Begin Again
เขาเล่ากันว่า คนที่เป็นเนื้อคู่เรามักจะอยู่ในวงโคจรเดียวกัน 7 ชั้น ผมไม่ค่อยเข้าใจมันนัก แต่น้องสาวผมมักจะเล่าเรื่องทำนองนี้ให้ฟังประจำ เธอบอกว่า ผมอาจจะเคยเดินสวนกันกับเขาที่ห้าง อาจจะเจอกันตอนที่พาหมาไปเดินเล่น เขาอาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เป็นคุณหมอที่เคยรักษาคนในครอบครัว
“เฮียภัทร”
“ว่าไง” ผมถามน้องสาวที่กำลังจัดดอกไม้ลงบนแจกัน ส่วนตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล ผมเกิดอุบัติเหตุขับรถชนไหล่ทางเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเพราะหลับใน โชคดีที่นอกจากผมแล้วไม่มีใครเป็นอะไร
“หนูขอโทษ”
ผมยิ้มให้น้องสาวที่คอยดูแลมาเกือบเดือนโดนไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย นี่เป็นหนึ่งอย่างที่แม่ผมพูดถูก แม่เคยบอกผมว่าไม่มีใครรักเราเท่ากับคนในครอบครัว
“เรื่องอะไร” ผมมองหน้าน้องสาวที่ปีนี้เรียนจบแล้ว อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิง ที่บ้านถึงไม่ได้คาดหวังและกดดันอะไรมากนัก
“ตอนนั้น...หนูช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ผมส่ายหน้า ผมคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดอะไรของเธอเลย
“ไม่เป็นไร”
ผมยังจำเรื่องเมื่อก่อนได้แม่น เด็กถักเปียที่แม่บังคับให้ไปตามพี่ชายกลับบ้าน หรือไม่ก็โดนลากไปหากันต์เป็นเพื่อนแม่หลายต่อหลายครั้ง เด็กที่ไม่อยากยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องมารับรู้เรื่องที่ไม่ควรจะรู้
“วันก่อนหนูเจอพี่เขา”
ผมมองหน้าเธอ
“กันต์เหรอ”
“พี่เขายิ้มให้เหมือนเมื่อก่อนเลย” น้องสาวผมแอบเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่าไม่ว่าจะเมื่อไหร่ที่เจอกันต์ เขาจะหันมายิ้มให้อยู่ตลอด ยิ้มให้แม้กระทั่งตอนที่โดนแม่ผมพูดไม่ดีใส่
“ถ้าตอนนั้นหนูช่วยเฮีย ถ้าหนูห้ามแม่ได้...”
ผมส่ายหน้า
“ไม่มีใครผิดหรอก พี่เองที่ผิด” ผิดเองที่ผมรักษาเขาไว้ไม่ได้
“หนูบอกพี่เขาไปว่าเฮียเกิดอุบัติเหตุ พี่เขาอยากมาเยี่ยม แต่มาไม่ได้”
“พี่เข้าใจ” ผมยิ้มให้น้องสาวบ้าง
ตอนเด็กๆเราไม่ค่อยได้คุยกันนักเท่าไหร่ แต่พอโตขึ้นผมที่เหมือนผู้ใหญ่มีปัญหาก็มีน้องสาวที่คอยช่วยอยู่ห่างๆ ช่วยฟังบ้าง ช่วยปลอบบ้าง
“พี่เขาฝากนี่มา”
น้องสาวผมถือกล่องขนมไว้ในมือ มันเป็นขนมที่กันต์ชอบกินแต่ผมไม่ชอบเพราะมันหวานเกินไปแต่ก็ต้องบอกว่าตัวเองชอบ เพื่อที่เวลาซื้อผมจะได้บอกให้เขาหยิบเยอะๆเผื่อผมด้วย ผมมองมันแล้วก็ยิ้มให้ตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ายิ้มให้น้องสาวด้วย
“ขอบใจ”
“เฮียภัทร ทิชชู่”
ผมปาดน้ำตาลวกๆพร้อมกับบอกเธอ
“พี่ไม่เป็นไร”
“เป็นยังไงบ้างครับ แผลหายตึงหรือยัง”
ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาเก้าโมงเช้าพอดี เป็นเวลาตรวจประจำของหมอ เขาขอดูแขนผมที่กระดูกแตกและผ่าตัดเสร็จไปตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรงพยาบาล
“ก็ดีครับ”
“งั้นบ่ายพรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะครับ”
ผมมองหน้าคุณหมอ ก่อนจะไหว้ขอบคุณเขา ถึงจะรู้ว่าเขาอายุน้อยกว่าผมก็ตาม
“ขอบคุณครับ”
หลังจากเลิกกับภรรยาเก่า แม่ก็โกรธผมอย่างที่คิดไว้ ส่วนตัวผมก็อยู่บ้านหลังเดิมหลังจากที่ภรรยาผมย้ายกลับไปที่บ้านเก่าเธอ บ้านเราดูระส่ำระสายในช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งผู้ใหญ่คุยกันถึงได้เห็นว่ามันเป็นปัญหาของผมกับแพรซึ่งถือว่าเป็นเด็ก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับธุรกิจ ทางบ้านผมถึงดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนผมเองตอนเลิกกับภรรยาเก่าคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ผมคิดผิด ตอนที่ไม่มีใครผมยิ่งแย่ ผมดื่มเหล้าให้หลับ และตื่นมาทำงานเหมือนคนบ้า ทำอยู่อย่างนั้นหลายเดือนจนในที่สุดร่างกายก็พัง
ถึงได้เกิดอุบัติเหตุแบบนั้น
ตอนที่รถอัดเข้ากับขอบสะพานผมคิดถึงหน้าแม่ที่กำลังร้องไห้ นึกถึงพ่อในตอนที่กำลังเสียใจ นึกถึงเจ้าหลงที่บ้าน นึกถึงรอยยิ้มและน้ำตาของเขาที่บอกว่าอยากให้ผมมีความสุข ผมเป็นคนขี้ยึดติด ผมรักกันต์มันมาก แต่มันก็เป็นแค่อดีตที่สวยงาม เพราะลองคิดว่าถ้าตอนนี้ยังคบกันอยู่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน
ผมเคยถามกันต์ว่า ถ้าผมยังจับมือเขาอยู่ ตอนนี้เราจะเป็นยังไง
กันต์ยิ้มจนเห็นลักยิ้มตรงข้ามแก้ม เขาสบตาผมก่อนจะบอกออกมาด้วยเสียงเบาบางว่า
...ผมน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าเขาคงไม่ไปไหน...
ผมขอบคุณเขานะ ขอบคุณที่ตอนนั้นเขารักผมมากกว่าที่ผมคิดเสียอีก เป็นผมเองที่รักษามันไม่ได้ พอนึกได้ก็เสียดายหลายๆอย่าง ผมอยากพาเขาไปเที่ยวที่ไกลๆ ผมจะถอดถุงเท้าก่อนขึ้นไปนอนบนเตียง จะไม่ขับรถเร็ว จะไม่คอยแต่ถามคำถามทำร้ายจิตใจเขาว่ากันต์รักผมหรือเปล่า ทั้งๆที่ตอนนั้นแค่มองตาเขา...ผมก็รู้แล้ว
ผมยิ้มให้เขาบ้างก่อนจะบอกลาความรู้สึกในอดีต ให้มันกรุ่นอยู่ณ.เวลานั้น ส่วนในตอนนี้ ผมจะเดินไปข้างหน้า เผื่อว่าครั้งหน้าถ้าเราเจอกัน ผมจะได้ยิ้มให้เขาบ้าง
“ขอโทษครับ พอดีเจ้าหลงมันซน”
ผมบอกเจ้าของบ้านในซอยถัดจากบ้านตัวเอง อยู่ๆเจ้าหลงที่กำลังเดินเล่นอยู่ก็วิ่งเข้าไปบ้านที่เปิดประตูรั้วทิ้งไว้ แถมวิ่งเข้าไปขุดสนามหญ้าที่เขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ด้วย
“ไม่เป็นไรครับ”
คนที่กำลังถือสายยางเดินไปปิดน้ำก่อนจะเดินมาหาหมาแก่ตัวใหญ่
“ชื่อหลงเหรอเรา” หมาตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นก่อนจะร้องทักทาย หลงมันกระโดดเกาะแล้วเลียมือเจ้าของบ้านเหมือนรู้จักกันมาก่อน
“หลง อย่าเลียมือของคุณเขา” ผมปราม อดไม่ได้ที่จะมองไปทั่วบ้านเดี่ยวหลังสวยที่ร่มรื่น ต่างจากบ้านผมที่แทบไม่มีต้นไม้เลย สุดท้ายแล้วก็มองมายังเจ้าของบ้าน ผมมองแว่นกลมของเขาแล้วรู้สึกเหมือนกับว่า
“เราเคยเจอกันที่ไหนไหมครับ”
เขายิ้มกว้างให้ ก่อนจะตอบ
“ไม่น่าจะเคยนะครับ”
“หลง ไปไหนมา!” ผมที่ตามหาหมาตั้งแต่หกโมงเย็นจนเกือบสามทุ่มมองหมาตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งกลับบ้านมาพร้อมกับใครบางคน
“ขอโทษครับ คือแกเข้าไปเล่นที่บ้านผม”
“อีกแล้ว ปกติหลงมันไม่ค่อยสนิทกับคนอื่นนะครับ” ผมว่าเพราะเพื่อนผมมาบ้านแต่ละทีก็ไม่เห็นว่าเจ้าหลงมันจะสนใจ เห่าขู่ยังมีเลย
“ผมเป็นสัตวแพทย์ครับ เลยเคยชินมั้ง” เขาว่าก่อนจะนั่งลงลูบหัวหมาตัวใหญ่
“เนอะหลง” มือสวยขยี้ขนเจ้าหลงไปมา
“โฮ่ง”
“เจ้านี่มันเคยผ่าตัดครับ อาจจะติดมือหมอ” ผมว่าพลางขำเมื่อเห็นว่าหมาแก่ดูชอบใจคุณหมอ หมอดูตกใจ เขาเงยหน้ามองผมก่อนจะถาม
“เป็นอะไรครับ”
“กระเพาะอักเสบ” ผมว่าก่อนจะนั่งลงลูบขนมันบ้าง
“หลงไปบ้านผมตั้งแต่เย็น แต่ผมไม่ได้ให้กินอะไรนะครับ” เขาว่า ผมพยักหน้ารับ
“ทำไมอยู่ๆถึงไปบ้านคุณหมอได้ ติดใจอะไร” ผมถามหมาแก่ตัวใหญ่ หลงเลียมือผมก่อนจะเอาหัวเข้ามาถูอยากให้ลูบให้
“ผมชื่อไนน์นะครับ” เขายิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเป็นนัยย์ว่าเขาเองจะกลับบ้านแล้ว
“ผมชื่อภัทรครับ”
“อีกแล้วเหรอหลง”
ผมที่กลับบ้านมาไม่เจอหมาตัวเองเดินลัดมาอีกซอยเพื่อพบว่าหลงเล่นกับหมอไนน์อยู่ หมอเล่าว่าเขาทำงานที่คลินิกไม่ไกล เลิกสี่โมงเย็นก็กลับบ้านเลย บางทีหลงมันคงจะเหงาเพราะบางวันผมก็อยู่ทำงานจนดึก
“ทำไมวันนี้กลับเร็วครับ” หมอถาม ในมือเขามีน้ำอัดลมขวดเล็กที่ผมเห็นว่าเขาชอบดื่มมันอยู่ประจำ และเพราะช่วงหลังเจอกันบ่อยถึงได้รู้ว่าเขาอยู่คนเดียว พ่อแม่อยู่ที่ต่างจังหวัด
“วันนี้งานไม่เยอะครับ” ผมตอบก่อนจะก้มลงขอมือเจ้าหลงเพื่อบอกสวัสดี อาจจะเพราะมีหน้าที่ที่ต้องมารับหมาก่อนทำอย่างอื่น ทำให้ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่กลับมาบ้านแล้วเลิกฟุ้งซ่านหรือดื่มเหล้าเหมือนอย่างที่เคยทำ
“หมอไนน์ เห็นหลงไหม”
“อยู่หลังบ้านกับดำครับ”
ผมเอียงคอมองหน้าคนที่กำลังยิ้มกว้างให้ด้วยความสงสัย พอเดินไปที่สนามหญ้าหลังบ้านก็เห็นเจ้าหลงกับลูกหมาตัวสีดำที่มีแค่สามขาเล่นกันอยู่
“พอดีดำโดนรถชนครับ ต้องตัดขา มีคนเอามาส่งแต่ก็ไม่ได้เอากลับไปเลี้ยง ผมสงสารมัน” เขาว่าพร้อมกับมองไปยังลูกหมาที่ดูแล้วยังไม่ถึงสี่เดือน ขาหน้าที่หายไปข้างหนึ่งไม่ได้เป็นอุปสรรคให้ซนไม่ได้
“เดี๋ยวผมช่วยเลี้ยงก็ได้” ผมว่า แต่คงลืมไปว่าเขาเป็นหมอหมา
“คุณภัทรกำลังสอนจระเข้ว่ายน้ำอยู่นะครับ” เขาว่าพร้อมกับขำ ท่าทางอารมณ์ดีเพราะรอยยิ้มสวย
“แต่เก่งนะครับ ตัวนิดเดียวพอหายดีแล้วก็วิ่งได้ขนาดนี้” หมอว่า ผมยืนมองหมาสองตัวที่ตอนนี้วิ่งเล่นบอลกันเหมือนเด็กอนุบาล หลงเองก็ดูชอบใจมากที่จะมีเพื่อน
“แล้วคราวนี้หลงจะยอมกลับบ้านกับผมไหม” ผมว่าพลางขำ ปกติถ้าไม่ล่อด้วยอาหารก็เหมือนจะไม่อยากกลับอยู่แล้วเพราะเล่นกับหมอสนุกกว่า มีสนามหญ้าให้วิ่งเล่น มีของเล่น มีคนเล่นด้วยและล่าสุดก็มีเพื่อนตัวแสบเหมือนกัน
“หลง กลับบ้านก่อนเร็ว พ่อแม่รอกินข้าวแล้ว” หมอว่าพลางเดินเข้าไปเรียก หลงกระโดดเลียมือหมอก่อนจะวิ่งเข้ามาหาผม ผมหยิบสายจูงที่เอามาจากบ้านใส่ลงที่คอหมาตัวใหญ่ ก่อนจะหันไปบอกลาเพื่อนบ้าน
“ขอบคุณนะครับหมอ”
“เดี๋ยว แป๊บนึงนะครับ” หมอไนน์ว่าก่อนจะเดินเข้าบ้านไปหยิบกล่องอะไรสักอย่าง พอเขายื่นให้ถึงเห็นว่าเป็นช็อกโกแลตยี่ห้อคุ้นตา แบบที่กันต์ชอบกินนั่นเอง
“ผมซื้อมาเยอะมากเลยครับ มันลดพอดี อร่อยด้วย”
ผมมองหน้าคนที่ยื่นมาให้ ก่อนจะยิ้มให้เขาบ้าง
“ผมไม่ค่อยชอบของหวานครับ ขอโทษนะหมอ” ผมบอกเขาตามจริง อยากให้เขาเก็บไว้กินเองมากกว่า
“เอาไปฝากแฟนคุณภัทรก็ได้ครับ” เขาว่ายิ้มๆ แต่เป็นผมที่สงสัย
“แฟนผมคนไหน”
หมอทำหน้าตกใจ เขาคิดอยู่หน่อยก่อนจะบอก
“ถ้าจำไม่ผิด เหมือนผมเคยเจอคุณภัทรกับแฟนที่ร้านอาหารหน้าหมู่บ้านนะครับ แต่หลายเดือนแล้ว ผมอาจจะเบลอๆ” หมอว่า ผมส่ายหน้าให้เขา
“ภรรยาเก่าครับ เลิกกันแล้ว”
มือที่ถือกล่องขนมของหมอชักกลับไปที่เดิม เขาหุบยิ้มสวยก่อนจะขอโทษผมทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย
“ขอโทษนะพี่ไนน์ ผมเลิกดึก” ผมบอกในตอนที่เจ้าของบ้านเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ในตอนเกือบสี่ทุ่ม เพราะสนิทกันไปสักพักถึงได้รู้ว่าเขาแก่กว่าผมอยู่สองปี ผมในวัย 29 ล้อเขาประจำเรื่องที่เจ้าตัวเข้าวัยเลข 3 ไปแล้ว
“หลงอยู่ในบ้านกับดำ เข้ามาก่อนไหม หรือจะให้พี่ไปจูงมา”
“เดี๋ยวไปเองดีกว่าครับ” ผมว่าก่อนจะเดินตามเจ้าของบ้านไป วันนี้พี่ไนน์สวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดหลวมโพรกเหมือนเตรียมตัวที่จะนอนแล้ว ผมที่ไม่เคยเห็นเขาในชุดแบบนี้มาก่อนก็ได้รู้ว่าเขาตัวเล็กกว่าผมมาก แล้วยิ่งไม่เซ็ทผมแบบนี้ยิ่งทำให้เด็กลงไปอีก
ผมเดินเข้ามาในบ้านเขาเป็นครั้งแรก เห็นว่าเป็นระเบียบกว่าที่คิด เพราะบ้านผมที่เป็นผู้ชายคนเดียวมันรกยิ่งกว่านี้ ถ้าไม่มีแม่มาคอยดู คอยให้เด็กมาทำให้ คงเละไปถึงไหนต่อไหน
“หลง”
พอได้ยินเสียงผมหมาแก่ก็เดินออกมาจากพรมตรงโซฟา แต่ก็อิดออดเหมือนไม่ค่อยอยากจะกลับบ้าน แต่ผมเข้าใจหลงนะ บ้านผมมันเหงาๆพิกล อยู่ที่นี่คงสนุกกว่า
“กินอะไรมายัง พี่ทำกับข้าวไว้เต็มเลย”
“เหลือเหรอพี่” ผมแกล้งถามเขา
“อืม ไม่ค่อยอร่อยเลยเหลือไว้ให้ภัทร” เขาว่าพร้อมกับยู่หน้า ส่วนผมก็ขำ ยิ่งนานวันเรายิ่งสนิทกันมากขึ้น ผมที่ตั้งแต่เริ่มทำงานแล้วเพื่อนเก่าๆก็ต่างไม่มีเวลารู้สึกเหมือนได้เพื่อนและพี่ชายคนใหม่ที่ดีมาอีกคน
“จริงๆก็หิวครับ”
เจ้าของบ้านมองหน้าผม ก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ผมเดินตามเพราะรู้ว่าเขาคงเข้าไปดูกับข้าวให้
“มีต้มยำกุ้งกับผัดพริกนะ”
ผมมองกับข้าวที่ดูยังไงก็เผ็ด ผมกินเผ็ดไม่ค่อยได้ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธน้ำใจเขายังไงดี ผมไม่อยากให้เขาต้องเสียความรู้สึกอีก
“แต่พี่ว่าภัทรไม่น่าจะกินได้ เดี๋ยวเจียวไข่ใส่หมูสับได้ไหม”
ผมรีบปฏิเสธทันที
“ผมกินได้ ไม่เป็นไร”
หมอไนน์ยิ้มๆก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็น
“อะไรที่ไม่สบายตัวเองก็อย่าฝืน พูดออกมาเลย” เขาว่าก่อนจะหยิบไข่มาตอก
“ผมเกรงใจ”
“ไม่เป็นไร ดำก็ไปกินข้าวบ้านนั้นบ่อย”
ผมขำ
“นี่จะบอกว่าตอบแทนอาหารหมาใช่ไหมพี่” เจ้าของบ้านหัวเราะเสียงดัง ดูภูมิใจที่หลอกด่าผมได้
“ขออีกตาพี่” ผมต่อรองเจ้าของบ้าน เรานั่งเล่นเกมส์วินนิ่งมาตั้งแต่สองทุ่มจนตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว เราเล่นเสมอกันแค่ตาเดียว ที่เหลือพี่ไนน์ชนะหมดทุกรอบ ผมรู้สึกว่ายอมไม่ได้
“กี่ตาก็แพ้ป่ะวะ” เขาว่าก่อนจะยักไหล่ให้
“รอบสุดท้ายพี่” ถึงผมจะว่าแบบนั้น สุดท้ายก็แพ้อยู่ดี แพ้ด้วยคะแนน 0-5 ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ถามจริง พี่แม่งจะเทพไปไหน หมอก็เป็นแล้ว”
“หมอหมา” เขาตอบแทน
“ก็ใช่ ทำกับข้าวก็เป็น บ้านก็หลังใหญ่ รถก็สวย เสียอย่างเดียวแก่แล้วไหนล่ะเมีย” ผมบ่นแล้วแกล้งเขาอย่างเคย พี่ไนน์ปกติจะขำบ้างด่าผมกลับบ้าง วันนี้เขากลับบิดขี้เกียจก่อนจะหันมาถาม
“เอาจริงไหม”
ผมมองสายตานิ่งใต้กรอบแว่น ปกติตาดวงนั้นจะยิ้มอยู่เสมอ
“พี่ชอบผู้ชาย หายากอยู่นะ คนที่จะมาใช้ชีวิตเรียบๆอยู่ด้วยกัน”
ผมที่ไม่คิดมาก่อนมองหน้าเขา
“ไม่เห็นพี่จะเคยบอก” ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะผมดูไม่ออก เขาไม่เหมือนคนรู้จักหลายๆคนที่เป็น หรือแม้แต่กันต์ก็ยังมีบรรยากาศบางอย่างที่ทำให้รู้สึกได้
“ก็กลัวภัทรจะกลัว” ผมมองคนที่ลุกขึ้นปิดทีวีกับเครื่องเล่นเกมส์
“ผมจะกลัวทำไม”
“ไม่รู้สิ เพื่อนหลายคนพอรู้ว่าพี่เป็นก็คบต่อไม่ได้ มันไม่สนิทใจมั้ง”
ใบหน้าที่เคยยิ้มของเขานิ่งเรียบลงไป ถึงจะยิ้มก็เป็นยิ้มที่ค่อนข้างเศร้า ผมนึกถึงข้าวเย็นวันนี้ที่พี่ไนน์ทำแต่ของโปรดผมเพราะผมกินเผ็ดไม่ค่อยได้ นึกถึงขนมและของฝากที่เขาซื้อมาให้บ่อยๆ นึกถึงแผ่นแปะแก้ปวดวันก่อนที่พี่ไนน์แปะให้ตอนที่เห็นว่าผมปวดหลัง
ผมหลุบตามองพื้นด้วยความเงียบและความรู้สึกหลายอย่างที่ยังพูดไม่ออก
“ถ้ากลับฝากล็อกประตูด้วยนะ” เขาว่า ผมมองคนที่หลบตากัน เขาหันไปลูบหัวเจ้าหลงก่อนจะเดินไปหาลูกชายของตัวเอง
“ดำ ขึ้นไปนอนกัน”
“พี่ไนน์” ผมทักคนที่กำลังเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแถวบ้านหลังจากเลิกงาน หมอไนน์มากับผู้ชายตัวสูงอีกคนดูท่าทางสนิทกันเกินเพื่อน เขาหันมาหาผมก่อนจะทักกันบ้าง
“อ้าว ภัทรมาทำอะไร”
“ซื้อของครับ พี่มาทำอะไร”
“ซื้อของเข้าบ้านเหมือนกัน”
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับเขาเป็นเดือนแล้ว เพราะเลิกดึกด้วย เวลาไปรับหลงก็ไม่กล้าอยู่กวนเจ้าของบ้านด้วย แต่สุดท้ายแล้วเหตุผลมันก็เป็นเพราะวันนั้น วันที่เรานั่งเล่นเกมส์ด้วยกันจนดึก
“ดินต้องไปเข้าเวรแล้ว เดี๋ยวเราซื้อของต่อนะ”
ผมมองเพื่อนบ้าน เขาหันไปคุยกับคนที่มาด้วย ผมมองหน้าคนชื่อดิน แล้วเหมือนจะคิดอะไรออก
“ใช่หมอคนที่ผ่าตัดให้หลงหรือเปล่าครับ”
อีกคนทำหน้าตกใจ
“เคสไหน ใช่ลาบาดอร์ที่แก่แต่แข็งแรงมากใช่ไหม” หมอของเจ้าหลงว่า เขาดูตื่นเต้นพอๆกับที่ผมตื่นเต้น
“รู้จักกันด้วยเหรอ” พี่ไนน์ถาม
“เขาเคยพาหมามารักษาที่คลินิกดิน”
ผมคุยกับหมอดินเรื่องเจ้าหลงอยู่สักพัก ก่อนที่เราจะแลกนามบัตรกัน สุดท้ายแล้วหมอดินก็ต้องรีบไปเข้าเวรบ่ายของคลินิกรักษาสัตว์ 24 ชั่วโมง แต่ก่อนไปเขาก็มิวายหันมาหาอีกคน
“ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกนะ”
หมอไนน์พยักหน้ารับ ก่อนจะบอกเขาบ้าง
“ขับรถดีๆนะ ขอบคุณที่มาส่ง”
ผมมองรอยยิ้มของเขาแล้วลอบถอนหายใจ ผมกับพี่ไนน์เคยมาซื้อของด้วยกันสองถึงสามครั้งในวันหยุด เพราะฉะนั้นถึงรู้ว่าเขาจะเดินไปที่ซุปเปอร์ตรงไหน
“หมอดิน แฟนเหรอพี่” ผมถามในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พี่ไนน์เดินเข้าไปหยิบผงซักฟอกในชั้นวางลงรถเข็นก่อนจะตอบ
“ไม่ใช่ครับ เพื่อนของเพื่อน”
ผมที่หาเนื้อความจากคำตอบนั้นไม่ได้ถามเขาอีกรอบ
“เขาจีบพี่เหรอ”
ผมกะจะแซวให้เขาหันมาด่า แต่กลับได้ใบหูแดงๆกลับมาเป็นคำตอบ...มันทำให้ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก
“หลงกินรสไหนนะ” หมอไนน์ชี้ไปที่ชั้นวางอาหารเม็ด
“ผักกับตับครับ” ผมมองแผ่นหลังที่คุ้นตากำลังยืดขึ้นหยิบถุงอาหารของหมาตัวใหญ่แล้วเรียกเขาไว้
“พี่ไนน์”
“อันนี้ ไม่ถูกเหรอ” เขาถาม ในมือมีถุงอาหารยี่ห้อของเจ้าหลง
ผมใช้เวลาคิดเรื่องของเพื่อนบ้านมาเกือบเดือน ผมคิดว่าตัวเองน่าจะแค่เสียดายความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับพี่เขาแต่ความคิดก็เปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นเขากับหมอดินอยู่ด้วยกัน ผมว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกันเลย
ผมคงเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่นและผมเองก็หวงพื้นที่ของตัวเองเหลือเกิน แต่ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่สิ่งของ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะดีใจไปกับเขาที่จะได้มีแฟน นั่นหมายความว่าผมจะมีเพื่อนเพิ่มมาอีกคน
แต่ยิ้มของเขา...ผมไม่อยากให้คนอื่นเห็นเลย
“ของดำต้องอีกถุง” หมอไนน์ว่า เขาพยายามยืดตัวขึ้นให้หยิบอาหารเม็ดอีกถุงได้ถนัดมือ แต่ก็ไม่ทันคนที่สูงกว่าแบบผม ผมหยิบมันให้พร้อมกับวางที่มือเขา
“พี่”
“ว่าไง”
“เย็นนี้ ผมไปกินข้าวด้วยได้ไหม”
ผมเห็นเขามีสีหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มบางๆให้อย่างเคย
“เอาสิ ภัทรชอบคาโบนาร่า เดี่ยวไปซื้อเส้นกัน ที่บ้านหมดแล้ว” เขาว่าง่ายๆก่อนจะเข็นรถเข็นออกจากตรงนั้น ผมเอื้อมมือไปแตะข้อมือเขาไว้ เจ้าของตาสองชั้นสวยหันมามองผมเหมือนรอให้พูด ผมมองของใช้ในรถเข็นที่แบ่งเป็นสองฝั่งอย่างเคย ของผมข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นของพี่ไนน์
“ถ้าผมจะจีบพี่บ้าง...ได้ไหม”
TBC.