ลายที่ 3 Angel Wings
(สยบสยายวันวาน)
ป่านเป็นเด็กดี
ใครเห็นก็ว่าเป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย
แต่พี่วาไม่เข้าใจ
“บอกว่าไม่สักให้ไง”
ทำไมกับพี่วาถึงได้ดื้อด้าน ร้ายรั้นนัก
แถมยังชอบตีหน้าซื่อ ตาใส แกล้งแย้มยิ้มล่อลวงหวังให้ใจอ่อน
“ตื๊อจังวะ”
ไม่ได้ผลหรอก
โฮ่ง!
ไม่ได้ผล...
“โมโจครับ”
ซะที่ไหนล่ะ
คล้ายหัวใจกระด้างถูกทุบจนอ่อนเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยวบยุบทันควันเมื่อดวงตาซื่อใสเปล่งประกายวาว อ้าแขนกอดฟัดเจ้าสี่ขาที่วิ่งเข้าไปออเซาะทันทีที่เจอหน้า
น่ารักๆ
ใบหน้าล่อเหลาบิดเบี้ยวไม่เป็นทรงอีกครั้งเมื่อความรู้สึกกับการแสดงออกแตกหักคนละทิศทาง อยากยิ้มแต่กัดริมฝีปาก คิ้วกระตุกขมวดมุ่นทั้งที่ดวงตาหวานเยิ้มตกห้วงฝัน มองคนน้องดึงห่อขนมในกระเป๋าเป้ออกมา หยิบป้อนหนึ่งชิ้นตามที่ได้รับอนุญาต
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาหวั่นๆ เห็นพี่วากอดอกมองเขม็งก็ได้แต่ถอนใจ
หน้าบึ้งอย่างนั้น สักวันริ้วรอยคงแซงหน้าโมโจ
ป่านคิด... และยกมือตบปากตัวเองในความคิดอันเสียมารยาท
เท่านี้ก็โดนหงุดหงิดใส่อย่างไร้สาเหตุพอแล้ว ถ้าไม่ติดว่าชอบ... ฝีมือการสักมาก ป่านคงยอมแพ้ไปตั้งแต่โดนไล่ครั้งแรก
อีกอย่างพอมีโมโจ การมานั่งรอนั่งตื๊อก็ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
อันที่จริง ต้องบอกว่าป่านลืมไปแล้วด้วยซ้ำถึงจุดประสงค์แท้จริง เด็กน้อยหลงเจ้าสี่ขาขี้อ้อนหัวปักหัวปำ
ส่วนเจ้าของ... ดุนัก ป่านตัดสินใจจะพยายามไม่เข้าใกล้จนถูกกัดแล้วกัน
“เดี๋ยวนี้เข้าทางหมา?” แต่ฝ่ายนั้นนับวันการกระทำจะยิ่งตรงข้ามกับสีหน้า
พี่วาขยับลงมานั่งข้างกันบนพื้นยกระดับ น้ำเสียงถึงจะไม่ใจดีแต่ก็ไม่ติดตวาดรำคาญเช่นครั้งที่ผ่านๆ มา
...และดูเหมือนว่าจะยิ่งอ่อนลง
“ครับ โมโจคุยง่ายกว่า” เรียนรู้ว่าไม่ใช่คนใจร้าย
“ด่ากูป่ะเนี่ย”
ปากดุทั้งที่จริงๆ ก็ใจดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้น้องคุยเล่นด้วยอย่างนี้
“พี่จะยอมสักให้ผมแล้วเหรอครับ” ป่านอมยิ้ม เฉไฉ แกล้งทำตาใสหว่านล้อมทีเล่นทีจริงอีกครั้ง
หยอดซ้ำๆ หยอดหวานๆ แค่พอให้มุมปากหยักยิ้มเอ็นดูเขาขึ้นสักนิดก็ยังดี
“เปลี่ยนเรื่องเฉย” ไม่หวังว่าจะได้ผล
“ถ้าสักให้มึงจะไสหัวไปใช่มะ”
หรือจะเป็นวันนี้
“ครับ จะไม่มารบกวนอีกเลย” เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก กระตือรือร้นไม่เก็บอาการ เห็นแบบนั้นคนพยายามกลั้นยิ้มเอ็นดูก็ยิ่งยากจะต้านทาน
“งั้นก็เข้ามา”
น่ารัก
“เย้ ขอบคุณครับ” ยิ้มกว้างซะจนตาปิดขนาดนั้น
ใครจะไม่ใจอ่อนด้วยล่ะครับ
“ร้องไห้กูไล่กลับนะ” แต่คนปากแข็งยังตีมึนไว้ท่าทาง ทั้งที่พยายามเม้มปากกลั้นยิ้มจนหน้าตาย่นยู่ดูพิลึก ในขณะที่คนน้องพยักหน้ารับ
“ครับ จะไม่ร้อง” ยิ้มกว้างจนโลกสว่าง
“ไม่ต้องมายิ้ม รำคาญ”
น่ารำคาญเสียจนเผลอยิ้มตาม
...ในที่สุดพี่วาหลุดเก๊ก เสียอาการ
เป็นครั้งแรกที่ป่านได้เหยียบย่างเข้าร้านสัก ไม่มีที่อื่นเทียบเคียง เพียงรู้ว่าบรรยากาศในร้านพี่วานั้นชวนให้รู้สึกตื่นตา ผนังอิฐเปลือยละลานด้วยภาพถ่ายสรีระที่ประดับด้วยลวดลาย ลายเส้นเอกลักษณ์น่าหลงใหลที่เด็กหนุ่มเคยเห็นผ่านอินสตราแกรม
“อ้าว” ไม่ทันสังเกตเห็นใครบางคนที่เดินออกมาจากหลังร้าน ร่างสูงใหญ่ในสภาพเปลือยท่อนบน เคลือบหยาดน้ำ เส้นผมเปียกลู่ถูกคลุมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก หยดน้ำจากเส้นผมหยดลงกระทบร่าง ดวงตาชั้นเดียวทว่าเรียวคมจ้องเด็กหนุ่มน่ารักด้วยรอยยิ้มเลศนัย ก่อนหันไปส่ายหน้าหน่ายใส่เพื่อนที่ยืนขมวดคิ้วงุ่นง่านอยู่ด้านหลัง
“จนได้นะมึงอ่ะ” ไม่คิดทำความเข้าใจประโยคนั้น ดวงตากลมสีน้ำตาลเพียงจับจ้องจดจ่ออยู่กับรอยสักบนร่างชายปริศนา ทั่วผิวสีแทนตั้งแต่หัวไหล่ จรดขอบกางเกงวอร์มขายาว... และคงลามเรื่อยใต้เนื้อผ้าที่ถูกปกปิดไว้
ลวดลายสะเปะสะปะ ทั้งสีสัน ขาวดำ รูปธรรมและนามอธรรมถูกวาดสลักอย่างวิจิตรบรรจงทั่วร่าง
“ทำไมไม่แต่งตัวดีๆ ก่อนออกมาวะ” เด็กหนุ่มหลุดจากภวังค์ด้วยน้ำเสียงงุ่นง่าน แผ่นหลังกว้างแทรกกลางระหว่างเขากับชายแปลกหน้าที่ป่านเดาได้ว่าคงเป็นเพื่อนพี่วา
“วันอาทิตย์ ใครจะรู้ว่ามึงพาแขกมา”
“ไม่ใช่แขก นี่ลูกค้า” ว่าพลางหันมาสบตาเขา ยังคงขมวดคิ้วขึ้งขวาง
ป่านไม่แน่ใจว่าตัวเองทำผิดอะไร สิ่งเดียวที่พอจะนึกได้คือมันคงเสียมารยาทที่เขาทะเล่อทะล่าเข้ามาในวันปิดร้าน
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนก้มหัวขอโทษอย่างรู้สึกผิด
“ครับ” แต่พี่คนเดิมกลับยกยิ้มไม่ถือสา
ทำไมใจดีกว่าพี่วา
ทั้งที่ใบหน้าออกไปทางคมดุไม่แพ้กัน แต่กลับเป็นมิตรกว่ากันมาก ป่านลอบยิ้ม เริ่มคิดทบทวนกับตัวเองว่ารู้อย่างนี้ขอให้พี่ใจดีสักให้ จะได้ไม่ต้องคอยตื๊อคอยโดนดุ
หรือว่าควรเปลี่ยนช่าง...
ไม่ทันคิดจนจบป่านสัมผัสได้ถึงออร่าขึ้งขวางจากดวงตาคมที่เขม่นจ้องราวรู้ว่ากำลังคิดเปลี่ยนใจ เผลอลอบกลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยถามเสียงเบา
“เอ่อ... ผมต้องทำอะไรบ้างเหรอครับ” ยิ้มสู้เสือที่กลายเป็นพ่อเสือหวงลูกค้าที่เคยเอาแต่ตะเพิดไล่ พ่นลมออกจมูกฟึดฟัดอย่างไม่เก็บอาการ
“เอาลายที่จะสักมาดูอีกทีดิ๊”
ป่านรีบทำตามคำสั่ง เปิดกระเป๋าหยิบกระดาษแผ่นเดิมยื่นให้
วากวาดสายตาพิจารณาเพียงแวบหนึ่งก่อนเอ่ยปากบอกราคา
“สี่พัน” ราคาขูดเลือดสำหรับลวดลายกระจิริดของฝูงผีเสื้อหลากสีสัน
อย่างว่า เขามันไม่ใช่ช่างสักไก่กา
แต่พี่วาไม่ใช่คนใจร้าย ถ้าน้องตาหวานออดอ้อนต่อราคาสักนิดสักหน่อย...
“โอเคครับ”
เวร
...ง่ายจังวะ
ไม่มีท่าทีลังเลสักนิด มีเพียงรอยยิ้มดีใจ ดวงตาใสซื่อจ้องเขาอย่างมีความหวัง
คนอยากเล่นตัวก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งกระหยิ่มค้าง อึกอัก จะเสนอตัวลดราคาให้เองทิฐิมันก็ขวางคอ
“โห พี่วา คนกันเอง ลดให้เด็กมันหน่อย” สมที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน เจ้าของร่างกึ่งเปลือยที่ยืนดูสถานการณ์น่าขันนี้มาสักพักจึงออกปากแทนกลั้วขำ
ทำดีครับเฮียครับ
“ให้แปดร้อย” ราคาที่ลดฮวบต่ำกว่ามาตรฐานทำน้องป่านเบิกตา อ้าปากค้าง
“จริงเหรอครับ”
“เออ... สักครั้งแรก... โปรโมชั่น” ตอบอ้อมแอ้ม แถต่อหน้าต่อตาทำเอาเพื่อนรักหัวเราะลั่นจนวาต้องหันไปเขม่นมองให้หุบปาก รีบเอ่ยปัดรำคาญ “ตกลงก็ไปจองคิวไว้”
คงเสร็จเรื่องง่ายดายถ้าไม่ถูกคนรู้ดีดักคอไว้
“คิวมึงว่างอีกทีปีหน้าอ่ะ”
อ้าว ฉิบหาย
เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ช่วงนี้ร้านกำลังเป็นที่รู้จัก ปากต่อปากจากลูกค้าเก่าบวกช่องทางโปรโมทบนโซเชียลมีเดียยิ่งทำให้งานล้นมือ ทั้งคนไทยทั้งต่างชาติที่ชอบลายเส้นและสไตล์ของเขาต่างจองคิวเข้ามาจนรับงานไม่ทัน
วามองหน้าน้องป่าน ดวงตากลมที่เพิ่งจะวาวหวังกลับมอดแสงหงอยลงถนัด
“อาทิตย์หน้ากูว่าง” สีหน้าน่าสงสารจนเผลอโพล่งหลุดปาก
“วันอาทิตย์ร้านปิด”
ไอ้เฮีย มึงอย่าขัด
“เปิดได้” หมดแล้วที่เคยวางมาดเล่นตัว เหลือแต่พี่วาคนใจง่าย
น้องอยากสักพี่สักให้
“ขอบคุณนะครับ” ยิ้มหวานขนาดนี้ สักฟรียังได้
...วาคิดในใจ
หลังตกลงราคาและนัดวันสักเรียบร้อยโดยได้สิทธิ์ไม่ต้องวางมัดจำ ป่านขอเดินสำรวจภายในร้านอีกสักพักด้วยตื่นเต้นที่ไม่เคยเห็นบรรยากาศในร้าน
“ขอบคุณครับ” หันไปเอ่ยเมื่อร่างสูงที่ปล่อยให้เดินเรื่อยเปื่อยอยู่นานเดินเอาน้ำมาให้ ป่านรับมาจับก่อนวางไว้ เอ่ยอย่างนึกขึ้นได้ “เพื่อนพี่เท่มากเลยนะครับ”
อยากจะชมต่อหน้า แต่บทสนทนากับบรรยากาศเมื่อครู่ไม่เอื้อให้เด็กอย่างเขาได้เอ่ยแทรกอะไร
“ไอ้เฮียอ่ะนะ”
“เฮีย?”
“เออ ที่นั่งเก๊กอยู่หน้าร้านน่ะ ไอ้เหี้ยเฮีย” ป่านมองลอดผ่านประตูที่เปิดไว้ เห็นพี่ใจดีในสภาพเสื้อผ้าครบผมแห้งนั่งอ่านหนังสือนิ่งอยู่หน้าร้านอย่างว่าก็พยักหน้ารับ
“ครับ เท่มากเลย”
“ตรงไหน” เป็นอีกครั้งที่ป่านไม่เข้าใจว่าพี่วาโกรธอะไร ทั้งที่วินาทีก่อนยังดูท่าทีเป็นมิตร
เดี๋ยวดุ เดี๋ยวใจดีใจหาย ป่านตามไม่ทัน
“รอยสักบนตัวพี่เขาน่ะครับ สวยๆ ทั้งนั้น”
“มันมีเมียแล้ว คุณหนู น่ารักมาก”
“ครับ?”
เดี๋ยวนะ นี่พี่วาเข้าใจไปทางไหน
“มันไม่สนเด็ก...”
“พี่เข้าใจผิดแล้วครับ ผมแค่ชอบรอยสัก ไม่ได้ชอบพี่เขา”
“อ่อ งั้นก็แล้วไป” หลังได้ยินคำอธิบาย คิ้วขมวดมุ่นกลับคลาย ยักไหล่ไม่ยี่หระ เดินไปทิ้งสะโพกพิงเตียงสักกลางห้องทั้งที่ทิ้งความงุนงงไว้
แต่ป่านไม่เอะใจพอจะใส่ใจ
เด็กหนุ่มไล่เดินรอบสตูดิโอช้าๆ อีกครั้ง
มองภาพแต่ละภาพ มองความละเมียดละไมของสี เส้น และลวดลายที่สลักลึกบนร่างกายคนแปลกหน้าปะปนกับภาพร่างลายเส้นที่ถูกจัดวางองค์ประกอบในจังหวะพอดิบพอดี งดงามราวงานแสดงศิลปะ
จากผนัง จรดเพดาน ภาพเก่าตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงภาพปัจจุบัน
ราวค้นหาบางอย่าง
กระทั่งในนับร้อยมีภาพหนึ่งที่ป่านหยุดมอง นิ่งนาน เพียงลวดลายที่เห็นได้ทั่วไป แต่กลับทำให้ผุดยิ้มบาง คล้ายหวนนึกถึงความหลัง
ทุกการเคลื่อนไหวแม้มุมปากต่างอยู่ในสายตาเจ้าของสตูดิโอ
“มองอะไร” รอยยิ้มจางทำคนมองขัดใจ คิ้วกลับมาขมวดขึ้งอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราว ป่านยังยิ้มกว้างชี้ไปยังกรอบรูปขนาดกว้างเท่าแผ่นหลังคนที่นั่งพิงสะโพกกับเตียงสัก
“ปีกนั่น”
ภาพวาดลายเส้นปีกสีดำสงบนิ่งคล้ายรอวันกางปีกสยาย
“พี่เป็นคนวาดเหรอครับ”
“เออ ทำไม”
ป่านส่ายหน้า “สวยมากเลยครับ”
คงดีใจอยู่หรอก ถ้าน้องไม่ได้อมยิ้ม มีเลศนัย
“พี่จำได้ไหมครับ ว่าเคยสักให้ใคร” คำถามชวนคาดเดา
หงุดหงิดอย่างไร้เหตุผลเมื่อคิดว่าเด็กน้อยคงมีบางอย่างเชื่อมโยงสัมพันธ์กับภาพปีกเทวทูตที่เขาไม่คิดใส่ใจ
“ใครจะไปจำได้วะ”
“เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมน่ะครับ” ยิ่งได้ยินยิ่งหงุดหงิด
ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์หงุดหงิด
“แล้วยังไง” ตอบห้วน ล้วงซองบุหรี่ออกมาหวังดับอารมณ์กรุ่นปริศนาด้วยความเคยชิน
แต่ทำได้เพียงคาบไว้ ไม่คิดจุด ไม่อยากรมควันพิษเด็กดื้อแม้จะเป็นสาเหตุความงุ่นง่าน
ทว่าน้องกลับหัวเราะน้อยๆ ส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่มีอะไรหรอกครับ”
เหนือความคาดหมายเมื่อตัวเล็กกว่าเยื้องย่างมาหยุดตรงหน้า ก้มหยิบไฟแช็กที่ถูกโยนไว้ลวกๆ ข้างที่เขี่ยบุหรี่ขึ้นมา
จุดไฟ
“มันเป็นลายสักแรกที่ทำให้ผมรู้จักร้านนี้... ได้รู้จักพี่...”
ปลายบุหรี่ที่คาบไว้ถูกเผาไหม้ลามเลียเชื่องช้า ขณะตาสบตา
น้ำตาลหวานสะท้อนควันจากมวนนิโคติน สะท้อนรอยยิ้มมุมปากที่หยักยกไม่รู้ตัวเมื่อได้ยิน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่วา”
ป่านเป็นเด็กดี
ใครเห็นก็ว่าเป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย
ทว่าเนื้อแท้ใช่จะไร้เดียงสา...
เพียงวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ มีทั้งอ่อนน้อมและต่อต้าน วัยคะนอง พร้อมโจนทะยานสู่การก้าวผ่าน การค้นหา ...ความเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงที่หยุดเปลี่ยนแปลงมาสักพัก... ส่วนสูงและขนาดรูปร่างที่เห็นผ่านกระจกขยับขยายน้อยลงทุกวัน
ร่างกายเปลือยเปล่าที่เฝ้าสำรวจทุกซอกมุมหลังอาบน้ำ เพิ่มเติมเพียงขี้แมลงวันที่ผุดเหนืออกข้างซ้าย ใต้จุดแต้มสามจุดใต้ไหปลาร้าที่หากลากต่อจุดจะกลายเป็นภาพจำลองกลุ่มดาวคันไถ สุกสว่างชี้หมุดหมายสู่ดาวดวงอื่น
ป่านสงสัยว่าแต้มจุดเหล่านี้มาจากไหน และจะไปสิ้นสุดที่ส่วนใดบนร่างกาย
ร่างกายที่ถูกหยุดไว้เพียงส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบสองเซนติเมตร เคยผ่ายผอมเก้งก้าง ก่อนถูกเติมเต็มจนสมส่วนนวลอิ่มน้ำ ผิวของป่านไม่เคยกร้านหยาบด้วยไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง เกลียดความเสียดกระด้างจึงไม่เคยปล่อยขนหน้าแข้งรุงรัง
...ไม่เคยปละปล่อยให้สักส่วนในร่างกายมีขนรุงรัง
แม้ไม่มีใครเห็น แม้อยู่ในที่ลับสุดลับ ไรอ่อนหรือหยาบกระด้าง
ป่านชอบความหมดจด เมื่อลูบไล้จะได้นวลเนียนผุดผ่องทั่วร่าง เรียบลื่นทุกสัดทุกส่วนชวนลุ่มหลงในสัมผัส
ในทุกเช้า ก่อนนอน ในทุกวัน ขณะดวงตากลมหวานสีน้ำตาลจดจ้อง ปลายนิ้วจะลากผ่านทีละตารางนิ้ว แต่ละอวัยวะ... เชื่องช้า ควานหาความบกพร่องในความหมดจด ที่เจ้าตัวไม่เคยรู้สึกถึงหมดจดงดงาม
ยิ่งสำรวจยิ่งเห็นความจางจืด ผิวขาวจัดดูจืดชืดกับร่างกายที่ไม่อ้วนไม่ผอม ไม่สูงไม่เตี้ยนั้นธรรมดาจนน่าเบื่อหน่าย
หาคำตอบอยู่นานว่ามีสิ่งใดขาดหาย บางสิ่งที่จะช่วยแต้มเติมสีสันให้ผิวกายซีดขาวให้ไม่ขาวซีดจนเกินไป
รอยสัก...
ป่านค้นพบมันในสื่อเดียวกับที่ทำให้ค้นพบความต้องการในจิตใจ... สื่อแสลงต้องห้ามของผู้ใหญ่
ผิดจากเพื่อนวัยเดียวกัน ป่านไม่เคยกระหายจะสนใจในเพศตรงข้าม เข้าใจว่าเพราะไม่เอื้อด้วยสภาพแวดล้อม การหมกมุ่นกับการเรียนทำให้ไม่มีความกระตือรือร้นมากพอ... ไม่สนใจความรัก
แต่เปล่าเลย เมื่อเฉยชากลับแปรเปลี่ยนเป็นหวามไหวกับอดีตประธานนักเรียนที่มีเหตุบังเอิญเจอกันเพียงหนึ่งครั้ง
ในสถานการณ์กระอักกระอ่วน
‘อ๊ะ...เฮ้ย!’
ในห้องน้ำเงียบสงัด เคล้ากลิ่นราะคลุ้ง กลิ่นเหงื่อปะปนกลิ่นอบอับ ใบหน้าคุ้นตาในสภาพกึ่งเปลือย... แผ่นอกแนบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของใครอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
‘...’
ความตกใจทำสติเลือนราง พร่าเลือนแม้คำขอโทษก็ไม่อาจหลุดออกจากปาก
มีเพียงสิ่งเดียวที่ติดตรึงในความทรงจำ คือปีกคู่หนึ่งที่กลางหลัง ปีกหุบห่อต่อเชื่อมจากกลางสันหลังลากผ่านสะบักทั้งซ้ายขวา ลามเรื่อยมาถึงบั้นเอว
‘ชู่ว...’
‘…’
‘น้องอย่าบอกใครนะครับ’
หลังจากนั้นเด็กหนุ่มจึงระแคะระคาย หวั่นไหว สับสนว้าวุ่นใจในความกระหายลึกลับ
วัยอยากรู้อยากลองจึงพิสูจน์ความสงสัยด้วยปลายนิ้ว... คลิกเพียงหนึ่งครั้งสู่เว็บไซต์ต้องห้าม
หนังผู้ใหญ่ละลานตา ทว่าเรือนร่างหญิงสาวสะพรั่งไม่อาจดึงดูดความสนใจ ลากเม้าส์เลื่อนเคอเซอร์สู่ช่องค้นหา พิมพ์คีย์เวิร์ดสองคำที่หลอกหลอนค้างคา
Gay, Tattoo
ราวก้าวพ้นผ่านหมอกควัน ข้องใจละลายจาง หลายคำถามกระจ่างในคำตอบเดียว
ทว่าหลังหมอกหนาคือทะเลโคลนหนักอึ้ง เพราะลูกชายเพียงคนเดียวรู้ตัวว่าเป็นความหวังของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว... ความหวังเพียงหนึ่งเดียว
ป่านจึงเลือกก้าวถอยหลังเก็บมันกลับไว้ในหมอกอีกครั้ง
ลับซ่อนความต้องการไว้เพียงในห้องนอนเล็กๆ ใต้แสงไฟจากจอโน้ตบุ๊ค... ในเงียบสงัด ใต้หูฟังที่อึงอลด้วยเสียงโอดคราง ครวญหวานตามจังหวะร่างกายที่สอดปะสาน
...จังหวะเดียวกับอุ้งมือที่ขยับรูดรั้ง สัมผัสร่างกายตัวเอง
สายตาจับจ้องลวดลายงดงามที่คล้ายจะเริงระบำตามความเคลื่อนไหว ระยิบระยับด้วยเหงื่ออาบชโลมผิวกาย คล้ายได้รับรสซ่านกระสันผ่านรอยจูบและรอยฟันที่ประดับทั่วร่างที่กำลังหอบกระชั้นก้องหูฟัง
จินตนาการถึงความรู้สึกที่ถูกกดกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า จนถึงปลายทาง
ดวงตาฉ่ำน้ำมองลวดลายงดงามบนร่างในจอที่กระตุกสะท้านเกือบจะพร้อมกัน เผลอกัดริมฝีปากขณะมองหยาดราคะที่กระฉอกเลอะรอยสัก กัดแรงพอให้สีชมพูฝาดแดงเจ่อขึ้นรอยฟัน
ก้มมองฝ่ามือฉ่ำแฉะด้วยขุ่นข้นไม่แพ้กัน
ตัดสินใจแตะปลายนิ้วที่ช่องทางด้านหลัง ไล้วนให้จีบนุ่มอาบจนชุ่มฉ่ำ
แล้วจึงกดแทรกปลายนิ้วลงไป
ครั้งแรกที่ยอมให้หนึ่งนิ้วสอดสู่ร่างกาย
หลับตา... ปล่อยใจสู่จินตนาการหวามไหว
ครั้งแรกที่มีใบหน้าของใครบางคนปรากฏในห้วงภวังค์... จินตนาการถึงอ้อมแขนกำยำที่โอบรัด
“Please…”
ท่อนแขนที่ปรากฏลวดลายสวนสวย
...สวรรค์ต้องห้าม
“Daddy… Give it to me…”
จินตนาการ ถลำลึก สู่อ้อมกอดของซาตาน
☀ ------------------ #มอปลายลายสัก -------------------☀
ตั้งใจจะเขียนให้จบแล้วค่อยอัพค่ะ แต่ไม่ไหวเนอะ ลงแดง กระหายกำลังใจ 55555
ตอนนี้เขียนนานมาก แก้หลายรอบ ถ้ามีตรงไหนเบลอๆ ผิดพลาดติติงได้เลยนะคะ
จริงๆ อยากให้เริ่มสักเลย แต่เขียนไปเขียนมามันยาวกว่าที่คิดไว้
แล้วก็มีซีนที่อยากเขียนแทรกเข้ามาเลยยืดตอนสักออกไปก่อนค่ะ u_u
ขอโทษที่มาช้า ต่อไปจะพยายามอัพให้ต่อเนื่องขึ้นนะคะ
ฝากเอ็นดูพี่วากับน้องป่านด้วยน้า
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
Martian