**** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]  (อ่าน 24907 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #60 เมื่อ13-10-2018 20:23:06 »

ตัวอันตรายเยอะเกินจนอยากให้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าบ่อยๆแบบไม่ต้องฝันก้เห็นได้

ออฟไลน์ Pupay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #61 เมื่อ13-10-2018 23:41:06 »

อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากค่ะ ลุ้นตามวีร์ทุกตอน พี่เทวาก็น่ารักเชียวว

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 25 [13/10/61]
«ตอบ #62 เมื่อ14-10-2018 06:55:33 »

อันตรายรอบทิศทางมาก

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 26 [14/10/61]
«ตอบ #63 เมื่อ14-10-2018 10:30:48 »

ตอนที่ 26
[/size]



ตารางสอบประกาศออกมาแล้ว หลายคนเริ่มวางแผนอ่านหนังสือ แต่ก็มีหลายคนยังวิ่งส่งงานที่ยังค้างอยู่ บางวิชาปิดคอร์สแล้วเรียบร้อย ทำให้นักศึกษาบางคนว่างพอจะวิ่งตามเก็บวิชาอื่น หลังจากเรียนเสร็จและส่งงานเรียบร้อยปฐวีร์กำลังนั่งรอเทวาอยู่โรงอาหารเหมือนทุกครั้ง แต่ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามา เขาตัดสินใจลองกดรับดู

“สวัสดีครับ” ปฐวีร์กำลังรอฟังว่าเป็นใครโทรมา

“สวัสดีครับ ผม....”  ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดฟังดูแล้วไม่คุ้น เหมือนเป็นเสียงผู้ชายที่มีอายุหน่อย

ปลายสายเริ่มแนะนำตัวเองเบื้องต้นและต้องการที่จะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว เขายินดี ทั้งสองนัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่มหาวิทยาลัยมากนัก

เทวาเดินมานั่งข้าง ๆ เห็นสีหน้าท่าทางปฐวีร์ก็อดถามไม่ได้ “ใครโทรมา”

“เขาบอกว่าเป็นทนาย”

“ทนาย” คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยรู้สึกไม่ค่อยดีกับอาชีพนี้เท่าไหร่

“ครับ เป็นทนายคนสนิทของพ่อ” พูดถึงทนายคนสนิทของพ่อเขานึกถึงชายวัยห้าสิบกว่า ใบหน้ามีรอยยิ้มให้เห็นเสมอ เหมือนจะเคยเจอกันบ่อยครั้งเป็นทนายที่ใจดี เคยพูดคุยกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายติดต่อมาเพื่อมาขอพบ ไม่รู้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หรือจะเกี่ยวกับอาการป่วย คิดแล้วก็อดกังวลใจไม่ได้    เทวาเห็นท่าทางไม่สบายของอีกฝ่าย เขาบอกอย่าคิดมาก ไปเจอก็จะรู้เองว่ามีเรื่องอะไร

            ทั้งสองออกจากมหาวิทยาลัย มาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ อีก 10 นาทีจะถึงเวลานัด ปฐวีร์มาถึงก่อนเวลา เมื่อเข้าไปในร้านเขาเลือกนั่งบริเวณที่สังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนเทวาหลบไปนั่งอีกมุม นั่งรอไม่นานผู้ชายสูงวัยสวมสูทเข้ามาในร้านสายตาของเขาเหมือนกำลังมองหาใครสักคน จนไปหยุดที่ปฐวีร์ที่นั่งอ่านนิตยสารที่โต๊ะ เขาเดินตรงเข้าไปหาและทักทาย “สวัสดีครับ คุณปฐวีร์”

“เอ่อ สวัสดีครับ คุณ...” เขาพยายามนึกชื่ออีกฝ่าย “คุณลุงทนาย” เป็นปกติที่เรียกมักจะเรียกอีกฝ่ายอย่างนั้น

ชายสูงวัยแต่หน้าตายังดูหนุ่มยิ้มให้ปฐวีร์อย่างไม่ถือสาที่อีกฝ่ายจำชื่อเขาไม่ได้ และแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง “ผมทนายเรืองโรจน์ครับ” หยิบนามบัตรออกมายื่นให้อีกฝ่าย เป็นการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“ครับ ขอโทษด้วยที่จำชื่อคุณลุงไม่ได้” เขายิ้มแห้งทั้งที่รู้จักกันนานหลายปี รับขนม รับของเล่นจากมืออีกฝ่ายก็บ่อยครั้ง

“ไม่เป็นไรครับ เจอกันล่าสุดก็เมื่อครึ่งปีก่อน เป็นธรรมดาที่จะจำไม่ได้” เรืองโรจน์ยิ้มให้ปฐวีร์

ปฐวีร์แทบสำลักน้ำลายตัวเองตายเขาไม่ได้เป็นคนความจำสั้นเมื่อไหร่ แค่ครึ่งปีไม่ใช่ครึ่งทศวรรษซะหน่อย ปกติก็เรียกแต่คุณลุงทนายตลอด

เรืองโรจน์ยิ้มบางอย่างเข้าใจ “ที่ผมมารบกวนเวลาของคุณวันนี้มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องการจะบอกให้คุณทราบ”

“ครับ เรื่องของพ่อ” เขาคาดเดาว่าต้องเป็นเรื่องนี้

“ก็ไม่เชิง แต่ก็เกี่ยวข้อง” เขาหยุดพูด มองชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายปทีปกับหนึ่งฤทัย เขารู้จักทั้งสองตั้งแต่ที่ยังไม่มีอะไร จนค่อย ๆ เติบโต เด็กต่างจังหวัดกับเด็กกำพร้ามาเจอกันและเป็นเพื่อนกัน พวกเขายังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะมีวันนี้ วันที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ในตอนแรกที่ปทีปบอกว่าอยากเป็นเจ้าของบริษัท อยากรวย เขาได้แต่นั่งหัวเราะ เพราะวันนั้นเงินในกระเป๋าของพวกเขาทั้งสองรวมกันยังไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ ใครจะคิดว่าหลายปีต่อจากนั้นพวกเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ เขายังดีใจที่ในวันนั้นพวกเขาไม่ยอมแพ้ให้กับปัญหาและอุปสรรค เขาหยุดความคิดทุกอย่างไว้แล้วมองปฐวีร์ให้ชัดอีกครั้ง พูดถึงจุดประสงค์ของการมาพบปฐวีร์วันนี้

 “คุณนายรองทำเรื่องยื่นต่อศาลให้คุณพ่อคุณเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ จากนั้นเธอทำเรื่องขอให้เธอเป็นผู้อนุบาล”

“หึ” ปฐวีร์ทำเสียงขึ้นจมูก “นี่ขนาดพ่อยังไม่ตายก็อยากได้สมบัติกันตัวสั่นแล้ว ที่ได้กันทุกวันมันยังไม่พอรึไง หรือความโลภมันบังตาจนตาบอด จนไม่รู้ว่าสิ่งควรที่จะทำคือทำให้พ่อฟื้น ไม่ใช่เรื่องงี่เง่าแบบนี้”  ปฐวีร์พูดออกแล้วก็ยิ่งโมโห เวลานั้นเห็นรักพ่อจะเป็นจะตาย เอาอกเอาใจจนน่าหมั่นไส้

“ถ้าคิดในแง่ดีบางทีการป่วยของพ่อคุณอาจจะช่วยให้เห็นอะไรหลายอย่าง” ปฐวีร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เขาไม่โง่ พอจะรู้อยู่บ้างการแต่งงานเกิดจากผลประโยชน์ แล้วมันยังไง หรือ....

“อย่างที่คุณเข้าใจ หลายเรื่องที่เกิดบริษัทคุณนายรองมีส่วน รวมถึงเรื่องที่เธอยักยอกเงิน ที่จริงไม่ถูกคนที่ยักยอกคือนายทศพล“

ปฐวีร์ได้ฟังแล้วแปลกใจ เขารู้จักทศพล พ่อของคุณนายรอง หน้าตาเหมือนคนไม่ดีเขาเคยคิดอย่างนั้น แต่ไม่นึกว่าจะเป็นความจริง นี่ขนาดยักยอกเงินในบริษัทพ่อ มันจะมากไปแล้ว

“เขากำลังจะทำอะไร คงไม่ได้อยากได้บริษัทพ่อหรอกนะ” เขาพูดในสิ่งที่สงสัยออกไป

“พวกเราคิดไว้น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะพนักงานในบริษัทส่วนหนึ่งเป็นคนของทศพล และข่าวอาการป่วยของพ่อคุณก็น่าจะเป็นเขาปล่อยออกมา”

“อือ เท่านี้ก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนทำ ส่วนจุดประสงค์ก็ชัดเจน นายธีรณัฑศ์อะไรนั่นเป็นคนของคุณนายรองรึเปล่าครับ”

“ไม่ใช่เขาเป็นคนที่พ่อแม่ของคุณอุปการะไว้ตั้งแต่เด็ก เชื่อใจได้ ถ้าพ่อคุณรู้ว่าผมเอาเรื่องพวกนี้มาพูดให้ฟังคงถูกตัดเงินเดือนแน่ ๆ” เรืองโรจน์รู้ว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่อง แต่ไม่ว่าช้าหรือเร็วปฐวีร์ก็ต้องรู้เรื่องในบริษัทเขาคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

หึ ลุงทนายเจ้าเล่ห์ ทำไมเขาถึงนึกไม่ถึงว่าภายใต้รอยยิ้ม และหน้าตาอบอุ่นนี้ซ่อนอะไรไว้หลายอย่าง ปฐวีร์ถอนหายใจกลอกตาเม้มปากอย่างยอมแพ้ “บอกมาเถอะครับคุณลุงต้องการให้ผมช่วยทำอะไร” เรืองโรจน์มองชายหนุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มอย่างพอดี ยังไงลูกชายปทีปก็ต้องเหมือนปทีป สมกับเป็นหลายชายของเขาจริง ๆ

“คุณฉลาด เข้าใจอะไรง่ายกว่าที่ผมคิด สิ่งที่คุณต้องทำคือเข้าไปช่วยงานบริษัท เข้าไปแล้วคุณก็รู้เอง” ปฐวีร์ขมวดคิ้วอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมั่นใจขนาดนั้นกัน

“ผมต้องอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่”

“สักระยะ”

ปฐวีร์นั่งเงียบอยู่บนโซฟาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่กลับมาจากร้านอาหาร คำพูดทุกคำพูดของลุงทนายนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว เรื่องทุกอย่างมันเชื่อมโยงกัน แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่คิดยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ลุงทนายยังไม่ได้บอกทุกอย่างกับเขา ส่วนทำไมเอาเรื่องพวกนี้มาบอกกับเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากทำตามแผนของลุงทนาย เทวานั่งมองคนแสดงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างเป็นห่วง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคุยอะไรกันกับทนายคนนั้น คนถูกจ้องเริ่มรู้สึกตัวว่าทำให้อีกฝ่ายเป็นห่วง จึงได้พูดอะไรสักอย่าง

“ผมต้องเข้าไปช่วยงานที่บริษัท” เขาพยายามพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ถ้าอีกฝ่ายตัดสินใจที่จะทำเขาก็พูดอะไรได้อีก

            จากนั้นหลายวันปฐวีร์ติดต่อไปทางทินกรว่าหลังปีใหม่จะเข้าไปที่บริษัท ทินกรตอบตกลงและจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้

ต่อจากนั้นอีกหลายวันก็เข้าสู่การสอบ ปฐวีร์แค่กางหนังสือออกก็ง่วงแล้ว ยังดีที่ได้ชีทสรุปย่อที่เพื่อน ๆ ช่วยกันทำขึ้นช่วยชีวิตไว้ ใกล้ถึงปีใหม่อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ หลายคนอยากเร่งวันเร่งคืนให้สอบเสร็จเร็ว ๆ จะได้เตรียมตัววางแผนไปเที่ยวช่วงปีใหม่ ปฐวีร์กลับไม่อยากถึงเพราะปีนี้ไม่รู้จะต้องทนเหงาข้ามปีอีกรึเปล่า จะกลับบ้านใหญ่พ่อก็นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล สายตายังจ้องตัวหนังสือบนกระดาษแต่สมองคิดเรื่องอื่น เทวาเห็นท่าทางใจลอยอีกฝ่ายจนต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“เปล่า แค่ไม่รู้ว่าปีใหม่จะไปไหน”

“อืม วันแรกยังไม่ทันสอบจะไปเที่ยวซะแล้ว” พูดแล้วก็คิดได้ว่าพ่อของอีกฝ่ายยังป่วยอยู่โรงพยาบาล “กลับบ้านกับพี่สิ”

“จริงเหรอ ได้เหรอ”

“อืม ทุกคนยินดีต้อนรับเราเสมอ คุณแม่ยังบอกว่ากลับบ้านอย่าลืมพาน้องวีร์กลับมาด้วยนะ”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่เทวาอิจฉาน้องวีร์ล่ะสิ” ปฐวีร์ล้อเลียนอีกฝ่าย

“เปล่า พี่เทวาอิจฉาคุณแม่” ปฐวีร์อดหน้าแดงกับคำพูดของอีกฝ่ายไม่ได้ “บ้าจะอิจฉาทำไม” เห็นคนหน้าแดงเทวาก็ยิ้มอารมณ์ดี เขยิบเข้าใกล้แล้วหอมลงแก้มใส คนถูกจู่โจมแบบไม่ได้ตั้งตัวหน้าแดงกว่าเดิมและก็มีความสุข ปฐวีร์ได้แต่ฟุบหน้าลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแอบยิ้มคนเดียว

“อ่านหนังสือต่อเถอะ” เขาอยากเถียงว่าใครจะไปมีสมาธิอ่านหนังสือ มือข้างหนึ่งเลื่อนมาวางที่หน้าอกรู้สึกหัวใจกำลังเต้นแรงกว่าปกติ ทำไมกันนะแค่คำพูดไม่กี่คำ การกระทำแค่เล็กน้อยกลับทำให้เขามีความสุข หรือเขาจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้เข้าให้แล้ว นี่เขาใจง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ

            การสอบวันแรกผ่านไป วันที่สอง วันสาม และวันสุดท้าย ปฐวีร์ออกมาห้องสอบไม่ต่างจากซากศพ เขาออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้ายในกลุ่ม เพื่อน ๆ ต่างถามว่าเขาทำข้อความสอบได้ไหม ทำข้อนี้ได้ไหม ข้อนี้ตอบอะไร ข้อนี้ตอบอย่างนี้ถูกไหม เฮ้ย นี่เขาไม่ได้เป็นคนออกข้อสอบนะ จะได้รู้คำตอบได้ไง อ่านหนังสือก็เล่มเดียวกัน เวลาเรียนก็เท่ากัน แต่อาจจะแค่ความจำดีกว่าคนปกติทั่วไปเท่านั้นเอง “หิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ”

“ป่านนี้โรงอาหารปิดแล้ว ไปหาอะไรกินหน้ามหาวิทยาลัยดีกว่า”

“ไปเถอะไปกินที่ไหนก็ได้ ข้อสอบมันดูดพลังงานไปหมดจนไม่เหลือแล้ว”

ทุกคนตรงไปที่หน้ามหาวิทยาลัย เห็นร้านสเต๊กเลยตกลงกันไปที่นั่น เข้าไปในร้านบรรยากาศหน้านั่งกว่าที่คิด มองไปรอบร้านมีลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะ เลือกที่นั่งได้ทุกคนต่างสั่งอาหาร ระหว่างรอก็ยังคุยเรื่องข้อสอบ ปฐวีร์คิดว่าอุตส่าห์เอาชีวิตรอดออกมาจากห้องสอบแล้วนะ แต่ก็ตอบส่ง ๆ ไป พอทุกคนได้ฟังคำตอบก็ทำน่าเศร้า นั่นไงแล้วจะอยากรู้ทำไม รอไม่นานสเต๊กก็ทยอยมาเสิร์ฟ ได้กินอะไรเข้าไปร่างกายก็ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

“ใกล้จะปีใหม่แล้วไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง” พีรพัฒน์ถามขึ้น

“วจีไม่ได้ไปไหนพอดีได้ซีรีย์มาหลายเรื่อง กะจะดูให้ฉ่ำปอด”

“ขิงจะไปเที่ยวกับครอบครัว”

“เราคงไปเที่ยวแถว ๆ นี้แหละ”

“แล้ว วีร์ล่ะ” ทุกคนต่างมองมาที่เพื่อน

“ไปเที่ยวบ้านแฟน” คำตอบของปฐวีร์เล่นเอาทุกคนเงียบ

“เฮ้ย ได้ไงวีร์มีแฟนแล้วทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เลย”

“หน้าตาเป็นไง สวยไหม”

“เรียนที่ไหน คณะอะไร”

“เฮ้ย ทุกคนเงียบพวกคุณกำลังล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของเพื่อนอยู่ แล้วมีรูปไหม” พีรพัฒน์พูดจบเพื่อน ๆ อดเคืองไม่ได้ ส่วนปฐวีร์ถูกยิงคำถามจนพรุน

“จะว่ายังไงดี หน้าตาไม่สวยแต่หล่อ ส่วนเรียนอยู่ที่ไหน เรียนอยู่คณะข้าง ๆ เรานี่เอง แล้วก็ทุกคนก็รู้จักและเคยเห็นหน้ามาก่อน” ทุกคนตกใจตั้งแต่ที่ได้ยินว่าหล่อแล้ว พวกเขายังคิดว่าฟังผิดคิดว่าสมองเกิดรัดวงจรหลังจากเจอเรื่องหนักจากการสอบมา

“อย่าบอกนะว่าวีร์มีแฟนเป็นผู้ชาย” พีรพัฒน์ตั้งสติได้ก่อนเพื่อน

“พลั๊ว” มือวจีตีบนไหล่พีรพัฒน์ไปทีหนึ่ง

“โอ๊ย เจ็บนะ เราถามแค่สงสัยเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาอื่น รู้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นความชอบส่วนตัว แล้วเขาชื่ออะไร”

“ยังจะถามอีก”

“ไม่เป็นไรถามได้ ไม่มีอะไรต้องปิด” พูดแล้วสังเกตปฏิกิริยาของเพื่อนแต่ละคน วันนี้ไม่รู้ยังไงสักวันก็ต้องรู้ สู้ให้เพื่อน รู้จากปากเขาเองยังจะดีกว่า “ชื่อว่าเทวา” วจีได้ฟังแล้วต้องหันไปมองกันกับน้ำขิงแล้วยิ้ม

            หลังสอบเสร็จแค่กินสเต็กไม่กี่ชิ้นยังไม่พอใจ พวกเขาย้ายจากสเต๊กไปร้านเหล้าแถวมหาวิทยาลัย เป็นร้านที่พี่รหัสพามาเลี้ยงบ่อย ๆ ปฐวีร์ถูกทุกคนลากมาบอกว่าเลี้ยงฉลองสอบเสร็จ เคยปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่งจะปฏิเสธอีกครั้งก็ออกจะน่าเกลียดเกินไปเลยต้องปล่อยเลยตามเลย

เครื่องดื่มหลายดีกรีทยอยมาเสิร์ฟ ตามมาด้วยกับแกล้มอีกหลายอย่าง คนคอไม่แข็งอย่างเขาขอแบบที่ดีกรีต่ำ นั่งจิบไปสลับกินกับแกล้มไปด้วย สายตามองรอบเห็นคนกำลังทยอยเข้ามาในร้านมากขึ้น วันนี้เทวาก็ออกไปฉลองกับเพื่อน ๆ เหมือนกันไม่รู้ร้านไหน แต่ก็ยังอุตส่าห์บอกเขาว่าอย่าดื่มเยอะถ้าจะกลับให้โทรบอกจะมารับ แหมความรู้สึกของการมีคนคอยเป็นห่วงมันดีอย่างนี้นี่เอง ดนตรีเริ่มขยับจังหวะขึ้นเล็กน้อย โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นเตือน เขาหยิบออกมาเป็นเบอร์แปลกโทรมาอีกแล้ว คราวก่อนก็เป็นคุณลุงทนาย คราวนี้จะเป็นใครอีกล่ะ เขาเลื่อนหน้าจอรับ ปลายสายตอบกลับมาเป็นเสียงไม่คุ้น

“พี่เองพี่ณัฑศ์” พี่ณัฑศ์ พี่ณัฑศ์ไหนล่ะเนี่ยจำไม่เคยได้ว่ามีพี่ชายชื่อนี้

“อ้อ จำได้แล้ว แต่จำไม่ได้ว่าสนิทถึงขนาดเคยให้เบอร์ติดต่อไปนี่ พี่เอาเบอร์ผมมาจากไหน”

“ได้มาจากทินกร”

“อ้อ แล้วมีไรโทรมารบกวนคนอื่นเขา”

“หึ หึ” ปลายสายหัวเราะได้ยินเสียงบ่นแว่วมา แทนที่จะรู้สึกโกรธแต่กลับมีความสุขที่ได้ยิน “พอดีทินกรวานให้เอาเอกสารมาให้”

“อ้าว ไหนพี่กรบอกว่าจะแวะเอามาให้” พี่กรคนโกหก

“พอดีทินกรติดงานด่วนน่ะ แล้วเราอยู่ไหนทำไมเสียงดัง”

“มาเที่ยวตามประสาวัยรุ่น จะเอาเอกสารมาให้ก็รีบมา เดี๋ยวส่งแผนที่ให้” วางสายไปแล้วส่งแผนออนไลน์ที่ไปให้ จะมาถูกรึเปล่านั่นก็อีกเรื่อง แบร่ เขาแลบลิ้นใส่โทรศัพท์เชิญตามหาได้เลยทั้งคืนหายังไงก็ไม่เจอหรอก แต่ก็ผิดคาดเมื่อธีรณัฑศ์โทรกลับมาอีกครั้งบอกว่าอยู่หน้าร้านแล้ว นั่นทำให้เขาแปลกใจมันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ ปฐวีร์เดินเซไปหน้าร้านเห็นชายหนุ่มยืนยิ้มโบกมือให้ มาจริง ๆ ด้วยไม่ได้โกหก “ทำไมมาเร็ว”

“กลัวใครบางคนเมา แล้วจะคุยไม่รู้เรื่อง”

“อืม ไหนเอกสารที่ว่า”

“หน้าแดงเชียว คงยังไม่เมาหรอกนะ”

“เมา” ปฐวีร์พยักหน้ายอมรับ เขารู้สภาพตัวเองดี “เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว” 

“ให้พี่ไปส่งไหม” ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ปฐวีร์ที่ยืนเอียงจนกลัวว่าจะล้มเอา 

“ไม่ต้องคนของผม ผมพากลับเองได้” เทวาเพิ่งเดินมาถึงพูดแทรกขึ้น

“พี่เทวามาแล้ว” ปฐวีร์เดินเซเข้าไปหาอีกฝ่าย ไม่พอยังซบหน้าลงอกกว้างใช้หน้าถูไปถูมาเหมือนแมว เขาชอบกลิ่นนี้จำกลิ่นนี้ได้ ธีรณัฑศ์มองคนมาใหม่และภาพตรงหน้าอย่างไม่พอใจแต่ก็แค่แวบเดียว แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นปกติ

“น้องวีร์นี่เอกสารที่ทินกรฝากมาให้” ปฐวีร์หันมารับเอกสารไว้ “อืม ขอบคุณ”

“แล้วเจอกันที่ทำงานนะ” ธีรณัฑศ์ยิ้มให้แล้วเดินขึ้นรถไป

เทวามองรถเคลื่อนออกไป เขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนี่เลย ดูยังไงก็รู้ว่ามันชอบคนของเขา นี่ก็อีกคน “กินเยอะแค่ไหนถึงได้เมาได้” คนเมาชูนิ้วขึ้น เทวาถึงกับขมวดคิ้วอะไรจะคออ่อนขนาดนั้น



**********************************************

โปรดติดตามตอนไป

 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้านักอ่านท่านใดสนใจ สามารถสั่งจองหนังสือได้ค่ะ

❌❌ เปิดจอง Change! ❌❌
ระยะเวลาจอง 19 กันยายน - 20 ตุลาคม 2561
จัดส่งหนังสือได้หลังจากปิดจอง 20 วัน

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 26 [14/10/61]
«ตอบ #64 เมื่อ14-10-2018 15:28:08 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 26 [14/10/61]
«ตอบ #65 เมื่อ14-10-2018 15:52:30 »

พี่เทวาต้องดูแลน้องดีๆนะ  :hao5:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 27 [17/10/61]
«ตอบ #66 เมื่อ17-10-2018 20:32:52 »

ตอนที่ 27
[/size]



วันสุดท้ายของปีเวียนมาถึงอีกครั้ง หลายคนอาจจะมีอะไรพิเศษอย่างออกเดินทางไปเที่ยวกับครอบครัว เดินทางไกลออกต่างจังหวัดกลับภูมิลำเนา หรือบางคนอาศัยช่วงเวลาหยุดยาวจูงมือคนรักไปสัมผัสอากาศหนาวบนภูเขามองพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก

วันสุดท้ายของปีรถบนถนนเส้นหลักยังคงคับคั่งไปด้วยรถที่ทยอยเดินทางออกต่างจากจังหวัด ถนนในเมืองหลวงจึงได้ดูโล่งกว่าปกติ แต่อย่างเมืองหลวงใช่ว่าจะเงียบเหงา ยังคงดูคึกคักไม่ต่างจากทุกวัน เมื่อหลายหน่วยงานร่วมมือกันมอบความสุขผ่านไฟประดับหลากสีสันรอบเมือง ให้คนที่ไม่มีโอกาสกลับบ้านต่างจังหวัด ให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวง หรือคนที่ยังทำงานในช่วงปีใหม่ ได้ชมความสวยงามและถ่ายรูปเก็บความประทับใจ ไม่พอห้างสรรพสินค้าชื่อดังยังได้จัดตั้งเวที เชิญเหล่าศิลปินและนักแสดงเวียนขึ้นเวทีมอบเสียงเพลงให้คนที่มาร่วมงาน และมีกิจกรรมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ด้วย

ปฐวีร์นั่งมองภาพข่าวในจอโทรทัศน์ทางช่องดิจิตอลร้อยกว่าที่อยู่นอกห้อง มีพยาบาลหลายคนยืนดูข่าว นักข่าวกำลังเชิญชวนคนออกไปร่วมงานคืนนี้ ชายหนุ่มกำลังคิดถึงช่วงเวลาที่เขาได้ออกไปดูไฟกับเพื่อน ๆ นับถอยหลังเข้าปีใหม่ยืนมองพลุหลายร้อยลูกกระจายเต็มท้องฟ้าจนสว่างไสวอยู่นานหลายนาที เขาหันกลับมามองคนที่นอนไม่ได้สติบนเตียงเป็นปีใหม่ที่แปลกอีกปีที่ต้องมานั่งเห็นคนสำคัญป่วย ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจเแล้วพูดขึ้นว่า

 “พ่อปีนี้วีร์ไม่กลับบ้านนะ วีร์จะไปบ้านพี่เทวา ไม่มีพ่ออยู่ก็ไม่รู้จะกลับไปทำไม” ชายหนุ่มบ่นให้คนป่วยฟัง เป็นคำแนะนำของคุณหมอบอกให้พูดหรือสัมผัสผู้ป่วยบ่อย ๆ เป็นการกระตุ้นให้คนป่วยรับรู้และสัมผัสถึงความอบอุ่น เขาลูบมือหนาและกร้านเล็กน้อยแล้วนวดคลึงเบา ๆ เพื่อให้เลือดไหลเวียน จากนั้นเปลี่ยนไปนวดบริเวณแขน

“ไม่ต้องสงสัย ไม่บอกหรอกว่าพี่เทวาเป็นใคร ไม่เล่าให้ฟังด้วย ถ้าอยากรู้ตื่นขึ้นมาจะเล่าให้ฟังทั้งหมด แต่ห้ามไม่ชอบพี่เทวานะ” เหมือนเขากำลังพยายามหลอกล่อให้คนป่วยตื่นขึ้นมา ปฐวีร์เปลี่ยนเรื่อง พูดเรื่อยเปื่อย บ่นเรื่องเรียนเรื่องสอบที่เพิ่งผ่านไม่กี่วัน ที่อดหลับอดนอนถ่างตาอ่านหนังสือ ยังมีเรื่องที่ไปกินเหล้ากับเพื่อนแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ เมื่อจำได้ว่ากินวอดก้าไปแค่ขวดเล็กขวดเดียว ก็เดินเซแล้วแต่ก็โชคดีที่ยังไม่ถึงขนาดไปนั่งคุยกับชักโครก และสุดท้ายบ่นเรื่องไม่อยากไปทำงานที่บริษัท

“เมื่อไหร่พ่อจะฟื้นซะที” คนพูดทำน่าเศร้า แล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น เขารีบเดินออกจากห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทันทีเมื่อออกมาข้างนอก เห็นหน้าจอปรากฏชื่อใครก็รีบรับ

”ครับ จะมารับเหรอ มาถึงแล้ว กำลังขึ้นมา ได้ แล้วเจอกัน” วางสายไปแล้วกวาดสายมองไปรอบ ๆ เห็น คุณนายรองกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่อีกมุม ใกล้กันยังมี พิมพ์รตา อีกด้านมีคุณนายสามและลูก ๆ ดูแล้ววันนี้เหมือนเป็นวันรวมญาติ แต่เป็นการรวมที่โรงพยาบาล สิบนาทีสำหรับเวียนเข้าเยี่ยมเข้าพบพ่อ ต่อจากนี้เปลี่ยนให้คนอื่นเข้าไป เขามองเข้าไปในห้องผู้ป่วยอีกครั้งแล้วเดินไปรอเทวาที่โทรมาบอกว่ามาถึงแล้ว

            เทวาและธนาถือกระเช้ามาเยี่ยมคนป่วย ถึงทางโรงพยาบาลจะห้ามเยี่ยมแต่ก็แค่อยากแสดงน้ำใจเหมือนคนอื่นที่ส่งกระเช้ามาเรื่อย ๆ สอบถามกับทางโรงพยาบาล ก็มาถึงหน้าห้องผู้ป่วยมีกระเช้าหลายขนาดวางไว้บนโต๊ะ พิมพ์รตาเห็นคนมาเยี่ยมเป็นใครเธอก็รีบเข้าไปทัก “พี่เทวามาเยี่ยมคุณพ่อหรือคะ”

คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยกับคำทักทายที่ดูเหมือนสนิทสนมกว่าปกติ ”ครับ ผมกับพี่ชายเอากระเช้ามาเยี่ยม” ธนาเห็นท่าทางน้องชายไม่ค่อยเป็นมิตรและไม่อยากจะสนิทกับหญิงสาวตรงหน้าเท่าไหร่ เขาก็รีบเข้ามาเข้ามาแทรก “นี่เป็นกระเช้าเยี่ยมจากสุรัตนธรรมวรธิเบศณ์”

“อ้อ ขอบคุณนะคะ” ทั้งสองยังคุยกัน ส่วนเทวามองหาคนรักไม่รู้อยู่ไหน

“ไปนั่งตรงโน้นก่อนไหมคะ” ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันเหมือนกำลังปรึกษา เอาไงดี ถ้าจะกลับเลยก็ดูเสียมารยาท ยังไงไหว้ผู้ใหญ่ก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เทวาพยักหน้าเห็นด้วย แต่นั่นเป็นเรื่องที่เขาคิดผิด เมื่อหญิงสาวชวนคุยไม่หยุดจนน่ารำคาญ เล่าในไม่เรื่องที่เขาไม่สนใจอยากรู้ พูดในเรื่องที่เขาไม่ได้ถาม ธนาเป็นคนมีความอดทนต่ำรู้ว่าหญิงสาวพยายามเข้าใกล้น้องชาย แต่เสียดายเธอไม่ใช่แบบที่น้องชายเขาชอบ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีจึงได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ เทวาตวัดสายตาไปมองพี่ชาย คนอย่าง ธนาหรือจะกลัวเขายิ่งรีบเดินออกจากตรงนั้น

ปฐวีร์เดินจะรอบทั้งชั้นยังไม่เห็นคนที่บอกจะมารับ จึงเดินกลับมาที่หน้าห้องเห็นชายหนุ่มกำลังคุยอยู่กับพิมพพ์รตา เขายืนฟังคำพูดที่ดูสนิทสนมจนรู้สึกระคายหู พอดีกับที่เทวาหันหน้ามาเห็นเขาแล้วยิ้มให้ พิมพ์รตาเห็นรอยยิ้มชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเขายิ้มให้เธอ แต่ก็ต้องฝันสลายเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น “พี่เทวามานานรึยัง ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”

“ไม่นานพี่เพิ่งจะมาถึง พอดีพี่ธนาไปเข้าห้องน้ำ” เทวารีบพูดแก้ตัวทันทีที่เห็นสายตาของอีกฝ่าย พิมพ์รตามองเทวาสลับปฐวีร์ ฟังน้ำเสียงและคำพูดเหมือนทั้งสองจะสนิทสนมกว่าที่คิด แต่แล้วไง

“พี่เทวารู้จักพี่วีร์หรือคะ” เธอถามไปอย่างนั้น

“วีร์เป็นคนรักของผม”

พิมพ์รตาเงียบกำลังคิดว่าตัวเองหูฟาดหรือฟังอะไรตกหล่นไป “แหม พี่เทวานี่ชอบพูดเล่นนะคะ” ถึงจะพูดอย่างนั้นเธอก็หัวเราะไม่ออก

“ผมไม่ได้พูดเล่น” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปหาปฐวีร์แล้วจูบลงริมฝีปากบางเพื่อเป็นการยืนยัน พิมพ์รตาตกใจอ้าปากกว้าง ปฐวีร์ยิ่งตกใจไม่นึกว่าจะถูกจู่โจมในที่สาธารณะ แต่คิดได้ว่าพิมพ์รตากำลังมองอยู่ เขาก็ให้ความร่วมมือ ธนาแอบดูทุกอย่างเงียบ ๆ ก็ตกใจไม่แพ้กันไม่นึกว่าน้องชายจะเด็ดขาดอย่างนี้

“ขอตัวก่อนนะคะ” พิมพ์รตาได้สติเธอรีบเดินออกมาจากตรงนั้น ไม่อยากเห็นภาพบาดตา ในใจทั้งโกรธทั้งเกลียดที่ถูกผู้ชายปฏิเสธ ไม่พอยังไปเลือกผู้ชายอีกคน แถมยังเป็นคนที่เธอเกลียดอีก “ไอ้วีร์ แกแย่งเขาไปจากฉันอย่างหวังว่าจะได้มีความสุขเลย” ใบหน้าสวยหวานกลายเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที 

ธนาเห็นทางสะดวกแล้ว รีบเข้าไปห้ามน้องชาย “กลับได้แล้ว คุณแม่ให้มารับน้องกลับบ้าน ถึงบ้านแล้วค่อยทำต่อ” เทวาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกเห็นแก้มอีกฝ่ายแดง “กลับบ้านแล้วทำต่อ” ปฐวีร์แทบเสยหมัดใส่คางคนพูด แต่จะโทษเทวาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะเขาก็ให้ความร่วมมือ ตอนนี้เขาทั้งเขินทั้งอาย แต่ก็รู้สึกสะใจที่เห็นใบหน้าซีดเผือดของพิมพ์รตา เห็นได้ว่าการลงทุนครั้งนี้ได้ผลกำไรกว่าที่คิด เทวาจูงมือปฐวีร์ออกจากที่นั่น เขาไม่คิดเหมือนกันจะทำอะไรอย่างนั้น แต่เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม บางทีการอธิบายด้วยคำพูดอาจจะไม่เข้าใจ แสดงให้เห็นอาจจะเข้าใจได้มากกว่า เขากุมมือขาวแน่นมองคนที่ไม่กล้าสบตา

 ตั้งแต่ขึ้นรถมา ปฐวีร์นั่งเงียบไม่กล้าพูดกับใคร ส่วนเทวาอารมณ์ดีจนธนาหมั่นไส้ อยากจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่ให้แม่ดุ แต่ก็นึกได้ว่าแม่กำลังเห่อลูกชายคนใหม่ ขนาดให้ไปรับมาค้างที่บ้านช่วงปีใหม่ พี่สะใภ้เข้ามาบ้านแรก ๆ คุณแม่ยังไม่แสดงท่าทางว่าชอบขนาดนี้เลย

ไม่นานก็มาถึง ธนาเลี้ยวรถเข้าจอดในบ้าน เด็กชายทั้งสองได้ยินเสียงรถรีบวิ่งออกมารับ เห็นปฐวีร์ลงมาจากรถ เด็ก ๆ รีบเข้าไปจูงมือเข้าบ้าน เด็ก ๆ หอบเอาของเล่นใหม่ออกมาโชว์ เป็นตัวต่อเพิ่งได้มาไม่กี่วัน จริญญาได้ยินเสียงรถเสียงหลาน ๆ ก็รู้ว่าปฐวีร์มาถึงแล้ว เธอเข้าไปในห้องนั่งเล่นเห็นเด็กชายตัวเล็กนั่งบนตักปฐวีร์ พยายามต่อตัวต่อในมือ “น้องวีร์มาแล้วเหรอลูก”

”สวัสดีครับคุณแม่”

“ไหว้พระลูก วันนี้แม่ทำของอร่อยไว้เยอะเลย”

ได้ยินว่าของอร่อยตาลุกวาวขึ้นมาทันที “ให้ผมช่วยไหมครับ”

“ไม่ต้องลูก มาเหนื่อย ๆ เล่นกับหลานดีกว่า” พูดคุยถามอาการคนป่วยสองสามคำเห็นสีหน้าท่าทางอีกฝ่ายขณะพูด ดูสดชื่นและมีรอยยิ้มบาง ๆ ให้เห็น เท่านี้เธอก็เบาใจ จากนั้นปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันต่อ ส่วนเธอกลับเข้าไปในครัว

            พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำ แสงสีแดงบนท้องฟ้าค่อย ๆ จางหายกลายเป็นสีดำมาแทน อากาศเย็นลง พระอาทิตย์เลยรีบหลบไปพักผ่อนเร็วกว่าปกติ และก็เป็นเวลาเดียวกับงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ในสวน บรรยากาศอบอุ่นได้เริ่มขึ้น กับข้าวหลายอย่างทยอยนำวางบนโต๊ะ ทุกคนนั่งพร้อมหน้ามื้อเย็นก็เริ่มขึ้น เด็ก ๆ นั่งประจำที่กำลังกินไก่ทอดของโปรดอย่างอร่อยโดยมีธรรมและภรรยาขนาบซ้ายขวา ถัดมาเป็นธักศนัยและ จริญญา ปฐวีร์กับเทวานั่งกินได้สักพักก็ลุกไปช่วยกันปิ้งกุ้งตัวโต ปลาหมึก และบาร์บีคิว ส่วนธนาช่วยทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้ทุกคน

“น้องวีร์กินบ้างนะลูกยิ่งตัวเล็กอยู่ด้วย เดี๋ยวหลานก็โตทันแล้ว”

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอก เจ้าเทวามันไม่ปล่อยให้น้องอดหรอก อืม บาร์บีคิวฝีมือแม่ยังอร่อยเหมือนเดิมเลย”

“ลองแกพูดไม่อร่อยดูสิรับรองแกอดข้าวไปหลายวันเลย”

“โห พ่อใครจะกล้า”

“ตาธนาหมายความว่ายังไงว่าไม่กล้า”

“ไม่ใช่อย่างนั้น นั่นกุ้งของโปรดของคุณแม่ใกล้หมดแล้ว เดี๋ยวผมไปช่วยน้องวีร์ปิ้งดีกว่า ปะน้องวีร์” ธนารีบลากปฐวีร์ไปที่เตา ทุกคนเห็นอย่างนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ ปาร์ตี้เล็ก ๆ ดำเนินไปด้วย รอยยิ้ม เสียงพูดคุยสลับกับเสียงหัวเราะ สุดท้ายก็จบลงด้วยความสุข ก่อนจะแยกย้ายขึ้นห้องไปพักผ่อน

ปฐวีร์อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยกำลังนอนแผ่บนเตียงมองเพดานคิดเรื่องราวที่ผ่านทั้งวัน เป็นวันส่งท้ายปีที่แปลกกว่าทุกปี ที่แปลกที่สุดก็คือปาร์ตี้บรรยากาศอบอุ่นนั่น เทวาเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นคนนอนบนเตียงกำลังยิ้มไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาปีนขึ้นเตียงใช้นิ้วบีบแก้มใสแล้วถาม “ยิ้มอะไรคนเดียว”

“เปล่า พี่เทวาอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”

“แบบไหน”

“ก็เรื่องจูบที่โรงพยาบาล”

“อืม ทำไมพี่แค่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นคนรักกัน อีกอย่างท่าทางของเธอแค่พูดก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง อธิบายไปก็เท่านั้นสู้ให้เห็นกับตาเลยง่ายกว่า”

“อื้อ” ปฐวีร์เข้าใจ คนพวกนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ “แต่บางคนก็ไม่ยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ คนอื่นจะมองไม่ดี อีกอย่างคนอย่างพิมพ์รตาเธอไม่ใช่คนที่จะยอมอะไรง่าย ๆ”

เทวาขมวดคิ้วไม่อยากให้อีกฝ่ายเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดมาก “พี่กับเธอเจอกันไม่กี่ครั้ง พูดกันไม่กี่คำ เธอคงไม่ได้คิดอะไรหรอกมั้ง” อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ชอบเธอ

หึ ปฐวีร์ทำเสียงขึ้นจมูก รู้จักพิมพ์รตาน้อยไปแล้ว ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเจออะไรบ้าง ช่างเถอะตอนนี้ขอให้มีความสุขกับปัจจุบันก็พอไม่อยากกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เสียงพลุแว่วดังมาแต่ไกลนั่นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าเข้าสู่ปีใหม่แล้ว

“สวัสดีปีใหม่ครับ”

“สวัสดีปีใหม่ อยู่ด้วยกันอย่างนี้ทุกปีนะ” เทวากดจมูกลงหน้าผากอีกฝ่าย แล้วทั้งสองก็หลับไปพร้อมกัน

คืนก่อนปีใหม่หลายคนออกมาเที่ยวเพื่อฉลองเข้าสู่วันแรกของปี ปิ่นอนงค์กับคณิตาร์ก็เหมือนกัน ทั้งสองออกมาสนุกที่ผับแห่งหนึ่งคืนนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษ เนืองแน่นไปด้วยนักเที่ยว คณิตตาร์ทั้งกินทั้งดื่มทั้งจากแก้วของเพื่อน ทั้งโต๊ะข้าง ๆ มาขอชนแก้ว จนจำไม่ได้ว่าดื่มอะไรลงไปบ้าง ทำให้เธอรู้สึกมึนหัวห้องกำลังหมุนติ้วจนยืนไม่อยู่ เธอไม่เคยดื่มเยอะขนาดนี้มาก่อน แต่เธอกลับมีความสุข ฮ่า ฮ่า เธอหัวเราะออกมา เสียงนับถอยหลังดังขึ้น 9 8 7... เธอขยับริมฝีปากนับตาม มองภาพทุกคนกำลังยิ้มหัวเราะชนแก้วกันอย่างสนุก แล้วภาพตรงหน้าก็ค่อย ๆ พร่าเลือนและดับวูบลง

            วันแรกของปีเป็นเช้าที่มาพร้อมอากาศเย็น หลายคนยังหลับสบายไม่อยากลุกจากเตียง ขนาดพระอาทิตย์ยังตื่นสายกว่าปกติ ผิดกับปฐวีร์และเทวาออกมายืนอยู่หน้าบ้านทั้งสองกำลังรอใส่บาตร “หนาวไหม” ปฐวีร์ส่ายหน้า เทวากอดเอวอีกฝ่ายไว้กลัวจะหนาว ธนาเห็นท่าทางคู่รักแล้วรู้สึกอิจฉาหันไปอีกทางก็เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้กำลังยิ้มให้กัน อีกทางก็เห็นพ่อกับแม่ สรุปแล้วมีแต่เขาที่ยังไม่มีคู่ ทำไมถึงรู้สึกหดหู่ตั้งแต่เช้าวันแรกของปีอย่างนี้

“นิมนต์เจ้าค่ะ” จริญญานิมนต์พระ ทุกคนใส่อาหารคาวหวานลงบาตร จากนั้นพระท่านก็ให้พร

“โยม” พระรูปหนึ่งพูดขึ้นมองไปที่ปฐวีร์ “โยมนั่นแหละ คิดจะทำอะไรให้ใช้สติมากกว่าอารมณ์แล้วเรื่องร้าย ๆ จะผ่านไป”

“ครับ” ปฐวีร์ตอบรับมองตามหลังพระท่านเดินค่อย ๆ เดินไกลออกไป หมายความว่ายังไง ใช้สติมากกว่าอารมณ์ คงไม่ได้หมายความว่าเขากำลังจะมีเคราะห์หรอกนะ เพราะเมื่อคืนก็ฝันแปลก ๆ อีกแล้วทุกอย่างในฝันมันดูไม่ชัดเจน เหมือนทุกครั้งจนอดนึกกังวลไม่ได้ว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น และยิ่งมาได้ยินพระท่านทักขึ้นมาแบบนี้ยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมา

“ไม่มีอะไรหรอก” เทวากุมมือขาวไว้ คำพูดธรรมดาแต่ก็ทำให้เขาลืมความรู้สึกแย่ไปชั่วคราว

            วันแรกของปีผ่านไป วันที่สองเป็นวันหยุดอีกวันตอนเช้าปฐวีร์ไปทำบุญที่วัดกับทุกคน นั่งฟังพระสวดมนต์ และไปให้อาหารปลา ทำให้จิตใจรู้สึกสงบและผ่อนคลาย

ในตอนสายปฐวีร์ไปกราบแม่ เขายืนอยู่หน้าเจดีย์สีขาวใส่กระดูกด้านหน้ามีรูปผู้หญิงสวยคนหนึ่งกำลังยิ้มอยู่ รอบ ๆ มีฝุ่นเกาะ เขาปัดกวาดเปลี่ยนดอกไม้จุดธูปที่เตรียมมา และบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขาฝันเห็นความตายของตัวเอง แล้วยังถามรูปถ่ายแม่ว่าทุกอย่างที่เขาเห็นเป็นเพราะแม่ใช่ไหม เงียบอยู่นานก็ไม่มีคำตอบที่ต้องการ ทำให้เปลี่ยนมาพูดโกหกบอกว่า พ่อสบายดีแต่ช่วงนี้งานยุ่งไม่มีเวลามาเยี่ยม และไม่ลืมแนะนำเทวาให้รู้จัก

“แม่ นี่เทวาคนรักของวีร์” เทวาเลิกคิ้วขึ้นไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมา เทวากราบทักทายและให้สัญญาว่าจะดูปฐวีร์ให้ดี  ปฐวีร์ทำเป็นไม่ได้ยินไม่สนใจ อากาศเริ่มร้อนแสงพระอาทิตย์คล้อยมาตรงหัว ทั้งคู่ก็ออกจากที่นั่น

“ไปกินก๊วยเตี๋ยวเรือกัน อยากกินมาหลายวันแล้ว”

“แถวนี้มีร้านไหนอร่อย”

“แปบ เดี๋ยวหาข้อมูลทางเน็ต” ปฐวีร์จิ้มกดเลื่อนหน้าจอดโทรศัพท์สักพักก็เงยหน้าขึ้น “นี่ไง เจอแล้วร้านนี้ห่างจากที่นี่ไม่ไกลเท่าไหร่ คนที่ไปกินยังบอกอีกว่ามีที่จอดรถด้วย”

“โอเค งั้นก็ไปกัน”

หลังจากกินก๊วยเตี๋ยวเรือคนละถ้วยสองถ้วย ทั้งสองก็เดินอิ่มพุงกางออกมาจากร้าน

ในตอนบ่ายปฐวีร์แวะไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาล ไปเล่าเรื่องงานปาร์ตี้ที่บ้านเทวาว่าสนุกยังไง มีของอร่อย ๆ อะไรให้กินบ้าง และไม่ลืมเล่าเรื่องที่ไปเยี่ยมแม่มาด้วย

ออกมาจากโรงพยาบาลท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว ท้องก็ส่งเสียงร้อง ร้านอาหารแถวที่พักก็ไม่มีร้านไหนเปิด เลยต้องเพิ่งบริการอาหารส่งถึงที่ “อาหารญี่ปุ่นไหม สเต๊กก็อยากกิน ไก่ทอดก็อร่อย พิซซ่าก็น่าจะดีไม่ได้กินานแล้ว” ทั้งสองกำลังช่วยคิดว่าจะกินอะไรกันดี

“อากาศเย็น ๆ กินสุกี้กัน”

“แต่ไม่มีหม้อสุกี้หรือเตาไฟฟ้านะ”

“อืม” เทวากำลังใช้ความคิด

ออด ออด เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากันสงสัยว่าใครมา ปฐวีร์ส่ายหน้าไม่รู้ เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง ปฐวีร์ลุกไปเปิด

“เซอร์ไพรส์” เมื่อเปิดประตูออกเขาถูกนภาภรณ์กอดแน่นแล้วยังมีภฤดล กฤติกรณ์ ยุทธจักร ตติวัฒน์และคฑาวุธยืนยิ้มหวานให้

“อ้าว พวกแกมาได้ไง ไหนว่าไม่ว่างไปเที่ยวต่างจังหวัด เมื่อคืนไอ้ยุทธยังเอาภาพลงอยู่เลย”

“อืม สามคนนี้ก็บอกไม่ว่างสักคน แล้วอยู่ ๆ ก็โผล่มา”

“ถ้าบอกจะเรียกว่า เซอร์ไพรส์ เหรอ เป็นไง เซอร์ไพรส์ไหม”

“อื้อ เซอร์ไพรส์ ยิ่งกว่าที่นี่ไม่มีอะไรกิน”

“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นพวกพี่ซื้อของกินมาหมดแล้ว ปีใหม่อย่างนี้ต้องสุกี้”

“แต่ห้องผมไม่มีเตาไฟฟ้า” ทุกคนเงียบลงทันที นี่สิถึงเรียกว่าเซอร์ไพรส์จริง “ไอ้ยุทธแกไปซื้อดิ”

“ทำไมต้องเป็นฉันวะ” ยุทธจักรถามอย่างไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นเขา

“เพราะแกเป็นคนบอกให้มา เซอร์ไพรส์ไง” ทุกคนเห็นด้วย ยุทธจักรเลยต้องเป็นคนไป ปฐวีร์ดูแล้วกลัวจะไม่ได้เรื่องเขาเลยไปด้วยและถือโอกาสของกินมาเพิ่ม

            เกือบสองชั่วโมงปฐวีร์และยุทธจักรก็กลับมาพร้อมเตาไฟฟ้า ของสด ขนมและน้ำอัดลม เทวาและเพื่อนช่วยกันเตรียมของทุกอย่างไว้แล้ว ระหว่างนั้นก็กินขนมรองท้อง เมื่อเตามาถึงทุกคนก็รีบช่วยกัน ยกหม้อน้ำซุปที่ยังร้อนมาวางบนเตา เท่านี้ปาร์ตี้สุกี้ก็เริ่มขึ้น ปฐวีร์เริ่มตักของสดอย่าง เนื้อหมูสไลน์ เนื้อไก่หมัก สามชั้นสไลน์ เบคอน กุ้ง ปลาหมึก ลูกชิ้น จากนั้นตามด้วยผักและเห็ดหลายอย่างลงไปในหม้อ ในระหว่างที่รอทุกคนนั่งดูหนังไปด้วย “สุกแล้ว” ปฐวีร์เปิดฝาออกควันฟุ้ง น้ำในหม้อเดือนปุดปุด ทุกคนก็รีบลงมือตักของกินที่ตัวเองชอบใส่จาน

            แย่งกันตักของอร่อยในหม้อกินจนอิ่ม ของสดที่ซื้อมาก็หมดไม่มีเหลือ ปฐวีร์กับนภาภรณ์ช่วยกันเก็บกวาด ที่เหลือก็เปลี่ยนไปนั่งย่อยหน้าโทรทัศน์ ห้องที่เมื่อครู่คลุ้งไปด้วยกลิ่นอาหารก็กลับมีกลิ่นดีขึ้นด้วยสเปร์ปรับอากาศ

             เช้าวันที่สามของปีทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ ร้านค้ากลับมาเปิดทำการ รถบนท้องถนนกลับมาติดเหมือนทุกวัน ผู้คนรีบเร่งเดินสวนไปมา และยังดูวุ่นวาย กว่าเมื่อคืนทุกคนจะกลับไปก็เที่ยงคืนไปแล้ว



*********************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ถ้านักอ่านท่านไหนชื่นชอบ อย่าลืมจองหนังสือนะคะ
 ยังสามารถจองได้ถึง 20 ตุลาคม 61
สอบถามรายละเอียดที่เพจได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/


ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 27 [17/10/61]
«ตอบ #67 เมื่อ17-10-2018 21:26:00 »

ขอพี่เทวาจงอย่าทำให้น้องผิดหวังนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 27 [17/10/61]
«ตอบ #68 เมื่อ18-10-2018 13:11:09 »

กว่าวีร์จะหมดเคราะห์หมดโศกคงแทบ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ benzdekba

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 503
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 27 [17/10/61]
«ตอบ #69 เมื่อ18-10-2018 22:49:58 »

 :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 27 [17/10/61]
« ตอบ #69 เมื่อ: 18-10-2018 22:49:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 28 [19/10/61]
«ตอบ #70 เมื่อ19-10-2018 20:11:00 »


ตอนที่ 28



เปิดเรียนวันแรกสติหลายคนยังอยู่กับปาร์ตี้ บางคนยังอยู่ที่ต่างจังหวัด อาจารย์จึงเรียกสติทุกคนกลับมาด้วยแบบทดสอบย่อย วันที่สามของปีเริ่มต้นด้วยแบบทดสอบหลายคนแทบร้องไห้ แต่ออกมาจากห้องเรียนหลังเรียนเสร็จก็ต้องตกใจไปอีกเมื่อเห็นเทวามาอยู่หน้าห้อง “ไปจากที่นี่ก่อน แล้วค่อยพูดกัน”

            ปฐวีร์ถูกพามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และมีเพื่อน ๆ ของเขาขอมาด้วย วจีกับน้ำขิงกำลังมองเทวาและเพื่อนของเทวาอย่างใจลอย ปฐวีร์กำลังรอฟังคำตอบว่าทำไมเทวาถึงไปรอหน้าเรียนแล้วยังพามาที่ร้านอาหารนี่อีก

“พอดีมีคนปล่อยข่าวเรื่องที่น้องวีร์คบกันกับไอ้เทวาออกมา”

“อือ แล้วไงครับ” ปฐีร์ไม่ค่อยจะแปลกใจเท่าไหร่

“พอดีมันใช้คำที่ไม่ดีเท่าไหร่ เหมือนจะทำให้ทั้งสองคนเสียชื่อเสียง” ตติวัฒน์ยื่นข้อความในโทรศัพท์ให้ดู ทุกคนอดชะเง้อหน้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ เมื่อทุกคนเห็นข้อความก็รู้สึกโกรธแทนขึ้นมา

“พวกขี้อิจฉาเห็นคนอื่นได้ดีมีความสุขไม่ได้” วจีบ่นขึ้นมาลอย ๆ ทำให้ปฐวีร์อดยิ้มไม่ได้

“วีร์ไปมีเรื่องผิดใจกับใครเข้ารึเปล่า” ได้ฟังคำถามเพื่อนก็เหมือนจะนึกออก

“อ้อ” เท่านี้เขาก็พอจะเดาออกคนที่จะทำอะไรแบบนี้ได้มีไม่กี่คน “ใครจะไปรู้อาจจะเป็นสาว ๆ แฟนคลับที่ชื่นชอบพี่เทวาก็ได้” เทวาได้ฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง “แล้วพวกพี่รู้ที่มาข้อความพวกนี้รึยัง” ทุกคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า

“ยังไงช่วงนี้ พี่อยากให้เราระวังตัวไว้ พยายามอย่าไปไหนคนเดียว ไม่รู้คนที่ทำต้องการอะไร”

“ครับ” ฟังน้ำเสียงและท่าทางเป็นห่วงที่แสดงออกมาของเทวาเล่นเอาเลือดกำเดาวจีกับน้ำขิงแทบพุ่ง พวกเธอคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตามมา

            ข้อความที่ออกมาว่าปฐวีร์กับเทวาเป็นแฟนกันแผ่ไปอย่างรวดเร็วนักศึกษาทั้งสองคณะไม่มีใครไม่รู้เรื่องนี้ และลามไปทั่วมหาวิทยาลัยในวันต่อมา หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลใครจะรักใครคบกับใครก็เรื่องของเขา บางคนที่ชื่นชอบเทวาก็แสดงความไม่ใจอยู่บ้างแต่พอได้เห็นหน้าปฐวีร์หนุ่มน้อยหน้าใสก็ทำให้พวกเธอเปลี่ยนความคิด เนื้อหาของข้อความที่ปล่อยออกมาโดยรวมตั้งใจทำลายชื่อเสียงและทำให้ทุกคนรู้สึกรังเกียจความสัมพันในลักษณะนี้ ข้อความและรูปเป็นไปในลักษณะของการส่งต่อทำให้ยังไม่ทราบที่มา

ปฐวีร์เข้าโซเชี่ยวเอฟเหมือนทุกวันแต่วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษมีคนเข้ามาแสดงความเห็นทั้งในแง่ลบ อย่าน่าขยะแขยง น่ารังเกียจ วิปริต และอีกหลายข้อความที่ทำให้อ่านแล้วต้องยิ้ม ดูเหมือนตอนนี้เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ถูกจับได้ว่าเป็นชู้กับสามีคนอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่คนเข้ามาด่า ข้อความแสดงความเห็นใจ ให้กำลังใจ สนับสนุนก็มีไม่น้อยเหมือนกัน อย่างสู้ ๆ นะเป็นกำลังใจให้ น่ารักทั้งคู่เลย เหมาะสมกันมาก ส่วนอันนี้ก็คงเหมือนสถานการณ์ดาราถูกจับได้ว่ามีคนรัก กำลังอ่านเพลินหน้าจอโน้ตบุ๊กก็ถูกพับลง

“ไม่ต้องอ่านหรอกข้อความพวกนี้อ่านแล้วก็ไม่สบายใจ”

“อืม” ปฐวีร์เลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ”ใครบอกว่าผมไม่สบายใจ ดีซะอีก มีคนบอกให้ทุกคนรู้ว่าพี่มีเจ้าของแล้ว”

“แต่มันมาในลักษณะทำลายชื่อเสียงนะสิ”

“หึ หึ คนเรามีใครบ้างไม่มีคนเกลียด ถ้าเราอยู่เงียบ ๆ ไม่เต้นตาม เดี๋ยวเขาก็เงียบไปเอง” พูดจบสายตาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังนึกถึงคำพูดของพระที่เคยพูดเตือนไว้ว่าให้ใช้สติ ตอนนี้เขาไม่มีทั้งสติและอารมณ์ให้ใช้ รู้สึกเบื่อหน่ายขี้เกียจไปหมด

ดึกแล้วคณิตตาร์ยังนั่งเล่นโทรศัพท์ อ่านข้อความล่าสุดที่เพื่อนส่งมา อ่านแล้วทั้งตลกและสมน้ำหน้า ไม่นึกว่าคนอย่างปฐวีรก็มีช่วงเวลาอย่างนี้เหมือนกัน “ยิ้มอะไรคนเดียวยัยตาร์”

“อ๋อ พอดีเพื่อนส่งข้อความตลกมาให้อ่าน”

“ข้อความอะไรมาอ่านบ้างสิ” คณิตาร์ส่งโทรศัพท์ให้พี่ชายดู คชาธรณ์ไล่สายตาอ่านข้อความที่น้องสาวกำลังหัวเราะ ใบหน้ามีร่องรอยไม่พอใจปรากฏ “เห็นไหมคะก็แค่เรื่องตลกไร้สาระ ไอ้วีร์นี่ก็แปลกวิปริตไปชอบผู้ชายด้วย พี่เทวานี่ก็อีกคนหน้าตาก็ดี เรียนก็เก่งฐานะทางบ้านก็ดีไม่น่าเป็นอย่างนี้เลย”

“เป็นอย่างนี้คือเป็นยังไง” คชาธรณ์ถามเสียงแข็งแต่สายตายังมองรูปในโทรศัพท์

“ก็เป็นพวกวิปริตไง ชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่รู้ชอบไปได้ไง แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยง” คณิตตาร์ยังพูดความรู้สึกของเธอต่อไม่ได้สังเกตท่าทางของคชาธรณ์ที่เม้มริมฝีปาก กำโทรศัพท์ในมือแน่น จนคชาธรณ์ทนไม่ไหวต้องตะโกนออกมา”ชอบผู้ชายด้วยกันมันผิดตรงไหน” คณิตตาร์ตกใจกับท่าทางพี่ชาย คชาธรณ์รู้สึกตัวว่าเพิ่งหลุดคำพูดที่ไม่ควรพูดออกไปสมองรีบคิดหาข้อแก้ตัว “เอ่อ เปล่าแต่ยังไงวีร์ก็เป็นพี่ พูดอะไรให้ระวังไว้บ้าง ถ้าวีร์เสียหายแล้วคนจะมองวีรวัฒฑณ ฯ ยังไง”

“แล้วจะให้ทำยังไง เรื่องมันออกมาอย่างนี้ พี่คงไม่ได้คิดจะช่วยไอ้วีร์หรอกนะ”

“เปล่า แค่อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ” ถ้าเป็นที่เขาคิดแล้วละก็งานนี้สนุกแน่ คณิตตาร์มองรอยยิ้มพี่ชายอดรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้

วันต่อมาปฐวีร์ไปเรียนเหมือนทุกวัน ทำตัวตามปกติ แต่ก็มีสายตามองมาและหันกลับซุบซิบกันแต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ปฐวีร์เห็นอย่างนั้นแล้วอยากจะหัวเราะ อยากจะนินทาคนอื่นทั้งที ยังต้องหลบต้องซ่อนยุ่งอยากไปไหม

ต่อมาอีกวันข้อความลูกโซ่ก็ยังถูกส่งต่อ แต่มันก็แทบไม่ได้สร้างปัญหาให้ปฐวีร์เลย เทวายังแวะเวียนมาส่งตอนเช้า เที่ยงแวะมาหา ตอนบ่ายแวะมารับ ผู้หญิงหลายคนกับชอบใจที่ได้เทวากับเพื่อนบ่อยขึ้น

ช่วงหลายวันที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์อะไรขึ้น ถึงอย่างนั้นเทวาและเพื่อนยังตามหาคนที่สร้างความรำคาญนี้ และเพื่อความอุ่นใจปฐวีร์ได้ไปแจ้งความบันทึกประจำวัน เมื่อทั้งสองคนไม่เป็นทุกข์ แต่เป็นคนที่สร้างเรื่องขึ้นมา กลับเป็นทุกข์เพราะทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด พิมพ์รตานั่งอยู่บนรถเลื่อนกระจกลงมองไปที่กลุ่มปฐวีร์และเพื่อนนั่งกินขนมอยู่โรงอาหารอย่างสบายใจ “ไหนเธอบอกว่าปล่อยข่าวออกไปแล้ว ทำไมมันเงียบอย่างนี้” เธอถ่อมาไกลถึงที่นี่ไม่ได้อยากเห็นภาพนี้ เธออยากเห็นใครหลายคนเดินไปตบหน้าหรือทำร้ายร่างกายปฐวีร์ หรือมันอายจนไม่กล้าโผล่หน้ามาเรียน

“นี่คุณ คนเขามีการศึกษา ไม่ใช่แค่อ่านข้อความไม่กี่บรรทัด รูปไม่กี่รูป แถมไม่มีที่มาที่ไปอาศัยแค่นี้จะให้วิ่งเข้าไปทำร้ายคนอื่นไม่มีใครเขาทำกันหรอก อีกอย่างเรื่องนี้มันก็สิทธิส่วนบุคคล ซุบซิบเป็นขี้ปากวันสองเบื่อก็เบื่อแล้ว” พิมพ์รตาเม้มปากไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้ยังไง “ทำต่อไปเปลี่ยนรูป ทำข้อความให้น่าสนใจมากกว่าเดิม”

“อืม ได้” เธอลงมาจากรถ แล้วรถคันหรูก็เคลื่อนที่ออกไป

คณิตตาร์ยืนหลบมุมดูรถที่เพิ่งขับออกไป เห็นป้ายทะเบียนก็รู้ว่าเป็นรถใครอย่างที่พี่ชายเธอคิดไว้หลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่ตัวการอย่างพิมพ์รตา แต่เธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมพิมพ์รตาถึงทำเรื่องงี่เง่าอย่างนี้ได้ อะไรเป็นต้นเหตุ

            ผ่านมาอีกวันหลังจากที่ปฐวีร์และเพื่อนเรียนเสร็จลงมาจากห้องกำลังจะไปอะไรกินข้างนอก ก็มีนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาทัก

“สวัสดี นายใช่คนที่เป็นข่าวช่วงนี้รึเปล่า” เธอโชวร์รูปและข้อความในโทรศัพท์ให้ดู เพื่อน ๆ เห็นคนไม่รู้จักเข้ามาทักต่างรู้สึกไม่ไว้ใจและช่วยกันล้อมเธอไว้ พวกเขาต่างใช้สายตา สังเกตหน้าตาการแต่งตัวว่าเธอเป็นใครมาจากไหน

“ใช่ผมเอง เธอมีอะไร” ปฐวีร์ไม่นึกว่าจะมีคนเข้ามาทักหลังจากที่มีข่าวเกี่ยวกับเขาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเธอมาเข้ามาหาเขาด้วยความตั้งใจหรือใครสั่งให้มา

หญิงสาวเห็นท่าทางหวาดระแวงกับสายตาไม่ค่อยเป็นมิตหลายคู่รู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ “งั้นก็ถูกแล้ว พอดีฉันรำคาญไอ้ข้อความบ้า ๆ ที่มันส่งมาทุกวัน ยังไงนายช่วยไปทำอะไรสักอย่างที”

ได้ยินคำพูดของหญิงสาวปฐวีร์กลับรู้สึกแปลกใจไม่นึกว่าจะได้ยินประโยคพวกนี้ “ยังไง” เขาถามด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

“ตามฉันมา”

ทุกคนมองหน้ากันแล้วตามหญิงสาวไป เดินผ่านคณะหนึ่งไปอีกคณะหนึ่งจนไปถึงอีกคณะหนึ่ง ในที่สุดเธอก็หยุดแล้วชี้ไปที่ผู้หญิงอีกคนที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนข้างอาคารเรียน “นั่นถ้าเดาไม่ผิดยัยนั่นเป็นตัวการ” ทุกคนทำหน้าไม่อยากเชื่อ พวกเขาครวาญหาตัวต้นเหตุมาหลายวันอยู่ ๆ ก็มีคนเดินมาบอกว่ารู้ว่าใครเป็นตัวการดูมันจะง่ายไปหน่อยไหม ปฐวีร์จ้องผู้หญิงตรงหน้าพยายามจับผิดทางสีหน้าและแววตา แต่ไม่มีท่าทางร้อนรนหรืออะไรที่ผิดปกติให้เห็น นั่นยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าเธอต้องการอะไร สงสัยไปก็เท่านั้นพวกเขาเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น หญิงสาวนั่งอยู่ม้าหินอ่อนเธอกำลังสนใจหน้าจอโน้ตบุ๊ก จนไม่ได้สังเกตว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมว่ารูปนี้ผมไม่ค่อยหล่อเลย เปลี่ยนรูปใหม่ดีกว่าไหม”

หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปมองที่มาของเสียงด้านหลัง มองหน้าคนพูดกับรูปในบนหน้าจอสลับไปมา “ป ปฐวีร์”

“ใช่ ผมเองตัวจริงเสียงจริง ทำไมเจอตัวจริงถึงกับติดอ่าง ทำอะไรไม่ถูกเลย”

“โห ในโน้ตบุ๊กมีรูปวีร์กับพี่เทวาเต็มเลย ยัยนี่ท่าทางจะเป็นโรคจิต พวกเรามาดูเร็วขนาดรูปวีร์แคะขี้ตายังมีเลย” ปฐวีร์ได้ยินแล้วคิ้วกระตุก ตอนแรกแค่อยากเห็นหน้าคนทำ แต่ตอนนี้อยากระทืบคนแล้ว นี่มันจะละเมิดความเป็นส่วนตัวมากเกินไปแล้ว

“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ถ่ายรูปพวกนี้นะ ไม่ใช่ฉัน” เธอส่ายหน้าบอกปฏิเสธ

“งั้น ก็มีคนถ่ายแล้วส่งมาให้ สารภาพมาดี ๆ ว่าใครสั่งให้เธอทำเรื่องชั่ว ๆ แบบนี้ หน้าตาก็ใช่ว่าจะดี ความคิดจิตใจก็ไม่สูงกว่าหญ้าเลย”

“เอ่อ” ไม่รู้จะพูดยังไงดี เธอกลัวสายตาและท่าทางคุกคามของทุกคน

“ไม่ตอบ เจอตบสักทีสองทีคงจะช่วยให้พูดง่ายล่ะมั้ง” วจีเริ่มหมดความอดทนเธอถลกแขนเสื้อขึ้นเดินปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายทันที

“อย่า วจี” ปฐวีร์เข้ากอดห้ามเพื่อนไว้

“จะห้ามทำไมดูยัยนี่มันทำดิ”

“เราว่าเรื่องนี้ให้ตำรวจจัดการดีกว่า พวกเราไปเถอะหิวข้าวแล้ว”

“แต่..” วจีรู้สึกลังเล ไม่อยากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ อย่างน้อยควรจะทิ้งรอยนิ้วมือบนแก้มคนทำสักรอยถึงจะถูก

“เชื่อวีร์เถอะ เคารพการตัดสินใจของเพื่อน” กาย พีรพัฒน์และน้ำขิงช่วยห้ามวจี แล้วลากให้เดินออกไปจากตรงนั้น ที่จริงวจีก็ไม่อยากเสียเวลาคนอย่างนี้เหมือนกัน

ทุกคนเดินไปหมดแล้วปฐวีร์เดินเข้าไปหญิงสาว “เสียดายจริงเอาความรู้ที่เรียนมาทำเรื่องแบบนี้”

”โน้ตบุ๊กนี่ผมขอนะ แล้วอย่าลืมเตรียมข้อแก้ตัวไว้พูดกับตำรวจด้วยนะ” เธอทำอะไรไม่ได้ได้แต่มองทุกคนเดินจากไป เพราะไปหลงเชื่อคำพูดของผู้หญิงบ้าคนนั้นเธอถึงได้เป็นอย่างนี้ไม่รู้ว่าเรื่องถึงตำรวจจะเป็นยังไงบ้าง ไหนจะที่ทางมหาวิทยาลัยรู้ ไหนจะทางบ้านอีก โว๊ย เธอตะโกนออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดและรีบโทรหาพิมพ์รตา

“วีร์น่ะไม่น่า จีกะจะได้ออกกำลังกายซะหน่อย” เธอยังรู้สึกคันไม้คันมือไม่หาย

“แล้วก็ไปนอนในคุกในข้อหาทำร้ายร่างกาย แถมยังถูกไล่ออกข้อหาทะเลาะวิวาทในสถานศึกษา” ปฐวีร์พูดจบทุกคนต่างเงียบ โดยเฉพาะวจีถึงกับอ้าปากหวอ “จะโกรธแทนเรา เราไม่ว่า เป็นทุกข์แทนเรา เราก็ดีใจ เป็นห่วงเรา เราก็ขอบคุณ แต่ต้องดูสถานการณ์ด้วย ไม่คิดรึไงว่ามันแปลก อยู่ ๆ ก็ไม่รู้ใครที่ไหนเดินมาบอกว่าพบตัวคนร้าย” ฟังถึงตรงนี้ทุกคนก็เหมือนจะคิดได้

“เออ วีร์พูดมาก็ใช่ ว่าแล้วก็ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่ที่เราเข้าไปหายัยคนนั้น” น้ำขิงเริ่มจะเข้าใจ สถาการณ์ขึ้นมาบ้าง

“เธอไม่ได้ไปไหนหรอก คงแอบมองพวกเราอยู่แถวนั่นแหละ”

“อย่าบอกนะว่านี่เป็นแผน ถ้าใช่นี่มันออกจะเกินไปหน่อย ถ้าพวกเราทำร้ายผู้หญิงคนนั้น แล้วแบบมีคนถ่ายภาพไว้ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรตามมา”

“โห นี่มันกะเล่นทุกคนเลย” วจีรู้สึกหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม

“ใช่ แล้วทุกคนไม่อยากรู้เหรอว่าใครเป็นคนสั่งให้ผู้หญิงคนนั้นทำ”

ทุกคนต่างถูกกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นโดยปฐวีร์ ต่างรีบพยักหน้าทันที

            เป็นไปตามที่ปฐวีร์คิดไว้ไม่นานหลังจากนั้นผู้หญิงที่ปล่อยข่าวต้องติดต่อตัวการแน่นอน พวกเขาแอบตามผู้หญิงคนนั้นไปห่าง ๆ เห็นเธอเหมือนกำลังรอใครสักคนอยู่ สักพักเธอก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวังเมื่อมีรถหรูขับมารับเธอไป ทันทีที่รถขับไกลออกไปปฐวีร์ก็ยิ้มออกทันที ตัวการเป็นคนที่เขาคิดไว้จริง ๆ

“เลยไม่รู้ว่าใครเป็นคนบงการ”

“ไม่หรอกแค่ขู่ว่าเรื่องจะถึงตำรวจตัวการก็ไม่กล้าทำอะไรแล้ว”

            พิมพ์รตาหงุดหงิดที่แผนของเธอไม่ได้ผล แถมยังถูกจับได้อีก ไม่รู้ว่าเรื่องจะถึงตำรวจรึเปล่า แต่เธอก็แก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินให้ผู้หญิงคนนั้นรับผิดทั้งหมด เธอก็ยินยอมเพราะถ้าเรื่องถึงตำรวจคิดดูแล้วโทษไม่ได้ร้ายแรงมาก

            ผู้หญิงอีกคนติดต่อไปหาคณิตตาร์บอกเรื่องราวทั้งที่เกิดขึ้น คณิตาร์วางสายอย่างผิดหวังนึกว่าจะได้เห็นพี่ชายขึ้นหน้าหนึ่งซะอีก แต่ก็ช่างเถอะวันพระไม่ได้ครั้งเดียว   

            วันต่อมาทุกอย่างก็เข้าสู่ความปกติอีกครั้ง แต่ปฐวีร์ไม่ได้มาเรียนเพราะคุณทนายทำหนังสือลา โดยให้เหตุผลมีความจำเป็นต้องไปดูแลบิดาที่นอนป่วยไม่ได้สติ ปฐวีร์คิ้วกระตุกเมื่ออ่านข้อบนจดหมายที่อธิการบดีส่งให้ดูเมื่อตอนที่เขาถูกเรียกเข้าไปพบ อธิการแสดงความเห็นใจและเป็นห่วงเพราะข่าวที่ออกมาทุกคนต่างรู้ดีและอนุญาตให้ลาหยุดได้ และทำให้วันต่อมาปฐวีร์ต้องตื่นแต่เช้ามานั่งรอในห้องประชุม สัปหงกรอทินกรมาสอนงาน ไม่รู้ว่าหัวโขกกับโต๊ะไปกี่รอบลืมตาอีกทีก็เห็นธีรณัฑศ์กำลังนั่งทำงานอยู่ข้าง ๆ

“ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงหลับสบายไหม”

“ก็ดี แอร์เย็นสบายดีไว้วันหลังแบกผ้าห่มกับหมอนมาด้วย” ปฐวีร์ไม่ค่อยแปลกใจที่เจออีกฝ่ายที่นี่

“ห้องพี่ก็นอนสบายนะ” ปฐวีร์เงียบทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย “แล้วพี่กรไปไหนล่ะบอกให้รออยู่ที่นี่ นี่รอจนหลับไปแล้ว” บ่นไปพร้อมกับหาวไปด้วย

“ทินกรไม่ว่างพี่เลยมาช่วยสอนงานให้”

“อ้อ ว่างว่างั้น”

“ก็ ไม่เชิง ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ นั่นเอกสารที่ทินกรให้คนเอามาให้บางส่วนแล้ว สงสัยอะไรถามได้” ปฐวีร์มองเห็นกองเอกสาร แฟ้มหนาวางอยู่โต๊ะต้องถอนหายใจ ให้มานั่งอ่านเอกสารพวกนี้ พวกเขาไม่รู้รึไงว่าเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ นั่นหมายความว่าเขายังเด็ก เขายังอยากเที่ยว อยากกิน อยากสนุก อยากนอนตื่นสาย นั่งอ่านมังงะแทนเอกสารพวกนี้ อยากดูอนิเมะ อยากโหลดหนังโป๊ แต่ตอนนี้ทำไมเขาต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย ธีรณัฑศ์เห็นท่าทางคนข้าง ๆ เดี๋ยวก็ถอนหายใจ เดี๋ยวก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไม่รู้ว่าสงสารหรือเห็นใจ

            วันแรกของการเข้าบริษัทไม่มีอะไร แทบจะไม่ได้เดินออกห้อง ปฐวีร์ใช้เวลาทั้งวันกับกองเอกสารเก่า ๆ ดูตัวเลขหลายหลัก มีกราฟแปลก ๆ ชื่อไม่รู้จัก อ่านศึกษาข้อมูลที่ไม่ค่อยเข้าใจ จนบางครั้งต้องถามตัวเองว่ากำลังนั่งทำบ้าอะไรที่นี่ แล้วก็ได้คำตอบว่าเพื่อพ่อ เลยต้องอดทนมันต่อไป กลับมาถึงห้องแทบไม่มีแรงอาบน้ำก่อนนอน เทวาเห็นอีกฝ่ายหลับตั้งแต่ไม่ถึงสี่ทุ่มก็ไม่ต้องถามเลยว่าวันนี้เหนื่อยไหม เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มใส คนหลับพึมพำอะไรสักอย่างแล้วหลับต่อ ทำให้เขาอดหัวเราะไม่ได้ อยู่ ๆ เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้น เทวาเหลือบไปมองโทรศัพท์บนตู้หัวเตียงหยิบมันขึ้นมาดู

“พรุ่งนี้อยากกินอะไรพี่จะซื้อไปฝาก” อ่านข้อความที่ถูกส่งมาเล่นเอาเทวาแทบอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้ง ท่าทางผู้ชายคนนั้นจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับคนของเขาง่ายๆ.....



********************************************************

โปรดติดตามตอนไป

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

นักอ่านท่านใดสนใจรูปแบบหนังสือยังสามารถจองได้ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2561 นี้นะคะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 28 [19/10/61]
«ตอบ #71 เมื่อ19-10-2018 21:28:16 »

 :pig4: :pig4:ย

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 28 [19/10/61]
«ตอบ #72 เมื่อ19-10-2018 22:26:31 »

วีร์นี้ศึกรอบด้านจริงๆ แต่ยังดีนะคนข้างกายยังช่วยเหลือ ห่วงใยดี

สู้ต่อไปปฐวีร์ :ped149: :ped149: :ped149:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 28 [19/10/61]
«ตอบ #73 เมื่อ19-10-2018 23:25:46 »

ศัตรูรอบทิศทางจริงๆ

ออฟไลน์ kanyakorn24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 28 [19/10/61]
«ตอบ #74 เมื่อ29-10-2018 05:49:36 »

รีบมาต่อเร็วๆน้า  :m15:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #75 เมื่อ31-10-2018 11:28:42 »

ตอนที่ 29
[/size]


เช้าวันใหม่ในเมืองที่แสนจะวุ่นวาย หลายคนกำลังเบื่อหน่ายปัญหารถติด พยายามหลบหนีไม่ว่าจะเปลี่ยนเส้นทางจากรถเมล์เปลี่ยนมาเป็นรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน แต่ก็ไม่ต่างกันเมื่ออยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้คนถูกเบียดกันเหมือนปลากระป๋อง ปฐวีร์ยืนถอนหายใจ ถึงวันนี้คนจะไม่แน่นเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ต้องตื่นแต่เช้า เร่งรีบแข่งกับเวลา ร่างกายรู้สึกเครียดจนเจ็บกระเพาะ เมื่อคิดว่าเรียนจบแล้วต้องมาเผชิญสภาพแบบนี้ก็แทบจะอ้วกออกมา  เสียงประกาศเตือนให้รู้ว่าสถานีต่อไปเป็นสถานีจุดหมายปลายทาง เขาเริ่มขยับไปใกล้ประตูมากขึ้น ทันทีรถไฟหยุดเสียงสัญญาณประตูเปิดออกเขารีบเดินออกไป แต่ก็ถูกชนเข้ากับคนที่เดินเบียดเข้ามา “เฮ้ย” ปฐวีร์เสียหลักแต่ก็ใครสักคนกอดไว้ “ระวังหน่อยสิ” เขารีบหันไปมองคนที่บ่นให้ทันที ” อ้าว มาไงทำไมทุกวันไม่เคยเห็น เอ่อ ขอบคุณ”
ธีรณัฑศ์ยิ้มให้คนฟอร์มเยอะ กว่าจะพูดขอบคุณได้ต้องพูดอย่างอื่นก่อน “ขึ้นมาตั้งแต่สถานีที่ 5 เห็นเรายืนทำหน้าง่วงอยู่ไม่กล้าเข้าไปทัก”
“เฮ้ย โรคจิตเปล่าเทียวแอบมองชาวบ้านเค้า”
“หึ หึ แล้วชาวบ้านเป็นอะไรทำไมหน้าง่วงนอนแต่เช้า”
“เปล่า แค่เบื่อที่ต้องตื่นแต่เช้า ไม่พอยังต้องมาเจอคนเยอะเบียดเป็นปลากระป๋องอีก”
“สักกพักเดี๋ยวก็ชิน รีบไปเถอะเดี๋ยวไปทำงานสาย” ปฐวีร์พยักหน้ารีบเดินตามอีกฝ่ายไป ระหว่างนั้นทางก็แวะซื้อของกินไปด้วย
อีกไม่ถึงสิบนาทีจะถึงเวลาทำงาน ปฐวีร์รีบสแกนลายนิ้วมือ วางกระเป๋าไว้ที่ห้อง จากนั้นเข้าห้องครัวกินมื้อเช้า กินไปด้วยส่งข้อความไปบอกเทวาด้วยว่าถึงที่ทำงานแล้วกำลังหาอะไรกินไม่ต้องเป็นห่วง เทวางัวเงียตื่นมาอ่านข้อความ รู้ว่าอีกฝ่ายถึงที่ทำงานแล้วก็หลับต่อ
ปฐวีร์เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์เห็นธีรณัฑศ์ชะโงกหน้ามามอง เขาแทบอยากจะด่าว่าไม่มีมรรยาท แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้และยอมรับ “เห็นดูโทรศัพท์ไปยิ้มไป เลยคิดว่ามีเรื่องอะไรน่าสนุก”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“อ้อ แล้วผู้ชายที่ชื่อเทวานี่ใครเหรอ” ปฐวีร์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถามเพื่อต้องการอะไร เขาเลือกที่จะไม่ตอบ เลื่อนแซนด์วิชที่ซื้อมาปิดปากอีกฝ่ายไม่ให้พูดมาก ธีรณัฑศ์ยิ้มหยิบขึ้นมากินอย่างไม่เกรงใจแล้วพูดว่า “ชอบแซนด์วิชก็ไม่บอก” ปฐวีร์แทบสลักโอวัลตินกับคำพูดสองแง่สองง่าม
   เรียนรู้งานมาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดปฐวีร์ก็สามารถเป็นไทจากกองเอกสารได้สำเร็จ วันนี้เขาเริ่มต้นที่งานธุรการ พิมพ์งาน ถ่ายเอกสาร ค้นเอกสาร และเดินส่งเอกสารไปตามแผนกต่างๆ นั่นทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เขานั่งพิมพ์เอกสารไปสายตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์สลับกับเนื้อหาบนเอกสาร มือกดลงไปตามตัวอักษร ส่วนหูยังคอยฟังรอบ ๆ ตัว ดูเหมือนว่าการที่หูรับรู้ได้มากกว่าปกติจะช่วยได้มาก แต่สิ่งที่ลอยเข้าหูมาได้หลายชั่วโมงที่ผ่านมาส่วนมากจะเรื่องน่ารำคาญอย่างกับข้าวร้านนั้นอร่อย ลิปติกยี่ห้อไหนกำลังลดราคา กระเป๋ารุ่นไหนสวย และประธานคนใหม่หนุ่มและหล่อ แหว่ะ หล่อพูดมากได้ เขาพยายามชะเง้อมองหาคนพูด “เฮ้ย” แต่กลับเห็นธีรณัฑศ์ยืนยิ้มอยู่
“ขวัญอ่อนจริงนะเรา”
“ครับ” คนบ้าทำตัวเหมือนผีโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง “ว่างหรือครับ หรือคิดถึงกาแฟฝีมือผม” ปฐวีร์ยิ้มให้ร่างสูงพูดถึงกาแฟเขายังขำไม่หาย เมื่อเห็นอีกฝ่ายกินกาแฟขม ๆ ที่เขาชง
“เปล่า คิดถึงคนชงกาแฟมากกว่า” ชายหนุ่มพูดจบเป็นปฐวีร์ที่หุบยิ้ม ถลึงตาใส่แทน “อยากให้ช่วยถ่ายเอกสารให้หน่อยสิ”
“ครับ เครื่องถ่ายเอกสารอยู่ตรงนั้น” เขาชี้ไปที่เครื่องถ่ายเอกสารเครื่องใหญ่อยู่หลังห้อง
“รู้ แต่ใช้ไม่เป็น” ปฐวีร์อยากถามอีกว่ามีคนอื่นว่างเยอะแยะทำไมไม่ใช้ ทำไมต้องเป็นเขาด้วย แต่ก็ยอมแพ้ รีบเดินไปทำให้มันเสร็จ ๆ ธีรณัฑศ์เดินตามไปป่วน เขามีความสุขทุกครั้งได้เห็นท่าทางหงุดหงิดของคนตัวเล็ก คนอะไรหงุดหงิดแล้วน่ารักชะมัด
   ช่วงเช้าผ่านไป ปฐวีร์มองพนักงานทยอยออกไปพัก เขารอใครสักคนชวนไปกินข้าว จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครชวน เขารีบเดินไปหาทินกรพนักงานถามคนอื่นต่างบอกว่า ทินกรออกไปข้างนอก ปฐวีร์เศร้าขึ้นมาทันสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็ข้าวกับทินกรทุกวันแล้วทำไมวันนี้ถึงทิ้งเขาได้ลงคอ เขาไม่มีทางเลือกเดินบากหน้าไปหาธีรณัฑศ์ เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ชายหนุ่มตะโกนบอกให้เข้ามาได้ เห็นปฐวีร์เดินเข้ามา ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างคิดไม่ถึง แต่ก็ไม่พูดอะไร ปฐวีร์เห็นท่าทางอีกฝ่ายนั่งทำงานไม่สนใจทำให้ต้องพูดอะไรสักอย่าง “ทำงานเสร็จยัง”
“ยังเลยวันนี้งานเยอะมาก เรามีอะไรกับพี่รึเปล่า” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทำสีหน้าท่าทางเหมือนกำลังยุ่งกับเอกสารบนโต๊ะ
ปฐวีร์เห็นแล้วก็ต้องเศร้าคิดว่าตัวเองคงต้องลงไปกินข้าวคนเดียว “เปล่า แค่อยากชวนไปกินข้าว”
“อืม พอดีเลยกำลังหิว” ชายหนุ่มรีบวางปากกาในมือ เปิดแฟ้มเอกสารหยิบกระเป๋าตังค์ เดินไปคว้ามือปฐวีร์เดินออกห้องไป ปฐวีร์ทำหน้างง ไหนบอกว่างานเยอะ เขาเดินเข้าไปในห้องยังไม่สน แล้วทำไมถึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วชะมัด เขาดึงมือกลับมาบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเดินเองได้ไม่ต้องจูง ทั้งสองเดินตามกันลงไปข้างล่างมองหาร้านอาหาร ทั้งสองเลือกร้านอาหารใกล้ ๆ เข้าไปในร้านอากาศเย็นสบาย มีคนในร้านค่อนข้างเยอะคงเพราะเป็นเวลาช่วงพักเที่ยง หาที่นั่งได้แล้วทั้งสองก็เริ่มสั่งอาหาร
“กับข้าวทั้งสามจานขอไม่เผ็ดนะครับ”
“เรากินเผ็ดไม่ได้เหรอ”
“เปล่า บอกไว้เผื่อคนแถวนี้” ชายหนุ่มแปลกใจไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าเขาไม่กินเผ็ด ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เขาแน่ใจว่าไม่เคยบอกใครเรื่องนี้มาก่อน ปฐวีร์ไม่สนใจที่อีกฝ่ายมองมา เขาหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความหาเพื่อนถามว่าเรียนวันนี้เป็นไงบ้างมีงานอะไรไหมและอย่าลืมจดเลคเชอร์ไว้ให้เขาด้วย เพื่อน ๆ ต่างบอกอิจฉาคนไม่ได้มาเรียนแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาต้องมาเจอเรื่องแย่กว่าไปเรียนอีก จากนั้นก็ส่งข้อความหาเทวาถามว่ากินข้าวรึยัง เทวาบอกว่าเรียนเสร็จแล้วกำลังออกไปหาอะไรกินกับทุกคนและจะแวะไปหาซื้อของขวัญวันเกิด พอพูดเรื่องวันเกิดก็เพิ่งนึกได้ว่าใกล้จะถึงแล้ว 
   ช่วงบ่ายปฐวีร์ได้ทำงานเดินเอกสาร เดินส่งเอกสารจากแผนกนั้นไปแผนกนี้ แอบสังเกตพนักงานคนอื่นไปด้วย จากรายชื่อที่คุณทนายบอกมีหลายคนที่เป็นคนของทศพล รู้สึกเหมือนกันตัวเองกำลังทำเรื่องไร้สาระอยู่ยังไงไม่รู้เดินส่งเอกสารไม่รู้ว่าอะไรที่ลุงทนายบอกว่าเข้าบริษัทแล้วจะรู้เอง
ปฐวีร์เข็นรถเอกสารผ่านไปแต่ละแผนกหลายคนก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย บางคนยังจับกลุ่มกระซิบกระซาบกัน จนเขารู้สึกอายที่กลายเป็นที่สนใจ ขณะนั้นเขาเห็นพลพัฒน์เดินเข้าไปในห้องหนึ่ง ในใจเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเข็นรถเอกสารมาหยุดข้าง ๆ ห้องห้องนั้นทำทีเหมือนกำลังหา และจัดเอกสารแต่หูกำลังแอบฟังคนในห้องว่ากำลังพูดหรือคุยอะไรอยู่เผื่อจะมีเรื่องน่าสนใจ เงี่ยหูฟังยังไม่ถึงประโยคประตูห้องก็เปิดออกทำให้เขาต้องรีบเดินออกจากที่ตรงนั้น
พลพัฒน์เดินออกจากห้องเห็นปฐวีร์เข็นรถเอกสารไปอีกทาง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าช่วงวันสองสามวันนี้เห็นน้องชายเดินไปทั่วบริษัทเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่าง
เดินเอกสารจนเสร็จจากนั้นกลับมานั่งพิมพ์งานต่อ จนเทวาโทรศัพท์เข้าบอกว่ารอข้างล่างถึงได้รู้ว่าเลยเวลาเลิกงานมานานพอสมควร หันไปมองรอบ ๆ หลายคนกลับกันแล้ว เขารีบเก็บของลงกระเป๋าสแกนลายนิ้วมือก่อนวิ่งเข้าไปในลิฟต์
“เด็กนั่นเป็นใคร” ชายสูงอายุมองตามชายหนุ่มที่เพิ่งวิ่งออกไป
“ลูกชายคุณปทีปครับ”
“ยังไงก็ระวังมันหน่อยแล้วกัน ช่วงนี้เหมือนประธานคนใหม่กำลังทำผลงาน อยู่ ๆ ไอ้เด็กนี่ก็เข้ามาทำงาน ระวังไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะถ้าเราพลาดมันพังกันหมด”
“ครับผมจะระวัง”

   ตอนบ่ายอีกวันหลังจากกินข้าวเสร็จปฐวีร์ก็ถูกลากขึ้นรถออกมาจากที่ทำงาน และมานั่งในห้องประชุมฟังเจ้าหน้าที่พูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับการค้าในกลุ่มอาเซียน เพิ่งกินข้าวอิ่ม ๆ มาเจอแอร์เย็น ๆ ทำให้รู้สึกง่วงอย่างช่วยไม่ได้ คิดว่านั่งฟังอาจารย์บรรยายหน้าห้องว่าน่าเบื่อแล้วที่ฟังอยู่ตอนนี้น่าเบื่อกว่านั้นเยอะ โชคดีที่เขามาแค่เพียงเรียนรู้งาน เขาสอดส่ายสายตามองผู้เข้าประชุมคนอื่นเห็นหลายคนดูตั้งใจฟัง แต่บางคนก็มีคุยกัน หยิบโทรศัพท์มาจิ้มกด เขาเลื่อนสายตาไปมองธีรณัฑศ์ ผู้ชายคนนี้ดูฉลาดเป็นผู้นำที่ดี นิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรจากที่ได้รู้จักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขาฝันเห็นอนาคตว่าถูกผู้ชายคนนี้หักหลัง พวกเขาคงเป็นเพื่อนกันได้ ไม่รู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มใจดีกำลังซ่อนอะไรอยู่ แต่สามารถทำให้ผู้ใหญ่ในบริษัทไว้วางใจในความสามารถจนมาอยู่ตำแหน่งได้ถึงจะเป็นแค่เพียงชั่วคราว และมีผู้บริหารหลายคนจับตาดู ถึงจะไม่มีอำนาจในมือจริง ๆ เขากลับดูไม่กดดัน จากที่ได้ฟังจากทินกรเล่าพอจะรู้มาบ้างว่าอีกฝ่ายไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่เด็ก ธีรณัฑศ์กลับมาก่อนที่พ่อจะป่วยได้ไม่นานทุกอย่างเหมือนถูกเตรียมไว้หมดแล้ว คำถามก็คือมันถูกเตรียมขึ้นโดยใคร
   กว่าการประชุมจะเสร็จก็ผ่านไปสองชั่วโมง ประชุมเสร็จปฐวีร์ก็ถูกลากกลับมาที่ทำงานแต่ก็เป็นเวลาเลิกงานแล้ว กวาดสายตามองในสำนักงาน ยังมีพนักงานบางคนยังนั่งทำงานอยู่ ห้องผู้จัดการแผนกต่าง ๆ ปิดไฟล๊อกห้องกันหมดแล้ว ฮื้อ ถอนหายใจไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่จริงที่ลุงทนายให้เข้ามาที่นี่คืออะไร เขาเริ่มทบทวนหลายอย่างในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หรือลุงทนายต้องการให้ทุกคนคิดว่าวีรวัฒนฑณ ฯ สนับสนุนประธานคนใหม่ แล้วจะไม่มีใครมาแทน ถ้าเป็นอย่างที่คิด ถ้าทำแบบนี้แล้วคนที่สนับสนุนทศพลก็คงรู้สึกไม่มั่นคง และหันมาสนับสนุนประธานคนใหม่แทน
   ปฐวีร์กลับไปพร้อมความคิดมากมายในสมอง ทำให้ฝันร้ายเห็นตัวเองวิ่งหนีอะไรสักอย่าง แต่ในฝันบอกว่ามันน่ากลัวมาก เขาวิ่งไม่หยุดมันก็วิ่งตามมาไม่ยอมหยุดเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาอีกวันเพราะเสียงนาฬิกาปลุกร้องลั่นห้อง เขาควานหาโทรศัพท์เพื่อปิดนาฬิกาปลุก จากนั้นลุกจากเตียง เดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ มองตัวเองในกระจกคิดถึงความฝันเมื่อคืน เขาคิดว่าคงมีเรื่องไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น เอาเถอะยังไงมันก็ยังมาไม่ถึงเขารีบอาบน้ำทำธุระส่วนตัวรีบไปทำงาน
   วันต่อมาตอนเย็นหลังเลิกงานเทวามารับเพราะวันนี้เป็นวันคล้ายวัดเกิดปฐวีร์ ในตอนแรกปฐวีร์อยากกินปิ้งย่างแต่คิดว่ากินอิ่ม ๆ แล้วไม่อยากขยับไปไหนเลยเปลี่ยนมาฉลองที่ห้อง มาถึงห้องทุกคนมาอยู่ที่ห้องแล้ว เจ้าของวันเกิดปรากฏตัวทุกคนต่างรีบเอาของขวัญให้และไม่ลืมอวยพร ปฐวีร์ได้ของขวัญก็ดีใจเขาตื่นเต้นอยากรู้ว่าภฤดล กติกรณ์และนภาภรณ์ให้อะไร
“น้องวีร์นี่ของขวัญของพวกพี่พวกเรารวมเงินกันซื้อ ไม่รู้ว่าจะถูกใจรึเปล่า”
“ขอบคุณครับ ที่จริงไม่ต้องก็ได้ แค่ทุกคนมาก็ดีใจแล้ว” คืนนี้เป็นอีกคืนที่กินสุกี้อย่างอร่อย กินของคาวอิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาเป่าเทียน ไฟในห้องปิดลงเทวาถือเค้กก้อนโตจุดเทียนตรงมาที่เจ้าของวันเกิด ปฐวีร์ อธิษฐานในใจแล้วเป่าเทียนจนหมดแล้วไฟในห้องก็สว่างขึ้น ทุกคนปรบมือดีใจที่จะได้กินเค้กหลังจากที่นั่งจ้องมานานหลายชั่วโมง
   ปาร์ตี้วันเกิดเล็ก ๆ จบลงในเวลาเที่ยงคืน ทุกคนต่างแยกย้ายกลับ ปฐวีร์อาบน้ำเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียง เพราะทั้งอิ่มทั้งเหนื่อยทำให้หัวถึงหมอนก็หลับไป แต่กลางดึกก็ยังฝันร้ายอีกคืน คืนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าวิ่งหนีอะไร



**************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2018 09:22:36 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #76 เมื่อ31-10-2018 13:44:47 »

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #77 เมื่อ31-10-2018 15:01:04 »

เอาใจช่วยน้องวีร์

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #78 เมื่อ31-10-2018 22:17:04 »

ลางบอกเหตุมาอีกแล้ว ไม่ใช่ไอ้คนที่วีร์เจอที่ห้องน้ำจะทำอะไรวีร์นะ

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #79 เมื่อ01-11-2018 16:26:54 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
« ตอบ #79 เมื่อ: 01-11-2018 16:26:54 »





ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 29 [31/10/61]
«ตอบ #80 เมื่อ01-11-2018 21:49:03 »

เดาทางเรื่องไม่ออกเลย น่าติดตามมากๆ ครับ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 30 [2/11/61]
«ตอบ #81 เมื่อ02-11-2018 08:19:00 »

ตอนที่ 30
[/size]

วีรวัฒฑณ ฯ รู้สึกไม่ค่อยมั่นคงทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็มีเรื่องน่ายินดีอย่างงานหมั้นของพลพัฒน์ที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะคุณนายรอง เธอตื่นเต้นดีใจเหมือนเป็นงานหมั้นของเธอซะเอง ผิดกับพลพัฒน์กลับไม่ได้รู้สึกดีใจสักนิด เหมือนกับป่านฟ้าที่ยังไม่อยากให้คนรักต้องไปหมั้นกับคนอื่นแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ตั้งแต่ออกมาจากบ้านใหญ่เธอเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยการหางานประจำทำ เงินเดือนไม่ได้มากมายแต่การได้วุ่นวายกับงานก็พอจะทำให้เธอไม่ต้องคิดมาก

            พลพัฒน์ขับรถออกจากที่ทำงานตรงไปที่ร้านอาหารที่ห่างจากที่ที่นี้ไปสามไฟแดง ขับมาสักพักก็เห็นป้ายร้านอาหารที่นัดไว้ เขาตบไฟเลี้ยวเลี้ยวเข้าที่จอดรถ ไม่กี่วันก่อนเขาได้รับโทรศัพท์จากลูกศร ผู้หญิงที่กำลังจะหมั้นกับเขา เขามีโอกาสได้เจอกับเธอไม่กี่ครั้งและทุกครั้งมักจะมีผู้ใหญ่คอยสนับสนุน ครั้งนี้แปลกที่เธอโทรมาบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย พลพัฒน์ผลักประตูเข้าไปในร้านสอดส่ายสายตามองหาหญิงสาว

“คุณพลพัฒน์ ทางนี้ค่ะ” หญิงสาวนิ่งริมกระจกโบกมือเรียกชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาในร้าน

“ขอโทษที่มาช้าครับ”

“ไม่เป็นค่ะ ลูกศรก็มารอไม่นาน คุณพลพัฒน์เชิญนั่งก่อน”

“ขอบคุณครับ”

“คุณพลพัฒน์สั่งอะไรก่อนไหมคะ”

“ครับ ดีเหมือนกัน” เขาเรียกพนักงานสั่งเครื่องดื่มเย็นสักแก้ว ทั้งสองนั่งเงียบรอจนพนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ชายหนุ่มใช้สายตามองสาวสวยในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนผมยาว ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาว เธอเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่ยังไงก็ไม่ใช่คนที่เขารัก

ลูกศรเม้มริมฝีปาก เธอกำลังรู้สึกกังวลไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี กว่าเธอจะกล้าตัดสินใจนัดชายหนุ่มออกมาก็ใช้ความกล้าพอสมควร ทั้งสองได้พบได้คุยกันไม่กี่ครั้ง แล้วอยู่ ๆ ผู้ใหญ่ก็บอกให้รู้ว่าเธอต้องหมั้นกับเขา เล่นเอาเธอช๊อคไปหลายวัน วันงานก็ใกล้เข้ามาโดยที่เธอไม่เต็มใจ ได้รู้จักกันไม่นานทำให้เธอเดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ออกว่าหากเธอพูดออกไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วไม่อยากให้มันเลยเถิดไปไกลกว่านี้ เธอสูดหายใจเรียกความกล้า แล้วพูดออกมาว่า

“ลูกศรอยากยกเลิกการหมั้นครั้งนี้” เธอพูดออกไปแล้วมองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ในใจกังวลคำตอบอีกฝ่าย พลพัฒน์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย เป็นคำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยิน ตอนนี้เขากำลังดีใจแต่ก็ไม่แสดงท่าทางอะไรออกมา เพราะเรื่องทุกอย่างไม่ง่ายแค่เพียงบอกว่าอยากยกเลิกก็จะสามารถทำได้ “เหตุผลละครับ” เขามองใบหน้ารูปไข่

“ลูกศรมีคนรักอยู่แล้ว เอ่อ ที่จริงก็ไม่คิดจะปิดบัง แต่แค่ไม่มีโอกาสบอก” เธอพูดเสียงเบาลง

“อืม ผมยังไงก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าทางผู้ใหญ่ของคุณคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องถอนหมั้น และเรื่องคุณกับคนรัก”

“ใช่ค่ะ” เธอตอบแทบไม่ต้องคิด “ลูกศรเลยอยากให้คุณช่วยถ้า...”

“ไม่มีประโยชน์ครับ ผมก็ปฏิเสธงานหมั้นไม่ได้”

“หรือคะ” เธอยิ้มเศร้า อย่างเข้าใจสถานการณ์ไม่ใช่แค่เธอต้องเจอเรื่องแบบนี้  “คงมีทางออกอย่างเดียวคือต้องหนี งานหมั้นถึงจะไม่เกิดขึ้น”

พลพัฒน์มองหน้าเธออีกครั้งอย่างไม่อยากเชื่อ เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมากยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อความรักของเธอ สายตาเธอดูมุ่งมั่น ผู้ชายที่เธอรักเป็นคนที่โชคดีมาก เขาเองกลับที่จะเดินหนีไม่ยอมปกป้องความรัก เขาอ่อนแอจริงๆ “มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้”

เธอส่ายหน้า “ไม่มีค่ะ ฉันลองทุกอย่างแล้ว อีกอย่างถ้าคุณยอมยกเลิกทางบ้านก็ต้องหาคนใหม่” ชายหนุ่มมพยักหน้า เขาพอจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง “งั้นผมจะช่วย” หญิงสาวยิ้มออกเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ถ้าเรื่องทุกอย่างมันถึงที่สุดหาทางออกไม่ได้ก็คงต้องถอยหลังหรือหลบหนีจากมัน บางทีมันอาจจะเป็นทางออกที่ดีใครจะไปรู้

            ปฐวีร์ยังไปทำงานตามปกติ เขาเริ่มปรับตัวกับชีวิตคนทำงานให้มากขึ้น พยายามเรียนรู้เรื่องทุกอย่างที่พอจะทำได้ เพราะคนอื่นทำได้ แล้วทำไมเขาจะได้มันไม่ได้ในเมื่อมีทุกอย่างเหมือนกัน ไม่มีอะไรจะเกินความพยายามของเขาไปได้  เคยถูกทินกรพาออกไปประชุมข้างนอกครั้งหนึ่ง แน่นอนครั้งที่สองครั้งสามก็ต้องตามมา เหมือนกับวันนี้เขาได้มางานประชุมความร่วมมือระหว่างประเทศในแถบอาเซียน การประชุมครั้งนี้เขาได้มีโอกาสเจอนักธุรกิจหลายคนที่เห็นในโทรทัศน์ ได้เจอเจ้าของธุรกิจชื่อดังที่ลงนิตยสารก็มี และยังมีคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอก็เจออย่างธนา ผู้ชายที่ดูปกติเหมือนขี้เล่นวันนี้ใส่สูทผูกไทกลับดูน่าเชื่อถือจนแปลกตาแทบจำไม่ได้ คุยกันได้สักพักถึงได้รู้ผู้ชายคนนี้เป็นถึงเจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเทวายังเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญอีกด้วย กำลังจะขยายตลาดไปแถบเพื่อนบ้าน ทั้งสองคุยกันด้วยท่าทางเป็นกันเองจนหลายคนอดแปลกใจไม่ได้ ก่อนแยกย้ายธนาไม่ลืมบอกให้ไปเที่ยวที่บ้านบ้างทุกคนคิดถึง ปฐวีร์ตกลงบอกว่าวันหยุดจะไป

ถ้าไม่ติดสอยห้อยตามประธานคนใหม่ออกไปข้างนอก ปฐวีร์ก็ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ วนเวียนอยู่อย่างนี้เป็นสัปดาห์ ชีวิตการทำงานของปฐวีร์ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และตอนเย็นวันนี้หลังจากเลิกงานที่บริษัทมีงานเลี้ยงเล็ก ๆ เลี้ยงฉลองโอกาสการได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน และการเลื่อนตำแหน่งใหม่ของพนักงาน ทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเพราะงานเลี้ยงช่วงปีใหม่ถูกยกเลิกด้วยเหตุผลหลายอย่าง งานเลี้ยงนี้เลยกลายเป็นรางวัลให้พนักงานได้กินดื่ม สนุกกับมัน หลายคนกินดื่มเมาฟุบเฝ้าโต๊ะไปตั้งแต่สองทุ่ม หลายคนยังออกไปสนุกหน้าเวทีกับวงดนตรีที่ทางบริษัทจ้างมา ปฐวีร์นั่งโยกไปตามเสียงดนตรีดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นถ้าไม่ได้สังเกตใบหน้าของเขาที่แดงขึ้นตัดกับสีผิว ธีรณัฑศ์นั่งยิ้มกับท่าทางของคนตัวเล็ก เขาเขยิบเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่นั่งไม่ตรง “พอแล้วเมาแล้ว เดี๋ยวปล่อยให้นอนที่นี่เลย”

“อืม เมาแล้ว” คนเมาพยักหน้ายอมรับ หันมาส่งยิ้มหวานที่ไม่เคยได้เห็นให้  ทำให้ธีรณัฑศ์ควบคุมตัวเองไม่ได้ใช้นิ้วลูบแก้มใสเบา ๆ ก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดกับประโยคต่อมา “ไม่เป็นไรพี่เทวามารับ”

“พี่เทวาเป็นใคร ทำไมเขาต้องมารับ” ธีรณัฑศ์ถามเบา ๆ ข้างหูคนเมา “อยากรู้เหรอ ไม่บอกหรอกความลับ” คนเมาตอบเสียงยานคางแล้วก็ซบหน้าลงหน้าอกอีกฝ่าย ชายหนุ่มเรียกปฐวีร์แต่ก็ไม่ขยับถึงได้รู้ว่าหลับไปแล้ว “หลับซะแล้ว เอาไงดี” เขากวาดสายรอบงานมองหาทินกรแต่ไม่เจอคงกลับไปแล้ว พนักงานเริ่มทยอยกลับกันแล้ว เขารีบแบกคนไม่ได้สติออกจากงานไป

            เทวาไม่ได้กลับห้องมาสองวันแล้วเพราะต้องเร่งทำงานโปรเจคให้เสร็จ สี่หนุ่มหน้าอิดโรยสภาพเหมือนคนอดนอน ในที่สุดการทุ่มเทมาตลอดยี่สิบกว่าชั่วโมงก็สำเร็จ ยุทธจักรแทบอยากแหกปากร้องตะโกนให้โลกรู้ แต่ก็ไม่มีแรง เขาทำได้แค่นอนหงายแผ่อยู่บนพื้นห้องมองเพดานยิ้มเหมือนคนบ้า คนอื่นก็มีสภาพไม่ต่างกัน เทวาถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรถามปฐวีร์ว่ากลับถึงห้องรึยัง

            ธีรณัฑศ์ค่อย ๆ วางคนเมาลงเตียง ปฐวีร์ได้นอนสบายบนเตียงก็ครางออกมาแล้วหลับต่อ เห็นคนเมาหลับสบายเขาก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำทำธุระส่วนตัว เหนื่อยมาทั้งวันแถมตอนเย็นยังมีงานเลี้ยงอีก คนนั้นคนนี้ชวนดื่มแทบจะล้มพับลงกับโต๊ะ ดีที่เขาแค่จิ๊บแทน อาบน้ำเสร็จสวมชุดใหม่เดินออกจากห้องน้ำธีรณัฑศ์นั่งบนเตียงมองซีกหน้าข้างหนึ่งของปฐวีร์ สักพักเขาโน้มใบหน้าลง ทาบริมฝีปากลงริมฝีปากบาง ความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาเริ่มดูดเม้มริมฝีปากบางเบา ๆ ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้เมื่อส่วนนั้นตื่นตัวขึ้น ร่างสูงเลื่อนหน้าซบซอกขาวสูดกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่เขามักจะกลิ่นบ่อย ๆ เมื่ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจนพอใจริมฝีปากก็เริ่มดูดเม้มต่อ จากนั้นก็มีได้เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ธีรณัฑศ์ยังไม่สนใจเมื่อมีช่วงเวลาที่หาได้ยากเขาไม่จะปล่อยมันไป

“พี่เทวาเสียงโทรศัพท์....” คนหลับบ่นพึมพำ นั่นทำให้ชายหนุ่มหยุดมองหน้าอีกฝ่าย สติสัมปชัญญะที่หล่นหายไปเมื่อครู่ค่อย ๆ กลับ เขาสูดอากาศเข้าปอดปรับอารมณ์ให้คงที่ เด็กนี่อันตรายชะมัดแค่จูบนิดเดียวเขาก็แทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาล้มตัวนอนข้าง ๆ อีกฝ่ายแล้วหยิบโทรศัพท์มารับ

“วีร์ ฮัลโหล วีร์ได้เสียงพี่ไหม” ชายหนุ่มรู้ว่าเป็นใครโทรมาก็รู้สึกอยากเอาคืน

”น้องวีร์ หลับไปแล้วคุณมีอะไรครับ”

“คุณเป็นใคร รับโทรศัพท์แฟนผมได้ยังไง” ปลายสายเงียบนั่นทำให้เทวาโกรธ ไม่พอยังวางสายใส่ เขารีบโทรกลับไปแต่ก็ไม่มีคนรับ “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวีร์อยู่กับใครวะ” เขายืนหงุดหงิดเดินไปเดินคนเดียวอยู่ข้างถนน เทวารีบต่อสายทินกรทันที ทินกรต้องรู้ว่าปฐวีร์อยู่กับใคร เสียงเตือนดังไม่กี่ครั้งทินกรก็รับด้วยน้ำเสียงัวเงีย เทวาไม่เกรงใจถามคำถามที่ต้องการรู้ทันทีทินกรหลับไปแล้วตื่นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ตั้งสติได้ว่าใครโทรมาก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้ว่าปฐวีร์ยังกลับไม่ถึงห้อง เขาเล่าเรื่องที่พอจะรู้ให้อีกฝ่ายฟัง เทวาตั้งใจฟังทินกรบอกทุกอย่างก็พอจะจำได้ว่าปฐวีร์เคยบอกไว้ว่าที่บริษัทจะมีงานเลี้ยง ถ้าเดาไม่ผิดคนที่พาคนของเขาไปน่าจะเป็นธีรณัฑศ์ เขาได้ที่อยู่อีกฝ่ายมาจากทินกรแล้วก็รีบตรงไปตามที่อยู่ที่ได้มาทันที

ผ่านไปชั่วโมงกว่าก็มีพนักงานโทรขึ้นมาหาธีรณัฑศ์บอกว่ามีคนมาหา เป็นผู้ชายชื่อเทวา เขาบอกให้พนักงานปล่อยเทวาขึ้นมา วางสายไปแล้วหันไปมองปฐวีร์ยังหลับสบายไม่รู้เรื่องว่าทำให้ผู้ชายสองคนปวดหัวแค่ไหน ไม่นานเสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น ธีรณัฑศ์เปิดประตูออกเห็นเทวายืนทำหน้าบึ้งอยู่

“มาเร็วเหมือนกันนี่”

เทวาไม่สนใจไม่อยากเสียเวลากับอีกฝ่าย “วีร์อยู่ที่ไหน”

“นอนหลับอยู่ในห้องแน่ะ” ชายหนุ่มพูดแล้วยิ้ม

“ถอย” เทวาเห็นรอยยิ้มกวนประสาทนั้นแล้วแทบจะถลาเข้าไปชกหน้าอีกฝ่าย

ธีรณัฑศ์เห็นท่าทางอดกลั้นอีกฝ่ายแทบอยากจะระเบิดหัวเราะออกมา “เชิญ” เขายอมหลีกให้แต่โดยดี

เทวาไม่สนใจอีกฝ่ายเขาเดินเข้าไปในห้องเห็นปฐวีร์นอนหลับอยู่เตียง เปิดผ้าห่มเห็นเสื้อยังครบมีกระดุมเสื้อปลดออกเม็ดสองเม็ดจนเห็นผิวขาว เขารีบแบกปฐวีร์ออกจากห้อง ไม่ลืมทิ้งคำพูดไว้

“อย่าเข้าใกล้คนของผมอีก”

ธีรณัฑศ์ใช้สายตาท้าทายมองอีกฝ่าย “ก็ขึ้นอยู่กลับว่าคุณจะมีความสามารถแค่ไหน”

เทวาไม่สนใจฟังคำพูดอีกฝ่ายเขารีบออกมาจากที่นั่น

            กลับมาถึงห้องอารมณ์โกรธ ความหงุดหงิดก็ค่อย ๆ ดีขึ้น เขาคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ อาบน้ำทำธุระส่วนตัวเปลี่ยนชุดออกมานั่งข้างเตียง เขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ทำให้รู้ว่าปฐวีร์เมา เขาถอดเสื้อผ้าออกจากตัวคนเมาทีละชิ้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตัว ปฐวีร์กำลังถูกรบกวนเวลานอน ปากบ่นออกมา

“จะนอนพี่เทวาอย่ากวน” เทวาได้ยินเสียงอีกฝ่ายเรียกชื่อเขาก็รู้สึกดี แต่ก็ต้องหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเล็ก ๆ บนซอกคอขาว คนโง่ก็ดูออกว่ามันเป็นรอยอะไร

“ไอ้บ้านั่นมันฉวยโอกาส” เขากำหมัดแน่นไม่อยากนึกถึงถ้าเขาไปถึงที่นั่นช้าจะเกิดอะไรขึ้น         

            เช้าวันใหม่แสงสว่างจากข้างนอกลอดผ่านช่องว่างผ้าม่านเข้ามา แต่คนนอนบนเตียงยังไม่ขยับ แล้วอยู่ ๆ ก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่งบนเตียง

“สายแล้ว สายแล้ว” ปฐวีร์ควานหาโทรศัพท์ “ทำไมโทรศัพท์ไม่ปลุกวะ” แต่ดูหน้าจออีกครั้งก็นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด หันไปมองคนนอนข้าง ๆ นอนมองอยู่ก็ต้องแปลกใจว่าตัวเองมาอยู่ห้องได้ไง

“อรุณสวัสดิ์ พี่เทวาพาผมกลับมาที่ห้องเหรอ” เทวามองหน้าอีกฝ่ายแต่ก็เงียบ

“งานโปรเจคเป็นยังไงบ้าง” เทวายังเงียบอีก ปฐวีร์เริ่มใจไม่ดีไม่รู้ว่าเมื่อคืนเผลอทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจรึเปล่า เขาเขยิบเข้าไปหา เทวาพลิกตัวหันไปอีกทาง เห็นท่าทางชัดเจนขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธเรื่องอะไร เขาพยายามถามไปก็แล้ว ใช้หน้าซุกแผ่นหลังอีกฝ่ายก็แล้ว กอดก็แล้ว เทวายังนอนเงียบ แต่ที่จริงอีกฝ่ายกำลังยิ้มมีความสุขกับวิธีง้อของปฐวีร์ ปฐวีรู้สึกใจไม่ดีเขาไม่เคยเห็นเทวาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่เงียบ ๆ ถือผ้าเช็ดตัวเดินคอตกเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกมองตัวเองในกระจกก็ต้องตกใจ เขารีบเปิดประตูออกมา

“เฮ้ย พี่เทวาไม่รู้ตัวอะไรกัดเป็นรอยเต็มตัวเลย” ตัวการทำให้เกิดรอยนั่งยิ้มตาหยีอยู่บนเตียง

“อย่าบอกนะ....” ปฐวีร์เห็นอีกฝ่ายยอมรับก็รีบกลับเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนชุดออกมา

“จะบอกได้ยังว่าโกรธอะไรผม แล้วนี่ยังทำรอบพวกนี้ไว้อีก” คนถามทำหน้างอ

“แสดงความเป็นเจ้าของไง พวกแมลงจะได้ไม่มารบกวน” เทวาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“อืม หายโกรธแล้วเหรอ”

“เปล่า ยังโกรธอยู่ ใครให้กินเหล้าจนเมาขนาดนั้น ก็รู้อยู่ว่าตัวเองคออ่อน”

“ก็ไม่รู้ พี่ ๆ เค้าบอกว่าไม่เมากินได้ อย่าโกรธนะคราวหน้าไม่กินอะไรพวกนี้แล้ว สัญญา” ปฐวีร์ทำหน้าสำนึกผิด พูดเสียงออดอ้อนสุดขีด

“กินได้พี่ไม่ว่าแต่อย่ากินจนหลับขนาดนั้น อืม อย่ากอด”

“ทำไม” คนถามทำหน้ามุ่ย

“เดี๋ยวมันตื่น เมื่อคืนก็เกือบไปแล้ว”

“ง่ะ ทำได้ไงจำที่คุณแม่บอกไม่ได้เหรอ ท่านบอกว่าน้องยังเด็กห้ามทำอะไรน้อง และต้องให้พ่อรู้เรื่องนี้ก่อน”

“ดูจากเมื่อคืนก็พอจะรู้ว่ายังเด็กจริงๆ” ปฐวีร์กลอกตา ขอยอมแพ้เดินออกจากห้องไปหาอะไรกินแทนเผื่อจะได้โตขึ้นมาหน่อย                 

            ตอนเย็นวันหยุดทั้งสองออกมากินข้าวข้างนอก กินข้าวเสร็จเทวาชวนไปดูหนัง ปฐวีร์เห็นด้วย ทั้งสองมาถึงโรงหนัง ยืนดูโปรแกรมหนังที่กำลังเข้าฉายแล้วช่วยกันเลือกว่าจะดูเรื่องไหนดี

 “ดูเรื่องนี้กัน” ปฐวีร์ชี้ไปหนังตัวอย่างที่กำลังฉายอยู่บนจอใหญ่หน้าทางเข้าโรงหนัง

“ไม่กลัวรึไง” เทวาถามคนที่เวลานอนก็ไม่ยังกล้าปิดไฟนอน บางวันยังเห็นเปิดโทรทัศน์นอนเป็นเพื่อน อะไรจะกลัวขนาดนั้น

“นาน ๆ ทีดูไม่เป็นหรอก เวลานอนก็เปิดไฟหลอดเล็กเอา” เทวาส่ายหัวกับคนขี้กลัวแต่ยังอยากดู

“งั้นเอารอบนี้ไหม มันเหลือแค่รอบสุดท้ายแล้ว” เขาถามความเห็นคนขี้กลัว

ปฐวีร์พยักหน้าเห็นด้วย ดูหนังสยองขวัญรอบดึกรู้สึกว่ายิ่งได้อารมณ์ “อื้อ พี่ไปซื้อตั๋วผมจะไปซื้อขนม” ทั้งสองแยกย้ายกัน

ปฐวีร์เดินไปต่อแถวซื้อขนมและน้ำ สั่งเป็นชุดเล็กก็เพราะคิดว่าคงมัวแต่นั่งกลัวจนไม่อยากกินอะไรปฐวีร์เดินถือน้ำขนมมานั่งข้าง ๆ เทวาที่ซื้อตั๋วมาแล้ว นั่งรอไม่นานหนังรอบสุดท้ายพนักงานประกาศเรียกหลายคนนั่งทยอยเข้าไป เข้าไปข้างใน หนังรอบดึกโรงหนังดูว่างจนน่ากลัวแต่ก็เข้ากับบรรยากาศหนังผี ที่นั่งพิเศษแถวบนมีคนนั่งเยอะมากที่สุด นั่งดูหนังตัวอย่างที่กำลังเข้าฉายและจะเข้าฉายโปรแกรมหน้าจนลืมไปว่าซื้อตั๋วมาดูหนังเรื่องอะไร แล้วหนังที่รอก็เริ่มฉาย เนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อย มีบางช่วงที่ผีโผล่มาคนดูบางคนตกใจจนต้องกรี๊ดเสียงดัง บางฉากก็ตลกเรียกเสียงหัวเราะลั่นโรงหนัง บางฉากก็ซึ้งจนหลายคนต้องกลั้นน้ำตาไว้ หนังผ่านมาค่อนเรื่องอยู่ ๆ ปฐวีร์ก็เห็นภาพบนจอเปลี่ยนไปเป็นภาพตัวเองปรากฏอยู่บนจอกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง เขามองรอบ ๆ โรงหนังที่มืดกลายเป็นป่า เขาหันขวับไปมองคนนั่งข้าง ๆ เทวายังนั่งดูหนังปกติ

“พี่รู้สึกอะไรแปลก ๆ รึเปล่า อย่างโรงหนังหรือภาพบนจอ”

“ไม่นิ โรงหนังก็มืดปกติแค่คนดูน้อย ส่วนจอภาพก็ชัดหรือเรามองไม่เห็น” เทวาจ้องหน้าคนถามเสียงสั่นเหมือนกำลังกลัวอะไร เทวาฟังแล้วรู้สึกเป็นห่วง

“ปะ เปล่า” เขารีบปฏิเสธ แสดงว่าไม่มีใครมองเห็นสิ่งที่เขาเห็น เป็นแบบนี้อีกแล้ว ครั้งก่อนก็เห็นบนกระจก ครั้งนี้เห็นบนหน้าจอ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เขาตั้งสติมองภาพหน้าจอที่ยังเห็นภาพตัวเองวิ่งหนีอะไรสักอย่างไม่นานภาพก็เปลี่ยน เป็นโรงพยาบาล เขากำลังรอที่จะเห็นภาพต่อจากนั้น แต่ไฟในโรงหนังก็สว่างขึ้น

            คืนนั้นกลับมาถึงห้องเขาก็ฝันเรื่องเดิมอีกครั้งความฝันเริ่มชัดขึ้น ส่วนความฝันที่ต้องตายเริ่มพร่ามัวลงแต่ก็มีภาพเลือนราง ซ้อนทับขึ้นมาเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่มองเห็นไม่ชัด


*************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2018 09:23:05 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 30 [2/11/61]
«ตอบ #82 เมื่อ04-11-2018 17:31:25 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :katai3:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 30 [2/11/61]
«ตอบ #83 เมื่อ04-11-2018 19:48:56 »

อนาคตเริ่มเปลี่ยนแล้วแต่จะเปลี่ยนไปในทางไหนรอลุ้นค่ะ o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 31 [10/11/61]
«ตอบ #84 เมื่อ10-11-2018 22:18:49 »

ตอนที่ 31
[/size]

พระอาทิตย์ตกไปได้หลายชั่วโมงแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำและมีดาวส่องแสงระยิบบนท้องฟ้า ค่ำคืนวันหยุดรถบนท้องถนนดูคึกคักเป็นพิเศษ หลายคนต่างมีจุดหมายปลายแทบไม่แตกต่างกันคือหาที่ผ่อนคลาย ร้านอาหารย่านชุมชนเมืองจึงแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่ออกมากินข้าวกับครอบครัว เพื่อนและคนรู้ใจ รถเก๋งสีขาวคันเล็กจอดติดรถไฟแดงมาได้สักพักแล้ว คนนั่งอยู่ในรถกำลังเปิดเพลงฟังอย่างสบายใจ คณิตตาร์กำลังมีความสุขเพราะคืนนี้เธอมีนัดเลี้ยงวันเกิดกับเพื่อน ๆ ที่ผับแห่งหนึ่ง สัญญาณไฟเปลี่ยนสีเธอรีบขับรถตามรถข้างหน้าไป ผ่านไปอีกสี่แยกก็ถึงจุดหมาย เธอเลี้ยวเข้าที่ลานจอดรถ สาวสวยในชุดเกาะอกรัดรูปลงมาจากรถทำให้ใครหลายคนต้องมองตาม เมื่อเข้าไปข้างในเธอกดโทรศัพท์หาเพื่อนพร้อมกวาดสายตามองรอบร้าน ปิ่นอนงค์คือเพื่อนหนึ่งในนั้นที่กำลังโบกมือเรียกหญิงสาวอยู่ ถึงเธอจะไม่พอใจปิ่นอนงค์อยู่บ้างแต่ก็หลับตาคบไป เธอเข้าไปด้านในผู้ชายหลายคนมองเธอด้วยสายตาสนใจ เธอทำเป็นไม่เห็นเดินผ่านเลยไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนนั่งอยู่ “แหม เพิ่งเข้ามา หนุ่ม ๆ ก็มองค้างเชียว”

“เสน่ห์แรงจริงเพื่อนเรา”

“ท่าทางคืนนี้คงนี้เพื่อนคงไม่โสดแล้ว” คำพูดชื่นชมของเพื่อนแต่ละคนทำให้เธอยิ่งรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น “อยากกินอะไรสั่งได้เลยวันนี้ฉันเลี้ยงเอง” ทุกคนได้ยินต่างก็ยิ้มกว้างและไม่ขัดศรัทธา พวกเธอรีบโบกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์ สั่งเครื่องดื่มไปหลายอย่าง รอไม่นานพนักงานก็กลับมาอีกครั้งพร้อมถาดเครื่องดื่ม พวกเธอชนแก้วฉลองให้เจ้าของวันเกิดพร้อมทั้งอวยพร

            ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ แอลกอฮอล์ในร่างกายก็ยิ่งออกฤทธิ์ คณิตตาร์ออกไปสนุกหน้าเวทีกับเพื่อนสักพักก็กลับมาที่โต๊ะ “สนุกเป็นบ้าเลย ผู้ชายคนนั้นสีหลังฉันใหญ่เลย”

“ไหน ๆ คนนั้น” หญิงสาวชี้ให้เพื่อนดู “หน้าตาดีใช้ได้เลย แกอย่าบ่อยให้หลุดมือล่ะ”

“ไม่หล่ะฉันไม่ชอบผู้ชายท่าทางแบบนี้” ทุกคนเห็นท่าทางเลือกมากของเพื่อนรู้สึกอิจฉาอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

“ตาร์ดื่มนี่สิเราเพิ่งสั่งมาให้”

“ขอบใจ” เธอรับเครื่องดื่มจากปิ่นอนงค์ และดื่มมันจนหมด จากนั้นพวกเธอก็ออกไปสนุกต่อ ผ่านไปสักพักคณิตตาร์ก็รู้สึกมึนจนต้องกลับมาที่โต๊ะ “อ้าว นั่นยัยตาร์เป็นอะไร เมื่อกี้ยังเต้นดี ๆ อยู่เลย”

“สงสัยจะเมาแล้ว เล่นดื่มไปหลายแก้วขนาดนั้น”

“ก็น่าจะใช่ แล้วเอาไงจะต่อหรือจะกลับ”

“กลับดีกว่านี่ก็เที่ยงคืนแล้ว”

“เออ” ทุกคนเห็นด้วยเมื่อเห็นเจ้าภาพเมาพับไปแล้ว ปิ่นอนงค์ทำหน้าพาคณิตตาร์กลับ จ่ายเงินเรียบร้อยทุกคนต่างแยกย้ายกัน

            คณิตตาร์ไม่รู้ว่าเมาพับไปตั้งแต่ตอนไหน เธองัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอะไรสักอย่าง เธอมองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องนอนใครสักคน ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งรู้สึกปวดจี๊ดที่หัว คงเป็นเพราะดื่มไปเยอะแทบจำไม่ได้ว่าดื่มอะไรลงไปบ้าง เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงเดินตามหาที่มาของเสียง เดินออกมาจากห้องนอนถึงห้องนั่งเล่นเธอก็ต้องหยุดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อที่มาของเสียงอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์จอใหญ่ เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นชัดว่าคนที่อยู่ในนั้นเป็นเธอกับผู้ชายอีกสองคน “ตื่นแล้วเหรอมาดูด้วยกันซิ” ปิ่นอนงค์นั่งอยู่บนโซฟาหันมาเรียกคณิตตาร์

“นี่ นี่ มันหมายความว่ายัง” คณิตตาร์รู้สึกสับสนก้าวเข้าไปดูใกล้ ๆ

“อิ อิ ตาร์ดูไม่ออกว่าผู้หญิงอยู่ในวิดีโอคือตาร์ ถึงจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าก็เถอะ ไม่น่าจะจำตัวเองไม่ได้ เป็นไงภาพออกมาสวยไหม ดูมุมนี้สิตาร์แสดงอารมณ์ได้ดีมาก”

“เธอหมายความว่ายังไง”

“ก็วิดีโอนี้ปิ่นเป็นคนถ่ายเองกับมือ” เธอยิ้มหวาน

ร่างกายของคณิตตาร์หมดเรี่ยวแรงลงไปดื้อ ๆ ดวงตาที่จ้องบนภาพก็เบลอเพราะน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ “ตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอเค้นเสียงถามอีกฝ่าย

“อือ ก็ตั้งแต่คืนที่พวกเราไปเที่ยวนับถอยหลัง อย่าบอกนะตาร์กำลังโกรธ แต่เห็นคืนนั้นตาร์ดูมีความสุขดีออก”

“แกทำยังนี้ทำไม แกต้องการอะไร” เธอตะโกนเสียงดังลั่นห้อง ตัวเธอสั่นด้วยความโกรธ

“ตาร์ไม่ดีใจเหรอ ปิ่นอุส่ารีบตัดต่อให้ทันเป็นของขวัญวันเกิดตาร์เลยนะ” ปิ่นอนงค์ลุกจากโซฟาเดินเข้าไปหาคณิตาร์ เธอยิ้มให้อีกฝ่าย เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คณิตาร์ขนลุก ”ตาร์ไม่ดีใจเหรอ ปิ่นอุส่าตั้งใจทำให้เลยนะ”

“ไม่” คณิตตาร์ส่ายหน้าขยับให้ห่างจากปิ่นอนงค์

“ปิ่นว่าไปนั่งดูที่โซฟาดีกว่า บางทีถ้าดูแล้วตาร์อาจจะชอบมัน” เธอกำแขนคณิตาร์แน่นแล้วลากไปที่หน้าโทรทัศน์ จากนั้นก็ผลักคณิตตาร์ให้นั่งลงไป คณิตตาร์รู้สึกกลัวเธอไม่เคยเห็นปิ่นอนงค์ในลักษณะนี้มาก่อน

“อ้าวจบซะแล้ว เดี๋ยวเปิดดูใหม่นะ” เธอหยิบรีโมทมาเปิดวิดีโอให้เล่นอีกครั้ง คณิตตาร์ยังสับสนไม่เข้าใจว่าทำไมปิ่นอนงค์ถึงต้องทำกับเธออย่างนี้ เธอเหลือบไปมองโต๊ะกลางเห็นซองยาวางอยู่หลายซอง เธอหยิบมันขึ้นมาดูก็ต้องตกใจกว่าเดิม

”แก แก แกเป็นบ้า”

“อาจจะใช่หมอบอกเป็นอาการคล้าย ๆ อย่างนั้น”

“อย่างมาใกล้ฉันอีบ้า ถอยไปไกล ๆ” เธอพยายามต่อสู้กับความรู้สึกกลัว สุดท้ายร่างกายก็ทนไม่ไหวทำให้เธอหมดสติไปในที่สุด “ว้า สลบไปซะแล้วแต่ไม่เป็นไรปิ่นดูคนเดียวก็ได้” ปิ่นอนงค์ยังนั่งดูวิดีโอคนเดียว เธอดูไปยิ้มไปอยู่คนเดียวบางทีก็หัวเราะ

            ในที่สุดปฐวีร์ก็กลับมาเรียนตามปกติเพราะถึงเวลาที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ความสุขของเขากลับมา ชีวิตเดิม ๆ กลับมา ได้เจอเพื่อน หลายคนเลิกสนใจเรื่องของเขากับเทวาแล้ว เพราะในแต่ละวันมีเรื่องราวอื่น ๆ ให้สนใจมากกว่า คนที่สร้างเรื่องน่ารำคาญก็มาขอโทษเขาด้วยตัวเองโดยให้เหตุผลส่วนตัวหลายข้อที่ฟังไม่ขึ้น แต่ปฐวีร์ก็ยอมให้อภัยพูดตักเตือนไปหลายคำและแจ้งเรื่องความประพฤติของเธอให้ทางมหาวิทยาลัยทราบเพื่อทำทัณฑ์บนถ้าทำผิดอีกครั้งจะถูกหักคะแนนความประพฤติ พิมพ์รตารอดจากเรื่องนี้แต่ก็น่าจะทำให้เธอเงียบไปได้สักพัก

ขาดเรียนไปนานทำให้เขาต้องมานั่งทบทวนบทเรียนและเร่งทำงานส่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะมันรู้สึกดีกว่ากองเอกสารที่เจอก่อนหน้าด้วยซ้ำ และโชคยังดีที่ได้เลคเชอร์จากเพื่อน ๆ ขณะที่ทุกคนนั่งเป็นเพื่อนเขาทำงานส่ง ก็สังเกตเห็นเห็นปิ่นอนงค์อารมณ์ดีเป็นพิเศษไม่รู้ว่าไปเจออะไรดีเข้า

“อยากรู้เหรอดูนี่ซิ” เธอส่งโทรศัพท์มีภาพวิดีโอมาให้ เล่นเอาปฐวีร์ทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในนั้น ถึงว่าช่วงนี้เห็นคณิตตาร์เก็บเนื้อเก็บตัว เจอหน้ากันแล้วเธอได้แต่เดินหนี อาจดูว่าปิ่นอนงค์ทำเกินไปบ้างแต่อย่าลืมว่าคณิตตาร์มีส่วนทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ถ้าคนหนึ่งไม่เริ่มปัญหาก็ไม่เกิด

จากนั้นสองสามวันเขาได้ข่าวจากทนายเรืองโรจน์ว่าคำร้องของคุณนายรองที่ต้องการขอเป็นผู้อนุบาลไม่ผ่านถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าคุณนายรองคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เธอต้องหาทางทำอะไรอีกแน่นอน และการเข้าไปในบริษัทของเขาในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้หลายคนมีการเคลื่อนไหว บางคนเริ่มเปลี่ยนมาสนับสนุนประธานคนใหม่ สถานการณ์ภายในเริ่มดีขึ้นหลังจากตึงเครียดมาได้สักพัก

            ผิดกับอีกด้านที่ดูตึงเครียดเมื่อทุกอย่างไม่เป็นตามแผนที่วางไว้ ในห้องทำงานทศพลนั่งหลับตาฟังที่เลขาคนสนิทพูดถึงสถานการณ์ปัจจุบันอย่างใจเย็น ก่อนลืมตาขึ้นเพราะประโยคต่อมา

“ท่านครับเอกสารสำคัญบางส่วนหายไป”

“คงเป็นไอ้เด็กนั่น ให้คนของเราเอาเอกสารคืนมา”

“ครับ”

            ดึกแล้วพระจันทร์เกือบเต็มดวงลอยสูงเด่น มันส่องแสงสว่างนวลอยู่บนท้องฟ้า หลายคนหลับไปแล้ว หลายคนยังใช้ชีวิตสนุกอยู่ข้างนอก ส่วนปฐวีร์ยังนั่งหลังแข็งหาวแล้วหาวอีกทำงานส่งอาจารย์อย่างตั้งใจ กว่าสามชั่วโมงในที่สุดเขาก็วางปากกาในมือลง มองรายงานร้อยกว่าหน้าบนโต๊ะแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก งานชิ้นสุดท้ายที่ต้องส่งเสร็จซะที เขารีบเก็บงานบนโต๊ะเข้าแฟ้มใสให้เรียบร้อย บิดขี้เกียจขยับร่างกายให้หายเมื่อย แล้วเสียงเตือนในโทรศัพท์ว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้น เขาเปิดข้อความอ่านก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นเทวาส่งข้อความมาบอกให้พักผ่อนได้แล้ว ดึกแล้ว และถามอีกว่าพรุ่งนี้อยากกินอะไรแม่ฝากมาถาม เขาพิมพ์ข้อความตอบกลับว่า อะไรก็ได้กับข้าวฝีมือคุณแม่อร่อยทุกอย่าง คุยกันสักพัก เทวาก็บอกให้ปฐวีร์ไปพักผ่อน ปฐวีร์เป็นเด็กดีรีบเข้าห้องเปิดไฟหลอดเล็กไว้เป็นเพื่อนปีนขึ้นเตียงแล้วรีบนอนพักผ่อน สักพักหนังตาก็หนักขึ้นแล้วหลับไป

            พระจันทร์อ่อนแสงลงแต่ยังไม่ทันกลับไปนอน เสียงโทรศัพท์ในห้องก็แผดเสียงลั่น เล่นเอาคนกำลังหลับสบายสะดุ้งตื่นขึ้นมา “ฮัลโหล ใคร ไม่รู้รึไงว่าตอนนี้มันยังเช้าอยู่ .......” ปฐวีร์ด่าปลายสายจนพอใจแล้วถามปลายสายว่าเป็นใคร

“ฉันก็นึกว่านายจะด่าจนถึงเช้า แล้วไม่ยอมถามว่าใครโทรมาซะอีก” ปฐวีร์ยังหลับตาฝังหน้าลงบนหมอนในหัวรู้สึกเสียงปลายสายคุ้น ๆ เหมือนได้ยินที่ไหน “พลพัฒน์”

“อืม ฉันดีใจที่นายจำเสียงพี่ชายอย่างฉันได้ ทั้งที่เราแทบจะไม่ได้คุยกัน”

“มีไร คงไม่มีเวลาว่างมากพอจะโทรมาเล่นทายเสียงหรอกนะ”

“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้มีรสนิยมอย่างนั้น แต่พอดีมีเรื่องอยากให้ช่วย” เสียงปลายสายมีความลังเลก่อนพูดต่อว่า “เรื่องสำคัญเกี่ยวกับบริษัท” ปฐวีร์ตาสว่างทันทีถามเรื่องราวต่อจากนั้นแต่พลพัฒน์บอกให้ออกมาคุยกันข้างนอก เขาถามสถานที่นัดเจอ วางโทรศัพท์ไปปฐวีร์นั่งนิ่งบนเตียงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยทำให้สมองประมวลผลช้า เรื่องสำคัญเกี่ยวกับบริษัทที่ว่ามันคืออะไร แล้วทำไมพลพัฒน์ถึงเลือกที่จะบอกเขา แล้ว.....โอ๊ยปวดหัว ช่างเถอะออกไปเดี๋ยวก็รู้เอง จากนั้นเขารีบอาบน้ำเปลี่ยนชุด พอดีกับที่เทวาที่เพิ่งกลับมาถึงห้อง

*************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2018 22:22:17 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 31 [10/11/61]
«ตอบ #85 เมื่อ13-11-2018 12:10:00 »

ลุ้นๆอะไรจะเกิดกับวีร์อีก วีร์จะไปตามนัดก็เอาเพื่อนไปด้วยนะอย่าไปคนเดียว :katai1:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 31 [10/11/61]
«ตอบ #86 เมื่อ13-11-2018 18:30:08 »

น้องวีร์อย่าเพิ่งไปตกหลุมพรางเค้านะ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 31 [10/11/61]
«ตอบ #87 เมื่อ14-11-2018 11:38:45 »

เริ่มต้นเรื่องอ่านแล้วดูเนื่อยๆ ไปนิด แต่อ่านไปเรื่อยๆ แล้วติดใจอยากอ่านต่อ
เรื่องนี้วีร์ดูทั้งโชคร้ายและโชคดีไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 31 [10/11/61]
«ตอบ #88 เมื่อ16-11-2018 23:56:15 »

 :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 32 [19/11/61]
«ตอบ #89 เมื่อ19-11-2018 08:18:45 »

ตอนที่ 32
[/size]



พระอาทิตย์โผล่ขึ้นได้ครึ่งดวง แสงแรกของวันส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ปฐวีร์ก็มาถึงที่นัดปั๊มน้ำมันนอกเมือง ระหว่างทางเขาพยายามคิดหาเหตุผลของการที่พลพัฒน์อยากคุยเรื่องเกี่ยวกับบริษัท ทำไมถึงไม่ไปคุยกับคนที่มีบทบาทสำคัญ ตอนนี้ในสมองมีคำถามมากมายที่อยากรู้ เขาลงจากรถมองหาพลพัฒน์ พลพัฒน์โบกมือเรียก ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่หน้าร้านกาแฟ “ขอโทษที่เรียกออกมาแต่เช้า และไกล แต่ฉันคิดไม่ออกว่าใครจะสามารถจัดการเรื่องนี้ดีเท่านาย”

“ผมดูน่าเชื่อถือ” เขาสังเกตท่าทางชายหนุ่มที่ดูสบาย ๆ เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติเห็นทำแต่หน้าบึ้งและสายตาไม่สนโลก วันนี้ดูชายหนุ่มตรงหน้าเหมือนเป็นคนละคน ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อารมณ์เย็นขึ้น แต่ถึงยังไงก็ยังไม่น่าไว้ใจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน

“อืม ป่านฟ้าบอกว่าอย่างนั้น” พูดถึงหญิงสาวเขาก็มีร่องรอยของรอยยิ้มอบอุ่นปรากฏให้เห็น

“อ้อ ได้คุยกันแล้วสิ” เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นเหตุที่ทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยนไป คงเป็นความรัก

“ใช่ ขอบคุณนายมากสำหรับเอกสารสัญญาที่ส่งมาให้ มันช่วยทำให้ฉันตัดสินใจทำอะไรได้ง่ายขึ้น” พลพัฒน์พูดถึงสัญญาที่ป่านฟ้าทำไว้กับปทีปก่อนหน้า มันทำให้เขาเข้าเรื่องราวหลายอย่างได้มากขึ้น

“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกสงสารคุณป่านฟ้าเท่านั้น”

“ยังไงก็ต้องขอบคุณที่ช่วยเธอไว้ ฉันซะอีกกลับทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นไฟล์เอกสารสำคัญในนี้สามารถเอาผิดทุกคนได้”

“รวมทั้งทศพลและคุณนายรองด้วยไหม”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ ส่วนเอกสารตัวจริงเก็บไว้ในที่ปลอดภัย” เขาส่งกุญแจให้ปฐวีร์ ปฐวีร์แสดงสีหน้ากังวลและลังเลเล็กน้อย “แล้วมีเหตุผลอะไรทำไมต้องเอามาให้ผม” เขาจ้องหน้าอีกฝ่ายเพื่อหาคำตอบว่าต้องการอะไร แต่สิ่งที่เห็นคือแววตาที่แน่วแน่มันคงเหมือนอีกฝ่ายตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ทำให้เขาตัดสินใจรับกุญแจมาและเก็บมันไว้ในกระเป๋า

“ถือว่าเป็นคำขอร้องในฐานะพี่ชาย จริง ๆ แล้วคุณแม่ไม่ได้เป็นคนเลวร้าย คุณตาเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ท่านอยากได้บริษัทของคุณพ่อ ดูเหมือนจะวางแผนมานานพอสมควร อีกอย่างฉันไม่อยากให้คุณแม่ถลำลึกไปมากกว่านี้ เพราะบริษัทเป็นของคุณพ่อสร้างขึ้น มันเป็นของวีรวัฒฑณ ฯ อย่างถูกต้อง” ปฐวีร์เริ่มจะเข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที คุณนายรองเธอมีลูกชายที่ดี

“ผมเข้าใจ แล้วนายจะทำยังไงต่อไป”

“ต่อจากนี้ฉันจะเป็นอิสระ ทำอะไรก็ได้ไม่ต้องให้คุณแม่ชี้นิ้วบอก ไม่ต้องอิจฉานาย”

“งานหมั่นล่ะ”

“มันจะไม่เกิดขึ้น เพราะคุณลูกศรหนีไปกับคนรักเธอแล้ว” เขาแปลกใจที่ได้ยินอย่างนั้นเรื่องมันเลวร้ายกว่าคิดไว้ “รบกวนเวลานายนานแล้ว ฉันคงต้องไปก่อน”

การออกมาพบเจอกันของทั้งสองมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ พวกมันนั่งสังเกตการณ์รอบ ๆ และรอคอยอย่างใจเย็น เมื่อเห็นพลพัฒน์ยื่นไอแพดให้ปฐวีร์ พวกมันรีบโทรหาเจ้านายทันที ปลายสายตอบกลับมาให้รอก่อน รอจนกว่าทั้งสองจะออกจากร้านแล้วค่อยพาตัวมา

การสนทนาเกือบชั่วโมงสิ้นสุดลง ทั้งสองเดินออกมาจากร้านกาแฟ ยังไม่ทันเดินแยกจากกันก็มีชายสองคนเดินเข้ามาประกอบ มันใช้ปืนจี้ที่เอว พร้อมกระซิบเบา ๆ

“อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ พอดีว่ามีคนอยากพวกคุณ” ทั้งสองมองหน้ากัน ปฐวีร์มึนงงที่ถูกชายแปลกหน้าเดินเข้ามาประกบแล้วก็เหลือบไปเห็นปืนจี้อยู่ที่เอวทำให้หัวใจเกือบหล่นไปที่ตาตุ่ม เขารู้สึกกลัวเพราะไม่เคยตกอยู่สถานการณ์แบบนี้มาก่อน ตัวเกิดแข็งเกร็งขึ้นมาดื้อ ๆ

“เดินไปแล้วอย่าคิดเล่นตุกติก ไม่งั้นยิงไส้แตกแน่” เขาก้าวขาไม่ออกแต่ก็ถูกพวกมันผลักให้เดินตรงไปที่รถตู้ที่เปิดประตูรออยู่ทันที เขาไม่ลืมมองไปที่รถภาวนาให้เทวาเห็นเหตุการณ์แล้วตามคนมาช่วย

“มองอะไรไอ้หนู ขึ้นรถไป” ปฐวีร์ถูกผลักขึ้นไป ตามด้วยพลพัฒน์ จากนั้นประตูก็ถูกปิดลง รถก็รีบเคลื่อนออกจากที่นั่น ปฐวีร์นั่งอยู่บนรถตัวเกร็งพยายามรวบรวมสมาธิตั้งสติที่มีอยู่เล็กน้อย สังเกตรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่าพวกมันมีด้วยกันสี่คน คนหนึ่งตัวผอมเป็นคนขับรถ อีกคนรูปร่างไม่สูงไม่ใหญ่นั่งข้างเบาะคนขับ ส่วนอีกสองคนที่พาพวกเขาขึ้นรถมานั่งเบาะหลังพวกเขา พวกมันนั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรสักคำ แต่สายตากลับจ้องพวกเขา ไม่รู้ว่าพวกมันจะพาไปที่ไหนคนที่พวกมันว่าอยากเจอไม่รู้ว่าเป็นใคร ต่อจากนั้นถ้าได้เจอแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น สมองกำลังคิดเรื่องฟุ้งซ่านจนเหงื่อซึมออกตามมือและหน้าผาก

“ขอถามได้ไหมว่าคนที่ต้องการเจอพวกผมสองคนเป็นใคร” พลพัฒน์พูดขึ้นเพื่อให้บรรยากาศลดความตึงเครียดลง แต่ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรสักคำ รถยังวิ่งด้วยความเร็วคงที่ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ได้ตัวมาแล้วครับนาย จะให้พวกผมพาไปที่ไหน ครับ ได้ครับ”

“พี่ นายโทรมาบอกว่ายังไง”

“ขับรถตรงไปที่กิโลเมตร108 นายจะรออยู่ที่นั่น”

            เทวาเอนหลังนอนกำลังเล่นเกมต่อจากเมื่อคืน เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนรักขึ้นรถไปกับพลพัฒน์และมีผู้ชายแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้ใจอีกสองคน เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะปฐวีร์บอกว่าจะไปคุยธุระในร้านกาแฟ และท่าทางของปฐวีร์เหมือนไม่เต็มใจ คิดจะโทรหาปฐวีร์ถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่โทรศัพท์ก็ดันวางอยู่บนเบาะนั่งข้าง ๆ ชายหนุ่มเห็นท่าทางไม่ดีเขารีบตามรถตู้ที่ไม่มีป้ายทะเบียนไปห่าง ๆ

            สองชั่วโมงหรือนานกว่านั้นรถตู้ก็ชะลอจอดที่หลักกิโลเมตรที่108 ใกล้กันมีรถเก๋งยี่ห้อหรูสีดำจอดอยู่ก่อนแล้ว รถตู้จอดสนิทประตูก็ถูกเปิดออก ทั้งสองถูกพาไปที่หน้ารถตู้ แล้วประตูของรถเก๋งที่จอดอยู่ด้านหน้าก็เปิดออก “ทศพล” ปฐวีร์เรียกชื่อชายสูงวัยลงจากรถเบา ๆ

“เป็นไงดูเหมือนไม่ค่อยแปลกใจที่เจอหน้าฉัน โดยเฉพาะแกไอ้หลานไม่รักดี ฉันไม่นึกว่าแกจะกล้าหักหลังฉัน” ทศพลจ้องพลพัฒน์เขม็ง ไม่นึกว่าหลานชายที่ดูเหมือนหัวอ่อน จะกล้าทำเรื่องแบบนี้กับเขา

“แต่สิ่งที่คุณทำมันไม่ถูกต้อง”

“ไม่ถูกต้องยังไง มันเป็นสิ่งที่แกและแม่ของควรจะได้ ไม่ใช่ไอ้เด็กนี่ ไอ้ปทีปมันใจร้ายใจดำกับแม่แกขนาดไหน แค่ทะเบียนสมรสแค่ใบเดียวมันยังไม่ยอมเซ็นให้”

ปฐวีร์ยืนฟังเงียบ ๆ เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่เท่าไหร่ แต่การอยากได้ของคนอื่นต้องหาข้ออ้างมาร้อยแปด คิดหาวิธีกลโกงมากมาย แล้วหาเรื่องที่เป็นข้ออ้างเพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายถูกอย่างนี้ก็มีด้วย

“เอาเอกสารพวกนั้นมาให้ฉัน” ทศพลหรี่ตามองพลพัฒน์

“ไม่ครับ”

“เอาเอกสารมาให้ฉัน แกก็รู้ว่ามันสำคัญกับฉันและแม่แกแค่ไหน”

“ผมไม่เชื่อ คุณกำลังหลอกใช้แม่ หลอกใช้ทุกคน เพื่อให้ได้สิ่งที่คุณต้องการ”

“หึ หึ แกนี่มันฉลาดเหมือนพ่อไม่มีผิด แต่ก็แล้วไงฉลาดก็ต้องไปนอนเป็นเจ้าชายนิทรารอวันตายอยู่อย่างนั้น เชื่อฉัน ฉันจะทำให้บริษัทดีขึ้น”

หึ ปฐวีร์ทำเสียงขึ้นจมูกทนฟังอยู่นานก็เพิ่งได้ยินได้เจอคนหน้าด้านหน้าทนอย่างนี้

“แกไอ้เด็กเหลือขอไม่มีแม่แกตายไปแล้วเดี๋ยวพ่อก็จะตามไป ส่วนแกฉันจะส่งไปอยู่กับพวกมันแกว่าดีไหม” เขาไม่สนใจคำขู่อีกฝ่าย พลพัฒน์ยังนิ่งไม่ยอมคืนเอกสารให้ ทศพลเริ่มหมดความอดทน เขาควักปืนออกมาจ่อขมับพลพัฒน์ทันที

“ฉันเตือนแกแล้วนะ”

“ถ้าคุณยิงผมแล้วจะตอบแม่ว่ายังไง”

“ทุกอย่างฉันเตรียมไว้หมดแล้ว จะไปยากอะไรก็บอกว่าแกสองคนยิงกันตาย”

“ใครจะไปเชื่อ”

“ใช่ไม่มีใครเชื่อ แต่ดูรอบ ๆ สิไม่มีใครอยู่ที่นี่ ที่นี่มีแต่ป่า ไม่มีพยานเพราะแกทั้งสองต้องตาย และที่สำคัญหลักฐานคือพลพัฒน์โทรเรียกแกออกมา”

ทั้งสองนึกภาพตามก็เป็นอย่างทศพลพูดไว้ ถึงจะดูไม่น่าเชื่อแต่หลักฐานทุกอย่างก็บอกอย่างนั้น ใครจะเชื่อพี่น้องที่ไม่ถูกกัน ผิดใจกันบ่อยครั้ง จะนัดเจอกันเพื่อกินข้าวดูหนัง ทศพลยิ้มอย่างผู้ชนะ ปฐวีร์รู้สึกขนลุกกับรอยยิ้มนั้น เขาได้กลิ่นอันตรายกลิ่นความตายมาจากทศพลมันแรงกว่าเดิม เขาเป็นห่วงพลพัฒน์อยากช่วยแต่เขาก็ถูกชายอีกคนจับตัวไว้ ในใจได้แต่คิดไม่ถึงว่าเพื่อผลประโยชน์กลับต้องมาฆ่าญาติพี่น้องผู้ชายคนนี้จิตใจอำมหิตจริง ๆ

“เอาล่ะฉันจะให้แกตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเอาเอกสารนั่นมาให้ฉันรึเปล่า” พลพัฒน์เงียบเขาหลับตาลงพร้อมรับชะตากรรมที่หนีไม่ได้ ทศพลรู้สึกรำคาญกับคนที่ดื้อด้านไม่รักชีวิต

“บรี๊นนนนนนนนนน “ เสียงแตรรถดังลั่นทุกคนต่างหันไปมองรถยุโรปขับตรงที่พวกเขา ปฐวีร์ที่ประสาทสัมผัสดีกว่าคนอื่นหลายเท่าอาศัยช่วงเวลานั้นกระทุ้งศอก ตามด้วยหมัดและเท้าใส่คนที่จับตัวเขาไว้ พลพัฒน์เหมือนได้สติเขาปัดปืนในมือทศพลออกตามด้วยหมัดและเท้าทำให้ทศพลเสียการทรงตัวจนลงไปนอนกับพื้น

ปฐวีร์และพลพัฒน์รีบวิ่งออกจากตรงนั้น ที่เหลือเห็นรถวิ่งตรงมากระโดดลงข้างถนนคนละฝั่ง “โครม” รถยุโรปคันนั้นชนเข้ากับท้ายรถตู้อย่างแรง ทำให้รถตู้ที่จอดอยู่พุ่งชนท้ายรถเก๋งสีดำที่จอดข้างหน้า ทำให้เสียงสัญญาณกันขโมยร้องระงม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ปฐวีร์มองไปที่รถยุโรปเห็นเทวาเปิดประตูออกมา เขารีบวิ่งเข้าไปหา

“พี่เทวาเป็นยังไงบ้าง แล้วนี่ใครบอกขับรถชนชาวบ้าน” เทวาไม่ตอบเขากำลังจุกมองดูสภาพรถเหมือนไม่เป็นอะไรมากเขาโชคดีโครงสร้างรถแข็งแรง ก่อนจะพูดอะไรอีกพลพัฒน์พูดเตือนให้รู้ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไหน

“พวกเรารีบไปจากที่นี่เถอะ”

ทุกอย่างเงียบลงทศพลและพวกโผล่ออกมาจากข้างทางเห็นสภาพรถก็ตกใจ มองหาคนต้นเหตุ แต่ไม่เจอ พลพัฒน์กับปฐวีร์ก็หายไป “เอาไงดีครับนาย”

“ตามพวกมันไป และเก็บมัน”

“ครับ”

            “ปัง ปัง ปัง” เสียงปืนดังลั่นป่า ทั้งสามวิ่งหนีมาได้สักพักเริ่มรู้สึกเหนื่อยถ้ายังหนีต่อไปอย่างนี้มีหวังได้ตายทุกคนแน่ “พวกเราต้องแยกกัน” พลพัฒน์เสนอความคิดขึ้นมา “พี่จะล่อพวกมันไปอีกทาง พวกนายไปอีกทาง”

“ผมเห็นด้วย”

“ระวังตัวด้วยนะ”

“อืม เจอกันที่บ้านใหญ่” ทั้งสองมองพลพัฒน์ไปอีกทางแล้วพี่พวกมันสองคนวิ่งตามไป พวกเขาวิ่งออกที่ซ่อนไปอีกทางและมีพวกมันอีกสองคนตามมา

            หนีตายแทบไม่ได้พัก วิ่งไม่หยุดเข้าในป่ารก ทำให้ทั้งสองไม่รู้ทิศทางเพราะต้นไม้ใบหญ้าเหมือนกันไปหมด ทั้งสองตกลงพักเอาแรงกันก่อน “เหมือนว่าพวกเราจะหนีพ้นแล้ว” ถึงจะพูดอย่างนั้นเทวายังกวาดสายตามองรอบ ๆ ก้มลงต่ำ ปฐวีร์ยังยืนหอบหน้าแดงเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง เจ็บจุกท้องไปหมด หัวใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก เขาโชคร้ายเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังการยิ่งวันนี้เหมือนกำลังวิ่งมาราธอน อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงปืนแว่วมาขาทั้งข้างก็รีบวิ่งไม่คิดชีวิต พอได้หยุดพักปรับลมหายใจร่างกายก็เหมือนจะหมดแรง ร่างกายของเขากำลังสั่นเล็กน้อยไม่รู้เป็นเพราะกลัวเสียงปืนหรือร่างกายเกินขีดจำกัดกันแน่ เทวาเห็นแล้วรู้สึกสงสาร ใช้มือลูบแก้มแดงปาดเหงื่อตามหน้าออกให้

“ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวก็ได้พักแล้ว” เขามองนาฬิกาบนข้อมือทำให้รู้ว่าพวกเขาวิ่งติดต่อกันมาหลายชั่วโมง ถ้าเป็นอย่างนี้พวกเขาอาจจะตายเพราะหมดแรง เขาเริ่มสอดส่ายสายตาหาที่พักที่ปลอดภัยกว่านี้เพราะเดินต่อไปโดยไม่รู้ทิศอาจจะเข้าไปในป่าลึกมันจะแย่กว่าเดิม

            และแล้วแสงสุดท้ายของวันก็หายลับไปจากขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ มีดวงจันทร์เต็มดวงและดาวดวงเล็กโผล่ขึ้นมาแทน ปฐวีร์นั่งพิงต้นไม้มองพระจันทร์ หลังจากปรับพื้นที่รอบ ๆ กวาดใบไม้ออก กันไม่ให้แมลงและสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ แสงสีนวลกับดาวบนท้องฟ้าทำให้จิตใจรู้สึกสงบขึ้นมาก เสียงแมลงกลางคืนร้องดังก้องป่าจากที่รู้สึกรำคาญจนกลายเป็นรู้สึกชิน หลังจากได้พักจนหายเหนื่อยปฐวีร์ก็คอยเงี่ยหูฟังตลอดบ่ายว่าพวกมันจะตามรึเปล่า แต่แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงปืนหรือเสียงฝีเท้าไล่ตามมา จนเขานึกกังวลว่าพวกนั้นจะจับตัวพลพัฒน์ได้แล้ว จากนั้นทั้งสองก็หาที่พักไม่เพียงต้องระวังพวกมันที่จะตามมา ไหนจะต้องระวังสัตว์ป่า และแมลงอีก “นี่ แล้วรถพังอย่างนั้นทำยังไง” ปฐวีร์เอนตัวพิงไหล่เทวาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“ไม่เป็นหรอกบอกพ่อไว้แล้วอยากได้รถใหม่ ส่วนเราเป็นต้นเหตุก็ต้องรับผิดชอบด้วย”

“อืม คิดไว้แล้วดิ”

“ใช่ ถ้ามีคนเห็นรถสภาพนั้นก็ต้องมีคนใจดีโทรบอกตำรวจบ้าง”

“เสียดายไม่ได้เอาโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย”

“ใครจะไปคิดล่ะว่าจะอยู่ในสภาพนี้ นอนเถอะไม่ต้องคิดมากพอเช้าแล้วพวกเราจะมองเห็นทางและออกจากที่นี่กัน” ปฐวีร์เงียบแล้วหลับตาลง หูที่ดีกว่าปกติได้ยินเสียงหลายเสียงในบริเวณใกล้ ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเสียงอะไรบ้างแต่ยังไงก็ดีกว่าเสียงปืนเป็นไหน ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้พลพัฒน์จะเป็นยังไงบ้างเขายังโชคดีที่มีเทวาอยู่ด้วยถ้าต้องอยู่คนเดียวในป่าที่มองไปทางไหนก็มองไม่เห็นอะไรเขาต้องประสาทตายแน่ ๆ เขาจับมือหนาแน่นกลัวอีกฝ่ายจะหายไป รู้ว่ามีอีกคนนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ปล่อยมือทำให้หัวใจที่ตื่นตระหนกรู้สึกอุ่นขึ้นมา ความฝันในช่วงหลายวันที่ผ่านรวมกับที่เห็นในโรงหนังตอนนี้รู้แล้วว่าเขากำลังวิ่งหนีอะไร แต่จากนั้นล่ะสิ่งที่เขาเห็นคือภาพโรงพยาบาลหมายความว่ายังไง เขาลืมตาขึ้นมามองหน้าเทวา

“เป็นอะไรนอนไม่หลับหรอ”

“คงนอนหลับหรอกเสียงปืนยังดังก้องอยู่ในหูอยู่เลย ในชีวิตไม่เคยคิดว่าจะต้องมาวิ่งหนีกระสุนอย่างนี้ แล้วยังยุงนี่อีกกัดอยู่ได้ไม่รู้จักไปหลับไปนอนรึไง”

“นับแกะสิ จะได้นอนหลับ”

“หึ เปลี่ยนเป็นนับอย่างอื่นได้เปล่า อย่างลูกหมาตัวเล็กอ้วนๆ”

“ตามใจเลยอยากนับอะไรก็ได้” เทวากดจมูกลงบนหน้าผากชื้นเหงื่ออย่างหมั่นไส้ “เอางี้ถ้านอนไม่หลับก็คุยกัน มีอะไรอยากถามพี่ไหม”

“ได้” ปฐวีร์เงียบลองใช้ความคิด ว่าเขาต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับเทวาบ้าง “พี่มีแฟนมาแล้วกี่คน? แล้ว xxx ครั้งแรกตอนไหน?”

“อือ เอาความจริงเปล่า” เทวาเลิกคิ้วขึ้น อยากหัวเราะเรื่องที่อีกฝ่ายอยากรู้

“ความจริงห้ามโกหก”

“เคย xxx ครั้งแรกตอน ม.ปลายพวกไอ้ยุทธพาไป เป็นผู้หญิงที่เป็นพวกมันหามาให้”

“แล้วเป็นไงบ้างถูกใจไหม”

“ไม่รู้สิก็เคยศึกษาจากหนัง จากวิดีโอ พอเจอของจริงมันไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด ส่วนถามว่าถูกใจไหมก็ต้องบอกว่าไม่เพราะทำกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีความรู้สึกเข้าเกี่ยวข้อง แฟนไม่เคยมีไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้ แต่ก็มีคนเข้ามาคุยด้วยเรื่อย ๆ ยังไงชีวิตวัยรุ่นอยู่กับเพื่อนสนุกกว่า ไปไหนไปกัน เที่ยวไหนเที่ยวกัน และขี้เกียจไปนั่งเอาใจใครหรือสนใจ คงเป็นเพราะว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจรึเปล่าก็ไม่รู้”

“แสดงว่าตอนนี้เจอคนที่ถูกใจแล้ว”

“แน่นอน ถูกใจตั้งแต่แรกเห็น อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องพูดอะไรมาก ทนผู้ชายอย่างพี่ได้ พี่เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดแต่จะแสดงให้เห็นมากกว่า อาจจะไม่ได้บอกรักทุกวันเหมือนคนอื่น แต่ก็จะพยายามทำทุกวันของเราให้มีความสุข”

ปฐวีร์นั่งฟังเงียบ ๆ อดยิ้มไม่ได้ ผู้ชายคนนี้น่ารักชะมัด เขาจูบลงริมฝีปากหนาเป็นรางวัลที่ตอบคำถามได้ดี เล่นเอาเทวาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจเพราะเป็นครั้งแรกที่ปฐวีร์เป็นคนจูบเขาก่อนจะไม่ให้ดีใจได้ยังไง ทั้งสองนั่งเงียบต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง

“ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ และก็ขอบคุณที่ไม่ปล่อยมือจากผมทั้งที่จริงพี่ไม่ต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ก็ได้”

“นี่พี่เหมือนคนเลวร้ายขนาดนั้นเหรอ”

“ป เปล่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่...แต่” เขารู้สึกผิดที่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ”ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้ว่าเรากังวล แต่อยากให้รู้ไว้ว่าพี่จริงจังกับความรักครั้งนี้” เทวาดันหน้าผากอีกฝ่ายมาชิดกัน “อืม” เขาก็อยากบอกเทวาเหมือนกันว่าเขาก็เดิมพันกับความรักครั้งนี้ด้วยชีวิตเหมือนกัน   อีกด้านทศพลให้คนตามหาจนทั่วไม่มีวี่แววทั้งสองพอมืดเขาสั่งให้ทุกคนกลับออกมา “ถ้าพวกมันไม่ตายในป่า ก็ต้องรอดออก พวกแกส่งคนไปดักรอที่บ้านของมัน คอนโดมิเนียมไอ้เด็กนั่น มหาวิทยาลัยและหน้าบริษัท ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะจับพวกมันไม่ได้” ทุกคนออกไปจากห้องหมดเขานั่งเงียบใช้ความคิด บางทีเขาน่าจะแผนสำรองเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นและฉวยโอกาสนี้เร่งแผนของเขาให้เร็วขึ้น

            พลพัฒน์หลังจากแยกกับปฐวีร์เขาโชคดีที่เจอถนนและมีคนใจดีจอดรับให้เขาไปด้วย เขามองกลับไปในเส้นทางที่เดินออกมา ภาวนาขอให้ปฐวีร์รอดกลับมาด้วยเถอะ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาก็มาถึงเขตรอบนอก เขายังไม่กล้ากลับบ้านหรือไปเอารถ เขาเลือกใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาป่านฟ้าเล่าเรื่องคร่าว ๆ ให้เธอฟัง เธอได้ฟังก็ตกใจไม่นึกว่าเรื่องราวจะเลวร้ายถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกงกัน เธอวางสายพลพัฒน์แล้วรีบนั่งแท็กซี่ไปหาชายหนุ่มทันที

*****************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป


Change! ในรูปแบบ E-book
[/size]

[/size]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด