“...”

“มึงรักน้องมากกว่ากู เพราะงั้นมึงควรจะสู้เรื่องของน้องให้มากๆ กูเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าน้องกับคนนั้นเป็นแฟนกันจริงไหม”

“มึงหมายความว่าไง” ครามเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ สะบัดหัวไล่อาการมึนเมาเมื่อครู่ “กูงง”

“น้องรักมึงคราม”

“...”

“กูแค่คิดเฉยๆ น้องบอกรักมึงแล้วจะหนีไปมีแฟนได้จริงๆ เหรอวะ กูก็รู้ว่ากูไม่ใช่น้อง”

“...”

“แต่ขนาดกูพยายามจะไม่รักพี่เข็ม” นับตัดสินใจพูดออกไปเพราะแน่ใจอย่างสุดๆ แล้วว่าใจเพื่อนไม่ได้อยู่ที่เขาอีกต่อไปแล้ว “กูยังทำไม่ได้เลยนะ กูยังไปรักมึงไม่ได้เลย แล้วน้องทำได้เหรอวะ”

“...”

“กูขอได้ไหมคราม ออกไปเจอเหอะ จริงๆ”

“ถ้ากูผิดหวังอีกล่ะ”

“มึงมีแค่สองทาง แต่ละทางมันมีโอกาสทำให้มึงผิดหวังทั้งนั้น” สองมือเล็กเอื้อมไปจับใบหน้าของเพื่อนแล้วบังคับให้หันกลับมามอง นับมักจะเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อยากจะให้กำลังใจและเป็นกับทุกคน แต่คนที่กระทำแบบนี้ใส่บ่อยๆ คือเข็มทิศ “ฟังกูนะ ถ้ามึงไปมีสิทธิ์ผิดหวังเพราะไม่รู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร แต่คราม ถ้าเกิดมึงไม่ไปมึงไม่มีทางรู้ว่าเขาต้องการอะไร มันอาจจะทำให้มึงผิดหวังเหมือนกัน บางทีมันอาจจะทำให้ผิดหวังมากกว่าด้วย เพราะมึงตัดสินใจผิด”

“...”

“ถ้ามึงจะแพ้ ก็แพ้ให้สุด เอาให้แม่งรู้กันไปเลยว่าโลกแม่งจะใจร้ายกับมึงได้แค่ไหน”

“...”

“แต่เชื่อกูเหอะ โลกคงไม่ใจร้ายกับมึงไปมากกว่านี้แล้ว มึงสมควรจะมีความสุขได้แล้วคราม”

“กูก็มีความสุขอยู่นับ”

“สุขเรื่องไหน กูเห็นมึงร้องไห้จะเป็นจะตายขนาดนี้”

“กูมีความสุขที่ได้รัก” ครามพูดเสียงแผ่วก่อนความอ่อนแอจะก่อตัวขึ้นอีกหน “อีกอย่าง กูก็มีความสุขที่ได้รู้ว่าน้องเคยให้ความรักกูเหมือนกัน”

“...”

“มันก็เหมือนเรารักกัน”

“...”

“แต่รักกันผิดเวลาไปหน่อย แค่นั้น”



*



ปลายนิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนไปมาเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ดวงตากลมไล่อ่านข้อความบนหน้าฟีดเฟซบุ๊คผ่านๆ เนื่องจากไม่อยากสนใจ กระทั่งเสียงของผู้เป็นแม่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทเขาจึงวางโทรศัพท์ลง

“น้องพู่”

“ครับ?” เขาเงยหน้ามองคุณเจ้าของร้านคาเฟ่ที่กำลังถอดผ้ากันเปื้อนออก

“ช่วงนี้น้องครามไม่ว่างเหรอจ๊ะ” คนถูกถามชะงักเพราะไม่ทันตั้งตัว ลืมคิดไปเสียสนิทว่าถ้าแม่ถามแล้วเขาจะตอบว่าอะไร สำหรับเขาการตัดขาดการติดต่อจากครามอย่างจริงจังมันเพิ่งจะผ่านมาแค่อาทิตย์กว่า แต่สำหรับแม่เขามันเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ครามเข้าโรงพยาบาล

“ก็...”

“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า” เสียงนุ่มถามอย่างเป็นห่วง นั่นเพิ่มความลังเลให้พู่กันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหก แต่เขาก็ตอบไม่ถูกหากแม่ถามว่าทำไมถึงได้ทะเลาะกันรุนแรง

“...”

“น้องพู่”

“พี่มันยุ่งๆ อะแม่”

“แม่เห็นน้องครามมาหน้าร้านทุกวันเลยนะ แต่แม่งงว่าทำไมไม่เข้ามา” คำพูดของแม่ทำให้พู่กันอึ้งไปเล็กน้อย “น้องครามจอดอยู่หน้าร้าน พอแม่จะเดินออกไปเรียกก็ขับรถออกไปก่อนทุกที เอ... หรือน้องครามให้ใครยืมรถมาใช้ ปกติไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย”

“เห็นทุกวันเลยเหรอครับ”

“จ้ะ แม่สงสัยก็เลยมาถามน้องพู่นี่ไงจ๊ะ”

“แม่ครับ คือจริงๆ แล้ว...” เสียงหวานขาดห้วงเมื่อผู้เป็นแม่หันไปทักทายลูกค้าผู้มาใหม่

“นั่งก่อนได้เลยจ้ะ”

“สวัสดีครับ ผมมาหาน้องพู่น่ะครับ”

แน่นอนว่าน้ำเสียงและประโยคนั้นทำให้เขาหันกลับไปมองอย่างง่ายดาย พอหันไปก็พบว่าระบบความทรงจำของเขายังใช้ได้ดีเพราะคนที่ยืนอยู่หน้าประตูร้านนั่นคือพี่นับเงินแถมยังมาพร้อมกับพี่เข็มทิศด้วย

“อ้าว รู้จักน้องเหรอจ้ะ นั่งๆ ก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวแม่ทำอะไรมาให้ทาน” แม่ของพู่กันมักเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นใครแต่ถ้าบอกว่ารู้จักเขาก็ต้อนรับและเอ็นดูทุกคน พู่กันลุกขึ้นจากโต๊ะตัวเดิมแล้วรีบเดินเข้าไปหาพี่นับ โดยไม่ลืมยกมือสวัสดีรุ่นพี่ทั้งสองคนด้วย

“เธอ พี่จะไปดูขนม” เข็มทิศหันมาถามก่อนที่นับเงินจะพยักหน้าลง “เธอเอาอะไร”

“เหมือนเดิม”

“บนเครื่องเธอก็เพิ่งกินมา”

“ถ้าเธอจะไม่ให้กินแล้วถามนับทำไม” คนถูกว่าได้แต่ไหวไหล่ จะไม่ให้ดุได้อย่างไรในเมื่อบนเครื่องนับกินกาแฟมาแล้ว ตอนไปอยู่สิงคโปร์ก็แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ความจริงเขาน่าจะพาน้องกลับบ้านได้นานแล้วถ้าไม่ติดว่าขอให้พาไปหาครามเสียก่อน ตอนแรกก็คิดว่าจะจบเพียงแค่นั้น แต่พอออกมาจากบ้านครามแล้วน้องก็สั่งให้มาที่นี่ แน่นอนว่าเขาบอกให้กลับไปพักก่อนแต่นับก็งอแง เพราะงั้นก็เลยต้องพามา

พู่กันได้แต่ยืนมองทั้งสองคนคุยกันด้วยความสับสน ทำไมทั้งพี่เข็มทั้งพี่นับถึงได้มาหาเขา แต่ก็ยังไม่กล้าถามอะไรจนกว่ารุ่นพี่จะคุยกันเสร็จ เพราะเขาไม่อยากเสียมารยาท

“มีพวกชามะนาวไหมครับ” เข็มทิศหันมาถามทำให้เขาพยักหน้าตอบ “เธอกินนี่แล้วกัน”

“เธอก็ไม่ต้องกินกาแฟแล้ว” นับสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ขนมก็ซื้อเท่าที่จะกินนะ เข้าใจไหม”

“ครับ รู้แล้ว”

“อือ” นับขานตอบพลางถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะตอบรับเช่นนั้นแต่พอถึงเวลาก็ซื้อมาเยอะเกินกว่าจะกินได้หมดแล้วสุดท้ายก็เหลือทิ้งทุกที “ตอนแรกพี่นึกว่าจะไม่อยู่ร้านซะแล้ว”

“พี่นับมีอะไรหรือเปล่าครับ” พู่กันถามตรงประเด็น เขามั่นใจว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

“พี่มีเรื่องจะคุยกับพู่ มีที่อื่นที่ไม่ใช่ตรงนี้ไหมครับ พี่กลัวไปรบกวนลูกค้าที่ร้าน”

“อ่า ถ้างั้นหลังร้านผมได้ไหม”

“ได้ๆ ถ้างั้นพี่เดินไปบอกพี่เข็มก่อน เดี๋ยวไม่เห็นแล้วชอบบ่น พี่รำคาญ”

เขาได้แต่ผงกหัวแล้วขอตัวเดินออกมาทางหลังร้าน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ถึงสิบนาทีนับเงินก็เดินมาหลังร้านโดยที่มีพี่เข็มทิศเดินถือแก้วน้ำตามมาด้วย ทำไมถึงได้ดูตัวติดกันขนาดนี้

“คือ...”

“ไม่อ้อมนะครับ พี่มาคุยเรื่องคราม เรายังไม่ต้องพูดอะไร ฟังพี่ก็พอ” พู่กันพยักหน้าตอบรับก่อนนับเงินจะเริ่มพูด “พี่รู้เรื่องพู่กับครามแล้ว ทั้งเรื่องที่ชอบกันแล้วก็ที่ทะเลาะกัน ครามไม่ได้สั่งให้พี่มา แต่พี่จำเป็นต้องมา พี่ต้องมาบอกให้รู้ว่าระหว่างพี่กับครามเป็นแค่เพื่อนกัน”

“...” คนฟังได้แต่อึ้งเพราะประมวลผลไม่ทัน ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว “ผม...”

“เดี๋ยวครับ ฟังก่อน เรื่องที่โรงพยาบาล วันนั้นไม่มีอะไรจริงๆ พี่เป็นพวกชอบให้กำลังใจแบบนี้ครับ” ไม่ว่าเปล่านับยังเดินเข้ามาหาเข้าแล้วใช้สองมือของตัวเองขึ้นประกบแก้มเขา “พี่ให้กำลังใจครามแบบนี้”

“...”

“ศากับยิ้มก็ได้แบบนี้”

“พี่ก็ได้ครับ” คนที่ยืนถือขวดน้ำอยู่เอ่ยขึ้นมาจนนับเงินต้องหันไปส่งเสียงขู่เบาๆ

“เธอนิ่งๆ เลย”

“ก็น้องเข้าใจผิด พี่ก็บอกให้ฟัง” เข็มทิศหันมาพยักหน้าให้เขาและยังพูดต่อโดยที่ไม่ฟังคำสั่งของนับแม้แต่นิด “นับเป็นแบบนี้แหละครับ อีกอย่างนับไม่เคยจูบใครนอกจากพี่หรอก”

“เธอไปรู้มาจากไหนอีกเนี่ย แอบฟังนับคุยโทรศัพท์เหรอ” นับเงินหันไปมองพร้อมขมวดคิ้วยุ่งแต่ก็ยังไม่ยอมละฝ่ามือออกจากแก้มของเขา

“พี่เปล่า ก็เธอพูดเสียงดัง”

“คราวหลังนับจะนอนแยกห้องแล้วนะ” นับเงินบ่นอุบอิบเพราะเขาไม่ได้เล่าที่พู่กันเข้าใจผิดว่าเขากับครามจูบกันให้เข็มทิศฟัง แต่อีกฝ่ายกลับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็บ่นเฉยๆ เพราะการที่เข็มทิศพูดขึ้นมาอาจจะทำให้น้องมั่นใจว่าเขากับครามเป็นเพื่อนกันจริงๆ “วันนี้พี่มาบอกพู่เรื่องนี้ ไม่อยากให้ผิดใจกันเพราะพี่เป็นต้นเหตุ”

“ผมขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ” เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะพูดออกไปแบบไหน ยอมรับว่าตั้งแต่ได้ฟังประโยคแรกของพี่นับกำแพงที่สร้างเอาไว้ก็พังครืนลงมาทันที “คือผมไม่คิดว่า...”

“ไม่ต้องขอโทษ ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะพี่” นับว่าพลางเอื้อมมือจับมือเขา “ครามมันรักพู่มากกว่าพี่อีกนะ จริงๆ พี่ไปหามันมาก่อน มันก็สั่งไม่ให้พี่มาหาเรา แต่พี่ไม่อยากเป็นตัวปัญหาแล้ว”

“...พี่นับครับ”

“พี่ถามจริงๆ นะ คนที่บอกว่าแฟน ใช่แฟนจริงๆ หรือเปล่า” เขาว่าแล้วว่าอย่างไรก็ต้องโดนคำถามนี้ พู่กันสับสนไปหมดกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า “พี่มาคุยกับเราแบบตรงๆ เพราะงั้นเราก็ควรจะบอกพี่เหมือนกัน”

“คือ...” พู่กันมองหน้านับเงินกับเข็มทิศสลับกันไปมา ก่อนจะก้มหน้างุดเพราะไม่รู้จะบอกออกไปอย่างไร หากบอกว่าไม่มีแฟนพี่นับจะโกรธเอาไหมที่เขาโกหกแล้วทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลง

“ไม่มีแฟนสินะ” หากแต่คำพูดของเข็มทิศกลับทำให้เขาต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามอง “ไม่มีก็อย่าโกหกเลยครับ”

“...”

“เดี๋ยวเด็กนั่นจะตรอมใจตายก่อน”

“เธอ พูดจา” นับสวนขึ้นมาก่อนหันไปฟาดแขนเข็มทิศเต็มแรง “ตกลงว่า...”

“ผมโกหกครับ”

“...”

“ผมแค่ไม่อยากเจ็บก็เลย... โกหก” พู่กันพูดเสียงแผ่ว เขามั่นใจว่าอาจจะโดนนับเงินหรือเข็มทิศใครสักคนดุเข้าให้ที่ทำให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้ แต่ไม่ ...สิ่งที่เขาได้รับคือสองมือของพี่นับที่ประกบสองข้างแก้มเขาที่หนและรอยยิ้มที่เขาคาดเดาไม่ออก

“ไม่มีแฟนจริงๆ ใช่ไหมครับ”

“ค...ครับ”

“เยี่ยม!”

“ผม...”

“พี่กับครามเป็นเพื่อนกันจริงๆ นะ” นับเงินย้ำขึ้นมาอีกหน “อยากให้เชื่อใจครามนะครับ พี่เป็นเพื่อนกับมันมานาน ถ้ามันบอกว่ารักใคร คือรักจริงๆ ถ้าไม่มากเกินไป”

“…”

“กลับไปคุยกับมันอีกครั้งได้ไหมครับ ถือว่าพี่ขอ”



*


ต่อด้านล่างนะฮับ

ออฟไลน์ stuff.lilac

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #81 เมื่อ19-11-2018 21:40:39 »




เจ้าของร่างสูงผ่อนลมหายใจแผ่ว ก่อนดึงที่บังแดดหน้ารถออกมาเพื่อส่องกระจกเช็กความเรียบร้อย เพียงไม่กี่วันแต่เขากลับโทรมยิ่งกว่าหมาข้างถนน ดวงตามองผิวเผินก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก แป้งเด็ก คอนซีลเลอร์ น้ำแข็งประคบก็เอาความบวมช้ำของขอบตาไม่อยู่ …โคตรจะเหี้ย

ชายหนุ่มลงมาจากรถหลังจากทำใจได้ที่จะให้แฟนของพู่กันเห็นสภาพทุเรศๆ ของตัวเอง นาฬิกาข้อมือบอกว่าเป็นเวลาสี่โมงสี่สิบห้านาที เขามาก่อนเวลานัดหมายเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมารอ ร้านที่พี่ปัถย์นัดออกมาเป็นคาเฟ่ใกล้มหา’ลัย ก็ยังดีที่ไม่นัดเขาไปร้านของพู่กัน

ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วร้านเพื่อเลือกที่นั่งก่อนจะหยุดลงตรงโต๊ะหนึ่งมุมในสุดของร้าน เรียวขาก้าวเข้าไปหาทันทีเพราะแน่ใจว่าคนที่นั่งอยู่เป็นคนที่นัดให้เขาออกมาเจอ

“พี่ปัถย์” ครามส่งเสียงทักเบาๆ เพราะอยากแน่ใจว่าไม่ผิดพลาด ก่อนคนตรงหน้าจะเงยขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ อีกฝ่ายใส่เชิ้ตเรียบง่ายแต่ดูก็รู้ว่ามีฐานะขนาดไหน “พี่มานานแล้วเหรอ”

“ครับ พี่เพิ่งคุยกับลูกค้าเสร็จก็เลยนั่งรอทีเดียว ...นั่งก่อนสิ” เด็กหนุ่มผงกหัวแล้วทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม “จะสั่งอะไรก่อนไหม”

“ไม่เป็นไรครับ ช่วงนี้ผม...”

“เฮิร์ตจนกินข้าวไม่ลงเลยเหรอครับ” คนโดนทักหน้าเจือนทันที ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไรเพราะมันเป็นความจริง “ถ้างั้นพี่เข้าเรื่องเลยแล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา”

“ครับ”

“พี่ไม่ได้เป็นแฟนกับพู่กันนะ”

“ด... เดี๋ยวครับ” ครามขมวดคิ้วยุ่ง หัวใจเต้นระส่ำเหมือนแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอย่างรุนแรงและฉับพลัน คืออะไรวะ ...เขางงจนไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าแบบไหนก่อน “ผมไม่เข้าใจ น้องบอกผมว่าเป็นแฟนพี่”

“ครับ น้องพูดแบบนั้น แต่น้องโกหก” น้ำเสียงเรียบนิ่งกับใบหน้าจริงจังนั่นทำให้เขาทำตัวไม่ถูก “พู่กันบอกพี่ว่าอยากจบกับครามก็เลยเอาพี่ไปอ้าง พี่กับพู่เป็นแค่พี่น้องกันครับ”

“...”

“ครามโกรธพู่กันหรือเปล่า” ปัถย์เลิกคิ้วมองอย่างเป็นกังวล เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่จะทำให้ผลลัพธ์นั้นดีขึ้นหรือไม่ พออีกฝ่ายส่ายหน้าเขาจึงคลายความกังวลไปเปราะหนึ่ง

“ทำไมพี่ถึงมาบอกผม …หมายถึง อ่า ผมจะอธิบายยังไงดี” ครามกำลังสับสนอย่างหนักกับคำถามหลากหลายที่ปะปนอยู่ภายในหัว ยอมรับว่าใจลึกๆ ยังแอบคิดว่านี่มันเรื่องตลกห่าเหวอะไร อยู่ดีๆ แฟนน้องก็มาบอกว่าไม่ได้คบกัน กำลังปั่นหัวอะไรเขาอยู่กันแน่ “พี่ไม่ได้หลอกผมนะ?”

“ไม่ครับ อย่างแรกคือพี่ต้องขอโทษด้วยที่เพิ่งจะมาบอก แต่พี่ทนเห็นพู่กันเป็นแบบนี้ไม่ได้แล้ว รวมถึงคราม”

“…”

“พู่กันรักครามนะ พี่ไม่รู้ว่ารักแค่ไหน แต่สิ่งที่น้องเป็นหลังจากที่ทะเลาะกับครามวันนั้นก็... อ่า น่าจะแย่พอกันน่ะครับ”

“พี่รู้ได้ยังไงว่าผมแย่” เด็กหนุ่มเปิดประเด็นถามในสิ่งที่สงสัย “อีกอย่างพี่เอาเบอร์ผมมาจากไหน”

“เพื่อนพู่ครับ ที่พี่ขอให้มาเจอวันนี้เพราะอยากบอกความจริง พี่อยากให้ครามกลับไปง้อน้อง พี่รู้ว่าพู่ก็ผิดเหมือนกัน เอาเป็นดีกันให้ได้ก่อนแล้วไปคิดบัญชีทีหลังก็ไม่สาย” ครามรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมากเป็นพิเศษ ใจเขาแม่งจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ถึงแม้พี่ปัถย์จะมาบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกับน้องแล้วก็เถอะ แต่สิ่งที่เขากังวลใจมันมากกว่านั้น

“น้องจะยอมเจอหน้าผมเหรอพี่ เอาจริงๆ ใจผมยกธงขาวไปแล้ว”

“ยอมง่ายจังล่ะ” ปัถย์หรี่ตาลงกับคำตอบที่ทำให้เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ “กำแพงสูงแต่ครามก็รู้ว่าเส้นชัยอยู่ข้างหลัง ที่สำคัญเส้นชัยไม่ได้ขยับไปไหน อยู่ที่เดิมตลอด”

“…”

“แค่ปีนขึ้นไป ทำไม่ได้เหรอครับ?”

“ผม…”

“พี่ถามคำเดียว จะถอยหรือจะสู้ ถ้าสู้พี่จะช่วย”

“ถ้าผมถอยล่ะ”

“พี่ดูแลพู่กันแทนได้ครับ” เขาไม่อ้อมค้อมใด ในเมื่อเปิดโอกาสให้มากขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะกลับไปคว้าก็จะเป็นคนดูแลแทน “แต่ครามจะโอเคใช่ไหมล่ะ ถ้าพี่จะเป็นคนดูแล”

“…”

“ครามรู้วิธีปีนกำแพง รู้ว่าควรจะทำอะไรถ้าได้ไปแตะเส้นชัย ผิดกับพี่ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่ถ้าครามเลือกที่จะไม่สู้ กำแพงสูงพี่ก็จะปีน”

“ขอโทษครับ แต่ผมไม่ถอยแล้ว ...ผมไม่อยากให้ใครมาดูแลน้องแทนผม” ครามรีบตอบกลับเพราะตอนที่เห็นว่าอีกฝ่ายจริงจังไม่แพ้กันทำเอาใจเขาเจ็บแปลบ จริงๆ เขาก็ไม่ได้คิดจะถอยตั้งแต่แรกแค่อยากจะรู้ว่าถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นแล้วพี่ปัถย์จะทำอย่างไร จะตอบว่าอะไร

“แน่ใจนะ?” ปัถย์ถามย้ำอีกครั้งพอเด็กตรงหน้าผงกศีรษะลงเขาจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ที่อยู่เป็นลำดับที่สี่ของประวัติการโทร มือเรียวกดเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อฟังสัญญาณรอสาย ในขณะที่ครามกำลังจะอ้าปากถามเสียงคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

(ครับพี่ปัถย์?)

“พู่อยู่ไหน”

(ผมอยู่บ้าน พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ)

“จะออกไปไหนไหม”

(คงไม่ วันนี้ผมเหนื่อยๆ อะ ขึ้นมากลิ้งอยู่บนเตียงแล้วเนี่ย) ครามเผลอยิ้มเมื่อได้ยินเสียงปลายสายนั้นตอบกลับเจือหัวเราะ ยอมรับว่าแค่ได้ยินเสียงก็โคตรคิดถึงแล้ว

“โอเค พี่ว่าจะแวะเอาของเข้าไปให้ ...”

(หือ เดี๋ยวพี่...)

“เอาเป็นอีกประมาณชั่วโมงนึงพี่เข้าไปนะ เจอกันครับ” เขากดตัดสายโดยไม่ปล่อยให้พู่กันได้ทักท้วงใดๆ อีก ปัถย์เงยหน้ามองครามก่อนจะยกยิ้มให้ “ได้ยินแล้วนะครับ พี่เผื่อเวลาให้ชั่วโมงนึง แต่ถ้าครามจะไปคุยเลยพี่ก็ไม่ขัด”

“ขอบคุณครับ” ครามเอ่ยปากแบบไม่กระดาก ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมช่วยเขาถึงเพียงนี้ “ผมเลี้ยงข้าวพี่ได้ไหมเนี่ย ...ทำตัวไม่ถูกเลย”

“ไม่ต้อง พี่ไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทน” เขาคงจะกลายเป็นพี่ชายอย่างเต็มตัว กับการหลงรักเด็กคนหนึ่ง ได้เข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตแถมยังได้สถานะ แม้จะไม่ใช่สถานะที่ต้องการแต่มันก็ดีกว่าการหลุดออกไปจากชีวิต

การเป็นเบื้องหลังให้กับความรักของใครสักคนมันก็ไม่ได้แย่

“ขอบคุณมากๆ ครับ” เขาน้อมรับความช่วยเหลืออย่างคนขี้แพ้ที่กำลังจะเริ่มสู้อีกครั้ง “แต่ยังไงผมก็ต้องเลี้ยงอะไรพี่สักอย่าง ...ได้ความช่วยเหลือแบบนี้เอาจริงๆ ไม่ค่อยสบายใจ”

“อย่าคิดมาก” ปัถย์ยิ้มก่อนขยับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ เขาไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทนจริงๆ เพียงแค่ทนเห็นพู่กันจมอยู่ตรงนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อาจจะโดนโกรธบ้างที่โกหกแต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าความโกรธนั้นจะโดนลบล้างเพราะเด็กผู้ชายตรงหน้าจะง้อได้สำเร็จ “ดีกันให้ได้”

“…”

“ดูแลกันให้ดี ทำให้พี่แค่นี้ก็พอครับ”



*



   (แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไงอะ) น้ำเสียงเจือสงสัยเอ่ยถาม (มึงเชื่อที่เขามาบอกไหมหรือคิดอะไรยังไง)

“ไม่รู้ดิ มันแบบ ...กูยังสับสนอยู่เลยหว้า” พู่กันว่าพลางถอนหายใจเบาๆ เขากลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงอยู่นานแล้วและคิดทบทวนในเรื่องที่พี่นับมาบอกจนหัวสมองไม่ว่างไปคิดอะไร พอลูกหว้าว่างก็เลยรีบโทรเล่าให้ฟัง แม้ว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่ที่เขาคนเดียวแต่มันก็ดีกว่าหากมีคนรับฟัง “มันจะเป็นยังถ้าเกิดกูเชื่อพี่นับแต่ไม่เชื่อพี่คราม”

(มันต้องเป็นยังไงด้วยเหรอวะ กูถามจริง ที่มึงบอกไม่เชื่อพี่คราม มึงรู้สึกไม่เชื่อจริงๆ หรือแค่คิดว่ามึงต้องไม่เชื่อเพื่อให้เหตุผลของมึงมีน้ำหนัก ...อีเหี้ย พูดดีจังเลยอะ) เขาหลุดหัวเราะให้กับรูปประโยคของเพื่อนสาว

“หว้า”

(กูเท่ล่ะสิเมื่อกี้ เหมือนพี่จ้อยพี่จอดยัง)

“เปล่า กูงง”

(อีเหี้ย ถ้าอยู่ใกล้กูจะถีบมึง) เสียงโวยวายของปลายสายทำเอาเขาหัวเราะเบาๆ (แต่มึงไม่เข้าใจจริงอะ กูว่ากูพูดเคลียร์แล้วนะ งั้นเดี๋ยวอธิบายใหม่)

“ล้อเล่น กูเข้าใจ”

(เข้าใจว่าอะไร)

“เข้าใจว่า... หว้า เดี๋ยวกูโทรกลับนะ สงสัยพี่ปัถย์มาแล้ว”

(เออ ก็ได้ โทรมาด้วยนะ)

“เคครับ”

(อี๋) พู่กันหัวเราะก่อนกดวางสาย เขารีบเดินลงไปข้างล่างเพราะได้ยินเสียงกดกริ่ง วันนี้เขาก็ไม่ได้ล็อคประตูรั้ว พักหลังเวลาพี่ปัถย์มาหาเขามักจะกดกริ่งเรียกแทนการโทรขึ้นมาแล้วก็จะมายืนรออยู่หน้าประตู

เจ้าของร่างเล็กรีบล่กๆ เพราะเกรงว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นจะรอนาน มือเล็กหมุนลูกบิดประตูขณะกำลังจะอ้าปากถามว่าหอบอะไรมาให้อีกก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อทุกอย่างกลับผิดคลาดเพราะคนที่เขาเจอไม่ใช่พี่ปัถย์ ...

“พ... พี่คราม” เขาเอ่ยเรียกอย่างตะกุกตะกัก อีกฝ่ายดูแปลกตาไปใช่ว่าในทางที่ดีขึ้นแต่กลับกัน ถึงอย่างนั้นในมือก็ยังมือดอกไม้หนึ่งช่อ เพียงแค่เห็นหน้าน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ พู่กันคล้ายคนไร้สติและพยายามจะปิดประตูลงแต่ก็โดนครามท้วงเอาไว้ “เดี๋ยว... ฟังพี่ก่อน”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่” เป็นรูปประโยคเดิมที่วนลูปทำให้ใจคนฟังกระตุกวูบ

“พี่รู้แล้วว่าพู่ยังไม่มีแฟน” ครามจำต้องพูดท้วงออกไปก่อนที่คนตัวเล็กจะปิดประตูเพื่อไม่ให้เขาได้พบหน้า “พี่รู้ทุกอย่างแล้ว”

“…ใครบอก” พู่กันถามเสียงแผ่วขณะละฝ่ามือออกจากบานประตู ดวงตากลมจ้องคนเป็นพี่ไม่กะพริบ “พี่นับเหรอ”

“ไม่ใช่ ไม่เกี่ยวกับนับ” ยิ่งทำให้เจ้าของบ้านไม่เข้าใจหนักกว่าเดิมเพราะคนที่ใกล้ชิดครามและเพิ่งจะรู้เรื่องก็มีเพียงแค่พี่นับคนเดียว แต่ถ้าอีกฝ่ายบอกไม่ใช่แล้วใคร ...พลันสมองกลับย้อนไปคิดถึงคนที่เพิ่งโทรเข้ามาหา

“พี่ปัถย์เหรอ” คนถูกถามพยักหน้าลงเบาๆ “ทำไม...”

“เราโกหกพี่ทำไม” น้ำเสียงนิ่งเฉยนั่นทำให้พู่กันเม้มปากแน่น เขาไล่สำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความคิดถึงที่ล้นออกมาจนแทบทะลัก ครามโทรมกว่าทุกทีที่เจอนั้น ขอบตาแดงช้ำ ไหนจะไรหนวดที่เริ่มขึ้นมานั่นอีก “ไม่อยากให้พี่อยู่ในชีวิตมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“…” เขาหลุดออกมาจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ พู่กันเม้มปากแน่นก่อนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ความรู้สึกผิดก่อตัวซ้ำๆ ทุกความสับสนกำลังก่อตัว เหตุการณ์กระอักกระอ่วนเกิดขึ้นอีกครั้งเพราะพู่กันยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้ “ผมไม่...”

“ไม่ต้องตอบ พี่ถามเฉยๆ”

“ถ้าพี่ไม่อยากรู้คำตอบจะถามทำไม” คนตัวเล็กหันกลับไปท้วง นัยน์ตาของเราทั้งคู่ตอนนี้สั่นเครือ ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้เจอหน้าครามแล้วรู้สึกอึดอัดมากเท่าวันนี้

“แค่โกรธ”

“โกรธแล้วจะมาทำไม ให้มันจบไปเลยก็ได้” พู่กันกัดริมฝีปากแน่น อยากจะตบปากตัวเองที่พูดจาแบบนั้นออกไป ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเด็กแบบนี้

“พี่ต้องมา”

“…”

“ต้องมาบอกให้รู้ว่าโกรธ”

“…”

“แต่ก็รัก”

คำพูดสั้นๆ นั่นทำให้เขาเผลอก้าวถอยหลังไปทีละนิด ความเจ็บแปลบเกิดขึ้นตรงหัวใจ ทำไมถึงยังรักเขาทั้งที่รู้ความจริง หยาดน้ำตาที่ก่อตัวขึ้นเริ่มเอ่อขึ้นมาหากกะพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียวมันก็คงร่วงหล่นลงบนแก้มใสได้อย่างง่ายดาย

“พี่รักผมทำไม...”

“เราไม่น่าถามแบบนี้”

“ทำไม ...ทำไมผมจะถามไม่ได้ ผมใจร้ายขนาดนี้ยังจะรักผมอีกเหรอ”

“ครับ”

“…”

“ใจร้ายกว่านี้ก็รัก ...มันรักไปแล้วจะให้พี่ทำยังไง” พู่กันเบือนหน้าหนีขณะกลั้นสะอื้น เป็นแบบนี้ทุกทีที่อยู่ต่อหน้าคราม ไอ้คนเข้มแข็ง ไอ้คนใจร้ายแทบจะตายไปจากตรงนี้

“พี่แม่ง... ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”

“แบบไหน ถ้าแบบที่รักพู่มากๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน” ครามตอบตามความจริงไม่ได้กวนประสาทแต่อย่างใด เขาเดินเข้าไปใกล้น้องทีละนิด จากที่เราห่างกันหลายก้าวตอนนี้กลับเข้าใกล้จนอีกนิดจะสัมผัสกันอยู่แล้ว เพียงแต่ครามยังไม่กล้าที่จะทำอะไรรุ่มร่ามอย่างนั้น “คิดถึง”

“ผมเห็นแก่ตัวมากนะ ห่วงแต่ความรู้สึกตัวเอง” พู่กันฝืนใจพูดออกไปอย่างนั้น “ผมไม่อยากเจ็บ ไม่อยากผิดหวัง พี่ไม่รักผมได้ไหม...”

“…”

“ผมกลัวพี่คราม ...ผมไม่อยากรักใครอีกแล้ว”

“รวมถึงพี่ด้วยเหรอ” ครามถามเสียงสั่นกับการโดนปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่อยากรักพี่ด้วยเหรอ”

“...” ยอมรับว่าพอได้ยินน้ำเสียงอย่างนั้นเสมือนฝันร้ายกลับมาหลอกหลอนไม่รู้จบ เสียงของครามทำให้เขาใจสั่นไม่แพ้กัน ความเป็นจริงกำแพงของเขามันพังลงตั้งแต่ที่นับมาคุยด้วยแล้ว ยิ่งพอเจอครามอย่างนี้ก็ยิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้

“พู่กัน”

“...” แม้เราจะอยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้แต่พู่กันยังทำให้รู้สึกว่าห่างกันไกลเหลือเกิน

“โอเค …พี่รู้แล้วครับ” หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเมื่อรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้อีกหนผ่านทางน้ำเสียงที่แสดงออก พู่กันเงยหน้ามองครามทั้งน้ำตา และเป็นอย่างที่คิดเมื่อดวงตาคมที่เคยดุดันตอนนี้กลับถูกกลบด้วยหยาดน้ำใสที่ก่อตัวอยู่บนนั้น “รู้แล้วว่าไม่อยากรัก”

“…”

“พู่อยากได้อะไร พี่ทำให้ได้... ถ้าไม่อยากให้อยู่ พี่ก็ทำได้ให้ได้” ครามถอยหลังออกไปทีละนิด เขากระชับช่อดอกไม้ในมือให้แน่นกว่าเดิม แม้จะพยายามเข้มแข็งแต่สุดท้ายก็อ่อนแออยู่ดี ใครบางคนเคยบอกว่าในบางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบของทุกอย่าง และสิ่งที่พู่กันกระทำนั่นก็ตอบได้อย่างแน่ชัดแล้ว

เขาปีนกำแพงได้... ปีนได้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ลงไปแตะเส้นชัยไม่ได้ ไม่ว่าจะเขาหรือน้องเราต่างสะบักสะบอมด้วยกันทั้งคู่ หรือความเป็นจริงแล้วการปล่อยมือกันอาจจะดีที่สุด

“พี่คราม…” พู่กันเรียกเสียงแผ่ว ริมฝีปากสั่นระริกเพราะพยายามจะฝืนให้กลายเป็นคนเก่ง

“พี่ทำให้ได้ทุกอย่าง แต่อย่างเดียวที่พี่ทำให้ไม่ได้คือไม่รัก ...พี่ไม่รักพู่ไม่ได้ ไม่คิดถึงก็ไม่ได้” ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกแผ่วเบา “แต่พู่ไม่ต้องห่วง”

“…”

“พี่จะรักจะคิดถึงในพื้นที่ของพี่ ...จะไม่มาทำให้อึดอัดใจเลย”

“…”

“พี่สัญญา” ถ้อยคำสุดท้ายจบลงพร้อมกับช่อดอกไม้ที่ครามทิ้งมันลงในถังขยะ ตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ของเราจบลงอีกครั้ง พู่กันได้แต่ยืนมองอีกฝ่ายเดินออกไป แผ่นหลังกว้างที่เขาเคยมองตามอยู่ตลอดเวลาตอนนี้ไกลออกไปเรื่อยๆ

พู่กันสะอื้นไห้กับความคิดและคำพูดแบบเด็กๆ ของตัวเอง เขาเห็นแก่ตัวเกินไปที่ห่วงแต่ความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่ครามอยู่ตรงหน้าแต่เขาก็ทำร้ายอีกฝ่ายไม่จบไม่สิ้น ดวงตากลมเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งที่ภาพมันควรเบลอแต่เขากลับมองเห็นอย่างชัดเจนว่าครามจะไม่หันหลังกลับมาแล้ว

หากเขายังอยู่ที่เดิม... คงไม่มีวันบรรจบกันอีก

สองขาเริ่มขยับไปข้างหน้าทีละนิดและเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนกลายเป็นว่าเขาวิ่งออกมาเพื่อจะหยุดคนที่กำลังก้าวขาพ้นประตูรั้วออกไป สองแขนยกขึ้นไปกอดคนตรงหน้าไว้โดยอัตโนมัติแถมยังรัดแน่นจนครามชักเท้ากลับมาวางไว้ที่เดิม

สุดท้ายโซ่เส้นหนาที่คิดว่าสะบัดจนขาดสะบั้นก็หวนกลับมาตรึงเขาเอาไว้... เช่นเคย

“ผมขอโทษ ฮึก... พี่คราม ขอโทษ”

“…” เจ้าของร่างสูงใจร่วงลงไปอยู่กับพื้นเพราะอ้อมกอดที่คุ้นชินและน้ำเสียงสั่นเครือ เขาคิดถึงกอดแน่นๆ แบบนี้ คิดถึงอ้อมแขน คิดถึงทุกอย่าง “ขอโทษเรื่องอะไร”

“ข... ขอโทษ” พู่กันพร่ำบอกคำขอโทษทั้งน้ำตา ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่เพราะความเอาแต่ใจของตัวเอง เพราะเขาขอโทษแบบไม่รู้จบทำให้ครามต้องจับอ้อมกอดให้คลายออกแล้วหันกลับมาหา พู่กันโผเข้ากอดเขาอีกครั้งแถมยังซุกหน้าลงกับแผ่นอก “อย่าเพิ่งไปไหนได้ไหม”

“อย่าร้องไห้” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ตัวเขากลับกลายเป็นคนที่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้เอง เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สิ่งที่ครามทำได้คือพูดปลอบและยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา “พู่กันไม่ร้อง”

“ฮึก... ผมรักพี่ โคตรรักพี่เลย ...ขอโทษที่ทำให้มันแย่ ผมทนไม่ไหวแล้ว ...ไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว” กับครามเป็นความคิดถึงที่ทำให้เขาแทบจะขาดใจ คิดถึงทุกอย่างไม่ว่าจะน้ำเสียง อ้อมกอดและสัมผัสทุกอย่าง

“ทำไมอยู่ดีๆ ถึง...”

“รักก็เจ็บ ไม่รักก็เจ็บ ... พอพี่จะไปยิ่งโคตรเจ็บ ...เจ็บจะตายอยู่แล้ว” ครามประมวลผลไม่ถูก แม้น้ำเสียงจะฟังดูอู้อี้แต่เขาก็จับใจความได้ทุกประโยค เขาผละน้องให้ออกจากอ้อมกอดก่อนจะก้มหน้าลงไปมอง “คิดถึงแล้วไม่ได้เจอก็เจ็บ แต่ผม... ผมหยุดคิดถึงพี่ไม่ได้ ฮึก ไม่เอาแบบนี้แล้ว...”

“…”

“ผมขอ...”

“พี่รู้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว”

“พี่ไม่ไป... ไม่ไปได้ไหม ผมไม่รักพี่ไม่ได้... เหมือนกัน”

“มองพี่” ไม่ว่าเปล่าชายหนุ่มยังเชยใบหน้าดื้อๆ ที่เขาโคตรจะคิดถึงนั้นขึ้นมา ดวงตากลมเต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั่นทำให้เขาเผลอถอนหายใจออกมาก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้ “กอดแน่นขนาดนี้”

“...”

“พี่จะไปไหนได้”


tbc
รักก็เจ็บ ไม่รักก็เจ็บ คิดถึงก็เจ็บ ไม่คิดถึงก็เจ็บ ... เขาดีกันยังนะ? นั่นสิ 555555555555555

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #82 เมื่อ19-11-2018 22:23:49 »

แบบไหนก็เจ็บ แต่อยู่ด้วยกันยังได้มีความสุขนะเออออออออ
รักกันไปเถอะ เดี๋ยวก็ดีเอง เชื่อเจ๊

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #83 เมื่อ20-11-2018 00:16:37 »

 :pig4:

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #84 เมื่อ20-11-2018 00:27:11 »

ขอให้มันดีขึ้นทุกๆอย่างเลย ในที่สุดพี่ครามก็ข้ามกำแพงพู่กันมาได้แล้ว ด้วยแรงถีบของพี่ปัถย์นั่นเอง :katai2-1: :pig4:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #85 เมื่อ20-11-2018 00:41:49 »

โอ้ยย พี่ปัถย์คนดีของฉันน ใครไม่เอาฉันเอาาา 5555

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #86 เมื่อ20-11-2018 21:38:25 »

ฮือออออออไม่ไหวแล้วววววอินมากน้ำตาไหล

พี่ครามของน้องพู่ กอดกันๆ ดีกันแล้ววววววว

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #87 เมื่อ20-11-2018 22:32:22 »

ตอนหน้าขอฉากมุ้งมิ้งๆนะคะไรท์ เอาให้หวานหยดย้อยกันไปเลยคะ

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #88 เมื่อ20-11-2018 23:12:13 »

ยังดีที่นังยังมำตามใจตัวเอง แงงงงงง จะไม่ต้องทนอ่านพาร์ทเรียกน้ำตาแล้วใช่มั้ยยย  :ling1:

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: โซ่สีคราม ` ✎ | ตอนที่ 12 ; (19/11/61)
«ตอบ #89 เมื่อ21-11-2018 00:46:32 »

โว้ยยยยยยย เข้าใจกันแล้ว เข้าใจกันแล้วใช่มั้ยยยยยย ดีจังเลยยยย ฮืออออออออ รอต่อน้าาาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด