**** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: **** /// ...change!.... //// *** ตอนจบ [17/12/61] [END/END/END]  (อ่าน 24906 ครั้ง)

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2018 10:12:00 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: change! [บทนำ] 15/9/61
«ตอบ #1 เมื่อ15-09-2018 22:19:36 »

Change! มีในรูป E-book แล้วนะคะ

[/size]





ถ้าคุณฝันเห็นอนาคตคุณจะทำยังไง ?
แล้วถ้าอนาคตที่เห็นเป็นความตายของตัวเองล่ะ
จะทำยังไง ?
คุณจะยอมรับมัน/ หรือเปลี่ยนแปลงมัน

ปฐวีร์ เกิดฝันเห็นอนาคตของตัวเอง หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรืองดี ถ้าความฝันเห็นอนาคตนั่นไม่ได้เห็นความตายของตัวเอง เขาฝันเห็นคนรักและน้องต่างมารดาหักหลัง แล้วยังเป็นต้นเหตุให้เขาต้องตาย ในความฝันร่างที่ไร้วิญญาณถูกทิ้งลงในน้ำสายกว้างทั้งไหลเชี่ยว หนาวเหน็บ เขายืนมองร่างไร้วิญญาณด่ำดิ่งสู่ก้นแม่น้ำ ด้วยสายตาปวดร้าวและไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองถึงทำกับเขาอย่างนั้น ขนาดที่วิญญาณกำลังยืนมองทั้งสองเดินจากไป วิญญาณของมารดาของผู้ให้กำเนิดปรากฏขึ้นมา พร้อมทั้งบอกว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นเพียงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้เลือกว่าจะเปลี่ยนสิ่งที่เห็นนี้หรือยอมรับมัน …….ตั้งแต่ที่เห็นร่างตัวเองจมลงกั้นแม่น้ำนั้น เขาก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างด้วยมือของเขาเอง



                                                                                บทนำ



“พี่ณัฑศ์ พี่ณัฑศ์อย่าไปเลยนะ อย่าทิ้งผมไปเลยนะ ฮือ ฮือ”

“ปล่อย นี่ฟังไม่รู้เรื่องรึไงว่า พี่ไม่ได้รักเราแล้ว”

“แต่ผมรักพี่ ผมรักพี่ อย่าทิ้งผมไปเลย ฮือ ฮือ”

เสียงร้องให้ อ้อนวอน ขอร้อง ปานจะขาดใจดังแว่วออกมาจากห้องพักห้องหนึ่งในคอนโดหรู ถ้าใครผ่านมาได้ยินคงต้องหยุดฟังแล้วรู้สึกสงสาร แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มที่ชื่อณัฑศ์วัฒน์ เขากำลังวุ่นวายเก็บข้าวของใส่กระเป๋าใบโต แล้วสายตาเหลือบมองร่างที่กอดเขาไว้แน่น แล้วยังร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด ชายหนุ่มรีบสะบัด สลัด จนชายตัวเล็กลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น ปฐวีร์ที่ถูกสลัดจนไปนั่งลงอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ในใจรู้สึกเจ็บปวดสมองคิดไม่ออกว่าตนเองทำอะไรผิดทำไมอีกฝ่ายต้องทิ้งเขาไปด้วย ตอนนี้ร่างกายเขากำลังจะหมดแรง มองไม่เห็นทางที่เหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้สวมกอดอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี เขาก้าวช้า ๆ หยุดมองแผ่นหลังหนาแล้วแนบหน้าลง พยายามกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นไว้

อารมณ์ของณัฑศ์วัฒน์ถึงที่สุดจนระงับไว้ไม่ได้ เขาหันหน้ามาเผชิญกับปฐวีร์ “เรานี่มันฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง ว่าพี่ไม่ได้รักเราแล้ว” คำพูดที่ออกมาจากปากคนรักทำให้คนฟัง ถึงกับจุกพูดไม่ออกได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหล ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากยอมรับมัน

“ถอยไปพี่จะเก็บของ” เขาผลักปฐวีร์อย่างแรง จนคนถูกผลักเซไปข้างหลังเหยียบขวดสเปรย์น้ำหอม “โอ๊ย” แล้วถลาไปชนกับขอบประตูระเบียง

” ณัฑศ์......” และทำให้เสียหลักผลัดตกลงไปจากระเบียง

“เฮ้ย” ณัฑศ์วัฒน์มองลงไปด้านล่างเห็นร่างปฐวีร์นอนบนพื้นซีเมนต์มีเลือดเต็มไปหมด เป็นภาสยดสยองทำให้เขาทนมองไม่ได้ ทุกอย่างมันเกิดเร็วมาก เขาไม่ได้จะให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงแบบนี้

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” หญิงสาวเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางร้อนใจ

“พิมพ์ พิมพ์ช่วยพี่ด้วย พี่ไม่ได้ตั้งใจ วีร์ตกลงไปเอง”

พิมพ์รตาเดินไปชะโงกหน้าออกไปดูที่ระเบียง ข้างล่างเห็นพี่ชายของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ เธอยิ้มมุมปาก ไม่รู้ในใจกำลังคิดอะไรอยู่ เธอหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ยังยืนหน้าซีดอยู่ในห้อง” ไม่เป็นไรเรื่องนี้ พิมพ์จัดการเอง พี่เก็บของเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบเธอเดินนำอีกฝ่ายออกไปจากห้อง

รถเก๋งยี่ห้อหรูกับรถกระบะสี่ประตูวิ่งตามกันมาตลอดทาง ในที่สุดก็จอดที่ใต้ใหญ่สะพานข้ามแม่น้ำในบริเวณที่ลับตาคน ช่วงเวลาโพล้เพล้ ชายฉกรรจ์สามคนช่วยกันยกร่างไร้วิญญาณที่อยู่กระสอบลงจากหลังกระบะแล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำสายกว้างและไหลเชี่ยว

“พิมพ์ ทำอย่างนี้จะดีหรอ”

“อะไรคือไม่ดี คนอย่างมันอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ตายไปเป็นอาหารปลาก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง” หญิงสาวมองกระสอบที่ค่อย ๆ จมลงก้นแม่น้ำด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ณัฑศ์วัฒน์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่อยากเชื่อทุกอย่างจบลงอย่างนี้ ในใจลึก ๆ เขายังรักปฐวีร์อยู่ถ้าวันนั้นพิมพ์รตาไม่เอาภาพที่คนรักของเขามีอะไรกับชายอื่นมาให้ดู เขาไม่ได้สนใจว่าเขาไม่ใช่คนแรกของปฐวีร์แต่แค่เสียใจที่ปฐวีร์ไม่เคยบอกเขา ในตอนนั้นเขารู้สึกโกรธทำให้คืนนั้นดื่มจนไม่ได้สติ ตื่นขึ้นมาอีกวันก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงกับพิมพ์รตา เรื่องทุกอย่างมันเลยเถิดจนพิมพ์รตาท้อง ทำให้เขาจำเป็นต้องเลือกเธอ เขาคิดว่าแยกทางกับปฐวีร์ไปสักพักปฐวีร์ก็จะสามารถทำใจลืมเขาได้ ใครจะไปรู้เรื่องมันจะจบแบบนี้ วีร์ผมขอโทษ คำพูดที่ดังก้องอยู่ข้างใน เขาไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันออกมา

ห่างออกไปไม่ไกลมากนักวิญญาณของปฐวีร์กำลังยืนมองร่างของตัวเองถูกโยนทิ้งลงแม่น้ำอย่างไม่เข้าใจ ทำไมน้องสาวและคนรักต้องทำกับเขาอย่างนี้ มองร่างตัวเองที่ค่อย ๆ จมลงแม่น้ำ แล้วหันไปมองคนทั้งสองยืนกอดกันอย่างมีความสุข ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าชีวิตของเขาที่จบลงอย่างนี้เพราะฝีมือน้องสาวและผู้ชายที่เขารักมากที่สุด ทำไม เพราะอะไร ต้องทำกับเขาอย่างนี้ เขาไม่เคยทำร้ายใครเลย ทำไมทุกคนต้องทำร้ายเขาด้วย ขนาดตายไปแล้ว แค่หลุมฝังศพเดินกลบหน้ายังไม่มี ตายอย่างน่าสมเพชไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่งก็ไม่ปาน

วิญญาณโปร่งใสเหมือนกับอากาศยืนร้องไห้ไม่มีเสียง ไม่มีน้ำตา เหมือนจะขาดใจอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครคนไหนเห็นใจในโชคชะตา ดวงตาที่เคยเคยกระจ่างใสกลายเป็นแดงกร่ำใบหน้าซีกหนึ่งเต็มไปด้วยเลือด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันกัดกรามแน่น มองตาจ้องมองรถสองคันที่เลื่อนออกไปด้วยความอาฆาตแค้น ขอเถอะใครก็ได้ช่วยให้เขาได้มีโอกาสได้แก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเขา ต่อให้ตกนรกหมกไหม้ในขุมนรกที่เท่าไหร่ก็ได้ไม่กลัว ขอแค่ให้เขาได้แก้แค้นพวกมัน ให้พวกมันได้รับผลที่ทำกับเขาอย่างสาสม เขาสัญญาว่าพวกมันจะได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมกันทุกคน

“แม่ แม่” วิญญาณของคนให้กำเนิดที่จากไปนานหลายปีอยู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า แม่จริง ๆ ด้วยมารับเขาไปอยู่ด้วยแล้ว ปฐวีร์วิ่งเข้าไปหาวิญญาณของผู้ให้กำเนิดกำลังส่งยิ้มอบอุ่นมาให้

“ทุกอย่างที่ลูกเห็น เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

“หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าอนาคต”

“จำไว้ถ้าไม่อยากให้อนาคตเป็นอย่างที่เห็น ลูกต้องเปลี่ยนมันด้วยมือของลูกเอง”

“เปลี่ยนมัน เปลี่ยนยังไง” เธอไม่ตอบแล้วร่างโปร่งแสงของเธอค่อย ๆ จางหายไป

” แม่..แม่..เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป....” ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปสัมผัสก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาจนต้องหลับตาลงโดยอัตโนมัติเสียงตะโกนเรียกดังลั่นห้อง ร่างที่นอนอยู่บนเตียงสะดุ้งลืมตาตื่น ลุกนั่งบนเตียง บนใบหน้าใสชื้นไปด้วยเหงื่อ ร่างกายยังสั่น กระตุก กับเหตุการณ์ที่ได้เห็น ปฐวีร์หอบหายใจเหมือนเพิ่งไปวิ่งออกกำลังกายมาสักสิบรอบได้ เขาพยายามตั้งสติ ทั้งที่ในหัวยังรู้สึกมึนงง จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นสำรวจ มือทั้งสองยังปกติ แขนไม่หักไม่มีรอยเลือด ใช้มือทั้งสองลูบคลำไปทั่วด้วยความรู้สึกดีใจ ไม่เจ็บไม่รู้สึกเจ็บ เขารีบลุกขึ้นจากเตียงวิ่งไปหยุดยืนหน้ากระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ

“ไม่มีแผล ไม่มีเลือด” มีคำพูดแค่นั้นออกมาจากริมฝีปากบาง ไม่รู้ว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นแค่เพียงความฝัน หรือเป็นลางบอกเหตุสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตเหมือนที่แม่บอกไว้ แต่ทุกอย่างมันเหมือนจริงมากจนรู้สึกเจ็บไปที่หัวใจ คนรัก น้องสาว เขาพูดสองคำนี้เบาราวกระซิบแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกเจ็ดปวด สายตาเลื่อนลอย แต่ถ้ามันเป็นความจริง เขาหัวเราะดังลั่นห้อง เหมือนคนบ้า แววตาสีอ่อนมองโลกในแก่ดีเปลี่ยนเป็นแววตาที่โกรธแค้นชิงชัง ถ้ามันเป็นความจริง เขาก็จะเปลี่ยนแปลงมันเองกับมือ...

***********************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2018 11:33:14 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: change! ตอนที่ 1 [16/9/61]
«ตอบ #2 เมื่อ16-09-2018 10:19:35 »

ตอนที่ 1
     แสงตะวันค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา ทุกชีวิตต่างรีบเร่งตื่นแต่เช้า เพื่อแข่งขันกับเวลา ท้องถนนขวักไขว่ไปด้วยรถ แต่ใน

ห้องนอนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย กลับมีคนกำลังนั่งเหม่อมองจ้องตัวเองในกระจกเงา ตั้งแต่เมื่อวาน ในกระจกเงาบานใหญ่ มี

ชายหนุ่มอายุประมาณ 17-18 ปี ผอม ผิวขาวซีด หัวฟู หน้าตาอิดโรย ริมฝีปากสีชมพูอ่อนแห้งแตกปรากฏอยู่ เขาคือปฐวีร์ วีร

วัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ เขาเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องนี้เมื่อวันก่อน

ปฐวีร์รู้สึกตื่นเต้น กังวลเล็กน้อยกับการออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง เขาหยิบเอาของที่ต้องใช้มาด้วยไม่กี่อย่าง และซื้อข้าวของ

จำเป็นเพิ่ม ก่อนหน้านั้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตว่ามีอะไรบ้างที่ต้องใช้ เมื่อต้องออกมาอยู่ข้างนอก ถึงวันที่ย้ายเข้ามา ของทุก

อย่างถูกส่งมาที่ห้องเรียบร้อย เขาเริ่มเดินสำรวจห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กว้างนัก เริ่มจากห้องนั่งเล่นผสมกับรับแขกมีโซฟาหนึ่งชุด

โทรทัศน์จอใหญ่ ใกล้ ๆ กันเป็นโต๊ะกินข้าว มีบาร์และห้องครัว จากนั้นเข้าไปสำรวจห้องนอนมีห้องน้ำในตัว อีกห้องเป็นห้องว่าง

และยังมีระเบียงเล็กให้เดินออกไปรับลม ทุกอย่างดูเหมือนบ้านขนาดย่อ และมันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่

ในตอนสายเขาเริ่มจัดของทุกอย่างให้เข้าที่ ยังดีที่ที่นี่เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ทุกอย่างตกแต่งไว้แล้วเรียบร้อย แขวนเสื้อผ้า

ไม่กี่ชุดเข้าตู้ จัดโต๊ะเขียนหนังสือ จากนั้นไปที่ห้องครัว    ไล่เปิดดูตู้แขวน ข้างในว่างเปล่า ตู้เย็นก็ไม่มีอะไรอยู่เลย เขาลืมคิดว่า

ต้องซื้อของกิน เขาเริ่มเขียนว่าจะต้องซื้ออะไรใส่กระดาษเพราะกลัวว่าจะลืม เขียนได้สองสามอย่างรู้สึกสมองไม่แล่น เขาเดินไป

เลื่อนผ้าม่านออกเห็นแสงพระอาทิตย์อ่อนแสงลง บอกให้รู้ว่าใกล้จะค่ำแล้ว วันนี้ทั้งวันเขามัวแต่ยุ่งจนลืมเวลา ข้าวก็ยังไม่ได้กิน

แล้วเสียงท้องก็ร้องเตือน เขาหยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และกุญแจลงจากห้อง


   จากที่สอบถามพนักงานทำให้รู้แถวนี้มีร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ด้านหน้าคอนโดมิเนียมมีร้านอาหาร มื้อเย็นเขาตัดสินใจฝาก

ท้องกับร้านอาหารตามสั่งหน้าคอนโดมิเนียม สั่งข้าวกะเพรากับต้มยำ ไม่รู้เพราะหิวหรือกับข้าวอร่อย กับข้าวทั้งสองอย่างหมด

เกลี้ยง กินอิ่มแล้วปฐวีร์เดินตรงไปที่ร้านสะดวกซื้อ เลือกหยิบของกินของใช้ใส่จนเต็มตะกร้า กลับขึ้นห้องท้องฟ้าก็มืดแล้ว

เหนื่อยมาทั้งวันเขาอยากพักผ่อนรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมานั่งเปิดโทรทัศน์เป็นเพื่อน นั่งดูสักพักก็ต้องกลับเข้าห้อง และ

หลับไป ใครจะคิดว่าคืนนั้นจะฝันร้าย ฝันเห็นความตายของตัวเอง ฝันเห็นคนรัก ฝันเห็นน้องสาว ฝันเห็นแม่ และนั่นทำให้เขา

สะดุ้งตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน 


   หลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายร่างกายของปฐวีร์ยังสั่นไม่หาย เขานั่งสำรวจตัวเองว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนไป และเปลี่ยนมานั่ง

มองตัวเองในกระจก บางครั้งก็ต้องยิ้มหัวเราะเหมือนคนบ้าเพราะลึก ๆ รู้สึกดีใจที่มันเป็นแค่เพียงความฝัน เมื่อตื่นมันก็หายไป แต่

มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เขาก็ข่มตานอนไม่หลับ หลับตาลงทีไรภาพตัวเองนอนจมกองเลือด           ยิ่งชัดเจน

จนรู้สึกกลัว เครียดจนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอาเจียนอยู่หลายครั้ง

เขาหันไปมองแสงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมา เลื่อนผ้าม่านปิดกั้นแสง ตัดสินใจปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง นอนมองเพดานพยายามใช้สมองคิด

ทบทวนความฝันอีกครั้ง เขาจำได้เพียงบางส่วนและทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกับเขาทั้งนั้น เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อคิดว่าถ้า

ทุกอย่างกำลังจะเกิดขึ้นกับเขาจริง เขาคงจะบ้าใครมันจะรู้เรื่องอนาคตกัน บางทีอาจเหนื่อยหรือเพราะแปลกที่ ทำให้เขาฝ้ายร้าย

ก็ได้ ถ้าได้นอนหลับสักตื่นความรู้สึกแย่และฝันร้ายอาจจะหายไปก็ได้ เขายิ้มให้กับความคิดมองโลกในแง่ของตัวเองที่ช่วยให้

รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก อารมณ์ตึงเครียดที่ขมวดเป็นปมมาหลายชั่วโมงคลายออก บวกกับร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนจนรู้สึกเพลีย

ร่างกายค่อย ๆ จมลงสู่ความเงียบ หนังตาหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้นเสียงหายใจเป็นจังหวะแล้วเขาก็หลับไป

เวลาผ่านไปช้า ๆ พระอาทิตย์จากลอยสูง จนคล้อยต่ำและลาลับขอบฟ้าไป ปฐวีร์หลับไปหลายชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมา หลังจากได้

นอนพักทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก เขาลุกจากเตียงหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว แต่งตัวเรียบร้อยออกมา ท้องฟ้า

เปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว รู้สึกปวดท้องขึ้นมาคงเป็นเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง นึกถึงโจ๊กสำเร็จรูปที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ เดิน

เข้าไปในครัวเปิดตู้ แล้วหยิบโจ๊กสำเร็จออกมา พลิกด้านหลังซองโจ๊กอ่านวิธีทำ และนึกขึ้นได้ว่าซื้อไข่ไก่กับไส้กรอกมินิมาด้วย

เปิดตู้เย็นหยิบทั้งสองอย่างออกมา จากนั้นหยิบหม้อออกมาเทน้ำใส่ลงไปพอประมาณ เปิดเตา รอจนน้ำเดือดฉีกซองแล้วเทโจ๊ก

ลงไปในหม้อ ตอกไข่ใส่ตามด้วยไส้กรอกมินิลงไป ใช้ทัพพีคน คิดว่าทุกอย่างสุกได้ที่แล้วเขารีบปิดไฟตักโจ๊กที่กำลังส่งกลิ่น

หอมใส่ถ้วย ท่าทางการทำอาหารของชายหนุ่มดูเหมือนคุ้นเคยกับการเข้าครัวบ่อยครั้ง คงเป็นเพราะพอรู้ว่าต้องมาอยู่ข้างนอก

เขาก็ถูกเพื่อนสนิทอย่างนภาภรณ์บังคับเปิดดูพวกวิดีโอสอนทำอาหารบ่อย ๆ

“ทำไมต้องดูอะไรพวกนี้ด้วย ไปซื้อกินหรือเข้าร้านอาหารจะไม่ดีกว่าเหรอ ยุ่งยากจะตาย”

“มันก็ใช่ แต่ไม่รู้เขาใส่อะไรลงไปบ้าง”

“ภรณ์คิดมากไปรึเปล่า” เขาพูดเหมือนไม่เห็นด้วย ทำให้นภาภรณ์พยายามหาเหตุผล “งั้นคิดง่าย ๆ ถ้าร้านปิด         ร้านเดลิเวอรี่ไม่ส่ง ฝนตกหนัก..”

เหตุผลร้อยแปดที่เธอยกมาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้ เขาจึงได้ยอมแพ้

“พอ พอ เราเข้าใจแล้วเรียนรู้ไว้ก็ไม่เสียหายอะไร จริงไหม”

ฟังแล้วทำให้เขาคิดได้ว่าจุดประสงค์การที่ออกมาอาศัยอยู่คนเดียวคือต้องพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด และเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่าง

ด้วยตนเอง ตั้งแต่นั้นเมื่อมีเวลาว่างเขาก็เริ่มศึกษาวิดีโอสอนทำอาหาร มีบางครั้งทำเนียนเข้าไปในครัว สำรวจดูนั่นดูนี่ และยังได้

เพื่อนสนิทอย่าง ภฤดล กตติการ์ และนภาภรณ์ เป็นหนูทดลอง เขายังจำได้ตอนที่ไปยืมครัวที่บ้านของนภาภณ์ นั่นเป็นครั้งแรกที่

เขาปฏิบัติจริงหลังจากที่ศึกษาทฤษฎีมาได้สักระยะ ใครจะรู้ว่าดูวิดีโอมันดูเหมือนง่ายพอลงมือจริงไม่ใช่ ในวิดีโอแหกตากันชัด ๆ

วันนั้นครัวแทบพังแต่โชคยังดีอาหารจานแรกออกมาดี รสชาติไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ เพื่อนทั้งสามก็พยักหน้าว่าใช้ได้ มันทำให้

เขามีกำลังใจทำจานที่สองสามต่อมา รสชาติก็ดีขึ้นตามไปด้วย เขามองมื้ออาหารง่าย ๆ ตรงหน้าแล้วยักไหล่ ทำไงได้ในเมื่อในตู้

มีของแค่นี้วันนี้ก็กินแค่นี้ไปก่อน หรืออาจจะรวมถึงมื้อต่อ ๆ ไป บางวันอาจจะลงไปฝากท้องกับร้านอาหารข้างล่าง รอจนกว่าทุก

อย่างจะลงตัวค่อยว่ากันอีกที เขาถือถ้วยโจ๊กไปนั่งดูโทรทัศน์ แต่ระหว่างที่นั่งดูรายการทั่วไปรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลก ๆ เมื่อเขา

ได้ยินเสียงคนคุยกัน เขาปิดเสียงโทรทัศน์แล้วตั้งใจฟัง เหมือนคนคุยกันอยู่หน้าห้อง เขารีบเดินไปส่องช่องประตูแต่ไม่เห็นมีใคร

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงเปิดประตูออกไปยืนอยู่หน้าห้องมองซ้ายมองขวากลับไม่มีใคร แต่ยังได้ยินเสียง เขาเดินตาม

เสียงไปที่กำแพงห้องตรงข้าม เอาหูแนบ “เฮ้ย” เมื่อเสียงคนคุยกันเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเสียงคราง เล่นเอาตกใจ หันมองซ้ายขวา

รู้สึกตอนนี้ตัวเองเหมือนโรคจิตยังไงไม่รู้ เอาเถอะยังไงก็เป็นโรคจิตแล้ว ลองฟังดูอีกสักสองสามห้องไปเป็นไรไป เขาเดินไป

ห้องข้าง ๆ แล้วทำเหมือนเดิม จนแน่ใจ ปฐวีร์ก็วิ่งกลับเข้าห้อง ทำไมหูเขาถึงได้ยินชัดขนาดนี้ มันไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญ เขาได้

ลองทดสอบมันอีกหลายครั้ง ผลที่ออกมายิ่งทำให้ตกใจ ยังมีอีก เมื่อไม่ใช่แค่หู แต่ยังมีจมูก และสายตาที่ดีกว่าคนปกติ นี่มัน

เรื่องบ้าอะไร เขารีบเดินไปหน้ากระจก ดูหู จมูก ตา ปาก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโผล่เกินมา เห็นทุกอย่างปกติเขาถอนหายใจรู้สึกโล่งอก


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป


      ปฐวีร์ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการทดสอบความผิดปกติที่โผล่มาโดยไม่รู้ตัว ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกเหมือนไม่ใช่ร่างกายตัว


เอง ไม่พอยังต่อสู้กับฝันร้ายที่โผล่มาเป็นระลอก เล่นเอาบางคืนข่มตาหลับแทบไม่ลง เขายังทดสอบว่าความฝันเป็นเรื่องที่จะเกิด

ขึ้นในอนาคตอย่างที่แม่บอกไว้หรือไม่ เมื่ออยากรู้ก็ต้องพิสูจน์เพื่อหาคำตอบที่กวนใจ แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ให้ต้องพิสูจน์อย่างเช่น

ห้าวันก่อนเขาฝันเห็นตัวเองตกบันได ตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมาก็ต้องหัวเราะ ใครมันจะบ้าไปขึ้นบันได ในเมื่อลิฟต์โดยสารก็มี แต่

แล้วก็มีจดหมายแจ้งจากทางคอนโดมิเนียมว่าจะมีการซ่อมบำรุงลิฟต์ ไม่มั้งอะไรจะบังเอิญขนาดนั้น สุดท้ายแล้ววันนั้นเขาก็ตก

บันไดจริง ๆ เพราะรอลิฟต์ซ่อมให้เสร็จไม่ไหว ลงไปหาอะไรกิน และก็ตกบันไดเหมือนที่เห็นในฝันไม่มีผิด แต่เขาก็ยังไม่ปักใจ

เชื่อ สามวันต่อมาก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับเขาอีก สองสามวันต่อจากนั้นก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกจนทำให้เขาเริ่มเชื่อ และลอง

พยายามหลีกเลี่ยง แล้วความฝันคืนต่อมาก็เปลี่ยนไปแต่สุดท้ายก็ยังเห็นภาพตัวเองตายเหมือนเดิม จนต้องสะดุ้งตื่น แล้วเมื่อคืน

เขาก็ฝันถึงเหตุการณ์ใหม่ทุกอย่างมันดูเหมือนจะไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะรู้ว่าเหมือนมันกำลังจะเกิดขึ้นที่ห้องนี้  การได้รับรู้เรื่องราว

ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวไม่ได้คิดว่าตัวเองโชคดีเลยสักนิด เหมือนกำลังเล่นเดิมพันด้วยชีวิต ถ้าเดินพลาด

สุดท้ายต้องชดใช้ด้วยความตาย ถ้าลองเอาเรื่องแบบนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังมีหวังต้องไปอยู่โรงพยาบาลบ้าแน่ ๆ แล้วใครมันจะบ้า

ไปเล่าให้คนฟังกัน แค่รับรู้ว่าตัวเองต้องมีจุดจบอย่างนั้นก็สมเพชตัวเองจะแย่อยู่แล้ว

ปฐวีร์กำมือแน่นในใจรู้สึกแค้นพิมพ์รตาและผู้ชายคนนั้น แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้ทั้งสองคนสมหวัง เขาสัญญากับตนเองจะ

ต้องเปลี่ยนแปลงอนาคตให้ได้ โครก!!! ท้องส่งเสียงร้องประท้วงขึ้นมา ทำให้อารมณ์รู้สึกโกรธเกลียดแค้นเมื่อครู่หายไป เขา

เหลือบมองดูนาฬิกาบนผนัง ทำให้รู้ว่าใกล้เที่ยงแล้ว ก่อนอื่นเขาต้องหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยคิดต่อไปว่าจะทำยังไงกับชีวิตต่อ

จากนี้ดี เขาเข้าห้องน้ำรีบทำธุระส่วนตัว สวมชุดใหม่ แล้วหยิบคีย์การ์ดบนโต๊ะ กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายแล้วเดิน

ออกจากห้อง


   ออกมาจากคอนโดมิเนียม ทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือวุ่นวาย อากาศก็ร้อนเหมือนเดิม เท้าเล็กในรองเท้าผ้าใบสีขาวแดง

ยี่ห้อดัง ก้าวเดินไปตามฟุตปาธ ผู้คนเดินสวนไปมา เดินไปได้สักพัก เขาหยุดอยู่ที่ร้านแผงขายหนังสือพิมพ์ เลือกหยิบ นิตยสาร

สองสามฉบับเพื่อดูข่าว และไม่ลืมหยิบนิตยสารเกี่ยวกับประกาศขายให้เช่าบ้าน และคอนโดมิเนียม ได้ของที่ต้องการแล้วมองหา

ร้านอาหาร มองหาร้านอาหารไม่นานก็เจอร้านที่ถูกใจ เปิดประตูเข้าไปข้างในเป็นร้านอาหารเล็กๆ บรรยากาศน่านั่ง มีลูกค้าใน

ร้านนั่งอยู่ก่อนสองสามโต๊ะ กวาดสายตามองที่ว่าง เขาเลือกนั่งติดกระจก สักพักพนักงานก็เดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะ เขาสั่งสเต๊ก

หมูพริกไทยดำ สปาเกตตีผัดกระเทียมพริกกุ้ง และสลัดผัก จากจุดที่เขานั่งอยู่สามารถมองเห็นข้างนอกได้ชัดเจน มองดูพ่อค้า

แม่ค้ากำลังขายของอยู่บนฟุตปาธ และคนเดินไปมาจนตาลาย เขาจึงได้หยิบนิตยสารเกี่ยวกับบ้าน คอนโดมิเนียมขึ้นมาดู ถ้าเรื่อง

ที่กำลังจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับห้องที่เขาอยู่ การหาที่อยู่ใหม่จึงน่าจะเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ และทำให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้น

เมื่อไหร่ และร้ายแรงแค่ไหน การที่เขาพยายามเปลี่ยนแปลงอะไรในช่วงสองสามที่ผ่านมา ใครจะไปรู้ว่าบางทีเขาอาจจะเขยิบ

เข้าใกล้ความตายมากขึ้นเร็วขึ้นก็ได้ ถึงแม้ว่าการวิ่งหนีไม่ใช่ทางออกที่ดีเท่าไหร่ แต่แล้วตอนนี้เขามีทางเลือกที่ดีกว่านี้ไหม ก็ไม่

ถ้ามีเขาคงเลือกมันไปนานแล้ว อาจจะดูเหมือนบ้าแต่ขอเลือกทำในสิ่งที่ทำแล้วสบายใจดีกว่า ดีกว่าต้องมานั่งกังวลนอนผวาทุกคืน

ปฐวีร์เปิดดูประกาศขาย/เช่า บ้านคอนโดมิเนียม ที่อยู่อาศัยไปทีละหน้าสายตาก็ไล่มองไปดูทีละประกาศ มีหลายที่น่าสนใจ ไม่

ไกลจากมหาวิทยาลัยการเดินทางสะดวก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถเมล์ ดูจากราคาเริ่มต้นก็สูงทีเดียว

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” พนักงานของร้านนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ เขาขอบคุณและลงมือกิน ระหว่างนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้น

มาเข้าอินเทอร์เน็ตหาข้อมูลคอนโดมิเนียม ตั้งพิกัดระยะทางจากมหาวิทยาลัยประมาณ 10 กิโลเมตร รอระบบประมวลผลไม่นาน

ข้อมูลที่ต้องการก็ปรากฏบนหน้าจอ เท่านี้ทุกอย่างก็แคบลง แต่ก็มีคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์ หอพัก แสดงขึ้นมาเยอะพอ

สมควร เขาเลือกไม่ถูก ตัดสินใจลองกดเสี่ยงดูสักที่ ราชารวรพฤกษ์คอนโดมิเนียมก็เด้งขึ้นมา คอนโดมิเนียมหรูใกล้รถไฟฟ้า อยู่

ไม่ไกลโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ อ้อ ดูแล้วที่นี่น่าสนใจ ดูสิว่าที่นี่เป็นของใคร เขาหาข้อมูลเบื้องต้นก็พบว่า

เป็นคอนโดมิเนียมหรูของตระกูลสุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ เป็นตระกูลที่ทำธุรกิจด้านนี้และทำอีกหลายอย่าง เขาเข้าที่เว็บไซต์ดูรูป

ถ่ายในมุมต่างๆ รวมไปถึงภาพเคลื่อนไหว เขารู้สึกชอบ กินอิ่มเก็บของเรียบร้อยร้อย ปฐวีร์รีบโทรไปที่เบอร์ติดต่อที่ลงไว้ใน

เว็บไซต์ เขาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงขอเข้าไปดูห้อง ปลายสายบอกว่าสามารถเข้าไปดูห้องได้ตลอด แค่แจ้งชื่อกับ

พนักงานแล้วจะมีคนพาขึ้นไปดูห้อง ได้คำตอบที่พอใจแล้วเขารีบมุ่งหน้าไปที่คอนโดมิเนียมทันที


   นั่งรถไฟฟ้ามาสองสามสถานีก็ถึงที่หมาย ยืนมองจากบนสถานีเห็นคอนโดมิเนียมสูง น่าจะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เขาหยิบ

โทรศัพท์เปิดดูที่ตั้ง เพื่อเป็นเนวิเกเตอร์นำทาง เริ่มมองหาชื่อถนน ซอย โดยถามจากพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น เพื่อความแน่ใจว่าจะไม่

หลงทาง เหลียวซ้ายมองขวาก็เห็นป้ายชื่อถนน และซอยอยู่ตรงมุมติดกับเสาไฟฟ้า ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็แทบจะมองไม่เห็น เดินไป

ตามถนนเส้นหลัก สังเกตข้างทาง และรอบๆ ตอนกลางวันแถวนี้ดูคึกคัก และยังร้านขายของตึกสำนักงานเล็กๆ เดินไม่นานก็มา

ถึงที่หมาย เขาผลักประตูกระจกเข้าไปด้านใน และตรงไปที่ประชาสัมพันธ์

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

“สวัสดีครับ พอดีผมต้องการดูห้องที่เพิ่งติดต่อมานะครับ”

พนักงานสาวค่อนข้างแปลกใจ ที่อีกฝ่ายบอกว่ามาขอดูห้อง      ถ้าเธอดูไม่ผิดชายหนุ่มตรงหน้าน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบปี บางที

ครอบครัวของเขาคงจะมีฐานะ ช่างเถอะสงสัยไปก็ไม่มีประโยชน์ ขอให้มีเงินก็พอ

“รบกวนขอทราบชื่อด้วยค่ะ”

“ปฐวีร์ครับ”

“รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวเปิดดูในรายชื่อที่พนักงานขายแจ้งชื่อเข้ามา มีรายชื่อที่ว่าจริง เธอเชิญปฐวีร์ไปนั่งที่โต๊ะรับรอง

หยิบเอกสารเกี่ยวกับห้องพักให้ชายหนุ่มได้ลองศึกษาก่อนที่จะขึ้นไปดูห้อง ปฐวีร์เปิดดูเอกสารอ่านรายละเอียด ห้องพักอย่าง

ละเอียด ราคาเริ่มที่ห้าล้านต้น ๆ ถ้าตกแต่งภายในเรียบร้อยพร้อมเฟอร์นิเจอร์อีกราคาหนึ่ง จากที่ดูเงินในบัญชีล่าสุดน่าจะพอซื้อ

ได้ เขาดูแผนผังห้องทั้งหมด ห้องที่กากบาทด้วยสีแดงหมายถึงห้องนั้นมีคนจองแล้ว โครงการนี้มีทั้งหมดห้องห้าสิบกว่าห้อง

รวมถึงห้องตัวอย่าง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ มีสวนให้เดินออกกำลังกาย มีสนามเด็กเล่น ลานจอด

รถกว้าง และปลอดภัย และห้องอาหารเปิดตลาด 24 ชั่วโมง นั่งอ่านข้อมูลสักพัก พนักงานสาวก็พาขึ้นไปดูห้อง


   ลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่ เลื่อนขึ้นไปชั้นบน ประตูลิฟต์เปิดออกเห็นโถงทางเดินโล่งสว่าง พนักงานเดินนำออกจากลิฟต์

ตรงไปที่ประตู เธอหยิบคีย์การ์ดกดรหัสเปิดเข้าไปในห้อง ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องไฟก็เปิดขึ้นทันที เธอพาปฐวีร์เดินดูสำรวจ

ภายในห้อง อธิบายจุดเด่นของแต่ละส่วนในห้องให้ฟัง

“เป็นยังไงบ้างคะ คุณปฐวีร์ชอบไหมคะ” เธอเลื่อนผ้าม่านออกทำให้สามารถมองเห็นวิวด้านนอก


”ห้องนั่งเล่นสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ ปิดไฟในห้อง แล้วมองออกไปข้างนอกตอนกลางคืนสวยมากเลยนะคะ”ปฐีวีร์เดิน

มาหยุดอยู่ข้างพนักงานสาว มองออกข้างนอกเห็นวิวเมืองหลวง ด้านล่างมองเห็นสระว่ายน้ำสีฟ้า และสวนสีเขียวตกแต่งอย่างดี

แต่ที่เขาชอบเป็นห้องที่ตกแต่งเรียบง่ายนี้มากกว่า พนักงานสาวบอก แต่ละห้องตกแต่งไม่เหมือนกัน ห้องกว้างมีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่

ชิ้น มีห้องนอนใหญ่หนึ่งห้อง ห้องน้ำในตัว ห้องนอนเล็กอีกห้อง ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่นรวมกับห้องรับแขกในตัว   

“ผมชอบครับ” คำตอบของปฐวีร์ทำให้พนักงานสาวยิ้มกว้าง จากนั้นเธอเริ่มพูดถึงสัญญาซื้อขาย ปฐวีร์ต้องการซื้อเป็นเงินสดทั้ง

สองตกลงกันได้ นัดทำสัญญาอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า

จ่ายค่ามัดจำคุยรายละเอียดอีกเล็กน้อย เขาก็ออกที่นั่น ระหว่างทางออกมาจากคอนโดมิเนียม เขาเห็นแผงขายลอตเตอรี่เห็นคน

เดินผ่านไปมาหยุดซื้อ เขาเห็นแล้วรู้สึกสนใจ บางทีเขาน่าจะเลี่ยงดวงเผื่อจะบังเอิญถูกรางวัล

“ป้า ถ้าถูกรางวัลที่ 1 ได้เงินเท่าไหร่ครับ”

“หกล้าน จ้า ไม่ซื้อชุดใหญ่ไปเลย



*****************************************************


โปรดติดตามตอนต่อไป




ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 1 [16/9/61]
«ตอบ #3 เมื่อ17-09-2018 05:43:55 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 1 [16/9/61]
«ตอบ #4 เมื่อ17-09-2018 14:51:17 »


ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 2 [17/9/61]
«ตอบ #5 เมื่อ17-09-2018 14:58:54 »

ตอนที่ 2
[/size]

       กลับมาถึงห้องท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ปฐวีร์หยิบบัญชีธนาคารที่มีอยู่ออกมาดู เงินที่แม่เคยฝากไว้ให้ทุกเดือนตั้งแต่เกิด อีก

บัญชีเป็นเงินที่พ่อโอนเข้าบัญชีทุกเดือน และบัญชีเงินมรดกของแม่ทิ้งไว้ให้ เขาจำได้ว่ายังมีเครื่องเพชร ทองคำ โฉนดที่ดิน

ตึกแถว ที่อยู่ในตู้เซฟที่บ้านอีกจำนวนหนึ่ง คงต้องรบกวนเงินในบัญชีแล้ว คิดว่าเงินจำนวนหนึ่งต้องถูกถอนออกมา ก็รู้สึก

เสียดายเล็กน้อย เอาเถอะคิดซะว่าซื้อความสบายใจ ซื้อความปลอดภัยให้ชีวิต ยังไงตายไปก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้อยู่ดี       

ตึง ตึง เสียงโปรแกรมคุยออนไลน์สีเขียวดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู เป็นข้อความจากภฤดลเพื่อนรักส่งมาถามว่าเป็นยัง

ไงบ้างออกมาอยู่คนเดียว อ่านข้อความแล้วก็ต้องยิ้มออกมา สักพักแล้วที่เขายุ่งวุ่นวายกับตัวเองมากเกินไป จนลืมนึกถึงเพื่อน ๆ

ไป เขารีบพิมพ์ตอบกลับเพื่อนไปว่าสบายดี แต่เหงานิดหน่อย แล้วถามถึงเพื่อนสนิทอีกสองคน กำลังยิ้มกับข้อความ

ออด ออด เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น เจ้าของห้องขมวดคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ว่าใครมา แต่ที่แน่ ๆ ได้ยินเสียงคนคุยกันไม่ต่ำ

กว่าสามคนอยู่หน้าห้อง มองผ่านช่องตาแมว เห็นคนที่เพิ่งส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มาเมื่อครู่ ยืนยิ้มอยู่กับเพื่อนอีกสองคน

“surprise” ทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน ทันทีที่เจ้าของห้องเปิดประตูออกมา นภาภรณ์กระโดดกอดเพื่อนรัก

“ให้ตาย พวกนายจะมาทำไมไม่บอกก่อน”

“ถ้าบอกก่อนจะเรียกว่า surprise ขอเข้าไปข้างในนะ”

“อืม เข้ามาข้างในเถอะเสียงดังเกรงใจห้องอื่นเขา”

“วีร์ กินอะไรแล้วรึยัง ภรณ์ซื้อของกินมาเยอะเลย” เธอพูดแล้วชูถุงอาหารขึ้นให้ดู แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะอาหาร

“หน้าตาดูเหนื่อย ๆ เป็นอะไรรึเปล่า หรือไม่สบาย”ภฤดลถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง อยู่บ้านใหญ่สบายตั้งแต่เด็ก ต้องถูกไล่ออกให้

มาคนเดียว คนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างเพื่อนเขาจะอยู่ได้ยังไง นี่ดูสิแค่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่นานก็ดูผอมลงไปตั้งเยอะ ได้กินอะไรบ้างรึเปล่าไม่รู้

“แปลกที่นิดหน่อยเลยนอนไม่ค่อยหลับ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวก็ชินไปเอง”

“หนุ่ม ๆ อย่าเพิ่งคุยกัน มากินข้าวก่อน วีร์มานั่งเลย” หญิงสาวเทกับข้าวใส่จานเรียบร้อย เดินมาลากเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ”มี

แต่ของชอบวีร์ทั้งนั้นเลย ลูกชิ้นปิ้ง ยำปลาดุกฟู สเต๊ก ข้าวมันไก่ ข้าขาหมู ผัดไทยวุ้นเส้นกุ้งสดก็มีนะ”

“ทำไมเยอะขนาดนี้”

“นี่ยังน้อยไปนะ ถ้าพวกเราไม่ดึงไว้ยัยภรณ์เหมาตลาดแล้ว”

ปฐวีร์ตักยำปลาดุกฟูขึ้นมาชิมเป็นอย่างแรก “อืม อร่อย” เป็นกับข้าวมื้อแรกที่มีคนมานั่งร่วมโต๊ะตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่  รู้สึกว่า

กับข้าวอร่อยกว่าทุกวัน ที่ทำให้รู้สึกแบบนี้คงเป็นบรรยากาศเสียงหัวเราะรอยยิ้มของเพื่อนรักทั้งสามคนนี้ต่างหาก เพื่อนคนแรก

คือภฤดล ชายหนุ่มตัวสูง หน้าตาธรรมดา ผิวเข้มและนิสัยดี ครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด และยังมีแบรนด์เป็น

ของตัวเอง ถึงขนาดส่งออกไปต่างประเทศ เพื่อนอีกคน      กติกรณ์ ชายหนุ่มตัวผอม หน้าตาดี ผิวขาวเหลือง นิสัยเงียบ ๆ ไม่

ค่อยพูดดูเหมือนจะหยิ่งแต่ที่จริงขี้อาย ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าทั้งนำเข้าส่งออก ถือว่าเป็นรายใหญ่ของประเทศก็ว่าได้ ผู้หญิง

คนเดียวในกลุ่ม นภาภรณ์ สาวสวยหุ่นนางแบบ เธอชอบทำตัวเหมือนเป็นพี่สาวคอยดูแลห่วงใยเอาใจใส่ทุกคน คงเป็นเพราะ

ครอบครัวเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงพยาบาล ฟิตเนส และสปาก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันไหม ทั้งสามเป็นเพื่อนที่เขารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก

ตั้งแต่เด็กทุกคนจะมองว่าเขาเป็นน้องเล็ก ทั้งที่อายุห่างกันไม่กี่เดือน หรืออาจเป็นเพราะเขาตัวเล็ก ตัวเล็กขนาดไหน ขนาดที่

ตอนเด็กสามารถขี่หลังนภาภรณ์ได้สบาย ถ้าไม่มีรูปที่ถ่ายไว้เขาก็จำไม่ได้ และในเวลาที่ทุกข์ใจก็ได้ทั้งสามคนช่วยปลอบใจ รวม

ไปถึงช่วงเวลาที่เขาสูญเสียแม่ผู้ให้กำเนิดไป

“นี่ สเต๊กร้านนี้ภูมิใจนำเสนอ อยากบอกอร่อยมากเพิ่งไปกินกับที่บ้านมา” เธอเลื่อนจานสเต๊กให้ปฐวีร์ลองกินดู

“กินเยอะอย่างนี้ทุกวัน คอยดูจะอ้วนเป็นหมู”

“ดลปากไม่ดี อ้วนเอิ้นอะไร ไม่มีหรอก” ปากพูดไปอย่างนั้น มือก็แอบลูบพุงตัวเอง สำรวจว่าอ้วนขึ้นรึเปล่า ก็ไม่นะ

“แล้วไปไงมาไงถึงได้มาหาเราได้”

“ภรณ์คิดถึงเลยโทรตามสองคนมาเป็นเพื่อน วีร์ไม่เคยหายไปหลายวัน ไลน์ก็ไม่ตอบ” ปฐวีร์เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เปิดดู

ข้อความเข้าย้อนหลัง เป็นอย่างที่เพื่อนบอก ข้อความถูกส่งมาเมื่อสามก่อน

”อีกอย่างอยู่คนเดียวเราเป็นห่วง”

“ภรณ์มันกลัวว่าวีร์จะเอาสาว ๆ มานอนกอด”

“บ้า อย่าไปเชื่อดล แค่กลัวว่ายัยแม่มดใจร้ายกับลูก ๆ จะแกล้งอะไรวีร์อีก”

ปฐวีร์นั่งยิ้มกับคำพูดของเพื่อน และรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง ตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ความฝันในคืนนั้นทำให้เขาเห็นอะไรหลาย

อย่าง คนที่ดูภายนอกเหมือนจะทำดีกับเขามาตลอด จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เขาไม่ใช่คนเดิมที่จะปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้ง่าย ๆ

เหมือนเดิม

“ขอบใจนะ ช่วงนี้กำลังยุ่งอะไรหลายอย่างเลยไม่ได้ติดต่อไป ขอโทษทุกคนด้วยที่ทำให้เป็นห่วง” ทุกคนได้ฟังแล้วพยักหน้ารับรู้

อย่างเบาใจ

เมื่อกับข้าวบนโต๊ะพร้อมทุกคนนั่งลงประจำที่ โดยมีเพื่อนทั้งสามคนสลับกันถามว่ามีอะไรให้ช่วย ถามว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำ

อะไรบ้าง เขาก็ตอบไปว่าจัดของบ้าง เดินสำรวจรอบ ๆ แถวนี้บ้าง เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมใหม่ คนที่เคยอยู่บ้านหลัง

ใหญ่มาสิบกว่าปีแล้วมาอยู่ที่แคบ ๆ ก็ต้องปรับตัวหลายอย่าง 

“นี่อย่าหาภรณ์เห่อเลยนะ วันก่อนเพิ่งไปซื้อชุดนักศึกษามา กระเป๋าด้วย” เธอเปิดรูปถ่ายในมือถือขึ้นมาเพื่อนดู

“ดูเหมาะกับภรณ์มากเลย อย่างนี้หนุ่ม ๆ วิ่งตามจีบเป็นพรวนแน่”

“บ้า แล้ววีร์ไปซื้อของเตรียมไว้แล้วรึยัง”

“ยังเลย รอสักสองสามวันจัดห้องให้ลงตัวก่อน ซื้อมาตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเก็บไว้ตรงไหน”

“อืม” ว่าแล้วทุกคนก็มองไปรอบห้องที่มีกล่องหลายกล่องปิดผนึกวางอยู่ ดูไปแล้วไม่เหมือนเพิ่งย้ายเข้าแต่เหมือนจะย้ายออก
มากว่า

 อาหารบนโต๊ะหมดแล้ว ทุกคนช่วยกันเก็บถ้วยจานไปล้าง ทำความสะอาดจนเรียบร้อย เปลี่ยนไปนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์ดูหนัง

ปฐวีร์ขอตัวเข้าอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยกลับออกมา ถือหมอนผ้าห่มออกมาให้เพื่อนที่นั่งจ้องหน้าจอโทรทัศน์อย่างตั้งใจ เมื่อ

ก่อนพวกเขาก็ชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อนบ่อย ๆ ว่าไปแล้วก็คิดถึงช่วงเวลานั้นเหมือนกัน

ปฐวีร์เดินไปหยิบโน้ตบุ๊ก มานั่งบนพื้นหลังพิงโซฟา เปิดหน้าจอหาข้อมูลกล้องวงจรปิด เขาเพิ่งคิดได้ตอนที่กำลังอาบน้ำถ้ากำลัง

จะมีอะไรเกิดขึ้นที่ห้องนี้ ในเมื่อเขาย้ายออกไปแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น กล้องวงจรปิดจึงเป็นคำตอบที่ดี เขาใช้เวลาสืบค้น

ไม่นาน ระบบประมวลผลก็แสดงออกมาแยกเป็นทั้งเว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอให้เลือก เขาเลื่อนเมาส์คลิกที่เว็บไซต์ขายสินค้า

ออนไลน์ ชื่อดังเว็บหนึ่งคลิกเข้าไปดูรูปภาพสินค้า อ่านคุณสมบัติกล้องแต่แบบ แล้วก็เจอแบบที่ต้องการ กล้องความละเอียดสูง

สามารถถ่ายภาพเวลากลางคืนได้ เก็บภาพแบบ 360 องศา สามารถดูภาพวงจรปิดได้แบบ Real Time ผ่านมือถือ สามารถ

บันทึกวิดีโอ และภาพนิ่งได้ผ่านมือถือ ตัวนี้น่าสนใจ ราคาไม่สูงมากด้วย มีการรับประกัน และหลายคนเขียนรีวิวบอกว่าดี ถ้าเอา

กล้องตัวนี้มาติดไว้ในห้องสักสองสามตัว เขาเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก กวาดสายตามองรอบห้อง ลองหาตำแหน่งที่เหมาะ

ที่จะติดกล้อง ติดตรงนั้นที่หนึ่ง เมื่อคนเปิดประตูเข้ามาก็เห็น ในห้องนั่งเล่นอีกตัว และในห้องนอนอีกสักสองตัวเท่านี้เขาก็จะได้รู้

ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่

“จะซื้อกล้องวงจรปิดเหรอ” ภฤดลนอนคว่ำอยู่บนโซฟา ชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโน้ตบุ๊กบนตักเพื่อน ที่มีรูปกล้องวงจรหลายขนาด

พร้อมบอกราคา และคุณสมบัติเบื้องต้น

“ประมาณนั้น” เลื่อนเมาส์ขึ้น เพื่ออ่านคุณสมบัติใช้งานเพิ่มเติม และวิธีการติดตั้ง

นภาภรณ์คลานเข่ามานั่งข้าง ๆ เพื่อน “ที่นี่ก็ดูปลอดภัยดี ตอนขึ้นมามี พนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ข้างล่างด้วย” เธอกำลัง

คิดถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยตัวโตท่าทีขยัน เดินตรวจเข้ามาทักทายพวกเธอก่อนขึ้นมา

“เราก็ว่าดีนะ ยิ่งอยู่คนเดียวด้วย กันไว้ดีกว่าแก้”

“นั่นสินะ กันไว้ดีกว่าแก้”


   
เช้าวันใหม่มาเยือนอีกครั้ง แสงแรกของพระอาทิตย์ส่องเข้ามาในห้องกว้าง ที่มีคนนอนอยู่บนพื้น ปฐวีร์ขยับตัวลืมตาขึ้น แล้วลุก

ขึ้นนั่ง มองรอบห้อง เห็นเพื่อนยังนอนหลับสบาย เมื่อคืนกว่าจะนอนก็ดึกพอสมควร แต่ก็เป็นคืนที่หลับสนิท รู้สึกอบอุ่นและ

ปลอดภัย ต้องขอบคุณเพื่อนที่ทำให้เขารู้สึกอย่างนั้น ลุกขึ้นเดินไปเปิดแง้มผ้าม่านออกเล็กน้อย แล้วยืนมองออกไปข้างนอก เมื่อ

คืนเขาฝันเห็นห้องนี้อีกครั้ง แต่รู้สึกความฝันมันชัดเจนขึ้น นั่นทำให้เขารู้ว่าตัวเองคิดถูกที่จะย้ายออกจากที่นี่ บางทีเขาควรจะย้าย

ออกจากที่นี่เร็วกว่ากำหนด ดวงตาสีสวยมีแววตาเศร้ามองไปที่แสงแรงของวันที่ไล่ไปตามยอดตึก เขายิ้มให้ภาพตรงหน้า แล้ว

หมุนตัวเข้าห้องไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว

แต่งตัวเรียบร้อยกลับออกมา ทุกคนก็ตื่นแล้ว กำลังนั่งกันประจำคนละมุม เขาเดินไปนั่งลงโซฟาข้างภฤดลที่กำลังนั่งดูรายการ

เหมาะสำหรับเด็ก การ์ตูนนินจาที่เติบโตมาลำพังและมีเพื่อนเพิ่มมาทีละคน พร้อมกับมีอุปสรรคต่าง ๆ เข้ามาให้ฝ่าฟัน

“ภรณ์คุยโทรศัพท์กับใครพูดเสียงหวาน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว” มองเพื่อนที่นั่งหลบมุมคุยโทรศัพท์อยู่ อีกคนกำลังใช้โน้ตบุ๊กเขาเล่นเกม

“ไม่รู้เหมือนกัน นั่งไกลขนาดนั้นยังอุตส่าห์ได้ยินอีก”

“อืม” ทำไงได้หูดันดีกว่าปกติ ”แล้วนี่จะกลับกันเลยหรือไปหาอะไรกินกันก่อน”

“ไปหาอะไรกินก่อนหิว” ภฤดลพูดแล้วลูบท้องที่ส่งเสียงร้องจนน่ารำคาญ

   เวลาสิบโมงเช้า ทุกคนเดินทางฝ่าการจราจรที่เริ่มติด   มาจนถึงห้างสรรพสินค้า เพื่อมาหาอะไรกิน ขึ้นมาถึงชั้น 4 ที่ทั้งชั้น

เป็นร้านอาหารและศูนย์อาหาร  พวกเขาคุยกันว่าจะไปกินร้านไหนดี จนสายตาปฐวีร์เหลือบไปเห็นป้ายหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง

อยู่ในช่วงโปรโมชั่นลดราคา นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกเข้าร้านอาหารแบบหม้อร้อนบุฟเฟ่ต์ เพราะราคาไม่แพง มีอาหาร

หลากหลาย และเลือกกินได้แบบไม่อั้น แต่ในเวลาที่จำกัด

เข้าไปในร้านกลิ่นน้ำซุปหอม ๆ ก็ลอยมาเรียกน้ำย่อยทันที ทุกคนช่วยกันมองหาที่นั่งที่ยังว่าง พอดีกับยังมีที่นั่งริมฝั่งกระจกว่าง

อยู่ ได้ที่นั่งเรียบร้อยพนักงานแจ้งเวลา และช่วยตั้งหม้อ เทน้ำซุปลงในหม้อ แล้วเปิดไฟให้ ภฤดลรับอาสาไปตักของสด “เอา

เบคอนด้วยนะ หมูสไลด์หลาย ๆ ชิ้น ของภรณ์เอาแค่นี้ก่อน”

“อย่าลืมปลาหมึกกับกุ้งสดของฉันด้วย”

“ของวีร์เอา เต้าหู้ไข่ ผักแล้วก็วุ้นเส้น”

“รับทราบครับ เดี๋ยวกระผมจะตักมาให้ทุกคนเอง” เมื่อรู้เมนูที่ทุกคนต้องการ เขาก็เดินตรงที่เคาน์เตอร์อาหารสดวางไว้ให้เลือก

เต็มไปหมด เขาตักของสดใส่จาน แล้วทยอยไปวางที่โต๊ะ

กฤติกรณ์รับหน้าที่ไปเอาเครื่องดื่มมาให้ นภาภณ์ไปตักของกินที่ปรุงสุกแล้ว ส่วนปฐวีร์ทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะ เขามองไปรอบร้านมี

ลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะ และทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ดูไปแล้วก็เหมือนวันปกติของเขาอีกวัน

“เอ๊ะ นั่นยัยพิมพ์รตา” นภาภรณ์วางจานเกี๊ยวซ่า กับขนมจีบซาลาเปาไส้ลาวาลง เห็นคนคุ้นหน้าเดินผ่านหน้าร้านไป

“ฮือ” ปฐวีร์หันออกไปมองเห็นคนที่เพิ่งจะคิดถึงยืนอยู่หน้าร้านอาหารใกล้ ๆ พร้อมกับเพื่อนสนิทของเธอ

“โชคร้ายจริง เจอยัยนั่นกับเพื่อนตั้งแต่เช้า”

“เจอใครโชคร้าย”

“ก็ยัยพิมพ์รตานะสิ นั่นยืนอยู่หน้าร้านอาหารข้าง ๆ กับเพื่อน เมืองออกกว้างโชคร้ายขนาดไหนยังเจอได้”

“ช่างเขาเถอะน่า พูดอย่างนี้เดี๋ยววีร์ไม่สบายใจ”

“เอ่อ วีร์ ภรณ์ขอโทษไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น กินเกี๊ยวซ่าที่ภรณ์ตักมาดีกว่า”

“ไม่เป็นไรหรอกเราไม่ถือ” มองออกไปนอกร้านจ้องคนที่ถูกพูดถึงเมื่อครู่ ปฐวีร์กำมือแน่นควบคุมอารมณ์โกรธเกลียดที่อยู่ ๆ ก็มี

มากขึ้นจนอยากจะวิ่งออกไปบีบคอผู้หญิงคนนั้น

   “ฮือ”

“เป็นอะไรไปพิมพ์”

“ไม่รู้สิ อยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกหนาวจนขนลุกขึ้นมา” เธอรู้สึกหนาวจนสั่นเล็กน้อย

“ไม่สบายรึเปล่า”

เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาใครสักคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ พยายามมองหาแต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า“ไม่รู้สิ แต่รู้สึกไม่ดี

ยังไงไม่รู้ ไปจากตรงนี้เถอะ”

“เอ่อ อื้อ”

ปฐวีร์มองตามหลังคนรีบเดินออกจากหน้าร้านอาหารไป ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น ไม่นึกว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้ บางทีเขาน่าจะกลับ

ไปเจอทุกคนที่บ้าน ได้ของที่ทุกคนสั่งครบแล้วภฤดลถือถ้วยน้ำจิ้มกลับมานั่งรวมกับเพื่อนที่โต๊ะ น้ำในหม้อเริ่มเดือดปฐวีร์เริ่มตัก

เนื้อหมูสไลด์ เบคอน แฮมเนื้อไก่ ลูกชิ้น ปลาหมึก กุ้ง เนื้อปลา ตามด้วยผักสองสามอย่างโดยมีนภาภรณ์ช่วย ส่วนภฤดล  กับกติ

กรณ์นั่งรออย่างใจเย็น รอไม่นานทุกอย่างในหม้อก็สุก ลดระดับไฟลงเบาสุดแล้วลงมือกิน

หนึ่งชั่วโมงครึ่งครบเวลาที่ทางร้านกำหนด ทั้งสี่คนนั่งมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นของกินที่อยู่บนโต๊ะในหม้อแทบไม่
เหลือซาก

“อิ่มเป็นบ้าเลย เหมือนเพิ่งไปแข่งกินมาเลย” พูดแล้วก็ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไง ตั้งเยอะขนาดนั้น

“แล้วนี่พวกเราจะไปไหนกันต่อ”

“พาวีร์ไปดูชุดนักศึกษาไหม ไหน ๆ ก็มาที่นี่แล้ว”

“ดีเหมือนกัน” ทุกคนตกลงตามนั้น ต่างพากันไปที่แผนกเสื้อผ้าที่อยู่ชั้นล่าง


   “ทำไมชั้นนี้มีแต่ชุดนักศึกษาวะ” ดวงตาสีเข้มกวาดมองรอบ ๆ ด้วยความสงสัย

“ใกล้เปิดเรียนแล้วไง” ชายหนุ่มอีกคนตอบคำถามเพื่อน

“น้องใหม่ปีนี้จะมีสวย ๆ ไหมวะ” ชายหนุ่มอีกคนพูดขึ้นทำหน้าตาเหมือนกำลังฝันหวาน เพื่อนอีกสามคนรีบเดินหนีทำเป็นไม่สนใจ

“ไปหาอะไรกินเถอะหิวแล้ว ”

“เฮ้ย อย่าเดินหนีกันดิวะ รอฉันด้วย” เขารีบวิ่งตามเพื่อน ๆ ไป

ชายหนุ่มทั้งสี่คนเดินผ่านหน้าร้านขายเสื้อผ้าขึ้นไปชั้นบน โดยมีสายตาสาว ๆ หลายคู่มองตามอย่างสนใจ และอยากทำความรู้จัก

ว่าพวกเขาเป็นใครกัน


****************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป






ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 3 [17/9/61]
«ตอบ #6 เมื่อ18-09-2018 00:00:59 »


ตอนที่ 3

    รถยุโรปตีไฟเลี้ยวเข้าจอดชิดหน้าประตูรั้ว หน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่มีรั้วใหญ่ มีต้นไม้สูงบังสายตา ทำให้มองเห็นแค่ป้อมยามกับ

ทางเดินเข้าไป ยังดีด้านหน้ายังเขียนด้วยหนังสือตัวโตไว้ว่าบ้านวีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์

“ให้เข้าไปส่งในบ้านไหมวีร์”

“ภรณ์ เพื่อนจะเข้าบ้านไม่ได้ไปออกรบที่ไหน”

“เหมือนกันแหละถ้าเป็นบ้านหลังนี้” เธอมองลอดผ่านรั้วสูงเข้าไปข้างใน

“ไม่ต้องห่วงหรอก เราดูแลตัวเองได้”

“อื้อ มีอะไรก็โทรมานะ”

“เจอกันวันเปิดเรียน”

“เจอกัน/โชคดี/บาย” ปฐวีร์มองตามท้ายรถที่เคลื่อนออกไป แล้วหันกลับมามองประตูรั้วสูงข้างหน้า บ้าน เขาอาศัยที่นี่มาตั้งแต่

เกิด เคยรู้สึกผูกพัน เคยคิดว่าถ้าออกไปจากที่นี่จะต้องคิดถึง แต่กลับไม่ใช่ มันกลับรู้สึกสบายใจ

“อ้าว คุณวีร์เองหรือครับนึกว่าใคร เข้าบ้านก่อนครับ แดดร้อน” ยามเดินออกมาเปิดประตูให้

ปฐวีร์เข้าไปในบ้านหลังใหญ่ผ่านห้องรับแขกที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบชุดราคาแพง ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่นเมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ

เขาเคยนั่งเล่นที่นี่กับพี่น้อง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ พวกนั้นเขาเพิ่งรู้ว่ามันคือเรื่องโกหก เขามองโลกในแง่ดีเกินไป ที่จริงทุกคน

พร้อมจะทำร้ายเขาทุกครั้งที่มีโอกาสต่างหาก ดวงตาสีอ่อนเปลี่ยนเป็นเย็นชา

แก๊ก เสียงประตูห้องปิดลง เท้าเล็กก้าวเข้าไปในห้องนอนช้า ๆ วางกระเป๋าและถุงกระดาษในมือลงที่โซฟา แล้วหยุดยืนอยู่กลาง

ห้องกวาดสายมองไปรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกคิดถึง ทุกอย่างในห้องยังเหมือนเดิม เดินไปหยุดที่เตียงกว้าง มีผ้าห่มผืนนุ่มลายที่เขา

ชอบ นั่งลงบนเตียงแล้วค่อย ๆ เอนตัวลงนอนบนเตียง วางศีรษะลงบนหมอนพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออก เขาจะแก้ไขเรื่องราวร้าย ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับเขาให้ได้ เขาจะไม่ใช่คนแพ้ ไม่ใช่คนที่ตายอย่างน่าสมเพชอย่างนั้น น้ำตาที่อดกลั้นไว้นานเริ่มไหลออกมา เขา

กอดตัวเองแน่นรู้สึกหนาวจนสะท้าน ความรู้สึกหลากหลายโจมตีเข้ามา ในช่วงเวลาที่อ่อนและสับสน เขาอยากได้อ้อมกอดจาก

ใครสักคนที่รักและจริงใจ ไม่รู้ว่าจะมีรึเปล่า เขาหลับตาลงและหลับไปเพราะความเหนื่อย

แสงสุดท้ายของวันหมดลงความมืดเข้ามาแทนที่ ปฐวีร์อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย มองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ แล้วเหลือบไป

มองนาฬิกาแขวนบนผนัง เวลาบนหน้าปัดบอกให้รู้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น เขาลงจากห้องไปที่ห้องกินข้าว เข้าไปเห็นหลายคนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว

“อ้าว ตาวีร์กลับบ้านเหรอลูก”

“สวัสดีครับแม่รองแม่สามคุณนายสี่” เขายกมือไหว้ผู้หญิงที่เป็นเมียของพ่อทั้งสามคนพร้อมกับรอยยิ้ม

“เป็นไงบ้างออกไปอยู่คนเดียว เริ่มชินแล้วรึยัง”

“กำลังปรับตัวครับ สักพักคงจะชิน”

“พี่วีร์ เป็นไงบ้าง” เสียงคนเพิ่งมาใหม่พูดขึ้น ทำให้เขาหันไปมองพิมพ์รตา เดินเข้ามานั่งประจำที่

เขารู้สึกแปลก ๆ แทบทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นรอยยิ้มของพิมพ์รตา ต้องมาปั้นหน้ายิ้มพูดคุยเหมือนปกติ ขณะที่คุยกัน สายตาก็มอง

ที่คอของเธอ สมองคิดว่าถ้าเขาเข้าไปบีบคอเธอให้ตายตอนนี้เรื่องในอนาคตก็คงจะไม่เกิด หรือหยิบขวดซอสมะเขือเทศที่อยู่

ใกล้มือฟาดไปที่ศีรษะของเธออย่างแรงเธอก็คงไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายเขาได้อีก แต่จิตใจเขาไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ทำให้ก็

ต้องเก็บความคิดพวกนั้นไว้

ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหาร แม่บ้านยกอาหารมาวางเต็มโต๊ะ ทันทีที่หัวหน้าครอบครัวนั่งลง เสียงคุยกันก็เงียบ

ลง เปลี่ยนมาเป็นเสียงช้อนส้อมกระทบจานแทน ปฐวีร์นั่งกินข้าวไปไล่สายตามองไปรอบโต๊ะ แล้วหยุดสายตาที่พ่อของเขา ปทีป

วีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ ชายสูงวัยแต่ยังดูดี ชอบทำหน้านิ่งตลอดเวลา นั่งอยู่หัวโต๊ะ เขาเป็นเจ้าของบริษัท AgRo

Groups บริษัทที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตร อย่างเช่นข้าวที่คนไทยทุกบ้านต้องกิน และยังส่งสินค้าออกไปขายหลายประเทศทั่วโลก

คนที่นั่งถัดมาคือ พิสมัยหรือทุกคนเรียกแม่รอง ผู้หญิงอายุล่วงเข้าเกือบวัยห้าสิบ แต่ยังดูสวยตลอดเวลาจนนภาภรณ์เรียกว่ายัย

แม่มด หรือเหตุผลอย่างอื่นเขาก็ไม่แน่ใจ เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังจากที่พ่อกับแม่แต่งงานกันได้ไม่นาน เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงที่มี

พร้อมทุกอย่าง ทำไมถึงยอมแต่งเข้ามาเป็นเมียน้อย และก็เคยได้ยินคนในบ้านพูดกันว่า เธอเป็นคนมอมเหล้าปทีป ทั้งสองมี

อะไรกันจนเธอท้อง และบังคับให้อีกฝ่ายรับผิดชอบ ลูกคนแรกของเธอคือ พลพัฒน์ ผู้ชายตัวสูง หน้าตาดี นิสัยเอาตัวเองเป็นที่

ตั้ง ติดเจ้าอารมณ์นิดหน่อย เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยได้ไม่กี่เดือน ลูกคนที่สองของเธอพิมพ์รตา หญิงสาวสวย หุ่นดี ฉลาด ลูก

คนสุดท้องคือ พีรพลธ์ ยังเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย

คนที่นั่งตรงข้ามคุณนายรองคือ คะนึงฝัน หรือแม่สามเข้ามาอยู่ในบ้านในเวลาไล่เลี่ยกัน เธอดูเหมือนจะเป็นคนเงียบเรียบร้อย

และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา แต่เป็นคนร้ายลึก เธอมาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง เคยได้ยินคนงานในบ้าน

แอบคุยกันเธอแต่งเข้ามาครอบครัวเป็นหนี้ เธอมีลูกสามคน คือ คชาธรณ์ แฝดชาย หน้าหวาน เรียบร้อย ฉลาด ผิดกับน้องสาว

อย่าง คณิตาร์ ที่ออกจะอารมณ์ร้อน ใช้อารมณ์มากว่าสมอง ลูกคนที่สามคือ รินนัศน์ กำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลาย

และคุณนายสี่ ป่านฟ้า หญิงสาวอายุยังน้อยที่เพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านได้ไม่กี่ปีนอกจากนั้นแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย

หลายคนในห้องนี้ปรากฏในความฝันในคืนแรกของเขา ล้วนทำให้เขาต้องเสียใจ เจ็บปวด ทำให้รู้ว่าคนที่เห็นในความฝันไม่มีดี

สักคน เมื่อก่อนเคยคิดว่าทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่วันนี้รู้สึกตาสว่างขึ้น

มื้อเย็นจบลงความรู้สึกแทบอยากจะอาเจียนเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เสแสร้งของแต่ละคน รวมถึงคำพูดที่บอกว่าเป็นห่วงเป็นกังวล

ว่าจะอยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วใครกันเป็นคนที่ผลักไสให้เขาต้องออกไปอยู่ข้างนอกลำพัง ทุกคำที่พูดฟังแล้วรู้สึกระคายหู ถ้าอยู่ฟัง

ต่ออีกสักนิดกลัวว่าจะทนไม่ไหว เขาต้องขอตัวกลับห้อง เพื่อไม่ให้รู้สึกสะอิดสะเอียนที่ต้องใช้ลมหายใจเน่า ๆ กับคนพวกนี้

เช้าวันใหม่อีกวันในบ้านหลังใหญ่อันเงียบสงบ ปฐวีร์ผลักประตูออกมานอกระเบียง เขารีบสูดอากาศวันใหม่ที่ยังสดใสเข้าปอด

มองลงไปข้างล่างเห็นคนสวนกำลังทำหน้าที่ช่วยกันตัดตกแต่งกิ่งต้นไม้อย่างขยัน

เวลาอาหารเช้าเจ็ดโมงครึ่ง ทุกคนที่ไม่มีธุระจะลงมานั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันเหมือนทุกครั้ง บทสนทนาบนโต๊ะกินข้าวเป็นเรื่อง

ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นละครหลังข่าว ที่นางเอกถูกพระเอกเข้าใจผิดแล้วคุณนายสี่ให้ความเห็นว่านางเอกโง่ยอมคน ถ้าเป็นเธอไม่ยอม

ต้องออกมาแก้ต่างให้ตัวเอง ทำให้หลายคนมองเธอด้วยสายตาดูถูกแล้วคิดในใจว่ามิน่าถึงเป็นได้แค่เมียน้อย ส่วนปฐวีร์ได้แต่

ส่ายหัว ทุกคนเหมือนจะกำลังพูดเรื่องเดียวกัน แต่แม่รองกับแม่สามกำลังด่าคุณนายสี่ทางอ้อมต่างหาก ช่วงเวลาปั้นหน้าเสแสร้ง

กลมเกลียวความเป็นครอบครัวจบลง เขามองดูกับข้าวบนโต๊ะยังเหลือเต็ม ที่บ้านนี้ดูเหมือนทุกคนจะกินน้อยเป็นปกติ ก็อย่างว่า

ต้องมานั่งมองหน้าพูดคุยกับผู้หญิงที่ใช้สามีร่วมกันใครมันจะทำใจได้แต่จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังไม่เคยเห็นพวกเขาทะเลาะกันมาก่อน

ลุกจากโต๊ะกินข้าว เดินออกจากห้อง ขณะที่กำลังจะกลับห้องก็มีเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น “พี่วีร์” เขาหยุดหันไปมองตามเสียงเรียก

ก็ต้องแปลกใจว่าเป็นใคร

“ว่าไงน้องรินมีอะไรรึเปล่า” เขาเห็นเธอมองมาตั้งแต่นั่งอยู่โต๊ะกินข้าวไม่รู้มีเรื่องอะไร

“คือ รินมีเรื่องรบกวน”

“ได้สิ” ปฐวีร์รีบตอบรับ อยากรู้ว่าเธอจะมาไม้ไหน

“ค่ะ รินนัศน์ลูกสาวคนสุดท้องของแม่สาม เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ที่มีนิสัยสดใสร่าเริง นิสัยแตกต่างกับแม่สามมาก เธอเป็นเน็ต

ไอดอลเป็นที่รู้จักของใครหลายคน และมีคนติดตามเข้าไปกดดูคลิปที่เธอถ่าย review ประเภทครีม เครื่องสำอาง เสื้อผ้าและ

เครื่องแต่งกายสำหรับวัยรุ่น ระหว่างที่เดินเธอชวนเขาคุยเรื่องทั่วไปเหมือนสนิทกันมากมาย ฟังจากที่เธอพูดความรู้สึกมันบอกว่า

เธอกำลังเสแสร้ง แต่เขาก็ทำได้แค่ยิ้ม พยักหน้าให้บางครั้งที่เบือนหน้าหนีทนไม่ได้ที่เห็นรอยยิ้มเจิดจ้า เขาเดินตามเธอไปที่

บ้านของเธอ

บ้านหลังใหญ่มีเขา และพ่ออยู่กับแม่บ้านคนงานไม่กี่คน มีบ้านอีกสามหลังอยู่ด้านหลัง หลังที่หนึ่งเป็นของแม่รอง หลังที่สอง

เป็นของแม่สาม ส่วนหลังสุดท้ายเป็นของคุณนายสี่ ทั้งสามตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันเพื่อความเงียบและเป็นส่วนตัว

เดินตามทางเดินที่ปูด้วยแผ่นหิน และไม้พุ่มที่ถูกตัดตกแต่งอย่างสวยงาม จนมาถึงสวนหน้าบ้านที่ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ชื่อไพเราะ

เสริมความเป็นมงคลให้คนในบ้าน ในสวนสวยมีศาลาไม้หลังเล็ก สำหรับนั่งชมสวน นั่งหลบร้อนตอนบ่าย และมีรั้วเตี้ยความสูง

เท่าเอวกั้นบริเวณบ้านไว้ เดินข้ามสะพานไม้ที่ข้างล่างมีน้ำใสไหลอยู่ตลอดเวลา และมีปลาคาร์ฟว่ายไปมา ข้ามไปถึงอีกฟากก็มา

ถึงบ้านของรินนัศน์

“พี่วีร์นั่งรออยู่ที่ห้องนี้ก่อนนะคะ” เธอพาเขาเข้าไปในบ้านให้นั่งรอที่ห้องรับแขกที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ดูไปแล้วเหมือนแม่

สามไม่มีผิด เขานั่งลงรอน้องสาวกวาดสายตามองที่รูปถ่ายครอบครัวมีชายหญิงหน้าตาเหมือนกันอายุเท่ากันกับเขาอยู่ในรูปนั้นด้วย

“รอนานไหมคะ นี่ค่ะพอดีว่ารินได้ครีมตัวใหม่มา เขามาทดลองใช้” เธอหยุดพูดแกะครีมที่ว่าออกจากกล่องสีฟ้า แล้วหยิบกระปุก

ครีมขนาดเล็กออกมาให้ดู

” พอดีคนที่ให้มาเขาอยากได้ภาพคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นผู้ชาย ในกลุ่มวัยรุ่น มีคนรู้จักพอสมควร รินคิดว่าพี่วีร์เป็นคนที่ตอบ

โจทย์ได้ ขอร้องนะคะ” เธอพนมมือขึ้นทำสายตาขอร้อง

ปฐวีร์ยิ้มให้น้องสาวปกติเวลาอยู่บ้านไม่มีโอกาสได้เจอกัน พูดก็แทบจะนับคำได้ ไม่รู้ว่าวันนี้คิดยังไงถึงมาขอร้องให้ช่วย

”อืม แล้วต้องทำยังไงบ้าง”

“ลองใช้แล้วถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ ให้เห็นความแตกต่างก่อนใช้....” เธออธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ให้ฟัง เขาฟังดูแล้วมันก็ไม่ใช่

เรื่องยากอะไร บางทีเขาน่าจะช่วยได้ บางทีนะ

ตึ่ง ตึง ตึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “ขอตัวรับโทรศัพท์สักครู่นะคะ”

ปฐวีร์มองตามรินนัศน์เดินออกไปคุยโทรศัพท์อีกห้อง จากนั้นหยิบกระปุกครีมขึ้นมาดู ยังไม่ทันจะได้เปิดออกจมูกก็ได้กลิ่นฉุนกึก

จนต้องขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่าครีมกระปุกนี้มีปัญหา จมูกที่สามารถรับรู้กลิ่นได้มากกว่าปกติได้กลิ่นสารเคมีชัดเจน คิดไปแล้วใน

ความฝันรินนัศน์ก็ปรากฏอยู่ในนั้น อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัวรุนแรง และมีภาพปรากฏบนขึ้นในสมอง เขาทั้งสับสน ทั้งตกใจ มีเรื่อง

แปลก ๆ เกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว ภาพในสมองชัดเจนขึ้น ร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ในที่สุดเขาก็เข้าใจจุดประสงค์ของรินนัศน์ที่เอาครีม

กระปุกนี้มาให้เขา เมื่อภาพหายไป เขาถึงได้รู้ว่าทุกอย่างมันเริ่มจากครีมกระปุกนี้ที่ทำให้เขาเสียโฉม ถึงจะเลิกใช้ไปแล้วไปหา

หมอแต่ก็ยังมีอาการแพ้รักษาไม่หาย อากาศปวดหัวเมื่อครู่หายไป มือขาวก็กำแน่นขึ้นรู้สึกโกรธ ที่โง่ขนาดที่ถูกคนอื่นทำร้ายยัง

ไม่รู้ตัว เขาเหลือบมองไปเห็นครีมอีกกล่องวางอยู่บนโต๊ะไม่รู้ว่าครีมมีปัญหาเฉพาะกระปุกนี้หรือทุกกระปุก

“ขอโทษค่ะ พอดีมีคนจะเอาของมาให้ review อีกแล้ว ลองใช้ดูนะคะ ครีมกันแดดตัวนี้ใช้ดีมากเลย”

“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีอะไรพี่ขอตัวก่อนนะ”

“ค่ะ ไม่ส่งนะคะ”

ปฐวีร์เดินออกบ้านโดยมีสายตาของรินนัศน์มองตาม ใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง แล้วแสยะยิ้ม “โชค

ดี นะคะพี่ชาย”  ส่วนปฐวีร์มองกระปุกครีมในมือในอนาคตเขาเป็นคนแพ้แต่อย่าลืมว่าอนาคตสามารถเปลี่ยนกันได้ต้องมาดูกันต่อ

จากนี้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นคนแพ้

หลังจากกลับไปบ้านหลายวันทำให้เขาฉลาดขึ้น ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างรวมทั้งจิตใจคน ที่ไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์

ภายนอกได้ ปฐวีร์มองออกนอกรถแท็กซี่ที่วิ่งขึ้นทางต่างระดับแข่งความเร็วกับรถคันอื่น จนรถจอดอยู่หน้าสี่แยกไฟแดง

“น้องเรียงเบอร์แผ่นหนึ่ง”

“นั่นอะไรครับลุง”

“อ้อ ไอ้นี่เอาไว้ตรวจล็อตเตอรี่น่ะ คนหาเช้ากินค่ำอยากเสี่ยงดวงดูเผื่อจะรวยจะเขาบ้าง” พูดแล้วยิ้มให้ลูกค้าที่ทำหน้าตาเหมือน

แบกโลกไว้ทั้งใบ นั่งอยู่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง

ปฐวีร์พยักหน้ารับรู้แล้วนั่งทอดสายตาออกข้างนอกอีกครั้ง เออ เหมือนว่าเขาเพิ่งซื้อล็อตเตอรี่มาวันก่อน กลับไปลองไปเช็กดู

บางทีเขาอาจจะมีโชคดีกับเขาบ้าง ใครจะไปรู้


***********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 4 [18/9/61]
«ตอบ #7 เมื่อ18-09-2018 10:13:43 »

ตอนที่ 4
[/size]


ในที่สุดวันเปิดเรียนวันแรกของการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยที่หลายคนใฝ่ฝันก็ได้เริ่มขึ้น น้องใหม่ทยอยเดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัย

ด้วยความภาคภูมิใจของตัวเองและครอบครัว คณะมนุษยศาสตร์ป้ายทางเข้าคณะเขียนไว้ว่าอย่างชัดเจน น้องใหม่หลายคน

เข้าไปถ่ายรูปคู่กับป้ายคณะ แล้วโพสต์ลงโซเชียลเอฟ อวดคนอื่น ปฐวีร์เดินผ่านเข้าไปในคณะ วันนี้เปิดเรียนวันแรกเขาต้องไปที่

ห้องเรียนก่อน รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยจะได้เจอเพื่อนใหม่จนนอนไม่หลับ เขาพรู่ลมหายใจ ปรับอารมณ์แล้วเดินขึ้นไปห้องเรียน

เดินหาห้องเรียนอยู่เกือบสิบนาที ในที่สุดก็มายืนอยู่หน้าห้อง เดินเข้าไปในห้องมีโต๊ะเลคเชอร์และนักศึกษาร่วมสาขาไม่กี่คนดู

เหมือนว่าเขาจะมาเร็วเกินไป เขาเลือกนั่งริมหน้าต่างรอเวลาเข้าเรียนอีกไม่ถึง 10 นาทีด้วยจิตใจตื่นเต้น ขณะที่นั่งใจลอยออกไป

นอกหน้าต่างก็มีคนมานั่งข้าง ๆ

“หวัดดี เราชื่อกาย”

“เอ่อ อ้อ หวัดดีเรา วีร์”

“ขอนั่งด้วยคนนะ”

“ได้สิ”

กายชายหนุ่มตัวสูง หน้าตาหล่อเข้ม สวมชุดนักศึกษาถูกระเบียบ เพื่อนร่วมสาขาเข้ามาทำความรู้จัก ทั้งสองคุยกันได้ไม่กี่

ประโยค ความรู้สึกของเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนนิสัยดี เมื่อถึงเวลาเรียนอาจารย์ก็เดินเข้ามาพร้อมกองเอกสาร

เวลาค่อย ๆ ผ่านไป วิชาสุดท้ายของตอนเช้าหมดลง ปฐวีร์เก็บเอกสารที่รับแจกจากอาจารย์ลงในกระเป๋า เดินตามเพื่อนไปที่โรง

อาหาร ที่แน่นไปด้วยนักศึกษา ที่เพิ่งเลิกเรียนพร้อมกัน แต่ก็พอมีที่ว่างให้นั่งอยู่บ้าง ได้ที่นั่งเรียบร้อยทุกคนต่างแยกย้ายไปซื้อ

กับข้าว ปฐวีร์ได้เพื่อนใหม่มาเพิ่มอีกสามคน คนแรกชื่อน้ำขิง สาวหวานตัวเล็กน่ารัก ผมยาวและนิสัยเรียบร้อย คนที่สองพีรพัฒน์

หนุ่มแว่นตัวเล็ก ใส่เหล็กดัดฟัน นิสัยร่าเริงชอบเล่นเกม ดูอนิเมชั่นและอ่านมังงะ ส่วนอีกคนชื่อวจี สาวร่างอวบ นิสัยชอบกิน ชอบ

คุย ทุกคนต่างมาจากกันคนละที่

“กับข้าวร้านนี้อร่อยมากเลย”

“ใช่ เลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินร้านไหน”

“ขอนั่งด้วยได้ไหม” สาวสวยผมสีน้ำตาลหยักศก ผิวขาวเหลืองเดินเข้ามา ทุกคนจำได้ว่าเธอเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่นั่งเรียนด้วย

กันในตอนเช้า

“อ้อ ได้สิ” คนเดินเข้ามาถามนั่งลงตรงที่นั่งว่างอยู่ทันทีจากนั้นก็แนะนำตัว “เราชื่อ ปิ่นอนงค์” เธอยิ้มสวยให้กับทุกคน

“เราจำได้ที่นั่งข้างหน้าพวกเราชั่วโมงเรียนสุดท้าย เราชื่อ วจี” แล้วมหกรรมการแนะนำตัวก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“เรา วีร์ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“ยินดีที่ได้รู้จัก” ปิ่นอนงค์มองใบหน้าชายหนุ่มที่ส่งยิ้มมาให้ เป็นรอยยิ้มธรรมดาแต่กลับทำให้เธอความรู้สึกขนลุกขึ้นมา

หลังจากกินข้าวเรียบร้อยทุกคนขึ้นไปรอเรียนบนห้อง เปิดเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์ เล่นโซเชียลเอฟ นอน

กลางวัน ส่วนปฐวีร์กำลังจะเปิดเพลงฟัง แต่ก็มีคนเดินมานั่งข้างๆ แล้วสะกิด

“ปิ่น ยังไม่รู้จักเบอร์โทร และชื่อของวีร์ในโซเชียลเอฟเลย”

“ได้สิ” เขาบอกในสิ่งที่เธอต้องการ และทุกคนต่างแลกเบอร์โทรติดต่อ รับเธอเป็นเพื่อนในโซเชียลเอฟรวมถึงคนอื่น

ถึงเวลาเรียนอาจารย์เข้ามาในห้องแนะนำตัว ชี้แจงเนื้อหารายวิชาที่จะเรียนตลอดทั้งเทอม แจกเอกสารหน่วยการเรียนรู้ ส่วน

หนังสือเรียนสามารถซื้อได้ศูนย์จำหน่ายเอกสารของคณะ วันแรกทุกอย่างยังไม่พร้อม อาจารย์เลยให้ทุกคนแยกย้าย

หลังเลิกเรียนบ่ายห้าโมงเย็นนักศึกษาปีหนึ่งทุกคนรวมตัวพร้อมกันที่ลานกิจกรรมคณะ เข้าแถวเป็นแถวตอนตามสาขาวิชาเรียง

ตามรหัสนักศึกษา นักศึกษารุ่นพี่เรียงแถวหน้ากระดานมองมาที่รุ่นน้องปีหนึ่ง แต่ละคนแต่งตัวเรียบร้อยแขวนป้ายชื่อไว้ที่คอ

หลายคนต่างรอคอยกิจกรรมรับน้องวันแรกอย่างใจจดใจจ่อว่าจะเป็นยังไงบ้าง เสียงทักทายของรุ่นพี่คนหนึ่งผ่านโทรโข่งดังขึ้น

ทุกคนหันไปมองเป็นจุดเดียวตั้งใจฟังว่ารุ่นพี่ต้องการจะพูดอะไร

“พวกเรา ยังไม่ยอมรับว่าพวกคุณเป็นรุ่นน้อง”

“อ้าว” เสียงรุ่นน้องทุกคนอุทานออกมาแทบพร้อมกัน

“กรุณาเงียบก่อน นั่นมันเป็นเรื่องที่พวกคุณต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะเหมาะกับการเป็นรุ่นน้องของพวกผมรึเปล่า พวกคุณมีเวลา

พิสูจน์ตัวเองเริ่มตั้งแต่วันนี้ การพบกันครั้งแรกประทับใจมากพวกคุณมีความรับผิดชอบ มาตรงตามเวลาที่รุ่นพี่นัด ผมขอ

ชื่นชม...” กิจกรรมวันแรกแนะนำคณะกรรมการของสโมสรนักศึกษาประจำคณะ พี่เลี้ยงที่จะมาคอยดูแลน้องในช่วงที่ทำกิจกรรม

จากนั้นแจกเอกสารหนังสือแนะนำคณะมีทั้งประวัติ แนะนำคณาจารย์ของภาควิชา/สาขา เรื่องเล่า สมุดเล่มเล็กอีกเล่มเป็นเพลง

ประจำคณะที่นักศึกษาน้องใหม่ทุกคนต้องร้องไห้ได้ กิจกรรมวันแรกสิ้นสุดลง ทุกคนต่างทยอยกลับ ก่อนกลับรุ่นพี่ยังย้ำให้ทุกคน

มาพบกันที่เก่าเวลาเดิม พร้อมกับบอกว่าเจอกันครั้งหน้าถึงจะเป็นของจริง

ปฐวีร์วางกระเป๋าสบายไว้บนโซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ตัวเดียวที่มีอยู่ในห้อง ตอนนี้เขาย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดมิเนียมใหม่แล้ว

เรียบร้อย มีของใช้จำเป็นไม่กี่ชิ้นที่หยิบติดมือมาด้วยเพื่อทำให้เหมือนว่าเขายังอยู่ที่นั่น ทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเหนื่อย หยิบ

โทรศัพท์ออกมากระเป๋าเปิดโปรแกรมดูกล้องวงจรปิดออนไลน์ ดูความเคลื่อนไหวในห้อง ย้อนภาพดูทั้งวันก็ไม่มีอะไร เขาไม่รู้ว่า

เหตุการณ์ในฝันจะเกิดขึ้นวันไหน แต่ช่วงนี้เขาฝันเห็นมันแทบทุกคืนและภาพก็ชัดเจนขึ้น นั่นทำให้เขารู้สึกว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น

อีกไม่นานแล้ว

บ่ายหลายวันต่อมาหลังเรียนเสร็จเรียบร้อย ปฐวีร์และเพื่อนนั่งรอแถวโรงอาหารรอเวลาเข้าห้องเชียร์ ต่างคนต่างก้มหน้าจ้องหน้า

จอโทรศัพท์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้มัน ส่วนปฐวีร์หยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลง แล้วอ่านมังงะเล่มใหม่ การที่เขาไม่เรียนคณะที่พ่อต้องการ

อย่างบริหาร หรือเศรษฐศาสตร์ ในตอนแรกก็ถูกพ่อคัดค้านอยู่บ้างแต่ก็ได้คุณนายรองช่วยพูดอย่างน้อยลูกชายคนโตของเธอคง

หมดคู่แข่งแย่งตำแหน่งผู้บริหารไปอีกคน ความฝันของเขาอยากเปิดร้านกาแฟสักกร้าน บรรยากาศดี ตกแต่งเรียบง่าย มีเค้ก

อร่อยเต็มตู้ มีหนังสือให้อ่านเล่นเต็มชั้นวาง หรือไม่ก็เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ก็ไม่เลวเหมือนกัน จะแบบไหนก็ดีหมดเมื่อเป็นความ
ฝัน

เมื่อถึงเวลานัดหมายน้องใหม่เข้าแถวตามที่ได้จับฉลากวันก่อนเดินตามรุ่นพี่ไปจุดต่าง ๆ แต่ละจุดจะสอนร้องเพลงมีทั้งเพลงที่จะ

ได้ทดสอบในห้องเชียร์และเพลงผ่อนคลายอารมณ์

เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมเสียงปรบมือ เสียงหัวเราะดังแว่วมา จนคนกำลังนอนฟุบหน้าบนกระเป๋าเงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความสงสัย

“พวกนั้นเขาทำอะไรกัน” เขามองไปที่กลุ่มนักศึกษา

“คณะข้าง ๆ  เขากำลังทำกิจกรรมรับน้อง สอนน้องร้องเพลง”

“พวกแกดูสิ ปีนี้คณะข้าง ๆ มีสาว ๆ น่ารักบ้างไหม”

“คณะเราน้องใหม่น่ารักต้องน้องตาร์”

“พวกแกพูดถึงใคร” คนที่หลับตานอนฟังเพื่อนคุยกันเงยหน้าขึ้นมาถามอีกครั้ง

“พูดถึงน้องใหม่ แกไม่รู้จักหรอก”

“ปีนี้มีน่ารักหลายคน มีใครที่แกสนใจใครบ้างไหม”

“หึ ใครสน สนามว่างแล้วไปกันเถอะ” ชายหนุ่มไม่สนใจ เขาลุกขึ้น เดินตรงเข้าไปที่สนามบาสที่ว่างอยู่ เพื่อนทั้งสามคนได้แต่มองหน้ากันแล้ววิ่งตามเข้าไปในสนาม

วันหยุดเวียนมาถึงปฐวีร์ออกมาข้างนอกในตอนสายเพื่อมาหาซื้อเฟอร์นิเจอร์และของใช้ที่จำเป็น เขาทนนอนบนโซฟาแคบ ๆ ห่ม

ผ้าห่มผืนบางหนุนหนังสือเรียนมาทั้งสัปดาห์ รู้สึกหลับไม่ค่อยสบาย ไม่พอกระทั่งตู้เย็นที่จะแช่น้ำดื่มยังไม่มี เป็นความผิดของ

เขาเองที่เลือกห้องเปล่า

เขาแค่ต้องการเฟอร์นิเจอร์เพิ่มไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ถ้าจะให้ทางคอนโดมิเนียมตกแต่งให้ต้องใช้เวลานานพอสมควร เขานั่งรถไฟฟ้าก็

มาถึงห้างขายของตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ ตรงเข้าไปดูแบบตัวอย่างการตกแต่งห้องนอน ห้องทำงาน ห้องครัวและห้องรับแขก

เดินวนสองสามรอบก็ได้ของที่ต้องการ ห้องนอนเขาต้องการแบบครบชุดเพราะไม่มีอะไรเลยตอนนี้ยังเป็นแค่ห้องเปล่า ต้องการ

โต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งอ่านหนังสือทำการบ้าน ห้องครัวยังขาดชุดโต๊ะกินข้าวกับตู้เย็น เขาซื้อหม้อกระทะถ้วยจานไปด้วย ส่วนห้อง

รับแขกอาศัยนอนมาทั้งสัปดาห์เพิ่มแค่โซฟาชุดใหญ่อีกชุดก็น่าจะพอ และเพิ่มโทรทัศน์สักเครื่องก็น่าจะดี

ได้ของที่ต้องการครบแล้วเขาแจ้งที่อยู่ให้ทางร้านไปส่งและทำการติดตั้งให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นเขาก็เข้าไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อ

ทำกิจกรรม

“วันหยุดทั้งทีแทนที่จะนอนอยู่บ้านสบาย ต้องมานั่งร้องเพลง....น่าเบื่อ” พีรพัฒน์บ่นทันทีที่มาถึง

“เอาน่า พัฒน์อย่าบ่นไปเลย อดทนอีกไม่นานก็จบแล้ว”

“นี่วจีก็นอนแทบจะละเมอลุกขึ้นมานั่งปรบมือร้องเพลงตอนกลางดึกแล้วนะ”

“แม่เราบอกว่าตอนดึก ๆ เราลุกขึ้นมาหัวเราะด้วย สงสัยจะฝันถึงท่าเต้นพวกรุ่นพี่”

“เออ ถ้ายังไงทำกิจกรรมแล้วไปเที่ยวเปล่า ไปหาของอร่อยกินกัน”

“วจีนี่กินเก่งนะ เราดูในโซเชียลเอฟมีภาพอาหารทั้งนั้น”

“ใช่ ถ้าอยากรู้ว่าของกินร้านไหนอร่อยถามเราได้”

“ดูจากขนาดตัวก็พอจะเดาได้ไม่ยาก” กายพูดจบทุกคนก็หัวเราะออกมา

” หัวเราะดังกินไปแล้ว คนอื่นเขาหันมามองกันใหญ่เลย”

“เราว่าน่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า” ทุกคนในกลุ่มหันมามองที่ปฐวีร์เป็นตาเดียว

”อย่าหาว่าวจีปากมากเลยนะ แต่เคยได้ยินคนอื่นพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับวีร์มาด้วย”

“ใช่ เราก็ได้ยิน แบบนิสัยไม่ดี หยิ่งบ้างล่ะ ไม่เคารพรุ่นพี่ อะไรเทือกนี้”

“อืม” คนถูกพาดพิงตอบรับสั้น ๆ แล้วยิ้มให้เพื่อน ๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน” แล้วเราเป็นอย่างนั้นรึเปล่า”

“พวกเรารู้ว่าวีร์เป็นยังไงแต่คนอื่นล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องแบบนี้หรอก ถ้าไม่เป็นความจริงเดี๋ยวมันก็เงียบไปเอง เราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก” ปล่อยให้คนที่ปล่อย

ข่าวดิ้นไปคนเดียวก็พอ ถ้ายิ่งแก้ตัวก็เหมือนร้อนตัว

“มันไม่ใช่แค่นั้นสิ เพราะ” น้ำขิงหยุดพูดแล้วมองไปรอบ ๆ 

“คนที่เอาเรื่องนี้ไปพูดเป็น ปิ่นอนงค์” ทุกคนในกลุ่มได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธแทนเพื่อนขึ้นมาทันที เห็นว่าไม่มีเพื่อนเลยให้มาเข้ากลุ่ม

ด้วยทำไมถึงมาทำอย่างนี้

“หวัดดี ทุกคนกำลังคุยอะไรกันทำหน้าเครียดเชียว”

อยู่ ๆ คนที่กำลังพูดถึงก็โผล่มา ทุกคนหันหน้าไปมองและทำให้ทุกคนคิดได้ว่าคนเราตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ แววตา

ปฐวีร์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นตัวต้นเหตุปล่อยข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเขา อืม บางทีเขาควรจะจำชื่อผู้หญิงคนนี้ไว้และสอนบทเรียน

ให้เรียนให้เธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ยอมอะไรง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อน

กิจกรรมวันหยุดเริ่มในเวลาบ่ายโมง เมื่อน้องใหม่มาพร้อมกัน ทุกคนเข้าแถวเดินเข้าห้องสโลปขนาดใหญ่ เมื่อแถวสุดท้ายเข้ามา

จนครบ รุ่นพี่สั่งให้ทุกคนนั่งพร้อมกัน แล้วการทดสอบร้องเพลงก็เริ่มขึ้น ทุกคนช่วยกันร้องเพลงที่ฝึกมาทั้งสัปดาห์ แต่รุ่นพี่ก็บอก

ว่าร้องเสียงเบาบ้างล่ะ ไม่พร้อมกันบ้างล่ะ กว่าจะให้ผ่านได้เล่นเอาแทบคอแทบแตก แต่พอผ่านไปได้ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ

กิจกรรมวันนี้ผ่านไปอีกวันน้องใหม่ต่างแยกย้ายกันกลับ ปฐวีร์ก็ต้องโบกมือลาเพื่อนเพราะทุกคนไม่มีแรงจะไปเดินเที่ยวที่ไหนต่ออีก

กลับมาถึงคอนโดมิเนียมพระอาทิตย์ตกไปได้สักพักแล้ว ก่อนหน้าเขาแวะหาซื้อของกินติดมือมากินที่ห้อง เสียบการ์ดกดรหัส

แล้วเปิดประตู เข้าไปในห้องไฟก็สว่างขึ้นอัตโนมัติ มองไปรอบห้องทุกอย่างเรียบร้อยตามที่เจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดมิเนียมโทรแจ้ง

ว่าทางร้านเอาของมาส่ง พร้อมทั้งติดตั้งทุกอย่างให้ด้วย และมีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด วางกล่องอาหารไว้ที่โต๊ะกินข้าว

ผลักประตูเข้าในห้องนอนสีทึบคลานขึ้นไปบนเตียงที่มีผ้าปูเตียง หมอน หมอนข้าง ผ้าห่มผืนโต มือขาวลูบไปบนเตียงดูเหมือนว่า

แม่บ้านจัดการทุกอย่างได้ดีตามที่เขาต้องการ กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เขาชอบติดอยู่ตามหมอนและผ้าห่ม เตียงนี่นอนแล้วรู้สึก

สบาย สบายกว่านอนบนโซฟาเป็นไหน ๆ ความสบายทำให้เขาไม่อยากลุกไปไหน และก็หลับไป



*****************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 5 [19/9/61]
«ตอบ #8 เมื่อ19-09-2018 11:49:33 »

ตอนที่ 5
[/size]


บ่ายปลายสัปดาห์วันสุดท้ายของกิจกรรมเข้าห้องเชียร์ วันนี้แล้วน้องใหม่ทุกคนจะได้รู้ว่าใครเป็นพี่รหัส รุ่นพี่หลายคนก็รอวันนี้

เหมือนกัน ถึงเวลาทุกคนทยอยเข้าห้องสโลปเป็นครั้งสุดท้าย ที่ทุกคนจะมีโอกาสเข้ามาทำกิจกรรมรับน้องในปีนี้ ตอนนี้น้องใหม่

ได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่แล้ว ทุกคนเข้าแถวขึ้นไปบนเวทีรับหัวเข็มขัด กระดุมและตุ้งติ้ง จากนั้นเป็นการจับฉลาก

“พี่ชื่อพลอยค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมวีร์”

“ดีใจจังเลยในที่สุดสายเราก็มีผู้ชาย หลงเข้ามา เดี๋ยวนะรอพี่น้ำกับพี่หมิวก่อน”

เธอมองหารุ่นพี่อีกสองคนที่โทรศัพท์เข้ามาก่อนหน้าว่ามาถึงแล้ว  “นั่นไง พี่น้ำพี่หมิวทางนี้ค่ะ”

“ได้ผู้ชายเหรอ ยัยพลอย”

“ค่ะ พี่หมิว” สองสาวมาใหม่ต่างดีใจได้น้องใหม่ร่วมสายรหัสเป็นผู้ชาย แถมยังหน้าตาดี รุ่นพี่ทั้งสามคนแนะนำตัวกับปฐวีร์อีกครั้ง

แลกเบอร์ติดต่อ รับเป็นเพื่อนในโซเชียลเอฟ สามสาวมองชายหนุ่มหน้าตาดีอย่างสนใจ

“ใช่น้องวีร์ที่มีข่าวลือว่าหยิ่ง ๆ นิสัยไม่ดี ไม่เคารพรุ่นพี่คนนั้นหรือเปล่า” พวกเธอกระซิบกระซาบคุยกันด้วยความสงสัย

“ไม่น่าจะใช่ เพราะตั้งแต่คุยกันมายังไม่เห็นว่าเป็นน้องจะเป็นคนแบบนั้นเลยออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ” ปฐวีร์เห็นท่าทางและ

สายตาสงสัยของรุ่นพี่ที่มองมาก็อดยิ้มไม่ได้ และช่วยแก้ข้อสงสัยของสามสาว

“ใช่ครับ ผมเป็นคนเดียวกับที่มีข่าวลือนั่น” สามสาวมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ พวกเธอตัดสินใจเสียมารยาทถามว่าเรื่องราวทั้งหมด

เป็นมายังไง ปฐวีร์ก็เล่าเรื่องบางส่วนให้ฟัง เล่าไปแล้วดูสีหน้าท่าทางทั้งสาม ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าน้องใหม่ของพวกเธอกำลังถูกแกล้ง

และพวกเธอลงความเห็นเหมือนกันว่าคนที่ปล่อยข่าวอาจจะเป็นพวกเห็นคนอื่นคนดีกว่าไม่ได้ เห็นท่าทางสามสาวฟังเรื่องบาง

ส่วนก็พอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้ เขาก็ยิ้มอย่างพอใจ ทั้งสามดูเหมือนจะไม่โง่

“ไม่เป็นไรพวกพี่ในฐานะสายรหัสจะปกป้องน้องวีร์เอง” คุยไปแนะนำโน่นนี่นั่นสักพักต่างแยกย้ายกันกลับ

เขามองตามหลังรุ่นพี่ทั้งสาม ดูเหมือนสายรหัสของเขาจะน่ารัก นิสัยดีกว่าที่คิดไว้ ส่วนเรื่องข่าวลือพวกนั้นตอนนี้ก็มีคนคอย

จัดการให้ เท่านี้ก็หมดห่วงเป็นหนึ่งเรื่อง

ออกจากมหาวิทยาลัยก็มืดแล้ว ก่อนกลับเขาแวะร้านสะดวกซื้อหาซื้อของสดไปติดตู้สองสามอย่าง กันหิว กิจกรรมรับน้องผ่านไป

แล้ว ต่อไปตอนเย็นเขาคงมีเวลาว่างพอจะทำมื้อเย็น ฝากท้องไว้กับกับข้าวถุง ข้าวกล่อง อาหารแช่แข็งมาได้สักพักรู้สึกท้องไม่

ค่อยดีเท่าไหร่ ซื้อของจนพอใจก็กลับห้อง

เขาวางของไว้บนโต๊ะกินข้าวมองเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว เขาจัดของเข้าตู้เย็น จากนั้นเข้าห้องไปอาบน้ำ เปิดน้ำเกือบเต็มอ่างปฐวีร์

ก้าวเท้าลงในอ่างที่มีน้ำอุณหภูมิพอดี แล้วนอนเอนหลังลงไป จมูกได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำมันหอมระเหยที่เขาหยดลงพื้น

รู้สึกผ่อนคลายขึ้น เพราะทุกคืนต้องฝันร้ายทำให้ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และบ่อยครั้งที่นอนไม่หลับ เขาจึงได้เลือกกลิ่น

บำบัดมาช่วยเพื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง ดวงตาสีสวยจ้องมองที่เพดานในใจกำลังคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ที่เห็นความฝันพวกนั้น

เขาควรที่จะเตรียมตัวรับมือเรื่องราวร้าย ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นยังไง จ๊อก จ๊อก ร่างกายผ่อนคลายท้องก็ร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หยุดความคิดทั้งหมดไว้แค่นั้นแล้วออกไปหาอะไรเติมพลังงานให้ร่างกาย

แต่งตัวเรียบร้อยออกมาที่ห้องนั่งเล่น เปิดรายการสารคดีเกี่ยวกับชีวิตสัตว์โลกเป็นเพื่อน แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว เปิดถุงลูก

ชิ้น และข้าวเหนียวไก่ทอดที่แวะซื่อตรงทางลงจากสถานีรถไฟฟ้า กินไปได้สองสามคำก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูความเลื่อนไหว

ในโซเชียลเอฟ ว่าวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง


อยู่คนเดียวในห้องแคบมาได้สักพักมีบ้างที่รู้สึกเหงา ตอนกลางคืนก็รู้สึกกลัวจนต้องเปิดไฟนอน บางคืนต้องเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้

เป็นเพื่อนจนเช้า แต่พอผ่านมาได้สักพักก็เริ่มปรับตัวได้ อาจเป็นเพราะช่วงที่ผ่านมามีเวลาอยู่กับเพื่อนอยู่กับกิจกรรม สมองคิด

อะไรหลายเรื่องทำให้ลืมความเหงาไปได้ชั่วคราว

เขาเลื่อนอ่านข้อความ ดูรูปภาพ ที่หลายคนโพสต์ลงไป แล้วเข้าไปคุยกับภฤดล กฤติกรณ์ นภาภรณ์ถามว่าเป็นยังไงบ้างเข้าร่วม

กิจกรรมของคณะสนุกไหม ทั้งสามคนอยู่คณะเดียวกันเป็นเรื่องที่โชคดีมาก ผิดกับเขาที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ก็ดีที่ได้มีโอกาสได้

รู้จักเพื่อนใหม่ ภฤดลส่งข้อความกลับมาพร้อมรูปถ่ายของกิจกรรมเข้าฐาน หน้าเต็มไปด้วยแป้งสีขาว สีดำ ไม่พอปากยังมีลิปสติก

เพื่อนอีกสองคนก็มีสภาพไม่ต่างกัน เขานั่งหัวเราะจนเจ็บท้อง ไล่ดูรูปที่ถูกส่งมา

นภาภรณ์ยังใจดีส่งคลิปสั้น ๆ ที่กฤติกรณ์ และภฤดลออกไปเต้นมาให้ดูด้วย เห็นท่าเต้นของเพื่อนทั้งสองเล่นเอาเขาหัวเราะจน

ท้องแข็งแทบสำลักข้าวเหนียวไก่ทอด ดูแล้วน่าจะสนุกกว่าคณะของเขาที่วัน ๆ เอาแต่นั่งร้องเพลงแหกปากปรบมือจนเจ็บมือ

ช่วงเข้าฐานก็ไม่มีอะไรมาก นภาภรณ์บอกว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของกิจกรรมพี่รหัสของเธอเป็นผู้หญิงเสียใจนิดหน่อย แต่ภฤดล

กับได้พี่รหัสเป็นผู้ชายชื่อเทวาอะไรประมาณนี้ เขาเสียใจมาก ปฐวีร์นั่งพิมพ์ข้อความไปด้วยอ่านข้อความตอบกลับไปด้วย


ก่อนจะเข้านอนนภาภรณ์ชวนออกไปดูหนัง พรุ่งนี้วันหยุดเขาว่างไม่มีอะไรทำบางทีออกไปข้างนอกซื้อมังงะสักสองสามเรื่อง และ

นิยายกำลังภายในสักเล่มก็น่าจะดี เขาตอบตกลง ส่วนภฤดลกับกติกรณ์ก็ตอบตกลง

บ่ายวันหยุดเป็นเวลาที่เขานัดกับเพื่อนไว้ ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เดินเตร่เตร่ดูโน่นนี่นั่นไม่นานทุกคนก็มากันครบ พวก

เขาไปที่หน้าโรงหนัง นภาภรณ์และกติกรณ์ไปจัดการเรื่องตั๋วที่จองตั๋วออนไลน์ไว้ก่อนหน้านั้น เขาและภฤดลไปซื้อน้ำและของกิน

เล่น นั่งรอไม่นานพนักงานก็ประกาศให้เข้าไปข้างใน

สองชั่วโมงกว่ากับหนังฮีโรมนุษย์สายฟ้าที่ต่อสู้กับตัวร้ายที่โผล่มาจากนอกโลก สุดท้ายด้วยพลังที่แข็งแกร่งและจิตใจที่ดีงามก็

สามารถเอาชนะความชั่วได้ โลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง มนุษยชาติต่างขอบคุณมนุษย์สายฟ้า เป็นการยืนยันว่าความดียังไงก็ยัง

สามารถเอาชนะความชั่วได้ ปฐวีร์คิดแล้วร้อง หึ ครั้งหนึ่งเบา ๆ เหมือนไม่ค่อยอยากจะเห็นด้วยเท่าไหร่ หลังออกจากโรงหนัง

พวกเขาไปหาอะไรกิน

“ไปกินชาบูกัน”

“ดีเหมือนกัน” ทุกคนเห็นตรงกันก็ไปร้านชาบู มองเข้าไปร้านชาบูที่มีลูกค้าแน่นร้าน พนักงานหน้าร้านทักทายถามว่ามีลูกค้ากี่คน

จากนั้นพนักงานเดินนำไปที่โต๊ะว่าง แล้วพวกเขาต่างแยกย้ายไปตักของกิน

“อ้าว นั่นน้องรหัสนี่” ชายหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งลุกจากโต๊ะทักภฤดลขึ้น

“อ้อ สวัสดีครับพี่เทวา”

“หวัดดี มาหาอะไรกินเหรอ”

“ครับ พอดีเพิ่งดูหนังเสร็จ แล้วพี่ละครับ”

“เพิ่งจะกินอิ่ม กำลังจะไปดูหนังกัน นั่นเพื่อนพี่เรียกแล้วไปก่อนนะแล้วเจอกันที่คณะ” ชายหนุ่มยิ้มให้รุ่นน้องแล้วเดินไปหาเพื่อน

ที่ยืนรออยู่หน้าร้าน

“นั่นกลุ่มพี่เทวา” นภาภรณ์เดินมายืนข้าง ๆ ในมือถือจานของกินอยู่

“ใช่”

ปฐวีร์หันไปทางหน้าร้านเห็นผู้ชายคนเมื่อครู่ยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อน “ใครเหรอ”

“พี่รหัสกับพวกรุ่นพี่ที่คณะน่ะ แล้วคนนั้นไงพี่เทวาที่เล่าให้ฟังไง อย่างหล่อ”

“อ้อ” ปฐวีร์มองออกไปนอกร้านเห็นผู้ชายสามสี่คนยืนอยู่ตรงนั้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ “ไปกินกันเถอะหิวแล้ว”



วันหยุดสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายคนยังไม่อยากให้ผ่านไป เช้าวันแรกสัปดาห์ปฐวีร์กำลังนั่งฟังอาจารย์บรรยายอยู่หน้า

ห้อง สลับกับโน้ตย่อลงบนเอกสารที่อาจารย์แจกให้เมื่อต้นชั่วโมง การบรรยายผ่านไปเกือบชั่วโมงก็จบลงเมื่ออาจารย์ให้

นักศึกษาจับกลุ่มเพื่อทำงาน

“พอดีเลยกลุ่มเรามี 5 คน ขอชื่อทุกคนด้วยเราจะเขียนไปส่งอาจารย์” ทุกคนเขียนชื่อลงในกระดาษเปล่า

“ขอปิ่นอยู่กลุ่มด้วยคนนะ”

“ได้สิ” ปฐวีร์พูดแล้วยื่นกระดาษที่มีรายชื่อของทุกคนให้เธอเพิ่มชื่อคนสุดท้ายลงไป

”ขอบใจนะ” ทุกคนมองตามปิ่นอนงค์เดินกลับไปนั่งที่เดิม แล้วหันกลับมามองปฐวีร์ด้วยสายตาไม่เข้าใจ

”เอาไปส่งอาจารย์เถอะจะได้รู้หัวข้อที่ต้องทำ” ปฐวีรีบตัดบทก่อนที่เพื่อนจะพูดอะไรออกมา กายรับกระดาษแผ่นนั้นมารีบเดินไป

ส่งหน้าห้อง กลับมาอีกครั้งพร้อมหัวข้อที่อาจารย์เลือกให้

“บทบาทความสำคัญภาษาอังกฤษในประเทศตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน”

“หัวข้ออย่างหินเลยนะนั่น”

“ต้องไปหาเนื้อหาที่หอสมุดโน่นแหละ”

“กำหนดส่งรายงานจากวันนี้อีกสามสัปดาห์ รายงานเขียนด้วยลายมือ ถ้าอย่างนั้นช่วงหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดเราหาเวลาทำกัน”

“วันหยุดก็ดีนะ ทำรายงานแล้วไปหาอะไรอร่อยกินกัน”

“ไปดูหนังด้วยก็ดีนะ”

“ฟังดูแล้วไม่ค่อยเหมือนออกมาทำรายงานส่งอาจารย์เลย แต่อย่างน้อยก็ดีใจที่ได้ยินว่าทำรายงานเสร็จแล้วค่อยไป” พอปฐวีร์

พูดขึ้นทุกคนก็หัวเราะ จากนั้นก็ช่วยกันคิดวันที่จะออกมาทำรายงาน โดยภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนที่นั่งอยู่แถวถัดไป

อย่างปิ่นอนงค์ เธอบีบมือแน่นอย่างไม่พอใจ ข่าวที่เธอปล่อยออกไปไม่รู้ใครช่วยแก้ข่าวให้ ไม่พอยังเหมือนเงียบไป แต่เธอก็ไม่

ยอมแพ้เพราะมันแค่เริ่มเท่านั้น

ดูเหมือนปฐวีร์ก็เข้าใจว่าสิ่งที่ปิ่นอนงค์ทำมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เขาแค่รอว่าที่จริงแล้วเธอทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร หรือเพราะใคร

เขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักและสร้างความไม่พอใจกับเธอมาก่อนแน่นอน ในใจเขามีข้อสงสัยมากมาย เขาเหลือบมองคนที่ทำหน้าไม่

พอใจ จากตรงนี้เขาเห็นสายตาที่เธอมองมาได้ชัดเจน เขาทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจนั้น

เรียนวิชาสุดท้ายเสร็จปฐวีร์และเพื่อนชวนกันไปหาอะไรอร่อยกินที่ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย โดยมีวจีการันตีความอร่อย มาถึง

ร้านกาแฟที่ชื่อว่า Sweet café ตัวหนังสือสีน้ำตาลติดไว้หน้าร้านเห็นเด่นชัด

เข้าไปด้านในพนักงานประจำร้านส่งเสียงทักทาย

“Sweet café ยินดีต้อนรับค่ะ” ทุกคนส่งยิ้มให้พนักงาน แล้วมองไปรอบร้านที่ตกแต่งเรียบแต่ดูอบอุ่น กลิ่นอ่อน ๆ ของกาแฟ

ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ภายในร้านมีหลายมุมให้เลือกนั่ง ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งเดี่ยวติดกระจกฝั่งซ้ายสำหรับคนที่มาคนเดียวต้องการ

ความเป็นส่วนตัว ที่นั่งเป็นคู่ด้วยชุดเก้าอี้หวายและมีเบาะรองสำหรับคนที่ต้องการใช้ช่วงเวลาดี ๆ กับคนสำคัญ หรือจะมาเป็นก

ลุ่มเพื่อนก็มีเป็นมุมที่นั่งโซฟา แล้วกั้นด้วยชั้นหนังสือเตี้ย ๆ ทำให้ดูเหมือนกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้านเพื่อน พวกเขาเลือกที่

นั่งได้แล้วทุกคนดูรายชื่อเครื่องดื่ม

“เอาอะไรดีล่ะ”

“ที่นี่มีอะไรอร่อย” ทุกคนเริ่มปรึกษากัน วจีแนะนำเป็นเครื่องดื่มเป็นพวกสมูทตี้

“นี่ เราเอาบลูเบอรี่สมูทตี้”

“ในรูปมิกเบอรี่สมูทตี้น่ากินมาก”

“เราเอาด้วย”

“งั้นเราเอาชาเขียวปั่น” เขียนรายการเครื่องดื่มที่ต้องการ สั่งขนมหวานกับของกินเล่นสองสามอย่าง ลงในกระดาษให้พนักงานที่

อยู่ประจำเคาน์เตอร์ นั่งรอไม่นานของที่สั่ง ก็มาเสิร์ฟให้ทุกคนถึงโต๊ะ

“วีร์ไม่น่าให้ยัยปิ่นอนงค์นั่นเข้ากลุ่มด้วยเลย”

“ใช่ขิงก็เห็นด้วยกับจี คนอะไรไม่รู้นิสัยไม่น่าคบ คนสองหน้า”

“ช่างเถอะ ถ้าเขาเป็นคนอย่างนั้นจริง สักวันเขาก็คงได้รับผลกรรมที่ทำเอง” ถ้าผลกรรมมันช้าเกินไปเขานี่แหละจะเป็นคนทำให้

มันติดจรวดเอง

“พูดถึงผู้หญิงคนนี้แล้วอารมณ์เสียเปล่า ๆ นี่มีหนังเรื่องใหม่เพิ่งเข้า พระเอกหล่อมาก” ได้ยินว่าพระเอกหล่อวจีก็ทำหน้าเบ้ใส่ “มี

ดีแค่นั้นรึไง”

“เปล่าซะหน่อย เนื้อเรื่องก็น่าสนุกส่วนฉากก็เหมือนจะลงทุน” น้ำขิงกลัวเพื่อนไม่เชื่อ เธอรีบเปิดตัวอย่างหนังเรื่องให้ทุกคนดู ทุก

คนดูแล้วน่าจะสนุกดูช่วงเวลาเรื่องนี้จะเข้าฉายอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าทุกคนเลยตกลงกันว่าหลังทำรายงานเสร็จแล้วจะดูหนัง

เรื่องนี้กัน

กินจนอิ่ม นั่งคุยกันจนเบื่อ ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ปฐวีร์แยกจากเพื่อนใช้บริการรถไฟฟ้าเหมือนทุกครั้ง ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็

มาถึงจุดหมายปลายทาง เขาเดินลงมาจากสถานีเห็นร้านขายของอยู่เต็มข้างทาง แวะซื้อของกินติดมือขึ้นไปเผื่อว่าจะหิว

กลับมาถึงห้องก็เย็นมากแล้ว เปิดประตูเข้าไปเขากวาดสายตามองรอบห้องที่ดูรกนิดหน่อย เห็นทีคงถึงเวลาที่ต้องทำความ

สะอาดแล้ว ถึงคอนโดมิเนียมจะมีให้จ้างแม่บ้านให้ทำความสะอาด แต่ก็ใช้บริการไม่กี่ครั้ง เพราะเขาไม่ค่อยชอบให้ใครเข้ามา

วุ่นวายในห้องจึงเลือกใช้แค่บริการซัก-รีด ปฐวีร์วางของไว้บนโต๊ะ แล้วเข้าห้องไปหยิบตะกร้าผ้าออกมา หยิบเสื้อผ้าที่พาดอยู่บน

ผนักโซฟา ถุงเท้าที่ทิ้งอยู่บนพื้น แล้วจัดการแยกผ้าขาว ผ้าสีลงในถุงส่งซัก เขียนรายละเอียดลงกระดาษแบบฟอร์มส่งซักแล้ว

หย่อนลงในตู้หน้าห้องเลื่อนป้ายหน้าตู้ให้รู้ว่ามีผ้าอยู่ข้างใน เมื่อถึงเวลาแม่บ้านจะมารับไปซัก จัดการเสื้อผ้าเรียบร้อย กลับมา

มองดูรอบห้องอีกครั้งทำไมมันถึงยังดูรกอยู่อีกนะ อ้อ คงเป็นเพราะขยะเขาเริ่มเก็บขยะในห้องแยกขยะลงในถุงแล้วทิ้งลงช่องทิ้ง

ขยะ หันกลับมาดูในห้องอีกครั้งรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะต้องอย่างนี้สิ เขาคว้าไม้ม็อบดันฝุ่นฉีดน้ำยาจนทั่วแล้วถูไปทั่วห้อง ยืนมอง

ผลงานตัวเองก็ต้องปาดเหงื่อ พอเห็นห้องสะอาดก็ยิ้มได้ เขาเหลือบมองนาฬิกาสามทุ่มกว่าแล้ว ห้องน้ำยังไม่ได้ล้าง เอาไว้วัน

หลังแล้วกัน เขาเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าที่ จากนั้นเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ กลับออกมาก็ปีนขึ้นเตียง

แล้วหลับไป



แสงแรกของวันโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้ามาทักทาย อย่างที่พนักงานขายบอกห้องนั่งเล่นสามารถมองเห็นพระอาทิตย์จริง เป็นวิว

ตอนเช้าที่แสงพระอาทิตย์สีอ่อนสาดไล่ตามตึกสูงมองแล้วสวยจนต้องหยุดยืนมอง ย้ายเข้าอยู่มาที่นี่ได้สักพักเขาก็เพิ่งเคยตื่น

เช้ามานั่งดูพระอาทิตย์ก็วันนี้ คงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนเร็วกว่าปกติและได้ยินเสียงห้องใกล้ ๆ เหมือนกำลังทะเลาะกันทำให้สะดุ้ง

ตื่นขึ้นมา จะนอนก็กลัวตื่นสายไปเรียนไม่ทัน เลยมานั่งมองแสงแรกของวันดีกว่า นั่งเหม่อจนเสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นถึงได้รู้ว่า

ต้องไปเรียนแล้ว ปฐวีร์วิ่งเข้าห้องน้ำรีบอาบน้ำทำธุระส่วนตัว สวมชุดนักศึกษา หยิบกระเป๋าสะพายหลังแล้วออกจากห้อง



...


โปรดติดตามตอนต่อไป




ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 6 [20/9/61]
«ตอบ #9 เมื่อ20-09-2018 11:50:44 »


ตอนที่ 6
[/size]




     เช้าวันใหม่อากาศเย็นสบายในห้องมีชายหญิงคู่หนึ่งนอนอยู่บนเตียงใหญ่ ผู้หญิงคนนั้นคือคุณนายรอง เธอรู้สึกตัวลืมตาขึ้น

มา ลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ที่ยังหลับสนิท เธอยิ้มอย่างมีความสุข แล้วค่อย ๆ ลุกจากเตียงกลัวว่าจะรบกวนคน

กำลังนอนหลับ เธอเดินเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกสายตามองตามตัวมีที่ร่องรอยความสุขที่สามีมอบให้เมื่อค่ำคืนที่พึ่งผ่านมา ริม

ฝีปากโค้งขึ้นมาอย่างพอใจ เปิดน้ำอุ่นลบร่องรอยความสุขบนผิวขาวย่างเสียดาย แล้วลบกลิ่นสุขสมด้วยครีมอาบน้ำ สักพักเธอ

สวมชุดคลุมอาบน้ำออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่เธอชอบ เดินเข้าไปในห้องแต่งตัวนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบครีม

บำรุงผิวขึ้นมาทาแล้วมองดูใบหน้าที่ยังสวยใสไร้ที่ติอย่างภูมิใจที่สามารถรักษาความสวยไว้ได้แม้จะผ่านวัยสาวมานาน นั่นคือสิ่ง

ที่เธอคิดว่าสามารถมัดใจสามีไว้ได้ จากนั้นเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าออก มองหาเสื้อที่จะสวม ในใจคิดว่าถ้ามีคนเห็น

ร่องรอยบนตัวของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่จาง ๆ นี่จะรู้สึกอิจฉาขนาดไหนกันนะ กวาดสายตาจนเห็นชุดที่ถูกใจ เธอหยิบออกมา

สวมเรียบร้อย ยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่เสื้อคอไม่กว้างนักแต่ก็พอให้เห็นสิ่งที่อยากให้เห็นเหมือนเป็นแบบที่ไม่ได้ตั้งใจ

เดินกลับมาที่เตียงคนที่นอนข้างเธอทั้งคืนไม่อยู่แล้ว มองออกไปที่ระเบียงเห็นสามียืนอยู่ที่นั่นกำลังทอดสายตามองลงไปที่สวน
ข้างล่างที่ถูกตกแต่งไว้อย่าสวยงาม เธอเข้าไปสวมกอดแล้วออดอ้อนเอาใจ

“ไม่นอนต่ออีกหน่อยหรือคะ เมื่อคืนกลับดึกไม่ใช่หรือคะ” เธอซบหน้าลงหน้าอกสามีในใจก็คิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนไม่หาย

“ร่างกายมันเคยชิน” ปทีปสวมกอดภรรยาไว้ในอ้อมกอดแล้วลูบแผ่นหลังนุ่มเบา ๆ

“วันนี้ไม่ได้มีโปรแกรมออกไปไหนใช่ไหมคะ”

“อืม ช่วงนี้อยากพักผ่อนอยู่บ้าน”

“ถ้ามีงานอะไรให้ตาพลช่วยก็บอกได้นะคะ จบมาได้สักพักแล้ว” เธอยิ้มออกมาเมื่อพูดถึงลูกชายคนโต

“อืม เดี๋ยวอีกหน่อย จะให้ปฐวีร์เข้าไปช่วยงานที่บริษัท”

“อ้อ เอ่อ ค่ะ” รอยยิ้มเมื่อครู่หุบลง กลายเป็นความรู้สึกไม่พอใจ ทำไมต้องเป็นปฐวีร์อะไรก็ปฐวีร์ คุณนายรองกำมือแน่น ลูกชาย

เธอไม่ดีตรงไหน ถึงจะใช้ชีวิตร่วมกันมานายหลายปีแต่เธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยรักเธอเหมือนที่เธอรัก คุณนายใหญ่มารหัวใจของ

เธอ เธอตกหลุมรักปทีปตั้งแต่แรกเห็น ทำทุกอย่างเพื่อจะได้เขามาครอบครองแม้กระทั่งมอมเหล้าอีกฝ่าย เพื่อให้รับผิดชอบ เธอ

ยอมถูกตราหน้าว่าท้องก่อนแต่ง และเป็นเมียน้อย เคยคิดว่าเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วเขาจะรักเธอบ้าง แต่ไม่ใช่ หัวใจทั้งหมดของเขา

มันเป็นของคุณนายใหญ่ วันแรกที่เธอคลอดลูกชายเขายังไม่ดีใจเท่าที่คุณนายใหญ่คลอดลูกชายด้วยซ้ำ ความน้อยใจสะสมไว้

ข้างในวันแล้ววันเล่าก็กลับกลายเป็นความเสียใจ แต่เธอยังไม่ได้ทำอะไรคุณนายใหญ่ก็ด่วนจากไปก่อน และแทนที่ความรัก

ทั้งหมดของสามีจะมอบให้เธอกลายเป็นว่า ปฐวีร์ได้ทุกอย่างไป และยังเป็นคนเดียวที่เป็นลูกถูกต้องตามกฎหมายด้วย คอย

ดูเถอะเธอจะไม่ยอมให้ลูก ๆ ของเธอต้องมีสภาพตกเป็นรองเหมือนอย่างเธอ เธอจะเปลี่ยนทุกอย่างและคว้าโอกาสดีดีให้ได้


อีกไม่ถึง 10 นาทีจะถึงเวลานัด ปฐวีร์เป็นคนแรกที่มาถึง เขายืนรอทุกคนอยู่หน้าประตูทางเข้าหอสมุด ไม่นานคนอื่นก็ทยอยมา

จนครบ “มาครบแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ เดี๋ยวรายงานจะไม่เสร็จ” ปฐวีร์เดินนำเข้าไปข้างใน พวกเขาเริ่มจากค้นหาหนังสือผ่าน

ระบบออนไลน์ของหอสมุด เจอหนังสือที่มีเนื้อหาที่จะเขียนรายงานหลายเล่ม หนังสือยังไม่ได้ถูกยืมออกไปหรือไม่ได้ถูกยืมใช้ใน

หอสมุด นั่นทำให้ทุกคนดีใจช่วยกันจดชื่อ และเลขที่หนังสือ คิดว่าได้รายชื่อพอสมควรปฐวีร์ก็เข้าไปสอบถามจากเจ้าหน้าที่

บรรณารักษ์ประจำหอสมุด ถึงรู้ว่ารายชื่อหนังสือที่จดมาส่วนใหญ่อยู่ชั้นสาม เมื่อรู้แล้วพวกเขาก็ตรงขึ้นชั้นสาม แยกย้ายกันหา

หนังสือตามในลิสรายชื่อที่จดมา สามสิบนาทีต่อมาทุกคนก็ถือหนังสือมานั่งรวมกันที่โต๊ะ และช่วยกันหาข้อมูลที่ต้องการ


“นี่เนื้อหา 5 เล่มนี้ใช้ได้ เอาไปถ่ายเอกสารแล้วแบ่งกันทำ” ปฐวีร์และกายรับหน้าที่ขนหนังสือไปถ่ายเอกสารที่ร้านถ่ายเอกสารใน

ห้องถัดไป พีรพัฒน์ไปซื้อกระดาษรายงาน น้ำขิงและวจีไปซื้อเครื่องดื่มที่ชั้นล่างของหอสมุด ส่วนปิ่นอนงค์นั่งเฝ้าของบนโต๊ะ

ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันไป เธอนั่งมองไปที่กระเป๋าสะพายหลังของปฐวีร์ เธอหันไปมองรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นใครเธอขยับเข้าไป

ใกล้กระเป๋าสีน้ำเงินคาดแถบสีขาวแล้วเลื่อนซิปเปิดออกช้า ๆ

“โอ๊ะ แปบนะกาย เราลืมเอากระเป๋าตังค์มาด้วย” ปฐวีร์รีบกลับไปที่โต๊ะ เห็นคนทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะ กำลังพยายามทำอะไรสักอย่าง

กับกระเป๋าของเขาอยู่ ไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร เขายืนแอบดูสักครู่เห็นทุกอย่างที่ปิ่นอนงค์ทำ แต่ขณะที่เธอยังไม่ทันได้เปิด

กระเป๋าออก เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปทัก


” อ้าว ปิ่นอยู่คนเดียวเหรอ”

เสียงเจ้าของกระเป๋าดังขึ้นข้างหลังทำให้เธอรีบปล่อยมือจากกระเป๋าทันที “เอ่อ ...เอ่อ” เธอแทบสำลักความตกใจ” ไม่..ไม่ยังไม่มีใครกลับกันเลย”

“วีร์ ไม่ต้องแล้วเราจ่ายแล้ว” กายเดินถืองานที่ถ่ายเอกสารเรียบร้อยกับหนังสือมาวางบนโต๊ะ

”อ้อ โทษทีนะ”

ทุกคนกลับมารวมที่โต๊ะการแจกแจงแบ่งงานก็เริ่มขึ้น ทุกคนจะได้เขียนรายงานเท่ากัน อาจจะต่างกันไม่เกินหนึ่งถึงสองหน้า ได้งานมาเรียบร้อยทุกคนก้มหน้าก้มตาเขียน เพราะเสร็จแล้วจะได้ไปกินของอร่อยกับดูหนังตามที่สัญญากันไว้

เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงรายงานที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจก็เสร็จลงอย่างเรียบร้อยสวยงาม เมื่องานเสร็จพวกเขาก็ออกจากหอสมุดตรงไปดูหนัง

“โชคดีนะ ที่ยัยปิ่นไม่มาด้วย ถ้ามาคงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่”

“ไม่รู้ว่าขิงคิดไปเองรึเปล่า เวลาที่ปิ่นมองวีร์เหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง”

“อย่าพูดให้เพื่อนกังวลสิ”

“เปล่า แค่จะบอกว่าลางสังหรณ์ของผู้หญิงมักจะแม่น” ปฐวีร์ได้ยินแล้วได้แต่ยิ้ม

บ่ายวันจันทร์หลังเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จ ปฐวีร์เดินไปคณะข้าง ๆ เพื่อไปรอเพื่อน เมื่อคืนเขาคุยออนไลน์กับนภาภรณ์สัญญาว่าจะไปกินไอศกรีมร้านข้างมหาวิทยาลัยด้วยกัน ขณะที่นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ มีสายตาหลายคู่มองมาด้วยความสงสัย อยากรู้อยากเห็นว่าชายหนุ่มหน้าตาดี กำลังนั่งรอใครอยู่

“นึกว่าใครที่แท้ก็นายนั่นเอง มานั่งทำอะไรคณะนี้” เสียงพูดใครสักคนดังขึ้น ทำให้ปฐวีร์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือมังงะในมือ เขามองหญิงสาวตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวประบ่า ผิวขาว สวมชุดนักศึกษารัดรูป กระโปรงทรงเอเลยเข่ามานิดหน่อย “พิศนภา” เขาเรียกชื่อเธอ จำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของคณิตาร์

เธอไม่ชอบหน้าปฐวีร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่นึกว่าวันนี้จะมาเจอที่นี่ เธอเห็นรอยยิ้มที่อ่านไม่ออกอีกฝ่ายยิ่งรู้สึกไม่ชอบ

“เปล่าแค่มารอเพื่อนน่ะ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก อย่าสนใจเลย” เขารีบไล่เธอให้ไปพ้นหน้า อย่าได้มาทำลายความสุขขณะที่กำลังอ่านมังงะ

“พิศ ทำไมไม่เข้าเรียน” เสียงพูดดังมาก่อนตัว ไม่ต้องบอกก็รู้ใคร ปฐวีร์กลอกตาเม้มปาก รู้สึกรำคาญเมื่อมีคนน่ารำคาญเพิ่มมาอีกคน คณิตาร์เดินเข้าไปหาเพื่อนไม่รู้ว่ากำลังคุยใครอยู่

”อ้อ พี่วีร์นี่เอง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้” ถามพี่ชายที่เกิดห่างกันไม่กี่เดือน

คณิตาร์เดินเข้ามาใกล้ เขาก็ปรับสีหน้าให้ดูยิ้มแย้มพูดคุยไปตามมารยาท “ไม่เจอกันนานสบายดีรึเปล่า”

“สบายดีค่ะ” เธอยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจนัก ใบหน้าทั้งสองมีรอยยิ้มแต่บรรยากศรอบข้างกลับตรงกันข้าม

“วีร์” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น เห็นเพื่อนสนิททั้งสามคนเดินตรงมาหา “ขอโทษที่ให้รอนานพอดีอาจารย์ปล่อยช้า ไปกันเถอะหิวแล้ว” คนมาใหม่ทั้งสามแทบไม่สนใจเปิดปากทักทายสองสาวแม้แต่นิด

“อืม” คุยกับเพื่อนเสร็จแล้วหันไปพูดกับน้องสาว “เพื่อนมาแล้วขอตัวนะ”

คณิตาร์มองคนที่กำลังจะเดินไปแล้วถามขึ้นว่า “พี่วีร์ยังอยู่ที่เดิมรึเปล่าคะ”

“อืม ยังอยู่ที่เดิม มีอะไรรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ ถามไว้ถ้าเผื่อว่าคิดถึงจะได้แวะไปเยี่ยม”

“ยังอยู่ที่เดิม คิดถึงเมื่อไหร่เชิญมาได้ทุกเมื่อ”

“แล้วเราจะได้เจอกัน”

ปฐวีร์ยิ้มตอบกลับมา แล้วหันหลังเดินไปกับเพื่อนทั้งสามพร้อมกับรอยยิ้มที่บอกว่าเขากำลังมีความสุข มาเลย เขากำลังรอคอยอยู่นานแล้ว

พระอาทิตย์เลื่อนลงต่ำกำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของวันเปลี่ยนเป็นสีแดง และกำลังจะหมดไป ความมืดค่อย ๆ เข้ามาแทนที่ แต่ไม่สามารถลดความสนุกของชายหนุ่มทั้งสี่คนที่แบ่งออกเป็นสองทีม ที่กำลังเผชิญหน้าในสนามบาสได้ เสียงลูกบาสกระทบลงพื้นดังเป็นระยะสลับกับเสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้น เกิดเสียงดังเอียด อ๊าด ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรุกกันรับจนเลิกสนใจไปแล้วว่าตอนนี้คะแนนเท่าไหร่

ไฟในสนามสว่างขึ้นทุกคนก็เพิ่งรู้สึกได้ว่าตอนนี้มืดแล้ว “กลับกันเถอะหิวแล้ว” ชายหนุ่มตัวสูงผิวเข้มใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยเหงื่อ ชื่อว่าเทวา สุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ โยนบาสให้เพื่อนแล้วเดินไปนั่งที่สแตนด์พูดขึ้น

“เหนื่อยเป็นบ้าเลย แต่ก็มันมาก” ชายหนุ่มผิวขาว ท่าทางขี้เล่น ชื่อยุทธจักรนั่งลงข้างเพื่อน

“แก ไม่สนใจลงเล่นให้คณะเหรอ พี่ ๆ เขาฝากมาถาม” ชายหนุ่มสวมแว่นสำหรับเล่นกีฬา ชื่อ ตติวัฒน์พูดขึ้น

“ไม่ ขี้เกียจซ้อม” คนตอบทำหน้าเซ็ง เอนหลังพิงสแตนด์

“พูดให้เหนื่อยมันก็ไม่ไปหรอก เอาน้ำ” หนุ่มหน้าตาดีอีกคน ชื่อคฑาวุธส่งน้ำเย็นให้ทุกคนที่นั่งหมดแรง พวกเขาทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานรู้ว่าเทวาเป็นคนที่เล่นกีฬาเก่ง แต่ก็เล่นเพื่อสนุกเท่านั้น ไม่ชอบเล่นจริงจังส่วนสาเหตุเคยได้ยินมาว่าขี้เกียจต้องตื่นแต่เช้ามาฝึกซ้อมหลายคนอาจจะเชื่อ แต่เทวาที่ปกติชอบตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย คฑาวุธรู้ว่าเป็นแค่ข้ออ้างเขาคิดว่าน่าจะเป็นสาว ๆ ที่พยายามเข้ามาใกล้ บุกรุกความเป็นส่วนตัว มากกว่าที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกรำคาญ ถึงจะมีข่าวลือออกมาว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันเอง ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่เจ้าตัวไม่เห็นเดือดเนื้อร้อนใจ แล้วข่าวก็ไม่ได้ทำให้คนสนใจเทวาน้อยลงเลย อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตา หุ่นนักกีฬา และฐานะทางบ้านก็ได้

“หิวแล้วไปหาอะไรกินกัน” ทุกคนเห็นด้วยรีบเก็บของใส่กระเป๋า แล้วไปหาอะไรข้างมหาวิทยาลัย

รถยุโรปคันเล็กเลี้ยวเข้าไปในบ้านเสียงเครื่องยนต์ดับลงเทวาหยิบกระเป๋าลงมาจากรถเดินเข้าบ้าน ดูเวลาตอนนี้ทุกคนคงกลับขึ้น

บ้านกันหมดแล้ว หลังจากเล่นบาสเสร็จ เขาแวะไปหาอะไรกินข้างมหาวิทยาลัย แล้วไถลไปต่อที่ร้านเกมเล่นเกมออนไลน์ เล่น

เพลินจนลืมเวลา

เขาเปิดประตูเข้าไปในห้อง โยนกระเป๋าไปที่โซฟา ถอดเสื้อผ้าออกแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำ

ล้างคราบเหงื่อจนสบายตัว กลับออกมาเห็นน้ำผลไม้กับของว่างวางบนโต๊ะ เสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นก็ไปอยู่ในตะกร้าเรียบร้อย

เดาไม่ยากว่าใครเป็นคนจัดการให้ หยิบชุดนอนวางไว้เตียงขึ้นมาสวม แล้วถือของว่างไปนั่งกินหน้าโทรทัศน์ที่เปิดไว้ก่อนหน้านั้น

รายการแนะนำหนังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปลายสัปดาห์จบลงเปลี่ยนเป็นรายการกีฬาที่เขาชอบ คืนนี้อัปเดตข่าวสารวงการ

กีฬาบาสเกตบอลที่กำลังจะเปิดฤดูในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลายทีมต่างรีบดึงตัว เสนอราคาค่าตัวให้กับนักกีฬาที่ทำผลงาน

ได้ดีในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา ของว่างหมดไปแล้วเขาหยิบรีโมตมาปิดโทรทัศน์ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูโซเชียลเอฟ

ไม่รู้ว่าวันนี้มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า ทันทีเปิดเข้าไปในโซเชียวเอฟส่วนตัวก็เห็นรูปถ่ายตัวเองกับเพื่อนกำลังเล่นบาสอยู่

ในสนามเมื่อตอนเย็น คงเป็นรุ่นน้องที่เข้ามาขอถ่ายรูปตอนนั้น เห็นชัดซะด้วย กดเลื่อนดูภาพมีคนเข้ามากดถูกใจเขียนแสดง

ความคิด กดปิดภาพลงดูจำนวนผู้เข้ามาติดตามเพิ่มขึ้นตอนนี้เป็นหลายหมื่นคนไปแล้ว ทำไมถึงมีคนสนใจในตัวเขามากขนาดนี้

นะ โยนโทรศัพท์ไว้บนโซฟาแล้วเดินไปที่เตียง ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไป

เช้าวันใหม่อากาศสดชื่นพระอาทิตย์เพิ่งโผล่ขึ้นมาได้ไม่นาน เทวาตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน และออกมาวิ่งที่สวนสาธารณะหมู่บ้าน

ถึงจะไม่กว้างเหมือนสวนสาธารณะแถวคอนโดมิเนียมแต่ก็พอแทนกันได้ ตอนเช้าอากาศดีมีคนออกมาวิ่ง ออกมาปั่นจักรยาน เขา

วิ่งรอบบึงสองสามรอบพอให้มีเหงื่อบ้างได้ แล้วเสียงนาฬิกาข้อมือก็เตือนให้รู้ว่าระยะทางในการวิ่งเพียงพอแล้วสำหรับเช้าวันนี้

เขาหยุดยืดกล้ามเนื้อสักพัก ก็ถึงเวลาต้องกลับบ้าน

“ตื่นแต่เช้า ไปวิ่งมาเหรอลูก” หญิงสูงวัยหน้าตาใจดีเดินเข้าไปมาเทวา ที่ยืนกอดอกมองปลาตัวโตอ้าปากฮุบในบ่อบัวอยู่หน้าบ้าน

“ครับ” เขายิ้มให้หญิงสูงวัย “คุกกี้เมื่อคืนอร่อยมากเลย ฝีมือแม่หรือครับ”

“แน่นอน หลานชายเราเจ้าวินกับวอม ติดใจกันใหญ่เลย”

“ครับไม่มีใครทำกับข้าวสู้แม่ได้หรอก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน

“อ้อนอะไรคุณแม่แต่เช้าเชียวเจ้าวา” เสียงคนเพิ่งมาถึงดังขึ้น ทั้งสองหันไปยิ้มให้ ชายหนุ่ม ผิวขาว หน้าตาดี ท่าทางขี้เล่น

“เปล่าพี่ธนา” ชายหนุ่มเกลียดคนรู้ทัน แต่ก็ทำนหน้านิ่งไม่รับรู้คำพูดพี่ชาย “แค่ชมว่าแม่ทำคุ๊กกี้อร่อย” เขาหันไปพูดเอาหญิงสูงวัย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณแม่ได้เหยื่อทดลองรายใหม่แล้ว”

“เหยื่อ เหย่อ อะไรกันตาธนาว่าแม่” เธอค้อนใส่ลูกชายคนรองจอมกวน

“เปล่าครับ” ชายหนุ่มอารมณ์ดีที่ทำให้แม่ค้อนใส่ได้

“คุยอะไรกันแม่ลูกตรงนั้น” เสียงชายสูงวัยดังออกมาถึงหน้าบ้าน ทำให้ทุกคนต้องรีบแยกย้าย เพราะถึงเวลามื้อเช้าแล้ว

เทวากลับขึ้นห้องอาบน้ำล้างคราบเหงื่อออก ลงมาอีกครั้งทุกคนก็นั่งพร้อมหน้าพร้อมตาที่โต๊ะอาหารแล้ว ชายสูงอายุ ใบหน้าดุ

แต่ใจดีนั่งหัวโต๊ะคือ ธักศนัย สุรัตนฑรรมวรธิเบศณ์ ถัดมาคือแม่ของเขา จริญญา หญิงสูงวัยใจดี ชอบทำอาหาร คนที่นั่งอีกฝั่ง

คือพี่ชายคนโตของบ้าน ธรรม ผู้ชายที่ไม่ค่อยพูดกำลังตักอาหารให้ภรรยายคนสวยและลูกชายชายจอมซนทั้งสอง ชื่อวินกับวอม

พี่ชายอีกคนที่นั่งข้างกัน ธนา ช่วงวันหยุดเทวาจะกลับบ้าน ส่วนวันปกติเขาจะพักที่คอนโดมิเนียม ธักศนัยนั่งกินข้าวเงียบ ๆ เห็น

หน้าลูกชายคนเล็กก็ถามเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง     เทวาบอกไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แล้วเปลี่ยนเป็นพูดคุยเรื่องทั่วไป ถึงแม้ภาย

นอกธักศนัยอาจจะดูเขาเข้มงวด แต่ที่จริงเขาให้อิสระกับลูกทุกคนพอสมควร

กินมื้อเช้าเสร็จแล้วทุกคนต่างแยกย้าย เทวาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงพาหลาน ๆ ไปนั่งดูโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น และช่วยต่อตัวต่อ

เป็นรูปร่างประหลาด ระหว่างนั้นเด็ก ๆ ต่างเล่าเรื่องที่ตัวเองไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลให้คุณอาฟัง

“ฉันว่าวินกับวอมติดแกกว่าพี่ธรรมที่เป็นพ่ออีกนะ”

“อือ แล้วพี่ธรรมไปไหนแล้วล่ะ”

“โน่นหายเข้าไปห้องทำงาน ไปช่วยพ่อทำงาน”

คนฟังเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ช่วงนี้งานยุ่งเหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกัน” ชายหนุ่มยักไหล่พูดด้วยไม่ค่อยใส่ใจ “แต่บริษัทของพวกเรากำลังไปได้ด้วยดี อาจจะมีแนวโน้มขยายตลาดไปในอาเซียน” 

“อ้อ” ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นข่าวดี ที่เขาอุตส่าห์หลวมตัวทุบกระปุกเอาเงินที่เก็บไว้ไปลงทุนกับพี่ชาย ได้ยินแบบนี้คิดว่าอีกไม่นานคงจะได้กำไรกลับคืนมาบ้างในเร็ววันนี้




*********************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 6 [20/9/61]
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-09-2018 11:50:44 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 6 [20/9/61]
«ตอบ #10 เมื่อ20-09-2018 17:28:50 »

 o13ชอบๆ รออ่าน

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 7 [21/9/61]
«ตอบ #11 เมื่อ21-09-2018 10:19:18 »


ตอนที่ 7
[/size]



ในห้องเรียนนักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังประชุมย่อยเกี่ยวกับการแสดงบนเวที Praty Freshy night ที่ใกล้จะมาถึง ทุกคนต่างช่วยกัน

แสดงความคิดเห็น สุดท้ายก็จบลงด้วยการ เต้นประกอบเพลง ส่วนคนที่ต้องทำการแสดงทุกคนช่วยกันเลือก


“ขิงอุตส่าห์ก้มหน้าแล้วยังโดนเรียกอีก”

“เอาเถอะ น่าจะดีใจ ที่กลุ่มเราโดนยกกลุ่ม” วจีอดพูดประชดขึ้นมาไม่ได้

“หมายความว่ากลุ่มเราหน้าตาดีไง”

“แต่ก็เสียดายที่วีร์ไม่ยอมลงประกวดเดือน ถ้าประกวดรับรองชนะ”

”ใช่ จีเลยอดทำป้ายไฟ ไปยืนเชียร์ชิดติดขอบเวทีเลย”

“เราว่าโชคดีแล้ว ที่วีร์ไม่ลงประกวด” กายพูดแล้วมองสองสาวที่ออกอาการตื่นเต้นกว่าเพื่อนอีกคนที่ยังนั่งยิ้มอย่างเดียวซะอีก

สรุปได้จำนวนผู้ร่วมแสดงทั้งหมดสิบห้าคน จากนั้นส่งรายชื่อ และการแสดงให้กับสโมสรนักศึกษา และนัดแนะเวลาสถานที่จะใช้ซ้อมการแสดงให้เรียบร้อย แล้วต่างแยกย้ายกันกลับไป พร้อมกับเสียงบ่นว่าไม่อยากแสดงบ้าง ขี้เกียจบ้าง

เสร็จจากประชุมปฐวีร์กลับถึงห้องพร้อมกับความขี้เกียจ เขาวางของและกระเป๋าไว้บนโต๊ะ แล้วนอนแผ่บนโซฟา หยิบรีโมตเปิด

โทรทัศน์เป็นเพื่อน มืออีกข้างล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเล่นเกมตัวต่อ สมองก็คิดเรื่องอื่น ถ้าเขาจำไม่ผิด ในความฝันที่

ยาวนานในคืนแรกนั้นเขาได้เข้าร่วมประกวดเดือนถึงจะไม่ชนะ แต่ก็ทำให้คนรู้จักมากขึ้น และนั่นก็เป็นปัญหา ยิ่งมีข่าวไม่ดีเกี่ยว

กับเขามากขึ้น นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะปฏิเสธไม่เข้าร่วมประกวดเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเข้ามา ถึงจะทำให้พี่พลอยพี่รหัส

รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่พอได้ฟังข้อแก้ตัวงี่เง่า อย่างอาการตื่นเวที แพ้คนเยอะและขี้อาย พี่รหัสแสนดีก็พยักหน้าให้อภัย หลังจาก

ที่เลี้ยงสายรหัสสองสามครั้งเขาและพี่ ๆ ในสายรหัสสนิทกันมากขึ้น บางวันพี่พลอยยังหอบหนังสือเก่ามาให้ บางวันก็เป็นขนม

จากพี่น้ำ บางครั้งพี่หมิวก็มาเลี้ยงข้าว และนั่นก็ทำให้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเขาหลายอย่างเงียบไป ในใจตอนนี้รู้สึกเป็นกังวล ถึงจะ

สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เขาอยากฝันเห็นอะไรเพิ่มเติมบ้าง แต่กลับเห็นห้อง

พักเก่า กับคนหลายคนที่ไม่รู้จักอยู่ในห้องนั้น มันไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาที่ไม่รู้อะไรเลยก็คงไม่ต้องกังวลอยู่อย่างนี้

แต่เมื่อรู้แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงดี

ตอนบ่ายอีกวันปฐวีร์ และเพื่อนเข้าเรียนตามปกติ อาจารย์ประจำวิชากำลังบรรยายสรุปเนื้อหาในบทเรียนอยู่หน้าห้องเรียน พร้อม

กับปากกาไวน์บอร์ดสีน้ำเงินเขียนอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมบนกระดานสีขาว โดยมีสายตาของนักศึกษาหลายคู่คอยจับจ้องด้วย

ความตั้งใจ แต่บางคนก็แสดงสีหน้าบอกว่ากำลังเบื่อหน่ายเต็มทน

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไปอาจารย์ปิดหนังสือลงปล่อยให้นักศึกษาได้พักก่อนจะขึ้นเนื้อหาเรื่องใหม่

“เฮื้อ อาจารย์ไปเร็วมากเลย สมองเราตามไม่ทัน”

“ใกล้จะสอบแล้วไง เนื้อหาที่จะใช้สอบพวกเรายังไปไม่ถึงไหน”

“วันหยุดเยอะ แถมมีกิจกรรมอีกอาจารย์ไม่สอนชดเชยก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“เลิกเรียนอยากไปหาอะไรกิน แต่ต้องไปซ้อมการแสดงนี่สิ”

“อย่าบ่นเลย วันศุกร์นี้จะแสดงแล้ว”

“อือ”

วจีพยักหน้ารับรู้ แล้วหันหน้าเผชิญความจริงอันโหดร้ายในหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่เหลือ

หนึ่งชั่วโมงครึ่งอันชวนปวดหัวผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายคนแทบจะโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ แต่อาจารย์ก็ยังไม่วายให้แบบ

ฝึกหัดเป็นการบ้าน เป็นการทบทวนบทเรียนที่เรียนมาตลอดทั้งสามชั่วโมง ทำให้นักศึกษาหลายคนบ่นไม่หยุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ปฐวีร์และเพื่อนมาที่ห้องเรียนที่นัดกับทุกคนไว้ ถึงเวลานัดทุกคนมาพร้อมการซ้อมก็เริ่มขึ้น

“คณะข้าง ๆ เขามีงานอะไรกัน” คนถามเห็นคนแต่งตัวแปลก ๆ เดินไปเดินมาคณะข้าง ๆ

“Party Freshy night ไง พรุ่งนี้คณะเราก็จะจัด”

“แล้วต้องแต่งตัวประหลาดอย่างนั้นด้วยรึเปล่า” คิ้วหนาขมวดขึ้นเมื่อเห็นชุดอังกฤษโบราณ

“อ้อ นั่นตรีมงานของเขาเป็นแบบย้อนยุคไง”

เทวาเลิกสนใจมองคนแต่งตัวย้อนยุคแปลกตาทยอยเดินเข้างาน แล้วไปที่ลานจอดรถเพื่อไปหาอะไรกิน หลังจากที่เพิ่งเรียนวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ

แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์หมดลงเป็นเวลาเดียวกับที่งาน Party freshy night เริ่มขึ้น รุ่นพี่ น้องใหม่แต่งตัวย้อนยุคต่างเริ่ม

ทยอยเข้างานด้วยชุดแปลกตา บางคนลงทุนไปเช่าที่ร้าน บางคนประยุกต์จากเสื้อผ้าที่มีอยู่ แต่เพิ่มนี่แต่งนั่นเข้าไป คนเข้ามาใน

งานเยอะขึ้นเรื่อย ๆ คนที่อยู่หลังเวทีแหวกม่านแอบมองไปด้านนอกเห็นคนเยอะรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

“ข้างนอกเป็นไงบ้าง”

“คนเยอะ และมีแต่คนแต่งตัวแปลกตาทั้งนั้นเลย”

“แหม พูดซะเหมือนว่าตัวเองแต่งตัวไม่แปลกเลย” คำพูดของวจีทำให้ทุกคนหัวเราะคิดได้ว่ากำลังสวมอะไรกันอยู่

หลังเวทีเริ่มวุ่นวายขึ้นเมื่อนักแสดงต่างเริ่มทยอยเข้ามา เสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มนักแสดงที่ยืนเป็นกลุ่ม บางกลุ่มตรวจดู

ความเรียบร้อยของชุดอีกครั้ง บางกลุ่มกำลังเติมแป้งแต่งหน้าทาปากเพราะเริ่มซีดลง บางกลุ่มออกมาข้างนอกเพื่อซักซ้อมการ

แสดงครั้งสุดท้าย และเป็นอีกวิธีการช่วยลดความกังวลไปด้วย ปฐวีร์กำลังตั้งใจจดจำท่าทางอย่างตั้งใจ เมื่อคิดว่าจะต้องขึ้นไป

บนเวทีแสดงต่อหน้าคนเยอะแยะรู้สึกกังวล และอายอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าคนอื่นจัดการกับอารมณ์แบบนี้กันยังไงบ้าง แต่ดูเหมือนเพื่อน

เขากำลังสนุกกับถ่ายรูป กำลังคิดอะไรเพลินก็รู้สึกถึงสายตาจ้องมองมา หันกลับไปมองเห็นปิ่นอนงค์มองที่เขาด้วยสายตาไม่

ค่อยจะเป็นมิตร เขาทำได้แค่ส่งยิ้มให้ แต่เธอกลับเบือนหน้าหนีเหมือนไม่เห็น ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างเห็นทีต้องระวัง

ตัวให้มาก อยู่ ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นเตือน เขารีบเปิดดูหน้าจอสี่เหลี่ยม กดเข้าไปดูโปรแกรมเชื่อมต่อออนไลน์เห็นแขกไม่

ได้รับเชิญสี่คนกำลังเข้าไปในห้องเขา

หึ มากันแล้ว เขารออยู่นานแล้ว

การแสดงเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้เป็นระยะ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ปฐวีร์และเพื่อน ๆ ต้องขึ้นไปบนเวทีบ้าง พวกเขามองหน้ากัน

อย่างกังวล แต่ก็พยักหน้ายืนล้อมวงประสานมือการเรียกความมั่นใจ เสียงประกาศจากพิธีกรดังขึ้นทุกคนออกไปยืนประจำที่ตาม

ที่ซักซ้อมไว้ นักแสดงอยู่บนเวที เสียงกรี๊ด เสียงปรบมือ จากผู้ชมดังขึ้นต้อนรับ จนนักแสดงคลายความรู้สึกประหม่าไปได้บ้าง

เสียงดนตรีดังขึ้น การแสดงที่ฝึกซ้อมอย่างตั้งใจมากหลายวันก็เริ่มขึ้น

ทุกคนกำลังตั้งใจแสดงทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นผ่านไปได้ด้วยดี แต่ด้วยร่างกายมีความรู้สึกที่ดีกว่าคนปกติหลายเท่า ปฐวีร์รู้สึก

ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ขณะกำลังถึงช่วงท่อนเพลงที่สลับสับเปลี่ยนตำแหน่ง เหมือนขาสะดุดเข้ากับเท้าใครเข้าสักคนแต่ก็ยังพยุง

ตัวไม่ให้ล้ม ส่วนเจ้าของเท้าปริศนาเหมือนจะทรงตัวไม่อยู่คงเป็นส้นสูงที่เธอสวมอยู่ไม่เป็นใจ มือเธอรีบคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด

เป็นมือใครสักคนยืนมือมาเธอคว้าอย่างไม่ทันได้คิด พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ของเจ้าของมือ ตามมาด้วย “กรี๊ดดดด”

ของคนที่เห็นเหตุการณ์

เสียงกรี๊ดดังขึ้นเมื่อนักแสดงสองคนตกเวที ยังโชคดีที่ประจวบกับการแสดงจบลงพอดีทำให้มีคนเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่กี่คน

เสียงปรบมือดังขึ้น การแสดงชุดต่อไปพร้อมขึ้นเวที สวนทางกับนักแสดงที่เพิ่งแสดงจบวิ่งลงจากเวทีด้วยท่าทางเร่งรีบ

“วีร์ วีร์”

“วีร์ เป็นอะไรรึเปล่า” เพื่อน ๆ รุ่นพี่วิ่งลงมาข้างเวที เห็นปฐวีร์นั่งกุมข้อมืออยู่ มีปิ่นอนงค์นั่งเงียบอยู่

“โอ๊ย รู้สึกเจ็บข้อมือนิดหน่อย”

“แล้วเต้นกันอีท่าไหน ทำไมถึงได้ตกลงพร้อมกัน” คำถามรุ่นพี่เล่นทำให้ทุกคนเงียบ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“เป็นผมเองครับ ตอนท่าสลับตำแหน่งไปสะดุดกับสายไฟเข้า พอดีปิ่นอยู่ตรงนั้นด้วยเลยตกลงมาพร้อมกัน” ปฐวีร์อธิบาย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง ทุกคนหันไปมองปิ่นอนงค์ที่นั่งเงียบ เธอพยักหน้าเป็นการยอมรับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะ

อุบัติเหตุ รุ่นพี่รับทราบไม่มีใครเป็นอะไรมากสั่งให้แยกย้ายกันไป และไม่ลืมฝากให้คนพาปฐวีร์ไปหาหมอ เพื่อน ๆ อาสารีบพา

ปฐวีร์ไปหาหมอเพราะข้อมือเหมือนจะบวมขึ้น

ปิ่นอนงค์ยืนมองคนที่ตกลงมาจากเวทีพร้อมกันด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทำไมทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ เธอตั้งใจจะขัดขาให้

ปฐวีร์ตกจากเวทีคนเดียวแต่เธอกลับตกลงมาด้วย มีอีกเรื่องที่เธอไม่เข้าใจทำไมปฐวีร์ถึงบอกทุกคนว่าเป็นอุบัติเหตุ ถ้าคิดจะทำดี

กับเธอ คงคิดผิดเธอไม่ยอมรามือแน่นอน ครั้งนี้ฝากไว้ก่อน

ประตูห้องถูกผลักเข้าไปช้า ๆ เหมือนกำลังระแวงระวังกลัวว่าจะมีใครเห็นเข้า ไฟในห้องปกติจะเปิดขึ้นอัตโนมัติแต่กลับไม่มีอะไร

เกิดขึ้น ชายฉกรรณ์สี่คนเดินเข้าไปในห้อง พวกมันกวาดสายตาจนทั่วหาที่หลบรอเจ้าห้องกลับมา

เสียงสัญญาณเตือนบนโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋าดังขึ้นสองสามครั้ง เรียกร้องความสนใจให้คนกำลังนั่งรอรับยาหยิบมันออกมา นิ้ว

เรียวจิ้มที่โปรแกรมบนหน้าจอ แล้วภาพถ่ายทอดสดจากกล้องในห้องที่ติดไว้ก็ปรากฏบนหน้าจอ ในห้องเห็นแขกไม่ได้รับเชิญ

เข้าไปในห้อง ท่าทางเหมือนกำลังรอใครสักคนอยู่ รู้สะด้วยว่าวันนี้เขาต้องกลับดึก ไม่รู้ว่าถ้ามีข่าวออกไปว่าคอนโดมิเนียมชื่อดัง

ระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีไม่รู้อะไรจะเกิดบ้าง ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครต้องการอะไร และใครเป็นคนส่งมา แต่ก็พอจะเดาได้

ว่าพิศนภาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย เขาปิดภาพที่ส่งตรงมาจากกล้องแล้วเลื่อนหาเบอร์ติดต่อแล้วกดออก

“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้เรารับใช้คะ”

“สวัสดีครับผมปฐวีร์ โทรมาจากห้อง 1779 พอดีอยู่ ๆ ไฟในห้องก็เสีย ยังรบกวนให้คนไปดูให้ได้ไหมครับ พอดีผมต้องทำงานส่งอาจารย์พรุ่งนี้”

“ค่ะ ทางเราจะส่งช่างขึ้นไป”

“รบกวนด้วยนะครับ”

“ค่ะ”

“วีร์ ไฟที่ห้องเสียเหรอ”

“อืม เหมือนจะเป็นยังงั้น”

“นี่ได้ยาแล้วนะ ซองนี้เป็นแก้ปวด แก้อักเสษ”

“ขอบใจทุกคนนะ”

“ไม่มีอะไรแล้ว งั้นพวกเราไปหาอะไรกินกันดีกว่าพอดีวีร์ยังไม่เล่าเรื่องอุบัติเหตุให้พวกเราฟังเลย”

“ใช่ น้ำขิงเองก็หิวแล้วด้วย” เธอลูบพุงไปมาเพราะกลัวว่ากินก่อนแสดงจะทำให้เจ็บท้อง แต่พอใช้แรงไปเยอะตอนนี้ท้องเลยส่ง

เสียงร้อง ทุกคนเห็นด้วยมัวแต่ตื่นเต้นจนลืมหิว และที่จริงต่างอยากฟังเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ว่าความจริงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่

พวกเขาคิดว่าแน่นอนมันไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุ

ออกมาจากโรงพยาบาลก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว แต่ยังโชคดีที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางเปิดอยู่ พวกเขารีบไปนั่ง สั่งก๋วยเตี๋ยวพิเศษคนละ

ถ้วยพร้อมน้ำอัดลมคนละขวด แล้วรอให้คนนั่งหัวโต๊ะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น ปฐวีร์ทำเป็นไม่สนใจสายตาเพื่อนทั้งโต๊ะมองมา กิน

ก๋วยเตี๋ยวอย่างใจเย็น ทุกคนต่างรู้ว่ากำลังถูกแกล้งต่อมอยากรู้อยากเห็นกำลังทำงานเต็มที่ แต่เจ้าตัวไม่ยอมเล่าที่ทำได้ก็คือนั่ง

กดดันเท่านั้น

“ก็ได้ เล่าก็ได้” เขายอมแพ้ในที่สุด

“ก็แค่นี้ เล่นตัวอยู่ได้”

“แต่มีข้อแลกเปลี่ยน”

“อะไร” ทุกคนพูดเกือบพร้อมกัน ปฐวีร์ยิ้มกว้างแบบที่ไม่ค่อยได้ยิ้มออกมาบ่อย ๆ

น้ำขิงเห็นรอยยิ้มหวาน ๆ นั้นรู้สึกว่าเธอกำลังถูกเพื่อนขโมยหัวใจไป

วจีรู้สึกอยากขย้ำอีกฝ่ายแต่ก็ท่องไว้ในใจว่า เพื่อน เพื่อน กายกับพีรพัฒน์ก็เหมือนรู้สึกรอยยิ้มกระแทกใจ ปฐวีร์หว่านเสน่ห์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกแล้ว

“ลูกชิ้นเราหมดแล้ว แต่เรายังไม่อิ่มเลย” ทุกคนได้ฟังแล้วก็เข้าใจยอมยกลูกชิ้นให้คนละลูก ปฐวีร์มองลูกชิ้นที่เพิ่มขึ้นมาในถ้วยอย่างดีใจ นี่แหละน้าอำนาจของความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นเขาเริ่มเล่าเรื่องเป็นฉาก ๆ

“พอจังหวะตอนสลับที่ เราถูกเท้าใครสักคนขัดเลยบังเอิญคว้าปิ่นลงไปด้วย ก็แค่นั้น”

ไม่เชื่อ สายตาทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกัน ตาปฐวีร์เป็นประกายเมื่อเห็นสิ่งที่แสดงออกมาจากดวงตาของเพื่อน

“ส่วนจะเป็นขาใครนั้น ก็คง เป็นคนที่ต้องเปลี่ยนที่กับเรา ละมั้ง”

“อ้อ” ทุกคนพูดออกมาแทบพร้อมกัน เหมือนจะคิดไว้อยู่แล้วว่าใครเป็นต้นเหตุ ได้ฟังเรื่องทั้งหมดทุกคนก็เข้าใจแล้วสั่งก๊วยเตี๋ยวเพิ่มอีกคนละถ้วยกินอย่างมีความสุข โดยไม่มีเรื่องให้ค้างคาใจอีกแล้ว

หลังจากปฐีวีร์แจ้งให้เจ้าหน้าที่คอนโดมิเนียมให้ช่างขึ้นไปดูไฟในห้อง เจ้าหน้าที่รีบดำเนินการ

“มีอะไร”

“เอ่อ คือคุณปฐวีร์ ห้อง 1779 แจ้งมาว่าไฟในห้องเสียดิฉันเลยจะแจ้งช่างค่ะ”

“ไฟเสีย เดี๋ยวฉันไปจัดการเอง เธอไปทำอย่างอื่นเถอะ” มินตราหัวหน้าฝ่ายทั่วไปไล่พนักงานให้ไปทำอย่างอื่น เมื่อไม่มีใครอยู่แถวนั้นเธอรีบติดต่อหาพิศนภา กลัวว่าแผนที่วางไว้จะมีปัญหา” คุณพิศหรือคะ เหมือนจะมีอะไรผิดพลาด”

“ว่ายังไงนะ”

“มันโทรมาแจ้งเจ้าหน้าที่บอกว่าในห้องไฟเสียเมื่อสิบนาทีที่ผ่านนี่เองค่ะ”

“เป็นไปไม่ได้ หรือว่าพวกนั้นจะเข้าห้องผิด”

“ดิฉันบอกหมายเลขห้องพวกมันเองไม่ทางผิด”

“ไม่ได้เรื่อง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันจะยังโทรศัพท์ลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง แค่นี้แหละเธอขึ้นมาเจอฉันที่หน้าห้องมันเดี๋ยวนี้” วางสายไปแล้วเธอรีบเดินออกจากห้องทันที นึกแล้วเชียวพวกนี้ไว้ใจไม่ได้ทำงานไม่ได้เรื่องสุดท้ายเธอก็ต้องเป็นคนลงมือเอง กดลิฟต์โดยสารลงชั้น 7 ออกจากลิฟต์เดินวนไปด้านตะวันออกก็เห็นหมายเลขห้อง 1779

มินตรายืนรอได้เกือบห้านาที ก็ยังไม่เห็นหน้าใครโผล่มาสักคน เธอจึงตัดสินใจไปยืนอยู่หน้าห้องแนบหูที่ประตู อยากรู้ว่าในห้อง

มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า แต่ทุกอย่างกลับเงียบเธอแนบหูฟังอีกครั้งทุกอย่างยังเงียบเหมือนเดิม อะไรกัน อย่าบอกนะแผนของเธอผิด

พลาดจริง ๆ เธอลองเคาะประตูหน้าห้อง เคาะสองสามครั้งก็ยังเงียบ เธอตัดสินใจใช้คีย์การ์ดพิเศษที่ถือติดมือมาเปิดเข้าไป

ทันทีที่ประตูเปิดออกเธอก็ถูกมือใครสักคนกระชากเข้าไปด้านใน

“ใคร” เธอพยายามตั้งสติคิดว่าเป็นพวกที่เธอให้มินตราจ้างมา “โอ๊ย” เธอร้องเมื่อถูกผลักลงบนเตียง

“พวกแกเข้าใจผิด ฉันไม่..” เสียงร้องปฏิเสธขาดหายไปเมื่อมีกำปั้นทุบที่ลงท้อง ร่างกายที่พยายามขัดขืนดิ้นรนเมื่อครู่หยุดลง
ทันที พิศนภากอดตัวเองในความมืดอุณหภูมิในร่างกายลดลง พวกมันเห็นเหยื่อเงียบลง รีบลงมือกลัวว่านานไปแผนจะผิดพลาด แค๊วก เสียงฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายเธอ อีกสองคนขึงร่างกายหมดแรงไว้บนเตียง

“ไม่..” เธอตื่นกลัวกับการกระทำของพวกมัน พยายามดิ้นรนขัดขืน

“ยังมีแรงพูดอีกแฮะ”

“จะดีเหรอพี่ เขาจ้างให้แค่มาขโมยของกับ ซ้อมแค่นั้น” หนึ่งในชายสี่คนพูดถึงจุดประสงค์ของการเข้าในห้องนี้อีกครั้ง

ชายอีกคนเถียงขึ้นพร้อมด้วยอารมณ์หงุดหงิด “ขโมยของ แกดูสิในห้องไม่มีอะไรสักอย่าง อย่างน้อยเข้ามาแล้วก็น่าจะได้อะไร
ไปบ้าง คิดซะว่าเป็นค่าเสียเวลา”

“รีบทำเถอะกูรอนานแล้ว ถ้ามึงไม่ทำก็ถอยออกไป”

น้ำตาเธอเริ่มไหลออกมา ทั้งอายทั้งเจ็บรู้สึกแค้นเมื่อคิดว่ามินตราเป็นคนหักหลังเธอ สมองกำลังคิดหลายอย่าง อยู่ ๆ ร่างกาย

บริเวณช่วงล่างก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาพร้อมเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะ ไม่พอพวกมันอีกสองดึงมือของเธอทั้งสองข้างไป

เรื่องบ้า ๆ เธอพยายามจะส่งเสียงด่ากลับถูกบีบคางให้อ้าปากกว้างมีสิ่งไม่คาดคิดเข้าไป เธอทั้งรู้สึกขยะแขยงและอยากจะอ้วก

“ถ้ามึงกัดกูเอามึงตาย” เธอไม่แรงขัดขืนได้แต่ปล่อยให้พวกมันทำตามที่ต้องการ คนแล้วคนเล่าจนเธอสลบไป

“ไปโว้ยเรียบร้อยแล้ว”

พวกมันทยอยออกจากห้อง เดินไปข้างล่างใช้ทางหนีไฟเหมือนตอนที่ขึ้นมา

“พี่มินตราไปไหนมาคะ พอดีหนูซื้อมื้อดึกมาฝาก”

“อ้อ พี่ขึ้นไปดูความเรียบร้อยข้างบน ขอบใจ”

“ค่ะ”

มินตราฝากงานให้คนอื่นทำแล้วเข้าไปพักในห้อง รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างเมื่อขึ้นไปแล้วไม่เจอพิศนภาทั้งที่เป็นคนเรียกเธอขึ้นไป

แค่ขึ้นไปช้าหน่อยเพราะงานมีปัญหานิดหน่อย แต่ก็ไม่น่าจะใจร้อนหนีกลับขึ้นห้อง ไม่รวยมั่งให้มันรู้ไป เอาเถอะไว้ค่อยว่ากัน

ตอนนี้ขอกินอะไรก่อนแล้วกัน



**************************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 7 [21/9/61]
«ตอบ #12 เมื่อ21-09-2018 12:09:43 »

ติดตามอ่านนะค๊ะ พิศนภาเป็นแค่เพื่อนน้องสาวเท่านั้น ยังร้ายขนาดนี้

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 8 [22/9/61]
«ตอบ #13 เมื่อ22-09-2018 11:30:33 »


ตอนที่ 8
[/size]


เช้าอีกวัน เป็นวันอากาศดีท้องฟ้าค่อนข้างปลอดโปร่ง ปฐวีร์หลับสบายอยู่บนเตียง ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น เห็นแสง

สว่างลอดผ่านเข้ามาตรงที่เป็นรอยต่อผ้าม่าน มือขาวควานหาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงเพื่อดูเวลา

7.30 เช้าแล้วเขาลุกจากเตียงบิดขี้เกียจ หยิบผ้าเช็ดตัวเดินงัวเงียเข้าห้องน้ำ

ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเขาก็อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย จากนั้นคว้ากระเป๋าสะพายออกจากห้องตรงไปที่คอนโดมิเนียมเดิม ระหว่าง

ทางไม่ลืมเปิดดูกล้องบันทึกภาพในห้อง เขาเห็นคนที่นอนสลบอยู่บนเตียงยังไม่มีท่าทางจะตื่น แน่แหละก็เล่นตั้งสี่คน กว่าพวก

มันจะออกจากห้องไปก็ตี 3 ไปแล้ว เป็นช่วงเวลาคนกำลังหลับสนิท กล้องบนหัวเตียงถ่ายให้เห็นทุกอย่างในห้องได้ชัดเจนจนน่า

ตกใจ ที่จริงเขาอยากส่งพวกมารสังคมเข้าคุกแต่แค่ภาพเท่านี้ และแน่นอนไม่มีเจ้าทุกข์ก็ทำอะไรไม่ได้ เอาไว้ให้พิศนภาเป็นคน

ลงมือเองน่าจะดีกว่า

รถแท็กซี่จอดหน้าคอนโดมิเนียม เขาเข้าไปข้างใน เห็นมินตราเขาส่งยิ้มทักทายให้ แต่พอเธอเห็นชัดว่าเป็นใครที่เพิ่งเดินเข้าไป

ในลิฟต์โดยสาร เธอถึงกลับหน้าซีด และไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ในเมื่อพวกมันโทรมาบอกว่าจัดการทุก

อย่างเรียบร้อยแล้ว แล้วที่เธอเห็นเมื่อครู่ไม่ใช่ปฐวีร์แล้วจะเป็นใคร

เขากดรหัสรูดการ์ดผลักประตูเข้าไป ในห้องมีรอยรองเท้าเต็มไปหมด เขาเดินตรงไปที่ห้องนอน หยุดเท้าลงข้างเตียงเห็นสภาพ

คนนอนบนเตียง มองผู้หญิงใจร้ายพยายามทำร้ายเขาทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรเธอเลยแม้แต่ความคิด เธอโตมากับครอบครัวแบบ

ไหนถึงได้มีจิตใจชั่วร้ายแบบนี้ สามารถทำร้ายคนอื่นได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาเห็นสภาพเธอตอนนี้คงรู้สึกสงสาร แต่ตอนนี้ไม่ใช่

ภาพตรงหน้าแทบไม่กระทบความรู้สึกเขาเลย

“ฮ่า ฮ่า”

แต่แล้วเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเหมือนคนบ้า แววตาสีหน้าเต็มไปความรู้สึกสมน้ำหน้า พร้อมกับความรู้อัดอั้นลึก ๆ อยู่ข้าง

ในระเบิดออกมากลายเป็นน้ำตา เพราะถ้าไม่ใช่เธอก็ต้องเป็นเขาที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ เขาเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาร่างกายสั่นเบา ๆ

ถ้าเขาไม่บังเอิญเห็นความฝันพวกนั้นไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา เขากอดตัวเองแน่นเพื่อปลอบตัวเองอย่างน้อยตอนนี้เขาก็

สามารถเปลี่ยนอนาคตได้แล้ว เขาทำมันได้ ปาดน้ำตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ เขาหวังว่าครั้งนี้จะเป็นบทเรียนที่ดี

สำหรับพิศนภา เธอจะได้ไม่คิดเที่ยวไปทำร้ายคนอื่นไปทั่ว แล้วสมองก็เรื่องคิดอะไรได้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

”ชอบทำร้ายคนอื่นดีนักใช่ไหม แชะ แชะ”

ภาพไม่น่าดูปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะพอใจของปฐวีร์ หัวเราะไม่ทันไรท้องก็รู้สึกปั่นป่วนจน

ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ และอาเจียนออกมา ไม่รู้เพราะเห็นภาพน่ารังเกียจนั่นหรือสะอิดสะเอียนกับความคิดตัวเองกันแน่

เขาหอบหายใจเมื่ออาเจียนแทบไม่มีอะไรออกมา เปิดน้ำล้างหน้าล้างปาก เดินหมดแรงออกมาจากห้องน้ำ แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่

ให้มาจัดการทุกอย่างในห้อง

“สวัสดีครับ พอดีผมอยากได้แม่บ้านขึ้นมาความสะอาดห้องครับ” วางสายแล้ว เลื่อนผ้าห่มห่มให้คนไม่ได้สติ


สองชั่วโมงต่อมาพิศนภาก็มาอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในห้องพิเศษโซนในสุด หน้าห้องไม่มีชื่อผู้ป่วยติด มีแค่ป้ายห้าม

เยี่ยม ในห้องมินตรานั่งเงียบอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าท่าทางบอกว่ากำลังวิตกกังวล เธอนึกถึงเรื่องที่พึ่งเกิดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อเธอเป็นคนพาพิศนภาในสภาพน่าสงสารมาส่งที่โรงพยาบาล ทันทีที่มาถึงเธอเล่าเรื่องจริงบางส่วนเพื่อป้องกันเรื่องไปถึงหู

ตำรวจ และขอร้องให้หมอปิดเรื่องไว้ รวมไปถึงทั้งชื่อคนป่วยก็ถูกปิดเป็นความลับ

ในตอนนั้นปฐวีร์โทรมาบอกว่ายากได้พนักงานทำความสะอาด เธออดคิดไม่ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนนั้นทำให้ต้องรีบขึ้นไปทันที

พอขึ้นไปถึงเห็นประตูห้องถูกเปิดไว้อยู่แล้ว เข้าไปข้างในเห็นเจ้าของห้องอยู่นั่งอยู่โซฟาและบอกให้เธอจัดการในห้องนอนให้

เรียบร้อย เธอเดินตรงเข้าไปในห้องเห็นผู้หญิงคนหนึ่งบนเตียง เธอพยายามมองให้ชัดถึงได้รู้เป็นใคร พอเลื่อนผ้าห่มออกจากตัว

พิศนภาหัวใจเธอแทบจะหยุดเต้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วคำพูดของคนที่เธอจ้างวานก็ผุดขึ้นมา มันบอกว่าทำทุกอย่าง

เรียบร้อย เธอกลืนน้ำลาย ไม่ต้องคิดอะไรอีกเธอรีบหาเสื้อผ้าในห้องนั้นสวมให้คนนอนไม่ได้สติและแบกขึ้นหลังออกห้องนั้น

ทันที แต่ก่อนออกมาได้เหลือบไปมองปฐพีเพื่อดูปฏิกิริยา เธอยังจำสายตาของเขามองมาที่เธอทำให้ขนลุกเสียวสันหลัง ไม่พอ

ยังมีคำพูดที่ทิ้งไว้ให้คิดนั่นอีก

“คุณจะปิดเรื่องนี้เงียบหรือป่าวประกาศให้คนอื่นก็แล้วแต่คุณ แต่อย่าลืมครอบครัวของพิศนภา ไม่มีทางปล่อยคุณไปแน่”

เธอไม่ได้อยากทำเรื่องแบบนี้เป็นพิศนภาต่างหากที่บังคับให้เธอทำ

“อือ” เสียงคนนอนบนเตียงรู้สึกตัวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองเพดานสีขาวเหมือนกำลังคิดอะไร

“คุณรู้สึกตัวแล้ว”

“แก แกเป็นคนทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ แก..” พิศนภาระเบิดเสียงออกมา จ้องหน้ามินตราเขม็ง

“ตะโกนออกมาต้องการให้คนทั้งโลกรู้รึไง” มินตราเตือนอีกฝ่าย เหมือนจะได้ผล พิศนภาหยุดแทบทันที แล้วซุกหน้าลงบน

หมอนสีขาวสะอาดกัดริมฝีปากแน่น ปล่อยโฮออกมา ใช้กำปั้นทุบบนเตียงเหมือนเตียงมันมีความผิด มินตราเห็นแล้วได้แต่เบือน

หน้าหนี ทุกอย่างเป็นเพราะพิศนภาคิดทำร้ายคนอื่นผลเลยออกมาแบบนี้ มันสมควรแล้ว เธอรู้สึกดีใจที่เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับ

เธอ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วพูดปลอบใจก็ไปก็เท่านั้น แค่เตรียมรอรับผลที่ตามมาก็พอ เธอถอนหายใจ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้

เธอเดินออกมาจากห้องเงียบ ๆ ปล่อยให้พิศนภาใช้เวลาอยู่คนเดียว

กว่าจะทำความสะอาดห้องเรียบร้อยเหมือนเดิมก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว ห้องถูกเปิดไว้ชั่วคราว อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่คิดจะกลับ

ไปอยู่ที่นั่น เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปทำให้เขารู้จักระวังตัวมากขึ้น ทำอะไรต้องรอบคอบกว่าเดิม แต่อย่างน้อยระยะนี้อาจไม่มีอะไร

ให้ต้องกังวลไปสักพักคิดว่าอย่างนั้นนะ เขากลับมาถึงห้องท้องฟ้าเริ่มมืด เข้ามาในห้องไฟสว่างขึ้นอัตโนมัติ วางถุงของกินมื้อ

เย็นบนโต๊ะ เดินเข้าห้องหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ อารมณ์หลากหลายไหลไปตามสายน้ำทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก คิด

ทบทวนเรื่องราวที่เจอเมื่อเช้า จิตใจคนนั้นน่ากลัวชะมัด

เขาทำอะไรไม่ได้ตอนนี้ทำได้แค่ต้องเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้ เพราะดูเหมือนทุกอย่างมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เขาจะต้องไม่แพ้

และต้องไม่เป็นคนที่ตายอย่างสมเพชอย่างนั้น เขาใช้กำปั้นทุบผนังห้องน้ำเพื่อระบายอารมณ์โกรธแค้น จนรู้สึกแสบที่นิ้วแล้วก็มี

เลือดซึมออกมา เห็นเลือดสีแดงซึมออกมาทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังเป็นคนไม่ได้เป็นสัตว์ที่ไม่มีหัวใจ ลึก ๆ ในใจยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่

เกิดขึ้นกับพิศนภา แต่เขาไม่สามารถใจอ่อนได้ สายน้ำตกลงหลังมือล้างเลือดที่ซึมออกมา จากนั้นก็ปิดน้ำดึงผ้าเช็ดมาพันรอบ

เอวแล้วเดินออกจากห้องน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จทำให้เขารู้สึกสมองโล่ง บางทีคืนนี้เขาอาจจะต้องพึ่งยานอนหลับ หลายครั้งเคยคิดที่จะทำอย่างนั้น แต่นั่น

เป็นแค่การหนีเป็นความคิดของคนขี้แพ้ เขาต้องเรียนรู้ เผชิญทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาเดินออกจากห้องมานั่งที่โซฟาแล้วหยิบ

กล่องปฐมพยาบาลออกมา แผลที่มือมีเลือดซึมออกไม่หยุดเขาล้างแผล ใช้ปลาสเตอร์ปิดแผลเรียบร้อย ก็หยิบหนังสือนิยาย

กำลังภายในที่เพิ่งซื้อติดมือมาอ่าน นี่น่าจะเป็นยานอนหลับอย่างดี และเปิดดนตรีเบา ๆ เป็นเพื่อน นิ้วเรียวไล่เปิดหนังสือไปทีละ

หน้า อ่านหนังสือไปทีละตัวอย่างใจเย็น ตัวหนังสือบนหน้ากระดาษทำให้เขารู้สึกสนุกเพลิดเพลินจนหลงลืมอะไรหลายอย่างไป

ชั่วคราว ขณะที่จมอยู่กับตัวหนังสือเวลาก็ผ่านไปช้า ๆ แต่เหมือนมีคนรู้ว่าเขากำลังอารมณ์ดีมีความสุขเกินไป เสียงสัญญาณ

เตือนโซเชียลเอฟของหน้าต่างคุยส่วนตัวดังขึ้น คนกำลังมีสมาธิกับหนังสือนิยายกำลังภายใน และถึงช่วงที่พระเอกกำลังได้รับ

เคล็ดลับวิชาและพยายามฝึกฝนมันอย่างหนัก เขาหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์มีแสงสว่างวาบขึ้น ให้ตายใครส่งข้อความมากวน

ตอนนี้ พระเอกกำลังจะเก่งอยู่แล้วเชียว เสียงเตือนดังขึ้นอีกครั้ง เขาปิดหนังสือลงแล้วหันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา น้ำขิง วจีส่ง

ข้อความเข้ามา เปิดเข้าไปอ่านข้อความที่ส่งมา

น้ำขิงเองจะใครซะอีก : มีคนมาป่วนในโซเชียลเอฟ

I am VV : ใคร

น้ำขิงเองจะใครซะอีก : ลองเข้าไปดูแล้วเหมือนผู้ใช้รายใหม่

Do U Know วจี : คงสมัครมาเพื่อก่อกวนเฉพาะ

I am VV : ท่าทางเราจะเป็นคนสำคัญถึงทำให้คนนั้นลงทุนขนาดนี้

น้ำขิงเองจะใครซะอีก : ทำใจเย็นไป

Do U Know วจี : เราช่วยถล่มเปล่า แบบกำลังว่าง

น้ำขิงเองจะใครซะอีก : เราด้วย ไม่ชอบคนแบบนี้ว่าคนอื่นไปทั่ว ตัวเองดีอยู่คนเดียว

I am VV : ปล่อยเขาไป แค่แมลงอิเล็กทรอนิกส์ แค่บินมาส่งเสียงให้รำคาญเท่านั้น

น้ำขิงเองจะใครซะอีก : อืม

Do U Know วจี : มีอะไรก็บอก

กดปิดหน้าต่างสนทนาส่วนตัวลง เข้าไปหน้าหลักมีหลายคนเข้ามากดชอบรูปถ่ายที่ลงไม่นาน รวมทั้งแสดงความคิดเห็น ดู

เหมือนว่าชีวิตเขาจะมีคนให้ความสนใจเยอะทีเดียว ไล่สายตาอ่านข้อความแสดงความเห็นใต้รูปจนไปเห็นข้อความหนึ่ง

IamAngel#ตอแหล#สร้างภาพ

อืม น่าจะเป็นคนนี้ที่ติดตามชีวิตเขาเป็นพิเศษ นี่คงเป็นอีกข่าวที่ไม่ดี กระแสโซเชียลที่ไร้พรมแดน บางคนขาดวิจารณญาณใน

การอ่านแค่พิมพ์ตัวหนังสือลงไปไม่กี่ตัวก็เชื่อไปหมด เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วโพสต์รูปถ่ายสองสามรูปลงไป เท่านี้คงจะพอ

ช่วยให้อะไรดีขึ้นบ้าง

คนที่กำลังสนุกกับป่วนคนอื่น เมื่อเห็นรูปถ่ายที่เพิ่งถูกโพสต์ลงต้องหุบยิ้มลงแทบทันที

“ไอ้วีร์แก....”

ปิ่นอนงค์ทำอะไรไม่ได้เมื่อภาพมันขัดแย้งกับข้อความที่เธอเขียนลงไปก่อนหน้า

“คอยดูเถอะมันไม่จบแค่นี้แน่” อารมณ์ดีเมื่อครู่หายไป เธอรีบปิดโน้ตบุ๊กลงทันที


ในห้องนอนกว้างถูกตกแต่งไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง เจ้าของห้องกำลังนั่งเช็ดทำความสะอาดเครื่องเพชรที่เพิ่งหยิบออกมา

จากกล่องกำมะหยี่ เธอเช็ดทำความสะอาดอย่างมีความสุข ในใจคิดถึงงานสังคมครั้งล่าสุดที่เธอเพิ่งไปมา ถึงตอนนี้เธอจะเป็น

ใหญ่ในบ้าน เป็นรองแค่สามี ได้ทุกอย่างที่ต้องการ แต่สิ่งที่ต้องการที่สุดคือทะเบียนสมรสสมควรที่จะได้สามีเธอกลับบ่ายเบี่ยง

ตลอดไม่รู้เพราะอะไร

“คุณแม่ทำอยู่อะไรคะ”

“เตรียมเครื่องเพชรจะออกงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของคุณหญิงเฉิดฉายน่ะลูก”

“อ้อ พอดีเลยค่ะพิมพ์อยากได้รองเท้าคู่ใหม่”

“แล้วคู่เก่าล่ะลูก”

“มันตกรุ่นไปแล้วค่ะ พิมพ์อยากได้คู่ใหม่”

“เท่าไหร่ล่ะ” พิมพ์รตารีบส่งโทรศัพท์ที่มีรูปรองเท้าและราคาให้ดู “7หมื่น”

เธอพยักหน้า เป็นคู่ที่ราคาถูกที่สุดแล้ว “ค่ะ สวยใช่ไหมคะ”

“มันไม่แพงไปหรือคะ”

“ไม่หรอกค่ะ คุณแม่ซื้อให้พิมพ์นะคะ นะคะ” เธอพยายามพูดออดอ้อนเสียงหวานเหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ผลเมื่อคุณนาย
รองยอม

“แล้วพี่ชายเราล่ะ แม่ไม่เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว ไม่รู้ช่วงนี้งานยุ่งรึเปล่า”

“เพิ่งเมากลับมาค่ะ บ่นว่าทำงานเหนื่อยอะไรประมาณนี้ค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะกำลังรีบสั่งซื้อรองเท้าก่อนที่แม่จะ
เปลี่ยนใจ

“เข้าไปทำงานแรก ๆ ก็เหนื่อยเป็นธรรมดา”

“ถึงพี่ชายขยัน หึ แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อก็ยังคิดอยากให้ไอ้วีร์ไปช่วยงาน” คุณนายรองนั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้า

ยอมรับ ทั้งแม่ทั้งลูกขัดขวางความสุขของเธอแม่ตายลงนรกไปแล้วยังเหลือลูกของมันที่ยังอยู่คอยขัดขวางความสุขของเธอ

บางทีเธอควรจะทำอะไรสักอย่าง


ตอนสายวันหยุดอีกวันปฐวีร์เพิ่งเดินงัวเงียออกจากห้องนอน เมื่อคืนกว่าจะนอนหลับก็เกือบเช้า เพราะนิยายกำลังภายใน

แฟนตาซีที่ซื้อมาสนุกจนวางไม่ลงเผลอแผล็บเดียวหกโมงเช้าแล้ว เขาเดินลูบท้องแฟ่บที่กำลังส่งเสียงร้องตรงไปที่ตู้เย็น เมื่อ

เปิดตู้เย็นสายตาก็มองหาของกินไปทั่ว มีน้ำเปล่า นม น้ำผลไม้ ไข่ไก่ 2-3 ฟอง บาโลน่า เบค่อนอย่างละแพคกำลังจะหมดอายุ

อีกสองสามวัน ในชั้นใส่ผักมีผักกาดแก้วที่หมดอายุไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ยังมีมะเขือเทศที่เริ่มเหี่ยวและหอมหัวใหญ่อีก ทำไม

ของที่อยู่ในตู้มันดูน่าสงสารอย่างนี้ แต่ที่น่าสงสารกว่านั้นคือเขาต้องเป็นคนกิน ช่างเถอะดีกว่าไม่มีอะไรกิน ยืนใช้ความคิดสักพัก

แล้วขนทุกอย่างออกมา เอาเป็นว่าทำแซนด์วิชแล้วกัน เขาเริ่มจากล้างผักและหั่นให้เรียบร้อย เปิดเตาไฟฟ้าวางกระทะลงไป

ปล่อยให้กระทะร้อนเติมน้ำมันเล็กน้อย เพื่อวอร์มกระทะจากนั้นตอกไข่ลงไปสองฟอง แล้วแกะบาโลน่า เบค่อนออกมาจากซอง

วางลงไปในกระทะ วางขนมปังที่ทาน้ำสลัดผสมทูน่ามาวางไว้บนจาน ทุกอย่างบนกระทะสุกส่งกลิ่นหอมปิดไฟ วางเบค่อนลงบน

ขนมปังสลับกับมะเขือเทศหั่นเป็นแว่น บาโลน่าหัวหอมใหญ่หั่นแว่น ไข่ดาวผักกาดแก้ว ประกบด้วยขนมปังทาน้ำสลัดผสมทูน่า

อีกชิ้น เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เขาถือจานที่มีแซนด์วิชและแก้วน้ำผลไม้ไปนั่งหน้าโทรทัศน์หยิบรีโมตเปิดดูรายการสำหรับเด็ก

อย่างการ์ตูน กำลังอร่อยกับแซนด์วิชชิ้นสุดท้าย ครืน ครืน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“สวัสดี ว่าไงดล”

“เย็นนี้ว่างไหม ไปเที่ยวกันเดี๋ยวไปรับ”

“ไปเที่ยว เที่ยวไหน”

“ไปเปิดหูเปิดตาสองคนนั้นก็ไป ตอนเย็นไปรับ”

เปิดหูเปิดตาคำนี้ฟังแล้วน่าสนุก ไหน ๆ ตอนเย็นก็ว่างไม่มีอะไรทำ “ได้ แต่เราย้ายที่อยู่นะเดี๋ยวแผนที่ให้”

“อืม แล้วเจอกัน”

วางสายจากเพื่อนไปแล้วเขานอนแผ่บนโซฟา พอท้องอิ่มหนังตาก็รู้สึกหนักขึ้นมาดื้อ ๆ บางทีเขาน่าจะหลับสักหน่อย เขาปิด

โทรทัศน์แล้วเดินหาวเข้าห้องนอน


******************************************************

โปรดติดตามตอนไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 9 [22/9/61]
«ตอบ #14 เมื่อ22-09-2018 22:10:14 »


ตอนที่ 9
[/size]

รถยุโรปคันเล็กเลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถแห่งหนึ่ง บนลานกว้างมีรถหลายคันจอดเรียงกันอยู่เยอะจนดูคับแคบลง ปฐวีร์เดินตาม

เพื่อนเข้าไปในร้านอาหารกึ่งผับบรรยากาศน่านั่ง บริเวณด้านหน้าของร้านมองจากด้านนอกเหมือนเป็นบ้านทั่วไป ตกแต่งด้วย

ต้นไม้ขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก บริเวณลานด้านนอกมีโต๊ะเก้าอี้หลายชุดสำหรับคนชอบสัมผัสธรรมชาติ

มองไปอีกฝั่งจะมีสนามหญ้ากว้างพอประมาณ มีพุ่มไม้ถูกตัดแต่งเป็นรูปร่างต่าง ๆ และไฟสนามเปิดไว้เป็นจุดให้มองเห็น ตึก

กระจกสองชั้นสามารถมองผ่านเข้าไปด้านใน บริเวณนี้ทั้งหมดเป็นร้านอาหารสำหรับคนชอบบรรยากาศสบาย ด้านหลังตึกกระจก

ยังมีผับที่สามารถจุคนได้ร้อยกว่าคน และชั้นบนเป็นห้องพักหลายสิบห้องสำหรับนักเที่ยวที่ต้องการพักหรือสานต่อ

คืนวันหยุดสุดท้ายนักเที่ยวนักดื่มยังทยอยเข้ามาเรื่อย มีทั้งเป็นกลุ่มเพื่อน เป็นคู่ พูดคุยหัวเราะเดินสวนผ่านไปมา ปฐวีร์เดินตาม

ไปเงียบ ๆ ทางค่อนข้างแคบลงเรื่อย ๆ จนทะลุมาถึงทางเดินเชื่อมไปอีกตึกที่แยกออกมา

โซนวีไอพีป้ายทางเข้าติดไว้อย่างชัดเจน ทางเข้ามาเจ้าที่ยืนตรวจดูบัตรก่อนเข้า โซนนี้ไม่ใช่ผับไม่ได้จำกัดอายุแต่ต้องมีบัตร

ผ่านจากทางร้าน เข้าไปในห้องด้านในเขาสอดส่ายสายตามองรอบ ๆ อย่างสนใจ ไม่บ่อยที่เขาจะได้ออกมาเที่ยวอย่างนี้ เขาไม่

ค่อยชอบเสียงดัง กลิ่นอับชื้นกลิ่นบุหรี่ และอาการหลังจากกินเครื่องดื่มมึนเมา ยิ่งตอนนี้ที่สัมผัสทุกอย่างดีกว่าคนปกติหลายเท่า

“ไอ้ดลทางนี้” เสียงเรียกจากมุมห้องเรียกภฤดลกับเพื่อนที่ยืนอยู่ประตูทางเข้า

“หวัดดีพี่” ทุกคนทักทายชายหนุ่มทั้งสามที่นั่งอยู่ก่อน

“นั่ง ๆ พี่สั่งอาหารเครื่องดื่มมาแล้ว”

“อยากกินอะไรสั่งเพิ่มได้เลย”

“ขอบคุณครับ เอ่อพี่พอดีผมพาเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง”

“สวัสดีครับ”

“เอ้ย ไม่ใช่ปัญหาแค่คนเดียวขนหน้าแข้งไม่ร่วง”

“ว่าแต่เพื่อนแกชื่ออะไร เรียนที่ไหน”

“ผมปฐวีร์ครับ เรียนคณะตรงข้ามคณะพี่”

“อ้อ”

แนะนำตัวทำความรู้จักกับทุกคนเรียบร้อย

ปฐวีร์นั่งมองบรรยากาศในโซนพิเศษนี้ มีที่นั่งโซฟาสิบกว่าชุดจัดไว้โดยเว้นระยะไว้ค่อนข้างห่างกันพอสมควร ตรงกลางโต๊ะมี

หมายเลขตัวใหญ่ติดไว้เห็นชัดเจน ด้านหน้าสุดมีเวทีมีนักดนตรีกำลังเล่นเพลงฟังสบาย

ในห้องตกแต่งเรียบง่าย ไฟสีอุ่นทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เขานั่งสังเกตคนที่เข้าในโซนต่างแต่งตัวดีไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแต่ละคนน่าจะ

มาจากครอบครัวที่มีฐานะพอสมควร รวมไปถึงรุ่นพี่อีกสามคน ยุทธจักรชายหนุ่มขี้เล่น คุยสนุกตั้งแต่มาถึงยังเห็นคุยไม่หยุด บาง

ครั้งมีเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ แวะเวียนมาทักทาย คนถัดมา ตติวัฒน์ชายหนุ่มสวมแว่นหน้าตี๋ดูฉลาด คนสุดท้ายคฑาวุธที่นิ่งเงียบขรึมแต่

ชอบส่งยิ้มไปทั่ว เขามองเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สีจางในแก้วหยิบขึ้นมาจิบ สลับกับกินกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะ

เขาแน่ใจว่าไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนรวมถึงตอนนี้แต่ทำไมชีวิตที่เห็นในความฝันนั้น ทำไมเขาถึงมีคนรักเป็นผู้ชาย ไม่พอยังโง่

จนถึงขนาดถูกหักหลังอีก น่าสมเพชชะมัด ความรักผิดปกตินี้ไม่รู้ว่าเริ่มขึ้นตอนไหนหรืออะไรที่เป็นตัวแปร ถึงจะโกรธแค้นทุกคน

ที่คิดจะทำร้าย แต่ถ้าเขาเลือกทำร้ายคนอื่นก่อนก็ไม่ต่างจากคนเลวพวกนั้นเท่าไหร่ สิ่งที่ทำได้คือเตรียมรับมือกับมัน มีสติ และ

ทำให้พวกนั้นได้รับผลกรรมที่ทำไป ถอนหายใจเบา ๆ กับโชคชะตาที่ยังเหมือนภาพติดตาตลอดเวลาและคอยหลอกหลอนแทบ

จะทุกคืนจนคิดว่าเป็นญาติสนิทกันด้วยซ้ำ

เขาจิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีรสหวานปนขมนิดหน่อยช่วยปลอบใจ มันคงจะไม่มีอะไรขมไปกว่าชีวิตของเขาแล้ว

“เทวาทำไมเพิ่งมา” ยุทธจักรถามคนที่เพิ่งนั่งลงที่ว่างทันทีที่มาถึง

“รถติด” ทุกคนในกลุ่มพยักหน้ารับรู้ว่าเพื่อนตอบไปงั้น

“เอา ดื่มแก้คอแห้ง” เทวารับเครื่องดื่มจากเพื่อนกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะเห็นรุ่นน้องที่รู้จักทั้งสามคนมีอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ไม่เคยเห็น

มาก่อน เห็นอีกฝ่ายยิ้มทักทายแนะนำตัวเขาก็พยักหน้ารับรู้ เครื่องดื่มในมือยังไม่ทันถึงครึ่งก็มีสาวสวยโต๊ะข้าง ๆ แวะเวียนเข้ามา

คุยด้วย

“พี่เทวาเสน่ห์แรงมากเลย สาว ๆ ในโซนนี้มองเต็มเลย” กฤติกรณ์บอกปฐวีร์

“อืม ก็คงใช่” เขาตอบแบบไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หล่อแล้วยังไงเขาเองก็หน้าตาดีเหมือนกัน

“แล้วบอกได้รึยังว่าทำไมต้องย้ายที่อยู่”

เพื่อน ๆ กำลังยิงคำถาม เขาคิดไว้แล้วว่าทุกคนต้องถาม และเตรียมคำตอบไว้แล้ว

“แค่ว่าระบบรักษาความปลอดภัยไม่ค่อยดี ที่อยู่ใหม่ห้องมันกว้างกว่า การเดินทางสะดวกกว่าถึงจะออกไปไกลหน่อย แต่ก็ใกล้

ห้างสรรพสินค้าและมีตลาดของกินเยอะแยะ” เขาไม่ได้โกหกแต่ตอบไม่หมดเท่านั้น เพราะคิดว่าถึงบอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะ

ให้พูดว่า เฮ้ ดล กรณ์ ภรณ์ เราสามารถเห็นอนาคตได้ และรู้ด้วยว่าตัวเองจะตายยังไง ถ้าพูดอย่างนี้ออกไปมีหวังเพื่อน ๆ ต้อง

เรียกรถพยาบาลมารับเขาแน่นอน ดีไม่ดีรังจะทำให้เพื่อนเป็นกังวลมากขึ้นเท่านั้น

ทั้งสามฟังแล้วเงียบ เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ใช่คนเรื่องมาก มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นเห็นเพื่อนยังยิ้มได้ไม่มีท่าทางกังวลพวกเขาก็

สบายใจ

เวลาผ่านไปเรื่อยนักเที่ยวทยอยเข้าออกโซนพิเศษบางกลุ่มเตรียมไปต่อด้านในของผับ ปฐวีร์เดินออกมาสูดอากาศ หนีจากเสียง

ดังระคายหู ออกมาจากโซนพิเศษด้านนอกเป็นทางยาวแคบแต่ยังเดินสวนทางไปมาได้ มีหลายคนออกมายืนดื่มกัน บ้างออกมา

คุยโทรศัพท์ รวมไปถึงออกมาสานสัมพันธ์กัน

เขายืนพิงกำแพงรับลมเย็นแต่ก็ยังได้กลิ่นน้ำหอม กลิ่นแอลกอฮอล์ กลิ่นบุหรี่โชยมาตามลมสถานที่แบบนี้หาอากาศบริสุทธิ์ไม่ได้

จริง ๆ เสียงดนตรีจังหวะหนักแว่วดังมาอีกทาง ถ้าให้เดาน่าจะเป็นโซนของผับ เสียงกรี๊ดเสียงโห่ดังเป็นระยะทุกคนคงกำลังสนุก

กับเสียงเพลง มองคนเดินสวนกันไปมองจนรู้สึกตาลาย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมฆ่าเวลา จิ้มจิ้มกดกดกำลังมันก็มีเสียงคน

พูดขึ้น

“มายืนเล่นเกมอยู่นี่ เพื่อนกำลังหาอยู่”

เงยหน้าขึ้นจากเกมเห็นใบหน้าคนถามอยู่ไม่ไกล จนได้กลิ่นน้ำหอมผสมแอลกอฮอล์ จ้องดวงตาสีเข้มที่มองมารู้สึกตาพร่าไป

ชั่วคราวไม่รู้เป็นเพราะว่าดื่มเยอะไปรึเปล่า

“อ้อ ครับ ขอบคุณที่บอก”  รู้สึกแปลก ๆ กับสายตาที่มองมา

“เทวา เรียกพี่เทวา” คนพูดยืนพิงกำแพงมีอาการมึนเล็กน้อย

“ครับ จำได้ แล้วพี่เทวาออกมาสูดอากาศเหมือนกันหรือครับ”

“อือ” ชายหนุ่มครางตอบรับ แล้วจิบเครื่องดื่มในมือ

ปฐวีร์รู้สึกอึดอัด ในใจอดสงสัยผู้ชายหน้านิ่งพูดน้อยนี่ทำไมถึงมีเสน่ห์ หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก เขาเหลือบมองคนยืนข้าง ๆ แล้ว

ลองเปรียบเทียบว่ามีส่วนไหนที่เขาสู้อีกฝ่ายไม่ได้ คงเป็นดวงตาสีเข้มที่มองเข้าไปแล้วรู้สึกลึกลับน่าค้นหา

หรือจะเป็นริมฝีปากนั่นถ้าเป็นริมฝีปากแน่นอนริมฝีปากเขาสวยกว่าแน่นอน แถมยังสีมีสวยบอกว่าสุขภาพดีอีกด้วย ผิวเขาก็ขาว

กว่าเห็น ๆ อาจจะเป็นสวนสูงเขายืนเต็มความสูงแล้วเหลือบมองคนข้าง ๆ อีกครั้งเพื่อเปรียบเทียบ ศีรษะเขาเลยไหล่อีกฝ่ายไม่

เท่าไหร่ ผู้ชายคนนี้สูงจนน่าอิจฉา

ช่างเถอะเป็นตัวเองนี่แหละดีที่สุด แต่ยืนอยู่ข้างผู้ชายคนนี้เหมือนกำลังถูกสายตาคนที่เดินผ่านไปมาเปรียบเทียบยังไงไม่รู้ เขา

มองตามนักเที่ยวสาวที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วแอบส่งยิ้มหวานให้เทวา บางคนร้ายกว่านั้นเดินทำทีเข้ามาชน ปฐวีร์เห็นแล้วไม่รู้

ว่าจะทำหน้ายังไง

“หัวเราะอะไร”

“เปล่าครับ”

เขาเบือนหน้าหนีไม่อยากมองหน้าคนที่กำลังทำหน้าบึ้ง และไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายคุยอะไร เขากลับมาสนใจเกม ก้มหน้าจิ้มจิ้มกด

กดโทรศัพท์ในมือ อ้าว แพ้ซะแล้ว ต้องเริ่มใหม่อีกแล้ว นี่เขาไม่มีความสามารถในเรื่องเล่นเกมเอาซะเลย เล่นด่านแรกมาเป็น

เดือนยังไม่ไปไหนเลย ยังดีที่เป็นเกมโหลดฟรีถ้าต้องจ่ายเงินคงเสียดายแย่

ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินชายหญิงคู่หนึ่งพูดคุยกอดจูบไม่อายใคร จนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างสนใจ ถึงแสงไฟ

สลัวแต่สายตาดีกว่าปกติ ทำให้เห็นผู้ชายแต่งตัวดี ดันผู้หญิงคนหนึ่งติดกำแพงแล้วจูบเธอ เห็นใบหน้าผู้ชายแค่ซีกหนึ่งก็จำได้ว่า

เป็นใคร ”พลพัฒน์” เขาจ้องชายหนุ่มกอดจูบกับหญิงสาวอยู่นาน ในใจสงสัยว่าผู้หญิงที่มาด้วยเป็นใครหรือเพิ่งมาเจอกันที่นี่ ถ้า

คุณนายรองมาเห็นลูกชายสุดที่รักและยังเป็นความหวังของเธอกินไม่เลือกที่ ไม่เลือกเวลาไม่รู้จะทำหน้ายังไง

“ทะลึ่ง จ้องใหญ่เลย ไม่เคยเห็นรึไง”

ปฐวีร์หันทำเป็นไม่สนใจยักไหล่เบา ๆ ใครเขาอยากดูกัน พวกนั้นมาทำให้ดูในที่สาธารณะไม่ดูเดี๋ยวจะน้อยใจต่างหาก ”ไม่เคย

ครับ” เขาตอบหน้าซื่อตาใสแถมยิ้มให้ด้วย

“อืม” เทวาพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าข้างใน

ปฐวีร์มองตามอีกฝ่ายอะไรของเขาพูดเป็นคำเดียวรึไง หันกลับมาอีกทีชายหญิงทั้งสองก็หายไปแล้ว รู้สึกเสียดาย เลยไม่รู้ว่าผู้

หญิงคนนั้นเป็นใคร อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีอะไรทำ อีกอย่างออกมาได้สักพัก กลัวทุกคนเป็นห่วงจึงกลับเข้าไปข้างใน

ชายหนุ่มหญิงสาวที่ปฐวีร์เห็นจูงมือกันไปที่โซนห้องพักชั้นบน ทันทีที่เข้าไปในห้องพักทั้งสองต่างถอดเสื้อผ้าออกกอดจูบกัน

ทั้งสองจึงพยายามตักตวงมันให้ได้มากที่สุด เสียงหอบหายใจหนัก ๆ ดังขึ้นเป็นระยะ จากนั้นเสียงครางสลับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ

ดังขึ้นดังถี่ขึ้น สุดท้ายทั้งสองถึงฝั่งและเริ่มบทรักอีกครั้ง

พระอาทิตย์โผล่ขอบฟ้า แสงสว่างส่องเข้าในห้องกว่าบทรักจะจบลงก็เกือบเช้า พลวัฒน์รู้สึกตัวเมื่อคืนได้ปลดปล่อยความสุขไป

หลายรอบ เขามองร่างบอบบางนอนอยู่ข้าง ๆ เธอเป็นผู้หญิงสวย เขาชอบเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ นานวันก็เปลี่ยนเป็นความรัก

เขารู้ว่ามันผิดพยายามหักห้ามใจหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้ ความรักที่ผิดบาปมันหอมหวาน ยิ่งหนีมันยิ่ง

ดึงดูดให้เข้าใกล้ เมื่อคืนฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็มีส่วน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเขาก็พร้อมจะเตรียมใจยอมรับผลที่ตามมา เขาเลื่อนผ้าห่ม

วางทับบนร่างหญิงสาวจูบเบา ๆ บนหน้าผากเธอ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ

กลับออกมาแต่งตัวเรียบร้อย เขาเดินที่เตียงมองหญิงสาวนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วใช้ปลายนิ้วไล้บนแก้มเพื่อปลุกเธอ

“จะไปแล้วหรือคะ เอ่อ เรื่องของเรา”

“ไม่ต้องห่วงผมจะรับผิดชอบเอง”

“ไม่ค่ะ มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ฉันเองก็ผิดที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ ที่จริงฉันอยากให้ปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน” เธอกังวลถึงผลกระทบที่จะ

ตามมาถ้ามีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับพลพัฒน์

“ได้ ผมเข้าใจ” ชายหนุ่มกอดปลอบเธอ ให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้น


***********************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 10 [23/9/61]
«ตอบ #15 เมื่อ23-09-2018 14:16:26 »

ตอนที่ 10
[/size]



เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบตี 1 โชคดีที่วันนี้มีเรียนไม่เช้ามาก แต่ถึงอย่างนั้นปฐวีร์ยังนั่งตาปรือเอามือเท้าคางมองกระดาน แถมรู้สึกไม่ค่อยสบายเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นี่อีก และเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เมื่อคืนไม่ฝันอะไรเลยรู้สึกตัวอีกทีก็เช้า เป็นคืนที่หลับลึกอีกคืนหนึ่ง กวาดสายตามองไปรอบห้องหลายคนมีอาการคล้ายกันกับเขา

สามชั่วโมงของการนั่งทรมานในห้องเรียนก็ผ่านไป เขาและเพื่อนลงจากห้องเรียนไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร

            เสียงดังเอะอะในโรงอาหารยังเหมือนทุกวัน หยุดไปสองวันรู้สึกคิดถึงกับข้าวโรงอาหาร ปฐวีร์แยกกับเพื่อนหาของกิน เดินวนไปรอบหนึ่งสุดท้ายก็เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ นาทีนี้คิดว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสชาติเผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยน่าจะช่วยให้อาการปวดหัวของเขาดีขึ้นมาบ้าง ทุกคนได้กับข้าวแล้วกลับมารวมที่โต๊ะ

“วีร์เมื่อคืนนอนดึกเหรอ เห็นนั่งหาวทั้งชั่วโมงเลย”

“อืม ไปเที่ยวกับเพื่อนกลับตี1กว่าจะได้นอน”

“ที่ไหน”

“เหมือนจะชื่อ The Featuring อะไรประมาณนี้”

“ว้าว ขิงยังไม่เคยไปเลย เห็นเพื่อนบอกว่าบรรยากาศดี อาหารอร่อย แต่แพง”

“ก็อร่อยนะ แพงไหมไม่รู้พอดีรุ่นพี่ของเพื่อนเลี้ยงเราแค่ไปกินฟรี”

“ว้าว น่าอิจฉา”

“ที่อิจฉาคือได้ไปกินฟรีใช่ไหม”

“ใช่” ทุกคนตอบพร้อมกัน

“นั่น นั่นดูนั่น” ทุกคนกำลังคุยสนุก ได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆสะกิดกันให้หันไปมองกลุ่มชายหนุ่มรุ่นพี่ต่างคณะกำลังเดินผ่านบริเวณโรงอาหารไป ปฐวีร์และเพื่อนหันไปมองรุ่นพี่กลุ่มนั้น

“นั่นกลุ่มพี่เทวานิ”

“ใคร เขาเป็นใคร” ปฐวีร์สงสัยทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีคนรู้จักเยอะ ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เขาได้ไปเที่ยวด้วยเมื่อคืน เห็นนักศึกษาหญิงหลายคนสนใจจนรู้สึกอิจฉา

“ก็เทวาพิทักษ์ สุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ไง”

“อ้อ” ตระกูลสุรัตนธรรมวรธิเบศณ์ มิน่าหลายคนถึงสนใจเป็นพิเศษ เทวาพิทักษ์ เป็นผู้ชายคนนั้นเองนั่นเองถึงว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นหน้า ที่แท้ก็เคยเห็นในข่าวสังคม เขาที่ไม่ได้ไปงานแบบนั้นจึงไม่ได้มีโอกาสได้เจอ จากที่ได้คุยกันก็เป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยพูด อัธยาศัยก็พอใช้ได้ ช่างเถอะยังไงซะก็คงไม่โอกาสได้เจอกันอีก

            เรียนเสร็จในตอนบ่ายทุกคนต่างแยกย้ายกลับ ปฐวีร์แยกจากเพื่อนแวะเข้าร้านกาแฟหาซื้ออะไรแก้ง่วงกินจะได้ไม่หลับระหว่างทางกลับ ผลักประตูเข้าในร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย กลิ่นกาแฟคั่วหอม ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

เขาสั่งคาราเมลมัคคิอาโต้ปั่น แล้วเดินไปนั่งที่นั่งริมกระจกหยิบนิตยสารฉบับของเดือนที่แล้วบนชั้นขึ้นมาอ่าน อ่านนิตยสารในมือสลับมองออกไปนอกร้าน เห็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น พิศนภา เธอเดินมากลุ่มเพื่อน พิศนภามองเห็นปฐวีร์ในร้านกาแฟเธอถึงกลับสะดุ้ง มันทำให้เธอคิดถึงเรื่องร้าย ๆ ในคืนนั้น

“พิศ เป็นอะไรไปทำหน้าซีด ไม่สบายรึเปล่า”

“ใช่ วันหยุดก็หายไปเลยติดต่อก็ไม่ได้”

“แน่หรือแอบไปเดท ผู้ชายที่ไหนไม่บอกเพื่อน”

“ปะ เปล่า” เธอตอบเสียงเบาเบือนหน้าไปอีกทาง ทุกคนมองหน้ากันเห็นท่าทางไม่ดีของเธอเลยเลิกถาม พิศนภาเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อระงับอารมณ์แล้วเดินตามเพื่อนไปเงียบ ๆ

            ปฐวีร์ยิ้มอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทางของเธอ มินตราคงไม่ได้บอกว่าเขารู้เรื่องที่เธอถูกทำร้ายในห้อง ไม่อย่างนั้นคนอย่างพิศนภาคงเดินเข้ามาแหกอกเขาแล้ว

“คาราเมลมัคคิอาโต้ปั่น ได้แล้วค่ะ”

“ครับ”   

คืนดึกสงัดคนที่กำลังนอนบนเตียงกำลังรู้สึกทรมาน กระสับกระส่าย ไม่นานเธอก็กรีดร้องออกมาและสะดุ้งตื่นขึ้น พิศนภาหอบหายใจหนัก ตัวเธอชื้นไปด้วยเหงื่อ เธอมองไปรอบห้องมีแสงสว่างจากโคมไฟ หลังเกิดเรื่องคืนนั้นทำให้เธอกลัวความมืด เธอกอดผ้าห่มไว้แน่น ฝันร้ายยังติดตามไม่ยอมปล่อย

ร่างกายบอบบางสั่นสะท้านริมฝีปากบางเม้มแน่นถึงเธออาบน้ำพยายามล้างทุกอย่าง แต่ความทรงจำเลวร้ายก็ไม่มีทางหายไปรวมไปถึงร่างกายของเธอ ยังไงก็ไม่วันกลับมาสะอาดได้เหมือนเดิม เธอกอดเข่าแน่นนั่งร้องไห้สะอื้นบนเตียงกว้าง ใช้มือปาดน้ำตา

อยู่ ๆ ในท้องก็เกิดอาการปั่นป่วนเธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ชะโงกหน้าลงชักโครกอาเจียนทุกอย่างในท้องออกมา เป็นแบบนี้มาหลายคืนที่ต้องตื่นมากลางดึกพร้อมกับอาเจียนทุกอย่างออกมา ความทรมานเพราะอาเจียนของในท้องจนหมดทำให้เธอเกือบหมดแรง เธอยันตัวขึ้นช้า ๆ เดินไปหน้ากระจกมองหน้าตาตัวเองในกระจก เห็นใบหน้าผู้หญิงโทรมซีดเซียวขอบตาดำคล้ำปรากฏอยู่ในนั้น เห็นแล้วเธอแทบอยากจะกรีดร้อง ต้องอยู่กับอาการหวาดผวา ทุกคืนก็แทบหลับไม่ลง จนต้องพึ่งยานอนหลับ เธอจะเป็นบ้าอยู่แล้วไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เธอทรุดตัวลงบนพื้นเย็นหลังพิงผนังห้องน้ำหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแล้วหลับไปในห้องน้ำอีกคืน

ห้องกินข้าวบ้านใหญ่ ทุกคนต่างนั่งพร้อมหน้ากัน เป็นภาพที่เห็นไม่บ่อย อาหารทยอยวางลงบนโต๊ะ หน้าตาน่ากินทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หลายคนเจริญอาหารขึ้นเลย อาหารพร้อมทุกคนลงมือกิน ได้ยินแค่เสียงช้อนกระทบจานเป็นระยะ

“ลองกินนี่ดูค่ะ” คุณนายรองตักกับข้าวลงในจานสามี

“อืม ขอบใจ” คุณนายสามมองทั้งคู่ด้วยความรู้สึกอิจฉาแต่เธอก็ไม่โง่พอที่จะแสดงมันออกมา เปลี่ยนเป็นตักกับข้าวอย่างอื่นให้สามีบ้าง ปฐวีร์มองหัวหน้าครอบครัวถูกภรรยาทั้งสองเอาใจแล้วนึกขำไม่ได้

 เขาเหลือบไปมองคุณนายสี่เธอยังนั่งกินข้าวเฉยไม่สนใจ ไม่รู้ว่าเธอทำใจได้หรือไม่สนใจกันแน่ อยู่ ๆ เธอก็ยิ้มขึ้นมาแล้วมองไปที่คุณนายรอง เขามองตามสายเธอไป ไม่ใช่เธอไม่ได้ยิ้มให้คุณนายรองแต่เป็นคนข้าง ๆ หันกลับมามองคุณนายสี่แต่เธอกลับนั่งกินข้าวเฉย นั่นมันอะไร รอยยิ้มของเธอเมื่อครู่เขาคิดว่าตัวเองคงไม่ได้ตาฝาดไป

“กินนี่หน่อยสิคะ พักนี้เห็นคุณไม่ค่อยเจริญอาหาร วันนี้ฉันเลยให้แม่ครัวทำของชอบของคุณมาให้” คุณนายรองส่งยิ้มให้คุณนายสาม บอกว่าเธอเป็นผู้ชนะ ไม่สนใจสายตาอีกฝ่ายมองมา “งานที่บริษัทยุ่ง ๆ หรือคะ”

“อืม งานเปิดตัวสินค้าใหม่” เธอฟังแล้วหันไปมองลูกชาย

“ตาพลช่วงนี้ก็ว่าง คุณน่าจะให้ลูกช่วยงานบ้าง”

“ดีเหมือนกัน” ได้ยินสามีเห็นด้วยกับความคิด เธอก็ต้องยิ้มกว้างแต่ก็ต้องหุบลงเมื่อได้ยินประโยคต่อมา ”วีร์ก็เตรียมตัวไว้พ่อจะให้ช่วยงานด้วย”

“เอ่อ ....”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน จะมีคนช่วยสอน”

“ครับ”

            ทุกคนมองปฐวีร์ด้วยสายตาอิจฉา ปทีปมักให้ความสำคัญอีกฝ่าย ยิ่งคุณนายใหญ่ไม่อยู่แล้ว เขายิ่งได้รับความรัก ความเอาใจใส่มากกว่าเดิม ทุกคนเปลี่ยนไปมองพลพัฒน์ลูกชายคนโตของบ้านแต่กลับไม่ได้รับสนใจ ถึงจะมีคุณนายรองที่คอยสนับสนุนคุณนายสามส่ายหน้าถอนหายใจ คิดถึงการลงทุนครั้งนี้ของคุณนายรองผิดพลาดซะแล้ว

พลพัฒน์นั่งนิ่งทำเป็นไม่สนใจ แต่ตอนนี้เขากำลังกำมือแน่นไม่พอใจเมื่อพ่อให้ความสำคัญน้องชายมากกว่าไม่พอยังถูกสายตาคนอื่นเยาะเย้ยอีก

“นั่นหน้ารินเป็นอะไร ทำไมต้องทารองพื้น ลงแป้งหนาขนาดนั้น”

รินนัศน์สะดุ้งเมื่อถูกพิมพ์รตาทัก เธอคิดว่าตัวเองอยู่นิ่งนิ่งแล้วแท้ ๆ คำพูดของพิมพ์รตาทำให้ทุกคนมองมาที่เธอ เธอแทบอยากจะลุกขึ้นไปตบปากอีกฝ่าย คิดว่าเป็นลูกสาวคนโตมีแม่รองให้ท้ายจะพูดอะไรก็ได้รึไง

“เป็นสินค้าตัวใหม่ที่เขาให้มาลองค่ะ”

“อ้อ นึกว่าหน้าเป็นอะไร ระวังเถอะใช้ไม่เลือกหน้าจะพังเอา”

“แก...”

“รินกินนี่ดูอร่อยนะ” เธอเกือบจะพูดออกไป พอดี      คชาธรณ์พี่ชายของเธอเรียกสติกลับมา เธอชักสายตาใส่พิมพ์รตาที่กำลังยิ้มหวาน

            มุมปากปฐวีร์โค้งขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกโต๊ะอาหารมีสีสันกว่าทุกวัน ทำให้มื้อนี้เจริญอาหารเป็นพิเศษ เห็นคุณนายรองเสียหน้า พลพัฒน์ไม่สบอารมณ์ รินนัศน์หน้าพังเพราะครีมที่เอามาเขาทดลองใช้ เฮ้อ เท่านี้ก็ทำให้เขาอารมณ์ดีทั้งวันแน่ ๆ

            แต่พอเหลือบไปมองพิมพ์รตา ทำให้รู้ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเธอทำให้ทุกคนเปลี่ยนจุดสนใจจากพี่ชายของเธอมาเป็นรินนัศน์ ด้วยคำพูดไม่กี่คำทำให้รินนัศน์แทบจะเสียมรรยาทบนโต๊ะอาหาร หน้าตาสวย ภายนอกดูเรียบร้อย ไม่นึกว่าจะร้ายถึงทำลายชีวิตเขาได้ คิดถึงจุดจบในอนาคตก็รู้สึกแค้นขึ้นมา เขาต้องระวังเธอให้มาก ไม่ใช่สิต้องระวังทุกคนในที่นี้ต่างหากถึงจะถูก     

            “โถ่ เว้ย ไอ้บ้านั่นมันดีกว่าฉันยังไง ทำไมคุณพ่อต้องรักมัน.......” ทันทีที่เข้ามาในห้องพลพัฒน์ขว้างหมอนอิงลงพื้น ยันโซฟา เพื่อระบายอารมณ์ บนโต๊ะอาหารเขาต้องทนสายตาทุกคน ไม่พอใจกับความลำเอียงของพ่อ ทำไมเพียงเพราะเขาเป็นลูกของแม่รองรึไง ตั้งแต่เด็กแล้วของทุกอย่างมักด้อยกว่าน้องชาย ไม่ว่าจะเป็นของเล่น การเรียน จนตอนนี้มาถึงเรื่องงาน

“ใจเย็น เย็น ลูก” คุณนายรองรีบเดินเข้าไปปลอบลูกชาย

“แม่จะให้ใจเย็นยังไง ตอนที่พลเข้าไปทำงานช่วยพ่อครั้งแรก พ่อยังไม่เห็นจะสนใจอย่างนี้เลย”

“เพราะพี่เป็นแบบนี้ไงคุณพ่อถึงไม่ชอบ”

“แกหมายความว่ายังไง”

“เปล่า แล้วแต่จะคิด” เธอไม่สนใจพี่ชาย แล้วเดินออกจากห้องไป

คุณนายรองถอนหายใจเห็นลูกทั้งสองชอบทะเลาะกัน ทั้งที่เป็นพี่น้องกันแต่นิสัยกลับแตกต่างกัน ยังมีลูกชายคนเล็กอีกคนที่เหมือนจะไม่สนใจใคร แค่โผล่หน้าเข้ามาในห้องแล้วเดินกลับห้องไป

“อดทนไปก่อนลูก แม่สัญญาว่ามันจะมีความสุขได้ไม่นาน”

พลพัฒน์มองใบหน้าแม่แล้วตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ครับ”

            “หนูขอโทษค่ะแม่” รินนัศน์นั่งหน้าเสียเมื่อนึกถึงเหตุการณ์บนโต๊ะอาหาร

“เอาเถอะ คุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร”

“จะว่ารินฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ยัยพิมพ์นั่นก็ปากเสีย” พูดแล้วคณิตาร์ก็หงุดหงิด “ดีที่พี่คชาช่วยไว้ ไม่งั้นแย่แน่” เธอพูดถึงพี่ชายฝาแฝดที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่มุมห้อง “ตกลงหน้าไปแพ้อะไรมา”

“เอ่อ น่าจะเป็นครีมกันแดดค่ะ”

“ไปหาหมอมารึยัง”

“ค่ะ”  รินนัศน์ทำน่าเศร้าเมื่อคิดถึงคำพูดของหมอผิวหนังบอกว่าเธอแพ้สารเคมี สารสเตียรอยด์ เธอเอาครีมที่น่าจะมีสารที่ว่าไปให้หมอตรวจดูแล้วก็พบจริง ๆ ยังพบในปริมาณที่มาก เธอแน่ใจว่าครีมกระปุกนี้เธอให้ปฐวีร์ไปแล้ว แต่ไหนกลับมาอยู่ที่เธอได้ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจไม่ได้เห็นหน้าปฐวีร์พัง หน้าตัวเองต้องมาพังเอง ไม่พอยังโดนพิมพ์รตาขวะอีก แค้นครั้งนี้เธอจะจดจำเอาไว้มีโอกาสเธอจะต้องเอาคืนให้ได้

            หน้าอาคารเรียนคณะเศรษฐศาสตร์มีนักศึกษาบางส่วนนั่งเป็นกลุ่มคุยกันสนุกเหมือนทุกวัน  บางกลุ่มกำลังช่วยกันออกความคิดเห็นว่าจะไปที่ไหนกันดี บางกลุ่มกำลังช่วยกันทำงานส่งอาจารย์อย่างตั้งใจ

“นี่พวกเธอมาอ่านข่าวนี่ดูสิ”

“อะไร”

“ข่าวทำแท้ง ลองอ่านดูสิ” หญิงสาวเลื่อนข่าวในจอโทรศัพท์ให้เพื่อนในกลุ่มอ่าน

“น่าสงสารเด็กมากเลย” ทุกคนในกลุ่มอ่านเนื้อหาของข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แล้วต่างแสดงความคิดเห็น พิศนภานั่งฟังหัวข้อข่าวรู้สึกกังวลใจขึ้นมาเธอเผลอลูบหน้าท้องตัวเองเบา ๆ พร้อมกับคิดถึงฝันร้ายคืนนั้นแล้วมือที่ลูบหน้าท้องเปลี่ยนเป็นบีบแน่นขึ้น

“ใจร้ายนะเธอว่าไหมพิศ” เธอเม้มริมฝีปากแน่นตอบเพื่อนเสียงเบาว่า “บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีเหตุผลจำเป็นก็ได้”

ครืน ครืน สายเรียกเข้า ตามด้วยข้อความ ทำให้พิศนภาเลิกคิดมาก เก็บของลงกระเป๋าอย่างรีบร้อน

“แล้วนั่นจะไปไหน”

“โทษทีฉันมีธุระ”

“เป็นอะไรของเขา ช่วงนี้ดูแปลก ๆ ”

“ไม่รู้สิ คงจะทะเลาะกับแฟนมั้ง ใครจะไปรู้”

            บ่ายกลางสัปดาห์ หลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จปฐวีร์มานั่งรอเพื่อนที่ม้านั่งหินอ่อนเหมือนทุกครั้ง เขามีนัดกินข้าว ขณะนั่งหยิบโทรศัพท์มาเล่นเกม ก็คิดถึงเรื่องที่ได้ยินเพื่อนในห้องนินทากันไม่ได้ เขาเรียนหนังสือไม่เก่ง หยิ่ง ชอบปาร์ตี้ ฟังดูแล้วเหมือนทุกคนจะสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของเขามาก บางครั้งการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตคนอื่นมากเกินไปมันก็ไม่ดีเท่าไหร่ เขาควรจะสอนบทเรียนให้คนปล่อยข่าวบ้าง

“นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว พ่อคนหล่อ” นภาภรณ์โบกมือเรียกสติคนนั่งใจลอยคนเดียวให้กลับมา

“เปล่า แล้วดลกับกรณ์ล่ะ”

“แวะไปส่งงานอาจารย์เดี๋ยวก็มา ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องมีอะไรดี ๆ ก็บอกมาเลย” เธอใช้สายตาจับผิดเพื่อนสนิทที่ช่วงนี้มีหลายอย่างแปลกไป แต่เธอก็ตอบไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ” ปฐวีร์ปฏิเสธเสียงสูง เบือนหน้าไปอีกทาง

“เชื่อก็ได้” เธอยอมแพ้ไม่อยากบังคับ ฝืนใจเพื่อน “แล้วไปกินข้าวบ้านใหญ่เป็นไงบ้าง”

“ก็ดี” ชายหนุ่มตอบส่งส่ง หันไปเจอคิ้วเพื่อนที่ขมวดเล็กน้อยทำให้เขาต้องขยายความเพิ่มอีกเล็กน้อย “พอดีจะมีงานเปิดตัวสินค้าตัวใหม่ พ่อเลยให้เข้าไปช่วยงาน”

“อือ แล้วแบบนี้ยัยแม่มดไม่เต้นเหรอ”

“ไม่หรอก” เขาพูดได้ไม่เต็มปาก “ได้ช่วยงานกันทุกคน”

“อ้อ วีร์ได้ทำอะไร”

“ก็ ทั่วไป มีอะไรช่วยได้ก็ช่วย วันงานอย่าลืมแต่งตัวสวย ๆ นะ ดูจากการ์ดเชิญแล้วมีผู้ใหญ่มางานเยอะทีเดียว เพราะสินค้าตัวใหม่จะส่งไปขายในตลาดอาเซียน”

“โอ้ งานใหญ่อย่างที่พ่อบอกไว้จริง ๆ งั้นภาษาของวีร์ต้องเป็นประโยชน์มากเลยน่ะสิ”

“คงงั้น”

ทั้งสองนั่งรอเพื่อนอีกสองคน คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย จนสายตาปฐวีร์เหลือบไปเห็นพิศนภาเดินลงมาจากตึกเรียน เธอดูซูบไปมาก นภาภรณ์มองตามสายตาเพื่อนแล้วพูดขึ้น

“เห็นเพื่อนหลายคนบอกว่ายัยพิศนภาจะลาออกไปเรียนต่อเมืองนอก” นภาภรณ์พูดเรื่องที่เพื่อนน่าจะไม่รู้มาก่อน

“ฮือ” เขาหันมามองเพื่อนด้วยความแปลกใจ

“น่าจะจริง ภรณ์เห็นยัยพิศนภากำลังดำเนินเรื่องเตรียมเอกสารให้วุ่น แต่ท่าทางดูไม่เหมือนคนไปเรียนต่อ”

“ทำไม”

“เหมือนคนกำลังหนีอะไรสักอย่าง” แต่ไม่รู้อะไรที่ทำอีกฝ่ายกลัวถึงต้องหนีไปไกลขนาดนั้น

“อ้อ” คำพูดของเพื่อนทำให้เขาคิดอะไรได้ หนีเหรอไม่มีทาง ไกลแค่ไหนมันก็จะตามหลอกเธอไปตลอดชีวิต

นภาภรณ์สังเกตท่าทางเพื่อนดูจะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ แล้วยังแววตาแปลก ๆ นั่นอีก “วีร์ไปรู้อะไรมาเหรอ”

“เปล่าหรอก นั่นสองคนนั้นมาแล้วไปกันเถอะ หิวแล้ว”

“อือ”

            พิศนภาแยกจากเพื่อน เดินตามทางเลียบผ่านไปที่คณะตรงข้าม ขึ้นไปบนอาคารเรียน เดินขึ้นไปชั้นบนสุด เธอดูหมายเลขห้องในข้อความที่ส่งมาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง เดินผ่านหลายห้องที่ปิดประตูเงียบไปทางทิศตะวันตก หน้าห้องแต่ละห้องที่เดินผ่านบนตารางการใช้ห้องโซนนี้บอกว่าทุกห้องว่าง

 พิศนภาหยุดอยู่หน้าประตูมองรอบ ๆ เพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครเห็นหรือตามมา ก่อนจะเคาะสองสามครั้งแล้วผลักประตูเข้าไป เห็นคณิตาร์และปิ่นอนงค์นั่งอยู่ในห้อง

“นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”

“มาสิ” เธอมีเวลาอยู่ที่เมืองไทยอีกไม่นาน อยากทำในสิ่งที่ต้องการมากที่สุด ทันทีที่ไปถึงที่โน่นเธออยากได้ยินข่าวดี

“มาแล้วก็พูดเถอะว่ามีอะไร” ปิ่นอนงค์เริ่มถามจุดประสงค์   

“ดูเหมือนข่าวที่เธอปล่อยออกไป จะทำอะไรปฐวีร์ไม่ได้”

“มันยังใช้ชีวิตดีมีความสุข จนน่ารำคาญ” คณิตาร์ไม่ชอบปฐวีร์ที่มักจะได้ความรัก ความสำคัญจากพ่อ ตอนนี้มันไม่มีแม่คอยดูแล แล้วยังต้องออกไปอยู่นอกบ้าน มันง่ายที่จำกัด ก่อนหน้าเธอให้ปิ่นอนงค์ปล่อยข่าวเกี่ยวกับปฐวีร์ออกไป เธออยากให้มันเป็นหมาหัวเน่า อยู่ที่นี่ไม่ได้ ไม่มีเพื่อน เรียนไม่จบ กลับกันข่าวลือทำอะไรมันไม่ได้ ยังมีพิศนภาได้ให้คนเข้าไปขโมยของและทำร้ายมันในห้องแต่กลับเงียบ เป็นเพื่อนของเธอเองที่มีท่าทางแปลกไม่พออยู่ดี ๆ ก็จะไปเมืองนอกซะงั้น

“ฉันอยากให้มันอยู่ก็เหมือนตาย” พิศนภาพูดแล้วแววตาแสดงความอาฆาตออกมา เพราะมันทำให้เธอต้องเป็นอย่างนี้ทั้งสองเห็นแววตาของเพื่อนรู้สึกกลัวจนขนลุก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรถึงทำให้แววตาของพิศนภาน่ากลัวขนาดนี้


*****************************************************

โปรดติดตามต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 11 [24/9/61]
«ตอบ #16 เมื่อ24-09-2018 14:09:35 »

ตอนที่ 11
[/size]



ตอนกลางดึกบนเตียงนุ่มปฐวีร์กำลังนอนกระสับกระส่าย ต่อสู้กับฝันร้ายเหมือนกับทุกค่ำคืนที่ผ่านมา คิ้วสวยขมวดเหมือนเขากำลังเจ็บปวดทรมานกับความฝัน เขาพยายามบังคับฝืนตัวเองให้ลืมตาขึ้น แต่เหมือนมีคนบังคับให้เขาอยู่รับรู้จดจำความฝันนั้นต่อไปจนจบ หลังต่อสู้กับฝันร้ายสักพักร่างกายกระสับกระส่ายเหงื่อไหลซึมเต็มหน้าผากก็ดีขึ้น ร่างกายเริ่มสงบลง ลมหายใจกลับเป็นสม่ำเสมอแล้วหลับลึกอีกครั้ง

            เช้าวันใหม่พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา ปฐวีร์ตื่นแต่เช้านั่งกอดเข่านั่งอยู่บนเตียง สายตาจ้องไปมุมห้อง เขากำลังคิดถึงความฝันเมื่อคืน บางส่วนในความฝันเขาเห็นว่าอนาคตของเขาเปลี่ยนไปแล้ว แต่ภาพความตายยังติดตาและมันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขารู้สึกกลัวและโกรธแค้นทุกครั้งที่เห็นมันจนแทบอยากไปฆ่าตัวต้นเหตุอย่างพิมพ์รตาให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อเขาจะได้หลุดพ้นความฝันนี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าถ้าทำมันลงไปแล้ว ทุกอย่างจะจบลงลงด้วยดี อีกอย่างมันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นเขายังมีเวลาที่จะเปลี่ยนแปลงมัน เอาไว้ทุกอย่างมันแก้ไขไม่ได้เขาอาจเลือกที่จะทำร้ายพิมพ์รตาเป็นวิธีสุดท้ายก็ได้ ฝันร้ายทุกครั้งเขาพยายามฝืนตัวเองให้ลืมตาตื่นแต่ก็ไม่สำเร็จ การที่ได้เห็นความตายของตัวเอง มันคอยตอกย้ำให้เขาต้องแก้ไขทุกอย่างเพื่อจะได้เปลี่ยนอนาคต หลายคืนติดต่อกันที่ฝันแบบเดิมเรื่องเดิม ที่ไหนสักที่ กับใครสักคน จนเมื่อคืนทุกอย่างมันดูชัดเจนขึ้น มันเหมือนเป็นคำเตือน กลัวว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น

            ตี๊ด ตี๊ด เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงปลุกคนที่กำลังจมในความคิดให้ได้สติคืนมา เขากดหยุดมองดูนาฬิกาทำให้จำได้ว่าวันนี้ต้องเข้าไปตรวจงานดูความเรียบร้อยก่อนงานเปิดตัวสินค้าจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมง เขารีบกระโดดลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำและรีบแต่งตัว

            แต่งตัวเรียบร้อยลงจากห้อง มองดูนาฬิกาข้อมือ ยังพอมีเวลา เขาแวะเข้าห้องครัวมีโจ๊กหนึ่งถ้วย น้ำผลไม้กับแซนด์วิช ดูเหมือนวันนี้ทุกคนจะยุ่งพอสมควร ปฐวีร์จ้วงโจ๊กในถ้วยไม่นานก็หมด ตามด้วยน้ำผลไม้แล้วถือแซนวิสวิ่งออกจากครัว วิ่งออกมาจากบ้านเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ เขาเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้านหลัง

“ขอโทษครับ” เขายิ้มแห้งทันทีที่เห็นพ่อของเขานั่งรออยู่ก่อน

“อืม เช็ดปากให้เรียบร้อย” ปทีปหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดปากให้ลูกชาย

“ขอบคุณครับ”

รถเริ่มเคลื่อนที่ออกไปช้าๆ ปฐวีร์ชะโงกหน้าไปด้านหน้ามองเวลาบนหน้าคอนโซล 8.00 เขามาทันเวลานัด

“วันนี้พ่อจะให้วีร์ไปดูความเรียบร้อยของงานกับคุณทินกร”

“ครับ” ได้ยินชื่อคุณเลขาเจ้าระเบียบคิ้วเขาอดกระตุกไม่ได้ สามสัปดาห์กว่าที่ได้ไปช่วยงานทินกรใช้งานเขายังกะทาส นี่มันบริษัทนรกชัด ๆ แต่ก็เอาเถอะถือว่าเป็นประสบการณ์ เขากำลังบ่นกับตัวเองเงียบ ๆ แล้วก็มีแฟ้มเอกสารวางลงบนหน้าตัก

“นี่เอกสารแผนงาน จำนวนผู้เข้าร่วมงาน และเอกสารที่จำเป็น”

ปฐวีร์รับแฟ้มเอกสารมา แล้วเริ่มเปิดดูคร่าว ๆ ปทีปเห็นลูกชายดูตั้งใจ เต็มที่กับงาน อดเอ็นดูไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นพ่อแต่ก็ไม่สามารถกางปีกดูแลลูกได้ตลอดไป บางทีให้ปฐวีร์ออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยตนเองน่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าที่จะให้ลูกชายที่รักซุกอยู่ใต้ปีก มือหนาวางบนหัวทุยแล้วลูบเบาๆ ปฐวีร์หันมายิ้มให้พ่อ ไม่ค่อยบ่อยที่พ่อจะแสดงความอบอุ่นออกมา เขาเข้าใจ แค่นี้ทุกคนในบ้านก็อิจฉาแทบจะฆ่าเขาแล้ว

            ไม่ถึงสามสิบนาทีรถหรูก็เลี้ยวเข้าชะลอจอดหน้าโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง พนักงานโรงแรมเดินเข้ามาเปิดประตูรถ ปฐวีร์ลงจากรถมองรถคันหรูเคลื่อนที่ออกไปช้าๆ ยังไม่ทันเข้าไปข้างในโรงแรม ทินกรก็โทรเข้ามาบอกให้เขาไปที่ห้องจัดงาน อีกฝ่ายกำลังรออยู่ที่นั่นแล้ว

            เขาเดินตามป้ายบอกทางก็มาถึงห้องประชุมขนาดใหญ่จุคนได้หลายร้อยคน ประตูห้องประชุมเปิดกว้างมีคนเดินเข้าออกดูวุ่นวาย เวทีใหญ่ที่จะใช้เปิดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว บนเวทีตกแต่งด้วยผ้า ดอกไม้ ดูเรียบง่าย สบายตา ด้านหน้าเวทีมีโต๊ะเก้าอี้จัดไว้ บนโต๊ะมีหมายเลขติดไว้ให้เห็นชัด ด้านหน้าสุดเป็นของแขก VIP จำนวน 20 โต๊ะ บริเวณด้านข้างมีซุ้มสำหรับแสดงสินค้า และกิจกรรมให้แขกที่สนใจเข้าร่วม

            ปฐวีร์มองหาคนที่บอกว่ารออยู่ในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว เขาชะเง้อมองหา แต่ก็ยังไม่เจอ เดินหาอยู่สักพักแล้วก็เจอชายหนุ่มอายุสามสิบกว่าใส่แว่นสวมชุดทะมัดทะแมงโบกมือเรียกเขาอยู่

“พี่กร สวัสดีครับ”

“สวัสดี เป็นไงบ้างเมื่อคืนนอนหลับไหม”

“หลับสบายดีครับ แต่ตื่นมาปวดตัวชะมัด” คิดถึงเมื่อวานที่เขาต้องขนนั่นแบกนี่ทั้งวัน จนอยากจะถามอีกฝ่ายว่าโกรธแค้นอะไรพ่อของเขารึเปล่าถึงได้มาลงที่เขา

“วันนี้วันสุดท้ายแล้ว คงไม่มีอะไรมากแค่ดูความเรียบร้อย บริษัทที่รับผิดชอบจัดงานก็เร่งทำงานเต็มที่”

“เวทีสวยได้ตามแบบที่ต้องการเลยนะครับ ด้านข้างบูธ ซุ้มก็ออกมาดีพอสมควร”

“อืม ที่เหลือก็จะเป็นพนักงานของเราที่จะทยอยเอาของมาลงบูธ กับสินค้าตัวใหม่”

“อาหาร กับดาราที่เปิดตัวสินค้าก็คอมเฟิร์มแล้วครับ.....” ทั้งสองคุยทบทวนความพร้อมอีกครั้ง จากนั้นทินกรแยกไปดูแลความเรียบร้อยงานที่ยังค้างอยู่

            ส่วนบ้านใหญ่ในห้องคุณนายรองกำลังวุ่นวาย ช่างแต่งหน้าทำผมกำลังช่วยเธอกับพิมพ์รตาแปลงโฉม กล่องเครื่องสำอางถูกเปิดออกมา เมคอัพเบส รองพื้นถูกเกลี่ยลงผิวหน้าเธอ

“ผิวคุณนายรองสวยมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าใช้อะไรบำรุงคะ”

“ครีมบำรุงธรรมดานี่ล่ะค่ะ” เธอยิ้มพอใจกับคำชมของช่างแต่งหน้า

“พี่น้ำ พิมพ์ขอสวยเป็นธรรมชาตินะคะ”

“ได้ค่ะ คุณน้องสวยอยู่แล้วรับรองงานวันนี้เด่นที่สุดแน่นอนคุณพี่รับรอง” ช่างแต่งหน้ามืออาชีพคิวทองการันตี เธอก็เชื่อใจ

             ก่อนเวลางานจะเริ่มอีกในอีกไม่กี่ชั่วโมง คณิตาร์รีบเร่งมาโรงแรม เธอแจ้งชื่อที่จองห้องพักแล้วรับกุญแจ ขึ้นไปบนห้องรอเวลานัด สักพักปิ่นอนงค์ก็มาถึง ทั้งสองอยู่ในห้องทบทวนแผนการที่วางไว้

“แล้วคนของเรา” คณิตาร์ถามด้วยสีหน้าน้ำเสียงกังวล เธอไม่อยากให้เรื่องสาวมาถึงตัวเธอ ใจหนึ่งก็เป็นกังวลว่าทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ยังไงปฐวีร์ก็ถือว่าเป็นพี่ชายเธอถึงจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ควรทำให้ถึงชีวิต เธอแค่ต้องการสั่งสอนอีกฝ่ายเล็กน้อยเท่านั้น

“ไว้ใจได้ แค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” เธอพูดให้เพื่อนรู้สึกสบายใจขึ้น ในใจรู้สึกสงสารปฐวีร์อยู่บ้างที่มีพี่น้องอย่างคณิตาร์สนับสนุนให้คนอื่นทำร้ายพี่น้องตัวเอง ได้คลุกคลีปฐวีร์มาได้สักพักไม่เห็นจะนิสัยแย่หรือเป็นคนไม่ดีตรงไหนออกจะเป็นคนมีน้ำใจด้วยซ้ำ ทำยังไงได้ในเมื่อเพื่อนของเธอเกลียดอีกฝ่าย บางครั้งก็แอบคิดว่าโชคดีที่พี่น้องของเธอไม่มีความคิดไม่ดีกับเธอ “จบงานแล้วพวกมันจะไม่เปิดปากว่าใครเป็นคนจ้างวาน อีกอย่างเงินค่าจ้างที่พวกมันได้ไปก็เยอะพอสมควร”

“งั้นก็ดี” คณิตาร์หยิบซองยาออกมา “ในนี้มียาอยู่ เธอพยายามหาทางใส่ในเครื่องดื่มของมัน แล้วฉันจะหาทางให้มันขึ้นมาบนห้อง”

“ไม่มีปัญหา”

“เสร็จงานแล้วไปรอฉันอยู่ห้องซ้ายมือ นี่ป้ายของเธอ” ปิ่นอนงค์รับห้อยคอ แล้วออกจากห้องไป

            18.00 นาฬิกาเวลาเริ่มงาน แขกทยอยเข้างาน ต่างแต่งหรูหรา แสงเพชร แสงเครื่องประดับเป็นประกายระยิบระยับจนแสบตา คุณนายรอง คุณนายสามยืนประกบซ้ายขวาปทีปต้อนรับแขกอยู่หน้างาน วันนี้พวกเธอแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษจนแขกหลายคนอดชมไม่ได้ นั่นทำให้ทั้งสองยิ้มแทบหุบไม่ลง

“คุณนายรองวันนี้สวยมากเลยนะคะ”

“ขอบคุณค่ะคุณพี่ คุณพี่ก็สวยเหมือนกัน”

ใกล้ ๆ กันมีคุณนายสี่ยืนยิ้มเหมือนคนโง่ เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสออกงานแบบนี้ รู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่ค่อยชอบสายตาผู้ดีหลายคนมองมาที่เธอ เธอทำเป็นมองไม่เห็น ถัดมาเป็นพลวัฒน์ พิมพ์รตา พีรพล แฝดคชาธรณ์ คณิตตาร์และรินนัศน์ยืนทำหน้าที่ต้อนรับแขก คุณนายรองรีบแนะนำลูกสาวลูกชายของเธอให้เพื่อนของเธอรู้จัก

“นี่หนูพิมพ์รตาหรือคะ แหมไม่ได้เจอกันไม่นานโตเป็นสาวแล้ว สวยเหมือนคุณนายรองเลย”

“สวัสดีค่ะ”

“ตาพลก็โตเป็นหนุ่มแล้ว คุณปทีปคงสบายแล้วมีคนช่วยงาน” คุณนายรองเหลือบมองสามีว่าจะตอบยังไง

“ครับ งานวันนี้ตาพลก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน” คำพูดธรรมดาแต่ไม่บ่อยที่พลพัฒน์ถูกพ่อพูดถึงต่อหน้าคนอื่น ทำให้เขายิ้ม

คุณนายสามก็ไม่ยอมแพ้ จูงมือลูกสาวลูกชายแนะนำให้แขกรู้จักบ้าง หลายคนเห็นแล้วไม่แน่ใจว่านี่เป็นงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Agro Group หรือเปิดตัวเหล่าทายาทกันแน่ ถ้าไม่เห็นกำหนดการในบัตรเชิญพวกเขาคงคิดอย่างนั้น

“ไม่รู้ว่าวันนี้ฉันมาผิดงานรึเปล่า” เสียงแขกในงานเริ่มซุบซิบเมื่อมาถึง

“เธอก็ว่าไปนั่น ใครก็รู้ว่าคุณนายรองยังไม่จดทะเบียนกับสามีเธอ เธอก็คงกลัวว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะไม่ตกถึงลูกของเธอ”

“แต่ดูจากการแต่งตัวของเธอ ไม่ได้บอกอย่างนั้นเลย”

“ช่างเถอะอย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเลย เราเข้าไปข้างในกัน”

            หลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อย ปฐวีร์รีบกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด กลับมาอีกครั้งก็เห็นทุกคนยืนอยู่หน้างาน พอดีกับที่ทินกรโทรตาม เขารีบเดินเข้ายืนรวมกับคนอื่นโชคดีไม่มีใครสนใจสังเกตเห็นว่าเขาเพิ่งมาถึง แต่ก็หลบสายตาทินกรไม่ได้ เขายิ้มแห้งรีบหาข้ออ้าง

“แต่งตัวแบบนี้ ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะเรา” ทินกรออกปากชม รู้จักกันมาหลายสัปดาห์เห็นอีกฝ่ายใส่แต่เสื้อยืดกางเกงผ้ารองเท้าผ้าใบ ไม่ก็เสื้อยืดกางเกงยีนวันนี้เปลี่ยนมาใส่สูทเซ็ตผมหล่อจนเขาแทบจำไม่ได้

“นั่นพี่กำลังชมผมใช่ไหม”

“ชมสิ มีคำไหนบอกว่ากำลังด่าอยู่รึไง”

“งั้นก็ขอบคุณครับ” เขากวาดสายตามองรอบงานดูวุ่นวาย แล้วก็เห็นผู้หญิงหน้าคุ้นตายืนคุยกับพนักงานโรงแรมอยู่  ”ปิ่นอนงค์” เขาแปลกใจที่เห็นเธอ เธอมาทำอะไรที่นี่แล้วยังแขวนป้ายเจ้าหน้าที่อีก ตรงนี้เสียงดังและไกลเกินไปเขาไม่ได้ยินว่าเธอกำลังคุยอะไร ปิ่นอนงค์แยกจากพนักงานคนนั้นเดินไปอีกทาง ในความฝันเขามองเห็นปิ่นอนงค์ คณิตาร์ กำลังคุยอะไรกัน จากนั้นมีคนสามสี่ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าจับเขาเข้าในห้องห้องหนึ่งเหมือนจะเป็นห้องนอน เขาเห็นแค่เพียงแค่นี้ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ได้ ถ้าคิดไม่ผิดการที่ได้เห็นปิ่นอนงค์ที่นี่ไม่ใช่เรื่องดีไม่รู้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร อีกอย่างไม่รู้ว่าเธอกับ  คณิตาร์เกี่ยวข้องกันยังไง

“เป็นอะไรดูหน้าซีด ๆ ”

“เมาคนน่ะครับ คนเยอะจนตายลาย ยังมีแสงเพชรแยงตาด้วย” ทินกรได้ยินเสียงบ่นอีกฝ่ายอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ที่จริงปฐวีร์ไม่ค่อยชอบงานแบบนี้เท่าไหร่ ถึงจะแค่มายืนหน้างานต้อนรับยิ้มทักทายก็ตาม ผิดกับพี่น้องของเขาดูสนุกที่ได้แต่งตัวหรู สวมชุดราคาแพง เขายืนฉีกยิ้มจนเหงือกแห้งทุกครั้งที่แขกเดินเข้ามา ไหนจะแสงแฟลตนี่อีก ดูเหมือนงานวันนี้จะมีนักข่าวให้ความสนใจไม่น้อย

“วีร์” ภฤดล กฤติกรณ์และนภาภรณ์เข้ามาทัก

“อ้าว มาถึงกันแล้วเหรอ”

“สักพักแล้ว”

“ถึงว่าตอนเข้ามาไม่เห็น แอบไปแต่งหล่อมานี่เอง” ทั้งสามมองเพื่อนสวมสูทเรียบร้อย ”หล่อเหมือนคุณชาย”

“ชายน้อยรึเปล่าพี่พจมาน คืนนี้ภรณ์ก็สวยเหมือนกัน ดูสิหนุ่ม ๆ มองตามกันใหญ่เลย”

“บ้า อย่าล้อภรณ์สิ”

“กินอะไรกันรึยัง อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลยนะ” พูดถึงของกินนภาภรณ์รีบดึงเพื่อนอีกสองคนไปที่มุมอาหารทันที เพื่อนทั้งสามคนไปแล้วปฐวีร์กลับมาทำหน้าที่ตัวเองต่อ

            พิมพ์รตาแยกไปคุยกับเพื่อน เธอหมุนตัวให้เพื่อนดูว่าคืนนี้เธอสวยขนาดไหน ชุดเดรสสีชมพูยาวเข้ารูปเน้นรูปร่าง ผ้าเนื้อดี ทรงผมที่เก็บเป็นมวยหลวมทิ้งปอยลงมาระแก้มใส บวกกับการแต่งหน้าบาง ๆ ทำให้เธอที่สวยอยู่แล้วดูสวยเด่นเป็นพิเศษ เวลายืนต้อนรับมีชายหนุ่มหลายคนแอบมองเธอบ่อยครั้ง พิมพ์รตาชินกับการถูกมองและชอบให้คนสนใจ เธอและเพื่อนเก็บภาพบรรยากาศรอบงานลงในโซเชียลเอฟให้คนอื่นได้รับรู้

คณิตาร์มองพี่สาวห่างกันไม่กี่เดือนด้วยสายตาหมั่นไส้ อีกฝ่ายมักคิดทำตัวเด่น ก็แค่เสื้อผ้าราคาแพงเท่านั้น หน้าตาเธอก็สวยไม่แพ้อีกฝ่าย เธอละสายตาจากพี่สาวและไม่ลืมหันไปมองปฐวีร์ที่ยืนอยู่เยื้องกันกำลังคุยกับเลขาของพ่อ เธอส่งเสียง หึ ออกมาเแล้วเลิกสนใจ

“อุ๊ย นั่นพี่เทวา” พิมพ์รตาและเพื่อนมองไปที่ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินมาพร้อมกับครอบครัว

“ใคร” พิมพ์รตาถามด้วยความสนใจ

“สุรัตนธรรมวรธิเบศน์”

“เจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ธนาคาร เครือข่ายมือถือ ......”

“ไม่ใช่แค่รวย หน้าตาก็ดีด้วย นี่รู้ไหมพี่เทวาเล่นกีฬาเก่งมากเลย”

“แล้วเธอไปรู้เรื่องของเขาได้ยังไง”

“ตามในโซเชียลเอฟสิจ๊ะ มีคนเข้าไปติดตามชีวิตเขาเยอะเลย เขาออกจะป๊อป อ้อ อีกอย่างเขายังโสดด้วยนะ”

“ฉันขอตัวนะ” พิมพ์รตาฟังเพื่อนพูดรู้สึกสนใจผู้ชายคนนั้นขึ้นมา

ทั้งสองมองตามพิมพ์รตาไป แล้วหันหน้ามามองหน้ากัน พวกเธอถูกทิ้ง

พิมพ์รตากลับมายืนรวมกับครอบครัว แต่สายตาเธอแอบชำเลืองมองผู้ชายตัวโตเป็นระยะ บางครั้งก็ส่งยิ้มหวานให้ ไม่ใช่แค่เธอที่กำลังมองอยู่คชาธรณ์เองก็มองตั้งแต่ที่เห็นผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาในงาน เขารอคอยให้ชายหนุ่มมองมาที่เขา แต่อีกฝ่ายกลับมองไปอีกทาง

“มองใครวะเทวา คนรู้จักเหรอ” ธนาถามน้องชายเห็นจ้องมาตั้งนาน

“อืม เพื่อนของรุ่นน้อง เคยได้ไปเที่ยวด้วยกันครั้งหนึ่ง”

“ไปเถอะพ่อแม่ไปโน่นแล้ว”

            แขกมาร่วมงานลงชื่อเข้างานเกือบครบแล้ว ที่นั่งแทบมองไม่เห็นที่ว่าง ถึงเวลาตามกำหนดการพิธีกรชายหญิงแต่งตัวสวยหล่อไม่แพ้แขกในงานออกมาทักทายทุกคน ทั้งสองเริ่มอ่านกำหนดการโดยคร่าว


******************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 12 [25/09/61]
«ตอบ #17 เมื่อ25-09-2018 11:55:59 »

ตอนที่ 12
[/size]



งานเริ่มมาได้ครึ่งชั่วโมงปฐีวีร์หาอะไรกินจนอิ่ม แล้วเปลี่ยนมาประจำด้านหลังเวทีกับทินกร คอยดูความเรียบร้อยดูเหมือนเขาไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ ทุกคนดูวุ่นวายเขาแค่ช่วยอะไรนิดหน่อย เสียงพิธีกรพูดคุยสลับกันบนเวที พูดถึงประวัติของ Agro Group ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงทุกวันนี้ พร้อมทั้งมีวิดีโอที่บอกเล่าเรื่องราว จากนั้นเป็นการแสดงเรียกน้ำย่อย ปฐวีร์รู้สึกอุดอู้อยากรู้ว่าข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่ เขาแง้มม่านออกไป มองจากตรงนี้ไม่รู้ว่าเพื่อนของเขานั่งตรงไหนกันบ้าง แต่เห็นแขกให้ความสนใจบนเวที เท่านี้ก็การันตีถึงความสำเร็จ เสียงปรบมือดังขึ้น นักแสดงส่วนหนึ่งทยอยวิ่งลงมา

“นักแสดงชุดหลักเตรียมตัวค่า” นักแสดงได้ยินเสียงเรียกจากทีมงาน ต่างวิ่งไปรวมตัวเตรียมความพร้อมซักซ้อมกันอีกครั้งก่อนขึ้นเวที

“ขอทางค่ะ ขอทาง” ทีมงานแหวกทางให้ ดารานักแสดงหนุ่มสาวมากฝีมือทั้งสองที่ถูกเชิญมาเป็น ตัวแสดงหลัก การแสดงเปิดตัวสินค้าตัวใหม่กำลังเริ่มขึ้น ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น

            ระหว่างรอพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการหลายคนเดินออกมาหาอะไรกิน เทวาเดินตักของกินสองสามอย่าง

“อันนี้ก็อร่อยนะคะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น เขาเงยหน้าจากถาดอาหาร มองอีกฝ่ายแต่จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเธอมาก่อน

“พิมพ์รตา วีรวัฒฑณกุลธรรมไพศาลทรัพย์ค่ะ”

“เทวาครับ” เขายิ้มให้แล้วกลับมาเดินเลือกอาหารต่อ

พิมพ์รตาหุบยิ้มทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจเธอ ไม่เป็นไรเธอปลอบใจตัวเอง กำลังจะชวนอีกฝ่ายคุยก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา แล้วทั้งสองก็เดินไป พิมพ์รตาเสียความมั่นใจเมื่อถูกเมิน ในงานคืนนี้หลายคนมองมาที่เธอ แต่ผู้ชายที่ชื่อเทวาทำไมถึงเมินเธอ

อีกด้านมีคนกำลังยืนหัวเราะชอบใจ

“หัวเราะอะไรพี่ธรณ์”

“เปล่า แค่เห็นคงหลงตัวเองถูกเมิน แล้วตลกดี” คณิตาร์มองไปที่พิมพ์รตาร์ยืนหน้าหน้ามุ่ย “ยัยนั่นกำลังจะอ่อยใครกัน”

คชาธรณ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ถึงเขาเห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้น “ใครสักคนที่ไม่โง่” ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจดี

            อีกคนที่เดินวุ่นไปทั่วงานตามหาปฐวีร์ ตั้งแต่เปิดงานจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเจอ พบเป้าหมายแล้วเธอก็เริ่มลงมือทันทีก่อนที่จะคลาดสายตา

            “น้อง ช่วยเอาเครื่องดื่มแก้วนี้ไปให้ผู้ชายคนนั้นที” ปิ่นอนงค์ชี้ไปชายหนุ่มสวมสูทยืนอยู่ข้างเวที เธอวางแก้วเครื่องดื่มดีกรีต่ำใส่ถาดให้พนักงานเสิร์ฟ พร้อมกับยัดเงินจำนวนหนึ่งให้

“ครับ” พนักงานเสิร์ฟเข้าใจรับเงินจำนวนนั้นมาด้วยความเต็มใจ แล้วรีบเดินตรงไปหาปฐวีร์ที่ยืนอยู่ข้างเวที

“เครื่องดื่มไหม ครับ” พนักงานเสิร์ฟถามปฐวีร์         

“อ้อ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มใจลอยดูการแสดงบนเวทีมองดูเครื่องดื่มหลายอย่างอยู่บนถาด ไม่รู้จะเลือกแก้วไหนดี

“แก้วนี้ดีกว่าครับ รสชาติไม่แรงเท่าไหร่” พนักงานเสิร์ฟเลื่อนแก้วเครื่องดื่มของปิ่นอนงค์ให้ แต่ปฐวีร์รู้สึกไม่ชอบสีของมัน

“ไม่เป็นไร ผมยังไม่ได้ดื่มแค่ถือไว้ให้ดูดีเท่านั้น”

เขาเลือกหยิบแก้วอีกใบที่อยู่ข้างกัน แล้วยืนดูการแสดงบนเวทีต่อ

พนักงานเสิร์ฟเดินกลับไปหาปิ่นอนงค์

“เป็นไงน้องเรียบร้อยรึเปล่า” ปิ่นอนงค์ถามทันทีที่พนักงานเสิร์ฟคนเดิมเดินกลับมา

“เอ่อ”

“พี่ขอเครื่องดื่มสักแก้วสิ เอาแก้วนี้แล้วกัน” เมื่องานที่ทำเรียบร้อยเธอก็อยากผ่อนคลายบ้าง เลือกหยิบเครื่องดื่มสักแก้ว มาดื่มฉลองให้ความสำเร็จ หน้าที่ของเธอตรงนี้หมดแล้ว ต่อจากนี้เป็นของคณิตาร์

“เอ่อ คือ..” พนักงานทำหน้าลำบากใจ

“ทำไมหวงรึไง” อะไรขอดื่มแค่แก้วเดียวคนอื่นยังดื่มได้ หรือเธอไม่ได้สวมเสื้อผ้าราคาแพงใส่เครื่องเพชรส่องแสงจนแสบตาพวกนั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ แต่..”

ปิ่นอนงค์ไม่ฟังเธอรีบดื่มจนหมด ไม่พอยังเทแก้วให้อีกฝ่ายดู ว่าไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ”ขอบใจนะ ไปละ”

พนักงานได้แต่ยืนน่าเศร้าที่บอกเธอไม่ทันว่าแก้วที่เธอดื่มเมื่อครู่เป็นแก้วที่เธอบอกให้เขาเอาไปให้ผู้ชายคนนั้น แต่ผู้ชายคนนั้นไม่รับ เขาเลยกลับมาบอกเธอ เธอกลับไม่ฟังเขาเลย

“เฮ้ย เป็นอะไรยืนทำน่าเศร้า โดนแขกด่ามาเหรอ” พนักงานเสิร์ฟอีกคนเดินเข้ามาทัก

“เปล่า” ชายหนุ่มถอนหายใจไม่รู้จะพูดยังไงดี ได้แต่ถอนหายใจแล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

            การแสดงเปิดตัวสินค้าใหม่บนเวทีจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือ เสียงแฟตเสียงชัตเตอร์รัวใส่ทันทีที่นักแสดงชื่อดังถือสินค้าออกมา ประธานของงานเดินขึ้นบนเวทีกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ปฐวีร์พรู่ลมหายใจอย่างโล่งอก แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นปิ่นอนงค์ที่อยู่ตรงทางเข้างาน เขารีบเดินตามไป

            ออกมาจากงาน ลงมาด้านล่างทะลุผ่านล๊อบบี้ไปจนถึงโถงทางเดิน หายไปไหนแล้วนะ เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายเดินมาทางนี้ กวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นด้านหน้าเคาน์เตอร์พนักงานกำลังต้อนรับแขก บริเวณโซนรับรองมีแขกหลายคนกำลังนั่งอยู่เตรียมเข้าพัก ห่างออกไปเป็นห้องอาหารได้ยินเสียงดนตรีแว่วมา

ตึ่ง ตึง ตึง อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ปฐวีร์ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า หน้าจอแสดงหมายเลขไม่คุ้น แต่ก็ยอมกดรับ ”สวัสดีครับ”

“พี่วีร์ นี่ตาร์เองนะคะ คณิตาร์”

ปฐวีร์ใช้เวลาสองสามนาทีในการประมวลผล จะมีคนที่เขารู้จักสักกี่คนกันที่มีชื่อนี้ “อ้อ ตาร์” ดูหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง เขาไม่ยักรู้ว่าเธอมีเบอร์ติดต่อของเขา ”มีอะไรรึเปล่า”

“เอ่อ ตาร์ลืมของไว้ที่ล๊อบบี้ พี่วีร์ช่วยเอามาให้ที่ห้องได้ไหมคะ”

“ที่ห้อง ห้องไหน”

“พอดีว่าตาร์เปิดห้องไว้แต่งตัวกับเพื่อนเพื่อนนะคะ และของที่ฝากไว้ค่อนข้างจำเป็น นะคะ ตาร์โทรหาใครก็ไม่มีใครรับสักคน” น้ำเสียงเธอทั้งกังวลทั้งร้อนรน

“อือ รออยู่นั่นแหละเดี๋ยวพี่ไป” ปฐวีร์รับปากไปอย่างนั้นเพื่อตัดรำคาญ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่วางสายแน่นอน

“ขอบคุณนะคะ” คณิตาร์กดวางสายแล้วยิ้มทันทีแผนของเธอสำเร็จไปอีกขั้น

งานเลี้ยงผ่านไปได้ด้วยดี สินค้าได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี หลังจากพิธีเปิดงาน ประธานเชิญแขกที่มาร่วมงานชมบู๊ทด้านข้างเพื่อชมสินค้าของตัวใหม่

“นั่นยัยคณิตาร์กำลังทำอะไร ท่าทางดูลับ ๆ ล่อ ๆ”

“ยัยนั่นสติไม่ค่อยดีเท่าไหร่อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่วีร์ไปไหนแล้ว”

“คงวิ่งช่วยงานอยู่แถวนี้แหละ”

ทั้งสามมองหาเพื่อนไม่เห็นก็เข้าไปดูบู๊ทในงานเหมือนคนอื่น

            ปฐวีร์ยังกวาดสายตามองหาปิ่นอนงค์ เขารู้สึกทุกอย่างแปลกตั้งแต่ที่เห็นปิ่นอนงค์มาโผล่ในงาน แล้วนี่คณิตตาร์ยังโทรบอกให้เอาของไปให้ที่ห้อง เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนบังเอิญ แต่พอคิดถึงสิ่งที่ปรากฏในความฝันแล้วเขาก็คิดอะไรได้ “คณิตตาร์ ปิ่นอนงค์ ห้องนอน” ถ้าเขาเข้าใจไม่ผิดคนแปลกหน้าคงจะรออยู่บนห้องนั่นแล้ว

“คุณ คุณ”

“เธอเป็นอะไรไป เมารึเปล่า” เสียงคนคุยกันดังมาอีกทาง เขามองไปที่มุมมุมหนึ่งของโรงแรมเห็นคนสามสี่คนเหมือนกำลังมุงดูอะไร เขารีบเดินตรงเข้าไปดูเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งหลับตาอยู่บนโซฟา มีผู้หญิงอีกคนสวมชุดพนักงานโรงแรมนั่งข้าง ๆ กำลังเรียกเธอ และใช้ยาดมจ่อที่จมูก ส่วนคนที่ยืนอยู่ใช้หนังสือพัดให้เธอ

”ปิ่นอนงค์” ทันทีที่เห็นหน้าชัดเขาเรียกชื่อผู้หญิงที่ไม่ได้สติคนนั้น

“คุณรู้จักเธอหรือคะ” ทุกคนมองมาที่ปฐวีร์

“คะ..ครับ เพื่อนผมเอง เรามาด้วยกัน พวกเรากำลังตามหาเธออยู่พอดี” เขาไม่ได้โกหก เขากำลังตามเธอจริง ๆ แต่ทำไมเธอถึงอยู่ในสภาพนี้

“ดีเลยค่ะ ฉันเห็นเธอเดินมาอยู่ดี ๆ ก็เป็นลมหมดสติไป บนตัวเธอมีกลิ่นแอลกอฮอล์ด้วย”

ฟังจากที่พนักงานสาวบอกไม่น่าจะใช่อาการของคนเมา แต่อะไรที่ทำให้เธอมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น “เธอคงจะเมา ขอบคุณครับ” เขาจ้องหน้าเธอเหมือนไม่ใช่ลักษณะของการแกล้ง แล้วในหัวก็ความคิดดี ๆ ขึ้นมา ถ้าคณิตตาร์ต้องการให้เขาขึ้นไปบนห้อง เขาจะขึ้นไป แต่ถ้าคนอยู่ในห้องเป็นคนอื่นล่ะ ริมฝีปากบางปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นแล้วกลับเป็นปกติจนไม่มีใครสังเกตเห็น ”เดี๋ยวผมให้คนพากลับห้องเอง” ทุกคนได้ยินแล้วต่างโล่งอกและพากันแยกย้าย

จากนั้นปฐวีร์ไปรับของที่เคาร์เตอร์ เป็นถุงกระดาษและกุญแจห้องพัก รับกุญแจมาไว้ในมือ เมื่อไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างถ้าต้องขึ้นไป เขารู้สึกเป็นกังวลยังไงบอกไม่ถูก เขาขอให้พนักงานหาคนสักสองคนช่วยพยุงปิ่นอนงค์ตามเขาขึ้นไปข้างบน ขึ้นลิฟต์กดหมายเลขขึ้นไปชั้นบน

พนักงานชายทั้งสองแบกคนไม่ได้สติอย่างทุลักทุเล ระหว่างนั้นปฐวีร์ไม่ลืมสังเกตรอบตัวไปด้วย มันค่อนข้างเสี่ยงแต่มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เขามีทางเลือกไม่มาก เลยเลือกที่จะเดินหน้าเผชิญกับมัน คาดเดาผลที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเครียด จนเหงื่อบนฝ่ามือซึมออกมา ถ้าคืนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเขาจริง เขาจะเปลี่ยนให้คนอื่นรับทุกอย่างไป คิดแล้วก็มองไปที่ปิ่นอนงค์ในสภาพไม่ได้สติ ขอบคุณนะปิ่นอนงค์ที่ช่วยรับเรื่องคืนนี้ไป

งานเลี้ยงที่ทุกคนช่วยกันเตรียมมานานหลายเดือนจบลงแล้ว หลายคนถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง พรุ่งนี้วันหยุดพวกเขาจะนอนตื่นสายโด่ง แขกทยอยกลับกันหมดแล้ว พนักงานโรงแรมกำลังช่วยกันเก็บของ อาหารของว่างที่เหลือกำลังห่อให้เจ้าภาพ

“มีใครเห็นเจ้าวีร์บ้าง”

“ไม่เห็นพี่กร”

“สงสัยคงกลับไปแล้วมั้ง เห็นน้องบอกว่าเพลียนอนดึกมาหลายวันแล้ว”

“ปล่อยน้องมันไปเถอะพี่ มันช่วยทำงานดึกมาหลายวันแล้ว ไม่งั้นก็ลองโทรหา”

“เออ” ทินกรเลื่อนรายชื่อแล้วกดโทรออก กดออกสองสามครั้งแต่ไม่มีคนรับ หรือจะหลับไปแล้ว เขาเลิกโทรออกกลัวว่าจะรบกวนอีกฝ่าย แล้วเข้าไปคุยกับคนที่ยังอยู่ “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวพี่จะอยู่เก็บตกเอง พวกแกก็กลับไปพักได้ ส่วนเรื่องเลี้ยงนอกรอบค่อยคุยกัน” พนักงานทุกคนต่างยิ้มดีใจกับคำว่าเลี้ยง อย่างนี้สิมันถึงคุ้มกับที่พวกเขาทำงานอย่างถวายหัว

แก๊ก เสียงเปิดประตูห้อง ไฟในห้องสว่างขึ้นทันที เขากวาดสายตาดูข้างในทุกอย่างดูเรียบร้อย จากนั้นโทรหาคณิตตาร์

”พี่มาถึงแล้ว”

“พี่วีร์นั่งรออยู่ในห้องก่อน ตาร์อยู่ห้องข้าง ๆ นี่เองเดี๋ยวไป”

“ได้ พี่จะรอ”

วางสายแล้วเขาให้พนักงานทั้งสองพาคนไม่ได้สติไปนอนบนโซฟา ตั้งแต่ที่เขาเห็นเธอเดินออกมาจากงานเลี้ยงระยะเวลาห่างกันไม่เท่าไหร่ พอมาเจอเธออีกทีก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว เธอดื่มอะไรเข้าไปถึงทำให้ไม่ได้สติขนาดนี้ สภาพเหมือนถูกวางยา แล้วเขาก็นึกถึงพนักงานเสิร์ฟที่พยายามหยิบเครื่องดื่มอีกแก้วให้ แต่เขาไม่สนใจ ถ้าเป็นจริงอย่างที่คิด ถ้าเขาเป็นคนดื่มเข้าไปก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเธอ เขามองพนักงานทั้งสองช่วยจัดให้เธอนอนสบาย อยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดหัว รู้สึกปวดแรงขึ้นจนต้องใช้มือข้างหนึ่งกุมไว้ เขาหรี่ตาลงและน้ำตาคลอเพราะความทรมาน เขากัดฟันอดทนกับอาการปวดหัวที่อยู่ดี ๆ ก็เกิดขึ้น แล้วภาพรางเลือนก็ปรากฏขึ้นมา ประตูห้องเปิดออกชายฉกรรจ์สี่คนเดินเข้ามา เขาเบิกตากว้างลืมอาการปวดหัวไปชั่วครู่ เมื่อพวกมันเดินตรงเข้ามา เขาพยายามเดินถอยหลัง แต่พวกมันกลับเดินทะลุผ่านร่างเขาไป เขามองตามหลังพวกมันที่เข้าไปในห้องนอนด้วยความสงสัย เขารีบเดินตามไปเห็นตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง นี่มันเรื่องบ้าอะไรตอนนี้เขากำลังตื่นอยู่หรือกำลังฝันกันแน่ อยู่ ๆ อาการปวดหัวรุนแรงขึ้นเหมือนเป็นคำตอบว่าเขาไม่ได้ฝัน ชายฉกรรจ์ทั้งสี่ปีนขึ้นเตียงข่มขืนเขา เขาอยากตะโกนเรียกให้ตัวเองตื่นขึ้นมา แต่อาการปวดทำให้ไม่สามารถอ้าปากพูดอะไรได้ แล้วภาพทุกอย่างก็หายไป เสียงคนคุยกันดังขึ้นด้านนอกเขารีบวิ่งออกมาดูเห็นคณิตตาร์ พิศนภาและปิ่นอนงค์กำลังหัวเราะเสียงดัง

พนักงานทั้งสองมองปฐวีร์ด้วยความแปลกใจ ”นั่นเขาเป็นอะไรของเขาวิ่งไปวิ่งมา แล้วยังเอามือกุมหัวไว้ตลอด” ทั้งสองเห็นปฐวีร์กำลังมองไปที่ประตูสลับกับมองไปที่ห้องนอน มองอยู่นานจนทั้งสองรู้สึกกลัวขึ้นมา

“อ้าว แล้วนั่นวิ่งออกจากห้องไปแล้ว”

“เขาคงลืมของมั้ง งานเราเรียบร้อยแล้วกลับเถอะ รู้สึกห้องนี้น่ากลัวยังไงไม่รู้”

“เออ วันนี้เจอแต่แขกแปลก ๆ”   

            อาการปวดหัวเมื่อครู่ค่อย ๆ ดีขึ้นทันทีที่ออกห่างจากห้องนั้น เขาวิ่งไปที่ลิฟต์ ความรู้สึกคอยเตือนให้เขาออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด กดปุ่มเรียกลิฟต์ซ้ำ ๆ ย้ำสองสามครั้งประตูก็เปิด เขารีบเข้าไปข้างในกดหมายเลขลงไปชั้นล่างสุด ถอยหลังไปยืนพิงกับผนังลิฟต์ ตอนนี้เขาแทบไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ เห็นฝันร้ายกับตาตัวเองชัดเจนจนร่างกายอดสั่นกลัวไม่ได้ บนหน้าผากแผ่นหลังและฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้เขาอยากออกไปจากที่นี่แล้ว ที่นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดเขารีบเดินออกมา เขาต้องไปจากที่นี่ ต้องไปจากที่นี่ในหัวท่องคำนี้ซ้ำไปซ้ำมา พยายามลากสังขารตัวเองไปตามทางเดิน สายตาเริ่มพร่ามัวสติสัมปชัญญะเริ่มลดลง เขาไม่ทันระวังทำให้ชนกับใครสักคนเข้า “โอ๊ะ ขอโท....” ยังพูดไม่ทันจบเสียงเขาขาดหายไป พร้อมกับภาพตรงหน้าก็ค่อย ๆ เลือนรางแล้วดับวูบลง

********************************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #18 เมื่อ25-09-2018 11:58:14 »


ตอนที่ 13
[/size]



ภาพสุดท้ายค่อย ๆ เลือนรางลง ออกไปจากที่นี่ ที่นี่อันตราย จิตใต้สำนึกยังบอกอย่างนั้น ก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าจะเปลี่ยนเป็นมืดสนิทและร่างกายไม่รับรู้อะไร แล้วเขาก็ฝัน ภาพความฝันที่เห็นมาหลายวันก็ไม่มี นั่นแสดงว่าเขาสามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ แต่แล้วสุดท้ายก็เห็นภาพความตายตัวเองอีกครั้ง

พรึบ ปฐวีร์ลืมตาขึ้น เขาหอบหายใจ มองเพดานสูง นี่เขาอยู่ที่ไหน หันไปด้านข้างมีผู้ชายคนหนึ่งนอนกอดเขาอยู่ “เฮ้ย” รู้สึกตกใจจนกระเด้งตัวขึ้น กระเถิบห่างจนไปอยู่ที่ขอบเตียง จากนั้นกวาดสายตาไปทั่วห้อง นี่ไม่ใช่ห้องเขาแล้วมันห้องใคร เขามาอยู่ที่ได้ไง แล้วยังมานอนบนเตียงกับใครก็ไม่รู้ เขาเริ่มสำรวจร่างกายมีแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวตัวเดิม ร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ เขาคงไม่ถูกทำอะไรบ้า ๆ ใช่ไหม นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ผู้ชายด้วยกัน สลัดความคิดบ้า ๆ ออกจากหัว แล้วหันไปมองคนข้าง ๆ ยังนอนหลับสบาย คลานเข้าไปใกล้จ้องใบหน้าซีกหนึ่ง ”เทวา” เขาเรียกชื่อคนที่กำลังนอนอยู่ ทำไมถึงเป็นเขาได้ ในหัวมีคำถามผุดขึ้นมามากมาย ความทรงจำครั้งสุดท้าย เขารีบลงจากห้องนั้นแล้วชนกับใครเข้าสักคน จากนั้นทุกอย่างก็ค่อย ๆ เลือนรางและดับวูบ จนตื่นมาอีกทีอยู่ที่นี่แล้ว อย่าบอกนะว่าคนที่เขาชนเข้าก็คือเทวา

            แสงแรกของวันวิ่งไล่ความมืดให้ไปจากเมืองหลวง ไฟอัตโนมัติบนถนนสายหลักค่อย ๆ ปิดลงทีละหลอด พระอาทิตย์ยิ้มหวานโผล่หน้าออกมาจากหลังตึกสูง ปฐวีร์กอดอกมองออกไปข้างนอก เขากำลังทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน รวมไปถึงอาการที่ปวดหัวรุนแรงไม่รู้สาเหตุแล้วอยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เขาพยายามหาคำตอบว่าภาพพวกนั้นเกิดขึ้นได้ยังไงหรือเป็นเพราะเขาปราสาทหลอน แต่นี่มันไม่ใช่ครั้งแรก นอกจากเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์นิดหน่อยแก้วเดียวนั้น อาหารอย่างอื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา ช่วงนี้รู้สึกว่าเขาแปลกไปหลายอย่าง ขอร้องเถอะช่วยอย่าแปลกไปกว่านี้เลย

เมื่อคืนเขายังโชคดีที่เทวาเป็นคนมาพบ แล้วพากลับมาที่ห้อง กวาดสายตามองห้องพักที่ตกแต่งเรียบง่ายมีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น ห้องนั่งเล่นกว้างกว่าห้องเขามาก ห้องนี้ท่าทางจะแพงน่าดู เขานั่งลงบนโซฟาสีเข้มตัวโตและนุ่ม แล้วประตูห้องนอนก็เปิดออก

“ตื่นแล้วหรือ” เจ้าของห้องเดินหาว หัวฟูไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่ม

“ครับ” ปฐวีร์รู้สึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเป็นกันเองกว่าที่คิด “เมื่อคืนพี่เทวาพาผมกลับมาที่ห้องหรือครับ” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“อืม จะปล่อยให้นอนข้างถนนก็สงสาร”

ปฐวีร์ได้ยินคำตอบแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นี่สภาพเมื่อคืนเขาดูน่าสงสารขนาดนั้นเลย “ขอบคุณครับที่ไม่ทำอย่างนั้น” เขายิ้มแห้งรู้สึกเกรงใจเมื่อคิดว่าตัวเองเป็นภาระให้อีกฝ่ายแบกมาที่นี่ แถมยังให้ที่นอนอีก

“แล้วเกิดอะไรขึ้น” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย

“สงสัยคงพักผ่อนไม่เพียงพอ” ปฐวีร์ตอบโดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย เทวาเห็นอีกฝ่ายไม่อยากพูดถึงเขาก็ไม่อยากบังคับพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“งานเมื่อคืนออกมาดีทีเดียว” เทวามองคนที่ละเมอพูดไม่รู้เรื่อง นอนกระสับกระส่ายเหมือนฝันร้ายเกือบทั้งคืน สีหน้าตอนนั้นเหมือนกำลังทรมาน พอตื่นเช้ามากลับเป็นคนละคน เมื่อคืนเขาแยกกับที่บ้านจะกลับมาค้างที่คอนโดมิเนียม ระหว่างทางจะไปที่รถแล้วก็มีคนเดินเข้ามาชน จากนั้นก็หมดสติไป เล่นเอาเขาตกใจแทบแย่ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น แถมปากยังพึมพำพูดอะไรไม่รู้เรื่อง พอมองหน้าให้ชัดถึงได้รู้ว่าเป็นปฐวีร์ เขาพยายามจะโทรติดต่อภฤดลแต่ก็ไม่มีคนรับ หันไปมองรอบ ๆ ก็ไม่มีใคร จะทิ้งไว้ที่นั่นก็ดูจะใจร้ายเกินไปจึงได้ตัดสินใจแบกขึ้นรถกลับมาที่คอนโดมิเนียมด้วย

“ที่นี่ที่ไหนครับ”

“ห้องพี่เอง”

“ครับ” ตอบเหมือนไม่ตอบ เขาก็ขี้เกียจจะถามต่อ ”ว่าแต่มีอะไรกินบ้างผมหิวแล้ว” เขาลูบท้องแบน ถามหาของกินอย่างไม่เกรงใจ

“เสียใจด้วย ดูเหมือนจะไม่มี”

“เอางี้แล้วกัน ผมจะช่วยทำมื้อเช้าให้เป็นการขอบคุณที่ให้ที่นอนกับผม” ตอบแทนอีกฝ่ายด้วยการทำอาหารให้กินสักมื้อดูยังไงก็คุ้ม

“แน่ใจว่าทำเป็น และกินได้” เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ

“เชื่อมือผมได้เลย” อะไร ทำเป็น กินได้ เขาดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยรึไง เดี๋ยวให้ได้ลองกินก่อนเถอะ กับข้าวฝีมือเขาอร่อยจนเชฟต้องยกนิ้วให้เชียวนะ

            จากนั้นเขาก็ถามหาซุปเปอร์มาเก็ตหรือร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุด เทวาบอกใกล้ ๆ นี้มีทุกอย่างที่ต้องการ เขากลับเข้าห้องขอยืมเสื้อผ้าจากให้เจ้าของห้อง สวมแล้วรู้สึกไม่ค่อยพอดีตัวยังไงไม่รู้ แต่กว่าดีกว่าสวมชุดเดิมในสภาพยับยู่ยี่ออกจากห้อง หยิบกระเป๋าตังค์แล้วลงไปข้างล่าง มาถึงชั้นล่างก็ต้องแปลกใจที่นี่คือคอนโดมิเนียมที่เขาพัก แต่ห้องที่เขานอนเมื่อคืนอยู่ชั้นบนสุด เคยได้ยินพนักงานบอกว่าเป็นห้องของเจ้าของที่นี่ เขารีบไปตลาดสดแถวนี้ เคยไปครั้งสองครั้ง ว่าแต่เขาลืมถามเจ้าของห้องไปว่าเขาอยากกินอะไร ช่างเถอะทำอะไรง่าย ๆ แล้วกัน

            ตลาดสดขนาดเล็กใกล้ชุมชนตอนเช้ากำลังคึกคัก โดยเฉพาะเช้าวันหยุด เขาใช้เวลาเดินเลือกซื้อของในตลาดสดไปเกือบครึ่งชั่วโมง ต่อจากนั้นแวะไปเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้ออะไรเพิ่มอีกสองสามอย่าง สำรวจของในมืออีกครั้งว่าไม่มีอะไรขาด จากนั้นเขาแวะที่ห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าประมาณสิบห้านาที

            ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเขากลับมาถึงห้อง กดออดเรียกเจ้าของห้อง

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ” เทวาเห็นอีกฝ่ายถือของมาเยอะแยะเหมือนจะทำเลี้ยงคนทั้งคอนโดมิเนียม

“พอดีว่าหิว เลยซื้อเพลินรู้ตัวอีกทีก็เต็มมือแล้ว ผมว่าจะทำข้าวต้มทรงเครื่องพี่กินได้ไหม”

“อืม” เทวาพยักหน้า เขาไม่ใช่คนเรื่องมาก “แล้วนั่นกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาด้วย” เห็นอีกฝ่ายเปลี่ยนชุดใหม่ ปลายผมยังชื้นและได้กลิ่นครีมอาบน้ำ

“ครับ พอดีห้องผมอยู่ข้างล่างนี่เอง ”

“อ้อ” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ในความบังเอิญ ไม่ยักรู้มาก่อน “ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกแล้วกัน” เทวากอดอกพิงประตูมองท่าทางคล่องแคล่วอีกฝ่าย ปฐวีร์ไม่เกรงใจเมื่ออีกฝ่ายเสนอตัวเขาก็ส่งกะละมังใบหนึ่งและมีผักอยู่ในนั้นให้ “ช่วยกันครับจะได้กินเร็วขึ้น” เทวายิ้มไม่นึกว่าอีกฝ่ายใช้ตัวเองจริง รับกะละมังมาแล้วตรงไปที่อ่างล้างจาน ล้างผักด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ

            น้ำซุปกำลังเดือดปุดในหม้อ ทุกอย่างสุกได้ที่ ข้าวต้มทรงเครื่องแบบเร่งด่วนเฉพาะกิจก็เรียบร้อย มันถูกตักใส่ถ้วยทั้งสอง ไข้ต้มฝ่าซีก หมูทอดกระเทียม หมูยอหั่นเป็นแว่นถูกวางบนถ้วยแล้วสุดท้ายโรยด้วยผักชีต้นหอมซอยและกระเทียมเจียว

“เรียบร้อยครับ กินได้” ปฐวีร์วางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ   เทวาหยิบช้อนขึ้นด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่กลิ่นหอมก็ทำให้เขายอมตักข้าวต้มในถ้วยขึ้นมาชิม

“อืม อร่อย” พ่อครัวจำเป็นยิ้มกว้างกับคำชม มื้อเช้ากับคนที่พึ่งรู้จักกัน ทั้งสองนั่งกินมื้อเช้าเงียบ ๆ แต่แทนที่จะรู้สึกอึดอัด บรรยากาศกลับรู้สึกสบายใจกว่ากินข้าวพร้อมกับที่บ้านซะอีก หลังมื้อเช้าทั้งสองช่วยเก็บครัว จากนั้นปฐวีร์ขอตัวกลับห้อง ไม่อยากรบกวนเจ้าของห้อง เขาอยากกลับไปนอน ทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ วันหยุดทั้งทีอยากกลับไปนอนสบายบนเตียง แล้วตื่นขึ้นมาอ่านนิยาย อ่านมังงะ ดูโทรทัศน์มากกว่า

            กลับมาถึงห้อง รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มีกลิ่นอาหาร แล้วกระโดดขึ้นเตียงเริ่มคิดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เหมือนมีข้อสงสัยหลายอย่างต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาออกมาจากที่นั่น แล้วคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างปิ่นอนงค์ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง จะให้กลับไปที่นั่นคงไม่มีทาง ในเมื่อทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เขาตัดสินใจลืมทุกอย่างแล้วหลับตาพักผ่อน

            ในห้องพักของโรงแรม คณิตาร์ยังนอนหลับสนิทบนโซฟา เมื่อคืนเธอนั่งรอปิ่นอนงค์กลับมา รอโทรศัพท์ติดต่อกลับมา จนเข้าสู่วันใหม่ เธอรอไม่ไหวจนหลับไป

ติ๊ด ดี ครืน ติ๊ด ดี ครืน เสียงโทรศัพท์อยู่บนโต๊ะดังขึ้น คนเพิ่งหลับไปไม่กี่ชั่วโมงสะดุ้งตื่น เหลียวมองหาที่มาของเสียง

”ฮาโหล” เสียงพี่ชายฝาแฝดลอดปลายสายมา ถามว่าอยู่ที่ไหน คณิตตาร์หายง่วงทันทีเมื่อจำได้ว่าเธอไม่ได้อยู่บ้าน จนตอนนี้ไม่รู้กี่โมงกี่ยามแล้ว

“ตาร์ อยู่กับเพื่อนเดี๋ยวกลับ บอกแม่ด้วยไม่ต้องเป็นห่วง” วางสายไปแล้ว เธอมองดูเวลาบนหน้าจอ “สายป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย” ทำเธอยังไม่เห็นปิ่นอนงค์ เลื่อนโทรศัพท์ดูบันทึกโทรเข้าล่าสุดก็ไม่มี มันเกิดอะไรขึ้น เธอรีบออกจากห้องตรงไปที่ห้องข้าง ๆ ใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป

            สำรวจในห้องเหมือนไม่มีคนเข้ามา เดินตรงไปที่ห้องนอนเรียบร้อย ทำไมทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้  หรือปิ่นอนงค์หักหลังเธอ ไม่น่าจะเป็นไปได้ คณิตตาร์เลื่อนโทรศัพท์กดโทรออกหาปิ่นอนงค์

“หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถ......ตืด ตืด” โทรซ้ำสองสามครั้งก็เป็นแบบเดิม เธอเปลี่ยนเป็นติดต่อไปหาพิศนภา

“อะไรนะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหมายความว่ายังไง” ปลายสายตกใจและร้อนใจ

“ฉันก็ไม่รู้ นี่รอยัยปิ่นมาทั้งคืนยังไม่ได้นอนเลย โทรหาก็ปิดเครื่อง”

“ช่างเถอะ เจอกันแล้วค่อยว่ากัน”

พิศนภาวางสายแล้วแทบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง มันเรื่องบ้าอะไร แทนที่ตื่นเช้าเธอจะได้รับข่าวดี กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ปฐวีร์ดวงดีหรือคนของเธอทำงานไม่ได้เรื่องกันแน่ นี่มันครั้งที่สองแล้วที่แผนของเธอล้มเหลว นี่กำหนดการเดินทางของเธอก็ใกล้เข้ามาแล้ว

            ศาลาหลบร้อนในสวนของบ้านใหญ่ คุณนายรองและพิมพ์รตากำลังนั่งเล่นใช้เวลาส่วนตัวอัปเดตข่าวสาร สลับกับจิบเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและของว่างน้ำตาลน้อย ภาพข่าวงานเปิดผลิตภัณฑ์ของเครือ Agro Group ปรากฏบนหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในเช้านี้ คุณนายรองกำลังนั่งอ่านข่าว แล้วดูรูปถ่ายที่มีเธอปรากฏอยู่ในนั้น

“คุณแม่สวยมากเลยนะคะ เสื้อผ้าหน้าผมเฟอเฟคมาก”

ถูกลูกสาวชมเธออารมณ์ดี ยิ้มแทบหุบไม่ลง

รถแท็กซี่ชะลอจอดหน้ารั้วสูง คณิตตาร์ลงจากรถเดินเข้ามาในบ้านเดินผ่านสวน เห็นคุณนายรองกับพิมพ์รตานั่งสบายใจในศาลา เธอรู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นไปอีก กลัวทั้งสองจะเห็นเธอเดินหลบไปอีกทาง

ส่วนพลพัฒน์เดินรีบเร่งออกจากบ้านตรงไปที่โรงจอดรถหลังจากได้รับโทรศัพท์

“นั่นตาพลจะออกไปไหน” เธอชะเง้อมองลูกชายที่วันหยุดไม่ยอมอยู่ติดบ้าน

“ไปหาแฟนมั้งคะ” เธอพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ฮือ ตาพลมีแฟนแล้วเหรอ มีตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมแม่ไม่รู้” เธอร้อนใจขึ้นมา

“โถ่! คุณแม่ พี่พลโตแล้วนะคะ จะมีแฟนก็ไม่เห็นจะแปลก ไม่มีสิแปลก” พี่ชายหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ซะหน่อย

“แม่ไม่ได้ห้ามหรอกนะเรื่องที่จะมีแฟน แต่แม่กลัวพี่ชายลูกจะไปคว้าผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มา ลูกก็เหมือนกันจะรักจะชอบใครก็ต้องดูให้ดี” เธอเป็นห่วงลูกชายแล้วเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้

อ้าว พูดถึงพี่ชายเธออยู่ดี ๆ ไหนกลายเป็นเรื่องของเธอซะได้ นิ้วเรียวเลื่อนภาพถ่ายบนหน้าจอโทรศัพท์แล้วก็หยุดลง สายตาจ้องผู้ชายอยู่ในรูป เธอเจอแล้วคนที่เหมาะกับเธอ

            “กรี๊ด......” เสียงกรีดร้องดังทั่วห้องน้ำปิ่นอนงค์นั่งอยู่ใต้ฝักบัว เธอใช้มือถูลบร่องรอยอยู่ตามเนื้อตัวจนแดงไปหมด พร้อมกับร้องไห้สะอื้นไปด้วย “ฮึก ฮึก ฮือ” เรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เธอตื่นขึ้นมาร่างกายบริเวณด้านล่างเต็มไปด้วยคราบน้ำคาว ขยับตัวแล้วรู้สึกเจ็บปวดไปหมด เธอทั้งตกใจและแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ กวาดสายตาไปรอบไม่มีใครอยู่สักคน เธอรีบแต่งตัวออกมาจากที่นั่น ทันทีที่ปิดประตูลงทำให้เธอรู้ว่ามันเป็นห้องเธอที่ไม่ควรจะอยู่ เธอกัดฟันลากสังขารออกมา ไม่ลืมแจ้งให้พนักงานเข้าไปทำความสะอาด เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น

“กรี๊ด...” เธอกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวล้างทุกอย่างออก แต่ก็ทำไม่ได้เธอนั่งอยู่ตรงนี้มาหลายชั่วโมง ก็ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น สุดท้ายเธอเลือกที่จะยอมแพ้เปลี่ยนเสื้อผ้า กินยานอนหลับแล้วปีนขึ้นเตียงร่างกายเหนื่อยล้าบวกกับฤทธิ์ยาทำให้เธอหลับไปในที่สุด

*****************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #19 เมื่อ25-09-2018 13:15:28 »

 :m31:แต่ละคนนิสัยแย่มากสงสารนายเอกจังเจอแต่พวกกัดไม่ปล่อย มาต่ออีกไวๆนะรออ่าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
« ตอบ #19 เมื่อ: 25-09-2018 13:15:28 »





ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #20 เมื่อ25-09-2018 13:56:39 »

สนุกค่ะ ลุ่นมากๆ ตามต่อนะคะอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นวีย์จะรอดปลอดภัยไหม

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #21 เมื่อ25-09-2018 19:44:59 »

 :L1:

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #22 เมื่อ27-09-2018 12:30:26 »

ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 13 [25/09/61]
«ตอบ #23 เมื่อ27-09-2018 18:23:33 »

ตอนที่ 14
[/size]



บ่ายปลายสัปดาห์นักศึกษากำลังนั่งเรียนในห้องอย่างตั้งใจ เปิดเรียนมาได้สักระยะภาคเรียนแรกกำลังจะผ่านไป อีกไม่ถึงสามสัปดาห์ฤดูการสอบกำลังจะมาถึง ทุกคนจึงตั้งใจเป็นพิเศษ เพราะเกรดเฉลี่ยที่ออกมาเป็นตัวตัดสินอนาคตของพวกเขา อาจารย์เลื่อนเปลี่ยนสไลด์หลังจากสอนเนื้อหาบางส่วนเสร็จ นักศึกษารีบโน้ตย่อใจความสำคัญ

            หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป นักศึกษาทยอยออกห้อง ปฐวีร์และเพื่อนเดินตามกันออกมาจากห้องคุยกันว่าไปที่ไหนกันต่อ อยู่ ๆ ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เขาเห็นเบอร์แปลกพอกดรับก็ต้องแปลกใจกว่าเดิม

            “สวัสดีครับ”

”นี่พี่เทวานะ”

“อ้อ ครับ”

“เสื้อสูทที่ลืมไว้ที่ห้อง ส่งซักแล้วอย่าลืมมาเอา”

“ครับ ลืมไปเลย เดี๋ยวตอนเย็นผมจะขึ้นไปเอา”

“อืม ตอนเย็นมากินข้าวด้วยกันไหม”

“นั่นแน่ ติดใจฝีมือผมละสิ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะทำอย่างอื่นให้ลองกิน ที่ห้องผมดีไหมครับ”

“แล้วเจอกัน”

เทวาวางโทรศัพท์ไปแล้วเสียงน่ารำคาญอยู่ข้าง ๆ ก็ดังขึ้น ”แกชวนใครไปกินข้าวด้วยวะ” ยุทธจักรที่นั่งข้าง ๆ ตั้งใจแอบฟังเพื่อนคุยโทรศัพท์มาตั้งแต่แรกถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“สาวที่ไหน คือคนที่โชคดีคนนั้น”

“แล้วที่บอกว่าส่งเสื้อซักให้แล้ว ให้มาเอาที่ห้องมันหมายความว่ายังไง”

ทุกคนต่างยิงคำถามใส่เทวาไม่หยุด เพิ่งจะคยได้ยินเพื่อนชวนใครสักคนมากินข้าวที่ห้อง ปกติเทวาไม่ไปกินข้าวกับใครอื่นที่ไหนนอกจากเพื่อน แล้วยังส่งเสื้อผ้าซักอะไรนั่นอีก ชวนให้พวกเขาคิดไปไกลถึงไหนต่อไหน

“นี่พวกแกไม่รู้จักคำว่ามารยาทรึไง” แค่เขาโทรชวนเพื่อนรุ่นน้องกินข้าวนี่มันแปลกนักรึไง แค่อีกฝ่ายทำกับข้าวอร่อย แล้วยังอยู่คอนโดมิเนียมเดียวกันก็เท่านั้น

“ไม่รู้จัก เป็นคนหน้าด้าน บอกได้ยังว่าใคร”

“อยากรู้” ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน ต่างไม่ยอมแพ้ เทวาหน้าดำขึ้นมาไม่นึกว่าเพื่อนที่คบกันมาหลายปีจะเป็นแบบนี้ “พวกแกดูปากฉัน ไม่-บอก-เว้ย” เทวาบอกเพื่อนแล้วลุกจากโต๊ะ ทุกคนทำหน้าผิดหวังที่ล้วงความลับจากเพื่อนไม่ได้

“ฉันต้องลวงความลับของมันให้ได้” ยุทธจักรทำหน้าตามุ่งมั่น

“เฮ้ย มันหนีไปโน่นแล้ว” เห็นเทวาเดินไปไกลทั้งสามคนวิ่งตามไป   

             กับข้าวจานสุดท้ายวางลงบนโต๊ะ พ่อครัวสุดหล่อยืนชื่นชมผลงานของตัวเองพร้อมกับปาดเหงื่อด้วยความภูมิใจ

ออด ออด เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ปฐวีร์รีบวิ่งที่ประตู เปิดประตูออกเห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนถือของเต็มไม้เต็มมือ

“มาพอดีเลครับ ขอโทษด้วยที่ต้องให้เอาเสื้อลงมาให้” เขาเกรงใจที่ต้องรบกวนอีกฝ่ายบ่อยครั้ง

”ผมเพิ่งทำมื้อเย็นเสร็จ เชิญครับ”

“รบกวนด้วยนะ นี่เสื้อที่ลืมไว้ ส่วนนี่ขนมเอามาฝาก”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรแลกกับอาหารมื้อเย็น” เขาเบื่อกับข้าวตามสั่งแถวมหาวิทยาลัยแล้ว อาหารญี่ปุ่นก็เหมือนกัน จะกลับบ้านเพราะไปกินข้าวฝีมือแม่นั่นก็รังเกียจรถติด ในเมื่อมีคนเพิ่งพาได้แค่ส่งเสื้อไปซักแล้วเอามาให้แค่นี้ไม่ได้หนักอะไร

“ครับ” ปฐวีร์พาแขกไปนั่งรอที่โซฟาเปิดโทรทัศน์ให้ดู เอาเสื้อเข้าไปเก็บในห้อง

เทวาทำหน้าที่แขกที่ดีนั่งเรียบร้อยกวาดสายตามองรอบห้องที่ดูโล่งกว่าห้องเขา ของตกแต่งอย่างรูปเจ้าของห้องก็ยังไม่มี ไม่รู้เจ้าของห้องเพิ่งย้ายเข้ามาไม่นานหรือห้องตกแต่งยังไม่เสร็จก็ไม่รู้ ห้องถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีทึบ มีโคมไฟติดไว้หลายจุด จนคิดว่าเจ้าของห้องชอบโคมไฟเป็นพิเศษแต่ก็ไม่น่าใช่มันเหมือนจะเป็นโคมไฟธรรมดา สายตาเขาหยุดที่ประตูห้องที่อีกฝ่ายหายเข้าไป แล้วประตูห้องก็เปิดออกปฐวีร์เดินออกมา ชวนเทวาไปกินข้าว

            ไข่เจียวรวมมิตร ต้มยำทะเลรวมและผัดผักรวม ส่งกลิ่นหอม ปฐวีร์ตักข้าวสวยใส่จานส่งให้เทวา อีกจานเป็นของเขา เสียงช้อนกระทบจานดังเป็นระยะ ทั้งสองชวนกันคุยบ้าง ส่วนมากเป็นเรื่องทั่วไปมากกว่า กับข้าวถูกปากเทวาถึงกับขอข้าวอีกจาน ไข่เจียวฟูกรอบเนื้อกุ้งเนื้อปูยังเยอะอีก ต้มยำยังรสชาติไม่จัดมาก ผัดผักก็สุกพอดีไม่เหม็นเขียวเหมือนร้านอาหารบางร้าน มื้อเย็นจบลงด้วยความอิ่มอร่อย ทั้งสองช่วยทำความสะอาด จากนั้นมานั่งย่อยหน้าโทรทัศน์ สักพักเทวาก็กลับ

            วันหยุดวนมาถึง ในตอนสายที่รถบนท้องถนนกำลังวิ่งวุ่น ซึ่งดูจะเยอะกว่าวันปกติ ปฐวีร์กำลังนั่งหาวบิดขี้เกียจอยู่เบาะหลัง มีภฤดลทำหน้าที่เป็นคนขับนั่งคู่กับกฤติกรณ์ เขานั่งเบาะหลังกับนภาภรณ์ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อคืนตอนดึกเขากำลังจะหลับนภาภณณ์โทรเข้ามาชวนไปดูหนัง เธอบอกว่าเป็นหนังเพิ่งเข้าฉายมาได้สองวัน เธออยากดูมากและจองตั๋วออนไลน์ไปแล้วเรียบร้อย นั่นมันมัดมือชกกันนี่นา ยังไม่ทันตกลงเธอก็กดวางสายไปแล้ว ตอนแรกยังคิดว่าตนเองฝันไป ขนาดที่กำลังหลับสบายก็มีสายเข้ารบกวน กดรับสายนภาภรณ์บอกว่ามาอยู่ที่หน้าห้องแล้ว เขาเปิดประตูออกไปเห็นนภาภรณ์ ภฤดลและกฤติกรณ์ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง เขารีบปิดประตูทันทีแต่สุดท้ายก็ถูกทั้งสามลากขึ้นรถมา

            ปฐวีร์มองออกไปนอกรถ มองคนเดินสวนกันไปมาบนฟุตปาธทุกคนดูเหมือนกำลังรีบเร่ง ทั้งที่เป็นวันหยุด ชีวิตคนเรามันสั้นควรที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขถึงจะถูก ถึงเขาจะรู้ว่าสุดท้ายจะต้องตายยังไง รู้แล้วยังไง เขาต้องมานั่งกลัว นั่งร้องไห้วิตกกังวลจนเป็นบ้ารึไง นั่นก็ไม่ใช่ ถ้าจะบอกว่าเขาทำใจได้ที่จะเผชิญกับความตายแบบนั้น ต้องตอบว่าไม่ใช่ ไม่มีใครหรอกที่จะยินดีกับความตายแบบนั้น และเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด แต่เขาเลือกที่จะแก้ไขปัจจุบันเพื่อเปลี่ยนอนาคต พร้อมกับทำให้ทุกทุกวันมีความสุข ยิ้มให้มากขึ้น หัวเราะให้เยอะ ทำให้ชีวิตสนุกมากกว่าที่ผ่านมา เมื่อที่ว่าทุกอย่างจบไปแล้วหันกลับมามองจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ เห็นห้างสรรพสินค้าอยู่ตรงหน้า เขาเริ่มหาวและบิดขี้เกียจอีกครั้ง

            ตามที่ตกลงกันว่าวันนี้จะมาดูหนัง แต่ก่อนนั้นทุกคนแวะหาอะไรรองท้องก่อน กวาดสายตาหาร้านอาหารที่คนไม่เยอะและไม่ต้องใช้เวลารอนาน สุดท้ายก็เลือกเดินเข้าร้านไก่ทอด ไก่ทอดชิ้นโตน่ากินอยู่ในจานเกือบสิบชิ้น เฟร้นฟรายกล่องใหญ่และของกินเล่นสองสามอย่าง ถูกจัดการจนหมดทุกคนอิ่มจนท้องป่อง จากนั้นพวกเขาขึ้นไปชั้นบนแวะเข้ามุมเกมก่อนเข้าโรงหนัง

            สองชั่วโมงครึ่งหนังแอ็คชั่น โรแมนติก ดราม่าก็จบลง เรียกน้ำตาความสุข ความทรงจำดี ๆ ให้คนดูหลายคน จนบางคนบ่นกับคนข้าง ๆ ว่าต้องหาเวลากลับมาดูอีกสักรอบ ปฐวีร์เดินตามหลังเพื่อนออกไป เขาหลับ ๆ ตื่น ๆ ดูไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ รู้แต่ว่าหลับสบายมากเบาะก็นุ่มแอร์ก็เย็นสบาย ถึงบางครั้งเสียงดังไปหน่อย ได้หลับพักสายตาไปบ้างก็รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ

“ไปเดินดูของทางนั้นดีกว่า” กฤติกรณ์ออกความเห็น ทุกคนไม่มีใครขัดข้องเดินตามหลังกันไป เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ มีทั้งร้านขายเสื้อผ้ากระเป๋า ทั้งราคาที่พอจะซื้อได้และแพงเกินไปแต่ก็ยังไม่มีของที่ถูกใจ

“วีร์ไปดูร้านนั้นกัน” นภาภณ์ชวนปฐวีร์ไปที่ร้านขายตุ๊กตาที่อยู่ถัดไป

“ไปสิ”

Dolls Café ชื่อร้านที่ถูกตกแต่งเหมือนบ้านตุ๊กตา และหน้าร้านยังมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยืนยิ้มหวานอยู่ ในมือของมันถือป้ายยินดีต้อนไว้ มีหลายคนผ่านมาแวะถ่ายรูปกับพวกมัน นภาภรณ์เดินนำเข้าไปข้างใน ทันทีที่เข้าไปในร้านเธอก็ถูกความน่ารักของตุ๊กตาเล่นงาน เธอวิ่งเข้ากอดตัวนั้นทีตัวนี้ที ส่วนปฐวีร์เดินดูรอบร้านกวาดสายตามองดูตุ๊กตาบนชั้นหลายขนาด บางตัวเขาเคยเห็นในโทรทัศน์ตอนเช้าช่วงวันหยุด บางตัวนำเข้าจากต่างประเทศ ถัดจากชั้นวางมีตู้กระจกสองสามหลังข้างในมีโมเดลการ์ตูนหลายตัว ลูกค้าหลายคนเกาะกระจกสนใจพวกมัน เดินดูไปเรื่อยจนสายตาเหลือบไปเห็นที่ห้อยพวงกุญแจตุ๊กตาแมวน้ำตัวเล็กแขวนอยู่หลายตัว ดูมันอ้วนกลมน่ารักดี เขาหยิบมันขึ้นมาดู

“น่ารักดี เหมือนวีร์เลย”

“ฮือ เหมือนตรงไหน”

“น่ารัก แล้วก็ตาโตเหมือนกันเลย”

คนถูกชมขมวดคิ้วไม่ค่อยรู้สึกจะดีใจเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าถูกด่าเป็นไหน ๆ แมวน้ำเนี่ยนะใครอยากจะเหมือน

            ออกจาก Dolls Café ทั้งสองมองหาเพื่อนอีกสองคน เหมือนกำลังยืนคุยกับใครอยู่หน้าตาคุ้น ๆ

“ภรณ์ก็นึกว่าใคร พี่ยุทธกับพี่วัฒน์นี่เอง มาเดตกันหรือคะ” เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ทั้งสอง

“เฮ้ย น้องภรณ์อย่าพูดให้พี่ขนลุกอย่างนั้นสิ”

ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันและขยับออกให้ห่างกลัวหลายคนเข้าใจผิด

นภาภรณ์เห็นแล้วต้องหัวเราะ “ล้อเล่นค่ะ กำลังจะไปเที่ยวไหนกันคะแต่งตัวซะหล่อเชียว”

“กำลังจะไปหาอะไรกินกัน แต่รอไอ้เทวาอยู่”

“ตายยากชะมัด พูดถึงก็เดินหล่อมาแล้วนั่น” ทุกคนมองคนมาใหม่ที่กำลังเดินตรงทางนี้

“โทษที ตื่นสาย แล้วนี่ทำไมอยู่กันพร้อมหน้า” เขากวาดสายตามองรุ่นน้องอยู่กันพร้อมหน้า แล้วยิ้มให้ปฐวีร์

“บังเอิญเจอน้อง ๆ กำลังเดินเล่นแถวนี้”

“อ้อ ยังไงไปกินข้าวด้วยกันไหม” เทวาออกปากชวนรุ่นน้องแต่สายตามองไปที่อีกคน ทุกคนตกลงตามคำชวน

”ไอ้วุธโทรมาบอกว่าอยู่หน้าร้านอาหารแล้ว ไปกันเถอะ”   

ทุกคนเห็นด้วยเดินตามเทวาไปหน้าร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แต่เห็นคนเยอะเกินไปแถมต้องยืนรอคิวอีกนาน พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแทน

            ได้ที่นั่งต่างคนต่างดูรายการอาหารถามกันไปมาว่าจะเลือกอะไรดี โต๊ะข้าง ๆ มองผู้หญิงในกลุ่มคนเดียวอย่างนภาภรณ์ด้วยสายตาอิจฉา สักพักพนักงานเดินกลับมาอีกครั้งทุกคนต่างสั่งอาหาร

“เอาอาหารเซตข้าวหน้าหมูทอด แล้วก็กุ้งเทมปุระด้วย....”

“เอาเซตปลาแล้วก็...”

“ขอเป็นอาหารชุด A กับซูชิ....”

ทุกคนเวียนสั่งอาหารจนครบ พนักงานทวนรายการอาหารอีกครั้ง ไม่นานอาหารจานร้อนส่งกลิ่นหอมก็ทยอยมาเสิร์ฟ ทุกคนกินไปด้วยคุยกันไปด้วย

“นั่นตัวอะไร” เทวามองที่พวงกุญแจอยู่บนโต๊ะ และถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู

“ถ้าคิดไม่ผิดน่าจะเป็นแมวน้ำครับ”

“หน้าตาเหมือนเราเลย” ชายหนุ่มมองแมวน้ำสลับกับปฐวีร์แล้วยิ้ม

เหมือนได้ยินคำพูดแบบมาก่อนหน้านี้ เขาชักไม่แน่ใจในหน้าตัวเองเท่าไหร่ “ยังไงครับ”

“ดูสิ ตาโตเหมือนกันเลย” พูดแล้วเทวาก็บีบตุ๊กตาน่าสงสารจนตาโปนขึ้น ปฐวีร์เห็นแล้วไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ แต่ก็รีบแย่งเจ้าแมวน้ำกลับมากลัวว่าจะถูกฝ่ายบีบจนตาถลนไส้ทะลัก แต่อีกฝ่ายไม่ยอม

“อะไรของแกไอ้ยุทธ” คฑาวุธกำลังเขี่ยก้างออกจากเนื้อปลาอย่างลำบากแต่พื่อนก็สะกิดยิกยิกอยู่ได้

“นั่น ๆ ไอ้วุธแกดูนั่น” เขาหันไปมองตามที่เพื่อนบอก เห็นเพื่อนอีกคนกำลังคุยอยู่กับรุ่นน้อง แต่ที่น่าแปลกใจเพื่อนของเขากำลังยิ้ม และทั้งสองเหมือนกำลังแย่งพวงกุญแจกัน

“สองคนนี้มันชักจะยังไง ยังไง แล้วว่ะ”

คฑาวุธพยักหน้าเห็นด้วย

            หลายวันต่อมา หลังจากหมดเวลาเรียนในตอนบ่ายนักศึกษาต่างทยอยเดินลงมาจากตึกเรียน พร้อมกับเสียงดังเอะอะ ต่างคุยกันหลังเรียนเสร็จแล้วจะไปที่ไหนกันต่อ บางคนนั่งรวมกลุ่มอยู่หน้าตึก

“เห็นยัยปิ่นบ้างไหม” คณิตตาร์ถามพิศนภา

“ไม่เลย” เธอมองกลุ่มนักศึกษาที่ทยอยเดินลงมาจากตึกเรียน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่ของปิ่นอนงค์

“นั่งรออยู่หน้าตึกมาสองสามชั่วโมง รากจะงอกอยู่แล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่เงาหรือว่าเราจะดูตารางเรียนผิด” เธอเริ่มหงุดหงิดเมื่อใช้เวลาโดยไม่มีประโยชน์

“ไม่ผิดหรอกฉันถามมาแล้ว”

“หรือยัยปิ่นจะไม่มาเรียน”

“ไม่น่าใช่”

“แต่เรามาดักเจอเกือบสัปดาห์แล้วนะ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ไม่รู้เป็นบ้าอะไร” ทำงานไม่สำเร็จไม่พอยังมาหายตัวไปอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด

“มันต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่างไม่อย่างนั้น ยัยนั่นคงไม่หายดื้อ ๆ และคนที่จะตอบคำถามของเราได้ก็คือยัยนั่น”

“อื้อ ไปเถอะวันนี้คงไม่เจออีกตามเคย พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

คณิตตาร์และพิศนภารีบเดินออกจากที่นั่น ปฐวีร์และเพื่อนเพิ่งเดินลงจากตึกเรียนมองเห็นสองสาวสวยแปลกหน้าที่เพิ่งออกไปจากหน้าตึกพอดี

“สองคนนั้นใคร ไม่น่าใช่คณะเรา”

“เห็นมานั่งที่หน้าตึกหลายวันแล้ว เหมือนมารอใคร”

“อือ วันก่อนเห็นมาถามหายัยปิ่นด้วยนะ พูดถึงยัยนั่นไม่เห็นมาเรียนหลายวันแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรรึเปล่า”

“นั่นสิ หายไปหลายวันแล้ว” ปฐวีร์เองก็อยากรู้ว่าเหตุการณ์หลังจากที่เขาออกมาจากห้องนั้นเป็นยังไงบ้าง เห็นคณิตตาร์และพิศนภาลงทุนมาดักรอปิ่นอนงค์ที่นี่ คงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างที่เขาสงสัยไว้จริง ๆ “บางทีปิ่นอาจจะป่วย พวกเราน่าจะเยี่ยมว่าอย่างนั้นไหม”


******************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 14 [27/09/61]
«ตอบ #24 เมื่อ27-09-2018 23:16:49 »

แล้วคนชื่อ"ณัฑศ์" จะเป็นแฟนวีร์จริงเหรอหรือพอวีร์เปลี่ยนอนาคตแล้วแฟนวีร์เลยเปลี่ยนตาม แล้วเทวานี้จะมาเป็นตัวแปลในอนาคตให้วีร์หรือเปล่า
อยากรู้มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 15 [28/09/61]
«ตอบ #25 เมื่อ28-09-2018 20:03:52 »

ตอนที่ 15
[/size]


ในผับขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของเหล่านักเที่ยว คืนวันหยุดที่นี่เป็นสวรรค์ของใครหลายคน ปลดปล่อยความรู้สึกที่อึดอัดข้างในได้เต็มที่

เสียงดนตรีจังหวะสนุกช่วยกระตุ้นดีกรีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเหล่านักดื่มให้พลุ่งพล่านมากขึ้น สติที่มีน้อยนิดทำให้แทบไม่รู้

ว่าทำอะไรออกไป ผิดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ยังมองหน้ากัน ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ชายหนุ่มอาศัยแสงสว่างสลัวโน้มลงจูบกลีบปากเธอ

เบาๆ ตามด้วยซอกคอที่เธอเอียงให้อย่างเชิญชวน

การกระทำของคู่อยู่ในสายตาของผู้หญิงต่างวัยสองคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล หนึ่งคือคุณนายรองอีกคนคือพิมพ์รตา ทั้งสองแทบอยาก

ลุกไปดึงชายหญิงทั้งสองแยกออกจากกัน คุณนายรองเป็นห่วงลูกชายคนโตที่ชอบตัวแปลก ๆ หายไปจากบ้านหลายวัน กลับมา

บ้านไม่มีแค่กลิ่นแอลกอฮอล์แต่กลับมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง บวกกับพิมพ์รตาคิดเห็นว่าพลพัฒน์น่าจะมีแฟน เธอไม่ได้ขัดขวางเรื่อง

แบบนั้นแต่เมื่อลูกชายอึกอักไปยอมพูด ผู้หญิงแบบไหนกันที่ทำให้ลูกชายของเธอไม่ยอมกลับบ้านหลายวัน ผู้หญิงแบบไหนที่

ลูกชายเธอไม่ยอมพูดถึง นั่นทำให้เธอตัดสินจ้างนักสืบ ใช้เวลาไม่นานก็ได้เรื่อง นักสืบโทรบอกให้รู้ว่าคืนนี้พลวัฒน์อยู่ที่ผับแห่ง

หนึ่ง เธอรีบบึ่งรถออกมาพร้อมลูกสาว มาถึงก็กวาดสายตาหาอยู่สักพักก็เจอพลวัฒน์อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เสียดายที่นี่แสงน้อย

บวกกับผู้หญิงคนนั้นหันหลังให้เลยไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร พิมพ์รตากำลังหงุดหงิดเมื่อจุดประสงค์ของเธอไม่ได้มาเที่ยวแต่ก็มี

คนเทียวเข้ามาชวนดื่ม ชวนออกไปสนุก 

“นั่นคุณแม่ พี่พลลุกไปแล้ว รีบตามไปเถอะค่ะ” ทั้งสองเดินแหวกฝูงคนออกจากที่นั่น

   แรงราคะความปรารถนาปรากฏบนสายตาทั้งสองอย่างชัดเจน พลพัฒน์ดันร่างหญิงสาวนอนลงบนเตียงจากนั้นเขาขึ้นคร่อม

บทรักทั้งสองก็เริ่มขึ้น

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก...” เสียงเคาะประตูดังขึ้น ขัดจังหวะคนทั้งคู่

“อือ ใครคะ ใครมาเคาะประตู” หญิงสาวดันร่างชายหนุ่มที่กำลังมอบความสุขสมออกเบา ๆ

“ช่างเถอะ” พลวัฒน์ไม่อยากผละออกจากร่างขาวเนียนตรงหน้า เธอมีเสน่ห์แรงดึงดูดมากเกินไป แต่เสียงเคาะประตูก็ไม่มีทีท่า

ว่าจะหยุด “รออยู่นี่นะคนสวยเดี๋ยวผมมา”

   พลวัฒน์หงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ เขาหยิบชุดคลุมเดินหัวเสียตรงไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออกไป กำลังจะถามว่าใครก็เห็น

หน้าคนที่ไม่อยากเห็นอยู่หน้าประตู “คุณแม่ ยัยพิมพ์”

“ไงพี่ชาย กำลังสนุกเลยสิ ขอโทษที่มาขัดจังหวะ”    พิมพ์รตายิ้มหวานให้พี่ชาย แล้วผลักออกไปให้พ้น เธอรีบเดินตามคุณนาย

รองเข้าไปข้างใน พลวัฒน์เดินตามไปและพยายามห้ามทั้งสองคนไว้ จนมาถึงห้องนอน

   คุณนายสี่นั่งอยู่บนเตียงเห็น คุณนายรองกับพิมพ์รตา ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก คุณนายรองตั้งสติได้ก็เดินเข้าหาคุณนายสี่

ทันที “นังแพศยา แย่งผัวฉันแล้วยังจะมายุ่งกับลูกชายฉันอีก” เธอกระชากผมคุณนายสี่แล้วดึงลงมาจากเตียง

“โอ๊ย โอ๊ย คุณนายรอง คุณพลช่วยฉันด้วย”

“คุณแม่...” พลวัฒน์เข้ามาห้าม แต่พอเห็นสายตาของผู้ให้กำเนิดเลยต้องเงียบ หันไปหาน้องสาวขอความช่วยเหลือ แต่พิมพ์รตา

ได้แต่ยืนเงียบคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่มายุ่งกับพี่ชายเธอจะเป็นคุณนายสี่ ไม่รู้ว่าเรื่องน่าขยะแขยงนี้ทั้งสองคนทำได้ยังไง เธอมองพี่

ชายด้วยสายตาผิดหวัง 

“ฉันไม่รู้ว่าแกใช้เสน่ห์อะไรที่ทำให้ลูกชายฉัน หลงแกจนทำเรื่องต่ำอย่างนี้” เธอไม่พูดต่อแต่เป็นการใช้ฝ่ามือตบลงไปแก้มอีก

ฝ่ายแทน ในห้องเมื่อครู่ที่อบอวลไปด้วยความสุข แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ของคุณนายสี่สลับเสียงฝ่ามือตบลงบนแก้ม

เธอ พลวัฒน์กัดฟันแน่นเบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นผู้หญิงของตัวเองถูกตบจนเลือดกบปากโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้

“พอเถอะครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าจะไม่เจอกับเธออีก”

“คุณพล คุณพลอย่าทำอย่างนั้น คุณนายรองพวกเรารักกันจริง ๆ”

“ตอแหล ผู้หญิงที่แต่งเข้ามาเพราะหิวเงิน คุณปทีปยังขยะแขยงจนไม่อยากมีอะไรกับแกเลย”

“ไม่ใช่นะคะ พวกเรารักกัน” เธอกอดขาอ้อนวอนพลวัฒน์เพื่อให้เปลี่ยนใจ

“เลิกยุ่งกับลูกชายฉันซะ ไม่อย่างนั้นแกได้ไปนอนใต้ทะเลแน่นอน” คุณนายรองยื่นคำขาดก่อนรีบเดินออกจากห้องไป พิมพ์รตา

รู้สึกในห้องมีกลิ่นไม่ดีจึงรีบออกไปรอข้างนอก

   คุณนายสี่นั่งกอดเข่าสะอื้นบนพื้นห้อง สายตามองประตูที่พลวัฒน์เดินออกไปได้เกือบชั่วโมงแล้ว เธอปาดน้ำตาเบา ๆ แก้ม

ขาวเริ่มบวมแดง เธอเจ็บทั้งกายทั้งใจ มือเล็กกำแน่น ดวงตาที่มีน้ำตาเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง

   ในรถทุกคนนั่งเงียบ ต่างอยู่ในความคิดของตนเอง พลวัฒน์ยังเป็นห่วงว่าคุณนายสี่จะเป็นยังไงต่อไป

“มีอะไรจะแก้ตัวกับแม่ไหม”

“มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ” ชายหนุ่มพยายามพูดให้สถานการณ์มันดีขึ้น

“แต่ก็หลายครั้งที่แกออกมานอนกับนังนั่น” พลวัฒน์พูดไม่ออก เขาชอบความสุขที่เธอมอบให้ ทันทีรถจอดหน้าตึกเขารีบลงจาก

รถหลบหน้าทุกคนเข้าห้อง

“ดูท่าพี่ชายจะหลงนังนั่นมาก”

“พิมพ์ว่าพวกเราต้องทำให้ทุกอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเรื่องมันจะเป็นไปกันใหญ่” คุณนายรองหรี่ตาลงแล้วคิดหาทางกำจัด

คุณนายสี่ให้ออกจากชีวิตลูกชายเธออย่างถาวร

 
   ตอนสายวันหยุดหลังจากดูการ์ตูน เล่นกับหลานแล้ว   เทวาออกมานั่งเล่นที่ศาลาในสวน เขากำลังนั่งอ่านข้อความใน

โทรศัพท์แล้วยิ้ม และพิมพ์ข้อความตอบกลับไป จริณญาถือขนมของว่างที่เธอเพิ่งทำเสร็จมองหาลูกชายที่บอกว่าจะช่วยเป็นหนู

ทดลอง ชะเง้ออยู่นานก็เจอลูกชายสุดหล่อกำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่ศาลานั่งเล่นในสวนคนเดียว เธออดแปลกใจไม่ได้ว่าใคร

เป็นต้นเหตุให้ลูกชายหน้านิ่งของเธอยิ้มออกได้

“นั่นแน่ ลูกชายแม่แอบมีสาวแล้วไม่ยอมบอก”

“เปล่าครับ เพื่อนรุ่นน้อง”

“อ้อ ใช่คนที่เราเอาขนมฝีมือแม่ไปฝากบ่อย ๆ นั่นรึเปล่า” ดูท่าคงจะไม่ใช่รุ่นน้องธรรมดาแล้วล่ะ เล่นเทียวเอาขนมไปฝากบ่อย ๆ
อย่างนี้

“ครับ คนนั้นแหละ”

“ฮืม ทำยังไงแม่ถึงจะได้เห็นหน้าคนคนนั้นน้า”

“ทำไมแม่ถึงอยากจะเห็นหน้าเขาละครับ”

“แม่ก็อยากเห็นคนที่ทำให้ลูกชายแม่อารมณ์ดี”

“ไม่รู้สิครับเวลาอยู่กับเขาแล้วรู้สึกสบายใจยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก” ชายหนุ่มคิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่กับปฐวีร์ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไร

พิเศษมากมาย

“อาการเหมือนคนกำลังตกหลุมรักเลยนะเรา” เธออดแซวลูกชายไม่ได้

“ยังไงครับ” เขาถามด้วยความแปลกใจ

“ก็ไอ้ที่มานั่งคิดเรื่องเขาคนนั้น อาการยิ้มคนเดียว แล้วก็บอกว่าอยู่ด้วยกันมีความสุขนี่ไง” ได้ฟังคำพูดของแม่แล้วเทวาแทบ

อยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ตกหลุมรัก เขานี่นะ “แต่เขาเป็นผู้ชายนะครับ” จริณญาตกใจเล็กน้อยกับรสนิยมทางเพศของลูกชาย

แต่ก็เปลี่ยนชวนคุยเรื่องอื่น เห็นทีเธอต้องหาเวลาเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาสามีของเธอซะแล้ว

   ปฐวีร์ กิน นอน กลิ้งไปมาอยู่ในห้องสบาย ๆ มีเทวาแวะเอาขนมมาฝากบ้าง รู้ตัวอีกทีก็วันหยุดก็ผ่านไปแล้ว เขานั่งถอน

หายใจคิดถึงวันหยุดไม่หาย มือหยิบดินสอกดวาดโน่นเขียนนี่บนหนังสือเรียนไปเรื่อย ช่วงนี้เขาไม่ค่อยฝันร้ายหรือสะดุ้งตื่นขึ้น

มากลางดึก ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีรึเปล่า เงยหน้าจากหนังสือเรียนกลับมาตั้งใจฟังอาจารย์บรรยายอยู่หน้าห้อง

“นี่วีร์ดูนี่ ยัยปิ่นขอลาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน”

ปฐวีร์ไล่สายตาดูชื่อปิ่นอนงค์มีปากกาสีแดงเขียนไว้ว่าลา สามชั่วโมงแล้วที่เธอลาไม่รู้ว่าไปไหน “เรียนเสร็จแล้วไปเยี่ยมกันไหม
หล่ะ”

“จะดีเหรอ ไม่ใช่ลาไปเที่ยวกับแฟนหรอกนะ” ปฐวีร์นั่งฟังเงียบ ๆ เขารู้ดีกว่าใครว่าสาเหตุที่ปิ่นอนงค์เงียบหาย เป็นเพราะเรื่องใน
คืนนั้น

“เอาน่าจี ยังไงยัยปิ่นก็ถือว่าสนิทกับพวกเราที่สุดในห้องแล้ว”

“อืม ไปก็ได้ แล้วเรื่องที่อยู่หล่ะ”

“ไม่ยาก ให้อาจารย์ที่ปรึกษาช่วยก็หมดเรื่อง”

   ตอนบ่ายหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จปฐวีร์และเพื่อนชวนกันไปเยี่ยมปิ่นอนงค์ที่บ้านแต่ที่อยู่ที่ได้มากลับเป็นหอพัก และ

กว่าจะหาที่อยู่ปิ่นอนค์เจอไม่ใช่เรื่องง่าย รถแท็กซี่สองคันจอดชะลอหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ปฐวีร์และเพื่อน ๆ กวาดสายตามองไป

รอบ ๆ อีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้มาผิดที่ พวกเขาเข้าไปติดต่อคนดูแลหอพักสอบถามว่าปิ่นอนงค์พักอยู่ที่นี่ไหม คนดูแล

หอพักบอกว่าเธออยู่ที่นี่แต่ไม่อนุญาตให้พวกเขาขึ้นไป เพราะกลัวเป็นมิจฉาชีพ เล่นเอาทุกคนต้องล้วงบัตรแสดงตัวตนออกมา

แทบไม่ทัน คนดูแลหอพักจึงได้อนุญาต

   กว่าจะผ่านด่านคนดูแลหอพักขึ้นมาบนห้องใช้เวลาอยู่นานพอสมควร วจีทำหน้าที่โทรหาปิ่นอนงค์แต่โทรยังไงก็ไม่มีคนรับ

ก่อนหน้านี้คนดูแลหอพักโทรขึ้นไปก็เงียบ

“พี่ครับ ผมว่าเปิดประตูเข้าไปเลยดีกว่า”

“เอ่อ มันจะดีหรือคะ” เธอทำหน้าลำบากใจ

“ดีซิคะพี่ เพื่อนหนูลาป่วยหลายวัน โทรหาแล้วยังไม่มีคนรับอีก ถ้าเพื่อนหนูเป็นอะไรไปไม่แย่กว่าหรือคะ” คนดูแลหอพักสาวได้
ฟังที่วจีพูดก็รีบเปิดห้องทันที

พอประตูเปิดออกทุกคนทยอยเดินตามคนดูแลหอพักเข้าไปข้างใน

“ทำไมห้องมืดจังเลย ยัยปิ่นอยู่ยังไงของเขากัน” คงไม่ได้ประหยัดไฟหรอกนะ

ปฐวีร์กวาดสายตามองห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ มีของตกแต่งไม่กี่ชิ้น คนดูแลหอพักเปิดไฟ ในห้องสว่างขึ้น ปฐวีร์เดินไปหยิบกรอบรูปที่

วางอยู่บนชั้นขึ้นมาดู มองผู้หญิงสามคนในรูป หนึ่งในนั้นเป็นปิ่นอนงค์ อีกสองคนถึงจะดูเด็กและใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลาย ก็พอ

จะจำได้ว่าเป็นคณิตาร์และพิศนภา ทั้งสามคนรู้จักกันจริงตามที่คิด

“ว๊าย ยัยปิ่น” เสียงร้องเอะอะของน้ำขิงดังมาจากอีกห้อง

“ขิงเป็นอะไร” ทุกคนรีบกรูเข้าไปดู ปฐวีร์วางกรอบรูปลงที่เดิม ตามทุกคนไป ทันทีที่เข้าไปในห้องก็เห็นปิ่นอนงค์นอนหมดสติอยู่

บนพื้น ใบหน้าซีดตอบ น้ำขิงและวจีกำลังช่วยตรวจดูร่างกายเบื้องต้น

“ดูท่าไม่ดีพาปิ่นส่งโรงพยาบาลเถอะ” ทุกคนเห็นตรงกัน สภาพของปิ่นนงค์สมควรที่จะอยู่ในการดูแลของแพทย์เป็นที่สุด

“เดี๋ยวพี่โทรเรียกรถพยาบาลเอง” จากนั้นคนดูแลหอพัก รีบโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล สักพักรถพยาบาลก็มารับคนป่วยออกไป

ปฐวีร์และเพื่อน ๆ นั่งแท็กซี่ตามไปอีกที

   พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เตียงผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินพาคนป่วยไปพักอีกห้อง ทุกคนเห็นแล้วก็โล่งใจ วจี

กับน้ำขิงที่ไม่ค่อยชอบปิ่นอนงค์เมื่อเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสภาพนี้ก็รู้สึกสงสาร พีรพัฒน์ปลีกตัวออกไปโทรบอกอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยว

กับความคืบหน้าอาการปิ่นอนงค์ อาจารย์ที่ปรึกษารับทราบและจะช่วยรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาล ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มี

อะไรน่าเป็นห่วง ทุกคนก็แยกย้ายกลับกลัวว่าที่บ้านจะเป็นห่วง ส่วนปฐวีร์ยังอยู่บอกว่ากลัวคนป่วยฟื้นขึ้นไม่เจอใคร ในห้องกลับ

มาเงียบปฐวีร์มองหน้าคนป่วยเริ่มสีเลือดหลังจากน้ำเกลือหมดไปได้ครึ่งขวด เขากำลังคิดทบทวนผลตรวจร่างกายของปิ่นอนงค์

หมอบอกว่าเธอมีภาวะร่างกายขาดน้ำ ขาดอาหาร พักผ่อนไม่เพียง อาการปอดชื้นและมีไข้สูง

“ตามร่างกายผู้ป่วยพบร่องรอยการทำร่างกายตัวเอง” ฟังแล้วทำให้ปฐวีรต้องแปลกใจ ทำร้ายตัวเอง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เธอ

ทำอย่างนั้น

“ที่สำคัญหมอพบร่องรอยการร่วมเพศ”

“ร่วมเพศ” เป็นอย่างที่เขาคิดคืนนั้นต้องมีอะไรในห้องนั้น

แพทย์สาวอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติม “ค่ะ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาได้สักพักแล้ว แต่ก็พอจะพบว่าเป็นลักษณะการร่วมเพศที่ไม่ได้

สมยอมและมากกว่าหนึ่งคน....” ยิ่งฟังหมอพูดเขายิ่งตกใจในสิ่งที่ปิ่นอนงค์เจอมา นั่นคือเหตุผลทำไมเธอถึงทำร้ายตัวเอง

   คนป่วยนอนไม่ได้สติหลายชั่วโมงก็เริ่มขยับตัว ปากก็พูดเบา ๆ ว่าหิวน้ำ ปฐวีร์รีบเอาน้ำให้เธอดื่ม ปิ่นอนงค์ลืมตามองทั่ว

ห้อง สติยังมึนงงเพราะพิษไข้ แต่ก็พอจะเดาออกว่าที่นี่คือโรงพยาบาล เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครเป็นคนพาเธอมา

“ฟื้นแล้วเหรอ อยากกินอะไรไหม” ปิ่นอนงค์สะดุ้งทันทีเมื่อเห็นปฐวีร์อยู่ข้างเตียง “แก เอ่อวีร์มาอยู่นี่ได้ไง”

“ไม่ต้องเล่นละครหรอก ที่นี่ไม่มีคนอยู่ เป็นตัวของตัวเองเถอะ”

ปิ่นอนงค์เลิกปั้นหน้า มองหน้าอีกฝ่าย “นายรู้มาตลอดเลยเหรอ”

“ก็เดาได้ไม่ยากหรอก”

“เหรอ” เป็นเธอเองที่โง่คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้มาโดยตลอด หึ เธอยิ้มเยาะตัวเอง

“แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำเธอถึงอยู่ในสภาพนี้” เธอไม่ตอบแล้วพลิกตัวไปอีกทาง “ช่างเถอะ ปล่อยฉันให้อยู่คนเดียวเถอะ” เสียง

เธอเริ่มสั่นขึ้นมา น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง

“งั้นก็ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน คณิตาร์กับพิศนภากำลังตามหาเธออยู่” ปิ่นอนงค์รีบหันมาทันที “นายรู้อะไรบ้าง”

ริมฝีปากสวยโค้งขึ้นเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายร้อนรน “ถ้าเป็นเรื่องคืนนั้นไม่รู้อะไรเลย” ปฐวีร์พูดแล้วออกจากที่นั่น ปิ่นอนงค์มอง

ตามแผ่นที่ออกจากห้องไป ประตูค่อย ๆ ปิดลงพร้อมกับน้ำตาของเธอไหลออกมา เธอแพ้แล้วคิดว่าตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพ

นี้เพราะตัวเธอเองก็หัวเราะออกมาเยาะเย้ยตัวเอง

กรี้ดๆๆๆๆ เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียงเพราะไม่สามารถทนเก็บทุกอย่างไว้ในใจ แล้วพยาบาลต่างวิ่งวุ่นวายเข้าไปในห้องเธอ เธอ

พยายามขัดขืนแต่ก็ถูกมัดไว้กับเตียง สุดท้ายสายตาก็ได้แต่จ้องมองเพดานสีขาวแล้วก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา



**************************************************

โปรดติดตามตอนต่อไป

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 15 [28/09/61]
«ตอบ #26 เมื่อ29-09-2018 06:20:38 »

คบเพื่อนผิดจริงๆ :เฮ้อ:
 ตอนนึ้วีร์มาน้อยจัง

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 15 [28/09/61]
«ตอบ #27 เมื่อ29-09-2018 11:27:30 »

เนื้อเรื่องสนุกสนานเข้มข้นมาก จ้า

ออฟไลน์ jaengsRU

  • ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-1
    • https://www.facebook.com/jaengsruchengschan/
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 17 [29/09/61]
«ตอบ #28 เมื่อ29-09-2018 20:12:59 »

ตอนที่ 17
[/size]




รถตู้วีไอพีกำลังวิ่งไปบนถนนสายหลักด้วยความเร็วคงที่ เพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง ผู้โดยสารในรถกำลังหลับสบาย พวกเขาออกเดินทางมาได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว  พระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้า ปฐวีร์ขยับตัวเมื่อไหล่รู้สึกหนัก เขาลืมตามองหาที่มาความหนักเห็นกลุ่มผม และใบหน้าเทวากำลังหลับสบายไม่เกรงใจเจ้าของไหล่ เห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาเขาหยิบทิชชูพันเป็นชิ้นเล็ก ๆ แหย่ไปตามหูตามจมูก คนกำลังหลับสบายใช้มือปัดไปมาแต่ก็ยังไม่หาย เทวางัวเงียลืมตาขึ้นเห็นมือขาวกำลังทำอะไรสักอย่าง เขาคว้ามือขาวนั่นมาแล้วงับเบา ๆ ปฐวีร์กำลังสนุกอยู่ ๆ ก็ถูกกัดถึงกับสะดุ้ง

            “เป็นหมารึไง”

เสียงดุไม่จริงจังของอีกฝ่ายทำให้เทวาหัวเราะ แต่ยังไม่ยอมตื่น ปฐวีร์เปลี่ยนแผนเลื่อนผ้าม่านออก แดดตอนเช้าส่องเข้ามา เทวาจับมือขาวอีกข้างขึ้นมางับและเลีย เจ้าของมือตกใจรีบดึงมือกลับมาทันที หันหน้าจะด่าอีกฝ่ายอีกครั้งแต่พอเห็นดวงตาสีเข้มกลับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขาก็ได้แต่หุบปาก ทั้งสองเล่นเกมจ้องหน้ากันสักพักเป็นเทวาขอยอมแพ้ เขาเอนตัวลงหนุนไหล่เล็กอีกครั้ง “คนอะไรไม่รู้เอาแต่ใจชะมัด” ปฐวีร์อดบ่นไม่ได้ สายตามองมือข้างที่มีร่องรอยความรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อต ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน

            รถวิ่งต่อมาได้มาอีกสักพักทุกคนต่างทยอยตื่นมาพร้อมกับความหิว เริ่มปรึกษากันว่าจะแวะกินข้าวที่ไหนดี จากนั้นก็เริ่มเปิดแผนที่หาร้านอาหาร ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็น จนมาลงตัวที่ร้านอาหารข้างทางบรรยากาศร่มรื่น ลุงคนขับรถจอดรถ ทุกคนทยอยลงจากรถ ปฐวีร์เดินนวดไหล่ข้างหนึ่งที่ถูกใช้แทนหมอน  “เป็นไร”

“ปวดไหล่นิดหน่อย” เทวาเลิกคิ้วขึ้นนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ “คราวหน้าชดเชยให้”

“ยังไง”

“จะให้หนุนไหลแทนไง”

ปฐวีร์กลอกตาเม้มปากใครเขาอยากนอนหนุนไหลคุณ “งั้นก็ลืมไปเถอะ ถือซะว่าผมไม่ได้ถาม”

“เดี๋ยวนวดให้แล้วกัน” ฟังแล้วไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เขาเลิกสนใจไปนั่งรวมกับทุกคน คนหนึ่งชอบแกล้งอีกคนก็ชอบงอลเล่นเอาคนที่มาด้วยทำหน้ากันไม่ถูก

เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยอาหารง่ายๆ เมื่อทุกคนกินอิ่มการเดินทางก็เริ่มต้นอีกครั้ง จากที่วางโปรแกรมไว้สถานที่แรกที่จะไปแวะคือฟาร์มอัลปาก้า ขับรถเรียบทางหลวงสักพักเห็นป้ายบอกทางชัดเจน ขับรถเลี้ยวไปตามลูกศรก็มาถึงฟาร์มอัลปาก้าขนาดใหญ่ ฟาร์มขนาดกว้างกว่าสองร้อยกว่าไร่ มีรั้วกั้นรอบแบ่งพื้นที่ชัดเจน

ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวเยอะพอสมควร นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังสนุกกับการถ่ายรูป ให้อาหารอัลปาก้า ใกล้กันยังมีจิงโจ้ขนาดเล็กกระโดดไปมาท่าทางน่ารักของพวกมันเรียกรอยยิ้มจากนักเที่ยวได้เป็นอย่างดี

“นี่ฉันนั่งรถไกลจากกรุงเทพเพื่อมาดูเจ้าตัวที่หน้าตาเหมือนไอ้ยุทธนี่นะ” ยุทธจักรจ้องเจ้าอัลปาก้ากำลังกินหญ้าที่เขาเพิ่งยื่นให้แล้วขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของเพื่อน

“ว่าไปแล้วมันก็เหมือนไอ้ยุทธเหมือนกันนะ” ทุกคนมองไปที่ทรงผมของยุทธจักรที่ไปตัดมาใหม่สลับกับอัลปาก้า “ฉันว่าช่างตัดผมร้านนั้นคงไม่พอใจอะไรแกสักอย่าง”

“พวกแกพูดซะฉันสูญเสียจุดยืน คอยดูเถอะฉันจะไม่กลับไปตัดผมร้านนั้นอีกแล้ว” พูดเสร็จทุกคนก็หัวเราะ

            ถ่ายรูป ให้อาหาร สัมผัสความน่ารักของสัตว์นานาชนิดแล้ว ปฐวีร์ก็ถูกนภาภรณ์ลากไปดูของที่ระลึก มีทั้งพวงกุญแจอัลปาก้า ตุ๊กตาจิ้งโจ้ ผลิตภัณ์ที่ทำจากขนอัลปาก้า  ได้ของฝากติดมือสองสามอย่างจากนั้นหาที่นั่งหลบแดดรอทุกคน

“ไง ทำไมมานั่งอยู่นี่ ไม่ไปถ่ายรูปกับเพื่อน“

“ร้อนไม่ไหว ขอนั่งรอตรงนี้ดีกว่า”

“เอาอะไรเย็นไหม ไปซื้อมาให้”

“เลี้ยงน้ำอัดลมสักแก้วก็ดีครับ” เทวาเดินตรงไปร้านน้ำ พอดีกับยุทธจักรเดินเข้ามาหลบร้อน “นั่นไอ้เทวามันไปไหน”

“เห็นบอกว่าหิวน้ำน่ะครับ”

“ถ่ายรูปกันเสร็จแล้วเหรอ” เทวาเดินกลับมาเห็นยุทธจักรนั่งหน้ามุ่ยอยู่

“อือ ร้อนชะมัด นั่นเทวาเพื่อนรักซื้อน้ำอัดลมมาฝากผมหรือครับ” ขณะจะยื่นมือออกไปรับ แต่แก้วน้ำถูกส่งให้กับอีกคนที่นั่งข้างๆ

“เปล่า ของน้อง”

ปฐวีร์เห็นสายตายุทธจักรมองมาอย่างน่าสงสาร เขาอยากจะแบ่งให้อยู่หรอกแต่ติที่มันมีแค่แก้วเดียว

“งั้นเอางี้แกกินกับน้อง ส่วนแก้วนี้ฉันขอ” พูดแล้วก็คว้าแก้วในมือเพื่อนไปดูดจนหมด “ขอบคุณสำหรับน้ำอัดลมสดชื่นวันหลังจะเลี้ยงคืน คุณเป็นเพื่อนที่ดีมากเทวา” ยุทธจักรเห็นสายตาเพื่อนแล้วสะดุ้ง และรีบวิ่งออกจากศาลาหลบร้อนก่อนจะมีเท้าตามหลังมา

ปฐวีร์เห็นท่าทางเทวาแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะอะไร” คนหน้าบึ้งถาม

“เปล่า” ปฐวีร์รีบปฏิเสธก่อนจะถูกฟาดงวงฟาดงาใส่ คนตัวสูงรีบคว้าแก้วน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วมากิน “นั่น...” ปฐวีร์กำลังจะบอกว่าแก้วนั้นเขากินไปแล้ว แต่เห็นอีกฝ่ายท่าทางจะกระหายน้ำมากเลยปล่อยเลยตามเลย ช่างมันเถอะกินแล้วก็แล้วไป

            ออกจากที่เที่ยวที่แรกเวลาก็ล่วงเลยเกือบบ่าย พวกเขาแวะหามื้อเที่ยงกินก่อนไปเที่ยวต่อ กินข้าวอิ่มนั่งรถมาสักชั่วโมงก็มาถึงแก่งที่เกิดขึ้นเองธรรมชาติ ลำธารไหลเซาะโขดหินจนเกิดเป็นรูปร่างแปลกตา บรรยากาศเย็นสบาย รอบ ๆ มีต้นไม้สีเขียวขึ้นเต็ม มีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มกำลังลงเล่นน้ำ

“เฮ้ย น้ำใสน่าเล่นมากเลย อากาศร้อน ๆ อย่างนี้ด้วยไปไอ้วัฒน์ไอ้วุธ” ยุทธจักรลากเพื่อนทั้งสองลงเล่นน้ำ ภฤดลกับกฤติกรณ์ก็ไม่เว้น นภาภรณ์เดินมาถึง ก่อนจะกวักมือเรียกปฐวีร์และเทวาลงไปเล่นน้ำด้วยกัน แต่ปฐวีร์โบกมือขอผ่าน      ขอนั่งเล่นสูดอากาศในร่มไม้ดีกว่า ยิ่งเขาเห็นเพื่อนและรุ่นพี่ดำผุดดำว่ายน้ำก็อดยิ้มไม่ได้

“ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอเรา” เทวานั่งลงเอนหลังหลับตาพิงต้นไม้

“เปล่า แค่ไม่ค่อยถูกกับน้ำ” สายตาของเขามองน้ำใสจนมองเห็นพื้นกำลังไหลเอื่อย

“เคยจมน้ำมาก่อน”

คนตัวเล็กส่ายหัว “เคยฝันว่าตายแล้วถูกโยนลงน้ำ” คำพูดที่ดูเหมือนไม่จริงจังแต่ทำให้บรรยากาศเงียบลง เทวาลืมตาขึ้นมองอีกฝ่าย “นั่นรึเปล่าที่ทำให้เรานอนละเมอพูดอะไรแปลก ๆ ”

“ผมพูดอะไรแปลกเหรอ” ปฐวีร์รู้สึกอายขึ้นมาไม่รู้ว่าตอนหลับทำอะไลงไปบ้าง

“ใครจะไปรู้บ่นพึมพำคนเดียว แล้วเพื่อน ๆ ไม่เคยบอกรึไง”

“ไม่ ตั้งแต่ฝันแบบนั้นก็ไม่ค่อยได้นอนกับเพื่อนเท่าไหร่”

“ดีแล้ว พวกนั้นจะได้ไม่เป็นห่วงเอา ไปเล่นน้ำกันเถอะ”

“แต่..” เขาลังเลเล็กน้อยและยังไม่ได้เตรียมใจมาก่อน

“ไม่ต้องกลัวหรอกที่นี่มีคนตั้งเยอะ ไม่มีอะไรให้กลัว ความฝันก็คือความฝัน อีกอย่างตอนนี้เราอยู่กับความจริงไม่ใช่ความฝัน” เทวาคว้ามือคนอีกฝ่ายให้เดินตามลงไปในน้ำ ปฐวีร์ต่อสู้กับความรู้สึกกลัวร่างกายสั่นเล็กน้อย เมื่อจดจำได้ว่าร่างไร้วิญญาณของตัวเองค่อย ๆ จมลงแม่น้ำ มันทั้งมืดทั้งเย็นไปถึงกระดูก เขาจับมือร่างสูงแน่นขึ้น  ดูเหมือนจะโหดร้ายกับอีกฝ่ายมากเกินเทวาเปลี่ยนใจกลับไปนั่งที่เดิม ใบหน้าที่ดูซีดค่อย ๆ ดีขึ้น ไม่รู้ว่าความฝันแบบไหน ที่โหดร้ายขนาดที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องหวาดกลัวมาถึงโลกความจริง

            แดดค่อย ๆ อ่อนแรงอากาศเริ่มเย็นลง ทุกคนกลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินทางออกจากแก่ง แต่กว่าจะออกไปได้พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เล่นน้ำมาหลายชั่วโมงทุกคนทั้งรู้สึกเหนื่อยและหิว แต่ที่พักอยู่ค่อนข้างไกลพวกเขาจึงแวะหาอะไรกินกันก่อน กะว่าเมื่อถึงที่พักจะได้นอนเลย

            รถตู้วีไอพีเลี้ยวเข้าจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ทุกคนเปิดประตูลงมา กวาดสายตามองรอบ ๆ อย่างไม่ค่อยเชื่อว่าจะต้องพักที่นี่ในคืนนี้

“เฮ้ย ไอ้ยุทธทำไมในรูปกับของจริงมันไม่ค่อยเหมือนกันเลยวะ” คฑาวุธรู้สึกแปลกใจ

“นั่นสิไม่ใช่ว่าแกพาหลงมาผิดที่นะ”

“ไม่ได้หลงทางจริง ๆ นี่ดูมันเขียนที่อยู่ไว้ชัดเจน ดูนั่นป้ายโรงแรมชื่อก็เหมือนกัน”

“แต่ภรณ์ว่ามันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ วีร์คิดเหมือนกันไหม” นภาภรณ์พูดแล้วก็กอดแขนเพื่อนไว้

“มันอาจเป็นตอนกลางคืนเลยดูน่ากลัวรึเปล่า ไม่มีอะไรหรอก ภรณ์อย่าคิดมากเลย” ชายหนุ่มพยายามปลอบใจเพื่อน ทั้งที่ในใจรู้สึกไม่ต่างกัน

“เฮ้ย อย่ามัวแต่เถียงกันไอ้ยุทธเข้าไปสอบถามข้างในก็รู้เอง” เทวาบอกให้ยุทธจักรเข้าไปติดต่อด้านใน ยืนเถียงกันตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้ว ทุกคนเหนื่อยอยากจะเข้าห้องไปอาบน้ำนอนพักผ่อน

            ยุทธจักรลากคฑาวุธไปเป็นเพื่อน ทั้งสองหายเข้าในโรงแรมสักพักก็โผล่หน้าออกมาพร้อมกุญแจ สรุปว่าต้องพักที่นี่จริง ๆ ทุกคนจึงรีบแบ่งกันว่าจะพักห้องไหน ยุทธจักรพักห้องเดียวกับตติวัฒน์  ถฤดลกับกติกรณ์พักด้วยกัน เทวาปฐวีร์พักด้วยกัน คฑาวุธและนภาภรณ์แยกพักคนละห้อง ตกลงกันเรียบร้อยต่างแยกย้ายเข้าห้อง เหนื่อยมาทั้งวันทุกคนอยากพักผ่อนกันแล้ว

            ลากกระเป๋าขึ้นลิฟต์จนมาถึงชั้นบน ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้อง ปฐวีร์เปิดประตูเข้าห้องพัก หยุดยืนกวาดสายตาไปรอบ ๆ จากนั้นเขาตรงไปที่เตียงเดี่ยว แล้วกระโดดขึ้นเตียงทันที ร่างกายได้สัมผัสเตียงนุ่มแทบจะหลับทันที ยังไงเตียงก็นอนสบายที่สุด  เทวาเห็นปฐวีร์กระโดดขึ้นเตียงได้แต่ส่ายหัว แล้วไล่ให้ไปอาบน้ำ ปฐวีร์ลุกไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย ใช้เวลาอาบน้ำทำธุระส่วนตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ใส่เสื้อยืดตัวเปื่อยกับกางเกงขายาวตัวบางออกมา

            ทางด้านยุทธจักรกับตติวัฒน์เมื่อเข้าห้องต่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนอาบน้ำก่อน เถียงกันได้สักพักก็ตัดสินกันด้วยวิธีสากล เป่ายิ้งฉุบ สุดท้ายยุทธจักรแบกความพ่ายแพ้เดินคอตกเข้าห้องน้ำ ตติวัฒน์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน แต่พอเพื่อนปิดประตูห้องน้ำลง บรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าที่นี่แปลกตั้งแต่ก่อนเข้ามา พออยู่คนเดียวรู้สึกกลัวขึ้นมา เขารีบหยิบรีโมตเปิดโทรทัศน์เป็นเพื่อน ฟังข่าวกีฬาอัปเดตตารางผลการแข่งขันฟุตบอลล่าสุด อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ อากาศในห้องก็เย็นลงจนขนทั่วตัวลุกขึ้น เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น ใจจริงอยากตะโกนเรียกเพื่อนให้รีบออกมาจากห้องน้ำแต่ก็กลัวถูกหัวเราะเยาะ ขณะเดียวกันเสียงแปลก ๆ ก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ เขาทนไม่ไหลจนต้องลุกจากเตียงเดินหาที่มาของเสียง สายตามองไปที่ระเบียงเห็นผู้หญิงสวมชุดสีขาวผมยาวยืนหันหลังให้ ตติวัฒน์เหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน เขาขยับตัวไม่ได้ ทุกอย่างเลวร้ายลงเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาส่งยิ้มให้เขา ตติวัฒน์รีบวิ่งออกจากห้องทันที

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น ปฐวีร์กำลังดูหนังเพลินขี้เกียจไปเปิดประตูทำเป็นไม่ได้ยิน แต่เสียงเคาะประตูกลับดังรัวขึ้น ดึกแล้วใครมาเคาะประตูกัน ลุกจากเตียงเดินลากเท้าไปเปิด เปิดประตูออกยังไม่ทันพูดอะไรตติวัฒน์รีบพุ่งเข้ามาในห้องทันที

“มีอะไรวะวัฒน์หน้าตาตื่นมาเชียว” เทวาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำเห็นเพื่อนพุ่งเข้ามาในห้อง

“เปล่า แค่.....”  ยังพูดไม่ทันจบก็เห็นยุทธจักรวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องอีกคน “ไอ้วัฒน์ไอ้เพื่อนเลว ทิ้งกู” เทวามองหน้าเพื่อนทั้งสองสงสัยว่ากำลังเล่นอะไรกันอยู่ ปฐวีร์ยังยืนทำหน้างงอยู่ที่หน้าประตูรุ่นพี่เล่นกำลังอะไรกัน

“ก่อนจะถามอะไร น้องวีร์ช่วยกรุณาปิดประตูห้องก่อนได้ไหมครับ” ปฐวีร์กำลังจะปิดประตูห้อง  ภฤดลกับกฤติกรณ์ก็วิ่งมาดันประตูไว้ “อย่าเพิ่งปิดให้พวกเราเข้าไปก่อน/อย่าปิด”

ทั้งสองวิ่งหอบเข้ามาในห้อง ใบหน้าซีด

“พี่ว่าอย่าเพิ่งปิดเลยเดี๋ยวไอ้วุฒิมันก็มา” ตติวัฒน์พูดไม่ทันขาดคำ

“เฮอออออ” เสียงคฑาวุธมาก่อนตัว ปฐวีร์ชะโงกหน้าออกไปดูเห็นคฑาวุธวิ่งตรงมาเหมือนกำลังหนีอะไรมาสักอย่าง “น้องวีร์ รอดตายแล้ว รีบปิดประตูเร็ว”

ทุกคนมารวมตัวในห้องเดียวกัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร “นี่พวกแกเล่นอะไรกัน ไอ้ยุทธแกกลับไปอาบน้ำให้เรียบดีกว่าไหม นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียววิ่งไปมาในโรงแรมมันดูแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ แล้วยังมีฟองยาสระผมอยู่เต็มหัวอีก” ถ้าเป็นเวลาปกติทุกคนเห็นสภาพของยุทธจักรต้องหัวเราะไม่หยุดแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่มีใครขำออก

“ดล กรณ์ เกิดอะไรขึ้น” ปฐวีร์ถามขึ้นมาบ้าง

“เอ่อ” ทั้งสองคนมองหน้ากัน สีหน้าท่าทางเหมือนกำลังลำบากใจ “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน พอดี พอดีว่าเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีขาวผมยาวยืนอยู่ที่ระเบียง...”

“แล้วก็กระโดดลงไป เฉยเลย” กฤติกรณ์รีบพูดกลัวว่าเธอจะตามมา

ทุกคนได้ฟังแล้วรู้สึกขนลุกและเบียดเข้าไปใกล้เทวามากขึ้น “พอเรามองลงไปไม่เห็นอะไร คิดว่าคงเจอเข้าให้ เลยวิ่งมาที่นี่ ”

“พวกแกล่ะ เจออะไร”

“ฉันกำลังสระผมอยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงสวมชุดขาวมายืนส่งยิ้มให้อยู่ข้างหลัง เห็นแบบนี้ใครจะไม่วิ่ง แต่พอวิ่งออกมาไอ้เพื่อนเลวมันหนีออกไปก่อน” พูดแล้วหันไปมองตติวัฒน์ยืนยิ้มแห้งอยู่ เกาแก้มหันไปทางอื่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “โชคดีที่ฉันคว้าผ้าเช็ดตัวออกมาด้วย” พูดแล้วไม่อยากนึกเลยว่าถ้ามีแขกคนอื่นเปิดประตูห้องออกมาเห็นเขาในสภาพไม่สวมอะไรวิ่งไปมาบนทางเดินไม่รู้จะเป็นยังไง แค่คิดก็เศร้าแล้ว

“แล้วแกล่ะไอ้วุธร้องซะสาวแตกเชียว”

คฑาวุธคิ้วกระตุกแต่ก็เถียงอะไรไม่ได้ในเมื่อมันเป็นความจริง “คงเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน แต่เธอห้อยหัวลงมาจากเพดานเท่านั้นเอง” ทุกคนที่ได้เจอก่อนหน้า ต่างคิดว่าพวกเขาโชคดีชะมัด

“ภรณ์ล่ะ” ปฐวีร์ถามขึ้น เขาเริ่มเป็นห่วงผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม “ดล กรณ์ พวกเราไปหาภรณ์กันเถอะ”

“น้องวีร์ พี่ว่า...” ยุทธจักรยังพูดไม่จบปฐวีร์เดินออกจากห้องไปแล้ว มีภฤดล กฤติกรณ์รีบตามไป เทวายังตามไปอีกคน  สามคนที่เหลือหันหน้ามองกันว่าจะทำยังไงดี “จะอยู่ทำไมเขาไปกันหมดแล้ว” ทั้งสามคนรีบวิ่งแข่งกันออกจากห้อง ยุทธจักรเสียเปรียบที่สุดเพราะเขาต้องคอยระวังไม่ให้ผ้าเช็ดตัวหลุด

            ปฐวีร์ตรงไปที่ห้องนภาภรณ์ ยังไปไม่ทันจะถึง นภาภรณ์ก็วิ่งตรงเข้ามาหา “วีร์ช่วยด้วย ที่นี่น่ากลัวชะมัด” เธอกอดปฐวีร์แน่น “ไม่มีอะไรแล้ว” ทุกคนเดินตามมาเห็นทั้งสองกอดกันอยู่ก็โล่งใจ แต่ก็โล่งใจได้ไม่นานเมื่ออยู่ ๆ ไฟก็ดับ เล่นเอาทุกคนตกใจกอดกันแน่น แล้วไฟสำรองก็เปิดขึ้น

“เฮ้ย นี่มันบ้าอะไรวะอยู่ ๆ ไฟก็ดับ”

“เทวา ฉันว่าพวกเรารีบกลับห้องดีกว่า ตรงนี้มันมืด”

ครืน ครืน ครืน เสียงฟ้าร้องดังแว่วมาทำให้ทุกคนเดาว่าที่ไฟดับน่าจะมาจากฝน ทุกคนเดินต่อก้นกลับห้อง  อยู่ ๆ ปฐวีร์ก็หยุดเดินแล้วมองไปอีกทาง ทุกคนเห็นปฐวีร์ยืนจ้องอยู่นานไม่พูดอะไรรู้สึกกลัวขึ้นมา เทวาเข้าไปปิดตาอีกฝ่ายไว้ กระซิบข้างหูบอกไม่มีอะไรแล้วพาเข้าห้องไป

“ไม่มีอะไรแล้วพวกแกกลับห้องไปได้แล้ว” เทวาไล่ทุกคนกลับห้องไปพักผ่อน

ทุกคนหันไปมองเทวาที่บอกมาได้ว่าไม่มีอะไร ตากี่คู่บอกว่าเห็นผู้หญิงชุดขาว “ฉันไม่กลับ” ยุทธจักรเดินออกจากห้องน้ำปฏิเสธเสียงแข็ง

“นอนยังไงห้องมีเตียงเดียว”

“ฉันนอนโซฟา”

“พวกผมนอนพื้นก็ได้” เทวาเห็นว่าไล่ยังไงก็คงไม่กลับ จึงบอกให้ทุกคนกลับไปเอาของที่ห้องแล้วกลับมานอนที่นี่ ทุกคนตกลงรีบกลับไปขนของที่ห้องลากผ้าห่มหมอนติดมือมาด้วย ทุกคนตกลงกันว่าเตียงเสียสละให้นภาภรณ์ ที่เหลือนอนพื้นกับโซฟา

            สายฝนโปรยปรายมาตลอดทั้งคืนทำให้อากาศในห้องเย็นจนหนาวปฐวีร์ขยับเข้ากอดคนนอนข้าง ๆ ไม่รู้ตัว เพราะผ้าห่มถูกใช้ปูแทนที่นอนไปแล้ว เทวาลืมตาขึ้น มองคนกำลังหลับสบาย ร่างกายของเขากำลังถูกอีกฝ่ายกระตุ้น มันกำลังตื่นตัว สายตาที่ชินกับความมืดสลัวในห้องมองเห็นริมฝีปากที่เผยออกเล็กน้อย จมูกได้กลิ่นหอมจากอีกฝ่าย มันช่วยกระตุ้นอารมณ์ส่วนนั้นและริมฝีปากมันเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทำให้เขาอยากลองสัมผัสมัน เขาฉวยโอกาสจูบลงริมฝีปากบาง มันรู้สึกดีกว่าที่คิด ปากผู้ชายด้วยกันใครจะไปคิดว่ามันจะนุ่มลื่นน่าจูบอย่างนี้ เทวาเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ชั่วคราว เขาดูดเลียริมฝีปากบางสอดปลายลิ้นเข้าไปเพียงเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นร่างกายตื่นตัวมากกว่าเดิม ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิดเทวารีบควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ จ้องมองตัวอันตรายที่กระตุ้นอารมณ์เขาจนแทบควบคุมไม่ได้ เมื่อครู่ไม่รู้เขาทำบ้าอะไรลงไป

สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้จึงรีบเข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเอง ปฐวีร์ควานหาความอุ่น หาไม่เจอเขาลืมตาลุกขึ้นมองรอบห้องทุกคนยังนอนอยู่ที่เดิม เห็นเทวาเดินออกมาจากห้องน้ำ กลับมานอนแล้วเปิดปากถามเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน

“เมื่อคืนเห็นอะไร”

“ก่อนจะเข้ามาในห้อง ผมเห็นผู้หญิงเหมือนที่ดลเล่า” ปฐวีร์ยืนจ้องอยู่นานเพราะไม่แน่ใจว่าที่เห็นเป็นคนรึเปล่า แต่ไม่มีใครเห็นแสดงว่าเธอไม่ใช่คน คงเป็นสายตาที่ดีกว่าปกติทำให้มองเห็นผู้หญิงคนนั้น

ยุทธจักรนอนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินทั้งสองคุยกัน เขาเหมือนถูกปลุกจากฝันดี รีบตื่นขึ้นมา มองปฐวีร์อย่างไม่เข้าใจ “เฮ้ย เทวาฉันว่าพวกเราออกจากที่นี่เถอะ นี่ก็ตี 4 แล้วลุงคนขับรถคงได้นอนพักผ่อนแล้ว”

“อืม” เขาเองก็คิดว่าดีเหมือนกันนอนบนพื้นอย่างไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ “ปลุกทุกคนเถอะ”

            ยุทธจักรรีบปลุกทุกคน ทุกคนงัวเงียตื่นได้ยินว่าจะออกเดินทางต่อ ต่างรีบเก็บของให้เรียบร้อย เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนยังจำฝังใจ

            รถตู้เลี้ยวออกจากโรงแรมยุทธจักรยังหันกลับไปมองว่าไม่มีอะไรตามมา ออกมาจากที่นั่นได้ทุกคนก็หลับสบายไม่ต้องกลัวว่าจะเจอกับผู้หญิงคนนั้นอีก



**********************************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป
 

           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2018 18:49:08 โดย jaengsRU »

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: **** /// ...change!.... //// *** ตอนที่ 16 [29/09/61]
«ตอบ #29 เมื่อ29-09-2018 21:46:50 »

มีผีด้วย omg น่ากลัววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด