**** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]  (อ่าน 26605 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #90 เมื่อ19-11-2018 10:45:39 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #91 เมื่อ19-11-2018 20:08:26 »

ขอให้ปลอดภัยทั้งคู่นะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #92 เมื่อ20-11-2018 08:53:20 »

 :man1: :man1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #93 เมื่อ22-11-2018 09:44:13 »

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #94 เมื่อ22-11-2018 10:18:03 »

 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 33 [25/11/61]
«ตอบ #95 เมื่อ25-11-2018 20:36:01 »

ตอนที่ 33



พระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้าแสงแรกของวันยังไม่ทันได้เห็น ทั้งสองก็รีบหาทางออกจากป่าทันที พวกเขากลัวว่าเช้าแล้วพวกมันจะแห่กันมา หรือดักอยู่ตรงทางออก ปฐวีร์พยายามเงี่ยหูฟังเสียงรถเสียงเครื่องยนต์ตลอด เดินหลงทิศหลงทางอยู่หลายชั่วโมงจากพระอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่ขึ้นมาจนตอนนี้โผล่ขึ้นมาอยู่ตรงหัวแล้ว ในป่ารกต้นหญ้าขึ้นสูงไม่มีลมพัดทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าว ปฐวีร์เหนียวตัวและเหม็นเหงื่อ เขาคิดถึงอ่างอาบน้ำถ้าออกที่นี่ไปได้สิ่งแรกที่อยากทำคือนอนแช่ในอ่างน้ำ กำลังคิดถึงอ่างอาบน้ำท้องก็ส่งเสียงร้องประท้วงขึ้นมาเตือนให้รู้ว่าเขาไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าเมื่อวานแล้ว เหมือนเจ้าป่าเจ้าเขารำคาญเสียงบ่นปฐวีร์ ในที่สุดเขาก็ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาอีกทาง

“พี่เทวาผมได้ยินเสียงรถมาจากทางนี้” ไม่รอให้เทวาตอบเขารีบเดินนำอีกฝ่ายไป ยิ่งเดินเสียงยิ่งชัด เขาเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง ก่อนที่จะถึงถนนใหญ่เขาชะลอฝีเท้าและหยุดลงกลัวว่ามีพวกมันดักรออยู่ ทั้งสองนั่งอยู่หลังพุ่มหญ้าสังเกตรอบ ๆ นั่งรออย่างใจเย็น จนเหงื่อบนหน้าผากไหลย้อยลงบนแก้มก็ยังไม่เห็นมีใครอยู่แถวนั้น

“อยู่นี่ก่อนพี่จะเดินออกไปก่อน” เทวาเดินออกไปและไม่ลืมระวังตัว มองซ้ายมองขวา สักพักก็ไม่เห็นใคร เขากวักมือเรียกให้ปฐวีร์ออกมา ปฐวีร์ยิ้มกว้างรีบเดินออกมา

“ที่นี่มันที่ไหน คงไม่ได้เดินมาไกลมาถึงชายแดนหรือข้ามชายแดนมาแล้วนะ”

“ถ้ามันข้ามกันง่ายขนาดนั้นคงไม่ต้องทำพาสปอร์ตกันแล้ว”

“พวกเราไปทางไหนกันดี” ปฐวีร์มองไปซ้ายเห็นถนนไกลสุดลูกดูลูกตา หันไปมองทางขวาก็ไม่ต่างกัน “หรือจะโบกรถดี”

“ไม่ดี ไม่รู้ว่าจะเจอกับคนแบบไหนบ้างพวกเราต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เห็นหลักกิโลเมตรหรือป้ายข้างทางก็จะรู้เองว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน” ชีวิตเพิ่งผ่านช่วงเวลาความเป็นความตายมาพวกเขารู้สึกว่าโลกใบนี้โหดร้ายและไม่กล้าไว้ใจใครทั้งนั้น ทั้งสองตกลงกันได้ก็เดินไปทางซ้าย เดินฝ่าแสงแดดตอนเที่ยงจนถึงบ่ายก็เห็นหลักกิโลเมตรแรก ปฐวีร์ไม่เคยเห็นหลักกิโลเมตรแล้วดีใจอย่างนี้มาก่อน คำนวณจากหลักกิโลเมตรปัจจุบัน ทำให้พวกเขารู้ว่าตอนนี้อยู่ห่างจากหลักกิโลเมตรที่ 108 ไกลพอสมควร พวกเขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินทางต่อทั้งสองตัดสินใจหาที่พักใต้ต้นไม้ริมทาง ร่างกายขาดน้ำมาหลายชั่วโมงทำให้ร่างกายอ่อนแรง ริมฝีปากแห้งแตก

“ตอนนี้อยากได้น้ำเย็น ๆ สักแก้วไม่สิต้องสักขวด เป็นน้ำอัดลมเย็น ๆ ก็ดี” ปากแทบไม่มีแรงพูดส่วนในใจคิดว่าถ้ากลับไปได้เขาจะจัดการทศพลและพวกให้ถึงที่สุด ให้ทรมานกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ หลายร้อยเท่า หายเหนื่อยแล้วทั้งสองเร่งฝีเท้าเดินต่อกลัวว่าค่ำแล้วจะต้องได้นอนอยู่กลางป่าอีกคืน พระอาทิตย์คล้อยต่ำลงเป็นเวลาสี่โมงเย็น พวกเขาเดินมาเจอตลาดนัดข้างทาง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม ในที่สุดพวกเขาก็รอดตาย ปฐวีร์แทบวิ่งเข้าไปในตลาด แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรง เข้าไปในตลาดสิ่งแรกที่ต้องการคือน้ำเปล่า เขาเดินตรงไปที่ร้านขายน้ำทันที

“พี่น้ำเปล่า 2 ขวด เครื่องดื่มเกลือแร่ 2 ขวด” แม่ค้าสาวเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีเนื้อตัวมอมทั้งสองเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เธอหยิบน้ำใส่ถุงให้ ได้น้ำมาทั้งสองรีบจิบน้ำทีละนิดทันที เพราะร่างกายขาดน้ำมานานและยังเหนื่อย เมื่อกินน้ำกินเครื่องดื่มผสมเกลือแร่น้ำหมดไปคนละสองขวดร่างกายก็รู้สึกสดชื่นทันที แต่ท้องกลับรู้สึกจุก นั่งพักสักครู่ให้ร่างกายปรับตัวมองผู้คนเดินสวนไปมา พวกเขาเริ่มตาลาย

“ไปหาอะไรกินกัน ผมหิวมากเลย” ทั้งสองเดินหาของกิน ปฐวีร์เดินตามกลิ่นไปที่ร้านขายลูกชิ้นปิ้ง ต่อด้วยร้านหมูปิ้ง ตลาดนัดขนาดไม่ใหญ่มากแบ่งเป็นโซนของกินและของทั่วไป ใช้เวลาไม่นานก็เดินจนทั่วโซนของกิน เติมพลังงานใส่ท้องจนเต็มทั้งสองก็เปลี่ยนไปเดินโซนของใช้เห็นเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งสองถือโอกาสซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับเปลี่ยน เดินเพลินจนลืมคิดไปว่าคืนนี้พวกเขาไปนอนกันที่ไหน เทวาถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นว่ามีโรงแรมที่พักใกล้ ๆ นี้ไหม ทุกคนบอกโรงแรมที่ใกล้ที่สุดอยู่ในเมืองซึ่งห่างจากที่นี่เกือบสามสิบกิโล ทั้งสองมองหน้ากันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเดินได้ไกลขนาดนั้น แม่ค้าบอกว่าหน้าตลาดมีรถเข้าเมืองรอบสุดท้ายหกโมง ทั้งสองขอบคุณแล้วตรงไปที่ท่ารถเห็นรถจอดอยู่ท้ายรถแขวนป้ายว่าเข้าเมือง ทั้งสองรีบขึ้นทันที

            พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้วทั้งสองนั่งเงียบอยู่บนรถ ปฐวีร์มองฝ่าความมืดออกไปลมเย็นปะทะหน้ารู้สึกแสบร้อนเพราะถูกแดดเผา ผ่านไปสักพักรถก็เลี้ยวจอดท่ารถ ทั้งสองถามคนขับทันทีว่ามีที่พักแถวนี้ไหม ชายสูงอายุชี้ไปที่ป้ายติดไฟมองเห็นไกล ๆ ทั้งสองขอบคุณ และรีบตรงไปที่นั่นทันทีพวกเขาเหนื่อยอยากจะพัก ปฐวีร์เหนียวตัวอยากอาบน้ำ อยากนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ระหว่างทางเจอร้านสะดวกซื้อ พวกเขาซื้อของใช้ส่วนตัวอย่างครีมอาบน้ำ แปรงสีฟัน และขนมของกิน ปฐวีร์กำลังเลือกซื้อกางเกงใน

“หยิบให้พี่สักตัวดิเอาเบอร์ L นะ” ปฐวีร์ไม่ตอบแต่กลับรู้สึกอาย เขาไม่เคยซื้อกางเกงในให้ใครมาก่อน เทวาเดินไปที่เคาน์เตอร์เขาอยากได้โทรศัพท์เครื่องใหม่เอาไว้ชั่วคราว ไม่รู้ป่านนี้ที่บ้านรู้เรื่องที่รถเกิดอุบัติเหตุจะเป็นห่วงแค่ไหน ได้ของครบพวกเขาไปที่โรงแรมที่อยู่ถัดจากร้านสะดวกซื้อ

            เข้าไปในโรงแรมบอกพนักงานว่าต้องการห้องพักสักห้องสำหรับสองคนพักสองวัน โชคดีที่นี่เป็นโรงแรมต่างจังหวัดไม่ค่อยเข้มงวดแขกเข้าพักเท่าไหร่ ได้กุญแจห้องพวกเขาเดินขึ้นชั้นสาม โรงแรมค่อนข้างใหม่บรรยากาศเหมือนรีสอร์ต มีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม ขึ้นมาถึงชั้นสามห้องพวกเขาอยู่ทางตะวันตก เดินผ่านห้องอื่น ๆ มาปฐวีร์รู้ได้ทันทีว่าทุกห้องมีคนพัก เปิดประตูห้องเห็นห้องพักไม่กว้างมากเตียงเดียวแต่ก็กว้างพอสำหรับนอนสองคน ปฐวีร์วางของลงบนโต๊ะแล้วไปเลื่อนผ้าม่านเปิดประตูระเบียงออก มองลงไปข้างล่างเห็นสระน้ำใสพื้นสีฟ้า มีแขกบางห้องกำลังเล่นน้ำกันอยู่

“ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เทวากอดปฐวีร์จากด้านหลัง “ไม่เหม็นรึไงกอดมาได้”

“ดีออกได้อารมณ์ไปอีกแบบ”

“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนเหนื่อยแล้วง่วงนอนเป็นบ้า”

“อาบด้วยกันไหม” เทวาส่งสายวิบวับให้

“ทะลึ่งเถอะ” เขาไม่สนคำพูดและสายตานั่นรีบเข้าเดินเข้าห้องน้ำ ล็อกประตูเรียบร้อยถอดเสื้อผ้าจนหมด เดินเข้าตู้อาบน้ำ ปล่อยให้อุ่นค่อยๆชำระล้างความเหนื่อยล้าออกไป ร่างกายได้สัมผัสน้ำอุ่นรู้ดีขึ้น คราบเหงื่อไปชำระไปพร้อมครีมอาบน้ำ แต่ความรู้สึกกลัวยังเกาะกุมหัวใจไม่จางหาย เขารีบอาบน้ำเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเดินออกมาจากห้องน้ำ เปลี่ยนให้เทวาอาบบ้าง เขาปีนขึ้นเตียงเปิดโทรทัศน์เป็นเพื่อน ก่อนนอนหยิบยาพารามากินกันป่วย ไม่นานร่างกายที่เหนื่อยล้ามาหลายชั่วโมงก็ถึงขีดจำกัดเปลือกตาอยู่ ๆ ก็หนักขึ้นมาดื้อ ๆ และผล็อยหลับไปในที่สุด

เทวาอาบน้ำเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำมีผ้าขนหนูตัวเดียวพันรอบเอว เห็นคนบนเตียงหลับไปแล้ว เขาหยิบยาหม่องออกมาถุงที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อมาทาบนแขน คอ และแก้มของปฐวีร์ที่มีตุ่มแดงที่เกิดจากยุงและแมลงกัด และทาให้ตัวเองด้วย จากนั้นหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาโทรหาพี่ชาย ธนาเห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามากดรับถึงได้รู้ว่าเป็นน้องชาย

“ว่าไงน้องชายไปทำอีท่าไหนทำไมรถมีภาพแบบนั้น ตอนที่ตำรวจติดต่อมาคุณแม่ตกใจแทบแย่ แล้วน้องวีร์ของฉันเป็นยังบ้าง” เทวานิ่วหน้าปฐวีร์เป็นคนของเขา เขาไม่ตอบคำถามพี่ชายเขาเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้พี่ชายฟัง ธนาฟังแล้วก็ตกใจไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย รู้สึกเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาแต่เห็นติดต่อมาก็คิดว่าน้องชายคงจัดการปัญหาเองได้ เพราะถ้ามีเรื่องที่เกินความสามารถอีกฝ่ายคงขอความช่วยเหลือจากเขาแล้ว “ยังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้พ่อได้รับรู้ไว้”

“งั้นฝากรบกวนพี่ด้วย”

วางสายจากธนาเขาติดต่อไปที่ยุทธจักรและให้ยุทธจักรประชุมสาย

“ไอ้ยุทธแกเรียกประชุมสายไมวะ ฉันกำลังดูหนังโป๊อยู่” เสียงคางเบา ๆ ดังแว่วมาทำให้ทุกคนรู้ตติวัฒน์ไม่ได้โกหก “ไม่ใช่ไอ้ยุทธเรียกหรอกเป็นฉันเอง”

“อ้าวนั่นแกเหรอไอ้เทวา หายไปไหนมาวะไม่ยอมมาเรียน โทรไปก็ไม่รับสาย แน่แอบไปฮันนีมูลกับน้องวีร์สองคนอะดิ” ฮันนิมูลเกือบได้ไปแล้วในนรก “อย่าไปสนใจพวกมันเลยแกมีเรื่องอะไรสำคัญถึงประชุมสาย”

“พวกแกตั้งใจฟังนะ......” เทวาเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟัง ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปเรียนในช่วงนี้ เพราะคนของทศพลอาจจะดักรออยู่ที่มหาวิทยาลัย หรือที่คอนโดมิเนียม และเตือนให้ทุกคนระวังตัว พวกมันต้องมาถามแน่นอนว่าเขาติดต่อไปรึเปล่า หรือถามว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน “ขอโทษที่ทำให้พวกแกยุ่งยาก”

“เฮ้ยเพื่อนกันพูดแบบนี้เหรอวะ”

“แล้วแกเป็นยังไงบ้างวะ”

“ก็เกือบแย่เหมือนกัน ยังไงพวกแกระวังตัวไว้ก็ดีฝากเตือนเพื่อน ๆ ของวีร์ด้วย มีอะไรก็ติดต่อมาเบอร์นี้ได้” ทุกคนรับปาก เทวาวางสายไปแล้วรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เขาหันไปมองปฐวีร์กำลังหลับสบายขอบตามีรอยคล้ำเล็กน้อย หนึ่งคืนในป่าจะบอกว่าเป็นคืนที่ดีหรือจะเรียกว่าเลวร้ายก็ได้ แต่มันกลับทำให้ความรู้สึกของพวกเขาเติบโตขึ้น เขาจูบลงบนหน้าผากมน นอนลงข้าง ๆ ปฐวีร์แล้วหลับไป

            เที่ยงวันต่อมาปฐวีร์งัวเงียตื่นเพราะหิว เขานั่งบนเตียงมองไปรอบ ๆ ถึงจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อคืนเขาหลับลึกมาก ขยับตัวรู้สึกปวดขา ไม่รู้ระยะทางที่เดินทั้งหมดในสองวันที่ผ่านเป็นเท่าไหร่แต่คงทำลายสถิติการเดินทางไกลตอนที่เรียนลูกเสือสามปีในมัธยมต้น เขาหันไปมองคนนอนข้าง ๆ ใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวนอน ไม่รู้ว่าใส่กางเกงในด้วยรึเปล่า ปฐวีร์คิดพิเรนทร์แง้มขากางเกงขาสั้นดู

“ทำอะไรน่ะ อยากดูก็บอกจะแก้ให้ดู”

“ป เปล่า” เขาปฏิเสธไม่เต็มเสียง อายเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้ว่ากำลังทำเรื่องน่าอาย “จะอยากดูทำไมมีเหมือนกัน”

“ใครจะไปรู้ขนาดมันอาจจะไม่เท่ากันก็ได้” ปฐวีร์ถูกแกล้งจนอาย เทวากอดอีกฝ่ายไว้ “เป็นไงบ้างเมื่อคืนหลับสบายไหม”

“ที่สุด ปวดเนื้อปวดตัวไปหมด แต่ตอนนี้หิวแล้วไปหาอะไรกินกัน” ทั้งสองรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดเข้าไปหาอะไรง่าย ๆ กินในร้านสะดวกซื้อ และถามพนักงานถ้าจะเดินทางเข้ากรุงเทพด้วยรถไฟต้องไปขึ้นที่ไหน พนักงานช่วยอธิบายเส้น จากนั้นทั้งสองรีบเช็คเอาส์จากโรงแรมไปขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้าย

            รถไฟเที่ยวสุดท้ายเข้ากรุงเทพชั้น 2 ที่นั่งปรับอากาศในวันปกติค่อนข้างว่างหรือว่างเป็นปกติก็ไม่รู้ ผู้โดยสารทยอยขึ้นรถไฟ โดยมีเจ้าหน้าที่เดินดูความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวก ปฐวีร์กำลังมองออกไปข้างนอก ทศพลคงกำลังตามหาเขาให้ควั่กแต่คงไม่คิดว่าเขาจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟ อย่างน้อยเขาก็มีเวลาตั้งหลัก ถ้ากลับไปแล้วยังไม่รู้จะทำยังไงต่อไป

“ขนมจีบซาลาเปาหน่อยไหม เผื่อกินแล้วจะคิดออก” กลิ่นหอมขนมจีบซาลาเปาทำลายสมาธิ กลิ่นของมันกำลังเชิญชวนน้ำย่อยในกระเพาะ

“อืม ขอบคุณ” เขาหยิบขนมจีบเข้าปากรู้สึกอร่อยถูกปาก เขาจิ้มชิ้นที่สองต่อด้วยชิ้นที่สาม “อร่อย ซื้อมาจากไหน” เทวายิ้มให้คนเจริญอาหารไม่ได้กินอะไรเกือบสองวันปฐวีร์ดูผอมไปเยอะ แล้วยังคิดมากเขากลัวอีกฝ่ายจะป่วยเอา “ก็ตอนก่อนขึ้นรถมาไงเอาอีกกล่องไหม” ปฐวีร์พยักหน้า เขาจิ้มขนมเข้าปากเห็นสายตาคนหล่อมองมารู้สึกเขิน เขาหาวิธีแก้เขิน “กินไหมป้อน” เทวาไม่ขัดศรัทธาอ้าปากรับอย่างเต็มใจ

“กุญแจนั่นมันใช้สำหรับอะไร”

“เอกสารสำคัญฝากไว้ในที่ปลอดภัย คนที่มีกุญแจนี้เท่าไหนถึงจะสามารถเอาเอกสารนั่นออกมาได้”

“ถ้ายังไงเราไปเอาเอกสารนั่นแล้ว ให้คุณนายทนายช่วยดีไหม”

“ใช่ ถ้าเป็นลุงทนายต้องจัดการปัญหาทุกอย่างได้แน่นอน” แววตาของเขาเป็นประกายคราวนี้รับรองทศพลไปไหนไม่รอดแน่

             ผ่านไปสองวันแต่ทศพลกลับไม่ได้ข่าวของปฐวีร์และพลพัฒน์เลยให้คนไปเฝ้าตามบ้าน มหาวิทยาลัยหรือที่คอนโดมิเนียมก็ไม่มีวี่แวว เขาทั้งกลุ้มใจและร้อนใจหรือเขาจะคิดผิดทั้งสองคงยังไม่ได้ออกจากป่านั่น

“นายครับ รถที่ชนท้ายพวกเราผมตรวบสอบแล้วเป็นของ เทวาพิทักษ์ สุรัตนธรรมวรธิเบศณ์” ทศพลรับแฟ้มเอกสารมาดู เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าสุรัตนธรรมฯมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย ดูเหมือนเรื่องมันจะยุ่งยากมากขึ้น เห็นทีเขาต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วขึ้น

วันต่อมาทศพลไปพบคุณรองที่บ้านทั้งสองปิดห้องคุยกันเงียบ แต่บางครั้งก็มีเสียงเหมือนทั้งคู่กำลังทะเลาะกันดังลอดออกมาจากห้อง เงียบลงได้สักพักก็มีเสียงดังขึ้นอีก พิมพ์รตาเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัยถามคนงานว่าใครมาที่บ้าน คนงานบอกว่าทศพลมาพบคุณนายรองตั้งตอนบ่ายแล้ว และบอกห้ามให้ใครไปรบกวน พิมพ์รตาพยักรับรู้แต่เธอก็ยังเดินตรงไปที่ห้องนั้น เธออยากรู้ว่าทั้งสองกำลังคุยเรื่องอะไรกันถึงต้องปิดห้องเงียบและยังบอกไม่ให้รบกวน เธอแนบหูชิดประตูแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงอะไร เธอลองผลักประตูออกเบา ๆ เห็นทั้งสองเหมือนกำลังทะเลาะกันมากกว่าคุย

“มีอะไรให้พิมพ์ช่วยไหมคะ” ทั้งสองหันมามองคนเดินเข้ามาในห้อง

“พิมพ์มีอะไรรึเปล่าลูก คนงานไม่ได้เหรอ ว่าแม่กำลังคุยธุระกับคุณตาอยู่ อย่ารบกวน”

“บอกค่ะ แต่พิมพ์แค่สงสัยว่าคุยอะไรกันทำไมถึงต้องขึ้นเสียงกันด้วย” ทั้งสองเงียบไม่มีใครพูดอะไร ทศพลคิดได้ว่าถ้ากล่อมลูกสาวไม่ได้ทำไมเขาพูดกับหลานสาวล่ะ บางทีมันอาจจะจะง่ายกว่า

“ไม่มีอะไรมากแค่..”

“คุณพ่อ ยัยพิมพ์ยังเด็กอย่าดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยค่ะ” คุณนายรองไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทศพล พิมพ์รตารู้สึกท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสอง “คุณแม่พิมพ์ไม่เด็กแล้วนะคะ ”

“ดูเหมือนลูกสาวแกจะพูดจารู้เรื่องกว่าแก” ทศพลยิ้มอย่างพอใจ “ไม่มีอะไรมากแค่เรื่องทุกอย่างมันสมควรจบได้แล้ว”

“คุณตาหมายความว่ายังไง” ทศพลมองไปทางคุณนายรอง เธอเบือนหน้าหนีปฏิเสธไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว

“บางทีถ้าปล่อยให้พ่อแกไปสบายทุกอย่างจะดีขึ้น”

“คุณตาหมาย.....” เธอแทบพูดไม่ออก หันมองแม่ที่ยืนนั่ง เธอรู้แล้วว่าทั้งสองทะเลาะเรื่องอะไรกัน แต่ที่คุณตาเธอพูดมาก็ถูก พ่อของเธอนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาได้สักระยะแล้ว หมอก็แค่รักษาไปตามอาการ เปล่าประโยชน์ที่จะยื้อให้อยู่ แม่ของเธอต่างหากที่ต้องทุกข์ เมื่อเห็นพ่อนอนไม่ได้สติ

“พิมพ์เห็นด้วยค่ะ” คุณนายรองหันไปมองลูกสาวอย่างเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้

“ดี แกมันพูดเข้าใจง่ายกว่าแม่ของแก เท่านี้ทุกอย่างก็จะเป็นของพวกเรา” พิมพ์รตามองหน้าทศพลอย่างไม่เข้าใจ “ถ้าปทีปไม่อยู่ ปฐวีร์หายสาบสูญ สมบัติก็จะเป็นของแม่แกและพี่ชายแก” พิมพ์รตาไม่สนใจเรื่องสมบัติแต่หูเธอสะกิดประโยคที่ว่า ปฐวีร์หายสาบสูญ มันทำให้หัวใจเธอเต้นแรงและยิ้มออกมาโดยไม่ตั้งใจ ทศพลสังเกตสีหน้าแววตาของพิมพ์รตาที่เปลี่ยนไป เขาเริ่มพูดจาหว่านล้อมต่อ เขาต้องการให้ใครสักคนไปถอดสายออกซิเจนออก ทุกอย่างต้องทำให้เป็นเหมือนอุบัติเหตุ การจะเข้าไปไม่ใช่ว่าใครก็เข้าได้ ฟังมาถึงตรงนี้พิมพ์รตารู้สึกหัวใจกระตุกขึ้นมาทันทีหมายความว่าต้องเป็นเธอ

“นี่เป็นตารางเข้าเวรของหมอและพยาบาล หกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มจะมีหมอเข้าตรวจเช็คเป็นประจำ ต่อจากนั้นอีกนั้นอีกทุกหนึ่งชั่วโมงจะมีพยาบาลเที่ยวเข้าไป” ทศพลส่งแผ่นกระดาษให้พิมพ์รตา เธอจ้องไปที่แผ่นกระดาษ แล้วยื่นมือออกไปรับ มือที่ถือกระดาษไว้สั่นเบา ๆ

“ช่วงเวลาระหว่างนี้จะไม่มีคนอยู่แถวนั้น ถ้าแกลงมือทุกคนจะคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ”

“พิมพ์อย่าทำเลยนะลูก” เธออ้อนวอนพิมพ์รตาให้คิดทบทวนดูใหม่อีกครั้ง

“ตัดสินใจเองนะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกแล้ว ตอนนี้พ่อแกก็เหมือนคนตายไปแล้ว แต่ถ้าตายแล้วมีประโยชน์กับคนข้างหลังก็ดีไม่ใช่เหรอ” พิมพ์รตารู้สึกลังเลในหลายอย่าง หัวใจรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาเมื่อคิดว่าเธอต้องเป็นคนลงมือทำ เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ตั้งแต่ที่พ่อป่วยเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย บางครั้งยังคิดว่าจะมีพ่อหรือไม่มีก็คงไม่ต่างกันคงเพราะเธอเคยได้ยินว่า เธอพี่ชายและน้องชายต่างไม่เกิดมาจากความรัก ความรักทั้งหมดพ่อได้ให้คุณนายใหญ่กับปฐวีร์ไปหมดแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเธอคือหน้าที่เท่านั้น เธอพยายามค้นหาคำปลอบใจตัวเอง และบอกตัวเองว่าเธอทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วอย่างได้กลัวอย่าได้กังวล ทศพลและคุณนายรองต่างรอคอยการตัดสินใจของพิมพ์รตา เธอสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนมันออก “พิมพ์ตัดสินใจแล้วค่ะ พิมพ์จะทำ”

            ขณะที่คุณนายรองกังวลเรื่องงานหมั่นลูกชายคนโตอย่างพลพัฒน์ พยายามเกลี้ยกล่อมให้พิมพ์รตาคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง แต่เธอกลับลืมสนใจลูกคนเล็กอย่างพีรพลณ์ไปเสียสนิท ตอนนี้พีรพลธ์กำลังคิดหาทางเพื่อหาเงินไปใช้หนี้ส่วนที่เหลือ ขโมยเครื่องเพชรของแม่ก็ทำแล้ว แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปก็จะถูกจับได้

“แล้วพี่ชายแกล่ะ”

“ผมไม่กล้าเงินเยอะขนาดนั้นไปขอมีหวังต้องโดนถามแน่นอน”

“แล้วทีนี้เอาไง”

“ผมไม่รู้เหมือนกันพี่ พี่ช่วยผมหน่อยสิ ผมยังไม่อยากถูกซ้อมจนตาย”

“เอาน่ายังไงเสี่ยก็ต้องอยากได้เงินมากกว่าชีวิตแกอยู่แล้ว ว่าแต่พี่สาวแกล่ะ”

“อยากพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเลย”

“ทำไมวะ พูดถึงพี่สาวแกทีไร ทำไมแกต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย”

“ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากมีพี่สาวแบบนั้นหรอก ชอบจับผิดผมอยู่เรื่อย ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง คิดว่าตัวเองวิเศษคนเดียวรึไง เรื่องมากจนไม่มีผู้ชายเขาสนใจ”

“แกนี่ท่าทางจะเป็นเอามาก เอายังงี้ฉันคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว”

”ยังไงพี่” โจ้เรียกพีรพลธ์กระซิบเบา ๆ บอกแผนการของเขาให้ฟัง พีรพลธ์ได้ฟังแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแต่พอฟังไปเรื่อย ๆ ก็ยิ้มกว้างเริ่มเห็นด้วยกับความคิดของโจ้

            เมื่อเดินทางมาถึงกรุงเทพ ปฐวีร์และเทวารีบไปเอาเอกสารหลักฐานทันที ทั้งสองช่วยกันตรวจดูเอกสารอีกครั้ง เทวาโทรถามข่าวเพื่อนว่าเป็นยังไงกันบ้าง ยุทธจักรบอกว่าตอนบ่ายเห็นชายแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนแถวคณะข้าง ๆ และถามคนโน้นคนนี้ว่าเห็นปฐวีร์มาเรียนรึเปล่า แต่ก็ไม่มีใครรู้ เทวาบอกให้เพื่อนระวังตัวไว้

วันต่อมาทั้งสองเอาเอกสารที่ได้ไปที่บ้านของทนายความเรืองโรจน์ ในตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาเรืองโรจน์ยังแปลกใจ ยิ่งได้เห็นเอกสารที่ปฐวีร์เอามาให้เขายิ่งแปลกใจ ตรวจสอบอยู่หลายรอบก็แน่ใจว่ามันเป็นเอกสารสำคัญ เขาอยากรู้ว่าทั้งสองได้เอกสารพวกนี้มายัง ปฐวีร์ไม่มีอะไรปิดบังเขาเริ่มเล่าตั้งแต่ที่พลพัฒน์ติดต่อมาจนถึงทศพลให้คนตามฆ่า เรืองโรจน์ตั้งใจฟังเงียบๆ  เขาไม่แสดงท่าทีอะไรแต่ในใจกลับรู้สึกโกรธ ทศพลเลวกว่าเขาคิดไว้

“ท่าทางพวกคุณจะเจอช่วงเวลาที่ไม่ดีเท่าไหร่” เรืองโรจน์มองหน้าทั้งสองที่มีรอยยุงกัดเต็มไปหมด “แต่ก็โชคดีที่พวกคุณปลอดภัย ถ้าไม่อย่างนั้นผมไม่รู้จะตอบคำถามพ่อคุณยังไง”

“เอกสารพวกนี้จะสามารถเอาผิดทศพลและพวกได้” เขากังวลถ้าจัดการทศพลไม่ได้ชีวิตเขาคงกลับไปเป็นปกติไม่ได้ ตอนนี้ต้องหลบต้องซ่อนเหมือนคนหนีความผิดยังไงยังงั้น แล้วไหนจะเพื่อนและคนรอบยังต้องมาพลอยเดือดร้อนด้วยอีก

“แน่นอน เขาคงจะได้ไปนอนในคุกหลายปีทีเดียว แค่ข้อหาพยายามฆ่านี่ก็ตลอดชีวิตแล้ว” ปฐวีร์พอใจกับตอบมาก ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทศพลจะได้รับกรรมซะที เมื่อไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ทั้งสองก็ออกมาจากที่นั่น

            ผ่านไปเกือบชั่วโมงพระอาทิตย์ก็ตกดิน ประตูรั้วหน้าบ้านทนายเรื่องโรจน์ก็เปิดออก ทนายเรืองโรจน์ขับรถยุโรปสีขาวออกมา “นี่ใช่ไหมที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องรีบออกมา และนั่งรออยู่ตรงนี้เป็นชั่วโมง”

“ใช่ ผมแค่อยากรู้ว่า ทันทีที่เขาได้เอกสารแล้วเขาจะไปที่ไหน พี่ครับช่วยตามรถคันสีขาวไป อย่าให้คาดสายนะตานะครับ” คนขับแท็กซี่ค่อย ๆ เคลื่อนรถออกไป เขาเว้นช่วงระยะพอสมควรเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังถูกตาม ขับผ่านโค้งเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาจอดติดไฟแดงสองสามครั้ง สุดท้ายก็เห็นรถของเรืองโรจน์เลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล เขามาทำอะไรที่นี่ เป็นคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว เขาไม่ได้สั่งแท็กซี่ให้เลี้ยวเข้าไปแต่ให้ไปจอดด้านหลัง รอสักพักแต่ก็ไม่เห็นรถคันสีขาวโผล่มา นั่นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าทนายเรืองโรจน์ตั้งใจมาที่โรงพยาบาลจริง ๆ


*************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


         

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #96 เมื่อ25-11-2018 20:39:56 »

ตอนที่ 34

  เรืองโรจน์ลงจากรถ เดินตรงขึ้นลิฟต์โดยสารตรงไปที่ห้องผู้ป่วยวิกฤตทันที พยาบาลหน้าห้องเห็นหน้าเขาก็จำได้อนุญาตให้เข้าไปในข้างในทันที ผลักประตูเข้าไปข้างใน เสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพยังขยันทำงาน มันส่งเสียงเตือนเป็นระยะ เรืองโรจน์นั่งลงเก้าอี้ข้างเตียงมองใบหน้าคนป่วย

“ฉันได้เอกสารเอาผิดคนที่มันโกงบริษัทแล้ว” เขาพูดขึ้นมาลอย ๆ เหมือนจะพูดกับตัวเอง แต่แล้วคนที่นอนบนเตียงกลับลืมตาขึ้น “มันเป็นใคร” ปทีปถามเสียงเบา

“ทศพลกับพวกอีกหลายคน แกนี่มันเลี้ยงงูเห่าไว้จริง ๆ”

“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไงในเมื่อไม่มีหลักฐานและคนบางส่วนเป็นคนของเขา แล้วไหนจะยังเป็นพ่อตาฉันอีก”

“หึ ก็ไอ้คนที่เป็นพ่อตาแกนั่นแหละที่สั่งคนไปฆ่าลูกชายทั้งสองคน”

“ใคร” ปทีปถามเสียงแข็ง

“ก็จะใคร พลพัฒน์กับปฐวีร์ หลักฐานทุกอย่างเป็นพลพัฒน์เอาออกมาให้ปฐวีร์ แต่ไอ้ทศพลมันรู้เข้าเลยส่งคนตามเก็บ ปฐวีร์หนีรอดมาได้ ส่วนพลพัฒน์ยังไม่รู้เป็นตายร้ายดี บางทีคนต่อไปอาจจะเป็นแกก็ได้”

ปทีปผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่าปฐวีร์ปลอดภัย แต่อีกใจก็ยังเป็นห่วงพลพัฒน์ “ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

“แล้วเมื่อไหร่จะเลิกแกล้งป่วยซะที”

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นปทีปหลับตาเหมือนเดิม ประตูห้องเปิดออกเรืองโรจน์ก็โล่งใจ “ธีรณัฑศ์ นั่งก่อน”

“มีอะไรรึเปล่าครับ หรือเรื่องที่คุณลุงแกล้งป่วยมีคนรู้แล้ว” ปทีปลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงธีรณัฑศ์

“เปล่าหรอกพอดีลุงได้หลักฐานสำคัญมา” เรื่องโรจน์ส่งเอกสารให้ชายหนุ่มดู ธีรณัฑศ์ดูไปได้สักพักแทบเสียการควบคุม “อย่างนี้ทศพลกับพวกไม่รอดแน่”

“แน่นอน สองสามวันนี้เตรียมรอฟังข่าวใหญ่ที่สุดในรอบสิบปีได้เลย”

“แล้ว...” ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกเรื่องโรจน์ห้ามไว้ “ชู่ เหมือนมีคนอยู่ข้างนอก” ทั้งสองรีบไปหลบอยู่ห้องกระจกข้าง ๆ ส่วนปทีปนอนลงที่เตียงตามเดิม ไม่นานประตูก็เปิดออกช้า ๆ พร้อมกับใครสักคนเดินเข้ามา พิมพ์รตากวาดสายตามองไปรอบห้องเหมือนก่อนเข้ามาเธอจะได้ยินเสียงคนคุยกัน ไม่รู้ว่าหูฝาดหรือคิดไปเอง เมื่อไม่เห็นใครก็รู้สึกโล่งอกทันที เธอมองไปที่คนนอนเตียงเครื่องช่วยหายทำงานสัญญาณชีพบนหน้าจอเตือนให้รู้ว่าคนนอนบนเตียงยังมีชีวิตอยู่ เธอล้วงถุงมือออกมาจากกระเป๋าแล้วสวมมัน

“นั่นเธอกำลังจะทำอะไร”

“ก็ปลดสายออกซิเจนน่ะซิ”

“อ้อ” ธีรณัฑศ์หันขวับทันทีเมื่อนึกได้ว่าไม่ใช่เสียงของเรืองโรจน์ “วีร์”

“ครับ ผมเอง ทำไมไม่ตะโกนให้ดังกว่านี้ให้พิมพ์รตาได้ยิน” เขามองคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นยืนอยู่ข้าง ๆ

พิมพ์รตามองไปที่กระจกบานใหญ่เธอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอเดินไปผลักประตูแต่มันเปิดไม่ออก ทำให้เธอสบายใจ คงไม่มีใครอยู่ในนั้นเธอคงคิดไปเอง เธอเดินตรงไปที่เตียง “คุณพ่อพิมพ์ขอโทษ” จากนั้นปลดสายออกซิเจนทันที ทุกคนเห็นการกระทำทุกอย่างผ่านห้องกระจกต่างก็ตกใจ ทำทุกอย่างเสร็จแล้วเธอรีบออกจากที่นั่นก่อนจะมีคนเข้ามาเห็น ออกมาจากห้องผู้ป่วยได้เธอแอบอยู่ที่นั่นสักครู่กว่าจะมีหมอพยาบาลเข้าไปก็นานพอสมควร จากนั้นทุกคนก็วิ่งวุ่นหายเข้าไปในห้องผู้ป่วยวิกฤติ นั่นเป็นการยืนยันว่างานของทำสำเร็จ

ทุกอย่างในห้องไม่เป็นอย่างที่พิมพ์รตาเห็น ที่หมอพยาบาลวิ่งวุ่นเป็นแค่ละครฉากหนึ่งที่ปทีปต้องการให้คนลงมือเห็น

“ไม่นึกว่าพิมพ์รตาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้”

“มากกว่านี้เธอก็ทำได้”

“แล้วเรามาอยู่ในห้องกระจกนี่ได้ยังไง”

ปฐวีร์ชี้ไปทางประตูทางเข้าอีกทาง “เข้ามาทางประตูนั่น คงไม่ลืมว่าห้องนี้เปิดไว้ตลอด เวลาที่อาการทรุดคุณหมอก็ให้เข้าเยี่ยมมองคนป่วยจากห้องนี้” เรืองโรจน์ยิ้มแห้งเป็นความของเขาเองที่ไม่ตรวจสอบทุกอย่างก่อน เป็นอย่างที่ปฐวีร์คิดไว้ความฝันและสิ่งที่เห็นคือโรงพยาบาลหมายถึงเรื่องนี้เอง คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจตามเรืองโรจน์มา “ผมว่าเรื่องนี้คนป่วยคงต้องเตรียมคำตอบไว้ตอบผมแล้วล่ะ”

            ในห้องผู้ป่วยวิกฤติกลับมาเป็นปกติ ละครฉากเล็ก ๆ ฉากหนึ่งจบไปลงแล้ว แต่บรรยากาศในห้องกลับดูตึงเครียดจนชวนอึดอัดเมื่อปฐวีร์ยืนหน้าบึ้งกอดอกกวาดสายตามองทั้งสามรอคำตอบว่าทำไมทุกคนต้องทำอย่างนี้ ธีรณัฑศ์เบือนหน้าหนีไปอีกทางปฏิเสธว่าแผนการทุกอย่างไม่ได้เกิดจากเขาเป็นคนต้นคิด เรืองโรจน์ปฏิเสธไม่ได้เมื่อเขาก็เป็นคนช่วยคิดแต่วินาทีเขาต้องการเอาตัวรอด จึงได้หันหน้าอีกทาง ในตอนนี้ทั้งสามดูเหมือนว่าห้องผู้ป่วยวิกฤติจะวิกฤติกว่าทุกวัน โดยเฉพาะปทีป เขายังไม่กล้ามองหน้าลูกชายไม่พอยังเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก “อุ้ย” ปทีปสะดุ้งเมื่อหันไปเจอสายตาของปฐวีร์ที่มองมาพอดี

“คือเรื่องมันยาว” ปทีปหน้าซีดเหงื่อตก รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว

“งั้นก็ค่อยเล่าวันหลังแล้วกัน วันนี้ผมไม่ว่าง”

“ วีร์จะไปไหนลูก” ปฐวีร์ไม่ตอบ รีบเดินออกจากห้อง รอสักพักทั้งสามก็มองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทำไมมันง่ายนักวะ มันเกิดอะไรขึ้นเรืองโรจน์” ปทีปยังเทียวมองที่ประตูกลัวปฐวีร์เปลี่ยนใจกลับมา

“ไม่รู้เหมือนกัน เวลาวีร์โกรธน่ากลัวเหมือนหนึ่งฤทัยเลย”

ทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย

            ปฐวีร์เข้าไปด้านในได้ชั่วโมงกว่าปล่อยให้เทวานั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ขณะคิดที่จะไปตาม ปฐวีร์ก็เปิดประตูเข้ามานั่งในรถ “พี่ออกรถเลย” เทวาอยากถามว่าเกิดอะไรแต่อยู่ ๆ ปฐวีร์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างไม่มีสาเหตุ เล่นเอาเขาทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาก่อน ปฐวีร์แทบทนอยู่ในห้องนั่นไม่ไหวยิ่งได้เห็นหน้าทั้งสามคนนั้น ถ้าเขาอยู่ในห้องนั่นนานกว่านี้เขาหลุดหัวเราะออกมาแน่ ๆ เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด ในตอนแรกยอมรับว่าโกรธที่ถูกหลอก แต่พอคิดถึงความจำเป็นทุกอย่างก็สามารถให้อภัยได้ ความรู้สึกไม่สบายใจ ความกังวล ได้หายไปแล้ว ยังไงซะเขาก็ยินดีที่จะเห็นพ่อโกหกดีกว่าต้องเห็นพ่อป่วยจริง ๆ เทวาเห็นปฐวีร์เลิกหัวเราะแล้ว ตอนนี้ปฐวีร์กำลังยิ้มบาง ๆ เห็นอย่างนี้เขาก็พลอยรู้สึกสบายใจไปด้วย

            นั่งแท็กซี่มาได้สักพักก็ถึงจุดหมายบ้านสุรัตนธรรมฯ เข้าไปข้างในเห็นทุกคนนั่งพร้อมหน้าตากันเหมือนกำลังรอคอยใครสักคน พอเห็นทั้งสองเข้ามาในบ้านจริญญารีบเดินเข้ากอดชายหนุ่มทั้งสองไว้

“ขวัญเอ๋ย ขวัญมาลูก” เธอรีบสำรวจร่างกายทั้งสองว่ามีบาดแผลหรือบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า เมื่อไม่เห็นบาดแผลเธอก็สบายใจ ลากทั้งสองไปนั่งในห้องนั่งเล่น เธอให้ทั้งสองเล่าเรื่องทุกอย่างขึ้นให้ฟังโดยละเอียด ทั้งสองเล่าเรื่องทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง จริญญาฟังแล้วแทบอยากไปตบพวกนั้นจริงลูกชายเธอเลี้ยงมากับมือยังไม่เคยทำร้ายแล้วพวกมันเป็นใครถึงจะมาฆ่ามาแกงลูกชายเธอ ธักศนัยนั่งฟังเงียบ ๆ ก็แทบอยากคว้าปืนในห้องไปยิงพวกมันให้ไส้แตก

“น้องวีร์มีอะไรให้ช่วยก็บอกคุณพ่อคุณแม่ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ”

“พ่อทำไมไม่สั่งสอนให้พวกมันรู้หน่อยว่าคนของสุรัตนธรรมฯ ไม่ใช่จะมารังแกกันได้ง่าย ๆ” ธนาโกรธขึ้นมาบ้าง ธรรมพี่ชายคนโตก็เห็นด้วยไม่ชอบความรุนแรงก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่เฉย ๆ แล้วจะยอมให้ใครจะมาทำอะไรก็ได้

“จริงพ่อดูน้องวีร์ของแม่สิอดข้าวอดน้ำจนผอม ยิ่งตัวเล็กอยู่ด้วย คงหิวกันแล้วปะพ่อพาลูก ๆ ไปกินข้าวกัน”

ทั้งสองรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อกลับมาที่บ้าน กินข้าวพร้อมหน้าทุกคนในวันธรรมดา หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ปฐวีร์ก็เปลี่ยนความคิดหลายอย่าง ความตายไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดและมันน่ากลัวกว่าที่ฝันเห็นทุกคืน

            กินมื้อเย็นเสร็จทั้งสองขึ้นห้องพักผ่อน ปฐวีร์เล่าเรื่องที่เจอในโรงพยาบาลให้เทวาฟัง เทวาได้ฟังทั้งตกใจทั้งแปลกใจ ถึงว่าตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงพยาบาลปฐวีร์ถึงได้อารมณ์ดี ทั้งสองคุยกันจนพลอยหลับไป เทวาสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะมือไปถูกตัวคนข้าง ๆ เข้า เขาวางมือบนหน้าผาก แก้มซอกคอปฐวีร์

“ตัวร้อนชะมัด ทำไงดีวะ” เทวาลุกไปเคาะประตูเรียกแม่ให้มาดู

“น้องตัวร้อนมากเลย ไปหยิบยาพารากับน้ำเปล่ามา แล้วก็เอาน้ำใส่กะละมังกับผ้ามาเช็ดตัวด้วย” เทวารีบไปเอาน้ำกับยา ปลุกคนป่วยให้ตื่นมากินยา ปฐวีร์กินยาแล้วก็หลับไปอีก จากนั้นเทวาก็เช็ดตัวให้ไม่นานอุณหภูมิก็ค่อยลดลง

“ค่อยยังชั่วตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว” เทวารู้สึกโล่งอก คิดถึงว่าหลายวันผ่านอะไรมาบ้างก็พอจะเข้าใจ เขาออกกำลังกายเล่นกีฬาเป็นเรื่องปกติยังรู้สึกว่าเป็นวันเวลาที่ยากลำบาก แต่อีกฝ่ายแทบไม่ได้ออกกำลังกายเป็นธรรมดาที่จะป่วย เทวาคอยดูแลคนป่วยทั้งคืนแทบไม่ได้หลับ ทำให้ผล็อยหลับไปช่วงใกล้เช้า รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงคนเหมือนกำลังพูดอะไร ลืมตาขึ้นเห็นแม่กับคนงานกำลังคุยกันอยู่

“ตื่นแล้วเหรอลูก แม่เอาโจ๊กกับยามาให้น้อง”

“ครับ น้องเป็นไงบ้าง”

“กินโจ๊กไปได้สองสามคำ บ่นว่าเจ็บคอกลืนไม่ลง แม่เลยให้กินยาแล้วนอนต่อ นี่ก็เพิ่งหลับไป” เทวาขยับเข้าไปใกล้คนป่วยวางมือบนหน้าผากแก้มรู้สึกว่าตัวจะไม่ร้อนเท่าไหร่

“เราก็ไปกินข้าวได้แล้วเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน”

“ครับ”

วันหยุดสองวันปฐวีร์นอนป่วยอยู่บนเตียง ไม่ได้ไปไหน จะทำอะไรก็ไม่มีแรงปวดตัวปวดหัวไปหมด แถมยังเจ็บคอกินอะไรก็ไม่อร่อย แล้วยังตัวร้อนแต่กลับรู้สึกหนาวจนสั่น ยังดีที่เหงื่อออกทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างแต่ก็เหนียวตัวจนอยากอาบน้ำ เป็นอยู่อย่างนี้จนรู้สึกรำคาญตัวเอง ยังดีในช่วงสองวันมีเทวาเป็นคนคอยดูแล ทั้งป้อนข้าวป้อนยา เช็ดตัวให้ ปฐวีร์ลืมตาตื่นขึ้นมาทีไรก็เห็นเทวานั่งอยู่ข้างเตียงถ้าไม่นั่งเล่นเกม ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือก็นอนหลับ เห็นแล้วรู้สึกอุ่นใจ ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดก็มีคนที่คอยอยู่เคียงข้าง ไม่ไปไหนไกล เขามองคนกำลังหลับสบายอยู่ข้าง ๆ ลื่นมือไปกุมมือหนาไว้แล้วหลับตาลงพักผ่อนอีกครั้ง

******************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #97 เมื่อ25-11-2018 22:23:40 »

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #98 เมื่อ26-11-2018 01:44:42 »

ดีใจกับน้องวีร์ที่ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี

ออฟไลน์ kanyakorn24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #99 เมื่อ26-11-2018 02:17:37 »

ลุ้นทุกตอนเลยยย
ได้เวลาจัดการพวกทศพล คุณนายรอง กะลูกสาว :fire:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
« ตอบ #99 เมื่อ: 26-11-2018 02:17:37 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #100 เมื่อ26-11-2018 10:32:16 »

ทั้งเมีย ทั้งลูกสาว ทั้งพ่อตา เอาให้หนักเลยนะคุณปทีป

 :beat: :beat: :beat:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 34 [25/11/61]
«ตอบ #101 เมื่อ30-11-2018 22:04:05 »

 :fire: นังลูกสาวเธอเลวมากถึงกับฆ่าพ่อตัวเอง

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 35 [02/12/61]
«ตอบ #102 เมื่อ03-12-2018 08:29:53 »

 
ตอนที่ 35
[/size]

หลังจากนอนป่วยมาหลายวันทันทีที่ดีขึ้นปฐวีร์ก็ไปที่โรงพยาบาลแต่เช้า พบว่าปทีปกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ท่าทางเหมือนกำลังรอใครสักคนอยู่ ปฐวีร์วางของเยี่ยมบนโต๊ะ เดินไปนั่งข้างเตียง

“พ่อกินอะไรรึยังครับ” บรรยากาศของครอบครัวที่แตกต่างไปกว่าทุกครั้ง ไม่บ่อยที่เขาจะมีโอกาสคุยกับพ่อด้วยท่าทางสบายอย่างนี้ การสูญเสียแม่ตั้งแต่เด็กทำให้เขาไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับพ่อด้วยเหตุผลหลายอย่าง แต่นั่นเขาก็ไม่เคยโทษใคร ปทีปมองลูกชายที่เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในช่วงที่เขาไม่อยู่ด้วย มันเป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรกว่าอะไรทั้งนั้นเมื่อมีโอกาสให้ลูกชายเข้มแข็ง

“พ่อเรียบร้อยแล้ว เป็นไงบ้างกับข้าวบ้านผู้ชายที่ชื่อเทวานั่นอร่อยไหม”

ปฐวีร์เลิกคิ้วขึ้น เขารู้อยู่แล้วว่าต้องถูกถามเกี่ยวกับเทวา “อร่อยมากเลย ทุกคนก็ใจดีมาก”

“หึ” ปทีปทำเสียงขึ้นจมูก รู้สึกไม่ค่อยพอใจที่ลูกชายเห็นความสำคัญของคนอื่นมากกว่าตัวเอง ปฐวีร์เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายก็แทบขำ “พ่อไม่ว่าอะไรใช่ไหมที่วีร์คบกับพี่เทวา”

“อืม” ปทีปพยักหน้า ปฐวีร์รู้สึกแปลกใจสงสัยว่าทำไมมันถึงง่าย พ่อไม่คิดจะเป็นห่วงหรือขัดขวางหน่อยรึไง พยักหน้ายอมรับง่าย ๆ แบบนี้มันอะไรเหมือนเตรียมไว้แล้ว

“ถึงพ่อจะนอนสบายอยู่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้หูหนวกตาบอด มีไอ้หนุ่มที่ไม่รู้แอบเข้าห้องลูกชายก็ต้องให้คนสืบเป็นธรรมดา” ปฐวีร์รู้สึกเขินนิดหน่อย แววตาฉายความรู้สึกดีใจเมื่อรู้ว่าพ่อเป็นห่วงถึงขนาดให้คนไปสืบเรื่องของเทวา “ส่วนเรื่องทำไมไม่ห้ามให้วีร์คบกับไอ้หนุ่มนั่น” เขาหยุดพูดแล้วมองหน้าลูกชายที่มีหน้าตาคล้ายภรรยาที่จากไป “มันเกี่ยวกับเรื่องที่วีร์ฝันเห็นอนาคต” ปฐวีร์หุบยิ้มตัวแข็ง มองหน้าอีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ฟังผิดหรือหูฟาด “พ่อรู้”

“ใช่” เขาพยักหน้า “ลูกเหมือนแม่ แม่ก็ฝันเห็นอนาคตเหมือนกัน”

“หมายความว่าผมไม่ได้ประหลาด อย่างน้อยก็มีคนเหมือนผม”

“ใช่ แต่หลังจากคลอดลูกได้ไม่นานความฝันของแม่ก็หายไป พ่อกับแม่คิดว่ามันคงถ่ายทอดมาถึงลูก เพราะตอนเด็กลูกชอบพูดว่าฝันเห็นนั่นเห็นนี่เรื่อย พวกเรากังวลอยู่บ้างแต่หลังจากที่แม่เสียลูกก็ไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย”

“ผมจำไม่ได้ แต่ตอนที่ฝันเห็นพวกมันครั้งแรกผมเห็นว่าตัวเองต้องตายยังไง และเห็นแม่”

ปทีปพยักหน้ารับรู้ “เพราะเห็นอนาคตแม่ถึงได้ให้พ่อแต่งคุณนายรองเข้ามา เพื่อยุติความรักจะเปลี่ยนเป็นความแค้น และเพื่อช่วยตระกูล ต่อมาแต่งงานคุณนายสามเข้ามาเพื่อทดแทนบุญคุณ “ ปฐวีร์เพิ่งเข้าใจสาเหตุที่พ่อทำไมถึงแต่งทั้งสองคนเข้ามา

“หลักจากที่แม่คลอดลูกได้ไม่นานก็มองเห็นอนาคตของลูก และบอกว่าลูกจะมีคนรักเป็นผู้ชาย พ่อถึงได้ทำใจตั้งแต่นั้น”

ปฐวีร์พยักหน้าเข้าใจ เรื่องหลายเรื่องบนโลกนี้ไม่สามารถอธิบายหรือคำตอบได้ ไม่รู้ว่าการที่เห็นอนาคตเป็นพรหรือคำสาปที่ส่งต่อไปเรื่อยกันแน่ บางคนที่ต้องเห็นตัวเองต้องตายอาจกลัวกังวลหรือเป็นบ้าไปเลยก็ได้ แต่สำหรับปฐวีร์มันทำให้เขาอยากเอาชนะ ต่อสู้กับมัน เป็นอีกเรื่องที่ท้าทายเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึงขึ้นอยู่กับเราเลือกที่จะยอมรับมันหรือเปลี่ยนมันด้วยมือของเราเอง ปฐวีร์ถามเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น หน้าปทีปหม่นลงถึงจะเป็นเพราะทศพลหลอกให้พิมพ์รตาให้ทำอย่างนั้น แต่ก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง และก็เลือกที่ลืมมันไปทำเหมือนไม่มีเกิดขึ้น ปฐวีร์เข้าใจ ไขทุกข้อสงสัยที่ค้างใจแม้จะไม่ทั้งหมด อย่างทำไมต้องเป็นเขา ทำไมไม่ใช่คนอื่น แน่นอนเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องอยากที่ใครจะตอบคำถามได้ ก็คงพอ ๆ กับทำไมคนสองคนถึงมารักกันได้ทั้งที่มีคนตั้งมากมายบนโลกใบนี้ ปฐวีร์รีบกลับไปที่สุรัตนธรรมฯเพราะทศพลและพวกยังไม่ถูกจับ ตอนนี้ชีวิตพวกเขายังไม่ปลอดภัย

            และเหมือนเวรกรรมจะมีจริงในวันเดียวกันนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่ถือหมายจับเข้าจับกุมทศพลและพวก ทศพลที่นั่งดีใจหลังจากรู้ว่าหลานสาวได้ลงมือทำตามที่วางไว้แล้วเรียบร้อย เขากำลังจะดำเนินแผนต่อจากนั้น ใครจะไปรู้อยู่ ๆ ก็มีตำรวจแห่เข้ามาที่บ้านพร้อมหมายจับ เขาไม่เวลาเตรียมตัวและไม่สามารถขัดขืน และให้คนรีบติดต่อคุณนายรองเพื่อช่วยเหลือ ทศพลถูกจับตัวไปที่โรงพักเขาไม่เปิดปากพูดอะไรทั้งนั้นเขาใช้สิทธิ์ขอทนาย แต่จนแล้วจนรอดทนายมือดีก็ไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ ทรัพย์สินที่มีหลายอย่างก็ไม่สามารถช่วยประกันตัว เมื่อรู้ว่าต้องนอนอยู่ในคุกเขาก็กระวนกระวายใจ จนคุณนายรองโผล่มาที่โรงพัก เธอพยายามหาทางช่วยเหลือทศพล ติดต่อคนรู้จัก ติดต่อญาติขอความช่วยเหลือแต่ทุกคนก็ปฏิเสธ บางคนตัดสายทิ้งก่อนที่จะพูดจบด้วยซ้ำ ขณะเดียวกันพลพัฒน์ที่หายไปหลายวันก็โผล่มาที่โรงพัก

“พลลูก พลช่วยคุณตาด้วยลูก”

“คุณแม่ที่ผมมาวันนี้ไม่ได้มาช่วยคนคนนี้ แต่ผมจะมาแจ้งให้ตำรวจจับข้อความพยายามฆ่า”

“นี่ นี่ ลูกพูดอะไรฆ่าอะไร ฆ่าใคร”

“คุณแม่รู้ไหมครับที่ผมหายไปหลายวันนี่เพราะใคร” พลพัฒน์เดินเข้าไปใกล้ทศพลที่เริ่มกังวล “คนคนนี้พยายามจะฆ่าผม คุณตำรวจจับเขาได้เลย ส่วนนี่คือหลักฐาน” เขาส่งหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกอย่างเหมือนบังเอิญแต่ที่จริงทนายเรืองโรจน์ติดต่อให้พลพัฒน์ให้เข้าแจ้งความและให้เขามอบหลักฐานทุกอย่างให้ตำรวจ เมื่อทศพลถูกมัดด้วยหลักฐานก็ไม่มีทางหลบหนีได้ เหมือนเสียงฟ้าผ่าลงมากลางวันแสก ๆ คุณนายรองแทบยืนไม่ไหวต้องทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าผู้ให้กำเนิดมีจิตใจชั่วร้ายขนาดที่คิดจะฆ่าลูกของเธอ เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัดสินใจหันหลังเดินออกจากที่นั่น ไม่ฟังเสียงตะโกนเรียกของทศพลให้กลับไปช่วย จากเสียงอ้อนวอน จนกลายเป็นเกรี้ยวกราด ด่าทอตามหลังมา เธอรู้สึกเจ็บปวดใจเรื่องที่พิมพ์รตาทำเรื่องแย่ ๆ นั่นก็ทำร้ายจิตใจมากพอแล้ว แล้วยังต้องมาเจอเรื่องนี้อีกเธอรับไม่ไหวแทบไม่อยากเชื่อผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายแสนใจดี อบอุ่น ไม่รู้ผีห่าซาตานตนไหนมาสิงทำให้ผู้ชายแสนดีคนนั้นหายไป

จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็มีข่าวทศพลและพวกถูกจับทำให้หลายคนตกใจ โดยเฉพาะปฐวีร์ไม่นึกว่าทนายเรืองโรจน์จะสามารถจัดการทุกอย่างได้รวดเร็วทันใจอย่างนี้ พิมพ์รตานั่งดูข่าวอย่างอกสั่นขวัญแขวน รู้สึกกังวลในสิ่งที่ทำลงไป ข่าวที่ออกมาเล่นเอาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหนาว ๆ ร้อน ๆ พวกเขาโทรหากันว่าข่าวที่ออกมาเป็นความจริงรึเปล่า ใช้เวลาตรวจสอบไม่นานพวกเขาก็พร้อมเตรียมตัวออกเดินทางพักผ่อนต่างประเทศ แต่ใครจะไปคิดว่านั่นเป็นแผนที่ทนายเรืองโรจน์ต้องการให้คนพวกนั้นเคลื่อนไหว และมันก็ได้ผลเจ้าหน้าที่ดักรอพวกอยู่หน้าประตูรั้วอยู่แล้ว พวกเขาคิดว่าสามารถหนีรอดได้แล้ว จะได้ไปกินนั่งนอนสบายที่ต่างประเทศ แต่ใครจะไปคิดว่ากลับต้องไปนั่งถูกสอบปากคำอยู่ในโรงพัก

            ข่าวการฉ้อโกง ยักยอกเงินและพยายามฆ่าทายาทเจ้าของ Ago Group เป็นข่าวที่ทุกคนต่างให้ความสนใจ เมื่อประชาชนสนใจแน่นอนว่าคดีต้องดำเนินการเข้มงวด ละเอียดรอบคอบและรวดเร็ว รายชื่อผู้เกี่ยวข้องต่างตบเท้าเข้ารายงานตัวให้ปากคำ ผ่านไปสัปดาห์กว่าข่าวค่อยซาลงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เอกสารหลักฐานเพียงพอ ต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของศาล ปฐวีร์ พลพัฒน์เทียวไปให้การที่ศาลระหว่างนั้นก็ได้การคุ้มครองพยานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เดือนแรกของปีผ่านไปมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น ล่วงเลยเข้าเดือนแห่งความรัก ความรักของปฐวีร์และเทวาค่อย ๆ เติบโตแต่แข็งแรง ปลายเดือนแห่งความรักก็มีข่าวใหญ่เมื่อหนังสือพิมพ์ธุรกิจชื่อดังกลับพาดหัวข่าว ข่าวการหายป่วยปทีปประธานบริษัท Ago Group อย่างปฏิหาริย์ เล่นเอาใครหลายคนแทบไม่เชื่อ แต่ก็มีหลายคนดีใจที่ Ago Group จะกลับมาเหมือนเดิม เป็นช่วงฟ้าหลังฝน หลายคนเชื่ออย่างนั้น

ปฐวีร์และเทวาสามารถกลับไปเรียนตามปกติได้ เขาหวังว่าครั้งนี้คงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องหยุดเรียนอีกแล้วนะ เพื่อน ๆ เห็นปฐวีร์กลับมาเรียนได้ก็โล่งอก

หลังจากข่าวการหายป่วยได้ไม่กี่วันปทีปก็กลับบ้าน เขาลงจากรถกวาดสายตามองทุกคนออกมายืนต้อนรับ บนใบหน้าคุณนายรองมีทั้งร่องรอยดีใจและรู้สึกเสียใจ พิมพ์รตายืนนิ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น ในเมื่อคนที่รู้มีแค่ เธอ แม่และทศพล ทศพลก็อยู่ในคุกไม่ทางพูดเรื่องนี้แน่นอน ความผิดแค่นั้นไม่รู้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในนั้นกี่ปี บางทีอาจจะไม่มีทางได้ออกมาก็ได้ใครจะไปรู้ ส่วนแม่ของเธอแน่นอนว่าไม่มีทางหักหลังเธอ แล้วทำไมต้องใส่ใจสู้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีกว่า ปทีปยิ้มและขอบใจทุกคนที่ออกมาต้อนรับ กลับมาถึงบ้านจิตใจเขาก็รู้สึกปลอดปล่องขึ้นมาก ทนนอนนิ่งอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ทุกคนเดินตามหลังปทีปเข้าไปในบ้าน บรรยากาศตอนนี้เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ปทีปหายดี คุณนายรองและคุณสามก็มีความคิดหลายอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะคุณนายสามที่มีเรื่องที่ทำให้เธอตกใจเมื่อเธอรู้ว่ารสนิยมทางเพศของคชาธรณ์ ทำให้เธอเข้าวัดใช้ธรรมมาเยียวยาจิตใจและพยายามเข้าใจลูกชายให้มากขึ้น บางครั้งเธอชวนคณิตตาร์ไปด้วย หลายที่เธอสังเกตเห็นลูกสาวแปลกไปแต่หลังจากนั้นคณิตตาร์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เธอใจเย็นมากขึ้น ใช้สติ ควบคุมอารมณ์

บ้านค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบ้านมากขึ้น ปทีปพักผ่อนอยู่สองสามวัน วันที่สี่ธีรณัฑศ์ก็มาตามกลับไปทำงาน เพราะมีเรื่องสำคัญชายหนุ่มไม่สามารถตัดสินใจได้ ช่วงที่ปทีปอยู่บ้านปฐวีร์ก็กลับบ้านทุกวัน เทวาแอบเหงาอยู่บ้าง ตอนนี้ปทีป ปฐวีร์ พลพัฒน์และธีรณัฑศ์นั่งคุยกันที่ศาลาในสวน

“ตอนนี้คดีคืบหน้าไปมาก อีกนานทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ในบริษัทตอนนี้ค่อนข้างวุ่นวาย รอให้คุณลุงเข้าจัดการ” ปทีปได้ยินแล้วคิ้วกระตุก ไอ้เด็กนี่กำลังกดดันให้เขากลับไปทำงานทั้งที่เขาอยากวางมือใช้ชีวิตสบาย ๆ

ภายในบริษัทหลายอย่างเปลี่ยนไป พลพัฒน์ก็รู้สึกปวดหัวเหมือนกันเมื่อต้องเพิ่มความรับผิดชอบที่มากขึ้น “น้องวีร์สนใจกลับไปช่วยงานที่บริษัทอีกไหม” ปฐวีร์นั่งฟังเงียบถูกถามขึ้นมา ทำหน้าไม่พอใจใส่ธีรณัฑศ์ ทำให้ธีรณัฑศ์อดยิ้มกับท่าทางอีกฝ่ายไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ในสายตาปทีป ทำให้เขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วรีบไล่ธีรณัฑศ์กลับ

***********************************
โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #103 เมื่อ03-12-2018 08:32:34 »

ตอนที่ 36
[/size]

เดือนที่สองผ่านไปเวลาของวันรับปริญญามาถึงรุ่นพี่ที่จบไปแล้วกลับมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยหนึ่งปีนั้นได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง ปฐวีร์ก็มีโอกาสได้เจอกับรุ่นพี่ที่จบออกไปได้ถ่ายรูปแสดงความยินดี และตอนกลางคืนมีเลี้ยงสายรหัส เขาและสายรหัสได้รวบรวมเงินเพื่อซื้อขวัญยินดีให้รุ่นพี่ เป็นอีกคืนที่ได้เมาและเป็นเทวามารับ

ช่วงเวลาแห่งการยินดีกับบัณฑิตใหม่ได้ผ่านไป ต่อจากนั้นช่วงเวลาสอบก็มาถึงจะมาถึง นักศึกษาปีสุดท้ายหลายคนมีความคิดในปีหน้าที่พวกเขากลับมาจะต้องพูดกับรุ่นน้องได้เต็มปากว่าทำงานตำแหน่งอะไร ที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ หลายคนเริ่มมองหาอนาคตว่าจะทำอะไรต่อไป บางคนพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่วัยทำงาน บางคนเลือกที่จะเรียนต่อเพราะคิดว่าความรู้ที่ร่ำเรียนตลอดสี่ปียังไม่เพียงพอ บางคนต่อยอดสืบทอดกิจการงานของครอบครัว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร

โชคดีที่ผ่านมาปฐวีร์ทำคะแนนค่อนข้างดี จึงไม่ได้กดดันอะไรมากมาย แต่ก็ต้องทรมานอ่านหนังสืออยู่ดี อ่านหนังสือบ้าง เล่นเกมบ้าง ดูการ์ตูนบ้าง จนมาถึงวันสอบวันแรก เขาใช้เวลาทำข้อสอบไม่นานคิดว่าอย่างนั้นแต่ออกมาจากห้องสอบก็เห็นเพื่อนออกมากันครบแล้ว อะไรจะทำข้อสอบเร็วขนาดนั้น อ่านคำถามกันรึเปล่าหรือนั่งลงแล้วฝนกระดาษอย่างเดียว คุยกันพอหายคิดถึงทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปอ่านหนังสือสอบวันพรุ่งนี้ ปฐวีร์โบกมาลาทุกคนแล้วหยิบโทรศัพท์นั่งรอเทวา เล่นเกมตัวต่อผ่านไปสองด่าน กินขนมหมดไปหนึ่งถุง เทวาก็เดินใต้ตาคล้ำมานั่งข้าง ๆ “กลับกัน”

“อืม“ ปฐวีร์รีบเก็บของ ยัดลงกระเป๋า “เป็นไงบ้างทำข้อสอบได้เปล่า” ทั้งสองเดินไปด้วยกันคุยโน่นคุยนี่ไปด้วยมีหัวเราะ หยอกล้อกันบ้าง เป็นภาพที่ใครหลายคนเคยเห็น แต่ไม่เคยชินจนต้องหันกลับไปมอง

ช่วงนี้รถเทวาซ่อมยังไม่เสร็จทั้งสองจึงได้เพิ่งรถไฟฟ้า จะซื้อคันใหม่ก็รู้สึกเสียดายคันเก่าเพราะเพิ่งได้มาไม่นานและก็เพราะมันทั้งสองถึงได้รอดมาได้ เดินจากหน้ามหาวิทยาลัยไปหนึ่งไฟแดงก็ถึงสถานีรถไฟฟ้า สถานีนี้มีนักเรียนนักศึกษาและคนทั่วไปใช้บริการเยอะพอสมควร แต่ช่วงนี้มีหลายโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอยู่ในช่วงสอบทำให้ดูโล่งกว่าปกติ เสียงสัญญาณเตือนและเสียงรถไฟกำลังใกล้มาถึงทำให้ทุกคนเตรียมพร้อม จอดรับผู้โดยสารไม่นานรถไฟก็เคลื่อนขบวนต่อ นอนดึกใช้สมองแถมยังมาเจออากาศเย็นสบายทำให้ปฐวีร์อาศัยไหล่เทวาเพื่อพักผ่อนสายตา เทวายิ้มบาง ๆ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งสวมชุดมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ไม่รู้คณะไหนมองมาที่พวกเขา พวกเธอเห็นสายตาเทวามองมาก็ยิ้มให้ แล้วหันไปพูดกันเบา ๆ “เธอดูนั่น ดูผู้ชายสองคนนั้น น่ารักชะมัด ซบไหล่กันด้วย”

“พวกเขาเป็นแฟนกันรึเปล่า”

“น่าจะใช่ แต่คนที่กำลังหลับน่ารัก ต้องเป็นรับแน่นอนเลย”

“ใช่ ตัวเล็ก ผอมบาง ขาว ท่าทางน่ารังแกมาก” กลุ่มสาว ๆ พูดคุยกันสนุกหันมาอีกทีเทวาก็จูงมือปฐวีร์ลงจากรถไฟฟ้าไปแล้ว สาว ๆ ทำหน้าเสียดายไม่ได้ดูคนน่ารักหนอนหลับเลย ระหว่างเดินกลับห้อง  เทวาคิดถึงคำพูดสาว ๆ ที่พูดกันในรถไฟฟ้าพวกเธอคงไม่รู้ว่าเขาได้ยินทำให้เขายิ้มกับความคิดพวกเธอ

            ก่อนกลับเข้าห้องทั้งสองแวะร้านสะดวกซื้อเหมือนทุกวัน “ขนมนี่อร่อยซื้อไปอีกถุง”

“นมรสนี้เพิ่งออกใหม่ไอ้ยุทธมันเอามาลองกินอร่อย ลองดูไหม”

“อือ”

“คืนนี้อ่านหนังสืออีกไหม มีสอบอีกวันไหน”

“สอบพรุ่งนี้บ่าย พี่ล่ะ”

“เหมือนกัน ซื้ออันนี้ไปกินบำรุงสมอง เพื่อจะได้ฉลาดจนไม่ต้องอ่านหนังสือ”

“งั้น เหมาทั้งชั้นเลย เผื่อกินแล้วจะได้ไม่ต้องอ่านหนังสือ” พนักงานได้ยินทั้งสองคุยกันก็แอบยิ้ม พนักงานสาวแอบสะกิดเพื่อนให้มองทั้งคู่ “นั่นไงแก สองคนนั้นไงเป็นแฟนกันน่ารักไหม”

“แกรู้ได้ไง”

“ก็เห็นพวกเขามาสักพักใหญ่แล้ว นี่พวกเขาพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมใหญ่ ๆ นั่น ยัยหมวยร้านข้าวมันไก่ก็ยืนยันว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน”

“ถึงว่าเขาไม่สนใจฉันเลย” เธอมองไปที่เทวาด้วยสายตาเสียดาย เพื่อนร่วมงานมองเธอตั้งหัวจรดเท้าแล้วพูดว่า “ถ้าเป็นเขาฉันก็ไม่เอาเธอเหมือนกัน" หญิงสาวหันขวับมามองเพื่อนด้วยตารู้สึกเคือง

ทั้งสองออกจากร้านสะดวกซื้อแวะซื้อกับข้าว ปฐวีร์ขอบคุณเทวาที่มาส่ง เขาโยนกระเป๋าไว้บนโซฟา วางของไว้บนโต๊ะแล้วเข้าห้องอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วปีนขึ้นเตียง เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาไม่หลงเหลือพลังอยู่เลย เขาต้องการพักผ่อนชาร์ตพลัง

            สอบวันที่สองผ่านไปอย่างราบรื่น สอบวันที่สามผ่านไป จนมาถึงวันสุดท้าย ปฐวีร์วางปากกาส่งข้อสอบ แล้วเดินออกจากห้องไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่หน้าห้อง สอบวิชาสุดท้ายเสร็จสีหน้าทุกคนดูสดชื่นแจ่มใสขึ้นมาก ทุกคนต่างคุยกันว่าจะไปเลี้ยงฉลองกัน เพราะปิดเทอมแล้วคงหาโอกาสเจอกันยากขึ้น วจีบอกปฐวีร์ให้ชวนเทวากับเพื่อนไปด้วย ไปหลายคนสนุก ปฐวีร์เห็นด้วย เขาส่งข้อความไปถามอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าตกลง เขาส่งข้อความไปชวนภฤดล กฤติกรณ์และนภาภรณ์ ทั้งสามก็ตอบตกลง

            สองทุ่มเป็นเวลานัด ที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง ทุกคนมาพร้อมกันช่วยกันสั่งอาหารเครื่องดื่ม ได้กลับไปหลับสักสองสามชั่วโมงพลังงานก็กลับคืนมาพร้อมกินพร้อมดื่มพร้อมสนุกให้เต็มที่ พวกเขาถือเป็นรางวัลสำหรับการทุ่มเทกับการอ่านหนังสือสอบในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ในร้านบรรยากาศค่อนข้างคึกคักไปด้วยผู้คนที่ออกมาดื่มพร้อมเพื่อนฝูง เหมือนกันกับพิมพ์รตา เธอมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนสนิท เธอสอบเสร็จไปแล้วเมื่อสามวันก่อน คืนนี้เลยถูกเพื่อนโทรตามออกมาสนุกใครจะไปรู้เมื่อเธอมาถึงก็เจอคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด ยิ่งเห็นรอยยิ้มเทวายิ้มให้ปฐวีร์ เธอก็รู้สึกหมั่นไส้ เธอไม่เข้าใจว่าเธอสู้ปฐวีร์ไม่ได้ตรงไหน เธอกำลังจ้องมองปฐวีร์กับกลุ่มเพื่อนขณะเดียวกันก็มีคนจ้องมองมาที่เธอเหมือนกัน

“พี่แผนเราจะสำเร็จไหม นี่มันใกล้ถึงกำหนดต้องจ่ายเงินแล้วด้วย”

“สำเร็จสิเชื่อมือพี่โจ้คนนี้ได้เลย นั่นผู้ชายที่นั่งโต๊ะนั้นพี่ชายแกรึเปล่า” พีรพลธ์ชะโงกหน้ามองตามนิ้วชายหนุ่มที่ชี้ไป “ใช่ นั่นพี่วีร์”

“ได้เจอกันอีกแล้วท่าทางจะเป็นเนื้อคู่”

“เอ่อ พี่โจ้นั่นผู้ชายนะครับ” เขาเตือนอีกฝ่ายอีกครั้งกลัวว่าดื่มเยอะและตาลาย “ฉันรู้น่า พูดมากจริงแก เดี๋ยวก็ไม่ช่วยใช้หนี้เลยนิ”

“โทษทีพี่ แฮะ แฮะ” เขารีบหัวเราะกลบเกลื่อนเลิกพูดถึงปฐวีร์อีก

ปฐวีร์นั่งจิ๊บเครื่องดื่มฟังคนอื่นคุยกัน อยู่ ๆ ก็สึกเสียงสันหลังวาบเขาหันหลังกลับไปมอง กวาดสายตามองรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีเห็นว่ามีใครกำลังมองมาที่เขา หรือจะคิดไปเอง คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

            ผ่านไปสักพักคนเข้ามาในร้านเยอะขึ้น เครื่องดื่มหลายดีกรีบนโต๊ะหมดไปหลายขวด ปฐวีร์เพิ่งหมดขวดแรก แก้มเริ่มแดงแต่ยังไม่มีอาการเมาให้เห็น ยุทธจักรและตติวัฒน์ก็ถูกสาว ๆ ชวนไปนั่งด้วย วจีกับน้ำขิงออกไปสนุกโดยมีกายและพีรพัฒน์ไปเป็นเพื่อน ที่เหลือก็นั่งคุยกันขยับโยกไปตามเสียงเพลงบ้าง

            พิมพ์รตากำลังสนุกกับเพื่อน แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ เธอวางแก้วเครื่องดื่มอย่างแรงจนน้ำกระฉอกออกมา เพื่อนของเธอต่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น “พิมพ์เป็นอะไรเปล่า”

“อารมณ์ไม่ดี พอดีเห็นพวกวิปริตแล้วรู้สึกขยะแขยง” ทุกคนไม่เข้าที่พิมพ์รตาพูด และไม่รู้เธอต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่ “ถ้ามีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่ดีก็แค่กำจัดมันก็สิ้นเรื่อง” หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น พิมพ์รตาอารม์ดีขึ้นเมื่อได้ฟังคำแนะนำ บางทีเธอน่าจะอาศัยช่วงเวลานี้ ทำอะไรสักอย่าง เธอหยิบกระเป๋าถือใบเล็กเปิดมันออกค้นหาอะไรสักอย่าง แล้วเธอก็เจอสิ่งที่ต้องการ เธอหยิบมันขึ้นมา เทผงสีขาวลงในแก้วเครื่องดื่มที่เด็กเสิร์ฟเพิ่งนำมาเสิร์ฟ ทุกคนมองพิมพ์รตาด้วยสายตาสงสัยว่ากำลังจะทำอะไร และใครคือเป้าหมายที่น่าสงสารคนนั้น เมื่อผงสีขาวละลายหมดแล้วเธอเรียกพนักงานเสิร์ฟให้เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟ เธอกระซิบบอกอะไรสองสามคำพร้อมกับยัดเงินแบงก์หนึ่งใส่มือพนักงานให้ไปด้วย เด็กเสิร์ฟเห็นแบงก์สีเทาก็ตาโตรีบรับเครื่องไปเสิร์ฟทันที โจ้คอยมองการกระทำของพิมพ์รตาก็อดหัวเราะไม่ได้

”พี่สาวแกนี่ร้ายเหมือนที่บอกจริง ๆ”

“เชื่อผมยัง”

“ผู้ชายคนนั้นคงเป็นแฟนคนที่ชื่อวีร์”

“อืม เหมือนจะใช่เคยได้ยินพี่พิมพ์แกโวยวายอยู่ว่า พี่วีร์แย่งแฟนเธอไป แต่ผมว่าไม่น่าใช่”

“ถ้าฉันเป็นผู้ชายคนนั้นก็เอาพี่สาวแกหรอก”

“แล้วแก้วนั่นจะเอาไปให้ใคร”

“อยากรู้เป็นอะไรถามเด็กเสิร์ฟก็รู้” โจ้กวักมือเรียกเด็กเสิร์ฟที่กำลังถือเครื่องตรงไปที่โต๊ะปฐวีร์ “ผู้หญิงคนนั้นให้แกทำอะไร” เด็กเสิร์ฟเล่าทุกอย่างที่รู้ให้โจ้ฟัง เขาหันหน้าไปยิ้มพีรพลธ์ ตอนแรกเขากังวลอยู่บ้างว่าทำแบบนี้แล้วมันออกไม่ยุติธรรมกับหญิงสาวเท่าไหร่แต่พอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายขนาดไหนเขาไม่เสียใจที่จะช่วยพีรพลธ์ แต่กลับรู้สึกเสียดายที่ปฐวีร์มีแฟนแล้ว

อีกมุมคนที่นั่งมองพิมพ์รตาแทบไม่กะพริบตา ก็ถูกเพื่อนสะกิด “เฮ้ย ถ้าไม่บอกว่าแกชอบผู้ชายฉันคงนึกว่าแกเปลี่ยนรสนิยมแล้ว”

“ใช่ แล้วนั่นแกให้เด็กเสิร์ฟเอาอะไรไปให้ยัยนั่นวะ”

“เดี๋ยวก็รู้” คชาธรณ์ยิ้มมุมปาก เขาแทบจะรอให้พิมพ์รตาดื่มเครื่องดื่มนั่นไม่ไหว เป็นเพราะพิมพ์รตาที่เอาเรื่องรสนิยมทางเพศของเขาไปบอกแม่ ทำให้แม่ต้องตกใจและเสียใจ ถึงแม่จะไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็อยากที่จะเป็นคนบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเองไม่ใช่ให้พิมพ์รตาเอารูปที่เขากำลังจูบกับผู้ชายไปให้แม่ดู

            เวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว นักท่องราตรีกลับไม่มีท่าทีจะยอมแพ้ หลายคนยังสนุกกับเสียงเพลงและเครื่องดื่ม แต่ก็มีหลายคนยอมที่ยอมแพ้ถูกเพื่อนแบกกลับไปแล้วก็หลายคน “ ไปห้องน้ำเดียวมานะครับ”

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง” ปฐวีร์เดินเซนิด ๆ ไปที่ห้องน้ำ ระหว่างทางเห็นหลายคนออกมาสูบบุหรี่ หนุ่มสาวออกมาสานสัมพันธ์กัน เขาไม่สนใจเดินผ่านตรงไปที่ห้องน้ำ เข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยออกมาล้างมือล้างหน้า รู้สึกสดชื่น เงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง เขาไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นยิ้มให้เขาหรือใคร แต่เท่าที่จำได้เขาไม่มีเพื่อนหน้าตาแบบนี้

“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว” โจ้เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ปฐวีร์กำลังทบทวนความคิดว่าเขาเคยเจออีกฝ่ายที่ไหน เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้สมองประมวลผลช้าลง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “แล้วเจอกันใหม่กันนะครับ” โจ้กระซิบเบา ๆ ข้างหูเล็ก ปลายจมูกเฉียดแก้มใสเล็กน้อย แล้วเดินยิ้มออกจากห้องน้ำ พีรพลธ์เห็นโจ้กลับมาจากห้องน้ำพร้อมรอยยิ้มอดถามไม่ได้

“เป็นไรพี่ ไปเจออะไรเด็ด ๆ มา”

“พอดีเจอเนื้อคู่มา คนอะไรตอนเมาน่ารักเป็นบ้า ตัวยังหอมอีก” กลิ่นน้ำหอมยังติดที่ปลายจมูกอยู่เลย พีรพลธ์พอจะเดาออกว่าใครเป็นเนื้อคู่ของโจ้ “พี่แล้วเอาไงต่อ” โจ้มองไปที่พิมพ์รตาที่เมาไม่ได้สติ “พาขึ้นไปข้างบนทำตามแผน” เด็กเสิร์ฟพาพิมพ์รตาขึ้นไปชั้นบน ปล่อยเธอให้นอนเตียง แล้วคนที่เมาก็ครางออกมาเบา ๆ ทุกคนต่างมองหน้ากันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“เฮ้ย พี่ทำไมมันเป็นยังงี้ มันไม่ใช่ยานอนหลับเหรอ”

“ใครจะไปรู้วะ พี่แกดื่มอะไรเข้าไปบ้าง”

“แล้วไงต่อ” คนบนเตียงครางเบา ๆ แล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร คนที่พีรพลธ์ไม่อยากเจอที่สุดก็โผล่เข้ามาในห้อง “พวกแกทำอะไรกันที่ร้านฉันวะไอ้โจ้”

“สวัสดีครับ” พีรพลธ์ทักทายคนที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วขยับไปด้านหลังโจ้

“สวัสดีเฮีย เอ่อ พอดีผมกำลังช่วยน้องคิดวิธีหาเงินใช้หนี้เฮียอยู่ครับ”

“โอ้ ไอ้พีเป็นลูกหนี้ที่ดีมาก อีกไม่กี่วันก็จะถึงแล้วนี่นา แล้วนั่นผู้หญิงที่อยู่บนเตียงนั่นใครวะ หน้าตาสวยใช้ได้เลย”

“เอ่อ” พีรพลธ์ไม่รู้จะพูดยังไง โจ้มองไปที่คนนอนเตียงสลับกับเฮีย เขาคิดอะไรดี ๆ ออกแล้ว “นี่ไงครับวิธีใช้หนี้” โจ้พูดโพล่งออก พีรพลธ์หันขวับไปมองทันทีที่ตกลงกันมันไม่ใช่อย่างนี้นี่

“อ้อ เป็นวิธีที่ดีทีเดียว งั้นเฮียจะยกหนี้ทั้งหมดเลยแล้วกัน ดีไหมไอ้พี” พีรพลธ์ยังจับต้นปลายไม่ถูก ไม่รู้ควรจะตัดสินใจอย่างไหนดี ทางหนึ่งก็พี่สาว ทางหนึ่งก็ชีวิตตัวเอง โจ้รีบสะกิดเตือนให้รับปากก่อนที่เฮียจะเปลี่ยนใจ “ค ครับ”

โจ้รีบลากพีรพลธ์ออกมาจากห้องพูดปลอบใจไปหลายคำ “เป็นเมียเฮียดีกว่าไปเป็นเมียไอ้หน้าไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างหนี้แกก็หมดแล้ว” เขาตบบ่าอีกฝ่ายให้ทำใจ พีรพลธ์พยักหน้าเข้าใจเดินคอตกตามโจ้ออกจากร้านไป

            ดึกมาแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับเทวาและปฐวีร์โบกรถแท็กซี่กลับ ถึงห้องก็เกือบตีสอง ทั้งสองแยกย้ายกับห้อง ปฐวีร์อาบน้ำเรียบร้อยกำลังจะปิดไฟนอน ออดหน้าห้องก็ดังขึ้น เปิดประตูออกไปเห็นเทวาอาบน้ำเรียบร้อยเปลี่ยนชุดใหม่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง “คืนนี้นอนด้วยนะ ดึกแล้วพ่อไม่รู้หรอก” ตั้งแต่ที่ปฐวีร์เล่าเรื่องที่พ่อรู้ว่าเทวาแอบเข้าห้อง เทวาก็ไม่ได้มานอนที่ห้องนี้อีกเลย เขากลัวผู้ใหญ่ไม่พอใจและห้ามให้พวกเขาคบกัน แต่คืนนี้เขารู้สึกอดใจไม่ไหวอยากนอนกอดแฟน “อืม เข้ามาเถอะ” ปฐวีร์อยากหัวเราะท่าทางจริงจังของอีกฝ่ายที่กลัวพ่อจะรู้เรื่อง

            ไฟในห้องนอนดับลงปฐวีร์นอนตะแคงหันไปอีกด้าน เทวาเขยิบเข้าไปใกล้เลื่อนมือไปกอดเอวอีกฝ่ายไว้ จมูกก็กดลงซอกคอ สักพักส่วนนั้นก็ตื่นตัวขึ้นมา

“อืม ไอ้นั่นมันทิ่มก้นผม” ปฐวีร์พลิกตัวกลับมามองหน้าอีกฝ่ายในความมืด “ไม่ได้ทำเลยเหรอช่วงนี้” เทวากอดคนตัวเล็กเลื่อนมือข้างไปในเสื้อลูบแผ่นหลังเนียน

“ใช่” ฟังเสียงอีกฝ่ายก็รู้ว่ากำลังทรมาน “ช่วยพี่หน่อยสิ ที่รัก” เขากำลังเชิญชวนและหลอกล่อคนในอ้อมกอด ปฐวีร์ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธมือก็ถูกดึงไปสัมผัสส่วนที่ตื่นตัวซะแล้ว คนถูกสัมผัสครางออกมาเบา ๆ ในลำคอบอกให้รู้ว่าเขารู้สึกดี ปฐวีร์รู้สึกอายจนหน้าแดงแต่โชคดีที่ตอนนี้ในห้องมืดมองไม่เห็น

“ขยับมันสิ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ปฐวีร์เริ่มขยับมือขึ้นลงช้า ๆ เป็นจังหวะ “ดีมากที่รัก” เทวาบอกให้รู้ว่าเขาพอใจ จากนั้นเขาทาบริมฝีปากลงริมฝีปากบาง เขาดูดเม้มเลียมันแล้วล่วงล้ำเข้าไปข้างในทักทายลิ้นเล็กดูดกลืนมันอย่านุ่มนวล อุณหภูมิรอบ ๆ ตัวทั้งสองสูงขึ้น เสียงหอบหายใจดังขึ้น เทวาเลื่อนริมฝีปากสัมผัสกับแก้มนุ่ม ใบหู และซอกคอ เขาวนเวียนอยู่ตรงนั้นทั้งดูเม้มมันจนปฐวีร์สั่นเพราะถูกกระตุ้น ริมฝีปากหนาโค้งขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาเลื่อนมือไปสัมผัสตุ่มไตเล็ก ๆ ที่กำลังตื่นตัว เขาใช้ปลายนิ้วสะกิดทักทายมันเบา ๆ จนได้ยินเสียงครางออกมา ทุกปฏิกิริยาตอบสนองทำให้เทวารู้สึกดี เขาเปลี่ยนเป็นขึ้นคร่อมคนตัวเล็กใช้มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกางเกงผ้า ให้ส่วนตื่นตัวทั้งสองได้สัมผัสแนบชิดกัน ปฐวีร์รู้สึกแปลก ๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนร่างกายรู้สึกร้อนและไม่มีเรี่ยวแรง สมองโล่งไปหมด  เทวาโน้มหน้าลงไปใกล้จูบริมฝีบางอีกครั้ง เขาใช้มือข้างหนึ่งรวบสัมผัสส่วนตื่นตัวทั้งสองควบคุมจังหวะขึ้นลง แล้วเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น “พร้อมกันนะ” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหู ปฐวีร์กอดอีกฝ่ายแน่นเป็นคำตอบ ร่างกายทั้งสองเกร็งขึ้นและเปลี่ยนเป็นกระตุก แล้วความสุขก็หลั่งทะลักไหลออกมาพร้อมกัน เทวาพลิกตัวลงนอนบนเตียงดึงอีกฝ่ายเข้ากอด

“ขอบคุณนะ พี่รักวีร์นะ” เสียงทุ้มบอกรักอยู่ข้างหูเล่นเอาคนฟังทำอะไรไม่ถูก เหมือนทุกอย่างจะจบลงตรงนี้แต่เทวากลับแบกปฐวีร์ขึ้นจากเตียงเข้าไปในห้องน้ำ การกระทำแบบไม่บอกไม่กล่าวเล่นเอาคนถูกแบกตกใจกอดอีกฝ่ายไว้แน่นเพราะกลัวตก “ทำอะไร”

“อาบน้ำไง”

“รู้แล้ว แต่ไม่เห็นต้องแบกเลยไม่รู้รึไงว่าน่าอาย”

“งั้นต้องทำบ่อย ๆ จะได้ชิน” เขาวางปฐวีร์ให้นั่งบนชักโครก กำลังจะเปิดไฟแต่ถูกปฐวีร์ห้ามไว้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปเทวาเข้าใจจากนั้นเขาเปิดอุ่นลงในอ่างอาบน้ำ ปฐวีร์นั่งกอดเข่ามองเทวาจับโน่นทำนี่ ในห้องตอนนี้มีแค่แสงไฟข้างนอกลอดเข้ามาทางอิฐบล็อกกระจกแต่พอมองเห็นว่าเทวากำลังทำอะไร กะปริมาณน้ำในอ่างได้แล้วเขาก็หันไปพูดกับคนนั่ง ”อาบน้ำกัน” เขาถอดเสื้อผ้าออก

“อืม” ปฐวีรไม่มีทางเลือกถอดเสื้อออก เทวาจูงมืออีกฝ่ายลงในอ่าง “เป็นไรโกรธพี่เหรอ” เขาถามคนนั่งเงียบ

“เปล่า แค่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้เท่านั้น” เทวาเขยิบเข้าไปใกล้กอดอีกฝ่ายวางเกยคางไว้บนไหล่ เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองใกล้ชิดแบบนี้ ปฐวีร์พิงแผ่นหลังกับอกกว้าง อาบน้ำในความมืดผ่านไปด้วยดี ทั้งสองเช็ดตัวสวมเสื้อผ้าชุดใหญ่ ปีนขึ้นเตียงจากนั้นก็หลับไปด้วยกัน

***********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #104 เมื่อ03-12-2018 12:33:39 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #105 เมื่อ03-12-2018 19:14:18 »

ทุกเรื่องดูท่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่พวกนางร้ายนี่เจอข่มขืนหมดเลยนะนี่

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #106 เมื่อ03-12-2018 21:08:20 »

 :o8: :o8: :o8:



ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #107 เมื่อ04-12-2018 01:15:28 »

ระแวงไอ้โจ้มากตอนนี้​

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #108 เมื่อ04-12-2018 10:45:15 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
«ตอบ #109 เมื่อ05-12-2018 06:49:20 »

เหมือนจะผ่านไปด้วยดีแต่ก็เหมืนจะยังมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นอีก รอลุ้นตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 36 [3/12/61]
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-12-2018 06:49:20 »





ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 37 [10/12/61]
«ตอบ #110 เมื่อ10-12-2018 11:18:34 »

ตอนที่ 37
[/size]

ในห้องนอนมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานแข่งกับเสียงกรนของผู้ชายที่กำลังสนิทบนเตียงหลังผ่านช่วงเวลาปลดปล่อย ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้าง ๆ ในสภาพเปลือยเปล่าเริ่มขยับตัวและลืมตาขึ้น เธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย ตาที่ลืมไม่เต็มที่กวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียง แต่ร่างกายกับรู้สึกปวดไปหมดโดยเฉพาะช่วงล่าง เธอเลื่อนผ้าห่มผืนบางที่อยู่บนตัวออกต้นขาเลอะไปด้วยคราบน้ำขุ่นรวมทั้งผ้าปูเตียงด้วยนั่นทำให้เธอตกใจหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง “มันเกิดอะไรขึ้น” เธอถามตัวเอง เห็นผู้ชายแปลกหน้ากำลังเปลือยท่อนบนอยู่ข้าง ๆ อาการปวดหัวเมื่อครู่เริ่มปวดแรงขึ้น เธอจำไม่ได้ว่ามานอนกับผู้ชายแปลกหน้าได้ยังไง เธอนั่งสงบสติอารมณ์ทบทวนความคิดเท่าที่จำได้เธอสนุกกับเพื่อนจำได้แค่นั้น เธอมองหน้าผู้ชายที่กำลังหลับอีกครั้งแต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาเธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ เธอรีบควานหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นสวมมันทีละชิ้นแล้วออกมาจากที่นั่นทันที

            หลังสอบผ่านไปปิดเทอมใหญ่ก็มาถึง หลายคนวางแผนไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นทะเลหรือไปไกลถึงต่างประเทศและก็มีหลายคนใช้ช่วงเวลานี้ทำตัวให้เป็นประโยชน์อย่างหางานพิเศษทำ ปฐวีร์ก็เหมือนกันเขาได้มานั่งแกร่วอยู่ที่ห้องทำงานพ่อมาเป็นสัปดาห์แล้วเพื่อทำงานแลกเงินค่าขนม ถึงจะเป็นงานเอกสารเล็กน้อย ๆ ก็ทำให้ปวดหัวได้เหมือนกัน เอกสารสัญญาหรือเอกสารเกี่ยวกับต่างประเทศเขาได้รับผิดชอบ รวมไปถึงข้อมูลบริษัทต่างชาติที่เข้ามาร่วมลงทุน เอกสารหลายอย่างค่อนข้างซับซ้อนละเอียดอ่อนและมีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ต้องใช้เวลา หาว เขาหาวไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ของเช้านี้คงเป็นเพราะเมื่อคืนคุยกับเพื่อนจนดึก ตอนแรกก็เป็นภฤดล กติกรณ์และนภาภณ์ทั้งสามทักมาบ่นว่าเหนื่อย เบื่อ ที่ต้องช่วยงานที่บ้าน นั่งอ่านข้อความที่ส่งมาเป็นชั่วโมงอยู่ ๆ ก็พากันบอกว่าง่วงแล้วไปนอนก่อน ต่อมาก็น้ำขิงกับวจีสองสาวไปทำพิเศษเพื่อหาเงินไปดูคอนเสิร์ตที่เกาหลีและไปเที่ยวด้วย พวกเธอไปทำงานร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง พวกเธอบอกว่าที่นั่นให้ค่าตอบแทนเยอะไม่รวมทิปอีกแต่ก็ใช้งานหนักทีเดียวแล้ววันไหนอยู่กะบ่ายต้องเก็บของทำความสะอาดร้านกว่าจะได้กลับก็ตีสองเข้าไป แต่พอคิดว่าจะได้ไปเห็นหน้าหล่อของศิลปินที่ชอบความเหนื่อยของพวกเธอก็หายไป ปฐวีร์อ่านข้อความแล้วไม่รู้ว่าจะพูดยังไงได้แต่ส่งรูปอีโมชั่นยิ้มกว้างไปให้ ถัดจากสองสาวก็เป็นพีรพัฒน์และกายส่งข้อความชวนเล่นเกมออนไลน์ เขาได้ปฏิเสธไปเพราะช่วงนี้ยังไม่ว่าง ก่อนจะนอนก็เห็นรูปโผล่ขึ้นมาบนทามไลน์จนต้องหยุดดูเห็นเป็นปิ่นอนงค์ถ่ายรูปคู่กับพิศนภาที่ต่างประเทศพร้อมข้อความสั้นๆว่า “เพื่อน” ดูเหมือนพวกเธอจะปรับความเข้าใจกันได้แล้ว

หันไปมองทางขวาก็เห็นพ่อกำลังนั่งทำงานหันไปอีกทางก็เห็นธีรณัฑศ์นั่งทำงานบางครั้งก็ส่งยิ้มหวานมาให้ ไอ้หมอนี่ท่าจะบ้า คงทำงานเยอะเกินไปเลยเพื้ยนไปรึเปล่า เลยทำให้คิดถึงเทวาที่ช่วงนี้บอกว่าถูกธนาใช้ทำงานหนักไม่รู้เป็นยังไงบ้าง นั่งหาวอยู่พักใหญ่ก็ถึงเวลาพักเที่ยง วันนี้พ่อมีนัดออกไปกินข้าวกับลูกค้าทินกรก็ออกไปด้วยเขาเลยต้องออกไปกินข้าวกับธีรณัฑศ์ ระหว่างที่เดินออกมาเห็นพลพัฒน์กับผู้หญิงคนหนึ่งถ้าดูไม่ผิดน่าจะเป็นป่านฟ้าทั้งสองนั่งรถออกไปด้วยกัน เขาดีใจที่พ่อไม่ขัดขวางทั้งคู่และยังให้โอกาสป่านฟ้าเข้ามาทำงานที่บริษัท ด้วยรูปลักษณ์หลายอย่างที่เปลี่ยนไปทำให้หลายคนจำเธอไม่ได้คุณนายรองที่คอยขัดขวางความรักเมื่อทราบเรื่องทุกอย่างก็อนุญาต เดี๋ยวนี้เธอดูเปลี่ยนไปค่อนข้างมากรอยยิ้มและใบหน้าจอมปลอมที่เห็นบ่อย ๆ ก็ไม่มีแล้วกลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าแล้วยังแววตาที่บอกว่ากำลังทุกข์ใจแทนเวลาผ่านไปไม่นานดูเหมือนหลายอย่างเปลี่ยนไปรวมถึงความฝันนั่นอีกมันเลือนรางลงมากแต่กลับมาภาพทับซ้อนขึ้นมาที่เห็นไม่ชัด นั่นทำให้เขารู้สึกกังวลอยู่ลึก ๆ ว่าเวลาของเขากำลังหมดลงในอีกไม่นาน

“กินอะไรกันดี” มองฝ่าแสงแดนตอนเที่ยงออกไป

“แล้วเราอยากกินอะไร”

“สเต๊กไหมร้านนั้นเป็นไง”

“อืม” ธีรณัฑศ์พยักหน้าเห็นด้วย

            ตกลงกันได้แล้วทั้งสองเดินตรงไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากร้านอาหารตามสั่งไปทางซ้ายมือป้ายหน้าร้านติดชื่อไว้ว่าSteak café ผลักเข้าไปในร้านได้กลิ่นหอมกาแฟและเสียงเพลงเบา ๆ ทั้งสองหาที่นั่งสักพักก็มีพนักงานมารับออเดอร์ ปฐวีร์สั่งสเต๊กหมูกับสปาเกตตี ส่วนธีรณัฑศ์สั่งเป็นสเต๊กปลากับสลัด พนักงานเดินจากไป ธีรณัฑศ์เพิ่งจะสังเกตเห็นนาฬิกาบนข้อมืออีกฝ่าย จนอดถามไม่ได้

”นาฬิกาข้อมือสวยดีนะ”

“นี่น่ะเหรอ ของขวัญวันเกิดคนพิเศษให้มา”

“อ้อ คนที่ชื่อเทวานั่นน่ะเหรอ”

“ครับ”

“นึกว่าเลิกกันไปแล้ว”

“อะไรนะครับ”

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร แค่พูดว่าเมื่อไหร่อาหารจะมา” เขานึกว่าคืนนั้นจะทำให้ทั้งสองจะทะเลาะกันจนถึงขนาดเลิกกัน ไม่นึกว่าไม่เพียงไม่เลิกกันแต่ยังดูมีความสุข

“พึ่งสั่งไปไม่ถึงห้านาที”

“ก็นั่นสินะ พอดีเมื่อเช้าไม่ได้กินอะไรเลยหิว”

“อือ บอกดิวันหลังจะซื้อมื้อเช้าเผื่อ” ธีรณัฑศ์ได้ฟังแล้วก็ต้องถอนหายใจไอ้ท่าทางน่ารักเข้ากับคนง่ายแบบนี้แหละที่ใครเห็นใครก็ชอบ ยิ่งสาว ๆ ในออฟฟิศด้วยแล้ว “เออ นี่คุณเล่าเรื่องตอนที่เรียนอยู่ที่โน่นให้ฟังหน่อยดิ”

“อยากฟังเรียกพี่ณัฑศ์ก่อนจะเล่าให้ฟัง” ปฐวีร์นิ่วหน้ามองหน้าคนเรื่องมากแต่ก็ต้องยอมแพ้ “พี่ณัฑศ์ พอใจยัง”

ธีรณัฑศ์ยิ้มพอใจ “อืม ถึงจะไม่เต็มใจเท่าไหร่ เห็นแก่ที่อยากรู้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” เขาเริ่มเล่าเรื่องที่ไปเรียนต่างประเทศให้อีกฝ่ายฟัง ขณะกำลังเล่าเพลิน ๆ อาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟ กลิ่นหอมอาหารทำให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น ปฐวีร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสเต๊กจานโตกับสปาเกตตีหน้าตาน่าอร่อยกะจะส่งไปอวดเทวาให้อิจฉากดปุ่มถ่ายรูปสองสามรูปเลือกรูปที่ดูน่ากินที่สุดแล้วส่งไป

            ตึง ตึ่ง ตึ๊ง เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าดังขึ้น เทวากำลังจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อคนส่งข้อความมา ก็ต้องยิ้ม เขาเปิดดูรูปที่ถูกส่งมายิ้มได้ไม่นานก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นในรูปมีมือใครสักคนติดมาด้วย

“เทวาไปกินข้าวกัน นั่นดูอะไร” ธนาไม่รอให้น้องชายตอบ เขาชะโงกมามองหน้าจอ เห็นรูปสเต๊กหน้าตากิน “เฮ้ย น่ากินดีว่ะใครส่งมาวะ ร้านไหน”

“วีร์ส่งมา”

“อ้อ ไอ้ที่ทำให้บูดอยู่นี่เพราะไม่ได้ไปกินข้าวกับน้องว่างั้น”

“เปล่า พอดีมันมีพวกบ้าชอบมาเกาะแกะวีร์”

“ทำใจว่ะ” ธนาตบไหล่น้องชายเบา ๆ ”คนของแกน่ารักขนาดนั้น ขนาดเจ้าวินเจ้าวอมยังติดแจ ไหนจะคุณแม่อะไรเอ๊ะอะก็น้องวีร์อย่างโน้นน้องวีร์อย่างนี้”

“แต่ไอ้หมอนั้นมันก็รู้ว่าน้องมีเจ้าของแล้ว”

“ถ้าน้องไม่มีท่าทีอะไรก็อย่าไปใส่ใจ ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมันบ้าไปคนเดียว”

“ผมก็ว่างั้น” เขาถอนหายใจพยายามจะเข้าใจ ”ไปหาอะไรกินเถอะผมหิวแล้ว” เทวาส่งรูปอีโมชั่นยิ้มกลับไปพร้อมข้อความบอกว่ากำลังจะไปหาอะไรกินกับธนา

            ตอนบ่ายกลับเข้าทำงานปฐวีร์ยังยุ่งอยู่กับเอกสารบนโต๊ะจะหันหน้าไปถามใครก็ไม่มีใครว่างสักคน จนถึงเวลาเลิกงานเขาก็ลากสังขารขึ้นรถไฟฟ้ากลับห้อง ชีวิตดูเหมือนจะเคยชินกับคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้าน บางครั้งก็รู้สึกว่าที่นั่นไม่เหมาะกับเขา มันมีความทรงจำหลายอย่างอยู่ที่นั่นทั้งที่จำได้และหลงลืมมันไป เกือบจะหลับบนรถไฟฟ้าพอดีที่มีเสียงเตือนบอกให้รู้ว่าสถานีถัดไปเป็นที่จุดหมายปลายทาง เดินลงจากสถานีรถไฟท้องฟ้ายังสว่างอากาศยังร้อนอบอ้าวเขายังไม่อยากกลับห้อง เลยแวะร้านหนังสือแถวนั้น หาซื้อมังงะหรือนิยายกำลังภายในเล่มใหม่สักเรื่อง ทันทีที่เข้าไปในร้านได้กลิ่นหนังสือกลิ่นกระดาษ เขาเดินตรงไปที่มุมแนะนำหนังสือ ตรงมุมนี้จะมีทั้งหนังสือออกใหม่หนังสือแนะนำและหนังสือขายดี เขาหยิบหนังสือออกใหม่พลิกดูด้านหลังเพื่ออ่านเรื่องย่อ อ่านไปเล่มหนึ่งก็ต้องวางลง เปลี่ยนเป็นหยิบเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน อ่านเรื่องย่อไปสามเล่ม เล่มที่สี่ก็เจอเรื่องน่าอ่าน จากนั้นเขาก็เดินหามุมว่างอ่านหนังสือเล่มนั่นต่อ หลบมุมอ่านหนังสือเพลิน จนกระทั่งท้องส่งเสียงร้องเตือนทำให้เขาต้องปิดหนังสือในมือเก็บเข้าที่เดิม ออกจากร้านได้หนังสือใหม่ติดมือไปสองสามเล่ม

********************************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #111 เมื่อ10-12-2018 11:23:01 »

ตอนที่ 38

  ในห้องนั่งเล่นคชาธรณ์เพิ่งวางสายจากเพื่อน เขานั่งอยู่บนโซฟามองรินนัศน์กำลังอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถ้าเป็นเมื่อหลายเดือนก่อนเขาคงไม่ได้เห็นภาพนี้ รินนัศน์ที่ชอบแต่งหน้าแต่งตัวตัวสวยไปเที่ยวกับเพื่อนเริ่มเปลี่ยนไปคงเป็นตั้งแต่พ่อป่วยหรืออะไรก็ไม่มีใครรู้ คณิตาร์นั่นก็อีกคนที่เปลี่ยนไปมาก “นั่นเตรียมเสื้อผ้าจะไปไหน”

“ตาร์จะไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่”

“อืม” อย่างน้อยเธอก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี “ทำไมชวนยัยพิมพ์ไปด้วยล่ะ เห็นยัยนั่นเมากลับมาบ้านแทบทุกวัน” พูดไปแล้วก็ทำให้คิดถึงคืนนั้นที่เขาวางยาในเครื่องดื่มของพิมพ์รตา เขาแค่อยากสั่งสอนให้อีกฝ่ายได้รับบทเรียนซะบ้าง เช้าวันต่อมาเขารอดูเหตุการณ์เห็นพิมพ์รตากลับมาในสภาพที่ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะนึกเสียใจอยู่บ้างแต่พอนึกอีกทีก็รู้สึกโล่งใจนิด ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            พระอาทิตย์โผล่มาได้ไม่กี่ชั่วโมงอากาศก็เริ่มร้อนจนหลายคนบ่น คชาธรณ์จอดชะลอรถหน้าโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่ง และหันไปคุยกับคนข้าง ๆ “ถ้าจะให้พี่มารับก็โทรบอกนะ”

“ขอบคุณค่ะพี่ธร แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวรินกลับเองได้”

“อือ แล้วเจอกันที่บ้าน” รินนัศน์รีบลงจากรถยืนโบกมือมองรถที่เคลื่อนออกไป จากนั้นเธอมองหาเพื่อนที่นัดเจอกันที่หน้าโรงเรียนยืนชะเง้อมองหาก็เห็นกลุ่มเพื่อนโบกมือเรียก เธอเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อน

“ขอโทษที่มาช้าพอดีต้องไปแวะส่งแม่กับพี่สาวไปปฏิบัติธรรมที่วัดนอกเมือง”

“อืม ไม่เป็นไรถ้ายังไงพวกเราเข้าไปจองที่นั่งกันเถอะ”

“ใช่ แล้วค่อยออกมาหาซื้ออะไรกิน” ทุกคนเห็นด้วยต่างรีบเดินเข้าข้างในไปจองที่นั่ง

หน้าโรงเรียนกวดวิชาดูคึกคักเข้ามาด้านในกลับเงียบ เพราะทุกคนจ่ายเงินมาที่นี่เพื่อจะเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด หลายคนพยายามเพื่ออนาคตของตนเอง และหลายคนพยายามเพื่อครอบครัว ด้านในถูกแบ่งออกเป็นห้องเรียนหลายห้อง พวกเธอเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้นบน มีเสียงแว่วออกมาทำให้รู้ว่ามีหลายห้องที่กำลังเรียนอยู่ เดินขึ้นมาถึงชั้นสามห้องที่สองคือห้องเรียนของพวกเธอ  หน้าห้องเรียนติดหมายเลขห้องและตารางเรียนขนาดใหญ่ ยังไม่ถึงเวลาเรียนมีเด็กนักเรียนหลายคนต่างทยอยเดินเข้าห้องเรียน แต่ก็มีบางคนหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาทบทวนบทเรียนของเมื่อวาน และบางคนก็หัดทำแบบฝึกหัดล่วงหน้า  รินนัศน์และเพื่อนเข้าห้องเรียนเลือกนั่งที่ประจำ ก่อนจะชวนออกมาหาซื้ออะไรกินรองท้อง

“นั่นมันนายพีไม่ใช่เหรอริน” เพื่อนคนหนึ่งสะกิดรินนัศน์ให้หันไปมองพีรพลธ์กับกลุ่มเพื่อน

“อือ”

“นายนั่นก็เรียนกวดวิชาที่นี่เหรอไม่ยักจะเคยเห็น”

“แต่ฉันก็ได้ยินว่ามาว่าเทอมนี้เกรดตกนิ”

“ไม่รู้เหมือนกัน เราว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของนายนั่นเลย กลับเข้าห้องเรียนดีกว่านี่ก็ใกล้ถึงเวลาอาจารย์จะเข้าสอนแล้ว”

เมื่อรินนัศน์ไม่พูดอะไรพวกเธอก็เงียบ “ไปเข้าห้องกันเถอะ”

            พีรพลเดินคุยกับเพื่อนออกมาจากโรงเรียนกวดวิชา “เฮ้ย ไปไหนกันต่อวะ”

“ไปเล่นเกมกัน”

“ฉันขอผ่านวะ อยากกลับบ้านไปนอนแล้ว”

“เออ งั้นเจอกันพรุ่งนี้” เพื่อน ๆ มองพีรพลเดินไปที่ป้ายรถเมล์ “ไม่รู้พักนี้ไอ้พีมันเป็นอะไร”

“ก็ตั้งแต่ที่มันเป็นหนี้นั่นแหละ”

“แต่มันก็บอกแล้วว่าพี่โจ้ช่วยหาเงินใช้หนีหมดแล้ว”

“มันคงเจออะไรมาเยอะ ให้เวลามันหน่อย”

“ช่างเถอะ ถ้ามันมีอะไรให้ช่วยก็บอกเองล่ะ”

“ไปเถอะพวกเราไปเล่นเกมกัน เดี๋ยวเครื่องเต็มก่อน”

พีรพลนั่งอยู่ป้ายรถเมย์ในใจคิดกังวลหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องพิมพ์รตา ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่กล้ามองหน้าเธอ ในใจลึก ๆ รู้สึกผิดที่ทำกับเธออย่างนั้น แล้วช่วงนี้พิมพ์รตาก็เที่ยวบ่อยบางวันเมากลับมา คืนหนึ่งเขาแอบได้ยินพิมพ์รตาร้องไห้คร่ำครวญด่าปฐวีร์ว่าเป็นคนแย่งทุกอย่างไปจากเธอ คืนนั้นเขายืนมองพี่สาวที่เคยอิจฉาเพราะเธอได้ความรักความรักจากแม่ ได้ใส่เสื้อผ้าใช้ของราคาแพง ได้ของที่เขาอยากได้ แต่เธอกลับไปอิจฉาปฐวีร์ที่ไม่มีแม้แม่จะให้กอดแถมยังต้องออกไปอยู่ข้างนอก เธอยังไม่พอใจอะไรอีก นั่นทำให้เขารู้ว่าเขาก็ไม่ต่างจากพิมพ์รตาที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเองเป็นในสิ่งที่ตนเองมี ถ้ายังคิดไม่ได้สักวันเขามีสภาพเหมือนกับเธอในตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วที่ช่วงนี้ที่พี่เปลี่ยนไป เข้ากับปฐวีร์ได้ดี บางครั้งก็ยังเห็นนั่งคุยกับพ่อในสวน ถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่มีทางได้เห็นอะไรแบบนี้แน่นอน เขาหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมกับความคิดหลากหลายที่เกิดขึ้นในหัว

            เย็นวันศุกร์หลายคนกำลังเร่งทำงานที่เหลือให้เสร็จ เหมือนกันกับปฐวีร์ที่ยังนั่งอยู่โต๊ะทำงานกับกองเอกสารและแฟ้มเอกสารซื้อขายจากต่างประเทศย้อนหลังหลายปี ที่จริงมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่เขาอยากศึกษามันให้เสร็จหรือลดจำนวนลงไปบ้าง เพราะจะได้ใช้เวลาช่วงวันหยุดไปกับการนอน ดูอะนิเมะตอนใหม่ อ่านนิยายหรือออกไปกินของอร่อย กำลังฝันหวานถึงวันหยุดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบรับมันทันที “ยังทำงานไม่เสร็จเลยครับ รออีกนิดนะ เอ่อ เอางี้ไหมขึ้นมานั่งรอข้างบนดีกว่า” เขายังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กับแฟ้มบนโต๊ะ และไม่อยากให้เทวาต้องทนนั่งรออยู่ในรถ เขาวางสายแล้วรีบลงไปข้างล่าง ไปรับเทวาให้ขึ้นมานั่งรอที่ห้องพักและยังหาเครื่องดื่มกับขนมรองท้องให้

“ขอบคุณครับ ไปทำงานเถอะพี่รอได้”

“ครับ มีอะไรก็บอกนะครับผมอยู่ห้องข้าง ๆ” ปฐวีร์กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานต่อ ส่วนเทวาก็หยิบนิตยสารบนโต๊ะมานั่งเปิดอ่าน เปิดอ่านหมดไปเล่มหนึ่งประตูห้องก็เปิดออกเทวาเงยหน้าขึ้นมองและก็ก้มลงดูอ่านนิตยสารต่อ

“อ้อ ขอโทษนึกว่าไม่มีคนอยู่ในนี้” เทวานั่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินที่ธีรณัฑศ์พูด ธีรณัฑศ์นั่งลงที่โซฟาอีกตัวหยิบนิตยสารอีกเล่มขึ้นมาอ่าน “มารอน้องวีร์หรือครับ”

“ครับ”

“ขอโทษนะครับถามได้ว่าคุณเป็นอะไรกับน้องวีร์” เทวาจ้องอีกฝ่ายไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องอะไรกันแน่ “เป็นคนรัก”

“อ้อ แต่ไม่ยักเคยได้ยินน้องวีร์พูดให้ฟังเลย บางทีคุณอาจจะคิดไปเองรึเปล่า” เทวากำมือแน่น เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังกวนประสาท “แล้วคุณเป็นใครทำไมน้องต้องบอกคุณด้วย”

“เป็นใครไม่รู้ แต่ก็ใช้นามสกุลเดียวกัน ทำงานด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน และบางวันก็มาทำงานพร้อมกันด้วยนะครับ”

“คุณต้องการอะไร”

“เปล่า แค่อยากบอกว่าคุณไม่เหมาะกับน้อง”

“จะบอกว่าคุณเหมาะกับน้องว่างั้น”

“นั่นแล้วแต่คุณจะคิด”

เทวารู้สึกอากาศในห้องกลิ่นไม่ค่อยดี “ถ้าไม่มีอะไรพูด ผมขอตัวนะครับ” เขารีบเดินออกจากห้องเพื่อไปสูดอากาศข้างนอก เขาใจเย็นที่สุดแล้วลองเป็นคนอื่นไอ้หมอนั่นคงไม่ได้มานั่งพูดด้วยท่าทางสบายอกสบายใจอย่างนั้นหรอก

ธีรณัฑศ์เห็นเทวาเดินออกไปพร้อมอารมณ์หงุดหงิด เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีจนต้องหัวเราะออกมา

“อ้าว ยังไม่กลับหรือครับนึกว่ากลับไปตั้งนานแล้ว แล้วนั่งหัวเราะอะไรอยู่คนเดียว ทำงานเยอะจนป่วยรึไง” ปฐวีร์ถามธีรณัฑศ์แต่สายตากลับมองหาอีกคนที่น่าจะนั่งอยู่ในห้อง “แล้วพี่เทวาหายไปไหนแล้ว”

“ไปห้องน้ำมั้ง”

“อ้าวเหรอ” ปฐวีร์นั่งลงโซฟาอีกตัว มองเห็นเค้กในจานของว่างของเทวายังไม่ได้แตะ ด้วยความหิวจึงตักเข้าปาก ธีรณัฑศ์มองท่าทางกินเอร็ดอร่อยแล้วอดยิ้มไม่ได้ “หิวเหรอเรา”

“อืม สงสัยกินมื้อเที่ยงน้อยไปหน่อย ตอนที่ทำงานท้องก็ร้องอยู่นั่น”

“ถ้าหิวก็พักไปหาอะไรกินสิ ไม่มีใครห้ามซะหน่อย”

“ก็กลัวพักแล้วมันจะขี้เกียจไง” ขณะคุยกันเพลิน ๆ ธีรณัฑศ์สังเกตเห็นเงาคนอยู่ที่หน้าประตู แล้วหันไปมองปฐวีร์ เขาคิดอะไรดี ๆ ออก เขายื่นมือออกไปลูบที่แก้มปฐวีร์เบาๆ “อือ ทำอะไร”

“ขนมติดแก้มไง เลยเช็ดออกให้”

“อ้อ ขอบคุณครับ แต่คราวหน้าบอกก็พอผมเช็ดเองได้” เพราะปฐวีร์ไม่เชื่อว่าขนมติดอยู่ที่แก้มจริง เขาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะแกล้งมากกว่า

ธีรณัฑศ์ไม่มีท่าทีโกรธหรือหงุดหงิดกับคำพูดอีกฝ่าย “ทำงานเสร็จแล้วเหรอมานั่งขโมยกินขนมคนอื่นสบายใจอยู่นี่” ปฐวีร์ยักไหล่ไม่สนใจคำพูดอีกฝ่าย ตอนนี้เขากำลังหิว “ยัง ไม่ใช่ซุปเปอร์แมนนะ จะได้เก่งขนาดนั้น” พูดถึงงานก็หงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

“อ้อ แล้วผู้ชายที่ชื่อเทวาเป็นใคร”

ปฐวีร์มองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกมาอย่างชัดเจน “แฟนผมไงครับ ถามทำไม”

ธีรณัฑณ์เลิกคิ้วขึ้นไม่นึกว่าอีกฝ่ายพูดออกมาตรง ๆ “เปล่า” เขาแค่นยิ้มออกมา ความรู้สึกตอนนี้เหมือนถูกปฏิเสธกลาย ๆ ยังไงไม่รู้ เขาถอนหายใจเบา ๆ แถมรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย “เย็นแล้วพี่กลับก่อนนะเจอกันวันจันทร์”

“ครับ เดินทางปลอดภัย” ปฐวีร์รีบโบกมือไล่

“ขอบใจ” ธีรณัฑณ์เปิดประตูออกมาเห็นเทวายืนยิ้มกอดอกพิงผนังมองมาที่เขา “อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมกับน้องเป็นอะไรกัน ได้คำตอบแล้วหายข้องใจรึยังครับ”

“หึ” ธีรณัฑณ์ทำเสียงขึ้นจมูกแล้วเดินผ่านเทวาไป เทวาเห็นท่าทางอีกฝ่ายก็แทบจะระเบิดหัวเราะออกมา จากนั้นผลักประตูเข้าไป ปฐวีร์เห็นเทวาเข้ามาในห้องก็รีบสารภาพว่าเป็นคนกินเค้กหมดแล้ว

“ไม่บอกก็รู้ว่าใครเป็นคนขโมย” เทวายื่นหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายแล้วเลียแก้มใส “ขนมยังติดแก้มอยู่เลย” ปฐวีร์นั่งตัวแข็งทำตาโตด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเทวายิ่งทำอะไรไม่ถูก “บ บ้า ทำอะไรไม่รู้” เขาแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอหัวใจก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ คนต้นเหตุกลับยิ้มพอใจที่เห็นหน้าอีกฝ่ายแดงเห่อ

“เป็นอะไรหน้าแดง” ปฐวีร์แทบอยากอยากจะเอาหัวโหม่งคนตรงหน้า ถามมาได้ทำไมถึงหน้าแดง

”อากาศร้อน สงสัยแม่บ้านปิดแอร์แล้ว” พูดแก้ตัวออกมาก็เห็นสายตาวิบวับอีกฝ่ายมองมา บรรยากาศรู้สึกร้อนขึ้น โครก เสียงท้องปฐวีร์ดังขัดจังหวะ

“ท่าทางคนแถวนี้จะหิวจริง ๆ พวกเราไปหาอะไรอร่อยกิน กันเถอะ” ปฐวีร์ได้แต่พยักหน้า เดินเลี่ยงกลับไปเก็บของในห้อง 

            ทั้งสองออกบริษัทไปหาอะไรอร่อยกินแถวนอกเมือง ปฐวีร์เห็นในโซเชียลเอฟช่วงหลายวันนี้เห็นหลายคนแนะนำร้านอาหารร้านหนึ่ง เขาเลยอยากลองไปกินดูสักครั้ง ว่าอาหารจะอร่อยเหมือนที่หลายคนบอกรึเปล่า เย็นวันศุกร์ออกมานอกเมืองถนนค่อนข้างโล่ง ภาพสองข้างทางเห็นเป็นตึกสูงแล้วเปลี่ยนเป็นภาพบ้านเรือนสลับทุ่งนาแห้งแล้งและพระอาทิตย์ส่องแสงสีอ่อนกำลังเคลื่อนต่ำลงช้า ๆ  ทั้งสองนั่งฟังเพลงในรถไปด้วยคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนมาถึงร้านอาหาร จอดรถเรียบร้อยแล้วเข้าไปข้างใน พนักงานเดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายมาต้อนรับและช่วยแนะนำที่นั่ง พวกเขาอยากได้ที่นั่งเงียบ ๆ พนักงานเดินนำทั้งสองไปที่มุมหนึ่งของร้าน ทั้งสองกวาดสายตามองร้านอาหารที่ถูกตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ให้ความรู้สึกสบายผ่อนคลายทำให้พวกเขาไม่แปลกใจเลยที่ใครหลายคนจะชอบที่นี่ จากตรงนี้พวกเขาสามารถมองออกไปเห็นสวนด้านนอกที่ตกแต่งแสงไฟอย่างสวยงาม ได้ที่นั่งถูกใจแล้วทั้งสองก็สั่งอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน ปลากะพงนึ่งบ้วย กุ้งผัดพริกไทยดำ ต้มยำทะเลน้ำข้น และปลาหมึกทอดกระเทียม ระหว่างนั่งรออาหารทั้งสองก็คุยเรื่องในที่ทำงานระหว่างวันเจออะไรมาบ้าง สักพักอาหารหน้าตาน่ากินก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบ ปฐวีร์ที่แขวนท้องรออยู่นานพอเห็นอาหารก็ลงมือทันที เทวาเห็นอีกฝ่ายเจริญอาหารก็ยิ้มกว้างและตักต้มยำใส่ถ้วยเล็กให้ “ขอบคุณครับ จานนี้อร่อยลองกินดู” เขาตักกุ้งตัวโตใส่จานอีกฝ่าย

“ขอบคุณ”

“ไม่รู้พรุ่งนี้จะเป็นยังไงบ้าง”

“ทำไม”

“เปล่า แค่กังวลนิดหน่อย”

“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกผู้ใหญ่ก็รู้อยู่แล้วว่าเราคบกันอยู่ ถึงพี่จะได้เจอกับพ่อเราครั้งแรกก็ตาม” พูดไปแล้วเทวาก็กังวลใจนิดหน่อย “เอาเถอะเรื่องยังมาไม่ถึงกังวลใจไปก็เท่านั้น กินปลาหมึกทอดนี่ดีกว่า”

“อืม” ปฐวีร์พยักหน้าเห็นด้วย จะไปกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึงทำไมกัน สู้สนใจกับข้าวอร่อยตรงหน้านี่ดีกว่า

            กินมื้อเย็นอย่างอิ่มอร่อยแล้วเทวาก็ไปส่งปฐวีร์ที่บ้าน ปฐวีร์โบกมือให้รถที่ขับห่างออกไป จากนั้นเดินเข้าบ้าน เขารู้สึกวันนี้เป็นวันดีอีกวัน ขณะเดินเข้าไปเห็นใครสักคนยืนมองมาที่เขา ปฐวีร์เพ่งสายตามองอีกครั้งถึงได้รู้ว่าคนที่อยู่ตรงนั้นคิอพิมพ์รตาไม่รู้ว่าเธอต้องการ แต่เขาไม่มีเวลามาสนใจอีกฝ่ายเขารีบกลับขึ้นห้อง

“พิมพ์มายืนทำอะไรมืด ๆ ตรงนี้คนเดียวลูก”

“เปล่าค่ะ แค่มามองหน้าคนหน้าด้านที่แย่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของพิมพ์ไป”

“พิมพ์ฟังแม่นะลูกเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้หรอกนะลูก ในเมื่อเขาไม่ได้รักเรา”

“ยังไงคะ ทีคุณแม่ยังมอมยาคุณพ่อจนท้องได้เลย”

“พิมพ์..” เธอไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดพวกนี้ออกมาจากปากลูกสาว เธอทั้งตกใจและเสียใจ

“หึ อย่าเอาสิ่งที่คุณแม่ทำไม่ได้มาสอนหน่อยเลยค่ะ”

“พิมพ์..”

“หนูง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะคะ” คุณนายรองพยายามจะเรียกลูกสาวอีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็เดินไปไกลแล้ว

พิมพ์รตากลับขึ้นห้องเธอนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงร้องไห้ออกมาเบา ๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นเพราะปฐวีร์คนเดียว ถ้าไม่มีมันชีวิตเธอคงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีมันเทวาก็จะต้องรักเธอเป็นของเธอ คิดถึงใบหน้าเทวาเธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ปฐวีร์อาบน้ำเปลี่ยนชุดกระโดดขึ้นเตียง นอนกลิ้งไปมาอย่างมีความสุข ร่างกายปวดเมื่อยจากต้องทนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานรู้สึกดีขึ้น จากนั้นมีหยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาเทวาว่ากลับถึงบ้านรึยังหรือทำอะไรอยู่ ส่งข้อความคุยกันสักพักเทวาก็ไล่ให้ไปนอน ปฐวีร์บอกราตรีสวัสดิ์แต่ก็ไม่ลืมเข้าไปดูความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เปิดอ่านนั่นดูนี่ไปได้สักพักหนังตาก็เริ่มรู้สึกหนักและหลับไปในที่สุด

            ค่ำคืนเงียบสงัด ทุกคนกำลังหลับสบายบนเตียง แต่ปฐวีร์ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยอาการกระสับกระส่าย อากาศในห้องเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศแต่แผ่นหลังเขากลับมีเหงื่อออกมาจนเปียกชื้น ท่าทางกระสับกระส่ายไม่มีทีท่าจะหยุดกลับดูรุนแรงขึ้น จนในที่สุดปฐวีร์ก็สามารถสู้กับฝันร้ายและลืมตาขึ้น เขาหอบหายใจถี่เหมือนเพิ่งไปวิ่งออกกำลังมาหลายรอบ ในหูได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นแรง เขามองเพดานห้องนอนถึงได้รู้ว่าฝันไป ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียง กวาดสายตามองรอบห้อง ไฟในห้องยังสว่างข้าง ๆ มีโทรศัพท์วางอยู่ ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่ตอนไหน เขามองมือที่กำลังสั่นเพราะหวาดกลัวภาพความฝันที่เหมือนจริงนั้น

“อึก..” ปฐวีร์รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไม่รู้ว่าเพราะความหวาดกลัวหรืออะไรเล่นงานทำให้กระเพาะคายของเก่าของมา อาเจียนไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แต่ตอนนี้มีแค่ลมออกมาเท่านั้น ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียท้องรู้สึกปวดเกร็ง ลำคอรู้สึกแห้งหน้าอกรู้สึกแสบไปหมด เขาสูดหายเข้าเต็มปอดล้างหน้าล้างปากแล้วเงยหน้ามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ใบหน้าที่เคยดูขาว ตอนกลับดูซีดริมฝีปากเขียวคล้ำ เขาฝืนตัวเองเดินกลับไปที่เตียงหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ตู้หัวเตียงขึ้นมากรอก แล้วนอนแผ่บนเตียงกว้างสายตาเหม่อมองเพดาน นี่เขากำลังจะตายแล้วใช่ไหม เขาเห็นตัวเองนอนจมกองเลือด เลือดสีแดง กลิ่นคาวนั่นยังติดที่จมูกอยู่เลย คิดถึงความฝันร่างกายก็สั่นขึ้นมา เขาพลิกตัวนอนตะแคงกอดผ้าห่มไว้แน่น ร้องไห้เสียงเบาพูดพึมพำว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว สักพักร่างกายที่อ่อนล้าก็ทานทนไม่ไหวทำให้ปฐวีร์ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

*******************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #112 เมื่อ10-12-2018 11:28:03 »

อยากให้วีร์มีชีวิตใหม่ที่ดี แต่ดูเหมือนคู่อาฆาตจะไม่ยอมปล่อยจริงๆ
หวังว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคแล้วก็รอดพ้นคนใจร้ายได้นะ
รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #113 เมื่อ10-12-2018 12:51:37 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #114 เมื่อ12-12-2018 18:22:34 »

 :110011: :z7:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #115 เมื่อ12-12-2018 22:44:11 »

นังพิมนี้ไปว่าจะเป็นก่อนที่จะวีย์รู้อนาคตหรือตอนนี้ก็เป็นคนเดียวที่จะแย่งคนรักของวีย์แถมคิดฆ่าวีย์นังเป็นเจ้ากรรมนายเวรกับวีย์เหรอรึเป็นสัน..นนางเอง?

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 38 [10/12/61]
«ตอบ #116 เมื่อ13-12-2018 20:07:50 »

น้องวีต้องสู้นะจ๊ะ​ อย่ายอมแพ้ล่ะ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: * / ..change!.. / * ตอนที่ 39 [17/12/61]
«ตอบ #117 เมื่อ17-12-2018 10:09:17 »

​ตอนที่ 39

เช้าวันหยุดแสงแรกของวันส่องสว่างไปทั่ว ท้องฟ้าดูปลอดโปร่ง ผู้คนต่างกำลังรีบเร่งแข่งขันกับเวลา บนถนนเต็มไปด้วยรถติดเป็นทางยาว เป็นภาพที่เห็นได้เป็นปกติในเมืองหลวง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงแรงขึ้น ทำให้อากาศร้อนอบอ้าวขึ้นจนใครหลายคนต้องวิ่งหาร้านกาแฟเข้าไปนั่งหลบร้อน บางคนจูงมือคนรู้ใจไปเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าหาของอร่อยกินและต่อด้วยดูหนังโรแมนติกสักเรื่อง ปฐวีร์ยังหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังจากที่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้าย และหลับอีกครั้งก็เกือบเช้า เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยุกขยิกแล้วค่อย ๆ เปิดขึ้น และก็ต้องแปลกใจเมื่อภาพแรกที่เห็นเป็นเห็นดวงตาสีเข้มที่กำลังจ้องมองมาที่เขา

“อรุณสวัสดิ์”

เขาตื่นขึ้นมายังไม่ทันเต็มตาก็เห็นเทวานอนอยู่ข้าง ๆ ตอนแรกยังคิดว่าตัวเองฝันไป แต่พอได้ยินเสียงทุ้มบอกอรุณสวัสดิ์ทำให้รู้ว่าไม่ได้ฝัน คำพูดบอกอรุณสวัสดิ์ง่าย ๆ ฟังแล้วกลับทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

“อือ มาได้ไง” เขาบิดขี้เกียจเล็กน้อย มองหน้าคนรักให้ชัดอีกครั้งแล้วเลื่อนมือไปวางบนแก้มอีกฝ่าย “จำไม่ได้เหรอว่าวันนี้พี่จะมากินข้าวเที่ยงด้วย”

“จำได้ แล้วนี่มันกี่โมงแล้ว”

“สิบเอ็ดโมงแล้ว” ชายหนุ่มไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มใส มองดวงตาสีอ่อนที่บอกว่ายังง่วงอยู่ “ตื่นเถอะคุณแม่บ่นคิดถึงอยากเจอหน้าน้องวีร์”

ริมฝีปากบางโค้งขึ้นกับคำพูดอีกฝ่าย แต่แทนที่จะรีบลุกจากที่นอนกลับทำตัวเกเรขยับเข้ากอดคนตัวโตไว้และซุกหน้าลงหน้ากว้างสูดกลิ่นน้ำหอมเข้าเต็มปอด เขายังหวาดกลัวฝันร้าย กลัวว่าจะไม่ได้เจออีกฝ่ายอีก กลัวจะไม่ได้สัมผัสอ้อมกอดนี้หรือไม่ได้เสียงบอกอรุณสวัสดิ์ แต่ทั้งกลิ่นและการได้สัมผัสคนตัวโตทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น

เทวาเห็นท่าทางที่แปลกไปของอีกฝ่ายก็อดที่จะถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ “เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน”

“เปล่า” ปฐวีร์ถูหน้ากับอกกว้างทำให้เทวาเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ขึ้นมา ยิ่งบนเตียงและในห้องมีแต่กลิ่นของปฐวีร์เต็มไปหมด เขาเลื่อนมือเข้าไปในเสื้อตัวบางลูบแผ่นหลังเนียนอย่างเอาแต่ใจ “ลุกเถอะคุณแม่รอแย่แล้ว” เขากระซิบเตือนอีกฝ่ายอีกครั้งก่อนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ปฐวีร์ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแข็ง ๆ ทิ่มที่ขา เขายันตัวลุกขึ้นขอเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

            อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาข้างล่าง ธักศนัย จิญญา ปทีป คุณนายรองและเทวานั่งพร้อมหน้าอยู่โต๊ะกินข้าวแล้ว ปฐวีร์ไหว้ทักทายธักศณัย และจริญญา และขอโทษทุกคนที่ลงมาช้า แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าก็ลงมือกินข้าวกัน ทุกคนนั่งกินข้าวเงียบ ๆ มีแค่ปฐวีร์และเทวาคุยกันบ้างตักกับข้าวให้กันบ้าง ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมองท่าทางเป็นธรรมชาติของทั้งสองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ถึงจะเป็นความรักที่แปลกไปหน่อยแต่เห็นทั้งสองมีความสุข พ่อแม่ก็ทำได้แค่ทำใจยอมรับ คุณนายรองนั่งเงียบมองชายหนุ่มสองคนด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมเทวาถึงเลือกปฐวีร์แทนที่จะเป็นพิมพ์รตาหรือผู้หญิงคนอื่น เธอไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักแบบนี้เท่าไหร่ แถมในใจรู้สึกขยะแขยงอยู่บ้าง เธอเหลือบมองปทีปที่ยังนั่งกินข้าวเงียบเหมือนไม่สนใจไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

            เที่ยงวันนักเรียนต่างทยอยออกจากโรงเรียนกวดวิชาเพื่อไปหาอะไรกิน หน้าโรงเรียนและร้านอาหารแถวนั้นดูคึกคักขึ้นมาทันที พีรพลธ์เรียนวิชาสุดท้ายเสร็จแต่ยังไม่อยากกลับบ้าน เขาแวะไปหาโจ้ที่ร้านเกม “ลมอะไรหอบแกมาวะ” โจ้ถามคนที่ไม่คิดว่าจะโผล่หน้ามาหลังจากที่หายหน้าไปสักพัก

“เปล่า แค่ยังไม่อยากกลับบ้าน”

“พูดเหมือนเด็กมีปัญหาเลย”

“อืม อาจจะเป็นยังงั้น” เขาเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ทั้งที่มีทุกอย่างแต่มันกลับดูว่างเปล่าเหมือนไม่มี

“แล้วเป็นไงไม่เห็นหน้าตั้งนาน สบายดีรึเปล่า”

“สบายดีพี่ ช่วงนี้กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย”

“ยุ่งเลยสิ จะเล่นเกมหน่อยไหม”

“ไม่ดีกว่าพี่”

“กินอะไรมารึยัง ไปหาอะไรกินกัน”

“ดีเหมือนกัน พี่เลี้ยงนะ”

“อือ ไปกินตามสั่งร้านเดิมแล้วกัน” พีรพลธ์เดินตามหลังโจ้ไปร้านอาหารตามสั่งใกล้ ๆ สั่งข้าวกระเพราหมูสับเพิ่มไข่ดาวคนละจาน ทั้งสองไปคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ โจ้ตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาใจมากที่สุดออกมา “พี่สาวแกเป็นยังไงบ้าง”

“ผมนึกว่าพี่จะไม่ถามซะแล้ว” เขามองน้ำหวานในแก้ว ”พี่พิมพ์สบายดี” โจ้ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

“ก็ดีแล้ว ที่ผ่านมาก็ถือซะว่าเป็นบทเรียน”

“อื้อ ผมจะจำไว้” ไม่รู้ว่าเพราะใจลอยหรือเพราะอะไร แก้วน้ำหวานอยู่ ๆ ก็คว่ำ

“เฮ้ย ไอ้นี่แกหิวจนมือไม้อ่อนไปหมด โต๊ะเปียกหมดเลย เหม่ออะไรวะรีบเอาผ้าตรงนั้นมาเช็ดสิ”

“โทษทีพี่” เขารีบเดินไปหยิบผ้ามาเช็ด

“เฮียเร็ว ๆ หน่อยน้องผมมันหิวจนมือไม้อ่อนหมดแล้ว”

พีรพลธ์มองน้ำหวานสีแดงไหลเต็มโต๊ะ เห็นแล้วรู้สึกใจไม่ดียังไงไม่รู้

            หลังจากกินข้าวอิ่มปฐวีร์ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกัน เขาและเทวาออกมาเดินเล่นรอบบ้าน สักพักก็เปลี่ยนไปนั่งเล่นที่ศาลาในสวน นั่งรับลมเย็นทำให้รู้สึกสบายจนอยากได้หมอนสักใบมานอนกลางวัน พิมพ์รตายืนแอบมองทั้งสองอยู่บนห้อง มองรอยยิ้มและท่าทางหยอกล้อของทั้งสองดูแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เธอเลื่อนผ้าม่านปิดไว้จะได้ไม่เห็นภาพบาดตา นั่งลงบนเตียงขยำผ้าคลุมเตียงจนยับย่น เม้มริมปากแน่น ทำไมคนที่อยู่ตรงนั้นถึงไม่ใช่เธอ ทำไมรอยยิ้มนั่นไม่ใช่ของเธอ ทำไมต้องเป็นปฐวีร์ นั่งคิดใจลอยไปเรื่อย อยู่ ๆ ก็เหมือนมีอะไรสักอย่างแว่บโผล่เข้ามาในสมองทำให้เธอเลื่อนสายตาไปที่ตู้หัวเตียง เธอค่อย ๆ เปิดลิ้นชักออกเห็นปืนกระบอกเล็กอยู่ในนั้น เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบมาออก

“ใช่แล้วถ้าไม่มีไอ้วีร์ คุณเทวาและทุกอย่างก็จะเป็นของฉันคนเดียว”

            คุณนายรองปลีกตัวออกมา บอกว่าเธอมีธุระต้องทำ และไม่อยากรับรู้เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่ก็ต้องทำตัวเป็นเจ้าของบ้านที่ดี เธอสั่งคนงานเตรียมของว่างจากนั้นเดินนำคนงานไปที่ศาลาในสวน เธอยืนมองผู้ชายสองคน อะไรที่ทำให้ทั้งสองเชื่อว่าความรักแบบนี้จะยืนยาวและมั่งคง ในขณะที่ความรักของเธอทั้งที่พยายามไขว่คว้าทำทุกอย่างเพื่อจะได้มันมา ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีหรือวิธีการขอแค่ได้อยู่กับคนที่รัก แต่เวลาผ่านมาหลายสิบปีความรักของเธอก็ยังสู้คนที่จากไปแล้วคนหนึ่งไม่ได้

“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ ท่าทางสนุกเชียว”

ปฐวีร์แปลกใจเมื่อเห็นใครมาขัดจังหวะเวลาส่วนตัว อย่างไม่มีมรรยาท

“อ้อ พอดีพี่เทวาบอกว่าสวนนี้ร่มรื่นดีน่ะครับ”

“ถ้าคุณเทวาชอบก็เที่ยวบ่อย ๆ สิคะ” เธอยิ้มให้เทวา ส่วนเทวานั่งเงียบไม่ตอบ “ยังไงกินของว่างกันก่อนนะคะ ท่าทางในห้องคงจะคุยกันอีกนาน” เธอให้คนงานวางของว่างแล้วไล่กลับไปทำงาน

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ”

คุณนายรองนั่งมองทั้งสองกินของว่างที่เธอเอามาให้ โดยไม่ระแวงระวังว่าเธอจะผสมอะไรลงไป เธอก็เหมือนแม่ทุกคนที่อยากเห็นลูกตัวเองมีความสุข เธอจึงได้คิดที่จะวางยานอนหลับในของว่าง ในขณะที่ทุกคนยังอยู่ในห้อง ปฐวีร์ก็จะหลับไม่รู้เรื่องแต่ตื่นขึ้นมาก็ต้องรู้ว่าคนรักกับน้องสาวมีอะไรกัน นั่นคือแผนของเธอ “ขอถามได้ไหมคะว่าทั้งสองคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว”

“ก็สักพักแล้วครับ”

“ไม่รู้หรือคะว่าความรักแบบนี้มันผิดปกติ ดูเหมือนจะมีการศึกษาทั้งคู่น่าจะรู้” ทั้งสองได้ฟังคำถามทำให้ต้องหันหน้าไปมองกัน ไม่รู้ว่าเธอพูดขึ้นมาเพื่อต้องการอะไร เทวาไม่ใส่ใจอยู่แล้วไม่สนด้วยซ้ำว่าเธอจะพูดอะไร

ขณะที่ในศาลาเงียบลงบรรยากาศชวนอึดอัด ก็มีคนที่คิดไม่ถึงเดินเข้ามา “ท่าทางกำลังดูสนุกกันนะคะ” ยังไม่มีใครตอบคำถาม ทุกคนหันไปมองพิมพ์รตาที่กำลังยืนยิ้ม ในมือของเธอมีปืนที่กำลังเล็งตรงมา

“ไม่ พิมพ์อย่าลูก” เสียงคุณนายตะโกนลั่น ทุกคนในศาลาเบิกตากว้าง ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังลั่นจนแสบแก้วหู เสียงหยุดลงพร้อมกับคุณนายรองก็ล้มลง “ไม่มมมม คุณแม่” พิมพ์รตากรีดร้องเมื่อเห็นคุณรองลงไปนอนอยู่บนพื้น ตัวเต็มไปด้วยเลือดไม่รู้ไหลออกมาตรงไหน ปืนในมือพิมพ์รตาร่วงออกจากมือ ร่างกายเธอสั่นเทิ้ม เธอก้าวเท้าช้า ๆ เหมือนไม่มีเรี่ยวแรงเข้าไปหาคุณนายรอง คุกเข่ามองใบหน้าคุณนายรองที่ซีดลงเรื่อย ๆ เห็นเลือดที่ไหลออกมาเธอทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดแม่แล้วร้องไห้

“คุณแม่ พิมพ์ พิมพ์ขอโทษ พิมพ์ พิมพ์ไม่ได้ตั้งใจ” กว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำ

“ไม่ ไม่เป็นไร ลูก แม่เข้าใจ  แม่ รัก ลูก” เธอยิ้มพร้อมน้ำตาให้พิมพ์รตา เธอไม่อยากให้ลูกต้องทำผิดซ้ำซาก เธอมองหน้าลูกสาวที่เธอรัก เธอยกมือที่สั่นเทิ้มขึ้นเช็ดน้ำตา “อย่าร้อง แม่ แม่ไม่เป็นไร” เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาพยายามปลอบใจ เธอยังอยากเห็นลูกสาวสวมชุดแต่งงาน อยากเห็นลูกของพีรพลธ์ และอยากเห็นลูกชายคนเล็กมีอนาคตที่ดี แต่ดูเหมือนว่าเธออาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันแล้ว เธอยิ้มพร้อมน้ำตาก่อนที่ทุกอย่างจะค่อย ๆ เลือนรางลงก่อนที่จะหมดสติไปเธอมองเห็นคนที่เธอรักที่สุดวิ่งเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางเป็นห่วง เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเห็นท่าทางแบบนี้ของปทีปและอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย เธอยิ้มให้ความรักสิบกว่าปีของเธอแล้วหมดสติไป

“คุณแม่ คุณแม่....” พิมพ์รตาตะโกนทั้งเขย่าเรียกแม่ แต่ตะโกนหรือเขย่ายังไงแม่ก็ไม่ได้ยินและไม่ขานรับเธอเลยสักนิด 

ปฐวีร์มองภาพเลือดบนพื้น สติที่ลอยกระเจิงเมื่อครู่ค่อย ๆ กลับมา และนึกได้ว่ามีอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ยังไม่ทันจะหันไปร่างกายกลับรู้สึกชาและไม่เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อ ๆ “วีร์ วีร์เป็นอะไร” ปฐวีร์มองหน้าเทวา แล้วยิ้มยื่นมือไปสัมผัสหน้าแก้มอีกฝ่ายแล้วพูดว่า ”ผมรักพี่นะ” เสียงบอกรักแผ่วเบาแต่เทวาก็ได้ยินชัดทุกคำ ก่อนที่จะพูดอะไรอีกภาพตรงหน้ามืดสนิท

            ปัง ปัง ปัง เสียงดังขึ้นจนทั้งคนที่นั่งคุยกันในห้องต้องตกใจ ถามว่าเสียงอะไร และดังมาจากตรงไหน  ทั้งสามรู้สึกเป็นกังวลรีบเดินออกมาจากห้อง พอดีเจอกับคนงานวิ่งมาบอกว่าคุณนายรองและปฐวีร์ถูกยิง หัวใจปทีปหล่นลงที่ตาตุ่ม วิ่งหน้าตื่นเข้าไปในสวน เห็นทั้งสองนอนจมกองเลือด

            เสียงไซเรนรถพยาบาลเปิดขอทางตลอดทาง จนถึงโรงพยาบาล รถเลี้ยวขึ้นตึกฉุกเฉินและรถจอดสนิทเจ้าหน้าที่ช่วยกันเข็นรถผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน มีพยาบาลและหมอตามเข้าไป หมอพยาบาลวิ่งวุ่นในห้องฉุกเฉิน คนเจ็บบนเตียงทั้งสองคนยังอยู่ในอาการน่าเป็นห่วง ทีมแพทย์พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนสุดท้ายทุกอย่างก็สามารถควบคุมทุกอย่างได้ ผิดกับเทวาที่เดินกลับไปกลับมาและชะเง้อมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินเป็นระยะ เป็นกังวลไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในเป็นยังไงบ้าง เขานั่งอยู่ในศาลาในสวนกำลังกินของว่าง อยู่ ๆ พิมพ์รตาก็โผล่มาพร้อมกับปืนในมือ เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงปืนก็ดังขึ้น ต่อจากนั้นก็เห็นคุณนายรองล้มลงจมกองเลือด แล้วปฐวีร์ก็ล้มลงอีกคน เห็นปฐวีร์ล้มลงไปต่อหน้าต่อตาไม่พอยังมีเลือดออกเต็มไปหมด เล่นเอาเขาสติกระเจิง ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี ตอนนั้นรู้สึกร่างกายชาไปหมดแน่นที่อกและกลัวที่จะต้องสูญเสียคนที่รักไป แล้วเสียงของปฐวีร์ก็ทำให้เขาได้สติกลับคืนมา เขาได้ยินคำพูดที่เขาอยากได้ยินมากที่สุดจากปากปฐวีร์ แต่มันต้องไม่ใช่เวลาแบบนี้สิ เมื่อปฐวีร์พูดเสร็จแล้วหมดสติไปนั่นยิ่งทำให้ใจเสีย ไอ้เด็กบ้าเล่นมาบอกรักแล้วถ้าไม่อยู่รับผิดชอบเขาไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ส่วนปทีปอยู่กับพิมพ์รตาที่ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง พูดจาไม่รู้เรื่อง ปากพูดไม่กี่กลับไปกลับมา จากนั้นก็ร้องไห้ สลับอยู่อย่างนี้ ปทีปยืนอยู่นอกห้องมองพิมพ์รตาถูกเจ้าหน้าที่ช่วยกันฉีดยานอนหลับให้เธอ ไม่นานเธอก็ค่อย ๆ สงบลงแล้วหลับไป ปทีปถอนหายใจไม่รู้ว่าเกิดขึ้นทำให้คนที่ดูเรียบร้อยอย่างพิมพ์รตาเกิดคลุ้มคลั่งถึงขนาดถือปืนไปยิงปฐวีร์ และมีคุณนายรองอีกคนได้รับเคราะห์ เขาที่เป็นพ่อคงเลี้ยงลูกไม่ดีพอ สนใจแค่งานเป็นส่วนใหญ่ เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่พ่อและสามีที่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็ได้พยายามในแบบของเขาเอง ถึงลูกทุกคนไม่มีเขาที่เป็นพ่อแต่ก็ยังมีแม่ที่อยู่ข้าง ๆ ผิดกับปฐวีร์ทำให้เขาต้องใส่ใจมากเป็นปกติ แต่กลับเป็นผลร้ายทำร้ายในตอนเด็กปฐวีร์มักถูกพี่น้องแกล้งบ่อย ๆ นั่นทำให้เขาพยายามออกห่างปฐวีร์และเปลี่ยนให้ปฐวีร์เผชิญกับปัญหาและหาทางแก้ไขมันด้วยตัวเองแต่เขาก็ยังแอบมองอยู่ห่าง ๆ เพราะคิดว่ายังไงสักวันเขาก็ต้องจากไป มาวันนี้ชักไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องหรือไม่ เขาคงเป็นพ่อไม่ดีเพราะยังไม่เข้าจิตใจลูกแต่ละคนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ หนึ่งฤทัยช่วยลูกของเราด้วยนะ เสียงภาวนาแผ่วเบาไม่รู้ว่าจะส่งไปถึงคนที่อยู่อีกโลกรึเปล่า

*****************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
«ตอบ #118 เมื่อ17-12-2018 10:11:14 »

“ยัยพิมพ์เป็นยังไงบ้างครับ” พลพัฒน์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาถาม

“คลุ้มคลั่งอยู่นาน คุณหมอฉีดยานอนหลับให้แล้ว แล้วทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”

“ยังไม่มีใครออกมาจากห้องฉุกเฉินเลยครับ อยู่ในมือหมอแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร ผมเลยมาดูทางนี้”

“อืม ทางนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วไปกันเถอะ”

พลพัฒน์เห็นน้องสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วเดินกลับไปที่หน้าฉุกเฉิน ระหว่างทางเขาก็ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น  ตอนที่ได้รับโทรศัพท์บอกว่าแม่ถูกยิงเขาตกใจแทบแย่ แล้วยิ่งรู้ว่าคนที่ยิงเป็นใครยิ่งทำอะไรไม่ถูก ปทีปส่ายศีรษะเขาก็ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นยังไงคนที่รู้เรื่องสองคนยังอยู่ในห้องฉุกเฉินอาการเป็นยังไงไม่รู้ อีกคนก็คลุ้มคลั่งจนพูดไม่รู้เรื่อง ส่วนเทวาก็เงียบไม่พูดไม่จากับใคร

ปฐวีร์ลืมตาขึ้นสิ่งที่เห็นคือความมืด รอบ ๆ ดูมืดไปหมดจนมองไม่เห็นอะไร ปฐวีร์ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนจำได้ว่านั่งเล่นกับเทวาที่สวน จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้ พี่เทวาหายไปไหน เขาตะโกนเรียกเทวา “พี่เทวา พี่เทวา อยู่ไหน” แต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขาลองเดินไปข้างหน้า ก้าวเท้าช้า ๆ ไปข้างหน้าทีละก้าว รอบด้านก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจึงตัดสินใจวิ่ง วิ่ง และวิ่ง ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหนหันซ้ายหันขวาก็ยังไม่เห็นใคร ในใจพลันเกิดความกลัวขึ้น

            “แม่ แม่ ช่วยวีร์ด้วย วีร์ไม่รู้อยู่ที่ไหน” เขาตะโกนอยู่อย่างนั้นอยู่หลายครั้ง ความกลัวแล่นเข้ากะกุมหัวใจจนต้องนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียว

            “วีร์ วีร์” ไม่รู้ร้องไห้นานเท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงคนเรียก เขาเงยหน้าขึ้นมา รอบข้างเปลี่ยนเป็นสีขาว เห็นแม่ยืนยิ้มให้เขาอยู่ “แม่ แม่ มารับวีร์แล้ว” เขาพยายามที่โผเข้ากอดแม่แต่ก็ไม่สามารถสัมผัสได้

            “วีร์ ยังไม่ถึงเวลาของลูก กลับไปซะ”

            “กลับไป กลับไปไหน” เขารู้สึกไม่พอใจเพิ่งได้เจอหน้าแม่ พอเจอก็ถูกไล่ซะแล้ว เขาพยายามเดินเข้าไปหาแม่ แม่กลับห่างออกไปเรื่อย จนต้องวิ่งตาม “แม่ อย่าไป รอวีร์ด้วย อย่า...”

            ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้นก็จำไม่ได้เพราะทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ทุกคนก็ลืมทุกอย่างเปลี่ยนมาสนใจคุณหมอชุดเขียวที่เพิ่งเดินออกมา ทุกคนต่างเดินตรงเข้าไปหาคุณหมอ “คุณหมอ วีร์เป็นยังไงบ้างครับ” เทวาใจร้อนถามขึ้นทันที

“เอ่อ หมอขอคุยกับญาติคนไข้ได้ไหมครับ ไม่ทราบใครคือญาติ”

“ผมเป็นญาติของทั้งสองครับ”

“ครับ พอดีหมอมีทั้งร้ายและข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ” พอได้ยินคำพูดของหมอทุกคนต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป ปทีปถึงกับเซดีที่พลพัฒน์ช่วยพยุงไว้ ในเวลานี้เทวาเกิดความรู้สึกเห็นแก่ตัวอยากให้ข่าวดีเป็นของปฐวีร์

“ผมพร้อมแล้วครับเชิญคุณหมอพูดมาเลย”

“คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ หมอเสียใจด้วย” คุณหมอหยุดพูดปล่อยโอกาสให้ญาติคนไข้ได้ปรับอารมณ์เล็กน้อย “เธอถูกยิงที่ท้องหนึ่งนัดกระสุนฝังใน และอีกหนึ่งนัดที่หน้าอกกระสุนทะลุออกทางด้านหลัง สาเหตุการตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนคนไข้อีกคนตอนนี้ปลอดภัยแล้วหมอผ่ากระสุนออกให้แล้ว โชคดีกระสุนไม่ถูกบริเวณสำคัญ พักผ่อนสักระยะก็จะหาย”

“ครับ ผมสามารถเข้าไปเยี่ยมเธอได้ไหมครับ”

“เชิญครับ” ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกอีกครั้งเจ้าหน้าที่รถเข็นผู้ป่วยออกมาเพื่อไปห้องพักฟื้น ปทีปมองใบหน้าลูกชายไร้สีเลือดนอนไม่ได้สติก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เทวาเห็นเจ้าหน้าที่เข็นรถออกมาจากห้องอารมณ์กระสับกระส่ายเหมือนคนบ้าก็ดีขึ้น

ปทีปและพลพัฒน์ยืนนิ่งมองเข้าไปในห้องฉุกเฉินเห็นร่างไร้วิญญาณของคุณนายรองนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองเดินเข้าในห้องหยุดยืนอยู่ข้างเตียง พลพัฒน์กำลังตกใจทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเขายังคุยกับแม่อยู่เลย เวลาผ่านไปยังไม่ถึงวันกลับต้องมาเห็นแม่ในสภาพแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง ปทีปมองคนที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปีผ่านเรื่องราวมากมายด้วยกันถึงจะไม่ได้รักแต่ก็รู้สึกผูกพัน “บอกลาแม่ครั้งสุดท้ายเถอะ”

“ครับ” พลพัฒน์พยักหน้าแล้วอยู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “ผมรักแม่นะครับ” เขากราบลงบนเท้าร่างไร้วิญญาณ แล้วพีรพลธ์ที่เพิ่งรู้เรื่องก็เดินเข้ามาในห้อง “คุณแม่ ไม่จริงใช่ไหม” เขาเดินช้า ๆ ไปหยุดข้างเตียงมองใบหน้าแม่ให้ชัดอีกครั้ง “ไหนบอกว่าอยากเห็นผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไง” พลพัฒน์เห็นพีรพลธ์ เขาสวมกอดอีกฝ่ายไว้ พีรพลธ์ปล่อยน้ำตาออกมากอดพี่ชายไว้ ปทีปโน้มใบหน้าจูบแผ่วเบาลงหน้าผากเย็นเพื่อบอกลาครั้งสุดท้ายและขอบคุณทุกอย่างที่เธอมอบให้ และขอโทษที่ไม่สามารถตอบแทนความรู้สึกของเธอได้ “หลับให้สบายนะ ผมสัญญาจะดูแลลูก ๆ ให้ดี”

            ถึงจะรู้สึกเสียใจกับสูญเสียคนสำคัญไปแต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป วันต่อมางานศพก็ถูกจัดขึ้น มีคนมาร่วมงานไม่กี่คนเพราะพวกเขาไม่ต้องการมานั่งตอบคำถามใคร ทุกคนคุยกันแล้วจะปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ หน้าที่นี้จึงตกอยู่กับทนายเรืองโรจน์ เมื่อทนายเรืองโรจน์เป็นคนจัดการทุกอย่างจึงเรียบร้อย

            คุณนายสามแต่งเข้ามาเพราะบุญคุณและผลประโยชน์ต่อสู้กับคุณนายรองเพื่อตัวเองได้รับความรักความจากปทีป เพื่อให้ลูกของเธอมีที่ยืน แต่วันนี้คนที่ต่อสู้กันมานานต้องจากไป เธอกลับไม่มีความสุข ทำให้รู้ว่าชีวิตคนเรามันสั้น ให้ถนอมทุกช่วงเวลาไว้ดีกว่า

            ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ปฐวีร์รู้สึกตัวแค่ครั้งสองครั้งแล้วก็หลับลงไปอีก ข้างเตียงมีเทวานั่งเฝ้า รอคอยให้ปฐวีร์ฟื้นขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ยังมีคุณหมอแวะเวียนเข้ามาตรวจดูอาการคนไข้สลับกับพยาบาลที่เข้ามาตรวจดูนั่นเช็คดูนี่ แล้วตอนสายของอีกวันคนบนเตียงก็เริ่มขยับตัวอีกครั้งเปลือกตาเริ่มขยุกขยิกและค่อย ๆเปิดขึ้นแล้วก็ต้องปิดตาลง เขาพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสง นอนหลับหลายชั่วโมงและร่างกายอ่อนเพลียจากการเสียเลือดเยอะทำให้สมองรู้สึกมึนงง “ตื่นแล้วเหรอ นอนนานเกินไปนะเรา”

ปฐวีร์ลืมตาขึ้นมาเห็นเทวาเป็นคนแรกก็รู้สึกดีใจ “อืม” 

“รู้สึกเป็นไงบ้าง”

“ง่วง แล้วเจ็บตรงซี่โครงข้างซ้ายยังไงไม่รู้” เขากวาดสายตามองไปรอบห้องสีขาว เห็นสายระโยงรยางค์อยู่ใกล้ ๆ เท่าที่เห็นก็จะเดาออกว่าที่นี่คือที่ไหน “โรงพยาบาลผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ” ปฐวีร์ส่ายหัวมองหน้าเทวาให้ชัด เห็นใบหน้าหล่อขอบตาดำคล้ำเหมือนคนอดนอน ทั้งสองกำลังมองหน้ากันด้วยความรู้สึกหลากหลาย แล้วเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ประตูห้องเปิดออกพยาบาลก็เข็นอุปกรณ์อะไรสักอย่างเข้ามา พยาบาลสาวเธอทักทายคนไข้และเทวา ตรวจเช็คดูโน่นดูนี่ถามอาการคนไข้หลังจากที่ฟื้น จากนั้นก็ทำความสะอาดแผล และเตรียมเช็ดตัวให้คนไข้ เทวาเห็นแล้วรีบอาสาขอเป็นคนเช็ดตัวให้ปฐวีร์ พยาบาลสาวอนุญาตแล้วออกจากห้องไป

“ทำไม ผิดหวังเหรอที่ไม่มีพยาบาลสาวสวยมาเช็ดตัวให้”

“ประมาณนั้น” ปฐวีร์พูดยิ้ม ๆ แล้วก็รีบพูดขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะโกรธ ”ขอบคุณนะครับที่คอยเฝ้าตลอด”

“ไม่หรอก พี่คิดว่าถ้าเรื่องนี้แบบนี้เกิดกับพี่เราก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน”

“ใครว่า ถ้าเป็นผมป่านนี้ไปเที่ยวสนุกกับเพื่อนแล้ว”

เทวาส่ายหัวคนปากแข็งจะพูดอะไรน่าฟังสักคำให้เขารู้สึกดีก็ไม่ได้ เดี๋ยวเถอะ

“เฮ้ย ตรงนั้นไม่ต้องเช็ดก็ได้มั้ง” ปฐวีร์ตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายล้วงเข้าไปในกางเกง

“ไม่เช็ดหลายวันมันสกปรกแล้ว” ปฐวีร์เห็นท่าทางของเทวาก็ต้องยอมแพ้ รู้ว่ากำลังถูกเอาคืน ให้ตายเถอะเอาแต่ใจตัวเองชมัด

คุณพยาบาลสาวหลังออกจากห้อง เธอรีบเดินตรงเข้าไปจับกลุ่มกับเพื่อน ”นี่เธอคนไข้ห้องนั้นฟื้นแล้วนะ”

“ห้องที่ผู้ชายหล่อ ๆ นั่งเฝ้าข้างเตียงตลอดนั่นน่ะเหรอ”

“ใช่ห้องนั้นเลย นี่ฉันเตรียมจะเช็ดตัวคนไข้ ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมจะทำเอง”

“นั่นไง” พยาบาลสาวอีกคนพูดขึ้น “ฉันบอกแล้วว่าเขาเป็นแฟนกัน นี่พวกเธอไม่ได้เข้าไปในห้องบ่อยเหมือนฉัน ฉันเข้าไปบางครั้งก็เห็นผู้ชายคนนั้นนั่งกุมมือคนป่วย บางครั้งก็เจอเขาหอมหน้าผากก็มี โอ๊ยเห็นโคตรโรแมนติก” พยาบาลสาวพูดแล้วทำหน้าตาเหมือนกำลังฝัน เพื่อนพยาบาลอีกสองคนได้แต่หันหน้าไปมองกันแล้วแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง

            ผ่านไปอีกสองสามวันอาการของปฐวีร์ก็ดีขึ้นจนหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ วันที่ปฐวีร์ออกจากโรงพยาบาลเป็นวันเดียวกับที่เป็นพิธีเผาศพคุณนายรอง เขายืนมองดูรูปถ่ายวางดอกไม้จันทน์ไว้หน้าเตาเผาพร้อมขออโหสิกรรมในทุก ๆ อย่างให้เธอ ไม่ว่าทุกสิ่งอย่างที่เขาและเธอทำมาจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ ให้มันจะจบลงที่ตรงนี้ และขอบใจที่เธอตัดสินใจเอาตัวมาบังเขาจากลูกปืนนั่นไว้ ถ้าวันนั้นเธอไม่ทำอย่างนั้นที่ต้องจากไปก็คงเป็นเขา ปฐวีร์มองไปที่พิมพ์รตา เธอนั่งนิ่งบนรถเข็นสายตาเลื่อนลอยมองไกลออกไป เธอเสียสติตั้งแต่วันนั้นต่อจากนี้เธอคงใช้ชีวิตกลับความรู้สึกผิดและไม่มีวันลบมันไปชั่วชีวิต  ควันสีขาวลอยขึ้นสูงทุกคนต่างอยู่ในอาการสงบส่งคุณนายรองครั้งสุดท้าย

            เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปทุกคนเริ่มทำใจยอมรับมันได้ บริเวณสวนที่เกิดเรื่องถูกรื้อทิ้ง บ้านวีรวัฒฑณ ฯ ถูกปรับปรุงซ่อมแซมครั้งใหญ่ ทุกคนรวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกันทั้งหมด ปทีปพยายามใกล้ชิดลูกทุกคนให้มากขึ้น และจะใช้ความรักอยู่ช่วยรักษาแผลใจ อาจจะดูช้าเกินไป แต่ก็ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาดในชีวิต และความรักจากพ่อคือสิ่งที่ลูกทุกคนต้องการ

ปฐวีร์หลังจากแผลหายสนิทก็กลับไปทำงานปกติ มีเทวาแวะมารับกลับทุกวันที่มีโอกาส

“นี่ดึกแล้วทำไม่นอน นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”

“อากาศร้อนเลยมานั่งรับลม”

“วันหยุดไปเที่ยวทะเลกัน”

“แล้วก็ไปดูสาว ๆ ใส่ชุดบิกินี่”

“เดี๋ยวเถอะ”

“พูดเล่น ชอบหน้าอกแข็ง ๆ แบน ๆ อย่างนี้มากกว่า” พูดแล้วเขาซบหน้าลงบนอกอุ่น “นี่ถามอะไรหน่อย”

“อืม”

“ถ้าวันนั้นคนที่ไม่รอดเป็นผมล่ะ”

“ไม่มีถ้า อีกอย่างพี่ยังไม่ได้จัดการเราเลยนะ เล่นบอกรักกันแล้วหมดสติไป”

“ใครบอกใคร ไม่มี” ปฐวีร์พูดเสียงสูงกลอกตาไปมาไม่อยากยอมรับ

“ช่วยพูดให้พี่ฟังอีกครั้งได้ไหม” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู เล่นเอาหัวใจปฐวีร์เต้นไม่เป็นจังหวะ        ”เอ่อ” เห็นสายตาอ้อนวอนกับเสียงทุ้มแล้วเขาก็แทบละลาย “รัก”

“ไม่ได้ยิน“ เทวาไม่ยอมแพ้พยายามทำให้ปฐวีร์จนมุม “ผมรักพี่เทว...” พูดยังไม่ทันจบริมฝีปากบางก็ถูกครอบครองโดยอีกฝ่าย เทวาดูดเลียขบเม้มสอดลิ้นเข้าไป เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการเขาก็ดูดเลียมันอย่างกระหาย ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดไปไกลจนควบคุมไม่ได้ เขาก็แบกคนในอ้อมกอดเข้าไปข้างใน

“ไปต่อข้างในกัน” ปฐวีร์ยังไม่ได้ทันตั้งตัวรู้สึกอีกทีแผ่นหลังก็สัมผัสกลับเตียงแล้ว เขามองใบหน้าคนที่รักโน้มลงมา ในความฝันเคยคิดว่าต้องตายด้วยมือคนรัก ทำให้หวาดกลัวและหนีมัน แต่กลับมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาทำให้ชีวิตและช่วยให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป ความอบอุ่น ความเข้าใจ และความไว้ใจเวลาช่วยเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เป็นความรัก ในเวลาที่ใกล้กับความตายผู้ชายคนนี้แทนที่จะปล่อยมือแต่กลับกุมมือเขาแน่นขึ้นและพร้อมฝ่าฟันมันไปด้วยกัน ในเวลาที่ฟื้นขึ้นมาจากช่วงเวลาความตายก็เห็นอีกฝ่ายรอคอยและอยู่ข้าง ๆ ไม่มีคำไหนจะอธิบายคำพูดที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจได้นอกจากคำพูดนี้

“ผมรักพี่เทวานะครับ” คำบอกรักของปฐวีร์เล่นเอาเทวาทำตัวไม่ถูก ในตอนนี้เขาไม่มีความรู้สึกอยากแกล้งอีกฝ่ายแล้ว เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด “พี่ก็รักวีร์เหมือนกัน” จูบลงหน้าผากอีกฝ่าย ปฐวีร์คางออกมาเล็กน้อยบอกให้รู้ว่าเขารับรู้ หัวใจทั้งสองต่างพองโต มีความสุข แล้วทั้งสองก็หลับไปด้วยกันในค่ำคืนที่อบอุ่น

*****************************
ขอบคุณทุกการติดตามจ้า
Change! มีในรูป  E-book ด้วยนะคะ
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=83909
รูปแบบหนังสือยังเหลือบางส่วน สนใจอินบ๊อกเข้าไปสอบถามได้จ้า

https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
«ตอบ #119 เมื่อ17-12-2018 11:31:57 »

บทสรุป ที่ทุกคนจะได้รับผลจากการกระทำของตน
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด